Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เลือกตั้ง62ชลบุรี

เลือกตั้ง62ชลบุรี

Description: การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบุรี
วิเชียร ตันศิริคงคล

Keywords: เลือกตั้ง,2562,ชลบุรี

Search

Read the Text Version

ʶҺѹ¾Ãл¡à¡ÅŒÒ การศึกษา ความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบรุ ี วิเชียร ตันศิริคงคล

เร่อื ง การศึกษาความเคลอื่ นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวดั ชลบรุ ี ผเู้ ขยี น วิเชยี ร ตันศิริคงคล เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ (e-book) 978-616-476-154-4 รหสั สิ่งพมิ พ์สถาบัน สวพ.63-75-00.0 (ebook) ประสานงาน วลยั พร ลอ้ อัศจรรย์ สงวนลขิ สิทธ ิ์ © 2563 ลขิ สทิ ธ์ขิ องสถาบันพระปกเกล้า จดั พมิ พโ์ ดย สำ�นักวจิ ยั และพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า ศนู ยร์ าชการเฉลมิ พระเกยี รติ 80 พรรษาฯ อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ชน้ั 5 (โซนทศิ ใต้) เลขท่ี 120 หมู่ 3 ถนนแจง้ วัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรงุ เทพฯ 10210 โทรศพั ท์ 0-2141-9596 โทรสาร 0-2143-8177 http://www.kpi.ac.th

3 ค�ำนำ� สถาบันพระปกเลา้ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเม่ือวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซ่ึงได้มีการเปล่ียนแปลงกติกา ที่เก่ียวข้องกับการเลือกต้ังหลายประการ ได้แก่ การน�ำระบบการเลือกต้ังที่เรียกว่า “การเลือกต้ังแบบจัดสรร ปนั สว่ นผสม” มาใช้ โดยก�ำหนดใหแ้ ตล่ ะเขตเลอื กตงั้ มสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรไดเ้ ขตละหนงึ่ คน และประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งได้คนละหน่ึงคะแนน ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ บญั ชรี ายชอ่ื นนั้ เปน็ การจดั สรรโดยค�ำนวณจากคะแนนรวมทพ่ี รรคการเมอื งไดจ้ ากการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎรแบบแบง่ เขตทว่ั ประเทศ การก�ำหนดใหพ้ รรคการเมอื งสามารถเสนอรายชอ่ื บคุ คลซง่ึ สมควรไดร้ บั แตง่ ตง้ั เป็นนายกรัฐมนตรไี ม่เกินสามรายชอ่ื การก�ำหนดในเร่อื งคณุ สมบตั แิ ละลกั ษณะต้องห้ามของผูส้ มคั รรับเลือกต้งั รปู แบบและวธิ กี ารรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตงั้ ตลอดจนบทลงโทษกรณกี ระท�ำความผดิ เกยี่ วกบั การเลอื กตง้ั ทเ่ี ขม้ ขน้ กว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ นอกจากนี้ การเลือกต้ังเม่ือวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ยังเกิดขึ้นท่ามกลางบริบทและ สภาพแวดลอ้ มทางสงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื งทเี่ ปลย่ี นแปลงไปจากการเลอื กตงั้ ทวั่ ไปครงั้ หลงั สดุ เมอ่ื ปี 2554 เปน็ อยา่ งมาก อาทิ การวา่ งเวน้ จากการเลอื กตง้ั เกอื บแปดปที �ำใหม้ ผี มู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ครงั้ แรก (First Time Voter) มากกวา่ 7 ลา้ นคน การเปลย่ี นแปลงอยา่ งฉบั พลนั ของเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร (Digital Disruption) ท�ำใหส้ อ่ื ใหม่ (new media) เขา้ มามอี ทิ ธพิ ลในการเลอื กตงั้ อยา่ งเดน่ ชดั เปน็ ครง้ั แรก การเปลย่ี นแปลงในกตกิ าและสภาพแวดลอ้ ม ดงั กลา่ วท�ำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในกระบวนการจดั การเลอื กตง้ั ยทุ ธวธิ กี ารหาเสยี งของผสู้ มคั รและพรรคการเมอื ง รวมถงึ พฤตกิ รรมการตดั สินใจลงคะแนนของประชาชนอย่างมีนยั ยะส�ำคญั และน่าสนใจย่ิง สถาบันพระปกเกล้าขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ร้อยต�ำรวจเอก ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล ท่ีได้สร้างสรรค์ผลงานวิจัย เรื่อง “การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวดั ชลบรุ ”ี และหวงั วา่ หนงั สอื เลม่ นจ้ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมไทย และผสู้ นใจทวั่ ไป ในการท�ำความเขา้ ใจปรากฎการณใ์ นการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ในวนั ท่ี 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 ตอ่ ไป ศาสตราจารยว์ ฒุ ิสาร ตนั ไชย เลขาธกิ ารสถาบันพระปกเกลา้ กันยายน 2563

4 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบรุ ี

5 บทคดั ยอ่ งานวิจัย เรื่อง การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทน ราษฎร จังหวัดชลบุรี 2562 ในครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์ 5 ประการ คือ หนึ่ง เพื่อศึกษาบรรยากาศทางการเมือง และความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งขององคก์ รและกลมุ่ ทางการเมอื งทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎรในจังหวัดชลบุรี ก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สอง เพื่อศึกษา พฤติกรรมทางการเมืองของผู้สมัครในจังหวัดชลบุรีช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง สาม เพ่ือศึกษาผลการเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั ชลบรุ เี ปน็ รายพรรคและรายเขตเลอื กตงั้ ส่ี เพอื่ ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ ลการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั ชลบรุ ี เปน็ รายพรรคและรายเขตเลอื กตง้ั และหา้ เพอื่ ศกึ ษาวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรม การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั ชลบรุ ี และผลกระทบการเปลยี่ นแปลงของขวั้ อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ยพรรคการเมอื ง ปัจจัยที่สง่ ผลต่อการตดั สินใจทางการเมอื ง มีผลการวจิ ัยดงั นี้ บรรยากาศทางการเมืองและความเคล่ือนไหวทางการเมือง พบว่าในการเลือกต้ัง “ระบบจัดสรร ปนั สว่ นผสม” พรรคพลงั ประชารฐั ดงึ ตวั ผสู้ มคั รจากพรรคการเมอื งเกา่ รวมถงึ การตงั้ และยบุ พรรคไทยรกั ษาชาติ เกดิ การถา่ ยเทคะแนน ไปสพู่ รรคอนาคตใหม่ ความเคลอื่ นไหว และพฤตกิ รรมทางการเมอื งของผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั ชลบรุ ี พรรคพลงั ประชารฐั พรรคเพอ่ื ไทย พรรคประชาธปิ ตั ย์ และพรรคภมู ใิ จไทย ใชร้ ปู แบบการหาเสยี งทเี่ นน้ ผสู้ มคั รมาจากพรรคการเมอื งขนาดใหญท่ ม่ี เี งนิ ทนุ และใชร้ ะบบหวั คะแนนอยา่ งเขม้ ขน้ ในขณะที่ พรรคอนาคตใหม่ ใช้รูปแบบการหาเสียงท่ีเน้นนโยบายพรรคการเมืองอย่างเข้มข้น ผลการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรี ในภาพรวมท้ังจังหวัดชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกจ�ำนวน 5 คน พรรคอนาคตใหม่ ได้รับเลือกจ�ำนวน 3 คน คะแนนรวมท้ังจังหวัด พรรคพลังประชารัฐ มากท่ีสุด รองมา คอื พรรคอนาคตใหม่ วเิ คราะหผ์ ลการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั ชลบรุ ี พรรคทป่ี ระสบ ความส�ำเร็จ คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคพลังชล พรรคอนาคตใหม่ พรรคท่ีประสบความล้มเหลว คือ พรรคเพ่ือไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย พฤติกรรมของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในจังหวัดชลบุร ี ในเขต 1 2 3 4 และ 8 ในภาพรวมเปน็ แบบผสมผสาน โดยมรี ปู แบบการลงคะแนนตามเครอื ข่ายทางการเมือง หรือจงรกั ภกั ดีกับระบบอุปถมั ภท์ างการเมอื งมากท่ีสดุ พฤติกรรมการการเลอื กตั้งผแู้ ทนราษฎรในจังหวดั ชลบรุ ี เขต 5 6 7 ในภาพรวม เป็นไปแบบผสมผสาน รูปแบบท่ผี ู้ไปใช้สทิ ธเิ ลือกตัง้ ทต่ี ดั สินใจเลอื กและลงคะแนนตาม แนวนโยบายใกลเ้ คยี งกบั รปู แบบทผี่ ไู้ ปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ทม่ี ลี งคะแนนตามเครอื ขา่ ยทางการเมอื งหรอื ระบบอปุ ถมั ภ์ ทางการเมือง ในขณะท่ีนักการเมืองที่ย้ายพรรคในการเลือกต้ังครั้งนี้ มีท้ังท่ีประสบความส�ำเร็จและประสบ ความลม้ เหลว

6 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบรุ ี

สารบัญ 7 ค�ำน�ำสถาบันพระปกเกล้า หนา้ บทคัดยอ่ 3 Abstract 5 สารบญั 6 สารบัญตาราง 7 สารบญั ภาพ 10 บทท่ี 13 1 บทน�ำ 15 • ความเป็นมาและความส�ำคัญของปัญหา 16 • วัตถุประสงคข์ องการวิจยั 18 • ขอบเขตของการศึกษา 18 • วธิ กี ารศึกษาวจิ ยั 20 • ระยะเวลาท�ำการศกึ ษา 21 • ประโยชน์ที่ไดร้ บั 21 2 แนวคดิ ทฤษฎี และวรรณกรรมทเี่ กย่ี วขอ้ ง 23 • แนวคดิ และทฤษฎีเกย่ี วกบั การเลือกตั้ง 24 • แนวคดิ เกี่ยวกบั พฤตกิ รรมการเลอื กต้งั 35 • งานวิจยั ท่เี กีย่ วขอ้ ง 42 • ลักษณะพ้นื ท่ขี องจังหวัดชลบรุ ี 54 3 ประวัติการเลือกตัง้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจงั หวัดชลบุรี 61 4 ระเบยี บวธิ ีการวจิ ัย 79 • ประชากร 80 • การเก็บรวบรวมข้อมลู 80

8 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลือกตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวัดชลบรุ ี • เครอื่ งมอื ในการวิจยั 81 • การตรวจสอบข้อมูล 81 • การวิเคราะห์ข้อมลู 81 5 บรรยากาศกอ่ นการเลือกตัง้ ทวั่ ไป 83 • บรรยากาศการเมือง: ระบบการเลือกต้งั แบบจัดสรรปนั ส่วนผสม และการเปลีย่ นแปลงทางการเมอื งในระดับชาต ิ 83 • การต้งั พรรคพลังประชารัฐ “พรรคพลังดดู ” การรวมตัวของอดตี สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร 85 • การเคล่ือนไหวทางการเมือง: การแตกพรรคเพ่ือไทยเพ่อื ต้งั พรรคไทยรกั ษาชาติ 88 • การเคลอ่ื นไหวทางการเมอื ง: ผู้มสี ทิ ธเิ ลือกตง้ั หน้าใหม่ 89 • พฤตกิ รรมการหาเสียง: สื่อสงั คม หรอื Social Media ในทางการเมือง 90 • บรรยากาศการเคล่ือนไหวทางการเมืองในจงั หวดั ชลบุรีกอ่ นวันรบั สมัครเลือกต้ัง 90 • การเคลื่อนไหวทางการเมือง: พรรคพลังประชารัฐในจงั หวัดชลบุรี 92 • การเคลอ่ื นไหวทางการเมือง: พรรคอนาคตใหม่ 94 • การเคลอ่ื นไหวทางการเมือง: พรรคภูมใิ จไทย 96 • การเคลอ่ื นไหวทางการเมือง: พรรคเพ่ือไทย 98 • การเคลอ่ื นไหวทางการเมอื ง: พรรคไทยรักษาชาต ิ 99 • การเคลอ่ื นไหวทางการเมือง: พรรคประชาธิปัตย์ 100 • การประกาศใหม้ กี ารเลือกต้ัง 101 • คณะกรรมการการเลือกตงั้ ชลบรุ ี ก�ำหนดแบง่ เขตเลอื กตง้ั 8 เขต 102 • บรรยากาศการสมัครรบั เลือกตง้ั 103 6 บรรยากาศการหาเสยี งเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จังหวดั ชลบรุ ี 107 • ระเบียบ ค�ำสงั่ ของคณะกรรมการการเลือกตัง้ : กรอบแนวปฏบิ ัติพรรคการเมอื ง 107 • บทบาทของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั 109 • พฤตกิ รรมการเลือกต้ัง: รปู แบบการหาเสยี งของพรรคการเมืองและนักการเมือง 111

• เหตุการณ์การยบุ พรรคไทยรักษาชาติ 9 • การสนับสนุนและการต่อต้านการสบื ทอดอ�ำนาจของคณะรฐั ประหาร • การหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ 112 • การหาเสยี งของพรรคภูมใิ จไทย 115 • การหาเสียงของพรรคประชาธปิ ตั ย์ 116 • การหาเสยี งของพรรคอนาคตใหม่ 120 • การหาเสยี งของพรรคเพ่ือไทย 123 • การหาเสียงของพรรคการเมืองอน่ื 127 • สรปุ การหาเสียงของพรรคการเมอื ง 132 134 7 ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร จังหวดั ชลบรุ ี 136 • ผลการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจังหวดั ชลบรุ ี ท้ัง 8 เขต 139 8 วิเคราะหผ์ ลการเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในจังหวัดชลบุร ี 139 • วเิ คราะห์ความส�ำเร็จของพรรคพลงั ประชารฐั • วเิ คราะหค์ วามส�ำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ 153 • วเิ คราะหค์ วามลม้ เหลวของพรรคเพ่ือไทย 155 • วิเคราะห์ความล้มเหลวของพรรคประชาธปิ ัตย์ 158 • วิเคราะหค์ วามลม้ เหลวของพรรคภมู ิใจไทย 160 • วเิ คราะห์พฤติกรรมของผไู้ ปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กต้งั ในจงั หวัดชลบรุ ี 162 164 9 สรุปผลการวิจัย 166 • ข้อสรปุ ผลการวิจยั ตามแนววัตถุประสงค ์ • อภิปรายผล 179 • ข้อเสนอแนะ 180 183 บรรณานุกรม 184 187

10 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร 2562 จงั หวดั ชลบุรี สารบัญตาราง ตารางที ่ หนา้ 1 ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ ภาค และจังหวัด ตามราคาประจ�ำปี จ�ำแนกเป็นรายภาค 59 และจังหวัด พ.ศ. 2552 2 การก�ำหนดเขตเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลือกตง้ั จังหวดั ชลบุรี 67 พ.ศ. 2544 จ�ำนวนสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร 7 คน จ�ำนวน 7 เขตเลอื กตัง้ จ�ำนวน 902 หนว่ ยเลอื กตง้ั 68 3 เขตเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตง้ั จังหวดั ชลบรุ ี พ.ศ. 2549 จ�ำนวนสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 8 คน จ�ำนวน 8 เขตเลอื กตัง้ จ�ำนวน 1,260 หน่วย 70 เลอื กต้งั 71 4 เขตเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลอื กตง้ั จงั หวดั ชลบรุ ี พ.ศ. 2550 85 จ�ำนวนสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 8 คน จ�ำนวน 3 เขตเลือกตั้ง จ�ำนวน 1,280 หน่วย 93 เลือกตัง้ 95 5 สรุปรายช่ือผู้ด�ำรงต�ำแหนง่ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรจงั หวดั ชลบรุ ี 97 6 รายนามนักการเมืองท่ีสนับสนนุ พลเอกประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา 98 ในนามกลุม่ พรรคพลงั ประชารฐั 7 รายช่อื ผสู้ มคั รรบั เลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดชลบุรีของพรรคพลงั ประชารัฐ 8 รายชอื่ ผ้สู มคั รรบั เลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจงั หวดั ชลบุรีของพรรคอนาคตใหม ่ 9 รายชือ่ ผูส้ มัครรบั เลอื กต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดชลบรุ ขี องพรรคภูมิใจไทย 10 รายช่อื ผสู้ มัครรับเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบรุ ีของพรรคเพ่อื ไทย

11 11 รายชอ่ื ผสู้ มคั รรบั เลือกต้ังสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรจงั หวัดชลบรุ ีของพรรคไทยรกั ษาชาต ิ 99 12 รายช่ือผสู้ มัครรบั เลอื กตั้งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจังหวัดชลบรุ ีของพรรคประชาธปิ ัตย์ 100 13 จ�ำนวนผ้สู มัครรบั เลือกตัง้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรแบง่ ตามเขตของจงั หวดั ชลบรุ ี 104 14 การส่งผูส้ มัครรับเลือกต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจังหวดั ชลบุรขี องพรรคไทยรักษาชาต ิ 114 15 พรรคการเมอื งกบั กระแสการสนับสนนุ หรอื ต่อต้านการสบื ทอดอ�ำนาจของคณะรัฐประหาร 115 16 รปู แบบการหาเสยี งของพรรคประชาธิปัตย ์ 126 17 รูปแบบการหาเสียงของผ้สู มคั รพรรคอนาคตใหม่ 131 18 รปู แบบการหาเสียงของผู้สมัครพรรคเพ่อื ไทย 133 19 รูปแบบการหาเสียงของพรรคการเมอื ง 136 20 ผลการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวดั ชลบุร ี 140 21 ผลการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เขต 2 จงั หวดั ชลบรุ ี 141 22 ผลการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จงั หวดั ชลบรุ ี 142 23 ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จังหวัดชลบุร ี 143 24 ผลการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จงั หวดั ชลบุรี 144 25 ผลการเลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร เขต 6 จงั หวัดชลบุร ี 145 26 ผลการเลือกตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เขต 7 จังหวดั ชลบุรี 146 27 ผลการเลือกตัง้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 จังหวดั ชลบุร ี 147 28 ผลการเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจังหวดั ชลบรุ ีของพรรคพลังประชารัฐ 148 29 ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดชลบรุ ขี องพรรคอนาคตใหม่ 148 30 ผลการเลือกตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจงั หวัดชลบรุ ขี องพรรคเพอื่ ไทย 148 31 ผลการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดชลบรุ ีของพรรคประชาธปิ ตั ย์ 148 32 ผลการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวดั ชลบรุ ีของพรรคภมู ิใจไทย 150 33 ผลการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐ 154 34 การเปรยี บเทยี บคะแนนเสียงจากการเลือกตงั้ ใน ปี 2554 เทยี บกับ ปี 2562 ของกล่มุ บา้ นใหญห่ รอื กลุ่มตระกูลคุณปลม้ื 155 35 ผลการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอนาคตใหม ่ 157

12 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบุรี 36 ผลการเลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรของพรรคเพอื่ ไทย 159 37 การเปรียบเทยี บคะแนนเสยี งจากการเลือกตั้งใน ปี 2554 เทียบกบั ปี 2562 ของพรรคเพ่อื ไทย 160 38 ผลการเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของพรรคประชาธปิ ตั ย์ 162 39 การเปรียบเทยี บคะแนนเสียงจากการเลือกตง้ั ใน ปี 2554 เทยี บกบั ปี 2562 ของพรรคประชาธิปตั ย ์ 163 40 การโอนย้ายคะแนนเสยี งเลือกตง้ั ของพรรคการเมอื งเก่าไปสนับสนุนพรรคการเมอื งใหม่ 164 41 ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรจังหวัดชลบรุ ขี องพรรคภมู ิใจไทย 165 42 การเปรยี บเทียบคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งใน ปี 2554 เทียบกับ ปี 2562 ของพรรคภมู ใิ จไทย 165 43 พฤตกิ รรมการเลือกต้งั ของผู้ใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั เขตเลอื กตง้ั ที่ 1 166 44 พฤติกรรมการเลือกตัง้ ของผู้ใชส้ ทิ ธิเลอื กตั้ง เขตเลอื กตั้งที่ 2 168 45 พฤติกรรมการเลือกตั้งของผใู้ ช้สิทธิเลือกตง้ั เขตเลอื กต้งั ท่ี 3 169 46 พฤติกรรมการเลือกตง้ั ของผู้ใช้สิทธิเลอื กตั้ง เขตเลือกต้ังที่ 4 170 47 พฤติกรรมการเลือกตง้ั ของผใู้ ชส้ ิทธเิ ลอื กตง้ั เขตเลือกต้ังที่ 5 171 48 พฤตกิ รรมการเลือกตง้ั ของผใู้ ช้สิทธิเลือกตงั้ เขตเลือกตั้งท่ี 7 172 49 พฤติกรรมการเลือกตั้งของผู้ใชส้ ทิ ธิเลือกตัง้ เขตเลือกต้ังท่ี 8 174 50 ผูส้ มคั รเลอื กตง้ั รายเดิมที่ยา้ ยพรรคแล้วประสบความส�ำเร็จ 175 51 ผสู้ มคั รเลือกตั้งรายเดมิ ที่ยา้ ยพรรคแล้วประสบความล้มเหลว 175 52 ผสู้ มัครเลือกตง้ั รายเดิมทีไ่ ม่ได้ย้ายพรรคแลว้ ประสบความลม้ เหลว 176 53 พรรคที่ประสบความส�ำเรจ็ มากท่สี ดุ ในการเลอื กตั้ง จังหวดั ชลบรุ ี 176 54 พรรคท่ีประสบความลม้ เหลวมากทส่ี ุดในการเลือกตั้ง จงั หวัดชลบรุ ี 176  

13 สารบัญภาพ ภาพท่ ี หน้า 1 ผู้อ�ำนวยการ กกต. ชลบรุ ี ยอมรบั มกี ระแสขา่ วซ้ือเสียงในช่วงโค้งสุดทา้ ย ของการเลอื กตงั้ 2562 แตย่ งั ไมม่ หี ลกั ฐานจนน�ำไปส่กู ารจับกุมเอาผดิ 109 2 การหาเสยี งของพรรคไทยรกั ษาชาตใิ นพนื้ ทจี่ ังหวัดชลบุรี 113 3 นายอภสิ ิทธ์ิ เวชชาชีวะ กับการประกาศไม่สนบั สนนุ พล.อ.ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา ในการสืบทอดอ�ำนาจ 116 4 บรรยากาศการหาเสยี งเลอื กตั้ง เขต 8 ของ นายสะถิระ เผอื กประพันธ์ ุ 119 5 การหาเสียงของผสู้ มัครจากพรรคประชาธปิ ัตย์ในจงั หวดั ชลบุร ี 124 6 นายชวน หลกี ภยั แวะลงทกั ทายสวสั ดี ขอเสยี งกับประชาชนให้ช่วยลงคะแนน ให้กบั ผสู้ มัคร ส.ส.ชลบุรี 125 7 นายกรณ์ ชว่ ยลูกพรรคประชาธิปตั ยห์ าเสยี งทีพ่ ัทยา เบอร์ 2 เขต 5 และเบอร์ 8 เขต 7 ชูนโยบายพลิกฟ้ืนเศรษฐกจิ แกจ้ นเพ่อื คนชลบุรี 126 8 นายธนาธร จงึ ร่งุ เรอื งกิจ และทีมงานเดินทางชว่ ยผสู้ มคั ร ส.ส. หาเสยี งในพนื้ ที่ จ.ชลบุร ี 128 9 การหาเสยี งเพ่ือเอาใจเหลา่ เกมเมอรแ์ ละเป็นสีสนั ในการเลอื กตัง้ 129 10 นายจรสั ค้มุ ไขน่ ้ำ� ผู้สมคั ร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ชลบรุ ี เขต 6 130 11 นายชชั ชาติ สทิ ธพิ ันธ์ลุ งพื้นที่ชลบรุ ีได้ลงพื้นทต่ี ลาดอา่ งศลิ า อ.เมือง จ.ชลบรุ ี 132

14 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบรุ ี

15 บทท่ี 1 บทนำ� ขออัญเชิญ ประกาศส�ำนักพระราชวัง เมื่อเวลา 22.44 น. วันที่ 23 มีนาคม 2562 โทรทัศน์ รวมการเฉพาะกจิ แหง่ ประเทศไทย ได้เผยแพร่ว่า สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลขาธิการพระราชวังอัญเชิญพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทไ่ี ดพ้ ระราชทานไวใ้ นพธิ เี ปดิ งานชมุ นมุ ลกู เสอื แหง่ ชาติ ครงั้ ท่ี 6 ณ คา่ ยลกู เสอื วชิราวธุ อ.ศรรี าชา จ.ชลบุรี วันพฤหสั บดี ท่ี 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2512 ความตอนหนึ่งว่า “ขอให้ทราบถึงสิ่งส�ำคัญในการปกครองไว้ว่าในบ้านเมืองน้ัน มีท้ังคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะท�ำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ท้ังหมด การท�ำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่ การท�ำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ท่ีการส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุม คนไม่ดี ไมใ่ หม้ อี ำ� นาจ ไม่ให้กอ่ ความเดือดรอ้ นวุ่นวายได”้ ดว้ ยส�ำนกึ ในพระมหากรณาธคิ ณุ เป็นล้นพน้ เหนือเกล้าเหนอื กระหม่อมของคณะผู้วิจัย ตลอดไป

16 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 2562 จงั หวัดชลบรุ ี ความเป็นมาและความส�ำคญั ของปญั หา การปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ความส�ำคัญกับการเลือกต้ัง โดยถือว่าการเลือกตั้งเป็นหัวใจ ส�ำคัญของการปกครอง โดยเฉพาะการเลือกตั้งท่ีท่ีบริสุทธ์ิ ยุติธรรม อีกท้ัง การเลือกตั้งเป็นกระบวนการสร้าง ความชอบธรรมในทางการเมืองของการใช้อ�ำนาจอธิปไตยอันเป็นของประชาชนที่นักการเมืองจะเข้าสู่ต�ำแหน่ง ทางการเมือง ในทางวิชาการความส�ำคัญของการเลือกตั้งมีหลายประการ และถือเป็น The Only Game in Town ของประเทศทปี่ กครองในระบอบประชาธปิ ไตย โดยประเทศเหลา่ นยี้ ดึ เปน็ แนวทางในทางการเมอื งทรี่ ะบุ ไวช้ ดั เจนในรัฐธรรมนูญของประเทศ ประเทศไทยมกี ารประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 ลงวนั ท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2560 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการท่ัวไป พ.ศ. 2562 ลงวันท่ี 23 มกราคม พ.ศ. 2562 และประกาศคณะกรรมการการเลือกต้ัง เร่ือง ก�ำหนดวันเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร วนั รบั สมคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั และสถานทที่ พ่ี รรคการเมอื ง จะสง่ บัญชรี ายชอื่ ผูส้ มัครรบั เลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรแบบบัญชรี ายชือ่ ก�ำหนดให้มกี ารเลอื กตัง้ สมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ การทว่ั ไป ในวนั อาทติ ยท์ ี่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ การทว่ั ไป ถอื เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทม่ี คี วามส�ำคญั ของกระบวนการ เข้าสู่อ�ำนาจทางการเมืองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา การเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ การทว่ั ไปครงั้ นี้ เกดิ ขนึ้ หลงั จากการเปลยี่ นแปลงในทางการเมอื ง พ.ศ. 2557 ซง่ึ ความขดั แยง้ ทางการเมอื งทเ่ี กดิ ขนึ้ กอ่ นปี พ.ศ. 2557 ยงั คงปรากฏขว้ั ทางการเมอื งทมี่ คี วามคดิ เหน็ ทางการเมอื งทแี่ ตกตา่ งกนั โดยเฉพาะความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันที่ปรากฏในการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ก�ำหนดใหม้ สี มาชกิ สภาผู้แทนราษฎร จ�ำนวน 500 คน มีท่ีมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ท่ีมาจากเขตการเลือกต้ังจ�ำนวน 350 คน และมาจากระบบ บัญชีรายช่ือจ�ำนวน 150 คน ภายใต้ระบบการเลือกต้ังแบบใหม่ที่เรียกว่า “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” ท�ำให้ ในการเลือกตั้งครั้งน้ี การได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีความแตกต่างไปจากเดิมนับแต่การเลือกต้ัง ในปี พ.ศ. 2544 โดยใชก้ ารนบั คะแนนแบบจดั สรรปนั สว่ นผสมใชบ้ ตั รเลอื กตง้ั ใบเดยี วในการตดั สนิ ผชู้ นะการเลอื กตง้ั ในระบบเขต และน�ำมาค�ำนวณจ�ำนวนสมาชิกสภาฯ แบบสัดส่วน รวมถึงมีเง่ือนไขใหม่เกี่ยวกับการจัดต้ัง พรรคการเมอื ง หนา้ ทแ่ี ละสถานภาพของสมาชกิ พรรคการเมอื ง และคณะกรรมการบรหิ ารพรรค มกี ารก�ำหนดโทษ ของพรรคการเมืองไว้สูงมาก มีการก�ำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองและวิธีการหาเสียง เลอื กตง้ั ของพรรคการเมอื ง ปรากฏในมาตรา 62 - 83 ของพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตงั้

17 บรรยากาศทางการเมืองหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฯ เกดิ การรวมตวั นกั การเมอื งผมู้ คี วามคดิ เหน็ การสนบั สนนุ คณะรฐั ประหารใหบ้ รหิ ารประเทศตอ่ ตง้ั พรรคการเมอื ง ขึ้นมา ซึ่งนักการเมืองเหล่านี้จากพรรคการเมืองที่หลากหลายรวมตัวกันเพื่อการต้ังพรรคการเมืองน้ี ดังปรากฏ ในรูปแบบการย้ายข้าง การย้ายพรรคการเมืองในช่วงหลังจากประกาศพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ครบทั้ง 10 ฉบับ ด้วยการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางอ�ำนาจ และโครงสร้างของสถาบันการเมืองในช่วงระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา จึงเป็นท่ีจับตามองว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่น้ี จะสามารถบรรเทาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาเป็น ระยะเวลากว่าทศวรรษได้หรือไม่ และจะท�ำให้ประเทศไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยท่ีมีคุณภาพได้หรือไม ่ จะท�ำให้การปฏิรูปการเมืองเกิดขึ้นจริงหรือไม่ พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนจะมีการเปล่ียนแปลงไป อย่างไร ประชาชนมีการเรียนรู้ทางการเมืองมากขึ้นหรือไม่ และภายใต้กรอบกติกาใหม่นี้ ผลของการเลือกต้ัง ยังจะยืนยันความตั้งม่ันของระบบพรรคการเมือง หรือความเข้มแข็งของพรรคการเมืองบางพรรคท่ีเคย ก่อร่างสรา้ งตวั มาจากรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ได้หรอื ไม่ จงั หวดั ชลบรุ ี เปน็ จงั หวดั ทมี่ คี วามส�ำคญั ในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ ในทางการเมอื งระดบั ประเทศนนั้ ในปัจจุบันจังหวัดชลบุรีแบ่งออกเป็น 8 เขตเลือกต้ัง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 8 คน ในอดีตที่ผ่านมา การเมืองในจังหวัดชลบุรี เช่นเดียวกับหลายจังหวัดในประเทศไทยที่การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของตระกูลการเมืองที่ส�ำคัญ โดยในจังหวัดชลบุรี ตระกูลทางการเมืองที่ส�ำคัญ เช่น ตระกูลคุณปลื้ม ตระกูลเน่ืองจ�ำนงค์ และตระกูลสิงห์โตทอง ซ่ึงทั้งตระกูลการเมืองเหล่าน้ีมีบารมีทาง การเมืองทั้งในการเมืองระดับประเทศ และระดับท้องถ่ิน สืบเน่ืองมาถึงสมาชิกในตระกูลช่วงชั้นอายุท่ีสอง (Second Generation) นกั การเมอื งในสังกัดตระกลู การเมอื งเหลา่ น้ีมีความเปน็ พวกมากกวา่ ความเปน็ พรรค ในการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการท่ัวไปที่ผ่านมา กลุ่มตระกูลการเมืองเหล่าน้ี ได้ย้าย สังกัดพรรคการเมืองไปยังพรรคต่าง ๆ รวมถึงสร้างพรรคการเมืองข้ึนมาเอง ซ่ึงประชาชนผู้ลงคะแนนเสียงใน จงั หวดั ชลบรุ ตี า่ งใหก้ ารสนบั สนนุ นกั การเมอื งเหลา่ นี้ ดงั ผลการเลอื กตงั้ ทวั่ ไปในปี พ.ศ. 2544 2548 และ 2554 เป็นต้น การเลือกตั้งในคร้ังน้ี นักการเมืองจากกลุ่มตระกูลการเมืองในจังหวัดชลบุรี ต้องปรับตัวให้เข้ากับ การเลือกตั้งภายใต้ระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ ประกอบกับกระแสการเมืองท่ีมีการแข่งขันกันในทางการเมือง ระดับประเทศ ซึ่งส่งผลต่อท้ังพฤติกรรมการเลือกต้ังของผู้ลงคะแนนเสียง และพฤติกรรมในการหาเสียง ของผู้สมัครแตกต่างจากเดิม ท่ามกลางการก�ำกับการบริหารจัดการการเลือกต้ังโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มภี าคส่วนตา่ ง ๆ ทางสังคม การเลอื กต้ังในครง้ั น้ี ถือเป็นการต่อสู้ระหวา่ งกระแสทางการเมืองในระดบั ประเทศ กบั ระบบอปุ ถมั ภท์ างการเมอื งแบบเดมิ ซงึ่ จะเปน็ การสรา้ งรปู แบบความสมั พนั ธท์ างการเมอื งแบบใหมใ่ นจงั หวดั ชลบรุ ี ใหเ้ ปลย่ี นแปลงไปหรือไม่ และอย่างไร

18 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบรุ ี วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพ่ือศึกษาบรรยากาศทางการเมืองและความเคล่ือนไหวทางการเมืองขององค์กรและกลุ่ม ทางการเมืองท่เี กยี่ วข้องกับการเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบรุ ี กอ่ นประกาศ พระราชกฤษฎีกาการเลือกตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. เพ่อื ศึกษาพฤตกิ รรมทางการเมอื งของผู้สมัครในจังหวัดชลบุรี ช่วงการหาเสียงเลือกต้งั 3. เพื่อศึกษาผลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรีเป็นรายพรรคและรายเขต เลือกต้งั 4. เพ่ือศึกษาวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรี เป็นรายพรรค และรายเขตเลือกตง้ั 5. เพื่อศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรีและ ผลกระทบการเปลยี่ นแปลงของขวั้ อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ยพรรคการเมอื ง ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การตัดสนิ ใจทางการเมือง ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตด้านเวลา ขอบเขตดา้ นเวลาของการศกึ ษาประกอบไปดว้ ย การศกึ ษาตงั้ แตช่ ว่ งกอ่ นการเลอื กตงั้ ชว่ งระหวา่ ง การมพี ระราชกฤษฎกี าก�ำหนดใหม้ กี ารเลอื กตง้ั วนั เลอื กตงั้ จนถงึ ประมาณ 1 เดอื น ภายหลงั จากคณะกรรมการ เลือกตัง้ ประกาศรับรองผลการเลอื กตง้ั อยา่ งเปน็ ทางการในจงั หวัดชลบรุ ี 2. ขอบเขตประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง ประชากรท่ีท�ำการศึกษา ได้แก่ ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือเครือข่ายผู้สมัครรับเลือกต้ังท่ีผู้วิจัย สามารถเข้าถึงได้ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว ซ่ึงผู้วิจัยไม่สามารถก�ำหนดจ�ำนวนและระบุรายช่ืออย่างเปิดเผยได้ เนอ่ื งจากเป็นข้อตกลงระหวา่ งผวู้ จิ ัยและผู้ใหส้ ัมภาษณ์ ทั้งนีผ้ วู้ จิ ยั จะท�ำการสัมภาษณ์ผ้ลู งสมคั รรบั เลอื กต้งั หรอื เครือขา่ ยผู้สมคั รรับเลอื กตัง้ ทกุ เขตเลือกตั้ง อยา่ งน้อยจ�ำนวน 8 ท่าน ตวั แทนหน่วยงานภาครัฐ จ�ำนวน 2 ทา่ น ตัวแทนบรษิ ัทเอกชน หรือองคก์ รอิสระ หรือองคก์ รสาธารณะ หรอื ส่ือมวลชน และองค์กรอน่ื ๆ ท่มี ีอทิ ธพิ ลใน การเลอื กตง้ั ท้งั ในระดับประเทศและในระดับเขตจงั หวัดชลบรุ ี จ�ำนวน 2 ทา่ น

19 3. ขอบเขตพืน้ ที่ พ้นื ท่เี ขตเลอื กต้งั ทุกพน้ื ทีใ่ นเขตจงั หวดั ชลบุรี 4. ขอบเขตเน้อื หา 4.1 พฤติกรรมการเลือกต้ัง เป็นการศึกษาวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ในทุกประเด็น เช่น การเลือกต้ังในคร้ังน้ีมีความเหมือนหรือแตกต่างจากการเลือกต้ังที่เคยผ่านมาในพื้นท่ีหรือไม่ มีประเด็น ใดบ้าง มีการเปลี่ยนแปลงท่ีส�ำคัญในเร่ืองใด และส่งผลกระทบส�ำคัญในเร่ืองการพัฒนาประชาธิปไตย อย่างไร รวมถึงการแข่งขันทางการเมืองท้ังในส่วนท่ีสามารถเห็นได้ชัดเจน เช่น การรณรงค์หาเสียง กลยุทธ์ วิธีการ การน�ำเสนอนโยบาย ตลอดจนการแข่งขันในส่วนที่ปิดบังเช่น การซ้ือเสียง การใช้อิทธิพล ของหน่วยงาน การแทรกแซงดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ เปน็ ตน้ 4.2 การหาเสียงเลือกต้ัง เป็นการศึกษารูปแบบการหาเสียงในการเลือกต้ังตามกฎหมายใหม ่ ในรูปแบบตา่ ง ๆ ท้งั การหาเสยี งแบบเดมิ และการหาเสยี งผ่านสื่อสมัยใหม่ 4.3 การต้ังมน่ั ของความเป็นพรรคการเมอื ง 1) โดยศึกษาการแข่งขันทางการเมือง โครงสร้างของตระกูลการเมือง หรือเครือข่ายทาง การเมืองในเขตพ้ืนท่ีจังหวัด ว่ามีการเปลี่ยนแปลงสังกัดพรรคการเมืองจากการเลือกต้ัง 3 ครง้ั ทผ่ี า่ นมาหรอื ไม่ และหากมกี ารเปลยี่ นแปลง อะไรคอื ปจั จยั ทที่ �ำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง แตถ่ า้ หากไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลง อะไรคอื สาเหตทุ ผ่ี สู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ หรอื เครอื ขา่ ยการเมอื ง เดิมยังคงอยู่ในพรรคการเมืองเดมิ โดยไมเ่ ปลยี่ นแปลง 2) การเปลี่ยนแปลงพรรคการเมืองของผู้ลงสมัครรับเลือกต้ัง หรือเครือข่ายทางการเมือง มีผลตอ่ รูปแบบการแพช้ นะ ของผสู้ มคั รรับเลือกตง้ั หรือไม่ อย่างไร หากไมม่ ี อะไรคือปัจจยั ทท่ี �ำใหผ้ ลของการเลอื กตง้ั ออกมาในรปู แบบน้นั 3) การเลอื กตงั้ ระบบใหมท่ เ่ี ปน็ แบบบตั รใบเดยี วทบี่ บี คนั้ ใหต้ อ้ งเลอื กคนหรอื เลอื กพรรคการเมอื ง มผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจของผู้ลงคะแนนเสียงเลอื กตงั้ หรอื ไม่ อย่างไร ผลู้ งคะแนนเสียงเลอื กต้ัง ใชป้ จั จยั อะไรมาก�ำหนดใหต้ นเลอื กพรรค หรือเลือกผู้สมัครรบั เลือกต้ังคนไหน อย่างไร 4) การทแี่ ตล่ ะพรรคตอ้ งด�ำเนนิ นโยบายตามยทุ ธศาสตรช์ าติ มผี ลท�ำใหน้ โยบายของแตล่ ะพรรค ในเขตพื้นที่มีความแตกต่างกันหรือไม่ ในส่วนของนโยบายพรรคท่ีแตกต่างกัน มีอิทธิพล ตอ่ การลงคะแนนเสยี งเลอื กตง้ั ของผลู้ งคะแนนเสยี งหรอื ไม่ หากเปรยี บเทยี บกบั ปจั จยั ดา้ น ตัวบุคคลของผู้ลงสมัครรับเลือกต้ัง นโยบายพรรคหรือตัวบุคคลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ของผลู้ งคะแนนเสยี งเลือกตง้ั มากกว่ากัน

20 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 2562 จงั หวัดชลบุรี 5) สภาพการณ์ท่ีเปล่ียนไปของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ซึ่งส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ีท�ำให ้ ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มีความนิยม หรือมีความผูกพันกับพรรคการเมืองต่างไปจาก การเลอื กตง้ั ครง้ั ทแ่ี ลว้ หรอื ไม่ ทงั้ นเ้ี พอื่ ค�ำถามวา่ 8 ปที ไ่ี รก้ ารเลอื กตงั้ นนั้ ความเปน็ พรรคการเมอื ง หรือความนิยมในพรรคการเมือง ยังสามารถฝงั รากลึกในสงั คมไทยได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด วธิ ีการศึกษาวิจยั 1. เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรอบของกฎหมาย เช่น ข้ันตอนการเลือกต้ังตามรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 และพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั พ.ศ. 2560 อ�ำนาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และบทบาทของพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ข้อมูลเชิงพ้ืนท่ีในจังหวัดชลบุรี เช่น ขอ้ มลู ประชากร ข้อมลู พรรคการเมืองทมี่ ีผสู้ มัครรบั เลือกตั้งท้งั ในการเลือกตงั้ ปจั จบุ ัน และการ เลือกต้ังในอดีต และข้อมูลประวัติผู้ลงสมัครรับเลือกต้ัง พร้อมความเป็นเครือญาติ หรือเครือ ข่ายของนกั การเมอื งเกา่ ทงั้ ในระดบั ชาตแิ ละระดับท้องถ่ิน และผลการเลอื กตั้งย้อนหลงั 3 ครัง้ ในเขตจงั หวัดชลบุรี 2. การสมั ภาษณอ์ ยา่ งเจาะลกึ กลมุ่ ตวั อยา่ งตามขอบเขตประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ งในทกุ ประเดน็ ที่เก่ียวข้อง 3. การสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ มและไมม่ สี ว่ นรว่ ม โดยเปน็ การสงั เกต บนั ทกึ และวเิ คราะหบ์ รรยากาศ ทั่วไป พฤติกรรมทางการเมืองของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง บทบาทของหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร พฤตกิ รรมทางการเมอื งของประชาชน ในชว่ งกอ่ นการเลอื กตงั้ ชว่ งการเลอื กตงั้ และชว่ ยหลงั จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

21 ระยะเวลาทำ� การศึกษา 1 ตุลาคม 2561 – 30 กนั ยายน 2562 ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ 1. ทราบถงึ บรรยากาศทวั่ ไป ความรคู้ วามเขา้ ใจ และความเคลอ่ื นไหวของประชาชน คณะกรรมการ เลือกตั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พรรคการเมืองและนักการเมืองในพื้นที่ องค์กรเอกชน องคก์ รสาธารณะ และหนว่ ยงานภาครัฐ รวมถึงองค์กรอน่ื ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การเลอื กต้งั สมาชิก สภาผูแ้ ทนราษฎร 2. ทราบถึงแบบแผนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 3. ทราบถึงการต้ังมน่ั ของสถาบนั พรรคการเมืองในสงั คมไทย ในบรบิ ทท่ีมีการเปลีย่ นแปลง

22 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบรุ ี

23 บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎี และวรรณกรรมที่เก่ยี วขอ้ ง การเลอื กตงั้ เปน็ หวั ใจส�ำคญั ของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ทง้ั นโ้ี ดยหลกั การการเลอื กตงั้ ทดี่ ี ต้องเป็นการเลือกต้ังท่ีบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง การเลือกต้ัง จะบริสุทธ์ิ ยุติธรรมและเป็นธรรม โปร่งใส ได้นอกเหนือจากการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้วต้องอาศัยปัจจัย หลายประการ เช่น ต้องมีกฎหมายการเลือกต้ังที่ดี มีบุคลากรที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง มกี ารบรหิ ารจดั การเลอื กตงั้ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล มเี ครอื ขา่ ยภาคประชาชนทมี่ าจากทกุ ภาคสว่ นของสงั คม ซ่ึงมีความเป็นกลางทางการเมือง และพร้อมในการตรวจสอบการเลือกตั้งอย่างเข้มแข็ง ซ่ือสัตย์สุจริต ปัจจัยที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นส่ิงส�ำคัญท่ีช่วยให้เกิดการเลือกต้ังท่ีบริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยผู้วิจัยได้แบ่ง การน�ำเสนอออกเปน็ 4 สว่ น ดังนี้ 1. แนวคดิ และทฤษฎเี ก่ียวกบั การเลือกตง้ั 2. แนวคิดและทฤษฎีเกย่ี วกับพฤติกรรมการเลือกตงั้ 3. งานวิจยั ท่เี ก่ียวข้อง 4. ลกั ษณะพน้ื ทขี่ องจงั หวัดชลบรุ ี

24 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวดั ชลบรุ ี แนวคดิ และทฤษฎีเกีย่ วกับการเลอื กตง้ั การเลือกตั้งเป็นหัวใจส�ำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ท้ังน้ีหลักการส�ำคัญใน การปกครองในระบอบประชาธิปไตย คอื 1. หลักอ�ำนาจอธปิ ไตยมาจากประชาชน (Popular Sovereignty) ประชาชนเป็นผู้สร้างรัฐขนึ้ มา มิใช่พระเจ้าเป็นผู้สร้างรัฐ ประชาชนจึงเป็นเจ้าของรัฐ ประชาชนมีสิทธิท่ีจะก�ำหนดรูปแบบ การปกครองประชาชน รัฐบาลนนั้ มาจากประชาชนดงั น้นั รัฐบาลต้องรบั ผิดชอบต่อประชาชน 2. หลักการปกครองตนเองของประชาชน (Self - government) แต่เนื่องจากประชาชน มจี �ำนวนมากไมส่ ามารถทจี่ ะเขา้ ไปท�ำการปกครองดว้ ยตนเอง จงึ ด�ำเนนิ การในการเลอื กตวั แทน ของตนเข้าไปด�ำเนินการปกครองแทน มีส่วนร่วมในการปกครองโดยการแสดงมติหรือแสดง ความคดิ เหน็ ทางการเมอื งด้วยการจดั ตง้ั พรรคการเมอื งข้นึ เพอื่ ท�ำหนา้ ที่แทนประชาชน 3. หลกั เสยี งขา้ งมากในการตดั สนิ ใจ (Majority Decision) ทง้ั นเ้ี สยี งขา้ งมากเปรยี บไดก้ บั เจตจ�ำนง ร่วม (General Will) ของประชาชน แต่ในขณะเดียวกันเสียงข้างมากก็ต้องให้ความส�ำคัญ และรักษาผลประโยชน์ให้แกผ่ ู้ท่ีเป็นเสียงขา้ งน้อยดว้ ย (Minority Rights) 4. หลักนิติรัฐ (Rule of Law) ในการปกครองรัฐบาลต้องยึดถือหลักแห่งกฎหมายไม่ยึดถือ ความเห็นส่วนตัวหรืออารมณ์ส่วนตัว การที่บุคคลจะได้มาซึ่งสิทธิหรือเสียไปซ่ึงสิทธิน้ันจะต้อง เปน็ ไปตามตัวบทกฎหมายท่ีบัญญตั ิไว้ในขณะนนั้ เท่าน้นั 5. หลักความยินยอมเห็นชอบร่วมกัน (Consensus) ถือว่าความสมัครใจของประชาชนเป็นหลัก ความยินยอมและหลักของความเห็นพ้องต้องกันนั้นจะน�ำไปสู่มนุษย์สัมพันธ์อันดี หลักการน้ี ถอื วา่ การทร่ี ฐั บาลจะกระท�ำในสง่ิ ซงึ่ เปน็ ผลใหป้ ระชาชนสว่ นใหญต่ อ้ งเสยี ประโยชนร์ ฐั บาลตอ้ ง ใหป้ ระชาชนสว่ นใหญใ่ ห้ความยินยอมเห็นชอบก่อน 6. หลักรัฐบาลที่ดีต้องมีอ�ำนาจจ�ำกัด (Least Government) รัฐบาลมีแนวโน้มแสวงหาอ�ำนาจ ดังนั้นจ�ำเป็นต้องมีการก�ำหนดขอบเขตอ�ำนาจของรัฐบาลไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย พน้ื ฐานส�ำคญั ของรฐั การจ�ำกดั อ�ำนาจรฐั ทสี่ �ำคญั คอื การตรวจสอบถว่ งดลุ แหง่ อ�ำนาจ (Checks and Balances) ให้อ�ำนาจนิติบัญญัติ อ�ำนาจบริหาร และอ�ำนาจตุลาการต่างมีอิสระแก่กัน และสามารถตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจตอ่ กันได้ 7. หลักความเสมอภาค (Equality) การปกครองระบอบประชาธิปไตยถือว่า ประชาชนทุกคน มีความเสมอภาคกันในทางการเมือง เช่น ประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ข้ึนไปมีสิทธิเลือกต้ังอย่าง เท่าเทียมกันหนึ่งคนหนึ่งเสียง ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ เช่น ทุกคนมีความเสมอภาค ในการประกอบอาชพี ตา่ ง ๆ และความเสมอภาคในทางสงั คม เชน่ ความเสมอภาคในการเขา้ รบั การศกึ ษาในสถานศกึ ษาของรฐั

25 8. หลกั การใชเ้ หตผุ ล (Rationality) ยอมรบั วา่ มนษุ ยม์ เี หตผุ ลและเปน็ สตั วท์ ฉี่ ลาด (Homo Sapiens) การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยจงึ ใหม้ กี ารโตเ้ ถยี งกนั ในรปู แบบการอภปิ รายเพอ่ื แลกเปลย่ี น ความคิดเหน็ กันซง่ึ ปรากฏในรูปแบบการอภิปรายของบรรดาสมาชกิ ในรฐั สภา 9. หลักความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง (Right of Dissent and Disobedience) โดยการ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ของแตล่ ะบคุ คล การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยตอ้ งให ้ ความเคารพความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ ง โดยเฉพาะความคดิ เหน็ ทแี่ ตกตา่ งในทางการเมอื ง การรวบรวม ผู้ที่มีความคิดเห็นในทางการเมืองเหมือนกันเป็นพรรคการเมือง (Political Parties) ท�ำให้เกิด พรรคการเมอื งมากกวา่ หนงึ่ พรรค โดยพรรคการเมอื งเปน็ ผรู้ วบรวมความคดิ เหน็ ของประชาชน เพื่อน�ำมาแสดงออกทางการเมืองผ่านกระบวนการทางการเมืองตามกฎหมายอย่างอิสระ นอกจากนหี้ ากรฐั กระท�ำการอนั ขดั กบั หลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนอนั เปน็ พนื้ ฐานส�ำคญั ของการด�ำรงอย ู่ ของรัฐตามแนวคิดสัญญาประชาคมแล้ว ถือว่าค�ำสั่งของรัฐน้ันไม่ชอบธรรม ประชาชนมีสิทธ ิ ที่จะไมป่ ฏบิ ัติตามค�ำสัง่ อนั ไม่ชอบธรรมดงั กลา่ วของรฐั 10. หลักมองมนุษย์ในแง่ดี (Optimistic) มนุษย์แต่ละคนมีความดีอยู่ในตัวเอง มีคุณค่าในตัวเอง สามารถควบคมุ ตนเองได้ ดงั นนั้ รฐั บาลควรเปน็ รฐั บาลทปี่ กครองนอ้ ยทสี่ ดุ (Least Government) ทไ่ี ม่มีความจ�ำเปน็ ท่ีควบคมุ ประชาชนมากเกินไป 11. หลกั เสรภี าพ (Liberty) ชว่ ยใหม้ นษุ ยส์ ามารถแสดงออกความคดิ ความเหน็ และเหตผุ ล เพอ่ื เปน็ หลกั ประกันในเสรภี าพดังกลา่ วจึงได้บญั ญัติไวใ้ นกฎหมายรฐั ธรรมนญู ท้ังน้ี การใช้เสรภี าพของ แต่ละบุคคลจะต้องไม่ละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นด้วยซ่ึงเป็นการใช้เสรีภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่การปกครองในระบอบเผด็จการมักจะมุ่งจุดหมายปลายทางโดยไม่ค�ำนึงถึงความเหมาะสม ของวธิ ีการวา่ ประชาชนจะพอใจหรือสว่ นใหญ่จะเห็นด้วยหรือไม่ 12. หลักความส�ำคัญของวิธีการ (Means) มีความส�ำคัญเท่ากับจุดหมายปลายทาง (Ends) ประชาธิปไตยยอมรับว่าวิธีการที่จะไปสู่จุดหมายปลายทางนั้นมีหลายวิธีและแตกต่างกัน ตามความเหมาะสมกบั สภาพสงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม แตก่ ารปกครองในระบอบเผดจ็ การมกั จะมงุ่ จดุ หมายปลายทางโดยไมค่ �ำนงึ ถงึ ความเหมาะสมของวธิ กี ารวา่ ประชาชนจะพอใจหรอื สว่ นใหญ่ จะเห็นด้วยหรอื ไม่

26 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบรุ ี แนวความคิดเกี่ยวกับการเลือกตัง้ การเลือกตั้งเป็นองค์ประกอบที่ส�ำคัญที่สุดของระบบการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทั้งน้ีเพราะการเลือกตง้ั เป็นการตัดสินใจของประชาชนผ้เู ปน็ เจา้ ของอ�ำนาจอธิปไตยว่า บุคคลหรือคณะบคุ คลใด สมควรไดร้ บั ความไวว้ างใจใหเ้ ปน็ ผใู้ ชอ้ �ำนาจอธปิ ไตยแทนปวงชน ดงั นนั้ การเลอื กตงั้ จงึ ไดถ้ อื วา่ เปน็ การแสดงออก ซงึ่ เจตนารมณท์ ว่ั ไปของประชาชนวา่ ประชาชนสว่ นใหญต่ อ้ งการอะไร ตอ้ งการใหป้ ระเทศด�ำเนนิ ไปในแนวทางใด และในวิธีการเช่นไร การเลือกต้ังผู้แทนราษฎรให้ใช้อ�ำนาจในการบริหารบ้านเมืองแทนราษฎรท้ังหลายนั้น เริ่มมีข้ึนใน ประเทศอังกฤษก่อนจะมีการแพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ โดยได้มีการเลือกตั้งผู้แทนของชาติขึ้นในประเทศ องั กฤษตงั้ แตป่ ลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 13 โดยทปี่ ระชมุ ของผแู้ ทนราษฎรนเ้ี รยี กวา่ Great and Model Parliament ซ่ึงกลายมาเป็นสภาสามัญ (House of Commons) แนวความคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้นมีอยู่มากมาย หลายประการ บ้างกล่าววา่ การเลือกตัง้ น้นั เป็นสิทธิ บ้างกล่าววา่ การเลอื กตั้งเป็นหน้าที่ แนวความคิดที่ว่าการเลือกต้ังเป็นเรื่องของสิทธินั้น ถือว่าประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอ�ำนาจอธิปไตย มีสิทธิในการเลือกตั้งอย่างถ้วนหน้า สิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่ต้องได้รับมอบหมายจากผู้ใด และไม่มี ผู้ใดเพิกถอนสิทธินี้ได้ ในเม่ือเป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละคนเช่นนี้แล้วการไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกต้ัง จึง เป็นเร่ืองของแต่ละบุคคล คือไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดใช้อ�ำนาจบังคับให้ประชาชนคนใดคนหน่ึงไปลงคะแนนเสียงใน การเลือกต้ังได้ ถ้าหากประชาชนผู้น้ันไม่ต้องการไปใช้สิทธิ ตามแนวความคิดน้ีเม่ือน�ำไปปฏิบัติจะได้ผลดีกับ ประเทศที่ประชาชนมีส�ำนึกทางการเมืองอย่างสมบูรณ์เท่านั้น ส�ำหรับในประเทศท่ีประชาชนยังไม่เข้าใจถึง ความส�ำคัญของการเลือกต้ังแล้วจะปรากฏเสมอว่า มีปัญหาเร่ืองมีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงน้อย การจะเพ่ิม จ�ำนวนผู้ไปใชส้ ทิ ธิลงคะแนนกระท�ำได้อยา่ งดีท่สี ุดก็คอื การโฆษณาเชญิ ชวนใหไ้ ปใช้สทิ ธิเลอื กต้งั เท่านน้ั การทม่ี ี ประชาชนไปใชส้ ทิ ธลิ งคะแนนเสยี งในการเลอื กตง้ั นนั้ มผี ลกระทบกระเทอื นถงึ ผแู้ ทนราษฎรซงึ่ ไดร้ บั การเลอื กตงั้ อาจเป็นผู้ท่ีคุณสมบัติหรือความสามารถตรงตามท่ีประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ แต่ก็ต้องยอมรับเพราะการไม่ไป ใช้สทิ ธเิ ลือกตัง้ เทา่ กบั เปน็ การยอมรับผูท้ ่ีได้รับการเลอื กต้งั ส�ำหรับแนวความคิดที่ถือว่าการเลือกต้ังเป็นหน้าที่น้ันมีพื้นฐานของแนวความคิดว่า อ�ำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนโดยส่วนรวมซึ่งหมายถึงชาติ ฉะนั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมในการใช้อ�ำนาจอธิปไตยจึงต้องมีหน้าท่ี ซ่ึงอาจมีบทบัญญตั ขิ องกฎหมายบงั คบั ให้ไปลงคะแนนเสยี งได้โดยมบี ทก�ำหนดลงโทษแตกตา่ งกันไป

27 หลกั เกณฑ์ในการเลอื กตั้ง การเลอื กตงั้ ทมี่ คี วามชอบธรรมและเปน็ สากลนนั้ มคี วามส�ำคญั ในระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย ทงั้ นี้หลักเกณฑส์ �ำคัญทน่ี านาอารยะประเทศใช้ในการเลือกตง้ั มี ดงั นี้ (ไพฑูรย์ บุญวฒั น,์ 2538, น.16-19) 1. ความเป็นอิสระแห่งการเลือกตั้ง ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ผู้ออกเสียงเลือกตั้งไปใช้สิทธิอย่าง อิสรเสรีในการเลือกบุคคล หรือพรรคการเมืองที่ตนช่ืนชอบ โดยปราศจากการขู่เข็ญบังคับ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ทัง้ จากบุคคลหรือกล่มุ บุคคล จากภายในและภายนอกประเทศ 2. หลกั การเลอื กตงั้ ตามก�ำหนดเวลา การเลอื กตงั้ ทดี่ ตี อ้ งเปน็ ไปตามกฎเกณฑ์ กรอบระยะเวลาหรอื ตามวาระทางการเมอื งท่ีไดก้ �ำหนดไว้ล่วงหน้า 3. การเลอื กตงั้ ทยี่ ตุ ธิ รรม เปน็ ไปตามกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การเลอื กตงั้ ทง้ั ในเชงิ เจตนารมณ์ และ กระบวนการตามกฎหมาย การแข่งขันอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคท่ีรัฐจัดให้กับผู้สมัคร ท้ังหลายอยา่ งเท่าเทยี มกัน 4. หลักการใช้สิทธิการเลือกต้ังอย่างทั่วไป ไม่มีการให้อภิสิทธ์ิ หรือไม่มีการกีดกันผู้หน่ึงผู้ใดใน ทางการเมือง ท้ังการใช้สิทธิออกเสียงเลือกต้ัง สิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าผู้นั้น เพศ วัย วฒุ กิ ารศกึ ษา ฐานะ ศาสนา ฐานะทางสงั คม เปน็ เชน่ ไรกต็ ามรฐั ตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งสมำ่� เสมอทว่ั ไป 5. หลกั ความเสมอภาค ประชาชนผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ไมว่ า่ จะมฐี านะทางเศรษฐกจิ สงั คม เชน่ ไร กต็ า่ งม ี ความเสมอภาคกนั ในทางการเมือง คอื หนึ่งคนมหี น่ึงเสยี งเท่ากัน (One Man One Vote) 6. หลักการลงคะแนนเป็นการลับ การลงคะแนนเสียงเป็นเอกสิทธ์ิเด็ดขาดของผู้ลงคะแนน ผู้ลงคะแนนไม่จ�ำเป็นต้องแจ้งผู้ใดถึงการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือกต้ังของตน ผู้ลงคะแนน ตอ้ งไดร้ ับความคุ้มครองจากรฐั จากผลการลงคะแนนของตน

28 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมืองและพฤตกิ รรมการเลือกต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบรุ ี การก�ำหนดเขตการเลอื กตง้ั (Delineation of Constituencies) เขตเลือกตั้ง คือ เขตพื้นท่ีซ่ึงก�ำหนดขึ้นเพื่อการเลือกต้ังสมาชิกรัฐสภา เน่ืองด้วยการเลือกตั้งสมาชิก รัฐสภาหรือผู้แทนราษฎรน้ันไม่อาจท�ำได้โดยการเลือกรวมกันท้ังประเทศ โดยให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนน เลอื กตง้ั สมาชกิ ทง้ั สภาไดด้ ว้ ยเหตผุ ลหลายประการ คอื จ�ำนวนผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ จะมจี �ำนวนมากเกนิ ไปผเู้ ลอื กตง้ั ไมอ่ าจตดั สนิ ใจเลอื กได้ นอกจากนน้ั ความใกลช้ ดิ ระหวา่ งผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั และผเู้ ลอื กตงั้ ไมอ่ าจจะมไี ด้ ผเู้ ลอื กตงั้ กจ็ ะไมท่ ราบถงึ คณุ สมบตั ิ และความรคู้ วามสามารถของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ซง่ึ เปน็ องคป์ ระกอบและปจั จยั ในการ ตัดสินใจเลือกได้ ดังนั้นในประเทศท่ัวไปจึงมักนิยมก�ำหนดเขตเลือกต้ังข้ึนเป็นเขตพ้ืนท่ีย่อย ๆ ภายใน ประเทศ เพอื่ ความสะดวกในการเลอื กตง้ั หลกั เกณฑท์ ดี่ ใี นการก�ำหนดเขตเลอื กตงั้ นนั้ มกั จะค�ำนงึ ถงึ เหตผุ ล 3 ประการ คอื ประการแรก ค�ำนงึ ถงึ จ�ำนวนผมู้ สี ทิ ธอิ อกเสยี งโดยแบง่ ใหเ้ ทา่ ๆ กนั หรอื ใกลเ้ คยี งกนั มากทสี่ ดุ ในแตล่ ะเขต เพื่อท่จี ะใหผ้ ไู้ ดร้ ับการเลอื กต้ังแต่ละคนเปน็ ตัวแทนของประชาชนในจ�ำนวนเทา่ ๆ กนั หรือใกล้เคยี งกนั ท่ีสดุ ประการท่ีสอง ควรค�ำนึงถึงเขตพ้ืนที่ที่ก�ำหนดโดยธรรมชาติ หรือเหตุผลในทางภูมิศาสตร์เขต การปกครอง หรอื การแบง่ เขตทางการเมอื งในแตล่ ะประเทศ การแบง่ เขตทางการเมอื งไดแ้ กใ่ นประเทศสหพนั ธรฐั มลรัฐต่าง ๆ ถอื เป็นเขตทางการเมอื งภายในประเทศ ประการท่ีสาม ควรจะได้พิจารณาทบทวนการแบ่งเขตเลือกต้ังอยู่เสมอ ทั้งนี้เพ่ือให้สอดคล้องกับ การโยกย้ายถ่ินฐานของประชากร และเพื่อความถูกต้องของจ�ำนวนประชากรในเวลาท่ีมีการเลือกตั้ง ซ่ึงควรมี การพิจารณาก�ำหนดเขตเลือกตง้ั ใหมท่ ุกครง้ั ทจ่ี ะมีการเลอื กตง้ั ทัว่ ไป การแบ่งเขตการเลือกตั้ง (Constituencies) เป็นขั้นตอนส�ำคัญของกระบวนการจัดการเลือกต้ัง ในประเทศท่ีปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีการจัดการเลือกต้ังในระดับประเทศ และการเลือกต้ังในระดับ ท้องถ่นิ น้นั มนี ักวิชาการจ�ำนวนมากที่สนใจศึกษาการเมอื งเรอ่ื งการแบง่ เขตการเลือกตงั้ ธงชัย วนิ จิ จะกุล (2533, น.1-3) ชถ้ี งึ ความส�ำคญั ของการแบง่ เขตเลือกต้งั ไว้ 4 ประการ ดังน้ี 1. การแบง่ เขตเลอื กตงั้ เปน็ การก�ำหนดพน้ื ที่ ทอ่ี าจมคี วามเหมอื นหรอื มคี วามตา่ งกนั ในทางเศรษฐกจิ ท่ีมีความเหมือนหรือมีความแตกต่างกันให้เป็นเขตเลือกตั้งเดียวกัน เช่น ในเขตการเลือกต้ังหน่ึง อาจรวมพื้นที่ซ่ึงเป็นท่ีอยู่อาศัยของประชากรท่ีมีรายได้สูงรวมกับเขตชุมชนแออัด ซ่ึงประชากร ท้ังสองกล่มุ มคี วามแตกตา่ งกันอยา่ งชดั เจนในเรอ่ื งรายได้ เปน็ ต้น

29 2. การแบ่งเขตเลือกต้ัง เป็นการก�ำหนดพ้ืนที่ ซึ่งประชากรที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีภาษา เชื้อชาติ วัฒนธรรม ประเพณี ความเช่ือ ที่มีความเหมือนหรือความแตกต่างกัน เช่น ในเขตเลือกตั้งหน่ึง อาจรวมประชากรที่นับถือศาสนาพุทธมารวมกับประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือคริสต์ ท�ำใหเ้ กิดความหลากหลายในทางศาสนา เปน็ ต้น 3. การแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นการก�ำหนดพ้ืนที่ ท่ีเปล่ียนแปลงขนาดของจ�ำนวนประชากร และ ความกวา้ งขวางของเขตการเลอื กตงั้ เขตการเลอื กตง้ั ทเี่ ปลย่ี นแปลงไปอาจเพม่ิ หรอื ลดขนาดของ พื้นท่ีของเขตการเลือกต้ัง รวมถึงอาจเปล่ียนแปลงเพ่ิมหรือลดจ�ำนวนประชากรที่มีสิทธิเลือกต้ัง เป็นตน้ 4. การแบ่งเขตเลือกต้ัง เป็นหน้าท่ีของผู้จัดการเลือกตั้งตามกฎหมายการเลือกต้ัง ทั้งนี้บางกรณี ผู้จัดการเลือกตั้งแบ่งเขตเลือกตั้งโดยเจตนาบริสุทธิ์ บางกรณีผู้จัดการเลือกต้ังมีอคติใน การแบ่งเขตการเลือกต้ังเพื่อเอ้ือประโยชน์หรือเพื่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบต่อผู้สมัคร บางราย กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม หรือพรรคการเมืองบางพรรคในการเลือกต้ัง หรือท่ีเรียกว่า Gerrymandering1 ธงชยั วนิ จิ จะกลุ ไดศ้ กึ ษาผลจากการแบง่ เขตการเลอื กตง้ั กรณกี ารเลอื กตงั้ ทว่ั ไปของกรงุ เทพมหานคร เขต 12 และ13 ในคราวการเลือกตั้งทั่วไป ปี พ.ศ. 2531 พบว่าการปรับเปล่ียนเขตการเลือกต้ังมีผลกระทบ ในทางการเมือง มีผลในการให้คุณให้โทษกับนักการเมืองอย่างมาก ท้ังนี้เนื่องจาก นักการเมืองจะต้องท�ำงาน ด้านการเมืองในเขตเลือกต้ังของตนอย่างสม่�ำเสมอทั้งในระหว่างที่ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือระหว่างท่ีมี การเลือกตั้งอย่างต่อเน่ือง นักการเมืองจึงมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ มีความสัมพันธ์กับประชาชนในเขตเลือกต้ัง ในหลายมิติ ท้ังมิติเศรษฐกิจ มิติสังคม มิติทางการเมือง และมิติเชิงเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ (ธงชัย วินิจจะกุล, 2533, น. 60-65) การแบง่ เขตการเลอื กตงั้ ของกรงุ เทพมหานครเกดิ จากการเคลอื่ นยา้ ยประชากรขา้ มเขตของประชากร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็วตามสภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้าย ของชนช้นั กลางทย่ี า้ ยออกจากเขตชน้ั ในของกรงุ เทพมหานครออกไปเขตชน้ั กลางและช้นั นอก 1 ทมี่ าของค�ำ วา่ Gerrymandering มาจากการเลอื กตง้ั ในมลรฐั แมสสาชเู ซท็ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ในปี ค.ศ. 1812 ผวู้ า่ การรฐั ในขณะนนั้ คอื Elbridge Gerry ไดจ้ ดั เขตการเลอื กตงั้ เพอื่ ใหผ้ สู้ มคั รทต่ี นสนบั สนนุ ไดร้ บั ชยั ชนะในการเลอื กตง้ั โดยไม่คำ�นึงถึงความสมเหตุสมผลในทางภูมิศาสตร์ หรือความเหมาะสมในเชิงพัฒนาการของการเป็นเขตเลือกต้ังเดิม ตามการเลือกตั้งท่ีผ่านมา การแบ่งเขตเลือกตั้งในคร้ังนั้นเกิดเขตการเลือกตั้งท่ีมีลักษณะท่ีประหลาดเหมือนตัว Salamander จงึ มกี ารน�ำ ชอื่ ของผวู้ า่ การรฐั และชอ่ื ของสตั วด์ งั กลา่ วมาสนธกิ นั กลายเปน็ ค�ำ ใหมว่ า่ Gerrymandering

30 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จงั หวดั ชลบรุ ี สถานภาพของผ้ไู ด้รบั การเลอื กต้งั เป็นผู้แทนราษฎร ผไู้ ดร้ บั การเลอื กตง้ั ยอ่ มเปน็ ผแู้ ทนของปวงชนทว่ั ประเทศ ในอดตี มขี อ้ ถกเถยี งเกยี่ วกบั การเปน็ ตวั แทน ของผไู้ ดร้ บั การเลอื กตง้ั จากราษฎรอยา่ งมากมาย ซงึ่ สามารถทจ่ี ะแยกความคดิ เหน็ เหลา่ นนั้ ได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คอื ความคดิ เหน็ ประเภทแรก ถอื วา่ ผทู้ ไี่ ดร้ บั การเลอื กตง้ั จากราษฎรเปน็ ผแู้ ทนของราษฎรตามกฎหมายลกั ษณะ ตัวแทน ซ่ึงตัวแทนจะต้องกระท�ำกิจการใด ๆ ตามค�ำสั่งของราษฎรผู้ออกเสียงเลือกต้ัง ความคิดเห็นประเภท ทส่ี อง ถอื วา่ ผแู้ ทนราษฎรไมม่ นี ติ สิ มั พนั ธแ์ ตอ่ ยา่ งใด จะถอื หลกั ตวั แทนและตวั การตามทกี่ �ำหนดไวใ้ นขอ้ บญั ญตั ิ ของกฎหมายเกี่ยวกับตัวแทนไม่ได้ ราษฎรเลือกผู้แทนก็โดยการแสดงความเห็นว่า ผู้ท่ีได้รับเลือกเป็นบุคคลที่ เหมาะสมไว้เนื้อเชื่อใจใช้อ�ำนาจสูงสุดของชาติได้เท่านั้น ดังน้ันเม่ือได้รับการเลือกตั้งแล้ว ผู้แทนราษฎรก็ใช ้ อ�ำนาจนนั้ โดยอสิ ระไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งใหร้ าษฎรสง่ั การใหป้ ฏบิ ตั แิ ตอ่ ยา่ งใด ความคดิ เหน็ ประเภททสี่ ามถอื วา่ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กจากราษฎรหมหู่ นง่ึ มใิ ชเ่ ปน็ ผแู้ ทนเฉพาะราษฎรหมนู่ น้ั แตเ่ ปน็ ผแู้ ทนของราษฎรทง้ั หมดในประเทศหรอื ปวงชนสัญญาตวั แทนมิไดม้ ีเฉพาะคน แตถ่ ือว่าเป็นสญั ญาระหว่างปวงชนกับสถาบันรฐั สภา วธิ แี ละระบบการเลือกตง้ั การเลอื กตงั้ เพอ่ื ทจี่ ะใหไ้ ดผ้ แู้ ทนราษฎรนนั้ ไดม้ กี ารคดิ คน้ วธิ เี ลอื กตง้ั ขน้ึ มาหลายวธิ กี าร แตล่ ะประเทศ จะเรยี กใชก้ นั ตามความเหมาะสมของแตล่ ะสงั คม ความคดิ ทางการเมอื งแตล่ ะแบบและลกั ษณะการปกครองของ แตล่ ะประเทศตลอดถึงระบบพรรคการเมืองทมี่ ีอยใู่ นประเทศนน้ั ๆ ด้วย การเลือกตั้งนอกจากท่ีรู้จักกันท่ัวไปว่ามีอยู่ 2 วิธีคือ การเลือกตั้งโดยตรง และการเลือกตั้งโดย ทางออ้ มแลว้ การเลอื กตงั้ แบง่ ออกเปน็ 2 ระบบ คอื ระบบคะแนนเสยี งขา้ งมาก (Majority System) และระบบ การเลือกตั้งแบบมตี วั แทนตามสดั ส่วนของคะแนนเสียง (Proportional Representation) อกี ด้วย อธิบายโดย สังเขปถึงวิธีการเลือกตั้งทางตรงและการเลือกต้ังโดยทางอ้อม และระบบการเลือกต้ัง 2 แบบ คือ การเลือกตั้ง ระบบคะแนนเสยี งขา้ งมาก และระบบการเลอื กตงั้ แบบมตี วั แทนตามสดั สว่ นของคะแนนเสยี งพรอ้ มทงั้ ยกตวั อยา่ ง ประเทศบางประเทศที่ใช้วิธีการเลือกตั้งและระบบการเลือกตั้งดังกล่าวและบางประเทศที่ใช้ระบบและวิธีการ เลอื กตั้งท่ีแตกตา่ งออกไป วธิ ีการเลอื กตั้ง การเลอื กตง้ั ด�ำเนินการไดส้ องวธิ ีคอื การเลอื กต้ังโดยตรงและวธิ กี ารเลือกต้งั โดยออ้ ม ก. วิธีการเลือกต้ังโดยตรง (Direct Election) การเลือกตั้งโดยตรง หมายถึง วิธีการเลือกต้ังท่ีให้ ราษฎรได้ออกเสียงลงคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยตรง คะแนนเสียงของราษฎรที่ออกเสียง

31 เลือกต้ังจะเป็นคะแนนเสียงท่ีวัดว่าผู้สมัครรับเลือกต้ังคนใดได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร ในการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังโดยตรงท่ีราษฎรผู้ลงคะแนนเสียงเลือกต้ังจะพิจารณาตัวผู้สมัคร รับเลือกต้ัง ว่าสมควรเป็นผู้แทนของเขาในการใช้อ�ำนาจในการปกครองประเทศหรือไม่ โดย พิจารณาจากบุคลิกภาพความเช่ือถือได้ ความรู้ความสามารถความนิยมของตนที่มีต่อผู้สมัคร ซ่ึงเป็นคุณสมบัติส่วนบุคคลของผู้สมัคร และยังค�ำนึงถึงนโยบายของพรรคการเมืองที่ผู้สมัคร สังกดั อยูด่ ว้ ยว่าตรงกบั แนวความคดิ หรือเจตนารมณ์ของตนหรอื ไม่ ข. วธิ กี ารเลอื กตัง้ โดยทางออ้ ม (Indirect Election) การเลอื กตัง้ โดยทางออ้ ม คือ การเลือกตงั้ กัน เป็นล�ำดับชั้นขึ้นไป โดยราษฎรผู้ออกคะแนนเสียงไม่ได้เลือกต้ังผู้แทนราษฎรโดยตรง แต่เป็น การออกเสียงเพื่อเลือกต้ังคณะบุคคลข้ึนคณะหนึ่ง บุคคลคณะน้ีเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไป เลือกต้ังผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง วิธีการเลือกต้ังโดยทางอ้อมน้ันในปัจจุบันยังใช้กันอยู่ใน ประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ ทั้งในสภาล่างและสภาสูง แนวความคิดในการเลือกต้ังโดย ทางอ้อมน้ันในชั้นต้นเกิดข้ึนจากความเชื่อท่ีว่า การมอบหมายการเลือกต้ังผู้แทนราษฎรอย่าง เด็ดขาดให้แก่บุคคลคณะหนึ่งซึ่งมีสติปัญญาหรือมีความสามารถในการใช้วิจารณญาณ และ ความคิดท่ีรอบคอบกว่าราษฎร ซึ่งเป็นหลักประกันว่าผู้แทนราษฎรท่ีได้รับเลือกต้ังจะเป็น ผู้แทนราษฎรที่ดี และในบางประเทศถือว่าเป็นผลดีแก่ประเทศของตนในเม่ือพลเมืองท่ัวไป ยงั ไมไ่ ดร้ บั การศกึ ษาทว่ั ถงึ หรอื มวี จิ ารณญาณ ยงั ไมเ่ พยี งพอทจี่ ะเลอื กผแู้ ทนราษฎรทด่ี โี ดยตรง ด้วยตนเองได้ อย่างไรก็ดี การเลือกต้ังโดยทางอ้อมน้ีอาจมีผลเสียหายเกิดข้ึนได้เช่นน้ัน คือ เป็นการจ�ำกัดไม่ให้อ�ำนาจอยู่ในก�ำมือของราษฎร และอาจท�ำให้มีบุคคลชั้นหน่ึงชั้นใดมีจ�ำนวน ผู้แทนราษฎรอยู่ในรัฐสภาเป็นส่วนมาก นอกจากน้ีอาจเป็นช่องทางให้เกิดการซ้ือคะแนนเสียง จากคณะผ้เู ลือกตั้งซึ่งไดร้ ับการมอบหมายจากราษฎร ซงึ่ กระท�ำได้งา่ ยเพราะมีจ�ำนวนไมม่ าก ระบบการเลือกตัง้ งานวจิ ยั น้ี จะกลา่ วถงึ ระบบการเลอื กตงั้ หลกั ทใี่ ชใ้ นประเทศตา่ ง ๆ สองระบบ คอื ระบบการเลอื กตง้ั แบบตัวแทนโดยคะแนนเสียงข้างมาก และระบบการเลือกต้ังแบบตัวแทนตามสัดส่วนของคะแนนเสียง และ น�ำเสนอระบบการเลือกตั้งแบบจดั สรรปันสว่ นผสม ตามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 1. ระบบการเลอื กตงั้ แบบคะแนนเสยี งขา้ งมาก (Majority Election System) ระบบการเลอื กตง้ั แบบ คะแนนเสียงข้างมากนั้นคือ การถือว่าผู้ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นผู้ได้รับการเลือกต้ัง (The First Past the Post) ระบบการเลอื กตงั้ แบบคะแนนเสยี งขา้ งมากยงั แบง่ ออกเปน็ สองประเภท คอื ประเภทแรก เปน็ การเลอื กตงั้ แบบคะแนนเสยี งขา้ งมากรอบเดยี ว (The Majority Electoral System with One Ballot) และประเภททส่ี อง คอื ระบบการเลือกต้งั แบบเสียงขา้ งมากสองระบบ (The Majority Electoral System with Two Ballots)

32 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร 2562 จงั หวัดชลบุรี การเลือกตั้งแบบคะแนนเสียงข้างมากรอบเดียวน้ัน เป็นการเลือกต้ังที่ไม่ได้ค�ำนึงถึงอัตราส่วนของ คะแนนเสียงท่ีผู้ได้รับการเลือกต้ังได้รับจากการออกเสียงลงคะแนนของราษฎร ว่ามีอ�ำนาจเกินกว่าคร่ึงหนึ่ง หรือไม่ หรือจ�ำนวนคะแนนเสียงที่ได้รับจะเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาด (Absolute Majority) หรือไม่ แต่ถือว่า ผใู้ ดคะแนนเสยี งสงู สดุ ในการเลอื กตง้ั เปน็ ผไู้ ดร้ บั เลอื กตงั้ ถงึ แมว้ า่ จะไดร้ บั คะแนนเสยี งมากกวา่ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ล�ำดบั ถัดไปเพยี งคะแนนเดียวก็ตาม 2. ระบบการเลอื กตง้ั แบบมตี วั ตวั แทนตามสดั สว่ นของคะแนนเสยี ง (Proportional Representaion Electoral System) ประเทศตา่ ง ๆ ในยโุ รปตะวนั ตกปัจจุบนั นีใ้ ช้ระบบการเลือกตัง้ แบบมตี ัวแทนตามสดั ส่วน ของคะแนนเสียงด้วยกันทั้งนั้น ระบบการเลือกต้ังแบบมีตัวแทนตามสัดส่วนของคะแนนเสียงนี้มีรูปแบบท ่ี แตกต่างกันในวิธีการคิดคะแนน และมีความแตกต่างในทางปฏิบัติในรายละเอียดมากมายหลายอย่างด้วยกัน ประเทศต่าง ๆ ท่ีใช้ระบบนี้ ได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอรเวย์ สวีเดน เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เนเธอรแ์ ลนด์ ออสเตรยี กรกี อติ าลี และสวติ เซอรแ์ ลนด์ ในประเทศฝรง่ั เศสการเลอื กตง้ั ระบบนใี้ ชใ้ นการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาเซนาต์บางสว่ น ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนของคะแนนเสียงยังน�ำไปใช้ในประเทศอิสราเอล ตุรกี การเลือกตั้ง สมาชกิ วฒุ สิ ภาของออสเตรเลยี และสภาผแู้ ทนราษฎรของบราซลิ การคดิ สดั สว่ นของคะแนนเสยี งในการเลอื กตง้ั ระบบนมี้ สี ตู รและวธิ กี ารคดิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปหลายแบบดว้ ยกนั มคี วามสลบั ซบั ซอ้ นในวธิ กี ารคดิ สดั สว่ นเฉลย่ี คะแนนเสียง ซึ่งจะเป็นไปตามความเชื่อของแต่ละประเทศว่าจะท�ำให้เกิดความยุติธรรมแก่ผู้ออกเสียงเลือกต้ัง ทุกฝ่าย โดยความมุ่งหมายที่แท้จริงแล้ว ระบบการเลือกต้ังแบบมีตัวแทนตามสัดส่วนของคะแนนเสียงน้ี ก็เพื่อ ท่ีจะใหค้ ะแนนเสียงท่ีผู้ออกเสยี งเลือกตั้งแสดงออกมานน้ั มีความหมายทุกฝา่ ยเพ่อื ขจดั ปญั หาในการไม่สนใจตอ่ คะแนนเสียงฝ่ายข้างน้อย สูตรการคิดแบบด๊องท์ (d’Hondt Highest Average) ซ่ึงใช้อยู่ในประเทศเบลเยียม และอสิ ราเอล สตู รการคดิ แบบเซน้ ท์ ลาเก้ (St. Laque Highest Average) แบบทใ่ี ชอ้ ยใู่ นประเทศนอรเ์ วยแ์ ละ สูตรการคิดแบบฮาเกนบัค-บิสคอฟฟ์ (Hagenbach-bischoff Method) ท่ีใช้ในออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด ์ ในบางประเทศเช่น เดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ ได้ประสมประสานสูตรการคิดสัดส่วนของคะแนนตามท่ี กลา่ วมาแล้ว ไปเป็นสตู รการคัดคา้ นสว่ นของคะแนนในการเลือกตัง้ ประเทศเยอรมันใช้ระบบการเลือกต้งั 2 ระบบ ผสมกนั คือ ในสภาล่าง (Bundestag) นัน้ การเลอื กตั้ง ผูแ้ ทนราษฎรใช้ท้ังระบบการเลอื กตง้ั แบบคะแนนเสียงขา้ งมาก และระบบการเลอื กตั้งแบบมผี ู้แทนตามสัดสว่ น ของคะแนนเสยี ง โดยแบง่ จ�ำนวนผแู้ ทนราษฎรจ�ำนวน 496 ทน่ี งั่ เปน็ สดั สว่ นเทา่ ๆ กนั ครง่ึ จ�ำนวน คอื 248 ทนี่ งั่ เลอื กตงั้ โดยตรงแบบคะแนนเสยี งขา้ งมาก โดยการแบง่ เขตเลอื กตงั้ 1 เขตตอ่ จ�ำนวนผแู้ ทนราษฎร 1 คน อกี ครง่ึ หนง่ึ คอื อกี 248 ทน่ี ง่ั จะเลอื กโดยระบบการเลอื กตงั้ แบบมผี แู้ ทนตามสดั สว่ นของคะแนนเสยี งโดยผอู้ อกเสยี งเลอื กตง้ั จะลงคะแนนตามบัญชรี ายชอ่ื ผู้สมคั ร (Party List) ของพรรคการเมืองทีส่ ่งสมัครในเขตการปกครอง (Lander) ผอู้ อกเสยี งเลอื กตงั้ จะมบี ตั รเลอื กตง้ั 2 ใบ ใบหนง่ึ ลงคะแนนใหผ้ สู้ มคั รในเขตเลอื กตงั้ อกี ใบหนงึ่ ลงคะแนนใหก้ บั บญั ชรี ายช่ือผู้สมัครของเขตการปกครอง

33 ระบบการเลอื กตงั้ นส้ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ระบบการเมอื งภายในประเทศของแตล่ ะประเทศ จากการพจิ ารณา ระบบการเลอื กตง้ั ควบคกู่ นั ไปกบั ระบบพรรคการเมอื งของประเทศตา่ ง ๆ แลว้ อาจกลา่ วไดว้ า่ ระบบการเลอื กตงั้ แบบคะแนนเสียงข้างมากมักจะใช้ในประเทศท่ีมีระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค ระบบการเลือกตั้งแบบ มผี แู้ ทนตามสดั สว่ นของคะแนนเสยี ง มกั ใชอ้ ยใู่ นประเทศทม่ี รี ะบบพรรคการเมอื งแบบหลายพรรค ปรากฏการณน์ ี้ ไดม้ ผี ใู้ หข้ อ้ สงั เกตวา่ การเลอื กตงั้ แบบคะแนนเสยี งขา้ งมากเออ้ื อ�ำนวยทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ระบบการเมอื งแบบสองพรรค และระบบการเลือกตั้งแบบมีผู้แทนสัดส่วนของคะแนนเสียงเอื้ออ�ำนายท่ีจะท�ำให้เกิดระบบพรรคการเมือง หลายพรรคขึ้น อย่างไรก็ตามข้อสังเกตนี้ถือเป็นข้อสรุปไม่ได้ท้ังนี้ เพราะว่าระบบพรรคการเมืองแบบต่าง ๆ มีปัจจัยอ่ืนอีกหลายอย่างที่จะท�ำให้เป็นระบบสองพรรคหรือระบบหลายพรรค ล�ำพังระบบการเลือกต้ังอาจมี ผลกระทบบ้างแตม่ ิใช่ตวั ก�ำหนดระบบพรรคการเมืองแตอ่ ยา่ งใด 3. ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment System หรือ MMA) ระบบเลอื กตงั้ นจ้ี ะชว่ ยใหเ้ สยี งทกุ เสยี งมคี วามหมาย หรอื ทเี่ รยี กวา่ ทกุ คะแนนเสยี งไมต่ กนำ�้ ซง่ึ นกั วชิ าการ หรือพรรคการเมืองจ�ำนวนหน่ึงแย้งว่า ระบบเลือกต้ังรูปแบบนี้ส่งผลให้พรรคการเมืองมีความอ่อนแอ น�ำไปสู่ การเกิดรัฐบาลผสมท่ีไร้เสถียรภาพ เป็นรัฐบาลผสม ท่ีมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งท่ีได้เสียงข้างมาก เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมด รวมถึงระบบการเลือกต้ังแบบน้ีมีโอกาสท่ีผู้สมัครจะซื้อเสียงมากขึ้น และไมส่ ะทอ้ นเจตนารมณข์ องผูอ้ อกเสยี งฯลฯ ระบบการเลอื กตงั้ แบบนี้ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั จะไดร้ บั บตั รเลอื กตง้ั เพยี งใบเดยี ว ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั จะกาบตั ร คร้ังเดียว ได้ 3 ส่ิง คือ ได้ท้ังคนท่ีลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง ได้ท้ังพรรคการเมืองต้นสังกัดของผู้สมัคร และได้เลือกบุคคลท่ีพรรคเสนอช่ือเป็นนายกรัฐมนตรี ระบบเลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMA ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ก�ำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ�ำนวน 500 คน แบ่งเป็น ส.ส. แบบ แบ่งเขตเลือกต้ังจ�ำนวน 350 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายช่ือ 150 คน ใช้บัตรเลือกต้ังใบเดียวเพื่อกาผู้สมัครที่ ช่ืนชอบ ขณะเดียวกันการกาผู้สมัครท่ีเราชื่นชอบจะส่งผลให้เป็นการเลือกพรรคการเมืองท่ีเขาสังกัดอยู่ไปด้วย ซึ่งคะแนนท่ีเราใหพ้ รรคจะน�ำไปค�ำนวณเพ่อื คดิ ท่ีน่งั ส.ส.ทงั้ สภาท่พี รรคการเมืองนั้นควรจะได้ ระบบการเลอื กตงั้ แบบ MMA ทมี่ าของ ส.ส. แบง่ เขตเลอื กตง้ั จ�ำนวน 350 คน ยงั คงเปน็ ระบบเลอื กตง้ั เสียงข้างมาก หรือหนง่ึ คนหนึ่งเขตทใี่ ช้มาตั้งแต่รฐั ธรรมนูญ 2540 คอื แต่ละเขตจะมี ส.ส. ไดเ้ ขตละ 1 คน และ ผู้มีสิทธิเลือกต้งั มีสทิ ธิลงคะแนนเลอื กไดเ้ พยี งคนเดยี ว ซึ่งผู้สมัครรบั เลอื กตงั้ ที่ไดร้ บั คะแนนสงู สดุ จะไดเ้ ป็น ส.ส. ยกเว้นคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใด (งดออกเสียง) สูงกว่าคะแนนของผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด ส่วนท่ีมาของ ส.ส. บัญชีรายช่ือ จ�ำนวน 150 คน เป็นบัญชีเดียวกันท้ังประเทศ โดยพรรคการเมืองท่ีส่งผู้สมัครรับเลือกต้ัง แบบแบ่งเขตเลือกต้ังเท่านั้นที่มีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกต้ังแบบบัญชีรายชื่อได้ เนื่องจากการเลือกตั้งจะใช ้ บัตรใบเดียวคอื หนึ่งคะแนนลงให้ผ้สู มัครท่ีช่นื ชอบในเขตของตน จะถูกนบั เปน็ หน่ึงคะแนนในการคดิ ท่นี ่งั ส.ส. แบบบญั ชรี ายชือ่ ให้กับพรรคการเมืองทผ่ี สู้ มัครคนนั้นสงั กัดอยดู่ ว้ ย

34 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบรุ ี ระบบเลอื กตัง้ นี้ จ�ำนวน ส.ส. แบบบญั ชีรายชอ่ื ไมไ่ ดแ้ ยกขาดจากจ�ำนวน ส.ส. แบบแบง่ เขต เพราะ คะแนนท้ังประเทศท่ีแต่ละพรรคการเมืองได้รับจะถูกน�ำไปค�ำนวณเพ่ือให้ได้จ�ำนวน ส.ส. ท่ีพรรคน้ันควรจะม ี และเมื่อได้จ�ำนวน ส.ส. ท่ีแต่ละพรรคควรจะมีแล้ว ให้น�ำมาหักลบกับจ�ำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต ก็จะท�ำให้ได้ จ�ำนวน ส.ส. แบบบญั ชรี ายชอื่ ของแตล่ ะพรรค วธิ ีการนับจ�ำนวนท่นี ่ัง ส.ส. ท่แี ตพ่ รรคการเมอื งจะได้ 1. น�ำคะแนนรวมท้ังประเทศท่ีพรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจากการเลือกต้ังแบบแบ่งเขต หารด้วย 500 ซ่ึงเป็นจ�ำนวนท้ังหมดของ ส.ส.ท้ังสภา หากทุกพรรคการเมืองมีคะแนนรวมกัน 40 ล้านเสียง กใ็ ห้น�ำมาหารด้วย 500 จะเทา่ กบั 80,000 2. น�ำผลลพั ธต์ าม (1) คือ 80,000 ไปหารจ�ำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศของแตล่ ะพรรคการเมือง ทไี่ ดร้ บั จากการเลอื กตงั้ ส.ส.แบบแบง่ เขตทกุ เขต จ�ำนวนทไี่ ดร้ บั จะเปน็ จ�ำนวน ส.ส. ทพ่ี รรคการเมอื ง จะมีได้ เช่น พรรค ก ได้คะแนน 18 ล้านเสียง เมื่อน�ำ 80,000 ไปหาร ก็จะได้จ�ำนวน ส.ส. ท่ี พรรคจะมีได้ คือ จ�ำนวน 225 คน 3. น�ำจ�ำนวน ส.ส. ที่พรรคการเมืองจะมีได้ ลบด้วยจ�ำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งท้ังหมดที่ พรรคการเมืองนั้นได้รับ ผลลัพธ์คือจ�ำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายช่ือที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับ เช่น พรรค ก ได้ ส.ส. ท้ังหมด จ�ำนวน 225 คน เมื่อลบกับ ส.ส. แบบแบ่งเขตท่ีมีจ�ำนวน 200 คน พรรค ก จะได้ ส.ส. แบบบัญชรี ายช่ืออีก 25 คน 4. ถ้าพรรคการเมืองใดได้ ส.ส. แบบแบ่งเขต เท่ากับหรือสูงกว่าจ�ำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้น จะมไี ด้ ให้พรรคนนั้ มี ส.ส. ตามจ�ำนวนทไ่ี ดร้ บั จากการเลือกตง้ั แบบแบง่ เขต และไม่มีสทิ ธไิ ดร้ ับ การจดั สรร ส.ส. แบบบญั ชรี ายชอ่ื และใหน้ �ำจ�ำนวน ส.ส. แบบบญั ชรี ายชอ่ื ทง้ั หมดไปจดั สรรให้ แกพ่ รรคการเมอื งทมี่ จี �ำนวน ส.ส. แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ตำ�่ กวา่ จ�ำนวน ส.ส. ทพ่ี รรคการเมอื งนน้ั จะมีได้ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดมี ส.ส. เกินจ�ำนวนที่จะมีได้ เช่น พรรค ช ได้ ส.ส. แบบแบ่งเขต 102 คน แต่พรรค ช มีจ�ำนวน ส.ส.ท่ีควรจะได้ 100 คน ซ่ึงจ�ำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตมากกว่าจ�ำนวน ส.ส. ท่ีควรจะได้ ดังน้ัน พรรค ช จึงไม่มีสิทธิได้ ส.ส. แบบบญั ชีรายชือ่ การนับคะแนน หลักเกณฑ์ วิธีการคํานวณ และการคิดอัตราส่วนท่ีชัดเจน นั้นเป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกต้ังที่ไม่มีผู้สมัคร รับเลือกตั้งคนใดได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมากกว่าคะแนนเสียงท่ีไม่เลือกผู้ใด (งดออกเสียง) เป็น ส.ส. ในเขตเลือกต้ังน้ัน ให้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และไม่ให้นับคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนได้รับไปใช้ในการค�ำนวณ ท่ีน่ังที่แต่ละพรรคจะต้องได้ หากเกิดกรณีน้ี ผู้สมัครทุกรายในเขตนั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังในการเลือกต้ัง ทัว่ ไปครง้ั น้นั อีก และให้ กกต.ด�ำเนินการใหม้ ีการรับสมคั รผ้สู มคั รรบั เลือกตง้ั ใหม่

35 แนวคดิ และทฤษฎเี กี่ยวกบั พฤตกิ รรมการเลือกตง้ั การเลือกตั้งเป็นกติกาสูงสุดที่ทุกคนยอมรับในสังคมประชาธิปไตย (The Only Game in Town) ดงั นนั้ การศกึ ษาทางพฤติกรรมการเลือกต้งั (Electoral Behavior) จงึ ไดร้ ับความนิยมอย่างมากในประเทศที่มี ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย การเลือกต้ังที่บริสุทธ์ิยุติธรรม เป็นท่ีมาของรัฐบาลท่ีมีความชอบธรรม (Legitimate Government) การเลือกตั้งที่บริสุทธ์ิยุติธรรม เป็นกลไกยืนยันถึงความรับผิดชอบท่ีรัฐบาล ตอ้ งมตี อ่ ประชาชน (to Ensure that the Government Remains Accountable to the People) สง่ิ เหลา่ น ้ี ปรากฏในสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก ซึ่งมีการเลือกต้ังทั่วไปในระดับประเทศตามกรอบระยะเวลาอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง ตามทม่ี กี ารระบุไวใ้ นรัฐธรรมนญู ของประเทศเหล่าน้นั ปจั จบุ นั ฐานในการวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ หรอื ปจั จยั ทอี่ ยเู่ บอื้ งหลงั พฤตกิ รรมการลงคะแนน ของผมู้ ีสทิ ธิเลือกตัง้ สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ ด้วยกัน คอื 1. กลมุ่ ทมี่ องเชงิ ตวั แปรสงั คมเศรษฐกจิ (Social and Demographic Factors or Socio-Economic Status) หรือกลุ่มที่มองถึงตวั แปรทีเ่ ป็นตวั ก�ำหนด (Deterministic Factors) 2. กลุ่มทม่ี องเชงิ จติ วทิ ยา (Psychological Factors) 3. กลุ่มท่ีมองเชิงเศรษฐศาสตร์ (Economic Model) หรือกลุ่มที่ศึกษาถึงส�ำนึกในเชิงเหตุผล (Consciously Rational Theories) กลุ่มท่ีมองเชิงตัวแปรสังคมเศรษฐกิจให้ความส�ำคัญกับตัวแปรปัจจัยทางสังคม และข้อมูลประชากร เป็นหลัก แนวคิดน้ีได้รับอิทธิพลจากแนวทางการศึกษาแบบพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral Study) ซึ่งได้รับ ความนยิ มอย่างมากในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1950 - 1960 นักวชิ าการในส�ำนักคดิ น้เี ชอ่ื ว่าปัจจัยทางสงั คมอนั เปน็ ภูมิหลังของบุคคลเป็นตัวก�ำหนดที่ส�ำคัญของพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แนวคิดนี้ มพี น้ื ฐานจากแนวคดิ ทางสงั คมวทิ ยา ในเรอ่ื งสถานภาพทางเศรษฐกจิ และสงั คม (Socio - economic Status) มกี ารพจิ ารณาวา่ ฐานะต�ำแหนง่ ทางสงั คมทแี่ ตกตา่ งกนั มผี ลตอ่ พฤตกิ รรมของคนทแี่ ตกตา่ งกนั ซงึ่ รวมถงึ พฤตกิ รรม ในการเลือกต้ังด้วย กล่าวคือ ชาติก�ำเนิด หรือเพศท่ีแตกต่างกันมาแต่ก�ำเนิด (Ascribed Status) หรือ ฐานะ ทางการเงนิ ระดบั การศกึ ษา หรอื ชนชนั้ ทางสงั คม ซง่ึ ถอื เปน็ ฐานะทางสงั คมทไี่ ดม้ าภายหลงั (Achieved Status) ลว้ นแล้วแต่มอี ิทธพิ ลต่อพฤติกรรมการลงคะแนนเสยี งของผมู้ ีสทิ ธิเลอื กตง้ั ท่แี ตกต่างกนั ไป กลุ่มที่มองเชิงจิตวิทยา แนวคิดน้ีให้ความส�ำคัญกับตัวแบบทางจิตวิทยา โดยมองปัจจัยความรู้สึก หรือความผูกพันทางการเมืองท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง พฤติกรรมการลงคะแนน เกิดข้ึนจากความผูกพันทางจิตใจต่อพรรคการเมือง (Party Dentification) ศึกษาเก่ียวกับความจงรักภักดีของ ผมู้ สี ทิ ธิเลือกตง้ั ทมี่ ีต่อพรรคการเมอื ง และความจงรกั ภกั ดนี ี้สามารถถ่ายทอดกันไปในรูปแบบของกระบวนการ สงั คมปะกติ (Socialization) ซง่ึ กระท�ำผา่ นสถาบนั ตา่ ง ๆ ในสงั คม นอกจากนแี้ นวการศกึ ษานยี้ งั ใหค้ วามส�ำคญั

36 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กต้ังสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบุรี กับปัจจัยท่ีผู้ลงคะแนนมีความชมชอบในตัวผู้สมัคร (Perception of the Candidates) และความช่ืนชอบ ในนโยบายหรือประเด็นทางการเมือง (Issues Preferences or Policy Voting) โดยมองว่าส่ิงเหล่านี้มีผลต่อ พฤติกรรมการเลอื กตัง้ แนวคดิ ส�ำนกึ เชงิ เหตผุ ล แนวคดิ นเ้ี ชอ่ื วา่ พฤตกิ รรมการออกไปใชส้ ทิ ธอิ อกเสยี งนนั้ เกดิ จากการใชเ้ หตผุ ล ใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสียจากการไปใช้สิทธิดังกล่าว พิจารณาถึงตัวผู้สมัครพรรคและนโยบายพรรค พิจารณา ในรูปของกรอบความคิดเชิงสมเหตุสมผล (Rational Framework) นักวิชาการแนวน้ีเชื่อว่าการออกไปใช ้ สิทธิเลือกต้ังสามารถเทียบเคียงได้กับการตัดสินใจของผู้บริโภคในทางเศรษฐศาสตร์ เช่ือว่ามนุษย์เป็นมนุษย์ เศรษฐกจิ (Economic Man) มาใชศ้ กึ ษาการตดั สนิ ใจทางการเมอื ง แนวทางศกึ ษานเี้ หน็ วา่ ตวั แบบนจี้ งึ มชี อ่ื เรยี ก อีกอย่างหน่ึงว่า “ตัวแบบการเลือกตั้งโดย 4 เหตุและผล” หรือ “The Rational Choice Mode” แนวคิดน ้ี ไดร้ บั ความนยิ มเฟอ่ื งฟใู นชว่ งทแ่ี นวคดิ พฤตกิ รรมศาสตรข์ ยายตวั อยา่ งมาก แนวคดิ นพี้ ยายามอธบิ ายพฤตกิ รรม การลงคะแนนเสียงเลือกต้ังของผู้มีสิทธิออกเสียงในสหรัฐอเมริกาสมัยแรกในช่วง ค.ศ. 1940 - 1950 มองว่า พฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั เกดิ จากความมสี �ำนกึ ในเชงิ เหตผุ ลของบคุ คลเชงิ ผลประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั หกั ลา้ งกบั ตน้ ทนุ ของ พฤตกิ รรมนนั้ (Cost - benefit) แนวคดิ นเ้ี ชอ่ื วา่ ความนยิ มพรรคและของสถานภาพทางเศรษฐกจิ และสงั คมของ ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ เปน็ ปจั จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมการลงคะแนนเสยี งมากกวา่ ปจั จยั ตวั พรรคการเมอื ง และปจั จยั ตวั ผู้สมัครรบั เลือก ตอ่ มาแนวคดิ น้เี ริ่มหนั มาใหค้ วามส�ำคัญกับอิทธพิ ลของพรรคและตวั ผ้สู มคั รอย่างกวา้ งขวาง ขน้ึ โดยมกี ารศกึ ษาถงึ ปจั จยั พฤตกิ รรมของผนู้ �ำพรรควา่ มผี ลตอ่ ผใู้ ชส้ ทิ ธลิ งคะแนนเสยี งหรอื ไม่ และศกึ ษาบทบาท ของผ้รู ณรงคห์ าเสียง (Voting Campaign Manager) รวมถึงศึกษาถึงนโยบายพรรค (Political Platforms) แนวคดิ นถ้ี อื วา่ การลงคะแนนเสยี งของผมู้ สี ทิ ธนิ นั้ เปน็ เครอื่ งมอื (Instrument) ทจ่ี ะมาซง่ึ ผลประโยชน์ หรือเป้าหมายที่ผู้สมัครต้องการ ผู้ลงคะแนนเสียงน้ันเป็นผู้มีเหตุผล (Rational Voter) ดังนั้นก่อนการตัดสินใจ เลอื กผสู้ มคั รผมู้ สี ทิ ธอิ อกเสยี งจะพจิ ารณาจากผลประโยชนข์ องตนเปน็ ทตี่ งั้ แนวคดิ นใ้ี หค้ วามส�ำคญั กบั เปา้ หมาย ทางการเมืองของตนโดยเลือกเพื่อให้เป้าหมายทางการเมืองของตนบรรลุวัตถุประสงค์ และแนวคิดนี้เชื่อว่า พฤติกรรมการเลือกตั้ง หรือการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของผู้ลงคะแนนเสียงนั้นเกิดจากการพิจารณาอย่าง ละเอียดรอบคอบ ระมัดระวงั โดยมีการใชข้ อ้ มลู ข่าวสารทเ่ี พียงพอประกอบการตัดสินใจ ในทางปฏิบัติผู้ลงคะแนนเสียงจะตั้งหลักเกณฑ์ของตนในการที่เลือกผู้สมัครที่ตนพอใจมากที่สุด รบั ขอ้ มลู ขา่ วสารทางการเมอื งเกยี่ วกบั ตวั ผสู้ มคั ร หรอื เกยี่ วกบั พรรคการเมอื งทผ่ี สู้ มคั รนน้ั สงั กดั อยู่ หลงั จากนนั้ ก็จะประเมินข้อมูลข่างสารน้ัน พิจารณาว่าสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ตนได้ก�ำหนดไว้ก่อนหรือไม่ หลังจากนั้น จึงท�ำการลงคะแนน โดยท่ีผู้ลงคะแนนบางคนอาจให้ความส�ำคัญกับคุณสมบัติส่วนตัวของผู้สมัคร บางคนให้ ความส�ำคญั กบั นโยบายของพรรคการเมือง

37 พฤติกรรมการทุจรติ ในการเลือกตง้ั นกั วชิ าการไทยจ�ำนวนมากไดศ้ กึ ษาถงึ รปู แบบและพฤตกิ รรมทจุ รติ ในการเลอื กตงั้ ของผสู้ มคั รเลอื กตง้ั และพรรคการเมอื งต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมคี วามเหน็ ทเ่ี หมือนกนั และแตกตา่ งกันออกไป ดังนี้ ไพฑูรย์ บุญวัฒน์ (2538, น.23-27) เสนอว่า พฤติกรรมการเลือกตั้งเบี่ยงเบน มี 4 ประการ ดังน้ี การใช้อิทธิพลจากราชการ การใช้กลวิธีการพนัน การใช้กลวิธีการท�ำลายคู่แข่ง และการใช้เงินซ้ือคะแนนเสียง เลือกตั้ง การใช้อิทธิพลจากราชการ เกิดข้ึนจากนักการเมืองท่ีเป็นพรรครัฐบาล เป็นรัฐบาลรักษาการ (Incumbent Government) สมาชกิ ของพรรคการเมอื งทดี่ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื งเปน็ รฐั มนตรวี า่ การรฐั มนตรี ชว่ ยว่าการ ท่กี �ำกบั ควบคุมการท�ำงานของข้าราชการประจ�ำที่เก่ยี วข้องกับการเลอื กตั้งทั้งทางตรงและทางออ้ ม เช่น กลไกของต�ำรวจ กลไกขององค์กรปกครองท้องถิ่น กลไกของสาธารณสุข กลไกของการศึกษา กลไกของ ก�ำนัน ผใู้ หญบ่ า้ น กลไกของทหาร เปน็ ต้น การใช้กลวิธีการพนัน แนวทางน้ีสอดคล้องกับจิตวิทยาของประชาชนไทยส่วนหนึ่งที่ชอบการพนัน ขันต่อ ผู้สมัครบางรายใช้หัวคะแนนของตนโดยเฉพาะหัวคะแนนท่ีเป็นเจ้ามือหวยเถ่ือน คนเดินโพยหวย เพ่ือ ออกไปรบั พนันขนั ตอ่ จากประชาชน เพื่อให้เลือกตน โดยแลกกับผลประโยชน์ท่ผี พู้ นันจะได้จากผลการเลอื กตัง้ หากผู้สมัครได้รับเลือกเลือกตั้ง ผู้รับพนันจะจ่ายในอัตราสองเท่า สามเท่า ของเงินพนันท่ีลงไป วงเงิน การวางพนันมากน้อยแล้วแต่ผู้สมัครจะก�ำหนด กลวิธีการพนันนิยมใช้โดยผู้สมัครท่ีมีฐานะทางการเงินท่ีดี ใช้เงนิ จ�ำนวนมาก และไม่ตอ้ งเป็นบุญคุณกบั ผู้ลงคะแนนเสียงให้ตน กลวิธีการท�ำลายคู่แข่งขัน กลวิธีน้ีมีความหลากหลาย เร่ิมต้ังแต่การท�ำร้ายผู้สมัครด้วยกัน เช่น การจ้างมือปืนมาสังหารชีวิตผู้สมัครหรือหัวคะแนน ท�ำร้ายร่างกายผู้สมัครหรือหัวคะแนน ข่มขู่ผู้สมัครหรือ หัวคะแนน ท�ำลายทรัพย์สินของผู้สมัคร โดยเฉพาะป้ายหาเสียง ปล่อยข่าวลือผ่านส่ือหรือช่องทางต่าง ๆ มีการขุดคยุ้ ใสร่ ้ายปา้ ยสี ผสู้ มคั รเพ่ือให้ประชาชนมีความรู้สกึ เกลยี ดชงั การใช้เงินซื้อคะแนนเสียงเลือกตั้ง มีหลายรูปแบบตั้งแต่ การจ่ายเงินเพื่อให้ประชาชนไปลงคะแนน เสียงให้กับผู้สมัครท้ังช่วงก่อนการเลือกต้ังและหลังการเลือกต้ัง การจ่ายเงินให้หัวคะแนนเพ่ือให้น�ำไปแจกจ่าย ให้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกทอดหน่ึง หรือการแจกจ่ายสิ่งของ จัดเล้ียง จัดน�ำเที่ยว ให้กับประชาชน ผ้มู ีสิทธเิ ลือกตั้งหรือสมาชกิ ในครอบครวั เพอื่ แลกกบั การลงคะแนนเสียงให้

38 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 2562 จงั หวัดชลบุรี พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (2537, น.98-139) ได้ช้ีว่า แนวทางการทุจริตเลือกตั้งในสังคมไทย มี 3 แนวทาง คือ กรรมวิธี กลไก และกระบวนการทุจริตหาเสียง กรรมวิธี กลไก และกระบวนการทุจริต ซอื้ -ขายเสียง กรรมวิธี กลไก และกระบวนการทุจริตลงคะแนนเสียง โดยท้งั 3 แนวทางมีรายละเอยี ด ดังน้ี 1. การทจุ รติ หาเสยี ง เปน็ การทผ่ี สู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั หรอื ทมี งาน ด�ำเนนิ กจิ กรรมอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ หรอื หลายอยา่ งในระยะเวลาทม่ี กี ารเลอื กตง้ั เพอ่ื จงู ใจใหป้ ระชาชนลงคะแนนเสยี งให้ ซงึ่ กจิ กรรมเหลา่ นเ้ี ปน็ กจิ กรรม ที่กฎหมายการเลือกต้ังห้ามไว้ กระบวนการทุจริต ได้แก่ พฤติกรรมการหว่านพืช เช่น การให้ทุนการศึกษาแก ่ เด็กนักเรียน การท�ำบุญกับวัด การจัดท�ำโครงการพัฒนา โครงการอบรม พฤติกรรมการจัดงานเลี้ยงเลือกต้ัง พฤติกรรมการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้น�ำศาสนา ผู้น�ำทางความคิดของประชาชน พฤติกรรมแจกเงินและ ส่ิงของกับครอบครัวและรายบคุ คล ในโอกาสตา่ ง ๆ 2. การทจุ รติ ซอ้ื -ขายเสยี ง สามารถแบง่ ไดส้ องประเภทหลกั คอื ซอื้ เสยี งเพอ่ื หวงั คะแนน และซอื้ เสยี ง เพอ่ื กดี กนั หรอื ท�ำลายฐานเสยี งคแู่ ขง่ ทางการเมอื ง การซอื้ เสยี งมรี ปู แบบ ดงั น้ี กรรมวธิ กี ารตกเขยี ว เปน็ การซอื้ เสยี ง คลา้ ยกบั การหวา่ นพชื แตต่ า่ งตรงทก่ี ารตกเขยี วมกี ารด�ำเนนิ การทกี่ ง่ึ ผกู มดั ประชาชนผลู้ งคะแนนดว้ ยผลประโยชน์ ที่ผ้สู มคั รสัญญาว่าจะให้ การเลน่ พนันและหวยผสู้ มคั ร พน้ื ทท่ี ่กี ารพนันการเลอื กตั้งเกดิ ขึน้ มาก คอื พื้นทภี่ าคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก สว่ นภาคตะวันออกเฉียงเหนือวิธีนีไ้ ม่เปน็ ทนี่ ยิ มมากนกั ขบวนการลากพาและการยงิ กระสนุ การซอื้ เสยี งแบบนมี้ กี จิ กรรม และกลมุ่ บคุ คลทเี่ ขา้ มาเกยี่ วขอ้ งมาก มขี น้ั ตอนยอ่ ยทเ่ี รมิ่ จาก ขน้ั การส�ำรวจ รายชือ่ ผู้ทเี่ ป็นเป้าหมายในการลากพา ข้นั การเตรียมกระสุนหรือเงินท่ีจะซ้ือเสียง และสุดท้ายข้ันการยงิ กระสนุ กรรมวิธบี ัตรผตี ่าง ๆ บัตรผีนนั้ มีสองประเภท คอื บัตรผที เ่ี กดิ จากการซ้อื ขายบัตรประชาชนจริง กับบัตรผีท่ีเกดิ จากความบกพร่องของงานทะเบียนราษฎร์ บัตรผีท้ังสองประเภทจะถูกน�ำมาลงคะแนนวันลงคะแนนเลือกต้ัง ในหนว่ ยเลอื กตง้ั ทผ่ี สู้ มคั รไดต้ ระเตรยี มการรว่ มกบั เจา้ หนา้ ทปี่ ระจ�ำหนว่ ยเลอื กตงั้ และสดุ ทา้ ย คอื การซอ้ื เสยี งโดย วธิ อี นื่ ผสู้ มคั รบางรายอาจซอื้ ตวั ผสู้ มคั รรายอนื่ ใหข้ อถอนตวั ในชว่ งโคง้ สดุ ทา้ ยของการแขง่ ขนั เพอื่ โอนคะแนนเสยี ง ของตนใหก้ บั ผสู้ มคั รรายอน่ื แลกกบั ผลประโยชนด์ า้ นการเงนิ ผสู้ มคั รบางรายอาจวา่ จา้ งผสู้ มคั รบางรายปราศรยั หาเสยี งใสร่ า้ ยปา้ ยสผี สู้ มคั รทเ่ี ปน็ คแู่ ขง่ ของตน บางครงั้ อาจมกี ารซอื้ หวั คะแนนและฐานคะแนนเสยี งยกหมบู่ า้ น ทั้งนหี้ วั คะแนนทไี่ มฝ่ กั ใฝ่พรรคการเมอื งใดหรอื ผสู้ มัครรายใดมกั จะมโี อกาสเจรจาต่อรองผลประโยชนไ์ ด้มาก 3. การทจุ รติ ลงคะแนนเสยี ง เปน็ การทจุ รติ โดยอาศยั กลไกของรฐั การทจุ รติ แบบนเ้ี ปน็ การทจุ รติ ทต่ี อ้ ง อาศัยกลไกอ�ำนาจรัฐท้ังในระดับประเทศและระดับท้องถ่ิน จังหวัดท่ีเกิดรูปแบบการทุจริตแบบนี้มักกระจุกตัว อยู่ในภาคกลางและภาคตะวันออก เช่น จังหวัดชลบุรี ปราจีนบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยมีรูปแบบ ความสัมพันธ์ในเชิงระบบอุปถัมภ์ระหว่างผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อ ผู้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย กับเจ้าพนักงานของ รฐั ระดับสูงซง่ึ อาจเป็นทหาร ต�ำรวจ เจา้ พนกั งานปกครอง

39 สมบัติ จันทรวงศ์ (2530, น.14-30) ได้ศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งและกระบวนการบริหารจัดการ การเลือกต้ังไว้ดังน้ี ขั้นตอนการวางแผนและรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง ข้ันตอนในวันเลือกตั้ง และขั้นตอน ภายหลงั การเลอื กต้งั โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้ ขนั้ ตอนการวางแผนและรณรงคห์ าเสยี งการเลอื กตง้ั เปน็ ขนั้ ตอนทส่ี �ำคญั นกั การเมอื งทมี่ ปี ระสบการณ์ จะต้องวางแผนการด�ำเนินการทางการเมืองในระยะยาว เตรียมการวางแผนการเลือกต้ังเพ่ือให้มีกิจกรรมทาง การเมืองอย่างต่อเนื่องทั้งในเวลาปกติหรือเวลาท่ีมีการประกาศพระราชกฤษฎีการยุบสภาเพ่ือการเลือกต้ัง ซงึ่ การหาเสยี งดงั กลา่ ว นกั การเมอื งตอ้ งมขี อ้ มลู ในเรอ่ื งของเขตการเลอื กตงั้ (Constituency) และระบบการเลอื กตง้ั (Electoral System)ในกรณีที่ระบบการเลือกตั้งเป็นแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ก็ต้องพิจารณาการจัดทีมของ ผู้สมัคร ในกรณีท่ีเป็นการเลือกต้ังแบบเขตเดียวเบอร์เดียวก็ต้องพิจารณาถึงศักยภาพผู้สมัครที่เป็นคู่แข่ง เพื่อน�ำมาประเมนิ กลยุทธใ์ นการหาเสยี งต่อไป ในขั้นการรณรงค์หาเสียงมีรายละเอยี ด ดงั นี้ การจัดองค์กรเพื่อการเลือกต้ัง ทั้งน้ีเพ่ือให้การรณรงค์หาเสียงเลือกต้ังเป็นไปอย่างมีระบบ มีการแบ่งงานจัดระบบการท�ำงาน มีอาจหน้าที่ท่ีชัดเจนในองค์กร ผู้สมัครจึงต้องต้ังศูนย์การเลือกตั้ง (Campaign Center) ขนึ้ มกี ารจา้ งเจา้ หนา้ ทท่ี ม่ี คี วามรดู้ า้ นกฎหมาย ดา้ นการจดั การอปุ กรณส์ �ำนกั งาน ดา้ นการเงนิ โดยมีผู้จัดการศูนย์การเลือกตั้งเป็นผู้รับผิดชอบการรณรงค์การเลือกตั้ง ศูนย์การเลือกต้ังน้ีมีหลายระดับต้ังแต ่ ระดับประเทศท่ีมีส�ำนักงานใหญ่ท่ีท�ำการพรรคการเมือง ศูนย์การเลือกต้ังระดับศูนย์การเลือกต้ังระดับภาค และศูนย์การเลือกตง้ั ในเขตการเลือกตง้ั การจัดระบบหัวคะแนน ความส�ำเร็จของผู้สมัครขึ้นกับประสิทธิภาพของระบบหัวคะแนนในการหา คะแนนให้กับผู้สมัคร “หัวคะแนน” คือบุคคลที่สามารถหาคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครรับเลือกต้ัง โดยใช้วิธีการ ท่ีเปิดเผยและวิธีการที่ไม่เปิดเผย” หัวคะแนนเป็นกลไกส�ำคัญในการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกต้ัง กระตุ้นให ้ ประชาชนไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ใหก้ บั ผสู้ มคั รทต่ี นสนบั สนนุ ในเขตเลอื กตงั้ ทมี่ ขี นาดใหญ่ ภมู ปิ ระเทศเปน็ อปุ สรรค ในการเดินทาง และมีลักษณะประชากรกระจายตัวไปอย่างกระจัดกระจาย การหาเสียงท�ำได้ยากล�ำบาก ผู้สมัครจึงต้องอาศัยหัวคะแนนในการประชาสัมพันธ์ตัวผู้สมัคร กระตุ้นเตือนประชาชนผู้มีสิทธิให้มาลงคะแนน สนับสนุนตน กล่าวได้ว่าหัวคะแนนเป็นตัวกลางระหว่างผู้สมัครกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คุณสมบัติท่ีดี ของหัวคะแนน คือ เป็นผู้ท่ีเป็นที่รู้จักของประชาชนในท้องถิ่นน้ัน อาจจะเป็นผู้ท่ีมีเครือญาติจ�ำนวนมาก หรือ อาจเป็นท่ีนับถือของประชาชน หรืออาจเป็นผู้น�ำชุมชน หรืออาจเป็นผู้มีอิทธิพลในทางเศรษฐกิจนอกระบบ เช่น เจ้ามือหวย เจ้าของบ่อน ผู้ค้าของหนีภาษี เป็นต้น หัวคะแนนมีหน้าท่ีหลักส�ำคัญ ทั้งตอนก่อนวันเลือกตั้ง ในวนั เลือกตัง้ และภายหลงั วนั เลอื กต้ัง ขนั้ ตอนในวนั เลอื กตงั้ หวั คะแนนจะท�ำการประชาสมั พนั ธต์ วั ผสู้ มคั รใหป้ ระชาชนทราบ ชวี ติ ครอบครวั การท�ำงาน การศกึ ษา ประสบการณ์ และนโยบายผสู้ มคั ร เพอ่ื ใหป้ ระชาชนเกดิ ความศรทั ธาในตวั ผสู้ มคั ร ในล�ำดบั ตอ่ มาหวั คะแนนจะท�ำการหาขอ้ มลู พน้ื ฐานของเขตเลอื กตงั้ เชน่ ความนยิ มของประชาชนในตวั ผสู้ มคั รเปน็ แบบใด

40 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบุรี จ�ำนวนผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ในแตล่ ะครวั เรอื นเปน็ อยา่ งไร หวั คะแนนทดี่ ตี อ้ งมขี อ้ มลู ขา่ วสารของผสู้ มคั รทเ่ี ปน็ คแู่ ขง่ รวมถงึ ผทู้ เี่ ปน็ เครอื ขา่ ยของคแู่ ขง่ บางครงั้ หวั คะแนนอาจตอ้ งสรา้ งขา่ ว ปลอ่ ยขา่ วลอื ตอบโตข้ า่ ว เพอ่ื ใหผ้ สู้ มคั ร ท่ีตนสนับสนุนได้เปรียบทางการเมือง หัวคะแนนต้องประสานงานกับผู้น�ำในชุมชนต่าง ๆ เพื่อจัดตาราง การประชาสัมพันธ์หาเสียง รวมถึงพบปะเย่ียมเยือนประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ท่ีเป็นท้ังฐานคะแนนจัดต้ังซ่ึงเป็น จุดแขง็ และเจาะฐานคะแนนเสียงค่แู ข่งซึ่งเปน็ จดุ ออ่ นในการเลอื กตง้ั แต่ละคร้งั ขั้นตอนในวันเลือกต้ังมีขนั้ ตอนยอ่ ย คือ การเตรยี มคนไปเลือกตงั้ ส่งคนไปสงั เกตการณบ์ ริเวณหน่วย เลือกต้งั เพอ่ื ประเมินผลจ�ำนวนผู้ไปใช้สทิ ธเิ ป็นระยะ ๆ ท้ังผู้ใช้สทิ ธขิ องผสู้ มคั รและคู่แขง่ การจดั หนว่ ยเคลอ่ื นที่ เร็วเพือ่ เกบ็ ตกคะแนนเสียงทีย่ งั ไม่ออกไปใช้สิทธิ และสงั เกตการณก์ ารกระท�ำผดิ ของผสู้ มัครรายอน่ื ขั้นตอนภายหลังการเลือกตั้ง หัวคะแนนจะท�ำการตอบแทนและขอบคุณประชาชนแทนผู้สมัคร ไมว่ า่ ผลการเลอื กตงั้ จะออกมาเปน็ อยา่ งไร สว่ นใหญจ่ ะใชร้ ปู แบบของการจดั เลย้ี งงานสงั สรรค์ สมบตั ิ จนั ทรวงศ์ ไดก้ ลา่ วถงึ รปู แบบของการหาเสยี งเปน็ สองประเภทหลกั คอื การหาเสยี งทเี่ ปน็ ทางการหรอื การหาเสยี งทเี่ ปดิ เผย กับการหาเสยี งทเ่ี ป็นพฤติกรรมเบยี่ งเบน การหาเสียงที่เป็นทางการมีอาทิ เช่น การใช้สื่อสิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของป้ายคัทเอาท์ ขนาดใหญ่ตามท่ีชุมชน ทางร่วมทางแยก ตึกสูง รวมถึงอาจเป็นโปสเตอร์ แผ่นพับ ใบปลิว ซึ่งประกอบด้วยช่ือ ผสู้ มคั ร ชอื่ พรรค รปู ถา่ ย หมายเลขทใี่ หป้ ระชาชนเลอื ก ค�ำขวญั ผลงานทผี่ า่ นมา การปราศรยั หาเสยี งในเวทที จี่ ดั เป็นทางการหรือการหาเสียงในรถตระเวน เวทีช่ัวคราว ร่วมงานอภิปรายในสถานท่ีจัดโดยองค์กรที่เป็นกลาง ทางการเมือง ผู้สมัครบางรายอาจใช้เทคนิควิธีเข้าถึงตัวผู้มีสิทธิเลือกต้ังหรือที่เรียกว่า “เคาะประตูบ้าน” ซ่ึงวิธีดังกล่าวได้ผลดีที่สุดแต่ส้ินเปลืองเวลามากที่สุด ผู้สมัครบางรายอาจใช้เงินทุนในการซื้อส่ือในการหาเสียง หรือใชเ้ ครือขา่ ยสอ่ื มวลชนทต่ี นมีอยู่ทั้งโทรทศั น์ วิทยุ หนงั สือพมิ พ์ ในการสรา้ งภาพพจน์ของตน การหาเสยี งท่จี ัดเป็นพฤตกิ รรมทเี่ บีย่ งเบน ได้แก่ การใช้อทิ ธิพลจากระบบราชการโดยเฉพาะในกรณี ที่ผู้สมัครมาจากพรรครัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล ผู้สมัครมักใช้อิทธิพลของตนและเครือข่ายในระบบราชการทั้ง ทางตรงและทางออ้ ม เพอื่ ชว่ ยใหผ้ สู้ มคั รไดเ้ ปรยี บคแู่ ขง่ ใชก้ ลวธิ กี ารพนนั เพอ่ื หวงั ผลคะแนนของผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั โดยเฉพาะในพื้นที่ท่ีเป็นฐานคะแนนเสียงของคู่แข่ง โดยผู้สมัครยอมเสียเงินพนันเพ่ือแลกกับคะแนน บางครั้ง เม่ือการแข่งขันรุนแรงมากและมีคะแนนของผู้สมัครคู่แข่งมีความสูสีกัน ผู้สมัครบางรายอาจใช้ความรุนแรงด้วย การจ้างมือปืนท�ำร้ายร่างกายคู่แข่ง ข่มขู่ หรือบางกรณีอาจประสงค์ต่อชีวิต บางรายอาจขุดคุ้ยใส่ร้ายคู่แข่ง เพ่ือให้เส่ือมเสียชื่อเสียง ท�ำพฤติกรรมที่เลวทรามแล้วใส่ร้ายคู่แข่งเพ่ือให้เกิดความเกลียดชังผู้สมัครบางราย และที่ใช้กันกว้างขวางมากที่สุด คือ การใช้เงินซื้อเสียง (กระมล ทองธรรมชาติ ปรีชา หงส์ไกรเลิศ และ สมบูรณ์ สุขส�ำราญ, 2531, น.64; เพ่มิ พงษ์ เขาวลิตและศรสี มภพ จติ รภิรมยศ์ ร,ี 2531, น.52)

41 กัมชัย ห่อทองค�ำ (2539, น.57-65) ได้ศึกษาเรื่อง ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นกับการเลือกต้ัง ศึกษาเฉพาะ กรณกี ารเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เขต 2 จงั หวดั ชลบรุ ี พ.ศ. 2535 ไดเ้ สนอวธิ กี ารท�ำงานของหวั คะแนน ในการเลอื กตง้ั วา่ หวั คะแนนมี 2 ประเภท คอื หวั คะแนนหลกั และหวั คะแนนรอง โดยหวั คะแนนหลกั เปน็ บคุ คล ที่มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับผู้สมัครในทางใดทางหนึ่ง เช่น เป็นญาติพี่น้อง เป็นผู้ท่ีมีความสัมพันธ์ เชิงอุปถัมภ์มีบุญคุณต่อกัน เป็นผู้ที่ผู้สมัครไว้วางใจได้ เป็นที่รู้จักของประชาชนในเขตการเลือกต้ังนั้น มี พรรคพวกเพื่อนฝูงมาก มีข้อมูลทางการเมืองท้ังของผู้สมัครและคู่แข่งเป็นอย่างดี สามารถระดมเครือข่าย มาชว่ ยงานทางการเมืองได้ หน้าทีส่ �ำคัญทส่ี ุดของหัวคะแนนหลัก คือ “แปรเสียงใหเ้ ป็นคะแนน” หัวคะแนนหลักมักเปน็ พอ่ คา้ นกั ธรุ กจิ ก่อสรา้ ง สมาชกิ สภาจังหวัด สมาชกิ สภาเทศบาล ผ้อู �ำนวยการ โรงเรียน ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยปกติหัวคะแนนหลักจะไม่พบปะกับประชาชนโดยตรง แต่จะเป็นตัวกลางใน การประสานงานระหวา่ งผสู้ มคั รกบั หวั คะแนนรอง หากผสู้ มคั รเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเดมิ นน้ั หวั คะแนนหลกั มักเป็นผู้น�ำท้องถ่ินท่ีมีความสัมพันธ์เชิงเก้ือหนุน โดยมีการตอบแทนในรูปแบบของการจัดสรรงบประมาณ ในการพฒั นาจังหวัดใหผ้ ู้น�ำทอ้ งถ่ินหรือเครอื ขา่ ยของผนู้ �ำท้องถ่ินทเ่ี ปน็ หวั คะแนนรอง หัวคะแนนรอง เป็นหัวคะแนนระดับล่าง อาจเป็นบุคคลที่ไม่ได้สนิทสนมกับผู้สมัครเป็นการส่วนตัว ในทางใดทางหนึ่ง แต่หัวคะแนนรองเป็นผู้ที่มีความสนิมสนมกับผู้ท่ีเป็นหัวคะแนนหลัก หัวคะแนนรองนั้นม ี หลายระดับลดหลั่นลงไปในรูปแบบเครือข่ายแบ่งความรับผิดชอบกันไปต้ังแต่ระดับต�ำบลลงไปจนถึงระดับ หมบู่ า้ น เปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ กลมุ่ หวั คะแนนรองนนั้ มกั ไมม่ คี วามจงรกั ภกั ดกี บั ผสู้ มคั รรายใดรายหนงึ่ เปน็ การเฉพาะ หวั คะแนนรายยอ่ ยกบั ผสู้ มคั รมคี วามสมั พนั ธก์ นั ดว้ ยคา่ จา้ ง เงนิ รางวลั ซง่ึ เปน็ ผลตอบแทนระยะสนั้ เปน็ ครง้ั คราว ตามการเลือกต้ัง บางคร้ังหัวคะแนนรายย่อยอาจจะท�ำงานให้กับผู้สมัครหลายคนในคราวเดียวกันโดยเฉพาะ กรณที รี่ ะบบการเลอื กตง้ั เปน็ แบบแบง่ เขตเรยี งเบอรท์ ป่ี ระชาชนผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ คนหนง่ึ เลอื กผสู้ มคั รไดม้ ากกวา่ หนึ่งคน (One Man Several Votes) หัวคะแนนระดับรอง มักได้แก่ ข้าราชการช้ันผู้น้อย ครู ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบล ประธานชมรมกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ชมรมแม่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข และบางครง้ั กเ็ ป็นพระสงฆ์ หัวคะแนนมรี ะบบบรหิ ารจดั การเหมอื นองคก์ ารทมี่ ีระบบขายตรง หรอื ไดเร็คเซลล์ การแบง่ เขตพ้ืนท่ี หรือโซนนิ่งให้กับหัวคะแนนรายย่อยตั้งเป้าหมายในการคุมคะแนนเสียง ลงเข้าไปในระดับย่อยกว่าหมู่บ้าน คือ ลงไปถึงครัวเรือน ในบางพื้นท่ีซึ่งเป็นพื้นที่ท่ีไม่ใช่ฐานเสียงจัดต้ังของผู้สมัคร ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังยังไม ่ ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครผู้ใด จะต้องมีการจัดต้ังหัวคะแนนย่อยที่มีความสนิมสนมกับครัวเรือนเหล่านี้เพ่ือ คุมเสียง การลงรายละเอียดเช่นน้ีส่งผลให้จ�ำนวนหัวคะแนนย่อยมีจ�ำนวนมาก ผู้สมัครต้องจ่ายค่าใช้จ่ายใน การเลือกตง้ั จ�ำนวนมากขน้ึ

42 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร 2562 จังหวัดชลบุรี กฤช เอื้อวงศ์ (2547) ได้น�ำเสนอรูปแบบการรณรงค์ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองไทย ภายหลงั จากทมี่ กี ารประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู ฉบบั ปี 2540 และภายหลงั การเลอื กตงั้ ทวั่ ไปในปี พ.ศ. 2544 สรปุ ได้ 4 ประการ คอื 1. พรรคการเมอื งทกุ พรรคจะหนั มาใชน้ โยบายประชานยิ ม ซงึ่ นโยบายประชานยิ ม คอื การใชเ้ งนิ ในการหาเสียงกับผู้มีสิทธิออกเสียง 2. ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงจะให้ความส�ำคัญกับนโยบายพรรคการเมือง มากข้ึน 3. ส่ือมวลชนรวมถึงเคร่ืองมือในการสื่อสารจะเข้ามามีบทบาทส�ำคัญในการเข้าถึงผู้มีสิทธิออกเสียง 4. การใชจ้ า่ ยเงนิ ทนี่ อกเหนอื จากรายจา่ ยตามทก่ี ฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งก�ำหนดไว้ ยงั คงมคี วามส�ำคญั และจ�ำเปน็ อยู่ แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดในการไดร้ บั เลือกต้ัง งานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง สุนันท์ อัครทวีทอง (2545) ได้ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจเลือกตั้งสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรของประชาชนเขต 1 จงั หวดั ชลบรุ ี โดยศกึ ษาประชาชนในเขตเทศบาลต�ำบลแสนสขุ จงั หวดั ชลบรุ ี พบว่าในการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2544 ประชาชนเห็นว่ามีความยุติธรรมดี สะดวก รวดเร็ว แต่มีความยุ่งยาก ซบั ซอ้ นมากกวา่ การเลอื กตง้ั แบบเดมิ ประชาชนมคี วามเขา้ ใจในระบบการเลอื กตงั้ ทม่ี ที ง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ และสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอ่ื ในระบบบญั ชรี ายชอ่ื ความคดิ เหน็ ตอ่ พรรค มีผลตอ่ การตดั สินใจเลอื ก และในระบบแบ่งเขตเลือกตัง้ พบวา่ ความคดิ เห็นตอ่ หวั คะแนนมีผลตอ่ การตัดสินใจ ในการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยให้ความส�ำคัญกับคุณสมบัติเฉพาะตัวของ ผสู้ มคั รมากทสี่ ดุ รองมา คอื การพจิ ารณาพรรคการเมอื งทส่ี งั กดั ดา้ นคณุ สมบตั เิ ฉพาะตวั ของผสู้ มคั รนน้ั ประชาชน ใหค้ วามส�ำคัญกบั เรือ่ งการน�ำความเจริญมาสทู่ อ้ งถ่ินและเปน็ ผู้ทมี่ ีมนุษยสัมพันธท์ ีด่ ี เป็นผู้มีชือ่ เสียง วิชาญ รอดไพบูลย์ (2549) ได้ศึกษาเรื่อง ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจไปใช้สิทธิเลือกต้ัง นายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดชลบุรี โดยศึกษาประชาชนที่อาศัยอยเู่ ขตอ�ำเภอเมือง จังหวดั ชลบุรี โดยพบวา่ คณุ สมบตั ขิ องผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั มคี วามส�ำคญั มากทส่ี ดุ โดยมปี จั จยั ของคณุ สมบตั ิ ของหัวคะแนนที่มีผลต่อการตัดสินใจ โดยเฉพาะหัวคะแนนที่ที่น�ำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น เป็นที่ยอมรับของ ประชาชน ประชาชนพอใจมากที่สดุ กบั รปู แบบการหาเสียงที่ผูส้ มัครออกหาเสยี งพบปะกบั ประชาชนตามบา้ น ศักดา นพสิทธิ์ (2542) ได้ศึกษาเรื่อง ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของประชาชนจังหวัดชลบุรี โดยศึกษาจากพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนใน 4 อ�ำเภอ ของจังหวัดชลบุรี คือ อ�ำเภอเมือง อ�ำเภอพานทอง อ�ำเภอพนัสนิคม และอ�ำเภอบ่อทอง ท้ังน้ีเป็นการศึกษา การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปีพุทธศักราช 2534 ที่เป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ โดยปัจจัย ที่มีความส�ำคัญท่ีสุดในการพิจารณา คือ พรรคการเมืองท่ีสังกัด รองลงมา คือ คุณสมบัติประจ�ำตัวของผู้สมัคร ดา้ นปัจจยั หวั คะแนนมคี วามส�ำคัญน้อยท่สี ดุ

43 อวิกา เอกทัตร (2549) ได้ศึกษาเร่ือง การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น เร่ือง การซ้ือสิทธิขายเสียงของ พรรคการเมอื งทอ้ งถน่ิ : กรณศี กึ ษาเทศบาลต�ำบลหนง่ึ ในเขตภาคตะวนั ออก ผวู้ จิ ยั ไดใ้ ชก้ ารสมั ภาษณอ์ ยา่ งเจาะลกึ พบว่า พฤติกรรมการซื้อสิทธิขายเสียงแบ่งเป็น 5 รูปแบบ คือ รูปแบบการซ้ือหัวคะแนน รูปแบบซ้ือสมาชิก ฝ่ายตรงข้าม รูปแบบการตัดผู้สมัครฝ่ายตรงข้าม และการสร้างผู้สมัครเทียม รูปแบบในการจัดงานเลี้ยง รูป แบบในการซ้ือต�ำแหน่งภายในพรรค ผู้วิจัยพบว่า ระบบอุปถัมภ์ทางการเมืองแบบเครือญาติลดบทบาทลง เนื่องจากความเป็นเมืองและระบบเศรษฐกิจแบบเงินตราเข้ามาในชุมชนมากข้ึน ท�ำให้เกิดระบบอุปถัมภ์ทาง เศรษฐกิจแบบนายกับลูกจ้างโดยมีเงินตราและผลตอบแทนในทางเศรษฐกิจในระบบงบประมาณท้องถิ่นเข้ามา มบี ทบาทส�ำคญั สุวัตร์ ตั้งจติ รเจรญิ (2548) ได้ศกึ ษาเรื่อง การตัดสินใจเกีย่ วกบั การเลือกตั้งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกต้ัง: จังหวัดระยอง โดยศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งท่ัวไปในปี พ.ศ. 2548 ของกลมุ่ ตวั อยา่ งผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ในจงั หวดั ระยอง พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งมพี ฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ ในระบบบญั ชรี ายชอ่ื โดยเลือกพรรคไทยรักไทยมาเป็นอันดับแรก เนื่องจากความพอใจในนโยบายของพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะ นโยบายการปราบปรามยาเสพติด รองลงมา คือ โครงการประกันสุขภาพ และการปราบผู้มีอิทธิพล รูปแบบ การทุจริตการเลือกตั้งที่กลุ่มตัวอย่างพบมากที่สุด คือ การแจกเงินซ้ือเสียง การแจกของ และก่ึงหน่ึงของ กลุ่มตัวอย่างไม่ม่ันใจในการวางตัวเป็นกลางของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจ�ำจังหวัด โดยกลุ่มตัวอย่าง เกินกว่ากึ่งหน่ึงเชื่อว่า คณะกรรมการการเลือกต้ังประจ�ำจังหวัดเข้าข้างผู้สมัครที่มาจากฝ่ายรัฐบาล รวมถึง ไม่แนใ่ จในกระบวนการให้ใบแดงใบเหลือง นาตาชา วศินดิลก (2540) ได้ศึกษาเร่ือง โครงสร้างอ�ำนาจในชุมชนกับการเมืองท้องถ่ิน: ศึกษา กรณีเมืองพัทยา งานวิจัยช้ินนี้ถือเป็นงานวิจัยท่ีศึกษาระบบอุปถัมภ์หลักในจังหวัดชลบุรี ซ่ึงมีผลต่อการ เลือกต้ังในเมืองพัทยา ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์เชิงลึกผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบ้านใหญ่ วิเคราะห์ระบบการท�ำงาน ของเครือข่ายบ้านใหญ่ได้อย่างชัดเจน ข้อสรุปที่ได้จากการวิจัย คือ เมืองพัทยามีการกระจุกตัวของอ�ำนาจ ในทางการเมอื ง กลมุ่ สมาชกิ สภาเมอื งพทั ยาประเภททหี่ นงึ่ ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ ผทู้ อี่ ยใู่ นเครอื ขา่ ยของบา้ นใหญ่ โดย มคี วามสมั พนั ธใ์ นเชงิ อปุ ถมั ภ์ โครงสรา้ งอ�ำนาจเปน็ ในรปู องคก์ รทมี่ วี ตั ถปุ ระสงค์ โครงสรา้ ง การแบง่ หนา้ ที่ การ ตอบแทนทชี่ ดั เจนเปน็ รปู ธรรม มกี ตกิ าภายในกลมุ่ ทอ่ี ยภู่ ายใตภ้ าวะผนู้ �ำของหวั หนา้ กลมุ่ บา้ นใหญ่ การตอบแทน ทางการเมืองเป็นไปในรปู แบบของระบบงบประมาณของรฐั บาลทอ้ งถน่ิ ทเี่ ห็นไดช้ ดั เจน คือ การกอ่ สร้างตา่ ง ๆ เชน่ ถนน บอ่ บ�ำบดั นำ้� เสยี แนวการวเิ คราะหข์ องนาตาชา สามารถน�ำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการวเิ คราะหก์ ารเลอื กตงั้ ในระดับสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรได้เป็นอย่างดี เพ่ง บัวหอม (2548) ได้ศึกษาเร่ือง โครงสร้างอ�ำนาจชุมชนกับการเลือกต้ังนายกองค์การบริหาร ส่วนต�ำบลโดยตรง: กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนต�ำบลสัตหีบ อ�ำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พบว่า โครงสร้าง อ�ำนาจชุมชนที่มีแต่เดิมความสัมพันธ์ในเชิงเครือญาติได้เปล่ียนแปลงไปเป็นความสัมพันธ์ในเชิงเศรษฐกิจ โครงสรา้ งอ�ำนาจทเี่ ปลย่ี นแปลงไปเปน็ ไปตามการเปลย่ี นแปลงเชงิ โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ทเ่ี ปน็ สงั คมอตุ สาหกรรม เม่ือมีการกระจายอ�ำนาจไปสู่องค์การบริหารส่วนต�ำบล การเลือกตั้งโดยตรงนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบล ผู้สมัครท่ีอาศัยความสัมพันธ์ในเชิงเครือญาติเสียเปรียบผู้สมัครที่ใช้เงินในการเลือกต้ัง และน�ำไปสู่ระบบ สองปีซ่อมทุน สองปสี รา้ งทุน

44 การศึกษาความเคล่อื นไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวดั ชลบรุ ี จติ ิล คุ้มครอง (2544) ได้ศึกษาเรอื่ ง พฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จงั หวัด ชลบุรี คร้ังการเลือกต้ังท่ัวไป วันที่ 6 มกราคม 2544 พบว่า สาเหตุท่ีผู้มีสิทธิออกไปใช้สิทธิเพราะถือเป็น หน้าที่ของประชาชนในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มากกว่าการได้รับเงินจากการซื้อสิทธิขายเสียง ผู้ลงคะแนนให้ความส�ำคัญกับการรับรู้ข่าวสารทางการเมืองมากกว่าท่ีจะเข้าไปร่วมกิจกรรมทางการเมือง และ ผมู้ สี ิทธิออกเสียงจะเลอื กผ้สู มัครโดยพิจารณาประกอบทั้งตวั บุคคลและตวั พรรค มากกวา่ จะเลือกตัวบคุ คล เกริกไกร วีระเชาวภาส (2557) ได้ศึกษาเรื่อง การกระท�ำผิดกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรของผู้มีส่วนได้เสียทางการเมืองกับผู้สมัครในการเลือกตั้งท่ัวไป เมื่อวันท่ี 23 ธันวาคม 2550 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีรวบรวมข้อมูลสารโดยศึกษาวิเคราะห์ค�ำส่ังของศาลฎีกา (แผนกคดีเลือกตั้ง) ช่วงปี พ.ศ. 2551-2552 คดีความผิดเก่ียวกับกฎหมายที่เกิดข้ึนจากการจัดให้มีการเลือกต้ังทั่วไป เม่ือวันที่ 23 ธันวาคม 2550 กรณีการสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ีกระท�ำผิด กฎหมายเลือกตั้ง และการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาพฤติการณ์ของ ผู้ท่ีมีส่วนได้เสียทางการเมือง การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการร่วมกันกระท�ำความผิดกฎหมาย เลือกตั้ง ตามค�ำส่ังศาลฎีกา (แผนกคดีเลือกต้ัง) เมื่อปี พ.ศ. 2551-2552 2) ศึกษาสาเหตุการกระท�ำความผิด กฎหมายเลอื กตงั้ ของผูม้ ีส่วนได้เสียทางการเมืองผ้สู มัครรับเลอื กต้ัง ในการเลือกตง้ั เมื่อวันท่ี 23 ธนั วาคม 2550 3) เสนอแนะแนวทางปอ้ งกนั มใิ หผ้ มู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ทางการเมอื งรว่ มมอื กบั ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎรกระท�ำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ผลวิจัย พบว่า หน่ึง พฤติกรรมการกระท�ำความผิดของผู้มีส่วนได้เสีย กับผู้สมัครมี 2 ลักษณะคือ (1) มีลักษณะเป็นการคบหาสมาคมที่แตกต่าง กล่าวคือ ผู้กระท�ำหลายคนสมคบ และร่วมมือกันท�ำผิดกฎหมายเลือกต้ังอย่างเป็นขบวนการ มีการวางแผนนัดหมาย และมีการแบ่งหน้าท่ีกันท�ำ อยา่ งเปน็ ขนั้ เปน็ ตอน (2) มลี กั ษณะเปน็ การลอกเลยี นแบบ สอง สาเหตขุ องการกระท�ำความผดิ กฎหมายเลอื กตงั้ ท่ีส�ำคัญมี 3 ประการคือ (1) ผู้มีส่วนได้เสียทางการเมืองกับผู้สมัครมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเป็นส่วนตัว กอ่ นหนา้ แลว้ การกระท�ำผดิ มไิ ดเ้ กดิ ขนึ้ จากคา่ จา้ ง หรอื ผลประโยชนท์ างการเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ เปน็ การตอบแทน (2) พฤติกรรมการเลียนแบบการกระท�ำความผิดของผู้มีส่วนได้เสียทางการเมืองกับผู้สมัคร ซึ่งมาจากซื้อเสียง เลือกตั้งในเขตเลือกต้ังอ่ืนหรือจังหวัดอ่ืน (3) โครงสร้างการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งลงโทษผู้สมัครเป็นส�ำคัญ มิให้ความส�ำคัญกับการลงโทษผู้มีส่วนได้เสียทางการเมืองกับผู้สมัคร ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นผู้ก่อ ผู้ใช้ตัวการ และ ผู้สนับสนุนการกระท�ำผิดกฏหมายเลือกต้ังแต่อย่างใด จึงเกิดการเลียนแบบรูปแบบพฤติกรรม วิธีคิดและ ความรู้สกึ นึกคิด และมกี ารพัฒนาเป็นนวัตกรรมของการเลียนแบบ ศริ นิ ทรา ทรพั ยย์ งั เจรญิ และรฐั ศริ นิ ทร์ วงั กานนท์ (2562) ศกึ ษาเรอื่ งวยั รนุ่ กบั การเลอื กตง้ั ระบบใหม่ ในสังคมเมืองพหุวัฒนธรรม อ�ำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาปัญหาความรู้ ความเขา้ ใจของวยั รนุ่ ในการเลอื กตงั้ ระบบใหม่ 2) เพอ่ื ศกึ ษาแรงจงู ใจของวยั รนุ่ ตอ่ เลอื กตงั้ ระบบใหม่ การศกึ ษา ใชว้ ธิ กี ารวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ โดยใชก้ ารสมั ภาษณท์ ตี่ รงกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั โดยการท�ำแบบทดสอบสมั ภาษณ์ การสังเกตการจดบันทึกผู้ให้ข้อมูลหลัก จากนั้นน�ำข้อมูลที่ได้มาจัดกลุ่มข้อมูลและสร้างข้อสรุปจากการศึกษา วเิ คราะหข์ อ้ มลู เพอื่ อธบิ ายและขอ้ สรปุ ทงั้ หมด เพอ่ื หาค�ำตอบภายใตว้ ตั ถปุ ระสงคแ์ ละทฤษฎี และผลการวจิ ยั พบ

45 ว่า วัยรนุ่ กลุ่มให้ขอ้ มูลหลกั มีปญั หาขาดความรู้ความเข้าใจต่อการเลอื กตัง้ ในระบบใหม่ และแรงจงู ใจต่อการไป ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ในด้านการนับคะแนนเสียงเลือกต้ัง และในอีกหลาย ๆ ด้านในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ การเลือกตั้งและข้อเสนอแนะจากผู้ให้ข้อมูลหลักอยากให้หน่วยงานของรัฐ จัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ ในสถานศกึ ษาในการเลือกตั้งระบบใหม่ เพ่อื ส่งเสริมพฤติกรรมการไปใช้สทิ ธิเลือกต้ังครงั้ ต่อไปอกี ดว้ ย วารุณี ลีเลิศพันธ์ (2560) ได้ศึกษาเรื่อง การสร้างฐานคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ท�ำการศึกษาเฉพาะการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คร้ังท่ี 19 เดือนกันยายน พ.ศ. 2535 ถึง คร้ังท่ี 26 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษา (1) วธิ กี ารสร้างฐานคะแนนเสยี งของพรรคประชาธปิ ตั ย์ ในภาคใต้ (2) สาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์สามารถสร้างความนิยมในภาคใต้ และ (3) ผลของท้องถิ่นนิยมหรือ ภมู ภิ าคนยิ มทมี่ ตี อ่ ระบบการเมอื งไทยในการสรา้ งฐานคะแนนเสยี งของพรรคประชาธปิ ตั ยใ์ นภาคใต้ ท�ำการศกึ ษา ด้วยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร จากการท�ำงานภาคสนาม และจาก การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ตลอดจนใช้วิธีการสังเกตความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างท่ีก�ำหนด จ�ำแนกได้ 3 ส่วน ดังน้ี (1) กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ (2) ประธานสาขาพรรคประชาธปิ ัตย์หรือแกนน�ำในภาคใต้ (3) ผนู้ �ำชุมชนหรือประชาชน ในภาคใต้ ผลการวิจัย พบวา่ 1. วิธีการสร้างฐานคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ที่ส�ำคัญ คือ หลักการขายตรง โดยมีตัวแปรส�ำคัญ 3 ส่วน ดังน้ี (1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ (2) สาขา พรรคและแกนน�ำพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ และ (3) ผู้น�ำชุมชนและประชาชนในภาคใต้ ซ่ึงตัวแปรท้ัง 3 ส่วนท�ำงานประสานกันเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์กันในทุกมิติ โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแปร ส�ำคญั ในการลงพื้นท่พี บปะพีน่ อ้ งประชาชนโดยตรง เสมือนการน�ำเสนอขายสนิ ค้าตรงส่ปู ระชาชนในพื้นท่ี ด้วย การเปิดการขาย น�ำเสนอตัวผู้น�ำพรรค นโยบายพรรค และอุดมการณ์ของพรรค เพราะพรรคท่ีไม่มีทุนแบบ พรรคประชาธิปัตย์ต้องอาศัยตัวบุคคลเป็นจุดขาย ให้สาขาพรรคและแกนน�ำเป็นตัวแทนของพรรคในการ ประชาสมั พนั ธ์ ประสานงาน ตดิ ตอ่ กบั ผนู้ �ำชมุ ชนและประชาชนในพนื้ ท่ี เรยี กไดว้ า่ เปน็ การตดิ ตามดแู ลหลงั การขาย อกี ทง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สาขาพรรคและแกนน�ำในพนื้ ทร่ี ว่ มมอื กนั สรา้ งเครอื ขา่ ยหรอื แนวรว่ ม โดยการให ้ ผู้น�ำชุมชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคและสามารถร่วมกันจัดต้ังเครือข่าย เช่น สมาคมแม่บ้านประชาธิปัตย์ องค์กรเกษตรกร เป็นต้น การสร้างเครือข่ายลักษณะน้ีท�ำให้พรรคได้รับ ความนิยม ท�ำให้ฐานเสียงเป็นปึกแผ่นม่ันคงแข็งแรงมากขึ้น เพราะการมีคนอยู่ทุกกลุ่ม ทุกวัฒนธรรม ถือเป็น การสร้างฐานและขยายฐานเสียงที่ดี ตัวแปรท้ังสามท�ำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ท�ำให้สามารถรักษาฐาน คะแนนเสียงในภาคใตไ้ ด้ต่อเนอ่ื งและยาวนาน 2. สาเหตุท่ีท�ำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถสร้างความนิยมในภาคใต้ มีปัจจัยท่ีส�ำคัญ 2 ปัจจัย คือ (1) ภาวะผู้น�ำของนายชวน หลีกภัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรังเป็นหลักส�ำคัญ และเป็นธงน�ำ ในการสร้างฐานเสียง ท่านเป็นแบบอย่างผู้น�ำท่ีดี มีภาพความซื่อสัตย์สุจริต การพูดจานุ่มนวล การบริหารงาน

46 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้งั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร 2562 จังหวดั ชลบุรี โปร่งใส ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม มีจุดยืนชัดเจน อีกทั้งมีผู้น�ำรุ่นเก่าของพรรคท่ีได้รับความนิยมและความศรัทธา อาทเิ ชน่ นายสรุ นิ ทร์ พศิ สวุ รรณ อดตี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั นครศรธี รรมราช นายสมั พนั ธ์ ทองสมคั ร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้นท่านเหล่าน้ี เป็นแบบอยา่ งผู้น�ำทางการเมอื งท่ีดี รวมถงึ คนใตม้ อี ัตลกั ษณเ์ ฉพาะตน เป็นอีกปัจจัยส�ำคัญ (2) อัตลักษณ์เฉพาะตนของคนใต้ จ�ำแนกได้ 3 ข้อดังน้ี (1) อัตลักษณ์ทางสังคม ได้แก่ อุปนิสัยใจคอ วิธีคิดและวิธีท�ำ เช่น คนใต้รักตายาย คนใต้รักพวกมีวัฒนธรรมการผูกญาติผูกมิตร เป็นต้น (2) อตั ลักษณท์ างเศรษฐกิจ คนใตน้ ยิ มปลกู ยางพารา และท�ำประมงคลา้ ย ๆ กันตามสภาพพนื้ ที่ (3) อตั ลกั ษณ์ ทางการเมือง คนใต้มีแนวคิด แนวปฏิบัติ และมีความคิดเห็นทางการเมืองท่ีค่อนข้างถึงลูกถึงคน อีกทั้ง ชอบการเมืองมาก ดูได้จากการท่ีมีร้านน�้ำชาเป็นสภากาแฟไว้ถกการเมือง เป็นต้น การที่คนใต ้ มีความเข้าใจการเมืองลึกซ้ึงเพราะได้รับการซึมซับมาต้ังแต่เด็กจากครอบครัวและจากการแสดงหนังตะลุง มโนราห์ ถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองของคนใต้ รวมท้ังพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่คนใต้รัก และหวงแหนเสมอื นเปน็ สมบตั จิ นถกู มองวา่ เปน็ พรรคของคนใต้ เปรยี บเหมอื นมรดกทพี่ อ่ แมก่ อ่ นตายจะสง่ั เสยี ลูกหลานไว้ว่า “ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตยเ์ ทา่ น้นั ” 3. ผลของท้องถิ่นนิยมหรือภูมิภาคนิยมที่มีต่อระบบการเมืองไทย ในการสร้างฐานคะแนนเสียงของ พรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ท�ำให้ระบบการเมืองมีเสถียรภาพอีกทั้งคนใต้มีความสนใจการเมืองสูง ติดตาม ความเปน็ จรงิ ของเหตกุ ารณท์ างการเมอื งตลอดเวลา เปน็ ภาคทม่ี กี ารซอ้ื สทิ ธข์ิ ายเสยี งนอ้ ย คะแนนเสยี งทไี่ ดร้ บั ส่วนใหญ่เกิดจากการท�ำงานลงพ้ืนท่ีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสาขาพรรคแล้วพยายามรักษา ฐานคะแนนเสียงไว้จนกลายเปน็ ท้องถ่ินนิยมหรือภมู ิภาคนยิ ม จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างท่ีก�ำหนด พบว่า การใช้นโยบายการสร้างฐานคะแนนเสียงด้วย หลกั การขายตรงนนั้ อาจไมพ่ อ สง่ิ ทพ่ี รรคประชาธปิ ตั ยใ์ หค้ วามส�ำคญั เพม่ิ ขน้ึ คอื (1) การสอ่ื สารยคุ ใหมท่ เ่ี รยี กวา่ โซเชยี ลมเี ดยี เพอ่ื ก้าวทนั ยคุ ดจิ ทิ ลั โดยการน�ำมาปรบั ใชก้ บั การโฆษณาประชาสมั พนั ธข์ องพรรค เพอ่ื ใหส้ ามารถ รบั ฟงั และเขา้ ถงึ ประชาชนไดร้ วดเรว็ (2) นโยบาย แบง่ เปน็ 2 ระดบั คอื นโยบายระดบั ชาติ เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาและ พัฒนาประเทศในภาพรวมทั่วทุกภูมิภาค และนโยบายระดับพื้นท่ี เพ่ือที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชน ได้ทุกพืน้ ที่ และตอบสนองต่อความตอ้ งการของประชาชนได้อย่างทัว่ ถึงและเท่าเทียม ธรี ะพงค์ พลเกษตร (2556) ได้ศกึ ษาเร่ือง พฤตกิ รรมการออกเสียงเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ในกรุงเทพมหานคร: กรณีศึกษา การเลือกตั้งซ่อมเขตดอนเมือง วันท่ี 16 มิถุนายน 2556 การวิจัยคร้ังน ้ี มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ (1) ศกึ ษาพฤตกิ รรมการออกเสยี งเลอื กตงั้ ซอ่ มสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (2) ศกึ ษาการสอื่ สาร ทางการเมอื งทมี่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมการออกเสยี งเลอื กตง้ั ซอ่ มสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (3) ศกึ ษาปจั จยั สว่ นบคุ คล และการส่ือสารทางการเมือง ท่มี ีอิทธพิ ลต่อพฤติกรรมการออกเสียงเลอื กต้ังซ่อมสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร และ (4) เปรียบเทียบความคิดเห็นต่ออิทธิพลของการสื่อสารทางการเมืองท่ีมีผลต่อพฤติกรรมการออกเสียงเลือกต้ัง ซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ�ำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

47 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร วันท่ี 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 จ�ำนวน 400 คน และผู้สมัครรับเลือกต้ังซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ�ำนวน 10 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ ในการวจิ ยั สถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวจิ ยั คอื คา่ ความถ่ี คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน การทดสอบดว้ ยสถติ ิ ทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวเปรียบเทียบค่าเฉล่ียของกลุ่มตัวอย่าง โดยการทดสอบ ค่าเอฟ และคา่ สถติ ิไคสแควร์ ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 18-25 ปี มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 5,001-10,000 บาท และมีระยะเวลาท่ีอาศัยในเขต ดอนเมอื ง มากกว่า 15 ปีข้ึนไป 2. ประชาชน เหน็ วา่ การสอื่ สารทางการเมอื งมอี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมการออกเสยี งเลอื กตง้ั ซอ่ ม ส.ส. ในภาพรวม มคี า่ เฉลย่ี อยู่ในระดับปานกลาง โดยเห็นว่ามีอิทธิพลอย่ใู นระดับมาก คอื สอื่ บุคคล ส่วนส่ือส่งิ พมิ พ์ สอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ และสอ่ื เฉพาะกิจ อย่ใู นระดับปานกลาง 3. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไปทุกครั้งท่ีมีสิทธิไปใช้สิทธิเลือกต้ัง เน่ืองจากต้องการได้คนท่ีตน พอใจไปเป็นผู้แทน และไม่ไปใช้สิทธิฯ เนื่องจากไม่มีเวลา และ ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสมาชิก พรรคการเมอื ง 4. ประชาชนที่มีรายได้เฉล่ียเดือนต่างกัน มีความคิดเห็นต่อระดับอิทธิพลของการส่ือสารทาง การเมืองท่ีมผี ลตอ่ พฤติกรรมการออกเสยี งเลือกตงั้ ซอ่ ม ส.ส. แตกตา่ งกัน สว่ นเพศ อายุ ระดบั การศึกษา อาชพี และระยะเวลาทอ่ี าศยั ในเขตดอนเมืองไม่แตกต่างกนั 5. เพศ อายุ อาชีพ และระยะเวลาที่อาศัยในเขตดอนเมือง มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการออกเสียง เลอื กตั้งซอ่ ม ส.ส. ด้านการไปใชส้ ิทธิเลือกต้ังทอ้ งถิน่ 6. อายุ อาชีพ และระยะเวลาที่อาศัยในเขตดอนเมือง มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม การออกเสียง เลือกต้งั ซ่อม ส.ส. ดา้ นการไปใชส้ ิทธเิ ลอื กต้ังทอ้ งถิ่นครั้งล่าสุด 7. สอื่ สารทางการเมอื ง โดยรวม และดา้ นสอื่ สง่ิ พมิ พ์ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรม การออกเสยี งเลอื กตง้ั ซอ่ ม ส.ส. วนั ที่ 16 มิถุนายน 2556 ดา้ นการไปใชส้ ทิ ธเิ ลือกต้งั ท้องถ่ิน 8. สื่อสารทางการเมือง โดยรวม และรายด้าน ได้แก่ ด้านส่ือบุคคล ด้านสื่อส่ิงพิมพ์ ด้าน สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และดา้ นสอื่ เฉพาะกจิ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมการออกเสยี งเลอื กตง้ั ซอ่ ม ส.ส. ด้านการไปใชส้ ิทธเิ ลือกตัง้ ท้องถน่ิ ครงั้ ล่าสดุ

48 การศึกษาความเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งและพฤติกรรมการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวัดชลบรุ ี ณฐั ชยั ชนิ อรรถพร (2558) ศกึ ษาเรอ่ื ง การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งในการไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ระดบั ชาติ และระดบั ทอ้ งถิ่นไทย มีวัตถุประสงค์ 2 ประการคอื 1) เพือ่ ศกึ ษาระดับการมีสว่ นร่วมทางการเมอื งในการไปใช้ สทิ ธเิ ลอื กตง้ั ระดบั ชาตแิ ละระดบั ทอ้ งถน่ิ และ 2) เพอื่ เปรยี บเทยี บระดบั การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งในการไปใช ้ สิทธิเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น โดยการศึกษาในครั้งน้ีใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้การศึกษาจากข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) เป็นเครื่องมือส�ำคัญในการด�ำเนินการ ศกึ ษาวจิ ยั ผลการศกึ ษาพบว่า 1) การมีสว่ นร่วมทางการเมืองในการไปใชส้ ิทธิเลอื กตงั้ ระดับชาตมิ ีสดั ส่วนสูงขน้ึ เร่ือยๆ และต้ังแต่ปี พ.ศ. 2526 เป็นต้นมา ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งเกินกว่าร้อยละ 50 ท้ังส้ิน ในขณะท ี่ การไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ระดบั ทอ้ งถนิ่ โดยสว่ นใหญม่ สี ดั สว่ นสงู ขน้ึ เรอ่ื ยๆ ถงึ แมจ้ ะมรี อ้ ยละการไปใชส้ ทิ ธลิ ดลงบา้ ง แตก่ ารไปใชส้ ทิ ธสิ ว่ นใหญป่ ระชาชนไปใชส้ ทิ ธเิ กนิ กงึ่ หนง่ึ ของจ�ำนวนผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั และ 2) การมสี ว่ นรว่ มทาง การเมอื งในการไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ระดบั ชาตแิ ละระดบั ทอ้ งถนิ่ โดยสว่ นใหญม่ คี วามแตกตา่ งกนั โดยประชาชนไปใช ้ สิทธเิ ลือกต้งั ระดบั ชาตสิ งู กวา่ ระดบั ทอ้ งถ่นิ พันธุ์ทิพา อัครธีรนัย (2559) ได้ศึกษาเร่ือง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดนครนายก: ศกึ ษาในชว่ งเวลา พ.ศ. 2559 มีวัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่อื ศกึ ษาถงึ ปัจจยั ท่มี ีผล ตอ่ การตดั สนิ ใจในการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ในจงั หวดั นครนายก 2) เพอื่ ศกึ ษาถงึ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลของชาวจังหวัดนครนายกกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ในจงั หวดั นครนายก 3) เพอื่ ศกึ ษาพฤตกิ รรมการเปดิ รบั สอื่ ของชาว จงั หวดั นครนายก และ 4) เพอ่ื ศกึ ษาถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤตกิ รรมการเปดิ รบั สอื่ ของชาวจงั หวดั นครนายก กบั ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจในการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของชาวจงั หวดั นครนายก ใชแ้ บบสอบถาม เปน็ เครอ่ื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากประชาชนชาวจงั หวดั นครนายกจ�ำนวน 400 ตวั อยา่ ง ในการวเิ คราะห ์ ข้อมูลเชิงพรรณนา(Descriptive Statistics) บรรยายลักษณะเกี่ยวกับตัวแปรต่างๆ ค่าแจกแจงความถี่ (Frequency) คา่ รอ้ ยละ(percentage) คา่ เฉลย่ี (Mean) และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.) สถติ เิ ชงิ อนมุ าน ดว้ ยคา่ สถติ ิ t-test และ F-test และคา่ สมั ประสทิ ธสิ หสมั พนั ธแ์ บบเพยี รส์ นั ผลการศกึ ษาพบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 36-50 ปี จบการศึกษาระดับประถมศึกษา มีรายได ้ ต่อเดือนระหว่าง 10,001-15,000 บาท และประกอบอาชีพเกษตรกร พฤติกรรมการเปิดรับส่ือของประชาชน ชาวจงั หวดั นครนายก พบวา่ ภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ในสอื่ โทรทศั น์ ล�ำดบั ถดั มาสอื่ วทิ ยุ สอื่ หนงั สอื พมิ พ์ และ อนิ เทอรเ์ นต็ ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจในการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั นครนายก ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากในด้านคุณลักษณะของผู้สมัคร รองลงมา ด้านสื่อบุคคล ด้านพรรคการเมือง ด้านนโยบาย และด้านการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ผลพิสูจน์สมมติฐาน พบว่า อายุ และอาชีพของประชาชนชาวจังหวัดนครนายกมีความสัมพันธ์กับปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายก และ พฤติกรรมการเปิดรับสื่อของชาวจังหวัด นครนายกมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จงั หวดั นครนายก ในภาพรวมอย่รู ะดบั ปานกลาง

49 ลลิตพรรณ นกุ ลู วัฒนวิชยั (2559) ได้ศกึ ษาเร่ือง การตลาดทางการเมอื ง: ศึกษาเปรยี บเทยี บกลยทุ ธ์ การรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตง้ั ของพรรคประชาธปิ ตั ยแ์ ละพรรคเพอื่ ไทยในการเลอื กตง้ั ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร พ.ศ. 2556 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบค�ำถามงานวิจัย 2 ประการ ได้แก่ เปรียบเทียบกระบวนการใน การท�ำกลยุทธ์การรณรงคห์ าเสียงเลือกต้ังผ้วู า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ปี พ.ศ. 2556 ภายใต้แนวคดิ การตลาด ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยนั้นมีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างกันอย่างไร และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2556 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซ่ึงจะน�ำไปสู ่ กระบวนการในการท�ำกลยุทธ์การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ภายใต้แนวคิดการตลาดทางการเมืองของพรรค ประชาธปิ ัตย์และพรรคเพอ่ื ไทยอยา่ งไร งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมทางการเมืองและปัจจัยท่ีเก่ียวข้องกับ การรณรงค์หาเสียงเลือกต้ังและมีผลต่อกระบวนการท�ำกลยุทธ์การตลาดทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพ่ือไทย ผ่านการวิเคราะห์ภายใต้กรอบแนวคิดการตลาดทางการเมือง (Political Marketing) และการส่ือสารทางการเมือง (Political Communication) โดยกรอบในการศึกษาในงานวิจัยน้ีได้ใช้วิธีการ เกบ็ ข้อมูลจากการศกึ ษาและวเิ คราะหเ์ อกสารและการสมั ภาษณแ์ บบเจาะลึก จากผลการวจิ ยั พบวา่ พรรคประชาธปิ ตั ยแ์ ละพรรคเพอื่ ไทยไดน้ �ำแนวคดิ การตลาดทางการเมอื งมาใช ้ อย่างเต็มรูปแบบ แต่ใช้กระบวนการส่ือสารทางการเมืองที่แตกต่างกันออกไป เน่ืองจากการเปล่ียนแปลงทาง การเมอื งทเี่ กดิ ขน้ึ ในเหตกุ ารณค์ วามขดั แยง้ ทางการเมอื งทเ่ี กดิ ขน้ึ กอ่ นการเลอื กตง้ั ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ปี พ.ศ. 2556 และการเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี ท�ำให้พรรคประชาธิปัตย์เลือกท่ีจะน�ำสภาพแวดล้อมทาง การเมืองทเี่ ป็นผลกระทบเชิงลบมาเป็นกลยุทธก์ ารหาเสยี งเชิงลบ (Negative Campaign) โจมตพี รรคเพือ่ ไทย อยา่ งเตม็ รูปแบบโดยส่งสารท่ีมุ่งตรงถึงผ้ทู มี่ แี นวคิดและอุดมการณเ์ ดยี วกบั พรรคและผสมผสานกับกลยทุ ธด์ า้ น นโยบายเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั แทนทจ่ี ะใชน้ โยบายในการรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตง้ั เพยี งอยา่ งเดยี ว ซงึ่ เปน็ กลยทุ ธท์ อ่ี อกมา ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกต้ังเพียงไม่กี่วันและก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ท่ีมีต่อพรรคเพื่อไทย พรรค เพ่ือไทยซึ่งหลีกเล่ียงสภาพแวดล้อมที่เป็นผลกระทบเชิงลบต่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคจึงเลือกใช้ กลยุทธด์ ้านนโยบายเป็นจุดหลกั ในการดึงคะแนนเสยี งจากประชาชนแทน แพรวา ศรชี �ำนิ (2557) ไดศ้ กึ ษาเรอื่ ง ความลม้ เหลวของพรรคเพอื่ ไทยในการใชก้ ารตลาดทางการเมอื ง ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งท่ัวไปปี พ.ศ. 2554 ในกรุงเทพมหานคร วิทยานิพนธ์เล่มน้ีมีวัตถุประสงค ์ เพอ่ื ตอบค�ำถามงานวจิ ยั ไดแ้ ก่ เหตใุ ดพรรคเพอ่ื ไทยจงึ ไมป่ ระสบความส�ำเรจ็ ในการใชก้ ลยทุ ธก์ ารตลาดการเมอื ง ในการรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร ปี พ.ศ. 2554 ในพืน้ ที่กรงุ เทพมหานคร งานวิจัยน้ีเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ เพ่ือศึกษาและท�ำความเข้าใจบริบทสภาพแวดล้อมทางการเมือง และปัจจัยท่ีมีผลเกี่ยวข้องกับการรณรงค์หาเสียงเลือกต้ัง รวมถึงการน�ำกลยุทธ์การตลาดการเมืองมาใช้เป็น เคร่ืองมือในการรณรงค์หาเสียงเลือกต้ังในเขตกรุงเทพมหานครของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ผ่าน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook