กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ ครูสนทนารวมกนั กับนกั เรียนถึงความรูทว่ั ไป เกี่ยวกบั การจดั การพลงั งานในดานความสําคญั ของ พลงั งานตอประเทศไทย แลวสมุ นกั เรยี น 2 กลมุ ให 2. การพัฒนาพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ แบง หนา ทก่ี ันอธบิ ายความรู จากนัน้ ครแู ละนักเรยี น พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังงานท่ีเกิดข้ึนใหม่ได้ เช่น พลังงานจากแกลบ ชว ยกนั สรุปความรทู ่ไี ดจากการศกึ ษาเกย่ี วกับการ จัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ ม ทง้ั ใน อ้อย มันส�าปะหลัง มะพร้าว เป็นต้น โดยน�า สวนของหลักการและแนวทาง นักเรียนบันทึกความรู มาใช้ประโยชน์ให้เพ่ิมมากข้ึน และพัฒนาให้มี ท่ีสรุปไดลงในสมุด ต้นทุนการผลติ ต�่ากวา่ พลังงานที่ใช้อยู่ 3. การพัฒนาเทคโนโลยีท่ี ลดการใช้พลังงาน โดยการพัฒนาเครื่องใช ้ เคร่ืองจักรและยานพาหนะท่ีสิ้นเปลืองพลังงาน ขยายความเขา้ ใจ Expand ใหใ้ ชพ้ ลงั งานน้อยลง ครูแนะนํานักเรียนแตล ะกลมุ เพม่ิ เตมิ เก่ียวกับ 4. การใชส้ ง่ิ ของอยา่ งประหยดั ความสอดคลองระหวา งหลกั การกับแนวทางในการ กระบวนการผลิตและขนส่งสินค้าล้วนต้องใช้ จัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม แลว พลังงาน การบริโภคส่ิงของเครื่องใช้อย่าง ใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ชวยกันศกึ ษาคน ควา ขอ มูล ประหยัดจะเป็นการประหยัดพลงั งานอกี วิธหี น่งึ เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั หลักการและแนวทางการจดั การ พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานทดแทนที่ใช้ไม่หมด 5. การส�ารองพลังงาน ควรมี ทรพั ยากรธรรมชาติในแตล ะดาน เชน ทรพั ยากร หากมีการพัฒนาให้มีต้นทุนการผลิตลดลง จะท�าให้ การส�ารองพลงั งานท่จี �าเปน็ เช่น น�า้ มนั ไฟฟา้ ดิน น้าํ ปา ไมแ ละสตั วปา ในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก สามารถนา� มาใช้ประโยชน์ไดม้ ากขึน้ แก๊สหงุ ต้ม เป็นตน้ เพ่ือใช้ในยามฉุกเฉนิ ตง้ั แต่ในระดับครวั เรือนจนถึงระดับประเทศ กลมุ ละ 1 ดา น จากแหลง การเรียนรูตา งๆ จากนนั้ ชวยกันจัดทําบทความเกยี่ วกับหลกั การและแนวทาง การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมใน ภมู ิภาคตางๆ ของโลกในดานทก่ี ลมุ ตนศกึ ษามา เรอ่ื งน่ารู้ ความยาวไมต าํ่ กวา 5 หนา กระดาษ A4 โดยใชภ าพ เขตรักษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ ทุง่ ใหญน่ เรศวรและหว้ ยขาแข้ง มรดกโลกทางธรรมชาติแหลง่ แรกของไทย ประกอบและผังกราฟก ตามความเหมาะสม เขตรักษาพนั ธส์ุ ัตวป์ ่าทุง่ ใหญ่นเรศวร พื้นท่ีจังหวดั กาญจนบรุ ีและตาก และเขตรักษาพันธส์ุ ตั ว์ปา่ หว้ ยขาแขง้ พื้นท่จี ังหวัดอุทยั ธานี มพี ืน้ ท่ีรวมกันประมาณ 3,888,750 ไร่ ไดร้ ับการประเมนิ คุณค่าจากองค์การยูเนสโกใหเ้ ป็น ตรวจสอบผล Evaluate แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติด้วยเป็นพื้นที่ที่มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งส�าคัญทางธรณีวิทยา และวิวัฒนาการ ทางชีววิทยาที่มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติของมนุษย์ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีมีความพิเศษ ครูตรวจบทความหลกั การและแนวการจัดการ เป็นเลิศ รวมทั้งมีความงดงามตามธรรมชาติท่ีหาได้ยากยิ่ง และเป็นที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ที่หายาก ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มในภมู ิภาคตางๆ ของโลก และเปน็ แหลง่ รวมความหลากหลายทางชวี ภาพทส่ี า� คญั แหง่ หนงึ่ ของโลก โดยเปน็ แหลง่ รวมความหลากหลาย ของโลกจากการนาํ เสนอของตัวแทนนกั เรยี นแตล ะ ทางชีวภมู ศิ าสตรถ์ งึ 4 เขต คือ อนิ โด-หมิ าลายนั ทุนดรา อินโด-เบอรม์ ิส และอนิ โดจนี ประกอบดว้ ยสตั วเ์ ลีย้ งลกู กลุม โดยพิจารณาจากความถกู ตองชดั เจนของขอ มูล ด้วยนมมากกวา่ 120 ชนดิ นก 401 ชนดิ สัตวเ์ ลื้อยคลาน 90 ชนิด สัตว์สะเทินน้�าสะเทนิ บก 41 ชนิด ปลา 107 ชนิด การนําเสนอ ในดา นการจดั ลําดับเนอ้ื หา สํานวนภาษา ซงึ่ เปน็ สัตว์ท่ีหายากของโลกถงึ 28 ชนิด เชน่ ควายปา่ เสือโครง่ กระทงิ สมเสร็จ นกยงู ไทย เปน็ ต้น และการใชภาพหรอื ผงั กราฟกประกอบทช่ี วยใหผอู าน เกิดความสนใจและเขาใจสาระสาํ คัญของบทความได 142 ดยี ิง่ ข้นึ จากนั้นรวบรวมบทความท่ดี ไี วเ ปน แหลงการ เรียนรูข องชัน้ เรยี น ขอสอบ O-NET บูรณาการอาเซยี น ขอ สอบป ’53 ออกเก่ยี วกบั การขึน้ ทะเบยี นมรดกโลก ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรูบ รู ณาการอาเซียนโดยอธบิ ายถึงแหลงมรดก การขน้ึ ทะเบยี นมรดกโลกตองไดรับการรับรองจากหนว ยงานใด โลกทางธรรมชาตขิ องประเทศตาง ๆ ในอาเซยี น เชน อาวฮาลอง (Ha Long Bay) 1. UNICEF 2. UNESCO ประเทศเวียดนาม ไดรบั การขนึ้ ทะเบยี นใน ค.ศ.1994 เปน อาวทมี่ ีหมูเกาะนอยใหญ 3. UNCTAD 4. UNESCAP ถึง 1,600 เกาะ อยทู างตอนเหนอื ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีความสวยงามแปลกตา วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. UNESCO มชี อื่ เตม็ วา United Nations อนั เกิดจากการกดั กรอ นของน้ําทะเลตอ โครงสรางทางธรณวี ทิ ยาท่ีเปนหินปนู Educational, Scientifific and Cultural Organization คือ องคก ารการศึกษา อุทยานแหง ชาติโคโมโด (Komodo Natural Park) ประเทศอินโดนเี ซีย ไดรับการ วิทยาศาสตร และวฒั นธรรมแหง สหประชาชาติ กอ ตัง้ ขึ้นใน ค.ศ. 1972 ข้ึนทะเบยี นใน ค.ศ.1994 จากการเปน เกาะภูเขาไฟซึ่งเปน ที่อยอู าศัยของมังกร เพอื่ ฟนฟแู หลงวฒั นธรรมและธรรมชาติที่สําคัญของโลกซง่ึ ประสบกบั ความ โคโมโด (Komodo dragons) สัตวเ ลื้อยคลานขนาดใหญแ หง เดยี วของโลก และ เส่ือมโทรมจากกิจกรรมตางๆ ของมนษุ ย โดยการขึน้ ทะเบยี นเปน มรดกโลก อทุ ยานแหงชาติคนิ าบาลู (Kinabalu Park) รฐั ซาบาห ประเทศมาเลเซีย ทไ่ี ดรับ แบงออกเปน 3 ประเภท ไดแก มรดกโลกทางวฒั นธรรม มรดกโลกทาง การขนึ้ ทะเบยี นใน ค.ศ. 2000 ดวยลักษณะของปา ดิบชน้ื ที่ผสมผสานพนั ธพุ ืชและ ธรรมชาติ และมรดกโลกแบบผสมผสาน ซง่ึ แหลงวัฒนธรรมและธรรมชาติใน สตั วจ ากเขตหิมาลัย จนี และออสเตรเลยี เพ่อื ใหน กั เรยี นมีความรูเกย่ี วกบั ความ ประเทศตา งๆ ตองมีลักษณะทสี่ อดคลองกับเกณฑม รดกโลกในประเภทนน้ั ๆ อุดมสมบูรณท างธรรมชาติอนั เปนเอกลักษณของภูมภิ าค และผานการพจิ ารณาจากคณะกรรมการมรดกโลกของยเู นสโก จงึ ไดรับการ ข้ึนทะเบยี นเปน มรดกโลก 142 ค่มู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ครูนาํ ภาพขา วเก่ียวกับบทบาทในการดูแลรกั ษา . หน่วยงานและองคก์ รทางส่ิงแวดล้อม สิ่งแวดลอ มของหนว ยงานทเี่ ก่ียวขอ งและองคก ร ตางๆ ท้งั ในประเทศและตา งประเทศ เชน การ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน รวมท้ัง รือ้ ถอนสงิ่ กอสรา งทรี่ ุกลาํ้ พ้ืนท่ีปา เพอ่ื การอนุรกั ษ หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานท่ีมหี น้าที่รับผิดชอบ ของเจา หนา ทีก่ รมอทุ ยานแหง ชาติ สตั วป า และ โดยตรงในประเทศไทย คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ซง่ึ มีหน่วยงานในระดับ พันธพุ ชื การพฒั นาแนวทางการอยูร ว มกนั ระหวา ง กรม กอง และหนว่ ยงานเฉพาะเรือ่ งอกี มาก และยังมีกระทรวงอื่น ๆ ทไ่ี ด้เข้ามามีบทบาทในการ ปา อนรุ กั ษกับชาวบานในชุมชนบรเิ วณผนื ปา ภาค ภปอ้าคงกเอนั ก ชแนกทไ้ ขเี่ ร ียแกลวะา่อ น“Nรุ ักoษn ์ทGรัพovยeาrกnรmธeรรnมt ชOาrตgิแaลniะzสaิ่งtiแoวnด”1 ลห้อรมืออทกี ีเ่ ดร้วียยก กนนั อยก่อจ ๆา กวนา่ ้ีย ัง“มNีหGนO่ว”ย เงปา็นน ตะวันตกของมูลนธิ ิสบื นาคะเสถยี ร และการลงนาม องค์กรส�าคัญท่ีช่วยกระตุ้นให้ทุกฝ่ายเห็นความส�าคัญ และสร้างความส�านึกรับผิดชอบร่วมกันใน ในพิธสี ารเกยี วโต (Kyoto Protocol) ของประเทศ ตางๆ เพอื่ รวมกันลดการปลอ ยแกส เรอื นกระจกข้ึน การดูแ2ลร.1กั ษาหคนณุ คว่ ่ายขงอางสนิง่ แทวาดงลส้อม่ิงเแพ่อืวจดะชลว่ อ้ ยใมหข้ส่งิอแงวรดลัฐ้อ2มกลับคนื สู่สภาพทด่ี ีขนึ้ ตอ่ ไป สูบรรยากาศ แลว ใหน กั เรยี นบอกหนว ยงานและ องคก รทางสิ่งแวดลอมและกิจกรรมของหนวยงาน น้ันๆ ทนี่ กั เรียนทราบ จากน้ันครูอธบิ ายใหนักเรยี น หนว่ ยงานของรฐั ทมี่ บี ทบาทสา� คญั ในการดแู ลรกั ษา ฟน้ื ฟสู ง่ิ แวดลอ้ มทส่ี า� คญั ไดแ้ ก ่ กระทรวง ตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ของหนวยงานและองคกร ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทางสง่ิ แวดลอมประเภทตา งๆ ในการอนุรกั ษ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยแตล่ ะกระทรวงมบี ทบาทสา� คญั ดงั น้ี ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอม 1) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายด้านทรัพยากร ธรรมชาติ ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม และการบริหารจดั การทส่ี �าคญั ดงั น้ี 1. สงวน อนรุ กั ษ ์ ฟน้ื ฟ ู เพอ่ื ดา� รงสภาพสมบรู ณข์ องทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละจดั การ สาํ รวจคน หา Explore การใช้ประโยชน์ เพื่อตอบสนองความต้องการตามศักยภาพให้เกิดประโยชน์อย่างย่ังยืน รวมท้ัง ครใู หน ักเรยี นรวมกลมุ กนั กลมุ ละ 4 คน เพื่อ สง่ เสริมและด�าเนนิ การตามโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดา� ริ ใหชว ยกันศึกษาความรูเก่ยี วกบั หนว ยงานและ 2. จัดท�าระเบียบ กฎเกณฑ์ องคกรทางส่งิ แวดลอม กฎหมายเก่ยี วกับการ และระบบการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของ อนุรักษท รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ มของไทย ชุมชน ท้องถ่ิน และประชาชนทุกกลุ่มอย่าง และการประสานความรวมมือทางดานสิ่งแวดลอม มีประสิทธิภาพ รวมท้ังแบ่งปันผลประโยชน์ ระหวา งประเทศ จากหนังสือเรียน หนา 143-155 อย่างยุติธรรม ตลอดจนก�าหนดข้อเสนอแนะ และแหลง การเรยี นรอู นื่ ๆ เชน หนงั สอื ในหองสมุด แนวทาง และมาตรการการใช้ประโยชน์จาก เอกสารเผยแพรขอมูลของหนวยงานและองคกรทาง ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทอย่างย่ังยืนและ สิ่งแวดลอ ม ตลอดจนใบความรูที่ครจู ดั ทาํ ขึน้ จาก สอดคล้องกับสถานการณ์บนฐานข้อมูลจาก ขอ มลู ในเวบ็ ไซตของหนว ยงานและองคก รทาง การวจิ ยั และพฒั นา และนา� ไปส่กู ารปฏิบตั ิอย่าง สงิ่ แวดลอ ม ที่สําคัญไดแก http://www.mnre. จรงิ จงั มมี าตรการตรวจสอบและบทลงโทษผทู้ ่ี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มีบทบาท go.th/mnre/เวบ็ ไซตก ระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ ฝ่าฝนื ส�าคญั ในการฟน ฟูคณุ ภาพสิง่ แวดล้อมใหด้ ีขึ้น และส่ิงแวดลอ ม http://www.seub.or.th/ เวบ็ ไซต 143 มูลนิธสิ ืบนาคะเสถยี ร http://www.greenworld. or.th/ เว็บไซตมูลนธิ ิโลกสีเขยี ว และ http://wwf. panda.org/ เวบ็ ไซตมูลนิธิคุมครองสัตวปา โลก ขอสอบ O-NET (World Wildlife Fund : WWF) ขอสอบป ’53 ออกเกีย่ วกบั การปฏบิ ัติตามขอตกลงระหวางประเทศดาน นักเรยี นควรรู สงิ่ แวดลอมของไทย 1 Non Government Organization หรอื NGO คือ ลกั ษณะขององคกรที่ การทป่ี ระเทศไทยกําหนดใหเลกิ ใชสารซเี อฟซใี นการผลิตสินคา เปน การ เกิดข้ึนโดยกลมุ บุคคลหรือนิตบิ ุคคลซ่งึ มกี ารดําเนินงานอยางอิสระไมข ้นึ ตอรัฐบาล ของประเทศใด เริม่ มีการกอตัง้ อยางจริงจังภายหลังการสน้ิ สดุ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ปฏบิ ัตติ ามขอตกลงใด และในปจ จุบนั คาดวา มีองคกรประเภทน้ีมากถงึ 40,000 องคก รในโลก โดยองคกร 1. พิธสี ารเกยี วโต สวนใหญเ คลอ่ื นไหวในดา นสิ่งแวดลอ มและการพัฒนา และสทิ ธิมนุษยชน 2. อนสุ ญั ญาไซเตส 2 หนว ยงานทางสิง่ แวดลอมของรฐั นอกเหนอื จากกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ 3. อนุสญั ญาบาเซิล และสงิ่ แวดลอ ม กระทรวงการเกษตรและสหกรณ และกระทรวงมหาดไทย เชน 4. พิธีสารมอนทรีออล กระทรวงพลังงาน ทมี่ ีนโยบายหลักในการสง เสรมิ และผลกั ดนั การอนุรกั ษพ ลังงาน อยา งเตม็ รูปแบบ โดยลดระดับการใชพลงั งานตอ ผลผลติ และสง เสรมิ กลไกการ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. พิธสี ารมอนทรอี อล วา ดวยสารทําลาย พัฒนาพลังงานทสี่ ะอาดเพื่อลดแกสเรอื นกระจกและแกป ญ หาภาวะโลกรอ นสราง จติ สํานึกของผบู รโิ ภคในการใชพ ลงั งานอยางประหยัดและมปี ระสิทธิภาพ ชน้ั บรรยากาศโอโซน เปน สนธิสัญญาสากลทก่ี าํ หนดขึ้นใน ค.ศ.1987 เพอื่ ควบคมุ ยับยง้ั และรณรงคใหลดการผลติ และการใชสารทําลายชัน้ บรรยากาศ โอโซน ทสี่ ําคญั ไดแ ก คลอโรฟลอู อโรคารบ อน (CFCs) เพือ่ รกั ษาช้นั บรรยากาศโอโซนท่เี กิดวกิ ฤตการณจ ากสารเหลาน้ี คมู อื ครู 143
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครตู ้งั คําถามเกีย่ วกับบทบาทหนา ทข่ี อง 3. ปอ้ งกนั รกั ษา และฟน้ื ฟคู ณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มใหด้ ขี นึ้ และอยใู่ นระดบั มาตรฐานที่ หนว ยงานภาครัฐท่เี กยี่ วขอ งกับส่ิงแวดลอ ม ไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ อนามยั ของประชาชน ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสมในการจดั การคณุ ภาพ แลวสมุ ใหนักเรยี นแตละกลมุ ชว ยกันตอบ เชน สิ่งแวดลอ้ ม • หนวยงานหลกั ในการอนรุ ักษ 4. สร้างกระบวนการเรียนรู้ เพ่ือให้ชุมชนสามารถป้องกัน คุ้มครอง และฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม รวมถึง วสัฒิ่งแนวธดรลร้อมม ปชรุมะชเพนณ ีสว่ิงถิ แชี ววีดติ ลแ้อลมะธภรมู ริปมัญชญาตาิ ทส้อ่ิงงแถวิน่ ดเ1พล้ออื่ ใมหศเ้ ิลปปน็ กมรรรดมกทสี่ืบเกที่ยอวดขไ้อปงยกังับอปนชุระนวรัตนุ่ ิศตาอ่ สไตปร ์ สงเสรมิ และดําเนินการตามโครงการอนั เน่ือง 5. รณรงค์และสร้างจิตส�านึกของประชาชนทุกฝ่าย รวมทั้งสร้างเครือข่ายการมี มาจากพระราชดํารติ า งๆ คือหนวยงานใด ส่วนรว่ มในการดา� เนนิ งานอ ยา่ งจรงิ จงั และต่อเนอื่ ง และมีขอบขา ยหนาท่อี ยางไรบา ง (แนวตอบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ 2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ ไดม้ กี ารปรบั แผนการดา� เนนิ งานเกย่ี วกบั การเกษตร ส่ิงแวดลอมเปน หนวยงานหลกั ทม่ี ีหนาที่ ในการอนุรักษ ฟนฟู ทรพั ยากรธรรมชาติ ท่ีเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมที่ส�าคัญ เช่น การปรับโครงสร้างการเกษตร โดยมีโครงการท่ีได้รับอนุมัติ และส่ิงแวดลอมในประเทศ เพ่ือตอบสนอง ให้ด�าเนินการ คือ โครงการอนุรกั ษ์พนั ธกุ รรมพชื โครงการจัดหาแหลง่ น�้าในระดับไร่นาและชมุ ชน ความตองการตามศักยภาพใหเ กิดประโยชน โครงการชลประทานขนาดเลก็ โครงการเกษตรทฤษฎใี หม ่ โครงการเมอื งเกษตรสเี ขยี ว และโครงการ อยางย่งั ยืน รวมถึงสงเสรมิ และดําเนนิ การ ฟน้ื ฟสู ภาพแวดลอ้ มทเี่ สอ่ื มโทรมในเขตปฏริ ปู ทด่ี นิ โดยมกี รมพฒั นาทดี่ นิ และสา� นกั งานปฏริ ปู ทด่ี นิ ตามโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดํารทิ ี่ เพอื่ เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปน็ หนว่ ยงานทม่ี บี ทบาทสา� คญั โดยกรมพฒั นาทดี่ นิ มภี าระหนา้ ทใี่ นการ เกีย่ วของกบั สงิ่ แวดลอ มตางๆ ผานทางการ สา� รวจ วเิ คราะหแ์ ละสง่ เสรมิ พฒั นาคณุ ภาพของดนิ เพอ่ื การใชป้ ระโยชนท์ างเศรษฐกจิ และสงั คม เพอื่ จัดทาํ ระเบยี บ กฎ และระบบการเขาถงึ เปน็ ไปอยา่ งประหยดั สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นระยะยาว สว่ นสา� นกั งานปฏริ ปู ทดี่ นิ เพอื่ เกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนในทกุ ภาค มีหน้าท่ีหลักในการจัดสรรท่ีดินท�ากินให้กับประชาชน เพ่ิมประสิทธิภาพการใช้น้�าเพ่ือการเกษตร สว นบนพ้ืนฐานของการวิจยั และพฒั นา และ และจัดหาแหล่งน้�าเพอ่ื อุปโภคบรโิ ภค นาํ ไปสกู ารปฏบิ ัติอยางจรงิ จัง) 3) กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานหลักของกระทรวงมหาดไทยในการก�าหนด 2. ครูตงั้ ประเดน็ ใหน ักเรยี นแตละกลมุ อภิปราย กลุมยอ ยเกยี่ วกับหนวยงานภาครัฐทเ่ี ก่ยี วขอ ง นโยบายด้านทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม คือ กรมท่ีดนิ โดยมภี าระหนา้ ทสี่ �าคญั ดงั นี้ กบั การอนรุ ักษสงิ่ แวดลอมของไทย ไดแ ก 1. ด�าเนินการส�ารวจท่ีดินของรัฐให้ทราบถึงสภาพ ประเภท ต�าแหน่ง แนวเขต กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอม และเนื้อทด่ี ินของรฐั กระทรวงเกษตรและสหกรณ และกระทรวง 2. ดแู ลรกั ษาและดา� เนนิ การคมุ้ ครองปอ้ งกนั ทดี่ นิ อนั เปน็ สมบตั หิ รอื ทรพั ยส์ นิ ของ มหาดไทย เชน บทบาทหนา ทข่ี องหนว ยงาน แผน่ ดนิ ตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ ภาครฐั กบั การอนุรักษส ่ิงแวดลอ มของไทย 3. ดา� เนนิ การเกยี่ วกบั งานในหนา้ ทขี่ องคณะกรรมการจดั ทดี่ นิ แหง่ ชาต ิ ในการวาง กลไกการอนรุ กั ษส ิง่ แวดลอมของภาครฐั นโยบายการจัดที่ดินและการวางแผนการถือครองท่ีดิน การสงวนหรือหวงห้ามที่ดินของรัฐท่ีมิได้ และทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอมท่ี มบี ุคคลใดมีสิทธคิ รอบครองเพอ่ื ให้ประชาชนใชป้ ระโยชน์ร่วมกัน อดุ มสมบรู ณ : ภารกจิ หลกั ของหนว ยงานท่ี 4. ดา� เนนิ การเกย่ี วกบั การจดั ทด่ี นิ ใหป้ ระชาชน เพอื่ ใชเ้ ปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั และประกอบ เกยี่ วของภาครัฐ แลวใหน กั เรียนแตละกลุม การเลีย้ งชีพ สงตวั แทนออกมานาํ เสนอผลการอภปิ รายกลมุ 5. ดา� เนนิ การศึกษา สา� รวจ จัดเกบ็ ขอ้ มูลเก่ียวกับทีด่ ิน เพ่ือเปน็ ศูนยข์ อ้ มลู ที่ดิน ยอยของตนทหี่ นาชน้ั เรยี น ครูและนกั เรยี น ชว ยกนั สรุปเปนผลการอภิปรายของชัน้ เรียน 144 นักเรยี นควรรู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การดาํ เนินงานดา นส่ิงแวดลอ มของรัฐ 1 ภูมิปญ ญาทอ งถิ่น ในประเทศไทยปจ จบุ ันภูมิปญ ญาทองถน่ิ ไทยสามารถจด รฐั สามารถดําเนินงานดา นสิง่ แวดลอมไดอยางไร ทะเบียนไดก ับกรมทรพั ยสนิ ทางปญ ญา เมอ่ื ไดร ับการจดแจงแลว จะถกู รวบรวมไว 1. จัดต้ังกองทุนส่งิ แวดลอม เปนฐานขอมลู สําหรบั ใหป ระชาชนผูส นใจไดค น หาขอ มลู หรือติดตอ กบั ผแู จงขอมลู 2. ออกกฎหมายส่ิงแวดลอ ม เพ่ือประโยชนในทางธุรกิจอันเปน การอนรุ ักษและสง เสรมิ ภมู ิปญญาใหมกี ารนาํ ไปใช 3. ผลติ นกั วิจัยดานส่งิ แวดลอ ม อยา งเกิดประโยชนส ูงสุดในเชิงพาณิชย 4. จัดประชมุ สัมมนาระดับชาตดิ า นสงิ่ แวดลอ ม วเิ คราะหค ําตอบ ภาครฐั มีบทบาทในการดาํ เนินงานดานสง่ิ แวดลอม มุม IT ไดหลายดา น ท่ีสาํ คัญไดแก การออกกฎหมายเกย่ี วกบั สิ่งแวดลอ ม การจดั ประชุมสัมมนาระดับชาตดิ า นสงิ่ แวดลอ ม และการจดั ตง้ั กองทุนเพ่อื ศกึ ษาคน ควา เก่ียวกับบทบาทหนาทีข่ องกระทรวงเกษตรและสหกรณใ นการ สง่ิ แวดลอ ม สวนการผลิตนกั วิจยั ดานส่งิ แวดลอ มเปน การดาํ เนินงานทส่ี าํ คญั อนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ มของไทยเพ่ิมเติมไดที่ ของสถาบนั การศึกษาทงั้ ภาครฐั และเอกชน ดังนั้นคําตอบคอื ขอ 1. 2. http://www.moac.go.th/main.php?filename=index เว็บไซตก ระทรวงเกษตร และ 4. และสหกรณ 144 คมู่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 2.2 องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสง่ิ แวดล้อมในประเทศไทย ครูสอบถามนกั เรยี นแตละกลมุ ถงึ ความรู เกย่ี วกบั องคกรพฒั นาเอกชนดานสิง่ แวดลอมใน องค์กรเอกชน หรือองค์กรพัฒนาเอกชน (อพช.) หรือเป็นที่คุ้นเคยกันในช่ือ NGO ประเทศไทยที่นักเรยี นไดศึกษามา โดยเฉพาะใน เร่ิมเป็นท่ีรู้จักในองค์การสหประชาชาติเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ดา นแนวคิดและประวัติความเปน มา แลวครูสุม การท่ีเกิดองค์กรพัฒนาเอกชน เพราะสังคมเกิดการเปล่ียนแปลงมากข้ึน และหลากหลายข้ึน นักเรยี นในแตละกลุมครง้ั ละ 1 คน ใหอธิบาย ทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาทางสงั คมตา่ งๆ มากมาย จนหนว่ ยงานภาครฐั หรอื หนว่ ยงานราชการไมอ่ าจแกไ้ ข ลกั ษณะสาํ คัญขององคก รพัฒนาเอกชนดาน หรือพฒั นาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ จึงจ�าเปน็ ทตี่ อ้ งมกี ลุ่มบุคคลในระดบั ชาวบา้ นรวมตวั กนั เข้ามา สงิ่ แวดลอม คนละ 1 ขอ โดยใชค ําถาม ดังนี้ ชว่ ยเหลอื ในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ สทิ ธมิ นษุ ยชน ศาสนา การศกึ ษา เศรษฐกจิ และสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ ตน้ หลักการสา� คญั ขององค์กรพัฒนาเอกชน คอื ประชาชนมสี ่วนร่วมกบั รัฐบาลในการพฒั นา • ฐานะทางกฎหมายขององคกรพฒั นาเอกชน สังคม ซ่ึงเป็นหลักการส�าคัญของประเทศท่ีมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทั่วไป ส�าหรับ ดานสง่ิ แวดลอ มเปนเชน ไร ประเทศไทยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้รัฐบาลต้องส่งเสริมและคุ้มครองให้ประชาชนมีส่วนร่วม (แนวตอบ องคก รพัฒนาเอกชนดา น ในการดแู ลส่ิงแวดลอ้ ม โดยมสี ิทธเิ สรีภาพทีจ่ ะจัดตงั้ เป็นสมาคมได้ ดังนัน้ องค์กรพฒั นาเอกชนท่ี ส่ิงแวดลอมในประเทศไทยมที ั้งสถานะที่เปน มุ่งพฒั นาสิ่งแวดลอ้ มจงึ ถอื เปน็ องคก์ รท่ีถูกต้องตามหลกั การของกฎหมายอยา่ งแท้จริง นติ ิบุคคลตามกฎหมาย และไมม สี ถานะเปน องค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศไทยเริ่มมีบทบาทในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเม่ือรัฐบาล นิตบิ ุคคล เน่อื งจากไมไดจดทะเบยี นตาม ประกาศใชแ้ ผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต ิ ฉบับที ่ 7 (พ.ศ. 2535-2539) โดยระบใุ หม้ ีการ กฎหมาย) ปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ารและจดั การทรพั ยากรธรรมชาต ิ โดยสนบั สนนุ ใหป้ ระชาชนและรฐั บาลรว่ มกนั ด�าเนินการ โดยทร่ี ฐั บาลจะต้องสง่ เสริมองคก์ รประชาชนและองคก์ รพฒั นาเอกชนทงั้ ในสว่ นกลาง • องคก รพฒั นาเอกชนดา นสงิ่ แวดลอมมี และสว่ นทอ้ งถน่ิ ใหม้ ีบทบาทในการกา� หนดโครงการจดั หาทรพั ยากรธรรมชาติ ลกั ษณะการดาํ เนนิ การที่สาํ คญั อยางไร (แนวตอบ องคก รพัฒนาเอกชนดาน 1) ลกั ษณะส�าคัญขององคก์ รพัฒนาเอกชนดา้ นสงิ่ แวดล้อม มีดังต่อไปนี้ สิ่งแวดลอ มดาํ เนนิ การและจดั กิจกรรมที่ เกีย่ วขอ งกบั การอนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาติ 1. เป็นนติ บิ ุคคลตามกฎหมาย แต่ถา้ ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายจะไมม่ ีฐานะ และส่งิ แวดลอ ม โดยไมด าํ เนนิ กิจกรรม เปน็ นิติบคุ คล ทางการเมือง ไมแสวงหาผลกําไร 2. ด�าเนินกิจการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดูแลส่ิงแวดล้อมและการ หรือผลประโยชนท างธรุ กจิ ) อนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาต ิ โดยไม่ดา� เนนิ กิจกรรมใด ๆ ทางการเมอื ง 3. ไม่ด�าเนินการใด ๆ ท่เี ป็นการแสวงหาผลก�าไรหรอื ผลประโยชนท์ างธรุ กจิ 4. หากเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศจะต้องมีส�านักงานสาขาอยู่ใน ประเทศไทย 2) สถานภาพและสทิ ธขิ ององคก์ รพฒั นาเอกชน กฎหมายกา� หนดใหอ้ งคก์ รพฒั นา เอกชนมสี ถานภาพและสิทธใิ นเร่อื งส่งิ แวดล้อม ดงั ต่อไปน้ี 1. สามารถขอรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ยี วกบั การส่งเสรมิ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มได้ 2. สามารถเรยี กร้องใหม้ ีการชดเชยคา่ เสยี หายอันเกดิ จากมลพิษส่ิงแวดล้อมได้ 3. สามารถรอ้ งเรียนกล่าวโทษผู้ละเมิดกฎหมายเกีย่ วกบั การควบคุมมลพิษได้ 145 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ครอู าจมอบหมายใหนักเรียนสบื คนขอมลู องคก รพัฒนาเอกชนดาน ครอู าจใหนักเรยี นอภปิ รายถึงองคก รพฒั นาเอกชนดา นส่งิ แวดลอ มในทองถน่ิ ส่ิงแวดลอมในประเทศไทยเพ่มิ เตมิ คนละ 1 องคกร จากแหลงการเรยี นรู ในดานผลการดําเนินงานและแนวทางการพัฒนาหรอื ปรับปรุงการดาํ เนินงาน อนื่ แลว จัดทําเปน แผน พับเผยแพรค วามรู ตลอดจนชว ยกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั การจดั ตงั้ องคก รพัฒนาเอกชนดาน สิง่ แวดลอ มอ่นื ในทอ งถิน่ เพือ่ การดําเนนิ งานดานส่งิ แวดลอ มท่ีสมบรู ณย ง่ิ ข้นึ โดยให กิจกรรมทา ทาย นกั เรียนรวมกลุม ชวยกันวางแผนการจัดตั้งองคกรเกยี่ วกับส่งิ แวดลอมของตนท่ีมี รายละเอียดดา นวัตถปุ ระสงค การดําเนนิ งานและกิจกรรม รวมถึงการประเมินผล ครูอาจมอบหมายใหน กั เรียนศึกษาขอมลู องคกรพฒั นาเอกชนดาน การดาํ เนนิ งาน แลวสง ตัวแทนออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น จากน้ันครูและนกั เรียน สง่ิ แวดลอ มในประเทศเพิม่ เติมจากแหลงการเรยี นรูอ่นื แลว วิเคราะหวจิ ารณ ชว ยกนั สรปุ ความรูแ ละแนวคิดที่ไดจากการศึกษาเกีย่ วกับองคก รพฒั นาเอกชนดา น บทบาทหนาทก่ี ารดาํ เนนิ งานขององคกรดังกลา ว จากนน้ั จัดทาํ เปนแผน พบั สิ่งแวดลอมในประเทศไทย เผยแพรข อ มูลความรูแ ละบทวเิ คราะหก ารดําเนนิ งานขององคกรดงั กลาว คู่มอื ครู 145
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครใู หนกั เรียน 2 กลุม ที่สมคั รใจออกมาอธิบาย 3) บทบาทหน้าที่ขององค์กรพัฒนาเอกชน แบ่งเป็นบทบาทหน้าท่ีทางตรงและ บทบาทหนาท่ขี ององคกรพัฒนาเอกชนดาน ทางอ้อม ดังนี้ ส่งิ แวดลอมท่หี นาช้ันเรียน โดยแบงเปนบทบาท 3.1) บทบาททางตรง เป็นกิจกรรมที่องค์กรสามารถด�าเนินการได้ด้วยตนเอง ทางตรง และบทบาททางออม แลว ชว ยกันจัดทาํ ได้แก่ จัดอาสาสมัครเข้ามาดูแล อนุรักษ์ และพัฒนาส่ิงแวดล้อม ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ตารางแสดงบทบาทขององคกรพัฒนาเอกชนดา น ไดร้ บั รขู้ า่ วสารเกย่ี วกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ตลอดจนการปลกู จติ สา� นกึ เกยี่ วกบั สงิ่ แวดลอ้ มใหแ้ กป่ ระชาชน ส่งิ แวดลอ มบนกระดานหนาชนั้ เรยี น ครเู สนอแนะ ช่วยเหลือประชาชนในพืน้ ที่ให้สามารถดแู ล อนุรักษ ์ และพฒั นาส่ิงแวดล้อมในทอ้ งถนิ่ ของตนเอง ขอมลู เพ่มิ เตมิ เพอ่ื ความถกู ตอ งครบถว นยง่ิ ขนึ้ ได้ ศึกษาวิจัยการอนุรักษ์และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจาก มลพิษสง่ิ แวดลอ้ ม ครสู ุมถามนักเรียนอีก 2 กลุม ถงึ จุดเดนและ 3.2) บทบาททางออ้ ม โดยการทา� งานรว่ มกบั คณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ 1 อปุ สรรคในการดาํ เนินการขององคก รพฒั นาเอกชน ดานส่งิ แวดลอ ม แลว สง ตัวแทนของกลุมออกมา ในลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ เสนอนโยบายสิ่งแวดล้อมของชาติ ร่วมก�าหนดแผนส่ิงแวดล้อม บันทึกขอมลู ทีถ่ ูกตอ งเพิ่มเตมิ ในตารางบนกระดาน ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบในแผนจัดการส่ิงแวดล้อม ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบใน หนา ชน้ั เรียน จากน้ันครแู ละนักเรียนวเิ คราะห แผนปฏิบัติการจัดการสิ่งแวดล้อม เสนอแนะแนวทางปฏิบัติที่เก่ียวกับกฎหมายส่ิงแวดล้อม รว มกันถงึ บทบาทหนา ทีข่ ององคกรพฒั นาเอกชน เสนอแนะแนวทางปฏิบัติท่ีเก่ียวกับกฎหมายส่ิงแวดล้อม และเสนอแนวคิดเก่ียวกับการบริหาร ดานสง่ิ แวดลอมกบั จดุ เดนและอปุ สรรคในการ จดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ดําเนนิ การตา งๆ รวมถงึ เสนอแนวทางการแกไข อปุ สรรคดังกลาว 4) จุดเด่นและอุปสรรคในการด�าเนินการขององค์กรพัฒนาเอกชน เน่ืองจาก องคก์ รพัฒนาเอกชนบางกลุ่มทไี่ ม่ได้อยใู่ นกรอบระเบียบหรือแนวคิดของภาครฐั บาล ดังนนั้ จงึ มี จุดเด่นในการท�างานเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อมแตกต่างไปจากหน่วยงานภาครัฐบาล หลายประการ และเปน็ จุดเดน่ ขององค์กร ดังนี้ 1. สามารถนา� ปญั หาทีแ่ ท้จริงของประชาชนในชนบททเี่ รียกวา่ “ปัญหาชาวบ้าน” ให้ไปปรากฏในระดับสังคม และเป็นท่ีสนใจของหน่วยงานต่าง ๆ จนเข้าสู่นโยบายของรัฐบาลได้ ในทส่ี ดุ 2. เป็นแกนน�าในการเสนอทางเลือกท่ีสรา้ งสรรคแ์ กช่ มุ ชนและรฐั บาล 3. ท�างานโดยอาศัยการเรยี นรูจ้ ากภูมปิ ญั ญาชาวบา้ น จงึ สามารถเขา้ ถึงชาวบา้ น ได้โดยง า่ ยแล ะเป4็น. ทก่ไี รวะว้ ตานุ้งใใจหขช้ อางวชบาา้ วนบได้านม้ สี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาของทอ้ งถนิ่ 2รวมทงั้ ชว่ ยพฒั นา ให้เกิดผู้น�าในระดบั ชาวบ้านขึ้นด้วย เนื่องจากองค์กรพัฒนาเอกชนไม่ได้เป็นหน่วยงานของภาครัฐ ดังน้ัน ในการท�างาน จึงมีปัญหาและอุปสรรค เช่น การขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากหน่วยงานหรือองค์การใน ต่างประเทศกระท�าได้น้อย และในเร่ืองบางเร่ืององค์กรมีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล เช่น การ สร้างเขอื่ น การ สรา้ งนคิ มอตุ สาหกรรม โรงไฟฟ้า เป็นต้น 146 นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การดําเนินงานดานสิง่ แวดลอมขององคก รเอกชนใดถกู ตอ งเหมาะสมท่ีสุด 1 คณะกรรมการส่ิงแวดลอ มแหง ชาติ มอี าํ นาจหนาที่หลักในการจัดทาํ และ 1. กลุม รักษไมจัดตงั้ กองกําลงั ติดอาวุธเฝาระวงั การบกุ รกุ พ้นื ท่ีปา สงวน พัฒนานโยบายและแผนเพอ่ื การอนรุ ักษแ ละการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ 2. สมาคมคนรกั สัตวป านําสัตวป า ท่ใี กลจะสูญพนั ธุม าผสมพนั ธดุ ว ยนวัตกรรม และส่งิ แวดลอ มในภาพรวมของประเทศ ตลอดจนปฏิบตั งิ านรวมหรือสนบั สนุนการ ของตนเอง ปฏบิ ัติงานของหนว ยงานอื่นทีเ่ ก่ียวขอ งหรอื ทไ่ี ดรบั มอบหมาย 3. องคกรพิทักษป า แหงชาติตอ ตานการดําเนินงานของหนว ยงานภาครฐั ดา น 2 การแกปญหาของทอ งถิน่ การดําเนินงานเพอื่ แกไ ขปญหาชาวบา นขององคก ร ปาไมและสัตวป า พฒั นาเอกชนดานส่ิงแวดลอมท่สี ําคัญในประเทศไทย เชน โครงการจอมปา 4. มลู นธิ ิสงิ่ แวดลอมของเรารับบรจิ าคเงนิ และอปุ กรณตา งๆ เพ่ือนาํ ไปใชใน ของมลู นิธสิ ืบนาคะเสถียร ท่ดี าํ เนินงานเพื่อแกไขปญ หาท่ีอยอู าศยั และทท่ี ํากิน การดําเนินงานดา นสงิ่ แวดลอมอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ของชาวบาน 129 หมูบ า นในเขตปา สงวนภาคตะวันตก โดยประสานความรว มมอื วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. มลู นธิ สิ ่งิ แวดลอ มของเรารับบริจาคเงนิ ระหวา งหนว ยงานภาครัฐกบั ชาวบา น เพื่อใหช าวบา นสามารถอยอู าศัยในถ่นิ เดิมได และอปุ กรณตา งๆ เพือ่ นําไปใชในการดําเนนิ งานดานสงิ่ แวดลอมอยางมี โดยใชป ระโยชนจากปา ไดอ ยางเหมาะสม และมีหนา ทใี่ นการชว ยเฝาระวังมิใหเ กดิ ประสทิ ธิภาพ เน่อื งจากการรบั บรจิ าคเพือ่ นําไปใชตามวัตถุประสงคข องผู การบุกรกุ ใชท รัพยากรปา ไม ซ่งึ ผลการดําเนนิ งานของโครงการนัน้ ประสบความ บริจาคและมูลนิธิเปนการดาํ เนินงานท่ีถกู ตองเหมาะสม และเปนการสงเสรมิ สําเรจ็ เปน อยา งดี จึงไดร บั การสง เสรมิ จากภาครฐั ใหนาํ ไปประยุกตใชในทอ งถน่ิ อน่ื การมีสวนรว มในการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาตขิ องประชาชนท่วั ไปอกี ดวย ทวั่ ประเทศ 146 คมู่ ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เÊรÁÔ ÊารÐ ครูใหน กั เรยี นกลุมทส่ี มคั รใจอธิบายความรู เกยี่ วกบั องคก รพัฒนาเอกชนทางดานสิง่ แวดลอ ม องคก์ รพฒั นาเอกชนทางด้านสิ่งแวดลอ้ มของไทย ของไทย ไดแก มูลนธิ โิ ลกสเี ขียว สมาคมธงิ คเอริ ธ คิดหว งใยในผนื โลก (THINK EARTH) และมูลนิธิสบื มูลนธิ ิโลกสเี ขยี ว ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟา นาคะเสถียร เพ่ิมเตมิ จากรายละเอยี ดในหนังสือ กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ต้ังขึ้นเมื่อ เรยี น ทง้ั ในดา นประวัติความเปนมา วัตถุประสงค เดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2533 เพอ่ื จัดท�าส่อื สิ่งพมิ พใ์ หค้ วามรูด้ ้าน การดาํ เนินการและกจิ กรรม และผลท่ีไดรบั จาก ส่ิงแวดล้อมและให้ข่าวสารความเคล่ือนไหวด้านส่ิงแวดล้อม การดาํ เนนิ การและกจิ กรรม แลวใหนกั เรยี นใน แกส่ าธารณชนอยา่ งเปน็ กลาง ช้ันเรียนชวยกันเสนอแนะหรือปรับปรงุ ขอ มลู เพอื่ ใหเกดิ ความถูกตองครบถวน จากน้ันครมู อบหมาย กิจกรรมสาํ คัญ ใหนกั เรียนเขารวมกิจกรรมขององคกรพัฒนา 1. จัดทา� หนังสอื ชุดโลกสเี ขยี ว เอกชนทางดานสิง่ แวดลอมของไทยตา งๆ ตาม 2. จัดทา� นติ ยสารโลกสีเขียว เพือ่ เผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสาร ความเหมาะสม ดา้ นการอนุรกั ษธ์ รรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม สมาคมธงิ คเ์ อริ ธ์ 1คดิ หว่ งใยในผนื โลก ตงั้ ขนึ้ เมอ่ื เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2533 เพอ่ื สรา้ งจติ สา� นกึ แกเ่ ยาวชน รวมถงึ ความรว่ มมอื กบั ภาครฐั และเอกชนในการปลกู (THINK EARTH) ตน้ ไมใ้ นพน้ื ท่ตี า่ งๆ ทว่ั โลก กิจกรรมหลัก ผลิตสื่อทุกรูปแบบเพื่อปลูกจิตส�านึก รักธรรมชาติ โดยน�าตัว E-A-R-T-H แทนสิ่งแวดล้อม-สัตว์ ปา่ -แหลง่ น�า้ -ตน้ ไม-้ มนษุ ย์ มาสร้างแนวความคิดน�าเสนอ มลู นธิ ิสบื นาคะเสถียร ตัง้ ขนึ้ เมือ่ วันท่ี 18 กันยายน พ.ศ. 2533 หลงั การเสียชีวิต ของสืบ นาคะเสถียร หวั หนา้ เขตรักษาพนั ธุส์ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแขง้ เพอื่ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ประชาชนทอี่ ยบู่ รเิ วณใกลเ้ คยี งใหต้ ระหนกั ถึงความส�าคัญของการอนรุ กั ษป์ า่ ไมแ้ ละสตั ว์ป่า 147 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู องคก รพฒั นาเอกชนดานสง่ิ แวดลอ มในประเทศไทยท่ีมบี ทบาทสําคัญใน 1 EARTH นอกจากจะหมายถึงโลกแลว สมาคม THINK EARTH ยงั ใหค วามหมายท่ี การเผยแพรข อมลู ขา วสารไดแ กอ งคก รใด และมกี ารดาํ เนนิ งานอยางไร เก่ยี วขอ งกับการอนรุ ักษสิง่ แวดลอ มไว คือ E-Environment สง่ิ แวดลอ ม A-Animals แนวตอบ มูลนธิ ิโลกสีเขียว มีบทบาทหนาที่หลักในการเผยแพรค วามรูและ สัตวป า R-Rivers แหลงนํ้า T-Trees ตนไม H-Humans มนุษย เปน ทรัพยากรท่ีสาํ คัญ ขอมลู ขา วสารใหแกป ระชาชนเพือ่ ความเขาใจในส่ิงแวดลอมไทย ผานการจัด ท่สี ดุ เพราะมนษุ ยเปนตวั การสําคัญในการทาํ ลายแหลงธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม ทําหนงั สือชุดโลกสเี ขียว และนิตยสารโลกสเี ขียว รวมถงึ กจิ กรรมอ่นื ๆ เชน ดังน้นั มนษุ ยทุกคนจงึ ควรมสี วนรว มกบั กิจกรรมเพือ่ การอนรุ กั ษสง่ิ แวดลอ มตา งๆ นกั สบื ส่ิงแวดลอ ม จักรยานกลางเมอื ง และรา นโลกสีเขียว เปน ตน หรือปฏบิ ัตติ นเพื่อการอนุรักษส ง่ิ แวดลอ มในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจําวนั มุม IT ศกึ ษาคน ควา ขอมลู เกยี่ วกบั องคกรเอกชนดานสิ่งแวดลอมในประเทศไทย และภูมิภาคตา งๆ ของโลกเพ่มิ เติมไดที่ http://www2.arts.tu.ac.th/students/ source/contentframe.html เวบ็ ไซตแหลงขอมูลเพื่อการศกึ ษา คณะศลิ ปศาสตร มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร คูมอื ครู 147
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ นกั เรยี นในแตล ะกลมุ ใหตอบคาํ ถาม 2.3 องคก รส่ิงแวดลอมโลก เก่ียวกบั องคกรส่ิงแวดลอ มโลกเพอ่ื การอธิบาย ความรู เชน องคกรส่ิงแวดลอมที่มีเครือขายในการอนุรักษสิ่งแวดลอมท่ัวโลกที่สําคัญ เชน กรีนพีซ มูลนธิ ิคมุ ครองสัตวป าโลก • กิจกรรมหลักของกรนี พซี ทส่ี อดคลองกับ วกิ ฤตการณดา นส่ิงแวดลอ มของโลกคืออะไร 1) กรนี พซี (Greenpeace) เปน องคก รสง่ิ แวดลอ มระดบั โลก กอ ตงั้ เมอื่ พ.ศ. 2514 (แนวตอบ การหยดุ ภาวะโลกรอนดวยการ ผลักดันใหม กี ารใชพลังงานสะอาดตางๆ เพอ่ื โดยกลมุ นักกิจกรรมจากเมืองแวนคเู วอร ประเทศแคนาดา มีสาํ นักงานใหญอยูท่กี รงุ อัมสเตอรด มั ลดการปลอ ยแกสเรือนกระจกซ่งึ เปนสาเหตุ ประเทศเนเธอรแลนด และมีสํานักงานประจําประเทศตาง ๆ ท่ัวโลกกวา 41 ประเทศ รวมท้ัง สําคัญ ท้ังในระดบั หนว ยงานท่เี กย่ี วขอ งของ ประเทศไทย ภาครฐั และเอกชน และในระดับประชาชน ท่ัวไปทใี่ ชพ ลงั งานและเครอ่ื งอุปโภคบริโภค กิจกรรมหลักของกรีนพีซ ตา งๆ ในชีวติ ประจําวนั อันจะนาํ ไปสกู าร 1. หยดุ ภาวะโลกรอ น ผลกั ดนั ใหม กี ารพฒั นาพลงั งานสะอาด พฒั นาทยี่ ง่ั ยืน) เพื่อลดการทําลายสิ่งแวดลอม ลดการเกิดมลพิษ • การขยายงานของมลู นธิ คิ ุมครองสัตวป าและ โลกรอ น และเตรยี มรับมอื กบั ความเปลยี่ นแปลงของ พรรณพชื แหง ประเทศไทยสูระดับอนภุ ูมิภาค สภาพภูมิอากาศแปรปรวน โดยรณรงคใหประชาชน เปนไปตามหลกั การใด ตระหนักถงึ ปญหาทีเ่ กดิ ข้ึน และผลกั ดันใหมกี ารเปลยี่ น (แนวตอบ หลักการของระบบนเิ วศลมุ แมนา้ํ โขง จากการใชเช้อื เพลิงจากฟอสซิล มาใชแ หลง เช้ือเพลิงทเี่ ปนพลังงานหมุนเวียนทสี่ ะอาดและยงั่ ยนื โดยมูลนธิ คิ ุมครองสัตวป า และพรรณพืชแหง 2. ปฏเิ สธการตดั ตอ พนั ธกุ รรม โดยการรกั ษาความสมบรู ณ ความหลากหลายทางชวี ภาพและสงิ่ แวดลอ ม ประเทศไทยทส่ี นับสนนุ การกอตง้ั โดยมูลนิธิ ของแหลงอาหารของโลกไมใหเ กดิ ความเสี่ยงตอการตดั ตอ ทางพันธกุ รรม คุมครองสตั วปาโลกใน พ.ศ. 2525 ไดรวม 3. ยุตินิวเคลียร โดยใหหยุดการขยายและปดโรงงานไฟฟานิวเคลียร เพ่ือปกปองส่ิงแวดลอมและ กับกัมพูชา ลาว และเวยี ดนาม และใชช อ่ื วา มนุษยชาตจิ ากกมั มนั ตภาพรังสี WWF Greater Mekong Programme หรอื โครงการคุมครองสัตวป าและพรรณพชื กจิ กรรมทปี่ ระสบความสาํ เรจ็ เชน คดั คา นการใชถ า นหนิ ทเี่ พมิ่ ขน้ึ ในประเทศฟล ปิ ปน ส ลมุ แมน้าํ โขง ตามมลู นิธคิ ุม ครองสัตวป า การยุติการสรางโรงไฟฟาถานหินที่อําเภอบอนอก และอําเภอบานกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ มีภารกจิ สาํ คญั ในการอนรุ กั ษสตั วที่ใกล การเจรจาปกปอ งวาฬ ฉลามขาว และโลมาอิรวดี การคดั คานการใชพ ืชตัดตอพนั ธกุ รรม (GMOs) สูญพนั ธุ และฟน ฟูระบบนเิ วศบริเวณลมุ เปน ตน นํ้าโขงใหกลบั สคู วามสมดุลดงั เดมิ ) 2) มลู นธิ คิ มุ ครองสตั วป า โลก (World Wide Fund for Nature - WWF) เปน องคก ร นานาชาติท่ีดําเนินการดานการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ดานทรัพยากรปาไม ทรัพยากรนํา้ จืด และทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง รวมทัง้ การปกปอ งดแู ลสายพันธุพ ชื และสัตว การดาํ เนนิ งานของมลู นธิ ใิ หค วามสาํ คญั กบั กระบวนการสง่ิ แวดลอ มศกึ ษาและการอบรม เพ่อื พัฒนาศักยภาพสาํ หรบั การทาํ งานดานอนรุ กั ษอ ยางมปี ระสิทธผิ ล ตอ มาใน พ.ศ. 2525 มลู นธิ ไิ ดส นบั สนนุ การกอ ตง้ั มลู นธิ คิ มุ ครองสตั วป า และพรรณพชื แหงประเทศไทย และตอมาไดรวมตัวกับกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ใชช่ือ WWF Greater Mekong Programme เพ่ือขยายงานดานการอนุรักษใหกวางขวางออกไป โดยมีภารกิจหลัก เชน ใหค วามชว ยเหลือสัตวท่ใี กลสูญพนั ธุ ฟน ฟูระบบนิเวศปา เปนตน 148 บรู ณาการอาเซยี น ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั องคการเอกชนดา นสงิ่ แวดลอ มโลก ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซยี นไดโ ดยการนาํ ขอมลู ขาวสาร องคก ารเอกชนใหญท่สี ุดทเ่ี ฝา ระวังและดแู ลทรัพยากรธรรมชาตทิ ัว่ โลก การดําเนนิ งานและกิจกรรมดานส่ิงแวดลอ มขององคก รส่งิ แวดลอ มโลกตา งๆ คอื องคก ารใด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตม าใหนกั เรยี นพิจารณา แลวอภปิ รายรวมกันถึง 1. Greenpeace International ลกั ษณะการดําเนินงานและกจิ กรรม ผลของการดาํ เนนิ งานและกิจกรรม รวมถงึ ขอ 2. World Wide Fund for Nature เสนอแนะการดําเนินงานและกจิ กรรมแกอ งคก รดังกลา ว เพ่อื กระตนุ ใหนักเรียนเกิด 3. Global Environmental Facility มคี วามรูความเขาใจและมีสว นรว มในการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ 4. United Nations Environment Programme ส่งิ แวดลอ มในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตไ ดอยา งถูกตองเหมาะสม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. World Wide Fund for Nature หรอื WWF กอตงั้ ขนึ้ ใน ค.ศ. 1961 และพฒั นาขนึ้ เปนองคการเอกชนดา น ส่งิ แวดลอ มขนาดใหญท ี่สดุ ในโลกปจจบุ นั จากทนุ บริจาคของประชาชนท่วั ไป หนวยงาน และรฐั บาลของประเทศตางๆ กวา 1 พนั ลานดอลลาร ใน ค.ศ.1985 จนถงึ ปจ จบุ ันองคการไดช วยอนรุ ักษพ ันธพุ ชื และสัตวไปแลว ประมาณ 12,000 ชนิด 148 คมู่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ . กสฎ่งิ แหวมดาลย้อเกมย่ี ขวอกงับไทกยารอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ครสู นทนารวมกนั กบั นกั เรยี นถงึ กฎหมาย เก่ียวกับการอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติและ กฎหมายเกยี่ วกบั การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมของไทย ท่สี �าคัญ มีดงั นี้ สง่ิ แวดลอ มของไทยทีน่ ักเรียนไดศึกษามา ในสว น ของกฎหมายเก่ยี วกับปาสงวนแหงชาติ แลวสุม 3.1 กฎหมายเก่ียวกับปา่ สงวนแห่งชาติ นักเรียน 1 กลุม ใหออกมาอธิบายหลกั เกณฑแ ละ วิธคี วบคุมดูแลรกั ษาพน้ื ทปี่ า สงวนแหงชาติ ตาม กฎหมายเกี่ยวกับป่าสงวนแห่งชาติ ได้แก่ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507 และ (แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ฉบบั ท ่ี 3 พ.ศ. 2528) ทแ่ี กไ ขเพ่ิมเติม จากนัน้ ครนู าํ ภาพขาวเก่ียวกบั ปา่ สงวนแหง่ ชาตเิ ปน็ ปา่ ทท่ี างราชการออกเปน็ กฎกระทรวง กา� หนดใหม้ กี ารรกั ษาสภาพปา่ การบุกรุกพืน้ ทปี่ าสงวนแหง ชาตมิ าใหนกั เรียน หรอื ทรัพยากรธรรมชาติ มีการแสดงแนวเขตปา่ ที่ชดั เจน พิจารณารวมกนั แลว สอบถามถึงวิธกี ารควบคุม พระราชบญั ญตั ปิ า่ สงวนแหง่ ชาต ิ พ.ศ. 2507 (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ฉบบั ท ่ี 3 พ.ศ. 2528) ไดก้ า� หนด ดแู ลและโทษตามบทบญั ญัตใิ นพระราชบัญญตั ิ หลักเกณฑแ์ ละวิธคี วบคุมดูแลรักษาพนื้ ทปี่ า่ สงวนแห่งชาติไว้ ดงั ต่อไปนี้ ปา สงวนแหง ชาติ พ.ศ. 2507 ครแู ละนกั เรยี นชว ย 1. หา้ มบุคคลเข้ายดึ ถอื ครอบครอง ทา� ประโยชน์ อย่อู าศัยในท่ดี นิ กอ่ สรา้ ง แผ้วถาง กันสรุปสาระสําคญั ของกฎหมายเกย่ี วกับปา สงวน เผาป่า ท�าไม้ เก็บหาของป่าในพ้ืนท่ีอันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนห้ามกระท�าการใด ๆ แหงชาติ ท่ีกอ่ ให้เกิดความเส่อื มเสยี แกส่ ภาพปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ ยกเวน้ จะได้รบั อนุญาตจากเจา้ หน้าที่ 2. ในกรณที ป่ี า่ สงวนแหง่ ชาตทิ งั้ หมดหรอื บางสว่ นมสี ภาพเปน็ ปา่ ไมร้ า้ งเกา่ หรอื ทงุ่ หญา้ หรือเป็นป่าท่ีไม่มีไม้มีค่าขึ้นอยู่เลย หรือมีไม้มีค่าที่มีลักษณะสมบูรณ์เหลืออยู่เป็นส่วนน้อย และ ป่าน้นั ยากทจี่ ะกลับฟื้นคืนดีตามธรรมชาต ิ ท้ังนีโ้ ดยมสี ภาพตามหลกั เกณฑ์และเง่อื นไขท่รี ัฐมนต1รี กา� หนด โดยอนมุ ตั คิ ณะรัฐมนตรี ใหถ้ อื วา่ ป่าสงวนแหง่ ชาติในบรเิ วณดงั กล่าวเปน็ ป่าเสื่อมโทรม 3. เพอื่ ประโยชนใ์ นการควบคุมดูแลรักษา หรอื บ�ารุงปา่ สงวนแหง่ ชาติ อธิบดีมีอา� นาจ สั่งการเป็นหนังสือให้พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของ กรมป่าไม้กระท�าการเพ่ือการควบคุมดูแลรักษา หรือบา� รุงรักษาป่าสงวนแหง่ ชาตไิ ด้ 4. เพื่อประโยชนใ์ นการศึกษาวิจัยทางวิชาการ อธบิ ดีมอี า� นาจอนุญาตเป็นหนงั สอื แก่ กระทรวง ทบวง กรม หรือบคุ คลใหส้ ามารถกระทา� การไดต้ ามระเบียบที่อธบิ ดกี า� หนด โดยได้รับ อนมุ ตั จิ ากรัฐมนตรี 5. ในกรณที ปี่ า่ สงวนแห่งชาตมิ สี ภาพเปน็ ป่าเสือ่ มโทรม ใหอ้ ธบิ ดีโดยไดร้ บั อนมุ ัตจิ าก รัฐมนตรีมีอ�านาจอนุญาตเป็นหนังสือให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดท�าการบ�ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่า หรอื ไมย้ นื ตน้ ในเขตปา่ เสอื่ มโทรมไดภ้ ายในระยะเวลาและเงอ่ื นไขทกี่ �าหนด แตใ่ นกรณที จ่ี ะอนญุ าต ให้เกิน 2,000 ไร ่ ต้องไดร้ ับอนมุ ัตจิ ากคณะรัฐมนตรี 6. ผ้ใู ดยดึ ถอื หรอื ครอบครองท่ีดนิ กอ่ สรา้ ง แผ้วถาง เผา ทา� ไม ้ เกบ็ หาของปา่ หรือ ท�าด้วยประการใด ๆ อนั เปน็ การเสือ่ มเสยี แกป่ ่าสงวนแห่งชาติ ต้องระวางโทษจา� คกุ ต้งั แต ่ 6 เดอื น ถงึ 5 ป ี และปรบั ตัง้ แต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท 149 บูรณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู ครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรบู รู ณาการวิชาหนา ทพ่ี ลเมอื ง 1 ปาเสอ่ื มโทรม หมายความวา ปา ทีม่ สี ภาพเปนปา ไมร างหรือทุงหญา หรือเปน วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ติ ในสังคม โดยการอธิบายใหนกั เรียนเขาใจ ปา ทไ่ี มมไี มมคี า ข้นึ อยูเลย หรือมไี มมีคา ลักษณะสมบูรณเหลอื อยูเปนสว นนอ ยและ ถงึ ความสาํ คญั ของกฎหมายเก่ยี วกับทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม ปา นน้ั ยากที่จะฟน คนื ความอุดมสมบูรณตามธรรมชาตไิ ด ของไทย แลวใหนกั เรียนศึกษารายละเอยี ดของกฎหมายฉบบั ตา งๆ จากนน้ั ชว ยกันวเิ คราะหแนวทางการปฏิบตั ิตนที่สอดคลอ งกบั กฎหมายดังกลา ว มมุ IT อยางถูกตอ งเหมาะสม แลวจัดปา ยนเิ ทศเผยแพรค วามรูในบริเวณทีเ่ หมาะสม ของโรงเรียน ศกึ ษาขอมลู เกีย่ วกับกฎหมายอนุรกั ษทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ของไทยเพม่ิ เติมไดท่ี http://envilaw.onep.go.th/compa.html เวบ็ ไซตร ะบบ ฐานขอ มลู กฎหมายส่งิ แวดลอมและมติคณะกรรมการส่ิงแวดลอมแหงชาติ คู่มอื ครู 149
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู อบถามนักเรียนถงึ ความหมายของสัตวปา 3.2 กฎหมายเกยี่ วกบั การสงวนและคุมครองสัตวปา และสัตวพ าหนะ ตามพระราชบญั ญัติสงวนและ คมุ ครองสตั วปา พ.ศ. 2535 แลว ใหนักเรียนชว ยกัน ตามพระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ.2535 (แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ฉบบั ที่ 3 พ.ศ.2557) จาํ แนกประเภทของสตั วปา สงวนและสตั วปาคุมครอง สตั วป์ า่ หมายถงึ สตั วท์ กุ ชนดิ ไม่วา่ สตั ว์บก สัตวน์ �้า สัตว์ปีก แมลงหรอื แมง ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติ จากปา ยภาพหรือบัตรคําท่ีครูนาํ มาใหพิจารณา ยอ่ มเกิดและดา� รงชวี ิตอยู่ในปา่ หรอื ในน้า� และรวมถงึ ไข่ของสัตว์ปา่ เหล่านัน้ ทกุ ชนดิ ดว้ ย แต่ไมไ่ ด้ จากนั้นใหน ักเรยี นชวยกันรวบรวมจาํ นวนของสตั วปา หมายความรวมถึงสัตว์พาหนะท่ีได้จดทะเบียนท�าตั๋วรูปพรรณตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ สงวนแตละประเภท ไดแก สตั วบก สตั วน ํา้ และ และสัตวพ์ าหนะที่ไดจ้ ากการสบื พันธุ์ของสตั ว์พาหนะดังกลา่ ว สัตวปก แลวชว ยกันวเิ คราะหถ งึ สาเหตุ ลกั ษณะ และแนวโนม การลดลงของจํานวนสัตวป าที่ไดร ับข้นึ ตัวอย่างเช่น ช้าง ซ่ึงชาวบ้านเล้ียงไว้ และได้มีการจดทะเบียนรูปพรรณแล้วไม่ถือเป็น ทะเบียนใหเ ปนสตั วป า สงวน โดยใชข อ มูลจากจํานวน สตั ว์ปา่ เม่อื ชา้ งตวั นน้ั ตกลูกออกมา แมจ้ ะยังไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนรปู พรรณสตั ว์ กไ็ มถ่ อื เปน็ สัตว์ปา่ สัตวแตละประเภททไี่ ดร วบรวมไวขา งตน เชน่ กัน 1) สตั วป์ า่ สงวน* หมายถงึ สตั วป์ า่ ทหี่ ายากตามบญั ชพี ระราชบญั ญตั แิ ละตามกา� หนด โดยตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า ซึง่ ในปจั จุบันมี 15 ชนิด ไดแ้ ก่ กระซู ควายปา แรด 1 กปู รี เลียงผา แมวลายหินออ น กวางผา ละองหรือละมั่ง เกงหมอ เนื้อสมนั สมเสรจ็ 2 พะยนู นกแตว แลวทองดํา นกกระเรยี น นกเจาฟา หญงิ สิรินธร *คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสตั วป์ ่าไดม้ ีมติเหน็ ชอบเมอื่ เดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2558 ให้ข้นึ บญั ชีสัตว์สงวน 4 ชนิด 150 ไดแ้ ก่ วาฬบรดู า้ วาฬโอมรุ ะ ฉลามวาฬ และเตา่ มะเฟอ ง เปน็ สัตวส์ งวนลา� ดับที่ 16 - 19 นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกบั กฎหมายเพอ่ื การอนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาติ 1 กปู รี หรือโคไพร เปน สัตวปา สงวนของไทย มีลักษณะทโี่ ดดเดน คือ คลายววั และสิง่ แวดลอมของไทย ขนาดใหญ ตวั ผมู ีเหนยี งคอหอ ยยานมีรอยบากท่รี จู มกู ชวงใตล าํ ตวั และขาทอ นลาง ผทู ีบ่ ุกรุกหรอื ครอบครองทด่ี ินของรฐั โดยมชิ อบดว ยกฎหมาย มีความผิด มีสีซดี มเี ขาท้งั ตวั ผแู ละตวั เมียแตรปู รางตางกัน เขาตัวผกู างออกกวา งแลวโคงไป ตามกฎหมายใด ดานหนาพรอมกบั ชอนขน้ึ บน ปลายเขาแตกเปน พู เขาของตวั ผอู าจยาวไดถ งึ 80 1. พระราชบัญญตั ิผงั เมือง พ.ศ. 2518 เซนตเิ มตร สว นตวั เมียเขาเล็กกวาของตวั ผมู าก ในประเทศไทยปจ จบุ ันคาดวาเหลอื 2. พระราชบัญญตั อิ ุทยานแหง ชาติ พ.ศ. 2504 กปู รีอยูร าว 100-300 ตวั 3. พระราชบัญญตั ิปา สงวนแหง ชาติ พ.ศ. 2507 2 นกเจา ฟาหญิงสริ นิ ธร หรอื นกตาพอง เปนนกทีจ่ ัดอยใู นวงศเดยี วกับนกแอน 4. พระราชบญั ญตั สิ ง เสรมิ และรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอมแหงชาติ พ.ศ. 2535 พบครง้ั แรกบรเิ วณบงึ บอระเพด็ ใน พ.ศ. 2511 มลี กั ษณะเฉพาะ คอื ตามีวงขาวอม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. พระราชบัญญัตสิ ง เสริมและรักษาคณุ ภาพ ชมพูระเรอื่ ลอมรอบ ตวั มสี ดี าํ เหลอื บนา้ํ เงินเขม บริเวณใตคอสีนํา้ ตาลอมดํา หนา สงิ่ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 99 ผูใดบกุ รกุ หรอื ครอบครองทีด่ นิ ผากมีกระจกุ ขนสีดาํ คลา ยกาํ มะหย่ี สวนขนบรเิ วณตะโพกสขี าวตดั กบั ลาํ ตัว ขนหาง ของรัฐโดยไมชอบดวยกฎหมายหรือเขา ไปกระทาํ ดว ยประการใดๆ มนกลม และแขง ขามีสชี มพู ปจจบุ ันคาดวา มีอยใู นปา ธรรมชาติไมถ งึ 10 ตวั อนั เปน การทําลาย ทําใหสูญหาย หรอื เสยี หายแกทรัพยากรธรรมชาติหรือ ศิลปกรรมอันควรแกก ารอนรุ ักษ หรือกอใหเ กิดมลพิษอันมผี ลกระทบตอ 150 คมู่ อื ครู คณุ ภาพสิ่งแวดลอมในเขตพ้ืนท่ีคุม ครองสง่ิ แวดลอ มท่ีกาํ หนด ตอ งระวางโทษ จําคุกไมเ กนิ หาป หรือปรับไมเกินหา แสนบาท หรือท้ังจาํ ท้งั ปรับ
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 2) สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง* หมายถงึ สตั วป์ า่ ตามทกี่ ฎกระทรวงกา� หนดใหเ้ ปน็ สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง 1. ครูใหน ักเรยี นกลุม ทส่ี มัครใจอธบิ าย รายละเอียดของสัตวป า คุมครองตามกฎ สัตว์ป่าคมุ้ ครอง กระทรวง จากปายภาพหรือบตั รคําทีค่ รู กําหนด กลุม ละ 1 ประเภท ซ่งึ ประกอบดวย ประเภท ตวั อย่างสตั ว์ปา่ สตั วจ าํ พวกนก สตั วเลอื้ ยคลาน สตั วสะเทิน จ�าพวกสัตวเ์ ล้ยี งลกู ด้วยนมมี 201 ชนิด กระจงควาย ชะนมี งกฎุ ชา้ ง บ่างหรือพจุ ง พังพอนกินปู เมน่ ใหญ่ น้ําสะเทนิ บก สตั วจาํ พวกแมลง สตั วจําพวก แมวดาว ลิงกัง ววั แดง เสือโครง่ หมาใน หมีควาย หมีขอ หมีหมา อีเก้ง ปลา และสตั วไ มม กี ระดกู สนั หลัง แลว ครูเสนอ จ�าพวกนกมี 952 ชนดิ ไกป่ ่า นกกะปูดหรอื นกกด นกกระสาคอด�า นกขนุ ทอง นกยงู แนะขอมลู เพ่มิ เติมเพ่อื ความถูกตองครบถวน จ�าพวกแมลงมี 20 ชนิด ด้วงดินขอบทองแดง ดว้ งดนิ ปีกแผ่น ผีเสอื้ กลางคืน จากนัน้ ครใู หนกั เรยี นชวยกันวเิ คราะหสาเหตุ จา� พวกเลอ้ื ยคลานมี 91 ชนิด งูจงอาง งูสงิ งูเหลอื ม จระเข้น�้าเคม็ จระเข้น้�าจืด เต่านา ลกั ษณะและแนวโนม การลดลงของจํานวน จา� พวกปลามี 14 ชนิด ปลาดนิ หิน ปลาตะพัดหรอื ปลาอะโรวาน่า ปลาเสอื ตอ สัตวปา อกี คร้งั หนง่ึ โดยเปรยี บเทียบกบั ขอ มูล จ�าพวกสะเทินน้า� สะเทนิ บกมี 12 ชนิด กบเกาะช้าง คางคกเล็ก จงโคร่ง จํานวนสัตวแตละประเภทท่ีเปนสตั วป า สงวน จา� พวกไม่มกี ระดกู สันหลังมี 12 ชนิด กลั ปงั หา ดอกไมท้ ะเล ปะการัง ปูราชนิ ี ขา งตน เพอื่ ใหน ักเรยี นเกิดความรูความเขาใจ ถงึ ความเปลี่ยนแปลงดา นการลดลงของจาํ นวน 3) การล่าสัตว์และการมีสัตว์ป่าไว้ในครอบครองท้ังที่มีชีวิตและซากสัตว์ป่า สตั วปา แตละประเภท อนั เกดิ จากสาเหตุปจ จัย ทแ่ี ตกตา งกนั เชน การทําลายพ้ืนทปี่ าและการ กฎหมายกา� หนดไว้ ดงั นี้ มีมลภาวะทางอากาศในระยะหลังทําใหจ ํานวน 1. หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดลา่ หรอื พยายามลา่ สตั วป์ า่ สงวน หรอื สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง เวน้ แตเ่ ปน็ สัตวป าคุมครองจําพวกนกมมี ากกวาสัตวป า สงวน แนวทางการแกป ญหาทสี่ าํ คญั คือ เกพาอื่รกกราะรทคมุ้า� โคดรยอทงสางตั รวาป์ ชา่ กกาารรทเีไ่พดา้ระบัพกนั าธร์ุ ยห1กรเอื วเ้นพอื่ เกชจิ่นกเาพรสือ่ วกนาสรสตั �าวรส์ วาจธากราณระศึกซษงึ่ การแะลทะา�วโิจดยั ยททาางงวรชิาชากกาารร การอนุรกั ษป า ไม ลดการทําลายปาและการลด และต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมป่าไม้ หรืออธิบดีกรมประมงในส่วนท่ีเกี่ยวกับ มลภาวะตา งๆ ในอากาศ ทง้ั ในรปู แบบของ สัตวน์ ้า� และตอ้ งปฏิบตั ติ ามระเบยี บท่ีรฐั มนตรกี า� หนดโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสงวน มาตรการภาครฐั และการมสี วนรวมของภาค และคุ้มครองสัตว์ป่าแหง่ ชาติ ประชาชน เปนตน 2. หา้ มเพาะพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ สงวนหรอื สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง เวน้ แตเ่ ปน็ การเพาะพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ 2. ครสู มุ นกั เรียน 1 กลุม ใหช วยกันอธิบายความรู คุ้มครองชนิดท่ีคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติก�าหนดให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่ เก่ยี วกบั โทษของการลา สัตวและการมีสตั วปา ไว เพาะพันธุ์ของผูร้ บั ใบอนญุ าตจดั ตง้ั และดา� เนนิ กจิ การสวนสตั วส์ าธารณะ ในครอบครองทัง้ ทีม่ ีชีวิตและซากสตั วป า ตามท่ี กฎหมายกาํ หนด แลว ใหนกั เรียนกลุม อื่นเสนอ 3. หา้ มยิงสัตว์ปา่ ในเวลาระหวา่ งพระอาทิตย์ตกและพระอาทติ ยข์ นึ้ แนะขอ มลู เพ่มิ เตมิ จากนัน้ นกั เรยี นชวยกนั สรปุ 4. ห้ามเก็บ ท�าอันตราย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งรังของสัตว์ป่าสงวนหรือ สาระสาํ คญั ของบทบญั ญตั เิ กย่ี วกับโทษของการ สัตวป์ า่ คุม้ ครอง ยกเว้นผทู้ ่ไี ด้รบั อนุญาตใหเ้ กบ็ รังนกนางแอน่ ตามกฎหมาย ลา สัตวและการมสี ตั วปาไวใ นครอบครองทง้ั ทม่ี ี 5. ห้ามครอบครองสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง รวมถึงซาก เว้นแต่จะเป็น ชีวิตและซากสตั วป า สตั วป์ า่ คมุ้ ครองชนดิ ทก่ี า� หนดไวต้ ามหลกั เกณฑข์ องกฎหมาย ซง่ึ ไดม้ าจากการเพาะพนั ธ์ุ และตอ้ ง ได้รับอนุญาตจากอธิบดี อีกท้ังต้องปฏิบัติตามข้อก�าหนดในกฎกระทรวงและเง่ือนไขที่ก�าหนดไว้ 151 ในใบอนญุ าต *คณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ ไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบเมอ่ื เดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2558 ใหข้ นึ้ บญั ชสี ตั วค์ มุ้ ครอง 12 ชนดิ ซงึ่ เปน็ สตั วน์ า้� หายาก เชน่ กลมุ่ ปลาโรนนิ กระเบนปศี าจ ราหนู า�้ จดื เปน็ ตน้ ขอสอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกับพระราชบญั ญตั สิ งเสริมและรักษาคณุ ภาพ ครูควรเตรยี มวีดทิ ศั นหรือภาพและขอ มูลเกย่ี วกบั สตั วป า อนรุ กั ษประเภทตา งๆ ส่ิงแวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 วกิ ฤตการณทรัพยากรปา ไม ของไทย เพื่อใหน ักเรียนพิจารณา แลวสนทนาหรอื อภิปรายรวมกนั เน่ืองจากจะมี สว นชว ยกระตนุ ความสนใจของนักเรียนในการศกึ ษาความรเู ก่ยี วกบั กฎหมาย การควบคมุ ปองกนั มลพิษตามพระราชบญั ญัติสงเสรมิ และรักษาคณุ ภาพ เกย่ี วกับการสงวนและคุมครองสตั วปาของไทย และกระตุนจิตสาํ นกึ ในการอนรุ กั ษ สิง่ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 ครอบคลมุ มลพษิ ในดา นใด สตั วปาสงวนของไทยใหแกน ักเรียนไดซึ่งเปน การเรียนรทู ี่มคี วามหมายในระดับชวี ติ ประจาํ วนั และระดับสงั คม 1. มลพษิ ทางนํา้ 2. มลพิษทางดนิ นักเรยี นควรรู 3. มลพษิ ทางเสียง 4. มลพิษทางอากาศ 1 การเพาะพนั ธุ เปน บทบาทหนา ทสี่ าํ คัญของหนวยงานภาครัฐ คอื สํานักอนุรกั ษ วิเคราะหคําตอบ พระราชบญั ญัติสง เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสิ่งแวดลอม แหงชาติ พ.ศ. 2535 มีบทบัญญัติที่ครอบคลมุ มลพษิ ทางน้ํา เสียง และอากาศ ดงั น้ันคําตอบคือ ขอ 1. 3. และ 4. สตั วป า กรมอทุ ยานแหงชาติ สัตวป า และพนั ธุพชื กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดลอม โดยมอี าํ นาจหนาทีใ่ นการกําหนดนโยบายกลยุทธแ ละแผนดาํ เนนิ การสงวน คุมครองและอนุรักษส ตั วปา กําหนดหลักเกณฑ มาตรฐาน รูปแบบ เทคนิค วธิ กี าร และตวั ช้วี ัดการจัดการพืน้ ที่และการอนุรักษส ตั วปา คู่มอื ครู 151
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหต ัวแทนนักเรยี นแตละกลมุ ตอบคําถาม 6. ห้ามค้าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง รวมถึงซากหรือผลิตภัณฑ์ท่ีท�าจาก เกีย่ วกบั การกําหนดเขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วปา เพื่อ ซากของสตั วป์ า่ ดงั กลา่ ว เวน้ แตเ่ ปน็ การคา้ สตั วป์ า่ คมุ้ ครองชนดิ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบตามกฎหมาย เปน การอธิบายความรู ตัวอยา งขอ คําถามเชน ซึ่งได้จากการเพาะพนั ธ ์ุ ซากของสัตว์ป่าดงั กล่าว หรือผลิตภณั ฑ์ท่ที �าจากซากของสัตวป์ า่ ดงั กล่าว • การลาสัตวปา ในเขตรักษาพนั ธุส ัตวปา กระทํา ทง้ั นโี้ ดยได้รับอนุญาตจากอธบิ ดี ไดหรอื ไม อยางไร (แนวตอบ เจาหนาที่ของหนว ยงานที่มสี ว น เพ่ือก�าหนด4บ)ร ิเวกณารทก่ีดา� ินหในห้เดปเ็นขทต่ีอรกัยู่อษาาศพัยันขธอุ์สงตัสัตวป์ว์ปา่ ่า โก1ดรยะปทล�าไอดดโ้ ภดัยย กาเพรตื่อรราักเษปาน็ ไพวร้ซะ่ึงรพาชันกธฤุ์สษัตฎว์ปีก่าา เก่ยี วของในการศกึ ษาคน ควาหรือวิจัยทาง วชิ าการเพ่ือการอนุรักษพนั ธสุ ัตวปา ซึง่ ไดรับ โดยมีแผนที่แสดงแนวเขตบริเวณที่ก�าหนดแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย บริเวณท่ีก�าหนดน้ี หนงั สอื อนุญาตจากอธิบดโี ดยความเหน็ ชอบ เรียกว่า “เขตรักษาพันธุส์ ตั วป์ ่า” ของคณะกรรมการสงวนและคมุ ครองสตั วป า ขอ้ ควรปฏิบตั ใิ นเขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าท่ีสา� คญั มีดังนี้ แหงชาติสามารถลาสัตวได ทงั้ นีเ้ พอ่ื ประโยชน 1. ห้ามล่าสตั วป์ ่า ท้งั สัตวป์ า่ สงวนหรอื สตั ว์ปา่ คมุ้ ครองหรอื มใิ ช ่ รวมทั้งหา้ มเกบ็ ในการอนุรกั ษพนั ธสุ ตั วป า เหลานน้ั ) หรือท�าอันตรายแก่รังของสัตว์ป่า เว้นแต่จะกระท�าเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าด้านการวิจัยทาง วิชาการและได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสงวนและ 2. ครอู ธิบายนกั เรียนเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับเขตอนุรกั ษ คุม้ ครองสตั ว์ปา่ แห่งชาติ พนั ธุส ตั วป าทงุ ใหญน เรศวรและเขตรกั ษาพนั ธุ 2. ห้ามถอื ครอบครองที่ดิน หรอื ปลกู สง่ิ กอ่ สร้างใด ๆ หรือตดั โค่น แผว้ ถาง เผา สตั วปาหว ยขาแขง ซงึ่ ไดร ับการข้นึ ทะเบยี นเปน หรือท�าลายต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น หรือขุดหาแร่ ดิน หิน หรือเล้ียงสัตว์ หรือปล่อยสัตว์หรือ มรดกโลกทางธรรมชาติจากองคก ารยเู นสโกใน สตั วป์ า่ หรอื เปลยี่ นแปลงทางนา�้ หรอื ทา� ใหน้ า้� ในลา� นา�้ ลา� หว้ ย หนอง บงึ ทว่ มทน้ เหอื ดแหง้ เปน็ พษิ พ.ศ. 2534 โดยมีอาณาบรเิ วณครอบคลุมพื้นที่ หรอื เป็นอนั ตรายต่อสตั ว์ปา่ เว้นแตเ่ ป็นพนกั งานเจา้ หนา้ ทห่ี รือพนกั งานอืน่ ใดท่ีต้องเข้าไปปฏิบตั ิ บางอําเภอของจังหวัดกาญจนบุรี อุทยั ธานี และ การตามหน้าท่ี หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตาก เนือ่ งจากผา นขอ กําหนดและหลกั เกณฑใ น โดยปฏบิ ตั ิตามเงอ่ื นไขทก่ี า� หนดไว้ในกฎกระทรวงนอกเหนือจากกรณีดงั กลา่ วขา้ งต้น การพจิ ารณาใหเปน มรดกโลกทางธรรมชาติ ท่ี 3. หากมคี วามจา� เปน็ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการคมุ้ ครอง ดแู ล รกั ษาหรอื บา� รงุ เขตรกั ษา สําคัญไดแ ก เปนถน่ิ ทอ่ี ยอู าศยั ของชนิดสัตวและ พนั ธส์ุ ัตวป์ า่ เพ่ือการเพาะพันธ์ุ การศกึ ษาหรือวิจยั ทางวชิ าการ เพ่ืออา� นวยความสะดวกในการให้ พันธุพืชที่หายากหรือตกอยูในสภาวะอันตราย การศึกษา หรือพกั อาศยั หรืออ�านวยความปลอดภัยหรือให้ความรู้แกป่ ระชาชน ใหอ้ ธบิ ดมี อี �านาจ แตยังคงสามารถดํารงชีวติ อยไู ด ซ่งึ รวมถงึ สง่ั เปน็ หนงั สอื ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทข่ี องกรมปา่ ไมห้ รอื กรมประมงแลว้ แตก่ รณ ี กระทา� การอยา่ งใด ระบบนเิ วศอันเปนแหลงรวมความหนาแนนของ สองยวา่ นงหแนละึ่งคในุ้มเคขรตอรงักสษัตาวพ์ปนั ่าธแ์ุสหตั ง่ วช์ปาต่าไิ 2ดต้ ามระเบียบทกี่ า� หนด โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ พืชและสตั วที่ทัว่ โลกใหค วามสนใจดว ย เพื่อให ผทู้ ี่ฝา่ ฝืนกฎหมายเกยี่ วกับการสงวนและคมุ้ ครองสัตว์ป่า มโี ทษทงั้ จา� และปรบั เชน่ นกั เรียนตระหนกั ถงึ ประโยชนแ ละคณุ คาของ 1. ผู้ใดล่าหรือพยายามล่า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่า การกําหนดเขตรักษาพันธสุ ตั วป า จากนั้นครู คุ้มครอง หรือซากของสัตวป์ ่าดงั กล่าว หรอื ทา� การค้า ตอ้ งระวางโทษจ�าคุกไม่เกิน 4 ปี หรอื ปรบั และนกั เรียนชวยกนั สรปุ สาระสําคัญทไ่ี ดจากการ ไม่เกิน 40,000 บาท หรอื ทงั้ จา� ทั้งปรับ ศึกษากฎหมายเกย่ี วกับการสงวนและคุมครอง สัตวปา 152 นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั การมีสว นรว มแกไขวิกฤตการณปา ไมของประชาชน 1 ทอี่ ยอู าศยั ของสตั วปา ในประเทศไทยมีการกําหนดท่ีดินใหเ ปนทอ่ี ยูอาศัยของ ในฐานะสมาชกิ คนหนึง่ ของสงั คม ทานจะมสี วนชว ยแกไขปญ หา สตั วปา หลายประเภท นอกเหนือจากเขตรกั ษาพนั ธุสัตวป า เชน เขตหา มลาสตั วป า วกิ ฤตการณด า นทรพั ยากรปา ไมไดดที ่ีสดุ อยา งไร เปน อาณาบรเิ วณพืน้ ทซ่ี ึ่งทางราชการไดกําหนดไวใ หเปนทอ่ี าศัยของสัตวป า โดยเฉพาะ 1. ปลกู ปาทดแทน สตั วป าทีห่ ายากหรือถูกคุกคามไดอยูอาศัยในพืน้ ที่นน้ั ไดอ ยางปลอดภัย สามารถดาํ รง 2. ปอ งกันการเกดิ ไฟปา พนั ธุต อ ไปไดต ามธรรมชาติ ในปจจบุ ันไดม ีการประกาศเขตหามลา สตั วปาแลว 3. ผลักดนั ใหม กี ารออกกฎหมายอนุรักษปาชมุ ชน 56 แหงทว่ั ประเทศ เชน เขตหามลา สตั วป า บงึ บอระเพ็ด จงั หวัดนครสวรรค เขตหา ม 4. ชวยกันรณรงคเ พ่อื สรา งจิตสํานกึ ใหแกป ระชาชน ลาสัตวปา ทะเลหลวง จังหวัดสงขลาและพัทลงุ เขตหา มลา สัตวปาบึงเกรงิ กระเวยี น วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ชว ยกนั รณรงคเพ่อื สรางจติ สํานกึ ใหแก และหนองนํา้ ซับ จังหวัดกาญจนบรุ ี และอยรู ะหวา งการประกาศอีก 7 แหง ประชาชน เปนการมสี ว นชว ยแกไขวิกฤตการณด า นทรัพยากรปาไมท ีด่ ีทส่ี ดุ 2 คณะกรรมการสงวนและคมุ ครองสัตวปาแหง ชาติ ประกอบดวย ผบู ริหาร เนื่องจากสอดคลองกบั สถานภาพ บทบาท และหนา ที่ของนักเรียน อกี ท้ังยงั กระทรวงและหนว ยงานภาครัฐทเ่ี กยี่ วขอ งและผูทรงคณุ วุฒดิ านสัตวป า มอี ํานาจ เปน การแกไ ขปญ หาทีต่ นเหตอุ นั จะนาํ ไปสกู ารรว มมอื กันของคนในสงั คมเพ่ือ หนา ท่หี ลกั ดา นการใหความเหน็ ชอบในการกาํ หนดเขตรักษาพนั ธสุ ตั วปา การกาํ หนด การแกไ ขและปอ งกันมิใหเกิดวิกฤตการณใ นอนาคต เขตหามลาสัตวปาและการกําหนดชนิดหรอื ประเภทของสัตวปาทจี่ ะหา มลา ในเขตนนั้ และการกําหนดกิจการอันพึงกระทาํ เพ่ือประโยชนในการบาํ รงุ รักษาเขตดงั กลา ว 152 คู่มอื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2. ผใู้ ดมสี ตั วป์ า่ ทไ่ี ดจ้ ากการเพาะพนั ธห์ุ รอื มซี ากของสตั วป์ า่ คมุ้ ครองทไ่ี ดจ้ ากการ 1. ครูสมุ นักเรยี น 1 กลุม ใหช ว ยกนั อธบิ ายความรู เกี่ยวกบั หลกั การปฏบิ ตั ิในเขตอุทยานแหง ชาติ เพาะพันธโ์ุ ดยไม่ไดร้ บั อนุญาตไวใ้ นครอบครอง ตอ้ งระวางโทษจา� คกุ ไม่เกิน 1 ป ี หรือปรบั ไมเ่ กนิ ตามพระราชบญั ญัติอุทยานแหง ชาติ พ.ศ. 2504 แลว สอบถามนักเรยี นกลุมอื่นถึงความรูเก่ยี วกับ 10,000 บาท หรอื ทงั้ จา� ทัง้ ปรับ 1 อทุ ยานแหงชาตใิ นทองถ่นิ หรือในประเทศ เชน อทุ ยานแหง ชาติหวยนํา้ ดัง จงั หวัดเชียงใหม 3.3 กฎหมายเกีย่ วกับอุทยานแห่งชาติ อทุ ยานแหง ชาตไิ ทรโยค จังหวดั กาญจนบุรี อุทยานแหงชาตปิ า หินงาม จังหวัดชยั ภมู ิ และ พระราชบัญญตั ิอุทยานแหง่ ชาต ิ พ.ศ. 2504 ได้กา� หนดไว้วา่ ท ีด่ นิ ท่จี ะก�าหนดใหเ้ ป็นอุทยาน อทุ ยานแหงชาติหาดนพรัตนธารา-หมเู กาะ แห่งชาติต้องเป็นที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในการครอบครองโดยบุคคลใด กล่าวคือ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ พพี ี จงั หวดั กระบ่ี จากนั้นครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ อาจเป็นทีร่ กร้างวา่ งเปล่า ท่ีราชพัสด ุ หรือท่ีป่าสงวนกไ็ ด้ ถึงผนื ปา ดงพญาเยน็ -เขาใหญ มรดกโลกทาง การปฏบิ ัตใิ นเขตอทุ ยานแห่งชาติท่ีส�าคญั มีดงั น้ี ธรรมชาติท่ไี ดรับการแตงต้งั จากองคก าร 1. หา้ มครอบครองทด่ี นิ รวมถึงกอ่ สรา้ ง แผ้วถาง หรือเผาป่า ยเู นสโกใน พ.ศ. 2548 ซึ่งครอบคลุมพน้ื ท่ี 2. หา้ มนา� สัตวอ์ อกจากอุทยานแหง่ ชาติ อทุ ยานแหง ชาติเขาใหญ ทบั ลาน ปางสีดา และ ตาพระยา รวมถงึ เขตรักษาพันธุสัตวป าดงใหญ 3. หา้ มนา� เครอื่ งมอื สา� หรบั ลา่ สตั วห์ รอื จบั สตั ว ์ หรอื อาวธุ เขา้ ไป เวน้ แตไ่ ดร้ บั อนญุ าต เนื่องจากเปนปาท่มี คี วามหลากหลายทาง จากเจ้าหน้าที่และปฏบิ ตั ิตามเงอ่ื นไขทกี่ �าหนด ชีวภาพสูง มปี า ประเภทตา งๆ ไดแก ปา ดบิ 4. ห้ามเก็บ น�าออกไป หรือท�าให้เป็นอันตราย หรือท�าให้เสื่อมสภาพแก่กล้วยไม้ ชนื้ ปาดบิ แลง ปา เตง็ รัง ปาเบญจพรรณ และ น้า� ผ้ึง ครัง่ ถา่ นไม ้ เปลือกไม้ หรือมลู ค้างคาว ทงุ หญา รวมถึงมีสัตวป าหลายชนดิ อันเกดิ จาก 5. หา้ มเปลยี่ นแปลงทางน�้า หรอื ทา� ใหน้ า�้ ในลา� นา�้ ลา� หว้ ย บงึ ทว่ มทน้ หรอื เหอื ดแหง้ การอนรุ กั ษปาไมตามกฎหมายเกย่ี วกับอทุ ยาน แหงชาติ โดยเฉพาะพระราชบญั ญตั ิอทุ ยาน 3.4 กฎหมายส่งเสริมและรกั ษาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มแหง่ ชาติ แหง ชาติ พ.ศ. 2504 เพอ่ื ใหนักเรยี นตระหนัก ถึงความสาํ คัญของการปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย พระราชบัญญตั สิ ง่ เสริมและรกั ษาคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มแหง่ ชาต ิ พ.ศ. 2535 ได้มีมาตรการ เกีย่ วกบั อุทยานแหง ชาติ สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม โดยประโยชนท์ ปี่ ระชาชนจะไดร้ บั ในการรว่ มกนั สง่ เสรมิ และ รกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มของชาต ิ มดี ังน้ี 2. ครูใหน กั เรียนชว ยกนั อธิบายความรูเ กยี่ วกับ 1. ไดร้ ับทราบขอ้ มูลขา่ วสารจากทางราชการเกี่ยวกบั การส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ กฎหมายสง เสรมิ และรกั ษาคุณภาพส่ิงแวดลอม แหงชาติ ไดแก พระราชบญั ญตั สิ งเสริมและ ส่ิงแวดล้อม รกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 2. ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย หรือค่าทดแทนจากรัฐ ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจาก แลวใหน กั เรียนชวยกนั วเิ คราะหถึงประโยชน อันตรายท่ีเกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษหรือภาวะมลพิษ อันมีสาเหตุมาจากกิจการหรือ และความสําคญั รวมถงึ แนวทางการปฏิบตั ิตน โครงการทีร่ ิเริ่ม สนับสนุนหรือด�าเนนิ การโดยส่วนราชการหรือรฐั วสิ าหกิจ ตามกฎหมายดังกลา ว จากนัน้ ครนู ํานกั เรยี น 3. องคก์ รเอกชนจะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื หรอื ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากทางราชการในเรอื่ ง ในการสรปุ ความรูทไ่ี ดจ ากการศกึ ษากฎหมาย ต่าง ๆ เชน่ ในการประชาสัมพันธ์ เผยแพรข่ อ้ มูลหรือข่าวสารเพอื่ สร้างจติ สา� นกึ ของสาธารณชน เกย่ี วกบั การอนรุ กั ษทรพั ยากรธรรมชาติและ ที่ถูกต้อง ได้รับการสนับสนุนในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ มของไทย นกั เรยี นบนั ทึกลงในสมดุ ทรพั ยากรธรรมชาต ิ เปน็ ตน้ 153 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’51 ออกเกีย่ วกับบทลงโทษตามพระราชบญั ญตั สิ ง เสรมิ และรกั ษา 1 อทุ ยานแหงชาติ ในปจจุบนั มีอุทยานแหง ชาติ 128 แหง ทีส่ าํ คญั ไดแ ก คุณภาพสงิ่ แวดลอ มแหงชาติ พ.ศ. 2535 อทุ ยานแหง ชาติเขาใหญ เปนอุทยานแหงชาตแิ หงแรกของไทย ไดรับการประกาศ ใน พ.ศ. 2505 อยูในเขตจังหวดั นครราชสีมา สระบุรี นครนายก และปราจีนบรุ ี ผูท ีเ่ ขา ไปทาํ ลายโบราณวัตถุในบริเวณปราสาทหินพนมรงุ จะตองระวาง นอกจากน้กี รมอทุ ยานแหง ชาติ สตั วปา และพนั ธพุ ชื ยงั ไดเ ตรยี มการประกาศจดั ตัง้ โทษอยา งไรตามพระราชบญั ญัติสง เสรมิ และรกั ษาคุณภาพสิง่ แวดลอม อุทยานแหง ชาติเพ่ิมเตมิ อกี 22 แหง แหงชาติ พ.ศ. 2535 มุม IT 1. จาํ คกุ ไมเกนิ 2 ป หรือปรับไมเ กนิ 200,000 บาท หรอื ทัง้ จาํ ทัง้ ปรับ 2. จําคุกไมเ กนิ 3 ป หรือปรบั ไมเกนิ 300,000 บาท หรอื ทง้ั จําท้งั ปรบั ศึกษาคนควาขอมลู เกี่ยวกับอทุ ยานแหงชาตแิ ละปา เพือ่ การอนุรักษอื่นๆ ของ 3. จําคุกไมเกนิ 4 ป หรอื ปรบั ไมเ กิน 400,000 บาท หรอื ทง้ั จําท้ังปรบั ไทยเพ่ิมเติมไดท ่ี http://park.dnp.go.th/visitor/ เวบ็ ไซตส ํานกั อทุ ยานแหงชาติ 4. จาํ คกุ ไมเ กนิ 5 ป หรือปรบั ไมเ กิน 500,000 บาท หรอื ทง้ั จาํ ทงั้ ปรับ กรมอุทยานแหงชาติ สตั วปา และพันธุพชื วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. จาํ คุกไมเ กิน 5 ป หรอื ปรบั ไมเ กิน 500,000 บาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรับ เปนบทลงโทษแกผ ูทสี่ รางความเสียหายแก โบราณสถานและโบราณวัตถตุ ามพระราชบัญญัตสิ ง เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพ สง่ิ แวดลอมแหงชาติ พ.ศ. 2535 คูมือครู 153
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสนทนารวมกนั กับนกั เรยี นถงึ ความรทู ว่ั ไป . การประสานความรว่ มมอื ทางดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ1 เกี่ยวกบั การประสานความรว มมือทางดา น สงิ่ แวดลอมระหวางประเทศทีน่ กั เรียนไดศ ึกษา เนื่องจากปญั หาทางด้านสงิ่ แวดลอ้ มเป็นปญั หาทมี่ ีลกั ษณะข้ามพรมแดนและเปน็ ประโยชน์ มา โดยเฉพาะในดานความจาํ เปนของการรว มมือ รว่ มกนั ของมวลมนษุ ยชาต ิ ดงั นนั้ ในชว่ งศตวรรษทผี่ า่ นมาไดม้ กี ารออกกฎหมายระหวา่ งประเทศ ระหวา งประเทศเพ่อื แกไ ขปญหาสง่ิ แวดลอ ม ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สงิ่ แวดลอ้ มเปน็ จา� นวนมาก แลว ใหนักเรียนแตละกลมุ สง ตัวแทนออกมาจับ สลากคําศพั ทท เ่ี กีย่ วของกบั การประสานความ 4.1 อพนืชปุสญัา่ ทญ่ใี กาวล่า้สดญู ว้ ยพกนั าธร2์ุ คา้ ระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตวป์ ่าและ รว มมือทางดานสิ่งแวดลอ มระหวา งประเทศ เชน CITES Framework Convention on Climate อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซง่ึ ชนดิ สตั วป์ า่ และพชื ปา่ ทใ่ี กลส้ ญู พนั ธ ์ุ หรอื อนสุ ญั ญา Change และ Ramsar Convention ท่หี นาช้นั ไซเตส (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and เรยี น Flora : CITES) ใน พ.ศ. 2516 สหภาพนานาชาตเิ พอ่ื การอนรุ กั ษธ์ รรมชาตแิ ละทรพั ยากรธรรมชาติ ได้จัดการประชุมท่ีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เพ่ือร่างอนุสัญญาว่าด้วยการค้าสัตว์ป่า 2. ครสู ุมถามความรเู ก่ยี วกับการประสานความ และพืชป่าท่ีใกล้สูญพันธุ์ระหว่างประเทศ โดยมี 88 ประเทศเข้าร่วมประชุม ปัจจุบันมีสมาชิก รว มมือทางดา นสิง่ แวดลอมระหวางประเทศ 182 ประเทศ ซง่ึ ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกลา� ดับที่ 77 ใน พ.ศ. 2526 มีวตั ถปุ ระสงค์เพอื่ ควบคุม ทตี่ ัวแทนนักเรยี นจบั สลากได โดยเนน ในดา น การค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าและ ประวัติความเปน มาหรือสาเหตขุ องความรวมมอื พชื ป่าโดยสรา้ งกลไกที่มีโครงข่ายท่ัวโลกเพื่อควบคมุ ด้วยการสรา้ งระบบการออกใบอนุญาตในการ พฒั นาการของความรว มมือ วัตถปุ ระสงค น�าเขา้ ส่งออก หรอื น�าผ่านของสัตว์ป่าและพืชป่าทใี่ กลจ้ ะสญู พันธ์ุ การดําเนินงานและผลทีไ่ ดร บั ทง้ั ในสวนของโลก และในประเทศไทย เร่ืองน่ารู้ 3. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั สรุปความรูเ กยี่ วกับ สตั ว์ป่าและพชื ปา่ ทีอ่ นสุ ัญญาไซเตสควบคุม การประสานความรว มมอื ทางดา นสิง่ แวดลอ ม ชนดิ พนั ธขุ์ องสตั วป์ ่าและพชื ป่าท่ีอนสุ ัญญาไซเตสควบคุม จะมีการระบุไว้ในบญั ชหี มายเลข 1, 2 และ 3 ของ ระหวา งประเทศในรูปแบบตา งๆ เชน ตาราง อนสุ ญั ญา โดยได้ก�าหนดหลกั การไว้ ดงั น้ี แลว นักเรียนบันทึกการสรปุ ดังกลาวลงในสมุด บญั ชีหมายเลข 1 เป็นชนดิ พันธข์ุ องสตั วป์ ่าและพชื ป่าทหี่ า้ มค้าขายโดยเดด็ ขาด เนอ่ื งจากใกล้จะสูญพันธ์ุ ยกเวน้ เพื่อการศึกษา วิจยั และเพาะพันธ ์ุ แตท่ งั้ นจ้ี ะต้องไดร้ ับความยนิ ยอมจากประเทศที่น�าเข้าเสยี กอ่ น ประเทศ สง่ ออกจึงจะออกใบอนญุ าตส่งออกให้ได ้ เชน่ ลงิ อรุ ังอุตัง เตา่ ทะเล เปน็ ตน้ บัญชีหมายเลข 2 เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าท่ียังไม่ถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์ จึงยังอนุญาตให้ค้า ได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดการลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว จนถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์ โดยประเทศท่ีจะส่งออกต้องออกหนังสืออนุญาตและรับรองว่า การส่งออกแต่ละคร้ังจะไม่กระทบกระเทือนต่อการ ด�ารงอยูข่ องชนดิ พันธุ์น้ันในธรรมชาติ เชน่ คา่ ง ชะมด เป็นต้น บญั ชหี มายเลข 3 เป็นชนดิ พันธุท์ ไี่ ดร้ บั การคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศหน่งึ แล้วขอความร่วมมอื จากประเทศในภาคีใหช้ ่วยดูแลการน�าเข้า คือ ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออกจากประเทศถ่ินก�าเนิดของชนิดพันธุ์ นน้ั ก่อน จึงจะสามารถน�าเขา้ ได้ เช่น นกขนุ ทอง (ไทย) เป็นตน้ 154 นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิตามอนสุ ัญญาดานสิ่งแวดลอมระหวาง 1 ความรวมมือทางดานสิ่งแวดลอมระหวางประเทศ ทส่ี าํ คญั ในปจ จุบัน เชน ประเทศ ความรวมมือระหวา งประเทศดา นการเปลีย่ นแปลงภูมิอากาศ (The Intergovern- โครงการพัฒนาปา ชมุ ชนในประเทศไทยเปน การดาํ เนนิ งานทีส่ อดคลอง mental Panel on Climate Change : IPCC) เริม่ ขนึ้ ใน ค.ศ. 1988 เพื่อรวบรวม กบั อนุสญั ญาฉบับใด ผลการศึกษาเกี่ยวกับภูมิอากาศของนกั วทิ ยาศาสตรท ัว่ โลก ในการวางแผนปอ งกัน 1. อนสุ ัญญาไซเตส แกไ ขปญหาอนั อาจเกิดขนึ้ เนื่องจากการเปล่ียนแปลงของภูมิอากาศ โดยเฉพาะการ 2. อนุสัญญาเวยี นนา ดาํ เนินการตามพธิ สี ารเกยี วโตในการลดภาวะโลกรอ น 3. อนสุ ญั ญาวาดวยการอนรุ ักษพ ้นื ที่ชมุ นํ้า 2 การคา ระหวา งประเทศซงึ่ ชนดิ สตั วป า และพชื ปา ทใ่ี กลส ญู พนั ธุ จากการศกึ ษา 4. อนุสญั ญาวา ดว ยความหลากหลายทางชวี ภาพ ของคณะกรรมการตามอนสุ ัญญาไซเตสในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตพ บวา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. อนุสัญญาไซเตส เน่อื งจากโครงการ มีการลักลอบคาพืชและสัตวปาจํานวนมากในปจจบุ ัน เชน ปะการังในประเทศ พัฒนาปา ชุมชนของไทยมวี ตั ถปุ ระสงคห ลักของการดําเนนิ งานทสี่ อดคลอง ฟลิปปนส มานา้ํ และเตา นา้ํ จืดในประเทศอินโดนเี ซีย เปนตน กบั อนุสัญญาไซเตส กลาวคือ การควบคมุ มิใหม ีการบุกรกุ พื้นที่ปา สงวนเพอื่ ลกั ลอบคาพืชและสัตวปา โดยการสรางจติ สํานึกใหแ กชาวบานในชมุ ชนที่ 154 คมู่ อื ครู อาศัยปาในการดาํ รงชวี ติ และสงเสรมิ ใหชาวบานชวยกันเฝา ระวังมใิ หมกี าร บุกรกุ พ้นื ท่ปี าสงวน
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand 4.2 อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุม ชวยกนั ศกึ ษาคน ควาเพิม่ เตมิ เกีย่ วกับหนวยงาน อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (United Nations Frame- และองคกรทางสิง่ แวดลอ ม ไดแก กระทรวง work Convention on Climate Change : UNFCCC) จากปัญหาแกส๊ เรอื นกระจกทสี่ ง่ ผลให้ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอม กระทรวง อณุ หภมู สิ งู ขนึ้ จงึ ไดม้ กี ารจดั การประชมุ เนอ้ื หาทางการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ขนึ้ ใน พ.ศ. 2535 เรยี กวา่ พลังงาน มูลนิธสิ บื นาคะเสถยี ร มูลนิธโิ ลกสเี ขียว “การประชุมสหประชาชาติวา่ ดว้ ยสิ่งแวดล้อมและการพฒั นา” ท่ีเมืองรอี ูดีจาเนรู ประเทศบราซิล มลู นธิ คิ มุ ครองสัตวปา โลก และกลุมกรนี พซี ซงึ่ ประเทศไทยได้เขา้ เปน็ สมาชกิ ในอนุสญั ญานีด้ ว้ ย โดยมีวัตถุประสงคเ์ พื่อปกป้องชนั้ บรรยากาศ กฎหมายเก่ียวกบั การอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติ ของโลก โดยรฐั บาลของรฐั สมาชกิ จะตอ้ งดแู ลควบคมุ ใหก้ ารเกดิ แกส๊ เรอื นกระจกในประเทศของตน และสิง่ แวดลอมของไทย หรือการประสานความ อยใู่ นระดบั ทจี่ ะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ชนั้ บรรยากาศของโลก นอกจากน ้ี ในการประชมุ สหประชาชาต ิ รวมมอื ทางดานสงิ่ แวดลอมระหวา งประเทศ กลมุ วา่ ดว้ ยสง่ิ แวดลอ้ มและการพฒั นาครงั้ นไ้ี ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยความหลากหลายทางชวี ภาพ ละ 1 ดา น โดยพิจารณาจากกลุมที่ยังไมไ ดอธิบาย อีกด้วย ความรใู นดานดงั กลาว จากแหลง การเรียนรูทค่ี รู เสนอแนะ เชน หนังสือ เอกสาร และเว็บไซตเ ผย 4.3 อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการอนรุ กั ษพ์ น้ื ทช่ี มุ่ นา้� แพรขอ มลู ของหนว ยงานและองคก รทางสิง่ แวดลอม เจาหนา ทห่ี รือบุคลากรที่มีสว นเก่ยี วขอ งกบั หนวย อนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พ้ืนท่ีชุ่มน�้า (Convention on Wetlands of International งานและองคกรทางส่งิ แวดลอม และหนวยงานท่ี Importance especially as Waterfowl Habitat) หรืออนสุ ญั ญาแรมซาร ์ (Ramsar Convention) เกย่ี วขอ งกบั สิง่ แวดลอ มในทองถิน่ จากน้ันชว ยกนั เกดิ ขน้ึ จากการรว่ มมอื ระหวา่ งรฐั บาลประเทศตา่ ง ๆ เพอื่ อนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟพู นื้ ทชี่ มุ่ นา้� ทว่ั โลกอยา่ ง จดั ทําโปรแกรมการนําเสนอ (Powerpoint) และ ย่ังยืน เช่น การสกัดกั้นและยับยั้งการบุกรุกเข้าครอบครองพ้ืนที่ชุ่มน้�าทั้งในปัจจุบันและอนาคต เอกสารเผยแพรค วามรใู นดานท่ีกลมุ ตนรบั ผดิ ชอบ เน่ืองจากเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางนิเวศวิทยาและเป็นที่อยู่อาศัยของนกน�้า โดยมีการ เพือ่ การนําเสนอตอช้ันเรยี นตอ ไป ประชุมรบั รองอนสุ ญั ญาฉบับน้ีขนึ้ เมือ่ วนั ที่ 2 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ที่เมืองแรมซาร์ ประเทศ อิหรา่ น และมผี ลบงั คบั ใช้เม่อื วันท ่ี 21 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ตรวจสอบผล Evaluate ส�าหรับประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็น ภาคอี นสุ ญั ญา ในวนั ท ่ี 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 1. ครูตรวจโปรแกรมการนําเสนอและเอกสาร ซ่ึงพื้นท่ีชุ่มน้�าแห่งแรกของประเทศไทยท่ีได้รับ เผยแพรความรขู องนกั เรียนแตละกลุม จากการ กคอืาร พปรรคุะกวนาศขใเี้ สหยี้เขน้า เเขปต็นหทา้ �ามเลนา่ียสบตั ขวอป์ งา่ อทนะุสเลัญนญอ้ ยา 1 นาํ เสนอตอ ชั้นเรียนและการตอบคําถามของ จงั หวดั พทั ลงุ และลา� ดบั ถดั มา ไดแ้ ก ่ เขตหา้ มลา่ นกั เรียนกลมุ อ่นื โดยพจิ ารณาจากความถูกตอง สตั วป์ า่ บงึ โขงหลง จงั หวดั หนองคาย ปากแมน่ า�้ ครบถว นของขอ มลู การออกแบบโปรแกรม กระบ ่ี จังหวัดกระบ่ ี เขตรกั ษาพนั ธุ์สตั วป์ า่ เฉลมิ การนาํ เสนอทีน่ าสนใจและเขา ใจงาย รวมถงึ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยาม การนําเสนอความรทู ีห่ นา ชั้นเรียน บรมราชกมุ าร ี (ปา่ พรโุ ตะ๊ แดง) จงั หวดั นราธวิ าส ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม และ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ ทะเลนอ้ ย ตา� บลพนางตงุ อา� เภอควนขนนุ 2. ครสู งั เกตพฤติกรรมการมีสว นรวมในกิจกรรม เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ หนองบงคาย จงั หวดั เชยี งราย จังหวัดพทั ลุง เป็นพน้ื ทีช่ มุ่ นา้� แห่งแรกของประเทศไทย การเรยี นรู เชน การตอบคาํ ถาม การเปน ตัวแทนของกลมุ ในกิจกรรมตางๆ และการ 155 สอบถามขอสงสยั เปน ตน ขอสอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’51 ออกเกีย่ วกบั อนุสัญญาระหวางประเทศวา ดวยสงิ่ แวดลอ มกับ 1 เขตหา มลาสัตวป า ทะเลนอย ครอบคลมุ พนื้ ที่ประมาณ 285,625 ไร มีลักษณะ ประเทศไทย เปนทีร่ าบรอบทะเลสาบ สว นพืชพรรณแบงออกได 4 ลกั ษณะ ไดแ ก ปา พรุ ปาดบิ ชืน้ ทุง หญา และพืชพรรณในนํ้า สาํ หรบั สตั วปาเพื่อการอนรุ ักษป ระกอบดว ย สัตวจ ําพวก ดอนหอยหลอดสมทุ รสงครามเก่ียวของกับอนุสญั ญาฉบับใด นก สตั วเลย้ี งลูกดว ยนม สตั วเลอ้ี ยคลาน และสัตวสะเทินน้ําสะเทนิ บก 1. CITES 2. Kyoto Protocol มมุ IT 3. UNFCCC 4. Ramsar ศึกษาขอมูลเกย่ี วกับอนสุ ญั ญาวา ดวยการอนรุ กั ษพนื้ ที่ชุมนํ้าหรืออนสุ ัญญา แรมซารเ พ่มิ เตมิ ไดท ่ี http://www.ramsar.org/cda/en/ramsar-home/main/ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. Ramsar จากมตกิ ารประชุมของ ramsar/1_4000_0__ เว็บไซตอ นสุ ัญญาวาดว ยการอนรุ กั ษพ น้ื ทชี่ มุ นํา้ (The Ramsar Convention on Wetlands) คณะกรรมการสงิ่ แวดลอ มนานาชาตใิ น ค.ศ. 2001 ดว ยเหตุทีม่ คี วามสําคัญ ทางระบบนิเวศชายฝง โดยเปน หาดเลนนา้ํ ทวมถงึ บรเิ วณปากแมนาํ้ แมก ลอง มีสัตวท ี่สาํ คญั คือ หอยหลอด ซง่ึ มปี ระโยชนทางเศรษฐกิจของทองถนิ่ อีกดว ย คมู่ ือครู 155
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครสู นทนารวมกนั กับนักเรยี นเรือ่ งการอนุรักษ . การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม แลวสอบถาม ประสบการณในการมีสวนรวมอนุรกั ษท รพั ยากร ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มมคี วามส�าคัญต่อมนษุ ย ์ เชน่ ใช้เปน็ ปจั จัยการผลติ ทาง ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอมของนักเรียนในลักษณะ เศรษฐกิจ โดยประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากและมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีจะได้เปรียบทาง ตางๆ ทง้ั การเขา รว มกิจกรรม การนาํ ความรไู ป เศรษฐกจิ เป็นตน้ นอกจากน้ี ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มยังเปน็ แหลง่ กา� เนิดวฒั นธรรม ปฏิบัติในชีวติ ประจาํ วนั และการใหคําแนะนําบุคคล เชน่ การตง้ั บ้านเรอื น ชมุ ชน มกั จะตั้งอยแู่ นวลา� น้า� เพอื่ ใชน้ า้� ในการอปุ โภคบรโิ ภค และมักปล่อย ทเ่ี กย่ี วของในการอนรุ กั ษสง่ิ แวดลอมไดอยางถูกตอง ของเสียลงแหล่งน้�า การคมนาคมขนสง่ การเดินทาง เป็นต้น แตจ่ ากการเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็วของ เหมาะสม จากนั้นครูอธิบายเชอื่ มโยงประสบการณ จา� นวนประชากร ทา� ใหม้ คี วามตอ้ งการใชท้ รพั ยากรเพมิ่ มากขน้ึ และทา� ลายสง่ิ แวดลอ้ มเพมิ่ มากขน้ึ ในการมสี ว นรวมอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ จนท�าให้เกดิ ปัญหาตามมา และสง่ิ แวดลอมของนกั เรยี นกับหลกั 7R แลวให ในปัจจุบันเป็นท่ีประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบต่อมนุษย์ทุกคน นักเรยี นประเมินตนเองวา มีสวนรวมในการอนรุ กั ษ ฟเชอน่ ส ปซญัลิ 1หแาลโะลลกดรกอ้ านร ปในลขอ่ ณยสะาเดรพยี วษิ กอนั น่ื ว ๆธิ ที เจี่ขะา้ ทสา�บู่ ใรหรโ้ยลากกเายศน็ ลซงงึ่ กจต็ ะอ้ตงอ้ เงพไมิ่ดร้พบั นื้ คทวปี่ าา่มไรมว่ ้ มลดมกอื าในรใกชาพ้ รลปงัฏงบิ าตันิ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ มอยา งถูกตอ ง จากทกุ คน ทุกประเทศ ทุกเช้อื ชาตพิ ร้อม ๆ กัน เหมาะสมแลว หรอื ไม อยางไร และมีแนวทาง ปรบั ปรุงหรอื พฒั นาการปฏิบตั ิตนอยา งไรบาง 5.1 แนวทาง การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม สา� รวจคน้ หา Explore ส�าหรับแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมที่นักเรียนสามารถน�าไป ปฏบิ ัติในชวี ติ ประจ�าวันโดยใช้หลกั 7R มีดงั น้ี ครมู อบหมายใหนกั เรยี นศกึ ษาความรเู ก่ียวกบั การอนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอม RenRe7wal ReRje1ct ReRu2se ทัง้ ในสวนของแนวทางการอนรุ ักษท รพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ ม และแนวทางการอนุรกั ษท รพั ยากร การเสรมิ แต่ง การปฏเิ สธการใช้ การน�าของใชเ้ เลว้ ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ มในภมู ิภาคตา งๆ ของโลก ของเก่า กลบั มาใชใ้ หม่ จากหนังสอื เรยี น หนา 156-160 และแหลงการเรยี นรู อ่นื เชน หนังสอื และเอกสารเผยแพรความรขู อง RecRo6very 7R ReRd3uce หนวยงานและองคก รดา นสิ่งแวดลอ มและเศรษฐกจิ พอเพยี งในทอ งถ่นิ เวบ็ ไซตของหนว ยงานและองคก ร การถนอมรักษา การใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ดานสิ่งแวดลอ ม การพัฒนาทย่ี ัง่ ยืน และเศรษฐกจิ สูงสดุ พอเพยี ง เชน http://website.mnre.go.th/more_ news.php?cid=10 เว็บไซตเอกสารเผยแพร ReRcy5cle ReRp4air กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม และ http://www.iisd.org/sd/ เว็บไซตส ถาบันการพฒั นา การนา� ไปผลิตข้ึนใหม่ การซอ่ มเเซมฟ้นื ฟู ท่ยี ่ังยนื นานาชาติ (International Institute for Sustainable Development : IISD) เปนตน 156 เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกับความสําคญั ขององคก ารสหประชาชาตกิ บั ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเกีย่ วกบั แนวทางการอนรุ กั ษทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดลอม และสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R โดยเนน ฝก ทักษะการปฏิบตั ขิ องนกั เรยี น เพอ่ื ให องคการสหประชาชาตมิ คี วามสาํ คัญดา นสง่ิ แวดลอ มอยา งไร นักเรยี นสามารถใชความรคู วามเขา ใจเกยี่ วกับแนวทางการอนรุ ักษทรัพยากร 1. ผลกั ดันใหมกี ารกอ ต้ังองคก ารปกปอ งส่ิงแวดลอ มในหลายประเทศ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R ในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วนั ไดอ ยางถกู ตอ ง 2. จัดการประชุมเรื่องสงิ่ แวดลอ มของมนุษยซ ่ึงนาํ ไปสูการกอ ตงั้ UNEP เหมาะสม 3. เปน แกนนาํ ในการรา งพธิ สี ารเกียวโตเพ่อื จาํ กดั การปลอยกา ซ เรอื นกระจก นกั เรียนควรรู 4. จัดตงั้ คณะกรรมาธกิ ารคุณภาพสิ่งแวดลอมเพ่ือคน ควาวจิ ยั การแกปญ หา ดา นสิง่ แวดลอม 1 พลงั งานฟอสซิล เปนพลังงานหลักของสงั คมโลกมาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบนั วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. จดั การประชมุ เรอ่ื งส่งิ แวดลอ มของมนุษย ประกอบดว ย นา้ํ มนั ถานหนิ และแกส ธรรมชาติ การใชพลงั งานฟอสซลิ ดวยการ ซง่ึ นําไปสกู ารกอ ตงั้ UNEP หรอื United Nations Evironment Programme เผาไหมก อ ใหเ กดิ ผลกระทบอยางรุนแรงตอระบบนเิ วศของโลก จากการเปล่ยี นแปลง ขน้ึ ใน ค.ศ. 1972 โดยมีวตั ถปุ ระสงคท ี่สําคญั ในการเฝาตดิ ตามสภาพ ภูมิอากาศและภาวะโลกรอน ดังนั้นในปจ จบุ นั หนว ยงานและองคกรท่ีเก่ียวขอ งตางๆ สิ่งแวดลอมในบรเิ วณตา งๆ ของโลก และคาดการณแนวโนม ท่ีอาจจะเกดิ ข้ึน จงึ มกี ารศกึ ษาและพัฒนาพลังงานสะอาดเพอื่ ใชทดแทนอยางจริงจงั รวมถึงสงเสริมการพฒั นาความรวมมือระหวา งประเทศดา นสิ่งแวดลอมอีกดว ย 156 ค่มู ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1) การปฏเิ สธการใช ้ (R1-Reject) การรจู้ กั ปฏเิ สธหรอื การงดใชส้ ง่ิ ของทท่ี า� ใหเ้ กดิ 1. ครสู นทนารวมกนั กับนักเรยี นถึงความรทู ั่วไป เก่ียวกับแนวทางการอนรุ ักษท รัพยากร ผลเสยี ต่อสิง่ แวดล้อมหรือทา� ใหส้ ้ินเปลอื งทรพั ยากรธรรมชาติมากเกนิ ไป เชน่ ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มตามหลกั 7R แลว ตัวอย่างท่ี 1 เม่ือไปซื้อของท่ีตลาดหรือในห้างสรรพสินค้า หากนักเรียนมีกระเป๋า แบงกลมุ นักเรยี นเพ่อื ใหช ว ยกนั รับผิดชอบ การอธบิ ายความรูแ นวทางการอนรุ ักษ หรอื ถงุ ใสส่ ง่ิ ของอยแู่ ลว้ ควรบอกผขู้ ายวา่ ไมต่ อ้ งใสถ่ งุ พลาสตกิ มาใหอ้ กี แตน่ า� ไปใสร่ วมในกระเปา๋ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมตามหลัก หรอื ถงุ ทมี่ อี ยแู่ ลว้ หรอื มถี งุ ผา้ ตดิ ตวั ไปดว้ ย จะชว่ ยลดการใชถ้ งุ พลาสตกิ ลดการใชท้ รพั ยากร และ 7R โดยใหนักเรยี นนับหมายเลข 1-7 ตาม ลดโลกร้อนได้ ตาํ แหนงทีน่ ง่ั ในช้ันเรยี น จากน้นั ใหน กั เรียน แตล ะกลุมเตรียมการแสดงบทบาทสมมตติ าม ตวั อยา่ งท่ี 2 การเดนิ ทางทีป่ กติใช้รถสว่ นตวั ไมว่ า่ รถจักรยานยนต์หรอื รถยนต์ อาจ แนวทางการอนุรกั ษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละ เปลย่ี นมาใชร้ ถประจา� ทางสาธารณะ หรอื ถา้ เปน็ ระยะทางไมไ่ กลเกนิ ไปควรเดนิ หรอื ขจี่ กั รยาน จะชว่ ย ส่ิงแวดลอ มใหส อดคลอ งกบั หลกั 7R ลดการใชน้ �้ามันและลดการปลอ่ ยมลพิษใหแ้ กบ่ รรยากาศ 2. ครใู หนักเรยี นแตล ะกลุมผลดั กนั ออกมาแสดง 2) การนา� ของใชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หม ่ (R2-Reuse) ของใชห้ ลายอยา่ งทใ่ี ชง้ านแลว้ บทบาทสมมติแนวทางการอนุรักษทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R ที่หนา ถ้าน�าไปปรบั ปรงุ ดดั แปลงเลก็ นอ้ ย จะสามารถนา� กลับมาใช้ใหมไ่ ด ้ เปน็ การลดการใชท้ รัพยากร ชัน้ เรียน แลว เสนอแนะขอมูลเพ่มิ เตมิ เพอ่ื ความ เชน่ ถกู ตองชดั เจน จากนั้นครูสอบถามนกั เรียนถงึ แนวทางการอนรุ กั ษอ่ืนๆ ทน่ี กั เรยี นไดศึกษามา ตวั อย่างที่ 1 ถุงใส่ส่ิงของแทนที่ใช้ครั้งเดียวแล้วท้ิงไป สามารถเก็บไว้หรือท�าความ เชน หลัก Time and Space ซ่งึ ประกอบดวย สะอาดเลก็ นอ้ ยก็สามารถนา� ไปใช้ไดอ้ ีก เชน่ ถุงผ้า ถงุ พลาสติก กลอ่ งกระดาษ เป็นตน้ การใชท รพั ยากรอยางชาญฉลาด การประหยดั ทรพั ยากรทหี่ ายาก และฟน ฟทู รัพยากรท่ี ตวั อย่างที่ 2 เสือ้ ผา้ ท่สี วมใส่อาจจะดูเก่า ไมท่ นั สมัย แตถ่ ้าเก็บรักษาไว้ให้ดีสามารถ เสอื่ มโทรมหรอื พัฒนาใหดยี งิ่ ขึ้น เปน ตน นา� กลบั มาใชไ้ ดอ้ กี เชน่ ชดุ นกั เรยี นทไ่ี มใ่ สแ่ ลว้ ควรใหน้ อ้ งหรอื บรจิ าคใหน้ กั เรยี นคนอน่ื หรอื คนท่ี ยากจนกวา่ ใชไ้ ดอ้ กี เปน็ ตน้ 3) การใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (R3-Reduce) การใช้สิ่งของต่าง ๆ ให้เกิด ประโยชน์สูงสุดและมีประโยชน์แก่คนจ�านวนมาก จะช่วยลดปริมาณความต้องการทรัพยากร โดยไม่ตอ้ งจัดหาสิง่ ใหมม่ าใช ้ เชน่ ตวั อย่างท่ ี 1 การใช้ถุงใส่ของ นักเรียนสามารถน�าของหรือสินค้าที่ซ้ือมาใส่รวม ในกระเป๋าหรอื ในถุงเดยี วกัน แทนท่ีจะแยกใสข่ องอยา่ งละถงุ ช่วยลดการใช้ถุงใสข่ องได้ ตัวอย่างท่ี 2 ถ้าบ้านอยู่ทางเดียวกันก็นั่งรถไปคันเดียวกัน ช่วยประหยัดน้�ามันและ ประหยดั การใช้รถโดยไมจ่ �าเป็น 4) การซ่อมแซมฟื้นฟู (R4-Repair) การรู้จักซ่อมแซมฟื้นฟูสิ่งของเครื่องใช้ ทเ่ี กา่ หรอื ชา� รดุ ใหเ้ ปน็ ของใหม ่ หรอื ซอ่ มใหส้ มบรู ณอ์ ยใู่ นสภาพใชง้ านได ้ จะชว่ ยยดื อายกุ ารใชแ้ ละ ลดอัตราการใช้วตั ถดุ บิ เก่ยี วกบั ของใช้นนั้ ลงได ้ เชน่ ตวั อยา่ งท่ ี 1 กระเป๋าหรือถุงใส่ของท่ีมีการฉีกขาดหรือช�ารุด อาจน�ามาปะซ่อมแซม เพือ่ ใหใ้ ช้งานไดอ้ ีก 157 ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’53 ออกเกย่ี วกบั การ recycle ครูอาจมอบหมายใหน ักเรยี นชว ยกนั ทาํ โครงการที่เกย่ี วของกับการจัดการ ขอใดสอดคลองกับหลักการ recycle ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในทองถ่ินของตน ท้ังในสว นของการแกไ ข 1. การเพาะพันธสุ ตั วป าหายาก ปญหา การปอ งกัน และการพัฒนาอยา งถกู ตองเหมาะสม โดยจดั ทาํ แผนการดําเนนิ 2. การเลอื กตัดตนไมในปา ปลูก โครงการใหครูตรวจพจิ ารณากอนนาํ ไปดําเนนิ การจรงิ แลวนาํ เสนอผลการดําเนิน 3. การบาํ บัดน้ําเสยี กอนนาํ มาใช โครงการทีห่ นาชัน้ เรยี น จากนั้นรวบรวมไวเ ปนแหลง การเรียนรูในโรงเรยี น 4. การนําแกลบไปเปน สว นผสมในเช้อื เพลงิ พลงั งานสูง วิเคราะหค ําตอบ recycle คอื การนาํ ไปผลิตใหม หมายถึง หลักการ บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง นาํ ของที่ใชแ ลวหรือใชง านไมไ ดแ ลว ไปเขากระบวนการผลติ เปนวตั ถดุ ิบใหม ครใู หนักเรยี นแบงกลมุ กลุมละ 4 - 5 คน รว มกนั คดิ โครงการอนรุ ักษ เพอื่ การประหยัดทรัพยากร การบาํ บัดน้าํ เสียกอ นนํามาใช และการนําแกลบ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ มในโรงเรยี นหรือชมุ ชนของนักเรียน ที่สอดคลอง ไปเปนสวนผสมในเชอ้ื เพลิงพลังงานสงู จงึ สอดคลองกบั หลกั การดังกลา ว กับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ รงิ กลมุ ละ 1 โครงการ ดงั น้ันคาํ ตอบคอื ขอ 3. และขอ 4. จากนนั้ ใหแ ตละกลมุ ปฏิบัติตามโครงการของแตล ะกลุม แลว สรุปผลการปฏบิ ัติ นาํ สง ครผู สู อน คู่มอื ครู 157
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู ุม นักเรยี นใหตอบคาํ ถามเกี่ยวกับแนวทาง ตวั อย่างที ่ 2 รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์อาจซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ การอนุรักษทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมตาม หลัก 7R ทเ่ี นนการเปรยี บเทียบ ประเมินคา ตัดสินใจ หรอื พยายาม5ซ) อ่ กมาแรซนม�าตไงั้ ปแผตล่ยังิตมขีค้ึนวใาหมมบ่ ก1พ(Rร่อ5ง-เRพeยี cงyเลc็กleน)้อ ยก าชรว่นย�ายขดื อองาทย่ีใุกชา้แรลใ้วชหง้ ารนือไเศดย้ษาชว้ินขสน้ึ ่วน และนาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งถกู ตอง เหมาะสม เชน ทชี่ า� รดุ ใชง้ านไมไ่ ดแ้ ลว้ ไปเขา้ กระบวนการผลติ เปน็ วตั ถดุ บิ ตงั้ ตน้ ใหม ่ เปน็ การประหยดั ทรพั ยากร เชน่ • แนวคิดทางเดียวกนั ไปดว ยกัน สอดคลอ งกบั หลัก 7R อยางไร ตวั อยา่ งท ่ี 1 ถงุ พลาสตกิ ถงุ กระดาษ กระดาษหนงั สอื พมิ พ ์ ขวดแกว้ ทใี่ ชแ้ ลว้ ไมค่ วรทงิ้ (แนวตอบ แนวคิดทางเดียวกันไปดวยกนั ควรเกบ็ รวบรวมไว้แลว้ น�าไปขายตอ่ ให้แก่พ่อคา้ รับซ้อื ของเก่า โดยถงุ พลาสตกิ กระดาษ ขวดแก้ว ชว ยลดการใชเชอื้ เพลิงในยานพาหนะซงึ่ จะถูกน�าไปผลิตขน้ึ มาใช้ใหม่ ทาํ ใหก ารปลอ ยแกส เรอื นกระจกลดลงเชนกนั รวมถึงชวยบรรเทาปญหาการจราจรไดอกี ตัวอย่างท ่ี 2 ช้ินส่วนของเครื่องประดับตกแต่งบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์อาจ ดวย แนวคดิ น้สี อดคลอ งกบั หลกั 7R ในขอ น�าไปใช้ใหม่ได้บางส่วน เช่น หน้าต่างบ้านควรน�าไปใช้เป็นฝาห้องน้�าโรงรถ ชิ้นส่วนรถยนต์ R3-Reduce คือ การใชใหเกิดประโยชนส ูงสดุ รถจกั รยานยนต์ใชไ้ ปประดับบา้ น เปน็ ต้น กลาวคอื การใชประโยชนจ ากทรพั ยากร เชือ้ เพลงิ อยางน้าํ มนั หรือแกส ธรรมชาตใิ น 6) การถนอมรกั ษา (R6-Recovery) เปน็ การเก็บรกั ษาสงิ่ ของเคร่ืองใช้สา� หรบั ใช้ ยานพาหนะเพอื่ การเดินทางของคนที่ใช เสน ทางเดยี วกนั จํานวนมากเทา ทีจ่ ะทาํ ได) ในโอกาสต่อไปไดอ้ ีก เพราะเม่ือเวลาผ่านไปส่ิงของนน้ั อาจยังใชใ้ ห้เป็นประโยชนไ์ ด้ เชน่ ตวั อยา่ งที่ 1 กระเปา๋ ใสเ่ สอื้ ผา้ และส่งิ ของ เชน่ กระเปา๋ เดนิ ทาง ควรเก็บดูแลรกั ษาไว้ • หลัก 7R สอดคลอ งกับปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งอยางไร อธิบายพรอ มยกตวั อยา ง ให้อยูใ่ นสภาพดเี พอื่ ไวใ้ ชใ้ นการเดนิ ทางคร้ังต่อไปได้อกี ประกอบพอสงั เขป ตัวอย่างท่ี 2 เครื่องใช้ในวันส�าคัญหรือเทศกาลต่าง ๆ ควรเก็บรักษาไว้ส�าหรับใช้ใน (แนวตอบ หลัก 7R สอดคลองกบั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงทกุ ประการ เนอ่ื งจาก ครัง้ ตอ่ ไป เปนหลักท่ีมุง เนนการลด ฟน ฟู พฒั นา และใชป ระโยชนจากทรพั ยากรธรรมชาติ 7) การเสรมิ แตง่ ของเกา่ (R7-Renewal) การเสริมแต่งของที่มีอยู่หรือของที่ใช้ และสิง่ แวดลอมอยา งมปี ระสิทธภิ าพและ ประสิทธผิ ล สอดคลองกบั หลักพืน้ ฐานของ แลว้ ให้สมบูรณ์ ดูสวยงาม หรอื ใช้ประโยชน์ได้มากขนึ้ เช่น ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งที่ประกอบดวย ตวั อยา่ งที ่ 1 กระเป๋าใส่ส่ิงของ กระเป๋าใส่เส้ือผ้าที่อาจดูเก่า ไม่ทันสมัย อาจน�าไป ความรแู ละคณุ ธรรม ตัวอยา งเชน การเกษตร ทฤษฎใี หมต ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ ปรบั ปรงุ เสริมแตง่ ท�าสใี ห้ดูใหม ่ ก็ยังนา� ไปใช้ประโยชนไ์ ดต้ อ่ ไป พอเพยี งทง่ี ดใชสารเคมีตางๆ สอดคลองกับ ตัวอยา่ งท ่ี 2 รถยนต ์ รถจกั รยานยนตท์ ใ่ี ช้งานเป็นระยะเวลานานอาจดเู ก่าไม่ทนั สมยั หลัก R1-Reject คอื การปฏิเสธการใชส ่ิงของ ทกี่ อ ใหเ กดิ ผลเสยี ตอ สงิ่ แวดลอม เปนตน) ถ้านา� ไปตกแต่ง เชน่ ทา� สใี หด้ ูใหม่ก็ยังนา� ไปใช้ประโยชน์ไดต้ อ่ ไป เป็นตน้ หลกั การอนุรักษข์ า้ งต้นทีเ่ รยี กวา่ หลกั 7R นอกจากจะไมท่ า� ให้สนิ้ เปลอื งทรัพยากร ธรรมชาตใิ นการผลติ สนิ คา้ ใหมแ่ ลว้ ยงั เปน็ การชว่ ยลดภาวะโลกรอ้ นจากการลดการใชพ้ ลงั งานและ ใชท้ รพั ยากร นอกจากนี้ยังเปน็ การชว่ ยประหยดั คา่ ใช้จ่ายของตนเองได้อกี ด้วย การน�าหลกั 7R มาใชใ้ นชวี ิตประจา� วนั ทา� ไม่ยาก โดยเร่มิ จากการมีความตระหนักถงึ ความส�าคัญของส่ิงแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ อย่างประหยัด ส่ิงของใดที่ยังพอใช้ได้ ก็ให้น�ามาใช้และอาจมีการดดั แปลงรปู แบบของทเ่ี สียให้น�ามาซ่อมแซมก่อน ถ้าใช้งานไม่ไดจ้ ริง ๆ แลว้ จึงท้ิงหรือน�าไปขายพ่อคา้ รับซอ้ื ของเกา่ เปน็ ตน้ 158 นักเรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิตนเพือ่ อนุรกั ษและพัฒนาคุณภาพ 1 การนาํ ไปผลติ ขนึ้ ใหม (recycle) ไดร บั การสง เสริมจากหนวยงานทเ่ี ก่ยี วขอ ง สิ่งแวดลอ ม ภาครัฐและความรว มมือขององคกรเอกชนจํานวนมากในปจ จุบนั เนอ่ื งจาก ในฐานะพลเมืองไทยคนหนง่ึ ทา นจะปฏิบตั ิตนเพอ่ื อนุรกั ษและพัฒนา สามารถประหยดั ตน ทนุ และสอดคลองกบั ความตอ งการมสี ว นรว มในการอนรุ ักษ คณุ ภาพส่ิงแวดลอ มอยา งไร จึงจะเหมาะสม สิง่ แวดลอ มของผบู รโิ ภค จงึ เกิดการรวมกลมุ เพ่ือพฒั นานวัตกรรมการผลิตแบบนํา 1. ฝกใหมีนิสยั ประหยัด มาผลติ ใหมข ้ึนหลายรปู แบบ เชน การประกวดนวตั กรรมบรรจภุ ณั ฑแ ละเทคโนโลยี 2. ถา ยสารอันตรายใสภ าชนะใหมท ีป่ ด มิดชิด การผลิตแหง เอเชยี (The International Processing, Filling and Packaging 3. ชว ยกนั ปลกู และดแู ลรกั ษาตน ไมสาธารณะ Technology Event for Asia : ProPak Asia) เพ่ือสงเสริมนวัตกรรมบรรจภุ ณั ฑ 4. ท้ิงแบตเตอรท่ี ่ใี ชแลวลงในถังขยะสําหรบั มลู ฝอยทัว่ ไป และเทคโนโลยีการผลิตท่ชี ว ยเพ่ิมผลผลติ เปนมิตรกับส่งิ แวดลอ ม และเพิ่มขีดความ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ถา ยสารอันตรายใสภ าชนะใหมทป่ี ดมิดชดิ สามารถในการสรา งผลกาํ ไรของธรุ กจิ เพอื่ การเติบโตท่ยี ั่งยืน และขอ 3. ชว ยกนั ปลกู และดูแลรักษาตนไมส าธารณะ เปนการปฏิบตั ติ นเพื่อ อนุรกั ษแ ละพัฒนาคุณภาพส่งิ แวดลอ มท่ีเหมาะสม กลาวคือ ปองกันการแพร กระจายของสารพิษ และชว ยอนุรักษใ หม ีตนไมไวใ นการดดู ซับมลภาวะตา งๆ ตามลําดบั 158 คมู ือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ Explain 5.2 แนวทางการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ครใู หน ักเรียนอภิปรายรว มกนั เก่ยี วกับแนวทาง ในภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก การอนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มใน ภูมิภาคตา งๆ ของโลก เพือ่ เปน การอธิบายความรู ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติมีผลกระทบต่อประชาชนในโลก ในประเดน็ ทีค่ รกู ําหนด เชน มนษุ ยชาตแิ ละความ ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใดของโลกล้วนต้องได้รับผลกระทบ ดังเช่นที่ปัญหาโลกร้อนท�าให้ รบั ผิดชอบตอ ส่ิงแวดลอมโลก ความเทาเทียมใน ประชาชนทุกคนได้รับรู้ด้วยตนเอง และยิ่งศึกษามากยิ่งขึ้นเท่าใดก็ย่ิงท�าให้เกิดความเข้าใจได้ว่า การใชทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการไดร บั ผลกระทบ ประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ต้องมีชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกันน้ีตลอดไป การกระท�าใด ๆ ไม่ว่า ระดับนานาชาติ และการพัฒนาที่ยัง่ ยนื : ทางเลอื ก สว่ นใดในโลกมผี ลกระทบตอ่ โลกทง้ั สนิ้ ดงั นน้ั ประชาชนทกุ คนจ�าเปน็ ตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ โลก หรือทางออกจากวกิ ฤตการณส งิ่ แวดลอ ม จากน้นั หรือสิ่งแวดล้อมรว่ มกัน ครแู ละนักเรียนชวยกันสรปุ ผลการอภปิ ราย ประชาชนในทกุ ภมู ภิ าคของโลกพงึ รว่ มกนั อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ดงั น้ี นกั เรียนบันทึกลงในสมดุ 1) ลดปรมิ าณการใชท้ รพั ยากรธรรมชาต ิ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตทิ กุ ชนดิ ไมว่ า่ ขยายความเขา้ ใจ Expand อาหาร เครอ่ื งใช้ เคร่ืองนุ่งหม่ นา้� ไฟฟา้ เปน็ ตน้ ตอ้ งลดปรมิ าณการใชล้ งใหเ้ หลอื เท่าทจ่ี �าเปน็ ครมู อบหมายใหน ักเรียนศกึ ษาคนควา เกีย่ วกับ ต้องใช้ แนวทางการอนรุ ักษทรัพยากรธรรมชาติตามหลกั 7R หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และการพัฒนา 2) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่า ทรัพยากรธรรมชาติต้องน�ามาใช้ให้เกิด ทย่ี ่ังยืนเพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรยี นรตู า งๆ แลว วางแผนการปฏบิ ตั ิตนเพ่ือมีสวนรวมในการแกป ญ หา ประโยชนส์ งู สดุ เชน่ การทานอาหารไมค่ วรใหเ้ หลอื ทง้ิ ใชเ้ สอ้ื ผา้ เครอื่ งนงุ่ หม่ จนกวา่ จะหมดสภาพ และการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ ม การดูแลซอ่ มแซมเครื่องใชต้ ่าง ๆ เปน็ ตน้ อยางถูกตอ งเหมาะสม จากนน้ั นําไปปฏบิ ตั ิเปน เวลา อยา งนอย 1 เดือน แลวจัดทําเปนบันทึกผลการ 3) ลดและเลิกการใช้สารพิษ เช่น ลดการใช้สารพิษในการเกษตร แล้วหันมาใช้ แกป ญหาและการดาํ เนนิ ชีวติ ตามแนวทางดงั กลา ว ซ่ึงมรี ายละเอียดเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิ ผลทไ่ี ดรบั พืชสมุนไพรและจุลนิ ทรียช์ ีวภาพทดแทนการใช้สารเคมกี �าจดั ศตั รูพืชท่เี ป็นอนั ตราย เปน็ ตน้ วันเวลาและสถานท่ี และอาจมภี าพการปฏบิ ตั ิ 4) การใชท้ รัพยากรใหห้ ลากหลาย เป็นการใช้ทรพั ยากรชนิดใดชนดิ หนึง่ ในหลาย ตรวจสอบผล Evaluate วตั ถุประสงค์ เช่น การใช้แหล่งนา้� ท้งั ในการทา� การเกษตร ผลิตไฟฟา้ น�า้ ประปา นนั ทนาการ และ ครูตรวจบนั ทึกผลการแกป ญหาและการดําเนิน ศกึ ษาวิจัย หรือใชบ้ ้านใหเ้ ป็นทัง้ ท่ีอยู่อาศยั และที่ประกอบอาชพี เป็นต้น ชีวิตตามแนวทางการอนุรักษท รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอมเพอื่ การพฒั นาที่ยัง่ ยืน โดย 5) การให้ความช่วยเหลือกัน ประเทศท่ีร�่ารวยหรือพัฒนาแล้ว ควรให้ความ พิจารณาจากความครบถว นของรายละเอียด ความ ถกู ตองและครอบคลมุ ของการปฏบิ ตั ิ และผลของ ชว่ ยเหลอื ประเทศยากจนใหส้ ามารถดา� รงชวี ติ โดยไมข่ าดแคลนหรอื ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในการบรู ณะ การปฏิบัติ จากน้นั นําบนั ทกึ ทีด่ ีมาใหนักเรียน ฟนื้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มและลดชอ่ งว่างระหว่างคนรวยคนจนลง พิจารณาเพือ่ เปนแนวทางการปฏบิ ตั ติ นรวมกันและ รวบรวมไวเปน แหลง การเรียนรขู องช้นั เรยี น 6) การลดการท�าลายปา่ ทุกประเทศควรมกี ารบงั คับใช้กฎหมายอยา่ งจรงิ จงั และ มนี โยบายฟื้นฟูและปลูกปา่ เพมิ่ ในส่วนที่เส่ือมโทรมหรอื ถูกทา� ลาย การปลกู ตน้ ไม้ในชุมชนและใน บรเิ วณบา้ นเรอื น รวมท้งั การอนุรกั ษแ์ ละขยายพนั ธุไ์ ม้พนื้ เมืองเพื่อการใชส้ อยในชมุ ชน 7) การสร้างและพัฒนาแหล่งน้�า ทุกประเทศจะต้องด�าเนินการจัดหาและพัฒนา แหล่งนา�้ สา� หรบั การเกษตร และสา� หรบั ใชส้ อยของประชาชนท้งั ในเมอื งและในชนบท รวมทั้งการ ป้องกันและปรบั ปรงุ แหลง่ นา้� และคณุ ภาพน้�าใหม้ คี ุณภาพเหมาะสมกบั การใช้ 159 ขอสอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอ สอบป ’53 ออกเกย่ี วกับความรวมมอื ระหวา งประเทศดา นสงิ่ แวดลอ ม ครคู วรอธิบายใหน กั เรยี นมคี วามรูความเขา ใจเกีย่ วกับแผนงานการจัดต้งั การประชมุ ครง้ั ท่ี 7 ของกลุมประเทศภายใตอ นุสัญญาสหประชาชาตวิ า ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ประกอบดวยความรว มมือในดา นตา งๆ โดยเฉพาะความย่ังยืนดานส่ิงแวดลอ ม (Environmental Sustainability) ไดแ ก ดว ยการเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศที่ประเทศโมร็อกโกเมื่อ พ.ศ. 2544 ไดเ สนอ การจดั การปญ หาส่งิ แวดลอมของโลก การจดั การและการปองกันปญ หามลพษิ ทาง ประเด็นการแกป ญ หาใดซงึ่ มีผลมาถึงปจ จุบัน ส่งิ แวดลอ มขามแดน สง เสริมการพัฒนาทย่ี งั่ ยนื โดยการศึกษาดา นสงิ่ แวดลอมและ การมสี ว นรว มของประชาชน สง เสรมิ เทคโนโลยดี านสง่ิ แวดลอ ม สง เสริมคณุ ภาพ 1. ฝนกรด มาตรฐานการดาํ รงชวี ิตในเขตเมือง การประสานนโยบายดานส่งิ แวดลอ มและ 2. ภาวะโลกรอ น ฐานขอ มลู สงเสริมการใชทรพั ยากรชายฝง และทรัพยากรทางทะเลอยา งย่ังยนื 3. ปรากฏการณเ อลนีโญ สง เสรมิ การจัดการเกย่ี วกับการอนรุ กั ษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละความหลากหลาย 4. ความหลากหลายทางชีวภาพ ทางชีวภาพอยา งย่ังยนื สงเสรมิ ความยั่งยนื ของทรัพยากรน้ําจืด การตอบสนองตอ การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศและการจัดการตอผลกระทบ สงเสริมการบริหาร วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ภาวะโลกรอ น เปน ประเด็นการแกป ญหา จัดการปาไมอยางย่งั ยืน จากขอตกลงมารร าเกช ในการประชมุ ครง้ั ที่ 7 ของกลุม ประเทศภายใต อนุสัญญาสหประชาชาตวิ า ดว ยการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศทป่ี ระเทศโมรอ็ กโก เมอื่ พ.ศ. 2544 คมู่ ือครู 159
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครูนาํ วดี ิทศั นหรือภาพทแ่ี สดงถึงวัฒนธรรมที่ 8) การพฒั นาแบบย่งั ยนื ทุกประเทศไมว่ ่าประเทศพฒั นาแลว้ ก�าลงั พฒั นา หรอื เกดิ จากการสรา งสรรคโ ดยการใชประโยชนจ าก ด้อยพัฒนา ต้องมีนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบย่ังยืน โดยค�านึงถึงโลกในอนาคต ส่ิงแวดลอ มของมนุษยในภมู ิภาคตา งๆ ของโลกและ และการอยู่ร่วมกันของพลโลก ในประเทศไทย เชน การเล้ยี งสัตวแบบเรรอนของ 9) การใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ ชนเผาตา งๆ ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใตห รือ พอเพียง การรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติใน ทางเหนอื ของทวปี แอฟริกาที่เปน ทะเลทราย ประเทศ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การมี การแตง กายท่ปี อ งกนั รา งกายสวนตา งๆ จากลมและ จริยธรรม การอยู่อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทราย การอยูอาศัยของประชากรในเมืองใหญของ และการรจู้ กั ความพอดใี นการจบั จา่ ยใชส้ อย เปน็ ทวปี ยุโรปทม่ี ีระบบสาธารณูปโภคเจริญกาวหนา เชน หลักการท่ีท�าให้มีชีวิตอย่างเรียบง่าย และเป็น รถไฟความเร็วสงู อินเทอรเ น็ตความเร็วสูง และการ ชีวิตทมี่ คี ุณภาพได้ วางผังเมืองที่มปี ระสิทธิภาพ และประเพณฮี ตี สบิ สอง 10) การดา� เนนิ งานของโครงการ ของชาวไทยในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ซ่งึ สะทอน คณะมนตรีประศาสน์การของโครงการส่ิงแวดล้อมแห่ง สิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United ถึงความผกู พนั ระหวางมนษุ ยกับสภาพแวดลอม สหประชาชาติ มกี ารประชมุ สมยั สามญั เพอื่ วางมาตรการใน ความศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนาและความเช่ือด้งั เดิม การแก้ปญหาสิง่ แวดลอ้ มทกุ 2 ป อยา งการนับถอื พญานาคและผฟี าหรอื เทวดาใน National Environmental Programme) และ ธรรมชาติ แลว สนทนากบั นักเรยี นถึงความรูที่ไดจาก โครงการอนื่ ๆ ของสหประชาชาตติ อ้ งนา� แนวทางการอนรุ กั ษด์ งั กลา่ วไปสกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นประเทศตา่ ง ๆ การชมวดี ทิ ัศนห รอื ภาพดังกลาว จากนน้ั ใหนักเรยี น ใหเ้ กิดผลอยา่ งจริงจงั ดว้ ย วเิ คราะหถึงการเปล่ยี นแปลงดา นสงิ่ แวดลอมกับผล กระทบทางวัฒนธรรมในทองถิ่นหรอื ประเทศ . การãชป้ ระâยชน¨์ ากสงิ่ แวดลอ้ มãนการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม สา� รวจคน้ หา Explore 6.1 การใชป้ ระโยชนจ์ ากสงิ่ แวดลอ้ มในการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม ของโลก ครูใหน กั เรยี นศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั การใช ประโยชนจากส่งิ แวดลอ มในการสรา งสรรคว ัฒนธรรม โลกทีม่ นษุ ย์อาศยั อย่นู ้ี ประกอบด้วย ดิน (หนิ ) น้�า และอากาศ โดยเป็นพืน้ นา�้ ประมาณ ในภูมภิ าคตา งๆ ของโลก จากหนงั สือเรยี น หนา ร้อยละ 71 นอกน้ันเป็นดิน หิน และทราย ในส่วนที่เป็นพื้นดินหรือหินบริเวณข้ัวโลกเหนือ 160-163 และแหลงการเรยี นรูทเี่ กยี่ วของ เชน ปกคลุมไปด้วยน�้าแข็ง อากาศหนาวเย็น มีส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่เบาบาง และได้รับแสงแดดน้อย หนงั สอื ในหอ งสมุด พพิ ธิ ภณั ฑห รอื ปราชญช าวบาน ส�าหรับบริเวณท่ีมีปัจจัยในการด�ารงชีวิตอุดมสมบูรณ์ เช่น ทรัพยากรดิน น�้า สัตว์ พืชพรรณ ดา นวฒั นธรรมในทอ งถน่ิ รวมถึงเวบ็ ไซตของหนวย ธรรมชาติ และมีอากาศอบอุ่น มีมนุษย์อาศัยอยู่จ�านวนมากและหนาแน่น เช่น บริเวณประเทศ งานหรอื องคก รดา นวฒั นธรรมทัง้ ในประเทศและ จีนและอินเดีย ส่วนบริเวณท่ีอากาศหนาว สัตว์และพืชมีน้อย มนุษย์อาศัยอยู่เบาบาง เช่น ตา งประเทศ ตอนเหนือของประเทศแคนาดา ตอนเหนือของทวีปยุโรป ทวีปเอเชีย เป็นต้น และบริเวณที่มี ความแห้งแล้ง โดยเฉพาะในเขตทะเลทรายในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก มีมนุษย์อาศัยอยู่น้อย เช่นกัน ส่วนบริเวณทไี่ ม่มีมนษุ ย์ต้งั ถ่นิ ฐานอาศยั อย่ ู ไดแ้ ก ่ บริเวณขว้ั โลกเหนอื และขั้วโลกใต้ การด�ารงชีวิตของมนุษย์ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก มีความแตกต่างกันท้ังทางด้าน ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมทั้งพืชพรรณธรรมชาติ ส่งผลให้มนุษย์ใช้ประโยชน์จากส่ิงแวดล้อม 160 เพอื่ การดา� รงชวี ติ และการ สรา้ งสรรค์วัฒนธรรมแตกตา่ งกนั ออกไป ดังตวั อย่าง บูรณาการอาเซยี น ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การสรา งสรรควัฒนธรรมจากส่งิ แวดลอม ครสู ามารถจัดกิจกรรมการเรียนรบู ูรณาการอาเซียนโดยใหนกั เรยี นรวมกลมุ ใครใชป ระโยชนจากสิ่งแวดลอ มในการสรา งสรรควฒั นธรรม แลว ชว ยกนั ศกึ ษาคนควาเกีย่ วกับการใชป ระโยชนจากสง่ิ แวดลอ มในการสรางสรรค 1. ชาวรสั เซยี จับปลาสเตอรเ จยี นเพื่อนาํ ไขมาทาํ คาเวียร วฒั นธรรมในดา นตา งๆ ของประเทศสมาชิกอาเซียน เชน การประดษิ ฐเ ครือ่ งมอื 2. ชาวเบดูอินในคาบสมุทรอาหรบั เลย้ี งสัตวแ บบเรร อ น ทางการเกษตรรูปแบบตางๆ ในประเทศเวียดนาม เปนการสรางสรรควัฒนธรรม 3. ชาวสแกนดเิ นเวียนําไมสนมาแปรรปู เปนวัสดุกอ สราง ดานอาหารและการประกอบอาชพี การสรา งศาสนสถานขนาดใหญโดยใชวัสดุ 4. ชาวอนิ เดยี นพื้นเมืองในประเทศเปรูเพาะปลูกธญั พชื แบบยงั ชพี กอสรางในทอ งถ่ินดวยวิธีการตา งๆ ในประเทศกมั พชู า เปน การสรางสรรค วเิ คราะหคําตอบ การแปรรปู ไมสนเปนวสั ดุกอสรา งของชาวสแกนดเิ นเวยี วัฒนธรรมดา นศาสนาและความเชอ่ื แลว สง ตวั แทนของกลมุ นาํ เสนอผลงานที่หนา เปนการใชป ระโยชนจากสิ่งแวดลอมในการสรา งสรรควฒั นธรรมดา น ชั้นเรยี น จากน้นั ครอู ธิบายเพ่ิมเติมถงึ แนวคิดในการสรางสรรควัฒนธรรมของมนษุ ย ทีอ่ ยูอาศัย สว นชาวอินเดยี นพ้นื เมอื งของประเทศเปรทู เี่ พาะปลกู ธัญพืช จากสงิ่ แวดลอ มในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตและภมู ภิ าคอน่ื ของโลก เปน การสรางสรรควัฒนธรรมดา นอาหาร สาํ หรบั ชาวรัสเซียและชาวเบดอู ิน ซ่ึงมลี ักษณะที่สอดคลอ งกัน ครูและนกั เรียนชวยกันสรุปสาระและแนวคดิ สําคญั ในตัวเลอื กดงั กลาวไมไดแสดงถึงการสรา งสรรคว ฒั นธรรมจากสิ่งแวดลอ ม นกั เรียนบันทกึ ลงในสมุด ดงั นนั้ คาํ ตอบคือ ขอ 3. และขอ 4. 160 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ 1) การสรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั ผคู้ นทอ่ี ยอู่ าศยั ตามภมู ภิ าคตา่ ง ๆ จะสรา้ งทอ่ี ยอู่ าศยั แตกตา่ ง ครสู ุมนักเรียน 4-5 คน ใหชวยกันอธบิ าย ความรเู กีย่ วกบั การใชประโยชนจ ากส่ิงแวดลอม กนั ไปตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ รวมทง้ั ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ม่ี อี ย ู่ เชน่ ชาวมองโกเลยี ในการสรา งสรรคว ฒั นธรรมในภมู ภิ าคตา งๆ ของ ซงึ่ อาศยั อยบู่ รเิ วณเอเชยี กลางและไซบเี รยี เปน็ พวกเรร่ อ่ นเลยี้ งสตั วต์ อ้ งอพยพยา้ ยถน่ิ เสมอ ดงั นน้ั โลก โดยแบงตามปจจยั สาํ คญั ในการดาํ รงชวี ิต จึงมีการสร้างที่พักอาศัยเป็นกระโจม โครงสร้างท�าจากไม้ หลังคาและฝาผนังท�าจากหนังสัตว์ ทัง้ 4 ดา น ไดแ ก อาหาร ท่ีอยูอาศัย เครื่องนงุ หม รหนุ รแือรผง้าไ ดสเ้ ปามน็ อารยถา่ เงคดล ี สื่อว่ นนยช้าายวสปะาดปววั กน วิ กกรนิ ะอีโ1จามศจยั ะท�าหน้าที่ป้องกันลมพายุในเขตทุ่งหญ้าท่ีมีความ และยารกั ษาโรค แลว ตง้ั คาํ ถามท่เี นนใหน กั เรยี น อยู่ในเขตท่ีมีฝนตกชุก จึงมีการสร้างบ้านท่ีมี เกดิ ความคิดรวบยอดดา นส่งิ แวดลอมกบั การ เสาสูง หลงั คาสูง มคี วามชนั เพื่อใหน้ า�้ ฝนไหล สรางสรรควฒั นธรรมใหนักเรยี นชวยกันตอบ เชน สะดวก เปน็ ต้น • ส่ิงแวดลอ มมีอทิ ธิพลตอ การสรา งที่อยอู าศยั 2) การแตง่ กาย ลกั ษณะภมู อิ ากาศ ของมนษุ ยใ นแตล ะพื้นทีข่ องโลกอยางไรบาง (แนวตอบ สงิ่ แวดลอมมอี ิทธิพลตอ การสรา ง มีผลอย่างมากในการเลือกใช้วัสดุในการตัดเย็บ ที่อยูอาศัยของมนุษยใ นแตละพื้นทข่ี องโลก เครอ่ื งนงุ่ หม่ เชน่ ชาวเอสกโิ มทอี่ าศยั อยบู่ รเิ วณ อยางมาก โดยเฉพาะลกั ษณะภมู ิประเทศและ ใกล้ข้วั โลกเหนอื มอี ากาศหนาวเยน็ ดังน้ัน จงึ ภูมอิ ากาศ รวมถงึ ทรัพยากรธรรมชาติ กลาว มกี ารแตง่ กายดว้ ยเสอ้ื ผา้ ทที่ า� จากหนงั สตั วห์ รอื ชาวมองโกเลยี สรา้ งกระโจมเปน็ ทพ่ี กั อาศยั เนอื่ งจากสะดวก คอื มนษุ ยจะสรางที่อยูอาศัยใหส อดคลอ งกบั ขนสัตว์ทีล่ ่ามาได ้ ซ่งึ สามารถให้ความอบอ่นุ ได้ ในการยา้ ยถน่ิ ไปกบั ฝงู สตั วเ์ ลยี้ ง ลักษณะภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศ รวมถึง เปน็ อยา่ งด ี สว่ นในเขตรอ้ นผคู้ นจะสวมใสเ่ สอื้ ผา้ ทที่ า� จากเสน้ ใยพชื เชน่ ชาวอาหรบั นยิ มใสเ่ สอ้ื ผา้ ทรัพยากรธรรมชาติท่เี กอื้ หนนุ การดาํ รงชีวติ ท่ตี ดั เย็บจากผ้าฝ้าย ท�าใหส้ วมใสส่ บาย ไม่ร้อน เป็นต้น ในพนื้ ทน่ี ้ันๆ เชน ชาวประมงบรเิ วณทะเล สาบอนิ เล ในเมยี นมา จะสรา งบา นบน 3) เทคโนโลยีและภูมิปัญญา มนุษย์ท่ีอาศัยอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ มีการศึกษา เสาไมเ หนอื พืน้ นํ้าของทะเลสาบคลายคลึง กับเสาเข็มในการกอ สรางอาคารในปจจบุ ัน ธรรมชาติและรู้จักวิธีการน�าทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนสามารถพัฒนาเทคโนโลยี เดินทางและประกอบอาชีพประมงโดยใชเรอื จากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เชน่ ชาวแลปปท อี่ าศยั อยใู่ นเขตพน้ื ทแี่ ลปปแ ลนด ์ ซงึ่ เปน็ บรเิ วณทงุ่ นา้� แขง็ และเครอื่ งมอื ดัง้ เดมิ และปลูกพืชสวนขนาด มีการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ไว้ใช้ประโยชน์ จึงมีการสร้างล้อเล่ือนส�าหรับใช้ในการลากเลื่อน ส่วน เล็กบนแปลงเกษตรท่สี านข้ึนจากไมไ ผล อย ประชากรทอี่ ยบู่ นหมเู่ กาะต่าง ๆ เช่น ชาวเมลานีเซยี น ชาวไมโครนเี ซียน ชาวโปลินีเซยี น ทอี่ าศยั อยบู นผวิ น้ําคลายคลงึ กับนวัตกรรมการปลกู อยู่ในดินแดนโอเชียเนีย ซ่ึงมีภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ มีการใช้ไม้ซ่ึงมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ใน พืชไมใ ชด นิ ) ท้องถ่ินน�ามาต่อเรือ และสรา้ งเครอื่ งมือเพอื่ จับสัตว์น้า� เปน็ ตน้ 161 6.2 การใชป้ ระโยชนจ์ ากสงิ่ แวดลอ้ มในการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม ทเ่ี ปน เอกลกั ษณ์ของทอ้ งถนิ่ การรู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในการสร้างสรรค์วัฒนธรรม มาเป็นเวลานาน เช่น การสร้างบ้านเรือน สร้างเป็นบ้านใต้ถุนสูงเพื่อป้องกันน้�าท่วม การใช้ พืชพรรณในท้องถ่ินมาประกอบเป็นอาหาร เป็นยารักษาโรค เป็นเคร่ืองใช้ในครัวเรือน และ เป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ละท้องถิ่นในประเทศไทยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ขึ้นอยู่กับส่ิงแวดล้อม ทรัพยากร และภมู ิปัญญา ดงั ตวั อย่างการใช้ประโยชน์ต่อไปนี้ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรยี นควรรู ครอู าจมอบหมายใหนักเรยี นสรปุ ความรูเ กยี่ วกับวัฒนธรรมท่ีเกดิ จาก 1 นิวกนิ ี เปน เกาะขนาดใหญท างตะวนั ออกของหมูเกาะอินโดนเี ซีย โดย การใชป ระโยชนข องสิ่งแวดลอมทเี่ ก่ยี วของกบั ทองถิน่ ของตน จากนัน้ จดั ทํา อาณาเขตทางตะวันตกของเกาะเปน จังหวดั ปาปว และปาปวตะวันตกของประเทศ เปนเอกสารเผยแพรค วามรู อนิ โดนเี ซยี สว นทางตะวนั ออกเปนประเทศปาปว นิวกนิ ี อยา งไรกต็ ามประชากร สวนใหญของทง้ั เกาะอยูในกลมุ ชาตพิ ันธเุ มลานเี ซยี (Melanesia) มลี ักษณะทาง กจิ กรรมทาทาย กายภาพ คอื รปู รา งคอนขางเลก็ ผิวสนี ํ้าตาล อยา งไรกต็ ามตอมาไดม กี ารอพยพ ไปต้ังถน่ิ ฐานยงั หมูเกาะในเขตแปซิฟก ใตทาํ ใหเ กิดการผสมผสานกับกลุม ชาตพิ ันธุ ครูอาจมอบหมายใหน ักเรยี นศกึ ษาคน ควาขอมูลเก่ยี วกับวฒั นธรรมท่ี อื่นจนไมสามารถจาํ แนกไดอยา งชดั เจน ชาวเมลานีเซยี มวี ัฒนธรรมทีส่ ําคญั คือ เกิดจากการใชประโยชนของสงิ่ แวดลอ มในทองถ่นิ ของตน จากแหลงการ การมภี าษาพดู ของตนเองหลายพนั ภาษา ซ่งึ นกั มานุษยวทิ ยาและนกั ภาษาศาสตร เรียนรูในทอ งถิน่ เชน พิพธิ ภณั ฑ หนวยงานในทอ งถ่นิ และปราชญชาวบาน ไดจ ดั อยใู นภาษาตระกูลออสโตรนเี ชียนและตระกูลปาปวน จากน้นั จัดทาํ เปน เอกสารเผยแพรค วามรู คู่มอื ครู 161
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ ครสู ุมนักเรียน 3 คน ใหช ว ยกันอธิบายความรู เกีย่ วกับการใชป ระโยชนจากสิง่ แวดลอ มในการ สรา งสรรคว ฒั นธรรมในประเทศไทย ในสวนของ 1) อาหาร อาหารทปี่ รุงขึน้ จากพชื และสตั ว์ท่มี ีอยใู่ นทอ้ งถน่ิ ต่าง ๆ ไมว่ า่ อาหารคาว เคร่อื งใชท ั่วไป อาหาร และยารกั ษาโรค คนละ 1 สวน แลวใหน กั เรียนในชั้นเรียนเสนอแนะขอมลู เพมิ่ อาหารหวาน โดยเฉพาะเครื่องปรงุ รสอาหารคาว ใช้พริกหอม กระเทียม ขา่ ตะไคร้ ใบมะกรูด เตมิ หรือปรับปรุงเพ่อื ใหไ ดความรูทถี่ กู ตอ งครบถวน ใบกะเพรา ในการเพม่ิ รสชาตใิ หอ้ าหาร การใชผ้ กั ตา่ ง ๆ ในการประกอบอาหาร เชน่ มะเขอื แตงกวา จากนัน้ ครใู หน ักเรียนชวยกันสรปุ ความรูเ กีย่ วกบั หน่อไม้ เป็นต้น อาหารอาจใช้แป้งข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว มะพร้าว น้�าตาล รวมทั้งยังมีผลไม ้ การใชป ระโยชนจากส่ิงแวดลอ มในการสรางสรรค เช่น ทุเรยี น มังคุด ส้ม รับประทานเปน็ อาหารวา่ งอกี ด้วย ซึง่ แตล่ ะท้องถน่ิ จะมีการปรุงอาหาร วฒั นธรรมดา นเครอื่ งใชท ่วั ไป อาหาร และยารักษา และชอ่ื อาหารทีแ่ ตกตา่ งกันไป ตวั อย่างอาหารไทยในภาคตา่ ง ๆ มีดังน้ี โรคในประเทศไทย นักเรยี นบันทึกการสรุปลงในสมดุ 1.1) อาหารไทยภาคเหนอื เชน่ น�้าพริกหนมุ่ ไสอ้ ว่ั แกงฮงั เล สม้ ต�า แกงโฮะ ขยายความเขา้ ใจ แกงหนอ่ ไม ้ แมงมัน และจก่ี งุ้ ผัก เช่น ผ�าหรือไข่แหน เตาหรือตะไคร่น้า� ผกั แพะ อาหารวา่ ง เชน่ ข้าวแช่ ขนมปากหมอ้ ขนมเบอื้ ง เปน็ ตน้ Expand 1.2) อาหารไทยภาคกลาง มีน้�าพรกิ กะป นา้� พรกิ ลงเรือ แกงสม้ แกงเผ็ด ตม้ ย�า ครูใหนักเรียนศึกษาคนควา เก่ียวกบั การ ต้มส้ม พะแนง มัสม่ัน ปลาทู ปลาช่อน เนื้อทอด ไข่เจียว ผัก เช่น มะเขือ แตงกวา บวบ ใชประโยชนจากส่งิ แวดลอ มในการสรางสรรค อาหารว่าง เชน่ ขา้ วมันสม้ ตา� ขา้ วเหนยี วมะมว่ ง เป็นตน้ วฒั นธรรมในประเทศไทยและในภมู ิภาคตา งๆ ของ โลกเพ่ิมเตมิ จากแหลง การเรยี นรู เชน หนังสือใน 1.3) อาหารไทยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เชน่ ปลารา้ แจว่ ตม้ ไก ่ ตม้ ปลา แกงหนอ่ ไม้ หอ งสมุด หนว ยงานหรอื องคกรดา นวฒั นธรรมใน แกงขี้เหล็ก แกงอ่อม ส้มต�า ปลาย่าง เน้ือย่าง กบ เขียด แย้ ไข่มดแดง ส่วนผักนอกจาก ทองถนิ่ รวมถึงเว็บไซตท่เี กีย่ วขอ งทั้งในประเทศและ ผกั ท่วั ๆ ไปแล้ว มผี กั ต้ิว ผกั กะโคน ยอดมะตูม อาหารวา่ ง เช่น ไส้กรอก ข้าวจี่ เป็นต้น ตา งประเทศ แลวรวบรวมภาพและขอมลู จัดทําเปน สมุดภาพการใชประโยชนจ ากสิง่ แวดลอมในการ 1.4) อาหารไทยภาคใต ้ เช่น แกงเหลอื ง แกงไตปลา น้�าบูด ู ขา้ วยา� ปลาทะเล สรา งสรรควัฒนธรรมในประเทศไทยและในภูมิภาค ผกั เฉพาะถน่ิ เชน่ สะตอ เม็ดเหรยี ง ลกู เนยี ง อาหารวา่ ง เช่น ขนมลา ขนมพอง เป็นตน้ 2) เครื่องใช้ทว่ั ไป คนไทยร้จู ักนา� ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินมาจัดท�า ตางๆ ของโลก โดยมีภาพและขอ มลู ประกอบท้งั ใน สวนของประเทศไทยและในภูมิภาคตางๆ ของโลก เป็นเครื่องมือ เครื่องใช ้ เชน่ น�าไม้มาสร้างบา้ น อยา งนอ ยสว นละ 5 ตัวอยาง รวมเปน 10 ตัวอยา ง ท�าเครือ่ งเรือน ของเล่น ของใช ้ ปลูกฝ้ายและ ตรวจสอบผล Evaluate เสน้ ไหมนา� มาทอผา้ นา� ดนิ เหนยี วมาปน้ั โอง่ ไห นา� เยอื่ ไมม้ าทา� กระดาษและรม่ เปน็ ตน้ นอกจาก ครูคดั เลอื กผลงานสมุดภาพการใชประโยชน หัตถกรรมพื้นบ้านร่มบ่อสร้าง เป็นภูมิปญญาท่ีได้น�าไม้ การน�าทรัพยากรในท้องถิ่นมาท�าเครื่องใช้แล้ว จากสง่ิ แวดลอมในการสรางสรรควัฒนธรรมใน กระดาษสาท่ีมีมากในท้องถ่ินมาท�าเป็นเครื่องใช้ และใน ยังคิดท�าเคร่ืองใช้เหล่าน้ันให้สวยงาม และมี ประเทศไทยและในภูมภิ าคตา งๆ ของโลกทดี่ ขี อง ปจจบุ ันกลายเป็นสนิ ค้าส�าคญั ของท้องถน่ิ เอกลกั ษณ์เปน็ ของท้องถิน่ แตล่ ะแหง่ อีกด้วย นกั เรียน แลว นํามาใหน กั เรยี นชวยกันตรวจอีกคร้งั ในชนั้ เรียน โดยพิจารณาจากความหลากหลายของ ตวั อยาง ความถกู ตอ งครบถวนของขอ มลู และความ 162 สวยงามนา สนใจ จากน้ันรวบรวมสมุดภาพทีด่ ีไวเ ปน แหลง การเรยี นรใู นชั้นเรยี น ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู ครอู าจสนทนารวมกนั กบั นกั เรยี นถงึ แหลงทองเทีย่ วเชงิ วฒั นธรรมท่ไี ดรับความ ขอ ใดแสดงถึงการใชป ระโยชนจ ากสงิ่ แวดลอมเพ่อื การสรางสรรคน วตั กรรม นยิ มในประเทศไทยอนั เกิดจากอิทธิพลของส่งิ แวดลอ ม เชน ตลาดน้ําในจงั หวัด เพ่ือการพฒั นาท่ยี งั่ ยนื ตา งๆ โบราณสถานที่สรา งข้ึนตามลักษณะภมู ิประเทศและใชว ัสดกุ อสรางที่มใี น ทองถิ่น จากนัน้ ต้งั ประเดน็ อภปิ รายทีเ่ นนแนวคิดการสรางสรรควฒั นธรรมจาก 1. สวนผักผลไมในแอง แมอ าย สิ่งแวดลอมอนั เปน แหลงทองเท่ียวของทองถิ่น เชน วัฒนธรรมจากส่งิ แวดลอมสู 2. พลงั งานชีวมวล การเปนแหลง ทองเทยี่ ว ความสัมพนั ธร ะหวางชาวไทยกบั ส่งิ แวดลอม แลวนกั เรียน 3. ปราสาทหนิ พิมาย 4. วดั ถ้ํากลองเพล บนั ทกึ ผลการอภปิ รายลงในสมดุ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. พลังงานชีวมวล เน่อื งจากเปน การใชพ ลังงาน จากสิง่ ปฏกิ ูลทางการเกษตร สวนตัวเลอื กในขออ่นื กลา วคอื ขอ 1. เปนการ สรางสรรควัฒนธรรมดา นการประกอบอาชีพ สว นขอ 3. และขอ 4. เปน การ มมุ IT สรา งสรรควัฒนธรรมดา นศาสนาและความเชอ่ื ศึกษาความรูเกีย่ วกับสงิ่ แวดลอ มกับการสรางสรรคว ัฒนธรรมไทยเพ่มิ เตมิ ไดที่ http://www.tei.or.th/cef/link/link.htm เว็บไซตดานส่งิ แวดลอ มวฒั นธรรม มลู นธิ ิ กองทนุ ส่งิ แวดลอมวฒั นธรรมไทย (Thailand Cultural Environment Fund : CEF) 162 ค่มู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Engage กระตนุ ความสนใจ 1 ครูสนทนารว มกันกบั นกั เรียนถงึ ความรูท่วั ไป พืชตามทอ้ งถิน่ ตา่ ง ๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลมุ่ พชื สมุนไพร เกีย่ วกบั การพฒั นาทย่ี ง่ั ยืน และแนวทางตาม 3) ยารักษาโรค พระราชดํารขิ องพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มีอยู่หลากหลาย โดยคนไทยใช้รักษาโรคมาเป็นเวลานาน บางอย่างมีการน�ามาใช้โดยไม่ต้อง มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชทีเ่ กี่ยวขอ งกบั สง่ิ แวดลอม ปรงุ แต่งใด ๆ พชื แตล่ ะชนดิ จะมีสรรพคณุ และวธิ ใี ชแ้ ตกตา่ งกนั เชน่ ใบต�าลงึ ค้ันสดทาแกพ้ ิษแมลง เชน การปลกู ปาโดยไมตอ งปลกู การบําบดั น้าํ เสยี กัดต่อย เปน็ ตน้ ดวยพชื สัตว และเครอื่ งกล ซง่ึ ไดแก กงั หันน้ําชยั 4) แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว ประเทศไทยมสี ภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาตทิ น่ี า่ สนใจอยหู่ ลายแหง่ พัฒนา แลวตัง้ คําถามทเ่ี นน การเชอื่ มโยงระหวา ง บางแหง่ ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียว เช่น นา�้ ตก ชายหาด เกาะแก่ง ชายฝัง่ ปะการัง อุทยาน หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การพัฒนาท่ี ยัง่ ยืนใหนกั เรยี นชวยกันตอบ เชน แหง่ ชาต ิ วนอทุ ยาน สวนพฤกษศาสตร ์ สวนรกุ ขชาต ิ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ อา่ งเกบ็ นา้� แมน่ า้� ลา� คลอง ถา้� • ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมีสวนชวยให เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีชุมชนหลายแห่งท่ีเป็นแหล่งท่องเท่ียวแบบพักค้าง (Home Stay) เกิดการพัฒนาทีย่ ง่ั ยนื ไดห รอื ไม อยางไร ซึ่งเป็นการท่องเท่ียวรูปแบบหน่ึงที่ให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าไปพักอาศัยอยู่ร่วมกับคนใน (แนวตอบ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ท้องถนิ่ เพือ่ สัมผัสและเรยี นรู้วิถชี ีวติ ความเปน็ อยู่ วฒั นธรรมและประเพณีท้องถิ่นต่าง ๆ ปจั จุบนั มสี ว นชวยใหเ กิดการพฒั นาทยี่ งั่ ยืน จาก การทอ่ งเทย่ี วรปู แบบนี้ก�าลังไดร้ ับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เชน่ โฮมสเตย์คลอง แนวคดิ สําคญั ทเี่ นนการประกอบกิจกรรม รางจระเข ้ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา โฮมสเตย์บ้านหัวหาด จังหวดั สมทุ รสงคราม เปน็ ต้น ทางเศรษฐกจิ ท่ไี มกอ ใหเกดิ ผลเสยี ตอ สิง่ แวดลอ ม อันเปนหลกั ของการพฒั นาท่ยี ั่งยนื 7. การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมทยี่ งั่ ยนื ซง่ึ เนน การพฒั นาเศรษฐกิจควบคไู ปกบั การ ในปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นเร่ือย ๆ เน่ืองจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คํานงึ ถึงผลกระทบดา นสิ่งแวดลอ มและ ของจ�านวนประชากร ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงมีการน�าทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ สังคม) ในปริมาณท่ีมากและรวดเร็วเกินความพอเพียง ท�าให้สภาพแวดล้อมเปล่ียนแปลงไปจนเกิด สาํ รวจคน หา Explore เแปล็นะปสิ่งญั แหวาดตลา้อมมม าท �เาชใหน่ ้ท กุกาปรรหะมเทดศไปใน โกลากรหรอ่ันยมหารใอห ้คแวลาะมคสว�าาคมัญเสก่ือับมกโาทรรพมัฒขอนงาทสริ่งัพแวยดากลร้อธมรทรมี่ยั่งชยาืนต ิ2 ครใู หน กั เรยี นรวมกลมุ กนั กลุม ละ 3 คน เพ่ือ ซง่ึ จะต้องมีการรว่ มมอื กนั ของทุก ๆ ฝ่ายในการรว่ มกันแก้ปญั หาท้ังในระยะสัน้ และระยะยาว แบง หนาท่กี นั ศึกษาความรูใ นสวนของแนวทางการ การพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มทย่ี ง่ั ยนื หมายถงึ การพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมท่ี แกป ญหาและการพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและ คา� นึงถึงความเสยี หาย มกี ารปอ้ งกันปญั หาทีเ่ กดิ แก่สง่ิ แวดลอ้ ม หรอื เกิดความเสยี หายน้อยทส่ี ดุ ส่งิ แวดลอ มท่ยี ัง่ ยืน การดําเนินชวี ติ เพ่อื การพฒั นา โดยค�านงึ ถึงความตอ้ งการพ้ืนฐานของประชากรในประเทศด้วย ทรัพยากรและส่ิงแวดลอ มที่ยั่งยนื และแนวทาง การอนรุ กั ษและฟนฟูสภาพส่งิ แวดลอมตามแนว พระราชดําริ จากหนงั สอื เรียน หนา 163-169 และ 7.1 แ นวทางการแกป้ ญั หาและการพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติ เวบ็ ไซตตา งๆ เชน http://www.unescobkk. และสิง่ แวดล้อมท่ยี ่งั ยนื org/th/education/esd/esd-home/esd-in-thai/ เว็บไซตก ารศกึ ษาเพอ่ื การพัฒนาทยี่ ่ังยนื องคการ การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ีย่ังยืน ต้องอาศัยความพร้อมของชุมชน ยูเนสโก ประเทศไทย (Education for Sustainable และความร่วมมือกันจากทุก ๆ ฝ่าย ท้ังคนในชุมชน หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน Development UNESCO Bangkok) และ http:// โดยมีองคป์ ระกอบท่สี �าคัญ ดังน้ี 163 web.ku.ac.th/king72/2542-09/page02.html เว็บไซตพระราชกรณียกิจและพระราชดํารดิ านการ จัดการทรพั ยากร แลว อธิบายความรูทต่ี นศึกษามา ขอสอบ O-NET แกเพอื่ นในกลุมจนเกิดความเขาใจตรงกัน ขอสอบป ’53 ออกเกีย่ วกับการสรา งสรรคว ฒั นธรรมจากสงิ่ แวดลอม นกั เรียนควรรู การสรา งสรรคว ฒั นธรรมในขอ ใดเปนการใชป ระโยชนจ ากส่ิงแวดลอ ม 1 พืชสมุนไพร เปน สิ่งทอ่ี ยูค คู นไทยมานับรอ ยป แตเม่ือการแพทยแผนปจจุบนั 1. การทํานาป ของตะวันตกเริ่มเขา มามีบทบาทในบา นเรา สรรพคณุ และคณุ คาของสมนุ ไพรอัน 2. การจุดบงั้ ไฟ เปนสงิ่ ทีเ่ รียกไดว า ภมู ปิ ญ ญาไทย แตส มยั โบราณกเ็ รมิ่ ถกู ลมื เลอื นไป อยา งไรก็ตาม 3. การทาํ นาเกลือ มหี ลายหนว ยงานในปจ จุบนั ไดเ รมิ่ ศึกษาและพฒั นาแนวทางการใชสรรพคุณจาก 4. การแหน างแมว สมนุ ไพรอยางจริงจัง 2 การพัฒนาส่งิ แวดลอมทยี่ ง่ั ยืน หรือการพฒั นาทย่ี งั่ ยืน (Sustainable Develop- วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การทํานาป เปนการใชน้าํ ฝนที่ตกในพืน้ ที่ ment) เปน แนวคิดทเี่ รม่ิ ตนภายหลงั การสิน้ สดุ ของสงครามโลกคร้งั ที่ 2 กระทัง่ การ ประชุมสหประชาชาตวิ า ดว ยสิ่งแวดลอมของมนษุ ย ณ กรุงสตอกโฮลม ตามฤดูกาลใหเ ปนประโยชนในการสรา งสรรควัฒนธรรมดานอาหารและการ ประเทศสวเี ดน ใน ค.ศ.1972 และส่ิงแวดลอมและการพฒั นา ณ เมืองรอี เู ดจาเนรู ประเทศบราซิล ใน ค.ศ.1992 จึงมกี ารรางแผนปฏิบตั ิการเพอ่ื การพฒั นาทยี่ ัง่ ยืน ประกอบอาชีพ และขอ 3. การทาํ นาเกลอื จากการนาํ เกลอื ทอี่ ยูใตช นั้ ดินขึ้น มาตากแดดเปน ประโยชนในการสรางสรรคว ัฒนธรรมดา นการประกอบอาชีพ เชนกัน ตามหลักการปฏบิ ัตใิ น Agenda 21 คมู ือครู 163
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูสอบถามนกั เรยี นเกีย่ วกับสาเหตคุ วามเปนมา แผนผังแสดงองค์ประกอบของการพฒั นาที่ย่ังยนื และความหมายของการพัฒนาทยี่ ัง่ ยนื ทนี่ กั เรยี นได กาอรพงคัฒ์ปขนอราะงทกย่ีอัง่บยนื ศกึ ษามา แลว ใหน กั เรียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การสง เสริมและอุปสรรคของการพัฒนาท่ียงั่ ยืน คณุ ภาพชีวิตทดี่ ี ความอดุ ม ความมัน่ คงของ จากน้นั ครูตงั้ คาํ ถามเก่ียวกับหลกั การสําคัญของ ของประชากร สมบรู ณข์ อง เศรษฐกิจชุมชน การพัฒนาท่ยี ง่ั ยืน ซง่ึ ไดแก การพัฒนาคณุ ภาพ ทรพั ยากรธรรมชาติ ประชากร และการใชทรัพยากรธรรมชาติอยา งมี และความตอ้ งการใช้ ประสิทธภิ าพ แลว สมุ ใหก ลุมนักเรยี นตอบ เชน ของประชากร • การดาํ เนินการในสวนขององคป ระกอบทาง ในการพัฒนาท่ียั่งยืนน้ันต้องมีการประเมินถึงความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของ สงั คมท่ีสาํ คญั ตอการพัฒนาท่ยี ง่ั ยืนควรเปน ประชากรในชุมชนกับทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ปริมาณแหล่งน้�าและความเพียงพอในการใช้น�้าใน เชนไร ปัจจุบัน และชุมชนน้ันต้องมีความพร้อมให้ความร่วมมือเพ่ือน�าไปสู่การมีคุณภาพชีวิตท่ีดี (แนวตอบ องคป ระกอบทางสงั คมทีส่ าํ คญั มีการกินดีอยู่ดี อยู่ในท่ีมีอากาศบริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษ มีการศึกษา ได้รับบริการสาธารณสุข ตอ การพฒั นาทีย่ ่ังยนื ไดแก ประชากร อยา่ งทว่ั ถึง เน่ืองจากประชากรทมี่ ีคณุ ภาพ กลาวคือ การพัฒนาท่ีก่อให้เกิดผลท่ีย่ังยืนยาวนาน คือ การพัฒนาที่ไม่ก่อให้เกิดความเส่ือมโทรม มีความรคู วามเขา ใจถงึ ความสําคัญของ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม และมี แก่คณุ ภาพส1่ิง)แ วคดวลบ้อคมมุ ออยตั่ารงรานุกแารรงเพแลม่ิ ะจตา� อ้ นงวกนระปทรา�ะอชยาา่กงรจ 1รกงิาจรงัเพ คมิ่ วจรา� ดนา� วเนนปินรกะาชราใกนรดทา้ า�นใหตเา่้ กงดิ ๆก าดรงั ในช้ี้ จติ สํานึกในการอนรุ กั ษส ิ่งแวดลอ ม จะมสี วน ชวยแกไ ขปญหาส่ิงแวดลอมที่ประสบอยใู น ทรัพยากรอย่าง กวา้ งขวาง จึงตอ้ งมีการผลติ อาหารและจัดสรรท่อี ย่อู าศัยเพม่ิ ขนึ้ ความต้องการที่ ปจจบุ ัน และมีสวนรวมในการพัฒนาสังคม เพม่ิ ขน้ึ เหลา่ นไ้ี ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ การขาดแคลนทรพั ยากร เกดิ สารพษิ ในสงิ่ แวดลอ้ ม และทา� ใหธ้ รรมชาติ โดยคาํ นงึ ถงึ ผลกระทบตอสิง่ แวดลอ ม ดงั นนั้ ขาดความสมดลุ ในที่สดุ การหยดุ ย้ังอัตราการเพม่ิ จ�านวนประชากรมนุษยเ์ ปน็ แนวทางหนง่ึ ท่ชี ว่ ย การจัดการศกึ ษาและการปลูกฝง คานยิ มใน ลดความเสอื่ มโทรมของสงิ่ แวดล้อมและลดปริมาณการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตลิ งได้ การอนุรกั ษสิ่งแวดลอมจึงเปน แนวทางการ ดาํ เนินงานทสี่ าํ คญั นอกจากน้ยี งั ควรมกี าร 2) วางแผนการใช้ที่ดินและน�้า ท่ีดินท้ังในชนบทและในเมืองต้องมีการจัดสรร วางแผนเพื่อควบคุมการเพม่ิ จํานวนประชากร อกี ดว ย) การใช้ให้เหมาะสมกับสมรรถนะของดิน ไม่ว่าเพ่ือประโยชน์ทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การใช้เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย หรือการใช้เพ่ือการสาธารณูปโภค ให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ส่วนน�้าทใ่ี ช้ในกจิ การตา่ ง ๆ ก็ตอ้ งมกี ารวางแผนการใช้ใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรม เหมาะสมกับฤดกู าล และวตั ถุประสงค์ของการใช้ รวมถึงต้องมีการปอ้ งกนั สารพษิ หรือน�า้ เสียแพรก่ ระจายลงส่แู หล่งน้า� ตามธรรมชาติด้วย 164 นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั ผลของการพัฒนาทีย่ งั่ ยืน 1 การเพิ่มจํานวนประชากร องคก ารสหประชาชาตไิ ดประกาศวาปจ จุบนั การพัฒนาท่ีจะกอ ใหเ กดิ ผลทย่ี ่ังยนื ยาวนาน หมายถงึ ขอใด ประชากรโลกไดเ พิ่มจํานวนขึ้นถึง 7,000 ลา นคน จากใน ค.ศ. 1 ทโ่ี ลกมจี ํานวน 1. การพัฒนาท่ีไมกอ ใหเกิดคานยิ มทฟ่ี ุมเฟอย ประชากรเพียง 200 ลานคนเทานน้ั แตประชากรโลกสวนใหญ คอื 1 ใน 8 มี 2. การพฒั นาที่ลดปรมิ าณการใชท รัพยากรธรรมชาติ คณุ ภาพชีวติ อยใู นระดบั วกิ ฤต คือ ขาดสารอาหาร อาศัยอยูในชมุ ชนแออดั และ 3. การพฒั นาทมี่ กี ารฟน ฟสู ภาพแวดลอ มอยา งตอเน่อื ง ฐานะยากจน ดังนัน้ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มจึงตองเริม่ ตน ที่ 4. การพัฒนาที่ไมก อ ใหเกิดความเสื่อมโทรมแกคุณภาพสง่ิ แวดลอม การวางแผนและการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของประชากรเปน อันดับแรก วเิ คราะหคาํ ตอบ การพฒั นาท่ีจะกอใหเ กิดผลทีย่ ่ังยนื ยาวนาน คือ การพัฒนาทไี่ มกอใหเกดิ ความเสอื่ มโทรมแกค ณุ ภาพสง่ิ แวดลอม และตอง มมุ IT กระทาํ อยา งตอ เนอ่ื งจรงิ จัง ดงั นนั้ คาํ ตอบคอื ขอ 4. ศึกษาขอมลู ความรูเกยี่ วกับการพัฒนาท่ีย่งั ยืนเพมิ่ เติมไดท่ี http://sustaina- bledevelopment.un.org/ เวบ็ ไซตก ารสงเสริมความรูเพ่ือการพัฒนาท่ียง่ั ยืน องคการสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Knowledge Program) 164 คู่มอื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ อาหารจะตอ้ 3ง)ก า� ปจอ้ดั องกอกนั ไแปล โะดกยา� กจาดัรปสอ้างรกพนั ษิ แ ลสะาครพวบษิ คทมุ แ่ี กพารรก่ ใชระส้ จาารยพใษินเอ1หาลกา่านศนั้ แทหงั้ ลในง่ นภา�้า คแกลาะรใเนกวษงตจรร ครูตงั้ คาํ ถามเก่ียวกบั หลกั การสําคัญของการ พัฒนาท่ียง่ั ยนื แลว สุม ใหก ลุม นกั เรยี นตอบ เชน อุตสาหกรรม และการใช้ในบ้านเรือน โดยมีแหล่งรวบรวมจัดการและขจัดสารพิษเหล่านั้นมิให้ แพร่กระจายออกไป • ในการพฒั นาท่ยี ่งั ยนื เราสามารถใช ประโยชนจ ากทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ 4) ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติท่ีอยู่ในสภาพ ส่ิงแวดลอ มไดหรอื ไม อยางไร (แนวตอบ การพฒั นาทยี่ ง่ั ยืนไมไดป ฏเิ สธ เส่ือมโทรม เช่น ป่าไม้ แหลง่ น้า� การพงั ทลายของหน้าดนิ ต้องไดร้ บั การฟน้ื ฟูและพัฒนาพื้นที่ การใชประโยชนจ ากทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ การปลูกปา่ โดยเรว็ การขดุ ลอกแหล่งน�า้ อยา่ งสม่า� เสมอ อีกทงั้ การใช้ทีด่ ินเพอ่ื กิจการตา่ ง ๆ ตอ้ ง สิ่งแวดลอ ม แตค วรมีการศึกษาเพอ่ื การ เหมาะสมกับสภาพพื้นท่ี เช่น พ้ืนท่ีที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะส�าหรับการเพาะปลูก ควรใช้ วางแผนการใชอยา งถูกตอ งเหมาะสม เชน ในการเพาะปลกู ไมใ่ ชพ้ น้ื ทเ่ี พอื่ ทา� การกอ่ สรา้ งอาคาร โรงงานตา่ ง ๆ ไมท่ า� เปน็ บอ่ เลยี้ งสตั วน์ า�้ เคม็ การศึกษา ความอุดมสมบรู ณของดนิ เพ่ือ เช่น เลยี้ งกุ้งกุลาดา� ปู หอย เป็นตน้ เพราะทา� ใหด้ นิ เค็ม พืน้ ท่ีไม่สามารถทา� การเพาะปลกู ไดอ้ กี การกาํ หนดพ้นื ที่เพาะปลกู พชื แตล ะชนิด หรอื ต้องใช้เวลาระยะยาวในการฟื้นฟู เพอ่ื ให้ดินกลับมาอดุ มสมบูรณ์ เลี้ยงสัตว หรือกอ สรางท่อี ยอู าศยั และการ ใชประโยชนน นั้ จะตอ งไมก อ ใหเ กดิ ผล 5) ประหยัดการใช้ทรัพยากร การใช้ทรัพยากรทกุ ชนิดไมว่ ่าจะเป็นน้า� ไฟฟ้า หรือ กระทบตอสิ่งแวดลอ ม เชน การใชน ํา้ ใน โรงงานอตุ สาหกรรมจะตอ งมีระบบบําบัด พลงั งานอน่ื ๆ การน�าไปใช้ในชีวิตประจา� วัน ควรใชอ้ ย่างประหยัดและคุ้มค่ามากท่สี ดุ น้าํ เสยี กอ นปลอยลงสูแ หลงน้าํ ตามธรรมชาติ รวมถึงการฟน ฟูสงิ่ แวดลอมท่เี สอื่ มโทรมเพอ่ื 6) พัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม เทคโนโลยีท่ีจะน�ามาใช้ท้ังในการเกษตร ใหระบบนเิ วศกลบั เขา สคู วามสมดุลอกี ครงั้ ตลอดจนการพฒั นาเทคโนโลยีทีเ่ ก่ียวของกับ อุตสาหกรรม การสื่อสารคมนาคม และในครัวเรือน ต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมี การใชท รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ ม ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มนอ้ ย ทงั้ จะตอ้ งมกี ารพฒั นาเทคโนโลยใี หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพเพอื่ แกไ้ ข ใหม ปี ระสิทธภิ าพและไมส ง ผลกระทบตอ ฟืน้ ฟูสภาพแวดลอ้ มด้วย สง่ิ แวดลอ มอกี ดว ย) 7) ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีเหมาะสม ค่านิยมและวัฒนธรรมท่ีเกี่ยวข้อง กับการด�ารงชีวิต และการใช้ปัจจัยในการด�ารงชีวิตต้องเป็นไปอย่างพอเหมาะกับก�าลังการผลิต ที่เกดิ ขน้ึ ในระบบนิเวศ 8) เพม่ิ การศกึ ษา การเพม่ิ การศกึ ษาเพอื่ ใหค้ วามรค ู้ วามเขา้ ใจในชวี ติ และธรรมชาติ เพื่อใหป้ ระชาชนเกิดทกั ษะท่จี า� เป็น ตอ่ การด�ารงชีวติ ทีส่ อดคลอ้ งกับธรรมชาตไิ ดอ้ ย่างแท้จริง 7.2 การดา� เนนิ ชวี ติ เพอื่ การพฒั นาทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มที่ ยง่ั ยนื การด�าเนินชีวิตของมนุษย์มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เพราะปัจจัยในการด�ารงชีวิต ทุกอย่างลว้ นตอ้ งได้มาจากทรัพยากรธรรมชาต ิ เชน่ อาหาร เครอ่ื งนุ่งหม่ ทอี่ ยูอ่ าศัย เครื่องใช้ ในชีวิตประจ�าวัน พาหนะ การประกอบอาชีพ รวมท้ังส่ิงปฏิกูล ของเหลือใช้ต่าง ๆ จะเป็นขยะ และมลพิษต่อส่ิงแวดลอ้ ม ดงั นน้ั ถ้าทุกคนตระหนกั ถึงปญั หาสงิ่ แวดลอ้ มในการดา� รงชีวิตจะชว่ ย พัฒนาคุณภาพสงิ่ แวดล้อมอยา่ งยัง่ ยนื ได้ ดังนี้ 165 ขอ สอบ O-NET นักเรียนควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั การพฒั นาที่ยง่ั ยนื 1 การปอ งกนั และควบคมุ การใชสารพษิ ประเทศไทยในปจจุบนั ยงั ไมประสบ บุคคลใดมสี วนรว มในการจดั การทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ มทใี่ หผ ลยงั่ ยนื ความสําเร็จเทา ทีค่ วร กรณีตวั อยา งที่ชดั เจน ไดแ ก วกิ ฤตการณด า นคณุ ภาพนา้ํ ของแมน้ําทา จีน ซึ่งมคี วามเส่ือมโทรมมากจดั อยูในช้นั คุณภาพท่ี 5 ซึ่งตํา่ กวา เกณฑ ยาวนาน มาตรฐานคณุ ภาพน้ําของกรมควบคมุ มลพิษ สาเหตุมาจากการปลอยนา้ํ เสยี จาก 1. นายโดมตรวจวดั คุณภาพอากาศเปน ประจํา แหลงเพาะปลูกพืชสวนพชื ไร การเลย้ี งสุกร รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมตางๆ ซ่งึ 2. นายแดงใชส ารดีดีทีแทนซีเอฟซใี นการกําจดั แมลง ขาดการตรวจระบบน้าํ เสยี อยางจรงิ จงั ของหนวยงานภาครฐั และจติ สํานึกการ 3. นายดาํ ปลูกหญา แฝกเพือ่ ปองกันน้ํากัดเซาะตลง่ิ พัง อนรุ กั ษทรพั ยากรนํ้าของผปู ระกอบการ สง ผลใหไ มส ามารถใชน ้ําในการอปุ โภค 4. นายดอนใชห นงั สือพิมพท อ่ี านแลวหอขยะเปย กกอ นนาํ ไปทงิ้ ในถงั ขยะ บรโิ ภคไดโ ดยตรง และสตั วน้าํ ลดจาํ นวนลงอยา งมาก สีเหลอื ง วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. นายดาํ ปลูกหญาแฝกเพื่อปอ งกนั นํ้ากดั เซาะตลง่ิ พงั เปน การจัดการทรัพยากรและสิง่ แวดลอ มทใี่ หผ ลยั่งยืนยาวนาน สวนการกระทาํ ของบคุ คลอน่ื ไดแ ก นายแดงและนายดอน ไมถ ูกตองตาม แนวทางการจดั การทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอม และการกระทําของนายโดมได เพียงขอ มลู คุณภาพอากาศ แตยงั ไมไดล งมือปฏิบัติเพ่ือจัดการทรัพยากรและ ส่งิ แวดลอมแตอ ยา งใด คมู่ อื ครู 165
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูใหน ักเรียนกลมุ ทีส่ มคั รใจอธิบายความรู 1) ตระหนักถึงผลการกระท�าของตนท่ีจะส่งผลต่อส่ิงแวดล้อม มีความเข้าใจ เกย่ี วกับการดาํ เนินชวี ติ เพ่ือการพฒั นาทรพั ยากร และสงิ่ แวดลอมทย่ี ั่งยนื ตามลาํ ดบั ความสําคัญ และตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ว่าการกระท�าใด ๆ ของตนย่อมมีผลต่อส่ิงแวดล้อมหรือส่ิงที่อยู่ ซง่ึ ไดแก การเรยี นรเู กี่ยวกบั สิง่ แวดลอ ม โดยรอบเสมอ และหากการกระท�าน้ันมผี ลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ตนเองก็จะไดร้ บั ผลเสยี นน้ั ด้วย การคาํ นงึ ถึงผลกระทบตอ สงิ่ แวดลอม และการ ดําเนนิ ชีวิตอยา งเปนมติ รกับสิ่งแวดลอม แลว ให 2) เรียนรู้เก่ียวกับสิ่งที่มีอยู่โดยรอบตัวเอง โดยการสังเกตและเรียนรู้ส่ิงท่ีอยู่ นกั เรียนในชั้นเรียนชว ยกนั สรปุ ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของการดาํ เนินชวี ิตเพื่อการพัฒนาทรัพยากร โดยรอบตนเอง และเหตกุ ารณท์ างธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ทกุ วนั วเิ คราะหถ์ งึ สาเหตแุ ละปจั จยั ทเ่ี กดิ ขนึ้ และสงิ่ แวดลอ มทย่ี ัง่ ยืนเปนตารางหรือผังกราฟก พยายามเรยี นรแู้ ละเขา้ ไปศกึ ษาดว้ ยประสบการณต์ รงและอาศยั ผรู้ บู้ อกเลา่ และการคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ ตา งๆ บนกระดานหนาชนั้ เรยี น จากนน้ั ครเู สนอ เพอ่ื ให้เขา้ ถึงองค์ความรู้และความจรงิ เกี่ยวกบั เหตุการณน์ ั้น แนะขอมูลเพิ่มเติมเพือ่ ใหไ ดข อมูลทคี่ รบถว น 3) ดา� รงชวี ติ อยา่ งเปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ดว้ ยการดา� รงชวี ติ อยา่ งเออื้ เฟอ้ื เกอื้ กลู 2. ครใู หน ักเรยี นทมี่ ปี ระสบการณการปฏบิ ตั ิตนได สอดคลองกบั การดําเนินชีวติ อยา งเปนมติ รกบั ตอ่ ผอู้ น่ื และตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มใหค้ งสภาพสมดลุ และในทส่ี ดุ กเ็ ออ้ื ตอ่ การดา� รงชวี ติ ของตนเองและผอู้ นื่ สงิ่ แวดลอ มออกมาเลาประสบการณของตนที่ รู้จักรับผิดชอบต่อการด�ารงรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมท้ังเพื่อคนในรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นต่อไป หนา ช้นั เรียน คนละ 1 ขอ จนครบทัง้ 7 ขอ แลว แล้วจงึ ก�าหนดกลุ่มข้อมูลเปน็ ชนิดของการใชท้ ีด่ ินต่อไป ใหน กั เรียนระดมสมองถึงแนวทางการปฏบิ ัตติ น อยา งเปน มติ รกบั ส่งิ แวดลอ มเพ่ิมเตมิ ครูเขียน การดา� เนินชีวติ อย่างเป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม สามารถปฏบิ ัติได ้ ดงั นี้ แนวทางท่ดี ไี วบนกระดาน จากนั้นใหนักเรยี น ชว ยกันเพมิ่ เติมแนวทางการปฏบิ ัติตนในตาราง 1. ใช้วัสดสุ ง่ิ ของอย่างประหยดั สิง่ ของเคร่ืองใช้ในชวี ิตประจา� วนั อาหาร ควรใชอ้ ยา่ งประหยดั หรอื ผังกราฟกสรุปลําดบั ความสําคัญของการ ใชใ้ ห้ค้มุ คา่ เพราะวัตถดุ ิบทุกอย่างลว้ นมาจากธรรมชาติ ดําเนนิ ชีวิตเพอ่ื การพัฒนาทรัพยากรและ ส่งิ แวดลอมท่ยี ่งั ยืน ครูและนกั เรียนชวยกันสรุป 2. ดา� เนินชวี ติ ดว้ ยความพอเพยี ง รู้จักแสวงหาความสุข ความพอใจในการดา� เนินชวี ิตตามสมควรแก่ ความรูทไี่ ดจากการศกึ ษาเกย่ี วกบั การพัฒนาท่ี สถานะของตน ไมม่ คี วามต้องการใช้สิ่งของทีเ่ กนิ ความจา� เปน็ ยัง่ ยนื นกั เรยี นบนั ทกึ สาระสําคัญลงในสมดุ 3. มคี วามรักธรรมชาติ และมสี ว่ นรว่ มในการดูแล ช่วยกันบ�ารงุ รกั ษาและใชป้ ระโยชน์จากสงิ่ เหล่านน้ั อยา่ งรู้ค่า บ�ารุงรักษาส่งิ แวดล้อม เนอ่ื งจากสิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติเปน็ ปจั จยั ในการด�ารงชวี ิต ที่ให้ความสงบทางจิตใจ ล้วนมีความงามท่บี ริสุทธิ์ 4. รจู้ กั เอ้ือเฟอื้ เผ่อื แผ่และแบง่ ปนั ทกุ คนย่อมมีความตอ้ งการใชท้ รพั ยากร จงึ ควรมกี ารจดั สรร แบง่ ปนั เอือ้ เฟอื้ ใหก้ บั คนอืน่ ๆ เพ่ือจะใช้ประโยชน์ในการ ด�าเนนิ ชวี ิตตอ่ ไป ใช้เฉพาะทจี่ า� เป็นอย่างรคู้ ุณค่า 5. รจู้ กั เรยี นรู้ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทอี่ ยรู่ อบตวั เรา ทง้ั สง่ิ แวดลอ้ มทางกาย เศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม ลว้ นมผี ลเกีย่ วพันกับทกุ ๆ คน จึงควรรบั รู้ และเรียนรูส้ ิง่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นั้นด้วยความเข้าใจและเรยี นรู้อยตู่ ลอด เวลา เพอ่ื นา� มาใช้ในชีวิตประจา� วนั ได้ 6. มบี ทบาทในการเฝา้ ระวงั มสี ว่ นรว่ มกบั กจิ กรรม โดยชว่ ยเฝา้ ระวัง ฟนื้ ฟู และพัฒนาส่ิงแวดล้อมตามแต่โอกาส สง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน ทท่ี ุกคนพงึ ม ี เช่น รว่ มกิจกรรมปลกู ปา่ ชมุ ชน รว่ มรณรงค์การใช้ พลงั งานอยา่ งประหยัด เปน็ ตน้ 7. มีสว่ นร่วมในการอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อม โดยเข้าร่วมกิจกรรมอนรุ ักษส์ ่ิงแวดล้อมในโรงเรยี น ในชมุ ชน ตามทม่ี ีโอกาส เช่น ปลกู ต้นไม้ท่ีบ้าน ร่วมกจิ กรรมปลกู ต้นไมข้ อง ชมุ ชน เปน็ อาสาสมคั รสงิ่ แวดลอ้ มของโรงเรยี น ของหมบู่ า้ น เปน็ ตน้ 166 เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกับการใชทรัพยากรเพ่ือการพฒั นาทย่ี ่งั ยนื ครูควรจดั กิจกรรมการเรยี นรเู พื่อใหนักเรยี นมคี วามรูค วามเขา ใจเก่ียวกบั ขอ ใดเปนการใชท รพั ยากรเพอื่ การพัฒนาทยี่ ่ังยนื ประชาคมอาเซียนกบั การพัฒนาทยี่ งั่ ยนื ซงึ่ เปนสว นหนง่ึ ของแผนงานการจัดตัง้ 1. การปลกู ปา ชายเลน ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น ไดแ ก ความยง่ั ยืนดานสิ่งแวดลอ ม 2. การสรา งเข่ือนอเนกประสงคในพื้นทแ่ี หงแลง (Environmental Sustainability) โดยอาจใหน กั เรียนคน ควาขอมลู เพิม่ เติมจาก 3. การนาํ กลอ งนมทีด่ ่ืมแลวไปแปรรูปเปน โตะเกา อ้ี แหลง การเรยี นรูทคี่ รูเสนอแนะ แลว อภปิ รายรว มกันในชั้นเรยี น จากนัน้ ครูและ 4. การรว มมือกบั ประเทศเพ่ือนบานในการพัฒนาแหลง พลังงานอยา ง นักเรียนชวยกันสรุปความรูทไ่ี ดจากการศกึ ษา นกั เรยี นบนั ทึกลงในสมุด กวางขวาง วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การนาํ กลองนมทดี่ ืม่ แลวไปแปรรปู เปน โตะ เกา อี้ เปน การจดั การขยะทเ่ี หมาะสมอกี วธิ ีการหนึง่ ซงึ่ จะชวยลดการใช ทรัพยากรในการผลิตหรือการกําจัดขยะ และขอ 4. การรวมมอื กับประเทศ เพือ่ นบานในการพัฒนาแหลง พลงั งานอยางกวา งขวาง เน่ืองจากเปนการ วางแผนการใชท รัพยากรรว มกนั อันนาํ มาซงึ่ ประโยชนสูงสดุ ของแตล ะ ประเทศโดยไมกอ ใหเกดิ ความขัดแยงหรือผลกระทบดา นส่ิงแวดลอม 166 ค่มู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 7.3 แนวทางการอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟสู ภาพสงิ่ แวดลอ้ มตามแนว ครูสนทนารวมกนั กับนักเรียนถงึ ความรูท่ัวไป พระราชดา� รพิ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เกย่ี วกบั แนวทางการอนรุ ักษและฟน ฟสู ภาพ สิ่งแวดลอมตามแนวพระราชดาํ ริที่นกั เรยี นได ปัญหาส่ิงแวดล้อมเป็นปัญหาส�าคัญท่ีควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การเจริญ ศกึ ษามา แลวอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขา ใจถึง เติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งพบได้เกือบทุกประเทศ ประเทศไทยก็เป็นประเทศหน่ึง ความสอดคลองของแนวพระราชดาํ ริตา งๆ กบั การ ทปี่ ระสบกบั ปญั หาดงั กลา่ ว เนอ่ื งจากประเทศไทยใหค้ วามสา� คญั กบั ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ พฒั นาทีย่ งั่ ยืน จากน้ันสมุ นักเรยี นในแตละกลมุ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยการน�าเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน ์ ใหตอบคาํ ถามเก่ยี วกบั แนวพระราชดํารกิ ารบาํ บดั ซงึ่ หากไม่มีแผนการด�าเนนิ งานทเ่ี หมาะสมแลว้ จะท�าให้ทรัพยากรธรรมชาตทิ ยี่ งั เหลอื อยูม่ ีสภาพ มลพิษทางนํ้า ตวั อยา งขอ คาํ ถามเชน เสื่อมโทรมลง และก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เพ่ิมมากข้ึนด้วย ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อ ความเปน็ อยูข่ องประชาชนและระบบนเิ วศในทส่ี ุด • ผักตบชวาสามารถบาํ บดั นํ้าเสียไดอยา งไร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล็งเห็นถึงความส�าคัญและปัญหา (แนวตอบ ผักตบชวาบําบดั นํ้าเสยี ไดจากการ สงิ่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทอ่ี าจเกดิ ข้นึ ในอนาคต ทรงให้มีการดา� เนินโครงการอันเนื่อง ดูดซบั ส่ิงสกปรก โลหะหนัก และสารพษิ มาจากพระราชด�าริ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นเร่ืองของการใช้ให้ถูกวิธี วิธีการท�านุบ�ารุง ปรับปรุงสภาพ ตา งๆ) สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาตใิ หด้ ขี นึ้ ในดา้ นตา่ ง ๆ โดยทรงเนน้ งานดา้ นการอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟู สภาพสง่ิ แวดล้อม โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในเร่อื งของปญั หานา้� เนา่ เสยี โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชด�ารติ า่ ง ๆ จา� นวนมากของพระองค์ มีแนวทางเปน็ ไปตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การน�าทรัพยากรหรือวัสดุต่าง ๆ ท่ีสามารถหาได้ง่ายใน ชุมชนมาใช้ประโยชน์ เพื่อการบ�าบัดน�้าเสียและใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดกับมลพิษทางน้�าของ ประเทศ โดยแตล่ ะโครงการจะมีหลักการและสาระส�าคัญ ดงั นี้ 1) การบ�าบัดน�า้ เสยี ดว้ ยผักตบชวา พระองค์ทรงสนพระราชหฤทยั ในการปรับปรุง คณุ ภาพของแหลง่ นา้� ทมี่ อี ยแู่ ลว้ เชน่ บงึ และหนองตา่ ง ๆ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แหลง่ บา� บดั นา้� เสยี ทรี่ บั มาจาก คลองให้มีสภาพดีข้ึน โดยหนึ่งในโครงการปรับปรุงแหล่งน�้าที่ส�าคัญ คือ โครงการบึงมักกะสัน ชอนัว่ ยเนดอื่ดู งซมบั าสจง่ิาสกกพปรระกรา โชลดหา� ะรห ิ มนหี กั ล 1แกั ลกะาสรบารา� พบิษดั นต่าา้� งเส ๆยี ตในามแแหนลว่งทนฤา้� ษฎกี ารพฒั นาโดยอาศยั ผกั ตบชวา 2) การบ�าบัดน�้าเสียด้วยการผสมผสานระหว่างพืชน�้ากับระบบเติมอากาศ พระองค์ทรงห่วงใยในปัญหาน�้าเน่าเสียท่ีเกิดข้ึนท่ีหนองหาร จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นแหล่ง รองรับน้�าเสียจากครวั เรอื นในเขตเทศบาลเมอื งสกลนคร เมือ่ ชุมชนเมอื งมกี ารขยายตัว จนทา� ให้ หนองหารไม่สามารถรองรับน้�าเสียได้ พระองค์จึงทรงพระราชทานแนวพระราชด�าริทฤษฎีการ บ�าบดั นา�้ เสยี ดว้ ยการผสมผสานระหวา่ งพืชและระบบเตมิ อากาศ ณ บริเวณหนองสนม-หนองหาร จังหวัดสกลนคร 167 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอสอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั Agenda 21 1 โลหะหนกั ท่ีกอ ใหเ กดิ มลพษิ ทางน้าํ ไดแก สารหนู ตะก่ัว ปรอท สังกะสี Agenda 21 เปนแผนแมบ ทของโลกสําหรบั การดําเนินงานดานใด แคดเมยี ม โครเมียม นิกเกิล และแมงกานสี เปนตน โลหะหนกั ทมี่ ผี ลเสยี ตอ ทรพั ยากร 1. การพัฒนาท่ียงั่ ยืน น้ํามากท่สี ุด คือ ปรอท ตะกวั่ โดยถามปี รมิ าณมากเกนิ ขดี จํากัดแลว จะทาํ ใหเ ปน 2. การอนุรักษส่ิงแวดลอม พิษตอ รางกายของมนุษยท ีไ่ ดร ับสารดังกลา ว ดังเชน ประชาชนในอําเภอรอนพบิ ูลย 3. การประหยดั พลงั งาน จังหวัดนครศรธี รรมราช ในอดีตเคยเปน โรคไขด ําเนื่องจากนา้ํ ดืม่ มสี ารหนเู จือปนอยู 4. การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ มาก เปนตน วิเคราะหคําตอบ Agenda 21 เกิดขนึ้ จากการประชุมดานสง่ิ แวดลอ ม และการพฒั นาของสหประชาชาติ ณ นครรีอดู ีจาเนรู ประเทศบราซิล ค.ศ.1992 โดยเปน แผนแมบ ทขององคการสหประชาชาติ รัฐบาล และ หนว ยงานท่เี กีย่ วขอ งตา ง ๆ ในการปฏิบัตงิ านดา นส่งิ แวดลอ มเพื่อการ พัฒนาท่ยี ่งั ยืน ดงั น้ันคําตอบคอื ขอ 1. คมู ือครู 167
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นักเรียนในแตล ะกลุม ใหตอบคาํ ถาม การบําบัดน้ําเสียดวยการผสมผสานระหวางพืชนํ้ากับระบบเติมอากาศ เปนระบบ เกย่ี วกับแนวพระราชดาํ ริการบําบัดมลพิษทางน้าํ การบาํ บดั นา้ํ โดยอาศยั ธรรมชาตริ ว มกบั เทคโนโลยแี บบประหยดั เขา มาชว ยในการบาํ บดั นา้ํ นนั่ คอื ตวั อยา งขอ คาํ ถาม เชน ตกานรกสกรอาียงบิปอตกเพรวื่อดดสับํากหลริ่นับดกักาสราปรลแูกขผวนักตลอบยชวจาเา1พก่ือนช้ันวสยงดผูดานซนับํ้าสไิ่งปสยกังปบรอกตอโลๆหะไหปนักซแึ่งมละีกสาารรปพลิษูก ตาง ๆ ในแหลงนํ้า สุดทายจึงสงนํ้าเขาสูบอเติมออกซิเจน โดยอาศัยกังหันนํ้าชัยพัฒนาและ • การใชร ะบบบอ บําบัดผสมผสานกับวชั พืชเพอื่ แผงทอเติมอากาศชวยเติมออกซิเจนลงในนา้ํ แกป ญ หาน้าํ เสียเกดิ ข้นึ เน่ืองจากสาเหตใุ ด (แนวตอบ การใชร ะบบบอบาํ บดั ผสมผสานกบั 3) การบําบัดน้ําเสียดวยระบบบอบําบัดและวัชพืชบําบัด พระองคทรงให วชั พืชเพื่อแกปญหานาํ้ เสีย เน่ืองจากวชั พืชไม ดําเนินการโครงการวิจัยและการพัฒนาสิ่งแวดลอมแหลมผักเบี้ยอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ สามารถกําจดั ขยะปฏิกลู และสารแขวนลอย ตาํ บลแหลมผกั เบย้ี จงั หวดั เพชรบรุ ี เนอื่ งจากภายในชมุ ชนยงั ขาดระบบบาํ บดั นาํ้ เสยี และการกาํ จดั ขนาดตา งๆ ได การบาํ บัดน้ําเสียในแหลงนา้ํ ขยะมลู ฝอยทด่ี แี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ ทรงใหด าํ เนนิ การตามโครงการดงั กลา วขนึ้ ในพนื้ ท่ี 1,135 ไร ท่มี ีสิ่งสกปรกดงั กลา วจงึ ตอ งสรา งบอบําบดั เพอ่ื ใหเ ปน โครงการศกึ ษาวจิ ยั วธิ กี ารบาํ บดั นาํ้ เสยี กาํ จดั ขยะมลู ฝอยและการรกั ษาสภาพปา ชายเลน เพื่อดักขยะปฏิกลู และสารแขวนลอยกอนที่ ดวยวิธีธรรมชาติ โดยอาศัยระบบการบําบัดคลายกับท่ีหนองหาร คือ มีบอสําหรับดักขยะและ จะใหว ชั พืชอยา งผกั ตบชวาชว ยดดู ซบั สารพิษ สงิ่ สกปรกตา ง ๆ จากนั้นจงึ สงไปบําบดั ในขน้ั ตอนอ่นื ๆ ตอ ไป และตนกกอยี ิปตชวยดับกล่ินทไ่ี มพึงประสงค) 4) กังหันน้ําชัยพัฒนา พระองคทรงสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับอุปกรณการเติม • หลกั การทาํ งานของกังหนั น้ําชัยพัฒนา อากาศและทรงคิดคนทฤษฎีบําบัดนํ้าเสียดวยวิธีการเติมอากาศ จึงเปนท่ีมาของการประดิษฐ คอื อะไร เครอ่ื งกลเตมิ อากาศโดยเพมิ่ ออกซเิ จนใหแ กน าํ้ (แนวตอบ กงั หันนํา้ ชัยพัฒนามีหลักการทาํ งาน เพอื่ บาํ บดั นํ้าเสยี เรียกวา “กงั หันน้ําชัยพัฒนา” คอื บาํ บดั นาํ้ เสยี โดยการเตมิ ออกซเิ จนใหแ กน า้ํ อาศยั วธิ กี ารทาํ ใหอ อกซเิ จนสามารถละลายลงไป ซง่ึ จะชว ยเรง แบคทีเรียในน้าํ ใหเ จริญเตบิ โต ในนา้ํ ไดม ากขนึ้ จงึ ชว ยเรง การเจรญิ เตบิ โต และ ไดอยางรวดเร็วและยอ ยสลายส่ิงสกปรกทีอ่ ยู การเพาะขยายของแบคทเี รยี อยา งรวดเรว็ จนมี ในนํา้ ได โดยการวิดนํา้ ของกังหนั แลว ปลอย ปริมาณมากพอที่จะยอยสลายสิ่งสกปรกที่อยู น้ําออกจากซองเปน สายเล็กๆ ทาํ ใหน ้ําสมั ผสั อากาศและเพ่ิมออกซิเจนในแหลงนา้ํ ได) ในน้าํ กังหันนํ้าชัยพัฒนาเปนสิ่งประดิษฐ ท่ีเรียบงาย ประหยัด และสามารถผลิตข้ึนเอง ภายในประเทศ โดยมหี ลกั การทาํ งาน คอื การวดิ น้ําขนึ้ มา แลว ปลอยใหน ํา้ ไหลเปน สายออกจาก ซองวิดน้ํา ทําใหน้ําสัมผัสอากาศอยางท่ัวถึง กังหันชัยพัฒนาเปนเคร่ืองเติมอากาศผิวน้ําท่ีอาศัยหลัก ออกซิเจนจึงสามารถละลายในนํ้าไดมากข้ึน การวิดนํา้ ขน้ึ มา แลวปลอ ยใหน้าํ ไหลออกเปนสาย ทาํ ให จึงเปนการเพม่ิ ปริมาณออกซิเจนในแหลง นํา้ นา้ํ สมั ผสั กับอากาศมากขึ้น 168 นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ผกั ตบชวา เปน พืชพืน้ เมอื งของทวีปอเมริกาใต เขา ใจวา มแี หลงกาํ เนิดอยใู น ครูอาจใหน ักเรียนสรุปแนวทางการอนุรักษแ ละฟน ฟูสภาพสง่ิ แวดลอ ม ประเทศบราซิล แมวาในปจจุบันผกั ตบชวาจะเปน ท่รี จู กั อยางแพรหลายท่ัวโลก แต ตามแนวพระราชดาํ รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในอดตี เอกสารทางพฤกษศาสตรไ มม ีบนั ทึกเรื่องผักตบชวามากเทา ใดนกั จนกระท่งั โดยจัดทาํ เปนตารางหรือผังกราฟก ตางๆ ตามความสามารถและความ พ.ศ. 2367 เม่อื นกั พฤกษศาสตรแ ละนายแพทยช าวเยอรมนั ชอ่ื คารล วอน มารท อิ สั สนใจ ตกแตง ใหสวยงาม (Karl von Martius) ไดไปพบเขาในขณะท่ีทาํ การสาํ รวจพนั ธุพ ืชในประเทศบราซลิ ซ่งึ ผกั ตบชวาไมไ ดก อ ใหเกิดปญ หาแกร ะบบนิเวศแตอยา งใดเลย ทง้ั นีก้ เ็ พราะวาในถ่ิน กจิ กรรมทา ทาย กาํ เนดิ มีศัตรูธรรมชาติ เชน แมลง โรค และศัตรอู ื่นๆ คอยควบคมุ การระบาดอยูแลว แตเ ม่อื ถกู นําไปยงั ถ่ินอืน่ ซงึ่ ปราศจากศตั รูธรรมชาติ ผักตบชวาจึงเจรญิ เติบโตอยา ง ครอู าจใหน กั เรยี นสืบคน ขอมลู เกี่ยวกับแนวทางการอนรุ กั ษและฟน ฟู รวดเร็วและถงึ ขัน้ ทําใหเกิดปญหาตา งๆ ได ดงั นนั้ การนําผกั ตบชวามาใชบําบดั นํา้ เสยี สภาพสิ่งแวดลอ มตามแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร จงึ เปนการกําจดั ดว ยการใชประโยชนจากวชั พชื ที่ดอี ีกวธิ ีการหน่ึง มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชเพมิ่ เติมจากแหลง การเรยี นรูอ ่นื แลว จัดทาํ เปน ตาราง หรือผังกราฟก ตา งๆ ตามความสามารถและความสนใจ ตกแตง ใหสวยงาม 168 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain 5) การก�าจัดน้�าเสียโดยวิธีธรรมชาติ พระองค์ทรงมีพระราชด�าริให้ท�าการศึกษา ครูใหน กั เรยี นวเิ คราะหถ ึงหลกั การบาํ บดั นาํ้ เสยี ตามแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเดจ็ พระเจา - ทดลองวิจัยว่ามีปลาชนิดใดที่จะช่วยกินสารอินทรีย์ในแหล่งน้�าเสีย ซึ่งเป็นแนวทางหน่ึงที่จะช่วย อยหู วั เพอื่ ใหน ักเรยี นเขาใจในพระอจั ฉรยิ ภาพ ลดการเกิดน�า้ เสยี ได้ โดยพบว่าปลาบางชนิดที่มีอวยั วะพเิ ศษในการหายใจ เช่น ปลากระด่ี และ ดา นการแกปญ หาสิง่ แวดลอ มดว ยวธิ ีทางธรรมชาติ ปลาสลิด เหมาะแก่การเพาะเลี้ยงในแหล่งน้�าเสีย เพื่อให้ช่วยกินสารอินทรีย์และลดมลภาวะ เปนหลัก สะทอ นถงึ ความรคู วามเขา ใจเกยี่ วกับ ในแหล่งนา้� วธิ ีการน้ีสามารถนา� มาใชป้ ระโยชน์ในการก�าจดั น�้าเสยี ไดด้ ี มีตน้ ทนุ ต�่า และสามารถ ระบบนเิ วศและสามารถนําความรูมาใชป ระโยชน เพมิ่ ผลผลิตสตั วน์ า�้ อีกทางหน่งึ ดว้ ย ไดส อดคลองกบั การพฒั นาอยางย่ังยนื จากนัน้ ครู และนักเรยี นชว ยกันสรุปความรเู ก่ียวกับแนวพระ ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ราชดาํ รดิ า นการอนรุ กั ษและฟน ฟสู ภาพสิง่ แวดลอ ม สง่ิ แวดลอ้ ม “องคก์ ารอาหารและเกษตรแหง่ สหประชาชาต”ิ (Food and Agriculture Organization ของพระองค นกั เรียนบันทึกผลการสรุปลงในสมดุ : FAO) จึงได้ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณด้านการพัฒนาการเกษตรแด่พระบาท สมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช เม่อื วนั ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ในฐานะทีท่ รงบา� เพญ็ ขยายความเขา ใจ Expand พระราชกรณยี กจิ อทุ ศิ พระองคเ์ พอื่ ประโยชนส์ ขุ ของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะผซู้ งึ่ ประกอบอาชพี เพาะปลกู บ�ารุงรักษานา้� และบ�ารงุ รกั ษาปา่ ครูมอบหมายใหนักเรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษา คน ควา เพ่มิ เติมเกีย่ วกับแนวทางการแกป ญ หาและ 6) การแกลง้ ดิน เป็นการแก้ปัญหาดนิ เปร้ียว หรอื ดนิ เปน็ กรด โดยการขงั น�า้ ไวใ้ น การพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมท่ี ยงั่ ยนื การดาํ เนินชวี ติ เพอื่ การพัฒนาทรัพยากร พน้ื ทจี่ นกระทงั่ เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมที �าใหด้ นิ เปรย้ี วจดั จนถงึ ทสี่ ดุ แลว้ จึงระบายน�้าออกและปรบั สภาพ และสิง่ แวดลอ มทีย่ ัง่ ยนื และแนวทางการอนรุ กั ษ ฟนื้ ฟดู นิ ดว้ ยปนู ขาว จนกระทั่งมีสภาพดพี อทีจ่ ะใช้ในการเพาะปลกู และฟน ฟสู ภาพสง่ิ แวดลอมตามแนวพระราชดาํ ริ จากแหลงการเรยี นรอู ืน่ แลว ชว ยกนั สาํ รวจสภาพ ด้วยพระปรีชาสามารถและพระราชกรณียกิจท่ีเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินมาอย่าง ปญ หาดา นสิง่ แวดลอมในทอ งถิน่ และจัดทํา ตอ่ เนอ่ื งและยาวนาน ปรากฏผลสา� เรจ็ เปน็ ทปี่ ระจกั ษอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง สหภาพวทิ ยาศาสตรท์ างดนิ แนวทางการแกไขปญหาดังกลา วตามหลักการ นานาชาติจึงได้ทลู เกลา้ ฯ ถวายรางวัลนักวิทยาศาสตร์ทางดินเพ่ือมนุษยธรรมแดพ่ ระบาทสมเด็จ พฒั นาท่ียั่งยืน ทั้งในระดบั ของหนวยภาครฐั และ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และองค์การสหประชาชาติมีมติรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคม เอกชน และภาคประชาชน ของทกุ ปี เป็น “วันดินโลก” รวมทง้ั ก�าหนดให้ พ.ศ. 2558 เปน็ “ปีดินสากล” ตรวจสอบผล Evaluate กล่าวได้ว่า ในธรรมชาติรอบตัวเรามีทรัพยากรต่าง ๆ อยู่มากมาย ท้ังที่เป็นส่ิงมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติบางชนิดอาจใช้แล้วหมดไป บางชนิดอาจเกิดข้ึนใหม่ได้ ครูและนกั เรียนชวยกันตรวจแนวทางการแกไ ข แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว และบางชนิดอาจเป็นทรัพยากรท่ีใช้ได้ไม่มีวันหมด แต่หาก ปญหาสงิ่ แวดลอมในทองถิ่นของนักเรยี นแตละกลุม ขาดการจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจท�าให้ทรัพยากรเสื่อมโทรมลง จนเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ได้ จากการนําเสนอผลงานของตัวแทนนักเรียนกลมุ ดังนั้น การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรจึงต้องมีมาตรการควบคุมการแก้ไขฟื้นฟู การอนุรักษ์ ตา งๆ โดยพจิ ารณาจากสภาพปญ หาสง่ิ แวดลอ ม และการพฒั นาความรแู้ ละเทคโนโลยใี หม ่ ๆ ทจี่ ะชว่ ยใหใ้ ชท้ รพั ยากรไดอ้ ยา่ งเกดิ ประโยชนค์ มุ้ คา่ ในทองถน่ิ ทค่ี วรไดร บั การแกไข และแนวทางการ มากทีส่ ุด และกอ่ ให้เกดิ ผลเสียตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มน้อยที่สดุ แกไขท่ถี กู ตองเหมาะสมตามหลกั การพฒั นาที่ย่ังยืน จากนัน้ ครมู อบหมายใหนกั เรียนนําไปปฏิบัติเพอื่ แก 169 ปญ หาสิง่ แวดลอ มในทอ งถ่ินตามความเหมาะสม ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’53 ออกเกย่ี วกบั การมีสว นรวมของประชาชนดา นส่ิงแวดลอ ม ครูควรอธบิ ายใหนักเรียนมคี วามรูค วามเขาใจเก่ียวกับแนวทางการอนุรกั ษแ ละ ขอ ใดไมใ ชห ลกั การพ้ืนฐานท่ีจะทาํ ใหการมีสวนรวมของประชาชนในการ ฟน ฟูสภาพสิ่งแวดลอมตามแนวพระราชดํารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดชเพิม่ เตมิ ไดแก การสง เสริมใหปลูกหญา แฝกเพ่ือลดการพงั ทลายของ ประเมินผลกระทบจากสิ่งแวดลอมเปน ไปอยางมปี ระสทิ ธิภาพ หนา ดนิ การทําฝนเทียมดว ยการโปรยสารเคมีเพื่อใหเ มฆฝนกอ ตัวในบริเวณทีแ่ หง แลง 1. การใหขอ มูลทีถ่ ูกตอ งและเหมาะสม และทีส่ าํ คัญ คอื หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ท่เี นน การพึง่ พาตนเอง คนใน 2. การตอบสนองตอความเหน็ หรอื ทาทีของประชาชน ทองถิน่ ชว ยเหลอื ซ่งึ กันและกัน ลดการพ่งึ พาจากภายนอก การมีความรูค วามเขาใจใน 3. การจาํ แนกกลมุ ผมู ีสวนรวมทเี่ หมาะสมและเปน ธรรม หลักวิชาการตางๆ และตดั สินใจบนพืน้ ฐานของหลกั คณุ ธรรม แลวใหนกั เรียนชวยกัน 4. การประเมนิ ผลสําเร็จของการมีสวนรว มของประชาชน แสดงความคดิ เหน็ ถึงการนอมนําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยกุ ตใ ชใน ชีวติ ประจาํ วัน จากนน้ั ครมู อบหมายใหนกั เรียนปฏบิ ัติตนตามความคิดเห็นทเ่ี หมาะสม วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การจําแนกกลมุ ผมู ีสวนรวมท่เี หมาะสมและ แลวจัดทาํ เปนบันทึกผลการปฏบิ ตั ิสงครูผูสอน เปน ธรรม เนอ่ื งจากหลกั การพืน้ ฐานที่จะทําใหก ารมีสว นรวมของประชาชนใน การประเมนิ ผลกระทบจากส่ิงแวดลอมควรสอดคลอ งกบั หลกั การของระบอบ ประชาธิปไตยทีเ่ คารพในความเสมอภาคของประชาชนทกุ คน ความคิดเห็น และขอเทจ็ จริงท่ีไดรบั การเสนอจากประชาชนจงึ ควรไดร บั การรบั ฟงอยา ง เทา เทยี มกนั เพื่อการประเมนิ ผลกระทบอยางมีประสิทธิภาพ คูมือครู 169
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตองในการตอบคําถาม คาปถระาจÓมหนว่ ยการเรยี นรู้ ประจําหนวยการเรียนรู 1. เ พราะเหตใุ ดจึงต้องมกี ารจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู 2. อ งคก์ รเอกชนมีบทบาทในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมอย่างไร 3. จงยกตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากส่งิ แวดล้อมในการ สรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมในท้องถ่นิ ของนักเรยี น 1. บทความหลักการและแนวการจดั การ 4. การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มมแี นวทางอยา่ งไร ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ มในภมู ภิ าค 5. การพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มทยี่ ง่ั ยืนมีองค์ประกอบทส่ี า� คัญอะไรบ้าง ตา งๆ ของโลก และมีความจา� เปน็ ตอ่ สงั คมปจั จุบันอย่างไร 2. โปรแกรมการนําเสนอและเอกสารเผยแพร ความรเู กย่ี วกบั หนวยงานและองคก รทาง กิจสรก้ารงรสมรรค์พัฒนาการเรยี นรู้ สง่ิ แวดลอม กฎหมายเก่ียวกบั การอนรุ กั ษ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมของไทย กจิ กรรมท่ี ใหน้ กั เรยี นหาขา่ วเกย่ี วกบั กจิ กรรมขององคก์ รและการประสานความชว่ ยเหลอื หรือการประสานความรว มมือทางดา น ทางสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ สิง่ แวดลอมระหวา งประเทศ 1 หนงั สือพมิ พ ์ อินเทอรเ์ น็ต คนละ 1 ข่าว แลว้ นา� มาเสนอหน้าชัน้ เรียน 3. บนั ทึกผลการแกป ญ หาและการดําเนินชีวิตตาม กิจกรรมท่ี ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายในชั้นเรียนเก่ียวกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม แนวทางการอนุรักษทรพั ยากรธรรมชาติและ ของโลก พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข สิ่งแวดลอมเพอื่ การพฒั นาทีย่ ัง่ ยนื 2 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อศึกษาและสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับ 4. สมุดภาพการใชประโยชนจากสงิ่ แวดลอม กิจกรรมท่ี แนวทางการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ียั่งยืน แล้วท�า ในการสรางสรรควัฒนธรรมในประเทศไทยและ เป็นรายงานสง่ ครผู ้สู อน ในภมู ิภาคตางๆ ของโลก 3 5. แนวทางการแกไ ขปญ หาส่ิงแวดลอ มในทอ งถ่นิ ตามหลกั การพัฒนาทย่ี ่ังยืน 170 แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอมในภมู ภิ าคตางๆ ของโลก รวมถึงประเทศไทย อยใู นสภาวะเสือ่ มโทรมจนกลายเปน วิกฤตการณในหลายดา น ภูมภิ าคตา งๆ ของโลกจงึ ควรมสี วนรว มในการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม โดยในระดบั หนว ยงานภาครฐั บาลและเอกชนควรมกี ารศึกษาเพื่อการวางแผนการอนรุ ักษและ พัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ มในประเทศของตนอยา งถูกตองเหมาะสม รวมถึงในระดับประชาชนควรมีสว นรว มในการปฏบิ ตั ติ นอยางจริงจงั 2. องคกรเอกชนมบี ทบาทในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มในหลายแนวทาง ท่สี าํ คัญไดแ ก การใหค วามรแู ละจัดกจิ กรรมตา งๆ ใหป ระชาชนมสี ว นรว มกับ การอนรุ กั ษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม องคกรเอกชนท่สี ําคญั ในประเทศไทยและในโลก เชน มลู นิธสิ ืบนาคะเสถยี ร มลู นธิ โิ ลกสเี ขียว และกลมุ กรนี พีซ เปนตน 3. การใชป ระโยชนจากสิง่ แวดลอมในการสรางสรรควฒั นธรรมของทองถิ่นตา งๆ ในประเทศไทยมลี กั ษณะท่แี ตกตางกนั ไปตามสภาพแวดลอม วฒั นธรรมด้งั เดิม และอืน่ ๆ ตัวอยางทีส่ ําคญั คอื วฒั นธรรมทเี่ กย่ี วขอ งกบั การดาํ รงชีวิต ความเชอ่ื และศาสนา เชน การนิยมสรา งพทุ ธศาสนสถาน โดยเฉพาะพระธาตุบนยอดดอยของชาวไทยใน ลา นนา จากความศรัทธาและเคารพบูชาในพระพุทธเจาผเู ผยแผพระธรรมคาํ สอนดว ยการประดิษฐานพระธาตุไวในเจดยี ร ปู ทรงตา งๆ บนยอดดอยซึง่ เปน ท่สี งู 4. แนวทางในการอนรุ ักษท รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอมท่ีสําคญั คอื การศกึ ษาลักษณะของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ มในทอ งถ่นิ ตา งๆ อยา งจริงจงั เพอื่ การ ดําเนินการฟนฟูหรือพฒั นาไดอยางถกู ตองเหมาะสม ซงึ่ เปนบทบาทหนา ทสี่ าํ คัญของหนว ยงานและองคก รดา นส่งิ แวดลอม สวนประชาชนทว่ั ไปควรมีสวนรว มในการ ฟน ฟหู รอื พฒั นาของหนวยงานและองคกรดา นสงิ่ แวดลอ มตา งๆ และมจี ิตสาํ นกึ ดา นสง่ิ แวดลอ มในการดําเนินชีวติ ประจาํ วัน 5. องคป ระกอบทีส่ าํ คญั ของการพฒั นาทีย่ ง่ั ยนื ไดแก การมีคุณภาพชวี ติ ของประชากร ความสมดุลระหวางทรัพยากรธรรมชาตแิ ละความตอ งการใชป ระโยชนข อง ประชากร และความมัน่ คงทางดานเศรษฐกจิ ของชมุ ชน ซ่งึ มีความสําคญั อยางยิง่ ในยคุ ปจจบุ ันที่ทรพั ยากรธรรมชาติตา งๆ เร่มิ จะหมดไปจากโลก และระบบนิเวศ ขาดความสมดุล ทง้ั นี้เพือ่ ใหมที รัพยากรธรรมชาติที่อดุ มสมบรู ณเ พยี งพอตอ การดาํ รงชีวิตของประชากรในอนาคต 170 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate บรรณานกุ รม จกั รพนั ธ์ุ ปญั จะสวุ รรณ. 2545. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพฯ: โอ.เอส.พรนิ้ ตงิ้ เฮา้ ส.์ ทรงกต ทศานนท.์ 2550. หลกั การรับร้จู ากระยะไกล. เอกสารประกอบการสอนวิชา 106601. นครราชสมี า : สาำ นกั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสรุ นาร.ี ทรัพยากรธรณี, กรม. 2548. การลดความเสี่ยงจากกรณพี ิบัตภิ ยั คล่ืนยักษส์ ึนาม.ิ มปท. . 2548. แผน่ ดนิ ไหว ภยั ใกลต้ วั . กรงุ เทพ ฯ : แนกซอส อนิ ฟินติ ้ี. . 2548. สึนามิ คลน่ื ยกั ษ์มหาภยั . กรงุ เทพ ฯ : เอช ที พี เพรส. ประสทิ ธิ์ ทฆี พฒุ ิ และศภุ ฤกษ์ ตนั ศรรี ตั นวงศ.์ มปป. คมู่ อื เตอื นภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาต.ิ กรงุ เทพ ฯ : ดอกหญา้ . แผนทท่ี หาร กระทรวงกลาโหม, กรม. มปป. แผนที่ประเทศไทย. มปท. พฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ(องคก์ ารมหาชน). กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี สาำ นกั งาน.2548. การใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศในการติดตามพื้นท่ีประสบภัยคล่ืนสึนามิของประเทศไทย. มปท. ราชบณั ฑติ ยสถาน.2545. ประกาศสาำ นกั นายกรฐั มนตรแี ละประกาศราชบณั ฑติ ยสถาน เรอ่ื ง กาำ หนดชอ่ื ประเทศ ดนิ แดน เขตการปกครองและเมืองหลวง. กรงุ เทพ ฯ : อรุณการพิมพ.์ . 2549. พจนานกุ รมชอ่ื ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 1(อกั ษรA-L) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ทีฟลิ ม์ จาำ กดั . . 2550. พจนานกุ รมชอื่ ภมู ศิ าสตรส์ ากล เลม่ 2(อกั ษรM-Z) ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั สหมิตรพรนิ้ ตง้ิ แอนด์พบั ลิสชง่ิ จำากดั . . 2544. พจนานุกรมศัพท์ธรณวี ทิ ยา ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน. กรงุ เทพ ฯ : อรุณการพมิ พ.์ . 2549. พจนานกุ รมศพั ทภ์ มู ศิ าสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รง้ั ท่ี4(แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ วนพิมพ์. . 2545. อกั ขรานกุ รมภมู ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ 1 ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รง้ั ที่4(แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ). กรงุ เทพ ฯ : อรณุ การพิมพ.์ วรรณี พุทธาวฒุ ไิ กร. 2546. ภูมศิ าสตร์ประเทศไทย. กรงุ เทพ ฯ : โอ. เอส. พรน้ิ ต้งิ เฮา้ ส์. วนิ ยั วรี ะวฒั นานนท.์ 2541.สง่ิ แวดลอ้ มและการพฒั นา.พมิ พค์ รง้ั ท่ี3.กรงุ เทพฯ:สถาบนั พฒั นาสาธารณสขุ อาเซยี น วิโรจน์ เอย่ี มเจริญ และคณะ. 2553. ไทยแลนดแ์ อตลาส. กรงุ เทพ ฯ : บรษิ ทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จาำ กัด. . 2545. ภูมศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย. กรุงเทพ ฯ : มหาวิทยาลัยราชภฏั พระนคร. อภสิ ิทธ์ิ เอี่ยมหนอ่ และคณะ. 2551. ภูมิศาสตร์ ม.4-ม.6. กรุงเทพ ฯ : บรษิ ัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จาำ กัด. สมพร สงา่ วงศ์. 2552. การสำารวจจากระยะไกลในดา้ นการใชป้ ระโยชน์ที่ดนิ /ส่ิงปกคลมุ ดนิ และการประยุกต์. กรุงเทพ ฯ : สาำ นักพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. สวัสดิ์ โนนสงู . 2546. ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. พมิ พ์คร้ังท่ี 2. กรงุ เทพ ฯ : โอ. เอส. พร้นิ ตงิ้ เฮ้าส.์ 171 คูม่ อื ครู 171
กระตุน้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สัญญา สราภริ มย์. 2550. ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร.์ เอกสารประกอบการสอนวชิ า 106611. นครราชสีมา : สำานกั วิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี ุรนารี. สุกาญจน์ รัตนเลศิ นสุ รณ.์ 2546. หลักการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพ ฯ : ส.ส.ท. สวุ ทิ ย์ ออ๋ งสมหวงั .2550. การรบั รจู้ ากระยะไกลของสภาพแวดลอ้ มในธรรมชาต.ิ เอกสารประกอบการสอนวชิ า 106704.นครราชสมี า : สำานักวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนาร.ี อาำ นาจ เจรญิ ศลิ ป.์ 2543. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพ ฯ : โอ. เอส. พรน้ิ ตง้ิ เฮาส.์ Cunningham, William P. and Barbara W. Saigo. 1999. Environmental Science. Fifth Edition. Ohio : McGraw-Hill. Enger, Eldon D. and Bradley F. Smith. 2000. Environmental Science. Seventh Edition. Ohio : McGraw-Hill. Fellmann, Jerome. Arthur Getis and Judith Getis. 2001. Human Geography : Landscapes of Human Activities. New York : McGraw-Hill. Joyce, Alan C. 2015. The World Almanac and Book of Facts 2015. New Jersey : World Almanac Education Groups. Koh, Andy and Goh, Valerie. 2006. Earth Our Home. Singapore : Marshall Cavendish Education. Revelle, Penelope. and Charles Revelle. 2002. The Global Environment : Securing a Sustainable Future. Boston : Jones and Bartlett. Sanchez, David and Jose Manuel Cerezo. 2003. Science 1 Natural Science. Madrid : Santillana Education, S.L. Waugh, David. 2000. Geography : An Integrated Approach. London : Nelson House. สือ่ ขอ้ มูลอเิ ล็กทรอนกิ ส์ นโยบายและแผนการใชท้ ด่ี นิ กรมพฒั นาทดี่ นิ , สาำ นกั . สรปุ ประเภทการใชท้ ด่ี นิ ประเทศไทย.(ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมือ่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558. มาจาก http://www.ldd.go.th ทรพั ยากรธรณี กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม, กรม. ความรทู้ ่วั ไปดา้ นแร.่ (ออนไลน์). เขา้ ถงึ เมอื่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558. มาจาก http://www.dmr.go.th อตุ นุ ยิ มวทิ ยา, กรม. ปรมิ าณนา้ำ ฝน.(ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอื่ 9 เมษายน พ.ศ.2558. มาจากhttp://www.tmd.go.th อทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพุ์ ชื , กรม. เนอ้ื ทปี่ า่ ไม.้ (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอ่ื 9 เมษายน พ.ศ.2558. มาจาก http://www.dnp.go.th BP. BP Statistical Review of World Energy 2014. (online). Accessed April 9, 2015. Available from http://www.bp.com 172 172 คู่มอื ครู
Shape the FUTURE สร้างอนาคตทีเ่ ราอยากเป็น ผลติ และจดั จำหนา่ ยโดย โปรดดรู าคาเลม่ นกั เรยี นจากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 คู่มือครู บร. ภูมิศาสตร์ ม.4-6 โทร./ แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) AksornACT www.aksorn.com 8 8 5 8 6 4 9 1 32 15600 8.- ราคาน้ี เปน็ ราคาของฉบบั คมู่ อื ครู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182