Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู_ภูมิศาสตร์_ม.4-6

คู่มือครู_ภูมิศาสตร์_ม.4-6

Published by phrapradisth, 2019-12-03 04:40:31

Description: คู่มือครูกลุุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิชาภูมิศาสตร์ ม.4-6

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2.5 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งบรรยากาศ อทุ กภาค ธรณีภาค ครอู ภิปรายรวมกันกับนกั เรียนถึงความสมั พนั ธ และชวี ภาค ในพ้ืนทีต่ ่างๆ ของโลก ระหวางบรรยากาศ อุทกภาค ธรณภี าค และ ชวี ภาค ในพ้นื ที่ตางๆ ของโลก โดยแบง ออก ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในด้านบรรยากาศ ธรณีภาค อุทกภาค และชีวภาค ที่เกิดข้ึน เปนความสัมพนั ธหรือปรากฏการณทเี่ กดิ ข้ึนตาม บนผิวโลกน้ัน มีสาเหตุการเกิดท้ังจากการกระท�าโดยธรรมชาติและจากการกระท�าของมนุษย ์ ธรรมชาติและทเ่ี กิดขึ้นจากกิจกรรมตางๆ ของ เช่น ปรากฏการณแ์ ผน่ ดินไหวและสนึ ามิ ท่เี กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาต ิ เช่น ในวนั ท่ ี 26 ธันวาคม มนษุ ย แลว ใหนักเรียนสรุปผลการอภปิ รายลงใน พ.ศ. 2547 เกิดจากการท่ีแผ่นเปลือกโลกอินเดียขยับมุดแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย ในบริเวณ สมดุ จากนั้นใหตัวแทนนกั เรยี นออกมานําเสนอ ร่องลึกก้นสมุทรซุนดาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ท�าให้ การสรปุ ผลการอภิปรายของตนทห่ี นา ช้นั เรียน เกดิ แผน่ ดนิ ไหวทม่ี ีขนาด 9.0 ตามมาตรารกิ เตอร ์ และเกิดคล่ืนสนึ ามิตามมา ส่งผลใหป้ ระเทศ ท่ีมีชายฝั่งติดต่อกับมหาสมุทรอินเดียได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมมากกว่า 200,000 คน ภูมิประเทศแถบชายฝั่งเปล่ียนแปลงไป ชายฝั่งที่มีป่าชายเลนได้รับความรุนแรง ของคลนื่ สนึ ามนิ อ้ ยกวา่ ชายฝง่ั ทเี่ ปน็ หาดทราย เนอ่ื งจากมปี า่ ไมช้ ายเลนชว่ ยตา้ นทานความรนุ แรง ของคล่ืนสึนามิไวบ้ างส่วน เกิดจาในกกดา้ารนใชป้พราลกังงฏากนาเชรณ้ือเ์ทพาลงิงธจรากรมซชากาดตึกิทด่ีเ�ากบิดรขรึ้นพจ์ 1าไกดก้แการ่ กปริโะตทรเ�าลขียอมงแมลนะถุษ่ายน์ หสินา เหเพตื่อุหกลาักร อตุ สาหกรรม การคมนาคมขนสง่ จงึ สง่ ผลให้บรรยากาศมีฝุน่ ละอองและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพม่ิ มากขึ้น ขณะเดยี วกันการโคน่ ท�าลายและเผาปา่ ไม้ เพื่อนา� ไมไ้ ปใชป้ ระโยชนท์ างอุตสาหกรรม และนา� ทดี่ นิ ไปใชท้ า� การเพาะปลกู ทา� ใหป้ รมิ าณ ฝุ่นละอองและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน บรรยากาศเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ อณุ หภมู ขิ องโลกจงึ สงู ขน้ึ สง่ ผลใหส้ ภาวะอากาศ แปรปรวน เกดิ ความแหง้ แลง้ ฝนทิ้งช่วง เกดิ พายฝุ นนา้� ทว่ ม อากาศรอ้ นจดั และอากาศหนาว จัดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ถิ่นที่อยู่อาศัย ของพืชและสัตว์ตามธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบย้อนกลับที่มนุษย์บนโลกได้รับ คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีไม่เกิดขึ้นมาก่อน เช่น ปรากฏการณ์เรือนกระจก ปรากฏการณ์ เอลนีโญและปรากฏการณ์ลานีญา การกัดเซาะ ภาพจากดาวเทยี ม QuickBird แสดงพนื้ ท่ีประสบภัยและ ชายฝง่ั ทะเล เป็นต้น ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ เม่ือวันท่ี 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 บรเิ วณบา้ นนา้� เคม็ อา� เภอตะกว่ั ปา่ จงั หวดั พงั งา 53 ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’53 ออกเกีย่ วกับวิกฤตการณด านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ ครูอาจใหนกั เรียนชว ยกนั สรุปความสัมพนั ธระหวางบรรยากาศ อุทกภาค สิง่ แวดลอม ธรณีภาค และชวี ภาค ในพน้ื ทต่ี างๆ ของโลก แลว แบงกลุม จดั ปา ยนเิ ทศใน ช้นั เรียนทีแ่ สดงความสมั พนั ธดงั กลาวในรปู แบบของตารางหรือผงั กราฟกทมี่ ขี อมลู ขอใดไมใชว ิกฤตการณด า นทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม และภาพประกอบ เพ่อื สงเสริมใหนกั เรียนฝกทักษะการคิดวิเคราะห สงั เคราะห 1. การเกิดแผนดินไหว และสรางสรรค รวมถึงกระบวนการทาํ งานกลมุ ผา นองคค วามรเู กยี่ วกับปฏิสัมพนั ธ 2. ความตื้นเขนิ ของแหลง นาํ้ ทางภมู ิศาสตร 3. ความจํากดั ของจาํ นวนทดี่ ิน 4. การประกาศเขตปา เส่อื มโทรม นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ปจ จบุ ันทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอมในดาน ตา งๆ ของโลกเกิดวกิ ฤตการณข ้ึนหลายประการ เชน การมีทีด่ นิ ไมเพยี งพอ 1 เชือ้ เพลิงจากซากดกึ ดําบรรพ (Fossil Fuels) หมายถึง เชอื้ เพลิงซึง่ เปลย่ี นสภาพ ตอ การใชป ระโยชนในดานตา งๆ จากประชากรทีเ่ พ่มิ มากขึ้นอยา งรวดเรว็ มาจากซากของสง่ิ มชี ีวติ ทั้งพืชและสตั วในยคุ ตาง ๆ โดยกระบวนการทางธรณีวิทยา การเกิดแผน ดินไหวอยา งรุนแรงบอยครงั้ รวมท้งั การแหง แลงและตื้นเขินของ และธรณีเคมี ประกอบดวย ถานหิน (Coal) แกส ธรรมชาติ (Gases) นํ้ามนั (Natural แหลง นาํ้ จดื สว นการประกาศเขตปา เสื่อมโทรมนน้ั เปนแนวทางการอนรุ ักษ Oil) หินน้าํ มันและทรายนํ้ามนั (Oil Shale and Tar Sand) ทรัพยากรปา ไมท่ีหลายประเทศนํามาใช ดังน้นั คําตอบคอื ขอ 4. คมู อื ครู 53

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครใู หนักเรยี นชวยกันอานและวิเคราะห แผนที่ประเทศไทยแสดงลักษณะทางกายภาพและการแบง ภาคภมู ิศาสตร ปฏิสัมพนั ธเ ชิงภมู ศิ าสตรใ นประเทศไทยจากขอมูล ทป่ี รากฏในแผนทป่ี ระเทศไทยแสดงลกั ษณะทาง พาน ขาแดนลาว สามเหล่ยี มทองค�า นามดนิ ห์ กายภาพและการแบง ภาคภูมิศาสตร โดยครูอาจ น. สาละวิน าถนนธงชัยเหนือ ดอ2ย,2ผ8้า5ห ม่มป. ก ซ�าเหนอื กาํ หนดประเดน็ การวเิ คราะห ดงั น้ี เนปยีดอ ิทวเขาผีปัน ้น�า น.อิง น.โขง หลวงพระบาง อา วตงั เก๋ยี ตองอู ิท ิทวเวขเาทิขถวาเนขถนานถนนนธธธงงง ัชัชชัยยยตตกะะล ัววัานงอตอน.กกปาทิยวเข เวียดนาม • ทตี่ ั้งและอาณาเขตของประเทศไทยกบั น ทิวเขาหลวงพระบาง ลาว น.คา ปรากฏการณจากบรรยากาศและทองฟา เมยี นมา ทิวเ ภาคเหนอ� • ปรากฏการณจากธรณภี าคทส่ี าํ คัญของ ยา่ งกุง้ ภมู ภิ าคตา งๆ ในประเทศไทย น. สะโตง ดอยอินทนนท ์ 2,565 ม. ปากซนั อา วเมาะตะมะ • แหลง นํ้าจดื ทะเลและมหาสมทุ ร กบั น.ยม น.นา่ น เวียงจันทน์ ปรากฏการณจ ากอทุ กภาคในประเทศไทย ทะเลอันดามนั น.วัง น.ปิง มะละแหม่ง ิทวเขาเพชรบูรณ์ตะ ัวนตก ภูกระดึง 1,316 แมทอ.ิ ง่ วสกนลเ.นสคขงครราามภูพ า น.ชี ทา่ แขก ดองฮอย • ปรากฏการณจากชวี ภาคดา นพืชพรรณ น.ปงิ ทิวเขาดงพญาเย็น ิทวเขาเพชรบูรณ์ตะ ัวนออก น.ชี น สะหวันนะเขต อัตตะปอ ธรรมชาตขิ องประเทศไทย แ อ ่ ง พิ ษ ณุ โ ล ก ภาคตะวนั ออกเฉย� งเหน�อ ภาคกลาง าตะนาวศรี น.มลู น.มลู แอ่งโคราช ิทวเข ท่ีราบลุ่มเจ้าพระยา ทิวเข สันก�าแพง ทิ ว เ ข า พ น ม ด ง รั ก สามเหลีย่ มมรกต ภาคตะวันตก ทิ ว เ ข า บ ร ร ทั ดภาคตะวันออก า เสยี มเรยี บ น.บางปะกง กมั พูชา น.เจ้าพระยา ทิวเขาจันทบุรี น.โขง น.โขง น.ทา่ จนี น.แมก่ ลอง มะรดิ สตรึงเตรง วเขาตะนา วศ ีร เกาะชา้ ง อา วไทย เกาะกูด พนมเปญ กมั โพช ทิ โฮจิมินหซ์ ิตี ิท วเ ขา ูภเ ็กต เกาะเต่า กวนลอง เกาะพะงัน เกาะสมยุ ทะเลจนี ใต น.ตาปี เขาหลวง 1,835 ม. คา� อธบิ ายสญั ลกั ษณ์ 500 - มากกวา่ 1,000 เมตร ภาคใต้ 200 - 500 เมตร สัน กา 100 - 200 เมตร เกาะภูเกต็ 0 - 100 เมตร ทิ ว เ ข า น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร าช แหล่งน�้า เกาะตะรุเตา ทิวเข า เสน้ แบง่ ภาคภมู ิศาสตร์ ลา คีรี มาเลเซยี 54 ทม่ี า : กรมแผนท่ที หาร กระทรวงกลาโหม. เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT จากแผนทป่ี ระเทศไทยแสดงลกั ษณะทางกายภาพและการแบงภาค ครูอาจมอบหมายใหนกั เรยี นชวยกันคน ควาและรวบรวมภาพจากดาวเทยี มและ ภมู ศิ าสตร แสดงถึงลกั ษณะทางกายภาพของพืน้ ทีส่ วนใหญของประเทศไทย แผนที่แสดงลักษณะทางภูมิประเทศของไทย แลว นํามาอภปิ รายรวมกันถึงขอ มูล อยา งไร ลกั ษณะภูมิประเทศของไทยท่ปี รากฏในภาพจากดาวเทียมและแผนทด่ี งั กลาว โดย 1. ท่รี าบสงู แบบยกตวั ท่ีมีขอบชนั ใชความรูเก่ียวกับเครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตรที่นกั เรียนไดศึกษามา เพอื่ ใหนักเรยี นรู 2. เกาะและหมเู กาะชายฝง และเขา ใจลกั ษณะภมู ิประเทศของไทยในภมู ิภาคตา งๆ และเชอื่ มโยงความรจู าก 3. ทวิ เขาสูงสลับซับซอน เครอ่ื งมือทางภูมิศาสตรส ูกิจกรรมการเรียนรูตอไปได 4. ทรี่ าบลมุ แมนํา้ วิเคราะหคําตอบ แผนท่ีประเทศไทยแสดงลักษณะทางกายภาพและการ มุม IT แบงภาคภมู ิศาสตรพบวา พ้ืนที่สว นใหญม สี ีเขียวออนและเขม และมเี สน สีฟา กระจายอยูท่วั ประเทศ ซ่ึงแสดงถึงระดับความสูงของพน้ื ทีแ่ ละการไหลของ ศกึ ษาคน ควาแผนทแ่ี สดงลักษณะทางภูมศิ าสตรด า นตา งๆ ของประเทศไทย แมน ้ําสายตางๆ จึงกลาวไดว าลกั ษณะทางกายภาพของพ้นื ทสี่ ว นใหญของ ดว ยภาพจากดาวเทียมไดท่ี http://www.gisthai.org/map-galery/thai_atlas/ ไทยเปนทรี่ าบลุมแมนํ้า ดงั นัน้ คําตอบคือ ขอ 4. thai_atlas1.html เว็บไซตศนู ยว จิ ยั ภูมสิ ารสนเทศเพือ่ ประเทศไทย คณะวิทยาศาสตร จุฬาลงกรณม หาวทิ ยาลัย 54 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู . ป¯สÔ ัมพนั ¸์เªÔงภูมÈÔ าสตรã์ นประเทÈไทย 1. ครูสนทนารว มกนั กบั นกั เรียนถึงความหมาย และความสําคญั ของการศกึ ษาเก่ียวกับ 3.1 ปฏสิ มั พนั ธข์ องมนษุ ยก์ บั ลกั ษณะธรณสี ณั ฐานในประเทศไทย ลักษณะธรณีสัณฐานแลวแบง นกั เรียนออกเปน 6 กลมุ เพือ่ ใหชว ยกันอธิบายความรูเกีย่ วกับ ลักษณะธรณีสัณฐาน ท่ีปรากฏอยู่ในปัจจุบันเป็นเพียงส่ิงที่คงเหลืออยู่จากกระบวนการ ปฏสิ มั พนั ธเ ชิงภมู ิศาสตรในประเทศไทย ใน เปล่ียนแปลง ทั้งจากแรงดันภายในเปลือกโลกอันมหาศาลและกระบวนการที่กระท�าอยู่บนพ้ืนผิว สว นของปฏสิ มั พันธของมนุษยกบั ลักษณะธรณี อนั เนอ่ื งมาจากบรรยากาศของโลก ดงั นน้ั ปฏสิ มั พนั ธข์ องมนษุ ยก์ บั ลกั ษณะธรณสี ณั ฐานแบบตา่ ง ๆ สัณฐานในประเทศไทย โดยครกู ําหนดภูมิภาค น้ันมนุษย์ควรใชป้ ระโยชนจ์ ากธรรมชาติอยา่ งมคี วามรู้ค วามเขา้ ใจ หรอื ร้จู ักดดั แปลงใหเ้ กิดคุณค่า ทนี่ ักเรยี นแตล ะกลมุ รบั ผิดชอบ จากน้ันให โดยระมดั ระวงั มิใหเ้ กิดผลกระทบย้อนกลับเป็นอนั ตรายต่อมนุษยเ์ อง นกั เรียนแตล ะกลุม ชว ยกันอธบิ ายความรตู าม ปฏสิ ัมพนั ธ์ของมนุษย์กบั ลักษณะธรณสี ณั ฐานของภูมิภาคต่าง ๆ ที่สา� คญั มีดงั นี้ กจิ กรรมดังตอไปนี้ ภาคเหนอื 2. ครใู หนกั เรียนกลุมทรี่ บั ผดิ ชอบภาคเหนอื ชว ยกันสรปุ ความรเู กย่ี วกบั ลักษณะธรณี 1ล.กั ษเณขตะทภวิูมเปิขารแะ1เลทะศหมบุ ีคเขวาามภสเู ขมั าพสันงู ทธ์กว่ี บัางปตรวั ะใชนาแกนรวในเหภนูมอื ภิ -าใตค ้ เดปังน็ นที้ วิ เขาสลบั ซบั ซอ้ นนนั้ สณั ฐานของภาคเหนอื ท่ตี ารางบนกระดาน เดิมประกอบไปด้วยป่าไม้ สัตว์ป่านานาชนิด และมีสายน�้าเป็นล�าธารไหลลงไปหล่อเลี้ยงแม่น้�า หนาชนั้ เรยี น ในหัวขอสําคญั ที่ครูกาํ หนด เชน ในบริเวณหุบเขา ผลของความเป็นธรรมชาติที่มีระบบนิเวศที่สมดุล เป็นเสน่ห์ให้ผู้คนเข้าไป ลักษณะภมู ปิ ระเทศทเ่ี ดน ชดั ความสัมพนั ธ ตั้งถิ่นฐานเพ่ือถือกรรมสิทธ์ิในทรัพยากร แล้วปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้ังเดิมจนระบบนิเวศที่ ของประชากรกบั ลักษณะภูมปิ ระเทศ และ เคยสมดุลถูกตดั วงจรไป สาเหตุและความเปลยี่ นแปลงของลักษณะ ปรากฏการณท์ ี่เหน็ ไดช้ ดั เจนในปจั จบุ นั คอื สภาพป่าไมล้ ดจา� นวนลงจนหมดสนิ้ ไปใน ภูมปิ ระเทศ เปนตน บางพ้ืนที่ การชะล้างพังทลายของหน้าดินจะเกิดข้ึนสูงเม่ือมีฝนตกและบางคร้ังเกิดแผ่นดินถล่ม ด้วย นอกจากนี้ยังมีการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกพืช ส่งผลให้บริเวณท่ีราบมีสารพิษที่เจือปน มากบั น�า้ อีกท้ังเมอ่ื มฝี นตกหนักนา้� ป่าจะไหลจากทสี่ งู ลงสู่ท่ตี �่าอยา่ งรวดเร็ว 2. บรเิ วณทร่ี าบและแอง่ ภาคเหนอื มที ร่ี าบหบุ เขาแคบ ๆ ทเ่ี กดิ จากลา� ธารไหลกดั เซาะ บริเวณภูเขา เป็นท่ีราบผืนเล็ก ๆ กระจายอยู่ท่ัวไป รวมทั้งมีที่ราบซึ่งเกิดข้ึนในแอ่งแผ่นดิน มีการทบั ถมของโคลนตะกอนเปน็ บรเิ วณกว้าง และมแี ม่น้�าสายใหญ่ไหลผา่ น เชน่ แอ่งเชียงใหม่ ตัง้ อย่บู นฝ่ังแมน่ ้�าปงิ แอ่งแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่บน ฝั่งแม่น้�าปาย แอ่งล�าปางต้ังอยู่บนฝั่งแม่น้�าวัง แอ่งเชียงรายตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้�ากก แอ่งพะเยา ตง้ั อยบู่ นฝง่ั กวา๊ นพะเยาซงึ่ เชอื่ มตอ่ กบั แมน่ า้� องิ เป็นตน้ สภาพพืน้ ที่จงึ เหมาะส�าหรบั ใชเ้ ป็นที่ต้ัง ถิน่ ฐานและใชป้ ลูกพืชชนิดต่าง ๆ เชน่ ถ่ัวชนิด ตา่ ง ๆ กระเทียม ยาสูบ ลนิ้ จี่ ลา� ไย ส่วนบรเิ วณ ทรี่ าบสองฝ่งั แมน่ า้� ใช้ปลกู ข้าว แอ่งทรี่ าบบรเิ วณอา� เภอปาย จังหวดั แม่ฮ่องสอน 55 ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอ สอบป ’51 ออกเก่ียวกับลกั ษณะภูมิประเทศของไทย ครอู าจอธบิ ายนกั เรียนถึงกระบวนการเปล่ียนแปลงของลักษณะทางธรณสี ัณฐาน เขตภมู ิลกั ษณทเี่ ปนทิวเขาและทีร่ าบระหวางภเู ขาหมายถึงภาคใดของ ในประเทศไทยท้งั ที่เกดิ จากกระบวนการทับถม เชน การเกดิ สันทรายลักษณะตา งๆ ในพ้นื ท่ชี ายฝง การเกิดหินงอก หนิ ยอยในถํา้ หนิ ปูน และกระบวนการกดั เซาะ เชน ประเทศไทย สะพานหินธรรมชาติบริเวณชายฝงอาวไทย หลุมยุบบริเวณภมู ปิ ระเทศหนิ ปูน เสา 1. ภาคใต เฉลียงในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื แลว สอบถามนกั เรยี นถึงความรูค วามเขาใจ 2. ภาคเหนือ เกย่ี วกบั ลักษณะทางธรณสี ณั ฐานของทอ งถิน่ จากน้ันนักเรียนสรปุ ขอมูลที่ถูกตอง 3. ภาคตะวนั ตก ลงในสมุด 4. ภาคตะวนั ออก นักเรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ภาคเหนือ เน่อื งจากภูมิลกั ษณส วนใหญ 1 ทิวเขา เปนลกั ษณะภมู ปิ ระเทศท่ีสาํ คัญของภาคเหนอื โดยทวิ เขาที่นกั เรียนควรรู เปนทิวเขา เชน ทิวเขาถนนธงชัย หลวงพระบาง และผปี น น้ํา ซ่งึ เปนแหลง ตน นา้ํ ลาํ ธารไหลลงสทู ีร่ าบระหวางภเู ขา เชน ทรี่ าบลุมแมนา้ํ ปง วงั ยม และนา น ซงึ่ เปน บรเิ วณทีป่ ระชากรตัง้ ถิน่ ฐานอาศัยอยูม ากตง้ั แตอดตี จนถึง ปจ จุบนั ไดแ ก ทวิ เขาถนนธงชยั เปน แนวพรมแดนระหวา งประเทศไทยกับเมียนมาเชน กนั โดยตงั้ อยูใ นแนวตะวนั ตกเฉยี งเหนอื -ตะวนั ออกเฉียงใต ไลล งมาตง้ั แตจังหวัด แมฮองสอน ตาก อุทยั ธานี จนถึงจังหวัดกาญจนบรุ ี คูมอื ครู 55

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หนักเรียนกลมุ ทีร่ บั ผิดชอบภาคกลางชวยกนั ภาคกลาง อธบิ ายความรูเกย่ี วกับลกั ษณะภูมปิ ระเทศเขต ตางๆ ของภาคกลาง ในดา นลักษณะภูมปิ ระเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศมคี วามสัมพันธ์กับประชากรในภมู ภิ าค ดงั นี้ หลัก ความสัมพนั ธร ะหวา งประชากรกับลักษณะ 1. บริเวณทีร่ าบลุ่มน้�าตอนบน คือ ภูมิประเทศ จากทางตอนเหนอื ถงึ ทางตอนใต บริเวณที่ราบลุ่มน�้าเหนือจังหวัดนครสวรรค์ ของภาค ตามลาํ ดับดงั ตอไปน้ี ข้นึ ไป มีลักษณะเป็นที่ราบล่มุ น�า้ ท่มี ีขนาดแคบ ลงเร่ือย ๆ เมือ่ ขน้ึ ไปทางภาคเหนอื และมีระดบั 2. นักเรยี นกลุมที่รับผิดชอบภาคกลางชว ยกนั สูงกว่าที่ราบภาคกลางตอนล่าง สภาพพ้ืนที่มี อธิบายความรู ตามลาํ ดับดังตอ ไปน้ี การใช้ประโยชน์ในด้านการเพาะปลูกพืชไร่และ • ทร่ี าบลุม แมน้ําตอนบน ท�านาข้าว แต่บริเวณลุ่มน�้ายม จังหวัดสุโขทัย • ทรี่ าบบริเวณขอบ และพิษณุโลก มีปัญหาน�้าท่วมรุนแรงเกือบ • แองเพชรบูรณ แมน่ า้� ยม ช่วงท่ไี หลผ่านจงั หวดั สุโขทยั • ท่ีราบลมุ แมน ้ําตอนลาง ทุกปี เน่ืองจากมีลักษณะเป็นที่ราบน้�าท่วมถึงและเมื่อมีฝนตกต่อเนื่องยาวนานเกิน 24 ชั่วโมง อทา่า� งใหเกเ้ กบ็ ดินน�้าาไ้�1วไหใ้ นลชบ่วา่ งอฤยดา่ ูฝงรนวแดลเระนว็ า�หมาากใจชะ้ใบนรฤรดเทูแลาอ้ง ทุ รกวภมยัทตั้งอ้มงีกลาดรกบารริหตาดั รไจมดั ท้ กา� าลรานย�า้ ปทา่ ด่ี สี รา้ งเขอ่ื นหรอื 2. บริเวณที่ราบบริเวณขอบของภาค คือ ท่ีราบบริเวณขอบที่ติดต่อกับภาคเหนือ ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพเป็นเนินและท่ีราบเชิงเขา ใช้ประโยชน์เป็น พ้ืนทปี่ ลกู พชื ไร่ เชน่ ออ้ ย ข้าวโพด ข้าวฟา่ ง มนั สา� ปะหลงั เป็นต้น 3. บริเวณแอ่งเพชรบรู ณ์ คือ บรเิ วณที่ราบลมุ่ นา�้ ป่าสกั ใชป้ ระโยชนใ์ นการเพาะปลกู ข้าว ข้าวโพด ถ่ัว และผลไม้ ปัจจุบันมีการโค่นท�าลายป่าธรรมชาติ เพื่อใช้ดินในการปลูกพืช และสร้างสถานท่ีพักบริการแก่นักท่องเท่ียว ส่งผลให้เมื่อฝนตกหนักมักจะเกิดน้�าท่วมและ แผ่นดนิ ถล่ม 4. บริเวณที่ราบลุ่มน�้าตอนล่าง คือ บริเวณที่ราบลุ่มน้�าเจ้าพระยาตั้งแต่จังหวัด นครสวรรคล์ งมา เปน็ ทรี่ าบลมุ่ นา้� ทว่ มถงึ สภาพ พนื้ ทีม่ กี ารใช้ประโยชน์ด้านการปลูกข้าว มีการ ต้ังถิ่นฐานเป็นชุมชนขนาดใหญ่หลายพื้นที ่ ปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงการใช้ท่ีดินให้เป็น พื้นที่เมืองและมีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ขในอพงน้ืแทมที่่นเ่ี�้าคแยมเป่กน็ ลนอางข 2า้ แวมเด่นมิ �้า ทสว่่านจบีนร เิ แวณละปแามก่นน�้าา�้ เจ้าพระยา สภาพพ้ืนท่ีดินใหม่และชายเลน ตวั เมอื งนครสวรรค์ ตั้งอยบู่ ริเวณทีร่ าบลมุ่ ทางฝง ตะวนั ตก มปี า่ ชายเลนเปน็ แหลง่ อนบุ าลสตั วน์ า�้ เปน็ พนื้ ที่ ของแมน่ ้�าเจา้ พระยา ที่มกี ารทรุดตวั จากการสูบน้�าใต้ดินมากเกนิ ไป 56 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ความสัมพันธของประชากรกบั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศแบบชายฝงในภาค 1 เขื่อนหรืออางเก็บนาํ้ เขื่อน คอื สิ่งกอสรา งทส่ี รา งขึ้นเพ่ือกกั เก็บหรอื ทดน้ํา ตะวนั ตกกบั ภาคกลางแตกตา งกนั อยางไร โดยสรางปด กัน้ ลํานํ้าธรรมชาตริ ะหวางหุบเขาหรอื เนินสูง เพ่อื เกบ็ น้าํ ทีไ่ หลมาไว แนวตอบ ภาคตะวันตกและภาคกลางตา งกม็ ีลกั ษณะภมู ิประเทศชายฝง ดานเหนอื เขอื่ นหรือทดนํ้าออกตามระดับความสูงของน้ําทต่ี อ งการ โดยนาํ้ ที่เกบ็ ไว คลายคลึงกัน หากแตภ าคกลางนัน้ พน้ื ที่ชายฝง เกอื บทัง้ หมดเปน ปากแมนํา้ น้สี ามารถระบายออกตามวัตถุประสงคตางๆ ไดตลอดเวลา สว นอางเกบ็ น้ํา คือ และเปนหาดเลน มีสภาพเปน ปาชายเลน แหลง อนุบาลสัตวนา้ํ และปองกัน ส่ิงกอสรางท่ีสรา งขน้ึ ขวางลํานํา้ ตามธรรมชาติ หรอื กกั เกบ็ น้ําฝน ทาํ ใหมีอาณา คลนื่ ลมทะเลใหแกพน้ื ทีช่ ายฝง สว นภาคตะวนั ตกนอกจากพื้นที่ชายฝงท่ีเปน บรเิ วณคลายทะเลสาบน้ําจืด เพื่อการจดั การนํา้ ในการใชป ระโยชนดานตางๆ หาดเลนแลว ยังมหี าดทรายที่มภี มู ทิ ศั นสวยงาม รวมถงึ มเี กาะและหมูเ กาะ ไดอยางสะดวก ชายฝง ซงึ่ เปนท่นี ิยมของนกั ทอ งเท่ียวทั้งในและตา งประเทศ ประชากรใน 2 แมน า้ํ แมก ลอง เกิดจากการบรรจบกนั ของแมนํ้าแควนอยและแควใหญ บรเิ วณน้ี จงึ ประกอบอาชีพทีเ่ กยี่ วขอ งกบั การทองเทีย่ วทางทะเลมากกวา บริเวณอาํ เภอปากแพรก จังหวัดกาญจนบรุ ี จากน้นั ไหลผานจังหวัดราชบุรแี ละ ประชากรในภาคกลาง สมทุ รสงคราม กอ นลงสูอ า วไทยดวยความยาวประมาณ 132 กิโลเมตร 56 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ภาคตะวนั ตก 1. ครใู หนกั เรียนกลุมที่รบั ผิดชอบภาคตะวนั ตก ชว ยกนั อธิบายความรู โดยครตู ั้งคาํ ถามเชิง ลกั ษณะภมู ิประเทศมีความสมั พนั ธ์กบั ประชากรในภมู ิภาค ดงั น้ี เปรียบเทยี บกบั ลกั ษณะภมู ิประเทศของภาค 1. เขตทวิ เขาและหบุ เขา มที วิ เขาทอดแนวมาจากภาคเหนอื และเปน็ พรมแดนธรรมชาติ เหนอื เชน ก้ันประเทศไทยกับเมียนมา ในบริเวณนี้มีการบุกรุกท�าลายป่าไม้เพ่ือน�าพื้นที่มาใช้เพาะปลูก • ความสัมพันธของประชากรในภาคตะวันตก พืชไร่ สวนผลไม ้ และสร้างเป็นที่พักบริการแกน่ กั ท่องเท่ียวเชน่ เดียวกับในภาคเหนือ กับลักษณะภูมิประเทศแตกตา งจาก 2. บรเิ วณทร่ี าบและทร่ี าบเชงิ เขา ในภาคตะวนั ตกมที รี่ าบแคบ ๆ อยรู่ ะหวา่ งเขตภเู ขา ประชากรในภาคเหนืออยางไรบาง มกี ารเข้าไปจบั จองพืน้ ทท่ี า� นาและปลกู พืชเป็นจ�านวนมาก เช่น อ้อย เปน็ ต้น (แนวตอบ ประชากรในภาคตะวันตกมกี าร 3. บริเวณท่ีราบชายฝั่งทะเล ประกอบอาชีพทแ่ี ตกตา งจากภาคเหนอื บาง ภาคตะวันตกมีท่ีราบชายฝั่งทะเลยาวตั้งแต่ เน่อื งจากลักษณะภมู ปิ ระเทศ ภูมิอากาศท่ี จังหวัดเพชรบุรีซ่ึงเป็นหาดเลน ต่อเนื่องไปยัง แตกตางกนั ทส่ี ําคัญไดแก การเพาะปลูก บริเวณหาดชะอ�าซึ่งเป็นหาดทรายลงไปจนถึง พืชไรจ าํ พวกออยที่เขตทีร่ าบแคบๆ และ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประชาชนมีการท�า ทรี่ าบเชิงเขา การปลูกสบั ปะรดและการ ประมงชายฝั่ง ปลูกพืช เช่น สับปะรด และ ประมงชายฝง บริเวณจงั หวัดเพชรบุรีและ บริการนักท่องเที่ยว เน่ืองจากชายฝั่งด้าน ประจวบครี ีขนั ธ รวมถึงการประกอบอาชพี จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ มีชายหาดที่ ท่ีราบเชิงเขา บริเวณอุทยานเขาสามร้อยยอด จังหวัด1 ดา นการทอ งเทย่ี วในแหลงทอ งเที่ยวทาง สวยงาม จงึ เหมาะแก่การพักผ่อนหยอ่ นใจ ประจวบครี ขี ันธ์ ทะเล) ภาคตะวันออก 2. ครใู หน ักเรยี นกลุมท่ีรับผดิ ชอบภาคตะวันออก ชว ยกนั สรปุ ความรูเ กี่ยวกบั ลักษณะธรณ-ี ลักษณะภูมิประเทศมคี วามสัมพนั ธ์กบั ประชากรในภมู ภิ าค ดังนี้ สัณฐานของภาคตะวันออกทต่ี ารางบนกระดาน 1. เขตเขาและทิวเขา คือ ทิวเขาสันก�าแพงและพนมดงรัก บริเวณขอบของภาคที่ หนาช้ันเรียน ในหวั ขอสาํ คัญท่ีครกู าํ หนด เชน ลักษณะภูมิประเทศทเี่ ดน ชดั ความสัมพนั ธของ ติดต่อกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้ประโยชน์จากพ้ืนท่ีเป็นสวนผลไม้และปลูกพืชไร่ ในพ้ืนท่ี ประชากรกับลักษณะภูมิประเทศ เปน ตน บรเิ วณล�าธารต้นน�า้ ใชท้ �ากิจกรรมก ารทอ่ งเที่ยวและจดั เปน็ สถานที่พักนกั ท่องเทีย่ ว 2. บรเิ วณทร่ี าบลมุ่ แมน่ า�้ บางปะกง อยใู่ นพน้ื ทจ่ี งั หวดั ปราจนี บรุ แี ละฉะเชงิ เทรา ในชว่ ง ฤดฝู นมกั เกดิ นา้� ทว่ มเสมอ เนอ่ื งจากนา้� ปา่ ไหลมาจากทวิ เขาทางตอนบนอยา่ งรวดเรว็ ประกอบกบั ลา� น้า� ต้ืนเขิน ก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายตอ่ ประชาชน รวมท้ังพืชผลทเ่ี พาะปลูกและทรัพย์สินต่าง ๆ 3. เขตพืน้ ทีเ่ นนิ แบบลูกฟกู อยตู่ อนในของภาค ใชพ้ นื้ ท่ีเป็นท่ปี ลกู พชื ไรแ่ ละพืชสวน 4. ท่ีราบชายฝั่งทะเล เป็นสถานที่ตากอากาศ และแหล่งท่องเท่ียวท้ังบริเวณเมือง พัทยา จงั หวัดชลบรุ ี และจังหวัดระยอง จันทบรุ ี ตราด 5. เกาะและหมู่เกาะชายฝั่ง เป็นเกาะใกล้ชายฝั่งที่มีปะการังสวยงาม เป็นแหล่ง ท่องเท่ียวทางทะเลท่ีใกล้และสวยงาม จึงเป็นที่นิยมของผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนมี แนวโนม้ จะท�าใหแ้ หลง่ ท่องเทย่ี วทส่ี วยงามเสือ่ มโทรมลง 57 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู หากนักเรยี นตอ งการศกึ ษาลกั ษณะทางภูมิศาสตรท่ีเหมาะสมตอการ 1 เขาสามรอยยอด เปน อุทยานแหงชาติประเภทผสมผสานพน้ื ทีช่ ายฝง กับ ทาํ สวนผลไมเมืองรอน นักเรยี นควรไปยงั ภาคใด หมูเ กาะแหง แรกของประเทศไทย มีพ้ืนทปี่ ระมาณ 61,300 ไร ภมู ิประเทศสว น ใหญเปนเขาหินปนู ท่ีสลับซบั ซอนดงั ชื่อ สามรอ ยยอด และมเี กาะจาํ นวน 6 เกาะ 1. ภาคเหนอื นอกจากนยี้ งั มีถ้ําที่สวยงามเปนแหลงทองเที่ยวท่ไี ดร ับความนิยมของภาคตะวันตก 2. ภาคกลาง 3. ภาคตะวันตก มมุ IT 4. ภาคตะวันออก ศึกษาขอ มลู เพ่มิ เติมเกี่ยวกับลกั ษณะภูมิประเทศชายฝงทะเลของไทยในภาค วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภาคตะวันออก เนือ่ งจากเปน ภาคทม่ี ปี ริมาณ ตางๆ ไดท ่ี http://www.dmcr.go.th/marinecenter/coastalzone-lesson11.php เวบ็ ไซตกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง น้ําเฉลีย่ ตอ ปคอนขา งสูง พนื้ ทส่ี วนใหญจึงเปนสวนผลไมท ม่ี คี วามหลากหลาย เชน เงาะ ทเุ รยี น และมงั คุด และใหผลผลิตตอ ปคอ นขา งมาก เปน สินคา สงออกที่สาํ คญั ของประเทศ คมู อื ครู 57

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูใหนกั เรยี นกลุม ท่ีรบั ผิดชอบภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ เฉียงเหนือชวยกันอธบิ ายความรู โดยตอบคําถาม เก่ียวกับลักษณะภมู ิประเทศและความสัมพนั ธข อง 1ล.กั ษเณขตะภทมูิวปิเขระาเดท้าศนมทีคิวศาตมะสวมั ันพตนั กธ์กเบั ปป็นระบชราิเกวรณในทภ่ีมมู ีภิภูเาขคา ยดกงั นตี้ัวข1ึ้นแยกจากท่ีราบ ประชากรกับภมู ิประเทศท่ีครูกาํ หนด เชน ภาคกลาง โดยธรณีสัณฐานหลักเป็นภูเขาหินทรายท่ีมียอดราบ เช่น ภูกระดึง พื้นที่บริเวณนี้ ใช้ประโยชน์ด้านการปลูกพืชไร่จ�าพวกอ้อย มันส�าปะหลัง ข้าวโพด ถ่ัว และปลูกข้าวในบริเวณ • ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มลี กั ษณะ ที่ลุ่ม อีกท้ังในฤดูหนาวภูมิทัศน์ของพ้ืนที่มีความสวยงาม อากาศเย็นและมีไม้ดอกมาก จึงเป็น ภูมิประเทศอนั เปน เอกลักษณอ ยา งไรบา ง จดุ เด่นสา� หรับการทอ่ งเท่ียว (แนวตอบ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มลี ักษณะ ไปในกมั พชู า2ท. างททวิ ศิเขใตาด ้ ภา้ นมู ทสิ ศิณั ใฐตา้ เนปหน็ ลแกันเวปทน็ วิ เ“ขเขาหารนิ ปู ทอรโี าตยห้ ทรมี่อื ดีเกา้ วนสลตาาด”2อ ยคใู่ลนา้ ปยรกะบั เท“ศเขไทาอยแโี ตล”้ ะ มทดีจี่ า้งั นหชวนัดั ภมู ิประเทศคอนขา งเปน เอกลกั ษณแตกตาง ปราจนี บรุ ี สภาพของเขาทท่ี อดแนวตลอดมชี อ่ งแคบทสี่ ามารถเดนิ ทางระหวา่ งประเทศได้ ดังน้ัน จากภมู ิภาคอน่ื ของประเทศ กลา วคือ พื้นท่ีบริเวณนี้ผู้คนของท้ังสองประเทศมีความสัมพันธ์ติดต่อค้าขายแลกเปล่ียนสินค้าจ�าพวก ลักษณะภูมปิ ระเทศสวนใหญเ ปนที่ราบสงู แบบ อาหาร ของป่า และไม้ซงุ ซงึ่ กันและกัน นอกจากนย้ี งั ปรากฏหินภเู ขาไฟเกอื บตลอดแนว จงึ ทา� ให้ ยกตัว มีทิวเขาบริเวณขอบของภมู ภิ าค เชน บรเิ วณดงั กลา่ วมสี ภาพดนิ ทเ่ี หมาะตอ่ การปลกู พชื สวนและผลไมต้ า่ ง ๆ ประกอบกบั มปี รมิ าณฝนตก ทวิ เขาทางตะวันตกของภูมภิ าค ทิวเขา มาก เชน่ ทอี่ า� เภอกนั ทรลกั ษ ์ อา� เภอขนุ หาญ จงั หวดั ศรสี ะเกษ และอา� เภอนา�้ ยนื จงั หวดั อบุ ลราชธานี พนมดงรักทางใตของภมู ภิ าค และแองท่รี าบ ที่เรมิ่ มีการปลกู ยางพารา เงาะ ทุเรยี น ซงึ่ ได้ผลผลติ ดไี ม่ตา่ งไ3ป.จ าแกอจ่งงั โ3หควรัดาใชนภปารคะตกะอวบันดอ้วอยกท่ีราบ ขนาดใหญภ ายในภมู ภิ าคท่ีมีแมน้าํ ไหลผาน ลุม่ น�้าช-ี มูล บรเิ วณท่รี าบลมุ่ น�า้ เปน็ แหลง่ ปลูก อนั เปน แหลง เกษตรกรรมทีส่ าํ คัญ ไดแก ขา้ วใหญท่ ส่ี ดุ ของประเทศไทย และเปน็ แหลง่ ตงั้ แอง โคราช เปน ท่ีราบลมุ แมนํ้าชแี ละมลู ถิ่นฐานทีม่ ปี ระชากรเกนิ 1 ล้านคนในเกอื บทกุ แหลง ปลกู ขา วที่ใหญท ส่ี ดุ ของไทย และ จังหวัด โดยสภาพพน้ื ทเี่ ป็นทล่ี มุ่ ในช่วงฤดฝู น แอง สกลนคร เปนทีร่ าบลมุ แมน ํา้ สงคราม ทมี่ พี ายจุ งึ เกดิ นา้� ทว่ มขนึ้ เสมอ แตเ่ มอ่ื สน้ิ ฤดฝู น แมน ํ้าโขง และหนองหาน) สภาพการขาดแคลนน้�าปรากฏเป็นระยะเวลา ยาวนาน ทง้ั นเี้ นอ่ื งจากสภาพพน้ื ทเ่ี ปน็ ดนิ ทราย • ประชากรในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มี ทีไ่ ม่อมุ้ น�า้ และไม่มีพนื้ ทีส่ า� หรบั กกั เกบ็ น�้าไวใ้ ช้ ความสัมพันธกับลักษณะภูมิประเทศอยา งไร แม่น�้ามูลไหลผ่านบริเวณแอ่งโคราช ซึ่งเป็นที่ราบใหญ่ ในฤดูแล้งได้ และบางพืน้ ทเ่ี ป็นดินเค็ม มคี ราบ (แนวตอบ ประชากรในภมู ิภาคตะวันออก ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เกลือสินเธาว์ตกผลึกบนผิวดิน เฉยี งเหนือสว นใหญป ระกอบอาชพี ทางดาน การเกษตรซ่ึงมคี วามแตกตา งกนั ในแตล ะ 4. แอ่งสกลนคร ประกอบด้วยท่ีราบลุ่มน้�าสงคราม หนองหานสกลนคร และ พนื้ ทข่ี องภมู ิภาค โดยทางตอนเหนือนยิ มปลกู ลมุ่ นา้� โขง โดยพน้ื ทบ่ี รเิ วณหนองหาร จงั หวดั สกลนครเปน็ แอง่ ตา่� ทเี่ กดิ จากการทรดุ ตวั ของแผน่ ดนิ พืชไร เชน ออ ย มันสาํ ปะหลัง ถ่ัว ทางใต เนื่องจากโครงสรา้ งของเกลือหินละลาย นิยมปลกู พชื สวน ผลไมต างๆ รวมถึงคาขาย ด้านทิศใต้ของแอ่งสกลนครมีทิวเขาภูพานทอดแนวจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือถึง กบั ประเทศกมั พูชา ทางตะวันตกเฉยี งใตนยิ ม ทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ บรเิ วณพนื้ ทเี่ นนิ และภเู ขาทกี่ ระจายอยทู่ ว่ั ไปเปน็ สว่ นทเี่ หลอื อยจู่ ากการกรอ่ น ปลกู ขาวและทาํ เกลอื สนิ เธาว และทางตะวัน- เช่น ภูผาเทบิ ท่อี ุทยานแหง่ ชาตมิ ุกดาหาร เป็นแหลง่ ท่องเท่ยี วทสี่ า� คัญ เป็นตน้ ออกเฉยี งเหนือนยิ มประกอบอาชพี เกยี่ วกบั การทอ งเทีย่ วและการคา ) 58 นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดกลาวไดถูกตอ งเก่ียวกับความสัมพันธของลักษณะทางภูมิศาสตรก ับ 1 ภูเขายกตัว หรือเขายอดปา น เกดิ จากการยกตัวของพน้ื ทีบ่ ริเวณนั้น ลักษณะทางเศรษฐกจิ ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โครงสรางทางธรณวี ิทยาเปน หนิ ทราย มยี อดเขาราบเกอื บเรียบ อยางไรกต็ าม 1. มีความแหงแลง ไมสามารถปลูกไมผลได การกัดเซาะของนาํ้ ยังกอ ใหเ กดิ การเปลี่ยนแปลงของลักษณะภมู ปิ ระเทศอกี เชน กนั 2. มีอากาศคอนขางเย็นทางตอนเหนอื จึงมกี ารปลูกพชื เศรษฐกิจ 2 เขารูปอีโตหรอื เกวสตา (cuesta) เกิดจากการยกตวั ของเปลอื กโลกทไ่ี ม เมอื งหนาว สม่ําเสมอ โดยดา นหน่งึ ยกตวั สูงกวา อีกดานหน่งึ แตดานที่สงู กวา จะเกิดจากการ 3. ปริมาณน้ําฝนเฉล่ียตอ ปคอนขางมาก แตด นิ สว นใหญไมคอ ยอมุ น้าํ สึกกรอ นมากทาํ ใหม คี วามชัน สวนอีกดานมีความลาดมาก พบในบริเวณทีม่ ี การเพาะปลูกพืชจึงแตกตางกันไปในแตล ะพื้นที่ โครงสรา งทางธรณีวิทยาเปนหินทราย 4. อิทธพิ ลของมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตท ําใหมฝี นตกชกุ ในชวงปลายป 3 แอง (basin) บริเวณพนื้ ทท่ี ่ีระดับตาํ่ กวา พ้นื ดนิ โดยรอบ คําน้ีใชประกอบ สามารถเพาะปลูกพชื ท่ตี องใชน ้ํามากไดผ ลผลติ ดี กบั คาํ อ่นื ๆ เชน แอง ทะเลสาบ แอง นํา้ บาดาล เปนตน นอกจากน้ียังใชห มายถงึ วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ปรมิ าณนํ้าฝนเฉลยี่ ตอ ปคอ นขางมาก แตด นิ บรเิ วณลมุ นา้ํ และแอง โครงสรางดวย สว นใหญไ มคอยอมุ นํา้ การเพาะปลูกพชื จึงแตกตา งกันไปในแตล ะพ้ืนที่ ตวั อยางทส่ี าํ คัญ เชน ท่รี าบบริเวณแองโคราชเปนแหลง ปลกู ขาวท่ีมักประสบ 58 คูม ือครู ปญหาจากภัยแลง หรือนา้ํ ทวม ทาํ ใหไดผลผลติ นอ ย สว นทางตอนใตข องภาค บรเิ วณดา นหนาทวิ เขาพนมดงรกั มปี รมิ าณนาํ้ ฝนมาก เพาะปลูกไมผลไดดี

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ภาคãต้ ครูใหน กั เรยี นกลุม ท่รี บั ผดิ ชอบภาคใตชว ยกนั สรุปความรูเ กีย่ วกับลักษณะธรณีสณั ฐานของภาคใต ลกั ษณะภูมิประเทศมีความสัมพันธ์กบั ประชากรในภูมิภาค ดงั นี้ ท่ตี ารางบนกระดานหนาช้นั เรียน ในหัวขอ สาํ คญั ท่ี 1. คาบสมุทร ภาคใตม้ ลี ักษณะธรณีสัณฐานคาบสมุทร มที ะเลอันดามนั อยู่ทางดา้ น ครูกาํ หนด เชน ทศิ ตะวนั ตก สว่ นอา่ วไทยอยทู่ างดา้ นทศิ ตะวนั ออก ภายในแผน่ ดนิ มที วิ เขาเปน็ แกนแบง่ คาบสมทุ ร • ลกั ษณะภูมิประเทศทเ่ี ดนชดั มีท่ีราบ เนิน และที่ราบลุ่มแม่น�้าซึ่งใช้ปลูกข้าว ส่วนบริเวณเนินเป็นพ้ืนท่ีปลูกผลไม้ชนิดต่าง ๆ • ความสมั พันธข องประชากรกับลักษณะ เช่น เงาะ ทเุ รยี น ลองกอง มงั คุด พชื สวน เชน่ ยางพารา ปาล์มนา้� มัน กาแฟ เป็นตน้ ในปจั จบุ นั ไดม้ กี ารปรบั เปลย่ี นพนื้ ทป่ี า่ ไมเ้ ปน็ พน้ื ทเี่ พาะปลกู ปาลม์ นา�้ มนั และยางพารา ภมู ปิ ระเทศ สรา้ งทอ่ี ยอู่ าศัย และสรา้ งถนน สง่ ผลใหน้ า้� ปา่ ทเ่ี กดิ จากฝนท่ตี กอยา่ งตอ่ เนอ่ื งในทวิ เขาไหลบา่ ลงสู่ • การดําเนนิ ชวี ิตของประชากรในภาคใตก ับ พนื้ ราบอยา่ งรวดเรว็ ประกอบกบั การไหลของนา�้ ถกู สกดั เสน้ ทางดว้ ยพน้ื ทท่ี า� การเกษตร สง่ิ กอ่ สรา้ ง ถนน และทางรถไฟ ทา� ใหก้ ารระบายน�้าลงคลองทตี่ นื้ เขินช้าลง และเม่อื ระบายลงสูค่ ลองแล้วนา�้ ลักษณะทางภูมศิ าสตร จะล้นฝง่ั อย่างรวดเร็ว ปรากฏการณด์ งั กล่าวจึงเปน็ สง่ิ ทต่ี ้องแก้ไขโดยเรว็ เพื่อลดความเสยี หายต่อ ชีวิตและทรพั ยส์ ินของประชาชน 2. บริเวณที่ราบลุม่ น�้า ภาคใต้มแี มน่ ้�าสายส้ัน ๆ แตม่ ีความสา� คญั มาก ทั้งในด้านการ บริโภค การใช้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่ง การต้ังถ่ินฐาน การท่องเที่ยว และเป็นแหล่งอาหาร นอกจากน้ี แม่น�้าสายต่าง ๆ ที่ไหลออกสู่ทะเลจะน�าดินตะกอนออกไปสู่ปากน�้า พื้นท่ีเช่ือมต่อ ระหว่างปากแม่น้�ากับชายฝั่งทะเลจึงมีสภาพเป็นชายเลน มีป่าชายเลนเป็นแนวก�าบังลมและเป็น แหล่งอนบุ าลลกู กุ้ง หอย ปู และปลา 3. เกาะและหมู่เกาะ ภาคใต้มีเกาะและหมู่เกาะขนาดเลก็ ใหญ่จ�านวนมาก มีภมู ิทศั น์ และหาดทรายที่สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมไปพักผ่อน เชน่ เกาะภเู กต็ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเตา่ หมู่เกาะอ่างทอง หมูเ่ กาะสุรนิ ทร์ หมเู่ กาะพังงา หม่เู กาะสมิ ิลัน เปน็ ต้น เกาะแปดและเกาะเก้าของหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติสิมิลัน จังหวัดพังงา เป็นแหล่งท่องเท่ียวทางทะเลที่สวยงาม และไดร้ ับการยกย่องว่าเป็นแหล่งด�าน้�าลกึ ท่ดี ที สี่ ุดแห่งหนงึ่ ของโลก 59 บูรณาการเชอ่ื มสาระ เกร็ดแนะครู ครูสามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรูบ รู ณาการวชิ าเศรษฐศาสตร ในเร่ือง ครูอาจอธบิ ายถงึ ความแตกตา งของลักษณะภมู ปิ ระเทศภาคใตทมี่ ผี ลตอ การ ทรพั ยากรทางเศรษฐศาสตร ในสวนของภาคตา งๆ ในประเทศไทย เชน ดําเนินชีวติ ของประชากรกับภาคอ่ืนๆ ของประเทศ ยกตัวอยางเชน ภาคใตมี ภาคใต โดยอาจใหนกั เรียนสบื คนขอมูลลักษณะทางเศรษฐกจิ ของภาคใตท่ี ลกั ษณะเปน คาบสมุทรทม่ี ที วิ เขาเปนแกนกลางจึงไดรบั อทิ ธพิ ลจากลมชื้นของทะเล สมั พนั ธก ับลักษณะทางทรพั ยากรธรรมชาติ เชน การประกอบอาชีพเก่ียวกบั ตลอดป ภมู อิ ากาศในแตล ะชว งของปไ มแ ตกตา งกันมากนัก ประชากรบนภาคพืน้ การทอ งเทีย่ วในบริเวณเกาะและหมูเ กาะชายฝงที่มีภูมทิ ัศนสวยงาม ทวปี สว นใหญที่ประกอบอาชพี ทางการเกษตรจะเพาะปลูกพืชสวนตา งๆ เชน ทุเรียน การประกอบอาชพี คา ขาย เนื่องจากมีอาณาเขตตดิ ตอ กับประเทศมาเลเซีย มงั คุด ลองกอง ยางพารา ปาลม นํ้ามันในพื้นที่เนนิ และปลกู ขา วในพนื้ ท่รี าบลุม และมเี สนทางคมนาคมทง้ั ทางบก ไดแก ถนน และทางรถไฟ และทางนํา้ แมนาํ้ สายส้นั ๆ เชน ลมุ แมน้ําตาป นอกจากน้ีบรเิ วณชายฝง ประชากรสวนใหญจ ะ คอนขางสะดวก แลว ใหน กั เรียนนาํ เสนอผลการสบื คน ขอมูลทหี่ นา ช้นั เรียน ประกอบอาชพี ทําการประมงและอาชพี ทเ่ี กย่ี วขอ งกับการทอ งเทยี่ ว จึงพจิ ารณาไดวา ภาคใตม ีลักษณะภมู ปิ ระเทศท่ีเออ้ื ตอ การประกอบอาชพี ท่ีคอนขา งหลากหลาย คมู ือครู 59

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู นทนากบั นกั เรียนถงึ ปฏิสมั พนั ธของมนษุ ย 3.2 ปฏสิ ัมพนั ธข องมนุษยก ับลักษณะอุทกภาคในประเทศไทย กบั ลกั ษณะอุทกภาคในประเทศไทย แลวใหนักเรยี น 1) ปรากฏการณจากอุทกภาคในประเทศไทย ทีส่ าํ คญั มีดังนี้ จับสลากคาํ หรอื ขอ ความสาํ คัญเกยี่ วกบั ลกั ษณะ อทุ กภาคในประเทศไทย เชน ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต 1.1) ฝนตกหนกั หรือฝนตกอยางตอ เนื่องเปนเวลานาน มีสาเหตุ ดงั นี้ ดา นตน ลม ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ดา นปลายลม (1) ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต ลมมรสมุ เรม่ิ พดั เขา สปู ระเทศไทยตง้ั แตก ลาง พายหุ มนุ ไซโคลน พายหุ มนุ ทก่ี อ ตวั ขนึ้ ทางตะวนั ตก ของฟลิปปนส กระแสนํ้าท่หี ลากไหลจากภเู ขา เดอื นพฤษภาคม และมกี าํ ลงั แรงเปน ระยะ ๆ หลงั จากเดอื นกรกฎาคมไปแลว เนอื่ งจากลมมรสมุ นี้ การทําลายปา ตน นํา้ แผนดินถลม ทรี่ าบใกลปาก พัดผานแหลงนํ้าขนาดใหญ คือ ทะเลอันดามันและอาวไทยเขาสูแผนดิน จึงนําความช้ืนเขาไป แมน้าํ ปรากฏการณน ํา้ ทะเลหนนุ ปรากฏการณ ยังแผนดิน และหากลมมรสุมมีกําลังแรงจะทําใหเกิดฝนตกหนักในทุกภาค โดยเฉพาะจังหวัด น้ําเกิด ภาวะนํ้าลน ตลงิ่ การทรุดต่ําลงของแผน ดนิ ต(wาiมnชdwายaฝrdง )ท1ะเลทมี่ ภี เู ขาหนั เขา รบั ลมทพี่ ดั นาํ ความชมุ ชนื้ และฝนมาตก หรอื ทเี่ รยี กวา “ดา นรบั ลม” การปลอ ยน้ําของเข่อื น กดี ขวางทางน้ํา อทุ กภัย จากน้ันครูตง้ั ประเดน็ อภิปรายตามลาํ ดับฤดูกาล ลมมรสมุ และพายหุ มนุ ทีส่ ง ผลตอ ภมู อิ ากาศของไทย ของประเทศไทย เพอ่ื ใหนักเรียนทีไ่ ดสลากคําและ ขอความสําคัญในประเด็นอภิปรายน้ันไดอธบิ าย 20 ํ 100 ํ 105 ํ 110 ํ 20 ํ ความรรู ว มกัน เชน ก. ไหหนาน เมียนมา ลาว กัมพูชา กลาง ก.พ. • มรสมุ แหง ฤดูฝน: การเกดิ อทิ ธพิ ล และความ เปลีย่ นแปลงของพ้ืนท่ี 15 ํ รอ งความกดอากาศต่ํา มิ.ย.-ก.ย. หนาว รอ งความกดอากาศต่าํ พ.ค. พายไุ ซโคลพน.ค. ต.ค.- 10 ํ ทะเลอันดามนั รอ งความกอดาวอไาทกยาศตา่ํ พ.ตย..-คม..ค. กลาง มิ.ย.-ก.ค. ฤดกู าลของ พ.ค.-ต.ค. าง ก.รพ.อ-นกลาง พ.ค.ไทยตอนบน กลาง 15 ํ ฝน ส.ค.-ก.ย. พ.ค. เวยี ดนาม - กลาง ต.ค. กล ลมใต 10 ํ กลาง ธ.คร.-อกนลาง พ.ค. ต.ค. ฤดกู าลของ ไทยตอนลาง ทะเลจนี ใต พ.ย.-ธ.ค. กลาง ฝน ธ.ค. พ.ค.- กลาง ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 5ํ ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต 5ํ มาเลเซีย พายหุ มนุ เขตรอ น อินโดนเี ซีย 100 ํ 105 ํ 110 ํ 60 95ํ เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกี่ยวกบั ลักษณะภูมอิ ากาศของประเทศไทย ครูอาจใชแ ผนท่ภี ูมปิ ระเทศของไทยประกอบการอธบิ ายเก่ียวกับทศิ ทางการพัด ขอ ใดไมแสดงปจ จัยที่มีตอ ลกั ษณะภูมอิ ากาศ ของลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใตและลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนอื ในกจิ กรรม 1. จงั หวัดภเู ก็ตต้ังอยูท่ลี ะติจูด 8 องศาเหนอื การเรยี นรเู กย่ี วกับปรากฏการณข องมนุษยกับลกั ษณะอุทกภาคในประเทศไทย 2. ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มแี มน้าํ โขงไหลผาน เพอื่ ใหน กั เรียนเกิดความสนใจและเขา ใจลักษณะภมู อิ ากาศในแตละภาคของประเทศ 3. เชยี งใหมอ ยูสูงจากระดบั ทะเลปานกลาง 303 เมตร อันเกิดจากอิทธพิ ลของลมมรสุมไดช ัดเจนย่งิ ขึ้น 4. ภาคใตฝ ง ตะวันออกไดรบั ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ วิเคราะหคาํ ตอบ ปจ จยั สาํ คญั ทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอลกั ษณะภูมิอากาศ ไดแ ก นกั เรยี นควรรู ที่ต้ังตามละตจิ ูด ความสงู ของพนื้ ท่ี ความใกล- ไกลจากทะเล และกระแสนาํ้ ทไี่ หลเลยี บชายฝง ทะเลและมหาสมทุ ร การท่ีภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมี 1 ดา นรับลม (windward) บริเวณดานรับลมของเนินเขา ภเู ขาหรอื ภมู ิภาค แมนํ้าโขงไหลผานจงึ ไมไ ดแ สดงถงึ ปจจัยทม่ี ีตอ ลักษณะภูมิอากาศ ดังนนั้ หากลมทพี่ ดั มาน้ันผา นบรเิ วณทมี่ คี วามช้ืน เชน ทะเลหรือทะเลสาบใหญๆ แลว คําตอบคือ ขอ 2. กจ็ ะทําใหเ กดิ ฝนตกชกุ ในบริเวณนี้ ตรงขา มกับดานปลายลมท่ีมกั มอี ากาศแหง แลง กวา 60 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู (2) ลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือ ลมมรสุมเรมิ่ พดั เข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่ นกั เรยี นที่ไดสลากคาํ และขอความสาํ คญั ใน กลางเดือนตุลาคม เป็นลมท่ีพัดมาจากไซบีเรียและประเทศจีน ลักษณะท่ัวไปท�าให้ทั่วทุก ประเดน็ อภิปรายไดอ ภปิ รายความรรู ว มกัน เชน ภูมิภาคมีอากาศหนาวเย็นและแห้ง แต่เม่ือมีก�าลังแรงขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนและพัดผ่าน อ่าวไทยเข้าสู่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ท�าให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกหรือฝั่งอ่าวไทยมีฝนตกหนักมากกว่า • ความแตกตา งทเี่ กดิ ในพนื้ ทอ่ี ทิ ธพิ ลลมมรสมุ ภาคใต้ฝั่งตะวันตกหรือฝั่งอันดามัน ซึ่งในบริเวณน้ีเป็นด้านอับลม (leeward) ของลมมรสุม ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตะวันออกเฉียงเหนอื ใน 2 ระยะ คอื ชว่ งตน้(3เ)ด อื พนาพยฤุหษมภนุ าเคขมตรจอ้ ะนม พี พาายยหุ ุหมมนุ นุกมอ่ ตีอวัิทขธน้ึิพใลนตออ่า่ ปวเรบมิ งากณอลนา�้ เฝรนยี กในวา่ปร“ะไเซทโศคไลทนย”1 • ความสมั พนั ธร ะหวา งวาตภยั กับอุทกภัยใน แล้วเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศบังกลาเทศและเมียนมา ท�าให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบในช่วง ประเทศไทย กอ่ นเขา้ สฤู่ ดฝู นบา้ ง สว่ นชว่ งปลายเดอื นสงิ หาคม-พฤศจกิ ายน จะมพี ายหุ มนุ กอ่ ตวั ขน้ึ ในมหาสมทุ ร แปซิฟิกด้านตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์ แล้วพายุหมุนจะเคลื่อนตัวสู่ทะเลจีนใต้เข้าสู่ประเทศ • ผลเสียจากการทาํ ลายปา ตนนํ้าลําธาร เวียดนาม ลาว กัมพูชา ไทย และมาเลเซีย หรืออาจเคลื่อนตัวจากประเทศฟิลิปปินส์ไปทาง • ระดับนํา้ ทะเลกบั อุทกภยั บริเวณทรี่ าบลุม ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ประเทศจีน เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และญ่ีปุ่น พายุหมุนท�าให้เกิด ลมแรง ฝนตกหนกั และน�้าทว่ มฉับพลนั ในบรเิ วณที่รัศมีของพายุหมุนพดั ผา่ น แมน า้ํ เจาพระยาตอนลา ง • สาเหตขุ องการเกดิ อทุ กภยั ในประเทศไทย 1.2) น้�ำหลำกจำกภูเขำ บริเวณเชิงเขาและท่ีราบเชิงเขาที่มีชุมชนตั้งอยู่ จะได้ รับกระแสน�้าที่หลากไหลจากภูเขาสูงลงมาอย่างรวดเร็ว เน่ืองจากการตัดไม้บริเวณต้นน�้าล�าธาร การเปล่ียนแปลงพ้ืนท่ีป่าเป็นพื้นที่เพาะปลูกและฝนท่ีตกอย่างหนักต่อเน่ืองยาวนานจนล�าห้วย ไมส่ ามารถรบั ปรมิ าณนา�้ ได้ เชน่ เมอ่ื เดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2557 ไดเ้ กดิ ฝนตกอยา่ งตอ่ เนอ่ื งทา� ใหเ้ กดิ น�้าท่วมในหลายพื้นท่ีของจังหวัดเชียงราย โดยพื้นท่ีท่ีได้รับผลกระทบหนักท่ีสุดอยู่ท่ีต�าบลแม่เปา อ�าเภอพญาเม็งราย น้�าจากเทือกเขาขุนห้วยแม่เปาได้ท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 7 หมู่บ้าน มีบา้ นเรอื นประชาชนถูกน�า้ ท่วมกวา่ 1,000 หลังคาเรือน 1.3) น�้ำทะเลหนุน บริเวณทรี่ าบใกล้ปากแมน่ �้า เมือ่ แม่น้�าไหลออกทะเลและเกิด ปรากฏการณ์น�้าทะเลหนุนก็ส่งผลท�าให้เกิดน�้าท่วมได้ เช่น พ้ืนท่ีเขตพระโขนง เขตบางนาของ กรุงเทพมหานคร และต�าบลส�าโรง อ�าเภอพระประแดง อ�าเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ใน วนั ทม่ี ปี รากฏการณน์ า้� เกดิ นนั้ ระดบั นา้� ทะเลจะขนึ้ สงู ทสี่ ดุ นา้� ทะเลจะหนนุ ทา� ใหร้ ะดบั นา้� ในแมน่ า้� สงู ขน้ึ และไหลชา้ ลงจนเกดิ ภาวะนา�้ ลน้ ตลง่ิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เมอื่ เกดิ ในพน้ื ทที่ มี่ รี ะดบั การทรดุ ตา�่ ลง ของแผน่ ดนิ ก็จะทา� ให้เกิดน�า้ ทว่ มขงั พืน้ ท่รี มิ ฝง่ั แมน่ า�้ ได้ นอกจากน้ี การปล่อยน้�าของเขื่อน และการสร้างถนนกีดขวางทางน้�า ท�าให้ ไม่สามารถระบายน�า้ ได้ทนั กเ็ ปน็ สาเหตุส�าคัญทท่ี า� ให้เกดิ ปรากฏการณอ์ ุทกภยั ในประเทศไทยได้ เช่นเดยี วกัน 61 ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’51 ออกเก่ยี วกบั พายหุ มนุ เขตรอนทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ ประเทศไทย 1 ไซโคลน (cyclone) พายหุ มุนทร่ี ุนแรงซ่ึงเกิดขนึ้ ในดาวเคราะหด วงอืน่ ของ ขอใดกลา วถกู ตองเก่ียวกบั พายุหมุนเขตรอนทเี่ คลือ่ นเขาสูประเทศไทย ระบบสรุ ิยจักรวาล นอกเหนอื จากโลก เชน ดาวเนปจูน มีการเกดิ ไซโคลนรปู รา ง 1. ไมเคยกอ ตวั ในอา วไทย คลา ยดวงตาเมื่อมองดว ยกลอ งโทรทรรศนจากโลก จึงเรยี กวา The Wizard’s Eye 2. หากกอ ตัวในอา วเบงกอลจะมาไมถ งึ ประเทศไทย และดาวองั คาร แสดงถึงอทิ ธพิ ลของกระแสและความกดอากาศทีม่ ตี อดาวเคราะห 3. มีแหลง กาํ เนดิ ในทะเลจีนใตมากกวา ในทะเลอนั ดามัน ดวงตา งๆ 4. ท่กี อตวั ในอาวตงั เก๋ยี จะสงผลตอ สภาพอากาศในประเทศไทยมากทสี่ ุด วเิ คราะหค าํ ตอบ พายุหมุนเขตรอ นทม่ี อี ิทธพิ ลตอ สภาพอากาศของ มมุ IT ประเทศไทย โดยทําใหเ กิดฝนตกชกุ และมลี มแรง สว นใหญเ กดิ ในชว งตน ศึกษาขอ มลู เก่ยี วกับดนิ ถลม และนา้ํ ปาไหลหลากเพิ่มเติมไดท ี่ http://www. เดอื นพฤษภาคม ในบริเวณอา วเบงกอล ซงึ่ เปนสวนหน่งึ ของมหาสมทุ ร irw101.ldd.go.th/data/data_Ls.html เวบ็ ไซตส ํานกั ปอ งกนั ภัยธรรมชาตแิ ละ อินเดยี มิใชทะเลอนั ดามนั เรียกวา ไซโคลน สว นชว งปลายเดือนสิงหาคมถงึ ความเสยี หายทางการเกษตร กรมพฒั นาท่ีดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ พฤศจกิ ายน พายหุ มนุ จะกอ ตวั ขน้ึ ทางตะวนั ตกของฟล ิปปน สเ คลื่อนตัวเขา สู ทะเลจีนใต และอาจพัดเขาประเทศเวยี ดนาม ลาว กัมพชู า ไทย หรือประเทศ ในเอเชียตะวนั ออกได ดงั นน้ั คําตอบคอื ขอ 3. คูมือครู 61

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครอู ภิปรายรว มกันกบั นักเรียนถงึ ปฏสิ ัมพนั ธเ ชงิ 2) ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับแหล่งน�้าในประเทศไทย แหล่งน�้าในประเทศไทย ภูมศิ าสตรในประเทศไทย ในสว นของปฏสิ ัมพันธ มีท้งั แหล่งน�้าเคม็ และแหลง่ น�้าจืด ทส่ี า� คัญ มีดงั นี้ ของมนุษยกับแหลง นํ้าในประเทศไทย แลวชวยกนั 2.1) แหลง่ นา้� เคม็ ประเทศไทย ออกแบบโครงรา งของผงั มโนทัศนแ สดงปฏิสัมพันธ มีอาณาเขตที่ติดต่อกับทะเลและมหาสมุทรอยู ่ ของมนุษยกับแหลง นา้ํ ในประเทศไทยบนกระดาน 2 แหง่ ประกอบด ้วย หนา ชั้นเรยี น จากนั้นครใู หต ัวแทนนักเรียนออกมา (1) อำ่ วไทย เปน็ สว่ นหนง่ึ เขียนรายละเอยี ดลงในผงั มโนทัศนใหส มบูรณใ น ของทะเลจนี ใตใ้ นมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ดนิ แดนทมี่ ี ประเด็นตา ง ๆ ดังนี้ อาณาเขตติดต่อกับแหล่งน้�าเค็มส่วนน้ี ได้แก ่ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคตะวันตก และ • ประเภทและลกั ษณะของแหลง นาํ้ ใน ภาคใตฝ้ ั่งตะวนั ออก ปฏิสัมพนั ธ์ของประชาชน ประเทศไทย การท�านาเกลือสมุทร โดยใช้น�า้ ทะเลจากอา่ วไทย บริเวณ กบั พน้ื ทอี่ ่าวไทย ท่สี �าคญั มดี งั นี้ จงั หวัดสมุทรสงคราม • ทะเลและมหาสมทุ รท่มี ีอาณาเขตตดิ ตอกับ ประเทศไทย 1. การประมง ประชาชนทอี่ าศยั อยบู่ รเิ วณชายทะเลนยิ มประกอบอาชพี ประมงทง้ั การประมงชายฝง่ั ทใี่ ชเ้ รอื ขนาดเลก็ และการประมงนา�้ ลกึ ทมี่ เี รอื ขนาดใหญอ่ อกไปจบั สตั วน์ า้� • ปฏสิ มั พันธของประชากรกบั ทะเล ในระยะทางไกลและใช้เวลาหลายวัน โดยจบั สตั ว์นา�้ ประเภทปลา กงุ้ หมึก และหอยชนดิ ต่าง ๆ และมหาสมทุ รทมี่ ีอาณาเขตตดิ ตอกับ 2. การทา� นาเกลอื สมทุ ร โดยใชน้ า�้ ทะเลจากอา่ วไทย ซง่ึ มใี นบางจงั หวดั ประเทศไทย • ประเภทของแหลงน้าํ จืดในประเทศไทย เท่าน้ัน ได้แก ่ จังหวัดสมทุ รสาคร สมทุ รสงคราม และเพชรบรุ ี 3. การคมนาคมขนสง่ บรเิ วณอา่ วไทยมเี รอื ขนสง่ สนิ คา้ จากตา่ งประเทศ ใช้เป็นเสน้ ทางเดนิ เรือและเขา้ จอดขนถา่ ยสนิ ค้าในท่าเรอื ส�าคญั คอื ท่าเรือกรงุ เทพ (คลองเตย) ทา่ เรือแหลมฉบัง จงั หวัดชลบุรี และท่าเรือมาบตาพุด จงั หวัดระยอง (2) ทะเลอนั ดำมนั เปน็ สว่ นหนงึ่ ของมหาสมทุ รอนิ เดยี โดยมดี นิ แดนภาคใต้ ฝั่งตะวันตกเท่าน้ันท่ีมีอาณาเขตติดต่อ ใช้ประโยชน์ในด้านการประมงและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวท่ี ส�าคญั มที ่าเรือสา� คญั เช่น ท่าเรอื สงขลา ท่าเรือกระบี ่ เป็นตน้ 2.2) แหลง่ น�้าจืด ประเทศไทยมีพ้นื ที่แหลง่ นา้� จืดทงั้ นา�้ ผวิ ดนิ และน�า้ ใต้ดิน ดงั นี้ (1) น้�ำผิวดิน แหล่งน�้าผิวดินที่ส�าคัญอยู่บริเวณลุ่มน้�าของแม่น�้าสายต่าง ๆ โดยพ้ืนที่ลุ่มน�้าหลักของประเทศท่ีส�าคัญ เช่น แม่น�้าโขง ชี มูล ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น�้าปิง วงั ยม นา่ น ในภาคเหนือ แม่น�า้ ต าปี แม่น�้าปตั ตานี ในภาคใต้ เปน็ ต้น ปฏิสัมพันธ์ของประชากรกับแหล่งน�้าผิวดินในประเทศไทยท่ีเห็นชัดเจน กล่าวคือ ในปัจจุบันน้�าผิวดินมีแนวโน้มลดลงทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ จากสาเหตุต่าง ๆ เชน่ ปรมิ าณนา�้ ฝนเฉลย่ี รายปลี ดลง จากอณุ หภมู ขิ องโลกทสี่ งู ขนึ้ และความชนื้ ในบรรยากาศลดลง 62 บูรณาการอาเซียน กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครสู ามารถจดั กิจกรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซียนเกี่ยวกับการใชประโยชน ครอู าจใหนักเรยี นสบื คน ขอมูลอทุ กภยั ในปลาย พ.ศ. 2554 ในดาน จากทรัพยากรจากแหลง นา้ํ จดื ทะเล และมหาสมทุ รรวมกนั ของประเทศตางๆ สาเหตุ ลกั ษณะการประสบภัย การฟน ฟูภายหลงั ประสบภยั และการ ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต เชน ยทุ ธศาสตรค วามรวมมือทางเศรษฐกจิ ปองกนั แกไขของภาครฐั และเอกชนตางๆ แลวสรปุ ผลการสืบคน สงครูผูส อน อริ วด-ี เจาพระยา-แมโขง (ACMECS) จากแหลงขอ มลู หนวยงานภาครัฐตา งๆ เชน http://www.mfa.go.th/business/ เว็บไซตศ ูนยบ ริการขอมลู เศรษฐกิจ กิจกรรมทา ทาย ระหวา งประเทศ กรมเศรษฐกิจระหวางประเทศ กระทรวงการตางประเทศ มุม IT ครอู าจใหนักเรยี นสบื คน ขอมูลเก่ยี วกับการจัดการนํ้าของภาครฐั และ เอกชนตา งๆ โดยเฉพาะดา นการปองกนั อทุ กภัย เชน การกําหนดพื้นที่ ศึกษาคน ควา ความรเู พิ่มเตมิ เก่ียวกับทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง จากระบบ ทางนา้ํ (flofl odway) การนําระบบสารสนเทศภมู ิศาสตรม าใชใ นการ สารสนเทศภูมศิ าสตรไ ดที่ http://www.dmcr.go.th/marinecenter/coastalgis. วางแผนปองกันอทุ กภัย แลว บันทกึ ผลการสบื คน สง ครูผูสอน php เวบ็ ไซตก รมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง 62 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู จากกจิ กรรมตา ง ๆ ของมนษุ ย และพายหุ มนุ เขตรอ นทเี่ คลอื่ นทผ่ี า นบรเิ วณประเทศไทยลดนอ ยลง ตวั แทนนักเรียนออกมาเขียนรายละเอียดลงใน แตประชาชนมีจํานวนมากข้ึนและมีความตองการใชน้ําเพิ่มมากข้ึน โดยในภาคเหนือประชาชน ผงั มโนทศั นใ หส มบรู ณในประเดน็ ตางๆ ดังน้ี มีความตองการใชนํ้าเพ่ือการเกษตรเพ่ิมมากขึ้นตั้งแตตอนตนของลํานํ้า แตเนื่องจากบริเวณ ตนลําน้ํามีการตัดไมทําลายปาเพ่ือใชที่ดินในการปลูกผลไมชนิดตาง ๆ จึงทําใหปริมาณนํ้าฝน • แหลงนํ้าจดื ที่สาํ คญั ของประเทศไทย ท่ีตกลดนอยลง และเมื่อฝนตกลงมาชาวสวนผลไมบริเวณตนลํานํ้าจะกักเก็บนํ้าเอาไว ทําใหนํ้า • ปฏสิ มั พันธข องประชากรกับแหลงนํา้ จืดใน ท่ีจะไหลลงสูกลางและปลายลําน้ํานั้นไมเพียงพอ สงผลกระทบตอการเพาะปลูกพืชในภาคกลาง ประเทศไทย • ความเปล่ยี นแปลงของแหลง นาํ้ จดื ใน ประเทศไทย เปนอยางมาก และเมื่อใดท่ีเกิดฝนตกหนัก น้ําจากบริเวณภูเขาสูงจะไหลลงพื้นลางอยาง รวดเรว็ โดยเฉพาะบรเิ วณลมุ แมน า้ํ วงั ในฤดฝู น นํา้ จะเออลนฝง ทาํ ลายพ้ืนที่การเกษตรและที่อยู อาศัยของประชาชนในจงั หวัดพษิ ณโุ ลก สุโขทยั และพิจิตรอยูเสมอ แตเม่ือหมดฤดูฝน น้ําใน แมน าํ้ กจ็ ะแหง อยา งรวดเรว็ ในเวลาเพยี ง 1 เดอื น ทาํ ใหป ระชาชนตอ งกลบั มาขาดแคลนนา้ํ ดงั นนั้ การสรา งเขอ่ื นจงึ อาจเปน แนวทางหนง่ึ ทสี่ ามารถ 1 บรรเทาปญ หานไ้ี ด แมน า้ํ โขง เปน แหลง นาํ้ สาํ คญั ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สําหรับลําน้ําสายหลักใน ของไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ประสบกับปญหาเก่ียวกับปริมาณน้ําเชนกัน คือ ในชวงปลายฤดูฝน จสะงมผพีลกายระนุ ทาํ บฝนตมอกาตารกดทําาํ เในหินเ กชดิีวนิตา้ํขทอวงมคนแใตนเ บมรอื่ ิเยวาณงเลขุมา นฤํ้าดชหู ี-นมาูลวแ2เมนน ่ือาํ้ งสจาายกตสา ภงาๆพมดปีินรทมิ ราาณยนดาํ้ ินลดเคล็มง และไมม แี หลงนาํ้ เหมาะสม ดังน้ัน จงึ ควรพฒั นาแหลง นํ้าผิวดินขนาดเลก็ ในภาคตะวนั ออกเฉียง เหนอื ใหม นี า้ํ ใชเ พอื่ การเกษตรไดต ลอดป หรอื นาํ นาํ้ จากแมน าํ้ โขงมาเกบ็ ในอา งทมี่ อี ยู โดยการนาํ นาํ้ เขามาในชวงฤดูฝน ที่ระดับนํ้าในแมน้ําโขงสูง เพื่อใชในฤดูแลง รวมถึงในอนาคตอาจตองใช ระบบทอสงน้ําใหทั่วถึงท้ังภูมิภาค เพื่อลดการสูญเสียจากการซึมลงใตดินและการระเหย เพ่ือให สามารถทาํ การเกษตรและเล้ียงสตั ว ซงึ่ จะเปนแหลง ผลติ อาหารท่ีสาํ คัญของประเทศได (2) นํ้าใตดินและน้ําบาดาล มกี ารนํานาํ้ ใตด นิ และนํา้ บาดาลมาใชมาก เชน ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ซึ่งมแี หลง นํ้าจืดบนพืน้ ทีล่ ุมหลายบริเวณ แตแหลงน้ําใตด นิ หลายแหง มคี ณุ ภาพนาํ้ ตาํ่ รองลงมา คอื ภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวนั ตก ตามลาํ ดบั โดยภาคตะวนั ออก มีแหลง นา้ํ ใตด นิ นอ ย แตม ีความตองการใชส ูงมาก สวนภาคใตม กี ารใชน้าํ นอ ย ซง่ึ ปฏสิ ัมพันธข อง ประชาชนกับการนํานา้ํ ใตดินและนํ้าบาดาลในประเทศไทยมาใช มีดงั นี้ 63 ขอ สอบ O-NET นกั เรยี นควรรู ขอสอบป ’51 ออกเกีย่ วกบั วกิ ฤตการณดานทรพั ยากรธรรมชาติ 1 แมนาํ้ โขง มีตนกาํ เนดิ จากเทอื กเขาหิมาลัยในเขตประเทศจีน บริเวณมณฑล วิกฤตการณด านทรพั ยากรธรรมชาติทส่ี งผลกระทบตอการดาํ รงชีพของ ชิงไห ไหลผา นท่รี าบสงู ทเิ บต จากน้ันไหลเขา สูภ ูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ น อาณาเขตของประเทศลาว เมยี นมา ไทย กมั พูชา และลงสทู ะเลจนี ใตบรเิ วณตอนใต มนุษยมากที่สุด คอื ขอใด ของประเทศเวยี ดนาม มคี วามยาวประมาณ 4,880 กโิ ลเมตร ลักษณะทางภมู ิประเทศ 1. การขาดแคลนน้ําจดื ที่สําคญั คือ มตี ลิง่ สูง ปริมาณนา้ํ แตกตา งกันคอนขางมากในฤดนู ํ้าหลากกับฤดแู ลง 2. การสูญเสยี ปาไมแ ละสตั วป า ในปจจุบันประเทศจนี ไดสรา งเขือ่ นบริเวณใกลตน น้าํ สง ผลใหเ กดิ การเปลย่ี นแปลง 3. การลดลงของปรมิ าณแรธ าตุ ของลกั ษณะแมน้ําหลายประการ อันนาํ ไปสกู ารเจรจาระหวา งประเทศสมาชกิ อาเซียน 4. การชะลา งและการพังทลายของดนิ ที่ไดรบั ผลกระทบจากการเปล่ยี นแปลงของแมน ํา้ โขงกบั ประเทศจีน วิเคราะหคําตอบ นา้ํ จดื เปนทรัพยากรธรรมชาติท่จี ําเปน ตอการดํารงชีพ 2 ลุม น้ําช-ี มลู แมน้าํ มูลมตี น นํ้าอยใู นทวิ เขาทางตอนใตข องจังหวดั นครราชสีมา ไหลไปทางทิศตะวันตกบรรจบกบั แมน า้ํ ชที ่ีอําเภอวารินชําราบ จงั หวัดอบุ ลราชธานี ของสิง่ มีชีวติ ท้งั มวล การขาดแคลนนา้ํ จืดจงึ เปนผลกระทบท่ีรนุ แรงที่สุด แลว ไหลลงสูแมน ้ําโขง ทอ่ี าํ เภอโขงเจียม มคี วามยาวประมาณ 726 กิโลเมตร ของวิกฤตการณดา นทรพั ยากรธรรมชาตติ อ การดาํ รงชพี ของมนษุ ย ดงั นน้ั ครอบคลมุ พน้ื ท่ปี ระมาณ 71,061 ตารางกโิ ลเมตร ใน 10 จงั หวดั คดิ เปนพ้ืนท่ีลุมนาํ้ รอ ยละ 13.6 ของพื้นที่ลมุ น้าํ ทั้งหมดของประเทศ คําตอบคือ ขอ 1. คมู ือครู 63

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ตวั แทนนักเรยี นออกมาเขียนรายละเอียดลงใน 1. น้�าใช้ในด้านการเกษตรกรรม เนื่องจากการขาดแคลนน�้าผิวดินตาม ผงั มโนทศั นใ หส มบรู ณในประเดน็ ตา งๆ ดงั นี้ แหล่งน�า้ ตา่ ง ๆ และฝนที่ไม่ตกตอ้ งตามฤดูกาล ท�าให้ต้องขุดเจาะน�า้ ใตด้ ินและนา�้ บาดาลขึ้นมาใช ้ เชน่ การปลกู ผกั ในช่วงฤดูแล้งของเกษตรกรจังหวดั เพชรบรู ณ ์ สุโขทัย นครปฐม เพชรบรุ ี เป็นต้น • วิกฤตการณข องแหลงนาํ้ จดื ในประเทศไทย 2. น�้าใช้ภายในครัวเรือน การที่ต้องน�าน้�าใต้ดินและน�้าบาดาลข้ึนมาใช้ • ระดับของวิกฤตการณแ หลงนาํ้ จืดใน ในครัวเรือน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ระบบการส่งน�้าประปายังไม่ไปถึง และน�้าฝนที่เคยน�ามาใช้ มีการปนเปอนของสารพิษ อีกท้ังผลจากการขยายตัวของที่อยู่อาศัยบริเวณปริมณฑลของ ประเทศไทย กรงุ เทพมหานคร และเมอื งใหญ่ต่าง ๆ ทา� ใหก้ ารบรกิ ารนา�้ ประปาไม่สามารถใหบ้ รกิ ารไดท้ ันและ นกั เรียนบันทกึ ผงั มโนทัศนแ สดงปฏิสมั พนั ธของ ท่วั ถงึ กบั การเพ่ิมอยา่ งรวดเร็วของหมู่บา้ น จงึ ท�าให้ต้องน�าน้�าใตด้ ินและน�้าบาดาลมาใช้ มนุษยก บั แหลง นา้ํ ในประเทศไทยที่สมบูรณล งใน 3. น�้าใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม การน�าน�้าใต้ดินและน�้าบาดาลขึ้นมาใช้ สมุด ในโรงงานอุตสาหกรรม มีเหตุผลคล้ายกับการน�ามาใช้ในครัวเรือน แต่เหตุผลส�าคัญที่โรงงาน อตุ สาหกรรมนยิ มนา� นา�้ ใตด้ ินและน�า้ บาดาลมาใช ้ เนอื่ งจากเปน็ นา�้ ทส่ี ะอาดและราคาถกู ผลจากการน�าน�้าใต้ดินและน�้าบาดาลมาใช้ในพื้นที่ปริมณฑลและเมืองใหญ่ ได้ท�าให้เกิดแผ่นดินทรุดและส่งผลกระทบต่อสภาพพ้ืนท่ีหลายประการ เช่น ถนนและพ้ืนอาคาร บา้ นเรอื นทรดุ นา้� ทว่ ม นา้� ขงั เปน็ ตน้ จงึ มกี ารหา้ มใชน้ า�้ บาดาล โดยเขตพนื้ ทที่ มี่ ปี ญั หาวกิ ฤตการณ์ แผ่นดินทรุดจากการใชน้ �า้ ใตด้ ินและนา้� บาดาล จ�าแนกได้ 3 เขตวิกฤต ดังนี้ 1. เขตวิกฤตระดับรุนแรง หมายถึง บริเวณที่แผ่นดินมีการทรุดตัวมาก กว่า 3 เซนติเมตรต่อปี และมีระดับน�้าใต้ดินและน้�าบาดาลลดลงมากกว่า 3 เมตรต่อปี ได้แก ่ กรงุ เทพมหานคร ในพนื้ ที่เขตมนี บุรี บางเขน ดอนเมอื ง ลาดพร้าว บงึ ก่มุ ห้วยขวาง คลองเตย ประเวศ พระโขนง และลาดกระบัง จงั หวัดปทุมธาน ี ในพ้ืนทอ่ี �าเภอธญั บรุ ี และลา� ลูกกา จงั หวัด สมุทรปราการในพ้นื ที่อา� เภอเมอื ง บางพลี และพระประแดง 2. เขตวกิ ฤตระดบั ปานกลาง หมายถงึ บรเิ วณทแ่ี ผน่ ดนิ มกี ารทรดุ ตวั ระหวา่ ง 1-3 เซนติเมตรต่อปี และมีระดับน�้าใต้ดินและน้�าบาดาลลดลงระหว่าง 2-3 เมตรต่อปี ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ในพ้นื ท่เี ขตบางขุนเทยี น หนองแขม หนองจอก และบางซือ่ จงั หวดั นนทบุร ี ใน พน้ื ทอี่ า� เภอเมอื ง และปากเกรด็ จงั หวดั สมทุ รสาครในพน้ื ทอ่ี า� เภอเมอื ง บา้ นแพว้ และกระทมุ่ แบน จังหวดั ปทมุ ธานีในพ้นื ที่อา� เภอเมือง สามโคก หนองเสอื และคลองหลวง จังหวัดนครปฐมในพื้นท่ี อา� เภอสามพราน และนครชัยศรี 3. เขตวิกฤตระดับน้อย หมายถึง บริเวณที่แผ่นดินมีการทรุดตัวน้อยกว่า 1 เซนตเิ มตรตอ่ ปี และมรี ะดับนา�้ ใต้ดินและนา�้ บาดาลลดลงนอ้ ยกว่า 2 เมตรตอ่ ป ี ได้แก่ บริเวณ จงั หวัดอ่ืนทีอ่ ยู่โดยรอบ 2 เขตวกิ ฤตข้างต้น และพบในทีร่ าบดินตะกอนของเมืองใหญ่ 64 เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกย่ี วกับการแกไ ขวิกฤตการณด านทรัพยากรน้าํ ใน ครอู ธบิ ายวา เศรษฐกจิ พอเพียงเปน หลกั ปรชั ญาของพระบาทสมเด็จ ประเทศไทย พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชทมี่ งุ หวังใหพ สกนิกรชาวไทยไดเ ขาถงึ ทาง ทานจะแนะนาํ กรมทรัพยากรนํ้าใหแ กไ ขวกิ ฤตการณดา นทรพั ยากรนํ้า สายกลางของชวี ติ และเพอ่ื คงไวซ ่ึงทฤษฎีของการพัฒนาท่ียั่งยนื นอกจากน้ี อยา งไร ยงั ทรงมีโครงการตา งๆ มากมายทส่ี อดคลองกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. สรางเขื่อนเพอื่ กกั เกบ็ นํ้า โดยเฉพาะโครงการจดั การน้าํ 2. จดั สรา งทอสง นํา้ ชลประทานเพม่ิ เติม 3. บาํ บดั น้าํ เสียกอ นปลอยลงแหลง นา้ํ สาธารณะ จากนน้ั ใหนักเรียนแบง กลุม กลุมละ 3 คน ศึกษาโครงการจัดการนํา้ ของ 4. ฟน ฟูการใชป ระโยชนและแกไ ขปญ หาเกยี่ วกับแหลง นํ้า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช แลวชว ยกนั วางแผนการใชนาํ้ วเิ คราะหค ําตอบ วกิ ฤตการณดานทรัพยากรนํา้ ในประเทศไทยสามารถ ในบา นเรอื น หรือในโรงเรียนของนกั เรียน ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง แบง ออกไดเปน 3 วกิ ฤตการณส ําคญั ไดแ ก ภยั แลง นา้ํ ทวม และน้าํ เสยี เสร็จแลว สงตวั แทนออกมานําเสนอท่ีหนา ช้ันเรยี น ดังนั้นแนวทางการแกไ ขปญหา คือ ฟน ฟูปาตนนา้ํ เพ่ือความอุดมสมบรู ณข อง แหลงน้าํ จดื ตามธรรมชาติ วางแนวทางการจดั การใชป ระโยชนแ หลงน้าํ จืด 64 คมู อื ครู ตามธรรมชาตอิ ยางจรงิ จัง เชน การวางระบบชลประทานสง น้ําจากพน้ื ท่ีทม่ี ี ปริมาณนํา้ มากไปยังพืน้ ท่ปี ระสบภยั แลง รวมถึงการปอ งกันการปลอ ยนา้ํ เสีย ลงสแู หลงนํา้ สาธารณะ ดังนั้นคาํ ตอบคอื ขอ 2.-4.

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 3.3 ปฏิสัมพันธข องมนุษยก ับลักษณะชวี ภาคในประเทศไทย ครูใหน กั เรียนรวมกลุมกนั กลุม ละ 3 คน 1) ความหลากหลายของชนิดพืชพรรณในประเทศไทย ปาไมที่เกิดข้ึนตาม เพ่อื ชวยกันอธิบายความรเู กี่ยวกับปฏิสมั พันธเ ชงิ ภมู ศิ าสตรใ นประเทศไทย ในสวนของปฏสิ มั พนั ธ ธรรมชาติ จําแนกตามลกั ษณะวงจรชีวติ ได 2 ประเภท คอื ปาไมผลดั ใบ และปา ผลดั ใบ ดงั น้ี ของมนุษยกับลกั ษณะชวี ภาคในประเทศไทย 1.1) ปาไมผลัดใบ เปนปาที่มีเรือนยอดเขียวชอุมตลอดท้ังป เนื่องจากมีฝนตก ในดา นความหลากหลายของชนิดพรรณพืชใน ประเทศไทย โดยใหน ักเรยี นแตละกลมุ แบง หนา ท่ี ไมน อ ยกวา 2,000 มลิ ลเิ มตรตอ ป และมชี ว งแลง ฝนนอ ยกวา 3 เดอื น ปา ไมผ ลดั ใบกระจายอยทู ง้ั ใน การอธบิ ายความรูกนั ใน 3 สวน ไดแก ปาไม บรเิ วณหบุ เขาที่มีความชื้นสงู และรมิ ฝงทะเลตามภูมภิ าคตาง ๆ จําแนกได 6 ชนิด ดงั น้ี ผลดั ใบ ปาผลดั ใบ และวิกฤตการณด า นปาไม ของประเทศไทย จากนนั้ ครใู หนกั เรียนคนที่ 1 ใน ปา ดิบช้นื พบในภาคใตและภาคตะวันออกในพ้ืนท่ีซ่ึงมีความสูงจากระดับทะเลปานกลางจนถึง แตล ะกลมุ ชว ยกนั อธิบายลกั ษณะของปาไมผ ลัดใบ 1,000 เมตร มีภูมิอากาศแบบปาฝนเมืองรอน มีฝนตกเกือบตลอดทั้งป และมีปริมาณ และวาดภาพปา ไมผ ลดั ใบทงั้ 6 ชนดิ ทกี่ ระดาน ปาดบิ แลง มากกวา 2,500 มลิ ลเิ มตรตอป มชี วงเวลาความแหง แลงส้นั มาก คือ ไมเ กนิ 2 เดอื น หนาช้ันเรยี น แลว อธิบายถึงลักษณะของปา ไม ปาดิบเขา อากาศมคี วามชนื้ สูงตลอดทง้ั ป พรรณไมท ี่พบ เชน ยางขาว ยางแดง ตะเคยี น มะเดอ่ื แตล ะชนิด ที่ตั้ง และพืชพรรณทีส่ าํ คญั ปา สน หมาก หวาย เฟน เปนตน ปาพรุ 1 พบตามภูมิภาคตางๆ ในพื้นท่ีซึ่งมีความสูงจากระดับทะเลปานกลางจนถึง 700 เมตร ปาชายหาด มปี รมิ าณฝนเฉลย่ี 1,500-2,000 มลิ ลเิ มตรตอ ป ระยะความแหง แลง 2-3 เดอื น พรรณไม ทพ่ี บ เชน ยางชนิดตา งๆ ตะเคยี น มะคา ไผ หวาย กระวาน เปนตน พบในพ้ืนทภ่ี เู ขาท่มี คี วามสูงตง้ั แต 1,000 เมตร มีความชน้ื สูงตลอดปจ ากไอนํ้าและฝน มีปริมาณฝนมากกวา 1,500 มิลลิเมตรตอป พรรณไมสําคัญ เชน กอชนิดตางๆ มะขามปอ มดง สนใบเลก็ พญาไม สนแผง เปน ตน โดยตามลาํ ตน ของตน ไมม พี ชื เกาะอาศยั อยู เชน เฟน มอสส เปน ตน พบในบางพื้นที่ท่ีมีอากาศหนาวเย็น ไดแก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคกลางตอนบน พบในพื้นทคี่ วามสูงตงั้ แต 200-1,600 เมตร พื้นดิน เปนดนิ ท่รี ะบายน้ําไดด ี เชน ดนิ ทราย พรรณไมสาํ คัญ เชน สนสองใบ สนสามใบ และ ไมทขี่ ึน้ ปะปนอยู เชน เหียง พลวง กาํ ยาน กอตางๆ สารภีดอย เปนตน ปา ไมท เ่ี กดิ ในพนื้ ทลี่ มุ ตาํ่ มนี าํ้ ทว มขงั ชว่ั คราวหรอื มนี า้ํ ทะเลขน้ึ ถงึ พรรณไมส าํ คญั ไดแ ก ชมุ แสง กก กนั เกรา ปรงทะเล เสมด็ ลาํ พู ประสกั เหงอื กปลาหมอ โกงกาง และจาก พบบรเิ วณชายฝง ทะเลและสนั ทรายชายฝง ทะเล พรรณไมส าํ คญั ไดแ ก เตยทะเล จกิ ทะเล และผกั บงุ ทะเล 65 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกบั ดินในปา พรุ 1 ปา พรุ (peat swamp forest) เปน ปาไมประเภทหน่ึงซึ่งขึ้นบนดนิ อินทรีย เพราะเหตใุ ดดินอินทรยี จึงไมเ หมาะสมสําหรบั การปลูกพืชเศรษฐกิจ ท่ีเกิดจากการทบั ถมของซากพชื และมนี ้าํ กรอ ยทวมขงั อยูตลอดเวลา ทําให 1. ระบายน้าํ เร็ว เก็บนํา้ ไมอยู กระบวนการยอยสลายซากพืชนั้นเปนไปไดช า ปาพรุท่ีสาํ คัญในประเทศไทย ไดแ ก 2. ขาดสารอาหารบางชนิดอยา งรนุ แรง ปาพรุบาเจาะ ปาพรุโตะแดง จงั หวัดนราธิวาส และปา พรุควนเครง็ 3. มชี ั้นหนิ พนื้ ในระดบั ตื้นกวาครึง่ เมตร จงั หวัดนครศรธี รรมราช 4. เมื่อแหง มกั เกิดไฟปาและยุบตัวในบางคร้ัง วเิ คราะหค าํ ตอบ ดนิ อินทรยี  คือ ดินในปาพรุทมี่ อี นิ ทรียวตั ถสุ ะสม มมุ IT ทบั ถมอยูเ ปนช้ันหนาตัง้ แต 50 เซนติเมตรขนึ้ ไป เปนดินทม่ี กี ารระบาย ศกึ ษาขอ มูลเพิม่ เติมเกย่ี วกับปาไมป ระเภทตา งๆ ในประเทศไทยไดท่ี http:// นํ้าไมดี การยดื หดตัวสงู และหากระบายนา้ํ ออกจนแหง ดนิ จะยบุ ตวั และ www.seub.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=268:dat ติดไฟงา ย นอกจากน้ียังเปน ดินเปรย้ี วที่ขาดธาตุอาหารหลักของพืช เชน a&catid=96:data&Itemid=31 เวบ็ ไซตมูลนิธิสืบนาคะเสถยี ร โพแตสเซยี ม จึงทําใหไ มเหมาะสมตอ การปลกู พชื เศรษฐกิจ ดงั นนั้ คําตอบ คือ ขอ 2. และขอ 4. คมู ือครู 65

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหนกั เรยี นคนที่ 2 ของแตละกลุม ชว ยกัน 1.2) ปาผลัดใบ1เปนปาที่ตนไมมีการทิ้งใบเปนระยะเวลายาวนานในชวงฤดูแลง อธิบายลักษณะของปาผลดั ใบ และวาดภาพ พบในพ้ืนที่ที่มีชวงแลงฝนมากกวา 5 เดือน ปาผลัดใบกระจายอยูในภาคเหนือ ภาคกลาง ปา ผลดั ใบทัง้ 3 ชนดิ ท่ีกระดานหนาชน้ั เรียน ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื และภาคตะวันตก ปาผลดั ใบมี 3 ชนดิ ดงั น้ี แลวอธิบายถงึ ลักษณะของปาไมแ ตล ะชนดิ ทตี่ ้ัง และพชื พรรณท่ีสาํ คญั ปาเบญจพรรณ พบในพนื้ ทซี่ ง่ึ มคี วามสงู จากระดบั ทะเลปานกลางจนถงึ 1,000 เมตร และมฝี นตกปรมิ าณ เฉล่ยี 1,000-1,500 มลิ ลเิ มตรตอป พรรณไมส าํ คญั ไดแ ก สกั ยาง แดง ประดู มะคาโมง 2. ครใู หนักเรยี นคนท่ี 3 ของแตล ะกลมุ อภปิ ราย ง้ิวปา พชื ชน้ั ลา ง ไดแ ก ไผ และรวก รวมกนั ถึงวกิ ฤตการณดา นปาไมของประเทศไทย แลวอาจใหวเิ คราะหถ งึ แนวทางปอ งกันและแกไข ปา เตง็ รงั หรือเรียกวา ปาแดง ปาโคก ปาแพะ เปนปาท่ีขึ้นไดในพ้ืนท่ีดินลูกรังสีแดง อยูสูงจาก ปญหาวิกฤตการณป า ไมของประเทศไทย จากนัน้ ระดับทะเลปานกลางไมเกิน 1,000 เมตร พรรณไมสําคัญ ไดแ ก พลวง เตง็ รัง พะยอม นกั เรียนสรปุ ความรเู กี่ยวกบั ปฏิสัมพันธข อง รกฟา กระบก มะขามปอ ม สว นพชื ชนั้ ลาง ไดแ ก ปรง และหญา เพ็ก มนุษยก ับลกั ษณะชวี ภาคในประเทศไทย ใน ดานความหลากหลายของชนดิ พรรณพชื ใน ปาหญา เปน ปาท่ีเกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาตภิ ายหลังจากปา ดง้ั เดมิ ถูกทาํ ลายหมด พรรณไมสําคญั ประเทศไทยลงในสมดุ หรอื ปาละเมาะ ไดแก กระโถน สีเสยี ด หญาคา หญาพง และแฝก 3. ครใู หนักเรยี นท่มี สี ว นรวมกับกิจกรรมการเรียนรู มนษุ ยใชป ระโยชนจ ากปา ไมและทุง หญา เชน เพื่อการกอสรา ง เปนแหลง อาหารและ คอ นขา งนอยตอบคําถามเกย่ี วกับปฏิสมั พันธ ยารกั ษาโรค แตใ นปจ จบุ นั พนื้ ทปี่ า ไมใ นประเทศไทยลดลงอยา งมากจากกจิ กรรมตา ง ๆ ของมนษุ ย ของมนุษยก ับลกั ษณะชีวภาคในประเทศไทย ซ่ึงสงผลใหส ภาพแวดลอ มเสยี สมดุลและเกิดปรากฏการณหลายประการ ดงั นี้ ในดา นความหลากหลายของชนดิ พรรณสตั วใ น 1. การเกิดน้ําทวมฉับพลันเมื่อ ประเทศไทย เพือ่ เปนการอธิบายความรู ตัวอยาง ฝนตกตอเน่ืองหลายวัน ท้ังน้ีเพราะปาไมบน ขอคาํ ถามเชน ภูเขาถูกทําลาย น้ําฝนจึงไหลบาลงจากภูเขาสู • ปจ จุบันสัตวป าของประเทศไทยมีจาํ นวนและ พน้ื ราบอยางรวดเรว็ ความหลากหลายลดลง เนื่องจากสาเหตใุ ด 2. การขาดแคลนน้ําบริเวณแหลง (แนวตอบ การลดลงของจํานวนและความ ตน นาํ้ ลาํ ธาร เนอื่ งจากนาํ้ ฝนไหลลงหว ย ลาํ ธาร หลากหลายของสตั วปาของประเทศไทย โดยไมม ีปาไมชะลอการไหล ในปจจุบนั เกดิ จากการกระทําของมนษุ ยเ ปน 3. การเกิดแผนดินถลม เมื่อมี สวนใหญ ท้ังการทาํ ลายปา ไมเพ่อื วตั ถุประสงค ฝนตกหนักตอเนื่องหลายวัน ดินที่ชุมน้ํามาก ตางๆ ทาํ ใหสตั วป าไมม ีที่อยูอ าศยั และแหลง การบุกรุกพ้ืนท่ีปาโดยกลุมนายทุน สงผลใหพื้นท่ีปาไม และขาดรากพืชชวยยึดเหน่ียวจะเคล่ือนไถลลง อาหาร และการลาของมนษุ ยเพือ่ นาํ ไปใชง าน ของประเทศไทยลดลงอยางมาก มาตามความลาดของภูเขา เปน สัตวเล้ยี ง ตลอดจนฆา เพอ่ื รับประทาน หรือใชประโยชนจ ากสวนตา งๆ ของสัตว เชน 4. การเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วของตะกอนทองน้ํา เนื่องจากขาดพืชปกคลุมดิน นํ้าจึง งาชาง หนังเสอื โครง ทําเคร่อื งประดบั บา น ชะลา งดนิ สทู องนํ้า ทําใหลาํ นํา้ ตื้นเขนิ เมอื่ ฝนตกจึงเกิดภาวะนํ้าทวมพน้ื ทสี่ องฝง แมน ้าํ นอแรด เขากวาง เปน สวนประกอบของยา 5. น้ําทะเลหนุนเขาไปในลําน้ําในระยะทางไกลขึ้น เพราะการตัดไมทําลายปาทําให เปนตน ) ฝนตกนอยลง ปริมาณนํ้าจืดในลําน้ําที่จะผลักดันนํ้าเค็มจากทะเลลดนอยลง ซ่ึงนํ้าเค็มจากทะเล จะสง ผลเสียตอการดํารงชวี ติ ของพชื และสัตวน าํ้ ในเขตน้าํ จดื 66 เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเกีย่ วกับวกิ ฤตการณดานทรพั ยากรปา ไมของไทย ครูอาจนาํ ขา วหรือกรณีตวั อยางวิกฤตการณดานตางๆ ท่เี กดิ จากการตดั ไม ในฐานะสมาชกิ คนหนงึ่ ของสงั คม ทา นจะมสี ว นแกไขปญ หาวิกฤตการณ ทําลายปา มาใหน ักเรียนพิจารณารวมกนั แลวต้ังประเด็นใหนกั เรียนอภปิ ราย เชน ดา นทรพั ยากรปา ไมไดดีทีส่ ดุ อยางไร แนวทางการอนุรักษปา ไมข องไทย โดยเนน การสงเสรมิ ใหน ักเรียนตระหนกั ถึงคุณคา 1. ปลูกปา ทดแทน ของทรัพยากรปา ไมแ ละเสนอแนวทางการอนรุ กั ษท รพั ยากรปา ไมไ ด จากนัน้ ชวยกัน 2. ปอ งกันการเกิดไฟปา สรปุ ผลการอภิปรายแลวจัดทําเปนผังความคดิ เผยแพรขอ มลู ในบรเิ วณท่เี หมาะสม 3. ผลักดนั ใหมีการออกกฎหมายอนรุ ักษป า ชุมชน ของโรงเรียน 4. ชว ยกันรณรงคเพือ่ สรางจิตสาํ นกึ ใหแกป ระชาชน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ชว ยกนั รณรงคเ พอื่ สรา งจติ สาํ นกึ ใหแ ก นกั เรียนควรรู ประชาชน เปน การมสี วนรว มในการแกไ ขปญหาวกิ ฤตการณดา นทรพั ยากร ปาไมท ด่ี ที ส่ี ุด เน่ืองจากเมอื่ ประชาชนทกุ คนมจี ติ สาํ นึกในการอนุรกั ษปาไม 1 ปาผลดั ใบ (decidous forest) ปาไมซ ึง่ ผลัดใบหรือสลดั ใบในบางฤดูในระยะ แลว การทาํ ลายปาไมก็จะเกดิ ข้นึ ไดย าก รวมถงึ การปลูกปาทดแทนก็สามารถ ปหนึง่ เชน ในบริเวณปา มรสมุ ประเทศไทย เมยี นมา อนิ เดีย ตน ไมจะผลดั ใบใน กระทาํ ไดงา ย ฤดแู ลง เพอ่ื ปอ งกนั ความชนื้ ไมใ หร ะเหยไปมาก ปา พลดั ใบนม้ี กั มไี มจ าํ พวกเนอ้ื แขง็ ทม่ี คี ณุ คา ทางเศรษฐกจิ เชน ไมส กั ไมแ ดง เปน ตน 66 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand เล้ยี งลกู ด้วย2น)ม ค2ว8า3ม ชหนลิดา กโหดยลเาปย็นขคอ้างงชคานว1ิดถพงึ ัน1ธ0ุ์ส8 ัตชวน์ในดิ ป(รคะา้ เงทคศาวไกทนิ ยผ ลใไนมป ้ ร1ะ8เท ชศนไทิด ยคพา้ บงสคัตาวว์ ครใู หนักเรียนรวมกลุมกัน กลมุ ละ 4 คน เพ่อื ชวยกันศกึ ษาคน ควา เพ่มิ เติมเกย่ี วกับปฏสิ ัมพันธ กนิ แมลง 89 ชนิด และคา้ งคาวกินสัตวอ์ ื่นเป็นอาหาร 1 ชนิด) ส่วนสัตวอ์ ื่นๆ ไดแ้ ก ่ นกชนิด เชิงภูมิศาสตร และความเปลยี่ นแปลงของพนื้ ท่ี ต่าง ๆ พบมากถึง 917 ชนดิ สตั วเ์ ลื้อยคลาน 298 ชนิด โดยเปน็ งูถึงรอ้ ยละ 54 กง้ิ กา่ จ้ิงเหลน ซ่งึ ไดร ับอทิ ธิพลจากปจจยั ทางภมู ิศาสตรใน ต๊กุ แกรอ้ ยละ 35 นอกจากนน้ั เปน็ จระเขแ้ ละเตา่ สตั ว์สะเทนิ น้า� สะเทนิ บกพบ 107 ชนดิ เช่น กบ ประเทศไทยและทวปี ตางๆ ของโลก ในดาน เขียด อ่งึ อ่าง คางคก เปน็ ตน้ บรรยากาศภาค ธรณภี าค อุทกภาค หรือชีวภาค นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายในทะเลไทยท่ีส�าคัญ คือ ปะการังที่สวยงามหลาย กลุมละ 1 ดาน โดยการจบั สลาก และเนน การ สายพนั ธุ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวดา� น�า้ ชมความสวยงามของปะการงั และปลาสวยงาม ศึกษาคน ควา เพิม่ เตมิ โดยใชเครื่องมอื ทาง สตั วป์ ระเภทปลาและสัตว์นา้� พบ 917 ชนดิ ปลานา�้ จืดท่พี บมาก เชน่ ปลาตะเพียน ภูมิศาสตรชนดิ ตางๆ ท่ีสําคัญไดแ ก แผนท่ี ลกู โลก ปลาหม ู ปลาดุก ปลาเสอื ปลาสวาย ปลาเน้ือออ่ น ปลากดั สว่ นปลาทะเล และปลานา�้ กร่อยทพี่ บ รปู ถายทางอากาศ ภาพจากดาวเทยี ม และระบบ มาก เชน่ ปลากะพงขาว ปลากระบอก ปลาตนี ปลาไส้ตัน ปลากระเบน และสตั ว์ทะเลอ่ืน ๆ เชน่ สารสนเทศภมู ิศาสตร (ครแู นะนําแหลง เคร่อื งมือ ปู แมงดา หอย หมกึ เปน็ ตน้ ทางภูมิศาสตรแ กน ักเรยี น เชน เว็บไซตของหนว ย สตั วป์ ระเภทแมลงทพ่ี บและมกี ารตง้ั ชอ่ื แลว้ 7,000 ชนดิ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 10 ของแมลง งานภาครัฐและเอกชนทเ่ี ผยแพรขอมูลระบบ ทั้งหมดในประเทศ ส่วนท่เี หลืออกี ร้อยละ 90 ยงั ไมไ่ ด้วินิจฉัยหรือวินจิ ฉยั ไม่ได้ สารสนเทศภูมศิ าสตร) รวมถงึ แหลงการเรียนรู ปจั จุบันสตั ว์ปา่ ในประเทศไทยมีจา� นวนลดลง สาเหตเุ กิดจากการลดลงของพ้ืนที่ปา่ ไม ้ ประเภทอ่นื เชน หนงั สอื ในหอ งสมุด พิพิธภัณฑใน ทเี่ ปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั และแหลง่ อาหารของสตั วป์ า่ รวมถงึ จากการลา่ ของมนษุ ย ์ ผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ คอื ทองถ่ินท่ีใหข อมูลทางภูมศิ าสตร จากนั้นจดั ทาํ ปาย สตั วเ์ ขา้ ไปหาอาหารในเขตเกษตรกรรม พชื ผกั ผลไมจ้ งึ ถกู ทา� ลาย นอกจากนยี้ งั เกดิ ภาวะขาดสมดลุ นเิ ทศแสดงภาพและขอมลู ทก่ี ลมุ ตนศึกษาคน ควา โดยแมลงชนดิ ท่ีทา� ลายพืชผลทางการเกษตรมีจ�านวนเพ่ิมมากขึ้น มาตกแตงใหส วยงาม กลา่ วโดยสรปุ ระบบของธรรมชาตบิ นพน้ื ผวิ โลกทปี่ ระกอบไปด้วยบรรยากาศ ธรณภี าค ตรวจสอบผล Evaluate อุทกภาค และชีวภาค ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะการปรับหรือมีพลวัตเพื่อ ความสมดลุ เชิงระบบนิเวศวทิ ยา ดงั น้ัน มนษุ ย์จึงควรศกึ ษาหาความรูเ้ กีย่ วกับธรรมชาติ เพอื่ 1. ครูและนักเรยี นชว ยกันตรวจปา ยนเิ ทศ การปรบั ตวั หรอื อาศยั อยรู่ ว่ มกนั กบั ธรรมชาตดิ ว้ ยการพง่ึ พาซงึ่ กนั และกนั มากกวา่ การตกั ตวง ปฏิสัมพันธเ ชิงภมู ศิ าสตร และความ ผลประโยชน์จากธรรมชาติแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่มีการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติท่ีเสียหายไปให้ เปลีย่ นแปลงของพนื้ ทีซ่ งึ่ ไดรบั อทิ ธิพลจาก กลบั ดดี งั เดิม อันจะสง่ ผลเสียต่อการดา� รงชีวติ ของมนษุ ย์เอง ปจ จัยทางภมู ศิ าสตรในประเทศไทยและทวปี ตา งๆ ของโลกของแตละกลุม โดยพิจารณา 67 จากความถกู ตอง ครบถวน ทนั สมยั ของขอ มลู และการนําเสนอทน่ี า สนใจ จากน้ันครูและ นกั เรียนอภปิ รายรว มกนั ถึงแนวทางในการ ปรับปรุงชน้ิ งานเพ่ือประโยชนในการทํา ช้ินงานตอ ไป 2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมการมสี ว นรว มในกจิ กรรม การเรยี นรู เชน การอภิปราย การตอบคาํ ถาม และการทาํ งานกลมุ เปนตน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู ปรากฏการณท างภูมิศาสตรท ก่ี อใหเ กิดผลกระทบตอ สงิ่ แวดลอ มของไทย 1 คา งคาว ในประเทศไทยพบคา งคาวขนาดเล็กทีส่ ดุ ในโลก ไดแ ก คา งคาวกิตติ ทค่ี วรเรง แกไ ขเปนอนั ดบั แรกคอื อะไร และมีแนวทางการแกไ ขอยา งไร (Kitti’s Hog-nosed Bat : Craseonycteris thonglongyai) เปนสัตวเลีย้ งลกู ดว ยนม แนวตอบ ปรากฏการณท างภมู ิศาสตรทก่ี อ ใหเกิดผลกระทบตอ สงิ่ แวดลอ ม ทม่ี ขี นาดเลก็ ทีส่ ุดในโลก (โดยน้ําหนกั ) มีนาํ้ หนกั ตัวเฉลี่ยประมาณ 2 กรัม ขนตาม ของไทยทค่ี วรเรง แกไ ขเปนอันดับแรกก็เชน เดียวกบั ในประเทศอนื่ ๆ ของโลก ลําตัวคอ นขา งยาว สีขนมีทงั้ ท่เี ปน สีเทา และสีนา้ํ ตาล คางคาวกติ ติถูกคน พบเปนครง้ั ไดแ ก ภาวะโลกรอ น ซงึ่ กอ ใหเ กดิ ผลกระทบมากมาย ทสี่ าํ คญั ไดแ ก การเกดิ แรกทถ่ี าํ้ วังพระในเขตอทุ ยานแหงชาติไทรโยค ใน พ.ศ. 2516 โดยคณุ กิตติ ทองลงยา พายุหมนุ เขตรอ นทรี่ ุนแรงและบอยครัง้ สงผลใหเกดิ อุทกภยั การเพม่ิ ของ นกั อนุกรมวิธานชาวไทย ระดับนา้ํ ทะเลทาํ ใหชายฝง ถกู กัดเซาะพงั ทลาย ทง้ั นแี้ นวทางแกไ ขทส่ี าํ คัญคือ การสรา งจิตสํานึกในการอนุรักษท รพั ยากรธรรมชาติ เชน การปลกู ปา การ มุม IT ลดการใชพลังงาน และการนําสง่ิ ของกลบั มาใชใหม เนอ่ื งจากภาวะโลกรอน น้ันเกดิ ขนึ้ จากกิจกรรมตา งๆ ของมนษุ ยเ ปน สําคัญ ศึกษาขอมูลเพ่มิ เติมเกี่ยวกับทรพั ยากรปาไมแ ละสัตวปาของประเทศไทย ไดท ี่ http://www.dnp.go.th/ เว็บไซตก รมอุทยานแหงชาติ สัตวป า และพนั ธุพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ ม คมู อื ครู 67

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครูตรวจสอบความถูกตอ งในการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรยี นรู้ ประจําหนว ยการเรียนรู 1. โลกมลี กั ษณะโครงสรา้ งอยา่ งไร จงอธิบายพอสังเขป หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 2. ปรากฏการณ์จากบรรยากาศและท้องฟ้ามคี วามสา� คญั ตอ่ โลกอยา่ งไร 3. การเคลอ่ื นตวั ของแผ่นเปลือกโลกสง่ ผลใหเ้ กดิ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอะไรบ้าง และเกิดขึน้ ได้ 1. แผน ภาพแสดงโครงสรา งของโลก 2. ปา ยนเิ ทศปฏิสัมพนั ธเ ชงิ ภูมิศาสตร และความ อยา่ งไร 4. การไหลเวยี นของกระแสน�า้ ในมหาสมุทรมีอทิ ธิพลตอ่ ความเปน็ อยขู่ องมนุษยอ์ ยา่ งไร เปลี่ยนแปลงของพน้ื ทซี่ งึ่ ไดร บั อิทธิพลจากปจจยั 5. การเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติในปัจจบุ ันส่งผลกระทบต่อพืชและสตั วอ์ ยา่ งไรบ้าง ทางภูมิศาสตรใ นประเทศไทยและทวปี ตา งๆ ยกตัวอยา่ งประกอบ ของโลก 3. สมดุ บันทึกของนกั เรียน กิจสรกา้ รงรสมรรค์พฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมท่ี นกั เรยี นแบง่ กลุม่ กลมุ่ ละ 5 คน เพ่อื ศกึ ษาคน้ คว้าเพม่ิ เติมเก่ยี วกับลกั ษณะ ทางกายภาพของโลก โดยใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ เช่น ลูกโลก แผนท่ี 1 สบื คน้ ขอ้ มลู จากระบบสารสนเทศทางภมู ศิ าสตร ์ เปน็ ตน้ แลว้ สรปุ สาระสา� คญั น�าเสนอในชน้ั เรยี น กจิ กรรมท่ี นกั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ เกย่ี วกบั ปรากฏการณพ์ เิ ศษทางภมู ศิ าสตรท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ปรากฏการณท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั สว่ นตา่ ง ๆ ของโลก อนั ไดแ้ ก ่ บรรยากาศ ธรณภี าค 2 อทุ กภาค และชีวภาค ท่ีนักเรยี นสนใจ คนละ 1 ปรากฏการณ์ นักเรียนร่วมกันอภิปรายและวิเคราะห์ถึงการเปล่ียนแปลงของพ้ืนท่ีในโลก กิจกรรมที่ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทยและทวีปต่าง ๆ เช่น การเปลยี่ นแปลงของพน้ื ท ่ี จากการเกดิ สนึ ามิในประเทศไทยและประเทศอน่ื ๆ 3 68 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. โลกมีโครงสรางแบงออกเปน 3 สวนหลัก ไดแก แกน โลก เปน โครงสรา งชน้ั ในสุด ประกอบดว ยหินหนดื ทม่ี คี วามหนาแนนและมีความรอนมาก เน้ือโลก เปนโครงสราง สว นกลางทม่ี มี วลมากทส่ี ุด และเปลือกโลก เปน โครงสรางชัน้ นอกสดุ ของโลก เปลือกโลกทเ่ี ปน ฐานทวีปสวนใหญม ีสว นประกอบของหินแกรนติ เปนโครงสรา งท่เี คลอื่ นตวั อยูต ลอดเวลาตามการเคล่ือนท่ีของหินหนืดรอ นในช้ันแกน โลก 2. บรรยากาศมีแกสทีจ่ ําเปน ตอ การดาํ รงชีวิตของสง่ิ มชี วี ิตตา งๆ ชว ยปองกันความรอน แสง และรังสที ่ีเปนอันตรายจากดวงอาทติ ย รวมถงึ ชวยควบคุมอณุ หภูมริ ะหวาง กลางวนั กับกลางคนื ไมใหแ ตกตางกนั มากนักดวยปรากฏการณเ รอื นกระจก นอกจากนย้ี ังกอใหเกิดฤดกู าลตางๆ 3. การเคล่ือนตวั อยา งรนุ แรงกอใหเกิดปรากฏการณแ ผนดนิ ไหว และการเกดิ ของภูเขาไฟบรเิ วณรอยเลอื่ นรูปแบบตางๆ ระหวางแผน เปลอื กโลก ซึง่ ภูเขาไฟท่มี ีพลงั สามารถ ปะทรุ ะเบดิ ไดเ มือ่ เกิดการเคลอื่ นตวั ของแผน เปลอื กโลก นอกจากนก้ี ารเคลือ่ นตวั ของแผน เปลอื กโลกยังทําใหท ีต่ งั้ และอาณาเขตของทวปี และมหาสมุทรเปลีย่ นแปลงไป 4. การไหลเวยี นของกระแสน้ําในมหาสมทุ รมีอิทธพิ ลตอ ความเปนอยูของมนษุ ยในหลายดา นท่ีสําคัญ คือ ดานภูมอิ ากาศ กลา วคือ การไหลปะทะกันของกระแสนํ้าอนุ และ กระแสนา้ํ เยน็ ในเขตอบอุน กอใหเ กดิ แหลง ทําการประมงท่ีมปี ลาชกุ ชมุ ของโลก เชน ดอกเกอรแบงส ในทะเลเหนอื ครู ลิ แบงส ทางชายฝงตะวันออกของประเทศญป่ี ุน แกรนดแ บงส ทางตะวนั ออกของสหรัฐอเมริกา เนอ่ื งจากมีอุณหภมู เิ หมาะสมตอการเจริญเตบิ โตของแพลงกตอนอนั เปน อาหารของปลาหลายชนดิ ทําใหฝ งู ปลามากิน อาหารในบรเิ วณนเ้ี ปน จํานวนมาก 5. สตั วล ดจาํ นวนและความหลากหลายลง เน่อื งจากไมสามารถปรบั ตัวไดทนั กับสภาพอากาศทเี่ ปลยี่ นแปลงไป หรอื ภาวะโลกรอ น ตวั อยา งของผลกระทบทรี่ ุนแรง เชน การท่ธี ารนา้ํ แข็งขว้ั โลกละลายอยางรวดเรว็ ทาํ ใหระดบั นํ้าทะเลสงู ข้ึน เขาทวมพืน้ ทช่ี ายฝงซง่ึ เปน ปา ชายเลน สงผลใหพชื พรรณธรรมชาติ ไขและตวั ออนของสตั วน้ําตางๆ ไมสามารถเจรญิ เติบโตไดต ามปกตจิ นอาจสญู พนั ธุไดใ นทีส่ ุด 68 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู 1. อธบิ ายอทิ ธพิ ลของสภาพภมู ิศาสตรซ ึง่ ทําให เกดิ ปญ หาทางกายภาพหรือภัยพิบตั ทิ าง ธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคตา งๆ ของโลกได 2. ใชเ คร่ืองมอื ทางภมู ิศาสตรในการวิเคราะห สาเหตขุ องการเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาติใน โลกได สมรรถนะของผูเ รยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกปญหา 3. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ิต 4. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 3˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÌٷèÕ ÀÂÑ ¾ºิ µÑ ิ·า§¸รรมªาµิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค áÅÐการà»ÅÕè¹á»Å§·า§¸รรมªาµãิ ¹âÅก 1. มีวินัย ตวั ชว้ี ัด กÒÃà»ÅèÕ¹á»Å§·Ò§ÊÀÒÇÐáÇ´ÅŒÍÁ¢Í§ 2. ใฝเ รียนรู 3. อยอู ยางพอเพยี ง Ë■¹‹ÇใÂช้เ¡คÒร่ือÃงàมÃือÕÂท¹างÃภูม·ÙŒ ิศèÕ าสตร์ในการรวบรวม วิเคราะห์ และนำาเสนอ âÅ¡ ÍÒ¨à¡Ô´¢éÖ¹à¹×èͧ¨Ò¡»˜¨¨Ñ¸ÃÃÁªÒµÔËÃ×ͨҡ 4. มงุ ม่นั ในการทํางาน ขอ้ มลู ภมู สิ ารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ (ส 5.1 ม.4-6/1) ¡ÒáÃзíҢͧÁ¹ØÉ 䴌ʋ§¼ÅãËŒà¡Ô´»˜ÞËÒ·Ò§ 5. มจี ิตสาธารณะ ■ วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ลของสภาพภมู ศิ าสตรซ์ งึ่ ทาำ ใหเ้ กดิ ปญ หาทางกายภาพ ¡ÒÂÀÒ¾ËÃ×ÍÀѾԺѵԵ‹Ò§æ ·Ñé§ã¹»ÃÐà·Èä·ÂáÅÐ หรือภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติในประเทศไทยและภมู ิภาคตา่ งๆ ของโลก ÀÙÁÔÀÒ¤µ‹Ò§æ ¢Í§âÅ¡ ÍÒ·Ô á¼‹¹´Ô¹äËÇ ÊÖ¹ÒÁÔ กระตนุ ความสนใจ Engage (ส 5.1 ม.4-6/2) ÍØ·¡ÀÑ µÅÍ´¨¹ÀѾԺѵÔÍè×¹æ ¡‹ÍãËŒà¡Ô´¼Å¡Ãзº ■ ประเมินการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติในโลกว่าเปนผลมาจากการ ·éѧâ´ÂµÃ§áÅÐâ´ÂÍŒÍÁµ‹ÍÁÇÅÁ¹ØÉ ÅѡɳСÒà ครูใหนักเรียนพิจารณาวดี ิทศั นเกย่ี วกบั การเกิด à»ÅÕè¹á»Å§ÁÕµÑé§áµ‹¡ÒÃà¡Ô´¢éֹ͋ҧªŒÒæ 仨¹¶Ö§ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติหรือภาพความเสยี หายจาก ตัวชี้วกัดระทาำ ของมนุษย์และหรือธรรมชาติ (ส 5.1 ม.4-6/4) ¡ÒÃà¡Ô´Í‹ҧ©Ñº¾ÅѹáÅÐÃØ¹áç «Öè§à»š¹ÍѹµÃÒµ‹Í ภัยพิบัตทิ างธรรมชาตทิ ่ีหนาหนว ยการเรียนรู ªÇÕ µÔ áÅФÇÒÁ໚¹ÍÂÙ‹¢Í§ÊÔ§è ÁÕªÕÇÔµ ¨§Ö Á¤Õ ÇÒÁ¨íÒ໹š ·Õè จากนนั้ ตัง้ คําถามเพอื่ กระตุนความสนใจใหน ักเรียน สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ¨ÐµŒÍ§ÈÖ¡ÉÒËÒ¤ÇÒÁÃÙŒà¡èÕÂÇ¡ºÑ ÀÂÑ ¾ºÔ µÑ Ô·Ò§¸ÃÃÁªÒµÔ ชว ยกันตอบ เชน áÅСÒÃà»ÅÕè¹á»Å§·Ò§¸ÃÃÁªÒµÔã¹âÅ¡µ‹Ò§æ à¾è×Í ■ เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ทีใ่ ห้ขอ้ มลู และข่าวสารภมู ลิ ักษณ์ ¨Ðä´»Œ ÃºÑ ÇÔ¶ªÕ ÇÕ ÔµãËÊŒ Í´¤ÅŒÍ§¡ÑºÊÀÒÇÐã¹¢³Ð¹éѹ • ลกั ษณะของภยั พิบัติทางธรรมชาติในปจจบุ นั ภมู ิอากาศ และภูมสิ งั คมของไทย และภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลก เปนอยางไร อธบิ ายพรอ มยกตัวอยาง ประกอบพอสังเขป ■ ปญ หาทางกายภาพหรอื ภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาตใิ นประเทศไทย และภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก ■ การเปลยี่ นแปลงลักษณะทางกายภาพในสว่ นต่างๆ ของโลก ■ การเปล่ยี นแปลงธรรมชาติในโลก เชน่ ภาวะโลกร้อน ความแหง้ แลง้ สภาพอากาศแปรปรวน เกรด็ แนะครู ครูควรจัดกจิ กรรมการเรียนรทู เ่ี นนการพฒั นาทักษะกระบวนการตา งๆ เชน ทักษะการคดิ ทักษะการฝก ปฏบิ ัติ กระบวนการสบื สอบ และกระบวนการกลุม เพอื่ ใหนักเรียนสามารถใชเครือ่ งมือทางภมู ิศาสตรใ นการรวบรวม วเิ คราะห และนาํ เสนอขอมูลภูมสิ ารสนเทศอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ วิเคราะหอทิ ธิพลของสภาพ ภมู ศิ าสตรซึ่งทาํ ใหเ กดิ ปญ หาทางกายภาพหรือภยั พิบตั ิทางธรรมชาติในประเทศไทย และภูมภิ าคตา งๆ ของโลก และประเมินการเปลย่ี นแปลงธรรมชาตใิ นโลกวา เปนผล มาจากการกระทําของมนุษยห รือธรรมชาตไิ ด ดังนี้ • ครูแบงนกั เรียนออกเปน กลมุ เพอื่ ใหแบงหนา ทีก่ นั ศกึ ษาเก่ียวกับภัยพิบตั ิทาง ธรรมชาตจิ ากแหลงการเรียนรตู า ง ๆ แลว อธบิ ายความรู และศกึ ษาคนควา เพ่มิ เตมิ เพอ่ื จดั ทําปายนิเทศเผยแพรความรู • ครูใหน กั เรียนศกึ ษาเกีย่ วกับการเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาตจิ ากแหลงการ เรยี นรตู า งๆ แลว อธิบายความรจู ากการตอบคาํ ถามและวิธีการอน่ื ๆ จากน้ัน ศึกษาคนควา เพิม่ เติมโดยการใชความรูและทกั ษะการใชเ คร่อื งทางภูมิศาสตร และจากแหลง การเรียนรูอ่ืน แลว จัดทาํ รายงานการศึกษาคนควา คมู ือครู 69

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ครูแบง นกั เรียนออกเปนกลมุ กลมุ ละ 4-5 คน 1. ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ เพ่ือใหแบง หนาท่กี ันศึกษาเก่ียวกบั ภัยพิบัติทาง ธรรมชาติท้งั ในสว นของธรณีภาค อทุ กภาค และ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ เกดิ ขนึ้ ใน 3 ลกั ษณะ คอื ภยั พบิ ตั ทิ เ่ี กดิ ขน้ึ เนอื่ งจากสาเหตภุ ายในโลก บรรยากาศภาค จากหนังสือเรียน หนา 70-97 เช่น แผน่ ดินไหว ภเู ขาไฟปะทุ ภัยพบิ ตั ิที่เกิดขึ้นบนผวิ โลก เช่น การเกิดแผน่ ดินถล่ม อทุ กภัย หนงั สอื ในหอ งสมดุ และเวบ็ ไซตข องหนวยงานท่ี ภยั แลง้ ไฟปา่ และภยั พบิ ตั ทิ เ่ี กดิ ขนึ้ ในบรรยากาศ เชน่ วาตภยั ภาวะโลกรอ้ น ลกู เหบ็ ฟา้ ผา่ เปน็ ตน้ เกย่ี วขอ ง เชน http://www.cmmet.tmd.go.th/ met/natural_danger.php ขอมูลภัยพิบตั ทิ าง แผน่ ดนิ ไหว (Earthquake) ธรรมชาติ เวบ็ ไซตศนู ยอ ุตนุ ิยมวิทยาภาคเหนือ กรมอตุ นุ ิยมวิทยา http://www.nstda.or.th/nstda- แผน่ ดนิ ไหวเปน็ ปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ แี่ ผน่ ดนิ มกี ารสน่ั สะเทอื น เกดิ จากอทิ ธพิ ลของแรง knowledge ขอมลู การเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาติ ทอี่ ยใู่ ตพ้ นื้ ผวิ โลก เมอื่ เกดิ แผน่ ดนิ ไหวคลน่ื ของแผน่ ดนิ ไหวจะกระจายไปสบู่ รเิ วณสว่ นตา่ งๆ ของโลก และการใชเ ทคโนโลยเี พื่อปองกนั และแกไขปญหา ในปจั จบุ นั เครอื่ งมอื วดั ความสน่ั สะเทอื นของผวิ โลกมเี ทคโนโลยที ก่ี า้ วหนา้ มากจงึ สามารถตรวจจบั คลนื่ เวบ็ ไซตสาํ นักงานพฒั นาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ทอ่ี ยหู่ า่ งออกไปไกลนบั หมน่ื กโิ ลเมตรกส็ ามารถรบั คลนื่ แผน่ ดนิ ไหวได้ แหง ชาติ (สวทช.) และ http://www.ndwc.go.th/ web/index.php/k2-showcase/travel-item.html สาเหตกุ ารเกิดแผน่ ดินไหว ขอ มลู เรือ่ งภัยพิบตั ทิ างธรรมชาติ เวบ็ ไซตศูนยเตอื น ภัยพบิ ัตแิ หงชาติ แลว นาํ ความรูในสว นทต่ี นศึกษา แผน่ ดนิ ไหวเปน็ การสนั่ สะเทอื นของแผน่ ดนิ ทร่ี สู้ กึ ไดใ้ นจดุ ใดจดุ หนง่ึ บนผวิ โลก สว่ นใหญเ่ กดิ มาอธบิ ายแกเพ่ือนในกลมุ จนเกดิ ความเขาใจตรงกัน จากการคลายตวั อยา่ งรวดเรว็ ของความเครยี ดภายในเปลอื กโลกทม่ี กี ารสะสมของความเครยี ดอยา่ ง ชา้ ๆ อนั เปน็ ผลสบื เนอ่ื งจากการเคลอ่ื นตวั ของเปลอื กโลกในรปู ของการเลอื่ นตวั ของแผน่ เปลอื กโลก หรอื การปะทขุ องภเู ขาไฟ นอกจากน้ี การทดลองอาวธุ นวิ เคลยี รก์ อ็ าจทา� ใหเ้ กดิ แผน่ ดนิ ไหวไดเ้ ชน่ กนั อธบิ ายความรู Explain สถานการณก์ ารเกดิ แผน่ ดินไหว ครสู นทนากบั นกั เรยี นถงึ ความหมายของภยั พบิ ตั ิ ปัจจุบันมีปรากฏการณ์แผ่นดินไหวใน ทางธรรมชาติ แลวสมุ นักเรยี น 1 กลมุ เพอื่ ให บริเวณภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกบ่อยคร้ังข้ึนและ ชว ยกนั อธบิ ายความรเู กีย่ วกับแผน ดนิ ไหว โดยการ รนุ แรงมากขนึ้ โดยมศี นู ยก์ ลางการเกดิ ตามพนื้ ท่ี ตอบคําถามในดานปจจัยทท่ี ําใหเ กิดแผนดนิ ไหว เส่ียงภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะตามแนวรอยต่อของ สถานการณการเกิดแผนดนิ ไหว และผลกระทบจาก แผน่ เปลอื กโลกต่าง ๆ การเกดิ แผนดินไหว คนละ 1 ดา น เชน ตวั อยา่ งแผน่ ดนิ ไหวครงั้ รนุ แรง เชน่ แผน่ ดนิ ไหวที่ประเทศเนปาล ตเมาม่ือวมนั าทตรี่ 2าร5ิกเเมตษอรา์ย1มนี • การเกิดแผน ดนิ ไหวในปจจบุ ันมลี กั ษณะเชนไร พ.ศ. 2558 ขนาด 7.8 ยกตวั อยางประกอบพอสงั เขป ศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ (แนวตอบ แผน ดินไหวทเ่ี กิดในปจ จุบนั มีความ สภาพความเสยี หายภายหลังการเกดิ แผ่นดินไหว ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 80 บอ ยครัง้ และความรุนแรงเพมิ่ มากขนึ้ เชน ที่ประเทศเนปาล เมอ่ื วันท่ี 25 เมษายน พ.ศ. 2558 กิโลเมตร ส่งผลใหม้ ีผู้เสียชีวติ ประมาณ 9,000 แผนดินไหวทีป่ ระเทศเฮติ ขนาดความรนุ แรง คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 23,000 คน และ 7.5 ตามมาตราริกเตอร เมื่อวนั ที่ 12 มกราคม อาคารบา้ นเรือนเสียหายจ�านวนมาก พ.ศ. 2553 ซงึ่ เกิดจากการเคลือ่ นตัวออก 70 จากกนั ของแผนเปลือกโลกแคริบเบียนกบั แผน เปลอื กโลกอเมรกิ าเหนอื เปน ตน ) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู ครูควรนาํ ภาพขา วหรอื วดี ิทศั นเกย่ี วกับการเกดิ แผนดินไหวมาใหน กั เรียน ภัยทางธรรมชาตใิ นขอใดจดั อยูในแหลงการเกิดเดียวกนั พจิ ารณาในขน้ั ตอนของกจิ กรรมการเรียนรูท ่เี หมาะสม เพื่อใหนกั เรียนเกิดความ 1. พายหุ มนุ ฟาผา สึนามิ สนใจและเขาใจลักษณะการเกิดแผน ดนิ ไหวไดช ดั เจนข้นึ ทงั้ น้ีเนอ่ื งจากนกั เรยี น 2. ภาวะโลกรอน พายุหมุน ฟา ผา สว นใหญไ มเ คยมปี ระสบการณทีเ่ กี่ยวขอ งกบั ภัยแผนดินไหว 3. ฟา ผา สนึ ามิ การกัดเซาะชายฝง 4. สนึ ามิ การกัดเซาะชายฝง ภาวะโลกรอ น นกั เรียนควรรู วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ภาวะโลกรอ น พายุหมนุ ฟาผา เนอ่ื งจาก เปนภัยทางธรรมชาติทีเ่ กิดขน้ึ ในบรรยากาศภาค 1 รกิ เตอร (Richter) เปนคา ทบ่ี ง ชี้ขนาดความรนุ แรง ณ จดุ ศนู ยก ลางแผนดนิ ไหว ซงึ่ นยิ มใชกนั ในปจ จบุ นั เสนอโดยนายรกิ เตอร เมอื่ ค.ศ.1935 แบง ระดับความ รนุ แรงไว ดังน้ี 1-2.9, 3-3.9 เกดิ การสน่ั ไหวเลก็ นอ ย 4-4.9 เกิดการสน่ั ไหวปานกลาง ผูคนสามารถรสู ึกได และอาคารอาจเกิดความเสียหาย 5-5.9, 6-6.9 เกดิ การส่ันไหว รนุ แรงถงึ รนุ แรงมากตามลําดับ อาคารเริม่ พงั ทลายเสยี หาย และตง้ั แต 7.0 ขน้ึ ไป เกดิ การส่ันไหวอยางรายแรง แผนดินอาจแยกตวั อาคารสง่ิ กอสรา งพงั ทลาย 70 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ในประเทศไทยปรากฏการณแผนดินไหวเกิดคอนขางนอยและไดรับผลกระทบไมรุนแรง ครูสุมถามนกั เรยี น 1 กลมุ เกี่ยวกับ มากนัก แตเร่ิมมีความถี่มากขึ้นในภาคเหนือ เนื่องจากประเทศไทยต้ังอยูหางไกลจากแนว ปรากฏการณแ ผน ดนิ ไหว เชน แผนเปลือกโลกและแนวภูเขาไฟ ในประเทศไทยมีรอยเล่ือนที่มีพลังในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต แตเปนรอยเลื่อนขนาดเล็ก สวนใหญศูนยกลางแผนดินไหวมักอยูบริเวณหมูเกาะ • การเกิดแผนดนิ ไหวสง ผลตอ ประเทศไทย อนั ดามัน ประเทศอนิ เดยี เมียนมา ทางตอนใตข องประเทศจีน และตอนเหนอื ของประเทศลาว อยา งไรบา ง (แนวตอบ ในประเทศไทยไมม ีแนวรอยเล่อื น ตัวอยา งแผน ดนิ ไหวในประเทศไทย ขนาดใหญของแผนเปลือกโลก มเี พยี งแนว รอยเลือ่ นขนาดเลก็ ในภาคเหนอื ภาคตะวัน- ตัวอยางแผน ดนิ ไหวครั้งสําคัญ เชน เมือ่ วนั ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 บริเวณอาํ เภอ ตกและภาคใต ผลท่ปี ระเทศไทยจะไดร บั พาน จงั หวดั เชียงราย ขนาด 6.3 ตามมาตราริกเตอร ซ่ึงไมเ คยเกิดข้นึ มากอ นในรอบ 100 ป จากการเกดิ แผน ดนิ ไหวทสี่ าํ คัญก็คอื นบั เปน แผน ดนิ ไหวขนาดกลาง แตจ ดุ ศนู ยก ลางแผน ดนิ ไหวมคี วามลกึ เพยี ง 7 กโิ ลเมตรจากพน้ื ดนิ แรงสั่นสะเทอื นท่กี อใหเกดิ ความเสียหายแก จงึ สงผลใหอ าคารบา นเรือนไดร ับความเสยี หายจํานวนมาก สิง่ กอสรา ง และสึนามทิ ี่ซัดเขาทําลายพนื้ ที่ ชายฝง อนั เน่ืองมาจากการเกิดแผนดนิ ไหว N อยา งรุนแรงในประเทศเพอื่ นบาน) จุดเกิดแผน ดินไหว เชยี งราย 0 50 กม. • การจําแนกขนาดของแผน ดินไหวมรี าย เ มี ย น ม า ลาว ละเอยี ดอยา งไร และแผนดนิ ไหวแตล ะ 24 กม. ขนาดมผี ลกระทบอยา งไรบา ง (แนวตอบ การจําแนกขนาดของแผนดินไหว แมฮอ งสอน รอยเลื่อนพะเยาพะเ1ย1า2 กม. ในปจจุบันนยิ มใชม าตรารกิ เตอร โดยขนาด เชยี งใหม ลำปาง ความรุนแรง 1-3 ตามมาตรารกิ เตอร จดั นาน เปนแผนดนิ ไหวขนาดเล็ก และ 4-6 ตาม มาตราริกเตอร จัดเปนแผนดนิ ไหวขนาด ภาพแสดงจุดการเกิดแผนดินไหวและภาพความเสียหายจากแผนดินไหว เมื่อวันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปานกลาง ผลกระทบท่ีอาจเกดิ ขน้ึ กับพนื้ ที่ บรเิ วณอําเภอพาน จงั หวดั เชยี งราย (ที่มา : ศูนยเตอื นภัยพิบตั ิแหง ชาติ) คือ อาคารสงิ่ กอ สรา งเกิดรอยรา วจากการ ส่ันไหว สวนแผน ดินไหวท่ีมีขนาดความ ผลกระทบจากการเกิดแผนดนิ ไหว รุนแรงตั้งแต 7 ตามมาตราริกเตอร จดั เปน แผนดนิ ไหวขนาดใหญ จะสง ผลกระทบตอ เมอ่ื มแี ผน ดนิ ไหวขนาดเลก็ หรอื ปานกลางเกดิ ขนึ้ (ขนาดเลก็ 1-3 ตามมาตรารกิ เตอร ขนาด พ้ืนทอ่ี ยางรนุ แรงมาก เชน อาคารบานเรือน ปานกลาง 4-6 ตามมาตราริกเตอร) ทาํ ใหเกดิ รอยรา วของอาคารและสงิ่ ของตกลงพนื้ หรอื แกวง ทไ่ี มแขง็ แรงพงั ทลาย ดินถลม และอาจกอ แตถ า ขนาดของแผน ดนิ ไหวขนาดใหญ คอื ตงั้ แต 7 ตามมาตรารกิ เตอรข น้ึ ไปจะเกดิ ความเสยี หาย ใหเกิดสึนามิ ซง่ึ ทาํ ใหเกดิ ความสญู เสยี ท้ัง รุนแรงมาก ทาํ ใหอาคารท่ีไมแ ขง็ แรงพงั ถลม และมผี เู สียชีวติ จาํ นวนมาก ชีวติ และทรัพยสินอยางประเมนิ คาไมได) กรณที ่ีเกดิ แผนดินไหวในพนื้ ท่ีทเ่ี ปน เกาะ และมขี นาดตงั้ แต 7.5 ตามมาตราริกเตอรขน้ึ ไป สงผลใหเกิดคล่ืนสึนามิ นอกจากนี้การเกิดแผนดินไหวขนาดใหญอาจทําใหพ้ืนท่ีบริเวณเชิงเขา ทล่ี าดชันเกดิ ดนิ ถลม ลงมาทบั บา นเรอื นแถบเชงิ เขา และอาจเกดิ แผน ดินแยกได 71 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู พ้นื ทีใ่ นภาคใดของประเทศไทยเสยี่ งตอการเกดิ แผน ดนิ ไหวมากที่สดุ ครอู าจอธบิ ายนกั เรียนเพม่ิ เติมเกีย่ วกบั ความเส่ียงของการเกิดปรากฏการณ เพราะเหตใุ ด แผนดินไหวกบั ผลกระทบตอ กรงุ เทพฯ โดยรอยเลื่อนขนาดเลก็ ท่อี าจกอ ใหเ กิด แนวตอบ พ้นื ทเี่ สี่ยงตอ การเกิดแผน ดนิ ไหวในประเทศไทย ไดแก ภาคเหนอื แผนดินไหวท่ีสง ผลกระทบตอกรุงเทพฯ ไดมากทส่ี ุด คอื รอยเลอื่ นเจดยี สามองค ภาคตะวนั ตก และภาคใต เน่ืองจากมีแนวรอยเลอื่ นขนาดเลก็ ท่ยี ังมพี ลงั จงั หวัดกาญจนบุรี ซึ่งวางตวั ในแนวตะวนั ตกเฉียงเหนอื -ตะวนั ออกเฉียงใต เนอ่ื งจาก รวมถงึ อาจไดรบั แรงส่นั สะเทอื นจากการเกดิ แผนดนิ ไหวจากแนวรอยเลอ่ื น อยหู า งจากกรุงเทพฯ ประมาณ 150-200 กิโลเมตร และกรงุ เทพฯ ต้ังอยบู นชัน้ ดนิ ขนาดใหญในประเทศอินเดีย เมยี นมา และจีนอกี ดวย ทเี่ ปนดินเหนียวออนซ่ึงสามารถขยายความรนุ แรงของการสั่นสะเทือนไดเชนเดียวกบั กรุงเมก็ ซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก ทเ่ี คยไดร บั ความเสียหายอยา งรนุ แรงจากการเกิด แผนดนิ ไหวในพ้นื ที่หางไกลถึง 200 กโิ ลเมตร ใน ค.ศ. 1985 คมู ือครู 71

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสมุ ถามนักเรียน 1 กลุม เกยี่ วกบั แแผผนนทที่แแ่ีสสดดงงแแนนววรรออยยเเลล่ือือ่ นนแแลละะบบรริเเิ ววณณเเสสยี่ีย่ งงภภยัยั แแผผน่นดดินนิ ไไหหววใในนปปรระะเทเทศศไทไทยย ปรากฏการณแผนดนิ ไหว เชน 96 ํE 98 ํE 100 ํE 102 Eํ 104 ํE 106 ํE • ภัยจากแผนดินไหวในแตละพน้ื ทขี่ อง ประเทศไทยตามมาตราเมรก ัลลมี ลี ักษณะ 20 Nํ รอยเลอ่ื นเแชียมงจรั ายรอยเ ่ืลอนแ มอิง น 20 ํN อยางไร เ มี ย น ม า รอยเลอื่ นปว อา วตงั เกี๋ย (แนวตอบ ภัยจากแผนดินไหวตามมาตรา แมฮ องสอน รอยเลื่อนพะเยา พะเยา เ วี ย ด น า ม เมรก ัลลใี นแตล ะพน้ื ทขี่ องประเทศไทย 18 Nํ เชยี งใหม นาน 18 Nํ กรมทรัพยากรธรณี แบง ออกเปน 4 เขต ตาม รอยเ ่ืลอนแ ม ฮองสอน ร อยเลอ่ื นแมท า สปป.ลาว ขนาดความรนุ แรง ไดแก เขตความรนุ แรง 16 Nํ 16 Nํ นอย ตรวจวดั ความสนั่ สะเทือนไดจากเคร่อื ง อาวเมาะตะมะ ลำพูน ลำปาง แพร บงึ กาฬ มอื แตคนไมส ามารถรูสกึ ได มักเกิดขึ้นใน 14 Nํ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวันออก 14 Nํ รอยเล2่ือกน เถินอตุ รดติ ถ หนองคาย เขตความรุนแรงพอประมาณ เครอื่ งมือ อนอุตรดิตถรอยเล่ื 12 ํN สามารถตรวจจับและคนสามารถรูส ึกไดถ งึ 12 ํN รอยเลอ่ื น เมย สโุ ขทยั รอยเ ่ืลอนเพชร ูบรณเลย อุดรธานี นครพนม แรงสน่ั ไหว มักเกดิ ขึน้ ในบริเวณเดยี วกับเขต หนองบวั ลำภู สกลนคร ความรนุ แรงนอย และภาคใตฝง อา วไทยต้ังแต จังหวดั นครศรีธรรมราชลงไป เขตความรนุ แรง ตาก พษิ ณุโลก นอย-ปานกลาง คนรสู ึกไดถ งึ แรงสัน่ ไหว ส่ิงกอสรา งอาจไดรับความเสียหาย มักเกิด กาฬสนิ ธุ มกุ ดาหาร ในบรเิ วณภาคเหนือ ขอบทางตะวันตกของ ขอนแกน ภาคกลาง ภาคกลางตอนลา ง ภาคตะวนั ตก กำแพงเพชร พิจติ ร เพชรบูรณ ชัยภมู ิ มหาสารคามรอ ยเอด็ ยโสธร อำนาจเจรญิ ตอนลา งและภาคใต และเขตทีม่ ีความรุนแรง ปานกลาง คนรสู กึ ไดถ ึงการสน่ั ไหวที่รุนแรง 2ข 1 ส่งิ กอ สรางพงั ทลาย อาจเกิดข้นึ ไดใ นภาค รอยเล่ือนศรีส 0 อุบลราชธานี เหนือและภาคตะวันตกบรเิ วณชายแดนที่ นครสวรรค ติดตอกับเมยี นมา) วัสด์ิ อทุ ัยธานี ชยั นาท 2. ครใู หน ักเรียนพจิ ารณาแผนทีแ่ สดงบริเวณ สงิ หบุรี ลพบุรี นครราชสมี า บุรีรมั ย สรุ ินทร ศรีสะเกษ เสีย่ งภยั แผนดนิ ไหวในประเทศไทยรว มกนั แลว กั ม พู ช า ใหน กั เรียนกลมุ เดิมสง ตัวแทนออกมาอธบิ าย รอยเลอ่ื น เจดยี ส ามอกงาคญ รจสานุพชบบนรุรรรุคีณีรพปบนฐรอรุ ะมนีา นกงททครบรองุ ุรศเงี ทรีอพปยมทธุสหมุยราธะานบานนรุชคคีฉีลรระบนเรุชาีปิงยเรกทารจาีนบุรี สระแกว ความหมายของแผนที่ทห่ี นา ชัน้ เรยี น จากน้ันครู และนักเรยี นชว ยกนั สรุปความรู นักเรยี นบันทึก เพชรบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี สาระสาํ คัญลงในสมุด สมุทรปราการ ตราด สมุทรสาคร สมทุ รสงคราม ประจวบคีรีขันธ เขต 0 ความรุนแรง ความรนุ แรงนอ ยกวา III เมรก ลั ลี อา วไทย เขต 0 ตรวจวัดไดด ว ยเคร่อื งมอื เทานนั้ 10 Nํ รอยเล่ือนระนอง ชุมพร เขต 1 (ไมมคี วามเสีย่ ง ไมจำเปน ตองออก 10 ํN ระนอง แบบอาคารรบั แรงแผน ดินไหว) 8 ํN 6 ํN 2ก เขต 1 ความรุนแรง III - IV เมรก ัลลี เขต 2ก ผูอยูบ นอาคารสงู รสู กึ วา มแี ผน ดนิ ไหว สุราษฎรธ านี (มีความเสี่ยงนอยแตอ าจมคี วามเสยี หายบาง) ทะเลอนั ดามัน รอยเล่ือนคลองมะ ุรย ความรุนแรง V - VII เมรกลั ลี ทกุ คนตกใจ สง่ิ กอ สรางออกแบบไมดี 8 Nํ พังงา กระบี่ นครศรธี รรมราช เขต 2ก ปรากฏความเสยี หาย (มีความเสีย่ งในการ ภเู กต็ เขต 2ข เกดิ ความเสียหายในระดับนอยถึงปานกลาง) 1 ความรนุ แรง VII - VIII เมรก ลั ลี เขต 2ข สง่ิ กอสรา งท่อี อกแบบดีเสียหายเลก็ นอ ย ตรัง พัทลงุ สงขลา (มีความเสย่ี งในการเกิดความเสยี หาย สตูล ปต ตานี ในระดับปานกลาง) N ยะลา นราธิวาส 6 ํN 0 75 150 300 กม. แหลง ขอ มูล : กรมทรพั ยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม ม า เ ล เ ซี ย 102 ํE 96 ํE 98 Eํ 100 Eํ 104 ํE 106 ํE ทมี่ า : กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม, 2548. 72 เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครคู วรเตรยี มวดี ทิ ศั นห รอื ภาพประกอบขอมูลแนวทางการระวังภยั แผนดนิ ไหว ครอู าจมอบหมายใหนกั เรียนอา นและสรุปสาระสําคญั จากแผนท่แี สดง เพ่ือนํามาใหน ักเรยี นพจิ ารณารวมกนั ในขน้ั ตอนกจิ กรรมการเรยี นรูท่ีเหมาะสม บรเิ วณเสย่ี งภยั แผนดนิ ไหวในประเทศไทยลงในสมดุ แลว สนทนาสอบถามความเขา ใจของนักเรียนภายหลังจากพจิ ารณาวีดิทศั นหรอื ภาพประกอบขอมูลดงั กลา ว เพอื่ ใหน กั เรียนรูและเขา ใจผลกระทบของแผนดนิ ไหว กิจกรรมทา ทาย และแนวทางการระวงั ภยั จากแผน ดนิ ไหวไดอ ยางถกู ตองเหมาะสม มมุ IT ครอู าจมอบหมายใหนกั เรียนสืบคน แผนทแ่ี สดงขอมลู แผน ดินไหวใน ประเทศไทยจากแหลง การเรยี นรูอืน่ พรอมทัง้ สรปุ สาระสาํ คญั แลว จดั ทาํ ศกึ ษาขอ มลู เกยี่ วกับการเกดิ ภยั แผน ดินไหวในประเทศไทยเพม่ิ เตมิ ไดที่ เปนบนั ทึกการสืบคน ความรู http://www.seismology.tmd.go.th/eq_stat/eq_stat.php เว็บไซตสํานัก เฝา ระวงั แผน ดนิ ไหว กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา 72 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู พ้นื ทีเ่ สี่ยงภัยแผน่ ดินไหวในประเทศไทย ครใู หน กั เรียนกลมุ เดิมชวยกันจดั ทาํ ใบความรู เกย่ี วกบั การระวังภยั จากแผน ดินไหว โดยอาจมี กรมทรัพยากรธรณีได้จัดท�าแผนที่แสดงบริเวณเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในประเทศไทยและ ภาพประกอบที่สวยงามและเขาใจงา ย จากการ แสดงความเสี่ยงของโอกาสการเกิดแผ่นดินไหวที่จะเกิดความเสียหายตามมาตราอันดับขั้นความรุนแรงของ ศกึ ษาขอมูลเพม่ิ เติมจากแหลงการเรียนรอู ื่น แลว แผน่ ดินไหว เรียกวา่ “มาตราเมรก์ ลั ลี” (mercalli scale) ดงั น้ี สง ตัวแทนออกมานําเสนอผลงานที่หนา ชนั้ เรียน เพ่อื เปน การอธิบายความรู เขตความรนุ แรงนอ้ ย สภาพของแผน่ ดนิ ไหวตรวจจบั ความสนั่ สะเทอื นได ้ ระดบั นอ้ ยกวา่ III เมรก์ ลั ลี โดยเครอ่ื งตรวจจบั ความสนั่ สะเทอื น คนไมส่ ามารถรสู้ กึ ได ้ พบไดบ้ รเิ วณพนื้ ทสี่ ว่ นใหญข่ องภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวนั ออก เขตความรนุ แรงพอประมาณ สภาพของแผน่ ดนิ ไหวคนสามารถรสู้ กึ ได ้ และเครอ่ื งตรวจจบั ความสน่ั สะเทอื นอยู่ในระดับ III - IV เมรก์ ลั ล ี พบบรเิ วณภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนบนภาคตะวันออก และภาคใต้ ฝั่งอา่ วไทยตั้งแต่นครศรธี รรมราชลงไป เขตท่ีมีความรุนแรงน้อย-ปานกลาง สภาพของแผ่นดินไหวคนรู้สึกได้ ระดับความสั่นสะเทือน V - VII เมร์กัลลี บ้านสน่ั สะเทือน ต้นไม้สน่ั สง่ิ ปลูกสรา้ งทอ่ี อกแบบไมด่ ีอาจเสียหายได ้ พบบริเวณภาคเหนือ ขอบภาคกลางดา้ นทิศตะวนั ตก กรงุ เทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวนั ตกตอนลา่ ง และภาคใต้ เขตทมี่ คี วามรนุ แรงปานกลาง สภาพของแผ่นดินไหวคนรสู้ กึ ได้ ส่งิ ของในหอ้ งตกหล่น ตึกรา้ ว ระดบั ความสัน่ สะเทือน VII - VIII เมรก์ ัลลี ท�าใหส้ งิ่ ก่อสรา้ งเสยี หาย บรเิ วณทอ่ี าจเกิดขนึ้ ได ้ ได้แก ่ ภาคเหนอื และภาคตะวนั ตกท่ีมีชายแดนตดิ ต่อกบั ประเทศเมียนมาจนถึงจงั หวดั กาญจนบรุ ี แนวทางปอ้ งกนั และระวงั ภัยจากแผน่ ดนิ ไหว การเกิดแผ่นดินไหวไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ แต่บริเวณใดท่ีเป็นจุดเส่ียงต่อการเกิด แผน่ ดนิ ไหว ไดแ้ ก ่ รอยตอ่ ของแผน่ เปลอื กโลก และรอยเลอ่ื นมพี ลงั สามารถหาขอ้ มลู ไดจ้ ากหนว่ ยงาน ทเี่ กยี่ วขอ้ ง เชน่ กรมธรณวี ทิ ยา กรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา เปน็ ตน้ ดงั นนั้ การระวงั ภยั พบิ ตั จิ ากแผน่ ดนิ ไหว จึงเปน็ เพียงการลดความสูญเสยี เทา่ นนั้ ขอ้ ปฏบิ ตั ิในการปอ้ งกนั ตนเองจากภยั แผ่นดินไหว มดี ังนี้ 1. บุคคลที่อยู่บริเวณจุดเส่ียงต่อการเกิดแผ่นดินไหว ควรจัดเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภค ยารกั ษาโรคไวใ้ ห้พรอ้ ม 2. ขณะเกดิ เหตแุ ผน่ ดนิ ไหวหา้ มใชล้ ฟิ ตเ์ พราะไฟฟา้ อาจดบั ได ้ และควรมดุ ลงใตโ้ ตะ๊ ทแี่ ขง็ แรง เพอ่ื ปอ้ งกนั สงิ่ ของรว่ งหลน่ ทบั 3. หากอยภู่ ายนอกอาคารใหห้ ลกี เลยี่ งการอยใู่ กลเ้ สาไฟฟา้ กา� แพง และอาคารสงู หากอย่ใู กล้ ชายฝงั่ ทะเลให้รบี ข้นึ ทส่ี ูงทหี่ า่ งจากชายฝ่งั เพราะอาจเกิดคลน่ื สึนามไิ ด้ 4. ควรออกแบบอาคารและสง่ิ กอ่ สรา้ งใหส้ ามารถรบั แรงแผน่ ดนิ ไหวขนาดใหญไ่ ด้ 5. ควรมีการฝึกซ้อมการหลบภัยแผ่นดินไหวในแต่ละชุมชนหรือหน่วยงานท่ีอยู่ในพ้ืนที่ เสี่ยงภยั แผน่ ดินไหว 73 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT บรู ณาการอาเซียน บคุ คลใดปฏบิ ตั ิตนตามแนวทางการระวงั ภัยจากแผนดินไหวไดอ ยางถกู ตอง ครสู ามารถใหน ักเรยี นศกึ ษาคนควาเพิ่มเตมิ เกยี่ วกบั การเกดิ ภยั พบิ ตั ิทาง 1. หลยุ สรบี ลงจากตึกสงู โดยใชล ฟิ ต ธรรมชาติ เชน แผนดินไหว ภเู ขาไฟปะทรุ ะเบดิ หรืออุทกภัย ในประเทศภูมภิ าค 2. จอหนหลบภยั บริเวณชายฝง ทะเล เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต จากแหลง การเรียนรูที่ครูเสนอแนะ คนละ 1 เหตกุ ารณ 3. เจมสคน หาสิง่ อุปโภคบริโภคเมือ่ เกดิ ภัย แลวสุมใหน ักเรยี นออกมานาํ เสนอผลการศึกษาคน ควา ท่หี นาชนั้ เรยี น จากนั้น 4. ลโี อเขา รวมฝกซอ มการหลบภัยแผน ดนิ ไหว อภปิ รายรวมกนั กับนกั เรยี นถึงแนวทางการประสานความรวมมอื ระหวางประเทศ เพอ่ื การเฝา ระวงั และการฟน ฟพู ื้นทปี่ ระสบภยั เพื่อบรู ณาการอาเซียนในเรอื่ งภัยพิบัติ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ลีโอเขา รว มฝก ซอ มการหลบภยั แผนดนิ ไหว ทางธรรมชาตทิ ่มี ักเกิดขึ้นในภมู ภิ าค รวมถงึ แนวทางการปองกนั และแกไ ขปญ หา รว มกนั ตามกรอบความรว มมอื ประชาคมอาเซียน เปน แนวทางการระวังภยั จากแผน ดนิ ไหวทถ่ี ูกตอง เน่อื งจากเมือ่ ประสบภยั ลีโอจะสามารถปฏิบตั ติ นไดอยา งเหมาะสม สว นบุคคลอืน่ ลว นปฏิบตั ิตน ไมถกู ตองตามแนวทางการระวงั ภัยจากแผนดินไหว เชน การรีบลงจากตกึ สูง โดยใชลฟิ ตข องหลุยสซ งึ่ อาจจะตดิ อยูใ นลฟิ ต เน่ืองจากกระแสไฟฟาขดั ของได เปน ตน คูมือครู 73

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสนทนากบั นักเรียนเกีย่ วกับภูเขาไฟท่ี ภÙà¢าไฟ (Volcano) นักเรยี นไดศึกษามา แลว สมุ นักเรยี น 1 กลมุ เพื่อใหชว ยกนั อธบิ ายความรเู กี่ยวกับภูเขาไฟ ภูเขาไฟเป็นภูเขาท่เี กดิ ขึ้นจากการปะทขุ องหนิ หนดื แก๊ส และเถา้ ธุลจี ากใต้เปลือกโลกแล้ว ปะทุ โดยชว ยกนั วาดภาพการเกิดภเู ขาไฟและ ปรากฏตวั เปน็ สภาพภมู ปิ ระเทศใหม่ ภเู ขาไฟมที ง้ั ทด่ี บั แลว้ และทย่ี งั มพี ลงั อยู่ ซงึ่ ภเู ขาไฟทยี่ งั มพี ลงั การปะทุระเบิดทก่ี ระดานหนาชน้ั เรยี นพรอ ม เป็นภูเขาไฟทม่ี ีการปะทุ หรอื ดบั ชั่วคราว อาจปะทใุ หม่ได้อกี ปจั จบุ นั ทัว่ โลกมีภเู ขาไฟท่ีมพี ลงั อยู่ ท้ังอธิบายความรู จากน้ันครูใหนกั เรียนกลุม อ่ืน ประมาณ 1,300 ลูก และมีภเู ขาไฟที่ดับแลว้ เป็นจา� นวนมาก สอบถามขอสงสยั จนเกิดความเขาใจทถ่ี ูกตอ ง ตรงกนั สาเหตกุ ารเกดิ ภเู ขาไฟปะทุ 2. ครูตงั้ ประเดน็ อภปิ รายเกยี่ วกบั ปจจัยการปะทุ และแกภส๊ ูเขส1ะาสไฟมตปวัะมทาเุ กกิดขจนึ้ าเกรอ่ืกยารๆสจะนสมกอ่ขใอหงเ้คกวดิ าคมวราอ้มนดในั ต้เคปวลาือมกรโอ้ ลนกสงูทเ�ามใหอ่ื ถ้หงึินจหดุ นหดืนง่ึ (กmจ็ aะgปmะทa)อุ อไอกนม้า�า ระเบดิ ของภูเขาไฟ เพอ่ื ใหนกั เรียนกลุมเดิม ความรนุ แรงของการปะทขุ ้ึนอยกู่ บั ความดนั ของไอน้า� และความหนดื ของหนิ หนืด ถ้าหนิ หนืดข้น อธบิ ายความรู เชน มาก ๆ อัตราความรนุ แรงของการปะทุกจ็ ะรุนแรงมากตามไปดว้ ย เมอ่ื ภเู ขาไฟปะทุ หินหนดื แกส๊ • ความสัมพนั ธข องแมกมาและลาวากบั การ ฝนุ่ ละออง และเถา้ ถา่ นตา่ ง ๆ จะถกู พน่ ออกมาจากปลอ่ งภเู ขาไฟ มองเหน็ เปน็ กลมุ่ ควนั มว้ นลงมา ปะทุระเบิดของภเู ขาไฟ สว่ นไอน้า� จะควบแน่นกลายเป็นน้า� น�าเอาฝุ่นละอองและเถา้ ถ่านต่าง ๆ ที่ตกลงมาด้วยกนั ไหลบ่า • โครงสรา งของโลกกับการปะทุระเบดิ ของ กลายเปน็ โคลนทว่ มในบรเิ วณเชงิ เขาตา�่ ลงไป ยงิ่ ถา้ ภเู ขาไฟมหี มิ ะคลมุ อยู่ กจ็ ะละลายหมิ ะนา� โคลน ภูเขาไฟ มาเปน็ จ�านวนมากได้ • การเปล่ยี นแปลงทางธรณีสณั ฐานของโลก : สาเหตแุ ละผลกระทบของภเู ขาไฟปะทุระเบดิ สถาในนกยา่ารนณภเูก์ ขาารไเฟกข2ดิ อภงเูโขลากไยฟังมปีปะทราุ กฏการณ์ภูเขาไฟปะทอุ ยู่อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ซง่ึ เปน็ สิง่ ท่ชี ้ีชัดว่า ภายในเปลือกโลกยงั มมี วลหินหนดื หลอมละลายอยอู่ กี และพยายามหาทางระบายความรอ้ นดงั กลา่ ว ตวั อยา่ งการปะทขุ องภเู ขาไฟทเ่ี กดิ ขนึ้ ในประเทศตา่ ง ๆ เชน่ ภเู ขาไฟมาโยนในประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ ไดพ้ น่ เศษเถา้ ถา่ นสูท่ อ้ งฟา้ เมอ่ื วนั ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ไดม้ กี ารอพยพประชาชนออกนอก พน้ื ทแี่ ตป่ รากฏวา่ ภเู ขาไฟไมป่ ะทุ เมอื่ วนั ท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2553 ภเู ขาไฟเตอรเ์ รยี ลบาในประเทศ คอสตารกิ า ไดพ้ น่ หมอกควนั และปะทลุ าวารอ้ น ท�าให้เกิดไฟไหม้ป่าข้ึน ส่งผลให้ประชาชน จ�านวนมากต้องอพยพออกจากพ้ืนท่ีเสี่ยงภัย และนับต้ังแต่วันท่ี 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ภเู ขาไฟเมอราปี บนเกาะชวา ประเทศอนิ โดนเี ซยี ได้ปะทุอย่างรุนแรงหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้ เสียชีวิตมากกว่า 300 คน ต้องมีการอพยพ ประชาชนราว 90,000 คน ออกจากพื้นทเ่ี สย่ี ง ภูเขาไฟมาโยน บนเกาะลูซอน ประเทศฟลิปปนส์ ภัย และมีทรัพยส์ นิ เสียหายจา� นวนมาก 74 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การศึกษาเกี่ยวกบั ภเู ขาไฟทมี่ ีพลงั ในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต 1 แกส การปะทรุ ะเบดิ ของภเู ขาไฟมแี กสซงึ่ เปน อันตรายตอ รางกายมนุษย ควรดาํ เนนิ การในประเทศใดบา ง จนถงึ ขั้นเสียชีวิต เชน แกสซลั เฟอรไ ดออกไซด แกสไฮโดรเจนคลอไรด และแกส 1. อนิ โดนเี ซยี ฟล ิปปน ส ไฮโดรเจนซัลไฟด โดยจากสถติ ิท่ีรวบรวมไวใ นระหวาง ค.ศ.1900-1986 ปรากฏวา 2. กัมพูชา อินโดนเี ซีย มีผูเสียชีวติ จากแกสท่ีพวยพงุ ออกมาจากการปะทรุ ะเบดิ ของภเู ขาไฟคิดเปนรอยละ 3 3. ฟล ิปปนส ไทย ของผเู สยี ชีวติ ทัง้ หมด 4. ไทย กมั พชู า 2 ยานภูเขาไฟ ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตพ บมากในบริเวณประเทศ วิเคราะหคาํ ตอบ การศึกษาเก่ียวกบั ภเู ขาไฟทย่ี ังมพี ลังในภูมภิ าคเอเชีย อินโดนเี ซียและประเทศฟล ิปปน ส เนือ่ งจากทง้ั สองประเทศตงั้ อยูในแนวรอยเลอ่ื น ตะวนั ออกเฉยี งใตควรดําเนนิ การในประเทศท่เี ปน แหลง ของภเู ขาไฟ ซึง่ ขนาดใหญร ะหวางแผนเปลือกโลกยูเรเชีย (The Eurasian plate) กบั แผน เปลือกโลก ไดแ ก ประเทศอนิ โดนีเซยี มภี เู ขาไฟท่ียังมพี ลงั ประมาณ 33 ลูก และประเทศ ออสเตรเลยี (Australian plate) ซงึ่ เปน สว นหนงึ่ ของแนววงแหวนไฟแปซฟิ ก ตวั อยา งของ ฟล ิปปน ส มภี เู ขาไฟที่ยงั มีพลงั ประมาณ 25 ลูก ดังนั้นคาํ ตอบคือ ขอ 1. ภเู ขาไฟทมี่ พี ลงั เชน ภเู ขาไฟเมราป แทมโบรา และกรากะตวั ในประเทศอนิ โดนเี ซีย ภเู ขาไฟพนิ าตโู บ มาโยน และทาอลั ในประเทศฟลิปปนส เปนตน 74 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ภูเขาไฟกระจัดกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของโลก มีท้ังภูเขาไฟท่ียังมีพลังและภูเขาไฟท่ี ครตู ั้งคําถามเกย่ี วกบั สถานการณภ ูเขาไฟปะทุ ดบั สนทิ แลว้ ระเบิด เพอ่ื ใหนักเรียนกลุมเดิมชว ยกันอธิบาย ความรู เชน ภàÙ ¢าไฟปÐทØครéงั สÓคÞั ¢องโลก มารต์ นิ ก� พ.ศ.2445 อติ าลี พ.ศ.622 ภมีผเู ขู้เสาียไชฟีวิตเป2อ8เ,ล000 คน มภีผูเขู้เสายี ไชฟีวิตเว1ซ6ูเ,ว0ีย0ส0 คน • จากการศึกษาเกยี่ วกบั สถานการณภูเขาไฟ ญ่ปี นุ่ พ.ศ.2335 ปะทุ ในภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต ภมีผเู ขู้เสายี ไชฟวี ติ อ1นุ 4เซ,5น00 คน ภยั พบิ ตั นิ มี้ ักเกดิ ในประเทศใดบาง อธบิ าย พรอมยกตัวอยางประกอบพอสังเขป ฟลปิ ปนส์ พ.ศ.2534 (แนวตอบ ประเทศในภมู ิภาคเอเชียตะวนั - มภีผเู ขู้เสายี ไชฟีวติ พ8ิน0า3ตโู คบน ออกเฉยี งใตท ่ีมกั ประสบกับภัยภเู ขาไฟ ปะทรุ ะเบดิ ไดแก ประเทศฟล ปิ ปนส และ อนิ โดนเ� ซยี พ.ศ.2358 ประเทศอนิ โดนีเซีย เน่อื งจากท้ังสองประเทศ มภผีเู ขเู้ สายี ไชฟีวิตต9ัม2โบ,0ร0า0 คน ตั้งอยใู นบริเวณรอยเลือ่ นขนาดใหญทีย่ งั ทรง อนิ โดนเ� ซยี พ.ศ.2426 โคลมั เบยี พ.ศ.2528 พลังทีเ่ รยี กวา แนววงแหวนไฟแปซฟิ ก ซงึ่ ยงั มภีผูเขเู้ สายี ไชฟีวิตก3รา6ก,0ะ0ต0วั คน มภีผเู ขู้เสายี ไชฟีวิตเน2ว3า,ด0า00เดคลนรซุ มกี ารเคล่อื นตัวของแผน เปลอื กโลกอยูตลอด เวลา ตัวอยา งการปะทขุ องภเู ขาไฟในสอง ในประเทศไทยมีภูเขาไฟอยู่ในทุกภูมิภาค ลักษณะของภูเขาไฟส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟรูปโล่1 ประเทศนี้ เชน การปะทุของภูเขาไฟมาโยน ประเทศฟล ิปปนส เมื่อวันท่ี 24 ธนั วาคม (shield volcano) ซงึ่ เปน็ ภเู ขาไฟทมี่ คี วามลาดชนั นอ้ ยประมาณ 4-10 องศา ภเู ขาไฟแบบนเี้ กดิ เนอื่ งจาก พ.ศ.2552 ซึง่ กอ ใหเกิดเถา ถานปกคลุมใน การไหลลามของลาวาแบบบะซอลตซ์ งึ่ คอ่ นขา้ งเหลวและไหลไดง้ า่ ย จงึ ไหลแผอ่ อกไปเปน็ บรเิ วณกวา้ ง บรรยากาศ การปะทุอยางรุนแรงหลายครง้ั ภเู ขาไฟในหลายภมู ิภาคของไทยเป็นภเู ขาไฟท่ดี ับแลว้ พบได้ในจงั หวดั ต่าง ๆ ดังนี้ ของภเู ขาไฟเมราป ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ วนั ท่ี 26 ตุลาคม พ.ศ.2553 สงผลใหม ีผู ภาคเหนอื พบในเขตจงั หวดั ลา� ปาง เชียงราย แพร่ นา่ น และอตุ รดิตถ์ เสยี ชีวติ จํานวนมาก และทรัพยสินเสียหาย) ภาคกลาง พบในเขตจงั หวดั สโุ ขทยั ก�าแพงเพชร เพชรบรู ณ์ สระบุรี และลพบรุ ี ภาคตะวันออก พบในเขตจงั หวดั ปราจนี บุรี จันทบุรี นครนายก และตราด ภาคตะวันตก พบในเขตจงั หวัดกาญจนบรุ แี ละจังหวดั ตาก ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื พบในเขตจงั หวัดนครราชสีมา ศรสี ะเกษ อบุ ลราชธานี บรุ ีรัมย์ สุรนิ ทร์ และเลย àÃÍè× §¹‹ÒÌ٠ภเู ขาไฟปะทคุ รงั้ ใหญ ภเู ขาไฟกรากะตวั (Krakatoa) ตง้ั อยู่บนเกาะกรากะตวั ในช่องแคบซุนดา ระหว่างเกาะชวนกับเกาะสมุ าตรา ของประเทศอนิ โดนเี ซยี การปะทคุ รงั้ ใหญข่ องภเู ขาไฟลกู นเี้ กดิ ขนึ้ เมอ่ื วนั ท่ี 27 สงิ หาคม พ.ศ. 2426 มบี นั ทกึ ไวว้ า่ ควนั และเถ้าถา่ นพุ่งขน้ึ ไปในอากาศสงู ถงึ 70 กโิ ลเมตร และเกดิ คลืน่ สนึ ามิเขา้ ซัดเมอื งใหญน่ ้อยบนเกาะตา่ งๆ เสียหาย อย่างหนักจนหมดส้ิน ภูเขาไฟปะทุและสึนามิทำาให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 36,000 คน สึนามิได้พัดพาแพจากเกาะ กรากะตวั ลอยไปไกลถงึ เกาะทางด้านตะวันออกของทวปี แอฟรกิ าตะวนั ออกซงึ่ อยหู่ า่ งออกไป 4,800 กโิ ลเมตร 75 บรู ณาการเช่ือมสาระ นักเรยี นควรรู ครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรูบ ูรณาการกลมุ สาระการเรียนรู 1 ในประเทศไทย แมป ระเทศไทยไมไ ดอ ยใู นแนววงแหวนไฟแปซฟิ ก วิทยาศาสตร วิชากระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก ดาราศาสตร และอวกาศ แตหินหนดื ใตแ ผนเปลือกโลกท่ปี ะทขุ ึน้ ตามรอยแตกตางๆ มีหลักฐานปรากฏเปน เรื่องกระบวนการเปลีย่ นแปลงทางธรณภี าคของโลก โดยใหนักเรยี นชวยกัน ภูเขาไฟท่ดี บั แลว อยูทว่ั ทกุ ภูมิภาค โดยเฉพาะทางใตข องภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ อธิบายการเกิดแผนดินไหว ภเู ขาไฟระเบิด และสนึ ามิ ตามหลักการทาง เชน เขากระโดงและเขาใหญ จังหวดั บุรรี มั ย มลี ักษณะทางธรณสี ัณฐานของปากปลอง วทิ ยาศาสตร แลวครแู ละนักเรยี นชว ยกันสรุปกระบวนการเกิดภัยพบิ ตั ทิ าง ภเู ขาไฟทีด่ ับแลว และหนิ อัคนี หินบะซอลตซง่ึ มีรปู ทรงและสารประกอบแรธาตุตางๆ ธรรมชาตใิ นสวนของธรณีภาคดงั กลาว เพ่อื ใหนักเรียนเกิดความรูค วามเขา ใจ จากหนิ หนดื เหลวรอนท่ปี ะทุจากใตพ นื้ พภิ พ ถงึ กระบวนการเกดิ ลักษณะของภยั พิบตั ิ อันจะนาํ ไปสแู นวทางการปอ งกนั หรอื บรรเทาความรุนแรงของผลกระทบจากภัยพบิ ัตินนั้ ไดจากกระบวนการ มมุ IT ทางวทิ ยาศาสตร ศกึ ษาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับลกั ษณะทางธรณีวิทยา ปรากฏการณท างธรณวี ิทยา รวมถึงแผน ดนิ ไหวและภูเขาไฟในประเทศไทยไดท่ี http://www.dmr.go.th/ewtad- min/ewt/dmr_web/main.php?filename=index_geo เว็บไซตกรมทรพั ยากรธรณี คูม อื ครู 75

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูตง้ั คาํ ถามถามนกั เรียนวา ผลกระทบจากการเกดิ ภเู ขาไฟปะทุ • ลกั ษณะของภูเขาไฟในประเทศไทยเปน อยา งไร อธบิ ายพรอ มยกตวั อยางประกอบ เมอ่ื เกิดภเู ขาไฟปะทุ ทา� ใหเ้ กดิ ผลกระทบ ดงั น้ี พอสังเขป 1. ทา� ใหเ้ กดิ แรงสนั่ สะเทอื น มที ง้ั การเกดิ แผน่ ดนิ ไหวเตอื น แผน่ ดนิ ไหวจรงิ และแผน่ ดนิ ไหว (แนวตอบ ภเู ขาไฟในประเทศไทยมีอยใู นทว่ั ตดิ ตาม ถา้ ประชาชนไปตั้งถ่นิ ฐานอยใู่ นเชงิ ภูเขาไฟอาจหนีไม่ทนั และอาจทา� ให้เกดิ ความสญู เสยี ทกุ ภูมภิ าค โดยมลี ักษณะเปน ภเู ขาไฟรปู โล แกช่ ีวติ และทรพั ย์สินได้ ทมี่ ีความลาดชนั นอ ย อนั เกดิ จากการไหล 2. การเคลื่อนที่ของลาวา อาจไหลออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟและเคล่ือนที่เร็วถึง 50 ของลาวาแบบบะซอลตออกเปนบรเิ วณกวา ง กโิ ลเมตรตอ่ ช่ัวโมง มนุษยแ์ ละสตั ว์อาจหนีภยั ไมท่ ันและเกิดความสญู เสยี อยา่ งใหญห่ ลวง อยางไรก็ตามภูเขาไฟสว นใหญในประเทศไทย 3. การเกิดฝุ่นภูเขาไฟ เถ้า มูล ภูเขาไฟ ปะทุข้ึนสู่บรรยากาศครอบคลุมอาณาบริเวณ เปน ภเู ขาไฟที่ดับหรอื สงบแลว ตวั อยางของ ใกล้ภเู ขาไฟ และลมอาจพดั พาไปไกลจากแหล่งภเู ขาไฟปะทหุ ลายพันกิโลเมตร ทา� ใหเ้ กดิ มลพษิ จงั หวดั ทมี่ ภี เู ขาไฟในแตล ะภาค เชน จังหวัด ทางอากาศและทางน้�า ในแหล่งน้�ากินน้�าใช้ของประชาชน เมอ่ื ฝนตกหนักอาจเกิดน�้าท่วมและ ลาํ ปาง จังหวัดเชียงรายในภาคเหนือ จังหวัด โคลนถล่มตามมาจากฝุ่นและเถ้าภูเขาไฟเหล่านั้น รวมทั้งฝุ่นภูเขาไฟได้ข้ึนไปถึงบรรยากาศ สโุ ขทัย จังหวัดกาํ แพงเพชรในภาคกลาง ช้นั สแตรโทสเฟยี ร์ ตอ้ งใชเ้ วลานานหลายปฝี ุ่นเหล่าน้ันถงึ จะตกลงบนพนื้ โลกจนหมด จงั หวดั ปราจีนบรุ ี จังหวัดจนั ทบุรใี นภาค 4. เกดิ คลน่ื สนึ ามิ ขณะเกดิ การปะทขุ องภเู ขาไฟ โดยเฉพาะภเู ขาไฟใตท้ อ้ งมหาสมทุ ร คล่นื นี้ ตะวนั ออก จงั หวดั กาญจนบรุ ี จงั หวดั ตาก อาจโถมเข้าหาฝัง่ สงู ขนาดตกึ 3 ชน้ั ขน้ึ ไป กวาดทกุ สิง่ ท้งั ผคู้ นและสิง่ ก่อสร้างลงสู่ทะเล ในภาคตะวนั ตก และจังหวัดนครราชสมี า จงั หวดั ศรีสะเกษในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) แนวทางปอ้ งกันและระวังภัยจากภเู ขาไฟปะทุ 2. ครูใหนักเรยี นกลมุ เดิมชว ยกนั อธบิ ายผลกระทบ การปอ้ งกนั และระวงั ภยั จากภเู ขาไฟปะทุ มแี นวทางสา� คญั ดังน้ี เมอ่ื เกดิ ภเู ขาไฟปะทุระเบิด โดยแบงเปนผล 1. ต้องมีการพยากรณ์ว่าภูเขาไฟจะเกิดปะทุข้ึน และเป็นอันตรายกับประชาชนหรือไม่ กระทบในดานบรรยากาศภาค ธรณีภาค โดยการประชาสัมพันธ์ การพยากรณแ์ ละเตอื นภยั ภเู ขาไฟปะทุทางวทิ ยุและโทรทัศน์ใหป้ ระชาชน อทุ กภาค และชีวภาค แลวใหน กั เรยี นกลมุ อ่นื ได้รับรู้อย่างทั่วถึง ให้ชัดเจนว่าจะเกิดข้ึนเม่ือไร ต้องมีการอพยพหรือไม่ เพราะอาจมีบางคน สอบถามขอ สงสยั จนเกิดความเขา ใจที่ถกู ตอ ง ไม่อยากอพยพจนกว่าจะมกี ารปะทุ และผคู้ นจะกลบั มาอยบู่ ้านของตนได้เร็วทีส่ ดุ เมื่อใด ตรงกนั 2. การพยากรณค์ วรเริ่มต้นดว้ ยการสงั เกต เก็บข้อมลู และวิเคราะหข์ ้อมูลโดยนกั ภเู ขาไฟ วทิ ยาทม่ี ปี ระสบการณอ์ ยา่ งจรงิ จงั เพราะภเู ขาไฟไมป่ ะทบุ อ่ ยนกั ประชาชน 2-3 พนั ลา้ นคนของโลก 3. ครสู นทนากับนกั เรียนถงึ แนวทางการปองกนั อาจไม่รวู้ า่ ได้ตง้ั ถ่นิ ฐานอยู่บนเชงิ ภเู ขาไฟทีด่ บั หรอื ไม่ดับกต็ าม ดังน้ัน การเตือนภัยลว่ งหน้า ช่วย และระวงั ภยั ท่เี กิดจากภูเขาไฟปะทุ แลวให คุ้มครองชวี ิตและทรพั ยส์ ินได้ ตวั แทนของนกั เรียนกลมุ เดิมอธิบายความรู 3. การใหค้ วามรู้แก่ประชาชน ท�าได้ตลอดเวลาท้งั ก่อน ระหว่าง และหลงั ประสบภยั พิบตั ิ เกยี่ วกบั การระวังภยั ทเี่ กิดจากภูเขาไฟปะทุ โดย จากการปะทขุ องภเู ขาไฟ แบง ออกเปนการระวังภัยของหนว ยงานท่ีมสี วน เก่ียวของทั้งภาครัฐและเอกชน และการระวงั ภัย 76 ภาคประชาชน รวมถงึ การฟน ฟพู น้ื ที่ภายหลงั ประสบภัย จากนนั้ ครเู สนอแนะหรือเพมิ่ เตมิ ขอมลู ใหถูกตอ งชัดเจนย่งิ ขึ้น เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT การปะทุระเบิดของภูเขาไฟกอใหเ กดิ ผลกระทบตอ ระบบนิเวศของอุทกภาค ครูอาจอธิบายใหน ักเรียนเขาใจถึงความสมั พนั ธร ะหวา งการเกิดแผนดินไหว ไดอยางไร ภูเขาไฟปะทุระเบิด และสนึ ามิ ซึง่ เปน ปรากฏการณภัยพิบตั ทิ างธรณีภาคเชน 1. เถา ถานทีป่ กคลมุ ทองฟาทําใหแสงแดดและความรอนไมส ามารถสอ ง เดียวกัน เชน หินหนดื เหลวรอ นทใ่ี ตแผนเปลือกโลกเปน สาเหตหุ ลกั ของภัยพิบัติใน ลงมาถงึ ผวิ นา้ํ ได สว นของธรณีภาคทัง้ แผน ดินไหว จากการเคลื่อนตัวลกั ษณะตางๆ ของแผน เปลือก 2. หินหนดื ที่ไหลลงสูท ะเลสง ผลใหล ักษณะชายฝงเกดิ การเปล่ยี นแปลง โลก ภูเขาไฟจากหนิ หนืดทีแ่ ทรกข้นึ มาจากแผน เปลือกโลก ซึง่ มีความรอ นและแรง 3. แรงสนั่ สะเทือนทําใหเกดิ คล่นื ขนาดใหญซ่งึ มผี ลตอแนวปะการัง ดนั มหาศาลจงึ ปะทรุ ะเบดิ และสรางความเสียหายใหแ กส ภาพแวดลอมและการ 4. แกสและควนั ท่ีพวยพุงจากการปะทุระเบดิ ทําใหสัตวน้ําสูญพนั ธุ ดําเนินชีวติ ของมนุษยไ ด ทงั้ น้กี ารเกดิ แผน ดินไหวและภเู ขาไฟระเบิดกลางทะเล วิเคราะหคําตอบ การปะทุระเบดิ ของภเู ขาไฟกอใหเ กดิ ผลกระทบตอ ระบบ หรือมหาสมุทรยงั กอ ใหเ กดิ สึนามซิ ึง่ เปนคลื่นขนาดใหญท ่มี ีมวลน้ําปริมาณมากและ นิเวศไดใ นหลายดาน ที่สําคัญไดแก การปลอ ยเถา ถานปกคลมุ บรรยากาศ เคลอ่ื นที่ดว ยความเร็วสูงซดั เขา ทาํ ลายพืน้ ทช่ี ายฝงทอ่ี ยใู นแนวคลืน่ ไดอกี ดวย การสน่ั สะเทือนที่แผจ ากการปะทุระเบิด และการไหลของหนิ หนืดรอนไปตาม พนื้ ผิวภมู ปิ ระเทศ ตลอดจนลงสูพ ืน้ ทช่ี ายฝงซ่ึงกอ ใหเ กดิ การเปลี่ยนของระบบ นเิ วศชายฝง ทะเลได ดงั น้นั คําตอบคอื ขอ 2. 76 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สÖนามิ (Tsunami) 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นถงึ ความรเู กย่ี วกับสึนามิ ทนี่ กั เรียนไดศ กึ ษามา แลว สุมนกั เรียน 1 กลุม สนึ ามิเปน็ ภาษาญีป่ ุ่น แปลวา่ “คลนื่ อ่าวจอดเรือ” (harbour waves) ซงึ่ สึ ค�าแรกแปลว่า เพือ่ ใหช ว ยกนั อธิบายความรูเก่ียวกับสึนามิ ท่าเรือ (harbour) ส่วนคา� ท่สี อง นามิ แปลว่า คลื่น (wave) ในบางคร้ังก็อาจเรียกว่า “seismic ผานกจิ กรรมการเรียนรตู างๆ wave” ปจั จบุ นั ใชเ้ ปน็ คา� เรยี กกลมุ่ คลนื่ ทม่ี คี วามยาวคลน่ื มาก ๆ ขนาดหลายรอ้ ยกโิ ลเมตร นบั จาก ยอดคลนื่ ทีไ่ ลต่ ามกนั ไป 2. ครใู หอธบิ ายความหมายของคําวา สนึ ามิ และชว ยกนั จดั ทาํ ผังกราฟก ปจจยั ท่ีทาํ ใหเ กิด สาเหตุการเกดิ สึนามิ สนึ ามลิ งในกระดาษโปสเตอรห รอื กระดาน หนา ชั้นเรยี น พรอ มทัง้ อธิบายปจจัยตางๆ สนึ ามเิ ปน็ คลน่ื ทะเลขนาดใหญท่ เ่ี คลอื่ นตวั สภาพความเสียหายที่เกิดจากคลื่นสึนามิ บริเวณเมือง ท่ีทาํ ใหเ กดิ สึนามิ อย่างรวดเร็วและมีพลังมาก เกิดจากมวลน�้า อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซยี เม่ือ พ.ศ. 2547 ในทะเลและมหาสมทุ รไดร้ บั แรงสน่ั สะเทอื นอยา่ ง 3. ครใู หนักเรยี นกลมุ เดมิ ชว ยกนั อธบิ ายความรู รุนแรง จนกลายเป็นคล่ืนกระจายตัวออกไป เกยี่ วกับสถานการณการเกดิ สนึ ามิ โดยการ จากศนู ยก์ ลางของการสนั่ สะเทอื นนนั้ สว่ นใหญ่ ชวยกนั ตอบคําถามทคี่ รตู ง้ั ตัวอยา งขอ คาํ ถาม มักเกิดข้ึนเม่ือมีแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ท้องทะเล เชน แตก่ อ็ าจเกดิ จากสาเหตอุ นื่ ๆ ได้ เชน่ การปะทุ • ภาษาที่ใชใ นการต้ังชอื่ การเกิดสึนามิ ของภเู ขาไฟบนเกาะหรอื ใตท้ ะเล การพงุ่ ชนของ สัมพันธกบั แหลงทม่ี ักเกิดสนึ ามอิ ยา งไร กอาุกรกทาดบลาอตงขรนะเาบดดิ ในหวิญเค่ลลงยบี รนใ์1พตท้้ืนะนเล้�าในเปมน็ หตาน้ สมุทร (แนวตอบ ญ่ปี ุน เปนประเทศทม่ี ักไดร ับ ผลกระทบจากสึนามทิ ีส่ ว นใหญเ กดิ ขน้ึ ใน บริเวณท่ีมักเกิดคล่ืนสึนามิ 2คือ ในมหาสมุทรแปซิฟิก สถานการณก์ ารเกิดสึนามิ มหาสมุทรแปซฟิ ก สึนามิจงึ มาจากภาษา ญปี่ นุ ท่แี ปลวา คลืน่ อา วจอดเรือ อยา งไร โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นมักได้ กต็ ามใน พ.ศ. 2547 กไ็ ดเ กดิ สึนามิใน รับภัยจากสึนามิบ่อยคร้ัง ส่วนในทะเลอันดามันของมหาสมุทรอินเดียน้ันไม่ค่อยเกิดสึนามิที่ มหาสมทุ รอนิ เดยี จากแผน ดนิ ไหวใน รนุ แรงบอ่ ยนกั จนเมอ่ื วนั ที่ 26 ธนั วาคม พ.ศ. 2547 ไดเ้ กดิ สนึ ามทิ รี่ นุ แรงมาก มจี ดุ กา� เนดิ อยใู่ นทะเล มหาสมุทรทางตะวันตกเฉียงเหนอื ของเกาะ ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ในประเทศ สมุ าตรา ประเทศอินโดนีเซยี ซงึ่ กอ ใหเ กิด อนิ โดนเี ซยี แลว้ แผข่ ยายไปในทะเลอนั ดามนั จน ความเสียหายใหแ กห ลายประเทศในแถบนี้ ไปถงึ ฝง่ั ตะวนั ออกของทวปี แอฟรกิ า สง่ ผลใหม้ ี รวมทั้งประเทศไทย) ผเู้ สยี ชวี ติ มากกวา่ 200,000 คน ใน 11 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย เมียนมา อนิ เดยี บังกลาเทศ ศรลี ังกา มัลดฟี ส์ โซมาเลีย แทนซาเนยี และเคนยา ในประเทศไทยมีผูเ้ สยี ชวี ิตประมาณ 5,400 คน ใน 6 จงั หวัดภาคใต้ ท่ีอยู่ติดชายฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ จังหวัด เกาะพีพดี อน จังหวัดกระบ่ี ได้รับความเสยี หายอย่างมาก ระนอง พงั งา ภเู กต็ กระบี่ ตรงั และสตลู ภายหลงั เกดิ คลน่ื สนึ ามิ เมอ่ื พ.ศ. 2547 77 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู คาํ วา “สึนาม”ิ สะทอนถึงลกั ษณะการเกิดในขอ ใด 1 การทดลองระเบิดนวิ เคลียร เกิดขึ้นคร้งั แรกโดยรฐั บาลของสหรัฐอเมรกิ าใน 1. การเกดิ ทางตะวันตกของมหาสมทุ รแปซฟิ ก และสรา งความเสยี หายใหแก โครงการแมนฮตั ตัน เม่อื พ.ศ. 2488 ณ รฐั นิวเมก็ ซิโก ท่ีหางไกลจากแหลง ชมุ ชน อนั นาํ มาซง่ึ การใชเพื่อเรงยตุ ิสงครามโลกครงั้ ที่ 2 โดยการทิ้งระเบดิ นวิ เคลียรท ่เี มือง ญ่ีปุน ฮโิ ระชิมะและนะงะซะกิของญี่ปุน 2. นานาชาตติ ้งั ชอื่ เพอ่ื เปน เกยี รตแิ กชาวญปี่ ุนทีค่ น พบวธิ ีการยับย้ังสนึ ามไิ ด 2 บรเิ วณทม่ี ักเกดิ คล่ืนสึนามิ จากการรวบรวมเชิงสถิตขิ องการเกดิ สนึ ามิทว่ั โลก 3. เกดิ ขึน้ ครั้งแรกจากการตกของอกุ กาบาตลงในมหาสมทุ รแปซิฟก พบวา สึนามิมกั เกิดในบรเิ วณท่ีเปน แหลงกาํ เนดิ แผน ดินไหวขนาดใหญในทะเลและ 4. ญปี่ ุน เปนชาติแรกท่ีไดร บั ผลกระทบจากคล่นื สึนามิ มหาสมุทรตามแนววงแหวนไฟแปซิฟก โดยคิดเปน รอยละ 25.4 ของการเกิดสนึ ามิ วเิ คราะหคาํ ตอบ สนึ ามิมักเกิดในมหาสมทุ รแปซิฟก และสรา งความเสยี หาย ทัง้ หมด อยา งไรกต็ ามบรเิ วณอ่ืนๆ กเ็ กดิ สึนามไิ ดดวยเชนกัน ไดแ ก หมเู กาะในเอเชยี ใหแกญป่ี ุน สึนามิ จึงมาจากภาษาญ่ปี ุน คอื คาํ วา สึ แปลวา ทา เรอื รวมกบั ตะวันออกเฉยี งใต บริเวณทะเลของญ่ปี นุ และสหพนั ธรัฐรสั เซยี และทะเลแคริบเบยี น โดยคิดเปน รอยละ 20.3 18.6 และ 13.8 ของการเกิดสึนามิทง้ั หมด ตามลาํ ดับ คาํ วา นามิ แปลวา คล่นื จึงแปลวา คล่นื อา วจอดเรือ ดงั นนั้ คําตอบคอื ขอ 1. คมู อื ครู 77

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรียนกลมุ เดิมตอบคําถามทค่ี รูต้ัง ตัวอยา ง ผลกระทบจากการเกดิ สนึ ามิ ขอ คาํ ถามเชน • ประเทศไทยไดร ับผลกระทบจากการเกดิ ผลของคลื่นสนึ ามทิ ี่มตี อ่ สงิ่ แวดล้อมและสังคม มดี งั น้ี สึนามิอยา งไร 1. สง่ ผลใหส้ ภาพพนื้ ทชี่ ายฝง่ั ทะเลเปล่ยี นแปลงไปในชว่ งเวลาอันส้นั (แนวตอบ การเกิดสึนามจิ ากแผนดินไหว 2. ทา� ใหส้ ญู เสยี ทงั้ ชวี ติ และทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น บ้านเรือนเสียหาย ระบบสาธารณูปโภค ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ถกู ท�าลาย เปน็ ต้น ประเทศอินโดนเี ซยี ใน พ.ศ. 2547 กอใหเ กดิ 3. สง่ ผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศ เชน่ สัตวน์ า้� บางประเภทเปล่ียนท่ีอยู่อาศยั เป็นตน้ สึนามซิ ัดเขา ทําลายพน้ื ทช่ี ายฝง ของหลาย 4. กระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน เช่น การท�าประมง การค้าขายบริเวณ ประเทศท่ีตดิ ตอกับมหาสมทุ รอินเดีย โดย ชายหาด เป็นต้น ชายฝงทะเลอนั ดามันของประเทศไทย ซงึ่ เปน 5. ส่งผลกระทบตอ่ ธรุ กิจการท่องเทีย่ ว ทา� ให้นักทอ่ งเที่ยวลดลง แหลงทอ งเทยี่ วทางธรรมชาติที่สําคญั กไ็ ดร ับ ผลกระทบอยา งรนุ แรง คือ มีผูเสยี ชวี ิตทัง้ 1 กอ่ น หลงั ชาวไทยและชาวตางประเทศราว 5,400 คน ส่งิ กอ สรางตา งๆ ท้ังอาคาร บานเรอื น ภาพจากดาวเทยี ม IKONOS เปรียบเทยี บกอ่ นและหลงั ประสบภยั คลน่ื สนึ ามิ บรเิ วณหาดกะรน ตำาบลกะรน อำาเภอเมือง โรงแรม และระบบนิเวศชายฝง เกิดความ จังหวดั ภูเกต็ เมื่อเดอื นธันวาคม พ.ศ. 2547 เสยี หายอยางประเมนิ คา มิได) แนวทางปอ้ งกันและระวังภยั จากสนึ ามิ 2. ครใู หนกั เรยี นกลุมเดิมสง ตวั แทน 2 คน เพอื่ นาํ เสนอการระวงั ภยั จากสนึ ามทิ ่หี นา ชนั้ เรยี น โดยแบงหนา ทนี่ าํ เสนอการระวงั ภัยของผูทอ่ี ยู บรเิ วณชายฝง และการระวงั ภัยของผูท่ีอยใู น เรือกลางทะเลในรปู แบบตางๆ เชน การแสดง บทบาทสมมติ ตารางนาํ เสนอขอ มลู หรอื รปู แบบ อ่นื ๆ ตามความสามารถและความสนใจ วธิ ีสงั เกตและป้องกันตนจากคลื่นสึนามิ มีดังน้ี 1. เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขณะที่อยู่ในพ้ืนท่ีจังหวัดติดชายทะเล ต้องระลึกเสมอว่า อาจเกิด สึนามิตามมา เพือ่ จะได้เตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมทกุ เม่ือ 2. สังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง เช่น มีการลดระดับน้�าทะเลท่ีผิดปกติ ให้รีบอพยพ ครอบครวั และสตั วเ์ ลี้ยงขึน้ ท่สี งู เป็นตน้ 3. ถ้าอยใู่ นเรือซ่ึงจอดอยใู่ กลก้ ับชายฝั่งให้รีบน�าเรือออกไปกลางทะเล 4. หลกี เลย่ี งการกอ่ สรา้ งใกลช้ ายฝง่ั ในบรเิ วณทม่ี คี วามเสยี่ งสงู หากจา� เปน็ ตอ้ งมกี ารกอ่ สรา้ ง ควรมีโครงสร้างแข็งแรง 78 5. ตดิ ตามขา่ วทางราชการอยา่ งใกลช้ ดิ และวางแผนในการซอ้ มรบั ภยั จากสนึ ามิ นักเรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ดาวเทยี ม IKONOS ไดรบั การสรางและปลอ ยขึน้ สูวงโคจรรอบโลก เม่ือ ครอู าจใหนักเรยี นวิเคราะหแ ละเปรียบเทียบภาพจากดาวเทียมแสดง ค.ศ.1999 จากความรว มมอื ของหนวยงานภาครฐั และเอกชนของชาตติ า งๆ พ้ืนท่หี าดกะรน จังหวัดภูเกต็ กอนและหลังประสบภัยจากสนึ ามิ แลวบันทึก รวมถงึ ประเทศไทย มวี ัตถุประสงคเ พ่ือเก็บขอ มูลสําหรบั การทาํ แผนท่ี การจดั การ ผลการวิเคราะหแ ละเปรียบเทียบสงครผู สู อน ใชประโยชนทดี่ ิน และการวางผงั เมอื ง โดยคําวา IKONOS มที ี่มาจากภาษากรีก แปลวา ภาพ เนอ่ื งจากขอมูลและภาพจากดาวเทียมรายละเอียดสงู นน้ั มีประโยชน กิจกรรมทา ทาย ตอการจัดการพ้นื ทีใ่ นปจ จุบันเปนอยางมาก ครูอาจมอบหมายใหน ักเรียนวเิ คราะหแ ละเปรยี บเทยี บภาพจาก มมุ IT ดาวเทยี มแสดงพนื้ ท่ีชายฝง ที่ประสบภัยสนึ ามิ โดยศึกษาคนควาจากแหลง การเรยี นรตู างๆ เชน http://www.gisthai.org/ เว็บไซตศูนยว จิ ยั ศกึ ษาขอมูลการจดั ทาํ ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตรเ พ่ือการจดั การภัยพิบตั สิ ึนามิ ภูมสิ ารสนเทศเพ่อื ประเทศไทย แลว บนั ทกึ ผลการวเิ คราะหและเปรยี บเทยี บ เพม่ิ เตมิ ไดที่ http://www.seismology.tmd.go.th/CU-TMD/index.html สง ครูผูสอน เว็บไซตโ ครงการจดั ทําฐานขอ มลู แหงชาติเพ่ือการปอ งกนั และบรรเทาภยั พิบัติจาก แผน ดนิ ไหวและสึนามิ 78 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู อทØ กภัย (Flood) 1. ครสู นทนากับนักเรยี นถงึ ความหมายของ อทุ กภยั ท่ีนักเรยี นไดศ ึกษามา แลว สมุ นกั เรียน ภยั ทเี่ กดิ จากนา�้ ทว่ ม เปน็ เหตกุ ารณท์ น่ี า�้ ทว่ มพนื้ ทบ่ี รเิ วณใดบรเิ วณหนง่ึ เปน็ ครง้ั คราว เนอื่ งจาก 1 กลุม เพอื่ ใหช วยกนั อธบิ ายความรูเก่ยี วกับ มีฝนตกหนักหรือหิมะละลาย ท�าให้น้�าในล�าน�้าหรือทะเลสาบไหลล้นตล่ิงหรือบ่าลงมาจากที่สูง อุทกภัยผานกิจกรรมการเรยี นรูตางๆ ดงั น้ี ส่งผลให้เกิดความเสยี หายต่อชวี ิตและทรพั ยส์ ินของประชาชน 2. ครใู หนักเรยี นตวั แทนของกลมุ ออกมาเขียน สาเหตุการเกดิ อทุ กภัย สรปุ ปจ จัยท่ีทาํ ใหเกิดอุทกภยั ที่ตารางบน กระดานหนาช้นั เรยี น ตามหวั ขอ ทคี่ รูกําหนด ปจั จัยสา� คัญที่ส่งผลให้เกดิ อุทกภยั มีดังนี้ เชน ปจ จยั ทางธรรมชาติและปจ จัยจากมนุษย 1. ฝนตกหนักและต่อเน่ืองยาวนาน เนื่องจากเกิดลมพายุ ลมมรสุมมีก�าลังแรง หรือ ปจจัยจากปฏิสมั พันธท างภมู ิศาสตรดาน หย่อมความกดอากาศตา่� มกี �าลังแรง ส่งผลให้ไม่สามารถระบายน้า� ออกจากพื้นทไ่ี ดท้ ัน บรรยากาศภาค ธรณีภาค อทุ กภาค 2. พ้ืนที่เป็นท่ีราบลุ่ม บริเวณพื้นท่ีราบลุ่มแม่น�้ามักประสบปัญหาน้�าท่วมเป็นประจ�าทุกปี และชีวภาค หากมฝี นตกหนกั ต่อเน่ือง เนือ่ งจากเปน็ พนื้ ทตี่ า�่ จงึ ไมส่ ามารถระบายน้�าออกไปได้ 3. น้�าทะเลหนุน ถ้าหากมีน้�าทะเลขึ้นสูงหนุนน้�าเข้าสู่ปากแม่น�้าท�าให้น�้าเอ่อไหลล้นฝั่ง ทา� ใหเ้ กิดนา�้ ท่วมบริเวณสองฝง่ั แม่น้�า 4. พื้นที่รองรับน�้าตื้นเขิน นับเป็นมูลเหตุส�าคัญที่ท�าให้เกิดน�้าท่วม เพราะปริมาณน้�าฝน ที่ตกลงมาแต่ละปีมีปริมาณไม่แตกต่างกัน แต่ตะกอนในท้องน้�าของแม่น�้าล�าคลองและบึงมีมาก เมอ่ื ถงึ ชว่ งฤดฝู นที่มปี ริมาณนา้� มากจึงไมม่ แี หล่งกักเก็บจงึ เออ่ ท่วมพ้นื ทต่ี า่ ง ๆ 5. สิ่งกีดขวางทิศทางการไหลของน้�า ในอดีตน้�าฝนท่ีตกลงสู่พื้นดินไหลโดยอิสระลงสู่ แหล่งน�้าตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันได้มีส่ิงกีดขวางเส้นทางการไหลของน้�าทั้งในล�าน้�า เช่น ตะกอน สิ่งก่อสร้างรมิ ล�าน้�า กระชังปลา สว่ นบริเวณบนพื้นดินมกี ารสร้างถนน อาคารบา้ นเรอื น และพนื้ ทเี่ กษตรกรรมขวางทศิ ทางการไหลของนา้� นา�้ จงึ ไมส่ ามารถไหลและระบายได้ จงึ เกดิ นา�้ ทว่ ม ขึ้นตามพ้ืนที่ตา่ ง ๆ ลักษณะภมู ิประเทศทเ่ี สย่ี งต่อการเกดิ อทุ กภยั มีดงั น1ี้ บรเิ วณท่ีราบ เนินเขา มกั เกดิ อุทกภยั แบบฉบั พลัน นา้� ไหลบา่ อย่างรวดเร็วและมพี ลงั ท�าลายสงู ลกั ษณะแบบน้ี เรยี กวา่ “นา�้ ปา่ ” เกดิ ขน้ึ เพราะมนี า�้ หลาก จากภูเขา อันเน่ืองจากมีฝนตกหนักบริเวณต้นน�้า จึงท�าให้เกิดนา้� หลากท่วมฉับพลัน พน้ื ทร่ี าบลมุ่ รมิ แมน่ า้ํ และชายฝง่ั เปน็ ภยั พบิ ตั ทิ เี่ กดิ ขน้ึ ชา้ ๆ จากนา้� ลน้ ตลง่ิ เมอื่ เกดิ จะกนิ พนื้ ท่ี บริเวณกวา้ ง นา�้ ท่วมเปน็ ระยะเวลานาน บรเิ วณปากแมน่ าํ้ เปน็ อทุ กภยั ทเี่ กดิ จากนา้� ทไ่ี หลมาจากทส่ี งู กวา่ และอาจมนี า้� ทะเลหนนุ ประกอบ เม่ือมีน้ำาทะเลหนุนและมีนำ้าปาจากภาคเหนือไหลลงมา ทาำ ใหพ้ นื้ ทบ่ี รเิ วณรมิ ฝง แมน่ า้ำ เจา้ พระยาเกดิ นา้ำ ทว่ ม กบั แผ่นดนิ ทรุดจึงท�าใหเ้ กดิ น�า้ ท่วมขงั ในท่ีสุด 79 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู ขอ ใดเปนโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดําริเพื่อแกป ญหานา้ํ ทว มในพนื้ ท่ี 1 นํ้าไหลบา นํ้าจากฝนที่ตกลงมาหรือจากการชลประทาน และไมไดคงอยูใน กรุงเทพฯ และปรมิ ณฑล พนื้ ทน่ี นั้ แตไ หลออกไปทอ่ี น่ื มที ง้ั สว นทไ่ี หลออกไปบนพน้ื ผวิ ดนิ เรยี กวา นา้ํ ไหลบา 1. โครงการแกมลงิ ผิวดิน และสวนทไี่ หลซมึ ออกไปใตดิน เรยี กวา นํ้าไหลผา นใตดนิ ในกรณนี ้ําไหล 2. โครงการฝายกน้ั นาํ้ บา ผวิ ดิน หากไหลไปเปน แมนาํ้ ลําคลองเรยี กอกี อยางหนงึ่ วา นาํ้ ทา 3. โครงการเขื่อนปา สักชลสิทธ์ิ 4. โครงการเขื่อนขุนดา นปราการชล มมุ IT วเิ คราะหค ําตอบ โครงการแกม ลงิ เปนโครงการเพือ่ ชวยระบายนํา้ ลดความ รุนแรงของปญ หาน้ําทวมในพืน้ ท่เี ขตกรุงเทพฯ และบรเิ วณใกลเ คยี งและชวย ศึกษาขอมลู เกยี่ วกับภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาติ แนวทางการระวังภยั และขา วการ เตอื นภยั เพมิ่ เติมไดที่ http://www.ndwc.go.th/web/index.php ศนู ยเ ตือนภยั อนรุ ักษน ํ้าและส่ิงแวดล้อม ดังน้ันคาํ ตอบคือ ขอ 1. พบิ ตั ิแหง ชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอื่ สาร คูม ือครู 79

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูตัง้ คําถามเกีย่ วกับสถานการณก ารเกดิ สถานการณก์ ารเกดิ อุทกภัย1 อุทกภัยในพ้ืนที่ตา งๆ ของโลกและในประเทศไทย ใหน ักเรียนกลมุ เดิมชว ยกนั ตอบ เชน ปัจจุบันน้�าท่วมที่เกิดข้ึนในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกและที่เกิดข้ึนในประเทศไทย มักเกิดขึ้น อยา่ งฉบั พลันและทวคี วามรนุ แรงมากขึ้น เน่อื งจากป่าไม้ถกู ทา� ลายหรือมีฝนตกหนักต่อเนอื่ งเปน็ • ลกั ษณะของการเกดิ อุทกภยั ในปจ จุบนั เปน เวลานาน เชนไร (แนวตอบ การเกดิ อทุ กภัยในพน้ื ทต่ี า งๆ ของ ตวั อย่างเชน่ น้�าท่วมครัง้ ใหญใ่ นสหรฐั อเมริกา เม็กซิโก เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 ส่งผล โลกรวมถึงประเทศไทยในปจ จุบนั มลี กั ษณะ ใหป้ ระชาชนในรัฐทาบาสโกมากกว่า 125,000 คน ต้องอพยพออกจากพืน้ ทเ่ี ส่ยี งภัย และการเกดิ แบบฉบั พลันและมีความรุนแรงมากกวา ใน น�้าท่วมฉับพลันในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 อดีต เน่อื งจากฝนทตี่ กตอเน่อื งเปนเวลานาน นับเป็นเหตุการณ์น�้าท่วมคร้ังรุนแรงมากท่ีสุดของกรุงปักก่ิงในช่วงระยะเวลา 60 ปี ส่งผลให้มี จากพายหุ มุนเขตรอนตา งๆ) ผูเ้ สียชีวติ ประมาณ 77 คน และมีผอู้ พยพออกจากพืน้ ที่เสย่ี งภัยอีกมากกว่า 50,000 คน เป็นต้น • น้ําปา ไหลหลากและดินถลม เมื่อเกิดฝนตก อุทกภัยในประเทศไทยมักเกิดในลักษณะน้�าท่วมฉับพลันหรือน�้าป่า ทั้งนี้เน่ืองจากมีการ หนกั เปนไปตามหลกั การทางวิทยาศาสตรใด ตัดไม้ท�าลายป่า เม่ือฝนตกน้�าจึงไหล่บ่าแผ่ซ่านจากท่ีสูงลงมาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับบริเวณ (แนวตอบ การเกิดนาํ้ ปาไหลหลากและดินถลม ที่ราบมีสิ่งปลกู สรา้ งขวางทิศทางน�้าจงึ ท�าใหน้ �า้ ไหลชา้ ลงและเกิดน้�าทว่ ม เปน ไปตามหลกั ของแรงโนม ถวงโลก กลาวคอื ดินทข่ี าดพน้ื ทีป่ าไมในการดูดซับและยดึ เกาะ ตัวอย่างอุทกภัยในประเทศไทย เหตุการณ์มหาอุทกภัยซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม เมอ่ื มปี รมิ าณน้าํ มากเกดิ การเคลอื่ นตวั ลงสู พ.ศ. 2554 และส้ินสดุ เมื่อเดอื นมกราคม พ.ศ. 2555 ถือเป็นอทุ กภยั ท่มี คี วามรุนแรงมาก ท�าให้มี พ้ืนที่ตาํ่ กวาอยางรวดเร็ว) ผ้เู สยี ชวี ติ 813 คน บา้ นเรอื นเสยี หายทั้งหลงั 2,329 หลงั บ้านเรอื นเสียหายบางสว่ น 96,833 หลงั พน้ื ทก่ี ารเกษตรไดร้ บั ความเสยี หาย 11.20 ลา้ นไร่ สามารถประเมนิ ความเสยี หายเปน็ มลู คา่ ทง้ั หมด 1.44 ลา้ นลา้ นบาท นอกจากนี้ สถานการณน์ า้� ทว่ มยงั เกดิ ขนึ้ ทกุ ปใี นพนื้ ทรี่ าบนา้� ทว่ มถงึ ของแมน่ า้� ชี แม่นา้� มูล แม่น�้าเจ้าพระยา และแม่น้า� สายอ่ืน ๆ มูลคา่ ความเสยี หายจากอทุ กภยั ของประเทศไทย พ.ศ. 2546 - 2555 (พันล้าน) 23,875,414,012 25 20 16,368,968,907 15 10 9,642,166,555 7,618,733,562 5,987,878,117 5,266,990,302 5 2,054,565,680 1,692,431,204 1,855,408,431 856,999,945 2554 2555 (พ.ศ.) 0 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 80 ทีม่ า : ศนู ยอ์ ำานวยการบรรเทาสาธารณภยั กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย. นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT แนวทางการปอ งกันนา้ํ ปา ไหลหลากอยา งยั่งยนื คืออะไร 1 สถานการณก ารเกดิ อทุ กภยั ในปจ จุบนั การเกิดอุทกภัยของประเทศไทยมี 1. การอนรุ ักษป าตน นํ้า ความรุนแรงมากขนึ้ อยา งไรก็ตามมกี ารเก็บขอมลู พื้นทีซ่ งึ่ มกั ประสบอทุ กภยั โดย 2. การสรา งเข่ือนขนาดใหญ เรียกวา พืน้ ที่น้าํ ทว มซา้ํ ซาก ซง่ึ หมายถงึ พ้นื ทีท่ ี่มกี ารทว มขงั ของนํา้ บนผิวดินสงู 3. การจัดการสิ่งกีดขวางทางนาํ้ และยาวนานกวาปกติอยเู ปนประจํา จนสรา งความเสียหายตอพ้ืนทีเ่ กษตรกรรม 4. การสรา งฝายขนาดเลก็ จํานวนมาก ทรัพยสิน ตลอดจนชีวติ ของประชาชน โดยพื้นท่ปี ระสบภยั น้าํ ทวมซา้ํ ซากระดับ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การอนรุ ักษป าตนนา้ํ เน่อื งจากนํ้าปา รนุ แรง คอื มนี ้าํ ทวม 8-10 คร้งั ในรอบ 10 ป ไดแ ก ทีร่ าบลุมนาํ้ ในจังหวดั สุโขทัย ไหลหลากเกิดขึน้ จากการขาดพื้นทป่ี า ไมคอยชวยดดู ซับและชะลอแรงนํ้า พิษณโุ ลก พิจติ ร และนครสวรรค รวมถึงบางจังหวดั ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เม่อื มีฝนตกหนกั นํา้ จงึ ไหลบาอยา งรวดเรว็ ลงสพู น้ื ทต่ี ํา่ เบือ้ งลา ง ทง้ั นก้ี าร คิดเปน เนือ้ ท่ีประมาณ 870,000 ไร อนุรกั ษป าตน น้ํายงั ชว ยใหเ กิดความอุดมสมบรู ณแกร ะบบนิเวศโดยรวม อยา งยั่งยนื อกี ดวย 80 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ผลกระทบจากการเกิดอุทกภัย 1. ครตู ง้ั คาํ ถามถามนกั เรยี นวา • สาเหตุและลักษณะการเกิดอทุ กภัยสว นใหญ อันตรายและความเสียหายจากอุทกภยั มดี งั นี้ ในประเทศไทยเปนเชน ไร 1. น้�าท่วมอาคารบ้านเรือน ส่ิงก่อสร้างและสาธารณสถาน ซ่ึงท�าให้เกิดความเสียหาย (แนวตอบ อทุ กภัยในประเทศไทยมีสาเหตุ ทางเศรษฐกิจอย่างมาก บ้านเรือนหรืออาคารส่ิงก่อสร้างท่ีไม่แข็งแรงถูกกระแสน�้าท่ีไหลเช่ียว หลักจากการตดั ไมท าํ ลายปา โดยเฉพาะ พังทลายได้ คน สัตว์พาหนะ และสัตวเ์ ล้ียงอาจได้รับอันตรายถงึ ชีวติ จากการจมน�้าตาย บริเวณปาตน นา้ํ ลาํ ธารบนทิวเขาตา งๆ 2. เส้นทางคมนาคมและการขนส่ง อาจถูกตัดเป็นช่วง ๆ โดยความแรงของกระแสน�้า สงผลใหข าดแหลง ดดู ซับและชะลอแรงของ ถนนและสะพานอาจถูกกระแสน้�าพัดให้พังทลายได้ สินค้าพัสดุท่ีอยู่ระหว่างการขนส่งได้รับ น้ําฝน อุทกภัยที่เกิดข้นึ จึงมีลกั ษณะฉับพลนั ความเสียหายมาก หรือเรยี กวา นา้ํ ปา ไหลหลาก ท้งั นป้ี ระกอบ 3. ระบบสาธารณูปโภค ได้รับความเสยี หาย เช่น โทรศัพท์ โทรเลข ไฟฟ้า ประปา เปน็ ต้น กับบรเิ วณทรี่ าบลุมน้ําน้ันมกี ารกอสรา งสิ่ง 4. พ้ืนที่การเกษตรและการปศุสัตว์ได้รับความเสียหาย เช่น พืชผล ไร่นา ที่ก�าลัง กีดขวางลาํ นํา้ การระบายนาํ้ จึงทําไดยาก ผลดิ อกออกผลบนพน้ื ทตี่ า�่ อาจถกู นา�้ ทว่ มตายได้ สตั วพ์ าหนะ ววั ควาย สตั วเ์ ลย้ี ง ตลอดจนผลผลิต สถานการณอทุ กภัยในประเทศไทยในภาพ ที่เก็บกักตุน หรือมีไว้เพื่อท�าพันธุ์ได้รับความเสียหาย ความเสียหายทางอ้อม ส่งผลกระทบตอ่ รวมจงึ กลาวไดว ารนุ แรงยิ่งขึ้นทง้ั ในลุม เศรษฐกจิ โดยทว่ั ไป เกดิ โรคระบาด สขุ ภาพจติ เสอื่ ม และสญู เสยี ความปลอดภยั เปน็ ตน้ แมน้าํ ชี แมนาํ้ มูล แมน า้ํ เจา พระยา และ แมน้ําสายอน่ื ๆ) แนวทางป้องกันและระวงั ภัยจากอุทกภยั 2. ครใู หนกั เรยี นกลุมเดมิ ชวยกนั สรปุ ผลกระทบ ปัญหาอุทกภยั มแี นวทางปอ้ งกันและระวงั ภยั ดงั น้ี ที่เกิดจากอุทกภยั โดยแบง ออกเปนดา นตางๆ 1. การวางแผนการใช้ท่ีดินอย่างมีประสิทธิภาพ ควรก�าหนดผังเมืองเพื่อรองรับการ เชน ผลกระทบตอสิ่งแวดลอมและผลกระทบ เจริญเตบิ โตของตวั เมอื ง ไม่ให้กีดขวางทางไหลของนา้� ก�าหนดการใชท้ ี่ดินบริเวณพื้นทน่ี ้�าท่วมให้ ตอการดําเนนิ ชวี ติ ของมนษุ ย ผลกระทบดาน เป็นพืน้ ทีร่ าบลุม่ รับน�า้ เพอ่ื เป็นการหนว่ งหรอื ชะลอการเกดิ น�า้ ท่วม เศรษฐกิจและผลกระทบดานสง่ิ แวดลอม หรอื 2. ไมบ่ กุ รกุ ทา� ลายปา่ ไม้ และไมป่ ลกู พชื ไรบ่ นพน้ื ทภี่ เู ขาสงู ชนั เพราะทา� ใหข้ าดพน้ื ทดี่ ดู ซบั ผลกระทบทางตรงและผลกระทบทางออมตอ และชะลอการไหลของน้า� ทา� ให้น้า� ไหลลงสแู่ ม่น�้า ล�าหว้ ยไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว มนุษย เปน ตน 3. การเคลื่อนย้ายวัสดุจากที่ที่จะได้รับ ความเสียหายอันเน่ืองมาจากน�้าท่วมให้ไปอยู่ ในทป่ี ลอดภัยหรอื ในทีส่ งู 4. การนา� ถงุ ทรายมาทา� เขอื่ น เพอ่ื ปอ้ งกนั นา�้ ท่วม 5. การพยากรณแ์ ละการเตอื นภยั นา�้ ทว่ ม ให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียม ป้องกนั 6. การสรา้ งเข่ือน ฝาย ท�านบ และถนน เพ่ือเป็นการกักเก็บน้�าหรือเป็นการกั้นทางเดิน การสร้างคันดินสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาความ ของนา�้ เปน็ ตน้ เสยี หายจากอุทกภัยได้ 81 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู การปอ งกนั และแกไขพนื้ ท่จี ากอุทกภัยควรหลีกเล่ยี งการใชวิธีการใด ครูควรใหนักเรียนชว ยกนั วเิ คราะหแนวทางการปอ งกนั และแกไขปญ หาดา น 1. การปลกู หญาแฝกริมตล่งิ เพอ่ื ปอ งกนั การกดั เซาะของนํ้า ทรัพยากรนาํ้ ในประเทศไทย โดยอาจยกกรณศี ึกษาการเกิดอุทกภยั เม่ือปลาย 2. การกาํ หนดพ้ืนทที่ ี่ไมไ ดใชป ระโยชนใ หเปนแหลง กักเก็บนํา้ หรือแกมลงิ พ.ศ. 2554 แลวอธิบายใหน ักเรยี นเขาใจถงึ ปญหาดานทรัพยากรนา้ํ ในประเทศไทย 3. การขดุ ลอกคคู ลองทกุ สายเพ่อื ใหระบายนา้ํ ไดอยา งเตม็ ประสิทธภิ าพ กลาวคือ ในพื้นทีต่ า งๆ ตองประสบกบั อุทกภัยหรือภัยแลง เกอื บทุกป สงผลกระทบ 4. การชว ยกันสรา งพนังก้ันนาํ้ และตดิ ตั้งเครอื่ งสูบน้าํ ออกจากพื้นท่ขี องตน ตอ การดําเนินชีวิต การประกอบอาชีพ รวมถงึ สภาพเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ เปน อยางมาก จากน้นั ชว ยกันสรปุ ผลการวิเคราะหแนวทางการปอ งกนั และแกไ ข วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การชว ยกนั สรา งพนังกัน้ น้าํ และติดตัง้ เครือ่ ง ปญ หาดานทรพั ยากรนา้ํ ในประเทศไทยเปน ตารางหรือผังความคิดบนกระดานหนา ชน้ั เรียน สูบน้ําออกจากพ้ืนท่ขี องตน เนื่องจากจะย่ิงทาํ ใหพื้นทโ่ี ดยรอบประสบปญหา มากข้ึน จากปริมาณน้ําทค่ี วรจะไหลเขาทวมเทาเทยี มกันหรือท่ีสบู ออกจาก พนื้ ทีข่ องตน วธิ กี ารแกป ญหาน้คี วรใชในพน้ื ทีส่ ําคญั เชน สถานท่สี ําคัญ ทางราชการ เศรษฐกิจ รวมถึงสถานพยาบาล เพ่อื ใหส ามารถชวยเหลือพน้ื ท่ี ประสบภัยสว นอืน่ ได คมู ือครู 81

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นักเรียนกลุมเดมิ 3-5 คน เพอ่ื ใหชว ยกนั ขอ้ ควรปฏบิ ตั เิ มอ่ื เกดิ อุทกภัย มดี ังตอ่ ไปน้ี เขยี นอธบิ ายความรเู กยี่ วกบั วธิ ีปฏบิ ตั ิในการปอ งกนั อทุ กภัยในดา นการปองกันและแกไข การรับมือเมอ่ื ขณะเกดิ อทุ กภยั 1 หลงั เกิดอุทกภยั ประสบภยั และการฟน ฟพู นื้ ทภี่ ายหลงั ประสบภยั ลงในผังกางปลาซึ่งแสดงถึงสาเหตุของปญ หา 1. ตดั สะพานไฟ และปดิ แกส๊ หงุ ตม้ ใหเ้ รยี บรอ้ ย 1. ขนส่งคนอพยพกลบั ยังภูมิลา� เนาเดิม สภาพปญ หา และแนวทางปอ งกนั แกไ ขปญ หา 2. อยู่ในอาคารท่ีแข็งแรง และอยู่ในท่ีสูงพ้น 2. ชว่ ยเหลอื ในการรอ้ื สงิ่ ปรกั หกั พงั ซอ่ มแซม บนกระดานหนาชน้ั เรียน จากน้นั ครแู ละนกั เรียน อภปิ รายรวมกนั เกยี่ วกบั วิธปี ฏิบัติในการปองกนั ระดบั น้�าที่เคยท่วมมากอ่ น บา้ นเรอื น อาคาร โรงเรยี น หรอื สงิ่ ปลกู สรา้ ง ตนเองจากอุทกภัยท่ีถูกตอ งจากผังกา งปลาดงั กลาว 3. ทา� ใหร้ า่ งกายอบอนุ่ อยู่เสมอ ใด ๆ ทไี่ ดร้ บั ความเสยี หาย จดั หาทพ่ี กั อาศยั นกั เรียนบันทึกความรูล งในสมุด 4. ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะฝ่าลงไปในกระแส 3. แทล�าะคกวาารมดสา� ระงอชาพีดชบวั่ ้าคนรเารวือใหน2ก้ บั ถผนปู้ นรหะสนบทภายั งท่ี น้า� หลาก 5. ไม่ควรเล่นน�้าหรือว่ายน�้าเล่นในขณะเกิด เต็มไปด้วยโคลนตม ก�าจัดซากสัตว์ และ สงิ่ ช�ารุดเสยี หายทีเ่ กลอื่ นกลาดอยทู่ ่วั ไปให้ นา�้ ทว่ ม กลับสู่สภาพปกติโดยเรว็ 6. ระวังสัตว์มีพิษท่ีหนีน�้าท่วมข้ึนมาอยู่บน 4. ซอ่ มแซมสาธารณปู โภคใหก้ ลบั คนื สสู่ ภาพ ปกติ เช่น การไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ บ้าน และหลังคาเรือน กัดต่อย เช่น งู เปน็ ตน้ แมงป่อง ตะขาบ เป็นตน้ 5. ซ่อมถนน สะพาน และทางรถไฟท่ีช�ารุด 7. ติดตามเหตุการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิม เพื่อใช้ใน เช่น สังเกตลมฟ้าอากาศ และติดตาม การคมนาคมได้โดยเรว็ ที่สดุ ค�าเตือนที่เก่ียวกับลักษณะอากาศจาก 6. การสงเคราะห์ผู้ประสบอุทกภัย จาก กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา หน่วยบรรเทาทุกข์หรือมูลนิธิต่าง ๆ เช่น 8. เตรียมพร้อมท่ีจะอพยพไปในที่ปลอดภัย การบรจิ าคเงนิ อาหาร เสอ้ื ผา้ เพอื่ บรรเทา เมื่อสถานการณ์จวนตัว หรือปฏิบัติตาม ความเดือดรอ้ นในเบอ้ื งต้น ค�าแนะนา� ของทางราชการ 7. การจดั การดา้ นสาธารณสขุ เพอ่ื ปอ้ งกนั โรค 9. เมื่อจวนตัวให้ค�านึงถึงความปลอดภัยของ ต่าง ๆ ทอี่ าจเกดิ ข้ึนภายหลังอทุ กภยั ชีวิตมากกวา่ หว่ งทรัพย์สิน 8. ช่วยเหลือสัตว์ต่าง ๆ ที่มีชีวิต หาอาหาร ทอี่ ยู่ และตดิ ตามหาเจา้ ของใหก้ บั สตั วเ์ ลยี้ ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑลประสบปญหาอุทกภัย คร้ังใหญ่ เม่ือ พ.ศ. 2554 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การคมนาคม และความเปนอยู่ของประชาชน 82 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT บคุ คลใดปฏบิ ตั ติ นเม่อื ประสบอุทกภัยไดอ ยา งเหมาะสมทส่ี ุด นักเรยี นควรรู 1. อ้ัมประดษิ ฐเครอ่ื งตรวจกระแสไฟฟาในนํ้าดว ยตนเองเพือ่ ใชในการเดินทาง 2. พลอยอาศยั อยชู ัน้ บนของบานเพราะหวงทรัพยสินมีคาตางๆ 1 แกสหุงตม มคี ณุ สมบตั ิหนักกวาอากาศ เมื่อรวั่ ซมึ จะลอยตาํ่ และไหลไปตาม 3. นาํ้ ผ้ึงไปอยูศูนยอ พยพเพราะครอบครวั มที งั้ เดก็ และคนชรา พ้นื หากติดไฟจะลุกลามได ดังนั้นจึงหา มเปด หรือปด อุปกรณไฟฟาทุกชนดิ และ 4. แพนเคกซ้ือแบตเตอรี่เพ่อื ใชไฟฟา ในบานขณะน้าํ ทว ม หา มกระทําการใดๆ ทีก่ อใหเกดิ ประกายไฟ ใหปดวาลวทถี่ ังแกสและหัวเตา เปด วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. นํา้ ผง้ึ ไปอยศู นู ยอ พยพเพราะครอบครัวมี ประตูหนา ตางเพอ่ื ระบายอากาศหรอื ใชพัดชว ยไลแกส จากนัน้ รีบตรวจหาสาเหตุ ทง้ั เด็กและคนชรา เปนการปฏิบัตติ นเมอื่ ประสบอุทกภัยทเี่ หมาะสมทีส่ ุด ของการรั่วแลวรีบทําการแกไ ข หรือแจง รา นคาแกส โดยดว น เนื่องจากบคุ คลในครอบครัวท้งั เด็กและคนชราทไ่ี มสามารถชว ยเหลอื ตนเอง 2 ทําความสะอาดบา นเรอื น ภายหลงั ประสบอทุ กภยั ตองกระทําอยางปลอดภัย ไดเ ทา ทีค่ วร อาจเกดิ อนั ตรายตา งๆ ระหวางอุทกภยั ได อีกทัง้ การชวยเหลอื เนื่องจากอาจมเี ช้อื โรคและสารเคมที ไี่ หลมากับน้ํา โดยการแตง กายมิดชดิ สวม จากหนว ยงานที่เกย่ี วของในขณะเกดิ ภัยน้นั ก็อาจจะลาชา สวนบุคคลอ่ืนลวน ถงุ มอื รองเทา บูทยาง แวนตา และหนากากอนามัย ใชสารทําความสะอาด เชน ปฏิบัติตนไมเหมาะสม เชน การประดษิ ฐเครือ่ งตรวจกระแสไฟฟาในน้าํ ของ นา้ํ ยาทาํ ความสะอาดพนื้ น้ํายาลางจาน และแอลกอฮอลฆ า เชือ้ โรค เปน ตน อมั้ นน้ั อาจเกิดความผดิ พลาดของเครอื่ งมอื จนเปนอนั ตรายถงึ แกช ีวติ ได เปน ตน 82 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู แ¼น่ ดนิ ¶ลม่ (Landslides) 1. ครสู นทนากับนกั เรยี นถึงความหมายของ แผน ดนิ ถลม ทน่ี กั เรียนไดศ ึกษามา แลว สมุ การเคลื่อนท่ีของแผ่นดิน และกระบวนการซ่ึงเก่ียวข้องกับการเคลื่อนท่ีของดินหรือหิน นกั เรยี น 1 กลมุ เพอื่ ใหช ว ยกนั อธบิ ายความรู ตามบรเิ วณพ้นื ทีล่ าดชนั ท่เี ปน็ ภูเขาหรือเนินเขา เกยี่ วกับแผน ดินถลม ผานกจิ กรรมการเรยี นรู ตางๆ สาเหตกุ ารเกดิ แผน่ ดินถล่ม 2. ครูสุมนักเรยี นจากกลมุ ใหต อบคําถามเก่ียวกับ แผน่ ดนิ ถลม่ เกดิ ขนึ้ เนอื่ งจากแรงดงึ ดดู ของโลก อาจเลอื่ นหลดุ ออกมาเปน็ กระบหิ รอื พงั ทลาย ปจ จยั ทท่ี ําใหเ กิดภยั แผน ดนิ ถลม เชน ลงมาก็ได้ สงิ่ ท่ีเปน็ ตวั กระตนุ้ ให้เกดิ แผน่ ดินถล่มมที ้ังทเี่ ปน็ ธรรมชาติและท่มี นษุ ยก์ ระท�าขึ้น • ปจ จยั ทางธรรมชาติทท่ี ําใหเกดิ ภยั แผนดนิ ถลม ไดแกอะไรบา ง สาเหตุจากธรรมชาติ สาเหตจุ ากมนุษย์ (แนวตอบ ปจ จยั ทางธรรมชาติทกี่ อ ใหเ กดิ ภัย แผนดนิ ถลมทสี่ ําคญั ไดแ ก การเกดิ แผน ดนิ 1. การเกดิ แผน่ ดนิ ไหวทรี่ นุ แรงมากจะสง่ ผลให้ 1. การขุดดินบริเวณไหล่เขา ลาดเขาหรือ ไหวท่ีรนุ แรงสงผลใหด ินบรเิ วณลาดเขาเกิด แผน่ ดนิ บรเิ วณลาดเขาทมี่ คี วามชนั เกดิ การ เชิงเขา เพื่อท�าการเกษตร การท�าถนน การเคล่อื นตวั ลงมาตามแรงโนมถวงของโลก เคลอ่ื นทลี่ งมาตามแรงดงึ ดดู ของโลก การขยายท่รี าบในการพฒั นาท่ดี นิ เปน็ ต้น การเกิดฝนตกหนกั ทําใหด ินอมุ น้ําไวมากจน ไมส ามารถเกาะตัวอยไู ดจ งึ เล่ือนไหลลงมา 2. การเกดิ ฝนตกหนกั ฝนทต่ี กหนกั ตอ่ เนอ่ื งกนั 2. การดูดทรายจากแม่น�า้ หรอื บนแผน่ ดิน ตามความลาดชนั และปจจยั อ่ืนๆ เชน หลาย ๆ วนั นา้� ฝนจะซมึ ไปสะสมอยใู่ นเนอื้ 3. การขุดดินลึก ๆ ในการก่อสร้างห้องใต้ดิน การปะทรุ ะเบดิ ของภเู ขาไฟ การเกิดสึนามิ ดนิ เมอ่ื ดนิ ไมส่ ามารถอมุ้ นา้� ไวไ้ ดจ้ ะลน่ื ไถล การละลายของหมิ ะหรอื การมหี ิมะตกหนัก ลงตามความลาดชันและมักมีต้นไม้และ ของอาคาร การเปล่ยี นแปลงของระดบั น้าํ ใตด ิน เศษหนิ ขนาดตา่ ง ๆ เลอื่ นไหลตามไปดว้ ย 4. การบดอัดดินเพ่ือการก่อสร้างท�าให้เกิด การกดั เซาะชายฝง ของแมนํา้ และพื้นที่ บรเิ วณไหลท วีป เปน ตน) 3. เกดิ จากปจั จยั อนื่ ๆ เชน่ ภเู ขาไฟปะทุ หมิ ะ การเคล่อื นของดนิ ในบริเวณใกลเ้ คยี ง ตกมากหรือหิมะละลาย คล่ืนสึนามิ การ 5. การสูบน�้าใตด้ ิน น�้าบาดาลทมี่ ากเกนิ ไป เปลย่ี นแปลงของนา้� ใตด้ นิ การกดั เซาะของ 6. การท�าลายป่าเพอื่ ทา� ไร่ ทา� สวน เป็นต้น ฝง่ั แมน่ า้� ไหลท่ วปี เปน็ ตน้ ดนิ ถลม่ เนื่องจากฝนตกหนัก ในเมอื งโจวชู มณฑลกานซู ประเทศจนี เมอื่ เดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2553 83 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู กระบวนการทางภูมิศาสตรแ ละส่งิ กระตนุ ของภัยแผนดินถลมท่สี ําคญั ครอู าจมอบหมายใหน ักเรยี นชว ยกนั สํารวจและรวบรวมขอ มลู เกีย่ วกับภัยพิบัติ คอื อะไร อธบิ ายพอสังเขป ทางธรรมชาตทิ ส่ี าํ คญั ในทอ งถนิ่ ของตน แลวนําขอมูลมาอภิปรายรว มกนั ในชั้นเรยี น แนวตอบ กระบวนการทางภูมิศาสตรอ ันเปน สาเหตุสําคัญของภัยแผนดิน ถงึ สาเหตุ ลักษณะการเกิด ผลกระทบ การปอ งกนั และแกไขปญหา และทสี่ าํ คัญ ถลม คอื การเคลือ่ นท่ีของดนิ และหนิ จากภเู ขาลงสพู ้นื ทีต่ ํา่ กวา ตามแรง ไดแ ก แนวทางการปรับปรุงการปองกันแกไขและบรรเทาความรนุ แรงของผลกระทบ โนม ถว งของโลก อันเกดิ จากส่งิ กระตนุ ที่สาํ คญั ไดแก ปริมาณน้ําฝน ที่เกิดขึ้นจากภัยพิบตั ทิ างธรรมชาตใิ นทอ งถ่ินของตน ทัง้ น้ีเพื่อใหนกั เรียนไดนาํ การกดั เซาะและการทับถมพื้นทภี่ เู ขา จากกิจกรรมตา งๆ ของมนษุ ย เชน ความรเู กยี่ วกบั ภยั พิบัติทางธรรมชาตไิ ปประยกุ ตใ ชใหเ กดิ ประโยชนแ กต นเองและ การตดั ถนน การปรบั พืน้ ที่เพื่อทําการเกษตร และการใชนํ้าบาดาลมาก ทอ งถิ่นไดอยางถูกตอ งเหมาะสม จนเกินไป เปน ตน มมุ IT ศึกษาความรูเกย่ี วกบั แผน ดนิ ถลมเพม่ิ เตมิ ไดที่ http://www.dmr.go.th/down- load/Landslide/what_landslide1.htm เว็บไซตส ํานกั ธรณวี ิทยาส่งิ แวดลอมและ ธรณพี บิ ตั ภิ ัย กรมทรัพยากรธรณี คมู อื ครู 83

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสุมนกั เรยี นจากกลมุ ใหตอบคําถาม เชน สถานการณก์ ารเกิดแผน่ ดนิ ถล่ม • การประกอบกิจกรรมของมนษุ ยเ ปน ปจจยั ท่ี ทําใหเ กิดภยั แผน ดนิ ถลม ไดอยา งไร การเกดิ แผน่ ดนิ ถลม่ ในตา่ งประเทศและในประเทศไทยมลี กั ษณะคลา้ ยกนั คอื มกั เกดิ ในพนื้ ท่ี (แนวตอบ การประกอบกจิ กรรมตางๆ ของ ภูเขาทีม่ ีความลาดชนั มีการปรับพ้นื ท่ีป่าดงั้ เดิมเป็นพนื้ ทเ่ี กษตรกรรม สร้างบ้านพกั อาศยั สร้าง มนษุ ยบ ริเวณเชิงเขาอาจสงผลใหเกิดภัย รีสอร์ตบริการนักท่องเที่ยว และเม่ือมีฝนตกชุกต่อเน่ืองยาวนานมากกว่า 24 ช่ัวโมง มักเกิด แผน ดนิ ถลม ได เชน การขุดดนิ บริเวณเชิงเขา แผน่ ดนิ ถลม่ นา� เอาดนิ โคลน เศษหนิ ซากตน้ ไมล้ งมาพรอ้ มกบั สายนา�้ สรา้ งความเสยี หายทง้ั ตอ่ ชวี ติ เพือ่ ทาํ ถนน หรือนําพ้ืนที่มาใชใ นการอยูอาศัย และทรพั ยส์ นิ ทกุ ครง้ั และการเกดิ เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วนม้ี กั เกดิ ถข่ี น้ึ และรนุ แรงมากขนึ้ ทกุ ๆ ครงั้ ดว้ ย การเกษตร สวนแผนดินถลมในบริเวณพืน้ ท่ี คอนขา งราบก็อาจเกิดจากกิจกรรมของมนุษย ตวั อยา่ งเชน่ ประเทศบงั กลาเทศไดเ้ กดิ ดนิ ถลม่ ในเมอื งจติ ตะกองซง่ึ เปน็ เมอื งทา่ ของประเทศ ไดเ ชน กนั อาทิ การสูบนํ้าบาดาลข้ึนมาใชใน เมื่อเดอื นมิถนุ ายน พ.ศ. 2555 เนื่องจากมีฝนตกหนกั ในพ้ืนท่ีอย่างตอ่ เนือ่ งเป็นระยะเวลา 3 วัน ปริมาณมากจนเกนิ ไป การดดู ทรายจากใตด นิ สง่ ผลให้มผี ูเ้ สียชีวิตมากกวา่ 94 คน และสูญหายอกี กวา่ 30 คน หรือแมน้าํ ขึ้นมาใชประโยชน รวมถึงการบด อัดดนิ เพอื่ ใชประโยชนในการกอสรางกก็ อให ตวั อยา่ งแผ่นดินถล่มในประเทศไทย เกดิ การเปล่ยี นแปลงโครงสรา งทางธรณวี ทิ ยา ของพนื้ ท่ีโดยรอบ อนั อาจกอ ใหเ กิดภัย เมอ่ื วนั ที่25มนี าคมพ.ศ.2554ทตี่ า� บลเทพราช แผนดินถลม ไดเชนกนั ) ต�าบลฉลอง ต�าบลสข่ี ีด ต�าบลเขานอ้ ย อ�าเภอสชิ ล จงั หวัด นครศรธี รรมราช ทา� ใหม้ ผี เู้ สยี ชวี ติ 5 คน บา้ นเรอื นเสยี หาย 2. ครตู ้ังประเด็นเกี่ยวกบั สถานการณก ารเกิด ทง้ั หลงั 124 หลงั และเสยี หายบางสว่ น 3,000 หลงั รวมมลู คา่ แผนดนิ ถลม ใหน กั เรยี นกลมุ เดิมชว ยกนั ความเสียหายประมาณ 320 ลา้ นบาท เป็นตน้ อภิปราย เชน แผน ดนิ ถลม : ภยั ของประชาคม โลกและประชาชนไทย แนวทางปอ งกันภัย ผลกระทบจากการเกิดแผ่นดนิ ถล่ม แผนดินถลม จากกิจกรรมของมนุษย หรอื การ พฒั นาท่ยี ั่งยนื กับการปองกนั และแกไขปญหา แผ่นดินถล่มก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ท�าให้บ้านเรือน ภยั แผนดนิ ถลม เปนตน จากนัน้ ครูและนักเรยี น สาธารณปู โภค เส้นทางคมนาคม พ้นื ทก่ี ารเกษตร และสภาพแวดลอ้ มไดร้ บั ความเสียหายอกี ด้วย ชว ยกันสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกบั สถานการณ ทา� ใหด้ นิ เสอื่ มสภาพ เพราะหนา้ ดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณถ์ กู ชะลา้ งไป สว่ นตะกอนดนิ ทถี่ กู พดั พาสแู่ หลง่ นา�้ การเกดิ แผน ดนิ ถลม ทงั้ ในบริเวณตางๆ ของ ทา� ใหน้ า�้ มคี ณุ ภาพลดลง ตอ้ งใชเ้ วลาในการฟนื ฟเู ปน็ เวลานานกวา่ จะกลบั สสู่ ภาพดดี งั เดมิ ตลอดจน โลกและในประเทศไทย สร้างความเสียหายต่อเขื่อน ท�าให้มีพื้นที่เก็บกักน�้าน้อยลง อาจท�าให้เขื่อนพังได้ และน�าไปสู่ การเกิดอุทกภัย แนวทางปอ้ งกนั และระวังภยั จากแผ่นดินถล่ม แนวทางสา� คญั ในการป้องกันและระวงั ภัยจากแผ่นดินถล่ม มีดงั น้ี 1. หลกี เลยี่ งการปลกู สรา้ งทอี่ ยอู่ าศยั ในบรเิ วณพน้ื ทล่ี าดชนั ทเ่ี สย่ี งตอ่ ภยั แผน่ ดนิ ถลม่ และ ไมป่ ลูกสร้างสิ่งใดขวางทางนา�้ หรือใกล้ล�าหว้ ยมากจนเกินไป 2. เม่ือเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องกันต้องสังเกตสีของน้�าตามห้วย ล�าธาร หากมีสีแดงขุ่น ๆ ก็ต้องเตรียมตวั อพยพ 84 3. ลดการตัดไมท้ า� ลายปา่ และการปลกู พชื บรเิ วณเชิงเขาทีม่ ีความลาดชนั มาก เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครอู าจใหนักเรียนชว ยกนั วเิ คราะหภ มู ภิ าคท่ีเสยี่ งภัยแผน ดินถลม ของไทยภาย ครูอาจใหน ักเรียนจัดทาํ ตารางหรอื ผงั กราฟก ท่แี สดงรายละเอยี ด หลงั จากการศกึ ษาเกย่ี วกับปจจยั ท่ีทาํ ใหเกิดแผน ดินถลม พรอมทงั้ อธบิ ายเหตุผล เกีย่ วกบั ภยั แผน ดนิ ถลม ในดา นปจจัย สาเหตุ สถานการณก ารเกิด ประกอบ ครูเขียนผลการวเิ คราะหข องนักเรยี นไวบ นกระดานแลว เสนอแนะหรือ ผลกระทบของภยั รวมถึงการระวังภัย คนละ 1 ดาน แลว ตกแตง ใหสวยงาม ปรบั ปรงุ ขอ มูลเพ่มิ เตมิ เพ่อื ใหไ ดความรทู ่ถี กู ตองชัดเจน จากน้ันนกั เรยี นบันทกึ ผล สงครูผสู อน การวิเคราะหลงในสมดุ ทั้งนีเ้ พ่ือพฒั นาทักษะการคดิ วเิ คราะห สงั เคราะห ตลอดจนการประเมนิ คา ของนักเรียน รวมถงึ เชื่อมโยงองคค วามรูกับสถานการณ กิจกรรมทา ทาย ทางส่ิงแวดลอมเพ่ือใหเ กดิ การเรียนรูทมี่ คี วามหมาย ครอู าจใหนักเรียนจัดทาํ ตารางหรือผังกราฟก ท่ีแสดงรายละเอียด เกยี่ วกบั ภัยแผน ดินถลมและตัวอยา งสถานการณก ารเกดิ ภยั แผน ดนิ ถลม ในประเทศไทยหรอื ในภมู ิภาคอน่ื ของโลก โดยศึกษาคนควา ขอ มูลเพ่ิมเติม จากแหลง การเรยี นรูท่คี รเู สนอแนะ แลว ตกแตงใหสวยงามสง ครูผูส อน 84 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain การกดั เซาะชายฝ่ัง 1(Coastal Erosion) อธบิ ายความรู การที่ชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะจากการกระท�าของคลื่นและลมในทะเล ท�าให้ชายฝั่ง ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกี่ยวกับภยั การกดั เซาะ ร่นถอยแนวเขา้ ไปในแผ่นดนิ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ มและการด�ารงชีวิตของมนุษย์ ชายฝงโดยเชือ่ มโยงลักษณะการเกิดที่คลายคลงึ กบั ภัยแผนดนิ ถลมที่นักเรียนไดศ กึ ษามา แลว สุม สาเหตุการกดั เซาะชายฝงั่ นักเรยี น 1 กลมุ เพ่อื ใหชว ยกนั อธิบายความรู โดยแบงตามหวั ขอ เก่ียวกบั ภยั การกัดเซาะชายฝง สาเหตสุ า� คญั ทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ การกดั เซาะชายฝง่ั มดี งั นี้ ไดแ ก สาเหตุของการเกดิ ภัยการกดั เซาะชายฝง 1. ธรณพี บิ ตั ภิ ยั ทเ่ี กดิ ในบรเิ วณชายฝง่ั เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทที่ า� ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงอยา่ งเดน่ ชดั สถานการณภยั การกดั เซาะชายฝง ผลกระทบของ เช่น แผน่ ดินไหว ภเู ขาไฟปะทุ แผ่นดินถล่ม เป็นตน้ ภยั การกัดเซาะชายฝง และแนวทางการปอ งกัน 2. การเปล่ียนแปลงของอากาศ เป็นปัจจัยหนึ่งท่ีท�าให้โลกมีสภาพแวดล้อมต่างกัน และแกไขปญ หาภัยการกัดเซาะชายฝง จากน้ันให อณุ หภูมอิ ากาศโลกที่สูงข้นึ อากาศท่รี อ้ นขนึ้ ท�าใหล้ กั ษณะของลม คล่ืนรนุ แรง ระดับนา้� ขน้ึ น�า้ ลง นกั เรยี นชว ยกันวเิ คราะหความรูเกี่ยวกับภยั การ เปลย่ี นแปลง เกิดพายุรนุ แรงและถ่กี ว่าเดมิ กัดเซาะชายฝง ที่ตนไดร ับมอบหมายออกเปนดา น 3. ระดบั นา้� ทะเลสงู ขน้ึ สว่ นหนงึ่ เกดิ จากอากาศมอี ณุ หภมู สิ งู ขนึ้ ทา� ใหน้ า้� ทะเลขยายตวั และ บรรยากาศภาค ธรณภี าค อุทกภาค และชีวภาค ยังทา� ให้ธารน�้าแข็งในบรเิ วณข้วั โลกและบนภูเขาสูงละลายไหลลงส่มู หาสมทุ ร แลวสง ตัวแทนออกมานําเสนอผลการวเิ คราะหที่ 4. ลักษณะโครงสร้างทางธรณีวิทยาของท้องทะเลที่มีการเคลื่อนท่ีตามแผ่นเปลือกทะเล หนาชัน้ เรียนตามประเดน็ ทคี่ รูกําหนด ดังน้ี ทา� ใหเ้ กดิ การทรดุ ตวั ของพน้ื ที่ นอกจากนกี้ ารทรดุ ตัวของพนื้ ทชี่ ายฝ่งั อาจเกิดจากการกดทบั หรือ • ปจ จัยจากบรรยากาศภาคท่ที ําใหเ กดิ ภยั อดั ตวั ของตะกอนในพื้นท่ี หรืออาจเกดิ จากการสบู ขุด หรือดูดทั้งของแข็งและของเหลวออกจาก พื้นท่ี เช่น การสบู น�้าบาดาลขนึ้ มาใช้ในปรมิ าณมาก ทา� ใหเ้ กดิ การทรดุ ตัวของพืน้ ที่ เปน็ ตน้ การกัดเซาะชายฝง 5. ปรมิ าณตะกอนไหลลงสทู่ ะเลลดนอ้ ยลง จากการทมี่ สี ง่ิ กอ่ สรา้ งปดิ กนั้ การไหลของนา�้ ตาม • ปจ จัยจากธรณภี าคท่ีทาํ ใหเ กดิ ภัยการกัดเซาะ ธรรมชาติ ท�าใหป้ รมิ าณตะกอนตามแนวชายฝ่ังลดลง การกัดเซาะจึงเกดิ ขึน้ งา่ ย 6. กิจกรรมของมนุษย์บนชายฝั่งท่ีพฒั นาข้ึนมาโดยไมส่ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดล้อมชายฝ่ัง ชายฝง เช่น การสร้างตึกสูงตามแนวหาดทรายด้านนอกที่อยู่ติดทะเล การถมทะเลเพ่ือการพัฒนาท่ีดิน • ปจจยั จากอทุ กภาคที่ทาํ ใหเกดิ ภัยการกดั เซาะ การเปลีย่ นสภาพปา่ ชายเลนท่เี ป็นปราการธรรมชาตไิ ปท�าประโยชน์อย่างอ่ืน การสรา้ งสิ่งกอ่ สรา้ ง ขนาดใหญ่ทก่ี ีดขวางการเคล่อื นที่ตามธรรมชาติของคลื่นและกระแสนา้� เปน็ ตน้ ชายฝง • ปจจัยจากชวี ภาคทท่ี ําใหเ กดิ ภัยการกัดเซาะ สถานการณ์การกัดเซาะชายฝงั่ ชายฝง จากการวัดระดบั นา้� ทะเล โดยสถานีวัดนา�้ ทะเลทวีปต่าง ๆ ท่ัวโลกพบว่า มีการเปล่ยี นแปลง เพมิ่ ขน้ึ 12-15 เซนตเิ มตร บางแหง่ ทม่ี รี ะดบั นา้� ทะเลเพม่ิ ขน้ึ ทา� ใหเ้ กดิ การทรดุ ตวั ของแผน่ ดนิ เชน่ 85 สหรฐั อเมรกิ าไดส้ ญู 2เสยี พนื้ ทเี่ กาะเวลสเกต (Whale Skate) ในบรเิ วณหมเู่ กาะฮาวาย จากการเพม่ิ ขนึ้ ของระดับน้�าทะเล หรือประชาชนของประเทศตูวาลูที่ก�าลังเดือดร้อนต้องหาท่ีอยู่ใหม่ เน่ืองจาก แผ่นดินก�าลังจะจมหายไปเช่นกัน ท้ังน้ีมีการคาดการณ์ว่า หากระดับน้�าทะเลสูงขึ้นอีก 1 เมตร พื้นที่ชายฝั่งของประเทศอรุ กุ วยั จะหายไปรอ้ ยละ 0.05 ประเทศอยี ปิ ตร์ อ้ ยละ 1 ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ รอ้ ยละ 6 ประเทศบงั กลาเทศร้อยละ 17.5 และหมเู่ กาะมาร์แชลลอ์ าจสูญเสียพ้ืนท่ีถงึ ร้อยละ 80 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู สาเหตุสาํ คัญของการกัดเซาะชายฝงในปจจบุ นั คอื อะไร 1 การกัดเซาะชายฝง และการเกิดแผนดนิ ถลม เปนกระบวนการเปลย่ี นแปลงของ 1. ภาวะโลกรอ น เปลอื กโลกอันเกดิ จากแรงนอกเปลือกโลก เรยี กวา แรงกราเดชัน (gradation) โดย 2. ปรากฏการณเ รอื นกระจก มีตวั กระทําตา งๆ เชน นํ้า ลม ธารน้ําแขง็ และการกระทาํ ของสงิ่ มชี ีวิต เพื่อปรบั ให 3. การเกดิ พายหุ มุนเขตรอน ผิวโลกมรี ะดบั ราบเรยี บเสมอกนั คอื ทาํ ลายบริเวณท่สี ูง เรยี กวา ดีกราเดชัน (degra- 4. ปรากฏการณอ ุณหภมู ิผกผนั dation) และทับถมบรเิ วณท่ีตํา่ เรยี กวา อะกราเดชนั (aggradation) อยา งไรกต็ าม วิเคราะหคาํ ตอบ สาเหตสุ ําคญั ของการกัดเซาะชายฝง ในปจ จบุ นั คือ ภาวะ การกระทําของมนษุ ยทําใหก ระบวนการเปล่ยี นแปลงของเปลือกโลกนร้ี ุนแรงและ โลกรอน ซง่ึ ทําใหน ํา้ แขง็ บรเิ วณขว้ั โลกละลายอยา งรวดเรว็ กวาในอดีต สง ผล รวดเร็วมากยง่ิ ข้นึ ใหน า้ํ ทะเลมีระดับสงู ขน้ึ เขา กดั เซาะพนื้ ทีช่ ายฝง ของประเทศตางๆ รุนแรง 2 การเพม่ิ ขนึ้ ของระดบั น้าํ ทะเล พน้ื ทีห่ นึง่ ซงึ่ อาจไดรบั ผลกระทบอยางรุนแรง จากการเพม่ิ ขนึ้ ของระดบั นา้ํ ทะเล ไดแก หมูเ กาะมลั ดีฟส หรือสาธารณรฐั มลั ดีฟส มากข้นึ ดังนน้ั คาํ ตอบคอื ขอ 1. (Republic of Maldives) ซ่ึงเปนประเทศท่ีประกอบดว ยหมเู กาะขนาดเล็กทส่ี วยงาม กวา 1,900 เกาะ ตง้ั อยูทางทิศตะวนั ตกเฉยี งใตข องประเทศศรลี ังกาและประเทศ อินเดยี คมู ือครู 85

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครตู ง้ั คําถามเก่ยี วกับผลกระทบของภัยการ การเปลี่ยนแปลงดังกลา่ วท�าใหม้ ีการประเมนิ ว่าในชว่ ง 30 ปขี า้ งหน้า จะมกี ารทรดุ ตัวของ กัดเซาะชายฝงในพ้นื ทต่ี างๆ ของโลกและใน แผ่นดินชายฝั่งถูกกัดเซาะ และความแปรปรวนของภูมิอากาศโลกจะเพ่ิมระดับความรุนแรงขึ้น ประเทศไทย แลวสุมนักเรยี นกลมุ เดมิ ใหต อบ ถึงร้อยละ 20 และจะสง่ ผลใหเ้ กดิ ภยั พบิ ัติทั้งจากน้�าท่วม ดินถล่ม ดนิ ทรดุ ความแหง้ แล้ง ความ คําถามเพ่อื อธบิ ายความรู ตัวอยางขอคําถามเชน ปรวนแปรของอากาศ และภัยพิบัตอิ ่นื ๆ ตามมาอกี มากมาย • ผลกระทบของภัยการกดั เซาะชายฝง ใน ตวั อยา่ งการกัดเซาะชายฝัง่ ในประเทศไทย บริเวณตางๆ ของโลกเปนอยางไร อธิบาย ชายฝง่ั ทะเลของประเทศไทยมคี วามยาว 3,148.32 กโิ ลเมตร ครอบคลุมพ้นื ท่ชี ายฝั่ง พรอมยกตวั อยา งประกอบพอสังเขป อา่ วไทยและอนั ดามนั รวม 23 จงั หวดั โดยชายฝง่ั ทะเลดา้ นอา่ วไทยมคี วามยาวประมาณ 2,055.18 (แนวตอบ ภัยการกัดเซาะชายฝง สงผลกระทบ กโิ ลเมตร ครอบคลมุ พน้ื ที่ 17 จงั หวดั ไดแ้ ก่ ตราด จนั ทบรุ ี ระยอง ชลบรุ ี ฉะเชงิ เทรา สมทุ รปราการ ในทุกทวปี ของโลก เนอื่ งจากระดับนาํ้ ทะเล กรุงเทพมหานคร สสงมขลุทารสปาคตั รตานสมี แุทลระสนงรคารธาวิมาสเพสชว่ รนบชุราี ยปฝร่ังะทจะวเบลอคนัีรีขดันามธ์นั ช1มุมีคพวารมยสาุรวาปษรฎะรม์ธาาณนี ที่เพิ่มสูงขนึ้ อยา งรวดเร็วประมาณ 12-15 นครศรธี รรมราช เซนติเมตร จากภาวะโลกรอน โดยผลกระทบ 1,093.14 กิโลเมตร ครอบคลุมพนื้ ท่ชี ายฝ่ังทะเลของ 6 จังหวัด ไดแ้ ก่ ระนอง พังงา ภเู กต็ กระบ่ี ทส่ี ําคัญ คือ การถกู นํา้ ทะเลเขาทวมหรอื ตรัง และสตูล กัดเซาะพ้นื ทช่ี ายฝงจนประชากรไมส ามารถ พ้ืนที่ชายฝั่งทะเลประเทศไทยประสบ อยูอาศยั หรอื ประกอบกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในอัตราความรุนแรง ได ตลอดจนระบบนเิ วศเกิดการเปลยี่ นแปลง แตกต่างกัน พื้นท่ีท่ีประสบปัญหาอย่างรุนแรง เชน ประชากรของประเทศตวู าลกู ําลงั อพยพ ท่ีมีความส�าคัญทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น หาที่อยใู หม เพราะพนื้ ทีป่ ระเทศของพวกเขา กําลังถูกนาํ้ ทะเลเขา ทวม เปน ตน) พ้ืนที่ชายฝั่งบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ชายฝั่ง เพชรบรุ ี-ประจวบครี ขี นั ธ์ ชายฝ่งั ชลบุรี ระยอง ตราด นครศรธี รรมราช สงขลา เป็นต้น กรมทรัพยากรธรณีได้รวบรวมวิเคราะห์ การกัดเซาะชายฝงส่งผลให้พื้นท่ีบริเวณปลายแหลม ข้อมูลเบื้องต้นถึงสภาพปัญหาของพื้นที่วิกฤต ตะลมุ พกุ จังหวดั นครศรีธรรมราชขาดหายไป การกัดเซาะชายฝั่งทะเลพบว่า บริเวณชายฝั่ง ทะเลบางขุนเทียนถูกกัดเซาะตลอดระยะทาง 5 กิโลเมตร ชายฝั่งอ�าเภอชะอ�า จังหวัดเพชรบุรี และชายฝั่งอ�าเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงเป็นระยะทาง ประมาณ 8 กิโลเมตร และมีชายหาดบริเวณพ้ืนที่ท่ีมีความส�าคัญ เช่น หาดหัวหิน บริเวณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระราชวังไกลกังวล ถูกกัดเซาะในระดับปานกลางเป็นระยะทาง ประมาณ 40 กิโลเมตร ชายฝั่งจังหวัดปัตตานี-นราธิวาส ถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงเป็นระยะทาง ประมาณ 35 กิโลเมตร และชายฝั่งจังหวัดตราดพบการถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงเป็นระยะทาง ประมาณ 8 กโิ ลเมตร 86 เกรด็ แนะครู บรู ณาการเช่ือมสาระ ครสู ามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นรูบูรณาการกลมุ สาระการเรยี นรู ครคู วรนาํ วีดทิ ัศนหรอื ภาพขา วเก่ยี วกบั ภยั การกดั เซาะชายฝง ในประเทศไทยหรือ คณติ ศาสตร วชิ าคณติ ศาสตร เรอื่ งสถิติและความนา จะเปน โดยให ในภูมภิ าคตา งๆ ของโลกมาใหนักเรยี นพิจารณาในกิจกรรมการเรยี นรขู ัน้ นาํ หรือข้นั นักเรยี นวเิ คราะหผลกระทบจากภัยการกัดเซาะชายฝง ของประเทศไทย สอนตามความเหมาะสม เพอื่ ใหน กั เรียนเกดิ ความตระหนกั ถึงผลกระทบทรี่ นุ แรงของ จากขอ มลู สถิตขิ องระดบั นํา้ ทะเล ความสูงของชายฝง บริเวณตางๆ ภัยการกดั เซาะชายฝงในปจจุบัน และเกดิ ความรคู วามเขาใจที่ถกู ตอ งเกีย่ วกบั การ จากระดบั ทะเลปานกลาง และอน่ื ๆ จากแหลง ขอมูลท่คี รเู สนอแนะ เชน เกดิ ภัยการกดั เซาะชายฝง อนั จะนําไปสูการวเิ คราะหแ นวทางการปอ งกันและแกไ ข http://www.dmcr.go.th/dmcr2009/index.php เวบ็ ไซตกรมทรัพยากร ปญหาทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ในประเทศไทยรว มกันได ทางทะเลและชายฝง แลว อภิปรายรว มกนั ถึงแนวการปองกนั แกไ ขปญ หา ภยั การกดั เซาะชายฝง ในประเทศไทย จากนน้ั ใหน ักเรียนเผยแพรข อ มูล นักเรยี นควรรู ความรูในรูปแบบตางๆ เชน ใบความรู แผน พับ หรอื เสยี งตามสายใน โรงเรยี น เปน ตน 1 ชายฝง ทะเลอันดามัน ประสบกับภยั การกดั เซาะชายฝงนอ ยกวา ดา นอา วไทย โดยมีการกัดเซาะรนุ แรงในอตั ราเฉลย่ี มากกวา 5 เมตรตอป ในพื้นท่ี 5 จังหวดั ไดแก ระนอง ภูเกต็ กระบ่ี ตรัง และสตูล ระยะทางรวมประมาณ 90.5 กโิ ลเมตร โดยเกิดในพนื้ ที่หาดทรายมากกวา ท่ีราบนาํ้ ทว มถึงทีต่ อเนอื่ งกบั ปาชายเลน 86 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู แผนท่แี 98สEํ ดงพน้ื ทีช่ า99ยEํ ฝง่ั ทถ่ี ูกกัด1เ00ซํE าะของประ10เ1ทํE ศไทย 102Eํ 103 Eํ ครูสมุ นักเรียนใหตอบคาํ ถาม ตัวอยางขอ คาํ ถามเชน 14 ํN กรงุ เทพมหานคร 14 ํN สมุทรสาคร สมุทรปราการ 13 ํN • พน้ื ทช่ี ายฝง ของประเทศไทยไดร บั ผลกระ สมุทรสงคราม 1 ชลบุรี 12 Nํ ทบจากภัยการกัดเซาะชายฝง อยางไรบา ง เพชรบรุ ี (แนวตอบ พนื้ ทชี่ ายฝง ตา งๆ ของประเทศไทย 13 Nํ 3 ระยอง จนั ทบุรี ท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกจิ ซงึ่ ไดร ับ ผลกระทบจากภัยการกัดเซาะชายฝงอยา ง 2 ตราด รุนแรง เชน พืน้ ที่ชายฝง เขตบางขนุ เทียน กรุงเทพฯ ถูกนํา้ ทะเลกดั เซาะเปนระยะทาง 12 ํN ประจวบครี ีขนั ธ ประมาณ 5 กิโลเมตร พนื้ ทช่ี ายฝง อาํ เภอ ชะอาํ จงั หวัดเพชรบรุ ี และพ้ืนที่ชายฝง 11 ํN 11 ํN อาํ เภอหัวหนิ จงั หวัดประจวบครี ีขันธ ถูกนํ้าทะเลกดั เซาะเปน ระยะทางประมาณ ชมุ พร อา วไทย 8 กิโลเมตร สวนชายฝง บรเิ วณพระราชวัง ไกลกงั วล ถกู กดั เซาะในระดับปานกลางเปน 10 Nํ ระนอง 10 Nํ ระยะทางประมาณ 40 กโิ ลเมตร เปน ตน) คำอธิบายสญั ลักษณ 9 Nํ สุราษฎรธ านี ทต่ี ้ังจงั หวดั 9 Nํ ทางนำ้ พังงา นครศรีธรรมราช แหลงนำ้ 4 กัดเซาะปานกลาง (1-5 เมตร/ป) กระบ่ี กดั เซาะรนุ แรง (> 5 เมตร/ป) 8 Nํ ภเู กต็ 8 ํN 7 Nํ ตรัง พัทลุง 5 7 ํN ทะเลอันดามนั สตูล สงขลา ปต ตานี ยะลา นราธิวาส 6 ํN 6 ํN 1 2 3 4 598 ํE 99 Eํ 100 ํE 101 Eํ 102 ํE 103 Eํ สมทุ รปราการ ระยอง เพชรบุรี นครศรธี รรมราช สงขลา ทีม่ า : ศูนยส์ ารสนเทศ กองแผนงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง . 87 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู หากนักเรยี นเปนเจาหนา ทีข่ องหนวยงานทเ่ี กี่ยวของกบั การแกไ ขปญ หา ครูอธบิ ายเกยี่ วกับการกดั เซาะชายฝงทะเลของประเทศไทยเพม่ิ เตมิ วา อัตรา การกัดเซาะชายฝง นกั เรียนควรเรง แกไขปญหาบรเิ วณใดเปนอนั ดบั แรก การกดั เซาะชายฝง ทะเลดา นอา วไทยและดา นอนั ดามนั เฉลย่ี มากกวา 5 เมตรตอ ป แตการกัดเซาะชายฝงทะเลดา นอนั ดามันเกิดขึ้นนอ ยกวาชายฝง ดา นอา วไทย แต 1. ชายฝง ทะเลบางขนุ เทียน กรงุ เทพฯ เปนปญ หาที่สง ผลใหเ กิดความสูญเสยี ทรพั ยสนิ ของประชาชนและของทางราชการ 2. ชายฝงทะเลเขาหลัก พงั งา ทําใหเสยี ทศั นยี ภาพ ซง่ึ สง ผลกระทบตอ ธรุ กจิ ทอ งเทย่ี ว อีกทั้งยังทาํ ใหเ กดิ ความ 3. ชายฝงหาดปาตอง ภูเก็ต เสยี หายดา นทรพั ยากรชายฝงอกี ดวย 4. ชายฝง หาดพัทยา ชลบรุ ี มุม IT วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ชายฝง ทะเลบางขุนเทยี น กรุงเทพฯ ศกึ ษาขอมูลเกยี่ วกับการแกไขปญหาภัยการกัดเซาะชายฝง เพิ่มเตมิ ไดท ่ี http:// เน่อื งจากเปน ชายฝง ทะเลท่ีประสบภยั การกดั เซาะในขัน้ รนุ แรง และเปนพ้ืนที่ www.dmcr.go.th/project/ เวบ็ ไซตเ อกสารประกอบการสมั มนาวชิ าการนานาชาติ ทใ่ี กลกับแหลงท่ีมคี วามสําคัญทางเศรษฐกิจและสังคมจงึ ควรเรงแกไ ขปญหา ดา นการกดั เซาะชายฝง กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง เปนอันดับแรก คูมือครู 87

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หน ักเรียนกลุมเดมิ สงตัวแทนออกมาชว ยกนั ผลกระทบจากการกดั เซาะชายฝัง่ เขยี นผังมโนทัศนแสดงผลกระทบที่เกิดจากภัย การกดั เซาะชายฝง ซง่ึ ประกอบดว ย ผลกระทบ การกดั เซาะชายฝง่ั ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในหลายพนื้ ทชี่ ายฝง่ั ของภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลกและชายฝง่ั ของ ตอระบบนเิ วศชายฝง ผลกระทบตอ เศรษฐกจิ ประเท1ศ.ไททยา� ใสหง่ ร้ ผะลบกบรนะเิทวบศใชนาดยา้ ฝนง่ั ตเ่าชงน่ ๆแดนังวนป้ี ะการงั 1ปา่ ไมช้ ายเลน หญ้าทะเล และสิง่ มีชวี ติ อืน่ ๆ และผลกระทบตอการดําเนนิ ชวี ติ ประจําวนั ถูกทา� ลาย ส่งผลใหส้ ภาพแวดล้อมชายฝั่งเสอื่ มโทรมลง ของประชากร และแสดงแนวทางการแกไ ข 2. ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ เมื่อพ้ืนที่ชายฝั่งทะเลไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่มี ปญหาภยั การกัดเซาะชายฝง ซงึ่ ประกอบดว ย ความสวยงามตามธรรมชาติ สง่ ผลใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี ว แนวทางธรรมชาติ และแนวทางวิศวกรรม ลดน้อยลง กระทบอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว ทก่ี ระดานหนา ช้นั เรียน แลว อธบิ ายความรู ซึ่งเป็นรายได้ส�าคัญของประเทศ และกระทบ โดยใชผ งั มโนทศั นด งั กลา ว จากนั้นครูและ ต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้าชายฝั่ง ส่งผลให้เกิด นกั เรยี นชวยกนั สรุปสาระสําคัญของภยั การ ความสญู เสยี ทางเศรษฐกิจจา� นวนมาก กดั เซาะชายฝง ท่ีไดศกึ ษามา 3. ส่งผลกระทบต่อการด�ารงชีวิตของ ประชาชน การกดั เซาะชายฝงั่ ทา� ให้สงิ่ ปลกู สรา้ ง 2. ครูต้ังคําถามแลว ใหน ักเรียนชวยกนั ตอบ เชน เสียหาย สูญเสียที่ดินและทรัพย์สินต่าง ๆ • หนว ยงานท่ีมหี นาทรี่ ับผดิ ชอบในการปองกนั ส่งผลให้คุณภาพชีวิตและวิถีชีวิตของคนใน และแกไ ขปญหาผลกระทบที่เกดิ จากภัยการ การกัดเซาะชายฝงบริเวณหาดแสงจันทร์ อำาเภอเมือง ชุมชนเปล่ียนแปลงไป หลายชุมชนต้องอพยพ กัดเซาะชายฝง ไดแ กหนวยงานใด และมี จงั หวดั ระยอง สง่ ผลใหส้ ญู เสยี ความสวยงามตามธรรมชาติ ออกจากพืน้ ที่ หลักการปฏิบัติงานอยางไร (แนวตอบ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวง แนวทางแกไ้ ขปัญหาการกดั เซาะชายฝัง่ ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอม โดยมี หลักการทาํ งานคือ รวบรวมและวิเคราะห ปญั หาการกดั เซาะชายฝง่ั มคี วามสลบั ซบั ซอ้ น เนอ่ื งจากมเี หตปุ จั จยั ประกอบกนั หลายดา้ น จงึ เปน็ ขอ มลู เบอ้ื งตน ในภาพรวมของผลกระทบ เรอื่ งยากทจ่ี ะหาสาเหตแุ ทจ้ รงิ และแกไ้ ขปญั หาไดต้ รงจดุ ดงั นน้ั การดา� เนนิ การแกไ้ ขในชว่ งเวลาทผี่ า่ นมา จากภยั การกดั เซาะชายฝง การประเมนิ จงึ ยงั ไมป่ ระสบผลสา� เรจ็ เทา่ ทค่ี วร แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามหนว่ ยงานตา่ งๆ พยายามทจ่ี ะบรรเทาปญั หา และ สถานการณแ ละวางแนวทางการแกไ ขปญหา ลดผลกระทบจากการกดั เซาะชายฝง่ั ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ ซงึ่ การแกไ้ ขปญั หาในปจั จบุ นั มี 2 วธิ ี ดงั น้ี เปน การเฉพาะในแตล ะพนื้ ท่ี ซง่ึ ตอ งศกึ ษา สภาพปญหาสาเหตุ ปจจัยตางๆ เชน วธิ ีการทางธรรมชาติ วธิ กี ารทางวศิ วกรรม 2 สง่ิ แวดลอม ธรณวี ทิ ยา สมทุ รศาสตร เพือ่ การวางแนวทางปองกันและแกไ ขปญ หาให การฟนื ฟแู ละอนรุ กั ษป์ า่ ชายเลน ปา่ ชายหาด การแกไ้ ขปญั หาการกดั เซาะชายฝง่ั โดยวธิ กี าร เหมาะสมกบั สภาพพืน้ ท่ซี ง่ึ ไดร ับผลกระทบใน แหล่งหญ้าทะเล และแนวปะการัง โดยเฉพาะ ทางวศิ วกรรมนน้ั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ดกั ตะกอนทราย ลกั ษณะและระดับทีแ่ ตกตางกันไป) การอนรุ กั ษป์ า่ ชายเลน นอกจากเปน็ ปราการสา� คญั ชายหาด สลายพลงั งานคลน่ื และพยายามรกั ษาสภาพ ชว่ ยลดความรนุ แรงของคลน่ื ลม ซง่ึ เปน็ สาเหตสุ า� คญั ชายหาดให้เกิดความสมดุล โดยวิธีทางวิศวกรรม ประการหนึ่งของการเกิดการกัดเซาะชายฝั่งแล้ว ทใ่ี ชแ้ กป้ ญั หา เชน่ การสรา้ งเขอื่ นกนั คลนื่ สรา้ งแนว ปา่ ชายเลนยงั เปน็ แหลง่ ทอ่ี ยอู่ าศยั หลบภยั แพรพ่ นั ธ์ุ กันคลื่นนอกชายฝั่ง สร้างก�าแพงกันตล่ิง สร้าง ของสัตว์ทะเล ซ่ึงถือเป็นแหล่งอาหารของผู้คน ปะการงั เทียม เป็นตน้ 88 ในทอ้ งถน่ิ อีกด้วย นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT บคุ คลจะมสี ว นรวมในการจัดการทรพั ยากรและสิง่ แวดลอมทใี่ หผ ลยง่ั ยืน 1 แนวปะการงั ในประเทศไทยแนวปะการังเกดิ ความเส่ือมโทรมจากการกระทํา ยาวนานไดอ ยา งไร อธบิ ายพรอมยกตวั อยางประกอบพอสงั เขป ของมนุษยหลายประการ เชน การปลอ ยนา้ํ เสยี จากแหลง ชมุ ชนและอตุ สาหกรรม แนวตอบ การจัดการทรพั ยากรในสว นบคุ คล เชน การปลูกหญาเพื่อปอ งกนั ทําใหป ะการังตายจากน้ําเนา เสียและการไมไดรับแสงแดด และการกอ สรา ง การ น้าํ กัดเซาะตลง่ิ พงั เปนการจัดการทรัพยากรและสง่ิ แวดลอมท่ใี หผลยงั่ ยนื ทําเหมืองแรใกลช ายฝง ทาํ ใหตะกอนไหลลงไปทบั ถมแนวปะการังในทะเล เปนตน ยาวนานอยางถูกตอ งเหมาะสม การตรวจคณุ ภาพอากาศเพอื่ แกปญ หาหรอื 2 การแกไขปญ หาการกัดเซาะชายฝง กรมทรัพยากรธรณีไดก ําหนดแนวทาง พฒั นาคณุ ภาพอากาศ และการใชกระดาษหนังสอื พิมพหอ ขยะเปยกแลว ปฏบิ ัตติ ามยุทธศาสตรการแกป ญ หาการกดั เซาะชายฝง ไว 3 ประการ ไดแ ก นําไปทิง้ ในถงั สีเขียว การสรา งความรูความเขาใจแกผ เู กี่ยวของและสาธารณชนเกยี่ วกับยุทธศาสตร การจัดการปอ งกันและแกไขปญ หาการกัดเซาะชายฝง การสรา งความรคู วามเขาใจ เกย่ี วกบั แผนงาน โครงการ และมาตรการ ซง่ึ เปน องคป ระกอบหลกั ในการจัดทํา แผนประสานการปฏิบตั ิงานระหวางหนว ยงานทีเ่ กีย่ วของ และการจดั ทาํ แผน ประสานการปฏิบัติงานเพือ่ การจดั การปองกนั และแกไ ขปญหาการกดั เซาะชายฝง ทะเล 88 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู วาตภัย (Storms) ครสู นทนากับนกั เรียนถงึ ความหมายของ วาตภยั ทนี่ ักเรียนไดศ ึกษามา แลวสุม นกั เรยี น 1 ภยั ธรรมชาตซิ ่ึงเกิดจากพายุลมแรง เชน่ พายุฝนฟ้าคะนอง พายุดเี ปรสชัน พายโุ ซนรอ้ น กลุม เพื่อใหช ว ยกนั อธิบายความรโู ดยการตอบ พายุไต้ฝุ่น เป็นต้น ท�าให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตของมนุษย์ อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ และ คําถามเกย่ี วกบั ปจ จยั ที่ทาํ ใหเ กิดวาตภัย ไดแ ก ส่ิงกอ่ สร้างต่าง ๆ พายุหมุนเขตรอ น พายทุ อรน าโด และพายุฤดรู อน ตวั อยางขอ คาํ ถามเชน สาเหตุการเกดิ วาตภัย • แหลงกาํ เนดิ พายหุ มุนเขตรอนทีก่ อใหเกิด 1ก.ารพเกาิดยวหุ ามตนุภเยั ขมตีสราอ้ เนห1ตเมุปาน็ จพาากยปหุ รมานกุ ฏทกเ่ี กาดิ รเณหธ์นรอื รทมะชเลาหติรดอื งัมนห้ี าสมทุ รในเขตรอ้ น ไดแ้ ก่ พายุ วาตภัยไดแ กแ หลงใดบา ง ดีเปรสชัน พายุโซนรอ้ น และพายุไตฝ้ ุน่ พายุหมุนเขตรอ้ นมชี ่ือเรียกตา่ งกันไปตามแหล่งก�าเนิด (แนวตอบ พายหุ มนุ เขตรอ นเกิดขนึ้ เหนือทะเล เช่น พายุท่ีเกิดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดีย เรียกว่า “ไซโคลน” พายุท่ีเกิดใน หรอื มหาสมุทรในเขตรอนตางๆ จําแนกตาม มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือทะเลแคริบเบียน อ่าวเม็กซิโก และทางด้านฝั่งตะวันตก ระดับความเร็วของลมไดเปน 3 ระดบั คอื ของเม็กซิโก เรียกว่า “เฮอร์ริเคน” พายุท่ีเกิดในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือทางด้านตะวันตก พายุดเี ปรสชัน พายโุ ซนรอ น และพายุไตฝ ุน มหาสมทุ รแปซิฟิกใต้ และทะเลจนี ใต้ เรยี กวา่ “ไตฝ้ นุ่ ” พายทุ ่เี กิดแถบทวปี ออสเตรเลีย เรยี กวา่ ทงั้ นี้มีชือ่ เรียกแตกตา งกันตามแหลง กาํ เนดิ “วลิ ล-ี วิลลี” หรอื เรยี กชอ่ื ตามบรเิ วณทเ่ี กิด เชน พายุท่ีเกดิ ในอา วเบงกอลหรือมหาสมทุ ร 2. ลมงวง หรอื พายทุ อร์นาโด เป็นพายุ อนิ เดียเรยี กวา ไซโคลน พายุทเ่ี กดิ ทางตะวนั หมุนรุนแรงขนาดเล็กที่เกิดจากการหมุนเวียน ตกหรอื ทางใตของมหาสมุทรแปซิฟกและ ของลมภายใต้เมฆก่อตัวในแนวด่ิง หรือเมฆ ทะเลจีนใตเรียกวา ไตฝนุ และพายุท่เี กิด พายฝุ นฟา้ คะนอง (เมฆคิวมโู ลนมิ บสั ) ทีม่ ฐี าน ในมหาสมุทรแอตแลนตกิ ทะเลแคริบเบียน เมฆต�่า กระแสลมวนท่ีมีความเร็วลมสูงนี้ อาวเมก็ ซิโก เรียกวา เฮอรรเิ คน เปน ตน ) จะท�าให้กระแสอากาศเป็นล�าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หรือย้อยลงมาจากฐานเมฆดูคล้ายกับงวงหรือ • พายฤุ ดรู อ นในประเทศไทยมีลกั ษณะการ ปลอ่ งยนื่ ลงมา ถา้ ถงึ พน้ื ดนิ กจ็ ะทา� ความเสยี หาย เกิดอยา งไรบาง แก่บา้ นเรือน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสรา้ งได้ (แนวตอบ พายุฤดรู อนในประเทศไทยมกั เกดิ 3. พายฤุ ดรู อ้ น เป็นพายุท่เี กดิ ในฤดรู อ้ น ลมงวงหรือทอร์นาโด เกิดข้ึนที่รัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา ขน้ึ ในชว งเดือนมีนาคมถงึ เดอื นเมษายน ใน ในประเทศไทยสว่ นมากเกดิ ระหวา่ งเดอื นมนี าคม เมอ่ื เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ชว งเวลาทมี่ อี ากาศรอนอบอาวติดตอ กัน เปนเวลานานแลวมกี ระแสอากาศเยน็ จาก ถึงเดือนเมษายน มักเกิดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลางและภาค ประเทศจีนพดั ลงมาปะทะ ทําใหเกดิ ฝนฟา ตะวันออกมนี อ้ ยกว่า สา� หรบั ภาคใต้เกดิ น้อยมาก พายุฤดรู อ้ นจะเกิดในชว่ งที่มีลกั ษณะอากาศร้อน คะนอง และอาจมีลกู เหบ็ ตกได พายฤุ ดรู อน อบอ้าวติดต่อกันหลายวันแล้วมีกระแสอากาศเย็นจากความกดอากาศสูงในประเทศจีนพัดเข้ามา มกั จะเกดิ ในภาคเหนอื และภาคตะวนั ออก ปะทะกนั ทา� ใหเ้ กดิ ฝนฟา้ คะนอง มพี ายลุ มแรง และอาจมลี กู เหบ็ ตกได้ ซงึ่ ทา� ความเสยี หายในบรเิ วณ เฉยี งเหนอื สว นภาคกลางและภาคตะวนั - ทไ่ี ม่กว้างนกั ประมาณ 20-30 ตารางกโิ ลเมตร ออกมีการเกดิ นอย สําหรับภาคใตก็อาจเกดิ ไดเชนกันแตไ มบอยคร้งั ) 89 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู พายโุ ซนรอ นทมี่ แี หลงกาํ เนิดในบรเิ วณใดเปน สาเหตสุ ําคัญของการเกดิ 1 พายหุ มุนเขตรอ น (Tropical Cyclone) เกดิ ขึ้นในบรเิ วณเสนศูนยสตู ร อทุ กภัยอยางรนุ แรงในประเทศไทย เมอ่ื ปลาย พ.ศ. 2554 บรเิ วณกอ ตัวของพายมุ กั จะมีอุณหภูมขิ องนาํ้ สูงกวา 26 องศาเซลเซยี ส และลมสงบ เงยี บเปนเวลานาน การตง้ั ช่อื พายุในสมยั เร่ิมแรกจะใชห มายเลขกํากับ แตตอ มาเกิด 1. อา วเบงกอล ความสับสนไดงาย องคก รอุตุนิยมวิทยาโลกและสมาชกิ จึงตั้งชอ่ื โดยใชอ ักษรโรมัน 2. ทะเลแครบิ เบยี น ตงั้ แต A-Z และต้ังแต พ.ศ. 2543 ไดมรี ะบบการตง้ั ช่ือพายุใหมโดยใชภ าษาพ้นื เมอื ง 3. มหาสมทุ รอนิ เดีย ของแตล ะประเทศ ซ่งึ ประเทศในมหาสมทุ รแปซฟิ ก ตอนบนกับทะเลจนี ใตรวม 14 4. มหาสมทุ รแปซิฟก ประเทศ ไดตกลงกับองคก รอตุ นุ ิยมวิทยาโลกในการต้งั ชอ่ื พายขุ องตนเอง โดยแตล ะ วเิ คราะหคาํ ตอบ การพัดเขาของพายโุ ซนรอนตางๆ ทีก่ อ ตวั จากทาง ประเทศจะเสนอช่อื มาประเทศละ 10 ชอื่ รวม 140 ชือ่ แลวแบง เปน 5 กลุม กลมุ ละ ตะวนั ตกของมหาสมุทรแปซฟิ กบริเวณประเทศฟล ิปปน ส ทําใหเกิดฝน 28 ชื่อ เมื่อเกิดพายกุ ็จะใชชอ่ื กลมุ แรกเรยี งลาํ ดบั ไปจนหมดจึงใชช่ือในกลมุ ท่ี 2 ตกหนกั ในเขตภาคกลาง และภาคเหนือ ซง่ึ ทําใหน ้าํ ในเขือ่ นขนาดใหญเ พ่มิ ตอไป ปริมาณ คือ เขอ่ื นภมู ิพล และเขอื่ นสริ กิ ิติ์ จนอาจเกดิ ความไมป ลอดภัยจึง ตองเรง ปลอ ยนาํ้ ออกจากเขอ่ื น โดยพายุทัง้ หมด ไดแก พายุโซนรอ นไหหมา คูมือครู 89 พายโุ ซนรอนนกเตน พายุโซนรอ นไหถาง พายโุ ซนรอนเนสาด และพายุ โซนรอนนาลแก ดังน้นั คาํ ตอบคอื ขอ 4.

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหน กั เรียนกลมุ เดิมผลัดกันจบั สลากบตั รคาํ สถานการณ์การเกดิ วาตภัย ช่อื พายุทท่ี ําใหเ กดิ วาตภยั ครั้งรายแรงทง้ั ใน บริเวณตา งๆ ของโลกและในประเทศไทย ไดแก วาตภัยคร้งั รา้ ยแรงทีเ่ กดิ ในประเทศต่าง ๆ เชน่ นารก สี เอลลี กสิ นา แฮรเรียต เกย ลินดา 1. พายุไตฝ้ นุ่ หมาง้อน เกิดเมือ่ วนั ท่ี 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เปน็ พายหุ มุนที่มีความ และหมุย ฟา แลว ใหอธบิ ายความรูเกี่ยวกับ รนุ แรงระดบั สูง พดั ขนึ้ ฝัง่ ทางตอนใตข้ องประเทศญ่ีปุ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชวี ติ 5 คน และสูญหาย 3 สถานการณก ารเกดิ วาตภัยตามชื่อพายทุ ี่ตน คน รวมความเสยี หายทั้งหมดคดิ เป็นมูลคา่ 27.8 ล้านเหรยี ญสหรฐั ความรุนแรงระดบั สงู พัดขึน้ รบั ผดิ ชอบ พรอมทง้ั เขยี นสรปุ ท่กี ระดานหนา ฝั่งทางตอนใตข้ องประเทศญปี่ นุ่ สง่ ผลใหม้ ีผูเ้ สียชีวิต 5 คน และสูญหาย 3 คน รวมความเสียหาย ชน้ั เรียน จากน้นั ครูและนกั เรียนอภิปรายรว มกนั ท้ังหมด2.คดิ พเปายน็ ุเมฮูลอครา่ ์ริเ2ค7น.8ไ1อลรา้ีนนเหเกริดียขญึ้นสเหมร่ือฐั วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เป็นพายุที่สร้าง ถงึ ความรูเกย่ี วกบั สถานการณก ารเกิดวาตภัย ความเสียหายอย่างมากต่อหลายประเทศในแถบแคริบเบียน เช่น ประเทศเปอร์โตริโก หมู่เกาะ บาฮามาสและบริเวณภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ประเมินความเสียหายเบ้ืองต้นเป็นมูลค่า 2. ครูใหนกั เรียนกลมุ เดิมอภปิ รายกลมุ ยอ ยถงึ 3,100 ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ผลกระทบทเ่ี กิดจากวาตภัยโดยอาจแบง ออก 3. พายไุ ตฝ้ นุ่ ไหเ่ ยย่ี น เกดิ ขนึ้ เมอื่ วนั ท่ี 3 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2556 เปน็ พายทุ สี่ รา้ งความเสยี หาย เปน ผลกระทบท่เี กดิ ข้นึ บนบก และผลกระทบ เป็นอย่างมากทางตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงบนเกาะซามาร์และเลย์เต ทเ่ี กดิ ขึน้ ในทะเล ดังเนื้อหาในหนังสอื เรียนหรือ สง่ ผลให้มผี ้เู สียชีวิตกวา่ 6,000 คน สรา้ งความเสียหายประมาณ 1.80 พนั ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบง แบบอ่ืนๆ แลวชว ยกันออกแบบและจดั ทํา การนําเสนอผลการอภปิ รายในรูปแบบตางๆ วาตภัยครง้ั รา้ ยแรงทเี่ คยเกดิ ข้นึ ในประเทศไทย เช่น ตามความสามารถและความสนใจ เชน ตาราง ผังมโนทัศน หรอื การต นู ลงในกระดาษ พายโุ ซนร้อน “แฮรเ์ รียต” ทีแ่ หลมตะลุมพกุ อา� เภอปากพนงั จังหวดั นครศรีธรรมราช พ.ศ. 2505 โปสเตอร จากนน้ั สงตวั แทนออกมานาํ เสนอผล พายไุ ตฝ้ ่นุ “เกย์” ที่พัดเขา้ ส่จู งั หวดั ชุมพร เมอ่ื พ.ศ. 2532 การอภปิ รายกลุม ยอ ยทหี่ นา ช้นั เรียน ครสู นทนา พายุไต้ฝุน่ “ลินดา” ท่พี ดั เข้าสู่ทางภาคใต้ของไทย เมื่อ พ.ศ. 2540 รว มกันกบั นกั เรยี นเพื่อใหเกิดความรูความเขาใจ พายุโซนร้อน “ไหหม่า” “นกเตน” “ไห่ถาง” “เนสาด” และ “นาลแก” พายุทั้ง 5 ลูก ท่ถี กู ตองตรงกนั พดั เข้าสูป่ ระเทศไทยตัง้ แต่เดือนมถิ นุ ายนถึงเดอื นตุลาคม พ.ศ. 2554 นบั เป็นปจั จัยหนง่ึ ท่ที า� ให้ เกดิ อุทกภยั ครง้ั ใหญ่ในไทย ผลกระทบจากการเกดิ วาตภัย วาตภยั ทา� ให้เกิดอนั ตรายและความเสียหาย ดังน้ี บนบก ต้นไม้ถอนรากถอนโคนทับบ้าน เรือนพังเสียหาย ผู้คนได้รับบาดเจ็บจนอาจ ถึงขน้ั เสียชีวติ บา้ นเรอื นทไ่ี มแ่ ขง็ แรงไมส่ ามารถ ตา้ นทานความรนุ แรงของลมได้ หลงั คาบา้ นทที่ า� ด้วยสังกะสีและกระเบ้ืองปลิว เป็นอันตรายต่อ ผทู้ อี่ ยใู่ นทโ่ี ลง่ แจง้ เสาไฟฟา้ และเสาโทรศพั ทล์ ม้ สายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าลัดวงจร เกิดเพลิงไหม้ พายไุ ต้ฝุน ไหเ่ ยี่ยนพดั ถลม่ ประเทศฟล ิปปน ส์ เมื่อเดอื น ผู้คนเสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดได้ ผู้คนท่ีพักอาศัย พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า อยรู่ มิ ทะเลถกู คลนื่ ซดั ทว่ มบา้ นเรอื นและกวาดลง 90 6,000 คน และทรพั ย์สินไดร้ ับความเสียหายอยา่ งมาก ทะเล ผคู้ นอาจจมนา้� ตายในทะเลได้ เกร็ดแนะครู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเกย่ี วกับพายุหมนุ เขตรอ นทีส่ ง ผลตอประเทศไทย ครูควรนาํ วีดิทศั นหรือภาพขาวแสดงสถานการณการเกิดวาตภัยในประเทศไทย ขอใดกลาวถูกตองเกีย่ วกบั พายหุ มุนเขตรอ นทเ่ี คลอ่ื นเขา สปู ระเทศไทย หรือประเทศเพือ่ นบา น เชน วาตภัยพายไุ ตฝ นุ ไหเย่ียนในฟล ปิ ปน ส มาใหนกั เรียน 1. ไมเ คยกอ ตัวในอาวไทย พจิ ารณารว มกัน เพอ่ื กระตุนความสนใจของนักเรยี น และสงเสรมิ ใหเ กดิ ความรู 2 หากกอตวั ในอา วเบงกอลจะมาไมถึงประเทศไทย ความเขา ใจเกี่ยวกับสถานการณการเกิดและผลกระทบของวาตภัย จากนั้นครูและ 3. มแี หลงกาํ เนิดในทะเลจีนใตมากกวา ในทะเลอนั ดามัน นักเรียนวิเคราะหร ว มกันถึงแนวทางการระวงั ภัยจากวาตภยั ทเี่ หมาะสมกับทอ งถิน่ 4. ท่กี อตัวในอา วตังเก๋ียจะสงผลตอสภาพอากาศในประเทศไทยมากทีส่ ดุ ของตน เพ่ือใหนักเรยี นไดน าํ ความรูไปใชประโยชนในการดาํ รงชวี ิต วิเคราะหคาํ ตอบ พายหุ มุนเขตรอนท่สี งผลกระทบตอสภาพอากาศของ ประเทศไทยมแี หลง กาํ เนดิ สําคญั ทางตะวันออก ไดแก ในทะเลจีนใต และ นกั เรียนควรรู ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซฟิ ก และทางตะวนั ตก ไดแ ก อาวเบงกอล มหาสมุทรอนิ เดีย ดงั นน้ั คําตอบคือ ขอ 3. 1 พายุเฮอรริเคน พายหุ มุนเขตรอนทมี่ ักสรางความเสียหายใหแกป ระเทศใน ภมู ภิ าคอเมรกิ าเหนือ อเมรกิ ากลาง รวมถงึ ทะเลแครบิ เบียน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซง่ึ บางครง้ั เฮอรร เิ คนพดั เคลอื่ นตัวสงู ขึน้ จากแนวเสน ศนู ยส ูตรมากและกอ ใหเ กดิ ความ เสยี หายบรเิ วณเมอื งใหญทางชายฝงตะวันออกของประเทศอยางรุนแรง 90 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ฝนทตี่ กหนกั มากทงั้ กลางวนั และกลางคนื ทา� ใหเ้ กดิ อทุ กภยั ตามมา นา�้ ปา่ จากภเู ขาไหลหลาก ครใู หนักเรียนกลมุ เดมิ ชวยกันอธบิ ายความรู ลงมาอยา่ งรนุ แรง ทว่ มบา้ นเรอื น ถนนหนทาง และเรือกสวนไร่นา เสน้ ทางคมนาคม ทางรถไฟ เกย่ี วกับการระวังภยั จากวาตภยั โดยใหช วยกันแยก สะพาน และถนนถกู ตดั ขาด ประเภทบัตรคําหรือแถบขอความซง่ึ เกีย่ วของกบั การระวงั ภยั ในขณะเกิดวาตภัยและเมอื่ พายสุ งบ ในทะเล เกิดลมพัดแรง คลื่นใหญ่ เรือขนาดใหญ่อาจถูกพัดพาไปเกยฝั่ง หรือชนกับ ลงทค่ี รูใหพ ิจารณา พรอ มท้ังอธิบายรายละเอยี ด หนิ โสโครกทา� ใหจ้ มได้ ดงั นนั้ เรอื ทกุ ชนดิ ควรงดออกจากฝง่ั หลกี เลยี่ งการเดนิ เรอื เขา้ ใกลศ้ นู ยก์ ลาง หรอื ยกตวั อยา งประกอบ โดยตวั อยางของคําและ พายุ มคี ลน่ื ใหญซ่ ดั ฝง่ั ทา� ใหร้ ะดบั นา�้ สงู ทว่ มอาคารบา้ นเรอื นบรเิ วณรมิ ทะเล พนื้ ทเ่ี พาะเลย้ี งสตั วน์ า้� ขอความ เชน ชายฝงั่ และอาจกวาดสิ่งก่อสร้างท่ไี ม่แขง็ แรงลงทะเลได้ เรือประมงบริเวณชายฝง่ั จะถูกทา� ลาย • การประกาศเตือน แนวทางปอ้ งกันและระวังภยั จากวาตภยั • โรคจากนา้ํ ประปา ขณะเกิดวาตภัย ควรปฏิบตั ิ ดังน้ี • การดแู ลรักษาทอประปา • กรมอุตุนิยมวทิ ยา 1. ตดิ ตามขา่ วและประกาศคา� เตือนลกั ษณะอากาศจากกรมอุตุนยิ มวทิ ยา • วิทยุและอุปกรณส่อื สาร 2. เตรียมวิทยุและอุปกรณ์ส่ือสาร ชนิดใช้ถ่านแบตเตอรี่ เพื่อติดตามข่าวในกรณีท่ีไฟฟ้า • การซอมแซมดูแลบานเรือน • การปดกัน้ ทางลม ขดั ข้อง • ตะเกยี ง ไฟฉาย และไมข ดี ไฟ 3. ตดั หรอื รดิ กงิ่ ไมท้ อ่ี าจหกั ไดจ้ ากลมพายุ โดยเฉพาะกง่ิ ทจ่ี ะหกั มาทบั บา้ น สายไฟฟา้ ตน้ ไม้ • อาหารกระปอ งและน้าํ ด่มื • อปุ กรณเครือ่ งหงุ ตม ท่ยี ืนตน้ ตายควรจัดการโคน่ ลงเสยี • อปุ กรณดบั เพลิง 4. ตรวจเสาและสายไฟฟ้าทง้ั ในและนอกบริเวณบ้าน ถ้าไม่แขง็ แรงให้ยึดเหน่ียวเสาไฟฟ้า ใหม้ ัน่ คง 5. พกั ในอาคารทมี่ น่ั คงตลอดเวลาขณะเกดิ วาตภยั อยา่ ออกมาในทโี่ ลง่ แจง้ เพราะตน้ ไมแ้ ละ กงิ่ ไมอ้ าจหกั โคน่ ลงมาทบั ได้ รวมทง้ั หลงั คาสงั กะสแี ละกระเบอ้ื งปลวิ ตามลมมาทา� ใหเ้ กดิ อันตรายได้ 6. ปดิ ประตหู นา้ ตา่ งทกุ บาน รวมทงั้ ยดึ ประตแู ละหนา้ ตา่ งใหม้ น่ั คงแขง็ แรง ถา้ ประตหู นา้ ตา่ ง ไมแ่ ข็งแรง ใหใ้ ช้ไม้ทาบตีตะปูตรงึ ปิดประตูหน้าต่างไว้จะปลอดภัยยงิ่ ขึน้ 7. ปดิ ก้ันชอ่ งทางลมและชอ่ งทางต่าง ๆ ที่ลมจะเขา้ ไปทา� ใหเ้ กิดความเสยี หาย 8. เตรยี มตะเกียง ไฟฉาย และไมข้ ีดไฟไว้ใหพ้ รอ้ ม เม่ือเกดิ ไฟฟา้ ดบั จะไดห้ ยิบใช้ไดอ้ ยา่ ง ทนั ท่วงที 9. เตรยี มอาหารสา� รอง อาหารกระปอ๋ งไวบ้ า้ งส�าหรบั การยงั ชพี ในระยะเวลา 2-3 วนั รวมทง้ั น้า� สะอาด และอปุ กรณ์เครื่องหุงตม้ 10. ดับเตาไฟฟ้าใหเ้ รยี บรอ้ ยและควรจะมอี ปุ กรณส์ �าหรบั ดับเพลงิ ไว้ 11. เตรยี มเครอ่ื งเวชภณั ฑ์ไวใ้ หพ้ ร้อม 91 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู แนวทางในการปองกันผลกระทบจากวาตภยั ตออาคารบานเรอื นคืออะไร ครอู าจมอบหมายใหนกั เรยี นรวมกลมุ กันคนควา แนวทางการระวังภยั จากภัยพิบัติ 1. ดูแลรักษาบานเรือนใหม ่ันคง แข็งแรง ทางธรรมชาติตางๆ เพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรยี นรูอ ่ืน แลว รวบรวมภาพและขอ มูล 2. สรา งบา นดวยวสั ดุคุณภาพดี ราคาแพง จดั ทําปา ยแสดงแนวทางการระวงั ภัยจากภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาตลิ งในกระดาษ 3. เลือกทาํ เลพนื้ ท่ีสูงชันในการสรา งบานเรอื น โปสเตอร ตกแตงใหสวยงาม เพอ่ื สง เสริมใหนักเรยี นนาํ ความรคู วามเขา ใจในเรอื่ ง 4. ปอ งกนั ชอ งลมทุกทางท้ังประตแู ละหนาตา ง การระวงั ภยั พิบัตทิ างธรรมชาติตางๆ ไปใชใ นชีวติ ประจําวัน วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ดูแลรกั ษาบานเรอื นใหม น่ั คง แข็งแรง มมุ IT เปน แนวทางการปอ งกนั ผลกระทบจากวาตภัยทีเ่ หมาะสม เพราะในขณะ ศกึ ษาขอ มลู และสถิติเกย่ี วกับพายใุ นประเทศไทยเพมิ่ เตมิ ไดท ี่ http://www. ประสบภยั เราอาจไมสามารถเตรยี มการปองกนั บานเรือนใหม ั่นคง แขง็ แรง tmd.go.th/list_warning.php เว็บไซตประกาศเตอื นภัยของกรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา พอเปนที่หลบภยั ไดท ันเวลา อนั อาจกอใหเ กดิ อนั ตรายแกช ีวิตได สวนตัว เลือกอ่ืนเปน การปฏบิ ตั ิท่ไี มเ หมาะสม เชน ปองกนั ชอ งลมทกุ ทางทง้ั ประตู ศกึ ษาความรเู ก่ียวกับภยั ทางธรรมชาติและแนวทางการปฏิบตั เิ พอ่ื ปอ งกนั แกไข และหนาตา ง เปนการปฏิบัตเิ มื่อประสบภยั มใิ ชการปอ งกนั ผลกระทบที่จะ และบรรเทาผลกระทบเพมิ่ เติมไดท ่ี http://www.disaster.go.th/dpm/ เวบ็ ไซต ไดร ับจากวาตภยั เปน ตน กรมปอ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั กระทรวงมหาดไทย คูม ือครู 91


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook