พฒั นาชวี ติ ด้วยสัมมาทฏิ ฐิ อ. วศิน อินทสระ หนงั สือดอี นั ดับท่ี ๑๗๑ ฉบับธรรมทาน กันยายน ๒๕๕๕ จัดพมิ พจ์ �ำนวน ๔,๐๐๐ เล่ม ชมรมกลั ยาณธรรม ๑๐๐ ถ.ประโคนชัย ต.ปากน้�ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท์ ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓, ๐๒-๗๐๒-๙๖๒๔ โทรสาร ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓ www.kanlayanatam.com ออกแบบโดย : วัชรพล วงษอ์ นสุ าสน์ ด�ำเนินการผลิตโดย ชมรมกัลยาณธรรม พมิ พ์ที ่ บริษทั ขมุ ทองอตุ สาหกรรมและการพิมพ์ จ�ำกดั ๕๙/๘๔ หมู่ ๑๙ ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๗๐ โทร. ๐-๒๘๘๕-๗๘๗๑-๓ โทรสาร ๐-๒๘๘๕-๗๘๗๔ สพั พทานัง ธมั มทานงั ชนิ าติ การใหwธ้ รwรมwะw.เkปwaน็ wnทlา.avนyisaยanอ่ laมotช.aoนmrะgก.าcรoใหm้ทง้ั ปวง
ธรรมบรรณาการ ของขวญั ทางปญั ญา แด่ จาก
คำ� อนุโมทนา ชมรมกลั ยาณธรรมโดยทนั ตแพทยห์ ญงิ อจั ฉรา กลน่ิ สวุ รรณ ์ ผู้เป็นประธานชมรม ได้ขออนุญาตพิมพ์หนังสือเร่ือง “การพัฒนา ชีวิตด้วยสัมมาทิฏฐิและความคิดท่ีถูกต้อง” ข้าพเจ้าอนุญาตด้วย ความยนิ ดยี ่ิง เรื่อง สัมมาทิฏฐิ เป็นคำ�บรรยายแก่นิสิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ณ สำ�นักงานนิตยสารศุภมิตร ส่วน ความคิดที่ถูกต้อง น้ันเป็นส่วนหนึ่งจากเร่ือง สัมมาสังกัปปะ ในมรรคมอี งค ์ ๘ ซงึ่ ขา้ พเจา้ เขยี นไวน้ านแลว้ สว่ นหนง่ึ เปน็ ค�ำ บรรยาย ทตี่ กึ เอนกประสงค ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร ์ เมอ่ื วนั ท ่ี ๑๓ ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๓๖ แกอ่ าจารยค์ ณะต่างๆ นักศกึ ษา และประชาชนทวั่ ไป ความเห็นที่ถูกต้องและความคิดที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำ�คัญ ในชวี ิตมนุษย ์ เพราะเขายอ่ มด�ำ เนนิ ชวี ติ ตามความเห็นและความคดิ ถา้ เหน็ ผดิ และคดิ ผดิ กจ็ ะด�ำ เนนิ ชวี ติ ไปในทางทผ่ี ดิ ไปสอู่ นั ตรายและ ทกุ ขย์ ากล�ำ บาก ถา้ เขาคดิ ถกู และเหน็ ถกู กจ็ ะด�ำ เนนิ ชวี ติ ไปในทางทดี่ ี ไดพ้ บกับความสุขและความสำ�เรจ็ อันดีงามในชวี ติ
ขา้ พเจา้ ขออนโุ มทนาตอ่ ชมรมกลั ยาณธรรมทม่ี กี ศุ ลฉนั ทะ พิมพ์หนังสือเรื่องนี้ เพ่ือประโยชน์อันกว้างขวางแก่คนหมู่มาก ขอให้ทุกคนมีความเห็นและความคิดอันถูกต้อง ประสบความสุข ความส�ำ เรจ็ ในชีวติ ตามประสงค์ ด้วยความปรารถนาดีอยา่ งยิง่ ๒๕ สงิ หาคม ๒๕๕๕
คำ� น�ำของชมรมกัลยาณธรรม จากคำ�ปรารภของท่านอาจารย์ที่ว่า “ความเห็นท่ีถูกต้อง และความคิดที่ถูกต้องเป็นส่ิงท่ีสำ�คัญในชีวิตมนุษย์ เพราะเขาย่อม ดำ�เนินชีวิตตามความเห็นและความคิด ถ้าเห็นผิดและคิดผิดก็จะ ดำ�เนินชีวิตไปในทางที่ผิด ไปสู่อันตรายและทุกข์ยากลำ�บาก ถ้าเขา คดิ ถกู และเหน็ ถกู กจ็ ะด�ำ เนนิ ชวี ติ ไปในทางทดี่ ี ไดพ้ บกบั ความสขุ และ ความสำ�เร็จอันดีงามในชีวิต” จะเห็นได้ว่าความเห็นที่ถูกต้องและ ความคดิ ทถ่ี กู ตอ้ งมคี วามส�ำ คญั มาก จงึ เปน็ องคส์ �ำ คญั ในอรยิ มรรค มีองค์ ๘ ในส่วนปัญญาสกิ ขา ได้แก่ สัมมาทฏิ ฐิกับสัมมาสงั กัปปะ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ความเหน็ ท่ีถกู ต้องหรอื สมั มาทิฏฐิน้ี จะเหมอื น ตวั ยาแทรกอยใู่ นมรรคองคอ์ น่ื ๆ มรรคทกุ องคจ์ ะเจรญิ กา้ วหนา้ ไปได้ จะต้องมีสัมมาทิฏฐผิ สมรวมอยเู่ สมอ ทา่ นอาจารยว์ ศนิ อนิ ทสระไดอ้ รรถาธบิ ายเรอ่ื งการพฒั นา ชวี ติ ดว้ ยสมั มาทฏิ ฐไิ วอ้ ยา่ งนา่ ฟงั มคี วามลกึ ซงึ้ และเฉยี บคมในแนวคดิ ทัศนะมุมมองท่ีตรงตามธรรมยิ่ง ท่านเปรียบว่า การมีสัมมาทิฏฐิ ก็เหมอื นการหยิบกุญแจไขห้องมหาสมบัติไดถ้ กู ดอก ย่อมเขา้ ไปชม ในหอ้ งมหาสมบตั ไิ ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย การเดนิ ตามมรรค เมอ่ื หมนุ ใจให้ ตรงต่อสัมมาทฏิ ฐิแล้ว กงลอ้ แหง่ ธรรมจกั รย่อมหมนุ ไปตามลำ�ดบั ส่วนเรื่องความคิดที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) นั้น ท่านอาจารย์
รวบรวมไว้อย่างกว้างขวางสมบูรณ์ ทั้งหลักธรรมขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริบทต่างๆ ท่ีสำ�คัญของความคิด รวมทั้ง ทัศนะความเห็นของปวงปราชญท์ ่ีมชี ่อื เสียง ชมรมกัลยาณธรรมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ วศิน อินทสระ ท่ีเมตตาอนุญาตให้ชมรมฯ ได้จัดพิมพ์หนังสือการ พฒั นาชวี ติ ดว้ ยสมั มาทฏิ ฐ ิ และหวงั วา่ ทา่ นผอู้ า่ นจะไดร้ บั ประโยชนใ์ น การพฒั นาปญั ญาแหง่ องคม์ รรค ตามเจตนารมณข์ องทา่ นอาจารย ์ และขอบญุ กศุ ลแหง่ ธรรมทานนจ้ี งบงั เกดิ อานภุ าพแหง่ สรรพสวสั ดิ มงคลกลบั มาอภบิ าลรกั ษาทา่ นอาจารยใ์ หไ้ รโ้ รคาพาธและอปุ ทั วนั ตราย มคี วามสขุ สดช่นื กายสบายใจ ร่มเย็นด้วยธรรมอันเลิศอย่ทู ุกวันคนื ขออนโุ มทนาด้วยความขอบพระคณุ ยงิ่ ทพญ. อัจฉรา กลิน่ สวุ รรณ์ ประธานชมรมกลั ยาณธรรม
สารบัญ พัฒนาชวี ิตด้วยสัมมาทฏิ ฐิ ๑๑ ตอบค�ำถาม ๒๑ ญาณทศั นะแปลว่ารเู้ หน็ ด้วยตนเอง ๓๑ สมั มาทฏิ ฐเิ ปน็ องคห์ นง่ึ ของอริยมรรค3๙ สมั มาทฏิ ฐิมสี องระดับคือ ๔3 ความคิดท่ีถูกต้อง (สมั มาสงั กปั ปะ) ๖๑ ปรยิ ายเบื้องต่�ำ ๖๓ ปรยิ ายเบ้ืองสงู ๘๓ การเลอื กวถิ ีชีวติ และการคิดในโลกทีส่ ับสน ๑๑๓
พัฒนาชีวิต ด้วยสัมมาทิฏฐิ บรรยายแกค่ ณะอาจารยแ์ ละนิสติ โครงการปริญญาเอก มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ (ประสานมติ ร) บรรยาย ณ สำ� นักงานนติ ยสารศุภมิตร วัดมกุฏกษตั รยิ าราม เมื่อวันท ่ี ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑
พัฒนาชีวิตด้วยสัมมาทิฎฐิ เมอื่ ไมม่ สี มั มาทฏิ ฐเิ ปน็ ตวั น�ำหรอื มคี วามเหน็ ไมถ่ กู ตอ้ ง มี ความเขา้ ใจไมถ่ กู ตอ้ งเสยี แลว้ มนั กพ็ ฒั นาไปในทางเสยี ทา่ นใชค้ �ำวา่ รกโลก “โลกวัฑฒโน” ภาษาบาลีท่านใช้ว่า น สิยา โลกวฑฺฒโน ไม่ควรเป็นคนรกโลก ใช้ค�ำว่าวัฒนะ ที่เราแปลว่าพัฒนานี่แหละ ท่านแปลว่า “รก” คือว่าเจริญมีอยู่สองแบบ เจริญแบบรกกับ เจริญแบบเรียบร้อย ท่ีจริงสมัยก่อน เราไม่ใช้ค�ำว่า “พัฒนา” เราใช้ว่า “ภาวนา” แล้วเพิ่งมาเร่ิมใช้ ค�ำว่า “พัฒนา” กันมาก สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ข้ึนมาพัฒนาบ้านเมือง เม่ือก่อนเรา ใช้ค�ำว่าภาวนา พวกเราเคยได้ยินค�ำวา่ ภาวนาบอ่ ย ๆ อยา่ งการพฒั นาของกรงุ เทพฯในเวลาน ้ี พฒั นารกไปหมด เลย คือ พัฒนามาก รก ไปไหนไม่ค่อยได้ ผมมาท่ีน่ีคิดว่าจะมา บรรยายสามโมงเชา้ ผมตอ้ งออกจากบา้ นกอ่ นหกโมงเชา้ เพราะวา่ ถา้ ออกเจด็ โมงเกา้ โมง คงยงั เดนิ ทางมาไมถ่ งึ กอ็ อกเสยี กอ่ นหกโมง ดกี วา่ มาถงึ นสี่ กั หกโมงครง่ึ เพราะเปน็ ทที่ �ำงานของผมอยแู่ ลว้ มา นง่ั ท�ำอะไรตอ่ อะไรไปเรอ่ื ย ๆ เปน็ ส�ำนกั งานของนติ ยสาร “ศภุ มติ ร” ผมเป็นบรรณาธิการอยูท่ ี่น่ี
14 พัฒนาชีวิตด้วยสัมมาทิฏฐิ ถา้ ไมม่ สี มั มาทฏิ ฐ ิ ไมม่ คี วามเหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง ไมม่ คี วามเขา้ ใจ ทถี่ กู ตอ้ งแลว้ การพฒั นากจ็ ะพฒั นาไปในทางรก ไมเ่ รยี บรอ้ ย มนั ไมเ่ ปน็ ภาวนา รกทงั้ กาย รกทงั้ ใจ รกทง้ั ศลี ธรรม ศลี ธรรมมนั รก เศรษฐกจิ ตกตำ�่ ลงมา มคี นรำ่� รอ้ งกนั เซง็ แซใ่ หแ้ กป้ ญั หาทางเศรษฐกจิ แตศ่ ลี ธรรมมนั ตำ่� ลงทรดุ ลง คอ่ ย ๆ ตกตำ่� ลงเปน็ เวลานาน ไมม่ ใี คร ร�่ำร้อง ไม่ค่อยมีใครร้อง ให้พร้อม ๆ กัน ท่านจะเห็นด้วยกับผม หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ผมเห็นว่าที่เศรษฐกิจตกต�่ำน้ี ศีลธรรมตกต�่ำ มาก่อน แล้วเศรษฐกิจจึงตกต่�ำตามมา เพราะว่าคนไปฝึกเรื่องอื่น กันมาก แต่ว่าขาดการฝึกท่ีจะไม่ให้โลภมาก ไม่ให้โกรธ ไม่ให้หลง ไปฝึกอย่างอ่ืนกันเยอะเลย แต่ไม่ค่อยได้รับการฝึกไม่ให้โลภ ไม่ให้ โกรธ ไมใ่ ห้หลง คนจึงโลภกันมากขึ้น ๆ สงั คมเต็มไปด้วยความโลภ ทกุ คนบา่ ยหนา้ ไปสคู่ วามมงั่ คง่ั ทนี ที้ รพั ยส์ นิ กไ็ มพ่ อ จงึ ยอ้ื แยง่ กนั คดโกงกัน เกิดจากความไม่มีสัมมาทิฏฐิ เกิดความเห็นไม่ถูกต้อง เห็นผิดไป คิดว่าเงินทองหรือความม่ังคั่งจะให้ความสุขได้ เป็น ความเห็นผิดอยา่ งหนึง่ เม่ือก่อนนี้ ท่านผู้อ�ำนวยการคงจะเคยได้ยินว่าสังคมไทย เราด�ำเนินชีวิตตามอริยวัฒนธรรม คือวัฒนธรรมของพระอริยะ ซ่งึ เป็นตน้ แบบ เปน็ แบบใหเ้ ราในการด�ำเนนิ ชวี ติ เช่นวา่ มกั นอ้ ย สันโดษ ใช้น้อย กินน้อย แล้วทรัพยากรต่าง ๆ ก็เหลืออยู่กับ สงั คมเยอะ ใครมแี รงท�ำนาไดเ้ ทา่ ไรท�ำไป มนี าเหลอื เฟอื ของญาติ ของพี่น้องให้กัน เราได้รับต้นแบบจากพระอริยะ คือพระอรหันต์
15อ.วศิน อินทสระ พระโสดาบนั พระสกทาคาม ี พระอนาคาม ี พวกเราซงึ่ เปน็ อบุ าสก อุบาสิกา เดินตามแบบพระอริยะ ใช้ชีวิตตามแบบของพระอริยะ เบากาย สบายใจ ไม่ต้องขวนขวายด้ินรนอะไรมากนัก หาทรัพย์ ไปสักระยะหน่ึงแล้วเราก็หยุด หยุดเพ่ือจะได้อบรมกาย อบรมศีล อบรมจติ อบรมปญั ญาใหส้ งบ แตม่ าถงึ เวลาน ้ี ขอใหท้ า่ นทง้ั หลาย ซง่ึ เปน็ ผเู้ รยี นสงู แลว้ ไดพ้ จิ ารณาดว้ ยวา่ เราเดนิ ตามวฒั นธรรมของชาติ ทเี่ ราเรยี กวา่ เจรญิ แลว้ เรยี กวา่ อารยประเทศ ซง่ึ เดนิ ตามแนวทาง ของคนมกี เิ ลส และเขามงุ่ เอาความมงั่ คงั่ ในชวี ติ เปน็ เปา้ หมาย ไมใ่ ช่ กินอยู่แต่พอดี เขาต้องการจะกินอยู่ให้ดีท่ีสุด เราก็เลยกระเสือก กระสนมาก ถงึ กระนน้ั บางคนท�ำงานทงั้ ชวี ติ จะมบี า้ นสกั หลงั กย็ าก จะมีท่ีดินสักแปลงหน่ึงส�ำหรับปลูกบ้านก็ยาก จะมีรถสักคันหน่ึงก็ ยาก กเ็ พราะเหตทุ วี่ า่ ถกู คนทม่ี กี �ำลงั มคี วามสามารถ มอื ยาวสาวได้ สาวเอาสาวเอาไปหมดเลย ทเ่ี หลอื อยมู่ นั กแ็ พง แพงทง้ั นนั้ ท�ำให ้ มคี วามเป็นอย่ยู ากขนึ้ ทนี ถ้ี า้ คนไทยของเราหนั มามสี มั มาทฏิ ฐ ิ ความเหน็ ทถ่ี กู ตอ้ งตาม แนวของพระอรยิ ะ อรยิ วฒั นธรรม ทว่ี า่ พออย ู่ พอกนิ สนั โดษ มกั นอ้ ย ใชช้ วี ติ สมถะ ชวี ติ กจ็ ะเบาสบาย งา่ ย ๆ แบบ plain living high doing อยอู่ ยา่ งตำ�่ ท�ำอยา่ งสงู คอื ถา้ เราไปอยอู่ ยา่ งสงู เสยี แลว้ มนั ไมด่ งึ จติ เราข้ึนไป แต่ถ้าเราอยู่อย่างต่�ำ อยู่อย่าง plain plain มันจะดึง จติ เราใหไ้ ปสงู แตถ่ า้ อยอู่ ยา่ งสงู หรหู รา ฟมุ่ เฟอื ย อยอู่ ยา่ งมงั่ คงั่ จติ มันตกลง เสมอื นไฟไดเ้ ชอ้ื มันก็ยง่ิ ไหม้ใหญเ่ ลย
16 พัฒนาชีวิตด้วยสัมมาทิฏฐิ ตอ้ งปรบั ทฏิ ฐขิ องคนในสงั คมใหเ้ ปน็ สมั มาทฏิ ฐ ิ ใหม้ คี วาม คดิ เหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง ตามแนวของพระอรยิ ะทท่ี า่ นไดป้ ระสบความส�ำเรจ็ มาแลว้ ในการด�ำเนนิ ชวี ติ มฉิ ะนนั้ เรากจ็ ะพฒั นาแบบรก ๆ ไปเรอื่ ย ๆ และร้อนไปเรื่อย ๆ ยิ่งพัฒนายิ่งร้อน ยิ่งบ้านเมืองพัฒนามากขึ้น คนกย็ งิ่ มกี เิ ลสมากขนึ้ ยงิ่ หาความสขุ สงบไดน้ อ้ ยลง ขาดสมั มาทฏิ ฐิ ไม่มีความเห็นท่ีถูกต้องว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรได้ อะไรเป็นส่ิงที่ไม่ จ�ำเป็น อะไรควรจะเป็นจุดหมายของชีวิต อะไรคือสิ่งที่ชีวิตควร แสวงหา อะไรคือสิ่งท่ีไม่จ�ำเป็น คือว่าอยู่เท่าท่ีจ�ำเป็น หาเท่า ที่จ�ำเป็น อย่างน้ีก็สบาย อะไรไม่จ�ำเป็นให้ตัดออก และไม่ม ี ปมด้อย ไม่มีปมเขื่อง ไม่แข่งขันกับใคร เราอยู่อย่างที่เราอยู ่ เราเปน็ อย่างท่ีเราเป็น ถา้ จะถามวา่ เรารไู้ ดอ้ ยา่ งไรวา่ ความเหน็ ของเราถกู ตอ้ งเปน็ สมั มาทฏิ ฐ ิ ขอใหท้ ราบวา่ ความถกู ตอ้ งตอ้ งตามมาดว้ ยความส�ำเรจ็ ความรู้ท่ีถูกต้อง การกระท�ำที่ถูกต้อง ความเข้าใจท่ีถูกต้องต้อง ตามมาด้วยความส�ำเรจ็ เชน่ รถยนตข์ องเราเสยี เราไปให้ช่างแก ้ ถา้ ชา่ งไมม่ คี วามรทู้ ถ่ี กู ตอ้ ง ยง่ิ แกจ้ ะยงิ่ เสยี ถอดนนั่ ถอดนเ่ี สยี หมดเลย ถา้ ชา่ งทม่ี คี วามรถู้ กู ตอ้ ง ลองแตะอะไรนดิ เดยี ว บางทเี ขย่ี นดิ เดยี ว เครอ่ื งยนตต์ ดิ แลว้ นาฬกิ าเราเสยี เอาไปใหช้ า่ งทแี่ กไ้ มเ่ ปน็ จะเสยี หมด ทง้ั เรอื นเลย นน่ั คอื ความรไู้ มถ่ กู ตอ้ ง ความเขา้ ใจไมถ่ กู ตอ้ ง มนั ตามมา ดว้ ยความไมส่ �ำเรจ็ ตามทต่ี อ้ งการ แตถ่ า้ ความรทู้ ถ่ี กู ตอ้ ง จะตามมาดว้ ย ความส�ำเรจ็ ผลตามทต่ี อ้ งการ ความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งตามมาดว้ ยการกระท�ำ ทถี่ กู ตอ้ ง แลว้ มนั จะส�ำเรจ็ ผลทเี่ ราตอ้ งการ ดงั นน้ั เมอ่ื มสี มั มาทฏิ ฐิ
17อ.วศิน อินทสระ ความเหน็ ทถ่ี กู ตอ้ งในเรอื่ งของชวี ติ ในเรอื่ งความเปน็ อยใู่ นเรอื่ งตา่ ง ๆ เวลาทพี่ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงแสดงเรอื่ งอรยิ มรรค พระองคจ์ งึ แสดง เรอ่ื งสมั มาทฏิ ฐไิ วเ้ ปน็ ตวั ตน้ เหมอื นหวั รถจกั ร ปรบั ทฏิ ฐเิ สยี กอ่ น หมนุ ทฏิ ฐิให้ถูกตอ้ ง การปฏบิ ัตธิ รรมนี่ไม่ยากครับ เพยี งท�ำความเห็นให้ ถูกต้องเสียก่อนเป็นขั้นแรก ถ้าความเห็นไม่ถูกต้อง เม่ือปฏิบัติไป จะยงิ่ ล�ำบากไป ยงุ่ ยากสับสนไม่รเู้ ร่อื งเลย ปญั หาหลายอยา่ งคลา้ ย ๆ เงอื่ นกระตกุ คลา้ ย ๆ ขวดเกลยี ว เงอ่ื นกระตกุ น ่ี ถา้ เรากระตกุ เงอ่ื นถกู จะหลดุ ออกมาหมดเลย เพราะวา่ เราจบั เงอ่ื นถกู นนั่ คอื สมั มาทฏิ ฐ ิ ถา้ จบั เงอ่ื นผดิ ยงิ่ กระตกุ ยง่ิ แนน่ ในทสี่ ดุ ตอ้ งตดั เลย กระตกุ ไมอ่ อก มนั มแี คส่ มั มาทฏิ ฐกิ บั มจิ ฉาทฏิ ฐ ิ พอไปโดน เงือ่ นมจิ ฉาทิฏฐเิ ข้าเท่านนั้ มนั หายไปเลย มนั ไมไ่ ปทางที่ควรจะไป ขวดเกลยี วหมนุ ไปทางน ้ี ปอ๊ กออกมาเลย รนิ นำ�้ กนิ ไดส้ บาย นำ้� หวาน น้�ำผลไม้ พอหมุนเกลียวผิด ย่ิงหมุนยิ่งไม่ออก ยิ่งหมุนย่ิงเสีย ท้งั เกลยี วเสียขวดเสีย ในทีส่ ดุ ทุบเลย ปัญหาชีวิตหลายอย่าง ปัญหาในสังคมหลายอย่าง มัน เปน็ อยา่ งนนั้ คอื ขาดความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง ถา้ เขา้ ใจถกู ตอ้ ง ท�ำความ เขา้ ใจใหด้ ี แกไ้ มย่ ากเลย ใน “มโหสถชาดก” ทา่ นอาจารยท์ ง้ั หลาย คงจะไดเ้ คยอ่าน มนั มีเงาของแกว้ มณลี งไปอยู่ในสระแล้วพระราชา “พระเจ้าวิเทหราช” ไปปรึกษา “เสนกบัณฑิต” บัณฑิตผู้ใหญ่ พาพรรคพวกบรวิ ารไปวดิ นำ้� ใหญ ่ เขา้ ใจวา่ แกว้ มณอี ยใู่ นสระ วดิ นำ้� หมดแล้วแก้วมณีก็ไม่เจอ โกยโคลนขึ้นมาอีกไม่พบ พอน้�ำไหล
18 พัฒนาชีวิตด้วยสัมมาทิฏฐิ เข้ามาเจ่ิงในสระ ภาพแก้วมณีก็ปรากฏข้ึนอีก ก็ให้คนวิดน�้ำอีก ท�ำอยู่อย่างนี้สองสามรอบก็ไม่ได้แก้วมณี เพราะไม่รู้ เพราะความ เข้าใจผิด ในที่สุดไปปรึกษาท่านมโหสถ ท่านมโหสถไปส�ำรวจดู หมดแล้วท่านก็เอาภาชนะน้�ำใหญ่ ๆ ไปวางไว้ใกล้ ๆ สระ ภาพ แก้วมณีก็มาปรากฏตรงน้ีด้วยเหมือนกันนี่ มันไม่ได้ปรากฎเฉพาะ ในสระ ทา่ นกใ็ ชป้ ญั ญาพจิ ารณา “โยนโิ สมนสกิ าร” ทนี่ มี่ ตี น้ ไมอ้ ยู่ ใกล้ ๆ อยู่ต้นหนึ่ง เข้าใจว่าต้องมีอยู่ข้างบน เงาแสงของมันทอด ลงมาข้างล่าง ให้คนขึ้นไปดูพบแก้วมณีอยู่ในรังอีกา อีกาไปคาบ เอาแก้วมณีมาใส่ไว้ในรัง เงาก็ทอดลงไปในสระน�้ำ เห็นไหมครับ ไม่ต้องวิดน�ำ้ ไมต่ อ้ งโกยโคลน ให้คนขึ้นไปบนต้นไมเ้ อาแก้วมณีลง มาได้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง การใช้ปัญญาที่ถูกต้อง เหน่ือยน้อย ไดผ้ ลมาก The law of the least effort หลกั ของเศรษฐศาสตร์ กฎทวี่ า่ ดว้ ยการใชค้ วามพยายามนอ้ ยทส่ี ดุ ใหผ้ ลมากทส่ี ดุ ใชค้ วาม พยายามนอ้ ยแตไ่ ดผ้ ลมากเพราะใชป้ ญั ญา สมั มาทฏิ ฐเิ ปน็ ตวั ปญั ญา ถา้ ท�ำดว้ ยความโง ่ ถงึ จะใชค้ วามเพยี รมาก กไ็ ดผ้ ลนอ้ ย ถา้ ทา่ นจะขดุ ทอง ทา่ นกถ็ อื จอบเขา้ ขดุ ไปตงั้ แตห่ นา้ บา้ น เจอทองทไ่ี หนกเ็ อาทน่ี น่ั กบั คน ทเี่ ขามเี ครอ่ื งมอื ส�ำรวจ พอไปเจอ เอา้ ทองอยตู่ รงน ี้ เครอื่ งมอื มนั บอก ขดุ ตรงนน้ั เขาได้ทอง ไดม้ าก ได้รวดเรว็ ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง ความเหน็ ทถี่ กู ตอ้ งมนั มคี ณุ มปี ระโยชน ์ มหาศาล ในสังคมเรานีม้ ีความเขา้ ใจทีไ่ ม่ถูกตอ้ งมากมายเหลอื เกิน ซ่ึงจะต้องปรับความเข้าใจกันใหม่ให้ถูกต้องเสียแล้ว เราจะได้ ไม่ต้องท�ำอะไรมาก เวลาที่เหลือเอาไปน่ังกรรมฐานสักครึ่งวัน
19อ.วศิน อินทสระ ก็ได้ ไปท�ำสมถะวิปัสสนาได้ การท�ำอะไรให้ถูกต้องท�ำให้ไม่ต้อง ไปเสียเวลากับการแก้ไขความผิด ท่านสังเกตไหมครับว่า รัฐบาล ของเราแต่ละรัฐบาลท่ีข้ึนมา ปัญหานั้นยังไม่ได้แก้ ปัญหาน้ีก็ยัง ไม่ได้แก้ ขึ้นมาเพื่อจะแก้ปัญหาทั้งน้ันเลย แล้วก็ยังแก้ไม่หมด ใชเ้ วลาแกป้ ญั หากปี่ กี ย็ งั ไมห่ มด แลว้ มเี วลาทไี่ หนไปพฒั นาบา้ นเมอื ง เราเสยี เวลากบั เรอ่ื งการแกป้ ญั หา เราไมม่ เี วลาเดนิ หนา้ ไดเ้ ลย ถกู ไหมครบั ถา้ เผอ่ื ทา่ นไมม่ หี นส้ี นิ ทา่ นไดม้ าเทา่ ไหรเ่ ปน็ ของทา่ นเทา่ นนั้ แตถ่ า้ ทา่ น มหี นสี้ นิ มากมาย ทา่ นไดม้ าเทา่ ไหร ่ ทา่ นใชเ้ ทา่ ไหร ่ ทา่ นตอ้ งใชห้ นี้ เทา่ ไหร ่ มนั เสยี ไปกบั การใชห้ นมี้ ากกวา่ ทที่ า่ นจะเหลอื ใชเ้ อง บางคน พอวันท่ี ๑๕ เงินเดือนหมดแล้ว เซ็นตลอดเลยต้ังแต่วันที่ ๑๕ ไปเซน็ ตลอดเลย พอเงนิ เดอื นออกมาไปซะแลว้ เหลอื อยไู่ มก่ บ่ี าท จะเอา ที่ไหนไปต้ังเนื้อตั้งตัวล่ะครับ คนท่ีแต่งงานแล้วได้พ่อบ้านแม่เรือน เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นโชคดีมหาศาล ถ้าไปได้พ่อบ้านแม่เรือนที่เป็น มจิ ฉาทฏิ ฐพิ งั ยบั เยนิ กนั เปน็ แถบ ๆ แกก้ นั ๒๐ ปไี มห่ มด ยงั ไมห่ าย ในทีส่ ดุ หย่ากนั ดีกว่า อยา่ อยู่ด้วยกันเลย
ตอบค�ำถาม ถาม : ทำ� อย่างไรเราจึงจะมสี มั มาทิฏฐิ ตอบ : มนั มอี งคป์ ระกอบสองประการดว้ ยกนั นะครบั ทจี่ ะท�ำให้ เราไดส้ มั มาทฏิ ฐ ิ เหตทุ ใ่ี หไ้ ดม้ าซงึ่ สมั มาทฏิ ฐมิ สี องตวั ปจั จยั ภายนอก กค็ อื “กลั ยาณมิตร” เราได้กัลยาณมติ ร ซง่ึ ไมใ่ ชเ่ พอ่ื นอยา่ งเดยี ว แตห่ มายถงึ ทงั้ พอ่ แม ่ ครบู าอาจารย ์ ใครตอ่ ใครทที่ �ำใหเ้ ราด�ำเนนิ ชวี ติ ในทางทช่ี อบ ในทางทถี่ กู ตอ้ ง ใหด้ ขู อ้ แปดในเรอ่ื งสมั มาทฏิ ฐ ิ ปจั จยั ใหเ้ กดิ สมั มาทฏิ ฐใิ ชภ้ าษาบาลวี า่ “ปรโตโฆสะ” แปลวา่ เสยี งจากผอู้ นื่ หมายถงึ การไดย้ นิ ไดฟ้ งั การศกึ ษาเลา่ เรยี น การแนะน�ำชกั จงู การเขา้ ส�ำนกั ทถ่ี กู ตอ้ ง เปน็ ปจั จยั ภายนอก พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ “อาศยั ปจั จยั ภายนอกแลว้ เราตถาคตไมเ่ ห็นปจั จยั ใดมคี ุณเท่ากับกัลยาณมติ ร” ถา้ ในสว่ นโทษกม็ ี “ปาปมิตร” “อาศยั ปจั จยั ภายนอกแลว้ ไม่เหน็ อะไรเปน็ โทษเทา่ กบั ปาปมติ ร มติ รเลว มติ รชว่ั ถา้ เรามคี วามเหน็ ทถ่ี กู ตอ้ ง มคี วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง ด�ำเนนิ ชวี ติ ถกู ตอ้ งมนั ไมเ่ สยี เวลา กับเรอ่ื งการแก้ปัญหา
22 ตอบค�ำถาม ถ้าอาศัยปัจจัยภายใน ก็คือ “โยนิโสมนสิการ” แปลว่า การท�ำในใจไวอ้ ยา่ งแยบคาย หมายถงึ การคดิ เปน็ ความคดิ ถกู ตอ้ ง คิดอย่างมีระบบ คิดอย่างมีปัญญา จึงต้องหม่ันคบกัลยาณมิตร และหมนั่ มโี ยนโิ สมนสกิ าร จงึ จะเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ สมั มาทฏิ ฐ ิ หากขาด สองอย่างนี้ก็จะเป็นมิจฉาทิฏฐิ มอี ยคู่ นหนงึ่ ออกเงนิ ใหเ้ ขาก ู้ ใหท้ า่ นทงั้ หลายพจิ ารณาตามไป นะครบั ออกเงนิ ใหเ้ ขากเู้ ปน็ ลา้ น แลว้ วนั หนง่ึ ถกู โกงไปหมดเลยทง้ั ดอก ทง้ั ตน้ ไปซอื้ ปนื มาคดิ วา่ เอาละ โกงเราได ้ เรากย็ งิ มนั ได ้ ทนี กี้ อ่ น ทจ่ี ะไดย้ งิ แวะไปคยุ กบั บณั ฑติ ทา่ นหนงึ่ ทน่ี บั ถอื คดิ วา่ ไหน ๆ กจ็ ะ ไปยงิ เขาแลว้ ไมร่ จู้ ะรอดหรอื ไมร่ อด บณั ฑติ ทา่ นกบ็ อกวา่ เออ คน เขายอมเสยี เงนิ สองลา้ นสามลา้ นเพอื่ จะไดอ้ อกจากคกุ แลว้ คณุ นเ่ี สยี เงินไปล้านหน่ึงแล้ว แล้วยังไปเสียเงินซ้ือปืนอีก แล้วยังจะต้องไป ตดิ คกุ อกี ทา่ นพดู เทา่ น ี้ คนนนั้ ไดค้ ดิ เออ จรงิ ของทา่ น คนเขาไป ตดิ คกุ เขายอมเสยี เงนิ สองลา้ นสามลา้ นเพอ่ื ใหไ้ ดอ้ อกจากคกุ ไอเ้ รา นอี่ ยนู่ อกคกุ อยแู่ ลว้ เรอ่ื งอะไรไปหาเรอ่ื งเขา้ คกุ เสยี เงนิ ไปลา้ นหนง่ึ เสียเงินไปซ้ือปืนอีก ยังต้องแถมติดคุกอีก จึงล้มเลิกความตั้งใจที่ จะไปยิงเขานีค่ อื โยนิโสมนสกิ าร มีผู้หญิงคนหน่ึงได้ปริญญาโท ไปติดคุกอยู่เพราะฆ่าสามี กลางถนนเลย ตกลงกันไม่ได้ พูดกันไปพูดกันมาตกลงกันไม่ได้ ยงิ สาม ี ตดิ คกุ อยยู่ สี่ บิ ป ี ระหวา่ งตดิ คกุ นนั้ ไดฟ้ งั ธรรมบอ่ ย ๆ เพราะใน คกุ เขาจะเชญิ อนศุ าสนาจารยบ์ า้ ง พระบา้ ง ไปอบรม ไดย้ นิ ไดฟ้ งั บอ่ ย ๆ
23อ.วศิน อินทสระ เกิดโยนิโสมนสิการ เพราะอาศัยกัลยาณมิตร ได้ยินได้ฟังพระบ้าง อนศุ าสนาจารยบ์ า้ ง ผรู้ บู้ า้ ง ไดค้ ดิ เขากอ็ ทุ านวา่ ถา้ เขาไดย้ นิ ไดฟ้ งั สง่ิ เหลา่ นเ้ี สยี กอ่ น เขาคงไมม่ าตดิ คกุ เมอ่ื ตอนเรยี นอยใู่ นมหาวทิ ยาลยั ทง้ั ปรญิ ญาตรปี รญิ ญาโท ไมค่ อ่ ยไดย้ นิ สง่ิ เหลา่ นเี้ ลย เราเรยี นแต่ วชิ าทจ่ี ะไปประกอบอาชพี แตว่ ชิ าทจ่ี ะเปน็ ประโยชนก์ บั การด�ำเนนิ ชวี ติ จรงิ ๆ มาก ๆ ไมค่ อ่ ยไดเ้ รยี น ขาดทงั้ กลั ยาณมติ ร ขาดทงั้ โยนโิ สมนสกิ าร เกดิ มจิ ฉาทฏิ ฐขิ นึ้ มา แลว้ ไปกระท�ำมจิ ฉากมั มนั ตะอกี คอื การฆา่ คน เพราะขาดสมั มาทฏิ ฐ ิ เปน็ มิจฉาทิฏฐิ ถาม : ในทางธรรม “ทฏิ ฐ”ิ นแี่ ปลวา่ ความเหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง หรอื คะ โดยท่ัวไปคำ� วา่ “ทฏิ ฐ”ิ มคี วามหมายไมค่ อ่ ยดีเท่าไร ตอบ : ค�ำวา่ “ทฏิ ฐ”ิ ค�ำเดยี วแปลวา่ ความเหน็ อาจจะเปน็ สมั มาหรือเปน็ มจิ ฉาก็ได้ แล้วแตต่ วั หน้า ถาม : มานะต่างกับทฏิ ฐิอย่างไร ตอบ : มานะนม่ี ไี ดส้ องสามอยา่ งนะครบั มานะในทางเขอ่ื ง คดิ วา่ เราสงู กวา่ เขา เราเดน่ กวา่ เขา เราดกี วา่ เขา อนั นกี้ เ็ ปน็ มานะ ในทางเขื่อง เป็นปมเขื่องไม่ดี บางคนก็มานะในทางด้อยคิดว่าเรา แย่กว่าเขา เราสู้เขาไม่ได้ เราแย่ไปหมดทุกอย่าง อันนี้เป็นมานะ ในทางด้อย เป็น inferior complex ปมดอ้ ย
24 ตอบค�ำถาม ถาม : การจะดวู า่ เรามสี มั มาทิฏฐทิ ี่ถกู ต้องหรอื ไม่ ต้องดู ท่ีผลส�ำเร็จ แสดงว่ามันต้องสัมพันธ์กัน กระบวนการท่ีจะน�ำไปสู่ สมั มาทฏิ ฐิคือเราตอ้ งมเี พอื่ นดี มีปญั ญา ตอบ : ถูกแล้วครับ คือสัมมาทิฏฐิเป็นตัวน�ำ ถ้าเป็น ทฏิ ฐทิ ถ่ี กู ทฏิ ฐเิ ปน็ ตวั น�ำ ถา้ มคี วามเหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง สมั มาสงั กปั ปะ ความด�ำริชอบ ความคิดชอบ มันจะตามมาด้วย สัมพันธ์กันไป แต่สองตัวนี้จะเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน สองตัวนี้เป็น causation ไมใ่ ช ่ cause and effect สมั มาสงั กปั ปะท�ำใหเ้ กดิ สมั มาทฏิ ฐ ิ สมั มาทฏิ ฐกิ ท็ �ำใหเ้ กดิ สมั มาสงั กปั ปะ อาศยั กนั แลว้ ตามมาดว้ ยสมั มา วาจา พดู จาชอบ ตามดว้ ยสมั มากมั มนั ตะ-กระท�ำชอบ, สมั มาอาชวี ะ- เลย้ี งชพี ชอบ, สมั มาวายามะ-พยายามชอบ, พวกนมี้ นั เปน็ ลกู ขบวน สัมมาทฏิ ฐิเปน็ หวั รถจักรน�ำขบวนไป ถาม : ในบางกรณี สัมมาทิฏฐเิ ป็นหัวรถจักร แตอ่ าจมี บางกรณที เี่ ขายงั ประพฤตใิ นทางผดิ อย ู่ เชน่ บางครงั้ มคี วามเหน็ ถกู คบเพอ่ื นทดี่ ี เพอื่ นจะแนะน�ำสง่ิ ทด่ี ี อยา่ งคนนเ้ี ขารวู้ า่ ยาเสพตดิ ไม่ ดเี มอ่ื คดิ ดว้ ยเหตผุ ล แตพ่ ฤตกิ รรมของเขายงั ผดิ อยอู่ นั นม้ี นั ขดั แยง้ ตอบ : คอื อยา่ งนค้ี รบั เหน็ ถกู แตก่ ารกระท�ำไมถ่ กู คอื ยงั ท�ำ ไมไ่ ดต้ ามทเี่ หน็ ยงั ปฏบิ ตั ไิ มไ่ ดต้ ามทค่ี ดิ แทนทวี่ า่ ตวั อน่ื ๆ จะตาม เปน็ สมั มา ๆ ๆ ๆ ทั้งหมด แต่เกดิ ความขดั แยง้ ขึน้ โดยทว่ี า่ เขาไม่มี
25อ.วศิน อินทสระ ก�ำลงั พอทจ่ี ะท�ำได ้ ก�ำลงั ใจไมพ่ อ อยา่ งตวั อยา่ งทค่ี ณุ ยกขนึ้ มาเรอ่ื ง สูบบุหรี่ มีคนเยอะเลยท่ีรู้ว่าสูบบุหรี่ไม่ดี เห็นถูกแล้วแต่ท�ำไม่ได้ก็ ยังดนี ะครับ ยังดีกวา่ คนทเี่ หน็ วา่ สบู บหุ รี่นีด้ ี ถาม : หมายความว่าต้องข้ึนอยู่กับอะไร ตอบ : ปจั จยั อน่ื ๆ แตถ่ า้ โดยธรรมดาจะเปน็ อยา่ งนนั้ ถา้ เผอ่ื ไมม่ อี ะไรขดั ขวางมนั จะเปน็ อยา่ งนนั้ มนั จะไปตามขบวน แตถ่ า้ มี อะไรขดั ขวางมนั จะเปน็ เหตใุ หม้ อี ปุ สรรคเกดิ ขน้ึ มนั มี factor เพราะวา่ สจั ธรรมของโลกเปน็ if-then-law เปน็ conditionality ความมเี งอื่ นไข โดยปกติเราเตะฟุตบอลมันจะเข้าโกล์ แต่ถ้ามีคนดักอยู่ท่ี หนา้ โกลห์ ลายคน มนั ไมเ่ ขา้ ถา้ ทมี ของเขาเขม้ แขง็ มา เราเตะเทา่ ไร มันก็ไม่เข้า ถ้าทมี เขาออ่ น เราจะเตะเขา้ นค่ี ือ if-then-law คอื conditionality ความมีเงื่อนไข ทคี่ ณุ ถามนนั้ เขา้ หลกั “รหู้ มดแตอ่ ดไมไ่ ด”้ อยทู่ ก่ี ารฝกึ และ การพยายามเอาชนะตนเอง พลังใจ พลังจิต บุหรี่เลิกไม่ยากเลย ใช้ก�ำลังใจนดิ เดยี ว ไม่ได้ใช้ก�ำลงั อะไรมากมาย
26 ตอบค�ำถาม ถาม : ทเี่ รยี นถามนี่คือ บางคนมสี ัมมาทิฏฐิแต่ยังกระทำ� ไมถ่ กู ตอ้ ง ความจรงิ ถา้ ไดส้ มั มาทฏิ ฐแิ ลว้ มกี ระบวนการอะไรสกั อยา่ ง ทีจ่ ะนำ� ไปสู่พฤตกิ รรมทถ่ี กู ตอ้ งได ้ กน็ ่าจะไดผ้ ลมาก ตอบ : มคี รบั มอี ยขู่ อ้ หนงึ่ ครบั หลกั ทหี่ นนุ สมั มาทฏิ ฐมิ อี ยู่ ดว้ ยกนั ๕ ขอ้ ปจั จยั หนนุ สมั มาทฏิ ฐขิ อ้ ๙ ทค่ี ณุ วา่ ธรรมหา้ ประการ เปน็ เครอ่ื งอดุ หนนุ สมั มาทฏิ ฐ ิ ประการแรกคอื มศี ลี ความประพฤตดิ ี งาม ในการทค่ี นจะประพฤตดิ งี ามตอ้ งตงั้ ใจงดเวน้ สง่ิ ทคี่ วรเวน้ ทเ่ี รา เรยี กวา่ สมาทาน แลว้ กเ็ วรมณ ี “อทนิ นาทานาเวรมณ”ี ขา้ พเจา้ มี เจตนางดเวน้ จากการถอื เอาสงิ่ ของทเ่ี ขาไมใ่ ห ้ ยว่ั ยวนอยา่ งไรกไ็ มเ่ อา หมน่ื หนงึ่ กไ็ มเ่ อา แสนหนงึ่ กไ็ มเ่ อา ลา้ นหนงึ่ กไ็ มเ่ อา สบิ ลา้ นกไ็ มเ่ อา ย่ีสิบล้านก็ไม่เอา พลังใจแข็งมาก ไม่เอา คนนี้ฝึกแล้วใช่ไหมครับ เพอื่ จะรกั ษาศีลเอาไว้ให้ได้ ถา้ เปน็ ศลี ปรมตั ถบารม ี ยอมเสยี ชวี ติ แตไ่ มย่ อมเสยี ศลี นกี่ ็ ม่ันคงแล้ว และยังมี การศึกษาสดับตรับฟัง-สุตตะ, สากัจฉา- สนทนาอภปิ ราย แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ , สมถะ- การท�ำใจใหส้ งบ และวิปัสสนา-การท�ำปัญญาให้เห็นตามความเป็นจริง น่ีเป็น องคป์ ระกอบธรรม ๕ ประการ ทห่ี นนุ สมั มาทฏิ ฐิ ตรงตามทค่ี ณุ ถาม ถา้ มสี งิ่ เหลา่ นพ้ี รง่ั พรอ้ มบรบิ รู ณ ์ สมั มาทฏิ ฐจิ ะไมม่ อี ะไรมาวอแว ไมม่ ี อะไรจะมาขัดขวางได้
27อ.วศิน อินทสระ ความเหน็ ทถ่ี กู ตอ้ งเปน็ กญุ แจดอกส�ำคญั ไขไปสคู่ วามจรงิ เหมอื น ไขกญุ แจเขา้ ไปสหู่ อ้ งมหาสมบตั ติ อ้ งหยบิ กญุ แจถกู ถา้ หยบิ กญุ แจผดิ แลว้ ล่ะก ็ ไขไปเถดิ ไมอ่ อกหรอก ความจรงิ เปน็ สงิ่ ทที่ กุ คนแสวงหา แตจ่ ะเขา้ ถงึ ไดด้ ว้ ยความรเู้ หน็ ทถี่ กู ตอ้ ง และเหน็ ดว้ ยปญั ญาอนั ชอบ ไมใ่ ชเ่ พยี งแตศ่ รทั ธาอยา่ งเดยี ว หรือยึดไว้ด้วยอุปาทาน เขาเรียกว่า “สัจจาภินิเวส” ความจริง ที่เรายึดถือไว้ด้วยอุปาทาน ยึดม่ันด้วยอุปาทานไม่ยอมเปล่ียน เคยถอื กนั มาอยา่ งน ี้ เคยท�ำกนั มาอยา่ งน้ี เคยประพฤตกิ นั มาอยา่ งน้ี ก็ถือกันต่อไป ท�ำกนั ต่อไป ประพฤติกนั ต่อไป แม้จะขดั กบั เหตผุ ล ขดั ขวางกบั ความเปน็ จรงิ กไ็ มย่ อมปลอ่ ยไมย่ อมวางไมย่ อมเลกิ อนั นี้ เปน็ อนั ตรายมาก เรยี กวา่ “สจั จาภนิ เิ วส” dogmatism ถอื หลกั การ ที่เคยถือกนั มาในกาลามสูตร พระพทุ ธเจ้าทา่ นเตือนเอาไวว้ ่า “มา ปรัมปรายะ” อย่าถอื ตามท่ีเคยถอื กนั มา ต้องพจิ ารณาดใู ห้ดี ท่านเคยฟังนิทานเรื่องลิงปีนเสาไหมครับ เป็นลักษณะ genetic coding เขาตอ้ งการจะทดลองเกยี่ วกบั genetic coding กเ็ อา ลงิ มา ๔ ตวั ใหม้ นั ปนี เสาขนึ้ ไป เสาแบบเสาธง แลว้ มฝี กั บวั อยขู่ า้ งบน แขวนกล้วยเอาไว้ เม่ือลิงหิวก็ปีนข้ึนไปต้องการจะกินกล้วย เอ้ือมมือจะถึงกล้วยอยู่แล้ว น�้ำฝักบัวก็ราดลงมา ลิงกลัวน้�ำถอย กรดู ลงมา ตัวทสี่ องข้นึ ไปก็โดนอีก ตัวทสี่ ามข้นึ ไปก็โดนเหมือนกนั
28 ตอบค�ำถาม ตัวท่สี ่ีไม่กลา้ ขน้ึ เหน็ เพื่อนสามตัวเป็นอย่างนัน้ แลว้ ไม่กล้าขึ้น แต่ แล้วเอาลิงชุดนี้ออกไปสักตัวหน่ึง เอาตัวใหม่เข้ามาที่ไม่เคยเห็น เหตุการณ์น้ี มาถึงเห็นกล้วย ก�ำลังหิว รีบปีนใหญ่เลย เพ่ือน ร้องเจี๊ยก ๆ ๆ ๆ ใหญ่เลย เสียงร้องเจี๊ยก ๆ เป็นสัญญาณท่ีเขา รู้กันว่าอันตราย มันรีบลง เอาลิงออกไปอีกตัวเอาตัวใหม่เข้ามา มันก็ปีน ตัวอ่ืนก็ร้องล่ันเลย มันลงไม่กล้าขึ้น ท�ำอยู่อย่างนี้จน ลิงท่ีเห็นเหตุการณ์ที่น�้ำรดลงมาเอาออกไปหมดแล้ว เหลือแต่ลิงที่ ไม่เคยเห็นน้�ำฝักบัว แต่มันอาศัยที่เคยท�ำอย่างน้ันมาว่าเพื่อนปีน มันจะร้อง เพราะฉะน้ันลิงชุดใหม่ท่ีเข้ามานั้นไม่เคยเห็นเหตุการณ์ อะไรเลย ไม่เคยเห็นน้�ำเลย เห็นแต่กล้วยที่อยากจะกิน แต่ไม่กล้า ข้ึน พอเขาเอาฝักบัวออกแล้ว ถ้าลิงตัวใดกล้าข้ึนไปมันจะได้กิน กลว้ ยแตไ่ มก่ ลา้ ขนึ้ นค่ี อื ความกลวั ทถี่ อื สบื ๆ กนั มา บอกเลา่ กนั มา โดยที่ไม่ได้ทดสอบกัน พระพุทธเจ้าบอกว่า “มา ปรัมปรายะ” อยา่ ถอื ตามความเชอ่ื ทถี่ อื สบื ๆ กนั มา อยา่ ปลงใจเชอื่ ตามทถี่ อื สบื กนั มา มนั ตอ้ งทดสอบใหม ่ ในสงั คมของเรานมี่ เี หตกุ ารณท์ ค่ี ลา้ ย ๆ กบั genetic coding เรอ่ื งลงิ ปนี เสานนั้ เยอะ เขาเลา่ วา่ เขาวา่ กนั วา่ ผใู้ หญท่ า่ นสอนไวโ้ ดยเราไมไ่ ดท้ ดสอบกนั ใหมเ่ ลย ถอื เอาเลย ถา้ ขน้ึ บา้ นใหมไ่ ปดฤู กษเ์ สยี หนอ่ ย จะยา้ ยทที่ �ำงานไปดฤู กษเ์ สยี หนอ่ ย ไหน ๆ ถอื พทุ ธทงั้ ทไี ปดฤู กษเ์ สยี หนอ่ ย เขาวา่ อยา่ งนนั้ นะ อา้ งความเปน็ พทุ ธ เสยี ดว้ ย ทจ่ี รงิ พทุ ธปฏเิ สธเรอ่ื งพวกน ้ี พทุ ธไมร่ บั เรอื่ งพวกน ี้ แตพ่ ทุ ธ ไมไ่ ดพ้ ดู อยา่ งนเ้ี ลย พทุ ธบอกวา่ ยามด ี ขณะด ี ฤกษด์ ี เชา้ ด ี เยน็ ด ี กลางวนั ด ี อยทู่ ก่ี ายด ี วาจาใจด ี เมอ่ื กายวาจาใจสจุ รติ ตอนเยน็ ตอนเยน็ นน้ั กเ็ ป็นฤกษ์ดี
29อ.วศิน อินทสระ ระหวา่ งศรทั ธากบั ญาณทศั นะ คนสว่ นมากหยดุ ตวั เองไวเ้ พยี ง ศรทั ธา ไมก่ า้ วตอ่ ไปยงั ญาณทศั นะ ศรทั ธาจงึ งอ่ นแงน่ คลอนแคลน ถกู ดงึ ไปทางโนน้ ทที างนท้ี ี ถอื มงคลตนื่ ขา่ วอยเู่ รอ่ื ย ในทส่ี ดุ กไ็ มร่ จู้ ะ เชื่อใคร ถ้าก้าวไปถึงญาณทัศนะแล้ว ความรู้สึกว่าไม่รู้จะเชื่อใคร ย่อมไมม่ ี เพราะไดร้ ูเ้ หน็ ด้วยตนเองแลว้
ญาณทัศนะ แปลว่า รู้เห็น ด้วยตนเอง ถ้าผมจะบอกคุณว่าในกระเป๋านี้มีเพชร แล้วให้คุณเอาไป รักษาไว้ ให้คุณเคารพบูชา คุณไม่ได้เปิดดู คุณเอาไปรักษาไว้ด้วย เชอ่ื อาจารย ์ ตอ่ มามคี นบอกวา่ ผมเปน็ เพอื่ นกบั อาจารยว์ ศนิ ผมรวู้ า่ ในกระเปา๋ นม้ี แี ตด่ นิ ทรายทง้ั นน้ั เลย คณุ ชกั ลงั เลแลว้ เขาอา้ งวา่ เขา เป็นเพ่ือนกับอาจารย์วศิน เมื่อวันก่อนผมเห็นอาจารย์วศินเอาดิน ทรายใส่กระเป๋าไว้ ตอนผมมอบให้คุณไป ผมบอกคุณว่าเป็นเพชร เปน็ ทอง แลว้ คณุ กไ็ มเ่ คยเปดิ ด ู คณุ เพยี งเกบ็ รกั ษาไวเ้ คารพบชู าใน ฐานะท่ีเป็นของท่ีอาจารย์ให้ พอเพื่อนของผมมาบอกอย่างนั้น คุณลังเลแล้ว เอ๊ะ จะเป็นเพชรทองหรือจะเป็นดินทราย ไม่แน่ใจ แต่ถ้าผมย่ืนให้คุณพร้อมท้ังเปิดให้ดู ในกระเป๋าน้ีมีเพชรเท่าไร มที องเทา่ ไร คณุ ดใู หเ้ หน็ ดว้ ยตนเอง แลว้ กเ็ กบ็ รกั ษาไวใ้ ชใ้ นยามจ�ำเปน็ ยามขาดแคลน เอาไปขาย ซื้อข้าวกินได้ คุณเห็นด้วยตนเองแล้ว วันหลังมีคนมาอ้างว่าเป็นเพื่อนผมว่าในกระเป๋าน้ีมีแต่ขี้ดินขี้โคลน คณุ จะไมเ่ ชอื่ เพราะคณุ มญี าณทศั นะ คณุ ไดร้ เู้ หน็ ดว้ ยตวั คณุ เองแลว้ แตถ่ า้ คณุ ไมเ่ ปดิ ด ู ผมไมใ่ หค้ ณุ เปดิ ด ู คณุ มแี ตศ่ รทั ธาอยา่ งเดยี ว คณุ ม ี
32 ญาณทัศนะแปลว่ารู้เห็นด้วยตนเอง แตค่ วามเชอ่ื อาจารย ์ คณุ ไมไ่ ดร้ เู้ หน็ ดว้ ยตวั เอง ความเชอ่ื ของคณุ จะ งอ่ นแงน่ คลอนแคลนเมอื่ มคี นมาชกั จงู ใหเ้ ขว เพราะฉะนน้ั เราตอ้ ง ไปให้ถึงญาณทัศนะ มีพระธรรมคุณข้อหน่ึงท่ีว่า เอหิปสฺสิโก แปลวา่ เรยี กใหม้ าด ู มาดสู ิ come to see, not come to believe มาดูให้เห็นสิ ว่าเป็นอะไร ดีหรือไม่ดี เอหิปสฺสิโก สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก เรียกให้มาดูได้ พสิ จู นไ์ ดด้ ว้ ยตนเองวา่ เปน็ ของแท้ ยงิ่ พสิ จู นย์ ง่ิ เหน็ ถา้ เปน็ ทองแท้ โยนลงกองไฟก็ย่งิ เป็นทองสกุ ปลั่ง แต่ถา้ เป็นตะกั่วแลว้ มีทองฉาบ อย่ขู า้ งนอกล่ะก็ พอโยนลงกองไฟเดี๋ยวกร็ ู้ ข่าวลือต่าง ๆ ท่ีคนเขาเช่ือกัน เฮโลกันไป ท�ำอะไรกันไป พอพิสจู น์เข้าวา่ เปน็ ของปลอม ต้องการเงนิ ท�ำเพือ่ ประโยชนข์ อง ตน ไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องผทู้ ไ่ี ปหา ปญั ญาอนั ชอบทไี่ ดร้ บั การพฒั นา ดีแลว้ จะไปถงึ ญาณทศั นะ ถาม : เห็นด้วยกับอาจารย์ท่ีว่าควรจะต้องรู้ด้วยตนเอง ไมส่ งสยั แตใ่ นบางกรณเี ราจะอธบิ ายไดอ้ ยา่ งไร เพราะความสามารถ ของเรามจี ำ� กดั บางอยา่ งเราไมเ่ หน็ แตร่ วู้ า่ มอี ยจู่ รงิ อยา่ งธรรมชาติ ในโลกน ี้ อยา่ งกระแสไฟฟา้ เรารวู้ า่ มจี รงิ แมเ้ ราไมเ่ หน็ ตวั แอฟรกิ า เราไม่เคยไปแต่รู้ว่ามีตรงน้ี เราจะอธิบายได้อย่างไรในเรื่องญาณ ทศั นะ
33อ.วศิน อินทสระ ตอบ : บางเรอื่ งเราเชอื่ ไปกอ่ น เชอ่ื ทา่ นผรู้ ไู้ ปกอ่ น แตใ่ นขณะท่ี เชอ่ื นน้ั ตอ้ งไมม่ อบกายถวายตวั ใหท้ งั้ หมด เราตอ้ งพยายามทจี่ ะทดสอบดวู า่ เรอื่ งนจี้ รงิ หรอื เทจ็ บางอยา่ งเราเชอื่ กอ่ นจะร ู้ บางอยา่ งเรารแู้ ลว้ จงึ เชอื่ แตถ่ า้ เรอื่ งใดทเ่ี ราเชอื่ เราตอ้ งพยายามกา้ วไปสญู่ าณทศั นะ ใหร้ แู้ จง้ เหน็ จรงิ มฉิ ะนนั้ เรากย็ อมรบั ไวใ้ นฐานะเปน็ ความเชอื่ ถา้ ใครมาขดั เรากบ็ อกว่าเรอื่ งนีเ้ ราควรจะเช่ือแม้ยงั ไม่สามารถรู้ไดด้ ้วยตนเอง ถา้ เผอื่ ทา่ นถามผมวา่ “เรอ่ื งนรกสวรรค ์ อาจารยว์ า่ อยา่ งไร เรอ่ื งชาตหิ นา้ ชาตกิ อ่ น อาจารยว์ า่ อยา่ งไร” ผมจะตอบเพยี งวา่ เรอื่ งนี้ ผมเชอ่ื แตย่ งั ไมม่ ญี าณทศั นะ เชอื่ ตามพระพทุ ธเจา้ ทวี่ า่ มอี ยใู่ นต�ำรา เชอื่ ต�ำราเท่านนั้ นะครับ ถาม : ถา้ มามองในลกั ษณะของเรอ่ื งตา่ ง ๆ ซง่ึ มอี ทิ ธพิ ลของ ดวงจนั ทร ์ ของพระอาทติ ยก์ ม็ อี ย ู่ มนั จะมคี วามนา่ เชอ่ื มากนอ้ ยเพยี งใด ตอบ ถา้ ถามความเหน็ ผมไมเ่ ชอื่ เรอื่ งพวกน ้ี ไมเ่ กย่ี วกนั ดวงดาวก็คือดวงดาว ไม่เกี่ยวอะไรกับวิถีชีวิตของมนุษย์ วิถีชีวิต ของมนุษย์จะขน้ึ อยู่กับการกระท�ำของมนุษย ์ ไม่ไดข้ ้ึนกับดวงดาว ทางพุทธน ้ี พระพุทธเจา้ ทา่ นเน้นหนกั ยืนยนั อย่างหนกั ว่าดวงดาวจกั ท�ำอะไรได้ จกั ท�ำอะไรไมไ่ ด ้ ขนึ้ อย่กู บั การกระท�ำของ มนุษย์ทงั้ น้นั
34 ญาณทัศนะแปลว่ารู้เห็นด้วยตนเอง ผมมีหลานคนหน่ึง เป็นหลานทางฝ่ายอีกฝ่ายหน่ึง เขา ไปดูหมอที่จังหวัดปทุมธานี เป็นหมอพระ พระดูดวง แล้วก็ดู เขาว่า “คุณเนี่ย ท�ำคุณกับใครไม่ข้ึน คุณท�ำดีไม่ข้ึน” เขายิ่งกลัว ใหญ่เลยครับ เขาอยู่ในครอบครัวท่ีค่อนข้างจะไม่มั่นใจตัวเองอยู่ แลว้ เสรจ็ แล้ว กลางคนื กร็ ้องไห้กร๊ดี ๆ ๆ ตกใจกลัว แม่เขาพามา หาผม ผมบอกวา่ เอ๊ พระอะไรพดู อยา่ งน ้ี ใหก้ ลบั ไปใหม่ กลบั ไป ทป่ี ทมุ ฯ ใหไ้ ปถามวา่ ทา่ นบวชเปน็ สาวกของใคร ถา้ เขาตอบวา่ เปน็ สาวกของพระพทุ ธเจา้ ใหถ้ ามตอ่ วา่ พระพทุ ธเจา้ สอนอยา่ งนหี้ รอื เปล่า สอนว่าคนท�ำดีไม่ไดด้ ี ท�ำดีไม่ขนึ้ มไี หม เขากลบั ไป ไปถามนะครบั พระเงยี บ ไมต่ อบ : แลว้ เขาก็ กลบั มาหาผม ผมบอกวา่ ไมม่ หี รอก ไปเชอื่ ท�ำไม ทหี ลงั อยา่ ไปดู อกี เลย เราท�ำดตี อ้ งไดด้ ี ถา้ เราท�ำดถี กู ตอ้ ง ถกู กาลเทศะ ถกู บคุ คล ตอ้ งท�ำขน้ึ ถา้ เมอ่ื ไรรสู้ กึ วา่ เราท�ำไมข่ นึ้ แสดงวา่ เราท�ำดไี มถ่ กู เรา ท�ำดผี ดิ พลาดไปแลว้ ลองส�ำรวจดใู หด้ วี า่ ถกู กาละไหม ถกู เทศะไหม ถูกบุคคลไหม ถูกอะไรต่ออะไรหลายอย่างไหมท่ีมันควรจะต้องถูก เขาเช่ือผมนะครับ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ไปดู เวลานี้ เขาเป็นผู้ช่วย อาจารย์ใหญ่อยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เรียบร้อย มันไม่ม ี ก�ำลังอะไรที่เหนือก�ำลังกรรม กรรมคือการกระท�ำของเรา ถ้าเรา เลกิ เชอ่ื เรอื่ งพวกนเ้ี สยี ได ้ หายยงุ่ ไปเยอะเลย สง่ิ รงุ รงั ในชวี ติ จะถกู ขจดั ออกไปมากมาย
35อ.วศิน อินทสระ ถาม : อิทธพิ ลของพระอาทติ ยพ์ ระจนั ทร์ มผี ลตอ่ น�้ำข้นึ นำ้� ลง สภาพแวดลอ้ มของสงิ่ ตา่ ง ๆ ในโลก กเ็ ลยมคี วามเชอ่ื กนั วา่ นา่ จะมีผลต่อชวี ติ ของเรา ตอบ : อันนี้เป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ ทางภูมิศาสตร์ เราเห็นกันอยู่แล้ว มันทดสอบได้เป็นความจริงทางดาราศาสตร์ซึ่ง ทดสอบได้อยู่แล้ว แต่ว่าเร่ืองที่เขามาพูดถึงชีวิตคนอะไรต่ออะไร เนี่ยมันทดสอบไม่ได้ เป็นเพียงแต่สมมติฐานท่ีเล่ือนลอยและส่วน มากก็หาผลประโยชน์จากผู้ด ู จากผู้กลวั ให้ไปท�ำนั่นท�ำน่ี รับช่วง กนั ไปเปน็ ลูกโซ่ ใหไ้ ปท�ำสงั ฆทาน ทนี่ น่ั มเี ครอ่ื งสงั ฆทานอยพู่ รอ้ ม ใหไ้ ปปลอ่ ยปลาทนี่ นั่ กม็ ปี ลาอยแู่ ลว้ ใหป้ ลอ่ ยปลาไหล ปลาไหลกม็ อี ย ู่ ใหป้ ลอ่ ยเตา่ เตา่ กม็ อี ย ู่ ดหู มอตรงนน้ั เศรษฐกจิ ครบวงจร คนม ี ความทุกข์อย่แู ลว้ จิตใจย�่ำแยอ่ ยูแ่ ล้ว ไปซ�้ำเติมเขาอีกโดยวิธนี ี้ ถาม : ขณะน้ีมีข่าวแพร่สะพัด วันก่อนพบเพ่ือนที่รามฯ พวกนักวิจัยใครต่อใคร พูดกันว่าโลกจะพินาศ เร่ืองนี้แพร่สะพัด ออกไปมาก คนทเ่ี ขยี นเปน็ รองศาสตราจารย ์ เปน็ นกั วทิ ยาศาสตร์ ด้วย ตอบ : คอื ว่าถ้าโลกจะแตกท�ำลาย เราก็ตายพรอ้ ม ๆ กนั กไ็ มเ่ หน็ เปน็ ไร กต็ ายกนั หมด กไ็ มเ่ หน็ เปน็ ไรน ่ี แตร่ ะหวา่ งทเ่ี รามชี วี ติ อย ู่ ใหอ้ ยดู่ ว้ ยความสงบสขุ อยดู่ ว้ ยความเปน็ มนษุ ยท์ มี่ คี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเองและมคี วามสงบสขุ ไมใ่ ชอ่ ยดู่ ว้ ยความกระวนกระวาย เรอื่ ง
36 ญาณทัศนะแปลว่ารู้เห็นด้วยตนเอง เรอื นกระจกเรอ่ื งโอโซนทมี่ ชี อ่ งโหวท่ �ำใหเ้ ราปอ้ งกนั อลุ ตรา้ ไวโอเลตได้ นอ้ ยลงจากแสงพระอาทติ ย ์ อนั นเ้ี ปน็ เรอื่ งของวทิ ยาศาสตร ์ ซงึ่ ถา้ เราช่วยกันป้องกัน มันก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ อันน้ีเป็นความจริงท่ีเรารู้ ไดด้ ้วยวทิ ยาศาสตร์ ถอื ตามหลกั พระพทุ ธเจา้ แลว้ ความจรงิ บางอยา่ งไมค่ วรพดู แมจ้ ะเปน็ ความจรงิ แตไ่ มค่ วรพดู เพราะวา่ เราตอ้ งพจิ ารณาหลกั normative หากว่ากันตามหลกั positive จะ declare ตามทเี่ ป็นจริง แตถ่ า้ เป็น normative มันจะบอกว่าอะไรควรแค่ไหน what ought to be มนั ควรจะเปน็ อยา่ งไร เรอ่ื งนเี้ รอื่ งจรงิ แตเ่ ราควรพดู ไหม ถา้ พดู แลว้ ท�ำให้อลวนอลเวงวุ่นวายกันไปหมด พดู ท�ำไม ไม่พูดดีกว่า ผมขอยกตัวอย่างการเมือง ทุกครั้งท่ีจะเปล่ียนแปลงตัว นายกฯ เปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง หมอดจู ะออกมากนั สลอนเชยี ว คนน้ันจะได้เป็น คนนี้ดวงถึง คนน้ันไม่ได้ พวกนี้ท�ำอันตรายกับ การเมอื งมาก เปน็ อนั ตรายมาก ถา้ ผมมอี �ำนาจหรอื มหี นา้ ทท่ี จ่ี ะท�ำ ผมจะไมใ่ หห้ มอดอู อกสอ่ื มวลชน จะไมใ่ หอ้ อกมาเลยทกุ ชอ่ งเลย คอื คณุ จะไปดสู ว่ นตวั ทไ่ี หนเชญิ คณุ ไป แตถ่ า้ ออกมาทางสอื่ มวลชนแบบน้ี มันก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้นแก่สังคม คือตัวเองก็เพียงแต่ว่าต�ำรา วา่ อยา่ งน ี้ ถา้ เผอ่ื ไมจ่ รงิ ไปเผาต�ำรา ผมใหเ้ ผาต�ำรา เขากม็ กั จะพดู อยา่ งนนั้ เอะ๊ เผาต�ำราเขาท�ำไม ถงึ ไมจ่ รงิ เรากไ็ มเ่ ผา แตว่ า่ ผลท่ี เกดิ ขน้ึ แกส่ งั คมมนั เปน็ ผลรา้ ย ไมเ่ คยเปน็ ผลด ี เพราะฉะนนั้ กอ็ ยา่ ไปดูดกี ว่า ใครจะเปน็ นายกฯ ใครจะไมเ่ ปน็ นายกฯ ใครจะเป็นอะไร
37อ.วศิน อินทสระ มนั ตอ้ งเปน็ ไปตามวถิ ที างนนั่ แหละ ไมต่ อ้ งไปด ู มนั เปน็ ความงมงาย เมอ่ื สกั ครนู่ ง่ั คยุ กบั ทา่ นผอู้ �ำนวยการฯ ทา่ นถามวา่ เรอื่ งเชน่ นเี้ กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร เพราะคนไมม่ ปี ญั ญา เพราะคนงมงาย ขาดสมั มาทฏิ ฐ ิ ความเห็นที่ถูกต้อง มีความเห็นที่ไม่ถูกต้อง ความเห็นที่ผิด แล้ว กระจายกันไป ผลประโยชน์มันเข้ามาด้วยกับความเห็นผิดอันนั้น ได้ผลประโยชน์เยอะจากความเห็นผิดน้ัน
สัมมาทิฎฐิ เป็นองค์หน่ึงของ อริยมรรค เราตอ้ งพดู วา่ “มรรคมอี งคแ์ ปด” เสมอนะครบั หรอื “มรรค ประกอบด้วยองค์แปด” เราไม่พูดว่ามรรคแปด ขอให้โปรดจ�ำไว้ เป็นพิเศษด้วย เราจะไม่พูดว่ามรรคแปด เพราะว่ามรรคจริง ๆ มี หน่ึงไม่ได้มีแปด แต่ว่าแปดน่ันคือองค์ประกอบ แปดน้ันเป็นองค์ ประกอบไมใ่ ชต่ วั ประกอบ อกี ตวั หนงึ่ คอื สมั มาญาณ ญาณ แปลวา่ ความรู้ จะเกดิ ขน้ึ เมอ่ื องคม์ รรคทง้ั แปดนร้ี วมกนั แลว้ คลา้ ย ๆ ซเี มนต์ เอาน�้ำ เอาทราย เอาหิน เอาปูน เอาอะไรมารวมกันแล้วมันเป็น ซีเมนต์ ประกอบด้วยวัตถุ ๘ ประการ เป็นซีเมนต์ พอแยกออก จากกนั มนั กจ็ ะมคี ณุ สมบตั ขิ องตวั มนั เองพอมารวมกนั มนั จะเปลย่ี น คณุ สมบตั ิ เกดิ คณุ สมบตั ใิ หมข่ นึ้ อนั หนง่ึ แลว้ กเ็ ปน็ ตวั ตน้ เปน็ ตวั น�ำ เปน็ ตวั น�ำอยา่ งไร เพราะวา่ ดว้ ยสมั มาทฏิ ฐนิ นั้ เอง จงึ รจู้ กั มจิ ฉาทฏิ ฐวิ า่ เปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐ ิ รจู้ กั สมั มาทฏิ ฐวิ า่ เปน็ สมั มาทฏิ ฐ ิ วา่ เรอ่ื ย ไปทีละตัวนะครับ จนถงึ สมั มาสมาธ ิ รู้จกั มจิ ฉาสมาธวิ า่ เป็นมจิ ฉา สมาธ ิ อา้ งทมี่ าไวใ้ หด้ ว้ ยจากมหาจตั ตารสี กสตู ร พระไตรปฎิ กเลม่ ๑๔
40 สัมมาทิฎฐิเป็นองค์หนึ่งของอริยมรรค มรรคมอี งคแ์ ปด ตวั อรยิ มรรคคอื อะไร คอื สมั มาญาณ ตอ่ จากสมั มาญาณ เปน็ สัมมาวิมตุ ิ รวมเป็น “สมั มัตตะ ๑๐” อรยิ มรรคประกอบดว้ ยองคแ์ ปด เปน็ ทางสายกลาง เปน็ มชั ฌมิ าปฏปิ ทา เปน็ วถิ ชี วี ติ ของชาวพทุ ธ ถา้ มคี นถามวา่ “วถิ ชี าวพทุ ธ คอื อะไร” “อะไรเปน็ วถิ ชี วี ติ ของชาวพทุ ธ” หรอื วา่ “หลกั ธรรมอะไรที่ เปน็ วถิ ชี วี ติ ของชาวพทุ ธ” เราตอบไดเ้ ลยครบั วา่ “มรรคมอี งคแ์ ปด” เปน็ มัชฌิมาปฏปิ ทา เป็นทางสายกลาง เปน็ วิถชี วี ิตของชาวพุทธ มคี นหลายคนพดู วา่ การปฏบิ ตั ธิ รรมนนั้ ยาก ความจรงิ ไมย่ าก เกนิ ไป ถา้ หมนุ ใจใหต้ รง ท�ำความเหน็ ใหต้ รงตอ่ ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ ใหร้ เู้ บอ้ื งตน้ กอ่ นวา่ อะไรเปน็ สมั มาทฏิ ฐ ิ อะไรเปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐ ิ เพยี งเทา่ น ้ี เพยี งท�ำความเหน็ ใหถ้ กู ตอ้ งกเ็ ปน็ บญุ แลว้ นเี่ ขาเรยี กวา่ “ทฏิ ฐชุ กุ มั ม”์ การท�ำความเหน็ ใหต้ รงเปน็ บญุ กริ ยิ าวตั ถขุ อ้ หนงึ่ ในสบิ ขอ้ พอพดู ถงึ ท�ำบญุ คนกม็ กั จะนกึ ถงึ เรอื่ งทาน ทจ่ี รงิ มวี ธิ ที �ำบญุ ตง้ั เยอะ แมไ้ มม่ ี เงนิ กท็ �ำบญุ ไดเ้ ยอะ อาท ิ รกั ษาศลี กไ็ ด ้ เจรญิ ภาวนากไ็ ด ้ ออ่ นนอ้ ม ถอ่ มตนกไ็ ด้ ชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ในกจิ ทค่ี วรชว่ ยเหลอื กไ็ ด ้ อนโุ มทนาสว่ น บญุ ก็ได้ ฟงั ธรรมกไ็ ด้ แสดงความรใู้ หค้ วามร้กู ็ได้ ท�ำความเหน็ ให้ ถกู ตอ้ งกเ็ ปน็ บญุ
41อ.วศิน อินทสระ ถาม : การท�ำความเห็นให้ตรงนั้น เราต้องรู้ตัวเราเอง ใช่ไหมเราไม่รคู้ นอื่น ตอบ : ดพู ฤติกรรมว่าเขามีความเห็นตรงหรือเปลา่ ใหด้ ู พฤติกรรม ถ้าความเห็นเขาตรง พฤติกรรมเขาจะตรง นอกจาก ว่าเห็นถกู แต่ท�ำไมไ่ ด้ตามที่เห็น
สัมมาทิฎฐิ มีสองระดับคือ ระดบั สามัญหรือระดับศลี ธรรมและระดับโลกุตรธรรม ค�ำบาลไี มต่ อ้ งอา่ นกไ็ ด ้ แปลวา่ สมั มาทฏิ ฐทิ ยี่ งั มอี าสวะเปน็ สว่ นแห่งบญุ มวี ิบากเป็นขันธ์ คือจะเรยี กวา่ โลกียสัมมาทฏิ ฐิ ก็ได้ เชน่ วา่ เหน็ วา่ ท�ำดไี ดด้ ี ท�ำชวั่ ไดช้ ว่ั ท�ำบญุ เปน็ บญุ ท�ำบาปเปน็ บาป นรกมสี วรรคม์ ี มารดาบดิ ามบี ญุ คณุ โลกนม้ี โี ลกหนา้ ม ี โอปปาตกิ ะมี เหลา่ นเี้ ปน็ สมั มาทิฏฐริ ะดบั สามัญ สมั มาทฏิ ฐริ ะดบั สงู เปน็ สมั มาทฏิ ฐทิ เ่ี ปน็ อรยิ ะ ไมม่ อี าสวะ เป็นโลกุตตระ เปน็ องคแ์ หง่ มรรค เป็นระดับโลกตุ ตรธรรม สมั มาทฏิ ฐริ ะดบั สามญั เชน่ เหน็ วา่ การใหท้ านมผี ล การ บวงสรวงมผี ล ดคู �ำวา่ “บวงสรวง” การบวงสรวงทแ่ี ปลจากค�ำวา่ “ยิตฺถํ” นี้ ผมเห็นว่า เช่น การท�ำบุญอุทิศให้ผู้ตาย การท�ำบุญ อทุ ศิ เทวดา เทวตาพลี ใน “พทุ ธธรรม” ของพระเทพเมธ ี แปล “ยติ ถฺ ”ํ
44 สัมมาทิฎฐิมีสองระดับ ว่า การบ�ำเพ็ญทาน ใน “มหิดลธรรม” หน้า ๒๗๐ ของท่าน พุทธทาสภิกขุ เอา “ยิตฺถํ” “หุตํ” รวมกันแล้วแปลว่า การ บวงสรวงบชู า เชน่ การให้ข้าวน้ำ� เป็นตน้ ผมเคยคยุ กบั พระบางส�ำนัก ทา่ นไปน่งั กางกลดอยู่ท่หี น้า หอสมุดแห่งชาติ คนก็มาถาม : “ท่านท�ำบุญอุทิศให้ผู้ตายได้หรือ เปล่า ได้บญุ หรอื เปล่า ผู้ตายไดร้ ับไหม” ท่านตอบว่า “ได้พระ” “ท�ำบุญด้วยทุเรียน ทุเรียนก็ไป อยใู่ นกระเพาะพระ ก็จบแค่นน้ั ” ผมกไ็ ปนงั่ ฟงั อยดู่ ว้ ย เลยถามทา่ นวา่ “ความเหน็ อยา่ งนี้ เปน็ ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ หรอื เปน็ ความเห็นของทา่ น” ท่านบอกว่า “พระพุทธเจ้าก็สอนอย่างนี้ มันอยู่ท่ีความ เช่ือด้วย ถ้าเราเชื่อว่าถึง ก็ถึง เราเช่ือว่าไม่ถึงก็ไม่ถึง ชาติหน้ามี หรอื ไมม่ ี อยทู่ เ่ี ราเชอ่ื ถา้ เราเชอื่ วา่ ม ี มนั กม็ ี ถา้ เราเชอ่ื วา่ ไมม่ ี มนั กไ็ มม่ ”ี ทา่ นวา่ อยา่ งนนั้ นะ ผมกบ็ อกวา่ “ทา่ นครบั ถา้ ผมบอกวา่ ผมเชื่อว่าทา่ นเป็นพระ ท่านเปน็ หรือไม่เป็น” “เปน็ ส ิ อาตมาเปน็ พระ” “ถ้าผมเชอื่ วา่ ทา่ นไมเ่ ปน็ พระ ท่านเปน็ หรือไม่เปน็ ” “เอ๊ะ โยมนพี่ ดู ยงั ไง ฟงั ไม่ร้เู รื่อง”
45อ.วศิน อินทสระ น ี่ คอื ไปถอื เอาความเชอ่ื วา่ เปน็ ความจรงิ มนั คนละอยา่ ง บางอยา่ งนน้ั เชอื่ กนั มานาน ถอื กนั มานาน ยอมรบั กนั มานาน ไมจ่ รงิ กม็ ี บางอยา่ งจรงิ กม็ ี ไมย่ อมรบั กนั มานานจรงิ กม็ ี เพราะฉะนนั้ ทา่ นจะ ไปคดิ วา่ ทา่ นเชอ่ื อยา่ งไรนนั้ คอื ความจรงิ ไมไ่ ด้ ความจรงิ กบั ความเชอ่ื มนั คนละอยา่ ง บางทคี วามเชอ่ื ไปตรงกบั ความจรงิ เขา้ กโ็ ชคดไี ป หรอื ความจรงิ มาตรงกบั ความเชอ่ื เขา้ กโ็ ชคดไี ป แตม่ หี ลายอยา่ งทม่ี นั ไมต่ รง ความเชื่ออย่างหนงึ่ ความจรงิ อย่างหนงึ่ การใหท้ านมผี ล การบวงสรวงมผี ล การบชู ามผี ล กรรมดี กรรมช่วั มีอยู่ โลกหนา้ มี มารดามบี ิดาม ี สมณพราหมณ์ผู้ด�ำเนนิ ชอบปฏบิ ตั ชิ อบรโู้ ลกนแ้ี ละโลกหนา้ มอี ย ู่ รวมเปน็ สมั มาทฏิ ฐ ิ ๑๐ น่ี เปน็ สัมมาทฏิ ฐิอย่างสามัญ ทจ่ี รงิ โลกนใี้ คร ๆ กเ็ หน็ อย ู่ แตท่ �ำไมจงึ บอกวา่ โลกหนา้ ไมม่ ี โลกนไ้ี มม่ ี หรือว่าคนที่เช่ือในทางสมั มาทิฏฐกิ ว็ า่ โลกนีม้ ี เชือ่ อยา่ ง มจิ ฉาทฏิ ฐกิ ว็ า่ โลกนไี้ มม่ ี อนั นค้ี วามหมายมนั เปน็ วา่ คดิ วา่ ไมต่ อ้ งประพฤติ จรยิ ธรรมเพอื่ โลกน ้ี ทกุ สง่ิ เกดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ เปน็ accidentalism พวกถอื วา่ ทกุ อยา่ งเกดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ ไมม่ เี หตไุ มม่ ปี จั จยั ไมต่ อ้ งประพฤติ จรยิ ธรรมเพอ่ื โลกน ี้ คณุ ท�ำไปตามสบายของคณุ เถดิ คณุ อยากกนิ อะไรก็กิน คุณอยากเที่ยวก็เท่ียว อยากท�ำอะไรก็ท�ำ คุณไม่ต้อง คิดถึงจริยธรรม แล้วก็ไม่ต้องประพฤติจริยธรรมเพื่อโลกหน้า โลกหนา้ ไม่ม ี ตายแล้วสูญ เป็นข้ีเถ้า เหมอื นกนั ทกุ คน จบแคน่ น้ั nothing remains after death เช่อื ว่าไม่มีอะไรเหลอื หลงั จากตาย
46 สัมมาทิฎฐิมีสองระดับ ดงั นน้ั จงกนิ จงดม่ื จงเทยี่ ว ใหเ้ พลดิ เพลนิ ใหส้ นกุ สนาน ใหส้ บาย หลังจากตายแล้วก็แล้วกันไป ไม่มีอะไรเหลือ ความเชื่อเช่นนี้คือ พวกลทั ธวิ ตั ถนุ ยิ มของอนิ เดยี พวกจารวาก ซง่ึ แพรไ่ ปทางตะวนั ตก แพรเ่ ขา้ มาในประเทศไทยกม็ ี คนเชอื่ อยา่ งนก้ี เ็ ยอะ ไมต่ อ้ งประพฤติ จริยธรรมต่อมารดาบิดา มารดาไม่มีบิดาไม่มี เกิดมาอย่างนั้นโดย ธรรมชาต ิ โดยธรรมดา อนั นเี้ ปน็ ความเหน็ ผดิ อยใู่ นฝา่ ยความเหน็ ผดิ เปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐ ิ ขอผา่ นไปบา้ งนะครบั ขอ้ แปดพดู แลว้ นะครบั ขอ้ เกา้ พดู แลว้ ลองมาดขู อ้ สบิ คนผเู้ ปน็ สมั มาทฏิ ฐเิ กดิ มาเพอ่ื ประโยชนส์ ขุ แก่คนหมูม่ าก เพ่อื ประโยชนส์ ขุ แก่เทวดาและมนุษย ์ เขาท�ำบุคคล เปน็ อนั มากใหอ้ อกจากธรรมทผ่ี ดิ คอื อสทั ธรรม อา่ นวา่ อะสดั ท�ำ ไม่ออกเสียงตัว ท. ด�ำรงอยู่ในธรรมที่ถูก ได้คนที่เป็นสัมมาทิฏฐิ สักคนหน่งึ จะกระจายความเปน็ สัมมาทิฏฐิออกไปไดก้ ว้าง คนเปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐคิ นหนงึ่ กก็ ระจายความเปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐอิ อก ไปให้แก่คนอื่น มีลูกก็สร้างความเป็นมิจฉาทิฏฐิให้แก่ลูก มีหลาน สรา้ งความเปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐใิ หแ้ กห่ ลาน แลว้ กต็ อ่ ๆ กนั ไป ถา้ เปน็ ฝา่ ย สมั มาทฏิ ฐกิ จ็ ะตอ่ ๆ กนั ไป มนั กเ็ ปน็ ประโยชนแ์ กโ่ ลกเปน็ ประโยชน์ แกส่ งั คม โดยเฉพาะคนทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ครอบครวั ต่อสงั คมและตอ่ โลกตอ้ งเปน็ สมั มาทฏิ ฐจิ งึ จะใหป้ ระโยชนแ์ กโ่ ลกและสงั คม ยนื หยดั เอา ไว้ด้วยสมั มาทฏิ ฐิ
47อ.วศิน อินทสระ ผมคยุ กบั พระบอ่ ยแทบทกุ วนั พระทม่ี หาวทิ ยาลยั ทา่ นมปี ญั หา เยอะ ถามเยอะ เวลาคยุ อะไรขน้ึ มาทา่ นจะถามปญั หาเยอะ ผมยนื ยนั วา่ ให้ทา่ นยืนหยดั อยูก่ บั หลักธรรมทถี่ กู ต้อง ใครจะวา่ อยา่ งไร ใครจะ เป็นอย่างไรก็ตามใจ จะอยูไ่ ดห้ รอื ไมไ่ ดก้ ใ็ หร้ ้ไู ป จะจนหรือจะวบิ ตั ิจะ เกิดอะไรก็ให้มันรู้ไป แต่ว่าต้องยืนหยัดอยู่กับหลักธรรมท่ีถูกต้อง ยืนอยู่กับฝ่ายที่เป็นสัมมาทิฏฐิ อะไรจะเกิดข้ึนก็ไม่กลัว ให้มีความ กลา้ หาญพอทีจ่ ะยนื หยัดอยู่กับสง่ิ ท่ีถกู ตอ้ ง ส่วนผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิเกิดมาเพื่อทุกข์เพ่ือโทษแก่คนหมู่ มากท้ังเทวดาและมนุษย์ เขาท�ำให้บุคคลเป็นอันมากออกจาก ธรรมของสัตบุรุษ ด�ำรงอยู่ในธรรมของอสัตบุรุษ คือค�ำสอนผิด ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นเปรยี บวา่ เหมอื นพรานดกั ปลา เอาไซเอาลอบไปดกั ปลาไว ้ ไมใ่ ชเ่ พอื่ ประโยชนแ์ กป่ ลา แตเ่ พอ่ื ประโยชนแ์ กค่ นดกั เพราะฉะนน้ั คนทส่ี รา้ งลทั ธมิ ิจฉาทฏิ ฐิข้นึ มาแลว้ ท�ำให้คนไปติดในลัทธนิ ้ัน ไมใ่ ช่ ประโยชนข์ องคนทตี่ ดิ แตเ่ ปน็ ประโยชนข์ องคนดกั มคี �ำสอนทผี่ ดิ ดกั เอา ไว ้ เราไมร่ วู้ า่ อนั ไหนเปน็ ค�ำสอนทผ่ี ดิ อนั ไหนเปน็ ค�ำสอนทถ่ี กู เพราะ เราไมไ่ ดศ้ กึ ษาเรยี นรเู้ สยี หนอ่ ย เรากโ็ ง ่ เอ ๊ อนั ไหนถกู แน่ อนั ไหนผดิ แน่ คนทพ่ี ดู กพ็ ระทงั้ นน้ั นี่ ส�ำนกั นนั้ วา่ อยา่ งนนั้ ส�ำนกั นวี้ า่ อยา่ งนี้ ผรู้ ้ ู ทง้ั นนั้ แตพ่ ดู ไมต่ รงกนั ตอ้ งเรยี นรเู้ สยี หนอ่ ย คลา้ ย ๆ วา่ ถา้ ทา่ นไมม่ ี ความรเู้ รอ่ื งทอง คนเอาทองเกม๊ าขายทา่ นกเ็ ชอ่ื ราคามนั ถกู หนอ่ ยก็ อนั นลี้ ะ่ แตถ่ า้ ทา่ นมคี วามรเู้ รอ่ื งทองทา่ นไมร่ บั รวู้ า่ นมี่ นั ทองเก ๊ ถา้ เรา ไมร่ เู้ รากถ็ กู หลอก
48 สัมมาทิฎฐิมีสองระดับ พนี่ อ้ งชาวไทยนน่ี า่ สงสารมากนะครบั มเี รอ่ื งทถ่ี กู หลอกเยอะ เมอื่ สกั ครมู่ คี นพดู เรอ่ื งราหขู นึ้ มา นน่ั กเ็ รอ่ื งหลอกเหมอื นกนั ไดเ้ งนิ เยอะ วดั ทท่ี �ำเรอื่ งราหไู ดเ้ งนิ เยอะในวนั นนั้ คนทสี่ อนสจั ธรรมพดู ความจรงิ ใหป้ ญั ญา ไมไ่ ด ้ แตค่ นทหี่ ลอก กลบั ได ้ คนเชอื่ พอท�ำใหเ้ ชอื่ แลว้ เกดิ ความกลวั กลวั แลว้ ตอ้ งเสยี อะไรกเ็ สยี ไป ขอใหไ้ ดอ้ ะไรสกั อยา่ ง หนงึ่ ใหพ้ ออนุ่ ใจใหห้ ายกลวั และมกั จะมคี นพดู กนั เสมอวา่ คนตอ้ งการ ที่พึ่งทางใจ ต้องการเคร่ืองยึดเหนี่ยวทางใจ เพราะฉะนั้นก็ไป เหนยี่ วอนั นน้ั บา้ ง อนั นบี้ า้ ง สง่ิ นนั้ บา้ งสง่ิ นบี้ า้ งเพอื่ ตอ้ งการเครอื่ ง ยดึ เหนย่ี วทางใจ นค่ี อื ขอ้ อา้ ง ผมบอกวา่ ทจ่ี รงิ เครอื่ งยดึ เหนยี่ วทางใจ ท่ีถูกต้องท่ีดีก็มีอยู่มากแล้ว อย่างเช่นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ดี สิ่งบางอยา่ งนม้ี นั เหน่ยี วเหมอื นกนั แต่มนั เหนย่ี วลง ไมเ่ หนยี่ วขนึ้ คอื ท�ำใหใ้ จเราตกลงตำ�่ ลง ความเชอื่ ทถี่ กู ตอ้ ง ความเหน็ ท่ีถูกต้อง มันเหนี่ยวเหมือนกันแต่เหน่ียวขึ้น เหน่ียวให้จิตใจเรา สูงข้ึน เข้มแข็งขึ้น ท�ำให้มีคุณภาพจิตดีขึ้น มี mental quality ดขี ้ึน แล้วกม็ ี mental health สุขภาพจติ ดขี ึ้น มี mental ability มสี มรรถภาพจติ ดขี น้ึ สามอยา่ งน้ีมนั ตอ้ งอาศยั กันนะครับ คนท่มี ี สขุ ภาพจติ ดแี สดงออกอยา่ งไร มพี ฤตกิ รรมทแี่ สดงออกใหเ้ ราเหน็ วา่ เขามสี ขุ ภาพจติ ด ี ไมเ่ ครยี ด มคี วามสขุ เขาเปน็ คนมคี วามสขุ หนา้ ตา ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส คนมคี ณุ ภาพจติ ดี mental quality แสดงออกดว้ ยอะไร แสดงออกดว้ ยคณุ ธรรมมเี มตตากรณุ า มสี งั คหวตั ถ ุ มพี รหมวหิ าร คนมสี มรรถภาพจติ ด ี เรยี กวา่ mental ability แสดงออกโดยการ สู้งาน รับผิดชอบ ไม่ท้อถอยง่าย มีความบากบั่นม่ันคง ก้าวไป ข้างหน้า เจออุปสรรคแล้ว ไม่ถอย เห็นว่าอุปสรรคเป็นเคร่ือง
49อ.วศิน อินทสระ ทดสอบความสามารถ อยา่ งนเ้ี ปน็ คนมสี มรรถภาพจติ ด ี สามอยา่ งน ้ี ต้องเก้อื กูลกัน มคี นผหู้ นงึ่ อาศยั ทวี่ ดั อยมู่ าหลายป ี ในทสี่ ดุ เมอ่ื เขาไลท่ จี่ รงิ ก็กัดฟันทนไปซือ้ บา้ น ซือ้ ท่ดี นิ ผ่อนสง่ ไมก่ ีป่ ตี ่อมากเ็ รียบรอ้ ย ได้ ทั้งบ้านทั้งที่เป็นของตัวเอง เม่ือย้อนระลึกขึ้นมาก็รู้สึกว่าดีเหมือน กันนะ ถ้าเผ่ือวัดเขาไม่ไล่ท่ี ป่านนี้เราคงยังเช่าที่ดินวัดอยู่จนถึง ตอนนถี้ งึ รนุ่ หลาน ตอนนไ้ี ดท้ ง้ั ทดี่ นิ ทง้ั บา้ นเปน็ ของเราเอง ในเมอ่ื มนั หนไี มพ่ ้น ก็คิดวา่ เอาละ่ ต้องต้อนรบั มนั คือ true peace of mind comes from accepting the worst ความสงบสุขทแ่ี ทจ้ รงิ ของดวงจิตมาจากการยอมรบั หรอื ต้อนรับสงิ่ ทเ่ี ลวท่สี ดุ อนั นีท้ �ำให้ เราจิตใจสงบ ความสงบที่แท้จริงของดวงจิตมาจากการยอมรับ หรือต้อนรับสิ่งที่หนีไม่พ้น ส่ิงท่ีเลวที่สุดแล้วเรายังสู้ได้ รับได้เลย อนั นี้ไม่เลวเทา่ ไรหรอก ยังมีดีอยู่ ถาม : ทอ่ี าจารยใ์ หส้ มั ภาษณ ์ ตอนสดุ ทา้ ยทที่ า่ นอาจารย์ บอกวา่ สงิ่ ทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ คอื ใหต้ ระหนกั วา่ ทกุ สง่ิ เปน็ ไปตามเหตปุ จั จยั อยากจะให้อาจารย์ช่วยขยายความสักนดิ นึงคะ่ ตอบ : คือ กรรมน้นั เป็นไปตามเหตุปจั จยั กรรมนไ้ี ม่ใช่ ส่ิงตายตัว กรรมเป็นสิ่งไม่ตายตัว กรรมเป็นสังขตธรรมเป็นส่ิงท่ี ข้ึนอยู่กับเหตุปัจจัย พอเหตุปัจจัยเปลี่ยนแปลงกรรมเปลี่ยน ข้ึน อยกู่ บั เหตปุ จั จยั อยา่ งนำ�้ ในแกว้ นน้ี ะครบั ตอนนม้ี นั เหลว แตพ่ อ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130