Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore A2กระบวนทัศน์ใหม่ในการให้บริการสาธารณะ

A2กระบวนทัศน์ใหม่ในการให้บริการสาธารณะ

Description: A2กระบวนทัศน์ใหม่ในการให้บริการสาธารณะ

Search

Read the Text Version

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ดำเนินการเป็นไปตามที่ตัดสินใจได้อย่างครบวงจรภายในจังหวัด ทั้งนี้ ได้กำหนด จังหวัดในโครงการจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อการพัฒนา 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง ศรีสะเกษ ชัยนาท ภูเก็ตและนราธิวาส และได้กำหนดให้มีจังหวัดเทียบ เคียง 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุรินทร์ อ่างทอง พังงาน และปัตตานี โดย กำหนดให้มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี (1ตุลาคม 2544 – 30 กันยายน 2545) และให้มีการติดตามประเมินผลโดยขอความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาของรัฐ เพื่อ นำผลการศึกษามาขยายความต่อไป จากผลการทดลองในจังหวัดนำร่องพบว่า การจัดโครงสร้างการ บริหารราชการแบบบูรณาการในระดับจังหวัดส่งผลต่อประโยชน์สุขของ ประชาชนโดยตรง กล่าวคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถบูรณาการ ทรัพยากรของส่วนราชการต่างๆ และมีการจัดทำแผนการดำเนินงานร่วม กัน ทำให้การพัฒนาด้านต่างๆ ในจังหวัดทดลองมีอัตราความก้าวหน้ามาก กว่าพื้นที่เปรียบเทียบที่มีการบริหารแบบเดิม และที่สำคัญประชาชนพึง พอใจในบริการในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2546 คณะ รัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร ใช้การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป 88 สถาบันพระปกเกลา้

การบริหารงานจงั หวดั แบบบูรณาการ ความหมายของการบริหารงานจังหวัด แบบบูรณาการ ระบบการบริหารจัดการเชิงบูรณาการเป็นระบบบริหารราชการแนวใหม่ เพื่อให้ จังหวัดสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ได้ อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยส่งเสริมให้มีการ ใช้ทรัพยากร (บุคลากร งบประมาณ อุปกรณ์เครื่องมือ ฯลฯ) ร่วมกัน มีการกำหนด ยุทธศาสตร์ มีการทำงานประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมอย่างมีทิศทาง และมีเป้าหมายร่วมกัน มีการมอบหมายเจ้าภาพผู้รับผิดชอบในระดับพื้นที่ที่ชัดเจน และสามารถตรวจสอบผลการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบริหารจัดการของรัฐโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดแบบ บูรณาการ หรือ Chief Executive Officer (CEO) เป็นเจ้าภาพการบริหารงานของ จังหวัดซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะผู้บริหารจังหวัดโดยให้ทุกฝ่ายได้ร่วมคิด ร่วมทำ ดำเนินงานเชิงรุกเพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่งคั่งในการพัฒนาจังหวัด หลกั การของการบริหารงานจงั หวดั แบบบรู ณาการ มีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ภาค ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด กำหนดให้ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในจังหวัดเข้ามามีส่วน ร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างศักยภาพในการแข่งขัน การป้องกัน และการแกไ้ ขปญั หาเพอ่ื ลดความซำ้ ซอ้ น ความลา่ ชา้ และความสน้ิ เปลอื ง สถาบนั พระปกเกลา้ 89

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในส่วนกลางและในพื้นที่ต้องจัด องค์กรและระบบการสนับสนุนด้านบุคลากร งบประมาณ ข้อมูลสาร สนเทศ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับอย่างเพียงพอ เพื่อ สนับสนุนการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ เป็นระบบการบริหารที่สนับสนุนนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ด้วยการทำให้เกิดการยอมรับต่อเป้าหมายการทำงานร่วมกันจาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มากกว่ามุ่งเน้นการกำกับดูแลแต่เพียง อย่างเดียวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและมีความโปร่งใส มากขึ้น ส่งเสริมการกระจายอำนาจการตัดสินใจลงไปสู่ผู้ปฏิบัติในส่วนภูมิภาค และมีศูนย์รวมข้อมูลสารสนเทศเป็นฐานข้อมูลในการบริหารและ ติดตามประเมินผล จัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการระดับจังหวัด เพื่อกำหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัดความสำเร็จของการทำงานในระดับพื้นที่เพื่อให้การทำงาน ระดับจังหวัดมีผลเป็นรูปธรรม และประชาชนสามารถตรวจสอบผลการ ดำเนินงานได้ เปลี่ยนบทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัดจากนักปกครองเป็นนักบริหาร และนักบริการ 90 สถาบนั พระปกเกลา้

การบรหิ ารงานจังหวดั แบบบรู ณาการ การจัดทำยทุ ธศาสตรก์ ลุม่ จงั หวดั /จงั หวัด ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวดั แนวทางการบริหารงานในเชิงยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดเป็นรูปแบบใหม่ของการ บริหารงานแบบบูรณาการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยให้มีการวางยุทธศาสตร์การ พัฒนากลุ่มจังหวัด/ จังหวัดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ภาค โดย เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ผู้ว่าราชการจังหวัดได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์กลุ่ม จังหวัดและนำเสนอคณะรัฐมนตรีเมือวันที่ 17 พฤศจิกายน 2546 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ ให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดทั้ง 19 กลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1.1 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน สถาบนั พระปกเกลา้ 91

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) 2. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2.1 ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ 2.2 ประกอบด้วย จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร 3. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 3.1 ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อ่างทอง 3.2 ประกอบด้วย จังหวัดสระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท 4. กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 4.1 ประกอบด้วย ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี 4.2 ประกอบด้วย เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร 4.3 ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว ปราจีนบุรี 5. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 5.1 ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด 6. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 6.1 ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย เลย 6.2 ประกอบด้วย จังหวัดมุกดาหาร สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ 6.3 ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด 7. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 7.1 ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ 7.2 ประกอบด้วย อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร 92 สถาบนั พระปกเกล้า

การบริหารงานจังหวัดแบบบรู ณาการ 8. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ 8.1 ประกอบด้วย สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง 8.2 ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง 8.3 ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ 9. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 9.1 ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส 9.2 ประกอบด้วย สงขลา สตูล ยุทธศาสตรจ์ งั หวัด เมื่อยุทธศาสตร์จังหวัดได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ผู้ว่าราชการ จังหวัดได้นำเสนอยุทธศาสตร์จังหวัดอีกครั้งต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลพื้นที่ ในระหว่างวันที่ 23-31 ธันวาคม 2546 เพื่อจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการระหว่าง รองนายกรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลพื้นที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับผู้ว่า ราชการจังหวัด ซึ่งเมื่อจัดทำคำรับรองดังกล่าว พร้อมกำหนดตัวชี้วัด และค่าเป้าหมาย การดำเนินงานแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดจะดำเนินการแปลงแผนยุทธศาสตร์จังหวัดไปสู่ การปฏิบัติ และทางสำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการใน รอบ 6 เดือน และ 1 ปี สถาบันพระปกเกล้า 93

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) การตดิ ตามและประเมินผล การดำเนนิ งานของจังหวดั สืบเนื่องจากการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด การจัดทำตัวชี้วัด และ คำรับรองการปฏิบัติราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ดำเนินการติดตามผลการปฏิบัติงาน ภายใต้กรอบประเมินผล 4 มิติ คือ มิติท่ี 1 มิติด้านประสิทธิผลตามพันธกิจ : ผลการดำเนินงานของจังหวัดที่บรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายตามที่ ได้รับงบประมาณมาดำเนิน-การ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชนตามแผน ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด/จังหวัด อาทิเช่น การดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน ของรัฐบาล เรื่องสงครามขจัดยาเสพติด ความยากจน เป็นต้น มิติที่ 2 มิติด้านประสิทธิภาพของการปฏิบัติราชการ : ความสามารถของจังหวัดในการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการปฏิบัติราชการ เช่น การลดค่าใช้จ่าย และการลดระยะเวลาการให้บริการ เป็นต้น มิติท่ี 3 มิติด้านคุณภาพการให้บริการ: การให้บริการสาธารณะของจังหวัดที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจ แก่ผู้รับบริการ มิติที่ 4 มิติด้านการพัฒนาองค์กร: การเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงขององค์กร เช่น การพัฒนาระบบ ฐานข้อมูล การบริหารบุคลากร และความรู้ในองค์กร เป็นต้น 94 สถาบันพระปกเกล้า

การบรหิ ารงานจงั หวดั แบบบูรณาการ สำนักงาน ก.พ.ร.ได้แนะนำให้จังหวัดต่างๆ จัดทำรายงานความก้าวหน้าในการ ดำเนินงานตามตัวชี้วัด รอบ 6 เดือน รอบ 9 เดือน และรอบ 12 เดือน ในรูปแบบของ การประเมินตนเองหรือ Self-Assessment Report (SAR) Card เพื่อประเมินความ ก้าวหน้าและสถานการณ์ของจังหวัด โดยเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามคำรับรอง การปฏิบัติราชการ และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหาร ติดตาม ประเมินผลการดำเนิน งานขององค์กรซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการใช้วิเคราะห์เพื่อการปรับปรุงงานให้มี ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) สถาบนั พระปกเกลา้ 95

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมีสว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ในวาระครบรอบสองปีของการพัฒนาระบบราชการ กลุ่มจังหวัดทั้ง 19 กลุ่มได้จัดงานแถลงผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัด และคำรับรองการปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัด/ จังหวัดในรอบระยะเวลา 1 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547) ในระหว่างวันที่ 1-13 กันยายน 2547 เพื่อเผยแพร่และสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมทั้งเป็นเวทีสำหรับการแลก เปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การทบทวนความเหมาะสมของ แผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด/ จังหวัด เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ประชาชนที่ดีขึ้น และเพื่อให้การพัฒนาระบบราชการสามารถตอบสนอง ต่อการบริหารการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การร่วมกันบูรณาการสรรพกำลังของทุกภาคส่วนในกลุ่ม จังหวัด/ จังหวัด ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้สัมฤทธิ์ผลต่อไป 96 สถาบนั พระปกเกล้า

เร่ืองท่ี 9 ผู้ว่าซอี โี อ : กลไกส่คู วามสำเรจ็ ในการพฒั นาประเทศ สำนกั งาน ก.พ.ร. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2546 รัฐบาลไทยโดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้ทั้ง 75 จังหวัด (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) เริ่มใช้การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ หลังจากได้มี การทดลองใช้มาแล้วเป็นระยะเวลา 12 เดือน ใน 5 จังหวัด นำร่อง ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ ชัยนาท ลำปาง ภูเก็ต และนราธิวาส ซึ่งนับตั้ง แต่นั้นมา ประชาชนชาวไทยก็ได้รู้จักกับคำว่า ผู้ว่าซีอีโอ หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ผู้ว่าราชการจังหวัดซีอีโอ” เข้ามาแทนชื่อที่พวกเขาเรียกขานกันมานานหลายทศวรรษ ว่า “พ่อเมือง หรือ เจ้าเมือง” การได้รับผู้ว่าราชการจังหวัดในรูปลักษณ์ใหม่นั้น ใช่ว่า

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ลูกเมืองจะยอมรับได้ในทันทีว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะทำให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นใน ท้องถิ่นของเขาได้จริง ในทางตรงข้าม กลับเกิดคำถามมากมายในใจ เช่น ผู้ว่าซีอีโอ คืออะไร ทำไมจึงต้องเป็นผู้ว่าซีอีโอ ประชาชนหรือชุมชนของเขาจะได้อะไรจากผู้ว่า ซีอีโอ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ระบบผู้ว่าซีอีโอ จะดีไปกว่าการมีพ่อเมืองในอดีตจริงหรือ นับเป็นความท้าท้ายอย่างใหญ่หลวงต่อใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าซีอีโอ เนื่องจากการทำงานในก้าวต่อไปย่อมมีความกดดันจากสังคมและบุคคลทั่วไป ผู้ว่า ซีอีโอ เป็นความคาดหวังของคณะผู้บริหารประเทศที่ต้องการประยุกต์ตำแหน่ง CEO ซึ่งมีอำนาจบริหารสูงสุดขององค์กรเอกชน มาปรับใช้ในการบริหารงานของภาครัฐใน ส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ เพราะมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการบริหารงานแบบบูรณาการของ ผู้ว่าซีอีโอ จะเหมาะสมกับการบริหารส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยโดยจะสามารถ แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานานได้อย่างแท้จริง การทำงานในเชิงรับ ส่วนกลางวางแผนและส่งต่อให้ จึงรอแต่คำสั่งนั้น คงต้องเปลี่ยนไปการทำงานแบบ เชิงรุก งานจะเป็นลักษณะมุ่งเน้นผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์บนความ คาดหวัง (Result Based) และที่อาจ จะไกลไปกว่านั้น ก็คือ รัฐบาลมีความ หวังอย่างแรงกล้าว่า ผู้ว่าซีอีโอ ทั้ง 75 จังหวัด เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ และใกล้ชิดประชาชน มากที่สุด จึงต้องทำหน้าที่เป็นเครื่องจักรหรือกลไกสำคัญที่ จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้านให้ เกิดเป็นรูปธรรมชัดเจนและทันเวลา สร้างความเชื่อมั่นให้กับ ประชาชนในการทำงานของภาครัฐ เมื่อมองในมิติของประชาชน นั้น แน่นอนที่สุดว่าจะต้องเกิดความรู้สึกหลากหลายในกลุ่ม ประชาชน เพราะด้วยเหตุที่ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมมีปฏิกิริยา ตอบโต้ต่อสิ่งที่มากระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันเสมอไม่ว่าจะเป็น 98 สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ว่าซอี ีโอ :กลไกสูค่ วามสำเรจ็ ในการพฒั นาประเทศ ด้านบวกหรือลบ การยอมรับอะไรใหม่ๆ จึงอาจต้องใช้เวลาและผลงานมาพิสูจน์ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขณะนั้น ประชาชนคงยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าผู้ว่าซีอีโอ จะช่วย พวกเขาได้อย่างไร ความรู้สึกกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงจึงค่อนข้างสูง และความกังวล เหล่านี้ก็มักจะส่งผลให้เกิดการต่อต้าน การเปรียบเทียบ และการประเมินอยู่ในใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับเป็นห้วงเวลาของการพิสูจน์เหล้าเก่าในขวดใหม่ แม้จะด ู ทันสมัยกว่า แต่คุณภาพจะคับแก้วคุ้มค่าหรือไม่ก็คงมีคนคอยรอพิสูจน์แน่นอน สุดท้ายของความท้าทายและสำคัญยิ่งสำหรับการเป็นผู้ว่าซีอีโอ ก็คือ ตัวตนของผู้ว่า ซีอีโอ เอง จากที่เห็นและรู้สึกได้ก็คือ ส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบราชการ โดยการให้ กำเนิดตำแหน่งผู้ว่าซีอีโอ ในครั้งนี้ เปรียบเช่นการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วข้ามคืน และ แบบหน้ามือเป็นหลังมือ รัฐบาลไม่มีเวลามากนักให้พ่อเมืองได้ตั้งหลักหรือซ้อมก่อนลง สนามสอบ มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่รัฐบาลมอบให้ ก็คือความเชื่อมั่นในตัวผู้ว่าซีอีโอ โดยมี ท่าทีที่ชัดเจนว่า เมื่อรัฐบาลพร้อมมอบอำนาจความรับผิดชอบ และปัจจัยทางด้าน งบประมาณ กำลังคน หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อเปลี่ยนบทบาทของ ผู้ว่าเป็น Change Master พร้อมกับบทบาทการเป็น Catalyst ที่ช่วยให้บุคลากร (ทัศนคติ) และปัจจัยอื่นๆ (โครงสร้าง) มีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงเพื่อสนองต่อ การปฏิบัติงานของท่านผู้ว่าซีอีโอ แล้ว ความสัมฤทธิ์ผลจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน มีสิ่งที่นับเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการสร้างขวัญกำลังใจให้ กับผู้ว่าซีอีโอ ในการเริ่มการทำงานแบบบูรณาการ ได้แก่คำกล่าวของ ฯพณฯ นายก รัฐมนตรีที่ให้ไว้เสมอในที่ประชุมครั้งสำคัญๆ ว่า “ในโลกยุคใหม่ เขาบอกว่าไม่ต้อง รอความสมบูรณ์ ต้อง Experiment ต้องเดินทันที” และ ณ จุดเริ่มต้น ผู้ว่าซีอีโอ ก็คงต้องนำความรู้ ประสบการณ์ ศักยภาพ ทั้งที่มีอยู่เดิมมาผนวกกับความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดจากการเรียนรู้ขณะปฏิบัติงานหรือที่เรียกว่า Action Learning สิ่งเหล่านี้ฟังดู เหมือนไม่ยากแต่ในทางปฏิบัติแล้วมิใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะ ต้องเปลี่ยนแนวทางการทำงานจากเดิมที่เคยปฏิบัติกันมาไม่น้อยกว่า 10 ปี ไปเป็น สถาบันพระปกเกลา้ 99

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีสว่ นรว่ มของประชาชน (People’s Audit) แนวทางสมัยใหม่ที่ยังไม่เคยมีต้นแบบที่ชัดเจนมาก่อนในระบบราชการไทย ถึงแม้จะ เกิดความสับสน ความเครียดบ้างในระยะแรก เชื่อหรือไม่ว่า เมื่อครบรอบ 1 ปีของ การเป็นผู้ว่าซีอีโอ ท่านผู้นำเหล่านี้สามารถแสดงผลการปฏิบัติงานที่แสดงถึงความเป็น ผู้ว่าซีอีโอ แบบมืออาชีพได้อย่างน่าพิศวง มีข้อมูลและตัวชี้วัดที่บอกความก้าวหน้า และสถานภาพของแผนงาน ยุทธศาสตร์ต้องแสดงถึง Accountability และ Responsibility ในงานและการตัดสินใจ และสามารถบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจของประเทศที่ เติบโตขึ้นในทุกๆ ด้าน รวมทั้งประเทศมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ถึงแม้ว่า จะมีผลงานบางส่วนแตกต่างกันบ้างในแต่ละพื้นที่ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เกินกำลังของผู้ว่า ซีอีโอ ที่จะปรับเปลี่ยนและพัฒนาให้ดีขึ้น หากได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายรัฐ จึงเป็น สิ่งที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่จะนำเรื่องราวของการบริหารราชการแบบ ผู้ว่าซีอีโอ มา บอกเล่าอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เพื่อแสดงความชื่นชมต่อบทบาท และผลงานของผู้ว่าซีอีโอ ความสำเร็จเหล่านี้ ในขณะเดียวกันก็อาจจะสะท้อนให้เห็น ปัญหาอุปสรรคในการทำงานที่ยังคงมี อยดู่ ว้ ย โดยหวงั วา่ ขอ้ จำกดั เหลา่ น้ี จะได้รับการแก้ไข ปรับปรุงเพื่อ พัฒนาให้ระบบผู้ว่าซีอีโอ ทุกคน ขับเคลื่อนไปได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อนั้นประเทศชาติก็จะได้ ประโยชน์อย่างถ้วนหน้า ก่อนอื่น คงต้องตอบคำถามพื้นฐานก่อนว่า ทำไมการแก้ปัญหาในแต่ละจังหวัด จึงต้องใช้ระบบผู้ว่าซีอีโอ แล้วบทบาทของพ่อเมืองในสมัยก่อนนั้นทำไม่ได้หรืออย่างไร คำตอบก็คือ ผู้ว่าซีอีโอ จะใช้ระบบบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการเพื่อการพัฒนา เขตพื้นที่ด้วยลักษณะพิเศษ 3 ประการ ได้แก่ 100 สถาบนั พระปกเกล้า

ผวู้ า่ ซีอีโอ :กลไกสู่ความสำเรจ็ ในการพฒั นาประเทศ 1. ระบบบริหารจัดการแบบองค์รวม (Holistic) ที่ใช้การบูรณาการการ ทำงานของทุกภาคส่วนในพื้นที่ในลักษณะ “พื้นที่-พันธกิจ-การมีส่วน ร่วม” (Area-Functional-Participation: A-F-P) ในขั้นตอนการ ทำงาน เพื่อให้เกิดคุณค่า (Value-added) ในงาน เพราะเป็นการทำงาน แบบห่วงโซ่ ซึ่งลักษณะการบริหารเช่นนี้จะต่างจากสมัยก่อนซึ่ง ผู้ว่า ราชการจังหวัดจะรอรับคำสั่งจากส่วนกลาง และบริหารงานได้เฉพาะ หน่วยงานภายในสังกัด หากปัญหาใดที่เกิดขึ้นภายในจังหวัด และมี ความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นที่ตั้งอยู่ภายในจังหวัดแต่ขึ้นตรงกับ ส่วนกลาง ก็มักจะเกิดข้อจำกัดในการแก้ปัญหา เช่น ไม่ได้รับความร่วม มือจากหน่วยงานนั้นๆ มีความล่าช้าในการประสานงาน ทำให้ปัญหา เหล่านั้นขยายตัวถึงขั้นวิกฤต รวมทั้งอาจแก้ไขปัญหานั้นไม่ได้ในที่สุด 2. เป็นระบบบริหารจัดการที่มีเป้าหมายตอบสนองความต้องการของ ประชาชนผู้ใช้บริการ (Customer Focus/Citizen Centered) ถือ เป็นการเปลี่ยนขั้วแนวความคิดในการทำงาน จากเดิม (Government Center) หรือที่ข้าราชการอาจจะรู้สึกว่ารัฐมีอำนาจเหนือประชาชน เงื่อนไขการให้บริการจึงอยู่ที่ภาครัฐ โดยไม่มีการวัดผลสัมฤทธิ์เพื่อ ความเป็นเลิศของการให้บริการ 3. เป็นระบบบริหารจัดการที่อยู่ภายในกรอบของบทบัญญัติและ เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ และโครงสร้างการจัดระเบียบบริหาร ราชการแผ่นดินในปัจจุบัน รวมทั้ง หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) สถาบันพระปกเกล้า 101

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ว่ นร่วมของประชาชน (People’s Audit) ด้วยเหตุที่การบริหารราชการแบบบูรณาการเป็นการพลิกโฉมการทำงานจาก เดิมโดยสิ้นเชิง จึงทำให้ผู้ว่าซีอีโอ มีบทบาทและความรับผิดชอบที่เปลี่ยนไปจากเดิม คำว่า CEO มาจากคำว่า Chief Executive Officer แปลว่า เป็นประธานคณะ ผู้บริหาร และฯพณฯ นายกรัฐมนตรีมีความประสงค์ให้ ผู้ว่าซีอีโอนำผู้บริหารหลายคน มาอยู่รวมกัน นั่นคือเอาหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนมาเป็นคณะผู้บริหารจังหวัด แล้ว ท่านผู้ว่าซีอีโอ ทำหน้าที่เป็นประธาน จึงจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่ให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกัน คิด ร่วมกันทำ และทำให้ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน ในรอบปีที่ได้สวมบทบาทผู้ว่าซีอีโอ นั้น ทุกท่านได้พิสูจน์ตนเองว่าได้สวมบทบาทที่สำคัญใน 3 ฐานะ คือ 1. ในฐานะเป็นผู้ชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Leadership) หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ว่าซีอีโอ ต้องมีบทบาทอย่างยิ่งในการกระจาย อำนาจ (Deployment and Delegation) เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ จากระดับประเทศลงสู่ระดับกลุ่มจังหวัดและจังหวัดตามลำดับ โดยจะ ต้องใช้วิจารณญาณและความสามารถในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (Environmental Scanning) ในการปรับกลยุทธ์และแผนงานต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่ผ่านมาผู้ว่าซีอีโอ ได้เริ่มที่ จะมองข้ามไปถึงสถานการณ์โลก นโยบายรัฐบาล จุดอ่อนจุดแข็งของ ภูมิภาค รวมทั้งโอกาสและความเสี่ยง นอกจากนั้น ผู้ว่าซีอีโอ ได้ใช้ ศักยภาพของตนเพื่อกำหนดทางเดิน แผนโครงการ ที่จะ นำจังหวัดไป ในทิศทางที่ถูกต้องและเจริญก้าวหน้า 102 สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ว่าซอี โี อ :กลไกสคู่ วามสำเร็จในการพัฒนาประเทศ 2. ในฐานะเป็นผู้ประสานเชิงกลยุทธ์และผู้สนับสนุน (Strategic Coordinator and Facilitator) คงไม่เป็นการกล่าวเกินความจริงว่า ที่ผ่านมาผู้ว่าซีอีโอ ยุคใหม่ทุกคนเป็นนักประสานสิบทิศ ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งภายในและนอกจังหวัด ต้องลงไปใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นเพื่อขอความเห็นและความร่วมมือ นอกจากนั้นก็ได้ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในส่วนกลาง หรือแม้แต่ กับประเทศอื่นๆ เมื่อท่านได้ วิเคราะห์หา Stakeholders แล้ว ก็ได้ใช้ ความเป็นผู้นำไปประสาน เพื่อให้การทำงานเกิดความคล่องตัวและ สำเร็จลุล่วงในที่สุด ราชการ Facilitator ราชการ ส่วนกลาง ท้องถิ่น ประชาชน สถาบนั พระปกเกล้า 103

การใหบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) 3. ในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติ (Implementation) ผู้ว่าซีอีโอ จะต้องทำให้ ยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้นั้นเกิดผลขึ้นจริง ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่เกิดขึ้นและมองเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าผู้ว่าซีอีโอ เองอาจจะไม่รู้ตัวก็คือ ผู้ว่าซีอีโอ ทั้ง 75 จังหวัดได้มีการพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ที่จะนำ ระบบการบริหารงานแนวใหม่ มาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อให้เกิด ผลลัพธ์ที่วัดได้จริง ภาพลักษณ์ที่ปรากฏออกมาต่อสาธารณชนก็คือ ผู้ว่าซีอีโอ มีความทันสมัยในเชิงบริหารจัดการ สมกับที่เป็นนักบริหาร ยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องแต่ต้องเข้าใจทุกเรื่อง และเป็นที่น่า พอใจก็คือผู้ว่าซีอีโอ หลายๆ ท่านแสดงถึงความเป็นผู้กระหายการ เรียนรู้และพร้อมที่จะไขว่คว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เปรียบเช่น น้ำที่ไม่ยอมเต็มแก้วนั่นเอง 104 สถาบนั พระปกเกล้า

ผวู้ ่าซีอีโอ :กลไกสคู่ วามสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ครั้งหนึ่ง ท่านรองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้กล่าวไว้ในงานการ ประชุมเชิงปฏิบัติการแก่ผู้บริหาร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2546 ในหัวข้อ “ผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการกับการบริหารการ เปลี่ยนแปลงภายใต้กรอบยุทธศาสตร์” โดยเน้นว่า “บทบาทที่รัฐบาลคาดหวังจากท่าน ผู้ว่าซีอีโอ ก็คือ 1) ท่านเป็นนายกฯ น้อย ท่านเป็นประธานคณะผู้บริหาร ไม่ได้หมายความ ว่าไปอยู่เหนือคนอื่น ประธานคณะบริหารคือ คนที่ช่วยประสานกับทุก ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นั่งอยู่ในหัวใจของผู้ร่วมงาน ไม่ใช่อยู่บนหัวของ ประชาชน 2) จากเรื่องของการปกครอง สู่เรื่องของการบริหารจัดการ ท่านมีหน้าที่ Balance ระหว่างประชาชาติมั่นคง กับประชาชนมั่งคั่ง ประชาชนมั่งคั่ง ได้ เศรษฐกิจดี น้ำท่วมไม่มี เกษตรดี OTOP ทำได้ดี ยาเสพติดไม่มี และดำเนินไปสู่เรื่องสังคมที่ดี สังคมมั่นคงโดยปริยาย” จะเห็นได้ว่าบทบาทของผู้ว่าซีอีโอ ในยุคใหม่นี้เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาในส่วน ภูมิภาคอย่างเห็นได้ชัด ถ้าจะเปรียบเทียบเชิงลึกระหว่างการบริหารราชการส่วน ภูมิภาคแบบเดิม กับรูปแบบการบริหารราชการแบบบูรณาการ ก็จะพบว่ามีความ แตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของการบริหารจัดการซึ่งมีความแตกต่างกันโดย สิ้นเชิง เช่น การบริหารงานบุคคล การบริหารงบประมาณ วิธีการแก้ปัญหา การ ติดตามประเมินผล และการกระจายอำนาจ สำหรับส่วนที่ยังมีการคงไว้เกือบเหมือน เดิมก็คือโครงสร้างการบริหารแผ่นดิน ดังภาพเปรียบเทียบที่แสดงไว้ต่อไปนี้ สถาบนั พระปกเกลา้ 105

„µ¦Ä®o¦·„µ¦­µ›µ¦–³Ã—¥„µ¦¤¸­nªœ¦nª¤…°Šž¦³µœ ­™µœ´ ¡¦³ž„Á„¨oµ การ„µใ¦หÄ®บ้ oร¦„·ิกµา¦­รµ›สµ¦า–ธ³า×ร¥ณ„µ¦ะ¤­¸ โnªดœย¦ªn ก¤…า°รŠžม¦³สี ่วµนœรว่ มของประชาชน (People­’s™µA´œ¡u¦³dži„tÁ„)¨ oµ яҖѬњҕѥіѥндѥілкѤ ўњчѤ Ѱээѯчєѧ яњҖѬ ѥҕ оѨѠѨѱѠ яњѬҖ ҕѥі(ѥьнддѤ ѥюілдкѤ ўзњіѤчѠѰэк)эѯчєѧ (ьяѤдњѬҖ эѥҕ оіѨѠѧўѱѨ Ѡѥі) (ьдѤ юдзіѠк) (ьѤдэіѧўѥі) 1. 1. ѝҕњьдѱѱззјііѥкккѝѝііѥѥҖҖ ѓккєѬ ддѓѧ ѥѥѥіі1зээ.ііўѧѧўѰѥѥјііѣііѝѥѥњҕ нньддъѥѥѠҖ іікщѧѷь ѯўєѠѪ 1ь. ѯчєѧ ѝҕњьдјѥк ѓєѬ ѓѧ ѥз Ѱјѣѝњҕ ьъѠҖ кщѧѷь ѯўєѪѠьѯчѧє 2. 2. ээдъъіісѠѠҖҖ ўўѧѧ ўккѥѥщщєііѷѧьѷьѧѥккѕєєѥѥшььззѨѨ ѥҕшшњњкѥѥѥѥѵєєєє2ѯѯѰііюю.ѤууѤјҝььҝ ыыѣѠѠѝііѧѧѝѝііҕњєєііьѣѣььѓѲѲрѬѬрѬєььѓѧддѰѰѥѥѥјјзііѣѣ ѠѯѯўўкзззєєњњдҙѪѪѠѠѥѥєєіььюѯѯѯѯееччдєҖҖєєѧєѧ зѰѰіѰѰееѠшшккѶѶкҕѝҕѝѲѲѝььььҕњѤѤээддь2ѝѝѥѥ.ъііььҖѠээьѫьѫ кііщѰѰўўѧѧ јјьѧѷ ѥѥѣѣѯііёѯѯккѝѝєѧѷѥѥііььєѧѧєєееѥѝѝдѠѠііеѥѥҖҖккккьѸѩ дсўєѥѕшѥҕ кѵ Ѱјѣѝњҕ ьѓєѬ ѓѧ ѥз Ѡкздҙ іюдзіѠкѝњҕ ьъѠҖ кщьѧѷ ѯёєѧѷ єѥдеьѸѩ 3. 3. јјѲѲўўккіѲѲєєзҖҖзѣььчѥѥццѫѫ ддѤэѰѰѥѥѲѲлјјііўўкѤ ююѣѣҖѱѱҖ ўѝѝііъъњњњҕҕээѤѤ ќќѤчььѕѕшшшддѥѥҖҖ ѸѤкѤкѸ ѥјјѕѕѰѰєѥѥўўшшъ3ккњњѤѤ ўўҕҕшш.ѷяѨўўѤѤњњҖҖѠѠњѬҖььўўккѥҕ ҖҖѥѥѲѲььоѝѝўўҖѥҖѥѠѨњњҕҕ ззҖҖѝѝььѱѨ њњҕҕњњѠііььѥѥѥѥієєііннѠҖ ѥѥііддкннњњҕҕ еѥѥєєддііѠєєѥѥѪѠѪѠіі ѲѲўўзҖҖзццѫѫ ѲѲўўўѤњҖҖѱѱўъъьќќҖѥѳѳѝєєњ3ҕ ѯҕҕѯь.ддіѧььѧ ѥіінѣѣдччѥээѤѤ і 7 єѲѧ нҕ 7 єѲѧ нҕ іѣчѤэлкѤ ўњѤчшѥєъяѨѷ њҖѬ ѥҕ оѠѨ ѱѨ Ѡ іѠҖ кеѠ ўњѤ ўьѥҖ ѝњҕ ьіѥндѥі 4. 4. јјѱѱѠѠззҖѥҖѥўўѥѥѼѼььііььььккээѱѥѥҖҖѥѥддѥѥзллўўъъѥѥіддіііікѰѰѠѠѪѥѥѪшшдііјјддѠѠҖҖ ѥллѣѣѥѥккіччѤѤддііѲѲѰннооееѥѥјііѠѠѯҖҖѯѠѠѸѪѸѪ ѣ4њњѰѰккѰлл.јјддээяччѤѤ ѥѥҖҖѳѳююлльее11ііѥѥҖҖкюю88ѣѣккѥєєррққѳѳьѯѯѥѥєєччюўўццҕҕѯѯѪѠѠѪ дддѥѥььшшѯѯшѧьѧьммѥѥѧшшёё55єєѥѥ00ѥѥєєѣѣ ллєєўўѱѱѳѳўўѝѝѥѥѠѠѠѠѤѤњњєєддііѥѥўўээѝѝлҕҕлѠѠѪѪєєяяѠѠььѼѥѥѼѼѥѼѥѱѱѥѥѠѬҖҖѬѠѼѥѥѼҖҖѥѥўўддззііѥѥѼѼььѝѝщщччііѤѤііььѥѥњњҕҕээѤѤккеењњњњллььддддккѠѠѕѕѲѲііѯѯѥѥѥѥііььккддѥѥііііѤѤээььѧѧѠннддѥѥъъѰѰккѤьііѥѥддѨѷѨѷєєддѱѱээѝѝіііччѥѥѨзѨзҖѳҖѳюю4ллѼѥѼѥњііееѕѕњњььч.ѤчѤчііѲѲѥѥєєююѣѣўўддѤѤѯооєєієєѨдѨдрқрқ ккѯҖҖѯѠѠѪѸѸѪњѶллююѥѥѥѥээўўллѼѥѼѥццііҝҝььююччѤѤѯѯѥѥєєееююііѳѳѯѯллѠѠммѠѠѣѣььҝҝччѥҖѥҖээєєёёккѯѯѲҖѲҖккѠѠііѥѥяяььѥѥѳѳҕҕккѼѼѥѥццччњњѯѯѣѣѬҖҖѬ ччььњњўўҕѥҕѥҖҖѱѱѰѰјјҕҕњњѥѥооччььььјјѥѥллѨѠѨѠѕѕѥѥҖҖ ѣѣѨѨ ѱзікдѥіѰјѣѰяькѥьюдшѧ ѠьѤ іњчѯіњѶ 106 สถาบันพระปกเกล้า 9-5 9-5

„µ¦Ä®o¦·„µ¦­µ›µ¦–³Ã—¥„µ¦¤­¸ ªn œ¦ªn ¤…°Šžผ¦ูว้³า่ µซœอี ีโอ :กลไกสคู่ วามสำเรจ็ ในการพฒั ­™นµาœ´ ป¡ร¦³ะเžท„ศÁ„ ¨µo 5. 5. дѥіѰдѳҖ еюқрўѥѰјѣёѤхьѥёьѪѸ ъѷѨ ѝњҕ ь ѝѥєѥіщѰдѳҖ еюрқ ўѥѰјѣдѥѼ ўьчѰьњ ъѥкдѥіёхѤ ьѥѳчҖѱчѕѳєшҕ ѠҖ кіѠѝкѷѤ Ѳўрлҕ ѣшѠҖ кѲндҖ ѥішѤчѝьѧ Ѳлѱчѕ ѝҕњьдјѥк дѥілѥдѝҕњьдјѥк (зчѧ ѯѠк ъѼѥѯѠк ѰдҖюрқ ўѥѯѠк) ѰјѣшѠҖ кєдѨ ѥі юіѣѯєѧьяјѠѕѥҕ кѯюҝьіѣээѰјѣшѠҕ ѯьѠѷѪ к 6. 6. дѥідіѣлѥѕѠѥѼ ьѥл ьѸѤь ѲнҖ ѯўєѠѪ ьдѤь Ѱшѝҕ ҕњьіѥндѥіѯлҖѥеѠк діѣэњьдѥіщѥҕ ѕѱѠь/длѧ діієлѥд кэюіѣєѥцѰјѣѝѥѼ ьдѤ кэюіѣєѥцєѠэ ѝҕњьіѥндѥіѯёѷѪѠдіѣлѥѕѠѥѼ ьѥлѲўѰҖ дҕ ѠѥѼ ьѥлѲўҖяњѬҖ ѥҕ оѠѨ ѨѱѠѲьдѥіэіѧўѥі Ѡкздҙ іюдзіѠкѝњҕ ьъҖѠкщьѧѷ Ѱјѣдѥі эіўѧ ѥілѤчдѥікѥь/длѧ діієъѳѷѨ чҖіэѤ лчѤ дѥіѯёѷѠѪ ѲўєҖ ѨзњѥєзјҕѠкшњѤ дѥіщѥҕ ѕѱѠьэѥкдіцшѨ ѠҖ кеѠѠьєѫ Ѥшѧ лѥдѝњҕ ьдјѥк ‹µ„จ„าµก¦šก¸ÉŸาo¼ªรnµทŽี่ผ¸°ู้¸Ãว°่าซ˜ีอo°Šีโอ¤¸ตš้องµšม‡ีบªทµ¤บ¦า´ทŸค·—วา°มรšับɸ®ผ¨µิด„ช®อ¨บµ¥ทÂี่ห¨³ล¨าoªกœหÂล¨oาªย˜แnÁลžะ¨ล¸É¥œ้วÅนžแ‹ลµ„้วÁ—·¤ °´œ°แµต‹่เ­ปnŠลŸ¨ี่ย„น¦ไ³ปšจา˜กn°เ˜ดœิมÁ°ŠอÂัน¨อ³Ÿา¼oจ¤¸­สnª่งœผÅล—กo­รnªะœทÁ­บ¸¥ต‡n°่อœต…นoµเŠอ­ง¼ŠแŸลo¼ªะnµŽผ¸°ู้ม¸Ãีส°‹่ว¹Šน¤ไ¸®ด¦้สº°่ว˜oน°Šเ¤ส¸‡ีย»–ค­่อ¤นข´˜้า·‡งªµ¤ Áž}œสŸูง¼oœÎµผŗู้ว°o่า¥ซnµีอŠ­ีโอ¤จ¼¦ึง–มrีห¨ร³ือÄตœ้‡อªงµม¤ีคÁžุณœ} Ÿส¼oœมεบœÊœ´ัต˜ิคo°วŠาčมošเปŠÊ´ «็นµ­ผ˜ู้น¦ำÂr ไ¨ด³้«อ¨·ยž่า³งสеมœบ‹¹Šูร‹ณ³­์ แεÁ¦ลȋะ—ใoªน¥ค—¸วJาoมhn P. Kotเtปer็นÅผ—oÁู้น­œำน°šั้น§ต¬้อ‘ง¸Ÿใo¼œชε้ท­ั้n¼„งศµ¦าÁžส¨ต¸É¥รœ์แÂลžะ¨ศŠÅิลªปo°¥ะnµŠงœานnµ­จœึงÄจ‹ะĜส®ำเœร´Š็จ­ดº°้วÁ¦ยɺ°ดŠ ี“LJeoadhinng PC.haKngoet”te˜¸¡r ·¤ไ¡ดrÁ้¤ºÉ° ž°°…Ê´œŠ¥e ‡‡nµ˜เอเC.Šrน„ส«°งÅh¦.œื่นอค¦‹a„ง1อ¹®Š์ปnจȘ9Åท¦ร9gµ¤า°º 6ะ¤ฤกnežก“ไษ”¦KTÂดอ³hoฎ¨ต­บ้กet³tีผีeพEทล¤rู‡้i¸น่าิี่มจgªวɺ°hำะพµtÁถสÅ­-เ¤S์ปเ—ึงู¸่¥­กมtวoÁa็Šนέµาgื่¤า่อÁตœรe¦ทµปȋเ„°PัวำปีrÄÂÂไขoคœลมœ¨ัcบ„.e³ªีก่ยศเs¨°‡คsาน»n¤.”Š·—รล‡œแ°ªเ1ื่ปržอn´µ„œ´ป9¦นลž„9ล³¦ี่µยใ¦6„ง·¦®ห³น°ไÁ„แµž้กวแ¦°ล¨า¥้šปอÉ¸¥ระ»‡¸É‹—ลยœเÄม³ªoปง®่ÂาÁ¥ีชใžลงž¤นื่อ}œนnÁี¨่ยœอเ˜Š่านɺ°สง¤´ªสŠแคี…ยµ‹น­ป´์กงµ¼nใ­„Áลมร‡จ´ÅŠจงา¨‡—ใเึงกɺ°นo¤„กไœใ¨‹มิหดนÄnµ³่ปผนª®­ก™รo„ลÎัµงล¹ŠÁะµสส¦ªุ่ม¦สȋnµำืÁอนžบšÅเเร—Ψµคักร็Åจoøɥืว่บ¤อ—œาอ„¥รงÂมµÄยิหž¦ส“่า¨ÁาLo„žำงรŠเ¦e¨ไÁรย„³รɸ¥a็จุ·ค—œกdŸªÂใ็ตแiœ¨หžnลา­„¨มมgะ嵊่Á¦Ä¦œÈ‹8 Kotter ได้เสนอแนวคิดว่า การเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมจะสำเร็จได้โดยใช้กระบวนการ 8 ขั้นตอน หรือ “The Eight-Stage Process” อันประกอบด้วย สถาบันพระปกเกลา้ 107

„µ¦Ä®o¦·„µ¦­µ›µ¦–³Ã—¥„µ¦¤¸­ªn œ¦ªn ¤…°Šž¦³µœ ­™µœ´ ¡¦³ž„Á„¨µo การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน (People’s Audit) 8. юјѬдѐкқ њыѧ дѨ ѥіѲўєѵҕ ъюѷѨ іѣѝэяјѝѥѼ ѯілѶ ѲўҖ дјѥѕѯюьҝ њхѤ ьыіієеѠкѠкзҙді 7. ѯіѧѷєдѥіѯюјѨѕѷ ьѰюјкѲьѝњҕ ьъєѷѨ яѨ јдіѣъэ ѳєєҕ ѥддҕѠь ѰјњҖ лѩкѯіѷєѧ ѯюјѷѕѨ ьѰюјкѝњҕ ьъѨѷ яјдіѣъэшҕѠѝҕњьіњєєѥдѵ 6. дѥѼ ўьчѱзікдѥііѣѕѣѝѤьѸ ъѷлѨ ѣѯдчѧ яјѝѥѼ ѯілѶ дѠҕ ьъѷѨлѣєкѫҕ Ѱшѱҕ зікдѥііѣѕѣѕѥњ 5. діѣлѥѕѠѥѼ ьѥлѲўъҖ дѫ зьѳчҖєѨѝњҕ ьѳчҖ іѤэячѧ нѠэѲьдѥічѥѼ ѯьѧьдѥі 4. ѝѷѪѠѝѥіѲўъҖ дѫ зьѳчіҖ эѤ іщѬҖ кѩ ѓѥёеѠкдѥі The ѯюјѕѨѷ ьѰюјкълѷѨ ѣѯдѧчеѩѸь Eight-Stage 3. дѼѥўьчњѝѧ ѤѕъћѤ ьҙѰјѣѕъѫ ыћѥѝшіѲҙ ўҖ Process нѤчѯль 2. ѝіҖѥкъѨєкѥьѰјѣѯзіѠѪ еѥҕ ѕ 1. ѝіҖѥкѝѼѥьѩдѲўҖъдѫ зьіэѤ іњҖѬ ҕѥѯюҝьѯіѷѠѪ кѯікҕ чњҕ ь ъшѷѨ ѠҖ кдіѣъѥѼ เมื่อได้รับทราบทฤษฎีนี้แล้ว ผู้ว่าซีอีโอ หลายๆ ท่าน ก็คงรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ไกล เกินกว่าจะทำได้ และหลายท่านก็อาจจะเคยใช้บางขั้นตอนมาแล้วโดยไม่รู้ว่า วิธีการที่ 108 สถาบันพระปกเกล้า 9-7

ผู้วา่ ซอี โี อ :กลไกสูค่ วามสำเรจ็ ในการพัฒนาประเทศ ท่านได้เคยใช้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีระดับสากล อย่างไรก็ตาม ยังมีทฤษฎีอีก มากมายในเรื่องของภาวะผู้นำที่เสนอแนะความเป็นผู้นำทั้งทางกระบวนการทำงาน และคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ผู้นำควรมี เช่น Charismatic Leadership หมายถึงผู้นำที่ มีเสน่ห์และเป็นที่รักของผู้ตาม ดังเช่น มหาตมะ คานธีซึ่งประชาชนยินยอมปฏิบัติตาม ด้วยความรัก ไม่ว่าจะพูดอะไรมักมีคนเชื่อถือและคล้อยตาม และในความเป็นผู้นำ ของท่าน ท่านมักแสดงเป็นแบบอย่างก่อนเสมอเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นยอมรับ ตัวอย่างที่ เห็นอยู่เสมอก็คือ ท่านใส่ผ้าฝ้ายท้องถิ่นสีธรรมชาติที่ทอเองด้วยกี่แบบพื้นบ้าน เพื่อ ต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษซึ่งเข้ายึดอุตสาหกรรมทอผ้าไปเกือบทั่วพื้นที่ใน อินเดีย หรือแม้แต่การเดินนำหน้าเพื่อประท้วงระยะทางเป็นร้อยกิโลเมตรเป็นต้น แนวคิดในเรื่องคุณสมบัติของผู้นำนี้ ตรงกับที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีมักเน้นอยู่เสมอ ว่า ท่านต้องการให้ผู้ว่าซีอีโอ มีความเป็นผู้นำสูง ต้องกล้านำ กล้าทำ และกล้าคิดนอก กรอบ ดังที่ท่าน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้เคยกล่าวไว้ว่า “คนที่กล้าเปลี่ยนเหตุการณ์ ก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเป็นผู้เปลี่ยนเรา ย่อมเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเสมอ” หนึ่งปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นปีแห่งความยากลำบากในการปรับตัวต่อระบบ บริหารราชการแบบใหม่แต่ผู้ว่าซีอีโอส่วนใหญ่ก็ได้พิสูจน์ผลงานเป็นที่น่าพอใจ และ สร้างคุณค่าของความเป็นผู้ว่าแบบบูรณาการได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ผลการสำรวจ ความพึงพอใจของประชาชนและภาคเอกชนในภาพรวม ที่มีต่อผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ สามารถระบุระดับความพึงพอใจได้ ดังนี้ ประชาชนมีความพึง พอใจมากต่อการแก้ปัญหาเร่งด่วนในจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการทำงานที่ตรงกับ ความคาดหวัง และมีแนวคิดในการพัฒนาจังหวัดที่เป็นรูปธรรม มีความพึงพอใจใน ระดับปานกลางต่อการแก้ปัญหาทั่วไป ภาคเอกชนมีความพึงพอใจสูงต่อภาวะผู้นำของ ผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนั้นจึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทำให้รัฐบาลรู้สึกว่าได้เดินมาถูกทาง แล้ว สถาบนั พระปกเกลา้ 109

การใหบ้ ริการสาธารณะ โดยการมีส่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) นอกเหนือจากการที่ผู้ว่าซีอีโอ ได้สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนซึ่งเป็น ลูกค้าประจำของราชการได้ในระดับหนึ่งแล้ว ภายใต้การทำงานที่มีกรอบความ รับผิดชอบ (Responsibility) โดยมีอำนาจ (Authority) และมีหน้าที่ (Duty) นั้น เกิดผลดีต่อทั้งประเทศชาติ ประชาชน และตัวผู้ว่าซีอีโอเอง ดังนี้ 1. ประเทศชาติ นับเป็นการส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง ซึ่งส่งผลให้เกิดการสนองตอบต่อปัญหาในส่วนภูมิภาคได้รวดเร็ว ทันต่อเวลา และคล่องตัวขึ้น ที่สำคัญก็คือผู้ว่าซีอีโอ สามารถรู้และ แก้ปัญหาจากรากหญ้าโดยแท้จริง นอกจากนั้น การบริหารงานแบบ ผู้ว่าซีอีโอ จะช่วยประหยัดงบประมาณ เนื่องจากผู้ว่าซีอีโอ สามารถ สั่งการไปยังหน่วยงานต่างๆ ภายในจังหวัด รวมทั้งจะมีการประสาน งานระหว่างหน่วยงานเพื่อหาข้อยุติที่ให้ผลดีและคุ้มค่า ผลดีที่ได้รับ ทางอ้อมก็คือ เกิดภาวะการแข่งขันกันทำงานในหมู่ข้าราชการ เนื่องจาก มีการติดตามและประเมินผลการทำงานของผู้ว่าซีอีโอ อย่างสม่ำเสมอ จึงนับว่าเป็นการสนับสนุนให้ข้าราชการทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี อีกด้วย 2. ประชาชน จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง เพราะการบริหารลักษณะ นี้ยึดหลัก Citizen Centered นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจะมีส่วน ร่วมโดยสามารถแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ ได้ และ เสียงของประชาชนเหล่านี้นับเป็นเสียงของประชาชนในระดับท้องถิ่น ซึ่งจะถูกถ่ายทอดไปสู่รัฐบาลในส่วนกลางโดยผ่านผู้ว่าซีอีโอ ท้ายที่สุด ประชาชนจะได้รับการบริการที่ดีขึ้น 110 สถาบนั พระปกเกล้า

ผวู้ า่ ซอี ีโอ :กลไกสูค่ วามสำเรจ็ ในการพฒั นาประเทศ 3. ผู้ว่าซีอีโอ ก็ได้รับผลในทางบวกเมื่อบริหารราชการแบบบูรณาการ เพราะผู้ว่าซีอีโอ เกิดความตื่นตัวที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ทุกด้านเพื่อนำ มาปรับใช้กับการปฏิบัติงานซึ่งค่อนข้างท้าทาย และเป็นการกระตุ้นให้ ผู้ว่าซีอีโอ ได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มที่ มีผู้ว่าซีอีโอ หลาย ท่านที่ต้องเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานจากแบบเดิมที่เป็นลักษณะ One-man-show มาเป็นแบบทีม ผลพลอยได้ก็คือ บรรยากาศการ ทำงานก็ดีขึ้น ไม่ว่าจะบรรยายอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างเป็นนามธรรม ได้แก่ภาพ ลักษณ์ของข้าราชการในส่วนภูมิภาคดีมากในสายตาของประชาชนและผู้ใช้บริการ ช่อง ว่างของข้าราชการและประชาชนน้อยลงหรือไม่มีเลย ข้าราชการมีความกระตือรือร้นที่ จะทำให้งานเกิดความสำเร็จอย่างชัดเจน และวัดผลได้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้เคย ยกตัวอย่างด้วยความภูมิใจในการทำงานตามระบบผู้ว่าซีอีโอ ว่าสามารถแก้ปัญหา ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการทำงานเชิงรุก โดยท่านได้ยกตัวอย่าง จังหวัด เชียงใหม่น้ำจะท่วมทั้งเมืองภายใน 15 ปีข้างหน้า เนื่องจากน้ำปิงตื้นเขิน น้ำตกห้วย แก้วไม่มีน้ำ เหลือแต่หิน ระบบนิเวศน์เปลี่ยนไปทำให้สูญเสียความสมดุลในธรรมชาติ เมื่อผู้ว่าซีอีโอ ได้โจทย์นี้ไป ก็จำเป็นต้องไปประสานกับหลายๆ ฝ่ายเพื่อหาต้นเหตุของ ปัญหา และร่วมกันแก้ปัญหาเชิงรุก จากการศึกษาพบว่า ป่ายังคงความเขียวชะอุ่ม อุณหภูมิร้อนขึ้นนิดหน่อย ฝนตกน้อยลงเล็กน้อย แต่ต้นตอของปัญหาจริงกลับ อยู่ที่ว่า มีการผันน้ำตกไปใช้ระหว่างทางมากเกินกว่าความจำเป็น จึงต้องใช้วิธีง่ายๆ คือต่อท่อ กรมโยธาธิการ กรมป่าไม้ การประปาภูมิภาคมาดูและช่วยกันทำประปาภูเขา โดยใช้งบไม่มาก และมีผู้ว่าซีอีโอ เป็นเจ้าภาพ ภายในเวลา 9 เดือน งานสร็จ ห้วยแก้ว ก็มีน้ำตกเหมือนเดิม สถาบนั พระปกเกล้า 111

การให้บริการสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ณ วันนี้ บนเส้นทางเดินของผู้ว่าซีอีโอ ก็มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอด เส้นทาง จากที่ได้กล่าวเสมอในเบื้องต้นว่า ระบบผู้ว่าซีอีโอ เป็นเรื่องใหม่ ท้าทายทั้ง รัฐบาลและผู้ครองตำแหน่งนี้ จึงน่าที่จะระบุถึงเงื่อนไขที่ล้วนเป็นปัจจัยต่อความสำเร็จ ของผู้ว่า แบบ CEO ซึ่งศึกษาโดยคณะที่ปรึกษาของกระทรวงมหาดไทย ต้องมีการมอบอำนาจด้านการพิจารณาสั่งการ อนุมัติ อนุญาต ให้ผู้ว่า ซีอีโอ สามารถวินิจฉัย สั่งการ การทำงานในลักษณะที่ครอบคลุม ครบวงจร การมอบอำนาจด้านการบริหารงานบุคคลให้ผู้ว่าซีอีโอ สามารถกำกับ ดูแล บังคับบัญชาข้าราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดได้อย่างแท้จริงและ มีประสิทธิภาพ การมอบอำนาจด้านการบริหารงบประมาณ ให้ผู้ว่าซีอีโอ สามารถแก้ไข ปัญหาการบริหารพัฒนาและบูรณาการการพัฒนาระหว่างหน่วยงาน ของจังหวัดได้อย่างแท้จริง ต้องมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลของจังหวัดเกี่ยวกับปัญหาและ ศักยภาพของจังหวัด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนและแก้ ปัญหา ประสิทธิภาพของสำนักงานจังหวัดในการทำหน้าที่เป็นฝ่ายช่วย อำนวยการในการจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบการวางแผน 112 สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ว่าซีอีโอ :กลไกส่คู วามสำเรจ็ ในการพัฒนาประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะเป็นหน่วยงานกลางที่จะ สนับสนุนให้การพัฒนาระบบราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลจึงได้ ดำเนินการให้ความรู้แก่ผู้ว่าซีอีโอ ในเรื่องการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือแนวคิด ใหม่เพื่อสนองต่อวัฒนธรรม และค่านิยมของระบบราชการที่เปลี่ยนไป รวมถึงการ บริหารจัดการแผนยุทธศาสตร์แบบบูรณาการ วิธีการทำงานและบริหารงานเชิง ยุทธศาสตร์ อาทิเช่น Performance Agreement, Risk Management, Change Management, Knowledge Management, การลดขั้นตอนการทำงาน เป็นต้น ซึ่ง ช่วยสนับสนุนให้ระบบการบริหารงานของผู้ว่าซีอีโอ มีความเข้มแข็ง นอกจากนั้น กระทรวงมหาดไทยซึ่งดูแลทั้ง 75 จังหวัด ก็มุ่งเน้นการเสริมสร้างบุคลากรในกลุ่มที่ เป็น Back Office ให้กับผู้ว่าซีอีโอ ดังนั้น การทำงานจึงเปรียบเสมือนเราซึ่งอยู่ใน ส่วนกลางจะเดินร่วมทางไปกับท่านผู้ว่าซีอีโอ โดยมิปล่อยให้ท่านเดินแต่เพียงลำพัง สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการเป็นผู้ประสานงานในเรื่อง ต่างๆ ที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการทำงานแบบบูรณาการของผู้ว่าซีอีโอ เช่น การมอบอำนาจ การเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขกฎ ระเบียบต่างๆ บนเส้นทางที่จะต้องก้าวต่อไปของผู้ว่าซีอีโอ นั้น หลายๆ ฝ่ายมั่นใจว่าท่านจะ ยังคงเป็นกลไกสู่ความสำเร็จของประเทศอย่าง แน่นอน ทุกคนล้วนให้กำลังใจและ สนับสนุนการทำงานของท่าน ขอแต่เพียงให้ท่านดึงพลัง และศักยภาพของท่านออกมา ใช้อย่างเต็มกำลัง ปีที่ผ่าน มา ไม่ว่าผลงานของท่านจะ อยู่ในระดับสูง กลางหรือต่ำ นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เราขอ สถาบันพระปกเกลา้ 113

การให้บรกิ ารสาธารณะ โดยการมสี ่วนรว่ มของประชาชน (People’s Audit) ปรบมือให้ท่านทุกคน ความสามารถที่แตกต่างกันมิใช่อุปสรรค รัฐบาลพร้อมที่จะ ผลักดันให้ท่านเป็นผู้ว่าซีอีโอ ผู้สามารถบริหารงานแบบมืออาชีพ ประเทศชาติจะได้ พัฒนาสู่ระดับสากล และมีขีดความสามารถสูงในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ มีเพียงคำถามสุดท้ายฝากให้ท่านคิดเล่นๆ ว่า หากท่านจะทำ Benchmarking กับ CEO ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ท่านอยากจะ เป็นเหมือนใคร Jack Welch แห่ง GE หรือ Louis V. Gerstner แห่ง IBM 114 สถาบันพระปกเกล้า