Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู_ภูมิศาสตร์_ม.4-6

คู่มือครู_ภูมิศาสตร์_ม.4-6

Published by phrapradisth, 2019-12-03 04:40:31

Description: คู่มือครูกลุุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิชาภูมิศาสตร์ ม.4-6

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครใู หนักเรยี นอกี กลุมอธิบายความรเู กยี่ วกับ 12. ควรวางส่ิงของไว้ในที่ต�่า เพราะอาจจะตกหลน่ แตกหักเสียหายได้ การระวังภยั จากวาตภัย โดยอธบิ ายรายละเอียดหรือ 13. บรรดาเรือ แพ ให้ลงสมอยดึ ตรึงใหม้ ่นั คงแข็งแรง ยกตวั อยางประกอบ จากคําและขอความตอ ไปนี้ 14. ถ้ามีรถยนตห์ รอื พาหนะควรเตรียมไวใ้ หพ้ ร้อม ภายหลงั พายสุ งบอาจตอ้ งน�าผ้ปู ว่ ยไปส่ง • เครอ่ื งเวชภณั ฑ โรงพยาบาล และควรเตมิ น�า้ มนั ใหเ้ ต็มถังอย่ตู ลอดเวลา • การจัดวางสง่ิ ของ 15. เม่ือลมสงบแลว้ ต้องรออยา่ งน้อย 3 ช่วั โมง ถ้าพน้ ระยะน้ีแล้วไมม่ ลี มแรงเกิดข้นึ อกี จึง • การตดิ ตามขา วสาร • ไมยืนตน ขนาดใหญ จะวางใจไดว้ า่ พายุไดผ้ ่านพน้ ไปแลว้ ท้ังน้เี พราะเมือ่ ศนู ยก์ ลางพายุผ่านไปแลว้ จะตอ้ งมี • เสาไฟฟา ลมแรงและฝนตกหนักผ่านมาอกี ประมาณ 2 ชั่วโมง • การหลบภยั • การตรงึ เรือและแพ หลงั เกิดวาตภัย ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ • การเตรียมยานพาหนะ • การดูแลผปู วย 1. เม่ือมีผู้บาดเจ็บให้รีบช่วยเหลือและน�าส่งโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงให้ • การชวยเหลอื ผไู ดรบั บาดเจ็บ เร็วทสี่ ดุ • ภัยจากกระแสไฟฟา 2. ให้รบี จัดการโค่นต้นไม้ทใ่ี กลจ้ ะลม้ ลงเสีย • การควบคมุ โรคตดิ ตอ 3. ถ้ามีเสาไฟฟ้าล้มหรือสายไฟขาด อย่าเข้าใกล้หรือแตะต้องโลหะที่เป็นสื่อน�าไฟฟ้าเป็น • การกําจัดพาหะนําโรค อนั ขาด ให้ทา� เครื่องหมายแสดงอนั ตรายเอาไว้ แลว้ รีบแจง้ ใหเ้ จา้ หน้าทีห่ รอื ช่างไฟฟ้า จากนนั้ ครูและนกั เรียนชวยกนั สรปุ ความรู จัดการโดยดว่ น เกย่ี วกบั การระวังภยั จากวาตภยั เพ่อื ใหเ กิดความ 4. เมื่อปรากฏว่าท่อประปาแตกที่ใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาแก้ไขโดยด่วน อย1่าเพิ่งใช้น้�า เขาใจทถ่ี กู ตอ งตรงกัน นกั เรียนบนั ทึกสาระสําคญั ลง ประปา เพราะนา้� อาจไมบ่ รสิ ทุ ธเิ์ นอ่ื งจากทอ่ แตกหรอื นา้� ทว่ ม ถา้ ใชน้ า้� ประปาขณะนน้ั ดมื่ ในสมุด อาจจะเกิดโรคได้ ใหใ้ ชน้ า้� ทก่ี กั ตนุ กอ่ นเกิดเหตุดืม่ แทน 5. ดา� เนนิ การแกป้ ญั หาทางดา้ นสาธารณสขุ ทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ได้ เชน่ การควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ท2อี่ าจ เกดิ การระบาดได้ การท�าน้า� ให้สะอาดโดยใชส้ ารส้มและใช้ปนู คลอรนี การกา� จดั อจุ จาระ โดยใช้ปูนขาวหรือน�้ายาไลโซลร้อยละ 5 ก�าจัดกลิ่นและฆ่าเช้ือโรค ก�าจัดพาหะน�าโรค เชน่ ยุง แมลงวัน เป็นตน้ การเตรยี มยารักษาโรคตา่ ง ๆ ท่มี กั เกิดหลงั วาตภยั เช่น โรค ระบบทางเดินหายใจ โรคตดิ เช้ือ ปรสิต โรคผิวหนงั โรคระบบทางเดนิ อาหาร โรคภาวะ ทางจิต เป็นต้น 92 นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เพราะเหตใุ ดเมอื่ พายสุ งบแลว จงึ ควรรอเวลาอีกอยางนอ ย 3 ช่วั โมง 1 นา้ํ ประปา อาจไมส ะอาดพอสําหรับการอปุ โภคบรโิ ภคในขณะเกดิ ภยั ทาง กอนการเดินทางหรอื แกไ ขปญหาทเี่ กดิ จากพายุ ธรรมชาติ เนอื่ งจากทอสงนํ้าประปาอาจแตก หรือเกิดการปะปนของส่งิ สกปรก 1. มกั มีลมแรงและฝนตกหนักอกี เมื่อศูนยกลางพายุพดั ผา น หรือสารเคมใี นรูปแบบตา งๆ จึงควรบาํ บดั น้ําใหสะอาดกอ นใชทําความสะอาด 2. วางแผนการเดนิ ทางเพอ่ื ความปลอดภัยจากซากปรักหกั พัง ขา วของเคร่อื งใชต ามขนั้ ตอน ดงั นี้ การเลือกน้ําจากแหลง ทีม่ โี อกาสปนเปอนนอ ย 3. ความพรอมของหนว ยงานท่ีเกยี่ วขอ งกับการชวยเหลือผปู ระสบภัย ทีส่ ดุ การทํานา้ํ ใหใ สดวยการแกวง สารสม ใหต กตะกอน หรือการกรอง การเตมิ 4. ระดบั นาํ้ ลดลงและความเรว็ ลมคงท่สี ามารถเดินทางไดอยางปลอดภยั คลอรนี ฆา เชอื้ ในปรมิ าณที่เหมาะสม คือ 1 หยดตอน้ํา 1 ลิตร และการตรวจสอบ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. มักมีลมแรงและฝนตกหนักอีกเมือ่ ศนู ยก ลาง ความสะอาดของนํา้ กอ นนําไปใชป ระโยชน พายุพดั ผา น เพราะการเกดิ ลมแรงและฝนตกหนกั ในครั้งแรกนั้นเปน กระแส 2 โรคติดตอ ทพี่ บบอยในพนื้ ทห่ี ลังประสบวาตภยั ท่กี อใหเกิดนํ้าทว ม ไดแ ก อากาศทร่ี ุนแรงโดยรอบศนู ยกลางของพายุ เมอื่ สภาพอากาศสงบลงแสดงวา โรคผิวหนงั โรคจากระบบทางเดนิ อาหาร โรคตาแดง โรคไขหวดั ไขเลอื ดออก และ เปน บริเวณของศนู ยก ลางของพายุซ่ึงมีสภาพอากาศคอ นขางปกติจงึ คลา ยกบั โรคฉห่ี นู เพราะนา้ํ ทท่ี ว มเปน ตวั การสําคัญในการนาํ พาส่งิ สกปรกมาแพรก ระจาย วาพายพุ ัดผา นไปแลว อยา งไรกต็ ามเมื่อพายเุ คลื่อนตวั กระแสอากาศทรี่ นุ แรง เปนวงกวา ง นอกจากน้ีนํ้าทว มยังทาํ ลายถ่ินอาศัยของสัตวและแมลงท่ีเปนพาหะ โดยรอบศนู ยก ลางของพายอุ ีกดา นจะกอ ใหเ กดิ ลมแรงและฝนตกหนักไม นําโรค ทาํ ใหสัตวแ ละแมลงเหลาน้ันออกมาปะปนกับผคู นเปน สาเหตสุ ําคญั ของ แตกตา งจากการเกดิ ในครง้ั แรก การเกดิ โรคตดิ ตอตางๆ 92 คูม อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ครูสนทนากับนักเรยี นถึงสภาพดินฟาอากาศ ในชุมชนโดยใชความรเู ก่ียวกบั ลมและพายทุ ่พี ัดใน àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ประเทศไทย เชน สภาพอากาศของชมุ ชนในขณะ นีเ้ กดิ จากอิทธิพลของลมหรือพายใุ ด อิทธิพลของ ลมและพายทุ ี่พดั ในประเทศไทย 1. ลมประจําฤดู คือ ลมท่พี ัดเปนประจาำ ตามฤดู มีดังน้ี ลมและพายทุ ่ีพดั ในประเทศไทยมตี อชุมชนของเรา ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต พดั ปกคลมุ ประเทศไทย ระหวา่ งกลางเดอื นพฤษภาคมถงึ กลางเดอื นตลุ าคม แหลง่ กาำ เนดิ อยางไรบาง แลวใหตวั แทนนักเรยี นอธิบายวาลม บริเวณความกดอากาศสูงในซีกโลกใต้แถบมหาสมุทรอินเดีย และพายทุ พ่ี ัดในประเทศไทยในแตล ะชว งเวลามผี ล ซ่ึงลมมรสุมนี้จะนำามวลอากาศช้ืนจากมหาสมุทรอินเดียมาสู่ ตอ สภาพอากาศของประเทศอยา งไร โดยใชแผนท่ี ประเทศไทย ทำาใหม้ ฝี นตกชุกท่วั ไป ประเทศไทยประกอบ จากนนั้ ครสู ุมถามสภาพ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุม ประเทศไทยระหวา่ งกลางเดอื นตลุ าคมจนถงึ กลางเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ อากาศท่ีเกิดจากลมและพายุทพ่ี ัดเขา ประเทศไทย มแี หลง่ กาำ เนดิ จากบรเิ วณความกดอากาศสงู ในซกี โลกเหนอื แถบ ในแตละชว งเวลาใหน ักเรยี นชว ยกันตอบ เชน ประเทศมองโกเลียและจีน พัดเอามวลอากาศเย็นและแห้งมา ปกคลมุ ประเทศไทย ทาำ ใหท้ อ้ งฟา้ โปรง่ อากาศหนาว และแหง้ แลง้ • ในชว งปลายปพ ้นื ทส่ี ว นใหญข องประเทศไทย ในภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สว่ นภาคใต้ มีสภาพอากาศอยา งไร และสภาพภูมิอากาศ จะมฝี นตกชกุ น้นั เกิดจากอิทธิพลของลมใด ทศิ ทางลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ (แนวตอบ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาค 2. ลมประจําถิ่น เปนลมท่ีเกิดและพัดในพื้นท่ีใดพื้นที่ ตะวันออกเฉยี งเหนือ มีอากาศคอนขา งหนาว หนง่ึ เชน่ “ลมวา่ วหรอื ลมขา้ วเบา” พดั ลงมาตามแมน่ าำ้ เจา้ พระยา และแหงแลง ทองฟา โปรง เกดิ จากอทิ ธพิ ล ของลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือทพ่ี ัดมา ใเดนอื ชนว่ มงปนี ลาาคยมเถดงึอื เนมตษลุายาคนม“ล“ลมมพตทั ะธเยภาา”1”พพดั ดั จจาากกททศิ ะตเละวเขนั า้ ตสกฝู่ เง ฉในยี งชใว่ ตง้ จากบริเวณความกดอากาศสงู แถบประเทศ มองโกเลียและประเทศจนี อยางไรกต็ ามใน ไปยังทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนอื ในชว่ งตน้ เดือนพฤษภาคม ภาคใตจะมฝี นตก เนอ่ื งจากลมมรสุมเมอื่ พดั 3. ลมประจําเวลา คือ ลมที่เกิดในช่วงเวลาท่ีต่างกัน เช่น ในเวลากลางคืนอากาศเหนือพื้นดินเย็นกว่าอากาศเหนือ พนื้ นำ้า เพราะพ้ืนดนิ คายความรอ้ นได้เร็วกว่า อากาศจงึ เคล่ือนที่ จากฝงออกสู่ทะเล เรยี กว่า “ลมบก” สว่ นในเวลากลางวนั อากาศ เหนือพื้นดินร้อนกว่าอากาศเหนือพื้นนำ้า เพราะพ้ืนดินดูดซับ ผานอา วไทยจะนําความชนื้ ไปเปนฝนในภาค ความรอ้ นมากกวา่ อากาศจงึ เคล่อื นที่จากพ้ืนนำ้าเข้าสู่ฝง เรียกวา่ ใตฝ ง อา วไทย) “ลมทะเล” • ลมบกและลมทะเลเกิดขึน้ จากกระบวนการ ใดเปนสาํ คัญ อธบิ ายพอสังเขป 4. พายุหมุนเขตรอน เกิดเหนือมหาสมุทรในเขตร้อน มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรข้ึนไป เกิดพร้อม กับลมที่พัดรุนแรงมาก โดยพัดเวียนเปนวงทวนเข็มนาฬกา ทิศทางลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (แนวตอบ กระบวนการคายความรอนเปน ในซกี โลกเหนอื สว่ นทางซกี โลกใตพ้ ดั เวยี นเปน วงตามเขม็ นาฬก า สาเหตุของการเกิดลมบกและลมทะเล เข้าสู่ศูนย์กลางมีความเร็ว 118 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง (64 นอต) เน่ืองจากในเวลากลางคนื อากาศเหนอื พื้นดิน ขน้ึ ไป ความกดอากาศโดยทัว่ ไปต่ำากวา่ 1,000 มิลลบิ าร์ บางคร้งั เยน็ กวา อากาศเหนอื พืน้ นํ้า เพราะพนื้ ดิน มฝี นตกหนัก พายฝุ นฟ้าคะนอง คายความรอนทส่ี ะสมมาตลอดท้งั วันไดเ ร็ว กวา อากาศจงึ เคล่อื นทีจ่ ากชายฝงออกสู ทะเล เรียกวา ลมบก สวนในเวลากลางวนั มี 93 ลักษณะตรงขา มกันเรยี กวา ลมทะเล ลมบก และลมทะเลมปี ระโยชนอ ยางยงิ่ ในการทํา ประมงชายฝง หรอื ประมงพ้ืนบา นในอดตี ) ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ฤดหู นาวในประเทศไทยเปนผลสืบเนือ่ งจากอทิ ธพิ ลของลมหรือพายใุ ด ครูอาจใหนกั เรียนชวยกันวเิ คราะหความแตกตา งของลมและพายใุ นประเทศไทย เปนหลกั ซ่ึงประกอบดวย ลมมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลมวาวหรือ ลมขา วเบา ลมตะเภา ลมพัทธยา ลมบก ลมทะเล และพายหุ มุนเขตรอ น ในดานระยะ 1. ลมพัทธยา เวลา ทิศทาง อิทธพิ ลทีเ่ กดิ กับลมฟาอากาศ และความสมั พนั ธกบั การดาํ เนินชีวติ ของ 2. พายหุ มุนเขตรอน ประชากร แลวชว ยกันจดั ทําเปนตาราง เพอื่ สง เสรมิ ใหน กั เรียนเกดิ ความรคู วามเขาใจ 3. ลมมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต เกี่ยวกบั ลมและพายุในประเทศไทยชดั เจนยิ่งข้นึ และชวยพฒั นาทักษะการคิดของ 4. ลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่ึงมีแหลง นกั เรยี น เชน การคิดวิเคราะห สังเคราะห และการคดิ อยางเปน ระบบ เปน ตน กาํ เนิดจากบริเวณความกดอากาศสูงในซีกโลกเหนอื แถบประเทศมองโกเลยี และประเทศจีน พดั เอามวลอากาศเยน็ และแหง มาปกคลมุ ประเทศไทย ทาํ ใหพนื้ ทสี่ ว นใหญของประเทศมอี ากาศคอ นขางหนาวเยน็ และแหง แลง นกั เรียนควรรู สว นภาคใตมีฝนตกจากความชื้นเม่อื พัดผานอาวไทย 1 ลมพัทธยา ลมสลาตัน และลมตะเภา เปน กลมุ ของลมประจําถนิ่ ท่พี ดั จาก ทางใตข น้ึ ทางเหนอื สว นลมตะโกพ ดั จากทางเหนอื ลงสูทางใต ลมประจาํ ถน่ิ ท่ี พัดในแตละชว งเวลาของปเหลาน้ีมปี ระโยชนอยา งย่งิ ในการเดนิ เรือคาขายบรเิ วณ ชายฝงในอดีต คมู อื ครู 93

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสนทนากบั นักเรยี นถึงความหมายของไฟปา ไฟปา่ (Wildfire) แลวสมุ นักเรยี น 1 กลมุ เพื่อใหช วยกนั อธิบาย ความรูเก่ียวกบั ไฟปา โดยการตอบคําถาม ไฟทเี่ กดิ ขน้ึ แลว้ ลกุ ลามไปไดโ้ ดยปราศจากการควบคมุ ซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มและการ ในดานปจจัยทางธรรมชาตทิ ีท่ าํ ใหเกดิ ไฟปา ดา� รงชวี ติ ของมนษุ ย์ ไฟปา่ ทเี่ กดิ ขนึ้ บรเิ วณภเู ขาจะมคี วามรนุ แรงและขยายพนื้ ทไ่ี ดเ้ รว็ กวา่ พน้ื ราบ ตวั อยางขอ คําถามเชน • ไฟปาสามารถเกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติได สาเหตุการเกดิ ไฟปา่ หรือไม อยา งไร (แนวตอบ ไฟปา สามารถเกิดขนึ้ เองตาม การเกิดไฟปา่ มสี าเหตุทั้งจากธรรมชาตแิ ละจากมนุษย์ ดงั น้ี ธรรมชาติ โดยมีสาเหตุทีส่ าํ คัญ คือ การเกิด ฟาผา ทําใหต นไมเกิดไฟไหม มกั เกิดขน้ึ มาก สาเหตจุ ากธรรมชาติ ในปาไมเ ขตอบอนุ ของสหรฐั อเมริกาและ ประเทศแคนาดา การเสยี ดสีกนั ของกงิ่ ไม ตกกไรฟะทปา่บทผเี่ ลกกึดิ หขนนิึ้ เอแงสตงาแมดธดรสรอ่มงชผาา่ตนเิ กหดิ ยจดานกา้�หลปาฏยกิ สริายิเหาเตคุ เมชใีน่ นดฟนิา้ ผปา่า่ พกง่ิรไุ 1กมาเ้ สรยีลดกุ สไหกี นัมใ้ภนเู ตขวัาเไอฟงปขะอทงุ สแงิ่สมงแชี ดวี ดติ แหง ในชวงเวลาทอ่ี ากาศรอนและแหงแลง มกั เกิดข้นึ ในพืน้ ท่ีปาท่มี ไี มขน้ึ อยูหนาแนน แตส่ าเหตทุ ่สี า� คัญ คอื เชน ปา ไผและปา สน เปนตน ) 1. ฟ้าผ่า เป็นสาเหตุส�าคัญของการเกิดไฟป่าในเขตอบอุ่น ในสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา พบวา่ กวา่ ครงึ่ หนง่ึ ของไฟปา่ ทเี่ กดิ ขน้ึ มสี าเหตมุ าจากฟา้ ผา่ 2. ครใู หน กั เรียนกลมุ เดิมชวยกนั จัดทําผังกราฟก 2. กงิ่ ไม้เสยี ดสกี นั อาจเกดิ ขนึ้ ไดใ้ นพนื้ ทปี่ า่ ทม่ี ตี น้ ไมข้ นึ้ อยอู่ ยา่ งหนาแนน่ และมสี ภาพอากาศแหง้ จดั แสดงสาเหตุของการเกิดไฟปา อันเนื่องมาจาก เชน่ ในปา่ ไผห่ รอื ปา่ สน เปน็ ตน้ มนุษยในรปู แบบตางๆ ท่ีมีความถนัดและความ สนใจ เชน ผงั ความคดิ ผังกา งปลา และตาราง สาเหตจุ ากมนุษย์ โดยกําหนดใหมีสาระสําคัญประกอบดว ย กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ ไดแ ก การหาของปา ไฟปา่ ทเี่ กดิ ในประเทศกา� ลงั พฒั นาในเขตรอ้ นสว่ นใหญ่ มสี าเหตมุ าจากกจิ กรรมตา่ งๆ ของมนษุ ย์ ดงั น้ี การเผาไรเ พ่ือกาํ จดั ซากพชื และวัชพืชเพื่อการ 1. การเก็บหาของป่า เป็นสาเหตุที่ท�าให้เกิดไฟป่ามากท่ีสุด การเก็บหาของป่าส่วนใหญ่ ได้แก่ เพาะปลกู ตอไป และการลาสตั ว กิจกรรมอัน เกดิ จากความขัดแยง ระหวางชาวบานกบั ไข่มดแดง เห็ด ใบตองตึง ไม้ไผ่ น�้าผึ้ง ผักหวาน เห็ดเผาะ และไม้ฟืน การจุดไฟส่วนใหญ่ เจาหนาทีข่ องรฐั เชน การเผาปาเพ่ือประทวง เพอื่ ใหพ้ นื้ ปา่ โลง่ เดนิ สะดวกหรอื ใหแ้ สงสวา่ งในระหวา่ งการเดนิ ทางผา่ นปา่ ในเวลากลางคนื หรอื จดุ การปลกู ปาสงวนในที่ดนิ ทาํ กินดั้งเดมิ ของ เพอื่ กระตนุ้ การงอกของเหด็ หรอื กระตนุ้ การแตกใบใหมข่ องผกั หวานและใบตองตงึ หรอื จดุ เพอ่ื ชาวบา น ตลอดจนความประมาททีเ่ กดิ จากการ ไลต่ วั มดแดงออกจากรงั รมควนั ไลผ่ งึ้ หรอื ไลแ่ มลงตา่ ง ๆ ในขณะทอ่ี ยใู่ นปา่ กอ กองไฟพักแรมในปาแลว ดับไมส นทิ หรืออ่นื ๆ 2. การเผาไร่ เปน็ สาเหตทุ ส่ี า� คญั รองลงมา การเผาไรส่ ว่ นใหญเ่ พอ่ื กา� จดั วชั พชื หรอื เศษซากพชื ทเี่ หลอื แลว สงตัวแทนออกมานาํ เสนอบนกระดานหนา อยภู่ ายหลงั การเกบ็ เกยี่ ว ทงั้ นเี้ พอ่ื เตรยี มพน้ื ทสี่ า� หรบั เพาะปลกู ในรอบตอ่ ไป โดยปราศจากการ ชั้นเรียน ครูและนกั เรียนสนทนารวมกันเพ่ือให ทา� แนวกนั ไฟและปราศจากการควบคมุ ไฟจงึ ลามเขา้ ปา่ ทอ่ี ยใู่ นบรเิ วณใกลเ้ คยี ง เกิดความเขา ใจท่ีถกู ตองตรงกนั 3. การแกลง้ จดุ ไฟเผาปา่ ในกรณที ป่ี ระชาชนในพน้ื ทม่ี ปี ญั หากบั หนว่ ยงานของรฐั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ปญั หาเรอื่ งทท่ี า� กนิ ในพน้ื ทป่ี า่ ปลกู หรอื ถกู จบั กมุ จากการกระทา� ผดิ ในเรอ่ื งปา่ ไม้ จงึ แกลง้ จดุ ไฟเผา พนื้ ทปี่ า่ อนั เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทนี่ า� ไปสกู่ ารเกดิ ไฟปา่ 4. ความประมาท เป็นสาเหตุที่เกิดจากการท่ีมีนักท่องเท่ียวเดินทางเข้าไปพักแรมในป่า แล้วได้ ก่อกองไฟแต่ลืมดับหรือดับไม่สนิท หรืออาจเกิดจากการท่ีนักท่องเที่ยวทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นป่า กเ็ ปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทท่ี า� ใหเ้ กดิ ไฟปา่ ไดเ้ ชน่ กนั 5. การล่าสัตว์ โดยใช้วิธีการจุดไฟไล่ให้สัตว์หนีออกจากท่ีซ่อน หรือจุดไฟเพื่อให้แมลงบินหนีไฟ นกชนดิ ตา่ ง ๆ จะบนิ มากนิ แมลง แลว้ ดกั ยงิ นกอกี ทอดหนง่ึ หรอื จดุ ไฟเผาทงุ่ หญา้ เพอ่ื ใหห้ ญา้ ใหม่ 94 แตกยอด เพอื่ ลอ่ ใหส้ ตั วช์ นดิ ตา่ ง ๆ เชน่ กระทงิ กวาง กระตา่ ยมากนิ หญา้ แลว้ ดกั รอยงิ สตั วน์ นั้ ๆ นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ไฟปา กอใหเกดิ ผลกระทบตอระบบนเิ วศอยา งไรบาง อธบิ ายพรอ ม 1 ปฏกิ ริ ยิ าเคมใี นดินปาพรุ เกิดจากการทบั ถมของอินทรียวัตถุในระยะเวลา ยกตัวอยางประกอบพอสงั เขป นานจนเปนช้นั หนา มสี มบตั ิทางเคมีคลายคลงึ กนั คอื มีลักษณะเปน พื้นทพ่ี ตี วิเคราะหค ําตอบ ไฟปามีผลกระทบตอระบบนิเวศหลายประการ เน่ืองดวย มีอนิ ทรียค ารบอนเปนปริมาณสูง แตม ีไนโตรเจนที่เปน ประโยชนต อพืชนอย ปาไมเ ปน แหลงของความสมั พนั ธร ะหวา งสิ่งมชี ีวิตทั้งพืชและสตั วตา งๆ ดินเปนกรดจดั นอกจากน้ียงั พบแรก ํามะถันและสารประกอบแรไพไรท โดยในชวง ตัวอยางของผลกระทบเชน การสญู พันธขุ องพชื จากการถกู เผาไหม ท่อี ากาศรอนและแหง แลง หรือนํ้าถูกระบายออกจากผวิ ดิน ปาพรุจะมโี อกาสท่ีจะ การสูญพนั ธขุ องสตั วจากการถูกทําลายที่อยูอาศยั และแหลง อาหาร การเกิด เกดิ ไฟปาจากซากพชื ตางๆ ซ่ึงเปน เชือ้ เพลิงชั้นดี ไฟปาทเ่ี กิดข้ึนมลี ักษณะของไฟ มลพษิ ทางอากาศจากแกส และเถาถา นของการเผาไหม การขาดแหลงปาไมท่ี กง่ึ ผิวดินกึง่ ใตดนิ คอื ไหมในสองมติ ิ ไดแ ก ในแนวระนาบไปตามพน้ื ผวิ ปา และ เปนตน น้ําลําธาร และการสูญเสียความอดุ มสมบรู ณข องดินจากการทหี่ นา ดิน ในแนวดิง่ ลงไปในช้นั ดนิ พรุ การดบั ไฟในปาพรจุ ึงตอ งอาศยั วธิ กี ารตา งๆ รวมกัน ถกู เผาทําลาย เปน ตน 94 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สถานการณการเกดิ ไฟปา ครูใหน ักเรยี นกลุมเดมิ จดั ทาํ ใบความรเู ก่ียวกับ สถานการณก ารเกดิ ไฟปาทง้ั ในบรเิ วณตางๆ ของ ใน พ.ศ. 2543 ถือวาเปนปแรกท่ีมีการสํารวจสถิติไฟปาในภาพรวมของท้ังโลก โดยใช โลกและในประเทศไทย โดยอาจหาภาพทีเ่ กี่ยวของ การแปลภาพจากดาวเทยี ม จากรายงานช่ือ Global Burned Area Product 2000 พบวา จาก ประกอบ แลวครูสุมนักเรียนจากกลุม 2-4 คน การวเิ คราะหเ บอ้ื งตนมพี ้นื ทถ่ี กู ไฟไหมท วั่ โลกใน พ.ศ. 2543 สูงถงึ ประมาณ 2,193.75 ลา นไร ใหชว ยกนั นาํ เสนอใบความรู แลว ใหว เิ คราะหถงึ และนับวันสถานการณไฟปายิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เชน เม่ือเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 สาเหตขุ องสถานการณไ ฟปาท่ีมกี ารเกิดเพิ่ม เกดิ ไฟปา ครงั้ ใหญแ ละมคี วามรนุ แรงทส่ี ดุ ของรฐั นวิ เมก็ ซโิ ก สหรฐั อเมรกิ า ทาํ ใหม พี น้ื ทถ่ี กู ไฟไหม มากข้ึนและมีความรุนแรงมากข้ึนในปจจุบัน 567,500 ไร ไฟปา ครง้ั ใหญใ นประเทศอนิ โดนเี ซยี เมอื่ เดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2558 สง ผลใหเ กดิ ปญ หา จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นอภิปรายรวมกันในประเดน็ หมอกควันในหลายประเทศ ทัง้ อนิ โดนเี ซีย มาเลเซยี สงิ คโปร และภาคใตของไทย ดงั กลา ว โดยสาเหตุสําคัญของการเกดิ ไฟปาท่ี รุนแรงและบอ ยครงั้ ในปจ จบุ ันก็คอื การเกิดภาวะ สถานการณไ ฟปาในประเทศไทย โลกรอน นกั เรยี นบันทึกขอ มูลทศ่ี กึ ษาลงในสมดุ สําหรับประเทศไทย การเกิดไฟไหมปาถือ เปนปจจัยสําคัญประการหนึ่งของการสูญเสียพ้ืนท่ีปา ระหวาง พ.ศ. 2547-2558 มีพื้นที่ปาถูกไฟไหมมากกวา 1 ลานไร สูงสุดใน พ.ศ. 2547 ซึง่ มถี งึ 2 แสนกวาไร ตอ มา จํานวนไดลดลงเปนอยา งมาก โดยใน พ.ศ. 2558 มีพ้นื ท่ีปา ถูกไฟไหม 60,453 ไร สาเหตุไฟไหมปานอกจากเกิดโดย ธรรมชาตแิ ลว สวนใหญเกิดจากการกระทาํ ของมนษุ ย พ้นื ทีป่ า ทีถ่ ูกไฟไหมในระหวา ง พ.ศ. 2547-2558 พ้ืนท่ีไฟไหมป า (ไร) 250,000 200,000 201,758 189,276 150,000 125,000 117,395 83,176 60,453 100,000 50,722 75,000 70,810 61,083 57,979 50,000 53,885 47,899 25,000 25,489 0 (พ.ศ.) 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 95 ที่มา : สว นควบคมุ ไฟปา กรมอทุ ยานแหง ชาติ สัตวป า และพันธพุ ชื . กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู ครูอาจมอบหมายใหน ักเรียนสบื คนขอ มลู การเกดิ ไฟปาในประเทศไทย ครูอาจอธิบายนกั เรยี นเพิม่ เติมถึงสาเหตุของการเกิดไฟปาในภาคเหนอื วา เกิด เชน การเกิดไฟปาทีป่ า พรคุ วนเคร็ง จังหวดั นครศรธี รรมราช พ.ศ. 2555 จากการทําไรเลื่อนลอย การเผาปาเพื่อหาของปา ลาสัตว กําจดั ซากพืชทีเ่ หลอื จาก จากแหลง การเรียนรทู ค่ี รเู สนอแนะ แลว จดั ทาํ เปน บันทกึ การสบื คน มีภาพ การทาํ การเกษตร รวมถึงการมีอากาศคอ นขางแหงแลง ในฤดรู อ น เนือ่ งจากท่ีต้งั อยู ประกอบที่สวยงาม หา งไกลจากทะเล โดยเฉพาะในปจ จุบันไฟปา จะมีความรุนแรงเพมิ่ ขึ้นทุกป สบื เนือ่ ง มาจากความผนั ผวนของสภาพภมู ิอากาศอนั เปนผลมาจากภาวะโลกรอ น กจิ กรรมทาทาย มุม IT ครอู าจมอบหมายใหนักเรยี นสืบคน และรวบรวมขอมลู สถติ ิการเกิดไฟปา ในประเทศไทย จากแหลงการเรียนรูท คี่ รูเสนอแนะ เพื่อวเิ คราะหแ นวโนม ศกึ ษาความรเู กยี่ วกบั การควบคุมไฟปา เพ่ิมเตมิ ไดที่ http://www.forest.go.th/ การเกดิ ไฟปา ในอนาคต รวมถึงวางแผนการจัดการพืน้ ทเี่ สี่ยงภัยไฟปา wildfire/index.php?option=com_content&view=article&id=377%3A2011-09- แลว จัดทาํ เปน รายงานการศึกษาวเิ คราะหซ งึ่ มภี าพหรือตารางประกอบ 20-02-m-s&catid=34%3Ageneralknowledge&lang=th เว็บไซตส วนควบคุมไฟปา สํานักปองกันรกั ษาปาและควบคมุ ไฟปา คูม อื ครู 95

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หนกั เรยี นกลมุ เดมิ นาํ การอภิปรายเกย่ี วกับ ผลกระทบจากการเกิดไฟปา่ ผลกระทบทเี่ กดิ จากไฟปา ตอ สิ่งแวดลอมใน ดานตางๆ ไดแ ก บรรยากาศภาค ธรณภี าค ไฟป่าทา� ใหเ้ กดิ ผลกระทบในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั นี้ อุทกภาค และชีวภาค ตัวอยา งประเดน็ การ 1. ลกู ไม้ กล้าไม้เล็ก ๆ ในป่าถกู เผาทา� ลาย หมดโอกาสเติบโตเป็นไมใ้ หญ่ สว่ นตน้ ไมใ้ หญ่ อภิปราย เชน หยดุ การเจรญิ เติบโต เนื้อไม้เสื่อมคณุ ภาพลง เปน็ แผล เกดิ เชอ้ื โรคและแมลงเข้ากดั ท�าลายเนอ้ื ไม้ • บรรยากาศภาค : สาเหตแุ ละผลกระทบจาก สภาพปา่ ท่ีอดุ มสมบูรณเ์ ปลี่ยนสภาพเปน็ ทุง่ หญา้ ไปในทีส่ ดุ ไฟปา 2. หมอกควันท่ีเกิดจากไฟป่าก่อให้เกิดผลกระทบด้านสภาวะอากาศเป็นพิษ 1ท�าลาย • ความอุดมสมบรู ณของดินกบั การเกิดไฟปา สขุ ภาพของคน เกดิ ทศั นวสิ ยั ไมด่ ตี อ่ การบนิ บางครง้ั เครอื่ งบนิ ไมส่ ามารถขน้ึ บนิ หรอื ลงจอดได้ สง่ ผล • ไฟปา : วิกฤตการณจ ากความแหงแลงของ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายทางเศรษฐกจิ และสญู เสยี สภาพความสวยงามตามธรรมชาติ ไมเ่ หมาะสา� หรบั นาํ้ ทาและหยาดนํา้ ฟา ท่องเทย่ี วอีกต่อไป • การสูญพนั ธุของสตั วปาและพรรณพืช : 3. ไฟป่าเผาท�าลายสิ่งปกคลุมดิน ท�าให้หน้าดินเปิดโล่ง เมื่อฝนตกลงมาเม็ดฝนจะตก ผลกระทบตอสง่ิ มีชวี ติ แหง ระบบนเิ วศจาก กระทบกับหน้าดินโดยตรง ท�าให้เกิดการชะล้างพังทลายของดินได้ง่าย ท�าให้น�้าท่ีไหลบ่าไปตาม ไฟปา หน้าดินพัดพาหน้าดินอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วย และดินอัดตัวแน่นทึบข้ึน การซึมน�้าไม่ดี ท�าให้ การอมุ้ นา้� หรอื ดดู ซบั ความชนื้ ของดนิ ลดลง ไมส่ ามารถเกบ็ กกั นา�้ และธาตอุ าหารทจี่ า� เปน็ ตอ่ พชื ได้ 2. ครูใหน กั เรียนกลมุ เดิมสงตวั แทนออกมาเขียน 4. น�้าท่ีเต็มไปด้วยตะกอนและข้ีเถ้าจากผลของไฟป่าจะไหลลงสู่ล�าห้วยล�าธาร ท�าให้ อธบิ ายความรูเ ก่ยี วกับการระวังภัยจากไฟปา ลา� หว้ ยขนุ่ ขน้ มสี ภาพไมเ่ หมาะตอ่ การนา� มาใช้ เมอ่ื ดนิ ตะกอนไปทบั ถมในแมน่ า้� มากขนึ้ ทา� ใหล้ า� นา้� ลงในตารางบนกระดานหนาชน้ั เรียน ซึ่งครู ต้ืนเขิน จุน้�าได้น้อยลง เมื่อฝนตกลงมาน้�าจะเอ่อล้นท่วมสองฝั่งเกิดเป็นอุทกภัย สร้างความ กาํ หนดหัวขอท่สี าํ คญั ไวบ างสวน เชน การ เสียหายในด้านการเกษตร การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ และสร้างความเสียหายเมื่อน�้าทะลัก ปอ งกันไฟปา การปฏบิ ัติงานดบั ไฟปา หนาท่ี เข้าท่วมบ้านเรือนท�าให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ฤดูแล้งพ้ืนดินท่ีมีแต่กรวดทรายและชั้นดิน ของหนวยงานทเ่ี ก่ียวขอ งภาครัฐและเอกชน แนน่ ทบึ จากผลของไฟปา่ ทา� ใหด้ นิ ไมส่ ามารถเกบ็ กกั นา�้ ในชว่ งฤดฝู นเอาไวไ้ ด้ ทา� ใหล้ า� นา�้ แหง้ ขอด และการมีสวนรว มของประชาชน แลวสนทนา เกดิ สภาวะแห้งแล้งขาดแคลนน้�าเพื่อการอปุ โภคและบริโภค และเพ่อื การเกษตร รวมกนั กับนกั เรียนเพือ่ ใหเกิดความรคู วาม เขาใจที่ถกู ตอง จากนั้นใหนักเรียนบนั ทกึ องค แนวทางปอ้ งกนั และระวังภยั จากไฟปา่ การจัดการและแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่าง ความรูเกย่ี วกบั ภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาตติ างๆ ครบวงจร เริ่มต้ังแต่การป้องกันมิให้เกิดไฟป่า ทตี่ นไดศึกษาลงในสมุด การปอ้ งกนั ไฟปา สามารถทาำ ไดโ้ ดยการสรา้ งแนวปอ้ งกนั โดยศึกษาหาสาเหตุของการเกิดไฟป่าแล้ว ไฟปา เพือ่ ลดความรุนแรงเมอื่ เกิดไฟปา วางแผนป้องกันหรือก�าจัดต้นตอของสาเหตุ นัน้ แตไ่ ฟป่ายังมีโอกาสเกดิ ขึ้นได้เสมอ ดังน้นั จ�าเป็นต้องมีมาตรการอื่น ๆ รองรับตามมา ได้แก่ การเตรียมการดบั ไฟปา่ การตรวจหาไฟ การดบั ไฟปา่ และการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน 96 เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอ ใดแสดงความสัมพนั ธของสิ่งแวดลอ มในปากบั ผลกระทบทไี่ ดร บั จาก ครูอาจสนทนารวมกนั กบั นักเรยี นถึงผลกระทบของการเกดิ ไฟปา แลว ให การเกดิ ไฟปาไดอ ยางถูกตอง นักเรียนชวยกนั สรุปผลกระทบออกเปน ดานตางๆ ประกอบดว ย ผลกระทบตอ 1. ตนไม - การยนื ตน ตาย เน้อื ไมถ ูกทาํ ลาย สงั คมพืช ผลกระทบตอ สัตวปา ผลกระทบตอสภาวะอากาศของโลก ผลกระทบตอ 2. ลําธาร - การแหงเหือดดว ยความรอ น ดนิ ผลกระทบตอ น้าํ และผลกระทบตอ การนนั ทนาการ จากนั้นชว ยกันนาํ เสนอผล 3. อากาศ - เมฆฝนกอ ตวั จากการระเหยของนา้ํ ในปา การสรุปผลกระทบของไฟปาในรปู แบบตางๆ ทน่ี กั เรยี นมีความถนัดและความสนใจ 4. ดิน - โครงสรางของชน้ั หนิ ฐานดนิ เกิดการเปลย่ี นแปลง เชน จดั ปายนิเทศ จัดนทิ รรศการ หรอื จัดทาํ เว็บไซต วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ตน ไม - การยืนตนตาย เนื้อไมถูกทําลาย รวมถึงกลา ไม ลกู ไม ก็ถูกทาํ ลายดว ยเชนกนั ทําใหอาจเกดิ การสูญพนั ธขุ อง นกั เรยี นควรรู พืชพรรณไมชนิดตา งๆ ได 1 สภาวะอากาศเปนพษิ ในปจ จุบนั สภาวะอากาศเปน พิษจากไฟปาทวีความรุนแรง ย่งิ ขึ้น ดงั เชน ในพ.ศ. 2553 มลภาวะในอากาศมคี าเกนิ มาตรฐานมากกวา 4 เทา และเปน คาสูงสุดในรอบ 20 ป นบั ตั้งแตเรมิ่ มกี ารติดตามตรวจสอบคณุ ภาพอากาศใน ประเทศไทย 96 คูม อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ครูแบง นกั เรียนออกเปน 8 กลมุ โดยให นักเรียนนบั หมายเลข 1-8 ตามตําแหนง ที่นง่ั การปฏบิ ตั งิ านควบคมุ ไฟป่า มี 2 กิจกรรมหลกั ดงั นี้ เพื่อใหนักเรียนในแตละกลุม ชวยกนั ศึกษาคนควา การป้องกันไฟปา่ การปฏิบัติงานดบั ไฟปา่ เพมิ่ เตมิ เกีย่ วกบั ภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาติที่ครกู ําหนด ดงั นี้ • กลมุ หมายเลข 1 ศกึ ษาเร่อื งแผน ดินไหว การปอ้ งกนั ไฟปา่ สามารถดา� เนนิ การได้ ดงั น้ี ในปจั จบุ นั มหี นว่ ยปฏบิ ตั งิ านภาคสนามของ • กลมุ หมายเลข 2 ศึกษาเรอ่ื งภเู ขาไฟปะทุ 1. การรณรงคป์ อ้ งกนั ไฟปา่ ไฟปา่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ท่ีท�า 2 • กลุมหมายเลข 3 ศกึ ษาเรอ่ื งสนึ ามิ ในหลายประเทศ สว่ นใหญม่ สี าเหตมุ าจาก หนา้ ทใ่ี นการดบั ไฟปา่ โดยมสี ถานคี วบคมุ ไฟปา่ • กลมุ หมายเลข 4 ศกึ ษาเรอ่ื งอุทกภยั การกระทา� ของมนษุ ย์ ดงั นนั้ แนวทาง อยู่ในทุกจังหวดั • กลมุ หมายเลข 5 ศึกษาเร่อื งแผนดินถลม การแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในส่วนของประชาชนท่ีอาศัยอยู่บริเวณ • กลุมหมายเลข 6 ศกึ ษาเรื่องการกัดเซาะ คอื การปอ้ งกนั ไมใ่ หป้ ระชาชนจดุ ไฟเผา พื้นที่ป่า มีส่วนส�าคัญในการให้ความร่วมมือ ปา่ ทง้ั นอี้ าจทา� ไดโ้ ดยการประชาสมั พนั ธ์ ในการปอ้ งกันไฟป่า ซึ่งสามารถท�าได้ ดงั น้ี ชายฝง ช้ีแนะให้ประชาชนตระหนักถึงความ 1. เมื่อท�าการเผาไร่ในพ้ืนที่ควรควบคุม สา� คญั ของทรพั ยากรปา่ ไม้ ความจา� เปน็ ดูแลไฟไม่ให้ลุกลามเข้าไปในป่า และ • กลุมหมายเลข 7 ศึกษาเรื่องวาตภยั ทจ่ี ะตอ้ งดแู ลรกั ษา ตลอดจนผลเสยี ทจี่ ะ ควรท�าแนวป้องกันไฟป่าก่อนเผาไร่ เกดิ ขนึ้ หากมกี ารบกุ รกุ ทา� ลายหรอื เผาปา่ ทกุ คร้ัง • กลมุ หมายเลข 8 ศกึ ษาเรือ่ งไฟปา เพื่อให้ประชาชนเกิดทัศนคติที่ถูกต้อง 2. ไมจ่ ดุ ไฟเผาปา่ เพอื่ ลา่ สตั ว์ และไมจ่ ดุ ไฟ โดยครูแนะนาํ แหลงการเรียนรอู น่ื นอกจาก เลิกจุดไฟเผาป่า และหันมาให้ความ เล่นดว้ ยความสนุกหรอื คกึ คะนอง หนงั สือเรยี น เชน หนังสอื หรอื เอกสารของ รว่ มมอื ปอ้ งกนั ไฟปา่ การรณรงคป์ อ้ งกนั 3. ระมัดระวังการใช้ไฟ เม่ืออยู่ในป่าหรือ หนวยงานภาครัฐทีม่ หี นา ท่เี กีย่ วขอ ง ตลอดจน ไฟป่าสามารถด�าเนินการได้ในรูปแบบ พกั แรมในปา่ หากมคี วามจา� เปน็ ตอ้ งใช้ เวบ็ ไซตต า งๆ ของไทยและตางประเทศ สาํ หรับ ตา่ ง ๆ เชน่ การประชาสมั พนั ธเ์ คลอ่ื นท่ี ไฟ ควรดบั ไฟให้หมดก่อนออกจากป่า นกั เรยี นทม่ี ีทกั ษะทางภาษาตางประเทศ จากนั้น การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน 4. เม่ือพบเห็นไฟไหม้ป่าหรือสวนป่า ให้ การตดิ ตงั้ ปา้ ยประชาสมั พนั ธ์ การแจกจา่ ย ชว่ ยกนั ดบั ไฟปา่ หรอื แจง้ หนว่ ยราชการ ชว ยกนั จัดทาํ ปา ยนิเทศเผยแพรความรูภัยพบิ ัติทาง ส่ิงตีพิมพ์และเอกสารเผยแพร่ การจัด ที่อยบู่ ริเวณใกล้เคยี ง ธรรมชาตทิ ่ีกลมุ ตนไดรบั มอบหมาย โดยครูกาํ หนด นิทรรศการ การให้การศึกษา การจัด องคประกอบทสี่ ําคัญของปา ยนิเทศ คือ ความรภู ัย ฝึกอบรม ตลอดจนการเปิดโอกาสให้ 5. มีส่วนร่วมด้านการประชาสัมพันธ์ ชี้ พิบัตทิ างธรรมชาตใิ นดา นสาเหตุ ลักษณะของภยั ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม ให้เห็นความส�าคัญของป่าไม้และความ ผลกระทบ การปอ งกันและแกไ ข การระวงั ภยั และ เสียหายท่ีเกิดจากไฟป่าและโทษท่ีจะ ดา้ นปา่ ไม้ เปน็ ตน้ ไดร้ บั หรอื เปน็ อาสาสมคั รปอ้ งกนั ไฟปา่ ตัวอยางของการเกิดภยั พิบตั ทิ างธรรมชาตินนั้ ทง้ั 6. ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ ในการ ในประเทศไทยและภมู ิภาคอืน่ ของโลก รวมถงึ ภาพ 2. การจัด1การเชื้อเพลิง โดยการท�าแนว ประกอบทีช่ ว ยใหเ กิดความรูความเขา ใจไดดยี งิ่ ขึน้ สอดสอ่ งดแู ลไมใ่ หเ้ กดิ ไฟไหมป้ า่ รวมทง้ั กันไฟ และก�าจัดเชื้อเพลิงในพ้ืนท่ีท่ี ช่วยจับกุมผู้ท่ีฝ่าฝืนมาลงโทษตาม ลอ่ แหลมตอ่ การเกดิ ไฟปา่ เชน่ มวี ชั พชื หนาแน่น พื้นท่ีป่าสองข้างถนน ซึ่งมี กฎหมาย เพ่ือมิให้เป็นเย่ียงอย่างแก่ โอกาสเกิดไฟป่าได้ง่าย เพ่ือลดโอกาส บุคคลอืน่ ต่อไป ตรวจสอบผล Evaluate การเกดิ ไฟปา่ หรอื หากเกดิ ไฟปา่ ขนึ้ กจ็ ะ ครูและนกั เรยี นชวยกันตรวจปายนเิ ทศภัยพิบัติ มคี วามรนุ แรงนอ้ ย สามารถควบคมุ งา่ ย ทางธรรมชาติของกลมุ ตา ง ๆ โดยพจิ ารณาจาก 97 องคประกอบทสี่ ําคัญของปายนิเทศทีค่ รูกําหนด แลวอภปิ รายรวมกันถึงแนวทางในการพฒั นาหรอื ปรบั ปรุงการจัดปายนเิ ทศในกิจกรรมการเรียนรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครงั้ ตอ ไป นักเรยี นควรรู ครูอาจมอบหมายใหน กั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ถึงการมสี ว นรวมในการ 1 การทาํ แนวกนั ไฟ (Firebreaks) หมายถงึ แนวกดี ขวางทมี่ นษุ ยสรา งขน้ึ เพือ่ ปองกันและระวงั ภัยจากไฟปาทเ่ี หมาะสมกบั สถานภาพและบทบาทหนา ที่ หยุดยง้ั ไฟปา หรอื เพ่อื แนวตรวจการไฟ หรอื เปน แนวตั้งรบั ในการดบั ไฟปา โดย แลว นํามาอภิปรายรว มกันในชนั้ เรียน จากนน้ั บันทกึ ผลการอภิปรายลงใน ทั่วไปคือเปน แนวทม่ี กี ารกาํ จดั เชื้อเพลงิ ทจ่ี ะทาํ ใหเ กดิ ไฟปาออกไป โดยอาจจะกาํ จัด สมุด ออกไปจนถึงชัน้ ดนิ แท หรอื เฉพาะเชื้อเพลงิ ท่ตี ิดไฟงาย เชน พมุ ไม ตนหญา แนว กนั ไฟนีแ้ ตกตางกับแนวดับไฟ (Fire line) ตรงท่ีแนวกนั ไฟจะทําไวลว งหนา กอนการ กจิ กรรมทาทาย เกดิ ไฟปา สว นแนวดับไฟจะทําในขณะทก่ี ําลังเกดิ ไฟปาเพ่ือการดับไฟและปองกนั มิใหไฟลุกลามออกเปนวงกวา ง ครอู าจมอบหมายใหน กั เรยี นศึกษาคน ควาเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับการมสี วนรวม 2 สถานีควบคุมไฟปา อยใู นการควบคุมของสวนควบคมุ ไฟปา ในภาคตา งๆ ในการปอ งกนั และระวังภัยจากไฟปา ทเ่ี หมาะสมกับสถานภาพและบทบาท เชน สวนควบคุมไฟปาท่ี 2 ตั้งอยใู นสวนกลาง มีหนาท่ีดแู ลสถานคี วบคมุ ไฟปา หนาที่ นอกเหนือจากทเ่ี สนอแนะไวในหนงั สือเรยี น แลวนํามาอภปิ รายรว ม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทง้ั 19 สถานี โดยปฏิบตั ิงานดานสง เสริมและพฒั นาการ กนั ในช้ันเรยี น จากน้นั บันทึกผลการอภปิ รายลงในสมดุ ควบคุมไฟปา และปฏบิ ัตกิ ารปอ งกันและควบคุมไฟปา เพ่ือแกป ญหาไฟปาในพืน้ ที่ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ผา นทางศูนยค วบคมุ ไฟปายอ ย เชน ศนู ยค วบคมุ ไฟปา ที่ 21 นครราชสีมา ศนู ยควบคมุ ไฟปาท่ี 22 อุบลราชธานี เปน ตน คูม ือครู 97

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูนาํ วดี ทิ ัศนหรือภาพที่แสดงถึงการเปลีย่ นแปลง 2. การเปลยี่ นแปลงทางธรรมชาตใิ นโลก ทางธรรมชาติในโลกอันมสี าเหตสุ าํ คัญจากการดาํ เนนิ กิจกรรมตา ง ๆ ของมนุษย เชน ภาวะโลกรอน ปจั จบุ ันได้เกิดการเปล่ียนแปลงทางกายภาพของโลก ท้งั ในส่วนท่เี กดิ จากภายในเปลือกโลก ภยั แลง แลวตง้ั คาํ ถามที่มลี กั ษณะกระตุนความสนใจ การเปล่ียนแปลงบริเวณพ้ืนผิวโลก และการเปล่ียนแปลงในบรรยากาศของโลกอันมีผลกระทบ ของนกั เรียน เชน โดยตรงและโดยอ้อมต่อมนุษย์ ลักษณะการเปลี่ยนแปลงมีต้ังแต่การเกิดข้ึนอย่างช้า ๆ ไปจนถึง การเกิดอยา่ งฉับพลนั และรุนแรง ซึง่ สง่ ผลให้เกิดความเสยี หายต่อชีวิตและทรพั ย์สนิ จ�านวนมาก • จากการเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาตดิ งั กลา ว เราสามารถแกไ ขไดหรือไม อยางไร ภาวะโลกรอ้ น (Global Warming) (แนวตอบ การเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติทเี่ กดิ ขึน้ ในโลกปจจบุ นั เราทกุ คนสามารถมสี วนแกไ ข ภาวะทบ่ี รรยากาศของโลกมอี ณุ หภมู โิ ดยเฉลยี่ สงู ขน้ึ ซง่ึ เปน็ สาเหตทุ า� ใหภ้ มู อิ ากาศของโลก ปญ หาไดไ มมากกน็ อ ย โดยเริม่ ตน จากการปรบั เปลย่ี นแปลง ภาวะโลกรอ้ นอาจนา� ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงของปรมิ าณนา้� ฝน ระดบั นา�้ ทะเล และสง่ ผลกระทบ เปลีย่ นพฤตกิ รรมการดาํ เนนิ ชวี ิต ทั้งน้หี นวยงาน ตอ่ พชื สตั ว์ และมนษุ ย์ ภาครัฐและเอกชนควรมบี ทบาทสําคัญอยางยง่ิ ในการวางแผนการจดั การแกไขปญ หา) สาเหตุการเกิดภาวะโลกรอ้ น สาํ รวจคน หา Explore ปัจจัยสา� คญั ที่ท�าให้อุณหภมู ิของโลกสูงขึ้น คอื “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” (greenhouse effect) เกิดจากการท่ีมนุษย์ได้ปล่อยแก๊สเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศในปริมาณมาก ครูใหนักเรยี นศกึ ษาเกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลง ได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สมีเทน แฟกล๊สอู ไอนโรตคราัสรอบ์ ออกนไ1ซจาดก์ กแาลระทสา� ากรจิ ปกรระรกมอตบา่ งคลๆอเโชรน่ - ทางธรรมชาตใิ นสว นของภาวะโลกรอ น การ การทา� การเกษตร อุตสาหกรรม การคมนาคม เปล่ียนแปลงของภมู ิอากาศ และภยั แลง ในประเดน็ การตัดไม้ท�าลายป่า เป็นต้น แก๊สเรือนกระจก ของสาเหตุปจจยั สถานการณการเปล่ียนแปลง ผลกระทบทม่ี ตี อ โลกและประเทศไทย ตลอดจน จะกกั เกบ็ ความรอ้ นทแ่ี ผอ่ อกมาจากดวงอาทติ ย์ แนวทางการระวงั ภัย จากหนงั สอื เรยี น หนา 98- 105 แหลงการเรยี นรอู ่ืน เชน หนังสอื ในหองสมุด การเผาไหมใ้ นโรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์ ประเทศเยอรมนี สง่ ผล และสะทอ้ นคลน่ื ความรอ้ นมาสพู่ น้ื โลก จนทา� ให้ เวบ็ ไซตของหนวยงานที่เก่ยี วของทง้ั ในประเทศ ใหม้ แี กส๊ คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกสบู่ รรยากาศ เกดิ ภาวะโลกร้อนข้ึน และตา งประเทศ รวมถึงขาวและบทความจาก สถานการณ์ภาวะโลกร้อน หนังสือพมิ พ รายการสารคดที างโทรทศั น วารสาร หรอื นิตยสารดานส่ิงแวดลอม หลกั ฐานทแ่ี สดงให้เหน็ ว่าโลกร้อนข้ึน คือ ปริมาณนา�้ แขง็ และหมิ ะในปจั จบุ ันบรเิ วณข้ัวโลก และบนเทือกเขาสงู เชน่ เทอื กเขาหมิ าลัยในทวปี เอเชีย เทือกเขาคลิ ิมนั จาโรในทวปี แอฟริกา มี อธบิ ายความรู Explain ปรมิ าณนา้� แขง็ และหมิ ะลดลงอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เมอื่ เทยี บกบั อดตี พนื้ ทชี่ ายฝง่ั ทะเลบางบรเิ วณของโลก เร่ิมประสบปัญหาน้�าท่วมอันเกิดจากการหนุนของน�้าทะเล เช่น พื้นท่ีชายฝั่งตอนเหนือของทวีป ครสู นทนากบั นักเรียนถงึ การเปล่ยี นแปลง ยโุ รป พน้ื ทบี่ างหมเู่ กาะในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ นกั วทิ ยาศาสตรค์ าดการณว์ า่ ภายใน 100 ปขี า้ งหนา้ ทางธรรมชาติ ท้ังในสวนของภาวะโลกรอ น ระดบั น้�าทะเลจะสูงขึ้นจากในปจั จุบัน 0.3-1.1 เมตร ดงั นัน้ พืน้ ท่หี ลายบริเวณของโลกจะต้องจม การเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศและภยั แลง ทีน่ ักเรยี น 98 อยใู่ ต้น้�า ประชากรไม่น้อยกวา่ 630 ลา้ นคนจะไดร้ ับผลกระทบ ไดศ ึกษามา แลว ใหบ นั ทึกสาระสาํ คัญและจัดทาํ ผังความคดิ เกีย่ วกบั การเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาติ ดังกลา ว เพือ่ เตรยี มการอธบิ ายความรตู อไป ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับวกิ ฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ 1 สารประกอบคลอโรฟลูออโรคารบอน (CFCs) เปนกลุมของสารเคมีสังเคราะห สิ่งแวดลอ ม ทม่ี คี ลอรนี ผสมอยซู ง่ึ ใชท างอตุ สาหกรรมหลายอยา ง ใชกบั ตเู ยน็ (เปนตวั ทําละลาย ขอใดไมใชวกิ ฤตการณด านทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอม ท่ีใชทําความสะอาด) และถังดับไฟ เปนสารทท่ี ําลายช้นั โอโซน (ozone layer) 1. การเกิดแผนดนิ ไหว ของโลก และเปนสาเหตสุ ําคญั ของการเกิดภาวะโลกรอน ในปจ จุบนั จึงมีการ 2. ความตนื้ เขนิ ของแหลงน้ํา รณรงคไมใหน าํ สารนี้มาใชใ นอุตสาหกรรม 3. ความจํากดั ของจํานวนทีด่ ิน 4. การประกาศเขตปาเสือ่ มโทรม วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การประกาศเขตปาเสือ่ มโทรม เปนแนวทางการแกไ ขปญ หาวกิ ฤตการณดานทรัพยากรปาไมท ีภ่ าครัฐ มมุ IT สามารถใชเพอ่ื จัดการพนื้ ท่ีได โดยอาจฟน ฟูสภาพปาใหก ลบั มาอุดมสมบูรณ ศกึ ษาคนควา ความรูเกย่ี วกบั ปจ จยั การเกิดและผลกระทบจากภาวะโลกรอ น ดังเดิมหรอื จัดสรรทดี่ ินเพ่อื การใชป ระโยชนท่ีเหมาะสมตอ ไป รวมถึงแนวทางการมสี วนรวมในการแกไ ขปญ หาภาวะโลกรอนเพ่ิมเติมไดท ่ี http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/climate-and-energy/ เว็บไซตก ลุม กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) 98 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สถานการณ์ภาวะโลกร้อนตอ่ ประเทศไทย 1. ครูตง้ั ประเด็นอภิปรายเก่ียวกบั ภาวะโลกรอ น แลว ใหน กั เรียนอภิปรายรวมกันเพอ่ื อธิบาย ส�าหรับประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน คือ อุณหภูมิของโลกท่ีสูงขึ้น ความรู เชน สง่ ผลใหเ้ กดิ ภยั พบิ ตั จิ ากนา�้ ทว่ ม ภยั แลง้ ดนิ ถลม่ บอ่ ยครงั้ และทวคี วามรนุ แรงมากขนึ้ นอกจากนี้ • ภาวะโลกรอ น : มนุษยผ ูสรา งและรบั ยังท�าให้ฤดูร้อนขยายเวลายาวนานข้ึน ในขณะที่ฤดูหนาวส้ันลง พ้ืนที่ ทางภาคใต้จะมีฝนตกชุก ผลกระทบ และเกิดอุทกภัยบ่อยขึ้น ในขณะท่ีภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องเผชิญกับความ • ความเปลย่ี นแปลงของปรากฏการณเ รือน แห้งแลง้ มากขนึ้ ปัญหาดังกลา่ วนอกจากสง่ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ ของประชาชนท่ัวไปแลว้ ยังท�าให้ กระจกกับความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ผลผลิตทางการเกษตรลดลงอกี ด้วย ซงึ่ ส่งผลตอ่ เศรษฐกิจและความม่ันคงของประเทศ โลก • โลกรอน มหนั ตภัยของมนษุ ยชาติ ผลกระทบจากการเกิดภาวะโลกรอ้ น 2. ครูใหน กั เรยี นเลน เกมตอบคาํ ถามเกย่ี วกับ ภาวะโลกรอ้ นส่งผลกระทบต่อส่งิ มชี ีวิตและสงิ่ แวดล้อม ดังนี้ ภาวะโลกรอน โดยอธิบายกติกาใหนักเรยี น 1. เกิดพายหุ มนุ บ่อยขึ้น และมคี วามรนุ แรงมากขน้ึ เขาใจ ไดแก การเลน เกมตอบคาํ ถามภาวะ 2. เกดิ ปญั หาฝนแลง้ และไฟปา่ อณุ หภมู ิ โลกรอ น เมอื่ ครอู า นคําถามจบใหน ักเรยี นทจี่ ะ ของอากาศท่ีสูงขึ้น ท�าให้ปริมาณน�้าและความ ตอบคาํ ถามยกมือเพอื่ ไดรับโอกาสในการตอบ ชมุ่ ชนื้ ระเหยไปอยา่ งรวดเรว็ นอกจากน้ี ฝนแลง้ คาํ ถาม ผูทตี่ อบคําถามถกู ตองจะไดร ับ ยงั ทา� ให้เกดิ ไฟปา่ ข้นึ ได้ง่าย 1 คะแนน สว นผทู ี่ตอบไมถกู ตอ งจะถูกหัก 3. ท�าให้ระดับน�้าทะเลสูงขึ้น เป็นผล 1 คะแนน นกั เรยี นทมี่ ีคะแนนรวมมากทส่ี ุด จากอุณหภูมิน�้าสูงข้ึน และธารน�้าแข็งที่ข้ัวโลก จะเปนผูชนะในการเลนเกมตอบคาํ ถามนี้ ละลายเรว็ กวา่ ปกติ การละลายของธารนา้� แขง็ จะ ตัวอยา งขอคําถามเชน ทา� ให้ระดบั น�้าทะเลสูงขึน้ ท่วมพืน้ ทชี่ ายฝั่งทะเล • ภาวะโลกรอ นเปนสาเหตขุ องการ 4. ปัญหาชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะ จาก เปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในหลายดาน การท่ีระดับน�้าทะเลสูงข้ึน ท�าให้ปริมาณน�้าไป ภาวะโลกร้อนส่งผลให้นำ้าแข็งขั้วโลกละลาย ทำาให้ระดับ ยกตวั อยางมา 3 ดา น กดั เซาะชายฝง่ั ทะเลใหพ้ งั ทลายมากขน้ึ กวา่ เดมิ นำ้าทะเลสงู ข้นึ (แนวตอบ ภาวะโลกรอนสง ผลใหเกิดการ เปล่ียนแปลงทางธรรมชาตใิ นหลายดา น แนวทางแกไ้ ขปญั หาภาวะโลกร้อน 99 จึงอาจกลาวไดวาเปน สาเหตุของภัยพบิ ัติ ทางธรรมชาติตา ง ๆ ท่เี กดิ ขน้ึ อยางบอย วิธีช่วยลดโลกรอ้ นมีหลากหลายวิธี ดงั นี้ คร้ังและรุนแรงกวาในอดีต การเปลยี่ นแปลง 1. ลดปรมิ าณการใชถ้ งุ พลาสตกิ เพราะถงุ พลาสตกิ ไมส่ ามารถยอ่ ยสลายเองไดต้ ามธรรมชาติ ทางธรรมชาติอนั เกิดจากภาวะโลกรอน เชน ต้องกา� จัดโดยการเผาในเตาเผาขยะ ซึง่ ท�าใหม้ แี ก๊สเรอื นกระจกเพ่ิมข้นึ ในบรรยากาศ การกลายเปนทะเลทรายของพืน้ ทีบ่ รเิ วณ 2. แยกขยะอนิ ทรยี ์ เชน่ เศษผัก เศษอาหาร ออกจากขยะอนื่ ๆ ทสี่ ามารถนา� ไปใช้ให้เกดิ ตา งๆ ในโลก การแหงเหอื ดของแหลง นาํ้ ประโยชนใ์ หมไ่ ด้ เปน็ การป้องกันการปล่อยแกส๊ มีเทนสู่บรรยากาศ จดื ตามธรรมชาติทั้งทะเลสาบและแมนา้ํ 3. ใชร้ ถสว่ นตวั ใหน้ อ้ ยลง หนั ไปใชจ้ กั รยาน ใชบ้ รกิ ารรถโดยสารประจา� ทาง หรอื ใชก้ ารเดนิ และการสูญพันธุของสตั วป าและพืชพรรณ เมอ่ื ต้องไปท�ากิจกรรมหรือธรุ ะใกล้บา้ น ธรรมชาติท่ีไมส ามารถปรับตวั ไดท ันกบั 4. ประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้วยการปิดโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และ สภาพอากาศท่เี ปล่ยี นแปลงไปอยา งมาก) เครือ่ งใช้ไฟฟ้าอ่นื ๆ เม่อื ไม่ได้ใชง้ าน 5. สนบั สนนุ สนิ คา้ และผลติ ผลจากเกษตรกรในทอ้ งถน่ิ ชว่ ยใหเ้ กษตรกรในพนื้ ทไ่ี มต่ อ้ งขนสง่ ผลิตผลให้พอ่ คา้ คนกลางน�าไปขายในพ้ืนที่ไกล ๆ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู จากการศกึ ษาสถานการณก ารเกดิ ภาวะโลกรอน การเขาทว มพนื้ ที่หรอื ครคู วรนําวีดิทัศนห รอื บทความทมี่ ภี าพประกอบเก่ยี วกบั การเกดิ และผลกระทบ การกดั เซาะของน้ําทะเลตอ พืน้ ที่ชายฝง ในประเทศไทยจะมคี วามรุนแรงมาก ของภาวะโลกรอนมาใหนกั เรยี นพจิ ารณารว มกัน แลว ต้ังคําถามถึงการเปล่ยี นแปลง ทส่ี ดุ ในภาคใด ทางธรรมชาติตา งๆ อันเปน ผลสบื เนื่องจากภาวะโลกรอน เพือ่ ใหน กั เรยี นเกิดความ เขาใจถึงภาวะโลกรอ นอนั เปนสาเหตุของการเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติในหลาย 1. ภาคใต ดาน อาทิ การแหงเหือดของทะเลสาบขนาดใหญจ ากความรอน การกัดเซาะชายฝง 2. ภาคเหนือ จากการเพมิ่ ของระดบั นา้ํ ทะเล การสูญพันธขุ องพชื และสตั วปา ทไี่ มสามารถปรบั ตวั 3. ภาคกลาง ไดทนั กบั สภาพอากาศ ตลอดจนการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาตทิ ีจ่ ะไดศ กึ ษาตอไป 4. ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ภาคกลาง โดยเฉพาะพน้ื ท่ีภาคกลางตอน ลางบริเวณดนิ ดอนสามเหลีย่ มปากแมน ํ้าเจาพระยา เนือ่ งจากเปน ท่ีราบตา่ํ นํ้าทวมถึง ซงึ่ ในภาวะปกติเมอื่ ถึงฤดูฝนหรือฤดูทีน่ ํ้าหลากก็จะเกิดน้ําทว ม พนื้ ที่อยเู ปน ประจํา แตม ีลกั ษณะไมถาวร อยางไรกต็ ามการเขาทวมพน้ื ท่ี และการกดั เซาะชายฝงกเ็ ริ่มเกดิ ขึ้นในบรเิ วณชายฝง เขตบางขนุ เทยี นของ กรุงเทพฯ ซึ่งอาจทวีความรนุ แรงมากยงิ่ ขน้ึ ในอนาคต คูม ือครู 99

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูตัง้ คาํ ถามใหนักเรียนเลน เกมตอบคาํ ถาม การเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาÈ (Climate Change) ตัวอยา งขอ คําถามเชน • นกั เรียนจะมีสวนรว มในการแกไขภาวะโลกรอน การทอี่ ณุ หภมู ขิ องโลกคอ่ ยๆ เปลยี่ นแปลงไปทลี ะนอ้ ย อนั เนอ่ื งมาจาก 2 สาเหตสุ า� คญั ไดแ้ ก่ หรือการเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศไดอยางไรบาง สาเหตุจากธรรมชาติ และสาเหตจุ ากมนษุ ย์ในการเพิ่มแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ยกตัวอยางมา 3 ขอ (แนวตอบ นกั เรียนในฐานะประชากรโลก สาเหตุการเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศ คนหน่งึ สามารถมสี ว นรว มในการแกไขภาวะ โลกรอนไดในการปรบั เปลย่ี นการดาํ เนิน การเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศเกดิ จากสาเหตสุ �าคญั ดังน้ี ชวี ิตประจําวนั เชน การลดการบรโิ ภค เพ่อื ที่ภาคผลิตจะไดลดการผลิตทีต่ อ งใช สาเหตุจากธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาตเิ ปนวัตถุดบิ และเช้ือเพลิง ตา งๆ การลดการใชพลังงาน โดยการเดินทาง สาเหตจุ ากธรรมชาตทิ มี่ ผี ลทา� ใหอ้ ณุ หภมู ขิ องโลกสงู ขนึ้ คอื ปจั จยั ทางดาราศาสตร์ เชน่ ดวงอาทติ ย์ ไปสถานท่ีตา งๆ ในระยะทางใกลด วยการ มจี ดุ ดบั มากขนึ้ และแผร่ งั สเี พม่ิ ขน้ึ สง่ ผลใหอ้ ณุ หภมู สิ งู ขน้ึ ดว้ ยการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์ ทา� ให้ เดนิ เทา การปด ไฟ ถอดปลก๊ั เครอ่ื งใชไฟฟา พลงั งานทโ่ี ลกไดร้ บั จากดวงอาทติ ยใ์ นแตล่ ะฤดแู ละแตล่ ะละตจิ ดู เปลยี่ นแปลงไปอยา่ งมาก และปดนํา้ ประปาเม่ือไมใ ชงาน รวมถึง การคัดแยกขยะ เพอ่ื ใหผทู ีม่ สี ว นเก่ยี วขอ ง นอกจากนี้ ปจั จยั ทางธรณวี ทิ ยากม็ ผี ลใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศไดเ้ ชน่ กนั เชน่ การปะทุ สามารถจดั การขยะไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ ของภเู ขาไฟทที่ า� ใหม้ ฝี นุ่ ละอองในบรรยากาศเพมิ่ ขน้ึ ซงึ่ ฝนุ่ ละอองเหลา่ นอี้ าจคงอยใู่ นบรรยากาศไดน้ านถงึ ท้ังการนาํ กลบั มาใชใ หม การดัดแปลง 3 ปี จงึ สง่ ผลใหอ้ ณุ หภมู โิ ลกลดลง รวมถงึ การทําลายอยา งถูกตองเหมาะสม) สาเหตจุ ากมนุษย์ในการเพิม่ แกส เรือนกระจกในชนั้ บรรยากาศ 2. ครูกลา วชมเชย หรอื ใหรางวลั แกน กั เรยี นทีช่ นะ ในเกมตอบคําถามภาวะโลกรอ น แลว สนทนา การเพิ่มความเข้มข้นของแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณเ์ รือนกระจก กบั นักเรียนถึงแนวทางในการศกึ ษาความรกู าร จนท�าใหอ้ ณุ หภมู ิของโลกสูงขน้ึ โดยจากการทน่ี ักวิทยาศาสตรไ์ ด้ศกึ ษาฟองอากาศในแกนน้า� แข็ง เพื่อ เปลยี่ นแปลงทางธรรมชาตติ อ ไป ศกึ ษาสภาพภมู อิ ากาศในอดตี เมอื่ 400,000 ปี ทผ่ี า่ นมา ทา� ใหพ้ บความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอณุ หภมู แิ ละปรมิ าณ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ กล่าวคือ เม่ือมีปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ 3. ครสู ุมนักเรยี น 2 คน ใหออกมาอธิบายปจจัย เพิ่มขึ้น อุณหภมู ขิ องโลกกจ็ ะเพิม่ สูงข้ึนตามไปดว้ ย ท่ีทาํ ใหเกดิ สภาพอากาศแปรปรวนท่หี นา ชน้ั เรียน โดยครูกําหนดหนา ท่ีในการอธบิ ายคนละ 1 หัวขอ การเปล่ียนแปลงความเข้มข้นของแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศในปัจจุบัน โดยเฉพาะแก๊ส ไดแก ปจ จยั ทางธรรมชาติ และปจจยั จากแกส คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ตั้งแต่เม่ือโลกเข้าสู่ยุคปฏิวัติ เรอื นกระจก รวมถงึ ใชผ งั ความคิดทตี่ นจัดทาํ อตุ สาหกรรมเปน็ ตน้ มา มนษุ ยไ์ ดพ้ ฒั นาเทคโนโลยเี ครอื่ งจกั รกลขนึ้ มาใชท้ นุ่ แรง เพมิ่ กา� ลงั ในการผลติ และ ประกอบการอธบิ าย อา� นวยความสะดวกตา่ ง ๆ เครอ่ื งจกั รกลเหลา่ นตี้ อ้ งอาศยั เชอ้ื เพลงิ จากพลงั งานฟอสซลิ เปน็ พลงั งานหลกั ซ่ึงการเผาไหม้ภายในเคร่ืองยนต์ได้ปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ออกสู่บรรยากาศในปริมาณที่เพ่ิม มากขน้ึ ในขณะเดียวกัน พนื้ ท่ีป่าไม้ทัว่ โลกซ่ึงเป็นแหลง่ ดูดซบั แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดจ์ ากบรรยากาศ ถกู บกุ รกุ ทา� ลายลงอยา่ งมากจากการขยายตวั ของภาคเกษตรกรรม ภาคอตุ สาหกรรม และพน้ื ทอ่ี ยอู่ าศยั ของมนษุ ย์ ทา� ใหแ้ หลง่ ดดู ซบั แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดล์ ดนอ้ ยลง และขณะนกี้ ย็ งั ไมส่ ามารถลดการปลอ่ ย แก๊สเรอื นกระจกได้ 100 บเศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง บรู ณาการเช่อื มสาระ ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรูบูรณาการกลุม สาระการเรียนรู ปจ จุบนั ผูคนจาํ นวนมากกาํ ลงั ตนื่ ตวั กบั ภาวะโลกรอ น เน่อื งจากเรื่องน้ีเปน ภาษาไทย วิชาหลักภาษา เรือ่ งการเขยี นเชิงสรางสรรค การแตง คาํ ประพนั ธ ปญ หาใหญที่กระทบตอ ทุกประเทศทว่ั โลก รวมทง้ั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ประเภทตางๆ โดยใหนักเรยี นแตง คําประพนั ธประเภทท่ตี นถนดั หรือมคี วาม ภูมพิ ลอดลุ ยเดชทีท่ รงหว งใยเรื่องของภาวะโลกรอนมาตั้งแตป 2532 แลว และไดมี สนใจ เชน คําขวัญ กลอนสุภาพ หรอื โคลงสส่ี ุภาพ เพอ่ื กระตนุ จิตสาํ นึกให โครงการในพระราชดาํ รมิ ากมายเพื่อแกป ญหาภาวะโลกรอน ประชาชนมสี ว นรวมในการแกป ญหาภาวะโลกรอน หรือการเปลย่ี นแปลง ภมู อิ ากาศอยา งนอยคนละ 1 บท จากนั้นนาํ ผลงานการแตงคําประพนั ธทีด่ ี ครใู หน ักเรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน ไปสืบคนขอ มลู เกยี่ วกับโครงการ ของนักเรียนจดั แสดงในบรเิ วณทีเ่ หมาะสมในโรงเรยี น ในพระราชดาํ ริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชที่สอดคลอง กับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และสามารถนาํ มาแกปญหาภาวะโลกรอ นได กลมุ ละ 1 โครงการ จากนนั้ สงตัวแทนมาสรุปสาระสําคัญทีห่ นา ชัน้ เรยี น 100 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ชั้นบรรดวงอาทติ ย การเกิดปราก¯การ³เ์ ร×อนกระจก 1. ครสู นทนากับนักเรียนถงึ การเกิดสภาพอากาศ แปรปรวนจากปจ จยั ที่เกิดจากการเพม่ิ แกส 2 1 กิจกรรมตา่ ง ๆ ของมนุษย์ เชน่ ควนั พษิ จากรถยนต์ ควนั จาก เรอื นกระจกในบรรยากาศ แลวต้ังคาํ ถามให โรงงานอุตสาหกรรม เปน็ ต้น สง่ ผลใหเ้ กิดแกส๊ เรือนกระจก นกั เรยี นชว ยกนั ตอบ เชน ยากาศ • จากการศึกษาของนกั วทิ ยาศาสตรพ บความ 2 ดวงอาทิตย์แผ่รังสีผ่านช้ันบรรยากาศมาสู่โลก และสะท้อน สัมพันธของแกสเรือนกระจกกบั อณุ หภูมิ กลบั ออกไป อยา งไร (แนวตอบ การศกึ ษาของนักวิทยาศาสตรถ งึ 3 แกส๊ เรอื นกระจกดดู ซบั รงั สคี วามรอ้ นจากดวงอาทติ ยบ์ างสว่ นไว้ สาเหตุของการเกิดสภาพอากาศแปรปรวน จากฟองอากาศในนาํ้ แขง็ ขวั้ โลกพบวา แกส 3 4 ชัน้ บรรยากาศและเปลือกโลกอณุ หภมู ิสูงข้ึน คารบอนไดออกไซดซงึ่ เปนแกสเรอื นกระจก ชนิดหนงึ่ มคี วามสมั พนั ธท ่ีสงเสริมการเพิม่ แกสเรือนกระจก ข้ึนของอุณหภมู ิ กลา วคอื ในขณะทีโ่ ลกมี แกสคารบอนไดออกไซดใ นบรรยากาศมากก็ 1 จะมีอุณหภมู ิสงู ตามไปดว ย) • เราอาจกลาวไดวา มนุษย เปนตนเหตขุ อง 4 สภาพอากาศแปรปรวนไดอยา งไร (แนวตอบ มนษุ ยเปนตน เหตขุ องสภาพอากาศ โลก แปรปรวนจากการใชท รัพยากรธรรมชาติ ในกจิ กรรมตางๆ ในประวตั ศิ าสตร สถานการณก์ ารเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ ของมนษุ ยชาติ โดยตัง้ แตห ลังยุคปฏิวตั ิ อตุ สาหกรรมเปน ตน มา มนุษยน ําทรพั ยากร ปจั จบุ นั สภาพภมู อิ ากาศของโลกเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งมาก สง่ ผลใหเ้ กดิ ปญั หาตา่ ง ๆ มากมาย เชอื้ เพลงิ ท่ีเผาไหมแ ละกอใหเกิดแกส ในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ทง้ั ปญั หาระดบั นา้� ทะเลทเ่ี ขา้ ทว่ มพนื้ ทร่ี าบตา�่ อทุ กภยั ทร่ี นุ แรงขนึ้ ความ เรอื นกระจกเปน จาํ นวนมาก นอกจากน้ี แหง้ แลง้ ทมี่ พี นื้ ทม่ี ากขน้ึ พายทุ ม่ี บี อ่ ยขน้ึ ดงั ตวั อยา่ งดงั ตอ่ ไปน้ี การตดั ไมท าํ ลายปา เพื่อวัตถปุ ระสงคด าน การเกษตร อตุ สาหกรรม และการตั้งถ่ินฐาน ในประเทศจนี อทุ กภยั ทเ่ี กดิ ขนึ้ ใน พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2555 ทา� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายทาง ทาํ ใหขาดแหลงที่จะชวยดดู ซบั แกส เศรษฐกจิ โดยตรงถงึ 6.5 พนั ลา้ นเหรยี ญสหรฐั มปี ระชาชนเสยี ชวี ติ มากกวา่ 355 คน และทา� ให้ คารบ อนไดออกไซดแ ละยงั กอใหเกิดภัย ประชาชนประมาณ 36 ล้านคน ได้รบั ผลกระทบและไรท้ ี่อยู่อาศัย รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร ธรรมชาตติ ามมาอกี หลายประการ) ไดร้ บั ความเสยี หายเปน็ จา� นวนมากอกี ดว้ ย 2. ครูและนกั เรียนสนทนารวมกนั ถงึ ปจ จัยทที่ าํ ให ประเทศเกาหลีเหนือประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักต้ังแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 เกิดสภาพอากาศแปรปรวนเพอ่ื ใหเ กดิ ความรู นบั เปน็ ภยั แลง้ ทรี่ นุ แรงทสี่ ดุ ในรอบ 105 ปี ทา� ใหพ้ นื้ ทเ่ี กษตรกรรมมากกวา่ รอ้ ยละ 30 หรอื 1.7 ลา้ นไร่ ความเขา ใจทถ่ี กู ตอง นักเรยี นบันทกึ สาระ ไมส่ ามารถเพาะปลกู ได้ ซงึ่ สง่ ผลตอ่ ปรมิ าณอาหารเลยี้ งประชาชนทงั้ ประเทศกวา่ 24 ลา้ นคน สาํ คญั ลงในสมดุ ในแต่ละปประเทศจนี เกิดน้าำ ท่วมใหญ่ข้ึนหลายพน้ื ที่ มสี าเหตจุ ากฝนทีต่ กหนักจนทำาให้น้าำ ทว่ มขงั โดยเฉพาะบรเิ วณทอี่ ยู่ 101 ริมแมน่ ้ำาฉางเจียง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู เหตกุ ารณท างประวัติศาสตรทอ่ี าจกลาวไดวา เปน จดุ เริ่มตน ของการเพิม่ ขนึ้ ครูอาจต้งั ประเดน็ ใหน กั เรยี นอภิปรายรวมกันถึงสาเหตทุ แ่ี ทจริงของการ ของแกสเรือนกระจกในบรรยากาศคืออะไร เปลี่ยนแปลงทางธรรมชาตดิ ังเชน ทีป่ รากฏในปจจบุ ัน เชน วิกฤตการณด า น ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ ม : มนุษยผกู ระทําหรือผูถกู กระทาํ โลกรอนภยั ท่ี 1. การปฏวิ ัตกิ ารเกษตร ยอนกลบั สูมวลมนษุ ยชาติ เพอื่ ใหน กั เรยี นตระหนกั ถึงบทบาทหนาทใ่ี นการมสี ว นรว ม 2. การปฏวิ ัติอุตสาหกรรม รับผิดชอบแกไขปญหาการเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาตติ างๆ ซึง่ เกดิ ขึน้ จากกจิ กรรม 3. การปฏวิ ตั วิ ิทยาศาสตร ของมนษุ ยเ ปนสาํ คญั จากนน้ั นักเรยี นบนั ทกึ ผลการอภิปรายลงในสมดุ 4. การปฏวิ ัติการเมืองการปกครอง มมุ IT วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. การปฏวิ ัตอิ ตุ สาหกรรม นบั เปนจุดเริ่มตน ศกึ ษาคนควาความรแู ละขา วสารเกีย่ วกับการเกิดภัยธรรมชาติในประเทศไทย ของการเพ่ิมแกส เรือนกระจกสูบรรยากาศ จากการที่ชาวยโุ รปรูจ ักใชพลงั งาน และภูมภิ าคตา งๆ ของโลก รวมถงึ แนวทางปองกนั หรอื บรรเทาผลกระทบเพม่ิ เติม เช้ือเพลิงจากธรรมชาตมิ าใชในการผลติ สนิ คาตา งๆ ทาํ ใหท รพั ยากรมากมาย ไดท่ี http://www.paipibut.org/home.php มลู นธิ ิสภาเตือนภัยพบิ ตั ิแหงชาติ ถูกใชอ ยา งขาดการจดั การและวางแผนท่ีดี ท่สี ําคัญคอื การเผาไหมเช้ือเพลงิ ตา งๆ ทัง้ ถานหนิ น้าํ มนั แกสธรรมชาติ ลว นแลวแตกอ ใหเกดิ แกส คมู อื ครู 101 เรอื นกระจกอันนํามาซ่งึ การเปลย่ี นแปลงและวกิ ฤตการณท างธรรมชาติ ของโลกในปจ จุบัน

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสนทนากับนกั เรียนถึงสถานการณท ่เี กดิ จาก ประเทศอนิ เดยี มกี ารบนั ทกึ สถติ อิ ณุ หภมู ใิ นเดอื นเมษายน พ.ศ. 2553 ไวท้ ่ี 44 องศาเซลเซยี ส การเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศท้ังในสว นของการเพิม่ ข้นึ ท�าให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คนในรอบเดือนน้ี นอกจากนี้ ประเทศอินเดียยังเกิดอุทกภัย ของระดบั นา้ํ ทะเลทําใหเขาทว มและกัดเซาะชายฝง ในรัฐอัสสัมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เม่ือเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ท�าให้ และหมูเกาะตา งๆ การเกดิ อุทกภยั ทร่ี ุนแรง และ ประชาชนเสยี ชวี ิตอยา่ งน้อย 109 คน และมปี ระชาชนมากกวา่ 2 ลา้ นคนต้องไร้ท่อี ยอู่ าศยั และ การเกิดภัยแลงในพ้ืนทบ่ี ริเวณกวา งขวางมากขนึ้ ท่ดี ินท�ากนิ เนื่องจากหมู่บ้านถูกกระแสน้�าพดั พาไปทง้ั หมด 2,000 แหง่ แลวสอบถามถึงตวั อยา งการเกดิ ภยั ตางๆ ขา งตน ท่ีนกั เรยี นไดศ ึกษามาทั้งจากหนงั สือเรียน และการ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555 มีพายุไต้ฝุ่นโบลาเวน (Bolaven) พัดเข้าสู่หมู่เกาะ รับขา วสารจากสื่อตางๆ ท้งั ในตา งประเทศ เชน ตอนใตข้ องญป่ี ุน่ โดยมคี วามเรว็ ลมทศี่ นู ย์กลางประมาณ 252 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง ความรนุ แรง การเกิดอทุ กภัยในประเทศจีน เมอื่ พ.ศ. 2541 และ ของพายุท�าให้มีผู้บาดเจ็บ 5 คน และผู้ท่ีต้องอพยพไปอาศัยในสถานท่ีปลอดภัยอีก 550 คน พ.ศ. 2546 การเกิดอุณหภมู ิสูงถงึ 47 องศาเซลเซยี ส พายุลูกน้ีถือว่ามีความรุนแรงมากท่ีสุด นับตั้งแต่ส�านักอุตุนิยมวิทยาญ่ีปุ่นเร่ิมมีการบันทึกข้อมูล ในกรงุ อสิ ลามาบัด ประเทศปากสี ถาน เมือ่ พ.ศ. สภาพอากาศเม่อื 6 ทศวรรษกอ่ น 2542 และ 45.6 องศาเซลเซียส ในรัฐอตุ ตรประเทศ ประเทศอนิ เดีย เมือ่ พ.ศ. 2545 และท่ีสาํ คัญไดแก การเกดิ อุทกภัยทรี่ ุนแรงในประเทศไทย เม่ือ พ.ศ. 2554 ซึง่ สถานการณด ังกลา วกอ ใหเกิดความ เสียหายท้ังตอชวี ติ และทรพั ยสนิ ของประชากรใน แตล ะประเทศอยา งมหาศาล ตลอดจนระบบนิเวศ เกดิ ความเสอ่ื มโทรมจนยากท่ีจะฟนฟใู หกลบั มาอยู ในสภาพเดิม สภาวะอากาศแปรปรวน สง่ ผลใหป้ ระชาชนในอนิ เดยี ตอ้ งเผชญิ กบั ปญ หานา้ำ ทว่ มอยา่ งหนกั สถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศต่อประเทศไทย พ.ศ. 2554 นอกจากประเทศไทยประสบกบั อทุ กภยั ครงั้ ใหญแ่ ลว้ ประเทศไทยยงั ประสบกบั ภยั แลง้ อกี ดว้ ย ภัยแล้งที่เกิดข้ึนส่งผลกระทบต่อประชาชนถึง 17.6 ล้านคนใน 54 จังหวัดท่ัวประเทศ โดยภัยแล้งสูงสุด เกิดขนึ้ ระหว่างวนั ที่ 7-9 พฤษภาคม มพี ื้นทีเ่ กษตรกรรมไดร้ ับความเสยี หายกวา่ 1.7 ล้านไร่ น้�าในแมน่ า้� โขง ลดระดบั ลงมากกวา่ ทุกปีท1ผี่ ่านมา อนั เปน็ ผลมาจากในปีนป้ี ระเทศจนี ประสบปญั หาภัยแล้งรนุ แรง ท�าให้ตอ้ งมี การกกั เกบ็ น้า� ไว้ในเขอื่ นทสี่ ร้างอย่ทู างตน้ แมน่ ้�าโขง ปรมิ าณน�้าในแม่น้า� โขงแห้งมากท่ีสุดในรอบ 30 ปี นอกจากนี้ ผลกระทบของปรากฏการณเ์ อลนีโญ ยังเปน็ เหตุให้เกิดสภาพอากาศรอ้ นมากกวา่ ปกติ และ เกิดภาวะฝนท้งิ ช่วงเปน็ ระยะเวลานาน ท�าให้สถานการณภ์ ยั แลง้ ในภาพรวมของประเทศไทยมีแนวโนม้ รุนแรง ทสี่ ดุ ในรอบ 5 ปี โดยเฉพาะพนื้ ทีน่ อกเขตชลประทานและพ้ืนท่ภี ัยแล้งซา้� ซาก 102 นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรยี นจะแนะนําหนว ยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวขอ งกับการจัดการทรพั ยากรให 1 เข่ือน จากความตอ งการใชพ ลงั งานไฟฟา ของประเทศในภูมภิ าคลมุ นาํ้ โขง แกไขวิกฤตการณดา นทรัพยากรอยางไร อธิบายพรอมยกตวั อยา งประกอบพอ แผนการสรา งเขอ่ื นขนาดใหญก้ันแมน า้ํ โขงจงึ เกดิ ขน้ึ จนี ถือเปนประเทศแรกที่ สงั เขป ดําเนนิ การกอ สรางเขอื่ นแมน้าํ โขงแลวเสรจ็ ไปแลว หลายเขือ่ น ซึ่งสง ผลกระทบตอ แนวตอบ ในฐานะหนว ยงานภาครฐั ทเี่ กีย่ วขอ งกบั การแกไขวกิ ฤตการณด าน ระบบนิเวศของแมน าํ้ โขงและการดํารงชีวติ ของประชากรในหลายประเทศ เชน การ ทรัพยากร เชน กรมทรัพยากรนํ้าควรฟนฟูการใชประโยชนแ ละแกไ ขปญหา เปล่ียนแปลงปรมิ าณการไหล การข้นึ -ลงของระดบั นํ้า การทบั ถมของตะกอนทราย เกยี่ วกบั แหลง นา้ํ โดยมกี ารจัดการและการวางแผนอยางถูกตองเหมาะสม การพังทลายของตล่ิง การลดลงของสาหรายในแมน ้าํ โขงซึง่ จะสงผลกระทบตอ พนั ธุ กําหนดใหโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารบา นเรอื นมีการบาํ บัดนาํ้ เสียกอน ปลาและอาชพี การทาํ ประมงแมนาํ้ โขง ปลอ ยลงสแู หลงน้ํา รวมถงึ จัดสรา งทอสง นํ้าชลประทานเพิ่มเตมิ ไปยังบริเวณท่ี มักประสบภยั แลง สวนการสรางเข่ือนนนั้ เปน การทาํ ลายปา ตน นา้ํ ที่อาจสง ผล มมุ IT กระทบตา งๆ ตามมา ศกึ ษาคน ควาความรูเกีย่ วกบั พลังงานสะอาดเพมิ่ เติมไดที่ http://www.energy.go.th/?q=node# เว็บไซตขอมลู พลังงาน กระทรวงพลังงาน 102 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ 1. ครสู ุมนักเรยี น 4-5 คน ใหช ว ยกนั อธบิ ายถึง ผลกระทบจากการเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศที่ อณุ หภมู ทิ ส่ี งู ขนึ้ ทา� ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงของสภาพภมู อิ ากาศในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ รปู แบบ หนา ชนั้ เรียน โดยใชค วามรูและผงั ความคิดท่ี ของลม จ�านวนและชนดิ ของไอน�า้ ในอากาศ (ฝน ลม หมิ ะ น�้าแขง็ ) รวมทง้ั ความถีข่ องอากาศ ตนจัดทําประกอบ ทง้ั นค้ี รูกาํ หนดใหน กั เรียน ท่ีมีแนวโน้มจะเกิดรุนแรงมากข้ึน ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดังกล่าวอาจท�าให้ อธบิ ายถึงผลกระทบในดานบรรยากาศภาค เกิดปัญหาดา้ นส่งิ แวดล้อม สงั คม และเศรษฐกจิ ตามมา ตวั อยา่ งผลกระทบ มดี งั น้ี ธรณีภาค อุทกภาค และชวี ภาค โดยจดั ทาํ เปน ตารางที่มหี วั ขอยอยสําคญั ไวบ นกระดานเพื่อ 1. ปริมาณน�้าจืดท่ีลดลง ภายในเวลา 50 ปี จ�านวนของประชากรที่ขาดแคลนน้�าด่ืม ใหน กั เรยี นบันทึกความรทู ีต่ นไดอธิบาย แลว จะเพ่ิมสงู ขึ้นเป็น 5,000 ลา้ นคนจากทัง้ หมด 8,000 ลา้ นคน วิเคราะหรวมกันกับนกั เรียนถึงตวั อยางอนื่ ของ ผลกระทบในแตล ะดาน เชน การเกิดคล่นื 2. ผลผลิตการเกษตรตกต่�าลง การเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ผลิตผลทางการ ความรอนในบรรยากาศภาค การเกดิ ดินถลม เกษตรในระดับทอ้ งถ่นิ ลดลง จงึ มีผลตอ่ ปรมิ าณอาหารสา� รองในโลก จากนาํ้ ฝนตกท่ตี กมากขึ้นและท่ดี ินชายฝง ถกู กัดเซาะจากระดบั นา้ํ ทะเลท่สี ูงขน้ึ การไหลของ 3. ความอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ ลดลงและหนา้ ดนิ ไดร้ บั ความเสยี หายจากการชะลา้ งพงั ทลายดนิ นํา้ เค็มเขา สปู ากแมน า้ํ ตางๆ ทําใหสตั วนํา้ ตาม จากสภาพภูมิอากาศรุนแรง ท�าให้เกิดการย้ายพ้ืนท่ีเพาะปลูก ภัยแล้งและการเปลี่ยนแปลงของ ธรรมชาติและที่ประชากรเลี้ยงไวต าย และการ ปริมาณไอน้�าในอากาศ จะเพ่ิมปริมาณการย้ายถิ่นฐานของประชากร ส่วนผลกระทบทางอ้อม สญู พันธขุ องสัตวปา จากการเปลย่ี นแปลงของ เป็นการใช้สารเคมีเพื่อเพิม่ ความอดุ มสมบรู ณ์ของดิน สภาพปา ทอี่ าศัยและการลดลงของอาหาร จากนนั้ ชวยกนั สรปุ ถงึ ผลกระทบจากการ 4. ระดับน�้าทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อโลกร้อนข้ึน และระดับน้�าทะเลก็จะเพ่ิมมากข้ึนจากการ เปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศ ขยายตวั ของน�้าทะเล และการละลายของธารนา�้ แข็ง เชน่ การละลายของแผ่นน�้าแข็งกรีนแลนด์ และภูเขาน้�าแข็งในทะเล ซ่ึงจะท�าให้ระดับน้�าทะเลเพ่ิมขึ้น การเพ่ิมข้ึนของระดับน�้าทะเลท�าให้ 2. ครสู นทนากบั นักเรยี นถงึ แนวทางแกไ ขปญ หา ชมุ ชนรมิ ฝ่ังทะเล พ้ืนทีก่ ารเกษตร แหลง่ น�า้ จดื รมิ ฝ่ัง รวมถึงประเทศท่เี ป็นเกาะกลางมหาสมทุ ร การเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศ แลว ตงั้ ประเดน็ ให หรือทะเลตกอยู่ในภาวะเส่ยี งภัยจากนา้� ทว่ ม นกั เรียนอภปิ รายรว มกัน เชน พลังงานสะอาด : ทางเลอื กเพ่ือการพัฒนาอยา งยั่งยืน การใช 5. ภยั ธรรมชาติรนุ แรงทีเ่ กดิ มากข้นึ เช่น ความแหง้ แล้ง ไฟป่า อทุ กภยั แผ่นดินถล่ม พายุ พลังงานกบั ปญหาการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ และอืน่ ๆ อกี มากมาย จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมและเศรษฐกจิ หรอื หลกั การแกไ ขปญ หาการเปลยี่ นแปลง ภมู ิอากาศอยางมปี ระสิทธภิ าพ จากนั้น แนวทางแก้ไขปญั หาการเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศ นักเรียนสรุปผลการอภปิ รายลงในสมุด สภาพอากาศแปรปรวนมีสาเหตุส�าคัญมาจากการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ซ่ึงส่งผลให้เกิด 103 ภาวะโลกรอ้ น แนวทางแกไ้ ขปญั หา สามารถทา� ไดโ้ ดยการพฒั นาพลงั งานสะอาด เพอ่ื ลดการปลอ่ ย แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานธรรมชาติ เช่น พลังงานลม คลื่น แสงอาทติ ย์ และความรอ้ นใตพ้ ิภพ พลงั งานลมมอี ตั ราการศึกษาพฒั นาและเตบิ โตเร็วท่ีสุด ส่วนพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบผิวโลกมีปริมาณมากพอในการผลิตพลังงานมากกว่า ปริมาณที่โลกก�าลังบริโภคอยู่ทุกปี การใช้พลังงานสะอาดจะน�าไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างงาน นวตั กรรมทางเทคโนโลยี และการปกป้องคุ้มครองส่งิ แวดลอ้ ม ดงั นัน้ เพอ่ื ปกป้อง โลกจากหายนะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มนุษย์จึงต้องลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และหันมาใช้พลังงานสะอาดซ่งึ เป็นทางเลือกทย่ี ่งั ยืนอยา่ งแท้จริง ขอ สอบ O-NET บรู ณาการอาเซยี น ขอ สอบป ’51 ออกเกีย่ วกบั แนวทางการอนุรกั ษและพัฒนาคุณภาพส่งิ แวดลอม ครสู ามารถมอบหมายใหนกั เรียนสบื คนและรวบรวมขอ มลู ขาวสารการ การปฏิบัตติ นเพอ่ื การอนุรกั ษแ ละพฒั นาคุณภาพสิ่งแวดลอ มทาํ ไดหลายวธิ ี เปลยี่ นแปลงทางธรรมชาติในพ้ืนทตี่ า งๆ ของภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต อนั เน่ืองมาจากภาวะโลกรอน ในประเดน็ ลกั ษณะของการเปล่ยี นแปลงทาง ยกเวน ขอ ใด ธรรมชาตินน้ั พน้ื ทซ่ี งึ่ เกิดการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบ รวมถึงการปอ งกันแกไข 1. การหลกี เลย่ี งไมใ ชส นิ คาที่เปนอันตรายตอ ส่งิ แวดลอม ของหนว ยงานท่ีมสี วนเก่ยี วของ ตลอดจนความรว มมือระหวางประเทศในการ 2. การลา งรถยนตด ว ยการตกั นํ้าใสถงั แทนการใชน ้าํ จากสายยาง ชว ยเหลือหรือแกไขปญหาตามกรอบความรวมมอื ของประชาคมอาเซยี น ในระยะ 3. การเลอื กใชเ ครื่องใชไ ฟฟาใหเ หมาะสมกับฐานะของครอบครวั เวลาท่ีครกู ําหนดตามความเหมาะสม แลว ผลัดกันนําขอมลู มานาํ เสนอหนาชั้น 4. การใชห นงั สือพิมพห อ เศษอาหารกอนนาํ ไปท้ิงในถังขยะสีเขียว เรียน จากนนั้ ชวยกนั รวบรวมขอ มูลทมี่ ปี ระโยชนม าจัดทํานิทรรศการแสดงการ วิเคราะหค ําตอบ การปฏบิ ตั ิตนเพอื่ การอนุรักษและพัฒนาคณุ ภาพ เปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติในอาเซียน เพื่อบูรณาการอาเซียนดว ยการเผยแพร ขอมลู ความรแู ละกระตนุ จิตสํานึกการอนุรกั ษทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม สิ่งแวดลอมสามารถทาํ ไดห ลายวธิ ีการ ท่ีสาํ คัญไดแก การหลกี เลีย่ งไมใช ใหแกเพอื่ นนักเรยี น ตลอดจนบคุ คลทว่ั ไปที่สนใจตอ ไป สนิ คาที่เปนอันตรายตอ สงิ่ แวดลอม การคดั แยกขยะจากครัวเรือน และการใช ทรัพยากรตา งๆ ใหคุมคา สว นการใชเ คร่อื งใชไฟฟานั้นนอกจากจะพิจารณา ถงึ ความเหมาะสมกับฐานะแลว ยงั ควรเลอื กเคร่อื งใชไฟฟาท่ีประดษิ ฐขึน้ เพื่อ การประหยัดพลังงานไฟฟา รวมถงึ ไดร บั การรบั รองมาตรฐานในการผลติ ทาง อุตสาหกรรมดวย ดงั น้ันคําตอบคอื ขอ 3. คูม อื ครู 103

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครสู นทนากบั นกั เรียนถงึ การศึกษาเกีย่ วกบั การ ความแห้งแลง้ (Drought) เปลี่ยนแปลงทางธรรมชาตใิ นสว นของความแหง แลง แลวสุมนกั เรยี น 1 คน ใหอ ธบิ ายถึงความ ลกั ษณะภมู อิ ากาศทมี่ ฝี นตกนอ้ ยกวา่ ปกติ หรอื ฝนไมต่ กตอ้ งตามฤดกู าลเปน็ ระยะเวลานาน หมายของความแหงแลง ทตี่ นไดศกึ ษามา จากนัน้ กวา่ ปกติ และครอบคลมุ พนื้ ทบี่ รเิ วณกวา้ ง ทา� ใหเ้ กดิ การขาดแคลนนา้� ดมื่ นา�้ ใช้ พชื พนั ธไ์ุ มต้ า่ งๆ ขาดนา�้ ใหน กั เรียนชวยกันวิเคราะหถงึ ความสัมพันธกัน ทา� ใหไ้ มเ่ จรญิ เตบิ โตตามปกติ ความแหง้ แลง้ เปน็ ภยั ธรรมชาตปิ ระเภทหนงึ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ เปน็ ประจา� ทกุ ปี ของภาวะโลกรอ นและการเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศ ในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลก กบั ความแหง แลง เพอื่ ใหเกิดความเขาใจเกย่ี วกับ สาเหตุการเกิดความแห้งแลง้ ปจ จัยโดยทว่ั ไปทที่ าํ ใหเกดิ ความแหง แลง แลว ภัยแล้งเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ ท้ังจากการกระท�าของมนุษย์และจากธรรมชาติ สอบถามถึงปจ จยั อ่นื ๆ ทท่ี ําใหเกดิ ความแหง แลง มนุษยเ์ ปน็ ตัวการสา� คัญทที่ �าใหส้ ภาวะของบรรยากาศเปลยี่ นแปลงไปจากการตดั ไมท้ า� ลายป่าและ ในประเทศไทยใหน ักเรียนชว ยกันตอบ เชน การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมที่ท�าให้ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูงข้ึนจนเกิดปรากฏการณ์ เรอื นกระจก อกี ทงั้ การทา� ลายชน้ั โอโซนซง่ึ ทา� ใหพ้ ลงั งานความรอ้ นลงมาสชู่ น้ั บรรยากาศใกลผ้ วิ โลก • การเกดิ ความแหงแลงในประเทศไทยเก่ียวขอ ง ท�าใหอ้ ณุ หภูมขิ องอากาศสงู ขนึ้ และยงั มีปัจจยั อ่นื ๆ เชน่ การเปล่ียนแปลงของสภาพอากาศ การ กับปฏสิ ัมพนั ธท างภมู ศิ าสตรใ นดานใด และมี ลักษณะอยางไร เปล่ยี นแปลงของระดับน�้าทะเล เปน็ ตน้ (แนวตอบ การเกิดความแหง แลงในประเทศไทย ส�าหรับประเทศไทย ภัยแล้งยังมีสาเหตุจากก�าลังการพัดของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เก่ยี วของกับปฏิสมั พนั ธทางภมู ศิ าสตรใ นสว น ออ่ นลง ทา� ใหร้ ะยะการพดั ปกคลมุ พนื้ ทน่ี อ้ ยลง ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทน่ี า� ความหนาวเยน็ และความแห้งแล้งจึงพัดลงมาเร็วกว่าปกติ สาเหตุอีกประการหน่ึง คือ มีพายุหมุนเขตร้อน ของบรรยากาศภาค กลา วคือ ชว งเวลาการ เคล่ือนผา่ นประเทศไทยนอ้ ยกว่า 2 ลกู ในปีนนั้ ๆ ปกคลุมพน้ื ทขี่ องลมมรสมุ มอี ทิ ธพิ ลอยางยง่ิ ตอการเกิดความแหงแลง ในประเทศไทย เมอื่ ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใตอ อนกําลงั ลง สถานการณ์ความแหง้ แล้ง ปกคลุมพ้นื ทใี่ นระยะเวลาสัน้ ลง หรือลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือท่ีนาํ ความหนาวเย็นแหง ปัจจุบันความแหง้ แล้งไดเ้ กดิ ขึ้นในหลายพน้ื ทขี่ องโลกรวมทง้ั ประเทศไทย และนบั วันจะทวี แลงจากทางตอนเหนือของทวีปมีกําลงั แรงหรอื ความรนุ แรงมากขึ้น บริเวณพ้ืนท่ที ี่เกดิ และชว่ งเวลาท่เี กดิ ก็ยาวนานมากข้ึน ตัวอย่างเช่น ภยั แล้ง พดั มาเรว็ กวา ปกติ กท็ าํ ใหเกดิ ความแหงแลง ในประเทศจีน แม่น้�าฉางเจียงและแม่น�้าหวางเหอซึ่งเป็นแม่น�้าสายหลักของประเทศมีระดับน้�า ขน้ึ ได นอกจากนีก้ ารเกิดพายหุ มนุ เขตรอนท่ี มีอิทธิพลตอปรมิ าณนา้ํ ฝนในประเทศไทยนอ ย ลดลงอยา่ งผดิ ปกติ สง่ ผลใหช้ าวจนี หลายลา้ นคน กวา 2 ลูก กอ็ าจสงผลใหใ นปนัน้ เกดิ ความ ขาดแคลนน้า� ในการอุปโภคและบริโภค แหง แลง ข้ึนได) 2. ครใู หน ักเรยี นชวยกนั ยกตวั อยา งสถานการณการ หลายพื้นท่ีของประเทศจีนต้องเผชิญภัยแล้งอย่างรุนแรง ส่วนในประเทศไทยภัยแล้งจะเกิดขึ้นบาง เกดิ ความแหง แลง ในประเทศไทยและประเทศ โดยเฉพาะมลฑลชานตง พนื้ ทที่ างการเกษตรกวา่ 870,000 พื้นที่ในช่วงกลางฤดูฝนที่ฝนท้ิงช่วงในเดือน อน่ื ๆ ของโลกทไี่ ดศ ึกษาและรบั ขา วสารมา ไร่ ได้รับความเสียหาย และประชาชนกว่า 30,000 คน มถิ ุนายน-เดือนกรกฎาคม และจะเกดิ ขนึ้ อย่าง แลว วิเคราะหถ งึ ความสาํ คญั ของทรัพยากรนาํ้ ขาดแคลนนา้ำ สาำ หรบั อปุ โภคบริโภค ชดั เจนเมอื่ สนิ้ สดุ ชว่ งฤดฝู น โดยภาคตะวนั ออก- เฉียงเหนือและภาคเหนือจะเกิดปรากฏการณ์ ภัยแล้งข้ึนก่อนและกินระยะเวลายาวนานกว่า ภาคอน่ื ๆ จดื ตอ การดาํ รงชวี ิตของประชากรไทยทัง้ ในดาน 104 เศรษฐกจิ สังคมและวัฒนธรรม และส่ิงแวดลอม จากนั้นนกั เรียนบนั ทกึ สรุปสาระสาํ คัญของ สถานการณการเกดิ ความแหง แลง ลงในสมุด ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกับวกิ ฤตการณด า นทรัพยากรธรรมชาติ ครสู ามารถนาํ ภาพจากดาวเทยี มแสดงการแหงเหอื ดของทะเลสาบขนาดใหญ วกิ ฤตการณด านทรัพยากรธรรมชาติท่สี ง ผลกระทบตอการดาํ รงชพี ของ ของโลกจากแหลง ขอ มูลตา ง ๆ เชน http://www.drought.noaa.gov/ เวบ็ ไซต มนุษยม ากที่สดุ คือขอใด ฐานขอมูลดานภูมิอากาศและแหลงนาํ้ แหง ชาติ สหรัฐอเมริกา (National Oceanic & Atmosphere Administration : NOAA) มาใหน ักเรยี นพจิ ารณาเปรยี บเทียบ 1. การขาดแคลนนา้ํ จืด รว มกนั เพื่อกระตนุ ใหนกั เรยี นเกดิ ความสนใจในการศึกษาเรือ่ งความแหง แลง 2. การสูญเสียปา ไมแ ละสตั วปา รวมถงึ ตระหนกั ในคุณคา และประโยชนข องเคร่ืองมอื ทางภูมิศาสตร ตลอดจนเกิด 3. การลดลงของปริมาณแรธ าตุ ความรคู วามเขา ใจสภาวการณค วามแหง แลงของโลกที่มีความรุนแรงไดอ ยาง 4. การชะลา งและการพังทลายของดนิ ถกู ตอ งชดั เจนย่ิงข้นึ วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. การขาดแคลนน้าํ จืด เน่อื งจากนา้ํ จดื เปน ปจ จยั สาํ คญั ของส่งิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ รวมถึงมนุษย และนอกจากมนษุ ยจ ะใชน า้ํ ในการดํารงชพี แลว ยังใชในกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ไดแก การเพาะปลูก การเลย้ี งสัตว รวมถงึ อุตสาหกรรมตางๆ 104 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain ครูใหต ัวแทนนกั เรยี น 3-5 คน อธบิ ายความรู เก่ียวกับผลกระทบจากความแหง แลงและแนวทาง ผลกระทบจากความแหง้ แล้ง แกไ ขปญหาทีห่ นา ช้นั เรียน โดยเขียนรายละเอยี ด ลงในผังแสดงความสมั พันธของสาเหตุและผลท่ีครู ความแห้งแล้งหรือการขาดแคลนน้�าได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากในด้านการเกษตร เตรียมไวบนกระดาน พรอ มทั้งอธิบายความรู จาก ซง่ึ มคี วามสา� คญั ตอ่ เศรษฐกจิ ของประเทศ โดยเฉพาะการปลกู ขา้ วซงึ่ เปน็ สนิ คา้ สง่ ออกทสี่ า� คญั ของ น้ันเพ่อื นนักเรยี นชวยกนั เสนอแนะเพม่ิ เติมเพอื่ ให ไทย การขาดน้�าส่งผลกระทบอย่างมากต่อการปลูกข้าวเน่ืองจากข้าวต้องการน้�าต้ังแต่การเพาะ เกิดความรคู วามเขา ใจทถี่ กู ตองชดั เจนยิง่ ขน้ึ เมล็ดกล้าจนถึงระยะเก็บเกี่ยว การขาดน้�าใน ระยะตา่ ง ๆ ของการเจรญิ เตบิ โตของขา้ ว ทา� ให้ ผลผลิตข้าวลดลง ส่งผลให้รายได้ของประเทศ ลดลง ก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจตามมา ขยายความเขา ใจ Expand การขาดแคลนน�้ายังส่งผลกระทบในด้านอ่ืน ๆ ครมู อบหมายใหนักเรียนศึกษาคนควาเพม่ิ เติม อีก เช่น การขาดแคลนน้�าเพ่ืออุปโภคบริโภค เกี่ยวกับการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาตทิ งั้ ในสวน การอุตสาหกรรม การประมง และการผลิต ของภาวะโลกรอ น การเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศ กระแสไฟฟา้ ซ่งึ ทุกปญั หาลว้ นส่งผลกระทบตอ่ ปญหาการขาดแคลนนาำ้ ในประเทศไทยนบั วันจะทวีความ และความแหง แลง ตามหัวขอ ท่ีครูกาํ หนด ไดแ ก รุนแรงมากข้นึ ส่งผลตอ่ การดำาเนินชีวติ ของประชาชนและ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนและการพฒั นาประเทศ การพฒั นาประเทศ ปจจัยหรอื สาเหตทุ างธรรมชาตแิ ละจากมนษุ ย สถานการณก ารเกดิ ทงั้ ในประเทศและตา งประเทศ แนวทางแก้ไขปัญหาความแห้งแลง้ ผลกระทบที่ไดร ับ แนวทางปอ งกนั หรอื แกไขปญหา ปัญหาความแหง้ แลง้ มแี นวทางการแก้ปัญหา ดังน้ี และการระวงั ภัย โดยใชค วามรูแ ละทกั ษะการใช 1. ปลูกป่าไม้ท้องถิ่นเพิ่มเพ่ือช่วยให้มีความชื้นมากพอที่จะท�าให้เกิดฝน เมื่อมีป่าไม้มาก เคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตรประเภทตา งๆ ทีไ่ ดศกึ ษา ยอ่ มท�าให้ฝนตกมากข้ึน ซง่ึ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน�า้ เพอื่ การเกษตรได้เปน็ อย่างดี 2. ลดการกระท�าท่ีท�าให้เกิดภาวะเรือนกระจก เช่น ไม่เผาขยะ ลดการใช้โฟม ลดการใช้ มา และขอมลู จากแหลงการเรียนรูอ่นื นอกจาก หนังสือเรยี น จากนั้นจัดทาํ เปนรายงานการศกึ ษา ผลิตภัณฑ์ท่ีมีสาร CFCs ซ่ึงเป็นตัวการท�าลายชั้นโอโซนในบรรยากาศให้เกิดช่องโหว่ ท�าให้เกิด คนควา ภาวะโลกร้อนซ่งึ เปน็ ปัจจัยหน่ึงที่ท�าให้เกิดภาวะแหง้ แล้ง ตรวจสอบผล Evaluate 3. จดั ระบบการชลประทานใหม้ ีประสิทธภิ าพมากข้นึ 4. ปรบั ปรงุ คณุ ภาพดนิ โดยการใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี เ์ พอ่ื ชว่ ยใหด้ นิ อมุ้ นา้� ไดด้ ี และรกั ษาความชมุ่ ชน้ื ในดินใหพ้ ืชเติบโตได้ดี ครูคดั เลอื กรายงานการศกึ ษาคนควาการ เปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติท่ดี ขี องนักเรียน แลวนาํ มาใหนักเรยี นชวยกันตรวจอีกครั้ง โดยพจิ ารณา กลาวโดยสรุป โลกตองเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปล่ียนแปลงทาง จากความถูกตองครบถวนและความทนั สมัยของ ธรรมชาตมิ ากมาย ทง้ั แผน ดนิ ไหว ภเู ขาไฟปะทุ สนึ ามิ อทุ กภยั แผน ดนิ ถลม การกดั เซาะชายฝง วาตภยั ภาวะโลกรอ น สภาพอากาศแปรปรวน แผนดนิ ถลม ไฟปา ตลอดจนความแหง แลง ขอมลู การนาํ เสนอในดานตางๆ เชน การจดั วาง ซ่ึงภัยพิบัติและการเปล่ียนแปลงดังกลาวเกิดจากปจจัยทางธรรมชาติและจากการกระทําของ มนุษย ไดสงผลกระทบตอสภาพแวดลอมและความเปนอยูของมนุษย และนับวันจะทวีความ โครงสราง การลาํ ดับขอมลู การใชสํานวนภาษา รุนแรงมากขึ้น จึงจําเปนที่ทุกฝายตองหาทางปองกันและแกปญหา เพื่อใหทุกคนไดดํารง การใชภาพ ตาราง แผนท่ี หรือผังกราฟกประกอบ ชวิี ติ ไดอยางปกติสขุ ชว ยใหเขาใจขอมูลไดถ กู ตอ งชัดเจนย่งิ ข้นึ แลวให นกั เรยี นเจาของผลงานนําเสนอสาระสําคญั ของ 105 รายงานการศึกษาคน ควาท่ีหนา ชัน้ เรียน จากนั้น รวบรวมรายงานที่ดไี วเ ปน แหลงการเรยี นรูใ น ชน้ั เรยี น ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู พน้ื ทีบ่ ริเวณใดของประเทศไทยทม่ี กั ประสบปญหาความแหง แลง ครูควรเตรยี มวดี ทิ ศั นหรือภาพยนตรเชงิ สารคดีทีเ่ ก่ยี วของกบั ภาวะโลกรอ น และเกิดจากสาเหตใุ ด เชน ภาพยนตรเ รอ่ื ง An Inconvenient Truth มาใหนักเรยี นพิจารณารว มกัน แลว แนวตอบ พ้นื ทท่ี ่ไี ดรับผลกระทบจากภัยแลงมาก ไดแก บรเิ วณภาค สนทนากับนกั เรยี นถงึ ผลกระทบของภาวะโลกรอ นที่มตี อโลกในดา นตางๆ ตลอดจน ตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนกลาง เพราะเปนบรเิ วณทอ่ี ิทธพิ ลของลมมรสมุ การมสี ว นรวมในการแกไขปญ หาที่เหมาะสมกบั สถานภาพของนกั เรยี น เพ่ือกระตนุ ตะวันตกเฉียงใตเ ขา ไปไมถ ึง และถาปใดไมม ีพายหุ มนุ เขตรอ นเคลอื่ นผา น ใหน ักเรยี นเกิดความสนใจ และมีความรูค วามเขา ใจเกี่ยวกับภาวะโลกรอนและ ในแนวดงั กลาวแลว จะกอ ใหเกิดภัยแลงรุงแรงมากขึน้ ผลกระทบไดชดั เจนย่งิ ข้นึ มมุ IT ศึกษาขอมูลเกีย่ วกับการแกป ญหาโลกรอ นในระดับความรว มมือระหวา ง ประเทศและแนวทางการมีสว นรวมในการแกปญ หาในการดาํ เนนิ ชวี ติ ประจําวัน เพม่ิ เติมไดท่ี http://www.nstda.or.th/nstda-knowledge เวบ็ ไซตคลงั ความรู สํานักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยแี หงชาติ (สวทช.) คูมือครู 105

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถูกตอ งในการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหนว่ ยการเรียนรู้ ประจําหนวยการเรียนรู 1. การเกดิ แผ่นดินไหวท่ีสาธารณรฐั เฮตมิ สี าเหตมุ าจากปัจจัยใด หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 2. จงอธบิ ายถงึ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติในโลก โดยยกตัวอย่างประกอบ 3. นกั เรยี นคิดวา่ ควรปฏิบัติตนอย่างไร เพอ่ื ชว่ ยลดภาวะโลกร้อน 1. ปา ยนเิ ทศภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาติ 4. พืน้ ที่เสีย่ งภัยแผน่ ดนิ ไหวในประเทศไทยอยูบ่ ริเวณใดบ้าง 2. รายงานการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติ 5. ภยั แล้งท่ีเกิดขึน้ ในประเทศไทยเกิดข้นึ จากปัจจัยใด และจะมวี ิธปี ้องกันปญั หาภัยแลง้ ไดอ้ ยา่ งไร 3. สมดุ บนั ทกึ ของนักเรียน กิจสรกา้ รงรสมรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กจิ ก1รรมท่ี ให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติท่ีนักเรียน กิจก2รรมที่ สนใจมา 1 ประเภท แล้วทา� เป็นรายงานส่งครูผสู้ อน กิจกรรมท่ี ใหน้ กั เรียนหาขา่ วเก่ยี วกับการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติทีเ่ กิดข้ึนในภูมิภาค ตา่ ง ๆ ของโลกจากแหล่งการเรียนรู้ เช่น หนังสอื พมิ พ์ อนิ เทอร์เนต็ โทรทัศน์ 3 เป็นต้น คนละ 1 ขา่ ว แลว้ นา� เสนอหน้าชัน้ เรียน ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เลอื กจดั นทิ รรศการเกยี่ วกบั ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ หรอื การเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขนึ้ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก และจัดประชุมสัมมนาผลงานของนักเรียน โดยมคี รูเป็นประธาน มนี ักเรยี นเป็นกรรมการตัดสินผลงาน 106 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรยี นรู 1. ปจจัยสําคญั ของการเกิดไมแ ตกตา งจากการเกดิ แผน ดินไหวในบรเิ วณอ่ืนๆ ของโลก กลา วคอื สาธารณรัฐเฮตมิ ีท่ตี ง้ั บรเิ วณแนวรอยเล่อื นขนาดใหญร ะหวางแผน เปลือกโลก แคริบเบยี นกบั แผนเปลอื กโลกอเมรกิ าเหนือ โดยเกดิ การเคลอื่ นตวั ในทศิ ทางตะวันออก-ตะวนั ตก สง ผลใหม ีผเู สยี ชีวิตประมาณ 200,000 คน อาคารบา นเรอื นสิง่ กอ สรา ง ตา งๆ พงั ทลายจนนานาชาตติ องยื่นมือเขาไปใหการชว ยเหลือ 2. ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงทางธรรมชาตใิ นโลกมีหลายประการ เนอ่ื งจากระบบนิเวศวิทยาของโลกมคี วามสมั พนั ธกนั อยางซบั ซอ น เมือ่ ขาดความสมดุลจงึ สงผลให เกดิ ภยั ทางธรรมชาตติ า งๆ ที่สําคัญไดแก การเกิดภาวะโลกรอน ทาํ ใหอ ุณหภมู ิของน้ําทะเลเกิดการเปล่ยี นแปลง สงผลใหส ัตวทะเลบางชนิดสูญพันธแุ ละเกดิ ปรากฏการณ ปะการังฟอกขาว 3. หลักการปฏิบัติตนในการชวยลดภาวะโลกรอ นกค็ ือ การลดการใชทรพั ยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพลังงาน กลาวคือ ลดการบริโภค เนอ่ื งจากผผู ลติ ตอ งใช ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละพลังงานตางๆ ในการผลติ 4. บริเวณทมี่ ีความเสี่ยงสูงและอาจเกิดความเสยี หายคอนขา งรุนแรงจากแผนดินไหวได คือ ภาคเหนือและภาคตะวนั ตกท่ีตดิ ตอกบั เมียนมา เน่ืองจากอาจไดร บั แรง ส่ันสะเทอื นจากแผน ดนิ ไหวทเ่ี กิดบริเวณแนวรอยเลื่อนขนาดใหญที่ยังมพี ลงั ในเขตเมียนมา 5. ภยั แลงท่ีเกดิ ในประเทศไทยมีปจจยั ทส่ี ําคญั จากลมมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใตม กี ําลงั ออ นลงและมีอทิ ธิพลตอ ประเทศไทยนอย หรอื ลมมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื มีกําลงั รุนแรง และมอี ิทธพิ ลตอ ประเทศไทยมาก แนวโนม ทีจ่ ะเกิดภยั แลงในปนนั้ ก็มีมากขน้ึ นอกจากนก้ี ารไดรบั อิทธพิ ลจากพายุหมนุ เขตรอ นที่เกดิ ในทะเลจนี ใตและทางตะวนั ตกของ มหาสมุทรแปซิฟก ซึง่ จะทาํ ใหเกดิ ฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรง นอ ยกวา 2 ลกู ในปน้ัน กอ็ าจเกิดภาวะภัยแลง ขนึ้ ไดเ ชนกนั 106 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู 1. อธิบายสถานการณและวิกฤตการณด าน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ มใน ประเทศไทยและโลกได 2. เสนอแนวทางการแกไขวิกฤตการณดา น ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มใน ประเทศไทยและโลกได สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญหา 4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 4˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ÙŒ Õè Êถา¹การ³´ าŒ ¹·ร¾Ñ Âากร¸รรมªาµิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค áÅÐʧèิ áÇ´ÅŒÍม 1. ใฝเรยี นรู 2. มงุ มนั่ ในการทํางาน 3. มีจิตสาธารณะ ตัวชี้วัด ·ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔáÅÐÊèÔ§áÇ´ÅŒÍÁÁÕ¤ÇÒÁ กระตนุ ความสนใจ Engage ■ วิเคราะห์สถานการณ์และวิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¡ÒôíÒçªÕÇÔµ¢Í§Á¹ØÉ ઋ¹à´ÕÂǡѺ ครนู ําวีดิทศั นห รือกรณศี ึกษาที่มภี าพประกอบ และสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและโลก (ส 5.2 ม.4-6/1) ÊÔè§ÁÕªÕÇÔµÍè×¹æ ᵋ¡ÒþÖè§¾Ô§ÍÒÈÑ»ÃÐ⪹¨Ò¡ เกี่ยวกบั วกิ ฤตการณดา นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ·ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔ¢Í§Á¹ØÉ Ōǹ·íÒãËŒ สิ่งแวดลอมทีเ่ กิดขึน้ ในสว นตา งๆ ของโลกใน สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ·ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔáÅÐÊèÔ§áÇ´ÅŒÍÁàÊ×èÍÁâ·ÃÁŧ ปจจบุ นั มาใหนกั เรียนพิจารณารวมกัน จากนัน้ à¡Ô´Çԡĵ¡Ò󏷧Ñé ·Ò§´ÒŒ ¹ºÃÃÂÒ¡ÒÈ ´Ô¹ ¹éíÒ »†ÒäÁŒ ต้ังคาํ ถามเพื่อกระตนุ ความสนใจโดยเชือ่ มโยงกบั ■ สถานการณ์การเปล่ียนแปลงลกั ษณะทางกายภาพในสว่ นต่างๆ ÊµÑ Ç» Ò† áÅÐ¾Å§Ñ §Ò¹¢¹éÖ ·ÇÑè âÅ¡ ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒʶҹ¡Òó ประเทศไทยใหนกั เรียนชวยกันตอบ เชน ของโลกทีม่ ีผลตอ่ การเกดิ ภูมิสังคมใหมใ่ นโลก ´ŒÒ¹ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁáÅзÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔ¨Ðª‹ÇÂãËŒ ÊÒÁÒöÇÔà¤ÃÒÐˏʶҹ¡ÒóáÅÐÇԡĵ¡Òó à¾è×Í • สถานการณด า นสิ่งแวดลอมของประเทศไทย ■ วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ ໹š °Ò¹¤ÇÒÁÃãŒÙ ¹¡ÒÃÊÃÒŒ §¤ÇÒÁµÃÐ˹¡Ñ áÅЪNj ¡¹Ñ ในปจจบุ ันมีความสอดคลองสัมพันธกับ ประเทศไทยและโลก Í¹ÃØ ¡Ñ Éʏ §èÔ áÇ´ÅŒÍÁáÅзÃѾÂҡøÃÃÁªÒµµÔ ‹Íä» วิกฤตการณดานสงิ่ แวดลอ มในสว นตา งๆ ของโลกอยางไร ยกตวั อยา งประกอบพอ สังเขป เกรด็ แนะครู ครูควรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พอ่ื ใหนกั เรยี นสามารถวิเคราะหสถานการณแ ละ วิกฤตการณด า นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มในประเทศไทยและโลกได โดยเนน การพฒั นาทักษะกระบวนการตางๆ ดังตวั อยา งตอ ไปน้ี • ครูใหน กั เรียนศกึ ษาความรูเก่ียวกับสถานการณด า นทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมในประเทศไทยจากแหลง การเรยี นรูตางๆ แลว อธบิ ายความรู และอภปิ รายรว มกันกบั เพือ่ นนักเรยี นในประเด็นทค่ี รกู ําหนด จากน้นั คน ควา ขอมูลเพิ่มเติมโดยเนนขอมลู ทีท่ ันสมัย แลว จดั ทําเปน แผนพับสถานการณด าน ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอมในประเทศไทย • ครูใหนกั เรียนศกึ ษาความรูเกี่ยวกบั วิกฤตการณดา นทรพั ยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอมในประเทศไทยจากแหลง การเรยี นรูต า งๆ แลว ชว ยกันอธบิ าย ความรูผานกิจกรรมการเรยี นรูท ่คี รกู าํ หนด จากนน้ั ชวยกันออกแบบและจดั ทาํ การนาํ เสนอผลงานเผยแพรค วามรวู กิ ฤตการณดา นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สงิ่ แวดลอ มในประเทศไทย และแนวทางการปอ งกนั และแกไขวกิ ฤตการณ ดงั กลาว คมู ือครู 107

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ครใู หน กั เรียนศกึ ษาความรูเก่ยี วกบั สถานการณ 1. สถานการณด์ า้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ดานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มใน ในประเทศไทย ประเทศไทยท้งั ในสว นของทีด่ ินและทรพั ยากรดิน ทรัพยากรนํ้า ทรพั ยากรปาไมแ ละสตั วปา และแร ปัจจุบันสถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยได้เปลี่ยนแปลงไป และพลงั งาน จากหนงั สือเรียน หนา 108-116 และ อยา่ งรวดเรว็ ทง้ั ทรพั ยากรดนิ ทรพั ยากรนา�้ ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ ทรพั ยากรแรแ่ ละพลงั งาน แหลงการเรียนรูอ น่ื ทีค่ รเู สนอแนะ เชน หนังสือ เปน็ ต้น การเปลยี่ นแปลงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบตอ่ การดา� เนินชีวิตของคนไทยเป็นอย่างมาก ในหอ งสมดุ http://www.ldd.go.th/ เว็บไซต กรมพัฒนาทดี่ นิ http://www.rid.go.th/ เวบ็ ไซต 1.1 ทด่ี ินและทรัพยากรดิน กรมชลประทาน http://www.dnp.go.th/ เวบ็ ไซต กรมอทุ ยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพชื http:// ประเทศไทยมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 320,696,886 ไร่ หรือ 513,115 ตารางกิโลเมตร www.dmr.go.th/main.php?filename=index พ้นื ทที่ ี่เป็นทิวเขา ที่ลาดเชงิ เขา หุบเขา ส่วนใหญอ่ ยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศ เว็บไซตก รมทรพั ยากรธรณี รวมถงึ เวบ็ ไซตของ ส่วนในภาคใต้มีพ้ืนที่เป็นภูเขาสูงแล้วลาดไปสู่ชายฝั่งท้ังด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ในภาค หนวยงานทเ่ี กี่ยวขอ งในตางประเทศ ตะวันออกมีทิวเขาสลับเนินเขาและท่ีราบโดยรอบทิวเขา ส่วนบริเวณภาคกลางน้ันมีพื้นท่ีเป็น ท่ีราบลมุ่ มีภูเขาโดดอย่ปู ระปราย โดยเฉพาะในภาคกลางตอนบน อธบิ ายความรู Explain 1) การใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศไทย ในปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน โดยแบ่งออกได้ ดังนี้ ครสู นทนารว มกนั กบั นกั เรยี นถงึ ความรูทว่ั ไป แหพลืน้ ง่ ทนี่ า�้ 2.80 % เกี่ยวกบั ท่ีดินและทรพั ยากรดนิ ในประเทศไทยที่ นักเรยี นไดศึกษามา แลว ใหนักเรยี นจบั คเู พอ่ื ชว ย เบพ็ดเ้ืนตทลี่ ็ด 3.63 % กันอธิบายความรูเ ก่ียวกับท่ดี นิ และทรัพยากรดิน 5.15 % ในประเทศไทย โดยนักเรียนแตล ะคแู ลกเปลย่ี น พนื้ ทชี่ มุ ชน ความรูซงึ่ กนั และกนั แลว แบงหนาที่กนั รบั ผดิ ชอบ คนละ 1 ดา น จากดานการใชประโยชนที่ดินและ และสิง่ ปลูกสร้าง การเปล่ยี นแปลงการใชท่ดี นิ จากนนั้ ครูสมุ นกั เรยี น ท่ีรบั ผิดชอบดา นการใชประโยชนทีด่ ินใหผ ลัดกนั พ้ืนท่ี ออกมาอธบิ ายความรูดา นการใชประโยชนทดี่ นิ ใน ประเทศไทย โดยการชวยกันจัดทําผงั วงกลมแสดง ปา่ ไม้ 34.06 % การใชป ระโยชนข องท่ดี ินในประเทศไทยจากขอ มลู ท่ี ตนศึกษาคน ความาทีก่ ระดานหนา ชนั้ เรียน เกษพตนื้รกทรี่ รม 54.36 % ที่มา : ส่วนวิเคราะหส์ ภาพการใชท้ ่ดี ิน ส�านกั นโยบายและแผนการใชท้ ีด่ ิน กรมพัฒนาทีด่ นิ , 2558. พ้นื ที่เกษตรกรรม มีประมาณ 174.3 ล้านไร่ สว่ นใหญใ่ ชท้ า� นา ปลกู ขา้ ว ปลูกพืชไร่ ไมผ้ ล ไมย้ ืนต้น พืชผัก เลีย้ งสัตว์และเพาะเลีย้ งสัตว์นา้� เปน็ ต้น พ้ืนที่ป่าไม้ มีประมาณ 109.2 ลา้ นไร่ พ้นื ทชี่ มุ ชนและสงิ่ ปลกู สร้าง มปี ระมาณ 16.5 ล้านไร่ พืน้ ทีเ่ บด็ เตล็ด รวมถงึ พ้นื ทีว่ ่างเปลา่ ไม่ไดใ้ ชป้ ระโยชน์ มีประมาณ 11.6 ลา้ นไร่ 108 พนื้ ทแ่ี หล่งนา�้ มีประมาณ 8.9 ล้านไร่ เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดไมใชปจจัยสาํ คญั ตอการใชดินในประเทศไทย ครคู วรใหนกั เรยี นสืบคนขอมลู การใชท่ดี ินในปจ จบุ ัน (หรอื ครูรวบรวมขอ มลู 1. ความหลากหลายทางวฒั นธรรม จัดทาํ ใบความรูก ารใชท่ดี นิ ในปจจบุ นั ) จากแหลง ขอมูลในรปู แบบตางๆ เชน 2. ความตองการทางเศรษฐกิจ สถติ ทิ ่ีดิน http://olp101.ldd.go.th/luse1/luse_product51-52.htm และแผนท่ี 3. การกาํ หนดพน้ื ที่ปา อนุรักษ การใชท ่ดี ิน http://olp101.ldd.go.th/luse1/pdf/thailand51_52.pdf เว็บไซต 4. การวางผังเมอื ง ภมู ิสารสนเทศดินและการใชป ระโยชนทดี่ ิน กรมพัฒนาทด่ี ิน มาใหน กั เรยี น วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ความหลากหลายทางวัฒนธรรม แมใน พจิ ารณา แลว สนทนารวมกนั กบั นกั เรยี นถึงการเปลีย่ นแปลงการใชประโยชนท ี่ดนิ ภมู ิภาคตางๆ ของประเทศไทยจะมปี ระชากรท่ีมคี วามแตกตางทางวัฒนธรรม ในประเทศไทย ปจจัยสาเหตุ และผลกระทบในดานตางๆ จากนน้ั นกั เรยี นบันทึก ไดแ ก ภาษา ศาสนา หรอื การประกอบอาชพี แตมิไดเ ปน ปจ จัยสําคญั ตอ การ สาระสําคญั ลงในสมุด เพอ่ื ใหนักเรยี นเกิดความเขาใจความสมั พันธร ะหวา งการ ใชทด่ี ินในประเทศไทยเชนเดียวกบั ความจาํ เปน ทางเศรษฐกจิ และมาตรการ ดําเนินกิจกรรมตางๆ ของคนไทยกบั ทีด่ ินในประเทศไทย เกย่ี วกบั ท่ดี ินจากหนว ยงานภาครฐั เชน การวางผังเมอื ง หรือการกําหนดพืน้ ที่ ปา อนรุ กั ษ เปน ตน 108 คูม อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2) การเปลี่ยนแปลงการใช้ท่ีดิน เน่ืองจากที่ดินไม่สามารถเพิ่มได้ ดังน้ัน 1. ครใู หต วั แทนนกั เรยี นที่รับผิดชอบดานการ เปลี่ยนแปลงการใชท ด่ี นิ ออกมาอธิบายความ การเพิม่ ข้นึ ของการใช้ท่ดี ินประเภทหนึ่งจึงมผี ลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ทีด่ ินอีกประเภทหนงึ่ เปลีย่ นแปลงของการใชที่ดินในประเทศไทย มูลเหตุทีท่ �าใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ แต่ละประเภท มีดังนี้ โดยการวิเคราะหและเปรียบเทียบผังวงกลม 1. ความต้องการเพิ่มพ้ืนทเี่ กษตรกรรม เนื่องจากความตอ้ งการผลผลติ ท่ีเพิ่มข้นึ แสดงการใชป ระโยชนท ี่ดนิ ในหนงั สือเรียน และการแสวงหาทดี่ นิ ทม่ี คี วามสมบรู ณ ์ ทา� ใหต้ อ้ งบกุ รกุ พนื้ ทป่ี า่ ไม ้ ถงึ แมจ้ ะมคี วามพยายามในการ หนา 108 กบั ผังบนกระดานหนาชั้นเรียน แลว รกั ษาพนื้ ทป่ี า่ ไมแ้ ละมกี ารปลกู ปา่ ไมเ้ พม่ิ ขนึ้ กต็ าม แตพ่ นื้ ทปี่ า่ ไมก้ ล็ ดลงอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ครสู นทนากับนกั เรยี นถงึ การเปล่ยี นแปลงการ 2. การขยายตัวของชุมชนท่ีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเพ่ิมข้ึนของประชากร ใชท ่ีดนิ ของประเทศไทยในปจจุบัน นักเรียน ท�าใหต้ อ้ งมีการเปล่ียนแปลงการใชพ้ น้ื ท ี่ เช่น จากทีเ่ คยเป็นพ้นื ท่เี กษตรกรรมก็เปลี่ยนแปลงเป็น สรปุ สาระสาํ คัญเกยี่ วกับท่ีดนิ และทรัพยากรดิน พน้ื ทใี่ นการสรา้ งทอี่ ยอู่ าศยั รสี อรต์ สรา้ งระบบสาธารณปู โภคตา่ ง ๆ เชน่ ถนน ไฟฟา้ แหลง่ นา้� เปน็ ตน้ ลงในสมุด 3. พื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ลดลง เน่ืองจากการเข้าไปใช้พื้นท่ีของทางราชการ การบุกรกุ เขา้ ไปท�ากนิ สรา้ งท่อี ยอู่ าศยั รสี อร์ต การปลูกป่าเพ่ือขยายพ้นื ท่ีป่าไม้ 2. ครูต้ังคําถามเกย่ี วกับความรทู ั่วไปดาน 4. ความต้องการใช้น้�ามากขึ้น จากการขาดแคลนน้�าในช่วงฤดูร้อนของทุกป ี ทรพั ยากรนํ้าในประเทศไทยแลวสมุ ใหนักเรยี น ความตอ้ งการพน้ื ท ี่มาสร้างทีก่ กั เก็บน้า� จงึ เพมิ่ ขนึ้ เช่น สรา้ งเข่ือน อา่ งเก็บน�า้ คลองสง่ น้�า เพอ่ื ตอบ เพื่อเปนการอธิบายความรู เชน การเกษตรและผลติ กระแสไฟฟา้ เป็นตน้ • ทรัพยากรนา้ํ จดื ในประเทศไทยทส่ี ามารถนํา มาใชป ระโยชนในดา นตางๆ นนั้ มที ม่ี าจาก 1.2 ทรัพยากรน้า� ปรากฏการณท างภูมิศาสตรใดเปนสําคัญ (แนวตอบ ทรัพยากรน้ําจืดในประเทศไทยซึง่ นา�้ เปน็ ปจั จยั สา� คญั ในการดา� รงชวี ติ ทงั้ ของมนษุ ย ์ สตั ว ์ และพชื ในประเทศไทยนอกเหนอื จาก มปี ระโยชนใ นการดํารงชวี ิต การประกอบ การใช้นา�้ เพอ่ื การดา� รงชีวติ โดยตรงแลว้ ยงั ใช้ในการเกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม ผลติ กระแส อาชีพ และการคมนาคมขนสง มีทีม่ าจาก ไฟฟ้า และประเพณตี ่าง ๆ ถอื ได้ว่าคนไทยมีวถิ ชี ีวิตที่ผูกพนั กับน้�ามาตง้ั แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน น้าํ ฝนเปน หลกั ซึ่งสว นใหญเกดิ ขนึ้ จาก น้�าฝนเป็นแหล่งที่มาหลักของแหล่งน�้าตามธรรมชาติ ประเทศไทยมีปริมาณฝนเฉล่ียปีละ อทิ ธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉยี งใตท ่ี 1,550 มิลลิเมตร หรือคิดเป็นปริมาณฝนท่ีตกลงมาปีละประมาณ 800,000 ล้านลูกบาศก์เมตร พดั พาความช้นื มากอ ใหเกดิ ฝนตกในท่ัว แลว้ กลายไปเปน็ นา�้ ผวิ ดนิ (นา�้ ในแมน่ า�้ ลา� คลอง หนอง บงึ เขอื่ น) ซมึ ลงสใู่ ตด้ นิ กลายเปน็ นา้� บาดาล ทุกภมู ิภาคของประเทศไทยในชว งฤดฝู น และถูกดนิ ดดู ซบั ไว ้ อกี สว่ นหนึ่งถกู พืชดูดไปใช ้ นอกจากน้นั ระเหยอยู่ในอากาศ นอกจากน้ีพายุหมุนเขตรอนท่ีมักเกิดขนึ้ นา�้ ฝนทตี่ กในประเทศไทยเกดิ จากลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตร้ ะหวา่ งเดอื นพฤษภาคมถงึ เดอื น ในชวงปลายฤดฝู นก็มอี ิทธพิ ลอยางมากตอ ตุลาคม และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม นอกจากน้ัน ปริมาณน้าํ ฝนของประเทศไทยเชน กนั ) ในระหว่างปลายฤดูฝนมักเกิดพายุดีเปรสชันจากทะเลจีนใต้ท่ีน�าฝนมาตกอีกส่วนหนึ่ง ท�าให้ ประเทศไทยมีน�้าพอใช้ภายในประเทศ แต่เน่ืองจากความต้องการใช้น�้าเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเน่ือง ในขณะเดียวกันปริมาณน�้าเสียก็กลับเพ่ิมมากข้ึนและเกิดข้ึนในทุกภูมิภาค ทั้งน้�าเสียจากชุมชน อตุ สาหกรรม และการเกษตร มผี ลใหค้ ณุ ภาพน้า� ในแม่น้�าหลายสายต่�ากว่ามาตรฐาน ซง่ึ อาจท�าให้ เกิดการขาดแคลนน�้าขน้ึ ได้ในอนาคต หากไม่มกี ารบรหิ ารจดั การน�้าท่ีดี 109 บูรณาการเชอื่ มสาระ เกร็ดแนะครู ครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรูบ ูรณาการวิชาหนาท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม ครูควรเตรียมขอ มลู การใชที่ดนิ และการเปลย่ี นแปลงการใชท ่ีดนิ ภายในทอ งถ่นิ และการดําเนินชีวิตในสงั คม เรื่องปจจัยกอ เกดิ ของวฒั นธรรมไทย ลักษณะ หรือจังหวัด แลวนํามาอภปิ รายรวมกนั กบั นักเรยี นถงึ ลกั ษณะการใชท่ีดนิ ดังกลา วใน ทางวฒั นธรรมไทย ดา นวัฒนธรรมท่เี กีย่ วขอ งกับลักษณะทางภูมิศาสตร ดา นตา งๆ เชน การเปล่ยี นพ้นื ที่เกษตรกรรมเปนหมบู านจดั สรร โรงงานอตุ สาหกรรม โดยใหนักเรียนยกตัวอยา งวัฒนธรรมที่เกยี่ วของกับทรัพยากรธรรมชาติและ หรอื แหลงทอ งเที่ยว ผลดหี รอื ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงการใชท่ดี ิน รวมถงึ สงิ่ แวดลอมตา งๆ เชน การแหน างแมว การทาํ บ้งั ไฟ ของคนในภาคตะวัน- แนวทางการวางแผนการใชทด่ี ินอยางถูกตองเหมาะสม เพอ่ื ใหน กั เรียนเขา ใจถึง ออกเฉยี งเหนอื เพ่อื ขอฝนในการทําการเกษตร ประเพณกี ารอมุ พระดํานํา้ สาเหตุทางเศรษฐกิจซ่งึ สง ผลตอการเปลีย่ นแปลงการใชทดี่ ินสว นใหญใ นปจ จบุ นั การชักพระ ในภาคกลางและภาคใต แลว อธิบายใหนกั เรียนเขาใจถงึ ความ สัมพนั ธข องมนษุ ยกบั สง่ิ แวดลอม โดยเนนบรบิ ทของสงั คมไทย เพื่อให มมุ IT นักเรียนตระหนักถึงความสาํ คัญของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ ม อนั เปน ปจจัยกอเกดิ ของวัฒนธรรมไทย และมสี วนรว มในการอนรุ ักษ ศึกษาขอมลู เกี่ยวกับทรพั ยากรดินในประเทศไทยเพม่ิ เติมไดท ่ี http://oss101. ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมตางๆ ldd.go.th/web_soils_for_youth/s_thailand2.htm เวบ็ ไซตสํานกั สาํ รวจและวิจัย ทรัพยากรดนิ กรมพฒั นาที่ดนิ คมู ือครู 109

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูต้ังประเดน็ ใหน ักเรยี นอภปิ รายรวมกนั เกี่ยวกบั ยม น่ำแนหใ1นลภ่งนำคำ�้ ทเหสี่ นำ� คือญั แใมนน่ ป�ำ้ รเะจเ้ำทพศรไะทยยำในไดภ้แำกค่กแลมำง่น้�ำแสมำ่นย้�ำสแำ� มค่กัญลใอนงภในำคภตำ่ำคงตๆะวันเชตน่ ก แมน่ ้�ำปงิ วัง ปริมาณนํา้ ฝนเฉลย่ี ของประเทศไทย เชน แมน่ �ำ้ มูลและ ปฏสิ ัมพันธทางภูมศิ าสตรใ นบรรยากาศภาค แมน่ ำ�้ ชใี นภำคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื แมน่ ำ�้ บำงปะกงในภำคตะวนั ออก แมน่ ำ�้ ตำปใี นภำคใต้ เปน็ ตน้ ธรณภี าค และอุทกภาคกับการดาํ เนินชีวติ ของ นอกจำกน้ยี ังมเี ข่อื นในภำคตำ่ ง ๆ ท่ัวประเทศเพอ่ื กักเกบ็ นำ้� ไว้ใช้ในฤดูแล้ง คนไทย โดยใชขอ มลู จากตารางแสดงปรมิ าณ นา้ํ ฝนเฉลีย่ ตามภาค พ.ศ. 2542-2546 ในหนังสอื ตารางแสดงปรมิ าณฝนเฉล่ยี ตามภาค พ.ศ. 2555-2558 เรียน หนา 110 และความรทู ี่ไดศกึ ษามา เพื่อให นกั เรยี นเกดิ ความรคู วามเขา ใจถึงความสัมพันธ ภาค ปรมิ าณฝนเฉลยี่ ปรมิ าณฝนเฉล่ีย ปริมาณฝนเฉลย่ี ปรมิ าณฝนเฉล่ีย ระหวา งลักษณะทางภูมิศาสตรท ี่มีอทิ ธพิ ลตอการ พ.ศ. 2555 (มม.) พ.ศ. 2556 (มม.) พ.ศ. 2557 (มม.) พ.ศ. 2558 (มม.) ดาํ เนินชีวิตของคนไทย เชน ในภาคตะวนั ออก- เฉยี งเหนือที่มีปรมิ าณนํ้าฝนเฉลย่ี ตอ ปค อ นขา ง ภำคเหนือ 1,206.0 1,301.1 1,172.7 1,053.1 มาก แตการทําการเกษตรไดผลผลติ ไมคอ ยดีนกั 993.0 1,179.6 เนอ่ื งจากลกั ษณะของดนิ สว นใหญในภาคน้นั เปน ภำคกลำง 1,317.4 1,262.1 1,727.3 1,654.8 ดนิ รวนปนทรายทีไ่ มอมุ น้ํา เปน ตน ภำคตะวนั ออก 1,894.0 2,033.5 1,382.6 1,190.2 2. ครใู หต ัวแทนนกั เรยี นอธบิ ายการใชป ระโยชน จากทรพั ยากรน้ําในประเทศ คนละ 1 ดาน ภำคตะวันออกเฉียง- 1,205.2 1,554.5 1,737.4 1,520.0 แลวใหน กั เรียนชว ยกนั ลําดบั ความสาํ คัญของ เหนือ 2,879.0 2,591.9 การใชป ระโยชนจากทรัพยากรน้ําในประเทศไทย 1,648.7 1,531.6 และวิเคราะหถ ึงความแตกตางจากการใช ภำคใตฝ้ ง่ั ตะวนั ออก 1,213.7 2,270.2 ทรพั ยากรนํ้าในสว นอืน่ ๆ ของโลกทีไ่ ดศ กึ ษามา จากนน้ั ครูและนักเรียนชวยกนั สรุปสาระสําคญั ภำคใตฝ้ ง่ั ตะวนั ตก 2,973.5 2,721.8 ของทรพั ยากรนา้ํ และการใชประโยชนจาก ทรัพยากรน้าํ ในประเทศไทย ทว่ั รำชอำณำจกั ร 1,482.4 1,857.2 ท่มี า : กรมอตุ นุ ิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร. 1) การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน�้า น้�ำเป็นส่วนประกอบท่ีส�ำคัญของส่ิงมีชีวิต โดยเฉพำะมนุษย์ทีม่ ีน้�ำเปน็ ส่วนประกอบของร่ำงกำยส่วนใหญ่ และเปน็ องคป์ ระกอบที่สำ� คญั ของ ระบบนิเวศดว้ ย นอกจำกนี้ ทรัพยำกรน�ำ้ ยังมีประโยชนต์ ่อประชำชนคนไทย ดงั นี้ 1. ใชใ้ นกำรอปุ โภคบริโภค เชน่ ใชด้ ่มื ช�ำระล้ำงทำ� ควำมสะอำด เป็นตน้ 2. ใชใ้ นกำรเพำะปลูก เช่น ใชใ้ นกำรทำ� นำ ทำ� สวน ทำ� ไร่ ปลูกผัก เปน็ ต้น 3. ใช้ในกำรเพำะเล้ียงสัตว์น�้ำ แหล่งน้�ำนอกจำกเป็นแหล่งเพำะพันธุ์สัตว์น้�ำแล้ว ยงั ใชใ้ นกำรเพำะเล้ียงสัตว์น้�ำเพือ่ สร้ำงรำยได้ให้กบั ผูเ้ ลี้ยง 4. ใช้ในภำคอุตสำหกรรม เช่น ใช้เป็นส่วนหน่ึงของผลิตภัณฑ์ ใช้ในกำรระบำย ควำมรอ้ นใหก้ บั เครอ่ื งจกั ร ใช้ในภำคอุตสำหกรรมกำรท่องเท่ียวและบริกำร เปน็ ต้น 5. ใช้ในกำรคมนำคมขนส่ง แม้ว่ำปัจจุบันกำรคมนำคมทำงน�้ำลดลงมำกแล้ว แต่ก็ยังมีบำงชุมชนยังคง2ใช้ในกำรเดินทำงและกำรขนส่งทำงน้�ำอยู่ โดยเฉพำะกำรขนส่งระหว่ำง ประเทศ เช่น แม่น้ำ� โขง เป็นต้น 110 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT การสรางสรรควัฒนธรรมดา นศาสนาและความเช่ือในขอ ใดเปน การใช 1 แมน ้ําปง วงั ยม นา น เปน แควนํา้ สาํ คัญของแมนํ้าเจา พระยา มีตนน้าํ อยู ประโยชนจ ากสิง่ แวดลอ ม ในทิวเขาผีปน นํา้ และทิวเขาอืน่ ๆ ในภาคเหนอื แลวไหลลงสหู บุ เขาในภาคเหนือ 1. การทาํ นาป และทร่ี าบภาคกลาง โดยแมน ํา้ ปงบรรจบกบั แมนาํ้ วังทจี่ งั หวดั ตาก สว นแมน ํา้ นา น 2. การจุดบ้ังไฟ บรรจบกบั แมน า้ํ ยมทจี่ ังหวัดนครสวรรค จากน้ันแมน าํ้ ปง ไหลรวมกับแมน า้ํ นานที่ 3. การทาํ นาเกลอื ปากนาํ้ โพ อาํ เภอเมอื งนครสวรรค จงั หวดั นครสวรรค อันเปน จุดเริม่ ตน ของแมน า้ํ 4. การผลติ กระแสไฟฟา เจาพระยา วิเคราะหคําตอบ การทํานาปและการทํานาเกลอื เปน การสรา งสรรค 2 แมน ํา้ โขง ตนนํา้ เกดิ จากทิวเขาถังกลู า ทางตะวนั ออกของเขตปกครองตนเอง วัฒนธรรมในดา นการประกอบอาชพี โดยใชป ระโยชนจากสงิ่ แวดลอ มที่ ทเิ บตในประเทศจนี ไหลไปทางตะวันออกเฉียงใต และผานดานตะวนั ออกของ เอ้ืออาํ นวย ไดแก การมดี นิ อุดมสมบูรณแ ละมนี าํ้ เพยี งพอตอ การทาํ นา และ อนิ โดจีน กลายเปนเสน เขตแดนระหวา งประเทศลาวและเมียนมา และเสนเขตแดน มีผลกึ เกลอื อยูช ้ันหินใตดิน ตามลาํ ดับ สวนการผลติ กระแสไฟฟาเปน การ สว นใหญระหวา งประเทศลาวกับไทย แลว ไหลไปทางใตผ า นกมั พชู าและเวยี ดนาม สรา งสรรคน วัตกรรมดา นพลังงาน สําหรบั การจดุ บ้งั ไฟเปน วฒั นธรรมในการ ลงสทู ะเลจนี ใต มคี วามยาวประมาณ 4,200 กโิ ลเมตร พยายามแกปญ หาสิ่งแวดลอ มโดยมีพน้ื ฐานมาจากความเชื่อในทอ งถิ่น ดงั น้นั คาํ ตอบคอื ขอ 2. 110 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 1. ครสู ุม นักเรียนใหผลัดกันอธิบายสถานการณ การใชน า้ํ ในประเทศไทย คนละ 1 ดา น ตามท่ี 6. ใชใ้ นการผลติ นา�้ ประปาและการผลติ กระแสไฟฟา้ ซงึ่ เปน็ การผลติ ทม่ี ตี น้ ทนุ ตา่� ครกู าํ หนด ไดแก การใชน ้าํ ในการเพาะปลูก ท้ังไม่ก่อใหเ้ กิดมลพิษตอ่ ส่ิงแวดล้อม การใชน้ําในการเล้ียงสตั ว การใชนา้ํ ใน 7. ใช้ในการนันทนาการ เพ่ือการพักผ่อนหย่อนใจ และการเล่นกีฬา เช่น การ อตุ สาหกรรม การใชนํา้ ในการอุปโภคบริโภค แขง่ ขันกีฬาทางน้า� ใชเ้ ปน็ ที่พกั ผอ่ นตามชายหาด หนอง บงึ เป็นตน้ ในครวั เรือน การใชน ้าํ ในกจิ กรรมอื่นๆ และ ผลกระทบจากการใชน ํา้ แลวครูเสนอแนะ 2) สถานการณ์การใช้น�้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกส่งผลให้ปริมาณ เพ่ิมเตมิ หรอื ปรับปรงุ แกไ ขเพ่อื ความถูกตอ ง ชัดเจนของความรูเกี่ยวกบั สถานการณการใช น�้าฝนมีความแปรปรวนมากข้ึน ในขณะที่ความต้องการใช้น�้าในการอุปโภคบริโภค ในภาคการ นํา้ ในประเทศไทยโดยเฉพาะสถานการณใ น เกษตรและภาคอตุ สาหกรรมมีมากขึน้ โดยเฉพาะในฤดูแลง้ มกั มคี วามตอ้ งการใช้น้า� ในด้านตา่ ง ๆ ปจ จุบัน เชน แนวคิดการสรา งเขอ่ื นแมว งก มาก กวา่ ปรมิ าณนา�้ ตน้ ทนุ ทมี่ อี ย ู่ ถงึ แมว้ า่ ทรพั ยากรนา�้ จะเปน็ ทรพั ยากรหมนุ เวยี น แตป่ ระเทศไทย หรอื เข่อื นแกง เสอื เตนในลมุ แมน ้ํายม เพ่ือ ไม่สามารถสร้างแหล่งกักเก็บน้�าได้เพียงพอ ดงั นั้น จงึ ควรใชน้ ้�าอย่างประหยดั บรรเทาปญหาอุทกภยั ซึง่ เปน การแกไขปญ หา ท่ปี ลายเหตุ เน่อื งจากผลการศึกษาของ 1.3 ทรัพยากรป่าไม้และสตั ว์ป่า หนวยงานท่ีเกี่ยวของตางๆ พบวา การสราง ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส�าคัญของมนุษย์ เนื่องจากเป็นแหล่งอาหาร ยารักษาโรค เขือ่ นท้งั สองแหง นนั้ ไมสามารถบรรเทาผล และยงั สามารถนา� มาสรา้ งเปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั อปุ กรณเ์ ครอ่ื งใชอ้ กี ดว้ ย ประเทศไทยตงั้ อยใู่ นภมู ภิ าคของ กระทบจากอทุ กภยั ไดเ ทา ท่ีควร อีกทง้ั ยังกอ โลกทอ่ี ดุ มสมบรู ณไ์ ปดว้ ยปา่ ไม ้ ดงั จะเหน็ ไดว้ า่ เมอ่ื ประมาณ 40 ปที ผ่ี า่ นมา ประเทศไทยมพี นื้ ทปี่ า่ ไม้ ใหเ กิดการสูญเสยี พ้ืนที่ปาไม สตั วป า สงผลให อยถู่ งึ 171 ลา้ นไร ่ (ร้อยละ 53 ของพ้ืนทปี่ ระเทศทงั้ หมด 320 ล้านไร่) กระท่ังจากการรายงาน ระบบนิเวศบริเวณตน นา้ํ ขาดความสมดลุ รนุ แรง ของ กรมปา่ ไมใ้ น พ.ศ. 2551 พนื้ ทปี่ า่ ไมไ้ ดล้ ดลงเหลอื 99.15 ลา้ นไร ่ (รอ้ ยละ 30 ของพน้ื ทปี่ ระเทศ ยงิ่ ข้ึน จากนน้ั นักเรียนบนั ทึกสาระสําคญั ทงั้ หมด) เทา่ นนั้ และการลดลงของพนื้ ทปี่ า่ ไมน้ น้ั ยงั สง่ ผลตอ่ การลดลงของจา� นวนสตั วป์ า่ อกี ดว้ ย เกี่ยวกบั ทรพั ยากรนํ้าในประเทศไทยลงในสมดุ จากนโยบายเพ่ิมปริมาณป่าไม้ด้วยการเพิ่มพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์และส่งเสริมการปลูกป่า อีกท้ัง 2. ครสู นทนารว มกับนกั เรียนถึงความรูท ่ัวไป การประกาศปิดปา่ (การยกเลกิ สัมปทานป่าไม)้ ต้ังแต ่ พ.ศ. 2532 เปน็ ต้นมา ส่งผลให้พน้ื ที่ปา่ ไม้ เกีย่ วกบั ทรัพยากรปา ไมและสัตวป า ในประเทศ มีปรมิ าณเพมิ่ ข้ึน แตก่ ารลักลอบตัดไม้และลา่ สัตวป์ า่ ก็ยังคงมอี ยอู่ ย่างตอ่ เน่อื ง ตารางแสดงชนิดของปา่ ไม้ในประเทศไทย ชนดิ ของป่าไม้ บริเวณทพี่ บ พืชพรรณธรรมชาติ ปา่ ดิบชื้น บริเวณฝนตกชกุ ภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ออก ยาง ตะเคียน ปาล์ม หวาย ไผ ่ เถาวลั ย์ ทนี่ ักเรยี นไดศกึ ษามา แลว ต้งั คาํ ถามให ป่าดบิ แล้ง ทกุ ภาคของประเทศ มะค่าโมง ตะเคยี นหิน ปาลม์ หวาย ขิง ขา่ นกั เรยี นชวยกันตอบ เชน ป่าดบิ เขา ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ไมว้ งศ์กอ่ สนสามพนั ป ี พญาไม้ อบเชย • ทรพั ยากรปาไมแ ละสตั วป า ของประเทศไทย ปา่ สน ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนอื สน พลวง เตง็ รัง อยูใ นสถานการณเชนไร ปา่ ชายเลน บรเิ วณชายทะเลทเี่ ปน็ โคลน คอื ชายฝ่ังอ่าวไทย โกงกาง แสม ล�าพู (แนวตอบ ทรัพยากรปา ไมและสัตวปา ของ ชายฝงั่ ทะเลตะวนั ออกและตะวนั ตก ประเทศไทยอยใู นสถานการณเ สอื่ มโทรม ปา่ เบญจพรรณ ภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1 เนอื่ งดว ยในปจจบุ นั พ้ืนท่ปี าไมเ หลือเพยี ง ป่าพรุ รอยละ 30 ของพน้ื ทปี่ ระเทศทงั้ หมด ซ่ึงสง สัก แดง ประด่ ู มะค่าโมง กก ไผ่ ผลกระทบอยา งรุนแรงตอ สตั วปาหลายชนิด ริมฝง่ั ทะเลท่มี ีนา้� ขังและบรเิ วณปากแม่นา้� ในภาคใต ้ จกิ อินทนลิ น้า� อบเชย หวาย หมากแดง (โดยเฉพาะจงั หวดั นราธิวาส) 111 จนกอใหเกดิ การสญู พันธุ เนอ่ื งจากขาด ท่ีอยอู าศยั และแหลง อาหาร นอกจากน้ยี งั กอ ใหเกดิ ปญหาในระบบนิเวศดานอ่นื ๆ) กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู ครอู าจมอบหมายใหน ักเรียนคนควาขอ มูลเกี่ยวกับการเกิดอุทกภัยใน 1 สัก ไมเนอ้ื แขง็ ทม่ี ลี วดลายสวยงามและทนทาน ปราศจากปญหาเกยี่ วกบั ประเทศไทย พ.ศ. 2554 แลว สรปุ สาระสาํ คญั ในดานสาเหตุ ลักษณะการ การทาํ ลายของมอดและปลวก ตลอดจนเชอ้ื รา จงึ นิยมนาํ มาใชประโยชนในการ เกิดผลกระทบ และการฟน ฟแู ละแนวทางการปองกันแกไ ขจากหนว ยงาน กอ สรา งและทําเคร่ืองเรือน แตเนื่องจากในปจ จุบันจํานวนตนสกั ลดนอ ยลง และ ทเ่ี กยี่ วของตางๆ สง ครูผูสอน มาตรการอนรุ ักษท รพั ยากรปาไมอ ยา งตอ เนือ่ งของภาครฐั ทาํ ใหมกี ารสรางสรรค วัสดทุ ดแทนไมรปู แบบตางๆ ขนึ้ อยางหลากหลาย กิจกรรมทาทาย มมุ IT ครอู าจมอบหมายใหน ักเรียนศึกษาคนควาขอมลู เก่ยี วกบั แนวทางการ ศึกษาคนควาความรเู ก่ยี วกบั สถานการณแ ละการอนรุ กั ษท รัพยากรนาํ้ จดั การนาํ้ ในประเทศไทย เพอ่ื ปอ งกนั และบรรเทาปญหาภัยแลงและอุทกภัย ทรัพยากรปา ไมและสตั วป า ในประเทศไทยเพ่มิ เติมไดท ่ี http://www.wwf.or.th/ จากผูเช่ยี วชาญและหนวยงานท่ีเกย่ี วขอ งตางๆ เพือ่ เปน ขอมูลในการจดั ทํา about_us/wwf_thailand_history/ เวบ็ ไซตข องกองทุนเพอื่ การอนรุ กั ษส ัตวปาโลก แนวทางการจดั การทรัพยากรนาํ้ ในประเทศไทยสง ครผู ูสอน (World Wildlife Fund : WWF) ประเทศไทย คูม ือครู 111

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูจบั คูนักเรียนตามตาํ แหนงทีน่ ั่งในชน้ั เรียน 1) การใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสัตว์ปา่ มนุษย์รู้จกั ใชป้ ระโยชนจ์ าก เพือ่ ใหช ว ยกนั อธบิ ายความรูเกีย่ วกับทรพั ยากร ปาไมและสตั วป า ในประเทศไทย โดยใหนกั เรยี น ปา่ ไม้มาเป็นเวลายาวนาน และได้รบั ประโยชน์จากปา่ ไม้ ทั้งโดยตรงและโดยออ้ ม ดังน้ี แลกเปลีย่ นความรซู ึ่งกันและกัน แลวแบง หนา ที่กนั 1. ใชไ้ มเ้ ปน็ วสั ดุก่อสรา้ งและใชส้ อย โดยใชส้ ร้างบา้ นเรอื น อปุ กรณใ์ ชส้ อยอน่ื ๆ รับผดิ ชอบคนละ 1 ดาน จากดานการใชป ระโยชน เช่น ตู้ โต๊ะ และเคร่ืองมือเครื่องใช้ในชีวิตประจ�าวัน นอกจากน้ันยังรวมถึงการใช้ผลผลิตอื่น ๆ ทรพั ยากรปา ไมและสัตวป า และสถานการณ จากต้นไม้ เชน่ ยางไม ้ สีจากเปลือก ราก ใบ ดอก เมล็ดของพชื เป็นตน้ ทรัพยากรปาไมแ ละสตั วปา จากน้ันครูสมุ นักเรยี น 2. ใชเ้ ปน็ อาหารและยารักษาโรค สว่ นตา่ ง ๆ ของพืช เช่น ราก ล�าต้น ใบ ดอก ทรี่ บั ผิดชอบดานการใชป ระโยชนทรัพยากรปา ไม และผล นา� มาใชเ้ ปน็ อาหารและยารกั ษาโรค รวมท้งั ยงั สกัดเอายางหรือสว่ นส�าคญั ของพชื มาผลิต และสตั วปาใหอ อกมาอธบิ ายความรูโ ดยชว ยกนั เปน็ ยารักษาโรคไดด้ ว้ ย จดั ทาํ ผงั กราฟกแสดงการใชป ระโยชนทรัพยากร 3. ใช้เปน็ เชอ้ื เพลิง ตน้ ไม้ถูกตดั มาใชเ้ ป็นเชื้อเพลงิ สา� หรับหงุ ตม้ ประกอบอาหาร ปาไมในประเทศไทยในรปู แบบตา งๆ ตามความ และเปน็ เชอ้ื เพลงิ เพอื่ กจิ การอนื่ เชน่ ทพ่ี กั เผาไลแ่ มลง รวมทงั้ การนา� ไมห้ รอื ยางไมม้ าใหแ้ สงสวา่ ง สามารถและความสนใจ เชน ตาราง ผงั ความคดิ ในเวลากลางคนื หรือผงั วงกลมบนกระดานหนาช้นั เรียน ครใู ห 4. ช่วยลดโลกร้อน ต้นไม้ช่วยดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศ นกั เรียนคนอืน่ ชวยกันเพ่ิมเตมิ หรือปรับปรุงผัง และปล่อยแก๊สออกซิเจนออกไป จึงช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ นอกจากนั้นต้นไม้ยังให้ความชื้น ดังกลาวหรอื ขอมูลเพ่ือความถูกตอ งชดั เจนย่งิ ข้นึ แก่อากาศ จงึ มสี ่วนช่วยให้มฝี นตกดว้ ย 5. ชว่ ยปอ้ งกนั ภยั ธรรมชาต ิ ตน้ ไมช้ ว่ ยชะลอความเรว็ ของลม และของกระแสนา�้ 2. ครูตั้งคําถามเกยี่ วกับการใชป ระโยชนท รัพยากร หากเกดิ พายแุ ละนา้� ไหลทว่ มทรี่ นุ แรง ทงั้ ยงั ลดความสญู เสยี ของหนา้ ดนิ และการสญู เสยี ทรพั ยากร สัตวป าในประเทศไทย แลว สุมนกั เรียนท่รี บั ผิด จากป่าอื่น ๆ จาก6.ก าเรปไน็ หทลี่อขยออู่ งากศรัยะแขสอนงส้�าไตั ดว้ด ์ ต้วยน้ ไมห้ รือป่าไมเ้ ป็นที่อยูห่ รือบ้านของสัตว์ปา่ 1และยัง ชอบดานการใชประโยชนทรัพยากรปาไมแ ละสัตว เปน็ อาหารแก่สตั ว์ทอี่ าศัยในป่าด้วย ปา ใหตอบคาํ ถาม เพื่อการอธบิ ายความรู ตวั อยา ง สว่ นการใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วป์ า่ มนษุ ยร์ จู้ ักน�าสตั ว์ป่ามาใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้ ขอ คาํ ถามเชน 1. อาหารและยา เนอื้ และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ใชเ้ ป็นอาหาร และอวัยวะ เช่น เลือด • ทรัพยากรสัตวป า มีประโยชนตอสภาพแวดลอม เขา หนงั น�ามาทา� ยารกั ษาโรคหรือยาบ�ารงุ ก�าลงั โดยรวมอยา งไร อธบิ ายพรอ มยกตัวอยาง 2. เครอื่ งนุ่งหม่ และเครอื่ งประดบั ใช้หนังหรอื ขนมาท�าเครื่องนุ่งหม่ เขา กระดกู ประกอบพอสังเขป ขน มาทา� เคร่ืองประดบั เป็นตน้ (แนวตอบ สตั วปาชวยใหร ะบบนิเวศในสภาพ 3. สรา้ งความสมดลุ ใหก้ บั ระบบนเิ วศ สตั วป์ า่ ชว่ ยก�าจดั ศตั รพู ชื เชน่ หนอน แมลง แวดลอมมีความสมดุล ท้ังจากการควบคมุ หนู ท่ีท�าลายพืชป่า ทั้งยังช่วยกระจายพันธุ์พืชจากการกินเมล็ดพืช แล้วไปถ่ายมูลไว้ที่อื่นก็จะ จาํ นวนพืชพนั ธุและสัตวป า แตละชนิดตามหวง กระจายพนั ธพุ์ ชื 4ต.อ่ ไสปัญ แญลาะณมเูลตขืออนงภสัตัยวธ์ยรังรชมว่ชยาใตหิ ด้ นิ สอัตุดวม์ปส่ามมบักูรมณีสด์ ัญ้วชยาตญาณรับรู้ภัยธรรมชาติท2่ี โซอาหาร โดยเฉพาะสัตวท ี่เปนศัตรูพืชท่สี าํ คัญ เกดิ ขน้ึ ลว่ งหนา้ เช่น การสง่ เสยี งรอ้ ง การอพยพย้ายถ่นิ เมอื่ จะเกิดภยั ธรรมชาต ิ ท�าใหม้ นุษยไ์ ด้ ทางเศรษฐกจิ ของเกษตรกรไทย เชน แมลงและ สงั เกตและเรยี นรู้จากการหนีภัยของสัตว ์ นา� มาใชป้ อ้ งกนั ภัยทจ่ี ะเกิดขึน้ กบั ตนเอง หนูทที่ ําลายพชื ไรพ ชื สวน รวมถงึ การแพรพ ันธุ พืชดวยวธิ ีการตางๆ เชน การถายเมล็ดพืชของ 112 สตั วป า ในพื้นท่ีหา งไกล ทําใหพ นั ธพุ ืชแพรพ ันธุ ไดก วางขวางย่งิ ขึ้น นอกจากน้มี ูลของสัตวป า ยังมีแรธาตทุ ชี่ ว ยใหดินเกิดความอดุ มสมบรู ณ อกี ดวย) นักเรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั ประโยชนข องปา ชายเลนตอมนษุ ย 1 สัตวปา หลายชนิดทีม่ สี ถานะใกลส ูญพนั ธุใ นประเทศไทยไดร บั การคุมครอง ปา ชายเลนมีประโยชนอยางไร ตามพระราชบญั ญัติสงวนและคุมครองสัตวปา พทุ ธศกั ราช 2535 รวม 15 ชนิด เชน 1. เปนแหลง อาหาร นกเจา ฟา หญงิ สริ นิ ธร กูปรีหรือโคไพร และพะยูนหรอื หมนู ้าํ อยา งไรกต็ ามมีสัตวปา 2. เปนแหลงรายได หลายชนิดที่คาดวา นา จะสญู พันธุไปแลว เชน สมัน กวางชนดิ หนึง่ ที่มเี ขาสวยงาม 3. ชว ยรกั ษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝง เปนตน 4. กอใหเ กดิ ความหลากหลายของพืชและสตั ว 2 สญั ชาตญาณรบั รภู ยั ธรรมชาติ จากการศึกษาของผูเช่ยี วชาญพบวา สตั วปา วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. - 4. ปาชายเลนเปน ระบบนิเวศยอยๆ หลายชนดิ มีสญั ชาตญาณการรับรูภ ัยธรรมชาติ เชน ฝูงนกพริ าบปาในประเทศจีนจะ ของพื้นท่ีบรเิ วณชายฝง มพี นั ธุไมหลากหลายชนดิ ข้ึนอยอู ยางหนาแนน อพยพออกจากพน้ื ที่ที่จะเกดิ แผนดินไหวท่มี คี วามรนุ แรงระดบั ปานกลาง โดยรับรไู ด จงึ มีประโยชนท้งั ในการเปน แหลง อาหารและทรพั ยากรทางเศรษฐกิจใน ภายในรศั มีประมาณ 50 กโิ ลเมตร กระท่งั สตั วเ ลย้ี งอยา งสุนัขและแมวก็อาจรับรถู ึง ระดับชมุ ชน และเปน แหลงวางไขและอนบุ าลลูกของสตั วนา้ํ จงึ กลา วไดว า การเกิดภัยธรรมชาติไดเ ชนกนั ตัวอยา งเชน ใน พ.ศ. 2538 สนุ ขั และแมวในเมืองโกเบ ปา ชายเลนมีความสาํ คัญอยางยง่ิ ตอ ระบบนิเวศของชายฝง ประเทศญ่ีปนุ ที่มีอาการต่นื ตระหนก กาวราวและสง เสียงรอ งอยา งกระวนกระวาย กอ นการเกดิ แผนดินไหวอยา งรุนแรงซึง่ ทําใหมผี ูเ สียชวี ติ ประมาณ 6,500 คน สิง่ กอ สรางพังทลายจาํ นวนมาก เชน บา นเรือนกวา 200,000 หลงั และทางดวนฮนั ชิน 112 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู àÊÃÔÁÊÒÃÐ ครสู มุ ใหน ักเรียนผลดั กันอธบิ ายความรเู กยี่ วกับ ปา เพื่อการอนุรักษประเภทตา งๆ ของไทย ไดแก ปาเพอ่ื การอนุรกั ษ อทุ ยานแหงชาติ วนอุทยาน เขตรักษาพันธสุ ัตวป า เขตหามลาสัตวปา สวนพฤกษศาสตร และสวน ปาเพื่อการอนรุ กั ษ์ คอื ปา ไมท้ ี่สงวนไว้เพอื่ การรกั ษาสมดลุ ของระบบนิเวศ เชน่ อากาศ ดิน นา้� พันธ์พุ ืชและ รุกขชาติ แลว สนทนารวมกนั กับนกั เรยี นถึงปา พันธ์สุ ัตวท์ ีห่ ายาก เพอื่ ประโยชนข์ องประชาชนโดยรวม พนื้ ทป่ี า เพอ่ื การอนุรกั ษ์ จ�าแนกเป็นพ้นื ที่ปาประเภทตา่ ง ๆ เพ่อื การอนุรกั ษในทอ งถิน่ ของตนหรอื ท่สี าํ คัญของ ดังน้ี ประเทศ เชน อทุ ยานแหง ชาติเขาใหญ ทับลาน ปางสดี า ตาพระยา และเขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วปา 1. อทุ ยานแหงชาติ เปน็ พ้นื ที่ทีม่ ีไว้เพอ่ื การอนุรักษป์ าไม้ สัตวป์ า เพอื่ รักษาความสวยงามตามธรรมชาติ ดงใหญ ท่ีไดร ับการขน้ึ ทะเบยี นมรดกโลกจาก และการศึกษา โดยอทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญเ่ ป็นอุทยานแหง่ ชาตแิ หง่ แรก จัดตัง้ ใน พ.ศ. 2505 มพี ้ืนท่ี 1,355,397 องคก รยเู นสโกในประเภทมรดกทางธรรมชาตใิ นชื่อ ไร่ อยู่ในพ้นื ท่จี ังหวดั นครนายก สระบุรี นครราชสีมา และปราจีนบรุ ี อุทยานแหง่ ชาติอ่ืน ๆ เช่น อุทยานแหง่ ชาติ ปาดงพญาเย็น-เขาใหญ ใน พ.ศ. 2548 ในดาน แกง่ กระจาน จัดต้ังใน พ.ศ. 2524 มพี น้ื ที่ 1,821,875 ไร่ จังหวดั เพชรบุรีและประจวบครี ขี ันธ์ เปน็ ต้น ความเปน มา ความสาํ คญั สถานการณใ นปจจบุ ัน รวมถงึ แนวทางการสงเสริมการมสี ว นรวมภาค 2. วนอุทยาน เปน็ พน้ื ท่ีทจ่ี ัดไวเ้ พอ่ื การพักผ่อนหย่อนใจ มกี ารตกแตง่ ทิวทศั นเ์ พ่อื ความสวยงาม โดยพ้ืนที่ ประชาชนในการอนุรกั ษพ ื้นท่ปี า ดงั กลาว ของวนอทุ ยานจะไมก่ วา้ งขวางนกั วนอทุ ยานทส่ี า� คญั เชน่ วนอทุ ยานนา้� ตกแพง อา� เภอเกาะสมยุ จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี มพี ้นื ท่ี 20,000 ไร่ วนอุทยานบอ่ น�้าร้อน อา� เภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีพ้ืนท่ี 19,400 ไร่ 3. เขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า เปน็ พนื้ ทป่ี า ทจ่ี ดั ไวใ้ หเ้ ปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสตั วป์ า เพอ่ื รกั ษาหรอื ขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า ที่สญู พนั ธุ์ เชน่ เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั ว์ปา ทงุ่ ใหญน่ เรศวร อ�าเภออมุ้ ผาง จงั หวดั ตาก มพี ้นื ที่ 2,000,000 ไร่ เขตรักษา พันธุ์สตั วป์ าหว้ ยขาแข้ง จังหวัดตากและอุทยั ธานี มพี ื้นท่ี 1,609,150 ไร่ เป็นต้น 4. เขตหา มลา สตั วป า เปน็ พน้ื ทปี่ า ทจ่ี ดั ใหเ้ ปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสตั วป์ า บางชนดิ เชน่ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า ทะเล นอ้ ย จังหวดั พทั ลุง สงขลา และนครศรธี รรมราช มพี ื้นท่ี 288,625 ไร่ เขตห้ามลา่ สตั ว์ปาทะเลสาบสงขลา จงั หวดั พัทลุงและสงขลา มีพ้ืนที่ 227,916 ไร่ เขตห้ามล่าสัตว์ปาเข่ือนล�าปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี และขอนแก่น มีพน้ื ท่ี 210,938 ไร่ และเขตหา้ มล่าสัตวป์ า บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ มีพน้ื ที่ 133,600 ไร่ เป็นต้น 5. สวนพฤกษศาสตร เปน็ พน้ื ทท่ี จ่ี ดั ไวเ้ พอ่ื การรวบรวมพนั ธไ์ุ ม้ การศกึ ษา การขยายพนั ธ์ุ และการพกั ผอ่ น หย่อนใจของประชาชน สวนพฤกษศาสตร์ส่วนใหญ่จัดไว้ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เช่น สวนพฤกษศาสตร์แม่สา อ�าเภอแม่รมิ จงั หวดั เชียงใหม่ มพี ้ืนที่ 2,000 ไร่ สวนพฤกษศาสตร์พแุ ค อา� เภอเมอื ง จงั หวัดสระบรุ ี มีเนื้อที่ 1,875 ไร่ เป็นต้น 6. สวนรุกขชาติ เป็นพื้นทที่ จ่ี ัดข้นึ คลา้ ยสวนพฤกษศาสตร์ แต่นยิ มปลกู พันธุไ์ ม้ในท้องถ่นิ เพอื่ การศกึ ษา และรักษาพนั ธ์ุไม้ในทอ้ งถิ่น และเพ่ือการพักผอ่ นหย่อนใจ เชน่ สวนรกุ ขชาติวงั ก้านเหลือง อา� เภอชัยบาดาล จังหวดั ลพบรุ ี มีเน้ือท่ี 1,200 ไร่ เปน็ ตน้ 113 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT บรู ณาการอาเซียน ขอ ใดคือปา เพ่อื การอนุรักษใ นประเทศไทยทจี่ ดั อยใู นประเภทเดยี วกัน ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซียนโดยมจี ดุ มงุ หมายใหน ักเรียน 1. เขาใหญ แกง กระจาน มคี วามรูค วามเขา ใจเกี่ยวกับการอนุรักษทรพั ยากรปา ไมในประเทศสมาชกิ อาเซยี น 2. แกง กระจาน หวยขาแขง โดยครูเตรียมภาพและขอมลู (หรือมอบหมายใหนกั เรยี นสืบคนรวบรวม) เกี่ยวกบั 3. หว ยขาแขง ทงุ ใหญน เรศวร ปาเพอื่ การอนรุ กั ษของประเทศสมาชิกอาเซยี น จากแหลง ขอ มูล เชน องคก รดา น 4. ทงุ ใหญนเรศวร บึงบอระเพด็ ส่ิงแวดลอ ม หนังสือในหองสมดุ และเวบ็ ไซต แลว นาํ มาอภิปรายรวมกนั ในชนั้ เรยี น ถึงลักษณะพืชพรรณและสัตวปา ความสาํ คญั และประโยชนในระบบนเิ วศ รวมถงึ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เขาใหญ แกงกระจาน เปนอทุ ยานแหง ชาติ แนวทางการอนรุ กั ษท รัพยากรปาไมตามกรอบความรว มมือประชาคมอาเซยี น ที่สําคญั ของไทย โดยเขาใหญไดรับการจัดตัง้ เปน อทุ ยานแหงชาตแิ หงแรกใน มุม IT พ.ศ. 2505 สวนแกงกระจานไดร บั การจัดตัง้ ใน พ.ศ. 2524 และเปน อทุ ยาน แหงชาติทมี่ ีเนอ้ื ทม่ี ากทส่ี ุด สว นหว ยขาแขง และทงุ ใหญนเรศวรเปน เขตรกั ษา ศกึ ษาความรเู กยี่ วกับกลุม ปาอนุรกั ษใ นประเทศไทยเพ่มิ เตมิ ไดท่ี http://seub. พันธสุ ตั วปา และบึงบอระเพด็ เปนเขตหามลา สตั วป า or.th/index.php?option=com_content&view=category&id=65&Itemid=80 เว็บไซตมลู นธิ สิ ืบนาคะเสถยี ร คูมอื ครู 113

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หนักเรียนที่รับผิดชอบดา นสถานการณ 2) สถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเขต ทรพั ยากรปา ไมและสัตวปา ชวยกนั อธบิ าย ความรูเกี่ยวกบั สถานการณท รัพยากรปาไม อากาศร้อนช้ืน พืชและสัตว์ในประเทศไทยจึงมีความหลากหลาย สภาพแวดล้อมมีระบบนิเวศท่ี และสตั วป า ของประเทศไทยในปจจบุ นั แลวครู สลับซับซ้อน มีความเชอ่ื มโยงสมั พนั ธ์กนั กบั ระบบนิเวศในภมู ิภาคและในโลก ในส่วนท่ีเก่ยี วขอ้ ง นํานกั เรียนในการสรุปผลการศึกษาโดยเสนอ กับชีวิตมนุษย์นั้น คนไทยรู้จักการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่ามานาน แต่เน่ืองจากสภาพแวดล้อมที่ แนะขอมูลเพิ่มเตมิ หรอื ปรบั ปรุงเพอ่ื ใหถ ูกตอง เปล่ียนแปลงและการลดปริมาณของสัตว์ป่า ได้ท�าให้การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าเปลี่ยนไปบ้าง ชัดเจนยิ่งขน้ึ นักเรยี นบนั ทึกสรปุ ผลการศึกษา แตก่ ย็ งั มีคนไทยจา� นวนมากทย่ี ังพึ่งพงิ การใชป้ ระโยชน์จากสัตว์ปา่ อยู่ เก่ยี วกบั ทรพั ยากรปา ไมแ ละสัตวป าลงในสมดุ 1.4 แร่และพลงั งาน 2. ครูสนทนากับนักเรยี นถงึ ความรทู ว่ั ไปเกี่ยวกับ ประเทศไทยไดม้ ีการน�าแรม่ าใชเ้ ปน็ เวลานาน โดยเฉพาะดีบุก ตะก่ัว เหล็ก ทองแดง และ แรแ ละเช้อื เพลงิ ในประเทศไทยที่นักเรยี น ทอง ในปัจจุบนั ก็ได้มีการนา� แรต่ า่ ง ๆ มาใช ้ ทั้งแร่โลหะ อโลหะ และเชือ้ เพลิง ดังตาราง ไดศกึ ษามา แลวสุมนักเรียน 2-3 คน ให อธบิ ายความรเู กี่ยวกบั แรโลหะท่ีสาํ คญั ของ ตารางแสดงชนิดของแรแ่ ละประโยชนข์ องแร่ในประเทศไทย ประเทศไทยในดา นแหลง และประโยชนข องแร ทห่ี นาชัน้ เรยี น ชนิดของแร่ แหล่งผลิตแร่สา� คัญ ประโยชน์ของแร่ แรโ่ ลหะสา� คญั ดีบุก (Tin) จงั หวดั ภเู กต็ พงั งา ยะลา สงขลา เชยี งใหม ่ ใช้ในการเคลือบโลหะต่าง ๆ เช่น ฉาบแผ่นเหล็ก กาญจนบรุ ี และนครศรีธรรมราช ทา� กระปอ๋ งบรรจอุ าหาร ใชท้ า� อปุ กรณ์ในอตุ สาหกรรม ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ชุบสังกะสี มุงหลังคา เปน็ ตน้ ตะก่ัว (Lead) จังหวัดกาญจนบุร ี และเลย ใชท้ �าขวั้ และแผน่ เซลล์แบตเตอร่ี ตะกัว่ บดั กรี ท่อนา้� กระสนุ ปนื สะพานไฟ เคลอื บภาชนะ เป็นต้น สงั กะสี (Zinc) จังหวดั ตาก กาญจนบุรี เชียงใหม ่ ท�าสังกะสีมุงหลังคา เคลือบแผ่นเหล็ก กระป๋อง และแม่ฮ่องสอน เปน็ ตน้ เหลก็ (Iron) จงั หวัดนครสวรรค์ เพชรบรู ณ์ อุทัยธาน ี ใชใ้ นอุตสาหกรรมเหลก็ กลา้ และเหล็กแปรรูป นครราชสมี า เลย ประจวบครี ขี นั ธ์ และนครศรธี รรมราช แมงกานีส จงั หวัดเลย เชยี งราย เชียงใหม ่ ล�าพนู ใช้ในอตุ สาหกรรมเหลก็ กลา้ โลหะผสม โลหะเชื่อม (Manganese) ถ่านไฟฉาย เป็นตน้ พลวง (Antimony) จังหวัดกาญจนบรุ ี ตาก ลา� ปาง แพร่ ใชผ้ สมตะกว่ั ทา� แผน่ กรดิ แบตเตอร ี่ ผสมตะกวั่ และดบี กุ และสตลู ท�าตัวพิมพ์ และโลหะผสมบัดกรี หุ้มสายโทรศัพท์ สายไฟขนาดใหญ ่ ทา� หมกึ พมิ พโ์ รเนยี ว ใชใ้ นการแพทย ์ เปน็ ตน้ ทองแดง (Copper) จังหวดั ฉะเชิงเทรา และเลย ใชใ้ นอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ เชน่ สายไฟฟา้ โทรทศั น์ วทิ ย ุ เครอื่ งจักรกล เครือ่ งมือวิทยาศาสตร ์ โทรเลข ทงั สเตนหรอื วุลแฟรม จงั หวดั กาญจนบรุ ี ตาก และเพชรบรุ ี ใช้ผสมเหล็กกล้า ท�าเครื่องจักรกล ใบมีด ตะไบ (Tungsten) ไสห้ ลอดไฟฟ้า ทองคา� (Gold) จังหวัดพจิ ิตร และนราธิวาส ใช้ท�าเครื่องประดับ ใช้แทนเงินตรา ใช้เป็นหลัก ประกันทางการคลัง ท�าเคร่ืองมือวิทยาศาสตร์และ 114 ทนั ตกรรม เป็นต้น เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอใดแสดงถงึ ภมู ปิ ญญาไทยในการใชป ระโยชนท รพั ยากรแรและพลงั งาน ครูอาจนาํ ภาพขา วเกีย่ วกับการจดั การสิง่ กอ สราง เชน ทพ่ี ักตากอากาศ 1. การสรา งเขื่อนขนาดใหญเ พือ่ ผลิตกระแสไฟฟา สวนสตั ว และชมุ ชน ท่บี ุกรุกพืน้ ทปี่ า เพอื่ การอนุรกั ษต างๆ เชน การสรา งทพี่ กั ตาก 2. ความเช่ียวชาญในการเจยี ระไนเพชรพลอยของชางไทย อากาศในอุทยานแหง ชาติทางทะเลของนายทนุ และหนวยงานทเี่ กยี่ วขอ งตา งๆ มา 3. การทําเหมอื งแรดว ยเทคโนโลยสี มัยใหมจากชาติตะวนั ตก ใหนกั เรียนพจิ ารณารว มกนั แลว ตัง้ ประเดน็ อภปิ รายท่ชี ว ยพฒั นาทกั ษะการคดิ 4. ความสาํ คัญของพลังงานจากน้าํ มนั และแกสธรรมชาตติ อภาคเศรษฐกิจ แกปญ หา เชน การอนรุ กั ษป าไมโดยการบังคับใชกฎหมายหรอื การสรางจิตสาํ นึก ของไทย แกป ระชาชน ปาชุมชน : แนวทางการอยูรวมกนั ระหวา งคนกับปา จากนั้นครูและ วเิ คราะหค าํ ตอบ ภาคตะวันออกเปน แหลงแรอ โลหะ ประเภทรัตนชาติ นกั เรยี นชวยกนั สรุปผลการอภปิ ราย เพ่ือใหน กั เรียนเขาใจสถานการณก ารบุกรกุ ที่สําคัญของประเทศและภมู ภิ าคมาตั้งแตอดีต ความรแู ละทกั ษะเชงิ ชางใน พ้ืนท่ปี า เพอ่ื การอนุรกั ษในประเทศไทย อนั จะนาํ ไปสกู ารมจี ิตสํานกึ และการมี การเจียระไนและทาํ เคร่อื งประดับของชางชาวไทยที่สืบทอดกันมาแตโบราณ สวนรว มในการอนรุ ักษทรัพยากรปา ไมในประเทศไทย ประกอบกบั เทคโนโลยีวิทยาการสมยั ใหมด า นอตุ สาหกรรมเครอ่ื งประดบั จาก ชาติตะวนั ตก สง ผลใหเ คร่ืองประดบั จากฝม ือชางชาวไทยเปน ทย่ี อมรบั ใน ระดับโลก ดงั นนั้ คําตอบคอื ขอ 2. 114 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 1. ครูตงั้ คําถามเก่ียวกับแรอโลหะทส่ี าํ คญั ของ ประเทศไทยใหต วั แทนนกั เรยี นตอบ เพือ่ ชนิดของแร่ แหลง่ ผลิตแร่ส�าคัญ ประโยชน์ของแร่ อธบิ ายความรู เชน แร่อโลหะส�าคัญ • จงั หวัดนครศรีธรรมราชเปน แหลง ของแร ยิปซมั (Gypsum) จังหวัดนครสวรรค ์ พจิ ติ ร สุราษฎรธ์ าน ี ใช้ทา� ปูนซีเมนต ์ ปนู ปลาสเตอร ์ ดนิ สอ และนครศรีธรรมราช แผ่นยิปซมั ปยุ๋ อดั ยาง อโลหะใดทม่ี ีคุณคา ทางเศรษฐกจิ อธิบาย หนิ ปนู (Limestone) พรอ มยกตวั อยา งประกอบพอสงั เขป จงั หวดั สระบรุ ี นครศรธี รรมราช เพชรบุร ี ใช้ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรม (แนวตอบ จงั หวดั นครศรีธรรมราชเปนแหลงแร หินดินดาน (Shale) ราชบรุ ี และล�าปาง ฟอกหนัง หินก่อสร้าง อุตสาหกรรมน้�าตาล อโลหะทม่ี คี ณุ คาทางเศรษฐกจิ ของประเทศ อตุ สาหกรรมแกว้ สารเคม ี ผงซกั ฟอก เปน็ ตน้ หลายประเภท เชน ยิปซัม ใชในการทํา 1 ปนู ซีเมนต ปยุ หนิ ปูนและหินดนิ ดาน ใชใน จังหวดั สระบุร ี นครราชสีมา นครศรธี รรมราช ใชใ้ นอตุ สาหกรรมปนู ซเี มนตเ์ ปน็ สว่ นใหญ่ อุตสาหกรรมซีเมนตและฟอกหนงั เปน ตน) ดนิ ขาว (Kaolin) และสงขลา จงั หวัดลา� ปาง อุตรดติ ถ์ ลพบรุ ี ปราจีนบรุ ี ใชใ้ นอตุ สาหกรรมเครอื่ งปน้ั ดนิ เผา เพชรบุรี ราชบุรี ระยอง นครศรธี รรมราช กระเบอื้ งเคลอื บ เครอ่ื งสขุ ภณั ฑ ์ เปน็ ตน้ ระนอง และนราธิวาส โดโลไมต ์ (Dolomite) จังหวดั แพร ่ กาญจนบรุ ี สรุ าษฎรธ์ านี ใชใ้ นการผลติ แมกนเี ซยี ม ซง่ึ ใชเ้ ปน็ วสั ดทุ นไฟ 2. ครูสนทนารวมกันกบั นักเรียนถงึ แรเช้ือเพลงิ หรือฉนวน ใช้ในอุตสาหกรรมแก้วและกระจก และพลังงานทีส่ าํ คญั ของประเทศไทย แลวต้งั นครศรธี รรมราช และตรงั ใชป้ รบั สภาพดนิ ในการเกษตร คาํ ถามทีเ่ ก่ยี วของกบั ประเภท แหลง แร และ ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งประดบั ใชใ้ นอตุ สาหกรรมการทา� ประโยชนการใชง าน ท่ีสาํ คัญคือ การเชอื่ มโยง รัตนชาต ิ (Gemstone) จังหวัดกาญจนบรุ ี จันทบรุ ี และตราด ถงึ ผลของการใชแรเช้อื เพลิงที่กอใหเกิดแกส นาฬกิ าขนาดเลก็ เรอื นกระจก ใหนักเรยี นชวยกนั ตอบ เชน • แรเ ช้ือเพลิงและพลังงานทสี่ ําคญั ของ แรเ่ ชอ้ื เพลงิ และพ2ลังงานสา� คัญ ประเทศไทยมคี วามเหมาะสมตอ การใช ลกิ ไนต์ (Lignite) จงั หวัดลา� ปาง เชยี งใหม ่ พะเยา ล�าพนู ตาก ใช้เป็นเชอื้ เพลิงธรรมชาติท่ีนา� มาใชท้ ดแทนนา�้ มัน ประโยชนทามกลางวกิ ฤตการณภาวะ เพชรบรุ ี เลย และกระบ่ี โลกรอ นหรือไม อยางไร (แนวตอบ แรเ ชื้อเพลิงและพลังงานทส่ี ําคัญ ปโิ ตรเลยี ม (Petroleum) แหลง่ แม่สูน แหลง่ สนั ทราย จังหวดั เชียงใหม ่ ใชเ้ ปน็ พลงั งานเชอ้ื เพลงิ ประกอบดว้ ยนา�้ มนั ดบิ ของประเทศไมเ หมาะสมตอ การใชประโยชน แหล่งน้�าพอง จังหวัดขอนแก่น แหล่งดงมูล แกส๊ ธรรมชาต ิ และแกส๊ ธรรมชาตเิ หลว จังหวดั กาฬสินธุ ์ แหลง่ ภฮู อ่ ม จงั หวดั อดุ รธานี แหล่งสิริกิต์ิ จังหวัดก�าแพงเพชร แหล่งปรือ ทา มกลางภาวะโลกรอ นในปจ จบุ นั เทา ท่ีควร กระเทียม แหล่งวัดแตน จังหวัดพิษณุโลก เนือ่ งจากกอใหเ กิดแกสเรอื นกระจกขึ้นสู แหลง่ บงึ หญา้ แหลง่ บงึ มว่ ง จงั หวดั กา� แพงเพชร บรรยากาศ ทงั้ การเผาไหมถา นหิน ชนดิ และสโุ ขทัย แหล่งวิเชียรบุรี จงั หวัดเพชรบูรณ ์ และพืน้ ทอ่ี า่ วไทย กลุม่ แหล่งเอราวัณ บรรพต ลกิ ไนต ซ่งึ มคี ณุ ภาพไมดีน้ันกอใหเ กดิ ควัน สตลู ปลาทอง กะพง ปลาแดง จักรวาล ฟนู าน ตราด ปะการัง ไพลนิ และสรุ าษฎร์ แร่เป็นทรัพยากรที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เมื่อน�ามาใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถเกิดขึ้น และแกส ตา งๆ มาก รวมถงึ การใชเ ชอื้ เพลิง มาแทนที่ได้อีก นอกเสียจากว่าเมื่อน�ามาใช้แล้วจะน�าไปดัดแปลง ปรับปรุงเพ่ือน�าไปใช้ได้อีก จากน้าํ มนั และแกส ธรรมชาติดวย อยา งไร แต่ในปัจจุบันความต้องการในการใช้ภายในประเทศมีเพิ่มมากข้ึน โดยเฉพาะในระยะท่ีประเทศ กต็ ามประเทศไทยไดล ดการใชแรเช้อื เพลิง มกี ารขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ทา� ใหแ้ รท่ มี่ อี ยขู่ าดแคลน ซง่ึ จะเกดิ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ของประเทศ และพลงั งานขา งตน จากสาเหตุตางๆ ทงั้ การ ใกลจะหมดไปของถา นหนิ ความพยายาม 115 ในการพฒั นาพลงั งานสะอาดของรฐั บาล และหนว ยงานท่ีเกี่ยวของเพอื่ การอนรุ ักษ สิ่งแวดลอม) ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู การใชท รัพยากรแรและพลงั งานประเภทใชแ ลวหมดไปของมนษุ ยอยา ง 1 ดนิ ขาว (Kaolin) หรือ China clay คอื แรอโลหะทเี่ กิดจากแรงอัดและ ขาดจติ สํานกึ กอ ใหเกดิ วิกฤตการณอยา งไร ความรอนของหินแกรนติ จนกลายเปน ดินท่ีออ นนมุ พบครั้งแรกบริเวณชะงอ นผาสงู แนวตอบ การใชทรัพยากรแรแ ละพลงั งานประเภทใชแ ลว หมดไปของมนษุ ย ในประเทศจนี ท่ีเรียกวา Kaolin เปน วตั ถุดิบในการผลิตเคร่อื งเซรามิกคณุ ภาพสูง อยา งขาดจติ สาํ นึก การจัดการและวางแผน ในการพฒั นาอุตสาหกรรมและใน นอกจากนั้นยังใชใ นอุตสาหกรรมสี กระดาษและยาอีกดวย ชีวติ ประจําวันมาตงั้ แตก ารปฏิวัติอุตสาหกรรม ทาํ ใหแรแ ละพลงั งานประเภท ใชแลวหมดไปท่ีสาํ คญั ตา งๆ เชน นา้ํ มัน แกส ธรรมชาติ เกดิ วิกฤตการณ 2 ลิกไนต (Lignite) เปน ถานหินชนิดหน่งึ ทจ่ี ดั วามคี ณุ ภาพคอนขา งต่าํ เนือ่ งจาก อยา งรุนแรง คือ มปี รมิ าณลดลงอยา งตอ เน่ืองและมแี นวโนมหมดไปในอนาคต มีความชื้นสงู และลุกไหมเองไดง าย รวมถงึ มีควนั จากการเผาไหมม าก และให อันใกล หากไมมกี ารคน พบแหลงแรแ ละพลังงานอ่นื เพม่ิ เติม ทั้งนี้การเพิ่มขนึ้ ความรอนตํ่ากวา ชนดิ อ่นื โดยชนดิ ของถานหินในโลกแบงตามระดับคณุ ภาพ ไดแ ก อยา งรวดเร็วของประชากรโลกประกอบกบั เศรษฐกิจแบบทุนนยิ มก็เปน ปจจัย แอนทราไซต บทิ ูมนิ ัส ซับบิทมู ินัส ลกิ ไนต และพตี ตามลาํ ดบั เรง ทีส่ ําคญั เชนกนั ดังนั้นทุกคนจงึ ควรมีจิตสาํ นึกและมีสวนรว มในการอนุรักษ ทรัพยากรแรและพลังงานอยางจรงิ จงั คูมือครู 115

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู ครสู ุมนักเรียนใหออกมาอธิบายความรเู กี่ยวกับ ส�าหรับพลังงานเป็นปัจจัยส�าคัญทางเศรษฐกิจและการด�าเนินชีวิตในปัจจุบัน ดังจะเห็น พลงั งานประเภทตา งๆ ของประเทศไทย ที่ตาราง ได้จากในชว่ งท่ีขาดแคลนพลงั งานหรอื มีการควบคุมปรมิ าณการผลติ พลังงาน ทา� ให้สินค้าราคาสูง บนกระดานหนา ชนั้ เรียน โดยครกู าํ หนดหัวขอ เพราะส่งผลต่อตน้ ทนุ การผลติ ทใ่ี ชพ้ ลงั งานเปน็ เช้ือเพลงิ เปน็ ตน้ ไวบางสวน ไดแ ก ลกั ษณะของพลังงาน สภาพ พลงั งานที่ใชใ้ นประเทศไทยแบง่ เป็นประเภทตา่ ง ๆ ได้แก่ และปญหาการใชพลังงาน แนวทางการแกไขหรอื 1. พลงั งานหมนุ เวยี น ไดแ้ ก ่ พลงั งานแสงอาทติ ย ์ มฟี ารม์ พลงั งานแสงอาทติ ยเ์ กดิ ขนึ้ พฒั นาการใชพ ลังงานดังกลา วและอน่ื ๆ แลว ครู มากมาย เชน่ จงั หวัดนครราชสีมา ลพบุร ี เปน็ ต้น เนอื่ งจากมตี ้นทนุ การผลิตลดลง พลงั งานน้�า และนักเรียนอภปิ รายรว มกนั ถึงสถานการณด า น ใชใ้ นการผลติ กระแสไฟฟา้ โดยมแี หลง่ ผลติ ทส่ี า� คญั เชน่ เขอื่ นศรนี ครนิ ทร ์ จงั หวดั กาญจนบรุ ี เขอ่ื น ทรพั ยากรแรและพลังงานในประเทศไทย จากนน้ั ภมู พิ ล จงั หวดั ตาก เปน็ ตน้ มกี ารใชพ้ ลงั งานลมมากขน้ึ เชน่ อา� เภอดา่ นขนุ ทด จงั หวดั นครราชสมี า นักเรยี นสรุปความรูที่ไดจากการศกึ ษาลงในสมดุ เปน็ ตน้ พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ สามารถนา� มาพฒั นาใชใ้ นการผลติ กระแสไฟฟา้ แหลง่ ทสี่ า� คญั เช่น แหล่งบ้านโป่งนก-โป่งฮ่อม อ�าเภอสันก�าแพง แหล่งบ้านโป่งน้�าร้อน อ�าเภอฝาง จังหวัด ขยายความเขา ใจ Expand เชยี งใหม ่ เปน็ ตน้ พลงั งานชวี มวล เปน็ พลงั งานทไี่ ดจ้ ากพชื และสตั ว ์ เชน่ การใชฟ้ นื และถา่ นในการ หงุ ตม้ แกส๊ ชวี ภาพ แอลกอฮอล ์ นา�้ มนั เปน็ ตน้ ซงึ่ ในอนาคตประเทศไทยสามารถจะพฒั นาเพอื่ นา� ไป ครูใหน ักเรยี นศกึ ษาคนควา เพิ่มเตมิ เกย่ี วกบั ใชไ้ ดม้ ากยง่ิ ขน้ึ เนอ่ื งจากมผี ลผลติ ทางการเกษตรซง่ึ เปน็ ตน้ กา� เนดิ ของพลงั งานชวี มวลอยมู่ ากมาย สถานการณด านทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ ม 2. พลงั งานท่ใี ช้แลว้ หมดไป เปน็ พลงั งานทเี่ กดิ จากการทบั ถมของพชื และสตั ว์ท่อี ยูใ่ ต้ ในประเทศไทย โดยเนน ขอมลู สถิติ และความรู ผวิ โลกนบั รอ้ ยลา้ นปี ซง่ึ เป็นพลงั งานหลกั ที่ใช้ในปัจจุบนั เชน่ ถ่านหิน ปโิ ตรเลยี ม เป็นตน้ ท่เี ปน ปจจุบนั จากแหลงการเรยี นรูตางๆ เชน พ้นื ท่ี 3. พลังงานไฟฟ้า ในระยะแรกมีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากปิโตรเลียม ต่อมา ปาอนรุ กั ษหรือพิพธิ ภณั ฑท ่เี กี่ยวขอ งกบั ทรัพยากร พัฒนามาใช้ถ่านหิน พลังงานน�้า แก๊สธรรมชาติ แสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอมในทอ งถ่ิน และเวบ็ ไซตของ ไฟฟ้ามีความส�าคัญต่อวิถีการด�าเนินชีวิต และไฟฟ้าในระบบใหญ่ที่ผลิตขึ้นได้ถูกน�าไปใช้อย่าง หนว ยงานดานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม กว้างขวาง ทั้งการใช้ภายในอาคารบ้านเรือน ใช้เพ่ือการเกษตร อุตสาหกรรม การคมนาคม แลวจัดทําเปน แผน พบั ทีม่ ีการนําเสนอขอ มลู ทีน่ าสนใจ การแพทย์ เป็นตน้ àÃÍ×è §¹Ò‹ Ì٠ตรวจสอบผล Evaluate เชื้อเพลงิ ฟอสซลิ ครคู ัดเลือกผลงานการจัดทาํ แผนพบั สถานการณ เชื้อเพลิงฟอสซิล คือ เชื้อเพลิงท่ีเกิดจากซากพืชซากสัตว์ท่ีตาย ดา นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ มใน ทับถมกันมานานหลายล้านป จมอยู่ในดินจนเปลี่ยนรูปไปเป็นฟอสซิล ประเทศไทยท่ีดีของนักเรียน แลวนาํ มาใหน กั เรียน (ซากดกึ ด�าบรรพ)์ เม่ือมีการเปล่ยี นแปลงตามธรรมชาติ ฟอสซิลกลายเป็น ชว ยกนั ตรวจอกี ครงั้ โดยพจิ ารณาจากความถูกตอ ง น�้ามันดิบ แกสธรรมชาติ และถ่านหิน ซึ่งสามารถน�ามาใช้ประโยชน์เป็น ชดั เจนและทนั สมัยของขอมูล รวมถึงการนาํ เสนอ เชื้อเพลงิ ได้ จึงเรยี กเชื้อเพลิงประเภทนว้ี ่า “เชอื้ เพลิงฟอสซิล” (fossil fuel) ที่นา สนใจและเขาใจงาย แลว ครูสอบถามนกั เรียน หรอื ปโตรเลียม ถงึ วิธกี ารทํางานและเสนอแนะแนวทางเพม่ิ เตมิ หรอื ปรับปรงุ เพือ่ การพัฒนาชิ้นงานตอ ไป จากน้ัน 116 รวบรวมแผนพับสถานการณด า นทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ มในประเทศไทยทด่ี ไี วเ ปนแหลง การ เรยี นรูในชัน้ เรียนหรือในหอ งสมดุ เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกย่ี วกับการพัฒนาพลังงานหมนุ เวยี นในประเทศไทย ครอู ธิบายนกั เรยี นเพ่ิมเตมิ ถึงกระบวนการผลิตพลงั งานทดแทนประเภทตางๆ พลังงานหมุนเวยี นประเภทใดควรมกี ารพัฒนาในชนบทเพือ่ แกปญหา ตวั อยางเชน โรงไฟฟาพลังความรอ นใตพ ภิ พท่อี าจใชบอ นา้ํ ความลกึ ถงึ 1.5 กโิ ลเมตร การขาดแคลนพลงั งาน เพอ่ื ใหส ามารถเขา ถงึ แหลงสาํ รองนา้ํ จากความรอนใตพภิ พทีก่ ําลังเดือด โรงไฟฟา 1. พลงั งานไฟฟา บางแหง ใชไ อน้ําจากแหลงสํารองเหลา น้ีโดยตรงเพ่อื ทําใหใบพดั หมนุ สว นโรงไฟฟา 2. พลงั งานชีวมวล อ่นื ๆ อาจปมน้าํ รอนแรงดันสงู เขา ไปในแทง็ กน้ําความดนั ตํ่า ทาํ ใหเกิด “ไอน้าํ ชว่ั 3. พลังงานแสงอาทิตย ขณะ” ซ่ึงใชเ พ่ือหมนุ กงั หันของเครอื่ งกาํ เนดิ ไฟฟา สวนโรงไฟฟาสมยั ใหมอาจใชน้าํ 4. พลงั งานความรอนใตพิภพ รอนเพอ่ื ทาํ ความรอ นใหกบั ของเหลว เชน ไอโซบวิ ทีน ซึ่งมีจดุ เดือดทีอ่ ุณหภมู ติ าํ่ กวา วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2.-4. พลังงานชวี มวล พลังงานแสงอาทติ ย นาํ้ และเมื่อของเหลวชนดิ นร้ี ะเหยเปนไอและขยายตวั มันจะทําใหใบพัดเครอ่ื งกําเนิด และพลังงานความรอ นใตพ ภิ พ เปนพลังงานหมุนเวียนท่คี วรไดร บั การศึกษา ไฟฟา หมุน การผลติ พลงั ความรอ นใตพ ภิ พแทบไมก อ มลพิษหรือปลอยแกส เรอื น และพฒั นาข้ึนใชใ นชนบทอยา งเหมาะสม เชน พลังงานชีวมวลอยางแกสจาก กระจกเลย แตถึงแมวาหลายประเทศท่มี ีแหลงสํารองความรอ นใตพ ิภพอดุ มสมบูรณ การหมักซากพชื มูลสัตว หรอื ท่ีเรยี กวา แกส ชวี ภาพ เปน ตน สว นพลงั งาน แตแ หลงพลังงานหมนุ เวียนประเภทนีย้ ังถูกนาํ มาใชป ระโยชนน อ ยมาก ไฟฟา เปนพลังงานอกี ประเภทหน่งึ ซง่ึ ไมใ ชพ ลงั งานหมนุ เวยี น 116 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ครนู าํ ภาพขาวเกยี่ วกบั วกิ ฤตการณทรพั ยากร . ãǹԡϵÃСàÒ·Ãȳ䷴ Œҹ·Ã¾Ñ ÂҡøÃÃÁªÒµÔáÅÐʧèÔ áÇ´ÅŒÍÁ ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอมในแตล ะดานหรอื ในแตล ะ ภูมิภาคของประเทศไทย เชน การบกุ รกุ พืน้ ที่ปา ปจจุบันประเทศไทยตองเผชิญกับวิกฤตการณทางดานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม สงวนเพ่ือการเกษตรหรอื อุตสาหกรรมการทองเทย่ี ว และนบั วนั วกิ ฤตการณตาง ๆ กย็ งิ่ ทวีความรุนแรงมากข้นึ ในภาคใตมาใหนักเรยี นพจิ ารณาและสนทนารวม กนั ถงึ ปจจยั ของการเกิด ลักษณะของวกิ ฤตการณ 2.1 วกิ ฤตการณเ ก่ียวกับท่ีดนิ และทรพั ยากรดิน และผลกระทบในดา นตา งๆ แลวต้ังคําถามเพ่อื กระตนุ จติ สาํ นึกการอนุรกั ษทรพั ยากรธรรมชาติ ความจํากัดของท่ีดิน การเปล่ียนสภาพการใชท่ีดิน การใชที่ดินไมเหมาะสมกับสมรรถนะ และส่งิ แวดลอมของนกั เรียน เชน ของดนิ และการจดั ระเบยี บการใชท ด่ี นิ ทไ่ี มถ กู ตอ งของผถู อื ครองทดี่ นิ สาเหตตุ า ง ๆ เหลา นล้ี ว นเปน • ในฐานะพลเมืองไทยคนหน่งึ นกั เรียนจะ วิกฤตการณเก่ียวกับท่ีดิน และจะเปนปญหาของประเทศมากยิ่งขึ้นหากยังไมมีมาตรการแกไขท่ี มสี วนชว ยในการแกไ ขหรือการจัดการ ถกู ตอ งเหมาะสม โดยวกิ ฤตการณเ ก่ยี วกบั ทดี่ นิ ของประเทศไทย มดี ังนี้ วกิ ฤตการณทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดลอมของไทยอยา งไรบา ง 1) ความจํากัดของจํานวนท่ีดิน ประเทศไทยมีพื้นที่อยูประมาณ 320 ลานไร โดยเปน ทง้ั พน้ื ทที่ ใี่ ชเ ปน ทอี่ ยอู าศยั เปน ชมุ ชน เปน พน้ื ทท่ี าํ การเกษตรและอตุ สาหกรรม เปน พน้ื ท่ี ปาและท่ีดินรกรางวางเปลา ในขณะท่ีจํานวนประชากรของประเทศเพ่ิมขึ้นจาก 18 ลานคน ใน พ.ศ. 2490 เปน 66 ลา นคน ใน พ.ศ. 2558 การพฒั นาประเทศทาํ ใหช มุ ชนเมอื งขยายตวั เขา ไปใน สาํ รวจคน หา Explore พนื้ ทเี่ กษตรกรรม เชน การขยายตวั ของกรงุ เทพฯ ทาํ ใหพ นื้ ทฝี่ ง ธนบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี ปทมุ ธานี ทเี่ คย ครูใหนกั เรยี นศกึ ษาความรูเกี่ยวกับวิกฤตการณ เปน สวนผลไมแ ละนาขา วหมดไป เปน ตน และในสว นของการพฒั นาเศรษฐกจิ ทมี่ กี ารเรง เพมิ่ ผลผลติ ดา นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ มใน ทางการเกษตร เชน ขา ว ยางพารา ออ ย มนั สาํ ปะหลงั เปน ตน ทาํ ใหม กี ารบกุ รกุ พน้ื ทปี่ า โดยเฉพาะ ประเทศไทย จากหนงั สือเรยี น หนา 117-124 และ ในพน้ื ทภี่ าคเหนอื ไดแ ก จงั หวดั เชยี งราย พะเยา แพร และนา น พนื้ ทป่ี า ไมบ รเิ วณเหลา นน้ั กลายเปน แหลง ขอมลู อ่ืนๆ เชน เอกสารและหนงั สอื ของ พื้นที่เกษตรกรรม ความตองการท่ีดินท้ังใชเปนท่ีอยูอาศัย ชุมชน และใชเพื่อการเพาะปลูก หนวยงานทเ่ี กยี่ วขอ งท้งั ภาครัฐและเอกชน http:// จงึ สงู ขน้ึ อยางตอเนือ่ ง ในขณะทที่ ดี่ ินหรือพ้ืนทข่ี องประเทศไมส ามารถเพิ่มข้ึนได www.thaienvimonitor.net/index.htm เวบ็ ไซต สภาพปญ หาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ ม 2) การเปลยี่ นสภาพการใชท ดี่ นิ สถาบันวจิ ยั เพอื่ การพฒั นาประเทศไทย รวมถึง การใชเคร่อื งมอื ทางภมู ิศาสตร เชน การใชข อมลู พนื้ ทที่ างการเกษตรของประเทศไทยเพมิ่ มากขนึ้ ดาวเทยี มกบั สถานการณตางๆ http://www. โดยการเปล่ียนสภาพที่ดินท่ีเปนพ้ืนท่ีปาไม gistda.or.th/gistda_n/index.php/gallery-events พ.ศ. 2523 มพี น้ื ทที่ าํ การเกษตรประมาณ 147 เว็บไซตส าํ นักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ลานไร ตอ มาใน พ.ศ. 2558 พ้นื ท่ที าํ การเกษตร ภูมสิ ารสนเทศ (องคกรมหาชน) ไดเพิ่มขึ้นเปนประมาณ 174 ลานไร จึงเปน ไปไดวาพ้ืนท่ีการเกษตรที่เพิ่มข้ึนประมาณ 27 ลานไรน้ัน เปนการบุกรุกเขาไปในพ้ืนที่ปาไม ดังจะเห็นไดจากพื้นท่ีปาไมในภาคเหนือ เชน ในหลายพนื้ ทข่ี องประเทศไทยกาํ ลงั ประสบปญ หาเกย่ี วกบั จังหวัดเชียงราย ลําปาง แพร นาน เปนตน ท่ดี นิ โดยเฉพาะการบุกรุกทดี่ นิ และการขยายชุมชน อธบิ ายความรู Explain ครสู มุ นักเรียน 2-3 คน ใหช วยกันอธิบาย 117 ความรวู กิ ฤตการณเกย่ี วกบั ทดี่ ินและทรพั ยากรดิน ในดา นการจํากดั ของจาํ นวนทด่ี นิ และการเปลี่ยน สภาพการใชทีด่ ินที่หนาช้ันเรียน ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู การสญู เสียทีด่ ินเพื่อเกษตรกรรมของไทยเกดิ จากสาเหตุใด และสงผล ครูอาจอธบิ ายใหน ักเรียนเขา ใจถึงความสําคญั ของการจดั การที่ดิน การวาง อยางไร ผังเมือง และการฟนฟูท่ดี นิ เสอื่ มโทรมเพอ่ื การใชป ระโยชนใ นการแกไขและบรรเทา แนวตอบ การเรงพัฒนาประเทศในชว งทผ่ี านมา สง ผลใหเ กดิ การขยายตวั วกิ ฤตการณทรพั ยากรท่ดี ินในประเทศไทย เชน ประเทศไทยขาดการจัดการทีด่ ี ทางดา นอุตสาหกรรมอยางรวดเร็ว ประกอบกบั รัฐบาลมีนโยบายสงเสรมิ เกยี่ วกับการใชท ่ดี นิ โดยพ้นื ทอ่ี ดุ มสมบูรณเ หมาะสมตอ การเพาะปลกู กลับถูก ดานอตุ สาหกรรมในภมู ภิ าคตา งๆ ทําใหเกดิ ปญหาการใชพ้ืนที่ทมี่ คี วาม นายทนุ นาํ มาใชกอ สรา งหมูบ านจดั สรร นคิ มอุตสาหกรรม เพ่ือรองรับการขยายตัว เหมาะสมกบั เกษตรกรรมไปเปน พ้ืนท่ีเพือ่ อุตสาหกรรมมากขึ้น รวมท้ัง ของเมือง ท้งั น้โี ดยความรวมมือของเจา หนา ทท่ี มี่ สี ว นเก่ยี วขอ ง ดงั น้ันการแกไ ขและ พ้ืนท่ีเกษตรกรรมใกลเคยี งกอ็ าจไดร บั ผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรม บรรเทาวกิ ฤตการณทด่ี ินในประเทศไทย โดยเฉพาะดานการใชประโยชนทด่ี นิ จงึ ที่ปลอยออกมาอีกดวย นอกจากนีย้ ังมกี ารปรบั เปล่ียนการใชทดี่ ินทม่ี ี ตอ งอาศัยการจัดการวางแผนทดี่ ีของหนว ยงานทีเ่ กีย่ วขอ งภาครัฐ การดาํ เนินการ ความอุดมสมบูรณเหมาะสมกับการเกษตรไปเปนโครงการจัดสรรทีด่ ิน ตามแผนที่กําหนดอยา งจรงิ จังของเจาหนาท่ที ่เี ก่ยี วขอ ง รวมถึงความรวมมือของ ขนาดใหญ บานจัดสรร สนามกอลฟ เปน ตน ภาคประชาชนในการใชป ระโยชนจ ากทด่ี นิ อยา งถูกตองเหมาะสม คมู ือครู 117

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสนทนารว มกันกับนกั เรียนถงึ วิกฤตการณ ล้วนน�ำมำเป็นพื้นท่ีท�ำสวน ท�ำไร่ และท�ำนำเป็นส่วนมำก ในส่วนของท่ีดินที่ใช้เป็นชุมชนก็เช่น เก่ยี วกับท่ดี ินและทรัพยากรดนิ ในดานการพฒั นา เดยี วกนั พ.ศ. 2523 มีพน้ื ที่ชุมชนเพยี ง 1.4 ลำ้ นไร่ และตอ่ มำใน พ.ศ. 2558 ได้เพ่มิ พน้ื ทเี่ ป็น อตุ สาหกรรมชมุ ชนและสาธารณูปโภค ดา นการ 16.5 ล้ำนไร่ กำรเปล่ยี นสภำพกำรใชท้ ดี่ ินดังกลำ่ วท�ำใหพ้ น้ื ทีป่ ่ำไมแ้ ละพน้ื ที่วำ่ งเปลำ่ ลดลง ซ่งึ จะ ขาดกรรมสทิ ธ์ถิ อื ครองท่ีดิน และดานปญหาการ มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและวกิ ฤตกำรณโ์ ลกร้อนท่เี ปน็ อยูใ่ นปัจจบุ นั ถือครองทด่ี ิน แลว ตงั้ ประเดน็ ใหอภิปรายรว มกนั เชน กรรมสิทธท์ิ ี่ดนิ : สาเหตสุ าํ คญั ของปญ หาท่ดี นิ 3) การพฒั นาอตุ สาหกรรมชมุ ชนและสาธารณปู โภค กำรพฒั นำอตุ สำหกรรมนบั ในประเทศไทย ปญหาที่ดนิ ของไทยกับการจัดการ ท่ีดนิ หรอื การวางผังเมือง : แนวทางการแกปญ หา ตงั้ แตก่ ำรเปลย่ี นทต่ี ง้ั ของโรงงำนจำกในเมอื งไปอยนู่ อกเมอื ง เชน่ จำกในเขตกรงุ เทพมหำนครไปอยู่ ที่ดนิ ของไทย ทั้งนี้เพอ่ื ใหนักเรียนเกดิ ความรคู วาม รบวรมเิ วทณง้ั รกงั ำสรติไปบจรดั เิ วตณง้ั นจิคงั หมวอดั ตุ ปสทำหมุ ธกำรนรมี แต1ลำ่ ะงอๆำ� เภเชอ่นบำงทปี่บะรอเิ นิวณอแำ� เหภลอมวฉงั นบอ้งั ยจจังงั หหววดั ดั ชพลรบะรุนีคแรลศะรบอี รยิเธุ วยณำ เขา ใจถึงสาเหตทุ ่ีแทจรงิ ของสภาพปญ หาที่ดนิ ทง้ั มำบตำพดุ จงั หวดั ระยอง ลว้ นเปน็ กำรเขำ้ ไปบกุ รกุ พนื้ ทเ่ี กษตรกรรมทมี่ อี ยกู่ อ่ น เมอื่ มกี ำรขยำยตวั สามประการ ซ่งึ ประกอบดว ย การพัฒนาประเทศ ของกำรใชพ้ ืน้ ท่ีอุตสำหกรรมออกไป ชมุ ชนกม็ กี ำรขยำยตำมไปด้วย คือ เปน็ บำ้ นจดั สรร ร้ำนค้ำ แบบทนุ นยิ มท่ีขาดการจดั การท่ดี ี การขาดการ สถำนบรกิ ำร รวมทั้งสำธำรณปู โภค เชน่ ถนน นำ�้ ประปำ ไฟฟ้ำ กำรส่อื สำร และสถำนที่รำชกำร วางแผนการใชท ่ีดนิ และการบังคับใชกฎหมาย ต่ำงก็ต้องขยำยตำมไปด้วย กำรพัฒนำดังกล่ำวล้วนท�ำให้ท่ีดินท่ีมีอยู่อย่ำงจ�ำกัดยิ่งขำดแคลน เกี่ยวกับทีด่ ินอยา งจริงจงั ย่งิ ข้นึ หรือไมก่ เ็ กิดกำรบุกรุกไปใช้พืน้ ทป่ี ่ำไมแ้ ละพืน้ ทีว่ ่ำงเปล่ำต่อไปอกี 4) การขาดกรรมสทิ ธ์ถิ อื ครองทด่ี นิ ผถู้ ือครองทดี่ ินซึ่งเปน็ ผมู้ กี รรมสทิ ธท์ิ ่ดี นิ ตำม กฎหมำยนนั้ มเี ปน็ สว่ นนอ้ ย ผปู้ ระกอบอำชพี เกษตรกรรมมกั เปน็ ผเู้ ชำ่ ทด่ี นิ ทำ� กนิ หรอื ไมก่ เ็ ขำ้ ไปใช้ ประโยชน์จำกทดี่ ินโดยรัฐยงั ไม่สำมำรถมอบกรรมสทิ ธ์ทิ ่ดี ินใหไ้ ด้อย่ำงถกู ต้องตำมกฎหมำย ทำ� ให้ ไม่สำมำรถพัฒนำท่ีดินที่จะน�ำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภำพ หรือไม่ก็ขำดควำมรู้ควำมเข้ำใจ ในกำรครอบครองทด่ี นิ จนเกดิ กำรฟอ้ งรอ้ งใหอ้ อกจำกพนื้ ที่ เชน่ กรณขี องชำวบำ้ นอำ� เภอจอมทอง จังหวัดเชยี งใหม่ ถกู ศำลตดั สนิ ใหอ้ อกจำกพ้นื ทป่ี ่ำสงวน เม่ือเดอื นสิงหำคม พ.ศ. 2556 เป็นตน้ นอกจำกนี้ยังมีกรณีกำรออกโฉนดท่ีดินในที่สำธำรณะ ซึ่งมีตัวอย่ำงที่จังหวัดล�ำพูนจ�ำนวนหลำย พันไร่ กรณีดังกล่ำวก่อให้เกิดควำมขัดแย้งและกำรร้องเรียนของชำวบ้ำนเกิดขึ้นในหลำยพื้นที่ โดยเฉพำะพ้นื ที่ภำคเหนือตอนบน 5) ปัญหาการถือครองที่ดิน กำรบุกรุกท่ีดินของรัฐทั้งท่ีเป็นพื้นที่ป่ำสงวนและ ทสี่ ำธำรณประโยชน์ โดยกลมุ่ นำยทนุ หรอื ประชำชนเขำ้ ไปอยอู่ ำศยั และประกอบอำชพี โดยขำดสทิ ธิ ในกำรครอบครองทดี่ นิ ตำมกฎหมำย หรอื เขำ้ ไปครอบครองอยำ่ งถกู ตอ้ งแตร่ ฐั ประกำศใหเ้ ปน็ ทดี่ นิ ของรฐั ในภำยหลงั ทำ� ใหเ้ จำ้ หนำ้ ทข่ี องรฐั และประชำชนเกดิ ควำมขดั แยง้ กนั นอกจำกนท้ี ดี่ นิ ทเ่ี ปน็ ทอ่ี ยอู่ ำศยั มักไมม่ กี ำรโอนกรรมสิทธิอ์ ยำ่ งถกู ตอ้ ง เมอื่ ระยะเวลำผำ่ นมำนำน ทำ� ใหไ้ มส่ ำมำรถระบสุ ทิ ธิของ ผถู้ อื ครองได้อยำ่ งถกู ตอ้ ง ก่อให้เกิดควำมขัดแย้งระหว่ำงประชำชนกับประชำชนด้วยกันเอง นอกจำกน้ันในกำรจัดรังวัดตรวจสอบที่ดินตำมเอกสำรสิทธิ์ดั้งเดิมมักจะปรำกฏพื้นที่ ท่ดี ินทบั ซอ้ นกันซ่งึ ทำ� ให้เกิดควำมขัดแย้งได้เชน่ กนั 118 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT สาเหตสุ าํ คัญของปญ หาการใชประโยชนท ีด่ ินในประเทศไทยคอื อะไร 1 นิคมอุตสาหกรรม เปนพื้นทซี่ ่ึงจดั สรรใหโ รงงานอุตสาหกรรมต้งั อยูร วมกนั 1. การบังคับใชกฎหมายทไี่ มมีประสิทธิภาพ เพอ่ื ความสะดวกในการบริหารจัดการ ตลอดจนการควบคมุ ผลกระทบตอ 2. การเกษตรแบบไรเ ลอ่ื นลอยในพื้นท่หี า งไกล สิง่ แวดลอม ปจจบุ นั ขอ มูลของการนคิ มอุตสาหกรรมแหงประเทศไทยมีนิคม 3. การมีจํานวนประชากรหนาแนนในทุกภมู ิภาค อตุ สาหกรรมตัง้ อยเู กือบทุกภมู ภิ าคของประเทศ โดยเฉพาะในภาคกลาง เชน 4. การจัดต้ังนคิ มอุตสาหกรรมขน้ึ ในภูมิภาคตา งๆ นิคมอุตสาหกรรมสหรตั นนคร จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา นคิ มอุตสาหกรรม วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การบังคบั ใชกฎหมายทไี่ มมปี ระสิทธภิ าพ สมุทรสาคร จงั หวัดสมุทรสาคร และนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จงั หวดั เปน สาเหตสุ ําคญั ของปญหาการใชป ระโยชนท ่ดี นิ ในประเทศไทย กลาวคอื ปตตานี นอกจากนยี้ งั มนี ิคมอตุ สาหกรรมท่ีอยใู นระหวางการดําเนนิ การกอสราง การมีเจาหนา ท่ปี ฏิบตั งิ านไมเ พยี งพอ การขาดการดแู ลเอาใจใสข องเจา หนา ที่ อีกหลายแหง เชน นิคมอตุ สาหกรรมลาํ พูน จังหวดั ลําพนู นคิ มอตุ สาหกรรม ภาครฐั รวมถงึ การรบั ผลประโยชนจ ากนายทุนของเจา หนา ทบี่ างสวน สง ผล ทา เรือ เอเชีย เทอรม นิ ลั จงั หวัดระยอง และนคิ มอตุ สาหกรรมอญั ธานี โครงการ 2 ใหก ารบงั คับใชกฎหมายเก่ยี วกับการใชประโยชนทีด่ ิน เพ่ือความถกู ตอ ง กรงุ เทพฯ เหมาะสม ลดผลกระทบตอ ส่ิงแวดลอมไมมปี ระสิทธิภาพเทาท่คี วร 118 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 6) การเกิดภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติที่มักเกิดข้ึนในประเทศไทยและก่อให้ ครูใหต ัวแทนนักเรียน 2-4 คน ออกมาชวยกัน อธิบายความรเู กยี่ วกับวิกฤตการณท ดี่ ินและ เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ส�าคัญ ได้แก่ น้�าท่วม รวมทั้ง ทรัพยากรดนิ ในประเทศไทยในดานการเกดิ ภยั การพัดเอาดินโคลนไหลไปท�าความเสียหายแก่ ธรรมชาตแิ ละแผน ดนิ ทรดุ ตวั ท่ีตารางบนกระดาน ชวี ิต บา้ นเรือน สาธารณูปโภค และผลผลิตทาง หนาชนั้ เรียน โดยครูกําหนดคําสาํ คญั ที่เกี่ยวของกบั การเกษตร เช่น ใน พ.ศ. 2554 เกิดเหตกุ ารณ์ วิกฤตการณทัง้ สองดา นไว เชน นาํ้ มาก-นํ้านอ ย ซงึ่ นา�้ ทว่ มครัง้ รนุ แรงของไทย มจี งั หวดั ทไ่ี ดร้ ับผล เปน สาเหตสุ ําคญั ของการเกดิ ภยั ธรรมชาตทิ ี่ทําให กระทบจากน�้าท่วมครั้งน้ี 65 จังหวัด พ้ืนที่ ดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณแ ละการใชน าํ้ บาดาลจน ท่ีได้รับผลกระทบหนักท่ีสุดอยู่ท่ีบริเวณท่ีราบ ทําใหแ ผนดนิ เกดิ การทรุดตัว ตามลาํ ดบั แลว ครู ลุ่มแม่น้�าเจ้าพระยาและที่ราบลุ่มแม่น�้าโขง ซ่ึง สนทนารว มกันกบั นักเรยี นถึงการจัดการนา้ํ อยาง นควอากมจเาสกียนหี้ าพยทายั้งุฤหดมูรด้อสนงู กถ1็มึง ัก1เ.ก4ิด4 ขล้ึนา้ เนปล็นา้ ปนรบะาจท�า มีประสิทธภิ าพ การปอ งกันและควบคุมไฟปา ซึ่ง ทกุ ป ี ในชว่ งเดอื นเมษายนทอี่ ากาศรอ้ นจดั จน เปนหลกั การปองกันและแกไขวิกฤตการณการขาด สรา้ งความเสยี หายตอ่ ทรพั ยส์ นิ เปน็ จา� นวนมาก ความอุดมสมบูรณของดนิ และการทรุดตัวของ ไฟป่าในประเทศไทยมักเกิดขึ้นใน พนื้ ทร่ี าบลมุ่ บรเิ วณภาคกลางตอนลา่ งมกั จะไดร้ บั ผลกระทบ แผนดนิ อยางยงั่ ยนื พน้ื ทท่ี อ่ี ยใู่ นความดแู ลของรฐั เชน่ ในพนื้ ทเี่ ขต จากปญ หานา�้ ทว่ มเปน็ ประจา� เกอื บทกุ ป อนรุ กั ษพ์ นั ธส์ุ ตั วป์ า่ และอทุ ยานแหง่ ชาต ิ ในระยะหลงั ไฟปา่ มกั สง่ ผลใหเ้ กดิ ปญั หาหมอกควนั ในหลาย พน้ื ทโ่ี ดยเฉพาะในภาคเหนอื ส�าหรับแผ่นดินไหวในประเทศไทยยังไม่รุนแรง แต่ก็อยู่ในเขตท่ีต้องเฝ้าระวังการเกิด แผน่ ดินไหวเชน่ กัน 7) แผน่ ดนิ ทรดุ ตวั บรเิ วณพน้ื ทที่ มี่ กี ารใชน้ า้� บาดาลมาก เชน่ พน้ื ทกี่ รงุ เทพมหานคร สมทุ รปราการ นนทบรุ ี และปทมุ ธาน ี ไดม้ ีการน�านา้� บาดาลขนึ้ มาใช้อย่างต่อเนอ่ื งมากว่า 30 ป ี โดยเฉพาะพนื้ ทีบ่ รเิ วณย่านรามค�าแหง บางนา และในจังหวดั สมทุ รปราการ แผน่ ดินได้ทรุดตวั ลง แล้วกว่า 1 เมตร และยังคงทรุดตัวลงอย่างต่อเน่ือง จนท�าให้ภาครัฐต้องก�าหนดมาตรการห้าม ขดุ เจาะน�า้ บาดาลขนึ้ มาใช ้ และใหใ้ ช้น�้าผวิ ดิน (นา้� ในแมน่ า้� ) มาทา� นา้� ประปาใหบ้ รกิ ารเพม่ิ มากขนึ้ พื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดการทรุดตัวหรือดินถล่มระดับสูงมีอยู่ทั่วทุกภาคและหลาย หมู่บ้าน เช่น จังหวัดเพชรบูรณ์ท่ีอ�าเภอเมือง อ�าเภอชนแดน และอ�าเภอบึงสามพัน จังหวัด เชียงรายที่อ�าเภอเมือง อ�าเภอแม่จัน และอ�าเภออื่น ๆ จังหวัดน่านที่อ�าเภอปัว อ�าเภอท่าวังผา อา� เภอเมอื ง และอ�าเภออน่ื ๆ จังหวัดกาญจนบุรีที่อา� เภอทองผาภมู ิ จงั หวัดอุดรธานีทอี่ า� เภอนายงู และอา� เภอน้�าโสม จงั หวัดนราธวิ าสท่ีอา� เภอสคุ ริ ิน อ�าเภอศรสี าคร อ�าเภอสุไหงปาด ี และอ�าเภอ อนื่ ๆ และจงั หวดั นครศรีธรรมราชทอ่ี า� เภอพรหมครี ี อ�าเภอท่าศาลา และอา� เภออน่ื ๆ เปน็ ต้น 119 ขอสอบ O-NET นักเรียนควรรู ขอสอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั การจัดการคุณภาพดิน 1 พายฤุ ดูรอ น หรือพายฝุ นฟาคะนอง (thunderstorm) ในประเทศไทยจะเกดิ ขอ ใดไมใชวิธกี ารจดั การคณุ ภาพดนิ ขึน้ ในชวงฤดูรอนในราวเดอื นมนี าคมถงึ เดือนเมษายน หรือในชว งกอนเร่มิ ตน ฤดูฝน 1. การปรบั ปรงุ บาํ รุงดิน จากการที่ความกดอากาศสงู จากประเทศจีนแผลงมาปกคลมุ ประเทศไทย จึงทําให 2. การปลกู พชื หลากชนิด เกดิ การปะทะกันระหวา งอากาศที่รอนชื้นของประเทศไทยและอากาศทแ่ี หง และเย็น 3. การปอ งกันการพงั ทลายของดิน จากประเทศจนี ทําใหเกิดพายุฝนฟา คะนอง ฟาแลบและฟาผาตามมา และหาก 4. การวิเคราะหผ ลกระทบจากการใชดนิ อณุ หภมู ิบนยอดเมฆตํ่ามากกส็ ามารถทาํ ใหเกิดลกู เหบ็ ตกได วเิ คราะหค ําตอบ การจดั การคุณภาพดินสามารถทําไดหลายวิธีการตาม มุม IT สภาพปญหา เชน ปญ หาดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณค วรบํารุงดนิ ดว ยธาตุ อาหารตางๆ การปลูกพืชหลากชนิด เพอื่ ปองกันมใิ หดินขาดธาตุอาหารจาก ศึกษาความรูเกยี่ วกับทรัพยากรนาํ้ บาดาลและผลกระทบจากการใชทรพั ยากร การปลูกพืชเชิงเดย่ี ว และการปอ งกนั การชะลางพงั ทลายของหนา ดนิ ทีม่ ธี าตุ น้าํ บาดาลในพ้นื ที่ตางๆ ของประเทศไทยเพ่มิ เตมิ ไดท่ี http://www.dgr.go.th/ อาหารที่จําเปน ตอ การเจริญเตบิ โตของพืช โดยวิธีการตา งๆ เชน การปลกู พืช service/knowledge/kn_radio08.htm เวบ็ ไซตก รมทรัพยากรน้ําบาดาล คลมุ ดนิ อยา งหญาแฝก เปนตน อยา งไรก็ตามควรมกี ารศกึ ษาวเิ คราะหถงึ ผลกระทบจากการใชด ินเพื่อการวางแผนแกไขปญหาทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ กอ นลวงหนา ดังนั้นคําตอบคือ ขอ 4. คูมือครู 119

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหตวั แทนนักเรยี นอธบิ ายความรูเ กย่ี วกบั 8) ดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณ์ หมายถงึ ดนิ ทมี่ ธี าตอุ าหารสา� หรบั พชื ตา่� หรอื มธี าตุ วกิ ฤตการณดินขาดความอุดมสมบรู ณใ น ประเทศไทย ซึง่ ประกอบดว ย ดินเปร้ยี ว ดินเค็ม อาหารแตพ่ ชื ไมส่ ามารถนา� ไปใชเ้ พอ่ื การเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี ทงั้ นอี้ าจเกดิ จากการยดึ ตวั แนน่ การเกดิ และดนิ เสื่อมโทรม ในดา นปจ จัยสาเหตุ สภาพเป็นกรดจัด เค็มจัด การถูกชะล้างพังทลาย การใช้ที่ดินโดยขาดการบ�ารุงรักษา และการ ผลกระทบและแนวทางการปองกันแกไ ข ปลกู พืชซา้� ซาก วิกฤตการณด งั กลาว แลว ครแู นะนาํ เพิม่ เตมิ ดินเปร้ียวเป็นดินท่ีเป็นกรดจัด ท�าให้ธาตุอาหารของพืชไม่สามารถละลายออกมา เพอ่ื ใหเกิดความรูทถ่ี ูกตองครบถวน จากนนั้ ใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ประเทศไทยมีดนิ เปร้ียวประมาณ 9.4 ลา้ นไร่ อย่ใู นภาคกลางประมาณ 5.6 ล้านไร่ ใหน กั เรียนชวยกันสรปุ สาระสาํ คญั เกย่ี วกับ เชน่ บรเิ วณจังหวัดปทมุ ธาน ี นครนายก ปราจนี บรุ ี ฉะเชิงเทรา และชลบรุ ี และเปน็ บริเวณพื้นท่ี วกิ ฤตการณท ด่ี ินและทรพั ยากรดินใน ฝั่งทะเลตะวันออกเฉยี งใตแ้ ละฝ่งั ทะเลตะวนั ออกของภาคใตอ้ ีกประมาณ 3.8 ล้านไร่ ประเทศไทย ดนิ เคม็ เปน็ ดนิ ทม่ี ปี รมิ าณเกลอื ทลี่ ะลายนา�้ ไดม้ ากเกนิ ไป บรเิ วณพนื้ ทด่ี นิ เคม็ สว่ นใหญ่ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 4.3 ล้านไร่ เช่น จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น 2. ครูแบง นกั เรียนออกเปน 2 กลุม โดยใหนกั เรียน เปน็ ต้น ส่วนดนิ เค็มบริเวณชายฝ่ังทะเลภาคใตแ้ ละภาคตะวันออก มพี ้ืนที่ประมาณ 3.7 ล้านไร่ นบั หมายเลข 1 และ 2 ตามตําแหนง ทน่ี งั่ ใน ดินเสอื่ มโทรม เป็นดนิ ท่ีต้องมกี ารจัดการปรับปรุงเปน็ พเิ ศษจึงจะใชเ้ พาะปลกู ได้ เชน่ ชั้นเรียน แลว กาํ หนดใหน ักเรยี นท่ีนบั หมายเลข ดนิ ทรายมีพ้ืนทป่ี ระมาณ 6 ล้านไร ่ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื 3 ล้านไร่ นอกน้ันกระจายอยู่ 1 อธิบายความรวู กิ ฤตการณทเ่ี กี่ยวของกบั การ ในภาคตา่ ง ๆ ดนิ ทรายดานมพี น้ื ทปี่ ระมาณ 6 แสนไร ่ พบมากในภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ตก ดนิ ลกู รงั ขาดแคลนนํา้ หรือมลพษิ ในนํ้า สว นนักเรียนที่ และดินต้ืนมอี ยู่ประมาณ 52 ล้านไร ่ เปน็ ดนิ ทไี่ มอ่ ้มุ น้า� และขาดความอุดมสมบรู ณ์ และดนิ เหมอื ง นบั หมายเลข 2 อธิบายความรูวกิ ฤตการณท ี่ รา้ งเปน็ ดนิ ในบรเิ วณท่ีทา� เหมอื งมาก่อน พบมากในภาคใต ้ เชน่ จงั หวัดพังงา ภเู ก็ต ระนอง และ เก่ียวขอ งกับการมีปรมิ าณน้ํามาก ผา นกิจกรรม สงขลา ภาคตะวนั ออกพบท่ีจงั หวดั จันทบุรแี ละตราด การเรียนรู ดังน้ี 2.2 วิกฤตการณท์ รพั ยากรนา้� 3. ครสู ุมนกั เรียนหมายเลข 1 ใหตอบคําถาม เกยี่ วกับการขาดแคลนนา้ํ เพื่อการอธิบายความรู วิกฤตการณ์ทรพั ยากรนา้� เกดิ จากสาเหตุหลัก ๆ ดงั นี้ ตัวอยา งขอ คําถามเชน • ปจจยั หลกั ของการขาดแคลนนํา้ ใน 1) การขาดแคลนนา้� การเพิ่มจ�านวนประชากร การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ประเทศไทยไดแกอ ะไรบา ง (แนวตอบ การขาดแคลนน้าํ ในประเทศไทยเกิด และอุตสาหกรรม รวมถึงการเพิ่มปริมาณการใช้น้�าของครอบครัวและชุมชน ท�าให้เกิดการ จากปจ จัยหลัก 2 ประการ ไดแ ก ปจจัยทาง ขาดแคลนน้�า โดยเฉพาะในฤดูแล้งพบว่า เกิด ธรรมชาติ เปนชว งเวลาทฝ่ี นทิ้งชวง หรอื ไม การขาดแคลนน้�าที่จะใช้ท�าน้�าประปาในหลาย ตกตองตามฤดกู าล และปจจัยจากมนุษย พ้ืนท่ี รวมท้ังขาดแคลนน�้าในการใช้เพาะปลูก เปน การใชน้าํ ท่มี ากข้นึ จากจํานวนประชากร และอุตสาหกรรมด้วย เช่น ในจังหวัดชลบุร ี ท่ีเพม่ิ ขน้ึ อยางรวดเรว็ เพื่อกจิ กรรมตา งๆ ใน จันทบุรี ตราด ระยอง ปราจีนบุรี เป็นต้น การดาํ เนินชวี ิต เชน การเพาะปลกู การเลย้ี ง แมว้ า่ ประเทศไทยมปี รมิ าณฝนตกมาก แต่ขาด สัตว และทส่ี าํ คญั ไดแ ก การอุปโภคบริโภค) หลายพื้นท่ีของประเทศไทย ต้องประสบปญหาขาดแคลน แหลง่ กกั เก็บและการบริหารจดั การ ท�าใหม้ กี าร นา�้ ทุกป ขาดแคลนนา�้ หรือมีน�า้ มากเกินไป 120 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกบั การเพาะปลกู บนดินอนิ ทรยี  ครูสามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรูโดยใหนกั เรียนอธิบายถงึ หลักการและแนวทาง เหตใุ ดดินอนิ ทรียจึงไมเ หมาะสมสาํ หรบั การปลูกพชื เศรษฐกิจ การแกไ ขปญหาดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณใ นประเทศไทยตามแนวทางเศรษฐกิจพอ 1. ระบายนา้ํ เร็ว เกบ็ น้าํ ไมอยู เพยี ง การเกษตรทฤษฎีใหม และทรพั ยากรการผลิต รวมถงึ การพฒั นาที่ย่ังยนื 2. ขาดสารอาหารบางชนดิ รุนแรง ทีน่ กั เรียนไดศกึ ษามา แลวครใู หนกั เรียนชวยกนั สรุปหลกั การและแนวทางท่เี หมาะ 3. มชี ้นั หินพนื้ ในระดับตน้ื กวา ครง่ึ เมตร สมในการแกไขปญหาดินขาดความอดุ มสมบรู ณใ นประเทศไทย เพอ่ื การบูรณาการ 4. เมอ่ื แหงมกั เกิดไฟปา และยุบตวั ในบางคร้งั วชิ าเศรษฐศาสตร เรื่องเศรษฐกิจพอเพยี ง เกษตรทฤษฎีใหม และทรัพยากรการผลติ วิเคราะหคําตอบ ดินอินทรีย เปนประเภทของดนิ สวนใหญใ นปา พรุ ซึ่งเกิดจากการทับถมของซากพชื ท่เี นา เปอยอยา งชา ๆ มักมนี ้าํ ทวมขังอยู ตลอดเวลา มสี ว นประกอบของพีต (Peat) เมอื่ ระบายนาํ้ ออกจนแหง ดนิ จะยบุ ตวั และติดไฟไดงาย นอกจากนี้ยังเปน กรดอยา งรุนแรงทาํ ใหขาด สารอาหารบางชนดิ ทีส่ าํ คญั ตอ การเจรญิ เตบิ โตของพชื ดังนนั้ คําตอบคอื ขอ 2. และขอ 4. 120 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2) น้�าเสียและสารพิษในน้�า การทิ้งน้�าเสียจากบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม 1. ครใู หตวั แทนนกั เรยี นหมายเลข 1 ออกมา ชวยกนั อธิบายความรูวิกฤตการณทรัพยากรน้าํ ลบงรสิโภแู่ คหหลงร่ นือใา้� ช ทใ้ นา� ใกหาน้รเา้� กเนษา่ตเรสไยี ด ้ สตัเชวน่น์ า้� นไม้�าส่ในามแมาร่นถา้� ดเจา� รา้ งพชรวีะติยอา ยไู่แดม ้ รน่ วา้� มทถา่ งึจไีนม 1ส่ แาลมะาลร�าถคนลา� อมงาตใชา่ งอ้ ปุๆ โภในค ทีเ่ กยี่ วของกับการขาดแคลนน้าํ ที่หนา ชน้ั เรยี น กรุงเทพ ฯ เป็นต้น ซึง่ ไดแก น้าํ เนาและสารพษิ ในนาํ้ นาํ้ ทะเลหนุน นํา้ บาดาลลดระดบั และความต้ืนเขินของแหลง 3) น�้าท่วม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับพื้นท่ีต่าง ๆ ของประเทศไทยเป็นประจ�าทุกปี นํา้ รวมถึงการปลูกส่ิงกอสรางในลาํ นํา้ จากน้ัน ครูและนักเรยี นคนอ่นื สอบถามขอสงสัยเพอ่ื ให โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ได้รับอิทธิพลจากพายุต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ ท�าให้พื้นท่ีทางการเกษตร เกิดความรคู วามเขาใจทถ่ี ูกตองชดั เจน บา้ นเรือน และทรพั ยส์ นิ เสยี หายในบริเวณพื้นที่ท่เี กดิ นา้� ท่วมเป็นประจ�า ได้แก่ จงั หวัดนา่ น แพร ่ สุโขทัย และพิจิตร นอกจากนี้ก็เป็นพ้ืนที่ราบลุ่มแม่น้�าเจ้าพระยา คือ จังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง 2. ครูต้งั คาํ ถามเก่ียวกบั วิกฤตการณท รัพยากรนา้ํ พระนครศรอี ยุธยา ปทุมธานี นนทบรุ ี และกรุงเทพ ฯ ท่เี กดิ ปญั หาน้า� ท่วมเป็นประจ�า แลวสมุ ใหนกั เรียนหมายเลข 2 ตอบคาํ ถาม ตัวอยางขอ คาํ ถามเชน 4) น้�าทะเลหนุน ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีเป็นเวลาท่ีปริมาณน้�าจากแม่น้�าไหลลงสู่ • การเกิดนา้ํ ทว มในประเทศไทยมีสาเหตุ ปจจัยใดบา ง และมีผลกระทบตอการดําเนิน อ่าวไทยน้อยลง ท�าให้น้�าทะเลหนุนเข้ามาในล�าน�้าสายหลัก เช่น แม่น�้าเจ้าพระยา แม่น�้าท่าจีน ชีวติ และสงั คมไทยอยางไร เปน็ ตน้ การทน่ี า้� ทะเลหนนุ ขน้ึ มาสงู หมายถงึ นา�้ เคม็ จะเขา้ มาปะปนกบั น�้าจดื ทา� ใหส้ ตั วน์ �้าจดื ตาย (แนวตอบ นา้ํ ทว มในประเทศไทยมีสาเหตุ สวนผลไม้และบ้านเรือนริมน�้าเสียหาย รวมถึงประชาชนไม่สามารถใช้น�้าได้ โดยเกิดข้ึนกับพ้ืนที่ ปจ จัยหลัก 2 ประการ คือ การเกดิ ฝน ริมแมน่ �้าเจา้ พระยาในจังหวัดสมทุ รปราการและกรุงเทพ ฯ อยู่ทุกปี ตกหนักจากอิทธพิ ลของพายหุ มุนเขตรอน ทีก่ อ ตัวในทะเลจนี ใตหรอื ทางตะวนั ตก 5) นา้� บาดาลลดระดบั น้�าบาดาลหรอื น้�าใต้ดนิ ไดล้ ดระดับตา�่ ลงในทุกพนื้ ท่ี จนเปน็ ของมหาสมทุ รแปซฟิ ก ดานชายฝงประเทศ ฟลิปปน ส และการขาดการวางแผนจัดการ ที่วิตกว่าน้�าเค็มจากทะเลจะไหลซึมเข้ามาแทนท่ี ท�าให้ไม่สามารถน�าน้�าบาดาลข้ึนมาใช้ได้ เช่น น้าํ ท่ีดขี องหนว ยงานทเ่ี กย่ี วขอ งตางๆ ซง่ึ สง ในจงั หวัดสมุทรปราการ นนทบรุ ี และกรุงเทพมหานคร มีการขุดเจาะน�้าบาดาลขน้ึ มาใช้มากจน ผลกระทบตอ การดาํ เนนิ ชวี ิตของประชาชน ท�าให้เกิดปัญหาแผน่ ดินทรดุ ตามมาอีกดว้ ย คนไทยทงั้ ในระดบั สว นบคุ คล คือ การอยู อาศัย การประกอบอาชีพ และการเกิดโรค 6) ความตื้นเขินของแหล่งน�้า ตดิ ตอ ทม่ี ากับน้าํ ทว ม และในระดบั สงั คม คอื การชะลอตวั ของเศรษฐกจิ จากการท่ี เกดิ จากตะกอน ดนิ ทราย ทถี่ กู พดั มากบั กระแส แหลงอุตสาหกรรม เกษตรกรรมตา งๆ นา�้ เปน็ สาเหตทุ า� ใหแ้ หลง่ นา�้ ตน้ื เขนิ นา้� ไหลผา่ น ถกู นาํ้ ทว ม การเสยี งบประมาณในการแกไ ข ไปไดช้ า้ ทา� ใหใ้ นชว่ งฤดฝู นเมอื่ มปี รมิ าณน้�ามาก ฟนฟสู ภาพพ้นื ท่ีภายหลังท่เี กิดนํา้ ทว ม จบะุรทีรัม�าใยห์ ้เลก�าิดนน�้า�้าอทิง่วใ2มน จเังชห่นว ัดลเช�าียนง้�ารมาูลยใ นเจปัง็นหตว้นัด รวมถงึ การเสยี โอกาสในการไดร ับเงินลงทนุ นอกจากนว้ี ชั พชื ทอ่ี ยใู่ นแหลง่ นา้� เชน่ ผกั ตบชวา จากตา งชาติ เนือ่ งจากนักลงทุนขาดความ จะเปน็ อปุ สรรคตอ่ การไหลของนา้� และทา� ใหแ้ หลง่ มน่ั ใจในมาตรการบริหารจัดการน้าํ ของ นา�้ ตนื้ เขนิ บรเิ วณทมี่ ผี กั ตบชวาจา� นวนมากจนกอ่ หนว ยทีเ่ ก่ยี วของตา งๆ) ใหเ้ กดิ ปญั หา เชน่ แมน่ า�้ ทา่ จนี จงั หวดั นครปฐม การเพม่ิ ขน้ึ ของจา� นวนผกั ตบชวา สง่ ผลใหแ้ หลง่ นา�้ ตนื้ เขนิ แมน่ �า้ ปราจีนบรุ ี จังหวัดปราจีนบุร ี เปน็ ตน้ และยังเปน็ อุปสรรคตอ่ การไหลของน้า� ดว้ ย 121 ขอสอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’51 ออกเกีย่ วกับวกิ ฤตการณท รพั ยากรนํ้าในประเทศไทย 1 แมนา้ํ ทาจนี เปนแมน า้ํ สาขาหนงึ่ ของแมน ้ําเจา พระยา โดยไหลแยกออก ขอใดกลา วถูกตองเกยี่ วกบั พายุหมนุ เขตรอ นทเ่ี คล่ือนทีเ่ ขาสปู ระเทศไทย จากแมน ํา้ เจา พระยาตัง้ แตบ รเิ วณจงั หวัดอุทยั ธานี ผานจงั หวัดชัยนาท สพุ รรณบุรี 1. ไมเ คยกอ ตัวในอา วไทย นครปฐม และสมุทรสาคร มชี ือ่ เรยี กแตกตางกันไปในแตละชว งทีไ่ หลผา น ไดแก 2. หากกอตวั ในอา วเบงกอลจะมาไมถ ึงประเทศไทย ในจงั หวัดชัยนาท เรียกวา แมน ํา้ มะขามเฒา จังหวัดสพุ รรณบรุ ี เรยี กวา แมน้าํ 3. มีแหลงกําเนิดในทะเลจนี ใตมากกวา ในทะเลอนั ดามัน สพุ รรณบุรี และจังหวัดนครปฐม เรยี กวา แมน า้ํ นครชัยศรี มีความยาวประมาณ 4. ทก่ี อตัวในอา วตงั เก๋ยี จะสงผลตอ สภาพอากาศในประเทศไทยมากท่ีสุด 325 กิโลเมตร วเิ คราะหคาํ ตอบ พายหุ มุนเขตรอ นที่เคลือ่ นท่ีเขาสูประเทศไทย มแี หลง 2 ลาํ น้าํ องิ อยใู นจังหวดั เชียงรายและจังหวัดพะเยา โดยแมน ้าํ อิงมตี นนํา้ อยู ในทวิ เขาผีปนนํ้า แลวไหลลงสูพน้ื ท่ีราบในทางทิศเหนือออกสูแ มน้ําโขง บริเวณบา น กาํ เนิดสาํ คัญในทะเลจีนใตและชายฝงทางตะวนั ออกของประเทศฟล ปิ ปนสใน ปากอิง อําเภอเชยี งของ จังหวัดเชยี งราย มคี วามยาวประมาณ 230 กโิ ลเมตร เขตมหาสมุทรแปซิฟก ดงั นัน้ คาํ ตอบคือ ขอ 3. คมู ือครู 121

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู นทนากบั นักเรยี นถงึ ความรทู ั่วไปเกย่ี วกับ 7) การปลกู สง่ิ กอ่ สรา้ งในเขตลา� นา�้ ทา� ใหล้ า� นา้� แคบลง ระบายนา�้ ไมส่ ะดวก สญั จร วกิ ฤตการณทรพั ยากรปาไมในประเทศไทยทีไ่ ด ศึกษามา แลวต้งั คาํ ถามใหนกั เรียนชวยกนั ตอบ ทางนา้� ไมส่ ะดวก รวมทง้ั ทา� ให ้การกอ่ สรา้ งแนวปอ้ งกนั นา้� ทว่ มไดล้ า� บาก นอกจากน ้ี บา้ นเรอื นหรอื เชน สถานประกอบการต่าง ๆ มกี ารปล่อยน�้าทิง้ ลงสแู่ หล่งนา้� สง่ ผลใหเ้ กิดปัญหามลพษิ ตามมาอกี ด้วย เชน่ แม่น�า้ เพชรบรุ ี จงั หวดั เพชรบุร ี แม่นา้� นา่ น จงั หวัดอุตรดิตถ์ เป็นตน้ • “ปาคอื ชวี ติ ” ขอความขา งตน สะทอ นความ สําคญั ของปา ไมตอการดาํ รงชวี ิตของมนษุ ย 2.3 วิกฤตการณ์เกยี่ วกับปา่ ไมแ้ ละสัตวป์ ่า อยา งไร อธิบายพรอ มยกตัวอยา งประกอบ พอสังเขป ป่าไม ้ หมายถึง บรเิ วณทม่ี ีต้นไม้หลายชนดิ มขี นาดแตกต่างกนั มีพืน้ ทกี่ วา้ ง และมอี ิทธิพล (แนวตอบ ปา คือชีวิต สะทอ นถงึ ความสาํ คญั ขตอ่อลงสมรฟรา้พอสา่งิกทาีม่ศ อี คยวใู่ านมปอา่ ดุ 1มปสา่ ไมมบ้จรู ึงณเปข์ ็นอทงดร่ี นิวม นขา�้ อ สงตัสวรปร์ พา่ สแ่งิ ลทะงั้สทง่ิ มีม่ ชีชี วีีวติติ อแนื่ล ะๆไ มรวม่ มชี ทีวง้ัติ เกดิ ความสมั พนั ธ์ ของปา ไมตอการดําเนนิ ชวี ิตของมนษุ ยไ ด เปนอยางดี เนอ่ื งจากปาไมเ ปน ระบบนเิ วศท่ี ป่าไม้มีคุณค่ามหาศาลต่อการด�ารงอยู่ของธรรมชาติและสรรพส่ิงในโลก ช่วยรักษาสมดุล เอ้อื ตอการดาํ รงชีวติ ของมนษุ ยในดานตางๆ ของธรรมชาต ิ ควบคมุ สภาวะอากาศ บรรเทาอทุ กภยั และวาตภยั ปอ้ งกนั การพงั ทลายของหนา้ ดนิ กลา วคือ ชวยดูดซับแกสที่เปนอนั ตรายตอ ช่วยลดภาวะโลกร้อน เป็นคลังอาหารและยา และเป็นแหล่งท่องเท่ียวและศึกษาวิจัยของมนุษย์ รา งกายและผลิตออกซเิ จนที่จาํ เปน ตอ การ รวมทงั้ เป็นแหล่งก�าเนดิ และท่ีอยู่อาศัยของสัตวป์ า่ ในชว่ งเวลา 50 ปที ผี่ ่านมา ประเทศไทยมกี าร ดํารงชีวิตของมนษุ ย ตลอดจนส่ิงมชี ีวิตทัง้ ใช้ประโยชน์จากป่าไม้และบุกรุกเข้าไปใช้ที่ดินบริเวณป่าไม้อย่างต่อเน่ือง ท�าให้ต้องสูญเสียพื้นท่ี มวล ชวยใหว ฏั จกั รของนาํ้ บนโลกดําเนนิ ไป ป่าไม้ไปแลว้ ประมาณ 67 ล้านไร ่ เฉลย่ี ประมาณ 1.6 ลา้ นไร่ตอ่ ปี อยา งสมดุล รวมถงึ การเปนแหลง วัตถุดบิ ท่ียัง ประโยชนด านเศรษฐกจิ ของมนุษย เชน ไม สาเหตสุ �าคญั ของการลดลงของพ้ืนท่ีปา่ ไม ้ มีดงั น้ี มคี า สัตวป า เพอื่ ใชแ รงงานและเปนอาหาร นอกจากนี้ปาไมยงั ชว ยในการบรรเทาความ 1) การท�าไม ้ การท�าไม้โดยรฐั ใหส้ ัมปทานในการเขา้ ไปตดั ไมเ้ พ่อื การคา้ ก่อน พ.ศ. รุนแรงของภยั จากธรรมชาติอยางวาตภัยและ อทุ กภัยไดอกี ดว ย) 2532 โดยขาดการควบคุมทถ่ี กู ต้อง ไม่ระวังดแู ลพ้นื ที่ปา่ และการปลูกป่าทดแทนขาดการติดตาม ดแู ล แต่หลังจากการยกเลกิ การให้สัมปทานยังคงมกี ารบุกรกุ ทา� ลายป่าอยา่ งต่อเนอ่ื ง คือ ระหว่าง พ.ศ. 2552-2556 พ้ืนที่ป่าถูกบุกรุกเฉล่ีย 42,265 ไร่ต่อปี โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและ ภาคตะวนั ตกของไทย 2) การตัง้ ชุมชน ทอ่ี ยอู่ าศัย และพ้นื ท่เี พาะปลูก การเพ่มิ จ�านวนประชากรก่อให้ เกิดความต้องการจัดตั้งชุมชนและท่ีอยู่อาศัย ดังเช่นท่ีมีการขยายชุมชนเข้าไปในป่าสงวนและ ปา่ อนรุ กั ษท์ ม่ี อี ยทู่ วั่ ประเทศ เชน่ ปา่ ไมใ้ นเขตอา� เภอภเู ขยี ว จงั หวดั นครราชสมี า ปา่ ทงุ่ ใหญน่ เรศวร ปา่ เขาใหญ ่ เปน็ ตน้ นอกจากน ี้ การบกุ รกุ พนื้ ทป่ี า่ และการแผว้ ถางพน้ื ทป่ี า่ เพอื่ การเพาะปลกู กป็ รากฏ อยทู่ วั่ ไปในทุกภมู ภิ าคของประเทศ 3) ความตอ้ งการสรา้ งชมุ ชนและสาธารณปู โภค ความตอ้ งการเสน้ ทางคมนาคม ผ่านปา่ ไมห้ รอื การตัดถนนเข้าสู่ชุมชน ทา� ให้มีการตัดตน้ ไม้ เช่น โครงการขยายไหลท่ างถนนสาย น่าน-ทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เพ่ือเป็นการรองรับการจราจรที่มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้น และ เปน็ การสง่ เสรมิ ศกั ยภาพทางเศรษฐกจิ การคา้ ระหวา่ งประเทศกบั เพอ่ื นบา้ น แตต่ อ้ งตดั ตน้ ไมบ้ รเิ วณ อโุ มงค์ต้นไม ้ ซง่ึ มที ง้ั กลุ่มคนที่เหน็ ด้วยและไม่เหน็ ด้วย 122 นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT กรมทรพั ยากรนา้ํ ควรแกไขวิกฤตการณด านทรัพยากรนํา้ อยา งไร 1 ความสัมพนั ธข องสรรพสิง่ ทมี่ ีอยใู นปา จากพันธพุ ืชและสตั วที่แบง ออกไดเ ปน 1. สรา งเข่ือนเพื่อกกั เกบ็ น้ํา ความหลากหลายทางพนั ธกุ รรม ความหลากหลายในชนิดพันธุ และความหลากหลาย 2. จดั สรา งทอ สงนํ้าชลประทานทุกภูมิภาค ในระบบนิเวศ เมือ่ พน้ื ทป่ี าไมลดลงจงึ สง ผลตอระบบชวี ภาพดงั กลา ว โดยนกั วิชาการ 3. บาํ บดั นา้ํ เสยี ท่ีโรงงานปลอยลงแหลง นาํ้ สาธารณะ คาดวา ในครงึ่ ศตวรรษทีผ่ านมามีส่งิ มชี ีวิตหลายชนิดไดสูญพันธุไปโดยยงั ไมท ันมีการ 4. ฟน ฟูระบบนเิ วศและแกไขปญหาเกีย่ วกบั แหลง น้าํ ศึกษา กระทัง่ บางชนิดสูญพนั ธไุ ปท้ังที่ยังไมมีการคน พบ วเิ คราะหคําตอบ วิกฤตการณดา นทรัพยากรนา้ํ ในประเทศไทยแบง ออก ไดเ ปน 2 วิกฤตการณส ําคัญ ไดแก วกิ ฤตการณภ ัยแลง หรอื การขาดแคลน มุม IT นาํ้ อาจเกิดจากความเปล่ยี นแปลงของสภาพอากาศ ฝนทงิ้ ชวง หรือการมี มลภาวะในนาํ้ มากทําใหกลายเปนนา้ํ เสยี และวกิ ฤตการณท เี่ กดิ ขนึ้ จากการ ศกึ ษาความรูเก่ยี วกับสถานการณและวิกฤตการณทรัพยากรน้ําในประเทศไทย มีปรมิ าณนาํ้ มากเกนิ ไป ที่สาํ คญั ไดแ ก อุทกภัย แนวทางการแกไขปญหาท่ี เพิ่มเตมิ ไดท ี่ http://www.dwr.go.th/article/3-1-6 เวบ็ ไซตก รมทรพั ยากรนํ้า ย่งั ยืน คอื การศึกษาและพัฒนาแผนการจัดการนา้ํ อยา งเปน ระบบ รวมถงึ การ ฟนฟปู าตนนํ้าลําธาร ดงั น้ันคําตอบคอื ขอ 4. 122 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หตวั แทนนักเรียนออกมาอธบิ ายความรู เก่ียวกับวกิ ฤตการณท รัพยากรปา ไมใน การสร1า งเขอื่ นขนาดใหญตาง ๆ ท้งั เข่ือนรัชชประภา (เขอ่ื นเช่ยี วหลาน) เขอ่ื นลาํ ปาว ประเทศไทย โดยชว ยกันจดั ทําผังกางปลา เขื่อนศรีนครินทร เปนตน ลวนทําใหสูญเสียพ้ืนท่ีปาไมท้ังสิ้น ถึงแมการสรางเขื่อนทําใหมีนํ้า ทแ่ี สดงถึงสาเหตทุ ส่ี งผลใหเ กดิ วิกฤตการณ มาใชป ระโยชนใ นการเพาะปลูกและการผลติ กระแสไฟฟา กต็ าม ทรพั ยากรปา ไมในประเทศไทยดา นตา งๆ ที่ กระดานหนา ช้นั เรียน ไดแก • การทําปา ไม • การสรางชมุ ชนและทาํ การเกษตร • การสรางระบบสาธารณปู โภค • การทาํ เหมอื งแร • การเกดิ ภยั จากธรรมชาติ จากน้ันครสู มุ ถามนกั เรียนในชน้ั เรยี นถงึ ความ ถูกตอ งครบถวนของรายละเอียดในผังกางปลา ดงั กลาว แลว ครูนํานกั เรียนในการสรปุ สาเหตุ การสรางเข่ือนขนาดใหญ เชน เขือ่ นศรีนครนิ ทร จงั หวัดกาญจนบุรี ทําใหส ูญเสียพน้ื ทีป่ าและสัตวป าเปนจํานวนมาก ของการเกิดวกิ ฤตการณท รัพยากรปาไมใน 4) การทําเหมอื งแร การทาํ เหมืองแรในพน้ื ท่ปี า จําเปน ตอ งแผว ถางปา เปด หนาดนิ ประเทศไทย นักเรียนบนั ทึกผงั กางปลาแสดง เพอื่ ทําเหมืองแรเสยี กอ น จึงทาํ ใหต น ไมท่ีอยูห นาดินถกู ตดั ออกไป การทาํ เหมอื งแรด บี กุ ในพื้นท่ี สาเหตุของวิกฤตการณท รัพยากรปา ไมใน ภาคใตใ นจงั หวดั ภเู กต็ และพงั งา เปน ตวั อยา งการทาํ เหมอื งแรท ที่ าํ ลายปา ทเี่ กดิ ขน้ึ ในอดตี ในปจ จบุ นั ประเทศไทยและสาระสําคัญลงในสมดุ การทาํ เหมอื งถา นหนิ ทจ่ี งั หวดั ลาํ ปาง การทาํ เหมอื งทองคาํ ทจ่ี งั หวดั พจิ ติ ร กเ็ ปน การลดพน้ื ทปี่ า ไม 2. ครสู นทนารว มกันกับนกั เรียนถงึ ความรูทั่วไป เชนเดยี วกัน 5) การเกิดภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติท้ังการเกิดนํ้าทวมและไฟปาลวนทําใหเกิด เกย่ี วกบั วิกฤตการณท รัพยากรแรแ ละพลงั งาน ในประเทศไทยที่นกั เรยี นไดศกึ ษามา แลว การสญู เสยี ปา ไม ดงั เชน อุทกภัยครั้งสําคญั ใน พ.ศ. 2532 ทําใหเกิดการสูญเสียปาไมใ นจังหวดั ใหนกั เรยี นจับคกู นั เพ่ือสรปุ สาระสาํ คญั ของ นครศรีธรรมราช การเกดิ ไฟปาในปจ จุบันยงั คงเปนปญ หาสําคัญทีท่ ําลายปา สัตวป า และกลา ไม ที่อยูในปา ซ่ึงเกิดจากการเผาปาเพื่อการทําไร การลาสัตว การท้ิงเช้ือไฟจากผูเดินทางและ วิกฤตการณท รัพยากรแรแ ละพลังงานใน ไฟปา ทีเ่ กดิ จากความรอ นและความแหงแลงในฤดูรอ นและฤดูหนาว จากขอ มูลของสาํ นักปองกนั ประเทศไทยในรูปแบบตา งๆ ตามความถนดั ปราบปราม และควบคมุ ไฟปา กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม พบวาใน พ.ศ. 2553 ความสามารถและความสนใจ จากน้ันครสู มุ ประเทศไทยมีพืน้ ทไ่ี ฟปา 83,176 ไร และใน พ.ศ. 2558 มีพืน้ ทไ่ี ฟปา 60,453 ไร นกั เรยี น 2 คู ใหแ บง หนา ทีก่ ันอธิบายความรู เกี่ยวกบั วิกฤตการณท รพั ยากรแรและพลงั งาน การสูญเสียปาไมไมวาดวยเหตุผลใดก็ตามถือเปนการทําลายชีวิต ท่ีอยูอาศัยและ ในประเทศไทยทหี่ นา ชัน้ เรียนในหวั ขอท่คี รู แหลง อาหารของสตั วป า ไปดว ย สว นสาเหตทุ ที่ าํ ใหเ กดิ การสญู พนั ธขุ องสตั วป า หรอื การลดลงของ จาํ นวนสตั วป า นอกจากเกดิ จากการลดลงของพนื้ ทปี่ า ไมแ ลว ยงั เกดิ จากการลา สตั วป า เพอ่ื การคา กาํ หนด คอื ผลกระทบตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ของ การลา สตั วเ พอื่ เปน อาหาร ยารกั ษาโรค การนาํ อวยั วะของสตั วม าเปน เครอ่ื งประดบั การนนั ทนาการ ประชากรไทย และผลกระทบตอสง่ิ แวดลอ ม การศกึ ษาวิจยั เปน ตน ของไทย แลวใหนักเรยี นผลัดกนั ต้งั คาํ ถามเก่ยี ว กบั วิกฤตการณท รัพยากรแรแ ละพลังงานใน 123 ประเทศไทย จากน้นั ครนู าํ นกั เรียนสรุปความรู เกีย่ วกบั วกิ ฤตการณท รพั ยากรแรแ ละพลังงาน ในประเทศไทย นกั เรยี นบนั ทกึ ลงในสมุด ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเกี่ยวกับการมีสว นรวมภาคประชาชนในการแกไ ข เกร็ดแนะครู วกิ ฤตการณทรพั ยากรปาไม ครอู าจตงั้ ประเดน็ ใหน ักเรยี นอภปิ รายรว มกนั เกยี่ วกับการจัดการทรพั ยากรน้าํ ในฐานะสมาชิกคนหนง่ึ ของสงั คม ทานจะมีสว นแกไ ขปญหาวิกฤตการณ ในประเทศไทย โดยเฉพาะการแกปญ หาภัยแลง และนํา้ ทว ม ซ่ึงครเู ตรียมขอมลู ที่ เกย่ี วของไวล วงหนา เชน เขอื่ น : สาเหตุหรอื แนวทางการแกไขปญ หาทรพั ยากรน้ํา ดานทรพั ยากรปา ไมไดด ที ี่สดุ อยางไร ของไทย แลว ครูนาํ นักเรียนในการสรุปผลการอภิปราย นกั เรียนบนั ทกึ ผลการ 1. ปลูกปา ทดแทน อภปิ รายลงในสมุด ท้งั นี้เพอ่ื ใหนกั เรยี นมีความรูความเขาใจแนวทางการแกไข 2. ปอ งกันการเกิดไฟปา ปญ หาวกิ ฤตการณท รัพยากรนํ้าในประเทศไทยอยา งถกู ตอ งเหมาะสม 3. ผลักดนั ใหม ีการออกกฎหมายอนุรักษปาชุมชน 4. ชวยกันรณรงคเพอื่ สรา งจิตสาํ นกึ ใหแกป ระชาชน วเิ คราะหคาํ ตอบ นกั เรียนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสงั คมสามารถมี สว นแกไ ขปญ หาวกิ ฤตการณด า นทรัพยากรปาไมไ ดต ามแนวทางท่เี หมาะสม นกั เรียนควรรู กับวัย สถานภาพ และบทบาทหนาที่ คอื การรณรงคเ พอ่ื สรางจิตสํานกึ ใหแก ประชาชนในทอ งถน่ิ และประเทศในการตระหนักถงึ ความสําคัญของปาไมตอ 1 เขือ่ นศรนี ครนิ ทร สรางขึ้นใน พ.ศ.2516-2523 เพื่อกั้นแมน ้ําแควใหญบ รเิ วณ ระบบนเิ วศ อันจะกอ ใหเกิดความรวมมอื ในการอนรุ ักษปา ไมข องประชาชน อาํ เภอศรีสวสั ดิ์ จังหวัดกาญจนบรุ ี โดยเปน เขือ่ นหินท้ิงแบบมแี กนดนิ เหนียว มคี วามจมุ ากท่ีสดุ ในประเทศไทย คือ 17,745 ลา นลูกบาศกเ มตร มีประโยชนท้ังใน ทุกคนได ดังนน้ั คาํ ตอบคอื ขอ 4. ดานการชลประทานและการผลติ กระแสไฟฟา คมู อื ครู 123

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ครใู หน กั เรียนรวมกลมุ กัน กลุม ละ 4 คน 2.4 วิกฤตการณ์เกีย่ วกบั แรแ่ ละพลงั งาน ตามความสมัครใจ เพื่อชว ยกนั ศกึ ษาคนควา เกย่ี วกบั วิกฤตการณท รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มใน แรแ่ ละพลงั งานมคี วามจา� เป็น ต่อการพฒั นาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในปจั จุบนั มีการ ประเทศไทย รวมถึงแนวทางการปองกันหรอื แกไข ใช้แร่และพลังงานมากขนึ้ ซงึ่ วกิ ฤตแรแ่ ละพลังงาน มีดังน้ี ปญหาวกิ ฤตการณทหี่ นว ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ งท้ังภาครฐั และเอกชนและบคุ คลตา งๆ ซึ่งไดทาํ การศกึ ษาและ 1) การขาดแคลนพลังงาน แร่และพลงั งานเป็นทรพั ยากรทใ่ี ชแ้ ลว้ หมดไป คอื ไม่ เสนอแนะไว จากแหลง ขอ มูลอน่ื ๆ เพ่มิ เติมจาก หนงั สือเรยี น เชน นักวชิ าการดา นสิ่งแวดลอมใน สามารถเกิดข้ึนมาใหม่ได้หรือกว่าจะเกิดข้ึนใหม่ต้องใช้เวลานานมาก (ยกเว้นพลังงานหมุนเวียน ทอ งถิ่น และเวบ็ ไซตต า งๆ อาทิ http://www. เช่น แสงอาทิตย์ พลงั งานน�้า และพลงั งานลม) ท�าให้แรแ่ ละพลงั งานท่ีใชอ้ ยู่จะหมดไปในอนาคต tei.or.th/work/index.html เวบ็ ไซตผ ลงานทาง อเมนั ื่อใกเกลิด้ กเชาน่ร ขถาา่ดนแหคินล นถพา้ ลมังีองตั ารนา กทาร�าใใชห้เ้ตช้อน่ งในนป�าเัจขจ้าุบพันลถังา่ งนาหนนิจ1กากจ็ ะตห่ามงปดรไปะเภทาศย ในเชร่นะย ะนเว�้าลมาันไ มแน่ กาน๊ส วชิ าการการจดั การสง่ิ แวดลอ มของมลู นธิ ิสถาบนั ธรรมชาต ิ ซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ การเงนิ ของประเทศ ทา� ใหไ้ ทยตอ้ งเสยี ดลุ การคา้ กบั ตา่ งประเทศ และ สงิ่ แวดลอ มไทย จากนน้ั ชวยกันออกแบบและจัดทาํ นอกจากน ้ี ราคาของแรแ่ ละพลงั งานจะมคี วามผนั ผวนไปตามกระแสเศรษฐกจิ และการเมอื ง ในสว่ น การนาํ เสนอผลงานเผยแพรค วามรูดา นวกิ ฤตการณ ของประชาชนจะไดร้ ับผลกระทบจากราคาสินคา้ ทีแ่ พงข้ึนตามวัตถุดบิ และตน้ ทนุ การผลิต ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มในประเทศไทย และแนวทางการปอ งกันและแกไขวกิ ฤตการณ 2) ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การน�าแร่และพลังงานมาใช้มีผลกระทบต่อ ตา งๆ ที่ครกู ําหนด ตามความถนดั และความสนใจ ของนกั เรียนในชนั้ เรียน เชน วดี ิทศั น เว็บไซต หรือ สิ่งแวดล้อมหากไม่มีระบบการป้องกันที่ดี เช่น การท�าเหมืองแร่ถ่านหิน ท�าให้เกิดฝุ่นละอองใน โปรแกรมการนําเสนอ (Powerpoint) เปน ตน อากาศหรือปนเปื้อนในน้�าใต้ดิน หรือการท�าเหมืองตะกั่วท�าให้แหล่งน้�าใกล้เคียงมีปริมาณตะก่ัว สูง กวา่ ปกติ สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอนามัยของประชาชนท่ีอยู่บริเวณใกลเ้ คยี ง เช่น สารก�ามะถนั ตรวจสอบผล Evaluate จากการผลติ ไฟฟ้าดว้ ยถ่านหนิ ทา� ใหเ้ กิดโรคทางเดินหายใจ ระคายเคอื งตา เปน็ ตน้ นอกจากน ้ี วกิ ฤตพลงั งานยงั สง่ ผลกระทบตอ่ สงั คม เชน่ การกอ่ สรา้ งโรงไฟฟา้ ทจี่ งั หวดั 1. ครูและนักเรียนชว ยกันตรวจสอบผลงานการ ประจวบครี ีขนั ธ์ ทา� ใหเ้ กิดปญั หาความขดั แยง้ ระหว่างประชาชนกบั ประชาชน ระหวา่ งผูส้ นับสนุน นาํ เสนอความรูเกี่ยวกับวิกฤตการณและแนวทาง กับผู้คัดค้านการก่อสร้าง โดยฝ่ายหนึ่งต้องการให้ท้องถ่ินได้รับการพัฒนา ส่วนอีกฝ่ายเกรงว่า การปอ งกนั และแกไ ขปญหาทรพั ยากรธรรมชาติ จะเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา นอกจากน้ีก็มีความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงาน และสิง่ แวดลอ มในประเทศไทย โดยพิจารณาจาก ของรฐั จนในท่สี ุดรัฐบาลตอ้ งระงบั โครงการกอ่ สร้าง เปน็ ตน้ ความถกู ตองครบถวนของขอ มูล การนําเสนอท่ี ประเทศไทยมีพลังงานหมุนเวียนมาก แต่มีการพัฒนาเพื่อน�ามาใช้ประโยชน์น้อย เปน ลําดบั ขั้นตอน นาสนใจ และเขาใจงา ย ในปัจจบุ นั รัฐบาลได้ใหก้ ารสนบั สนุนการศึกษาวจิ ยั ให้มกี ารพฒั นามาใช้ประโยชน์มากขึน้ จากนั้นคดั เลือกผลงานการนําเสนอความรเู กีย่ ว กบั วกิ ฤตการณและแนวทางการปอ งกันและแกไข . ใสนถภานมู กภิ าารคณตา่์ดง้าๆน ทขรอัพงยโลากกรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม ปญหาทรยั พากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ มใน ประเทศไทยที่ดีของนกั เรียน เผยแพรข อ มูลความรู กวา่ 1ส0ถ าลนา้ กนาครนณทด์ ัว่ า้ โนลทกรตพัอ้ ยงอากพรยธพรรหมนชีภาัยตธแิ รลระมสชงิ่ าแตวิ ดคลวอ้ ามมใแนหภง้ มู แภิ ลา้งค 2แตลา่ งะค ๆว ขามองอโดลอกย ทาา�กใ หโดป้ ยรเะฉชพาการะ ในโรงเรียนหรือชมุ ชนในแนวทางที่เหมาะสม ประชากรในประเทศเคนยาและเอธิโอเปีย ในทวีปแอฟริกา ต้องอพยพเดินทางออกจากบ้านเกิด ประชากรประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรโลก หรอื ประมาณ 1,200 ล้านคน มีสภาวะการดา� รงชพี 2. ครูสังเกตพฤตกิ รรมการมสี วนรว มในกจิ กรรม ในระดับยากจน ขาดแคลนอาหาร น้�า ทอี่ ย่อู าศัย และมสี ขุ ภาพอนามยั ต่�ากวา่ เกณฑ์มาตรฐาน การเรยี นรู เชน การทํางานกลุม เปนตน 124 นกั เรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกี่ยวกบั การมสี ว นรว มในการอนุรักษสิง่ แวดลอ ม 1 นําเขา พลังงาน ในปจ จบุ ันคิดเปน รอยละ 49 ของปริมาณการใชทงั้ หมด ในฐานะพลเมอื งไทยคนหนึ่ง ทา นจะปฏิบตั ิตนเพ่อื อนรุ กั ษแ ละพฒั นา ในประเทศ ซง่ึ ลดลงจากกอ น พ.ศ. 2524 ทีย่ ังไมสํารวจพบแหลงพลงั งานตางๆ คณุ ภาพส่ิงแวดลอ มอยางไร จึงจะเหมาะสม ในประเทศไทย โดยเฉพาะน้าํ มันดบิ และแกส ธรรมชาติ ซ่งึ ในขณะนนั้ ประเทศไทย 1. ฝก ใหมนี สิ ยั ประหยัด ตอ งนาํ เขา พลังงานถงึ รอยละ 90 ของปรมิ าณการใชทงั้ หมดในประเทศ 2. ถายสารอันตรายใสภาชนะใหมท่ีปด มิดชิด แหลง พลังงานนํา้ มันและแกสธรรมชาติท่ีสาํ คญั ไดแ ก อาวไทย ภาคกลางตอนบน 3. ชวยกันปลูกและดูแลรักษาตนไมสาธารณะ และทางตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของประเทศ 4. ทงิ้ แบตเตอรี่ทีใ่ ชแลวลงในถงั ขยะสาํ หรับมลู ฝอยท่วั ไป 2 ความแหง แลง ในอดีตชว ง ค.ศ. 1984-1985 บรเิ วณคาบสมทุ รทางตะวนั ออกของ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. และขอ 3. การถา ยสารอนั ตรายใสภ าชนะ ทวีปแอฟรกิ าประสบความแหง แลงอยางรนุ แรง สง ผลใหป ระชากรในประเทศเอธิโอเปย ใหม และการชว ยกนั ปลกู และดูแลรักษาตน ไมส าธารณะ เปน การปฏบิ ัตติ นเพอ่ื จิบตู ี ซดู าน โซมาเลยี เคนยา ยกู ันดา แทนซาเนีย รวันดา และบุรนุ ดี อนรุ ักษแ ละพฒั นาคุณภาพสิง่ แวดลอ มทเี่ หมาะสมในฐานะพลเมอื งไทยคนหน่งึ เสียชีวิตประมาณ 750,000 คน สวนในปจจบุ ันภาวะโลกรอนก็ไดส งผลใหภยั แลงทวี เนื่องจากเปน การปองกันมใิ หสารอันตรายแพรสูส ิ่งแวดลอ มตามธรรมชาติ และ ความรนุ แรงยิง่ ขึ้นในทวปี แหงนี้ ผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ เชน ทะเลสาบชาด มีปรมิ าณนํ้า มีสว นชว ยรักษาระบบนิเวศใหส มดลุ ดวยการปลูกและดูแลตนไมของสาธารณะ ลดลงกวาคร่งึ หนึง่ ภายในสบิ ป ทาํ ใหป ระชากรในประเทศไนเจอร ชาด แคเมอรนู และไนจเี รีย ทีเ่ คยใชนา้ํ ในการอปุ โภคบริโภคไดรับความเดือดรอ น เปน ตน 124 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ครูนาํ วดี ทิ ศั นห รอื ภาพทีแ่ สดงถึงสถานการณ ดา นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มในภูมภิ าค สถานการณ์ด้านสิ่งแวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติของโลกทส่ี �าคัญ มดี งั นี้ ตา งๆ ของโลก เชน การขาดแคลนน้ําในทวปี แอฟรกิ า การตัดไมทําลายปา ในทวีปอเมรกิ าใต 1) สถานการณ์ของทรัพยากรดิน ปัจจุบันความต้องการใช้ดินในภูมิภาคต่าง ๆ หรอื การพัฒนาพลงั งานสะอาดในทวีปยุโรป มา ใหน กั เรยี นพจิ ารณารว มกนั แลวตัง้ คาํ ถามเพ่อื ของโลก เพื่อเป็นท่ีอยู่อาศัย ที่ส�าหรับเพาะปลูก และการประกอบอาชีพอ่ืน ๆ เพ่ิมมากขึ้น กระตนุ ความสนใจของนักเรียนในการศกึ ษาเรอ่ื ง นอกจากจะมีการบุกรุกท�าลายพื้นท่ีท่ีเป็นป่าไม้เพ่ือใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยและเพ่ือการเพาะปลูกแล้ว ดังกลา วโดยเนน การเช่อื มโยงกบั สถานการณดา น ที่ดนิ ที่เคยใชเ้ ป็นที่เพาะปลกู อยแู่ ลว้ กถ็ ูกใช้ในการเพาะปลูกบ่อยครงั้ ยง่ิ ขนึ้ รวมท้งั มีการใช้ปยุ๋ เคม ี ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ มในประเทศไทย และยาฆา่ แมลง ฆา่ วชั พชื จงึ สง่ ผลใหด้ นิ เสอ่ื มคณุ ภาพไดเ้ รว็ ยง่ิ ขนึ้ และในปจั จบุ นั ยงั มกี ารใชท้ ดี่ นิ ที่นักเรยี นไดศกึ ษามา แลวใหนักเรยี นชว ยกนั ตอบ ไมเ่ หมาะสมกบั คณุ ภาพของดนิ เชน่ พนื้ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณท์ เ่ี หมาะสมกบั การทา� การเกษตรกลบั นา� มา เชน สรา้ งทีอ่ ยู่อาศยั สว่ นพน้ื ทแ่ี ห้งแลง้ กลบั ใช้ทา� การเกษตร เป็นตน้ โครงการสงิ่ แวดลอ้ มของสหประชาชาตริ ะบวุ า่ ทวั่ โลกมรี ะดบั ปญั หาความเสอ่ื มโทรม • สถานการณดา นทรัพยากรธรรมชาติและ ของดนิ ประมาณ 12 ลา้ นตารางกโิ ลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 11 ของพน้ื ทเี่ กษตรกรรมทว่ั โลก พนื้ ทด่ี นิ ส่งิ แวดลอ มในภมู ิภาคตา ง ๆ ของโลกมี ทเ่ี คยมคี วามอดุ มสมบรู ณป์ ระมาณ 8.1 ลา้ นตารางกโิ ลเมตร ไดก้ ลายเปน็ ทะเลทราย การเกดิ ดนิ เคม็ ความแตกตา งจากสถานการณใ น ทา� ใหผ้ ลผลติ ในเขตชลประทานลดลง 1 ใน 3 และปญั หานา้� ทว่ มขงั ผวิ ดนิ ทา� ใหผ้ ลผลติ ลดลง 1 ใน 10 ประเทศไทยอยางไรบา ง ของผลผลติ ทวั่ โลก ประเทศเอธโิ อเปยี มปี ญั หาการกรอ่ นของดนิ ทา� ใหม้ กี ารสญู เสยี หนา้ ดนิ ประมาณ ปลี ะ 2,000 ลา้ นตนั สว่ นในประเทศไทยมตี ะกอนดนิ ถกู ชะลา้ งลงสแู่ หลง่ นา้� ปลี ะประมาณ 27 ลา้ นตนั 2) สถานการณท์ รัพยากรน�า้ ปจั จุบันการขาดแคลนน้�าด่มื น้�าใช้ในครัวเรือนและ สาํ รวจคน หา Explore เพ่ือการเพาะปลูก เป็นปัญหาส�าคัญของโลกเนื่องจากได้เกิดปัญหาความแห้งแล้งอยู่ท่ัวไป ครใู หนกั เรียนรวมกลุมกัน กลุมละ 4 คน ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ในหลายประเทศได้สร้างเข่ือน ช่วยในการควบคุมปริมาณน้�าให้มีการกระจายในช่วงขาดแคลนน้�าได้ น้�าจึงมีไหลสม�่าเสมอ เพ่อื ใหชวยกันศกึ ษาความรเู กี่ยวกบั สถานการณ ทุกฤดูกาล แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อระบบนิเวศแหล่งน�้า นอกจากปัญหาขาดแคลนน้�าแล้ว ดานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอมในภมู ภิ าค เมืองใหญ่ในหลายประเทศต้องประสบปัญหา ตา งๆ ของโลก จากหนงั สือเรียน หนา 124-129 น้�าเสียทั้งจากบ้านเรือน ชุมชน และโรงงาน และแหลง การเรียนรูอ่ืนทคี่ รูเสนอแนะ เชน อตุ สาหกรรมไหลไปรวมอยใู่ นแหลง่ นา้� สง่ ผลตอ่ ใบความรูท ่คี รจู ัดทาํ ข้นึ หนงั สือในหอ งสมดุ และ การด�ารงชวี ิตของประชาชนโดยทั่วไป เวบ็ ไซตข องหนว ยงานที่เก่ยี วขอ งท้ังในประเทศและ ตางประเทศ อาทิ http://www.unep.org/ สารพิษที่ปล่อยสู่บรรยากาศและ เวบ็ ไซตโ ครงการดานส่งิ แวดลอ มเพื่อการพัฒนา การใช้สารพิษในการเกษตร ในที่สุดแล้วจะไป ขององคก ารสหประชาชาติ (United Nations รวมกันในทะเลและมหาสมุทร ซึ่งเป็นที่สะสม Environment Programme : UNEP) เปนตน ทขอะงเลสสาราพบษิในแอลเะมสงิ่รปิกฏาเกิ หลู นทือใี่ หแญละท่ สส่ี แดุ กในนโดลิเกน เเชวน่ีย 1 มคี วามเปน็ กรดสงู จนทา� ใหป้ ลาตาย รวมทงั้ บรเิ วณ ภยั แลง้ เปน็ ปญ หาสา� คญั ทสี่ ง่ ผลใหท้ วปี แอฟรกิ าขาดแคลน อธบิ ายความรู Explain ชายฝง่ั ทะเลของประเทศแถบมหาสมทุ รแปซฟิ กิ น�า้ เพือ่ การอุปโภคบรโิ ภค ครูใหนกั เรยี นแตละกลมุ สงตัวแทนออกมาจบั 125 สลากคาํ ศัพทเกย่ี วกับทรพั ยากรธรรมชาติ ไดแ ก ดิน น้ํา ปา ไม และพลังงาน เพื่อกําหนดดานทกี่ ลมุ ตนจะรบั ผดิ ชอบในการอธิบายความรู ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั สถานการณท รัพยากรดินของโลก เหตใุ ดเขตที่ราบลมุ ในออสเตรเลียสวนใหญจ งึ นํามาใชในการเล้ียงปศุสตั ว 1. เพราะแหง แลง เกนิ กวาจะใชเ พาะปลูกได ครคู วรนําวีดิทัศนส ารคดีหรอื ภาพขาวเกยี่ วกบั สถานการณดา นทรพั ยากร 2. เพราะเกษตรกรมคี วามเชี่ยวชาญ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมในภมู ภิ าคตา งๆ ของโลกมาใหนกั เรยี นพจิ ารณา 3. เพราะรัฐบาลใหเงินสนับสนุน แลว สอบถามถึงสาระสําคัญท่นี กั เรียนไดร ับจากการชมวีดทิ ศั นส ารคดีหรือภาพขาว 4. เพราะดินมสี ารอาหารนอ ย ดงั กลาว รวมถึงใหเ สนอแนวทางการแกไขหรือบรรเทาความรุนแรงของผลกระทบ วเิ คราะหคําตอบ ที่ราบลุมในออสเตรเลียสว นใหญมลี กั ษณะภมู อิ ากาศ เพ่ือใหนักเรยี นเกิดความเขา ใจในสถานการณด านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ ม แบบทะเลทรายและทงุ หญา กง่ึ ทะเลทราย ซ่ึงมปี ริมาณนาํ้ ฝนตอปน อ ย และ ในภูมภิ าคตางๆ ของโลกซึง่ อยไู กลตวั ไดด ยี ง่ิ ขึน้ มีธาตอุ าหารท่ีจําเปนตอ การเจริญเติบโตของพชื ตา่ํ การเกษตรสวนใหญจ ึง เปนการเล้ียงสตั วจ ําพวกโค แกะ และแปรรปู ผลผลติ จากสัตวดงั กลาวเปนนม นักเรียนควรรู เนย เนือ้ สัตว และขนสัตวคุณภาพดี ซงึ่ เปนสินคาสงออกที่สําคญั ของประเทศ 1 สแกนดิเนเวยี (Scandinavia) หมายถงึ ดนิ แดนทางตอนเหนือของทวีปยุโรป และเปนแหลง ผลติ ทสี่ าํ คญั ของโลก ดงั นนั้ คําตอบคอื ขอ 1. ที่ไดรบั การแบง ออกตามหลักภาษาและวฒั นธรรม ประกอบดว ย ประเทศเดนมารก นอรเ วย และสวีเดน อยา งไรกต็ ามในทางภูมิศาสตรห มายรวมถึงประเทศฟน แลนด ไอซแ ลนด และหมเู กาะฟาโรห ซง่ึ มีทีต่ ้งั ใกลเ คยี งกันและประวตั ศิ าสตรความเปน มารวมกันกับสามประเทศขางตน คมู อื ครู 125

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหน กั เรยี นกลุมทรี่ บั ผดิ ชอบดา นทรัพยากรดิน มกี ารพบปลาขนาดใหญ่ว่ายเข้ามาตายตามชายหาดอยูเ่ สมอ สนั นิษฐานว่าหนสี ภาพน้�าทีเ่ ป็นพิษ และทรัพยากรนํา้ สงตัวแทนออกมาอธิบาย ขึน้ มา หรือแมแ้ ตน่ า้� บาดาลใน 38 รฐั ของสหรัฐอเมรกิ า พบว่ามกี ารปนเปอ้ื นของสารเคมี สว่ น ความรทู ่ีหนาชั้นเรยี น แลวครูและนักเรียนใน ในประเทศก�าลังพัฒนา ประชากรในชนบทรอ้ ยละ 61 และประชากรในเมอื งร้อยละ 26 ขาดแคลน ชั้นเรยี นรว มกันสอบถามหรอื เสนอแนะขอ มลู นา้� ดม่ื ทส่ี ะอาด เพิ่มเติมเพ่อื ใหเกิดความเขาใจที่ถกู ตองตรงกัน ตวั แทนของนักเรยี นท้ังสองกลุมชวยกันบนั ทกึ 3) สถานการณ์ปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ ่า ในปัจจุบันการทา� ลายป่าเปน็ ไปอยา่ งกว้างขวาง สาระสําคัญของความรูเกีย่ วกับสถานการณ ในทุกบริเวณของโลก และรุนแรงที่สุดในบริเวณเขตร้อน มีการคาดการณ์ว่ามีการท�าลายป่าไม้ ดา นทรัพยากรธรรมชาตทิ ่กี ลุม ตนรับผิดชอบบน ของโลกปีละประมาณ 2.5-3 ล้านตารางกิโลเมตร ถ้าหากอัตราการท�าลายป่าไม้ยังเป็นเช่นน้ี กระดานหนาช้ันเรียน ในเวลาอกี ประมาณ 13 -16 ปีข้างหน้า ปา่ ไมใ้ นปจั จุบนั จะหมดไปจากโลก ถงึ แมจ้ ะมีการปลกู ปา่ เพ่ิมข้ึนก็ไม่สามารถท�าได้ทันกับปริมาณป่าไม้ที่ถูกท�าลายไป การลดลงของพ้ืนท่ีป่าไม้ก่อให้เกิด 2. ครูตงั้ คาํ ถามเกย่ี วกับสถานการณป าไมแ ละ ผลกระทบทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม คอื สตั วป์ า่ ไมม่ ที อี่ ยอู่ าศยั และขาดแคลนแหลง่ อาหาร จงึ มโี อกาส สตั วป า ในภมู ิภาคตา งๆ ของโลกโดยเนนความ สูญพันธุ์ได้มาก นอกจากน้ียังส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น อันเป็นสาเหตุของความแห้งแล้ง สมั พันธร ะหวา งปา ไมก ับสตั วป า แลวใหนกั เรียน และยงั ท�าให้มนุษย์ขาดแคลนปจั จัยในการด�ารงชวี ติ อกี ด้วย กลุมที่รับผดิ ชอบในการอธิบายความรเู กย่ี วกบั ทรัพยากรปา ไมและสัตวป า ชวยกนั ตอบเพอ่ื จากการส�ารวจพื้นที่ป่าไม้ของโลกได้มีการคาดการณ์ว่าในอีก 30-50 ปีข้างหน้า เปนการอธบิ ายความรู ตัวอยา งขอ คาํ ถามเชน ป่าไม้ในเขตร้อนจะหมดไป ประชากรของโลก 1 ใน 3 จะขาดไม้ท�าฟืน ส่วนป่าไม้ในประเทศ • การทาํ ลายปาไมข องมนษุ ยส งผลกระทบตอ พัฒนาแล้วจะสูญไปด้วย มลพิษทางอากาศจะมีมากขึ้น พ้ืนท่ีการท�าปศุสัตว์ในทวีปแอฟริกา ทรัพยากรสตั วปา อยา งไร อธิบายพรอมยก และตะวนั ออกกลางก็จะกลายเป็นทะเลทราย ตัวอยางประกอบพอสงั เขป (แนวตอบ สตั วปาซงึ่ อาศัยปา ไมเปน ถ่นิ ทอ่ี ยู ในปัจจุบันพืชและสัตว์จะสูญพันธุ์ปีละประมาณ 36,500 ชนิด และหากสภาพความ แหลง อาหาร และสืบพันธุ ไดรบั ผลกระทบจน แห้งแล้ง การท�าลายพื้นท่ีลุ่มน�้าและแนวปะการังยังมีมากขึ้น ก็จะท�าให้สิ่งมีชีวิตอย่างน้อย มจี าํ นวนและความหลากหลายนอยลง กระทั่ง 500,000-1,000,000 ชนิดสูญพนั ธภ์ุ ายใน 20 ปี บางประเภทสูญพันธไุ ปจากปาตามธรรมชาติ 1 ในที่สดุ ยกตวั อยางเชน การทาํ ลายปา ชายเลน 4) สถานการณ์ที่เกี่ยวกับพลังงาน ในปัจจุบันโลกใช้พลังงานจากน�้ามันเป็นหลัก สง ผลใหไ มมแี หลงกําบงั คล่ืนและลมจากทะเล แตก่ ารใชป้ ิโตรเลยี มและพลงั งานจากซากพืช ซากสตั ว์ หรือถ่านหินไดส้ รา้ งมลพิษแก่สิ่งแวดล้อม และสัตวนาํ้ หลายประเภทไมมแี หลงวางไขแ ละ จึงมีการหันไปพฒั นาพลงั งานสะอาด ได้แก่ พลังงานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลงั งานความร้อน อนุบาลตวั ออน กลา วโดยสรุปในภาพรวมไดว า ใต้พภิ พ และพลงั งานชีวภาพเพื่อน�ามาใช้กนั มากข้ึน ในแตละปโลกตอ งสญู พันธพุ ชื และสัตว 4.1) นา้� มนั นา้� มนั เกดิ จากการทบั ถมของสงิ่ มชี วี ติ ใตด้ นิ หรอื ใตท้ ะเลสาบเปน็ เวลา ประมาณ 36,000 ชนดิ ) หลายร้อยล้านปี ปริมาณน�้ามันในโลกยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนเน่ืองจากบางแหล่งยังไม่ถูก สา� รวจพบ แตม่ กี ารประมาณว่าน�้ามันมอี ยู่ในโลกประมาณ 600 พนั ลา้ นเมตริกตนั แหลง่ น้�ามนั 3. ครูสนทนากบั นกั เรียนกลุมที่รบั ผดิ ชอบในการ ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชียในแถบภูมิภาคตะวันออกกลาง (ในประเทศซาอุดีอาระเบียและคูเวต) อธบิ ายความรูเ ก่ยี วกับทรพั ยากรพลังงานใน ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปแอฟริกา สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศจีน และบางประเทศในทวีปเอเชีย ดา นทรัพยากรพลงั งานท่ีสําคญั ของโลกประเภท ประเทศออสเตรเลยี และทวปี ยุโรปตามล�าดับ ตา งๆ สถานการณท รัพยากรพลงั งานของโลก และการพัฒนาพลงั งานทางเลอื กหรอื พลงั งาน 126 สะอาดของโลก นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT การศกึ ษาเก่ยี วกับสถานการณด า นทรัพยากรปาไมแ ละสัตวปา 1 น้าํ มัน ทรพั ยากรดา นพลงั งานท่ีสําคญั ของโลกซงึ่ มกี ารศึกษาและคาดการณวา และพลังงาน ควรกระทาํ ในภมู ภิ าคใดของโลกจงึ จะเหมาะสมที่สดุ น้ํามนั จะหมดไปจากโลกในอีก 50-60 ปขา งหนา ในขณะท่คี วามตองการใชน้าํ มนั 1. ทวีปยุโรป มีมากข้ึนกวา ในอดีตอยางมาก โดยเฉพาะจากการเพิ่มขน้ึ ของจาํ นวนประชากรใน 2. ทวปี อเมรกิ าเหนือ เอเชยี ทาํ ใหมีการแสวงหาแหลงน้ํามันหรือพัฒนาพลงั งานทดแทนใหมม ากขึ้น 3. ภมู ิภาคเอเชียตะวันออก 4. ภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใต มมุ IT วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ภูมภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต เน่ืองจากเปน พน้ื ทว่ี กิ ฤตการณด านทรัพยากรปาไมและสตั วปา จากภาวะโลกรอน ซง่ึ ทาํ ให ศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั สถานการณด า นทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ มใน ความแหงแลง รุนแรงเพิม่ มากขน้ึ จนอาจไมเหลอื พ้นื ทเ่ี หมาะสมสําหรับการ ภมู ิภาคตา งๆ ของโลกเพิม่ เติมไดท ่ี http://www.unep.org/ เว็บไซตโ ครงการ เพาะปลูก รวมถึงเปนแหลงนํา้ มันและแกส ธรรมชาตทิ ี่สําคญั ทส่ี ดุ ในโลก ซ่ึง สิ่งแวดลอ มเพ่อื การพฒั นา องคการสหประชาชาติ (The United Nations Environ- ประสบกบั สถานการณก ารลดลงของปริมาณน้ํามันและแกสธรรมชาติจนอาจ ment Programme : UNEP) หมดไปในอนาคตอันใกล 126 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู แถบตะวนั ออกกปลราิมงาปณรนะเํ้าทมศันสสมําารชอกิ งกเกลือุมบโอคเรปึ่งกห1น(Oึ่งPขEอCงท)้ังมโลีปกริมา(รณอสยําลระอง4ร7วม.9ก)นั อคยิดูใเปนนปรรอะเยทลศะ 1. ครใู หนกั เรยี นกลมุ ท่ีรบั ผิดชอบในการอธบิ าย 71.9 ของทั้งโลก (พ.ศ. 2556 กลมุ โอเปกผลิตนาํ้ มนั รวมกันมากคดิ เปนรอ ยละ 42.1 ของทัง้ โลก ความรูเกีย่ วกบั ทรพั ยากรพลังงานชว ยกันตงั้ และสงออกในปรมิ าณคดิ เปนรอ ยละ 79 ของทัง้ หมด) ประเทศท่มี ีปรมิ าณสาํ รองนํา้ มันมากท่ีสุด คาํ ถามดา นทรพั ยากรนํ้ามนั ใหนกั เรียนกลุมอืน่ ในโลก คอื ประเทศเวเนซเุ อลา (รอ ยละ 17.7) รองลงไป ไดแ ก ซาอดุ อี าระเบยี แคนาดา อหิ รา น และอริ กั ตอบ จากน้ันกลมุ ตนเฉลยคําตอบเพ่ือเปน การ อธิบายความรู ตัวอยางขอ คาํ ถามเชน เม่ือตน พ.ศ. 2556 ปริมาณน้ํามันสํารองท่ีพิสูจนแลวของน้ํามันโลกมีทั้งหมด • สถานการณทรพั ยากรน้ํามนั ของโลกเปน 1,687.9 พันลานบารเรล คาดวาจะมีเหลือใหใชในอัตราการผลิตปจจุบันไดอีกประมาณ 46 ป เชน ไร มีการคาดการณกันวาในชวง 20 ปขางหนา การผลิตและการใชนํ้ามันของโลกจะยังคงเพิ่มขึ้น (แนวตอบ ทรัพยากรน้ํามนั ของโลกมีแนว ในอัตราเพ่ิมเฉลย่ี ประมาณรอยละ 1.4 ตอป โดยการผลิตน้ํามนั ของประเทศในกลุม โอเปกจะเพิม่ โนมทจี่ ะหมดไปในอนาคตอันใกล กลาวคอื ความสําคญั มากขน้ึ คอื จะมีสัดสว นมากข้นึ เปน ประมาณครง่ึ หนึง่ ของการผลติ ทัง้ หมด ประมาณ 40 ป โดยแหลงนํา้ มันทสี่ ําคญั ของ โลกอยใู นบริเวณตะวนั ออกกลาง เชน ใน 4.2) แกส ธรรมชาติ มแี หลง กาํ เนดิ เชน เดยี วกบั นาํ้ มนั แตอ ยใู นรปู ของแกส การนาํ ประเทศซาอดุ ีอาระเบีย อหิ ราน อิรัก และ ไปใชจงึ ตองสง ไปตามทอ ทําใหตอ งมกี ารลงทุนสงู ในปจ จุบันมกี ารใชแกสธรรมชาตเิ ปนพลังงาน คเู วต ซึง่ ประเทศผูสง ออกนํา้ มันที่สําคัญ ประมาณรอ ยละ 23.9 ของพลงั งานทใ่ี ชก ันอยใู นโลก โดยมีปริมาณสํารองในโลกประมาณ 73,000 ของโลกไดมกี ารรวมกลมุ กันเปนกลมุ โอเปก ลานเมตริกตนั โดยกระจายอยใู นภูมิภาคตา งๆ (OPEC) ทั้งนเ้ี พือ่ กําหนดปริมาณการผลติ รวมกันซ่ึงเปนการกาํ หนดราคานํา้ มันโดย สถานการณแกสธรรมชาติ เมื่อ พ.ศ. 2556 ปรมิ าณสาํ รองท่ีพิสจู นแลวของแกส ทางออ ม หรอื อาจกลา วไดว า เพอ่ื เพม่ิ อาํ นาจ ธรรมชาตโิ ลกมที ง้ั หมด 185.7 ลา นลา นลกู บาศกเ มตร คาดวา มเี หลอื ใหใ ชใ นอตั ราการผลติ ปจ จบุ นั ในการตอรองการคานา้ํ มันอันจะนาํ มาซ่งึ ไดอกี ประมาณ 58 ป ในปจ จุบนั ปรมิ าณสํารองของแกสธรรมชาติท่ีพิสูจนแลวมากกวาครึง่ หน่ึง ประโยชนสงู สุดของกลุมตนน่ันเอง) ของโลกอยูในกลุมประเทศอดีตสหภาพโซเวียต โดยมีปริมาณสํารองรวมกันคิดเปนรอยละ 52.9 ประเทศท่ีมีปริมาณสํารองของแกสธรรมชาติท่ีพิสูจนแลวมากที่สุด ไดแก สหพันธรัฐรัสเซีย 2. ครใู หน ักเรยี นกลมุ ทรี่ บั ผิดชอบในการอธิบาย มีปริมาณแกสธรรมชาติสํารอง 31.3 ลานลานลูกบาศกเมตร หรือรอยละ 16.8 รองลงไป ความรูเก่ยี วกับทรพั ยากรแกสธรรมชาตสิ ง ตวั ไดแ ก อิหราน กาตาร สหรฐั อเมริกา และซาอดุ ีอาระเบยี แทนออกมาอธบิ ายความรเู ก่ียวกับสถานการณ แกสธรรมชาตใิ นโลก แหลง แกสธรรมชาติของ แผนภมู แิ สดงสัดสวนปริมาณแกสธรรมชาติในภมู ภิ าคตาง ๆ ของโลก พ.ศ. 2558 โลก และแนวโนม ของแกสธรรมชาติ โดยใช แผนภูมแิ สดงสัดสว นปริมาณแกส ธรรมชาตใิ น ยโุ รปและยเู รเชยี 7.5 % 30.4 % ภมู ิภาคตา งๆ ของโลกในหนังสอื เรียน หนา 6.8 % 127 ประกอบ แลว ครูใหน กั เรียนในชัน้ เรียน แอฟรกิ า GAS ชวยกนั ตง้ั คาํ ถามเพือ่ ใหเกิดความรคู วามเขา ใจ 8.4 % ที่ถูกตอ ง อเมรกิ าเหนอื 42.8 % เอเชยี แปซฟิ ก 4.1 % ตะปวรนั ะอเอทกศกแลถาบง อเมรกิ าอกเลมารงกิ แาลใตะ ทมี่ า : BP Statistical Review of World Energy 2016. 127 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู จากสถานการณด านทรพั ยากรนํา้ มนั และแกส ธรรมชาตขิ องโลก แนวทาง 1 กลมุ โอเปก (The Organization of the Petroleum Exporting Countries ดา นทรัพยากรพลงั งานของโลกควรมที ิศทางเชน ไร : OPEC) กอตงั้ ขึน้ เมือ่ ค.ศ. 1965 ในการประชุม ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย วเิ คราะหคาํ ตอบ แนวทางดานทรพั ยากรพลงั งานของโลกควรเนน การ มวี ตั ถุประสงคหลกั ในการควบคุมราคานาํ้ มนั ในตลาดโลก โดยการกําหนดปริมาณ ศกึ ษาและพฒั นาพลงั งานทดแทนตางๆ โดยเฉพาะพลังงาน เชน พลังงาน การผลติ ของประเทศสมาชกิ ในกลมุ แสงอาทติ ย พลังงานลม และพลงั งานแกส ชีวภาพ เพ่ือความสมดุลของ ระบบนเิ วศ และลดการปลอยแกส เรือนกระจกขึ้นสูบรรยากาศ ทัง้ น้แี ตละ บเศรู ณรากษารฐกจิ พอเพียง ประเทศควรพิจารณาพฒั นาพลังงานทดแทนทเี่ หมาะสมกบั ปจจยั ภายใน ประเทศของตน ยกตวั อยางเชน ประเทศบราซลิ ที่มีการปลูกออยมากจึง ปจจุบนั สถานการณก ารใชน ้าํ มนั และแกส ธรรมชาติของโลกเพ่มิ สูงขึน้ พฒั นาเปนน้าํ มนั ไบโอดีเซล โดยใชซ ากออยเปนวัตถดุ บิ หลัก อยางไรกต็ าม แตท รพั ยากรนาํ้ มนั และแกสธรรมชาตลิ ดปริมาณลงเร่ือยๆ ควรหลกี เลีย่ งการพัฒนาพลงั งานที่อาจสงผลกระทบตอ สภาพแวดลอ มอยาง พลงั งานนาํ้ จากการสรา งเข่อื น ซ่ึงตอ งมีการตัดไมท ําลายปา และอาจสง ผล ครูนําโครงการเก่ยี วกบั พลงั งานทดแทนของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ใหสตั วป าบางประเภทสูญพนั ธุ ภูมิพลอดุลยเดชมาใหนักเรยี นศึกษา จากนั้นรว มกนั แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับ โครงการดงั กลา วแลวใหนกั เรียนชวยกนั เสนอวิธกี ารใชพ ลังงานอยางพอประมาณ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเพิม่ เตมิ คมู อื ครู 127

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู นทนารว มกับนกั เรียนกลมุ ท่รี ับผดิ ชอบ 4.3) พลงั งานปรมาณู หรือพลงั งานนวิ เคลียร์ 1(Nuclear Energy) เป็นพลังงาน ในการอธบิ ายความรเู กย่ี วกบั ทรพั ยากรพลงั งาน ความร้อนที่ถูกปลดปล่อยมาจากการรวมตัวหรือการแตกตัวของอะตอมของธาตุยูเรเนียม 285 ในดานทรัพยากรถานหนิ เพ่ือใหนักเรยี นเกดิ ความรู เป็นพลังงานท่ีมนุษย์น�ามาใช้ในช่วงสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ความเขาใจวา ถานหินเปน แหลงพลังงานที่สาํ คัญ ฝร่ังเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น เป็นต้น ได้น�าพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ของโลกตัง้ แตอดตี จนถึงปจจบุ นั แตจ ากการปลอย โดยพลังงานปรมาณูให้พลังงานมากกว่าเชื้อเพลิงอ่ืน และมีค่าใช้จ่ายในระยะยาวถูกกว่า แกส เรือนกระจกขึ้นสบู รรยากาศเมอ่ื เผาไหมถ า นหิน ในปจั จบุ ันมกี ารนา� พลงั งานปรมาณมู าใชใ้ นทางการแพทย ์ การผลติ อาวธุ สงคราม และการเกษตร เพื่อใชในกจิ การตางๆ ท้งั การเปนเช้อื เพลิงใน แตพ่ ลงั งานปรมาณยู งั มขี อ้ จา� กดั ในการใช ้ เนอ่ื งจากสารกมั มนั ตภาพรงั สจี ะเปน็ อนั ตรายตอ่ มนษุ ย์ ยานพาหนะในโรงงานอุตสาหกรรม ทําใหใ น และสง่ิ แวดล้อม แมแ้ ต่ในประเทศทีพ่ ัฒนาแล้ว เชน่ สหรัฐอเมริกา ญปี่ ่นุ รัสเซีย เป็นตน้ ยังคง ปจ จบุ ันนานาประเทศเกิดการศึกษาและพฒั นา มีปัญหาการร่ัวไหลของสารกัมมันตภาพรังสีอยู่บ่อยครั้ง นอกจากน้ันการใช้พลังงานปรมาณู พลังงานทางเลอื กหรือพลงั งานสะอาด ท่กี ลาว ต้องใช้เทคโนโลยีข้ันสูงและใช้ทุนมาก จึงยังเป็นข้อจ�ากัดของหลายประเทศ แต่ในอนาคตเม่ือ รวมกนั ในปจ จบุ นั วา พลงั งานทดแทน ขึ้นหลาย พลังงานฟอสซลิ หมดลงจะมกี ารใชพ้ ลงั งานปรมาณูกนั มากขึน้ ประเภท เชน พลงั งานลม พลังงานนิวเคลียร และ พลงั งานความรอ นใตพ ภิ พ แตอยางไรกด็ พี ลงั งาน 4.4) ถ่านหิน เป็นเช้ือเพลิงที่เกิดจากการทับถมของซากพืชภายใต้พื้นดินโดย ทดแทนแตล ะประเภทก็มีขอดแี ละขอจํากดั ที่ ถกู กดทบั อัดเป็นถา่ น ปจั จบุ นั ใช้ถา่ นหนิ เป็นพลังงานประมาณรอ้ ยละ 27 ของพลงั งานท่ีใช้กันอยู่ เหมาะสมกบั ภูมภิ าคตางๆ แตกตางกันไป จึงมีการ ในโลก ถา่ นหินสว่ นมากท่ีใช้กนั เปน็ ถา่ นหนิ บทิ ูมนิ สั ถ่านหินส�ารองที่มอี ยูใ่ นโลกประมาณ 20,000 ศึกษาและพัฒนาพลงั งานที่เหมาะสมกบั ลกั ษณะ ลา้ นเมตรกิ ตนั กระจายอย่ใู นภมู ิภาคตา่ ง ๆ ทางภมู ศิ าสตร สงั คม และเศรษฐกิจ ของแตละ ประเทศ เพ่ือใหเกดิ การพัฒนาท่ียงั่ ยนื สบื ไป 4.5) พลงั งานน้�า ใชใ้ นการผลิตกระแสไฟฟา้ เม่อื มีการใชน้ �้ามัน แก๊สธรรมชาติ และถ่านหินมากข้ึน ท�าให้มีการใช้พลังงานน้�าในการผลิตกระแสไฟฟ้าน้อยลง เขื่อนที่ใช้ผลิต กระแสไฟฟา้ ทส่ี า� คญั ของโลก เชน่ เขอ่ื นอไิ ทพ ุ (Itaipu Dam) กนั้ แมน่ า�้ ปารานาทอ่ี ยบู่ รเิ วณพรมแดน ระหวา่ งประเทศบราซิลและปารากวัย เปน็ ตน้ เข่ือนอิไทพุ (Itaipu Dam) ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลและปารากวัย เป็นเข่ือนท่ีใช้ผลิตกระแสไฟฟา พลังน�้าท่ใี หญท่ ส่ี ดุ ในโลก 128 นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 พลงั งานนวิ เคลียร ไดจ ากปฏิกริ ิยาฟว ช่นั ในเครอ่ื งปฏกิ รณนิวเคลียร ซงึ่ จะใช ครูอาจใหน ักเรียนสบื คน ความรูเ พมิ่ เตมิ เกีย่ วกับสถานการณด าน ประโยชนใ นการผลติ พลงั งานไฟฟา โดยเครื่องปฏิกรณนิวเคลียรประกอบดว ย แทง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอมในภูมภิ าคตา ง ๆ ของโลก คนละ เชอ้ื เพลงิ คอื ยเู รเนยี มหรอื พลโู ทเนียม จะผสมอยูในมอเดอเรเตอร พลงั งานจะถูก 1 ภูมภิ าค จากแหลงการเรยี นรูอืน่ ทค่ี รเู สนอแนะ แลวจัดทําเปนบนั ทึก ปลอ ยออกมาในรูปความรอน และถา ยความรอนจากเครอื่ งปฏิกรณน วิ เคลยี รโดยใช การสบื คนสง ครูผูส อน ของเหลวไปยังเครือ่ งถา ยความรอน ซึง่ มนี ํา้ เปน สว นประกอบและทาํ ใหนํ้ากลายเปน ไอนา้ํ หมุนกังหันซึง่ มีเพลาตอกับเครือ่ งกําเนิดไฟฟา ตอไป กจิ กรรมทา ทาย มมุ IT ครูอาจใหนักเรยี นสบื คน ความรเู พิ่มเตมิ เก่ียวกบั แนวทางการอนุรักษ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ มในภูมิภาคตางๆ ของโลก คนละ ศึกษาขอ มูลเก่ียวกับผลกระทบจากการใชพลังงานเพ่ิมเตมิ ไดท่ี http://www. 1 ภมู ิภาค จากแหลงการเรียนรอู ่นื ทค่ี รูเสนอแนะ แลวจัดทําเปน บันทกึ greenpeace.org/seasia/th/campaigns/climate-and-energy/lmpacts/ การสืบคนสงครูผูสอน เวบ็ ไซตก ลมุ กรีนพซี ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) 128 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain 4.6) พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ 1ความรอ้ นใตพ้ นื้ โลกมอี ณุ หภมู สิ งู ถงึ 4,400 องศา ครใู หน ักเรียนกลมุ ท่รี ับผิดชอบเก่ยี วกบั เซลเซียส บางแห่งความร้อนเหล่านี้จะก่อให้เกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวและพุน�้าร้อนบางแห่ง ทรพั ยากรพลังงานชว ยกันอธิบายความรู จากน้นั อาจเกดิ เปน็ ไอรอ้ นทถี่ กู กกั เกบ็ ไวใ้ ตพ้ น้ื โลก ทเ่ี รยี กวา่ พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ ซง่ึ สามารถนา� มา ครูและนักเรียนชวยกันสรปุ ความรูทไ่ี ดจ ากการ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ในสหรัฐอเมริกาผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพประมาณ ศึกษาเกี่ยวกบั สถานการณดา นทรพั ยากรธรรมชาติ รอ้ ยละ 50 ของพลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พทใี่ ชก้ นั และส่งิ แวดลอ มในภูมภิ าคตา งๆ ของโลก นักเรียน บันทึกความรูทสี่ รปุ ไดล งในสมุด อย่ใู นโลก นอกจากน ้ี ยังมใี นประเทศฟิลปิ ปนิ ส์ ขยายความเขา ใจ Expand นวิ ซแี ลนด ์ อติ าล ี เมก็ ซโิ ก ญป่ี นุ่ และไอซแ์ ลนด์ 4.7) พลังงานลม พลังงานลม เกิดจากการท่ีผิวโลกได้รับพลังงานความร้อน ครมู อบหมายใหน กั เรียนแตละกลมุ ศึกษา จากดวงอาทิตย์ทไี่ ม่เท่ากัน ท�าให้อุณหภมู ขิ อง คน ควาเพิม่ เติมเกย่ี วกบั สถานการณดา น อากาศแตกต่างกันและเกิดการเคล่ือนท่ีของ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมในภมู ภิ าค อากาศซึ่งก่อให้เกิดพลังงานลม มนุษย์รู้จัก ตางๆ ของโลกในดา นท่กี ลมุ ตนรับผดิ ชอบ จาก ใช้พลังงานลมในการเดินเรือ การสูบน�้าและ แหลงการเรยี นรูอ น่ื นอกเหนอื จากหนังสือเรยี น กิจกรรมอื่น ๆ มานานแล้ว ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โรงไฟฟา พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พไวรากิ ประเทศนวิ ซแี ลนด์ เชน พพิ ิธภัณฑและหนว ยงานทีเ่ ก่ยี วของกับ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในทองถน่ิ และ ของสหรัฐอเมริกาใช้พลังงานลมผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 300 เมกะวัตต์ หรือประมาณ เว็บไซตท ้ังในประเทศและตางประเทศ แลวชวยกนั ร้อยละ 40 ของพลังงานลมท่ีใช้อยู่ในโลก ส่วนประเทศอ่ืน ๆ ที่ใช้พลังงานลมกันมาก เช่น จดั ทาํ ใบความรูเผยแพรข อ มลู เกีย่ วกับสถานการณ ประเทศเยอรมน ี เดนมารก์ เนเธอร์แลนด์ เป็นตน้ ดานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มในภูมภิ าค . วกิ Äตการณด์ ้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ตางๆ ของโลก โดยเนน ขอ มลู ทท่ี นั สมยั การนาํ ใปนัญภหมูาสภิิ่งแาวคดลต้อา่ มงขๆอง โลขกอไดง้สโะลสมกขึ้นนับต้ังแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเ2มื่อราว 200 ปี เสนอทีน่ า สนใจและภาพประกอบทีส่ วยงาม ตรวจสอบผล Evaluate ทผี่ า่ นมา โดยการสรา้ งโรงงานอตุ สาหกรรมในทวปี ยโุ รปและสหรฐั อเมรกิ านน้ั ทา� ใหม้ กี ารนา� พลงั งาน ถ่านหินและน�้ามันมาใช้มากขึ้น เป็นการเพิ่มมลพิษให้แก่สิ่งแวดล้อมจากสารท่ีผสมอยู่ในน�้ามัน 1. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั ตรวจใบความรู สถานการณด านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ตอ่ มาในกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี 20 การพฒั นาการเกษตรยคุ ใหมไ่ ดห้ นั มาใชป้ ยุ๋ เคมแี ละยาฆา่ แมลง สิง่ แวดลอ มในภูมภิ าคตางๆ ของโลกของ ซ่งึ สง่ ผลให้สารเคมเี กิดการแพรก่ ระจายไปในน้�า อากาศ ดิน และในหว่ งโซอ่ าหาร นกั เรยี นแตละกลุม โดยพิจารณาจากความ ปัญหาทางด้านส่ิงแวดล้อมที่สะสมท�าให้เริ่มตระหนักว่าปัญหาของโลก คือ การเกิดภาวะ ถกู ตอ งและทันสมยั ของขอมูล การนําเสนอ ฝนแล้งและอุณหภูมิของโลกท่ีร้อนขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและการด�ารงชีวิตของ ที่นาสนใจ เขา ใจงาย และภาพประกอบที่ มนุษย์ ท�าให้เมื่อประมาณ 20 ปีท่ีผ่านมาโลกได้หันมาสนใจเรื่องส่ิงแวดล้อม ถึงแม้ว่าปัญหา สวยงามและสอดคลอ งกบั ขอ มูล จากนน้ั ทางด้านสิ่งแวดล้อมได้รุนแรงถึงขั้นวิกฤตแล้ว ความตระหนักในการร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ันก็ยัง สําเนาใบความรเู พอ่ื เผยแพรขอมลู โดย คงมีความแตกต่างกันอยู่มาก ในปจั จบุ ันปัญหาสิง่ แวดลอ้ มท่เี ข้าส่ภู าวะวกิ ฤต มดี ังนี้ พจิ ารณาตามความเหมาะสม 2. ครสู งั เกตพฤติกรรมการมสี วนรวมในกจิ กรรม 129 การเรียนรู เชน การทํางานกลุม การตอบ คําถาม และการแสดงความคดิ เห็น เปน ตน ขอ สอบ O-NET นักเรียนควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกีย่ วกับวิกฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดลอ ม ขอใดไมใ ชวิกฤตการณด านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 1 พลงั งานความรอนใตพิภพ (geothermal) อาจกลาวไดว า เปน พลงั งาน 1. การเกิดแผน ดนิ ไหว สะอาดอยา งแทจ รงิ เน่อื งจากแทบไมกอ ใหเกดิ มลภาวะหรือปลอ ยแกส เรือนกระจก 2. ความตื้นเขินของแหลงนา้ํ ขึน้ สบู รรยากาศเลย อกี ทัง้ หลายประเทศกม็ แี หลง พลงั งานความรอ นใตพ น้ื พภิ พ 3. ความจํากดั ของจาํ นวนท่ีดนิ ซ่งึ สามารถนาํ มาใชป ระโยชนไ ดตลอดท้ังปจากการท่มี ีอณุ หภูมคิ งที่ อยางไรก็ตาม 4. การประกาศเขตปาเสื่อมโทรม ปจ จบุ ันมีประเทศทีน่ าํ พลังงานความรอนใตพ ภิ พมาใชง านเพยี งไมก ปี่ ระเทศเทา นั้น 2 ยคุ ปฏิวตั ิอุตสาหกรรม (The Industrial Revolution) เกิดขนึ้ ในราว ค.ศ.1750- วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การประกาศเขตปา เสื่อมโทรม เปน การ 1850 ในสหราชอาณาจักร จากปจจัยการยตุ ิสงครามระหวางองั กฤษกับสกอตแลนด การรว มมือกนั ในดานตา งๆ ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในดา นเศรษฐกจิ การคา จัดการวกิ ฤตการณด านทรพั ยากรปา ไม โดยอาจฟน ฟูใหกลบั มาเปน ปาไม การอนุญาตใหมีการรว มมือกนั ระหวา งองคกรในการผลิต และการคา แบบทุนนยิ ม อุดมสมบูรณดังเดมิ หรอื จดั สรรท่ีดนิ ทาํ กินหรือใชประโยชนดานอน่ื ๆ ใหแ ก รวมถึงนวตั กรรมการผลิต เชน การใชเ ช้อื เพลิงถานหินในโรงงานอตุ สาหกรรม ประชาชนอยางเหมาะสม สว นตัวเลอื กขอ อ่นื ๆ ลวนเปน วกิ ฤตการณด า น ยานพาหนะตา งๆ และการแบง หนาที่กันผลติ เปนตน ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอมทัง้ ส้นิ คูมอื ครู 129

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูตงั้ คําถามเพอ่ื กระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น เก่ียวกับการเกดิ วิกฤตการณด า นทรัพยากรธรรมชาติ 4.1 การเกิดภาวะโลกร้อน และส่งิ แวดลอมในภูมิภาคตางๆ ของโลก โดยเนน การเชอ่ื มโยงกับชีวติ ประจําวนั ของนักเรยี น แลว ให อุณหภูมิของโลกได้รอ้ นขนึ้ อยา่ งต่อเนอ่ื งในชว่ งเวลา 50 ปที ่ีผา่ นมา การทอ่ี ณุ หภมู ขิ องโลก นกั เรียนชว ยกนั ตอบ เชน รอ้ นขึน้ นัน้ เนอื่ งมาจากการเพิ่มข้ึนของแก๊สเรอื นกระจกในบรรยากาศ โดยเฉพาะการเพ่ิมขึ้นของ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด ์ คลอโรฟลอู อโรคารบ์ อน (CFCs) มเี ทน และไนตรสั ออกไซด ์ โดยมนษุ ยเ์ ปน็ • ถานักเรียนไมม ไี ฟฟา และนํา้ ประปาใชในชีวิต ตวั การสา� คญั ในการปลอ่ ยแกส๊ เรอื นกระจกออกสบู่ รรยากาศ เชน่ การทา� อตุ สาหกรรม การคมนาคม ประจําวันจะเปน เชนไร ขนส่ง การเผาขยะ รวมถึงการตดั ไม้ท�าลายปา่ เปน็ ตน้ บรเิ วณที่มกี ารปลอ่ ยแกส๊ เรือนกระจกใน ปรมิ าณมาก คือ ประเทศทีม่ ีโรงงานอตุ สาหกรรมจา� นวนมาก เช่น สหรัฐอเมรกิ า จนี เยอรมนี จากนน้ั ครูอธิบายใหนกั เรยี นเขาใจถงึ วิกฤตการณ เปน็ ตน้ อณุ หภมู ขิ องโลกทรี่ อ้ นขนึ้ นอกจากจะทา� ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ มนษุ ยแ์ ลว้ ยงั เกดิ ความเสยี หาย ดา นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอมในภมู ิภาค ตอ่ ระบบนิเวศของโลก เชน่ ท�าให้ปะการังตามแนวชายฝง่ั มหาสมุทรอินเดียตาย เกดิ ไฟปา่ ท�าให้ ตางๆ ของโลกทร่ี นุ แรงในปจ จุบนั ซ่งึ นักเรยี นควร สูญเสียป่าไม้และสัตว์ป่า อีกท้ังท�าให้ระดับน�้าทะเลสูงข้ึนอย่างน้อย 17 เซนติเมตร เป็นต้น ศึกษาความรูเก่ียวกับวิกฤตการณตา ง ๆ เพราะอาจ นอกจากน้ี อุณหภูมิท่ีสูงข้ึนของโลกยังก่อให้เกิดโรคระบาดท่ีเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง สงผลกระทบท่ีรุนแรงตอการดําเนนิ ชวี ติ ของตนไดใ น ซงึ่ มีผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ของโลกอกี ด้วย อนาคต รวมถึงเพอ่ื การแกไขและฟน ฟูวิกฤตการณ ตา งๆ อยางถกู ตองเหมาะสม 4.2 น�า้ เสยี และการขาดแคลนน�้า สาํ รวจคน หา Explore จากภาวะโลกรอ้ นแมจ้ ะทา� ใหป้ รมิ าณนา้� ผวิ ดนิ เพมิ่ ขนึ้ แตก่ ไ็ มอ่ ยใู่ นสภาพทส่ี ามารถนา� มาใช้ อปุ โภคบรโิ ภคได ้ เนอ่ื งจากมกี ารระเหยสงู และคณุ ภาพนา้� ไมเ่ หมาะสม ขณะเดยี วกนั นา�้ ในแหลง่ ทใ่ี ช้ ครูมอบหมายใหน กั เรยี นศึกษาความรูเกี่ยวกับ อปุ โภคบรโิ ภคกลบั มสี ารพษิ เพมิ่ ขนึ้ จนไมส่ ามารถนา� มาใชไ้ ด ้ อกี ทงั้ ยงั มคี วามตอ้ งการใชน้ า้� มากขน้ึ วกิ ฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม เนอื่ งจากการเพม่ิ ขนึ้ ของประชากรโลก การขยายตวั ของอตุ สาหกรรม และใชส้ า� หรบั การเพาะปลกู ในภมู ภิ าคตา งๆ ของโลก และผลของการเปลย่ี นแปลง ลกั ษณะทางกายภาพตอ การเกิดภมู ิสงั คมใหมข อง แหล่งที่มาของน�้าเน่าเสียนอกจากเกิดขึ้น ไทยและของโลก จากหนงั สือเรียน หนา 129-132 โดยการชะล้างสารพิษในอากาศของน�้าฝนหรือ และแหลงการเรียนรอู ื่น เชน หนงั สอื ในหองสมดุ หมิ ะแลว้ ยงั เกดิ จากสารพษิ ในนา�้ ทง้ิ จากโรงงาน ใบความรูท ค่ี รจู ดั ทาํ ขนึ้ และเว็บไซตท ่ีเกี่ยวของตา งๆ อตุ สาหกรรม โดยเฉพาะในประเทศกา� ลงั พฒั นา ท่ไี ดศ ึกษามาในกจิ กรรมการเรยี นรูกอ นหนานี้ ท่ขี าดระบบบ�าบดั และควบคมุ การท้ิงของเสีย แม้ปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และประเทศใน อธบิ ายความรู Explain ทวปี ยโุ รป มกี ารปรบั ปรงุ คณุ ภาพนา้� ในแมน่ า้� ให้ ดขี นึ้ แลว้ แตใ่ นหลายประเทศยงั ประสบกบั ปญั หา ครูสอบถามความรูทวั่ ไปเกี่ยวกบั วิกฤตการณ ดา นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอมในภมู ิภาค นา�้ เสยี จนไมส่ ามารถนา� มาอปุ โภคบรโิ ภคได ้ เช่น ตางๆ ของโลกทนี่ กั เรยี นไดศึกษามา แลวให อินเดียก�าลังประสบกับปญหาน�้าเสีย โดยเฉพาะแม่น�้า แม่น�้ายมุนาในประเทศอินเดีย แม่น้�าวิสตูลา นักเรียนชวยกนั อธิบายความเปนมาในบริบททาง ยมนุ าซงึ่ เป็นแม่น�้าสายสา� คัญของประเทศ ในประเทศโปแลนด ์ เปน็ ตน้ ประวตั ศิ าสตรโ ดยการเรยี งลําดบั บัตรคําหรอื แถบ ขอความสาํ คัญทีเ่ กีย่ วขอ งกบั การเกดิ วิกฤตการณดาน 130 ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มในภูมภิ าคตางๆ ของโลก พรอ มท้ังอธบิ ายเชื่อมโยงใหถ กู ตอง ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอ สอบป ’51 ออกเกย่ี วกบั วกิ ฤตการณดานทรัพยากรธรรมชาติของโลก ครูอาจสนทนารว มกนั กับนักเรยี นถึงภาวะโลกรอ นตอ การเกดิ ภยั ทางธรรมชาติ วิกฤตการณด า นทรพั ยากรธรรมชาติทส่ี ง ผลกระทบตอการดาํ รงชีวติ ของ ตา งๆ ท่ีรนุ แรงและบอ ยครัง้ ในปจจุบัน เชน วาตภัย อทุ กภัย และการสูญพันธุของ มนุษยม ากทีส่ ดุ คอื ขอ ใด พชื และสตั วปา แลวใหนกั เรยี นชวยกันวิเคราะหผลกระทบของภาวะโลกรอนท่สี งผล ใหเ กิดภัยทางธรรมชาติในดานบรรยากาศภาค อทุ กภาค ธรณีภาค และชีวภาค 1. การขาดแคลนนํ้าจดื จากนน้ั ชวยกันจัดทําผังความคิดแสดงความสมั พนั ธร ะหวางภาวะโลกรอนกับภยั 2. การสูญเสยี ปาไมและสตั วปา ทางธรรมชาติ เพือ่ ใหน ักเรียนตระหนักถงึ ความรุนแรงของภาวะโลกรอ นท่ีสงผลให 3. พลงั งานแสงอาทิตย เกิดภยั ทางธรรมชาตติ า งๆ ตามมา อันจะนาํ ไปสกู ารมสี วนรวมในการแกไ ขหรอื 4. การชะลา งและการพังทลายของดนิ บรรเทาภาวะโลกรอนได วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การขาดแคลนน้ําจดื เนอื่ งดว ยนํา้ จืดเปน ปจจัยสาํ คญั ที่สดุ ในการดํารงชีวติ ของส่งิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ รวมทัง้ มนุษย ซึ่งใน ปจ จุบนั วกิ ฤตการณทรพั ยากรนา้ํ ท้งั ในสวนของการขาดแคลนนํ้าจากภยั แลง และนา้ํ เสยี มีความรนุ แรงมากในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก เชน ทวปี แอฟรกิ า สงผลกระทบตอการดาํ รงชวี ติ ของประชากรท้ังทางตรงและทางออ ม เชน การรอดชวี ติ ของทารกในอัตราท่ีต่าํ การมรี ายไดต าํ่ เพราะขาดน้ําในการ ประกอบอาชพี ทางการเกษตร เปน ตน 130 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสุมนักเรยี น 3-6 คน เพอ่ื ใหช ว ยกนั อธบิ าย ความรเู ก่ียวกับการเกดิ ภาวะโลกรอน นา้ํ เสีย การขาดแคลนน้�าใช้รุนแรงมากขึน้ ในฤดรู อ้ น ทวีปแอฟรกิ าขาดแคลนน้�ามากทีส่ ุด รองลงไป และการขาดแคลนน้าํ และความสัมพนั ธของ เปน็ ภมู ภิ าคตะวนั ออกกลาง ประเทศอนิ เดยี และบรเิ วณทร่ี าบตอนเหนอื ของประเทศจนี เนอื่ งจาก วกิ ฤตการณท ง้ั สองดา น โดยใหนักเรียนนบั น้�าในแหลง่ นา�้ มนี อ้ ยทัง้ ประเภทน�า้ ผิวดนิ และน้�าใตด้ นิ หมายเลข 1-3 เพ่อื กาํ หนดหนา ที่การอธบิ าย ความรทู ่ตี นรบั ผดิ ชอบ ดงั น้ี 4.3 อากาศเสีย หมายเลข 1 อธบิ ายความรกู ารเกดิ ภาวะ อากาศเสียหรืออากาศเป็นพิษนับวันจะมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โลกรอน อนามัยของมนษุ ยโ์ ดยตรง ในแต่ละปที ัว่ โลกมผี เู้ สียชวี ิตจากอากาศเปน็ พิษนับแสนคน โดยเฉพาะ หมายเลข 2 อธิบายความรูน ํ้าเสยี และ ในสหรฐั อเมรกิ า สว่ นภูมภิ าคยุโรปตะวนั ออกและประเทศจีนอากาศเป็นพิษเกดิ จากการท�าเหมอื ง ถ่านหินและการใชถ้ ่านหินในโรงงานอุตสาหกรรม เกดิ สารซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์และเขมา่ ควันเข้าสู่ การขาดแคลนน้าํ บรรยากาศ ทา� ใหเ้ กิดโรคหอบหืด หลอดลมอกั เสบ และถงุ ลมโป่งพอง หมายเลข 3 อธบิ ายความรคู วามสัมพนั ธข อง สารพษิ ทเี่ กดิ จากการใชน้ า�้ มนั ในรถยนต ์ ไดแ้ ก ่ ไนโตรเจนไดออกไซด ์ คารบ์ อนมอนอกไซด์ วกิ ฤตการณท ้งั สองดา น ตะกั่ว และไฮโดรคาร์บอน มีผลต่อสุขภาพอนามัยโดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบ หมนุ เวยี นโลหติ ระบบประสาทและอาจเป็นสาเหตขุ องโรคมะเรง็ ภายหลงั จากนักเรียนแตละหมายเลขอธบิ าย ความรตู ามหนา ทร่ี บั ผดิ ชอบแลว ครสู อบถาม เมอื งสา� คญั หลายแหง่ ทมี่ ซี ลั เฟอรไ์ ดออกไซดแ์ ละสารแขวนลอยในอากาศเกนิ มาตรฐาน ได้แก่ ความรจู ากนกั เรยี นในชั้นเรยี นเพ่มิ เติม เพอื่ ให นวิ เดล ี ซอี าน เปย่ จ์ งิ (ปกั กงิ่ ) เตหะราน กรงุ เทพมหานคร มาดรดิ กวั ลาลมั เปอร ์ ซาเกรบ็ เซาเปาลู ไดขอ มลู ความรทู ่ถี กู ตอ งครบถว น ปารสี นิวยอร์ก มลิ าน และโซล 2. ครตู ง้ั คาํ ถามเกี่ยวกบั วกิ ฤตการณด าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอมในภมู ิภาค 4.4 การสญู เสยี ปา่ ไมแ้ ละสัตวป์ า่ ตา งๆ ของโลก แลวสุม ใหนกั เรยี นตอบเพอ่ื เปนการอธิบายความรู ตวั อยางขอ คําถามเชน ในอดีตโลกมีพ้ืนที่ป่าไม้อยู่ประมาณร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด หรือประมาณ 37,800 • จากการศกึ ษาความรูเกี่ยวกับอากาศเสยี ล้านไร่ แต่ในปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 20 ของพื้นที่ท้ังหมด หรือประมาณ 22,500 ล้านไร่ โดยการสูญเสียป่าไม้มีสาเหตุมาจากการตัดไม้ไปใช้เป็นสินค้า สร้างที่อยู่อาศัย เมืองใหญท ่มี กี ารจราจรหนาแนนจะมสี ภาพ ความต้องการพื้นที่ในการเพาะปลูก และการเกิดไฟป่า ซึ่งปัจจุบันเนื่องจากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น อากาศเชน ไร อธิบายพอสังเขป ทา� ให้เกิดไฟป่าขน้ึ บอ่ ยครั้ง ทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ฝรงั่ เศส และอินโดนเี ซยี (แนวตอบ เมอื งใหญท มี่ กี ารจราจรหนาแนน นอกจากนี้ การสูญเสียป่าไม้เท่ากับเป็นการท�าลายแหล่งที่อยู่อาศัยและอาหารของสัตว์ป่า จะเกิดมลภาวะทางอากาศอยา งรนุ แรง จาก การลดลงของพน้ื ทปี่ า่ จงึ ทา� ใหส้ ตั วป์ า่ ลดลงหรอื สญู พนั ธไ์ุ ป อกี ทงั้ การจบั สตั วป์ า่ ไปขายเปน็ สตั วเ์ ลยี้ ง แกสท่เี กดิ จากการเผาไหมเช้ือเพลงิ นา้ํ มนั ใน หรอื อาหารก็ทา� ให้สัตว์ป่าลดลงเชน่ กัน เครอ่ื งยนตของรถยนต ไดแ ก ไนโตรเจนได- ป่าไม้และสัตว์ป่าเป็นองค์ประกอบท่ีส�าคัญของระบบนิเวศ และป่าไม้มีความสัมพันธ์ ออกไซด คารบ อนมอนอกไซด ตะกั่ว และ กับทรัพยากรธรรมชาติอ่ืน ๆ เช่น ความชุ่มช้ืนของดินฟ้าอากาศ ช่วยควบคุมปริมาณแก๊ส ไฮโดรคารบ อน ซงึ่ เปนอนั ตรายตอระบบทาง คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ท�าให้ฝนตก ช่วยลดการพังทลายของดิน เป็นต้น การสูญเสีย เดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบ ป่าไม้จึงเป็นจุดเริ่มตน้ ของปัญหาสิ่งแวดล้อมอืน่ ๆ ดว้ ย ประสาทของรางกาย) จากนัน้ ครูนํานักเรยี นในการสรุปความรทู ่ี 131 เกย่ี วกบั วิกฤตการณด านทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอมในภมู ิภาคตางๆ ของโลกใน ปจจบุ ัน ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเก่ยี วกับการขาดสมดุลของระบบนิเวศของโลก บรู ณาการอาเซียน ขอ ใดทําใหระบบนิเวศของโลกขาดสมดุล ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรียนรูบ รู ณาการอาเซยี น โดยใหน ักเรียนรวมกลมุ กัน 1. ภาวะโลกรอน กลมุ ละ 4 คน เพอื่ ชว ยกนั ศึกษาคนควาเพมิ่ เตมิ เก่ียวกับวิกฤตการณด า นทรัพยากร 2. การตัดไมทําลายปา ธรรมชาติและสิง่ แวดลอ มในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต กลมุ ละ 1 ดา น เชน 3. การเกดิ กาซเรือนกระจก ทรพั ยากรปาไมแ ละสตั วป า ทรัพยากรน้าํ และมลภาวะทางอากาศ โดยกําหนดราย 4. การใชด ินซ้ําซากและบอ ยคร้ัง ละเอียดเกยี่ วกบั ปจจยั ที่เปนสาเหตุ ลักษณะของวิกฤตการณ ผลกระทบ และการ วิเคราะหคาํ ตอบ การขาดความสมดุลของระบบนิเวศของโลก คือ การ ปองกันและแกไ ขวิกฤตการณดงั กลา ว จากแหลงการเรียนรูต างๆ เชน หนงั สอื ใน ทาํ ใหองคประกอบทางธรรมชาตเิ สื่อมโทรมหรอื พงั ทลายจนไมส ามารถเก้ือกูล หองสมดุ เอกสารเผยแพรข องหนว ยงานทีเ่ กย่ี วของ และเว็บไซตทงั้ ในประเทศและ ซ่ึงกนั และกันไดดงั เดิม เชน การเกดิ กา ซเรอื นกระจกในปริมาณมากกวาการ ตางประเทศ แลว จดั ทําเปน รายงานพรอ มทงั้ สง ตวั แทนกลมุ ออกมานาํ เสนอผลงาน ดูดซบั ของแหลง ดดู ซบั กา ซตามธรรมชาติอันไดแ ก ปา ไมจ ะบําบัดไดทันกอ น ท่ีหนา ช้นั เรียน จากน้นั ครูอธบิ ายใหน กั เรยี นเขาใจถงึ ภัยทางธรรมชาตทิ ่ีสาํ คัญของ ข้นึ สูช้ันบรรยากาศ ทาํ ใหปรากฏการณเรือนกระจกของโลกรุนแรงข้ึนกวาใน ภมู ิภาค และความรวมมือระหวางประเทศในการชวยเหลอื หรือแกไ ขปญ หาตาม อดีตจนเกดิ เปนภาวะโลกรอ น อันนาํ มาซึง่ ภัยพิบตั ทิ างธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ข้นึ อยาง กรอบความรวมมือของอาเซยี น บอ ยครงั้ และมคี วามรนุ แรงดังเชน ในปจ จบุ ัน ดังนั้นคําตอบคอื ขอ 1. - 3. คมู ือครู 131

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูแบง นักเรยี นออกเปน กลุม กลมุ ละ 4 คน โดยใหน กั เรยี นนับหมายเลข 1-4 ตามตําแหนง 4.5 การขาดแคลนพลงั งาน ท่นี ั่งในชั้นเรยี น เพอ่ื ใหชว ยกนั อธบิ ายความรู เกยี่ วกับผลของการเปลี่ยนแปลงลักษณะทาง พลังงานเป็นปัจจัยส�าคัญในการด�าเนินชีวิตในปัจจุบัน โดยมีการใช้พลังงานกับยานพาหนะ กายภาพตอการเกิดภูมิสงั คมใหมข องไทยและ เครื่องจักร เคร่ืองใช้ในบ้านเรือน ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ในขณะที่ความต้องการ ของโลก โดยออกแบบและจดั ทาํ การนาํ เสนอใน พลงั งานเพมิ่ ข้ึนแตป่ ริมาณพลังงานมีอยู่อยา่ งจา� กัด จึงทา� ใหร้ าคาสงู ขึ้น มีผลกระทบต่อฐานะทาง รูปแบบตา งๆ ตามความถนดั และความสนใจ เศรษฐกจิ ไปทวั่ โลก โดยเฉพาะประเทศผบู้ รโิ ภคนา�้ มนั ทต่ี อ้ งซอื้ นา�้ มนั ในราคาท ส่ี งู ขน้ึ ทา� ใหส้ นิ คา้ ใน ของสมาชกิ สว นใหญล งในกระดาษโปสเตอรท คี่ รู ประเทศมรี าคาสงู ตามไปดว้ ย ปญั หาของการใชพ้ ลงั งานนอกจากเปน็ ทรพั ยากรทม่ี จี า� กดั และราคา แจกให สูงแล้ว การใชพ้ ลังงานยังกอ่ ให้เกิดสารพิษในสง่ิ แวดลอ้ ม เกิดการเปล่ยี นแปลงของดินฟ้าอากาศ 2. ครูสมุ นักเรียนครงั้ ละ 2 กลมุ ใหอ อกมานําเสนอ และความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติอ่นื ๆ ตามมา ผลงานการออกแบบและจัดทาํ การนาํ เสนอความ 5. ผลของการเปลยี่ นแปลงลกั ษณะทางกายภาพตอ่ การเกิด รเู ก่ียวกับผลของการเปลยี่ นแปลงลกั ษณะทาง ภมู สิ ังคมใหม่ของไทยและของโลก กายภาพตอการเกดิ ภูมิสงั คมใหมข องไทยและ ของโลกที่หนาชัน้ เรียน จากนั้นครูเสนอแนะเพิม่ ปัจจัยส�าคัญที่ท�าให้ลักษณะทางกายภาพของโลกมีการเปล่ียนแปลงไปจากเดิม คือ การ เติมเพอ่ื ใหเกดิ ความรูความเขา ใจที่ถูกตอง กระท�าของมนษุ ย ์ อาทิ การบกุ เบกิ พืน้ ที ่ การตดั ไม้ท�าลายป่า การสร้างเข่ือน การตัดถนน และ 3. ครูตง้ั คําถามเก่ยี วกับผลของการเปลย่ี นแปลง การกระท�าของธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะทุ ดินถล่ม การกัดเซาะของคล่ืนและ ลกั ษณะทางกายภาพตอการเกดิ ภูมิสังคมใหม ธารน�้าแข็ง เป็นต้น ซ่ึงการเปล่ียนแปลงนี้บางครั้งมีผลต่อการตั้งถิ่นฐาน การประกอบกิจกรรม ของไทยและของโลกแลว ใหนกั เรยี นชว ยกนั ตอบ ทางเศรษฐกิจและสังคมต่าง ๆ ท�าให้เกิดการขยายตัวของชุมชนจนกลายเป็นภูมิสังคมใหม่ขึ้นมา ตวั อยา งขอคาํ ถามเชน ซงึ่ สามารถอธิบายสรปุ ได ้ ดงั น้ี • ปจจัยสาํ คญั ของการเกดิ ภมู ิสังคมใหมของไทย 1) การเกิดภูมิสังคมใหม่ของไทย การท่ีประเทศไทยมีจ�านวนประชากรเพิ่มขึ้น คืออะไร อธิบายพรอ มยกตัวอยา งประกอบพอ จึงมีความพยายามแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบต่าง ๆ มาใช้ตอบสนองความต้องการ สังเขป ของตน โดยเฉพาะในเร่ืองการบุกเบิกที่ดินมาใช้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ท่ีเห็นได้เด่นชัด (แนวตอบ ปจจัยสําคญั ของการเกิดภมู สิ งั คมใหม คอื การบกุ เบกิ ท่ดี ินในเขตชานเมืองของจังหวัดใหญ ่ ๆ เชน่ เชยี งใหม่ ขอนแกน่ อบุ ลราชธานี ของไทย ไดแก ลักษณะทางเศรษฐกจิ กลาวคอื ระยอง ภเู กต็ สงขลา เป็นตน้ ทา� ให้ลักษณะทางกายภาพของพื้นทแ่ี ตเ่ ดมิ อาจเปน็ พ้ืนทส่ี ีเขยี ว ลกั ษณะทางเศรษฐกิจของไทยในปจ จุบนั กอ พืน้ ท่เี กษตรกรรม มกี ารตัดถนนและสร้างสาธารณูปโภคพืน้ ฐานเข้าไป มกี ารสร้างหมบู่ ้านจดั สรร สมัยใหม่หลายสิบโครงการ เม่ือมีผู้คนเข้าไปอยู่อาศัยมากขึ้น ก็จะมีร้านค้าและสิ่งอ�านวยความ ใหเกิดความเสอื่ มโทรมในพ้ืนท่ซี ่ึงเปนแหลง สะดวกตามเข้ามา พ้นื ที่ดงั กล่าวจึงกลายเป็นภมู สิ งั คมใหม่ วัตถดุ ิบ และกอ ใหเกิดเมอื งใหญจากพื้นฐาน ทางเศรษฐกจิ และตอมาไดพฒั นาความสาํ คญั ตัวอย่างการเกิดสึนามิ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 ในเขตจังหวัดที่ติดกับทะเล ในดา นตา งๆ ซึ่งทําใหป ระชากรเกิดการอพยพ อันดามัน ได้แก ่ ระนอง พังงา ภเู กต็ กระบ่ี ตรัง และสตลู ส่งผลใหพ้ ื้นที่หลายบรเิ วณมสี ภาพ ยายถนิ่ ฐานเพ่อื การทาํ งาน การศกึ ษา รวมถงึ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น พ้ืนที่ชายฝั่งบริเวณปากแม่น�้า บางแห่งมีสันทรายสูงขึ้นจากเดิม ปจจัยทางสงั คมอ่ืนๆ) หมู่บ้านชาวประมงในหลายพื้นท่ีของจังหวัดระนอง ภูเก็ต พังงา ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากนน้ั ครแู ละนักเรียนอภปิ รายรว มกันถงึ ผล ของการเปล่ยี นแปลงลกั ษณะทางกายภาพตอ การ 132 เกดิ ภมู ิสังคมใหมของไทยและของโลก นกั เรยี น บันทกึ ผลการอภิปรายลงในสมดุ ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’51 ออกเกีย่ วกับการใชประโยชนจากสง่ิ แวดลอ มเพ่อื ประโยชน ครอู าจมอบหมายใหนกั เรียนรวมกลุม กันศึกษาคน ควา การสรา งสรรควัฒนธรรม ทางสังคม จากสิง่ แวดลอมในทอ งถนิ่ ของตน แลว นาํ เสนอตอชั้นเรียนในรูปแบบตา งๆ จากน้นั ขอใดไมใชการใชป ระโยชนจากส่งิ แวดลอมเพ่ือสรางสรรคว ัฒนธรรม สนทนารวมกันกบั นักเรยี นถงึ ความสัมพันธของมนษุ ยก ับสิ่งแวดลอมในประเทศไทย 1. สวนผักผลไมในแอง แมอ าย และภมู ิภาคตางๆ ของโลก เพอื่ ใหน กั เรียนเกิดความรคู วามเขาใจเกี่ยวกับความสัมพนั ธ 2. พุน้ํารอนสนั กาํ แพง ของมนุษยกบั สิง่ แวดลอม และตระหนกั ถงึ ความสําคญั ของสงิ่ แวดลอ มอนั มาซ่ึงการมี 3. ปราสาทหนิ พิมาย สว นรว มในการอนรุ ักษส ่งิ แวดลอ มตามแนวทางตา งๆ ไดอ ยางถูกตอ งเหมาะสม 4. วัดถาํ้ กลองเพล วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พุนํ้ารอนสันกําแพง เน่ืองจากไมไ ดแ สดง ถึงการใชป ระโยชนจากส่ิงแวดลอ มเพื่อการสรางสรรคว ัฒนธรรมในดาน มุม IT ศาสนาเชนเดยี วกับการสรา งปราสาทหินพิมาย ซงึ่ การใชหินทรายในบริเวณ นัน้ เปน วัสดุหลกั หรอื ในดา นการดํารงชวี ติ เชนเดยี วกับการปลกู สวนผักผลไม ศึกษาขอมลู เกยี่ วกับสถานการณด านสงิ่ แวดลอ มในประเทศไทยเพ่ิมเตมิ ไดท ี่ ในแอง แมอ ายซง่ึ มีลกั ษณะทางภูมิประเทศและภมู ิอากาศท่เี หมาะสม http://www.environnet.in.th/index.php?option=com_content&view=category &id=69ltemid=104 เว็บไซตศนู ยสารสนเทศสง่ิ แวดลอม กรมสง เสรมิ คณุ ภาพ ส่ิงแวดลอม 132 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ครูมอบหมายใหนักเรียนแตล ะกลุม ศึกษา คน ควาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั วิกฤตการณด าน ส่งผลให้หลายชุมชนต้องอพยพข้ึนไปสร้างท่ีอยู่อาศัยใหม่ท่ีอยู่ห่างไกลจากทะเล ชุมชนท่ีเคยมี ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ มในภมู ิภาค อาชีพท�าการประมงบางส่วนเปล่ียนมาประกอบอาชีพเพาะปลกู และค้าขาย เชน่ ชุมชนมติ รภาพ ตางๆ ของโลก ผลของการเปลย่ี นแปลงลักษณะ พฒั นา อา� เภอตะก่ัวป่า จงั หวัดพังงา เป็นตน้ ทางกายภาพตอ การเกดิ ภมู ิสงั คมใหมของไทยและ ของโลก และขอเสนอแนะการปองกนั แกไ ขหรือการ 2) การเกิดภูมิสังคมใหม่ของ จดั การและการปรับตวั ใหส อดคลอ งกบั วิกฤตการณ โลก ตัวอย่างลักษณะทางกายภาพในพ้ืนที่ หรือสภาพแวดลอมใหม จากแหลงขอ มูลตางๆ เชน หนงั สือและเอกสารเผยแพรขอ มูลหรือทัศนะ ส่วนอืน่ ๆ ของโลกที่มีการเปล่ียนแปลง ที่เห็น ของผเู ชีย่ วชาญดา นภูมิศาสตรแ ละสิ่งแวดลอ ม ได้ชัด คือ บริเวณพื้นที่ของอ่าวเปอร์เซีย หนวยงานที่เกย่ี วของทงั้ ภาครฐั และเอกชน และ มในีกเามรือขงยดูไาบย พปื้นรทะี่เดท้วศยสกหารรัฐถอมาหทระับเลเอ 1มทิเ�ารตใหส้ ์ เวบ็ ไซตในประเทศและตา งประเทศ อาทิ http:// ลักษณะทางกายภาพในบริเวณดังกล่าว www.dede.go.th/ เวบ็ ไซตก รมพฒั นาพลังงาน เปล่ียนแปลงไปจากเดิม โดยมีการสร้างเป็น ทดแทนและอนุรักษพลังงาน และ http://www. เกาะรูปตน้ ปาลม์ (The Palm Islands) ขึน้ มา wec.org/ เว็บไซตศนู ยส ิ่งแวดลอ มโลก (World รวม 3 โครงการ ไดแ้ ก ่ เกาะปาล์มจูเมอิราห์ Environment Center : WEC) จากนนั้ ชวยกันจดั เกาะปาล์มเจเบล อาล ี และเกาะปาลม์ เดอริ าห์ เกาะปาล์มจูเมอิราห์ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทําหนังสือทํามอื เผยแพรค วามรเู ก่ียวกับวิกฤตการณ พื้นท่ีเกาะท่ีสร้างขึ้นใหม่ส่วนใหญ่ท�าเป็น สถานท่สี งิ่ แวดลอ้ มใหมท่ ี่เกิดจากฝมอื ของมนษุ ย์ ดานทรพั ยากรธรรมชาติของโลก หรือการเกดิ บ้านพกั ตากตอัวาอกายศ่า งโกรางรแเรปมล ่ียแนละแทปี่อลยงอู่ลาักศษัยณ กะลทาายงเกปา็นยภภมู าิสพงั จคามกใปหัจมจ่ขัยนึ้ ทมาางธรรมชาติท2่ีท�าให้เกิด ภูมิสงั คมใหมของไทยและของโลก รวมถงึ แนวทาง ภูมิสังคมใหม่ข้ึนมา เช่น หลังการเกิดแผ่นดินไหวคร้ังใหญ่ท่ีมณฑลซ่ือชวน ประเทศจีน เม่ือ การปอ งกนั แกไ ขหรอื ปรับตัวเขา กบั วกิ ฤตการณ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งมีขนาด 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ ท�าให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า หรอื สภาพแวดลอ มใหม 6.85 หมื่นคน พื้นทค่ี วามเสียหายแผ่กวา้ งกวา่ 10 กิโลเมตรจากจดุ ศนู ย์กลาง อาคารบา้ นเรอื น และพื้นที่ต่าง ๆ เสียหายอย่างหนัก หลังเหตุการณ์ภัยพิบัติได้มีการก่อสร้างอาคารส�าเร็จรูป ในลักษณะคอนโดมิเนียมในบริเวณพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งหลายร้อยอาคาร เพือ่ ใช้เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั สง่ ผลให้ ตรวจสอบผล Evaluate สภาพแวดลอ้ มรวมทัง้ สภาพการด�ารงชีวิตของผูค้ นเปลย่ี นแปลงไปจากเดิมมากเชน่ กนั 1. ครูคัดเลือกผลงานการจดั ทําหนังสือทาํ มอื เผยแพรค วามรูวกิ ฤตการณดา นทรพั ยากร กลา วโดยสรปุ สถานการณดานส่ิงแวดลอ มและทรพั ยากรธรรมชาติในปจจบุ ันของโลก ธรรมชาติของโลกหรอื การเกดิ ภมู สิ งั คมใหม และของประเทศไทยกาํ ลงั ประสบปญ หา เนอ่ื งจากมกี ารพฒั นาในดา นตา ง ๆ ทงั้ ดา นการเกษตร ของไทยและของโลกท่ีดขี องนกั เรยี น แลว นาํ มา การอุตสาหกรรม ตลอดจนการขยายตัวของเมือง สงผลใหมีการใชทรัพยากรมากข้ึน เชน ใหน กั เรยี นชวยกันตรวจอีกครงั้ โดยพิจารณา ทรพั ยากรดนิ นา้ํ ปา ไม แร และพลงั งาน เปน ตน ทาํ ใหท รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มถกู จากความถกู ตอ งครบถวนของเนอ้ื หา การนํา ทาํ ลาย และเกดิ การเปลยี่ นแปลงลกั ษณะทางกายภาพในสว นตา ง ๆ ของโลกทมี่ ผี ลตอ การเกดิ เสนอเน้ือหาท่เี หมาะสม ความสวยงามนา สนใจ ภูมสิ ังคมใหมใ นโลก รวมถึงการจดั ทาํ รปู เลม ที่เรยี บรอ ย 133 2. ครูสังเกตพฤตกิ รรมการมีสวนรวมในกจิ กรรม การเรยี นรู เชน การทาํ งานกลมุ การแสดง ความคดิ เหน็ และการสอบถาม เปนตน ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู การใชป ระโยชนจ ากส่ิงแวดลอ มในการสรางสรรคว ฒั นธรรมของมนุษยมี 1 การถมทะเล (land reclamation) หมายถงึ การดําเนินการเพ่ือใหมที ี่ดนิ ขึ้น ลักษณะอยางไร อธิบายพรอมยกตัวอยางประกอบพอสงั เขป ในพ้ืนท่ีท่คี รง้ั หน่งึ เคยเปนผืนน้าํ และไมกอใหเ กดิ ประโยชน ใหก ลายเปน ท่ีดนิ ที่ แนวตอบ มนุษยพ่ึงพาสิ่งแวดลอมและรูจ กั สรางสรรคว ฒั นธรรมตา งๆ จาก สามารถใชป ระโยชนไ ด ซ่งึ มีทั้งการถมพนื้ ท่ีชายฝงใหยื่นออกไปในทะเลและการสรา ง สิง่ แวดลอมมาตง้ั แตยคุ กอนประวตั ิศาสตร วัฒนธรรมท่มี นษุ ยสรางสรรคขึ้น เปน เกาะเทยี มขนึ้ มา ตัวอยา งของประเทศทม่ี ีการถมทะเลที่สาํ คัญไดแ ก ประเทศ จากสิง่ แวดลอมท่สี ําคญั เชน การเกษตรกรรมท่สี อดคลอ งกับลกั ษณะทาง สิงคโปร ซงึ่ มพี ื้นท่ีจากการถมทะเลคดิ เปน รอ ยละ 20 ของพ้ืนทป่ี ระเทศท้ังหมด ภมู ศิ าสตร การประดษิ ฐเ คร่ืองนุง หมจากวตั ถุดิบธรรมชาติในทองถนิ่ รวมถึง อยา งไรก็ตามการถมทะเลนี้ไดกอใหเกดิ กรณีพพิ าทกับประเทศมาเลเซีย ซึง่ ไดร บั ผล การกอ สรางโดยใชวสั ดจุ ากส่งิ แวดลอม กระทบจากการเปล่ียนแปลงของระบบนเิ วศทางทะเลเชน กัน 2 การเปลีย่ นแปลงลกั ษณะทางกายภาพจากปจจยั ทางธรรมชาติ กรณีตวั อยา ง ท่ีสําคัญในปจ จบุ นั ไดแ ก การเกดิ แผน ดนิ ไหวขนาดความรุนแรง 9.0 ตามมาตรา ริกเตอร ที่จังหวดั ฟกุ ุชิมะ ประเทศญป่ี นุ ใน พ.ศ. 2554 ซง่ึ เปนทต่ี ั้งของโรงไฟฟา นิวเคลียรฟกุ ชุ มิ ะไดอจิ ิ โรงไฟฟา นิวเคลยี รขนาดใหญแ หง หนงึ่ ของโลก ซ่ึงไดร ับ ความเสยี หายจากการสั่นไหวอยา งรุนแรงและสึนามิ ทาํ ใหร ฐั บาลญีป่ ุนตอ งประกาศ ภาวะฉกุ เฉินพลงั งานนวิ เคลยี ร และอพยพประชากรที่อาศัยอยใู นรัศมี 20 กโิ ลเมตร คูมือครู 133

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตอ งในการตอบคําถาม คาปถระาจÓมหนว่ ยการเรยี นรู้ ประจาํ หนว ยการเรียนรู 1. สถานการณก์ ารใช้ดนิ และทรัพยากรในประเทศไทย และของโลกเป็นอย่างไรบ้าง หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 2. ประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลกตอ้ งประสบกับปญั หาเกย่ี วกบั น้า� อยา่ งไรบา้ ง 3. แนวโนม้ ของทรัพยากรป่าไมแ้ ละสัตวป์ ่าของประเทศไทย และของโลกเปน็ อยา่ งไร 1. แผน พับสถานการณดา นทรัพยากรธรรมชาติ 4. วกิ ฤตการณแ์ ร่และพลงั งานเกดิ จากสาเหตใุ ด เพราะเหตใุ ด และสง่ิ แวดลอมในประเทศไทย 5. จงวิเคราะห์สถานการณแ์ ละวิกฤตการณ์ด้านสงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาตขิ องไทย 2. ชนิ้ งานการนําเสนอความรเู กย่ี วกบั วกิ ฤตการณ และของโลก และแนวทางการปองกนั และแกไ ขปญหา ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมใน กิจสรกา้ รงรสมรรค์พัฒนาการเรียนรู้ ประเทศไทย 3. ใบความรสู ถานการณด านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ มในภูมภิ าคตา งๆ ของโลก 4. หนงั สอื ทาํ มือวิกฤตการณด านทรพั ยากร ธรรมชาติของโลกหรือการเกิดภมู สิ ังคมใหมของ ไทยและของโลก 5. สมุดบันทกึ ของนกั เรยี น กิจก1รรมที่ ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายถงึ สถานการณท์ างดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ ของไทย กิจกรรมท่ี ให้นักเรียนรวบรวมข่าวเก่ียวกับวิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและ 2 สิง่ แวดล้อมของไทย คนละ 1 ข่าว เช่น แมน่ �้าสายหลกั ของประเทศเหือดแห้ง ป่าไมถ้ กู ท�าลาย สัตว์ป่าสญู พันธ์ ุ เปน็ ตน้ แลว้ วเิ คราะห์ในประเดน็ ต่อไปนี้ กจิ กรรมท่ี ■ สาเหตขุ องการเกดิ วกิ ฤตการณ์ ■ ผลกระทบ 3 ■ แนวทางก ารปอ้ งกนั แกไ้ ข ใหน้ กั เรยี นรวมกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู สถานการณแ์ ละวกิ ฤตการณด์ า้ นสง่ิ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาตขิ องโลก กลมุ่ ละ 1 เรอ่ื ง 134 แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู 1. สถานการณก ารใชที่ดนิ และทรัพยากรดินในประเทศไทยและภูมิภาคตา ง ๆ ของโลกสว นใหญคลา ยคลึงกัน กลาวคือ การขาดการวางแผนจดั สรรที่ดินหรอื การดําเนินการ ตามแผนการใชท ดี่ นิ ไมมปี ระสิทธภิ าพเทาทีค่ วร ประชากรสว นใหญโ ดยเฉพาะเกษตรกรขาดที่ดินทํากิน นอกจากนยี้ งั เกิดการบกุ รุกพน้ื ที่ปาอนุรกั ษเพอ่ื ใชป ระโยชน ในดานตางๆ 2. ประเทศไทยและภูมภิ าคตา งๆ ของโลกตอ งประสบกบั ปญ หาทรพั ยากรนา้ํ ใน 2 ดา น ไดแ ก การขาดแคลนนา้ํ กลาวคอื การขาดแคลนนํ้าจืดในการอุปโภคบริโภค การประกอบอาชพี โดยเฉพาะเกษตรกรรม เนอ่ื งจากภัยแลง นํ้าเสยี หรอื การเปลยี่ นแปลงของภมู อิ ากาศ และการมปี รมิ าณนํ้ามาก กลา วคอื การเกิดอทุ กภัย แผน ดินถลม เมื่อเกดิ ฝนตกหนักจากพายหุ รอื การปะทะกันของแนวความกดอากาศ และการขาดพื้นท่ีปาไมท ่ีจะชวยดูดซบั หรือชะลอแรงของนาํ้ 3. ทรัพยากรปาไมและสตั วปา ของประเทศไทยและของโลกมแี นวโนมเส่ือมโทรมลงตามลาํ ดบั เนือ่ งจากขาดการจดั การและการดาํ เนนิ การท่ไี มม ปี ระสทิ ธภิ าพของหนว ยงาน ทเ่ี กี่ยวของตางๆ สง ผลใหพ้นื ทปี่ า ไมถ กู บุกรุกทาํ ลายมากขน้ึ เร่อื ยๆ สง ผลกระทบตอ จาํ นวนและความหลากหลายของสัตวป า ในขณะทค่ี วามพยายามในการเพมิ่ พืน้ ที่ ปา ไมและเพาะพันธสุ ัตวป า ที่ใกลจะสูญพนั ธุของหนวยงานตางๆ ไมท ันตอ การลดลงอยางรวดเร็วขา งตน 4. วกิ ฤตการณแรแ ละพลังงานเกดิ จากการเรง รัดพัฒนาเศรษฐกิจโดยไมคาํ นึงถงึ ผลกระทบตอสงิ่ แวดลอม รวมถึงการดาํ เนนิ ชวี ติ ของมนุษยที่ใชทรพั ยากรแรแ ละพลังงาน อยางสิ้นเปลอื ง ตัวอยา งท่สี าํ คัญ คือ การนําแรธ าตุและพลงั งานตา งๆ มาใชใ นการผลติ ของโรงงานอุตสาหกรรม 5. สถานการณแ ละวกิ ฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของไทยและของโลกมคี วามสอดคลอ งสัมพันธกันอยางหลกี เลี่ยงไมได โดยในปจ จบุ ันภาวะโลกรอ น ที่เกิดจากการปลอยแกสเรือนกระจกจากการเผาไหมทรพั ยากรเชอื้ เพลงิ ตางๆ เปน สาเหตหุ ลักใหเ กิดการเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติในหลายดาน ทีส่ ําคัญไดแก การเปล่ยี นแปลงของอณุ หภูมนิ า้ํ ทะเลสง ผลใหส ตั วนาํ้ ท่ไี มสามารถปรับตัวไดทนั เกดิ ภาวะเสย่ี งตอ การสูญพันธอุ ันจะทําใหร ะบบนเิ วศขาดความสมดุลมากยง่ิ ขึน้ 134 คูมือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู 5˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè การจ´Ñ การ·ร¾Ñ Âากร¸รรมªาµิ 1. ระบมุ าตรการปองกันและแกไ ขปญหา áÅÐÊèิ§áÇ´ÅÍŒ ม บทบาทขององคการและการประสานความ รว มมือทัง้ ในประเทศและนอกประเทศ เก่ียวกับกฎหมายสิง่ แวดลอ ม การจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ ม 2. ระบุแนวทางการอนรุ กั ษทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอมในภมู ภิ าคตา ง ๆ ของโลก 3. อธบิ ายการใชป ระโยชนจากสิ่งแวดลอ มใน การสรา งสรรควัฒนธรรมอนั เปน เอกลกั ษณ ของทอ งถ่ินทัง้ ในประเทศไทยและโลก 4. มสี วนรว มในการแกป ญหาและการ ดาํ เนินชวี ิตตามแนวทางการอนรุ ักษ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอมเพ่ือการ พฒั นาที่ย่ังยืน ตวั ชว้ี ัด · ÃÑ ¾ Â Ò ¡ à ¸ à à Á ª Ò µÔ á Å Ð ÊèÔ § á Ç ´ Å Œ Í Á à » š ¹ สมรรถนะของผูเ รียน Ë■¹‹ÇแรÂละบะ¡กุมÒาารÃตปàรรÃะกÂÕสาา¹รนปคÃอว·ŒÙ างมèÕกรันว่ มแมลอืะทแงั้กใ้ไนขปประญเทหศาแลบะทนอบกาปทรขะอเทงศอเงกคยี่ ์วกกาบั ร »˜¨¨ÑÂÊíÒ¤ÑÞ㹡ÒôíÒçªÕÇÔµ¢Í§Á¹ØÉ ᵋ¨Ò¡¡Òà 1. ความสามารถในการแกป ญ หา กฎหมายสิง่ แวดลอ้ ม การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม à¾èÔÁ¢éÖ¹¢Í§¨íҹǹ»ÃЪҡÃáÅСÒÃ㪌·ÃѾÂÒ¡Ã 2. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ (ส 5.2 ม.4-6/2) ÍÂÒ‹ §¢Ò´¤ÇÒÁÃÐÁÑ´ÃÐÇ§Ñ ·íÒãËŒ·Ã¾Ñ ÂҡøÃÃÁªÒµÔ ■ ระบแุ นวทางการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มในภมู ภิ าค áÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁàÊ×èÍÁâ·ÃÁŧÍ‹ҧÃÇ´àÃçÇ «Öè§Ê‹§ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ¼Å¡Ãзºµ‹Í¤Ø³ÀÒ¾ªÕÇÔµ¢Í§Á¹ØÉ㹷èÕÊØ´ »˜¨¨ØºÑ¹ ต่างๆ ของโลก (ส 5.2 ม.4-6/3) ¨Ö§à¡Ô´á¹Ç¤Ô´ã¹¡Ò÷èըШѴ¡Ò÷ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔ 1. อยูอ ยา งพอเพียง ■ อธิบายการใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมในการสร้างสรรค์วัฒนธรรม áÅÐÊÔè§áÇ´ÅÍŒ Áà¾×èÍ¡Òþ²Ñ ¹Ò·ÕèÂèÑ§Â¹× â´ÂµÍŒ §ÍÒÈÑ 2. มจี ิตสาธารณะ ¤ÇÒÁÃÇ‹ ÁÁÍ× ¡Ñ¹¢Í§·¡Ø ¤¹ã¹Êѧ¤Á໹š ÊíÒ¤ÞÑ อนั เป็นเอกลักษณข์ องท้องถิน่ ท้ังในประเทศไทยและโลก (ส 5.2 ม.4-6/4) กระตนุ้ ความสนใจ Engage ■ มสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญ หาและการดา� เนนิ ชวี ติ ตามแนวทางการอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรและสิง่ แวดลอ้ มเพือ่ การพัฒนาทย่ี ั่งยนื (ส 5.2 ม.4-6/5) ครใู หน ักเรียนพจิ ารณาภาพการผลิตพลงั งาน ลมทหี่ นาหนว ยการเรยี นรู แลว ต้ังคําถามทีเ่ นน การ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง แกป ญ หาทรัพยากรพลังงานใหน ักเรียนชว ยกันตอบ เชน ■ มาตรการปอ งกนั และแกไ้ ขปญ หาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ในประเทศและนอกประเทศ บทบาทขององค์การและการประสาน • การพัฒนาพลังงานทดแทนดงั ภาพหนา หนวย ความร่วมมือ กฎหมายส่ิงแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การเรยี นรูจะมีสวนชวยบรรเทาวิกฤตการณ และสิง่ แวดล้อม พลงั งานในประเทศไทยไดอ ยางไร ■ การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในภูมภิ าคต่างๆ ของ โลก ■ การใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดลอ้ มในการสรา้ งสรรค์วฒั นธรรม อันเป็น เอกลกั ษณ์ของทอ้ งถิน่ ทง้ั ในประเทศไทยและโลก ■ การแก้ปญหาและการด�าเนินชีวิตตามแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากร และส่ิงแวดลอ้ มเพอื่ การพัฒนาทย่ี ั่งยนื เกรด็ แนะครู ครูควรจัดกจิ กรรมการเรียนรทู ่เี นน การพฒั นาทกั ษะกระบวนการเพ่ือใหนกั เรียน สามารถระบมุ าตรการปอ งกนั และแกไขปญ หาบทบาทขององคก ารและการประสาน ความรวมมอื ท้ังในประเทศและนอกประเทศเกยี่ วกบั กฎหมายสงิ่ แวดลอ ม การจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ ม ระบุแนวทางการอนรุ กั ษทรัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอมในภูมภิ าคตา งๆ ของโลก อธิบายการใชป ระโยชนจ ากสงิ่ แวดลอม ในการสรางสรรควัฒนธรรมอนั เปนเอกลกั ษณของทอ งถน่ิ ทง้ั ในประเทศไทยและ โลก และมสี วนรว มในการแกปญหาและการดาํ เนนิ ชีวิตตามแนวทางการอนรุ กั ษ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอมเพอื่ การพัฒนาทยี่ ่ังยนื ดงั ตวั อยา งตอไปน้ี • ครูแบง กลุมใหน ักเรยี นชว ยกันศึกษาเก่ียวกับการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอมจากแหลง การเรยี นรูตางๆ แลวชว ยกนั อธบิ ายความรผู าน กิจกรรมการเรียนรทู คี่ รกู าํ หนด จากนน้ั ศึกษาคน ควา เพิม่ เติมเพ่อื จดั ทาํ บทความหลกั การและแนวทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ในภูมิภาคตา งๆ ของโลก ค่มู ือครู 135

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครูต้งั คาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรียนใน 1. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม การศกึ ษาเกยี่ วกับการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอม โดยเนนการเชือ่ มโยงกับคาํ ถาม สถานการณ์และวิกฤตการณ์ส่ิงแวดล้อมทั้งในประเทศไทยและของโลกที่เกิดขึ้น ได้แสดง เก่ียวกับพลงั งานทดแทนทีห่ นาหนวยการเรียนรู เชน ใหเ้ หน็ วา่ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มเปน็ ปจั จยั ส�าคญั ของการดา� รงชวี ติ และเศรษฐกจิ ของ ทุกประเทศท่ัวโลก แต่ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจ�ากัดน้ันได้ลดปริมาณลงเป็นอย่างมาก • การพัฒนาพลงั งานทดแทนเปน สว นหนึง่ ของ และบางสว่ นอยใู่ นสภาพเสอ่ื มโทรม ไมส่ ามารถนา� มาใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ กี ดงั นนั้ จงึ ควรมกี ารจดั การ หลกั การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมใหเ้ หมาะสม เพ่ือลดผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม และเพื่อสงวน สง่ิ แวดลอมที่ประกอบดวยอะไรบาง รักษาทรัพยากรธรรมชาตทิ ม่ี อี ยู่อยา่ งจา� กดั ให้สามารถใชไ้ ดย้ าวนาน (แนวตอบ หลักการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอม ประกอบดวย การวางแผน การจดั การสงิ่ แวดลอ้ ม (environmental management) เปน็ กระบวนการใชส้ งิ่ แวดลอ้ มอยา่ ง การใชท รัพยากรใหเกิดประโยชนส ูงสดุ มปี ระสทิ ธิภาพและเปน็ ระบบ โดยการวางแผน ด�าเนินงาน ตดิ ตามประเมินผล และปรบั ปรุงแกไ้ ข การนาํ กลับมาใชใ หม ปรับปรุง และสํารวจ พัฒนาให้ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องค�านึงถึงการใช้อย่างประหยัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ได้ยั่งยืนยาวนาน แหลง ทรัพยากรธรรมชาติ และการสราง ตลอดไป และเอ้อื อ�านวยประโยชนต์ ่อมวลมนุษยแ์ ละธรรมชาตใิ ห้มากท่ีสดุ ความรคู วามเขา ใจและจิตสํานกึ การอนรุ กั ษ ทรพั ยากรและสิง่ แวดลอมใหแ กประชากร) 1.1 หลักการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม สา� รวจคน้ หา Explore ในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม จะตอ้ งมแี นวทางและมาตรการตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ สภาพปัญหาทเี่ ปน็ อย ู่ โดยมีหลักการสา� คัญ ดังน้ี ครูแบงกลุมใหนกั เรียน กลมุ ละ 4 คน โดยให นักเรียนนับหมายเลข 1-4 ตามตาํ แหนงท่นี ่ังใน 1) การควบคุมจ�านวนประชากร เนื่องจากจ�านวนประชากรท่ีมากข้ึนส่งผลให้มี ช้นั เรียน เพือ่ ใหชวยกันศึกษาเกีย่ วกับการจดั การ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ ม โดยแบง หนาที่ การใชท้ รพั ยากรเพมิ่ มากขนึ้ และนอกจากน้ยี ังมกี ารทงิ้ กากของเสียสูส่ ภาพแวดลอ้ มมาก เพราะ กนั ในสว นของหลักการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ประชากรเพม่ิ ข้นึ รวดเรว็ เกนิ ไป รฐั บาลควรมนี โยบายในการลดอัตราการเพิม่ ประชากร โดยจดั ตง้ั และส่งิ แวดลอม และแนวทางการจัดการ โครงการวางแผนครอบครัว และการรณรงค์ให้มีบุตรน้อย ให้การศึกษากับประชากรท่ัวไปทั้งใน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม จากหนังสอื และนอกระบบโรงเรยี น เรยี น หนา 136-142 และแหลงการเรียนรูอื่น เชน หนงั สอื ในหองสมุด หนวยงานท่ีเก่ียวของกบั การ 2) การสง่ เสรมิ คณุ ภาพประชากร ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ มีจติ สา� นึก ตระหนักถึง จัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอมในทองถ่ิน พพิ ธิ ภณั ฑท ใี่ หค วามรเู กี่ยวกบั การจดั การสง่ิ แวดลอ ม ความส�าคัญและความจ�าเป็นของการอนุรักษ์ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม โดยใช้กระบวนการ และผเู ช่ยี วชาญดา นสิง่ แวดลอมในทอ งถ่นิ รวมถึง ศึกษาทั้งในและนอกระบบโรงเรียน เช่น บรรจุเป็นหลักสูตรในโรงเรียน การให้การศึกษาอย่าง เว็บไซตท ้ังในประเทศและตางประเทศ เชน http:// ไม่เปน็ ทางการผ่านสื่อมวลชน เปน็ ตน้ ec.europa.eu/europeaid/index_en.htm เว็บไซต การพัฒนาและการรว มมอื ดานสงิ่ แวดลอ มของ 3) การส�ารวจแหลง่ ทรพั ยากรเพ่มิ และสิง่ ทดแทนการใชท้ รพั ยากร เช่น การ สหภาพยโุ รป (EuropeAid) แลว ใหนักเรยี นในแตละ กลุมแลกเปล่ยี นความรซู ึ่งกันและกนั ส�ารวจแหล่งแร่ และพลังงาน เพิ่มแหล่งกักเก็บ ปรับปรุงดิน การคิดค้นกรรมวิธีขยายพันธุ์พืช และสัตวเ์ พ่อื เพ่ิมปรมิ าณทรัพยากร เปน็ ต้น 4) การปอ้ งกนั รกั ษา เพอ่ื มใิ หท้ รพั ยากรเสอื่ มโทรม รอ่ ยหรอลง เชน่ การรกั ษาหนา้ ดนิ ไมใ่ หถ้ กู ชะลา้ งกดั กรอ่ นพงั ทลาย การปอ้ งกนั การทา� ลายปา่ ทง้ั โดยมนษุ ยแ์ ละธรรมชาต ิ การปอ้ งกนั ทรพั ยากรน้า� อากาศ แร่ ไมใ่ ห้เกดิ การปนเป้ือนจากสารพิษ เปน็ ตน้ 136 บูรณาการอาเซยี น ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ประเทศใดตอ ไปนน้ี า จะมปี ญหาสงิ่ แวดลอ มมากท่สี ุดตามหลักการจัดการ ครสู ามารถจัดกิจกรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซียนเพอ่ื ใหน ักเรยี นมีความรู สิ่งแวดลอม ความเขาใจเก่ยี วกบั การจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอมในอาเซยี น 1. ประเทศ ก. มีพื้นทีน่ อย แตม ีทตี่ ้งั เหมาะสมตอการเปน เมืองทา โดยอธิบายใหนักเรียนเขาใจถึงการสงเสริมความรว มมือของสมาชกิ อาเซยี น 2. ประเทศ ข. มีประชากรมาก แตส วนใหญไ มไ ดรบั การศกึ ษาทีม่ คี ุณภาพ ในดา นการอนรุ ักษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ มตามวัตถุประสงคของ 3. ประเทศ ค. มีทรพั ยากรนอ ย แตห ลากหลายประเภทและกระจายอยทู ่วั ประชาคมอาเซยี น แลวใหนกั เรียนรวมกลุมเพ่ือชว ยกนั ติดตามขา วสารเกี่ยวกับ ประเทศ การจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ มในประเทศสมาชิกอาเซยี นเพ่ือ 4. ประเทศ ง. มีทรพั ยากรมาก แตไ มหลากหลายจาํ ตอ งพึง่ พาการนําเขา นําเสนอตอ ชั้นเรยี น จากนน้ั อภปิ รายรวมกนั ถึงความเหมาะสมของการจดั การใน ทรัพยากรจากตา งประเทศ แตล ะประเทศ และแนวทางการปรับใชในประเทศไทย วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ประเทศ ข. มปี ระชากรมาก แตสวนใหญ ไมไ ดร ับการศึกษาท่มี คี ุณภาพ เน่ืองจากหลกั การจดั การทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ ม รวมถึงการพัฒนาทยี่ ่งั ยนื เนน เรือ่ งคุณภาพของประชากร ในประเทศเปนสําคัญ 136 คูม่ อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 5) การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและใช้ให้ถูกประเภทและประหยัด 1. ครสู นทนารว มกนั กบั นักเรียนถงึ ความรูทั่วไป เกี่ยวกับการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ เพราะทรัพยากรหลายประเภทเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป เสื่อมโทรมลง จึงต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ สงิ่ แวดลอ มท่ีนกั เรียนไดศึกษามา แลว ตง้ั สูงสุด โดยหลีกเลี่ยงการใช้ทรัพยากรไม่ถูกประเภท เช่น การใช้ท่ีดินที่อุดมสมบูรณ์ในการสร้าง คําถามเก่ียวกับหลกั การจัดการสาเหตุสาํ คญั ท่ีอยู่อาศัยแล1ะโรงงานอุตสาหกรรม การใช้ป่าชายเลนท่ีมีความส�าคัญต่อระบบนิเวศในการเพาะ ของปญหาสง่ิ แวดลอมใหน ักเรยี นชว ยกนั ตอบ เลี้ยงสัตว์น�้า เป็นต้น การใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อประหยัดทรัพยากร เช่น การใช้เคร่ืองยนต์ เชน ทปี่ ระหยดั น�้ามัน เป็นต้น • หลักในการจัดการสาเหตขุ องปญ หา ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ มคอื อะไร 6) การปรับปรุงคุณภาพทรัพยากร ทรัพยากรท่ีเสื่อมโทรมควรมีการพัฒนา (แนวตอบ หลกั ในการจดั การสาเหตุของ ปญหาทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ ม ปรับปรุงคุณภาพ เช่น การปรับปรุงสภาพป่าท่ีถูกท�าลายโดยการปลูกป่า การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ไดแก การควบคมุ จํานวนประชากร และ การปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินท่ีเส่ือมโทรม การแก้ไขปัญหาน�้าเน่าเสีย เช่น การขุดลอก การพัฒนาคณุ ภาพประชากร เน่ืองจาก การถ่ายน้�า การเพ่ิมออกซเิ จนแก่น�า้ เป็นตน้ มนุษยเปนสาเหตสุ าํ คัญของปญ หา ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ ม เมื่อ 7) การใชท้ รพั ยากรทดแทนกนั เปน็ การนา� ทรพั ยากรทม่ี มี ากหรอื เกดิ ขนึ้ ใหมม่ าใช้ มนุษยเพิ่มจาํ นวนขึ้นอยางรวดเร็วจงึ ควรมี การวางแผนจดั การ ควบคุม และสงเสริม ทดแทนทรพั ยากรทหี่ ายากหรือมีราคาแพง เช่น การใชพ้ ลาสติกแทนโลหะหรอื ไม ้ การใชพ้ ลงั งาน ความรูความเขา ใจและจติ สาํ นกึ เกีย่ วกับการ จากนา�้ ลม แสงอาทติ ย์ แทนน�้ามัน ถ่านหิน เป็นตน้ รวมท้ังการลดการใชห้ รอื ใช้อย่างประหยัด อนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม) 8) การนา� มาใชอ้ กี เปน็ การนา� ทรพั ยากรทใ่ี ชห้ รอื ไมไ่ ดใ้ ชแ้ ลว้ มาปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลง 2. ครนู าํ ภาพที่เก่ยี วขอ งกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอม เชน ปา ชายเลน แมนํ้าที่ ให้ใช้ได้อกี เชน่ เศษโลหะ ขวดพลาสติก กระดาษ ช้ินสว่ นเครือ่ งยนต์นา� มาหลอมใช้ใหม ่ ท�าขยะ เนา เสีย และปาเสอื่ มโทรม มาใหนักเรยี น เปน็ ปุ๋ย หลอมพลาสติกมาใช้ใหม ่ น�ากระดาษมาผลติ ใหม ่ เป็นตน้ พิจารณารวมกนั แลว นกั เรยี นแตละกลุมสง ตัวแทนออกมาอธบิ ายความรเู กี่ยวกับหลักการ 9) การพิจารณาและตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการด�าเนินกิจกรรม จดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม ในภาพ แลวครสู นทนารว มกับนักเรยี นถงึ การดา� เนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ย่อมมผี ลกระทบต่อส่งิ แวดลอ้ มท้งั ทางตรงและทางอ้อม ทงั้ ในผลดีหรอื หลกั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและ ผลเสีย เชน่ การสูบนา้� บาดาลมาใช้มาก ท�าให้แผ่นดินทรดุ เกิดน้า� ทว่ มขังง่าย การ สร้างโรงงาน สง่ิ แวดลอม จากน้นั ใหน กั เรยี นชวยกันสรปุ ยอ่ มสง่ ผลกระทบตอ่ ดนิ น�้า อากาศ เป็นตน้ และจัดทาํ ผลการสรุปเปนผงั กราฟก รูปแบบ ตา งๆ เชน ตาราง ผังความคิด หรือผังกา ง 2 ปลาทีก่ ระดานหนา ช้นั เรยี น นกั เรยี นบันทึกผงั กราฟก และสาระสําคญั ลงในสมุด เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศทีม่ ีการนา� พลังงานลมมาใช้เป็นพลังงานทดแทนอยา่ งแพร่หลาย 137 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเก่ยี วกบั การอนุรักษส ่ิงแวดลอ ม 1 การเพาะเลีย้ งสตั วนา้ํ เปน กิจกรรมการประมงท่เี ปนสาเหตุหลกั ของมลพิษ การกระทําของใครสง ผลดตี อ การอนุรกั ษสิ่งแวดลอม ในพนื้ ทลี่ ุมนา้ํ ทะเลสาบสงขลา รวมถึงแหลงเล้ยี งกงุ ในบริเวณอนื่ ๆ ของประเทศ 1. แตมเล้ียงไกบนบอ ปลา เน่ืองจากการใหอ าหาร ยา และสารบาํ รุงตา งๆ ทมี่ ากเกนิ ปริมาณของกุง ทําใหเกดิ 2. ตมั้ ทาํ ไรห มนุ เวยี นบนลาดเขา การตกคางของสารอินทรีย กอใหเ กดิ ปญ หาตามมาหลายดา น เชน คา ความสกปรก 3. ตอมชวยเพือ่ นบานสรางฝายชะลอนา้ํ ในลําหว ยใกลห มูบา น ของนา้ํ สูงขึน้ สาหรายและพืชนํ้าบางประเภทเตบิ โตเรว็ ข้นึ เปน ตน 4. ตุม ใชท ฤษฎีใหมใ นการจัดการพ้ืนท่ีถอื ครองทางการเกษตร 2 พลงั งานลม ไดม กี ารศกึ ษาและพัฒนาขนึ้ ใชเ ปน แหลง พลงั งานทดแทนที่สําคญั วเิ คราะหค ําตอบ การกระทาํ ของแตม ทเี่ ล้ยี งไกบ นบอ ปลา เปนการใช ของประเทศเนเธอรแลนด โดยใน ค.ศ. 2009 มีกงั หนั ลมเพื่อการผลติ กระแสไฟฟาถงึ 1,975 ตัว คดิ เปนรอยละ 10 ของการผลิตพลังงานทดแทนทัง้ หมดในสหภาพยโุ รป ประโยชนจ ากมูลไกเ ปนอาหารปลา ทําใหลดการปลอ ยส่ิงปฏกิ ูลในสิ่งแวดลอ ม นอกจากนใ้ี นพฒั นาการทางประวตั ิศาสตรข องประเทศเนเธอรแลนด กังหนั ลมยงั และไดประโยชน คอื การเจรญิ เตบิ โตของปลา คลา ยกบั ตุม ทใ่ี ชท ฤษฎีใหม มคี วามสําคัญอยางยิง่ โดยเฉพาะในดา นเศรษฐกิจ เนอ่ื งจากเปนเคร่ืองมือในระบบ ในการจัดการพนื้ ทถี่ อื ครองทางการเกษตร อนั สอดคลอ งกับหลักปรัชญา ชลประทานที่ชวยวิดนา้ํ เขา สูพืน้ ทีเ่ กษตรกรรมนนั่ เอง ของเศรษฐกจิ พอเพยี งและการพัฒนาที่ยัง่ ยนื ทมี่ ุงเนน การอนุรักษ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ ม ดังนนั้ คาํ ตอบคอื ขอ 1. และขอ 4. คูม ือครู 137

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสนทนารวมกนั กบั นักเรียนถงึ ความรทู ัว่ ไป 10) การใช้กฎหมายเพ่ือรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กฎหมายเป็นกติกา เกี่ยวกบั แนวทางการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมท่นี กั เรยี นไดศ ึกษามา แลว ของสงั คม การมกี ฎหมายเพอื่ รกั ษาทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มจะชว่ ยใหก้ ารอนรุ กั ษท์ รพั ยากรและ สอบถามความสําคัญของทรพั ยากรดนิ ตอ สง่ิ แวดล้อมเปน็ ไปได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ และตอ้ งมกี ารบังคบั ใช ้ มบี ทลงโทษผูฝ้ ่าฝืนอย่างจรงิ จงั ประชากรไทย จากน้นั สมุ ตวั แทนนกั เรยี นใน แตละกลุมใหผ ลัดกนั อธิบายแนวทางในการ 1.2 แนวทางการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม จัดการทรพั ยากรดนิ ดานตา งๆ ดงั นี้ • การศกึ ษาขอมูลทรัพยากรดิน การจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมควรมีแนวทางการดา� เนนิ การ ดังน้ี • การวางแผนการใชที่ดิน • การปองกันการพังทลายของดนิ 1) การจัดการทรัพยากรดิน ประเทศไทยและประเทศที่ท�าการเกษตรที่ต้องใช้ดิน • การปลูกพชื หลายชนดิ • การปรบั ปรงุ คุณภาพทรัพยากรดนิ เปน็ ปจั จยั การผลติ หลกั ประกอบกบั ความตอ้ งการใชด้ นิ ในกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เชน่ พฒั นาเมอื ง ขยายเขตอุตสาหกรรม เป็นต้น ท�าให้เกิดปัญหาในการใช้ที่ดินทั้งการน�าท่ีดินมาใช้ไม่เหมาะสม 2. ครใู หตวั แทนนักเรียนชว ยกันสรปุ ความรูเกยี่ วกบั และการใช้ท่ดี ินไม่ถกู ตอ้ งตามหลักวชิ าการ ท�าให้ดนิ เสือ่ มโทรม การจัดการเกย่ี วกับดินมแี นวทาง แนวทางการจัดการทรัพยากรดิน โดยแบงออก ท่สี �าคญั ดงั น้ี เปนแนวทางการจดั การทด่ี ิน และแนวทางการ 1. การศกึ ษาขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดนิ เปน็ การศกึ ษาดนิ ในแตล่ ะพน้ื ท ี่ ทงั้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ จดั การทรัพยากรดนิ แลวครเู สนอแนะเพ่ิมเติม ทางปฐพวี ทิ ยาและคณุ ภาพของดนิ เพอ่ื เปน็ ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ในการวางแผนการใชท้ ด่ี นิ ใหเ้ หมาะสม เพื่อความรูท ่ีถกู ตอ งชดั เจนยงิ่ ขึน้ 2. การวางแผนการใช้ท่ีดิน ควรมีการวางแผนการใช้ท่ีดินให้เหมาะกับกิจกรรม ตา่ ง ๆ เช่น การกา� หนดพนื้ ที่เพาะปลูกพืชใหเ้ หมาะสมกบั คุณภาพของดิน การกา� หนดทดี่ ินทจ่ี ะใช้ ในการตั้งชมุ ชน สวนสาธารณะ การกา� หนดพ้ืนทอ่ี ตุ สาหกรรม เปน็ ต้น 3. การปอ้ งกนั การพงั ทลายของดนิ เปน็ การปอ้ งกนั การพงั ทลายของดนิ จากกระแส น�้า กระแสลม และการเผาหน้าดิน ท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติและจากการกระท�าของมนุษย์ เช่น การท�าทางระบายน�า้ การทา� แนวปอ้ งกนั ลมและการป้องกันการเผาหนา้ ดิน การปลกู พืชท่ีปอ้ งกนั การพังทลายและสูญเสียหน้าดิน เป็นต้น 4. การปลูกพืชหลายชนิด เพื่อช่วยรักษาธาตุอาหารพืชในดิน ส่วนการปลูกพืช ชนิดเดียวซ้�าซากหรอื การใชท้ ด่ี ินโดยไมม่ เี วลาพักตัวของดินจะทา� ให้ดนิ เสื่อมโทรมเรว็ ข้ึน 5. การปรับปรุงบ�ารุงดิน ดินท่ีขาดความอุดมสมบูรณ์และดินท่ีมีปัญหา เช่น ดนิ เปร้ยี ว ดินเคม็ ดนิ พร ุ เป็นต้น ควรจะมีการพฒั นาเพื่อให้เพาะปลูกได ้ รวมทง้ั ดินที่ใช้เพาะปลกู แล้วในแต่ละฤดูกาลควรจะมีการปรับปรงุ เพ่อื เตรียมใชค้ รัง้ ต่อไป ด้วยการเพ่มิ ธาตอุ าหารประเภท สารอนิ ทรีย์ ซึง่ จะให้ประโยชน์มากกว่าการใช้สารเคมี 2) การจัดการทรัพยากรน้�า น�้าเป็นทรัพยากรที่มีความจ�าเป็นในการด�ารงชีวิต และเปน็ ปจั จยั พนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ ปจั จบุ นั ปญั หาเรอ่ื งนา้� เปน็ ปญั หาสา� คญั ในทกุ ภมู ภิ าคของโลก เชน่ การขาดแคลนนา้� ในฤดแู ลง้ การมนี า�้ มากเกนิ ในฤดฝู น การใชน้ า�้ บาดาลมากเกนิ ไป ทา� ใหเ้ กดิ การทรดุ ตวั ของแผน่ ดนิ ปญั หาคณุ ภาพของนา�้ เปน็ ตน้ จากปญั หาดงั กลา่ วจงึ เปน็ สาเหตหุ ลกั ทท่ี า� ให้ ต้องมีการจัดการทรัพยากรน้�าอย่างย่ังยืน เพื่อให้ประชาชนได้มีน�้าใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงมี 138 แนวทางสา� คญั ดังนี้ เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกยี่ วกับการเกษตรอินทรีย ครูควรอธิบายใหนกั เรยี นเขา ใจถงึ ความสมั พันธของหลักการและแนวทางการ การเกษตรอนิ ทรยี ไ มเ กี่ยวขอ งกบั เรอ่ื งใด จดั การอนุรกั ษท รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กลา วคือ หลักการเปน แผนของ 1. การทาํ ฟารมทางนเิ วศวทิ ยา การจดั การและปฏบิ ัติ สว นแนวทางเปนรายละเอยี ดของการปฏิบัติ เชน 2. การใชห ลักการการเกษตรแบบองครวม หลกั การควบคมุ สารพิษกอ นปลอ ยสธู รรมชาติ มแี นวทางการปฏบิ ัติโดยการกําหนด 3. การใชพ ันธพุ ืชและพันธุส ตั วท ดี่ ัดแปรพนั ธุกรรม มาตรการและบทลงโทษสาํ หรบั การบาํ บัดสารพษิ ตางๆ กอ นปลอ ยสูธรรมชาตขิ อง 4. การนําของใชแ ลว ไปแปรสภาพเพื่อนํากลับมาใชใ หม หนวยงานที่เกย่ี วขอ งภาครัฐ การปฏบิ ตั ติ ามมาตรการของผูประกอบการ รวมถึง วิเคราะหค ําตอบœ การเกษตรอนิ ทรียมงุ เนน การรักษาความสมดุลของ ประชาชนทัว่ ไปทต่ี องท้ิงสารพิษทเี่ หลอื จากการอุปโภคบริโภคในชีวติ ประจาํ วัน ระบบนเิ วศ โดยการปลกู พืชแบบผสมผสาน และนําซากพืชเปน วัตถดุ บิ ในการ แลวใหนักเรยี นวิเคราะหถ งึ ความสัมพนั ธข องหลกั การและแนวทางการจัดการ ทําปยุ แกสชีวภาพ หรือประโยชนใ นดา นอนื่ ๆ รวมถงึ หลีกเลี่ยงการใช อนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมในดา นอน่ื ๆ จากนน้ั บันทกึ สาระสําคัญ สารเคมีและการดดั แปรพันธุกรรมทีอ่ าจสง ผลกระทบตอระบบนเิ วศดัง้ เดมิ ได ลงในสมุด ดังน้นั คําตอบคอื ขอ 3. 138 ค่มู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1. การพฒั นาแหลง่ นา้� เชน่ การขดุ ลอกแหลง่ นา้� การทา� ทกี่ กั เกบ็ นา�้ การทา� ฝาย 1. ครูสนทนารวมกันกับนักเรียนถึงความรทู ัว่ ไป ชะลอนา้� การขดุ บอ่ นา้� การสรา้ งเขอ่ื น จะชว่ ยเกบ็ นา�้ ไวใ้ ชใ้ นฤดแู ลง้ รวมทง้ั แกไ้ ขปญั หานา�้ ทว่ มได้ เกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของทรพั ยากรนาํ้ ทน่ี กั เรยี น 2. การรกั ษาและฟน้ื ฟปู า่ ตน้ นา�้ การปอ้ งกนั การทา� ลายปา่ ตน้ นา้� และการฟน้ื ฟปู า่ ไดศึกษามา โดยแบง ออกเปน ดา นตา งๆ ไดแก ต้นน้า� จะชว่ ยการระเหยของน้�า ท�าให้เกดิ ความ น้าํ กบั การดาํ รงชวี ิตของมนษุ ย นาํ้ ในฐานะท่ี ชมุ่ ชืน้ เกดิ ฝน และป้องกันน้�าทว่ มได้ เปนปจจัยพนื้ ฐานทางเศรษฐกิจ และการเกดิ 3. การใช้น้�าอย่างประหยัด วกิ ฤตการณเกยี่ วกบั ทรพั ยากรนาํ้ และผล เนอ่ื งจากความตอ้ งการใชน้ า้� เพอื่ อปุ โภคบรโิ ภค กระทบตอ มนษุ ยใ นปจ จบุ ัน และการท�าเกษตรมีมากขึ้น ในขณะท่ีปริมาณ น้�ามีอยู่อย่างจ�ากัด การใช้น้�าจึงต้องใช้อย่าง 2. ครูสมุ นกั เรยี น 5 คน จากกลมุ ตา งๆ ใหออก ประหยดั และตอ้ งปอ้ งกนั มใิ หเ้ กดิ การสญู เสยี นา�้ มาชวยกนั อธบิ ายความรเู ก่ยี วกบั แนวทางการ โดยมิได้ใชป้ ระโยชน์ จดั การทรัพยากรน้ําทีห่ นา ชั้นเรยี น โดยจบั 4. การปอ้ งกนั และบา� บดั นา้� เสยี สลากแถบขอความสาํ คัญเกีย่ วกับแนวทางการ ตอ้ งปอ้ งกนั มใิ หม้ สี ารพษิ และขยะมลู ฝอยเขา้ ไป จดั การทรัพยากรนาํ้ ไดแก การสรางแหลง กัก ปะปนในแหล่งน�้า โดยควบคุมการทิ้งขยะและ แคนาดาเป็นประเทศที่ให้ความส�าคัญกับการจัดการน้�า เก็บนํา้ การอนุรักษปาตนนํ้า การประหยดั น้าํ สารพิษลงสู่แหล่งน้�า มีการลงโทษผู้กระท�าผิด โดยจัดการน�า้ อย่างเปน็ ระบบประเทศหน่ึง การบําบัดนาํ้ เสยี และการสาํ รองนํ้าดืม่ จากนั้น อยา่ งเครง่ ครดั ส่วนน�้าเสียจากบา้ นเรือนและโรงงานอตุ สาหกรรมจะตอ้ งบ�าบดั กอ่ นทิ้งส่แู หลง่ น�้า ใหนักเรยี นชวยกนั เรียงลําดบั ความสําคญั ของ 5. การส�ารองน้�าดื่ม ในครัวเรือนควรมีการส�ารองน�้าไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน รวมถึง แนวทางการจดั การทรัพยากรนํา้ แลว อธิบาย การผลติ น�้าประปาก็ควรหาแหลง่ น้า� สา� รองไว้บริการประชาชนในชว่ งเวลาทขี่ าดแคลนน�้าด้วย ความรูใ นแถบขอ ความสาํ คัญเก่ียวกับแนวทาง การจัดการทรพั ยากรน้าํ ทตี่ นรับผิดชอบ ครู 3) การจัดการทรัพยากรป่าไม้ ในปัจจุบันพื้นท่ีป่าไม้ของไทยและของโลกลดลง ใหน ักเรยี นในชนั้ เรียนสอบถามจนเกดิ ความรู ความเขาใจทถ่ี ูกตอ งตรงกัน อย่างมาก ซ่ึงส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมและมนุษย์ ในขณะท่ีความต้องการใช้ไม้ของมนุษย์ เพ่ิมขึ้น จึงจ�าเป็นต้องใช้หลักการจัดการในการฟื้นฟูและเพ่ิมพื้นท่ีป่าไม้ แนวทางในการจัดการ 3. ครใู หนักเรยี นแตล ะกลุมชวยกนั วิเคราะหถ ึง ทรัพยากรป่าไม้ทสี่ �าคญั มีดงั น้ี บทบาทหนาทใ่ี นการจัดการทรพั ยากรปาไม 1. การกา� หนดพน้ื ทปี่ า่ เพอ่ื การอนรุ กั ษ ์ การกา� หนดพนื้ ทป่ี า่ เพอื่ มใิ หม้ กี ารบกุ รกุ และ ของภาคสว นตา งๆ ในสงั คมท่ีครูกําหนด ไดแ ก ถอื ครองทดี่ นิ เพอ่ื ดา� รงรกั ษาพน้ื ทปี่ า่ เอาไว ้ มกี ารตรวจเฝา้ ระวงั พน้ื ทอี่ ยา่ งสมา่� เสมอ เชน่ การประกาศ หนว ยงานภาครัฐ หนวยงานภาคเอกชน และ เปน็ อุทยานแห่งชาติ เขตอนุรักษ์ปา่ เขตห้ามลา่ สัตว์ปา่ สวนสาธารณะ พ้นื ท่ปี า่ ตน้ น้า� เปน็ ต้น ภาคประชาชน โดยใชความรูเกยี่ วกับแนวทาง 2. การปอ้ งกนั ไฟปา่ ไฟปา่ เป็นการทา� ลายท้ังพืช สตั ว์ และอนิ ทรียวัตถทุ ีท่ บั ถม การจดั การทรัพยากรปา ไมท่ีตนศกึ ษามาเปน บนดิน การปอ้ งกันไฟป่าจะชว่ ยให้ต้นไมอ้ ่อนในป่าเตบิ โตเป็นตน้ ไมใ้ หญไ่ ดต้ ่อไป พ้นื ฐานในการวิเคราะห 3. การป้องกันการตัดไม้และบุกรุกพ้ืนที่ป่า โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย อย่างจรงิ จัง รวมถึงการควบคมุ การใช้เคร่อื งมอื ตดั ไม้ การขนยา้ ยและการใช้พนื้ ท่ีป่าไม้ด้วย ซง่ึ จะ ชว่ ยลดการท�าลายปา่ ไมล้ งได้ 139 ขอ สอบ O-NET มุม IT ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั การปฏบิ ตั ติ นเพอื่ การอนุรกั ษและพฒั นาคุณภาพ ศกึ ษาความรเู กยี่ วกับการจัดการสารและของเสยี อนั ตรายเพมิ่ เติมไดที่ http:// ส่ิงแวดลอ ม www.ehwm.chula.ac.th/ เว็บไซตศูนยค วามเปนเลศิ ดา นการจัดการสารและของ เสียอนั ตราย สํานักพฒั นาบัณฑิตศกึ ษาและวจิ ยั ดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี การปฏิบตั ิตนเพอื่ การอนรุ ักษและพัฒนาคุณภาพส่งิ แวดลอ มทาํ ไดหลาย วธิ ียกเวนขอ ใด ศึกษาขอมูลเกี่ยวกบั การจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมเพ่ิมเตมิ ไดท ่ี http://kpnet3.nectec.or.th/kp6/BOOK19/chapter1/t19-1-m.htm เว็บไซต 1. การหลกี เลยี่ งไมใ ชสินคาท่ีเปน อนั ตรายตอสิง่ แวดลอ ม สารานกุ รมสําหรบั เยาวชนฯ เลม ท่ี 19 2. การลางรถยนตด ว ยการตกั นํ้าใสถ งั แทนการใชนํา้ จากสายยาง 3. การเลือกใชเครือ่ งใชไ ฟฟาใหเหมาะสมกับฐานะของครอบครวั 4. การใชหนงั สือพมิ พหอเศษอาหารกอ นนาํ ไปทง้ิ ในถงั ขยะสเี ขียว วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การเลือกใชเครื่องใชไฟฟาใหเหมาะสมกับ ฐานะของครอบครวั เปน การปฏบิ ตั ิตนเพือ่ ประหยัดคาใชจ า ยในครัวเรือน ซงึ่ ควรพจิ ารณาจากความปลอดภยั ในการผลิตและการใชง าน รวมถึงการ ประหยดั พลังงานของเคร่ืองใชไ ฟฟาประกอบดว ย สว นตัวเลือกในขอ อืน่ เปน วิธีการปฏิบตั ิตนเพ่ือการอนรุ ักษและพัฒนาคุณภาพสง่ิ แวดลอ มท่ีถูกตอง เหมาะสม ค่มู อื ครู 139

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสุมตัวแทนของนกั เรียนแตล ะกลุมใหออกมา 4. การปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ เพื่อเป็นการทดแทนพ้ืนท่ีป่าไม้ท่ีลดลง ซึ่งควรปลูก นําเสนอผลการวิเคราะหเกี่ยวกับบทบาทหนาท่ี ต้นไม้ในพ้นื ทีป่ า่ ท่ีสาธารณะในชุมชน ทหี่ ัวไรป่ ลายนา และบริเวณบา้ นเรือน ของภาคสว นตา งๆ ในสังคมตามแนวทางการ จัดการทรัพยากรปาไมข องกลุมตนทีห่ นาช้ัน ในประเทศออสเตรเลียมวี ันตน้ ไมแ้ หง่ ชาติ เพือ่ ส่งเสริมให้ประชาชนเหน็ ความสา� คญั ของป่าไม้ เรียน ซง่ึ ประกอบดวย หนวยงานภาครฐั หนวย งานภาคเอกชน และภาคประชาชน ในคนละ 1 1 ภาคสว น แลว ครูนํานกั เรยี นในการสรปุ ความรู 5. การใช้วัสดุทดแทนไม้และการน�ากลับมาใช้ใหม่ การส่งเสริมให้ใช้วัสดุอื่น เกย่ี วกบั แนวทางการจดั การทรัพยากรปาไม 2. ครสู นทนารวมกนั กบั นกั เรยี นถงึ ความรูทวั่ ไป เกยี่ วกับการเปลย่ี นแปลงทรัพยากรสัตวปา ของโลก เชน สาเหตุของการเปลย่ี นแปลงทาง ธรรมชาติ และจากกจิ กรรมตา งๆ ของมนุษย ลกั ษณะของการเปล่ยี นแปลง และแนวทางการ จัดการสัตวป า ทดแทนการใชไ้ ม้ เชน่ การใช้ปูน วัสดสุ งั เคราะห์ เป็นต้น นอกจากนน้ั ควรน�าเครือ่ งใช้ทเ่ี ปน็ ไม้ มาซอ่ มแซมเมอื่ ชา� รดุ หรอื การนา� กระดาษใชแ้ ลว้ ไปผลติ เปน็ กระดาษขนึ้ ใหม ่ เพอื่ ชว่ ยลดการใชไ้ ม้ 4) การจดั การสตั วป์ า่ ในสมยั กอ่ น ประเทศไทยและภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก มปี า่ ไม้ อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าชุกชุม แต่ในปัจจุบัน ได้พัฒนาความเจริญไปสู่ชนบท ป่าไม้ ล�าธาร แหล่งน้�าต่าง ๆ ซึ่งเป็นท่ีอยู่อาศัยและแหล่ง อาหารของสตั วป์ า่ ไดถ้ กู บกุ รกุ แผว้ ถาง ประกอบ กับมีเครื่องมือล่าสัตว์ที่ทันสมัย ท�าให้สัตว์ป่า ลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว จนสัตว์บางชนิด ได้สูญพันธุ์ ดังนั้น การจัดการสัตว์ป่าเพ่ือให้ สามารถเพิ่มจ�านวนสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และ 2 อนุรักษ์สัตว์ที่เหลือไม่ให้ลดจ�านวนลง ซ่ึงมี แนวทางในการจดั การทีส่ า� คญั ดังนี้ การเพาะพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ของเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแขง้ เปน็ การจัดการสัตวป์ ่าเพ่ือไมใ่ หล้ ดจ�านวนและสญู พันธ์ุ 140 นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกบั UNEP 1 วัสดทุ ดแทนไม หรือไมป ระกอบ เปนวสั ดทุ ่ีเกดิ ขึน้ จากสวนประกอบ 2 ชนดิ UNEP ดาํ เนินงานเก่ยี วกับเร่อื งใด ขึ้นไป เชน ไม โพลิเมอร หรือสารอนนิ ทรีย เมื่อนาํ มาผสมกันจะตอ งมคี ณุ สมบัติ 1. การปองกนั ชั้นโอโซน ทีส่ งเสริมกนั และคลา ยคลึงกบั ไมต ามธรรมชาติ สามารถนําไปใชในงานทดแทน 2. ความหลากหลายทางชีวภาพ ไมจรงิ ได ปจจุบันมหี นว ยงานและองคก รทงั้ ภาครัฐและเอกชนหลายแหงไดทาํ การ 3. การควบคุมพชื ปาและสตั วป า ศกึ ษา พัฒนา และผลติ วัสดทุ ดแทนไม ซ่ึงจะมีสว นชวยใหก ารตดั ไมท าํ ลายปาลด 4. การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมิอากาศ นอยลงได วเิ คราะหคาํ ตอบ UNEP มีช่ือเต็มวา United Nations Environment 2 เขตรกั ษาพนั ธุส ัตวป า ในประเทศไทยไดม ีการจัดตงั้ เปน แหงแรกใน พ.ศ. Programme หรอื โปรแกรมส่งิ แวดลอมแหง องคก ารสหประชาชาติ มีการ 2520 ไดแ ก เขตรักษาพนั ธุสตั วปา สลักพระ จังหวดั กาญจนบรุ ี ซึ่งเปนแหลงท่มี ี ดาํ เนนิ งานในดา นการศกึ ษาสภาพแวดลอ มในภูมภิ าคตา งๆ และโดยภาพ สัตวป า หลากหลายชนดิ อาศยั อยูอยางชกุ ชุม มีพ้นื ที่ประมาณ 536,000 ไร สว นเขต รวมของโลก และคาดการณแ นวโนมทอี่ าจจะเกิดขน้ึ จากขอมูลทศี่ กึ ษา รักษาพนั ธสุ ตั วปา ทไ่ี ดร บั การจดั ตัง้ ลา สุด ไดแ ก เขตรักษาพันธสุ ตั วปา แมเ ลา-แม รวมถงึ สงเสริมการอนุรกั ษความหลากหลายในสภาพแวดลอ มใหแกหนวยงาน และ ใน พ.ศ. 2536 ครอบคลุมพน้ื ทปี่ ระมาณ 153,000 ไร ในจังหวดั เชียงใหมและ และองคก รรูปแบบตางๆ ทัง้ ระดับรฐั บาล มูลนธิ ิ และกลุมสมาคม โดยการ แมฮ องสอน จัดเปน เขตรักษาพนั ธุสัตวปา ลําดับที่ 61 ของประเทศไทย เปน ตน ใหความชว ยเหลือในดา นความรู ขอมูลสถติ ิ เทคโนโลยดี านสิ่งแวดลอ ม และอื่นๆ ดงั นั้นคําตอบคอื ขอ 2. 140 คูม่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1. การรักษาแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ป่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและเป็น ครูตั้งคําถามเก่ยี วกับแนวทางการจัดการ แหลง่ อาหารของสตั ว ์ การรักษาปา่ ต้นไม ้ แหลง่ น�้า จะทา� ให้สัตวป์ า่ มีชวี ิตและขยายพนั ธุ์ต่อไปได้ สตั วป า แลว ใหน กั เรยี นแตล ะกลุมชว ยกนั ตอบ 2. การเพาะพันธุ์สัตว์ป่า ควร กลมุ ละ 1 คาํ ถาม โดยใชคาํ ถามที่มีลกั ษณะขยาย นา� สตั วป์ า่ ทห่ี ายากและใกลส้ ญู พนั ธม์ุ าเพาะเลย้ี ง ประสบการณจ ากชวี ติ ประจําวัน ทอ งถน่ิ และ เพ่ือขยายพันธุ์ จะเป็นการทดแทนสัตว์ป่าที่ ประเทศ เชน ไม่อาจขยายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติจากสาเหตุ ตา่ ง ๆ เชน่ การขาดคู่ผสมพนั ธ ุ์ การถกู รบกวน • หนวยงานภาครัฐ องคกรสวนทอ งถ่ิน และ ในฤดผู สมพนั ธ ์ุ รวมทงั้ การนา� สตั วป์ า่ ไปเลย้ี งใน ชาวบา นจะมแี นวทางในการรว มมือกันเพอ่ื สวนสัตว ์ เป็นต้น การจดั การสตั วป าไดอ ยางไร 3. การป้องกันไฟป่า ไฟป่า (แนวตอบ การจดั การสัตวปาทส่ี าํ คัญตอ ง นอกจากจะท�าลายท่ีอยู่อาศัยและแหล่งอาหาร อาศยั ความรว มมือจากภาคสวนตา งๆ ท้งั ของสัตว์ป่าแล้ว ยังท�าให้สัตว์ป่าลูกอ่อนและ หนว ยงานภาครฐั องคก รสว นทองถนิ่ และ ไขข่ องสตั วป์ า่ ถกู ทา� ลายไปดว้ ย ฉะนน้ั เจา้ หนา้ ที่ ชาวบา น รวมถงึ องคก รอสิ ระตางๆ ในการ และประชาชนควรมีหน้าท่ีป้องกันและเฝ้าระวัง ศูนยอ์ นุรักษแ์ พนดา้ มณฑลซ่ือชวนประเทศจนี มีบทบาท รวมกันวางแผนและชวยกันดแู ลรักษาปา ซึง่ ไฟป่ารว่ มกนั สา� คญั ในการเพาะพนั ธ์ุแพนดา้ ไม่ใหส้ ูญพนั ธ์ุ เปนท่อี ยูอ าศยั และแหลง อาหารของสตั วป า ปองกนั การลกั ลอบลาสัตวใ นทอ งถิ่น และ 4. การป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ป่า เพื่อเป็นการคุ้มครองสัตว์ป่าให้มีชีวิต การควบคมุ ไฟปาดวยวธิ กี ารตา งๆ เชน การ อยู่ในป่าธรรมชาต ิ รวมทั้งมีมาตรการทางกฎหมายลงโทษผทู้ ี่ละเมดิ กฎหมายหรือผทู้ ่ีครอบครอง ทําแนวกนั ไฟ การจัดต้งั หนวยเฝาระวัง และ สตั วป์ า่ รวมทัง้ การไม่นา� สัตว์ตา่ งถ่นิ เขา้ ไปอยู่ในป่า สัตว์ทีไ่ ม่ได้อยใู่ นทอ้ งถนิ่ เม่ือนา� เข้าไปอยอู่ าจ การแจงเจาหนาที่หรอื หนว ยงานทีเ่ ก่ยี วของ เป็นอนั ตรายกับสัตว์ป่าท้องถ่นิ หรืออาจน�าโรคระบาดเขา้ ไปสูส่ ัตวอ์ ื่นในปา่ ได้ ในการควบคมุ ไฟปา รวมถงึ ปองกนั การนาํ 5. การเลิกบริโภคและใช้เคร่ืองประดับจากสัตว์ป่า การบริโภคสัตว์ป่าทั้งเพ่ือใช้ สัตวตา งถ่ินเขา มาในทอ งถน่ิ ซึง่ อาจเกิดการ เป็นอาหาร เปน็ ยา เครอ่ื งประดบั และการน�าสตั ว์มาเลย้ี ง เปน็ สาเหตทุ า� ให้มีการลกั ลอบล่าและค้า ปะปนหรอื แพรกระจายโรคติดตอ สูส ตั วป า ใน สัตวป์ ่า การเลิกนิยมบริโภคผลติ ภัณฑ์จากสตั วป์ า่ จะชว่ ยลดการท�าลายสัตวป์ ่าลงได้ ทองถ่นิ ได) 5) การจัดการพลังงาน พลังงานมีความส�าคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย • หนาทีส่ ําคัญในการจดั การสตั วป า ของหนวย เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยพ้ืนฐานท่ีส�าคัญในภาคอุตสาหกรรมและการผลิต ในแต่ละปี งานทเ่ี กี่ยวขอ งในระดับประเทศคืออะไร มีการใช้พลังงานสูงขึ้น โดยพลังงานที่ใช้ส่วนใหญ่จะต้องมีการน�าเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น (แนวตอบ หนา ท่สี าํ คัญของหนวยงานที่ การจัดการพลังงานที่ดีจะท�าให้คนไทยใช้พลังงานในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกันลด เกยี่ วของในการจดั การสตั วปา ระดบั ประเทศ การใชเ้ พ่ือจะไดล้ ดการน�าเข้าจากตา่ งประเทศลงได้ ซงึ่ มแี นวทางการจัดการทสี่ า� คญั ดงั น้ี คือ การเพาะพันธสุ ตั วปา ทอ่ี ยใู นภาวะใกล 1. การแสวงหาแหลง่ พลงั งาน การหาแหลง่ พลงั งานใหมเ่ พอื่ ทดแทนแหลง่ พลงั งาน สูญพนั ธุ โดยการนาํ มาเพาะเล้ียงเพอื่ ขยาย เดิมที่กา� ลังจะหมดไป หรือการหาแหล่งพลังงานเพ่ิมข้นึ เพื่อชดเชยการน�าเข้าจากต่างประเทศ พนั ธดุ วยวิธีการตา งๆ ที่ถูกตอ งเหมาะสม ตามหลักวิชาการ เชน การผสมพนั ธุ การ 141 คดั เลือกพนั ธุ และการปลอยกลับเขาสูปา เปนตน ) ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู พลงั งานหมุนเวยี นประเภทใดควรมกี ารพฒั นาในชนบทของไทยเพอื่ แกไ ข ครูอาจนําวีดิทศั นเ กี่ยวกับการลักลอบลา สัตวป าเพ่ือนาํ มาใชประโยชนดานตา งๆ ปญ หาการขาดแคลนพลงั งานมากทส่ี ุด เชน ทําอาหาร ยาบาํ รุง เครือ่ งประดับ และเครอื่ งเรอื น มาใหน กั เรยี นพิจารณา แลวตงั้ คาํ ถามเก่ยี วกบั ประโยชนและความสําคญั ของสตั วปา กบั ความจําเปนของการ 1. พลังงานไฟฟา ลา สตั วปาเพ่อื นาํ มาใชประโยชนดา นตางๆ ของมนษุ ย จากนนั้ อภปิ รายรว มกันถึง 2. พลงั งานชวี มวล แนวทางการอนรุ ักษส ัตวป า ท่ีเหมาะสมกบั นกั เรียน นกั เรยี นบันทกึ ผลการอภปิ ราย 3. พลงั งานแสงอาทิตย ลงในสมุด ทัง้ นี้เพือ่ ใหน ักเรียนตระหนักถึงประโยชนแ ละความสําคัญของสตั วปา 4. พลังงานความรอนใตพ ิภพ ตอระบบนเิ วศ รวมถงึ ปลูกจติ สํานึกการไมอ ปุ โภคบริโภคผลติ ภณั ฑจ ากสัตวป า ซงึ่ เปน การสนับสนุนใหเ กิดการลักลอบลา สตั วปา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. พลงั งานความรอนใตพภิ พเปนพลงั งาน หมนุ เวยี นประเภทท่ีควรพฒั นาขน้ึ ในชนบทเพ่อื แกไ ขปญหาการขาดแคลน พลงั งานมากท่สี ดุ เนื่องจากไทยมพี ลังงานใตพิภพในหลายบริเวณซงึ่ สามารถ พฒั นาเพอ่ื ใชประโยชนไ ดอ ยา งยาวนาน สว นพลังงานชีวมวลท่ผี ลิตจากซาก พชื ซากสตั วตา งๆ กเ็ หมาะสมกับชนบทของไทยทม่ี ีการเกษตรกรรมมากเชน กัน แตจดั อยูใ นประเภทของพลงั งานทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหมไ ดไมใชพ ลังงานหมนุ เวียน คู่มอื ครู 141


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook