Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เลือกตั้ง62พะเยา

เลือกตั้ง62พะเยา

Description: การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา
ดารารัตน์ คำเป็ง ฉัตรทิพย์ ชัยฉกรรจ์ ไชยันต์ รัชชกูล

Keywords: เลือกตั้ง,2562,พะเยา

Search

Read the Text Version

เรอ่ื ง การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมอื ง และพฤติกรรมการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จงั หวดั พะเยา ผู้เขียน ดารารตั น์ ค�ำ เปง็ ฉตั รทิพย์ ชัยฉกรรจ์ ไชยันต์ รชั ชกูล เลขมาตรฐานสากลประจ�ำ หนงั สือ (e-book) 978-616-476-137-7 รหัสส่ิงพิมพ์สถาบัน สวพ.63-58-00.0 (ebook) ประสานงาน วลยั พร ลอ้ อศั จรรย์ สงวนลขิ สทิ ธิ ์ © 2563 ลขิ สทิ ธข์ิ องสถาบันพระปกเกล้า จดั พิมพโ์ ดย สำ�นักวจิ ยั และพฒั นา สถาบนั พระปกเกลา้ ศนู ย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชัน้ 5 (โซนทศิ ใต้) เลขท่ี 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวฒั นะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลกั สี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0-2141-9596 โทรสาร 0-2143-8177 http://www.kpi.ac.th

3 คำ� น�ำสถาบนั พระปกเกลา้ การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเมอ่ื วนั ท่ี 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 เปน็ การเลอื กตง้ั ครง้ั แรกภายหลงั การประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 ซง่ึ ไดม้ กี ารเปลย่ี นแปลงกตกิ าทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเลอื กตง้ั หลายประการ ไดแ้ ก่ การน�ำระบบการเลอื กตง้ั ทเ่ี รยี กวา่ “การเลอื กตงั้ แบบจดั สรรปนั สว่ นผสม” มาใช้ โดยก�ำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละหนึ่งคน และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกต้ังได้คนละหน่ึงคะแนน ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือน้ันเป็น การจดั สรรโดยค�ำนวณจากคะแนนรวมทพ่ี รรคการเมอื งไดจ้ ากการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขต ท่ัวประเทศ การก�ำหนดให้พรรคการเมืองสามารถเสนอรายชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งต้ังเป็นนายกรัฐมนตรี ไมเ่ กนิ สามรายชอ่ื การก�ำหนดในเรอื่ งคณุ สมบตั แิ ละลกั ษณะตอ้ งหา้ มของผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ รปู แบบและวธิ กี าร รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ตลอดจนบทลงโทษกรณีกระท�ำความผิดเกี่ยวกับการเลือกต้ังท่ีเข้มข้นกว่าการเลือกต้ัง คร้ังก่อนๆ นอกจากน้ี การเลือกต้ังเม่ือวันที่ 24 มีนาคม 2562 ยังเกิดข้ึนท่ามกลางบริบทและสภาพแวดล้อม ทางสงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื งทเ่ี ปลยี่ นแปลงไปจากการเลอื กตงั้ ทวั่ ไปครงั้ หลงั สดุ เมอื่ ปี 2554 เปน็ อยา่ งมาก อาทิ การวา่ งเวน้ จากการเลอื กตงั้ เกอื บแปดปที �ำใหม้ ผี มู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ครงั้ แรก (First-time Voters) มากกวา่ 7 ลา้ นคน การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเทคโนโลยีการสื่อสาร (Digital Disruption) ท�ำให้ส่ือใหม่ (new media) เข้ามามีอิทธิพลในการเลือกตั้งอย่างเด่นชัดเป็นครั้งแรก การเปล่ียนแปลงในกติกาและสภาพแวดล้อมดังกล่าว ท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงในกระบวนการจัดการเลือกต้ัง ยุทธวิธีการหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง รวมถงึ พฤตกิ รรมการตัดสนิ ใจลงคะแนนของประชาชนอย่างมีนัยยะส�ำคญั และน่าสนใจยิ่ง สถาบันพระปกเกล้าขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดารารัตน์ ค�ำเป็ง, ผู้ช่วยศาสตราจารย ์ ดร.ฉัตรทพิ ย์ ชัยฉกรรจ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.ไชยนั ต์ รัชชกูล ที่ได้สร้างสรรคผ์ ลงานวจิ ยั เร่อื ง “การศึกษา ความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา” และหวังว่าหนังสือเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และผู้สนใจทั่วไปในการท�ำความเข้าใจปรากฏการณ์ ในการเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ในวนั ท่ี 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 ตอ่ ไป ศาสตราจารยว์ ุฒสิ าร ตันไชย เลขาธกิ ารสถาบันพระปกเกลา้ กนั ยายน 2563

4 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ค�ำนำ� ผเู้ ขียน หนงั สอื การศกึ ษาความเคลอื่ นไหวทางการเมอื ง และพฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 จงั หวดั พะเยา มาจากการศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง รปู แบบ วธิ กี าร และผลกระทบตอ่ การเลอื กตงั้ ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู ใหม่ กรณศี กึ ษา : จงั หวดั พะเยา ภายใตก้ ารรวบรวมขอ้ มลู จากเอกสาร การสงั เกตการณอ์ ยา่ งมสี ว่ นรว่ ม การสมั ภาษณ ์ ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประชาชน ตัวแทนภาคประชาสังคมกลุ่มทางการเมือง ผนู้ �ำทอ้ งทแี่ ละทอ้ งถนิ่ รวมถงึ ตวั แทนจากหนว่ ยงานภาครฐั ในจงั หวดั พะเยา ดว้ ยค�ำถามทวี่ า่ ภายใตส้ ถานการณ์ และระบบการเลือกต้งั ใหมม่ ีผลตอ่ เชิงพฤติกรรมการเลอื กตง้ั คร้งั นอ้ี ย่างไร ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มน้ีจะสามารถร่วมถ่ายทอดเร่ืองราวของการเลือกตั้งฯ จังหวัด พะเยาภายหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2557 และภูมิทัศน์ทางการเมืองจังหวัดพะเยาที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใต้ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 ใหเ้ กดิ ความกระจา่ งไดภ้ ายใตเ้ งอื่ นไขและขอ้ จ�ำกดั ของการด�ำเนนิ การวจิ ัยภาคสนามในครง้ั นี้ สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอขอบคุณสถาบันพระปกเกล้า อาจารย์ณัชชาภัทร อมรกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพลนิ ภจู่ นี าพนั ธ์ุ ทใี่ หโ้ อกาสงานวจิ ยั นเ้ี กดิ ขน้ึ รวมถงึ คณะผรู้ ว่ มวจิ ยั และผชู้ ว่ ยวจิ ยั ทกุ ทา่ นทร่ี ว่ มสรา้ งสรรค์ ให้งานวิจัยน้สี �ำเร็จได้ด้วยดี ดารารตั น์ ค�ำเปง็ ฉัตรทิพย์ ชัยฉกรรจ์ ไชยันต์ รัชชกลู

สารบญั 5 ค�ำน�ำสถาบนั พระปกเกลา้ หน้า ค�ำน�ำผู้เขยี น 3 สารบญั 4 สารบญั ตาราง 5 สารบญั ภาพ 7 สารบัญแผนภมู ิ 9 บทคัดยอ่ 11 Abstact 12 14 บทที่ 1 บทน�ำ 1.1 ความเปน็ มาของปัญหา 16 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 17 1.3 ค�ำถามในการวิจัย 20 1.4 ขอบเขตของงานวจิ ยั 21 1.5 ประโยชนท์ คี่ าด วา่ จะได้รบั 21 1.6 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 22 23 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ้ ง 2.1 การเลอื กตง้ั และระบบการเลอื กต้งั 24 2.2 การสอ่ื สารและการตลาดทางการเมอื ง 26 2.3 ระบบหวั คะแนน 49 52

6 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา 2.4 งานวิจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง 57 2.5 กรอบและแนวคิดในการศึกษา 61 บทท่ี 3 วิธดี �ำเนินงานวจิ ัย 62 3.1 การด�ำเนินการวจิ ัย 63 3.2 ประชากร และกลมุ่ ตัวอยา่ ง 64 3.3 เครื่องมือในการวจิ ยั 65 3.4 ขอบเขตของการวิจยั 65 3.5 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 65 บทที่ 4 ผลการวจิ ัย 66 4.1 บริบท และ สถานการณ์ทางการเมืองของจังหวดั พะเยา กอ่ นการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจงั หวดั พะเยา 68 4.2 บริบท และ สถานการณ์ทางการเมืองของจังหวัดพะเยา ระหวา่ งการเลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจังหวัด พะเยา 71 4.3 ผลการเลือกต้งั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจังหวัดพะเยา พ.ศ. 2562 75 บทที่ 5 บทสรปุ 132 5.1 สรปุ ผลการวจิ ัย 133 5.2 การอภิปรายผล 138 5.3 ขอ้ เสนอแนะในการวิจัยคร้งั ต่อไป 141 ภาคผนวก 142 บรรณานกุ รม 147

7 สารบัญตาราง ตารางท่ี 1 สรปุ จ�ำนวนผมู้ าใช้สทิ ธ์ิ และการเลือกตงั้ ผู้แทนราษฎรในจงั หวัดพะเยา 19 ต้งั แต่ พ.ศ. 2544 – 2557 ตารางท่ี 2 ระบบเลือกต้งั ของไทย พ.ศ. 2476-พ.ศ. 2560 43 ตารางท่ี 3 แสดงการไดม้ าซง่ึ ส.ส. แบบแบง่ เขตและแบบบญั ชรี ายช่อื เรียงตามรฐั ธรรมนูญ 46 แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 – 2560 ตารางท่ี 4 แสดงจ�ำนวนประชากรจงั หวัดพะเยา แยกตามรายอ�ำเภอ 68 ตารางท่ี 5 พื้นทปี่ ระกอบเขตเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดพะเยา รปู แบบท่ี 1 69 ตารางที่ 6 พื้นทป่ี ระกอบเขตเลอื กตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา รูปแบบที่ 2 70 ตารางท่ี 7 พนื้ ทป่ี ระกอบเขตเลอื กต้งั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจังหวัดพะเยา รปู แบบท่ี 3 70 ตารางท่ี 8 แสดงการแบ่งเขตเลือกตง้ั จงั หวดั พะเยาต้ังแต่ พ.ศ. 2544 -2562 71 ตารางที่ 9 จ�ำนวนผสู้ มัครรับเลอื กตง้ั ฯ จงั หวัดพะเยา ตัง้ แตก่ ารเลือกต้งั พงศ. 2548 - 2560 78 ตารางท่ี 10 สอื่ สารการรณรงคห์ าเสียงเลอื กตงั้ ฯ ของของผสู้ มัครรับเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร แบบแบง่ เขต จงั หวดั พะเยา ในการเขา้ ถงึ ประชากรกลุ่มต่าง ๆ ตามคุณสมบตั ิกลุม่ อายุ ตามโครงสร้างประชากร 91 ตารางท่ี 11 ความแตกตา่ งของผู้สทิ ธ์ิเลือกตง้ั ฯ ตามช่วงวยั ในรูปแบบและวิธีการในการเลือกตง้ั ฯ 106 ตารางท่ี 12 แสดงขอ้ มลู การลงคะแนนใช้สทิ ธิเลือกตัง้ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร จงั หวัดพะเยา 113 วนั ท่ี 24 มนี าคม พ.ศ. 2562 ตารางท่ี 13 เปรยี บเทียบรอ้ ยละผู้มาใช้สทิ ธ์ิเลือกตั้ง บตั รเสีย และไมป่ ระสงค์ลงคะแนน 115 แตล่ ะเขตเลอื กตง้ั ในการเลือกตงั้ สมาชกิ ผู้แทนราษฎร จังหวัดพะเยา วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ตารางที่ 14 ผลคะแนนและจ�ำนวนรอ้ ยละคะแนนของผู้สมัครฯ ท่ีไดร้ บั เลอื กเป็นอนั ดบั หนึ่ง 118 แตล่ ะเขตเลือกตัง้ ในการเลอื กตัง้ วนั ท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ตารางที่ 15 ผลการเลือกตง้ั สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร พ.ศ. 2562 เขตเลือกต้งั ท่ี 1 จงั หวดั พะเยา 119

8 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ตารางที่ 16 คะแนนผูไ้ ดร้ ับเลือกต้ังสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 1 จงั หวดั พะเยา 121 ในการเลอื กตั้งฯ พ.ศ. 2544 -2562 123 ตารางท่ี 17 ผลคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 24 มีนาคม 2562 เขตเลือกตัง้ ที่ 2 จงั หวดั พะเยา 125 ตารางท่ี 18 คะแนนผู้ได้รับเลือกตงั้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร เขตเลือกตงั้ ที่ 2 จังหวัดพะเยา 127 ในการเลอื กตั้งฯ พ.ศ. 2544 -2562 129 ตารางท่ี 19 ผลคะแนนการเลอื กต้งั ส.ส. วนั ท่ี 24 มีนาคม 2562 เขตเลือกตงั้ ที่ 3 จังหวัดพะเยา ตารางที่ 20 คะแนนผู้ได้รบั เลือกต้ังสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร เขตเลือกตงั้ ที่ 3 จงั หวดั พะเยา 131 ในการเลือกตงั้ ฯ พ.ศ. 2544 -2562 136 ตารางท่ี 21 แสดงผลการลงคะแนนเสียงเลอื กตง้ั ลว่ งหน้า นอกเขต (วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562) ของ 3 พรรคการเมอื งทไี่ ดร้ บั คะแนนมากที่สุด ตารางที่ 22 ชอ่ งทางการสื่อสารทางการเมอื งของผสู้ มัครรับเลอื กตัง้ ฯ และผู้มสี ทิ ธิ์เลอื กตั้งฯ ตามชว่ งอายุ

9 สารบัญภาพ ภาพท่ี 1 การแบง่ เขตเลอื กต้งั จังหวัดพะเยาทั้ง 3 เขตเลอื กตง้ั 18 ภาพที่ 2 ระบบการเลือกตั้งแบบเสยี งขา้ งมากธรรมดา 32 ภาพที่ 3 ระบบการเลอื กตงั้ แบบเสยี งขา้ งมากเดด็ ขาด 33 ภาพท่ี 4 ระบบการเลือกตง้ั แบบผสม 35 ภาพที่ 5 ภาพข่าวและพาดหวั ข่าวจากหนงั สือพมิ พค์ มชัดลกึ วันท่ี 30 ธันวาคม 2561 72 ภาพที่ 6 ภาพขา่ วและพาดหัวขา่ วจากหนงั สอื พมิ พ์โพสตท์ เู ดย์ วนั ที่ 6 มกราคม 2562 73 ภาพท่ี 7 ภาพขา่ วและพาดหัวขา่ วจากหนงั สอื พิมพ์เวิรค์ พอยท์ นวิ ส์ วันที่ 10 มกราคม 2562 74 ภาพท่ี 8 ภาพข่าวและภาพหวั ขา่ วจากหนังสือพมิ พเ์ วิร์คพอยท์ นิวส์ วนั ท่ี 10 มกราคม 2562 75 ภาพท่ี 9 บรรยากาศหนา้ ศาลาประชาคมจงั หวดั พะเยา ในวันแรกของการเปิดรับสมัคร 76 ภาพที่ 10 รถหาเสียงเดินทางมารอผูส้ มัครในช่วงเชา้ กอ่ นมีหมายเลขประจ�ำตวั 77 ศาลาประชาคมจงั หวดั พะเยา ภาพท่ี 11 บรรยากาศหลงั จากผสู้ มัครได้รับหมายเลขสมัคร ณ ศาลาประชาคมจังหวดั พะเยา 77 ภาพที่ 12 บรรยากาศกองเชียรห์ นา้ ศาลาประชาคมจงั หวดั พะเยา 77 ภาพท่ี 13 แผ่นพับหาเสยี งของผูส้ มัครในจังหวดั พะเยา โดยมีการแจกรณรงคห์ าเสยี งในงาน 84 “รฐั ศาสตรว์ ิชาการคร้ังท่ี 8” มหาวิทยาลัยพะเนา ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562 ภาพท่ี 14 บรรยากาศการหาเสียงโดยวธิ ีการ ใชร้ ถยนตพ์ รอ้ มเครื่องกระจายเสียงของ 85 พรรคประชาธิปตั ย์ โดยมีนายอภสิ ทิ ธ์ิ เวชชาชวี ะ หัวหน้าพรรคในขณะนัน้ บริเวณตลาดอาเขต จงั หวัดพะเยา ภาพท่ี 15 แผ่นป้ายหาเสยี งของผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวดั พะเยา ตดิ ต้งั คู่กบั แผ่นป้ายหาเสียง ของพรรคการเมือง โดยมกี ารน�ำเสนอตวั ผสู้ มัครฯ และแคนดิเดตนายกของพรรคตนเอง 87 ภาพที่ 16 แผน่ ปา้ ยหาเสียงของผู้สมคั ร ส.ส.แบบแบ่งเขต จงั หวัดพะเยา ตดิ ต้ังคกู่ ับแผ่นป้ายหาเสียง 87 ของพรรคการเมือง โดยมกี ารน�ำเสนอเฉพาะตัวผ้สู มคั รฯ ภาพที่ 17 ตวั อย่างของการใชส้ อื่ อิเลก็ ทรอนิกส์ Facebook สว่ นตัวของผสู้ มัคร ในการรณรงคห์ าเสียง ของผู้สมัครลงเลอื กตง้ั ส.ส. จงั หวัดพะเยา 88 ภาพที่ 18 ตวั อย่างของการใช้สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ ในการรณรงคห์ าเสียงของพรรคการเมือง ที่มผี ้สู มคั ร รับเลอื กต้ัง ส.ส. แบบแบ่งเขต จงั หวดั พะเยา โดยมลี ักษณะเปน็ Page Facebook 89

10 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ภาพที่ 19 การแนะน�ำผสู้ มคั รผ่านช่องทางยูทูป 89 ภาพท่ี 20 การรายงานขา่ วสถานการณ์การเลือกต้ังฯ จังหวดั พะเยา ของเว็บไซตข์ า่ ว TNN16 93 แสดงพาดหวั ขอ้ ขา่ ว ภาพที่ 21 สงิ่ พิมพท์ ผ่ี ิดกฎหมายและจริยธรรมทางการเมอื ง โดยมกี ารโปรยส่ิงพมิ พ์ดงั กลา่ ว 94 หนา้ มหาวิทยาลยั พะเยา 95 ภาพท่ี 22 ความสัมพันธ์ระบบหัวคะแนน โดยผ่านลงมายังระบบเครือญาติ ประชาชน (ลูกบา้ น) 111 หรือเพ่ือนพ้องใกลบ้ ้าน/ กล่มุ อาชีพ ในการเลือกต้ังฯ 112 ภาพที่ 23 กจิ กรรมการเลอื กต้งั เชงิ สมานฉนั ท์ในการเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบแบง่ เขต ภาพท่ี 24 กรณีผสู้ มคั รรอ้ งทุกข์ตอ่ ส�ำนกั งานต�ำรวจแหง่ ชาติ กรณไี ด้รับความเดือดร้อน และความยากล�ำบากในการออกหาเสียงเลือกตั้งในเขตพืน้ ทจ่ี ังหวัดพะเยาทั้ง 3 เขต

11 สารบัญแผนภูมิ 80 106 แผนภูมิที่ 1 จ�ำนวนผรู้ บั สมคั รเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรแบบแบ่งเขต จังหวดั พะเยา 114 ตงั้ แต่ พ.ศ. 2548 - 2562 115 116 แผนภูมิท่ี 2 จ�ำนวนรอ้ ยละชว่ งวยั ตามประสบการณ์ทางการเมอื ง เศรษฐกิจ สงั คม 117 ของผู้สทิ ธิ์เลอื กตั้งฯ จงั หวัดพะเยา พ.ศ. 2562 122 126 แผนภูมิท่ี 3 รอ้ ยละของจ�ำนวนประชากรผู้มาใชส้ ิทธ์เิ ลือกตัง้ บัตรเสีย และไมป่ ระสงคล์ งคะแนน 130 ตง้ั แต่การเลอื กต้งั ฯ พ.ศ. 2544 – พ.ศ. 2562 แผนภูมิท่ี 4 แสดงการเปรยี บเทยี บรอ้ ยละผูม้ าใช้สิทธิเ์ ลือกต้ังสมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรจังหวัดพะเยา ในแตล่ ะเขต พ.ศ. 2544, พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562 แผนภูมิท่ี 5 แสดงการเปรยี บเทยี บร้อยละบตั รเสยี ในการเลือกต้งั สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรจังหวดั พะเยา ในแตล่ ะเขต พ.ศ. 2544, พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562 แผนภูมทิ ี่ 6 แสดงการเปรียบเทียบร้อยละของบัตรไมเ่ ลือกผ้ใู ดในเลอื กตั้งสมาชกิ ผแู้ ทนราษฎร จังหวัดพะเยา ในแตล่ ะเขต พ.ศ. 2544, พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562 แผนภมู ทิ ่ี 7 แสดงสัดสว่ นของคะแนนเสยี งการเลอื กตง้ั ฯ พ.ศ. 2562 แบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ ท่ี 1 จงั หวัดพะเยา แผนภูมิท่ี 8 แสดงสดั ส่วนของคะแนนเสียงการเลอื กตั้งฯ พ.ศ. 2562 แบบแบ่งเขตเลือกต้งั ที่ 2 จงั หวดั พะเยา แผนภูมทิ ี่ 9 แสดงสดั ส่วนของคะแนนเสยี งการเลอื กต้งั ฯ พ.ศ. 2562 แบบแบง่ เขตเลอื กตั้งที่ 3 จงั หวัดพะเยา

12 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา บทคดั ย่อ การศกึ ษาวจิ ยั เรอ่ื ง รปู แบบ วธี กี าร และผลกระทบตอ่ การเลอื กตง้ั ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู ใหม่ กรณศี กึ ษา: จังหวัดพะเยา เพื่อศึกษาบริบท และ สถานการณ์ทางการเมืองของจังหวัดพะเยา ช่วงก่อน ระหว่างและหลัง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา รวมถึงศึกษารูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจังหวดั พะเยา ของผูส้ มัครรบั เลือกต้ัง ประชาชน ภาคประชาสงั คม กล่มุ ทางการเมอื ง ผู้น�ำท้องที่และท้องถ่ิน หน่วยงานภาครัฐ องค์กรสาธารณะ และองค์กรอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องกับการเลือกตั้ง โดยมีระเบียบวิจัยเชิงคุณภาพจากการวิจัยเชิงเอกสาร การสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างและสัมภาษณ์เชิงลึก โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น แบบเฉพาะเจาะจง ประกอบด้วย ผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขต ผมู้ สี ทิ ธเิ์ ลอื กตง้ั ฯ ในจงั หวดั พะเยา โดยแบง่ ตามสดั สว่ นลกั ษณะประชากรศาสตร์ ในเขตเลือกตั้งที่ 1, 2 และ 3 ตัวแทนภาคประชาสังคมกลุ่มทางการเมือง ผู้น�ำท้องที่ และ ท้องถิ่น หน่วยงาน ภาครัฐ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการเลือกตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจงั หวัดพะเยา โดยผลการศกึ ษาพบวา่ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ รวมทง้ั บรบิ ทและสถานการณท์ เี่ กยี่ วขอ้ งในจงั หวดั พะเยา ช่วงก่อนการเลือกต้ังฯ ส่งผลให้มีผู้สมัครรับเลือกต้ังแบบแบ่งเขตมากท่ีสุดในประวัติการณ์การเลือกต้ังฯ จังหวัดพะเยา โดยมีผู้สมัครรวมทั้งส้ินจ�ำนวน 65 คน และผู้ลงสมัครในเขตเลือกตั้งท่ี 3 มีจ�ำนวนมากท่ีสุด คือ 30 คน สถานการณ์ที่ส�ำคัญและมีผลต่อการเลือกตั้งของจังหวัดพะเยา คือ การย้ายพรรคของบุคคลส�ำคัญ ส่งผลให้เกิดการย้ายฐานเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองเดิมสู่พรรคการเมืองใหม่ ซึ่งประชากรทุกกลุ่มต่างม ี ความรู้สึกว่าการเลือกตั้งฯ ครั้งน้ี ผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้งมีความตื่นตัว และระบบการเลือกต้ังรูปแบบใหม่ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ในดา้ นของผลู้ งสมคั รรบั เลือกตัง้ ฯ มรี ปู แบบและวธิ กี ารการหาเสียงที่สามารถระบกุ ารส่อื สารรณรงค์ ทางการเมอื งของตนไปยงั กลมุ่ อาชพี และกลมุ่ เปา้ หมายตามโครงสรา้ งประชากรได้ เชน่ การหาเสยี งผา่ นรูปแบบ นโยบายทางด้านการเกษตรและเศรษฐกิจ ส่วนรูปแบบการหาเสียงท่ีเน้นตัวบุคคลน้ันมีท้ังการน�ำเสนอบุคคล ท่ีลงสมัครรับเลือกตั้งฯ ในเขตเลือกต้ังนั้น และตัวบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพ่ือ พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

13 ส่วนวิธีการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัครฯ รับเลือกตั้ง มีท้ังวิธีการที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการโดยตรงกับ กลมุ่ เปา้ หมายของผมู้ สี ทิ ธเิ์ ลอื กตงั้ เชน่ กนั เชน่ กลมุ่ อายุ 18 – 22 ปี และ กลมุ่ 23 - 36 ปี ใหค้ วามสนใจการเลอื กตง้ั จากส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ส่วนช่วงอายุตั้งแต่ 37 – 59 ปี และ อายุ 60 ปีขึ้นไป สนใจวิธีการรณรงค์หาเสียงจาก การรับฟังข่าวจากโทรทัศน์ และวิทยุ ส่วนวิธีท่ีไม่เป็นทางการและผิดกฎหมายการเลือกตั้งฯ คือ ใช้เงินซื้อ ยังคงมีเกดิ ขน้ึ ในการเลอื กตงั้ แตล่ ะเขต โดยหัวคะแนนจะใหค้ วามส�ำคัญกบั ประชากรบางกลมุ่ เท่าน้ัน ในด้านของกลุ่มภาคประชาชน และกลุ่มการเมืองของจังหวัดพะเยา เห็นว่าการเลือกตั้งคร้ังน้ีคือ การตดั สนิ ระหวา่ งชยั ชนะของฝา่ ย“ประชาธปิ ไตย” และ “เผดจ็ การ” โดยในบทบาทของกลมุ่ ภาคประชาชนครง้ั นี้ มีทั้งรูปแบบท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการเลือกต้ัง และส่วนหน่ึง ก็กลายเป็นสว่ นส�ำคญั ของกลไกการซอื้ เสียง ส�ำหรับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการเลือกต้ังคร้ังน้ี ภายใต้กฎหมายเลือกต้ังใหม่จึงจ�ำเป็นต้องท�ำ ความเข้าใจกับสภาวการณ์ท่ีเปลี่ยนไปมากข้ึน รวมถึงการมีหน้าท่ีประชาสัมพันธ์และการจัดการให้ความรู้กับ ผมู้ สี ทิ ธเ์ิ ลอื กตั้ง ทัง้ น้ี มีการเรยี กร้องให้หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องจดั การเลือกตั้งอย่างบริสทุ ธ์แิ ละยุติธรรม โดยผลการเลอื กตง้ั สรปุ ไดว้ า่ การเลอื กตง้ั ของจงั หวดั พะเยาไดม้ ี “การเปลยี่ นแปลง” จากในอดตี ทม่ี สี อง พรรคใหญแ่ ข่งขนั กนั คือ พรรคไทยรกั ไทย หรือพรรคพลังประชาชน หรอื พรรคเพือ่ ไทย กบั พรรคประชาธปิ ตั ย์ เปลี่ยนเป็นพรรคเพื่อไทยและการเมืองใหม่อย่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่ การแข่งขันเชิง นโยบายและตวั บคุ คล และวธิ สี อ่ื สารทางการเมอื งของผสู้ มคั รฯ ตา่ งกม็ ผี ลตอ่ การตดั สนิ ลงคะแนนในการเลอื กตงั้ ของประชาชน จนน�ำมาสู่ผลการเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งฯ ท่ีเปล่ียนแปลงไป กล่าวคือ พรรคเพื่อไทยเหลือ เพียงแต่เขตเลือกต้ังที่ 2 ท่ียังสามารถได้รับคะแนนการเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 แต่ก็พบว่าผู้สมัครคนเดิมได้รับ คะแนนเสยี งลดลง ส�ำหรบั เขตเลอื กตง้ั ทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลง คอื เขตเลอื กตงั้ ท่ี 1 และ 3 โดยพรรคพลงั ประชารฐั สามารถได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ท้ังน้ี คณะผู้วิจัยพบว่าการย้ายพรรคของผู้สมัครรับเลือกตั้งฯ มผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงดงั กลา่ ว

14 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา Abstract This study aims to examine political situation and contexts of 2019 election in Phayao from pre-election to post-election periods. It elaborates patterns and methods implemented by key actors including electoral candidates, the public, civil society organizations (CSO), political groups, local and community leaders, governmental organizations, public organizations, and other relevant organizations. Also, it clarifies the extent to which impacts of the election occur towards these key actors. Employing qualitative methodology, data are collected through documentary research and interviews. Key informants are purposively selected including electoral candidates, voters, CSO members, political group members, local and community leaders, and staff of relevant governmental organizations. It is found that Thailand’s recent constitution and Phayao’s pre-election situation and contexts led to the largest number of electoral candidate applications in Phayao’s electoral history. In total, there were 65 applicants, most of whom (30 applicants) applied in Constituency Number 3. Also, there were shifts of candidates between parties. This was crucial and resulted in the shift of their supporters from these candidates’ old party to their new party. In the public’s view, it is perceived that voters in the 2019 election were more active than the past elections and the electoral system that was newly adopted for the election has pros and cons. Generally, the candidates’ campaigning patterns were directed to specific population groups, e.g., campaigns of policies for farmers. Some campaigns promoted not only the candidates in Phayao but also prime minister candidates nominated by their parties. The candidates’ campaigning methods were both formal and informal. Formally, the campaigns were designed for different age groups such as online and electronic channels for the younger generation, television and radio for the older generation. Informally and illegally, vote-buying

15 was carried out in each constituency, but canvassers would carefully select certain groups of voters. In views of CSOs and political groups, this election was expected to lead to the victory of either “democracy” or “dictatorship”. The roles of these groups in the election were both formal and informal, e.g., publicizing election rules, educating some voters, or even being part of vote-buying. For public organizations involved in the election, they needed to understand changing political circumstances and were obliged to publicize the rules and educate voters. Specifically, these organizations were asked to organize a fair and unblemished election. Election results show that electoral competition in Phayao changed from being between two big parties—Thai Ruk Thai (TRT, a predecessor party of Pheu Thai Party) versus the Democrat Party (DP)—to being between PT, Palang Pracharat Party (PPRP), and Future Forward (FF) party. In this new competition, the candidates’ party policies, political campaigns and, personal branding affected voters’ decisions and election results. For instance, PT was only able to win in Constituency 2, and with fewer votes than in the previous election. In Constituencies 1 and 3, PPRP gained victory, though it was found that the shift of these two candidates from their former party to PPRP was a significant factor.

16 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา บทท่ี 1 บทน�ำ

17 1.1 ความเปน็ มาของปัญหา ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองไทยปัจจุบัน ซึ่งมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ฉบับท่ี 20 บังคับใช้ ส่งผลให้ประเทศก�ำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกต้ังภายใต้หลักการของประชาธิปไตย ใน พ.ศ. 2562 ผลของรฐั ธรรมนญู ไดน้ �ำมาสรู่ ปู แบบวธิ กี ารเลอื กตงั้ ในรปู แบบใหม่ ซง่ึ เปลย่ี นแปลงจากรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ท่ีเคยก�ำหนดรูปแบบการเลือกต้ังโดยใช้ระบบผสมแบบคู่ขนานระหว่าง การแบ่งเขตและสัดส่วน ตามแบบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 โดยก�ำหนดให้มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 2 ประเภท ประกอบด้วยสมาชิกจ�ำนวน 480 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจ�ำนวน 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ (แบบตามกลุ่มจังหวัด) 80 คน โดยได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจ�ำนวนสมาชิก ผู้แทนราษฎรในการเลือกต้ัง พ.ศ. 2554 ให้มีจ�ำนวนสมาชิกสภาผู้แทนทั้งหมด 500 คน มาจากแบบแบ่งเขต จ�ำนวน 375 คน และแบบบัญชีรายชือ่ จ�ำนวน 125 คน (เขตเลือกตง้ั ทั้งประเทศ) ทั้งน้ี ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้มีการน�ำรูปแบบวิธีการระบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mix Member Apportionment System: MMA) ซงึ่ เคยใชใ้ นประเทศสาธารณรฐั สหพันธรฐั เยอรมนี โดยก�ำหนดใหม้ สี มาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร จ�ำนวน 500 คน แบง่ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั 350 คน และสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน โดยใช้บัตรเลือกต้ังแบบแบ่งเขตเลือกต้ัง 1 ใบ เมื่อประกาศผล การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบ 350 เขตแล้ว จะน�ำคะแนนไปค�ำนวณหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชือ่ ของแตล่ ะพรรคการเมืองตอ่ ไป (ชงคชาญ สุวรรณมณ,ี 2561) ส�ำหรับจังหวัดพะเยา แบ่งออกเป็น 68 ต�ำบล 9 อ�ำเภอ ในการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ประชากรทั้งสิ้นจ�ำนวน 477,100 คน มีจ�ำนวนผู้ใช้สิทธ์ิเลือกต้ัง 394,375 คน จ�ำนวนเฉล่ียราษฎรต่อสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร 1 คนในจงั หวดั เทา่ กบั 159,033 คน สามารถมีสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรจ�ำนวน 3 คน และ คณะกรรมการเลือกต้ังได้แบ่งเขตการเลือกต้ังเป็น 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 อ.เมืองพะเยา อ.แม่ใจ เขต 2 อ.จุน อ.ภูซาง อ.เชียงค�ำ เขต 3 อ.ดอกค�ำใต้ อ.ภูกามยาว อ. ปงและ อ.เชียงม่วน (คณะกรรมการ การเลอื กตง้ั ประจ�ำจังหวดั พะเยา, 2561) ดังภาพที่ 1

18 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา โดยทั้งนี้จังหวัดพะเยา ถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีความน่าสนใจผ่าน พฤติกรรมการเลือกตั้ง และการลงประชามติ ของประชาชนจังหวัดพะเยา โดยภาพรวมการออกมาใช้สิทธ ์ิ นบั ตง้ั แตก่ ารมรี ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย 2540 นน้ั ปรากฎวา่ จ�ำนวนผมู้ าใชส้ ทิ ธเ์ิ ลอื กตงั้ เกนิ รอ้ ยละ 70 เกอื บทกุ ครงั้ (เวน้ แตก่ ารลงประชามตฯิ ใน พ.ศ. 2549 และ พ.ศ. 2550) ซงึ่ ท�ำใหเ้ หน็ วา่ ประชาชนจงั หวดั พะเยา มคี วามสนใจในการเลอื กตงั้ ระดบั ชาตไิ ดป้ ระการหนง่ึ โดยผลการเลอื กตง้ั ทอ่ี อกมาท�ำใหเ้ หน็ การทจ่ี งั หวดั พะเยา เปน็ ฐานเสยี งส�ำคญั ของพรรค “ไทยรกั ไทย” นบั ตง้ั แตม่ กี ารกอ่ ตงั้ พรรคมา ตามผลสรปุ การเลอื กตงั้ ผแู้ ทนราษฎร ตามตารางที่ 1 ภาพท่ี 1 การแบง่ เขตเลือกตงั้ จังหวัดพะเยาทั้ง 3 เขตเลอื กต้ัง ท่มี า ส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลือกตงั้ , 2554

19 ตารางที่ 1 สรุปจ�ำนวนผู้มาใช้สิทธ์ิ และการเลือกต้ังผู้แทนราษฎรในจังหวัดพะเยาตั้งแต่ พ.ศ. 2544 – 2557 จ�ำนวน เขตเลือกตัง้ ผลการเลอื กต้งั / ปี พ.ศ. ผ้มู าใชส้ ิทธิ์ ลงประชามติ 6 มกราคม (ร้อยละ) นางอรณุ ี ช�ำนาญยา 2544 เขตเลือกตง้ั ที่ 1 : อ�ำเภอเมืองพะเยาและอ�ำเภอ (พรรคไทยรักไทย) แมใ่ จ  นายวิสุทธ์ิ ไชยณรณุ 6 กมุ ภาพันธ์ (พรรคไทยรักไทย) 2548 เขตเลอื กตั้งท่ี 2 : อ�ำเภอจนุ , อ�ำเภอ นายเกรียงไกร ไชยมงคล เชียงค�ำ และ กง่ิ อ�ำเภอภูซาง (พรรคไทยรักไทย) นางอรณุ ี ช�ำนาญยา เขตเลอื กตั้งท่ี 3 : อ�ำเภอภูกามยาว, อ�ำเภอ (พรรคไทยรกั ไทย) ดอกค�ำใต,้  อ�ำเภอเชียงม่วน และอ�ำเภอปง 75.34 เขตเลอื กตั้งที่ 1 : อ�ำเภอเมืองพะเยาและอ�ำเภอ แม่ใจ  72.65 เขตเลือกตง้ั ที่ 2 : อ�ำเภอจนุ , อ�ำเภอ นายวสิ ุทธิ์ ไชยณรณุ เชยี งค�ำ และ กง่ิ อ�ำเภอภูซาง (พรรคไทยรักไทย) นายไพโรจน์ ตันบรรจง 74.87 เขตเลอื กตั้งท่ี 3 : อ�ำเภอภูกามยาว, อ�ำเภอ (พรรคไทยรักไทย) ดอกค�ำใต้, อ�ำเภอเชยี งมว่ น และอ�ำเภอปง ไมเ่ ห็นชอบร้อยละ 58.60 ของผูม้ าใช้สิทธ์ิ การออกเสยี ง 65.17 เขตจงั หวดั ประชามติ นายวสิ ุทธิ์ ไชยณรณุ 19 สิงหาคม (พลังประชาชน) นางอรุณี ช�ำนาญยา 2550 (พลังประชาชน) 23 ธันวาคม 78.45 เขตเลือกต้งั ท่ี 1 : ทั้งจงั หวดั นายไพโรจน์ ตันบรรจง (พลังประชาชน) 2550

20 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา จำ� นวน เขตเลือกตง้ั ผลการเลอื กตั้ง / ปี พ.ศ. ผู้มาใชส้ ทิ ธิ์ ลงประชามติ 3 กรกฎคม (ร้อยละ) นางอรุณี ช�ำนาญยา 2554 79.25 เขตเลอื กตัง้ ที่ 1 : อ�ำเภอเมอื งพะเยาและอ�ำเภอ (พรรคเพอื่ ไทย) แม่ใจ  นายวสิ ทุ ธิ์ ไชยณรณุ 7 สงิ หาคม (พรรคเพ่ือไทย) 2559 76.05 เขตเลือกตัง้ ท่ี 2 : อ�ำเภอจุน, อ�ำเภอ นายไพโรจน์ ตันบรรจง เชยี งค�ำ และ อ�ำเภอภูซาง (พรรคเพอื่ ไทย) ไม่เห็นชอบประเดน็ ท่ี 1 77.41 เขตเลือกตง้ั ท่ี 3 : อ�ำเภอภกู ามยาว, อ�ำเภอ รอ้ ยละ 52.85 ของผู้มา ดอกค�ำใต,้  อ�ำเภอเชียงม่วน และอ�ำเภอปง ใช้สทิ ธ์ิ ไมเ่ หน็ ชอบประเด็นที่ 2 65.38 เขตจงั หวัด ร้อยละ 56.37 ของผูม้ า ใช้สิทธ์ ท่ีมา ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตงั้ , 2554 ดังนั้น จากการเปล่ียนแปลงรูปแบบการเลือกต้ังใหม่ที่เกิดภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 คณะผู้วิจัยจึงสนใจถึงรูปแบบ วีธีการ และผลกระทบต่อการเลือกตั้งของประชาชน กลุ่มทางการเมือง ภาคประชาสังคม ผู้ลงสมัครเลือกตั้ง และรวมถึงองค์กรต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องในกระบวนการของการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั พะเยา พ.ศ. 2562 ว่าจะมกี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งไร 1.2 วตั ถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพอื่ ศกึ ษา บรบิ ท และ สถานการณท์ างการเมอื งของจงั หวดั พะเยา ชว่ งกอ่ นและหลงั การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั พะเยา ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 2. เพ่ือศึกษารูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของผ้สู มคั รรบั เลอื กตัง้ ภายใต้รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2560

21 3. เพื่อศึกษารูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของประชาชน ภาคประชาสงั คม และกลมุ่ ทางการเมอื ง ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2560 4. เพ่ือศึกษารูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของผู้น�ำทอ้ งที่ และทอ้ งถนิ่ ภายใต้รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2560 5. เพื่อศึกษารูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของหนว่ ยงานภาครฐั องคก์ รสาธารณะ และองคก์ รอนื่ ๆ ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 1.3 คำ� ถามในการวจิ ยั รปู แบบ วธิ กี าร และผลกระทบการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั พะเยา ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2560 เปน็ อย่างไร 1.4 ขอบเขตของงานวจิ ยั 1.4.1 ขอบเขตดา้ นเวลา ขอบเขตด้านเวลาของการศึกษาประกอบไปด้วย การศึกษาต้ังแต่ช่วงก่อนการเลือกต้ัง ช่วงระหว่าง การมพี ระราชกฤษฎกี าก�ำหนดใหม้ กี ารเลอื กตง้ั วนั เลอื กตงั้ จนถงึ ประมาณ 1 เดอื นภายหลงั คณะกรรมการเลอื กตง้ั ประกาศรบั รองผลการเลือกตง้ั อยา่ งเป็นทางการ 1.4.2 ขอบเขตประชากร ประชากรทที่ �ำการศกึ ษา ไดแ้ ก่ 1. ผู้สมัครรบั เลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร แบบแบ่งเขตจังหวัดพะเยา 2. ประชาชน ในเขตเลือกต้ังท่ี 1, 2 และ 3 , ภาคประชาสังคม และกลุ่มทางการเมือง ในจังหวัด พะเยา 3. หน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกต้ัง เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง องค์กรสาธารณะ และองคก์ รอ่นื ๆ เช่น สภาองค์กรชุมชน

22 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา 1.4.3 ขอบเขตพืน้ ที่ การศึกษา รูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ใน โดยมแี บ่งตามเขตการเลือกตั้ง ดงั นี้ เขตเลือกตง้ั ท่ี 1 : อ�ำเภอเมอื งพะเยาและอ�ำเภอแม่ใจ  เขตเลอื กต้ังที่ 2 : อ�ำเภอจนุ , อ�ำเภอเชียงค�ำ และ ก่งิ อ�ำเภอภูซาง เขตเลือกตั้งที่ 3 : อ�ำเภอภูกามยาว, อ�ำเภอดอกค�ำใต้, อ�ำเภอเชยี งมว่ น และอ�ำเภอปง 1.5 ประโยชนท์ ่ีคาด วา่ จะไดร้ บั 1. ทราบถึงบริบท และ สถานการณ์ทางการเมืองของจังหวัดพะเยา ช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 2. ทราบถึงรูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของผูส้ มคั รรับเลือกตั้ง ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2560 3. ทราบถึงรูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของประชาชน ภาคประชาสังคม และกลุ่มทางการเมือง 4. ทราบถึงรูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของผู้น�ำท้องท่ี และทอ้ งถ่ิน ภายใตร้ ัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2560 5. ทราบรูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ของหนว่ ยงานภาครฐั ภายใตร้ ัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2560 6. สามารถเช่ือมโยงรูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด พะเยากบั การเลือกต้งั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในระดบั ชาตไิ ด้

23 1.6 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 1. รูปแบบและวิธีการของผู้ลงสมัครรับเลือกต้ัง หมายถึง รูปแบบในการน�ำเสนอและวิธีการ การสอ่ื สารทางการเมอื งในการรณรงคห์ าเสยี งเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนสมาราษฎร พ.ศ. ​2562 จงั หวัดพะเยา 2. รูปแบบและวิธีการของประชาชน หมายถึง รูปแบบและวิธีการในการเข้าถึงข้อมูลการเลือกตั้ง ของประชาชนที่เกิดจากการลื่อสารทางการเมืองของผู้สมัครรับเลือกต้ังฯ ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร พ.ศ. 2562 จงั หวดั พะเยา 3. รูปแบบ วิธีการ ของภาคประชาสังคม และกลุ่มทางการเมือง ผู้น�ำท้องที่ และท้องถ่ิน และ หน่วยงานภาครัฐ หมายถึง พฤตกิ รรมและการเคลือ่ นไหวของ ภาคประชาชน กลมุ่ ทางการเมือง ผนู้ �ำทอ้ งท่ีและทอ้ งถ่ินในการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. 2562 จงั หวัดพะเยา 4. พรรคการเมืองเดิม หมายถึง พรรคการเมืองที่เคยส่งตัวแทนลงสมัครการเลือกตั้งเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบง่ เขตเลือกตั้ง ของจังหวัดพะเยา 5. พรรคการเมืองใหม่ หมายถึง พรรคการเมืองส่งตัวแทนลงสมัครการเลือกต้ังเลือกต้ัง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลอื กต้ัง ของจงั หวัดพะเยา เปน็ ครั้งแรกในการเลือกตั้ง พ.ศ. ​2562 6. ผลกระทบ หมายถึง ผลการเลือกตั้งสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรแบบแบ่งเขตจงั หวดั พะเยา 7. ช่วงก่อนการเลือกต้ัง หมายถึง ช่วงเวลาก่อนการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกต้ัง พ.ศ. 2562 8. ช่วงระหว่างการเลือกตั้ง หมายถึง ช่วงการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ถงึ วนั ทม่ี ีการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนสมาราษฎร พ.ศ. ​2562

24 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ ก่ยี วข้อง

25 การศึกษารูปแบบ วีธีการ และผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ กรณีศึกษา: จังหวัดพะเยา เพื่อศึกษาบริบทและสถานการณ์ทางการเมืองของจังหวัดพะเยา ช่วงก่อนระหว่างและหลัง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา รวมถึงศึกษารูปแบบ วิธีการ และผลกระทบการเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรจงั หวัดพะเยา ของผูส้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ประชาชน ภาคประชาสงั คม กล่มุ ทางการเมือง ผูน้ �ำทอ้ งที่และทอ้ งถิน่ หน่วยงานภาครฐั องค์กรสาธารณะ และองคก์ รอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องกบั การเลือกตัง้ จึงได้มี การรวบรวมแนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทีเ่ กี่ยวข้องไวด้ งั นี้ 1) การเลือกต้ังและระบบการเลือกตง้ั • ความหมายและความส�ำคัญในการเลอื กตงั้ • หลักการพืน้ ฐานของการเลอื กตง้ั ในระบอบประชาธิปไตย • ระบบการเลอื กตั้ง • องค์ประกอบของการเลือกตงั้ ท่เี สรีและเปน็ ธรรม • การเลอื กตง้ั ของประเทศไทย 2) การสอื่ สารและการตลาดทางการเมอื ง • ความหมายของการสอื่ สารทางการเมอื ง • ความหมายและรปู แบบการตลาดทางการเมอื ง • แนวทางการวิเคราะห์การเมืองตามแนวทางการสือ่ สารทางการเมือง • ผลกระทบของการสอ่ื สารและการตลาดทางการเมือง 3) แนวคดิ ระบบหัวคะแนน 4) งานวจิ ัยทเี่ กย่ี วข้อง

26 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา 2.1 การเลือกตั้งและระบบการเลือกตง้ั 2.1.1 ความหมายและความส�ำคญั ในการเลอื กต้ัง จันทรานุช มหากาญจนะ (2559, น. 109) ได้กล่าวถึง การเลือกตั้งว่าเป็นกลไกหลักของระบอบ ประชาธปิ ไตย เพอ่ื เลอื กตวั แทนของกลมุ่ ตา่ ง ๆ ใหเ้ ขา้ ไปมอี �ำนาจในการตดั สนิ ใจในการจดั การทรพั ยากรสาธารณะ การเลอื กตง้ั เปน็ กลไกทสี่ รา้ งการแขง่ ขนั ในการไปมอี �ำนาจทางการเมอื งรวมทง้ั เปน็ กลไกในการเปน็ ระบบตรวจสอบ ผู้ที่เข้าไปใช้อ�ำนาจรัฐ (Political Accountability) กล่าวคือการเลือกตั้งจะเป็นกระบวนการสร้างพันธสัญญา ระหวา่ งผลู้ งคะแนนเสยี งวา่ หากตนไดร้ บั การเลอื กตง้ั และเขา้ ไปมอี �ำนาจตดั สนิ ใจใชท้ รพั ยากรแลว้ สง่ิ ทพ่ี วกเขา สญั ญา จะท�ำส�ำเรจ็ นน้ั มอี ะไรบา้ ง หากไมส่ ามารถบรรลไุ ดต้ ามสญั ญาโอกาสทนี่ กั การเมอื งผนู้ น้ั จะชนะการเลอื กตงั้ กจ็ ะลดลงต่อไป สิริพรรณ นกสวน สวัสดี (2560) ได้ให้ค�ำนิยามการเลือกต้ังที่เสรี หมายถึง การท่ีพลเมืองที่มี คณุ สมบตั ติ ามก�ำหนดยอ่ มมสี ทิ ธเิ ลอื กตงั้ สามารถแสดงเจตจ�ำนงหรอื ความตอ้ งการไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ มอี สิ ระในการ ตัดสินเลือก (หรือเลือกท่ีจะไม่เลือก) ตัวแทนและพรรคการเมืองท่ีตนช่ืนชอบได้ โดยปราศจากความกลัวจาก การข่มขู่ คกุ คาม หรือบงั คบั ละสามารถลงคะแนนได้ โดยปราศจากข้อจ�ำกัดทางกายภาพ 2.1.2. หลักการพื้นฐานของการเลือกต้งั ในระบอบประชาธปิ ไตย สิริพรรณ นกสวน สวัสดี (2560) ได้กล่าวถึงหลักการพ้ืนฐานของการเลือกต้ังไว้ ในปัจจุบัน ประเทศ ส่วนใหญ่ก�ำหนดอายุของผู้มีสิทธิเลือกต้ังไว้ท่ี 18 ปี โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจ�ำกัดอื่น ๆ เช่น ต้องมีทรัพย์สิน รายได้ อ่านและเขียนหนังสือได้ หรือสีผิว และเพศ เช่นในอดีต ย่ิงกว่าน้ัน การเลือกต้ังที่เสรียังรวมถึง การลงคะแนนต้องเป็นความลับ (secret ballot) อีกด้วย ประเด็นเรื่องการลงคะแนนไม่เป็นความลับเป็นท้ัง ข้อถกเถียงในประเทศสิงคโปร์ว่าการท่ีบนบัตรเลือกตั้งมีล�ำดับตัวเลขเรียงตามหมายเลขผู้ออกเสียงเลือกต้ัง (serial number) เปน็ การละเมดิ หลักการเร่อื งการลงคะแนนตอ้ งเป็นความลบั หรอื ไม่ การเลือกตั้งที่เป็นธรรม คือการท่ีพรรคการเมืองและผู้น�ำทางการเมืองมีโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ในการแขง่ ขนั ในตลาดการเลอื กตง้ั เพอ่ื แสวงหาคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ จากความนยิ มของประชาชน การแขง่ ขนั อยา่ ง เทา่ เทยี ม เชน่ เปดิ ใหม้ กี ารรวมกลมุ่ จดั ตงั้ พรรคการเมอื ง การประชมุ พบปะ และการรณรงคห์ าเสยี งเพอ่ื โนม้ นา้ ว ให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้ การเลือกตั้งท่ีเป็นธรรม รวมถึงการที่ผู้มีสิทธิเลือกต้ังมีโอกาสเข้าถึงกระบวนการ เลือกต้ัง คะแนนเสยี งของผเู้ ลอื กตงั้ ทกุ คนมคี ่าและมคี วามหมายเสมอเหมือนกนั บนพ้นื ฐานของความเท่าเทียม (equal right to vote) มีการจัดให้เลือกต้ังอย่างสม่�ำเสมอ ในระยะเวลาท่ีก�ำหนดไว้อย่างชัดเจน และสุดท้าย ผลเลอื กตงั้ สะทอ้ นเจตจ�ำนงและความตอ้ งการของประชาชน มาตรการหนง่ึ เพอื่ สรา้ งความมน่ั ใจวา่ การเลอื กตงั้ ด�ำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรม คือ การยอมให้หน่วยงานท่ีเป็นอิสระหรือองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วม สงั เกตการณไ์ ด้

27 นักรัฐศาสตร์ที่ผูกโยงการเลือกตั้งกับประชาธิปไตยท่ีชัดเจนท่ีสุดท่านหนึ่ง คือ Robert A. Dahl ในคุณลักษณะท่ีจ�ำเปน็ 8 ประการของระบอบประชาธิปไตยท่ี Dahl น�ำเสนอ 4 ประการ สะทอ้ นความจ�ำเปน็ โดยตรงที่ต้องมีการเลอื กตัง้ (ล�ำดับไม่ได้บง่ บอกความส�ำคัญมากนอ้ ย) ไดแ้ ก่ 1. สทิ ธใิ นการเลอื กตง้ั (right to vote) 2. สทิ ธทิ ีจ่ ะมกี ารเลอื กตั้งท่ีเสรีและเปน็ ธรรม (free and fair elections) 3. สิทธิที่ชนช้ันน�ำทางการเมืองจะแข่งขันเพื่อแสวงหาคะแนนเสียงสนับสนุน (right of political leaders to compete for support and votes) 4. สิทธติ ามกติกาทจี่ ะแข่งขันเพ่อื ชิงต�ำแหนง่ สาธารณะ (eligibility for public office) 5. เสรภี าพในการรวมกลุม่ และจดั ตัง้ องคก์ ร (free to form and join organizations) 6. เสรภี าพในการแสดงออก (freedom of expression) 7. สามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ทหี่ ลากหลาย ไมม่ กี ารก�ำจดั หรอื ผกู ขาดแหลง่ ขอ้ มลู (alternative sources of information) 8. มสี ถาบนั การเมอื งทกี่ �ำกบั ใหน้ โยบายของรฐั บาลมาจากและสะทอ้ นความพงึ พอใจของผอู้ อกเสยี ง เลอื กตงั้ (institutions for making government policies depend on votes and other expressions of preference) คุณสมบัติ 4 ประการหลัง แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรง แต่สัมพันธ์กับโครงสร้างและ อณสู ังคมท่ีเปิดใหก้ ารแข่งขนั เขา้ ส่ตู �ำแหนง่ ทางการเมอื งเกิดขนึ้ ในบรรยากาศแข่งขนั อยา่ งเสรี (liberalization) ซึ่งล้วนส�ำคัญและจ�ำเป็นในการเอื้อให้การเลือกต้ังมีความหมายเกิดขึ้นได้จริงและด�ำรงอยู่อย่างยั่งยืน ข้อเสนอ ของ Dahl ชัดเจนว่าการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าร่วมมากท่ีสุด โดยไม่มีการกีดกัน (inclusiveness) เป็นสัญลักษณ์ท่ีส�ำคัญประการหน่ึงของการเข้าสู่กระบวนการมีส่วนร่วม ต้องไม่สร้างเกณฑ์กติกาข้ึนมากีดกัน คนกลุ่มใดกลุ่มหน่ึง เช่นในอดีต บางประเทศไม่อนุญาตให้คนผิวสีเลือกต้ังได้ หรือในบางประเทศ เพศหญิง เพงิ่ ได้รับสทิ ธใิ นการเลือกตั้งทเี่ รยี กวา่ การขยายสิทธิเลือกต้ังเปน็ การทว่ั ไป (enfranchisement) ในสงั คมไทยนนั้ หลกั การวา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั ตอ้ งเสรี เปน็ ธรรม และยตุ ธิ รรมไดร้ บั การกลา่ วถงึ อยเู่ สมอ เป็นท่ีรับรู้และยอมรับในเชิงอุดมคติ แต่สาธารณะมักหลงลืมไปว่าหลักการดังกล่าวมีท่ีมาและเช่ือมโยง อยา่ งใกลช้ ดิ กบั ความเปน็ ประชาธปิ ไตย กลา่ วอกี นยั หนงึ่ การเลอื กตงั้ ทเี่ สรี เปน็ ธรรม ยตุ ธิ รรม และเปน็ ความลบั จะเกดิ ขน้ึ ไดย้ ากในสงั คมทไ่ี มเ่ ปดิ ใหก้ ารแขง่ ขนั เพอื่ ชว่ งชงิ ต�ำแหนง่ ทางการเมอื งเปน็ ไปโดยเสรี ภายใตโ้ ครงสรา้ ง ทางการเมืองของระบอบอ�ำนาจที่ไม่ยอมให้ประชารวมกลุ่ม การจัดต้ังพรรคการเมืองเป็นเรื่องต้องห้าม หรือ สิทธิในการลงสมัครรับเลือกต้ังถูกจ�ำกัดโดยกฎหมายที่ใช้อคติเป็นฐานที่ม่ัน การเลือกตั้งย่อมไม่อาจน�ำพาไปสู่ ประชาธิปไตย

28 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา แต่กระน้ัน ตามขั้นตอนของประวัติศาสตร์ สิทธิในการเลือกตั้งอย่างท่ัวถึง เสรี เป็นธรรม ไม่จ�ำเป็น ตอ้ งเกดิ ขน้ึ พรอ้ มกบั การสถาปนาประชาธปิ ไตย ตวั อยา่ งเชน่ หากนบั วา่ ประชาธปิ ไตยในสหราชอาณาจกั รเรมิ่ ตน้ เม่ือ ค.ศ. 1688 ภายหลังการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ (the Glorious Revolution) ท่ีผลของสงครามกลางเมือง (the Civil War) น�ำมาสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) สืบเน่ืองมาจนปัจจุบนั สหราชอาณาจกั รใช้เวลาอกี ยาวนานมากจงึ มีการเลือกตง้ั ทีเ่ สรีและเปน็ ธรรมอยา่ งทว่ั ถึง อนั ทจี่ รงิ แลว้ การแขง่ ขนั ในตลาดการเมอื งระหวา่ งชนชนั้ น�ำดว้ ยกนั เองเกดิ ขนึ้ กอ่ นหนา้ หลายรอ้ ยปี แลว้ จงึ ขยาย สิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมืองท่ีเป็นเงื่อนไขส�ำคัญของประชาธิปไตยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาการของ การขยายสทิ ธเิ ลอื กตั้งในสหราชอาณาจกั ร สรุปไดส้ ั้น ๆ คอื กอ่ น ค.ศ.1832 เพยี งรอ้ ยละ 5 ของผชู้ ายเท่านัน้ ที่ มสี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั โดยใชเ้ กณฑ์ 3 ประการคอื เพศ อายุ และการถอื ครองทรพั ยส์ นิ ท�ำใหก้ ารเลอื กตงั้ เปน็ สทิ ธพิ เิ ศษ ของผู้ชายมีฐานะ (a rich man’s privilege) The Great Reform Act ครง้ั ท่ี 1 ค.ศ. 1832 เปน็ กฎหมายทใี่ ห้ สิทธิเลือกตัง้ แก่ชนชัน้ กลางทม่ี สี นิ ทรัพยร์ ะดบั หนงึ่ เปน็ การขยายสิทธเิ ลอื กตง้ั จาก 400,000 เปน็ 600,000 คน The Reform Act ครงั้ ที่ 2 และ 3 ใน ค.ศ.1867 และ ค.ศ.1884 ขยายสทิ ธแิ กแ่ รงงานฝมี อื ทอ่ี าศยั อยใู่ นเขตเมอื ง และในชนบท โดยลดจ�ำนวนทรัพย์สินท่ีถือครองลง The Representation of the People Act ค.ศ.1918 ยกเลกิ ขอ้ จ�ำกดั เรอ่ื งทรพั ยส์ นิ และเพศเปน็ ครงั้ แรก ใหส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ แกช่ ายอายุ 21 ปี และหญงิ อายุ 30 ปขี น้ึ ไป เรียกไดว้ า่ ขยายสทิ ธเิ ลอื กต้งั เกือบเป็นการทว่ั ไป และใน ค.ศ.1926 ประกาศใช้ Equal Franchise Act ให้สทิ ธิ เลือกตั้งแก่หญิงอายุ 21 ปีขึ้นไปเท่าเทียมกับเพศชาย และ Representation of the People Act ลดอาย ุ ผู้มสี ิทธเิ ลอื กตงั้ จาก 21 ปี เปน็ 18 ปขี น้ึ ไป สหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร ท่ีการเปิดเสรีในการแข่งขันให้ชนช้ันน�ำต่อสู้ในตลาด การเมอื งเกดิ ขน้ึ ก่อนการขยายสิทธเิ ลอื กต้ัง ประเทศทีส่ ทิ ธใิ นการเลือกต้ังอย่างทวั่ ถงึ เกิดก่อนการเปดิ ใหแ้ ข่งขัน เพอื่ ชงิ ต�ำแหนง่ ทางการเมอื งคอื เยอรมนใี นชว่ งการเปลย่ี นจากจกั รวรรดเิ ปน็ สาธารณรฐั Weimar สว่ นประเทศ ฝร่ังเศส ในช่วงการปฏิวัติ ค.ศ. 1789 ถึง ค.ศ. 1792 เป็นตัวอย่างของประเทศท่ีการแข่งขันเพ่ือต�ำแหน่ง ทางการเมอื งและการขยายสทิ ธใิ นการมสี ว่ นรว่ มเกดิ ขน้ึ พรอ้ ม ๆ กนั ในปจั จบุ นั ไมม่ ปี ระเทศใดสามารถยอ้ นรอย ประวตั ศิ าสตรไ์ ปยงั เสน้ ทางแรกทก่ี ารขยายสทิ ธกิ ารมสี ว่ นรว่ มเกดิ ขน้ึ อยา่ งชา้ ๆ หลงั จากการตอ่ สเู้ พอ่ื เขา้ สอู่ �ำนาจ การเมืองมกี ฎ กตกิ า สถาบนั และวัฒนธรรมการแข่งขันทเ่ี ข้มแข็งแล้วประเทศทเ่ี พ่งิ เปล่ยี นผ่านสู่ประชาธิปไตย จึงต้องเผชิญกับพัฒนาการตามเส้นทางที่ 2 และ 3 ที่การขยายสิทธิเลือกต้ังและการมีส่วนร่วมทางการเมือง เกิดข้ึนก่อน หรือพร้อม ๆ กับการเปิดพื้นท่ีแข่งขันเพ่ือด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ประเทศประชาธิปไตยใหม่ จึงปะทะกับความท้าทายในการจัดการข้อเรียกร้อง และความต้องการหลากหลายจ�ำนวนมาก ก่อนท่ีสังคม จะตกลงกันจนได้รับฉันทามติในเร่ืองกติกา สถาบัน และวัฒนธรรมทางการเมือง ความท้าทายนี้ส่งผลโดยตรง ต่อเสถยี รภาพของระบอบประชาธิปไตย ในประเทศจนี และเกาหลีเหนือก็มกี ารเลอื กตั้ง แต่การเลอื กตงั้ ในประเทศจีนเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิ ไดเ้ ฉพาะการเลอื กตวั แทนในระดบั ทอ้ งถน่ิ เทา่ นน้ั สว่ นต�ำแหนง่ การเมอื งในระดบั สงู เปน็ การเลอื กโดยสภาประชาชน แห่งจีน (National People’s Congress) ท่ีมีสมาชิก 2,980 คน ท�ำหน้าท่ีแทนผู้มีสิทธิเลือกต้ังชาวจีนท่ีมีอยู่

29 ประมาณ 900 ล้านคน การเลอื กตง้ั ในเกาหลีเหนือมขี ้ึนทุก ๆ 4-5 ปี เพ่อื เลือกสภาประชาชนสูงสดุ (Supreme People’s Assembly) ทพี่ รรคแรงงานเกาหลี (Worker’s Party of Korea) ซงึ่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของพรรคแนวรว่ ม Democratic Front for the Reunification of the Fatherland ชนะเลือกต้ังทุกครั้ง ประธานาธิบดี 3 คน คือ Kim Il-sung บุตรชาย Kim Jong-il และหลานชาย Kim Jong-un สืบทอดกนั โดยสายเลือด การเลือกตง้ั ในประเทศจีนและเกาหลีเหนือเป็นตัวอย่างท่ีดีของการเลือกต้ังที่ไม่สะท้อนหลักการประชาธิปไตย เน่ืองจาก ขาดคณุ สมบตั สิ �ำคัญ 2 ประการเปน็ อยา่ งน้อย คอื 1. ต้องโปร่งใส (transparency) ระบบเลือกต้ังจะได้รับความชอบธรรมจากสาธารณชนได ้ จะตอ้ งเปดิ เผย โปรง่ ใส สามารถรบั รเู้ ขา้ ใจไดร้ ว่ มกนั โดยทว่ั ไปถงึ ขนั้ ตอน กระบวนการลงคะแนน การนับคะแนน และการค�ำนวณผลลพั ธ์ 2. ได้ “ตวั แทน” (representation) ตรงตามเจตนารมณข์ องประชาชนทไี่ ปลงคะแนนเลอื ก กลา่ วคอื การแปรคะแนนเสยี งใหเ้ ปน็ ทน่ี งั่ ในสภากเ็ พอื่ ให้ได้ตวั แทนทป่ี ระชาชนตอ้ งการ สามารถ “แทน” ประชาชนในเชงิ อตั ลกั ษณใ์ นมติ ติ า่ ง ๆ ได้ และท�ำหนา้ ที่ “แทน” ประชาชนในรฐั สภาและรฐั บาล แนวคิดเรื่องการเป็นตัวแทนไม่ได้มีเพียงมุมมองเดียว การได้มาซึ่งตัวแทนที่เหมาะสมมีแง่มุม หลายประการ เช่น ตัวแทนในเชิงภูมิศาสตร์ ตัวแทนในเชิงอุดมการณ์ ตัวแทนกลุ่มอาชีพ หรือ ตัวแทนเชิงวัฒนธรรม 2.1.3 องคป์ ระกอบของการเลือกตง้ั ที่เสรีและเปน็ ธรรม ความส�ำคัญของการเลือกตั้งไม่ใช่การไปกากบาทในช่องสี่เหล่ียม แต่มันคือเสรีภาพในการขับเคล่ือน พลังของประชาชนที่การเลือกตั้งได้สร้างข้ึนมา การที่ประชาชนท่ัวพื้นท่ีของประเทศได้แสดงพลังทางการเมือง ในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ตง้ั แตก่ ารสนทนาแลกเปลยี่ น การรวมกลมุ่ การแสดงออกซง่ึ ความปรารถนา ความใฝฝ่ นั ความหวัง และความต้องการอย่างเปิดเผย การขับเคล่ือนทางการเมืองอย่างเสรีของประชาชนน่ีเองท่ีจะ กลายเป็นหลกั ส�ำคญั ในอนาคต อาจส�ำคญั กวา่ ผลการเลือกต้งั เสยี ดว้ ยซ้�ำ ดงั แสดงไปแลว้ ขา้ งตน้ การเลอื กตงั้ เปน็ เหมอื นคแู่ ฝดกบั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย กลา่ วไดว้ า่ ระบอบประชาธิปไตยสมัยใหมเ่ กดิ ขน้ึ ไมไ่ ด้ หากไมม่ กี ารเลือกตง้ั ทัง้ นี้ เพราะการเลอื กต้งั มคี วามส�ำคญั คอื 1. เป็นกลไกสรรหาตัวแทนของประชาชนเข้าไปท�ำหนา้ ท่ีในสภา 2. เป็นเครื่องมือของประชาชนในการส่งผ่านข้อเรียกร้องและความต้องการ (ท่ีเป็นกลุ่มก้อน มากกวา่ ความตอ้ งการเด่ยี ว) เขา้ สูร่ ะบบการเมอื ง 3. เป็นกลไกเช่ือมโยงระหว่างประชาชนกับผู้ปกครองในเชิงสัญลักษณ์ เป็นเคร่ืองมือให้ประชาชน รู้สึกว่ามีตัวตน และสามารถควบคุมตัวแทนโดยการเลือกหรือไม่เลือกในการเลือกต้ังครั้งต่อไป ในขณะเดียวกนั กส็ ร้างความชอบธรรมให้ผปู้ กครอง

30 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา โดยการเลือกต้ังทเี่ ป็นอสิ ระ เสรี และเปน็ ธรรมจะเกดิ ข้ึนได้ต้องมี 3 องคป์ ระกอบคือ 1) ประชาชน ไดร้ บั สทิ ธแิ ละสามารถเขา้ ถงึ กระบวนการเลอื กตง้ั อยา่ งทวั่ ถงึ ไมถ่ กู กดี กนั ดว้ ยเหตผุ ลใด ทั้งชาติพันธุ์ เพศ ภาษา ศาสนา รายได้ หรืออื่น ๆ หากสิทธิดังกล่าวถูกละเมิด สามารถฟ้องร้องต่อศาลหรือ กระบวนการยุติธรรมได้ นอกจากน้นั การตัดสินใจเลือกในคหู าเลือกตั้งยังต้องเป็นความลับ และไม่ถูกบดิ เบอื น ภายใต้เกณฑ์ดังกล่าว การนับผลคะแนนท่ีท�ำให้ผู้สมัครตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังในหน่วยเลือกตั้งหนึ่ง เลือกตนหรือไม่ หรือการถ่ายบัตรเลือกต้ังในคูหาด้วยโทรศัพท์มือถือ เพ่ือใช้เป็นหลักฐานรับเงินจ้างให้เลือก ถือได้ว่าขัดต่อเกณฑ์เรื่องสิทธิเลือกต้ังที่เป็นความลับ ซึ่งขัดต่อการเลือกตั้งท่ีเป็นอิสระและเป็นธรรม ประเด็น เรอ่ื งการจา้ งใหเ้ ลอื กหรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ “ซอื้ สทิ ธิ ขายเสยี ง” เปน็ เรอ่ื งทถ่ี กเถยี งกนั มาก แนน่ อนวา่ การเลอื กเพราะ อทิ ธพิ ลของเงนิ ความกลวั การขม่ ขู่ และความเกรงใจ ขดั ตอ่ หลกั เจตจ�ำนงทเี่ ปน็ อสิ ระของผเู้ ลอื ก ในสงั คมไทยนน้ั กล่าวกนั วา่ ผสู้ มคั รจ�ำนวนมากจากทุกพรรคจากเมืองใชเ้ งนิ ซ้อื เสียง แตถ่ งึ แม้อิทธิพลของเงินและความสัมพนั ธ์ เชิงอุปถัมภ์จะมีอยู่มาก ก็ไม่อาจสรุปได้ว่า เงินซื้อชัยชนะในการเลือกตั้งได้ มิเช่นน้ัน ผู้สมัครท่ีใช้เงินมากท่ีสุด ย่อมชนะเสมอ จึงน่าจะกล่าวได้ว่า ท่ามกลางอิทธิพลของเงิน ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งก็ใช้เหตุผลและความชอบ สว่ นตวั ดว้ ย ดงั นนั้ จงึ ไมค่ วรลดความส�ำคญั ของการเลอื กตง้ั แมใ้ นสงั คมไทยจะมกี าร “ซอื้ เสยี ง” อยจู่ รงิ แตค่ วร หาวธิ ีให้การละเมดิ หลักการเลอื กตัง้ ท่ีเป็นอสิ ระและเป็นธรรมลดลง และหมดไปในทีส่ ดุ 2) ผสู้ มคั รและพรรคการเมอื ง มสี ทิ ธแิ ละหนา้ ทแ่ี ขง่ ขนั เลอื กตง้ั ตามเกณฑท์ ส่ี อดคลอ้ งกบั หลกั กฎหมาย อนั เปน็ สากล ผสู้ มัครและพรรคการเมอื งควรเขา้ ถึงเครื่องมอื สอื่ สารไดอ้ ยา่ งเท่าเทยี ม ไดร้ ับการคุม้ ครองในชีวติ และทรพั ยส์ นิ จากการใชค้ วามรนุ แรง รวมทงั้ ตอ้ งไมใ่ ชค้ วามรนุ แรงตอ่ ผอู้ นื่ การกดี กนั ผสู้ มคั รหรอื พรรคการเมอื งใด ดว้ ยเหตผุ ลอนั ไมส่ มควร ถอื วา่ ขดั ตอ่ หลกั การเลอื กตง้ั ทเี่ ปน็ อสิ ระและเปน็ ธรรม เชน่ มาตรา 59 (F) ใหร้ ฐั ธรรมนญู ค.ศ.2008 (พ.ศ. 2551) ของสาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ ระบหุ า้ มบคุ คลทมี่ คี สู่ มรสและบตุ รเปน็ ชาวตา่ งชาต ิ ลงสมคั รรับเลอื กตง้ั เป็นประธานาธบิ ดี หรอื รองประธานาธิบดี สง่ ผลใหน้ าง Aung San Suu Kyi ผู้น�ำฝา่ ยคา้ น และก่อต้ัง The National League for Democracy (NLD หรือสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย) ไมส่ ามารถสมคั รชงิ ต�ำแหนง่ ประธานาธบิ ดี ไดแ้ ตเ่ พยี งลงสมคั รเพอื่ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในการเลอื กตง้ั ซอ่ ม พ.ศ. 2555 หลงั จากได้รับการปลอ่ ยตัวจากการถกู กักกนั ในบ้านพักในประเทศทีร่ บั รองหลกั การเลอื กตงั้ ท่อี สิ ระ เสรี และเปน็ ธรรม หากมคี วามรนุ แรง หรอื การกดี กนั ผสู้ มคั รและพรรคการเมอื ง จงึ มกี ระบวนการยตุ ธิ รรมตดั สนิ และเยยี วยาใหเ้ กิดความเปน็ ธรรม 3) รฐั มหี นา้ ทจี่ ดั ใหก้ ระบวนการเลอื กตงั้ มปี ระสทิ ธภิ าพ โปรง่ ใส เปน็ กลางและเขา้ ถงึ ไดส้ �ำหรบั ทกุ คน และทุกพรรค โดยต้ังเกณฑ์เร่ืองคุณสมบัติ เช่น อายุ ภูมิล�ำเนา ความเป็นพลเมือง ส�ำหรับผู้ใช้สิทธิและผู้สมัคร รับเลือกตั้ง ให้ข้อมูลเก่ียวกับกระบวนการเลือกต้ังอย่างท่ัวถึง เช่นการเลือกตั้งล่วงหน้า การเลือกตั้งนอกเขต จดั คหู าเลอื กตั้งให้สะดวกส�ำหรับการลงคะแนนและเข้าถึงง่าย ท่ีส�ำคญั เพื่อเป็นหลักประกันเลือกตง้ั ท่ีเปน็ ธรรม รัฐต้องม่ันใจว่ามาตรการเกี่ยวกับการเลือกต้ังไม่ส่งผลให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคการเมือง นอกจากน้ัน รัฐมีหน้าที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตและโกงการเลือกต้ัง เพื่อประกันความโปร่งใส ควรให้มี ผูส้ งั เกตการณ์ทีเ่ ปน็ อสิ ระและมาจากตัวแทนพรรคการเมอื งต่าง ๆ

31 จะเหน็ ไดว้ า่ การเลอื กตง้ั ทเี่ ปน็ อสิ ระและเปน็ ธรรม จดั ขน้ึ เปน็ ประจ�ำโดยสมำ่� เสมอ เปน็ เงอ่ื นไขทข่ี าด ไมไ่ ดใ้ นระบอบประชาธปิ ไตย ถา้ ปราศจากหลกั การดงั กลา่ วแลว้ ตอ่ ใหร้ ะบบการเมอื งมกี ารคมุ้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพ ในด้านอ่ืน ๆ อย่างไรก็ไม่อาจจัดได้ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่กระน้ัน คุณภาพของระบอบประชาธิปไตย หาได้ข้ึนอยู่กับการเลือกต้ังแต่เพียงอย่างเดียวไม่ สรุปก็คือ การเลือกต้ังเป็นเงื่อนไขและกระบวนการท่ีจ�ำเป็น (necessary) แตย่ งั ไมเ่ พยี งพอ (sufficient) ตอ่ การเปน็ ประชาธปิ ไตย ดงั นน้ั ตอ้ งไมล่ มื วา่ ในระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชนตอ้ งมสี ทิ ธทิ สี่ �ำคญั อนื่ ๆ และมหี นา้ ทใ่ี นการตดิ ตามตรวจสอบการท�ำงานของตวั แทนทตี่ นไดเ้ ลอื กตง้ั ไป เพราะการเลอื กตงั้ เพยี งอยา่ งเดยี วไมไ่ ดเ้ ปน็ หลกั ประกนั วา่ “ตวั แทน” ทปี่ ระชาชนไดเ้ ลอื กแลว้ จะรกั ษาเจตจ�ำนง และปกป้องผลประโยชน์ของผมู้ ีสิทธิเลอื กตง้ั และประชาชนทว่ั ไปแตอ่ ย่างใด 2.1.4 ระบบการเลือกตัง้ ทฤษฎีรัฐศาสตร์การเมืองเปรียบเทียบให้ความส�ำคัญกับระบบเลือกต้ังว่าเป็นทั้งตัวแปรตาม (Dependent Variable) และตวั แปรตน้ หรอื ตวั แปลอสิ ระ (Independent Variable) ในการวจิ ยั นกั รฐั ศาสตร์ ส่วนใหญ่มองว่าระบบเลือกตั้งเป็นตัวแปรตาม เนื่องจากถูกก�ำหนดโดยนักการเมืองและผู้ร่างกฎหมายเลือกต้ัง แต่ระบบเลือกตั้งที่ถูกก�ำหนดข้ึนมานั้นสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของนักการเมือง ระบบพรรคการเมืองและ การจัดท�ำยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองอย่างมีนัยส�ำคัญ ในประการหลังน้ีเองจึงกล่าวได้ว่าระบบเลือกตั้งเป็น ตวั แปรตน้ ของระบบการเมืองดว้ ย (สิริพรรณ นกสวน, 2558, น. 103-116) ระบบเลอื กตั้งโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเปน็ 4 รปู แบบ ดังน้ี 1) ระบบเลือกต้ังแบบเสียงข้างมากธรรมดา (Plurality System) หรือ “First Past the Post” (FPTP) กลา่ วคอื ใครผา่ นดา่ นเปน็ คนแรกหรอื ไดค้ ะแนนมากทสี่ ดุ กจ็ ะไดเ้ ปน็ ผชู้ นะการเลอื กตงั้ เปน็ ระบบทงี่ า่ ย ที่สุดในกระบวนการทั้งหมดนั้นคือ ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นผู้ชนะไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ก็ตาม เช่น ในเขตเลอื กต้ังหนง่ึ มผี ูใ้ ช้สิทธเิ ลอื กตั้ง 100 คน มผี ไู้ ดค้ ะแนนเรยี งกนั ดงั น้ี : 35 : 34 : 31 ผ้ทู ่ีไดร้ ับคะแนนเสยี ง สูงสดุ คอื 35 คะแนน จะเปน็ ผู้ไดร้ บั เลือกต้งั ทง้ั ๆ ท่ีได้รบั คะแนนเสยี งมากกวา่ ผทู้ ไ่ี ด้อนั ดบั สองคอื 34 คะแนน เพยี ง 1 คะแนน ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ หากพจิ ารณาดี ๆ จะเหน็ วา่ ประชาชนสว่ นใหญม่ ากถงึ 65 คะแนนเสยี งไมไ่ ดเ้ ลอื ก ผู้ไดร้ ับชัยชนะในการเลอื กต้งั ครง้ั นี้ ซ่ึงอาจท�ำใหเ้ กิดค�ำถามเร่อื งความชอบธรรมของผูช้ นะได้

32 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา Plurality Systems หนึง่ เขต หน่ึงคน หน่งึ เขต หลายคน ไทย ก่อนการใช้ รฐั ธรรมนญู ปี พ.ศ. ภาพที่ 2 ระบบการเลอื กตั้งแบบเสยี งขา้ งมากธรรมดา 2540 และภายใต้ ท่มี า สิริพรรณ นกสวน, 2558, น.102 รัฐธรรมนญู 2550 ระบบเลือกต้ังแบบเสียงข้างมากธรรมดาท่ีพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ใช้ควบคู่กับเขตเลือกตั้งที่มีตัวแทน ไดห้ นึง่ คน (Single-Member District/Constituency) มีชื่อเรียกอย่างไมเ่ ปน็ ทางการวา่ 1 เขต 1 คน ประเทศ ที่ใช้ระบบเลือกต้ังแบบนี้ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ เป็นต้น ในการเลือกตั้ง ประธานาธบิ ดขี องสหรฐั อเมริกา ระบบเสียงข้างมากใช้ควบคู่กับระบบ “คณะผู้เลอื กตั้ง” (Electoral college) ซ่ึงคัดเลือกมาจากตัวแทนของแต่ละมลรัฐ ผู้สมัครท่ีชนะในมลรัฐหน่ึง ๆ คือผู้ท่ีได้คะแนนเสียง popular vote มากทส่ี ดุ เมอื่ รวมคะแนนจากทกุ เขตเลอื กตง้ั โดยไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งไดค้ ะแนนเสยี งเกนิ 50% ผชู้ นะจะไดค้ ะแนนของ คณะผเู้ ลือกตง้ั ทงั้ หมดในมลรฐั น้นั ลกั ษณะเช่นนเี้ รียกวา่ “Winner takes all” มบี างกรณที ร่ี ะบบเสยี งขา้ งมากธรรมดาใชค้ กู่ บั เขตเลอื กตงั้ ทมี่ ตี วั แทนไดห้ ลายคน ตวั อยา่ งเชน่ ระบบ เลือกตั้งของไทยก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ถือว่าเป็นระบบเลือกต้ังท่ีแตกต่างไปจากประเทศ ส่วนใหญ่ในโลก เพราะเป็นระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากธรรมดาที่ในเขตเลือกต้ังมีตัวแทนแตกต่างกันต้ังแต ่ 1 คน ถึง 3 คน (Multi-Member Districts หรือ Block Vote) ขึ้นอยู่กับจ�ำนวนประชากรในเขตนั้น ผู้ใช้สิทธิ หนงึ่ คนมสี ทิ ธอิ อกเสยี งไดต้ ามจ�ำนวนตวั แทนทเ่ี ขตพงึ มี (1 – 3 เสยี ง) โดยอาจเลอื กทจ่ี ะใชส้ ทิ ธิ 1, 2 หรอื 3 เสยี ง ก็ได้ และสามารถแยกลงคะแนนให้ผู้สมัครท่ีมาจากคนละพรรคก็ได้เช่นกัน ข้อดีคือ ประชาชนมีอิสระเต็มที่ ในการเลอื กทจ่ี ะลงคะแนนใหผ้ สู้ มคั รคนใดกไ็ ด้ และยงั เปดิ ใหม้ ผี สู้ มคั รอสิ ระได้ ในระบบทพี่ รรคการเมอื งเขม้ แขง็ และมีเอกภาพ (Party Cohesion) ประชาชนมีแนวโน้มท่ีจะเลือกผู้สมัครจากพรรคเดียวกันท้ังหมด ที่เรียกว่า “ยกทีม”แต่ในประเทศไทยระบบน้ีได้ท�ำให้เกิดระบบพรรคการเมืองหลายพรรค เพราะประชาชนเลือกตาม ความนยิ มทม่ี พี นื้ ฐานอยบู่ นตวั บคุ คลไมใ่ ชพ่ รรค ชอ่ื เสยี ง อดุ มการณ์ และนโยบายพน้ื ฐานของพรรคมคี วามส�ำคญั ไมม่ ากนกั ตอ่ ชยั ชนะในการเลอื กตงั้ ขอ้ สงั เกตทส่ี �ำคญั ในระบบเลอื กตง้ั แบบนข้ี องไทยคอื สง่ ผลใหพ้ รรคการเมอื ง แตกแยก แบง่ เปน็ กลมุ่ และมงุ้ การเมอื ง (Faction) เนอื่ งจากผสู้ มคั รจากพรรคเดยี วกนั แขง่ ขนั กนั เอง (Intra party competition)

33 นอกจากนี้ ยงั มรี ะบบทเี่ รยี กวา่ Single Non-Transferable Vote (SNTV) กลา่ วคอื เปน็ ระบบเลอื กตง้ั ที่เขตเลือกตั้งมีผู้แทนได้มากกว่า 1 คน แต่ผู้มีสิทธิออกเสียงสามารถลงคะแนนได้เพียง 1 เสียงเท่านั้น ผู้ชนะ การเลือกตั้งคือผู้ที่ได้คะแนนมากท่ีสุดตามล�ำดับลงมาเท่าจ�ำนวนผู้แทนที่เขตเลือกตั้งนั้นพึงมี เช่น ในเขตที่มี ผแู้ ทนได้ 5 คน ผทู้ ไี่ ดค้ ะแนนมากทสี่ ดุ อนั ดบั หนงึ่ ถงึ อนั ดบั หา้ จะเปน็ ผไู้ ดร้ บั เลอื กตงั้ ระบบนใ้ี ชใ้ นญป่ี นุ่ จนกระทงั่ ป ี ค.ศ. 1994 โดยเขตหนง่ึ มตี วั แทนได้ 3 - 5 คน ระบบเลอื กตง้ั สมาชกิ วฒุ สิ ภาของไทยภายใตร้ ฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2540 ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน กล่าวกันว่าระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากธรรมดาแบบ SNTV น้ีจะเป็นหลักประกัน ให้คนในกลุ่มน้อยสามารถเข้ามาเป็นตัวแทนในเขตน้ัน ๆ ได้ เพราะคะแนนเสียงประมาณ 1 ใน 5 ก็อาจท�ำให้ ผู้สมคั รชนะการเลือกตัง้ ได้และอาจจัดวา่ เปน็ สูตรเลอื กตั้งแบบ “กงึ่ สดั ส่วน” (Semi-Proportional Formula) ในทางกลับกัน ระบบเลือกต้ังแบบจ�ำกัดจ�ำนวนโหวต (Limited Vote หรือ LV) เป็นระบบเลือกตั้ง ที่เขตเลือกต้ังมีผู้แทนได้มากกว่า 1 คน ผู้มีสิทธิออกเสียงสามารถลงคะแนนได้เกิน 1 เสียง แต่น้อยกว่าจ�ำนวน ผู้แทนที่เขตเลือกต้ังน้ันพึงมี เช่น ในเขตเลือกต้ังที่มีผู้แทนได้ 4 คน อาจก�ำหนดให้ผู้ใช้สิทธิมี 2 เสียง ผู้ชนะ การเลอื กตง้ั คอื ผ้ทู ี่ไดค้ ะแนนเสยี งสงู สดุ จ�ำนวนเทา่ กบั ทผี่ แู้ ทนในเขตนน้ั จะมไี ดไ้ ลต่ ามล�ำดบั ลงมา เมอื่ เปน็ เชน่ น้ี ผู้ออกเสียงจะมอี ิสระมากขนึ้ แตข่ อ้ เสยี คอื เออื้ ต่อการแข่งขนั กันเองของผ้สู มคั รในพรรคการเมอื งเดียวกนั 2) ระบบเลอื กต้ังแบบเสยี งข้างมากเดด็ ขาด (Majority Rule) ใชใ้ นการเลอื กตัง้ แบบแบง่ เขตแต่ละเขตมีตวั แทนได้ 1 คน ผู้ชนะจะตอ้ งไดร้ ับเลอื กด้วยเสยี งขา้ งมาก เด็ดขาด (absolute majority) กล่าวคือ เกิน 50% ข้นึ ไป เชน่ มีผู้มีสทิ ธอิ อกเสียงเลอื กต้ัง 100,000 คน ผ้ชู นะ ต้องได้คะแนนเสียงเกิน 50,000 คะแนน ท่ีเป็นเช่นนี้เพ่ือให้ผู้ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนสนับสนุนมากพอที่จะ มีความชอบธรรมในการท�ำหน้าที่ ปัญหาก็คือถ้าไม่มีผู้สมัครคนใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาดจะมีวิธีการแก้ปัญหา อย่างไรได้บา้ งเชน่ ภาพท่ี 2 การเลอื กตง้ั รอบสอง ฝร่ังเศส (ประธานาธิบดี) ยเู ครน Majority Systems เดด็ ขาด – ธรรมดา ฝร่งั เศส (สภาลา่ ง) ภาพที่ 3 ระบบการเลือกตงั้ จัดล�ำดับความชอบ ออสเตรเลีย แบบเสยี งขา้ งมากเดด็ ขาด ท่มี า สริ พิ รรณ นกสวน, 2558, น.102

34 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา วธิ กี ารจดั การเพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ชู้ นะทไี่ ดร้ บั เสยี งขา้ งมากเดด็ ขาดมอี ยดู่ ว้ ยกนั 3 วธิ ี คอื วธิ แี รกโดยการจดั การ เลอื กตงั้ รอบที่ 2 ทเี่ รยี กวา่ Run-off (หรอื Two-Round System) โดยเปน็ การแขง่ ขนั ระหวา่ งผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนนเสยี ง มากที่สุด 2 คนในรอบแรก โดยตัดผู้สมัครคนอ่ืนออกไปทั้งหมด ระบบเลือกต้ังรอบสองเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก เด็ดขาดจากผู้สมคั รทเี่ หลือเพียง 2 คน เชน่ นีน้ ิยมใช้ส�ำหรบั การเลือกตัง้ ประธานาธบิ ดโี ดยตรง เชน่ ออสเตรเลีย บราซิล ชลิ ี โคลมั เบีย เอกวาดอร์ ฝรั่งเศส โปแลนด์ โปรตุเกส รสั เซยี และยูเครน เป็นตน้ ระบบเลือกต้ังเสียงข้างมากเด็ดขาดแบบที่สอง เป็นระบบที่ใช้การเลือกต้ังสองรอบเช่นกัน เพียงแต่ การเลอื กตง้ั ในรอบทสี่ องไมไ่ ดล้ ดจ�ำนวนผสู้ มคั รลงใหเ้ หลอื เพยี ง 2 คน เชน่ ในแบบแรก แตล่ ะประเทศจะก�ำหนด จ�ำนวนคะแนนขั้นต่�ำ (threshold) ไว้ว่าผู้สมัครในรอบแรกจะต้องได้คะแนนเสียงสนับสนุนอย่างน้อยเท่าใด เพื่อจะมีสิทธิแข่งในรอบที่สอง ประเทศท่ีใช้ระบบเลือกต้ังแบบนี้ เช่น ฝร่ังเศสในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน และก�ำหนดเกณฑ์ข้นั ต�่ำไว้ท่ี 12.5% ของจ�ำนวนผู้มสี ทิ ธิเลือกตั้งท้ังหมด (Blais and Massicotte 1996) (อ้าง ใน สิรพิ รรณ นกสวน, 2558, น. 106) จะเห็นว่าระบบเลือกตั้งเสียงข้างมากทั้งสองแบบข้างต้น ต้องอาศัยการเลือกตั้งรอบที่สองเพื่อตัดสิน ชี้ขาดผู้ชนะท�ำให้เสียเวลาและสิ้นเปลืองงบประมาณในการเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งแบบที่สามจะต่างกันตรงที่ ใช้การเลือกตั้งเพียงคร้ังเดียว แต่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้อง “จัดล�ำดับ”ผู้สมัครที่ตนชอบลงในบัตรเลือกต้ังด้วย ความเขา้ ใจวา่ ถา้ ผสู้ มคั รทต่ี นเลอื กอนั ดบั 1 ไมไ่ ดร้ บั เลอื กตงั้ จะยกคะแนนนนั้ ไปใหผ้ สู้ มคั รล�ำดบั ตอ่ ไปตามล�ำดบั ระบบเช่นน้มี ีชอ่ื เรียกว่า “ระบบจัดล�ำดบั ความชอบ” (alternative vote หรอื preference vote) ในการนับ คะแนนรอบแรก จะนับคะแนนเฉพาะผู้สมัครที่ถูกเลือกในล�ำดับท่ีหนึ่งเท่านั้น ถ้าในรอบน้ีมีผู้สมัครที่ชนะด้วย คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด การเลือกตั้งนั้นก็ส้ินสุดลง แต่หากไม่มีผู้ชนะในรอบแรก จะเกิดการนับคะแนน รอบสอง โดยผสู้ มคั รทไี่ ดค้ ะแนนตำ่� สดุ จะถกู ตดั ทง้ิ ไป แตน่ �ำเอาบตั รเลอื กตงั้ ทเี่ ลอื กผสู้ มคั รทไี่ ดค้ ะแนนนอ้ ยทสี่ ดุ เปน็ อนั ดบั หนง่ึ นม้ี านบั ใหม่ ดว้ ยการดวู า่ ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ เลอื กผสู้ มคั รคนใดเปน็ คนถดั ไปคะแนนเสยี งนนั้ กจ็ ะถกู ถ่ายโอน (transfer) ไปให้ หากในการนับคะแนนรอบที่สองยังไม่มีผู้ได้รับคะแนนเสียงเกินกว่าก่ึงหน่ึง ผู้สมัคร ที่ได้คะแนนน้อยท่ีสุดจะถูกตัดท้ิง และคะแนนของบัตรน้ันก็จะถูกโอนไปให้ผู้สมัครท่ีถูกเลือกเป็นล�ำดับท่ี 2 ในบตั รน้ที �ำเช่นนี้เร่ือยไป จนกระทั้งมผี ูช้ นะได้รบั คะแนนเสียงขา้ งมากเด็ดขาด ระบบการถา่ ยโอนคะแนนนเ้ี หมอื นกบั ระบบเสยี งขา้ งมากเดด็ ขาดสองแบบขา้ งตน้ ทผ่ี ลลพั ธอ์ าจท�ำให้ ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดในรอบแรกบางครั้งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งในที่สุด ระบบเลือกตั้งท่ีให้ผู้ใช้สิทธิ “จัดล�ำดับ” เช่นนี้ใช้ในการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของออสเตรเลีย และการเลือกตั้งประธานาธิบดี ของไอร์แลนด์ ระบบเลือกต้ังแบบนี้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเลือกต้ังกว่าสองวิธีแรก แต่อาจเสียเวลา มากกวา่ ในกระบวนการนบั คะแนน และท่สี �ำคญั เปน็ ระบบเลอื กตง้ั ท่มี คี วามซบั ซอ้ นทตี่ อ้ งอาศยั ความเขา้ ใจและ ความเอาใจใสท่ างการเมืองของผใู้ ช้สิทธิเลือกตงั้ เปน็ อย่างดี

35 สดั สว่ น – เสียงข้างมาก ฮงั การี เด็ดขาด Mixed System MMP และ Parallel สัดส่วน – เสียงข้างมาก ญี่ปุ่น, รัสเซีย, ไต้หวัน, เด็ดขาด เยอรมน,ี อติ าล,ี เมก็ ซโิ ก, นวิ ซีแลนด์ ภาพท่ี 4 ระบบการเลือกตัง้ แบบผสม ท่ีมา สิริพรรณ นกสวน, 2558, น.102 หมายถงึ ระบบเลอื กตงั้ ทใ่ี ชร้ ะบบเลอื กตงั้ สองระบบพรอ้ มกนั ในการเลอื กตงั้ ครง้ั เดยี วกนั ระบบเลอื กตง้ั แบบผสมสามารถใช้ระบบเลือกตั้งแบบสดั ส่วนพร้อมกบั ระบบเสยี งข้างมากธรรมดา หรอื แบบสัดสว่ นพรอ้ มกบั ระบบเสียงข้างมากเด็ดขาดกไ็ ด้ ระบบเลอื กตั้งแบบผสมสามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื (ดังภาพท่ี 3) 3.1) แบบผสมเขตกับสัดส่วน (Mixed Member Proportional หรือ MMP) หมายถึง ระบบท ่ี การจัดสรรผู้ชนะในเขตเลือกต้ังจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองได้รับจาก ระบบบญั ชรี ายชอื่ ในเขตนน้ั โดยคะแนนจากบญั ชรี ายชอื่ 15% แตไ่ มไ่ ดร้ บั ทนี่ งั่ จากการเลอื กตงั้ ในระบบเขตเลย พรรคการเมืองน้ันจะได้รับการชดเชยในระบบบัญชีรายช่ือให้มีตัวแทน เทา่ กบั 15% ของจ�ำนวนสมาชกิ สภาประเทศทใี่ ชร้ ะบบเลอื กตง้ั แบบนี้ เชน่ นวิ ซแี ลนด์ เยอรมนี และอติ าลี 3.2) แบบคขู่ นานระหวา่ งเขตและสดั สว่ น ในระบบนกี้ ารจดั สรรทน่ี งั่ ของผสู้ มคั รในระบบเขตเลอื กตงั้ และระบบสดั สว่ นจากบญั ชรี ายชอื่ ของพรรค จะเปน็ อสิ ระจากกนั โดยไมน่ �ำคะแนนจากระบบ เลือกต้ังสองระบบมาคิดรวมกัน และไม่มีการชดเชยคะแนนเพื่อให้ท่ีน่ังที่พรรคได้รับสะท้อน สัดส่วนคะแนนที่แท้จริงของพรรคจากระบบบัญชีรายชื่อ ระบบน้ีใช้ในญ่ีปุ่นและไทยภายใต้ รฐั ธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 เปน็ ตน้ ระบบคู่ขนานได้รับความนยิ มมากกว่า เพราะสลบั ซับซ้อน นอ้ ยกว่า ง่ายตอ่ ความเขา้ ใจของผใู้ ช้สทิ ธิเลือกตัง้ แตภ่ ายใตร้ ะบบผสมเขตกับสัดส่วนจะท�ำให้ พรรคเลก็ มีโอกาสไดท้ ่ีน่ังมากขึ้น

36 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา 4) ระบบเลอื กต้ังแบบสัดส่วน (Proportional Representation) โดยนิยามแล้วระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนจะใช้ได้เฉพาะเขตเลือกตั้งที่มีตัวแทนได้มากกว่า 1 คน (Multi-Member Districts) เพราะชัดเจนว่าเราไม่สามารถแบ่งท่ีน่ัง 1 ท่ีให้กับหลายพรรคการเมืองได้ ระบบ เลอื กตงั้ แบบสดั สว่ นนยิ มเรยี กกนั งา่ ย ๆ วา่ ระบบบญั ชรี ายชอื่ (List Systems) การน�ำระบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ น มาใชส้ มั พนั ธก์ บั ปจั จยั 5 ประการ คอื ขนาดเขตเลอื กตง้ั ล�ำดบั ขน้ั ของเขตเลอื กตง้ั สตู รการค�ำนวณ เกณฑข์ น้ั ตำ�่ และการจัดล�ำดบั ผ้สู มคั รรับเลอื กต้งั 4.1) ขนาดของเขตเลือกตั้ง (district magnitude) แบ่งได้เป็นทั้งประเทศเป็น 1 เขต เช่น ไทย (100 ที่นั่ง) อิสราเอล (120 ที่นั่ง) เนเธอร์แลนด์ (150 ท่ีนั่ง) เป็นต้น แต่ประเทศส่วนใหญ่ ในโลกใชก้ ารแบ่งเขตเลือกตง้ั ออกเปน็ เขตยอ่ ย ๆ หลายเขต เช่น สเปน แบง่ ประเทศออกเปน็ 52 เขตเลือกตั้ง เพ่ือเลือกสมาชิกสภาท้ังหมด 350 คน โดยแบ่งเป็นเขตละ 3 ถึง 34 คน แตง่ ตา่ งกนั ไป ขนาดของเขตเลอื กตงั้ มผี ลตอ่ ยทุ ธศาสตรก์ ารหาเสยี งของพรรคการเมอื ง และท่ี ส�ำคญั สามารถเออื้ ประโยชนใ์ หพ้ รรคการเมอื งแตกตา่ งกนั โดยทว่ั ไปพบวา่ เขตเลอื กตง้ั ขนาดใหญ่ มากเชน่ ทง้ั ประเทศเปน็ หนงึ่ เขตเลอื กตง้ั เชน่ ประเทศไทย จะเออื้ ประโยชนใ์ หพ้ รรคการเมอื ง ใหญท่ ม่ี เี งนิ ทนุ สงู และพรรคซง่ึ เปน็ ทร่ี จู้ กั มผี ลงานเปน็ ทยี่ อมรบั ของประชาชนอยแู่ ลว้ เพราะ พรรคการเมืองขนาดใหญ่มีทุนมาก มีทรัพยากรท่ีจะใช้จ่ายในการหาเสียได้มากกว่า อีกท้ัง กลยุทธ์ในการหาเสียงที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้สื่อโทรทัศน์และวิทยุ มีความจ�ำเป็นอย่าง มากในเขตเลือกตงั้ ขนาดใหญ่ 4.2) ล�ำดบั ขนั้ ของเขตเลอื กตงั้ (tiers) ระบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ นทใ่ี ชใ้ นบางประเทศมลี �ำดบั ชนั้ ของ เขตเลือกต้ัง กล่าวคือ แบ่งเขตเลือกตั้งเป็นระดับประเทศ ระดับภาค และระดับจังหวัด เช่น กรีซแบ่งเขตเลือกต้ังเป็น 1 เขตระดับประเทศ 13 เขตระดับภาค และ 56 เขตระดับท้องถ่ิน เปน็ ตน้ การจดั สรรทน่ี ง่ั ใหพ้ รรคการเมอื งในแตล่ ะล�ำดบั ชนั้ ของเขตเลอื กตงั้ ถกู ผกู โยงเขา้ ดว้ ยกนั โดยมักใช้คะแนนเสียงที่พรรคได้รับในระดับประเทศ ซึ่งเป็นล�ำดับชั้นของเขตเลือกตั้งที่ม ี ขนาดใหญ่ท่ีสุด แก้ไขสัดส่วนที่เบี่ยงเบนของคะแนนเสียงที่พรรคได้รับในเขตเลือกต้ังระดับ รองลงมา เชน่ หากพรรคการเมอื งไดร้ บั ทนี่ งั่ ในเขตเลอื กตงั้ ระดบั จงั หวดั นอ้ ยกวา่ ทพ่ี รรคไดร้ บั ในระดับชาติ พรรคน้ันก็จะได้รับการชดเชยที่นั่งในเขตเลือกตั้งระดับชาติในลักษณะเดียวกัน กบั ระบบผสมเขตกบั สดั สว่ น (MMP) ท่ีกล่าวแลว้ ข้างตน้ 4.3) สูตรการค�ำนวณ (Electoral Formula) แบ่งกว้าง ๆ ออกเป็นสองสูตร คือ ค่าเฉลี่ยสูงสุด (Highest Average) และเหลอื เศษสงู สดุ (Largest Remainders) สตู รคา่ เฉลยี่ สงู สดุ มวี ธิ กี าร ค�ำนวณโดยหารคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับด้วยตัวเลขจ�ำนวนหน่ึงที่เรียงล�ำดับกัน ขน้ึ ไป พรรคการเมอื งทม่ี คี ะแนนเหลอื สงู สดุ ในการหารแตล่ ะครงั้ จะไดร้ บั การจดั สรรทนี่ งั่ ตาราง ขา้ งลา่ งแสดงการจดั สรรทนี่ งั่ ภายใตก้ ารค�ำนวณแบบดอ๊ งต์ โดยน�ำคะแนนทพี่ รรคไดร้ บั เลอื กตง้ั มาหารด้วยเลข 1, 2, 3, 4, 5…….. เรียงล�ำดับไป เมื่อหารด้วย 1 ที่น่ังแรกจะถูกจัดสรรให้

37 พรรคที่มีคะแนนสูงสดุ คือ พรรคสีฟา้ (a) เมื่อพรรคสฟี ้าได้รับการจัดสรรท่นี ง่ั คะแนนที่พรรค ได้รับจะถูกหารด้วย 2 ท่ีนั่งที่สองจะถูกจัดให้แก่พรรคท่ีมีคะแนนคงเหลือสูงสุดก็ยังเป็นของ พรรคสีฟ้า (b) เนือ่ งจาก 28,500 สงู กว่าคะแนนของพรรคที่เหลือท้ังหมด คะแนนของพรรค จะถกู หารอกี ดว้ ย 3 ทน่ี ง่ั ทสี่ ามตกเปน็ ของพรรคสขี าว (c) หลงั จากนน้ั คะแนนของพรรคสขี าว จะถกู หารดว้ ย 2 ทน่ี งั่ ทสี่ จี่ งึ เปน็ ของพรรคสแี ดง (d) เพราะมคี ะแนนคงเหลอื สงู สดุ คะแนนของ พรรคสแี ดงจะถกู หารดว้ ย 2 เมอ่ื เปรยี บเทยี บคะแนนทแ่ี ตล่ ะพรรคคงเหลอื ปรากฏวา่ พรรคสฟี า้ มีคะแนนสูงสุด คือ 19,000 ท่ีนั่งท่ีห้าจึงเป็นของพรรคสีฟ้า (e) และคะแนนของพรรคสีฟ้า จะถูกหารด้วย 4 ท�ำเช่นนี้เรื่อยไปจนจัดสรรที่นั่งได้ครบ 12 ท่ีน่ังผลการจัดสรรสุดท้ายก็คือ พรรคสฟี า้ ชนะเลอื กตั้ง 6 ท่ีนงั่ พรรคสขี าว สแี ดง และสเี ขยี วได้ 3, 2 และ 1 ทนี่ ั่งตามล�ำดบั ประเทศทีใ่ ช้ระบบนี้ เชน่ อารเ์ จนตนิ า บราซิล สวติ เซอรแ์ ลนด์ นอกจากวิธีหารแบบด๊องต์แล้ว ยังมีวิธีจัดสรรท่ีนั่งด้วยการหารด้วยวิธีอ่ืน เช่น หารด้วยเลข 1, 3, 5, 7, 9 ……. ซึ่งเรียกว่าวิธี “Pure Sainte-Lague” หรือหารด้วย 1, 4, 3, 5, 7, 9 ท่ีเรียกว่า “Modified Sainte-Lague” วิธีคิดแบบสองระบบหลังนี้จะช่วยให้พรรคการเมือง ขนาดเล็กมีโอกาสได้รับการจัดสรรที่นั่งมากข้ึน กล่าวอีกนัยหนึ่งท�ำให้ระบบมีการ “แบ่งสรร ปันส่วน” กนั มากข้นึ สูตรค่าเฉล่ยี สงู สุด (The Highest Average Methods) D’Hondt Formula : (ส�ำ หรับเขตเลอื กตง้ั ทม่ี ตี วั แทน 12 คน/ 6 พรรคการเมือง) พรรค ฟ้า ขาว แดง เขียว เหลือง ชมพู รวม หารด้วย 25,950 12,000 6,010 3,050 130,010 57,000 26,000 25950 d 12000 i 6010 3050 1 57000 a 12975 h 6000 2 28500 b 26000 c 8650 0 0 12 3 19000 e 13000 g 1 4 14259 f 8667 l 2 5 11400 j 6500 6 9500 k 7 8143 3 ชนะทน่ี ง่ั 6 ท่มี า สิรพิ รรณ นกสวน, 2558, น. 110

38 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา สูตรเหลอื เศษสูงสุดหรอื โควตา (Quota System) เริม่ ด้วยการนบั ผ้มู าใช้สิทธิเลือกตงั้ ท้งั หมด (130,010) แลว้ น�ำมาหารดดว้ ยจ�ำนวนตวั แทนทเี่ ขตเลอื กตงั้ นนั้ พงึ มี (12) ตวั เลขทไ่ี ดค้ อื โควตา (10834) หรือจ�ำนวนคะแนนเสียงที่พรรคหน่ึง ๆ จะต้องได้รับจากการลงคะแนนเพ่ือท่ีจะมี ตัวแทนได้ 1 คน เม่ือน�ำโควตาไปหารคะแนนเสียงทพ่ี รรคการเมืองแตล่ ะพรรคไดร้ บั เลอื กตงั้ ก็จะได้จ�ำนวนผู้แทนของพรรคน้ันในรอบแรก โดยมีเศษจากการหารเหลืออยู่ พรรคท่ีมีเศษ เหลือสูงสุดจะได้รับการจัดสรรที่นั่งน้ันเรียงตามล�ำดับเศษมากท่ีสุดเพื่อให้ได้ตัวแทนครบตาม จ�ำนวนเขตที่เลือกตั้งน้ันจะมีได้ จากตารางข้างล่างพบว่าพรรคสีเหลืองมีเศษสูงสุด รองลงมา คอื 0.4 วธิ คี ดิ แบบนเี้ รยี กวา่ ระบบแฮร์ (Hare Quota) ใชใ้ นประเทศเดนมารก์ โคลมั เบยี และ ไทย เปน็ ตน้ แตถ่ า้ เราอยากใหม้ กี ารแบง่ สรรทนี่ งั่ ใหพ้ รรคการเมอื งขนาดเลก็ มากขนึ้ เราอาจใช้ ระบบดรปู โควตา (Droop Quota) โดยการน�ำเอาคะแนนผไู้ ปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ หารดว้ ยจ�ำนวน ตัวแทนท่ีเขตเลือกตัง้ พงึ มี บวก 1 (12+1 = 13) ซ่งึ ใชใ้ นประเทศแอฟริกาใต้ กรซี เปน็ ตน้ สูตรเหลอื เศษสูงสดุ (Largest Remainders Methods) Hare Quota : คะแนนเสยี งท้งั หมด / จำ�นวนตวั แทนในเขตนนั้ (130010/12 = 10834) พรรค คะแนนท่ีพรรคได้รบั /โควตา จดั สรรทนี่ ั่งรอบแรก ที่นง่ั ท่ีเหลือเศษ ทีน่ ่งั ทงั้ หมด ฟา้ ขาว 57000/10834 = 5.260 5 0 5 แดง 26000/10834 = 2.400 2 3 เขยี ว 25950/10834 = 2.395 2 1 (เศษ 0.4) 2 เหลือง 12000/10834 = 1.110 1 1 ชมพู 6010/10834 = 0.550 0 0 1 ทง้ั หมด 3050/10834 = 0.280 0 0 10 0 12 130010 1 (เศษ 0.55) 0 2 ทม่ี า สริ ิพรรณ นกสวน, 2558, น.111 ข้อพึงสังเกตคือ สูตรการค�ำนวณแต่ละแบบอาจให้ผลลัพธ์ในการเลือกต้ังแตกต่างกัน จากตัวอย่างข้างต้น สูตรการค�ำนวณแบบเหลือเศษสูงสุดระบบแฮร์ท�ำให้พรรคสีเหลืองได ้ 1 ทน่ี งั่ ในขณะทส่ี ตู รคา่ เฉลย่ี สงู สดุ แบบดอ๊ งต์ ตวั แทนจากพรรคสเี หลอื งจะไมไ่ ดร้ บั การเลอื กตงั้

39 4.4) เกณฑ์ขั้นต่�ำ (Threshold) คือ การก�ำหนด “ด่าน” ว่าการท่ีพรรคการเมืองหน่ึงจะมีสิทธิได้ โควตาในการจดั สรรทน่ี ง่ั พรรคการเมอื งนนั้ จะตอ้ งมคี ะแนนเสยี งตำ�่ สดุ อยทู่ เ่ี ทา่ ใด การก�ำหนด เกณฑข์ นั้ ตำ�่ เปน็ เสมอื นการใหโ้ บนสั แกพ่ รรคการเมอื งขนาดใหญ่ โดยการก�ำจดั พรรคการเมอื ง ขนาดเลก็ มากทงิ้ ไปเพราะเปน็ การก�ำหนดกตกิ าวา่ ถา้ พรรคไมส่ ามารถผา่ นดา่ นคะแนนขนั้ ตำ่� นไ้ี ด้ ก็จะไม่สามารถมีผู้แทนได้ การก�ำหนดเกณฑ์ข้ันต�่ำในระดับเขต บางประเทศก�ำหนดไว้ใน ระดบั ชาติ ขนาดของเกณฑข์ น้ั ตำ�่ แตกตา่ งกนั ไปตง้ั แต่ 1%, 5%, 10% หรอื มากกวา่ นนั้ ขอ้ สงั เกต คอื การก�ำหนดเกณฑข์ นั้ ตำ่� เปน็ การประกาศวา่ พรรคการเมอื งขนาดเลก็ ไมเ่ ปน็ ทพี่ งึ ประสงคข์ อง ระบบพรรคการเมอื ง แต่ผลท่ีตามมาคอื อาจท�ำใหเ้ กดิ “คะแนนสูญเปลา่ ” (Wasted votes) จ�ำนวนมาก ในประเทศรสั เซยี ปี ค.ศ. 1995 เกดิ คะแนนสญู เปลา่ ถงึ 51% ส�ำหรบั ประเทศไทย ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2544 เกิดคะแนนสูญเปล่าที่ประชาชนเลือกพรรคการเมืองขนาดเล็ก ท่ีไมผ่ า่ นดา่ น 5% สงู ถึง 14.31% 4.5) การจัดล�ำดับผู้สมัครรับเลือกตั้ง (Preference for Candidates) ระบบเลือกตั้งแบบเสียง ขา้ งมากเปน็ การเลอื กผสู้ มคั รแตล่ ะคน แตร่ ะบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ นเปน็ การเลอื กผสู้ มคั รจาก บญั ชรี ายชอ่ื ของพรรคการเมอื งถา้ หากเรามองวา่ การแขง่ ขนั ทางการเมอื งทกุ วนั นเ้ี ปน็ การแขง่ ขนั ระหวา่ งพรรคการเมอื งแลว้ ระบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ นนจี้ ะเปน็ ภาพสะทอ้ นทด่ี ที สี่ ดุ โดยทวั่ ไป การจดั ส�ำดบั ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั เปน็ เอกสทิ ธขิ์ องพรรคการเมอื งทเี่ รยี กวา่ “บญั ชรี ายชอ่ื แบบปดิ ” (Closed list) แตม่ บี างประเทศทใี่ หโ้ อกาสประชาชนแสดงเจตจ�ำนงในการจดั ล�ำดบั ผสู้ มคั รเอง ได้ท่ีเรียกว่า “บัญชีรายช่ือแบบปิด” (opened list) ซึ่งพบได้ในประเทศฟินแลนด์ เบลเยียม และสวิตเซอร์แลนด์ เปน็ ตน้ ระบบบัญชีรายชื่อของฟินแลนด์แตกต่างไปจากระบบเลือกต้ังแบบสัดส่วนทั่วไป กล่าวคือ ผู้ใช้สิทธ ิ เลอื กต้ังเลือกผู้สมัครหน่งึ คน จากบัญชรี ายชอื่ ทพ่ี รรคการเมืองเสนอมา ในการนบั คะแนนวา่ พรรคหนึง่ จะได้รบั การจัดสรรกี่ที่นั่งขึ้นอยู่กับสัดส่วนคะแนนที่พรรคได้ท้ังหมด (ซ่ึงคือผลรวมคะแนนผู้สมัครในบัญชีพรรค) เมื่อ เปรียบเทียบกับคะแนนพรรคอ่ืนในเขตนั้น ในขณะท่ีผู้สมัครแต่ละคนจะได้รับเลือกต้ังหรือไม่ข้ึนอยู่กับคะแนน ที่แต่ละคนได้รับ ตัวอย่างเช่น ถ้าพรรคการเมืองหนึ่งมีสิทธิได้ 3 ท่ีนั่ง ผู้สมัครบัญชีรายช่ือของพรรคท่ีได้รับ คะแนนสงู สุด 3 คนแรกจะได้รับเลอื กต้งั ไม่วา่ ผู้สมัครทั้ง 3 คนน้จี ะถกู จัดอย่ใู นล�ำดบั ใดของบัญชรี ายช่อื ระบบ บัญชีรายช่ือเช่นนี้จึงเป็นแบบ “กึ่งเปิด” ท่ีให้สิทธิประชาชนเลือกผู้สมัครที่ตนช่ืนชอบโดยตรง ไม่ใช่เลือก ได้แต่พรรคการเมือง ในขณะที่ข้อเสียท่ีเด่นชัดก็คือผู้สมัครของพรรคต้องแข่งขันกันเอง ส่งผลให้เกิดปัญหา ความแตกแยกในพรรค (Intra Party Conflict) ได้ง่าย

40 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ระบบบัญชีรายชื่อของสวิตเซอร์แลนด์มีจุดเด่นอยู่ที่พรรคการเมืองเพียงแต่ส่งรายช่ือผู้สมัครในนาม พรรค ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กตัง้ ซ่ึงมีสทิ ธลิ งคะแนนได้เทา่ จ�ำนวนผแู้ ทนในเขตนัน้ สามารถด�ำเนนิ การดงั นี้ 1. จดั ล�ำดบั ผสู้ มคั รโดยการเขยี นชอ่ื ผสู้ มคั รและล�ำดบั ลงในบตั รเลอื กตง้ั ซง่ึ อาจจะเปน็ ชอ่ื ผสู้ มคั รจาก พรรคการเมอื งอน่ื กไ็ ด้ (Split the Ticket) เมอื่ ผใู้ ชส้ ทิ ธเิ ลอื กทจี่ ะ “แยกบญั ช”ี โดยใสช่ อ่ื ผสู้ มคั ร จากพรรคอนื่ ผู้สมคั รบางคนจากพรรคที่เขาเลอื กจะตอ้ งเสยี ทน่ี งั่ ไป 2. ใส่ชื่อผู้สมัครที่ตนเองชอบสองคร้ัง กระบวนการน้ีเรียกว่า การใส่ช่ือซ�้ำ (Accumulation) ซงึ่ ถา้ ท�ำเช่นนจี้ ะตอ้ งขดี ฆ่าช่อื ผอู้ ื่นภายในบญั ชีเดียวกันออก 3. อาจขดี ฆ่า (Strike out) ช่ือผสู้ มัครบางคนทิง้ ไปก็ได้ ระบบเช่นน้ีมีชื่อว่า “พานาแชนจ์” (Panachange) เม่ือเป็นเช่นนี้ พรรคการเมืองจึงไม่ได้มีอ�ำนาจ เหนอื ผสู้ มคั รในพรรค เปน็ การลดทอนอ�ำนาจของพรรคการเมอื งลงไปโดยปรยิ าย และโอนอ�ำนาจนน้ั ใหป้ ระชาชน ผมู้ ีสิทธเิ ลือกตั้ง 2.1.5 ความสมั พันธ์ระหว่างระบบเลอื กตั้งและระบบการเมอื ง สริ พิ รรณ นกสวน (2558) ไดก้ ลา่ วถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระบบเลอื กตง้ั และระบบการเมอื งสามารถ แบ่งออกได้เป็น 4 ประเด็น คือ อิทธิพลของระบบเลือกตั้งต่อจ�ำนวนพรรคการเมือง ต่อองค์กรพรรคการเมือง ตอ่ พฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ ของประชาชน และตอ่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผแู้ ทนและประชาชน ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 1) อทิ ธพิ ลของระบบเลอื กตงั้ ตอ่ จ�ำนวนพรรคการเมอื งในระบบ : ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระบบเลอื กตง้ั และจ�ำนวนพรรคการเมืองนับว่าเป็นประเด็นท่ีอยู่ในความสนใจของการศึกษาการเมืองเปรียบเทียบมากที่สุด ประเดน็ หนง่ึ มอรสิ ดเู วอรแ์ ยร์ นกั รฐั ศาสตรช์ าวฝรง่ั เศสไดเ้ สนอวา่ ขอ้ แตกตา่ งประการส�ำคญั ระหวา่ งระบบเลอื กตง้ั แบบเสียงข้างมาก และระบบเลือกต้ังแบบสัดส่วน คือระบบเลือกต้ังเสียงข้างมากท่ีเขตเลือกต้ังมีตัวแทนได ้ คนเดียวมีแนวโน้มท่ีจะก่อให้เกิดระบบพรรคการเมืองหลายพรรค กฎของดูเวอร์แยร์ (Duverger’s Law) น ี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นท่ีว่าดูเวอร์แยร์สับสนระหว่าง “สาเหตุ” และ “การเกิดขึ้น ร่วมกัน” กล่าวคือ นักรัฐศาสตร์ท่ีไม่เห็นด้วยกับกฎน้ีมองว่าระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากธรรมดาในเขต เลือกต้ังท่ีมีตัวแทนคนเดียวไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงต่อการเกิดระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค เพียงแต ่ ท้ังสองปัจจยั เป็นปรากฏการณท์ ่เี กดิ ข้ึนร่วมกันบ่อยคร้งั

41 อาจกล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งไม่ใช่ปัจจัยเดียวท่ีก่อให้เกิดระบบพรรคการเมือง แบบ 2 พรรค หรือหลายพรรค แต่ระบบเลือกตั้งสามารถก่อให้เกิดการปรับตัวในระบบพรรคการเมืองและ การจัดการกลุ่มในสังคมการเมืองที่แตกต่างไปจากเดิมได้ โดยทั่วไประบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากธรรมดา ในเขตเลอื กตง้ั ท่ีมตี วั แทนไดค้ นเดียว (Plurality-Single Member Districts) จะไม่เอือ้ ใหพ้ รรคการเมอื งเลก็ ๆ ก่อตัง้ ขึน้ มาใหม่ เพราะพรรคท่ีจะชนะเลอื กตง้ั จะตอ้ งได้คะแนนเสียงคอ่ นขา้ งมาก ท�ำใหพ้ รรคขนาดเลก็ แข่งขัน ได้ยาก ในกรณีเช่นน้ีอาจกลายเป็นแรงจูงใจให้พรรคการเมืองขนาดเล็กรวมตัวกันเพื่อขยายฐานเสียงในการ แขง่ ขนั ในขณะทรี่ ะบบเลอื กตง้ั ทเี่ ขตเลอื กตงั้ หนงึ่ มตี วั แทนไดห้ ลายคน พรรคเลก็ ๆ จะสามารถชนะการเลอื กตง้ั บางสว่ นไดด้ ว้ ยคะแนนเสยี งไมต่ อ้ งมาก จงึ สามารถด�ำรงอยไู่ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งกระตอื รอื รน้ ขยบั ขยาย กลา่ วอยา่ งชดั เจน กค็ อื ระบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ น หรอื แบบทใี่ ชเ้ ขตเลอื กตง้ั ขนาดใหญโ่ ดยไมไ่ ดก้ �ำหนดเกณฑข์ น้ั ตำ�่ จะท�ำใหร้ ะบบ การเมอื งมี “จ�ำนวนพรรคการเมอื งท่มี ีนยั ส�ำคญั ” (Effective Number of Parties) มากขนึ้ 2) กตกิ าการเลอื กตง้ั สง่ ผลตอ่ องคก์ รพรรค และการจดั ท�ำยทุ ธศาสตร์ (Strategies) ของพรรคการเมอื ง อทิ ธพิ ลของระบบเลอื กตงั้ ประการนที้ ม่ี าจากฐานคตทิ ว่ี า่ ในระบบเลอื กตง้ั แบบสดั สว่ นทเ่ี ขตเลอื กตงั้ มขี นาดใหญ่ พรรคมีแนวโน้มที่จะต้องแสดงจุดยืนเชิงอุดมการณ์ หรือนโยบายที่ชัดเจนกว่าในระบบเลือกตั้งที่เขตเลือกต้ัง มีขนาดเล็ก เช่นนี้จะกระตุ้นให้พรรคต้องสร้างองค์กรท่ีมีความเข้มแข็ง แต่หากผู้ใช้สิทธิเลือกต้ังสามารถเลือก ผู้สมัครท่ีแข่งขันกันเองภายในพรรคเดียวกันได้ อาจส่งผลให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอได้ เพราะผู้สมัครจาก พรรคเดียวกันต้องแข่งขันกันเอง ในระบบเขตเลือกต้ังมีขนาดเล็กแบบหนึ่งเขตหนึ่งคน ความจ�ำเป็นที่พรรค จะสร้างองค์กรให้มีความเข้มแข็งมีน้อยกว่าในระบบบัญชีรายช่ือ เพราะเขตเลือกต้ังขนาดเล็กเป็นระบบที่เน้น คุณสมบัติเฉพาะตนของผ้สู มัคร (Candidate Centered) นักรัฐศาสตร์โดยมากให้ความเห็นสนับสนุนระบบเลือกตั้งที่เอ้ือให้พรรคการเมืองพัฒนาอุดมการณ์ ความคิด และนโยบายที่ตอบสนองรองรับผลประโยชน์ของประชาชนอย่างกว้างขวาง มากกว่าระบบเลือกตั้งที่ สง่ เสรมิ ใหพ้ รรคเนน้ แสวงหาฐานเสยี งทอ้ งถน่ิ หรอื กลมุ่ แคบ ๆ เชน่ กลมุ่ ศาสนา เชอ้ื ชาติ วฒั นธรรม นอกจากนี้ พรรคการเมืองควรสามารถเป็นตัวแทนทส่ี ะท้อนความคิดเห็นที่เป็นภาพรวมของชาติมากกวา่ ของภูมิภาค หรอื กลุ่มใดกลมุ่ หนึ่ง 3) อิทธิพลของระบบเลือกตั้งต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของประชาชนเหตุผลหรือพฤติกรรมใน การตดั สนิ ใจเลอื กตง้ั ทนี่ า่ สนใจคอื การตดั สนิ ใจเลอื กระหวา่ งผสู้ มคั ร/พรรคการเมอื งทตี่ นเองชนื่ ชอบกบั ผสู้ มคั ร/ พรรคการเมอื งทมี่ โี อกาสชนะเลอื กตง้ั ตวั อยา่ งเชน่ ในระบบเลอื กตงั้ แบบเสยี งขา้ งมากธรรมดาเขตเดยี วคนเดยี ว ผู้เลือกตงั้ ชืน่ ชอบนาง ก. มากกว่านาย ข. และนาย ข. มากกวา่ นาย ค. เมื่อเห็นว่านาง ก. มีคะแนนนิยมตำ่� และ โอกาสชนะ (Viability) การเลือกต้ังน้อย จะเปลี่ยนใจไปลงคะแนนให้นาย ข. ซึ่งมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่า หรือไม่ หากเลือกนาง ก. แสดงว่าเลือกจากความชอบจริง ๆ แต่หากเลือกนาย ข.จะเป็นการเลือกด้วยกลยุทธ์ (strategic/tactical voting) ที่ไม่ตอ้ งการให้คะแนนเสียงของตนสูญเปล่า (wasted vote) การตัดสนิ ใจทางใด

42 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ทางหนงึ่ ในกรณเี ชน่ นม้ี กั ขนึ้ อยกู่ บั ระดบั ความเขม้ ขน้ ของการแขง่ ขนั เปน็ ส�ำคญั เชน่ ถา้ หากนาย ข. และนาย ค. มีคะแนนนิยมสูสี ผู้เลือกมีแนวโน้มท่ีจะเลือกด้วยกลยุทธ์มากกว่า เพ่ือป้องกันไม่ให้ผู้สมัครที่ตนไม่ชอบชนะ ถึงแม้จะไม่ได้ลงคะแนนให้ผู้สมัครท่ีตนชอบมากท่ีสุดก็ตาม กรณีตัวอย่างเช่นน้ีจะเกิดขึ้นมากในสังคมไทย หากระบบเลือกต้ังก�ำหนดเกณฑ์ข้ันต่�ำไว้สูงมาก จนพรรคการเมืองขนาดเล็กไม่มีโอกาสชนะได้เลย ผู้เลือกต้ัง จะหนั ไปเทคะแนนใหพ้ รรคการเมอื งขนาดใหญแ่ ละขนาดกลางมากขน้ึ เพอ่ื ใหค้ ะแนนเสยี งของตนมคี วามหมาย ต่อการเลอื กต้งั 4) ระบบเลือกต้ังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้แทน” และประชาชน กล่าวคือ ระบบเลือกต้ัง แบบเขตเดยี วคนเดยี ว และในเขตเลอื กตง้ั ขนาดเลก็ จะท�ำใหไ้ ดต้ วั แทนทมี่ คี วามใกลช้ ดิ กบั ประชาชนในเขตพน้ื ที่ ผู้แทนสามารถดูแลและรักษาผลประโยชน์ของเขตเลือกต้ังตนได้อย่างท่ัวถึง เมื่อเกิดปัญหาในพื้นที่ประชาชน สามารถหาผู้รับผิดชอบช่วยเหลือได้อย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม ระบบเลือกต้ังแบบสัดส่วนที่มีเขตเลือกตั้ง ขนาดใหญ่ จะท�ำให้ผู้แทนห่างเหินกับประชาชนยิ่งหากทั้งประเทศเป็นเขตเลือกต้ังไปด้วยแล้ว ผู้แทนมักจะ รบั ผดิ ชอบตอ่ พรรคการเมอื งและสนใจประเดน็ ปญั หาระดบั ชาตมิ ากกวา่ โดยเฉพาะหากผแู้ ทนในระบบบญั ชรี ายชอ่ื จ�ำนวนมากมาจากนายทุนพรรคการเมือง จะยิ่งส่งผลต่อปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างผู้แทนและประชาชนใน ภมู ภิ าค ปญั หาเชน่ นพ้ี บไดม้ ากในสงั คมเกษตรกรรมเชน่ ประเทศไทย ทม่ี คี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผแู้ ทนและประชาชน มีลักษณะอุปถัมภ์พึ่งพาสูง ประชาชนมีความคาดหวังต่อการท�ำหน้าท่ีของผู้แทนในเรื่องปัญหาชีวิตประจ�ำวัน เฉพาะหนา้ ของทอ้ งถนิ่ มากกวา่ ใหผ้ แู้ ทนตอ้ งมคี วามรแู้ ละวสิ ยั ทศั นใ์ นการวางแผนพฒั นาประเทศชาตใิ นระยะยาว จะเหน็ ไดว้ า่ ระบบเลอื กตงั้ แตล่ ะแบบมที งั้ จดุ แขง็ และจดุ ออ่ น ระบบเลอื กตง้ั แบบผสมซงึ่ ประนปี ระนอม ข้อดีข้อเสียจากการเลือกตั้งระบบเขตและระบบสัดส่วนจึงได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ประเด็นท่ี นักออกแบบสถาบันจะต้องตระหนักอยู่เสมอคือ ไม่มีระบบเลือกต้ังท่ีดีที่สุดส�ำหรับทุกสังคม ระบบเลือกตั้งท่ีด ี เป็นระบบเลือกต้ังท่ีเหมาะสมกับลักษณะของสังคม และพฤติกรรมทางการเมืองของนักการเมืองและของ ประชาชนในประเทศน้ัน ๆ โดยท่ัวไป ระบบเลือกต้ังส่วนใหญ่จะเอ้ือประโยชน์ให้พรรคใหญ่มากกว่าพรรคเล็ก อกี นัยหนงึ่ คอื ในทุกระบบเลอื กตั้งพรรคใหญ่จะได้เปรยี บ และในทางปฏิบตั พิ รรคการเมอื งสามารถหาชอ่ งทาง หลีกเลี่ยงความเข้มงวดและมาตรการของระบบเลือกต้ังได้เสมอ ตราบใดท่ีนักการเมืองเป็นผู้มีบทบาทใน การก�ำหนดควบคุมกระบวนการในการปฏิรูประบบเลือกตั้ง พวกเขาก็จะมีแรงจูงใจที่จะสร้างมาตรการป้องกัน ความปลอดภยั (safety values) เพื่อรกั ษาความอยู่รอดของตนเอง

43 2.1.6 การเลือกตง้ั ของประเทศไทย ประเทศไทยมกี ารเลือกตงั้ คร้งั แรกใน พ.ศ. 2476 หลงั จากการมรี ัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 โดยมีระบบการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเสียงข้างมากธรรมดา (Plurality System) ท้ังในรูปแบบหนึ่งเขตหลายคน / จังหวัด หรือ หน่ึงคนหนึ่งเขต รวมท้ังการเลือกตั้งแบบใหม่ตามรัฐธรรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ท่ีไดเ้ ร่ิมก�ำหนดให้มกี ารเลือกตง้ั รูปแบบผสม คอื การเลอื กตั้งสมาชิกผแู้ ทน ระบบสัดส่วน (Proportional Representation) หรือที่เรียกว่าระบบเลือกต้ังแบบคู่ขนาน (Parallel Voting) ตามตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 ระบบเลือกตั้งของไทย พ.ศ. 2476-พ.ศ. 2560 รฐั ธรรมนูญ ปที ี่มกี าร ระบบเลือกตงั้ แบบเสยี ง จ�ำนวน มี หรือ ไมม่ วี ฒุ สิ ภา เลอื กตง้ั ข้างมากธรรมดาและ สมาชกิ สภา และวิธกี ารได้มา ขนาดของเขตเลอื กตง้ั ผู้แทนราษฎร 2475 2476 หน่งึ เขตหลายคน/จังหวัด 78 คน สภาเดย่ี ว 2475 2480 หน่ึงคนหนง่ึ เขต 91 คน สภาเดยี่ ว 2475 2481 หนง่ึ คนหนง่ึ เขต 91 คน สภาเด่ียว 2489 2489 หนึ่งคนหนง่ึ เขต 96 คน วุฒิสภา เลอื กตงั้ ทางออ้ ม 80 คน 2490 2491 หน่งึ เขตหลายคน/จงั หวัด 99 คน วุฒิสภาแตง่ ต้ัง 90 คน 2492 2495 หน่ึงเขตหลายคน/จังหวัด 123 คน วุฒสิ ภาแต่งตัง้ 100 คน 2495 ก.พ. 2500 หนง่ึ เขตหลายคน/จงั หวัด 160 คน สภาเดี่ยว 2495 ธ.ค. 2500 หนงึ่ เขตหลายคน/จังหวดั 160 คน สภาเด่ียว 2502 - - - สภาร่างรัฐธรรมนูญ 2511 2512 หนึ่งเขตหลายคน/จังหวัด 219 คน วุฒสิ ภาแต่งตง้ั ¾ ของจ�ำนวน ส.ส 2515 - - - สภานติ บิ ัญญตั แิ ห่งชาติ 2517 2518 เขตละ 1-3 คน 269 คน วุฒสิ ภาแตง่ ต้ัง 100 คน 2519 เขตละ 1-3 คน 279 คน วุฒิสภาแตง่ ต้ัง 100 คน 2519 - - - สภาปฏริ ูปการปกครองแผน่ ดิน 2520 - - - สภานิติบญั ญัติแหง่ ชาติ

44 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา รัฐธรรมนูญ ปีทม่ี ีการ ระบบเลือกตั้งแบบเสยี ง จำ� นวน มี หรอื ไม่มวี ุฒิสภา เลือกตัง้ ข้างมากธรรมดาและ สมาชิกสภา และวิธกี ารได้มา ขนาดของเขตเลือกต้งั ผแู้ ทนราษฎร 2521 2522 เขตละ 1-3 คน 301 คน วฒุ สิ ภาแตง่ ตัง้ ¾ ของจ�ำนวน ส.ส 2521 2526 เขตละ 1-3 คน 324 คน วฒุ สิ ภาแตง่ ตั้ง ของจ�ำนวน ส.ส 2521 2529 เขตละ 1-3 คน 347 คน วฒุ ิสภาแต่งตงั้ ¾ ของจ�ำนวน ส.ส 2521 2531 เขตละ 1-3 คน 357 คน วุฒิสภาแตง่ ตั้ง ¾ ของจ�ำนวน ส.ส 2534 2534 - - สภานติ ิบญั ญตั แิ หง่ ชาติ 2534 ม.ี ค. 2535 เขตละ 1-3 คน 360 คน วฒุ สิ ภาแต่งตัง้ 270 คน 2534 ก.ย. 2535 เขตละ 1-3 คน 360 คน วฒุ สิ ภาแตง่ ต้ัง 270 คน 2534 2538 เขตละ 1-3 คน 391 คน วฒุ สิ ภาแต่งตั้ง 270 คน 2534 2539 เขตละ 1-3 คน 393 คน วฒุ ิสภาแต่งตั้ง 270 คน 2540 2544 หนึ่งเขตหนึ่งคน+สัดสว่ น 500 คน วฒุ ิสภาเลอื กตงั้ โดยตรง 200 คน (400+100) (พ.ศ. 2543) 2540 2548 หนึง่ เขตหน่ึงคน+สดั ส่วน 500 คน วุฒสิ ภาเลอื กต้ังโดยตรง 200 คน (400+100) 2549 - - - สภานิตบิ ัญญัติแหง่ ชาติ 2550 2550 เขตละ 1-3 คน+สดั ส่วน 480 คน (400+80) 2540 2554 หนงึ่ เขตหนึ่งคน+สดั สว่ น 500 คน วฒุ ิสภา 150 มาจากเลือกตั้ง (375+125) โดยตรงจงั หวดั ละ 1 คน และ สรรหา 74 คน 2557 - - - สภานติ ิบัญญัติแหง่ ชาติ 2560 - - 500 คน วุฒิสภาเลือกกนั เอง 200 คน (350+150) (5 ปแี รก แต่งตงั้ 250 คน) ทมี่ า สิริพรรณ นกสวน สวสั ดี, 2560

45 โดยทั้งน้ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พ.ศ. 2540 หรือที่เรียกกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับ ประชาชน” (ปรุ วชิ ญ์ วฒั นสขุ , 2554, น. 41) เปน็ จดุ เปลย่ี นส�ำคญั ของระบบการเลอื กตง้ั ไทย โดยจดุ เรม่ิ ตน้ ของ การรา่ งรฐั ธรรมนญู เหน็ วา่ การเลอื กตง้ั ทผี่ า่ นมาไมไ่ ดร้ บั ความเชอื่ ถอื จากประชาชนโดยทวั่ ไป กลา่ วคอื เปน็ ระบบ การเมืองท่ีคัดเลือกคนเข้าสู่สภาโดยใช้เงินเป็นใหญ่ในการเลือกตั้งและในพรรคการเมือง ภายหลังการเลือกต้ัง หลายต่อหลายคร้ังจึงท�ำให้เกิดรัฐบาลรูปแบบผสม ไร้เสถียรภาพ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแสดงภาวะผู้น�ำได้ เพราะต้องตกอยู่ภายใต้พรรคการเมืองของตนและพรรคร่วมรัฐบาล ดังน้ัน รัฐธรรมนูญฉบับน้ีจึงได้มีการเสนอ ใหเ้ กดิ การคานอ�ำนาจพรรคการเมอื ง โดยเฉพาะอ�ำนาจในการตรวจสอบและถอดถอน พรอ้ มกบั เสนอใหส้ มาชกิ มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากระบบเขตเดียว จ�ำนวน 400 คน และสมาชิกมาจากการเลือกต้ังระบบสัดส่วน ตามบญั ชรี ายชื่อของพรรคการเมือง โดยใช้เขตประเทศเปน็ เขตเลอื กตง้ั จ�ำนวน 100 คน แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ระบบการเลอื กตงั้ ตามรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2540 กเ็ กดิ ปญั หาส�ำคญั คอื เปน็ ระบบ เลือกตั้งที่เอื้อให้พรรคการเมืองใหญ่ได้จ�ำนวน ส.ส.มากกว่าที่ควรจะเป็น ในขณะพรรคการเมืองขนาดเล็กได้ จ�ำนวน ส.ส. นอ้ ยกวา่ ทค่ี วรจะได้ ท�ำใหเ้ กดิ ความไมส่ มดลุ ระหวา่ งคะแนนเสยี งกบั ทน่ี งั่ ในสภา มาจากหลกั เกณฑ์ ทรี่ ฐั ธรรมนูญก�ำหนดใหพ้ รรคการเมืองทีไ่ ด้คะแนนในระบบบัญชรี ายชื่อไม่ถึงร้อยละ 5 จะไมไ่ ด้ ส.ส.แบบบญั ชี รายชอื่ เลย รวมทง้ั ระบบเสยี งขา้ งมากธรรมดาเปน็ ระบบการเลอื กตง้ั ทพ่ี รรคขนาดเลก็ และขนาดกลางเสยี เปรยี บ โดยการท่ีผู้ชนะไม่จ�ำเป็นต้องได้รับเสียงข้างมากในเขตเลือกตั้งอย่างแท้จริง จึงท�ำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ สามารถจดั ตง้ั รฐั บาลพรรคเดยี วได้ เกดิ ฝา่ ยบรหิ ารทเ่ี ขม้ แขง็ และท�ำใหฝ้ า่ ยคา้ นออ่ นแอขาดการตรวจสอบถว่ งดลุ การท�ำงาน ซ่ึงน�ำไปสูว่ กิ ฤตการณท์ างการเมืองในเวลาต่อมา หลงั จากการเกดิ เหตกุ ารณท์ างการเมอื งในชว่ ง พ.ศ. 2549 น�ำมาสเู่ หตกุ ารณร์ ฐั ประหาร และการรา่ ง รฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2550 ข้ึนมา โดยรฐั ธรรมนูญฉบับน้มี เี จตนารมณท์ ส่ี �ำคญั ประการหน่ึงคือ การลดการผกู ขาด อ�ำนาจรัฐและขจัดการใช้อ�ำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ซ่ึงการปรับปรุงการเลือกตั้งก็เป็นมาตราการที่จะท�ำให้เกิด การบรรลเุ จตนารมณใ์ นขอ้ นี้ ภายใตห้ ลกั การที่ส�ำคัญวา่ “ให้คนดีมคี วามสามารถเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร และเปน็ อสิ ระจากการครอบง�ำของพรรคการเมอื ง เพอ่ื ท�ำหนา้ ทผ่ี แู้ ทนประชาชนอยา่ งเตม็ ท”ี่ โดยการเสนอใหล้ ด จ�ำนวน ส.ส. ลงเหลอื 400 คน และใหส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทม่ี าจากเขตการเลอื กตง้ั เปน็ ผแู้ ทนราษฎรในเขต เลอื กตง้ั ทใ่ี หญข่ น้ึ เพอื่ ใหค้ นดมี คี วามสามารถแขง่ ขนั กบั คนทใ่ี ชเ้ งนิ ได้ จ�ำนวน 320 คน โดยใหแ้ ตล่ ะเขตเลอื กตง้ั สามารถมีสมาชิกผู้แทนราษฎรได้เขตละ 3 คน นอกจากน้ียังจะท�ำให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิเลือกบุคคลท่ี เหมาะสมได้หลายคนซึ่งแตกต่างจากเดิมที่เลือกได้เพียงคนเดียว นอกจากน้ี รูปแบบน้ีจะท�ำให้คะแนนเสียง ทกุ เสยี งของประชาชนมคี วามหมาย เพราะสามารถเฉล่ยี คะแนนไปตามผสู้ มคั รท้ัง 3 คนในแต่ละเขตเลือกต้งั ได ้ นอกจากน้ี ได้ปรับปรุงระบบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อมาเป็นระบบการเลือกสัดส่วนโดยมี จ�ำนวน 80 คน มาจากเปน็ การแบง่ กลมุ่ จงั หวดั ออกเปน็ 8 กลมุ่ จงั หวดั ไมใ่ หม้ กี ารกระจกุ ตวั สภาผแู้ ทนราษฎรแต ่ ส่วนกลาง โดยกระจายตามกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ ซ่ึงจะท�ำให้บุคคลที่ประชาชนในกลุ่มจังหวัดน้ันรู้จักและให้ การยอมรับ ท้ังน้ี การจัดกลุ่มจังหวัดให้เป็นจังหวัดท่ีมีพ้ืนที่ติดต่อกันและในกลุ่มจังหวัดต้องมีจ�ำนวนราษฎร ใกล้เคียงกันเพื่อให้แต่ละกลุ่มจังหวัดมีสัดส่วนจ�ำนวนราษฎรต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน ใกลเ้ คยี งกนั รวมถงึ การยกเลกิ สดั สว่ นรอ้ ยละ 5 เพอ่ื ใหพ้ รรคเลก็ ทมี่ ที น่ี ง่ั ในสภาเกดิ ความหลากหลายในความคดิ ทางการเมอื ง (ปรุ วิชญ์ วัฒนสุข, 2554)

46 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ต่อมาได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แก้ไขเพ่ิมเติมใน พ.ศ. 2554 ได้มีการแก้ไขให้สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจ�ำนวน 500 คน มาจากการเลือกต้ังแบบเขตเดียวเบอร์เดียว 375 คน และเพ่ิมบัญชีรายช่ือ เปน็ 125 คน โดยแกไ้ ขใหเ้ ขตเลอื กตงั้ แบบเขตเดยี ว ผสู้ มคั รทไี่ ดร้ บั คะแนนสงู สดุ ในเขตนน้ั เปน็ ผไู้ ดร้ บั การเลอื กตง้ั ส่วนบัญชีรายช่ือใช้ประเทศเป็นเขตเลือกต้ัง ผู้มีสิทธ์ิเลือกต้ังจะได้รับบัตรเลือกตั้งสองใบ ใบแรกเลือกผู้สมัคร ในเขตเลือกตง้ั ซ่งึ เลอื กได้เพยี งหน่งึ ส่วนอกี ใบเลือกบัญชรี ายชือ่ พรรค (ปรุ วชิ ญ์ วัฒนสขุ , 2554) จากข้อมูลข้างต้น สามารถสรุประบบการเลือกต้ังของไทย ในการเลือกต้ังสมาชิสภาผู้แทนราษฎร ตง้ั แตก่ ารมรี ะบบการเลอื กตงั้ ระบบผสมแบบคขู่ นานตามรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2540 จนถงึ ปจั จบุ นั ไดต้ ามตารางที่ 3 ตารางท่ี 3 แสดงการได้มาซ่ึง ส.ส. แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ เรียงตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักไรทย พ.ศ. 2540 – 2560 รัฐธรรมนูญ ปที ่มี กี ารเลอื กตง้ั จ�ำนวน ส.ส. จ�ำนวน ส.ส. รวมจ�ำนวนสมาชิก 2540 2544 จากแบบแบ่งเขต แบบบญั ชีรายช่ือ สภาผแู้ ทนราษฎร 2548 2550 2550 400 100 500 แก้ไขเพิ่มเติม 2554 (หนึ่งเขตหนง่ึ คน) 100 500 2554 400 (หนง่ึ เขตหนง่ึ คน) 80 480 400 125 500 (เขตละ 1 – 3 คน) 375 (หนึ่งเขตหนึ่งคน) 2560 2562 350 150 500 (หน่ึงเขตหนง่ึ คน) ทีม่ า เรยี บเรยี งจาก สริ ิพรรณ นกสวน สวสั ดี, 2560 จะเห็นได้ว่าการเลอื กตง้ั ของประเทศไทยต้ังแต่ภายใต้รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2560 มีการเลือกตั้งรูปแบบผสมโดยการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนระบบสัดส่วน ท้ังระบบเลือกตั้งแบบ คขู่ นาน และแบบผสม เปน็ ผลจากบรบิ ททางการเมืองและสง่ ผลกระทบตอ่ การเมอื งทแ่ี ตกต่างด้วยเชน่ กนั

47 ทงั้ นี้ ไดม้ กี ารรวบรวมความคดิ ของนกั วชิ าการและบคุ คลส�ำคญั ทไี่ ดแ้ สดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ระบบ การเลอื กตง้ั ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั ไรทย พ.ศ. 2560 ไว้ดังน้ี (ชงคชาญ สวุ รรณมณี, 2561, น.3-5) มีชัย ฤชุพันธุ์ (2558) ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงข้อดีของระบบเลือกตั้ง สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร “แบบจัดสรรปันส่วนผสม” โดยสรุปว่า นอกจากจะไม่ท�ำให้คะแนนของประชาชนสูญไป โดยเปลา่ ประโยชน์ ระบบเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรระบบนย้ี งั เหมาะสมกบั บรบิ ทของสงั คมไทย และจะ ท�ำให้ทุกพรรคคัดเลือกคนที่ดีท่ีสุดมาเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยได้อธิบายประโยชน์ ของระบบ เลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมไว้ ดังนี้ 1. เคารพเสียงของประชาชนทุกคะแนนจะไม่สูญเปล่า 2. ไม่ค�ำนึง ถึงประโยชน์ของพรรคการเมืองใด แต่มุ่งให้คะแนนของประชาชนมีน้�ำหนักในการออกเสียงเลือกตั้งมากท่ีสุด 3. เป็นการสร้างความปรองดอง คือ ให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคตามความเหมาะสม 4. สร้างระบบเลือกต้ัง ที่เหมาะสมกับบริบทสังคมไทย เลือกปรับใช้ในส่วนที่เป็นประโยชน์ 5. แก้ไขปัญหาการจัดสรรงบประมาณ ทอ่ี งิ เฉพาะพนื้ ทฐี่ านเสยี งของพรรคตน 6. พรรคจะคดั เลอื กคนดลี งสมคั รรบั เลอื กตงั้ เพอ่ื หวงั คะแนนไปค�ำนวณ เปน็ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร บญั ชีรายชือ่ 7. ค�ำนึงถึงคะแนนเสยี งของประชาชน ทถี่ กู ทิ้งไปอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม โคทม อารียา (2558) ผู้อ�ำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ข้อเสนอระบบเลือกต้ังดังกล่าวหากนับกรณีในประเทศไทยอาจท�ำให้พรรคเพ่ือไทยและพรรคประชาธิปัตย ์ เกดิ ความเสยี เปรยี บ แตด่ แู ลว้ เพอื่ ไทยจะเสยี เปรยี บมากกวา่ เพราะทผี่ า่ นมาทง้ั การเลอื กตงั้ ปี 2550 หรอื 2554 จะพบวา่ เพื่อไทยมสี ถิตชิ นะการเลือกตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในระบบแบ่งเขตเลือกตัง้ มากกว่า สว่ นระบบ บัญชีรายชื่อจะเห็นผลต่างไม่ค่อยมากเทา่ ไหร่ ยุทธพร อิสรชัย (2558) รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า ส�ำหรับระบบ การเลือกต้ังแบบจัดสรรปันส่วนผสม ท่ีให้เอาคะแนนผู้แพ้แบบแบ่งเขตเลือกต้ังมาค�ำนวณเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายช่ือน้ัน โดยปกติคงต้องดูวัตถุประสงค์ของการมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง นอกจากมีหน้าที่ท�ำงานด้านนิติบัญญัติ ตรวจสอบ ฝา่ ยบรหิ ารแลว้ ทส่ี �ำคญั คอื การเปน็ ตวั แทนประชาชนในการแกป้ ญั หาความเดอื ดรอ้ น ทงั้ นเี้ พราะวา่ การกระจาย อ�ำนาจในประเทศไทยยงั ไมส่ มบรู ณ์ สว่ นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอ่ื นน้ั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ตอ้ งการ ใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญดา้ นเทคนคิ ตา่ ง ๆ และเปน็ พน้ื ทสี่ �ำหรบั คนทไ่ี มเ่ ชยี่ วชาญในการหาเสยี ง จะเหน็ ไดว้ า่ วตั ถปุ ระสงค์ ของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั และแบบบญั ชรี ายชอื่ นน้ั แตกตา่ งกนั ขอ้ ดขี องระบบดงั กลา่ ว อาจท�ำใหเ้ สยี งขา้ งนอ้ ยไมถ่ กู ทง้ิ แตเ่ ปน็ การท�ำลาย หลกั เสยี งขา้ งมาก และบดิ เบอื นผลการเลอื กตงั้ ได้ ซง่ึ การให้ ความส�ำคัญกับเสียงข้างน้อยยังมีกลไกที่หลากหลาย เช่น การใช้กลไกรัฐสภา การเพิ่มอ�ำนาจให้ฝ่ายค้าน เพิม่ อ�ำนาจกรรมาธกิ ารในการตรวจสอบ ซ่ึงทั้งหมดเป็นกลไกท่ที �ำได้ สิริพรรณ นกสวน สวัสดี (2558) อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โจทย์ ของคณะกรรมการรา่ งรฐั ธรรมนญู ตอ่ การก�ำหนดรปู แบบการเลอื กตง้ั เรม่ิ จากความตอ้ งการจะท�ำให้ ทกุ คะแนน ไม่สูญเปล่า เราอาจมองแบบนั้นก็ได้ เพราะคะแนนของผู้ไม่ได้รับเลือกตั้งจากแต่ละเขตเลือกตั้ง จะกระจาย

48 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา ไปใช้คิดจ�ำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือ แต่เหตุผลดังกล่าวจะน�ำมาเป็นสาระส�ำคัญไม่ได ้ เพราะหลักของการเลือกตั้งอยู่ท่ีคะแนนการเลือกตั้งจะต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง และส�ำหรับโจทย์ที่ระบุว่า เพื่อเป็นการช่วยพรรคเล็ก พบว่าไม่จริง เพราะการจะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครครบทุกเขตเลือกตั้ง เพื่อจะได้มีคะแนนที่แพ้น�ำมาคิดปันส่วน แต่จากข้อเท็จจริง มีเพียง 2 พรรคใหญ่ อย่างประชาธิปัตย์และเพ่ือไทยเท่านั้นที่ส่งครบทุกเขตได้ ส่วนพรรค ขนาดกลางอย่างชาติไทยพัฒนาหรือภูมิใจไทยก็ยังส่งไม่ครบ ส่วนพรรคเล็กแน่นอนว่าไม่มีศักยภาพพอท่ีจะส่ง ครบทกุ เขตได้ ดังนั้น พรรคเลก็ แทบจะไม่มีคะแนนบัญชีรายชอ่ื คณิน บุญสุวรรณ (2558) อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 โดยกล่าวสรุปข้อเสีย ของการเลือกต้ังแบบกาบัตรใบเดียวไว้ 10 ประการ ดังนี้ 1. ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เพราะในขณะที่สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรมี 2 ประเภท แต่กลับให้ประชาชนมีสิทธิเลือกได้เพียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต เลือกต้ังเท่าน้ัน ซึ่งเท่ากับเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ในการไปใช้สิทธิเลือกต้ังของประชาชน พูดง่าย ๆ คือ มัดมือชกน่ันเอง 2. เป็นการรอนสิทธิหรือบังคับจิตใจของประชาชนมิให้ “เลือกคนท่ีรัก เลือกพรรคที่ชอบ” จงึ ท�ำใหป้ ระชาชนมสี ภาพเหมอื นถกู “ขโมย” สทิ ธทิ จ่ี ะลงคะแนนเลอื กสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอื่ 3. ท�ำใหพ้ รรคทไี่ ดร้ บั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตงั้ มจี �ำนวนมากเทา่ ไร โอกาสทจ่ี ะไดท้ น่ี งั่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอ่ื กล็ ดนอ้ ยลงเทา่ นนั้ ซงึ่ สวนทางกบั ความเปน็ จรงิ 4. ท�ำใหเ้ ปน็ การยากท่ี พรรคใดพรรคหนง่ึ จะครองเสยี งขา้ งมากอยา่ งเดด็ ขาดในสภาทจี่ ะเปน็ แกนน�ำในการจดั ตง้ั รฐั บาลทม่ี เี สถยี รภาพได้ 5. ท�ำให้พรรคการเมืองท่ีมีท่ีนั่งมากที่สุดในสภาอาจถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้าน โดยพรรคอันดับสองและพรรค ที่เหลือทั้งหมดจับมือกัน ซึ่งขัดแย้งกับหลักการปกครองโดยเสียงข้างมาก “Majority rule” 6. เปิดช่องให้ม ี นายกรัฐมนตรีคนนอกและรัฐบาลผสมที่พรรคอันดับหน่ึงไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์และ ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ตลอดจนความไม่เช่ือม่ันในเสถียรภาพของรัฐบาล 7. ท�ำให้เกิดรัฐบาล ผสมที่อ่อนแอและตกอยู่ในวังวนของการแยง่ ชิง กดดนั ตอ่ รองต�ำแหน่ง และผลประโยชนจ์ นผนู้ �ำรัฐบาลทนตอ่ แรงเสยี ดทานไมไ่ หว ทงั้ นี้ ไมว่ า่ จะเปน็ นายกรฐั มนตรคี นนอก หรอื นายกรฐั มนตรที เี่ ปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ยง่ิ ถา้ เปน็ นายกรฐั มนตรคี นนอกยง่ิ จะโดนกดดนั อยา่ งหนกั จากพรรครว่ มรฐั บาล 8. ท�ำใหพ้ รรคการเมอื งออ่ นแอ และแตกแยกจากปัจจัยที่นอกจากจะต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ถึง 3 คน และแย่งกันอยู่ในบัญชีรายช่ือ ล�ำดับต้น ๆ แล้ว ยังท�ำให้ขาดแรงจูงใจและเกี่ยงงอนกันหาคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กตง้ั ของพรรคอกี ดว้ ย 9. ขดั แยง้ กบั การโฆษณาชวนเชอื่ ของคณะกรรมการรา่ งรฐั ธรรมนญู ทวี่ า่ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ส่งเสริมให้คนดีเข้าสู่สภา เพราะโอกาสของคนดีท่ีจะเข้าสู่สภาโดยผ่านทางบัญชีรายชื่อ แทบจะเป็นศูนย์ 10. เปิดช่องให้พรรคขนาดกลางเน้ือหอมจนบรรดานายทุนแย่งกันประมูลซ้ือพรรค และเป็น นายทนุ ใหผ้ ูส้ มคั รสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรของพรรคเอาเงนิ ไปซอื้ เสียง ดังนั้น จะเห็นว่าระบบการเลือกต้ังภายใจ้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีประเด็น ท่ีน่าพิจารณาในหลายมิติ ท้ังเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ความได้เปรียบในการเลือกต้ังของท้ัง พรรคการเมอื งขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ พฤตกิ รรมในการหาเสยี งเลอื กตงั้ และการมนี ายกรฐั มนตรคี นนอก เปน็ ตน้

49 2.2 การสือ่ สารและการตลาดทางการเมือง Waren K.Agree, Phillip H. Ault and Edwin Emery (อา้ งถงึ ใน พฤทธสิ าณ ชมุ พล, 2540, น. 181) ได้นิยามว่า การส่ือสารทางการเมือง เป็นกระบวนการทางการเมืองท่ีเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริง ทัศนะ และความคิดเห็นตลอดจนประสบการณ์ต่าง ๆ ในทางการเมืองระหว่างบุคคล การสื่อสารทางการเมือง นบั เปน็ กระบวนการพเิ ศษทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาชกิ ของสงั คมการเมอื งและท�ำใหบ้ คุ คลสามารถ ด�ำรงชีวิตอยู่ในสังคมการเมือง โดยจากความหมายดังกล่าวประเด็นส�ำคัญท่ีควรพิจารณา คือ การส่ือสารทาง การเมอื งจะตอ้ ง 1) เกยี่ วขอ้ งกบั บคุ คลตงั้ แตส่ องคนขน้ึ ไปหรอื มากกวา่ นนั้ 2) เปน็ การแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสาร ทางการเมอื ง และ 3) เพื่อกอ่ ให้เกดิ ความเข้าใจร่วมกันในทางการเมอื ง ทั้งน้ี สมบัติ จันทรวงศ์ ได้กล่าวถึงรูปแบบการหาเสียงไว้ 3 ประเภทคือ (2530 อ้างถึงใน สุรชัย ต้งั มกรา, 2556, น.19) 1) รปู แบบการหาเสียงท่เี ปดิ เผยหรือเป็นทางการ 1.1 การใชส้ งิ่ พมิ พแ์ ละการประชาสมั พนั ธ์ เปน็ การรณรงคห์ าเสยี งอยา่ งเปน็ ทางการเพอื่ ประชาสมั พนั ธ์ ให้ผู้ลงคะแนนในเขตเลือกต้ังรู้จักกับผู้สมัคร อาจทําเป็นป้ายคัทเอาท์บอกชื่อ ผู้สมัคร พรรคการเมอื งตน้ สงั กตั พรอ้ มคาํ ขวญั เละรปู ภาพของผสู้ มคั ร นอกจากนน้ั กม็ โี ปสเตอรห์ รอื ใบปลวิ ขนาดเลก็ เพือ่ แนะนําตวั ผูส้ มคั ร ซ่งึ อาจจะออกมาเปน็ ระยะ ๆ ในช่วงระหวา่ งท่ีมีการหาเสยี ง หรอื อาจจะออกมาแกข้ า่ วทถ่ี กู โจมตี นอกจากนี้ กม็ กี ารใชร้ ถทมี่ โี ปสเตอรห์ รอื แผน่ ปา้ ยโฆษณา ชอื่ รปู หมายเลขประจาํ ตวั ของผสู้ มคั รใหว้ ง่ิ กระจายเสยี งไปตามชมุ ชนตา่ ง ๆ เพอื่ ใหป้ ระชาชน ทราบข่าวสารของผูส้ มัครในกรณีท่ีผสู้ มัครไมไ่ ดอ้ อกไปสัมผสั กบั ประชาชนโดยตรง 1.2 การปราศรัยหาเสียงมีหลายแบบคือ อาจเป็นการปราศรัยท่ีทําไปอย่างมีพิธีการ มีการจัดเวที ปราศรยั ทม่ี กี ารนดั หมายและจดั เตรยี มไวล้ ว่ งหนา้ หรอื อาจเปน็ แบบทผ่ี สู้ มคั รไดร้ บั เชญิ ใหข้ น้ึ เวที ปรากฏตวั และกลา่ วคาํ ปราศรยั ในงานพธิ ตี า่ ง ๆ ทห่ี วั คะแนนหาชอ่ งทางให้ เชน่ งานบวชนาค งานศพ งานวันเกิดหรืออาจมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดที่แลดูเป็นกลางทาง การเมือง เชน่ การจดั ให้มกี ารอภิปรายระหว่างผู้สมคั รต่าง ๆ แถลงนโยบายหรือให้ประชาชน ผเู้ ขา้ ฟงั ไดซ้ กั ถามขอ้ ขอ้ งใจได้ เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม การปราศรยั เพอ่ื หาเสยี งโดยตรง อาจจะเปน็ วธิ หี ลกั ในบางจงั หวดั เชน่ จงั หวดั ทางภาคใตห้ รอื ในกรงุ เทพมหานคร ซง่ึ เปน็ พนื้ ทท่ี ปี่ ระชาชน มีความต่ืนตัวทางการเมืองสูง แต่ในบางพื้นท่ีอาจเป็นผลพลอยได้ของการประชาสัมพันธ ์ ตวั ผูส้ มัครใหเ้ ป็นท่รี ู้จักเทา่ น้ัน

50 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา 1.3 การเข้าถึงตัวผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกต้ัง เป็นการหาเสียงแบบที่นิยมเรียกกันว่า “การเคาะ ประตูบ้าน” เปน็ ทีน่ ิยมในกลมุ่ ผู้สมคั รหนา้ ใหม่ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงตามชมุ ชนท่มี ีคนหนาแนน่ เชน่ ชมุ ชนตลาด เขตเมอื ง ศนู ยก์ ารคา้ เปน็ ตน้ เพราะนอกจากจะไดภ้ าพพจนว์ า่ เปน็ ผสู้ มคั รที่ เขา้ ถงึ ไดแ้ ลว้ ยงั จะดเู ปน็ การสรา้ งความรสู้ กึ ใกลช้ ดิ สนทิ สนมกบั ชาวบา้ นไดใ้ นระยะเวลาอนั สน้ั 1.4 การใช้สื่อมวลชนเพื่อการหาเสียง ส่ือมวลชนทุกประเภทโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์มีบทบาท ทสี่ าํ คญั ในการเลอื กตง้ั โดยเฉพาะการหาเสยี งของพรรคการเมอื งตา่ ง ๆ ในระดบั ชาติ นกั การเมอื ง ที่มีประสบการณ์จะพยายามอาศัยคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ทําตัวให้เป็นข่าวอยู่เป็นประจํา โดยเฉพาะสําหรับผู้สมัครหน้าใหม่จะให้ความสําคัญกับโอกาสดังกล่าวมาก เพราะถือได้ว่า เปน็ การประชาสมั พนั ธต์ วั เองเปน็ อยา่ งดี เนอ่ื งจากผสู้ มคั รสามารถนาํ ขา่ วดงั กลา่ วถา่ ยเอกสาร แจกจา่ ยชาวบา้ นหรอื เพอื่ นาํ ลงในเอกสารประชาสมั พนั ธท์ ต่ี นทาํ เลยี นแบบรปู ของหนงั สอื พมิ พ์ สําหรับแจกจา่ ยในเขตการเลือกตงั้ อกี ท่หี นงึ่ นอกจากหนงั สอื พมิ พร์ ะดบั ชาตแิ ลว้ หนงั สอื พมิ พท์ อ้ งถนิ่ ในบางจงั หวดั ยงั เปน็ เครอื่ งมอื ในการหาเสยี ง ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเฉพาะในเขตเมอื งหรอื เขตเทศบาล แตเ่ นอ่ื งจากหนงั สอื พมิ พท์ อ้ งถน่ิ มจี าํ นวนพมิ พท์ จ่ี าํ กดั และมผี อู้ า่ นจาํ กัดอย่ใู นเขตเมืองเป็นส่วนใหญ่ การหาเสยี งโดยหนังสอื พิมพ์ประเภทนี้จึงมเี ป้าที่ค่อนข้างจํากดั 2) รปู แบบการหาเสียงทไี่ มเ่ ปิดเผยหรือพฤตกิ รรมการหาเสยี งท่ีเบย่ี งเบน กมล ทองธรรมชาติ ปรีชา หงส์ไกรฤกษ์และสมบูรณ์ สุขส�ำราญ (2531 อ้างถึงใน สุรชัย ตั้งมกรา, 2556, น.20 ความอา้ งถงึ ล�ำดบั ท่ี 16, 2556, น. 19-24) ไดจ้ าํ แนกพฤตกิ รรมในการหาเสยี งทเี่ บย่ี งแบนไวว้ า่ ไดแ้ ก่ 2.1 การใช้อิทธิพลจากราชการ กรณีที่พรรคการเมืองได้เป็นรัฐบาลและสมาชิกของพรรคได ้ ด�ำรงตําแหนง่ รฐั มนตรีในกระทรวงท่ีเก่ยี วขอ้ งกับประชาชนโดยตรง เชน่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ก็มักใช้ตําแหน่งอิทธิพลในหน้าที่ของตนท้ังโดยตรงและโดยอ้อม เพ่ือสร้างความได้เปรียบในการหาเสียงเลือกต้ังให้กับตนเองและลูกพรรคของตน บางครั้ง ผู้สมัครรับเลือกต้ังบางคนได้ใช้เงินซื้อกรรมการประจําหน่วยเลือกต้ัง เพื่อให้ได้ชัยชนะใน การเลือกต้ัง โดยเฉพาะในหน่วยเลือกตั้งที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากเป็นพิเศษหรือเป็นหน่วยท่ีม ี ชอ่ งทางทจุ รติ ไดง้ า่ ย โดยการนาํ วธิ กี ารตา่ ง ๆ เชน่ เวยี นเทยี น พลรม่ ไพไ่ ฟ บตั รผหี รอื บตั รเหลอื ง หรอื การเจตนาขานบตั รทด่ี ใี หเ้ ปน็ บตั รเสยี รวมไปถงึ การนบั คะแนนลา่ ชา้ เพอื่ ตกแตง่ คะแนน ให้ผู้แพ้กลับเป็นฝ่ายชนะได้หรือที่นิยมกันมาก คือ การจ้างให้กรรมการใช้สิทธิแทนผู้เลือกต้ัง ท่ีไมไ่ ปใช้สทิ ธิ เป็นตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook