Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู_ภูมิศาสตร์_ม.4-6

คู่มือครู_ภูมิศาสตร์_ม.4-6

Published by phrapradisth, 2019-12-03 04:40:31

Description: คู่มือครูกลุุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิชาภูมิศาสตร์ ม.4-6

Search

Read the Text Version

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ ครูสนทนารวมกนั กับนกั เรียนถึงความรูทว่ั ไป เกี่ยวกบั การจดั การพลงั งานในดานความสําคญั ของ พลงั งานตอประเทศไทย แลวสมุ นกั เรยี น 2 กลมุ ให 2. การพัฒนาพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ แบง หนา ทก่ี ันอธบิ ายความรู จากนัน้ ครแู ละนักเรยี น พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังงานท่ีเกิดข้ึนใหม่ได้ เช่น พลังงานจากแกลบ ชว ยกนั สรุปความรทู ่ไี ดจากการศกึ ษาเกย่ี วกับการ จัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ ม ทง้ั ใน อ้อย มันส�าปะหลัง มะพร้าว เป็นต้น โดยน�า สวนของหลักการและแนวทาง นักเรียนบันทึกความรู มาใช้ประโยชน์ให้เพ่ิมมากข้ึน และพัฒนาให้มี ท่ีสรุปไดลงในสมุด ต้นทุนการผลติ ต�่ากวา่ พลังงานที่ใช้อยู่ 3. การพัฒนาเทคโนโลยีท่ี ลดการใช้พลังงาน โดยการพัฒนาเครื่องใช ้ เคร่ืองจักรและยานพาหนะท่ีสิ้นเปลืองพลังงาน ขยายความเขา้ ใจ Expand ใหใ้ ชพ้ ลงั งานน้อยลง ครูแนะนํานักเรียนแตล ะกลมุ เพม่ิ เตมิ เก่ียวกับ 4. การใชส้ ง่ิ ของอยา่ งประหยดั ความสอดคลองระหวา งหลกั การกับแนวทางในการ กระบวนการผลิตและขนส่งสินค้าล้วนต้องใช้ จัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม แลว พลังงาน การบริโภคส่ิงของเครื่องใช้อย่าง ใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ชวยกันศกึ ษาคน ควา ขอ มูล ประหยัดจะเป็นการประหยัดพลงั งานอกี วิธหี น่งึ เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั หลักการและแนวทางการจดั การ พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานทดแทนที่ใช้ไม่หมด 5. การส�ารองพลังงาน ควรมี ทรพั ยากรธรรมชาติในแตล ะดาน เชน ทรพั ยากร หากมีการพัฒนาให้มีต้นทุนการผลิตลดลง จะท�าให้ การส�ารองพลงั งานท่จี �าเปน็ เช่น น�า้ มนั ไฟฟา้ ดิน น้าํ ปา ไมแ ละสตั วปา ในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก สามารถนา� มาใช้ประโยชน์ไดม้ ากขึน้ แก๊สหงุ ต้ม เป็นตน้ เพ่ือใช้ในยามฉุกเฉนิ ตง้ั แต่ในระดับครวั เรือนจนถึงระดับประเทศ กลมุ ละ 1 ดา น จากแหลง การเรียนรูตา งๆ จากนนั้ ชวยกันจัดทําบทความเกยี่ วกับหลกั การและแนวทาง การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมใน ภมู ิภาคตางๆ ของโลกในดานทก่ี ลมุ ตนศกึ ษามา เรอ่ื งน่ารู้ ความยาวไมต าํ่ กวา 5 หนา กระดาษ A4 โดยใชภ าพ เขตรักษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ ทุง่ ใหญน่ เรศวรและหว้ ยขาแข้ง มรดกโลกทางธรรมชาติแหลง่ แรกของไทย ประกอบและผังกราฟก ตามความเหมาะสม เขตรักษาพนั ธส์ุ ัตวป์ ่าทุง่ ใหญ่นเรศวร พื้นท่ีจังหวดั กาญจนบรุ ีและตาก และเขตรักษาพันธส์ุ ตั ว์ปา่ หว้ ยขาแขง้ พื้นท่จี ังหวัดอุทยั ธานี มพี ืน้ ท่ีรวมกันประมาณ 3,888,750 ไร่ ไดร้ ับการประเมนิ คุณค่าจากองค์การยูเนสโกใหเ้ ป็น ตรวจสอบผล Evaluate แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติด้วยเป็นพื้นที่ที่มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งส�าคัญทางธรณีวิทยา และวิวัฒนาการ ทางชีววิทยาที่มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติของมนุษย์ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีมีความพิเศษ ครูตรวจบทความหลกั การและแนวการจัดการ เป็นเลิศ รวมทั้งมีความงดงามตามธรรมชาติท่ีหาได้ยากยิ่ง และเป็นที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ที่หายาก ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มในภมู ิภาคตางๆ ของโลก และเปน็ แหลง่ รวมความหลากหลายทางชวี ภาพทส่ี า� คญั แหง่ หนงึ่ ของโลก โดยเปน็ แหลง่ รวมความหลากหลาย ของโลกจากการนาํ เสนอของตัวแทนนกั เรยี นแตล ะ ทางชีวภมู ศิ าสตรถ์ งึ 4 เขต คือ อนิ โด-หมิ าลายนั ทุนดรา อินโด-เบอรม์ ิส และอนิ โดจนี ประกอบดว้ ยสตั วเ์ ลีย้ งลกู กลุม โดยพิจารณาจากความถกู ตองชดั เจนของขอ มูล ด้วยนมมากกวา่ 120 ชนดิ นก 401 ชนดิ สัตวเ์ ลื้อยคลาน 90 ชนิด สัตว์สะเทินน้�าสะเทนิ บก 41 ชนิด ปลา 107 ชนิด การนําเสนอ ในดา นการจดั ลําดับเนอ้ื หา สํานวนภาษา ซงึ่ เปน็ สัตว์ท่ีหายากของโลกถงึ 28 ชนิด เชน่ ควายปา่ เสือโครง่ กระทงิ สมเสร็จ นกยงู ไทย เปน็ ต้น และการใชภาพหรอื ผงั กราฟกประกอบทช่ี วยใหผอู าน เกิดความสนใจและเขาใจสาระสาํ คัญของบทความได 142 ดยี ิง่ ข้นึ จากนั้นรวบรวมบทความท่ดี ไี วเ ปน แหลงการ เรียนรูข องชัน้ เรยี น ขอสอบ O-NET บูรณาการอาเซยี น ขอ สอบป ’53 ออกเก่ยี วกบั การขึน้ ทะเบยี นมรดกโลก ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรูบ รู ณาการอาเซียนโดยอธบิ ายถึงแหลงมรดก การขน้ึ ทะเบยี นมรดกโลกตองไดรับการรับรองจากหนว ยงานใด โลกทางธรรมชาตขิ องประเทศตาง ๆ ในอาเซยี น เชน อาวฮาลอง (Ha Long Bay) 1. UNICEF 2. UNESCO ประเทศเวียดนาม ไดรบั การขนึ้ ทะเบยี นใน ค.ศ.1994 เปน อาวทมี่ ีหมูเกาะนอยใหญ 3. UNCTAD 4. UNESCAP ถึง 1,600 เกาะ อยทู างตอนเหนอื ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีความสวยงามแปลกตา วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. UNESCO มชี อื่ เตม็ วา United Nations อนั เกิดจากการกดั กรอ นของน้ําทะเลตอ โครงสรางทางธรณวี ทิ ยาท่ีเปนหินปนู Educational, Scientifific and Cultural Organization คือ องคก ารการศึกษา อุทยานแหง ชาติโคโมโด (Komodo Natural Park) ประเทศอินโดนเี ซีย ไดรับการ วิทยาศาสตร และวฒั นธรรมแหง สหประชาชาติ กอ ตัง้ ขึ้นใน ค.ศ. 1972 ข้ึนทะเบยี นใน ค.ศ.1994 จากการเปน เกาะภูเขาไฟซึ่งเปน ที่อยอู าศัยของมังกร เพอื่ ฟนฟแู หลงวฒั นธรรมและธรรมชาติที่สําคัญของโลกซง่ึ ประสบกบั ความ โคโมโด (Komodo dragons) สัตวเ ลื้อยคลานขนาดใหญแ หง เดยี วของโลก และ เส่ือมโทรมจากกิจกรรมตางๆ ของมนษุ ย โดยการขึน้ ทะเบยี นเปน มรดกโลก อทุ ยานแหงชาติคนิ าบาลู (Kinabalu Park) รฐั ซาบาห ประเทศมาเลเซีย ทไ่ี ดรับ แบงออกเปน 3 ประเภท ไดแก มรดกโลกทางวฒั นธรรม มรดกโลกทาง การขนึ้ ทะเบยี นใน ค.ศ. 2000 ดวยลักษณะของปา ดิบชน้ื ที่ผสมผสานพนั ธพุ ืชและ ธรรมชาติ และมรดกโลกแบบผสมผสาน ซง่ึ แหลงวัฒนธรรมและธรรมชาติใน สตั วจ ากเขตหิมาลัย จนี และออสเตรเลยี เพ่อื ใหน กั เรยี นมีความรูเกย่ี วกบั ความ ประเทศตา งๆ ตองมีลักษณะทสี่ อดคลองกับเกณฑม รดกโลกในประเภทนน้ั ๆ อุดมสมบูรณท างธรรมชาติอนั เปนเอกลักษณของภูมภิ าค และผานการพจิ ารณาจากคณะกรรมการมรดกโลกของยเู นสโก จงึ ไดรับการ ข้ึนทะเบยี นเปน มรดกโลก 142 ค่มู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ครูนาํ ภาพขา วเก่ียวกับบทบาทในการดูแลรกั ษา . หน่วยงานและองคก์ รทางส่ิงแวดล้อม สิ่งแวดลอ มของหนว ยงานทเี่ ก่ียวขอ งและองคก ร ตางๆ ท้งั ในประเทศและตา งประเทศ เชน การ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน รวมท้ัง รือ้ ถอนสงิ่ กอสรา งทรี่ ุกลาํ้ พ้ืนท่ีปา เพอ่ื การอนุรกั ษ หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานท่ีมหี น้าที่รับผิดชอบ ของเจา หนา ทีก่ รมอทุ ยานแหง ชาติ สตั วป า และ โดยตรงในประเทศไทย คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ซง่ึ มีหน่วยงานในระดับ พันธพุ ชื การพฒั นาแนวทางการอยูร ว มกนั ระหวา ง กรม กอง และหนว่ ยงานเฉพาะเรือ่ งอกี มาก และยังมีกระทรวงอื่น ๆ ทไ่ี ด้เข้ามามีบทบาทในการ ปา อนรุ กั ษกับชาวบานในชุมชนบรเิ วณผนื ปา ภาค ภปอ้าคงกเอนั ก ชแนกทไ้ ขเี่ ร ียแกลวะา่อ น“Nรุ ักoษn ์ทGรัพovยeาrกnรmธeรรnมt ชOาrตgิแaลniะzสaิ่งtiแoวnด”1 ลห้อรมืออทกี ีเ่ ดร้วียยก กนนั อยก่อจ ๆา กวนา่ ้ีย ัง“มNีหGนO่ว”ย เงปา็นน ตะวันตกของมูลนธิ ิสบื นาคะเสถยี ร และการลงนาม องค์กรส�าคัญท่ีช่วยกระตุ้นให้ทุกฝ่ายเห็นความส�าคัญ และสร้างความส�านึกรับผิดชอบร่วมกันใน ในพิธสี ารเกยี วโต (Kyoto Protocol) ของประเทศ ตางๆ เพอื่ รวมกันลดการปลอ ยแกส เรอื นกระจกข้ึน การดูแ2ลร.1กั ษาหคนณุ คว่ ่ายขงอางสนิง่ แทวาดงลส้อม่ิงเแพ่อืวจดะชลว่ อ้ ยใมหข้ส่งิอแงวรดลัฐ้อ2มกลับคนื สู่สภาพทด่ี ีขนึ้ ตอ่ ไป สูบรรยากาศ แลว ใหน กั เรยี นบอกหนว ยงานและ องคก รทางสิ่งแวดลอมและกิจกรรมของหนวยงาน น้ันๆ ทนี่ กั เรียนทราบ จากน้ันครูอธบิ ายใหนักเรยี น หนว่ ยงานของรฐั ทมี่ บี ทบาทสา� คญั ในการดแู ลรกั ษา ฟน้ื ฟสู ง่ิ แวดลอ้ มทส่ี า� คญั ไดแ้ ก ่ กระทรวง ตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ของหนวยงานและองคกร ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทางสง่ิ แวดลอมประเภทตา งๆ ในการอนุรกั ษ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยแตล่ ะกระทรวงมบี ทบาทสา� คญั ดงั น้ี ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอม 1) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายด้านทรัพยากร ธรรมชาติ ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม และการบริหารจดั การทส่ี �าคญั ดงั น้ี 1. สงวน อนรุ กั ษ ์ ฟน้ื ฟ ู เพอ่ื ดา� รงสภาพสมบรู ณข์ องทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละจดั การ สาํ รวจคน หา Explore การใช้ประโยชน์ เพื่อตอบสนองความต้องการตามศักยภาพให้เกิดประโยชน์อย่างย่ังยืน รวมท้ัง ครใู หน ักเรยี นรวมกลมุ กนั กลมุ ละ 4 คน เพื่อ สง่ เสริมและด�าเนนิ การตามโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดา� ริ ใหชว ยกันศึกษาความรูเก่ยี วกบั หนว ยงานและ 2. จัดท�าระเบียบ กฎเกณฑ์ องคกรทางส่งิ แวดลอม กฎหมายเก่ยี วกับการ และระบบการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของ อนุรักษท รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ มของไทย ชุมชน ท้องถ่ิน และประชาชนทุกกลุ่มอย่าง และการประสานความรวมมือทางดานสิ่งแวดลอม มีประสิทธิภาพ รวมท้ังแบ่งปันผลประโยชน์ ระหวา งประเทศ จากหนังสือเรียน หนา 143-155 อย่างยุติธรรม ตลอดจนก�าหนดข้อเสนอแนะ และแหลง การเรยี นรอู นื่ ๆ เชน หนงั สอื ในหองสมุด แนวทาง และมาตรการการใช้ประโยชน์จาก เอกสารเผยแพรขอมูลของหนวยงานและองคกรทาง ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทอย่างย่ังยืนและ สิ่งแวดลอ ม ตลอดจนใบความรูที่ครจู ดั ทาํ ขึน้ จาก สอดคล้องกับสถานการณ์บนฐานข้อมูลจาก ขอ มลู ในเวบ็ ไซตของหนว ยงานและองคก รทาง การวจิ ยั และพฒั นา และนา� ไปส่กู ารปฏิบตั ิอย่าง สงิ่ แวดลอ ม ที่สําคัญไดแก http://www.mnre. จรงิ จงั มมี าตรการตรวจสอบและบทลงโทษผทู้ ่ี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มีบทบาท go.th/mnre/เวบ็ ไซตก ระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ ฝ่าฝนื ส�าคญั ในการฟน ฟูคณุ ภาพสิง่ แวดล้อมใหด้ ีขึ้น และส่ิงแวดลอ ม http://www.seub.or.th/ เวบ็ ไซต 143 มูลนิธสิ ืบนาคะเสถยี ร http://www.greenworld. or.th/ เว็บไซตมูลนธิ ิโลกสีเขยี ว และ http://wwf. panda.org/ เวบ็ ไซตมูลนิธิคุมครองสัตวปา โลก ขอสอบ O-NET (World Wildlife Fund : WWF) ขอสอบป ’53 ออกเกีย่ วกบั การปฏบิ ัติตามขอตกลงระหวางประเทศดาน นักเรยี นควรรู สงิ่ แวดลอมของไทย 1 Non Government Organization หรอื NGO คือ ลกั ษณะขององคกรที่ การทป่ี ระเทศไทยกําหนดใหเลกิ ใชสารซเี อฟซใี นการผลิตสินคา เปน การ เกิดข้ึนโดยกลมุ บุคคลหรือนิตบิ ุคคลซ่งึ มกี ารดําเนินงานอยางอิสระไมข ้นึ ตอรัฐบาล ของประเทศใด เริม่ มีการกอตัง้ อยางจริงจังภายหลังการสน้ิ สดุ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ปฏบิ ัตติ ามขอตกลงใด และในปจ จุบนั คาดวา มีองคกรประเภทน้ีมากถงึ 40,000 องคก รในโลก โดยองคกร 1. พิธสี ารเกยี วโต สวนใหญเ คลอ่ื นไหวในดา นสิ่งแวดลอ มและการพัฒนา และสทิ ธิมนุษยชน 2. อนสุ ญั ญาไซเตส 2 หนว ยงานทางสิง่ แวดลอมของรฐั นอกเหนอื จากกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ 3. อนุสญั ญาบาเซิล และสงิ่ แวดลอ ม กระทรวงการเกษตรและสหกรณ และกระทรวงมหาดไทย เชน 4. พิธีสารมอนทรีออล กระทรวงพลังงาน ทมี่ ีนโยบายหลักในการสง เสรมิ และผลกั ดนั การอนุรกั ษพ ลังงาน อยา งเตม็ รูปแบบ โดยลดระดับการใชพลงั งานตอ ผลผลติ และสง เสรมิ กลไกการ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. พิธสี ารมอนทรอี อล วา ดวยสารทําลาย พัฒนาพลังงานทสี่ ะอาดเพื่อลดแกสเรอื นกระจกและแกป ญ หาภาวะโลกรอ นสราง จติ สํานึกของผบู รโิ ภคในการใชพ ลงั งานอยางประหยัดและมปี ระสิทธิภาพ ชน้ั บรรยากาศโอโซน เปน สนธิสัญญาสากลทก่ี าํ หนดขึ้นใน ค.ศ.1987 เพอื่ ควบคมุ ยับยง้ั และรณรงคใหลดการผลติ และการใชสารทําลายชัน้ บรรยากาศ โอโซน ทสี่ ําคญั ไดแ ก คลอโรฟลอู อโรคารบ อน (CFCs) เพือ่ รกั ษาช้นั บรรยากาศโอโซนท่เี กิดวกิ ฤตการณจ ากสารเหลาน้ี คมู อื ครู 143

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครตู ้งั คําถามเกีย่ วกับบทบาทหนา ทข่ี อง 3. ปอ้ งกนั รกั ษา และฟน้ื ฟคู ณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มใหด้ ขี นึ้ และอยใู่ นระดบั มาตรฐานที่ หนว ยงานภาครัฐท่เี กยี่ วขอ งกับส่ิงแวดลอ ม ไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ อนามยั ของประชาชน ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสมในการจดั การคณุ ภาพ แลวสมุ ใหนักเรยี นแตละกลมุ ชว ยกันตอบ เชน สิ่งแวดลอ้ ม • หนวยงานหลกั ในการอนรุ ักษ 4. สร้างกระบวนการเรียนรู้ เพ่ือให้ชุมชนสามารถป้องกัน คุ้มครอง และฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม รวมถึง วสัฒิ่งแนวธดรลร้อมม ปชรุมะชเพนณ ีสว่ิงถิ แชี ววีดติ ลแ้อลมะธภรมู ริปมัญชญาตาิ ทส้อ่ิงงแถวิน่ ดเ1พล้ออื่ ใมหศเ้ ิลปปน็ กมรรรดมกทสี่ืบเกที่ยอวดขไ้อปงยกังับอปนชุระนวรัตนุ่ ิศตาอ่ สไตปร ์ สงเสรมิ และดําเนินการตามโครงการอนั เน่ือง 5. รณรงค์และสร้างจิตส�านึกของประชาชนทุกฝ่าย รวมทั้งสร้างเครือข่ายการมี มาจากพระราชดํารติ า งๆ คือหนวยงานใด ส่วนรว่ มในการดา� เนนิ งานอ ยา่ งจรงิ จงั และต่อเนอื่ ง และมีขอบขา ยหนาท่อี ยางไรบา ง (แนวตอบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ 2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ ไดม้ กี ารปรบั แผนการดา� เนนิ งานเกย่ี วกบั การเกษตร ส่ิงแวดลอมเปน หนวยงานหลกั ทม่ี ีหนาที่ ในการอนุรักษ ฟนฟู ทรพั ยากรธรรมชาติ ท่ีเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมที่ส�าคัญ เช่น การปรับโครงสร้างการเกษตร โดยมีโครงการท่ีได้รับอนุมัติ และส่ิงแวดลอมในประเทศ เพ่ือตอบสนอง ให้ด�าเนินการ คือ โครงการอนุรกั ษ์พนั ธกุ รรมพชื โครงการจัดหาแหลง่ น�้าในระดับไร่นาและชมุ ชน ความตองการตามศักยภาพใหเ กิดประโยชน โครงการชลประทานขนาดเลก็ โครงการเกษตรทฤษฎใี หม ่ โครงการเมอื งเกษตรสเี ขยี ว และโครงการ อยางย่งั ยืน รวมถึงสงเสรมิ และดําเนนิ การ ฟน้ื ฟสู ภาพแวดลอ้ มทเี่ สอ่ื มโทรมในเขตปฏริ ปู ทด่ี นิ โดยมกี รมพฒั นาทดี่ นิ และสา� นกั งานปฏริ ปู ทด่ี นิ ตามโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดํารทิ ี่ เพอื่ เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปน็ หนว่ ยงานทม่ี บี ทบาทสา� คญั โดยกรมพฒั นาทดี่ นิ มภี าระหนา้ ทใี่ นการ เกีย่ วของกบั สงิ่ แวดลอ มตางๆ ผานทางการ สา� รวจ วเิ คราะหแ์ ละสง่ เสรมิ พฒั นาคณุ ภาพของดนิ เพอ่ื การใชป้ ระโยชนท์ างเศรษฐกจิ และสงั คม เพอื่ จัดทาํ ระเบยี บ กฎ และระบบการเขาถงึ เปน็ ไปอยา่ งประหยดั สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นระยะยาว สว่ นสา� นกั งานปฏริ ปู ทดี่ นิ เพอื่ เกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนในทกุ ภาค มีหน้าท่ีหลักในการจัดสรรท่ีดินท�ากินให้กับประชาชน เพ่ิมประสิทธิภาพการใช้น้�าเพ่ือการเกษตร สว นบนพ้ืนฐานของการวิจยั และพฒั นา และ และจัดหาแหล่งน้�าเพอ่ื อุปโภคบรโิ ภค นาํ ไปสกู ารปฏบิ ัติอยางจรงิ จัง) 3) กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานหลักของกระทรวงมหาดไทยในการก�าหนด 2. ครูตงั้ ประเดน็ ใหน ักเรยี นแตละกลมุ อภิปราย กลุมยอ ยเกยี่ วกับหนวยงานภาครัฐทเ่ี ก่ยี วขอ ง นโยบายด้านทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม คือ กรมท่ีดนิ โดยมภี าระหนา้ ทสี่ �าคญั ดงั นี้ กบั การอนรุ ักษสงิ่ แวดลอมของไทย ไดแ ก 1. ด�าเนินการส�ารวจท่ีดินของรัฐให้ทราบถึงสภาพ ประเภท ต�าแหน่ง แนวเขต กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอม และเนื้อทด่ี ินของรฐั กระทรวงเกษตรและสหกรณ และกระทรวง 2. ดแู ลรกั ษาและดา� เนนิ การคมุ้ ครองปอ้ งกนั ทดี่ นิ อนั เปน็ สมบตั หิ รอื ทรพั ยส์ นิ ของ มหาดไทย เชน บทบาทหนา ทข่ี องหนว ยงาน แผน่ ดนิ ตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ ภาครฐั กบั การอนุรักษส ่ิงแวดลอ มของไทย 3. ดา� เนนิ การเกยี่ วกบั งานในหนา้ ทขี่ องคณะกรรมการจดั ทดี่ นิ แหง่ ชาต ิ ในการวาง กลไกการอนรุ กั ษส ิง่ แวดลอมของภาครฐั นโยบายการจัดที่ดินและการวางแผนการถือครองท่ีดิน การสงวนหรือหวงห้ามที่ดินของรัฐท่ีมิได้ และทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอมท่ี มบี ุคคลใดมีสิทธคิ รอบครองเพอ่ื ให้ประชาชนใชป้ ระโยชน์ร่วมกัน อดุ มสมบรู ณ : ภารกจิ หลกั ของหนว ยงานท่ี 4. ดา� เนนิ การเกย่ี วกบั การจดั ทด่ี นิ ใหป้ ระชาชน เพอื่ ใชเ้ ปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั และประกอบ เกยี่ วของภาครัฐ แลวใหน กั เรียนแตละกลุม การเลีย้ งชีพ สงตวั แทนออกมานาํ เสนอผลการอภปิ รายกลมุ 5. ดา� เนนิ การศึกษา สา� รวจ จัดเกบ็ ขอ้ มูลเก่ียวกับทีด่ ิน เพ่ือเปน็ ศูนยข์ อ้ มลู ที่ดิน ยอยของตนทหี่ นาชน้ั เรยี น ครูและนกั เรยี น ชว ยกนั สรุปเปนผลการอภิปรายของชัน้ เรียน 144 นักเรยี นควรรู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การดาํ เนินงานดา นส่ิงแวดลอ มของรัฐ 1 ภูมิปญ ญาทอ งถิ่น ในประเทศไทยปจ จบุ ันภูมิปญ ญาทองถน่ิ ไทยสามารถจด รฐั สามารถดําเนินงานดา นสิง่ แวดลอมไดอยางไร ทะเบียนไดก ับกรมทรพั ยสนิ ทางปญ ญา เมอ่ื ไดร ับการจดแจงแลว จะถกู รวบรวมไว 1. จัดต้ังกองทุนส่งิ แวดลอม เปนฐานขอมลู สําหรบั ใหป ระชาชนผูส นใจไดค น หาขอ มลู หรือติดตอ กบั ผแู จงขอมลู 2. ออกกฎหมายส่ิงแวดลอ ม เพ่ือประโยชนในทางธุรกิจอันเปน การอนรุ ักษและสง เสรมิ ภมู ิปญญาใหมกี ารนาํ ไปใช 3. ผลติ นกั วิจัยดานส่งิ แวดลอ ม อยา งเกิดประโยชนส ูงสุดในเชิงพาณิชย 4. จัดประชมุ สัมมนาระดับชาตดิ า นสงิ่ แวดลอ ม วเิ คราะหค ําตอบ ภาครฐั มีบทบาทในการดาํ เนินงานดานสง่ิ แวดลอม มุม IT ไดหลายดา น ท่ีสาํ คัญไดแก การออกกฎหมายเกย่ี วกบั สิ่งแวดลอ ม การจดั ประชุมสัมมนาระดับชาตดิ า นสงิ่ แวดลอ ม และการจดั ตง้ั กองทุนเพ่อื ศกึ ษาคน ควา เก่ียวกับบทบาทหนาทีข่ องกระทรวงเกษตรและสหกรณใ นการ สง่ิ แวดลอ ม สวนการผลิตนกั วิจยั ดานส่งิ แวดลอ มเปน การดาํ เนินงานทส่ี าํ คญั อนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ มของไทยเพ่ิมเติมไดที่ ของสถาบนั การศึกษาทงั้ ภาครฐั และเอกชน ดังนั้นคําตอบคอื ขอ 1. 2. http://www.moac.go.th/main.php?filename=index เว็บไซตก ระทรวงเกษตร และ 4. และสหกรณ 144 คมู่ อื ครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 2.2 องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสง่ิ แวดล้อมในประเทศไทย ครูสอบถามนกั เรยี นแตละกลมุ ถงึ ความรู เกย่ี วกบั องคกรพฒั นาเอกชนดานสิง่ แวดลอมใน องค์กรเอกชน หรือองค์กรพัฒนาเอกชน (อพช.) หรือเป็นที่คุ้นเคยกันในช่ือ NGO ประเทศไทยที่นักเรยี นไดศึกษามา โดยเฉพาะใน เร่ิมเป็นท่ีรู้จักในองค์การสหประชาชาติเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ดา นแนวคิดและประวัติความเปน มา แลวครูสุม การท่ีเกิดองค์กรพัฒนาเอกชน เพราะสังคมเกิดการเปล่ียนแปลงมากข้ึน และหลากหลายข้ึน นักเรยี นในแตละกลุมครง้ั ละ 1 คน ใหอธิบาย ทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาทางสงั คมตา่ งๆ มากมาย จนหนว่ ยงานภาครฐั หรอื หนว่ ยงานราชการไมอ่ าจแกไ้ ข ลกั ษณะสาํ คัญขององคก รพัฒนาเอกชนดาน หรือพฒั นาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ จึงจ�าเปน็ ทตี่ อ้ งมกี ลุ่มบุคคลในระดบั ชาวบา้ นรวมตวั กนั เข้ามา สงิ่ แวดลอม คนละ 1 ขอ โดยใชค ําถาม ดังนี้ ชว่ ยเหลอื ในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ สทิ ธมิ นษุ ยชน ศาสนา การศกึ ษา เศรษฐกจิ และสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ ตน้ หลักการสา� คญั ขององค์กรพัฒนาเอกชน คอื ประชาชนมสี ่วนร่วมกบั รัฐบาลในการพฒั นา • ฐานะทางกฎหมายขององคกรพฒั นาเอกชน สังคม ซ่ึงเป็นหลักการส�าคัญของประเทศท่ีมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทั่วไป ส�าหรับ ดานสง่ิ แวดลอ มเปนเชน ไร ประเทศไทยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้รัฐบาลต้องส่งเสริมและคุ้มครองให้ประชาชนมีส่วนร่วม (แนวตอบ องคก รพัฒนาเอกชนดา น ในการดแู ลส่ิงแวดลอ้ ม โดยมสี ิทธเิ สรีภาพทีจ่ ะจัดตงั้ เป็นสมาคมได้ ดังนัน้ องค์กรพฒั นาเอกชนท่ี ส่ิงแวดลอมในประเทศไทยมที ั้งสถานะที่เปน มุ่งพฒั นาสิ่งแวดลอ้ มจงึ ถอื เปน็ องคก์ รท่ีถูกต้องตามหลกั การของกฎหมายอยา่ งแท้จริง นติ ิบุคคลตามกฎหมาย และไมม สี ถานะเปน องค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศไทยเริ่มมีบทบาทในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเม่ือรัฐบาล นิตบิ ุคคล เน่อื งจากไมไดจดทะเบยี นตาม ประกาศใชแ้ ผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต ิ ฉบับที ่ 7 (พ.ศ. 2535-2539) โดยระบใุ หม้ ีการ กฎหมาย) ปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ารและจดั การทรพั ยากรธรรมชาต ิ โดยสนบั สนนุ ใหป้ ระชาชนและรฐั บาลรว่ มกนั ด�าเนินการ โดยทร่ี ฐั บาลจะต้องสง่ เสริมองคก์ รประชาชนและองคก์ รพฒั นาเอกชนทงั้ ในสว่ นกลาง • องคก รพฒั นาเอกชนดา นสงิ่ แวดลอมมี และสว่ นทอ้ งถน่ิ ใหม้ ีบทบาทในการกา� หนดโครงการจดั หาทรพั ยากรธรรมชาติ ลกั ษณะการดาํ เนนิ การที่สาํ คญั อยางไร (แนวตอบ องคก รพัฒนาเอกชนดาน 1) ลกั ษณะส�าคัญขององคก์ รพัฒนาเอกชนดา้ นสงิ่ แวดล้อม มีดังต่อไปนี้ สิ่งแวดลอ มดาํ เนนิ การและจดั กิจกรรมที่ เกีย่ วขอ งกบั การอนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาติ 1. เป็นนติ บิ ุคคลตามกฎหมาย แต่ถา้ ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายจะไมม่ ีฐานะ และส่งิ แวดลอ ม โดยไมด าํ เนนิ กิจกรรม เปน็ นิติบคุ คล ทางการเมือง ไมแสวงหาผลกําไร 2. ด�าเนินกิจการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดูแลส่ิงแวดล้อมและการ หรือผลประโยชนท างธรุ กจิ ) อนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาต ิ โดยไม่ดา� เนนิ กิจกรรมใด ๆ ทางการเมอื ง 3. ไม่ด�าเนินการใด ๆ ท่เี ป็นการแสวงหาผลก�าไรหรอื ผลประโยชนท์ างธรุ กจิ 4. หากเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศจะต้องมีส�านักงานสาขาอยู่ใน ประเทศไทย 2) สถานภาพและสทิ ธขิ ององคก์ รพฒั นาเอกชน กฎหมายกา� หนดใหอ้ งคก์ รพฒั นา เอกชนมสี ถานภาพและสิทธใิ นเร่อื งส่งิ แวดล้อม ดงั ต่อไปน้ี 1. สามารถขอรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ยี วกบั การส่งเสรมิ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มได้ 2. สามารถเรยี กร้องใหม้ ีการชดเชยคา่ เสยี หายอันเกดิ จากมลพิษส่ิงแวดล้อมได้ 3. สามารถรอ้ งเรียนกล่าวโทษผู้ละเมิดกฎหมายเกีย่ วกบั การควบคุมมลพิษได้ 145 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ครอู าจมอบหมายใหนักเรียนสบื คนขอมลู องคก รพัฒนาเอกชนดาน ครอู าจใหนักเรยี นอภปิ รายถึงองคก รพฒั นาเอกชนดา นส่งิ แวดลอ มในทองถน่ิ ส่ิงแวดลอมในประเทศไทยเพ่มิ เตมิ คนละ 1 องคกร จากแหลงการเรยี นรู ในดานผลการดําเนินงานและแนวทางการพัฒนาหรอื ปรับปรุงการดาํ เนินงาน อนื่ แลว จัดทําเปน แผน พับเผยแพรค วามรู ตลอดจนชว ยกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั การจดั ตงั้ องคก รพัฒนาเอกชนดาน สิง่ แวดลอ มอ่นื ในทอ งถิน่ เพือ่ การดําเนนิ งานดานส่งิ แวดลอ มท่ีสมบรู ณย ง่ิ ข้นึ โดยให กิจกรรมทา ทาย นกั เรียนรวมกลุม ชวยกันวางแผนการจัดตั้งองคกรเกยี่ วกับส่งิ แวดลอมของตนท่ีมี รายละเอียดดา นวัตถปุ ระสงค การดําเนนิ งานและกิจกรรม รวมถึงการประเมินผล ครูอาจมอบหมายใหน กั เรียนศึกษาขอมลู องคกรพฒั นาเอกชนดาน การดาํ เนนิ งาน แลวสง ตัวแทนออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น จากน้ันครูและนกั เรียน สง่ิ แวดลอ มในประเทศเพิม่ เติมจากแหลงการเรยี นรูอ่นื แลว วิเคราะหวจิ ารณ ชว ยกนั สรปุ ความรูแ ละแนวคิดที่ไดจากการศึกษาเกีย่ วกับองคก รพฒั นาเอกชนดา น บทบาทหนาทก่ี ารดาํ เนนิ งานขององคกรดังกลา ว จากนน้ั จัดทาํ เปนแผน พบั สิ่งแวดลอมในประเทศไทย เผยแพรข อ มูลความรูแ ละบทวเิ คราะหก ารดําเนนิ งานขององคกรดงั กลาว คู่มอื ครู 145

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครใู หนกั เรียน 2 กลุม ที่สมคั รใจออกมาอธิบาย 3) บทบาทหน้าที่ขององค์กรพัฒนาเอกชน แบ่งเป็นบทบาทหน้าท่ีทางตรงและ บทบาทหนาท่ขี ององคกรพัฒนาเอกชนดาน ทางอ้อม ดังนี้ ส่งิ แวดลอมท่หี นาช้ันเรียน โดยแบงเปนบทบาท 3.1) บทบาททางตรง เป็นกิจกรรมที่องค์กรสามารถด�าเนินการได้ด้วยตนเอง ทางตรง และบทบาททางออม แลว ชว ยกันจัดทาํ ได้แก่ จัดอาสาสมัครเข้ามาดูแล อนุรักษ์ และพัฒนาส่ิงแวดล้อม ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ตารางแสดงบทบาทขององคกรพัฒนาเอกชนดา น ไดร้ บั รขู้ า่ วสารเกย่ี วกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ตลอดจนการปลกู จติ สา� นกึ เกยี่ วกบั สงิ่ แวดลอ้ มใหแ้ กป่ ระชาชน ส่งิ แวดลอ มบนกระดานหนาชนั้ เรยี น ครเู สนอแนะ ช่วยเหลือประชาชนในพืน้ ที่ให้สามารถดแู ล อนุรักษ ์ และพฒั นาส่ิงแวดล้อมในทอ้ งถนิ่ ของตนเอง ขอมลู เพ่มิ เตมิ เพอ่ื ความถกู ตอ งครบถว นยง่ิ ขนึ้ ได้ ศึกษาวิจัยการอนุรักษ์และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจาก มลพิษสง่ิ แวดลอ้ ม ครสู ุมถามนักเรียนอีก 2 กลุม ถงึ จุดเดนและ 3.2) บทบาททางออ้ ม โดยการทา� งานรว่ มกบั คณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ 1 อปุ สรรคในการดาํ เนินการขององคก รพฒั นาเอกชน ดานส่งิ แวดลอ ม แลว สง ตัวแทนของกลุมออกมา ในลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ เสนอนโยบายสิ่งแวดล้อมของชาติ ร่วมก�าหนดแผนส่ิงแวดล้อม บันทึกขอมลู ทีถ่ ูกตอ งเพิ่มเตมิ ในตารางบนกระดาน ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบในแผนจัดการส่ิงแวดล้อม ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบใน หนา ชน้ั เรียน จากน้ันครแู ละนักเรียนวเิ คราะห แผนปฏิบัติการจัดการสิ่งแวดล้อม เสนอแนะแนวทางปฏิบัติที่เก่ียวกับกฎหมายส่ิงแวดล้อม รว มกันถงึ บทบาทหนา ทีข่ ององคกรพฒั นาเอกชน เสนอแนะแนวทางปฏิบัติท่ีเก่ียวกับกฎหมายส่ิงแวดล้อม และเสนอแนวคิดเก่ียวกับการบริหาร ดานสง่ิ แวดลอมกบั จดุ เดนและอปุ สรรคในการ จดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ดําเนนิ การตา งๆ รวมถงึ เสนอแนวทางการแกไข อปุ สรรคดังกลาว 4) จุดเด่นและอุปสรรคในการด�าเนินการขององค์กรพัฒนาเอกชน เน่ืองจาก องคก์ รพัฒนาเอกชนบางกลุ่มทไี่ ม่ได้อยใู่ นกรอบระเบียบหรือแนวคิดของภาครฐั บาล ดังนนั้ จงึ มี จุดเด่นในการท�างานเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อมแตกต่างไปจากหน่วยงานภาครัฐบาล หลายประการ และเปน็ จุดเดน่ ขององค์กร ดังนี้ 1. สามารถนา� ปญั หาทีแ่ ท้จริงของประชาชนในชนบททเี่ รียกวา่ “ปัญหาชาวบ้าน” ให้ไปปรากฏในระดับสังคม และเป็นท่ีสนใจของหน่วยงานต่าง ๆ จนเข้าสู่นโยบายของรัฐบาลได้ ในทส่ี ดุ 2. เป็นแกนน�าในการเสนอทางเลือกท่ีสรา้ งสรรคแ์ กช่ มุ ชนและรฐั บาล 3. ท�างานโดยอาศัยการเรยี นรูจ้ ากภูมปิ ญั ญาชาวบา้ น จงึ สามารถเขา้ ถึงชาวบา้ น ได้โดยง า่ ยแล ะเป4็น. ทก่ไี รวะว้ ตานุ้งใใจหขช้ อางวชบาา้ วนบได้านม้ สี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาของทอ้ งถนิ่ 2รวมทงั้ ชว่ ยพฒั นา ให้เกิดผู้น�าในระดบั ชาวบ้านขึ้นด้วย เนื่องจากองค์กรพัฒนาเอกชนไม่ได้เป็นหน่วยงานของภาครัฐ ดังน้ัน ในการท�างาน จึงมีปัญหาและอุปสรรค เช่น การขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากหน่วยงานหรือองค์การใน ต่างประเทศกระท�าได้น้อย และในเร่ืองบางเร่ืององค์กรมีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล เช่น การ สร้างเขอื่ น การ สรา้ งนคิ มอตุ สาหกรรม โรงไฟฟ้า เป็นต้น 146 นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การดําเนินงานดานสิง่ แวดลอมขององคก รเอกชนใดถกู ตอ งเหมาะสมท่ีสุด 1 คณะกรรมการส่ิงแวดลอ มแหง ชาติ มอี าํ นาจหนาที่หลักในการจัดทาํ และ 1. กลุม รักษไมจัดตงั้ กองกําลงั ติดอาวุธเฝาระวงั การบกุ รกุ พ้นื ท่ีปา สงวน พัฒนานโยบายและแผนเพอ่ื การอนรุ ักษแ ละการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ 2. สมาคมคนรกั สัตวป านําสัตวป า ท่ใี กลจะสูญพนั ธุม าผสมพนั ธดุ ว ยนวัตกรรม และส่งิ แวดลอ มในภาพรวมของประเทศ ตลอดจนปฏิบตั งิ านรวมหรือสนบั สนุนการ ของตนเอง ปฏบิ ัติงานของหนว ยงานอื่นทีเ่ ก่ียวขอ งหรอื ทไ่ี ดรบั มอบหมาย 3. องคกรพิทักษป า แหงชาติตอ ตานการดําเนินงานของหนว ยงานภาครฐั ดา น 2 การแกปญหาของทอ งถิน่ การดําเนินงานเพอื่ แกไ ขปญหาชาวบา นขององคก ร ปาไมและสัตวป า พฒั นาเอกชนดานส่ิงแวดลอมท่สี ําคัญในประเทศไทย เชน โครงการจอมปา 4. มลู นธิ ิสงิ่ แวดลอมของเรารับบรจิ าคเงนิ และอปุ กรณตา งๆ เพ่ือนาํ ไปใชใน ของมลู นิธสิ ืบนาคะเสถียร ท่ดี าํ เนินงานเพื่อแกไขปญ หาท่ีอยอู าศยั และทท่ี ํากิน การดําเนินงานดา นสงิ่ แวดลอมอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ของชาวบาน 129 หมูบ า นในเขตปา สงวนภาคตะวันตก โดยประสานความรว มมอื วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. มลู นธิ สิ ่งิ แวดลอ มของเรารับบริจาคเงนิ ระหวา งหนว ยงานภาครัฐกบั ชาวบา น เพื่อใหช าวบา นสามารถอยอู าศัยในถ่นิ เดิมได และอปุ กรณตา งๆ เพือ่ นําไปใชในการดําเนนิ งานดานสงิ่ แวดลอมอยางมี โดยใชป ระโยชนจากปา ไดอ ยางเหมาะสม และมีหนา ทใี่ นการชว ยเฝาระวังมิใหเ กดิ ประสทิ ธิภาพ เน่อื งจากการรบั บรจิ าคเพือ่ นําไปใชตามวัตถุประสงคข องผู การบุกรกุ ใชท รัพยากรปา ไม ซ่งึ ผลการดําเนนิ งานของโครงการนัน้ ประสบความ บริจาคและมูลนิธิเปนการดาํ เนินงานท่ีถกู ตองเหมาะสม และเปนการสงเสรมิ สําเรจ็ เปน อยา งดี จึงไดร บั การสง เสรมิ จากภาครฐั ใหนาํ ไปประยุกตใชในทอ งถน่ิ อน่ื การมีสวนรว มในการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาตขิ องประชาชนท่วั ไปอกี ดวย ทวั่ ประเทศ 146 คมู่ ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เÊรÁÔ ÊารÐ ครูใหน กั เรยี นกลุมทส่ี มคั รใจอธิบายความรู เกยี่ วกบั องคก รพัฒนาเอกชนทางดานสิง่ แวดลอ ม องคก์ รพฒั นาเอกชนทางด้านสิ่งแวดลอ้ มของไทย ของไทย ไดแก มูลนธิ โิ ลกสเี ขียว สมาคมธงิ คเอริ ธ คิดหว งใยในผนื โลก (THINK EARTH) และมูลนิธิสบื มูลนธิ ิโลกสเี ขยี ว ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟา นาคะเสถียร เพ่ิมเตมิ จากรายละเอยี ดในหนังสือ กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ต้ังขึ้นเมื่อ เรยี น ทง้ั ในดา นประวัติความเปนมา วัตถุประสงค เดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2533 เพอ่ื จัดท�าส่อื สิ่งพมิ พใ์ หค้ วามรูด้ ้าน การดาํ เนินการและกจิ กรรม และผลท่ีไดรบั จาก ส่ิงแวดล้อมและให้ข่าวสารความเคล่ือนไหวด้านส่ิงแวดล้อม การดาํ เนนิ การและกจิ กรรม แลวใหนกั เรยี นใน แกส่ าธารณชนอยา่ งเปน็ กลาง ช้ันเรียนชวยกันเสนอแนะหรือปรับปรงุ ขอ มลู เพอื่ ใหเกดิ ความถูกตองครบถวน จากน้ันครมู อบหมาย กิจกรรมสาํ คัญ ใหนกั เรียนเขารวมกิจกรรมขององคกรพัฒนา 1. จัดทา� หนังสอื ชุดโลกสเี ขยี ว เอกชนทางดานสิง่ แวดลอมของไทยตา งๆ ตาม 2. จัดทา� นติ ยสารโลกสีเขียว เพือ่ เผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสาร ความเหมาะสม ดา้ นการอนุรกั ษธ์ รรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม สมาคมธงิ คเ์ อริ ธ์ 1คดิ หว่ งใยในผนื โลก ตงั้ ขนึ้ เมอ่ื เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2533 เพอ่ื สรา้ งจติ สา� นกึ แกเ่ ยาวชน รวมถงึ ความรว่ มมอื กบั ภาครฐั และเอกชนในการปลกู (THINK EARTH) ตน้ ไมใ้ นพน้ื ท่ตี า่ งๆ ทว่ั โลก กิจกรรมหลัก ผลิตสื่อทุกรูปแบบเพื่อปลูกจิตส�านึก รักธรรมชาติ โดยน�าตัว E-A-R-T-H แทนสิ่งแวดล้อม-สัตว์ ปา่ -แหลง่ น�า้ -ตน้ ไม-้ มนษุ ย์ มาสร้างแนวความคิดน�าเสนอ มลู นธิ ิสบื นาคะเสถียร ตัง้ ขนึ้ เมือ่ วันท่ี 18 กันยายน พ.ศ. 2533 หลงั การเสียชีวิต ของสืบ นาคะเสถียร หวั หนา้ เขตรักษาพนั ธุส์ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแขง้ เพอื่ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ประชาชนทอี่ ยบู่ รเิ วณใกลเ้ คยี งใหต้ ระหนกั ถึงความส�าคัญของการอนรุ กั ษป์ า่ ไมแ้ ละสตั ว์ป่า 147 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู องคก รพฒั นาเอกชนดานสง่ิ แวดลอ มในประเทศไทยท่ีมบี ทบาทสําคัญใน 1 EARTH นอกจากจะหมายถึงโลกแลว สมาคม THINK EARTH ยงั ใหค วามหมายท่ี การเผยแพรข อมลู ขา วสารไดแ กอ งคก รใด และมกี ารดาํ เนนิ งานอยางไร เก่ยี วขอ งกับการอนรุ ักษสิง่ แวดลอ มไว คือ E-Environment สง่ิ แวดลอ ม A-Animals แนวตอบ มูลนธิ ิโลกสีเขียว มีบทบาทหนาที่หลักในการเผยแพรค วามรูและ สัตวป า R-Rivers แหลงนํ้า T-Trees ตนไม H-Humans มนุษย เปน ทรัพยากรท่ีสาํ คัญ ขอมลู ขา วสารใหแกป ระชาชนเพือ่ ความเขาใจในส่ิงแวดลอมไทย ผานการจัด ท่สี ดุ เพราะมนษุ ยเปนตวั การสําคัญในการทาํ ลายแหลงธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม ทําหนงั สือชุดโลกสเี ขียว และนิตยสารโลกสเี ขียว รวมถงึ กจิ กรรมอ่นื ๆ เชน ดังน้นั มนษุ ยทุกคนจงึ ควรมสี วนรว มกบั กิจกรรมเพือ่ การอนรุ กั ษสง่ิ แวดลอ มตา งๆ นกั สบื ส่ิงแวดลอ ม จักรยานกลางเมอื ง และรา นโลกสีเขียว เปน ตน หรือปฏบิ ัตติ นเพื่อการอนุรักษส ง่ิ แวดลอ มในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจําวนั มุม IT ศกึ ษาคน ควา ขอมลู เกยี่ วกบั องคกรเอกชนดานสิ่งแวดลอมในประเทศไทย และภูมิภาคตา งๆ ของโลกเพ่มิ เติมไดที่ http://www2.arts.tu.ac.th/students/ source/contentframe.html เวบ็ ไซตแหลงขอมูลเพื่อการศกึ ษา คณะศลิ ปศาสตร มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร คูมอื ครู 147

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ นกั เรยี นในแตล ะกลมุ ใหตอบคาํ ถาม 2.3 องคก รส่ิงแวดลอมโลก เก่ียวกบั องคกรส่ิงแวดลอ มโลกเพอ่ื การอธิบาย ความรู เชน องคกรส่ิงแวดลอมที่มีเครือขายในการอนุรักษสิ่งแวดลอมท่ัวโลกที่สําคัญ เชน กรีนพีซ มูลนธิ ิคมุ ครองสัตวป าโลก • กิจกรรมหลักของกรนี พซี ทส่ี อดคลองกับ วกิ ฤตการณดา นส่ิงแวดลอ มของโลกคืออะไร 1) กรนี พซี (Greenpeace) เปน องคก รสง่ิ แวดลอ มระดบั โลก กอ ตงั้ เมอื่ พ.ศ. 2514 (แนวตอบ การหยดุ ภาวะโลกรอนดวยการ ผลักดันใหม กี ารใชพลังงานสะอาดตางๆ เพอ่ื โดยกลมุ นักกิจกรรมจากเมืองแวนคเู วอร ประเทศแคนาดา มีสาํ นักงานใหญอยูท่กี รงุ อัมสเตอรด มั ลดการปลอ ยแกสเรือนกระจกซ่งึ เปนสาเหตุ ประเทศเนเธอรแลนด และมีสํานักงานประจําประเทศตาง ๆ ท่ัวโลกกวา 41 ประเทศ รวมท้ัง สําคัญ ท้ังในระดบั หนว ยงานท่เี กย่ี วขอ งของ ประเทศไทย ภาครฐั และเอกชน และในระดับประชาชน ท่ัวไปทใี่ ชพ ลงั งานและเครอ่ื งอุปโภคบริโภค กิจกรรมหลักของกรีนพีซ ตา งๆ ในชีวติ ประจําวนั อันจะนาํ ไปสกู าร 1. หยดุ ภาวะโลกรอ น ผลกั ดนั ใหม กี ารพฒั นาพลงั งานสะอาด พฒั นาทยี่ ง่ั ยืน) เพื่อลดการทําลายสิ่งแวดลอม ลดการเกิดมลพิษ • การขยายงานของมลู นธิ คิ ุมครองสัตวป าและ โลกรอ น และเตรยี มรับมอื กบั ความเปลยี่ นแปลงของ พรรณพชื แหง ประเทศไทยสูระดับอนภุ ูมิภาค สภาพภูมิอากาศแปรปรวน โดยรณรงคใหประชาชน เปนไปตามหลกั การใด ตระหนักถงึ ปญหาทีเ่ กดิ ข้ึน และผลกั ดันใหมกี ารเปลยี่ น (แนวตอบ หลักการของระบบนเิ วศลมุ แมนา้ํ โขง จากการใชเช้อื เพลิงจากฟอสซิล มาใชแ หลง เช้ือเพลิงทเี่ ปนพลังงานหมุนเวียนทสี่ ะอาดและยงั่ ยนื โดยมูลนธิ คิ ุมครองสัตวป า และพรรณพืชแหง 2. ปฏเิ สธการตดั ตอ พนั ธกุ รรม โดยการรกั ษาความสมบรู ณ ความหลากหลายทางชวี ภาพและสงิ่ แวดลอ ม ประเทศไทยทส่ี นับสนนุ การกอตง้ั โดยมูลนิธิ ของแหลงอาหารของโลกไมใหเ กดิ ความเสี่ยงตอการตดั ตอ ทางพันธกุ รรม คุมครองสตั วปาโลกใน พ.ศ. 2525 ไดรวม 3. ยุตินิวเคลียร โดยใหหยุดการขยายและปดโรงงานไฟฟานิวเคลียร เพ่ือปกปองส่ิงแวดลอมและ กับกัมพูชา ลาว และเวยี ดนาม และใชช อ่ื วา มนุษยชาตจิ ากกมั มนั ตภาพรังสี WWF Greater Mekong Programme หรอื โครงการคุมครองสัตวป าและพรรณพชื กจิ กรรมทปี่ ระสบความสาํ เรจ็ เชน คดั คา นการใชถ า นหนิ ทเี่ พมิ่ ขน้ึ ในประเทศฟล ปิ ปน ส ลมุ แมน้าํ โขง ตามมลู นิธคิ ุม ครองสัตวป า การยุติการสรางโรงไฟฟาถานหินที่อําเภอบอนอก และอําเภอบานกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ มีภารกจิ สาํ คญั ในการอนรุ กั ษสตั วที่ใกล การเจรจาปกปอ งวาฬ ฉลามขาว และโลมาอิรวดี การคดั คานการใชพ ืชตัดตอพนั ธกุ รรม (GMOs) สูญพนั ธุ และฟน ฟูระบบนเิ วศบริเวณลมุ เปน ตน นํ้าโขงใหกลบั สคู วามสมดุลดงั เดมิ ) 2) มลู นธิ คิ มุ ครองสตั วป า โลก (World Wide Fund for Nature - WWF) เปน องคก ร นานาชาติท่ีดําเนินการดานการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ดานทรัพยากรปาไม ทรัพยากรนํา้ จืด และทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง รวมทัง้ การปกปอ งดแู ลสายพันธุพ ชื และสัตว การดาํ เนนิ งานของมลู นธิ ใิ หค วามสาํ คญั กบั กระบวนการสง่ิ แวดลอ มศกึ ษาและการอบรม เพ่อื พัฒนาศักยภาพสาํ หรบั การทาํ งานดานอนรุ กั ษอ ยางมปี ระสิทธผิ ล ตอ มาใน พ.ศ. 2525 มลู นธิ ไิ ดส นบั สนนุ การกอ ตง้ั มลู นธิ คิ มุ ครองสตั วป า และพรรณพชื แหงประเทศไทย และตอมาไดรวมตัวกับกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ใชช่ือ WWF Greater Mekong Programme เพ่ือขยายงานดานการอนุรักษใหกวางขวางออกไป โดยมีภารกิจหลัก เชน ใหค วามชว ยเหลือสัตวท่ใี กลสูญพนั ธุ ฟน ฟูระบบนิเวศปา เปนตน 148 บรู ณาการอาเซยี น ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั องคการเอกชนดา นสงิ่ แวดลอ มโลก ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซยี นไดโ ดยการนาํ ขอมลู ขาวสาร องคก ารเอกชนใหญท่สี ุดทเ่ี ฝา ระวังและดแู ลทรัพยากรธรรมชาตทิ ัว่ โลก การดําเนนิ งานและกิจกรรมดานส่ิงแวดลอ มขององคก รส่งิ แวดลอ มโลกตา งๆ คอื องคก ารใด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตม าใหนกั เรยี นพิจารณา แลวอภปิ รายรวมกันถึง 1. Greenpeace International ลกั ษณะการดําเนินงานและกจิ กรรม ผลของการดาํ เนนิ งานและกิจกรรม รวมถงึ ขอ 2. World Wide Fund for Nature เสนอแนะการดําเนินงานและกจิ กรรมแกอ งคก รดังกลา ว เพ่อื กระตนุ ใหนักเรียนเกิด 3. Global Environmental Facility มคี วามรูความเขาใจและมีสว นรว มในการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ 4. United Nations Environment Programme ส่งิ แวดลอ มในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตไ ดอยา งถูกตองเหมาะสม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. World Wide Fund for Nature หรอื WWF กอตงั้ ขนึ้ ใน ค.ศ. 1961 และพฒั นาขนึ้ เปนองคการเอกชนดา น ส่งิ แวดลอ มขนาดใหญท ี่สดุ ในโลกปจจบุ นั จากทนุ บริจาคของประชาชนท่วั ไป หนวยงาน และรฐั บาลของประเทศตางๆ กวา 1 พนั ลานดอลลาร ใน ค.ศ.1985 จนถงึ ปจ จบุ ันองคการไดช วยอนรุ ักษพ ันธพุ ชื และสัตวไปแลว ประมาณ 12,000 ชนิด 148 คมู่ ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ . กสฎ่งิ แหวมดาลย้อเกมย่ี ขวอกงับไทกยารอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ครสู นทนารวมกนั กบั นกั เรยี นถงึ กฎหมาย เก่ียวกับการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติและ กฎหมายเกยี่ วกบั การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมของไทย ท่สี �าคัญ มีดงั นี้ สง่ิ แวดลอ มของไทยทีน่ ักเรียนไดศึกษามา ในสว น ของกฎหมายเก่ยี วกับปาสงวนแหงชาติ แลวสุม 3.1 กฎหมายเก่ียวกับปา่ สงวนแห่งชาติ นักเรียน 1 กลุม ใหออกมาอธิบายหลกั เกณฑแ ละ วิธคี วบคุมดูแลรกั ษาพน้ื ทปี่ า สงวนแหงชาติ ตาม กฎหมายเกี่ยวกับป่าสงวนแห่งชาติ ได้แก่ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507 และ (แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ฉบบั ท ่ี 3 พ.ศ. 2528) ทแ่ี กไ ขเพ่ิมเติม จากนัน้ ครนู าํ ภาพขาวเก่ียวกบั ปา่ สงวนแหง่ ชาตเิ ปน็ ปา่ ทท่ี างราชการออกเปน็ กฎกระทรวง กา� หนดใหม้ กี ารรกั ษาสภาพปา่ การบุกรุกพืน้ ทปี่ าสงวนแหง ชาตมิ าใหนกั เรียน หรอื ทรัพยากรธรรมชาติ มีการแสดงแนวเขตปา่ ที่ชดั เจน พิจารณารวมกนั แลว สอบถามถึงวิธกี ารควบคุม พระราชบญั ญตั ปิ า่ สงวนแหง่ ชาต ิ พ.ศ. 2507 (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ฉบบั ท ่ี 3 พ.ศ. 2528) ไดก้ า� หนด ดแู ลและโทษตามบทบญั ญัตใิ นพระราชบัญญตั ิ หลักเกณฑแ์ ละวิธคี วบคุมดูแลรักษาพนื้ ทปี่ า่ สงวนแห่งชาติไว้ ดงั ต่อไปนี้ ปา สงวนแหง ชาติ พ.ศ. 2507 ครแู ละนกั เรยี นชว ย 1. หา้ มบุคคลเข้ายดึ ถอื ครอบครอง ทา� ประโยชน์ อย่อู าศัยในท่ดี นิ กอ่ สรา้ ง แผ้วถาง กันสรุปสาระสําคญั ของกฎหมายเกย่ี วกับปา สงวน เผาป่า ท�าไม้ เก็บหาของป่าในพ้ืนท่ีอันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนห้ามกระท�าการใด ๆ แหงชาติ ท่ีกอ่ ให้เกิดความเส่อื มเสยี แกส่ ภาพปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ ยกเวน้ จะได้รบั อนุญาตจากเจา้ หน้าที่ 2. ในกรณที ป่ี า่ สงวนแหง่ ชาตทิ งั้ หมดหรอื บางสว่ นมสี ภาพเปน็ ปา่ ไมร้ า้ งเกา่ หรอื ทงุ่ หญา้ หรือเป็นป่าท่ีไม่มีไม้มีค่าขึ้นอยู่เลย หรือมีไม้มีค่าที่มีลักษณะสมบูรณ์เหลืออยู่เป็นส่วนน้อย และ ป่าน้นั ยากทจี่ ะกลับฟื้นคืนดีตามธรรมชาต ิ ท้ังนีโ้ ดยมสี ภาพตามหลกั เกณฑ์และเง่อื นไขท่รี ัฐมนต1รี กา� หนด โดยอนมุ ตั คิ ณะรัฐมนตรี ใหถ้ อื วา่ ป่าสงวนแหง่ ชาติในบรเิ วณดงั กล่าวเปน็ ป่าเสื่อมโทรม 3. เพอื่ ประโยชนใ์ นการควบคุมดูแลรักษา หรอื บ�ารุงปา่ สงวนแหง่ ชาติ อธิบดีมีอา� นาจ สั่งการเป็นหนังสือให้พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของ กรมป่าไม้กระท�าการเพ่ือการควบคุมดูแลรักษา หรือบา� รุงรักษาป่าสงวนแหง่ ชาตไิ ด้ 4. เพื่อประโยชนใ์ นการศึกษาวิจัยทางวิชาการ อธบิ ดีมอี า� นาจอนุญาตเป็นหนงั สอื แก่ กระทรวง ทบวง กรม หรือบคุ คลใหส้ ามารถกระทา� การไดต้ ามระเบียบที่อธบิ ดกี า� หนด โดยได้รับ อนมุ ตั จิ ากรัฐมนตรี 5. ในกรณที ปี่ า่ สงวนแห่งชาตมิ สี ภาพเปน็ ป่าเสือ่ มโทรม ใหอ้ ธบิ ดีโดยไดร้ บั อนมุ ัตจิ าก รัฐมนตรีมีอ�านาจอนุญาตเป็นหนังสือให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดท�าการบ�ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า หรอื ไมย้ นื ตน้ ในเขตปา่ เสอื่ มโทรมไดภ้ ายในระยะเวลาและเงอ่ื นไขทกี่ �าหนด แตใ่ นกรณที จ่ี ะอนญุ าต ให้เกิน 2,000 ไร ่ ต้องไดร้ ับอนมุ ัตจิ ากคณะรัฐมนตรี 6. ผ้ใู ดยดึ ถอื หรอื ครอบครองท่ีดนิ กอ่ สรา้ ง แผ้วถาง เผา ทา� ไม ้ เกบ็ หาของปา่ หรือ ท�าด้วยประการใด ๆ อนั เปน็ การเสือ่ มเสยี แกป่ ่าสงวนแห่งชาติ ต้องระวางโทษจา� คกุ ต้งั แต ่ 6 เดอื น ถงึ 5 ป ี และปรบั ตัง้ แต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท 149 บูรณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู ครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรบู รู ณาการวิชาหนา ทพ่ี ลเมอื ง 1 ปาเสอ่ื มโทรม หมายความวา ปา ทีม่ สี ภาพเปนปา ไมร างหรือทุงหญา หรือเปน วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ติ ในสังคม โดยการอธิบายใหนกั เรียนเขาใจ ปา ทไ่ี มมไี มมคี า ข้นึ อยูเลย หรือมไี มมีคา ลักษณะสมบูรณเหลอื อยูเปนสว นนอ ยและ ถงึ ความสาํ คญั ของกฎหมายเก่ยี วกับทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม ปา นน้ั ยากที่จะฟน คนื ความอุดมสมบูรณตามธรรมชาตไิ ด ของไทย แลวใหนกั เรียนศึกษารายละเอยี ดของกฎหมายฉบบั ตา งๆ จากนน้ั ชว ยกันวเิ คราะหแนวทางการปฏิบตั ิตนที่สอดคลอ งกบั กฎหมายดังกลา ว มมุ IT อยางถูกตอ งเหมาะสม แลวจัดปา ยนเิ ทศเผยแพรค วามรูในบริเวณทีเ่ หมาะสม ของโรงเรียน ศกึ ษาขอมลู เกีย่ วกับกฎหมายอนุรกั ษทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ของไทยเพม่ิ เติมไดท่ี http://envilaw.onep.go.th/compa.html เวบ็ ไซตร ะบบ ฐานขอ มลู กฎหมายส่งิ แวดลอมและมติคณะกรรมการส่ิงแวดลอมแหงชาติ คู่มอื ครู 149

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู อบถามนักเรียนถงึ ความหมายของสัตวปา 3.2 กฎหมายเกยี่ วกบั การสงวนและคุมครองสัตวปา และสัตวพ าหนะ ตามพระราชบญั ญัติสงวนและ คมุ ครองสตั วปา พ.ศ. 2535 แลว ใหนักเรียนชว ยกัน ตามพระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ.2535 (แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ฉบบั ที่ 3 พ.ศ.2557) จาํ แนกประเภทของสตั วปา สงวนและสตั วปาคุมครอง สตั วป์ า่ หมายถงึ สตั วท์ กุ ชนดิ ไม่วา่ สตั ว์บก สัตวน์ �้า สัตว์ปีก แมลงหรอื แมง ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติ จากปา ยภาพหรือบัตรคําท่ีครูนาํ มาใหพิจารณา ยอ่ มเกิดและดา� รงชวี ิตอยู่ในปา่ หรอื ในน้า� และรวมถงึ ไข่ของสัตว์ปา่ เหล่านัน้ ทกุ ชนดิ ดว้ ย แต่ไมไ่ ด้ จากนั้นใหน ักเรยี นชวยกันรวบรวมจาํ นวนของสตั วปา หมายความรวมถึงสัตว์พาหนะท่ีได้จดทะเบียนท�าตั๋วรูปพรรณตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ สงวนแตละประเภท ไดแก สตั วบก สตั วน ํา้ และ และสัตวพ์ าหนะที่ไดจ้ ากการสบื พันธุ์ของสตั ว์พาหนะดังกลา่ ว สัตวปก แลวชว ยกันวเิ คราะหถ งึ สาเหตุ ลกั ษณะ และแนวโนม การลดลงของจํานวนสัตวป าที่ไดร ับข้นึ ตัวอย่างเช่น ช้าง ซ่ึงชาวบ้านเล้ียงไว้ และได้มีการจดทะเบียนรูปพรรณแล้วไม่ถือเป็น ทะเบียนใหเ ปนสตั วป า สงวน โดยใชข อ มูลจากจํานวน สตั ว์ปา่ เม่อื ชา้ งตวั นน้ั ตกลูกออกมา แมจ้ ะยังไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนรปู พรรณสตั ว์ กไ็ มถ่ อื เปน็ สัตว์ปา่ สัตวแตละประเภททไี่ ดร วบรวมไวขา งตน เชน่ กัน 1) สตั วป์ า่ สงวน* หมายถงึ สตั วป์ า่ ทหี่ ายากตามบญั ชพี ระราชบญั ญตั แิ ละตามกา� หนด โดยตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า ซึง่ ในปจั จุบันมี 15 ชนิด ไดแ้ ก่ กระซู ควายปา แรด 1 กปู รี เลียงผา แมวลายหินออ น กวางผา ละองหรือละมั่ง เกงหมอ เนื้อสมนั สมเสรจ็ 2 พะยนู นกแตว แลวทองดํา นกกระเรยี น นกเจาฟา หญงิ สิรินธร *คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสตั วป์ ่าไดม้ ีมติเหน็ ชอบเมอื่ เดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2558 ให้ข้นึ บญั ชีสัตว์สงวน 4 ชนิด 150 ไดแ้ ก่ วาฬบรดู า้ วาฬโอมรุ ะ ฉลามวาฬ และเตา่ มะเฟอ ง เปน็ สัตวส์ งวนลา� ดับที่ 16 - 19 นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกบั กฎหมายเพอ่ื การอนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาติ 1 กปู รี หรือโคไพร เปน สัตวปา สงวนของไทย มีลักษณะทโี่ ดดเดน คือ คลายววั และสิง่ แวดลอมของไทย ขนาดใหญ ตวั ผมู ีเหนยี งคอหอ ยยานมีรอยบากท่รี จู มกู ชวงใตล าํ ตวั และขาทอ นลาง ผทู ีบ่ ุกรุกหรอื ครอบครองทด่ี ินของรฐั โดยมชิ อบดว ยกฎหมาย มีความผิด มีสีซดี มเี ขาท้งั ตวั ผแู ละตวั เมียแตรปู รางตางกัน เขาตัวผกู างออกกวา งแลวโคงไป ตามกฎหมายใด ดานหนาพรอมกบั ชอนขน้ึ บน ปลายเขาแตกเปน พู เขาของตวั ผอู าจยาวไดถ งึ 80 1. พระราชบัญญตั ิผงั เมือง พ.ศ. 2518 เซนตเิ มตร สว นตวั เมียเขาเล็กกวาของตวั ผมู าก ในประเทศไทยปจ จบุ ันคาดวาเหลอื 2. พระราชบัญญตั อิ ุทยานแหง ชาติ พ.ศ. 2504 กปู รีอยูร าว 100-300 ตวั 3. พระราชบัญญตั ิปา สงวนแหง ชาติ พ.ศ. 2507 2 นกเจา ฟาหญิงสริ นิ ธร หรอื นกตาพอง เปนนกทีจ่ ัดอยใู นวงศเดยี วกับนกแอน 4. พระราชบญั ญตั สิ ง เสรมิ และรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอมแหงชาติ พ.ศ. 2535 พบครง้ั แรกบรเิ วณบงึ บอระเพด็ ใน พ.ศ. 2511 มลี กั ษณะเฉพาะ คอื ตามีวงขาวอม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. พระราชบัญญัตสิ ง เสริมและรักษาคณุ ภาพ ชมพูระเรอื่ ลอมรอบ ตวั มสี ดี าํ เหลอื บนา้ํ เงินเขม บริเวณใตคอสีนํา้ ตาลอมดํา หนา สงิ่ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 99 ผูใดบกุ รกุ หรอื ครอบครองทีด่ นิ ผากมีกระจกุ ขนสีดาํ คลา ยกาํ มะหย่ี สวนขนบรเิ วณตะโพกสขี าวตดั กบั ลาํ ตัว ขนหาง ของรัฐโดยไมชอบดวยกฎหมายหรือเขา ไปกระทาํ ดว ยประการใดๆ มนกลม และแขง ขามีสชี มพู ปจจบุ ันคาดวา มีอยใู นปา ธรรมชาติไมถ งึ 10 ตวั อนั เปน การทําลาย ทําใหสูญหาย หรอื เสยี หายแกทรัพยากรธรรมชาติหรือ ศิลปกรรมอันควรแกก ารอนรุ ักษ หรือกอใหเ กิดมลพิษอันมผี ลกระทบตอ 150 คมู่ อื ครู คณุ ภาพสิ่งแวดลอมในเขตพ้ืนท่ีคุม ครองสง่ิ แวดลอ มท่ีกาํ หนด ตอ งระวางโทษ จําคุกไมเ กนิ หาป หรือปรับไมเกินหา แสนบาท หรือท้ังจาํ ท้งั ปรับ

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 2) สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง* หมายถงึ สตั วป์ า่ ตามทกี่ ฎกระทรวงกา� หนดใหเ้ ปน็ สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง 1. ครูใหน ักเรยี นกลุม ทส่ี มัครใจอธบิ าย รายละเอียดของสัตวป า คุมครองตามกฎ สัตว์ป่าคมุ้ ครอง กระทรวง จากปายภาพหรือบตั รคําทีค่ รู กําหนด กลุม ละ 1 ประเภท ซ่งึ ประกอบดวย ประเภท ตวั อย่างสตั ว์ปา่ สตั วจ าํ พวกนก สตั วเลอื้ ยคลาน สตั วสะเทิน จ�าพวกสัตวเ์ ล้ยี งลกู ด้วยนมมี 201 ชนิด กระจงควาย ชะนมี งกฎุ ชา้ ง บ่างหรือพจุ ง พังพอนกินปู เมน่ ใหญ่ น้ําสะเทนิ บก สตั วจาํ พวกแมลง สตั วจําพวก แมวดาว ลิงกัง ววั แดง เสือโครง่ หมาใน หมีควาย หมีขอ หมีหมา อีเก้ง ปลา และสตั วไ มม กี ระดกู สนั หลัง แลว ครูเสนอ จ�าพวกนกมี 952 ชนดิ ไกป่ ่า นกกะปูดหรอื นกกด นกกระสาคอด�า นกขนุ ทอง นกยงู แนะขอมลู เพ่มิ เติมเพ่อื ความถูกตองครบถวน จ�าพวกแมลงมี 20 ชนิด ด้วงดินขอบทองแดง ดว้ งดนิ ปีกแผ่น ผีเสอื้ กลางคืน จากนัน้ ครใู หนกั เรยี นชวยกันวเิ คราะหสาเหตุ จา� พวกเลอ้ื ยคลานมี 91 ชนิด งูจงอาง งูสงิ งูเหลอื ม จระเข้น�้าเคม็ จระเข้น้�าจืด เต่านา ลกั ษณะและแนวโนม การลดลงของจํานวน จา� พวกปลามี 14 ชนิด ปลาดนิ หิน ปลาตะพัดหรอื ปลาอะโรวาน่า ปลาเสอื ตอ สัตวปา อกี คร้งั หนง่ึ โดยเปรยี บเทียบกบั ขอ มูล จ�าพวกสะเทินน้า� สะเทนิ บกมี 12 ชนิด กบเกาะช้าง คางคกเล็ก จงโคร่ง จํานวนสัตวแตละประเภทท่ีเปนสตั วป า สงวน จา� พวกไม่มกี ระดกู สันหลังมี 12 ชนิด กลั ปงั หา ดอกไมท้ ะเล ปะการัง ปูราชนิ ี ขา งตน เพอื่ ใหน ักเรยี นเกิดความรูความเขาใจ ถงึ ความเปลี่ยนแปลงดา นการลดลงของจาํ นวน 3) การล่าสัตว์และการมีสัตว์ป่าไว้ในครอบครองท้ังที่มีชีวิตและซากสัตว์ป่า สตั วปา แตละประเภท อนั เกดิ จากสาเหตุปจ จัย ทแ่ี ตกตา งกนั เชน การทําลายพ้ืนทปี่ าและการ กฎหมายกา� หนดไว้ ดงั นี้ มีมลภาวะทางอากาศในระยะหลังทําใหจ ํานวน 1. หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดลา่ หรอื พยายามลา่ สตั วป์ า่ สงวน หรอื สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง เวน้ แตเ่ ปน็ สัตวป าคุมครองจําพวกนกมมี ากกวาสัตวป า สงวน แนวทางการแกป ญหาทสี่ าํ คญั คือ เกพาอื่รกกราะรทคมุ้า� โคดรยอทงสางตั รวาป์ ชา่ กกาารรทเีไ่พดา้ระบัพกนั าธร์ุ ยห1กรเอื วเ้นพอื่ เกชจิ่นกเาพรสือ่ วกนาสรสตั �าวรส์ วาจธากราณระศึกซษงึ่ การแะลทะา�วโิจดยั ยททาางงวรชิาชากกาารร การอนุรกั ษป า ไม ลดการทําลายปาและการลด และต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมป่าไม้ หรืออธิบดีกรมประมงในส่วนท่ีเกี่ยวกับ มลภาวะตา งๆ ในอากาศ ทง้ั ในรปู แบบของ สัตวน์ ้า� และตอ้ งปฏิบตั ติ ามระเบยี บท่ีรฐั มนตรกี า� หนดโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสงวน มาตรการภาครฐั และการมสี วนรวมของภาค และคุ้มครองสัตว์ป่าแหง่ ชาติ ประชาชน เปนตน 2. หา้ มเพาะพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สงวนหรอื สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง เวน้ แตเ่ ปน็ การเพาะพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ 2. ครสู มุ นกั เรียน 1 กลุม ใหช วยกันอธิบายความรู คุ้มครองชนิดท่ีคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติก�าหนดให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่ เก่ยี วกบั โทษของการลา สัตวและการมีสตั วปา ไว เพาะพันธุ์ของผูร้ บั ใบอนญุ าตจดั ตง้ั และดา� เนนิ กจิ การสวนสตั วส์ าธารณะ ในครอบครองทัง้ ทีม่ ีชีวิตและซากสตั วป า ตามท่ี กฎหมายกาํ หนด แลว ใหนกั เรียนกลุม อื่นเสนอ 3. หา้ มยิงสัตว์ปา่ ในเวลาระหวา่ งพระอาทิตย์ตกและพระอาทติ ยข์ นึ้ แนะขอ มลู เพ่มิ เตมิ จากนัน้ นกั เรยี นชวยกนั สรปุ 4. ห้ามเก็บ ท�าอันตราย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งรังของสัตว์ป่าสงวนหรือ สาระสาํ คญั ของบทบญั ญตั เิ กย่ี วกับโทษของการ สัตวป์ า่ คุม้ ครอง ยกเว้นผทู้ ่ไี ด้รบั อนุญาตใหเ้ กบ็ รังนกนางแอน่ ตามกฎหมาย ลา สัตวและการมสี ตั วปาไวใ นครอบครองทง้ั ทม่ี ี 5. ห้ามครอบครองสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง รวมถึงซาก เว้นแต่จะเป็น ชีวิตและซากสตั วป า สตั วป์ า่ คมุ้ ครองชนดิ ทก่ี า� หนดไวต้ ามหลกั เกณฑข์ องกฎหมาย ซง่ึ ไดม้ าจากการเพาะพนั ธ์ุ และตอ้ ง ได้รับอนุญาตจากอธิบดี อีกท้ังต้องปฏิบัติตามข้อก�าหนดในกฎกระทรวงและเง่ือนไขที่ก�าหนดไว้ 151 ในใบอนญุ าต *คณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ ไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบเมอ่ื เดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2558 ใหข้ นึ้ บญั ชสี ตั วค์ มุ้ ครอง 12 ชนดิ ซงึ่ เปน็ สตั วน์ า้� หายาก เชน่ กลมุ่ ปลาโรนนิ กระเบนปศี าจ ราหนู า�้ จดื เปน็ ตน้ ขอสอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกับพระราชบญั ญตั สิ งเสริมและรักษาคณุ ภาพ ครูควรเตรยี มวีดทิ ศั นหรือภาพและขอ มูลเกย่ี วกบั สตั วป า อนรุ กั ษประเภทตา งๆ ส่ิงแวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 วกิ ฤตการณทรัพยากรปา ไม ของไทย เพื่อใหน ักเรียนพิจารณา แลวสนทนาหรอื อภิปรายรวมกนั เน่ืองจากจะมี สว นชว ยกระตนุ ความสนใจของนักเรียนในการศกึ ษาความรเู ก่ยี วกบั กฎหมาย การควบคมุ ปองกนั มลพิษตามพระราชบญั ญัติสงเสรมิ และรักษาคณุ ภาพ เกย่ี วกับการสงวนและคุมครองสตั วปาของไทย และกระตุนจิตสาํ นกึ ในการอนรุ กั ษ สิง่ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 ครอบคลมุ มลพษิ ในดา นใด สตั วปาสงวนของไทยใหแกน ักเรียนไดซึ่งเปน การเรียนรทู ี่มคี วามหมายในระดับชวี ติ ประจาํ วนั และระดับสงั คม 1. มลพษิ ทางนํา้ 2. มลพิษทางดนิ นักเรยี นควรรู 3. มลพษิ ทางเสียง 4. มลพิษทางอากาศ 1 การเพาะพนั ธุ เปน บทบาทหนา ทสี่ าํ คัญของหนวยงานภาครัฐ คอื สํานักอนุรกั ษ วิเคราะหคําตอบ พระราชบญั ญัติสง เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสิ่งแวดลอม แหงชาติ พ.ศ. 2535 มีบทบัญญัติที่ครอบคลมุ มลพษิ ทางน้ํา เสียง และอากาศ ดงั น้ันคําตอบคือ ขอ 1. 3. และ 4. สตั วป า กรมอทุ ยานแหงชาติ สัตวป า และพนั ธุพชื กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดลอม โดยมอี าํ นาจหนาทีใ่ นการกําหนดนโยบายกลยุทธแ ละแผนดาํ เนนิ การสงวน คุมครองและอนุรักษส ตั วปา กําหนดหลักเกณฑ มาตรฐาน รูปแบบ เทคนิค วธิ กี าร และตวั ช้วี ัดการจัดการพืน้ ที่และการอนุรักษส ตั วปา คู่มอื ครู 151

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหต ัวแทนนักเรยี นแตละกลมุ ตอบคําถาม 6. ห้ามค้าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง รวมถึงซากหรือผลิตภัณฑ์ท่ีท�าจาก เกีย่ วกบั การกําหนดเขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วปา เพื่อ ซากของสตั วป์ า่ ดงั กลา่ ว เวน้ แตเ่ ปน็ การคา้ สตั วป์ า่ คมุ้ ครองชนดิ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบตามกฎหมาย เปน การอธิบายความรู ตัวอยา งขอ คําถามเชน ซึ่งได้จากการเพาะพนั ธ ์ุ ซากของสัตว์ป่าดงั กล่าว หรือผลิตภณั ฑ์ท่ที �าจากซากของสัตวป์ า่ ดงั กล่าว • การลาสัตวปา ในเขตรักษาพนั ธุส ัตวปา กระทํา ทง้ั นโี้ ดยได้รับอนุญาตจากอธบิ ดี ไดหรอื ไม อยางไร (แนวตอบ เจาหนาที่ของหนว ยงานที่มสี ว น เพ่ือก�าหนด4บ)ร ิเวกณารทก่ีดา� ินหในห้เดปเ็นขทต่ีอรกัยู่อษาาศพัยันขธอุ์สงตัสัตวป์ว์ปา่ ่า โก1ดรยะปทล�าไอดดโ้ ภดัยย กาเพรตื่อรราักเษปาน็ ไพวร้ซะ่ึงรพาชันกธฤุ์สษัตฎว์ปีก่าา เก่ยี วของในการศกึ ษาคน ควาหรือวิจัยทาง วชิ าการเพ่ือการอนุรักษพนั ธสุ ัตวปา ซึง่ ไดรับ โดยมีแผนที่แสดงแนวเขตบริเวณที่ก�าหนดแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย บริเวณท่ีก�าหนดน้ี หนงั สอื อนุญาตจากอธิบดโี ดยความเหน็ ชอบ เรียกว่า “เขตรักษาพันธุส์ ตั วป์ ่า” ของคณะกรรมการสงวนและคมุ ครองสตั วป า ขอ้ ควรปฏิบตั ใิ นเขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าท่ีสา� คญั มีดังนี้ แหงชาติสามารถลาสัตวได ทงั้ นีเ้ พอ่ื ประโยชน 1. ห้ามล่าสตั วป์ ่า ท้งั สัตวป์ า่ สงวนหรอื สตั ว์ปา่ คมุ้ ครองหรอื มใิ ช ่ รวมทั้งหา้ มเกบ็ ในการอนุรกั ษพนั ธสุ ตั วป า เหลานน้ั ) หรือท�าอันตรายแก่รังของสัตว์ป่า เว้นแต่จะกระท�าเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าด้านการวิจัยทาง วิชาการและได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสงวนและ 2. ครอู ธิบายนกั เรียนเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับเขตอนุรกั ษ คุม้ ครองสตั ว์ปา่ แห่งชาติ พนั ธุส ตั วป าทงุ ใหญน เรศวรและเขตรกั ษาพนั ธุ 2. ห้ามถอื ครอบครองที่ดิน หรอื ปลกู สง่ิ กอ่ สร้างใด ๆ หรือตดั โค่น แผว้ ถาง เผา สตั วปาหว ยขาแขง ซงึ่ ไดร ับการข้นึ ทะเบยี นเปน หรือท�าลายต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น หรือขุดหาแร่ ดิน หิน หรือเล้ียงสัตว์ หรือปล่อยสัตว์หรือ มรดกโลกทางธรรมชาติจากองคก ารยเู นสโกใน สตั วป์ า่ หรอื เปลยี่ นแปลงทางนา�้ หรอื ทา� ใหน้ า้� ในลา� นา�้ ลา� หว้ ย หนอง บงึ ทว่ มทน้ เหอื ดแหง้ เปน็ พษิ พ.ศ. 2534 โดยมีอาณาบรเิ วณครอบคลุมพื้นที่ หรอื เป็นอนั ตรายต่อสตั ว์ปา่ เว้นแตเ่ ป็นพนกั งานเจา้ หนา้ ทห่ี รือพนกั งานอืน่ ใดท่ีต้องเข้าไปปฏิบตั ิ บางอําเภอของจังหวัดกาญจนบุรี อุทยั ธานี และ การตามหน้าท่ี หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตาก เนือ่ งจากผา นขอ กําหนดและหลกั เกณฑใ น โดยปฏบิ ตั ิตามเงอ่ื นไขทก่ี า� หนดไว้ในกฎกระทรวงนอกเหนือจากกรณีดงั กลา่ วขา้ งต้น การพจิ ารณาใหเปน มรดกโลกทางธรรมชาติ ท่ี 3. หากมคี วามจา� เปน็ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการคมุ้ ครอง ดแู ล รกั ษาหรอื บา� รงุ เขตรกั ษา สําคัญไดแ ก เปนถน่ิ ทอ่ี ยอู าศยั ของชนิดสัตวและ พนั ธส์ุ ัตวป์ า่ เพ่ือการเพาะพันธ์ุ การศกึ ษาหรือวิจยั ทางวชิ าการ เพ่ืออา� นวยความสะดวกในการให้ พันธุพืชที่หายากหรือตกอยูในสภาวะอันตราย การศึกษา หรือพกั อาศยั หรืออ�านวยความปลอดภัยหรือให้ความรู้แกป่ ระชาชน ใหอ้ ธบิ ดมี อี �านาจ แตยังคงสามารถดํารงชีวติ อยไู ด ซ่งึ รวมถงึ สง่ั เปน็ หนงั สอื ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทข่ี องกรมปา่ ไมห้ รอื กรมประมงแลว้ แตก่ รณ ี กระทา� การอยา่ งใด ระบบนเิ วศอันเปนแหลงรวมความหนาแนนของ สองยวา่ นงหแนละึ่งคในุ้มเคขรตอรงักสษัตาวพ์ปนั ่าธแ์ุสหตั ง่ วช์ปาต่าไิ 2ดต้ ามระเบียบทกี่ า� หนด โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ พืชและสตั วที่ทัว่ โลกใหค วามสนใจดว ย เพื่อให ผทู้ ี่ฝา่ ฝืนกฎหมายเกยี่ วกับการสงวนและคมุ้ ครองสัตว์ป่า มโี ทษทงั้ จา� และปรบั เชน่ นกั เรียนตระหนกั ถงึ ประโยชนแ ละคณุ คาของ 1. ผู้ใดล่าหรือพยายามล่า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่า การกําหนดเขตรักษาพันธสุ ตั วป า จากนั้นครู คุ้มครอง หรือซากของสัตวป์ ่าดงั กล่าว หรอื ทา� การค้า ตอ้ งระวางโทษจ�าคุกไม่เกิน 4 ปี หรอื ปรบั และนกั เรียนชวยกนั สรปุ สาระสําคัญทไ่ี ดจากการ ไม่เกิน 40,000 บาท หรอื ทงั้ จา� ทั้งปรับ ศึกษากฎหมายเกย่ี วกับการสงวนและคุมครอง สัตวปา 152 นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั การมีสว นรว มแกไขวิกฤตการณปา ไมของประชาชน 1 ทอี่ ยอู าศยั ของสตั วปา ในประเทศไทยมีการกําหนดท่ีดินใหเ ปนทอ่ี ยูอาศัยของ ในฐานะสมาชกิ คนหนึง่ ของสงั คม ทานจะมสี วนชว ยแกไขปญ หา สตั วปา หลายประเภท นอกเหนือจากเขตรกั ษาพนั ธุสัตวป า เชน เขตหา มลาสตั วป า วกิ ฤตการณด า นทรพั ยากรปา ไมไดดที ่ีสดุ อยา งไร เปน อาณาบรเิ วณพืน้ ทซ่ี ึ่งทางราชการไดกําหนดไวใ หเปนทอ่ี าศัยของสัตวป า โดยเฉพาะ 1. ปลกู ปาทดแทน สตั วป าทีห่ ายากหรือถูกคุกคามไดอยูอาศัยในพืน้ ที่นน้ั ไดอ ยางปลอดภัย สามารถดาํ รง 2. ปอ งกันการเกดิ ไฟปา พนั ธุต อ ไปไดต ามธรรมชาติ ในปจจบุ ันไดม ีการประกาศเขตหามลา สตั วปาแลว 3. ผลักดนั ใหม กี ารออกกฎหมายอนุรักษปาชมุ ชน 56 แหงทว่ั ประเทศ เชน เขตหามลา สตั วป า บงึ บอระเพ็ด จงั หวัดนครสวรรค เขตหา ม 4. ชวยกันรณรงคเ พ่อื สรา งจิตสํานกึ ใหแกป ระชาชน ลาสัตวปา ทะเลหลวง จังหวัดสงขลาและพัทลงุ เขตหา มลา สัตวปาบึงเกรงิ กระเวยี น วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ชว ยกนั รณรงคเพ่อื สรางจติ สํานกึ ใหแก และหนองนํา้ ซับ จังหวัดกาญจนบรุ ี และอยรู ะหวา งการประกาศอีก 7 แหง ประชาชน เปนการมสี ว นชว ยแกไขวิกฤตการณด า นทรัพยากรปาไมท ีด่ ีทส่ี ดุ 2 คณะกรรมการสงวนและคมุ ครองสัตวปาแหง ชาติ ประกอบดวย ผบู ริหาร เนื่องจากสอดคลองกบั สถานภาพ บทบาท และหนา ที่ของนักเรียน อกี ท้ังยงั กระทรวงและหนว ยงานภาครัฐทเ่ี กยี่ วขอ งและผูทรงคณุ วุฒดิ านสัตวป า มอี ํานาจ เปน การแกไ ขปญ หาทีต่ นเหตอุ นั จะนาํ ไปสกู ารรว มมอื กันของคนในสงั คมเพ่ือ หนา ท่หี ลกั ดา นการใหความเหน็ ชอบในการกาํ หนดเขตรักษาพนั ธสุ ตั วปา การกาํ หนด การแกไ ขและปอ งกันมิใหเกิดวิกฤตการณใ นอนาคต เขตหามลาสัตวปาและการกําหนดชนิดหรอื ประเภทของสัตวปาทจี่ ะหา มลา ในเขตนนั้ และการกําหนดกิจการอันพึงกระทาํ เพ่ือประโยชนในการบาํ รงุ รักษาเขตดงั กลา ว 152 คู่มอื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2. ผใู้ ดมสี ตั วป์ า่ ทไ่ี ดจ้ ากการเพาะพนั ธห์ุ รอื มซี ากของสตั วป์ า่ คมุ้ ครองทไ่ี ดจ้ ากการ 1. ครูสมุ นักเรยี น 1 กลุม ใหช ว ยกนั อธบิ ายความรู เกี่ยวกบั หลกั การปฏบิ ตั ิในเขตอุทยานแหง ชาติ เพาะพันธโ์ุ ดยไม่ไดร้ บั อนุญาตไวใ้ นครอบครอง ตอ้ งระวางโทษจา� คกุ ไม่เกิน 1 ป ี หรือปรบั ไมเ่ กนิ ตามพระราชบญั ญัติอุทยานแหง ชาติ พ.ศ. 2504 แลว สอบถามนักเรยี นกลุมอื่นถึงความรูเก่ยี วกับ 10,000 บาท หรอื ทงั้ จา� ทัง้ ปรับ 1 อทุ ยานแหงชาตใิ นทองถ่นิ หรือในประเทศ เชน อทุ ยานแหง ชาติหวยนํา้ ดัง จงั หวัดเชียงใหม 3.3 กฎหมายเกีย่ วกับอุทยานแห่งชาติ อทุ ยานแหง ชาตไิ ทรโยค จังหวดั กาญจนบุรี อุทยานแหงชาตปิ า หินงาม จังหวัดชยั ภมู ิ และ พระราชบัญญตั ิอุทยานแหง่ ชาต ิ พ.ศ. 2504 ได้กา� หนดไว้วา่ ท ีด่ นิ ท่จี ะก�าหนดใหเ้ ป็นอุทยาน อทุ ยานแหงชาติหาดนพรัตนธารา-หมเู กาะ แห่งชาติต้องเป็นที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในการครอบครองโดยบุคคลใด กล่าวคือ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ พพี ี จงั หวดั กระบ่ี จากนั้นครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ อาจเป็นทีร่ กร้างวา่ งเปล่า ท่ีราชพัสด ุ หรือท่ีป่าสงวนกไ็ ด้ ถึงผนื ปา ดงพญาเยน็ -เขาใหญ มรดกโลกทาง การปฏบิ ัตใิ นเขตอทุ ยานแห่งชาติท่ีส�าคญั มีดงั น้ี ธรรมชาติท่ไี ดรับการแตงต้งั จากองคก าร 1. หา้ มครอบครองทด่ี นิ รวมถึงกอ่ สรา้ ง แผ้วถาง หรือเผาป่า ยเู นสโกใน พ.ศ. 2548 ซึ่งครอบคลุมพน้ื ท่ี 2. หา้ มนา� สัตวอ์ อกจากอุทยานแหง่ ชาติ อทุ ยานแหง ชาติเขาใหญ ทบั ลาน ปางสีดา และ ตาพระยา รวมถงึ เขตรักษาพันธุสัตวป าดงใหญ 3. หา้ มนา� เครอื่ งมอื สา� หรบั ลา่ สตั วห์ รอื จบั สตั ว ์ หรอื อาวธุ เขา้ ไป เวน้ แตไ่ ดร้ บั อนญุ าต เนื่องจากเปนปาท่มี คี วามหลากหลายทาง จากเจ้าหน้าที่และปฏบิ ตั ิตามเงอ่ื นไขทกี่ �าหนด ชีวภาพสูง มปี า ประเภทตา งๆ ไดแก ปา ดบิ 4. ห้ามเก็บ น�าออกไป หรือท�าให้เป็นอันตราย หรือท�าให้เสื่อมสภาพแก่กล้วยไม้ ชนื้ ปาดบิ แลง ปา เตง็ รัง ปาเบญจพรรณ และ น้า� ผ้ึง ครัง่ ถา่ นไม ้ เปลือกไม้ หรือมลู ค้างคาว ทงุ หญา รวมถึงมีสัตวป าหลายชนดิ อันเกดิ จาก 5. หา้ มเปลยี่ นแปลงทางน�้า หรอื ทา� ใหน้ า�้ ในลา� นา�้ ลา� หว้ ย บงึ ทว่ มทน้ หรอื เหอื ดแหง้ การอนรุ กั ษปาไมตามกฎหมายเกย่ี วกับอทุ ยาน แหงชาติ โดยเฉพาะพระราชบญั ญตั ิอทุ ยาน 3.4 กฎหมายส่งเสริมและรกั ษาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มแหง่ ชาติ แหง ชาติ พ.ศ. 2504 เพอ่ื ใหนักเรยี นตระหนัก ถึงความสาํ คัญของการปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย พระราชบัญญตั สิ ง่ เสริมและรกั ษาคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มแหง่ ชาต ิ พ.ศ. 2535 ได้มีมาตรการ เกีย่ วกบั อุทยานแหง ชาติ สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม โดยประโยชนท์ ปี่ ระชาชนจะไดร้ บั ในการรว่ มกนั สง่ เสรมิ และ รกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มของชาต ิ มดี ังน้ี 2. ครูใหน กั เรียนชว ยกนั อธิบายความรูเ กยี่ วกับ 1. ไดร้ ับทราบขอ้ มูลขา่ วสารจากทางราชการเกี่ยวกบั การส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ กฎหมายสง เสรมิ และรกั ษาคุณภาพส่ิงแวดลอม แหงชาติ ไดแก พระราชบญั ญตั สิ งเสริมและ ส่ิงแวดล้อม รกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 2. ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย หรือค่าทดแทนจากรัฐ ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจาก แลวใหน กั เรียนชวยกนั วเิ คราะหถึงประโยชน อันตรายท่ีเกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษหรือภาวะมลพิษ อันมีสาเหตุมาจากกิจการหรือ และความสําคญั รวมถงึ แนวทางการปฏิบตั ิตน โครงการทีร่ ิเริ่ม สนับสนุนหรือด�าเนนิ การโดยส่วนราชการหรือรฐั วสิ าหกิจ ตามกฎหมายดังกลา ว จากนัน้ ครนู ํานกั เรยี น 3. องคก์ รเอกชนจะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื หรอื ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากทางราชการในเรอื่ ง ในการสรปุ ความรูทไ่ี ดจ ากการศกึ ษากฎหมาย ต่าง ๆ เชน่ ในการประชาสัมพันธ์ เผยแพรข่ อ้ มูลหรือข่าวสารเพอื่ สร้างจติ สา� นกึ ของสาธารณชน เกย่ี วกบั การอนรุ กั ษทรพั ยากรธรรมชาติและ ที่ถูกต้อง ได้รับการสนับสนุนในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ มของไทย นกั เรยี นบนั ทึกลงในสมดุ ทรพั ยากรธรรมชาต ิ เปน็ ตน้ 153 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’51 ออกเกีย่ วกับบทลงโทษตามพระราชบญั ญตั สิ ง เสรมิ และรกั ษา 1 อทุ ยานแหงชาติ ในปจจุบนั มีอุทยานแหง ชาติ 128 แหง ทีส่ าํ คญั ไดแ ก คุณภาพสงิ่ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 อทุ ยานแหง ชาติเขาใหญ เปนอุทยานแหงชาตแิ หงแรกของไทย ไดรับการประกาศ ใน พ.ศ. 2505 อยูในเขตจังหวดั นครราชสีมา สระบุรี นครนายก และปราจีนบรุ ี ผูท ีเ่ ขา ไปทาํ ลายโบราณวัตถุในบริเวณปราสาทหินพนมรงุ จะตองระวาง นอกจากน้กี รมอทุ ยานแหง ชาติ สตั วปา และพนั ธพุ ชื ยงั ไดเ ตรยี มการประกาศจดั ตัง้ โทษอยา งไรตามพระราชบญั ญัติสง เสรมิ และรกั ษาคุณภาพสิง่ แวดลอม อุทยานแหง ชาติเพ่ิมเตมิ อกี 22 แหง แหงชาติ พ.ศ. 2535 มุม IT 1. จาํ คกุ ไมเกนิ 2 ป หรือปรับไมเ กนิ 200,000 บาท หรอื ทัง้ จาํ ทัง้ ปรับ 2. จําคุกไมเ กนิ 3 ป หรือปรบั ไมเกนิ 300,000 บาท หรอื ทง้ั จําท้งั ปรบั ศึกษาคนควาขอมลู เกี่ยวกับอทุ ยานแหงชาตแิ ละปา เพือ่ การอนุรักษอื่นๆ ของ 3. จําคุกไมเกนิ 4 ป หรอื ปรบั ไมเ กิน 400,000 บาท หรอื ทง้ั จําท้ังปรบั ไทยเพ่ิมเติมไดท ่ี http://park.dnp.go.th/visitor/ เวบ็ ไซตส ํานกั อทุ ยานแหงชาติ 4. จาํ คกุ ไมเ กนิ 5 ป หรือปรบั ไมเ กิน 500,000 บาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรับ กรมอุทยานแหงชาติ สตั วปา และพันธุพชื วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. จาํ คุกไมเ กิน 5 ป หรอื ปรบั ไมเ กิน 500,000 บาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรับ เปนบทลงโทษแกผ ูทสี่ รางความเสียหายแก โบราณสถานและโบราณวัตถตุ ามพระราชบัญญัตสิ ง เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ สง่ิ แวดลอมแหงชาติ พ.ศ. 2535 คูมือครู 153

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสนทนารวมกนั กับนกั เรยี นถงึ ความรทู ว่ั ไป  . การประสานความรว่ มมอื ทางดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ1 เกี่ยวกบั การประสานความรว มมือทางดา น สงิ่ แวดลอมระหวางประเทศทีน่ กั เรียนไดศ ึกษา เนื่องจากปญั หาทางด้านสงิ่ แวดลอ้ มเป็นปญั หาทมี่ ีลกั ษณะข้ามพรมแดนและเปน็ ประโยชน์ มา โดยเฉพาะในดานความจาํ เปนของการรว มมือ รว่ มกนั ของมวลมนษุ ยชาต ิ ดงั นนั้ ในชว่ งศตวรรษทผี่ า่ นมาไดม้ กี ารออกกฎหมายระหวา่ งประเทศ ระหวา งประเทศเพ่อื แกไ ขปญหาสง่ิ แวดลอ ม ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สงิ่ แวดลอ้ มเปน็ จา� นวนมาก แลว ใหนักเรียนแตละกลมุ สง ตัวแทนออกมาจับ สลากคําศพั ทท เ่ี กีย่ วของกบั การประสานความ 4.1 อพนืชปุสญัา่ ทญ่ใี กาวล่า้สดญู ว้ ยพกนั าธร2์ุ คา้ ระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตวป์ ่าและ รว มมือทางดานสิ่งแวดลอ มระหวา งประเทศ เชน CITES Framework Convention on Climate อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซง่ึ ชนดิ สตั วป์ า่ และพชื ปา่ ทใ่ี กลส้ ญู พนั ธ ์ุ หรอื อนสุ ญั ญา Change และ Ramsar Convention ท่หี นาช้นั ไซเตส (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and เรยี น Flora : CITES) ใน พ.ศ. 2516 สหภาพนานาชาตเิ พอ่ื การอนรุ กั ษธ์ รรมชาตแิ ละทรพั ยากรธรรมชาติ ได้จัดการประชุมท่ีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เพ่ือร่างอนุสัญญาว่าด้วยการค้าสัตว์ป่า 2. ครสู ุมถามความรเู ก่ยี วกับการประสานความ และพืชป่าท่ีใกล้สูญพันธุ์ระหว่างประเทศ โดยมี 88 ประเทศเข้าร่วมประชุม ปัจจุบันมีสมาชิก รว มมือทางดา นสิง่ แวดลอมระหวางประเทศ 182 ประเทศ ซง่ึ ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกลา� ดับที่ 77 ใน พ.ศ. 2526 มีวตั ถปุ ระสงค์เพอื่ ควบคุม ทตี่ ัวแทนนักเรยี นจบั สลากได โดยเนน ในดา น การค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าและ ประวัติความเปน มาหรือสาเหตขุ องความรวมมอื พชื ป่าโดยสรา้ งกลไกที่มีโครงข่ายท่ัวโลกเพื่อควบคมุ ด้วยการสรา้ งระบบการออกใบอนุญาตในการ พฒั นาการของความรว มมือ วัตถปุ ระสงค น�าเขา้ ส่งออก หรอื น�าผ่านของสัตว์ป่าและพืชป่าทใี่ กลจ้ ะสญู พันธ์ุ การดําเนินงานและผลทีไ่ ดร บั ทง้ั ในสวนของโลก และในประเทศไทย เร่ืองน่ารู้ 3. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั สรุปความรูเ กยี่ วกับ สตั ว์ป่าและพชื ปา่ ทีอ่ นสุ ัญญาไซเตสควบคุม การประสานความรว มมอื ทางดา นสิง่ แวดลอ ม ชนดิ พนั ธขุ์ องสตั วป์ ่าและพชื ป่าท่ีอนสุ ัญญาไซเตสควบคุม จะมีการระบุไว้ในบญั ชหี มายเลข 1, 2 และ 3 ของ ระหวา งประเทศในรูปแบบตา งๆ เชน ตาราง อนสุ ญั ญา โดยได้ก�าหนดหลกั การไว้ ดงั น้ี แลว นักเรียนบันทึกการสรปุ ดังกลาวลงในสมุด บญั ชีหมายเลข 1 เป็นชนดิ พันธข์ุ องสตั วป์ ่าและพชื ป่าทหี่ า้ มค้าขายโดยเดด็ ขาด เนอ่ื งจากใกล้จะสูญพันธ์ุ ยกเวน้ เพื่อการศึกษา วิจยั และเพาะพันธ ์ุ แตท่ งั้ นจ้ี ะต้องไดร้ ับความยนิ ยอมจากประเทศที่น�าเข้าเสยี กอ่ น ประเทศ สง่ ออกจึงจะออกใบอนญุ าตส่งออกให้ได ้ เชน่ ลงิ อรุ ังอุตัง เตา่ ทะเล เปน็ ตน้ บัญชีหมายเลข 2 เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าท่ียังไม่ถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์ จึงยังอนุญาตให้ค้า ได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดการลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว จนถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์ โดยประเทศท่ีจะส่งออกต้องออกหนังสืออนุญาตและรับรองว่า การส่งออกแต่ละคร้ังจะไม่กระทบกระเทือนต่อการ ด�ารงอยูข่ องชนดิ พันธุ์น้ันในธรรมชาติ เชน่ คา่ ง ชะมด เป็นต้น บญั ชหี มายเลข 3 เป็นชนดิ พันธุท์ ไี่ ดร้ บั การคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศหน่งึ แล้วขอความร่วมมอื จากประเทศในภาคีใหช้ ่วยดูแลการน�าเข้า คือ ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออกจากประเทศถ่ินก�าเนิดของชนิดพันธุ์ นน้ั ก่อน จึงจะสามารถน�าเขา้ ได้ เช่น นกขนุ ทอง (ไทย) เป็นตน้ 154 นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิตามอนสุ ัญญาดานสิ่งแวดลอมระหวาง 1 ความรวมมือทางดานสิ่งแวดลอมระหวางประเทศ ทส่ี าํ คญั ในปจ จุบัน เชน ประเทศ ความรวมมือระหวา งประเทศดา นการเปลีย่ นแปลงภูมิอากาศ (The Intergovern- โครงการพัฒนาปา ชมุ ชนในประเทศไทยเปน การดาํ เนนิ งานทีส่ อดคลอง mental Panel on Climate Change : IPCC) เริม่ ขนึ้ ใน ค.ศ. 1988 เพื่อรวบรวม กบั อนุสญั ญาฉบับใด ผลการศึกษาเกี่ยวกับภูมิอากาศของนกั วทิ ยาศาสตรท ัว่ โลก ในการวางแผนปอ งกัน 1. อนสุ ัญญาไซเตส แกไ ขปญหาอนั อาจเกิดขนึ้ เนื่องจากการเปล่ียนแปลงของภูมิอากาศ โดยเฉพาะการ 2. อนุสัญญาเวยี นนา ดาํ เนินการตามพธิ สี ารเกยี วโตในการลดภาวะโลกรอ น 3. อนสุ ญั ญาวาดวยการอนรุ ักษพ ้นื ที่ชมุ นํ้า 2 การคา ระหวา งประเทศซงึ่ ชนดิ สตั วป า และพชื ปา ทใ่ี กลส ญู พนั ธุ จากการศกึ ษา 4. อนุสญั ญาวา ดว ยความหลากหลายทางชวี ภาพ ของคณะกรรมการตามอนสุ ัญญาไซเตสในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตพ บวา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. อนุสัญญาไซเตส เน่อื งจากโครงการ มีการลักลอบคาพืชและสัตวปาจํานวนมากในปจจบุ ัน เชน ปะการังในประเทศ พัฒนาปา ชุมชนของไทยมวี ตั ถปุ ระสงคห ลักของการดําเนนิ งานทสี่ อดคลอง ฟลิปปนส มานา้ํ และเตา นา้ํ จืดในประเทศอินโดนเี ซีย เปนตน กบั อนุสัญญาไซเตส กลาวคือ การควบคมุ มิใหม ีการบุกรกุ พื้นที่ปา สงวนเพอื่ ลกั ลอบคาพืชและสัตวปา โดยการสรางจติ สํานึกใหแ กชาวบานในชมุ ชนที่ 154 คมู่ อื ครู อาศัยปาในการดาํ รงชวี ติ และสงเสรมิ ใหชาวบานชวยกันเฝา ระวังมใิ หมกี าร บุกรกุ พ้นื ท่ปี าสงวน

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand 4.2 อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุม ชวยกนั ศกึ ษาคน ควาเพิม่ เตมิ เกีย่ วกับหนวยงาน อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (United Nations Frame- และองคกรทางสิง่ แวดลอ ม ไดแก กระทรวง work Convention on Climate Change : UNFCCC) จากปัญหาแกส๊ เรอื นกระจกทสี่ ง่ ผลให้ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอม กระทรวง อณุ หภมู สิ งู ขนึ้ จงึ ไดม้ กี ารจดั การประชมุ เนอ้ื หาทางการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ขนึ้ ใน พ.ศ. 2535 เรยี กวา่ พลังงาน มูลนิธสิ บื นาคะเสถยี ร มูลนิธโิ ลกสเี ขียว “การประชุมสหประชาชาติวา่ ดว้ ยสิ่งแวดล้อมและการพฒั นา” ท่ีเมืองรอี ูดีจาเนรู ประเทศบราซิล มลู นธิ คิ มุ ครองสัตวปา โลก และกลุมกรนี พซี ซงึ่ ประเทศไทยได้เขา้ เปน็ สมาชกิ ในอนุสญั ญานีด้ ว้ ย โดยมีวัตถุประสงคเ์ พื่อปกป้องชนั้ บรรยากาศ กฎหมายเก่ียวกบั การอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติ ของโลก โดยรฐั บาลของรฐั สมาชกิ จะตอ้ งดแู ลควบคมุ ใหก้ ารเกดิ แกส๊ เรอื นกระจกในประเทศของตน และสิง่ แวดลอมของไทย หรือการประสานความ อยใู่ นระดบั ทจี่ ะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ชนั้ บรรยากาศของโลก นอกจากน ้ี ในการประชมุ สหประชาชาต ิ รวมมอื ทางดานสงิ่ แวดลอมระหวา งประเทศ กลมุ วา่ ดว้ ยสง่ิ แวดลอ้ มและการพฒั นาครงั้ นไ้ี ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยความหลากหลายทางชวี ภาพ ละ 1 ดา น โดยพิจารณาจากกลุมที่ยังไมไ ดอธิบาย อีกด้วย ความรใู นดานดงั กลาว จากแหลง การเรียนรูทค่ี รู เสนอแนะ เชน หนังสือ เอกสาร และเว็บไซตเ ผย 4.3 อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการอนรุ กั ษพ์ น้ื ทช่ี มุ่ นา้� แพรขอ มลู ของหนว ยงานและองคก รทางสิง่ แวดลอม เจาหนา ทห่ี รือบุคลากรที่มีสว นเก่ยี วขอ งกบั หนวย อนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พ้ืนท่ีชุ่มน�้า (Convention on Wetlands of International งานและองคกรทางส่งิ แวดลอม และหนวยงานท่ี Importance especially as Waterfowl Habitat) หรืออนสุ ญั ญาแรมซาร ์ (Ramsar Convention) เกย่ี วขอ งกบั สิง่ แวดลอ มในทองถิน่ จากน้ันชว ยกนั เกดิ ขน้ึ จากการรว่ มมอื ระหวา่ งรฐั บาลประเทศตา่ ง ๆ เพอื่ อนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟพู นื้ ทชี่ มุ่ นา้� ทว่ั โลกอยา่ ง จดั ทําโปรแกรมการนําเสนอ (Powerpoint) และ ย่ังยืน เช่น การสกัดกั้นและยับยั้งการบุกรุกเข้าครอบครองพ้ืนที่ชุ่มน้�าทั้งในปัจจุบันและอนาคต เอกสารเผยแพรค วามรใู นดานท่ีกลมุ ตนรบั ผดิ ชอบ เน่ืองจากเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางนิเวศวิทยาและเป็นที่อยู่อาศัยของนกน�้า โดยมีการ เพือ่ การนําเสนอตอช้ันเรยี นตอ ไป ประชุมรบั รองอนสุ ญั ญาฉบับน้ีขนึ้ เมือ่ วนั ที่ 2 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ที่เมืองแรมซาร์ ประเทศ อิหรา่ น และมผี ลบงั คบั ใช้เม่อื วันท ่ี 21 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ตรวจสอบผล Evaluate ส�าหรับประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็น ภาคอี นสุ ญั ญา ในวนั ท ่ี 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 1. ครูตรวจโปรแกรมการนําเสนอและเอกสาร ซ่ึงพื้นท่ีชุ่มน้�าแห่งแรกของประเทศไทยท่ีได้รับ เผยแพรความรขู องนกั เรียนแตละกลุม จากการ กคอืาร พปรรคุะกวนาศขใเี้ สหยี้เขน้า เเขปต็นหทา้ �ามเลนา่ียสบตั ขวอป์ งา่ อทนะุสเลัญนญอ้ ยา 1 นาํ เสนอตอ ชั้นเรียนและการตอบคําถามของ จงั หวดั พทั ลงุ และลา� ดบั ถดั มา ไดแ้ ก ่ เขตหา้ มลา่ นกั เรียนกลมุ อ่นื โดยพจิ ารณาจากความถูกตอง สตั วป์ า่ บงึ โขงหลง จงั หวดั หนองคาย ปากแมน่ า�้ ครบถว นของขอ มลู การออกแบบโปรแกรม กระบ ่ี จังหวัดกระบ่ ี เขตรกั ษาพนั ธุ์สตั วป์ า่ เฉลมิ การนาํ เสนอทีน่ าสนใจและเขา ใจงาย รวมถงึ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยาม การนําเสนอความรทู ีห่ นา ชั้นเรียน บรมราชกมุ าร ี (ปา่ พรโุ ตะ๊ แดง) จงั หวดั นราธวิ าส ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม และ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ ทะเลนอ้ ย ตา� บลพนางตงุ อา� เภอควนขนนุ 2. ครสู งั เกตพฤติกรรมการมีสว นรวมในกิจกรรม เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ หนองบงคาย จงั หวดั เชยี งราย จังหวัดพทั ลุง เป็นพน้ื ทีช่ มุ่ นา้� แห่งแรกของประเทศไทย การเรยี นรู เชน การตอบคาํ ถาม การเปน ตัวแทนของกลมุ ในกิจกรรมตางๆ และการ 155 สอบถามขอสงสยั เปน ตน ขอสอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’51 ออกเกีย่ วกบั อนุสัญญาระหวางประเทศวา ดวยสงิ่ แวดลอ มกับ 1 เขตหา มลาสัตวป า ทะเลนอย ครอบคลมุ พนื้ ที่ประมาณ 285,625 ไร มีลักษณะ ประเทศไทย เปนทีร่ าบรอบทะเลสาบ สว นพืชพรรณแบงออกได 4 ลกั ษณะ ไดแ ก ปา พรุ ปาดบิ ชืน้ ทุง หญา และพืชพรรณในนํ้า สาํ หรบั สตั วปาเพื่อการอนรุ ักษป ระกอบดว ย สัตวจ ําพวก ดอนหอยหลอดสมทุ รสงครามเก่ียวของกับอนุสญั ญาฉบับใด นก สตั วเลย้ี งลูกดว ยนม สตั วเลอ้ี ยคลาน และสัตวสะเทินน้ําสะเทนิ บก 1. CITES 2. Kyoto Protocol มมุ IT 3. UNFCCC 4. Ramsar ศึกษาขอมูลเกย่ี วกับอนสุ ญั ญาวา ดวยการอนรุ กั ษพนื้ ที่ชุมนํ้าหรืออนสุ ัญญา แรมซารเ พ่มิ เตมิ ไดท ่ี http://www.ramsar.org/cda/en/ramsar-home/main/ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. Ramsar จากมตกิ ารประชุมของ ramsar/1_4000_0__ เว็บไซตอ นสุ ัญญาวาดว ยการอนรุ กั ษพ น้ื ทชี่ มุ นํา้ (The Ramsar Convention on Wetlands) คณะกรรมการสงิ่ แวดลอ มนานาชาตใิ น ค.ศ. 2001 ดว ยเหตุทีม่ คี วามสําคัญ ทางระบบนิเวศชายฝง โดยเปน หาดเลนนา้ํ ทวมถงึ บรเิ วณปากแมนาํ้ แมก ลอง มีสัตวท ี่สาํ คญั คือ หอยหลอด ซง่ึ มปี ระโยชนทางเศรษฐกิจของทองถนิ่ อีกดว ย คมู่ ือครู 155

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครสู นทนารวมกนั กับนักเรยี นเรือ่ งการอนุรักษ . การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม แลวสอบถาม ประสบการณในการมีสวนรวมอนุรกั ษท รพั ยากร ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มมคี วามส�าคัญต่อมนษุ ย ์ เชน่ ใช้เปน็ ปจั จัยการผลติ ทาง ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอมของนักเรียนในลักษณะ เศรษฐกิจ โดยประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากและมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีจะได้เปรียบทาง ตางๆ ทง้ั การเขา รว มกิจกรรม การนาํ ความรไู ป เศรษฐกจิ เป็นตน้ นอกจากน้ี ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มยังเปน็ แหลง่ กา� เนิดวฒั นธรรม ปฏิบัติในชีวติ ประจาํ วนั และการใหคําแนะนําบุคคล เชน่ การตง้ั บ้านเรอื น ชมุ ชน มกั จะตั้งอยแู่ นวลา� น้า� เพอื่ ใชน้ า้� ในการอปุ โภคบรโิ ภค และมักปล่อย ทเ่ี กย่ี วของในการอนรุ กั ษสง่ิ แวดลอมไดอยางถูกตอง ของเสียลงแหล่งน้�า การคมนาคมขนสง่ การเดินทาง เป็นต้น แตจ่ ากการเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็วของ เหมาะสม จากนั้นครูอธิบายเชอื่ มโยงประสบการณ จา� นวนประชากร ทา� ใหม้ คี วามตอ้ งการใชท้ รพั ยากรเพมิ่ มากขน้ึ และทา� ลายสง่ิ แวดลอ้ มเพมิ่ มากขน้ึ ในการมสี ว นรวมอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ จนท�าให้เกดิ ปัญหาตามมา และสง่ิ แวดลอมของนกั เรยี นกับหลกั 7R แลวให ในปัจจุบันเป็นท่ีประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบต่อมนุษย์ทุกคน นักเรยี นประเมินตนเองวา มีสวนรวมในการอนรุ กั ษ ฟเชอน่ ส ปซญัลิ 1หแาลโะลลกดรกอ้ านร ปในลขอ่ ณยสะาเดรพยี วษิ กอนั น่ื ว ๆธิ ที เจี่ขะา้ ทสา�บู่ ใรหรโ้ยลากกเายศน็ ลซงงึ่ กจต็ ะอ้ตงอ้ เงพไมิ่ดร้พบั นื้ คทวปี่ าา่มไรมว่ ้ มลดมกอื าในรใกชาพ้ รลปงัฏงบิ าตันิ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ มอยา งถูกตอ ง จากทกุ คน ทุกประเทศ ทุกเช้อื ชาตพิ ร้อม ๆ กัน เหมาะสมแลว หรอื ไม อยางไร และมีแนวทาง ปรบั ปรุงหรอื พฒั นาการปฏิบตั ิตนอยา งไรบาง 5.1 แนวทาง การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม สา� รวจคน้ หา Explore ส�าหรับแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมที่นักเรียนสามารถน�าไป ปฏบิ ัติในชวี ติ ประจ�าวันโดยใช้หลกั 7R มีดงั น้ี ครมู อบหมายใหนกั เรยี นศกึ ษาความรเู ก่ียวกบั การอนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอม RenRe7wal ReRje1ct ReRu2se ทัง้ ในสวนของแนวทางการอนรุ ักษท รพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ ม และแนวทางการอนุรกั ษท รพั ยากร การเสรมิ แต่ง การปฏเิ สธการใช้ การน�าของใชเ้ เลว้ ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ มในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก ของเก่า กลบั มาใชใ้ หม่ จากหนังสอื เรยี น หนา 156-160 และแหลงการเรยี นรู อ่นื เชน หนังสอื และเอกสารเผยแพรความรขู อง RecRo6very 7R ReRd3uce หนวยงานและองคก รดา นสิ่งแวดลอ มและเศรษฐกจิ พอเพยี งในทอ งถ่นิ เวบ็ ไซตของหนว ยงานและองคก ร การถนอมรักษา การใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ดานสิ่งแวดลอ ม การพัฒนาทย่ี ัง่ ยืน และเศรษฐกจิ สูงสดุ พอเพยี ง เชน http://website.mnre.go.th/more_ news.php?cid=10 เว็บไซตเอกสารเผยแพร ReRcy5cle ReRp4air กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม และ http://www.iisd.org/sd/ เว็บไซตส ถาบันการพฒั นา การนา� ไปผลิตข้ึนใหม่ การซอ่ มเเซมฟ้นื ฟู ท่ยี ่ังยนื นานาชาติ (International Institute for Sustainable Development : IISD) เปนตน 156 เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกับความสําคญั ขององคก ารสหประชาชาตกิ บั ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเกีย่ วกบั แนวทางการอนรุ กั ษทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดลอม และสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R โดยเนน ฝก ทักษะการปฏิบตั ขิ องนกั เรยี น เพอ่ื ให องคการสหประชาชาตมิ คี วามสาํ คัญดา นสง่ิ แวดลอ มอยา งไร นักเรยี นสามารถใชความรคู วามเขา ใจเกยี่ วกับแนวทางการอนรุ ักษทรัพยากร 1. ผลกั ดันใหมกี ารกอ ต้ังองคก ารปกปอ งส่ิงแวดลอ มในหลายประเทศ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R ในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วนั ไดอ ยางถกู ตอ ง 2. จัดการประชุมเรื่องสงิ่ แวดลอ มของมนุษยซ ่ึงนาํ ไปสูการกอ ตงั้ UNEP เหมาะสม 3. เปน แกนนาํ ในการรา งพธิ สี ารเกียวโตเพ่อื จาํ กดั การปลอยกา ซ เรอื นกระจก นกั เรียนควรรู 4. จัดตงั้ คณะกรรมาธกิ ารคุณภาพสิ่งแวดลอมเพ่ือคน ควาวจิ ยั การแกปญ หา ดา นสิง่ แวดลอม 1 พลงั งานฟอสซิล เปนพลังงานหลักของสงั คมโลกมาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบนั วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. จดั การประชมุ เรอ่ื งส่งิ แวดลอ มของมนุษย ประกอบดว ย นา้ํ มนั ถานหนิ และแกส ธรรมชาติ การใชพลงั งานฟอสซลิ ดวยการ ซง่ึ นําไปสกู ารกอ ตงั้ UNEP หรอื United Nations Evironment Programme เผาไหมก อ ใหเ กดิ ผลกระทบอยางรุนแรงตอระบบนเิ วศของโลก จากการเปล่ยี นแปลง ขน้ึ ใน ค.ศ. 1972 โดยมีวตั ถปุ ระสงคท ี่สําคญั ในการเฝาตดิ ตามสภาพ ภูมิอากาศและภาวะโลกรอน ดังนั้นในปจ จบุ นั หนว ยงานและองคกรท่ีเก่ียวขอ งตางๆ สิ่งแวดลอมในบรเิ วณตา งๆ ของโลก และคาดการณแนวโนม ท่ีอาจจะเกดิ ข้ึน จงึ มกี ารศกึ ษาและพัฒนาพลังงานสะอาดเพอื่ ใชทดแทนอยางจริงจงั รวมถึงสงเสริมการพฒั นาความรวมมือระหวา งประเทศดา นสิ่งแวดลอมอีกดว ย 156 ค่มู ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1) การปฏเิ สธการใช ้ (R1-Reject) การรจู้ กั ปฏเิ สธหรอื การงดใชส้ ง่ิ ของทท่ี า� ใหเ้ กดิ 1. ครสู นทนารวมกนั กับนักเรยี นถึงความรทู ั่วไป เก่ียวกับแนวทางการอนรุ ักษท รัพยากร ผลเสยี ต่อสิง่ แวดล้อมหรือทา� ใหส้ ้ินเปลอื งทรพั ยากรธรรมชาติมากเกนิ ไป เชน่ ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มตามหลกั 7R แลว ตัวอย่างท่ี 1 เม่ือไปซื้อของท่ีตลาดหรือในห้างสรรพสินค้า หากนักเรียนมีกระเป๋า แบงกลมุ นักเรยี นเพ่อื ใหช ว ยกนั รับผิดชอบ การอธบิ ายความรูแ นวทางการอนรุ ักษ หรอื ถงุ ใสส่ ง่ิ ของอยแู่ ลว้ ควรบอกผขู้ ายวา่ ไมต่ อ้ งใสถ่ งุ พลาสตกิ มาใหอ้ กี แตน่ า� ไปใสร่ วมในกระเปา๋ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมตามหลัก หรอื ถงุ ทมี่ อี ยแู่ ลว้ หรอื มถี งุ ผา้ ตดิ ตวั ไปดว้ ย จะชว่ ยลดการใชถ้ งุ พลาสตกิ ลดการใชท้ รพั ยากร และ 7R โดยใหนักเรยี นนับหมายเลข 1-7 ตาม ลดโลกร้อนได้ ตาํ แหนงทีน่ ง่ั ในช้ันเรยี น จากน้นั ใหน กั เรียน แตล ะกลุมเตรียมการแสดงบทบาทสมมตติ าม ตวั อยา่ งท่ี 2 การเดนิ ทางทีป่ กติใช้รถสว่ นตวั ไมว่ า่ รถจักรยานยนต์หรอื รถยนต์ อาจ แนวทางการอนุรกั ษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละ เปลย่ี นมาใชร้ ถประจา� ทางสาธารณะ หรอื ถา้ เปน็ ระยะทางไมไ่ กลเกนิ ไปควรเดนิ หรอื ขจี่ กั รยาน จะชว่ ย ส่ิงแวดลอ มใหส อดคลอ งกบั หลกั 7R ลดการใชน้ �้ามันและลดการปลอ่ ยมลพิษใหแ้ กบ่ รรยากาศ 2. ครใู หนักเรยี นแตล ะกลุมผลดั กนั ออกมาแสดง 2) การนา� ของใชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หม ่ (R2-Reuse) ของใชห้ ลายอยา่ งทใ่ี ชง้ านแลว้ บทบาทสมมติแนวทางการอนุรักษทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R ที่หนา ถ้าน�าไปปรบั ปรงุ ดดั แปลงเลก็ นอ้ ย จะสามารถนา� กลับมาใช้ใหมไ่ ด ้ เปน็ การลดการใชท้ รัพยากร ชัน้ เรียน แลว เสนอแนะขอมูลเพ่มิ เตมิ เพอ่ื ความ เชน่ ถกู ตองชดั เจน จากนั้นครูสอบถามนกั เรียนถงึ แนวทางการอนรุ กั ษอ่ืนๆ ทน่ี กั เรยี นไดศึกษามา ตวั อย่างที่ 1 ถุงใส่ส่ิงของแทนที่ใช้ครั้งเดียวแล้วท้ิงไป สามารถเก็บไว้หรือท�าความ เชน หลัก Time and Space ซ่งึ ประกอบดวย สะอาดเลก็ นอ้ ยก็สามารถนา� ไปใช้ไดอ้ ีก เชน่ ถุงผ้า ถงุ พลาสติก กลอ่ งกระดาษ เป็นตน้ การใชท รพั ยากรอยางชาญฉลาด การประหยดั ทรพั ยากรทหี่ ายาก และฟน ฟทู รัพยากรท่ี ตวั อย่างที่ 2 เสือ้ ผา้ ท่สี วมใส่อาจจะดูเก่า ไมท่ นั สมัย แตถ่ ้าเก็บรักษาไว้ให้ดีสามารถ เสอื่ มโทรมหรอื พัฒนาใหดยี งิ่ ขึ้น เปน ตน นา� กลบั มาใชไ้ ดอ้ กี เชน่ ชดุ นกั เรยี นทไ่ี มใ่ สแ่ ลว้ ควรใหน้ อ้ งหรอื บรจิ าคใหน้ กั เรยี นคนอน่ื หรอื คนท่ี ยากจนกวา่ ใชไ้ ดอ้ กี เปน็ ตน้ 3) การใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (R3-Reduce) การใช้สิ่งของต่าง ๆ ให้เกิด ประโยชน์สูงสุดและมีประโยชน์แก่คนจ�านวนมาก จะช่วยลดปริมาณความต้องการทรัพยากร โดยไม่ตอ้ งจัดหาสิง่ ใหมม่ าใช ้ เชน่ ตวั อย่างท่ ี 1 การใช้ถุงใส่ของ นักเรียนสามารถน�าของหรือสินค้าที่ซ้ือมาใส่รวม ในกระเป๋าหรอื ในถุงเดยี วกัน แทนท่ีจะแยกใสข่ องอยา่ งละถงุ ช่วยลดการใช้ถุงใสข่ องได้ ตัวอย่างท่ี 2 ถ้าบ้านอยู่ทางเดียวกันก็นั่งรถไปคันเดียวกัน ช่วยประหยัดน้�ามันและ ประหยดั การใช้รถโดยไมจ่ �าเป็น 4) การซ่อมแซมฟื้นฟู (R4-Repair) การรู้จักซ่อมแซมฟื้นฟูสิ่งของเครื่องใช้ ทเ่ี กา่ หรอื ชา� รดุ ใหเ้ ปน็ ของใหม ่ หรอื ซอ่ มใหส้ มบรู ณอ์ ยใู่ นสภาพใชง้ านได ้ จะชว่ ยยดื อายกุ ารใชแ้ ละ ลดอัตราการใช้วตั ถดุ บิ เก่ยี วกบั ของใช้นนั้ ลงได ้ เชน่ ตวั อยา่ งท่ ี 1 กระเป๋าหรือถุงใส่ของท่ีมีการฉีกขาดหรือช�ารุด อาจน�ามาปะซ่อมแซม เพือ่ ใหใ้ ช้งานไดอ้ ีก 157 ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’53 ออกเกย่ี วกบั การ recycle ครูอาจมอบหมายใหน ักเรยี นชว ยกนั ทาํ โครงการที่เกย่ี วของกับการจัดการ ขอใดสอดคลองกับหลักการ recycle ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในทองถ่ินของตน ท้ังในสว นของการแกไ ข 1. การเพาะพันธสุ ตั วป าหายาก ปญหา การปอ งกัน และการพัฒนาอยา งถกู ตองเหมาะสม โดยจดั ทาํ แผนการดําเนนิ 2. การเลอื กตัดตนไมในปา ปลูก โครงการใหครูตรวจพจิ ารณากอนนาํ ไปดําเนนิ การจรงิ แลวนาํ เสนอผลการดําเนิน 3. การบาํ บัดน้ําเสยี กอนนาํ มาใช โครงการทีห่ นาชัน้ เรยี น จากนั้นรวบรวมไวเ ปนแหลง การเรียนรูในโรงเรยี น 4. การนําแกลบไปเปน สว นผสมในเช้อื เพลงิ พลงั งานสูง วิเคราะหค ําตอบ recycle คอื การนาํ ไปผลิตใหม หมายถึง หลักการ บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง นาํ ของที่ใชแ ลวหรือใชง านไมไ ดแ ลว ไปเขากระบวนการผลติ เปนวตั ถดุ ิบใหม ครใู หนักเรยี นแบงกลมุ กลุมละ 4 - 5 คน รว มกนั คดิ โครงการอนรุ ักษ เพอื่ การประหยัดทรัพยากร การบาํ บัดน้าํ เสียกอ นนํามาใช และการนําแกลบ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ มในโรงเรยี นหรือชมุ ชนของนักเรียน ที่สอดคลอง ไปเปนสวนผสมในเชอ้ื เพลิงพลังงานสงู จงึ สอดคลองกบั หลกั การดังกลา ว กับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ รงิ กลมุ ละ 1 โครงการ ดงั น้ันคาํ ตอบคอื ขอ 3. และขอ 4. จากนนั้ ใหแ ตละกลมุ ปฏิบัติตามโครงการของแตล ะกลุม แลว สรุปผลการปฏบิ ัติ นาํ สง ครผู สู อน คู่มอื ครู 157

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู ุม นักเรยี นใหตอบคาํ ถามเกี่ยวกับแนวทาง ตวั อย่างที ่ 2 รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์อาจซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ การอนุรักษทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมตาม หลัก 7R ทเ่ี นนการเปรยี บเทียบ ประเมินคา ตัดสินใจ หรอื พยายาม5ซ) อ่ กมาแรซนม�าตไงั้ ปแผตล่ยังิตมขีค้ึนวใาหมมบ่ ก1พ(Rร่อ5ง-เRพeยี cงyเลc็กleน)้อ ยก าชรว่นย�ายขดื อองาทย่ีใุกชา้แรลใ้วชหง้ ารนือไเศดย้ษาชว้ินขสน้ึ ่วน และนาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งถกู ตอง เหมาะสม เชน ทชี่ า� รดุ ใชง้ านไมไ่ ดแ้ ลว้ ไปเขา้ กระบวนการผลติ เปน็ วตั ถดุ บิ ตงั้ ตน้ ใหม ่ เปน็ การประหยดั ทรพั ยากร เชน่ • แนวคิดทางเดียวกนั ไปดว ยกัน สอดคลอ งกบั หลัก 7R อยางไร ตวั อยา่ งท ่ี 1 ถงุ พลาสตกิ ถงุ กระดาษ กระดาษหนงั สอื พมิ พ ์ ขวดแกว้ ทใี่ ชแ้ ลว้ ไมค่ วรทงิ้ (แนวตอบ แนวคิดทางเดียวกันไปดวยกนั ควรเกบ็ รวบรวมไว้แลว้ น�าไปขายตอ่ ให้แก่พ่อคา้ รับซ้อื ของเก่า โดยถงุ พลาสตกิ กระดาษ ขวดแก้ว ชว ยลดการใชเชอื้ เพลิงในยานพาหนะซงึ่ จะถูกน�าไปผลิตขน้ึ มาใช้ใหม่ ทาํ ใหก ารปลอ ยแกส เรอื นกระจกลดลงเชนกนั รวมถึงชวยบรรเทาปญหาการจราจรไดอกี ตัวอย่างท ่ี 2 ช้ินส่วนของเครื่องประดับตกแต่งบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์อาจ ดวย แนวคดิ น้สี อดคลอ งกบั หลกั 7R ในขอ น�าไปใช้ใหม่ได้บางส่วน เช่น หน้าต่างบ้านควรน�าไปใช้เป็นฝาห้องน้�าโรงรถ ชิ้นส่วนรถยนต์ R3-Reduce คือ การใชใหเกิดประโยชนส ูงสดุ รถจกั รยานยนต์ใชไ้ ปประดับบา้ น เปน็ ต้น กลาวคอื การใชประโยชนจ ากทรพั ยากร เชือ้ เพลงิ อยางน้าํ มนั หรือแกส ธรรมชาตใิ น 6) การถนอมรกั ษา (R6-Recovery) เปน็ การเก็บรกั ษาสงิ่ ของเคร่ืองใช้สา� หรบั ใช้ ยานพาหนะเพอื่ การเดินทางของคนที่ใช เสน ทางเดยี วกนั จํานวนมากเทา ทีจ่ ะทาํ ได) ในโอกาสต่อไปไดอ้ ีก เพราะเม่ือเวลาผ่านไปส่ิงของนน้ั อาจยังใชใ้ ห้เป็นประโยชนไ์ ด้ เชน่ ตวั อยา่ งที่ 1 กระเปา๋ ใสเ่ สอื้ ผา้ และส่งิ ของ เชน่ กระเปา๋ เดนิ ทาง ควรเก็บดูแลรกั ษาไว้ • หลัก 7R สอดคลอ งกับปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งอยางไร อธิบายพรอ มยกตวั อยา ง ให้อยูใ่ นสภาพดเี พอื่ ไวใ้ ชใ้ นการเดนิ ทางคร้ังต่อไปได้อกี ประกอบพอสงั เขป ตัวอย่างท่ี 2 เครื่องใช้ในวันส�าคัญหรือเทศกาลต่าง ๆ ควรเก็บรักษาไว้ส�าหรับใช้ใน (แนวตอบ หลัก 7R สอดคลองกบั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงทกุ ประการ เนอ่ื งจาก ครัง้ ตอ่ ไป เปนหลักท่ีมุง เนนการลด ฟน ฟู พฒั นา และใชป ระโยชนจากทรพั ยากรธรรมชาติ 7) การเสรมิ แตง่ ของเกา่ (R7-Renewal) การเสริมแต่งของที่มีอยู่หรือของที่ใช้ และสิง่ แวดลอมอยา งมปี ระสิทธภิ าพและ ประสิทธผิ ล สอดคลองกบั หลักพืน้ ฐานของ แลว้ ให้สมบูรณ์ ดูสวยงาม หรอื ใช้ประโยชน์ได้มากขนึ้ เช่น ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งที่ประกอบดวย ตวั อยา่ งที ่ 1 กระเป๋าใส่ส่ิงของ กระเป๋าใส่เส้ือผ้าที่อาจดูเก่า ไม่ทันสมัย อาจน�าไป ความรแู ละคณุ ธรรม ตัวอยา งเชน การเกษตร ทฤษฎใี หมต ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ ปรบั ปรงุ เสริมแตง่ ท�าสใี ห้ดูใหม ่ ก็ยังนา� ไปใช้ประโยชนไ์ ดต้ อ่ ไป พอเพยี งทง่ี ดใชสารเคมีตางๆ สอดคลองกับ ตัวอยา่ งท ่ี 2 รถยนต ์ รถจกั รยานยนตท์ ใ่ี ช้งานเป็นระยะเวลานานอาจดเู ก่าไม่ทนั สมยั หลัก R1-Reject คอื การปฏิเสธการใชส ่ิงของ ทกี่ อ ใหเ กดิ ผลเสยี ตอ สงิ่ แวดลอม เปนตน) ถ้านา� ไปตกแต่ง เชน่ ทา� สใี หด้ ูใหม่ก็ยังนา� ไปใช้ประโยชน์ไดต้ อ่ ไป เป็นตน้ หลกั การอนุรักษข์ า้ งต้นทีเ่ รยี กวา่ หลกั 7R นอกจากจะไมท่ า� ให้สนิ้ เปลอื งทรัพยากร ธรรมชาตใิ นการผลติ สนิ คา้ ใหมแ่ ลว้ ยงั เปน็ การชว่ ยลดภาวะโลกรอ้ นจากการลดการใชพ้ ลงั งานและ ใชท้ รพั ยากร นอกจากนี้ยังเปน็ การชว่ ยประหยดั คา่ ใช้จ่ายของตนเองได้อกี ด้วย การน�าหลกั 7R มาใชใ้ นชวี ิตประจา� วนั ทา� ไม่ยาก โดยเร่มิ จากการมีความตระหนักถงึ ความส�าคัญของส่ิงแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ อย่างประหยัด ส่ิงของใดที่ยังพอใช้ได้ ก็ให้น�ามาใช้และอาจมีการดดั แปลงรปู แบบของทเ่ี สียให้น�ามาซ่อมแซมก่อน ถ้าใช้งานไม่ไดจ้ ริง ๆ แลว้ จึงท้ิงหรือน�าไปขายพ่อคา้ รับซอ้ื ของเกา่ เปน็ ตน้ 158 นักเรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิตนเพือ่ อนุรกั ษและพัฒนาคุณภาพ 1 การนาํ ไปผลติ ขนึ้ ใหม (recycle) ไดร บั การสง เสริมจากหนวยงานทเ่ี ก่ยี วขอ ง สิ่งแวดลอ ม ภาครัฐและความรว มมือขององคกรเอกชนจํานวนมากในปจ จุบนั เนอ่ื งจาก ในฐานะพลเมืองไทยคนหนง่ึ ทา นจะปฏิบตั ิตนเพอ่ื อนุรกั ษและพัฒนา สามารถประหยดั ตน ทนุ และสอดคลองกบั ความตอ งการมสี ว นรว มในการอนรุ ักษ คณุ ภาพส่ิงแวดลอ มอยา งไร จึงจะเหมาะสม สิง่ แวดลอ มของผบู รโิ ภค จงึ เกิดการรวมกลมุ เพ่ือพฒั นานวัตกรรมการผลิตแบบนํา 1. ฝกใหมีนิสยั ประหยัด มาผลติ ใหมข ้ึนหลายรปู แบบ เชน การประกวดนวตั กรรมบรรจภุ ณั ฑแ ละเทคโนโลยี 2. ถา ยสารอันตรายใสภ าชนะใหมท ีป่ ด มิดชิด การผลิตแหง เอเชยี (The International Processing, Filling and Packaging 3. ชว ยกนั ปลกู และดแู ลรกั ษาตน ไมสาธารณะ Technology Event for Asia : ProPak Asia) เพ่ือสงเสริมนวัตกรรมบรรจภุ ณั ฑ 4. ท้ิงแบตเตอรท่ี ่ใี ชแลวลงในถังขยะสําหรบั มลู ฝอยทัว่ ไป และเทคโนโลยีการผลิตท่ชี ว ยเพ่ิมผลผลติ เปนมิตรกับส่งิ แวดลอ ม และเพิ่มขีดความ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ถา ยสารอันตรายใสภ าชนะใหมทป่ี ดมิดชดิ สามารถในการสรา งผลกาํ ไรของธรุ กจิ เพอื่ การเติบโตท่ยี ั่งยืน และขอ 3. ชว ยกนั ปลกู และดูแลรักษาตนไมส าธารณะ เปนการปฏิบตั ติ นเพื่อ อนุรกั ษแ ละพัฒนาคุณภาพส่งิ แวดลอ มท่ีเหมาะสม กลาวคือ ปองกันการแพร กระจายของสารพิษ และชว ยอนุรักษใ หม ีตนไมไวใ นการดดู ซับมลภาวะตา งๆ ตามลําดบั 158 คมู ือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ Explain 5.2 แนวทางการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ครใู หน ักเรียนอภิปรายรว มกนั เก่ยี วกับแนวทาง ในภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก การอนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มใน ภูมิภาคตา งๆ ของโลก เพือ่ เปน การอธิบายความรู ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติมีผลกระทบต่อประชาชนในโลก ในประเดน็ ทีค่ รกู ําหนด เชน มนษุ ยชาตแิ ละความ ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใดของโลกล้วนต้องได้รับผลกระทบ ดังเช่นที่ปัญหาโลกร้อนท�าให้ รบั ผิดชอบตอ ส่ิงแวดลอมโลก ความเทาเทียมใน ประชาชนทุกคนได้รับรู้ด้วยตนเอง และยิ่งศึกษามากยิ่งขึ้นเท่าใดก็ย่ิงท�าให้เกิดความเข้าใจได้ว่า การใชทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการไดร บั ผลกระทบ ประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ต้องมีชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกันน้ีตลอดไป การกระท�าใด ๆ ไม่ว่า ระดับนานาชาติ และการพัฒนาที่ยัง่ ยนื : ทางเลอื ก สว่ นใดในโลกมผี ลกระทบตอ่ โลกทง้ั สนิ้ ดงั นน้ั ประชาชนทกุ คนจ�าเปน็ ตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ โลก หรือทางออกจากวกิ ฤตการณส งิ่ แวดลอ ม จากน้นั หรือสิ่งแวดล้อมรว่ มกัน ครแู ละนักเรียนชวยกันสรปุ ผลการอภปิ ราย ประชาชนในทกุ ภมู ภิ าคของโลกพงึ รว่ มกนั อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ดงั น้ี นกั เรียนบันทึกลงในสมดุ 1) ลดปรมิ าณการใชท้ รพั ยากรธรรมชาต ิ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตทิ กุ ชนดิ ไมว่ า่ ขยายความเขา้ ใจ Expand อาหาร เครอ่ื งใช้ เคร่ืองนุ่งหม่ นา้� ไฟฟา้ เปน็ ตน้ ตอ้ งลดปรมิ าณการใชล้ งใหเ้ หลอื เท่าทจ่ี �าเปน็ ครมู อบหมายใหน ักเรียนศกึ ษาคนควา เกีย่ วกับ ต้องใช้ แนวทางการอนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาติตามหลกั 7R หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และการพัฒนา 2) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่า ทรัพยากรธรรมชาติต้องน�ามาใช้ให้เกิด ทย่ี ่ังยืนเพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรยี นรตู า งๆ แลว วางแผนการปฏบิ ตั ิตนเพ่ือมีสวนรวมในการแกป ญ หา ประโยชนส์ งู สดุ เชน่ การทานอาหารไมค่ วรใหเ้ หลอื ทง้ิ ใชเ้ สอ้ื ผา้ เครอื่ งนงุ่ หม่ จนกวา่ จะหมดสภาพ และการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ ม การดูแลซอ่ มแซมเครื่องใชต้ ่าง ๆ เปน็ ตน้ อยางถูกตอ งเหมาะสม จากนน้ั นําไปปฏบิ ตั ิเปน เวลา อยา งนอย 1 เดือน แลวจัดทําเปนบันทึกผลการ 3) ลดและเลิกการใช้สารพิษ เช่น ลดการใช้สารพิษในการเกษตร แล้วหันมาใช้ แกป ญหาและการดาํ เนนิ ชีวติ ตามแนวทางดงั กลา ว ซ่ึงมรี ายละเอียดเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิ ผลทไ่ี ดรบั พืชสมุนไพรและจุลนิ ทรียช์ ีวภาพทดแทนการใช้สารเคมกี �าจดั ศตั รูพืชท่เี ป็นอนั ตราย เปน็ ตน้ วันเวลาและสถานท่ี และอาจมภี าพการปฏบิ ตั ิ 4) การใชท้ รัพยากรใหห้ ลากหลาย เป็นการใช้ทรพั ยากรชนิดใดชนดิ หนึง่ ในหลาย ตรวจสอบผล Evaluate วตั ถุประสงค์ เช่น การใช้แหล่งนา้� ท้งั ในการทา� การเกษตร ผลิตไฟฟา้ น�า้ ประปา นนั ทนาการ และ ครูตรวจบนั ทึกผลการแกป ญหาและการดําเนิน ศกึ ษาวิจัย หรือใชบ้ ้านใหเ้ ป็นทัง้ ท่ีอยู่อาศยั และที่ประกอบอาชพี เป็นต้น ชีวิตตามแนวทางการอนุรักษท รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอมเพอื่ การพฒั นาที่ยัง่ ยืน โดย 5) การให้ความช่วยเหลือกัน ประเทศท่ีร�่ารวยหรือพัฒนาแล้ว ควรให้ความ พิจารณาจากความครบถว นของรายละเอียด ความ ถกู ตองและครอบคลมุ ของการปฏบิ ตั ิ และผลของ ชว่ ยเหลอื ประเทศยากจนใหส้ ามารถดา� รงชวี ติ โดยไมข่ าดแคลนหรอื ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในการบรู ณะ การปฏิบัติ จากน้นั นําบนั ทกึ ทีด่ ีมาใหนักเรียน ฟนื้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มและลดชอ่ งว่างระหว่างคนรวยคนจนลง พิจารณาเพือ่ เปนแนวทางการปฏบิ ตั ติ นรวมกันและ รวบรวมไวเปน แหลง การเรียนรขู องช้นั เรยี น 6) การลดการท�าลายปา่ ทุกประเทศควรมกี ารบงั คับใช้กฎหมายอยา่ งจรงิ จงั และ มนี โยบายฟื้นฟูและปลูกปา่ เพมิ่ ในส่วนที่เส่ือมโทรมหรอื ถูกทา� ลาย การปลกู ตน้ ไม้ในชุมชนและใน บรเิ วณบา้ นเรอื น รวมท้งั การอนุรกั ษแ์ ละขยายพนั ธุไ์ ม้พนื้ เมืองเพื่อการใชส้ อยในชมุ ชน 7) การสร้างและพัฒนาแหล่งน้�า ทุกประเทศจะต้องด�าเนินการจัดหาและพัฒนา แหล่งนา�้ สา� หรบั การเกษตร และสา� หรบั ใชส้ อยของประชาชนท้งั ในเมอื งและในชนบท รวมทั้งการ ป้องกันและปรบั ปรงุ แหลง่ นา้� และคณุ ภาพน้�าใหม้ คี ุณภาพเหมาะสมกบั การใช้ 159 ขอสอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอ สอบป ’53 ออกเกย่ี วกับความรวมมอื ระหวา งประเทศดา นสงิ่ แวดลอ ม ครคู วรอธิบายใหน กั เรยี นมคี วามรูความเขา ใจเกีย่ วกับแผนงานการจัดต้งั การประชมุ ครง้ั ท่ี 7 ของกลุมประเทศภายใตอ นุสัญญาสหประชาชาตวิ า ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ประกอบดวยความรว มมือในดา นตา งๆ โดยเฉพาะความย่ังยืนดานส่ิงแวดลอ ม (Environmental Sustainability) ไดแ ก ดว ยการเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศที่ประเทศโมร็อกโกเมื่อ พ.ศ. 2544 ไดเ สนอ การจดั การปญ หาส่งิ แวดลอมของโลก การจดั การและการปองกันปญ หามลพษิ ทาง ประเด็นการแกป ญ หาใดซงึ่ มีผลมาถึงปจ จุบัน ส่งิ แวดลอ มขามแดน สง เสริมการพัฒนาทย่ี งั่ ยนื โดยการศึกษาดา นสงิ่ แวดลอมและ การมสี ว นรว มของประชาชน สง เสรมิ เทคโนโลยดี านสง่ิ แวดลอ ม สง เสริมคณุ ภาพ 1. ฝนกรด มาตรฐานการดาํ รงชวี ิตในเขตเมือง การประสานนโยบายดานส่งิ แวดลอ มและ 2. ภาวะโลกรอ น ฐานขอ มลู สงเสริมการใชทรพั ยากรชายฝง และทรัพยากรทางทะเลอยา งย่ังยนื 3. ปรากฏการณเ อลนีโญ สง เสรมิ การจัดการเกย่ี วกับการอนรุ กั ษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละความหลากหลาย 4. ความหลากหลายทางชีวภาพ ทางชีวภาพอยา งย่ังยนื สงเสรมิ ความยั่งยนื ของทรัพยากรน้ําจืด การตอบสนองตอ การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศและการจัดการตอผลกระทบ สงเสริมการบริหาร วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ภาวะโลกรอ น เปน ประเด็นการแกป ญหา จัดการปาไมอยางย่งั ยืน จากขอตกลงมารร าเกช ในการประชมุ ครง้ั ที่ 7 ของกลุม ประเทศภายใต อนุสัญญาสหประชาชาตวิ า ดว ยการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศทป่ี ระเทศโมรอ็ กโก เมอื่ พ.ศ. 2544 คมู่ ือครู 159

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครูนาํ วดี ิทศั นหรือภาพทแ่ี สดงถึงวัฒนธรรมที่ 8) การพฒั นาแบบย่งั ยนื ทุกประเทศไมว่ ่าประเทศพฒั นาแลว้ ก�าลงั พฒั นา หรอื เกดิ จากการสรา งสรรคโ ดยการใชประโยชนจ าก ด้อยพัฒนา ต้องมีนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบย่ังยืน โดยค�านึงถึงโลกในอนาคต ส่ิงแวดลอ มของมนุษยในภมู ิภาคตา งๆ ของโลกและ และการอยู่ร่วมกันของพลโลก ในประเทศไทย เชน การเล้ยี งสัตวแบบเรรอนของ 9) การใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ ชนเผาตา งๆ ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใตห รือ พอเพียง การรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติใน ทางเหนอื ของทวปี แอฟริกาที่เปน ทะเลทราย ประเทศ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การมี การแตง กายท่ปี อ งกนั รา งกายสวนตา งๆ จากลมและ จริยธรรม การอยู่อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทราย การอยูอาศัยของประชากรในเมืองใหญของ และการรจู้ กั ความพอดใี นการจบั จา่ ยใชส้ อย เปน็ ทวปี ยุโรปทม่ี ีระบบสาธารณูปโภคเจริญกาวหนา เชน หลักการท่ีท�าให้มีชีวิตอย่างเรียบง่าย และเป็น รถไฟความเร็วสงู อินเทอรเ น็ตความเร็วสูง และการ ชีวิตทมี่ คี ุณภาพได้ วางผังเมืองที่มปี ระสิทธิภาพ และประเพณฮี ตี สบิ สอง 10) การดา� เนนิ งานของโครงการ ของชาวไทยในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ซ่งึ สะทอน คณะมนตรีประศาสน์การของโครงการส่ิงแวดล้อมแห่ง สิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United ถึงความผกู พนั ระหวางมนษุ ยกับสภาพแวดลอม สหประชาชาติ มกี ารประชมุ สมยั สามญั เพอื่ วางมาตรการใน ความศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนาและความเช่ือด้งั เดิม การแก้ปญหาสิง่ แวดลอ้ มทกุ 2 ป อยา งการนับถอื พญานาคและผฟี าหรอื เทวดาใน National Environmental Programme) และ ธรรมชาติ แลว สนทนากบั นักเรยี นถึงความรูที่ไดจาก โครงการอนื่ ๆ ของสหประชาชาตติ อ้ งนา� แนวทางการอนรุ กั ษด์ งั กลา่ วไปสกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นประเทศตา่ ง ๆ การชมวดี ทิ ัศนห รอื ภาพดังกลาว จากนน้ั ใหนักเรยี น ใหเ้ กิดผลอยา่ งจริงจงั ดว้ ย วเิ คราะหถึงการเปล่ยี นแปลงดา นสงิ่ แวดลอมกับผล กระทบทางวัฒนธรรมในทองถิ่นหรอื ประเทศ . การãชป้ ระâยชน¨์ ากสงิ่ แวดลอ้ มãนการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม สา� รวจคน้ หา Explore 6.1 การใชป้ ระโยชนจ์ ากสงิ่ แวดลอ้ มในการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม ของโลก ครูใหน กั เรยี นศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั การใช ประโยชนจากส่งิ แวดลอ มในการสรา งสรรคว ัฒนธรรม โลกทีม่ นษุ ย์อาศยั อย่นู ้ี ประกอบด้วย ดิน (หนิ ) น้�า และอากาศ โดยเป็นพืน้ นา�้ ประมาณ ในภูมภิ าคตา งๆ ของโลก จากหนงั สือเรยี น หนา ร้อยละ 71 นอกน้ันเป็นดิน หิน และทราย ในส่วนที่เป็นพื้นดินหรือหินบริเวณข้ัวโลกเหนือ 160-163 และแหลงการเรยี นรูทเี่ กยี่ วของ เชน ปกคลุมไปด้วยน�้าแข็ง อากาศหนาวเย็น มีส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่เบาบาง และได้รับแสงแดดน้อย หนงั สอื ในหอ งสมุด พพิ ธิ ภณั ฑห รอื ปราชญช าวบาน ส�าหรับบริเวณท่ีมีปัจจัยในการด�ารงชีวิตอุดมสมบูรณ์ เช่น ทรัพยากรดิน น�้า สัตว์ พืชพรรณ ดา นวฒั นธรรมในทอ งถน่ิ รวมถึงเวบ็ ไซตของหนวย ธรรมชาติ และมีอากาศอบอุ่น มีมนุษย์อาศัยอยู่จ�านวนมากและหนาแน่น เช่น บริเวณประเทศ งานหรอื องคก รดา นวฒั นธรรมทัง้ ในประเทศและ จีนและอินเดีย ส่วนบริเวณท่ีอากาศหนาว สัตว์และพืชมีน้อย มนุษย์อาศัยอยู่เบาบาง เช่น ตา งประเทศ ตอนเหนือของประเทศแคนาดา ตอนเหนือของทวีปยุโรป ทวีปเอเชีย เป็นต้น และบริเวณที่มี ความแห้งแล้ง โดยเฉพาะในเขตทะเลทรายในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก มีมนุษย์อาศัยอยู่น้อย เช่นกัน ส่วนบริเวณทไี่ ม่มีมนษุ ย์ต้งั ถ่นิ ฐานอาศยั อย่ ู ไดแ้ ก ่ บริเวณขว้ั โลกเหนอื และขั้วโลกใต้ การด�ารงชีวิตของมนุษย์ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก มีความแตกต่างกันท้ังทางด้าน ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมทั้งพืชพรรณธรรมชาติ ส่งผลให้มนุษย์ใช้ประโยชน์จากส่ิงแวดล้อม 160 เพอื่ การดา� รงชวี ติ และการ สรา้ งสรรค์วัฒนธรรมแตกตา่ งกนั ออกไป ดังตวั อย่าง บูรณาการอาเซยี น ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การสรา งสรรควัฒนธรรมจากส่งิ แวดลอม ครสู ามารถจัดกิจกรรมการเรียนรบู ูรณาการอาเซียนโดยใหนกั เรยี นรวมกลมุ ใครใชป ระโยชนจากสิ่งแวดลอ มในการสรา งสรรควฒั นธรรม แลว ชว ยกนั ศกึ ษาคนควาเกีย่ วกับการใชป ระโยชนจากสง่ิ แวดลอ มในการสรางสรรค 1. ชาวรสั เซยี จับปลาสเตอรเ จยี นเพื่อนาํ ไขมาทาํ คาเวียร วฒั นธรรมในดา นตา งๆ ของประเทศสมาชิกอาเซียน เชน การประดษิ ฐเ ครือ่ งมอื 2. ชาวเบดูอินในคาบสมุทรอาหรบั เลย้ี งสัตวแ บบเรร อ น ทางการเกษตรรูปแบบตางๆ ในประเทศเวียดนาม เปนการสรางสรรควัฒนธรรม 3. ชาวสแกนดเิ นเวียนําไมสนมาแปรรปู เปนวัสดุกอ สราง ดานอาหารและการประกอบอาชพี การสรา งศาสนสถานขนาดใหญโดยใชวัสดุ 4. ชาวอนิ เดยี นพื้นเมืองในประเทศเปรูเพาะปลูกธญั พชื แบบยงั ชพี กอสรางในทอ งถ่ินดวยวิธีการตา งๆ ในประเทศกมั พชู า เปน การสรางสรรค วเิ คราะหคําตอบ การแปรรปู ไมสนเปนวสั ดุกอสรา งของชาวสแกนดเิ นเวยี วัฒนธรรมดา นศาสนาและความเชอ่ื แลว สง ตวั แทนของกลมุ นาํ เสนอผลงานที่หนา เปนการใชป ระโยชนจากสิ่งแวดลอมในการสรา งสรรควฒั นธรรมดา น ชั้นเรยี น จากน้นั ครอู ธิบายเพ่ิมเติมถงึ แนวคิดในการสรางสรรควัฒนธรรมของมนษุ ย ทีอ่ ยูอาศัย สว นชาวอินเดยี นพ้นื เมอื งของประเทศเปรทู เี่ พาะปลกู ธัญพืช จากสงิ่ แวดลอ มในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตและภมู ภิ าคอน่ื ของโลก เปน การสรางสรรควัฒนธรรมดา นอาหาร สาํ หรบั ชาวรัสเซียและชาวเบดอู ิน ซ่ึงมลี ักษณะที่สอดคลอ งกัน ครูและนกั เรียนชวยกันสรุปสาระและแนวคดิ สําคญั ในตัวเลอื กดงั กลาวไมไดแสดงถึงการสรา งสรรคว ฒั นธรรมจากสิ่งแวดลอ ม นกั เรียนบันทกึ ลงในสมุด ดงั นนั้ คาํ ตอบคือ ขอ 3. และขอ 4. 160 คมู่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1) การสรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั ผคู้ นทอ่ี ยอู่ าศยั ตามภมู ภิ าคตา่ ง ๆ จะสรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั แตกตา่ ง ครสู ุมนักเรียน 4-5 คน ใหชวยกันอธบิ าย ความรเู กีย่ วกบั การใชประโยชนจ ากส่ิงแวดลอม กนั ไปตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ รวมทง้ั ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ม่ี อี ย ู่ เชน่ ชาวมองโกเลยี ในการสรา งสรรคว ฒั นธรรมในภมู ภิ าคตา งๆ ของ ซงึ่ อาศยั อยบู่ รเิ วณเอเชยี กลางและไซบเี รยี เปน็ พวกเรร่ อ่ นเลยี้ งสตั วต์ อ้ งอพยพยา้ ยถน่ิ เสมอ ดงั นน้ั โลก โดยแบงตามปจจยั สาํ คญั ในการดาํ รงชวี ิต จึงมีการสร้างที่พักอาศัยเป็นกระโจม โครงสร้างท�าจากไม้ หลังคาและฝาผนังท�าจากหนังสัตว์ ทัง้ 4 ดา น ไดแ ก อาหาร ท่ีอยูอาศัย เครื่องนงุ หม รหนุ รแือรผง้าไ ดสเ้ ปามน็ อารยถา่ เงคดล ี สื่อว่ นนยช้าายวสปะาดปววั กน วิ กกรนิ ะอีโ1จามศจยั ะท�าหน้าที่ป้องกันลมพายุในเขตทุ่งหญ้าท่ีมีความ และยารกั ษาโรค แลว ตง้ั คาํ ถามท่เี นนใหน กั เรยี น อยู่ในเขตท่ีมีฝนตกชุก จึงมีการสร้างบ้านท่ีมี เกดิ ความคิดรวบยอดดา นส่งิ แวดลอมกบั การ เสาสูง หลงั คาสูง มคี วามชนั เพื่อใหน้ า�้ ฝนไหล สรางสรรควฒั นธรรมใหนักเรยี นชวยกันตอบ เชน สะดวก เปน็ ต้น • ส่ิงแวดลอ มมีอทิ ธิพลตอ การสรา งที่อยอู าศยั 2) การแตง่ กาย ลกั ษณะภมู อิ ากาศ ของมนษุ ยใ นแตล ะพื้นทีข่ องโลกอยางไรบาง (แนวตอบ สงิ่ แวดลอมมอี ิทธิพลตอ การสรา ง มีผลอย่างมากในการเลือกใช้วัสดุในการตัดเย็บ ที่อยูอาศัยของมนุษยใ นแตละพื้นทข่ี องโลก เครอ่ื งนงุ่ หม่ เชน่ ชาวเอสกโิ มทอี่ าศยั อยบู่ รเิ วณ อยางมาก โดยเฉพาะลกั ษณะภมู ิประเทศและ ใกล้ข้วั โลกเหนอื มอี ากาศหนาวเยน็ ดังน้ัน จงึ ภูมอิ ากาศ รวมถงึ ทรัพยากรธรรมชาติ กลาว มกี ารแตง่ กายดว้ ยเสอ้ื ผา้ ทที่ า� จากหนงั สตั วห์ รอื ชาวมองโกเลยี สรา้ งกระโจมเปน็ ทพ่ี กั อาศยั เนอื่ งจากสะดวก คอื มนษุ ยจะสรางที่อยูอาศัยใหส อดคลอ งกบั ขนสัตว์ทีล่ ่ามาได ้ ซ่งึ สามารถให้ความอบอ่นุ ได้ ในการยา้ ยถน่ิ ไปกบั ฝงู สตั วเ์ ลยี้ ง ลักษณะภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศ รวมถึง เปน็ อยา่ งด ี สว่ นในเขตรอ้ นผคู้ นจะสวมใสเ่ สอื้ ผา้ ทที่ า� จากเสน้ ใยพชื เชน่ ชาวอาหรบั นยิ มใสเ่ สอ้ื ผา้ ทรัพยากรธรรมชาติท่เี กอื้ หนนุ การดาํ รงชีวติ ท่ตี ดั เย็บจากผ้าฝ้าย ท�าใหส้ วมใสส่ บาย ไม่ร้อน เป็นต้น ในพนื้ ทน่ี ้ันๆ เชน ชาวประมงบรเิ วณทะเล สาบอนิ เล ในเมยี นมา จะสรา งบา นบน 3) เทคโนโลยีและภูมิปัญญา มนุษย์ท่ีอาศัยอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ มีการศึกษา เสาไมเ หนอื พืน้ นํ้าของทะเลสาบคลายคลึง กับเสาเข็มในการกอ สรางอาคารในปจจบุ ัน ธรรมชาติและรู้จักวิธีการน�าทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนสามารถพัฒนาเทคโนโลยี เดินทางและประกอบอาชีพประมงโดยใชเรอื จากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เชน่ ชาวแลปปท อี่ าศยั อยใู่ นเขตพน้ื ทแี่ ลปปแ ลนด ์ ซงึ่ เปน็ บรเิ วณทงุ่ นา้� แขง็ และเครอื่ งมอื ดัง้ เดมิ และปลูกพืชสวนขนาด มีการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ไว้ใช้ประโยชน์ จึงมีการสร้างล้อเล่ือนส�าหรับใช้ในการลากเลื่อน ส่วน เล็กบนแปลงเกษตรท่สี านข้ึนจากไมไ ผล อย ประชากรทอี่ ยบู่ นหมเู่ กาะต่าง ๆ เช่น ชาวเมลานีเซยี น ชาวไมโครนเี ซียน ชาวโปลินีเซยี น ทอี่ าศยั อยบู นผวิ น้ําคลายคลงึ กับนวัตกรรมการปลกู อยู่ในดินแดนโอเชียเนีย ซ่ึงมีภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ มีการใช้ไม้ซ่ึงมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ใน พืชไมใ ชด นิ ) ท้องถ่ินน�ามาต่อเรือ และสรา้ งเครอื่ งมือเพอื่ จับสัตว์น้า� เปน็ ตน้ 161 6.2 การใชป้ ระโยชนจ์ ากสงิ่ แวดลอ้ มในการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม ทเ่ี ปน เอกลกั ษณ์ของทอ้ งถนิ่ การรู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในการสร้างสรรค์วัฒนธรรม มาเป็นเวลานาน เช่น การสร้างบ้านเรือน สร้างเป็นบ้านใต้ถุนสูงเพื่อป้องกันน้�าท่วม การใช้ พืชพรรณในท้องถ่ินมาประกอบเป็นอาหาร เป็นยารักษาโรค เป็นเคร่ืองใช้ในครัวเรือน และ เป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ละท้องถิ่นในประเทศไทยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ขึ้นอยู่กับส่ิงแวดล้อม ทรัพยากร และภมู ิปัญญา ดงั ตวั อย่างการใช้ประโยชน์ต่อไปนี้ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรยี นควรรู ครอู าจมอบหมายใหนักเรยี นสรปุ ความรูเ กยี่ วกับวัฒนธรรมท่ีเกดิ จาก 1 นิวกนิ ี เปน เกาะขนาดใหญท างตะวนั ออกของหมูเกาะอินโดนเี ซีย โดย การใชป ระโยชนข องสิ่งแวดลอมทเี่ ก่ยี วของกบั ทองถิน่ ของตน จากนัน้ จดั ทํา อาณาเขตทางตะวันตกของเกาะเปน จังหวดั ปาปว และปาปวตะวันตกของประเทศ เปนเอกสารเผยแพรค วามรู อนิ โดนเี ซยี สว นทางตะวนั ออกเปนประเทศปาปว นิวกนิ ี อยา งไรกต็ ามประชากร สวนใหญของทง้ั เกาะอยูในกลมุ ชาตพิ ันธเุ มลานเี ซยี (Melanesia) มลี ักษณะทาง กจิ กรรมทาทาย กายภาพ คอื รปู รา งคอนขางเลก็ ผิวสนี ํ้าตาล อยา งไรกต็ ามตอมาไดม กี ารอพยพ ไปต้ังถน่ิ ฐานยงั หมูเกาะในเขตแปซิฟก ใตทาํ ใหเ กิดการผสมผสานกับกลุม ชาตพิ ันธุ ครูอาจมอบหมายใหน ักเรยี นศกึ ษาคน ควาขอมูลเก่ยี วกับวฒั นธรรมท่ี อื่นจนไมสามารถจาํ แนกไดอยา งชดั เจน ชาวเมลานีเซยี มวี ัฒนธรรมทีส่ ําคญั คือ เกิดจากการใชประโยชนของสงิ่ แวดลอ มในทองถ่นิ ของตน จากแหลงการ การมภี าษาพดู ของตนเองหลายพนั ภาษา ซ่งึ นกั มานุษยวทิ ยาและนกั ภาษาศาสตร เรียนรูในทอ งถิน่ เชน พิพธิ ภณั ฑ หนวยงานในทอ งถ่นิ และปราชญชาวบาน ไดจ ดั อยใู นภาษาตระกูลออสโตรนเี ชียนและตระกูลปาปวน จากน้นั จัดทาํ เปน เอกสารเผยแพรค วามรู คู่มอื ครู 161

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ ครสู ุมนักเรียน 3 คน ใหช ว ยกันอธิบายความรู เกีย่ วกับการใชป ระโยชนจากสิง่ แวดลอ มในการ สรา งสรรคว ฒั นธรรมในประเทศไทย ในสวนของ 1) อาหาร อาหารทปี่ รุงขึน้ จากพชื และสตั ว์ท่มี ีอยใู่ นทอ้ งถน่ิ ต่าง ๆ ไมว่ า่ อาหารคาว เคร่อื งใชท ั่วไป อาหาร และยารกั ษาโรค คนละ 1 สวน แลวใหน กั เรียนในชั้นเรียนเสนอแนะขอมลู เพมิ่ อาหารหวาน โดยเฉพาะเครื่องปรงุ รสอาหารคาว ใช้พริกหอม กระเทียม ขา่ ตะไคร้ ใบมะกรูด เตมิ หรือปรับปรุงเพ่อื ใหไ ดความรูทถี่ กู ตอ งครบถวน ใบกะเพรา ในการเพม่ิ รสชาตใิ หอ้ าหาร การใชผ้ กั ตา่ ง ๆ ในการประกอบอาหาร เชน่ มะเขอื แตงกวา จากนัน้ ครใู หน ักเรียนชวยกันสรปุ ความรูเ กีย่ วกบั หน่อไม้ เป็นต้น อาหารอาจใช้แป้งข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว มะพร้าว น้�าตาล รวมทั้งยังมีผลไม ้ การใชป ระโยชนจากส่ิงแวดลอ มในการสรางสรรค เช่น ทุเรยี น มังคุด ส้ม รับประทานเปน็ อาหารวา่ งอกี ด้วย ซึง่ แตล่ ะท้องถน่ิ จะมีการปรุงอาหาร วฒั นธรรมดา นเครอื่ งใชท ่วั ไป อาหาร และยารักษา และชอ่ื อาหารทีแ่ ตกตา่ งกันไป ตวั อย่างอาหารไทยในภาคตา่ ง ๆ มีดังน้ี โรคในประเทศไทย นักเรยี นบันทึกการสรุปลงในสมดุ 1.1) อาหารไทยภาคเหนอื เชน่ น�้าพริกหนมุ่ ไสอ้ ว่ั แกงฮงั เล สม้ ต�า แกงโฮะ ขยายความเขา้ ใจ แกงหนอ่ ไม ้ แมงมัน และจก่ี งุ้ ผัก เช่น ผ�าหรือไข่แหน เตาหรือตะไคร่น้า� ผกั แพะ อาหารวา่ ง เชน่ ข้าวแช่ ขนมปากหมอ้ ขนมเบอื้ ง เปน็ ตน้ Expand 1.2) อาหารไทยภาคกลาง มีน้�าพรกิ กะป นา้� พรกิ ลงเรือ แกงสม้ แกงเผ็ด ตม้ ย�า ครูใหนักเรียนศึกษาคนควา เก่ียวกบั การ ต้มส้ม พะแนง มัสม่ัน ปลาทู ปลาช่อน เนื้อทอด ไข่เจียว ผัก เช่น มะเขือ แตงกวา บวบ ใชประโยชนจากส่งิ แวดลอ มในการสรางสรรค อาหารว่าง เชน่ ขา้ วมันสม้ ตา� ขา้ วเหนยี วมะมว่ ง เป็นตน้ วฒั นธรรมในประเทศไทยและในภมู ิภาคตา งๆ ของ โลกเพ่ิมเตมิ จากแหลง การเรยี นรู เชน หนังสือใน 1.3) อาหารไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เชน่ ปลารา้ แจว่ ตม้ ไก ่ ตม้ ปลา แกงหนอ่ ไม้ หอ งสมุด หนว ยงานหรอื องคกรดา นวฒั นธรรมใน แกงขี้เหล็ก แกงอ่อม ส้มต�า ปลาย่าง เน้ือย่าง กบ เขียด แย้ ไข่มดแดง ส่วนผักนอกจาก ทองถนิ่ รวมถึงเว็บไซตท่เี กีย่ วขอ งทั้งในประเทศและ ผกั ท่วั ๆ ไปแล้ว มผี กั ต้ิว ผกั กะโคน ยอดมะตูม อาหารวา่ ง เช่น ไส้กรอก ข้าวจี่ เป็นต้น ตา งประเทศ แลวรวบรวมภาพและขอมลู จัดทําเปน สมุดภาพการใชประโยชนจ ากสิง่ แวดลอมในการ 1.4) อาหารไทยภาคใต ้ เช่น แกงเหลอื ง แกงไตปลา น้�าบูด ู ขา้ วยา� ปลาทะเล สรา งสรรควัฒนธรรมในประเทศไทยและในภูมิภาค ผกั เฉพาะถน่ิ เชน่ สะตอ เม็ดเหรยี ง ลกู เนยี ง อาหารวา่ ง เช่น ขนมลา ขนมพอง เป็นตน้ 2) เครื่องใช้ทว่ั ไป คนไทยร้จู ักนา� ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินมาจัดท�า ตางๆ ของโลก โดยมีภาพและขอ มลู ประกอบท้งั ใน สวนของประเทศไทยและในภูมิภาคตางๆ ของโลก เป็นเครื่องมือ เครื่องใช ้ เชน่ น�าไม้มาสร้างบา้ น อยา งนอ ยสว นละ 5 ตัวอยาง รวมเปน 10 ตัวอยา ง ท�าเครือ่ งเรือน ของเล่น ของใช ้ ปลูกฝ้ายและ ตรวจสอบผล Evaluate เสน้ ไหมนา� มาทอผา้ นา� ดนิ เหนยี วมาปน้ั โอง่ ไห นา� เยอื่ ไมม้ าทา� กระดาษและรม่ เปน็ ตน้ นอกจาก ครูคดั เลอื กผลงานสมุดภาพการใชประโยชน หัตถกรรมพื้นบ้านร่มบ่อสร้าง เป็นภูมิปญญาท่ีได้น�าไม้ การน�าทรัพยากรในท้องถิ่นมาท�าเครื่องใช้แล้ว จากสง่ิ แวดลอมในการสรางสรรควัฒนธรรมใน กระดาษสาท่ีมีมากในท้องถ่ินมาท�าเป็นเครื่องใช้ และใน ยังคิดท�าเคร่ืองใช้เหล่าน้ันให้สวยงาม และมี ประเทศไทยและในภูมภิ าคตา งๆ ของโลกทดี่ ขี อง ปจจบุ ันกลายเป็นสนิ ค้าส�าคญั ของท้องถน่ิ เอกลกั ษณ์เปน็ ของท้องถิน่ แตล่ ะแหง่ อีกด้วย นกั เรียน แลว นํามาใหน กั เรยี นชวยกันตรวจอีกคร้งั ในชนั้ เรียน โดยพิจารณาจากความหลากหลายของ ตวั อยาง ความถกู ตอ งครบถวนของขอ มลู และความ 162 สวยงามนา สนใจ จากน้ันรวบรวมสมุดภาพทีด่ ีไวเ ปน แหลง การเรยี นรใู นชั้นเรยี น ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู ครอู าจสนทนารวมกนั กบั นกั เรยี นถงึ แหลงทองเทีย่ วเชงิ วฒั นธรรมท่ไี ดรับความ ขอ ใดแสดงถึงการใชป ระโยชนจ ากสงิ่ แวดลอมเพ่อื การสรางสรรคน วตั กรรม นยิ มในประเทศไทยอนั เกิดจากอิทธิพลของส่งิ แวดลอ ม เชน ตลาดน้ําในจงั หวัด เพ่ือการพฒั นาท่ยี งั่ ยนื ตา งๆ โบราณสถานที่สรา งข้ึนตามลักษณะภมู ิประเทศและใชว ัสดกุ อสรางที่มใี น ทองถิ่น จากนัน้ ต้งั ประเดน็ อภปิ รายทีเ่ นนแนวคิดการสรางสรรควฒั นธรรมจาก 1. สวนผักผลไมในแอง แมอ าย สิ่งแวดลอมอนั เปน แหลงทองเท่ียวของทองถิ่น เชน วัฒนธรรมจากส่งิ แวดลอมสู 2. พลงั งานชีวมวล การเปนแหลง ทองเทยี่ ว ความสัมพนั ธร ะหวางชาวไทยกบั ส่งิ แวดลอม แลวนกั เรียน 3. ปราสาทหนิ พิมาย 4. วดั ถ้ํากลองเพล บนั ทกึ ผลการอภปิ รายลงในสมดุ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. พลังงานชีวมวล เน่อื งจากเปน การใชพ ลังงาน จากสิง่ ปฏกิ ูลทางการเกษตร สวนตัวเลอื กในขออ่นื กลา วคอื ขอ 1. เปนการ สรางสรรควัฒนธรรมดา นการประกอบอาชีพ สว นขอ 3. และขอ 4. เปน การ มมุ IT สรา งสรรควัฒนธรรมดา นศาสนาและความเชอ่ื ศึกษาความรูเกีย่ วกับสงิ่ แวดลอ มกับการสรางสรรคว ัฒนธรรมไทยเพ่มิ เตมิ ไดที่ http://www.tei.or.th/cef/link/link.htm เว็บไซตดานส่งิ แวดลอ มวฒั นธรรม มลู นธิ ิ กองทนุ ส่งิ แวดลอมวฒั นธรรมไทย (Thailand Cultural Environment Fund : CEF) 162 ค่มู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Engage กระตนุ ความสนใจ 1 ครูสนทนารว มกันกบั นกั เรียนถงึ ความรูท่วั ไป พืชตามทอ้ งถิน่ ตา่ ง ๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลมุ่ พชื สมุนไพร เกีย่ วกบั การพฒั นาทย่ี ง่ั ยืน และแนวทางตาม 3) ยารักษาโรค พระราชดํารขิ องพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มีอยู่หลากหลาย โดยคนไทยใช้รักษาโรคมาเป็นเวลานาน บางอย่างมีการน�ามาใช้โดยไม่ต้อง มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชทีเ่ กี่ยวขอ งกบั สง่ิ แวดลอม ปรงุ แต่งใด ๆ พชื แตล่ ะชนดิ จะมีสรรพคณุ และวธิ ใี ชแ้ ตกตา่ งกนั เชน่ ใบต�าลงึ ค้ันสดทาแกพ้ ิษแมลง เชน การปลกู ปาโดยไมตอ งปลกู การบําบดั น้าํ เสยี กัดต่อย เปน็ ตน้ ดวยพชื สัตว และเครอื่ งกล ซง่ึ ไดแก กงั หันน้ําชยั 4) แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว ประเทศไทยมสี ภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาตทิ น่ี า่ สนใจอยหู่ ลายแหง่ พัฒนา แลวตัง้ คําถามทเ่ี นน การเชอื่ มโยงระหวา ง บางแหง่ ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียว เช่น นา�้ ตก ชายหาด เกาะแก่ง ชายฝัง่ ปะการัง อุทยาน หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การพัฒนาท่ี ยัง่ ยืนใหนกั เรยี นชวยกันตอบ เชน แหง่ ชาต ิ วนอทุ ยาน สวนพฤกษศาสตร ์ สวนรกุ ขชาต ิ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ อา่ งเกบ็ นา้� แมน่ า้� ลา� คลอง ถา้� • ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมีสวนชวยให เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีชุมชนหลายแห่งท่ีเป็นแหล่งท่องเท่ียวแบบพักค้าง (Home Stay) เกิดการพัฒนาทีย่ ง่ั ยนื ไดห รอื ไม อยางไร ซึ่งเป็นการท่องเท่ียวรูปแบบหน่ึงที่ให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าไปพักอาศัยอยู่ร่วมกับคนใน (แนวตอบ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ท้องถนิ่ เพือ่ สัมผัสและเรยี นรู้วิถชี ีวติ ความเปน็ อยู่ วฒั นธรรมและประเพณีท้องถิ่นต่าง ๆ ปจั จุบนั มสี ว นชวยใหเ กิดการพฒั นาทยี่ งั่ ยืน จาก การทอ่ งเทย่ี วรปู แบบนี้ก�าลังไดร้ ับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เชน่ โฮมสเตย์คลอง แนวคดิ สําคญั ทเี่ นนการประกอบกิจกรรม รางจระเข ้ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา โฮมสเตย์บ้านหัวหาด จังหวดั สมทุ รสงคราม เปน็ ต้น ทางเศรษฐกจิ ท่ไี มกอ ใหเกดิ ผลเสยี ตอ สิง่ แวดลอ ม อันเปนหลกั ของการพฒั นาท่ยี ั่งยนื 7. การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมทยี่ งั่ ยนื ซง่ึ เนน การพฒั นาเศรษฐกิจควบคไู ปกบั การ ในปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นเร่ือย ๆ เน่ืองจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คํานงึ ถึงผลกระทบดา นสิ่งแวดลอ มและ ของจ�านวนประชากร ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงมีการน�าทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ สังคม) ในปริมาณท่ีมากและรวดเร็วเกินความพอเพียง ท�าให้สภาพแวดล้อมเปล่ียนแปลงไปจนเกิด สาํ รวจคน หา Explore เแปล็นะปสิ่งญั แหวาดตลา้อมมม าท �เาชใหน่ ้ท กุกาปรรหะมเทดศไปใน โกลากรหรอ่ันยมหารใอห ้คแวลาะมคสว�าาคมัญเสก่ือับมกโาทรรพมัฒขอนงาทสริ่งัพแวยดากลร้อธมรทรมี่ยั่งชยาืนต ิ2 ครใู หน กั เรยี นรวมกลมุ กนั กลุม ละ 3 คน เพ่ือ ซง่ึ จะต้องมีการรว่ มมอื กนั ของทุก ๆ ฝ่ายในการรว่ มกันแก้ปญั หาท้ังในระยะสัน้ และระยะยาว แบง หนาท่กี นั ศึกษาความรูใ นสวนของแนวทางการ การพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มทย่ี ง่ั ยนื หมายถงึ การพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมท่ี แกป ญหาและการพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและ คา� นึงถึงความเสยี หาย มกี ารปอ้ งกันปญั หาทีเ่ กดิ แก่สง่ิ แวดลอ้ ม หรอื เกิดความเสยี หายน้อยทส่ี ดุ ส่งิ แวดลอ มท่ยี ัง่ ยืน การดําเนินชวี ติ เพ่อื การพฒั นา โดยค�านงึ ถึงความตอ้ งการพ้ืนฐานของประชากรในประเทศด้วย ทรัพยากรและส่ิงแวดลอ มที่ยั่งยนื และแนวทาง การอนรุ กั ษและฟนฟูสภาพส่งิ แวดลอมตามแนว พระราชดําริ จากหนงั สอื เรียน หนา 163-169 และ 7.1 แ นวทางการแกป้ ญั หาและการพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติ เวบ็ ไซตตา งๆ เชน http://www.unescobkk. และสิง่ แวดล้อมท่ยี ่งั ยนื org/th/education/esd/esd-home/esd-in-thai/ เว็บไซตก ารศกึ ษาเพอ่ื การพัฒนาทยี่ ่ังยนื องคการ การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ีย่ังยืน ต้องอาศัยความพร้อมของชุมชน ยูเนสโก ประเทศไทย (Education for Sustainable และความร่วมมือกันจากทุก ๆ ฝ่าย ท้ังคนในชุมชน หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน Development UNESCO Bangkok) และ http:// โดยมีองคป์ ระกอบท่สี �าคัญ ดังน้ี 163 web.ku.ac.th/king72/2542-09/page02.html เว็บไซตพระราชกรณียกิจและพระราชดํารดิ านการ จัดการทรพั ยากร แลว อธิบายความรูทต่ี นศึกษามา ขอสอบ O-NET แกเพอื่ นในกลุมจนเกิดความเขาใจตรงกัน ขอสอบป ’53 ออกเกีย่ วกับการสรา งสรรคว ฒั นธรรมจากสงิ่ แวดลอม นกั เรียนควรรู การสรา งสรรคว ฒั นธรรมในขอ ใดเปนการใชป ระโยชนจ ากส่ิงแวดลอ ม 1 พืชสมุนไพร เปน สิ่งทอ่ี ยูค คู นไทยมานับรอ ยป แตเม่ือการแพทยแผนปจจุบนั 1. การทํานาป ของตะวันตกเริ่มเขา มามีบทบาทในบา นเรา สรรพคณุ และคณุ คาของสมนุ ไพรอัน 2. การจุดบงั้ ไฟ เปนสงิ่ ทีเ่ รียกไดว า ภมู ปิ ญ ญาไทย แตส มยั โบราณกเ็ รมิ่ ถกู ลมื เลอื นไป อยา งไรก็ตาม 3. การทาํ นาเกลือ มหี ลายหนว ยงานในปจ จุบนั ไดเ รมิ่ ศึกษาและพฒั นาแนวทางการใชสรรพคุณจาก 4. การแหน างแมว สมนุ ไพรอยางจริงจัง 2 การพัฒนาส่งิ แวดลอมทยี่ ง่ั ยืน หรือการพฒั นาทย่ี งั่ ยืน (Sustainable Develop- วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การทํานาป เปนการใชน้าํ ฝนที่ตกในพืน้ ที่ ment) เปน แนวคิดทเี่ รม่ิ ตนภายหลงั การสิน้ สดุ ของสงครามโลกคร้งั ที่ 2 กระทัง่ การ ประชุมสหประชาชาตวิ า ดว ยสิ่งแวดลอมของมนษุ ย ณ กรุงสตอกโฮลม ตามฤดูกาลใหเ ปนประโยชนในการสรา งสรรควัฒนธรรมดานอาหารและการ ประเทศสวเี ดน ใน ค.ศ.1972 และส่ิงแวดลอมและการพฒั นา ณ เมืองรอี เู ดจาเนรู ประเทศบราซิล ใน ค.ศ.1992 จึงมกี ารรางแผนปฏิบตั ิการเพอ่ื การพฒั นาทยี่ ัง่ ยืน ประกอบอาชีพ และขอ 3. การทาํ นาเกลอื จากการนาํ เกลอื ทอี่ ยูใตช นั้ ดินขึ้น มาตากแดดเปน ประโยชนในการสรางสรรคว ัฒนธรรมดา นการประกอบอาชีพ เชนกัน ตามหลักการปฏบิ ัตใิ น Agenda 21 คมู ือครู 163

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูสอบถามนกั เรยี นเกีย่ วกับสาเหตคุ วามเปนมา แผนผังแสดงองค์ประกอบของการพฒั นาที่ย่ังยนื และความหมายของการพัฒนาทยี่ ัง่ ยนื ทนี่ กั เรยี นได กาอรพงคัฒ์ปขนอราะงทกย่ีอัง่บยนื ศกึ ษามา แลว ใหน กั เรียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การสง เสริมและอุปสรรคของการพัฒนาท่ียงั่ ยืน คณุ ภาพชีวิตทดี่ ี ความอดุ ม ความมัน่ คงของ จากน้นั ครูตงั้ คาํ ถามเก่ียวกับหลกั การสําคัญของ ของประชากร สมบรู ณข์ อง เศรษฐกิจชุมชน การพัฒนาท่ยี ง่ั ยืน ซง่ึ ไดแก การพัฒนาคณุ ภาพ ทรพั ยากรธรรมชาติ ประชากร และการใชทรัพยากรธรรมชาติอยา งมี และความตอ้ งการใช้ ประสิทธภิ าพ แลว สมุ ใหก ลุมนักเรยี นตอบ เชน ของประชากร • การดาํ เนินการในสวนขององคป ระกอบทาง ในการพัฒนาท่ียั่งยืนน้ันต้องมีการประเมินถึงความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของ สงั คมท่ีสาํ คญั ตอการพัฒนาท่ยี ง่ั ยืนควรเปน ประชากรในชุมชนกับทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ปริมาณแหล่งน้�าและความเพียงพอในการใช้น�้าใน เชนไร ปัจจุบัน และชุมชนน้ันต้องมีความพร้อมให้ความร่วมมือเพ่ือน�าไปสู่การมีคุณภาพชีวิตท่ีดี (แนวตอบ องคป ระกอบทางสงั คมทีส่ าํ คญั มีการกินดีอยู่ดี อยู่ในท่ีมีอากาศบริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษ มีการศึกษา ได้รับบริการสาธารณสุข ตอ การพฒั นาทีย่ ่ังยนื ไดแก ประชากร อยา่ งทว่ั ถึง เน่ืองจากประชากรทมี่ ีคณุ ภาพ กลาวคือ การพัฒนาท่ีก่อให้เกิดผลท่ีย่ังยืนยาวนาน คือ การพัฒนาที่ไม่ก่อให้เกิดความเส่ือมโทรม มีความรคู วามเขา ใจถงึ ความสําคัญของ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม และมี แก่คณุ ภาพส1่ิง)แ วคดวลบ้อคมมุ ออยตั่ารงรานุกแารรงเพแลม่ิ ะจตา� อ้ นงวกนระปทรา�ะอชยาา่กงรจ 1รกงิาจรงัเพ คมิ่ วจรา� ดนา� วเนนปินรกะาชราใกนรดทา้ า�นใหตเา่้ กงดิ ๆก าดรงั ในช้ี้ จติ สํานึกในการอนรุ กั ษส ิ่งแวดลอ ม จะมสี วน ชวยแกไ ขปญหาส่ิงแวดลอมที่ประสบอยใู น ทรัพยากรอย่าง กวา้ งขวาง จึงตอ้ งมีการผลติ อาหารและจัดสรรท่อี ย่อู าศัยเพม่ิ ขนึ้ ความต้องการที่ ปจจบุ ัน และมีสวนรวมในการพัฒนาสังคม เพม่ิ ขน้ึ เหลา่ นไ้ี ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ การขาดแคลนทรพั ยากร เกดิ สารพษิ ในสงิ่ แวดลอ้ ม และทา� ใหธ้ รรมชาติ โดยคาํ นงึ ถงึ ผลกระทบตอสิง่ แวดลอ ม ดงั นนั้ ขาดความสมดลุ ในที่สดุ การหยดุ ย้ังอัตราการเพม่ิ จ�านวนประชากรมนุษยเ์ ปน็ แนวทางหนง่ึ ท่ชี ว่ ย การจัดการศกึ ษาและการปลูกฝง คานยิ มใน ลดความเสอื่ มโทรมของสงิ่ แวดล้อมและลดปริมาณการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตลิ งได้ การอนุรกั ษสิ่งแวดลอมจึงเปน แนวทางการ ดาํ เนินงานทสี่ าํ คญั นอกจากน้ยี งั ควรมกี าร 2) วางแผนการใช้ที่ดินและน�้า ท่ีดินท้ังในชนบทและในเมืองต้องมีการจัดสรร วางแผนเพื่อควบคุมการเพม่ิ จํานวนประชากร อกี ดว ย) การใช้ให้เหมาะสมกับสมรรถนะของดิน ไม่ว่าเพ่ือประโยชน์ทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การใช้เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย หรือการใช้เพ่ือการสาธารณูปโภค ให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ส่วนน�้าทใ่ี ช้ในกจิ การตา่ ง ๆ ก็ตอ้ งมกี ารวางแผนการใช้ใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรม เหมาะสมกับฤดกู าล และวตั ถุประสงค์ของการใช้ รวมถึงต้องมีการปอ้ งกนั สารพษิ หรือน�า้ เสียแพรก่ ระจายลงส่แู หล่งน้า� ตามธรรมชาติด้วย 164 นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั ผลของการพัฒนาทีย่ งั่ ยืน 1 การเพิ่มจํานวนประชากร องคก ารสหประชาชาตไิ ดประกาศวาปจ จุบนั การพัฒนาท่ีจะกอ ใหเ กดิ ผลทย่ี ่ังยนื ยาวนาน หมายถงึ ขอใด ประชากรโลกไดเ พิ่มจํานวนขึ้นถึง 7,000 ลา นคน จากใน ค.ศ. 1 ทโ่ี ลกมจี ํานวน 1. การพัฒนาท่ีไมกอ ใหเกิดคานยิ มทฟ่ี ุมเฟอย ประชากรเพียง 200 ลานคนเทานน้ั แตประชากรโลกสวนใหญ คอื 1 ใน 8 มี 2. การพฒั นาที่ลดปรมิ าณการใชท รัพยากรธรรมชาติ คณุ ภาพชีวติ อยใู นระดบั วกิ ฤต คือ ขาดสารอาหาร อาศัยอยูในชมุ ชนแออดั และ 3. การพฒั นาทมี่ กี ารฟน ฟสู ภาพแวดลอ มอยา งตอเน่อื ง ฐานะยากจน ดังนัน้ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มจึงตองเริม่ ตน ที่ 4. การพัฒนาที่ไมก อ ใหเกิดความเสื่อมโทรมแกคุณภาพสง่ิ แวดลอม การวางแผนและการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของประชากรเปน อันดับแรก วเิ คราะหคาํ ตอบ การพฒั นาท่ีจะกอใหเ กิดผลทีย่ ่ังยนื ยาวนาน คือ การพัฒนาทไี่ มกอใหเกดิ ความเสอื่ มโทรมแกค ณุ ภาพสง่ิ แวดลอม และตอง มมุ IT กระทาํ อยา งตอ เนอ่ื งจรงิ จัง ดงั นนั้ คาํ ตอบคอื ขอ 4. ศึกษาขอมลู ความรูเกยี่ วกับการพัฒนาท่ีย่งั ยืนเพมิ่ เติมไดท่ี http://sustaina- bledevelopment.un.org/ เวบ็ ไซตก ารสงเสริมความรูเพ่ือการพัฒนาท่ียง่ั ยืน องคการสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Knowledge Program) 164 คู่มอื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ อาหารจะตอ้ 3ง)ก า� ปจอ้ดั องกอกนั ไแปล โะดกยา� กจาดัรปสอ้างรกพนั ษิ แ ลสะาครพวบษิ คทมุ แ่ี กพารรก่ ใชระส้ จาารยพใษินเอ1หาลกา่านศนั้ แทหงั้ ลในง่ นภา�้า คแกลาะรใเนกวษงตจรร ครูตงั้ คาํ ถามเก่ียวกบั หลกั การสําคัญของการ พัฒนาท่ียง่ั ยนื แลว สุม ใหก ลุม นกั เรยี นตอบ เชน อุตสาหกรรม และการใช้ในบ้านเรือน โดยมีแหล่งรวบรวมจัดการและขจัดสารพิษเหล่านั้นมิให้ แพร่กระจายออกไป • ในการพฒั นาท่ยี ่งั ยนื เราสามารถใช ประโยชนจ ากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ 4) ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติท่ีอยู่ในสภาพ ส่ิงแวดลอ มไดหรอื ไม อยางไร (แนวตอบ การพฒั นาทยี่ ง่ั ยืนไมไดป ฏเิ สธ เส่ือมโทรม เช่น ป่าไม้ แหลง่ น้า� การพงั ทลายของหน้าดนิ ต้องไดร้ บั การฟน้ื ฟูและพัฒนาพื้นที่ การใชประโยชนจ ากทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ การปลูกปา่ โดยเรว็ การขดุ ลอกแหล่งน�า้ อยา่ งสม่า� เสมอ อีกทงั้ การใช้ทีด่ ินเพอ่ื กิจการตา่ ง ๆ ตอ้ ง สิ่งแวดลอ ม แตค วรมีการศึกษาเพอ่ื การ เหมาะสมกับสภาพพื้นท่ี เช่น พ้ืนท่ีที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะส�าหรับการเพาะปลูก ควรใช้ วางแผนการใชอยา งถูกตอ งเหมาะสม เชน ในการเพาะปลกู ไมใ่ ชพ้ น้ื ทเ่ี พอื่ ทา� การกอ่ สรา้ งอาคาร โรงงานตา่ ง ๆ ไมท่ า� เปน็ บอ่ เลยี้ งสตั วน์ า�้ เคม็ การศึกษา ความอุดมสมบรู ณของดนิ เพ่ือ เช่น เลยี้ งกุ้งกุลาดา� ปู หอย เป็นตน้ เพราะทา� ใหด้ นิ เค็ม พืน้ ท่ีไม่สามารถทา� การเพาะปลกู ไดอ้ กี การกาํ หนดพ้นื ที่เพาะปลกู พชื แตล ะชนิด หรอื ต้องใช้เวลาระยะยาวในการฟื้นฟู เพอ่ื ให้ดินกลับมาอดุ มสมบูรณ์ เลี้ยงสัตว หรือกอ สรางท่อี ยอู าศยั และการ ใชประโยชนน นั้ จะตอ งไมก อ ใหเ กดิ ผล 5) ประหยัดการใช้ทรัพยากร การใช้ทรัพยากรทกุ ชนิดไมว่ ่าจะเป็นน้า� ไฟฟ้า หรือ กระทบตอสิ่งแวดลอ ม เชน การใชน ํา้ ใน โรงงานอตุ สาหกรรมจะตอ งมีระบบบําบัด พลงั งานอน่ื ๆ การน�าไปใช้ในชีวิตประจา� วัน ควรใชอ้ ย่างประหยัดและคุ้มค่ามากท่สี ดุ น้าํ เสยี กอ นปลอยลงสูแ หลงน้าํ ตามธรรมชาติ รวมถึงการฟน ฟูสงิ่ แวดลอมท่เี สอื่ มโทรมเพอ่ื 6) พัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม เทคโนโลยีท่ีจะน�ามาใช้ท้ังในการเกษตร ใหระบบนเิ วศกลบั เขา สคู วามสมดุลอกี ครงั้ ตลอดจนการพฒั นาเทคโนโลยีทีเ่ ก่ียวของกับ อุตสาหกรรม การสื่อสารคมนาคม และในครัวเรือน ต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมี การใชท รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ ม ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มนอ้ ย ทงั้ จะตอ้ งมกี ารพฒั นาเทคโนโลยใี หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพเพอื่ แกไ้ ข ใหม ปี ระสิทธภิ าพและไมส ง ผลกระทบตอ ฟืน้ ฟูสภาพแวดลอ้ มด้วย สง่ิ แวดลอ มอกี ดว ย) 7) ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีเหมาะสม ค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีเกี่ยวข้อง กับการด�ารงชีวิต และการใช้ปัจจัยในการด�ารงชีวิตต้องเป็นไปอย่างพอเหมาะกับก�าลังการผลิต ที่เกดิ ขน้ึ ในระบบนิเวศ 8) เพม่ิ การศกึ ษา การเพม่ิ การศกึ ษาเพอื่ ใหค้ วามรค ู้ วามเขา้ ใจในชวี ติ และธรรมชาติ เพื่อใหป้ ระชาชนเกิดทกั ษะท่จี า� เป็น ตอ่ การด�ารงชีวติ ทีส่ อดคลอ้ งกับธรรมชาตไิ ดอ้ ย่างแท้จริง 7.2 การดา� เนนิ ชวี ติ เพอื่ การพฒั นาทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มที่ ยง่ั ยนื การด�าเนินชีวิตของมนุษย์มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เพราะปัจจัยในการด�ารงชีวิต ทุกอย่างลว้ นตอ้ งได้มาจากทรัพยากรธรรมชาต ิ เชน่ อาหาร เครอ่ื งนุ่งหม่ ทอี่ ยูอ่ าศัย เครื่องใช้ ในชีวิตประจ�าวัน พาหนะ การประกอบอาชีพ รวมท้ังส่ิงปฏิกูล ของเหลือใช้ต่าง ๆ จะเป็นขยะ และมลพิษต่อส่ิงแวดลอ้ ม ดงั นน้ั ถ้าทุกคนตระหนกั ถึงปญั หาสงิ่ แวดลอ้ มในการดา� รงชีวิตจะชว่ ย พัฒนาคุณภาพสงิ่ แวดล้อมอยา่ งยัง่ ยนื ได้ ดังนี้ 165 ขอ สอบ O-NET นักเรียนควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั การพฒั นาที่ยง่ั ยนื 1 การปอ งกนั และควบคมุ การใชสารพษิ ประเทศไทยในปจจุบนั ยงั ไมประสบ บุคคลใดมสี วนรว มในการจดั การทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ มทใี่ หผ ลยงั่ ยนื ความสําเร็จเทา ทีค่ วร กรณีตวั อยา งที่ชดั เจน ไดแ ก วกิ ฤตการณด า นคณุ ภาพนา้ํ ของแมน้ําทา จีน ซึ่งมคี วามเส่ือมโทรมมากจดั อยูในช้นั คุณภาพท่ี 5 ซึ่งตํา่ กวา เกณฑ ยาวนาน มาตรฐานคณุ ภาพน้ําของกรมควบคมุ มลพิษ สาเหตุมาจากการปลอยนา้ํ เสยี จาก 1. นายโดมตรวจวดั คุณภาพอากาศเปน ประจํา แหลงเพาะปลูกพืชสวนพชื ไร การเลย้ี งสุกร รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมตางๆ ซ่งึ 2. นายแดงใชส ารดีดีทีแทนซีเอฟซใี นการกําจดั แมลง ขาดการตรวจระบบน้าํ เสยี อยางจรงิ จงั ของหนวยงานภาครฐั และจติ สํานึกการ 3. นายดาํ ปลูกหญา แฝกเพือ่ ปองกันน้ํากัดเซาะตลง่ิ พัง อนรุ กั ษทรพั ยากรนํ้าของผปู ระกอบการ สง ผลใหไ มส ามารถใชน ้ําในการอปุ โภค 4. นายดอนใชห นงั สือพิมพท อ่ี านแลวหอขยะเปย กกอ นนาํ ไปทงิ้ ในถงั ขยะ บรโิ ภคไดโ ดยตรง และสตั วน้าํ ลดจาํ นวนลงอยา งมาก สีเหลอื ง วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. นายดาํ ปลูกหญาแฝกเพื่อปอ งกนั นํ้ากดั เซาะตลง่ิ พงั เปน การจัดการทรัพยากรและสิง่ แวดลอ มทใี่ หผ ลยั่งยืนยาวนาน สวนการกระทาํ ของบคุ คลอน่ื ไดแ ก นายแดงและนายดอน ไมถ ูกตองตาม แนวทางการจดั การทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอม และการกระทําของนายโดมได เพียงขอ มลู คุณภาพอากาศ แตยงั ไมไดล งมือปฏิบัติเพ่ือจัดการทรัพยากรและ ส่งิ แวดลอมแตอ ยา งใด คมู่ อื ครู 165

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหน ักเรียนกลมุ ทีส่ มคั รใจอธิบายความรู 1) ตระหนักถึงผลการกระท�าของตนท่ีจะส่งผลต่อส่ิงแวดล้อม มีความเข้าใจ เกย่ี วกับการดาํ เนินชวี ติ เพ่ือการพฒั นาทรพั ยากร และสงิ่ แวดลอมทย่ี ั่งยนื ตามลาํ ดบั ความสําคัญ และตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ว่าการกระท�าใด ๆ ของตนย่อมมีผลต่อส่ิงแวดล้อมหรือส่ิงที่อยู่ ซง่ึ ไดแก การเรยี นรเู กี่ยวกบั สิง่ แวดลอ ม โดยรอบเสมอ และหากการกระท�าน้ันมผี ลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ตนเองก็จะไดร้ บั ผลเสยี นน้ั ด้วย การคาํ นงึ ถึงผลกระทบตอ สงิ่ แวดลอม และการ ดําเนนิ ชีวิตอยา งเปนมติ รกับสิ่งแวดลอม แลว ให 2) เรียนรู้เก่ียวกับสิ่งที่มีอยู่โดยรอบตัวเอง โดยการสังเกตและเรียนรู้ส่ิงท่ีอยู่ นกั เรียนในชั้นเรียนชว ยกนั สรปุ ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของการดาํ เนินชวี ิตเพื่อการพัฒนาทรัพยากร โดยรอบตนเอง และเหตกุ ารณท์ างธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ทกุ วนั วเิ คราะหถ์ งึ สาเหตแุ ละปจั จยั ทเ่ี กดิ ขนึ้ และสงิ่ แวดลอ มทย่ี ัง่ ยืนเปนตารางหรือผังกราฟก พยายามเรยี นรแู้ ละเขา้ ไปศกึ ษาดว้ ยประสบการณต์ รงและอาศยั ผรู้ บู้ อกเลา่ และการคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ ตา งๆ บนกระดานหนาชนั้ เรยี น จากนน้ั ครเู สนอ เพอ่ื ให้เขา้ ถึงองค์ความรู้และความจรงิ เกี่ยวกบั เหตุการณน์ ั้น แนะขอมูลเพิ่มเติมเพือ่ ใหไ ดข อมูลทคี่ รบถว น 3) ดา� รงชวี ติ อยา่ งเปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ดว้ ยการดา� รงชวี ติ อยา่ งเออื้ เฟอ้ื เกอื้ กลู 2. ครใู หน ักเรยี นทมี่ ปี ระสบการณการปฏบิ ตั ิตนได สอดคลองกบั การดําเนินชีวติ อยา งเปนมติ รกบั ตอ่ ผอู้ น่ื และตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มใหค้ งสภาพสมดลุ และในทส่ี ดุ กเ็ ออ้ื ตอ่ การดา� รงชวี ติ ของตนเองและผอู้ นื่ สงิ่ แวดลอ มออกมาเลาประสบการณของตนที่ รู้จักรับผิดชอบต่อการด�ารงรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมท้ังเพื่อคนในรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นต่อไป หนา ช้นั เรียน คนละ 1 ขอ จนครบทัง้ 7 ขอ แลว แล้วจงึ ก�าหนดกลุ่มข้อมูลเปน็ ชนิดของการใชท้ ีด่ ินต่อไป ใหน กั เรียนระดมสมองถึงแนวทางการปฏบิ ัตติ น อยา งเปน มติ รกบั ส่งิ แวดลอ มเพ่ิมเตมิ ครูเขียน การดา� เนินชีวติ อย่างเป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม สามารถปฏบิ ัติได ้ ดงั นี้ แนวทางท่ดี ไี วบนกระดาน จากนั้นใหนักเรยี น ชว ยกันเพมิ่ เติมแนวทางการปฏบิ ัติตนในตาราง 1. ใช้วัสดสุ ง่ิ ของอย่างประหยดั สิง่ ของเคร่ืองใช้ในชวี ิตประจา� วนั อาหาร ควรใชอ้ ยา่ งประหยดั หรอื ผังกราฟกสรุปลําดบั ความสําคัญของการ ใชใ้ ห้ค้มุ คา่ เพราะวัตถดุ ิบทุกอย่างลว้ นมาจากธรรมชาติ ดําเนนิ ชีวิตเพอ่ื การพัฒนาทรัพยากรและ ส่งิ แวดลอมท่ยี ่งั ยืน ครูและนกั เรียนชวยกันสรุป 2. ดา� เนินชวี ติ ดว้ ยความพอเพยี ง รู้จักแสวงหาความสุข ความพอใจในการดา� เนินชวี ิตตามสมควรแก่ ความรูทไี่ ดจากการศกึ ษาเกย่ี วกบั การพัฒนาท่ี สถานะของตน ไมม่ คี วามต้องการใช้สิ่งของทีเ่ กนิ ความจา� เปน็ ยัง่ ยนื นกั เรยี นบนั ทกึ สาระสําคัญลงในสมดุ 3. มคี วามรักธรรมชาติ และมสี ว่ นรว่ มในการดูแล ช่วยกันบ�ารงุ รกั ษาและใชป้ ระโยชน์จากสงิ่ เหล่านน้ั อยา่ งรู้ค่า บ�ารุงรักษาส่งิ แวดล้อม เนอ่ื งจากสิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติเปน็ ปจั จยั ในการด�ารงชวี ิต ที่ให้ความสงบทางจิตใจ ล้วนมีความงามท่บี ริสุทธิ์ 4. รจู้ กั เอ้ือเฟอื้ เผ่อื แผ่และแบง่ ปนั ทกุ คนย่อมมีความตอ้ งการใชท้ รพั ยากร จงึ ควรมกี ารจดั สรร แบง่ ปนั เอือ้ เฟอื้ ใหก้ บั คนอืน่ ๆ เพ่ือจะใช้ประโยชน์ในการ ด�าเนนิ ชวี ิตตอ่ ไป ใช้เฉพาะทจี่ า� เป็นอย่างรคู้ ุณค่า 5. รจู้ กั เรยี นรู้ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทอี่ ยรู่ อบตวั เรา ทง้ั สง่ิ แวดลอ้ มทางกาย เศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม ลว้ นมผี ลเกีย่ วพันกับทกุ ๆ คน จึงควรรบั รู้ และเรียนรูส้ ิง่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นั้นด้วยความเข้าใจและเรยี นรู้อยตู่ ลอด เวลา เพอ่ื นา� มาใช้ในชีวิตประจา� วนั ได้ 6. มบี ทบาทในการเฝา้ ระวงั มสี ว่ นรว่ มกบั กจิ กรรม โดยชว่ ยเฝา้ ระวัง ฟนื้ ฟู และพัฒนาส่ิงแวดล้อมตามแต่โอกาส สง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน ทท่ี ุกคนพงึ ม ี เช่น รว่ มกิจกรรมปลกู ปา่ ชมุ ชน รว่ มรณรงค์การใช้ พลงั งานอยา่ งประหยัด เปน็ ตน้ 7. มีสว่ นร่วมในการอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อม โดยเข้าร่วมกิจกรรมอนรุ ักษส์ ่ิงแวดล้อมในโรงเรยี น ในชมุ ชน ตามทม่ี ีโอกาส เช่น ปลกู ต้นไม้ท่ีบ้าน ร่วมกจิ กรรมปลกู ต้นไมข้ อง ชมุ ชน เปน็ อาสาสมคั รสงิ่ แวดลอ้ มของโรงเรยี น ของหมบู่ า้ น เปน็ ตน้ 166 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกับการใชทรัพยากรเพ่ือการพฒั นาทย่ี ่งั ยนื ครูควรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พื่อใหนักเรยี นมคี วามรูค วามเขา ใจเก่ียวกบั ขอ ใดเปนการใชท รพั ยากรเพอื่ การพัฒนาทยี่ ่ังยนื ประชาคมอาเซียนกบั การพัฒนาทยี่ งั่ ยนื ซงึ่ เปนสว นหนง่ึ ของแผนงานการจัดตัง้ 1. การปลกู ปา ชายเลน ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น ไดแ ก ความยง่ั ยืนดานสิ่งแวดลอ ม 2. การสรา งเข่ือนอเนกประสงคในพื้นทแ่ี หงแลง (Environmental Sustainability) โดยอาจใหน กั เรียนคน ควาขอมลู เพิม่ เติมจาก 3. การนาํ กลอ งนมทีด่ ่ืมแลวไปแปรรูปเปน โตะเกา อ้ี แหลง การเรยี นรูทคี่ รูเสนอแนะ แลว อภปิ รายรว มกันในชั้นเรยี น จากนัน้ ครูและ 4. การรว มมือกบั ประเทศเพ่ือนบานในการพัฒนาแหลง พลังงานอยา ง นักเรียนชวยกันสรุปความรูทไ่ี ดจากการศกึ ษา นกั เรยี นบนั ทึกลงในสมุด กวางขวาง วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การนาํ กลองนมทดี่ ืม่ แลวไปแปรรปู เปน โตะ เกา อี้ เปน การจดั การขยะทเ่ี หมาะสมอกี วธิ ีการหนึง่ ซงึ่ จะชวยลดการใช ทรัพยากรในการผลิตหรือการกําจัดขยะ และขอ 4. การรวมมอื กับประเทศ เพือ่ นบานในการพัฒนาแหลง พลงั งานอยางกวา งขวาง เน่ืองจากเปนการ วางแผนการใชท รัพยากรรว มกนั อันนาํ มาซงึ่ ประโยชนสูงสดุ ของแตล ะ ประเทศโดยไมกอ ใหเกดิ ความขัดแยงหรือผลกระทบดา นส่ิงแวดลอม 166 ค่มู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 7.3 แนวทางการอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟสู ภาพสงิ่ แวดลอ้ มตามแนว ครูสนทนารวมกนั กับนักเรียนถงึ ความรูท่ัวไป พระราชดา� รพิ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เกย่ี วกบั แนวทางการอนรุ ักษและฟน ฟสู ภาพ สิ่งแวดลอมตามแนวพระราชดาํ ริที่นกั เรยี นได ปัญหาส่ิงแวดล้อมเป็นปัญหาส�าคัญท่ีควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การเจริญ ศกึ ษามา แลวอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขา ใจถึง เติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งพบได้เกือบทุกประเทศ ประเทศไทยก็เป็นประเทศหน่ึง ความสอดคลองของแนวพระราชดาํ ริตา งๆ กบั การ ทปี่ ระสบกบั ปญั หาดงั กลา่ ว เนอ่ื งจากประเทศไทยใหค้ วามสา� คญั กบั ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ พฒั นาทีย่ งั่ ยืน จากน้ันสมุ นักเรยี นในแตละกลมุ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยการน�าเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน ์ ใหตอบคาํ ถามเก่ยี วกบั แนวพระราชดํารกิ ารบาํ บดั ซงึ่ หากไม่มีแผนการด�าเนนิ งานทเ่ี หมาะสมแลว้ จะท�าให้ทรัพยากรธรรมชาตทิ ยี่ งั เหลอื อยูม่ ีสภาพ มลพิษทางนํ้า ตวั อยา งขอ คาํ ถามเชน เสื่อมโทรมลง และก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เพ่ิมมากข้ึนด้วย ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อ ความเปน็ อยูข่ องประชาชนและระบบนเิ วศในทส่ี ุด • ผักตบชวาสามารถบาํ บดั นํ้าเสียไดอยา งไร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล็งเห็นถึงความส�าคัญและปัญหา (แนวตอบ ผักตบชวาบําบดั นํ้าเสยี ไดจากการ สงิ่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทอ่ี าจเกดิ ข้นึ ในอนาคต ทรงให้มีการดา� เนินโครงการอันเนื่อง ดูดซบั ส่ิงสกปรก โลหะหนัก และสารพษิ มาจากพระราชด�าริ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นเร่ืองของการใช้ให้ถูกวิธี วิธีการท�านุบ�ารุง ปรับปรุงสภาพ ตา งๆ) สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาตใิ หด้ ขี นึ้ ในดา้ นตา่ ง ๆ โดยทรงเนน้ งานดา้ นการอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟู สภาพสง่ิ แวดล้อม โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในเร่อื งของปญั หานา้� เนา่ เสยี โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชด�ารติ า่ ง ๆ จา� นวนมากของพระองค์ มีแนวทางเปน็ ไปตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การน�าทรัพยากรหรือวัสดุต่าง ๆ ท่ีสามารถหาได้ง่ายใน ชุมชนมาใช้ประโยชน์ เพื่อการบ�าบัดน�้าเสียและใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดกับมลพิษทางน้�าของ ประเทศ โดยแตล่ ะโครงการจะมีหลักการและสาระส�าคัญ ดงั นี้ 1) การบ�าบัดน�า้ เสยี ดว้ ยผักตบชวา พระองค์ทรงสนพระราชหฤทยั ในการปรับปรุง คณุ ภาพของแหลง่ นา้� ทมี่ อี ยแู่ ลว้ เชน่ บงึ และหนองตา่ ง ๆ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แหลง่ บา� บดั นา้� เสยี ทรี่ บั มาจาก คลองให้มีสภาพดีข้ึน โดยหนึ่งในโครงการปรับปรุงแหล่งน�้าที่ส�าคัญ คือ โครงการบึงมักกะสัน ชอนัว่ ยเนดอื่ดู งซมบั าสจง่ิาสกกพปรระกรา โชลดหา� ะรห ิ มนหี กั ล 1แกั ลกะาสรบารา� พบิษดั นต่าา้� งเส ๆยี ตในามแแหนลว่งทนฤา้� ษฎกี ารพฒั นาโดยอาศยั ผกั ตบชวา 2) การบ�าบัดน�้าเสียด้วยการผสมผสานระหว่างพืชน�้ากับระบบเติมอากาศ พระองค์ทรงห่วงใยในปัญหาน�้าเน่าเสียท่ีเกิดข้ึนท่ีหนองหาร จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นแหล่ง รองรับน้�าเสียจากครวั เรอื นในเขตเทศบาลเมอื งสกลนคร เมือ่ ชุมชนเมอื งมกี ารขยายตัว จนทา� ให้ หนองหารไม่สามารถรองรับน้�าเสียได้ พระองค์จึงทรงพระราชทานแนวพระราชด�าริทฤษฎีการ บ�าบดั นา�้ เสยี ดว้ ยการผสมผสานระหวา่ งพืชและระบบเตมิ อากาศ ณ บริเวณหนองสนม-หนองหาร จังหวัดสกลนคร 167 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอสอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั Agenda 21 1 โลหะหนกั ท่ีกอ ใหเ กดิ มลพษิ ทางน้าํ ไดแก สารหนู ตะก่ัว ปรอท สังกะสี Agenda 21 เปนแผนแมบ ทของโลกสําหรบั การดําเนินงานดานใด แคดเมยี ม โครเมียม นิกเกิล และแมงกานสี เปนตน โลหะหนกั ทมี่ ผี ลเสยี ตอ ทรพั ยากร 1. การพัฒนาท่ียงั่ ยืน น้ํามากท่สี ุด คือ ปรอท ตะกวั่ โดยถามปี รมิ าณมากเกนิ ขดี จํากัดแลว จะทาํ ใหเ ปน 2. การอนุรักษส่ิงแวดลอม พิษตอ รางกายของมนุษยท ีไ่ ดร ับสารดังกลา ว ดังเชน ประชาชนในอําเภอรอนพบิ ูลย 3. การประหยดั พลงั งาน จังหวัดนครศรธี รรมราช ในอดีตเคยเปน โรคไขด ําเนื่องจากนา้ํ ดืม่ มสี ารหนเู จือปนอยู 4. การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ มาก เปนตน วิเคราะหคําตอบ Agenda 21 เกิดขนึ้ จากการประชุมดานสง่ิ แวดลอ ม และการพฒั นาของสหประชาชาติ ณ นครรีอดู ีจาเนรู ประเทศบราซิล ค.ศ.1992 โดยเปน แผนแมบ ทขององคการสหประชาชาติ รัฐบาล และ หนว ยงานท่เี กีย่ วขอ งตา ง ๆ ในการปฏิบัตงิ านดา นส่งิ แวดลอ มเพื่อการ พัฒนาท่ยี ่งั ยืน ดงั น้ันคําตอบคอื ขอ 1. คมู ือครู 167

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นักเรียนในแตล ะกลุม ใหตอบคาํ ถาม การบําบัดน้ําเสียดวยการผสมผสานระหวางพืชนํ้ากับระบบเติมอากาศ เปนระบบ เกย่ี วกับแนวพระราชดาํ ริการบําบัดมลพิษทางน้าํ การบาํ บดั นา้ํ โดยอาศยั ธรรมชาตริ ว มกบั เทคโนโลยแี บบประหยดั เขา มาชว ยในการบาํ บดั นา้ํ นนั่ คอื ตวั อยา งขอ คาํ ถาม เชน ตกานรกสกรอาียงบิปอตกเพรวื่อดดสับํากหลริ่นับดกักาสราปรลแูกขผวนักตลอบยชวจาเา1พก่ือนช้ันวสยงดผูดานซนับํ้าสไิ่งปสยกังปบรอกตอโลๆหะไหปนักซแึ่งมละีกสาารรปพลิษูก ตาง ๆ ในแหลงนํ้า สุดทายจึงสงนํ้าเขาสูบอเติมออกซิเจน โดยอาศัยกังหันนํ้าชัยพัฒนาและ • การใชร ะบบบอ บําบัดผสมผสานกับวชั พืชเพอื่ แผงทอเติมอากาศชวยเติมออกซิเจนลงในนา้ํ แกป ญ หาน้าํ เสียเกดิ ข้นึ เน่ืองจากสาเหตใุ ด (แนวตอบ การใชร ะบบบอบาํ บดั ผสมผสานกบั 3) การบําบัดน้ําเสียดวยระบบบอบําบัดและวัชพืชบําบัด พระองคทรงให วชั พืชเพื่อแกปญหานาํ้ เสีย เน่ืองจากวชั พืชไม ดําเนินการโครงการวิจัยและการพัฒนาสิ่งแวดลอมแหลมผักเบี้ยอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ สามารถกําจดั ขยะปฏิกลู และสารแขวนลอย ตาํ บลแหลมผกั เบย้ี จงั หวดั เพชรบรุ ี เนอื่ งจากภายในชมุ ชนยงั ขาดระบบบาํ บดั นาํ้ เสยี และการกาํ จดั ขนาดตา งๆ ได การบาํ บัดน้ําเสียในแหลงนา้ํ ขยะมลู ฝอยทด่ี แี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ ทรงใหด าํ เนนิ การตามโครงการดงั กลา วขนึ้ ในพนื้ ท่ี 1,135 ไร ท่มี ีสิ่งสกปรกดงั กลา วจงึ ตอ งสรา งบอบําบดั เพอ่ื ใหเ ปน โครงการศกึ ษาวจิ ยั วธิ กี ารบาํ บดั นาํ้ เสยี กาํ จดั ขยะมลู ฝอยและการรกั ษาสภาพปา ชายเลน เพื่อดักขยะปฏิกลู และสารแขวนลอยกอนที่ ดวยวิธีธรรมชาติ โดยอาศัยระบบการบําบัดคลายกับท่ีหนองหาร คือ มีบอสําหรับดักขยะและ จะใหว ชั พืชอยา งผกั ตบชวาชว ยดดู ซบั สารพิษ สงิ่ สกปรกตา ง ๆ จากนั้นจงึ สงไปบําบดั ในขน้ั ตอนอ่นื ๆ ตอ ไป และตนกกอยี ิปตชวยดับกล่ินทไ่ี มพึงประสงค) 4) กังหันน้ําชัยพัฒนา พระองคทรงสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับอุปกรณการเติม • หลกั การทาํ งานของกังหนั น้ําชัยพัฒนา อากาศและทรงคิดคนทฤษฎีบําบัดนํ้าเสียดวยวิธีการเติมอากาศ จึงเปนท่ีมาของการประดิษฐ คอื อะไร เครอ่ื งกลเตมิ อากาศโดยเพมิ่ ออกซเิ จนใหแ กน าํ้ (แนวตอบ กงั หันนํา้ ชัยพัฒนามีหลักการทาํ งาน เพอื่ บาํ บดั นํ้าเสยี เรียกวา “กงั หันน้ําชัยพัฒนา” คอื บาํ บดั นาํ้ เสยี โดยการเตมิ ออกซเิ จนใหแ กน า้ํ อาศยั วธิ กี ารทาํ ใหอ อกซเิ จนสามารถละลายลงไป ซง่ึ จะชว ยเรง แบคทีเรียในน้าํ ใหเ จริญเตบิ โต ในนา้ํ ไดม ากขนึ้ จงึ ชว ยเรง การเจรญิ เตบิ โต และ ไดอยางรวดเร็วและยอ ยสลายส่ิงสกปรกทีอ่ ยู การเพาะขยายของแบคทเี รยี อยา งรวดเรว็ จนมี ในนํา้ ได โดยการวิดนํา้ ของกังหนั แลว ปลอย ปริมาณมากพอที่จะยอยสลายสิ่งสกปรกที่อยู น้ําออกจากซองเปน สายเล็กๆ ทาํ ใหน ้ําสมั ผสั อากาศและเพ่ิมออกซิเจนในแหลงนา้ํ ได) ในน้าํ กังหันนํ้าชัยพัฒนาเปนสิ่งประดิษฐ ท่ีเรียบงาย ประหยัด และสามารถผลิตข้ึนเอง ภายในประเทศ โดยมหี ลกั การทาํ งาน คอื การวดิ น้ําขนึ้ มา แลว ปลอยใหน ํา้ ไหลเปน สายออกจาก ซองวิดน้ํา ทําใหน้ําสัมผัสอากาศอยางท่ัวถึง กังหันชัยพัฒนาเปนเคร่ืองเติมอากาศผิวน้ําท่ีอาศัยหลัก ออกซิเจนจึงสามารถละลายในนํ้าไดมากข้ึน การวิดนํา้ ขน้ึ มา แลวปลอ ยใหน้าํ ไหลออกเปนสาย ทาํ ให จึงเปนการเพม่ิ ปริมาณออกซิเจนในแหลง นํา้ นา้ํ สมั ผสั กับอากาศมากขึ้น 168 นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ผกั ตบชวา เปน พืชพืน้ เมอื งของทวีปอเมริกาใต เขา ใจวา มแี หลงกาํ เนิดอยใู น ครูอาจใหน ักเรียนสรุปแนวทางการอนุรักษแ ละฟน ฟูสภาพสง่ิ แวดลอ ม ประเทศบราซิล แมวาในปจจุบันผกั ตบชวาจะเปน ท่รี จู กั อยางแพรหลายท่ัวโลก แต ตามแนวพระราชดาํ รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในอดตี เอกสารทางพฤกษศาสตรไ มม ีบนั ทึกเรื่องผักตบชวามากเทา ใดนกั จนกระท่งั โดยจัดทาํ เปนตารางหรือผังกราฟก ตางๆ ตามความสามารถและความ พ.ศ. 2367 เม่อื นกั พฤกษศาสตรแ ละนายแพทยช าวเยอรมนั ชอ่ื คารล วอน มารท อิ สั สนใจ ตกแตง ใหสวยงาม (Karl von Martius) ไดไปพบเขาในขณะท่ีทาํ การสาํ รวจพนั ธุพ ืชในประเทศบราซลิ ซ่งึ ผกั ตบชวาไมไ ดก อ ใหเกิดปญ หาแกร ะบบนิเวศแตอยา งใดเลย ทง้ั นีก้ เ็ พราะวาในถ่ิน กจิ กรรมทา ทาย กาํ เนดิ มีศัตรูธรรมชาติ เชน แมลง โรค และศัตรอู ื่นๆ คอยควบคมุ การระบาดอยูแลว แตเ ม่อื ถกู นําไปยงั ถ่ินอืน่ ซงึ่ ปราศจากศตั รูธรรมชาติ ผักตบชวาจึงเจรญิ เติบโตอยา ง ครอู าจใหน กั เรยี นสืบคน ขอมลู เกี่ยวกับแนวทางการอนรุ กั ษและฟน ฟู รวดเร็วและถงึ ขัน้ ทําใหเกิดปญหาตา งๆ ได ดงั นนั้ การนําผกั ตบชวามาใชบําบดั นํา้ เสยี สภาพสิ่งแวดลอ มตามแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร จงึ เปนการกําจดั ดว ยการใชประโยชนจากวชั พชื ที่ดอี ีกวธิ ีการหน่ึง มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชเพมิ่ เติมจากแหลง การเรยี นรูอ ่นื แลว จัดทาํ เปน ตาราง หรือผังกราฟก ตา งๆ ตามความสามารถและความสนใจ ตกแตง ใหสวยงาม 168 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain 5) การก�าจัดน้�าเสียโดยวิธีธรรมชาติ พระองค์ทรงมีพระราชด�าริให้ท�าการศึกษา ครูใหน กั เรยี นวเิ คราะหถ ึงหลกั การบาํ บดั นาํ้ เสยี ตามแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเดจ็ พระเจา - ทดลองวิจัยว่ามีปลาชนิดใดที่จะช่วยกินสารอินทรีย์ในแหล่งน้�าเสีย ซึ่งเป็นแนวทางหน่ึงที่จะช่วย อยหู วั เพอื่ ใหน ักเรยี นเขาใจในพระอจั ฉรยิ ภาพ ลดการเกิดน�า้ เสยี ได้ โดยพบว่าปลาบางชนิดที่มีอวยั วะพเิ ศษในการหายใจ เช่น ปลากระด่ี และ ดา นการแกปญ หาสิง่ แวดลอ มดว ยวธิ ีทางธรรมชาติ ปลาสลิด เหมาะแก่การเพาะเลี้ยงในแหล่งน้�าเสีย เพื่อให้ช่วยกินสารอินทรีย์และลดมลภาวะ เปนหลัก สะทอ นถงึ ความรคู วามเขา ใจเกยี่ วกับ ในแหล่งนา้� วธิ ีการน้ีสามารถนา� มาใชป้ ระโยชน์ในการก�าจดั น�้าเสยี ไดด้ ี มีตน้ ทนุ ต�่า และสามารถ ระบบนเิ วศและสามารถนําความรูมาใชป ระโยชน เพมิ่ ผลผลิตสตั วน์ า�้ อีกทางหน่งึ ดว้ ย ไดส อดคลองกบั การพฒั นาอยางย่ังยนื จากนัน้ ครู และนักเรยี นชว ยกันสรุปความรเู ก่ียวกับแนวพระ ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ราชดาํ รดิ า นการอนรุ กั ษและฟน ฟสู ภาพสิง่ แวดลอ ม สง่ิ แวดลอ้ ม “องคก์ ารอาหารและเกษตรแหง่ สหประชาชาต”ิ (Food and Agriculture Organization ของพระองค นกั เรียนบันทึกผลการสรุปลงในสมดุ : FAO) จึงได้ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณด้านการพัฒนาการเกษตรแด่พระบาท สมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช เม่อื วนั ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ในฐานะทีท่ รงบา� เพญ็ ขยายความเขา ใจ Expand พระราชกรณยี กจิ อทุ ศิ พระองคเ์ พอื่ ประโยชนส์ ขุ ของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะผซู้ งึ่ ประกอบอาชพี เพาะปลกู บ�ารุงรักษานา้� และบ�ารงุ รกั ษาปา่ ครูมอบหมายใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษา คน ควา เพ่มิ เติมเกีย่ วกับแนวทางการแกป ญ หาและ 6) การแกลง้ ดิน เป็นการแก้ปัญหาดนิ เปร้ียว หรอื ดนิ เปน็ กรด โดยการขงั น�า้ ไวใ้ น การพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมท่ี ยงั่ ยนื การดาํ เนินชวี ติ เพอื่ การพัฒนาทรัพยากร พน้ื ทจี่ นกระทงั่ เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมที �าใหด้ นิ เปรย้ี วจดั จนถงึ ทสี่ ดุ แลว้ จึงระบายน�้าออกและปรบั สภาพ และสิง่ แวดลอ มทีย่ ัง่ ยนื และแนวทางการอนรุ กั ษ ฟนื้ ฟดู นิ ดว้ ยปนู ขาว จนกระทั่งมีสภาพดพี อทีจ่ ะใช้ในการเพาะปลกู และฟน ฟสู ภาพสง่ิ แวดลอมตามแนวพระราชดาํ ริ จากแหลงการเรยี นรอู ืน่ แลว ชว ยกนั สาํ รวจสภาพ ด้วยพระปรีชาสามารถและพระราชกรณียกิจท่ีเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินมาอย่าง ปญ หาดา นสิง่ แวดลอมในทอ งถิน่ และจัดทํา ตอ่ เนอ่ื งและยาวนาน ปรากฏผลสา� เรจ็ เปน็ ทปี่ ระจกั ษอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง สหภาพวทิ ยาศาสตรท์ างดนิ แนวทางการแกไขปญหาดังกลา วตามหลักการ นานาชาติจึงได้ทลู เกลา้ ฯ ถวายรางวัลนักวิทยาศาสตร์ทางดินเพ่ือมนุษยธรรมแดพ่ ระบาทสมเด็จ พฒั นาท่ียั่งยืน ทั้งในระดบั ของหนวยภาครฐั และ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และองค์การสหประชาชาติมีมติรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคม เอกชน และภาคประชาชน ของทกุ ปี เป็น “วันดินโลก” รวมทง้ั ก�าหนดให้ พ.ศ. 2558 เปน็ “ปีดินสากล” ตรวจสอบผล Evaluate กล่าวได้ว่า ในธรรมชาติรอบตัวเรามีทรัพยากรต่าง ๆ อยู่มากมาย ท้ังที่เป็นส่ิงมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติบางชนิดอาจใช้แล้วหมดไป บางชนิดอาจเกิดข้ึนใหม่ได้ ครูและนกั เรียนชวยกันตรวจแนวทางการแกไ ข แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว และบางชนิดอาจเป็นทรัพยากรท่ีใช้ได้ไม่มีวันหมด แต่หาก ปญหาสงิ่ แวดลอมในทองถิ่นของนักเรยี นแตละกลุม ขาดการจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจท�าให้ทรัพยากรเสื่อมโทรมลง จนเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ได้ จากการนําเสนอผลงานของตัวแทนนักเรียนกลมุ ดังนั้น การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรจึงต้องมีมาตรการควบคุมการแก้ไขฟื้นฟู การอนุรักษ์ ตา งๆ โดยพจิ ารณาจากสภาพปญ หาสง่ิ แวดลอ ม และการพฒั นาความรแู้ ละเทคโนโลยใี หม ่ ๆ ทจี่ ะชว่ ยใหใ้ ชท้ รพั ยากรไดอ้ ยา่ งเกดิ ประโยชนค์ มุ้ คา่ ในทองถน่ิ ทค่ี วรไดร บั การแกไข และแนวทางการ มากทีส่ ุด และกอ่ ให้เกดิ ผลเสียตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มน้อยที่สดุ แกไขท่ถี กู ตองเหมาะสมตามหลกั การพฒั นาที่ย่ังยืน จากนัน้ ครมู อบหมายใหนกั เรียนนําไปปฏิบัติเพอื่ แก 169 ปญ หาสิง่ แวดลอ มในทอ งถ่ินตามความเหมาะสม ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’53 ออกเกย่ี วกบั การมีสว นรวมของประชาชนดา นส่ิงแวดลอ ม ครูควรอธบิ ายใหนักเรียนมคี วามรูค วามเขาใจเก่ียวกับแนวทางการอนุรกั ษแ ละ ขอ ใดไมใ ชห ลกั การพ้ืนฐานท่ีจะทาํ ใหการมีสวนรวมของประชาชนในการ ฟน ฟูสภาพสิ่งแวดลอมตามแนวพระราชดํารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดชเพิม่ เตมิ ไดแก การสง เสริมใหปลูกหญา แฝกเพ่ือลดการพงั ทลายของ ประเมินผลกระทบจากสิ่งแวดลอมเปน ไปอยางมปี ระสทิ ธิภาพ หนา ดนิ การทําฝนเทียมดว ยการโปรยสารเคมีเพื่อใหเ มฆฝนกอ ตัวในบริเวณทีแ่ หง แลง 1. การใหขอ มูลทีถ่ ูกตอ งและเหมาะสม และทีส่ าํ คัญ คอื หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ท่เี นน การพึง่ พาตนเอง คนใน 2. การตอบสนองตอความเหน็ หรอื ทาทีของประชาชน ทองถิน่ ชว ยเหลอื ซ่งึ กันและกัน ลดการพ่งึ พาจากภายนอก การมีความรูค วามเขาใจใน 3. การจาํ แนกกลมุ ผมู ีสวนรวมทเี่ หมาะสมและเปน ธรรม หลักวิชาการตางๆ และตดั สินใจบนพืน้ ฐานของหลกั คณุ ธรรม แลวใหนกั เรียนชวยกัน 4. การประเมนิ ผลสําเร็จของการมีสวนรว มของประชาชน แสดงความคดิ เหน็ ถึงการนอมนําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยกุ ตใ ชใน ชีวติ ประจาํ วัน จากนน้ั ครมู อบหมายใหนกั เรียนปฏบิ ัติตนตามความคิดเห็นทเ่ี หมาะสม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การจําแนกกลมุ ผมู ีสวนรวมท่เี หมาะสมและ แลวจัดทาํ เปนบันทึกผลการปฏบิ ตั ิสงครูผูสอน เปน ธรรม เนอ่ื งจากหลกั การพืน้ ฐานที่จะทําใหก ารมีสว นรวมของประชาชนใน การประเมนิ ผลกระทบจากส่ิงแวดลอมควรสอดคลอ งกบั หลกั การของระบอบ ประชาธิปไตยทีเ่ คารพในความเสมอภาคของประชาชนทกุ คน ความคิดเห็น และขอเทจ็ จริงท่ีไดรบั การเสนอจากประชาชนจงึ ควรไดร บั การรบั ฟงอยา ง เทา เทยี มกนั เพื่อการประเมนิ ผลกระทบอยางมีประสิทธิภาพ คูมือครู 169

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตองในการตอบคําถาม คาปถระาจÓมหนว่ ยการเรยี นรู้ ประจําหนวยการเรียนรู 1. เ พราะเหตใุ ดจึงต้องมกี ารจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู 2. อ งคก์ รเอกชนมีบทบาทในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมอย่างไร 3. จงยกตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากส่งิ แวดล้อมในการ สรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมในท้องถ่นิ ของนักเรยี น 1. บทความหลักการและแนวการจดั การ 4. การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มมแี นวทางอยา่ งไร ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ มในภมู ภิ าค 5. การพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มทยี่ ง่ั ยืนมีองค์ประกอบทส่ี า� คัญอะไรบ้าง ตา งๆ ของโลก และมีความจา� เปน็ ตอ่ สงั คมปจั จุบันอย่างไร 2. โปรแกรมการนําเสนอและเอกสารเผยแพร ความรเู กย่ี วกบั หนวยงานและองคก รทาง กิจสรก้ารงรสมรรค์พัฒนาการเรยี นรู้ สง่ิ แวดลอม กฎหมายเก่ียวกบั การอนรุ กั ษ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมของไทย กจิ กรรมท่ี ใหน้ กั เรยี นหาขา่ วเกย่ี วกบั กจิ กรรมขององคก์ รและการประสานความชว่ ยเหลอื หรือการประสานความรว มมือทางดา น ทางสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ สิง่ แวดลอมระหวา งประเทศ 1 หนงั สือพมิ พ ์ อินเทอรเ์ น็ต คนละ 1 ข่าว แลว้ นา� มาเสนอหน้าชัน้ เรียน 3. บนั ทึกผลการแกป ญ หาและการดําเนินชีวิตตาม กิจกรรมท่ี ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายในชั้นเรียนเก่ียวกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม แนวทางการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาติและ ของโลก พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข สิ่งแวดลอมเพอื่ การพฒั นาทีย่ ัง่ ยนื 2 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อศึกษาและสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับ 4. สมุดภาพการใชประโยชนจากสงิ่ แวดลอม กิจกรรมท่ี แนวทางการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ียั่งยืน แล้วท�า ในการสรางสรรควัฒนธรรมในประเทศไทยและ เป็นรายงานสง่ ครผู ้สู อน ในภมู ิภาคตางๆ ของโลก 3 5. แนวทางการแกไ ขปญ หาส่ิงแวดลอ มในทอ งถ่นิ ตามหลกั การพัฒนาทย่ี ่ังยืน 170 แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอมในภมู ภิ าคตางๆ ของโลก รวมถึงประเทศไทย อยใู นสภาวะเสือ่ มโทรมจนกลายเปน วิกฤตการณในหลายดา น ภูมภิ าคตา งๆ ของโลกจงึ ควรมสี วนรว มในการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม โดยในระดบั หนว ยงานภาครฐั บาลและเอกชนควรมกี ารศึกษาเพื่อการวางแผนการอนรุ ักษและ พัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ มในประเทศของตนอยา งถูกตองเหมาะสม รวมถึงในระดับประชาชนควรมีสว นรว มในการปฏบิ ตั ติ นอยางจริงจงั 2. องคกรเอกชนมบี ทบาทในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มในหลายแนวทาง ท่สี าํ คัญไดแ ก การใหค วามรแู ละจัดกจิ กรรมตา งๆ ใหป ระชาชนมสี ว นรว มกับ การอนรุ กั ษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม องคกรเอกชนท่สี ําคญั ในประเทศไทยและในโลก เชน มลู นิธสิ ืบนาคะเสถยี ร มลู นธิ โิ ลกสเี ขียว และกลมุ กรนี พีซ เปนตน 3. การใชป ระโยชนจากสิง่ แวดลอมในการสรางสรรควฒั นธรรมของทองถิ่นตา งๆ ในประเทศไทยมลี กั ษณะท่แี ตกตางกนั ไปตามสภาพแวดลอม วฒั นธรรมด้งั เดิม และอืน่ ๆ ตัวอยางทีส่ ําคญั คอื วฒั นธรรมทเี่ กย่ี วขอ งกบั การดาํ รงชีวิต ความเชอ่ื และศาสนา เชน การนิยมสรา งพทุ ธศาสนสถาน โดยเฉพาะพระธาตุบนยอดดอยของชาวไทยใน ลา นนา จากความศรัทธาและเคารพบูชาในพระพุทธเจาผเู ผยแผพระธรรมคาํ สอนดว ยการประดิษฐานพระธาตุไวในเจดยี ร ปู ทรงตา งๆ บนยอดดอยซึง่ เปน ท่สี งู 4. แนวทางในการอนรุ ักษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมท่ีสําคญั คอื การศกึ ษาลักษณะของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มในทอ งถ่นิ ตา งๆ อยา งจริงจงั เพอื่ การ ดําเนินการฟนฟูหรือพฒั นาไดอยางถกู ตองเหมาะสม ซงึ่ เปนบทบาทหนา ทสี่ าํ คัญของหนว ยงานและองคก รดา นส่งิ แวดลอม สวนประชาชนทว่ั ไปควรมีสวนรว มในการ ฟน ฟหู รอื พฒั นาของหนวยงานและองคกรดา นสงิ่ แวดลอ มตา งๆ และมจี ิตสาํ นกึ ดา นสง่ิ แวดลอ มในการดําเนินชีวติ ประจาํ วัน 5. องคป ระกอบทีส่ าํ คญั ของการพฒั นาทีย่ ง่ั ยนื ไดแก การมีคุณภาพชวี ติ ของประชากร ความสมดุลระหวางทรัพยากรธรรมชาตแิ ละความตอ งการใชป ระโยชนข อง ประชากร และความมัน่ คงทางดานเศรษฐกจิ ของชมุ ชน ซ่งึ มีความสําคญั อยางยิง่ ในยคุ ปจจบุ ันที่ทรพั ยากรธรรมชาติตา งๆ เร่มิ จะหมดไปจากโลก และระบบนิเวศ ขาดความสมดุล ทง้ั นี้เพือ่ ใหมที รัพยากรธรรมชาติที่อดุ มสมบรู ณเ พยี งพอตอ การดาํ รงชีวิตของประชากรในอนาคต 170 คมู่ ือครู

กระตุ้นความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate บรรณานกุ รม จกั รพนั ธ์ุ ปญั จะสวุ รรณ. 2545. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพฯ: โอ.เอส.พรนิ้ ตงิ้ เฮา้ ส.์ ทรงกต ทศานนท.์ 2550. หลกั การรับร้จู ากระยะไกล. เอกสารประกอบการสอนวิชา 106601. นครราชสมี า : สาำ นกั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสรุ นาร.ี ทรัพยากรธรณี, กรม. 2548. การลดความเสี่ยงจากกรณพี ิบัตภิ ยั คล่ืนยักษส์ ึนาม.ิ มปท. . 2548. แผน่ ดนิ ไหว ภยั ใกลต้ วั . กรงุ เทพ ฯ : แนกซอส อนิ ฟินติ ้ี. . 2548. สึนามิ คลน่ื ยกั ษ์มหาภยั . กรงุ เทพ ฯ : เอช ที พี เพรส. ประสทิ ธิ์ ทฆี พฒุ ิ และศภุ ฤกษ์ ตนั ศรรี ตั นวงศ.์ มปป. คมู่ อื เตอื นภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาต.ิ กรงุ เทพ ฯ : ดอกหญา้ . แผนทท่ี หาร กระทรวงกลาโหม, กรม. มปป. แผนที่ประเทศไทย. มปท. พฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ(องคก์ ารมหาชน). กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี สาำ นกั งาน.2548. การใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศในการติดตามพื้นท่ีประสบภัยคล่ืนสึนามิของประเทศไทย. มปท. ราชบณั ฑติ ยสถาน.2545. ประกาศสาำ นกั นายกรฐั มนตรแี ละประกาศราชบณั ฑติ ยสถาน เรอ่ื ง กาำ หนดชอ่ื ประเทศ ดนิ แดน เขตการปกครองและเมืองหลวง. กรงุ เทพ ฯ : อรุณการพิมพ.์ . 2549. พจนานกุ รมชอ่ื ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 1(อกั ษรA-L) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ทีฟลิ ม์ จาำ กดั . . 2550. พจนานกุ รมชอื่ ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 2(อกั ษรM-Z) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั สหมิตรพรนิ้ ตง้ิ แอนด์พบั ลิสชง่ิ จำากดั . . 2544. พจนานุกรมศัพท์ธรณวี ทิ ยา ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน. กรงุ เทพ ฯ : อรุณการพมิ พ.์ . 2549. พจนานกุ รมศพั ทภ์ มู ศิ าสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รง้ั ท่ี4(แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ วนพิมพ์. . 2545. อกั ขรานกุ รมภมู ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ 1 ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รง้ั ที่4(แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ). กรงุ เทพ ฯ : อรณุ การพิมพ.์ วรรณี พุทธาวฒุ ไิ กร. 2546. ภูมศิ าสตร์ประเทศไทย. กรงุ เทพ ฯ : โอ. เอส. พรน้ิ ต้งิ เฮา้ ส์. วนิ ยั วรี ะวฒั นานนท.์ 2541.สง่ิ แวดลอ้ มและการพฒั นา.พมิ พค์ รง้ั ท่ี3.กรงุ เทพฯ:สถาบนั พฒั นาสาธารณสขุ อาเซยี น วิโรจน์ เอย่ี มเจริญ และคณะ. 2553. ไทยแลนดแ์ อตลาส. กรงุ เทพ ฯ : บรษิ ทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จาำ กัด. . 2545. ภูมศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย. กรุงเทพ ฯ : มหาวิทยาลัยราชภฏั พระนคร. อภสิ ิทธ์ิ เอี่ยมหนอ่ และคณะ. 2551. ภูมิศาสตร์ ม.4-ม.6. กรุงเทพ ฯ : บรษิ ัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จาำ กัด. สมพร สงา่ วงศ์. 2552. การสำารวจจากระยะไกลในดา้ นการใชป้ ระโยชน์ที่ดนิ /ส่ิงปกคลมุ ดนิ และการประยุกต์. กรุงเทพ ฯ : สาำ นักพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. สวัสดิ์ โนนสงู . 2546. ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. พมิ พ์คร้ังท่ี 2. กรงุ เทพ ฯ : โอ. เอส. พร้นิ ตงิ้ เฮ้าส.์ 171 คูม่ อื ครู 171

กระตุน้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สัญญา สราภริ มย์. 2550. ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร.์ เอกสารประกอบการสอนวชิ า 106611. นครราชสีมา : สำานกั วิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี ุรนารี. สุกาญจน์ รัตนเลศิ นสุ รณ.์ 2546. หลักการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพ ฯ : ส.ส.ท. สวุ ทิ ย์ ออ๋ งสมหวงั .2550. การรบั รจู้ ากระยะไกลของสภาพแวดลอ้ มในธรรมชาต.ิ เอกสารประกอบการสอนวชิ า 106704.นครราชสมี า : สำานักวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนาร.ี อาำ นาจ เจรญิ ศลิ ป.์ 2543. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพ ฯ : โอ. เอส. พรน้ิ ตง้ิ เฮาส.์ Cunningham, William P. and Barbara W. Saigo. 1999. Environmental Science. Fifth Edition. Ohio : McGraw-Hill. Enger, Eldon D. and Bradley F. Smith. 2000. Environmental Science. Seventh Edition. Ohio : McGraw-Hill. Fellmann, Jerome. Arthur Getis and Judith Getis. 2001. Human Geography : Landscapes of Human Activities. New York : McGraw-Hill. Joyce, Alan C. 2015. The World Almanac and Book of Facts 2015. New Jersey : World Almanac Education Groups. Koh, Andy and Goh, Valerie. 2006. Earth Our Home. Singapore : Marshall Cavendish Education. Revelle, Penelope. and Charles Revelle. 2002. The Global Environment : Securing a Sustainable Future. Boston : Jones and Bartlett. Sanchez, David and Jose Manuel Cerezo. 2003. Science 1 Natural Science. Madrid : Santillana Education, S.L. Waugh, David. 2000. Geography : An Integrated Approach. London : Nelson House. สือ่ ขอ้ มูลอเิ ล็กทรอนกิ ส์ นโยบายและแผนการใชท้ ด่ี นิ กรมพฒั นาทดี่ นิ , สาำ นกั . สรปุ ประเภทการใชท้ ด่ี นิ ประเทศไทย.(ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมือ่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558. มาจาก http://www.ldd.go.th ทรพั ยากรธรณี กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม, กรม. ความรทู้ ่วั ไปดา้ นแร.่ (ออนไลน์). เขา้ ถงึ เมอื่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558. มาจาก http://www.dmr.go.th อตุ นุ ยิ มวทิ ยา, กรม. ปรมิ าณนา้ำ ฝน.(ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอื่ 9 เมษายน พ.ศ.2558. มาจากhttp://www.tmd.go.th อทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพุ์ ชื , กรม. เนอ้ื ทปี่ า่ ไม.้ (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอ่ื 9 เมษายน พ.ศ.2558. มาจาก http://www.dnp.go.th BP. BP Statistical Review of World Energy 2014. (online). Accessed April 9, 2015. Available from http://www.bp.com 172 172 คู่มอื ครู

Shape the FUTURE สร้างอนาคตทีเ่ ราอยากเป็น ผลติ และจดั จำหนา่ ยโดย โปรดดรู าคาเลม่ นกั เรยี นจากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 คู่มือครู บร. ภูมิศาสตร์ ม.4-6 โทร./ แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) AksornACT www.aksorn.com 8 8 5 8 6 4 9 1 32 15600 8.- ราคาน้ี เปน็ ราคาของฉบบั คมู่ อื ครู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook