Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู ประวัติศาสตร์ ม.3

คู่มือครู ประวัติศาสตร์ ม.3

Published by phrapradisth, 2019-12-05 02:14:07

Description: คู่มือครู ประวัติศาสตร์ ม.3

Search

Read the Text Version

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สาํ รวจคนหา (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) ครตู ัง้ คาํ ถามวา ทวปี อเมริกาใต ๓.๒ พัฒนาการและการสร้างสรรค์ดา้ นต่างๆ มีพัฒนาการและการสรา งสรรค สา� หรับพฒั นาการและการสรา้ งสรรค์ดา้ นตา่ งๆ ของทวปี อเมริกาใต้สามารถสรุปได้ ดงั น้ี ทางดา นตา งๆ อยางไร จากนน้ั ๑) พัฒนาการด้านการเมือง ใหน กั เรียนแบง ออกเปน 3 กลมุ แผนที่ประเทศในทวปี อเมริกาใต ้ การปกครอง ประเทศในอเมริกาใต้ส่วนใหญ่ เพอื่ ศกึ ษาคนควา คาํ ตอบ ดังนี้ และป ี ค.ศ. ท่ีได้รบั เอกราช ได้รับเอกราชในต้นคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ แต่ กลุมที่ 1 ศึกษาพฒั นาการดา น ตรินิแดดและโตเบโก ๑๙๗๕ สาธารณรัฐใหม่ต่างๆ ไม่มีประสบการณ์การ การเมืองการปกครอง กายซอรู าินนาาเม ๑ ๑๙๙๖๗๖๕ บริหารระดบั ประเทศ ทา� ใหน้ ายทหารทเี่ รียกว่า โค๑ล๘อม๑๙เบเียว เ๑น๘ซ๓เุ อ๐ลา พวกกอดิลโย (caudillos) สามารถยึดอ�านาจ กลุมที่ 2 ศกึ ษาพฒั นาการดา น เอ๑ก๘วา๓ด๐อร์ การปกครองหรืออยู่เบื้องหลังคอยชี้น�ารัฐบาล เศรษฐกจิ ระบบเผดจ็ การหรอื อา� นาจนยิ มเขา้ ครอบคลมุ ใน ๑เ๘ป๒ร๑ู โ๑บ๘ล๒เิ ว๕ยี บ๑ร๘า๒ซ๒ลิ หลายประเทศ รวมท้งั บราซิลและอารเ์ จนตนิ า กลุมที่ 3 ศึกษาพฒั นาการดาน สงั คมและวัฒนธรรม ปา๑ร๘า๑ก๑วยั จากนัน้ ใหแตล ะกลมุ ออกมา นําเสนอผลงานหนา ชั้นเรยี น อธบิ ายความรู ๑๘ช๑ิลี๘ อาร๑เ์ ๘จน๑๖ตนิ า อุรกุ วยั ๑๘๒๘ ประเทศตา่ งๆ ถงึ แมม้ กี ารปกครอง แบบประชาธิปไตย แต่ประธานาธิบดีท่ีขึ้นสู่ ครูใหน กั เรยี นกลุมที่ 1 ออกมา ต�าแหนง่ ดว้ ยการเลอื กต้ัง ค่อยๆ กลายเปน็ ผใู้ ช้ นําเสนอผลงานการศึกษาคนควา มหาสมทุ รแอตแลนติก อ�านาจเด็ดขาดในการบริหาร สามารถยับยั้ง จากน้นั ครูตง้ั คําถามวา เพราะเหตุใด ภายหลังการประกาศเอกราชแลว การประชุมของรัฐบาล ขัดขวางการบังคับใช้ ประเทศสว นใหญใ นอเมรกิ าใตจงึ กฎหมาย หรือประกาศภาวะฉุกเฉินซ่ึงเป็นการเปิดทางให้ใช้อ�านาจได้อย่างถูกต้อง บางแห่ง ประสบปญ หาการปกครองทีไ่ มม ่ันคง สถาบันกองทพั มีอ�านาจและมคี ณะผนู้ �าทหารหรอื ฮนุ ตา (junta) ปกครอง แต่บางแห่งคณะทหาร เลือกท่ีจะเชดิ บุคคลข้ึนเป็นประธานาธบิ ดีหนุ่ ดงั นัน้ หลงั ไดร้ ับเอกราชแลว้ มีเพยี งชลิ แี ละอุรุกวยั (แนวตอบ เพราะประชากรยังไมมี ท่ีสามารถหันไปสู่ระบอบประชาธิปไตยหลังกลุ่มทหารหมดอ�านาจ อย่างไรก็ดี ปัญหาเศรษฐกิจ ความรูท างการเมืองการปกครอง ของชลิ ีท�าให้ทหารอาศยั เป็นข้ออา้ งกอ่ รฐั ประหารอีกใน ค.ศ. ๑๙๗๓ โดยนายพลออกสุ โต ปิโนเชต์ ดพี อ ขาดความเขาใจและความ (Augusto Pinochet) ชาํ นาญในการปกครองเนื่องจาก จากปัญหาเศรษฐกิจและช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนท�าให้ลัทธิสังคมนิยมและ ถกู ชาติยุโรปปกครองมาโดยตลอด ลทั ธคิ อมมวิ นสิ ตแ์ พรห่ ลายในหมพู่ ลเมอื งดว้ ย ยง่ิ นายพลฟเิ ดล คสั โตร (Fidel Castro) แหง่ ควิ บา ผทู กี่ มุ อํานาจจงึ เปนคณะทหารที่ หันไปรับความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต จึงเกิดการแข่งขันอิทธิพลระหว่างสหรัฐอเมริกากับ ใชอํานาจเผดจ็ การในการปกครอง สหภาพโซเวยี ตในดนิ แดนอเมรกิ าใต้ การเรยี กรอ้ งใหม้ กี ารกระจายรายได้ การตง้ั กลมุ่ ผกู้ อ่ การรา้ ย สง ผลใหเกิดความขัดแยงระหวาง ในเขตเมือง และการรวมตัวเปน็ กองโจรในเขตชนบทได้ก่อความรุนแรงหลายแห่งจนกองทพั ต้อง รฐั บาลกับประชาชนอยเู สมอ) เข้ายึดอ�านาจ เกรด็ แนะครู 1๔๔ ครอู าจใชเทคนคิ กลมุ สืบคน ในการสอน เพอ่ื ใหทกุ คนมีสวนรว ม ในการแสวงหาความรู เปนการฝก ใหน ักเรยี นมคี วามรับผิดชอบ ในการทาํ งาน ภายในกลมุ จะมี การแลกเปลยี่ นเรยี นรูซ ง่ึ กนั และกัน 144 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู ประมาณ ค.ศ. ๑๙๘๐ ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ส่วนใหญ่ปกครองโดยนายทหาร ครใู หน ักเรยี นกลุมท่ี 2 ที่ศกึ ษา ระดับสูง ซ่ึงประกาศตนเป็นศัตรูของผู้ก่อการร้ายท้ังในเขตเมืองและชนบท แต่ในปลายทศวรรษ พัฒนาการดานเศรษฐกิจออกมา ๑๙๘๐ พลเมอื งเรยี กรอ้ งใหก้ ลบั สรู่ ะบอบประชาธปิ ไตยมากขนึ้ นายทหารระดบั สงู ถกู บงั คบั ใหล้ าออก นําเสนอผลงาน และใหน กั เรยี น จากต�าแหน่ง ดังเช่น นายพลปิโนเชต์แห่งชิลีใน ค.ศ. ๑๙๘๙ เพื่อให้ประเทศบริหารโดยรัฐบาล ท่มี ขี อสงสยั ซักถาม จากนัน้ ครู ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งในทศวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษท่ี ๒๑ สุมนกั เรียนสรปุ ภาพรวมของ มกั จะเปน็ รฐั บาลทม่ี แี นวนโยบายไปทางซา้ ยกย็ งั คงเผชญิ กบั ปญั หาผกู้ อ่ การรา้ ยและปญั หาเศรษฐกจิ สภาพเศรษฐกจิ ในอเมริกาใต ทเ่ี กดิ จากภาวะเงินเฟ้อและหนต้ี า่ งประเทศรมุ เร้าตอ่ ไป (แนวตอบ เศรษฐกจิ ของทวปี ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ ดินแดนอเมริกาใต้จัดว่าเป็นดินแดนท่ีอุดมสมบูรณ์ อเมริกาใตสวนใหญมาจาก ไปด้วยแร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติ พลเมืองร้อยละ ๒๐ ของทวีปท�างานในอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรมทเี่ พาะปลูกพชื เหมืองแร่ บางประเทศผลิตแร่เพื่อการส่งออกอย่างจริงจัง เช่น โบลิเวียมีรายได้เข้าประเทศ หลายชนดิ เชน กาแฟ ยางพารา ร้อยละ ๙๐ จากการส่งออกดีบุก ซูรินาเมมีรายได้ร้อยละ ๘๐ จากการขุดแร่อะลูมิเนียม ชิลี ฝาย ขา วโพด ขา วสาลี มนั สาํ ปะหลัง มีรายได้คร่ึงหนึ่งมาจากการส่งออกทองแดง เวเนซุเอลามีน้�ามัน เป็นต้น ปัจจุบันต่างมีความ ถั่วลสิ ง นอกจากน้ี มกี ารเลีย้ งสตั ว พยายามท่ีจะไมผ่ ูกตดิ เศรษฐกจิ กบั ทรัพยากรประเภทใดประเภทหนงึ่ ทาํ การประมง เหมอื งแร โดยบาง โดยภาพรวม เศรษฐกิจของทวีปยังคงมาจากผลิตผลทางการเกษตรเป็นหลัก เช่น ประเทศผลิตแรเพอ่ื การสงออก เชน เอกวาดอร์ผลิตกล้วยหอม โคลอมเบียและบราซิลผลิตกาแฟ บางแห่งก็มีการแปรรูปผลติ ภณั ฑ์ โบลิเวยี ซรู นิ าเม ชลิ ี เวเนซเุ อลา ทางการเกษตร เชน่ การผลติ นา้� ผลไม้ เนยแข็ง เป็นต้น นอกจากน้ี ทวีปอเมริกาใต้ยังส่งออก อตุ สาหกรรม ซง่ึ สว นใหญเปน เนื้อสัตว์และขนสัตว์ โดยท่ีอาร์เจนตินาเป็นประเทศส�าคัญที่ส่งออกเน้ือสัตว์และผลิตภัณฑ์จาก อตุ สาหกรรมการแปรรูปผลผลิต หนังสัตว์ ทางการเกษตร ซง่ึ ตองใชเทคโนโลยี การพัฒนาและการขยายตัวทาง ขนั้ สงู และการลงทนุ มาก จึงทาํ ให เศรษฐกจิ ของอเมรกิ าใตเ้ รม่ิ ขน้ึ ในเวลาใกลเ้ คยี ง มกี ารลงทนุ จากชาวตางชาติใน กับการได้รับเอกราช กล่าวคือ ในช่วงต้น กิจการอุตสาหกรรม) คริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็นช่วงของการปฏิวัติ อุตสาหกรรมในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ความ @ มุม IT ต้องการวัตถุดิบจากอเมริกาใต้จึงอยู่ในระดับสูง แตส่ าธารณรฐั แตล่ ะแหง่ มกั จะมงุ่ ผลติ สนิ คา้ หลกั ศึกษาคน ควา ขอ มูลเพิ่มเตมิ เพียง ๑ -๒ ประเภทเท่าน้ัน เช่น ชิลีผลิต เกยี่ วกับประเทศตา งๆ ในทวปี ทองแดง โบลิเวียผลิตดีบุก อาร์เจนตินาและ อเมรกิ าใตไ ดท ่ี www.mfa.go.th/ อุรุกวัยส่งออกเน้ือสัตว์และข้าวสาลี บราซิล web/2389.php กระทรวงการ และโคลอมเบียผลติ กาแฟ เปน็ ตน้ กาแฟเปน็ พชื เศรษฐกจิ ทส่ี าำ คญั ของทวปี อเมรกิ าใต้ ซง่ึ สรา้ ง ตา งประเทศ รายไดใ้ หแ้ กป่ ระเทศผผู้ ลติ เปน็ จาำ นวนมหาศาลในแตล่ ะปี นักเรยี นควรรู 1๔5 กาแฟ สายพนั ธกุ าแฟทนี่ ยิ ม ปลกู และบรโิ ภคกันมากทีส่ ดุ ในโลก สายพนั ธุห นึ่ง คือ พันธุอราบิกา ซง่ึ มกี ารปลูกมากในดนิ แดน อเมริกาใตโ ดยเฉพาะประเทศบราซลิ เปนผูสงออกกาแฟมากที่สุด ถัดมา คือ โคลอมเบยี สําหรบั ในประเทศไทยมกี ารปลูกกนั มาก ทางภาคเหนือโดยเฉพาะในจังหวัดเชยี งใหม เชยี งราย ลาํ ปาง แมฮ องสอน และตาก คูมือครู 145

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรียน 20%) ครูใหนักเรยี นกลุมที่ 3 ทศ่ี กึ ษา การขยายตัวทางการค้าก่อให้เกิดชนชั้นกลางกลุ่มใหม่ซึ่งมีบทบาทในสังคมอย่าง พัฒนาการดา นสังคมและศลิ ป- รวดเรว็ ประเทศตา่ งๆ ประสบปัญหาชอ่ งวา่ งระหว่างคนรวยกับคนจน เมือ่ ชอ่ งว่างกวา้ งมากขึ้น วฒั นธรรมออกมานําเสนอผลงาน จงึ เกดิ การสนใจแกป้ ญั หาทางเศรษฐกจิ ดว้ ยการ หนา ช้ันเรยี น จากน้ันนักเรียนใน รบั ลทั ธสิ งั คมนยิ ม เชน่ ในชลิ ี โดยประธานาธบิ ดี ชน้ั เรยี นรว มกนั สรุปสาระสําคญั ซัลวาดอร์ อัลเยนเด (Salvador Allende) เกี่ยวกับพัฒนาการและการ ใน ค.ศ. ๑๙๗๐ มกี ารโอนกิจการกวา่ ๒๐ แห่ง สรางสรรคดา นตา งๆ ของ เปน็ ของรัฐ จนทา� ใหผ้ ูเ้ สยี ผลประโยชน์ไม่พอใจ ทวปี อเมรกิ าใต ในที่สุดกองทัพจึงได้ก่อรัฐประหารยึดอ�านาจ เป็นตน้ ดงั นน้ั ปญั หาเศรษฐกจิ สามารถสง่ ผล ขยายความเขา ใจ กระทบตอ่ เสถยี รภาพทางการเมอื งอยา่ งรนุ แรง และเป็นสิ่งท่ีผู้น�ารัฐบาลประเทศลาตินอเมริกา นกั เรียนสบื คน ขอมูลเกยี่ วกับ ตา่ งตระหนกั อยูเ่ สมอ ความสมั พนั ธระหวางไทยกับ ประเทศตางๆ ในทวปี อเมริกาใต วิหารแห่งบราซิเลีย ในนครหลวงของประเทศบราซิล ๓) พัฒนาการด้านสังคมและ โดยจดั ทาํ เปนรายงานสง ครูผูสอน จัดเป็นศาสนสถานในคริสต์ศาสนาท่ีมีชื่อเสียงแห่งหน่ึง ศิลปวัฒนธรรม ประชากรในอเมริกาใต้ ของทวีปอเมรกิ าใต้ นักเรียนควรรู ประกอบดว้ ยกลมุ่ ชาตพิ ันธต์ุ า่ งๆ ดงั นี้ ๓.๑) พวกอินเดียน เป็นชนพ้ืนเมืองของทวีปอเมริกา ปัจจุบันยังมีจ�านวนมาก กลมุ ชาตพิ ันธุตา งๆ นอกจาก โดยอาศยั อยู่ในเปรแู ละโบลิเวีย พวกอินเดยี น พวกทสี่ ืบเช้ือสาย ๓.๒) พวกทส่ี บื เชอ้ื สายจากชาวยโุ รป เขตทอี่ ยสู่ า� คญั คอื อารเ์ จนตนิ าและอรุ กุ วยั จากชาวยโุ รป และพวกทส่ี ืบ ซงึ่ มพี ลเมืองเชื้อสายอิตาลี สเปน ฝรัง่ เศส อังกฤษ และเยอรมนั อาศยั อยู่ เชื้อสายจากพวกทาสท่นี าํ เขามา ๓.๓) พวกที่สืบเช้ือสายจากพวกทาสที่นําเข้ามาจากทวีปแอฟริกา ได้แก่ พวก จากทวปี แอฟริกาแลว ยงั มีผูคน เชื้อชาติผสมระหว่างชาวอินเดียนกับชาวยุโรป ที่เรียกว่า เมสติโซ (mestizo) จ�านวนมากอยู่ใน เช้ือสายตางๆ เดนิ ทางเขา มาต้ัง ปารากวัย เวเนซุเอลา ชิลี และเอกวาดอร์ พวกเชื้อชาติผสมระหว่างเผ่าพันธุ์แอฟริกันกับยุโรป ถิ่นฐานในทวีปอเมรกิ าใตด ว ย เชน เรียกว่า มลู าตโต (mulatto) และยังมีพวกผสมระหวา่ งแอฟรกิ ันกบั อนิ เดยี นอีกดว้ ย อนิ เดยี (เปน ประชากรกลมุ ใหญ สงั คมของอเมรกิ าใตจ้ งึ เปน็ การผสมผสานระหวา่ งวฒั นธรรมของกลมุ่ ชาตพิ นั ธต์ุ า่ งๆ ในประเทศกายอานา ซรู ินาเม ขา้ งตน้ ดา้ นการนบั ถอื ศาสนา พลเมอื งสว่ นใหญน่ บั ถอื ครสิ ตศ์ าสนานกิ ายโรมนั คาทอลกิ ตามสเปน จนี อาหรบั ญ่ปี นุ เปน ตน ) และโปรตเุ กส ในประเทศกายอานาซงึ่ เปน็ อาณานิคมขององั กฤษจนกระทั่ง ค.ศ. ๑๙๖๖ มผี นู้ บั ถอื นิกายโปรเตสแตนต์จ�านวนไม่น้อย ส�าหรับประเทศซูรินาเมซึ่งเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ จนกระทงั่ ค.ศ. ๑๙๗๕ ประชากรประมาณครงึ่ หนงึ่ ของประเทศสบื เชอื้ สายมาจากชาวอนิ เดยี ทา� ให้ มคี นจา� นวนมากนบั ถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู และยงั มพี วกทมี่ คี วามเชอ่ื แบบชาวแอฟรกิ นั ดง้ั เดมิ อีกดว้ ย 1๔6 146 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand ๓.๓ อทิ ธพิ ลของทวีปอเมรกิ าใต้ต่อสงั คมโลก อธิบายความรู ทวีปอเมริกาใต้เป็นดินแดนแห่งอารยธรรมเก่าแก่ที่ดึงดูดนักท่องเท่ียวจากท่ัวทุกมุมโลก จนเป็นแหล่งรายได้ส�าคัญของหลายประเทศ บางประเทศอย่างเวเนซุเอลาก็เป็นประเทศผลิต ครูถามนกั เรียนวา จากการศึกษา น�้ามันรายใหญ่และเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปก พัฒนาการดา นตางๆ ของทวปี (Organization of Petroleum Exporting อเมรกิ าใตม าแลว อิทธิพลของ Countries : OPEC) ซง่ึ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การกา� หนด อเมริกาใตในเรอ่ื งใดบางทม่ี ีตอ ราคานา้� มนั ในตลาดโลก ประเทศบราซลิ นอกจาก สังคมโลก จะมีเมืองรีอดู จี าเนรู (Rio de Janeiro) ทีม่ ีสีสัน ทางวัฒนธรรมผสมแล้ว ยังมีป่าแอมะซอนอัน (แนวตอบ เร่อื งการทอ งเทีย่ ว เชน กวา้ งใหญไ่ พศาล เมอื งรอี ูดจี าเนรู ประเทศบราซิล อย่างไรก็ดี ต้ังแต่ปลายคริสต์ศตวรรษท่ี ที่มีทัศนียภาพท่สี วยงาม หรือ ๒๐ ประเทศในอเมริกาใตป้ ระสบกบั ปัญหาการ ปา แอมะซอนที่มีพื้นที่กวางใหญ ขาดดุลงบประมาณอันเน่ืองมาจากการบริหาร เรอื่ งเศรษฐกจิ ประเทศอเมรกิ าใต การคลงั ที่ไมร่ ดั กมุ การเปน็ หนเ้ี งนิ กตู้ า่ งประเทศ เมืองรีอูดีจาเนรู ประเทศบราซิล เป็นเมืองท่ีมีทิวทัศน์ ไดมีการรวมกลุม กนั เพื่อใหเกดิ จา� นวนมหาศาล ขณะทแ่ี หลง่ รายไดต้ า่ งๆ กต็ อ้ ง สวยงามแหง่ หนงึ่ ของโลก และเปน็ เมอื งทจี่ ดั เทศกาลรน่ื เรงิ ความม่ันคงทัง้ ทางเศรษฐกจิ และ ประจาำ ปที เ่ี รียกวา่ คารน์ วิ ลั การเมอื ง เชน ประชาคมแอนเดยี น กลุมเมอรโคซูร เปน ตน) ได้รับการจัดการดูแลมากขึ้น รวมทั้งป่าแอมะซอนที่ให้ความชุ่มชื้นก็ถูกแผ้วถางท�าลายลงเรื่อยๆ ทุกปเี พราะการเรง่ พฒั นาเศรษฐกจิ จนอาจกระทบตอ่ ระบบนิเวศของโลกในไม่ชา้ ตรวจสอบผล รัฐบาลของประเทศต่างๆ ในทวีปอเมริกาใต้ ได้แสดงความพยายามท่ีจะร่วมมือกันใน การสรา้ งความมนั่ คงทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ และการเมอื งมาตงั้ แต่ ค.ศ. ๒๐๐๔ และไดเ้ รม่ิ กระบวนการ 1. ตรวจรายงานของนกั เรียน รวมสหภาพศลุ กากร ๒ แหง่ คอื ประชาคมแอน 2. ตรวจสมุดภาพแหลง อารยธรรม เดียน (Andean Community) และเมอร์โคซรู ์ (Mercosur) จนมีการก่อต้ังสหภาพแห่ง โบราณในทวปี อเมรกิ าใต ประชาชาตอิ เมรกิ าใต้ (Union of South Amer- 3. การนําเสนอผลงานเก่ียวกบั ican Nations : UNASUR) เมือ่ เดอื นมนี าคม ค.ศ. ๒๐๑๑ โดยมสี า� นกั งานใหญอ่ ยทู่ เี่ อกวาดอร์ พฒั นาการและการสรา งสรรค (Ecuador) การรวมตัวนี้ได้ใช้แนวทางของ ดา นตา งๆ ของทวปี อเมรกิ าใต สหภาพยโุ รปเป็นแมแ่ บบ คาดวา่ จะสมบรู ณ์ใน 4. การมีสว นรวมในการอภปิ ราย ค.ศ. ๒๐๑๙ ซง่ึ จะท�าให้อเมรกิ าใตเ้ ปน็ กลมุ่ การ ในชัน้ เรยี น คา้ เสรีใหญ่อันดับ ๓ ของโลก 5. การตอบคําถามของนักเรยี น สหภาพแหง่ ประชาชาตอิ เมรกิ าใต้ เปน็ องคก์ รเพอื่ ขบั เคลอ่ื น และบรู ณาการเศรษฐกจิ และความมนั่ คงของภมู ภิ าค นักเรียนควรรู 1๔7 ประชาคมแอนเดียน กอต้ังขน้ึ ใน ค.ศ. 1969 เปน กลมุ ความรว มมอื ทางเศรษฐกิจทม่ี ศี กั ยภาพและมี ความสาํ คัญในภมู ภิ าคลาตินอเมริกา มากทสี่ ดุ รองจากกลุมเมอรโคซูร นักเรยี นควรรู เมอรโ คซูร หรือตลาดรวมอเมรกิ าใตต อนลา ง (Southern Common Market) เร่ิมกอตั้งขึ้น เม่ือ ค.ศ.1991 โดยมวี ัตถปุ ระสงคหลักในการเปดเสรที างการคา ในภมู ภิ าค คูมอื ครู 147

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Explain Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%) ครูกระตุน ความสนใจดว ยการ แผนที่ทวีปแอฟรกิ า ซักถามนักเรยี นวา เมอื่ กลาวถงึ ทวปี แอฟรกิ า นกั เรยี นนกึ ถึงส่ิงใด จากนัน้ ใหนกั เรยี นแสดงความ คิดเห็นอยางหลากหลาย สาํ รวจคนหา เวสเ ิท โมร็อกโก ทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน ทวีปยโุ รป เบ ินน ครใู หนักเรยี นดูภาพแผนทที่ วีป รน์ สะฮารา แอลจเี รยี ท ะเล ทลรเิ าบยียลิ อยี ปิ ต์ แอฟริกาจากหนงั สอื เรียน หนา 148 ตู ินเ ีซยมอรเิ ตเนียทรายส ร า จากนนั้ ยกตวั อยางชือ่ ประเทศมา ท ะ เ ล ะ ฮ า เ บี ย ทะเลแดง 4 - 5 ประเทศ แลวใหน กั เรียนหาดูวา ารณ ัรฐคองโก อยูตรงสวนใดของแผนทีแ่ ละอยตู ดิ แกมเบยี เซเนกสี มาลี ไนเจอร์ ชาด ซดู าน เอริเทรยี กับประเทศใดบาง กนิ ีบิสเซา กนิ ี ที่ ดโรกิวาตัวบบร-สูร์ ู ก์งกนิกิาานนีฟาาโซ เซียร์ราลโี อน ไนจเี รยี จบิ ูตี ขยายความเขา ใจ โตโก แคเมอรนู ไลบีเรยี แอสฟาธราิกราณกรลฐัาง เซาทซ์ ดู าน เอธิโอเปีย ม า เ ีล ย นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู เก่ยี วกับ ประเทศเซาทซ ดู าน ซงึ่ เปน ประเทศใหม อเิ ควทอเรียลกนิ ี กาบอง ยูกนั ดา เคนยา โซ ของโลก ลาํ ดบั ท่ี 193 ท่ีไดร บั การ มหาสมทุ รอนิ เดีย รับรองจากสหประชาชาติ จากนน้ั เซาตูเมและ สาธ คองโก รวนั ดา นําขอ มลู มาสนทนารว มกัน ปรนิ ซิปี บุรนุ ดี ในชนั้ เรยี น แทนซาเนีย นักเรยี นควรรู คอโมโรส มหาสมทุ รแอตแลนตกิ แองโกลา แซมเบยี มาลา ีว เซาทซ ดู าน มชี ่อื เปนทางการวา นามิเบยี บทอคะาตเลลสาทฮวราาารยนี าซมิ บับเว สาธารณรัฐเซาทซ ูดาน เมืองหลวง ิบ กโ ม ซั ม คอื จูบา (Juba) เปน ประเทศใหม มาดากัสกา ์ร ของโลกท่ีประกาศแยกตวั ออกจาก ประเทศซูดานในวนั ท่ี 9 กรกฎาคม สาธารณรฐั สวาซิแลนด์ ค.ศ. 2011 ซ่ึงเปนผลมาจากขอ ตกลง แอฟรกิ าใต้ สนั ติภาพเมื่อ ค.ศ. 2005 เพ่อื ยตุ ิ เลโซโท การสรู บในสงครามกลางเมอื งระหวา ง ชาวมสุ ลมิ ซดู านเหนอื กบั ชาวซดู านใต 1๔8 ทีส่ วนใหญน บั ถือครสิ ตศาสนา ทงั้ นี้ องคการสหประชาชาติมีมตริ บั รองให @ มมุ IT เซาทซดู านเปน ประเทศใหมล าํ ดบั ท่ี 193 และถอื เปนประเทศในทวปี แอฟรกิ า ศึกษาคน ควาขอ มูลเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั ทวีปแอฟริกาไดท่ี www.thaiafrica.net/th/ ลาํ ดบั ท่ี 54 ท่เี ปน สมาชกิ ของ about-africa/data-africa/ กองแอฟรกิ า กรมเอเชยี ใต ตะวนั ออกกลางและแอฟรกิ า สหประชาชาติ 148 คูม อื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ô. ·ÇÕ»áÍ¿ÃÔ¡Ò สํารวจคนหา ทวีปแอฟริกาเปนทวีปท่ีมีขนาดใหญเปนอันดับ ๒ ของโลกรองจากทวีปเอเชีย และมีความ ครใู หนกั เรยี นศึกษาที่ตง้ั และ สภาพภูมิศาสตรของทวีปแอฟริกา เกยี่ วพนั กบั มนษุ ยม านาน เพราะจากหลกั ฐานทางโบราณคดพี บวา มนษุ ยร นุ แรกสุดถือกาํ เนิดขน้ึ เพมิ่ เติมจากหนงั สือเรียน จากน้นั ในดนิ แดนฝง ตะวนั ออกของทวปี แอฟรกิ าเมอื่ ประมาณ ๓,๕๐๐,๐๐๐ ปม าแลว ในบรเิ วณทเี่ ปน ประเทศ วเิ คราะหวา มีผลตอ พัฒนาการของ ทวีปอยา งไร เคนยาและประเทศเอธโิ อเปย ปจจบุ นั แมแอฟริกาจะเปน ถน่ิ กาํ เนดิ ของมนุษยท่ีเกา แกท ส่ี ุด แตก ลับ อธบิ ายความรู เปนทวีปท่ีผูคนรูจักนอยท่ีสุดและเปนทวีปท่ีมีระดับการพัฒนาลาหลังที่สุด มีทะเลทรายกวางใหญ • ทวีปอเมริกาใตมที ่ตี ัง้ และสภาพ ปาดงดบิ และท่ีราบสงู เปนอปุ สรรคที่สําคัญมากตอการพัฒนาและการคมนาคมตดิ ตอระหวา งกนั ภูมิศาสตรในลกั ษณะใด (แนวตอบ ทวปี แอฟรกิ าตัง้ อยู ๔.๑ ทต่ี ้งั และสภาพภมู ิศาสตรที่มีผลตอ พฒั นาการของทวปี ทางใตข องทวีปยุโรป เปนทวีป ทวปี แอฟรกิ าเปนทวีปท่ีมีเสนศนู ยสตู รพาดผานเกือบกลางทวีป ต้ังอยทู างใตข องทวีปยุโรป ทม่ี ีเสน ศูนยส ูตรพาดผานเกือบ ทวีปแอฟริกามีเน้ือที่ทั้งหมดประมาณ ๓๐ ลานตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ ๑,๒๐๐ กลางทวีป จึงทาํ ใหลักษณะ ลา นคน กระจายอยูใน ๕๔ ประเทศ มอี ยู ๑๕ ประเทศที่ไมมพี รมแดนตดิ ทะเล ประชากรกระจกุ ตวั ภูมอิ ากาศสว นใหญเ ปนแบบ ต้ังถ่ินฐานกันมากในบริเวณท่ีราบลุมแมน้ํา ท่ีราบแคบๆ ชายฝงทะเล และบริเวณท่ีมีภูมิอากาศ ปา ดบิ ชืน้ แบบทุงหญา สะวันนา แบบเมดเิ ตอรเ รเนยี นทางเหนอื และทางใตข องทวปี ซง่ึ เหมาะแกก ารทาํ เกษตรกรรม อนั เปน อาชพี และแบบทะเลทราย พ้ืนที่ หลกั ของคนสว นใหญ สว นใหญข องทวีปเปน ทรี่ าบสูง ประชากรอาศัยอยูเบาบางมากในบริเวณที่เปนทะเลทรายและบริเวณปาดงดิบในลุมแมน้ํา นอกจากน้ยี ังมเี ขตทร่ี าบลุม คองโก ซง่ึ เปน ปา ฝนรอ นช้นื แถบศนู ยสตู รทีเ่ ต็มไปดว ยบึง ทีล่ ุม และตนไมสูงใหญข้ึนเบียดกันทบึ แมน ํ้า แมน า้ํ สําคัญของแอฟริกา จนรมคร้ึมและมฝี นตกชกุ มอี ยู 4 สาย ไดแ ก แมน ้ําไนล ทวีปแอฟริกาน้ีไดช่ือวาเปน ทวีปแหง แมน้ําคองโก แมนา้ํ ไนเจอร ที่ราบสูง (Plateau Continent) กลาวคือ และแมนา้ํ แซมบีซ)ี พ้ืนท่ีสวนใหญอยูเหนือระดับนํ้าทะเลตั้งแต ๑๕๐ - ๑,๔๐๐ เมตร มีเทือกเขาแอตลาส • บริเวณใดของทวปี แอฟริกา (Atlas) ทางเหนือ เทือกเขาดราเคนสเบิรก ทมี่ ีผูคนตงั้ ถ่ินฐานอาศัยอยู (Drakensberg) ทางใต และที่ราบสูงแอฟริกา อยางหนาแนนและอาศยั อยู ตะวันออก เปนตน มีภูเขาสูงสุด คือ ภูเขา อยา งเบาบาง คลิ มิ นั จาโร (Kilimanjaro) (แนวตอบ ประชากรจะอาศยั อยู การที่ทวีปแอฟริกาลาหลังและคอนขาง อยา งหนาแนนในบริเวณท่ีราบลมุ อยูโดดเดี่ยวจากผูคนในทวีปอื่นก็เพราะปจจัย ภูเขาคิลิมันจาโร ในประเทศแทนซาเนีย มียอดสูงท่ีสุด แมนาํ้ เชน เขตลุม แมนา้ํ ไนล ทางดานภมู ศิ าสตรเปน สําคัญ กลาวคือ ชอ่ื คโี บ สงู ๕,๘๙๕ เมตร ถอื เปน จดุ สงู สดุ ในทวปี แอฟรกิ า ในประเทศอยี ปิ ต เขตลมุ แมน า้ํ คองโกในประเทศคองโก ซึง่ ๑๔๙ เหมาะแกการทาํ เกษตรกรรม อนั เปน อาชีพหลักของคนสวนใหญ สว นบริเวณทมี่ ีคนอาศัยอยูเบาบาง จะเปนบริเวณทะเลทรายและ บริเวณปาดงดบิ ทเี่ ต็มไปดวย ตน ไมสูงใหญ) คมู อื ครู 149

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครใู หนักเรยี นสืบคนขอมลู เกีย่ วกับ ๑. มีทะเลทรายสะฮาราครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่ทางตอนเหนือ จึงขีดคั่น อาณาจักรโบราณในทวปี แอฟรกิ า ดนิ แดนแอฟรกิ าเหนอื ซงึ่ มภี มู อิ ากาศแบบเมดเิ ตอรเ์ รเนยี นกบั ดนิ แดนสว่ นอนื่ ของทวปี พฒั นาการ เพ่ิมเติมจากหนงั สือเรยี น แลวจัดทํา ของประเทศแถบทางเหนือ เช่น อียิปต์ ลิเบีย ตูนิเซีย จึงแตกต่างจากส่วนอ่ืนๆ และมีระดับ ในรปู แบบเสนเวลา (Timeline) การพัฒนาท่สี ูงกวา่ อธิบายความรู ๒. มีพื้นท่ีขนาดใหญ่ตอนกลางประเทศเป็นป่าฝนร้อนช้ืนหรือป่าดิบช้ืนท่ีท�าให้การ คมนาคมสญั จรล�าบาก และมโี รคภัยเขตร้อนชุกชุมโดยเฉพาะโรคมาลาเรีย • ปจ จัยทางภมู ศิ าสตรม ีผลตอ พัฒนาการของทวปี แอฟรกิ า ๓. แมน่ า�้ ในทวปี แมจ้ ะเปน็ สายยาวแตไ่ มไ่ หลลงทะเลหรอื มหาสมทุ ร อาจลงทะเลสาบ อยา งไร หรอื ไหลผา่ นเกาะแกง่ และกลายเปน็ นา้� ตก ทา� ใหช้ าวแอฟรกิ นั ไมส่ ามารถใชแ้ มน่ า้� เพอื่ การคมนาคม (แนวตอบ การมที ะเลทรายสะฮารา ขนสง่ จากชายฝัง่ เขา้ ไปตอนในของทวปี อนั กวางใหญทางตอนเหนือ ซึง่ ขีด คัน่ ดินแดนแอฟริกาตอนเหนอื ซ่ึง ๔. การขนส่งสินค้าทางทะเลไม่สะดวก เพราะขาดแคลนท้ังเมืองท่า และท่าเรือดีๆ มีภมู อิ ากาศแบบเมดเิ ตอรเ รเนียน เนอื่ งจากชายฝง่ั ของทวปี เวา้ แหวง่ นอ้ ย เปน็ ทรี่ าบสงู ชนั โดยเฉพาะทางภาคตะวนั ออก จงึ ไมอ่ �านวย กบั ดนิ แดนสว นอืน่ ของทวีป ทําให ตอ่ การสร้างท่าเทยี บเรอื หรอื ท�าการประมง พัฒนาการของดินแดนทางตอน เหนอื เชน อียปิ ต ลิเบยี ตูนิเซีย เร่ืองน่ารู้ แตกตางจากสว นอนื่ ๆ และมี พฒั นาการทีส่ งู กวา และการมี อาณาจกั รโบราณในทวปี แอฟรกิ า อาณาจกั รโบราณ ช่วงเวลา พน้ื ท่ขี นาดใหญต อนกลางประเทศ ก่อนท่ชี นผิวขาวจากยุโรปจะเดินทางเข้าไปใน ทีเ่ ปน ปา ฝนรอนชนื้ หรอื ปา ดบิ ชน้ื แอฟรกิ า ดนิ แดนบางแหง่ เคยเจรญิ รงุ่ เรอื งมาแลว้ โดย อียปิ ต์โบราณ ๓,๕๐๐ - ๗๕๐ ปกี ่อนครสิ ต์ศกั ราช สง ผลใหก ารคมนาคมสัญจร พฒั นาจากชมุ ชนเกษตรเลก็ ๆ และสงั คมชนเผา่ เปน็ ราช- ยตู ิกะ ๑,๑๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช - ค.ศ. ๒๐๐ ลาํ บากและมโี รคภยั ชกุ ชมุ อาณาจกั รและนครรฐั นอ้ ยใหญม่ ากอ่ น เชน่ ทางตอน เชน โรคมาลาเรีย) เหนอื มอี าณาจกั รอยี ปิ ตโ์ บราณในบรเิ วณลมุ่ แมน่ าำ้ ไนล์ คูช ๗๕๐ ปีก่อนคริสต์ศกั ราช - ค.ศ. ๓๐๐ อาณาจกั รยตู กิ ะ (Utica) รมิ ชายฝง่ั ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น เอธิโอเปีย ค.ศ. ๓๐๐ - ค.ศ. ๑๐๐๐ • เพราะเหตใุ ดทวีปแอฟริกาจึงได (บริเวณตูนิเซียในปัจจุบัน) อาณาจักรคูช (Kush) กานา ค.ศ. ๔๐๐ - ค.ศ. ๑๒๓๕ ชื่อวา “กาฬทวปี หรือทวีปมดื ” (แนวตอบ เพราะสภาพทาง ซ่ึงรบชนะอียิปต์ แต่ต่อมาก็ถูกอาณาจักรเอธิโอเปีย ซิมบับเว ค.ศ. ๑๐๐๐ - ค.ศ. ๑๔๐๐ ภูมศิ าสตรข องทวปี ทเี่ ปนอปุ สรรค ตอ การสาํ รวจ จึงไมค อ ยมีใครรจู ัก (Ethiopia) รุกราน ทางตะวันตกมีอาณาจักรกานา เบนิน ค.ศ. ๑๐๐๐ - ค.ศ. ๑๕๐๐ ทาํ ใหช าวยโุ รปสนใจทวีปนีน้ อ ย) (Ghana) อาณาจักรมาลี (Mali) เมืองทิมบักทู (Timbuktu) ของอาณาจักรมาลีเป็นศูนย์กลางการค้า นครรฐั สวาฮิลี ค.ศ. ๑๑๐๐ - ค.ศ. ๑๕๐๐ นกั เรียนควรรู ท่ีสำาคัญมากของแอฟริกาตะวันตก เมืองน้ีรุ่งเรืองแม้ มาลี ค.ศ. ๑๒๓๕ - ค.ศ. ๑๔๖๘ เม่ือเปล่ียนไปอยู่ในครอบครองของราชอาณาจักร ซองไฮ ค.ศ. ๑๔๖๔ - ค.ศ. ๑๕๙๑ ซองไฮ (Songhai) นอกจากน้ี ยงั มอี าณาจกั รเบนนิ (Benin) บรเิ วณปากแมน่ าำ้ ไนเจอร์ สว่ นทางชายฝง่ั ตะวนั ออกของ ทวปี ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๑๐๐ - ๑๕๐๐ มนี ครรฐั กวา่ ๓๕ แหง่ รวมเรยี กวา่ นครรฐั สวาฮลิ ี (Swahili city states) ในปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๕ นกั เดนิ เรอื ชาวโปรตเุ กสไดอ้ อกสาำ รวจชายฝง่ั ตะวนั ตกของแอฟรกิ าเพอ่ื หาเสน้ ทาง ไปยงั อนิ เดยี นบั แตน่ น้ั มา องั กฤษ ดตั ช์ และฝรง่ั เศสกแ็ ขง่ กบั โปรตเุ กสในการตง้ั ปอ้ มคา่ ยและสถานกี ารคา้ ตามชายฝง่ั ของทวปี เกดิ การแสวงหาประโยชนจ์ ากทรพั ยากรของทวปี แอฟรกิ าโดยเฉพาะทองคาำ งาชา้ ง เครอ่ื งเทศ ชาวพน้ื เมอื ง ถกู นาำ ไปเปน็ ทาส ดนิ แดนตา่ งๆ ถกู ยดึ ครองเปน็ อาณานคิ มจนกระทง่ั หลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ จงึ ทยอยไดร้ บั เอกราช อาณาจักรอยี ิปตโบราณ ถือเปน 150 อารยธรรมเกา แกท ส่ี ุดแหงหนึง่ ของโลกโดยถอื กาํ เนิดข้นึ ในบริเวณ ลมุ แมนา้ํ ไนล อยี ปิ ตประกอบดวย 2 ดนิ แดน คือ อยี ปิ ตบ นกบั อยี ิปตลา ง ในสมัยแรกๆ เรียกวา สมัยกอนราชวงศ จนถึงสมยั ทเ่ี มเนสหรือนารเ มอรแหงอียปิ ตลางรวมดินแดนทั้งสอง เขา ดวยกันไดเม่อื ประมาณ 3,100 ปก อ นคริสตศ กั ราชจงึ เขา สสู มัยราชวงศ สมยั ราชวงศก แ็ บงออกเปนสมัยอาณาจกั รเกา สมยั อาณาจักรกลาง สมยั อาณาจักรใหม และเสือ่ มอํานาจลงโดยตกอยูใตก ารปกครองของเปอรเ ซยี กรกี และโรมนั ตามลาํ ดบั และในกลางครสิ ตศ ตวรรษท่ี 7 อยี ปิ ต จึงไดหนั ไปนับถอื ศาสนาอิสลาม 150 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สาํ รวจคนหา ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาพฒั นาการ และการสรางสรรคดา นตา งๆ ของ ๔.๒ พัฒนาการและการสร้างสรรคด์ ้านตา่ งๆ ทวีปแอฟริกาเพิม่ เติม แลวนาํ ขอ มูล มาจดั ปา ยนิเทศ ส�าหรบั พฒั นาการและการสรา้ งสรรค์ดา้ นต่างๆ ของทวปี แอฟริกาสามารถสรุปได้ ดังน้ี ๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง นับตั้งแต่โปรตุเกสจัดตั้งสถานี การคา้ ตามชายฝง่ั แอฟรกิ าและสง่ ชาวแอฟรกิ นั พนื้ เมอื งไปเปน็ แรงงานใหผ้ ปู้ ระกอบการโพน้ ทะเล ชาวยโุ รปในทวปี อเมรกิ า ชาตติ ะวนั ตกอน่ื ๆ กพ็ ากนั เขา้ ไปหาประโยชนจ์ ากดนิ แดนในทวปี แอฟรกิ า อธบิ ายความรู โดยเฉพาะเมือ่ เกดิ การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ จนกอ่ ให้เกดิ การแยง่ กนั จบั จอง ดินแดนแอฟริกาเป็นอาณานิคม การเรียกร้องเอกราชของดินแดนในแอฟริกาประสบความส�าเร็จ • การทช่ี าวยุโรปเขามาปกครอง คร้งั แรกในปลายทศวรรษ ๑๙๕๐ เมอ่ื โกลด์โคสต์ (Gold Coast) เป็นอิสระจากองั กฤษใน ค.ศ. ชาวแอฟรกิ นั พนื้ เมืองสงผลกระทบ ๑๙๕๗ และใชช้ ่ือประเทศว่า กานา มีดนิ แดนไมก่ ี่แห่งทีต่ ้องต่อสเู้ พื่ออิสรภาพอย่างรนุ แรง ไดแ้ ก่ ตอ วถิ ีชีวิตของผูค นอยางไร แอลจีเรยี โมซัมบกิ และแองโกลา ส่วนอาณานคิ มบางแห่ง เชน่ คองโก (ซาอีร)์ ไนจีเรีย เมือ่ (แนวตอบ ทาํ ใหชาวแอฟรกิ นั ได้รับเอกราชแล้วได้เกิดสงครามกลางเมืองตามมาเพราะความแตกแยกขัดแย้งกันเองในหมู่ชาว พืน้ เมืองตอ งถูกปกครองอยา งกดข่ี พน้ื เมอื ง กระบวนการไดร้ บั เอกราชของอาณานคิ มในแอฟรกิ าสนิ้ สดุ ลงเมอ่ื นามเิ บยี แยกตวั ออกจาก ผคู นจํานวนมากถกู นําไปเปน ทาส แอฟรกิ าใตส้ า� เรจ็ ใน ค.ศ. ๑๙๘๙ ภายหลงั ไดเ้ อกราชบรรดาผคู้ นเชอ้ื สายของประเทศผปู้ กครองเดมิ ใหแ กผูป ระกอบการโพน ทะเล ส่วนใหญ่อพยพกลับถิ่นฐาน และเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศใหม่ขึ้นหลายแห่ง เช่น ชาวยุโรปในทวปี อเมริกา) ท่ีไนจเี รยี ยกู นั ดา เพราะพลเมอื งมาจากต่างเผ่า (tribes) และมีความภักดตี อ่ เผ่าด้ังเดิมของตน • สาเหตุของความไมมนั่ คงทาง ส�าหรับรูปแบบการปกครองมักจะด�าเนินตามเมืองแม่เดิมของแต่ละแห่ง แต่ระบอบ การเมืองการปกครองของทวีป ประชาธิปไตยที่สถาปนาขึ้นขาดเสถียรภาพ ท�าให้บางแห่งเปล่ียนแปลงไปสู่ระบอบเผด็จการและ แอฟรกิ าภายหลังจากไดรบั การทา� รฐั ประหารของฝา่ ยทหาร การปราบปราม เอกราชเกดิ จากอะไร (แนวตอบ เกิดจากการขาดความ ชาํ นาญในการจดั ระบบการเมือง ผตู้ ่อต้านท�าให้เกดิ การโคน่ ลม้ ผนู้ �าตามมา การปกครองแบบชมุ ชนเมอื ง ความไมม่ น่ั คงทางการเมอื งนน้ั ยงั ขนาดใหญท ีม่ ีประชากรหนาแนน เป็นการเปิดโอกาสให้เป็นเวทีของการแข่งขัน รวมทัง้ ปญ หาการปกครองทอ งถ่ิน อา� นาจระหวา่ งสหรฐั อเมรกิ ากบั สหภาพโซเวยี ต ที่ผูค นมาจากชนเผาตา งๆ ซ่งึ มี ในชว่ งสงครามเยน็ (Cold War) มหี ลายดนิ แดน ลักษณะทางสังคมและวฒั นธรรม หรอื หลายกลมุ่ ท่ีไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื ดา้ นกา� ลงั แตกตา งกนั ) และอาวุธเพื่อมาสู้รบกับคนในแอฟริกาด้วย กันเอง ตงั้ แตต่ น้ ค.ศ. ๒๐๑๑ ไดเ้ กดิ เหตุการณ์ ขับไล่ผู้น�าชาติในแอฟริกาที่บริหารประเทศ นักเรียนควรรู มานาน ซงึ่ มีปญั หาคอรร์ ัปช่นั การลดิ รอนสทิ ธิ เสรีภาพของพลเมือง ปัญหาความเหลื่อมล้�า เหตกุ ารณก์ ารชมุ นมุ ประทว้ งในลเิ บยี เพอ่ื โคน่ ลม้ อาำ นาจของ แอฟริกาใต กอตัง้ ขนึ้ เมือ่ ค.ศ. ทางเศรษฐกิจ โดยเรม่ิ จากตูนิเซีย อยี ิปต์ ลิเบีย ผนู้ าำ ประเทศทคี่ รองอาำ นาจมานาน 1961 ถกู ปกครองโดยคนผิวขาว ชาวองั กฤษ และมนี โยบายการ ปกครองแบบแบง แยกเช้ือชาตแิ ละ 151 การกดี กนั สผี ิวอยา งรนุ แรง จนกระทง่ั สหประชาชาตปิ ระกาศ คว่าํ บาตรแอฟรกิ าใตใน ค.ศ. 1977 จากแรงกดดนั ทั้งในประเทศและจากนานาชาตสิ ง ผลใหนโยบายเหยยี ดผวิ ในแอฟรกิ าใตผอ นคลายลง และไดมกี ารเลอื กตัง้ อยา งไมแบง แยกเผา พันธุ ครัง้ แรกเมื่อ ค.ศ. 1994 โดยผนู ําชาวผวิ ดาํ ท่ีมบี ทบาทสําคญั ในการยตุ นิ โยบาย เหยยี ดผวิ คอื นายเนลสนั แมนเดลลา ไดรบั เลอื กตั้งเปน ประธานาธิบดี สาธารณรัฐแอฟรกิ าใตคนแรก คมู ือครู 151

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%) ครูซกั ถามนกั เรยี นวา ปจจัยใด ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงสภาพความอดอยาก และ ทท่ี าํ ใหเ ศรษฐกิจของทวีปแอฟรกิ า ความแร้นแค้นในการครองชีพของชาวแอฟริกันมากกว่าที่จะนึกว่าทวีปนี้เป็นแหล่งผลิตเพชร คอนขา งลา หลังกวา ทวปี อนื่ ๆ และทองค�ามูลค่ามหาศาลป้อนตลาดโลก เช่น ในประเทศแอฟริกาใต้ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg) ได้ชื่อว่าเป็น นครแห่งทองค�า และเมืองคิมเบอร์ลีย์ (Kimberley) ได้ช่ือว่า (แนวตอบ มีหลายปจจยั เชน นครแห่งเพชร ส่วนประเทศกานาเมื่อครั้งเป็น ปจ จยั การตกอยภู ายใตก ารชีน้ าํ อาณานคิ มขององั กฤษก็ไดช้ อ่ื วา่ ชายฝง ทองคา� ทางเศรษฐกิจของชาตติ ะวนั ตกที่ หรือโกลด์โคสต์ (Gold Coast) ทั้งน้ีเพราะ เขา มาต้ังอาณานิคม ปจจยั สภาพ เขตความเจริญทางเศรษฐกิจของทวีปปรากฏ ภมู ศิ าสตรท่ีเปนอุปสรรคตอการ เป็นเพียงจุดเล็กๆ บนแผนทเ่ี ท่านนั้ ประชากร คมนาคมขนสง สนิ คา และวตั ถุดิบ รอ้ ยละ ๗๐ ยงั คงอาศยั อยู่ในหมบู่ ้านหรือเมอื ง ในทวปี และการทาํ เกษตรกรรม) ขนาดเล็ก หรือกลา่ วอกี นัยหนง่ึ ชาวแอฟรกิ นั ยังคงเป็นชาวชนบท ซ่ึงส่วนใหญ่ด�ารงชีพด้วย นกั เรียนควรรู การเพาะปลกู จากรายงานการพฒั นามนษุ ยข์ อง สหประชาชาติ ค.ศ. ๒๐๐๓ ประเทศทอ่ี ยใู่ นลา� ดบั การเพาะปลกู พ้ืนทบี่ างบรเิ วณ ที่ ๑๕๑-๑๗๕ ล้วนอยู่ในทวีปแอฟรกิ าทัง้ ส้นิ ทสี่ ามารถทําการเพาะปลกู ได เชน ส�าหรับมูลเหตุแห่งความล้าหลัง บรเิ วณที่มอี ากาศรอ นชื้นหรอื อบอุน การขุดเหมืองทองคำาที่เมืองโจฮันเนสเบิร์กในแอฟริกาใต้ ทางเศรษฐกิจของทวีปแอฟริกาสามารถสรุปได้ โดยพชื ผลเศรษฐกิจของบริเวณท่มี ี ซ่ึงเป็นแหลง่ ผลิตแร่ทองคำาท่ีสาำ คัญของโลก ดงั น้ี อากาศรอ นชนื้ ไดแ ก โกโก (ประเทศกานาเปน ผูส งออกเมล็ด ๒.๑) การตกอยู่ภายใต้การชี้นําทางเศรษฐกิจของประเทศตะวันตกที่เข้ามาต้ัง โกโกร ายใหญสุดของโลก) กาแฟ อาณานคิ ม เมื่อไดร้ บั เอกราชใหม่ๆ เศรษฐกจิ ของประเทศตา่ งๆ มักขน้ึ อย่กู บั การสง่ ออกผลติ ผล เผือก มัน ออ ย ถั่วลสิ ง ปาลม น้าํ มนั ทางการเกษตรหรือแร่ธาตุเพียงชนิดเดียว การพ่ึงพิงการผลิตสินค้าประเภทเดียวจะถูกกระทบ และยางพารา บรเิ วณลมุ แมนา้ํ ไนล อย่างรนุ แรงจากอตั ราการขึ้นลงของราคาในตลาดโลก ประเทศต่างๆ ในปัจจบุ ันจึงพยายามขยาย มผี ลผลติ ไดแก ฝาย ชา อินทผลมั ประเภทของสนิ ค้าและกระจายสนิ ค้าสวู่ งกว้าง ไม่ใหต้ ลาดทีร่ องรบั มีเพยี งผ้ซู อื้ ไม่ก่ีราย และขา วฟาง บริเวณท่มี ีภมู อิ ากาศ ๒.๒) ความลําบากในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและการคมนาคม แบบเมดเิ ตอรเรเนียนมีผลผลิต ไดแ ก ขนส่งสนิ ค้าและวตั ถุดิบในทวีป เพราะมอี ุปสรรคทเ่ี กดิ จากสภาพภูมศิ าสตร์ โดยเฉพาะจากแมน่ �า้ สม องนุ มะกอก และขาวสาลี สายหลัก ๔ สาย ไดแ้ ก่ แม่นา�้ ไนล์ แม่นา�้ คองโก แม่นา้� ไนเจอร์ และแมน่ ้า� แซมบีซี แม่น�้าทั้ง และเขตอบอุน มกี ารปลูกขา วสาลี ๔ สายมีก�าเนิดมาจากบริเวณที่สูงตอนกลางของทวีป บางตอนไหลผ่านท่ีสูงชันเป็นหน้าผาหรือ ขา วโพด และผลไม เกาะแก่ง นา้� จะไหลเชี่ยวมาก ทา� ใหไ้ ม่สามารถเดินเรือได้ตลอด พืน้ ทท่ี ีเ่ ปน็ ทะเลทราย ป่าร้อนชนื้ น�้าตก และท่ีราบสูง ก็ท�าให้ยากต่อการตัดเส้นทางรถไฟผ่านทวีป บริการรถไฟจึงมักเป็นเพียง สายส้นั ๆ เช่ือมเขตไร่ขนาดใหญ่หรือเขตเหมอื งแร่กับเมอื งทา่ รมิ ฝ่ังทะเล นอกจากนี้ การเกิดกรณี พพิ าทระหว่างประเทศหรือกลุม่ ชนกก็ ระทบกระเทอื นการเชื่อมตอ่ ดนิ แดนต่างๆ ดว้ ย 15๒ 152 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สํารวจคนหา นกั เรียนไปสืบคน เก่ยี วกับชนเผา ตา งๆ ของทวปี แอฟรกิ าเพิม่ เติมจาก ๒.๓) การทําเกษตรกรรมไม่ได้ผลดี นอกจากเพราะขาดแคลนเทคโนโลยีแล้วยัง หนงั สือเรยี น เนื่องมาจากพ้ืนที่ส่วนใหญ่ของประเทศแห้งแล้ง บริเวณท่ีเพาะปลูกอยู่ในเขตฝนตกน้อยและ อากาศร้อน การระเหยของน�้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว การเกษตรที่ได้ผลดีจะอยู่ในเขตท่ีชาวยุโรป เข้าไปบุกเบิกด้วยการท�าไร่ขนาดใหญ่ มีเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ในเคนยามีการท�าไร่กาแฟ อธบิ ายความรู ขนาดใหญ่ ไนจเี รียทา� ไรป่ าลม์ น้า� มัน เปน็ ตน้ ครูตั้งคําถามวา ประชากรของ บางประเทศพยายามหารายได้โดยการน�าจุดเด่นของทวีปมาใช้ประโยชน์ เช่น ทวปี แอฟริกาประกอบดวยพวกใด การก�าหนดเขตอทุ ยานสัตว์ปา่ และใหน้ กั ท่องเท่ยี วเขา้ ชมสัตว์ในสภาพธรรมชาติ เช่น ในประเทศ บาง (แนวตอบ ประชากรของทวีป แอฟริกาใต้ ซมิ บับเว แคเมอรนู เคนยา แทนซาเนีย บูร์กนิ าฟาโซ เป็นต้น อยา่ งไรก็ดี การที่ แอฟริกาประกอบดวย 2 กลมุ คือ ประชากรแอฟริกันเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว ท�าให้พลเมืองบางส่วนโดยเฉพาะชาวไร่และผู้เล้ียงสัตว์ พวกแอฟรกิ ันผวิ ดํา เปน ชนพื้นเมอื ง ไม่เหน็ ดว้ ยกบั การใช้ที่ดินในลกั ษณะน้ีโดยเฉพาะที่เคนยา รัฐบาลจึงต้องแกป้ ญั หาโดยน�าเงินที่ได้ ด้ังเดิม มีจาํ นวนมากและดํารงชีพ จากอตุ สาหกรรมการท่องเที่ยวมาจา่ ยให้แก่ชาวบา้ นทด่ี �ารงชพี อยู่ใกลๆ้ เขตอทุ ยาน ดว ยการเพาะปลกู กบั พวกคอเคเซยี น ซ่ึงมีทัง้ ชนพ้นื เมอื งด้งั เดมิ เชน ๓) พฒั นาการด้านสังคมและศลิ ปวัฒนธรรม พลเมอื งในทวีปแอฟริกาแบ่งออก พวกเบอรเบอร พวกอาหรับ กับพวก ทอ่ี พยพมาจากทวปี ยโุ รปและอเมริกา เปน็ ๒ กลุ่มใหญ่ คอื พวกแอฟรกิ นั ผวิ ด�าและพวกคอเคเซียน พวกแรกจะมจี �านวนมากกว่าและ โดยจะไปตง้ั ถิน่ ฐานทางตอนใต ด�ารงชีพอยู่ทั่วไป ส่วนทางเหนือมักจะเป็นพวกเช้ือสายคอเคเซียน ซึ่งเป็นพวกอาหรับผสมกับ โดยเฉพาะในสาธารณรัฐแอฟริกาใต ชนพน้ื เมือง เชน่ พวกเบอรเ์ บอร์ (Berbers) ชาวแอฟริกันเขตนี้จะมคี วามสมั พันธ์ด้านวัฒนธรรม และเชอื้ ชาตกิ บั กลมุ่ ชาวอาหรบั ในตะวนั ออกกลาง ในแอฟรกิ าตะวนั ออกกม็ กี ารผสมผสานระหวา่ ง ชาวอาหรับกบั ชนพนื้ เมอื งเผา่ บนั ตู (Bantu) ก่อให้เกิดวฒั นธรรมเฉพาะ ที่เรียกวา่ แบบ สวาฮิลี ไดแ ก พวกท่มี ีเชอ้ื สายดตั ชและ นอกจากนี้ ยังมีพวกคอเคเซียนจากยุโรปเข้า อังกฤษ) ไปต้ังถ่ินฐานจ�านวนมากทางภาคใต้โดยเฉพาะ ในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ได้แก่ พวกที่มี เชือ้ สายดตั ช์ และอังกฤษ ส่วนพวกแอฟริกันผิวด�าซึ่งเป็น พวกทุตซี เป็นพวกแอฟริกันผิวดำากลุ่มหน่ึงซ่ึงอาศัยอยู่ใน NET ขอ สอบ ป 51 ทวปี แอฟรกิ า ชนสว่ นใหญข่ องทวปี แบง่ เปน็ กลมุ่ ยอ่ ยไดห้ ลาย ขอ สอบถามวา เหตใุ ดประเทศ กลุม่ เชน่ พวกทุตซี (Tutsi) ในแอฟริกากลาง ตา งๆ ในทวีปแอฟริกาจงึ ยงั คงรักษา คอ่ นไปทางตะวนั ออก จะมีรปู รา่ งสูง พวกปกิ มี วัฒนธรรมประเพณดี ้งั เดมิ ของตนไว (Pygmies) อาศัยอยู่เขตร้อนชื้นแถบศูนย์สูตร ไดมาก เปน็ พวกทมี่ รี ปู รา่ งเลก็ พวกบชุ เมน(Bushmen) พวกฮอตเทนทอต (Hottentot) อาศัยอยู่ทาง 1. เปนทวีปทข่ี าดแคลน ตอนใต้ เป็นต้น นักมานุษยวิทยาคาดว่าพวก ทรัพยากรธรรมชาติ แอฟรกิ นั ผวิ ดา� มีมากกวา่ ๓,๐๐๐ กลุ่ม จงึ ไมถ กู ยึดครอง 2. ไมม นี โยบายกีดกันผวิ ใน ทกุ ประเทศ 3. ระบบชนเผามีความเขม แขง็ 15๓ เปน อันหนึ่งอนั เดยี วกัน 4. ชาวผวิ ขาวไมไดเ ขา ไป ต้งั ถิน่ ฐานถาวรในทวปี (วิเคราะหคาํ ตอบ คาํ ตอบ คือ ขอ 3 เนือ่ งจากประชากร เกร็ดแนะครู อยรู วมกันเปน ชมุ ชนขนาดเล็ก และมหี ัวหนา เผาปกครอง ไมน ิยมติดตอกับชนกลุม อืน่ ประกอบกบั พ้นื ท่ีของทวปี ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ วา การมีประชากรหลายเชอ้ื ชาตหิ ลายกลมุ ทําใหเ กดิ กวางใหญ การตดิ ตอระหวางเผา จงึ ยากลําบาก ดังนัน้ จึง ความขดั แยง จนนาํ ไปสกู ารฆาลางเผาพนั ธุ และควรแนะนาํ ใหน ักเรียนไปดู ทําใหแตละชนเผา ยงั คงรกั ษาวัฒนธรรมของตนเองไวได) ภาพยนตรเร่อื ง Hotel Rwanda ซง่ึ เปนความขัดแยง ระหวา งเผา ฮตู กู ับเผา ทตุ ซี สง ผลใหมผี ูคนลมตายจาํ นวนมากนบั ลา นคน คูม อื ครู 153

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand สํารวจคน หา (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) ครใู หนกั เรียนไปสืบคน เก่ียวกบั ภาษาท่ีใชพ้ ดู ในแอฟรกิ ามีมากกว่า ๑,๐๐๐ ภาษา เช่น ทางเหนือพดู ภาษาอารบกิ การรวมกลุมของประเทศตา งๆ ทางตะวนั ตกพดู ภาษาโยรบู า (Yoruba) ทางตะวนั ออกพดู ภาษากสิ วาฮลิ ี(Kiswahili) ใตเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร ในทวีปแอฟรกิ าเพิ่มเตมิ จากหนงั สือ พดู ภาษาทรี่ วมเรยี กวา่ ภาษาบนั ต ู (Bantu) เปน็ ตน้ ปญั หาของการใชภ้ าษาแตกตา่ งกนั ทา� ใหห้ ลาย เรียน แลว นํามาอภปิ รายรวมกันวา ประเทศภายหลงั ได้รบั เอกราชยงั คงใช้ภาษาอังกฤษและภาษาฝร่งั เศสเป็นภาษาราชการ มีอทิ ธพิ ลตอ โลกอยางไร ส่วนทางด้านศาสนานั้น ชาวแอฟริกันนับถือท้ังคริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม และ ความเชอื่ ดงั้ เดมิ ในทอ้ งถนิ่ ซงึ่ เชอ่ื ในวญิ ญาณ (Animism) ครสิ ตศ์ าสนาเขา้ มาเผยแผป่ ระมาณครสิ ต-์ อธิบายความรู ศตวรรษตน้ ๆ ในอยี ปิ ตแ์ ละเอธโิ อเปยี และเขา้ มารนุ่ หลงั โดยมชิ ชนั นารที งั้ คาทอลกิ และโปรเตสแตนต ์ ส่วนศาสนาอิสลามมีผู้นับถือมากกว่าร้อยละ ๒๕ ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนี (Sunni) ครใู หน กั เรยี นยกตัวอยางอทิ ธิพล โดยอยู่ในอยี ปิ ต ์ ไนจเี รีย แอลจีเรยี ซูดาน และโมรอ็ กโก ของทวปี แอฟริกาทม่ี ตี อสังคมโลก ๔.๓ อิทธพิ ลของทวีปแอฟริกาตอ่ สงั คมโลก (แนวตอบ เชน ปญ หาการแพร ระบาดของโรคเอดส โรคมาลาเรีย แอฟริกาเป็นภูมิภาคท่ีประชากรหลายล้านคนขาดแคลนท้ังอาหารและสุขอนามัยต่างๆ การขาดแคลนอาหารและสุขอนามัย เพราะระดบั การพัฒนาล้าหลงั ทีส่ ุดในโลก ขณะทอี่ ตั ราการเกดิ เพมิ่ ขึน้ อยา่ งรวดเร็วในช่วง ๕๐ ปี ตา งๆ การรวมกลุม ทางเศรษฐกจิ ทผ่ี ่านมาจนประชากรเพ่มิ จาก ๒๒๑ ลา้ นคนใน ค.ศ. ๑๙๕๐ เป็น ๑,๒๐๐ ล้านคนใน ค.ศ. ๒๐๑๕ เพื่อเสริมสรา งความสามารถทางการ นอกจากนี้ ยังเป็นดินแดนท่ีมีปัญหารุนแรงเร่ืองการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ (AIDS) และ แขงขันทางการคา เชน ประชาคม โรคมาลาเรีย รวมถึงปัญหาทางด้านนิเวศวิทยาที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมของโลก เช่น เศรษฐกิจแอฟริกา สหภาพแอฟริกา การขยายตัวของพื้นที่ทะเลทราย การท่ีป่าถูกท�าลายกว่า ๔ ล้านเฮกตาร์ต่อปี และเขตทุ่งหญ้า ประชาคมแอฟรกิ าตะวนั ออก เลยี้ งสตั วเ์ สอ่ื มโทรมถงึ กวา่ รอ้ ยละ ๓๐ นอกจากน ้ี ยงั มปี ญั หาความขดั แยง้ ภายในของหลายประเทศ เปน ตน) อยา่ งไรกด็ ี หลายประเทศสนใจเขา้ ไปลงทนุ ในแอฟรกิ าเพราะยงั มที รพั ยากรธรรมชาตจิ า� นวน มหาศาลและแรงงานราคาถกู เชน่ ใน ค.ศ. ๒๐๐๗ จนี ลงทุนในแอฟริกามลู คา่ รวม ๑,๐๐๐ ล้าน ตรวจสอบผล ดอลลาร์สหรัฐ แต่ความไม่เป็นประชาธิปไตยและขาดความโปร่งใสของผู้ปกครองก็อาจท�าให้ รายได้ของประเทศไมก่ ระจายทัว่ ถงึ ซ่ึงเปน็ สาเหตหุ นึง่ ของสงครามกลางเมอื งในแอฟรกิ า 1. ตรวจเสน เวลา (Timeline) เก่ยี วกบั บรรดาประเทศในทวีปแอฟริกาได้แสดงความพยายามที่จะท�าให้ทวีปของตนมีเสถียรภาพ อาณาจกั รโบราณในทวีปแอฟรกิ า ท้ังทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยได้ด�าเนินการตามแนวทางของสหภาพยุโรปด้วยการจัดต้ัง สหภาพแอฟรกิ า (African Union : AU) ขน้ึ ใน ค.ศ. ๒๐๐๒ โดยวางแผนวา่ จะสามารถจดั ตง้ั ประชาคม 2. การจัดปา ยนิเทศของนักเรยี น เศรษฐกิจแอฟริกา (African Economic Community : AEC) ที่ใช้เงินสกุลเดียวกันภายใน 3. การมสี วนรวมในการอภิปราย ค.ศ. ๒๐๒๓ ปัจจุบันสหภาพแอฟริกามีบทบาทในระดับหน่ึงในการแก้ไขปัญหาของทวีป แต่ เพราะขาดแคลนเงินทุน บุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ จึงมักจะท�าหน้าที่ประสานขอความช่วยเหลือ ในช้ันเรียน ไปยังองคก์ ารระหว่างประเทศอื่นๆ ต่อไป ดังในกรณีการส่งกองกา� ลังรักษาความสงบ ๗,๐๐๐ คน 4. การตอบคําถามของนักเรียน จากรวนั ดาและไนจเี รยี เขา้ ไปดารฟ์ รู ์ใน ค.ศ. ๒๐๐๕ แตก่ ต็ อ้ งถอนกา� ลงั ในปตี อ่ มาเมอื่ ทนุ หมดและ สง่ ตอ่ ภารกจิ ใหส้ หประชาชาต ิ ซง่ึ ไดจ้ ดั ตง้ั กองกา� ลงั เขา้ ไปรกั ษาความสงบโดยมที หารไทยรว่ มดว้ ย นักเรียนควรรู 15๔ ภาษาองั กฤษ ประเทศท่ใี ชภาษา อังกฤษเปน ภาษาราชการ เชน กานา แกมเบยี บอตสวานา เคนยา เลโซโท ไลบีเรยี มาลาวี มอรเิ ชียส นามเิ บยี ไนจีเรีย เซียรราลโี อน สวาซแิ ลนด เซเชลส เปนตน นกั เรยี นควรรู ภาษาฝรั่งเศส ประเทศทใ่ี ชภาษาฝรั่งเศสเปนภาษาราชการ เชน เบนิน จิบตู ี ชาด คอโมโรส คองโก โกตดวิ ัวร กาบอง กนิ ี ไนเจอร เซเนกลั รวนั ดา มาลี มาดากัสการ บรู ก ินาฟาโซ เปน ตน 154 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๕. ทวปี ออสเตรเลียและโอเชียเนีย กระตนุ ความสนใจ ทวปี ออสเตรเลียและโอเชยี เนยี (Australia and Oceania) เป็นดินแดนท่อี ยู่ทางซกี โลกใต้สดุ ครนู ําภาพจิงโจ ชาวเผา เมารี จึงมชี อื่ เรยี กว่า ดินแดนเบอื้ งต�่ำ (Land Down Under) และ ดนิ แดนแหง่ สดุ ทำ้ ยของโลก (Last Place ชาวอะบอริจนิ ิส โรงละครโอเปรา in Earth) มีพื้นท่ีรวมกนั ทง้ั ส้ินประมาณ ๘.๕ ล้านตารางกโิ ลเมตร ประกอบดว้ ย ประเทศออสเตรเลยี เปนตน มาใหนกั เรียนดู แลว ตง้ั และนิวซีแลนด์เป็นส�าคัญ และประเทศท่ีเป็นเกาะและกลุ่มเกาะขนาดเล็กอีก ๑๒ ประเทศ เช่น ประเดน็ คาํ ถามวา ปาปัวนิวกิน ี หม่เู กาะโซโลมอน ฟจี ี ตองกา รวมท้งั ประเทศที่มขี นาดเล็ก ได้แก่ ตูวาล ู และนาอรู ู ซ่ึงมีเน้ือท่ีเพียง ๒๖ ตารางกิโลเมตร และ ๒๑ ตารางกิโลเมตรตามล�าดับ ทวีปออสเตรเลียและ • นกั เรียนรจู ักภาพเหลานห้ี รอื ไม โอเชียเนียตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกและอยู่ทางทิศตะวันออกของภูมิภาคเอเชีย เปนภาพอะไร ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ระหวา่ งเสน้ ละตจิ ดู ท่ี ๒๑ องศาเหนอื - ๖๐ องศาใต ้ และเสน้ ลองจจิ ดู ท่ี ๑๒๐ องศา ตะวันตก - ๑๑๐ องศาตะวนั ออก มขี นาดใกลเ้ คยี งกบั ประเทศสหรฐั อเมริกา จึงเปน็ ทวปี ที่มีขนาดเล็ก • ภาพดังกลาวมคี วามสมั พนั ธกบั ท่ีสดุ ในโลก ประเทศใด ในเรือ่ งใด ประเทศออสเตรเลียมีพื้นที่มากกว่าร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่ทวีป โดยออสเตรเลียเป็นเพียง สาํ รวจคน หา ประเทศเดียวท่ีต้ังอยู่บนภาคพ้ืนท่ีเป็นเกาะท่ีใหญ่ที่สุด และไม่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศใดๆ เป็น “ทวปี ที่เป็นประเทศและเปน็ ประเทศทเี่ ปน็ ทวีป” (A continent for a nation, a nation for ครแู บง นักเรยี นออกเปนกลุม a continent) มปี ระชากรประมาณ ๒๕ ล้านคน สว่ นดนิ แดนอ่นื ๆ ในโอเชยี เนยี รวมท้ังนวิ ซีแลนด์ กลมุ ละ 8 คน ใหส มาชกิ ในกลมุ มปี ระชากรรวมกนั ประมาณ ๑๕ ลา้ นคน ซง่ึ มปี ระชากรอาศยั อยนู่ อ้ ยกวา่ มาก ดงั นนั้ ในการอธบิ าย คละกัน จากน้นั แตล ะกลมุ จบั คกู ัน ถึงความส�าคัญของทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียท้ังในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการ เปน 4 คู เพื่อศึกษาความรเู ก่ียวกบั การสรา้ งสรรค์ในดา้ นตา่ งๆ จะขอกล่าวถงึ ประเทศออสเตรเลยี เป็นส�าคัญเทา่ นน้ั ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชยี เนีย เพม่ิ เตมิ จากหนังสือเรียน ดังน้ี ๕.๑ ท่ตี งั้ และสภาพภมู ศิ าสตรท์ ม่ี ีผลตอ่ พัฒนาการของทวีป คูที่ 1 ศึกษาเรอ่ื งท่ีตงั้ และ ประเทศออสเตรเลียมีพื้นท่ที ง้ั สิ้น ๗,๖๙๒,๐๒๔ ตารางกโิ ลเมตร แตเ่ ป็นแผน่ ดินในภาคพ้นื สภาพภูมิศาสตรที่มีผล ทวปี ๗,๖๕๙,๘๖๑ ตารางกโิ ลเมตร ทเี่ หลือเปน็ เกาะขนาดเล็กโดยมเี กาะแทสเมเนยี (Tasmania) ตอพัฒนาการของทวปี เปน็ เกาะขนาดใหญท่ ี่สดุ ลกั ษณะภมู ิประเทศโดยท่วั ไปร้อยละ ๖๕ เป็นที่ราบสงู (plateau) และตง้ั ออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี อยทู่ างทิศตะวันตก พน้ื ทส่ี ว่ นใหญเ่ ปน็ ทะเลทรายแห้งแลง้ และทรุ กันดาร มพี ืน้ ท่ีทีเ่ ปน็ นา�้ เพยี งแค่ รอ้ ยละ ๑ ของพื้นท่ีทงั้ หมด ชาวออสเตรเลยี เรยี กดนิ แดนทแ่ี หง้ แล้งและทุรกนั ดารนีว้ ่า เอาต์แบค คทู ี่ 2 ศึกษาเรื่องพัฒนาการ (Outback) ดา นการเมอื งการปกครอง ประชากรออสเตรเลียส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกหลังแนวเทือกเขา เกรตดไิ วดงิ (Great Dividing Range) ซึ่งแบง่ แยกชายฝง่ั ตะวนั ออกกับเขตเอาต์แบค มแี มน่ า้� สาย คูท ่ี 3 ศกึ ษาเรอ่ื งพัฒนาการ ส�าคญั ๆ อยทู่ างภูมภิ าคตะวันออก ไดแ้ ก ่ แมน่ �า้ ดาร์ลงิ (Darling) และแม่นา�้ เมอร์รีย์ (Murray) ดา นเศรษฐกิจ ส่วนตอนกลางของประเทศ ทเี่ รยี กว่า เขต Central Lowland เปน็ เขตแห้งแลง้ ที่สดุ แมน่ �้าลา� ธาร ต่างๆ อาจแหง้ สนิทเปน็ เวลาหลายปี มเี ขตเพาะปลูกรวมกนั เพยี งร้อยละ ๗ ของพน้ื ท่ที ั้งประเทศ คทู ี่ 4 ศกึ ษาเรอื่ งพัฒนาการดาน สังคมและศิลปวฒั นธรรม ๑๕๕ อธิบายความรู นกั เรยี นคทู ี่ 1 นาํ ขอ มลู ที่ศึกษา แลวมาเลา ใหเพอ่ื นในกลมุ ฟง และ เปดโอกาสใหเพ่อื นซักถาม เมือ่ ทุกคนเขาใจดีแลว ใหน ักเรยี น แตละกลมุ สงตวั แทนมานาํ เสนอ หนาชั้นเรยี น คมู อื ครู 155

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore ไ Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นกั เรียน 20%) ครูซักถามนักเรียนวา นกั เรียน àÊÃÔÁÊÒÃÐ ชาวÍะºÍริ¨ิ¹ิÊ : ทราบประวัติความเปน มาของชาว อะบอรจิ นิ สิ หรอื ไม จากนนั้ ใหน กั เรยี น ศกึ ษาเกย่ี วกบั ชาวอะบอรจิ ินสิ จาก ª¹¾é×¹àÁ×ͧ¢Í§ÍÍสàµรàÅÕ หนงั สอื เรยี น หนา 156 โดยใหน กั เรยี น รว มกันสรุปสาระสําคัญ ชาวอะบอร¨ิ นิ ิส (Aborigines) อพยพยา้ ย¶ิ่นมา¨าก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเ©ียงใต้ โดยพายเรือลัดเลาะ ขยายความเขา ใจ เกาะแก่งต่างæ ท่ีมีแนวติดต่อกัน เมื่อพ้ืนผิวโลกเกิดการ ละลายของหิมะและน้ำาแขçงในข้ัวโลกเหนือและขั้วโลกใต้ นักเรยี นจดั ทําแผนพับเกยี่ วกบั ซ่ึงทำาให้ระดับน้ำาทะเลสูงข้ึน ชาวอะบอริ¨ินิสที่เข้าไปต้ัง วถิ ชี ีวติ ของชาวอะบอริจนิ สิ พรอ ม ¶ิน่ °านในออสเตรเลยี ¨ึง¶กู ตดั ขาดออก¨ากส่วนต่างæ ของ ตดิ รปู ภาพประกอบใหส วยงาม โลก นับว่าเปน็ ชนพืน้ เมอื งท่ียังคงดำารงชวี ิตอยา่ งดั้งเดิมและ มวี ²ั นธรรมประเพณแี ละความเชอื่ ที่เกา่ แก่ที่สดุ ในโลก ในอดีตชาวอะบอร¨ิ นิ สิ มมี ากกว่า õðð เผ่า มี¨าำ นวน รวมกนั ระหวา่ ง ๓ðð,ððð - öðð,ððð คน และตา่ งมคี วามเชอ่ื เกร็ดแนะครู รว่ มกนั ในตาำ นานเรอ่ื ง ¡ÒÅàÇÅÒá˧‹ ¤ÇÒÁ½¹˜ (Dreamtime Stories) ทอ่ี ธบิ าย¶งึ การสรา้ งโลกและเรอ่ื งราวของบรรพบรุ ษุ ชาวอะบอร¨ิ นิ สิ เปน็ ชนพน้ื เมอื งดงั้ เดมิ ทอ่ี าÈยั อยใู่ นประเทÈ ครใู หนกั เรียนทาํ การประดษิ ฐ ทเ่ี ลา่ ขานสบื ทอดตอ่ กนั มา (ชาวอะบอร¨ิ นิ สิ ไมม่ ภี าษาเขยี น) ออสเตรเลีย มบี ูมเมอแรงเป็นเคร่อื งมอื ในการลา่ สัตว์ เคร่อื งมอื ลา สตั วร ะยะไกลหรอื ทง้ั ยังสอนใหพ้ วกเขาใชช้ วี ิตแบบกึ่งพเน¨รล่าสตั ว ์ ไม่ตั้ง¶่นิ °านหรอื ทาำ การเพาะปลูก บมู เมอแรง ดว ยกระดาษลงั แข็ง ชาวอะบอริ¨ินิสรู้¨ักปรับเปล่ียนวิ¶ีชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอันทารุณและธรรมชาติอันหลากหลายของ หรอื วสั ดอุ ืน่ ๆ พรอมท้ังตกแตง ออสเตรเลยี ชายสงู อายุ¨ะสมรสกับหญิงสาว (โดยนัยนี้เท่ากับเปน็ การคุมกำาเนดิ ซึง่ เหมาะกับสภาพทุรกันดาร ลวดลายใหส วยงาม แลว ทดลอง ของประเทÈ) เครอ่ื งมอื ลา่ สตั วท์ สี่ าำ คญั คอื บมู เมอแรง (boomerang) เมอื่ ชาวองั กÄษเขา้ มายดึ ครองออสเตรเลยี ขวา งบมู เมอแรง (บูมเมอแรงเม่ือ ชาวอะบอริ¨ินิสซึ่งมีวั²นธรรมและอาวุธท่ีด้อยกว่า¨ึงต้องสูญเสียดินแดนที่บรรพบุรุษของตนครอบครองให้กับ ขวา งแลว จะยอนกลับมาหาผูขวาง) อังกÄษ แมช้ าวดตั ช¨์ ะคน้ พบออสเตรเลยี ตงั้ แตต่ น้ ครสิ ตÈ์ ตวรรษท ี่ ๑÷ และตอ่ มากมç ผี คู้ นเขยี นบรรยาย¶งึ ภมู ปิ ระเทÈ และผคู้ นทอ่ี าÈัยอย่ ู แตภ่ าพลักษณท์ ่ีเปน็ ดนิ แดนของคนปา่ เ¶ื่อนและมสี ตั ว์ประหลาดนานาชนดิ ทาำ ใหไ้ ม่มยี ุโรป ชาติใดต้องการยดึ ครองออสเตรเลียเป็นอาณานคิ ม ใน ค.È. ๑÷öø อังกÄษได้สง่ กปั ตันเ¨มส ์ คุก (James Cook) ใหเ้ ดินทางไปยงั เกาะตาÎตี ี (Tahiti) และ นักเรียนควรรู ทะเลใต ้ เพ่ือÈกึ ษาปราก¯การณ์ทางดาราÈาสตร ์ กัปตันคุกได¶้ อื โอกาสเดินทางไป¨น¶ึงบริเวณชาย½ง˜› ทะเลด้าน ทิÈตะวันออกของออสเตรเลียและรายงาน¶งึ ความอุดมสมบรู ณ์ ดงั นน้ั ในทÈวรรษตอ่ มา อังกÄษซง่ึ แต่เดิมเคย บูมเมอแรง เซอรโจเซฟ แวง็ ส ส่งนักโทษไปยังอาณานิคมอเมริกา แต่ไม่อา¨กระทำาได้อีกเพราะอาณานิคมอเมริกาได้ประกาÈอิสรภาพ ¨ึงส่ง นกั ธรรมชาตนิ ยิ มชาวองั กฤษ กองเรอื หมแู่ รกโดยการนาำ ของกปั ตนั อาเทอร ์ ¿ลิ ลปิ (Arthur Phillip) ไปยงั ออสเตรเลยี และได¨้ ดั ตง้ั นคิ มนกั โทษ ไดร ว มเดนิ ทางไปกบั คณะสาํ รวจ ขึ้นในวนั ท่ ี ๒ö มกราคม ค.È. ๑÷øø ป¨˜ ¨บุ ันชาวออสเตรเลีย¶อื ว่าวนั ที่ ๒ö มกราคมเปน็ วนั ชาติ โดยไมส่ นใ¨ ของกัปตนั คุกซึ่งขึ้นบกที่ออสเตรเลยี การต่อต้านของชาวอะบอริ¨ินิสแม้แต่น้อย ท้ังรั°บาลอังกÄษกçป¯ิเสธท่ี¨ะยอมรับว่าชาวอะบอริ¨ินิสเป็นชนเผ่า ทางฝงตะวันออก เปน ชนผวิ ขาว พ้ืนเมืองท่ีเป็นเ¨้าของดินแดนมานับหมื่นæ ป‚ ต่อมาภายหลังมีการรวมอาณานิคมต่างæ เข้าเป็นประเทÈใน คนแรกทเี่ ขยี นพรรณนาถงึ บมู เมอแรง ค.È. ๑ùð๑ ร°ั บาลออสเตรเลียกçไมใ่ หส้ ทิ ธพิ ลเมอื งแก่ชาวอะบอร¨ิ นิ สิ ¨น¶ึงกลางทÈวรรษ ๑ùöð ของชาวอะบอริจินสิ ในออสเตรเลีย โดยบูมเมอแรงของชาวอะบอรจิ นิ ิส เมือ่ ขวางไปแลวจะวกกลับมาหา 156 ผูขวางได สําหรบั สถติ กิ ารขวาง บมู เมอแรงไดไ กลที่สุดอยางเปน ทางการนน้ั เปนของนักขวา งชาวอเมรกิ นั ชื่อ จิม ยงั บลัด แหงรฐั แมรีแลนดใน ค.ศ. 1989 โดยเขาขวา งบมู เมอแรง เปนระยะทางทัง้ ไปและวกกลับ รวมทงั้ สนิ้ 134 เมตร 156 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate แผนทท่ี วปี ออสเตรเลียและโอเชยี เนยี สํารวจคนหา มหาสมุทรแปซฟิ กิ ครูใหน กั เรียนเลน เกม โดยให นกั เรยี นดแู ผนที่ทวีปออสเตรเลยี หมู่เกาะนอรเ์ ทริ น์ มาเรียนา หมู่เกาะฮาวาย และโอเชียเนีย หนา 157 แลว ครู (สหรฐั อเมรกิ า) สุมชอ่ื ประเทศตา งๆ มหาสมทุ ร หมู่เกาะมารแ์ ชลล์ เทอื กเขา แมนาํ้ จากนน้ั ใหแตละ เกาะ กลุมคน หาและสงตัวแทนมาบอกวา ปาเลา ไมโครนีเซีย เกาะฮาวแลนด์ คริสตม์ าส อยตู รงสวนใด กลุมใดตอบไดถ กู ตอ ง (สหรฐั อเมรกิ า) มากทส่ี ดุ เปน ฝา ยชนะ เสร็จแลว ครู ปาปวั ปาปวั นวิ กินี หมู่เกาะไลน์นาอูรู คิรบิ าตีเกาะ มหามรเู่์เกคาซะัส และนกั เรยี นรว มกันสรปุ สาระสําคัญ หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู ซามวั แคโรไลน์ (ฝรง่ั เศส) เร่ืองที่ตั้งและสภาพภมู ศิ าสตรข อง ทะเลอาราฟูรา วานอู าตู หม่เู กาะคกุ ทวปี ออสเตรเลียและโอเชียเนยี (นิวซแี ลนด)์ อพห(าสติณมหแาู่เรกคจาารกั ชะ์นร) เทือกเขาเกรตดิไวดิง ฟจี ี ตองกา อธบิ ายความรู ออสเตรเลยี ครใู หค ทู ่ี 2 ทศี่ กึ ษาเรอื่ งพฒั นาการ ทางดา นการเมืองการปกครองของ มหาสมุทร ทะเลแทสมัน ินว ีซแลน ์ด ออสเตรเลยี มาเลาขอ มูลใหเพ่ือน อนิ เดีย ในกลุม ฟง และผลดั กนั ซักถาม แทสเมเนีย จนเขา ใจดีแลวจึงสงตวั แทนกลมุ มาอธิบายความรหู นา ชัน้ เรียน 5.๒ พฒั นาการและการสรา้ งสรรคด์ า้ นตา่ งๆ เกร็ดแนะครู ออสเตรเลียเป็นดินแดนในจินตทัศน์ของชาวตะวันตกต้ังแต่สมัยกรีกโบราณ และเป็นที่ รู้จกั กันว่า เทอร์รา ออสเตรลิส อนิ คอกนิตา หรือ แผ่นดนิ ตอนใต้ที่ไม่มีใครรจู้ กั ออสเตรเลยี เปน็ ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับ ทวีปสดุ ท้ายที่ชาวยุโรปค้นพบ โดยใน ค.ศ. ๑๖๐๖ วลิ เลม ยานซ์ (Willem Jansz) ชาวดัตช์และ โอเชียเนยี วา เปน หมูเ กาะใน ลูกเรือของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์เป็นคนขาวพวกแรกท่ีเห็นทวีปออสเตรเลีย มหาสมทุ รแปซิฟกตอนใต โดย ตอ่ มาชาวดัตช์ไดเ้ รยี กช่ือดนิ แดนทีต่ นค้นพบวา่ นวิ ฮอลแลนด์ แตก่ ็ไมไ่ ด้คดิ เข้าครอบครองเพราะ แบงพืน้ ทอ่ี อกเปน 3 สวน ไดแก ในสายตาของชาวดัตช์ ทวปี ออสเตรเลียเป็นดนิ แดนของคนปา่ เถ่อื น (ชาวอะบอริจินิส) ตอ่ มาเมื่อ องั กฤษสูญเสียอเมริกาใน ค.ศ. ๑๗๗๖ ซึง่ เคยเปน็ แหล่งระบายนักโทษ จงึ คิดทีจ่ ะยึดออสเตรเลยี 1. เมลานเี ซีย เปนคนผิวดาํ เปน็ แหลง่ ระบายนกั โทษแห่งใหม่ ผมหยกิ ปากหนา ตา และ จมกู โต มีวัฒนธรรมชนเผา หลังจากรัฐสภามีมติให้จัดตั้งนิคมนักโทษแล้ว รัฐบาลองั กฤษกจ็ ดั สง่ นกั โทษรนุ่ แรกจ�านวน อาศัยอยใู นปาปวนวิ กนิ ี ฟจ ี กว่า ๗๐๐ คน ซ่ึงมีท้ังผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กไปรับโทษในออสเตรเลียและกองเรือหมู่แรกได้ วานูอาตู หมูเ กาะโซโลมอน เดินทางถึงออสเตรเลียใน ค.ศ. ๑๗๘๘ โดยมีข้าหลวง ซึ่งเป็นนายทหารเรือเป็นผู้มีอ�านาจสูงสุด ในการดูแลนักโทษ 2. ไมโครนีเซีย เปนคนผิวสนี ้าํ ตาล เขม ใบหนากลม ผมเหยยี ดตรง 157 รูปรางสงู ใหญ นบั ถอื คริสต ศาสนา อาศัยอยูในไมโครนเี ซยี @ มมุ IT คริ ิบาตี นาอูรู ปาเลา หมูเ กาะ มารแ ชลล ศกึ ษาคนควาขอ มลู เพ่มิ เตมิ เก่ยี วกับประเทศออสเตรเลยี ไดที่ www.apecthai.org/apec/th/ prolfi e.php?continentid=5 ศนู ยศ กึ ษาความรว มมอื ระหวา งประเทศแหง มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร 3. โปลนิ ีเซีย เปนคนผวิ สนี า้ํ ตาล เขม ผมเหยียดตรง ใบหนาเรยี ว นับถอื คริสตศาสนา อาศยั อยใู น ซามวั ตองกา ตูวาลู คมู ือครู 157

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรียน 20%) • ชาตติ ะวนั ตกชาติใดท่คี นพบ ในระยะแรกอังกฤษไม่ได้ให้ความสนใจออสเตรเลียมากนัก บรรดาทหารที่ส่งมาประจ�าการ ทวีปออสเตรเลียเปนครัง้ แรก และดูแลนักโทษต่างก็แสวงหาประโยชน์ส่วนตัวและมอมเมานักโทษด้วยสุราหรือเหล้ารัม (rum) (แนวตอบ ชาวดตั ชคนพบเปน อีกทั้งยังใช้เหล้ารัมเป็นค่าจ้างแทนเงินตราท่ี ชาตแิ รก คือ วลิ เลม ยานซ และ ขาดแคลน ในตน้ ค.ศ. ๑๘๐๘ พวกทหารได้ก่อ ลูกเรอื ของบริษัทอนิ เดยี ตะวนั ออก กบฏเหลา้ รมั (RumRebellion) ตอ่ ขา้ หลวงและ ของเนเธอรแลนด โดยเห็น มอี า� นาจปกครองเปน็ เวลาเกือบ ๒ ปี ทวปี ออสเตรเลยี ทางชายฝง ต่อมารัฐบาลอังกฤษได้สง่ พนั ตรี แลกลัน ดานตะวันตกใน ค.ศ. 1606) แมกควารี (Lachlan Macquarie) นายทหารบก พร้อมทหารชุดใหม่มาปกครองออสเตรเลีย • เพราะเหตุใดหลงั การคนพบ แมกควารีเป็นข้าหลวงคนแรกของออสเตรเลีย ออสเตรเลีย ชาตยิ ุโรปจงึ ไมค อ ย ที่ได้วางนโยบายพัฒนาออสเตรเลียให้มีความ สนใจเขา ครอบครอง เจริญแบบตะวันตก โดยการใช้นักโทษซ่ึงมี (แนวตอบ เพราะในสายตาของ ความรู้ในการก่อสร้างเป็นผู้วางผังเมืองซิดนีย์ ชาวดตั ช ออสเตรเลียเปน ดนิ แดน ภาพวาดพันตรี แลกลัน แมกควารี ข้าหลวงคนแรก และปลกู สง่ิ กอ่ สรา้ งตา่ งๆ มกี ารจดั ทา� เงนิ เหรยี ญ ของคนปา เถอ่ื น และเตม็ ไปดวย ของออสเตรเลียที่ดำาเนินการพัฒนาออสเตรเลียให้มี ขึ้นใช้แทนเหล้ารัม ตั้งธนาคาร และส่งเสริม สัตวประหลาดนานาชนิด) ความเจรญิ กา้ วหนา้ แบบตะวนั ตก • อังกฤษเขามามีอิทธิพลใน การเกษตร อย่างไรก็ดี นโยบายด้านมนุษยธรรมของแมกควารีกลับท�าให้เขาถูกรัฐบาลอังกฤษ ออสเตรเลยี ไดอ ยางไร เพง่ เลง็ ใน ค.ศ. ๑๘๑๙ รัฐบาลองั กฤษจึงสง่ จอหน์ ทอมสั บิกก์ (John Thomas Bigge) มาเปน็ (แนวตอบ หลงั จากกปั ตันเจมส คกุ ผู้ตรวจราชการในออสเตรเลีย รายงานของบิกก์ท�าให้รัฐบาลอังกฤษเริ่มคิดจัดตั้งออสเตรเลียให้ ไดเดนิ ทางถงึ เกาะตาฮีตแี ละ เปน็ ดนิ แดนสา� หรบั การตง้ั ถน่ิ ฐานของเสรชี น โดยกอ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงพฒั นาการในดา้ นตา่ งๆ เดนิ ทางตอ ไปยังบริเวณชายฝง ดังตอ่ ไปนี้ ทะเลดานทศิ ตะวนั ออกของ ออสเตรเลยี และรายงานถึงความ ๑) พัฒนาการดา้ นการเมอื งการปกครอง นับแต่ ค.ศ. ๑๘๒๑ เปน็ ตน้ มา รัฐบาล อุดมสมบรู ณใหรฐั บาลองั กฤษ องั กฤษไดส้ ่งเสรมิ ใหเ้ สรีชนเดินทางมาตั้งหลกั แหลง่ ในออสเตรเลีย พวกอดตี นกั โทษหมดบทบาท ทราบ ดงั นั้น รัฐบาลอังกฤษจึง ในสังคม เกิดการขยายชุมชนและการจัดต้ังรัฐต่างๆ ขึ้นเป็นอิสระจากกันโดยแต่ละรัฐมีข้าหลวง สงนกั โทษมายังออสเตรเลยี ใน ปกครองเอง ขณะเดียวกันอ�านาจเด็ดขาดของข้าหลวงก็ถูกจ�ากัดลง และรัฐบาลอังกฤษก็ออก ค.ศ. 1788 และองั กฤษไดเขามา กฎหมายให้มีการจัดต้ังสภานิติบัญญัติ (Legislative Council) ข้ึนเป็นสภาท่ีปรึกษาแก่ข้าหลวง ยดึ ครองและใชแ รงงานนกั โทษ ต่อมาเม่ือมีการเรียกร้องรัฐบาลท่ีเป็นตัวแทนของประชาชนมากข้ึน รัฐสภาอังกฤษก็ได้ผ่าน ในการพัฒนาออสเตรเลยี ใหม ี ความเจรญิ แบบตะวันตก) พระราชบัญญัติ ค.ศ. ๑๘๔๒ ก�าหนดให้สภานิติบัญญัติในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประกอบด้วย สมาชิกจ�านวน ๓๖ คน โดย ๒๔ คนมาจากการเลือกต้ัง และอีก ๑๒ คนท่ีเหลือให้ข้าหลวง เป็นผู้แต่งตัง้ และให้ครึง่ หนงึ่ เป็นเจ้าหน้าทีข่ องรฐั 158 158 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ใน ค.ศ. ๑๘๕๑ ได้มีการค้นพบทองค�าในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย ท�าให้ สํารวจคนหา ชาวตะวันตกและชาติต่างๆ พากันอพยพหล่ังไหลเข้ามาเพ่ือเส่ียงโชคและด�าเนินธุรกิจ ผู้อพยพ ส่วนใหญเ่ ป็นชนชนั้ กลางทม่ี ีการศึกษาดี รวมท้งั พวกเรยี กร้องกฎบัตร (Chartist) ทเี่ คยเรียกร้อง นกั เรยี นสืบคน ขอ มลู เกย่ี วกบั มลรัฐ สิทธกิ ารเลือกตั้งแก่พลเมอื งชายทุกคนในองั กฤษ การลงคะแนนโดยวธิ ีลบั (secret ballot) การให้ ของประเทศออสเตรเลยี และประเทศ เงินเดือนแก่ผู้แทนราษฎร และอื่นๆ ออสเตรเลียจึงกลายเป็นเวทีเรียกร้องทางการเมือง จนเกิด ทเี่ ปน สมาชกิ ของเครอื จกั รภพองั กฤษ การจดั ต้งั ระบบสภานิตบิ ัญญตั ิสองสภา (bicameral legislature) และใน ค.ศ. ๑๘๕๖ รัฐวกิ ตอเรยี เพิ่มเตมิ โดยทาํ เปน รายงานสง ก็เป็นผู้น�าในการลงคะแนนโดยวิธีลับในการเลือกต้ังท่ัวไป นับว่าออสเตรเลียเป็นชาติแรกที่ใช้ ครูผูส อน วธิ ดี งั กลา่ ว ท�าให้เกิดคา� ศพั ท์ทางการเมอื งวา่ การลงคะแนนแบบออสเตรเลีย (Australian ballot) ขึน้ ซง่ึ หมายถึงการลงคะแนนโดยวธิ ลี ับ อธบิ ายความรู ต่อมาใน ค.ศ. ๑๘๕๗ รัฐวิกตอเรียก็ยกเลิกข้อก�าหนดการครองทรัพย์สินอันเป็น • ประเทศออสเตรเลียมีการปกครอง คุณสมบัติของผู้ลงคะแนนเสียงในสภาล่าง ส่วนรัฐนิวเซาท์เวลส์ก็ออกกฎหมายการปฏิรูปการ ในรูปแบบใด เลือกต้ัง ค.ศ. ๑๘๕๘ โดยให้สิทธิเลือกตั้งแก่ผู้ชายทุกคนท่ีเข้ามาอาศัยในรัฐเป็นเวลา ๖ เดือน (แนวตอบ ออสเตรเลยี มีการ ขนึ้ ไป การลงคะแนนโดยวธิ ลี บั และการยกเลกิ ขอ้ กา� หนดการครองทรพั ยส์ นิ แกผ่ ลู้ งสมคั รรบั เลอื กตงั้ ปกครองในรปู แบบสหพันธรฐั และการแบ่งเขตการเลือกตั้ง โดยวิธีดังกล่าวนี้จึงนับว่าออสเตรเลียมีพัฒนาการทางการเมืองที่ มีนายกรฐั มนตรีเปน หัวหนา กา้ วหน้ากวา่ องั กฤษท่เี ป็นประเทศแมแ่ ละประเทศตะวันตกอื่นๆ มาก รฐั เซาท์ออสเตรเลยี ยังเป็น คณะรัฐบาลและบริหารประเทศ ผนู้ า� ใหส้ ทิ ธกิ ารลงสมคั รเลอื กตงั้ และการลงคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ แกส่ ตรเี ปน็ รฐั แรกใน ค.ศ. ๑๘๙๔ และเปน ประเทศทเ่ี ปนสมาชิก นับเป็นดินแดนแห่งที่ ๒ ในจักรวรรดิอังกฤษรองจากนิวซีแลนด์ (ค.ศ. ๑๘๙๓) ที่ให้สิทธิทาง ของเครือจกั รภพท่ีมีองคป ระมุข การเมอื งแกส่ ตรี ของอังกฤษเปนผนู าํ ) ใน ค.ศ. ๑๙๐๑ รัฐต่างๆ ได้รวมตัวกันเป็นประเทศ เรียกว่า เครือรัฐออสเตรเลีย • ประเทศออสเตรเลยี มคี วาม (Commonwealth of Australia) จดั การปกครองในรปู แบบของสหพันธรัฐ (federation) ใช้ระบบ กา วหนาดา นการเมืองกวา ประเทศ สองสภาซึ่งสมาชิกต่างมาจากการเลือกต้ัง สมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้แทนของรัฐ ส่วนสมาชิกสภา ตะวันตกอนื่ ๆ อยางไร ผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนของพลเมืองท้ังประเทศ มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลและ (แนวตอบ ออสเตรเลียเปนชาติแรก ท�าหน้าที่ก�าหนดนโยบายและบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี ออสเตรเลียยังคงมีความสัมพันธ์ ทใี่ ชว ธิ ีการลงคะแนนโดยวธิ ีลับใน อนั เหนยี วแนน่ กบั องั กฤษโดยมฐี านะเปน็ อาณาจกั ร(dominion) ในจกั รวรรดอิ งั กฤษและเขา้ รว่ มรบ การเลือกต้งั จนทาํ ใหเ กิดคําศพั ท เปน็ ฝ่ายองั กฤษในสงครามโลกครั้งท่ี ๑ และสงครามโลกครัง้ ท่ี ๒ ปัจจุบนั ออสเตรเลียเปน็ ประเทศ ทางการเมอื งวา การลงคะแนน ท่เี ปน็ สมาชิกของเครอื จกั รภพ (Commonwealth of Nations) ทม่ี อี งค์ประมุขของอังกฤษเป็นผนู้ า� แบบออสเตรเลยี ) โดยสมเด็จพระราชินนี าถเอลิซาเบทท่ี ๒ ทรงแตง่ ตง้ั ผู้สา� เรจ็ ราชการเปน็ ผู้แทนพระองคป์ ระจา� ใน ออสเตรเลีย สว่ นพระองค์ทรงอยู่ในฐานะสมเด็จพระราชนิ ีนาถแหง่ ออสเตรเลยี นกั เรียนควรรู 159 เครือรัฐออสเตรเลยี ประกอบดว ย 6 รัฐ 2 เขตอิสระ ไดแก เวสเทิรนออสเตรเลีย เซาทอ อสเตรเลีย นวิ เซาทเ วลส ควีนสแลนด วกิ ตอเรยี แทสเมเนยี และนอรเทริ น เทรริทอรี กับแคพทิ อลเทรรทิ อรี @ มมุ IT ศึกษาคนควา ขอ มูลเพิม่ เตมิ เกย่ี วกับประเทศออสเตรเลียไดที่ www.local.moi.go.th/ document%207.pdf สํานกั งานคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว นทอ งถนิ่ คูมือครู 159

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%) ครใู หนักเรียนคูท ี่ 3 ทศ่ี ึกษา ๒) พัฒนาการดา้ นเศรษฐกิจ สามารถสรุปได้ ดงั น้ี เร่อื งพัฒนาการดา นเศรษฐกิจของ ออสเตรเลียอธิบายความรูใหเ พือ่ นๆ การปศุสตั ว ์ โดยทวั่ ไปดนิ แดนออสเตรเลยี เปน็ ทแ่ี หง้ แลง้ ในกลุมของตนฟง และเปดโอกาสให ท้ังยังขาดพืชเกษตรกรรมอีกด้วย แต่ออสเตรเลีย ซกั ถามจนเขา ใจกันทุกคน จากนัน้ ขนแกะจัดเป็นสินค้าส่งออกสำาคัญของออสเตรเลีย จึง ก็มีภูมิอากาศและทุ่งกว้างที่เหมาะแก่การเล้ียงสัตว์ ใหแ ตล ะกลมุ สงตัวแทนมาอธบิ าย ทาำ ใหก้ ารทาำ ฟารม์ ปศสุ ตั วข์ องออสเตรเลยี มกี ารขยายตวั โดยเฉพาะแกะ ในกลางทศวรรษที่ ๑๗๙๐ จอห์น ใหเ พ่อื นๆ ฟง หนาชั้นเรียน อย่างกวา้ งขวาง แมกอาเทอร์ (John Macarthur) ไดร้ เิ รม่ิ นา� แกะพนั ธ์ุ เมอริโน (merino) ที่ให้ขนแกะหนานุ่มมาทดลอง ขยายความเขาใจ เลย้ี งจนกลายเปน็ สตั วเ์ ศรษฐกจิ โดยในปลายทศวรรษ ๑๘๔๐ ได้เพ่ิมจ�านวนถึง ๑.๕ ล้านตัว ก่อให้เกิด นักเรียนไปสบื คน ขอ มลู เกีย่ วกับ การขยายพ้ืนที่ในการเลี้ยงแกะ (รวมทั้งวัว) และการ บทบาทของออสเตรเลยี ตอ เศรษฐกิจ ตั้งชุมชนใหม่ๆ ที่ส�าคัญ เช่น พอร์ตฟิลลิป (Port ของโลกในปจจบุ นั แลวนาํ มา Phillip) ต่อมาคือ รัฐวิกตอเรีย และดินแดนที่ลึก อภิปรายรว มกัน เข้าไปในทวีป ขนแกะกลายเป็นสินค้าส่งออกไปยัง อังกฤษท่ีส�าคัญ และท�าให้อุตสาหกรรมการทอผ้า นกั เรียนควรรู ขนสตั วข์ องอังกฤษขยายตัวอย่างตอ่ เน่อื ง ทีแ่ หงแลง ออสเตรเลยี ไดแกไข การเกษตร ปญหาเรื่องแหลงนํ้าทีจ่ ะใชใ นการ เลย้ี งสตั วและเพาะปลูกดว ยการขดุ ในช่วงทศวรรษที่ ๑๘๕๐ เศรษฐกิจของออสเตรเลียมกี ารขยายตวั อย่างรวดเรว็ ทองค�ากลายเปน็ บอ น้าํ บาดาล (Artesian Wells) สินคา้ ส่งออกที่ทา� รายไดส้ งู มาพัฒนาประเทศ แต่ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๘๖๐ - ๑๘๗๐ เมื่อทองคา� เริ่มลดนอ้ ยลง จากแหลงน้ําบาดาลขนาดใหญ รฐั ตา่ งๆ ไดด้ า� เนนิ นโยบายการเปดิ พรมแดนเพอื่ ขยายพน้ื ทก่ี ารเกษตร (Unlocking the Land) ทง้ั ยงั กระตนุ้ หลายแหง บอน้ําบาดาลทีม่ ี ให้พวกท�าปศุสัตว์ซ้ือท่ีดินแทนการเช่า อย่างไรก็ดี แม้นโยบายส่งเสริมการเกษตรจะไม่ได้ผลสูงสุดเพราะ ขนาดใหญทีส่ ุดของออสเตรเลีย ที่ดินจ�านวนหนึ่งถูกพวกท�าปศุสัตว์ใช้เล่ห์กลเข้าครอบครอง อีกท้ังเกษตรกรจ�านวนมากขาดประสบการณ์ มีชื่อวา เกรตอารท ีเชียน เบซนิ ในการเพาะปลกู จนเปน็ หนธ้ี นาคารและตอ้ งสญู เสยี ท่ดี ิน แตท่ ดี่ ินจ�านวนหน่งึ ก็ไดร้ ับการบุกเบกิ เพอ่ื ท�าการ (Great Artesian Basin) เกษตร เชน่ ในรฐั เซาทอ์ อสเตรเลยี ทเ่ี กษตรกรรมเจริญอยา่ งกว้างขวาง เปน็ ต้น อกี วธิ กี ารหนงึ่ คอื การทาํ ชลประทาน ดว ยการสรางเขือ่ นเกบ็ กกั น้ําและ นอกจากน้ี ยังมีการส่งเสริมการจัดต้ังวิทยาลัยการเกษตรและการค้นคว้าปรับปรุงพันธุกรรมของ ขุดคลองสง น้ําไปยงั พื้นท่กี ารเกษตร) พืชให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของออสเตรเลีย มีการน�าพันธุ์ข้าวสาลีจากอังกฤษ และแอฟริกาใต้มาปรับปรุงพันธุ์จนเหมาะกับสภาพภูมิอากาศของออสเตรเลีย คือ ข้าวพันธุ์บ๊อบ (Bob) นกั เรียนควรรู (ค.ศ. ๑๘๙๐) และข้าวพันธุ์เฟดเดอเรชัน (Federation) (ค.ศ. ๑๙๐๑) ท�าให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ เจริญก้าวหนา้ ดา้ นเกษตรกรรม ตอ่ มาในคริสต์ศตวรรษท่ี ๒๐ - ๒๑ มกี ารน�าพืชผักผลไมต้ า่ งๆ มาปรับปรงุ พนั ธ์ุและเพาะปลูกโดยใช้เทคโนโลยที ันสมัยต่างๆ จนเป็นประเทศผูน้ �าสง่ ออกพชื พันธุ์ผลไม้ตา่ งๆ ดา นเกษตรกรรม พชื เศรษฐกิจ 160 สาํ คัญ ไดแ ก ขา วสาลีและขาวเจา บริเวณท่เี พาะปลูกสาํ คญั ไดแ ก ท่ีราบดานตะวันออกเฉียงใตและ ดา นตะวนั ตกเฉียงใตข องประเทศ โดยอาศยั นาํ้ จากการชลประทานเขา ชว ย บางแหง มกี ารเพาะปลูก ในบริเวณแคบๆ ทีม่ กี ารจดั การเก่ยี วกับระบบชลประทานท่ดี ี เรยี กวา การเพาะปลูกแบบเขม (Intensive Cropping) นอกจากน้ียงั มกี ารปลูกออย แหลง เพาะปลกู ออ ยจะอยูบ รเิ วณทรี่ าบดานตะวันออก ซ่ึงเปน เขตท่มี ีฝนตกชกุ อากาศรอ น และมีดินจากภูเขาไฟทีอ่ ดุ มสมบรู ณ 160 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate ๓) พฒั นาการด้านสังคมและศลิ ปวัฒนธรรม มดี ังน ้ี อธิบายความรู ความเสมอภาคของคนขาว นักเรียนคูที่ 4 ซงึ่ ศกึ ษาเรอื่ ง แมอ้ อสเตรเลยี จะเปน็ ดนิ แดนทอ่ี ยู่ใกล้ทวีปเอเชยี อกี ท้ังชนพน้ื เมือง (ชาวอะบอริจนิ ิส) ก็เดนิ ทาง พฒั นาการดา นสังคมและศิลป- อพยพมาจากเอเชยี แต่ระยะแรกผูบ้ ุกเบกิ ท้ังเจา้ หน้าที่ ทหาร และนักโทษตา่ งเปน็ ชาวตะวันตก และเกอื บ วฒั นธรรมของออสเตรเลยี ผลัดกัน ทงั้ หมดมาจากองั กฤษและนบั ถอื ครสิ ตศ์ าสนา ทา� ใหส้ งั คมและวฒั นธรรมออสเตรเลยี มลี กั ษณะเปน็ ตะวนั ตก เลา ความรูท ีไ่ ดจากการศึกษาให อย่างไรก็ดี สังคมออสเตรเลียจัดเป็นสังคมท่ีมีความทัดเทียมกันทางชนชั้นทั้งภูมิหลังทางครอบครัวและ เพือ่ นในกลมุ ฟง จนเขา ใจทั้งหมด ชาติตระกูล เรยี กวา่ สงั คมแบบสมภาค (Egalitarian Society) เพราะในชว่ งของการอพยพนั้นไมม่ ีชนชัน้ จากนัน้ แตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมา ขนุ นางซง่ึ เปน็ กลมุ่ ผมู้ อี ทิ ธพิ ลทางการเมอื งเดนิ ทางมาตงั้ หลกั แหลง่ ดว้ ย พวกอดตี นกั โทษรวมทง้ั บตุ รหลาน นําเสนอหนาช้ันเรยี น ครูใหน ักเรียน จงึ สามารถสร้างฐานะและมบี ทบาทสา� คญั ในการรว่ มก่อต้ังอาณานคิ ม ที่สงสยั ซักถาม ต่อมาในทศวรรษ ๑๘๕๐ ซึ่งเป็นช่วงท่ีมีการค้นพบทองค�าน้ัน ผู้อพยพส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นพวก ขยายความเขา ใจ ชนชน้ั กลาง ทา� ให้ขบวนการเรยี กรอ้ งและปฏิรูปกฎหมายการเลอื กต้งั เข้มแข็งขน้ึ อนั นา� ไปสกู่ ารขยายสทิ ธิ การเลือกตง้ั ใหแ้ ก่ผชู้ ายทกุ คน โดยปราศจากการคัดค้านของชนช้ันขุนนางและเกิดขน้ึ กอ่ นประเทศองั กฤษ นกั เรยี นสืบคนสถานท่ีสําคัญ เปน็ เวลาหลายปี ขณะเดยี วกนั การเขา้ มาแสวงโชคของชาวจนี ทม่ี วี ฒั นธรรมความเปน็ อยู่ เชอื้ ชาติ และลทั ธิ ของออสเตรเลีย แลว อธิบายถงึ ศาสนาที่แตกตา่ งกันอยา่ งสนิ้ เชิงจากชาวตะวันตก เช่น การไวห้ างเปีย การรบั ประทานอาหารด้วยตะเกยี บ ความสําคญั ทางดา นวัฒนธรรม การอยเู่ ป็นกลุม่ การสูบฝ่นิ การเซน่ ไหวบ้ รรพบุรษุ เป็นต้น ก็ท�าใหช้ าวอาณานิคมออสเตรเลียเร่ิมมีอคติ ต่อคนผิวเหลืองจนก่อให้เกิดความรังเกียจและต่อต้าน อันน�าไปสู่การออกกฎหมายของรัฐต่างๆ เพื่อ ปอ้ งกันการอพยพเขา้ มาอยอู่ าศยั ของคนผวิ เหลืองรวมทง้ั คนผวิ ด�า ต่อมาหลังจากออสเตรเลียจัดตั้งเป็นเครือรัฐออสเตรเลียแล้ว รัฐบาลกลางได้ออกพระราชบัญญัติ หลายฉบบั เพื่อกดี กนั การอพยพของคนผิวเหลอื งรวมท้งั คนผิวด�า กลายเป็นนโยบายของประเทศ เรียกว่า นโยบายออสเตรเลียสผี ิวขาว (White Australia Policy) ซงึ่ รฐั บาลออสเตรเลยี ไดด้ า� เนนิ นโยบายดงั กลา่ ว ติดต่อกนั มาเป็นเวลาหลายสิบปีและเพ่งิ ยกเลกิ ไปในชว่ งทศวรรษ ๑๙๖๐ การสรา้ งสังคมนานาชาติและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภายหลังสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างออสเตรเลียกับอังกฤษท้ังด้านสังคม และวัฒนธรรมท่ีมีมาเร่ิมเปล่ียนแปลง การอพยพเข้ามาของชาวยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ที่เริ่มต้นใน ค.ศ. ๑๙๔๖ ท�าให้ออสเตรเลียมลี กั ษณะเป็นสงั คมนานาชาติทมี่ คี วามหลากหลายทางดา้ นวฒั นธรรม อีกทงั้ วัฒนธรรมการกินอย่แู ละแนวคดิ แบบอเมรกิ ันท่ีทหารอเมรกิ นั นา� มาเผยแพร่ในช่วงสงครามโลก ทา� ใหช้ าว ออสเตรเลียเร่ิมเปิดตัวต่อสังคมโลกมากข้ึน การศึกษาในระดับอุดมศึกษาก็ขยายตัวอย่างมาก และมีการ จัดต้งั มหาวิทยาลัยในรัฐตา่ งๆ เพิ่มขนึ้ กวา่ ๓ เท่าตวั อีกทง้ั ยงั มกี ารจดั สรรทุนของรัฐบาลใหแ้ ก่นักศกึ ษา ชาวเอเชียเข้าศกึ ษาในโครงการของรัฐ 161 คูม ือครู 161

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%) ครใู หนักเรียนในช้นั เรียน นอกจากน้ี ในทศวรรษ ๑๙๖๐ รฐั บาลยังให้ความสนใจในวฒั นธรรมและชวี ติ ความเป็นอยูข่ องชาว รว มกันวิเคราะหถงึ อทิ ธพิ ลของ อะบอริจินสิ มกี ารใหส้ ิทธิพลเมืองอย่างสมบูรณแ์ กช่ าวอะบอริจินิสใน ค.ศ. ๑๙๖๗ อกี ทง้ั ต่อมายังสง่ มอบ ทวปี ออสเตรเลียและโอเชยี เนยี สถานที่ศกั ด์ิสิทธิ์ ของเผ่าตา่ งๆ คนื ให้แก่ชาวอะบอริจนิ สิ เพ่ือใชเ้ ป็นสถานทป่ี ระกอบพิธกี รรมของเผา่ และ ทม่ี ีตอ สังคมโลก สืบทอดวัฒนธรรมความเชื่อ ศิลปวัฒนธรรมอะบอริจินิสก็ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากรัฐบาล มีการแต่งตั้งคณะท่ีปรึกษาทางศิลปะขึ้น ทั้งศิลปินชาวออสเตรเลียก็ได้รับการกระตุ้นให้หันมาสนใจใน นกั เรยี นควรรู รปู แบบของศลิ ปะอะบอรจิ นิ สิ มกี ารนา� เทคโนโลยีใหมๆ่ มาประสมประสานเพอื่ เรา้ ความสนใจและจนิ ตนาการ ของผชู้ มมากข้ึนจนกลายเป็นรูปแบบทเี่ ป็นอตั ลักษณข์ องศลิ ปะออสเตรเลียในปจั จบุ นั พิพธิ ภณั ฑแ ละหอศลิ ป เชน หอศิลปแ หงนวิ เซาทเ วลส (Art ใน ค.ศ. ๒๐๐๘ นายเควิน รัดด์ (Kevin Rudd) นายกรฐั มนตรีออสเตรเลยี ขณะน้นั ได้กล่าวขอโทษ Gallery of New South Wales) ชาวอะบอริจินิสอย่างเป็นทางการเป็นคร้ังแรกท่ีคนขาวได้สร้างความทุกข์ทรมานใจแก่ชาวอะบอริจินิส เปนหอศลิ ปสาธารณะทีย่ อดเยีย่ ม ตลอดเวลา ๒๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสมานฉันท์อย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง ที่สดุ แหงหนงึ่ ของประเทศ จดั แสดง ชาวออสเตรเลียผิวขาวกบั คนพน้ื เมอื งอยา่ งแทจ้ ริง งานศลิ ปถาวรของออสเตรเลยี ยโุ รป เอเชีย และงานศลิ ปะของ 5.๓ อทิ ธพิ ลของทวีปออสเตรเลียและโอเชยี เนยี ตอ่ สงั คมโลก ชนเผาตา งๆ พิพธิ ภณั ฑแ ละหอศลิ ป วฒั นธรรมออสเตรเลยี มลี กั ษณะเปน็ วฒั นธรรมตะวนั ตก ขณะเดยี วกนั กค็ งเอกลกั ษณเ์ ฉพาะ แหงนอรเทริ นเทรร ทิ อรี (Museum ของชนพื้นเมืองอยู่ นบั ตัง้ แต่ทศวรรษ ๑๙๖๐ เป็นตน้ มา รัฐบาลออสเตรเลียได้ใหค้ วามสนใจและ & Art Gallery of the Northern ยอมรับความส�าคัญของชาวอะบอริจินิสในฐานะชนพื้นเมืองของออสเตรเลีย ก่อให้เกิดการฟืนฟู Territory) จดั แสดงงานศลิ ปข อง ศลิ ปวทิ ยาการของคนพนื้ เมอื งขนึ้ ศลิ ปวฒั นธรรมของชาวอะบอรจิ นิ สิ ไดร้ บั การสนบั สนนุ ทางดา้ น ชาวอะบอรจิ นิ สิ ซึง่ ประกอบไปดวย การเงินจากรัฐบาล รวมทั้งมีการรวบรวมและเผยแพร่งานศิลปะอะบอริจินิสอย่างกว้างขวางไป ภาพแกะสลักและภาพเขยี น ท่ัวโลกซึ่งเป็นท่ีนิยมช่ืนชอบท้ังภายในและภายนอกประเทศ จนมีการจัดแสดงศิลปะอะบอริจินิส บนเปลอื กไม หอศิลปแ หง ชาติ ท้ังท่ีเป็นภาพเขียนและศิลปวัตถุในพิพิธภัณฑ์ ออสเตรเลีย (National Gallery และหอศิลปท์ ่มี ชี อ่ื เสยี งในประเทศตา่ งๆ of Australia) จัดเปน แหลงรวม นอกจากน้ี ออสเตรเลียยังเป็นประเทศ งานศิลปอ อสเตรเลียทย่ี อดเยีย่ ม ผู้น�าอีกประเทศหน่ึงในด้านวิทยุ โทรทัศน์ ท่ีสดุ ในประเทศ มตี ง้ั แตง านศิลปะ อุตสาหกรรมบันทึกเสียง รวมทั้งอุตสาหกรรม ประเพณีทองถิน่ แบบอะบอรจิ นิ สิ ภาพยนตร์ท่ีเริ่มต้นมาตั้งแต่ ค.ศ. ๑๘๙๖ และ ไปจนถงึ งานในยคุ ครสิ ตศ ตวรรษ เรม่ิ เป็นที่รูจ้ กั กนั ดีในปลายทศวรรษ ๑๙๖๐ ใน ที่ 20 พิพธิ ภัณฑแ ละหอศิลปแ หง ค.ศ. ๑๙๗๓ มีการจัดต้ังโรงเรียนภาพยนตร์ แทสเมเนยี (Tasmanian Museum & โทรทัศน์และวิทยุแห่งออสเตรเลียข้ึน ปัจจุบัน Art Gallery) จัดแสดงงานศลิ ปและ นับว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของออสเตรเลีย โบราณวตั ถขุ องชาวอะบอรจิ ินิส ศลิ ปะอะบอรจิ นิ สิ ไดร้ บั การเผยแพรอ่ ยา่ งกวา้ งขวางจนเปน็ ประสบความส�าเร็จอย่างมากและนักแสดงชาว ในแทสเมเนีย เปน ตน ทช่ี น่ื ชอบของผชู้ มผลงานศลิ ปท ง้ั ภายในและภายนอกประเทศ ออสเตรเลยี กเ็ ป็นท่รี จู้ ักกันอย่างดี @ มมุ IT 16๒ ศกึ ษาคน ควา ขอ มูลเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร ของออสเตรเลยี ไดท ่ี www.thaifta. com/trade/study/movie_ch5.pdf 162 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore แมใ้ นระยะแรกของการตงั้ ถนิ่ ฐาน ชาวยโุ รปจา� เปน็ ตอ้ งนา� เขา้ อาหารแทบทกุ ชนดิ แตป่ จั จบุ นั อธิบายความรู ออสเตรเลยี ไดพ้ ัฒนาตนเองจนกลายเปน็ หน่งึ ในประเทศผลผลิตทางเกษตรกรรมรายใหญข่ องโลก ในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๑ มีการน�าพืชผักผลไม้ต่างๆ มาปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะกับสภาพ ครูใหนกั เรยี นอภิปรายรว มกนั ภูมิอากาศและภูมิประเทศ และเพาะปลูกโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ จนสามารถปลูกพืช เก่ียวกับพฒั นาการในภูมิภาคตา งๆ ผลไม้ต่างๆ ท้ังพืชผลไม้เขตเมืองหนาวและเขตเมืองร้อน เช่น แอปเปิล องุ่น มะนาว กล้วย ของโลก ไมวาจะเปน ทตี่ ้งั และ ลูกแพร์ พีช และสับปะรด เป็นต้น รวมทั้งข้าวสาลีซ่ึงส่งออกเป็นล�าดับต้นๆ ของโลก และ สภาพภมู ศิ าสตร พฒั นาการและ ยังมกี ารเลย้ี งแกะขนาดใหญ่และสง่ ออกขนแกะ เนื้อสตั ว์ และอาหารประเภทนม เนยดว้ ย การสรา งสรรคดา นตา งๆ ของแตละ ทวปี และอิทธพิ ลของทวปี ตา งๆ ในสงครามโลกครง้ั ท่ี ๑ และสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ออสเตรเลยี รอดพน้ จากการเป็นสนามรบ ตอ สังคมโลก เพื่อเปนการทบทวน แตก่ ารขาดแคลนสนิ คา้ อตุ สาหกรรมนา� เขา้ ตา่ งๆ รวมทงั้ ความตอ้ งการสนิ คา้ อตุ สาหกรรมในตลาด ความรทู ่ศี ึกษามาทัง้ หมด ต่างประเทศ ทา� ให้รฐั บาลหันมาสง่ เสรมิ อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอตุ สาหกรรมหนัก มีการจัดต้ังโรงถลุงเหล็กและการท�าอุตสาหกรรมแร่ต่างๆ ปัจจุบันออสเตรเลียเป็นประเทศผู้น�า ขยายความเขา ใจ ท่ีส�าคัญที่สุดในการส่งออกแรถ่ ่านหิน บ็อกไซต์ (bauxite) รวมท้งั โอพอล (opal) ครูใหนักเรยี นออกมาเลาถึง มรดกช้ินส�าคัญของออสเตรเลียท่ีท้ิงไว้ให้แก่ชาวโลก คือ วิธีการลงคะแนนเสียงโดยวิธีลับ ประโยชนท ่ีนกั เรียนไดรับจากการ ในการเลือกต้งั ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้วิธกี ารนี้ตั้งแต่ ค.ศ. ๑๘๕๖ ซ่ึงแตแ่ รกนนั้ ศึกษาเกย่ี วกบั พฒั นาการในภูมภิ าค เรยี กว่า การลงคะแนนเสยี งแบบออสเตรเลีย (Australian ballot) ตอ่ มาให้สทิ ธิการลงคะแนนเสียง ตา งๆ ของโลกหนา ชั้นเรยี น เลือกตั้งแก่ผู้ชายทุกคน ส่วนผู้หญิงในออสเตรเลียในอาณานิคมเซาท์ออสเตรเลียได้รับสิทธิลง คะแนนเสียงเลอื กต้ังใน ค.ศ. ๑๘๙๔ นบั ว่าเป็นดินแดนแห่งท่ี ๒ ในโลกตอ่ จากนิวซแี ลนดท์ ่สี ตรี ตรวจสอบผล ได้รับสทิ ธเิ ลอื กต้ัง และก่อนประเทศอังกฤษซง่ึ สตรไี มไ่ ด้รบั สทิ ธเิ ลอื กต้ังจนถงึ ค.ศ. ๑๙๒๐ 1. ตรวจแผนพับเก่ียวกับวถิ ชี ีวติ กลา่ วสรปุ ไดว้ ่า ของชาวอะบอริจินิส แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ไม่ใช่ปัจจัยประการเดียวในการก�าหนดเส้นทางของ พฒั นาการของภูมภิ าคต่างๆ แตจ่ ากการศึกษาความเป็นไปในอดตี ของทวปี ตา่ งๆ จะเห็นได้ว่า 2. ตรวจรายงานเกี่ยวกบั มลรฐั ของ ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ การอยู่ในเขตอากาศที่เหมาะสม และการมีท่ีตั้งท่ีสะดวกต่อ ประเทศออสเตรเลยี และประเทศ การคมนาคม เป็นองค์ประกอบที่สนับสนุนการเจริญเติบโตและความส�าเร็จในการพัฒนาของ สมาชกิ ของเครอื จกั รภพอังกฤษ ภมู ภิ าคตา่ งๆ การศกึ ษาพฒั นาการด้านต่างๆ ของหลายภูมิภาคในโลก จะท�าให้นักเรียนตระหนกั ได้ว่า 3. การมสี วนรวมในการอภปิ ราย การทภ่ี มู ภิ าคตา่ งๆ ของโลกเปน็ เชน่ ทเ่ี หน็ ในปจั จบุ นั นนั้ มสี าเหตขุ องพฒั นาการทสี่ ามารถอธบิ าย ในชนั้ เรียน ได้ทั้งสิ้น การเรียนรู้ความแตกต่าง ความส�าเร็จ ความล้มเหลว ความได้เปรียบและความ เสยี เปรยี บของแตล่ ะดนิ แดน จะชว่ ยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจวา่ ท�าไมระดบั การสรา้ งสรรคจ์ งึ หา่ งไกล 4. การตอบคําถามของนกั เรยี น หรอื ใกลเ้ คยี งกนั การมองเหน็ ภาพรวมของพฒั นาการในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลกจะทา� ใหน้ กั เรยี น เขา้ ใจในเหตกุ ารณป์ จั จบุ ันและนา� ไปปรับใช้ในการด�าเนินชีวิตได้ 16๓ คมู อื ครู 163

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เกรด็ แนะครู (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%) (แนวตอบ คําถามประจําหนว ย ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรยี นรู้ การเรียนรู 1. เพราะแตล ะภูมภิ าคในโลก มีสภาพภมู ิศาสตรแ ละ ๑ เพราะเหตใุ ดภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลกจงึ มปี ระวตั คิ วามเปน็ มาและพฒั นาการทแี่ ตกตา่ งกนั ไป ประวัตศิ าสตรท แี่ ตกตางกนั ไป ในแตล่ ะแห่ง และสภาพทางภูมศิ าสตรท่ี หลากหลายก็ไดม ีผลตอพัฒนาการ ๒ พัฒนาการการสร้างสรรค์ของภูมิภาคต่างๆ ของโลกมีลักษณะอย่างไร จงอธิบายมาพอ ของประเทศตา งๆ ในทวปี ทําให สังเขป บางภูมภิ าคเจรญิ มาก ขณะที่ ๓ พฒั นาการของทวปี ยุโรปมีความส�าคญั ต่อสงั คมโลกอยา่ งไร จงวิเคราะห์ บางภมู ภิ าคยงั ลา หลังอยู ๔ เพราะเหตุใดพัฒนาการความเจริญของทวีปอเมริกาเหนือจึงแตกต่างจากทวีปอเมริกาใต้ 2. มีลักษณะของการอนุรักษของเดมิ และรบั ส่งิ ใหมเ ขามาปรับปรงุ และ คอ่ นข้างมาก พัฒนาเพม่ิ เติมจนกลายเปน ๕ นกั เรยี นคดิ วา่ การทท่ี วปี แอฟรกิ าคอ่ นขา้ งจะลา้ หลงั กวา่ ทวปี อนื่ ๆ ทง้ั ทม่ี ที รพั ยากรธรรมชาติ อุดมสมบูรณเ์ ป็นเพราะข้อจา� กดั ในเรอ่ื งใด อัตลกั ษณข องตนเอง 3. ความเจรญิ ทางดานตา งๆ ของ ยโุ รปไดมีอิทธพิ ลตอ ทวีปตา งๆ ที่เขา ไปยดึ ครอง ไมว าจะเปน กิจกรรมสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้ ดานการเมอื งการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ศิลปวิทยาการตางๆ ลวนมี กิจกรรมท่ี นกั เรยี นจดั ทา� เสน้ เวลา (Timeline) แสดงพฒั นาการการสรา้ งสรรคด์ า้ น ตน กําเนิดมาจากยโุ รปท้งั สิ้น ตา่ งๆ ของภมู ภิ าคของโลก โดยเลอื กเพยี ง ๑ ภมู ภิ าค ตกแตง่ ระบายสี แมกระทัง่ ปจ จุบันการรวมกลุม ๑ ใหส้ วยงาม จากนน้ั ออกมานา� เสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น ของยุโรปก็ไดม บี ทบาทตอ นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ ๕ กลมุ่ ศกึ ษาขอ้ มลู เกยี่ วกบั พฒั นาการทาง สังคมโลกอยางมาก ประวตั ศิ าสตรข์ องทวปี ยโุ รป อเมรกิ าเหนอื อเมรกิ าใต้ แอฟรกิ า และ 4. เน่อื งจากสภาพภูมิศาสตรท่ี กิจก๒รรมที่ ออสเตรเลียและโอเชียเนีย กลุ่มละ ๑ ทวีป โดยให้แต่ละกลุ่มจัดท�า ผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น รายงาน สมุดภาพ โปรแกรม อดุ มสมบรู ณม ากกวา อเมริกาใต กจิ กรรมที่ PowerPoint เปน็ ตน้ จากนน้ั ออกมานา� เสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น ประกอบกับการท่พี ลเมอื งอเมรกิ ัน นกั เรยี นหาขา่ วเกย่ี วกบั เหตกุ ารณส์ า� คญั ทเี่ กดิ ในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลก สวนใหญซ่งึ เปนชนผิวขาวจาก ๓ คนละ ๕ ขา่ ว แลว้ วเิ คราะหว์ า่ มผี ลตอ่ พฒั นาการและการเปลย่ี นแปลง ยโุ รป มกี ารศึกษาดี มีความเชอ่ื ม่ัน ของสงั คมโลกอยา่ งไร ในตนเอง ไดมีสว นรว มในการ ปกครองและพัฒนาประเทศ ในดา นตา งๆ โดยเฉพาะดา น อตุ สาหกรรมและดานวิทยาการ และเทคโนโลยี จงึ ทําใหม ีความ เจริญกาวหนา มากกวา อเมริกาใต 16๔ 5. สภาพภูมิศาสตรท ่ที ุรกนั ดาร ยากแกก ารคมนาคมติดตอ จงึ ไม คอ ยมีการลงทุนภายในประเทศมาก ประกอบกบั ประชากรท่ีเปน หแสลดกั งฐผานลการเรียนรู สงั คมชนเผา ที่มีการศึกษานอยและตา งอยกู ันเปน เผา ของตนมากกวา จะคํานงึ ถึงความเปน ประเทศเดียวกนั จงึ มกั เกิดความขัดแยงกับ นกั เรียนจัดทําสมุดภาพเกย่ี วกับสภาพภมู ิศาสตรแ ละพัฒนาการทาง เผาอนื่ ๆ อยเู สมอ ซง่ึ ปจจยั เหลา นไ้ี ดเ ปน อปุ สรรคตอ การพัฒนา ประวัติศาสตรด านการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม ประเทศใหเจรญิ กาวหนา ทดั เทียมกับทวีปอ่ืนๆ) ของภมู ิภาคตา งๆ ในโลก พรอ มท้งั ติดภาพประกอบใหสวยงาม 164 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๗หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ เปา หมายการเรยี นรู ความขดั แยง และ วเิ คราะหความรวมมอื และ ความรว มมอื ของโลก ความขดั แยงของมนษุ ยชาติ ในคริสตศตวรรษท่ี 20 และผล ในคริสตศตวรรษ ของความรวมมือและความขัดแยง ท่ี ๒๐ ถงึ ปจ จุบนั ทีก่ อ ใหเกิดการเปลี่ยนแปลง ในดานตา งๆ ตวั ชี้วดั กระตุน ความสนใจ ● วเิ คราะห์ผลของการเปล่ียนแปลงทนี่ าำ ไปสู่ ความรว่ มมอื และความขดั แยง้ ในครสิ ตศ์ ตวรรษ ครูใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนวย แลวต้ังคําถาม ท่ ี ๒๐ ตลอดจนความพยายามในการขจัด • ภาพดังกลาวเก่ยี วของกับความ ปญ หาความขดั แย้ง (ส ๔.๒ ม.๓/๒) รวมมือของมนษุ ยชาติอยา งไร (แนวตอบ แสดงใหเ ห็นถงึ ความ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง รว มมอื ของมนุษยชาติในการ แกไขขอ พพิ าทระหวา งประเทศ ● ความรว่ มมอื และความขดั แยง้ ในครสิ ตศ์ ตวรรษ และประชมุ หารือเกยี่ วกับเรอ่ื ง ที่ ๒๐ เชน่ สงครามโลกครัง้ ที ่ ๑ สงครามโลก สาํ คญั ๆ ทีม่ ีผลกระทบตอ ครั้งท่ี ๒ สงครามเย็น องค์กรความร่วมมือ มนษุ ยและโลกสว นรวม) ระหวา่ งประเทศ • ทําไมนานาประเทศจงึ ตอ ง มีการรวมมือกนั ในดา นตางๆ (แนวตอบ เพ่ือประโยชนรวมกนั ทัง้ ในดา นการเมอื ง เศรษฐกิจ สังคม และเพือ่ ใหโลกเกดิ 㹪Nj §¤ÃÊÔ µÈ µÇÃÃÉ·èÕ òð âÅ¡à¡´Ô Ê§¤ÃÒÁ¤Ã§Ñé ãËÞ¶‹ §Ö สันติสุข) ò ¤ÃÑé§ ¤Í× Ê§¤ÃÒÁâÅ¡¤Ãéѧ·Õè ñ áÅÐʧ¤ÃÒÁâÅ¡¤Ã§Ñé ·èÕ ò ·Òí ãËÁŒ ¹ÉØ Âµ ÍŒ §ÊÞÙ àÊÂÕ ªÇÕ µÔ áÅÐ·Ã¾Ñ Âʏ ¹Ô ໹š ¨Òí ¹Ç¹ÁËÒÈÒÅ ¤ÇÒÁ¾¹Ô ÒÈËÒ¹Шҡʧ¤ÃÒÁ ·Òí ãËŒÁ¹ØÉ䴺Œ ·àÃÂÕ ¹¨Ò¡ ¤ÇÒÁ¢´Ñ áÂŒ§µÒ‹ §æ áÅоÂÒÂÒÁáÊǧËÒÊѹµÀÔ Ò¾â´ÂÁÕ¡Òà เกรด็ แนะครู ÃÇ‹ ÁÁÍ× áÅлÃÐÊÒ¹»ÃÐ⪹¡¹Ñ à¾×èÍãËŒâÅ¡à¡´Ô ¤ÇÒÁÁè¹Ñ ¤§ áÅФÇÒÁʧºÊØ¢ ครคู วรจดั การเรยี นรโู ดยนาํ ขา ว เหตกุ ารณป จจุบันไมว าจะเปน ความขดั แยงหรือความรวมมือ มาใหนกั เรยี นวเิ คราะหถ งึ สาเหตุ และผลของของเหตกุ ารณที่มตี อโลก แลว ใหน กั เรียนใชทกั ษะกระบวนการ ดงั ตอ ไปนี้ • ทักษะการแสวงหาความรู ในการสบื คนขอมลู ดว ยตนเองจากแหลง การเรยี นรูตา งๆ • ทกั ษะกระบวนการคิด โดยการวเิ คราะหขอ มูลอยางเปน เหตเุ ปน ผล • กระบวนการทํางานกลุมในการคน ควา หาความรูอยางเปนขน้ั ตอน • ทกั ษะการนําเสนอขอ มลู ในรปู แบบตางๆ อยางสรา งสรรค คูม ือครู 165

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุนความสนใจ (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) ครนู ําภาพเหตกุ ารณก ารกอ การ จราจลหรอื การประทว งในประเทศ ตา งๆ มาใหน กั เรียนดู แลว ñ. ความ¢ั´áยง้ ãนครสิ µ์ȵวรรÉ·è ี òð จนถงÖ ปจ˜ จغนั ตง้ั คําถาม เชน ความขัดแยงที่เกิดข้ึนในคริสตศตวรรษที่ ๒๐ จนถึงปจจุบันมีมากมาย แตความขัดแยงที่ • แสดงถึงความขัดแยงในเรื่องใด สาํ คญั ซึง่ จะกลาวถึงในทนี่ ้ี ไดแก สงครามโลกคร้ังที่ ๑ สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ และสงครามเยน็ • ความขัดแยงกอใหเ กิดประโยชน หรอื โทษมากกวากัน 1.1 สงครามโลกครั้งท่ี 1 และสงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ ๑) สงครามโลกครั้งท่ี ๑ เป็นสงครามระหว่างมหาอ�านาจสัมพันธมิตร (Allied Powers) ประกอบด้วย องั กฤษ ฝรง่ั เศส รสั เซีย และตอ่ มามสี หรัฐอเมริกาเข้ารว่ มสนับสนนุ ดว้ ย สาํ รวจคนหา กับฝ่ายมหาอ�านาจกลาง (Central Powers) ประกอบดว้ ย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮงั การี อติ าล ี และ ใหนักเรียนสืบคนขอมลู เก่ียวกับ ตุรกี เกิดขึ้นเม่ือวันท่ี ๔ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๑๔ และส้ินสุดลงเม่ือมีการลงนามในสนธิสัญญา สงครามโลกคร้ังท่ี 1 โดยชมวดี ิทัศน แวรซ์ าย (Treaty of Versailles) ทกี่ รงุ ปารสี เมอ่ื วันท่ี ๒๘ มถิ ุนายน ค.ศ. ๑๙๑๙ สงครามไม่ได้ สารคดีสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 แลว จ�ากัดขอบเขตเฉพาะในทวีปยุโรปเท่าน้ัน แต่ยังขยายตัวไปยังดินแดนส่วนอ่ืนๆ ของโลกและมี สรุปเหตุการณด ว ยเสนเวลา ประเทศเขา้ รว่ มกวา่ ๓๐ ประเทศ จากขอบเขตของพนื้ ทท่ี า� สงครามทข่ี ยายตวั อยา่ งกวา้ งขวางมาก (Timeline) ทา� ให้สงครามท่เี กิดขึน้ เป็นมหาสงคราม (Great War) ๑.๑) ชนวนของสงครามโลกครง้ั ท ่ี ๑ เกดิ ขน้ึ เมอื่ อารช์ ดกุ๊ ฟรานซสิ เฟอรด์ นิ านด์ (Archduke Francis Ferdinand) มกฎุ ราชกุมารแห่งจกั รวรรดิออสเตรีย-ฮงั การี และพระชายาถกู อธบิ ายความรู ลอบปลงพระชนมข์ ณะเสดจ็ เยอื นกรงุ ซาราเยโว (Sarajevo) เมอื งหลวงของแควน้ บอสเนยี เมอ่ื วนั ท ่ี ๒๘ มถิ นุ ายน ค.ศ. ๑๙๑๔ รฐั บาลออสเตรยี -ฮงั การซี งึ่ ตอ้ งการปราบปรามพวกสลาฟในเซอรเ์ บยี จงึ • สงครามโลกคร้ังที่ 1 ถอื เปน อา้ งเปน็ สาเหตทุ จี่ ะลงโทษเซอรเ์ บยี วา่ อยเู่ บอื้ งหลงั เหตกุ ารณล์ อบปลงประชนม ์ และใหส้ ง่ ตวั บคุ คล ความขดั แยง ระหวา งประเทศ ทเ่ี ปน็ พวกกอ่ การมาลงโทษ ทง้ั ใหอ้ อสเตรยี -ฮงั การเี ขา้ รว่ มไตส่ วนและตดิ ตามผทู้ า� ผดิ มาดา� เนนิ คดี ใชห รือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ใช เปน ความขัดแยง เซอรเ์ บยี ปฏเิ สธทจ่ี ะปฏบิ ตั ติ ามขอ้ เรยี กรอ้ งของ ระหวา งประเทศมหาอํานาจ ออสเตรีย-ฮังการี และขอให้รัสเซียช่วยเหลือ ทั้ง 2 ฝา ยจนนาํ ไปสูการทาํ ออสเตรยี -ฮงั การจี งึ ประกาศสงครามตอ่ เซอรเ์ บยี สงครามระหวางกนั ) เมอ่ื วันท่ี ๒๘ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๑๔ รัสเซยี ซงึ่ สนบั สนนุ เซอรเ์ บยี จงึ ระดมกา� ลงั ทหาร ขณะที่ • ชนวนของสงครามโลกคร้ังท่ี 1 เยอรมนีซ่ึงเป็นพันธมิตรของออสเตรีย-ฮังการี เกดิ จากอะไร (แนวตอบ เกิดจากการลอบปลง พระชนมม กุฎราชกมุ ารแหง ไดเ้ รยี กรอ้ งใหร้ สั เซยี หยดุ ระดมกา� ลงั แตร่ สั เซยี จักรวรรดอิ อสเตรยี -ฮังการที ่ี ปฏิเสธ เยอรมนีจึงประกาศสงครามต่อรัสเซีย กรงุ ซาราเยโว แควน บอสเนยี ) ในวันที่ ๑ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๑๔ และต่อมาก็ได้ อารช์ ดกุ ฟรานซสิ เฟอรด์ นิ านดแ์ ละพระชายา ขณะเสดจ็ เยอื น ประกาศสงครามกบั ฝร่ังเศสซ่ึงสนับสนุนรัสเซีย กรงุ ซาราเยโว เมอื งหลวงของบอสเนยี เมอื่ ค.ศ. ๑๙๑๔ ในวนั ที่ ๓ สิงหาคม นักเรียนควรรู 166 สนธสิ ญั ญาแวรซาย จดั ทําข้ึนเมอ่ื วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 ณ พระราชวังแวรซ าย ประเทศฝร่งั เศส ซ่ึงเปน การยตุ ิสงครามระหวางฝา ย พันธมติ รกบั เยอรมนหี ลงั จากเยอรมนีพา ยแพในสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 ผลจากสนธิสญั ญาดังกลา ว กาํ หนดใหเยอรมนีกบั ฝายอกั ษะตองยนิ ยอมรบั ผดิ ในฐานะผกู อ สงคราม ตองถูกปลดอาวุธ ถกู จํากัดอาณาเขตดนิ แดน รวมไปถงึ ตองชดใชค า ปฏิกรรมสงครามเปนจํานวนมหาศาล 166 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู ในวันที่ ๔ สิงหาคม เยอรมนีก็บุกโจมตฝี รั่งเศสโดยเดินทัพผ่านเบลเยียมซง่ึ ได้รับ ครซู กั ถามนกั เรยี นถึงสาเหตุที่ การประกันความเป็นกลางมาตัง้ แต่ ค.ศ. ๑๘๓๙ การเดนิ ทัพผ่านเบลเยยี มทา� ให้อังกฤษประกาศ ทาํ ใหเกิดสงครามโลกครัง้ ที่ 1 สงครามต่อเยอรมนีเม่ือวันท่ี ๔ สิงหาคม ความขัดแย้งระดับภูมิภาคระหว่างออสเตรีย-ฮังการี กับเซอร์เบียจึงขยายตัวกลายเปน็ สงครามระหว่างประเทศในภาคพืน้ ทวีปยุโรป การรบจึงขยายตัว (แนวตอบ เกิดจากลทั ธิชาตนิ ยิ ม ไปยงั ดนิ แดนส่วนตา่ งๆ ของโลกจนกลายเปน็ สงครามโลกในทีส่ ุด ลทั ธจิ กั รวรรดินยิ ม ลัทธินยิ มทหาร ๑.๒) สาเหตขุ องสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ มีดังน้ี และการท่ีประเทศมหาอาํ นาจแบง ออกเปน 2 คาย ซ่งึ เมื่อเกิดขอ พพิ าท สาเหตขุ องสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ ระหวางประเทศ แตล ะฝา ยก็ไมย อม ออนขอ ใหกันและพยายามโนมนา ว ประเทศเล็กอน่ื ๆ เขา เปน พนั ธมิตร ของตน) ลัทธิ ในปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ แนวความคดิ ลทั ธชิ าตนิ ยิ มทเี่ กดิ ขนึ้ ในประเทศฝรงั่ เศสและเยอรมนี นกั เรียนควรรู ชาตนิ ยิ ม ทา� ใหท้ งั้ สองประเทศมหาอา� นาจตอ้ งการเสรมิ สรา้ งความยงิ่ ใหญใ่ หแ้ กช่ าตขิ องตน และเหน็ วา่ ส่ิงท่ที �าให้ประเทศชาติยง่ิ ใหญ่ย่อมถกู ตอ้ งเสมอ ความคดิ ดังกลา่ วทา� ใหค้ วามสมั พันธร์ ะหว่าง ฝรง่ั เศส รสั เซยี และองั กฤษ ประเทศตงึ เครียด ปญั หาชาตนิ ยิ มของพวกสลาฟในคาบสมทุ รบอลขา่ นท่ตี อ้ งการรวมชนชาติ ใน ค.ศ. 1894 ฝรั่งเศสและรสั เซยี ได สลาฟเข้าด้วยกันโดยมีรัสเซียสนับสนุนก็น�าไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอ�านาจ ทาํ สนธิสญั ญามีชื่อวา Dual Alliance โดยต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าให้การสนับสนุนพวกสลาฟในประเทศตนให้ก่อความ เพ่ือใหค วามชว ยเหลือตอกนั หากถกู วุ่นวายข้ึน และน�าไปสู่การเกิดสงครามบอลข่านคร้ังที่ ๑ และสงครามบอลข่านคร้ังท่ี ๒ เยอรมนรี กุ ราน ตอ มาใน ค.ศ. 1904 ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๙๑๒ - ๑๙๑๓ ฝรงั่ เศสไดท าํ สนธสิ ัญญากบั อังกฤษ มีชอ่ื วา Entente Cordiale โดย ในการเสริมสร้างความย่ิงใหญ่ของประเทศ ท�าให้แต่ละประเทศมุ่งแข่งขันกันแสวงหา ตา งสัญญาวา จะใหความชว ยเหลอื อาณานิคมเพื่อท�าให้ชาติของตนม่ังคั่งร�่ารวยและเศรษฐกิจเข้มแข็ง ลัทธิจักรวรรดนิ ิยมที่เป็น ตอกันเมอ่ื ฝายหน่ึงฝา ยใดถกู รุกราน ลทั ธิ นโยบายการขยายอ�านาจและแสวงหาอาณานิคมของชาติมหาอ�านาจในเอเชียและแอฟริกา และใน ค.ศ. 1907 รสั เซียไดเขารวม จักรวรรดนิ ิยม ท�าให้เกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์และน�าไปสู่ข้อพิพาทระหว่างประเทศที่เป็นพ้ืนฐาน เปน ภาคีดว ย จึงมชี ่ือใหมว า Triple Entente ของการเกดิ สงครามในเวลาต่อมา ลทั ธิ แต่ละประเทศในยุโรปเกิดความตระหนักว่าการจะเป็นประเทศที่เข้มแข็งและการป้องกันการ นิยมทหาร ถูกรกุ ราน จา� เปน็ ตอ้ งสะสมก�าลงั อาวธุ และเสรมิ สรา้ งแสนยานภุ าพทางบกและทางเรอื จึงมี การเพมิ่ งบประมาณปอ้ งกนั ประเทศและขยายเวลารบั ราชการทหารใหน้ านขน้ึ การสะสมกา� ลงั อาวุธท�าให้มหาอ�านาจแต่ละประเทศโดยเฉพาะเยอรมนีกับอังกฤษหวาดระแวงกันและต่าง อยใู่ นสภาพเตรียมพร้อม การประชมุ ลดก�าลงั อาวุธระหว่างประเทศจึงประสบความล้มเหลว การท่ีประเทศมหาอา� นาจแตกแยกและแบ่งออกเป็น ๒ ค่าย ไดแ้ ก่ กลุ่มประเทศสนธสิ ญั ญา ไตรภาคี (Triple Entente) ประกอบด้วย ฝร่งั เศส รัสเซยี และองั กฤษ กับกลมุ่ ประเทศ สนธสิ ัญญาพนั ธไมตรีไตรภาคี (Triple Alliances) ประกอบดว้ ย เยอรมนี ออสเตรยี -ฮังการี การแบ่งเป็น และอิตาลี ทา� ให้มหาอา� นาจท้ัง ๒ กลุ่มไมไ่ วว้ างใจกัน และเม่ือเผชญิ หน้ากนั ในวิกฤตการณ์ NET ขอ สอบ ป 52 ๒ ค่าย ต่างๆ ก็มักจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน ทั้งยังพยายามโน้มน้าวประเทศเล็กอื่นๆ เข้าเป็น พันธมิตรของตน ดังน้ัน เม่อื เกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศใดๆ ข้นึ แต่ละกลุ่มจงึ ไมย่ อม ขอ สอบถามวา เหตผุ ลใดทที่ าํ ใหเ กดิ ร่วมกนั แกไ้ ขปญั หาท่ีเกิดขนึ้ และจะสนบั สนนุ พันธมติ รของกลุม่ ตน ทกุ ฝา่ ยจงึ เหน็ วา่ สงคราม ความขัดแยง ในคริสตศ ตวรรษท่ี 20 เปน็ ทางออกทางเดียวทจ่ี ะแก้ปัญหาได้ 1. สาเหตุทางอดุ มการณทาง การเมอื ง 2. สาเหตุทางสงั คม และชนช้ัน 167 3. สาเหตทุ างวฒั นธรรม และการทหาร 4. สาเหตทุ างดา นเศรษฐกจิ อันเปน ปจ จัยทจ่ี ําเปนตอการดํารงชีวิต @ มมุ IT (วเิ คราะหค าํ ตอบ คาํ ตอบ คอื ขอ 1 โดยประเทศ มหาอาํ นาจตา งแขง ขนั กนั ขยายอาํ นาจเพอื่ ความยง่ิ ใหญ ศึกษาคน ควาขอมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั สงครามโลกคร้งั ท่ี 1 ไดท่ี ของชาตแิ ละตา งแสวงหาพนั ธมติ รเพอื่ ใหฝ า ยตนเขม แขง็ www.historylearningsite.co.uk www.bbc.co.uk/history/worldwars/wwone/ และอุดมการณช าตนิ ยิ มทีต่ องการรวมชาต)ิ คมู ือครู 167

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Engage Explain Evaluate สาํ รวจคนหา (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%) ครใู หนักเรยี นชว ยกันปรบั ปรงุ ๑.๓) การรบในสงครามโลกคร้ังที่ ๑ การรบในสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ ส่วนใหญ่ เสนเวลา (Timeline) สงครามโลก อยู่ในทวปี ยโุ รป และเปน็ สงครามในสนามเพลาะ เพราะมกี ารขดุ หลมุ เปน็ แนวยาวขนาดใหญต่ ง้ั แต่ คร้งั ท่ี 1 ดว ยการสบื คนขอ มลู จาก บริเวณเส้นพรมแดนจากเหนือมาใต้ และทหารของทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้และใช้ชีวิตในสนามเพลาะ แหลง การเรียนรูตางๆ เชน หอ งสมดุ การรบจึงถูกตรึงอยู่กับที่เพราะไม่มีการปะทะกันอย่างเด็ดขาด สงครามจึงยืดเย้ือยาวนานถึง ๔ หองมลั ติมีเดยี อนิ เทอรเน็ต หนังสอื ปี มีการรบทางอากาศ ทางบกในสนามเพลาะ และทางเรือทั้งบนผิวน้า� และใตน้ ้า� ปรากฏการณท์ ี่ อา นเพมิ่ เติม เปน ตน สา� คญั คอื กองทพั บก กองทพั เรอื และกองทพั อากาศประสานการรบอยา่ งเปน็ เอกภาพเปน็ ครง้ั แรก นอกจากน้ี ประเทศคู่สงครามต่างแข่งขันประดิษฐ์และผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ ขยายความเขา ใจ ใหม่ๆ มากมายหลายประเภทท่ีมีอ�านาจในการท�าลายล้างสูง เช่น ปนใหญ่ ปนโฮวิทเซอร์ (Howitzer) รถถงั หุม้ เกราะ เคร่อื งบินตอ่ ส ู้ ปน กล ระเบดิ มอื รวมทัง้ แกส๊ พิษ ในการรบทางเรอื นักเรยี นสบื คนขอ มลู เกย่ี วกับอาวุธ ก็มีการประดิษฐ์เรือด�าน�้าเพ่ือใช้โจมตีเส้นทางล�าเลียงของข้าศึก และเยอรมนีก็เป็นผู้น�าในการ ยุทโธปกรณทป่ี ระเทศยโุ รปใชกนั ใน ใช้เรือด�าน้�าโจมตี แต่ประดิษฐกรรมที่ส�าคัญ คือ เครื่องบิน เพราะเคร่ืองบินท�าให้เกิดสงคราม ชวงสงครามโลกคร้งั ท่ี 1 แลว นํา ทางอากาศข้ึนเป็นครั้งแรก อาวธุ และประดษิ ฐกรรมใหมๆ่ เหล่าน้ีทา� ใหส้ งครามครง้ั นแ้ี ตกตา่ งจาก เสนอหนาชนั้ เรียน สงครามในอดตี มาก มกี ารนองเลอื ดและมผี คู้ นบาดเจบ็ ลม้ ตายเป็นจ�านวนมหาศาล ในปลายสงครามโลก รสั เซยี เกิดการปฏิวตั ิขน้ึ ในเดอื นตลุ าคม ค.ศ. ๑๙๑๗ โดย นักเรยี นควรรู พรรคบอลเชวคิ หลงั ยดึ อา� นาจไดส้ า� เรจ็ พรรคบอลเชวคิ ไดเ้ ปลยี่ นชอื่ เปน็ พรรคคอมมวิ นสิ ต์โซเวยี ต และเปล่ียนการปกครองเปน็ ระบอบสังคมนิยม และถอนตวั ออกจากสงครามโลกครัง้ ท่ ี ๑ สนามเพลาะ คอื แนวต้ังรบั ในการทําสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 àÊŒ¹àÇÅÒ ดวยการขุดหลมุ เพลาะเปนแนว แสดงเหตกุ าร³์สíาคัญãนสงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ ยาวเหยียดหลายแนวสลับซบั ซอ น กนั ไป ดา นหนาทําการสรา ง ๒ø ม.ิ ย. เด×อนตลุ าคม ๑๑ พ.ย. ลวดหนามไวต านทานทหารของ อาร์ชดกุ ฟรานซสิ เฟอรด์ นิ านด์ เกดิ การปฏิวัติ เยอรมนียอมลงนาม ฝา ยขา ศกึ ทหารจะอาศัยอยใู นรู เเละพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์ ที่ขดุ เขาไปใตดินเพอื่ หลบลกู กระสนุ โดยชาวเซริ ์บ ในรสั เซยี ยุติสงคราม ปนใหญของขา ศึกและใชอ ยูอ าศยั ๑ù๑ø หลบั นอน ๑ù๑÷ ๑ù๑÷ ๑ù๑ô ๑ù๑๒ ค.ศ. ๑ù๑๒ - ๑ù๑óเกดิ วกิ ฤตการณ์ ๑ù๑óสงครามบอลขา่ น ขน้ึ ๒ ครงั้ ๑ù๑ô ๑ù๑ô ๑ù๑õ ๑ù๑ö ๑ù๑÷ ๑ù๑ø ๑ù๑ù เกร็ดแนะครู เดอ× นมกราคม ô ส.ค. ประธานาธิบดีวดู โรว์ วิลสนั ครสู รปุ ความคิดรวบยอดดวย ๒ø ก.ค. เยอรมนบี ุกเบลเยยี ม ท�าให้ ประกาศหลกั การ ๑ô ขอ้ การใช Timeline เปน วธิ ีการจดั เรียง ออสเตรีย-ฮงั การีประกาศสงคราม อังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมนี เปน็ เเนวทางสร้างสนั ติภาพ ขอมูลตามลาํ ดับเวลา (พ.ศ.) หรอื กับเซอร์เบยี รสั เซียระดมพลเพือ่ เหตุการณ แสดงใหเหน็ ความสัมพนั ธ ชว่ ยเหลือเซอร์เบยี เยอรมนจี ึง ö เม.ย. ๑ù๑ø ระหวางขอมูลทีเ่ ปนเหตุการณ ประกาศสงครามกบั รัสเซยี ใน สหรฐั อเมริกาประกาศ กบั ระยะเวลาท่เี กิดข้นึ วนั ที่ ๑ ส.ค. สงครามต่อเยอรมนี 168 168 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate ๑.๔) ความหายนะของสงคราม สงครามโลกคร้ังท่ี ๑ ได้สร้างความพินาศและ สาํ รวจคนหา หายนะอันใหญ่หลวงแก่ประเทศคู่สงครามท้ังสองฝ่าย ประมาณว่าในปลาย ค.ศ. ๑๙๑๘ ผู้คน ทั่วโลกกว่า ๖๕ ล้านคนเข้ามามีส่วนร่วมใน ครูใหน ักเรียนไปสืบคนขอมูล สงคราม เม่ือสงครามสิ้นสุดลงจ�านวนทหารที่ เก่ียวกบั ภาวะเศรษฐกจิ ตกตาํ่ เสียชวี ติ มปี ระมาณ ๑๓ ลา้ นคน บาดเจบ็ กว่า ครงั้ ใหญ (The Great Depression ๒๐ ลา้ นคน และกวา่ ๗ ลา้ นคนตอ้ งทพุ พลภาพ ค.ศ. 1929) แลวมาอภิปรายรวมกนั พลเรือนทเี่ สยี ชีวติ มปี ระมาณ ๙ ล้านคน และ ในชน้ั เรียน อีก ๙ ล้านคนเสียชีวิตโดยตรงในสงคราม ประมาณวา่ มลู คา่ ทรพั ยส์ นิ ทเ่ี สยี หายจากสงคราม อธบิ ายความรู ในประเทศต่างๆ คดิ เปน็ มูลคา่ ๓๐๐,๐๐๐ ลา้ น ดอลลารส์ หรฐั และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ครูต้ังคําถามใหน กั เรียนแสดง ต่างๆ อยู่ในสภาวะพงั พินาศ ความคดิ เห็น เชน นอกจากน้ ี จักรวรรดิทีย่ ง่ิ ใหญ่ สภาพความเสียหายของประเทศในยุโรปภายหลังจาก ของยโุ รป ๔ จักรวรรดิ ไดแ้ ก ่ จกั รวรรดริ สั เซยี สงครามโลกครง้ั ท ่ี ๑ ยตุ ลิ ง ซงึ่ ตอ้ งใชเ้ วลานานในการฟน ฟู • นักเรยี นคดิ วา สงครามโลก จกั รวรรดเิ ยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ให้กลบั มาดดี ังเดิม คร้ังท่ี 1 สรา งความหายนะ แกป ระเทศตา งๆ อยา งไรบา ง และจกั รวรรดอิ อตโตมันตอ้ งล่มสลายลง (แนวตอบ ผูคนจาํ นวนมากตอ ง ๑.๕) ผลของสงครามโลก เสยี ชีวิต บาดเจบ็ ทุพพลภาพ ครั้งท่ี ๑ ท่ีส�าคัญ คือ มีการจัดตั้งองค์การ สญู เสยี ทรพั ยส ินมหาศาล และ สนั นบิ าตชาต ิ (The League of Nations) ขนึ้ เพ่ือ ประสบปญ หาเศรษฐกิจตกต่าํ ท�าหน้าท่ีประสานผลประโยชน์และแก้ไขข้อ ท่วั โลกภายหลงั สงคราม) ขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศ ตลอดจนสรา้ งสนั ตภิ าพ และความร่วมมือระหว่างชาติเพื่อป้องกันไม่ให้ • สงครามโลกครัง้ ที่ 1 กอ ใหเ กิด เกิดสงครามข้ึนมาอีก นับเป็นองค์การระหว่าง ผลตอ โลกอยา งไร ประเทศองค์การแรกของโลก และมีการเปิด (แนวตอบ ทําใหเ กดิ การจดั ตงั้ ประชุมเปน็ ครั้งแรกใน ค.ศ. ๑๙๒๐ นอกจากน้ี องคก ารสันนิบาตชาติ เกดิ ยังมีประเทศเกิดขึ้นใหม่ในยุโรปตะวันออก การลมสลายของจักรวรรดิ อกี ๗ ประเทศ ไดแ้ ก่ เชโกสโลวะเกยี โปแลนด ์ ออสเตรีย-ฮังการี รสั เซีย ฮงั การี บัลแกเรยี โรมาเนีย แอลเบเนยี และ การประชุมสันติภาพท่ีกรุงปารีส ค.ศ. ๑๙๑๙ ของฝาย เยอรมนั และออตโตมนั พันธมิตร และมีการทาำ สนธสิ ัญญาแวร์ซาย ซ่งึ ส่วนหนง่ึ ได้ และทําใหเกดิ ประเทศยโุ รป ยูโกสลาเวยี ซง่ึ ตา่ งพยายามสรา้ งระบบการเมอื ง ระบุให้มีการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้นตามแนวคิด ตะวนั ออกขนึ้ ใหม เชน การปกครองให้มัน่ คง แต่ก็ไมส่ �าเร็จมากนกั หลกั การ ๑๔ ข้อของประธานาธบิ ดวี ูดโรว ์ วลิ สัน เชโกสโลวะเกีย โปแลนด ฮังการี บลั แกเรยี เปนตน ) 16๙ ขยายความเขา ใจ นกั เรียนจดั ทาํ สมุดภาพขา ว เกย่ี วกบั เหตกุ ารณปจ จุบนั ไมว า จะเปนการกอการจลาจลหรอื การกอการรา ยในประเทศตางๆ แลวใหว เิ คราะหสาเหตุและผล ของเหตกุ ารณท ่มี ีตอโลก นักเรยี นควรรู เกร็ดแนะครู องคการสนั นิบาตชาติ กอตัง้ ขึ้นใน ค.ศ. 1920 ซง่ึ พัฒนา ครูใหน กั เรยี นทาํ สมดุ เรียนเลม เลก็ ซึ่งเปนกิจกรรมสรางความคดิ อา น มาจากขอ เสนอหลักการ 14 ขอ (Wilson’s Fourteen Points) วเิ คราะห เขยี นสอ่ื ความ โดยใหน กั เรียนหัดพบั กระดาษ A4 แบงกระดาษ ของประธานาธบิ ดวี ูดโรว วิลสันแหง สหรฐั อเมรกิ า มีสาํ นักงาน 1 แผน ออกเปน 8 สวน หรอื 16 สวน แลวบนั ทึกขอ มลู ในแตละสว นของ ใหญต ัง้ อยูท ่ีนครเจนวี า ประเทศสวติ เซอรแลนด กระดาษ เสร็จแลว ระบายสีภาพใหสวยงาม คมู ือครู 169

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%) ครใู หนักเรยี นดวู ีดทิ ศั นส ารคดี ๒) สงครามโลกครั้งท่ี ๒ หลงั สงครามโลกคร้ังท ่ี ๑ สนิ้ สดุ ลงใน ค.ศ. ๑๙๑๘ ยโุ รป เกีย่ วกบั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 แลว ตั้งคําถามกระตนุ ความคดิ ของ มสี นั ติภาพและความสงบสุขอยู่ระยะเวลาหนงึ่ แตเ่ ม่อื พรรคนาซีซึง่ ม ี อดอลฟ์ ฮิตเลอรเ์ ปน็ ผูน้ �ามี นกั เรียนวา อา� นาจทางการเมอื งใน ค.ศ. ๑๙๓๓ เยอรมนไี ดเ้ รม่ิ นโยบายขยายดนิ แดนและอทิ ธพิ ลเขา้ ไปในยโุ รป ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๙๓๖ - ๑๙๓๘ จนนา� ไปสคู่ วามขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศและกลายเปน็ สงครามในทสี่ ดุ • เพราะเหตุใดเยอรมนีตอ งเปน สงครามโลกครง้ั ท ี่ ๒ เปน็ สงครามระหวา่ งประเทศมหาอา� นาจพนั ธมติ ร ประกอบดว้ ย ประเทศผูกอสงคราม องั กฤษ ฝร่ังเศส สหภาพโซเวียต และสหรฐั อเมริกา กับประเทศฝา่ ยอกั ษะ ประกอบดว้ ย เยอรมนี อติ าล ี และญีป่ ุ่น รวมถึงประเทศต่างๆ ท่ัวโลกท่ีสนับสนุนประเทศคู่สงครามทั้ง ๒ ฝ่าย เกดิ ขึน้ • ทาํ ไมเยอรมนีซงึ่ เปนประเทศ เมอ่ื วนั ท ี่ ๓ กนั ยายน ค.ศ. ๑๙๓๙ และสน้ิ สดุ ลงอยา่ งเปน็ ทางการเมอ่ื วนั ท ่ี ๒ กนั ยายน ค.ศ. ๑๙๔๕ ทีป่ ระสบกบั ความเสียหาย โดยสงครามในยโุ รปสิน้ สดุ ก่อนเมื่อวนั ที่ ๘ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ จา� นวนพลเมืองโลกทีเ่ สยี ชวี ติ จากสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ในสงครามมีมากกวา่ ๗๕ ล้านคน มากย่ิงกว่าสงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ อยางหนัก ถึงระดมพลและ สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ เป็นสงครามเบด็ เสรจ็ (Total War) และเปน็ สงครามทมี่ กี ารนา� กําลังอาวุธไดม ากและรวดเรว็ ระเบดิ ปรมาณู ซ่ึงมอี านภุ าพการท�าลายลา้ งสงู กวา่ อาวธุ อน่ื ๆ มาใชเ้ ปน็ ครง้ั แรก ทา� ใหโ้ ลกในเวลา จนสามารถกอสงครามโลก ต่อมาก้าวเขา้ ส่ ู ยุคปรมาณู (Atomic Age) และการเริม่ ต้นของสงครามนิวเคลียร์ (Nuclear War) คร้ังท่ี 2 ได แผนทย่ี โุ รปในช่วงสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ สาํ รวจคนหา สหราชอาณาจักร ฟินแลนด์ ครตู ้ังคําถามวา ในชว งแรกของ สงคราม ฝายอักษะจะเปน ฝายชนะ นอร์เว ์ย เอสโตเนยี สหภาพโซเวียต แตท ําไมในชว งหลงั กลับเปน ฝา ย สวีเดน พายแพ แลวใหน กั เรียนไปสบื คน ไอซแ์ ลนด์ เดนมารก์ ลตั เวยี คําตอบจากแหลง การเรยี นรตู า งๆ เชน หอ งสมุดกลมุ สาระ หอ งสมดุ สเปน ลทิ ัวเนีย โรงเรยี น ขอ มลู จากอินเทอรเน็ต เปนตน เพ่อื นาํ มาอภปิ รายรว มกัน เนเธอรแ์ ลนด์ เยอรมนี ปรสั เซยี ในช้ันเรยี น ตะวนั ออก ฝรัง่ เศสเบลเยยี มลักเซมเบิรก์ อธบิ ายความรู โปแลนด์ นักเรียนรวมกันตอบวา ปจ จยั เชโกสโลวะเกีย ท่ที ําใหฝายอักษะพายแพมีหลาย สวิตเซอรแ์ ลนด์ ออสเตรีย ฮงั การี ประการ เชน การเขา สูสงครามของ โปร ุตเกส โรมาเนีย สหรัฐอเมริกา ซ่ึงเปน ประเทศใหญ ยูโกสลาเวยี บลั แกเรยี มีกําลังทหารและทรพั ยากรมาก ทาํ ใหผ ลติ เสบยี งอาหารและอาวธุ - อติ าลี แอลเบเนีย ยทุ โธปกรณเ ขาชวยฝา ยพันธมติ ร ไดตลอด นอกจากน้ี ฝา ยอกั ษะ กรซี ตรุ กี ยงั ขยายขอบเขตการทําสงคราม อยี ปิ ต์ กวางเกนิ ไป โดยมีขอบเขตไปถงึ โมร็อกโก ประเทศท่ีวางตวั เป็นกลาง ทวปี แอฟรกิ าและเอเชีย ดินแดนทถี่ กู ฝ่ายอกั ษะยดึ ครอง แอลจเี รยี ตนู เิ ซีย ใน ค.ศ. ๑๙๔๒ 170 คมู อื ครู ลเิ บยี วชิ ีฝรงั่ เศส ประเทศฝา่ ยพันธมิตร 17๐ นักเรียนควรรู สงครามเบ็ดเสร็จ เปน การทําสงครามที่มจี ดุ มุงหมายไมจ ํากัด กลาวคอื ประเทศคูสงคราม สามารถใชเ คร่อื งมอื และวธิ ีการทกุ อยา งเพอื่ แสดงกําลงั อาํ นาจของชาติไดอยา งเต็มที่ โดยท่ี ประชาชนทุกคนมสี วนรวมในการสงคราม เกอื บทกุ ชาติเขา รว มในสงคราม มกี ารละเมดิ กฎกติการะหวางประเทศวาดวยสงครามจํานวนมาก

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สาํ รวจคนหา ๒.๑) ชนวนของสงครามโลกครั้งท่ี ๒ เกิดขึ้นเม่ือเยอรมนีบุกโปแลนด์ในวันท ่ี ครูใหนกั เรยี นศึกษาสาเหตุท่ี ๓ กันยายน ค.ศ. ๑๙๓๙ อังกฤษและฝร่งั เศสซงึ่ สนับสนนุ โปแลนดจ์ งึ ประกาศสงครามตอ่ เยอรมน ี นาํ ไปสูสงครามโลกคร้งั ที่ 2 จาก อีก ๑ เดอื นตอ่ มา เยอรมนีก็บุกเดนมาร์กและนอร์เวย์ และสามารถยึดครองประเทศดังกล่าว แหลง การเรียนรตู างๆ แลว สรุป รวมทงั้ เบลเยยี มไดภ้ ายในเวลา ๖ สปั ดาห ์ สหภาพโซเวยี ตซง่ึ เปน็ พนั ธมติ รกบั เยอรมนีในระยะแรก เปนแผนผังความคดิ ของสงครามจงึ เหน็ เปน็ โอกาสบกุ โปแลนดด์ ว้ ย รวมทง้ั ประกาศสงครามกับฟินแลนด์และประเทศ แถบทะเลบอลติก สงครามในยุโรปจึงขยายตัวและภายในเวลาอันส้ันนานาประเทศก็ถูกดึงให้เข้า อธิบายความรู รว่ มในสงคราม ตอ่ มาใน ค.ศ. ๑๙๔๑ ญ่ีปนุ่ ซ่งึ สนบั สนุนเยอรมนีไดโ้ จมตีฐานทัพเรอื สหรัฐอเมรกิ า ทอ่ี ่าวเพิรล์ หมเู่ กาะฮาวาย การโจมตดี ังกล่าวทา� ใหส้ งครามขยายตัวไปยงั สว่ นอ่ืนๆ ของโลกและ ครสู มุ นกั เรียนตอบคาํ ถามวา เปน็ การเรมิ่ ตน้ ของสงครามดา้ นมหาสมทุ รแปซฟิ กิ และตะวนั ออกไกล เยอรมนจี งึ ประกาศสงคราม สงครามโลกคร้งั ที่ 2 เกดิ จากสาเหตุ กบั สหรัฐอเมริกาซงึ่ ท�าให้สหรฐั อเมริกาเขา้ สูส่ งครามในยุโรป ใด และสงผลกระทบตอมนุษยชาติ ๒.๒) สาเหตขุ องสงครามโลกคร้งั ท ่ี ๒ ทสี่ า� คญั มดี งั นี้ อยา งไร สาเหตขุ องสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ (แนวตอบ เกดิ จากสาเหตุหลาย ประการ ท่ีสาํ คญั ไดแ ก ความไมเ่ ป็น หลงั จากสงครามโลกครงั้ ท่ี ๑ ยตุ ลิ ง เยอรมนีถกู บีบบังคบั ให้ลงนามในสนธสิ ัญญาแวรซ์ ายใน ธรรมของ ค.ศ. ๑๙๑๙ ซึ่งสูญเสียดินแดนทั้งในยุโรปและอาณานิคม รวมท้ังถูกลดก�าลังอาวุธและต้อง 1. ความไมเ ปน ธรรมของ สนธิสญั ญา เสียค่าปฏกิ รรมสงครามรวม ๖,๖๐๐ ล้านปอนด์ เยอรมนจี งึ ตอ่ ตา้ นสนธิสัญญาแวร์ซายและ สนธสิ ัญญาแวรซายทีบ่ บี ค้ัน สันตภิ าพ มุง่ ท�าลายข้อตกลงในสนธิสัญญา เม่อื ฮติ เลอรเ์ ปน็ ผนู้ �าเยอรมนี เขาจึงดา� เนนิ นโยบายลม้ ลา้ ง เยอรมนมี ากเกินไป เงอ่ื นไขและขอ้ ตกลงในสนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย ซง่ึ นา� ไปสวู่ กิ ฤตการณค์ วามขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศ ระหว่าง ค.ศ. ๑๙๓๖ - ๑๙๓๘ จนนา� ไปส่กู ารเกดิ สงครามในท่ีสดุ 2. ความลมเหลวในการดําเนนิ งาน ขององคก ารสนั นบิ าตชาติ องค์การสันนิบาตชาติซึ่งท�าหน้าท่ีสร้างสันติภาพและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ความล้มเหลว ประสบความลม้ เหลวในการด�าเนินงานนับตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๓๒ เป็นตน้ มา การทส่ี หรัฐอเมรกิ า 3. การขยายตวั ของลทั ธฟิ าสซิสต ขององคก์ าร ซ่ึงเป็นประเทศมหาอ�านาจส�าคัญไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกก็ท�าให้สันนิบาตชาติไม่เข้มแข็ง และลัทธนิ าซี ซ่ึงนําไปสกู ารเกดิ สันนิบาตชาติ นอกจากน้ี สันนิบาตชาตยิ งั ล้มเหลวทีจ่ ะใช้มาตรการทางการทตู ยบั ยัง้ การละเมดิ สนธิสัญญา กรณีพพิ าทระหวางประเทศ แวรซ์ ายของเยอรมนี ซึง่ น�าไปส่กู ารรุกรานและการเกดิ สงครามในเวลาต่อมา 4. ลัทธินิยมทหารและการแขง ขัน ทางเศรษฐกิจ การขยายตวั เมื่อมสุ โสลนี ีกา้ วข้นึ สูอ่ า� นาจทางการเมอื งในอติ าลีใน ค.ศ. ๑๙๒๒ และฮติ เลอร์ไดเ้ ปน็ ผ้นู �า ของลัทธิ เยอรมนีใน ค.ศ. ๑๙๓๓ ทงั้ มสุ โสลีนแี ละฮติ เลอร์ตา่ งพยายามขยายบทบาทและอทิ ธิพลของ สว นผลกระทบของสงคราม ทาํ ให ลทั ธฟิ าสซสิ ตแ์ ละลทั ธนิ าซี ซงึ่ เนน้ แนวความคดิ ชาตนิ ยิ มและการขยายดนิ แดน รวมทง้ั การนา� เกิดการสญู เสยี ชวี ิตทง้ั ทหารและ ฟาสซสิ ตแ์ ละ สงครามเขา้ ไปในประเทศยโุ รปตา่ งๆ ทา� ใหเ้ กดิ กรณพี พิ าทระหวา่ งประเทศและนา� ไปสสู่ งคราม พลเรอื นเปน จํานวนมาก มีหลายคน ลทั ธนิ าซี ท่ตี องทพุ พลภาพและไรท่อี ยูอาศัย) ลัทธนิ ยิ ม ในการจะท�าลายขอ้ ตกลงในสนธิสัญญาแวร์ซาย เยอรมนีเหน็ ความจา� เปน็ ที่จะต้องเสริมสร้าง นกั เรียนควรรู ทหารและการ ก�าลังทางทหารและอาวุธอย่างลับๆ ลัทธินิยมทหารจึงมีบทบาทส�าคัญมากขึ้นและท�าให้การ แขง่ ขนั ทาง พยายามควบคมุ และลดกา� ลงั อาวธุ ระหวา่ งประเทศลม้ เหลว นอกจากนี้ การแขง่ ขนั ทางเศรษฐกจิ สงครามดานมหาสมทุ รแปซิฟก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเมืองและสังคมก็น�าไปสู่การแย่งชิงดินแดนและการขยาย เร่ิมตง้ั แตญ ีป่ ุนบุกยึดแมนจเู รยี ซึ่ง เศรษฐกจิ อ�านาจระหวา่ งประเทศ ท�าให้เกดิ ความขดั แยง้ ระหว่างประเทศขึ้นซง่ึ พัฒนาไปสู่สงคราม เปนของจีนใน ค.ศ. 1931 ตอมาก็ 171 บุกจนี และเมื่อฝร่ังเศสแพเยอรมนี ใน ค.ศ. 1940 ญป่ี ุน กเ็ ขา ยดึ อนิ โดจนี ของฝรั่งเศส และเขาโจมตอี าวเพริ ล และฐานทัพอืน่ ๆ ของสหรัฐอเมริกา ในมหาสมุทรแปซฟิ ก เชน เกาะกวม ฟลปิ ปน ส เปนตน ทง้ั ยงั โจมตฮี องกงและมลายูขององั กฤษดว ย ตอมาไดย ดึ สงิ คโปรข องอังกฤษใน ค.ศ. 1942 สวนบรเิ วณ มหาสมุทรแปซิฟก ดา นใต ญป่ี นุ ไดบกุ โจมตีเกาะตางๆ ซ่งึ เปน กองทพั เรือสหรัฐอเมรกิ า และญปี่ นุ เปน ฝา ยพา ยแพ คูมอื ครู 171

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate สาํ รวจคน หา àÊŒ¹àÇÅÒ (ยอ จากฉบบั นกั เรียน 20%) áÊ´§à˵ءÒóʏ Òí ¤ÑÞã¹Ê§¤ÃÒÁโÅ¡¤Ãé§Ñ ·Õè ò นักเรยี นสบื คนขอมลู การยกพล ๒.๓) การรบในสงครามโลก ข้ึนบกของฝา ยพนั ธมิตรจากแหลง ñùôð ñùôó ñùôò ñùôñ ñùôð ñùóù ñùóù ครงั้ ที่ ๒ ระหวาง ค.ศ. ๑๙๓๙-๑๙๔๐ เยอรมนี การเรยี นรตู างๆ เชน อินเทอรเนต็ àÂÍÃÁ¹âÕ ¨ÁµÕ¹ÍÏàǏ àÂÍÃÁ¹Õ ยึดครองยุโรปไดเกือบทั้งหมดยกเวนอังกฤษ วีดทิ ัศนส ารคดี เปนตน แลวนํามา áÅÐà´¹ÁÒÏ¡ µ‹ÍÁÒ ºØ¡â»áŹ´ เยอรมนีจึงหันไปบุกสหภาพโซเวียตในเดือน อภิปรายรว มกนั ในชัน้ เรยี น ºØ¡Â´Ö ¡Ãا»ÒÃÕÊ ñùôñ มิถุนายน ค.ศ. ๑๙๔๑ การบุกสหภาพโซเวียต ¢Í§½Ã§Ñè àÈÊ Þ»Õè †Ø¹ºØ¡â¨ÁµÕÍ‹ÒÇà¾ÔÃŏ ทําใหอังกฤษประกาศสนับสนุนสหภาพโซเวียต อธิบายความรู ñùôò ·ÕËè Áà‹Ù ¡ÒÐÎÒÇÒ ʋ§¼ÅãËŒ ใหทําสงครามกับเยอรมนี และเมื่อญี่ปุนโจมตี Þè»Õ ؆¹º¡Ø Â´Ö Ê§Ô ¤â»Ã ÊËÃ°Ñ ÍàÁÃ¡Ô Ò»ÃСÒÈ สหรัฐอเมริกาท่ีอาวเพิรล หมูเกาะฮาวายใน ครถู ามนักเรียนวา การยกพล «§Öè ໚¹°Ò¹·¾Ñ ÊíÒ¤ÑÞ Ê§¤ÃÒÁ¡ºÑ ÞÕ»è Ø†¹ วันท่ี ๗ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๔๑ สหรัฐอเมริกา ขึน้ บกของฝายพันธมิตรมีสวน ¢Í§Íѧ¡ÄÉ ก็เขาสูสงครามกับฝายพันธมิตร สงครามยัง เปลยี่ นแปลงสถานการณก ารรบ ขยายตัวจากยุโรปไปยังมหาสมุทรแปซิฟกและ ในสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 อยา งไร ñùôõ ñùôõ ñùôô ñùôô ตะวันออกไกล àÂÍÃÁ¹ÕÂÍÁᾌ áÅÐàÁ×èÍ ½†Ò¾ѹ¸ÁԵà (แนวตอบ ทาํ ใหฝา ยพนั ธมติ ร ÊËÃ°Ñ ÍàÁÃ¡Ô Ò·éÔ§ÃÐàºÔ´ ¡¾Å¢é¹Ö º¡ ระหวา ง ค.ศ. ๑๙๔๑ - ๑๙๔๔ สามารถปลดปลอยเบลเยยี ม »ÃÁÒ³¶Ù Å‹ÁàÁ×ͧÎÔâÃЪÁÔ Ð ã¹Çѹ´-Õ à´Â (D-Day) ประเทศพันธมิตรผนึกกําลังกันเพ่ือเอาชนะ เนเธอรแ ลนด และฝรง่ั เศสจาก áÅÐ¹Ð§Ð«Ð¡Ô ·Òí ãËŒÞèջع† เยอรมนีและนําไปสูการประชุมระหวางประเทศ การยดึ ครองของนาซีไดสําเร็จ ÂÍÁᾌ ʧ¤ÃÒÁ¨Ö§ÂصÅÔ § หลายคร้ัง รวมทั้งการตัดสินใจยกพลขึ้นบกใน และเปด โอกาสใหส หภาพโซเวยี ตรุก วันดี-เดยเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ค.ศ. ๑๙๔๔ โจมตเี ยอรมนเี ขา มาทางตะวันออก ๑๗๒ โดยฝายพันธมิตรประสบความสําเร็จในการ ไดสะดวกมากขึ้น ฝา ยพันธมิตร ยกพลขึ้นบกและสามารถปลดปลอยเบลเยียม เปน ฝายรุกคืบหนาไปเรอ่ื ยจน เนเธอรแ ลนด และฝรงั่ เศสจากการยดึ ครองของ เยอรมนตี อ งยอมแพในท่สี ุด) เยอรมนี และเปดโอกาสใหสหภาพโซเวียตเริ่ม รกุ โจมตเี ยอรมนเี ขา มาทางตะวนั ออกไดส ะดวก ขยายความเขาใจ ย่ิงขึ้น สงผลใหเยอรมนีเร่ิมพายแพในแนวรบ ดานตางๆ และตอมาก็ยอมยุติสงครามเมื่อ นักเรยี นคิดวาการใชร ะเบดิ วันที่ ๘ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ สงครามใน ปรมาณูของสหรฐั อเมรกิ าในการ ยุโรปจงึ สิน้ สดุ ลง สว นในเอเชยี สงครามยงั คง เผด็จศึกญีป่ นุ น้ันมีผลตอ โลกอยางไร ดําเนินตอไปอีกระยะหนึ่งและสิ้นสุดลงหลังจาก สหรฐั อเมรกิ าทง้ิ ระเบดิ ปรมาณทู เี่ มอื งฮโิ ระชมิ ะ (แนวตอบ ระเบิดปรมาณนู อกจาก และนะงะซะกขิ องญป่ี ุนในเดอื นสิงหาคม ค.ศ. จะทําใหชาวญปี่ นุ ตอ งเสียชวี ติ ๑๙๔๕ จํานวนมากแลว ยงั ทาํ ใหนานา ประเทศตางตระหนักถึงภัยอนั ตราย นกั เรียนควรรู รายแรงของอาวุธนิวเคลียรท่ีสามารถ ทาํ ลายลางโลกไดใ นพริบตา ดงั นน้ั ญป่ี ุนยอมแพ การทาํ พธิ ยี อมจาํ นนอยางเปนทางการของญปี่ นุ มีขนึ้ ในวนั ท่ี 2 กนั ยายน ประเทศมหาอาํ นาจจงึ แขงขนั กัน ค.ศ. 1945 บนเรือรบอเมรกิ นั ชื่อ มิสซรู ี (Missouri) ณ อา วโตเกยี ว ตอหนานายพลดกั ลาส ผลิตอาวุธเพอื่ ปองกนั ตัวเองและ แมกอารเ ทอร ผบู ญั ชาการสูงสดุ ของกองกาํ ลังพันธมติ ร และเปน ผูไดรับมอบใหทําหนา ท่ี เพ่ือความยง่ิ ใหญข องตน และ ยดึ ครองญปี่ ุน ตอ ไป ภายหลังตอ มากไ็ ดมีการรว มมอื กัน ในการลดกาํ ลงั อาวธุ เพื่อ ความม่นั คงปลอดภยั ของโลก) 172 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒.๔) ผลของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่ีส�าคัญคือ ประเทศมหาอ�านาจยุโรปได้ กระตุนความสนใจ สูญเสียสถานภาพความเป็นประเทศมหาอ�านาจ สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตกลายเป็น ประเทศอภมิ หาอา� นาจทมี่ บี ทบาทและอทิ ธพิ ลในยโุ รป การขยายอา� นาจของสหภาพโซเวยี ตเขา้ ไป ครใู หนักเรยี นดูภาพยนตรเรือ่ ง ในประเทศยโุ รปตะวนั ออกในชว่ งก่อนสงครามจะสน้ิ สุดลงทา� ใหส้ หรฐั อเมริกาต้องเขา้ มาชว่ ยเหลอื The Pianist แลวตั้งคาํ ถามวา ประเทศยโุ รปตะวนั ตกในการบรู ณะฟน ฟปู ระเทศ และขดั ขวางการขยายอทิ ธพิ ลของสหภาพโซเวยี ต ท�าให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและอุดมการณ์ระหว่างกลุ่มประเทศประชาธิปไตยที่มีสหรัฐ- • ทาํ ไมนาซีเยอรมันตองเขนฆา อเมริกาเป็นผู้น�า กับกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ท่ีมีสหภาพโซเวียตเป็นผู้น�า ซ่ึงน�าไปสู่การเกิด ชาวยวิ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเย็นในยุโรปและต่อมาก็ขยายขอบเขตไปยังพ้ืนท่ีต่างๆ ของโลก นอกจากนี้ การแข่งขัน กันขยายอ�านาจและอิทธิพลในยุโรประหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตยังท�าให้ยุโรปถูกแบ่ง • การฆา ชาวยวิ เปน การละเมิด ออกเป็น ๒ ส่วน คอื ยุโรปตะวันตกกับยุโรปตะวันออก การแบ่งแยกยุโรปดังกล่าวทา� ให้ปัญหา สทิ ธมิ นษุ ยชนหรอื ไม อยา งไร การรวมยโุ รปใหเ้ ปน็ หนง่ึ เดยี วกนั อกี ครง้ั กลายเปน็ ปญั หาสา� คญั ในครง่ึ หลงั ของครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๒๐ ประเทศพนั ธมติ รทช่ี นะสงครามยงั ตระหนกั วา่ ลทั ธนิ าซขี องเยอรมนเี ปน็ ภยั คกุ คาม สาํ รวจคนหา ตอ่ สนั ตภิ าพและทา� ใหเ้ กดิ สงคราม ดงั นน้ั หลงั สงครามโลกประเทศพนั ธมติ รจงึ จดั การพจิ ารณาคดี ท่ีเมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ระหว่าง ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๔๙ เพื่อพิจารณาความผิดของ ครูใหน กั เรยี นทาํ สมุดเรียน ผู้น�าคนส�าคัญของพรรคนาซี การเลือกเมืองนูเรมเบิร์กเป็นสถานที่พิจารณาคดีเพราะเป็น เลมเล็กเกย่ี วกบั สาเหตแุ ละผลของ เมอื งท่ีไดช้ อ่ื วา่ เปน็ สถานทจ่ี ดั ชมุ นมุ ใหญป่ ระจา� ปขี องพรรคนาซ ี และมกี ารออกกฎหมายนเู รมเบริ ก์ สงครามโลกครง้ั ที่ 2 เพ่ิมเตมิ จาก เพื่อกวาดล้างชาวยิว การพิจารณาคดีนูเรมเบิร์ก (Nuremberg Trials) จึงเป็นการเปิดเผยความ หนงั สอื เรยี น จากนั้นมาอภปิ ราย ชั่วร้ายของลัทธินาซีให้ประชาคมโลกได้รับรู้ เหล่าผู้น�านาซีถูกตัดสินว่ามีความผิดด้วยการก่อ รว มกนั ในชนั้ เรียน อาชญากรรมตอ่ สนั ตภิ าพและกอ่ สงคราม อกี ทง้ั ศาลยงั พจิ ารณาตดั สนิ วา่ องคก์ ารของพรรคนาซี อธิบายความรู ได้แก่ หน่วยเอสเอส (SS) หน่วยเอสดี (SD) และหน่วยเกสตาโป (Gestapo) เป็นองค์การ • หลังสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 สน้ิ สดุ ลง อาชญากรสงคราม ซึ่งบรรดาสมาชิกของ สหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวยี ตได ท้ัง ๓ องค์การต้องถูกข้ึนศาลเพ่ือพิจารณา มีบทบาทตอ โลกอยา งไร ความผิดดว้ ย นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้ง (แนวตอบ สหรัฐอเมริกาและ องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ขนึ้ สหภาพโซเวียตไดกลายเปน เพ่ือเป็นองค์การระหว่างประเทศที่จะท�าหน้าที่ การพิจารณาคดีนูเรมเบิร์ก ที่ประเทศเยอรมนี ระหว่าง ประเทศมหาอาํ นาจแทนประเทศใน ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๔๙ เพ่ือตัดสินความผิดของสมาชิก ยุโรป โดยสหรฐั อเมริกาชว ยเหลือ รักษาสันติภาพและเสริมสร้างความร่วมมือ และผู้นำาคนสำาคัญของพรรคนาซีที่ก่ออาชญากรรมต่อ ประเทศยโุ รปตะวนั ตกในการบรู ณะ ระหวา่ งประเทศในระดับโลก มนุษยชาติในชว่ งสงครามโลกครั้งที ่ ๒ ฟนฟูประเทศ สว นสหภาพโซเวยี ต กข็ ยายอทิ ธิพลในยุโรปตะวันออก 17๓ ตอ มาทง้ั 2 ฝา ยขดั แยง กนั จนนาํ ไปสกู ารเกดิ ภาวะสงครามเยน็ ) • การพิจารณาคดนี เู รมเบิรก มีความสาํ คญั อยา งไร (แนวตอบ เปนการพจิ ารณาคดี อดตี ผนู าํ นาซีคนสําคญั และผูที่ เคยรว มมอื กบั นาซีในการกอ ทารุณกรรมในคายกกั กนั ดวย การสังหารชาวยวิ อยา งโหดเหยี้ ม ทารณุ ) นักเรยี นควรรู คูมอื ครู 173 การพจิ ารณาคดนี เู รมเบริ ก เร่ิมขึน้ ในวนั ที่ 20 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1945 โดยมผี ูตอ งหา 22 คน ดําเนนิ การโดยใชภาษาตา งประเทศ 4 ภาษา เอกสารหลกั ฐานทง้ั หมดรวบรวมได 42 เลม ใหญ การพิจารณาคดสี ิน้ สุดลงในวันที่ 1 ตลุ าคม ค.ศ. 1946 โดยจําเลยสว นใหญถูกศาลตดั สิน ประหารชีวิต มีเพยี ง 3 คนทไี่ ดร บั การปลอยตวั

