นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน วงศ์นันทน์ เป็นบุคคลชั้นนำของจังหวัดในยุคนั้น เนื่องจาก สืบเชื้อสายมาจากเจ้าผู้ครองนครน่านและจะเห็นได้ว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเป็นการเลือกตั้ง ทางอ้อม คือ ประชาชนจะเลือกตัวแทนตำบลก่อน แล้วตัวแทน ตำบลจึงจะเลือกผู้แทนราษฎรอีกครั้งหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า การเลือกตั้งครั้งแรก จึงเป็นการเลือกกันเองระหว่างชนชั้นนำ ของจังหวัด โดยมีฐานเสียงที่สำคัญคือ กำนัน ผู้ใหญ่ บทบาททางการเมือง นายจำรัส มหาวงศ์นันทน์ นอกจากจะเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 4 สมัยแล้ว ยังมีบทบาทการเมืองในระดับท้องถิ่น คือได้ทำงานการเมืองระดับท้องถิ่น เป็นนายกเทศบาลเมือง น่าน เลือกตั้ง เมื่อ พ.ศ.2489 – 2490 กลวิธีหาเสียง การหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วง แรกๆ ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองนายจำรัส มหาวงศ์- นันทน์ อาศัยระบบเครือข่ายของญาติพี่น้องโดยเฉพาะที่เป็น ลูกหลานที่สืบเชื้อสายผู้ปกครองนครน่านในอดีต สำหรับการ หาเสียงยังไม่มีความซับซ้อนมากนัก ยังไม่มีการใช้จ่ายเงิน มากมายเหมือนปัจจุบัน ไม่มีหัวคะแนน ไม่มีการซื้อเสียง เพราะประชาชนยังไม่ได้เรียกร้องเงินจากผู้สมัคร สำหรับ กลยุทธ์ในการหาเสียง ใช้วิธีการออกไปพบปะพูดจาปราศรัยกับ ประชาชนโดยเฉพาะผู้นำชุมชน มีการแจกหนังสือ แจกใบปลิว มีการเดินไปเยี่ยมเยือนประชาชนถึงบ้าน เนื่องจากพื้นที่ 88
บทวิเคราะห์ ในจังหวัดมีความกว้างใหญ่เมื่อถึงบ้านไหนก็นอนบ้านนั้น เจ้าของบ้านก็หาอาหารมาเลี้ยงดู เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดี และเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้มาก อีกทั้งหากประชาชน ต่างอำเภอเดินทางมาระยะทางไกลๆ ไม่มีที่พักอาศัยก็สามารถ เข้าพักที่บ้านของตนได้ นายจำรัส มหาวงศ์นันทร์ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ เป็นชนชั้นนำของจังหวัด แต่เข้าหาได้ง่าย มีความ เป็นกันเอง พึ่งพาได้ ชอบช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน 2. นายสมบูรณ์ บัณฑิต นายสมบูรณ์ บัณฑิต เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 5 สมัย คือ จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2489 (ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด), วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 (ครั้งที่1) (สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา), วันที่ 15 ธันวาคม 2500 (ครั้งที่ 2) (ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด), วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 (สังกัดพรรคสหประชาไทย) และวันที่ 26 มกราคม 2518 (สังกัดพรรคธรรมสังคม) ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายสมบูรณ์ บัณฑิต เป็นคนจังหวัดน่านโดยกำเนิด บิดาชื่อขุนมนัสระบิล และมารดาชื่อนางคำอ้วน บัณฑิต ภรรยาชื่อนางทองดี บัณฑิต มีบุตรธิดา 5 คน ได้แก่ รศ. ดร.แพทย์หญิงวินิดา บัณฑิต, รศ.ระวิวรรณ ศรีคร้ามครัน, นายแพทย์ชัยวุฒิ บัณฑิต, นางสาวอรวรรณ บัณฑิต และ 89
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน นางศิริยา อังสุมาลี นายสมบูรณ์ บัณฑิต มีนิสัยรักการศึกษา เล่าเรียนโดยเดินทางจากจังหวัดน่านเข้ามาศึกษาเล่าเรียนที่ กรุงเทพฯ โดยพักอาศัยที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามสำเร็จ การศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และ การเมือง อาชีพทนายความ บทบาททางการเมือง นายสมบูรณ์ บัณฑิต ได้เป็นเลขารัฐมนตรีในขณะที่เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยแรก และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ในสมัยนายควง อภัยวงศ์ อีกทั้งได้ร่วมออก กฎหมายหลายฉบับ กลวิธีหาเสียง กลวิธีหาการเสียงที่สำคัญของนายสมบูรณ์ บัณฑิต เนื่องจากเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จบการศึกษา ในระดับปริญญาตรีคนแรกของจังหวัดน่าน จึงใช้เป็นคุณสมบัติ ส่วนตัวในการหาเสียง ในการลงพื้นที่นายสมบูรณ์ บัณฑิต ได้ลงพื้นที่หาเสียงด้วยตนเอง เข้าทำนอง “ทัวร์นกขมิ้น” คือ ไปเป็นวันๆ ค่ำไหนนอนนั้น สำหรับในพื้นที่ห่างไกลก็จะเดิน ทางโดยการขี่ม้าเข้าไปหาเสียงในพื้นที่ เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มี รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ โดยจะไปพบผู้มีบารมีในชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่ อีกทั้งนายสมบูรณ์ บัณฑิต เป็นคนที่ประชาชน คนในพื้นที่พึ่งพิงได้เมื่อประชาชนในพื้นที่ไปกรุงเทพฯ ไม่มีที่พัก ก็สามารถไปนอนที่บ้านของนายสมบูรณ์ บัณฑิต มีการจัดหา อาหารให้ทาน และหากต้องการฝากลูกฝากหลานทำงานหรือ 90
บทวิเคราะห์ เรียน ก็จะเป็นคนที่ประสานให้ เมื่อได้งบประมาณสนับสนุน จากภาครัฐก็สนับสนุนแบ่งเงินบริจาคให้วัดต่างๆ ภายใน จังหวัดน่าน มอบเงินรางวัลและถ้วยรางวัลให้แก่ประเพณี การแข่งเรือยาว สำหรับสื่อที่ใช้ได้แก่ใบปลิว ซึ่งพิมพ์จาก กรุงเทพฯ ไปแจกประชาชนในพื้นที่ นายสมบูรณ์ บัณฑิต มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ เป็นทนายความที่มีการศึกษาสูง มีความรู้ ความสามารถ สามารถทำงานในหน้าที่และพูดจาเป็นปาก เป็นเสียงภายในรัฐสภาได้ 3. นายมานพ ประทุมอิน นายมานพ ประทุมอิน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายมานพ ประทมุ อนิ กำเนดิ ทจ่ี งั หวดั เชยี งใหม่ มเี ชอ้ื สาย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ภรรยาชื่อ นางอวน ประทุมอิน มีบุตร ชาย 1 คน ชื่อ นายมนัส ประทุมอิน ต่อมาได้ย้ายไปจังหวัด น่านโดยแต่งงานกับภรรยาใหม่ ชื่อนางขจีเพชร ประทุมอิน มีบุตรบุญธรรม ชื่อ เขมิกา ประทุมอิน ประกอบอาชีพ ทนายความชั้น 2 ซึ่งสามารถว่าความได้เฉพาะภายในจังหวัด น่าน 91
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน บทบาททางการเมือง ไม่ปรากฏข้อมูลที่ชัดเจน กลวิธีหาเสียง นายมานพ ประทุมอิน อาศัยความรู้ ประสบการณ์ทาง ด้านการประกอบอาชีพทนายความให้เป็นประโยชน์ในการ แนะนำตนเอง ด้วยการช่วยเหลือชาวบ้าน หากลูกความอยู่ต่าง อำเภอไม่มีที่พักก็จะให้พักอาศัยภายในบ้าน กลวิธีการหาเสียง พื้นฐาน จะใช้วิธีการเข้าไปหาเสียงด้วยตนเองในหมู่บ้านโดยมี การจัดการแสดงฉายภาพยนตร์ แล้วใช้การปราศรัยหาเสียง ในช่วงดังกล่าว มีการติดใบปลิวหาเสียง การเคาะประตูบ้าน การหาสุราและกับแกล้งไปดื่มกินกับชาวบ้านในช่วงการหาเสียง มีการสร้างเครือข่ายและเข้าหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อใช้เป็น ฐานคะแนนเสียง นายมานพ ประทุมอิน มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ คือ เป็นทนายความที่ปากกล้า กล้าได้กล้าเสีย พึ่งพาได้ ใจถึง 4. นายประดิษฐ์ ณ น่าน นายประดิษฐ์ ณ น่าน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 1 สมัย ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 โดยไม่ได้มีการสังกัดพรรคการเมืองใด 92
บทวิเคราะห์ ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายประดิษฐ์ ณ น่าน สืบเชื้อสายมาจากเจ้าผู้ครอง นครน่าน เป็นบุตรของ นายพรม ณ น่าน และนางดาวเรือง ณ น่าน มีพี่น้อง 13 คน ได้แก่ นายล้วน ณ น่าน, นายประดิษฐ์ ณ น่าน, นายประสิทธิ์ ณ น่าน, นางฟ้าคะนอง ณ น่าน, นางดาวบิน ณ น่าน, นางดวงเดือน ณ น่าน, นายสมบูรณ์ ณ น่าน, นางประกาย ณ น่าน, นางเกี๋ยนทอง ณ น่าน, นางเนียน ณ น่าน,นางเพียร ณ น่าน,นายณรงค์ ณ น่าน และ นางธิดาวรรณ ณ น่าน นายประดิษฐ์ ณ น่าน ได้สมรสกับ นางโคมทอง ณ น่าน มีธิดา 2 คน คือ นางสมปรารถนา ณ น่าน และ นางวาสนา ภูวุฒิกุล มีภูมิลำเนา อยู่ที่คุ้มเจ้าราช บุตรหมอกฟ้า ณ น่าน 79 ถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายประดิษฐ์ ณ น่าน ประกอบ อาชพี รบั ราชการในชว่ งสน้ั ๆ แลว้ จงึ ลาออกมาเปน็ ผจู้ ดั การไมส้ กั ซึ่งในอดีตมีการให้สัมปทานการตัดไม้สักภายในจังหวัดน่าน บทบาททางการเมือง นายประดิษฐ์ ณ น่าน นอกจากจะเป็นสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรแลว้ ยงั มบี ทบาทการเมอื งในระดบั ทอ้ งถน่ิ กลา่ วคอื ได้ทำงานการเมืองระดับท้องถิ่น คือ เป็นนายกเทศบาลเมือง นา่ น 2 สมยั จากการเลอื กตง้ั เมอ่ื พ.ศ.2496 - 2501 ซง่ึ ในขณะนน้ั นายประดิษฐ์ ณ น่าน ยังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่านอีกตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากกฎหมายขณะนั้น อนุญาตให้สามารถดำรงตำแหน่งควบกันได้ และเป็นนายก- เทศมนตรีเทศบาลเมืองน่าน พ.ศ. 2506 – 2511 93
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน กลวิธีหาเสียง นายประดิษฐ์ ณ น่าน ใช้ศักยภาพของตระกูลซึ่งเป็นที่ รู้จักกันอย่างกว้างขวางในจังหวัดน่านอาศัยระบบเครือญาต ิ พี่น้องที่เป็นเจ้าผู้ครองนครน่านในอดีต สำหรับวิธีการหาเสียงใช้ วิธีการเดินเข้าถึงประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ มีการปราศรัยพูด คุยกับชาวบ้าน มีการแจกหนังสือ สิ่งของ มีการจัดเลี้ยงอาหาร ซึ่งขณะนั้นกฎหมายเปิดทางให้ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย นายประดิษฐ์ ณ น่าน มีฐานคะแนนเสียงที่สำคัญอยู่ในเขต เทศบาลเมืองน่าน นายประดษิ ฐ์ ณ นา่ น มภี าพลกั ษณท์ ป่ี รากฏตอ่ สาธารณะ เป็นชั้นชนนำของจังหวัด พึ่งพาได้ สามารถให้ความช่วยเหลือ แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ สรุปภาพรวมการเมืองจังหวัดน่านในยุคแรก นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่านในยุคแรก ส่วนใหญ่ไม่ได้ สังกัดพรรคการเมือง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ให้ความ สำคัญหรือนิยมตัวบุคคลมากกว่าพรรคการเมือง อีกทั้ง กฎหมายก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมือง นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมักเป็นบุคคลชั้นนำกล่าวคือ นายจำรัส มหาวงศ์นันทน์ เป็น ส.ส. 4 สมัย และนายประดิษฐ์ ณ น่าน บุคคลทั้งสองเป็นบุคคลที่สืบเชื้อสายมาจากเจ้าผู้ครอง นครน่านในอดีต ซึ่งจังหวัดน่านมีประวัติศาสตร์ที่ถูกปกครอง โดยเจ้าครองนครน่านมาอย่างยาวนาน สำหรับในการเลือกตั้ง ครั้งที่ 4/1และครั้งที่ 4/2 ในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งมี 94
บทวิเคราะห์ ความรู้ความสามารถทางด้านกฎหมาย เป็นช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนจังหวัดน่านเริ่มให้ความสำคัญ กับนักการเมืองถิ่นที่มีการศึกษาโดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ทางด้าน กฎหมายจึงมีการเลือกผู้แทนราษฎรที่เป็นทนายความถึง 2 คน คือ นายสมบูรณ์ บัณฑิต และนายมานพ ประทุมอิน สำหรับ กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มข้าราชการ ยังไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำ หน้าที่ การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดน่านยุคสอง (พ.ศ.2512 - 2555) ก า ร เ มื อ ง ใ น จั ง ห วั ด น่ า น ยุ ค นั ก ก า ร เ มื อ ง นั ก ธุ ร กิ จ ข้าราชการ และทนายความ การเมืองของจังหวัดน่านไม่เคยปรากฏในเรื่องของการ ใช้อิทธิพล ความรุนแรง ไม่มีภาพลักษณ์ของนักการเมืองถิ่น ที่เป็นเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพลหรือการต่อสู้ที่รุนแรง ดุเดือด แต่สังคม ของจังหวัดน่าน เป็นลักษณะสังคม ชุมชนที่รักความสงบ รักสันติ สำหรับการเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดน่านยุคสอง นี้ นักธุรกิจ ข้าราชการ เริ่มที่จะมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดน่านเริ่มมี การใช้เงินมากขึ้น มีการซื้อเสียง มีการจัดตั้งหัวคะแนน มีการใช้ สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ มีกลยุทธ์การหาเสียงที่มีความสลับ ซับซ้อนขึ้นกว่าการเมืองในยุคแรก ยุคที่สอง เริ่มตั้งแต่การใช้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 ได้มีการจัดการ 95
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 ซึ่งห่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนนานกว่า 10 ปี โดยการ ประกาศให้มีการเลือกตั้งของ พลเอกถนอม กิตติขจร นักธุรกิจ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นำโดยตระกูล “โลหะโชติ” ซึ่งทำ ธุรกิจโรงบ่มหลายสถานีได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดน่านเป็นสมัยแรก พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ บัณฑิต ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด น่านเป็นสมัยที่ 4 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จังหวัดน่าน มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรได้ 2 คน ทั้งสองสังกัดพรรคสหประชาไทย ซึ่งมีพลเอกถนอม กิตติขจร เป็นหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้ง ครั้งนั้นพรรคที่ได้เสียงข้างมากคือพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เนื่องจากกฎหมายในขณะนั้น เปิดทาง ให้บุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้จะต้องได้รับเสียงข้างมาก จากทั้งสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง และวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง จอมพลถนอม กิตติขจร ได้รับเลือกจากสภาให้ดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริหารงานได้ประมาณ 2 ปี (ปี 2512- 2514) จึงได้ทำการปฏิวัติรัฐบาลของตนเอง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 เหตุผลที่สำคัญคือไม่สามารถควบคุม พรรคการเมืองที่สนับสนุนตนเองได้ จอมพลถนอม กิตติขจร จัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาใหม่และบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2515 ถึง วันที่ 14 ตุลาคม 2516 เกิดเหตุการณ์ 14 ตลุ าคม 2516 เปน็ การลกุ ฮอื ของประชาชนเรอื นแสน เพอ่ื ตอ่ ตา้ น รัฐบาลเผด็จการทหาร จอมพลถนอม จึงได้ตัดสินใจลาออกจาก ตำแหน่ง 96
บทวิเคราะห์ ต่อจากนั้นก็มีการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 26 มกราคม 2518 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน คือ นายประเสริฐ ทุ่งสี่ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการโรงบ่ม และนายสมบูรณ์ บัณฑิต สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดน่านสมัยที่ 5 พรรคธรรมสังคม ซึ่งเป็น สมัยสุดท้ายแล้ววางมือทางการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลให้ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็น นายกรัฐมนตรี แต่บริหารงานได้ ไม่นานต้องยุบสภาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2518 ต่อมา ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มีเพียง 18 เสียง ได้จัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2518 รัฐบาลคึกฤทธิ์ บริหารงานภายใต้ความกดดันทาง การเมือง อยู่ได้ไม่นานจึงตัดสินใจยุบสภา การเลือกตั้งครั้งใหม่จึงจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน เป็น นักธุรกิจเจ้าของกิจการโรงบ่มทั้งสองคน คือ นายสมชาย โลหะโชติ สังกัดพรรคชาติไทย และนายทวี บุญซื่อ สังกัดพรรค กิจสังคม สำหรับ ส.ส.ทั้งสองคน มีฐานคะแนนเสียงคือ “ลูกไร่” เป็นสำคัญ ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับ เลือกตั้งเข้ามาจำนวนมาก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จึงได้กลับ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ต่อมาเกิดเหตุการณ์คือ จอมพลถนอม กิตติขจร กลับเข้ามาประเทศเพื่อที่จะอุปสมบท ม.ร.ว.เสนีย์ จึงได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2519 แต่ก็ได้กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้ง 97
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน แต่สถานการณ์การเมือง เกิดความวุ่นวาย นักศึกษา ประชาชน เกิดการประท้วง รัฐบาลแก้ไขเหตุการณ์ไม่ได้จึงเกิดการยึด อำนาจโดย พลเรือเอกสงัด ชะลออยู่ มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้น มาใหม่พร้อมทั้งประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 โดยมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 สำหรับการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดน่านครั้งนี้ ได้นักการเมืองถิ่นหน้าใหม่ คือ นายคำรณ ณ ลำพูน สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ และนายสุชาติ คำนันท์ สังกัดพรรคชาติไทย หลังการเลือกตั้ง พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้ดำรงตำแหน่ง นายกรฐั มนตรปี ระมาณ 9 เดอื นจงึ ตดั สนิ ใจลาออกจากตำแหนง่ ส่งผลให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เข้าดำรงตำแหน่งนายก- รัฐมนตรีโดยมติของสภา และได้บริหารประเทศ 3 ปี จึงได้ยุบ สภา มีกำหนดการเลือกตั้งครั้งใหม่ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 สำหรับจังหวัดน่านเป็นครั้งแรกที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพิ่มขึ้นอีก 1 คนรวมเป็น 3 คน สำหรับ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน คือ นายสมชาย โลหะโชติ สังกัดพรรคชาติไทย, นายวัลลภ สุปริยศิลป์ สังกัดพรรค กิจสังคม และนายคำรณ ณ ลำพนู พรรคประชาธิปัตย์ หลังเลือกตั้งพรรคกิจสังคมได้เสียงข้างมากแต่ไม่ได้ จัดตั้งรัฐบาลเนื่องจากการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องมีการเลือก จากทั้งสองสภาคือสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และวุฒิสภาซึ่งมาจากการแต่งตั้ง สภาลงมติให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 และได้บริหารงาน 3 ปี ได้ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสียงมากที่สุด 98
บทวิเคราะห์ แต่สภามีมติเสนอให้พลเอกเปรม เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัย ที่ 3 สำหรับผู้ที่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน ในครั้งนี้เป็นที่น่าสนใจเนื่องจากมีผู้สมัครหน้าใหม่ ได้แก่ นายเดช วงศ์เทพ พรรคสหประชาธิปไตย ซึ่งประกอบอาชีพครู เป็นวิทยากรลูกเสือชาวบ้านและเป็นนักจัดรายการวิทยุ ซึ่ง ชาวบ้านเรียกกันจนติดหูว่า “ตั๋น ก๋วงใน” สำหรับสโลแกน ในการหาเสียงเลือกตั้งมีว่า “เลือกใครก็ได้ แต่เลือกตั๋น ก๋วงใน ด้วยคน” เป็นกลยุทธ์ในการหาเสียงที่กันคะแนนคู่แข่งขัน ได้มากเลยทีเดียว ในแง่ที่ว่าเลือกใครก็ได้ แต่อย่าเลือกเบอร์นั้น เบอร์นี้ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการหาเสียงและ สอดแทรกเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยแรกได้ เป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 71,644 คะแนน ทิ้งห่าง อันดับ 2 (51,082 คะแนน) คือ นายคำรณ ณ ลำพูน พรรค ประชาธิปัตย์ และอันดับ 3 (42,663 คะแนน) คือนางสาวพูนสุข โลหะโชติ พรรคชาติไทย ทั้ง 3 คนไม่ได้สังกัดพรรคเดียวกัน สำหรับนางสาวพูนสุข โลหะโชติ เป็นบุตรสาวของ นายสมชาย โลหะโชติ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดคือ 27 ปีในขณะนั้น และ ในการเลือกตั้งครั้งนั้นนายสมชาย โลหะโชติ ก็ลงสมัครรับ เลือกตั้งด้วยแต่กลายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสอบตกไป เนื่องจากการเลือกตั้งในครั้งนั้น ตระกูล “โลหะโชติ” ถูกโจมตี ว่า จะพยายามผูกขาดทางการเมืองของจังหวัดน่าน เพราะ ถ้าหากเลือกทั้งสองคนก็จะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง คนเดียว ทำให้นายสมชาย โลหะโชติ ต้องเลือกตัวเองหรือ 99
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน ลูกสาว จึงได้เกิดประโยคที่ว่า “ถ้าเลือกโลหะโชติเพียงคนเดียว ก็ขอให้เลือก น.ส.พูนสุข” จึงถือได้ว่า นางสาวพูนสุข โลหะโชติ เป็นผู้สืบทอดทายาททางการเมืองจากผู้เป็นพ่อ สำหรับ นายสมชาย โลหะโชติ ได้ตัดสินใจวางมือทางการเมืองโดยยุติ การลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรน่าน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประสบปัญหาในการบริหาร งาน จึงตัดสินใจยุบสภา เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2531 และจัดให้ มีการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 พลเอก เปรม ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนายก สภามีมติเลือกพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับการรับเลือกตั้งเข้ามาได้แก่ นางสาวพูนสุข โลหะโชติ พรรคชาติไทย และพรรครวมไทยภายหลังได้เปลี่ยน เป็นพรรคเอกภาพ คือ นายวัลลภ สุปริยศิลป์ และนายเดช วงศ์เทพ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2531 จนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534ได้ถูกยึดอำนาจ โดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติหรือ รสช. นำโดย พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ พร้อมเสนอนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 การเลือกตั้งมีขึ้นเมื่อวันที่ 22มีนาคม 2535 ผู้ที่ได้รับ การเลือกตั้งของจังหวัดน่าน พลเอกสนั่น เศวตเศรนี พรรค ความหวังใหม่ อดีตข้าราชการทหาร นางสาวพูนสุข โลหะโชติ พรรคชาติไทย และนายวัลลภ สุปริยศิลป์ พรรคสามัคคีธรรม 100
บทวิเคราะห์ พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงมากที่สุด คือ พรรค สามัคคีธรรม 79 ที่นั่ง ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้ได้รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคือ พลเอกสุจินดา คราประยูร ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2535 ภายหลังเกิด เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2535 นายอานันท์ ปันยารชุน เข้ารับตำแหน่งแทนโดยมติของสภาผู้แทนราษฎร ชดุ เดมิ รฐั บาลอานนั ท์ อยไู่ ดโ้ ดยใชร้ ะยะเวลาสน้ั ๆ จงึ ไดย้ บุ สภา แล้วกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 การเลือกตั้งครั้งนี้ การเมืองภายในจังหวัดน่านมีการ เปลี่ยนแปลงมากขึ้น มีกระแสพลังธรรมฟีเวอร์ของคนกรุงเทพ ทำให้ผู้สมัครของพรรคพลังธรรมได้แจ้งเกิดทางการเมือง ในจังหวัดน่าน สำหรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนของพรรคพลังธรรมในครั้งนี้ คือ นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล อาชีพข้าราชการครู นายคำรณ ณ ลำพูน พรรค ประชาธิปัตย์ และนางสาวพูนสุข โลหะโชติ พรรคชาติไทย สำหรับพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด ได้แก่ พรรค ประชาธิปัตย์ ส่งผลให้ นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชา- ธิปัตย์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากรับตำแหน่งถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 จงึ ตดั สนิ ใจยบุ สภา แลว้ จดั ใหม้ กี ารเลอื กตง้ั ขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ การเมืองภายในจังหวัดน่าน ผู้ที่ได้ รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน ได้แก่ พล.อ.สนั่น เศวตเศรนี พรรคชาติไทย นายคำรณ ณ ลำพูน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวัลลภ สุปริยศิลป์ พรรคชาติไทย 101
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน พรรคชาติไทยได้รับเลือกตั้งมามากที่สุด นาย บรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยถูกเสนอชื่อให้เป็น นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2538 ภาย ใต้รัฐบาลผสม 6 พรรค นายบรรหาร ถูกกดดันทางการเมือง จากพรรคภายในพรรคและพรรคต่างๆ นายบรรหารจึงตัดสินใจ ยุบสภา และให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคความหวังใหม่ได้รับเลือกตั้ง เข้ามามากที่สุด คือ 125 ที่นั่ง ทำให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เปน็ นายกรฐั มนตรี การเมอื งภายในจงั หวัดน่านผทู้ ไ่ี ด้รบั เลอื กตั้ง คอื นายคำรณ ณ ลำพนู พรรคประชาธปิ ตั ย์ นายวลั ลภ สปุ รยิ ศลิ ป์ พรรคชาติพัฒนา และนางสาวพูนสุข โลหะโชติ พรรคชาติไทย รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ บริหารงานประเทศ ท่ามกลางปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ในที่สุด จึงได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน แต่ปรากฏว่าเกิดกรณี “งูเห่า” ขึ้นทำให้ นายชวน หลีกภัย ได้กลับเข้ามาเป็นนายก- รัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2540ในช่วงนี้เอง นายคำรณ ณ ลำพูน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 นับว่าเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรน่านคนแรกที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 102
บทวิเคราะห์ นายชวน หลีกภัย ได้ประกาศยุบสภาให้มีการเลือกตั้ง ทั่วไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 การเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีการ แบ่งเขตจังหวัดชัดเจนแต่ละจังหวัด สำหรับจังหวัดน่านถูกแบ่ง เป็น 3 เขต ด้านการเมืองภายในจังหวัดน่าน กระแสพรรคไทย รักไทยมาแรงมากทำให้ได้ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกไป 2 เขต คือ เขต 2 นายชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งเป็น ผู้สมัครหน้าใหม่ และเขต 3 นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ส่วนอีกที่นั่ง เขต 1 เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายคำรณ ณ ลำพูน สาเหตุที่นายคำรณ ณ ลำพูน สอดแทรกเข้ามาได้เนื่องจาก ชาวบ้านยอมรับ ศรัทธาและมีผลงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยัง พึ่งผ่านตำแหน่งรัฐมนตรีมา การเลือกตั้งครั้งนี้ เกิดกระแสพรรคไทยรักไทยฟีเวอร์ ทำให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี พร้อมพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค คือ พรรค ความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคเสรีธรรม ภายหลังทั้ง 3 พรรค ถูกยุบรวมเข้ากับพรรคไทยรักไทย รัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ อยู่จนสิ้นสุดวาระ (4 ปี) จึงได้มีการจัดเลือกตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 การเลือกตั้งมีการแบ่งเป็น 3 เขต เหมือนการเลือกตั้งครั้งก่อน การเมืองภายในจังหวัดน่าน กระแสพันตำรวจโททักษิณ และพรรคไทยรักไทยมาแรงทำให้ผู้สมัครของพรรคได้รับการ เลือกตั้งทั้ง 3 เขต นับเป็นครั้งแรกของการเมืองภายในจังหวัด น่าน ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากพรรคเดียวกันทั้ง 103
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน จังหวัด สำหรับ นายคำรณ ณ ลำพูน ไม่สามารถสอดแทรก เข้ามาได้เหมือนกับการเลือกตั้งในครั้งก่อน จึงเป็น สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสอบตก ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเขต 1 คือ นางสิริทร รามสูต ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหน้าใหม่ แต่เป็น น้องสาวของนางสาวพูนสุข โลหะโชติ ซึ่งวางมือทางการเมือง และได้สนับสนุนน้องสาวให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง อาจกล่าวได้ว่า นางสิริทร รามสูต คือทายาททางการเมืองของนางสาวพูนสุข โลหะโชติ และนายสมชาย โลหะโชติผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง เขต 2 คือ นายชลน่าน ศรีแก้ว และ เขต 3 คือ นายวัลลภ สุปริยศิลป์ จากการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับการ เลือกตั้งถึง 377 คน และได้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวขึ้นมาได้ โดยพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลงั จากบรหิ ารประเทศไปไดไ้ มน่ าน นายกรฐั มนตรพี นั ตำรวจโท ทักษิณ ได้ถูกกล่าวหาว่ามีการ “ซุกหุ้นภาคสอง” และขาย ทรัพย์สินโดยหลีกเลี่ยงภาษี เกิดการชุมนุมประท้วง เกิดความ วุ่นวายภายในประเทศขึ้น นายกพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร จึงตัดสินใจยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดปัญหาขึ้นมา มากมาย เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรค มหาชน ไม่ยอมส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้ง มีการฟ้องร้อง กล่าวหาว่า พรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กให้ส่งคนลงสมัคร รับเลือกตั้ง มีการต่อต้านคัดค้านการเลือกตั้ง ต่อมา ศาล รัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนญู 104
บทวิเคราะห์ สำหรับนักการเมืองถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดเดียวกันกับการเลือกตั้งในครั้งก่อน คือ นางสิริทร รามสูต นายชลน่าน ศรีแก้ว และ นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ต่อมาพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยใช้ชื่อว่าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้ทำการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ขึ้น และได้จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 สำหรับพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ให้ยุบพรรค แต่มีการจัดตั้งพรรคใหม่ใช้ชื่อว่าพรรคพลัง- ประชาชน การเมืองภายในจังหวัดน่าน ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็น ผู้แทนราษฎรจังหวัดน่านเป็นชุดเดียวกับการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่สังกัดพรรคพลังประชาชนคือ นางสิรินทร รามสูต, นายชล น่าน ศรีแก้ว และนายวัลลภ สุปริยศิลป์ ภายหลังการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชน ซึ่งมี พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุน เป็น พรรคการเมืองที่ได้เสียงมากที่สุด ส่งผลให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา นายสมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสิ้นสภาพ การเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องมาจากการจัดรายการชิมไปบ่นไป ทางโทรทัศน์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอ่ มาศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ คี ำสง่ั ใหย้ บุ พรรคพลงั ประชาชนในวนั ท่ี 105
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน 2 ธันวาคม 2551 ทำให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นจาก ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่อย่างไรก็ตามได้มีการจัดตั้งพรรค เพื่อไทยขึ้นเพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรค พลังประชาชนต่อมา วันที่ 15 ธันวาคม 2551 สภาได้เลือกให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่สามในช่วง การเลือกตั้งในครั้งนี้ จนกระทั่งมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2554 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 และจัดให้มีการ เลือกตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ภายหลังการเลือกตั้งผลปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียงข้างมากได้เลือกนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของ พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย การเมืองภายในจังหวัดน่านผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดน่านในครั้งนี้ คือ นางสิรินทร รามสูต, นายชลน่าน ศรีแก้ว และนายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 ลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรค เพื่อไทย ภูมิหลังเครือข่ายทางการเมืองและกลวิธีการหาเสียง ของนักการเมืองยุคสอง สถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน ตั้งแต่ พ.ศ.2512-ปัจจุบัน พบว่า ผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็น นักธุรกิจ ข้าราชการและทนายความ สำหรับนักการเมืองถิ่น จังหวัดน่านยุคสอง ได้แก่ 106
บทวิเคราะห์ 5. นายสมชาย โลหะโชติ นายสมชาย โลหะโชติ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 3 สมัย จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 (พรรคสหประชาไทย) วันที่ 4 เมษายน 2519 (พรรค ชาติไทย) และวันที่ 18 เมษายน 2526 (พรรคชาติไทย) ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายสมชาย โลหะโชติ เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2471 ณ บ้านพักคลังจังหวัด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นบุตรของ อำมาตย์ตรีหลวง ธนานุสรณ์( ช่วง โลหะโชติ) และนางบัวจี๋ โลหะโชติ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน คือ นางเชื้อ เอมะสุวรรณ, นางพิมล สุนทราณู, นางบุญช่วย สัตย์เจริญ, นางบุญช ู มงคลขันธ์, นายสมชาย โลหะโชติ, นายชาญ โลหะโชติ, นายเชี่ยว โลหะโชติ และ นายโชค โลหะโชติ นายสมชาย โลหะโชติ ได้สมรสกับ นางกันยา โลหะโชติ มีบุตรธิดาทั้งหมด 6 คน คือ นางศรีสกุล เติมประสิทธิ์, นางสาวพูนสุข โลหะโชติ (อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5 สมัย), นางสิรินทร รามสูต (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด น่าน พรรคเพื่อไทย) สมรสกับนายทรงยศ รามสูต (อดีตสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย 3 สมัย มีบุตรด้วยกัน 2 คน), นางสาวสกาวรัตน์ โลหะโชติ, นางสุดธิดา สมบูรณ์สงค์ และนายขัติชาติ โลหะโชติ นายสมชาย โลหะโชติ สำเร็จการศึกษา ชั้นประถมที่ โรงเรียนสตรีศรีน่าน จังหวัดน่าน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 107
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน ที่โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร จังหวัดน่าน ชั้นมัธยมปลายที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและอาชีวศึกษาชั้นสูงที่โรงเรียน พณิชยการพระนคร นายสมชาย โลหะโชติ ประกอบอาชีพทางการเกษตร และธุรกิจการเกษตร โดยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงบ่มใบยาสูบ เวอร์ยิเนอร์ ที่อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน เมื่อ พ.ศ.2492 เป็นแห่งแรก ต่อมาได้ขยายเป็น 8 สถานี ในจังหวัดน่าน นายสมชาย โลหะโชติ เป็นคนที่มีความกล้าและความคิดริเริ่ม โดยได้นำพันธุ์มันฝรั่งจากต่างประเทศมาปลูกแห่งแรกที่อำเภอ ทุ่งช้าง จังหวัดน่าน นำพันธุ์มินต์ (เมนธอล) จากต่างประเทศ มาปลูก และตั้งโรงงานสกัดน้ำมันมินต์ ออกจำหน่ายไป ต่างประเทศนอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาเครื่องจักรบ่มใบยาสูบ เป็นแบบความร้อนรวมศูนย์นอกจากใช้บ่มใบยาสูบแล้ว ยังสามารถอบแห้งผลิตผลทางการเกษตรเพื่อการส่งออก เช่น ลำไยอบแห้ง ส่งจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ นายสมชาย โลหะโชติ เป็นคนที่ชอบเข้าสังคมและ ช่วยเหลือสังคม โดยได้ดำรงตำแหน่งทางสังคมหลายตำแหน่ง เช่น เป็นอดีตประธานสมาคมชลประทานราษฏร์ อำเภอ เชียงกลาง, อดีตสมาชิกหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระราชชนนี, อดีตนายกสโมสรไลออน์ น่าน ,อดีตประธานภูมิภาคสโมสร ไลออน์ ภูมิภาคที่ 7 (ภาคเหนือ), อดีตประธานหอการค้าจังหวัด น่าน, อดีตประธานหอการค้า เขต 7 (เชียงราย, พะเยา, แพร่, น่าน), อดีตนายกสมาคมศิษย์เก่าสุริยานุเคราะห์และศรีสวัสดิ์ วิทยาคาร, อดีตนายกยุวพุทธิกสมาคมจังหวัดน่าน, นายก- สมาคมผู้เพาะปลกู และผู้ค้าใบยาสูบน่าน 108
บทวิเคราะห์ บทบาททางการเมือง นายสมชาย โลหะโชติ ได้แสดงความสนใจทางการเมือง โดยเริ่มเข้าสู่ถนนการเมืองจากการรับตำแหน่งสมาชิกสภา เทศบาล และ รับตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด ซึ่งในอดีตมีทั้ง การดำรงตำแหน่งแบบโดยแต่งตั้งและโดยการเลือกตั้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2498-พ.ศ.2519 แล้วจึงมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งแรก โดยการชักชวนของนายสมบูรณ์ บัณฑิต สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของจงั หวดั นา่ นในขณะนน้ั การเลอื กตง้ั เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 นายสมชาย โลหะโชติได้รับ เลือกตั้งพร้อมกับนายสมบูรณ์ บัณฑิต ซึ่งทั้งสอง สังกัดพรรค สหประชาไทย ซึ่งในขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา เทศบาลด้วย เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งในขณะนั้น สามารถ ดำรงตำแหน่งควบกันได้ นายสมชาย โลหะโชติ ได้รับตำแหน่ง การเมืองที่สำคัญคือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ พ.ศ.2540-2543 กลวิธีหาเสียง นายสมชาย โลหะโชติ ได้อาศัยการทำธุรกิจ โรงบ่ม ยาสูบเวอร์ยิเนอร์ซึ่งทำอยู่หลายแห่งภายในจังหวัดน่านโดยมี “ลกู ไร่” เป็นฐานคะแนนเสียง อีกทั้งความเป็นคนของสังคมและ ช่วยเหลือประชาชน จึงมีประชาชนรักใคร่เป็นจำนวนมาก กลวิธี พื้นฐานที่ใช้ในการหาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะ ชาวบ้าน พูดคุยปราศรัย เข้าร่วมกิจกรรมและให้การสนับสนุน การจัดงานชุมชน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ 109
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน อีกทั้งมีการจัดมหรสพโดยการฉายหนัง มีการแสดง ดนตรี การแจกสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่ชาวบ้าน เช่น รองเท้า เสื้อผ้า น้ำปลา ยาแก้ปวด ฯลฯ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ถือว่าเป็นการ ผิดกฎหมายเลือกตั้ง อีกทั้งได้มีการจัดตั้งระบบเครือข่าย หัวคะแนน อันได้แก่ ผู้นำท้องถิ่น ครู ข้าราชการท้องถิ่น เป็นต้น นายสมชาย โลหะโชติ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ เป็นนักธุรกิจใหญ่ พึ่งพาอาศัยขอความช่วยเหลือ ทางการเงินได้ ชอบช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ 6. นายประเสริฐ ทุ่งสี่ นายประเสริฐ ทุ่งสี่ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัด น่าน ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2518 พรรค ประชาธิปัตย์ ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายประเสริฐ ทุ่งสี่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2475 ณ บ้านทุ่ง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เป็นบุตรของนายฮ่วน- นางคำป้อ ทุ่งสี่ มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน คือ นายดวงแก้ว ทุ่งสี่, นายประเสริฐ ทุ่งสี่, นายแพทย์ประสิทธิ์ ทุ่งสี่, นางประพิณ ศุนาธิวาทนฤพุฒิ, นายประสงค์ ทุ่งสี่ และนางประภัสสร แทนบุญ นายประเสริฐ ทุ่งสี่ ได้เรียนจบระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปริ๊ซรอแยล์ จังหวัดเชียงใหม่ และจบระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นายประเสริฐ ทุ่งสี่ ได้สมรสกับ 110
บทวิเคราะห์ นางสาวบำเพ็ญ คำอ่อน มีธิดา 3 คน คือ นางสิริกาญจน์ รจิตวานิช, นางสาวเสาวลักษณ์ ทุ่งสี่ และนางสาววรุณพร ทุ่งสี่ นายประเสริฐ ทุ่งสี่ ประกอบอาชีพ เป็นผู้จัดการโรงบ่ม ใบยาสูบบ้านสมุนและโรงบ่มใบยาสูบเกาะสวรรค์ บทบาททางการเมือง บทบาททางการเมืองของนายประเสริฐ ทุ่งสี่ ในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่โดดเด่นมากนัก เนื่องจากเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งปี อีกทั้งไม่ปรากฏว่าเข้าสู่ถนนการเมืองในระดับท้องถิ่นในระดับ ใดๆ กลวิธีหาเสียง นายประเสริฐ ทุ่งสี่ ได้อาศัยฐานคะแนนเสียงจากการ ทำธุรกิจ โรงบ่มยาสูบเวอร์ยิเนอร์ ซึ่งทำอยู่สองแห่งภายใน จังหวัดน่านและใช้ฐานโรงบ่มยาสูบเวอร์ยิเนอร์ของเพื่อน ร่วมวงการ นายประเสริฐ ทุ่งสี่ เป็นคนใจถึง พึ่งพาได้ จึงมี ประชาชนรักใคร่ชอบพอ กลวิธีพื้นฐานที่ใช้ในการหาเสียง คือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะชาวบ้าน พูดคุยปราศรัย สนทนา เข้าร่วมกิจกรรมและให้การสนับสนุนการจัดงานชุมชน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ฯลฯ มีการแจกสิ่งของอุปโภคบริโภค ให้ แก่ชาวบ้าน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า น้ำปลา ยาแก้ปวด และมีการ จัดการแสดงมหรสพโดยการฉายภาพยนตร์ การจัดการแสดง ต่างๆ ก่อนที่จะขึ้นไปแนะนำตัว และปราศรัยทางการเมือง 111
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน นายประเสริฐ ทุ่งสี่ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ เป็นนักธุรกิจ ใจถึง มีความเป็นผู้นำ หากมีเรื่องเดือดร้อน สามารถขอความช่วยเหลือได้ 7. นายทวี บุญซ่ือ นายทวี บุญซื่อ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัด น่าน ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 สังกัด พรรคกิจสังคม ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายทวี บุญซื่อ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนสตรีศรีน่าน และชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนศรีสวัสดิ- วิทยาคาร หลังจากจบการศึกษาที่จังหวัดน่านแล้ว ได้เดินทาง เข้ากรุงเทพฯ ศึกษาต่อที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายเมื่อ พ.ศ.2483 และจบการศึกษาเมื่อ พ.ศ.2486 หลังจากจบ การศึกษาแล้วได้กลับมาประกอบอาชีพส่วนตัวเป็นผลสำเร็จใน การประกอบอุตสาหกรรมโรงบ่มยาสูบเวอร์จิเนียที่จังหวัดน่าน นายทวี บุญซื่อ เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2464 ที่ตำบล ในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นบุตรคนที่ 2 ของ นายห้างส่วน และนางบัวคำ มีพี่น้อง 10 คน คือ นายเหรียญ บุญซื่อ, นายทวี บุญซื่อ, นายแพทย์อารมณ์ บุญซื่อ, นายกิตติ บุญซื่อ, นายอเนก บุญซื่อ, นางวิไล ปทุมมานนท์, นางอุบล สงวนราชทรัพย์, ดร.บรรเจิด บุญซื่อ, นางประพันธ ์ ตีระแพทย์, นางสาวประพร บุญซื่อ 112
บทวิเคราะห์ นายทวี บุญซื่อ ได้สมรสกับนางบานเย็น มหาวงศ์นันท์ (ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครน่าน คือธิดาของเจ้าพ่อสวัสดิ์ มหาวงศนันท์ กับแม่เจ้าเบาะ ณ น่าน) มีบุตรสาว 3 คน คือ นางทาริกา รัตนวงศ์ไชย, นางสาวทิพากร บุญซื่อและนางสาว ทิฆัมพร บุญซื่อ นายทวี บุญซื่อ เป็นคนชอบเข้าสังคมและช่วยทำ คุณประโยชน์ให้แก่สาธารณะ เช่น ได้เป็นอาสาสมัครดำรง ตำแหน่งในมูลนิธิสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้ และได้ก่อตั้งสมาคมผู้บ่ม เพาะปลูก และค้าใบยาสูบน่าน เมื่อ พ.ศ.2513 และได้ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมผู้บ่มเป็นเวลาหลายปี นอกจากนี้ ในด้านการ พระศาสนา นายทวี บุญซื่อเป็นผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ประสาน ได้บริจาคสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์ซ่อมสร้างวัดวา อาราม ปชู นียสถานสำคัญในจังหวัดน่านหลายแห่ง บทบาททางการเมือง นายทวี บุญซื่อ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา เทศบาลและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองน่าน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2510 ได้รับเลือกเป็นรองประธาน สภาเทศบาล เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2512 และได้รับเลือกเป็น ประธานสภาเทศบาล เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2516 พ.ศ.2517 ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมือง น่านอีกครั้งหนึ่ง นายทวี บุญซื่อ ได้จัดตั้งกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ขึ้นในนาม “ทีมส่งเสริมท้องถิ่น” โดยมีการส่งสมาชิกเข้าสมัคร 113
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน รับเลือกตั้งและได้เข้าไปบริหารงานเทศบาล ในฐานะนายก- เทศมนตรีเทศบาลเมืองน่าน เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2518 หลังจากเป็นนายกเทศมนตรีได้เพียงปีเศษๆ ได้มีการยุบ สภาผู้แทนราษฎรและได้มีการเลือกตั้งใน พ.ศ.2519 นายทวี บุญซื่อ จึงได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมือง น่าน เพื่อเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน ในนามพรรคกิจสังคมและได้รับการเลือกตั้งในที่สุด กลวิธีหาเสียง นายทวี บุญซื่อ มีฐานคะแนนเสียงในวงกว้าง มาจาก การเล่นการเมืองท้องถิ่น การทำธุรกิจโรงบ่มยาสูบเวอร์ยิเนอร์ และการดำรงตำแหน่งทางสังคมอีกมากมาย จึงทำให้เป็นที่รู้จัก ของพี่น้องประชาชน กลวิธีพื้นฐานที่ใช้ในการหาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะชาวบ้าน พูดคุยปราศรัย สนทนา เข้าร่วมกิจกรรมและให้การสนับสนุนการจัดงานชุมชน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น ในระหว่างการหาเสียงมีการแจก สิ่งของ เช่น เสื้อผ้า กล้าไม้ ผ้าถุง รองเท้า ฯลฯ อีกทั้งมีการจัด ระบบหัวคะแนน อันได้แก่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำสตรี ครู ผู้นำธุรกิจ เป็นต้น นายทวี บุญซื่อ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ เป็นนักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่น ที่มีมนุษย์สัมพันธ์ พูดจาเก่ง เข้าหาได้ง่าย พึ่งพาอาศัยได้ 114
บทวิเคราะห์ 8. นายคำรณ ณ ลำพูน นายคำรณ ณ ลำพูน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 7 สมัย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 7 สมัย ไม่เคย ย้ายพรรค ได้รับการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2522, 2526, 2529, 2535, 2538, 2539, 2544 ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายคำรณ ณ ลำพูน เกิดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2481 ปัจจุบันอยู่ที่ บ้านเลขที่ 193 หมู่ 5 (บ้านดอนมูล) ซอยมหาโชค ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เป็นบุตรของนายเพ็ชรและ นางจันทร์ฟอง มีพี่น้อง 7 คน นายคำรณ ณ ลำพูน สมรสกับ นางสุกัญญา ณ ลำพูน มีบุตร 4 คน สำเร็จปริญญาตรี นิติศาสตร์ ปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีและได้รับใบอนุญาตว่า ความ นายคำรณ ณ ลำพูน ได้เริ่มประกอบอาชีพทนายความ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน มีสำนักงานเป็นของตนเอง ชื่อสำนักงาน “คำรณ ณ ลำพูน และเพื่อน” ตั้งอยู่เลขที่ 545/1ถนนน่าน- พะเยา ตำบลไชยสถาน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน งานด้าน สังคม เคยเป็นประธานอนุกรรมการของสภาทนายความประจำ จังหวัดน่านหลายสมัย เป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์น่าน 115
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน บทบาททางการเมือง นายคำรณ ณ ลำพูน นับเป็น ส.ส.น่านคนหนึ่งที่มี อุดมการณ์ทางการเมืองโดยลงเลือกตั้งในนามพรรคประชา- ธิปัตย์มาโดยตลอดไม่มีการย้ายพรรค อีกทั้งเป็น ส.ส.ที่ให้ความ สำคัญในการประชุมสภา จนได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ปี 2544, 2545, 2546 และไม่เคยขาดหรือลาการประชุมตลอดสมัย ประชุม ปี 2529, 2536, 2538, 2539, 2540, 2541, 2544, 2545, 2546, 2547 นายคำรณ ณ ลำพูน ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 ในสมัยรัฐบาล ชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดน่านที่ได้มีตำแหน่งทาง การเมืองเป็นรัฐมนตรี กลวิธีหาเสียง นายคำรณ ณ ลำพูน อาศัยความรู้ ประสบการณ์ทาง ด้านการประกอบอาชีพทนายความให้เป็นประโยชน์ในการ แนะนำตนเอง ส่วนวิธีการหาเสียงคล้ายคลึงกับสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรคนอื่นๆ ในจังหวัดน่าน โดยจะเห็นนายคำรณ พบปะกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตามงานบวช งานแต่งงาน งานศพ งานบุญ งานกิจกรรมทางสังคมทั่วไป ถ้านายคำรณ ไม่ไปก็จะส่งตัวแทนไปร่วมกิจกรรมทุกครั้ง นายคำรณ มีตัวแทนคือ นางสุกัญญา ณ ลำพูน ผู้เป็นภรรยาที่ทำหน้าที่ 116
บทวิเคราะห์ ดูแลประชาชนแทน นายคำรณ และเป็นผู้ช่วยคอยรับเรื่องราว ต่างๆ ที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ โดยไม่เน้น การสร้างหัวคะแนน การหาเสียงของนายคำรณ ณ ลำพูน จะมี ป้าย แผ่นพับ โปสเตอร์ มีการพิมพ์ผลงานต่างๆที่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นการ ประชาสัมพันธ์ มีรถแห่ไปตามหมู่บ้านต่างๆ มีการเคาะประตู บ้าน มีการจัดกิจกรรมฟุตบอลน่าน-ประชาธิปัตย์ทุกปีอย่างต่อ เนื่องยาวนาน มีการปราศรัยย่อย มีการปราศรัยใหญ่โดยมี นายชวน หลีกภัย เป็นประธาน ซึ่งนายคำรณ ณ ลำพูน มีความ ผูกพันกับ นายชวน หลีกภัย มากเนื่องจากเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในสมัยเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายคำรณ ณ ลำพูน มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ ซึ่งมีลักษณะนิสัยที่สุขุมประนีประนอม อ่อนน้อม ไม่ก้าวร้าว มีอุดมการณ์ มีความมั่นคงทางการเมืองโดยลง เลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ตลอดไม่มีการเปลี่ยนหรือ ย้ายพรรคการเมือง 9. นายสุชาติ คำนันท์ นายสุชาติ คำนันท์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด น่าน สังกัดพรรคชาติไทยในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 117
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายสุชาติ คำนันท์ สำเร็จการศึกษาที่วิทยาครู บ้านสมเด็จ และได้กลับมาประกอบอาชีพรับราชการครู ที่จังหวัดน่าน เป็นเวลานาน นายสุชาติ คำนันท์ เป็นบุตรของ นายพรหมสารและนางศรีตูล ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 461 ถนน สุมนเทวราช ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน มีพี่น้อง 2 คนคือ นายสุชาติ นายสวัสดิ์ นายสุชาติ คำนันท์ สมรสกับ นางเรือนแก้ว คำนันท์ มีบุตรทั้งหมด 7 คน คือ นายสถาพร คำนันท์, นายวราพจน์ คำนันท์, นางฐิตินันท์ คำนันท์, นายสุรชัย คำนันท์, นายสุรศักดิ์ คำนันท์, นายสุรชา คำนันท์ และนายสุรพันธ์ คำนันท์ บทบาททางการเมือง นายสุชาติ คำนันท์ มีความสนใจทางการเมือง และ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดน่าน แล้วได้รับ เลือกจากสภาจังหวัดน่านให้เป็นประธานสภาจังหวัดน่าน (สจ.) สำหรับในช่วงที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ประสาน โครงการพลังงานสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งเป็นคนแรกที่นำมาใช้ 16 จุดในจังหวัดน่าน กลวิธีหาเสียง นายสุชาติ คำนันท์ ได้อาศัยฐานคะแนนเสียงจากบรรดา ลูกศิษย์ในการประกอบอาชีพรับราชการครู และฐานะจากการ เป็นนักการเมืองท้องถิ่นคือเป็นสมาชิกสภาจังหวัดน่าน จึงทำให้ ได้มีโอกาสลงพื้นที่ในการหาเสียง กลวิธีพื้นฐานที่ใช้ในการ 118
บทวิเคราะห์ หาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะชาวบ้าน พูดคุย ปราศรัย สนทนา เข้าร่วมกิจกรรมและให้การสนับสนุนการจัด งานชุมชน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ นายสุชาติ คำนันท์ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาเป็นกันเอง ประชาชน เข้าหาได้ง่าย ไม่เป็นคนถือตัว มีความรู้และเสียสละ 10. นายวัลลภ สุปริยศิลป์ นายวัลลภ สุปริยศิลป์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 9 สมัย จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 (พรรคกิจสังคม), วันที่ 24 กรกฎาคม 2531 (รวมไทย) เอกภาพ, วันที่ 22 มีนาคม 2535 (สามัคคีธรรม), วันที่ 2กรกฎาคม 2538 (พรรคชาติไทย),วันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 (พรรคชาติพัฒนา), วันที่ 6 มกราคม 2544 (พรรคไทยรักไทย), วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 (พรรคไทยรักไทย), วันที่ 2 เมษายน 2549 (พรรค ไทยรักไทย) และวันที่ 23 ธันวาคม 2550 (พรรคพลังประชาชน) ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายวลั ลภ สปุ รยิ จบการศกึ ษาปรญิ ญาตรี วทิ ยาศาสตร- บัณฑิต (เกียรตินิยม) สาขาคณิตศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ปริญญาโท M.Sc. สาขา Industrial Mathematic and Statisties จาก University of Aston at Birmingham ประเทศ อังกฤษ และ ปริญญาเอกPh.D สาขา Industrial Technology จาก University of Bradford ประเทศอังกฤษ อดีตเคยเป็น 119
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประกอบอาชีพนักการเมือง สมรสกับ นางอันธิกา สุปริยศิลป์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน บทบาททางการเมือง นายวัลลภ สุปริยศิลป์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดน่านมาอย่างยาวนาน และได้ดำรงตำแหน่งต่างๆ เช่น ประธานภาคเหนือพรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, ประธาน คณะกรรมาธิการการทหาร และประธานคณะกรรมาธิการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ซึ่งตามข่าวถือว่าเป็นพรรคสำรอง กรณีที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค เพื่อไทย กลวิธีหาเสียง นายวัลลภ สุปริยศิลป์ เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกคนแรกของจังหวัด น่าน จึงใช้คุณสมบัติดังกล่าวในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ใน การเลือกตั้งของตนในการเลือกตั้งในสมัยแรกๆ นายวัลลภ สุปริยศิลป์ มีวิธีการหาเสียงที่ไม่แตกต่างจากนักการเมือง ในยุคเดียวกัน คือ การไปร่วมงานบุญต่างๆ งานแต่งงาน การขึ้นบ้านใหม่ งานศพ งานทอดกฐิน งานทอดผ้าป่า ฯลฯ แต่ สิ่งที่นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ การลงพื้นที่ในเขตเลือกตั้งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้า หากว่ามีกระแสข่าวลือต่างๆ ในพื้นที่ในช่วงเลือกตั้งก็จะทำการ ปราศรัยเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง 120
บทวิเคราะห์ นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจำนวนมากที่สุดของจังหวัดน่านถึง 9 สมัย และ ไม่ได้รับเลือกตั้งเพียง 3 ครั้ง คือ การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2529 การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2555 ได้มี กระแสจำลองฟีเวอร์หรือกระแสพรรคพลังธรรมในพื้นที่จึงทำให้ แพ้คู่แข่งทางการเมือง และการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชี รายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 113 สำหรับการเลืองตั้งในพื้นที่หาเสียงในจังหวัดน่าน นายวัลลภ สุปริยศิลป์ จะหาเสียงโดยเน้นตัวบุคคลมากกว่า พรรค ดังจะเห็นได้ว่า นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ได้ย้ายพรรค มากที่สุดโดยมีการสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ ในการสมัครรับ เลือกตั้ง 7 พรรคการเมือง จนกระทั่งมาถึงการสมัครในนาม พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย นายวัลลภ สุปริยศิลป์ จึงเน้นการหาเสียงในนามพรรคการเมือง มากกว่าตัวบุคคล นายวลั ลภ สปุ รยิ ศลิ ป์ มภี าพลกั ษณท์ ป่ี รากฏตอ่ สาธารณะ ซึ่งมีลักษณะนิสัยที่ ชอบงานด้านบริการ งานประสาน ประนีประนอม ไม่ก้าวร้าว เป็นคนเรียนเก่ง เฉลียวฉลาด พูดจา สนุกสนาน 121
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน 11. นายเดช วงศ์เทพ นายเดช วงศ์เทพ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด น่าน 2 สมัย พ.ศ.2529 และ 2531 ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายเดช วงศ์เทพ เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2484 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 2 ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมือง จังหวัด น่าน สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีศิลปะศาสตร์บัณฑิต สาขา บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตร์ เป็นบุตรของ นายแสวง วงศ์เทพและนางคำแผ่น วงศ์เทพ มีบุตรสาว 2 คน คือ นางปิยะฉัตร สีมาขจร และนางธัญสุตา สุขรัตน์ สำหรับ ประสบการณ์การทำงาน นายเดช วงศ์เทพเป็นครูฝึกหัดตั้งแต่ปี 2504 จนกระทั่งลาออกรวมมีอายุราชการครู 35ปี อีกทั้งเป็น นกั จดั รายการวทิ ยุ รายการ “ หลงผดิ ” และ “นา่ นสนั ตสิ ขุ ” ทกุ วนั ตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น.ในคลื่น FM และ AM ในขณะนั้น บทบาททางการเมือง นายเดช วงศเ์ ทพ ในขณะทเ่ี ปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ได้คัดเลือกให้เป็นกรรมาธิการการทหาร หลังจากไม่ได้รับ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงได้เลิกเล่นการเมืองเป็น เวลานาน ต่อมาได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลดู่ใต้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ 122
บทวิเคราะห์ กลวิธีหาเสียง นายเดช วงศ์เทพ ได้มีโอกาสใช้สื่อวิทยุกระจายเสียง มากกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่านคนอื่นๆ เนื่องจาก ในสมัยนั้นจังหวัดน่านเป็นจังหวัดชายแดนและเป็นแหล่งที่พัก ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ทางราชการจึงขอตัว ให้ไปช่วยจัดรายการวิทยุ ด้วยความเป็นคนที่มีความสามารถ ทางด้านการพูด จึงทำให้เป็นที่รู้จักกับประชาชนจังหวัดน่าน เป็นวงกว้างในนาม “ตั๋น ก๋วนใน” อีกทั้งยังมีฐานคะแนนจาก การประกอบอาชีพครูและวิทยากรลูกเสือชาวบ้าน กลวิธี พื้นฐานที่ใช้ในการหาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะ ชาวบ้าน พูดคุยปราศรัย สนทนาเข้าร่วมกิจกรรมและให้การ สนับสนุนการจัดงานชุมชน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ นายเดช วงศ์เทพ สร้างความได้เปรียบด้วยการใช้สื่อ วิทยุกระจายเสียง ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว แต่สื่อวิทยุ กระจายเสียง ประชาชนในพื้นที่ได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เคยพบปะ ตัวจริง การลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง จึงทำให้ประชาชนได้สัมผัส และอยากที่จะเลือกมากยิ่งขึ้น นายเดช วงศ์เทพ จึงไม่ได้ให้ ความสำคัญกับระบบหัวคะแนนมากนัก นายเดช วงศ์เทพ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ ซึ่งมีลักษณะนิสัยที่ พูดเก่ง คุยเก่ง มีมนุษย์สัมพันธ์ เข้าคนง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส รักงานด้านบริการ มีไหวพริบปฏิภาณ ซึ่งเป็น บุคลิกและคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์ที่ดี 123
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน 12. นางสาวพูนสุข โลหะโชติ นางสาวพูนสุข โลหะโชติ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน สังกัดพรรคชาติไทยทั้ง 5 สมัย ไม่เคยย้ายพรรค ได้รับการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2529, 2531, 2535/1, 2535/2 และ 2539 ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นางสาวพูนสุข โลหะโชติ เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2502 เป็นบุตรของนายสมชาติ โลหะโชติ (ส.ส.น่าน 3 สมัย) และนางกันยา โลหะโชติ ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 42 ถนน สุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน สำเร็จการ ศึกษาจบปริญญาตรี ภาควิชาปรัชญา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และจบปริญญาโท ภาควิชาจิตวิทยาการ ศึกษา จาก University of Temple สหรัฐอเมริกา นางสาวพูนสุข โลหะโชติ ประกอบอาชีพนักธุรกิจ ประเภทธุรกิจใบยาสูบ บทบาททางการเมือง นางสาวพูนสุข โลหะโชติ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ผู้หญิงคนแรกของจังหวัดน่านแล้วยังได้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองอีกหลายตำแหน่ง เช่น เลขานุการรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี, เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ, ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร, รองเลขาธิการพรรคชาติไทย ฯลฯ อีกทั้งในการ 124
บทวิเคราะห์ ทำงานในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดน่านยังได้ ประสานงบประมาณจากกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ให้แก่ จังหวัดน่าน กลวิธีหาเสียง นางสาวพูนสุข โลหะโชติ เป็นลูกสาวของนาย สมชาย โลหะโชติ ซึ่งในขณะนั้นนายสมชาย โลหะโชติ เป็น อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 3 สมัย จึงไม่ใช่เรื่องยากในการ หาเสียง เนื่องจากเป็นลูกสาวของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในการลงสมัครและรับการเลือกตั้งครั้งแรกนางสาวพูนสุข โลหะโชติ ได้ติดตามบิดาคือนายสมชาย โลหะโชติ ไปหาเสียง ในทุกพื้นที่ของจังหวัดเพราะในขณะนั้นยังไม่มีการแบ่งเขต เลือกตั้ง ด้วยความเป็นผู้หญิงที่เก่งและสวย จบการศึกษาจาก ต่างประเทศ จึงทำให้ได้รับการเลือกตั้ง ในการลงสมัครเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดน่านในครั้งแรก สำหรับบิดา นายสมชาย โลหะโชติ ไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนั้น หลังจาก นายสมชาย โลหะโชติ ได้วางมือทางการเมือง นางสาวพูนสุข โลหะโชติ จึงได้สร้างฐานเสียงของตนเองขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มแม่บ้าน, กลุ่มผู้นำท้องถิ่น, กลุ่มหัวคะแนน, กลุ่มพ่อค้า ฯลฯ กลวิธีพื้นฐานที่ใช้ในการหาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะชาวบ้าน พูดคุยปราศรัย เข้าร่วมกิจกรรมและ ใหก้ ารสนบั สนนุ การจดั งานชมุ ชน งานบวช งานแตง่ งาน งานศพ มีการแจกสิ่งของ เช่น ร้องเท้า เสื้อผ้า ยาแก้ปวด ในช่วงการ หาเสียงซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการผิดกฎหมายเลือกตั้ง 125
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน นางสาวพูนสุข โลหะโชติ มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ คือ เป็นผู้หญิงที่เก่ง เป็นนักเรียนนอก พูดจาเก่ง มีไหวพริบดี มีมนุษย์สัมพันธ์ เป็นลูกของนายสมชาย โลหะโชติ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน 13. พลเอกสนั่น เศวตเศรนี พลเอกสนั่น เศวตเศรนี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน สังกัดพรรคความหวังใหม่ ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ วันที่ 22 มีนาคม 2535 และสังกัดพรรคชาติไทย ในการเลือกตั้ง ทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ พลเอกสนั่น เศวตเศรนี เกิดวันที่ 15 กันยายน 2472 เกิดที่บ้านเลขที่ 125 บ้านน้ำล้อม ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน บิดาชื่อ พันโท อรุณ เศวตเศรนี และมารดารชื่อ นางน้อม เศวตเศรนี ภรรยาชื่อ นางนงนุช เศวตเศรนี จบสำเร็จ การศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และได้รับ ราชการทหารเป็นเวลานาน แล้วได้ลาออกจากราชการทหาร ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2531 เพื่อมารับงานในหน้าที่ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในสมัยพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกสนั่น เศวตเศรนี ได้รับดำรงตำแหน่งสำคัญๆ มากมายในช่วงที่รับราชการทหาร เช่น หัวหน้านายทหารฝ่าย เสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารสูงสด, ผู้ช่วยเสนาธิการ 126
บทวิเคราะห์ ทหารบก ฝ่ายกำลังพล, หัวหน้าฝ่ายธุรการและกำลังพล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ฯลฯ ด้านเครือข่าย ความสัมพันธ์ พลเอกสนั่น เศวตเศรนี เป็นเพื่อนร่วมรุ่นและมีความสนิทสนมกับนายทหารที่มีบทบาท ทางการเมืองระดับประเทศหลายท่าน เช่น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ, พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์, พลเอกพัฒน์ อัคนิบุตร, พลเอกสุจินดา คราประยรู , พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นต้น บทบาททางการเมือง พลเอกสนั่น เศวตเศรนี มีความสนใจทางการเมือง และ มีบทบาทพร้อมทั้งประสบการณ์ต่างๆ มาก่อนลงรับสมัคร เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน กล่าวคือ เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองสำคัญๆ เช่น วุฒิสมาชิก, รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง, เลขานุการรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม, ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหลังจาก ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน ยังได้รับตำแหน่งทางการเมืองอีกมากมาย เช่น ประธาน คณะกรรมาธิการการทหาร, ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านการ ทหาร, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นต้น กลวิธีหาเสียง พลเอกสนั่น เศวตเศรนี ได้อาศัยฐานคะแนนเสียงจาก ทหารภายในจังหวัดน่าน อีกทั้งในช่วงรับราชการทหารยังได้ทำ กิจกรรมและสละเวลาบางส่วนลงพื้นที่ ช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ด้านต่างๆ เป็นเวลานานหลายปี เช่น สร้างวัด, 127
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน ทอดกฐิน, ทอดผ้าป่า, ร่วมงานทำบุญ, งานแต่งงาน, งานบวช ฯลฯ เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสร้างฐานการเมือง อีกทั้งยัง พลเอก สนั่น เศวตเศรนี ยังใช้ความเป็นนายพลคนแรกที่ลงสมัครรับ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสร้างความแปลกใหม่ สร้างความเชื่อถือแก่ประชาชนในพื้นที่ กลวิธีการหาเสียง ได้มีการจัดตั้งเครือข่ายหัวคะแนน ผู้นำชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ แล้วลงไป ปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ มีการแจกสิ่งของต่างๆ ระหว่างการ หาเสียงเลือกตั้ง พลเอกสนั่น เศวตเศรนี มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อ สาธารณะ เป็นนายทหารผู้ใหญ่ มีความสุภาพ มีภาวะผู้นำ ชอบช่วยเหลือสังคมและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ 14. นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรจังหวัดน่าน ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายพงษพ์ ฒั น์ ธรี ประเทอื งกลุ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี 8 พฤษภาคม พ.ศ.2472 ณ บ้านหาดผาขน เลขที่ 31 หมู่ 3 ตำบลเมืองจัง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เป็นบุตรเจ้ายศ แม่ยอด รุณแก้ว มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 11 คน แต่มีชีวิตอยู่รอดเติบโตเพียง 4 คน คือ นางคำเปียงใจ กำแก้ว,นางเป็ง อำมาตย์, นางสาว 128
บทวิเคราะห์ ศรีแก้ว รุณแก้ว และนายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ได้รับประกาศนียบัตรฝึกหัดครูประถมศึกษา (ป.ป.) จาก โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาธนบุรี โดยทุนการศึกษา โควตาจังหวัดน่าน จบปริญญาตรี การศึกษาบัณฑิต(กศ.บ) วิชาเอกคณิตศาสตร์-ฟิสิกส์ จากวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร (มศว.ประสานมิตร) และ Graduate Diploma in Education Administration จาก Alberta University ประเทศ แคนาดา โดยทุนโคลัมโบ นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล ประกอบอาชีพเป็นครู ผู้สอน วิชาฟิสิกส์-คณิตศาสตร์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน อาทิ โรงเรียน กรุงเทพคริตเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนปานะพันธ์วิทยา กรุงเทพฯ, โรงเรียนชลราษฎร์อำรุง จังหวัดชลบุรี, โรงเรียนศรีสวัสดิ์- วิทยาคาร จังหวัดน่าน และอดีตผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุลเริ่มต้นเป็นครูใหญ่โทและเป็น ผู้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน พ.ศ.2507 ทำหน้าที่บริหารและมีบทบาทในการพัฒนาการศึกษาของ โรงเรียนปัว บนหลักการของ “การศึกษาคือชีวิต” ผู้ทำให้ โรงเรียนเป็นศูนย์กลางร้อยรัก และชี้นำชุมชนในด้านต่างๆ จนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงของประเทศ ทั้งด้านวิชาการกีฬา จริยธรรมและร่วมพัฒนาชุมชน ทำให้โรงเรียนปัวได้รับรางวัล โรงเรียนดีเด่น 3 ปีซ้อน ได้รับการยกย่องและเข้าเยี่ยมชม ศึกษาดูงานจากโรงเรียนต่างๆ จากทั่วประเทศ 129
นักการเมืองถิ่นจังหวัดน่าน นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล ได้ประกอบอาชีพคร ู จนเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการระดับ 9 โรงเรียนปัว พ.ศ.2532 (ผู้บริหารระดับ 9 คนแรก โรงเรียนประจำ อำเภอของประเทศไทย) และยังคงมีผลงานวิชาการด้านการ บริหารโรงเรียนมัธยมเพื่อพัฒนาชนบท บทบาททางการเมือง นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล มีประสบการณ์ทาง การเมืองโดยสมัครรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นก่อนได้รับ ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน (พ.ศ.2535-2538) กล่าวคือได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เขตอำเภอปัว (พ.ศ.2534-2535) อีกทั้งยังเคยได้รับตำแหน่งทางการเมือง สำคัญๆ คือ ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการทบวง มหาวิทยาลัย, ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ, ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง คมนาคม, ตำแหน่งในคณะกรรมาธิการสามัญศาสนาศิลปะ และวัฒนธรรม, ตำแหน่งในคณะกรรมาธิการสามัญส่งเสริม การท่องเที่ยว กลวิธีหาเสียง นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล ได้อาศัยฐานคะแนน เสียงจากบรรดาลูกศิษย์ ซึ่งได้เป็นครูสอนและผู้บริหารโรงเรียน หลายแห่งในจังหวัดน่านมาอย่างยาวนาน และ ฐานเสียงจาก การเป็นนักการเมืองท้องถิ่นคือเป็นสมาชิกสภาจังหวัดน่าน จึงทำให้ได้มีโอกาสลงพื้นที่ในการหาเสียง อีกทั้งในช่วงดังกล่าว 130
บทวิเคราะห์ มีกระแส พลังธรรมฟีเวอร์หรือกระแสของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้ามาช่วยหนุน จึงทำให้นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล ได้หาเสียงในนามพรรคพลังธรรมเป็นหลัก สำหรับกลวิธีพื้นฐาน ที่ใช้ในการหาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะชาวบ้าน ตั้งเวทีปราศรัยหลายจุด สนทนา เข้าร่วมกิจกรรมและให้การ สนับสนุนการจัดงานชุมชน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ นายพงษ์พัฒน์ ธีรประเทืองกุล มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏ ต่อสาธารณะ ซึ่งมีลักษณะนิสัยที่ซื่อสัตย์สุจริต มีความโปร่งใส น่าเชื่อถือ ขยัน อดทน น่าเคารพยกย่อง เนื่องจากรับราชการครู และผู้บริหารสถานศึกษาเป็นเวลานาน 15. นายชลน่าน ศรีแก้ว นายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 4 สมัย คือ จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 และ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 (สังกัดพรรคไทยรักไทย), วันที่ 23 ธันวาคม 2550 (พรรคพลังประชาชน) และ วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 (พรรคเพื่อไทย) ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นคนจังหวัดน่านโดยกำเนิด บิดา ชื่อนายใจ ศรีแก้ว มารดาชื่อนางหมาย ศรีแก้ว นายชลน่าน ศรีแก้ว สมรสกับ นางสายชล ศรีแก้ว มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ เด็กชายภูรักษ์นที ศรีแก้วและเด็กหญิงสริตาชล ศรีแก้ว สำเร็จ การศึกษาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล และ 131
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ ก่อนสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน นายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นผู้อำนวยการ โรงพยาบาลนาหมื่น, เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนาน้อย และ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว อีกทั้ง ยังทำงานช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ เช่น เป็นนายกสโมสร โรตารี่ปัว, นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสา และประธานฝ่าย กีฬาฟุตบอล สมาคมกีฬาจังหวัดน่าน บทบาททางการเมือง นายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่านที่มีบทบาทในสภาจนกระทั่งได้รับการตั้งฉายา นักการเมือง ของสื่อมวลชนประจำปี 2552 เป็น “ดาวเด่น สภาฯ” ด้วยบทบาท การอภิปรายโดยมุ่งเน้นข้อมูลมากกว่า การใช้วาทศิลป์ ซึ่งลักษณะการอภิปรายแบบมีเหตุมีผล ไม่มีการเสียดสีว่าร้ายให้แก่ใคร และได้รับโล่เกียรติยศสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ผู้ไม่เคยขาดหรือลาประชุม ปี 2544, 2545, 2546 อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็น ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เ ป ็ น เ ล ข า น ุ ก า ร ร ั ฐ ม น ต ร ี ว ่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ส า ธ า ร ณ ส ุ ข เป็นกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เป็นกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขานุการ คณะกรรมาธิการสามัญการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เป็น โฆษกคณะกรรมาธิการสามัญติดตามผลการปฏิบัติตามมติ สภาผู้แทนราษฎร และเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ปัจจุบัน 132
บทวิเคราะห์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชุดที่ 3) กลวิธีหาเสียง ในการหาเสียงพรรคไทยรักไทยในยุคแรกได้มีการ รณรงค์หาและสร้างเครือข่ายสมาชิกให้มากที่สุด สร้างเครือข่าย ระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน แล้วให้การอบรม การศึกษา ให้ ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการเมือง อีกทั้งแจกเสื้อพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะนั้นกฎหมายยังเปิดโอกาสให้สามารถสร้างได้ ซึ่งพรรค ไทยรักไทยได้ทำงานอย่างเป็นระบบเพราะได้ทำการศึกษา วิจัย มีการจัดทำโพลเลือกตั้งเป็นระยะ อีกทั้งนโยบายของพรรคไทย รักไทย สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ได้ พร้อมทั้งมีการปลุกกระแสความต้องการนายกรัฐมนตรีเป็น คนเหนือ โดยการนำเสนอตัวหัวหน้าพรรคคือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ก็ช่วยในการหาเสียงในพื้นที่ได้มาก อีกทั้งมีการดึง กลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาปรับใช้ในทางการเมือง การหาเสียงในนามพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีการรวมเขต เลือกตั้ง จะใช้กลยุทธ์โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใน พื้นที่กากบาทเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบยกทีม คือ เลือกทั้ง 3 คนและผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 คน จะ ต้องไปหาเสียงพร้อมกัน การขายนโยบายพรรคพลังประชาชน และตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร สำหรับการหาเสียงในนามพรรคเพื่อไทย ยังคงมีการ โฆษณาประชาสัมพันธ์โดยดึงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ 133
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน ชินวัตร เพื่อใช้ในการหาเสียงโดยมีสโลแกนว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” การใช้แกนนำและเครือข่ายในการช่วยลงพื้นที่ใน การหาเสียง มีการจัดปราศรัยทั้งเวทีใหญ่และเวทีเล็ก ช่วงหลัง เลือกตั้งจะมีทีมช่วยลงพื้นที่พบปะประชาชนในการไปงานต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานศพ งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ นายชลน่าน ศรีแก้ว มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ เป็นนายแพทย์ที่เฉลียวฉลาด พูดเป็น ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เคร่งเครียด เคารพผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำหน้าตาดี 16. นางสิรินทร รามสูต นางสิรินทร รามสูต เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน สังกัดพรรคชาติไทยทั้ง 3 สมัย ในการเลือกตั้ง ทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 (พรรคไทยรักไทย), เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 (พรรคพลังประชาชน) และเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 (พรรคเพื่อไทย) ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นางสิรินทร รามสูต สมรสกับนายทรงยศ รามสูต (อดีต ส.ส.หนองคาย) มีบุตร 2 คน ประกอบอาชีพค้าขายและ นักการเมือง นางสิรินทร รามสูต เป็นบุตรของนายสมชาติ โลหะโชติ (ส.ส.น่าน 3 สมัย) และนางกันยา โลหะโชติ มีพี่น้อง 5 คน นางสิรินทร รามสูต เป็นน้องสาวของนางสาวพูนสุข โลหะโชติ (ส.ส.นา่ น 5 สมยั ) จงึ เปน็ เรอ่ื งงา่ ยตอ่ การแนะนำตวั เอง และการหาเสียงเพื่อให้คนในพื้นที่ได้รู้จัก สำหรับบิดา 134
บทวิเคราะห์ นายสมชาย โลหะโชติ และพี่สาวนางสาวพูนสุข โลหะโชติ ได้วางมือทางการเมือง นางสิรินทร รามสูต จึงถือได้ว่าเป็น ทายาททางการเมืองของตระกูล โลหะโชติ สำหรับตำแหน่ง ทางสังคมที่ได้รับมีหลายตำแหน่งเช่น ประธานลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดน่าน, ประธานที่ปรึกษา, กลุ่มหัตถกรรมอิงดอย ฯลฯ อีกทั้งยังมีการสร้างและส่งเสริมเครือข่าย กลุ่มสตรี กลุ่มอาชีพ ในพื้นที่เป็นหลัก บทบาททางการเมือง นางสิรินทร รามสูต ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่านได้ผ่านประสบการณ์ การเมืองในระดับท้องถิ่น คือ เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาล เมอื งนา่ น 18 ปี เปน็ เทศมนตรกี ารศกึ ษาและเปน็ นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองน่าน 2 สมัย เป็นคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว เป็นคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุและ ผู้พิการ และประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและ วัฒนธรรม กลวิธีหาเสียง นางสริ นิ ทร รามสตู สมคั รเลอื กตง้ั ในนามพรรคไทยรกั ไทย ซึ่งขณะนั้นพรรคไทยรักไทย มีผลงานเป็นที่ประทับใจและ กระแสเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ การหาเสียงจึงเน้นหาเสียงในเรื่องของ นโยบายของพรรคและตัวหัวหน้าพรรคไทยรักไทย คือ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเป็นหลัก สำหรับนางสิรินทร 135
นักการเมืองถ่ินจังหวัดน่าน รามสูต มีฐานเสียงอยู่ในเขตเทศบาลเมืองน่านและชุมชนใหญ่ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มแม่บ้าน, กลุ่มผู้นำ ท้องถิ่น, กลุ่มหัวคะแนน, กลุ่มพ่อค้า ฯลฯ ซึ่งนางสิรินทร รามสตู ได้ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเป็นเวลานาน สำหรับการหาเสียงในนามพรรคพลังประชาชนและ พรรคเพื่อไทย ก็ยังคงเน้นการหาเสียงในนามพรรค นโยบาย ของพรรค และมุ่งเน้นการนำเสนอตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง กลวิธีพื้นฐานที่ใช้ในการหาเสียงคือ การลงพื้นที่ ตระเวนไปพบปะชาวบ้าน พูดคุย มีการปราศรัย มีเข้าร่วม กิจกรรมและให้การสนับสนุนการจัดงานชุมชน งานบวช งาน แต่งงาน งานศพ เป็นต้น หากนางสิรินทร รามสูต ไปไม่ได้ก็จะ ให้สามีคือ นายทรงยศ รามสูต (อดีต ส.ส.หนองคาย) เป็น ตัวแทนไปร่วมกันในพื้นที่แทนตน มีการจัดรายวิทยุและให้ ข้อมลู เป็นประจำในรายการ “รัฐสภาของเรา” นางสิรินทร รามสูต มีภาพลักษณ์ที่ปรากฏต่อสาธารณะ เป็นผู้หญิงที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง เป็นนักเรียนนอก เป็น ลูกสาวของนายสมชาย โลหะโชติ อดีตสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดน่าน 17. นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดน่าน ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 (พรรคเพื่อไทย) 136
บทวิเคราะห์ ประวัติ เครือข่ายและความสัมพันธ์ นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ เกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2520 เป็นบุตรของนายวัลลภ สุปริยศิลป์ อดีต ส.ส.น่าน หลายสมัย กับนางอันธิกา สุปริยศิลป์ มีพี่น้อง 3 คน สำเร็จ การศึกษา วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ Master of Commerce สาขา International Business จาก Deakin university ประเทศ ออสเตรเลีย สมรสกับนางสุภาวดี มีบุตร 1 คน ประกอบอาชีพ นักการเมือง บทบาททางการเมือง นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ อดีตเป็นที่ปรึกษานายก- องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน ระหว่าง พ.ศ. 2551 - 2554 ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2554 สังกัด พรรคเพื่อไทย แทนบิดาคือนายวัลลภ สุปริยศิลป์ ที่ไปลงสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบบัญชีรายชื่อ กลวิธีหาเสียง นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทน ราษฏรในเขต 3 ของจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงเดิม ของบิดา จึงง่ายการหาเสียงและแนะนำตนเอง กลวิธีพื้นฐาน ที่ใช้คือ การใช้รถโมบายในการออกหาเสียง การประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ข้อมูล การคลุกพื้นที่เยี่ยมเยียนพบปะประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมและให้การสนับสนุนการจัดงานในชุมชน งานแต่งงาน งานศพ งานบวช หากไปไม่ได้ก็จะให้ผู้ช่วยหรือ ตัวแทนไปแทน สำหรับการปราศรัยหาเสียงจะเน้นการหาเสียง 137
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189