- 98 - คาชี้แจง ๑. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุม่ ตามความเหมาะสม แสดงบทบาทสมมตุ ิ ในหวั ขอ้ “พฤตกิ รรมที่ตอ่ ตา้ นการ ทจุ ริต” โดยใช้เวลากลุ่มละ ๑๕ นาที ๒. หากนกั เรยี นต้องใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบการแสดงให้นักเรียนเตรยี มมาเอง
- 99 - ใบงาน เรือ่ ง แนวทางการปฏิบัตติ นเพือ่ ต่อตา้ นการทุจริต คาชี้แจง : ให้นักเรียนเขยี นแผนผงั มโนทศั น์ แนวทางการปฏิบตั ิตนเพื่อต่อตา้ นการทจุ รติ แนวทางการปฏิบัตติ น เพอ่ื ต่อต้านการทจุ ริต
- 100 - แบบประเมินการให้คะแนน ใบงาน รายการประเมนิ รวม ที่ ช่อื – สกุล มีความ การใช้ภาษา การลาดับ ความ การคิด ๒๐ ถูกต้อง เนื้อหา เรียบรอ้ ย วิเคราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดีมาก ๑๖-๒๐ คะแนน เท่ากบั ดมี าก ๓ คะแนน เทา่ กับ ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เทา่ กบั ดี ๒ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๕-๑๐ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากบั ปรับปรุง 1-๕ คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรุง
- 101 - แบบประเมนิ การใหค้ ะแนน ใบกจิ กรรมกลุ่ม (บทบาทสมมุติ) คาชแ้ี จง ใหค้ รผู สู้ อนทาเครอื่ งหมาย ( / ) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ ความเหมาะสมของ ความถูกต้องข้อมลู สาระ สว่ นประกอบอน่ื ๆ และ รวม กลมุ่ ท่ี บทบาทการนาเสนอ ความรู้ ความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ๓๒๑๓๒๑๓๒๑ (ลงชอื่ )...................................ผปู้ ระเมนิ (…………………………………………………) ............../................./................. เกณฑ์การประเมินระดับคณุ ภาพ รายการประเมิน ๓ (ด)ี คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ ๑ (ปรับปรุง) แสดงบทบาทเหมาะสม ๑. ความเหมาะสมของ เสยี งดงั ฟงั ชัด ลลี าประกอบ ๒ (พอใช)้ แสดงบทบาทเหมาะสม บทบาทการนาเสนอ ดมี าก เสียงเบา ลลี าประกอบ เนือ้ หาสาระถูกตอ้ งครบถ้วน แสดงบทบาทเหมาะสม คอ่ นขา้ งน้อย ๒. ความถกู ต้องขอ้ มูล เสยี งดังปานกลาง ลีลา สาระ ความรู้ มกี ารนาอปุ กรณม์ า ประกอบดี เนื้อหาสาระถกู ตอ้ งเป็นสว่ น ๓. ส่วนประกอบอื่นๆและ ประกอบการนาเสนอ ดมี าก นอ้ ย ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ เนอื้ หาสาระถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นมาก มีการนาอุปกรณม์ า ประกอบการนาเสนอ มีการนาอุปกรณม์ า ค่อนข้างน้อย ประกอบการนาเสนอ ดี คะแนนตดั สินระดับคณุ ภาพ คะแนน คณุ ภาพ ๗ – ๙ ดี ๔ – ๖ พอใช้ ๑ – ๓ ควรปรบั ปรงุ
- 102 - แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (ความซ่ือสัตย์) คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน รายการประเมิน ปฏิบัติในสง่ิ ทถ่ี ูกต้อง ละอาย และเกรงกลวั ทีจ่ ะ ที่ ช่อื – สกุล ให้ข้อมลู ท่ีถูกต้องและ ทาความผิด ทาตาม ปฏิบัติตอ่ ผอู้ ่นื ดว้ ยความ เปน็ จริง สญั ญาท่ตี นให้ไว้กบั เพ่อื น ซ่ือตรง พอ่ แม่หรอื ผปู้ กครอง และครู ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ๔ คะแนน เทา่ กบั ดมี าก 15-24 คะแนน เทา่ กบั ดีมาก 13-14 คะแนน เท่ากบั ดี ๓ คะแนน เทา่ กับ ดี 7-12 คะแนน เทา่ กับ พอใช้ ๒ คะแนน เทา่ กับ พอใช้ 1-6 คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรุง ๑ คะแนน เท่ากับ ปรับปรงุ ลงชือ่ ...................................................... ผปู้ ระเมนิ (....................................................)
- 103 - ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๔ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๓ ช่อื หน่วย STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ ริต แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรือ่ ง มุ่งไปข้างหนา้ ๑๙.ผลการเรยี นรู้ ๕. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจริต ๖. ปฏิบตั ติ นเป็นผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ ๒๐.จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ๒.๑ บอกความหมายของคาว่า การมุ่งไปขา้ งหน้าได้ ๒.๒ บอกแนวทางปฏบิ ตั ิตนใหเ้ ป็นผ้ทู ีม่ กี ารพฒั นาตนเองอย่างสมา่ เสมอ ๒๑.สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ 1) การมงุ่ ไปขา้ งหน้า คอื ผทู้ ่ีมีการพฒั นาองค์ความรู้ เพ่อื ใหร้ ู้เท่าทันต่อการทจุ ริต ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กิด) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร - อ่าน ฟัง พูด เขยี น ๒) ความสามารถในการคดิ - วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ ๓.๓ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ / คา่ นยิ ม - มุง่ มนั่ ในการทางาน ๒๒.กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.7ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ ๑) ครูสนทนากับนักเรียน ถงึ การพฒั นาตนเองว่าทาอย่างไรได้บ้าง เชน่ การวางแผนทางการ เรยี นวา่ เรยี นจบชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๖ แลว้ จะเรยี นต่อทีไ่ หน หรือจะประกอบอาชีพอะไร พฒั นาความรูใ้ น เรือ่ งทเ่ี ราสนใจเป็นพเิ ศษ ๒) ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาใบความรู้ เร่ือง มงุ่ ไปข้างหนา้ และร่วมสนทนาโต้ตอบเนอ้ื หาในใบความรู้ N (knowledge) บุคคลและหน่วยงานมีการพฒั นาองค์ความรอู้ ย่างสม่าเสมอเพ่ือให้เท่าทันต่อสถานการณ์ การทุจริตของหนว่ ยงาน สังคมและของประเทศ แนวทางการปฏิบัตติ นให้เป็นผู้ทม่ี คี วามรู้ มีการพัฒนาตนเอง เพ่ือให้ร้เู ท่าทันต่อการทุจริต เชน่ มี การศึกษาหาความรู้ แสวงหาความรู้ ใช้ส่อื ในสงั คม Social อย่างมวี จิ ารณญาณ และตรวจสอบข้อมูลทุกคร้ัง ก่อนท่ีจะตัดสินใจวา่ ข้อมลู น้นั ถูกต้อง และเหมาะสม 3) ให้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม ชว่ ยกันเขียนแนวทางในการพฒั นาตนเอง แล้ว ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน
- 104 - 4) นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปบทเรียน แนวทางของการพัฒนาความรู้ เพ่ือจะได้ร้เู ทา่ ทันตอ่ การ ทจุ รติ ตา่ ง ๆ ๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) ใบความรู้ เรื่อง มุง่ ไปข้างหนา้ ๒) ใบงาน เร่ือง แนวทางในการพฒั นาตนเอง ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน 1) ตรวจใบงาน ๕.๒ เครื่องมือทีใ่ ช้ในการประเมิน 1) แบบประเมนิ ใบงาน ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สิน 1) นกั เรียนต้องผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดีขน้ึ ไป ๖. บันทึกหลงั สอน ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ...................................................... ......................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... ลงช่อื ................................................ ครผู ้สู อน (.................................................)
- 105 - ใบความรู้ เรอ่ื ง มุ่งไปขา้ งหนา้ N (knowledge) บคุ คลและหน่วยงานมีการพัฒนาองค์ความรูอ้ ย่างสม่าเสมอเพ่ือใหเ้ ท่าทันต่อ สถานการณก์ ารทุจริตของหน่วยงาน สังคมและของประเทศ การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต” เป็นแนวทางยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นให้ความสาคัญใน กระบวนการการปรับสภาพสงั คมใหเ้ กดิ ภาวะ “ทไ่ี ม่ทนตอ่ การทุจรติ ” โดยเริ่มต้ังแต่กระบวนการกล่อม เกลาทางสังคมในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต และปลูกฝังความ พอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นการดาเนินการผ่านสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนที่ทาหน้าที่ในการ กล่อมเกลาทางสังคม ให้มีความเป็นพลเมืองที่ดี มีจิตสาธารณะ จิตอาสา และความเสียสละเพื่อ ส่วนรวม และเสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนมีพฤติกรรมท่ีไม่ยอมรับ และต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและการสื่อสารเพ่ือการเรียนรู้ อันจะนามาสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตลอดจนส่งเสริมและเสรมิ สร้างบทบาทของสื่อมวลชน กลุ่มทางสังคม และองค์กรวิชาชีพในการสร้าง สังคมโปร่งใสด้วยการบูรณาการแผนงานในทุกระดับของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพ่ือให้ปฏิบัติไปใน ทิศทางเดียวกัน บนพ้ืนฐานของการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งแนวทางท่ีได้ จาก “Benchmarking” โดยถอดบทเรียนและแนวทางการดาเนินงานด้านการป้องกันการทุจริตจาก ประเทศต่าง ๆ ท่ีประสบความสาเร็จด้านการป้องกันการทุจริต และปลูกฝังค่านิยมในความซ่ือสัตย์ สุจริต ตลอดจนไม่ยอมรับการทุจริตทุกรูปแบบ มาปรับใช้ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทและ สภาพปัญหาของประเทศไทย ควบค่กู บั การดาเนินการต่อยอดกลไกหรือแนวทางท่ีมีอยู่เดิม ด้วยการบูร ณาการและเปิดโอกาสให้กับทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องและ ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
- 106 - ใบงาน กลุม่ ที่ ................. เรอ่ื ง แนวทางในการพัฒนาตนเอง คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นเขียนแนวทางในการพัฒนาตนเอง ๑. ............................................................................................................................. ๒. ............................................................................................................................. ๓. ............................................................................................................................. ๔. ............................................................................................................................. ๕. .............................................................................................................................
- 107 - แบบประเมนิ การให้คะแนน ใบงาน รายการประเมนิ รวม กลุ่มท่ี มคี วาม การใช้ภาษา การลาดับ ความ การคดิ ๒๐ ถูกต้อง เน้อื หา เรียบร้อย วิเคราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ๔ คะแนน เทา่ กับ ดีมาก ๑๖-๒๐ คะแนน เท่ากบั ดีมาก ๓ คะแนน เทา่ กบั ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เทา่ กบั ดี ๒ คะแนน เทา่ กับ พอใช้ 6-๑๐ คะแนน เทา่ กับ พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรุง 1-๕ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรุง
- 108 - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (มุ่งมั่นในการทางาน) คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงใน ชอ่ ง ที่ตรงกับระดบั คะแนน รายการประเมนิ ท่ี ชือ่ – สกุล มคี วามตั้งใจและพยายามในการ มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่อ ทางานท่ีได้รับมอบหมาย อุปสรรคเพ่อื ให้งานสาเร็จ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดมี าก 15-24 คะแนน เท่ากบั ดมี าก ๓ คะแนน เท่ากับ ดี 13-14 คะแนน เท่ากบั ดี ๒ คะแนน เท่ากับ พอใช้ 7-12 คะแนน เทา่ กับ พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรุง 1-6 คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรงุ ลงชือ่ ...................................................... ผู้ประเมิน (....................................................)
- 109 - ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๑ ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยท่ี ๓ ชื่อหนว่ ย STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๖ เรื่อง ความเอ้ืออาทร ๒๓.ผลการเรียนรู้ ๗. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ ๘. ปฏิบตั ติ นเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจรติ ๒๔.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ๒.๑ บอกความหมายของคาว่า ความเอ้อื อาทรได้ ๒.๒ ระบุพฤตกิ รรมท่แี สดงถึงความเอ้ืออาทรได้ ๒๕.สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ 1) ความหมายของความเอื้ออาทร และพฤติกรรมทแ่ี สดงถงึ ความเออ้ื อาทร ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร - อ่าน ฟัง พดู เขยี น ๒) ความสามารถในการคดิ - วเิ คราะห์ สรปุ ๓.๓ คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ / คา่ นิยม - มจี ติ สาธารณะ ๒๖.กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.8ขัน้ ตอนการเรียนรู้ ๑) นกั เรียนศกึ ษาวีดีทัศน์ เรื่อง การทางานดว้ ยความรอบคอบ (จติ อาสา) และร่วมกนั สนทนา ซกั ถามดว้ ยคาถาม ดังน้ี - เกิดเหตกุ ารณ์อะไรขน้ึ - นกั เรยี นมีความรู้สึกอย่างไรกบั เหตุการณ์น้ี - ถ้านกั เรยี นเป็นตารวจเหน็ คนท้องแก่กาลงั จะคลอดลูกนักเรียนจะทาอยา่ งไร - นกั เรยี นคิดวา่ ตารวจมีคุณธรรมอะไรบ้าง ๒) นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง ความเอ้อื อาทร และทาแบบฝกึ หัด เร่ืองความเอ้ืออาทร ๓) แบ่งกลมุ่ นักเรียนตามความเหมาะสม ระดมสมองทาใบงาน พฤติกรรมท่ีแสดงถงึ ความเอ้ือ อาทรของตนเอง ๔) นักเรยี นออกมานาเสนอผลงานโดยใชผ้ งั มโนทศั น์ ๕) นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปความหมาย และแนวทางการปฏิบตั ติ นให้เปน็ ผมู้ ีความเอื้ออาทร G (generosity) บคุ คลและหนว่ ยงานร่วมพัฒนาหนว่ ยงานใหม้ คี วามเอื้ออาทรบน พื้นฐานของจริยธรรมและจิตพอเพียง
- 110 - ๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) วีดที ศั น์ เรอื่ ง การทางานด้วยความรอบคอบ (จติ อาสา) ๒) ใบความรู้ เร่อื ง ความเอื้ออาทร ๓) แบบฝึกหดั เรื่อง ความเอื้ออาทร ๔. ใบงาน เรื่อง พฤติกรรมความเอ้ืออาทร ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมิน 1) ตรวจแบบฝึกหดั 2) ตรวจใบงาน ๕.๒ เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมนิ 1) แบบประเมินแบบฝกึ หดั 2) แบบประเมนิ ใบงาน ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสิน 1)นกั เรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดีข้ึนไป ๖. บันทกึ หลงั สอน ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. .................................................................... ......................... ลงชือ่ ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- 111 - ใบความรู้ เรื่อง ความเออื้ อาทร G (generosity) บุคคลและหนว่ ยงานรว่ มพัฒนาหน่วยงานให้มคี วามเอือ้ อาทรบนพ้ืนฐานของ จริยธรรมและจิตพอเพียง คาวา่ “เอื้อ” หมายถึง เอาใจใส่ มีน้าใจ เหน็ แก่กนั ส่วนคาว่า “อาทร” หมายถงึ ความเอ้ือเฟ้ือ ความเอาใจใส่ ความพะวง รวมคาว่า “เอื้ออาทร” หมายถึง การเอ้ือเฟ้ือมีนา้ ใจใหแ้ ก่กัน ความจริงใจที่ไม่เห็นแก่เพียงตัวเองหรือเรื่องของตัวเอง แต่เห็นอกเห็นใจ เห็นคุณค่าในเพ่ือนมนุษย์ มคี วามเอือ้ อาทร เอาใจใส่ ให้ความสนใจในความตอ้ งการ ความจาเปน็ ความทุกข์สุขของผู้อ่ืนและพร้อมท่ีจะ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ผู้ที่มีน้าใจ คือ ผู้ให้และผู้อาสาช่วยเหลือสังคม รู้จักแบ่งปัน เสียสละ ความสุขส่วนตน เพ่ือทาประโยชน์แก่ผู้อ่ืน เข้าใจ เห็นใจผู้ท่ีมีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคมด้วย แรงกาย สติปัญญา ลงมือปฏิบตั ิการ เพื่อบรรเทาปญั หาหรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งดงี ามใหเ้ กิดข้ึนในชุมชน คุณธรรมพน้ื ฐานมีประโยชนต์ ่อเด็ก การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข จาเป็นจะต้องเป็นผู้มีน้าใจ มีไมตรีต่อเพ่ือนมนุษย์และ สรรพส่ิง และความมีน้าใจเป็นส่ิงที่เด็กทุกคนสามารถทาได้ ด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงผู้อ่ืน และ แสดงตอ่ ผอู้ น่ื เหมอื นท่ีต้องการให้คนอ่ืนแสดงต่อตนเอง สามารถทาดีต่อผู้อ่ืนได้ โดยไม่หวังส่ิงตอบแทน เป็น ผู้ให้มากกว่าที่จะเป็นผู้รับ แสดงน้าใจกับคนรอบข้าง เสียสละกาลังทรัพย์ สติปัญญา กาลังกาย และเวลา ให้แกผ่ ้เู ดือดรอ้ น เท่าท่เี ดก็ ๆ จะทาได้ ดงั นั้น ถ้าเด็กมนี สิ ยั เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้ความรักแก่ผู้อ่ืน และ ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถด้วยความจริงใจท่ีมี ก็ย่อมเป็นท่ีรัก ที่ต้องการ เป็นคนมี คุณค่าต่อสังคม และเป็นท่ีชื่นชมของผู้อื่นเสมอ การเป็นคนมีน้าใจ จะทาให้เด็กมีจิตใจที่ดีงาม เบิกบาน แจ่มใส ผิวพรรณผ่องใส มีมิตรสหายมาก ใครก็อยากคบหาสมาคมด้วย เพราะความมีน้าใจแสดงถึงความมี เมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ชีวิตก็ย่อมพบแต่ความสุข และหากเด็กทุกคนฝึกฝนตนเองให้เป็นคนมีน้าใจ สงั คมของเราจะเป็นสงั คมทีน่ า่ อยู่ ทีม่ ีแต่ความสันตสิ ุขโดยแท้ ในการดาเนนิ ชีวิต เราทุกคนไม่ควรประมาท สรา้ งศตั รู แบ่งพรรคแบ่งพวก ตอ่ สู้ แก่งแย่งชิงดีกัน แต่ ควรที่จะสรา้ งความสมั พันธท์ ่ดี ตี อ่ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีความน้าใจโอบอ้อมอารี และมีความเมตตากรุณาต่อ สัตว์ท้ังหลาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดมาในครอบครัวเดียวกัน เราทุกคนควรมีความรัก มีเมตตากรุณา ช่วยเหลือ เกอ้ื กูลกัน และพัฒนาชวี ิตของเราทกุ คนใหม้ ีความสุขพ่อแม่ ผู้ปกครองจึงควรส่งเสริมคุณธรรมพื้นฐานเรื่องมี ความเอ้อื อาทรให้ลกู
- 112 - ชื่อ ......................................................................................................... ชน้ั ....................... เลขท่ี ................... แบบฝึกหดั เรอื่ ง ความเออื้ อาทร จงตอบคาถามต่อไปน้ี ๑. ความเอ้ืออาทร หมายถึงอะไร ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ถ้าทุกคนมีความเออ้ื อาทรต่อกันสงั คมจะเป็นอย่างไร ............................................................................................................................................. ................................. ................................................................................................. ............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................ .............................................. ๓. นกั เรียนเคยพบเห็นพฤติกรรมทแี่ สดงถึงความเออ้ื อาทรของใครบ้าง อธิบายพอสังเขป ................................................................................................................................... ........................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๔. จงบอกพฤตกิ รรมของตนเองท่ีบง่ บอกถงึ ความเอื้ออาทรต่อสังคม ...................................................................................................................................... ........................................ .......................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
- 113 - ใบงาน เรือ่ ง พฤติกรรมที่แสดงถึงความเอื้ออาทร คาชี้แจง : ให้นกั เรียนเขียนพฤติกรรมท่ีแสดงถงึ ความเอ้ืออาทรของตนเอง (เป็นแผนผังความคดิ ) พฤตกิ รรมทีแ่ สดงความ เอื้ออาทรของตนเอง
- 114 - แบบประเมนิ การใหค้ ะแนน แบบฝึกหดั รายการประเมนิ รวม ที่ ช่ือ – สกุล มีความ การใช้ภาษา การลาดับ ความ การคิด ๒๐ ถกู ต้อง เนอ้ื หา เรียบรอ้ ย วเิ คราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดีมาก ๑๖-๒๐ คะแนน เท่ากบั ดมี าก ๓ คะแนน เทา่ กบั ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เท่ากบั ดี ๒ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๕-๑๐ คะแนน เท่ากับ พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรงุ 1-๕ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรุง
- 115 - แบบประเมิน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (มีจติ สาธารณะ) คาชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน รายการประเมนิ ที่ ชื่อ – สกุล รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ อาสาทางาน ชว่ ย ร้จู ักดูแล รกั ษา เข้ารว่ มกิจกรรม ผ้ปู กครอง และครู คดิ ชว่ ยทา และ ทรพั ยส์ มบตั แิ ละ เพ่อื สงั คมและ แบ่งปันสิ่งของให้ ส่งิ แวดลอ้ มของ สาธารณประโยชน์ ทางาน ห้องเรียน โรงเรียน ของโรงเรียน ผู้อน่ื ชุมชน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากบั ดีมาก 15-24 คะแนน เท่ากบั ดีมาก ๓ คะแนน เทา่ กับ ดี 13-14 คะแนน เท่ากับ ดี ๒ คะแนน เทา่ กับ พอใช้ 7-12 คะแนน เท่ากับ พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กบั ปรบั ปรงุ 1-6 คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรงุ ลงชอ่ื ...................................................... ผ้ปู ระเมิน (....................................................)
- ๑๑๖ - หนว่ ยท่ี ๔ พลเมอื งกับความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
- ๑๑๗ - แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๔ ชือ่ หน่วย พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑ เรอ่ื ง การเคารพสิทธหิ น้าที่ต่อตนเองและผู้อืน่ เวลา ๓ ชว่ั โมง ๒๗.ผลการเรยี นรู้ 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สังคม 1.2 ปฏิบัติตนตามหน้าทพ่ี ลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม ๒๘.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ๒.๑ รู้และเขา้ ใจความหมายความสาคัญของคาว่าสิทธิและหนา้ ท่ี ๒๙.สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความหมายของคาวา่ สิทธิและหนา้ ที่ ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร - ฟงั พูด เขียน ๒) ความสามารถในการคดิ - วเิ คราะห์ จดั กลมุ่ สรปุ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ / ค่านิยม - มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี ๑ ๑. ครูให้นักเรียนดูรูปภาพ เด็กขายพวงมาลัย ตามท้องถนน เด็กถูกทารุณกรรม ฯลฯ แล้ว สอบถามนักเรียน ว่า ภาพน้ีเป็นภาพเก่ียวกับอะไร จากน้ันครูอธิบายเพ่ิมเติมว่าเป็นภาพการใช้แรงงานเด็ก การทารุณกรรม เด็ก เป็นการละเมิดสิทธิ ครูอธิบายความหมายของคาว่า สิทธิ ให้นักเรียนฟัง คาว่า สิทธิ (อ่านว่า สิด-ทิ) โดยท่วั ไปหมายถึง อานาจอนั ชอบ ๒. ครทู บทวนความรู้ เรื่อง สิทธขิ ั้นพ้ืนฐานของเด็กวา่ มี อะไรบา้ ง
- ๑๑๘ - สิทธขิ ้นั พื้นฐานของเด็ก ๑. สทิ ธิท่ีจะมชี วี ิตรอด – ไดร้ ับการดูแลสขุ ภาพขนั้ พน้ื ฐาน มีสนั ตภิ าพ และความปลอดภัย ๒. สทิ ธทิ ีจ่ ะได้รับการพฒั นา – มีครอบครัวที่อบอุ่น ไดร้ ับการศึกษาทีด่ ี และภาวะโภชนาการที่ เหมาะสม ๓. สทิ ธทิ ่จี ะได้รับความค้มุ ครอง - ใหร้ อดพน้ จากการทาร้าย การลว่ งละเมิด การละเลย การนาไป ขาย การใช้แรงงานเด็ก และการแสวงประโยชน์โดยมชิ อบในรปู แบบอื่นๆ และ ๔. สิทธิที่ในการมสี ่วนร่วม – ในการแสดงความคิดเห็น แสดงออก การมีผูร้ ับฟงั และมีสว่ นรว่ มใน การตัดสินใจในเร่ืองท่ีมีผลกระทบกับตนเอง ๓. แจกใบงานที่ 1 เร่ืองการละเมดิ สทิ ธผิ ูอ้ น่ื ใหน้ ักเรยี นหาข่าวเกย่ี วกบั การละเมดิ สิทธิของเดก็ จาก หนังสือพมิ พ์ เสร็จแล้ววิเคราะห์วา่ เปน็ การละเมิดสทิ ธดิ า้ นใด แลว้ นามาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น ชว่ั โมงที่ ๒ ๑. ครสู นทนากบั นักเรยี น เก่ยี วกับหน้าที่ วา่ หมายถึงอะไร คนแต่ละคนมีหน้าที่อะไรบ้าง เหมือน หรือ แตกต่างกันอย่างไร จากน้นั ครแุ ละนกั เรียนอภิปรายรว่ มกัน ๒. ครตู ัง้ คาถามนา เชน่ - ครู มหี นา้ ทอ่ี ะไรบ้าง - พ่อแม่ มหี นา้ ท่ีอะไรบา้ ง - นกั เรียน มีหนา้ ทอ่ี ะไรบา้ ง - ตารวจ มหี นา้ ทีอ่ ะไรบา้ ง - นกั การเมือง มีหนา้ ทีอ่ ะไรบ้าง ๓. นกั เรยี นดูวดี ที ศั น์ เรื่อง หนา้ ทพ่ี ลเมือง คืออะไร จาก https://sites.google.com/a/pongppk.ac.th/krooplammy-hunny ๔. นกั เรียนทา แผนผังมโนทัศน์ จากวีดที ศั น์ที่ดู และนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น ชัว่ โมงที่ ๓ ๑. ครซู กั ถามนักเรยี นว่า หากมคี นอืน่ ขบั รถมาจอดขวางประตูทางเข้าบ้านของนักเรยี น ซง่ึ นักเรียน จาเป็นตอ้ งพาคนปว่ ยไปโรงพยาบาล แต่ออกไมไ่ ด้เพราะรถดึงเบรคมือไว้ - จากเหตุการณข์ ้างตน้ นกั เรียนร้สู ึกอย่างไร - และจะแก้ไขปัญหาอยา่ งไร ๒. หลังจากท่ีนักเรียนตอบ ครูอธิบายว่า การใช้สิทธิบางอย่างโดยไม่คานึงว่าตนเองมีหน้าท่ีอย่างไร อาจจะทาให้ไปละเมิดสิทธิของบุคคลอ่ืนได้ เช่น การใช้สิทธิในการขับรถ แต่ไม่คานึงว่าตนมีหน้าที่ที่จะต้องไม่ ขบั รถกดี ขวางทางผู้อื่น ทาให้ไปจอดรถขวางประตูบ้านของคนอื่น ย่อมทาให้ผู้อ่ืนเกิดความเดือดร้อน เป็นการ กระทาที่ไม่ถกู ต้อง
- ๑๑๙ - ๓. ครูให้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔–๖ คน แต่ละกล่มุ ช่วยกันสืบค้นข่าวเก่ียวกับการใช้สิทธิของคน ในสังคมไทย แล้ววิเคราะห์ว่า คนในข่าวดังกล่าวใช้สิทธิโดยคานึงถึงหน้าที่หรือไม่ เพราะอะไร สรุปผลลงในแบบบันทึกผลการวิเคราะห์ข่าวเรื่อง การใช้สิทธิและหน้าที่ แล้วส่งตัวแทนนาเสนอ ผลงานหน้าชนั้ เรยี น ๔. ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม จากใบงานท่ี 2 เร่อื ง การเคารพสทิ ธิ หน้าที่ต่อตนเองและผ้อู นื่ ๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) หนงั สือพิมพ์ ๒) วีดที ัศนเ์ รือ่ งหนา้ ทพ่ี ลเมือง จาก https://sites.google.com/a/pongppk.ac.th ๓) ใบงานที่ 1 เรื่อง ละเมิดสิทธผิ อู้ ื่น 4) ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง การเคารพสิทธิหน้าท่ีต่อตนเองและผู้อื่น 5) ใบความรู้ 6) ตัวอยา่ งภาพประกอบ ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมนิ - ตรวจใบงาน - การนาเสนอผลงาน - ตรวจช้ินงาน ๕.๒ เครือ่ งมือที่ใช้ในการประเมนิ - แบบประเมินผลงาน - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ) ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ประเมินระดบั ดีขึน้ ไป ๖. บนั ทึกหลังสอน ............................................................................................................................ ................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ................................................ ครผู ้สู อน (.................................................)
- ๑๒๐ - ใบความร(ู้ สาหรับคร)ู การปกครองระบอบประชาธิปไตยจะมีความมั่นคงกา้ วหน้าเพยี งไร ยอ่ มขึน้ อยู่กับการท่ีประชาชนใน ชาติรจู้ ักสิทธิ เสรภี าพ กระทาหนา้ ที่ตามความรับผดิ ชอบและมีคุณธรรม ความ สาคัญของสิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ และคุณธรรมของพลเมอื ง มดี งั นค้ี อื ๑. สิทธิ หมายถึง อานาจหรอื ผลประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั การค้มุ ครองและรบั รองตามกฎหมาย ๒. สิทธิท่ีเปน็ สิทธิเฉพาะบุคคล ได้แก่ ๒.๑ สทิ ธิในชีวติ และรา่ งกาย ๒.๒ สทิ ธใิ นเคหะสถาน ๒.๓ สิทธิในครอบครวั ๒.๔ สิทธใิ นการประกอบอาชีพ ๒.๕ สทิ ธใิ นชื่อเสยี งและเกยี รติยศ ๓. สทิ ธเิ กี่ยวกบั ทรัพยส์ นิ หมายถงึ สทิ ธิที่มเี จ้าของมีอยู่ในทรพั ย์สินนั้นโดยการถือกรรมสทิ ธ์ิ และสามารถใช้ประโยชน์ใดๆได้ ตามทเ่ี จา้ ของทรัพย์สนิ ต้องการ เชน่ มสี ทิ ธใิ นการใหผ้ ู้อ่ืนเชา่ บ้าน มีสิทธิใน การขายท่ีดินของตน ๔. การใชส้ ิทธขิ องบุคคล มีข้อจากัดดังน้คี ือ ๔.๑ การใช้สิทธติ ้องเป็นไปตามขอบเขตและหลกั การท่ีกฎหมายกาหนดไว้ จะละเมดิ มิได้ ๔.๒ สิทธบิ างอยา่ งเปน็ สทิ ธิเฉพาะตน ผ้มู ีสิทธิจะตอ้ งใชด้ ้วยตนเองเท่านนั้ จะมอบให้ผูอ้ ื่น ไม่ได้ เช่น สิทธใิ นการลงคะแนนเสยี งเลือกตั้ง เปน็ ต้น ๔.๓ สิทธิบางอย่างอาจใช้โดยการมอบอานาจหรือแตง่ ต้ังผู้แทนได้ เช่น การเบิกถอนเงินจาก ธนาคารเปน็ ตน้ เสรภี าพของประชาชน ๑. เสรีภาพ หมายถงึ ความเปน็ อิสระของบุคคลทจ่ี ะกระทาการตา่ งๆได้ตามความต้องการของ ตน โดยไม่ละเมดิ ต่อผอู้ ืน่ และไมผ่ ิดกฎหมาย ๒. เสรีภาพของประชาชนไทยตามรัฐธรรมนูญ มีดังน้ี ๒.๑ เสรภี าพในการนบั ถอื ศาสนา ๒.๒ เสรีภาพในการประกอบอาชพี ๒.๓ เสรีภาพในรา่ งกาย ๒.๔ เสรภี าพในเคหะสถาน ๒.๕ เสรภี าพในการศึกษาอบรม ๒.๖ เสรภี าพในการเดินทาง ๒.๗ เสรีภาพในการพูด การเขยี น การพิมพ์ การโฆษณา ๒.๘ เสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม สหภาพ สหกรณ์ และพรรคการเมือง
- ๑๒๑ - ๒.๙ เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ๒.๑๐ เสรภี าพในการส่งขา่ วสารโดยทางไปรษณียห์ รอื ทางอนื่ ทีช่ อบโดยกฎหมาย หนา้ ที่ ๑. หน้าท่ี หมายถงึ ภาวะท่ีบคุ คลต้องกระทาหรืองดเวน้ กระทาตามที่กฎหมายกาหนดไว้ ๒. หน้าทม่ี คี วามสมั พนั ธ์กับสิทธิโดยตรง ทง้ั นต้ี ้องคานงึ วา่ เม่ือเรามสี ทิ ธแิ ล้วเราต้องมหี น้าทด่ี ้วย ๓. หนา้ ทข่ี องพลเมืองตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู มดี งั นค้ี ือ ๓.๑ ธารงรกั ษาไวซ้ ึ่งความมน่ั คงของชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์และการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์เป็นประมขุ ๓.๒ หนา้ ทใ่ี นการป้องกนั ชาติบ้านเมอื ง ๓.๓ หนา้ ที่ในการเคารพและปฏิบตั ติ ามกฎหมายบา้ นเมือง ๓.๔ หนา้ ทีใ่ นการชว่ ยเหลอื ราชการตามกฎหมาย ๓.๕ หนา้ ทใ่ี นการรบั ราชการทหาร ๓.๖หน้าท่ใี นการเสียภาษอี ากรตามกฎหมาย ๓.๗ หนา้ ที่ในการเขา้ รับการศึกษาภาคบงั คับ ๓.๘ หนา้ ที่ในการใช้สทิ ธิเลือกตั้งโดยสุจริต ๔. หนา้ ทขี่ องพลเมืองตามทบี่ ัญญตั ิไว้ในกฎหมายอ่ืนๆ มดี งั น้คี อื ๔.๑ หนา้ ทข่ี องบดิ ามารดาในการอุปการะเลย้ี งดูบตุ ร ๔.๒ หนา้ ที่ในการปฏิบัติตามอาชพี ท่ีตนรับผดิ ชอบ ๔.๓ หนา้ ทท่ี ่ตี อ้ งปฏบิ ัตติ ามสัญญาท่ีกระทาไว้ ๕.หนา้ ท่ีของพลเมืองในระดับทอ้ งถนิ่ มีดังน้ี ๕.๑ หน้าทท่ี างการเมือง เชน่ การลงสมคั รรับเลือกตั้ง การใช้สิทธิเลอื กตง้ั ผ้แู ทนในท้องถ่ิน ของตน ๕.๒ หน้าทท่ี างเศรษฐกิจ เชน่ ก. การประกอบอาชพี ที่สจุ ริต ข. การใชเ้ วลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ ค. การร่วมกนั อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถิ่น ๕.๓ หนา้ ทีท่ างสงั คม ได้แก่ การประพฤติดี การพฒั นาสงั คมใหเ้ จรญิ ก้าวหนา้
- ๑๒๒ - ภาพประกอบ
- ๑๒๓ -
- ๑๒๔ -
- ๑๒๕ -
- ๑๒๖ - ชอื่ ...........................................................................................................ช้ัน....................เลขท.่ี .......... ใบงานท่ี ๑ การละเมิดสิทธิผู้อ่ืน คาชแี้ จง ให้นกั เรียนหาข่าวเก่ยี วกับการละเมิดสิทธขิ องเด็กจากหนงั สือพิมพ์ ติดลงในใบงาน เสรจ็ แล้ว วเิ คราะห์ว่า เปน็ การละเมิดสิทธิดา้ นใด แลว้ นามาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ๑๒๗ - ชือ่ ............................................................................................................ชนั้ ....................เลขท.่ี .......... ใบงานที่ ๒ การเคารพสิทธหิ นา้ ทต่ี ่อตนเองและผู้อ่ืน คาชี้แจง ให้นักเรยี นอา่ นคาถาม แลว้ ตอบอย่างมีเหตุผล โดยยกตวั อย่างหรอื เหตุผลประกอบ(๑๐ คะแนน) ๑. การใช้สิทธิจะต้องคานึงถึงอะไร เพราะเหตใุ ดจึงเปน็ เช่นนั้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. หากเราจะใช้สิทธิชมุ นมุ ทางการเมอื ง เราต้องคานึงวา่ ตนเองมีหนา้ ท่ีอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. เหตุใดเราตอ้ งใช้สิทธิอย่างมคี วามรับผิดชอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. ยกตวั อยา่ งการกระทาทแ่ี สดงถงึ การเคารพสิทธหิ น้าทีต่อตนเองและผอู้ ืน่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓๐.ยกตวั อย่างการกระทาทใ่ี ชส้ ทิ ธิของตนเองแต่ละเมิดสทิ ธิของผอู้ นื่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ๑๒๘ - แบบประเมนิ การใหค้ ะแนน แบบฝึกหดั และใบงาน รายการประเมนิ รวม ที่ ช่ือ – สกุล มคี วาม การใชภ้ าษา การลาดับ ความ การคดิ ๒๐ ถูกต้อง เนอ้ื หา เรียบร้อย วเิ คราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ๔ คะแนน เทา่ กับ ดีมาก ๑๖-๒๐ คะแนน เท่ากบั ดีมาก ๓ คะแนน เท่ากบั ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เทา่ กับ ดี ๒ คะแนน เท่ากับ พอใช้ ๕-๑๐ คะแนน เท่ากับ พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรงุ ๐-๕ คะแนน เท่ากับ ปรับปรุง
- ๑๒๙ - แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ) คาชี้แจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน รายการประเมิน ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ ที่ ชอ่ื – สกุล ครอบครวั และโรงเรยี น มีความตรงตอ่ เวลาในการ ปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ๔ ๓ ๒๑ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๔ คะแนน เท่ากับ ดีมาก ๓ คะแนน เท่ากับ ดี ๒ คะแนน เทา่ กับ พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กับ ปรับปรุง ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................
- ๑๓๐ - ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ เวลา ๓ ชวั่ โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๔ ชอ่ื หน่วย พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบต่อสังคม แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เรอื่ ง ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย ๑. ผลการเรียนรู้ ๙. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม ๑๐.ปฏิบตั ติ นตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นักเรยี นสามารถ ๒.๑ บอกความหมายของคาว่าระเบียบ กฎ กติกา และกฎหมาย ๒.๒ ความสาคัญของคาวา่ ระเบยี บ กฎ กตกิ า และกฎหมาย ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ - ความหมายของคาว่า ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความสาคัญของคาวา่ ระเบียบ กตกิ า และกฎหมาย ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกดิ ) ๑) ทักษะการใช้ชีวิต ๒) ความสามารถในการคิด - วิเคราะห์ จดั กลมุ่ สรุป ๓.๓ คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ / คา่ นยิ ม - มวี ินยั รับผดิ ชอบ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี ๑ ๑. ครูและนักเรียน สนทนาอภิปรายถึงความแตกต่างของคาว่า ระเบียบ และ วินัย มีความ แตกต่างกนั อย่างไร โดย ครอู ธิบายเพิ่มเติม ใหเ้ ห็นถงึ ความหมายของคาวา่ “ระเบียบ” ระเบยี บ หมายถงึ แบบแผนทวี่ างไวเ้ ปน็ แนวปฏิบตั ิหรอื ดาเนนิ การ เช่น ระเบียบวนิ ยั ระเบียบ ข้อบงั คบั ตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบยี บ ถูกลาดับ ถูกท่ีเปน็ แถวเปน็ แนว มลี ักษณะเรียบร้อย เช่น เขาทางานอย่าง มีระเบยี บ สว่ น วินยั หมายถึง ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ข้อบงั คับ สาหรับควบคุมความประพฤติทางกาย วาจา ของคนในสังคมใหเ้ รยี บรอ้ ยดีงาม เปน็ แบบแผน อันหน่ึงอันเดยี วกนั จะได้อยู่รว่ มกันดว้ ยความสุขสบาย ไม่ กระทบกระทงั่ ซึ่งกันและกัน
- ๑๓๑ - ๒. ครูแจกใบงานท่ี 1 เร่ืองระเบียบวินัย จากนั้นให้นักเรียนศึกษาพระบรมราโชวาทเก่ียวกับ การมรี ะเบียบวนิ ัยจากใบงานท่ี 1 เรอื่ ง ระเบยี บวินยั นกั เรียนปฏิบัติตามคาช้ีแจง ๓. ครูสุ่มเลือกนักเรียน ๓–๕ คน ออกมานาเสนอผลงานหน้าห้องเรียน จากน้ันครูและ นกั เรียนรว่ มกนั สรุปว่า ระเบยี บวินยั ทาให้บา้ นเมืองของเราสงบสขุ และมีความเป็นระเบียบ เรยี บร้อย การมรี ะเบียบวนิ ยั จึงเป็นคุณลักษณะสาคัญท่ีควรปลูกฝังให้เกิดขึ้นในคนไทยทุก คน ชวั่ โมงท่ี ๒ ๑. ครูอธิบายหรือเสริมความรู้ว่า การเป็นผู้มีระเบียบวินัยไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามข้อตกลง กติกา กฎ และระเบียบของโรงเรยี นเท่านน้ั แตก่ ารเป็นผู้มีระเบียบวินัยยังรวมถึงข้อกาหนดทางใจด้วย เช่น มารยาท (ความเกรงใจ การต่อแถว ฯลฯ) ขนบธรรมเนียมประเพณี (การเคารพผู้ใหญ่ ผ้นู ้อยรจู้ กั การเคารพผใู้ หญ่ ฯลฯ) วฒั นธรรม (ภาษาไทย การแต่งกาย การไหว้) 2. นกั เรียนอ่านใบความรู้ เร่อื ง กติกา กฎ กฎหมาย แล้ว ทาใบงานที่ ๒กติกา กฎ กฎหมาย 3. ครสู รุปความร้แู ละความแตกต่างระหว่าง กตกิ า กฎ และกฎหมายอกี ครั้งหนงึ่ เรื่อง กติกา กฎ กฎหมาย 4. นักเรยี นเขียนเรียงความ เรือ่ ง ความสาคัญของกตกิ า กฎและกฎหมายเปน็ การบา้ น ช่ัวโมงท่ี ๓ ๑. ครใู ห้นกั เรยี นชมคลปิ วีดิโอเรื่อง กฎในโรงเรียนท่ีเรารวู้ า่ ผิดแต่ก็ยงั ทา จาก https://www.youtube.com /watch?v=Qvfjz_Y๕veM ๒. เมอ่ื นักเรยี นชมคลปิ วดี โิ อเสร็จ ครแู ละนักเรียน ชว่ ยกันระดมสมอง พจิ ารณาจากเร่ืองที่ดวู า่ เปน็ เรอ่ื งจริงหรือไม่ ข้อมูลน่าเชอื่ ถอื หรือไมโ่ ดยยกตวั อย่างแสดงเหตผุ ลประกอบความคิดเหน็ ๓. นักเรียนทาใบงานที่ ๓ เรื่อง การปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บของโรงเรียน ๔.๒ ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) ใบความรู้ ๒) วีดที ัศนเ์ รือ่ งกฎในโรงเรียนทีเ่ ราร้วู า่ ผดิ แตก่ ย็ ังทา จากhttps://www.youtube.com /watch?v=Qvfjz_Y๕veM ๓) ใบงาน เรอื่ งที่ 1 ระเบียบวนิ ัย 4) ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง กตกิ า กฎ กฎหมาย 5) ใบงานที่ 3 เรอื่ ง ปฏบิ ตั ิตามกฎ ระเบียบของโรงเรยี น ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน - ตรวจใบงาน ๕.๒ เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการประเมนิ - แบบประเมนิ ผลงาน ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ระดบั ดีข้ึนไป
- ๑๓๒ - ๖. บนั ทกึ หลงั สอน ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. .................................................................................... ................................................................. ...................... ลงชือ่ ................................................ ครูผสู้ อน (.................................................)
- ๑๓๓ - ใบความรู้ เรื่อง กตกิ า กฎ กฎหมาย กติกา คือ ส่ิงที่บุคคลหรือคณะบุคคลสร้างขึ้น เพื่อให้เป็นแบบแผนปฏิบัติในเรื่องใดเร่ืองหนึ่ง เม่ือ กติกาน้ัน ได้รับได้รับการยอมรับในสังคมมากขึ้น กติกานั้นก็จะกลายเป็น กติกาสากล กติกาการ แขง่ ขนั กีฬาเป็นต้น กฎ ตาม พ.ร.บ. หมายถงึ วิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๕(๒) หมายความ ว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ บทบญั ญตั ิอื่นทมี่ ผี ลบงั คับเปน็ การทัว่ ไป โดยไมม่ งุ่ หมายให้ใชบ้ งั คบั แก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการจาเพาะ อธิบาย กฎ หมายถึงทุกอย่างท่ีกล่าวมาแต่ต้นออกโดย หน่วยงานทางปกครอง โดยมีผลบังคับ เช่นเดียวกับกฎหมาย อาจมีระยะเวลาหรือไมก่ ็ได้ ท่เี รียกว่า กฎ ก็เพราะว่า กฎ ไม่ได้ออกโดยรัฐสภา หรือ ฝ่ายนิติบัญญัติ มีศักดิ์ทางกฎหมายตามลาดับขั้นอยู่ในช้ัน กฎ ถึงแม้ระเบียบข้อบังคับท้องถ่ินจะออกโดย สภานติ ิบัญญตั ิทอ้ งถ่ิน ก็มีศกั ดิเ์ ป็นเพยี ง กฎ กฎหมาย หรือ พระราชบัญญัติ ถูกตราข้ึนโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือ รัฐสภา คือ สภาผู้แทน + วุฒิสภา = รัฐสภา ในประเทศที่ใช้ระบบ สองสภา ส่วนในประเทศที่ใช้สภาเดียว ก็ทาหน้าที่เป็นรัฐสภาไป เลย การเสนอกฎหมาย ถงึ แม้โดยหลักการจะออกโดยรัฐสภา แต่กฎหมายส่วนใหญ่ถูกเสนอข้ึนโดยฝ่าย บริหาร หรือ รัฐบาล(ในรูปแบบรัฐสภา) ในรูปแบบอื่นจะต่างไปจากนี้ กฎหมาย สมาชิกสภาผู้แทนฯ สามารถเสนอเข้าสู่สภาได้ โดยมีผู้เข้าช่ือรับรองในการเสนอร่างกฎหมายนั้น ๒๐ คน แต่กฎหมายใดเป็น กฎหมายท่ีเก่ียวกับการเงิน คือ เก่ียวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน เช่น แยกกระทรวง แยกจังหวัด เป็นต้น รา่ งกฎหมายฉบับน้ัน ต้องใหน้ ายกรฐั มนตรเี ซ็นรบั รองก่อนเสนอเขา้ สสู่ ภา ดังนนั้ กฎหมายจึงมีศักดิ์สูงกว่ากฎ โดยลาดับช้ันทางกฎหมาย รัฐธรรมนูญมีศักดิ์สูงสุด การแก้ไข รฐั ธรรมนญู หรือยกเลิกกจ็ ะเลิกด้วยรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ หรอื รฐั ประหารที่เป็นวิธีนอกขั้นตอน กฎหมายถ้า จะยกเลกิ ก็ต้องตรากฎหมายใหมข่ ้ึนมายกเลิกเช่นกนั
- ๑๓๔ - ช่ือ..........................................................................................................ช้ัน........... ........เลขที.่ .......... ใบงานท่ี ๑ ระเบยี บ วนิ ยั การมีวนิ ัย มคี วามสามคั คี และร้จู ักหน้าท่ี ถอื กันว่าเปน็ คณุ สมบตั สิ าคญั ประจาตัวของคนทกุ คน แต่ในการ สร้างเสรมิ คณุ สมบัติ ๓ ขอ้ น้ี จะต้องไมล่ ืมวา่ วนิ ัย สามคั คี และหน้าทีน่ ัน้ เป็นได้ทงั้ ในทางบวกและทางลบ ซง่ึ ยอ่ ม ให้คณุ หรือใหโ้ ทษได้มากเท่าๆ กนั ทง้ั ๒ ทาง เพราะฉะนนั้ เม่ือจะอบรม จาเปน็ ต้องพจิ ารณาให้ถ่องแท้แนช่ ดั ก่อน ว่า เป็นวนิ ยั สามัคคแี ละหน้าที่ดคี อื ปราศจากโทษ เป็นประโยชน์ เป็นธรรม พระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว... (๗๒) (พระราชทานแก่ผ้บู ังคบั บัญชาลกู เสือ วนั อังคาร ๑๒ ก.ค.๒๕๒๖) คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอ่านพระบรมราโชวาท แล้วแล้วเขียนสรุปเป็นข้อ ๆ และระบุว่าจะน้อมนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั อย่างไร ๑. ความรู้ทไี่ ดร้ บั …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. การนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
- ๑๓๕ - ชอ่ื ..........................................................................................................ช้นั ...................เลขท.่ี .......... ใบงานท่ี ๒ กตกิ า กฎ กฎหมาย คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปนี้ โดยการเขียนอธบิ ายพร้อมยกเหตุผลประกอบ ๑. กติกา หมายถึงอะไรจงอธบิ าย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒. จงยกตัวอย่างกติกาที่นักเรยี นรจู้ กั หรอื เข้าใจมาอยา่ งนอ้ ย ๕ กตกิ า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. กฎ หมายถึงอะไรจงอธบิ าย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. จงยกตวั อยา่ งกฎท่ีนักเรียนรจู้ ัก หรือ เข้าใจมาอย่างนอ้ ย ๕ ขอ้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. กฎหมาย หมายถึงอะไรจงอธิบาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๖. จงยกตวั อยา่ งกตกิ าท่นี กั เรียนรจู้ ัก หรือ เข้าใจมาอย่างน้อย ๕ ข้อ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
- ๑๓๖ - ชอ่ื ............................................................................................................ชั้น....................เลขที่........... ใบงานท่ี ๓ การปฏบิ ัติตามกฎ ระเบยี บ ของโรงเรียน คาช้ีแจง หากนักเรยี นพบเพ่ือนกาลงั ทาผดิ กฎระเบียบของโรงเรียน นกั เรยี นจะทาอย่างไร จงเขียน อธบิ าย พรอ้ มยกตัวอย่างบทสนทนา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ๑๓๗ - แบบประเมนิ การให้คะแนน แบบฝกึ หัด และใบงาน รายการประเมนิ รวม ที่ ช่อื – สกุล มีความ การใชภ้ าษา การลาดบั ความ การคิด ๒๐ ถูกต้อง เนอื้ หา เรียบร้อย วเิ คราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดีมาก ๑๖-๒๐ คะแนน เทา่ กับ ดมี าก ๓ คะแนน เท่ากบั ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เทา่ กับ ดี ๒ คะแนน เทา่ กบั พอใช้ ๕-๑๐ คะแนน เท่ากับ พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรุง ๐-๕ คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรุง
- ๑๓๘ - แบบประเมิน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ) คาชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน รายการประเมนิ ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของ ที่ ชื่อ – สกุล ครอบครัว และโรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั ๑ ๔๓๒ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๔ คะแนน เท่ากบั ดมี าก ๓ คะแนน เทา่ กบั ดี ๒ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรุง ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................
- ๑๓๙ - ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลา ๓ ชว่ั โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ 4 ชือ่ หนว่ ย พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบต่อการทุจริต แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง ความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและผู้อื่น 1. ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับพลเมือง และมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม 2. ปฏิบัติตนตามหน้าท่ีพลเมือง และมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของความรับผดิ ชอบได้ ๒.๒ นกั เรยี นระบุพฤติกรรมท่ีมคี วามรับผดิ ชอบต่อตนเอง และผอู้ ่ืนได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ - ความหมายของความรับผิดชอบ และการปฏบิ ัติตนทม่ี ีความรบั ผิดชอบต่อตนเอง และ ผอู้ นื่ 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กดิ ) 1) ความสามารถในการคิด (วเิ คราะห์ จัดกล่มุ สรปุ ) 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ / ค่านยิ ม - มีวินยั รบั ผิดชอบ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ข้ันตอนการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1 ๑.นักเรียนชมคลิปวิดีโอ เร่ือง “ความรับผิดชอบต่อตนเอง ชุมชน สังคมและประเทศชาติ เรื่อง มันไม่ใช่ของๆเรา” และร่วมกันวิเคราะห์พฤติกรรมในเรื่องท่ีเป็นพฤติกรรมเกี่ยวกับความ รบั ผดิ ชอบ โดยครูต้ังคาถามนา เช่น - มีพฤติกรรมอะไรบา้ งทีเ่ ก่ยี วกับความรบั ผดิ ชอบ - พฤตกิ รรมท่ีนกั เรียนตอบ มีพฤติกรรมอะไรบา้ งทีด่ ี และไม่ดี - ถา้ นกั เรยี นเป็นตวั ละครในเรื่อง นกั เรียนจะปฏบิ ตั ิเช่นน้นั หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด - การกระทาของนกั เรยี นในเร่อื ง เหมาะสมหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 2. แจกใบความรู้ เร่อื ง ความรบั ผิดชอบให้ นักเรยี นศกึ ษาต่อตนเองเสรจ็ แลว้ 3. ครูตัง้ คาถามเพ่ือใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับความรบั ผิดชอบ เช่น - มีพฤติกรรมอะไรบา้ งเปน็ ความรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่น
- ๑๔๐ - - หากเราไม่มีความรบั ผิดชอบจะเกดิ ผลอย่างไร 4. นกั เรียนทาแบบฝึกหดั เรือ่ ง ความรบั ผิดชอบต่อตนเอง และผู้อ่นื 5. เมื่อผูเ้ รยี นทาแบบฝกึ หัดเสรจ็ แล้ว ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรุปการปฏิบัติตนทม่ี ีความ รบั ผดิ ชอบต่อตนเอง และผูอ้ ื่น ชวั่ โมงท่ี 2 5. ครูและนักเรยี นชมวีดโี อ เรื่อง “เคารพสิทธิของผู้อืน่ ” จากนน้ั สนทนาซักถามกับ นักเรยี น ดงั น้ี - การเคารพสทิ ธขิ องผู้อ่ืนมีข้อดีอยา่ งไร - ถา้ นักเรียนเปน็ เพ่ือนบ้าน นักเรียนจะทาอย่างไร - นกั เรยี นคิดว่าคนที่นากระถางตน้ ไม้ไปวางบนรว้ั ทาถกู หรือไม่ เพราะเหตใุ ด 6. แบง่ กลมุ่ นักเรยี นตามความเหมาะสม ใหท้ าใบกจิ กรรมกลุ่ม เรอื่ ง พฤตกิ รรมทีแ่ สดง ถงึ ความรบั ผิดชอบต่อตนเอง ตอ่ ผ้อู ืน่ โดยเขยี นเป็นแผนผังความคดิ พรอ้ มท้งั ตกแตง่ ให้สวยงาม 7. ครู และนักเรียนร่วมกันสรุปบทเรียน เร่ือง ความรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อืน่ ชั่วโมงท่ี 3 8. ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานจากใบกิจกรรมกลุ่ม และครูอธิบายเพ่ิมเติมจากการ นาเสนอ 9. นาผลงานที่นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอแล้ว ไปจดั ป้ายนิเทศหน้าห้องเรียนใหส้ วยงาม 4.2 สอื่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1) วดิ ีโอเร่อื ง “ความรับผิดชอบต่อตนเอง ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ เร่อื ง มันไมใ่ ช่ ของๆเรา” https://www.youtube.com/watch?v=VIINT1rrBTQ 2. วดี โี อ เร่อื ง “การเคารพสิทธขิ องผู้อื่น” https://www.youtube.com/watch?v=bztZQ_hkkNs 3) ใบความรเู้ ร่ือง ความรับผิดชอบ 4) แบบฝกึ หัด เร่อื ง ความรับผดิ ชอบต่อตนเอง และผอู้ ืน่ 5) ใบกิจกรรมกลุ่ม เรื่อง พฤติกรรมท่แี สดงถึงความรบั ผิดชอบต่อตนเอง ต่อผอู้ ่นื (แผนผงั ความคิด) ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมิน - ตรวจแบบฝกึ หดั เรื่อง ความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง และผู้อน่ื - ตรวจใบกจิ กรรมกล่มุ 5.2 เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการประเมิน - แบบประเมินแบบฝึกหัด - แบบให้คะแนนการตรวจผลงานการทาใบกิจกรรมกล่มุ 5.3 เกณฑ์การตัดสนิ ผูเ้ รยี นผา่ นเกณฑร์ ะดับดีไป
- ๑๔๑ - 6. บนั ทึกหลังสอน ............................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. ......................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ....................................................................................................................................... .................................... ลงช่อื ................................................ ครูผ้สู อน (.................................................)
- ๑๔๒ - ใบความรู้ เรื่อง ความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมรับผลที่เกิดจากการกระทาใดๆทั้งท่ีตนเอง กระทาหรือผู้อื่น กระทาไม่ว่าสิง่ น้ันจะดีหรือไม่ จะสาเร็จหรือไม่ เช่น ความรับผิดชอบต่องานหรือหน้าท่ีที่ต้องปฏิบัติให้สาเร็จ ลุล่วงตามทไี่ ด้รับมอบหมายหรอื ที่ได้กาหนดไว้ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ควรมีความรับผิดชอบ ซึ่งอาจแตกต่างกัน ไปตามวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ความรับผิดชอบท่ีสาคัญที่สุดของผู้อยู่ในวัยเรียน คือ รับผิดชอบในการเรียน การ ทากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับการเรียนให้สาเร็จผลด้วยดี และการตั้งใจเรียนให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อจะได้ใช้ ความรู้ความสามารถนั้นประกอบอาชีพเล้ียงตนเองได้ต่อไป ในอนาคต ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ผู้ที่มีความรู้จะไม่ เป็นปัญหาแก่สังคมและจะสามารถช่วยให้สังคมเจริญขึ้นด้วย ส่วนผู้ท่ีไม่ตั้งใจเรียน ไม่รับผิดชอบหน้าที่ของ ตนก็จะไม่มคี วามรู้ อาจไม่มีอาชพี ตกงาน หรือจะต้องประกอบอาชีพเล้ยี งตนเองด้วยความยากลาบาก คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองย่อมมีความโทมนัสใจอย่างย่ิงและตนเองอาจเป็นปัญหาของสังคมได้ เด็กๆท่ีอยู่ในวัย เรยี นควรรับผิดชอบงานเล็กๆนอ้ ยๆ ท่คี ุณพ่อคุณแมห่ รอื ผปู้ กครองมอบหมายใหท้ าเชน่ ดแู ลคุณปู่ คุณย่า คุณ ตา คณุ ยาย กวาดบา้ น ถเู รือน จัดโตะ๊ อาหาร รดน้าต้นไม้ ให้อาหารสัตว์เล้ียง ฯลฯ การทางานเห่านี้นอกจาก จะช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองแล้ว ยังจะช่วยให้มีโอกาสฝึกการทางานมีโอกาสคิดหาวิธี ทางานให้สาเร็จเรียบร้อยและเกิดผลดี และยังได้ออกกาลังกายไปในตัวด้วย ทาให้มีสุขภาพดีด้วย การดูแล ผู้สูงอายุในครอบครัวทาให้มีความสุข และการให้อาหารสัตว์เลี้ยงจะทาให้เด็กมีความอ่ิมเอมใจ ทาให้ชีวิตมี ความสุขอันเกิดจากการทาความดีของตนความรับผิดชอบท่ีสาคัญท่ีสุดของคนเรา คือ ความรับผิดชอบต่อ ตนเอง การดูแลตนเองไม่ให้หลงไปในทางท่ีผิด ใหเ้ ปน็ คนดขี องสังคม ให้มคี ณุ ธรรม 1. ความรับผิดชอบต่อตนเอง หมายถึง พฤติกรรมการรู้จักระมัดระวังรักษาสุขภาพอนามัยของ ตนเองให้สมบูรณ์ ปลอดภัยจากอันตรายอยู่เสมอ รู้จักประพฤติปฏิบัติให้เหมาะสม ละเว้นความช่ัว รู้จัก ประมาณในการใช้จ่ายและมีความประหยัด สามารถจัดหาเคร่ืองอุปโภคบริโภคสาหรับตนเองได้อย่าง เหมาะสม ถกู กาลเทศะในแต่ละวัย สานึกในบทบาทและหน้าท่ีของตน หม่ันใฝ่หาความรู้และฝึกฝนตนเองให้ มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ จนประสบความสาเร็จในการดารงชีวิต ยอมรับผลการกระทาของตนเองท้ังท่ี เปน็ ผลดีและผลเสยี ไมป่ ดั ความรับผิดชอบในการกระทาของตนเองให้แก่คนอ่ืน ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าสิ่งที่ ทาลงไปนั้นจะเกิดผลเสียหายขึ้นหรือไม่ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ทาให้เกิดผลดี และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ ได้ผลดยี ง่ิ ขึ้น 2. ความรับผิดชอบต่อผู้อ่ืน หมายถึง ภาระหน้าท่ีของบุคคลที่จะต้องเก่ียวข้อง และมีส่วนร่วมต่อ สวสั ดิภาพของสงั คมทีต่ นเองดารงอยู่ ซ่ึงเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง ตั้งแต่สังคมขนาดเล็ก ๆ จนถึงสังคมขนาดใหญ่ การกระทาของบุคคลใดบุคคลหน่ึงย่อมมีผลกระทบต่อสังคมไม่มากก็น้อย บุคคลทุก คนจงึ ตอ้ งมภี าระหนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบทจ่ี ะต้องปฏิบตั ิตอ่ สงั คม ดังตอ่ ไปน้ี 2.1 ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีพลเมือง ได้แก่ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคม การรักษา ทรพั ย์สนิ ของสังคม การช่วยเหลือผ้อู นื่ และการให้ความรว่ มมอื กับผู้อ่ืน 2.2 ความรับผดิ ชอบต่อครอบครัว ไดแ้ กก่ ารเคารพเชื่อฟังผู้ปกครอง การช่วยเหลืองานบ้านและ การรกั ษาช่อื เสยี งของครอบครวั 2.3 ความรับผิดชอบต่อโรงเรียน ได้แก่ ความต้ังใจเรียน การเชื่อฟังครู – อาจารย์ การปฏิบัติ ตามกฎของโรงเรียนและการรกั ษาสมบตั ขิ องโรงเรยี น 2.4 ความรับผดิ ชอบตอ่ เพ่อื น ได้แก่ การช่วยตักเตือนแนะนาเม่ือเพื่อนกระทาผิด การช่วยเหลือ เพือ่ นอย่างเหมาะสม การให้อภัยเม่ือเพื่อนทาผิดการไม่ทะเลาะและ เอาเปรียบเพ่ือน และการเคารพสิทธิซ่ึง กนั และกัน
- ๑๔๓ - แบบฝกึ หัด เรื่อง ความรับผิดชอบต่อตนเอง และผูอ้ ่นื คาชี้แจง จงตอบคาถาม 1. ความรบั ผดิ ชอบ หมายถึงอะไร ............................................................................................................................. .............................................. ....................................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................................. .............................................. 2. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองของนักเรียนมีอะไรบ้าง ....................................................................................................................................................... .................... ......................................................................................................................... .................................................. ............................................................................................................................. .............................................. 3. ถา้ คนในครอบครัว ไม่มีความรบั ผิดชอบจะเกดิ ผลอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด ............................................................................................................................. .............................................. ...................................................................................................................................................... ..................... ..................................................................................................................................... ...................................... 4. ถา้ คนในประเทศขาดความรบั ผิดชอบ ประเทศจะเป็นอย่างไร และเกดิ ผลเสียอยา่ งไร จง อธบิ าย ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ....................................................................................................................................................... .................... 5. ในฐานะที่นักเรียนเปน็ พลเมอื งของประเทศคนหนงึ่ นักเรียนคิดวา่ มสี ว่ นชว่ ยเหลือสังคม ชุมชน หรือประเทศชาติได้อย่างไรบ้าง ......................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................ ....................................................... .................... ............................................................................................................................. ..............................................
- ๑๔๔ - ใบกจิ กรรมกลุ่ม (เขยี นแผนผงั ความคิด) เรอ่ื ง พฤตกิ รรมท่ีแสดงถงึ ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ต่อผู้อ่นื คาชแี้ จง 1. ให้ผูเ้ รียนแบ่งกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน 2. แต่ละกล่มุ ปรกึ ษา วิเคราะห์เกีย่ วกับพฤตกิ รรมที่แสดงถึงความรับผดิ ชอบต่อตนเอง และผู้อื่น 3. สรปุ ผลทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาเพอ่ื นาเสนอหนา้ ชั้นเรียนโดยจัดทาในรูปแบบ การเขียนแผนผัง ความคดิ เม่ือนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี นแล้ว ใหน้ ักเรยี นนาผลงานไปจดั ปา้ ยนิเทศหน้าชัน้ เรยี น
- ๑๔๕ - แบบประเมนิ การให้คะแนน แบบฝึกหดั และใบงาน รายการประเมิน รวม ที่ ชอ่ื – สกุล มีความ การใช้ภาษา การลาดับ ความ การคดิ 20 ถูกต้อง เน้อื หา เรียบรอ้ ย วิเคราะห์ คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 4 คะแนน เท่ากับ ดมี าก 16-20 คะแนน เทา่ กบั ดีมาก 3 คะแนน เท่ากับ ดี 11-15 คะแนน เท่ากับ ดี 2 คะแนน เท่ากบั พอใช้ 5-10 คะแนน เทา่ กบั พอใช้ 1 คะแนน เทา่ กบั ปรบั ปรุง 0-5 คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรงุ
- ๑๔๖ - แบบประเมนิ การใหค้ ะแนน ใบกิจกรรมกลุ่ม (เขียนแผนผงั ความคิด) คาชแี้ จง ใหค้ รูผู้สอนทาเคร่ืองหมาย ( / ) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมิน กลมุ่ ที่ สรปุ ความรไู้ ดถ้ ูกตอ้ ง การเช่ือมโยงความรูไ้ ด้ มีความคดิ สร้างสรรค์ใน รวม ครบตรงประเด็น ถกู ตอ้ งตามลาดบั ขน้ั การเขยี น ความสัมพนั ธ์ 432143214321 (ลงชอื่ )...................................ผ้ปู ระเมิน (…………………………………………………) ............../................./................. เกณฑ์การประเมินระดบั คุณภาพ รายการประเมิน คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ 1. สรปุ ความรู้ไดถ้ ูกต้อง 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ครบตรงประเดน็ สรุปความรไู้ ม่ถกู ต้อง สามารถสรปุ ความรไู้ ด้ สามารถสรปุ ความรไู้ ด้ สรปุ ความรไู้ ม่ครบทกุ 2. การเช่อื มโยงความรู้ สามารถเชือ่ มโยงความรู้ ได้ถูกตอ้ งตามลาดบั ข้ัน ครบและตรงประเด็นและ ครบ ตรงประเดน็ และมี ประเด็น ได้ แตไ่ ม่เปน็ ไตามลาดบั ความสมั พนั ธ์ ความสัมพนั ธ์ 3. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ถูกต้องทุกหัวข้อ ความถูกต้องเป็นส่วน สามารถเขยี นได้ แตข่ าด ในการเขยี น รปู แบบและความ ใหญ่ สวยงาม สามารถเช่ือมโยงความรู้ สามารถเชือ่ มโยงความรู้ สามารถเชอื่ มโยงความรู้ ได้ถูกตอ้ งตามลาดับ ได้ และลาดับความ และลาดบั ความสมั พันธ์ ความสัมพนั ธ์ สมั พนั ธไ์ ดค้ ่อนข้างครบ ได้บ้าง สามารถเขยี นไดใ้ น สามารถเขียนไดถ้ กู ต้อง สามารถเขยี นได้ และมี รปู แบบทีถ่ ูกต้องและ และมีข้อบกพรอ่ งเพยี ง ข้อบกพรอ่ งเป็นบางสว่ น สวยงาม เลก็ น้อย คะแนนตดั สินระดบั คุณภาพ คะแนน คุณภาพ 10 - 12 ดีมาก 7–9 ดี 4–6 1–3 พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
- ๑๔๗ - แบบประเมิน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (มีวินัย รับผิดชอบ) คาชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน รายการประเมนิ ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ ที่ ช่ือ – สกุล ครอบครัว และโรงเรียน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติ กิจกรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั 4321 เกณฑ์การให้คะแนน ๔ คะแนน เท่ากับ ดมี าก ๓ คะแนน เท่ากบั ดี ๒ คะแนน เท่ากับ พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรงุ ลงช่อื ...................................................... ผ้ปู ระเมนิ (....................................................)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180