Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเล่มซื่อตรง อปท.ร้อยเอ็ด ปี 58

รวมเล่มซื่อตรง อปท.ร้อยเอ็ด ปี 58

Description: รวมเล่มซื่อตรง อปท.ร้อยเอ็ด ปี 58

Search

Read the Text Version

รายงานวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ “การเสริมสร้างความซือตรงในองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ : กรณีศกึ ษา ชุมชนในองค์การบริหารส่วนตาํ บลเขวาทุ่ง เทศบาลตาํ บลปอภาร และเทศบาลตาํ บลโพนสูง จงั หวดั ร้อยเอด็ ” (Integrity Building in Local Administrative Organization: Communities in Khwaothung Sub-district Administrative Organization, Pophan Sub-district Municipality, and Phonsung Sub-district Municipality in Roi-Et Province) คณะผู้วจิ ยั ดร.ถวิลวดี บรุ ีกลุ นางสาวปัทมา สบู กําปัง นางสาวนิตยา โพธินอก นางสาวทวติ ิยา สนิ ธพุ งศ์ กันยายน Z[[\\ ในโครงการวจิ ัยและเสริมสร้างเครือข่ายความซือตรง สาํ นักวิจยั และพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.Z[[_ ~i~

คาํ นาํ หากกล่าวถึงปัญหาหนึ&งในสงั คมไทย การทุจริตถือเป็ นปัญหาหนึ&งท&ีสั&งสมในสังคมไทยมา อย่างยาวนาน การแก้ไขปัญหาที&ผ่านมามีความพยายามใช้หลายกลไกโดยเฉพาะอย่างย&ิงทาง กฎหมายซงึ& อาจพอรับมือกบั ปัญหาได้แตไ่ มส่ ามารถลงลกึ ไปถึงเหตแุ ห่งปัญหาได้ ความซ&ือตรงถือเป็ น แนวคดิ และพฤตกิ รรมหนง&ึ ท&ีควรปลกู ฝังให้เกิดขนึ 9 ในสงั คมไทยทกุ ระดบั เพ&ือให้คนในชมุ ชนและสงั คมมี วฒั นธรรมท&ียดึ มน&ั ในความถกู ต้องอนั เป็ นภมู คิ ้มุ กนั ที&ดแี ละป้ องกนั ปัญหาดงั กลา่ วในระยะยาวได้ สถาบนั พระปกเกล้า ได้ดําเนินงานวิจยั ที&เก&ียวข้องตอ่ ความซื&อตรง ในปี พ.ศ.<==>-<=== ใน โครงการศกึ ษาเพื&อเสริมสร้างความซ&ือตรงในสงั คมไทย: ปัญหา ตวั ชีว9 ดั และแนวทางการพฒั นา โดยมี วตั ถปุ ระสงค์เพื&อศกึ ษาความบกพร่องด้านความซื&อตรงในสงั คมไทย พฒั นายทุ ธศาสตร์ และเสนอแนว ทางการพัฒนาความซื&อตรงในสังคมไทย ต่อมาในปี พ.ศ.<==B - <==C สถาบันพระปกเกล้าได้ ดําเนินงานวิจยั เก&ียวกบั ความซ&ือตรงอย่างตอ่ เนื&องในโครงการการศึกษากระบวนการกล่อมเกลาทาง สงั คมและจัดทํายุทธศาสตร์ความซื&อตรงสู่การปฏิบตั ิ: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ&น เพ&ือ ศกึ ษามาตรการเสริมสร้างความซื&อตรงในสงั คมไทยและต่างประเทศที&ผ่านมา และพฒั นาแนวทาง เสริมสร้างความซ&ือตรงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ&น จนกระทง&ั ในการศกึ ษาครัง9 นี 9เป็ นการศกึ ษาการ เสริมสร้างความซ&ือตรงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ&น : กรณีศกึ ษาชมุ ชนในองค์การบริหารส่วนตําบล เขวาทุ่ง เทศบาลตําบลปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสูง จังหวัดร้ อยเอ็ด เพ&ือศึกษากระบวนการ เสริมสร้ างความซื&อตรงในชุมชนและช่องว่างในการเสริมสร้ างความซ&ือตรงของพืน9 ท&ีกรณีศึกษา ท&ี คณะผู้วิจยั หวงั ว่าอาจเป็ นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย ต่อการเรียนรู้ของชุมชนอื&นที&สนใจในการ ดําเนินกิจกรรมด้านความซื&อตรง อนั ช่วยสร้ างรากฐานวฒั นธรรมที&ดีป้ องกันปัญหาที&กระทบต่อการ พฒั นาประเทศได้ คณะผ้วู ิจยั ขอขอบคณุ ผ้บู ริหาร เจ้าหน้าท&ี และประชาชนพืน9 ท&ีองค์การบริหารส่วนตําบลเขวา ทุ่ง เทศบาลตําบลปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสงู จงั หวดั ร้อยเอ็ด ที&เล็งเห็นความสําคญั ของการ เสริมสร้างความซ&ือตรงให้เกิดขึน9 ในชมุ ชนและเข้าร่วมกิจกรรมในครัง9 นี 9 และขอขอบพระคณุ คณะที& ปรึกษา รองศาสตราจารย์ ดร.โกวทิ ย์ พวงงาม รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต และพลอากาศเอก วีรวิท คงศกั ดิ ที&ได้พิจารณาและให้ข้อเสนอแนะที&เป็ นประโยชน์ย&ิงต่อการพฒั นารายงานวิจยั นี 9หากมี ข้อบกพร่องและมีข้อคิดเห็นใดตอ่ รายงานฉบบั นี 9คณะผู้วิจยั ขอน้อมรับทกุ การเสนอแนะเพื&อพิจารณา ปรับปรุงในโอกาสตอ่ ไป ~ ii ~

บทคัดย่อ งานวิจัยฉบบั นี 9 มีวัตถุประสงค์เพ&ือศึกษากระบวนการเสริมสร้ างความซ&ือตรงและช่องว่างของการ เสริมสร้ างความซื&อตรงในพืน9 ท&ีกรณีศึกษา อันนําไปสู่การเสนอแนะแนวทางที&เหมาะสมต่อการ เสริมสร้างความซื&อตรงในพืน9 ที&องค์กรปกครองส่วนท้องถ&ิน G แหง่ ในจงั หวดั ร้อยเอ็ด วิธีการศกึ ษาเป็ น เชิงคณุ ภาพโดยรวบรวมข้อมูลด้วยการทบทวนเอกสารที&เกี&ยวข้อง จดั ทําแผนเชิงปฏิบตั ิการร่วมกับ ชมุ ชน และสมั ภาษณ์ จากการศกึ ษาพบวา่ พืน9 ที&ศกึ ษาทงั9 G แหง่ มีการทํากิจกรรมท&ีเก&ียวข้องกบั ความ ซ&ือตรงอย่บู ้างแล้วแต่ยงั ไม่มีความชดั เจนในการตงั9 เป้ าหมายและวิธีการดําเนินกิจกรรม ภายหลงั การ จัดทําแผนเชิงปฏิบัติการ ได้ทําให้ชุมชนมีการแต่งตัง9 คณะทํางาน มีการทํางานร่วมกับหน่วยงาน ภายนอก รู้สกึ วา่ กิจกรรมที&ทําอยมู่ ีคณุ คา่ อยา่ งไรก็ดี ยงั คงมีปัญหาบางประการ ได้แก่ ความเข้าใจที&ไม่ ถกู ต้องเกี&ยวกบั ความซื&อตรง การมีส่วนร่วม ความพร้อมของคนในชมุ ชน และการขาดผู้ประสานงาน หลกั เพ&ือให้การเสริมสร้ างความซ&ือตรงมีประสิทธิภาพมากขึน9 ในวงกว้าง รัฐบาลควรประกาศและ ผลกั ดนั วฒั นธรรมความซ&ือตรงผ่านส&ือทุกช่องทาง ควรมีการรวบรวมและพฒั นาเครื&องมือด้านความ ซ&ือตรง ฟื น9 ฟสู ถาบนั หลกั ในชมุ ชนอยา่ งครอบครัวและศาสนาให้ทําหน้าท&ีส่งเสริมและพฒั นาด้านความ ซื&อตรง สร้างสภาพแวดล้อมแหง่ ความซื&อตรง ประเมินและถอดบทเรียนกิจกรรมท&ีเกี&ยวกบั ความซ&ือตรง และปลกู ฝังความเป็นเจ้าของและความรับผดิ ชอบของคนในชมุ ชน คาํ สาํ คัญ: การเสริมสร้างความซื&อตรง ชมุ ชน องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ&ิน กิจกรรมด้านความซ&ือตรง ~ iii ~

Abstract The research objectives were to study integrity building process, find integrity building gaps, and propose appropriate measures for building community integrity in three Local Administrative Organizations in Roi-Et province. The research relied on qualitative methodology by exploring relevant literature, making an action plan with communities, and interviews. The results showed that the three areas have been conducting activities involved with integrity principles but it was not explicit. There was no goal setting and strategic ways to proceed with integrity-building activities. After making an action plan to build integrity in communities, all three areas nominated working groups, worked with outside networks and felt valued by their activities. However, various gaps along the integrity building process remain, such as misunderstanding the concept of integrity, low public participation, community member readiness, and lack of community coordinators. To be more effective in integrity building more widely, the government should declare and compel an integrity culture through all media. Integrity building tools should be collected and developed, key community institutions such as family and religion should be regenerated to support integrity diffusion and development, an integrity environment should be created, integrity activities should be evaluated and learned from, and ownership and responsibility should be cultivated among community members. Keywords: Integrity building, community, Local Administrative Organization, integrity activity ~ iv ~

สารบญั บทที& 1 บทนํา หน้า 1.1 หลกั การและเหตผุ ล 1 1.2 วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั 1 1.3 ขอบเขตการวจิ ยั 4 1.4 วธิ ีการศกึ ษาวิจยั 4 5 p.>.p การเก็บและรวบรวมข้อมลู พืน9 ฐาน 5 1.4.2 การวิเคราะห์ข้อมลู 6 1.4.3 การนําเสนอ 7 1.5 ประโยชน์ที&คาดวา่ จะได้รับ 7 1.6 ระยะเวลาดําเนินการ 7 1.7 งบประมาณ 7 1.8 นยิ ามศพั ท์ 7 บทท&ี < แนวคดิ และวรรณกรรมท&ีเกี&ยวข้อง 9 <.p ความซ&ือตรง: รากฐานการพฒั นาสงั คมประชาธิปไตย 9 <.< การเสริมสร้างความซ&ือตรง 16 <.<.p กรอบการเสริมสร้างความซ&ือตรงชมุ ชน 17 <.<.p.p การศกึ ษาบริบทแวดล้อม (Context sensitivity) 17 <.<.p.< การเรียนรู้ผา่ นการทํางานร่วมกนั (Joint learning) 18 <.<.p.G การรวบรวมข้อมลู ให้มีความชดั เจน (Evidence base) 19 <.<.p.> การมีสว่ นร่วมอยา่ งสร้างสรรค์เพ&ือชว่ ยกนั แก้ปัญหา (Constructive engagement to resolve identified problems) 20 <.<.p.= การแก้ไขและเรียนรู้จากปัญหา (Closing the loop) 20 <.<.< การเสริมสร้างความซื&อตรงชมุ ชนในประเทศไทย 21 <.G ความสําคญั ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ&ินตอ่ การเสริมสร้างความซ&ือตรงในชมุ ชน 26 <.> ปัญหาและอปุ สรรคด้านการเสริมสร้างความซ&ือตรงชมุ ชนในประเทศไทย 28 ~v~

สารบัญ (ต่อ) หน้า <.>.p การขาดความรู้ ความตระหนกั และการปฏิบตั ดิ ้านความซื&อตรง <z <.>.< การขาดประสทิ ธิภาพในการสง่ เสริมความซ&ือตรงของสถาบนั ตา่ ง ๆ ในชมุ ชน <z <.>.G กลไกท&ีเกี&ยวข้องไมเ่ อือ9 ให้เกิดความซื&อตรง Gp <.= ตวั อยา่ งกิจกรรมเพื&อเสริมสร้างความซื&อตรงในชมุ ชน G< <.=.p กิจกรรมด้านข้อมลู ขา่ วสาร G< <.=.< กิจกรรมด้านกฎระเบียบข้อบงั คบั G> <.=.G กิจกรรมด้านการสง่ เสริมการมีสว่ นร่วมของประชาชน GB <.=.> กิจกรรมด้านการปลกู จิตสํานกึ และปลกู ฝังคา่ นิยมความซื&อตรง G| <.B กรอบแนวคดิ ของการศกึ ษา: การพฒั นาชมุ ชนด้วยความซื&อตรง (Community Development Based on Integrity Lens) >• บทที& 3 ข้อมลู พืน9 ฐาน ผลการประชมุ เชิงปฏิบตั กิ าร และผลการติดตามการดําเนิน >= กิจกรรม >= G.p ข้อมลู พืน9 ฐานองค์กรปกครองสว่ นท้องถ&ินกรณีศกึ ษา G แหง่ >= >B G.p.p ข้อมลู พืน9 ฐานทว&ั ไปองค์การบริหารสว่ นตําบลเขวาทงุ่ (อบต.เขวาทงุ่ ) >| G.p.< แผนพฒั นาเพื&อเสริมสร้างความซ&ือตรงในชมุ ชน อบต.เขวาทงุ่ >| G.p.G เครือข่ายท&ีเก&ียวข้องในการเสริมสร้างความซื&อตรง อบต.เขวาทงุ่ >z G.p.> ข้อมลู พืน9 ฐานทว&ั ไปเทศบาลตาํ บลปอภาร (ทต.ปอภาร) =p G.p.= แผนพฒั นาเพื&อเสริมสร้างคามซ&ือตรงในชมุ ชน ทต.ปอภาร =p G.p.B เครือข่ายที&เก&ียวข้องในการเสริมสร้างความซ&ือตรง ทต.ปอภาร =< G.p.C ข้อมลู พืน9 ฐานทวั& ไปเทศบาลตาํ บลโพนสงู (ทต.โพนสงู ) =G G.p.| แผนพฒั นาเพ&ือเสริมสร้างความซ&ือตรงในชมุ ชน ทต.โพนสงู => G.p.z เครือข่ายที&เก&ียวข้องในการเสริมสร้างความซื&อตรง ทต.โพนสงู == G.< ผลการประชมุ เชงิ ปฏิบตั กิ ารเพื&อจดั ทําแผนเสริมสร้างความซื&อตรง G.<.p องค์การบริหารสว่ นตําบลเขวาทงุ่ ~ vi ~

สารบญั (ต่อ) หน้า 3.2.1.1 สถานการณ์ความไมซ่ ื&อตรงท&ีพบจากการระดมความคดิ เหน็ == 3.2.1.2 ความซ&ือตรงที&ต้องการให้เกิดขนึ 9 ในพืน9 ที& =B 3.2.1.3 แนวทางพฒั นาเพ&ือไปสคู่ วามซ&ือตรงในพืน9 ท&ี =B 3.2.1.4 แผนพฒั นาเพื&อเสริมสร้างความซื&อตรงแบบมีสว่ นร่วมชมุ ชน พืน9 ท&ีองค์การบริหารสว่ นตาํ บลเขวาทงุ่ =C 3.2.2เทศบาลตาํ บลปอภาร Bp 3.2.2.1 สถานการณ์ความไมซ่ &ือตรงท&ีพบจากการระดมความคดิ เหน็ Bp 3.2.2.2 ความซื&อตรงท&ีต้องการให้เกิดขนึ 9 ในพืน9 ที& Bp 3.2.2.3 แผนพฒั นาเพ&ือเสริมสร้างความซื&อตรงแบบมีสว่ นร่วมชมุ ชน พืน9 ท&ีเทศบาลตาํ บลปอภาร B< G.<.G เทศบาลตาํ บลโพนสงู BB G.<.G.p สถานการณ์ความไมซ่ ื&อตรงท&ีพบจากการระดมความคดิ เห็น BC G.<.G.< ความซ&ือตรงท&ีต้องการให้เกิดขนึ 9 ในพืน9 ที& BC 3.2.3.3 แนวทางพฒั นาเพื&อไปสคู่ วามซ&ือตรงในพืน9 ที& BC G.<.G.> แผนพฒั นาเพื&อเสริมสร้างความซื&อตรงแบบมีสว่ นร่วมชมุ ชน พืน9 ที&เทศบาลตาํ บลโพนสงู B| 3.3 ผลการตดิ ตามการดาํ เนินกิจกรรม Cp G.G.p องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลเขวาทงุ่ Cp 3.3.2 เทศบาลตาํ บลปอภาร C> 3.3.3 เทศบาลตาํ บลโพนสงู CB บทที& 4 ผลการศกึ ษาหลงั เสร็จสิน9 การดําเนนิ กิจกรรมเสริมสร้างความซื&อตรงและ |< การวิเคราะห์ผล >.p ผลการศกึ ษาการเสริมสร้างความซื&อตรงในองค์กรปกครองสว่ นท้องถ&ินในพืน9 ที& |< กรณีศกึ ษา |< >.p.p องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลเขวาทงุ่ ~ vii ~

สารบญั (ต่อ) หน้า >.p.< เทศบาลตาํ บลปอภาร |= >.p.G เทศบาลตาํ บลโพนสงู |z >.< วเิ คราะห์ผลการศกึ ษา z> 4.2.1 บริบทแวดล้อม z> 4.2.2 คณะทํางานและการกําหนดขอบเขตการเสริมสร้างเครือขา่ ยความซื&อตรง zB 4.2.3 การรวบรวม สะท้อนข้อมลู และเรียนรู้จากปัญหาร่วมกนั zC 4.2.4 การทบทวนเพ&ือสร้างความซ&ือตรงอยา่ งตอ่ เน&ือง zz บทที& = บทสรุปและข้อเสนอแนะ p•> =.p กระบวนการเสริมสร้างความซื&อตรงในชมุ ชนพืน9 ท&ีกรณีศกึ ษา p•= =.< ชอ่ งวา่ งของการเสริมสร้างความซื&อตรงในพืน9 ท&ีกรณีศกึ ษา p•| =.G ข้อเสนอแนะแนวทางเสริมสร้างความซ&ือตรงในชมุ ชน pp= บรรณานกุ รม ppC ภาคผนวก ก ข้อมลู ประกอบการบรรยายความซ&ือตรง p<p ภาคผนวก ข ภาพประกอบการจดั ทําแผนปฏิบตั กิ าร p=• ~ viii ~

สารบัญตาราง หน้า ตารางที& <.p สรุปบทบาทขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ&นภายใต้วิสยั ทศั น์ใหม่ ของการบริหารปกครองท้องถิ&น <C ตารางที& 3.1 แผนปฏิบตั กิ ารเพ&ือเสริมสร้างความซ&ือตรงแบบมีสว่ นร่วมในชมุ ชนพืน9 ที& องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลเขาทงุ่ =| ตารางท&ี 3.2 แผนปฏิบตั กิ ารเพื&อเสริมสร้างความซื&อตรงแบบมีสว่ นร่วมในชมุ ชนพืน9 ที& เทศบาลตําบลปอภาร BG ตารางที& 3.3 แผนปฏิบตั กิ ารเพ&ือเสริมสร้างความซ&ือตรงแบบมีสว่ นร่วมในชมุ ชนพืน9 ที& เทศบาลตําบลโพนสงู Bz ตารางที& 5.1 ผลผลติ และแผนการเสริมสร้างความซ&ือตรงจากการระดมความคดิ เห็นของพืน9 ท&ี กรณีศกึ ษา p•= ตารางท&ี 5.2 สรุปข้อมลู พืน9 ฐานชมุ ชนในพืน9 ท&ีองค์การบริหารสว่ นตําบลเขวาทงุ่ เทศบาลตาํ บล ปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสงู p•| ~ ix ~

สารบัญภาพ หน้า ภาพท&ี 2.1 การเสริมสร้างความซ&ือตรงในชมุ ชน (Community Integrity Building) <p ภาพที& 2.2 กรอบแนวคดิ ของการศกึ ษา: การพฒั นาชมุ ชนโดยมีความซื&อตรงเป็นฐาน >< (Community Development Based on Integrity Lens: CDBIL) ~x~

บทที บทนํา 1.1 หลักการและเหตผุ ล หากกลา่ วถงึ ปัญหาสาํ คญั อย่างหนึงในประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าปัญหาการทจุ ริตเป็ นปัญหาหนงึ ที หยังรากลกึ ในสงั คมไทย สาเหตหุ นึงเป็ นเพราะเรายงั ขาดวัฒนธรรมของความซือตรงในทกุ ระดบั ตงั. แต่ระดบั บคุ คลทียงั ขาดความรู้ความเข้าใจและการปฏิบตั ใิ ห้เกิดความซือตรง สว่ นสถาบนั ทีเคยเป็ นหลกั ในสงั คมอยา่ ง ครอบครัว สถาบันทางศาสนา หรือสถาบันการศึกษาก็ไม่สามารถปลูกฝังและกล่อมเกลาให้คนในสงั คมมี วัฒนธรรมทีซือตรง ขณะเดียวกันกลไกทีเกียวข้องอย่างระบบพัฒนาแบบอยา่ งด้านความซือตรง การพัฒนา ความร่วมมือจากทกุ ภาคสว่ น การบงั คบั ใช้ระเบียบและกฎหมาย หรือสือมวลชน ต่างไม่ได้ถกู ผลกั ดนั ให้หนนุ เสริมพฤติกรรมทมี ีความซอื ตรง ทําให้เกิดเป็ นปัญหาทกี ระทบไปถึงภาพรวมของการพฒั นาประเทศ งานวิจยั ชิน. นีม. ่งุ ศึกษาถึงความซือตรง (Integrity) เพราะเป็ นความดีทีถึงพร้อมและมีลกั ษณะส่งเสริม ต่อค่านิยมประชาธิปไตย โดยเน้นศกึ ษาการเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนเพราะชมุ ชนนนั . อาจกลา่ วได้ว่าเป็ น พืน. ทีทีมีความหลากหลายของสมาชิก สภาพแวดล้อม และมีการเปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลาทัง. จากภายใน ชมุ ชนเองและหน่วยงานภายนอกต่าง ๆ ทีเข้ามา ทัง. นี . การเสริมสร้ างความซือตรงในชมุ ชนไม่ใช่เพียงชมุ ชน ขับเคลือนเท่านัน. หากแต่หน่วยงานอืนทีเกียวข้องก็สามารถเข้าไปส่งเสริม ขับเคลือน และร่วมกิจกรรมกับ ชมุ ชนเพือให้เกิดการบูรณาการระบบ กลไก และกระบวนการทีหนนุ ให้เกิดวัฒนธรรมความซือตรงอนั นําไปสู่ การพฒั นาประชาธิปไตยทีแท้จริงให้สอดคล้องกบั ระดบั ประเทศด้วย ความสําคัญของความซือตรงทีเป็ นเหตุแห่งการศึกษานี . เพราะหากพิจารณาความหมายและ ปลายทางของความซือตรงแล้ว เพราะความซือตรงนนั . เป็ นคณุ ค่าทีสาํ คญั ของการสร้างธรรมาภิบาลโดยทําให้ เกิดความเชือถือและศรัทธา ความซือตรงมีความหมายทีสอดคล้องกับภาษาองั กฤษว่า “Integrity” ซึงมีราก ศพั ท์จากภาษาละตินทีแปลว่า “Wholeness” หมายถึงความเป็ นจํานวนเต็ม ความครบถ้วนสมบูรณ์ (ธานินทร์ กรัยวิเชียร, 2551; วีรวทิ คงศกั ดR,ิ 2553 อ้างใน สถาบนั พระปกเกล้า, 2555, น.UV) ลกั ษณะความครบถ้วน สมบูรณ์นีอ. าจอธิบายให้เหน็ ขอบเขตทีชัดเจนได้ว่า ความซือตรงไม่เพียงแต่เป็ นแนวคิดหรือพฤติกรรมทีระดบั บคุ คล แต่ยงั รวมไปถงึ ความซอื ตรงตอ่ บุคคลอืนและประเทศชาติ ขอบเขตของความซือตรงอาจเริมได้จากตนเอง คือ ความรู้ผิดชอบชวั ดี ซือสตั ย์ต่อตนเองแม้ไม่มีใครรู้ เห็น ไม่หลอกลวงหรือแก้ตวั ให้กับตนเองเมือกระทําสิงทีผิดหรือไม่สมควร ทีระดบั บุคคลนี . ยงั รวมไปถึงความ ~1~

ซือตรงต่อเวลา ได้แก่ การทําการต่าง ๆ ได้ตามเวลาทีกําหนดไว้ เช่น การไปพบผ้อู ืนตามเวลาทีได้นดั หมายไว้ และการทํางานได้ตามกําหนดเวลาทีวางไว้ ถือเป็ นการช่วยทําเห็นความสําคัญในเวลา บริหารเวลาในการ ทํางานได้ และไม่เบียดเบียนเวลาผ้อู ืน จดุ เริมต้นของความซือตรงทีเริมจากซือตรงต่อตนเองนี .ยงั พฒั นาตอ่ ไป ถงึ ความซอื ตรงตอ่ บคุ คลอนื สงั คม และประเทศชาติ คือการมีพฤตกิ รรมทีถกู ต้อง ไม่สร้างผลกระทบทางลบตอ่ บุคคลอืนและสงั คมโดยรวม เช่น มีความจริงใจ สามัคคี ไม่คิดร้ายต่อกนั ฯลฯ ทําให้เกิดความไว้วางใจกนั และ เกิดการยอมรับซึงกันและกัน นอกจากนี . ในพืน. ทีของการทํางานในชีวิตประจําวัน ความซือตรงก็สามารถ นําไปใช้ต่อหน้าทีการงานทีรับผิดชอบได้เช่นกนั โดยการมีความตงั . ใจทํางานในหน้าทีรับผิดชอบของตนอย่าง เต็มความสามารถ ไม่ปล่อยงานคงั ค้าง ไม่ละทิง. หน้าทีรับผิดชอบ ไม่ทจุ ริตในหน้าทีการงาน เป็ นต้น (มติชน, XYYX; พระภาวนาวิสทุ ธิคณุ , XYZV; ธญั ญา สนิทวงศ์ ณ อยธุ ยา, XYZV; วีรวิท คงศกั ดR;ิ XYY[ อ้างในสถาบนั พระปกเกล้า, XYYY, หน้า X[-XV) จากขอบเขตและความสําคัญของความซือตรง เพือทําให้เห็นได้ถึงความสมบูรณ์พร้ อมและความ ครบถ้วนตามความหมายทีลกึ ซงึ . ของคําว่าซอื ตรง แสดงให้เห็นว่าคนทีมีความซือตรงนนั . มีองค์ประกอบใดบ้าง ขณะทีในสถานการณ์ความซือตรงของสงั คมไทยนัน. กลบั พบ “ความบกพร่อง” ของสงั คมไทยทีสวนทางกับ ความซอื ตรงดงั กลา่ วเป็ นอย่างมาก ซงึ พบได้ตงั . แตใ่ นเชิงโครงสร้างหรือเชิงสถาบนั อยา่ งสถาบนั ครอบครัวทีขาด แบบอย่างและการกล่อมเกลาทีดี สถาบันการศึกษามีการปลูกฝังทีไม่เหมาะสม ขาดการพัฒนาความรู้คู่ คณุ ธรรม และขาดแบบอย่างทีดี สว่ นสถาบนั ศาสนาก็ขาดการเชือมโยงเข้ากับครอบครัวและการศึกษาทําให้ ขาดหลกั ปฏิบัติทีเกียวกับความซือตรงในชีวิตประจําวนั ภาคธรุ กิจนนั . ก็ไม่ได้มีบทบาทในการเสริมสร้างความ ซือตรงเท่าทีควร ขณะทีสือมวลชนก็ไม่นําเสนอยกย่องคนดีมากนักและไม่มีบทบาทในการให้ข้อมลู ด้านความ ซอื ตรง เมือพิจารณาถึงระบบและกระบวนการต่าง ๆ ก็พบว่าขาดการบูรณาการกลไกทีมีอยู่เข้าด้วยกนั ขาด บคุ ลากรทีมีศกั ยภาพในการเสริมสร้างความซอื ตรง รวมทงั. ขาดการยกยอ่ งและลงโทษทีเหมาะสม และระบบ จรรยาบรรณและวิชาชีพไม่เข้มแข็ง (สถาบันพระปกกล้า, 2555, น.UX]) ซงึ ผลรวมของสภาพปัญหาความ ซือตรงทีเกิดจากโครงสร้ าง สถาบนั ระบบ และกระบวนการดงั กลา่ ว ทําให้ไม่เกิดการสร้ างคนทีมีความซือตรง หรือหากคนมีความซอื ตรงก็จะไม่ได้รับการเชดิ ชู คนในสงั คมจงึ ไม่มองเห็นประโยชน์ของความซือตรงและไม่ให้ คณุ ค่ากับความซือตรง จึงกลายเป็ นสงั คมทีบกพร่องด้านความซือตรงไปในทีสดุ ดังนัน. แนวทางเสริมสร้ าง ความซอื ตรงทีเหมาะสมจะต้องมีการบรู ณาการระบบโครงสร้างทงั. หมดให้ไปในทิศทางทีเสริมสร้างความซือตรง ซงึ ต้องใช้กระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมอย่างตอ่ เนือง สําหรับการเสริมสร้ างความซือตรงให้เกิดขึน. ได้จริงในทางปฏิบตั ิของหลายประเทศ ได้มีการพยายาม ทํากิจกรรมต่าง ๆ ทัง. ระดับประเทศและระดับท้องถิน เช่น ประเทศอินเดียทีได้มีการผลักดนั กิจกรรมคลินิก ~2~

ข้อมลู ขา่ วสาร ประเทศอนิ โดนีเซียมีการผลกั ดนั E-Government หรือประเทศไทยทีองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน บางแห่งได้เปิ ดโอกาสให้ประชาชนเป็ นส่วนหนึงของคณะกรรมการจัดซือ. จดั จ้าง เป็ นต้น ซึงถือได้ว่าความ พยายามผลกั ดนั กิจกรรมด้านความซอื ตรงเหลา่ นนั . ล้วนเป็ นตวั อย่างทีดีในการนําไปประยกุ ต์ใช้ให้เหมาะสมกบั แต่ละพืน. ทีได้ อย่างไรก็ดี การเรียนรู้จากการปฏิบัติทีดีอาจไม่เพียงพอทีจะเสริมสร้างความซือตรงทีปฏิบัติได้ จริงอย่างยังยืนได้ หากขาดแนวทางการเสริมสร้ างทีเป็ นระบบ สอดคล้องกับบริบทพืน. ที และก่อให้เกิดการมี ส่วนร่วมระหว่างทกุ ภาคส่วน ในประเทศไทยเองก็มีความพยายามขบั เคลือนความซือตรงให้เป็ นจริงได้โดย หลายองค์กร ซึงส่วนใหญ่การขบั เคลือนจะมีการศกึ ษาบริบทแวดล้อม มีการทํางานร่วมกนั กบั เครือข่าย มีการ รวบรวมข้อมลู ของการขบั เคลือนความซอื ตรง การทบทวนและเรียนรู้จากปัญหา แล้วเผยแพร่สสู่ าธารณะ สํานกั วิจยั และพฒั นา สถาบนั พระปกเกล้า ในฐานะเป็ นสถาบนั หนึงทีมีการศกึ ษาทีเกียวข้องกบั ความ ซือตรง โดยได้มีการสํารวจความคิดเห็นและค่านิยมเกียวกับการทจุ ริตในสงั คมไทย การศึกษากระบวนการ กลอ่ มเกลาทางสงั คมอันนําไปส่กู ารพัฒนาเป็ นยุทธศาสตร์ด้านความซือตรง ตามมาด้วยการศึกษาแนวทาง และยุทธศาสตร์การเสริมสร้ างความซือตรงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิน ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของ สถานการณ์ปัญหาด้านความซอื ตรงในสงั คมไทยดงั กลา่ วซงึ อาจเริมต้นได้ในระดบั ชมุ ชน โดยจดั ทํากรอบ ”การ พฒั นาชมุ ชนโดยมีความซือตรงเป็ นฐาน (Community Development Based on Integrity Lens: CDBIL)” ซงึ พฒั นาขึน. จากแนวทางเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนทีหน่วยงานระหว่างประเทศอย่าง Integrity Action (XnUZ) จดั ทําขึน. เนืองจากเป็ นกรอบแนวทางการเสริมสร้างความซือตรงทีได้นําไปใช้ขบั เคลือนจริงในระดบั ชมุ ชนในหลายประเทศ สําหรับพืน. ทีกรณีศึกษาครัง. นี . คณะผู้ศึกษาได้เลือกจังหวดั ร้ อยเอ็ด เพราะเป็ นจังหวัดทีมีเครือข่ายที หลากหลายและเข้มแข็ง ซึงให้ความร่วมมือและเห็นความสําคัญของการเสริมสร้ างความซือตรงในชมุ ชน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ในพืน. ทศี กึ ษาอย่างองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน [ แหง่ ได้แก่ องค์การบริหารสว่ นตําบลเขวา ท่งุ เทศบาลตําบลปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสงู ทีผู้บริหารองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน ยินดีทีจะเข้าร่วม โครงการเพือเสริมสร้างความซือตรงในชุมชนให้เกิดขึน. ได้จริง จงึ ถือเป็ นพืน. ทีนําร่องในการพัฒนารูปแบบการ เสริมสร้ างความซือตรงอันเกิดจากความคิดเห็นของคนในชุมชนเอง โดยมีภาคส่วนทีเกียวข้องเป็ นเพียง ผ้สู นับสนนุ นอกจากนี .พืน. ทีองค์กรปกครองสว่ นท้องถินทัง. [ แห่งยงั มีความโดดเด่นในเรืองของการเสริมสร้าง ความซือตรง องค์การบริหารส่วนตําบลเขวาทุ่ง มีเครือข่ายคนในชมุ ชนทีเข้มแข็งโดยเฉพาะอย่างยิงผ้นู ําทาง ศาสนาทีชว่ ยทําให้เกิดกิจกรรมทางศาสนาเป็ นส่วนใหญ่ เทศบาลตําบลปอภารมีความพยายามประเมินความ พึงพอใจของประชาชนทียึดโยงกบั ผลงานของบุคลากรและองค์กร ส่วนเทศบาลตําบลโพนสงู มีความโดดเด่น ของการพยายามดงึ การมีส่วนร่วมของประชาชนเข้ามาเป็ นสว่ นหนึงของคณะกรรมการตรวจรับงานโครงการที เกียวกบั สงิ ปลกู สร้างในพืน. ที ~3~

ในการนี .ด้วยบทบาททางวิชาการและการเสริมสร้างความซือตรงของสถาบนั พระปกเกล้าทีมีมาอย่าง ต่อเนือง ประกอบกับสภาพปัญหาด้านความซือตรงในสังคมไทยดังกล่าวมาข้างต้น จึงเกิดการศึกษาเพือ เสริมสร้างความซือตรงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิน กรณีศึกษาชมุ ชนในองค์การบริหารส่วนตําบลเขวาทุ่ง เทสบาลตําบลปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสูง จังหวัดร้ อยเอ็ด ภายใต้กรอบการศึกษาทีคณะผู้วิจัย พฒั นาขึน. อันนําไปส่กู ารเสริมสร้ างความซือตรงทีเหมาะสมกับพืน. ทีกรณีศึกษา และเป็ นเครืองมือไปสู่การ ขยายเครือขา่ ยเพือเสริมสร้างความซอื ตรงให้เกิดขนึ . ในวงกว้าง 1.2 วตั ถุประสงค์การวจิ ยั 1) เพือศกึ ษากระบวนการเสริมสร้างความซอื ตรงในชมุ ชนพืน. ทีกรณีศกึ ษา 2) เพือศกึ ษาช่องว่างของการเสริมสร้างความซือตรงในพืน. ทีกรณีศึกษาตามกรอบการพฒั นาชุมชน โดยมีความซือตรงเป็ นฐาน (Community Development Based on Integrity Lens: CDBIL) 3) เพือศึกษาแนวทางเสริมสร้ างความซือตรงในชุมชนทีสอดคล้องกับบทบาทของภาคส่วนที เกียวข้องและส่งเสริมตอ่ วฒั นธรรมประชาธิปไตย 1.3 ขอบเขตการวจิ ยั การศกึ ษาครัง. นี .เป็ นการศกึ ษากระบวนการเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนโดยยดึ เขตองค์กรปกครอง ส่วนท้องถินในจังหวัดร้ อยเอ็ดเป็ นหน่วยการศึกษา จํานวน [ แห่ง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตําบลเขวาทุ่ง เทศบาลตําบลปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสงู เนืองจากพืน. ทีจงั หวดั ร้อยเอ็ดมีเครือข่ายการขบั เคลือนทีเข้ม แข็ม โดยเฉพาะอย่างยิงองค์กรปกครองสว่ นท้องถินทงั . [ แห่งเป็ นเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถินทีสนใจ ร่วมโครงการกบั สถาบนั พระปกเกล้าเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชน โดยศกึ ษาการเสริมสร้างความซอื ตรงของ ชุมชนทีตัง. อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิน ในทุกกิจกรรมทีหน่วยงานทีเกียวข้องหรือองค์กรปกครองส่วน ท้องถินดําเนินโครงการทีมีความเกียวข้องกบั ความซอื ตรงตามช่วงแผนพัฒนาท้องถิน [ ปี ล่าสดุ (แผนพฒั นา สามปี พ.ศ.XYYY-XYYV) และตามแผนพัฒนาทีอยู่ระหว่างดําเนินการเท่าทีมีข้อมูลศึกษาได้ ซึงช่วงเวลา ดงั กลา่ วมีความสอดคล้องกบั การเริมแผนพฒั นาความซอื ตรงแหง่ ชาติ พ.ศ. XYYY – XYYr โดยใช้กรอบการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมลู ”การพัฒนาชมุ ชนโดยมีความซือตรงเป็ นฐาน (Community Development Based on Integrity Lens: CDBIL)” ซงึ เป็ นกรอบทีคณะผ้วู ิจยั พฒั นาขึน. แบ่งเป็ น Z ขนั. ตอนหลกั ได้แก่ U) การศึกษา ~4~

บริบทแวดล้อม X) การตงั. คณะทํางานและกําหนดขอบเขตการเสริมสร้างความซือตรง [) การรวบรวม สะท้อน ข้อมลู และเรียนรู้จากปัญหาร่วมกนั และ Z) การทบทวนเพือเสริมสร้างความซือตรงอย่างต่อเนือง 1.4 วธิ ีการศึกษาวจิ ยั การศกึ ษาครัง. นีเ. ป็ นการศกึ ษาเชิงคณุ ภาพจากกรณีศึกษา (Case study) โดยวัตถปุ ระสงค์หลกั ของ การศกึ ษานี .เพือศกึ ษากระบวนการเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนทีเป็ นกรณีศกึ ษาซงึ จะเป็ นประโยชน์ตอ่ การ ถอดประสบการณ์เรียนรู้ไปยงั ชมุ ชนอืน โดยขอบเขตและวิธีการศกึ ษาดงั นี . .*. การเกบ็ และรวบรวมข้อมูลพืน1 ฐาน 1) ข้อมูลและวิธีการจัดเก็บข้อมูล เป็ นการศึกษาจากเอกสาร เว็บไซต์เพือเป็ นข้อมูลพืน. ฐาน สภาพแวดล้อมของชมุ ชน โครงการในช่วงแผนพัฒนา [ ปี ล่าสดุ ของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิน และมี การศึกษาจากรายงานผลการจดั กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการเสริมสร้างความซือตรงของพืน. ทีกรณีศกึ ษาทงั . [ แหง่ 2) จดั เวทีประชมุ ระดมความคิดเห็นและจดั ทําแผนปฏิบัติการแบบมีสว่ นร่วมเพือจดั ทําแผนด้าน เสริมสร้างความซือตรงระหว่างผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสียทีเกียวข้องในชมุ ชน ซงึ เป็ นการดําเนินการเพือให้มีการจดั ตงั . คณะทํางาน กําหนดโครงการหรือขอบเขตทีจะเสริมสร้างความซอื ตรง และกําหนดตวั ชีว. ดั ความสาํ เร็จ 3) การตดิ ตามผลการรวบรวมข้อมลู การสะท้อนข้อมูล และการเรียนรู้ปัญหาร่วมกนั ของชุมชน เป็ นการสังเกตการณ์ สมั ภาษณ์ผู้ทีเกียวข้อง การจัดกิจกรรมด้านการเสริมสร้ างความซือตรงของชุมชนใน องค์กรปกครองสว่ นท้องถินทีเข้าร่วมโครงการ 4) รวบรวมข้อมูลการทบทวนเพือเสริมสร้ างความซือตรงอย่างต่อเนืองของชุมชน เป็ นการ สมั ภาษณ์ผ้บู ริหาร เจ้าหน้าทีในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน และผ้นู ําชมุ ชน โดยมีประเดน็ สมั ภาษณ์ดงั ตอ่ ไปนี . ~5~

ผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสยี ในการขบั เคลือนความซือตรง - การจดั ทําและดําเนินโครงการเกียวกับความซือตรงในชมุ ชน มีใคร/หน่วยงานใดเข้ามาอยใู่ น กระบวนการบ้าง ใช้กระบวนการแบบใดเพือให้ได้แผนและโครงการ เมือได้ข้อเสนอโครงการแล้วมีปัจจัยใด พิจารณาเพือคดั เลอื กโครงการทีจะดําเนินการในแต่ละปี งบประมาณ - ในการดาํ เนินโครงการของชมุ ชน มีคณะทาํ งานหรือกลมุ่ ทํางานอะไรบ้างทงั . ทีเป็ นทางการและ ไม่เป็นทางการ ทีเข้ามาทํางานร่วมและติดตามการทํางานในโครงการต่าง ๆ ถ้ามี คณะทํางานหรือกลมุ่ ทํางาน เหลา่ นีม. ีคณุ สมบตั อิ ย่างไร หรือมีการพฒั นาอะไรให้กบั คณะทํางานเหลา่ นี . กลไกการขบั เคลอื นความซือตรงทีดําเนินการอยู่ - หากมีคณะทํางานหรือกลมุ่ ติดตามการทํางานกิจกรรมหรือโครงการทีเกียวกับความซือตรง คณะทํางานนนั . มีการสาํ รวจ รวบรวมข้อมลู ขยายผล และสอื สารอะไร เกียวกบั กิจกรรมความซือตรงทีทําอย่ไู ป ยงั ชมุ ชน และทําอย่างไรบ้าง ปัญหาและอปุ สรรคตอ่ การเสริมสร้างความซือตรง - โครงการทีดําเนินการอยู่นี . มีความครอบคลุมและเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาด้านความ ซือตรงของพืน. ทีหรือไม่ มีปัญหาใดทีทําให้เกิดความไม่ซือตรง และได้มีคณะทํางานทีมาจากหลายภาคส่วน ร่วมกนั ค้นหาปัญหาเหลา่ นีห. รือไม่ แนวทางขบั เคลือนความซอื ตรงตอ่ ไป - ข้อเสนอแนะต่อการเสริมสร้ างความซือตรงในพืน. ที ชุมชนควรมีเป้ าหมายอะไรและอย่างไร เพือเสริมสร้ างความซือตรง ควรมีใครหรือหน่วยงานใดมาเกียวข้องบ้าง และจะมีอะไรเป็ นตวั ชีว. ัดว่าพืน. ทีนัน. ประสบความสาํ เร็จในการเสริมสร้างความซอื ตรงในพืน. ที 1.4.2 การวเิ คราะห์ข้อมูล เป็ นการนําข้อมลู ทีได้ทัง. หมดของแตล่ ะหน่วยท้องถินทีศกึ ษามาวิเคราะห์เนือ. หาตามกรอบการพฒั นา ชมุ ชนโดยมีความซอื ตรงเป็ นฐาน (Community Development Based on Integrity Lens: CDBIL) แล้วนํามา ~6~

เปรียบเทียบกระบวนการสร้ างความซือตรงในชุมชน รวมทัง. วิเคราะห์ความเหมาะสมของกรอบแนวทาง ดงั กลา่ ว 1.4.3 การนําเสนอ เป็ นการนําเสนอเปรียบเทียบโดยใช้ตารางแสดงให้เห็นลักษณะพืน. ฐานของแต่ละชุมชน ปัจจัย ความสาํ เร็จ และแนวทางพฒั นาตอ่ ไปของแตล่ ะพืน. ทีกรณีศกึ ษา 1.5 ประโยชน์ทคี าดว่าจะได้รับ 1) เกิดต้นแบบชมุ ชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถินต้นแบบด้านการเสริมสร้างความซือตรงอนั นําไปสกู่ ารขยายผลไปยงั ชมุ ชนและองค์กรปกครองสว่ นท้องถินอืนๆ 2) เกิดการพฒั นารูปแบบ กิจกรรม หรือแนวคิดใหม่เพือเสริมสร้างความซือตรงให้เกิดขึน. จริงใน สงั คมไทย 3) เกิดจดุ เริมต้นและการเห็นความสําคญั ของการเสริมสร้างความซอื ตรงในฐานะทีความซือตรง เป็ นรากฐานการพฒั นาวฒั นธรรมแบบประชาธิปไตย 1.6 ระยะเวลาดาํ เนินการ มกราคม XYYv – กนั ยายน XYYr 1.7 งบประมาณ จากโครงการวิจัยและเสริมสร้ างเครือข่ายความซือตรง สถาบันพระปกเกล้ า ปี งบประมาณ XYYv 1.8 นิยามศัพท์ 1) ความซือตรง หมายถึง การประพฤติตรง ไม่เอนเอียง ไร้เล่ห์เหลียม ไม่คดโกง ซือสตั ย์สจุ ริต ตรงไปตรงมา ปฏิบตั ิตนสมําเสมอทงั. ตอ่ หน้าและลบั หลงั การยึดมนั ในสงิ ทีถกู ต้องชอบธรรม 2) ชุมชน หมายถึง กลุ่มคนทีรวมตัวกันอยู่ในสังคมแห่งหนึง มีการทํากิจกรรมร่วมกัน ทัง. ใน รูปแบบทีเป็ นทางการและไม่เป็ นทางการ โดยชมุ ชนมีทีตงั . ตามเขตปกครองหน่วยทีเลก็ ทีสดุ คือองค์กรปกครอง ~7~

ส่วนท้องถิน และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ทีองค์กรปกครองส่วนท้องถินและหน่วยงานอืนให้การส่งเสริม ชุมชนในทีนีย. ังหมายรวมถึงชุมชนอันมีทีตัง. อยู่ในเขตพืน. ทีขององค์กรปกครองส่วนท้องถินทัง. [ แห่งใน กรณีศกึ ษาครัง. นี . 3) องค์กรปกครองส่วนท้องถิน หมายถึง หน่วยการศึกษาเพือเสริมสร้ างความซือตรงในชุมชน สําหรับการวิจยั ครัง. นี . โดยเป็ นพืน. ทีองค์กรปกครองส่วนท้องถินทีสนใจเข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ องค์การบริหาร สว่ นตําบลเขวาทงุ่ เทศบาลตําบลปอภาร และเทศบาลตําบลโพนสงู จงั หวดั ร้อยเอ็ด ซงึ ในแต่ละองค์กรปกครอง สว่ นท้องถนิ ประกอบด้วยชมุ ชนทีเข้ามามีสว่ นเกียวข้องในกิจกรรมหรือโครงการเสริมสร้างความซือตรง 4) กิจกรรม/โครงการ/แนวทางเสริมสร้ างความซือตรงในชุมชน หมายถึง กิจกรรมใดจาก หน่วยงานใดก็ตามทีเกียวข้องกับความซอื ตรงในพืน. ทีทีชมุ ชนนัน. ถือเป็ นกิจกรรมการเสริมสร้างความซือตรงใน ชมุ ชน ~8~

บทที แนวคดิ และวรรณกรรมทเี กียวข้อง การเสริมสร้างความซือตรงโดยทัวไปมีเป้ าหมายหลกั เพือให้การดําเนินงานต่าง ๆ เป็ นไปตามหลกั นิติ ธรรม เกิดการพัฒนาทียังยืน และส่งเสริมคณุ ภาพชีวิต โดยการเสริมสร้ างความซือตรงระดับชาติต้องการ องค์ประกอบหลักทีสนับสนุนต่อความซือตรง ได้แก่ ฝ่ ายบริหาร รัฐสภา ศาล องค์กรเฝ้ าระวัง สือ องค์กร ภาคเอกชน ประชาสงั คม และหน่วยงานบงั คบั ใช้กฎหมาย หากองค์กรหนึงองค์กรใดไม่ทํางานอย่างเข้มแข็ง หรือละเลยตอ่ การเสริมสร้างความซือตรงก็จะสง่ ผลให้ไม่เกิดความยงั ยืนของความซือตรงในประเทศ (United Nations Office for Drug Control and Crime Prevention, OPPP, p.OO-OT) สําหรับการศึกษาครังW นี Wม่งุ เน้นไป ทีการเสริมสร้างความซอื ตรงในชมุ ชนโดยมีหน่วยการศกึ ษาเป็ นองค์กรปกครองส่วนท้องถิน ซงึ การดําเนินงาน ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินในปัจจบุ นั ถือได้วา่ มีสมั พนั ธ์ใกล้ชิดกบั ชมุ ชนมากทีสดุ และมีบทบาทหน้าทีใน การเสริมสร้างวฒั นธรรมอนั ดีในชมุ ชนนอกเหนือจากการพฒั นาโครงสร้างพืนW ฐาน จงึ ถือเป็ นหน่วยการศกึ ษาที เหมาะสมกบั การขบั เคลอื นการเสริมสร้างเครือข่ายความซือตรงในชมุ ชน เนือW หาในบทนีนW ําเสนอแนวคดิ ทีเกียวข้อง ได้แก่ ความซือตรง: รากฐานการพฒั นาสงั คมประชาธิปไตย การเสริมสร้างความซือตรง ความสาํ คญั ขององค์กรปกครองส่วนท้องถินต่อการเสริมสร้างความซือตรง ปัญหา และอุปสรรคด้านความซือตรง ตวั อย่างแนวทางการเสริมสร้างความซือตรง และกรอบแนวคิดของการศึกษา ครังW นี W . ความซือตรง: รากฐานการพัฒนาสังคมประชาธปิ ไตย การเข้าไปมีสว่ นร่วมของประชาชนอย่างแข็งขนั ถือได้ว่าเป็ นวฒั นธรรมการเมืองทีหนนุ เสริมต่อระบอบ ประชาธปิ ไตยในอดุ มคติ เพราะจะทําให้เกิดการร่วมคิด ร่วมทํา ร่วมใช้ ร่วมตรวจสอบ ซงึ นําไปส่ดู ลุ ยภาพตาม ระบอบประชาธปิ ไตยอนั เป็ นระบอบทีอาํ นาจเป็ นของประชาชน แต่การเข้าไปมีสว่ นร่วมของประชาชนอย่างแข็ง ขนั ในระบอบประชาธิปไตยอาจไม่ใช่คําตอบสดุ ท้ายของการพฒั นาวฒั นธรรมแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึนW ใน แตล่ ะประเทศ เราอาจกลา่ วได้ว่า ประชาธิปไตยเป็ นหลกั การทีเกิดขึนW หลงั สงั คมและวฒั นธรรมของมนษุ ย์ นนั เท่ากับว่าวัฒนธรรมได้เกิดก่อนหลักการประชาธิปไตย การพัฒนาพลเมืองในประเทศให้มีวัฒนธรรมแบบ ประชาธิปไตยให้ได้นนั W จําเป็ นต้องเข้าใจวฒั นธรรมทางการเมืองทีแท้จริงของประเทศนนั W แล้วจงึ ปรับวฒั นธรรม กบั ประชาธปิ ไตยให้มาสจู่ ดุ ทีอย่รู ่วมกนั ได้ ~9~

สําหรับประเทศไทยนันW มีการพัฒนาประชาธิปไตยดีขึนW เป็ นลําดับ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงหลักการ ประชาธิปไตยทีแท้จริงได้ เนืองจากมีอปุ สรรคในทางวัฒนธรรมทีสําคญั ^ ประการ ได้แก่ O) ระบบเจ้าขนุ มลู นายซงึ เป็ นระบบทีชนชนั W ปกครองมีบทบาทสาํ คญั ในทางการเมือง และประชาชนระดบั รากหญ้าไม่สามารถเข้า ไปมีอํานาจทางการเมืองได้ T) ระบบราชการซงึ ถือเป็ นกลมุ่ ผลประโยชน์ทีสําคญั และเป็ นกล่มุ คนทีมีความรู้ ความสามารถยงั คงกมุ อํานาจทางการเมืองมายาวนานนบั ตงัW แต่เปลียนแปลงการปกครอง พ.ศ.T_`a และ ^) ระบบความสมั พนั ธ์เชิงอปุ ถมั ภ์ซงึ เป็ นความสมั พันธ์แบบตา่ งตอบแทนทที ําให้หลายครังW เป็ นการตอบแทนโดย ใช้ผลประโยชน์สว่ นรวมมาเอือW ให้กบั ประโยชน์ส่วนตน พวกพ้อง และเครือญาติ (อไุ รวรรณ ธนสถิตย์, 2551, น. O-Od) วฒั นธรรมทีเป็ นอปุ สรรคเหลา่ นี Wเกิดจากการขาดความซือตรงเป็ นพืนW ฐาน ซึงเมือสงั คมโดยรวมวางเฉย ต่อพฤตกิ รรมทไี ม่ซอื ตรงก็เทา่ กบั ว่าเป็ นการยอมรับ การยอมรับนนั W เป็ นการเปิ ดโอกาสให้เกิดพฤติกรรมนนั W ซําW ๆ และ แพร่ขยายไปในสงั คมโดยรวมเป็ นเวลานาน จนกลายเป็ นสิงทีเรียกว่า “วฒั นธรรม” ไปโดยปริยาย ดงั นันW การเสริมสร้างวฒั นธรรมความซือตรงให้เกดิ ขนึ W จริงจงึ มีผลเชือมโยงอย่างยงิ ตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตย ความซือตรง1 แปลมาจากคําว่า Integrity ซึงหมายถึงความครบถ้วนสมบูรณ์เต็ม ความถูกต้อง มี ความหมายแสดงให้เห็นถงึ การกระทําในทางทีดีงามสจุ ริต ตรงไปตรงมา เป็ นทีไว้ใจได้ ประพฤติตรงทงั W ต่อหน้า และลบั หลงั ทําสงิ ทีถกู ต้องตามทํานองคลองธรรมทงั W ตอ่ ตนเอง หน้าทีการงาน และสงั คมโดยรวม (พระภาวนา วิสทุ ธิคณุ , 2547; ธานินทร์ กรัยวิเชียร, 2551; วีรวทิ คงศกั ดnิ, Taa^; สมหวงั วทิ ยาปัญญานนท์, 2547 อ้างใน สถาบนั พระปกเกล้า, 2555, หน้า O`-Oo) ความซือตรงมีความหมายแสดงให้เห็นถึงความประพฤติในทางทีดีงามตามทํานองคลองธรรม ไม่เอน เอียง ทงั W ต่อตนเอง หน้าทีการงาน และสงั คมโดยรวม นอกจากความหมายดงั กล่าว สถาบนั พระปกเกล้ายงั ได้ พัฒนาหนังสือเผยแพร่ “มารู้จักคําว่าความซือตรงกันเถอะ” (Taa_) ทีนอกจากจะสือความหมายถึงความ ซือตรงพอสงั เขปแล้ว ยงั มีการจดั ทําแบบสํารวจความซือตรงของตนเองเพือให้ผ้อู า่ นทดลองประเมินคณุ สมบตั ิ ด้านความซอื ตรงของตนเอง ซงึ มีตวั ชีวW ดั ทีบ่งบอกคณุ ลกั ษณะด้านความซือตรงจํานวน Td ข้อ2 ได้แก่ 1 สถาบันพระปกเกล้า (2555) ได้ทําการศกึ ษาเพือเสริมสร้างความซือตรงในสงั คมไทย: ปัญหา ตวั ชีวW ัดและแนว ทางการพัฒนา ในรายงานดังกล่าวได้ทําการค้นคว้าและทบทวนแนวคิดทีเกียวข้องกับคําว่าซือตรงไว้มากมายทังW จาก นกั วชิ าการ ผ้นู ําทางศาสนา พจนานกุ รม ฯลฯ ในการวิจยั ครังW นจี W งึ ขอกลา่ วถึงความหมายและเนือW หาโดยสรุปเพือความกระชับ ของเนือW หา 2 ตวั ชีวW ดั ดังกลา่ ว เป็ นผลผลิตหนึงจากรายงานวิจัย “การศกึ ษาเพือเสริมสร้างความซือตรงในสงั คมไทย: ปัญหา ตวั ชีวW ดั และแนวทางการพฒั นา” ทสี ถาบนั พระปกเกล้าได้รับทนุ สนบั สนนุ จากศนู ย์คณุ ธรรม กรมการเงนิ กลาโหมได้นําตวั ชีวW ดั นี W ไปให้ข้าราชการประเมนิ ตนเองจนได้ผลทาํ ให้ข้าราชการมีการปรับพฤติกรรมตนเอง โดยมีผ้บู งั คบั บญั ชาเป็ นผ้รู ่วมตดิ ตาม ให้ คําแนะนํา และให้ความสําคัญไปถึงครอบครัว จึงทําให้พฤติกรรมด้านความซือตรงเกิดขึนW ได้จริง ศึกษาเพิมเติมได้จาก ~ 10 ~

1) มคี วามซอื สตั ย์ สจุ ริต (จริงใจไม่หลอกลวง) 2) มีคณุ ธรรมจริยธรรมซงึ เป็นแบบแผนสาํ หรับยึดถือปฏิบตั ใิ นสงั คม 3) ไม่คดโกง 4) ปฏิบตั ติ ามกฎหมาย 5) มีวนิ ยั ยดึ มนั ในกฎระเบียบ ข้อบงั คบั หรือแนวปฏบิ ตั ิ 6) มคี วามรับผดิ ชอบ ยอมรับผลทงั W บวกและลบ 7) รู้จกั บทบาทหน้าทีของตนเอง (สงิ ทีต้องทําความทีกําหนด) 8) ตรงไปตรงมาทงั W ตอ่ หน้าและลบั หลงั 9) มีความขยนั หมนั เพียร 10) มคี วามอดทนอดกลนั W 11) มีวาจาสตั ย์ รักษาคําพดู 12) ไม่โกหก 13) โปร่งใส ตรวจสอบได้ 14) ตรงต่อเวลา 15) มคี วามยตุ ธิ รรม ไม่เอนเอยี งเข้าข้าง 16) ทํางานให้สาํ เร็จ 17) เป็ นทีนา่ เชือถือและได้รับความไว้วางใจจากคนทวั ไป 18) แนะแนวทางทถี กู ทีควรแก่บคุ คลอนื 19) ห้ามมใิ ห้ผ้อู ืนกระทําผิด 20) มจี รรยาบรรณวชิ าชพี จากความหมายดงั กลา่ วของคําว่าซือตรง ยังไม่อาจสือให้เห็นถึงขอบเขตของความซือตรงได้ชดั เจน เพียงพอ หากศึกษาในเชิงลกึ แล้วจะเหน็ ได้ว่า ความซือตรงนันW มีขอบเขตทีกว้างและหลากหลาย โดยอาจแบ่ง ลกั ษณะความซอื ตรงเป็ น a ประเภท ได้แก่ O) ความซือตรงต่อความดี T) ความซือตรงต่อเวลา ^) ความซือตรง ตอ่ ตนเอง _) ความซือตรงตอ่ บุคคลอืน สงั คม และประเทศชาติ a) ความซือตรงตอ่ หน้าทีการงานทรี ับผดิ ชอบ ความซอื ตรงต่อความดี หมายถึง ความซือตรงทีครอบคลมุ ความดีทงั W หมด โดยมีการยึดมนั ในความดี ทงั W กาย วาจา และใจ ยดึ ถือความถกู ต้องเป็ นทีสดุ ยึดถือความถกู ต้องตามประเพณีของชาติและศาสนา สื อ วี ดิ ทั ศ น์ ร า ย ก า ร ด อ ก ไ ม้ บ า น สื อ ส า ร ค ว า ม ดี ต อ น อ ง ค์ ก ร ซื อ ต ร ง : ก ร ม ก า ร เ งิ น ก ล า โ ห ม http://dl.moralcenter.or.th/handle/wwTw__PPdd/^TO (ศนู ย์คณุ ธรรม, Taao) ~ 11 ~

ความซือตรงต่อเวลา หมายถึง การทําได้ตามเวลาทีกําหนดไว้ ทังW การไปพบผู้อืนตามเวลาทีได้นัด หมายไว้และการทํางานได้ตามกําหนดเวลาทีวางไว้ ความซือตรงต่อเวลานันW จะช่วยทําให้เกิดการเล็งเห็น ความสาํ คญั ในเวลา ไมเ่ บียดเบียนเวลาผ้อู ืน และบริหารเวลาในการทาํ งานได้ ความซือตรงตอ่ ตนเอง หมายถงึ ความรู้ผิดชอบชวั ดี มีศีลธรรม ซือสตั ย์ต่อตนเองแม้ไม่มีใครรู้เหน็ และ คิดอยู่เสมอว่าความลับไม่มีในโลก ซือสตั ย์ต่ออดุ มการณ์ของตน ไม่หลอกลวงหรือแก้ตัวให้กับตนเองเมือ กระทําสงิ ทผี ดิ หรือไม่สมควร ความซือตรงต่อบุคคลอืน สงั คม และประเทศชาติ หมายถึง ความจริงใจต่อกัน ไม่คดโกง หลอกลวง สามคั คีกนั ไม่นนิ ทาวา่ ร้าย ไม่คดิ ร้ายต่อกนั ไมท่ ําตนเป็นคนหน้าไหว้หลงั หลอก ไม่กลา่ วหรือเขียนข้อความเท็จ ไม่ใส่ร้ายป้ ายสีผ้อู ืน ซงึ หากมีการประพฤติซือตรงดงั กล่าวก็จะนํามาซงึ ความไว้วางใจซงึ กันและกัน ลดความ หวาดระแวง และเกิดการยอมรับซงึ กันและกัน เป็ นประโยชน์ต่อสงั คมและประเทศชาติตามมา นอกจากนี W ใน ส่วนความซือตรงต่อประเทศชาตินันW ยังรวมไปถึงการให้ความเคารพรักต่อสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ของตน ความซือตรงต่อหน้าทีการงานทีรับผิดชอบ หมายถึง ความตงั W ใจทํางานในหน้าทีรับผิดชอบของตน อย่างเต็มความสามารถ ไม่ปล่อยงานคังค้าง ไม่ละทิงW หน้าทีรับผิดชอบ ไม่ทุจริตในหน้าทีการงาน โดยความ ซือตรงต่อหน้ าทีการงานทีรั บผิดชอบสําหรับผ้ ูทีประกอบอาชีพอิสระก็จะต้ องมีจรรยาบรรณต่ออาชีพของตน เช่น พ่อค้า นกั ธุรกิจในทกุ ระดบั ก็ต้องมีความซือตรงต่อลกู ค้า ไม่โกงตราชงั ไม่ปลอมปนสินค้า ฯลฯ ซงึ หากมี ความซอื ตรงแล้วก็จะทําให้กิจการมีความเจริญก้าวหน้าอยา่ งยงั ยืนเพราะได้รับความเชือถือ ส่วนผ้ทู ีมีบทบาท ปฏิบัติงานในองค์กรทกุ ระดบั ก็ต้องปฏิบัติงานด้วยความซือตรงและจริงใจต่อกัน คอยร่วมมือกัน สามัคคีกนั ขณะทีนักการเมืองในทุกระดับ ก็ต้องทําหน้ าทีด้วยความตังW ใจและจริงใจ ทําตามหน้าทีของตนอย่างมุ่ง ประโยชน์สงู สดุ แก่ประชาชนและประเทศชาติ ส่วนผ้บู งั คบั บญั ชาก็ต้องมีการบริหารทีบริสทุ ธ์ใจตอ่ ลกู น้อง คอย ระวงั ไม่ให้เกดิ การทจุ ริตในสายงาน ป้ องกนั ไมใ่ ห้เกิดการทจุ ริตทอี าจเกิดจากตนเองและคนรอบข้าง ความซอื ตรง หรือ Integrity นีถW ือเป็นคณุ ค่าสําคญั ต่อการสร้างธรรมาภิบาลในองค์กร และการจะสร้าง ธรรมาภิบาลได้ผ้บู ริหารต้องมี “อาชวะ” หรือความซอื ตรง และมีธรรมของผ้ปู กครอง (อวิโรธนะ) คือไม่เอนเอียง ปฏิบัติตนเสมอต้นเสมอปลาย ตรงไปตรงมา และยึดหลกั ระเบียบแบบแผนเป็ นสําคัญ นอกจากนี W ยังมีหลกั ราชการซงึ พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอย่หู วั (รัชกาลที w) พระราชทานแก่ข้าราชการ Od ประการ ซงึ มี หลกั บริหารทีควรนํามาปฏบิ ัติ T ข้อ ได้แก่ ความซือตรงต่อหน้าทีทีจะทํางานทีได้รับมอบหมายอย่างสจุ ริต มี วิริยะอุสาหะ ทํางานสําเร็จตามเป้ าหมาย รักษาคํามันสญั ญา และมีความซือตรงต่อคนทวั ไปโดยรักษาตนให้ เป็ นน่าเชือถือ (มติชน, 2552; พระภาวนาวิสทุ ธิคณุ , 2547; ธัญญา สนิทวงศ์ ณ อยธุ ยา, 2547; วีรวทิ คงศกั ดn;ิ 2553 อ้างในสถาบนั พระปกเกล้า, Taaa, หน้า 23-27) ~ 12 ~

สําหรับหลักราชการซึงพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หวั (รัชกาลที w) พระราชทานไว้ Od ประการถือได้ว่าแสดงให้เห็นคุณลกั ษณะของบุคคลทีมีความซือตรงได้อย่างชัดเจน3 (กรมการค้าภายใน, Taad) ดงั นี W O) ความสามารถ หมายถึง ความชํานาญของผ้ทู ีอาจปฏิบตั ิงานในด้านต่าง ๆ ให้เป็ นผลสําเร็จได้ดียิง กวา่ ผ้มู ีโอกาสเทา่ ๆ กนั คนทีมีความรู้แตไ่ ม่รู้จกั ใช้ความรู้นนั W ให้เป็ นประโยชน์ก็ยงั ไม่ถือเป็ นผ้ทู มี ีความสามารถ T) ความเพยี ร หมายถงึ ความกล้าหาญไม่ยอ่ ท้อตอ่ ความลาํ บาก และมีความบากบนั เพือจะข้ามความ ขดั ข้องโดยใช้ความอตุ สาหะไมห่ ยดุ หยอ่ น การมีความเพียรไมเ่ กียวกบั ความรู้วิชามากหรือน้อย คนไม่มีวิชาเลย อาจเป็ นคนเพียรหรือคนเพียรกอ็ าจได้เปรียบผ้ทู รี ู้วิชาแต่ไม่มีความเพียร ^) ความมีไหวพริบ หมายถึง รู้จกั สงั เกตเห็นโดยไม่ต้องมีใครเตือนว่าเมือมีเหตกุ ารณ์ใดเกิดขนึ W จะต้อง ดําเนินการอยา่ งไรเพือให้เกดิ ผลดีทสี ดุ แก่การงาน และรีบทําการอนั เห็นควรนนัW โดยทนั ทว่ งที การบางอยา่ งอาจ ไม่สามารถรอเวลาค้นหาตําราหรือคมู่ ือ เป็ นเหตจุ ําเป็นต้องรีบแก้ไขและใช้ไหวพริบให้รวดเร็ว _) ความรู้เท่าถึงการณ์ หมายถึง รู้จกั ปฏิบัติการอย่างไร จึงจะเหมาะสมแก่เวลา และอย่างไรทีได้รับ เหตผุ ลสมถงึ จะเป็ นประโยชน์สงู สดุ เป็ นความรู้จกั ปฏิบตั กิ ารให้เหมาะสมด้วยประการทงั W ปวง a) ความซือตรงต่อหน้าที หมายถึง ตังW ใจกระทํากิจการซงึ ได้รับมอบให้เป็ นหน้าทีด้วยความซือสัตย์ สจุ ริต ใช้ความอตุ สาหะเต็มกําลงั ตนด้วยความม่งุ หมายให้การงานนนั W สาํ เร็จลลุ ว่ งได้เป็ นอยา่ งดีทีสดุ w) ความซือตรงต่อคนทัวไป หมายถึง ให้ประพฤติซือตรงต่อคนทัวไป รักษาตนให้เป็ นคนทีเขาจะ เชือถือได้ รักษาวาจาสัตย์ ไม่คิดเอาเปรียบใครไม่ยกตนข่มท่าน ไม่หาดีใส่ตัวหาชัวใสผ่ ู้อืน มีไมตรีตอบแทน ผ้อู นื สมําเสมอ `) ความรู้จกั นิสยั คน เป็ นข้อทีมีความสําคัญสําหรับผ้มู ีหน้าทีติดต่อกับผู้อืนไม่ว่าจะเป็ นผ้ใู หญ่หรือ ผ้นู ้อย เป็ นการให้เรียนรู้ผ้อู ืนเพือประพฤติตนและการงานให้ต้องอธั ยาศยั ทังW นีไW ม่ใช่เพือประจบแตเ่ พือให้เกิด ความสะดวกตอ่ การงานเทา่ นนั W o) ความรู้จกั ผ่อนผัน หมายถึง ต้องเป็ นผู้ทีรู้จักผ่อนสันW ผ่อนยาว มิใช่แต่จะยึดถือหลักเกณฑ์หรือ ระเบียบอย่างเดยี วซงึ จะก่อให้เกิดผลเสียมากกวา่ ก็ควรจะยืดหยนุ่ ได้ P) ความมีหลกั ฐาน ประกอบด้วย หลักสําคัญ ^ ประการ คือ มีบ้านอยู่เป็ นทีเป็ นทางไม่เร่ร่อน มี ครอบครัวทีมนั คง และตงัW ตนไว้ในทชี อบไม่ประพฤติตวั มวั เมาในอบายมขุ 3 กรมการค้าภายในได้รวบรวม หลกั ราชการ ซงึ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงพระราชนิพนธ์และพิมพ์พระราชทาน แจกข้าราชการในการพระราชพิธีตรุษสงกรานต์ พระพทุ ธศกั ราช T_a` จดั ทาํ เป็นหนงั สือมอบให้หน่วยงานตา่ งๆในสงั กดั กรมการค้าภายใน เพือเผยแพร่ให้เจ้าหน้าทีได้ทราบและเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ริ าชการตอ่ ไป ~ 13 ~

Od) ความจงรักภกั ดี หมายถึง ความยอมเสียสละโดยไม่รู้สึกเสียดาย เพือประโยชน์แห่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะเหน็ ได้ว่า หากจะกลา่ วความหมายของความซอื ตรงโดยละเอียดในเชิงลกึ จะสามารถอธิบายได้มาก เพราะขอบเขตของคําว่าซือตรงนนั W กินความหมายไม่เพียงแต่ความประพฤติต่อตวั เอง แต่ยงั ต้องทําให้ถึงพร้อม ไปยงั หน้าทีการงาน และต้องคอยดแู ลเพือให้ผ้อู ืนมีความซือตรงอีกด้วย อยา่ งไรก็ดี การรับรู้ถึงความหมายและ ขอบเขตของคําว่าซือตรงดงั กลา่ ว จะเห็นได้วา่ ในทางปฏิบตั ินันW ทําได้ค่อนข้างยากทีจะประพฤติตนให้มีความ ซือตรงได้ ซึงสถาบันพระปกเกล้า (Taaa, หน้า O^_; OPd-OP^) ได้มีการศึกษาและเสนอแนะแนวทางเพือ เสริมสร้างความซือตรงไว้ในหลายระดบั ดงั นี W ในระดบั หลกั การ ต้องมีการเสริมสร้างความซือตรงด้วยการใช้กระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมอยา่ ง ต่อเนืองทกุ ภาคสว่ นในคนทุกเพศทกุ วยั ทุกฐานะเพือให้เกิดสภาพแวดล้อมและแบบอย่างทีดีด้านความซือตรง โดยสงั คมจะต้องร่วมกนั ค้นหาบรรทดั ฐานด้านความซอื ตรงทียอมรับร่วมกนั ก่อนแล้วจึงกําหนดเครืองมือสําคญั ได้แก่ การใช้หลกั ธรรมทางศาสนา การใช้แบบอย่างความซือตรงจากผู้นําทกุ ระดบั การนําระบบยกย่องและ ลงโทษมาใช้ การใช้พลงั ทางสงั คมเพือเป็ นผ้กู ดดันและตรวจสอบพฤติกรรมทีไม่อย่ใู นบรรทัดฐานทีวางไว้ซึง อาจใช้ พลังเครื อข่ายเข้ ามามีส่วนร่ วมนอกเหนือจากการเผยแพร่ และรณรงค์ การดําเนินกิจกรรมด้ านความ ซือตรง ทังW นี W ภาคประชาสงั คม ภาคเอกชน และหน่วยงานทีเกียวข้องถือเป็ นแรงสนับสนุนสําคัญทีจะทําให้ หลกั การความซือตรงดําเนนิ ตอ่ ไปได้ ระดบั นโยบาย รัฐบาลควรให้ความสาํ คญั กบั ความซอื ตรงโดยกําหนดเป็ นวาระระดบั ประเทศรวมทงั W จดั ให้มีกลไกขบั เคลือนตามแผนความซือตรงระดบั ประเทศ ซึงตามกลไกขบั เคลือนจะต้องมีตวั แทนจากทกุ ภาค สว่ นเข้ามามีสว่ นร่วมด้วย ระดบั บริหารและปฏิบตั ิ ทุกหน่วยงานประกาศให้ความซือตรงเป็ นวาระสําคัญขององค์กรและมีการ ปฏิบัติทีสอดคล้องกับแผนความซือตรงในระดบั ชาติ มีการปรับปรุงแผนความซือตรงแห่งชาติให้ทันสมยั อยู่ เสมอ รวมทังW ควรมีการวัดระดับความซือตรงของหน่วยงานตลอดจนประชาชน เพือให้ทราบถึงระดับความ ซือตรงของประเทศในภาพรวมและรายงานสสู่ าธารณะ ระดบั ครอบครัวและปัจเจกบุคคล จะต้องมีการแก้ไขทีตนเองแล้วขยายส่คู รอบครัว คนรอบข้าง และ ชุมชน สร้ างจิตสํานึกโดยใช้ศาสนาเป็ นหลักยึด มีการปฏิบัติตามกติกาทางสงั คม ดึงพลงั ทางบวกมาใช้เพือ พฒั นาตนให้เป็ นคนดี รวมทงั W มีการน้อมนําหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพือให้มีความพอประมาณ มี เหตผุ ล และสร้ างภูมิค้มุ กนั ซึงช่วยให้มีความอดทนอดกลนัW และลดความต้องการทีเกินความพอดีอันเป็ นเหตุ ของความไม่ซือตรงตามมาได้ ซงึ การนําหลกั ปรัชญาพอเพียงมาใช้นันW มีความสอดคล้องกับผลการศึกษาของ ~ 14 ~

สายฤดี วรกิจโภคาทร และคณะ ทวี า่ ความพอเพียงเป็ นคณุ ธรรมทีควรเร่งปลกู ฝังให้กบั เยาวชนไทย ซงึ จําแนก ออกมาได้เป็ นคณุ ธรรมถึง Od ประการ คือ คณุ ธรรมทีเป็ นแรงผลกั ดนั (ได้แก่ ความมีวินยั ความอดทนอดกลนัW และความขยนั หมนั เพียร) คณุ ธรรมทีเป็ นปัจจยั หลอ่ เลียW ง (ได้แก่ ความซือสตั ย์ ความซือตรง ความรับผิดชอบ) และคุณธรรมทีเป็ นปัจจัยสนบั สนุน (ได้แก่ ความเมตตากรุณา ความเอือW เฟื Wอ ความกตัญzู ความเสียสละ) (สายฤดี วรกิจโภคาทร และคณะ TaaT อ้างใน สถาบนั พระปกเกล้า, 2555, น.a_) สําหรับการขับเคลือนตามแนวทางดงั กล่าวทีเห็นชดั เจนในระดับนโยบายของประเทศไทย ได้มีการ จดั ทําแผนพฒั นาความซือตรงแหง่ ชาติ พ.ศ.Taaa – TaaP ขึนW แผนนนั W ได้กลา่ วถงึ สถานการณ์ปัญหาด้านความ ซือตรงในสงั คมไทยทีการทจุ ริตและความไม่ซือตรงได้กลายเป็ นวฒั นธรรมทีสามารถยอมรับได้ในสงั คมไทย เหตกุ ารณ์ดงั กล่าวสะท้อนอปุ สรรคของการพฒั นาประเทศไปส่คู วามเป็ นประชาธิปไตยทีสมบรู ณ์ เพราะความ ไม่ซือตรงจะนําพาพลเมืองและประเทศไปสู่สงั คมทีไร้ ระเบียบ ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และไม่เท่า เทียม ซึงล้วนเป็ นอปุ สรรคสําคญั ต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ในแผนพัฒนาความซือตรงดงั กลา่ วได้กําหนด ยทุ ธศาสตร์เพือพัฒนาความซือตรงไว้ _ ยุทธศาสตร์หลกั ได้แก่ การส่งเสริมความซือตรงในสถาบันหลกั ของ สงั คม การสร้างวฒั นธรรมและคุณคา่ ของคณุ ธรรมความซือตรงในสงั คมไทย การเสริมสร้ างพลงั เครือข่ายทุก ภาคสว่ นเพือสง่ เสริมคณุ ธรรมความซอื ตรงและโปร่งใส และการพฒั นาระบบการบริหารจดั การขบั เคลือนความ ซือตรงและโปร่งใสของสงั คมไทย (ศนู ย์คณุ ธรรม, Taa_, น.P) การวิจยั ครังW นี Wจึงถือได้ว่าเป็ นส่วนหนึงของการ เรียนรู้ประสบการณ์ภายใต้ยทุ ธศาสตร์การเสริมสร้ างพลงั เครือข่ายทกุ ภาคส่วน เพือส่งเสริมคุณธรรม ความ ซือตรง และความโปร่งใส ความคืบหน้าเกียวกับการเสริมสร้ างความซือตรงล่าสดุ ซงึ จะมีผลบังคับใช้กับองค์กรปกครองส่วน ท้องถินด้วย จากมติทีประชมุ คณะรัฐมนตรีเมือวนั ที OT กรกฎาคม TaaP เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทส่งเสริม คณุ ธรรมแห่งชาติ ฉบับที O (พ.ศ. TaaP-Taw_) ตามทีกระทรวงวฒั นธรรมเสนอ เพือเป็ นกลไกสําคญั ของรัฐใน การแก้ไขปัญหาสังคมทีเป็ นวิกฤตคุณธรรมของคนในชาติ โดยให้หน่วยงานทีเกียวข้องนําแผนแม่บทฯ ไป ปฏิบตั ิและรายงานผลต่อคณะกรรมการส่งเสริมคณุ ธรรมแห่งชาติเพือรายงานต่อคณะรัฐมนตรี และให้สํานัก งบประมาณใช้แผนแม่บทฯ เป็ นแนวทางในการพจิ ารณาจดั สรรงบประมาณประจําปี ของหน่วยงานทีเกียวข้อง ต่อไป แผนแม่บทดงั กล่าวประกอบด้วย _ ยุทธศาสตร์ ในการขับเคลือน ได้แก่ O) วางระบบรากฐานการ เสริมสร้างคณุ ธรรมในสงั คมไทย T) สร้างความเข้มแข็งในระบบการบริหารจดั การด้านการสง่ เสริมคณุ ธรรมให้ เป็ นเอกภาพ ^) สร้ างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และ _) ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็ น แบบอย่างด้านคณุ ธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก (รัฐบาลไทย, 2559) โดยหลกั สําคญั ต้องการ ให้ประเทศชาติมันคง สงบสขุ ด้วยการใช้หลกั ทางศาสนาทีตนนับถือ ให้ประชาชนยึดหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ ~ 15 ~

พอเพียง และมีความเข้มแข็งด้วยการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมประเพณีวิถีวฒั นธรรมไทยทีสร้างคณุ ธรรมอย่างยงั ยืน (ข่าวสดรายวนั , TaaP) . การเสริมสร้างความซือตรง จากแนวทางการเสริมสร้างความซือตรงทีได้กล่าวไปก่อนหน้านีทW ีมีหลายระดบั ได้แก่ ระดับหลกั การ นโยบาย บริหารและปฏิบตั ิ และระดบั บคุ คล อาจกลา่ วได้ว่าการเสริมสร้างความซือตรงในทกุ ระดบั ต่างมีความ เชือมโยงถึงกัน เนืองจากผลลพั ธ์ในท้ายทีสดุ คือความซือตรงทีเกิดขึนW จริงในระดบั ประเทศ ซึงการเสริมสร้าง ความซือตรงในชมุ ชนนบั ว่ามีความท้าทายอย่างยิงเพราะเป็ นพืนW ทีทีมีผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสียหลากหลาย อีกทังW มี การเปลียนแปลงอยตู่ ลอดเวลาทงัW ในด้านสมาชกิ ชมุ ชนและสภาพแวดล้อมภายนอกทีเข้ามากระทบ ดงั นนั W การ สร้ างความซือตรงทีเห็นผลจริงต้องมียุทธศาสตร์สําคัญ คือ มีการสร้ างความเป็ นเจ้าของ มีการวิจัยเชิง ปฏิบตั ิการ และมีการรวบรวมข้อมลู ซงึ ความเป็ นเจ้าของท้องถิน (Local ownership) จะช่วยลดปัญหาความ ซือตรงและการทจุ ริตได้ เพราะชมุ ชนในท้องถินนนั W ๆ มีความรู้และเข้าใจเกียวกบั ปัญหา รู้จกั ผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสีย รวมทังW รู้วิธีแก้ปัญหาทีดีทีสดุ โดยตัวแสดงทีสําคญั อย่างภาคประชาสงั คมและหน่วยงานภายนอก (External facilitators) อาจเข้ามามีสว่ นร่วมในการเสริมสร้างความซือตรงในหลายรูปแบบ สว่ นภาคประชาสงั คมถือว่ามี บทบาทหลกั เพราะอาจทําให้งานด้านความซอื ตรงของรัฐล้มเหลวเพราะไม่ได้รับความเชือมนั และการสนบั สนนุ จากประชาสงั คม ส่วนหน่วยงานภายนอกมีบทบาทหลกั ในการสนับสนนุ งบประมาณหรือเอือW อํานวยความ สะดวกให้กบั การทํากิจกรรมตา่ ง ๆ รวมทงัW เรียนรู้ประสบการณ์เสริมสร้างความซือตรงของชมุ ชนในพืนW ทีไปด้วย โดยจะต้องลดความเป็ นผ้รู ู้หรือเชียวชาญทางนโยบายเมือมีการทํากิจกรรมในพืนW ที (United Nations Office for Drug Control and Crime Prevention, OPPP, p.Oa-O`) การศกึ ษาครังW นีจW งึ ม่งุ เน้นไปทีการศกึ ษาการ เสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนโดยมีหน่วยการศกึ ษา คอื ชมุ ชนในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน4 สําหรับประเทศไทยมีการเสริมสร้างเกียวกบั คณุ ธรรมทีสอดคล้องกบั ความซือตรงในระดบั ประเทศและ ขยายผลไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถินทีเห็นได้ชดั เจนในทางปฏิบัติ คือการประเมินคุณธรรมและความ 4 องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน หมายถงึ สถาบนั ทมี คี วามเฉพาะซงึ ตงัW ขนึW โดยรัฐธรรมนญู ของประเทศ รัฐธรรมนญู แห่ง รัฐ กระบวนการนติ บิ ญั ญตั ิระดบั ทสี งู กวา่ รัฐบาลกลาง กระบวนการนติ บิ ญั ญตั แิ หง่ รัฐหรือจงั หวดั หรือโดยคําสงั ทางการบริหาร เพือส่งมอบบริการทีมีความเฉพาะในพืนW ทีขนาดเลก็ การบริหารปกครองสว่ นท้องถินจะมีเป้ าหมายการทํางานทีหลากหลาย ด้านความเป็นอยู่ การทาํ งาน สภาพแวดล้อม โดยการบริหารการปกครองสว่ นท้องถินไม่ใช่เพยี งการจดั การบริการสาธารณะ แต่ยงั เป็นการค้มุ ครองชีวิตและเสรีภาพ สร้างพนื W ทีการมีสว่ นร่วม และดาํ เนนิ การเพอื ยกระดบั คณุ ภาพชีวิตทดี ขี องประชาชนใน พืนW ที (Shah, 2006) ~ 16 ~

โปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment - ITA) ของ สํานักงานคณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สํานักงาน ป.ป.ช.) และสํานักงาน คณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทจุ ริตในภาครัฐ (สํานักงาน ป.ป.ท.) โดยบูรณาการเครืองมือการ ประเมินคุณธรรมการดําเนินงาน (Integrity Assessment) หน่วยงานภาครัฐทีนํามาจากแนวคิดของ สาธารณรัฐเกาหลีและดัชนีวดั ความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐเข้าด้วยกนั โดยใช้หลกั ฐานการประเมินจาก บุคลากรภายในองค์กร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก หลักฐานเชิงประจักษ์ และการถูกชีมW ูลความผิดจาก สํานกั งาน ป.ป.ช. และสํานักงาน ป.ป.ท. อีกทงัW ให้มีการจดั ระดบั ตามผลทีได้รับจากการประเมินนีเW พือให้แต่ละ หน่วยงานนําข้อมลู ผลการประเมนิ ไปชว่ ยในการพฒั นาและยกระดบั คณุ ธรรมและความโปร่งใสการดําเนินงาน ของหนว่ ยงานตนเองได้ สาระสําคญั ในการประเมินคณุ ธรรมและความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐหรือ ITA มี a มิติ คือ (O) ความโปร่งใส (Transparency) (T) ความพร้อมรับผิด (Accountability) (^) การปลอดทุจริต ในการปฏิบตั ิงาน (Corrption Free) (_) วฒั นธรรมคณุ ธรรมในองค์กร (Integrity Culture) และ (a) คณุ ธรรม การทํางานในหน่วยงาน (Work Integrity) (สาํ นกั งาน ป.ป.ท., 2557) . . กรอบการเสริมสร้างความซือตรงชุมชน (Community Integrity Building: CIB) คณะผู้ศึกษาได้ทําการสํารวจแนวคิดทีเกียวข้องกับการเสริมสร้ างความซือตรงในชุมชน พบว่า มี องค์กรทีทําหน้าทีโดยตรงเกียวกับการเสริมสร้ างความซือตรงอย่าง Integrity Action ทีได้พัฒนาแนวทาง เรียกว่า Community Integrity Building (CIB) เพือเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนโดยชมุ ชนเข้ามาร่วมในการ ติดตามตรวจสอบการดําเนินโครงการต่าง ๆ ในท้องถิน โดย Integrity Action กล่าววา่ CIB เป็ นแนวทางที ประสบความสําเร็จและคุ้มค่าในการยกระดับประสิทธิภาพของโครงการต่าง ๆ แบ่งเป็ น a ระดับ ได้แก่ การศึกษาบริบทแวดล้อม (Context sensitivity) การเรียนรู้ผ่านการทํางานร่วมกัน (Joint learning) การ รวบรวมข้อมูลให้มีความชัดเจน (Evidence base) การมีส่วนร่วมอย่างสร้ างสรรค์เพือช่วยกันแก้ปัญหา (Constructive engagement) และการแก้ไขและเรียนรู้จากปัญหา (Closing the loop) ดงั มีสาระสําคญั ของ แตล่ ะขนั W ตอน ดงั นี W(Integrity Action, 2014, pp.3-14) . . . การศึกษาบริบทแวดล้อม (Context sensitivity) การศึกษาบริบทเป็ นขันW ตอนแรกของการเสริมสร้างความซือตรงในทางปฏิบัติ ซงึ ชุมชนจะต้องมีการ ระบุผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียทีมีอิทธิพลต่อการส่งเสริมหรือเป็ นปั จจัยอุปสรรคต่อความซือตรงทังW หมด โดย กระบวนการเข้ามามีส่วนร่วมของกล่มุ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอาจเป็ นการประชมุ กล่มุ หรือประชาคม นอกจากนี W ~ 17 ~

การเก็บข้อมลู พืนW ทีฐานต่าง ๆ ของชุมชนยงั เกิดขึนW ในขนัW ตอนนีอW ีกด้วย รายละเอียดในขนั W ตอนนี W แบ่งประเด็น เพือทําความเข้าใจได้เป็ น ^ ประเดน็ ได้แก่ – การวิเคราะห์ผ้มู ีสว่ นได้ส่วนเสียและสภาพแวดล้อม (Context & stakeholder analysis) ถือ เป็ นขนัW ตอนแรกทีมีความสําคญั มากในการสร้างความซือตรงในชมุ ชน เป้ าหมายหลกั ของการวิเคราะห์ผ้มู ีสว่ น ได้ส่วนเสียก็เพือเข้าใจและระบุความต้องการของชุมชนในท้องถินซึงมีความหลากหลาย ดงั นันW จึงมีความ จําเป็ นทีจะต้องมีตวั แทนจากคนทกุ กล่มุ ในชมุ ชนมาเข้าร่วมไม่ว่าจะเป็ นชนกลมุ่ น้อย กลมุ่ ผ้หู ญิง กลุ่มผู้พิการ หรือเยาวชน การวิเคราะห์นียW ังเป็ นประโยชน์ไปถึงการกําหนดตวั ผู้รับผิดชอบในแต่ละโครงการทีอาจช่วยให้ โครงการเสริมสร้างความซอื ตรงประสบความสาํ เร็จ – การเกียวข้องกบั ชมุ ชน (Community engagement) การสร้างความซือตรงในชมุ ชนท้องถิน จําเป็ นต้องอาศยั ความเกียวข้องกบั ชมุ ชนเป็ นทีตงัW เพือให้เกิดความเป็ นเจ้าของโดยใช้วิธีการทีหลากหลาย เช่น การประชาคมแบบมีส่วนร่วมซึงไม่ใช่การประชุมเพือให้ ข้ อมูลแบบบนลงล่าง การเปิ ดอภิปรายใน กระบวนการพฒั นา การอภิปรายผลกระทบจากโครงการพฒั นาชมุ ชน เป็ นต้น – การสร้างฐานข้อมลู (Establishing a baseline) หมายถึง การจดั ทําข้อมลู สารสนเทศต่าง ๆ ที ได้มีการจัดเก็บก่อนเริมโครงการ ซึงจะถูกนํามาใช้ภายหลงั เพือประเมินและเปรียบเทียบหลงั จากมีการสร้าง ความซอื ตรงไปแล้ว ข้อมลู ชมุ ชนอาจได้แก่ รายละเอียดโครงการเดิมและระดบั ความโปร่งใส การตรวจสอบได้ การมีส่วนร่วม และความมีประสิทธิภาพ และยังอาจรวมถึงจํานวนหรือลักษณะของโครงการพัฒนาทีจะ ติดตามตังW แต่เริมต้น จํานวนหรือลกั ษณะของกลุ่มในชุมชนทีได้เข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการติดตามแล้ว จํานวนหรือลกั ษณะของเวทปี ระชาสงั คมหรือขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินทีมีอยู่ เป็ นต้น . . . การเรียนรู้ผ่านการทาํ งานร่วมกัน (Joint learning) ขนัW ตอนการเรียนรู้ผา่ นการทํางานร่วมกนั นี Wเน้นการตงั W คณะทํางานและกําหนดตวั ผ้มู ีบทบาทสําคญั ใน การติดตามโครงการหรือกิจกรรมทีชุมชนเลือกทีจะสร้ างความซือตรง ในขันW ตอนนียW ังรวมไปถึงการกําหนด โครงการทีจะติดตามหรือการกําหนดขอบเขตงานทีคณะกรรมการเลือกทีจะสร้างความซอื ตรง รายละเอียดใน ขนัW ตอนนี Wแบ่งประเดน็ ทีควรดําเนินการออกได้เป็ น _ ประเดน็ ได้แก่ - การกําหนดผู้ติดตามของชมุ ชน (Identifying community monitors) ถือเป็ นผ้มู ีบทบาทหลกั และเป็ นตวั กลางในการเสริมสร้างความซือตรงในชุมชนซงึ จะต้องมีกระบวนการคัดเลือกผู้เข้ามาทําหน้าทีนี W โดยบางกรณีอาจเป็ นกลมุ่ ขององค์กรทีมีอย่แู ล้วอย่างประเทศปาเลสไตน์ทีมีศนู ย์สร้างสรรค์ครู (The Teacher Creativity Center) ทํางานร่วมกบั กระทรวงการศึกษาเพือบูรณาการตวั แบบ CIB เข้ากบั ระบบการเรียนการ สอน สําหรับขันW ตอนคัดเลือกผู้ทําหน้าทีติดตาม ได้แก่ การกําหนดเกณฑ์การคดั เลือก การคดั เลือก และการ ~ 18 ~

กําหนดประมวลการทํางานของผ้ตู ิดตามว่าจะต้องทํางานอะไรบ้าง มีคุณธรรมจริยธรรมอะไรในการทํางาน ทงั W นี Wเพือให้เกิดการตรวจสอบการทํางานของผ้ตู ดิ ตามด้วยเชน่ กนั - การฝึ กอบรมผ้ตู ิดตามและเจ้าหน้าทีของรัฐ (Training community monitors and public officials) คนกลมุ่ นีคW วรได้รับการฝึกอบรมในหลายเรือง เช่น การวิเคราะห์เอกสารโครงการ การเปรียบเทียบ โครงการ การถ่ายภาพโครงการ เป็ นต้น ผ้ตู ิดตามและเจ้าหน้าทีของรัฐทีได้รับการอบรมเป็ นอย่างดีจะสามารถ ติดตามแม้ในประเดน็ ทีเฉพาะทางและมีความซบั ซ้อน - การจดั ตงั W กลมุ่ ทํางาน (Establishing or supporting joint working groups) การเสริมสร้าง ความซือตรงในชมุ ชนท้องถินทีประสบความสําเร็จจะต้องมีการสร้ างปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างผ้มู ีสว่ นได้ส่วนเสียที เกียวข้อง ซงึ อาจจดั ตงั W เป็ นคณะทํางานเพือให้องค์กรหรือกลมุ่ ตา่ ง ๆ ในพืนW ทีร่วมมือกัน โดยทวั ไป คณะทํางาน นีปW ระกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิน ผ้รู ับเหมา สมาชิกชมุ ชน (ซงึ ได้แก่ ผู้ติดตาม เยาวชน กล่มุ ผู้หญิง และหวั หน้าหม่บู ้าน) เป็ นต้น ในบางกรณี คณะทาํ งานเหลา่ นีอW าจตงั W อย่เู ป็ นสว่ นหนึงของคณะกรรมการอืน ๆ - การเลอื กโครงการพัฒนาเพือทําการติดตาม (Selecting development projects to monitor) เป็ นการเลอื กโครงการทีมีลําดบั ความสําคญั ก่อนเพือทําการติดตาม การเลือกจํานวนหรือตวั โครงการก็จะต้อง พิจารณาจากจํานวนผ้ตู ิดตามและคณะทํางานว่ามีความเหมาะสม และสามารถติดตามได้จริงหรือไม่ เพือให้ ได้มาซงึ ข้อมลู ทีเชือถือได้และผ้ทู ําหน้าทีตดิ ตามก็จะมีเวลาท่มุ เทเพือให้เกิดการเปลยี นแปลงได้จริง . . .G การรวบรวมข้อมูลให้มีความชัดเจน (Evidence base) ขันW ตอนการรวบรวมข้อมูลเป็ นการเก็บข้อมูลเกียวกับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารโครงการต่าง ๆ ที ดําเนินการในชุมชน และประสิทธิภาพของโครงการต่าง ๆ โดยคณะกรรมการทีมีหน้าทีเก็บรวบรวมข้อมลู จะ เป็ นผู้นํามาวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมลู จากนันW จึงนําเสนอผลการติดตามด้านการเสริมสร้ างความซือตรง กลบั ไปสชู่ มุ ชนให้ชมุ ชนได้รับรู้และตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมลู ได้ ตลอดจนร่วมกนั สะท้อนแนวทางแก้ไข ปัญหา ซงึ มีรายละเอียดขนั W ตอนในการเก็บข้อมลู ดงั ต่อไปนี W - การดําเนินการก่อนการสํารวจด้วยการเข้ าถึงข้ อมูลข่าวสารโครงการ (Pre-fieldwork: accessing project information) เป็ นการรวบรวมข้อมลู โครงการเพือศึกษาเกียวกบั การเข้าถึงข้อมลู ข่าวสาร และประสิทธิภาพของโครงการต่าง ๆ จากเอกสาร เพือให้ผ้ตู ิดตามเข้าใจและติดตามผลจากการสํารวจจริง เปรียบเทยี บกบั เอกสาร - การสํารวจและรวบรวมข้อมลู จากพืนW ทีจริง (Fieldwork: Gathering evidence) เป็ นการเก็บ ข้อมลู ในพืนW ทีจริงเพือตดิ ตามและทราบผลสะท้อนจากการดําเนินโครงการด้านความซือตรง โดยเก็บข้อมลู จาก ตวั แทนของคนทกุ กลมุ่ ด้วยการสมั ภาษณ์ การสาํ รวจ หรือการเข้าพบพืนW ทดี ําเนินโครงการ ~ 19 ~

- การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและสือสารผลการศึกษาไปยังชุมชน (Validating monitoring data and communicating results to communities) เมือผ้ตู ดิ ตามข้อมลู ได้เก็บข้อมลู เกียวกับ การดําเนินงานด้านความซือตรงแล้ว ควรมีการตรวจสอบความน่าเชือถือได้ของข้อมลู มีการแสดงผลข้อมลู ให้ ชมุ ชนได้ทราบเพือแลกเปลยี น มีการเปิ ดเผยแหลง่ ทีมาของข้อมลู และชมุ ชนจะได้ตรวจสอบข้อมลู ทีเก็บได้ว่ามี ความถกู ต้องหรือไม่ พร้อมทงั W อาจมีการเก็บภาพถา่ ยเพือเปรียบเทียบโครงการตา่ งๆ . . .N การมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์เพือช่วยกันแก้ปัญหา (Constructive engagement to resolve identified problems) เป็ นขันW ตอนหลังจากทีมีการเก็บข้อมลู ทงั W จากเอกสารและพืนW ทีจริงแล้ว ทําให้ได้ประเด็นปัญหาของ พืนW ที หากโครงการทีมีอย่นู ันW มีความครอบคลมุ ต่อปัญหาในพืนW ที หมายถึงว่าแนวทางแก้ไขปัญหาทีทําอย่นู ันW มี ความเพียงพอกบั ปัญหาทีเกิดขึนW การแก้ไขปัญหาทีดีจะต้องมีความเข้าใจธรรมชาติของปัญหาและอาจต้องใช้ เวลาในการแก้ปัญหา ซงึ คณะกรรมการติดตามทีมาจากหลายภาคส่วนจะมีบทบาทในการร่วมค้นหาแนวทาง แก้ปัญหา หรือจะใช้กลไกประชาพิจารณ์ การรับฟังปัญหาสาธารณะมาใช้ในขนั W ตอนนีกW ็ได้ . . .S การแก้ไขและเรียนรู้จากปัญหา (Closing the loop) เป็ นขนัW ตอนทผี ้มู สี ว่ นได้สว่ นเสียทีเกียวข้องได้ชว่ ยกนั แก้ไขปัญหา และมีการเสนอแนะแนวทางแก้ไขใน เชิงสร้างสรรค์ โดยมีการติดตามผลการแก้ไขปัญหาซงึ อาจคิดเป็ นสดั ส่วนร้อยละของปัญหาทีได้รับการแก้ไข หรือร้ อยละของปัญหาทียงั ต้องได้รับการแก้ไขอยู่ ผลสะท้อนจากการแก้ไขปัญหาจะถกู นํามาเรียนรู้และแก้ไข ไปเรือย ๆ จนกว่าปัญหานนั W ๆ หมดไป จงึ ถือว่าเป็ นการปิ ดวงจรการเกิดของปัญหานนั W (Closing the loop) ซงึ การแก้ไขปัญหา (Fixing problems and advocacy) ให้ประสบความสําเร็จนันW ต้องการความร่วมมือจากผ้มู ี สว่ นได้สว่ นเสยี ทีเกียวข้อง รวมไปถงึ ประชาชนในท้องถิน เจ้าหน้าทีของรัฐ และบริษัทผ้รู ับจ้างงาน หากต้องการ รู้ว่าการแก้ไขปัญหานันW ความสําเร็จหรือไม่ก็อาจมีการตงัW วตั ถปุ ระสงค์ด้านการเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชน เพือประเมินความสําเร็จและผลจากการดําเนินงาน ดงั นันW ก่อนเริมโครงการจึงจําเป็ นจะต้องมีการศกึ ษาข้อมลู พืนW ฐานและพัฒนาตัวชีวW ัดทีเหมาะสม เพือนําตัวชีวW ัดเหล่านีไW ปประเมินโครงการเสริมสร้ างความซือตรงใน ชมุ ชน ซงึ องค์กรหรือชมุ ชนสามารถจดั ทําตวั ชีวW ดั ของตนเองขึนW มาได้เพือให้เหมาะสมกับบริบทของพืนW ทีนันW ๆ เพราะในแต่ละท้องถินต่างมีสภาพทางสงั คมและวฒั นธรรมทตี า่ งกนั การเสริมสร้างความซอื ตรงของชมุ ชนตามตวั แบบ CIB 5 ขนั W ตอน สรุปได้ดงั ภาพตอ่ ไปนี W ~ 20 ~

ภาพที T.O การเสริมสร้างความซอื ตรงในชมุ ชน (Community Integrity Building) หมายเหตุ ดดั แปลงจาก Integrity Action, TdO_, p.^ . . การเสริมสร้างความซือตรงชุมชนในประเทศไทย ในประเทศไทย การเสริมสร้างความซือตรงทีเคยดําเนินการมีลกั ษณะแยกสว่ นกนั ทํา แบ่งได้เป็ นการ เสริมสร้างความซือตรงในหน่วยงาน โรงเรียน ชมุ ชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิน ซงึ ทําให้กล่มุ เป้ าหมายและ กิจกรรมขาดลกั ษณะเชือมโยงซงึ กนั และกนั ยกตวั อย่างเชน่ กิจกรรมเสริมสร้างความซือตรงในโรงเรียน ครูและ นักเรียนอาจมีการจัดกิจกรรมร่วมกันภายในโรงเรียนแต่นักเรียนอาจไปประสบสถานการณ์ความไม่ซือตรง ภายนอกจากชมุ ชนหรือหน่วยงานต่าง ๆ ซึงทําให้เกิดความสบั สนเพราะกระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมไม่ ครบวงจร มีความสอดคล้องกบั ขตั ติยา กรรณสตู (Ta_` อ้างใน สถาบนั พระปกเกล้า, Taao, น.T-oT) ทีกล่าว ว่าองค์ประกอบในการขัดเกลาให้คนเป็ นคนดีนันW มีภาคส่วนทีเกียวข้อง ได้แก่ ครอบครัว โรงเรียน ศาสนา สภาพแวดล้อมอืนอย่างสอื มวลชน ผ้นู ํา เพือน ฯลฯ ดงั นันW การเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนพืนW ทีหนึง ๆ ผ้ทู ี ~ 21 ~

ขับเคลือนจําเป็ นต้องเข้าใจบริบทของชมุ ชนว่ามีหน่วยงานเกียวข้องหลากหลาย และแต่ละหน่วยงานต่างมี ปฏิสมั พนั ธ์ต่อกนั ในการขบั เคลือนงานซือตรงทีอาจมีลกั ษณะเหมือนหรือแตกต่างกันก็ได้ ในการวิจยั ครังW นีจW งึ สํารวจเกียวกับการเสริมสร้ างความซือตรงในทุกภาคส่วนทีเกียวข้องกับการเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชน ดงั ตอ่ ไปนี W ในระดับชาติ ดงั ทีกล่าวไปก่อนหน้านีแW ล้วว่า ประเทศไทยได้มีแผนพฒั นาความซือตรงแหง่ ชาติ พ.ศ. Taaa-TaaP โดยศนู ย์คุณธรรมเป็ นองค์กรหลกั เพือขับเคลือนคณุ ธรรมและความซือตรงในสงั คมไทยร่วมกับ องค์กรเครือข่ายอืน ได้แก่ เครือข่ายข้าราชการและการเมือง การศึกษา ศาสนา ชมุ ชน สือ และธุรกิจ โดยได้มี การขับเคลือนงานเครือข่าย เช่น การอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนําศาสนิกสมั พันธ์เสริมสร้ างความซือตรง จํานวนกว่า add คน มีการพัฒนาหลกั สตู รการสร้างจิตสํานึกต่อต้านการทจุ ริตคอร์รัปชนั สําหรับเยาวชนเพือ สร้างค่านิยมคนรุ่นใหม่ไร้คอร์รัปชนั มีการจดั ทําหลกั สตู รสือคณุ ธรรม โครงการพฒั นาผ้นู ําสือคณุ ธรรม และมี การผลกั ดนั ให้เกิดสถานีโทรทศั น์คณุ ธรรมเพือสงั คมไทย มีการรวมกล่มุ เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิน นําW ดีเพือบูรณาการการทํางานและสร้ างค่านิยมการบริการด้วยความซือตรงโปร่งใส มีการค้นหาอัตตลกั ษณ์ ด้านคณุ ธรรมของเด็กเพือสร้างมาตรฐานให้กบั สถาบันการศกึ ษาเพือเป็ นเครืองมือในการวดั และประเมินผล มี การวางแนวทางปฏิรูประบบการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของข้ าราชการและเจ้าหน้าทีของรัฐ ฯลฯ (ประชาชาตธิ ุรกิจออนไลน์, 28 กรกฎาคม Taa`; สถาบนั พฒั นาองค์กรชมุ ชน, กรกฎาคม Taao) ในระดับเครือข่ายชุมชน ได้มีการจัดเวทีสมัชชาคุณธรรมระดับจังหวัดนําร่องรวม OT จังหวัด ซึง แนวทางต่อไปในการขับเคลือนของศูนย์คุณธรรมได้กําหนด w กลไก ได้แก่ การสํารวจสภาพปัญหาความ ซือตรงในแตล่ ะพืนW ที จดั ทําแผนฟื Wนฟูคณุ ธรรมคนในชมุ ชน สร้ างผ้นู ําชมุ ชนผู้ฟื นW ฟูคณุ ธรรมของสมาชิกชุมชน สร้ างกลไกการประสานงานจากระดับตําบลถึงระดับชาติ ผลิตและเผยแพร่สือในการฟื Wนฟูสงั คมไทย และ ร่วมมือกับองค์กรอืนในการปฏิรูปประเทศ โดยมีตวั อย่างการขบั เคลือนแผนพัฒนาความซือตรงแห่งชาติของ เครือข่ายชุมชนภาคอีสาน ได้แก่ ชุมชนท้องถินในตําบลดงลาน อําเภอเมือง จังหวัดร้ อยเอ็ด ตําบลแสงภา อําเภอนาแห้ว จังหวัดเลย และตําบลร่อนทอง อําเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึงเป็ นชุมชนทีมีการเสริมสร้ าง คณุ ธรรมในครอบครัว ชมุ ชน และสงั คม มายาวนาน โดยมีจิตสาธารณะ ไม่ยดึ ติดกบั วตั ถุ ปฏิบตั ิหลกั ธรรมของ พทุ ธศาสนา ซงึ กิจกรรมเป็ นเวทีเสวนาและแลกเปลียนเรียนรู้ด้านความซือตรง (ประชาชาติธรุ กิจออนไลน์, To กรกฎาคม Taa`; สาํ นกั ขา่ วกรมประชาสมั พนั ธ์, P มิถนุ ายน Taa`) ในส่วนของโรงเรียน ซงึ มีบทบาทในฐานะทีมีทีตังW อยู่ในชมุ ชนนันW และผลติ เยาวชนไปส่ชู มุ ชน ได้มีการ ขบั เคลือนกิจกรรมเกียวกบั ความซือตรงไปไม่น้อยเช่นกัน ได้แก่ กรุงเทพมหานครจดั ทําหลกั สตู ร“โตไปไม่โกง” สําหรับใช้ในโรงเรียนสงั กัดกรุงเทพมหานคร เพือจัดการเรียนการสอนในระดับชันW อนุบาล 1 จนถึงชันW ประถมศึกษาปี ที 3 และมีการขยายขอบเขตและออกแบบเนือW หาหลกั สตู รไปถึงระดบั มธั ยมศกึ ษาปี ที 3 ขณะที ~ 22 ~

ศนู ย์คณุ ธรรม ขบั เคลอื นการสร้างความซือตรงในโรงเรียน ได้แก่ สร้างห้องเรียนความซือตรง จดั กิจกรรมเสริม หลักสตู รเพือพัฒนาความซือตรง บูรณาการความซือตรงให้เข้ากับการเรียนการสอน พัฒนาหลักสูตรและ กระบวนเรียนรู้ด้านความซอื ตรง สว่ นสํานกั งานคณะกรรมการป้ องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ มีการ จดั การประกวดโครงการรักชาติถกู ทางสร้ างเสริมความซือสตั ย์สจุ ริต เป็ นต้น ในการจัดกิจกรรมทีเกียวข้องกบั ความซอื ตรงในโรงเรียนมีกิจกรรมทแี ตกตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะโรงเรียน เช่น โรงเรียนพระหฤทยั ดอนเมืองมีการ อบรมนกั เรียนให้มีความซือสตั ย์ตอ่ หน้าที ต่อตนเองและสงั คม มีการประกาศยกย่องและมอบเกียรติบตั รให้แก่ ผู้มีความซือสตั ย์ หรือโรงเรียนวัดราชสิทธาราม จัดกิจกรรมเชือมโยงบ้าน วดั และโรงเรียนเข้าด้วยกันได้แก่ โรงเรียนวิถีพทุ ธ ค่ายพุทธธรรม การพัฒนาระเบียบวินัย โครงการรวมใจรักสคู่ รอบครัวตามแนววิถีพุทธ และ โครงการนิทรรศการติดตามผล ส่วนโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์จดั กิจกรรมพฒั นาคณุ ธรรม กิจกรรมทําขนม และสิงประดิษฐ์จําหน่ายในโรงเรียน คดั แยกขยะและการรับประทานอาหารมงั สวิรัติ เป็ นต้น โรงเรียนหนองกี พิทยาคม จ.บุรีรัมย์ มีการจดั ตังW ชมรมซือตรงและจดั กิจกรรมทีสําคญั เช่น นํานักเรียนชมรมเข้าวดั ฟังธรรม สํารวจและทําทะเบียนประวตั ิของบุคคลทีมีความซือสตั ย์ในชมุ ชน สร้างสรรค์ผลงานทีเกียวกับความซือตรงใน รูปแบบของนิทาน เพลง กลอน ภาพวาด เป็ นต้น รวมทังW มีการเผยแพร่กิจกรรมความซือตรงในเว็บไซต์ นทิ รรศการของโรงเรียนและในโอกาสสําคญั ต่าง ๆ (กิจกรรมสง่ เสริมความซือสตั ย์ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษาของ ไทย, ม.ป.ป.) นอกจากนี Wยงั มีตวั อย่างการขับเคลอื นกิจกรรมเสริมสร้างความซือตรงในสถาบนั อาชีวะศึกษา _ แห่ง โดยสถาบันพระปกเกล้าได้เข้าไปให้ความรู้เกียวกับความหมาย ขอบเขต และผลทีจะได้รับจากความซือตรง พร้อมทงัW ร่วมจดั กิจกรรมเพือจดั ทําแผนเสริมสร้างความซือตรงในสถานศึกษาทังW _ แหง่ เพือให้นักศึกษาได้ไป ดําเนินกิจกรรมตามแผนทีวางไว้ โดยมีหลายกิจกรรม เช่น การทิงW ขยะลงถัง การปฏิบัติตามระเบียบวินยั การ ตรงต่อเวลา การปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมะ เป็ นต้น จากนันW จึงมีการถอดบทเรียนร่วมกนั ระหว่างสถานศกึ ษา เพือ เป็ นการแลกเปลียนประสบการณ์เรียนรู้และพัฒนากิจกรรมเสริมสร้ างความซือตรงในสถานศึกษาต่อไป (สถาบนั พระปกเกล้า, Taao, น.6-1 – 6-87) สําหรับหน่วยกรณีศึกษาอย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิน กิจกรรมส่วนใหญ่เน้นสร้ างความโปร่งใส และตรวจสอบได้ในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน โดยกิจวิจัยเพือพัฒนาท้องถิน (OKRD) มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ ได้เสนอตวั แบบการเสริมสร้ างความซือตรงขององค์กรปกครองส่วนท้องถินใน จังหวัดเชียงใหม่ ในรายงาน “บทเรียน/องค์ความรู้กระบวนการขบั เคลือนการพัฒนาความซือตรงในองค์กร ปกครองส่วนท้องถินจงั หวดั เชียงใหม่” กระบวนการดงั กลา่ วเป็ นไปเพือสร้างกลไกการขบั เคลือนแผนพัฒนา ความซือตรงขององค์กรปกครองส่วนท้องถินในจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็ นการสร้ างองค์ความรู้ด้านความ ซือตรงในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน เพือไปสกู่ ารเป็ นองค์กรกรปกครองสว่ นท้องถินต้นแบบความซือตรงของ ~ 23 ~

จงั หวดั เชียงใหม่ โดยมีเป้ าหมายจํานวน 8 พืนW ที ได้แก่ องค์การบริหารสว่ นตําบลบ้านกลาง องค์การบริหารสว่ น ตําบลมะขนุ หวาน องค์การบริหารส่วนตําบลนําW แพร่ องค์การบริหารส่วนตําบลแม่ท่าช้าง องค์การบริหารส่วน ตําบลบ้านปง เทศบาลตําบลสันผักหวาน องค์การบริหารส่วนตําบลกืดW ช้าง องค์การบริหารส่วนตําบลบ้าน หลวง การขบั เคลอื นพฒั นาความซือตรงในพืนW ทีดงั กลา่ วดาํ เนินการใน w กจิ กรรม ได้แก่ - การจดั ทําโครงการและกําหนดแผนยทุ ธศาสตร์การขบั เคลือนโครงการ - การเสวนาวิชาการและนําเสนอโครงการขบั เคลอื นแผนพฒั นาความซือตรงในองค์กรปกครอง สว่ นท้องถิน จงั หวดั เชียงใหม่ โดยให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถินแต่ละแหง่ ทีเข้าร่วมโครงการนําเสนอแผนการ ขบั เคลอื นความซอื ตรง ในชว่ ง “สปั ดาห์วนั รณรงค์ความซือตรงของสงั คมไทย” - การสัมมนาระดมความคิดเห็นเพือสร้ างความเข้ าใจ แลกเปลียนเรียนรู้ และพัฒนา กระบวนการส่งเสริมความซือตรงในองค์กร โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถินนําเสนอแนวทางขบั เคลือนความ ซือตรงเปรียบเทียบกบั ตวั แบบของกิจวิจยั เพือพัฒนาท้องถิน (OKRD) ได้จดั ทําขึนW โดยผ้ทู รงคณุ วฒุ ิในจงั หวัด เชียงใหม่ร่วมกนั ให้ข้อเสนอแนะและระดมความคดิ เหน็ ต่อตวั แบบ - การดําเนินโครงการในพืนW ทีทงั W o แห่ง โดยคณะผ้วู ิจยั ได้ร่วมประเมินและเก็บข้อมูลซงึ แบ่งได้ เป็ น a ประเดน็ ได้แก่ (O) ความเข้าใจในโครงการของตนเอง (T) ปัจจัยทีนําไปสคู่ วามสาํ เร็จ (^) ปัจจยั อปุ สรรค (_) ปัจจยั เสริมและวิธีการทาํ ให้โครงการประสบความสําเร็จ และ (a) ความรู้สกึ ต่อการทํางานในหน่วยงานของ ตนเอง - การถอดบทเรียนและองค์ความรู้กระบวนการขบั เคลือนกิจกรรมในพืนW ทีเป้ าหมาย ทงัW o แห่ง โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถินนันW ร่วมกับคณะผู้วิจัยจัดทํารายงานผลการดําเนินโครงการและทําวิดีทศั น์ เผยแพร่ - การสรุปและเผยแพร่ผลการดําเนินโครงการ เป็ นการจัดเวทีสรุป ประชาสมั พันธ์ และมอบ รางวลั ในการดําเนินงานขบั เคลือนความซอื ตรงขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินทเี ข้าร่วมโครงการ ในการขบั เคลอื นครังW นี Wคณะผ้วู ิจยั ได้สรุปรูปแบบการดําเนินงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินโมเดล เรียกว่า “โมเดล (Model) กระบวนการขบั เคลือนการพฒั นาความซือตรง” ซงึ พฒั นาจากโมเดลการขบั เคลอื น ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินแห่งละ O โมเดล โดยสรุปเป็ นรูปแบบการขบั เคลือนการพฒั นาความซือตรงใน องค์กรปกครองสว่ นท้องถินได้ _ รูปแบบ ดงั นี W รูปแบบที O กระบวนการพัฒนาอย่างสร้ างสรรค์ เป็ นการเน้นกลุ่มเป้ าหมายเด็กและเยาวชนโดย สร้างสรรค์วิธีคิดให้กับเด็กและเยาวชน ดงั ตวั อย่างโครงการ “วยั ใสใฝ่ คณุ ธรรม” ขององค์การบริหารสว่ นตําบล บ้านกลาง อาเภอสนั ป่ าตอง จงั หวดั เชียงใหม่ ~ 24 ~

รูปแบบที T กระบวนการปรับวิธีคิด เป็ นการขับเคลือนความซือตรงโดยเริมจากการปรับวิธีคิดให้กับ บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถินเป็ นหลัก ดังตัวอย่างโครงการ “หนึงพนักงาน หนึงหมู่บ้าน หนึง นวตั กรรม” โครงการ “บ้านปงโฉมใหม่ ใจอาสานาพาคณุ ธรรมความซือตรง (คณุ ดีได้ คุณได้ดี ปี O)” และ โครงการ “สง่ เสริมคณุ ธรรม ปรับจติ คดิ รักพฒั นาองค์กร” รูปแบบที ^ กระบวนการพัฒนาจิตส่กู ารปฏิบัติ เป็ นการขับเคลือนความซือตรงจากการปรับวิธีคิด ร่วมกับการพัฒนาจิตใจของบุคลากรในองค์กรให้คํานึงถึงการมีส่วนร่วมและการให้บริการ เน้นจิตอาสาเป็ น ทตี งั W ม่งุ สกู่ ารให้บริการแก่ประชาชน ดงั ตวั อย่างโครงการ “คิดดี ทําดี สงั คมดี” โครงการ “ส่งเสริมคณุ ธรรมจิต อาสาและความซือสตั ย์ต่อชมุ ชน ประจาํ ปี Taaw” และโครงการ “เปลยี นวิธีคดิ ชีวิตมีสขุ ” รูปแบบที _ กระบวนการพัฒนาจิตทีมุ่งเน้นประชาชน เป็ นการมุ่งเน้นการขับเคลือนความซือตรงใน องค์รวม เริมจากการปรับวธิ ีคดิ สกู่ ารพฒั นาจิตใจของบุคลากรในองค์กร เพือเป้ าหมายในการบริการประชาชน อย่างเต็มความสามารถ ดังตัวอย่างโครงการ “อบต.มะขุนหวานบริการประชาชนด้วยรอยยิมW และหัวใจที ซือตรง” (วีระศกั ดิn สมยานะ, Taaa) ขณะเดียวกนั สํานักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า ได้เคยเป็ นหน่วยงานร่วมจดั การประชมุ เชิง ปฏิบตั ิการแบบมีสว่ นร่วมกับองค์การบริหารสว่ นตําบลสะอาดสมบูรณ์ อําเภอเมือง จงั หวดั ร้อยเอด็ ในหวั ข้อ “ชมุ ชนแห่งความซือตรง” เมือวนั ที O` มิถุนายน Taa` โดยใช้กระบวนการระดมความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วม เพือวเิ คราะห์สงิ ดีทมี ีในชมุ ชนแล้วนํามาใช้ในการวางแผนและดําเนินกิจกรรมด้านความซอื ตรงในพืนW ทีองค์การ บริหารสว่ นตําบลสะอาดสมบูรณ์ (สถาบันพระปกเกล้า, ม.ป.ป.) ซงึ มีรูปแบบหลกั คล้ายกนั กับการวิจัยของ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ คือ เป็ นการเข้าไปจดั กระบวนการจดั ทําแผนพัฒนาด้านความซือตรงซงึ เป็ นการ ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม เมือมีแผนออกมาทางพืนW ทีก็นําแผนนันW ไปปฏิบัติ มีการติดตามผลการดําเนิน โครงการ จดั ทํารายงานและนําผลการดาํ เนินงานนนัW ไปเผยแพร่ตอ่ จากการศกึ ษาการเสริมสร้างความซอื ตรงของภาคสว่ นต่าง ๆ ทีเกียวข้องกบั ชมุ ชนในประเทศไทย อาจ สรุปได้วา่ เริมตงั W แตก่ ารประเมินสภาพพืนW ทีทีจะทํากิจกรรมเพือทราบข้อมลู พืนW ฐาน จากนนัW จงึ เป็ นการวางแผน เสริมสร้ างความซือตรงร่วมกัน ตามมาด้วยการดําเนินกิจกรรมตามแผน แลกเปลียนเรียนรู้ซึงกันและกัน จากนันW จึงเป็ นการประเมินผลการจัดกิจกรรมเพือพัฒนา ปรับปรุง หรือเปลียนแปลงกิจกรรมให้มีความ เหมาะสมและดําเนินได้อย่างบรรลเุ ป้ าหมายมากขนึ W ~ 25 ~

2.3 ความสาํ คัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถินต่อการเสริมสร้างความซือตรงในชุมชน การเสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชนให้เกิดขนึ W ได้จริง องค์กรปกครองท้องถินมีบทบาทอย่างมากต่อการ เสริมสร้างความซือตรงในชมุ ชน เพราะเป็ นหน่วยปกครองของรัฐบาลทีมีงบประมาณและการทํางานใกล้ชิดกบั ชมุ ชนมากทีสดุ โดย Anwar Shar & Sana Shar กลา่ วถงึ ตวั แบบการจดั การสาธารณะแนวใหม่ (New Public Management: NPM) ทีมองวา่ องค์กรปกครองสว่ นท้องถินเป็ นผ้เู อือW อํานวยทีเป็ นอิสระในการสร้างสรรค์คณุ ค่า สาธารณะ แนวคิดของ NPM คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถินควรทําอะไร และควรทําอย่างไรให้ดีมากยิงขึนW สําหรับเกณฑ์แรกทีว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถินควรทําอะไรนันW NPM กล่าวว่าพลเมือง คือ หวั หน้าแต่มี บทบาทหลายอย่าง ได้แก่ เป็ นผู้ปกครอง เป็ นผู้ผลิต เป็ นผู้ดําเนินกิจกรรม เป็ นผู้บริโภค เป็ นต้น ในบริบทนี W องค์กรปกครองสว่ นท้องถินถือเป็ นรัฐบาลทีเป็ นตวั แทนของประชาชนเพือสง่ มอบบริการสาธารณะ นอกจากนี W Moore (1996 quoted in Shah, 2006) กลา่ ววา่ องค์กรปกครองส่วนท้องถินเป็ นผ้ใู ช้ทรัพยากรท้องถินในการ ดําเนินงาน ดงั นันW การดําเนินบริการของท้องถินจงึ ต้องสอดรับกบั ความต้องการของประชาชนในท้องถินโดยมี การตรวจสอบได้ สําหรับเกณฑ์ทีสองทีว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถินควรทําอย่างไรให้ดีขึนW นันW เป็ นการ กล่าวถึงการดําเนินงานของ องค์กรปกครองส่วนท้องถินโดยพิจารณาจากผลลพั ธ์ เน้นการสร้ างแรงจูงใจให้ ผ้จู ดั การดําเนินการ โดยถือเป็ นการประยกุ ต์แนวคดิ การจดั การนิยมมาใช้ (Managerial approach) ทีม่งุ เน้น การกระต้นุ องค์กรปกครองส่วนท้องถินทํางานให้เกิดความสอดคล้องต่อความต้องการของประชาชนและมี ความรับผดิ ชอบตอ่ ผลลพั ธ์ (Caulfield, 2003 quoted in Shah, 2006, p.17) ตวั แบบการจดั การสาธารณะแนวใหม่มีความสอดคล้องกับกรอบแนวคิดการบริหารปกครองทีพลเมือง เป็ นศนู ย์กลาง (Citizen - Centered Local Governance) ซงึ กรอบพลเมืองเป็ นศนู ย์กลางนนั W องค์กรปกครอง สว่ นท้องถินต้องมีลกั ษณะหรือมี O) การปกครองทีตอบสนองตอ่ ประชาชน ทําสิงทีถกู ต้อง มีการสง่ มอบบริการ ทีสอดคล้องกบั ความต้องการของประชาชน T) มีการปกครองทีรับผิดชอบ ทําทุกสิงทีถกู ต้องโดยจําเป็ นต้อง เปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานของตนเองกบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถินอืนทีมีผลการปฏิบตั ิงานเป็ นเลศิ ใน ขณะเดียวกัน Andrews & Shah (2005 quoted in Shah, 2006, p.22-23) เสนอคณุ ลกั ษณะพลเมืองทีพงึ ประสงค์ตามกรอบบริหารปกครองทีพลเมืองเป็ นศนู ย์กลาง ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งพลเมืองผ่าน สิทธิพลเมือง การตรวจสอบผลลัพธ์จากล่างขึนW บน การประเมินการปฏิบัติของรัฐบาลโดยมีพลเมืองเป็ น ผ้ปู กครอง ผ้เู สยี ภาษี และผ้บู ริโภคบริการของรัฐ นอกจากนี WShah ได้เสนอวิสยั ทศั น์ใหม่ของการบริหารปกครองท้องถิน (The new vision of local governance) ซึงเป็ นบทบาทใหม่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถินในยุคสมัยใหม่ ดังสรุปในตารางต่อไปนี W (Shah, Tddw, pp._T-_^) ~ 26 ~

ตาราง T.O สรุปบทบาทขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินภายใต้วิสยั ทศั น์ใหม่ของการบริหารปกครองท้องถนิ ศตวรรษที X : มุมมองเก่า ศตวรรษที : มุมมองใหม่ ท้องถินเป็ นหนว่ ยงานหนงึ ของรัฐ ท้องถินขึนW อยู่กับการอดุ หนนุ และบริหารปกครองตามอํานาจ ของท้องถินนนัW (home rule) ยดึ อย่กู บั หลกั การใช้อาํ นาจเกินขอบเขต (Ultra vires) ยดึ หลกั การบริหารปกครองชมุ ชน ม่งุ เน้นการปกครอง มงุ่ เน้นการบริหารปกครองทียดึ พลเมอื งเป็ นศนู ย์กลาง เป็ นตวั แทนของรัฐบาลกลาง เป็ นตวั แทนพืนW ฐานของประชาชนและผู้นํา ผู้หาช่องทางอืนๆ เพอื แบง่ ปันคณุ ค่าร่วม ตอบสนองและรับผิดชอบตอ่ รัฐบาลระดบั ทีสงู กว่า ตอบสนองและรับผิดชอบต่อผู้เลือกตังW ทีในการยกระดับการ บริหารท้องถิน เป็ นผ้ใู ห้งานบริการท้องถินโดยตรง เป็นผ้จู ่ายงานบริการสาธารณะของท้องถิน ม่งุ เน้นความสาํ คญั กบั ข้อบญั ญตั ิ หรืองานภายใน เป็ นผู้เอือW อํานวยให้เกิดกลไกเครือข่ายของการบริหารท้องถิน เป็นผ้ปู ระสานงานของรัฐบาล ผ้ไู กลเ่ กลยี ความขดั แย้ง ผ้พู ฒั นา คอ่ นค่างทาํ งานแบบปกปิ ด ทนุ ทางสงั คม มีการควบคมุ ปัจจยั นาํ เข้า เน้นแสดงให้เหน็ ภาพการทาํ งานและความโปร่งใสในการบริหาร มีการยดึ โยง/พงึ พากนั ภายในองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ ยอมรับผลลพั ธ์ เน้นการยึดโยงกบั ภายนอกและการแข่งขนั เป็ นผู้ปฏิบตั ิงานที เป็ นแบบปิดและช้า กระตอื รือร้นตามกรอบการสง่ มอบบริการ ไม่ยอมรับความเสยี ง เปิดกว้าง รวดเร็ว และยดื หยนุ่ ทํางานขนึ W อยกู่ บั คาํ สงั สว่ นกลาง มนี วตั กรรม เป็นผ้ยู อมรับความเสยี งได้โดยมขี อบเขตความเสยี ง ทํางานเน้นการขบั เคลอื นกฎระเบยี บ มีความอิสระเรืองการภาษี การใช้จ่าย กฎหมาย และการ เป็ นระบบราชการและเชิงวชิ าการ ตดั สนิ ใจทางการบริหาร มีความยดื หยนุ่ และตรวจสอบผลลพั ธ์ได้ มกี ารใช้อาํ นาจบงั คบั เป็ นการทํางานแบบมสี ว่ นร่วม เพือเสริมความเข้มแข็งพลเมือง และเสนอทางเลือกด้วยการใช้ประชาธิปไตยทางตรง กฎบตั ร ไม่มคี วามรับผิดชอบทางงบประมาณ พ ล เ มือ ง แ ล ะ ก า ร บ ริ ห า ร ง บ ป ร ะ ม า ณ ที เ น้ น ผ ล ง า น (Performance budgeting) เน้นการสร้ างความไว้วางใจ สร้ างพืนW ทีสนทนาของพลเมือง ยกระดบั ผลลพั ธ์ทางสงั คม ดําเนินการทางงบประมาณอย่างรอบคอบ ทํางานดีขึนW ด้วย ~ 27 ~

ศตวรรษที X : มุมมองเก่า ศตวรรษที : มุมมองใหม่ ต้นทนุ ทนี ้อยลง ผกู ขาดกบั ชนชนัW นาํ (Elite) ให้ความสาํ คญั กบั สว่ นรวมและการมีสว่ นร่วม เอาชนะความล้มเหลวทางการตลาด เ อา ชน ะคว ามล้ มเ หลวทางก ารตลาดแ ละ ความล้ มเ หลว ขอ ง รัฐบาล ถกู ตกี รอบไว้ในระบบรวมศนู ย์อาํ นาจ ถกู เชือมตอ่ ในระดบั สากลและท้องถนิ ทมี า : Shah, A. & Shah, S. (2006, p.43). องค์กรปกครองสว่ นท้องถินโดยทวั ไปแล้วมีบทบาทในงานพฒั นาต่าง ๆ ของท้องถิน ซงึ ไม่ใช่งานของ รัฐบาลกลางอย่างงานด้านความมนั คงหรือการต่างประเทศ สําหรับประเทศไทยเองก็เช่นกนั องค์กรปกครอง ส่วนท้องถินมีอํานาจหน้าทีหลายประการ ตามพระราชบัญญัติกําหนดแผนแล้วขันW ตอนการกระจาย อํานาจ ให้แก่องค์กรปกครองท้องถิน พ.ศ.Ta_T อาทิเชน่ การจดั ทําแผนพฒั นาท้องถิน การสาธารณปู โภค การจดั การ ศกึ ษา การสง่ เสริมการท่องเทียว การสง่ เสริมกีฬา การสง่ เสริมประชาธิปไตย การสง่ เสริมการมีสว่ นร่วมพฒั นา ท้องถิน เป็ นต้น ซงึ หากพิจารณาถงึ ตวั แบบการจดั การสาธารณะแนวใหม่ การบริหารปกครองแบบเน้นพลเมือง และบทบาทหน้าทีขององค์กรปกครองส่วนท้องถินตามกฎหมายของประเทศไทย จึงอาจกล่าวได้ว่าการ เสริมสร้ างความซือตรงถือเป็ นภารกิจหนึงทีองค์กรปกครองส่วนท้องถินควรมีบทบาทในการส่งเสริมเพือให้ สอดคล้องกบั วาระสาํ คญั ของประเทศ โดยบทบาทดงั กลา่ วต้องเป็ นไปในลกั ษณะให้ประชาชนในพืนW ทีปกครอง ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินนนั W ได้เข้ามามีสว่ นร่วม .N ปัญหาและอุปสรรคด้านการเสริมสร้างความซือตรงชุมชนในประเทศไทย ปัญหาและความซือตรงในชุมชนถือเป็ นปัญหาทีเกิดขึนW ในระดับพืนW ที ชมุ ชนแต่ละแห่งจึงมีลกั ษณะ ปัญหาทแี ตกตา่ งกนั ไปแล้วแต่สภาพของชมุ ชน เนือW หาในสว่ นนีจW งึ นําเสนอปัญหาและอปุ สรรคในการเสริมสร้าง ความซือตรงชมุ ชนในภาพรวม โดยแบ่งปัญหาและอปุ สรรคด้านความซือตรงออกเป็ น ^ ประเภท ได้แก่ บุคคล ในชุมชนทกุ ภาคส่วนขาดความรู้ ความตระหนัก และการปฏิบัติด้านความซือตรง สถาบันต่าง ๆ ในชมุ ชนยัง ขาดประสทิ ธิภาพในการสง่ เสริมความซอื ตรง และกลไกเกียวข้องไม่เอือW ให้เกิดความซือตรง รายละเอียดอธิบาย ได้ ดังต่อไปนี W (สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน, Tddo; สถาบันวิจัยและให้ คําปรึกษาแห่ง มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2552, น.PP-OTP; สถาบนั พระปกเกล้า, 2557, น.oP-OOd; สถาบนั พระปกเกล้า, 2555, น.OT_-OTw) ~ 28 ~

.N. การขาดความรู้ ความตระหนัก และการปฏบิ ัตดิ ้านความซือตรง ความซือตรงเป็ นปัญหาตังW แต่ระดับบุคคล โดยเริมตังW แต่บุคคลในชุมชนขาดความรู้ ความตระหนัก และมีการปฏิบัติทีไม่ถูกต้อง ปัญหาความซือตรงทีระดับบุคคลในทีนี W เน้ นปัญหาทีเกิดจากคุณลักษณะ ความสามารถ และพฤตกิ รรมเฉพาะบคุ คลทีเป็นอปุ สรรคตอ่ ความซือตรง ดงั ตอ่ ไปนี W O) ผู้นําหรือผู้บริหารในหน่วยงานทีเกียวข้อง พบว่า (O) ขาดความรู้ความเข้าใจในกฎระเบียบการ บริหาร เชน่ การขาดความเข้าใจระเบียบทางการคลงั และงบประมาณ การใช้จา่ ยและการจดั เก็บภาษี ฯลฯ ทํา ให้เกิดความขัดแย้งในการทํางานกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน เช่น ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถินอ้างถึง ความจําเป็ นทีต้องดําเนินงานบางอย่างตามทีได้เสนอนโยบายไว้ก่อนการเลือกตงั W และจะต้องดําเนินการแม้ขดั ต่อระเบียบก็ตาม (T) ขาดวิสยั ทศั น์และประสบการณ์ ทําให้เน้นการพัฒนาวัตถมุ ากเกินไป ไม่มีมุมมองด้าน วฒั นธรรมและความสร้างสรรค์ในการบริหารงานทําให้การบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพเทา่ ทีควร (^) ขาดการ บริหารงานทียึดประชาชนและประโยชน์ส่วนรวมเป็ นหลกั เช่น นักการเมืองบางคนมีการซือW เสียงเพือเข้าสู่ ตําแหน่งทางการเมืองหรือมีการสืบทอดทายาททางการเมือง เมือเข้ามาสู่ตําแหน่งแล้วก็ใช้อํานาจเพือ ประโยชน์สว่ นตนและพวกพ้อง T) บุคลากรทีปฏิบัติงานในหน่วยงานต่าง ๆ (O) ขาดความมุ่งมันในการทํางานเนืองจากไม่มี ความก้าวหน้าในอาชีพและไม่ตระหนักถึงความสําคญั ของหน่วยงาน (T) ขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่มีความ ชํานาญในบทบาทหน้าทีซงึ อาจส่งผลให้เกิดความเสยี หายได้ ^) ประชาชนยงั ขาดการริเริมทีตนเองประชาชน ขาดความรู้ความเข้าใจเกียวกบั การเมืองการปกครอง ในแบบประชาธิปไตยทแี ท้จริง ขาดจติ สํานกึ เพือสว่ นรวม มีการยอมรับหรือปลอ่ ยให้เกิดการพฤตกิ รรมความไม่ ซือตรง ขาดความสามัคคี ไม่ไว้วางใจซึงกันและกัน ขาดการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร พฤติกรรมเหล่านีสW ่งผลให้ เยาวชนเลยี นแบบแล้วนําไปสปู่ ระชาชนทีไปไมถ่ งึ การพฒั นาทแี ท้จริง .N. การขาดประสิทธิภาพในการส่งเสริมความซือตรงสถาบนั ต่าง ๆ ในชุมชน ปัญหาความซือตรงในชมุ ชนเกียวกบั สถาบนั ต่าง ๆ ยงั ขาดประสทิ ธิภาพในการสง่ เสริมความซือตรง และบางหน่วยงานมีลักษณะขาดความซือตรงเสียเอง ซึงสถาบันหลักในชุมชน ได้แก่ สถาบันครอบครัว สถาบนั การศึกษา และสถาบันศาสนา ยงั ขาดการแสดงบทบาทในกระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมให้คนใน สงั คมมีความซือตรงได้และยงั ขาดแบบอย่างทีดี อีกทังW ยงั ขาดความเชือมโยงในการทําหน้าทีกล่อมเกลาทาง สงั คมระหว่าง ^ สถาบันหลกั อีกด้วย ทําให้เมือบุคคลต่าง ๆ เข้าไปปฏิบัติงานแล้วจึงเกิดปัญหาความซือตรง ~ 29 ~

ตามมาในสถานทีทํางานอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นกรณีการปฏิบัติงานของผู้บริหารและเจ้าหน้าทีในองค์กร ปกครองส่วนท้องถิน ซึงสถาบันทางสงั คมได้ผลิตคนทีขาดความซือตรงเข้าไปในองค์กรจนเกิดปัญหาหลาย อยา่ งตามมา ตัวอย่างการบริหารงานในองค์กรปกครองส่วนท้ องถินทีมีข้อครหาด้ านความโปร่งใส เช่น การ บริหารงานบุคคลทีขาดความโปร่งใสและใช้ระบบอุปถัมภ์ในการเข้าสตู่ ําแหน่ง แต่งตังW โยกย้าย อีกทังW การ บริหารบุคคลโดยรวมยังไม่เป็ นไปตามแบบการบริหารแบบมุ่งผลสมั ฤทธnิ ขาดการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที ครบถ้วน การใช้จ่ายงบประมาณไม่ค้มุ ค่ามีการทจุ ริตรวมทงั W กระจายงบประมาณไปในพืนW ทีรับผดิ ชอบอย่างไม่ เสมอภาคดงั กรณที ีสภาท้องถินอาจขอให้ฝ่ ายบริหารจดั สรรงบประมาณลงในพืนW ทีของสมาชิกสภาเพือแลกกบั การอนมุ ตั งิ บประมาณและการไม่ยืนกระท้เู พือตรวจสอบฝ่ าย ในสว่ นผ้บู ริหารองค์การปกครองส่วนท้องถินทีมา จากการเลือกตังW โดยตรงจากประชาชน ทําให้ไม่จําเป็ นต้องฟังเสียงของสภาท้องถิน ขณะเดียวกัน มีกรณีที ผ้สู มคั รรับเลอื กตงั W เป็ นนายกองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ ได้สง่ ทีมผ้สู มคั รรับเลอื กตงัW เป็ นสมาชิกสภาท้องถินด้วย เพราะหากได้รับการเลือกตังW ทังW ทีมก็จะทําให้การบริหารงานท้องถินราบรืน ซึงถือว่าผิดไปจากหลักการ ตรวจสอบและถ่วงดลุ เพราะสภาท้องถินมีความอ่อนแอและไม่สามารถตรวจสอบผ้บู ริหารได้อยา่ งแท้จริง ภาคธรุ กิจเอกชนบางแห่ง เน้นผลกําไรของสถานประกอบการเป็ นหลกั และไม่ได้เข้ามามีส่วนเสริมสร้าง ความซอื ตรงในชมุ ชน บางแหง่ ยงั เป็ นองค์กรทขี าดความซอื ตรงอีกด้วยจนทําให้เกิดปัญหาความขดั แย้งในพืนW ที ตามมา นอกจากนี W ในส่วนของสือมวลชนในชุมชน นับเป็ นอีกสถาบันหนึงทีมีบทบาทสําคัญในการเผยแพร่ ขา่ วสาร บางสอื เลือกเสนอเฉพาะข้อมลู ข่าวสารทีอย่ใู นความสนใจของสงั คมมากกว่าม่งุ เน้นการรณรงค์ให้เกิด ความซอื ตรงในชมุ ชน จากสภาพปัญหาในเชิงสถาบันจะเห็นได้ว่าทกุ ภาคส่วนในพืนW ทีของชุมชนล้วนเป็ นบ่อเกิดและเป็ น ปัญหาในการเสริมสร้ างความซือตรงได้ทงั W สินW และในขณะเดียวกันก็สามารถเป็ นภาคส่วนทีช่วยสง่ เสริมความ ซือตรงให้เกิดขึนW ในชุมชนได้เป็ นอย่างดีเช่นกัน แต่สภาพปัญหาสําคัญอีกประการหนึงในสังคมไทยคือการ ประสานร่วมมือระหว่างสถาบันทีเกียวข้องนันW เกิดขึนW ได้ยาก แต่ละองค์กรมีลักษณะต่างดําเนินหน้าทีของ ตนเองไปโดยขาดการบูรณาการเชือมประสานทําให้กระบวนการกล่อมเกลาให้เกิดความซือตรงในชุมชนนันW ขาดความเหมาะสม เพราะแม้ว่ากระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมจากสถาบนั หลกั อย่างบ้าน วดั และโรงเรียน จะทําหน้าทีในการสร้ างคนทีมีความซือตรงเข้าสอู่ งค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว แต่หากองค์กรทีรับบุคคล เหล่านันW เข้าไปขาดการเสริมสร้ างความซือตรง เช่น มีการทุจริตในสถานทีทํางาน ขาดความโปร่งใส มี วฒั นธรรมการทํางานทีไม่รับผิดชอบตอ่ สงั คม ก็ยากทจี ะทําให้บคุ คลในองค์กรนนั W เป็ นผ้มู ีความซือตรงได้เชน่ กนั ~ 30 ~

.N.G กลไกทีเกียวข้องไม่เอือ\\ ให้เกิดความซือตรง จากการศึกษาวรรณกรรม พบว่า ในสงั คมไทยมีปัญหาความซือตรงทังW ด้านบุคคลและสถาบันต่าง ๆ ซงึ ก็มีหลายภาคสว่ นทีพยายามแก้ไขปัญหาเพือสร้ างความซือตรงให้เกิดขนึ W แต่ยังมีสภาพปัญหาด้านกลไกที เป็ นอปุ สรรคและไม่เอือW ให้เกิดความซอื ตรงอยู่ ดงั ปัญหาตอ่ ไปนี W O) การขาดระบบและกลไกปลกู ฝังค่านิยมความซอื ตรงทีถกู ต้องเหมาะสม ทําให้คนในชมุ ชนและสงั คม เห็นความสําคญั ของเงินกับผลประโยชน์เป็ นหลกั จนคนทีมีความซือตรง ซือสตั ย์ ไม่ทจุ ริต ถกู มองเป็ นคนทีไม่ ฉลาดและยังไม่ได้รับการเชิดชอู ีกด้วย จึงทําให้ขาดตวั แบบทีดีและคนทีอยากจะประพฤติตนให้มีความซือตรง ไม่เหน็ ประโยชน์ของการทําดี กลายเป็ นชมุ ชนและสงั คมทีขาดความซอื ตรงในทีสดุ T) การขาดกลไกการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนอย่างแท้จริงก็ทําให้เกิดปัญหาในการเสริมสร้ าง ความซอื ตรงได้ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถินเปิ ดโอกาสให้มีการมีสว่ นร่วมแตเ่ พียงรูปแบบโดยประชาชนยงั ไม่เข้าถึงการมีสว่ นร่วมเท่าทีควรจะเป็ น อย่างการร่วมเป็ นคณะกรรมการจดั ซือW จดั จ้างทงัW ทียงั ไม่มีความรู้ดีพอ ในเรืองการตรวจรับ การมีส่วนร่วมส่วนใหญ่เป็ นการแจ้งข่าวสารหรือหากมีการทําประชาคมก็มีการจดั แต่ ปกปิ ดข้อมูลทําให้การจัดทําแผนพัฒนายังไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน กฎหมายไม่เอือW ให้ ประชาชนมีสว่ นร่วมได้โดยสะดวกและหลากหลายทําให้ประชาชนเบือหน่ายกับการมีสว่ นร่วมและการร้องเรียน อุปสรรคเหล่านีทW ําให้ประชาชนซึงเป็ นภาคส่วนทีสําคัญต่อการส่งเสริม ติดตาม และตรวจสอบการทํางาน หายไปจากบริบทความซอื ตรงในองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ ^) หน่วยงานทีเกียวข้องมีหลายภาคสว่ นในชมุ ชนทําให้เกิดปัญหาการบริหารงานตามความรับผิดชอบ และการมอบหมายงาน เช่น ความทบั ซ้อนและการขาดความชดั เจนในการทํางานระหว่างองค์กรปกครองส่วน ท้องถินและสว่ นราชการในพืนW ที การขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงาน การมีข้อติดขดั ทางกฎหมายบาง ฉบับว่าด้วยเรืองผังเมือง การควบคมุ อาคาร การสาธารณปู โภค ฯลฯ ทียังมีหน่วยราชการอืนรับผิดชอบอยู่ หลายหนว่ ยงานยงั ให้ความรู้และคําแนะนําไม่เป็ นแนวทางเดยี วกนั ทาํ ให้เกิดความสบั สนในการปฏิบัติงาน บาง หน่วยงานมีการสร้ างงานใหม่แล้วเพิมภาระงานให้กับหน่วยงานอืนหรือผู้นําชุมชนทําให้อยู่ในภาวะทีไม่ สามารถรับผิดชอบหน้าทไี ด้ทวั ถึงเพราะงานเดิมก็ยงั ไม่สามารถทาํ ได้อย่างเต็มทีเทา่ ทีควร _) การกํากบั ดแู ลการทําหน้าทีของหน่วยงานต่าง ๆ ยงั ทําได้ไม่เต็มที เช่น ในการกํากบั ดแู ลการทํางาน ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินทีเป็ นผลมาจากจาก (O) องค์กรและเจ้าหน้าทีทีกํากบั ดแู ลไม่เพียงพอ มีเพียง คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซงึ มีบุคลากรปฏิบัติงานจริงในพืนW ทีขณะทีหน่วยงานอืนอย่างคณะกรรมการ สทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชาติ หรือคณะกรรมการปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ ทําได้เพียงฝากงานไว้กบั นายอําเภอ สํานักงานท้องถินอําเภอหรือจงั หวดั และผู้ว่าราชการจังหวดั นันW ๆ (T) การเมืองและวฒั นธรรมการบริหาร ที ~ 31 ~

ราชการสว่ นภมู ภิ าคถกู ลดความสาํ คญั ด้านงบประมาณลงทําให้การทํางานต้องอาศยั การขบั เคลือนจากองค์กร ปกครองสว่ นท้องถินด้วย และเมือเกิดกรณีปัญหาทีผ้วู ่าราชการจงั หวดั หรือนายอําเภอต้องใช้ดลุ พินิจก็มีความ โน้มเอียงไปทางองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของท้องถินทีมี ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั เป็ นประธานมกั มีความเกรงอกเกรงใจกนั ทําให้การตดั สนิ ใจอาจถกู ครอบงําโดยผ้วู ่าราชการ จงั หวดั หรือบางกรณี นกั การเมืองท้องถินอาจใช้ความสมั พนั ธ์กบั นักการเมืองระดบั ชาตกิ ดดนั หน่วยราชการที ทาํ หน้าทีกํากบั ดแู ลทําให้ไม่สามารถกํากับแนวทางการดําเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถินเป็ นไปตาม กฎระเบียบได้ ในส่วนต่อไปเป็ นการนําเสนอตวั อย่างกิจกรรมการเสริมสร้างความซือตรงทีเกิดขึนW ในชุมชนทงั W ทีริเริม สนบั สนนุ โดยหนว่ ยงานอืนและชมุ ชนเป็ นผ้ดู าํ เนินการเอง เพือเป็ นประโยชน์ต่อการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมลู ในเชงิ ลกึ ตอ่ ไป .S ตวั อย่างกิจกรรมเพือเสริมสร้างความซือตรงในชุมชน จากการสํารวจกิจกรรมเสริมสร้ างความซือตรงซึงเป็ นแนวปฏิบัติทีดีทังW ในและต่างประเทศ พบว่า กิจกรรมหลายอย่างค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน โดยอาจแบ่งกล่มุ ได้เป็ น กิจกรรมด้านข้อมลู ข่าวสาร ด้าน กฎระเบียบข้อบงั คบั และด้านการส่งเสริมการมีสว่ นร่วมและปลกู จติ สํานกึ .S. กิจกรรมด้านข้อมูลข่าวสาร ในประเทศอินเดีย5 มีกิจกรรมด้านข้อมลู ข่าวสาร ได้แก่ O) กิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนรับรู้สทิ ธิในการ ได้รับข้อมลู ข่าวสาร (Right To Information) เริมจากการแต่งตงั W อาสาสมคั รและฝึ กอบรมเพือให้คนในชนบทได้ ตระหนกั ถึงสทิ ธิในการรับรู้ข้อมลู ขา่ วสารและการใช้สทิ ธิในข้อมลู ข่าวสาร (Right To Information) ผ่านการใช้ โปสเตอร์ แผ่นพบั เกียวกับสิทธิในข่าวสารและการตรวจสอบทางสงั คม โดยมีการเผยแพร่เป็ นภาษาท้องถิน ตวั อย่างรัฐ Orissa มีกระบวนการเริมจากการคดั เลือกอาสาสมัครระดับรัฐ เขต หมู่บ้าน จากนันW ฝึ กอบรม 5 การดาํ เนนิ การเพอื ให้เกิดความซือตรงในองค์กรปกครองสว่ นท้องถินของอนิ เดยี ถือวา่ ได้รับแรงผลกั ดนั หนงึ ทีสาํ คญั จากองค์กรพฒั นาเอกชน โดยมีหนว่ ยงานหนงึ ทเี รียกวา่ Transparency International India ซงึ ขบั เคลอื นโครงการเพือให้เกิด ความซอื ตรงโดยริเริมกิจกรรมในท้องถินของอินเดยี เรียกว่า Pahal: Shaasan Sudhaar Ki Ore ใน 4 เขตของ 4 รัฐ ได้แก่ รัฐ Chhattisgarh Orissa Jharkhand และ Bihar ตงัW แต่เดือนเมษายน ปี 2009 เพือทําให้คนในชนบทได้เข้าถึงบริการพืนW ฐาน รวมถงึ มกี ารตรวจสอบทางสงั คม โดยมีการให้ประชาชนเป็ นศนู ย์กลาง มคี วามโปร่งใส และตรวจสอบได้ ~ 32 ~

เกียวกบั เครืองมือธรรมาภิบาล รายละเอียดโครงการของรัฐ กฎหมายว่าด้วยสทิ ธิในข้อมลู ข่าวสารของรัฐ เป็ น เวลา T วนั ซงึ อาสาสมคั รทีถกู คดั เลือกเป็ นผ้หู ญิงร้อยละ ad ผลจากการนําเครืองมือเหลา่ นีไW ปใช้ พบว่า ในเขต Khurda มีการประยกุ ต์ใช้สิทธิในข้อมลู ข่าวสารโดยประชาชนในหม่บู ้านเริมกรอกข้อมลู ต่อต้านร้านค้าสหกรณ์ ทีไม่ส่งมอบสินค้าทีจําเป็ นให้ หลงั จากทีมีการกดดนั จนเกิดร้ านค้าราคายตุ ิธรรม สินค้าทีกระจายส่ชู มุ ชนก็มี มากขนึ W และราคาเป็ นธรรม และมีคณะทํางานของหม่บู ้านคอยตรวจติดตามการทํางานของสมาชกิ สภาหม่บู ้าน T) มีการจัดตังW ศนู ย์ข้อมลู ข่าวสารท้องถิน เรียกว่า RTI Clinic (Right To Information Clinic) ศูนย์ข้อมลู ข่าวสารท้องถินเป็ นศนู ย์กลางข้อมลู ข่าวสารหรือห้องสมดุ สาธารณะของหม่บู ้านทีคนในหมู่บ้านจะได้รับการ บริการจากอาสาสมัครข้อมูลข่าวสาร แลกเปลียนข้อมูลกัน และเรียนรู้การแก้ไขปัญหาจากประสบการณ์ ท้องถินอืน ^) จดั ให้มีการศึกษาด้านการบริการสาธารณะและจดั ให้มีอปุ กรณ์การสือสารเกียวกับธรรมาภิบาล และการกระจายอํานาจเพือกระจายข่าวสารผ่านชนั W เรียนและสือต่าง ๆ ยกตวั อย่างกรณีเมือง Hazaribagh ใน รัฐ Jharkhand มีโรงเรียนรัฐบาล Oa โรงเรียน แตม่ ีถึง O^ โรงเรียนทีไม่ได้บริการอาหารกลางวนั กับเดก็ นกั เรียน อยา่ งน้อย Oa วนั แล้ว ประเดน็ นีถW กู รายงานต่อเจ้าหน้าทีเขตและถกู เผยแพร่ในสือสารธารณะของอนิ เดียหลาย ฉบบั ทําให้ในวันเดียวกนั ทีเผยแพร่ข่าวออกไปผ้บู ริหารของเมืองนีไW ด้ทราบข่าวการสาํ รวจนี Wเป็ นผลให้เกิดการ แก้ไขปัญหาในทนั ทีและเด็กได้รับบริการอาหารมือW กลางวนั ในวนั ตอ่ มา หม่บู ้านอืนๆก็แจงร้ องเรียนข้อปัญหา เดียวกันนีหW ลงั จากได้อ่านข่าวทีถกู เผยแพร่ออกไป _) รณรงค์ให้เกิดความตระหนักในผ้มู ีสทิ ธิเลือกตงัW เพือให้ ผ้ใู ช้สทิ ธิเลือกตงั W สามารถเลือกผ้แู ทนทีมีความเหมาะสมและมีความรับผิดชอบต่อการพฒั นาท้องถิน ตวั อยา่ ง การเลือกตงัW ของหมู่บ้าน Chhattisgarh ในช่วง ระหว่างมกราคม – กุมภาพันธ์ TdOd ซึงจดั ให้มีการสํารวจ ความคิดเห็นของประชาชนเกียวกับผ้สู มัครรับเลือกตังW และความต้องการพฒั นาในพืนW ทีของตน จากนันW มีการ จดั ทําป้ ายและจัดการอภิปรายอย่างแพร่หลายในหม่บู ้าน ซึงรับสมัครเลือกตงั W ผู้ใหญ่บ้านบางสว่ นได้เข้าร่วม และสนบั สนนุ กิจกรรมนี Wรวมทงั W ผ้สู มคั ร w ใน Od คน ได้ลงนามในวาระประชาชนของเวทีสาธารณะเมือผลการ เลอื กตงัW ออกมาพบว่า ผ้สู มคั ร T คนทีได้รับเลือกตงัW เป็ นผ้ใู หญ่บ้านคือคนทีร่วมลงนามความร่วมมือและเข้าร่วม กิจกรรมดงั กลา่ ว โดยผ้ทู ีได้รับการเลอื กตงัW ไมใ่ ช่กลมุ่ บคุ คลเดมิ ทีผกู ขาดอีกตอ่ ไป (Singh, TddP – TdOd, p.a) ตวั อย่าง เมืองยอกยากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซียทีได้รับการคดั เลือกว่ามีการบริหารงานภายใต้หลกั ธรรมาภิบาลทีดี ในเรืองการปรับปรุงประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนโดยใช้ E-Government หรือ ระบบการปกครองแบบออนไลน์ (E-Government) ซงึ เป็ นการสร้างช่องทางสอื สารระหว่างภาครัฐกับประชาชน และภาครัฐกับภาคธุรกิจ และระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง เพือความสะดวก โปร่งใส และประหยดั รายละเอียด คือ การออกแบบเว็บไซต์ทีเข้าถึงได้สะดวก ข้อมลู ทนั สมยั และโปร่งใส โดยเมืองยอกยากาตาร์ได้ นํามาใช้กับการบริการของท้องถินหลายรูปแบบ เช่น การเรียกเก็บภาษี การเรียกคืนภาษีแบบออนไลน์ การ ให้บริการสาธารณะแบบออนไลน์ เป็ นต้น ระบบการปกครองแบบออนไลน์นีทW ําให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและ ~ 33 ~

สามารถตรวจสอบการทํางานของท้องถิน และยังมีข้อดีทีในส่วนของการจัดซือW จัดจ้างซึงผู้ทีจะเข้ามาร่วม ประมลู จะไม่ทราบว่าใครเป็ นผ้อู นุมติ เพราะเป็ นตวั แทนจากหนว่ ยงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน ` แห่ง ซงึ ช่วยลดการล๊อบบีแW ละการให้สนิ บนได้ เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต้องถูกนํามาแสดงไว้ในเว็บไซต์ด้วย (Agus, 2006) .S. กิจกรรมด้านกฎระเบียบข้อบังคับ ในประเทศอฟั กานิสถาน (Afghanistan) มีหน่วยงานเฝ้ าระวงั ด้านความซือตรงชือว่า Integrity Watch Afghanistan (IWA) ทีได้พฒั นาชดุ คณุ ลกั ษณะของผ้ทู ําหน้าทีติดตามโครงการเพือเสริมสร้างความซือตรงใน ชุมชนซึงสามารถนําไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับพืนW ทีต่างๆได้ คุณสมบัติเหล่านันW ได้แก่ มีความซือสัตย์ มี ความสามารถทางภาษา ได้รับการยอมรับจากชุมชนเป็ นอย่างดี สนับสนนุ การติดตามเฝ้ าระวังในชุมชน มี ประสบการณ์ทํางานด้านสงั คม ไม่ใช่เจ้าหน้าทีในหน่วยงานของรัฐ พกั ใกล้กับพืนW ทีดําเนินโครงการ สามารถ เข้าถึงพืนW ทีดําเนินโครงการได้ มีเวลาว่างเฉลีย ^ ครังW หรือ w-o ชวั โมงต่อสปั ดาห์ และมีจิตอาสา (อาจมีการรับ ค่าตอบแทนเฉพาะในส่วนค่าเดินทางหรืออย่างมากทีสุด คือ ค่าใช้จ่ายในการสือสาร) ซึงคุณสมบัติของ ผ้ตู ิดตามในบางข้อนีอW าจไม่จําเป็ นต้องมีครบในคนเดียว เช่น อาจมีผ้ตู ิดตามในบางพืนW ทีสองคน เพือให้ผู้ทีมี ทกั ษะทางภาษาได้เน้นหน้าทีในสว่ นนนัW เพือให้อีกคนหนึงอาสาทําในส่วนทีตนทําได้ (Integrity Action, TdO_, p.w) ในประเทศเนปาล (Nepal) งบประมาณทีเกียวกบั เทศบาล (Municipal) จะถกู จดั สรรให้กับโครงการ ของผ้หู ญิงคดิ เป็ นร้อยละ Od ของงบประมาณ แต่การจดั สรรงบดงั กลา่ วก็ไม่เข้าถึงกลมุ่ ผ้หู ญิงได้อย่างทีตงัW ใจไว้ และผู้หญิงเองก็ยงั ไม่มีความตระหนกั เพียงพอ จนกระทังได้มีโครงการอบรมผ้หู ญิงบางส่วนให้เป็ นผ้ตู ิดตามก็ เกิดการติดตามงบประมาณของเทศบาลและพบว่างบประมาณเพือผ้หู ญิงนันW ไม่เคยได้รับจดั สรรเลย โดยการ ติดตามดงั กลา่ วใช้วิธีการเข้าพบกบั เจ้าหน้าทีของท้องถินซงึ ในตอนแรกผ้ตู ดิ ตามทีได้รับการอบรมก็ถูกปฏิเสธ และเจ้าหน้าทีอ้างว่างบประมาณถูกกักเก็บไว้ไม่สามารถใช้ได้และไม่มีงบเพือทํากิจกรรมดังกล่าว ทําให้ ผู้ติดตามต้องกลับเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าทีท้องถินหลายครังW และได้รับการบ่ายเบียง ในท้ายทีสดุ เจ้าหน้าที พฒั นาท้องถิน (Local Development Officer) ก็ยอมพบกับผ้ตู ิดตามทีมาทวงถามถึงงบประมาณนันW และได้ ปรึกษาหารื อกันจนเกิดการจัดสรรสองในสามของงบประมาณหรือราว 200,000 รูปี เนปาล (NPR)6 6 คดิ เป็นเงินไทยประมาณ wa,TTd บาท จากอตั ราแลกเปลยี นธนาคารแหง่ ประเทศไทย ณ วนั ที O` ธันวาคม Taa` ที อตั รา d.^TwO บาท ตอ่ O รูปีเนปาล ~ 34 ~

งบประมาณถูกใช้ในการฝึ กอบรมการตัดเย็บให้กับผู้หญิง และการฝึ กอบรมให้ผู้หญิงมีความตระหนักและ สามารถตรวจสอบการใช้จา่ ยงบประมาณทําให้ท้องถินมีการทํางานทีโปร่งใสและรับผดิ ชอบตอ่ ประชาชนมาก ขึนW ทําให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆทีทําเป็ นอาชีพได้ทีบ้านและสามารถหาเงินใช้ได้ในอนาคต (Integrity Action, 2014, p.Od) ในประเทศปาเลสไตน์ (Palestine) เด็กนักเรียน 1,200 คน ได้ดําเนินการตรวจสอบทางสังคมในปี Taaw โดยการสนับสนนุ ของโรงเรียน ศนู ย์สร้างสรรค์ครู (Teacher Creativity Centre: TCC) และหน่วยงาน Integrity Action นกั เรียนเหล่านีไW ด้มีการวิเคราะห์นโยบายและการปฏิบตั ิ จ้างผู้เชียวชาญงานวิศวกรรม สมั ภาษณ์ชมุ ชนเพือตดิ ตามการใช้เงินกองทนุ สว่ นภาคสือชว่ ยเผยแพร่งานโดยเฉพาะอยา่ งยิงเมือเจ้าหน้าทีรัฐ ไม่ให้ความร่วมมือ กิจกรรมนีนW ักเรียนได้ตรวจสอบพบการทุจริตถึงร้อยละ `T จาก _d โครงการทีตรวจสอบ ปัจจบุ นั นกั เรียนเหลา่ นียW งั ได้ทาํ งานร่วมกบั เจ้าหน้าทีท้องถนิ และบริษัทเอกชนผ้รู ับจ้างเพือจดั การปัญหา โดยมี บางท้องถินทีขบั เคลือนในหลายเรือง เช่น นกั เรียนมีการระบุปัญหาในการก่อสร้ างถนนและกดดนั ให้ผู้ว่าการ ท้องถินนันW ต้องแนใจว่าบริษัทเอกชนผ้รู ับจ้างมีการส่งมอบงานทีถกู ต้องและตรงเวลา มีการห้ามบริษัททรี ับจ้าง เหมาทําถนนบนพืนW ทีของประชาชนต่อจนกว่าจะมีการทําในพืนW ทีทีเหมาะสมและไปในทิศทางทีถูกต้อง การ ทาํ งานของนกั เรียนกลมุ่ นีทW ําให้ประชาชนได้มีถนนทีดกี ว่าเดิม (Integrity Action, 2014, p.Oa) ในประเทศอนิ เดีย ได้แก่ O) กฎพลเมือง (Citizen’s Charter) เป็ นกฎทีถกู ทําขึนW จากการปรึกษาหารือ กับองค์กรปกครองส่วนท้องถินเพือให้มีการแสดงข้อมลู เกียวกับหน่วยงานของรัฐ ได้แก่ ชือของเจ้าหน้าทีรัฐ หน้าทีทีทํา รายละเอียดการให้บริการประชาชนทีแสดงให้เหน็ ระยะเวลาในแต่ละขนั W ตอนการทํางาน และเวลา สนิ W สดุ ในการทํางาน ฯลฯ T) การตรวจสอบทางสงั คม (Social Audit) เป็ นข้อกําหนดในการบริหารของท้องถินที จะต้องสอดคล้องกับการตรวจสอบของสภาหมู่บ้านตามแบบทีกําหนดไว้ ตวั อย่างการขับเคลือนในหมู่บ้าน Mochh ของเขต Bilaspur โดยการจดั แรลลีเพือสร้างความตระหนัก 1 วนั การฉายภาพยนตร์เกียวกับการ ตรวจสอบทางสงั คมทีดําเนินการโดยกล่มุ องค์กรพฒั นาเอกชน หรือ NGO ต่อมาหลงั จากนันW Oa วนั มีการเก็บ รวบรวมข้อมลู ขา่ วสารจากประชาชนในหม่บู ้านและมีการตรวจสอบโดยสภาหม่บู ้านด้วยการช่วยเหลือของคน ในหม่บู ้านตามแบบการตรวจสอบทางสงั คม กิจกรรมการตรวจสอบทางสงั คมนีถW กู ดําเนินการอย่างมีสว่ นร่วม โดยตัวแทนฝ่ ายบริหาร เจ้าหน้าที พนักงานของสภาหมู่บ้าน ตวั แทนองค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มพึงพาตนเอง และคนในหมบู่ ้าน ซงึ คนทีกลบั เข้ามามีส่วนร่วมในสภาหม่บู ้านค่อนข้างสงู อย่ทู ีประมาณ add คน หรือร้อยละ Ta ของประชากรในหมบู่ ้าน ^) การปฏริ ูปกระบวนการจดั ทาํ กฎหมาย รวมทงั W ทําให้เกิดการปฏิรูปในเชิงบวกกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิน การบริหาร และการบริการ นอกจากนี W ตัวอย่างทีน่าสนใจในรัฐ Bangalore มี กิจกรรมรับฟังความคิดเหน็ ของประชาชนทีเรียกว่าบตั รรายงาน (Report card) โดยกิจกรรมนีมW ีจดุ เริมต้นจาก การหารูปแบบกิจกรรมทีเหมาะสมเพือให้กระต้นุ การทํางานขององค์กรปกครองส่วนท้องถินอย่างโปร่งใสและ ~ 35 ~

แก้ไขปัญหาได้ตรงจดุ นอกจากจะมีการรายงานผลผา่ นการประชาสมั พันธ์แล้วยงั เปิ ดให้มีการประเมินเทียบผล เป็ นระยะและมีการทบทวนการปฏิบตั ิงานร่วมกนั กับประชาชนด้วย (Transparency International India, Tddob; Singh, TddP – TdOd; ถวลิ วดี บรุ ีกลุ , TaaT, น.P_ - OdO) กิจกรรมด้านความซือตรงขององค์กรปกครองท้องถินในประเทศเดนมาร์ก พบว่า เดนมาร์กเป็ น ประเทศทีมีระบบความซือตรงทีเข้มแข็งแม้จะมีกฎหมายทีเกียวข้องกบั การต่อต้านการทจุ ริตอย่นู ้อยมากก็ตาม แต่จากการศกึ ษาของ Transparency International Denmark ในปี TdOT ได้กล่าวว่ายงั มีข้อบกพร่องบาง ประการทีอาจบนั ทอนต่อระบบความซอื ตรงของเดนมาร์ก ได้แก่ การเข้าถึงเอกสาร การแจ้งเบาะแสทีประชาชน ยงั มีความเกรงกลวั การรับของกํานลั ฯลฯ ซงึ Transparency International Denmark ได้ให้ข้อเสนอแนะที น่าสนใจและอาจนําไปปรับเป็ นกิจกรรมการเสริมสร้างความซือตรงขององค์กรปกครองสว่ นท้องถินทีชมุ ชนเข้า ไปมีส่วนร่วมได้ ได้แก่ O) ขึนW ทะเบียนสมาชิกรัฐสภาและให้แจ้งตําแหน่งอืนทีดํารงอย่พู ร้ อมทงั W ทรัพย์สินของ สมาชิก T) แจกแจงเงินหรือของบริจาคแก่พรรคการเมืองและผ้สู มคั รทีจะต้องมีอยใู่ นบัญชีรับบริจาคของพรรค ^) คุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทจุ ริตโดยตังW องค์กรกลางเป็ นทีปรึกษาแก่พนักงานของรัฐและเอกชน _) แก้ไข กฎหมายเพือให้ประชาชนสามารถเข้าถงึ ข่าวสารได้มากขึนW a) จดั ทํารายการของกํานัลของเจ้าหน้าทีระดบั สงู ซึงมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ของกํานัลทีได้รับ ภาระงาน ฯลฯ และ w) ดําเนินการให้ภาคประชา สงั คมเข้ามามีสว่ นรวมโดยทํางานร่วมกนั กบั Transparency International Denmark เป็ นเวลา _ สปั ดาห์ และ ให้ประชาสงั คมมีสว่ นร่วมทํางานกบั รัฐสภามากขนึ W 7 .S.G กจิ กรรมด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในประเทศคีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan) ได้มีการฝึ กอบรมให้กับผู้ทีจะมาเป็ นผู้ติดตามการดําเนิน โครงการของรัฐในเมือง Osh ซึงมีตวั อย่างผู้ติดตาม T ท่าน ชือ Lariza Kuznetsova และ Sulaimanova Suimkan ทีได้เข้าอบรมแล้วได้นําสิงทีได้รับจากการอบรมไปใช้ในปี ค.ศ.TdOT โดยได้ทําการแบ่งแยกประเด็น ปัญหาของผ้พู ิการทไี ม่ได้รับบริการและพบว่าปัญหาหนงึ คือ ผ้ปู กครองของเดก็ ทีไมไ่ ด้รับบริการไม่ทราบว่ารัฐมี บริการแก่ประชาชน ผ้ตู ิดตาม T ท่านนีจW งึ นําประเด็นปัญหาเข้าพูดคยุ กับคณะทํางานร่วมซึงได้มีการจัดตังW ขึนW ภายใต้การริเริมของหน่วยงาน Integrity Action หลงั จากนนัW ได้มีการประชมุ ร่วมกนั ภายหลงั ปี TdOT จํานวน ^ ครังW เพือรับรองแผนปฏิบตั ิการสําหรับผ้ทู ีต้องได้รับการช่วยเหลือเป็ นพิเศษ และคณะทํางานร่วมนียW งั ได้จดั ทํา 7 กิจกรรมความซือตรงของประเทศเดนมาร์ก สรุปจากงานสงั เคราะห์ของ ณฐั พล พวั ประเสริฐ นกั วิจัยร่วมสถาบนั พระปกเกล้า (Taa`) ในโครงการศึกษากระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมและจัดทํายุทธศาสตร์ความซือตรงส่กู ารปฏิบตั ิ: กรณีศกึ ษาองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน. ~ 36 ~

แผน่ พบั เผยแพร่ข้อมลู ข่าวสารองค์กรและวิธีการรับบริการสาธารณะสําหรับผ้พู ิการหรือผ้ทู ีต้องการได้รับความ ชว่ ยเหลอื เป็ นพิเศษ ซงึ การดาํ เนินการนีชW ว่ ยแก้ปัญหาการรับและจ่ายสนิ บนทีก่อนหน้านีผW ้รู ับบริการไม่ทราบวา่ จะรับบริการได้ทีใดได้บ้างและมีสิทธิประโยชน์อะไร ภายหลงั การแก้ไขปัญหานีกW ็ทําให้ประชาชนเข้าถึงบริการ ข้อมลู ข่าวสารได้ง่ายขึนW และอตั ราการจ่ายสนิ บนเพือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ลดลง (Integrity Action, 2014, p.5) ในประเทศติมอร์เลสเต้ (Timor Leste) ได้มีการแต่งตงั W คณะกรรมการติดตามตรวจสอบโครงสร้าง พืนW ฐานเขต (District Infrastructure Monitoring Committee) ในเขต ^ เขต ได้แก่ Liquica Barzartete และ Aileu/Dill โดยคณะกรรมการประกอบด้วยเจ้าหน้าทีหนว่ ยงานท้องถิน และสมาชิกชมุ ชนคนอืนๆ ยกตวั อยา่ ง เขต Barzartete ทีคณะกรรมการฯ ประกอบไปด้วยผู้แทนจาก Integrity Action ผู้ตรวจสอบชุมชน ตวั แทน เยาวชน หวั หน้าหม่บู ้าน และหวั หน้าแผนกสขุ ภาพในระดบั เขตยอ่ ย หวั หน้าตํารวจ และเจ้าหน้าทีปกครองเขต ย่อยเพือทําหน้าทีให้คําปรึกษาชีแW นะ ซงึ ในทีประชมุ ประจําเดือน ผ้ทู ีทําหน้าทีเป็ นแกนหลกั (Focal point) จะ นําเสนอข้อค้นพบจากการติดตามตรวจสอบและโครงการต่างๆทีเป็ นปัจจุบันโดยการประชุมไม่ได้เปิ ดสู่ สาธารณะ คณะกรรมการฯ เป็ นเหมือนกลไกเพือเปิ ดให้มีการร้ องเรียน ดงั ตวั อย่างเขต Lospalos ทีบริษัทผู้ รับจ้างไม่จ่ายเงนิ เดือนให้กบั ผ้ทู ํางานเพราะรัฐยงั ไม่ได้จา่ ยเงนิ ให้กบั บริษัทผ้รู ับจ้าง ซงึ คณะกรรมการฯ สามารถ อภิปรายและแก้ปัญหาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทีเกียวข้องทังW หมด ซึงการทําหน้าทีของคณะกรรมการฯ เหลา่ นี W Integrity Watch Afghanistan (IWA) ได้เข้ามาติดตามและพบว่าการทํางานของคณะกรรมการเป็ น พืนW ทที ีดเี ยียมในการสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถินและชมุ ชน (Integrity Action, 2014, p.o) องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี ประเทศไทย มีโครงการก่อสร้ างโครงสร้ างพืนW ฐานอย่างมีส่วนร่วม โดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบีประสบปัญหาการดําเนินการก่อสร้ างโครงสร้ างพืนW ฐานทีอาจส่งผล กระทบต่อวิถีชีวิตประชาชน จึงได้ดําเนินโครงการนีเW พือให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสาร ตรวจสอบ และกํากับดแู ล งานก่อสร้ างโครงสร้ างพืนW ฐานของท้องถิน เริมตังW แต่ก่อนการดําเนินการ องค์การบริหารส่วนจงั หวัดกระบีจะ ชีแW จงเกียวกับการอุทิศทีดินเพือการก่อสร้างโครงสร้ างพืนW ฐานแก่ประชาชน เพือให้เจ้าของทีดินยอมสละทีดิน บางสว่ น บางครังW ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเงินซือW ทีดินเพือทําการสาธารณประโยชน์ ส่วนองค์กรท้องถินระดับ ตําบลและเทศบาลจดั ทําประชาคมรับฟังความคิดเหน็ ประชาชนเพือจดั ทําโครงการก่อสร้างพืนW ฐานเสนอมายงั องค์การบริหารส่วนจงั หวัดกระบี เมือโครงการขององค์กรปกครองท้องถินระดับรองได้รับอนุมัติงบประมาณ และดําเนินโครงการแล้ว ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบการทํางานของผู้รับเหมาโดยแจ้งสิง ผิดปกติกบั องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั กระบี.และเข้าร่วมเป็ นกรรมการตรวจรับงาน ถื อ เ ป็ น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม วฒั นธรรมการทํางานทโี ปร่งใส เพราะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสว่ นร่วมในการรับรู้ข้อมลู ตรวจสอบ และกํากับ ~ 37 ~

ดูแล ส่งผลให้การใช้งบประมาณของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบีมีความคุ้มค่า กระต้นุ เศรษฐกิจ และ เป็ นไปเพือประโยชน์สว่ นรวม (วิทยาลยั พฒั นาการปกครองท้องถิน สถาบนั พระปกเกล้า, Taa^) ในประเทศอินเดีย กิจกรรมด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วม ได้แก่ O) การออกค่ายหมู่บ้าน เพือสร้าง ความตระหนักและส่งมอบบริการส่ปู ระชาชน ค่ายเหล่านีจW ะถูกตังW ขึนW ในพืนW ทีชนบทเพือสร้ างความตระหนัก เกียวกบั การบริหารการปกครองในท้องถินและมีเครืองมือเพือช่วยให้ชมุ ชนชนบทเข้าถงึ ข้อมลู ข่าวสารและการ บริการขนั W พืนW ฐานผา่ นโครงการตา่ ง ๆ ทไี ด้เสนอต่อรัฐบาล T) การเอือW ให้เกิดการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชน ได้แก่ การอาํ นวยความสะดวกให้กบั สภาหม่บู ้าน โดยประชาชนถกู กระต้นุ ให้มีส่วนร่วมในสภาหม่บู ้านเพือการ ทําแผนปฏิบัติการของหมู่บ้ าน การเลือกแผน การงบประมาณ การติดตาม และตรวจสอบทางสังคม (Transparency International India, Tddob; Singh, TddP – TdOd) การเสริมสร้างความซือตรงในประเทศอินโดนีเซีย8 พบว่า ในส่วนขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน ได้มี โครงการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในประเทศอินโดนีเซยี (Agus, 2006) โดยเปิ ดโอกาสให้ประชาชนเป็ นตวั แทน ในคณะกรรมการความโปร่งใสด้านข้อมลู และการมีส่วนร่วม และเข้ามาเป็ นสมาชิกผ้ตู รวจการแผ่นดินท้องถิน ดงั เชน่ กรณีจงั หวดั Lebak มีการรวมตวั ของกล่มุ ทีเรียกว่า Multi-Stakeholder Forum (MSF) ซงึ ประกอบด้วย ข้าราชการ สมาชกิ สภาตําบล สือมวลชน พลเมือง และนักกิจกรรมสตรี รวมทงัW หมด 17 คน ทีได้ทําการรวบรวม งานวิชาการด้านความโปร่งใสและยกร่างระเบียบด้านความโปร่งใส เมือวันที 1 มิถนุ ายน 2004 จากนันW จึงมี การจดั ตงั W คณะกรรมการความโปร่งใสด้านข้อมลู ข่าวสารและการมีสว่ นร่วม เรียกว่า CIPT (The Commission on Information Transparency and Participation) โดยสมาชิกมาจากสภาตําบล หน้าทีหลกั ของ CIPT คือ ทํางานร่วมกบั ข้าราชการอําเภอในเรืองความโปร่งใส รับข้อร้องเรียนเกียวกบั ปัญหาทีเกิดจากการปฏิบตั ิหน้าที แก้ไขปัญหาจากการร้องเรียน และทํารายงานตอ่ หน่วยงานทีเกียวข้อง .S.N กิจกรรมด้านการปลูกจติ สาํ นึกและปลูกฝังค่านิยมความซือตรง กิจกรรมด้านปลูกจิตสํานึกและค่านิยมความซือตรงทีพบส่วนใหญ่เป็ นการอบรมเกียวกับคณุ ธรรม และการจดั กิจกรรมทางศาสนา ยกตัวอย่างในประเทศเยอรมนี มีการอบรมให้กับหน่วยงานทีมีการจดั ซือW จัด จ้างและหมุนเวียนงานเจ้าหน้ าทีในแต่ละส่วนงานเพือลดการติดต่อกับเจ้าของธุรกิจนานเกินไปจนอาจ 8 นวตั กรรมความซือตรงของประเทศอินโดนเี ซยี สรุปจากงานสงั เคราะหข์ อง รัชวดี แสงมหะหมดั นกั วจิ ยั ร่วม สถาบนั พระปกเกล้า (2557) ในโครงการศกึ ษากระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมและจัดทํายทุ ธศาสตร์ความซือตรงส่กู ารปฏิบตั ิ: กรณีศกึ ษาองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน. ~ 38 ~

ก่อให้เกิดการทจุ ริตได้ และยงั อบรมคณุ ธรรมแก่นกั ศกึ ษาสาขาวิชาบริหารธุรกิจ เพราะนกั ศกึ ษาเหล่านีเW มือจบ การศกึ ษาไปสว่ นใหญ่มีแนวโน้มทีจะประกอบธรุ กิจ ในประเทศอนิ เดีย ศาสนาและครอบครัวนบั วา่ มีบทบาทต่อการเสริมสร้างความซือตรงมาก โดยศาสนา ทคี นอินเดียส่วนใหญ่นับถือมากทีสดุ คือศาสนฮินดู ซึงคําสอนในศาสนาฮินดสู ง่ ผลต่อคณุ ธรรมและจริยธรรม ของคนอินเดียหลายประการ เช่น มหากาพย์มหาภารตะและมหากาพย์รามายณะ ได้สอนให้คนอินเดียรู้จัก แยกแยะระหว่างความดีความชวั และฝ่ ายความดีจะเป็ นผู้ชนะเสมอ เป็ นต้น รวมถงึ พิธีกรรมและระบบแบ่งชันW วรรณะในสงั คมอินเดียซึงมีพืนW ฐานเพือให้คนในสังคมแบ่งหน้าทีและอาชีพให้กับคนในสังคมแต่ภายหลัง กลายเป็ นเครืองมือของคนวรรณะสงู ใช้เอารัดเอาเปรียบคนวรรณะตํากว่า อีกทงัW ศาสนาฮินดูมีพิธีกรรมหลาย อย่างทีสมั พันธ์กับการดํารงชีวิตของคนตงัW แต่มารดาตงัW ครรภ์ จนกระทงั สินW ชีวิตก็จะมีพิธีกรรมของฮนิ ดเู ข้ามา เกียวข้อง ทําให้เด็กในอินเดียเมือโตขึนW จึงมีความผูกพันกับครอบครัวและเมือเด็กโตขึนW ก็จะช่วยงานภายใน ครอบครัวรวมถึงช่วยเลียW งดผู ู้เกิดใหม่ซึงมีอายนุ ้อยกว่า จึงทําให้สถาบนั ครอบครัวมีบทบาทสงู ต่อการปลกู ฝัง คณุ ธรรมให้กับคนในสงั คมอินเดียไม่น้อย อย่างไรก็ดี สภาพเศรษฐกิจและสงั คมในปัจจบุ ันได้สง่ ผลให้อิทธิพล ของครอบครัวต่อการปลกู ฝังจริยธรรมลดลงไปด้วย และอินเดียไม่มีการกําหนดศาสนาประจําชาติจึงไม่มี กําหนดการสอนศาสนาไว้ในหลกั สตู รการเรียนการสอน ยกเว้นโรงเรียนเอกชนบางโรงเรียน ทําให้เยาวชน อินเดียได้เรียนรู้หลกั ธรรมคําสอนทางศาสนาจากสืออืน ๆ อย่างการ์ตนู หรือรายการโทรทศั น์ (ธนพล จาดใจดี, Ta_o) ในประเทศศรีลงั กา ซึงคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ได้มีการอบรมสังสอนตังW แต่ในครอบครัว มี โรงเรียนพระพทุ ธศาสนาวนั อาทติ ย์ซงึ มีครูเป็ นอาสาสมัครเข้ามาทํางานฟรีโดยได้รับการยกย่องจากสงั คม สว่ น ภาครัฐให้การสนบั สนนุ ด้านการตีพิมพ์ตํารา ออกข้อสอบ และใบประกาศ สําหรับการปลกู ฝังด้านความซือตรง นันW จะเน้นในเรืองความอ่อนน้อม กตญั zู การไม่ลักขโมย ความรับผิดชอบ และชีวิตทีพอเพียง (ฉัตรสมุ าลย์ กบิลสงิ ห์, 2548 อ้างใน สถาบนั พระปกเกล้า, Taaa, น._w-_`) ประเทศฟิ นแลนด์ ระบบการศึกษานบั ว่ามีบทบาทสําคญั ในการเสริมสร้างความซือตรงในชุมชนเป็ น อยา่ งมาก ระบบการศกึ ษามีความเสมอภาคและเชือมโยงกบั สถาบันครอบครัวและศาสนา เด็กเล็กจะได้รับการ สอนทีเกียวกับคุณธรรมจากผู้ปกครอง เช่น ความมีวินัยและรับผิดชอบต่อตนเอง ฝึ กบริหารคา่ ขนม ฝึกการ ตดั สินใจเลือกซือW เสือW ผ้า ห้ามดูโทรทัศน์และเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เป็ นต้น เมือเข้าสู่สถานรับเลียW งเด็กและ การศกึ ษาพืนW ฐาน เดก็ ก็จะได้รับการสอนเน้นในด้านทีเกียวกบั คณุ ธรรม ซงึ การศกึ ษาขนั W พืนW ฐานของฟิ นแลนด์มี จดุ เน้นเพือให้เด็กมีใจเมตตากรุณา เป็ นสมาชิกสงั คมทีมีความรับผิดชอบ และมีทกั ษะในการใช้ชีวิต และเมือ มาถึงชนั W มธั ยมก็เป็ นรูปแบบการอภิปรายเรืองความดีและความชัวโดยเน้นนกั เรียนเป็ นศูนย์กลาง นอกจากนี W ~ 39 ~