Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 42นักการเมืองถิ่นลำปาง

42นักการเมืองถิ่นลำปาง

Description: เล่มที่42นักการเมืองถิ่นลำปาง

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง แผนภาพท่ี 4 : แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม ตรีทองและสมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั กลุ่มตรที อง (พรรคประชาธปิ ัตย)์ ส.ส. 2 เขต/ 2 ทา่ น ส.จ.เขตอำเภอแจ้ห่ม ส.จ.เขตอำเภอห้างฉัตร 7.3. ปัจจัยที่กำหนดชัยชนะ นอกจากพรรคที่สังกัดคือพรรคความหวังใหม่ ซึ่งตอนนั้น (พ.ศ.2535) ถือเป็นพรรคการเมืองใหม่และเป็นพรรคขนาดใหญ่ อันก่อผลทางจิตวิทยาต่อผู้ลงคะแนนเสียงไม่มากก็น้อย นั่นก็คือว่า ผู้ลงคะแนนเสียงมีแนวโน้มที่จะหย่อนบัตรเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครในนามพรรคดังกล่าว ด้วยความหวังว่า พรรคนั้น มีโอกาสเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลสูง ปัจจัยด้านตัวบุคคลคือ บุคลิกภาพของนายบุญชู ที่เป็นคนกว้างขวางในหมู่บุคคล หลายๆ อาชีพ รวมทั้งยังพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือชุมชน และบุคคลในรูปแบบต่างๆ อีกด้านหนึ่ง นายบุญชูยังได้เข้ามา จัดวางเครือข่ายกำลังคนผ่านการแนะนำของนายบุญหลง 138

บทวิเคราะห์ ถาคำฟู ส.ส.หลายสมัยของจังหวัดลำปาง59 ผนึกกับเครือข่าย เดิมของนายบุญชู ทั้งนี้เครือข่ายครอบคลุมทั้งบุคคลในองค์การ ของรัฐ ผู้นำระดับหมู่บ้าน ตลอดจนถึงบุคลากรในวงการใต้ดิน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่นายบุญชูได้เปรียบผู้สมัครรายอื่นๆ ก็คือ การครอบครองปัจจัยทุนจำนวนมหาศาล องค์ประกอบเหล่านี้ คือสูตรสำเร็จสูตรหนึ่งในการใช้เป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีใน การนำมาซึ่งชัยชนะในเกมส์การแข่งขันทางการเมืองในจังหวัด ลำปาง60 8. นายวาสิต พยัคฆบุตร 8.1. ภูมิหลังทางเศรษฐกิจ-สังคมและการเมือง นายวาสิต พยัคฆบุตร เกิดที่ตำบลแจ้ห่ม อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นบุตรของนายประพันธ์ พยัคฆบุตร อดีต ส.ส. ลำปางหลายสมัย และนางวิยะดา พยัคฆบุตร สมรสกับ นางประภาศรี พยัคฆบุตร มีบุตร 3 คน จบการศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร และ ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ทางด้านการปกครอง 59 สัมภาษณ์ จิณห์ ถาคำฟู,อ้างแล้ว. 60 สัมภาษณ์พล.ต.ท.สมเกียรติ พวงทรัพย์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปางหลายสมัย วันที่ 16 ตุลาคม 2555 และดร.ไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมตรีเทศบาลนครเขลางค์ วันที่ 20 มิถุนายน 2555. 139

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา61 นายวาสิต พยัคฆบุตร เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลำปาง 7 สมัยตั้งแต่ พ.ศ. 2535, 2538, 2539, 2544, 2548, 2550 และ 2554 สังกัดพรรคชาติไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และปัจจุบันสังกัดพรรคเพื่อไทย62 8.2. กลยุทธ์ในการหาเสียง นายวาสิต พยัคฆบุตร ได้อธิบายถึงกลยุทธ์ในการ หาเสียงของตนเองเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ในช่วงก่อนการ เลือกตั้ง พ.ศ.2544 และหลังการเลือกตั้ง พ.ศ.2544 (ภายใต้ นโยบายของพรรคไทยรักไทย) กล่าวคือ สำหรับในช่วงก่อนการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน พ.ศ.2544 แนวทางในการ หาเสียงจะให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่พบปะประชาชน เนื่องจากนายวาสิต พยัคฆบุตร ได้แสดงทัศนะว่า กลยุทธ์ใน การเสียงกับชาวบ้าน ในช่วงเวลานั้น ปัจจัยในด้านตัวบุคคล มีความสำคัญมากกว่าปัจจัยพรรค เนื่องการหาเสียงเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อน พ.ศ.2544 นโยบายของพรรค ไม่ได้มีความสำคัญไปกว่าปัจจัยในแง่ของบุคคลหรือผู้สมัคร ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลัง พ.ศ.2544 นายวาสิต พยัฆบุตร มองว่า การเลือกตั้งในช่วงหลัง พ.ศ.2544 61 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คณะกรรมาธิการสภาผู้แทน ราษฎร. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.parliament.go.th/ewtadmin/ ewt/parliament_parcy/ewt_news.php?nid=1471&filename=index (10 ธันวาคม 2555). 62 เพิ่งอ้าง. 140

บทวิเคราะห์ ปัจจัยพรรคกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญมากกว่าตัวบุคคล ซึ่งบาง ครั้งก็ทำให้ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎรมีความจำเป็นในการ ลงพื้นที่ปราศรัย หาเสียงจากชาวบ้านน้อยลง ดังคำให้ สัมภาษณ์ที่ว่า63 “การเลือกตั้งครั้งหลังๆ มานี้ ผมไม่ต้องไปยุ่งกับ ชาวบ้านมาก เพราะว่าโดยเฉพาะทางเหนือเรา มันก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าเขาเลือกที่นโยบายของพรรค เขาชอบเพื่อไทย ที่คุณทักษิณ จะเอาการเลือกตั้งสมัยนี้กับเมื่อก่อนมาเปรียบกันไม่ได้ ตอนนี้พรรคและนโยบายของพรรคสำคัญ ผมไม่ได้เน้นกลยุทธ์ อะไรมาก การปราศรัย หาเสียง ก็เน้นที่นโยบายของพรรค และ นโยบายของพรรคก็เป็นสิ่งที่ชาวบ้านอยากให้ทำต่อ เช่น นโยบายยาเสพติด”64 8.3. ปัจจัยท่ีกำหนดชัยชนะ ปจั จัยพรรค ปัจจัยที่กำหนดชัยชนะที่สำคัญคือ ปัจจัยของพรรค โดยเฉพาะการเลือกตั้งหลัง พ.ศ.2544 ปัจจัยของพรรค และ นโยบายของพรรคกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ดังที่นายวาสิต พยัคฆบุตรได้กล่าวว่า “ก่อนเลือกตั้งปี 44 การหาเสียงนี้จะเน้นตัวบุคคล เป็นหลัก พอเน้นตัวบุคคลเป็นหลัก การแข่งขันมันก็สูง 63 สัมภาษณ์วาสิต พยัคฆบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง วันที่ 13 กันยายน 2555. 64 เพิ่งอ้าง. 141

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง มันก็ต้องทำ คือทำอย่างไงที่จะให้ตัวเองได้รับการเลือกตั้ง ไม่ว่า จะโดยวิธีการใด ตั้งแต่เลือกตั้งปี 44 ขึ้นมา ในการเลือกตั้งปี 44 การเลือกตั้งนี่ชาวบ้านก็ริเริ่มที่จะมาเลือกที่ตัวผู้สมัคร โดยดู นโยบายของพรรคการเมืองที่คนนั้นสังกัดอยู่ แต่ตัวบุคคลก็ยัง สำคัญอยู่คือมีการนำนโยบายมาประกอบ ไม่ได้เลือกอย่างใด อย่างหนึ่ง คือ การเลือกตั้งปี 48 เป็นต้นมา นโยบายสำคัญ หมายถึงในสมัยทักษิณ 2 เพราะปี 44 พรรคไทยรักไทยเริ่มตั้ง พรรคและเริ่มเสนอนโยบายของพรรคแต่มันเป็นของใหม่ อย่างที่บอกนโยบายพรรคอันเก่ามันข้ามไปเพราะไม่มั่นใจว่า พรรคที่ได้รับจะสามารถที่จะดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศ ได้หรือไม่ หมายความว่าหลังเลือกตั้งปี 44 เริ่มที่จะดูพรรค เพราะว่านโยบายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคไทยรักไทยที่ เข้าไปบริหารประเทศ เป็นนโยบายที่จับต้องได้แล้ว ในบ้าน เมืองเริ่มจับต้องได้ แล้วเริ่มทำตามนโยบาย เพราะฉะนั้นเมื่อ เลือกตั้งปี 48 พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลที่เป็นพรรคไทยรักไทย ก็ได้เสียงข้างมากที่ไม่เคยมีในประเทศไทยคือตอนนั้นพรรคไทย รักไทยได้ 377 เสียงจากจำนวนผู้แทน 500 แสดงว่า บางครั้ง 377 เสียงเป็นผู้สมัครหน้าใหม่เยอะ แสดงว่าชาวบ้านเลือก นโยบายเป็นหลักแล้ว การเลือกตั้งปีต่อๆ มาหลังการเลือกตั้งปี 48 นโยบายสำคัญกว่าตัวบุคคลแล้วสำหรับการเลือกตั้งผู้แทนฯ แต่ก็แน่นอนคนที่เด่นๆ ในพรรค คนที่เป็นหัวหน้าพรรค ผู้บริหารพรรคก็ย่อมจะมีส่วนในการทำให้พรรคนั้นๆ ได้รับการ รับเลือกจากชาวบ้าน”65 65 เพิ่งอ้าง. 142

บทวิเคราะห์ ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาเปรียบเทียบความสำคัญ ระหว่างปัจจัยพรรคและปัจจัยด้านตัวบุคคลโดยเฉพาะการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลัง พ.ศ.2544 ปัจจัยพรรค กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดชัยชนะ แม้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งรายนั้นๆ จะมีความสามารถหรือผลงานที่ เป็นที่น่าพึงพอใจของประชาชน ดังที่นายวาสิต พยัฆคบุตร เปรียบเทียบว่า “หากสมมุติว่านักการเมืองรุ่นเก่าๆยังคงเล่นการเมืองอยู่ เช่น ท่านสอาด ปิยวรรณ ท่านไพฑูรย์ เครือแก้ว ก็จะถือว่า หมดยุคไปแล้ว เพราะพรรคสำคัญขึ้นมาแล้ว นโยบายของ พรรคสำคัญ ชาวบ้านก็ไม่ได้เน้นตัวบุคคลแล้ว ไปเน้นเรื่อง นโยบาย ก่อนหน้านั้นก็เน้นตัวบุคคลเพราะยุคนั้นผู้สมัครทุกคน ต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองได้รับเลือกตั้ง”66 ปจั จัยดา้ นหวั คะแนน ปัจจัยด้านหัวคะแนน เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ต่อการกำหนดชัยชนะของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร เนื่องจาก หัวคะแนนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ของประชาชนไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ นายวาสิต พยัคฆบุตร ได้อธิบายว่า ปัจจัยในด้านหัวคะแนนนั้นในอดีตมีความสำคัญ มากกว่าปัจจุบัน แต่ปัจจุบันปัจจัยในด้านของพรรคสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามในด้านหัวคะแนนก็ยังคงต้องมีอยู่แม้ว่าบทบาท ของหัวคะแนนจะลดลงก็ตาม 66 เพิ่งอ้าง. 143

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง “อย่างที่ผมบอก หัวคะแนนนั้นเหมาะกับการเลือกตั้ง ยุคก่อน พอมายุคนี้แล้ว ชาวบ้านรู้ข่าวสาร ชาวบ้านอาจไม่ได้ สัมผัสผู้สมัครหรือนักการเมืองได้โดยตรง แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้ คือนโยบายของพรรค ส่วนเรื่องหัวคะแนนผมว่าความสำคัญ ของหัวคะแนนจะน้อยลง เพราะชาวบ้านจะตัดสินใจทาง การเมืองด้วยตัวของเขาเองได้แน่นอน เพราะเขาเริ่มรู้ว่า การเมืองส่งผลต่อชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ยาบ้า อีกอย่างที่พรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ที่ชาวบ้านพึงพอใจคือนโยบายที่ประกาศทำสงครามกับ ยาเสพติดตั้งแต่ปี 44 มา อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคชนะ การเลือกตั้งปี 48 เพราะยาเสพติดนี้หายไปเยอะเลย”67 9. นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ 9.1. ภูมิหลังทางเศรษฐกิจ-สังคมและการเมือง68 นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ มีบิดา-มารดาเชื้อสายจีน ที่เดินทางมายังจังหวัดลำปางเพื่อประกอบธุรกิจโดยมีพี่น้อง รวมกัน 9 คน ช่วงเยาว์วัย นายนิคมเรียนหนังสือระดับชั้น ประถมศึกษาที่โรงเรียนประชาวิทย์ ต่อมาศึกษาต่อระดับมัธยม ที่โรงเรียนมัธยมวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือเดียวกันและเป็นที่ นิยมของลูกหลานชาวจีนในจังหวัดลำปาง หลังจากนั้น นายนิคมได้เดินทางเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่และเข้าเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมงฟอร์ดวิทยาลัย 67 เพิ่งอ้าง. 68 สัมภาษณ์นิคม เชาว์กิตติโสภณ, อ้างแล้ว. 144

บทวิเคราะห์ รุ่นเดียวกับปกรณ์ บูรณุปกรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาล นครเชียงใหม่และ ส.ส.เชียงใหม่ 2 สมัยอีกทั้งยังเป็นตระกูล ทางการเมืองที่สำคัญของเชียงใหม่ ที่สำคัญบุคคลทั้งสอง มีความสนิทสนมกันมากทั้งในทางส่วนตัวและการเมือง กล่าว ได้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีส่วนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พ้นจากชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย นายนิคมได้เข้าเรียนต่อระดับปริญญา ตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้นศึกษาต่อ ในระดับปริญญาโท ด้านการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ และรฐั ประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทางด้านอาชีพ หลังสำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์ นายนิคมได้ยึดอาชีพทนายความควบคู่ไปกับการเป็นนักธุรกิจ อุตสาหกรรมเซรามิกเพื่อการส่งออกอันเป็นธุรกิจของตระกูล ที่ทำติดต่อกันยาวนานถึง 55 ปี อีกทั้งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด ในภาคเหนือดังที่รู้จักกันในนามบริษัทกาสะลองเซรามิก ทางด้านกิจกรรมทางสังคม นายนิคม ดำรงตำแหน่งเป็น ประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาวิทย์และมัธยมศึกษา อันเป็นโรงเรียนเดิมของตน ที่น่าสนใจก็คือว่า นายนิคมดำรง ตำแหน่งประธานมูลนิธิมาอย่างยาวนาน ซึ่งนายนิคมก็มีความ เชื่อว่าการทำงานในหน้าที่นี้มีส่วนต่อการสร้างและขยาย บทบาททางการเมืองของตนเสมอมา ดังปรากฏในช่วงหนึ่งของ การให้สัมภาษณ์ที่ว่า “การเป็นประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาวิทย์และ มัธยมวิทยามีบทบาทช่วยมากในแง่ทางด้านการศึกษาเพราะ เป็นโดยไม่มีเงินเดือน ต้องเสียสละ จึงทำให้คนในองค์กรเห็น 145

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง พวกศิษย์เก่าและผู้ปกครองก็จะรู้ว่าเป็นประธานเสียสละมา มากกว่า 27 ปี โดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น ในกรณีการหาเสียง หรือแผ่นพับของผมก็จะมีผลเยอะมาก เพราะผมต้องการสื่อให้ เห็นว่าผมเป็นประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาวิทย์และ มัธยมวิทยา โรงเรียนประชาวิทย์เก่าแก่กว่า 90 ปีส่วนมัธยม วิทยา 80 กว่าปี ซึ่งทั้ง 2 โรงเรียนมีนักเรียนกว่า 4,000 คนและ เปิดสอนถึง ม.6”69 9.2. กลยุทธ์การหาเสียง เท่าที่ได้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการและสนทนาอย่าง ไม่เป็นทางการทำให้ผู้วิจัยทราบว่านายนิคมเป็นบุคคลที่มี บุคลิกเรียบง่าย ไปไหนมาไหนคนเดียวหรือมีผู้ติดตามน้อยคน ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะมีการไว้ตัวอันเป็นลักษณะทั่วไปของบุคลิก ผู้นำ แต่ก็เป็นคนที่ผู้คนทั่วไปเข้าถึงง่าย บุคลิกดังกล่าวนี้คงมี ส่วนช่วยให้นายนิคมสามารถสื่อสารทางสังคมและการเมืองกับ ชาวบ้านได้เป็นอย่างดีและน่าจะได้รับความชื่นชอบด้วยไม่มาก ก็น้อย นอกเหนือไปจากนี้ อาชีพพื้นฐานของนายนิคมอย่าง อาชีพทนายความก็นับว่ามีส่วนช่วยในการปูพื้นฐานทาง การเมืองอยู่มากเหมือนกัน ทั้งนี้ผลสืบเนื่องมาจากอาชีพนี้ สามารถให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่มีปัญหาทางข้อกฎหมาย หรือมีปัญหากับอำนาจรัฐ ซึ่งนายนิคมเคยเผยกับผู้วิจัยว่า เขาเคยเข้าไปช่วยชาวบ้านที่มีปัญหาและถูกจับกุมอยู่ที่โรงพัก หลายกรณีด้วยกัน เช่นกรณีที่ดินทำกิน ป่าไม้และลูกหลาน ติดข้อหายาเสพติดเป็นต้น ส่วนที่แน่นอน คงเป็นการทำหน้าที่ 69 สัมภาษณ์นิคม เชาว์กิตติโสภณ, เพิ่งอ้าง. 146

บทวิเคราะห์ เป็นประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาวิทย์และมัธยมวิทยา ซึ่งสามารถคลุกคลีกับครูบาอาจารย์ ผู้ปกครองนักเรียน นักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่า เนื่องจากนายนิคมเคยดำรงตำแหน่งนี ้ ไม่น้อยกว่า 20 ปี ในส่วนอื่น นายนิคมมักขยายความให้ประชาชน ในวงกว้างทราบว่าเขาทำอะไรให้คนลำปางในแต่ละพื้นที่และ แต่ละภาคส่วนของสังคม ดังจะเห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของเขา ต่อไปนี้ “โดยผมจะนำเสนอนโยบายที่คนลำปางจะได้ประโยชน์ โดยจะปรับนโยบายของพรรคให้สอดคล้องกับพื้นที่ตาม ประสบการณ์และจากการที่ผมได้ลงพื้นที่ เช่น นโยบายทาง ด้านเศรษฐกิจ ลำปางปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังมากก็จะ ขยายตัวหนังสือให้โตเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนในด้าน นี้ หรือเช่นทราบว่าพื้นที่หรือฐานเสียงเป็นพื้นที่ป่ามากก็ต้อง เน้นเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และอีกอย่างศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และผู้ปกครองของนักเรียนก็อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนเป็นจำนวนมาก ก็เลยต้องการสื่อให้เห็น”70 สำหรับการสื่อสารทางการเมืองโดยตรง เป็นที่น่าแปลก ที่นายนิคมมิได้อาศัยวิธีการเหมือน ส.ส.อื่นของจังหวัดลำปาง กล่าวคือ เขาไม่ให้ความสำคัญกับสื่อ ดังปรากฏตามคำ สัมภาษณ์ที่ว่า 70 สัมภาษณ์นิคม เชาว์กิตติโสภณ, เพิ่งอ้าง. 147

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง “ตั้งแต่ผมเป็นมา ไม่ค่อยใช้สื่อมาก แทบจะไม่มีสื่อ ไม่มีการใช้โปรเตอร์ คัทเอาท์ มีแต่นามบัตรเล็กๆ เพราะผม มองว่า เล็กๆ แต่ได้ประโยชน์เพราะมันเข้าไปถึงในบ้าน แต่ ครั้งนี้ผมไม่มองข้าม เอาทุกอย่างทำครบสูตรเพราะเป็นศึกใหญ่ และผมคิดว่าในการหาเสียงครั้งนี้จะใช้วิธีการเดินหาเสียง (แต่เดิมไม่เคยเลย) รอบนี้สำคัญมาก เพราะถ้าแพ้ครั้งนี้ก็เสีย โอกาส เป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้ได้”71 อย่างไรก็ดีในการเลือกตั้ง ครั้งล่าสุด วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 นายนิคมได้เล่า ย้อนหลังให้ฟังถึงวิธีการหาเสียงนับแต่ลงรับสมัครเลือกเป็น ส.จ. กระทั่งมาถึงปัจจุบันเอาไว้ว่า “ในช่วงที่ผมเป็น ส.จ. จะมี การใช้ป้ายหาเสียงและนัดพบปะชาวบ้าน แล้วไปปราศรัย โดยในการร่วมงานทางสังคม ส่วนมากผมจะไปงานศพ เลือกไป เป็นอันดับหนึ่ง งานศพชาวบ้านก็ไป ส่วนงานประเพณีของ ชุมชนหรือตำบลจะไปเฉพาะงานที่คุ้นเคยกับผู้นำผู้จัดงาน เท่านั้น โดยส่วนตัวแล้ว มองว่างานพวกนี้ไม่ค่อยได้แต้มเท่าไหร่ (เห็นแก่หน้าผู้บริหาร) และมีค่าใช้จ่ายสงู กว่างานทั่วไป”72 ส่วนของตัวแทนในการทำงาน นายนิคมแสดงความเห็น เอาไว้ว่า “ผมไม่มีตัวแทน เพราะไม่ต้องการให้ตัวแทนไปทำงาน แทน เพราะไม่รู้จะดีหรือเปล่า กลัวไปทำเสียและไม่วางใจด้วย เช่น งานศพก็จะไม่ให้ตัวแทนไป ถ้าผมไปไม่ได้ก็จะบอกว่า ไปไม่ได้ ส่วน ทีม/staff ในการทำงานช่วงการเลือกตั้งก็มี มีมือ ซ้ายมือขวา แต่ในช่วงปกติไม่มีตัวแทน เป็นตัวแทนธรรมชาติ 71 สัมภาษณ์นิคม เชาว์กิตติโสภณ, เพิ่งอ้าง. 72 เพิ่งอ้าง. 148

บทวิเคราะห์ ปัจจุบันผมได้ตั้งผู้ช่วย ส.ส.ที่อำเภอเถินและอำเภอเกาะคา มีการตั้งก่อนการจะลง ส.ส. ซึ่งช่วยได้มาก โดยกลุ่มคนเหล่านี้ จะมีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป มีประสบการณ์ทางการเมือง เป็นกำนันเก่าบ้าง อบต.บ้าง โดยเขตที่ผมลงสมัครมีพื้นที่ ครอบคลุมทั้งหมด 5 อำเภอ เกาะคา เสริมงาม สบปราบ เถิน แม่พริก เป็นเขตใหญ่มีประชากร 190,000-200,000 คน”73 ในแง่ของการปราศรัย นายนิคมบอกว่า โดยทั่วไปแล้ว การปราศรัยอาจขาดน้ำหนักความเชื่อถือคือ หากปราศรัยจาก หลักฐานประกอบการปราศรัย สำหรับเขา นายนิคมได้ยก ตัวอย่างการปราศรัยบางกรณีของเขาให้ผู้วิจัยฟังว่า “ไม่ค่อยเท่าไหร่ มันเป็นการพูด ประชาชนจะเชื่อหรือ ไม่เชื่อก็ไม่รู้ การปราศรัยต้องมีหลักฐานมีการอ้างอิงประกอบ ด้วย ไม่เช่นนั้นการปราศรัยก็ยาก แต่บางทีก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ของคนพูดเหมือนกัน เพราะการจะให้น้ำหนักกับการปราศรัย ก็เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าบุคคลมีความสามารถและ มีหลักฐาน (มีสาระ)ในการพูดผมก็จะให้น้ำหนักกับการปราศรัย ค่อนข้างสูงเหมือนกัน ผมจึงมองว่าการปราศรัยขึ้นอยู่กับ หลักฐานประกอบเป็นสำคัญ เช่นกรณีการที่ผมลงพื้นที่ บ้านกิ่วเบิก และบ้านแบก ตำบลเสริมขวา อำเภอเสริมงาม ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงทั้งหมด เป็นพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ก็เป็น พื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องที่ดินสงวนหวงห้ามของรัฐ ผมก็ใช้วิธีการนัด มาปราศรัยทั้งหมดหมู่บ้านและได้นำเสนอว่าผมเป็นหนึ่ง ในคณะกรรมการยกร่าง มีชื่อผมที่เซ็นต์ให้เค้าเห็นและมีการ 73 เพิ่งอ้าง. 149

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง เปิด CD ที่ผมร่วมประชุมให้ดู (เอกสารประกอบการปราศรัย) และหลังจากนั้น 2-3 วันผมก็ให้คนเข้าไปเช็คฐานเสียงดู ปรากฏ ว่ากว่า 70 % เอาเราทั้งๆ ที่พื้นที่นี้ผมไม่เคยไปหาเสียงไม่เคย รู้จักกันมาก่อน ชาวบ้านบอกว่ามีแต่คนมาโกหก และมียาย คนหนึ่งบอกว่า “ถ้าได้จริงไม่ต้องเป็นหรอก ส.ส. แม่ให้เป็น นายกเลย” ดังนั้นผมจึงมองว่าต้องเป็นเรื่องที่คนในพื้นที่ได้ ประโยชน์จึงจะทำให้น้ำหนักทางการเมืองมีมาก”74 9.3. ปัจจัยที่กำหนดชัยชนะ ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่า ในช่วงการหาเสียง 2 ครั้งในการ แข่งขันเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งวุฒิสมาชิก ซึ่งถือเอาว่าทุกอำเภอของ จังหวัดลำปางเป็นเขตเลือกตั้ง นายนิคมต้องอาศัยความ สามารถเฉพาะตัวเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก ข้อกำหนดตาม กฎหมายเลือกตั้งบังคับให้ผู้สมัคร ส.ว. ต้องปฏิบัติตาม ถือเป็น ข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่ากรณีผู้สมัคร ส.ส.ไม่ว่าจะเป็นวิธีการ หาเสียงและบทบาทของพรรคการเมือง ต่อมาตอนหลัง เมื่อนายนิคมวางบทบาททางการเมือง ไปในสถานะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย นายนิคมจึงได้รับการ วางตัวให้เป็นผู้สมัครของพรรคในแบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ หวังผลคือ ลำดับกลางๆ ในการเลือกตั้งวันที่ 25 ธันวาคม 2550 ผลปรากฏว่านายนิคมก็ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทยตามความคาดหมาย อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่ นายนิคมประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งแบบ ส.ส.เขต ในนาม ของพรรค ขณะที่การเมืองของจังหวัดลำปางได้แบ่งแยก 74 สัมภาษณ์นิคม เชาว์กิตติโสภณ, เพิ่งอ้าง. 150

บทวิเคราะห์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตตามกลุ่มไปแล้วอย่างตายตัวคือกลุ่มบ้านสวน และกลุ่มดอยเงิน รวมทั้งผู้วางตัวอิสระอย่างนายวาสิต พยัคฆบุตร ดังนั้นนายนิคมจึงวางแผนเปลี่ยนพรรคที่สังกัด โดยย้ายมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้นายนิคมได้กล่าวว่า “การตัดสินใจเป็นเพราะว่าผมไม่สามารถอยู่ได้ ไม่เป็น ตัวของตัวเอง ต้องไปต่อแถวและที่สำคัญคือพรรคไม่สามารถ ทำให้ผมลงสมัคร ส.ส.เขตได้” ตามที่ผู้วิจัยกล่าวมาโดยตลอดในงานชิ้นนี้ว่า นับตั้งแต่ การเลือกตั้ง พ.ศ.2544 พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญยิ่งกว่า ปัจจัยตัวบุคคลในการชี้ขาดชัยชนะในการเลือกตั้ง กรณีของ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมทั้งจังหวัดลำปางด้วยนั้น ก็เป็น ที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทยถือเป็นพรรคที่ได้รับ ความนิยมสูงสุดและมีที่นั่งมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ การโยกย้าย พรรคของนายนิคมย่อมมีผลต่อการต่อสู้ทางการเมืองในเขต เลือกตั้งของเขาและรวมถึงบุตรชายของเขาด้วย (นายเชาวยุทธ เชาว์กิตติโสภณ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 จังหวัดลำปาง พรรค ประชาธิปัตย์) นั่นก็คือ เขาและทีมผู้สมัครอื่นประสบกับความ พา่ ยแพใ้ นการเลอื กตง้ั ครง้ั ลา่ สดุ เมอ่ื วนั ท่ี 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554 ด้วยเหตุที่นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ได้ดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองมาหลายสิบปี นับตั้งแต่ติดตามนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ จากนั้นก็สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด และได้รับเลือกตั้ง กระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกและ เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ดังนั้นย่อมเป็นที่แน่ นอนว่านายนิคมก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้จัดวางเครือข่ายทางการเมือง 151

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง ของตนเองเอาไว้และในแวดวงการเมืองจังหวัดลำปางกลุ่มของ เขาถูกเรียกขานว่า กลุ่มนิคม ดังที่ผู้วิจัยจะขอนำเสนอแผนภาพ ความสัมพันธ์ทางการเมืองของกลุ่มเอาไว้ดังนี้ แผนภาพท่ี 5 : แผนภาพแสดงเครือข่ายทางการเมืองใน ระดับตา่ งๆ ของกล่มุ นิคม ผนู้ ำกลุม่ นิคม (พรรคประชาธปิ ตั ย)์ ไมม่ ี ส.ส. ในสังกดั ส.จ. ส.จ. ส.จ. เขตอำเภอเถนิ เขตอำเภอเกาะคา เขตอำเภอแม่ทะ 152

บ5ทท ่ี บทสรุป ตามที่ได้กล่าวเอาไว้ในบทที่ 3 จังหวัดลำปางถือเป็น จังหวัดหนึ่งที่ค่อยเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายตัวของชุมชนที่จัดเป็นเขตเมือง (urban zoning) ทั้งใน ตัวอำเภอเมืองและอำเภอรอบนอก ด้วยเหตุนี้ประชากรที่นับ เป็นชนชั้นกลางจึงปรากฏไปทั่วทั้งในเขตอำเภอรอบนอกและ เขตอำเภอเมือง โดยเฉพาะในเขตอำเภอรอบนอก ทั้งนี้ผู้วิจัย ขอเรียกขานว่าเป็นชนชั้นกลางในชนบท (Rural Middle Class) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่ได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่าชั้นประโยค วิชาชีพชั้นต้น (ปวช.) ประกอบอาชีพที่มีรายได้เลี้ยงตัวเองและ ครอบครัวได้อย่างพอดี อีกทั้งยังติดตามข่าวสารทั่วไปและ การเมืองมาโดยตลอด ที่สำคัญคนเหล่านี้มีระบบคิดหรือ วัฒนธรรมที่ต่อกันได้กับชนชั้นล่างในชนบท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชนไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิต เชิงเศรษฐกิจ การเข้าร่วมในงานประเพณี รวมทั้งกิจกรรม

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง สาธารณะต่างๆ ในชุมชน อย่างไรก็ดีด้วยเหตุที่คนเหล่านี ้ มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูงกว่าชาวบ้านทั่วไปในชุมชน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า พวกเขานับเป็นผู้มีอิทธิพลทางความ คิดต่อชาวบ้านทั่วไปไม่มากก็น้อย ทั้งนี้รวมถึงอิทธิพลความคิด ทางการเมืองด้วย ในฐานะผู้ลงคะแนนเสียง (Voters) ชนชั้นกลางในชนบท มักมีวิธีคิดทางการเมืองแตกต่างจากชนชั้นกลางในเมือง (Urban Middle Class) ซึ่งหมายถึงผู้ได้รับการศึกษาระดับปริญญาตรี ขึ้นไปอีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองมายาวนาน และมีวิธีคิด แยกออกจากชนชั้นล่างทั่วไปเป็นอย่างมาก ชนชั้นกลางใน ชนบทมักตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สามารถเข้าใจ วิถีชีวิตของชุมชนชนบทโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏตัว ในงานประเพณีสำคัญของชุมชนชนบทอย่างงานกฐิน-ผ้าป่า งานสงกรานต์ งานทำบุญปีใหม่หรืองานเกี่ยวข้องกับกิจกรรม ของกลุ่มต่างๆ ในชุมชนชนบท เช่น งานของกลุ่มแม่บ้าน กลุ่ม อสม. และกลุ่มลูกเสือชาวบ้านเป็นต้น และถ้าเป็นไปได้ พวกเขาคาดหวังให้ ส.ส.เข้าร่วมกิจกรรมในงานศพ งานบวช และงานแต่งงาน เป็นต้น ยิ่งไปกว่านี้ ชนชั้นกลางในชนบท ยังมองว่า ส.ส.ต้องสามารถให้ความช่วยเหลือและ/หรือบรรเทา ความเดือดร้อนของชาวบ้านและชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น จัดสรรงบประมาณสร้างถนนและขุดลอกคูคลองในชุมชน เป็นต้น ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับตัวแปรพรรค ด้วยในตอนหลัง (นับแต่ พ.ศ.2544 เป็นต้นมา) แต่ทว่า ตัวแปร ด้านตัวบุคคลซึ่งหมายถึงบุคคลที่สามารถดำเนินงานตามที่พวก เขาคาดหวังก็นับว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน 154

บทสรุป ด้วยเหตุนี้ จึงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอมาในช่วงประมาณตั้งแต่ พ.ศ.2540 เป็นต้นมาที่บรรดา ส.ส.รวมทั้งคู่แข่งขันที่มีศักยภาพ ต่างให้ความสำคัญกับพื้นที่เขตเลือกตั้ง (Constituency) กล่าวคือ บุคคลเหล่านี้มักมีตัวแทนในพื้นที่คอยติดต่อประสาน กับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน แล้วส่งต่อข้อมูลเหล่านั้นไปยัง ตนเอง ขณะเดียวกันต้องพยายามตอบสนองต่อความต้องการ ดังกล่าวอย่างเต็มที่ รวมทั้งการไปปรากฏตัวด้วย ดังเช่น กรณีของนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร, นายพินิจ จันทรสุรินทร์ และนายวาสติ พยัคฆบตุ ร เป็นต้น ตรงกันข้าม ชนชั้นกลางในเมืองมักตัดสินใจลงคะแนน เสียงโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านพรรคยิ่งกว่าบุคคลกล่าวคือ พวกเขาจะมองไปที่นโยบายของพรรค ผู้นำพรรค บุคคลากร ที่โดดเด่นของพรรครวมทั้งการดำเนินงานของพรรคที่ผ่านมา แทนที่จะให้ความสำคัญกับบทบาทของตัวแทนหรือ ส.ส.ที่มุ่ง เน้นพื้นที่เขตเลือกตั้งเหมือนดังชนชั้นกลางในชนบทคาดหวัง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ชนชั้นกลางในชนบทมักดำรง ฐานะผู้นำของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นนายกเทศบาลตำบล นายก องค์การบริหารส่วนตำบล รวมทั้งตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล หรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำกลุ่มต่างๆ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีอิทธิพลต่อวิธีคิด ของชาวบ้านรวมทั้งวิธีคิดทางการเมืองอย่างการลงคะแนนเสียง ผลที่ตามมาจึงพบอยู่เสมอว่า ในเขตชนบททั้งผู้นำชุมชนและ ชาวบ้านต่างก็ลงคะแนนเสียงไปในทิศทางเดียวกัน กรณีของ จังหวัดลำปาง ก่อน พ.ศ.2544 คนชนบทตัดสินใจลงคะแนน 155

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง เสียงโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านตัวบุคลเป็นหลัก แค่พอถึงการ เลือกตั้ง พ.ศ.2544 และหลังจากนั้น คนชนบทหันมาให้ความ สำคัญกับพรรคควบคู่ไปกับตัวบุคคล และที่น่าสนใจก็คือ ปัจจัยของพรรคกลับมีน้ำหนักยิ่งกว่าปัจจัยด้านตัวบุคคล กล่าว อีกนัยหนึ่ง แม้ว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งจะมีคุณสมบัติโดดเด่น เพียงใด หากว่ามิได้สังกัดพรรคที่คนชนบทนิยมคือพรรค เพื่อไทย โอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งย่อมมีน้อย ดังจะเห็นได้จาก กรณีของนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ที่โยกย้ายจากพรรค เพื่อไทยไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์และต้องประสบกับความ พ่ายแพ้ เพราะได้รับคะแนนนิยมไม่เพียงพอ อย่างไรก็ดี ยังมี ข้อสังเกตอีกว่า การที่จังหวัดลำปางมีการแบ่งกลุ่มการเมือง ชัดเจนคือกลุ่มบ้านสวน นำโดยนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร กลุ่มดอยเงิน นำโดยนายพินิจ จันทรสุรินทร์ กลุ่มตรีทอง นำโดยนายบุญชู ตรีทอง และล่าสุดคือ กลุ่มนิคม นำโดย นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ แต่ละกลุ่มต่างก็มีตัวแทนและ พื้นที่ของตัวเองชัดเจน จึงไม่สามารถเหลือพื้นที่ให้กับบุคคลอื่น แทรกเข้ามาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคที่กลุ่มสังกัด เมื่อเป็นเช่นนี้กรณีของนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ เขาจึง จำเป็นต้องย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หากพิจารณาจากตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้ที่ได้รับ เลอื กตง้ั เปน็ ส.ส. ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วมาบา้ งแลว้ วา่ ประชาชนสว่ นใหญ่ ตัดสินใจเลือกตั้งโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านตัวบุคคลควบคู่ไปกับ พรรค จริงอยู่ที่ในภายหลังปัจจัยด้านพรรคกลับทวีความสำคัญ ขึ้นมา แต่ปัจจัยด้านตัวบุคคลก็ใช่ว่าจะถูกละเลย ด้วยเหตุนี้ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส.ส.ของจังหวัดลำปางหลายต่อหลาย 156

บทสรุป คนต่างก็อาศัยพื้นฐานของบุคลิกเดิมของตนมาจัดสร้าง “บุคลิกทางการเมือง” ให้มีลักษณะเป็นเฉพาะของตน ทั้งนี้ ก็เพื่อใช้เป็นปัจจัยสร้างความสนใจ (Attractiveness) ของผู้ลง คะแนนเสียง อย่างกรณีที่ได้รับการกล่าวขวัญอยู่เสมอมาคือ กรณีของนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ เขาได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ถึง 14 สมัย และอาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่ถูกเอ่ยถึง ในเชิงเจ้าบุญทุ่ม หากแต่เป็นบุคคลที่นักการเมืองยุคหลังอยาก เรียนรู้ในแง่กลยุทธ์การหาเสียง เท่าที่ปรากฏ นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ ได้วางบุคลิกตนเองเป็น “ทนายคนยาก” นั่นก็คือ เขาได้อาศัยความเป็นนักกฎหมายเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนและมาปรึกษาหารือ พร้อมกันนั้นเขายัง เดินทางไปยังพื้นที่ต่างเพื่อรับฟังปัญหาและในช่วงรณรงค ์ หาเสียงก็ยังจัดการปราศรัยย่อยตามจุดต่างๆ ของชุมชน นอกเหนือไปจากการปิดโปสเตอร์และแจกแผ่นพกแนะนำตัว อันเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่นิยมทำกันในยุคนั้น ลักษณะที่ว่า นับว่าสอดคล้องไปกับบทบาทของทนายคนยากซึ่งมีจุดเน้นอยู่ ที่ความจริงใจและจริงจังกับชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็มีนัยส่งไป ยังชาวบ้านว่าตัวเขาเองมิใช่นายทุนเจ้าบุญทุ่ม แต่เป็นคนตั้งใจ ที่จะเข้าไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในฐานะของตัวแทนเมื่อผู้ลง คะแนนเสียงให้การยอมรับโดยเลือกให้เป็น ส.ส. นอกจาก การแสดงบทบาทของตัวแทนทั้งในสภาและนอกสภา รวมทั้ง บทบาทของฝ่ายบริหารในบางสมัย บทบาทที่นายบุญเท่งยังคง แสดงอยู่อย่างคงเส้นคงวาก็คือ บทบาทของชนชั้นกลางที่อาสา มาเป็นตัวแทนของชาวบ้านทั่วไป ไม่ว่าชนชั้นใด อาจกล่าว ได้ว่าชื่อเสียงและภาพของนายบุญเท่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป ของคนลำปาง มิจำเพาะแค่เขตเลือกตั้งที่เขาลงสมัครเท่านั้น 157

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง บุคคลต่อมาที่แสดงบุคลิกทางการเมืองสอดรับไปกับ บุคลิกพื้นฐานของตนเองก็คือ ดร.ไพฑูรย์ เครือแก้ว หรือที่คน ลำปางรู้จักและเรียกขานกันว่า “ดร.ไพฑูรย์” ด้วยความเป็นคน ที่เรียนเก่งมาโดยตลอด และสุดท้ายสำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาเอกด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ในฐานะนักเรียนทุน หากพิจารณาโดยเปรียบเทียบในยุคนั้น ยากที่จะหาคนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจาก ต่างประเทศ อีกทั้งยังสำเร็จจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของ ต่างประเทศอีกด้วย ดังนั้นคำเรียกขานว่า “ดร.ไพฑูรย์” ย่อมมี ความสำคัญยิ่งกว่าคำเรียกขานผู้สำเร็จระดับปริญญาเอกที่มี อยู่ค่อนข้างมากในปัจจุบัน ที่ยิ่งไปกว่านั้น ไพฑูรย์ยังแสดง ลักษณะของผู้ทรงภูมิความรู้ให้ชาวบ้านเห็นอยู่เสมอ เมื่อเขาไป ปรากฏตัวและทำการปราศรัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราศรัย ในจุดสำคัญของอำเภอต่างๆในเขตเลือกตั้ง ดังนั้นอาจกล่าวได้ ว่าบุคลิกของผู้มีคุณวุฒิทางการศึกษาของดร.ไพฑูรย์ นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้ตัวเขาประสบความสำเร็จ ทางการเมือง อีกบุคคลหนึ่งที่น่าสนใจคือ นายสอาด ปิยวรรณ โดยพื้นฐานนายสะอาดเป็นคนชนบทของลำปางอีกทั้งยังเป็น คนพื้นเมืองขนาดแท้หรือที่เรียกว่า “คนเมือง” แต่ทว่าด้วย ความมุมานะกอรปกับมีทักษะด้านการค้าขาย นายสะอาด สามารถสร้างฐานะของตนเองขึ้นมาอยู่ในระดับคหบดีแถวหน้า ของจังหวัดลำปาง ทั้งๆที่โดยส่วนใหญ่คหบดีของจังหวัดลำปาง มักเป็นนักธุรกิจเชื้อสายจีนด้วยลักษณะดังกล่าว นายสอาด จึงอาศัยจุดเด่นนี้เป็นจุดขายทางการเมือง ดังที่คนลำปาง 158

บทสรุป เรียกขานนายสอาดว่า “พ่อเลี้ยงสอาด” ซึ่งบ่งบอกถึงความ เป็นคนเมืองที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ-สังคมที่สูงกว่าคนทั่วไป พร้อมกันนี้นายสอาดยังวางบุคลิกตนเองอีกว่าเป็นคนที่รักและ ภาคภูมิใจกับเมืองลำปาง การลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่อง “หนานทิพย์ช้าง” ถือเป็นตัวอย่างที่ประกาศให้เห็นบุคลิกดัง กล่าวและก็คงด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกันที่ถูกจัดนำไปฉาย ทั่วไปในเขตเลือกตั้งใน พ.ศ.2519 จนมีผลต่อการสร้างความ นิยมให้กับนายสอาดไม่มากก็น้อย ส่วนอีก 3 คนที่นับว่ามีบทบาททางการเมืองอย่าง โดดเด่นของจังหวัดลำปางในห้วงเวลาปัจจุบัน อีกทั้งยังจัดวาง ทายาทสืบต่อเอาไว้อีกด้วยคือ นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร, นายพินิจ จันทรสุรินทร์ และนายบุญชู ตรีทอง ทั้ง 3 บุคคล มีความเหมือนกันตรงที่เป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม อยู่ระดับนำของจังหวัดหรือเรียกได้ว่าเป็นชนชั้นสูงของจังหวัด กล่าวเฉพาะปัจจัยทุนทั้งนายไพโรจน์,นายพินิจและนายบุญชู ต่างก็สามารถอาศัยทุนดั้งเดิมของตนเองเข้าไปขับเคลื่อน กิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังสามารถจุนเจือ บุคลากรทางการเมืองในเครือข่ายของตนได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี แต่ละคนยังมีบุคลิกเป็นเฉพาะของตนอีกด้วย กรณีของนายไพโรจน์ คนลำปางทั่วไปรวมทั้งผู้นำชุมชน มักมองว่าตัวเขาเป็น “นักเลงโบราณ” กล่าวคือเป็นคนที่เข้าถึง ง่าย พูดจาภาษาชาวบ้าน อบอุ่นแต่ก็น่าเกรงขาม ยิ่งไปกว่านี้ ยังตอบรับการขอความช่วยเหลือจากฝ่ายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เข้าทำนอง “ใจถึงพึ่งได้” เมื่อประกอบกับความอาวุโส คนจึง 159

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง เรียกนายไพโรจน์ว่า “พ่อ” ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านี้ก็คือ คนลำปางมักเห็นภาพความเคลื่อนไหวของนายไพโรจน์อย่าง สม่ำเสมอผ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่นายไพโรจน์เป็นกรรมการ คนหนึ่งของมูลนิธิหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ตรงนี้นับเป็นข้อได้เปรียบ เมื่อเปรียบเทียบกับ ส.ส.คนอื่นของจังหวัด ส่วนนายพินิจ จันทรสุรินทร์ ผู้นำของกลุ่มดอยเงิน โดยทั่วไปบุคลิกภาพส่วนหนึ่งนับว่าคล้ายกับนายไพโรจน์ ตรงที่ คนลำปางก็มองนายพินิจเป็นคน “จิตใจนักเลง” กล่าวคือ เป็นคนที่เข้าถึงง่าย การวางตัวมิได้สลับซับซ้อนหรือที่เรียกว่า ไว้ตัวมากเกินไป ผู้นำชุมชนในเขตเลือกตั้งของนายพินิจให้การ ยอมรับว่า นายพินิจเป็นคนที่ชาวบ้านและชุมชนพึ่งพาอาศัยได้ ช่องทางและภาษาในการสื่อสารก็ไม่ได้ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีความ อบอุ่น ถ้าเปรียบเทียบกับนายไพโรจน์ มีผู้วิจารณ์ว่า นายพินิจ มีท่าทีอ่อนโยนยิ่งกว่า และถ้ามองลึกลงไปถึงชั้นทายาท ก็มีผู้วิจารณ์เป็นทำนองว่า ทายาทของนายพินิจมีวิถีชีวิตใน ลักษณะที่ชาวบ้านเรียกว่า “ทำตัวติดดิน” ยิ่งกว่า อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็สังกัดพรรคเดียวกัน อีกทั้งยังมีการ แบ่งเขตเลือกตั้งกันลงตัวเรียบร้อยมาหลายสมัย ดังนั้น จึงทำให้ไม่ต้องขัดแย้งกัน ถ้าจะมีก็เฉพาะช่วงมีการแข่งขัน ทางการเมืองระดับท้องถิ่นโดยเฉพาะระดับอบจ.ที่ทั้งสองฝ่าย สนับสนุนคนของเครือข่ายตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ ถึงกระนั้นก็มิได้ไต่ระดับไปถึงความรุนแรงแต่อย่างใด สุดท้าย นายบุญชู ตรีทอง บุคคลที่มีบุคลิกโดดเด่น ไปอีกแบบหนึ่ง กล่าวคือ นายบุญชู เป็นคนเชื้อสายไทใหญ่และ 160

บทสรุป มีพื้นเพอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อมาได้เข้ามาเรียนหนังสือที่ โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จังหวัดลำปาง ทำให้มีความผูกพัน กับลำปาง ยิ่งไปกว่านี้หากพิจารณาจากภูมิหลังการศึกษา ถือได้ว่านายบุญชูเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี รวมทั้ง มภี รรยาอยใู่ นแวดวงการศกึ ษาคอื สอนอยทู่ ม่ี หาวทิ ยาลยั แห่งหนึ่ง ทั้งสามส่วนนี้น่าจะมีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้นายบุญช ู มีจิตสำนึกในประวัติศาสตร์ดังจะเห็นได้จากการเป็นผู้อุปถัมภ์ ทายาทของเจ้าบุญวาทย์มานิตย์มาอย่างยาวนาน รวมทั้ง การอทุ ศิ ทด่ี นิ สว่ นตวั จำนวนมากใหก้ บั มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ วิทยาเขตลำปาง ที่สำคัญกิจกรรมดังกล่าว นายบุญชูมิเคยนำ ไปขยายผลให้เป็นผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวแต่อย่างใด อาจกล่าวได้ว่า บุคลิกภาพทางการเมืองที่สำคัญของนายบุญชู ก็คือการเป็นบุคคลที่ถึงไหนถึงกัน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก อุปนิสัยและอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการถือครองเงินทุนอย่าง มากมาย รวมทั้งตัวเขาเองยังเป็นนักวางเครือข่ายทางการเมือง ชั้นเยี่ยมโดยมีบุคคลในสังกัดที่จัดเป็นด้านบู้และบุ๋นมากมาย ไม่แพ้กลุ่มบ้านสวนและดอยเงิน อย่างไรก๊ดี ในตอนหลัง นายบุญชูเริ่มลดทอนบทบาททางการเมืองของตนเองลงมา แต่ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะยุติบทบาททางการเมืองแต่อย่างใด เท่าที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่านักการเมืองคน สำคัญของจังหวัดลำปางต่างก็จัดวางบุคลิกทางการเมืองของ ตนไปกันคนละแบบ ที่สำคัญบุคลิกภาพทางการเมืองนับว่ามี ความสำคัญเป็นอย่างมากในการถือเป็นปัจจัยที่จะนำมาซึ่ง ชัยชนะในการเลือกตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการ เลือกตั้งก่อน พ.ศ.2544 และถึงแม้ช่วงหลัง พ.ศ.2544 การแสดง 161

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง บุคลิกภาพทางการเมืองก็ยังคงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เช่นกัน แม้ว่าจะไม่เท่ากับปัจจัยด้านพรรคการเมือง ซึ่งนับวันจะ เพิ่มบทบาทสำคัญขึ้นไปเรื่อยๆ ผู้วิจัยขอเรียกว่า ช่วงน้ี การเมืองใน 8 จังหวัดภาคเหนือกำลังดำเนินไปสู่วงเขต ของการถือตัวเป็นคนของพรรค (Zoning of party identification) อนั เปน็ ลกั ษณะทเี่ คยปรากฏมากอ่ นในเขต จังหวัดภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือในปัจจุบัน ทั้งหมดที่กล่าวมา หากนำไปเปรียบเทียบกับกรณีอื่นๆ ทั้งภาคเหนือตอนบนด้วยกันเอง ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมี ผู้วิจัยหลายคนได้ศึกษาไว้ดังปรากฏในบทที่ 2 ผู้วิจัยมองว่า ภายใต้เงื่อนไขทางสังคมและวัฒนธรรมไทย การสื่อสารทาง การเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ลงคะแนน เสียงได้รู้จักผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรรมวิธีพื้นฐานก็คือ การสื่อสาร ผ่านคัทเอาท์และโปสเตอร์ขนาดต่างๆรวมทั้งใบปลิว แผ่นพับ และแผ่นพก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้สมัครยังต้องจัดให้มีการปราศรัย ใหญ่และย่อยตามจุดต่างๆ อย่างไรก็ตามเหล่านี้มิใช่เป็นปัจจัย ชี้ขาดการเลือกตั้ง บุคลิกภาพ เงินทุน และการจัดตั้งระบบ หัวคะแนน ต่างหากที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยที่ตอนหลังการ สังกัดพรรคการเมืองที่ประชาชนนิยมก็ยิ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญ เ ป ็ น อ ย ่ า ง ม า ก โ ด ย เ ฉ พ า ะ ก ร ณ ี ข อ ง ภ า ค เ ห น ื อ ต อ น บ น พรรคการเมืองที่ประชาชนนิยมมากที่สุดก็คือพรรคเพื่อไทย ดังนั้น นับตั้งแต่การเลือกตั้ง พ.ศ.2544 เป็นต้นมา ถ้าใครสังกัด พรรคการเมืองพรรคนี้ย่อมเป็นหลักประกันว่า จะได้รับการ เลือกตั้งในที่สุด 162

บทสรุป อน่ึง เมื่อพิจารณาในมุมมองของทฤษฎี ผู้วิจัยมอง ว่านักการเมืองของจังหวัดลำปางล้วนแล้วแต่เป็นคนเดิม หรือกลุ่มเดิมอันสะท้อนถึงการผูกขาดทางการเมืองหรือ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าไม่มีการหมุนเวียนในหมู่ชนชั้นนำ (circulation of elite) ยิ่งนักการเมืองอาวุโสได้จัดวางทายาท เอาไว้สืบต่อ ก็ยิ่งแสดงถึงแนวโน้มการผกู ขาดมากเท่านั้น อีกทั้ง หากมองไปที่การคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคที่ได้รับ ความนิยมซึ่งมักจะเลือกผู้สมัครคนเดิมรวมทั้งทายาทของ ผู้สมัครคนเดิมโอกาสที่บุคคลอื่นๆที่มีความสามารถทัดเทียมกัน หรือเหนือกว่าก็ย่อมจะหายไป เมื่อประสงค์จะลงสมัครรับ เลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องหันไปหาพรรคอื่น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ การได้สังกัดพรรคที่ได้รับความนิยม โอกาสก็ย่อมมีน้อยกว่า อีกประการหนึ่ง หากพิจารณาจากแรงจูงใจหรือแรงผลัก ดันภายในตามที่ทฤษฎีของ Oliver H.Worshinsky นักการเมือง ของจังหวัดลำปางคงมีลักษณะแตกต่างกันไป 2 แบบตาม ลำดับอาวุโส กล่าวคือนักการเมืองรุ่นผู้ใหญ่และรุ่นอาวุโส ถือเป็นบุคคลที่มีสถานะทางเศรษฐกิจ-สังคมอยู่ในระดับสูง อยู่แล้วทั้งในระดับจังหวัดและประเทศ ดังนั้น สิ่งที่พวกเขา ประสงค์จึงเป็นเรื่องของการได้รับการยกย่องและรักใคร่เป็น พิเศษ (Adulation Incentive) จากลูกน้องและประชาชนยิ่งกว่า จะเป็นเรื่องของสถานภาพ (Status Incentive) ตรงกันข้าม นักการเมืองรุ่นหลังหรือรุ่นทายาทของนักการเมืองอาวุโส สิ่งที่ พวกเขาประสงค์ก็คือการเลื่อนสถานะอย่างรวดเร็วหรือต้องการ สร้างชื่อเสียงโดยเร็ววันกล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาต้องการ ประสบผลสำเร็จในอาชีพทางการเมือง (Career achievement) 163

นักการเมืองถิ่นจังหวัดลำปาง และต้องการให้ตนเองเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป (marks of social recognition) นั่นเอง 164

บรรณานุกรม ภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันราชภัฏลำปาง. ประวัติและ ผลงานของนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดลำปาง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง มหาดไทย. (เอกสารเย็บเล่ม). ชาญณวุฒ ไชยรักษา. นักการเมืองถิ่นจังหวัดพิษณุโลก. (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2549). ไชยวุฒิ มนตรีรักษ์. นักการเมืองถิ่นจังหวัดเลย. (กรุงเทพฯ : สถาบัน พระปกเกล้า, 2551). ณรงค์ บุญสวยขวัญ. นักการเมืองถ่ินจังหวัดนครศรีธรรมราช. (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2549). ธวัช คำผิดตา. “กลยุทธ์และแนวทางในการดำเนินงานทางการเมือง ของนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์.” (การค้นคว้าอิสระรัฐศาสตร- มหาบัณฑิต (สาขาการเมืองการปกครอง)), บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2541.

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง บูฆอรี ยีหมะ. นักการเมืองถ่ินจังหวัดปัตตานี. (กรุงเทพฯ : สถาบัน พระปกเกล้า, 2549). ประชัน รักพงษ์. การศึกษาการหาเสียงในการเลือกตั้ง 27 กรกฎาคม 2529 จ.ลำปาง. (กรุงเทพฯ : สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศ ไทย, 2530). ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง. นักการเมืองถิ่นจังหวัดเชียงราย. (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า,2550). พรชัย เทพปัญญา. นักการเมืองถ่ินจังหวัดสมุทรปราการ. (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2548). . นักการเมืองถิ่นจังหวัดปทุมธานี. (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2549). . นักการเมืองถิ่นจังหวัดชลบุรี. (กรุงเทพฯ : สถาบัน พระปกเกล้า, 2552). พิชญ์ สมพอง. นักการเมืองถิ่นจังหวัดยโสธร. (กรุงเทพฯ : สถาบัน พระปกเกล้า, 2551). ภาคภูมิ ฤกขะเมธ. นักการเมืองถิ่นจังหวัดตาก. (กรุงเทพฯ : สถาบัน พระปกเกล้า, 2552). รักฎา เมธีโภคพงษ์ และวีระ เลิศสมพร. นักการเมืองถ่ินจังหวัด เชียงใหม่. (กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2551). สมบัติ จันทรวงศ์. การเมอื งเรอื่ งการเลอื กต้งั : ศึกษาเฉพาะกรณีการ เลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2529. (กรุงเทพฯ : มูลนิธิเพื่อการศึกษา ประชาธิปไตยและการพัฒนา, 2530). . เลือกตั้งวิกฤติ : ปัญหาและทางออก. (กรุงเทพฯ : คบไฟ, 2536). สุรีศรี สารพฤกษ์. “การเข้าสู่วงการเมืองของนักธุรกิจในจังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง.” (การค้นคว้าอิสระรัฐศาสตร- มหาบัณฑิต (สาขาการเมืองการปกครอง)), บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2553. 166

บรรณานุกรม หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพนายบุญหลง ถาคำฟู. (ไม่ปรากฏ สถานที่และปีที่พิมพ์). อโณทัย วัฒนาพร. “การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของภาคเหนือตอนบน ในรอบ 3 ทศวรรษ (2518-2548) : การสำรวจเบื้องต้น.” ใน วารสารสถาบันพระปกเกล้า ปีที่ 3 ฉบับที่1 (ม.ค.-เม.ย. 2548). ภาษาองั กฤษ Austin Ranney. Governing : An Introduction to Political Science. (Prentice-Hall, 1996) Gabriel A. Almond. “The Civic Culture Concept” in Roy C. Macridis and Bernard E. Brown (eds.) Comparative Politics : Notes and Readings. (California: Wadsworth, 1990). James C. Scott. “Patron-Client Politics and Social Change in Southeast Asia” in America Political Science Review (66: 1,1972). Lasswell Harold. Politics : Who Gets What, When, How?. (New York: McGraw-Hill,1936). M.L. Miler. “Political Participation and Voting Behavior” in Mary Hawhesworth and Maurice Kogan (eds.), Encyclopedia of Government and Politics Vol.1. (London: Routledge,1998). Martin N. Marger. Elite and Masses.(N.Y.: D.Van Nostrand,1981). Oliver H. Woshinsky. Cultural and Politics. (New Jersey: Prentice Hall,1995). Samuel P. Huntington and Joan M. Nelson. No Easy Choice : Political Participation in Developing Countries. (Massachusetts: Harvard University Press,1976). Tom B.Bottomore. Elite and Society. (Baltimore: Penguin,1996). 167

นักการเมืองถ่ินจังหวัดลำปาง ขอ้ มูลออนไลน ์ สำนักงานจังหวัดลำปาง. ประวัติจังหวัดลำปาง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.lampang.go.th/t_lampang/ (5 พฤศจิกายน 2555). สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำปาง. การแบ่งเขต เลือกตั้ง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www2.ect.go.th/ a b o u t . p h p ? P r o v i n c e = l a m p a n g & S i t e M e n u I D = 2 9 3 4 (6 พฤศจิกายน 2555). สุภัทร คำมุงคุณ. บุญเท่ง ทองสวัสดิ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php/บุญเท่ง_ทองสวัสดิ์ (6 พฤศจิกายน 2555). ไม่ปรากฏ. ธารทอง ทองสวัสดิ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http:// th.wikipedia.org (6 พฤศจิกายน 2555). อาร์วายทีไนน์. ประวัติย่อนายบุญชู ตรีทอง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.ryt9.com/s/refb/227089 (10 ธันวาคม 2555). สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คณะกรรมาธิการสภาผู้แทน ราษฎร. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://www.parliament.go.th/ ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_news.php?nid=1471& filename=index (10 ธันวาคม 2555). สมั ภาษณ ์ สัมภาษณ์ อาจารย์พล ครู ณารักษ์ อดีตอาจารย์ประจำโรงเรียนป่าไม้แพร่ วันที่ 10 กันยายน 2555. สัมภาษณ์ กำนันกฤษณะชัย ปะละ อดีตกำนันตำบลไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง วันที่ 10 มกราคม 2555. สัมภาษณ์ นายจิณห์ ถาคำฟู ญาติสนิทของบุญหลง ถาคำฟู วันที่ 15 สิงหาคม 2555. สัมภาษณ์ นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ อดีตวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง วันที่ 20 มิถุนายน 2555. 168

บรรณานุกรม สัมภาษณ์ นายนิพนธ์ นันทะสี ส.จ.อ.งาว วันที่ 17 สิงหาคม 2555. สัมภาษณ์ นายประวัติ ธรรมศร ประธาน อบต.ต.นาแก วันที่ 17 สิงหาคม 2555. สัมภาษณ์ นางนิตยา เรือนศรีวัน ผู้ประการธุรกิจค้าไม้จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันที่ 15 ตุลาคม 2555. สัมภาษณ์ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปางหลายสมัย วันที่ 16 ตุลาคม 2555. สัมภาษณ์ นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมตรีเทศบาลนครเขลางค์ วันที่ 20 มิถุนายน 2555. สัมภาษณ์ นายวาสิต พยัคฆบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง วันที่ 13 กันยายน 2555. 169