Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 46นักการเมืองถิ่นกาฬสินธ์

46นักการเมืองถิ่นกาฬสินธ์

Description: เล่มที่46นักการเมืองถิ่นกาฬสินธ์

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ท่องเที่ยว ลักษณะน้ำตกเป็นแก่งหินเรียงรายเป็นแนวยาว มี ลานหินกว้าง สามารถจัดงานเทศกาลประจำปีได้ มีถ้ำกว้าง สามารถเข้าพักผ่อนได้ การเดินทางเข้าชมทิวทัศน์สะดวกทุก ฤดกู าล 2.7) ผาเสวย ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานในเขต บ้านแก้งกะอาม หมู่ที่ 6 ตำบลผาเสวย เดิมชาวบ้านเรียกว่า “ผารังแร้ง” เมื่อ พ.ศ. 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จผ่านและเสวย พระกระยาหารกลางวัน จึงเรียกที่ประทับแห่งนั้นว่า “ผาเสวย” ซึ่งมีลักษณะหน้าผาสูงชันตั้งอยู่บนเหวลึก ชาวบ้านเรียกกัน ว่า“เหวหำหด” บนหน้าผาเสวยสามารถชมทัศนียภาพ และ เป็นที่ผักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี ระยะทางห่างจากที่ว่าการ อำเภอสมเด็จ 17 กิโลเมตร เส้นทางสายสมเด็จ-สกลนคร 2.8) พุทธอุทยาน “เกาะแก้วเบญจรัตน์” ตั้งอยู่กลาง อ่างเก็บน้ำห้วยสังเคียบ อำเภอสมเด็จ (ห่างจากจังหวัด ประมาณ 42 กิโลเมตร) นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทาง ธรรมชาติที่สวยงามแล้วยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธ สมเด็จชุ่มเย็นมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ หล่อด้วยโลหะทองเหลืองรมดำ จำลองจากพระพุทธรูปหลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งเป็นพระคู่บ้าน คู่เมืองกาฬสินธุ์ 26

ข้อมูลท่ัวไปของจังหวัดกาฬสินธุ์ 2.5 การบริหารและการปกครอง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แบ่งการปกครองส่วนภูมิภาค ออกเปน็ 18 อำเภอ 135 ตำบล 1,584 หมบู่ า้ น 249,845 ครวั เรอื น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ 2) อำเภอนามน 3) อำเภอกมลาไสย 4) อำเภอร่องคำ 5) อำเภอกุฉินารายณ์ 6) อำเภอเขาวง 7) อำเภอยางตลาด 8) อำเภอห้วยเม็ก 9) อำเภอสหัสขันธ์ 10) อำเภอคำม่วง 11) อำเภอท่าคันโท 12) อำเภอหนองกุงศรี 13) อำเภอสมเด็จ 14) อำเภอห้วยผึ้ง 15) อำเภอสามชัย 16) อำเภอนาคู 17) อำเภอดอนจาน 18) อำเภอฆ้องชัย 27

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ภาพ 2 เขตการปกครองของจงั หวัดกาฬสนิ ธ์ ุ ที่มา. จาก จังหวัดกาฬสินธุ์, โดย วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ม.ป.ป. 28

ตารางท่ี 1 ขอ้ มลู เขตการปกครองของจังหวดั กาฬสนิ ธุ์ ท่ ี อำเภอ ตำบล หมูบ่ ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พน้ื ที่ หา่ งจาก เทศบาล อบต. (ตร.กม) ตวั จงั หวดั 1 เมือง 2 ยางตลาด (กม.) 3 กมลาไสย 4 สหัสขันธ์ 17 185 16 1 691.524 0 5 กุฉินารายณ์ 6 ท่าคันโท 15 208 6 11 621.084 16 7 สมเด็จ 8 เขาวง 8 111 3 7 317.329 13 9 ห้วยเม็ก 10 คำม่วง 8 85 4 4 316.402 32 12 145 4 10 739.247 80 6 60 1 5 393.549 109 8 94 ข้อมูลท่ัวไปของจังหวัดกาฬสินธ์ุ 29 1 8 454.095 42 6 71 2 4 205.105 98 9 84 2 9 291.011 48 6 71 3 5 621.005 85

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ห่างจาก 30 ตวั จงั หวัด ท ี่ อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน พ้ืนท่ี เทศบาล อบต. (ตร.กม) (กม.) 11 ร่องคำ 12 หนองกุงศรี 3 40 1 2 82.137 38 13 นามน 14 ห้วยผึ้ง 9 113 2 8 626.944 62 15 สามชัย 16 นาคู 5 67 2 4 245.329 42 17 ดอนจาน 18 ฆ้องชัย 4 52 2 3 256.832 59 รวม 4 47 0 4 550.853 85 5 55 1 5 203.092 88 5 48 0 5 194.961 27 5 48 1 4 136.247 28 135 1,584 51 99 6,946.746 ที่มา: ที่ทำการปกครองจังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2552

ข้อมูลท่ัวไปของจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 1 คน คือ นายสิทธิศักดิ์ ยนตระกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 7 คน แบ่งเป็นแบบสัดส่วน 1 คน คือ นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 2 เขต จำนวน 6 คน ดังนี้ ตารางท่ี 2 การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั กาฬสนิ ธ ุ์ เขต พนื้ ท่ี (อำเภอ) ชอื่ ส.ส. พรรค 1 อ ำ เ ภ อ เ ม ื อ ง ก า ฬ ส ิ น ธ ุ ์ 1. นางบุญรื่น ศรีธเรศ เพื่อไทย อำเภอยางตลาด อำเภอ 2. นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ เพื่อไทย ห้วยเม็ก อำเภอหนองกุงศรี 3. นายคมเดช ไชยสิวามงคล เพื่อไทย อำเภอท่าคันโท อำเภอ สหัสขันธ์ อำเภอฆ้องชัย 2 อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอ 1. นายประเสริฐ บุญเรือง เพื่อไทย เ ข า ว ง อ ำ เ ภ อ ห ้ ว ย ผ ึ ้ ง 2. นายพีระเพชร ศิริกุล เพื่อไทย อำเภอนามน อำเภอสมเด็จ 3. นายนิพนธ์ ศรีธเรศ เพื่อไทย อำเภอคำม่วง อำเภอสาม ชัย อำเภอดอนจาน อำเภอ นาคู อำเภอกมลาไสย ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อมลู ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 31

บ3ทท ่ี แนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง แนวคิด ทฤษฎี ที่ผู้วิจัยเลือกใช้เป็นกรอบในการศึกษา วิเคราะห์ มีอยู่หลายแนวคิด ทฤษฎีประกอบไปด้วย = แนวคิดและทฤษฎีทางการเมืองการปกครอง = แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายทางสังคม (Social Network Concept) = ทฤษฎีว่าด้วยชนชั้นนำ (Elitist Theory) = งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3.1 แนวคิดและทฤษฎี ทางการเมืองการปกครอง ความหมายของคำว่า การเมือง มีหลายนัยทั้งนี้ขึ้นอยู่ กบั การใหค้ วามหมายในการนำไปใชห้ รอื ในกจิ กรรมทางการเมอื ง

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ความหมายอย่างกว้างตามที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย- สถาน พุทธศักราช 2542 ให้ความหมายของการเมืองว่าเป็น “งานที่เกี่ยวกับรัฐหรือแผ่นดินเช่น วิชาการเมือง ได้แก่วิชา ว่าด้วยรัฐการจัดส่วนแห่งรัฐ และการดำเนินการแห่งรัฐ” หรือ “การบริหารประเทศเฉพาะที่เกี่ยวกับนโยบายในการบริหาร ประเทศเช่น การเมืองระหว่างประเทศได้แก่การดำเนินนโยบาย ระหว่างประเทศ” หรือ “กิจการอำนวยหรือควบคุมการบริหาร ราชการแผ่นดิน เช่น ตำแหน่งการเมือง ได้แก่ตำแหน่งซึ่งมี อำนาจหน้าที่อำนวย (คณะรัฐมนตรี) หรือควบคุม (สภาผู้แทน ราษฎร) การบริหารราชการแผ่นดิน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2542, หน้า 116) แต่โดยทั่วไปแล้วจะมองการเมืองว่าเป็นเรื่องของ อำนาจ ซึ่งมี การกล่าวถึงมาแต่โบราณ นักปรัชญาชาวกรีกยุคคลาสสิคหรือยุคปรัชญาการเมือง แห่งนครรัฐกรีก เน้นเรื่องจริยธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ โสคราติส (Socrates) ได้รับสมญาว่าเป็นบิดาแห่งปรัชญา การเมืองเขาได้เสนอแนะและแสวงหารูปแบบกิจกรรมที่ดีที่สุด ของรัฐและระเบียบแบบแผนทางการเมืองที่มีความถูกต้อง และดีงาม จึงมีทรรศนะว่า จุดมุ่งหมายของการเมืองคือ การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า หรือการรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่ดีนั้น ไม่ให้เลวลง เพลโต ลูกศิษย์ของโสคราติส สรุปว่า รูปแบบของ รัฐที่ดีที่สุดอันจะบันดาลความยุติธรรมและชีวิตที่ดีให้กับมนุษย์ นั้นคือ การปกครองโดยราชาปราชญ์ (Philosopher King) ซึ่งเพลโตเชื่อมั่นว่า “ราชาปราชญ์สามารถบันดาลความเจริญ รุ่งเรืองและความยุติธรรมมาสู่รัฐได้อย่างอัศจรรย์” นั่นคือรัฐใน อุดมคติจะเกิดขึ้นได้ต้องปกครองโดยคนฉลาด ความจำดี 33

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ควบคมุ ตวั เองไดด้ แี ละสามารถแสวงหาความรเู้ กย่ี วกบั ความจรงิ ได้อย่างครบถ้วน ส่วนอริสโตเติล ปรัชญาเมธีการเมืองชาวกรีก ลูกศิษย์ของเพลโตได้กล่าวว่า “มนุษย์เป็นสัตว์การเมือง” จึงต้องรวมกันอยู่เป็นสังคมหรือชุมชนหรือรัฐ จำเป็นต้องมีการ บังคับหรือการใช้อำนาจในการปกครองที่มีกฎหมายเป็น หลักประกันว่าคนเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน แต่ ต้องเป็นอำนาจโดยชอบธรรมหรือเป้าหมายของการใช้อำนาจ ปกครองที่ปรารถนาหรือเป็นรัฐในอุดมคติได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ในทรรศนะของอริสโตเติล “รัฐจะขาดกฎหมายไม่ได้ ถ้าไม่มี กฎหมายรัฐนั้นจะไม่เป็นประชาธิปไตย” อริสโตเติลจึงจัดการ เมืองว่าเป็น “ศาสตร์แห่งการปฏิบัติ (Practical Science)” เพราะ ความเป็นชุมชนทางการเมือง (Political Community) เป็นเรื่อง ของการจัดโครงสร้างที่เป็นระเบียบในแง่ของความสัมพันธ์เชิง อำนาจด้วยกันของมนุษย์อย่างชัดเจน เช่น มีการกำหนดฐานะ ความเป็นพลเมืองของชาวกรีกที่ชัดเจนว่า ชาวกรีกที่เป็น ชายอายุบรรลุนิติภาวะ (บางตำราว่า 18 ปี บางตำราว่า 20 ปี) เท่านั้นจึงจะไปมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ เมื่อเป็นดังนี้การเมือง จึงเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับอำนาจหรือการบังคับให้ มีการปฏิบัติตามและจะเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์อยู่เสมอ ในยคุ กรกี โบราณซง่ึ มคี วามเจรญิ ดา้ นศลิ ปะและวทิ ยาการตา่ ง ๆ นั้นได้ยกย่องให้การศึกษาทางการเมืองมีความจำเป็นและ สำคัญยิ่งกว่าศาสตร์อื่น ๆ ดังนั้น อริสโตเติลจึงได้รับการ ยกย่องว่าเป็นบิดาของวิชารัฐศาสตร์ การศึกษาด้านรัฐศาสตร์ในยุคกลาง (คริสต์ศตวรรษที่ 5-15) ตกอยู่ภายใต้อิทธิผลครอบงำของคริสต์ศาสนา 34

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง นักปรัชญาการเมืองคนสำคัญในยุคกลางเป็นพระที่มีอิทธิพล ทางความคิดทางการเมือง คือ เซนต์ ออกัสติน (St. Augustine) และเซนต์ อไควนัส (St. Aquinas) บุคคลทั้งสองมีความคิด แตกต่างจากสำนักกรีกสมัยโบราณ (สำนักสโตอิค) โดยเน้นว่า อำนาจของรัฐมาจากพระเจ้า ที่มีสันตะปาปาเห็นหัวหน้าฝ่าย ศาสนจักรและเป็นผู้อ้างอำนาจพระผู้เป็นเจ้าในฐานะเป็นรัฐ ของพระผู้เป็นเจ้า จึงเป็นผู้ปกครองและมีอำนาจหรือผู้ปกครอง รัฐหรืออาณาจักรในยุคกลางนี้จึงทำให้วิชารัฐศาสตร์การเป็น ส่วนหนึ่งของวิชา เทววิทยา (Theology) อยู่เป็นเวลานาน ประมาณหนึ่งพันปี นักรัฐศาสตร์ยุคกลาง (ศตวรรษที่ 16 - สิ้นสงครามโลกที่ 2-1945) มีทรรศนะว่า อำนาจทางการเมืองมิได้มาจากพระ ผู้เป็นเจ้าตามที่เชื่อกันมาในยุคกลาง นักคิดทางการเมืองชาว อิตาเลียน คือ มาคิอาเวลลี่ (Machiavelli) ปราชญ์ชาวอิตาเลียน เกิดใน ค.ศ. 1469 และสิ้นชีพใน ค.ศ. 1519 มาคิอาเวลลี่ ได้ เขียนหนังสือชื่อ The Prince ซึ่งเดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ (2524, หน้า 105-112) ได้นำเสนอศิลปะแห่งการปกครองประเทศของ มาคิอาเวลลี่ ไว้ 4 ประการ คือ 1) การใช้กำลังอำนาจ (Force) อย่างเต็มที่ซึ่งการใช้ อำนาจจะมีการต่อสู้แข่งขันกันอยู่ตลอดทำให้เกิดการขัดกันแห่ง อำนาจ (Power Conflict) ระหว่างรัฐกับรัฐ การขัดแย้งระหว่าง กลุ่มการเมือง และการขัดแย้งระหว่างผู้ทรงอำนาจ 2) การชักจูงน้ำใจคนอย่างมีศิลป์ (Use Persuasion Artfully) ผู้ปกครองที่ดีต้องมีศิลปะการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ ในการบริหารจัดการการปกครอง 35

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ 3) ดำเนินการโดยฉับพลัน (Act Decisively) ผู้ปกครอง ต้องรู้จักการตัดสินใจแก้ปัญหาโดยไม่รอช้า ไม่ปล่อยให้ปัญหา พอกพนู หมักหมม เป็นดินพอกหางหม ู 4) บำรุงรักษากองทัพให้เข้มแข็ง (Maintain a Strong National Army) ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นว่า การเมืองการปกครองใน ประเทศกำลังพัฒนาส่วนมากใช้ศิลปะเรื่องนี้ในการนำกองทัพ มาเป็นเครื่องมือในการค้ำจุนความมั่นคงทางการเมืองอยู่เสมอ แนวคิดทางการเมืองของมาคิอาเวลลี่จึงมิใช่แนวคิด ทางการเมืองแบบอุดมคติของปรัชญาการเมืองยุคคลาสสิก มาคอิ าเวลลจ่ี งึ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ บดิ าแหง่ ปรชั ญาการเมอื ง สมัยกลาง แนวคดิ ทฤษฎกี ารเมอื งในยคุ ปลายสมยั ใหม่ นกั รฐั ศาสตร์ ได้นำเอาแนวคิดทางจิตวิทยาและสังคมวิทยามาเป็นแนวทาง ในการศึกษาการเมืองโดยมีหน่วยวิเคราะห์อยู่ที่บุคคลและกลุ่ม บุคคลเพื่อที่จะอธิบายความสัมพันธ์ต่าง ๆ โดยใช้วิธีการสังเกต และยึดหลักเหตุผลเชิงประจักษ์ในการที่จะทำความเข้าใจ เกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเมืองของมนุษย์ เรียกว่า รัฐศาสตร์ ยุคพฤติกรรมนิยม ซึ่งเป็นแนวคิดทฤษฎีการเมืองแบบใหม่ นอกจากการศึกษาของนักรัฐศาสตร์แล้ว ยังมีนักปรัชญาศาสตร์ อื่นที่สนใจศึกษาตามแนวการเมืองแบบใหม่ เช่น แมก เวเบอร์ (Max Weber) นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาชาวเยอรมัน ได้กล่าวว่า การเมืองหรือความสัมพันธ์ใดๆ ในทางการเมือง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับให้มี การปฏิบัติตาม คำสั่ง ระเบียบ กฎเกณฑ์ที่สามารถดำเนินการให้บรรลุผลอย่างต่อเนื่องได้ 36

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง ภายในดินแดนใดดินแดนหนึ่ง โดยการบังคับนั้นเป็นการให้ อำนาจอันชอบธรรม แนวคิดนี้สอดคล้องกับนักรัฐศาสตร์ยุค ปจั จบุ นั ทใ่ี ช้ “แนวการศกึ ษาแบบสหวทิ ยาการ” (Interdisciplinary Studies) ทำให้การศึกษารัฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมได้พัฒนาอย่าง กว้างขวางและได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว การศึกษาในยุค ปัจจุบันจึงยึดแนวคิดปรัชญาการเมืองแบบประชาธิปไตย เช่น โรเบิร์ต เอ ดาห์ล (Robert A. Dahl) ที่มองการเมืองว่า การเมือง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ การบังคับให้มีการปฏิบัติตาม กฎเกณฑ์ หรืออำนาจอันชอบธรรมหรืออำนาจที่รวมถึงกลุ่ม ผลประโยชน์ สมาคมธุรกิจเอกชน เข้าอยู่ในระบบการเมือง ซึ่งเป็นการเมืองที่ค่อนข้างกว้าง ส่วน ฮาโรลด์ ดี ลาสเวลล์ (Harold D. Lasswell) มองว่า การเมืองเป็นเรื่องของอิทธิพล ผู้ทรงอิทธิพลและเป็นเรื่องของใครได้อะไร เมื่อไร อย่างไร โดยเฉพาะคำถามที่ว่า เมื่อไรและอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของ กระบวนการทางการเมืองที่เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลอย่าง ชัดเจน จึงกล่าวได้ว่า การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ เป็นเรื่อง ของการใช้กำลังบังคับให้ปฏิบัติตามและผู้ที่มีอำนาจที่จะบังคับ ให้มีการปฏิบัติตาม บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เราเรียกกัน โดยทั่วไปว่า รัฐบาลนั่นเอง จะเห็นได้ว่านักรัฐศาสตร์และนักวิชาการสาขาต่าง ๆ พยายามศึกษาและตีความเกี่ยวกับการใช้อำนาจทางการเมือง หรือกระบวนการทางการเมืองที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และ การควบคุมของรัฐบาลซึ่งเป็นความสัมพันธ์กับพรรคการเมือง มติมหาชน การศึกษาและการวิเคราะห์นโยบายทางการเมือง เป็นต้น ดังนั้น เนื้อหาจึงประกอบด้วย สถาบันทางการเมือง 37

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ รปู แบบการปกครอง สถาบนั การปกครอง รปู แบบของรฐั ธรรมนญู และความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปกครองซึ่งรัฐต้องสร้าง ขึ้น 3.2 แนวคิดเครือข่ายทางสังคม (Social Network Concept) ในเครือข่ายสังคม จะประกอบไปด้วยบุคคลหรือ ตัวแสดง (Actor) ที่มีความสัมพันธ์ (Relation) ซึ่งกันและกันตาม บทบาทหรือหน้าที่ที่แต่ละคนหรือคู่ความสัมพันธ์มีอยู่ ซึ่งแต่ละ คนนั้นมิได้มีเพียงบทบาทเดียว หากแต่มีหลายบทบาทที่จะต้อง สวมในชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในเครือข่าย สังคม บางครั้งอาจเป็นไปตามทฤษฎีของการแลกเปลี่ยน เพราะบุคคลไม่เพียงแต่ทำตามบทบาทหน้าที่ที่คาดหวังใน สังคม หรือตามบรรทัดฐานที่ได้รับการถ่ายทอดมาเท่านั้น แต่ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลยังขึ้นอยู่บนพื้นฐานของการรับรู้ และการตัดสินใจในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันระหว่าง คู่ความสัมพันธ์ ทั้งในด้านวัตถุและทางด้านจิตใจ 3 .2.1 ความหมายของเครือข่ายทางสังคม มีผู้ให้นิยามของคำว่า เครือข่ายทางสังคม ไว้หลาย ความหมาย โดยผู้เขียนขอนำเสนอโดยสังเขป ดังนี้ Encyclopedia of Sociology (Volume 4: S-Z Index) (1992, p. 1887) ให้นิยามของ เครือข่ายทางสังคม (Social Network) ว่า หมายถึง ปรากฏการณ์ทางสังคมในรูปแบบหนึ่งที่แสดงให้เห็น ถึงรูปแบบการจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยของความสัมพันธ์ 38

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง (Patterned Arrays of Relationship) ระหว่างปัจเจกชน (Individual) ที่ร่วมกระทำการในสังคม พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (2547, หน้า 6) ให้นิยามของ เครือข่ายทางสังคม ว่าหมายถึง ความสัมพันธ์ในสังคมมนุษย์ ทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ปัจเจกบุคคลกับกลุ่ม กลุ่มกับกลุ่ม และกลุ่มกับเครือข่าย โดยเป็นการอธิบายถึงพฤติกรรมและ ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น กิจกรรมการสื่อสาร ความร่วมมือ การพึ่งพาอาศัย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเป็น ความสัมพันธ์ที่มีโครงสร้างและรปู แบบที่หลากหลาย Jeremy Boissevain (1974, p. 22) ให้นิยามของ เครือข่าย ทางสังคม ว่าหมายถึง ความสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล โดย มีการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน จากที่กล่าว มาในข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า เครือข่าย ทางสังคม (Social Network) หมายถึง รูปแบบความสัมพันธ์ทาง สังคม ของปัจเจกบุคคล กลุ่ม และองค์กร ผ่านรูปแบบของ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Social Interaction) ในรูปแบบต่างๆ เช่น กจิ กรรม การสอ่ื สาร ความรว่ มมอื การพง่ึ พาอาศยั การแลกเปลย่ี น การเรียนรู้ ซึ่งเป็นปฏิสัมพันธ์ที่มีโครงสร้างและรูปแบบ ที่หลากหลาย ตลอดจนมีเป้าหมายร่วมกัน 3.2.2 การสร้างเครือข่ายทางสังคม (Social Network Construct) การสร้างเครือข่าย (Networking) หมายถึง กิจกรรมใน การก่อให้เกิดกลุ่ม ซึ่งอาจเป็นกลุ่มองค์กร หรือกลุ่มบุคคล เพื่อ วัตถุประสงค์ในการแลกเปลี่ยน การจัดกิจกรรม หรือการผลิต 39

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ระหว่างองค์กรสมาชิก ต้องอาศัยการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันมา ก่อนหน้าที่จะทำความตกลงเป็นองค์กรเครือข่าย (นฤมล  นิราทร, 2543, หน้า 8) สำหรับเหตุผลในการสร้างเครือข่ายทางสังคมนั้น นฤมล  นิราทร (2543, หน้า 11-12) กล่าวว่าเป็นเพราะ (1) ต้องการมีเพื่อนในการทำงาน ต้องการมีหมู่ มีพวก (2) ต้องการทรัพยากรในการทำงาน (3) ต้องการรับภาระความ เสี่ยงในกิจกรรมร่วมกัน (4) ต้องการความชำนาญเฉพาะด้านใน การแก้ไขปัญหา (5) ต้องการประหยัด และ (6) ต้องการเรียนรู้ ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน รวมไปถึงมีปัจจัยเสริมที่เป็น เงื่อนไขสำคัญ คือ ความเต็มใจที่จะเข้าร่วมเป็นเครือข่าย พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (2547, หน้า 55-58) ให้เหตุผล ว่าการสร้างเครือข่ายทางสังคมเกิดจาก (1) สถานการณ์ปัญหา และสภาพแวดล้อมที่ซ้ำซ้อน หลากหลาย และขยายตัวจนเกิน ความสามารถของปัจเจกบุคคลหรือกลุ่มที่จะดำเนินการแก้ไข (2) เครือข่ายเป็นเครื่องมือหรือยุทธศาสตร์ในการสร้างพื้นที่ทาง สังคม และ (3) เพื่อให้การประสานผลประโยชน์เป็นไปอย่าง เท่าเทียม จากที่กล่าวมาในข้างต้นจะเห็นได้ว่าเหตุผลสำคัญของ การสร้างเครือข่ายทางสังคม คือ การมุ่งที่จะบรรลุเป้าหมาย ของปัจเจกบุคคล ซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองโดยลำพัง แต่ ต้องอาศัยการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากร อันจะส่งผลให้สามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย อันเป็น การประสานผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน 40

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3.2.3 องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคม มีนักวิชาการหรือผู้รู้ได้กำหนดองค์ประกอบของเครือข่าย ทางสังคมไว้หลายแนวทาง ซึ่งผู้เขียนขอเสนอโดยสังเขป ดังนี้ พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (2547, หน้า 48-49) กล่าวว่า องค์ประกอบที่สำคัญของความเป็นเครือข่าย ประกอบด้วย (1) หน่วยชีวิตหรือสมาชิก (2) จุดมุ่งหมาย (3) การทำหน้าที่ อย่างมีจิตสำนึก (4) การมีส่วนร่วมและการแลกเปลี่ยน และ (5) ระบบความสัมพันธ์และการสื่อสาร เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2543, หน้า 36-43) กล่าวถึง องคป์ ระกอบทส่ี ำคญั ของเครอื ขา่ ยวา่ มอี ยู่ 7 ประการ ประกอบดว้ ย (1) การรับรู้มุมมองร่วมกัน (2) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (3) การมี ผลประโยชน์และความสนใจร่วมกัน (4) การมีส่วนร่วมของ สมาชิกเครือข่ายอย่างกว้างขวาง (5) มีกระบวนการเสริมสร้าง ซึ่งกันและกัน (6) มีการพึ่งพิงร่วมกัน และ (7) การมีปฏิสัมพันธ์ เชิงแลกเปลี่ยน Waner (อ้างถึงในปาริชาติ สถาปิตานนท์ และชัยวัฒน์ ถิระพันธ์, 2546, หน้า 9) กล่าวถึงองค์ประกอบของเครือข่าย โดยใช้ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษ คือ LINK ซึ่งประกอบด้วย (1) การเรียนรู้ (Learning) (2) การลงทุน (Investing) (3) การดูแล (Nursing) และ (4) การรักษา (Keeping) สรุปได้ว่า องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคม ประกอบด้วย สมาชิกของเครือข่าย มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย การสื่อสารภายใน เครือข่าย และการมีปฏิสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน 41

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ เกษมศานต์ ชัยศิลป์ (2548, บทคัดย่อ) ทำการศึกษา เรื่อง การพัฒนาเครือข่าย การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอ้ มของเยาวชน พบวา่ การพฒั นาเครอื ขา่ ยมอี งคป์ ระกอบ สำคัญ 5 ประการ ได้แก่ (1) การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก (2) การปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน (3) การถ่ายทอดข้อมูลของ เครือข่ายให้ผู้อื่นรับรู้ (4) การสรรหาบุคคลเข้าร่วม และ (5) การ จัดหาทรัพยากรในการดำเนินงาน จะเหน็ ได้ วา่ แนวคดิ เครอื ขา่ ยทางสงั คม (Social Network) ได้ถูกนำมาใช้ในการศึกษาที่หลากหลายสาขา ซึ่งสะท้อนให้ เห็นถึงความสำคัญและสถานภาพองค์ความรู้ของแนวคิดนี้ว่ามี อิทธิพลต่อวงการศึกษาไม่เฉพาะแต่ในวงการสังคมวิทยาเท่านั้น แต่ได้แผ่ขยายอิทธิพลออกไปในแทบทุกเวทีวิชาการเลยทีเดียว 3.3 ทฤษฎีว่าด้วยชนชั้นนำ (Elitist Theory) 3.3.1 ท่ีมาและความหมายของคำว่า “ชนชั้นนำ” แนวคิดชนชั้นนำมาจากฝรั่งเศส โดย Arslan (1995, p. 3) อธิบายให้เห็นว่า คำว่า “elite” แต่เดิมมาจากคำว่า “e’lige (เอ-ลี)” ที่หมายถึง “การเลือก (select)” ที่เป็นการเลือกบน รากฐานเดียวกับคำว่า “electa” ว่าหมายถึง “ที่ถูกเลือก (elected)” หรือ “ที่ดีที่สุด (the best)” คำว่า “elite” ในศตวรรษ ที่ 17 นี้ถูกนำมาใช้อธิบายถึงวัตถุที่มีลักษณะดีเลิศเพื่อเอาไว ้ ซื้อขาย แต่ต่อมาถูกขยายความมากขึ้นถึงกลุ่มทางสังคมชั้นสูง (superior social group) อาทิ หนว่ ยทหารผทู้ รงเกียรติ (prestigious military units) หรือกลุ่มคนมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม คำๆ นี้ไม่ได้ 42

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในช่วงนั้นตราบจนกระทั่งศตวรรษ ที่ 19 แนวคิดชนชั้นนำจึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางขึ้นในงาน ของนักสังคมวิทยาชาวอิตาเลียนชื่อ Vilfredo Pareto และ Gaetano Mosca ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในอังกฤษและ สหรัฐอเมริกาช่วงทศวรรษ 1930 ในทางทฤษฎีนั้น ชนชั้นนำสามารถถูกนิยามให้หมายถึง กลุ่มคนที่มีอำนาจในเชิงสถาบัน สามารถควบคุมทรัพยากรทาง สังคม (ที่ไม่ใช่แค่เพียงความมั่งคั่ง, เกียรติภูมิ และสถานภาพ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงทรัพยากรส่วนบุคคลด้วย เช่น บุคลิก ส่วนบุคคล, เวลา, แรงจูงใจ และพลัง) และมีอิทธิพลอย่าง จริงจัง และมีศักยภาพในกระบวนการตัดสินใจ ซึ่งพวกกลุ่ม ชนชั้นนำจะตระหนักถึงเจตจำนงของตนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม ในการนิยามทางทฤษฎีนั้น นิยามของชนชั้นนำ ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องแค่เพียงผู้ครอบครองชั้นบนสุดของสังคม (occupier of the top strata) เท่านั้น เพราะสามารถรวมถึงกลุ่ม คนที่อยู่ทั้งในระดับบนสุด หรือล่างสุด หรืออยู่ภายนอกองค์กร หรือสถาบันได้ด้วย กล่าวคือ อาจจะรวมถึงประชาชนที่เป็น นายทุน, ชนชั้นกลาง หรือชนชั้นกรรมาชีพด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี อิทธิพลทั้งในทางตรงและทางอ้อมต่อกระบวนการตัดสินใจและ การควบคุมทรัพยากรทางสังคม (social resource) จึงย่อม สามารถจะนิยามคนกลุ่มนี้ว่าเป็นชนชั้นนำได้เช่นกัน ส่วนคำว่า “ชนชั้นนำระดับชาติ” นั้น Higley and Burton (2006, p. 5-8) ได้ให้นิยามอย่างชัดเจนว่า “เป็นกลุ่มบุคคลที่ถือ ครองอำนาจไว้โดยลำพัง ที่เป็นประจำ และอย่างจริงจังทีส่งผล 43

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ต่อผลลัพธ์ทางการเมืองในระดับมหภาคของสังคมที่ถูกจัดตั้ง ขึ้น” ทั้งนี้ Arslan (2006, p. 6) ได้ให้นิยาม “ชนชั้นนำระดับ ชาติ” ไว้ว่า “เป็นกลุ่มคนที่ครองตำแหน่งสั่งการสำคัญ (key command position) ในส่วนที่เป็นสถาบันหลักของชาติทั้งในด้าน อำนาจและความมั่งคั่ง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นหุ้นส่วนที่ สำคญั (greatest share) ในระบบสถานภาพ, อำนาจ, ความมง่ั คง่ั และเกียรติภูมิเชิงสถาบัน” จากทก่ี ลา่ วมา สามารถสรปุ ไดว้ า่ “ชนชน้ั นำทางการเมอื ง” คือกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ครองทรัพยากรที่สำคัญ และมีอิทธิพล ต่อการกำหนดและการตัดสินใจในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่ม คนส่วนใหญ่” 3.3.2 ฐานอำนาจและการใช้อำนาจของผู้นำ อำนาจเป็นความสามารถในการมีอิทธิพลต่อบุคคลอื่น ให้กระทำตามโดยปราศจากการต่อต้าน (ธวัช บุณยมณี, 2550, หน้า 6) คำว่า “อำนาจ (power)” นี้มีความเกี่ยวข้องและ คล้ายคลึงกับคำว่า “อิทธิพล (influence)” ซึ่งถือเป็นรูปแบบหนึ่ง ของพลังอำนาจทั้งในทางที่ดี เช่น การเป็นตัวอย่างผู้นำที่ดี และ ทางไม่ดี เช่น การเป็นอันธพาลผู้โหดร้าย กับคำว่า “อำนาจ หน้าที่ (authority)” ซึ่งเป็นอำนาจที่มีอยู่ตามกฎหมายสำหรับ ผู้ครองตำแหน่งผู้บริหารในองค์กร 1) ฐานอำนาจของ Max Weber เมื่อพิจารณาถึงรูปแบบฐานอำนาจของ Max Weber 44

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง (อ้างถึงใน วันชัย มีชาติ, 2550, หน้า 41-42) แล้วพบว่า ผู้นำ สามารถสร้างอำนาจได้ 3 ลักษณะ ได้แก่ ฐานอำนาจด้านกฎหมาย (legal authority) เป็น อำนาจที่เน้นหลักความมีเหตุผล อำนาจตามกฎหมายนี้ เหมาะกับโครงสร้างสังคมสมัยใหม่ที่มีความสลับซับซ้อน อำนาจตามกฎหมายจะใช้ในองค์การแบบระบบราชการที่ Max Weber เสนอไว้ ฐานอำนาจด้านประเพณี (traditional authority) เป็น อำนาจที่เกิดจากขนบธรรมเนียมหรือประเพณีปฏิบัติที่ยึดถือ กันมา การใช้อำนาจตามประเพณี เช่น การสืบสันตติวงศ์ การใช้อำนาจแบบนี้มักจะพบในสังคมแบบศักดินา ฐานอำนาจด้านบารมี (charismatic authority) เป็น อำนาจที่เกิดจากคุณลักษณะส่วนบุคคล ซึ่งทำให้ผู้อื่นเชื่อฟัง หรือยอมทำตามผู้นำ เป็นอำนาจที่ติดอยู่กับตัวบุคคล การใช้ อำนาจบารมี เหมาะสมกับสังคมในยุคดั้งเดิมที่มีลักษณะความ สัมพันธ์ในเชิงเครือญาติ หรือสังคมชนเผ่า จากข้างต้นย่อมแสดงว่า ผู้นำแต่ละคนอาจมีการ สร้างฐานอำนาจไว้มากกว่า 1 ฐานได้ หรือกล่าวได้ว่าผู้นำ สามารถครอบครองฐานอำนาจทั้งหมดเพื่อใช้ในการบริหาร จัดการและปกครองควบคุมผู้ตามได้ 2) ฐานอำนาจของ French จากการศึกษางานวิชาการต่างๆ French (อ้างถึงใน สุนทร โคตรบรรเทา, 2551, หน้า 7-8) ที่เกี่ยวข้องกับฐานอำนาจ 45

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ หรือแหล่งอิทธิพลของผู้นำพบว่ามี 5 แหล่ง ได้แก่ อำนาจตามกฎหมาย (legitimate power) เป็นอำนาจ ที่ติดมากับตำแหน่งหรือบทบาทผู้นำในลำดับชั้นต่างๆ ภายใน องค์กร อำนาจนี้อยู่บนแนวคิดที่ยอมรับร่วมกันทั้งสองฝ่ายว่า ผู้นำมีสิทธิ์ในการมีอิทธิพลต่อผู้ใต้บังคับบัญชา อำนาจการให้รางวัล (reward power) ซึ่งเป็นอำนาจที่ มีอิทธิพลต่อผู้รับรางวัล โดยผู้ให้รางวัลจะอยู่ในฐานะของ ผู้ควบคุม “สิ่งมีค่า” ตามที่ผู้รับรางวัลปรารถนา อำนาจนี้เป็น ไปตามแนวคิดเสริมแรงในทางบวก ทั้งนี้คุณค่าของรางวัลจะ แตกต่างกันออกไปตามระดับความต้องการของผู้ที่ต้องการ แต่ละบุคคล อำนาจบังคับ (coercive power) เป็นอำนาจที่อยู่บน ความสามารถของผู้นำในการควบคุมและลงโทษแก่ผู้ใต้บังคับ บัญชาสำหรับการไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำ อำนาจนี้ เป็นไปตามแนวคิดเสริมแรงในทางลบที่มีลักษณะคุกคามให้ ยอมทำตาม อำนาจความเชี่ยวชาญ (expert power) เป็นอำนาจที่ อยู่กับประสบการณ์และความชำนาญของผู้นำเอง จึงเป็นความ สามารถเฉพาะตัวของผู้นำที่ถือเป็นความต้องการของกลุ่ม ทำให้ผู้นำกลายเป็นคนที่มีความสำคัญมากเพียงพอที่จะบอก กล่าวให้ผู้อื่นๆ ทำตามความต้องการของตนเองได้ อำนาจอ้างอิง (referent power) เป็นอำนาจรูปแบบ หนึ่งของอำนาจบารมีของผู้นำทั้งที่มีอยู่ในตัวจนกระทั่งผู้อื่น 46

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ยอมรับและศรัทธา เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือในอีกด้านหนึ่ง เป็นอำนาจที่เกิดจากการที่บุคคลสามารถอ้างอิงผู้มีอำนาจคน อื่นๆ ซึ่งผู้นำมีความใกล้ชิดในฐานะต่างๆ เช่น เครือญาติ ลูกน้องเก่า หรือคนสนิท เป็นต้น กระทั่งส่งผลให้ผู้อื่นเกรงกลัว หรือเกรงใจจนต้องกระทำตาม 3.4 งานวิจัยที่เก่ียวข้อง เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเมืองถิ่นในที่นี้ จะศึกษาจากเอกสาร ตำราและงานวิจัยภาคสนามที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก ดังจะสรุปความสำคัญของ การศึกษาวิจัยดังนี้ ไพทรู ย ์ มีกุศล (2552) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่น จังหวัดสุรินทร์ ผลการวิจัยพบว่า พัฒนาการทางการเมืองถิ่น สุรินทร์มีความสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติตั้งแต่เริ่มมีการ เลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ.2476 เป็นต้นมา โดยแบ่งช่วงเวลา อย่างกว้างๆ ได้เป็น 2 ยุค คือ การเมืองยุคเก่านับตั้งแต่เริ่มมี การเลือกตั้งจนถึงการเลือกตั้งในปี 2518 จัดเป็นการเมืองแบบ เดิมที่นักการเมืองใช้รูปแบบและกลวิธีในการหาเสียงโดยใช้ ความสามารถเฉพาะตัวซึ่งมีอัตลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นในการของ ความเป็นคนที่มีความรู้ดี มีคุณธรรมและศีลธรรมอันดี มีความใกล้ชิดกับประชาชนและมีความเสียสละเพื่อช่วยเหลือ ชาวบ้านที่มีความเดือดร้อนด้วยความจริงใจ ยุคต่อมาเป็นการ เลือกตั้งแบบใหม่นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งในปี 2522 เป็นต้นมา นักการเมืองถิ่นจังหวัดสุรินทร์ในยุคนี้มีหลายกลุ่ม คือ กลุ่มพ่อค้าที่มีบทบาทและมีอิทธิพลทางธุรกิจการค้าในจังหวัด 47

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ สุรินทร์ ตระกูลนักปกครองของเมืองสุรินทร์ดั้งเดิม และกลุ่ม นักจัดรายการวิทยุกระจายเสียง ในด้านกระบวนการหาเสียง เลอื กตง้ั ไดม้ กี ารวางรปู แบบโดยการจดั ตง้ั ผนู้ ำทเ่ี ปน็ กลมุ่ พวกพอ้ ง กลุ่มเครือญาติ กลุ่มเครือข่ายวิชาชีพต่างๆ และกลุ่มหัวคะแนน หรือแกนนำในหมู่บ้านกับนักการเมืองซึ่งเป็นความสัมพันธ์แบบ ระบบอุปถัมภ์และมีการใช้เงินเป็นหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการเลือกตั้งในช่วงทศวรรษที่ 2540 เป็นต้นมา พิชญ์ สมพอง (2551) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่น จังหวัดยโสธร ผลการศึกษาพบว่า นักการเมืองถิ่นยโสธร จำแนกได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มนักสื่อสารมวลชน กลุ่มครู อาจารย์ ข้าราชการเก่า และนักกฎหมาย กลุ่มนักการเมือง ท้องถิ่นและนักธุรกิจ เครือข่ายสายสัมพันธ์ที่พบจะเป็น บิดา-บุตร 1 คู่ นอกนั้นจะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกับกลุ่ม ผลประโยชน์ทางการเมืองในระดับท้องถิ่น กลุ่มผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ และกลุ่มผลประโยชน์ทางสังคม และวัฒนธรรม พรรคการเมืองคือกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง มีบทบาทสูง ต่อนักการเมืองถิ่นยโสธร นักการเมืองถิ่นยโสธรมีการเปลี่ยน สังกัดพรรคตามวาระของรัฐบาล โดยพรรคใดเป็นรัฐบาลบริหาร ประเทศ นักการเมืองถิ่นยโสธรก็สังกัดพรรคนั้น ส่วนกลวิธี สำคัญในการหาเสียงได้แก่ การลงพื้นที่พบประชาชนโดย สม่ำเสมอ การให้ความอุปถัมภ์ช่วยเหลือในรปู แบบต่าง ๆ สุเชาวน์ มีหนองหว้า และกิติรัตน์ สีหบัณฑ์ (2549) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี ผลจาก 48

แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศกึ ษาพบวา่ เมอ่ื ใชเ้ กณฑภ์ มู หิ ลงั และอาชพี ของนกั การเมอื ง ในจังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน สามารถ แบ่งได้เป็น 2 ยุค คือ ยุคของนักการเมืองที่เป็นข้าราชการ ระหว่าง พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2514 และยุคของนักการเมืองที่เป็น นักธุรกิจ พ่อค้า ระหว่าง พ.ศ. 2518 - ปัจจุบันในส่วนเครือข่าย ของนักการเมืองในจังหวัดอุบลราชธานี และกลุ่มผลประโยชน์ที่ มีส่วนให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่นักการเมือง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในระยะหลังมีการรวมกันเป็นกลุ่มในบางช่วงบางขณะ เพื่อให้ความช่วยเหลือกันในการเลือกตั้ง โดยกลุ่มการเมือง เหล่านี้จะลงสมัครในนามพรรคการเมืองเดียวกันและเมื่อย้าย พรรคก็จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่คล้ายกัน ขณะเดียวกันหัวหน้า กลุ่มก็อาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับชาต ิ ทีเ่ ปน็ แกนนำในระดับรองหัวหนา้ หรือหัวหน้าพรรคการเมืองด้วย ในส่วนรูปแบบและวิธีการหาเสียงพบว่า การหาเสียงของ นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยแรกที่มีการเลือกตั้งกับ ในปัจจุบันแตกต่างกัน กล่าวคือ ในสมัยแรกการหาเสียงใช ้ รูปแบบของการออกปราศรัยตามท้องถิ่นต่างๆ ในเขตเลือกตั้ง และการใช้กลุ่มเครือญาติ เพื่อนสนิทช่วยในการหาเสียง แต่ใน ยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นการใช้การจัดตั้งระบบ หัวคะแนนในหมู่บ้านและชุมชนกระจายครอบคลุมเขตเลือกตั้ง ซึ่งปัจจัยเกี่ยวกับความสามารถในการจัดตั้งหัวคะแนนจัดได้ว่า เป็นปัจจัยชี้ขาดสำคัญที่จะทำให้ผู้สมัครได้รับชัยชนะในการ เลือกตั้ง นริ นั ดร์ กลุ ฑานนั ท์ (2549) ไดศ้ กึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง นกั การเมอื ง ถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ ผลการศึกษาพบว่า นักการเมืองในจังหวัด 49

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่านักการเมืองบุรีรัมย์ มีความสัมพันธ์กันผ่านการทำธุรกิจ และการแบ่งปันผลประโยชน์ งบประมาณพัฒนาที่ลงมาใน พื้นที่เลือกตั้ง มีความสัมพันธ์เชิงเครือญาติกันบ้าง และสัมพันธ์ กับกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม องค์กรกู้ภัย เป็นต้น ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับ พรรคการเมืองจะสัมพันธ์ผ่านมุ้งการเมืองที่ตนสังกัดอยู่ในด้าน วิธีการหาเสียงในการเลือกตั้ง มีพัฒนาการมาตั้งแต่การ เคาะประตูบ้าน จัดมหรสพแล้วปราศรัยหาเสียง ทำโปสเตอร์ แผ่นป้ายโฆษณา มาจนถึงการแจกสิ่งของ อาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้า จนแจกเงินในท้ายที่สุด และรูปแบบการจัดตั้งหัวคะแนน เริ่มจากง่าย ๆ อาศัยผู้นำท้องถิ่นมาเป็นการวางเครือข่ายคล้าย ธุรกิจขายตรง มีสัดส่วนหัวคะแนนต่อผู้ใช้สิทธิเล็กลง และ นอกจากนี้ยังใช้วิธีการหาเสียงโดยจัดตั้งกองทุนให้กลุ่มชาวบ้าน การอบรมและพาไปศึกษาดูงาน การจัดเลี้ยงการแจกเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น 50

บ4ทท ่ี นักการเมืองถ่ิน จังหวัดกาฬสินธ์ุ 4.1 การเลือกตั้งและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2476- ปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) จากข้อมูลตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นปีที่สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรก จวบจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เมื่อ 29 มกราคม 2491 ครั้งสุดท้าย เมื่อ วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 สามารถลำดับเหตุการณ์การเลือกตั้ง และรายชื่อของผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดังนี้

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ 4.1.1 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดท่ี 1 (29 ม.ค. 2491 - 29 พ.ย. 2494) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 กำหนดให้รัฐสภา มี 2 สภา คือ 1. สภา ผู้แทน จำนวน 99 คน วาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี และ 2. วุฒิสภา มาจากการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 สำหรับ ส.ส. ของสภาชุดนี้ มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ของประชาชน เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 เป็นการ เลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด (จังหวัดละ 1เขต) ใช้เกณฑ์ ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรง ตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลง ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เพราะการทำรัฐประหารของ พลเอกผิน ชุณหะวัณ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 19) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. กาฬสินธุ์ ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ได้แก่ นายกว้าง ทองทวี ถึงแก่กรรมเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 ต่อมานายเอ็จ บุญไชย ได้รับเลือกตั้งแทนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 (กรมการปกครอง, ม.ป.ป.) 4.1.2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดที่ 2 (26 ก.พ. 2495 - 25 ก.พ. 2500) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 7 ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท ๆ ละ 123 คน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการ เลือกตั้งใหม่ และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้งชุดเดิม 52

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ สำหรับสมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชน ใช้วิธีการเลือกตั้งแบบรวมเขตรวมจังหวัด (จังหวัดละ 1 เขต) ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คนต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระ การดำรงตำแหน่ง 5 ปี สภาชุดนี้สิ้นสุดลงตามวาระ 5 ปี เมื่อ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 20) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.กาฬสินธุ์ ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ได้แก่ นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง และนายสุปัน พูลพัฒน์ (กรมการปกครอง, ม.ป.ป.) 4.1.3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธ์ุ ชุดที่ 3 (26 ก.พ. 2500 - 16 ก.ย. 2500) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 8 มีจำนวน ส.ส. 160 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด (เขตจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง) ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 5 ปี สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ส.ส. ส่วนใหญ่จะสมัครในนามของ พรรคการเมืองสภาชุดนี้สิ้นสุด เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 เนื่องจากการทำรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 21) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. กาฬสินธุ์ ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ได้แก่ นายชาญ ศิริกุล, นายฉลอง ประจัญบาน และ นายเหรียญ สืบพันธุ์ ทั้งนี้ ส.ส. ทั้ง 3 คนลงสมัครเลือกตั้ง ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ 53

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ตารางที่ 3 สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร จังหวดั กาฬสินธุ์ ชดุ ท่ี 3 เขตการ หมายเลข พรรคสังกัด ชือ่ - นามสกุล คะแนน เลอื กตง้ั ผสู้ มคั ร 42766 3 ประชาธิปัตย์ นายชาญ ศิริกุล กาฬสินธุ์ 4 ประชาธิปัตย์ นายฉลอง ประจันบาน 35733 2 ประชาธิปัตย์ นายเหรียญ สืบพันธุ์ 35664 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (26 กุมภาพันธ์ 2500), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. ตารางท่ี 4 คะแนนเลือกตงั้ ส.ส. แบบแบง่ เขต จังหวัดกาฬสนิ ธุ์ (26 กมุ ภาพนั ธ์ 2500) หมายเลข พรรคสังกดั ช่ือ - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผูส้ มคั ร 12519 - 1 ธรรมาธิปัตย์ นายทองคำ บาดาล 2 ประชาธิปัตย์ นายเหรียญ สืบพันธุ์ 35664 อันดับ 3 3 ประชาธิปัตย์ นายชาญ ศิริกุล 42766 อันดับ 1 4 ประชาธิปัตย์ นายฉลอง ประจันบาน 35733 อันดับ 2 5 ธรรมาธิปัตย์ นายสิงห์โต พลวิจิตร 5319 - 6 เศรษฐกร นายสนิท ภูจีรัง 6132 - 7 ไม่สังกัดพรรค นายฝั่น สุวรรณเรือง 10079 - 8 ไม่สังกัดพรรค จ.ส.ต.อุทัย อุเทศ 2831 - 9 เสรีมนังคศิลา นายสุปัน พลู พัฒน์ 25100 - 10 เสรีมนังคศิลา นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 29958 - 11 เสรีมนังคศิลา นายเอ็ด บุญไชย 20503 - 54

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลข พรรคสังกดั ช่อื - นามสกลุ คะแนน หมายเหตุ ผสู้ มคั ร 3062 - 12 ไม่สังกัดพรรค นายพุฒ เกษมโสภา 13 ไม่สังกัดพรรค นายทองคำ สายจิตร 2113 - 14 ไม่สังกัดพรรค นายวิรัตน์ บุญเอก 2403 - 15 ไม่สังกัดพรรค นายถาวร คะโยธา 11831 - 16 ไม่สังกัดพรรค นายพบ ฆารไสย 2981 - 17 ไม่สังกัดพรรค นายพรหม ทฤษฎี 2156 - 18 เสรีประชาธิปไตย นายสัมพันธ์ สมสวัสดิ์ 1884 - 19 เศรษฐกร นายกำจัด ภวู ิจิตร 4278 - 20 ไม่สังกัดพรรค นายเชวง ไชยสุต 14025 - ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (26 กุมภาพันธ์ 2500), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 4.1.4 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดที่ 4 (15 ธ.ค. 2500 – 20 ต.ค. 2501) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 9 มีจำนวน ส.ส. 160 คน มาจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด (ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง) ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ตอ่ ส.ส. 1 คน มวี าระในการดำรงตำแหนง่ 5 ปี สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดนี้ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 เนื่องจากการทำ รัฐประหารซึ่งนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 22) 55

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. กาฬสินธุ์ ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ได้แก่ นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง, นายสุปัน พูลพัฒน์ และนายชาญ ศิริกุล ทั้งนี้ ส.ส. ทั้ง 3 คนไม่ได้สังกัดพรรค การเมืองใดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตารางที่ 5 สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั กาฬสนิ ธุ์ ชดุ ที่ 4 เขตการ หมายเลข พรรคสงั กดั ช่อื - นามสกุล คะแนน เลือกต้ัง ผู้สมคั ร ไม่สังกัดพรรค นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 23776 11 ไม่สังกัดพรรค นายสุปัน พลู พัฒน์ 18619 ไม่สังกัดพรรค ชาญ ศิริกุล 14309 กาฬสินธุ์ 2 1 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (15 ธันวาคม 2500), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. ตารางท่ี 6 คะแนนเลอื กต้งั ส.ส. แบบแบง่ เขต จงั หวัดกาฬสินธ์ุ (15 ธนั วาคม 2500) หมายเลข พรรคสังกัด ชอ่ื - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผูส้ มัคร 14309 อันดับ 3 1 ไม่สังกัดพรรค นายชาญ ศิริกุล 2 ไม่สังกัดพรรค นายสุปัน พลู พัฒน์ 18619 อันดับ 2 3 เศรษฐกร นายสนิท ภูจีรัง 10625 - 4 สหภมู ิ นายนิกร กิตติการ 7851 - 5 สหภมู ิ นายเหรียญ สืบพันธุ์ 11324 - 6 สหภมู ิ นายขุน อุ่นบุญ 5814 - 7 ไม่สังกัดพรรค นายพรหมมา แดนวงศ์ 2258 - 8 ไม่สังกัดพรรค นายประยรู โง่นคำ 9057 - 56

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลข พรรคสงั กดั ชือ่ - นามสกลุ คะแนน หมายเหตุ ผสู้ มัคร 1387 - 9 ไม่สังกัดพรรค นายอรุณ แสนสุธา 10 ไม่สังกัดพรรค นายฉลอง ประจันบาน 10758 - 11 ไม่สังกัดพรรค นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 23776 อันดับ 1 12 ไม่สังกัดพรรค นายเอ็จ บุญไชย 9849 - 13 ไม่สังกัดพรรค นายโค้ง พิมพะสอน 14193 - 14 เศรษฐกร นายเลิศ พิมพะนิตย์ 3247 - 15 ไม่สังกัดพรรค นายแสง แก่นณรงค์ 4843 - 16 ไม่สังกัดพรรค นายเหรียญ บุษมงคล 4687 - 17 ประชาธิปัตย์ นายช่วง ปริญญเสวี 3398 - 18 เสรีประชาธิปไตย นายถาวร คะโยธา 10518 - 19 เสรีประชาธิปไตย นายชาย ศรีภา 5837 - 20 เสรีประชาธิปไตย นายทองคำ บาดาล 10810 - ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (15 ธันวาคม 2500), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 4.1.5 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดที่ 5 (10 ก.พ. 2512 - 17 พ.ย. 2514) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 10 มีจำนวน ส.ส. 219 คน มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบรวม เขตจังหวัด ใช้เกณฑ์ประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุด ลงเมอ่ื วนั ท่ี 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2514 เนอ่ื งจากการทำรฐั ประหาร 57

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ ของจอมพลถนอม กิตติขจร (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร, 2542, หน้า 24) ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. กาฬสินธุ์ ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ได้แก่ นายสุปัน พูลพัฒน์, นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง นายสมพงษ์ อยู่หุ่น ซึ่งทั้ง 3 คนไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และนายขุนทอง ภูผิวเดือน สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ ตารางที่ 7 สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ชดุ ที่ 5 เขตการ หมายเลข พรรคสังกดั ชือ่ - นามสกลุ คะแนน เลือกตงั้ ผู้สมคั ร 20745 2 ไม่สังกัดพรรค นายสุปัน พูลพัฒน์ 26 ไม่สังกัดพรรค นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 20473 กาฬสินธุ์ 16 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภูผิวเดือน 19720 3 ไม่สังกัดพรรค นางสมพงษ์ อยู่หุ่น 19268 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (10 กุมภาพันธ์ 2512), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. ตารางท่ี 8 คะแนนเลอื กตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (10 กมุ ภาพนั ธ์ 2512) หมายเลข พรรคสงั กัด ช่ือ - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผู้สมัคร 1 ไม่สังกัดพรรค นายมนัส เสนาขันธ์ 10604 - 20745 อันดับ 1 2 ไม่สังกัดพรรค นายสุปัน พลู พัฒน์ 19268 อันดับ 4 4067 - 3 ไม่สังกัดพรรค นางสมพงษ์ อยู่หุ่น 4 ไม่สังกัดพรรค นายเมือง อุทโท 58

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลข พรรคสังกัด ช่อื - นามสกลุ คะแนน หมายเหตุ ผู้สมคั ร 5 ไม่สังกัดพรรค นางสาวถนัด คำตานิตย์ 9676 - 6 ไม่สังกัดพรรค นายประเสรฐิ ณ 4050 - กาฬสนิ ธ ์ุ - 7 ไม่สังกัดพรรค นายเหรียญ สืบพันธุ์ 17977 8 ไทยธิปัตย์ นายประพันธุ์ศักดิ์ 8785 - กมลเพชร - 9 ไม่สังกัดพรรค นายประจักษ์ 837 - ภวู ะธีรานนท์ 10 ไม่สังกัดพรรค นายประวิทย์ ภูขามคม 5593 11 ไม่สังกัดพรรค นายประชุม อินทรตุล 10633 - 12 ไม่สังกัดพรรค นายสุบรรณ บุญบุปผา 4343 - 13 ประชาธิปัตย์ นายวัลลภ พรชัย 10581 - 14 ประชาธิปัตย์ นายไพโรจน์ 5199 - ศราตราวาหะ - 15 ประชาธิปัตย์ นายประเสริฐ บุญเลิศ 5167 16 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภผู ิวเดือน 19720 อันดับ 3 17 สหประชาธิปไตย นายมานิต ไสยวิจิตร 15145 - 18 สหประชาธิปไตย นายประยรู โง่นคำ 16282 - 19 สหประชาธิปไตย นายฝั่น สุวรรณเรือง 11330 - 20 สหประชาธิปไตย นายเอ็จ บุญไชย 8312 - 21 ประชาชน นายสนิท ภูจีรัง 4065 - 22 ประชาชน นายกิตติ เสนากิจ 8430 - 23 ประชาชน นายพิชัย ยันตะะบุศย์ 10775 - 24 ประชาชน นายถาวร ดลประเสริฐ 2117 - 25 ประชาชน นายพุฒ เกษมโสภา 3059 - 59

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลข พรรคสงั กัด ชอ่ื - นามสกลุ คะแนน หมายเหตุ ผ้สู มคั ร 26 ไม่สังกัดพรรค นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 20473 อันดับ 2 27 ไม่สังกัดพรรค นายกมล วรามิตร 2735 - 28 ไม่สังกัดพรรค นางมะลิ บุรุษนันท์ 3787 - 29 แนวประชาธปิ ไตย นายสนอง บุญไชย 1595 - 30 แนวประชาธปิ ไตย นายล้วน ไชยทองศรี 3031 - 31 แนวประชาธปิ ไตย นายพิชญ์ แดนวงศ์ 4672 - 32 แนวประชาธปิ ไตย นายสมัย จุรุเทียบ 2615 - 33 ไม่สังกัดพรรค นายคำพันธุ์ ภงู ามเขียว 2884 - 34 ไม่สังกัดพรรค นายถาวร คะโยธา 11789 - 35 ไม่สังกัดพรรค นายทองคำ บาดาล 15559 - 36 ประชาพัฒนา นายสอ บรู ณะ 1684 - 37 ไม่สังกัดพรรค นายท่อนจันทร์ ถวิลการ 3919 - 38 ประชาชน นายชาญ ศิริกุล 2042 - 39 ประชาชน นายสนั่น สายสมบัติ 1470 - 40 ไม่สังกัดพรรค นางพวงทอง กรรณสูตร 2227 - 41 ประชาชน นายอุดมศักดิ์ 3396 - อริยานุวัฒน์ 1223 - 1053 - 42 สัมมาชีพช่วย นายกำจัด ภูวิจิตร 2490 - ชาวนา 2212 - 5379 - 43 สัมมาชีพช่วย นายสุมาตร ภผู ิวโคก ชาวนา 44 สัมมาชีพช่วย นายประชิต สระแก้ว ชาวนา 45 สัมมาชีพช่วย จ.อ.บุญปัน อุดรพูล ชาวนา 46 แนวรว่ มเศรษฐกร นายสงบ สุริยินทร์ ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (10 กุมภาพันธ์ 2512), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 60

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ 4.1.6 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดที่ 6 (26 ม.ค. 2518 - 12 ม.ค. 2519) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 11 มีจำนวน ส.ส. 269 คน มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัด เป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส. เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัด ออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส. ได้ไม่เกิน 3 คน และไมน่ อ้ ยกวา่ 2 คน ใชเ้ กณฑจ์ ำนวนประชากร 150,000 คน ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2519 โดยพระราช- กฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2519 (สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 26) สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต ๆ ละ 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 4 คน ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายทองเส็ง ภูวิชัย และนายขุนทอง ภูผิวเดือน ทั้ง 2 คนสังกัดพรรคประชา- ธิปัตย์ และเขตเลือกตั้งที่ 2 นายพิชัย ยันตุบุศย์ สังกัดพรรค กิจสังคม และนายมานิต ไสยวิจิตร สังกัดพรรคเกษตรสังคม 61

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ ตารางที่ 9 สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ชดุ ท่ี 6 เขตการ หมายเลข พรรคสงั กดั ชื่อ - นามสกลุ คะแนน เลือกตง้ั ผ้สู มัคร 20537 เขต 1 10 ประชาธิปัตย์ นายทองเส็ง ภูวิชัย 9 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภูผิวเดือน 19772 เขต 2 19 กิจสังคม นายพิชัย ยันตะบุศย์ 13099 10 เกษตรสังคม นายมานิต ไสยวิจิตร 11125 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (26 มกราคม 2518), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. ตารางที่ 10 คะแนนเลือกต้ัง ส.ส. แบบแบง่ เขต จงั หวดั กาฬสินธ์ุ เขต 1 (26 มกราคม 2518) หมายเลข พรรคสังกัด ชื่อ - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผู้สมัคร 1 กิจสังคม นายสมวทิ ย์ ศรวี ฒั นพงศ ์ 4608 - 2 สังคมชาตินิยม นายดุสิต นาสมใจ 1800 - 3 แนวสันติ นางมะลิ บุรุษนันทน์ 1585 - 4 ธรรมสังคม นายจรูญ รัตนศิริพรหม 6347 - 5 ธรรมสังคม นายสนิท ภจู ีรัง 5355 - 6 ประชาธิปไตย นายเจริญ บุญแนน 2167 - 7 สังคมชาตินิยม นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 5065 - 8 สังคมชาตินิยม นายทอง ตาสาโรจน์ 2307 - 9 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภผู ิวเดือน 19772 อันดับ 2 10 ประชาธิปัตย์ นายทองเส็ง ภูวิชัย 20537 อันดับ 1 11 ไท นายไพโรจน์ อนนั ทวรรณ 3356 - 62

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลข พรรคสังกดั ช่อื - นามสกุล คะแนน หมายเหต ุ ผสู้ มคั ร 18710 - 12 ชาติไทย นายประยรู โง่นคำ 13 ชาติไทย นายศรี พิมรัตน์ 7827 - 14 สังคมก้าวหน้า นายเวชยันต์ ภไู ชยแสง 8435 - 15 ฟื้นฟชู าติไทย นายประวิทย์ ภูขามคม 4177 - 16 พลังใหม่ นายสมพงษ์ วิเชียรแสน 3312 - 17 พลังใหม่ นายสามารถ พนั ธก์ุ าฬสนิ ธ ์ุ 16295 - - 18 สังคมนิยมแห่ง นายนิรภัย ธนสีลังกูร 1272 ประเทศไทย - 19 เกษตรกร นายหมื่น ภลู าลัย 1499 20 กิจสังคม นายประสทิ ธ์ิ กติ ตภิ มู วิ งศ ์ 9187 - 21 ไท นายมนัส เสนาขันธ์ 2740 - 22 ประชาธิปไตย นายสมัย ภฆู ้องชัย 2338 - 23 แรงงาน นายถาวร คะโยธา 408 - - 24 เกษตรกร นายบุญชู บุษดี 932 - - 25 พลังราษฎร นายชิน ชาลี 180 - 26 แนวรว่ มสงั คมนยิ ม นายกำจัด ภูวิจิตร 483 27 ราษฎร นายกวีวัฒน์ อันไกรฤทธิ์ 1765 ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 1 (26 มกราคม 2518), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 63

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ตารางที่ 11 คะแนนเลอื กต้งั ส.ส. แบบแบง่ เขต จังหวัดกาฬสินธ์ุ เขต 2 (26 มกราคม 2518) หมายเลข พรรคสังกดั ชอ่ื - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผสู้ มคั ร 7708 - 1 ชาติไทย นายพิชญ์ แดนวงศ์ 2 ชาติไทย นายทองคำ บาดาล 10226 - 3 ธรรมสังคม นายอรุณ ยลวิลาศ 6740 - 4 ธรรมสังคม นายถวิล จันลาวงศ์ 1729 - 5 ธรรมสังคม นายเทอดชยั วฒั นเนตกิ ลุ 2376 - 6 สังคมชาตินิยม นายเหรียญ สืบพันธ์ 4906 - 7 สังคมชาตินิยม นายชัยพล ไชยคำมิ่ง 2271 - 8 เกษตรกร นายชล ดลเจิม 494 - 9 พลังประชาชน นายเหรียญ คงอุดม 1042 - 10 เกษตรสังคม นายมานิต ไสยวิจิตร 11125 อันดับ 2 11 แนวร่วม นางสมพงษ์ อยู่หุ่น 3556 - สังคมนิยม - - 12 สังคมนิยมแห่ง นายบญุ ลว้ น เขจรศาสตร ์ 8605 - ประเทศไทย 13 สังคมนิยมแห่ง นายท่อนจันทร์ ถวิลการ 9213 ประเทศไทย 14 พลังใหม่ นายสมพล ฆารไสว 8239 15 ไท นายฝั่น สุวรรณเรือง 8669 - 16 ไท นายนิกร วังคะฮาต 1785 - 17 ธรรมสังคม นางพวงเงิน เอราวัณ 1713 - 18 สังคมนิยมแห่ง นายประชิต สระแก้ว 3224 - ประเทศไทย 19 กิจสังคม นายพิชัย ยันตะบุศย์ 13099 อันดับ 1 64

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ หมายเลข พรรคสงั กัด ช่ือ - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผู้สมัคร 20 ประชาธิปไตย นายสรุ ชาติ ประมวลปรชี า 1593 - 21 - - - - 22 กิจสังคม นายอตส์ แสนพาน 5463 - 23 สันติชน ร.ต.อ.ประเทศ กุลนิติ 807 - 24 เสรีชน นายโค้ง พิมพะสอน 1780 - 25 กสิกรรมกร นายล้วน ไชยทองศรี 3669 - - 26 ไทยสันติภาพ นางกอบกุล เนาวรังสี 798 - - 27 ประชาธิปัตย์ นายวันรบ พรชัย 5463 - - 28 ประชาธิปัตย์ นายนิคม สาสุนันท์ 2016 29 เศรษฐกร นายธำรง จันทรสมบัติ 595 30 ฟื้นฟูชาติไทย นายชาญ ศิริกุล 580 ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 2 (26 มกราคม 2518), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 4.1.7 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดที่ 7 (4 เม.ย. 2519 - 6 ต.ค. 2519) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 12 มีจำนวน ส.ส. 279 คน มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็น เขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส. เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัดออก เป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส. ได้ไม่เกิน 3 คน และไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คน 65

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เนื่องจากการยึด อำนาจการปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน นำโดย พล.ร.อ. สงัด ชะลออยู่ (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 27) สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 3 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 5 คน ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายทองคำ บาดาล สังกัด พรรคชาติไทย, นายไพโรจน์ ศาสตราวาหะ สังกัดพรรคประชา- ธิปัตย์ และนายจรัญ ปัทมดิลก สังกัดพรรคธรรมสังคม และ เขตเลือกตั้งที่ 2 นายประยูร โง่นคำ และนายขุนทอง ภูผิวเดือน ทั้ง 2 คนสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ตารางที่ 12 สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร จงั หวัดกาฬสนิ ธุ์ ชดุ ท่ี 7 เขตการ หมายเลข พรรคสังกดั ช่ือ - นามสกลุ คะแนน เลือกตั้ง ผูส้ มัคร 31120 เขต 1 1 ชาติไทย นายทองคำ บาดาล 21 ประชาธิปัตย์ นายไพโรจน์ ศาสตราวาหะ 21868 9 ธรรมสังคม นายจรัญ ปัทมดิลก 17215 เขต 2 2 ประชาธิปัตย์ นายประยรู โง่นคำ 27103 1 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภผู ิวเดือน 25125 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (4 เมษายน 2519), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 66

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ตารางท่ี 13 คะแนนเลือกตัง้ ส.ส. แบบแบ่งเขต จงั หวดั กาฬสินธ์ุ เขต 1 (4 เมษายน 2519) หมายเลข พรรคสังกัด ช่ือ - นามสกลุ คะแนน หมายเหต ุ ผู้สมคั ร 31120 อันดับ 1 1 ชาติไทย นายทองคำ บาดาล 2 ชาติไทย นายท่อนจันทร์ ถวิลการ 15619 - 3 ชาติไทย นายมานิต ไสยวิจิตร 12040 - 4 สังคมนิยม นายเหรียญ สืบพันธุ์ 10120 - 5 สังคมนิยม นายเทียม ทองปลิว 3252 - 6 พิทักษ์ไทย นายชุมพล แสนโคตร 7738 - 7 ธรรมสังคม นายพิชญ์ แดนวงศ์ 10442 - 8 ธรรมสังคม นายวรวัฒน์ รุ่งรัตนกสิน 10796 - 9 ธรรมสังคม นายจรัญ ปัทมดิลก 17215 อันดับ 3 10 กิจสังคม นายพิชัย ยันตะบุศย์ 16096 - 11 กิจสังคม นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 13233 - 12 กิจสังคม นายทองเส็ง ภูวิชัย 15826 - 13 พลังประชาชน นายศรี พิมพรัตน์ 8875 - 14 พลังประชาชน นายจรญู รัตนศิริพรหม 1233 - 15 - - - - 16 สังคมชาติชาติ นายแสวง มณีเนตร 4366 - 17 แนวร่วม นายสมศรี วรรณทอง 5002 - ประชาธิปไตย 4603 - 3166 - 18 แนวร่วม นายบุญช่วย มีจิต ประชาธิปไตย 19 แนวร่วม นายราวี สันติภพ ประชาธิปไตย 67

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ หมายเลข พรรคสังกดั ชื่อ - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผูส้ มคั ร 16471 - 20 ประชาธิปัตย์ นายจำนง อิ้งจะนิล 21 ประชาธิปัตย์ นายไพโรจน์ ศาสตราวาหะ 21868 อันดับ 2 22 ชาตินิยม นายเลื่อน เจริญไชย 3071 - 23 พิทักษ์ไทย นายเจริญ ไชยทองศรี 1572 - 24 สังคมนิยมแห่ง นายบุญล้วน เขจรศาสตร์ 2069 - ประเทศไทย - 25 สังคมนิยมแห่ง นายถวิล ไชยขันธ์ 1117 - ประเทศไทย 26 ไท นายฝั่น สุวรรณเรือง 5609 27 ไท จ.ส.ต. ทองใบ บุญเลิศ 1895 - 28 ไท นายชาลี สิทธิอมร 914 - 29 ชาตินิยม นายทองจันทร์ ดอนแถลง 1067 - 30 ชาตินิยม นายไพโรจน์ อนันทวรรณ 4148 - 31 สยามใหม่ นายธำรง จันทรสมบัติ 866 - 32 ฟื้นฟชู าติไทย นายไหม ปรีดี 3802 - 33 ฟื้นฟชู าติไทย นายเด่นดวง กันบุรมย์ 5532 - 34 ธรรมาธิปไตย นายนิคม สาสุนันท์ 3350 - 35 ธรรมาธิปไตย นายชยั วฒั น์ ถนอมสมบตั ิ 1528 - 36 พลังใหม่ นายสละ วรสาร 2962 - 37 พลังใหม่ นายสมพล ฆารไสว 7364 - 38 พลังใหม่ นายสมพงษ์ วิเชียรแสน 2830 - 39 ธรรมาธิปไตย ส.อ. เจริญ เฉลิมชาติ 895 - 40 แรงงาน นายพบ ฆารไสย 1209 - 41 ฟื้นฟชู าติไทย นายมณี ประเสริฐ 2094 - ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 1 (4 เมษายน 2519), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 68

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ตารางที่ 14 คะแนนเลือกตง้ั ส.ส. แบบแบง่ เขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 2 (4 เมษายน 2519) หมายเลข พรรคสังกัด ช่อื - นามสกลุ คะแนน หมายเหต ุ ผสู้ มัคร 1 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภูผิวเดือน 25125 อันดับที่ 2 2 ประชาธิปัตย์ นายประยรู โง่นคำ 27103 อันดับที่ 1 3 พลังใหม่ นายสามารถ พนั ธก์ุ าฬสนิ ธ ์ุ 9752 - 4 ประชาธิปไตย นายเวชยันต์ ภูไชยแสง 2784 - 5 ประชาธิปไตย นายสมัย ภูฆ้องชัย 1839 - 6 กิจสังคม นายวิทยา ภูมิเหล่าแจ้ง 16025 - 7 กิจสังคม นายประสทิ ธ์ิ กติ ตภิ มู วิ งศ์ 10315 - 8 สังคมนิยมแห่ง นายนักรบ เสนาจิต 778 - ประเทศไทย - 9 สังคมนิยมแห่ง นายนิรภัย ธนสีลังกูร 649 - ประเทศไทย 10 ธรรมสังคม นายประเสริฐ บุญเลิศ 6302 11 แนวร่วม นายสนอง บุญไชย 8237 - ประชาธิปไตย - 12 พลังประชาชน นายวรพงษ์ สายะภัณฑ์ 487 13 พลังประชาชน นายถาวร คะโยธา 668 - 14 ไท นางสาวอำนวยพร ภูอวด 1392 - 15 ชาติไทย นายณรงค์ ดุพงษ์ 6603 - ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 2 (4 เมษายน 2519), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 69

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ 4.1.8 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ชุดที่ 8 (22 เม.ย.2522 - 19 มี.ค. 2526) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 13 มีจำนวน ส.ส. 301 คน มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัดเป็น เขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส. เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัด ออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส. ได้ไม่เกิน 3 คนและไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คนต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภา ผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร 2526 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 30-31) สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 3 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 5 คน ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายพิชญ์ แดนวงศ์ สังกัด พรรคกิจสังคม, นายชิงชัย มงคลธรรม สังกัดพรรคธรรมสังคม และนายพิชัย ยันตะบุศย์ สังกัดพรรคกิจสังคม และเขตเลือกตั้ง ที่ 2 นายประยูร โง่นคำ และ นายขุนทอง ภูผิวเดือน ทั้ง 2 คน สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 70

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธ์ุ ตารางท่ี 15 สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธ์ุ ชุดที่ 8 เขตการ หมายเลข พรรคสงั กดั ชอื่ - นามสกลุ คะแนน เลือกตง้ั ผ้สู มคั ร 28382 เขต 1 14 กิจสังคม นายพิชญ์ แดนวงศ์ 15 ธรรมสังคม นายชิงชัย มงคลธรรม 25115 13 กิจสังคม นายพิชัย ยันตะบุศย์ 24129 เขต 2 3 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภผู ิวเดือน 23980 4 ประชาธิปัตย์ นายประยรู โง่นคำ 17501 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (22 เมษายน 2522), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. ตารางท่ี 16 คะแนนเลอื กตง้ั ส.ส. แบบแบง่ เขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 1 (22 เมษายน 2522) หมายเลข พรรคสังกัด ชอื่ - นามสกุล คะแนน หมายเหตุ ผู้สมัคร 1 ไม่สังกัดพรรค นายบัวผัน แพงจันทร์ศรี 15334 - 2 ไม่สังกัดพรรค นายมานิต ไสยวิจิตร 11601 - 3 พลังใหม่ นายเทอดชัย วัฒนเนติกุล 6447 - 4 กิจสังคม นายชาญยุทธ ไชยคำมิ่ง 21200 - 5 ไม่สังกัดพรรค นายเหรียญ สืบพันธุ์ 3121 - 6 ไม่สังกัดพรรค นายสกล กฤษณะสุคนธ์ 3320 - 7 ไม่สังกัดพรรค นายศรีคัมภ์ บุรีรัตน์ 8384 - 8 เสรีธรรม นายท่อนจันทร์ ถวิลการ 14976 - 9 ชาติไทย นายทองคำ บาดาล 16085 - 71

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลข พรรคสงั กัด ช่อื - นามสกลุ คะแนน หมายเหต ุ ผู้สมคั ร 12410 - 10 ชาติไทย นายสิทธิ ศรีบุญลือ 11 ประชาธิปัตย์ นายไพโรจน์ ศาสตราวาหะ 13584 - 12 ประชาธิปัตย์ นายจำนง อิ้งจะนิล 15643 - 13 กิจสังคม นายพิชัย ยันตะบุศย์ 24129 อันดับ 2 14 กิจสังคม นายพิชญ์ แดนวงศ์ 28382 อันดับ 1 15 ธรรมสังคม นายชิงชัย มงคลธรรม 25115 อันดับ 3 16 กิจประชาธิปไตย นายรักษ์ อภิญญากุล 2745 - 17 ไม่สังกัดพรรค นายนิคม สาสุนันท์ 3145 - 18 กลุ่มพัฒนา นายธำรง จันทรสมบัติ 552 - ประชาไทย - 19 กิจสังคม นายพรหม หล้าสกุล 917 20 ประชาธิปไตย นายประนอม ธีระวัฒนา 1442 - แห่งชาติ - 21 ประชาธิปไตย นายประโยชน์ มั่นคงดี 678 - แห่งชาติ - 22 ประชาธิปไตย นายถาวร คะโยธา 1435 แห่งชาติ 23 ไม่สังกัดพรรค นายผม ครองยุติ 475 24 ไม่สังกัดพรรค นางสมพงษ์ อยู่หุ่น 4924 - ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 1 (22 เมษายน 2522), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 72

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ ตารางท่ี 17 คะแนนเลือกตง้ั ส.ส. แบบแบ่งเขต จงั หวดั กาฬสินธุ์ เขต 2 (22 เมษายน 2522) หมายเลข พรรคสังกัด ชื่อ - นามสกุล คะแนน หมายเหต ุ ผู้สมคั ร 1 กิจประชาธิปไตย นายประสทิ ธ์ิ กติ ตภิ มู วิ งศ ์ 8088 - 2 เสรีธรรม นายสมัย จุรุเทียบ 9281 - 3 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภผู ิวเดือน 23980 อันดับ 1 4 ประชาธิปัตย์ นายประยูร โง่นคำ 17501 อันดับ 2 5 กิจประชาธิปไตย นางพวงทอง กรรณสตู 986 - 6 ไม่สังกัดพรรค นายผ่าน จันโทศรี 9744 - 7 กลุ่มเกษตรสังคม นายประยงค์ ภูตลาดขาม 3591 - 8 ไม่สังกัดพรรค นางเพชรี คงมนต์ 1417 - 9 พลังใหม่ นายเสถียร ภูติโส 6232 - 10 กิจสังคม นายทองเส็ง ภูวิชัย 8333 - 11 กิจสังคม นายใหม่ ศิรินวกุล 15899 - 12 ประชาธิปไตย นายสุคนธ์ ร่มแก้ว 1384 - แห่งชาติ 2675 - 13 ไม่สังกัดพรรค นายพงษ์ธร พรมรัตน์ 14 พลังใหม่ นายสามารถ พนั ธก์ุ าฬสนิ ธ ์ุ 12685 - ที่มา. จาก คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ เขต 2 (22 เมษายน 2522), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. 73

นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาฬสินธุ์ 4 . 1 . 9 ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร จั ง ห วั ด ก า ฬ สิ น ธุ์ ชุ ด ที่ 9 (18 เม.ย. 2526 - 1 พ.ค. 2529) สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 14 มีจำนวน ส.ส. 324 คน มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 เป็นการ เลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ จังหวัดใดที่มี ส.ส.ไม่เกิน 3 คน ให้ถือเขตจังหวัด เป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดที่มี ส.ส. เกิน 3 คน ให้แบ่งเขตจังหวัด ออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส. ได้ไม่เกิน 3 คนและไม่น้อยกว่า 2 คน ใช้เกณฑ์จำนวนประชากร 150,000 คนต่อ ส.ส. 1 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี สภา ผู้แทนราษฎรชุดนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร 2529 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2542, หน้า 31) สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 เขต เขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 3 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 2 คน รวมมี ส.ส. จำนวน 5 คน ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในแต่ละเขตมีดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสังข์ทอง ศรีธเรศ สังกัดพรรคกิจสังคม, นางพวงเพชร ศรีทอง สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ และนายวิวัฒนไชย ณ กาฬสินธุ์ สังกัดพรรค ชาติประชาธิปไตย และเขตเลือกตั้งที่ 2 นายใหม่ ศิรินวกุล สังกัดพรรคกิจสังคม และนายขุนทอง ภูผิวเดือน สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ 74

นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาฬสินธ์ุ ตารางที่ 18 สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร จงั หวัดกาฬสนิ ธุ์ ชุดที่ 9 เขตการ หมายเลข พรรคสงั กัด ชอ่ื - นามสกลุ คะแนน เลอื กตงั้ ผูส้ มคั ร 46982 เขต 1 17 กิจสังคม นายสังข์ทอง ศรีธเรศ 6 ประชาธิปัตย์ นางพวงเพชร ศรีทอง 38689 2 ชาติ นายวิวัฒนไชย 35818 ประชาธิปไตย ณ กาฬสินธุ์ เขต 2 2 ประชาธิปัตย์ นายขุนทอง ภผู ิวเดือน 30424 9 กิจสังคม นายใหม่ ศิรินวกุล 28068 ที่มา. จาก ผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ (18 เมษายน 2526), โดย กรมการปกครอง, ม.ป.ป. ตารางท่ี 19 คะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ เขต 1 (18 เมษายน 2526) หมายเลข พรรคสังกัด ช่ือ - นามสกุล คะแนน หมายเหต ุ ผสู้ มคั ร 18741 - 1 ชาติ นายพิชัย ยันตะบุศย์ 35818 อันดับ 3 ประชาธิปไตย 33864 - 2 ชาติ นายวิวัฒนไชย ณ 3635 - ประชาธิปไตย กาฬสินธุ์ 3 ชาติ นายชิงชัย มงคลธรรม ประชาธิปไตย 4 ประชาเสรี นายผล อาษาวุธ 5 ประชาเสรี นายวิบูลย์ ปรีดีย์ 2217 - 6 ประชาธิปัตย์ นางพวงเพชร ศรีทอง 38689 อันดับ 2 7 ประชาธิปัตย์ นายไพโรจน์ ศาสตราวาหะ 21148 - 75