Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RooJaiKraiTook

RooJaiKraiTook

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2021-03-15 07:35:53

Description: RooJaiKraiTook

Search

Read the Text Version

150 ต ้ น ท า ง พ ร ะ น ิ พ พ า น คนส่วนใหญ่ต่อเม่ือได้ระบายอารมณ์ไปแล้วจึงจะรู้สึกตัว  เช่น  โกรธเขา อยากจะตอบโตเ้ ขา พอดา่ เขาหรอื ท�ำรา้ ยเขาเสรจ็ แลว้  ถงึ   คอ่ ยรสู้ กึ ตวั วา่ ทำ� สงิ่ ทไ่ี มส่ มควรออกไปแลว้  อยา่ งคนเมาทะเลาะตอ่ ย  ตกี นั ดว้ ยความไมร่ ตู้ วั  จนกระทง่ั ถงึ ขน้ั ทำ� รา้ ยหรอื ฆา่ กนั ตาย พอฆา่   เขาแล้วถึงค่อยรู้ตัวว่าได้ท�ำอะไรลงไป  ถึงตอนนี้ก็ต้องรีบคิดหาทาง  หนีต�ำรวจแล้ว  ไม่เมาแอ๋อยู่ข้างๆ  ศพคนตาย  มีหลายคนที่โกรธ  คนรักจนท�ำร้ายเขา  ตอนท�ำน้ันไม่รู้ตัว  ความโกรธมันสั่งให้ท�ำ  แต่ พอท�ำแล้วถึงค่อยรู้ตัว  ความรู้ตัวมักเกิดขึ้นเม่ือได้ท�ำไปตามความ  อยากแลว้  หรอื ท�ำไปตามความโกรธแลว้ ถงึ คอ่ ยมารตู้ วั  สตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ   อยา่ งนน้ั ถอื ว่าช้าไปแลว้  ไม่ทนั การ สว่ นใหญเ่ รามกั เปน็ อยา่ งน ้ี พอไดร้ ะบายอารมณห์ รอื ไดท้ ำ� ตาม  อารมณ์ไปแล้ว  ถึงค่อยมารู้ตัว  เหมือนกับว่าก่อนหน้านั้นสติถูก  อารมณก์ ดทบั  พอระบายอารมณอ์ อกไปแลว้  สตกิ เ็ ลยเผยอตวั ขน้ึ มา  ได ้ พอรตู้ วั วา่ ทำ� อะไรลงไป กเ็ สยี ใจ บางคนเสยี ใจไมห่ ายจนกระทงั่   ถึงวันตาย  เราจึงไม่ควรรอให้เกิดเหตุแบบนี้  ควรพยายามมีสติให ้ ทนั การ รเู้ ทา่ ทนั อารมณเ์ หลา่ นกี้ อ่ นทม่ี นั จะลกุ ลามขยายใหญโ่ ตจนสง่ั   ใหเ้ ราทำ� อะไรกไ็ ด ้ ถา้ เรามสี ตอิ ยา่ งฉบั ไวและตอ่ เนอื่ ง อารมณเ์ หลา่ น้ ี จะครองใจเราไมไ่ ด้ การเกดิ ความส�ำคัญมั่นหมายวา่ ฉนั เป็นนัน่  ฉนั   เปน็ น ี่ ฉนั โกรธ ฉนั เปน็ ผโู้ กรธ ฉนั ทกุ ข ์ ฉนั เปน็ ผทู้ กุ ข ์ มนั กจ็ ะไมม่ ี สติจึงเป็นอุปกรณ์สลายความสำ� คัญมั่นหมายในตัวตนที่สำ� คัญ  มาก นเี้ ปน็ สง่ิ ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั แนะนำ� ทา่ นพาหยิ ะ ทา่ นพาหยิ ะ 

151 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล เป็นนักบวชนอกศาสนาท่ีหันมาศรัทธาในพระพุทธเจ้า  อุตส่าห์เดิน  ทางมาเปน็ สปั ดาหเ์ พอ่ื ฟงั ธรรมจากพระองค ์ และไดพ้ บพระพทุ ธองค ์ ขณะทท่ี รงกำ� ลงั บณิ ฑบาต จงึ ทลู ออ้ นวอนขอใหพ้ ระองคแ์ สดงธรรม  ตอนนนั้ เลย ทแี รกพระองคป์ ฏเิ สธเพราะทรงก�ำลงั บณิ ฑบาตอย ู่ แต่  สาเหตุส�ำคัญเป็นเพราะพระพุทธองค์ทรงทราบว่าท่านพาหิยะยังไม ่ พร้อมจะฟังธรรม  เพราะเดินทางมาทั้งคืนและมีความกระตือรือร้น  อยากฟังธรรมมาก  เรียกว่ามีไฟแรง  มีความมุ่งม่ันมาก  สภาพจิต แบบนไี้ มพ่ รอ้ มทจ่ี ะเปดิ ใจฟงั ธรรม พระองคจ์ งึ ทรงปฏเิ สธทจ่ี ะแสดง  ธรรม แตท่ า่ นพาหยิ ะกย็ นื ยนั ขอฟงั ธรรมจากพระองค ์ หลงั จากทที่ รง  ปฏิเสธถึง  ๒  คร้ัง  ในที่สุดพระองค์ก็ทรงแสดงธรรม  เนื่องจากทรง  เห็นว่าท่านพาหิยะมีใจสงบน่ิงแล้ว  พระพุทธเจ้าตรัสกับท่านพาหิยะ  ส้ันๆ  ว่า  “เมื่อเห็นสักว่าเห็น  ได้ยินก็สักว่าได้ยิน  เมื่อทราบก็สักว่า  ทราบ เมอ่ื รอู้ ารมณก์ ส็ กั วา่ รอู้ ารมณ ์ เมอื่ นนั้ เธอยอ่ มไมม่  ี เมอ่ื ใดเธอ  ไมม่  ี เมอื่ นน้ั เธอยอ่ มไมม่ ที งั้ ในโลกนแี้ ละโลกหนา้  ไมม่ ใี นระหวา่ งโลก  ท้ังสอง นแี้ หละคอื ท่สี ุดแหง่ ทกุ ข์” พระองคต์ รสั เทา่ น ี้ ทา่ นพาหยิ ะกบ็ รรลธุ รรมเปน็ พระอรหนั ตท์ นั ที  ไดช้ อื่ วา่ เปน็ ผทู้ ต่ี รสั รเู้ รว็  แตก่ ต็ ายเรว็ เหมอื นกนั  คอื พอลาพระพทุ ธ  เจ้าเพื่อไปหาเคร่ืองบวช  ก็โดนวัวขวิดตายเสียก่อนจะทันได้บวช  ประเด็นส�ำคัญอยู่ท่ีค�ำสอนของพระพุทธองค์ท่ีแสดงแก่ท่านพาหิยะ  ข้อความท่ีว่า  เห็นก็สักว่าเห็น  ได้ยินก็สักว่าได้ยิน  ก็คือมีสติน่ันเอง  เมอื่ มสี ต ิ เมอื่ นนั้ ตวั เธอจะไมม่  ี ตวั เธอในทนี่ ก้ี ค็ อื ความสำ� คญั มนั่ หมาย  ว่าตัวกูของกูน่ีเอง พูดอกี อยา่ งคือ เม่อื มีสต ิ ตวั ตนก็จะหายไป

152 ต ้ น ท า ง พ ร ะ น ิ พ พ า น สตจิ งึ เปน็ สงิ่ สำ� คญั มากทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ ราละวางความยดึ มน่ั ส�ำคญั   หมาย และทำ� ใหห้ มดทกุ ข ์ เพราะวา่ ความทกุ ขโ์ ดยเฉพาะความทกุ ขใ์ จ  ลว้ นเกดิ จากความสำ� คญั ยดึ มน่ั ในเรอื่ งตวั กขู องกนู น่ั เอง มตี วั ก ู กเ็ กดิ   ของกขู นึ้ มา เมอ่ื เกดิ ของก ู กเ็ กดิ การยดึ มนั่ ใหม้ นั เทยี่ ง คงทน และ  ไมไ่ ดย้ ดึ เอาสงิ่ ดๆี  เทา่ นน้ั  สงิ่ ทไี่ มด่ กี ย็ งั ยดึ  สงิ่ ดนี ใ้ี ครๆ กร็ วู้ า่ มนั นา่   ยดึ  แตส่ ง่ิ ทไี่ มด่  ี ทำ� ไมถงึ ยงั ไปยดึ ได ้ กเ็ พราะความหลงนน่ั เอง เชน่   ไปยึดเอาความโกรธมาครองใจ  ไม่ยอมปล่อย  ไม่ยอมวาง  แถมยัง ยึดว่าเป็นของเราด้วย  เวลาความโกรธเกิดขึ้น  เวลาเจ็บป่วยเกิดข้ึน  ก็ชอบยึดว่า ความโกรธเป็นของเรา ความเจ็บป่วยเปน็ ของเรา มัน  ไม่ได้เป็นของเราหรอก แตเ่ ราไปปรงุ ขนึ้ เองวา่ เป็นของเรา แมก้ ระทงั่ ศตั ร ู เรากย็ งั ไปยดึ วา่ เปน็ ของเราใชไ่ หม เจอใครกบ็ อก  ว่า  หมอนี่เป็นศัตรูของฉัน  ศัตรูเป็นสิ่งท่ีน่ายึดว่าเป็นของเราหรือ  ไมน่ า่ ยดึ ใชไ่ หม แตท่ ำ� ไมจงึ ไปยดึ วา่ เปน็ ของเรา ความโกรธกไ็ มน่ า่ ยดึ   ความเจ็บความป่วยก็ไม่น่ายึด  แต่พอเผลอสติเมื่อไร  ก็ไปยึดเอาว่า  เปน็ ของเรา ความเครยี ดกเ็ ชน่ กนั  ความเศรา้ กเ็ ชน่ กนั  ทำ� ไมถงึ ชอบ  ยดึ วา่ เปน็ ของเรา ทำ� ไมจงึ ไมย่ อมปลอ่ ย ไมย่ อมวาง กเ็ พราะไมม่ สี ต ิ น่ันเอง ท่ีจริงมันมีอวิชชาเป็นพ้ืนอยู่แล้ว แต่พอไม่มีสติก็เลยทำ� ให้  หลงยึดแม้กระท่งั สิ่งทไ่ี ม่นา่ ยดึ ทีนี้ถ้าเรามีสติ  สติจะพาเราให้ไกลจากทุกข์  และเข้าใกล้พระ  นพิ พาน พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั วา่  “ผใู้ ดเมอื่ เหน็ รปู แลว้ มสี ต ิ ไมก่ ำ� หนดั   ในรปู  ทง้ั ไมต่ ดิ ใจในรปู นนั้  เมอื่ เขาเหน็ รปู  แลว้ เสวยเวทนาอย ู่ ทกุ ข์ 

153 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล ยอ่ มสน้ิ ไป ไมถ่ กู สง่ั สมไว ้ ฉนั ใด เขากเ็ ปน็ ผมู้ สี ตเิ ทย่ี วไป ฉนั นน้ั  เมอื่   เขาไม่ส่ังสมทุกข์อยู่อย่างนี้  บัณฑิตกล่าวว่าเขาอยู่ใกล้พระนิพพาน”  ที่จริงไม่ใช่ใกล้พระนิพพานแต่เพียงอย่างเดียว  ยังใกล้พระพุทธเจ้า  ด้วย  แต่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าท่ีเป็นอดีตเจ้าชายสิทธัตถะท่ีเคยเดินเหิน  อยใู่ นประเทศอนิ เดยี โนน่  แตห่ มายถงึ  ความเปน็ ผรู้  ู้ ผตู้ น่ื  ผเู้ บกิ บาน  พระองคเ์ คยตรสั วา่  “แมภ้ กิ ษจุ ะอยหู่ า่ งไกลเราถงึ รอ้ ยโยชน ์ แตถ่ า้ หาก  เป็นผ้ปู ราศจากความโลภ เป็นผ้ไู มก่ ำ� หนดั ในกาม ไม่มีจติ พยาบาท  ไมม่ จี ติ คดิ รา้ ยใคร เปน็ ผมู้ สี ตติ ง้ั มน่ั  มคี วามรสู้ กึ ตวั  สำ� รวมในอนิ ทรยี  ์ ผู้น้ันก็ถือว่าได้อยู่ใกล้เราตถาคต  เพราะผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเรา  ตถาคต” การมสี ตกิ ด็  ี รสู้ กึ ตวั กด็  ี สำ� รวมอนิ ทรยี ก์ ด็  ี ทงั้ หมดนเี้ ปน็ เรอื่ ง  เดยี วกนั  เพราะถา้ เรามสี ตแิ ลว้  ความรสู้ กึ ตวั กจ็ ะตามมา ความสำ� รวม  ในอินทรีย์หรืออินทรียสังวร  ก็คือการรักษาใจให้เป็นปกติ  ไม่ยินดี  ยนิ รา้ ยเมอื่ ตาเหน็ รปู  หไู ดย้ นิ เสยี ง อนั นกี้ ค็ อื สต ิ ถา้ มสี ต ิ มอี นิ ทรยี   สังวร  ก็จะท�ำให้เข้าใกล้พระพุทธเจ้า  ดังน้ันเวลามีสติ  ให้รู้ว่าเราได้  ธรรมทเี่ ปน็ เครอ่ื งรกั ษาใจทม่ี คี า่ มาก ทงั้ ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใกลพ้ ระพทุ ธเจา้ และ  ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใกลพ้ ระนพิ พาน เพราะวา่ ตวั ตนหรอื ความสำ� คญั มน่ั หมาย  วา่ ตวั กขู องกจู ะไมม่ ที ต่ี ง้ั  ดงั นน้ั จงึ ไมม่ ผี ทู้ กุ ข ์ มแี ตค่ วามทกุ ขเ์ ทา่ นนั้   ไมม่ ีใครเป็นเจา้ ของ ดังน้ันจึงจ�ำเป็นมาก  ที่เราจะต้องมีสติรู้ในกายและใจอยู่เสมอ  รอู้ าการทเี่ กดิ ขน้ึ กบั กายและใจ คอื รทู้ กุ ขท์ เ่ี กดิ กบั ขนั ธ ์ ๕ หรอื มสี ต ิ

154 ต ้ น ท า ง พ ร ะ น ิ พ พ า น เห็นทุกข์ท่ีเกิดกับขันธ์ ๕ สิ่งน้ีจะช่วยพาเราเข้าใกล้นิโรธเป็นลำ� ดับ  เพราะว่าการเห็นน้ันเป็นองค์มรรคในตัว  ถ้าเราเห็นแล้ว  การท่ีจะ  สาวไปถึงต้นตอของทุกข์  คือความยึดม่ันส�ำคัญหมายความว่าเป็น  ตัวกขู องกูจนสามารถละวางได้ กย็ ่อมเปน็ ได้ เห็นได้ว่า  อริยสัจ  ๔  ประการ  เร่ิมต้นและจบท่ีการเห็นทุกข์  เริ่มจากการรู้ตัวในเวลาเกิดทุกข์  และเห็นว่าทุกข์เกิดข้ึนกับขันธ์  ๕  เหน็ วา่ ขนั ธ ์ ๕ เปน็ ทกุ ข ์ ไมใ่ ชเ่ ราทกุ ข ์ จนเหน็ ไปถงึ วา่  ทกุ ขเ์ กดิ ขน้ึ   เพราะไปยดึ มน่ั ถอื มนั่ ในตวั กขู องก ู นน่ั คอื รไู้ ปถงึ สมทุ ยั  และเมอ่ื มสี ต ิ ทเ่ี กอ้ื หนนุ ใหเ้ กดิ ปญั ญาจนกระทงั่ ไดเ้ หน็ ความจรงิ ขอ้ น ี้ กจ็ ะสามารถ  ละสมทุ ยั ได้ และเมอื่ ละสมทุ ยั  หรอื ละความยดึ ตดิ ถอื มน่ั ในตวั ตนได้  แล้ว  ความทุกข์ก็ไม่มีที่ตั้ง  ก็จะเข้าถึงนิโรธ  คือความดับทุกข์หรือ  พระนพิ พานได้ในที่สดุ

...ถ้าเรามสี ติแลว้  ความรสู้ กึ ตัวก็จะตามมา  ความส�ำ รวมในอินทรีย์หรอื อินทรยี สงั วร กค็ อื การรักษาใจให้เปน็ ปกติ ไม่ยินดียนิ ร้าย เมอ่ื ตาเห็นรูป หูไดย้ นิ เสยี ง อันน้ีกค็ ือสต ิ ถ้ามสี ติ มอี ินทรียสังวร ก็จะท�ำ ให้เข้าใกล ้ พระพทุ ธเจ้า ดังนั้นเวลามีสต ิ ให้รู้ว่าเรา ไดธ้ รรมทีเ่ ป็นเคร่อื งรกั ษาใจท่มี คี ่ามาก  ทั้งช่วยใหเ้ ข้าใกล้พระพทุ ธเจา้ และช่วยให้เข้าใกลพ้ ระนิพพาน...

ป ร ะ วั ติ พระไพศาล วสิ าโล พระไพศาล  วิสาโล  นามเดิม  ไพศาล  วงศ์วรวิสิทธิ์  เป็นชาว  กรงุ เทพฯ เกดิ เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ สำ� เรจ็ การศกึ ษาชน้ั มธั ยมศกึ ษา  ปีท่ี  ๕  จากโรงเรียนอัสสัมชัญ  และส�ำเร็จการศึกษาชั้นอุดมศึกษา  จากคณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านสนใจปัญหาสังคม  จึงเข้าร่วมกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนา  ชนบทและกจิ กรรมอาสาสมคั รในโรงเรยี นอกี หลายรปู แบบ เมอื่ อาย ุ ๑๕  ปี  ท่านได้อ่านงานเขียนของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ  จึงได้ 

ปลกู ฝงั ความเปน็ พทุ ธแตน่ นั้ มา ทง้ั ยงั สนใจงานหนงั สอื  โดยเรมิ่ จาก  การเขียนบทความต้ังแต่สมัยเรียนช้ันมัธยมต่อเน่ืองเร่ือยมา  ทั้งใน  ระหวา่ งทศ่ี กึ ษาอยมู่ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร ์ ทา่ นเคยเปน็ สาราณยี กร  วารสารปาจารยสาร อย่ถู ึง ๑ ปเี ตม็ ท่านมีความสนใจด้านการเมือง  ได้เข้าร่วมประท้วงในเหตุ  การณ ์ ๑๔ ตลุ าคม ๒๕๑๖ ตอ่ มาชว่ ง ๖ ตลุ าคม ๒๕๑๙ เคยไปรว่ ม  อดอาหารประทว้ งในแนวทางอหงิ สา จนกระทง่ั ถกู ลอ้ มปราบภายใน  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  และถูกคุมขังเป็นเวลา  ๓  วัน  เมื่อออก  จากคุกแล้วได้มาท�ำงานเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มประสานงานศาสนาเพ่ือ  สงั คม ตงั้ แตป่ พี ทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙ ถงึ  พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๖ เนน้ งาน  ดา้ นสิทธมิ นุษยชน ชว่ ยเหลือผถู้ กู คมุ ขงั ดว้ ยสาเหตทุ างการเมอื งซง่ึ   สามารถดำ� เนนิ การประสบผลสำ� เรจ็  เมอ่ื รฐั บาลออกกฎหมายนริ โทษ  กรรมผตู้ อ้ งหา กรณ ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๑๙ ประมาณ ๓,๐๐๐ กวา่ คน  จนเปน็ ขา่ วไปทว่ั โลก พระไพศาล วสิ าโล อปุ สมบทเมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๖ ณ วดั   ทองนพคุณ  กรุงเทพมหานคร  เรียนกรรมฐานจากหลวงพ่อเทียน  จติ ตฺ สโุ ภ วดั สนามในกอ่ นไปจำ� พรรษาแรก ณ วดั ปา่ สคุ ะโต อำ� เภอ  แกง้ ครอ้  จงั หวดั ชยั ภมู  ิ โดยศกึ ษาธรรมกบั หลวงพอ่ คำ� เขยี น สวุ ณโฺ ณ  แต่แรกต้ังใจจะบวชเพยี ง ๓ เดือนแต่เมือ่ การปฏิบัติธรรมเกิดความ  กา้ วหนา้  จงึ มคี วามอาลยั ในผา้ เหลอื ง บวชตอ่ เรอ่ื ยมา จนครบรอบ  ๓๒ พรรษาในต้นปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ น้ี

ปจั จบุ นั ทา่ นเปน็ เจา้ อาวาสวดั ปา่ สคุ ะโต แตส่ ว่ นใหญจ่ ะจำ� พรรษา  อยู่ที่วัดป่ามหาวัน  (ภูหลง)  เพ่ือรักษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่า  นอกจากการจัดอบรมปฏิบัติธรรม  พัฒนาจริยธรรม  และอบรม  โครงการเผชญิ ความตายอยา่ งสงบตอ่ เนอื่ งตลอดมาแลว้  ทา่ นยงั เปน็   ประธานเครือข่ายพุทธิกา  กรรมการมูลนิธิโกมลคีมทอง  กรรมการ  สถาบันสันติศึกษา  กรรมการมูลนิธิสันติวิถี  และกรรมการสภา  สถาบันอาศรมศิลป์  ล่าสุดท่านเป็นก�ำลังส�ำคัญในเครือข่ายสันติวิธ ี ซงึ่ รณรงคใ์ หค้ นไทยแกป้ ญั หาความขัดแยง้ โดยไม่ใช้ความรนุ แรง พระไพศาล วสิ าโล ไดช้ อื่ วา่ เปน็ พระสงฆน์ กั กจิ กรรม หวั กา้ ว  หนา้ ในจำ� นวนนอ้ ยนดิ  ทส่ี ามารถเชอ่ื มโยงความรทู้ างดา้ นพทุ ธธรรม  มาอธิบายปรากฏการณ์ของชีวิตและสังคม  ในบริบทของสังคมสมัย  ใหม่อย่างเข้าใจง่ายชัดเจนเป็นรูปธรรม  มีทักษะในการอธิบายหลัก  ธรรมทย่ี ากและลกึ ซงึ้ ใหเ้ หน็ เปน็ เรอื่ งงา่ ยตอ่ การทำ� ความเขา้ ใจ ทำ� ให้  คนรุ่นใหม่เกิดศรัทธาและเห็นความส�ำคัญของธรรมว่าเป็นเร่ืองน่า  ใครค่ รวญศกึ ษาและปฏบิ ตั ไิ ดไ้ มย่ าก ทา่ นมงี านเขยี นตอ่ เนอ่ื งสมำ�่ เสมอ  ทั้งหนังสืองานแปลและบทความ  ปัจจุบันมีผลงานหนังสือของท่าน  มากกว่ารอ้ ยเล่ม ปีพุทธศักราช  ๒๕๔๘  ท่านได้รับรางวัลชูเกียรติ  อุทกะพันธ์  ในสาขา  ศาสนาและปรัชญา  จากผลงานหนังสือ  “พุทธศาสนาไทย  ในอนาคต : แนวโนม้ และทางออกจากวกิ ฤต” ลา่ สดุ ทเ่ี ปน็ เกยี รตปิ ระวตั ิ  ส�ำคัญคือ  ท่านเป็นพระสงฆ์รูปแรกท่ีได้รับรางวัลศรีบูรพา  ประจ�ำปี 

พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๓ โดยมติเอกฉนั ท์ แมจ้ ะมผี ลงานชว่ ยเหลอื สงั คม อนรุ กั ษธ์ รรมชาต ิ และสง่ เสรมิ   การปฏิบัติภาวนามากมาย  แต่ทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมาแล้ว  พระ  ไพศาล วสิ าโล ยงั คงยนื ยนั วา่  “ชวี ติ อาตมา เปน็ แคพ่ ระอยา่ งเดยี ว  กเ็ ปน็ เกยี รต ิ และประเสรฐิ สดุ ในชวี ติ แลว้  ไมม่ อี ะไรสงู สดุ กวา่ การเปน็   พระ ท่ีเหลือเป็นส่วนเกนิ ”

อรยิ สจั  ๔ ประการ เรม่ิ ตน้ และจบทกี่ ารเหน็ ทกุ ข ์ เรม่ิ   จากการรตู้ วั ในเวลาเกดิ ทกุ ข ์ และเหน็ วา่ ทกุ ขเ์ กดิ ขน้ึ กบั   ขนั ธ ์ ๕ เหน็ วา่ ขนั ธ ์ ๕ เปน็ ทกุ ข ์ ไมใ่ ชเ่ ราทกุ ข ์ จนเหน็   ไปถงึ วา่  ทกุ ขเ์ กดิ ขนึ้ เพราะไปยดึ มน่ั ถอื มนั่ ในตวั กขู องกู นั่นคือรู้ไปถึงสมุทัย  และเม่ือมีสติท่ีเกื้อหนุนให้เกิด  ปัญญาจนกระท่ังได้เห็นความจริงข้อน้ี  ก็จะสามารถ  ละสมทุ ยั ได ้ และเมอ่ื ละสมทุ ยั  หรอื ละความยดึ ตดิ ถอื มนั่   ในตัวตนได้แล้ว  ความทุกข์ก็ไม่มีท่ีต้ัง  ก็จะเข้าถึงนิโรธ  คือความดบั ทกุ ขห์ รือพระนพิ พานได้ในท่สี ุด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook