Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ “ รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” ระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4

แผนการจัดการเรียนรู้ “ รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” ระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4

Published by phrapradisth, 2019-12-04 06:29:42

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ “ รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” ระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4

Search

Read the Text Version

- ๑๔๘ - ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๓ ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๔ ชอ่ื หน่วย พลเมืองกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๔ เร่ือง ความเปน็ พลเมือง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั พลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม ๑.๒ ปฏิบัตติ นตามหน้าทพ่ี ลเมอื งและมคี วามรบั ผิดชอบต่อสงั คม ๑.๓ ตระหนกั และเหน็ ความสาคัญของการตอ่ ตา้ นและการปอ้ งกนั การทจุ รติ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนสามารถ ๒.๑ บอกความหมายของพลเมืองได้ ๒.๒ ระบุพฤติกรรมของความเปน็ พลเมืองดีได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ ความหมายของคาว่า พลเมือง และการปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมืองดี ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กดิ ) ๑) ความสามารถในการสื่อสาร - อ่าน ฟงั พดู เขยี น ๒) ความสามารถในการคดิ - วิเคราะห์ จดั กล่มุ สรปุ ๓) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ / คา่ นิยม - มีวินยั รับผิดชอบ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี ๑ ๑. ครูสนทนากับนักเรียนว่าเพราะอะไรเมื่ออยู่ในห้องสมุด เราจึงไม่ควรพูดคุยหรือส่งเสียงดัง หลงั จากที่นกั เรียนตอบ ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ วา่ เม่ืออยูใ่ นหอ้ งสมุด เราไม่ควรพูดคุยหรือส่งเสียง ดังเพราะเป็นการกระทาที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของห้องสมุด และยังเป็นการรบกวนผู้อ่ืน ซึ่งถือ เป็นการละเมิดสทิ ธขิ องผอู้ ่ืนอยา่ งหนึ่ง ครสู รปุ ความรู้แลว้ แลว้ เชอื่ มโยงไปสู่เน้ือหาทีจ่ ะเรียน ๒. ครูแจกใบความรู้ที่ ๑ เรื่องความเป็นพลเมือง ให้นักเรียน จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันบอก ความหมายของพลเมอื ง ประชาชน ประชากรและราษฎร ๓. ครแู ละนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียน ในใบงานที่ ๑ เรอื่ ง ความเปน็ พลเมอื ง 4. ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการถามคาถาม ไดแ้ ก่ - พลเมอื ง คืออะไร - พฤติกรรมของความเป็นพลเมอื งดีมอี ะไรบ้าง

- ๑๔๙ - ชว่ั โมงที่ ๒ ๑. ครูสนทนากับนักเรียนในประเด็น พลเมืองและราษฎรตามความเข้าใจของนักเรียน มี ความหมายว่าอย่างไร หลักจากนักเรียนตอบคาถามแล้ว ครูสรุปความหมายของคาว่า พลเมอื ง และราษฎร ให้นักเรียนฟังพร้อมกันอีกครัง้ ๒. นกั เรยี นศกึ ษาใบความร้ทู ี่ ๒ เรือ่ ง ความเปน็ พลเมอื ง ๓. นักเรียนช่วยกันสรุปความแตกต่างระหว่าง คาว่า ราษฎร กับ พลเมือง เม่ือนักเรียนสรุปเสร็จ ครูสรุปให้นกั เรยี นฟงั อกี คร้งั จากน้นั ให้นักเรียนศึกษาคุณลักษณะของพลเมืองในใบความรู้ท่ี ๒ (ต่อ) ๔. นักเรียนเขียนสรุปความคิดเป็นแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง คุณลักษณะของพลเมือง แล้วออกมา นาเสนอหน้าชั้นเรียน ๕. ครูและนกั เรยี นสนทนาอภปิ รายสรปุ คุณลักษณะของพลเมืองพรอ้ มกัน ชว่ั โมงท่ี ๓ ๓. ครแู ละนักเรียนชมคลปิ วดิ โี อเร่ือง พลเมืองดีของสังคม(โฆษณาไทยประกนั ชีวติ ) จาก https://www.youtube.com/watch?v=๖olmV๘AgBSY จากน้นั ครูต้งั ประเดน็ คาถามให้นักเรียนตอบ ดงั น้ี - - ชายในคลิปไดร้ บั สง่ิ ใดจากการกระทาของเขา - - ถา้ นักเรยี นเป็นชายในคลิปนักเรยี นจะทาพฤตกิ รรมใดได้บ้าง ๔. เมอ่ื นกั เรยี นตอบคาถามเสร็จ ครูช่วยสรุปใหน้ ักเรยี นฟงั ว่า ชายคนนน้ั จะได้รบั ความรู้สึกได้ เห็น ความสุข ได้เข้าใจ ไดร้ ับความรับ ได้ในส่งิ ท่เี งินซอ้ื ไม่ได้ ไดโ้ ลกทสี่ วยงาม ๕. แจกใบงาน เร่ือง ลงุ พอใจคนดีของสงั คม ใหน้ ักเรียนทาใบกจิ กรรมที่ ๒ เร่อื ง ลุงพอใจ คนดี ของสงั คม โดยตอบตามประเด็นคาถามตอ่ ไปน้ี ๔. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาอภปิ รายสรปุ ข้อคิดที่ไดจ้ ากเรือ่ งลุงพอใจคนดีของสงั คม ๔.๒ สอื่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ 1) วีดโิ อเร่อื ง พลเมืองดีของสังคม(โฆษณาไทยประกันชีวติ ) จาก https://www.youtube.com/ watch?v=๖olmV๘AgBSY 2) ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ความเปน็ พลเมือง (1) ๓) ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง ความเป็นพลเมอื ง 4) ใบความร้ทู ่ี 2 เรอื่ ง ความเปน็ พลเมือง (2) ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ - ตรวจใบงาน ๕.๒ เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการประเมิน - แบบประเมินผลงาน ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ระดับดขี ึน้ ไป

- ๑๕๐ - ๖. บันทกึ หลังสอน ............................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. ..................................................... .................... ............................................................................................................................. .............................................. ....................................................................................................................................... .................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชือ่ ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)

- ๑๕๑ - ใบความรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง ความเปน็ พลเมือง (1) คาว่า “พลเมือง” มคี วามหมายในหลายแงม่ มุ และมีการนาไปใชเ้ ทยี บกบั คาอ่ืนๆ อาทิ ประชากร ประชาชน ปวงชน และราษฎร์ ฯลฯ แต่หากพิจารณาให้ละเอียดจะสามารถทาความเข้าใจความหมายของคา ต่างๆ ท่คี ล้ายกัน ได้ดังนี้ ประชาชน หมายความถึง คนทั่วไป คนของประเทศ ซ่ึงไม่ใช่ผูป้ กครอง เปน็ สามัญชนอยูภ่ ายใต้รฐั เชน่ ประชาชนทกุ คนมีหน้าท่ตี ้องรู้กฎหมาย ใครจะปฏเิ สธวา่ ไม่รไู้ มไ่ ด้ ประชากร หมายถึง คนโดยทั่วไป โดยมักใชใ้ นกรณีพจิ ารณาถงึ จานวน ราษฎร คาว่า \"ราษฎร\" เป็นคาเก่าแก่ที่มีใช้กันมานาน ในกฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยาและกฎหมาย ตราสามดวง ก็มกี ารใช้คาว่า “ราษฎร” หมายถงึ คนโดยท่ัวไป แต่วา่ “ราษฎร” เป็นคาท่ีใช้ในช่วงสมัยรัชกาล ที่ ๕ เน่ืองจากสังคมไทยสมัยโบราณ ประชาชนเป็นไพร่หรือทาสเกือบทั้งหมด พอมาถึงช่วงรัชกาลที่ ๕ ได้มี การเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดินคร้ังใหญ่และได้ทาการเลิกทาสเลิกไพร่ทาให้ประชาชนเหล่าน้ัน กลายเป็นราษฎรหรือเสรีชนที่ไม่ต้องเป็นข้ารับใช้มูลนายและมีสถานะทางกฎหมายเท่าเทียมกัน จึงเรียกอดีต ไพร่ ทาส ขุนนาง รวมท้ังชนชั้นใหม่ๆ ว่า “ราษฎร”ในความหมายของ ผู้ที่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐและต้องปฏิบัติ ตามกฎหมายของบ้านเมอื งเชน่ เดยี วกันหมด ปัจจุบันคาว่าราษฎร และประชาชน มีความหมายเกือบจะเหมือนกัน แต่ประชาชน สื่อถึงการเป็น เจ้าของประเทศ และเจ้าของอานาจอธิปไตย มากกว่าราษฎร ส่วนราษฎรมีนัยของคนที่เสียเปรียบคนที่ด้อย กว่าอยู่ด้วย และมีนัยความหมายเป็นทางการน้อยกว่าคาว่า ประชาชนเช่น แม้เราจะเป็นราษฎรธรรมดา แต่ถ้า ผู้บรหิ ารประเทศคดโกงฉอ้ ราษฎร์บังหลวง เราก็ต้องไปคัดค้าน ท่ีผ่านมาข้าราชการมักจะกดข่ีราษฎร ดั้งน้ัน ราษฎรแปลวา่ คนของรัฐ เดิมหมายถึง สามญั ชน คอื คนที่ไม่ใช่ขุนนาง โดยทั่วไปมักหมายถึง คนธรรมดา หมู่ คนทม่ี ใิ ช่ข้าราชการ พลเมือง คาว่า “พลเมือง” เกิดข้ึนครั้งแรกเม่ือเกิดการปฏิวัติใหญ่ในฝร่ังเศส เริ่มต้นเม่ือปี ค.ศ. ๑๗๘๙ ชาวฝรั่งเศสลุกฮือกันข้ึนมาล้มล้างระบอบการปกครองของพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๖ ล้มล้างระบบชนช้ันต่างๆ ขณะนัน้ ได้แก่ พระราชวงศ์ ขนุ นางขา้ ราชการ สมณะ นักพรต นกั บวช และไพร่ ประกาศความเสมอภาคของ ชาวฝร่งั เศสทกุ คน ตอ่ มาคาว่า \"Citoyen\" จึงแปลเปน็ \"Citizen\" ในภาษาอังกฤษ สาหรับประเทศไทย คาว่า “พลเมือง” น่าจะถูกนามาใช้สมัยหลังเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕เน่ืองจากผู้นาคณะราษฎรบางท่านเคยเรียนท่ีประเทศฝรั่งเศส จึงได้นาเอาคานี้มาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร ซึ่งประกาศใช้เม่ือวันท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ต่อมากลายเป็นวิชาบังคับที่นักเรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาจะต้องเรียนควบค่กู บั วิชาศลี ธรรม กลายเปน็ วิชา \"หน้าทพี่ ลเมืองและศลี ธรรม\" สาหรบั คาว่า “พลเมือง” มีนกั วิชาการให้ความหมาย สรปุ ไดพ้ อสังเขป พจนานกุ รมนักเรยี นฉบับราชบัณฑติ ยสถาน ให้ความหมาย “พลเมือง” หมายถึง ชาวเมือง ชาวประเทศ ประชาชน“วถิ ”ี หมายถึง สาย แนว ทาง ถนน และ “ประชาธิปไตย” หมายถึง แบบการปกครองท่ีถือมติปวงชน เปน็ ใหญ่ ดังนั้น คาว่า “พลเมืองดีในวิถีชีวิตประชาธิปไตย” จึงหมายถึง พลเมืองท่ีมีคุณลักษณะท่ีสาคัญ คือ เป็นผู้ท่ียึดมั่นในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลักการทางประชาธิปไตยในการดารงชีวิตปฏิบัติ ตนตามกฎหมายดารงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการช่วยเหลือเก้ือกูลกันอันจะก่อให้เกิดการพัฒนา สงั คมและประเทศชาติ ใหเ้ ปน็ สงั คมและประเทศประชาธปิ ไตยอยา่ งแทจ้ ริง

- ๑๕๒ - ช่ือ..........................................................................................................ชั้น........... ........เลขท่ี........... ใบงานท่ี ๑ ความเป็นพลเมือง คาชี้แจง จงเขียนอธบิ ายความหมายของคาตอ่ ไปนี้ ๑. พลเมือง หมายถึงอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒. ประชาชน หมายถงึ อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. ประชากร หมายถงึ อะไร ………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๔. ราษฎร หมายถงึ อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. ประชาชน กบั ประชากร เหมือนหรอื ตา่ งกนั อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

- ๑๕๓ - ใบความรู้ท่ี ๒ ความเป็นพลเมือง(2) ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างความเป็นราษฏร และความเป็นพลเมือง ดังตาราง(อ้างจาก จดหมายข่าวสถาบนั พระปกเกล้า ปีที่ ๑๐ ฉบับท่ี ๗ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๒) (ความเป็นราษฎร, ม.ป.ป.) ความเปน็ ราษฎร ความเปน็ พลเมือง - ปฏิบัตติ นตามหน้าที่เท่าน้นั เช่น เสียภาษี ปฏบิ ต้ ิตาม กฏหมาย - นอกจากเสียภาษแี ละปฏิบตั ิตามกฏหมายแล้ว ต้องมสี านกึ ในทางการเมอื ง อยา่ งน้อยต้องไปใชส้ ิทธิเลือกต้ัง หรือมากกวา่ - ยอมรับกฏหมาย นโยบาย กจิ การ นั้น คอื แสดงความคดิ เห็นตา่ งๆ ตอ่ บ้านเมอื งใชส้ ิทธิเข้ารว่ ม กิจกรรม ตา่ งๆ ของรฐั การทากจิ กรรมต่างๆ ร่วมกับรัฐ - มีอิสรภาพ ศักดศิ์ รี มคี วามเทา่ เทียมกับผู้อืน่ ใหค้ วามสนใจต่อสว่ นรวมมีบทบาทและมสี ่วนรว่ มทางการเมอื ง - ไมก่ ระตือรือรน้ ท่ีจะมีสว่ นรว่ มทางการเมือง - เคารพตนเองและเคารพสทิ ธิของผูอ้ ่ืน หรอื กิจกรรมสาธารณะ เปน็ เจ้าของชีวิตตนเอง ไมอ่ ยใู่ ต้ระบบอุปถัมภ์ หรอื อทิ ธิพล - คดิ ว่าตนเองเป็นผู้นอ้ ย ตอ้ งคอยรับการอุปถมั ภ์จาก อานาจของใคร ผ้ใู หญ่ - ไม่ตกอย่ใู ต้อิทธพิ ลของพรรคการเมอื ง และนักการเมือง ไม่ - รับเงนิ หรอื ความช่วยเหลอื - ที่ไดม้ าอยา่ งไมถ่ กู ตอ้ ง ไมซ่ ือ้ สิทธิ ไมข่ ายเสียง - - เอาใจใส่ แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การทางานของรฐั บาล ตรวจสอบ รอ้ งเรยี น เมอ่ื มีการดาเนินนโยบายผิดพลาด รสู้ ึก เดือดร้อน เมื่อรัฐบาลทาเรื่องไม่ดี ทางานผดิ พลาด หรือดาเนนิ นโยบายผดิ - เป็นฝ่ายรุก เพ่อื เรยี กรอ้ งกฏหมาย นโยบาย หรอื กิจการที่ ตนเองเห็นพอ้ ง - สามารถแกป้ ญั หาสว่ นรวมเบือ้ งต้นได้ ไม่ตอ้ งรอแต่รัฐบาลมา แก้ไข กล่าวโดยสรุป “พลเมือง” มีความแตกต่างจากคาว่า “ประชาชน” และ “ราษฎร” ตรงที่ว่า พลเมอื งจะแสดงออกถงึ ความกระตือรือร้นในการรักษาสิทธิต่างๆ ของตน รวมถึงการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยการแสดงออกซึ่งสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ความเป็นพลเมือง (Citizen) มีความหมายท่ี สะท้อนให้เห็นถึงบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของสมาชิกทางสังคมที่มีต่อรัฐ ต่างจากคาว่า ประชาชน ทีก่ ลายเป็นผรู้ บั คาสง่ั ทาตามผอู้ น่ื ดังน้ัน การเปลี่ยนแปลงท่ีสาคัญจึงอยู่ท่ีการเปลี่ยนให้ประชาชน คนธรรมดา กลายเป็นพลเมืองท่มี ีสิทธกิ าหนดทศิ ทางของประเทศได้

- ๑๕๔ - คณุ ลกั ษณะของพลเมือง “พลเมือง\" ในระบอบประชาธิปไตย ประกอบด้วยลักษณะ ๖ ประการ (ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, ๒๕๕๕) คอื ๑) มอี ิสรภาพและพงึ่ ตนเองได้ หมายความว่า ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองที่ประชาชน เป็นเจ้าของอานาจสูงสุดในประเทศ ประชาชนจึงมีฐานะเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของชีวิตและมีสิทธิเสรีภาพ ในประเทศของตนเอง ระบอบประชาธปิ ไตยจงึ ทาใหเ้ กดิ หลักสทิ ธเิ สรีภาพ และทาให้ประชาชนมีอิสรภาพ คือ เปน็ เจ้าของชีวิตตนเอง “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยจึงเป็นไท คือ เป็นอิสระชนท่ีพึ่งตนเองและสามารถ รบั ผิดชอบตนเองได้ และไมย่ อมตกอยู่ภายใต้อิทธพิ ลอานาจ หรือ “ระบบอปุ ถัมภ์” ของผใู้ ด ๒) เห็นคนเท่าเทียมกัน หมายความว่า ประชาธิปไตยคือระบอบการปกครองที่อานาจสูงสุดในประเทศ เป็นของประชาชน ดังนั้น ไม่ว่าประชาชนจะแตกต่างกันอย่างไรทุกคนล้วนแต่เท่าเทียมกันในฐานะท่ีเป็นเจ้าของ ประเทศ “พลเมือง” จึงต้องเคารพหลักความเสมอภาคและจะต้องเห็นคนเท่าเทียมกัน คือ เห็นคนเป็นแนว ระนาบ (horizontal) เห็นตนเท่าเทียมกับคนอ่ืน ทุกคนล้วนมีศักด์ิศรีของความเป็นเจ้าของประเทศอย่าง เสมอกัน ถงึ แมจ้ ะมกี ารพ่ึงพาอาศัยแต่จะเปน็ ไปอยา่ งเท่าเทียม ๓) ยอมรับความแตกต่าง หมายความว่า ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองท่ีประชาชนเป็น เจ้าของประเทศ ประชาชนจึงมีเสรีภาพ ระบอบประชาธิปไตยจึงให้เสรีภาพและยอมรับความหลากหลาย ของประชาชน ประชาชนจึงแตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองการเลือกอาชีพ วิถีชีวิต ความเช่ือทางศาสนา หรือความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้น เพ่ือมิให้ความแตกต่างนามาซ่ึงความแตกแยกในสังคม “พลเมือง” ใน ระบอบประชาธิปไตยจึงต้องยอมรับและเคารพความแตกต่างของกันและกัน เพ่ือให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ และจะต้องไม่มกี ารใชค้ วามรุนแรงต่อผู้ทีเ่ หน็ แตกต่างไปจากตนเอง ๔) เคารพสิทธิผ้อู ืน่ หมายความว่า ในระบอบประชาธิปไตยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศทุกคนจึงมีสิทธิ แต่ถ้าทุกคนใช้สิทธิโดยคานึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง หรือเอาแต่ความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่คานึงถึง สทิ ธิผูอ้ ืน่ หรอื ไม่สนใจว่าจะเกิดความเดอื ดร้อนแก่ผู้ใดย่อมจะทาให้เกิดการใช้สิทธิท่ีกระทบซ่ึงกันและกัน สิทธิใน ระบอบประชาธิปไตยจึงจาเป็นต้องมีขอบเขต คือ มีสิทธิและใช้สิทธิได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิผู้อ่ืน “พลเมือง” ในระบอบประชาธปิ ไตยจึงตอ้ งเคารพสิทธผิ อู้ น่ื และจะต้องไม่ใชส้ ิทธิเสรีภาพของตนไปละเมิดสิทธิของผู้อนื่ ๕) รับผิดชอบต่อสังคม หมายความว่า ประชาธิปไตยมิใช่ระบอบการปกครองตามอาเภอใจหรือ ใครอยากจะทาอะไรก็ทาโดยไม่คานึงถึงส่วนรวม ดังน้ัน “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยยังจะต้องใช้สิทธิ เสรีภาพของตนโดยรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ด้วยเหตุท่ีสังคมหรือประเทศชาติมิได้ดีขึ้นหรือแย่ลง โดย ตวั เอง หากสงั คมจะดีขน้ึ ไดก้ ด็ ว้ ยการกระทาของคนในสังคม ๖) เข้าใจระบอบประชาธิปไตยและมีส่วนร่วม หมายความว่า ประชาธิปไตยคือการปกครองโดย ประชาชน ใช้กติกาหรือกฎหมายที่มาจากประชาชนหรือผู้แทนประชาชน ระบอบประชาธิปไตยจะประสบ ความสาเร็จได้ก็ต่อเมื่อมี “พลเมือง” ที่เข้าใจหลักการพ้ืนฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตาม สมควร ทั้งในเร่ืองหลักประชาธิปไตยหรือการปกครองโดยประชาชน และหลักนิติรัฐหรือการปกครองโดย กฎหมาย ถ้ามีความขัดแย้งก็เคารพกติกาและใช้วิถีทางประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้กาลังหรือ ความรุนแรง

- ๑๕๕ - ชอื่ ...........................................................................................................ชัน้ ....................เลขที่........... ใบงานที่ ๒ ลงุ พอใจคนดขี องสังคม คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปน้ีพร้อมยกตวั อยา่ งเหตุผลประกอบ ๑. เรอ่ื งนเ้ี ปน็ เรื่องเกีย่ วกบั อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒. จากเรอ่ื งน้ี ลงุ พอใจเปน็ คนอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. ถ้านกั เรียนเปน็ ลุงพอใจ นกั เรยี นจะทาเหมอื นที่ลงุ พอใจทาหรอื ไม่ เพราะอะไร ………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. เรือ่ งนเ้ี กย่ี วขอ้ งกบั ความเปน็ พลเมืองหรือไม่อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. เรอ่ื งนี้ใหข้ อ้ คิด คตเิ ตือนใจแก่นกั เรียนอย่างไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

- ๑๕๖ - แบบประเมนิ การให้คะแนน แบบฝึกหดั และใบงาน รายการประเมิน รวม ที่ ชอ่ื – สกุล มีความ การใช้ภาษา การลาดับ ความ การคดิ ๒๐ ถูกต้อง เน้อื หา เรียบรอ้ ย วิเคราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดมี าก ๑๖-๒๐ คะแนน เทา่ กบั ดีมาก ๓ คะแนน เท่ากับ ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เท่ากับ ดี ๒ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๕-๑๐ คะแนน เทา่ กบั พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กบั ปรบั ปรุง ๐-๕ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรงุ

- ๑๕๗ - แบบประเมิน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ) คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในช่องที่ตรงกับระดบั คะแนน รายการประเมนิ ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของ ที่ ชอ่ื – สกุล ครอบครัว และโรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั ๑ ๔๓๒ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๔ คะแนน เท่ากับ ดมี าก ๓ คะแนน เทา่ กบั ดี ๒ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากบั ปรับปรงุ ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................

- ๑๕๘ - ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ เวลา ๓ ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ ๔ ชื่อหนว่ ย พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ การทจุ รติ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๕ เร่ือง ความเปน็ พลโลกตอ่ สงั คม ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับพลเมือง และมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม ๑.๒ ปฏิบัติตนตามหน้าท่พี ลเมอื ง และมคี วามรบั ผิดชอบต่อสังคม ๑.๓ ตระหนักและเห็นความสาคัญของการตอ่ ต้านและป้องกันการทุจริต ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ๒.๑ บอกความหมายของการเป็นพลโลกได้ ๒.๒ อธบิ ายลักษณะของการเป็นพลโลกได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ - ความหมายของพลโลก และลักษณะการเปน็ พลโลก ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กดิ ) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร - วิเคราะห์ ฟงั พดู เขยี น ๒) ความสามารถในการคดิ - วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ ๓.๓ คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ / คา่ นยิ ม - รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ ๑ ๑. นักเรียนศึกษา คลิปวีดีโอ เรื่อง “ไทยจ๋า ทาไมทาผิด แล้วต้องอ้างว่าใคร ๆ เขาก็ทากัน” จากนั้น ครุและนกั เรยี นสนทนาซักถาม ดงั นี้ - คากลา่ วทว่ี ่า “ใคร ๆ เขากท็ ากัน” นกั เรียนมคี วามคิดเห็นอย่างไร - ถ้าพลเมืองทุกคนปฏิบัติตนตามแบบ วีดีโอ แล้วนักเรียนคิดว่าประเทศชาติจะ เป็นอย่างไร - นกั เรียนคิดว่าคาว่า “พลโลก” หมายถึงอะไร - ลักษณะของการเปน็ พลโลก คอื อะไร อธิบายตามความเข้าใจของตนเอง ๒. ครูสรุป และเชือ่ มโยงไปสเู่ น้อื หาทจ่ี ะเรียน ๓. แจกใบความรู้ เรื่อง พลโลก ใหน้ กั เรยี นศกึ ษา และครูอธิบายเพิ่มเตมิ ๔. แจกใบงาน เร่ือง ลักษณะการเป็นพลโลกในรูปแบบของแผนผังมโนทัศน์ ให้นักเรียน ปฏบิ ตั ติ ามคาชแี้ จง

- ๑๕๙ - ชว่ั โมงท่ี ๒ ๕. แบ่งกลุ่มนักเรียนตามความเหมาะสม จากน้ันแต่ละกลุ่มจับฉลากเลือกหัวข้อร่วมกัน เขียนบทพดู สุนทรพจนต์ ามใบกิจกรรมท่ีกาหนดให้ กลุ่มท่ี ๑ หวั ขอ้ “เคารพกฎหมาย/ปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บของสงั คม” กล่มุ ที่ ๒ หัวข้อ “มเี หตผุ ล รบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อ่นื ” กลมุ่ ท่ี ๓ หวั ข้อ “รกั ประชาธปิ ไตย เห็นแกส่ ว่ นรวม” กลมุ่ ท่ี ๔ หวั ข้อ “รับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชม และประเทศชาติ” กลมุ่ ที่ ๕ หวั ขอ้ “เคารพสิทธิเสรีภาพของผูอ้ ื่น” ชว่ั โมงที่ ๓ ๖. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทน ออกมาพูดสุนทรพจนต์ ามหัวข้อที่กลุม่ ตนเองได้รบั ๗. เมื่อพูดสนุ ทรพจน์จบในแตล่ ะกลุ่ม ให้ครู และนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ตามหวั ข้ออีกครัง้ ๘. แจกใบงานที่ 2 ให้นักเรียนแต่ละคนทาใบงานที่ 2 เรื่อง แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพล โลก เพ่ือเปน็ การสรปุ บทเรียน ๔.๒ สือ่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) คลปิ วดี ิโอเร่ือง “ไทยจา๋ ทาไมทาผดิ แล้วตอ้ งอ้างวา่ ใคร ๆ เขาก็ทากนั ” https://www.youtube.com/watch?v=t2fBszA-3UA ๒) ใบความรู้ เรือ่ ง พลโลก ๓) ใบงาน เรื่อง ลกั ษณะการเป็นพลโลก ๔) ใบกจิ กรรมกลุ่ม (พูดสุนทรพจน์) ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธีการประเมิน - ตรวจใบงาน เรื่อง ลกั ษณะการเป็นพลโลก - การพดู สนุ ทรพจน์ ๕.๒ เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการประเมนิ - แบบประเมินใบงาน - แบบประเมนิ การพูดสนุ ทรพจน์ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ ผเู้ รยี นตอ้ งผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดีขึน้ ไป ๖. บันทึกหลังสอน ........................................................................................................................... .................................. .................................................................................................................................... ....................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ................................................ ครผู สู้ อน (.................................................)

- ๑๖๐ - ใบความรู้ เร่ือง พลโลก พลโลก หมายถึง ทุกคน ทุกบ้าน ทุกตาบล ทุกอาเภอ และทุกประเทศ ทุกชน ทุกเผ่า ทุกช้ัน วรรณะ ไมม่ ีแบง่ แยก เราทุกคนอยใู่ นบา้ นหลังเดียวกันเป็นบา้ นหลังใหญ่ คุณลกั ษณะพลเมอื งท่ีดีของประเทศชาติและสงั คมโลก ๑. เคารพกฎหมายและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสังคม เมื่อพลเมืองทุกคนปฏิบัติตาม กฎระเบยี บ ข้อบังคับของสังคม และบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น ไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน หรือไม่กระทา ความผิดตามท่ีกฎหมายกาหนดก็จะทาให้รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณในการป้องกันปราบปราม และจับกุมผู้ที่ กระทาความผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ยังทาให้สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุขทุกคน อยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ ไม่หวาดระแวงคดิ ร้ายตอ่ กนั ๒. เป็นผู้มีเหตุผล และรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืนทุกคนย่อมมีอิสรภาพ เสรีภาพในการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งการรู้จักการใช้เหตุผลในการดาเนินงาน จะทาให้ช่วยประสาน ความสัมพนั ธ์ ทาให้เกิดความเขา้ ใจอันดีงามตอ่ กัน ๓. ยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ เมื่อมีความขัดแย้งกันในการดาเนินกิจกรรมอันเกิดจากความ คดิ เหน็ ที่แตกต่างกัน และจาเปน็ ตอ้ งตัดสินปัญหาด้วยการใช้เสียงข้างมากเข้าช่วย และมติส่วนใหญ่ตกลงว่า อยา่ งไร ถึงแม้ว่าจะไมต่ รงกับความคิดของเรา เราก็ตอ้ งปฏิบัตติ าม เพราะเปน็ มติของเสียงส่วนใหญน่ ้นั ๔. เป็นผนู้ ามีน้าใจประชาธิปไตย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผู้ที่มีความเป็นประชาธิปไตยน้ัน จะต้องมีความเสียสละ ในเร่ืองท่ีจาเป็น เพ่ือผลประโยชน์ของส่วนรวม และรักษาไว้ซึ่งสังคมประชาธิปไตย เปน็ การสง่ ผลต่อความมัน่ คงและความก้าวหนา้ ขององค์กรซ่ึงสุดท้าย แล้วผลประโยชน์ดังกล่าวก็ย้อนกลับมา สู่สมาชิกของสังคม เช่นการไปใช้สิทธ์ิเลือกต้ัง ถึงแม้ว่าเราจะมีอาชีพบางอย่าง ที่มีรายได้ตลอดเวลา เช่น ค้าขาย แต่ก็ยอมเสียเวลาค้าขายเพ่ือไปลงสิทธิ์เลือกต้ัง บางครั้งเราต้องมีน้าใจช่วยเหลือกิจกรรมส่วนร่วม เช่น การสมัครเป็นกรรมการเลอื กตัง้ หรือสมาคมบาเพญ็ ประโยชน์สว่ นรวม เป็นต้น ๕. เคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืน ควรรู้จักเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืนเช่นบุคคลมีเสรีภาพใน กา รแสดงความคิดเห็น การพดู แตต่ อ้ งไม่เปน็ การพดู แสดงความคดิ เหน็ ทีใ่ ส่รา้ ยผู้อ่ืนใหเ้ สียหาย ๖. มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชน ประเทศชาติ ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ย่อมต้องมี การทางานเป็นหมู่คณะ จึงต้องมีการแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบในงานนั้นๆ ให้สมาชิกแต่ละคนนาไปปฏิบัติ ตามทไี่ ด้รบั มอบหมายไว้อยา่ งเตม็ ท่ี ๗. มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง ในสังคมประชาธิปไตยน้ันสมาชิกทุกคนต้องมีส่วน ร่วมในกจิ กรรมการเมอื งการปกครอง เช่น การเลือกตง้ั เปน็ ต้น ๘. มีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง ช่วยสอดส่อง พฤติกรรมม่ัวสุมของเยาวชนในสถานบันเทิงต่าง ไม่หลงเช่ือข่าวลือคากล่าวร้ายโจมตี ไม่มองผู้ท่ีไม่เห็นด้วย กบั เราเป็นศตั รู รวมถึงสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การแกไ้ ขปญั หาความขัดแยง้ ต่างๆ ด้วยสนั ติวธิ ี ๙. มีคุณธรรม จริยธรรม และปฏิบัติตนตามหลักธรรม ทุกคนควรมีศีลธรรมไว้เป็นหลักในการ ควบคุมพฤตกิ รรมของบคุ ลใหด้ าเนนิ ไปอย่างเหมาะสม ถึงแมจ้ ะไม่มบี ทลงโทษใดๆ กต็ าม

- ๑๖๑ - ใบงานท่ี ๑ เรื่อง ลกั ษณะการเป็นพลโลก คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเขยี นลักษณะการเปน็ พลโลก (เปน็ แผนผังมโนทัศน์) ลักษณะการเป็นพลโลก

- ๑๖๒ - ใบงานที่ ๒ เรอื่ ง แนวทางการปฏิบัติตนเปน็ พลโลก คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเขียนแนวทางการปฏบิ ตั ิตนเปน็ พลโลก

- ๑๖๓ - ใบกจิ กรรม (พดู สนุ ทรพจน์) คาชี้แจง ๑. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม และส่งตัวแทนออกมาจับฉลาก หัวข้อการพูดสุนทร พจน์ ดงั นี้ กลุม่ ท่ี ๑ หัวขอ้ “เคารพกฎหมาย/ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบของสงั คม” กลมุ่ ที่ ๒ หวั ข้อ “มเี หตผุ ล รับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื ” กล่มุ ที่ ๓ หัวขอ้ “รกั ประชาธิปไตย เหน็ แกส่ ว่ นรวม” กลมุ่ ท่ี ๔ หวั ขอ้ “รับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชม และประเทศชาติ” กลุม่ ที่ ๕ หวั ขอ้ “เคารพสิทธเิ สรภี าพของผู้อนื่ ” ๒. ใหน้ ักเรยี นใช้เวลาการพดู สุนทรพจน์ แต่ละกล่มุ ไม่เกนิ ๑๐ นาที

- ๑๖๔ - แบบประเมนิ การให้คะแนน แบบฝึกหดั และใบงาน รายการประเมิน รวม ที่ ชอ่ื – สกุล มีความ การใช้ภาษา การลาดับ ความ การคดิ ๒๐ ถูกต้อง เน้อื หา เรียบรอ้ ย วิเคราะห์ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดมี าก ๑๖-๒๐ คะแนน เทา่ กบั ดีมาก ๓ คะแนน เท่ากับ ดี ๑๑-๑๕ คะแนน เท่ากับ ดี ๒ คะแนน เท่ากบั พอใช้ ๕-๑๐ คะแนน เทา่ กบั พอใช้ ๑ คะแนน เทา่ กบั ปรบั ปรุง ๐-๕ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรงุ

- ๑๖๕ - แบบประเมนิ การให้คะแนน การพูดสนุ ทรพจน์ ท่ี ประเด็นการใหค้ ะแนน กลุม่ ที่ ๕ ๑ การออกเสียง (๕ คะแนน) ๑๒๓๔ ๒ พูดตามท้องเร่ืองและบทบาท (๕ คะแนน) ๓ ความคล่องแคลว่ (๕ คะแนน) ๔ การแสดงท่าทางนา้ เสยี ง (๕ คะแนน) (ลงช่ือ)...................................ผู้ประเมนิ (…………………………………………………) ............../................./................. เกณฑก์ ารประเมินระดบั คณุ ภาพ รายการประเมิน คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ ๑. การออกเสยี ง ๓ (ด)ี ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรงุ ) ๒. พดู ตามท้องเรอื่ งและ ออกเสียงคา ประโยคผดิ หลักการ บทบาท ออกเสยี งถกู ตอ้ งตามหลักการ ออกเสยี งคา ประโยคได้ถกู ตอ้ ง ไม่เน้นเสยี ง ทาใหส้ ื่อสารไมไ่ ด้ ๓. ความคลอ่ งแคล่ว ออกเสยี งมีเสยี งเน้นหนกั ในคา มีเสียงเน้นหนกั ในคา พูดไม่ตรงตามทอ้ งเรื่องและ บทบาทท่ีได้รับมอบหมาย ๔. การแสดงทา่ ทาง ประโยคอย่างสมบรู ณ์ ประโยคเปน็ ส่วนใหญ่ นา้ เสียง พดู เปน็ คา ๆ หยุดเป็นช่วง ๆ ทา พดู ไดต้ รงตามท้องเร่อื งและ พดู เบ่ยี งเบนเล็กนอ้ ยจาก ใหส้ ่ือสารไดไ้ ม่ชัดเจน พูดเหมอื นอา่ นไม่เป็นธรรมชาติ บทบาทที่ได้รับมอบหมาย ทอ้ งเรื่องและบทบาททไี่ ดร้ บั ยืนนิง่ ๆ ไม่มที ่าทางทาให้การ ส่ือสารขาดความนา่ สนใจ มอบหมาย พูดต่อเนื่อง ไมต่ ดิ ขดั พูดชดั เจน พดู ตะกกุ ตะกกั บา้ งแตย่ งั พอ ทาให้สื่อสารไดด้ ี สอื่ สารได้ แสดงทา่ ทางประกอบและพูดโดย พูดโดยไม่ค่อยแสดงท่าทาง ใช้นา้ เสียงเหมาะสมกับบทบาท ประกอบนา้ เสยี งไม่คอ่ ย และสถานการณ์ เหมาะสมกบั บทบาทและ สถานการณ์ คะแนนตดั สินระดับคุณภาพ คะแนน คณุ ภาพ ๑๖ - ๒๐ ดีมาก ๑๑ - ๑๕ ดี ๖ - ๑๐ ๑-๕ พอใช้ ควรปรบั ปรุง

- ๑๖๖ - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์) คาชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลง ในชอ่ ง ทต่ี รงกับระดับคะแนน รายการประเมิน ที่ ชอ่ื – สกุล ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ๑. ืยนตรงเม่ือได้ยินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอ ิธบาย ความหมายของ เพลงชา ิต ๒. ปฏิบัติตนตามสิท ิธและ ห ้นา ี่ทของ ันกเรียน ๓. ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ใน การทางานกับสมาชิกใน ั้ชนเรียน ๔. เข้าร่วม ิกจกรรม ่ีทสร้างความ สามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยช ์นต่อโรงเรียนและชุมชน ๕. เข้าร่วม ิกจกรรมทางศาสนา ่ีท ตน ันบถือ ปฏิบั ิตตนตามหลัก ของศาสนา ๖. เข้าร่วมกิจกรรม ี่ทเ ีก่ยว ักบ สถาบันพระมหากษัตริย์ตาม ่ีท โรงเรียนและ ุชมชนจัดขึ้น เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ๔ คะแนน เท่ากับ ดมี าก 19-24 คะแนน เทา่ กบั ดมี าก ๓ คะแนน เทา่ กบั ดี 13-18 คะแนน เทา่ กับ ดี ๒ คะแนน เทา่ กบั พอใช้ 7-12 คะแนน เทา่ กับ พอใช้ ๑ คะแนน เท่ากับ ปรับปรงุ 1-6 คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรุง ลงช่ือ ...................................................... ผ้ปู ระเมนิ (....................................................)

- ๑๖๗ - ภาคผนวก

- ๑๖๘ - คาส่ังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท.่ี . 646/2560 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทาหลกั สูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกนั การทจุ ริต ---------------------------------------- ด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ 855-26/2560 เม่ือวันท่ี 11 เมษายน 2560 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการ ปอ้ งกนั การทุจริต เพอ่ื ดาเนนิ การจดั ทาหลกั สูตรหรือชดุ การเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกัน การทุจริต สาหรับใช้เป็นเนื้อหามาตรฐานกลางให้สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องนาไปพิจารณา ปรับใช้ในการเรียนการสอนให้กับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกระดับช้ันเรียน เพื่อปลูกฝังจิตสานึกในการ แยกแยะประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง และสร้างพฤติกรรมที่ไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการ ทุจริต อนั เป็นการดาเนนิ งานตามยทุ ธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยุทธศาสตร์ท่ี 1 “สร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต” กลยุทธ์ท่ี 1 ปรับฐานความคิดทุกช่วง วัย ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และกลยุทธ์ที่ 3 ประยกุ ต์หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นเครื่องมือต้านทจุ ริต ฉะน้ัน อาศัยอานาจตามมาตรา 19 (16) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 จึงขอแต่งต้ัง คณะอนกุ รรมการจัดทาหลกั สูตรหรือชุดการเรยี นรแู้ ละสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกันการทุจริต โดย มอี งคป์ ระกอบ ดงั น้ี 1. รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานวุ ัฒศิริ ประธานอนุกรรมการ 2. รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนกุ รรมการ (นายประหยัด พวงจาปา) 3. ผชู้ ว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนกุ รรมการ (นายกิตติ ลิม้ พงษ)์ 4. ผูช้ ว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนุกรรมการ (นายอุทศิ บัวศรี) 5. ผูอ้ านวยการสานกั ป้องกันการทุจรติ ภาคการเมือง อนกุ รรมการ 6. ผู้อานวยการสานกั ป้องกันการทุจริตภาครฐั วสิ าหกิจ อนุกรรมการ และธรุ กจิ เอกชน 7. ผู้อานวยการสานักป้องกันการทุจริตภาคประชาสังคม อนุกรรมการ และการพัฒนาเครือขา่ ย 8. ผแู้ ทนสานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อนกุ รรมการ

- ๑๖๙ - (ดา้ นการสรา้ งหลักสูตรและส่ือการเรียนรู้) 9. ผ้แู ทนสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน อนกุ รรมการ (ด้านการสร้างหลักสตู รและสื่อการเรยี นรู้) 10. ผู้แทนสานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา อนกุ รรมการ (ด้านการสร้างหลกั สตู รและสอ่ื การเรยี นร)ู้ 11. ผแู้ ทนสานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา อนุกรรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลกั สตู รและสือ่ การเรยี นร)ู้ 12. ผ้แู ทนสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา อนกุ รรมการ (ดา้ นการสร้างหลักสตู รและสอ่ื การเรียนร)ู้ 13. ผูแ้ ทนสานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและ อนกุ รรมการ การศึกษาตามอธั ยาศยั (ด้านการสรา้ งหลักสูตรและส่ือการเรยี นร)ู้ 14. ผแู้ ทนสานกั งานลูกเสอื แห่งชาติ อนุกรรมการ (ดา้ นการสร้างหลกั สตู รและสื่อการเรยี นรู้) 15. ผู้แทนท่ีประชมุ อธกิ ารบดแี ห่งประเทศไทย อนุกรรมการ (ด้านการสร้างหลกั สตู รและสื่อการเรียนร)ู้ 16. ผู้แทนทปี่ ระชุมอธกิ ารบดีมหาวิทยาลยั ราชภฏั อนกุ รรมการ (ด้านการสรา้ งหลกั สตู รและส่อื การเรยี นรู้) 17. ผู้แทนคณะกรรมการอธิการบดมี หาวทิ ยาลัย อนกุ รรมการ เทคโนโลยีราชมงคล (ด้านการสรา้ งหลกั สูตรและส่อื การเรยี นร)ู้ 18. ผู้แทนสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ อนกุ รรมการ กองบญั ชาการกองทัพไทย (ดา้ นการสรา้ งหลกั สตู รและสื่อการเรียนรู้) 19. ผแู้ ทนกรมยุทธศึกษาทหารบก อนกุ รรมการ (ดา้ นการสร้างหลกั สตู รและส่อื การเรียนรู้) 20. ผู้แทนกรมยทุ ธศึกษาทหารเรอื อนุกรรมการ (ด้านการสร้างหลักสตู รและสื่อการเรยี นรู้) 21. ผู้แทนกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ อนกุ รรมการ (ด้านการสรา้ งหลักสูตรและส่ือการเรียนรู้) 22. ผแู้ ทนกองบัญชาการศึกษา สานักงานตารวจแหง่ ชาติ อนกุ รรมการ (ด้านการสร้างหลกั สูตรและสอ่ื การเรียนร)ู้ 23. พลโท ดร.ชัยฤกษ์ แกว้ พรหมมาลย์ อนกุ รรมการ 24. นายเสฏฐนันท์ อังกูรภาสวิชญ์ อนกุ รรมการ 25. นายสเุ ทพ พรหมวาศ อนุกรรมการ 26. ผู้อานวยการสานักป้องกันการทจุ ริตภาครฐั อนกุ รรมการและเลขานกุ าร 27. นายสมพจน์ แพง่ ประสิทธิ์ ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร 28. นางสาวกัลยา สวนโพธิ์ ผ้ชู ว่ ยเลขานุการ

- ๑๗๐ - 29. นายสราวุฒิ เศรษฐกร ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร 30. นายกาญจนบ์ ณั ฑิต สนนุช ผู้ช่วยเลขานุการ 31. นายเทอดภูมิ ทัศนพิมล ผชู้ ่วยเลขานุการ 32. นายธนวัฒน์ มะแม้น ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร โดยคณะอนกุ รรมการฯ มีอานาจหน้าทด่ี ังน้ี 1. ศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ และส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ ริต 2. กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 “สรา้ งสงั คมไม่ทนต่อการทจุ รติ ” 3. พิจารณายกร่างและจัดทาเนอื้ หาหลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นร้แู ละส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ โดยกาหนดโครงสร้างหลักสตู ร วัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สูตร จุดประสงค์ของรายวิชา เนือ้ หาสาระ จัดระเบยี บ/ลาดบั ของเนอ้ื หาสาระ วิธกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้ รวมทงั้ อ่นื ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 4. พิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติมเก่ียวกับการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพื่อให้มีเน้ือหาที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ พร้อมทั้งนาเสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบ ท้ังน้ี ให้ดาเนนิ การแลว้ เสรจ็ ในปี พ.ศ. 2560 5. กาหนดแผนหรือแนวทางการนาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกันการทจุ รติ ไปใช้ในหน่วยงานท่ีเก่ยี วข้อง 6. ดาเนินการอนื่ ๆ ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดน้ีเป็นต้นไป ส่ัง ณ วนั ที่ 26 เดอื น เมษายน พ.ศ. 2560 พลตารวจเอก (วัชรพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

- ๑๗๑ - รายชอ่ื คณะทางาน จดั ทาหลักสตู รหรือชุดการเรียนรู้ และส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกันการทจุ ริต กลุม่ การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน -------------------------------- ท่ปี รึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน 1. นายบญุ รักษ์ ยอดเพชร รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 2. นางสาวอษุ ณยี ์ ธโนศวรรย์ ผอู้ านวยการสานกั พัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา 3. นายสรุ ศกั ดิ์ อินศรีไกร ผู้ช่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 4. นายอุทิศ บวั ศรี คณะทางาน กลมุ่ ท่ี 1 หลกั สตู รปฐมวัย 1. นางธารณี พรมหนู ครู โรงเรยี นอนุบาลเสาไห้ สพป.สระบรุ ี เขต 1 2. นางสมบตั ร สบื ศักดิ์ ครู โรงเรียนอนุบาลบอ่ พลอย สพป.กาญจนบุรี เขต 4 3. นางสาวนภสั สร ภิรมย์รกั ษ์ ครู โรงเรียนอนบุ าลบ่อพลอย สพป.กาญจนบุรี เขต 4 4. นางสาวลกั ขณา โคบตุ ร ครู โรงเรียนอนบุ าลบอ่ พลอย สพป.กาญจนบุรี เขต 4 5. นางสมใจ จนี เทห่ ์ ครู โรงเรียนวัดเกา้ ชั่ง สพป.สิงห์บรุ ี 6. นางสาวกชกร จนี เทห์ ครู โรงเรยี นวดั ระนาม สพป.สิงหบ์ ุรี 7. นางสพุ ิกา ตน้ สอน ครู โรงเรียนวดั บ้านปอ้ งน้อย สพป.ราชบุรี เขต 2 8. นายพัฒนา พวงมาลี ครู โรงเรียนอนบุ าลเดมิ บางนางบวช (วัดทา่ ชา้ ง) สพป.สพุ รรณบรุ ี เขต 3 9. นางสภุ คั ษร พรอดุ มประเสรฐิ ครู โรงเรียนวดั บอ่ กรุ “ครุ ปุ ระชาสรรค์” สพป.สพุ รรณบุรี เขต 3 10. นางฐิติพร ศรแี จ่ม ครู โรงเรียนวัดบอ่ กรุ “ครุ ุประชาสรรค์” สพป.สุพรรณบุรี เขต 3 11. นางอารียว์ รรณ เขม็ เงิน ครู โรงเรยี นวดั นา้ พุ สพป.สุพรรณบรุ ี เขต 3 กลุ่มท่ี 2 หลกั สูตรประถมศึกษาตอนตน้ 1. นางสาวสภุ ัสสร สุภาพ ครู โรงเรียนชลประทานอนุเคราะห์ สพป.พระนครศรอี ยุธยา เขต 1 2. นางสาวกนกนพ วรัฏธร ครู โรงเรยี นชลประทานอนุเคราะห์ สพป.พระนครศรอี ยธุ ยา เขต 1 3. นางอารี พวงวรนิ ทร์ ผู้อานวยการโรงเรียนวดั ทุ่งคอก (สุวรรณสาธกุ จิ ) สพป.สพุ รรณบรุ ี เขต 2 4. นางละเอียด สะอ้ิงทอง ครู โรงเรยี นวัดทงุ่ คอก (สวุ รรณสาธกุ จิ ) สพป.สพุ รรณบรุ ี เขต 2 5. นางสาวเรณู กุศลวงษ์ ครู โรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง สพป.อา่ งทอง 6. นางสุจริ า อาบู ครู โรงเรยี นบ้านนาดา สพป.นราธิวาส เขต 1 7. นางสาววไิ ลวรรณ ทองไหม ครู โรงเรยี นเมอื งนราธิวาส สพป.นราธวิ าส เขต 1 8. นางสาวนติ ยา อาหมาด ครู โรงเรียนบ้านมะนังกาหยี สพป.นราธิวาส เขต 1 9. นางสาวกสั มานี มามะ ครู โรงเรียนบา้ นบอื เจ๊าะ สพป.นราธิวาส เขต 1 10. นางสาวนิสรนิ เทพลกั ษณ์ ครู โรงเรยี นบ้านโคกพนอม สพป.นราธิวาส เขต 1 11. นายยกู ฟิ ลี มาหะ ครู โรงเรยี นบ้านฮแู ตยอื ลอ สพป.นราธวิ าส เขต 1 12. นางสาวซาฮาเราะ เจะยิ ครู โรงเรียนบ้านยอื สาแม สพป.นราธวิ าส เขต 1

- ๑๗๒ - กลมุ่ ที่ 3 หลักสตู รประถมศึกษาตอนปลาย 1. นายกิตติพงศ์ ศรัทธาวาณิชย์ ผู้อานวยการโรงเรยี นวัดนางแกว้ สพป.ราชบรุ ี เขต 2 2. นางพรทพิ ย์ อิ่มศิลป์ ครู โรงเรยี นวดั สมถะ (สมถวิทยาคาร) สพป.ราชบรุ ี เขต 2 3. นางอัจฉราวดี บุญโต ครู โรงเรยี นวดั นางแก้ว สพป.ราชบุรี เขต 2 4. นางสาวศริ เิ พญ็ จันทรท์ อง ครู โรงเรยี นวัดนางแก้ว สพป.ราชบุรี เขต 2 5. นางสาวเสาวรส แสนแซว ครู โรงเรยี นวดั นางแก้ว สพป.ราชบรุ ี เขต 2 6. นางสมพร คานชุ ครู โรงเรียนวัดนางแกว้ สพป.ราชบรุ ี เขต 2 7. นางรุสนานี ยะโก๊ะ ครู โรงเรียนบ้านกวู า สพป.นราธวิ าส เขต 1 8. นางซเี ตาะห์ นิมะ ครู โรงเรียนบ้านยะหอ สพป.นราธิวาส เขต 1 9. นางสุนทรี ทองชิตร์ ครู โรงเรยี นสายนา้ ทิพย์ สพป.กรุงเทพมหานคร 10. นางสาวพชิ ญดา ไชยดี ครู โรงเรียนสายน้าทิพย์ สพป.กรงุ เทพมหานคร 11. นางสาวศศิธร คานงึ ครู โรงเรียนสายน้าทพิ ย์ สพป.กรงุ เทพมหานคร 12. นางสาวณิชนันทน์ สุวรรณาภัย ครู โรงเรยี นสายนา้ ทิพย์ สพป.กรุงเทพมหานคร กล่มุ ที่ 4 หลกั สตู รมธั ยมศึกษาตอนตน้ 1. นางสาวสุธรี า ศริ ิพิรณุ ครู โรงเรยี นวัดนางแก้ว สพป.ราชบุรี เขต 2 2. นางสลิตตา มะโนวัฒนา ครู โรงเรียนวัดนางแกว้ สพป.ราชบุรี เขต 2 3. นางทวิ าพร อุณยเกียรติ ครู โรงเรียนวดั ดอนกระเบ้อื ง สพป.ราชบรุ ี เขต 2 4. นางสาววรรณดี ศรีอินสวัสดิ์ ครู โรงเรียนชมุ ชนวัดบ้านเลือก สพป.ราชบรุ ี เขต 2 5. นางสาวฉววี รรณ หอธรรมกุล ครู โรงเรยี นบ้านลาดวถิ ี สพป.ประจวบครี ีขนั ธ์ เขต 2 6. นางสาวชนาธิป เทียนวรรณ ครู โรงเรยี นบา้ นตะพานหนิ (ประชาสามัคค)ี สพป.ชยั นาท 7. นายวทิ ยา ศริ ิดารง ครู โรงเรียนบา้ นไพรนกยงู (วนั ชัยประชาสรรค์) สพป.ชัยนาท 8. นางสาวขจร สงั ขป์ ระเสรฐิ ครู โรงเรยี นบา้ นหนองตอ่ สพป.ชยั นาท 9. นายเมธา สุระจติ ร ครู โรงเรียนวดั บางปนู สพป.สิงห์บุรี 10. นายนพรตั น์ บุญอ้น ครู โรงเรยี นบา้ นบอ่ กะปุง สพป.นครสวรรค์ เขต 2 11. นางสาวบุษยพรรณ พรหมวาทย์ จนั ทรา ครู โรงเรียนสุรศักด์มิ นตรี สพม. เขต 2 12. นางสาวลักษกิ า มีกุศล ครู โรงเรยี นสาคลีวิทยา สพม. เขต 3 กลุ่มที่ 5 หลักสตู รมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1. นายภูธร จันทะหงษ์ ปณุ ยจรสั ธารง ผ้อู านวยการกลมุ่ วจิ ัยและพัฒนาองค์กรแหง่ การเรยี นรู้ สนก. 2. นายจักรพงษ์ วงค์อ้าย นักวชิ าการศกึ ษา สนก. 3. นายฐาปณฐั อุดมศรี นกั วชิ าการศกึ ษา สนก. 4. นายศภุ กร มรกต ศึกษานเิ ทศก์ สพป.ราชบรุ ี เขต 2 5. นายสพลกติ ติ์ สงั ข์ทพิ ย์ ครู โรงเรียนตากฟา้ วชิ าประสิทธ์ิ ช่วยราชการ สนก. 6. นางสาวพรรณราย ธนสตั ยส์ ถติ ย์ ครู โรงเรยี นเสาไห้ “วมิ ลวิทยานุกูล” สพม. เขต 4 7. นายวรนิ ทร ตนั ตริ ตั น์ ครู โรงเรียนหนองแคสรกจิ วทิ ยา สพม. เขต 4 8. นางเยาวลักษณ์ หงส์หริ ัญเรอื ง ครู โรงเรียนสายนา้ ผึ้งในพระอุปถัมภ์ สพม. เขต 2 9. นางสาวขวญั วภิ า ภแู่ ส ครู โรงเรียนอินทร์บรุ ี สพม. เขต 5 10. นายธรรมสรณ์ สศุ ิริ ครู โรงเรียนอนิ ทรบ์ ุรี สพม. เขต 5 11. นางสาววิภา ทวีวงศ์ ครู โรงเรยี นชุมชนวดั ใหญโ่ พหัก สพป.ราชบุรี เขต 2 12. นางสาวดวงจนั ทร์ บวั เบา ครู โรงเรยี นชุมชนวัดใหญโ่ พหกั สพป.ราชบรุ ี เขต 2

- ๑๗๓ - คณะทางานส่วนกลาง 1. นายไชยวัฒน์ สุคนั ธวิภตั ิ ข้าราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธกิ าร 2. นางสาธุพร สคุ นั ธวิภัติ ข้าราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธิการ 3. นางสาวสรรเสรญิ สวุ รรณ์ ขา้ ราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธิการ 4. นางสณุ ิสาห์ ม่วงคราม ขา้ ราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธกิ าร 5. นางสุจติ รา พชิ ัย เจา้ พนักงานธุรการชานาญงาน สนก. 6. นางสาวณัฐรดา เนตรสวา่ ง นกั จัดการงานท่วั ไป สนก. 7. นางสาวมณฑาทพิ ย์ ศริ สิ มุ ทมุ นกั จดั การงานทวั่ ไป สนก. 8. นางสาวศรญั ญา โชติ พนกั งานบนั ทึกขอ้ มลู สนก. 9. นายสหัสพล ษรบณั ฑติ เจา้ หนา้ ท่บี ริหารทั่วไป สนก. 10. นายภูรติ ะ ปราศกาเมศ เจ้าหน้าที่บริหารทว่ั ไป สนก. 11. นางสาวอรอมุ า เสอื เฒ่า เจา้ หน้าทบ่ี ริหารท่วั ไป สนก. ***************************

- ๑๗๔ - รายชือ่ คณะบรรณาธิการกิจ หลักสตู รหรือชุดการเรียนร้แู ละสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจรติ กลมุ่ การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน -------------------------------- ทีป่ รกึ ษา เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 1. นายบญุ รกั ษ์ ยอดเพชร รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน 2. นางสาวอุษณยี ์ ธโนศวรรย์ ผอู้ านวยการสานักพัฒนานวตั กรรมการจัดการศกึ ษา 3. นายสรุ ศกั ด์ิ อินศรไี กร ผ้ชู ว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 4. นายอทุ ศิ บัวศรี คณะทางาน 1. นางสาวสรรเสรญิ สุวรรณ์ ข้าราชการบานาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2. นางจานงค์ ศรมี ังกร ข้าราชการบานาญ กระทรวงศึกษาธกิ าร 3. นายธนบดพี พิ ฒั น์ ดานลิ ศกึ ษานิเทศก์ ศึกษาธิการจังหวัดชยั นาท 4. นางณฐั พร พว่ งเฟือ่ ง ศึกษานิเทศก์ สพป.พิษณุโลก เขต 3 5. นายศุภกร มรกต ศกึ ษานิเทศก์ สพป. ราชบรุ ี เขต 2 6. นายวนิ ัย อสณุ ี ณ อยธุ ยา ศกึ ษานิเทศก์ สพป. อดุ รธานี เขต 1 7. นายณัฐพล คุ้มวงศ์ ศกึ ษานิเทศก์ สพป. มหาสารคาม เขต 3 8. นางเพญ็ จา เสมอเหมอื น ศกึ ษานิเทศก์ สพป.นนทบุรี เขต 2 9. นางบังอร ควรประสงค์ ศกึ ษานเิ ทศก์ สพม. เขต 17 10. นางนิรมล บัวเนยี ม ผู้อานวยการโรงเรยี นสายนา้ ทิพย์ สพป.กรงุ เทพมหานคร 11. นายวชริ เมษฐ์ บารงุ ผดุงวิทย์ ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นหนองปลาตอง (ประชาวทิ ยาคาร) สพป. สกลนคร เขต 1 12. นายไกรสร พมิ พ์ประชา ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านแบง สพป.หนองคาย เขต 2 13. นายธนกฤติ พรมบตุ ร ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านโคกเฟอื ง สพป.บุรรี มั ย์ เขต 3 14. นายบณุ ยพงศ์ โพธิวฒั น์ธนัต ผอู้ านวยการโรงเรยี นบางมดวิทยา “สสี กุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 15. นางนนั ทนา ชมชน่ื ผู้อานวยการโรงเรยี นผกั ไห่ “สทุ ธาประมขุ ” สพม. เขต 3 16. นางสาวปิยนุช เปยี่ มวริ ิยวงศ์ ผู้อานวยการโรงเรียนบ้ารับร่อ สพป.ชมุ พร เขต 1 17. นางทิพาภรณ์ หญีตศรีคา ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหนิ กบ สังกดั สพป.ชุมพร เขต 1 18. นางสจุ ติ รา จรรยา ครู โรงเรยี นอนุบาลลพบุรี สพป.ลพบุรี 19. นางสาวภัณฑิลา บา้ นดา่ น ครู โรงเรียนคิชฌกูฏวทิ ยา สพม. เขต 17 20. นางสุวรรณี ศักดิช์ ยั สมบรู ณ์ ครู โรงเรยี นวดั บางปนู สพป.สงิ หบ์ ุรี 21. นางลัดดา คาวจิ ติ ร ครู โรงเรียนวดั โบสถ์ สพป.สงิ ห์บุรี 22. นางสาวชญั ญานชุ รตั นวชิ ัย ครู โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สสี กุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 23. นางสาวอรสา อิษฐเจริญ ครู โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 24. นางสาวรัตนากร ศรีคุณ ครู โรงเรียนบางมดวิทยา “สสี กุ หวาดจวนอุปถมั ภ์” สพม. เขต 1 25. นางสาวกัญญาพชั ร หม่มู ่วง ครู โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สีสุกหวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1

- ๑๗๕ - 26. นางสาวประภาลักษณ์ เพียมะครู โรงเรียนบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” สพม. เขต 1 27. นางสาวณัฐทติ า รักษา ครู โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 28. นางสาวเบญจวรรณ ศริ หิ ตั ถ์ ครู โรงเรยี นบางมดวิทยา “สสี กุ หวาดจวนอปุ ถัมภ์” สพม. เขต 1 29. นางสาวรงั สิมา ไกรนรา ครู โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สีสุกหวาดจวนอปุ ถมั ภ์” สพม. เขต 1 30. นางสาวสุวรรณี สมประเสริฐ ครู โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดจวนอุปถัมภ์” สพม. เขต 1 31. นายบรบิ รู ณ์ พรหมสวา่ ง ครู โรงเรียนบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” สพม. เขต 1 32. นางนิตยา ภิรมยก์ จิ นกั ทรพั ยากรบคุ คล สพร. 33. นายภูธร จนั ทะหงษ์ ปณุ ยจรสั ธารง ผอู้ านวยการกลมุ่ บริหารทั่วไป สนก. 34. นายจกั รพงษ์ วงค์อ้าย นักวิชาการศกึ ษา สนก. 35. นายสพลกิตติ์ สงั ขท์ พิ ย์ ครู โรงเรียนตากฟา้ วชิ าประสทิ ธิ์ ช่วยราชการ สนก. 36. นายฐาปณฐั อุดมศรี นักวชิ าการศกึ ษา สนก. 37. นางสุจิตรา พชิ ยั เจ้าพนกั งานธุรการ สนก. 38. นางสาวณัฐรดา เนตรสวา่ ง นักจดั การงานทั่วไป สนก. 39. นางสาวศรัญญา โชติ พนักงานบนั ทึกขอ้ มูล สนก. 40. นายสหสั พล ษรบัณฑติ เจา้ หนา้ ท่บี รหิ ารทวั่ ไป สนก. 41. นางสาวอรอมุ า เสอื เฒา่ เจ้าหน้าท่บี รหิ ารท่วั ไป สนก. ***************************

- ๑๗๖ - รายชอ่ื คณะผู้ประสานงาน การจัดทาหลักสตู รหรือชดุ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื ประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกันการทจุ ริต กล่มุ การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน สานกั งาน ป.ป.ช. -------------------------------- ท่ีปรึกษา 1. นายวรวทิ ย์ สขุ บุญ เลขาธกิ ารคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 2. นายประหยัด พวงจาปา รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 3. นายกติ ติ ลิ้มพงษ์ ผ้ชู ่วยเลขาธิการคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 4. นายอุทิศ บวั ศรี ผู้ชว่ ยเลขาธิการคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 5. นางสาวจินตนา พลอยภัทรภิญโญ ผอู้ านวยการสานกั ปอ้ งกันการทุจรติ ภาครัฐ คณะผ้ปู ระสานงาน เจา้ พนักงานป้องกนั การทุจริตชานาญการพิเศษ เจ้าพนักงานป้องกนั การทจุ รติ ชานาญการ 1. นายสมพจน์ แพ่งประสทิ ธ์ิ เจา้ พนกั งานป้องกันการทุจรติ ชานาญการ 2. นายสราวฒุ ิ เศรษฐกร เจา้ พนักงานป้องกันการทุจริตปฏิบัติการ 3. นายธนวัฒน์ มะแม้น นักศึกษาฝกึ งาน มหาวยิ าลยั ราชภฎั จนั ทรเกษม 4. นายณฐั พงศ์ มณจี ักร์ นกั ศึกษาฝึกงาน มหาวยิ าลัยราชภฎั จนั ทรเกษม 5. นางสาว จิดาภา แสงหิรัญ 6. นางสาววัลภา บญุ ชู ***************************

- 77 - สานักงานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เลขที่ 361 ถนนนนทบุรี ตาบลท่าทราย อาเภอเมอื งนนทบุรี จังหวดั นนทบรุ ี 11000 โทรศัพท์ 0 2528 4800 - 01 สายด่วน ป.ป.ช. 1205 www.nacc.go.th