ท ํ า อ ย ่ า ง ไ ร จ ึ ง จ ะ ทุ ก ข ์ น ้ อ ย แ ก ่ ช ้ า แ ล ะ อ า ย ุ ย ื น โรคบางอยา่ ง รักษากห็ าย ไมร่ กั ษากห็ าย โรคบางอย่าง รกั ษาหาย ไมร่ กั ษาไม่หาย โรคบางอยา่ ง รกั ษาก็ไม่หาย ไม่รกั ษากไ็ ม่หาย เรารักษาโรคเมื่อป่วยไข้ ก็ด้วยหวังว่ารักษาแล้วจักหาย แม้ ไม่หายขาดก็พอทุเลาหรือคุมไว้ได้ ไม่ให้ก�ำเริบจนประสบทุกขเวทนา หนกั หรอื รบกวนจนร�ำคาญ ไม่อยากทำ� อะไร หรือทำ� ไม่ไหว เปน็ เหต ุ ใหเ้ สยี งาน เสยี เงนิ เสยี กำ� ลงั ใจ เสยี เวลา เสยี อนาคต เสยี นสิ ยั เสยี เพอ่ื น เสยี บคุ ลกิ ลกั ษณะ สารพดั ทจี่ ะเสยี เพราะมโี รค บางคนทำ� ลาย ชวี ติ ตนเองเพราะโรคเร้ือรงั กม็ ีให้เห็นอยบู่ ่อยๆ ทจี่ รงิ ทกุ อยา่ งในโลก มขี องแกก้ นั เพยี งแตเ่ ราไมค่ อ่ ยรวู้ า่ อะไร แกอ้ ะไรเท่าน้ัน เวลาน้ี โรคเอดส์ (ภูมคิ ุ้มกันบกพรอ่ ง) กำ� ลังระบาด กลัวกันท่ัวโลก เพราะยังหายาที่รักษาไวรัสเอดส์ไม่ได้ มียาบางตัว เพียงแต่ยับย้ังไว้ได้บ้าง แต่ไม่สามารถท�ำลายได้ พอเป็นถึงระยะท่ ี ๒-๓ กม็ หี วงั ตายอยา่ งเดยี ว สาเหตขุ องเอดสท์ แ่ี รกกค็ อื อธรรมราคะ หมายถึงการสนองราคะโดยไม่ถูกต้องตามธรรมหรือตามธรรมชาติท่ี ควรจะประพฤติ ไม่เห็นโทษของมัน เมื่อมากเข้า สะสมไว้นานเข้า จึงถูกธรรมชาติลงโทษเอา เพื่อให้มนุษย์เข็ดหลาบเสียบ้าง แตต่ อ่ ไป ภายหนา้ วงการแพทยแ์ ละวทิ ยาศาสตร ์ อาจคน้ พบยาทสี่ ามารถรักษา โรคเอดสไ์ ด้ ถงึ อยา่ งไรๆ กป็ อ้ งกนั ไวก้ อ่ นดกี วา่ เพราะคา่ รกั ษาเอดส ์ แพงมาก เรามาคยุ กนั เรอื่ งยาสามญั ทวั่ ๆ ไปดกี วา่ ยาเปน็ สง่ิ มอี ายเุ หมอื น มนษุ ย์และส่งิ ทงั้ หลาย เมอ่ื หมดอายกุ ารใช้แล้ว ใช้ไปกไ็ มม่ ปี ระโยชน ์ มีแต่โทษแก่ร่างกาย การกินยาใช้ยา จึงต้องเต็มไปด้วยความระมัด ระวงั คิดแลว้ คดิ อกี ดูแล้วดูอีก ปรกึ ษาแล้วปรึกษาอกี ให้แน่ ท่ขี วดยา 250
ค ว า ม เ ข้ า ใ จ เ กี่ ย ว กั บ ชี วิ ต อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ กลอ่ งยาหลายชนดิ ทา่ นใหพ้ มิ พว์ า่ ยาอนั ตราย นนั่ คอื ยาทต่ี อ้ งใชอ้ ยา่ ง ระมัดระวัง มีกฎเกณฑ์มีก�ำหนดเวลา อย่าเชื่อข้อความในฉลากยาที่ ติดมากับขวดหรือกล่องหรือซองยาให้มากนัก เพราะบริษัทยาหลาย บริษัทท่ีมุ่งแต่จะขายยาของตนให้ได้มากท่ีสุด โดยไม่ค�ำนึงถึงสุขภาพ ของประชาชน และความสิ้นเปลืองและความสูญเสียของประชาชน ผู้บรโิ ภคซง่ึ เสียเปรยี บอยู่ทกุ ทางแลว้ ยาหมดอาย ุ มที พ่ี อสงั เกตไดอ้ ย ู่ ๒ อยา่ ง คอื (๑) ดทู ต่ี วั ยาเอง เช่นสีเปล่ียนไป หรือถ้าเป็นยาเม็ดเคลือบ มีรอยเย้ิมออกมา ถ้าเป็น แคปซลู ถอดได้ ลองถอดออกดู เชน่ ยาเตตตรา้ ไซคลนี ตวั ยาภายใน จะเป็นสีเหลืองอ่อน ถ้าเปล่ียนเป็นสีน�้ำตาลหรือสีเทาแสดงว่ายาหมด อายแุ ลว้ ไมค่ วรกนิ อนั ตรายมาก เชน่ ทำ� ใหท้ อ่ ไตเสยี เปน็ ตน้ ยานำ�้ แขวนตะกอน ตามปกตเิ มอ่ื เขยา่ ขวดตะกอนกบั น้�ำใสขา้ งบนจะเขา้ กนั สนิท ถ้าตะกอนเป็นก้อนเขย่าแล้วเข้ากับน้�ำไม่สนิท แสดงว่ายาเสีย หรอื หมดอาย ุ (๒) สงั เกตดวู นั ผลติ กบั วนั หมดอาย ุ มยี าหลายอยา่ งที่ บอกวันหมดอายุไว้ที่ขวดหรือท่ีกล่องว่า Exp. มาจากค�ำว่า Expira- tion (เอกซพิเรฌ่ัน) แปลว่าหมดอายุ สมมติว่า Exp. ๑๐-๑๑-๘๙ (หรอื ๑๐/๑๑/๘๙) แสดงวา่ ยาหมด อาย ุ ในวนั ท ี่ ๑๐ เดอื น ๑๑ คอื เดอื นพฤศจกิ ายน ค.ศ. ๑๙๘๙ (พ.ศ. ๒๕๓๒) บางอยา่ งจะบอกเฉพาะ วันผลิตเอาไว้ แต่ไม่บอกวันหมดอายุ เช่น Manu. Date. ๘/๘๙ Manu ย่อ มาจากค�ำว่า Manufacture (แมนิวแฟคเชอะ) แปลว่า กระทำ� หรอื ประดษิ ฐ ์ คอื ผลติ นนั่ เอง โดยปกต ิ ถา้ ไมบ่ อกวนั หมดอายุ แต่บอกวันผลิตไว้ ถ้ายานั้น นับแต่วันผลิตมาถึง ๕ ปี ก็ถือว่าหมด อาย ุ ไม่ควรกนิ 251
ท ํ า อ ย ่ า ง ไ ร จ ึ ง จ ะ ทุ ก ข ์ น ้ อ ย แ ก ่ ช ้ า แ ล ะ อ า ย ุ ย ื น ส�ำหรับยาหยอดตาน้ัน แม้จะยังไม่ถึงวันหมดอายุ แต่เม่ือเปิด ใชแ้ ลว้ ใหใ้ ชภ้ ายใน ๑ เดอื นเทา่ นน้ั แมย้ งั เหลอื อยกู่ ใ็ หท้ งิ้ ไป ไมต่ อ้ ง เสียดาย ดวงตาของเราราคาแพงและส�ำคัญกว่ายาหยอดตามากนัก อน่ึง ถ้าไม่จ�ำเป็นจริงๆ ก็อย่าใช้ยาหยอดตาใดๆ นอกจากได้ปรึกษา จกั ษแุ พทยแ์ ลว้ เทา่ นนั้ เพราะยาหยอดตาแตล่ ะอยา่ งเขา้ ตวั ยาทอ่ี าจจะ เปน็ พษิ ตอ่ ดวงตาของเราได ้ แมฉ้ ลากยาจะบอกไวว้ า่ ดอี ยา่ งนน้ั อยา่ งน ี้ แก้โรคตาอย่างน้ันอย่างนี้ เรารู้ได้อย่างไรว่าเราเป็น ดวงตามีความ สลับซับซ้อนและส�ำคญั มาก ยาหยอดตาบางอยา่ งเขา้ ตวั ยาปฏชิ วี นะ สำ� หรบั ฆา่ เชอ้ื โรคในตา หรอื อาการอกั เสบของเยอ่ื บตุ าทเี่ กดิ จากการตดิ เชอ้ื แบคทเี รยี ใชไ้ มถ่ กู เรื่องอาจทำ� ใหต้ าอักเสบ แพย้ าเปน็ อันตรายได้ ยาหยอดตาบางอย่าง เข้าตัวยาสเตียรอยด์ ซ่ึงแพทย์จะใช้เม่ือวินิจฉัยได้ว่าคนไข้ตาอักเสบ เกดิ จากอาการแพห้ รอื มา่ นตาอกั เสบ อาจใหใ้ ชเ้ พยี ง ๗ วนั เทา่ นนั้ ถา้ เราใชเ้ องอย่างรู้เทา่ ไม่ถงึ การณ์ อาจเกดิ อนั ตรายขน้ึ ได้ ไมท่ ราบวา่ ฉลากยาในบา้ นเมอื งเราทบี่ รษิ ทั ทำ� ขน้ึ ตดิ มากบั ยานน้ั ไดร้ บั การควบคมุ เพยี งใดหรอื ไม ่ ผบู้ รโิ ภคซงึ่ ไมม่ คี วามร ู้ เชอ่ื ฉลากยา และใชต้ ามนนั้ บางทกี ไ็ ดผ้ ลบา้ งบางทกี เ็ สยี่ งตอ่ อนั ตรายเปน็ อยา่ งมาก เรื่องการใช้ยากับภาวะโภชนาการมีเร่ืองวิจิตรพิสดารและสลับ ซับซ้อนมาก เกินสติปัญญาและเกินหน้าที่ของผมที่จะบรรยายในท่ีน ี้ ได้ เท่าที่เขียนมาน้ี ก็ก้าวเข้าไปในแดนของแพทย์ เภสัชกร และ นกั โภชนาการมากอยแู่ ลว้ ไมเ่ ปน็ การเจยี มตวั ผดิ พลาดไดง้ า่ ย เพราะ รเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ ์ หรอื รเู้ พยี งดา้ นใดดา้ นหนง่ึ แลว้ เสนอความรอู้ อกมา ความรเู้ รอ่ื งโรค เรอื่ งยาทมี่ าสมั พนั ธก์ บั อาหารการกนิ นน้ั มคี วามสลบั 252
ค ว า ม เ ข้ า ใ จ เ ก่ี ย ว กั บ ชี วิ ต อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ซบั ซอ้ นและมเี งอ่ื นไข (conditions) มากเหลอื เกนิ มนั เปน็ if-then- law อยู่โดยตลอด คือไม่ตายตัว สุดแล้วแต่เหตุปัจจัยต่างๆ ที่เข้า มาเกี่ยวข้องเป็นเร่ืองๆ เป็นคราวๆ ไปตัวอย่างเช่น คนเป็นเบาหวาน หมอแนะน�ำไม่ให้กินของหวานๆ โดยเฉพาะหวานจัดๆ ไม่ว่าในรูป ของอะไร คนไข้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กินยาเบาหวานด้วย เพ่ือ คุมโรคให้ได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ถ้าภาวะนำ้� ตาลในเลือดลดลงมากจาก สาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เช่น กินอาหารน้อยไป ออกก�ำลังกายมากไป กินยามากไป กินยาก่อนอาหารแล้วเว้นระยะนานหลายช่ัวโมงจึงกิน อาหาร อย่างนี้ภาวะน้�ำตาลในเลือดอาจต�่ำลงมาก โดยมีอาการบอก ล่วงหน้าให้คิดอะไรไม่ออก ความคิดสับสน (เพราะขาดกลูโคสไป เลย้ี งสมอง) เหงอ่ื ออก มอื สนั่ ขาสน่ั (คนธรรมดาทไี่ มเ่ ปน็ เบาหวาน ก็มีอาการอย่างนี้ได้ ถ้าหิวมากๆ) ถ้าอย่างน้ีละก็ ท่านให้รีบกินของ หวานๆ (คนธรรมดากค็ วรทำ� อยา่ งนเี้ หมอื นกนั ) เชน่ นำ�้ หวาน นำ�้ ผง้ึ นำ�้ ตาลในรปู ตา่ งๆ อาจตอ้ งกนิ ทกุ ครงึ่ ชวั่ โมง จนกวา่ อาการจะกลบั คนื สภู่ าวะปกต ิ สบายด ี แลว้ เรมิ่ ตน้ คมุ กนั ใหม ่ อยา่ งนแ้ี หละคอื if-then- law หรอื กฎทมี่ เี งอ่ื นไข ถา้ เปน็ อยา่ งนน้ั ตอ้ งทำ� อยา่ งน ้ี ถา้ เปน็ อยา่ งนี ้ ต้องท�ำอย่างโน้น ภาวะน้�ำตาลในเลือดต่�ำน้ีอันตรายมาก เพราะมัน ปุบปับเป็น ส่วนภาวะน�้ำตาลสูงนั้นจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าสูงมาก อยนู่ านๆ กอ็ นั ตรายเหมือนกัน อนั ตรายกับระบบตา่ งๆ ของร่างกาย แพทย์และเภสัชกรได้เขียนเร่ืองเหล่าน้ีเผยแพร่ไว้มากหนังสือ ท่ีเกี่ยวกับโรคและยา รวมทั้งโภชนาการด้วย เวลาน้ีหาอ่านได้ไม่ยาก ถา้ ชาวบา้ นเราเจยี ดเวลามาอา่ นหนงั สอื เหลา่ นกี้ นั บา้ งกจ็ ะชว่ ยตวั เองได้ มาก ยงั จะชว่ ยลดภาระของแพทยแ์ ละพยาบาลตามโรงพยาบาลตา่ งๆ ใหน้ อ้ ยลง ชว่ ยลดภาระของรฐั ทจี่ ะตอ้ งสรา้ งโรงพยาบาลเพม่ิ ทสี่ �ำคญั 253
ท ํ า อ ย ่ า ง ไ ร จ ึ ง จ ะ ทุ ก ข ์ น ้ อ ย แ ก ่ ช ้ า แ ล ะ อ า ย ุ ย ื น ทส่ี ุดคอื ช่วยตวั เองได้พอสมควร ถา้ ไมใ่ ชโ่ รครา้ ยแรงจริงๆ และได้ชอ่ื วา่ ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั พระพทุ ธภาษติ ทวี่ า่ “ตนเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของตน คนอน่ื ใครเลา่ จกั เปน็ ทพ่ี ง่ึ ได ้ (เหมอื นพงึ่ ตน) บคุ คลผมู้ ตี นอนั ฝกึ ดแี ลว้ ยอ่ ม ไดท้ พ่ี ึ่งซ่ึงได้โดยยาก” ในกรณีท่ีเรายังช่วยตัวเองได้อยู่ หมอ ยา และอาหารแม้ว่า จะเป็นส่ิงส�ำคัญ แต่จะช่วยอะไรเราไม่ได้มากนัก ถ้าเราปฏิบัติตนไม่ เหมาะสมแก่โรคท่ีเราเป็น ถ้าแม้ว่ายังไม่เป็นโรคอะไร เม่ือปฏิบัติตน ไม่เหมาะสม ต่อไปจะเป็นสารพัดโรค แต่ถ้าเราปฏิบัติตนเหมาะสม รจู้ กั ประมาณในการกนิ การอย ู่ การออกกำ� ลงั กาย เวน้ สงิ่ อนั เปน็ เหตุ ท�ำลาย บั่นทอนสุขภาพพลานามัยแล้ว เราจะพอช่วยตัวเองได้ แม้ เป็นโรคอยู่แล้วก็จะทุเลาเบาบาง บางอย่างอาจหายไปเลย น่ีคือหลัก การพึ่งตนเอง ช่วยเหลือตนเอง เราจะพ่ึงตนเองได้ก็โดยการฝึกตน สิ่งอันเป็นเครื่องมือในการฝึกก็คือธรรม ได้แก่หลักการ กฎเกณฑ์อัน ควรเว้นและควรประพฤติ ด�ำเนินชีวิตถูกต้องตามกฎธรรมชาติ ตนท ี่ ฝึกดีแล้วนั่นแหละจึงจะเป็นที่พ่ึงได้ เหมือนช้าง ม้า วัว ควาย ที่เรา จะพ่ึงมันได้ก็ต้องฝึกมัน ช้าง ม้า วัว ควาย ท่ียังไม่ได้ฝึก พึ่งไม่ได้ ตัวของเราเองที่ยังไม่ฝึกให้ดี นอกจากจะพึ่งไม่ได้แล้ว ยังจะท�ำความ พนิ าศฉบิ หายมาสตู่ นเสยี อกี ในกรณีท่ีเราช่วยตัวเองไม่ได้ เช่นป่วยหนักจนลุกไม่ไหว ท�ำ อะไรเองไมไ่ ดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยมอบสงั ขารของตนไวก้ บั หมอใหช้ ว่ ยวนิ จิ ฉยั เรื่องยาและอาหาร โดยประการทั้งปวง และอย่าด้ือ ท�ำตนให้เป็น คนวา่ งา่ ย สอนงา่ ย กจ็ ะไดท้ พี่ งึ่ อนั สำ� คญั เหมอื นกนั เพราะโสวจสั สตา (ความเป็นผู้ว่าง่าย) เป็นธรรมข้อ ๑ ใน ๑๐ ข้อ อันเป็นเหตุให้ได ้ ทพ่ี ึ่ง (นาถกรณธรรม) 254
ค ว า ม เ ข้ า ใ จ เ กี่ ย ว กั บ ชี วิ ต อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ใครอยากอยอู่ ยา่ งมที กุ ขน์ อ้ ย แกช่ า้ และอายยุ นื ลองปฏบิ ตั ติ าม หลักของท่านผู้รู้จริงมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ดังกล่าวมาแล้ว คือมีสต ิ ทุกเมื่อ ท�ำใจให้สงบ กินอยู่แต่พอดี ปัญหาส�ำหรับเบื้องต้น ต้องมี เศรษฐกิจดีพอสมควรจึงจะสามารถจัดตัวเองให้กินอยู่แต่พอดีได้ เมื่อ กินอยู่แต่พอดีก็ท�ำให้สุขภาพดี เมื่อสุขภาพดี มีธรรมในใจด้วยก็จะ ส่งเสริมให้สุขภาพกาย สุขภาพจิต และเศรษฐกิจดียิ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนรูส้ ึกวา่ มตี นเต็มบรบิ ูรณ์ (self-fulfilment) ไม่ตอ้ งการอะไรอกี ในทน่ี ้ี ขอบนั ทกึ ขอบพระคณุ แพทย ์ เภสชั กร และนกั โภชนา- การทีไ่ ด้เขียนต�ำราไวใ้ ห้อา่ น เปน็ ความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกบั เรอื่ งโรค ยา และอาหาร ผมไดใ้ ชเ้ วลาวา่ งซงึ่ พอมอี ยบู่ า้ งศกึ ษาเรอ่ื งเหลา่ นดี้ ว้ ย ตนเองมาเป็นเวลา ๗-๘ ปีแล้ว พยายามซื้อหารวบรวมตำ� ราที่เกี่ยว กบั เรอื่ งโรค ยา และอาหาร มาประมาณ ๑๐ กวา่ ป ี ตำ� รามไี มม่ ากนกั แต่พยายามอ่านเรื่องละหลายๆ คร้ัง เพ่ือจ�ำได้และน�ำไปใช้ได้โดย ไมต่ อ้ งเปดิ ตำ� รา ไดม้ องเหน็ ชดั แจง้ อยา่ งหนง่ึ วา่ เรอ่ื งการใชย้ าเหมอื น การใช้ธรรมะ คือต้องใช้เป็น มีเงื่อนไขมาก เป็น if-then-law อยู่เสมอ ไม่มีกฎตายตัว ไม่เป็นอตัมมยตา เพราะอตัมมยตา เป็น unconditionality แต่เร่ืองการใช้ยา ใช้ธรรมในขั้นโลกียะ เป็น conditionality คอื มเี งอื่ นไข มสี ภาพปรงุ แตง่ มตี วั แปรมาก ยกั ยา้ ย ถ่ายเท เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมเป็นเร่ืองๆ เป็นคราวๆไป ใครถือม่ันในเร่ืองเหล่านี้เป็นกฎตายตัวจะล�ำบาก คับแคบ คับแค้น ไม่คลอ่ งตัว ผมอยากจะขอยุติเร่ืองนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อน ทั้งๆ ที่มีเร่ืองจะ เขียนอกี มาก เอาไว้เขยี นในหัวเรื่องอนื่ บ้าง 255
ท ํ า อ ย ่ า ง ไ ร จ ึ ง จ ะ ทุ ก ข ์ น ้ อ ย แ ก ่ ช ้ า แ ล ะ อ า ย ุ ย ื น ขอให้ท่านผู้อ่านของผม มีความทุกข์น้อย แก่ช้า และอายุยืน พร่ังพร้อมด้วยพลานามัยอันดี มีความสุขความชื่นบาน ได้ช่ืนชมกับ ชวี ติ เทา่ ทธ่ี รรมจะอำ� นวยผลใหไ้ ดต้ ามสมควรแกเ่ หตทุ ปี่ ระพฤตมิ าดแี ลว้ ทุกท่าน ทกุ คน ธมฺโม สจุ ณิ ฺโณ สุขมาวหาติ ธรรมท่บี คุ คลประพฤตดิ ีแลว้ ยอ่ มน�ำสุขมาให้ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๒ หมายเหต ุ เร่ืองนี้ได้ขยายความจากพระพุทธภาษิตท่ีวา่ มนชุ สสฺ สทา สติมโต บุคคลมสี ตทิ ุกเมอื่ มตฺต ํ ชานโต ลทธฺ โภชเน รปู้ ระมาณในโภชนะที่ไดแ้ ลว้ ตนุกสสฺ ภวนตฺ ิ เวทนา ผ้เู ชน่ นน้ั ย่อมมีทกุ ขเวทนานอ้ ย สณกิ ํ ชรี ติ อายุ ปาลยํ แกช่ า้ อายุยนื (จากพระไตรปฎิ ก เลม่ ๑๕ ขอ้ ๓๖๖) 256
ความร ู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรอ่ื งชวี ติ นนั้ มคี วามสำ� คญั ต่อชวี ติ มนษุ ยม์ าก เพราะทำ� ใหช้ วี ติ ดำ� เนนิ ไปถกู ตอ้ ง มผี ลเปน็ การเพ่ิมคุณภาพชีวิต พัฒนาชีวิตให้ข้ึนสู่ระดับสูงอยู่เร่ือยๆ ไมถ่ อยหลงั และไมห่ ยุดอยู่ วิทยาการที่ว่าด้วยชีวิต การด�ำเนินชีวิตและจุดหมาย ปลายทางอนั ชวี ติ ควรดำ� เนนิ ไปใหถ้ งึ นน้ั เปน็ วทิ ยาการอนั สงู สง่ ยิ่งกว่าวิทยาการใดๆ เท่าที่มนุษย์ได้แสวงหา และที่สูงส่ง อย่างย่ิงก็คือวชิ าการอนั ทำ� ใหม้ นษุ ยพ์ น้ ทกุ ขโ์ ดยสนิ้ เชงิ ไมต่ อ้ ง วนเวียนอยู่ในทุกข์อย่างน่าเบื่อหน่าย โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลง เม่ือใด FaFcaecbewobowokwo:k.rอu: eาWจnาdaรhsยainว์ mศI.ินncodอmaินsaทrสaระ www.kanlayanatam.com Facebook : Kanlayanatam
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258