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุนความสนใจ (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%) ครูใหนกั เรยี นดูภาพยนตรเรือ่ ง 1.๒ สงครามเยน็ ทงุ สังหาร (Killing Field) แลว สงครามโลกคร้ังท ี่ ๒ ท่สี น้ิ สุดลงท�าใหส้ หรฐั อเมริกาซึง่ มฐี านะทางเศรษฐกิจท่ีเข้มแข็งกลาย ซกั ถามนักเรียนใหคิดวา ทําไม เป็นผู้นา� ของโลกเสรีประชาธปิ ไตย และเปน็ ประเทศผนู้ �าในการบรู ณะฟนฟปู ระเทศตา่ งๆ ในยโุ รป ทหารอเมรกิ ันจงึ ตอ งมาทาํ สงคราม ที่ประสบความหายนะจากสงคราม สหภาพโซเวียตซ่ึงมีบทบาทส�าคัญในการปลดปล่อยยุโรป ในเวียดนาม ตะวนั ออกจากการยดึ ครองของนาซกี ป็ ระสบความสา� เรจ็ ในการขยายลทั ธคิ อมมวิ นสิ ตแ์ ละยึดครอง ยุโรปตะวันออก โลกจงึ ถูกแบง่ ออกเป็น ๒ คา่ ยอุดมการณท์ างการเมอื ง คอื คา่ ยเสรีประชาธปิ ไตย (แนวตอบ เพราะสหรัฐอเมรกิ า ซึ่งมีสหรฐั อเมริกาเป็นผ้นู �า กับค่ายคอมมิวนิสต์ทีม่ สี หภาพโซเวยี ตเปน็ ผู้น�า ความแตกต่างของท้ัง ตอ งการขยายอาํ นาจและอิทธิพล สองคา่ ยในระบอบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทา� ให้เกดิ ความขัดแยง้ กัน เขา ไปยงั ดินแดนทมี่ คี วามขดั แยง ) ย่ิงเม่ือสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตต่างแข่งขันกันขยายอ�านาจและอิทธิพลด้วยวิธีการต่างๆ กท็ า� ใหเ้ กดิ สภาวะความขดั แยง้ ทางการเมอื งท่ีไม่ใชท่ ง้ั สงครามและสนั ตภิ าพ ทเ่ี รยี กวา่ สงครามเยน็ สํารวจคนหา สงครามเย็นเกิดข้ึนในทวีปยุโรปก่อนและต่อมาได้ขยายขอบเขตไปท่ัวโลกระหว่าง ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๙๑ โดยเปน็ สงครามท่ีประเทศคู่สงครามไม่ใชอ้ าวธุ ท�าสงครามกนั อยา่ งเปดิ เผย แต่จะ ครใู หนกั เรยี นสบื คน ขอมูลเก่ียวกับ มกี ารสะสมกา� ลงั อาวธุ และกา� ลงั รบควบคไู่ ปกบั การตอ่ สดู้ ว้ ยวธิ กี ารแขง่ ขนั แยง่ ชงิ อา� นาจและอทิ ธพิ ล ความแตกตางระหวางสงครามเย็น ในด้านต่างๆ เช่น ด้านการทูต ด้านการทหาร ด้านการโฆษณาชวนเช่ือ ด้านอุดมการณ์ทาง กบั สงครามโลก จากนนั้ นาํ ขอ มลู การเมอื งและการแสวงหาพนั ธมิตรไวเ้ ป็นพวกหรือบริวาร และอื่นๆ มาอภปิ รายรว มกนั ในชัน้ เรียน ๑) หลักการทรูแมน สงครามเย็นเกิดขึ้นอย่างชัดเจนใน ค.ศ. ๑๙๔๗ เมื่อเกิด อธิบายความรู สงครามกลางเมืองกรีซในช่วงหลังสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ โดยพรรคคอมมิวนิสต์กรีซได้ต่อต้าน รัฐบาลประชาธิปไตยท่ีสนับสนุนการปกครอง ครตู ้ังคาํ ถามแลว ใหน กั เรยี นแสดง แบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ อังกฤษขอให้ ความคิดเห็นวา สหรัฐอเมริกาสนับสนุนกรีซเพ่ือรักษาไว้ซึ่ง อุดมการณ์ประชาธิปไตย สหรัฐอเมริกาจึง • สงครามเยน็ เกดิ ขนึ้ จาก ประกาศหลกั การทรแู มน (Truman Doctrine) สาเหตุใด เมื่อวนั ท ่ี ๑๒ มนี าคม ค.ศ. ๑๙๔๗ ซึง่ มสี าระ (แนวตอบ สงครามเยน็ เกิดจาก ส�าคัญที่จะช่วยเหลือประเทศต่างๆ ท่ีถูกลัทธิ ความขดั แยง ทางดา นอดุ มการณ คอมมวิ นสิ ตค์ กุ คาม พรอ้ มทงั้ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางการเมืองของประเทศ ดา้ นกา� ลงั อาวธุ และการเงนิ แกก่ รซี และตรุ กเี ปน็ มหาอาํ นาจทง้ั สองประเทศ คือ ตัวอย่าง การประกาศหลักการทรูแมนจึงเป็น สหรฐั อเมรกิ าทมี่ ีการปกครอง การเร่ิมต้นอย่างเป็นทางการของสงครามเย็น ในระบอบประชาธปิ ไตยกับ ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส ทรูแมน ลงนามในแผนการ และความช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาก็ท�าให้ สหภาพโซเวยี ตที่ปกครอง มาร์แชลล์ อนุมัติให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆ รฐั บาลกรีซเปน็ ฝ่ายชนะสงคราม ในระบอบคอมมวิ นิสต) ในยโุ รปตะวนั ตกทไ่ี ดร้ บั ความเสยี หายจากสงคราม • วธิ ีการท่ปี ระเทศตางๆ ใช 17๔ ในสงครามเย็นมอี ะไรบา ง (แนวตอบ เชน การแขง ขนั นักเรยี นควรรู ทางดานอาวุธ การใหความ ชว ยเหลือทางดา นเศรษฐกิจ หลักการทรูแมน เปน ท่มี าของแผนการมารแ ชลลอ ันเปน แผนการฟน ฟเู ศรษฐกจิ ของยุโรป การใชน โยบายทางการทูต ซึ่งเปน หัวเลีย้ วหวั ตอของการเปล่ยี นแปลงแนวนโยบายตางประเทศของสหรฐั อเมริกาจาก การโฆษณาชวนเชอื่ เพื่อ นโยบายอยอู ยา งโดดเดีย่ วตามหลกั การมอนโร มาเปนการเขาไปเก่ียวขอ งกับเรอ่ื งภายในของ สรางความรูสกึ และทัศนะทีด่ ี ยุโรปอยา งเตม็ ที่ ฝายสหภาพโซเวยี ตถือวาการประกาศหลักการทรูแมนของสหรัฐอเมรกิ า เก่ยี วกับประเทศของตน เปน การแบง โลกออกเปน 2 คา ยอยางเปด เผย คอื คา ยสหภาพโซเวียตกับคายสหรฐั อเมรกิ า โดยใชค ําพดู สงิ่ ตพี ิมพ และ การเผยแพรเอกสารตางๆ เปนตน) 174 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ในปีเดียวกันน้ัน สหรัฐอเมริกาก็ได้ประกาศแผนการมาร์แชลล์ (Marshall Plan) สาํ รวจคน หา เพ่ือชว่ ยเหลอื ทางเศรษฐกิจแก่ประเทศตา่ งๆ ในยุโรปเพื่อใหฟ้ นตัวจากความหายนะทางเศรษฐกจิ สหภาพโซเวียตจึงจัดต้ังองค์การโคเมคอน (Comecon) ขึ้นใน ค.ศ. ๑๙๔๙ เพ่ือตอบโต้และ ใหน ักเรยี นแบง กลุมศึกษา ชว่ ยเหลือทางดา้ นเศรษฐกจิ แกก่ ล่มุ ประเทศคอมมวิ นิสต์ด้วย วิกฤตการณส งครามเยน็ ทส่ี าํ คัญ ในปีเดียวกัน ประเทศตะวันตกก็ร่วมมือกันจัดตั้งองค์การทางทหาร คือ องค์การ เชน การปด ก้ันเบอรล นิ สงคราม สนธสิ ัญญาแอตแลนตกิ เหนือหรือนาโต (North Atlantic Treaty Organization : NATO) ขึน้ เกาหลี วิกฤตการณขีปนาวธุ ที่ควิ บา เพ่ือป้องกันการรุกรานของสหภาพโซเวียต สหภาพโซเวียตจึงจัดต้ังองค์การสนธิสัญญาวอร์ซอ การบกุ เชโกสโลวะเกยี สงคราม (Warsaw Treaty Organization : WTO) ใน ค.ศ. ๑๙๕๕ องค์การทางทหารดังกล่าวท�าให้ เวียดนาม เปนตน กลุม ละ 1 เร่ือง กลมุ่ ประเทศท้งั สองคา่ ยหวาดระแวงกัน และทา� ให้เกิดความตงึ เครียดทางการเมือง แลววเิ คราะหถงึ สาเหตุและผลของ วิกฤตการณด งั กลา ว โดยทาํ เปน ๒) วิกฤตการณ์สงครามเย็น แม้ภาวะความขัดแย้งของสงครามเย็นจะน�าไปสู่ รายงานสงครผู ูส อน การเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองท่ีล่อแหลมต่อสงครามและบรรยากาศความตึงเครียดทาง การเมืองระหว่างประเทศหลายคร้ัง แต่ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตก็พยายามหลีกเล่ียง อธิบายความรู ความขัดแยง้ ท่ีจะนา� ไปสกู่ ารเกิดสงคราม เนอ่ื งจากทงั้ สองประเทศต่างครอบครองอาวธุ นิวเคลยี ร์ หากเกิดสงครามข้ึนก็ย่อมจะประสบกับความพินาศพร้อมกันอย่างแน่นอน (MAD - Mutual • เพราะเหตใุ ดสหรฐั อเมริกากับ Assured Destruction) ดงั นนั้ ทงั้ สองฝา่ ยจงึ ดา� เนนิ นโยบายแขง็ กรา้ วเพอื่ ขม่ ขซู่ ง่ึ กนั และกนั เทา่ นน้ั สหภาพโซเวยี ตถงึ ไมส รู บกนั วกิ ฤตการณส์ งครามเยน็ ทส่ี า� คญั เชน่ การปดิ กนั้ เบอรล์ นิ (Berlin Blockade, ค.ศ. ๑๙๔๘-๑๙๔๙) โดยตรงในสงครามเยน็ สงครามเกาหล ี (Korean War, ค.ศ. ๑๙๕๐) วิกฤตการณ์ขีปนาวธุ ทคี่ วิ บา (Cuban Missile Crisis, (แนวตอบ เพราะท้ังสองประเทศ ค.ศ. ๑๙๖๒) การบกุ เชโกสโลวะเกยี ค.ศ. ๑๙๖๘ ตางมอี าวธุ นวิ เคลียร หากสูรบกัน สงครามเวยี ดนาม (Vietnam War, ค.ศ. ๑๙๖๐ กจ็ ะไมมปี ระเทศใดแพชนะและ - ๑๙๗๕) เป็นต้น จะทาํ ใหพนิ าศดว ยกันทง้ั คู) ๓) การผอ่ นคลายความตงึ เครยี ด • นโยบายผอนคลายความตึงเครียด ระหว่าง ค.ศ. ๑๙๖๙ -๑๙๗๙ สหรัฐอเมริกา มีผลตอโลกในชว งสงครามเย็น และสหภาพโซเวียตต่างปรับเปล่ียนนโยบาย อยา งไร ต่างประเทศที่มุ่งแข่งขันกันขยายอ�านาจและ (แนวตอบ สงผลใหสหรัฐอเมริกา แผ่อิทธิพล รวมทั้งการสะสมและสร้างอาวุธ และสหภาพโซเวียตสามารถบรรลุ นวิ เคลยี รม์ าเปน็ การสรา้ งความสมั พนั ธฉ์ นั มติ ร ขอตกลงระหวา งกันไดใ นหลาย ตอ่ กนั และรว่ มมอื กนั ทง้ั ในดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม เรอ่ื ง เชน การเจรจาลดขีปนาวธุ การค้า และวัฒนธรรมมากข้ึน ความสัมพันธ์ (ขวา) ประธานาธบิ ดรี ชิ ารด์ นกิ สนั แหง่ สหรฐั อเมรกิ ากาำ ลงั ทําใหบรรยากาศตึงเครยี ดของ ทางการทตู ดงั กลา่ ว ทา� ใหบ้ รรยากาศอนั ตงึ เครยี ด สนทนากับประธานาธิบดีเลโอนิด เบรจเนฟแห่งสหภาพ สงครามเย็นผอ นคลายลง) ของสงครามเย็นผ่อนคลายลงทั้งในทวีปยุโรป โซเวยี ต (ซา้ ย) ในโอกาสทผ่ี นู้ าำ สหภาพโซเวยี ตเดนิ ทางเยอื น สหรัฐอเมรกิ า เมอื่ วันที ่ ๑๙ มถิ นุ ายน ค.ศ. ๑๙๗๓ เกรด็ แนะครู 175 ครูอาจใชเ ทคนิคกลุม สบื คน เพ่อื ใหน ักเรียนรจู กั สืบคน ความรู NET ขอสอบ ป 51 เพอ่ื หาคําตอบในประเดน็ ที่ตน ขอสอบถามวา แนวคิดในขอใดไมไดเ กิดขึ้นในชว งสงครามเยน็ ไดร บั มอบหมาย กอนการสืบคน 1. ลทั ธพิ าณิชยนิยม 2. ทฤษฎีโดมโิ น ขอ มูล ครคู วรต้งั ประเด็นใหนักเรยี น 3. ลทั ธิทรูแมน 4. ลัทธทิ ุนนิยม คดิ และใหม กี ารพดู คุยแบง หนา ท่ีกัน (วเิ คราะหค าํ ตอบ คําตอบที่ถูกตอง คอื ขอ 1 โดยลัทธิพาณิชยนิยมเกิดขน้ึ ในคริสตศตวรรษที่ 16 ในกลมุ กอนเกดิ สงครามเยน็ สวนขอ 2 - 4 เกดิ ข้นึ ในชวงสงครามเย็น) คูมือครู 175

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%) • การผอนคลายความตึงเครยี ด และในดนิ แดนสว่ นอนื่ ๆ ของโลก เปน็ ชว่ งสมยั ทเ่ี รยี กกนั วา่ การผอ นคลายความตงึ เครยี ด (Détente) (เดตองค-Detente) หมายถึงอะไร โดยสหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวยี ตปรบั นโยบายทเ่ี ปน็ ปฏปิ กั ษต์ อ่ กนั และแขง่ ขนั กนั ขยายอา� นาจ (แนวตอบ การดําเนินนโยบายทาง มาเปน็ การรว่ มมอื และสรา้ งความสมั พนั ธก์ นั มากขน้ึ ในดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม การคา้ และวฒั นธรรม การทูตระหวางสหรัฐอเมริกากบั ต่อมาใน ค.ศ. ๑๙๗๕ กลุ่มประเทศค่ายโลกเสรีและค่ายโลกคอมมิวนิสต์ยังจัด สหภาพโซเวียตเพ่อื ความรว มมอื การประชมุ รว่ มมอื กนั เปน็ ครงั้ แรกในยโุ รป เรยี กวา่ การประชมุ เพอ่ื ความมนั่ คงและความรว มมอื กนั กนั ในดานเศรษฐกิจ สังคม และ ในยโุ รปหรอื ซีเอสซอี ี (The Conference on Security and Cooperation in Europe : CSCE) วฒั นธรรม) เปน็ การประชุมท่ีเนน้ การเคารพในอ�านาจอธิปไตยของนานาประเทศ การแกไ้ ขข้อพิพาทระหวา่ ง ประเทศด้วยสันติวิธี การเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพข้ันพื้นฐาน ตลอดจนการร่วมมือกัน • สงครามเยน็ สิ้นสดุ ลงเพราะเหตใุ ด ทางด้านตา่ งๆ อยา่ งไรกต็ าม เมอ่ื สหภาพโซเวียตบุกรกุ รานอัฟกานิสถานในเดอื นธันวาคม ค.ศ. (แนวตอบ เนอื่ งจากเกดิ การ ๑๙๗๙ บรรยากาศการผ่อนคลายทางการเมืองกส็ ิน้ สดุ ลงและกลบั สูภ่ าวะสงครามเย็นอีกครง้ั หนึง่ เปลยี่ นแปลงในสหภาพโซเวียต โดยประธานาธบิ ดมี ีฮาอิล ๔) การสน้ิ สดุ ของสงครามเยน็ ใน ค.ศ. ๑๙๘๕ ประธานาธบิ ดมี ฮี าอลิ กอรบ์ าชอฟ กอรบาชอฟ ไดป ระกาศนโยบาย (Mikhail Gorbachev) ผู้น�าของสหภาพโซเวียตได้ปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น กลาสนอสต - เปเรสตรอยกา และเน้นการด�าเนินนโยบายร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อแก้ปัญหาระดับโลก เช่น ปัญหาความ หรือนโยบายเปด - ปรับ ปฏิรูป อดอยาก ปญั หานวิ เคลียร ์ เปน็ ตน้ กอรบ์ าชอฟใช้นโยบายทเ่ี รยี กวา่ กลาสนอสต - เปเรสตรอยกา ประเทศใหเ ปน ประชาธิปไตย (Glasnost - Perestroika) หรอื นโยบายเปด - ปรบั ด้วยการให้สทิ ธเิ สรภี าพแกป่ ระชาชนและให้มี มากขนึ้ ใน ค.ศ.1985 รวมท้ัง สว่ นรว่ มในการปกครองประเทศ และปรบั โครงสรา้ งทางการเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม ประเทศยุโรปตะวนั ออกซ่ึงเปน ให้เป็นไปในแนวทางประชาธิปไตย อีกทั้งร่วมมือกับนานาประเทศมากขึ้น นโยบายน้ีได้สร้าง รัฐบริวารไดประกาศแยกตัวเปน บรรยากาศของสนั ตภิ าพ และนา� ไปสกู่ ารเจรจาเปดิ ประชมุ ระหวา่ งสหรฐั อเมรกิ ากบั สหภาพโซเวยี ต เอกราช สงผลใหสหภาพโซเวียต หลายคร้ังระหวา่ ง ค.ศ. ๑๙๘๕-๑๙๘๙ ท้งั สอง ลม สลายลงใน ค.ศ. 1991) ประเทศอภมิ หาอา� นาจตกลงทจ่ี ะลดกา� ลงั อาวธุ นิวเคลียร์ และหาทางยุติปัญหาความขัดแย้ง เกรด็ แนะครู ทางการเมอื งรว่ มกนั ซงึ่ ทา� ใหเ้ กดิ การผอ่ นคลาย ความตงึ เครยี ดทางการเมืองโลก ครอู ธิบายใหนกั เรียนเขาใจ เพม่ิ เติมเก่ยี วกับนโยบาย ต่อมาเม่ือประเทศยุโรปตะวันออก กลาสนอสต - เปเรสตรอยกา เคลื่อนไหวแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต โดยนโยบายกลาสนอสต คือ ใน ค.ศ. ๑๙๘๙ สหภาพโซเวยี ตกไ็ ม่ขัดขวาง การ “เปด ” ประเทศใหกวางขึน้ พรรคคอมมิวนิสต์ที่ครองอ�านาจในประเทศ ใหเ ปนประชาธิปไตยมากขน้ึ (ขวา) ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนแห่งสหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันออกจึงหมดอ�านาจและน�าไปสู่การ โดยใหประชาชนมอี ิสระในการ และประธานาธบิ ดมี ฮี าอลิ กอรบ์ าชอฟแหง่ สหภาพโซเวยี ต สนิ้ สุดของสภาวะสงครามเยน็ แสดงความคิดเหน็ ของตน สว น (ซ้าย) ลงนามในสนธิสัญญากำาจัดขีปนาวุธพิสัยกลาง นโยบายเปเรสตรอยกา คือ ในดนิ แดนยโุ รปและเอเชยี เมอ่ื ค.ศ. ๑๙๘๗ การ “ปรับ” สภาพเศรษฐกิจ และสงั คมของสหภาพโซเวยี ต 176 ใหคลายจากความชะงักงัน เพือ่ ยกระดับมาตรฐานการครองชีพ ของประชาชนใหด ขี ้ึนกวาเดิม 176 คมู ือครู นักเรียนควรรู สหภาพโซเวยี ตบกุ รกุ รานอฟั กานิสถาน มีจดุ ประสงคเ พอ่ื จะครอบครองอา วเปอรเซยี และ แหลงนาํ้ มันดิบในตะวนั ออกกลาง ซึง่ เปนผลประโยชนท างยทุ ธศาสตรแ ละเศรษฐกจิ ของ สหรัฐอเมริกา ดังน้นั ใน ค.ศ. 1980 ประธานาธิบดจี ิมมี คารเตอร จงึ ไดประกาศถอนขอตกลง การเจรจาจาํ กัดอาวธุ ทางยุทธศาสตรครงั้ ท่ี 2 (SALT ) และประกาศถอนตวั และงดสงนกั กฬี า จากสหรัฐอเมรกิ าเขา รวมการแขงขันกฬี าโอลิมปกที่กรุงมอสโกใน ค.ศ. 1980

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain ขยายความเขา ใจ 1. ครูใหน ักเรียนไปสืบคน ขอ มลู การ ดาํ เนินนโยบายตา งประเทศของ ใน ค.ศ. ๑๙๙๐ กา� แพงเบอรล์ นิ ซง่ึ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องสงครามเยน็ กถ็ กู ทา� ลายลง และ สหรฐั อเมริกาภายหลงั สงครามเยน็ ในปีถัดมาเยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออกก็รวมตัวเป็นประเทศเดียวกัน ครั้นถึงในปลาย เปน ตน มาจนถงึ ปจ จบุ นั จากน้นั ค.ศ. ๑๙๙๑ สหภาพโซเวยี ตก็ล่มสลาย สงครามเยน็ จึงสน้ิ สดุ ลงอย่างเปน็ ทางการ นาํ มาอภปิ รายรว มกนั ในชนั้ เรียน ๕) นโยบายของประเทศอภิมหาอ�านาจหลังสงครามเย็น หลังการล่มสลาย 2. ใหนักเรยี นในช้นั เรยี นชว ยกันเสนอ ของระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศยุโรปตะวันออกและสหภาพโซเวียต แม้สหรัฐอเมริกาจะกลาย แนวทางการแกไขความขัดแยง เปน็ ประเทศอภมิ หาอา� นาจเดยี วในโลก แตส่ หรฐั อเมรกิ ากไ็ มส่ ามารถจะผกู ขาดอา� นาจไวเ้ พยี งลา� พงั อยา งสนั ตวิ ิธเี พอื่ ใหโลกเกดิ ประเทศเดยี ว เพราะการพัฒนาของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เชน่ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกสต์ ่างๆ ท้งั อีเมล สันติภาพ อินเทอร์เน็ต และอ่ืนๆ ก่อให้เกิดโลกที่ไร้พรมแดน และน�าไปสู่การขยายตัวของโลกาภิวัตน ์ (Globalization) ในทางเศรษฐกจิ การเมือง และวฒั นธรรม ท�าให้สหรฐั อเมรกิ าจ�าเป็นตอ้ งดา� เนนิ นโยบายโดยอาศัยกรอบความร่วมมือในองค์การระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะองค์การ ตรวจสอบผล สหประชาชาตแิ ละองค์การนาโต ตวั อย่างท่เี หน็ ได้ชัด คือ หลังสงครามอิรักสิน้ สุดใน ค.ศ. ๒๐๐๓ สหรฐั อเมรกิ าไดข้ อมตจิ ากคณะมนตรคี วามมน่ั คงแหง่ สหประชาชาตใิ นการปลดอาวธุ อริ กั และบรู ณะ 1. ตรวจสมุดเรยี นเลม เลก็ ฟน ฟอู ริ ัก หรอื ในกรณีของสงครามคอซอวอ สหรฐั อเมรกิ าไดข้ อความรว่ มมอื จากองคก์ ารนาโต 2. ตรวจเสน เวลา (Timeline) สรปุ ในการใชก้ า� ลงั อาวธุ ตอ่ ยโู กสลาเวยี เพอื่ กดดนั ใหม้ กี ารเปดิ การเจรจาเกยี่ วกบั สนั ตภิ าพในคอซอวอ เหตุการณสงครามโลกครั้งที่ 1 3. ตรวจสมดุ ภาพขา วเหตกุ ารณ ปจจบุ นั ò. ความร่วมม×Íãนครสิ µÈ์ µวรรÉ· ีè òð จนถงÖ ปจ˜ จºØ ัน 4. ตรวจแผนผังความคิดสาเหตุ ของสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ความรวมมอื ระหวา งประเทศในครสิ ตศตวรรษท่ี ๒๐ จนถึงปจ จุบนั มอี ยมู ากมาย ดงั ตวั อยาง 5. ตรวจรายงานวิกฤตการณ ๒.1 องคก ารสหประชาชาติ (United Nations : UN) สงครามเย็นท่สี าํ คญั การเกิดสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ใน ค.ศ. 6. การมสี วนรวมในการอภปิ ราย ๑๙๓๙ บ่งช้ีถึงความล้มเหลวของนานาชาติ ในช้นั เรียน อีกคร้ังหนึ่งท่ีจะรักษาสันติภาพให้คงอยู่ แต่ มนษุ ยก์ ็ยังมีความหวังกับการท่ีจะแก้ไขปัญหา โดยสันติวิธี และต้องการที่จะกอบกู้ฟนฟูโลก นักเรยี นควรรู ภายหลงั สงคราม ดังนน้ั ปลายสงครามโลกคร้งั องคก์ ารสหประชาชาต ิ มสี าำ นกั งานใหญอ่ ยทู่ นี่ ครนวิ ยอรก์ ท่ี ๒ ผู้แทนของประเทศจีน สหภาพโซเวียต ประเทศสหรฐั อเมรกิ า กําแพงเบอรล นิ เปน สญั ลกั ษณ องั กฤษ และสหรฐั อเมรกิ า จงึ ไดป้ ระชมุ รว่ มกนั ท่ี ของสงครามเยน็ สรางขนึ้ หลงั คฤหาสน์ดัมบาร์ตันโอกส์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สงครามโลกคร้งั ที่ 2 เพ่อื ปด กัน้ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพ่ือวางแนวทางในการ พรมแดนเบอรลนิ ตะวันตกซงึ่ เปน จัดต้ังองค์การระหว่างประเทศขึ้นใหม่เม่ือ สว นหนึ่งของเยอรมนตี ะวนั ตกออก สงครามยุติลงใน ค.ศ. ๑๙๔๕ จากเยอรมนตี ะวันออกที่โอบลอม อยโู ดยรอบ มคี วามยาวท้ังสิ้น 155 กิโลเมตร และจํากดั การเขา ออก 177 ระหวางเขตเบอรลินตะวันออกและ ตะวนั ตกเมอื่ ค.ศ. 1961 เนอื่ งจาก มชี าวเยอรมันกวา 2.5 ลา นคน หล่งั ไหลออกจากเบอรล นิ ตะวนั ออก ภายใตก ารดแู ลของสหภาพโซเวยี ตไปสูเบอรลนิ ตะวนั ตกซ่งึ อยใู นการดแู ลรวมกันของ พนั ธมิตรระหวา งสหรัฐอเมริกา องั กฤษ และฝรัง่ เศส กาํ แพงเบอรลนิ ถกู ใชงานเปน เวลา 28 ป มคี วามพยายามหลบหนขี ามเขตแดนราว 5,000 ครัง้ มี 192 คนถูกฆาระหวาง การหลบหนี และอกี ประมาณ 200 คนบาดเจบ็ สาหสั กอ นจะทลายลงในวนั ที่ 3 ตลุ าคม ค.ศ. 1990 คมู อื ครู 177

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%) ครูนําขา วเกยี่ วกบั การดาํ เนนิ งาน ตอ่ มาผแู้ ทนของ ๕๐ ประเทศไดไ้ ปประชมุ ทน่ี ครแซนแฟรนซสิ โก เพอื่ ดา� เนนิ การรา่ งกฎบตั ร ขององคก ารสหประชาชาตใิ นดนิ แดน ขององคก์ ารสหประชาชาติขน้ึ ในทสี่ ดุ องค์การสหประชาชาตกิ ถ็ อื กา� เนดิ ขน้ึ เมอ่ื วันที ่ ๒๔ ตลุ าคม ตางๆ มาใหนักเรียนดู แลว ค.ศ. ๑๙๔๕ เม่อื กฎบัตรไดร้ บั สตั ยาบันจากจนี ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต องั กฤษ สหรฐั อเมรกิ า ตง้ั คําถาม เชน และจากชาตอิ น่ื ๆ ท่ีลงนามในกฎบตั รเปน็ ส่วนใหญ่ จุดประสงค์หลักของการก่อต้ังองค์การสหประชาชาติก็เพ่ือให้เป็นองค์กรกลางที่ท�าหน้าท่ี • ทําไมองคการสหประชาชาติ รักษาสันติภาพโลกและความมั่นคงร่วมกัน อีกท้ังสนับสนุนความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศ ถึงตอ งไปปฏิบตั กิ ารใน ประเทศสมาชิกล้วนยอมรับในกฎบัตรซึ่งเปรียบเสมือนสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่วางหลักการ ดินแดนตางๆ แหง่ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรฐั ตา่ งๆ ตามกฎบัตรนส้ี หประชาชาตมิ ีจุดมงุ่ หมาย ๔ ประการ ได้แก่ • การดําเนนิ งานของ สหประชาชาตมิ คี วามสําคญั อยางไร สาํ รวจคน หา จุดมุ่งหมายของ ประการท่ี ๑ รักษาสนั ติภาพและความมน่ั คงของโลก อง ์คการสหประชาชาติ ประการที่ ๒ นกั เรียนแบง กลมุ เพอ่ื ศึกษาคนควา ประการที่ ó พฒั นาความสมั พันธฉ์ ันมติ รระหว่างประเทศ เกยี่ วกับองคก ารสหประชาชาติ ประการท่ี ô เพ่ิมเตมิ จากหนังสอื เรยี นในประเดน็ รว่ มมอื แกป้ ญั หาระหวา่ งประเทศและส่งเสริมการเคารพสิทธมิ นุษยชน เปน็ ศูนยก์ ลางในการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์ในการด�าเนินนโยบาย 1. โครงสรา งของสหประชาชาติ ของชาติตา่ งๆ 2. บทบาทการดาํ เนนิ งานของ กลา่ วได้ว่า หลงั สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ การประสานประโยชน์ในการสรา้ งสันตภิ าพโลก คือ สหประชาชาติ ภารกจิ หลกั ขององคก์ ารสหประชาชาต ิ เพราะสนั ตภิ าพจะดา� รงอยหู่ รอื ไมน่ น้ั ขน้ึ อยกู่ บั ประสทิ ธภิ าพ 3. ประเทศทเ่ี ปน สมาชิกของ ในการทา� งานขององค์การสหประชาชาต ิ ซง่ึ เป็นศนู ย์รวมของประเทศทว่ั ทุกมุมโลก สหประชาชาติ àÊŒ¹àÇÅÒ แสดงพ²ั นาการการกอ่ ตง้ั องค์การสหประชาชาติ อธิบายความรู ๑ô ส.ค. ๒๑ ส.ค. - ÷ ต.ค. นกั เรยี นแตละกลมุ ออกมานาํ เสนอ ประธานาธิบดรี สู เวลตแ์ หง่ สหรัฐอเมริกา ผู้แทนของจีน สหภาพโซเวยี ต องั กฤษ และ ผลงาน จากน้ันนกั เรยี นในชน้ั เรียน และเซอร์วนิ สตนั เชอร์ชลิ ล์ สหรฐั อเมริกาไดร้ า่ งขอ้ เสนอดัมบารต์ ันโอกส์ รวมกันสรุปการดาํ เนินงานของ นายกรฐั มนตรีอังกฤษ ร่วมลงนาม ทก่ี รุงวอชงิ ตนั ด.ี ซ.ี สหประชาชาตใิ นการแกไ ขขอขัดแยง ในก®บัตรแอตแลนติก ระหวา งประเทศ ๒õ เม.ย. - ๒ö ม.ิ ย. การประชุมทแี่ ซนแฟรนซสิ โก เพอ่ื พิจารณาอนมุ ัตริ ่าง ก®บัตรสหประชาชาติ ๑ùô๑ ๑ùô๑ ๑ùô๒ ๑ùôó ๑ùôô ๑ùôô ๑ùôõ ๑ùôõ ๑ùôö นกั เรียนควรรู กฎบัตรขององคก ารสหประชาชาติ ๒ø พ.ย. - ๑ ธ.ค. ô - ๑๑ ก.พ ๒ô ต.ค. เปนขอตกลงที่ประเทศผกู อตง้ั และ ประธานาธิบดีรสู เวลต์ เซอร์วินสตัน ผนู้ า� สหรฐั อเมริกา องั กฤษ องคก์ าร รว มเปน สมาชกิ องคก ารสหประชาชาติ เชอร์ชิลล์ เเละประธานาธิบดีโจเซฟ สหประชาชาติ และสหภาพโซเวียต ถือก�าเนิดข้นึ สตาลนิ ประชมุ ทกี่ รุงเตหะราน ได้ประชุมกันท่ียลั ตา 178 ๑ùôõ ๑ùôõ ๑ùôó ไดใ หส ตั ยาบนั เขา ผกู พนั โดยมเี นอ้ื หา เกีย่ วกับวตั ถปุ ระสงคและหลักการ ตลอดจนกระบวนการดาํ เนนิ งาน และบรหิ ารงานตา งๆ ถือเปนกฎหมายระหวางประเทศ และเปน ตราสารกอตง้ั ท่ีสถาปนาองคก ารใหเกดิ ขึ้น อยางเปนทางการในเวลาตอมา 178 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand Evaluate สาํ รวจคนหา ใหน ักเรยี นจับคกู นั จัดทําโปสเตอร หนวยงานขององคก ารสหประชาชาติ กลไกหลกั ทสี่ า� คญั ไดแ้ ก ่ สมชั ชาสหประชาชาต ิ คณะมนตรคี วามมนั่ คง และสา� นกั เลขาธกิ าร โดยตกแตงระบายสใี หส วยงาม ส่วนหน่วยงานอ่ืนๆ นั้นแม้ไม่เก่ียวกับการรักษาและเสริมสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพโดยตรง แต่ก็มีส่วนช่วยเก้ือหนุนให้เกิดการร่วมมือและช่วยเหลือระหว่างประเทศในการพัฒนาด้านต่างๆ ซงึ่ ผลงานดงั กลา่ วจะชว่ ยจรรโลงสนั ตภิ าพไว้ได้ อกี ทางหนึง่ นักเรยี นควรรู ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยท่ี ๕๕ ท่ีนครนิวยอร์กใน ค.ศ. ๒๐๐๐ เลขาธิการ เปนหัวหนาสาํ นกั งาน นายโคฟ ี อันนัน (Kofi Annan) เลขาธกิ าร ได้ เลขาธกิ ารแหงสหประชาชาติ เสนอใหเ้ รยี กวา่ การประชมุ สมชั ชาสหประชาชาติ ดาํ รงตําแหนง วาระละ 5 ป แหง สหัสวรรษ (Millennium Assembly of the มีผดู ํารงตาํ แหนง นี้มาแลว 9 คน United Nations) นอกจากจะมคี ณะผู้แทนจาก ไดแ ก ประเทศสมาชิก ๑๙๒ ประเทศแล้ว ยังมปี ระมขุ ของรัฐ ๙๙ คน และหัวหน้ารัฐบาล ๔๘ คน การประชุมของคณะมนตรีความมั่นคง เพ่ือหาวิธีแก้ไข 1. นายทรกิ ฟ ฮาลฟเดนลี จงึ มกี ารเสนอใหเ้ รยี กวา่ เปน การประชมุ สดุ ยอด ปญ หาความขดั แยง้ หรอื กรณพี พิ าทระหวา่ งประเทศเพอ่ื ให้ จากนอรเ วย แหงสหสั วรรษ (Millennium Summit) ดว้ ย โลกเกิดสันตภิ าพ 2. นายดกั ซ ฮัมมารเชิลด ที่ประชุมได้จัดให้มีการท�าปฏิญญาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ (United Nations จากสวีเดน Millennium Declaration) ข้นึ เพ่อื ก�าหนดแนวทางสา� คญั ของการดา� เนินงานของสหประชาชาติ 3. นายอู ถน่ั จากเมยี นมา 4. นายเคริ ท วัลดไ ฮม จากออสเตรีย 5. นายฮาเวยี ร เปเรส เดอ เควยาร ในครสิ ต์ศตวรรษที ่ ๒๑ ดงั นี้ จากเปรู ๑. การธา� รงสนั ตภิ าพและความม่ันคงและการลดอาวุธ 6. นายบรโู ทรส บรูโทรส กาลี จากอียิปต ๒. การพฒั นาและการลดความยากจน 7. นายโคฟ อนั นนั จากกานา ๓. การพทิ กั ษส์ ิง่ แวดล้อมโลก 8. นายบนั คี มูน จากเกาหลใี ต ๔. การสง่ เสรมิ สทิ ธิมนุษยชน ประชาธปิ ไตย และธรรมาภบิ าล (good governance) 9. นายอนั โตนิอู กแู ตเรช ๕. การคมุ้ ครองผ้ทู ่ีออ่ นแอหรอื ผ้ทู ีเ่ สยี เปรียบ ๖. การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประเทศในทวีปแอฟรกิ า จากโปรตุเกส ๗. การเพ่ิมความเขม้ แขง็ ใหแ้ กส่ หประชาชาติ แนวทางที่ก�าหนดตามปฏิญญาน้ี ส�านักเลขาธิการให้ความส�าคัญมาก มีการประสานงาน กับประเทศสมาชิกและองค์กรทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากลในการที่จะให้บรรลุผลภายใน NET ขอ สอบ ป 52 ค.ศ. ๒๐๑๕ ดงั นนั้ จงึ ใหม้ กี ารจดั ทา� รายงานความกา้ วหนา้ ของการพฒั นาตามเปา้ หมายทกี่ า� หนด ขอ สอบถามวา องคการ สา� หรบั สหัสวรรษใหม่ออกเผยแพร่ทุกปี สหประชาชาตมิ คี วามสาํ คญั ดา นสิง่ แวดลอมอยา งไร 1. ผลกั ดันใหม กี ารกอตัง้ องคการ 17๙ ปกปองสิ่งแวดลอมในหลาย ประเทศ 2. จดั การประชมุ เรอ่ื งสงิ่ แวดลอ มของ มนษุ ยซ งึ่ นาํ ไปสกู ารกอ ตงั้ UNEP 3. เปน แกนนําในการรางพธิ ีสารเกียวโตเพ่ือจาํ กดั การปลอ ยแกสเรอื นกระจก 4. จัดตงั้ คณะกรรมาธกิ ารคณุ ภาพสงิ่ แวดลอมเพอ่ื คน ควาวจิ ยั การแกป ญ หาดา นสงิ่ แวดลอม (วเิ คราะหค ําตอบ คําตอบ คอื ขอ 2 โดยสหประชาชาตไิ ดจดั การประชมุ ทเี่ รยี กวา การประชุม สหประชาชาตเิ ร่ืองสิ่งแวดลอมของมนุษยทปี่ ระเทศสวเี ดน เม่อื ค.ศ. 1972 เพือ่ จัดทํารางขอ เสนอตางๆ รวมทง้ั แผนดําเนนิ การและปฏญิ ญาวา ดวยสิ่งแวดลอ ม อันนําไปสูก ารจดั ตง้ั โครงการสงิ่ แวดลอมแหง สหประชาชาติ หรือ UNEP) คมู ือครู 179

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) ครใู หนักเรียนสืบคนประวัติ ๒.๒ สหภาพยโุ รป (European Union : EU) การกอ ตง้ั สหภาพยุโรป (EU) แลวใหน ักเรียนสรุปลงบนเสน เวลา สหภาพยโุ รปหรืออียูเป็นการรวมกล่มุ ของประเทศในทวีปยโุ รปเพ่ือรว่ มมือกันสรา้ งเอกภาพ (Timeline) ในการด�าเนินนโยบายด้านการเมือง เศรษฐกิจ การเงิน การป้องกันหรือความม่ันคง และการ ต่างประเทศ ตลอดจนด้านสังคมและวัฒนธรรม โดยคาดหวังว่าจะน�าไปสู่การสร้างสหรัฐยุโรป อธบิ ายความรู (United States of Europe) หรอื ยุโรปที่ไรพ้ รมแดนอยา่ งแทจ้ รงิ ในอนาคต โดยมสี า� นกั งานใหญ่ ตง้ั อยู่ทก่ี รงุ บรสั เซลส ์ ประเทศเบลเยียม นกั เรยี นออกมานาํ เสนอผลงาน แนวคดิ รวมกล่มุ เชน่ น้ีเร่มิ ตน้ ข้ึนภายหลังสงครามโลกครั้งท ่ี ๒ เพราะเห็นวา่ จะสามารถเปน็ จากนัน้ รว มกนั วิเคราะหเก่ียวกับ หนทางปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กดิ สงครามโลกขนึ้ อกี ในยโุ รป โดยจะสามารถลบลา้ งความเปน็ ศตั รบู าดหมาง การดําเนินงานของสหภาพยโุ รป ระหวา่ งเยอรมนกี ับฝรง่ั เศสคู่สงครามสา� คญั และนา� เยอรมนซี ึง่ เปน็ ผแู้ พ้สงครามกลบั คนื สูส่ ถานะ ที่เท่าเทียมกับชาติอ่ืน สงครามโลกท่ีเคยเกิดข้ึนจากการรุกล้�าดินแดนระหว่างกันจะหลีกเลี่ยงได้ เกรด็ แนะครู เพราะจะมีการจดั ตัง้ รัฐบาลแห่งยุโรปดูแลเรื่องการป้องกันและการตา่ งประเทศโดยรวม นอกจากน ี้ การบรู ณาการยโุ รปยงั เสรมิ สรา้ งใหย้ โุ รปเปน็ กลมุ่ ทท่ี รงพลงั ทงั้ ทางเศรษฐกจิ และ ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเกยี่ วกบั เสาหลกั การเมืองโลก จะท�าให้เกิดการค้าเสรีภายในยุโรปและก�าจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นอยู่ ท�าให้เกิดการ 3 ประการ ตามทรี่ ะบไุ วใ นสนธสิ ญั ญา เคลอื่ นยา้ ยแรงงาน ทุน สนิ คา้ และบริการ และเมือ่ รวมกันแลว้ จ�านวนประชากรและปริมาณการ มาสตรกิ ต ไดแก ผลิตสินค้าของยุโรปก็จะสามารถทัดเทียมสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตซึ่งก�าลังแข่งขันกัน หลังสงครามโลกครง้ั ท ี่ ๒ สน้ิ สุดลง ยุโรปซ่ึงสูญเสียสถานะผู้นา� โลกนบั ตง้ั แต่สงครามโลกคร้งั ที่ ๑ เสาหลักทห่ี นงึ่ : ประชาคมยุโรป ก็จะกลับคืนสู่บทบาทช้ีนา� โลกได้อีกครัง้ ประกอบดวย การสถาปนาสหภาพยโุ รปอยา่ งเปน็ ทางการในตน้ ทศวรรษ ๑๙๙๐ เปน็ ผลสา� เรจ็ นนั้ สบื เนอ่ื ง 1. การเปนยุโรปตลาดเดยี ว มาจากการดา� เนนิ งานขององคก์ รความรว่ มมอื ในยโุ รปท่ีไดก้ อ่ ตงั้ มากอ่ นตามลา� ดบั ไดแ้ ก ่ ประชาคม 2. การมนี โยบายรว มในดาน ถา่ นหินและเหล็กกลา้ แหง่ ยโุ รปหรอื อซี เี อสซ ี (European Coal and Steel Community : ECSC) ประชาคมเศรษฐกจิ ยโุ รปหรอื ออี ซี ี(European Economic Communit : EEC) และประชาคมพลงั งาน การคา การเกษตร พลงั งาน ปรมาณยู โุ รปหรอื ยรู าตอม (European Atomic Energy Community : EURATOM) ทง้ั น ้ี มกี าร สิ่งแวดลอม ประมง และสงั คม เปน ตน ทา� สนธสิ ญั ญากอ่ ตง้ั สหภาพยโุ รป (Treaty on 3. สหภาพเศรษฐกจิ และการเงิน the European Union) ทเ่ี มืองมาสตริกต์ มธี นาคารกลาง และมกี ารใช (Maastricht) ประเทศเนเธอรแ์ ลนด ์ และ เงินสกลุ เดยี ว คอื เงินยูโร มีผลใช้บังคับในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. อยางเปนทางการเมื่อวันท่ี ๑๙๙๓ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 เสาหลกั ท่สี อง : นโยบายรว มดาน สภายโุ รป ท่ีเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝร่ังเศส มีหน้าที่หลัก การตางประเทศและความม่นั คง ในการตรวจสอบและบัญญัติกฎหมายของสหภาพยุโรป และนโยบายดานความมนั่ คงและ โดยสว่ นใหญจ่ ะใชอ้ าำ นาจรว่ มกบั คณะมนตรแี หง่ สหภาพยโุ รป การปอ งกนั ประเทศ เสาหลักที่สาม : ความรว มมอื 18๐ ดา นกระบวนการยตุ ธิ รรมและ กจิ การภายใน เชน การตรวจ @ มมุ IT คนเขา เมือง การปราบปราม อาชญากรรมและยาเสพติด ศึกษาคนควาขอมลู เพม่ิ เติมเกีย่ วกับสหภาพยโุ รปไดท ี่ www.europetouch.in.th ตาํ รวจยโุ รป และการดาํ เนินการ กรมยโุ รป กระทรวงการตา งประเทศ รวมดา นความมน่ั คงภายใน 180 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate ประเทศทเ่ี ปน็ สมาชกิ จะตอ้ งใหค้ วามสา� คญั แกก่ ารดา� เนนิ งานของสหภาพซง่ึ ถอื เปน็ องคก์ าร อธิบายความรู เหนือรัฐ โดยยอมสละอา� นาจอธปิ ไตยบางส่วนเพอื่ จะได้บรรลบุ รู ณภาพขององคก์ รโดยรวม กลไกการบรหิ ารของสหภาพยโุ รป ประกอบดว้ ยสถาบนั ส�าคัญๆ ได้แก่ รัฐสภา คณะมนตรี ใหนกั เรียนรวมกันอธิบายคําขวญั คณะกรรมาธิการ ธนาคารกลาง และศาลยตุ ธิ รรม สหภาพยโุ รปมคี ณะผแู้ ทนประจา� อยตู่ ามประเทศ ของสหภาพยโุ รปท่วี า “United in ตา่ งๆ และในหนว่ ยงานระหวา่ งประเทศอนื่ ๆ เชน่ สหประชาชาต ิ องคก์ ารอนามยั โลก กลมุ่ G8 เปน็ ตน้ Diversity” เมือ่ แรกกอ่ ต้ังสหภาพยุโรป สมาชิกมเี พยี ง ๑๕ ประเทศ ปัจจบุ นั ม ี ๒๘ ประเทศ โดยเรยี ง ตามลา� ดบั การเขา้ เปน็ สมาชกิ ไดแ้ ก ่ ฝรงั่ เศส เยอรมน ี อติ าล ี เบลเยยี ม เนเธอรแ์ ลนด ์ ลกั เซมเบริ ก์ (แนวตอบ การสรา งเอกภาพของ เดนมาร์ก ไอรแ์ ลนด ์ สหราชอาณาจกั ร กรซี สเปน โปรตเุ กส ออสเตรยี ฟินแลนด์ สวีเดน ไซปรสั สหภาพยโุ รปจากความแตกตา ง เชก็ เอสโตเนยี ฮงั การ ี ลตั เวยี ลทิ วั เนยี มอลตา โปแลนด ์ สโลวาเกยี สโลวเี นยี บลั แกเรยี โรมาเนยี ของประเทศสมาชิกดว ยการใช และโครเอเชีย นบั รวมประชากรทง้ั สิ้นกวา่ ๕๐๗ ลา้ นคน สนธิสัญญาลิสบอน ใชสกุลเงนิ ยโู ร) สหภาพยุโรปไม่ประสงค์ให้เอกภาพขององค์กรส่ันคลอนจากความหลากหลายของเช้ือชาต ิ ความเช่ือ และวัฒนธรรมของประชากรทเี่ ข้ามาเปน็ สมาชกิ จึงมีคา� ขวญั วา่ “United in Diversity” เกร็ดแนะครู เมื่อวันท่ี ๑ ธันวาคม ค.ศ. ๒๐๐๙ ได้มีการบังคับใช้สนธิสัญญาลิสบอน (Treaty of Lisbon) ซ่ึงเป็นการแก้ไขข้อความในสนธิสัญญาฉบับก่อนๆ เพ่ือรองรับการท�างานขององค์กรท่ีมีสมาชิก ครคู วรหาเงินยูโร (euro) ซึง่ มีทง้ั เพิ่มมากข้นึ จากเดมิ และเพอื่ ยกระดบั ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อนั จะทา� ใหส้ หภาพยุโรป ธนบตั รและเหรยี ญกษาปณมาให ๑. ยกระดบั ความโปร่งใสและความเปน็ ประชาธิปไตย นักเรยี นดูประกอบ และอธิบายวา ๒. เพ่มิ ศกั ยภาพภายใน ออกโดยธนาคารกลางแหง ยโุ รป ๓. สร้างคุณคา่ และความเปน็ ปกึ แผน่ ภายใน นครแฟรงเฟรต ประเทศเยอรมนี ๔. เนน้ การเป็นผูน้ า� ในเวทโี ลก สกุลเงนิ ใช EUR เพือ่ ทนี่ ักเรยี นจะได ในจา� นวน ๒๘ ประเทศสมาชิกนั้น มี ๑๙ ประเทศท่ีใชส้ กุลเงินยูโร (euro) ของสหภาพยโุ รป มีความรคู วามเขาใจเกย่ี วกับเงนิ ยโู ร ร่วมกนั มากขึน้ เร่อื งน่ารู้ NET ขอ สอบ ป 51 เงนิ ยโู ร เงนิ ยโู รเปน็ สกลุ เงนิ ใหมท่ ใ่ี ชห้ มนุ เวยี นกนั ระหวา่ งธนาคารของกลมุ่ ประเทศสหภาพเศรษฐกจิ และการเงนิ ขอสอบถามวา ประเทศไทยไดร บั ผลกระทบจากการรวมกลุมทาง หรืออีเอ็มยู เร่ิมใช้ต้ังแต่วันท่ี ๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๙๙ เป็นต้นไป โดยเร่ิมมีมูลค่าซ้ือขายแลกเปล่ียนกันอย่าง เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปในดา นใด เปน็ ทางการทน่ี ครซดิ นยี ์ ประเทศออสเตรเลยี เมอ่ื วนั ท ่ี ๔ มกราคม ค.ศ. ๑๙๙๙ ในอตั รา ๑ ยโู ร เทา่ กบั ๑.๑๗ มากทสี่ ุด ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ๑๓๓.๒๐ เยน แต่ชาวยุโรปไม่ได้นำามาใช้เป็นเงินสดโดยทันที เพราะเงินยูโรยังไม่ถูกปล่อย ออกส่ตู ลาด แต่มีการติดราคาท่เี ป็นเงินยูโรควบค่กู ับเงินสกุลท้องถ่นิ ไว้ท่ตี ัวสินค้าเพ่อื ให้ชาวยุโรปเกิดความค้นุ เคย 1. ดา นการคา ระหวา งประเทศ เสียก่อน คาดว่าในอนาคตเงินยูโรจะทำาให้เศรษฐกิจของยุโรปมีศักยภาพทางการเงินท่ีเข้มแข็ง ท้ังนิยมใช้ซ้ือขาย และการลงทุน แลกเปลย่ี นและเปน็ เงนิ ทนุ สาำ รองตา่ งประเทศมากขน้ึ 2. ดานการขยายตวั ของการลงทนุ 181 จากตางประเทศ 3. ดานเศรษฐกิจและวิชาการ อยางเปน รปู ธรรม 4. ดานการยกเวน อตั ราภาษนี าํ เขา และยกเลิกมาตรการท่มี ิใชภ าษี (วเิ คราะหค ําตอบ คาํ ตอบ คือ ขอ 3 โดยไทยกับอยี ูมกั จะมีปญ หาเก่ียวกบั การนําเขา ดานอาหารแชแขง็ และพชื ผลทางการเกษตร สวนขอ 4 เปนการ กดี กนั ทางการคา ที่ขัดกับ WTO) คูม อื ครู 181

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุน ความสนใจ (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) ครนู าํ ภาพตราสญั ลกั ษณอ งคการ ๒.๓ องคการการคา โลก (World Trade Organization : WTO) การคา โลกใหน กั เรยี นดู และถามวา องคการการคาโลกเปนองคการระหวางประเทศภายใตสหประชาชาติ ทําหนาท่ีเก่ียวกับ ไทยเกีย่ วขอ งกบั องคก ารการคาโลก ขอ ตกลงดา นการคาระหวางประเทศ เปน เวทสี ําหรบั การเจรจาตกลง ตอ รอง และขจดั ขอ พพิ าทใน อยางไร เงอ่ื นไขและกฎเกณฑท างการคา และการบรกิ าร ระหวา งประเทศสมาชกิ สํานักงานใหญตง้ั อยทู ่ี (แนวตอบ ไทยเขาเปน สมาชิก WTO นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอรแลนด ลําดับที่ 59 และคนไทยคนแรกท่เี คย ปจ จบุ นั มสี มาชกิ ๑๖๔ ประเทศ ผอู าํ นวย- ดํารงตําแหนงเลขาธิการ WTO คือ การใหญ (Director - General) คนปจจุบนั คอื ดร.ศุภชยั พานชิ ภักดิ)์ นายโรแบรโต อาเซเวโด (Roberto Azevêdo) ซึ่งดํารงตําแหนงสืบตอจากนายปาสกัล ลามี สาํ รวจคน หา (Pascal Lamy) ซง่ึ ครบวาระการดาํ รงตาํ แหนง ในป ๒๐๑๓ ใหนักเรียนไปศึกษาเก่ียวกบั องคก ารการคา โลกไดพ ฒั นามาจากความ บทบาทหนา ทขี่ ององคก ารการคา โลก องคก ารการคา โลก (WTO) มสี าํ นกั งานใหญต ง้ั อยทู น่ี คร ตกลงทว่ั ไปวา ดว ยพกิ ดั อตั ราศลุ กากรและการคา จากแหลงการเรยี นรูตางๆ เพ่ิมเติม เจนวี า ประเทศสวติ เซอรแ ลนด หรือแกตต (General Agreement on Tariffs จากหนังสือเรยี น แลว นาํ มาอภปิ ราย รว มกันในช้นั เรียน and Trade : GATT) ซง่ึ เปน การประชมุ ระหวา งประเทศระดบั ตางๆ ท่ีจดั ขน้ึ เพื่อพยายามลดทอน และขจัดอปุ สรรคทางการคาระหวางประเทศ และเพือ่ สนับสนุนใหม กี ารคา เสรีทวั่ โลก อธบิ ายความรู การจัดประชมุ แกตตเ กดิ จากสถานการณผันผวนหลังสงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ อุปกรณการผลิต สว นใหญจ าํ ตอ งไดร บั การซอ มแซม ทงั้ แตล ะประเทศใชน โยบายตง้ั กาํ แพงภาษศี ลุ กากรและควบคมุ ครซู กั ถามนกั เรยี นเกีย่ วกบั ปริมาณสินคานําเขาเพ่ือประหยัดเงินตราตางประเทศ การคาระหวางประเทศจึงมีอุปสรรคมาก ความเปนมาขององคก ารการคา โลก ดงั น้นั ใน ค.ศ. ๑๙๔๖ คณะมนตรเี ศรษฐกจิ และสังคมแหงสหประชาชาติจึงไดพจิ ารณาใหม กี าร จัดต้ังองคการการคาระหวางประเทศ (International Trade Organization) เพื่อดูแลการคาโลก (แนวตอบ องคก ารการคาโลกเปน แตการคาระหวางประเทศเปนเรื่องละเอียดออนและองคการการคาระหวางประเทศที่จะจัดตั้ง องคการระหวางประเทศในชวงหลัง ข้ึนนั้นมีกฎขอบังคับท่ีมีรายละเอียดและมีลักษณะผูกมัดประเทศสมาชิกมากเกินไป ทําใหบาง สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ประเทศตางๆ ประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาจึงยังไมพรอมท่ีจะใหสัตยาบันรับรองกฎบัตรขององคการการคา ตองการฟน ฟกู ารคาจึงมีความตกลง ระหวา งประเทศ ท่วั ไปวา ดวยภาษศี ลุ กากรและการคา อยางไรก็ดี สหรัฐอเมริกาก็เห็นความจําเปนวาจะตองมีการเจรจาทางการคาเพื่อปองกัน หรอื แกตต (GATT) ใน ค.ศ. 1947 ไมใหปรมิ าณการคา โลกหลังสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ ลดลง ดงั น้ัน จงึ เสนอใหมกี ารประชมุ ระหวา ง และเมอ่ื การเจรจาการคารอบอรุ กุ วัย ประเทศขึน้ ใน ค.ศ. ๑๙๔๗ ทีน่ ครเจนวี า สง ผลใหเ กิดความตกลงทว่ั ไปวา ดวยพิกดั อตั ราศลุ กากร ส้นิ สดุ ลงจึงมกี ารกอตงั้ WTO ขึ้น และการคาหรือแกตตข น้ึ ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1995 สมาชกิ เรม่ิ แรกมี 81 ประเทศ) ๑๘๒ @ มุม IT ศึกษาคนควา ขอ มลู เพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั องคก ารการคาโลกไดท ี่ www.mfa.go.th/business/413.php กรมเศรษฐกิจระหวางประเทศ กระทรวงการตา งประเทศ www.wto.org องคการการคาโลก 182 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate การประชุมท้ังหมดมี ๘ ครัง้ ใน ค.ศ. ๑๙๔๗ นบั เป็นการประชมุ ครั้งแรก มีประเทศเขา้ ร่วม อธบิ ายความรู ประชุม ๒๓ ประเทศ ครั้งส�าคัญที่สุด คือ การประชุมรอบสุดท้ายหรือรอบอุรุกวัย (Uruguay Round) ระหว่าง ค.ศ. ๑๙๘๖-๑๙๙๔ โดย ครูต้งั คาํ ถามวา จากความขัดแยง เปิดประชมุ ทีเ่ มืองปุนตาเดลเอสเต (Punta del ทางการคาหรอื ปญหาทางดาน Este) ประเทศอุรุกวัย ส้นิ สดุ ลงดว้ ยการประชมุ เศรษฐกิจ นอกจากองคก ารการคา ระดับรัฐมนตรีที่เมืองมาร์ราคิช (Marrakech) โลกแลว ยงั มอี งคกรใดเขา มาชว ย ประเทศโมรอ็ กโก ซง่ึ น�าไปสูก่ ารกอ่ ต้งั องคก์ าร แกไ ขปญ หา การคา้ โลก หลกั การ แนวทางปฏบิ ตั ิ และความตกลง (แนวตอบ เชน กองทุนการเงนิ ของแกตตท์ ี่ไดพ้ ฒั นามาตลอดชว่ ง ค.ศ. ๑๙๔๗ ระหวา งประเทศ ธนาคารโลก -๑๙๙๔ ได้มีการรวบรวมเป็นเอกสารส�าคัญ ธนาคารพัฒนาแหงเอเชีย เปน ตน ) และเป็นกรรมสารสุดท้าย (Final Act) ซึ่งได้ กลายเปน็ ธรรมนญู แมบ่ ทขององคก์ ารการคา้ โลก ดร.ศภุ ชยั พานชิ ภกั ด ์ิ อดตี รองนายกรฐั มนตรแี ละรฐั มนตรี ขยายความเขาใจ วา่ การกระทรวงพาณชิ ยข์ องประเทศไทยขณะนนั้ ไดล้ งนาม และไดผ้ ่านการรบั รองของรัฐบาลประเทศตา่ งๆ ในการประชมุ รอบอรุ กุ วยั ซง่ึ ไดม้ คี วามตกลงใหม้ กี ารจดั ตง้ั นกั เรยี นคดิ วา ประเทศไทยได ทเี่ ขา้ รว่ มประชมุ ทเ่ี มอื งมารร์ าคชิ จา� นวน ๑๒๓ องค์การการคา้ โลกขึ้น ประโยชนอ ะไรจากการเขาเปน สมาชิกขององคการการคา โลก ประเทศ โดยประเทศเหล่านัน้ ถือเปน็ สมาชกิ แรกกอ่ ตั้ง ส�าหรบั ประเทศไทยจดั เป็นสมาชกิ อันดับที ่ ๕๙ ธรรมนูญแม่บทขององคก์ ารมผี ลบงั คบั ใชต้ งั้ แต่วนั ท ่ี ๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๙๕ (แนวตอบ เชน วัตถุประสงค์ขององค์การการค้าโลก คือ การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็น 1. มีหลกั ประกันทางการคา ค่อยไปตามความพร้อมและระดับการพัฒนาของประเทศสมาชิก กฎกติกาต่างๆ ขององค์การ ได้ก�าหนดให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษแก่ประเทศก�าลังพัฒนาเพ่ือสนับสนุนให้เข้าร่วมในระบบ ระหวา งประเทศทภี่ าคี การค้าพหภุ าคไี ด้ การเขา้ เปน็ สมาชกิ ขององค์การการค้าโลกนัน้ ประเทศสมาชิกมพี นั ธะท่จี ะต้อง สมาชิกจะละเมิดไมได ปฏบิ ัตติ นภายใต้กรอบความตกลงตา่ งๆ ขององคก์ ารการค้าโลก ซ่งึ มจี ุดมงุ่ หมายเพอ่ื การแข่งขัน 2. ไดรบั ประโยชนต ามสทิ ธิ ทางการค้าที่เป็นธรรม การค้าท่ีสร้างความมั่นใจให้แก่ท้ังผู้ค้า ผู้ลงทุน ผู้ผลิต และผู้ส่งออก และสิทธิพเิ ศษ เพ่อื ให้คาดการณแ์ ละวางแผนการคา้ ระหว่างประเทศล่วงหนา้ ได้ 3. ทาํ ใหไทยสง สนิ คาออกไป องค์การการค้าโลกดูแลความตกลง ๓ ประการ ไดแ้ ก่ จาํ หนา ยยังตางประเทศ ๑. ความตกลงทั่วไปว่าดว้ ยพิกัดอตั ราศลุ กากรและการค้า ไดมากข้นึ ๒. ความตกลงทั่วไปวา่ ดว้ ยการคา้ ภาคบรกิ าร 4. ไดรับความชวยเหลอื ๓. ความตกลงท่วั ไปว่าด้วยการค้าเกีย่ วกบั ทรัพยส์ ินทางปัญญา ทางวิชาการ 5. มเี วทีสาํ หรบั การเจรจา 18๓ เพ่อื แกไขปญ หาและอุปสรรค ทางการคา ระหวางประเทศ) นักเรยี นควรรู นกั เรียนควรรู การคาพหภุ าคี เปนการเจรจาขอตกลงทางการคา ของหลายๆ ประเทศรว มกัน มีจุดมุงหมาย เพอื่ ใหเ กดิ การคา เสรยี ง่ิ ขนึ้ บนพน้ื ฐานของการแขง ขนั ทเี่ ปน ธรรม นอกจากนี้ ยงั เปน เวทใี นการยตุ ิ การประชมุ รอบสุดทายหรอื รอบ ขอ พพิ าททางการคา ระหวา งประเทศสมาชกิ และเปน กลไกตรวจสอบและทบทวนนโยบายการคา อรุ ุกวยั มคี วามสําคญั ที่กอ ใหเกดิ ของประเทศสมาชกิ อกี ทง้ั ใหค วามชวยเหลอื และเสรมิ สรางศักยภาพทางการคาของประเทศ การเปลยี่ นแปลงตอกฎเกณฑการคา กาํ ลงั พฒั นาอีกดวย โลกมากท่สี ดุ เพราะนอกจากจะมี การเจรจาลดภาษแี ละอปุ สรรคทาง การคา เชนเดียวกับการเจรจารอบ อนื่ ๆ ท่ีผานมาแลว ยังไดตกลงทีจ่ ะ ยกฐานะแกตตซ ึ่งเปน เพียงสัญญา การคาระหวางประเทศใหมีฐานะ เปน องคกรระหวางประเทศ โดย จดั ต้ังเปนองคก ารการคา โลก คมู ือครู 183

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%) ครูนาํ รูปสญั ลกั ษณของอาเซยี นมา องคการการคาโลกจะทําหนาที่เปนเวทีเจรจาลดอุปสรรคทางการคาระหวางสมาชิกทั้งเรื่อง ใหน ักเรียนดู แลว ถามวาเปนรูปอะไร ของภาษีศุลกากร ขอขัดแยงตางๆ หากไมสามารถตกลงกันได ก็จะมีการจัดต้ังคณะผูพิจารณา และรปู แตละรปู หมายถึงอะไร ทําหนาที่ตรวจสอบขอเท็จจริงและใหขอเสนอแนะ รวมท้ังมีกลไกยุติขอพิพาทดวย องคการ การคา โลกจะคอยตดิ ตามสถานการณก ารคา ระหวา งประเทศและจดั ใหม กี ารทบทวนนโยบายการคา (แนวตอบ รปู รวงขา วสีเหลืองบนพน้ื ของสมาชิกอยา งสมาํ่ เสมอ ชว ยเหลือประเทศกําลังพัฒนา อกี ทง้ั ประสานงานกับกองทุนการเงนิ สีแดงลอมรอบดว ยวงกลมสีขาวและ ระหวา งประเทศและธนาคารโลกดวย สีน้ําเงนิ รวงขา ว 10 ตน หมายถงึ ประเทศสมาชกิ 10 ประเทศ สีเหลอื ง โครงสรางการทํางาน คือ มีท่ีประชุมระดับรัฐมนตรีซ่ึงจะจัดประชุมอยางนอยทุกๆ ๒ ป หมายถึง ความเจริญรุงเรอื ง สีแดง เพ่ือทบทวนปญหาในการปฏิบัติตามขอผูกพันของสมาชิก คณะมนตรีใหญ คณะมนตรี และ หมายถงึ ความกลาหาญและการมี คณะกรรมาธิการตา งๆ ซ่ึงประกอบดว ยผูแทนจากประเทศสมาชิกตา งๆ พลวัต สขี าว หมายถึง ความบรสิ ทุ ธ์ิ และสีนาํ้ เงิน หมายถึง สนั ติภาพ ๒.๔ สมาคมประชาชาติแหง เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตหรืออาเซยี น และความมั่นคง) (Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) สาํ รวจคน หา อาเซยี นกอ ตง้ั ขน้ึ เมือ่ ค.ศ. ๑๙๖๗ โดยพัฒนามาจากสมาคมอาสา (ASA) ประเทศสมาชิก ทร่ี วมกอ ตัง้ มี ๕ ประเทศ ไดแ ก ไทย สงิ คโปร มาเลเซยี ฟลปิ ปน ส และอนิ โดนเี ซยี โดยการแถลง ใหน กั เรยี นสืบคน เกยี่ วกับลาํ ดบั ปฏิญญากรุงเทพ เม่ือวันที่ ๘ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๖๗ วาจะสงเสริมความรวมมือทางเศรษฐกิจ การเขาเปน สมาชกิ อาเซียนของ สงั คม วชิ าการ และวฒั นธรรม เพอื่ สรา งเสถยี รภาพ ความมน่ั คง ความเปน ปก แผน ของประชาชาติ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉยี งใต และภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต โดยจดั ทําเปนเสน เวลา (Timeline) พรอ มทง้ั ตกแตง ระบายสใี หส วยงาม แลวนาํ ไปตดิ ปายนิเทศ @ มมุ IT ศึกษาคน ควา ขอ มูลเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั สมาคมประชาชาตแิ หง เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตหรอื อาเซยี น ไดท ี่ www.aseathailand.org สมาคมอาเซยี น - ประเทศไทย การประชมุ อาเซียนเปน ความรว มมือของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต เพ่ือเสรมิ สรา งความมั่นคงและ เพิ่มขดี ความสามารถทางการแขง ขนั ในเวทรี ะหวางประเทศ ๑๘๔ 184 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand อาเซยี นกอ่ ตงั้ ขนึ้ ระหวา่ งสงครามเวยี ดนามกา� ลงั มคี วามรนุ แรงมาก ดงั นนั้ จงึ มจี ดุ มงุ่ หมาย อธบิ ายความรู แฝงอยดู่ ้วย คอื ความรว่ มมือทางทหาร ซ่งึ ต่อมาไดป้ รากฏในแถลงการณ์ร่วมท่ีกรงุ กวั ลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซยี เมื่อวนั ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๗๑ • อาเซียนมีพฒั นาการความเปนมา ความร่วมมือด้วยดีของอาเซียน ท�าให้บรูไนสมัครเข้าเป็นสมาชิกเมื่อ ค.ศ. ๑๙๘๔ และ อยางไร เม่ือสถานการณ์ในภูมิภาคเก่ียวกับภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ลดลง อาเซียนก็รับสมาชิกในภูมิภาค (แนวตอบ อาเซยี นกอตั้งข้นึ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตเ้ พม่ิ ขน้ึ อกี ไดแ้ ก ่ เวยี ดนาม พมา่ ลาว กมั พชู า ทา� ใหม้ สี มาชกิ ๑๐ ประเทศ โดยปฏิญญากรุงเทพ เมื่อวันที่ ประชากรรวมกนั กวา่ ๖๐๐ ลา้ นคน ในดา้ นความรว่ มมอื ทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมของอาเซยี น ไดแ้ ก่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1967 โดยสมาชิก การประกวดนักเขียนรางวลั ซีไรต์ (S.E.A Write) การรกั ษามรดกทางโบราณคดีและประวัตศิ าสตร์ ผูก อต้งั มี 5 ประเทศ ไดแ ก การแลกเปล่ยี นการแสดงดนตรีและนาฏศลิ ป์ และความร่วมมือทางการศกึ ษา มาเลเซีย อนิ โดนเี ซีย ฟลปิ ปนส เมื่อวันท่ี ๑๕ ธันวาคม ค.ศ. ๒๐๐๘ ได้มีการประกาศใช้กฎบัตรอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา สงิ คโปร และไทย ตอ มาไดม ี ซ่ึงเป็นท่ีตั้งของส�านักงานอาเซียน กฎบัตรนี้จะท�าให้การด�าเนินงานของอาเซียนเป็นไปภายใต้ ประเทศตางๆ เขา เปน สมาชกิ กฎหมายเดยี วกัน และปูทางไปสูก่ ารสรา้ งตลาดเดยี วกนั ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตภ้ ายใน เพมิ่ เติม ไดแ ก บรไู นดารุสซาลาม ๗ ปี กล่าวคอื เรม่ิ ประกาศใช้เขตการคา้ เสรีแห่งอาเซยี นหรอื อาฟตา (AFTA) ในค.ศ. ๒๐๑๐ และ เวียดนาม ลาว เมียนมา และ นา� ไปสกู่ ารพฒั นาความรว่ มมอื เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี นใน ค.ศ. ๒๐๑๕ กัมพชู า ตามลําดบั ทําใหอาเซยี น รปู แบบการพฒั นาของอาเซยี นจะเปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกบั สหภาพยโุ รป (European Union) มีสมาชิก 10 ประเทศ) มากข้ึน โดยด�าเนินการตาม ๓ เสาหลัก ได้แก่ ด้านการเมืองและความม่ันคง ด้านเศรษฐกิจ และดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม อาเซยี นจะไดม้ คี วามเปน็ ปกึ แผน่ ยง่ิ ขนึ้ ตามคา� ขวญั ทว่ี า่ “หนง่ึ วสิ ยั ทศั น์ • การประชุมสดุ ยอดอาเซียน หน่ึงเอกลกั ษณ ์ หนง่ึ ประชาคม” (One Vision, One Identity, One Community) มคี วามสาํ คัญอยางไร (แนวตอบ เพ่ือสงเสรมิ ความรวมมอื กลา่ วสรปุ ไดว้ ่า และความชว ยเหลอื ทางเศรษฐกิจ นบั ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปจั จบุ นั ในตน้ ครสิ ต์ศตวรรษที ่ ๒๑ มนุษยไ์ ดต้ อ่ สทู้ า� สงคราม สงั คม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และ เพื่อแย่งชิงอ�านาจและความเป็นใหญ่เป็นเวลายาวนานและต่อเนื่อง สงครามและสันติภาพ การบรหิ าร สง เสรมิ สนั ตภิ าพและ จึงมักเกิดควบคู่กันและสลับผลัดเปล่ียนกันไปมาตลอดช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ ในช่วง ความมัน่ คงของภูมภิ าค รวมทั้ง ครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๒๐ สงครามเกดิ ขนึ้ จากความขดั แยง้ ของการมอี า� นาจไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ระหวา่ งชาติ สง เสริมความรวมมอื ระหวาง การแข่งขันด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองระหว่างชาติ สงครามท่ีรุนแรงท่ีสุด คือ อาเซียนกับตา งประเทศและ สงครามโลกครง้ั ท ี่ ๑ และสงครามโลกครง้ั ท ี่ ๒ แตท่ ้ังน้ี มนษุ ย์กพ็ ยายามแก้ไขและป้องกนั องคกรระหวางประเทศ) เหตุแห่งความขัดแย้งโดยตั้งองค์การระหว่างประเทศขึ้น เช่น องค์การสันนิบาตชาติ และ องคก์ ารสหประชาชาติ ปัจจุบันประเทศตา่ งๆ ในโลกได้รวมกลมุ่ เพอื่ เสรมิ สรา้ งความเข้มแขง็ ตรวจสอบผล ทางเศรษฐกิจและความรว่ มมือดา้ นต่างๆ เช่น อียู อาเซียน เอเปก เป็นตน้ เพื่อใหเ้ กิดความ มั่นคง มั่งค่งั และสนั ตสิ ขุ รว่ มกนั 1. ตรวจโปสเตอรห นวยงานของ องคการสหประชาชาติ 185 2. ตรวจเสนเวลา (Timeline) แสดง ประวัตกิ ารกอ ตง้ั สหภาพยโุ รป 3. ตรวจเสนเวลา (Timeline) เกย่ี วกบั ลําดบั การเขา เปนสมาชิกอาเซียน ของประเทศในเอเชยี ตะวันออก เฉียงใต 4. การตั้งใจตอบคาํ ถามของนกั เรียน 5. การมีสวนรวมในการอภิปราย ในช้นั เรยี น นกั เรียนควรรู คมู ือครู 185 การดําเนินงานของอาเซียน จะมีหนวยงาน ไดแก สํานักเลขาธิการอาเซียน ท่ีกรุงจาการตา ประเทศอนิ โดนเี ซยี เปน ศนู ยก ลางในการตดิ ตอ ระหวา งประเทศสมาชกิ โดยมเี ลขาธกิ ารอาเซยี น เปน หวั หนา สาํ นกั งานผดู าํ รงตาํ แหนง คนที่13คอื นายเลเลอื ง มนิ หชาวเวยี ดนาม(ค.ศ.2013-2017) และสาํ นกั งานอาเซยี นแหง ชาติ มหี นา ทปี่ ระสานกจิ การอาเซยี นในประเทศนนั้ และติดตามผลการ ดําเนนิ งาน สาํ หรบั ประเทศไทยหนว ยงานท่ีรับผดิ ชอบ คือ กรมอาเซียน

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เกรด็ แนะครู (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%) (แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ย ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้ การเรียนรู ๑ นักเรียนคดิ วา่ ความขดั แย้งท่ีเกดิ ขึน้ ในโลกเกดิ จากสาเหตใุ ดบา้ ง 1. เกิดจากหลายสาเหตุ เชน ๒ ส งครามโลกครัง้ ที ่ ๑ และสงครามโลกครั้งท่ี ๒ เกิดขน้ึ จากสาเหตใุ ด และหลงั สงครามยตุ ิ ความแตกตา งในอุดมการณ ทางการเมอื ง เช้ือชาติ ศาสนา ไดส้ ่งผลต่อโลกอยา่ งไร จงวิเคราะห์ การแสวงหาทรัพยากร ปญ หา ๓ การที่โลกแบ่งออกเป็น ๒ ค่ายอุดมการณ์ทางการเมือง ได้ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด ดินแดน ปญ หาสงั คม เปนตน ทางการเมืองระหวา่ งประเทศอยา่ งไร ๔ องคก์ ารสหประชาชาตไิ ดเ้ ขา้ มามบี ทบาทในการรกั ษาสนั ตภิ าพของโลกอยา่ งไร จงอธบิ าย 2. สงครามโลกครง้ั ที่ 1 เกดิ จาก ปญ หาเชอื้ ชาติระหวาง มาพอสังเขป ออสเตรีย-ฮงั การแี ละเซอรเ บีย ๕ การเขา้ ร่วมสหภาพยุโรปและอาเซยี นส่งผลดีต่อประเทศสมาชิกอยา่ งไร สว นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกดิ จากความไมเ ปนธรรม กิจกรรมสรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ ของสนธิสัญญาแวรซายและ ความขัดแยงในอุดมการณ กจิ กรรมที่ นักเรียนชมวดี ทิ ัศน์เกยี่ วกบั สงครามโลกครัง้ ที ่ ๑ และสงครามโลกครงั้ ทางการเมือง และสาเหตุอ่นื ท ี่ ๒ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นในชน้ั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหส์ าเหตขุ องสงคราม เม่ือสงครามยุติลงไดส ง ผลตอ ๑ และผลจากสงคราม รวมทั้งหาแนวทางป้องกันเพ่ือมิให้เกิดสงคราม โลก คอื ความสูญเสียทง้ั ชีวติ ขึน้ อีกในอนาคต มนษุ ย ทรพั ยส ิน มีการจัดตัง้ กจิ กรรมท่ี นกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู บทบาทการดา� เนนิ งานขององคก์ ารสหประชาชาต ิ องคการรักษาสันติภาพข้ึน และ ในการรักษาสันตภิ าพของโลก จากนั้นจัดท�าเปน็ สมุดภาพส่งครผู สู้ อน ทําใหสหรฐั อเมริกาและสหภาพ ๒ นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความ โซเวยี ตกลายเปนประเทศ ร่วมมือของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี ๒๐ จนถึงปัจจุบันเพิ่มเติมจาก อภมิ หาอํานาจในยโุ รป กจิ กรรมที่ ในหนงั สอื เรยี น จากนั้นน�าข้อมลู มาจัดนิทรรศการเปน็ เวลา ๑ สปั ดาห์ 3. ทําใหทง้ั สหรัฐอเมริกาและ ๓ สหภาพโซเวยี ตตา งแสวงหา ความรวมมอื จากประเทศตา งๆ 186 ทง้ั ทางทหารและเศรษฐกจิ จน เกดิ ความระแวงซง่ึ กันและกนั แหสลดักงฐผานลการเรยี นรู สง ผลใหเกิดความตึงเครยี ด ทางการเมอื งในทสี่ ดุ นักเรยี นสบื คนเกยี่ วกบั ความรวมมอื และความขัดแยง ทเี่ กดิ ขึ้นในภูมภิ าคตา งๆ พรอ มทง้ั เสนอแนะแนวทางแกไขปญ หาความขดั แยง โดยจดั ทําในรปู แบบโปรแกรม PowerPoint 4. โดยมคี ณะมนตรีความมน่ั คง แหงสหประชาชาตซิ งึ่ ประกอบ ดว ยสมาชกิ ถาวรลงมตเิ สยี ง เอกฉันทใ นการดาํ เนนิ การรักษา สนั ตภิ าพของโลกในทกุ ทๆ่ี เกดิ ความขดั แยง ข้นึ 5. ชวยเสริมสรา งความเขม แขง็ ทางเศรษฐกิจและความรว มมอื ในดานตา งๆ เพ่ือใหเ กดิ ความ มน่ั คง ม่งั คงั่ และเกิดสนั ติสขุ รว มกนั ) 186 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate บรรณานุกรม ไกรฤกษ ์ นานา. (๒๕๔๙). เบอื้ งหลงั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ประพาสยโุ รป. กรงุ เทพมหานคร : มติชน. ชาครติ ชมุ่ วฒั นะ. (๒๕๔๖). ชวี ติ และสงั คมชนชน้ั แรงงานองั กฤษในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๙. กรงุ เทพมหานคร : ศกั ดโิ สภา การพิมพ.์ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. (๒๕๕๑). ประวัติการเมืองไทย พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๕๐๐. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิโครงการ ตา� ราสังคมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์. ณฏั ฐภทั ร จนั ทวชิ . (๒๕๔๙). ศลิ ปกรรมแบบพระราชนยิ ม พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . กรงุ เทพมหานคร : กรมศลิ ปากร. ดนัย ไชยโยธา. (๒๕๕๐). ประวัติศาสตร์ไทย : ยคุ กรงุ ธนบุรีถึงกรุงรัตนโกสินทร.์ กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์. นายกรฐั มนตร,ี สา� นกั . คณะกรรมการชา� ระประวตั ศิ าสตร์ไทย. (๒๕๒๕). ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท ี่ ๑ - ๓. กรงุ เทพมหานคร : อมรินทรก์ ารพมิ พ์. . ( ๒๕๒๕). ประวตั ศิ าสตรก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร ์ รชั กาลท ่ี ๔ - พ.ศ. ๒๔๗๕. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรก์ ารพมิ พ.์ . (๒๕๒๕). ประวัตศิ าสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปจั จุบัน. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทรก์ ารพมิ พ์. ปิยนาถ บนุ นาค. (๒๕๕๐). ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมัยใหม ่ (ต้ังแตก่ ารท�าสนธิสญั ญาเบาวร์ ิงถึง “เหตกุ ารณ ์ ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖”). กรุงเทพมหานคร : โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . ปรชี า ศรวี าลยั . (๒๕๔๓). สงครามโลกครั้งที ่ ๒. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. เพญ็ ศร ี ดกุ๊ . (๒๕๔๒). การตา่ งประเทศกบั เอกราชและอธปิ ไตยของไทย. กรงุ เทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน. ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๗). ใตร้ ม่ พระบารม ี จกั รนี ฤบดนิ ทร ์ สยามนิ ทราธริ าช. กรงุ เทพมหานคร : ดา่ นสทุ ธาการพมิ พ.์ วิมลวรรณ ภัทโรดม. (๒๕๔๐). ยโุ รปหลงั สงครามโลกครงั้ ท ่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : ศกั ดิโสภาการพิมพ์. วฒุ ชิ ยั มลู ศลิ ป ์ และคณะ. (๒๕๔๖). พระมหากษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร.์ กรงุ เทพมหานคร : เกรท เอดดเู คชนั่ . ศิลปากร, กรม. (๒๕๕๐). พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับมรดกของแผ่นดิน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์ พริ้นติง้ แอนดพ์ บั ลิชช่งิ . . (๒๕๔๗). แมข่ องแผน่ ดนิ ...ผสู้ บื สานสมบตั ศิ ลิ ปแ์ ผน่ ดนิ สยาม. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ตง้ิ แอนด์ พบั ลชิ ชิ่ง. ศึกษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๕๑).ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วฒั นธรรม.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. สญั ชยั สวุ งั บตุ ร. (๒๕๓๑). ยโุ รปสามทศวรรษหลงั สงคราม ๑๙๔๕-๑๙๗๕. กรงุ เทพมหานคร : สา� นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์ สัญชัย สุวังบุตร และอนันต์ชัย เลาหะพันธุ. (๒๕๕๑). ทรรปณะประวัติศาสตร์ยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙. พิมพ์ครง้ั ท่ี ๒ แกไ้ ขปรับปรงุ . กรุงเทพมหานคร : ศกั ดโิ สภาการพมิ พ์. 187 คมู อื ครู 187

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 20%) สารานกุ รมประเทศในทวปี ยุโรป ฉบบั ราชบัณฑยิ สถาน. (๒๕๕๐). กรงุ เทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน. สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรส์ ากลสมยั ใหม ่ : ยโุ รป เลม่ ๑ อกั ษร A - B ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๗). พิมพ์ครงั้ ท่ี ๓ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ . กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรส์ ากลสมยั ใหม:่ ยโุ รป เลม่ ๒ อกั ษร C - D ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๔). พมิ พ์ครั้งท่ี ๒ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ . กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรส์ ากลสมยั ใหม ่: ยโุ รป เลม่ ๓ อกั ษร E - G ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๓). กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑติ ยสถาน. สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรส์ ากลสมยั ใหม ่: ยโุ รป เลม่ ๔ อกั ษร H - K ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๖). กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรส์ ากลสมยั ใหม ่: ยโุ รป เลม่ ๕ อกั ษร L - O ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๖). กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. สุทธ ิ ภบิ าลแทน และคณะ. (๒๕๕๑). จ้าวแผ่นดินไทย ราชันแหง่ โลก. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจรญิ ทัศน.์ อนันต์ชัย เลาหะพันธุ (๒๕๕๔). เรื่องน่ารู้ในยุโรปสมัยกลาง. พิมพ์คร้ังท่ี ๓ แก้ไขปรับปรุง. กรุงเทพมหานคร : ศักดิโสภาการพมิ พ.์ อนนั ตช์ ยั เลาหะพนั ธ ุ และสญั ชยั สวุ งั บตุ ร. (๒๕๕๐). รสั เซยี สมยั ซารแ์ ละสงั คมนยิ ม. พมิ พค์ รง้ั ท ่ี ๒. กรงุ เทพมหานคร : ศักดโิ สภาการพมิ พ์. Bentley, Jerry H. and Ziegler, Herbert F. (2000). Traditions and Encounters. A Global Perspective on the Past. Vol 3. Boston : McGraw - Hill. Bowring, Sir John. (n.d.). The Kingdom and People of Siam. Vol 2. London : Oxford University Press. Craig, Albert M. et al. (1997). The Heritage of World Civilization. Vol 2. 4th edition. Upper Saddle River, N.J. : Prentice Hall. Craig, Gordon. (1966). A Europe Since 1815. 2nd edition. New York : Holt, Rinchart and Winston. Ferro, Marc. (1969). The Great War 1914-1918. Tr. By Nicole Stone. London : Routledge & Kegan Paul. Held, Colbert C. (1994). Middle East Patterns, Places, Peoples, and Politics. 2nd edition. Boulder : Westview. Makay, John P. et al. (1996). A History of World Society. Vol 2. 4th edition. Boston : Houghton Mifflin. Mayne, Richard edited. (1986). Hand Books to The Modern World : Western Europe. New York : Facts on File Publications. Palmer, R.R. et al. (2002). A History of the Modern World. 9th edition. Boston : McGraw - Hill. Robert, J.M. (1993). History of the World. New York : Oxford University Press. 188 188 คูม อื ครู

แบบทดสเนอบน อกงิ มาารตรคฐาิดน การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มีจุดมุงหมายเพื่อใหผูเรียนอานออก เขียนได คิดคํานวณเปน มุงใหเกิดทักษะการเรียนรูตลอดชีวิต เตรียมตัวเปนพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการแขงขันไดในอนาคต การจัดการเรียนรูที่สอดคลองกับจุดมุงหมายดังกลาว จึงควรใหผูเรียนฝกฝนการนําความรูไปประยุกตใชในชีวิตจริง สามารถคิดวิเคราะหและแกปญหาได ดังน้ันเพื่อเปนการเตรียมความพรอม ของผูเรียน ทางโครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด จึงไดจัดทําแบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด โดยดําเนินการวิเคราะหสาระการเรียนรูท่ีสําคัญตามท่ีระบุไวในมาตรฐานและตัวช้ีวัดชั้นป แลวนํามากําหนดเปนระดับพฤติกรรมการคิด เพื่อสรางแบบทดสอบทมี่ คี ุณสมบตั ิ ดังน้� 1 2วัดผลการเรียนรู เนน ใหผูเรยี นเกดิ การคิด ผูสอนสามารถนําแบบทดสอบน้�ไปใชเปนเคร่ืองมือวัด และประเมินผล รวมทั้งเปนเครื่องบงช้ีความสําเร็จและรายงาน ท่ีสอดคลองกับมาตรฐาน ตามระดับพฤติกรรมการคิด คุณภาพของผูเรียนแตละคน เพ่ือเปนการเตรียมความพรอม ตัวชว้ี ัดชนั้ ปทุกขอ ท่รี ะบไุ วในตัวช้วี ัด ของนักเรียนใหมีความสามารถในดานการใชภาษา ดานการ โครงการ ูบรณาการ แบบทดสอบ คดิ คาํ นวณ และดา นเหตผุ ล สาํ หรบั รองรบั การประเมนิ ผลผเู รยี น ในระดบั ประเทศ (O-NET) และระดบั นานาชาติ (PISA) ตอไป แบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด ทจ่ี ัดทาํ โดย โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทศั น อจท. จาํ กดั ประกอบดวย แบบทดสอบ 3 ชดุ แตละชุดมีทง้ั แบบทดสอบปรนัย และแบบทดสอบอัตนัย โดยวเิ คราะหม าตรฐานตัวช้วี ดั และระดบั พฤตกิ รรมการคิด ทีส่ ัมพนั ธกับแบบทดสอบไวอ ยา งชัดเจน เพื่อใหผูสอนนาํ ไปใชเ ปนเครอ่ื งมอื วัดและประเมินผลผเู รยี นไดอ ยางมีประสิทธภิ าพ ตารางวเิ คราะหแบบทดสอบ ตารางวเิ คราะหร ะดับพฤติกรรมการคิด ตารางวิเคราะหม าตรฐานตัวช้ีวดั พกฤราตะรกิดคับริดรม ขอ ของแบบทดสอบทส่ี ัมพันธกบั รวม ระดบั พฤติกรรมการคดิ ชุดท่ี มาตรฐาน ตวั ช้ีวดั ขอของแบบทดสอบที่สมั พนั ธกับตัวชวี้ ัด A ความรู ความจาํ 6, 19, 27, 34 4 ส 4.1 1 1 B ความเขา ใจ 2, 7, 10, 18, 26, 28-29, 31-33, 36-37, 40 13 2 2-3 1 28-34 C การนําไปใช - - 1 ส 4.2 D การวเิ คราะห 1, 4-5, 8-9, 11-12, 14-17, 20-22, 24-25, 20 2 35-40 1 4-8, 10-15, 17-21 30, 35, 38-39 2 9, 16 ส 4.3 E การสังเคราะห 3, 13 2 3 23-27 F การประเมนิ คา 23 1 4 22 หมายเหตุ : มีเฉลยและคําอธิบายเชิงวิเคราะห อยทู ายแบบทดสอบชุดท่ี 3 (1) โครงการวัดและประเมินผล

ตารางวิเคราะหแบบทดสอบ ตารางวิเคราะหร ะดบั พฤติกรรมการคิด ตารางวเิ คราะหมาตรฐานตวั ช้วี ดั พกฤราตะริกดคบัริดรม ขอของแบบทดสอบทส่ี มั พนั ธก บั รวม ระดับพฤตกิ รรมการคิด ชดุ ที่ มาตรฐาน ตัวช้ีวัด ขอของแบบทดสอบทสี่ มั พนั ธกบั ตัวช้ีวดั ส 4.1 1 1, 3 A ความรู ความจาํ 12, 18, 30 3 ส 4.2 22 1 28-34 B ความเขา ใจ 7-8, 11, 15, 21, 24, 26, 34, 39 9 2 2 35-40 1 5-8, 10-15, 17-21 C การนําไปใช 14, 20 2 ส 4.3 2 4, 9, 16 3 23-27 D การวเิ คราะห 1-4, 9-10, 16, 22-23, 25, 28-29, 20 ส 4.1 4 22 ส 4.2 1 1, 3 31-33, 35-38, 40 22 3 1 28-34 E การสงั เคราะห 6, 13 2 2 35-40 F การประเมินคา 5, 17, 19, 27 4 ส 4.3 1 5-8, 10-21 โครงการ ูบรณาการ แบบทดสอบ 2 4, 9 A ความรู ความจาํ 1, 31, 34 3 3 23-27 B ความเขาใจ 5, 13, 18-20, 23, 26, 29-30, 33, 36, 39-40 13 4 22 C การนําไปใช - - D การวเิ คราะห 2-4, 6-12, 15-17, 21-22, 24-25, 27-28, 23 32, 35, 37-38 E การสงั เคราะห 14 1 F การประเมนิ คา - - โครงการวัดและประเมินผล (2)

แบบทดสอบวช� า ประวตั ศิ าสตร ชดุ ที่ 1 ¤Ðá¹¹·èÕ ä´Œ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3 ¤Ðá¹¹ÃÇÁ 50 ชือ่ นามสกลุ…………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………….. เลขประจาํ ตวั สอบ โรงเรยี น……………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………. สอบวนั ที่ เดอื น พ.ศ.…………………….. ………………………………………………… ……………………………………….. โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด 1ตอนท่ี 1. แบบทดสอบฉบับน�ม้ ีทัง้ หมด 40 ขอ 40 คะแนน ¤Ðá¹¹·èÕ ä´Œ 2. ใหนักเรยี นเลือกคําตอบท่ถี ูกท่ีสุดเพียงขอ เดียว ¤Ðá¹¹àµçÁ 40 1. การกาํ หนดหวั เรอ่ื งมปี ระโยชนต อ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร 4. ขอ ใด ไมใช สาเหตขุ องการยายราชธานจี ากกรงุ ธนบรุ ี โครงการ ูบรณาการ แบบทดสอบ D อยา งไร D ขามมายงั ฝง ตะวนั ออกของแมน าํ้ เจาพระยา 1. เพ่อื ระบคุ วามสนใจของผทู ่จี ะศกึ ษา 1. บรเิ วณทีต่ ้ังกรงุ ธนบรุ ีเปนท่ีทอ งคุง นาํ้ กัดเซาะตลงิ่ พงั 2. เพอื่ ปองกนั ไมใหไ ปศกึ ษาซ้ํากบั ผูอ่นื อยูเ สมอ 3. ทาํ ใหท ราบขอบเขตของเรอื่ งทจ่ี ะศกึ ษา 4. ทาํ ใหท ราบแหลง รวบรวมขอ มลู ทางประวตั ศิ าสตร 2. เกรงวาจะไมปลอดภยั เพราะขา ศกึ ลวงรแู ผนที่ภายใน 2. สุชาตติ องการศกึ ษาเรื่องราวทางประวัตศิ าสตรเกีย่ วกบั กรงุ ธนบรุ ีหมดแลว B การตง้ั ถน่ิ ฐานของชาวมอญทีเ่ มอื งพระประแดงในสมยั รตั นโกสนิ ทร เขาจะตอ งทําสิ่งใดเปน อันดบั ตอ ไปตาม 3. ฝงตะวันออกของแมน้ําเจาพระยามีชัยภูมิที่ดีในการ ขัน้ ตอนของวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร ปอ งกันการโจมตีของขาศึก 1. การกําหนดหวั เรอ่ื ง 2. การรวบรวมหลกั ฐาน 4. มีวัดต้ังขนาบอยูทั้ง 2 ขางของพระราชวัง ทําใหไม 3. การประเมินคณุ คา ของหลักฐาน สะดวกในการขยายพระราชวงั 4. การวเิ คราะห สงั เคราะห และจัดหมวดหมขู อมูล 3. จากการศึกษาวิธีการทางประวัติศาสตร นักเรียนคิดวา 5. การทรี่ ชั กาลท่ี3 ทรงแตง เรอื สาํ เภาไปคา ขายยงั ตา งประเทศ E ขอใดเปนคุณสมบัติท่ีนักประวตั ศิ าสตรพึงมี D สง ผลดตี อ ชาติไทยอยา งไร 1. เปน นักอานพงศาวดารและจดหมายเหตุ 2. เปน นกั ฟง ตาํ นาน นิทานพ้ืนบา นอยเู สมอ 1. ทําใหทอ งพระคลงั มีรายไดเพิ่มขึน้ 3. เปน นกั วเิ คราะหโดยอาศยั หลักฐานทางประวัตศิ าสตร 2. ทําใหไ ทยมชี ่ือเสยี งในฐานะเปนประเทศผูนาํ ทาง 4. เปนผูท ีม่ คี วามเชื่อวา ประวัตศิ าสตรยอมซา้ํ รอยเสมอ การคา 3. ทําใหชาวตางชาติรูจักสินคาทางการเกษตรที่สําคัญ ของไทย 4. ทาํ ใหไ ทยเปน ศนู ยก ลางในการรบั ซอ้ื และขายขา วไปยงั ตา งประเทศในภูมภิ าค ความรู ความจาํ ความเขาใจ การนําไปใช การวเิ คราะห การสังเคราะห การประเมนิ คา A B C D E F (3) โครงการวัดและประเมินผล

โครงการ ูบรณาการ แบบทดสอบ 6. ในสมยั รตั นโกสนิ ทรต อนตน สนิ คา ตอ งหา มทท่ี างราชการ อา นขอ ความตอ ไปน้ี แลวตอบคําถามขอ 12.-13. A กาํ หนดใหพอ คาตา งชาตติ องนาํ มาขายใหแกราชสํานัก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวทรงเปน โดยตรงคือขอใด พระมหากษตั รยิ ข องไทยและของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั - 1. สัตวเ ลี้ยง ออกเฉียงใตพระองคแรกที่เสด็จประพาสตางประเทศ 2. เครอ่ื งเทศ ท้ังในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป รวมทั้งส้ินหลายคร้ัง 3. ขา วเปลือก คร้ังที่นับไดวามีความสําคัญมากที่สุด คือ การเสด็จ 4. ปน และกระสุนดนิ ดํา ประพาสยุโรปคร้ังที่ 1 พ.ศ. 2440 เพราะเปนการ 7. ศกั ดนิ ามีความสําคัญตอสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร เสริมสรางความมั่นคงและการรักษาเอกราชของชาติ B ตอนตน อยา งไร นอกจากนี้ ยังทําใหชาวตางชาติมีความรูความเขาใจ 1. บอกถึงจํานวนการถอื ครองที่ดิน เมอื งไทยมากขนึ้ และชน่ื ชมผนู าํ ไทยวา ทรงเปน กษตั รยิ  2. บอกถงึ จํานวนไพรบ ริวารในสงั กัด สมัยใหมท ที่ รงปฏิรปู ประเทศใหทันสมัย 3. บอกถึงสถานภาพของคนในสังคม 4. บอกถงึ ตําแหนง หนา ที่ทางราชการ 12. สถานการณโลกในขอ ใดเปน ปจจยั สําคัญทท่ี ําให 8. ความสมั พนั ธระหวา งไทยกับชาติตะวันตกในสมยั D รชั กาลท่ี 5 ทรงสรา งสมั พนั ธไมตรีกับตางประเทศ D รตั นโกสนิ ทรตอนตน สว นใหญจ ะเนนเรือ่ งใด 1. การเมอื ง 1. การสาํ รวจทางทะเล 2. เศรษฐกจิ 2. การฟนฟูศิลปวทิ ยาการ 3. การทําสงคราม 3. การแสวงหาอาณานิคม 4. การแสวงหาพันธมติ ร 4. การปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม 9. ขอใดเปนปจ จยั สาํ คัญทส่ี งเสรมิ พระปรีชาสามารถ 13. ขอ ใดเปน หลกั ฐานชน้ั ตน ทค่ี วรใชใ นการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร D ของผนู าํ ไทยสมัยปรับปรงุ และปฏริ ปู ประเทศ E เก่ียวกบั การเสดจ็ ประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 1. การประพาสตา งประเทศ 1. พระราชนิพนธ ไกลบาน 2. การนบั ถือพระพุทธศาสนา 2. จดหมายเหตุเสด็จประพาสตน 3. การศึกษาในวิทยาลัยหลวง 3. หนังสอื เรือ่ ง ความทรงจาํ จากพระพทุ ธเจาหลวง 4. การศึกษาวิทยาการตะวนั ตก 10. รัชกาลท่ี 6 ทรงวางรากฐานการปกครองระบอบ โดยชาลี เอ่ยี มกระสินธุ B ประชาธิปไตยดวยวิธีใด 4. หนังสอื เรอื่ ง ใตร มพระบารมี จักรีนฤบดินทร 1. ต้ังกจิ การลูกเสอื และใหประชาชนดแู ลกันเอง 2. จัดต้ังเทศบาลจากการเลือกตัง้ ของประชาชน สยามนิ ทราธริ าช โดยราชบณั ฑิตยสถาน 3. ใหส ทิ ธเิ สรภี าพแกป ระชาชนในการแสดงความคดิ เหน็ 14. เพราะเหตุใดไทยสมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศจึงตอง 4. ตงั้ วรรณคดสี โมสรเพอื่ เผยแพรง านเขยี นประชาธปิ ไตย D ยอมทําสนธสิ ัญญาเบาวร งิ ซ่ึงนับวาเปนสนธิสญั ญาท่ี 11. นายมงิ่ เคยเปน ไพร แตเ มอื่ รชั กาลที่5 ทรงยกเลกิ ระบบไพร D นายมงิ่ ไดเ รยี นหนงั สอื เมอื่ เรยี นจบแลว ไดเ ขา รบั ราชการ เสยี เปรยี บกบั ชาตติ ะวันตก เปนขุนนางและมีฐานะดี การที่นายม่ิงเปล่ียนสถานะไป 1. ถกู หลอกใหท าํ สนธสิ ญั ญา เชน นีเ้ พราะผลจากขอ ใดเปน สาํ คญั 2. ไมทราบภาษาตา งประเทศ 1. การปฏริ ูปทางสงั คม 3. ถูกชาติตะวนั ตกใชก าํ ลงั ทหารบังคับ 2. การปฏิรปู ทางการศกึ ษา 4. ปองกันความขดั แยง เพือ่ รักษาเอกราช 3. การปฏิรปู ทางเศรษฐกิจ 15. สนธิสัญญาเบาวริงมีผลตอการพัฒนาเศรษฐกิจไทยขอใด 4. การปฏริ ปู ทางการปกครอง D มากท่ีสุด 1. ทาํ ใหการคา ตา งประเทศขยายตัว 2. ทําใหระบบเศรษฐกจิ เปลีย่ นแปลง 3. ทาํ ใหเ กิดโรงงานอุตสาหกรรมในไทย 4. ทําใหชาวตะวันตกมีบทบาทแทนชาวจนี โครงการวัดและประเมินผล (4)

16. สถาบนั พระมหากษตั รยิ ม ีอทิ ธพิ ลตอความมนั่ คงและ 22. การสรา งบทบาทของไทยสมยั ประชาธปิ ไตยตอ สงั คมโลก D ความเจริญรุงเรืองของไทยอยา งไร D มลี ักษณะสอดคลอ งกบั คาํ กลา วในขอใด 1. ทา ดีทเี หลว 2. สามคั คีคอื พลงั 1. เปน สถาบันหลกั ของชาติ 3. เขยี นเสอื ใหว วั กลัว 4. ชาชาไดพ รา เลมงาม 2. เปนสถาบันทม่ี คี วามมั่นคง 3. เปน ศูนยรวมจติ ใจของคนไทย 23. คํากลาวท่ีวา “ภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยเปนมรดก 4. เปน แบบอยางทดี่ ีของราษฎรชาวไทย F ของคนไทย” มีความหมายตรงกับขอใดมากทส่ี ุด 17. เพราะเหตใุ ดรชั กาลที่ 7 จงึ ทรงยอมรบั การเปลย่ี นแปลง 1. เปนส่งิ มคี ุณคา ทีค่ วรรกั ษาไว D การปกครองของคณะราษฎร 2. เปนมรดกทางวตั ถุที่จับตองได 1. ขาดกําลงั ที่จะตอสู 3. มปี ระวตั คิ วามเปนมาอนั ยาวนาน 2. ไมอ ยากใหค นไทยรบกันเอง 4. มกี ารถายทอดจากบรรพบุรุษสลู กู หลาน 3. เพ่ือรักษาชีวิตของตวั ประกัน 4. เกรงอํานาจของคณะราษฎร 24. สภาพแวดลอ มและจนิ ตนาการของผทู อผา สง ผลตอ ผา ทอ 18. สาเหตสุ ําคญั ทที่ าํ ใหน ิสติ นกั ศกึ ษาออกมาชมุ นุมประทวง D ในเรือ่ งใดมากทีส่ ดุ B จนเกิดเหตกุ ารณ 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 คอื ขอ ใด 1. ขนาดของผา 2. การกาํ หนดราคา 1. ปญ หาเศรษฐกจิ ตกตํ่าในชว ง พ.ศ. 2519 3. ลวดลายบนผืนผา 4. ประโยชนในการใชส อย 2. การแทรกแซงระบอบรัฐสภาโดยคณะทหาร โครงการ ูบรณาการ แบบทดสอบ 3. ความไมพ อใจทจ่ี อมพลถนอม กติ ติขจร เดินทางกลับ 25. ศลิ ปน ผสู รา งงานเครอื่ งไมจ าํ หลกั นอกจากจะตอ งมคี วาม D สามารถทางศลิ ปกรรมแลว ควรมีคณุ สมบัตติ ามขอ ใด เขา มาในประเทศไทย 1. มีความจําดี 2. เคยอปุ สมบท 4. ความไมพอใจท่รี ัฐธรรมนูญฉบบั พ.ศ. 2517 3. มีรางกายแข็งแรง 4. มคี วามสขุ มุ ละเอยี ดลออ ไมมคี วามเปน ประชาธิปไตย 26. วตั ถปุ ระสงคส าํ คญั ของการกอ ตง้ั มลู นธิ สิ ง เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ 19. ขอ ใดคอื นโยบายเศรษฐกิจของไทยสมยั รัฐบาล B คอื ขอ ใด A จอมพล ป. พิบูลสงคราม 1. เปนอาชพี เสรมิ เพม่ิ พนู รายได 2. เพ่อื ฝก สอนงานศลิ ปะใหแกราษฎร 1. จดั ต้ังเขตอตุ สาหกรรมในภมู ิภาค 3. สนับสนุนและสงเสรมิ ภมู ปิ ญญาไทย 2. ใหคนไทยดาํ รงชวี ติ อยางพอเพียง 4. ใชท รัพยากรในทอ งถนิ่ ใหเ กดิ ประโยชนส ูงสดุ 3. สง เสรมิ ใหค นไทยใชส นิ คาทีผ่ ลิตในประเทศ 4. สนบั สนุนใหชาวตา งชาตเิ ขามาลงทุนอยางเสรี 27. เสฐยี รโกเศศ-นาคะประทปี หมายถงึ บคุ คลสาํ คญั ในขอ ใด 20. การลดคา เงินบาทสมยั รัฐบาลพลเอกเปรม ตณิ สูลานนท A 1. หลวงวิจติ รวาทการ D มผี ลอยา งไร 2. พระยาอนมุ านราชธน 1. ชวยสง เสริมการลงทุนจากตางประเทศ 3. พระยาอนมุ านราชธนและพระสารประเสริฐ 2. ชวยใหห นส้ี าธารณะของรฐั บาลลดลง 4. พระยาอนุมานราชธนและหลวงวจิ ติ รวาทการ 3. ชวยทาํ ใหห น้ขี องผปู ระกอบการลดลง 4. ชวยแกไขปญหาเงนิ เฟอภายในประเทศ 28. ขอ ใดอธบิ ายความหมายของคาํ วา “ยคุ ของขนุ นางฟว ดลั ” 21. ขอ ใดมอี ิทธิพลตอ การเปลีย่ นแปลงของสงั คมไทย B ไดชดั เจนทีส่ ุด D สมยั ประชาธิปไตยมากท่ีสดุ 1. ขนุ นางมีอาํ นาจสูงสดุ ในการปกครองประเทศ 1. การนบั ถือศาสนา 2. ขุนนางเขาควบคุมกลไกการบริหารประเทศผานทาง 2. อดุ มการณทางการเมือง รัฐสภา 3. การเพม่ิ จํานวนของประชากร 3. อํานาจการปกครองอยูในมือขุนนางเจาของทีด่ ิน 4. ความเจรญิ ทางดานเทคโนโลยี เปน การปกครองแบบกระจายอํานาจ 4. กษัตริยมีอํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยมี ขนุ นางคอยใหค วามชวยเหลอื อยา งใกลช ดิ (5) โครงการวัดและประเมินผล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook