Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore law1

law1

Published by โชคทวี ธรรมศร, 2021-11-13 04:55:45

Description: law1

Search

Read the Text Version

โปรแกรมตรวจขอ้ กฎหมายควบคุมอาคาร สำนกั หอสมุดกลาง โดย นายพเิ นต แฉง่ สมบรู ณ์ การคน้ ควา้ อสิ ระนเ้ี ป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษาตามหลกั สูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์เพ่อื การออกแบบทางสถาปตั ยกรรม ภาควิชาเทคนิคสถาปัตยกรรม บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ปีการศึกษา 2557 ลขิ สิทธ์ิของบณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร

โปรแกรมตรวจข้อกฎหมายควบคุมอาคาร สำนกั หอสมุดกลาง โดย นายพเิ นต แฉ่งสมบรู ณ์ การค้นควา้ อสิ ระน้เี ปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศึกษาตามหลกั สตู รปริญญาวิทยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าคอมพิวเตอร์เพอ่ื การออกแบบทางสถาปตั ยกรรม ภาควิชาเทคนคิ สถาปัตยกรรม บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2557 ลิขสทิ ธ์ิของบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร

BUILDING REGULATION CHECKER สำนกั หอสมุดกลาง By Mr. Pinet Changsomboon An Independent Study Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree Master of Science Program in Department of Architectural Technology Graduate School, Silpakorn University Academic Year 2014 Copyright of Graduate School, Silpakorn University

53059307: สาขาวชิ าคอมพิวเตอรเ์ พ่อื การออกแบบทางสถาปัตยกรรม คาสาคญั : ตรวจแบบ / ตรวจขอ้ กฎหมาย / กฎหมายควบคมุ อาคาร พิเนต แฉง่ สมบูรณ์ : โปรแกรมตรวจข้อกฎหมายควบคมุ อาคาร. อาจารย์ที่ปรึกษาการ คน้ ควา้ อิสระ: รศ.ฐติ ิพัฒน์ ประทานทรพั ย์. 150 หน้า. ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีส่วนช่วยในงานทางสถาปัตยกรรมมากข้ึน ซึ่งไม่ได้ ช่วยเฉพาะในส่วนของกระบวนการออกแบบเท่าน้ัน กระบวนการตรวจข้อกฎหมายจากแบบเป็น กระบวนการหนึ่งท่ีคอมพิวเตอร์สามารถเข้ามามีบทบาทเช่นเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่าหากสามารถ สำนกั หอสมุดกลางออกแบบระบบให้คอมพิวเตอร์สามารถช่วยตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมได้ ก็จะช่วยทาให้การตรวจ แบบเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ อกี ทั้งช่วยลดปริมาณกระดาษแบบท่ตี รวจแลว้ ผดิ กฎหมายได้ โปรแกรมตรวจข้อกฎหมายควบคุมอาคาร (Building Regulation Check) ถูกสร้างข้ึน เพื่อท่ีจะพัฒนาระบบการตรวจข้อกฎหมายกับแบบทางสถาปัตยกรรม ซึ่งมีลักษณะเป็นโปรแกรม เสริม ติดตั้งเพ่ิมเติมจากโปรแกรมเขียนแบบ (CAD) โดยมีเคร่ืองมือสาหรับการตรวจแบบของผู้ตรวจ แบบโดยเฉพาะ กล่าวคือกระบวนการตรวจแบบด้วยระบบเดิมที่ไม่มีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยตรวจ แบบนั้นมีความยุง่ ยาก ซับซอ้ น และใช้ระยะเวลาในการตรวจแบบเป็นเวลานาน ดังน้ันโปรแกรมจึงถูก พัฒนาให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถตรวจข้อกฎหมายของกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร และกฎหมายอื่นๆ ของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในแบบน้ันๆ ได้อย่างถูกต้อง สามารถใชท้ ดแทนการตรวจแบบท่ไี ม่มีคอมพิวเตอร์ได้ จากผลการวิจัยนี้ โปรแกรมตรวจข้อกฎหมายควบคุมอาคารท่ีได้พัฒนาข้ึน จะเป็น ต้นแบบในการพฒั นาระบบการตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมในปัจจุบัน และรองรับการเพ่ิมข้ึน หรือ เปลี่ยนแปลงของข้อกฎหมายใหม่ๆ ซ่ึงมีความหลากหลาย ทาให้การตรวจข้อกฎหมายต่างๆ สามารถ ทาไดถ้ ูกต้อง และมีความรวดเรว็ ในการตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมเพิ่มขึ้น อีกท้ังยังช่วยลดข้ันตอน การทางาน ตลอดจนทรัพยากรท่ีใช้ในการผลติ พมิ พ์เขยี ว หรอื กระดาษแบบไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ภาควชิ าเทคนคิ สถาปตั ยกรรม บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร ลายมอื ชอื่ นักศึกษา........................................ ปีการศกึ ษา 2557 ลายมอื ชื่ออาจารย์ทีป่ รึกษาการคน้ ควา้ อิสระ........................................................ ง

53059307 : MAJOR : (COMPUTER-AIDED ARCHITECTURAL DESIGN) KEY WORD : BUILDING REGULATION/INSPECTION DRAWING PINET CHANGSOMBOON : BUILDING REGULATION CHECKER. INDEPENDENT STUDY ADVISOR : ASSOC.PROF.THITIPAT PRATHARNSAP. 150 pp. Nowadays, the computer systems are involved in architectural design process. However, there are a few functions in building regulation process that we สำนกั หอสมุดกลางuse the computer technology, especially on the regulation check. The development of the computer systems for building regulation check will gain more efficiency and reduce many construction documents in this process. Due to the Crown Property Bureau is lack of computer system in building regulation check. The development of the program is intend to help and reduce the complexity on those manual process. The program should be easy to use and conform all the related building regulation laws that applied. The research of the program for building regulation check will be the prototype that can be modify or append all those laws that might be occur in the future. This program can be reduce the time in the original process and can be reduce amount of resources for blueprint of those construction documents. Department of Architectural Technology Graduate School, Silpakorn University Student's signature ........................................ Academic Year 2014 Independent Study Advisor's signature ........................................ จ

กติ ติกรรมประกาศ การค้นคว้าอิสระฉบับน้ีสาเรจ็ ลลุ ่วงไดด้ ว้ ยดี เน่ืองด้วยได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ ซ่งึ คอยให้คาแนะนาต่างๆ ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณท่านรองศาสตราจารย์ ฐิติพัฒน์ ประทาน ทรัพย์ อาจารย์ทป่ี รกึ ษาและควบคมุ สารนิพนธ์ ท่ีคอยช่วยช้ีแนะแนวทางการทางานและแก้ปัญหา ต่างๆ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ธนะพันธ์ อินทรเกสร ที่ให้ความอนุเคราะห์ให้คาแนะนา ทางดา้ นการเขียนโปรแกรม ทาให้การค้นคว้าอสิ ระฉบับนีส้ าเร็จสมบรู ณ์ สำนกั หอสมุดกลางขอขอบคุณเพื่อน พ่ีๆ น้องๆ ของสานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่เสียสละ เวลาให้ข้อมูลในการสมั ภาษณ์ ใหข้ ้อคดิ เห็นและความรู้ตา่ งๆ เพ่อื นามาประกอบในการค้นควา้ ในครั้ง นี้ ตลอดจนชว่ ยเหลอื งานในหน้าท่ีของข้าพเจา้ ในระหว่างที่ข้าพเจา้ ดาเนินการค้นควา้ อสิ ระฉบบั นี้ ขอกราบขอบคณุ บิดา มารดา ท่ใี ห้ความสนบั สนนุ ในการคน้ คว้าอิสระฉบบั นี้ ขอขอบคุณ นางฤดีวรรณ แฉ่งสมบูรณ์, เด็กหญิงพิชามญช์ุ แฉ่งสมบูรณ์ และเด็กหญิง พีรดา แฉ่งสมบูรณ์ ภรรยา และลูกสาวที่น่ารักท้ังสองคนของข้าพเจ้า ท่ีเป็นกาลังใจ และเป็น แรงผลกั ดันทท่ี าใหข้ า้ พเจา้ ดาเนนิ การค้นควา้ อิสระฉบบั นี้จนสาเร็จ ขอขอบคุณสานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ท่ีให้ทุนกา รศึกษาในคร้ังน้ี ขอขอบคุณ ขอขอบคุณบุคคลอื่นๆ ทุกท่านที่มิได้เอ่ยนามในที่น้ี ที่คอยอยู่เคียงข้างกันและคอย ช่วยเหลือเปน็ อย่างดี ฉ

สารบญั หนา้ บทคดั ยอ่ ภาษาไทย .................................................................................................................... ง บทคดั ย่อภาษาองั กฤษ............................................................................................................... จ กิตตกิ รรมประกาศ..................................................................................................................... ฉ สารบญั ตาราง............................................................................................................................ ฌ สารบัญภาพ............................................................................................................................... ฎ สำนกั หอสมุดกลางบทที่ 1 1 บทนา............................................................................................................................. 1 ความเป็นมาและความสาคัญ .................................................................................. 2 ความมงุ่ หมายและวัตถุประสงคข์ องการศึกษา........................................................ ขอบเขตการศกึ ษา .................................................................................................. 2 ข้นั ตอนของการศึกษา............................................................................................. 2 ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ บั ...................................................................................... 3 คาศัพท์นยิ ามเฉพาะ ............................................................................................... 3 2 แนวคดิ และทฤษฎีทเี่ ก่ียวขอ้ ง......................................................................................... 4 กระบวนการตรวจแบบขออนญุ าตของสานักงานทรพั ยส์ นิ ฯ ................................... 4 ขอบเขตและหวั ขอ้ การตรวจแบบขออนุญาตกอ่ สรา้ ง .............................................. 5 ปญั หาและอปุ สรรคในการตรวจแบบ...................................................................... 26 ตัวอย่างเวบ็ ขอ้ มลู กฎหมายทใี่ ช้อา้ งองิ .................................................................... 29 เทคโนโลยที ี่ใช้ในการพฒั นาระบบ .......................................................................... 32 3 วิธีดาเนินการวจิ ยั ........................................................................................................... 46 สงั เกตและสอบถามการตรวจแบบ.......................................................................... 46 แนวทางในการตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์.............. 48 ออกแบบการจัดเกบ็ ข้อมลู จากการตรวจในแบบ ..................................................... 49 ออกแบบวิธีการวัดในแบบในเชิงโปรแกรม.............................................................. 55 ออกแบบหลกั การทางานของโปรแกรม.......... ......................................................... 63 4 ผลการออกแบบและการใช้งานโปรแกรม....................................................................... 67 ระบบการทางานของโปรแกรม ............................................................................... 67 หนา้ จอสว่ นตดิ ตอ่ ผใู้ ชง้ านโปรแกรม (User Interface)........................................... 70 ช

วิธีใช้งานโปรแกรม .................................................................................................. 77 บทท่ี หน้า 5 สรปุ ผลการศกึ ษาและข้อเสนอแนะ ................................................................................ 91 สรปุ ผลการวิจัย....................................................................................................... 91 อุปสรรคและข้อจากัดในการวิจยั ............................................................................ 91 ข้อเสนอแนะ........................................................................................................... 92 รายการอา้ งอิง........................................................................................................................... 93 สำนกั หอสมุดกลางภาคผนวก ............................................................................................................................... 95 ภาคผนวก ก .................................................................................................................... 96 ภาคผนวก ข .................................................................................................................... 147 ประวัติผวู้ จิ ยั .............................................................................................................................. 150 ซ

สารบัญตาราง ตารางที่ หนา้ 1 แสดงระยะดิง่ ภายในอาคารตามประเภทการใช้อาคาร ........................................................... 15 2 แสดงจานวนห้องน้าและสขุ ภัณฑต์ ามประเภทการใช้อาคาร .................................................. 19 3 แสดงจานวนที่จอดรถตามประเภทการใช้อาคาร .................................................................... 24 4 แสดงเวอรช์ นั ต่าง ๆ ของ .NET Framework ......................................................................... 38 5 เปรยี บเทยี บคุณสมบตั ิของโปรแกรม nanoCAD และ AutoCAD.......................................... 41 6 การไดม้ าของขอ้ มลู ในแบบตามความสัมพนั ธ์ของหวั ขอ้ กฎหมาย ........................................... 49 สำนกั หอสมุดกลาง7 การตรวจตามลาดบั ของแบบ................................................................................................... 55 ฌ

สารบญั ภาพ ภาพที่ หน้า 1 ภาพกระบวนการตรวจแบบทางสถาปตั ยกรรม...................................................................... 4 2 แสดงระยะร่นอาคารจากคลองสาธารณะ 1 ........................................................................... 7 3 แสดงระยะรน่ อาคารจากคลองสาธารณะ 2........................................................................... 7 4 แสดงระยะรน่ อาคารจากคลองสาธารณะ 3........................................................................... 8 5 แสดงระยะรน่ อาคารจากถนนสาธารณะ 1 ............................................................................ 8 6 แสดงระยะร่นอาคารจากถนนสาธารณะ 2 ............................................................................ 9 สำนกั หอสมุดกลาง7 แสดงระยะร่นอาคารจากถนนสาธารณะ 3............................................................................ 9 8 แสดงระยะรน่ อาคารจากถนนสาธารณะ 4 ............................................................................ 10 9 แสดงการวัดความสงู ของอาคาร............................................................................................. 10 10 แสดงความสูงของอาคารกบั แนวเขตด้านตรงข้ามของถนนสาธารณะ ................................... 10 11 แสดงระยะร่นจากอาคารข้างเคยี งในทด่ี ินเจ้าของเดียวกัน 1................................................. 11 12 แสดงระยะรน่ จากอาคารขา้ งเคยี งในทด่ี นิ เจา้ ของเดยี วกนั 2 ................................................. 11 13 แสดงระยะรน่ อาคารจากแนวเขตทด่ี ิน 1 ............................................................................... 12 14 แสดงระยะรน่ อาคารจากแนวเขตท่ดี ิน 2............................................................................... 12 15 แสดงระยะของบนั ไดภายในอาคาร 1 .................................................................................... 13 16 แสดงระยะของบนั ไดภายในอาคาร 2 .................................................................................... 14 17 ระยะที่ตั้งของบันไดหนีไฟอาคารพักอาศยั ............................................................................. 15 18 แสดงอัตราส่วนระหว่างทวี่ า่ งและพ้ืนทใ่ี ช้สอยภายในอาคาร ................................................. 16 19 แสดงโซนสีกาหนดการใช้ประโยชนใ์ นทด่ี ิน............................................................................ 17 20 แสดงความหมายการใช้ประโยชนใ์ นท่ดี นิ ของแตล่ ะโซนสี ..................................................... 18 21 แสดงวิธีการคานวณหาพื้นทีต่ าม FAR และ OSR.................................................................. 18 22 แสดงตวั อยา่ งการวัดแบบพมิ พเ์ ขียวดว้ ยเคร่ืองมอื ตา่ ง ๆ ................................................. 26 23 แสดงตวั อย่างการหาพน้ื ทอ่ี าคารสีเ่ หลย่ี มดา้ นไม่เทา่ ............................................................. 27 24 แสดงตวั อยา่ งการตตี ารางเพอ่ื วดั พน้ื ที่อาคาร Free Form.................................................... 27 25 ตวั อย่างแบบบันได.................................................................................................................. 28 26 แสดงหนา้ แรกของ เวบ็ http://www.asa.or.th/th/about-asa......................................... 29 27 แสดงหน้าที่รวบรวมกฎหมายอ้างองิ ...................................................................................... 30 28 แสดงหน้าแสดงกฎหมายเปน็ PDF ไฟล.์ ................................................................................ 30 ญ

ภาพท่ี หนา้ 29 แสดงหนา้ บลอ็ กจากสถาปนกิ ของ SCG................................................................................. 31 30 แสดงตวั อย่างภาพประกอบขอ้ กฎหมาย ................................................................................ 31 31 แสดงวิวฒั นาการของ .NET Framework.............................................................................. 32 32 โครงสร้างของ .NET Framework ......................................................................................... 33 33 การเปรยี บเทียบระหว่าง 2 เทคโนโลยี................................................................................... 35 34 โปรแกรม Microsoft Visual C# 2010 มีหลายระดับตง้ั แต่ Express, Ultimate, Premium และ Professional ................................................................................................................. 39 สำนกั หอสมุดกลาง35 ตวั อยา่ ง User Interface ของ NanoCAD............................................................................ 40 36 แสดงลาดบั ของแบบ ............................................................................................................... 53 37 การลาก PolyLine เพอ่ื วัดระยะ............................................................................................ 57 38 วธิ กี ารวดั ความสงู แบบเดมิ ..................................................................................................... 58 39 แสดงการหาพืน้ ทโ่ี ดยการลาก PolyLine............................................................................... 59 40 ระยะตา่ งๆ ในการตรวจแบบบนั ได ........................................................................................ 60 41 การลากเส้นเพอื่ หาระยะทางเดนิ หนไี ฟ .................................................................................. 61 42 การตรวจระยะห่างระหวา่ งอาคารในเจา้ ของทดี่ นิ เดียวกัน .................................................... 62 43 การวาง Block สัญญลกั ษณใ์ นการตรวจนับสุขภณั ฑ์ ............................................................ 62 44 การวาง Block สัญลักษณใ์ นการตรวจนับทจี่ อดรถ ............................................................... 63 45 แนวคดิ การแยกโมดลู การทางานของระบบ ............................................................................ 63 46 ภาพแสดงขั้นตอนการทางานของโปรแกรม ........................................................................... 65 47 ตัวอยา่ งการสร้างไฟล์ CSV เพือ่ รอเก็บขอ้ มูล ........................................................................ 66 48 แสดงรปู แบบและรายละเอยี ดของขอ้ มลู ................................................................................ 66 49 แสดง Work Flow ของโปรแกรม Initialize Case............................................................... 68 50 แสดง Work Flow ของโปรแกรม Measurement............................................................... 69 51 แสดงหนา้ จอกรอกขอ้ มลู พ้นื ฐาน............................................................................................ 70 52 แสดงรายการประเภทอาคาร.................................................................................................. 71 53 แสดงหน้ากรอกขอ้ มูลการการตรวจในหวั ข้อตา่ งๆ ................................................................ 72 54 แสดงหน้ากรอกขอ้ มลู การวดั ในแบบ ...................................................................................... 72 55 แสดงหนา้ กรอกขอ้ มลู การนับจานวนในแบบ ......................................................................... 73 56 แสดงหน้ารายงานผลการตรวจแบบ ....................................................................................... 74 ฎ

ภาพที่ ...................................................................................................................................... หน้า 57 แสดงหน้ากรอกขอ้ มลู การวดั บันได, บนั ไดหนไี ฟ และสว่ นประกอบบันได ............................ 75 58 แสดงหน้าการวดั ระยะทางหนไี ฟ............................................................................................ 76 59 แสดงหนา้ ผลการวดั ระยะทางหนีไฟ ....................................................................................... 76 60 ตัวอยา่ งแบบทใ่ี ชใ้ นการตรวจ ................................................................................................. 77 61 แสดงคาส่ังใน Command line............................................................................................. 77 62 โปรแกรมแสดง Initialize case............................................................................................. 78 63 โปรแกรมแสดงขนั้ ตอนการดาเนินการเปน็ ลาดับ ................................................................... 78 สำนกั หอสมุดกลาง64 แสดงขน้ั ตอนการวดั พน้ื ท่ที ดี่ นิ ............................................................................................... 79 65 แสดงหนา้ จอแจง้ เตอื นการกรอกขอ้ มลู ผิด ............................................................................. 80 66 โปรแกรมแสดงขั้นตอนการดาเนินการลาดบั ตอ่ ไป ................................................................ 80 67 แสดงโปรแกรมเพิ่มรายการใน layer ..................................................................................... 81 68 แสดงการระบุชนั้ ที่ตรวจ ......................................................................................................... 81 69 โปรแกรมแสดงขนาดพืน้ ทอี่ าคารท่วี ดั ได้ ................................................................................ 82 70 โปรแกรมแสดงตาแหน่งของจดุ ทใ่ี กลท้ ี่สดุ โดยระบุในแกน X แกน Y ของแบบ ................... 82 71 โปรแกรมแสดงเส้นสใี นแบบ ................................................................................................... 83 72 แสดงการบันทึกคุณสมบัตขิ องเส้นระยะ ................................................................................ 84 73 แสดงการเลอื กเส้นสที ่ีระยะใกล้ที่สุด ...................................................................................... 85 74 แสดงบนั ทกึ ความกวา้ งของถนนท่ตี ดิ กบั ระยะท่เี ลอื กไว้ ........................................................ 85 75 แสดงบนั ทกึ ความกวา้ งของถนน ............................................................................................. 86 76 แสดงคาส่ังใน Command line ใหค้ ลิกกาหนดจดุ เร่ิมตน้ ในการวัด ..................................... 86 77 แสดงคาส่ังใน Command line ใหค้ ลิกกาหนดจุดสน้ิ สดุ ในการวดั ...................................... 87 78 แสดงการคลกิ เลอื กผนังมชี ่องเปดิ .......................................................................................... 87 79 แสดงหน้าตา่ งการนับจานวนทจี่ อดรถและสขุ ภณั ฑใ์ นแบบ ................................................... 88 80 แสดง block สัญญลกั ษณต์ า่ งๆ ............................................................................................. 88 81 แสดงคลกิ เลอื กตรวจวดั ระยะห่างระหวา่ งอาคารในทดี่ ินเจ้าของเดียวกัน ............................. 89 82 แสดงปุ่มบนั ทึกค่าและปมุ่ ตรวจ .............................................................................................. 90 83 แสดงผลรายงานการตรวจ ...................................................................................................... 90 84 ตวั อยา่ งสญั ลกั ษณท์ จี่ อดรถ .................................................................................................... 92 ฏ

บทที่ 1 บทนำ 1. ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญ สำนกั หอสมุดกลางสำนกั งำนทรพั ย์สินสว่ นพระมหำกษัตรยิ ์ เป็นองค์กรท่ีมีหน้ำท่ีดูแลรักษำและจัดประโยชน์ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหำกษัตริย์ โดยเฉพำะอสังหำริมทรัพย์ประเภทที่ดิน และอำคำร ท่ีจัด ประโยชนใ์ ห้ประชำชนทวั่ ไปเช่ำเพื่ออยอู่ ำศัย ตลอดจนใช้ประโยชน์ตำมแต่สมควร ทั้งนี้ผู้เช่ำสำมำรถขอ อนุญำตก่อสร้ำงอำคำรประเภทต่ำง ๆ ในที่ดินของสำนักงำนทรัพย์สินส่วนพระมหำกษัตริย์ได้ โดยมี ข้ันตอนในกำรขออนุญำตคล้ำยคลึงกับกำรยื่นขออนุญำตก่อสร้ำงกับกรุงเทพมหำนคร หรือหน่วยงำน รำชกำรตำมทอ้ งถ่ินนนั้ ๆ ทง้ั นี้ ในกำรตรวจแบบขออนุญำตก่อสร้ำงอำคำรของสำนักงำนทรัพย์สินส่วนพระมหำกษัตริย์ จำเป็นตอ้ งมีกำรตรวจโดยอ้ำงองิ ตำมกฎหมำยควบคุมอำคำรและเทศบญั ญัติของกรุงเทพมหำนคร โดยแบ่ง หวั ขอ้ ในกำรตรวจแบบออกเป็นหมวดหมู่ เชน่ ตรวจระยะถอยร่นอำคำร, อัตรำสว่ นของพืน้ ที่เปดิ โล่งต่อพ้ืนที่ ใช้สอยอำคำร, จำนวนสขุ ภณั ฑ์ – จำนวนทจ่ี อดรถตอ่ พื้นทใ่ี ช้สอยอำคำร, ข้อกำหนดของบนั ไดหนไี ฟ เป็นต้น ซึ่งในกำรตรวจแบบแปลนตำมหมวดหมู่ในแต่ละครั้ง ผู้ตรวจต้องเริ่มกระบวนกำรจำก รำยกำรหัวข้อกฎหมำย เพ่ือใช้ตรวจสอบ โดยเร่ิมวัดพื้นที่ใช้สอยอำคำร ตรวจนับจำนวนห้องท่ีจำเป็น ตรวจสอบพนื้ ทขี่ องบนั ได จำกพิมพเ์ ขียว เพ่ือไปสืบค้นในข้อกำหนดในเทศบัญญัติของกรุงเทพมหำนคร และกฎหมำยควบคมุ อำคำร ในบำงคร้งั ต้องมีกฎหมำยผังเมอื งเข้ำมำเกีย่ วข้องดว้ ย แบบแปลนที่ย่ืนขออนุญำตของอำคำรในแต่ละประเภท มีรำยละเอียดและจำนวนแบบที่ แตกต่ำงกนั โดยเฉพำะอำคำรที่มีขนำดใหญ่ที่มีกระดำษแบบเป็นจำนวนมำก ทำให้ใช้เวลำในกำรตรวจ แบบแปลนเป็นเวลำนำนข้ึน เช่น กำรตรวจแบบแปลนอำคำร ค.ส.ล. 4 ช้นั จำเปน็ ต้องใช้เวลำในกำรตรวจ แบบแปลนทำงสถำปตั ยกรรม โดยประมำณ 7 วัน เป็นตน้ ทำให้มีงำนคงค้ำงรอตรวจสอบแบบแปลนใน แต่ละคร้งั อย่เู ปน็ จำนวนมำก ซงึ่ จำกกรณดี งั กล่ำว ในบำงครั้งผตู้ รวจแบบเองกอ็ ำศยั วิธกี ำรสุ่มตรวจแบบ เป็นบำงแผ่น หรอื สมุ่ ตรวจเฉพำะข้อกฎหมำยที่ผู้ออกแบบมักจะผิดกันเป็นประจำแทน ทำให้เกิดควำม ผดิ พลำดในกำรตรวจได้ 1

2 นอกจำกนนั้ เมือ่ มีกำรแกไ้ ขแบบแปลน อนั เนอ่ื งมำจำกแบบไม่ถูกต้องตำมเทศบัญญัติ และ กฎหมำยควบคุมอำคำรตำ่ งๆ จำเปน็ ตอ้ งแก้ไขแบบและจดั ทำแบบใหม่ ซึ่งเสียเวลำและทรัพยำกรในกำร ผลติ แบบเปน็ อันมำก ย่ิงโดยเฉพำะถ้ำเป็นโครงกำรขนำดใหญ่ ทม่ี ีรำยละเอยี ดของแบบเป็นจำนวนมำก ในปจั จบุ นั สำนักงำนทรพั ยส์ ินส่วนพระมหำกษตั รยิ ์ ไดข้ อควำมร่วมมือให้ผู้เช่ำท่ีต้องกำรขอ อนุญำตก่อสรำ้ งอำคำร แนบแบบแปลนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (ประเภท DWG หรอื PDF) เพิม่ เตมิ จำกแบบพมิ พ์ เขียว เพ่ือประกอบกำรพิจำรณำตรวจแบบทำงสถำปัตยกรรม ตำมเทศบัญญัติกรุงเทพมหำนคร และ สำนกั หอสมุดกลางกฎหมำยควบคุมอำคำร ตลอดจนจดั เก็บเปน็ หลักฐำนในกำรตรวจสอบในภำยหลัง ผวู้ จิ ัยจึงมีแนวควำมคิดในกำรสร้ำงเครื่องมือหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ำมำช่วยในกำร ตรวจแบบทำงสถำปัตยกรรม เพ่อื ทำให้กำรตรวจแบบมคี วำมถูกต้องและรวดเร็วมำกย่ิงขนึ้ 2. ควำมมงุ่ หมำยและวัตถปุ ระสงคข์ องกำรศกึ ษำ 1. ศกึ ษำถึงกระบวนกำรตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อกฎหมำยควบคุมอำคำร และเทศ บัญญตั ทิ ่ีเกย่ี วข้องกับกำรขออนุญำตก่อสรำ้ งอำคำร 2. พัมนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในกำรตรวจแบบทำงสถำปัตยกรรมให้มีควำม เที่ยงตรง โดยใช้ระยะเวลำในกำรตรวจสอบแบบท่สี ้ันลงกว่ำกระบวนกำรตรวจแบบเดิม 3. ขอบเขตกำรศึกษำ 1. ศึกษำถึงเทศบัญญัติกรุงเทพมหำนคร และกฎหมำยควบคุมอำคำรต่ำง ๆ ท่ีใช้ในกำร ตรวจแบบ เพือ่ ขออนญุ ำตกับสำนกั งำนทรัพย์สินส่วนพระมหำกษัตริย์ เปน็ สำคัญ 2. กำรพฒั นำโปรแกรมที่จะใช้ในกำรตรวจแบบ พฒั นำภำยใต้ระบบปฏิบตั กิ ำร Microsoft Window 3. ตรวจแบบตำมเทศบัญญัติกรุงเทพมหำนคร และกฎหมำยควบคุมอำคำร เฉพำะแบบ ทำงสถำปตั ยกรรมเท่ำน้นั โดยจะไม่รวมถงึ แบบโครงสร้ำงทำงวศิ วกรรม และแบบงำนระบบอ่นื ๆ 4. ข้นั ตอนของกำรศึกษำ ขนั้ ตอนกำรศกึ ษำหัวข้อกำรค้นคว้ำอสิ ระน้ัน อำจจะมไี ดด้ ังนี้ 1. ศกึ ษำกระบวนกำรตรวจแบบแปลนทำงสถำปัตยกรรม

3 2. ทำกำรศึกษำเทศบัญญัติกรุงเทพมหำนคร และกฎหมำยควบคุมอำคำรท่ีเก่ียวข้อง ใน หมวดตำ่ ง ๆ ทส่ี ำนกั งำนทรัพย์สินสว่ นพระมหำกษตั รยิ ์ใชเ้ ป็นเกณฑ์ในกำรตรวจแบบ เพ่อื หำแนวทำงกำร จดั ทำโครงสรำ้ งของข้อมูลใหส้ ำมำรถใช้ไดง้ ่ำยในรปู แบบดจิ ิตอล 3. ศกึ ษำควำมเหมำะสมของภำษำ และรูปแบบโปรแกรมทีจ่ ะใช้สร้ำงเครอื่ งมอื ในกำรตรวจแบบ 4. สรำ้ งโปรแกรมท่ีใชส้ รำ้ งเครื่องมอื ในกำรตรวจแบบ 5. ทดลองใช้งำนโปรแกรมท่ไี ด้จดั ทำไว้ สำนกั หอสมุดกลาง6. ปรับแต่งโปรแกรมเพ่ือใหเ้ หมำะสมต่อกำรใชง้ ำนในสถำนกำรณจ์ รงิ 7. สรปุ ถงึ ข้อแตกตำ่ ง และขอ้ จำกดั ระหวำ่ งกำรที่ใช้โปรแกรมในกำรตรวจแบบดงั กล่ำว กับ ไม่ใชโ้ ปรแกรมในกำรตรวจแบบ 5. ประโยชน์ที่คำดวำ่ จะได้รบั 1. สำมำรถตรวจแบบแปลนทำงสถำปตั ยกรรมได้ถูกต้องตำมเทศบัญญัติกรุงเทพมหำนคร และกฎหมำยควบคมุ อำคำร 2. ลดขัน้ ตอน ระยะเวลำ และขอ้ ผดิ พลำดในกำรตรวจแบบ แก้ไขปัญหำกำรสุ่มตรวจแบบ เปน็ บำงข้อ 6. นยิ ำมและคำศัพท์ 1. ผู้เชำ่ หมำยถึง บุคลลหรอื นิตบิ คุ คลท่ที ำสญั ญำเช่ำอสังหำริมทรพั ย์ต่ำงๆ ของสำนักงำน ทรัพยส์ นิ ส่วนพระมหำกษัตรยิ ์ เช่น เชำ่ ที่ดิน, เช่ำอำคำร เป็นต้น 2. ผู้ตรวจแบบ หมำยถงึ เจ้ำหนำ้ ท่ขี องสำนักงำนทรพั ย์สินส่วนพระมหำกษัตรยิ ์ ผปู้ ฎบิ ตั หิ นำ้ ท่ี ตรวจแบบขออนุญำตก่อสรำ้ งอำคำรของผเู้ ชำ่ ให้ถูกตอ้ งตำมเทศบญั ญัติกรุงเทพมหำนครและกฎหมำยควบคมุ อำคำร ตลอดจนข้อบงั คบั กำรขออนุญำตก่อสร้ำงของสำนักงำนทรพั ย์สินส่วนพระมหำกษัตรยิ เ์ อง 3. แบบขออนญุ ำตก่อสร้ำง หมำยถึง แบบซ่ึงใช้ในกำรก่อสร้ำงท่ัวไป อันประกอบไปด้วย แผนท่ีแสดงสถำนที่ก่อสร้ำงโดยสังเขป, ผังบริเวณ, แปลน, รูปด้ำน, รูปตัด และแบบขยำยต่ำงๆ โดย จะต้องรำยละเอียดครบถ้วน และมีมำตรำสว่ นท่ีถูกต้อง 4. โปรแกรม หมำยถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ท่ีผู้ทำกำรศึกษำพัฒนำขึ้นมำจำกภำษำ คอมพิวเตอร์

บทท่ี 2 แนวคดิ และทฤษฎที ่เี กี่ยวขอ้ ง งานวิจัยน้ีเป็นการพัฒนาการตรวจแบบแปลนด้วยคอมพิวเตอร์ โดยจะเน้นไปท่ีงาน ตรวจแบบแปลนทางด้านสถาปัตยกรรมเป็นหลัก และเพ่ือให้การตรวจแบบแปลนถูกต้องตาม กฎกระทรวงเทศบญั ญัติ และกฎหมายควบคุมอาคารที่เก่ยี วขอ้ ง จงึ ได้ทาการศึกษา โดยสามารถแบ่ง หัวข้อของการศึกษาได้ดงั นี้ สำนกั หอสมุดกล1. กระบวนการตรวจแบบขออนญุ าตของสานกั งานทรพั ยส์ นิ ฯ าง2. ขอบเขตและหัวขอ้ การตรวจแบบขออนญุ าตก่อสรา้ ง 3. ปญั หาและอปุ สรรคในการตรวจแบบ 4. ตัวอยา่ งเว็บข้อมลู กฎหมายทีใ่ ช้อ้างองิ 5. เทคโนโลยีที่ใชใ้ นการพฒั นาระบบ 1. กระบวนการตรวจแบบขออนุญาตกอ่ สรา้ ง ของสานักงานทรัพย์สินฯ ภาพที่ 1 ภาพกระบวนการตรวจแบบทางสถาปัตยกรรม 4

5 1.1 ตรวจสอบผงั บริเวณของแบบ ให้ถูกตอ้ งตามผังบริเวณของสานกั งานทรพั ยส์ ิน หาก ไม่ถูกตอ้ ง จะต้องแจง้ ให้ผู้ยนื่ แบบนากลบั ไปแก้ไขให้ถูกตอ้ งก่อนจงึ จะดาเนินการตรวจแบบตอ่ ไปได้ 1.2 ตรวจสอบประเภทของอาคารในแบบท่ีย่ืนขออนุญาต ให้ถูกต้องตามประเภทของ อาคารที่ระบุ เน่อื งจากกฎหมายหรอื เทศบญั ญิตควบคุมอาคารในแต่ละประเภทอาคารมีข้อกาหนดที่ แตกต่างกัน 1.3 ตรวจแบบทางสถาปัตยกรรม ตามหัวข้อในกฎกระทรวง และเทศบัญญัติของ กรุงเทพมหานคร ตลอดจนผงั เมือง เป็นหลัก สำนกั หอสมุดกลาง1.4 แจง้ ผลการตรวจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้ย่ืนขออนุญาตรับทราบ เพื่อไปดาเนิน การขออนญุ าตกับกรงุ เทพมหานคร หรอื หนว่ ยงานราชการทเ่ี ก่ียวข้องต่อไป 2. ขอบเขตและหวั ขอ้ การตรวจแบบขออนุญาตกอ่ สรา้ ง 2.1 ขอบเขตการตรวจแบบทางสถาปตั ยกรรม สานกั งานทรพั ย์สินฯ มีหลักเกณฑ์ในการตรวจแบบท่ีผู้เช่าที่ดินและอาคารยื่นขอ อนุญาตก่อสร้าง-ดัดแปลงอาคาร โดยยึดตามกฎกระทรวงและเทศบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนผงั เมืองรวมของกรงุ เทพมหานครเปน็ สาคญั แต่เนอื่ งจากบคุ คลากรทท่ี าหน้าท่ีตรวจแบบดังกล่าวมจี านวนไมเ่ พียงพอตอ่ ปรมิ าณ แบบทผี่ ยู้ นื่ ขออนุญาตฯ ผู้บรหิ ารระดบั สูงจงึ ได้มอบนโยบายในการตรวจแบบ โดยให้ความสาคัญใน การตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมตามข้อกฎหมายดังนี้ 2.1.1 ระยะรน่ อาคาร และความสูงของอาคาร 2.1.2 ทีว่ า่ งภายนอกอาคาร 2.1.3 พื้นที่ใช้สอยและพื้นท่ีเปิดโล่ง (FARและ OSR) ตามผังเมืองรวมของ กรงุ เทพมหานคร 2.1.4 องค์ประกอบหลักของอาคาร ที่มีผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร โดยตรง 2.1.4.1 บนั ไดและบันไดหนไี ฟ 2.1.4.2 ทางเดนิ หนไี ฟ 2.1.5 สว่ นประกอบอ่นื ๆ 2.1.5.1 จานวนหอ้ งนา้ 2.1.5.2 จานวนทีจ่ อดรถ ทั้งน้ี ในส่วนของกฎกระทรวงและเทศบัญญตั ิของกรุงเทพมหานครในเรื่องอ่ืนๆ ให้ เป็นหนา้ ท่ขี องเจ้าหน้าท่กี รุงเทพมหานคร โดยสานกั งานโยธาเขตนนั้ ๆ เปน็ ผู้ตรวจและพิจารณา

6 2.2 หวั ขอ้ การตรวจแบบขออนญุ าตกอ่ สรา้ ง 2.2.1 ตรวจสอบผังบรเิ วณของแบบ ก่อนการตรวจแบบขออนญุ าตก่อสร้างของสานักงานทรัพย์สินฯ จะต้องนา ผังบรเิ วณและแผนทีส่ ังเขปของแบบมาตรวจสอบความถูกต้องของระยะท่ีดิน โดยอ้างอิงตามโฉนด ท่ีดินหรือผงั บรเิ วณของสานกั งานทรัพยส์ นิ ฯ เปน็ สาคญั หากไม่ถูกตอ้ ง เจา้ ของแบบจะต้องนากลบั ไป แกไ้ ขให้ถกู ต้องกอ่ นโดยสานกั งานทรัพย์สินฯ จะแจ้งถงึ ระยะท่ถี ูกตอ้ งเป็นลายลักษณ์อักษรใหท้ ราบ 2.2.2 ตรวจประเภทของอาคารที่ขออนญุ าตกอ่ สรา้ งใหถ้ ูกต้อง เน่ืองจากกฎหมาย สำนกั หอสมุดกลางที่ใช้ตรวจสอบในอาคารแต่ละประเภทมขี อ้ กาหนดท่ีแตกต่างกนั โดยสามารถแบง่ ประเภทอาคารและ มคี วามหมายดังน้ี 1. อาคารอยูอ่ าศยั หมายความวา่ อาคารซง่ึ โดยปกติบคุ คลใช้อยู่อาศัยได้ท้ัง กลางวันและกลางคืน ไมว่ ่าจะเปน็ การอยู่อาศยั อยา่ งถาวร หรอื ชั่วคราว 2. อาคารอยู่อาศัยรวม หมายความว่า อาคารหรือส่วนใดส่วนหน่ึงของ อาคารทใี่ ช้เปน็ ทอ่ี ยู่อาศัยสาหรับหลายครอบครัว โดยแบ่งออกเป็นหน่วยแยกจากกันสาหรับแต่ละ ครอบครวั 3. อาคารพาณชิ ย์ หมายความว่า อาคารทใ่ี ช้เพ่ือประโยชน์ในการพาณิชยก รรม หรอื บริการธุรกจิ หรอื อตุ สาหกรรมทีใ่ ช้เคร่ืองจกั รที่มีกาลังการผลติ เทยี บได้ไมเ่ กิน 5 แรงมา้ และ ให้หมายความรวมถึงอาคารอ่ืนใดทีก่ ่อสร้างหา่ งจากถนนหรอื ทางสาธารณะไมเ่ กนิ 20 เมตร ซ่ึงอาจใช้ เปน็ อาคารเพอ่ื ประโยชน์ในการพาณิชยกรรมได้ 4. อาคารสาธารณะ หมายความว่า อาคารที่ใช้เพ่ือประโยชน์ในการชุมนุม คนได้โดยท่ัวไป เพ่ือกจิ การทางราชการ การเมอื ง การศกึ ษา การศาสนา การสังคม การนันทนาการ หรือการพาณชิ ยกรรม เชน่ โรงมหรสพ หอประชมุ โรงแรม โรงพยาบาล สถานศกึ ษา เป็นต้น 5. อาคารขนาดใหญ่ หมายความว่า อาคารที่มีพ้ืนที่รวมกันทุกชั้นหรือ ช้นั หน่งึ ชัน้ ใดในหลังเดียวกันเกิน 2,000 ตารางเมตร หรอื อาคารท่ีมีความสูงต้ังแต่ 15.00 เมตรขึ้นไป และมีพน้ื ทรี่ วมกันทกุ ชน้ั หรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันเกิน 1,000 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร การวัดความสงู ของอาคารใหว้ ดั จากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงพื้นดาดฟ้า สาหรับอาคาร ทรงจั่วหรือปัน้ หยาให้วดั จากระดับพื้นดนิ ทกี่ อ่ สรา้ งถึงยอดผนงั ของชัน้ สงู สดุ 2.2.3 หัวขอ้ การตรวจแบบทางสถาปัตยกรรม เมือ่ ผังบริเวณของแบบมีความถูกต้องแล้ว จึงเริ่มดาเนินการตรวจแบบทาง สถาปตั ยกรรมตามประเภทของอาคาร โดยจดั เรียงลาดบั ในการตรวจดังนี้ 1. ตรวจระยะร่นอาคารตา่ งๆ

7 1.1 อาคารทีก่ ่อสรา้ งหรือดัดแปลงใกล้แหล่งน้าสาธารณะ เช่น แม่น้า คู คลอง ลาราง หรือลากระโดง ถ้าแหล่งน้าสาธารณะน้ันมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ต้องร่นแนว อาคารให้ห่างจากเขตแหล่งนา้ สาธารณะนัน้ ไม่นอ้ ยกวา่ 3 เมตร สำนกั หอสมุดกลางภาพที่ 2 แสดงระยะร่นอาคารจากคลองสาธารณะ 1 ท่ีมา: กฎหมายคลายเสน้ อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 1.2 ถ้าแหลง่ น้าสาธารณะนั้นมีความกว้างต้ังแต่ 10 เมตรข้ึนไป ต้องร่น แนวอาคารใหห้ า่ งจากเขตแหล่งนา้ สาธารณะน้ันไม่นอ้ ยกว่า 6 เมตร ภาพที่ 3 แสดงระยะร่นอาคารจากคลองสาธารณะ 2 ทม่ี า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท,์ เขา้ ถงึ เมอ่ื 10 ธนั วาคม 2557, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 1.3 สาหรับอาคารท่ีก่อสร้างหรือดัดแปลงใกล้แหล่งน้าสาธารณะขนาด ใหญ่ เชน่ บึง ทะเลสาบ หรือทะเล ต้องรน่ แนวอาคารใหห้ า่ งจากเขตแหลง่ นา้ สาธารณะน้นั ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 เมตร

8 ภาพที่ 4 แสดงระยะรน่ อาคารจากคลองสาธารณะ 3 ที่มา: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยยี่ ม เทพธรานนท,์ เข้าถงึ เมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เขา้ ถึงได้จาก สำนกั หอสมุดกลางhttp://www.topview-architect.com/knowledge.html 1.4 อาคารท่กี ่อสรา้ งหรือดัดแปลงใกล้ถนนสาธารณะที่มีความกว้างน้อย กวา่ 6 เมตรให้ร่นแนวอาคารห่างจากกงึ่ กลางถนนสาธารณะอยา่ งน้อย 3 เมตร ภาพท่ี 5 แสดงระยะรน่ อาคารจากถนนสาธารณะ 1 ทมี่ า: กฎหมายคลายเสน้ อ.ยอดเยยี่ ม เทพธรานนท์, เข้าถงึ เมือ่ 10 ธันวาคม 2557, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 1.5 ถนนสาธารณะนั้นมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ให้ร่นแนวอาคาร ห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะอย่างน้อย 6 เมตร

9 ภาพท่ี 6 แสดงระยะร่นอาคารจากถนนสาธารณะ 2 สำนกั หอสมุดกลางท่ีมา: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 1.6 ถนนสาธารณะน้ันมีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน 20 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะอย่างน้อย 1 ใน 10 ของความกว้างของถนน สาธารณะ ภาพที่ 7 แสดงระยะรน่ อาคารจากถนนสาธารณะ 3 ทม่ี า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 1.7 ถนนสาธารณะนน้ั มีความกว้างเกนิ 20 เมตรข้ึนไป ให้ร่นแนวอาคาร หา่ งจากเขตถนนสาธารณะอยา่ งน้อย 2 เมตร

10 ภาพที่ 8 แสดงระยะรน่ อาคารจากถนนสาธารณะ 4 ท่มี า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html สำนกั หอสมุดกลาง2. การวัดความสูงของอาคารนั้นให้วัดจาก \"ระดับถนน\" หรือ \"ระดับพื้นที่ กอ่ สรา้ ง\" ไปถงึ \"ส่วนของอาคารท่ีสงู ทส่ี ดุ \" แตถ่ ้าเปน็ หลังคาจวั่ หรอื ป้ันหยาใหว้ ัดถงึ ยอดผนังชนั้ สูงสุด ภาพท่ี 9 แสดงการวดั ความสงู ของอาคาร ท่ีมา: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 2.1 ความสูงของอาคารไม่ว่าจากจุดหนึ่งจุดใด ต้องไม่เกินสองเท่าของ ระยะราบวดั จากจดุ นน้ั ไปตัง้ ฉากกับแนวเขตดา้ นตรงขา้ มของถนนสาธารณะที่อยใู่ กล้อาคารน้นั ทสี่ ดุ ภาพที่ 10 แสดงความสูงของอาคารกบั แนวเขตดา้ นตรงข้ามของถนนสาธารณะ ท่มี า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html

11 3. ระยะรน่ จากที่ดนิ และอาคารขา้ งเคียง การกอ่ สรา้ งอาคารในทด่ี นิ เจ้าของ เดียวกัน ผนังของอาคารด้านท่ีมีหน้าต่าง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสง หรือระเบียงของ อาคารตอ้ งมรี ะยะห่างจากผนงั ของอาคารอนื่ ดา้ นท่มี หี นา้ ตา่ ง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสง หรือระเบยี งของอาคาร ดังตอ่ ไปนี้ 3.1 อาคารท่มี ีความสูงไม่เกนิ 9 เมตร ผนังหรอื ระเบยี งของอาคารต้องอยู่ หา่ งจากผนังหรือระเบียงของอาคารอ่นื ทมี่ คี วามสูงไม่เกิน 9 เมตร ไมน่ ้อยกวา่ 4 เมตร สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 11 แสดงระยะรน่ จากอาคารขา้ งเคียงในทดี่ นิ เจ้าของเดยี วกัน 1 ทมี่ า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html 3.2 อาคารที่มีความสูงไมเ่ กนิ 9 เมตร ผนงั หรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ หา่ งจากผนงั หรอื ระเบียงของอาคารอ่นื ที่มีความสงู เกนิ 9 เมตร แตไ่ ม่ถึง 23 เมตร ไม่นอ้ ยกวา่ 5 เมตร 3.3 อาคารท่ีมีความสงู เกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังหรือระเบียง ของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นท่ีมีความสูงเกิน 9 เมตรแต่ไม่ถึง 23 เมตร ไมน่ ้อยกว่า 6 เมตร ภาพท่ี 12 แสดงระยะร่นจากอาคารขา้ งเคียงในทด่ี นิ เจา้ ของเดียวกัน 2 ทีม่ า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเย่ียม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html

12 4. ผนังของอาคารทมี่ หี นา้ ต่าง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสง หรือ ระเบยี งของอาคารตอ้ งมรี ะยะหา่ งจากแนวเขตทีด่ นิ ดังนี้ 4.1 อาคารท่ีมีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ผนังหรือระเบียงต้องอยู่ห่างเขต ที่ดนิ ไม่นอ้ ยกว่า 2 เมตร 4.2 อาคารท่มี คี วามสงู เกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังหรือระเบียง ต้องอยู่หา่ งเขตทดี่ ินไม่น้อยกว่า 3 เมตร 4.3 ผนงั ของอาคารทอ่ี ยูห่ า่ งเขตท่ีดินน้อยกว่าตามที่กาหนดไว้ในข้างต้น สำนกั หอสมุดกลางต้องอย่หู า่ งจากเขตทีด่ ินไม่น้อยกวา่ 50 เซนตเิ มตร เวน้ แตจ่ ะกอ่ สรา้ งชิดเขตท่ีดินและอาคารดังกล่าว จะกอ่ สรา้ งได้สงู ไมเ่ กิน 15 เมตร ภาพที่ 13 แสดงระยะร่นอาคารจากแนวเขตท่ีดนิ 1 ทีม่ า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเย่ียม เทพธรานนท์, เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html ภาพท่ี 14 แสดงระยะรน่ อาคารจากแนวเขตทด่ี นิ 2 ที่มา: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.topview-architect.com/knowledge.html

13 5. ตรวจพืน้ ที่ภายในและสว่ นประกอบของอาคาร ตรวจขนาดของพ้นื ที่ ระยะดงิ่ ของหอ้ งต่างๆ ความกวา้ งของทางเดินภายใน อาคาร บนั ได ใหถ้ ูกต้องตามประเภทของอาคารน้ันๆ โดยมหี ัวขอ้ การตรวจดงั นี้ 5.1 ตรวจบันได และบันไดหนีไฟ ตรวจระยะต่าง ๆ ของบันได เช่น ลูกตั้ง-ลูกนอน, ความกว้างของ บนั ได, ชานพกั บันได เปน็ ตน้ ให้ถูกตอ้ งตามกฎหมายของประเภทของอาคารนัน้ ๆ 5.1.1 บันไดของอาคารอยู่อาศัยถ้ามีอย่างน้อยหนึ่งบันไดท่ีมีความ สำนกั หอสมุดกลางกวา้ งสทุ ธไิ ม่นอ้ ยกว่า 80 เซนตเิ มตร ช่วงหน่ึงสูงไม่เกนิ 3 เมตร ลูกตั้งสูงไม่เกิน 20 เมตร เซนติเมตร ลูกนอนเมื่อหักสว่ นทขี่ ัน้ บนั ไดเหล่ือมกันออกแล้วเหลือความกวา้ งไม่นอ้ ยกวา่ 22 เซนติเมตร และตอ้ ง มีพ้นื หน้าบนั ไดมีความกวา้ งและยาวไมน่ ้อยกว่าความกวา้ งของบนั ได 5.1.2 บันไดท่ีสูงเกิน 3 เมตร ต้องมีชานพักบันไดทุกช่วง 3 เมตร หรอื นอ้ ยกว่านัน้ และชานพักบนั ไดตอ้ งมคี วามกวา้ งและยาวไมน่ ้อยกว่าความกวา้ งของบันได ภาพท่ี 15 แสดงระยะของบนั ไดภายในอาคาร 1 ทม่ี า: กฎหมายคลายเส้น อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เข้าถึงเมื่อ 11 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.tumcivil.com/engfanatic/media/Yodyiem/Law_toon/Law_toon.pdf

14 5.1.3 บันไดของอาคารอยู่อาศัยรวม หอพักตามกฎหมายว่าด้วย หอพกั อาคารสาธารณะ อาคารพาณิชย์ บันไดของอาคารดังกล่าวทีใ่ ช้กับช้ันที่มีพื้นที่อาคารชั้นเหนือ ข้ึนไปรวมกนั เกิน 300 ตารางเมตร ต้องมีความกว้างสุทธิไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร มีชานพักบันไดทุก ช่วง 4 เมตร หรอื นอ้ ยกวา่ น้ัน ชานพกั บนั ไดและพนื้ หนา้ บันไดต้องมีความกว้างและความยาวไม่น้อย กว่าความกวา้ งสุทธิของบนั ได บันไดดังกล่าวต้องมีลูกต้ังสูงไม่เกิน 18 เซนติเมตร และลูก นอนเมื่อหักสว่ นทีข่ ั้นบันเหลือมกนั ออกแล้วจะต้องมีความกวา้ งไมน่ ้อยกวา่ 25 เซนตเิ มตร สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 16 แสดงระยะของบันไดภายในอาคาร 2 ที่มา: กฎหมายคลายเสน้ อ.ยอดเยย่ี ม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 11 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.tumcivil.com/engfanatic/media/Yodyiem/Law_toon/Law_toon.pdf 5.2 ตาแหน่งท่ตี ้งั ของบันไดหนีไฟ ต้องมรี ะยะระหว่างกง่ึ กลางทางเข้าออกสู่ตัวบันไดกับก่ึงกลางประตู หอ้ งสุดทา้ ยดา้ นทางเดินท่ีเปน็ ทางตนั ไม่เกิน 10 เมตร ในกรณีท่ีจาเป็นตอ้ งมีบนั ไดหนีไฟ 2 ตาแหน่ง อนุญาตให้ใช้บันไดหลักเป็นบันไดหนีไฟได้ด้วยโดยมีระยะห่างตามทางเดินระหว่างก่ึงกลาง ทางเข้าออกบันไดไมเ่ กิน 60 เมตร

15 สำนกั หอสมุดกลางภาพที่ 17 ระยะท่ตี งั้ ของบันไดหนไี ฟอาคารพกั อาศยั 6. ตรวจระยะดิ่งภายในอาคาร ห้องหรือส่วนของอาคารที่ใช้ในการทา กิจกรรมต่าง ๆ ต้องมีระยะดงิ่ ไมน่ ้อยกว่าตามท่ีกาหนดไวด้ ังตอ่ ไปนี้ ตารางที่ 1 แสดงระยะดงิ่ ภายในอาคารตามประเภทการใชอ้ าคาร ประเภทการใชอ้ าคาร ระยะดงิ่ 1. ห้องทใี่ ชเ้ ป็นทพ่ี ักอาศยั บ้านแถว ห้องพัก โรงแรม หอ้ งเรยี นนกั 2.60 เมตร อนบุ าล ครัวสาหรบั อาคารอยูอ่ าศยั หอ้ งพกั คนไข้พิเศษ ชอ่ งทางเดนิ ในอาคาร 3.00 เมตร 2. หอ้ งท่ใี ช้เป็นสานักงาน ห้องเรยี น ห้องอาคาร ห้องโถงภตั ตาคาร 3.50 เมตร โรงงาน 3. ห้องขายสนิ คา้ ห้องประชมุ ห้องคนไขร้ วม คลังสนิ ค้า โรงครัว 3.00 เมตร ตลาด 2.20 เมตร 4. หอ้ งแถว ตึกแถว 2.00 เมตร 4.1. ชั้นลา่ ง 4.2. ตัง้ แตช่ นั้ สองขนึ้ ไป 5. ห้องน้า

16 ระยะด่ิงให้วัดจากพื้นถึงพ้ืน ในกรณีของชั้นใต้หลังคา ให้วัดจากพ้ืนถึง ยอดฝาหรือยอดผนังอาคาร และในกรณขี องห้องหรือส่วนของอาคารทอี่ ย่ภู ายในโครงสร้างของหลังคา ให้วัดจากพื้นถงึ ยอดฝาหรือยอดผนังของหอ้ งหรอื สว่ นของอาคารดงั กลา่ วที่ไมใ่ ช่โครงสรา้ งของหลงั คา 7. ตรวจทีว่ า่ งภายนอกอาคาร 7.1 อาคารอยูอ่ าศยั และอาคารอยูอ่ าศยั รวม ต้องมีที่ว่างไม่น้อยกว่า 30 ใน 100 ส่วนของพ้ืนท่ชี ัน้ ใดช้ันหน่งึ ทมี่ ากทส่ี ดุ ของอาคาร 7.2 ห้องแถว ตึกแถว อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ และ สำนกั หอสมุดกลางอาคารอืน่ ซ่ึงไม่ไดใ้ ช้เปน็ ที่อยู่อาศยั ต้องมีท่ีว่างไม่น้อยกว่า10 ใน 100 ส่วน ของพื้นท่ีชั้นใดช้ันหน่ึงท่ี มากที่สดุ ของอาคาร แต่ถา้ อาคารดงั กลา่ วใชเ้ ป็นท่ีอย่อู าศัยด้วยต้องมที ่ีวา่ งตาม ข้อ 2.3.1 ภาพท่ี 18 แสดงอตั ราสว่ นระหวา่ งท่ีว่างและพ้นื ที่ใชส้ อยภายในอาคาร ที่มา: กฎหมายคลายเสน้ อ.ยอดเย่ียม เทพธรานนท์, เข้าถึงเม่ือ 11 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จาก http://www.tumcivil.com/engfanatic/media/Yodyiem/Law_toon/Law_toon.pdf

17 8. การตรวจ FAR และ OSR ของอาคาร สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 19 แสดงโซนสีกาหนดการใช้ประโยชนใ์ นท่ดี ิน ที่มา: กรมโยธาและผังเมืองเขา้ , เข้าถงึ เมื่อ 11 ธันวาคม 2557, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.dpt.go.th/index.php# FAR คือ อตั ราส่วนพนื้ ทอ่ี าคารรวมตอ่ พน้ื ทดี่ นิ หมายความวา่ อัตราส่วน พื้นที่อาคารรวมทุกชั้นของอาคารทุกหลังตอ่ พืน้ ท่ีดินทีใ่ ชเ้ ปน็ ท่ตี ัง้ อาคาร มสี ตู รคานวณดงั นี้ พนื้ ท่ีอาคารรวมทกุ ช้ัน = FAR x พ้นื ท่ดี นิ OSR คือ อัตราส่วนของท่ีว่างต่อพ้ืนท่ีอาคารรวม หมายความว่า อัตราส่วนของทว่ี า่ งอันปราศจากสิ่งปกคลมุ ต่อพื้นท่ีอาคารรวมทุกชั้นของอาคารทุกหลังท่ีก่อสร้างใน ทีด่ นิ แปลงเดยี วกนั มีสตู รคานวณดังนี้ พืน้ ท่วี ่างปราศจากสง่ิ ปกคลมุ = พื้นทอี่ าคารรวมทุกชัน้ x (OSR) /100 ตัวอย่างการคานวณ โดยหากมีท่ีดินแปลงหน่ึง ขนาด 1 ไร่ (1,600 ตาราง เมตร) ต้งั อยูใ่ นพ้ืนท่ีอยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (สีเหลือง รหัส ย.3) โดยมีการกาหนดค่าใช้งาน FAR = 2.5 และคา่ OSR = 12.5 ตามภาพที่ 20

18 สำนกั หอสมุดกลางภาพท่ี 20 แสดงความหมายการใช้ประโยชนใ์ นที่ดินของแตล่ ะโซนสี ทม่ี า: ผงั เมืองกรมโยธาและผังเมอื งเข้า, เขา้ ถงึ เมื่อ 11 ธนั วาคม 2557, เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.dpt.go.th/index.php# ดังน้ัน พน้ื ที่อาคารรวมท่ีจะสามารถก่อสร้างได้ในท่ีดินแปลงน้ี 2.5 x [40 x 40] = 4,000 ตารางเมตร และพ้ืนท่ีว่างปราศจากสิ่งปกคลุมสาหรับที่ดินแปลงน้ี ((4,000 x 12.5)/100) = 500 ตารางเมตร พ้นื ทีโ่ ครงการ 1,600 ตารางเมตร พ้ืนท่ีว่างปราศจากสิง่ ปกคลุม 500 ตารางเมตร พื้นท่ีรวมท่สี ามารถก่อสรา้ งได้ 4,000 ตารางเมตร ภาพท่ี 21 แสดงวิธกี ารคานวณหาพ้นื ท่ตี าม FAR และ OSR การตรวจวัด FAR ในแบบ จึงวัดพ้ืนท่ีอาคารทุกๆ ชั้น ในแบบแปลนมา คานวณ และเมื่อได้ค่า FAR แลว้ จงึ นาไปคานวณเป็นค่า OSR แลว้ จงึ ไปวัดพน้ื ท่ีในผังบรเิ วณเพ่อื ตรวจ ว่าเทา่ กนั หรือไมต่ อ่ ไป 9. ตรวจจานวนสุขภณั ฑข์ องห้องนาภายในอาคาร โดยหลักการ คือ การตรวจนับจานวน ต่อขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละ ประเภทอาคาร ซ่ึงมีรายละเอียด ดงั น้ี

19 ตารางท่ี 2 แสดงจานวนหอ้ งนา้ และสุขภัณฑ์ตามประเภทการใช้อาคาร สำนกั หอสมุดกลาง

20 ตารางที่ 2 แสดงจานวนห้องน้าและสุขภัณฑ์ตามประเภทการใช้อาคาร (ตอ่ ) สำนกั หอสมุดกลาง

21 ตารางที่ 2 แสดงจานวนห้องน้าและสุขภัณฑ์ตามประเภทการใช้อาคาร (ตอ่ ) สำนกั หอสมุดกลาง

22 ตารางที่ 2 แสดงจานวนห้องน้าและสุขภัณฑ์ตามประเภทการใช้อาคาร (ตอ่ ) สำนกั หอสมุดกลาง

23 ตารางที่ 2 แสดงจานวนหอ้ งนา้ และสขุ ภณั ฑต์ ามประเภทการใช้อาคาร (ตอ่ ) สำนกั หอสมุดกลาง ทีม่ า: กฎกระทรวงฉบบั ที่ 63 ปี พ.ศ. 2551 ออกตามความในพระราชบญั ญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เข้าถงึ เม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เขา้ ถงึ ได้จาก http://download.asa.or.th/03media/04law/cba/mr/mr51-63.pdf ท่มี า: ขอ้ บญั ญัติกรงุ เทพมหานคร ปี 2549, เขา้ ถงึ เม่อื 21 ธนั วาคม 2557, เข้าถงึ ได้จาก http://www.apsthailand.com/

24 10. ตรวจจานวนทจี่ อดรถของอาคาร อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารหลังเดียว หรือหลายหลังท่ีเป็น อาคารประเภทที่ต้องมีท่ีจอดรถ ท่กี ลบั รถ และทางเขา้ ออกของรถ ตอ้ งจัดใหม้ ที จ่ี อดรถตามจานวนที่ กาหนดของแต่ละประเภทของอาคารทใี่ ชเ้ พอ่ื การนั้น ๆ ดังตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 3 แสดงจานวนท่จี อดรถตามประเภทการใชอ้ าคาร ข้อกาหนด ใหม้ ที จี่ อดรถ 1 คนั ตอ่ จานวนทนี่ ง่ั สาหรบั คนดู 10 ท่ี  โรงแรมท่ีมีห้องพักไม่เกิน 100 ห้อง ให้มีท่ีจอดรถไม่ สำนกั หอสมุดกลางลาดับ ประเภทอาคาร 1. โรงมหรสพ 2. โรงแรม น้อยกว่า 10 คนั สาหรับห้องพกั 30 หอ้ งแรกส่วนท่ีเกิน 30 ห้องให้มีทีจ่ อดรถ 1 คันตอ่ จานวนหอ้ งพัก 5 ห้อง  โรงแรมท่ีมหี อ้ งพักเกิน 100 ห้องให้มที จ่ี อดรถตามอัตรา ที่กาหนดไว้ในวรรคหนึ่งสาหรับห้องพัก 100 ห้องแรก ส่วนท่ีเกิน 100 ห้องให้มีท่ีจอดรถ 1 คันต่อจานวน หอ้ งพัก 10 ห้อง 3. อาคารอย่อู าศัยรวมหรอื ใหม้ ที จี่ อดรถ 1 คนั ตอ่ 1 ห้องชุด อาคารชุด 4. ภตั ตาคาร ให้มที จี่ อดรถ 10 คันสาหรบั พ้ืนท่ีตง้ั โต๊ะ 150 ตารางเมตร แรก สว่ นทีเ่ กนิ ใหม้ ที ีจ่ อดรถ 1 คัน ต่อพืน้ ท่ี 20 ตาราง เมตร 5. อาคารสรรพสนิ ค้า ให้มีทจี่ อดรถ 1 คันตอ่ พน้ื ทอี่ าคาร 20 ตารางเมตร 6. สานกั งาน ให้มที จ่ี อดรถ 1 คันตอ่ พื้นทอ่ี าคาร 60 ตารางเมตร 7. ตลาด ให้มีทจ่ี อดรถ 1 คนั ต่อพืน้ ที่อาคาร 120 ตารางเมตร 8. โรงงาน ให้มที จ่ี อดรถ 1 คนั ตอ่ พ้นื ท่อี าคาร 240 ตารางเมตร 9. คลังสินค้า ให้มที จ่ี อดรถ 1 คันต่อพ้นื ที่อาคาร 240 ตารางเมตร 10. อาคารเกบ็ ของ ให้มที จ่ี อดรถ 1 คนั ต่อพื้นที่ 120 ตารางเมตร 11. ตกึ แถว ให้มที จ่ี อดรถอยา่ งน้อย 1 คันตอ่ หนง่ึ คหู า ถ้า 1 คูหามี พนื้ ทเ่ี กินกวา่ 240 ตารางเมตรตอ้ งจัดใหม้ ีทจี่ อดรถ 1 คัน ต่อพนื้ ทอ่ี าคาร 120 ตารางเมตร

25 ตารางท่ี 3 แสดงจานวนท่ีจอดรถตามประเภทการใช้อาคาร (ต่อ) ลาดับ ประเภทอาคาร ข้อกาหนด 12. สถานพยาบาล ให้มที จี่ อดรถ 1 คันต่อพนื้ ท่ีอาคาร 120 ตารางเมตร 13. สถานศกึ ษา ให้มที จ่ี อดรถ 1 คันต่อพน้ื ทอ่ี าคาร 240 ตารางเมตร 14. สถานบรกิ ารตามกฎหมาย ให้มีทจ่ี อดรถ 1 คันตอ่ พืน้ ที่อาคาร 60ตารางเมตร วา่ ด้วยสถานบรกิ าร สำนกั หอสมุดกลาง15. อาคารแสดงสนิ ค้า 16. อาคารขนาดใหญ่ ใหม้ ที จ่ี อดรถ 1 คันต่อพื้นท่อี าคาร 20 ตารางเมตร ใหม้ ที จ่ี อดรถ 1 คนั ต่อพื้นทอ่ี าคาร 120 ตารางเมตรหรือ ใหม้ ีทจี่ อดรถตามจานวนท่กี าหนด ของแตล่ ะประเภทของ อาคาร ท่ใี ช้เปน็ ทปี่ ระกอบกจิ การในอาคารขนาดใหญ่นั้น รวมกนั ทง้ั นี้ ให้ถอื ทีจ่ อดรถจานวนทีม่ ากกวา่ เป็นเกณฑ์ บังคับ ยกเว้น โรงงานคลังสินคา้ 17. หอ้ งโถง ใหม้ ที จี่ อดรถ 1 คนั ตอ่ พ้ืนที่อาคาร 10 ตารางเมตร 18. อาคารพาณิชย์ ให้มีทจี่ อดรถ 1 คนั ต่อพื้นทอ่ี าคาร 60 ตารางเมตร ท่มี า: กฎกระทรวงฉบับที่ 63 ปี พ.ศ. 2551 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เข้าถึงเม่ือ 10 ธันวาคม 2557, เข้าถึงได้จากhttp://download.asa.or.th/03media/04law/cba/ mr/mr51-63.pdf การคานวณทจี่ อดรถตามที่กาหนด ให้คานวณตามประเภทการใช้สอย รวมกัน หรือประเภทอาคารโดยให้ใช้จานวนท่ีจอดรถรวมทม่ี ากกว่าเปน็ เกณฑ์ หากมเี ศษของจานวนท่ี จอดรถในแตล่ ะประเภทการใช้สอย ใหค้ ดิ เป็นท่ีจอดรถ 1 คันของแตล่ ะประเภท

26 3. ปัญหาและอุปสรรคในการตรวจแบบ 3.1 ปัญหาในการตรวจแบบ ในปัจจุบนั ผูต้ รวจแบบของสานกั งานทรัพยส์ ินส่วนพระมหากษัตริย์ ใช้เทศบัญญัติ กรงุ เทพมหานคร และกฎหมายควบคุมอาคารเปน็ เกณฑใ์ นการตรวจแบบ ซง่ึ จากสอบถามถึงปัญหาท่ี พบในการตรวจแบบมีดงั น้ี 3.1.1 แบบอาคารท่ีมีขนาดใหญ่ ผู้ตรวจมักวัดแบบโดยใช้วิธีการคาดคะเน หรือ อาศยั ตัวเลขจากพิมพ์เขยี วเป็นสาคญั ทาใหใ้ นบางครง้ั ผลทไ่ี ด้จากการตรวจมีความคลาดเคลื่อน โดย สำนกั หอสมุดกลางส่วนใหญ่จะพบว่าผเู้ ขยี นแบบอาศัยช่องทางน้ใี นการการบิดเบือนระยะในแบบไม่ตรงตามรูป เพ่ือให้ แบบนนั้ ตรวจผา่ น 3.1.2 ควบคุมการใช้ระยะเวลาในการตรวจแบบไม่ได้ โดยปัจจัยข้ึนอยู่กับความ ยาก-งา่ ย ความซบั ซ้อนของแบบ และความชานาญของผู้ตรวจแบบเปน็ สาคญั 3.1.3 ตรวจแบบไม่ครบถ้วน ผู้ตรวจใช้วิธีการสุ่มตรวจในหัวข้อท่ีคาดคะเนว่าจะ ผิดกฎหมายเป็นประจา เพื่อใหต้ รวจแบบเสรจ็ ตามเวลาที่ต้งั ไว้ ทาใหม้ ีการแก้ไขแบบหลายครงั้ 3.2 อุปสรรคในการตรวจแบบจากพมิ พ์เขียว หรือกระดาษแบบ มีดังน้ี ภาพท่ี 22 แสดงตวั อย่างการวัดแบบพมิ พเ์ ขยี วดว้ ยเครอ่ื งมอื ตา่ ง ๆ 3.2.1 ในการตรวจวดั ระยะ หรอื พื้นท่ภี ายในกับอาคารทมี่ รี ูปทรงเลขาคณิตต่างๆ หรอื รปู ร่างอสิ ระ (Free Form) มีความยุ่งยากในการวัด มีข้ันตอนในการวัดและใช้เวลามากข้ึน และ อาจมคี วามคลาดเคล่ือนไดง้ ่าย เช่น

27 วิธีการคานวณพ้ืนท่ีอาคารหรือท่ีดินในรูปทรงเลขาคณิตต่างๆ มีสูตร คานวณ คอื Area = 1/2 x ความยาวของเสน้ ทแยงมมุ x ผลบวกความยาวเสน้ กิง่ สำนกั หอสมุดกลางภาพท่ี 23 แสดงตวั อย่างการหาพื้นทอ่ี าคารสี่เหล่ยี มดา้ นไม่เท่า การหาพนื้ ทข่ี องรปู รา่ งอสิ สระ(Free Form) กลับจะยุ่งยากกว่า เน่ืองจาก ตอ้ งแบ่งออกเปน็ ช่องตารางพืน้ ที่ ให้รูปร่างเรขาคณิตเข้าไปจับได้ คานวณพ้ืนท่ีแต่ละโซนแล้วนามา รวมกนั ภาพท่ี 24 แสดงตัวอยา่ งการตีตารางเพอื่ วัดพืน้ ที่อาคาร Free Form

28 3.2.2 หัวข้อกฎหมายในการตรวจ ต้องวัดแบบมากกว่า 1 แผ่น เนื่องจากตรวจ กฎหมายในหลาย ๆ เรือ่ ง ตอ้ งอาศัยขอ้ มูลท่วี ัดไดใ้ นส่วนต่างๆ ของแบบมาประกอบกนั เชน่ การตรวจระยะร่นอาคาร ผู้ตรวจจาเป็นต้องวัดระยะห่างจากขอบของ อาคารถึงแนวเขตท่ดี นิ ในผังบรเิ วณ, วัดในแปลนของอาคารทกุ ๆ ชั้น และวัดความสูงในของอาคารใน แต่ละชั้นในรปู ตดั เพอื่ เป็นขอ้ มลู ประกอบการตรวจ การตรวจบันไดของอาคาร ผูต้ รวจจาเปน็ ตอ้ งวัดแบบด้วยไม้วัดตามมาตรา ส่วนท่ีแบบระบุ โดยตรวจความถูกต้องตามข้อกฎหมายของอาคารแต่ละประเภท ซ่ึงโดยปกติ สำนกั หอสมุดกลางจาเป็นต้องเปดิ แบบไปหน้าแบบขยายบันได เน่อื งจากไมส่ ามารถวัดจากแบบแปลนอาคารได้โดยตรง เพราะจะตอ้ งวดั จากแปลนบนั ไดและรูปตัดบนั ไดควบคูก่ นั ซึ่งทาให้เสยี เวลาในการตรวจ หากอาคารท่ี ตรวจเป็นอาคารขนาดใหญ่ หรือมจี านวนแบบท่ีมาก ภาพท่ี 25 ตวั อยา่ งแบบบันได

29 4. เว็บข้อมลู กฎหมายทีใ่ ช้อ้างองิ เวบ็ สาหรบั หาขอ้ มูลพ.ร.บ.ควบคมุ อาคารและกฎหมายทเี่ ก่ียวขอ้ งมีดงั น้ี 4.1 http://www.asa.or.th/ หนา้ แรกของเว็บ จะประกอบด้วย การค้นหา 3 แบบ คอื การคน้ หาแบบ Full Text Search คือการค้นหาข้อความแบบเตม็ โดยสามารถพิมพค์ าค้นที่ต้องการในช่อง SEARCH SWEETS ได้ทนั ที สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 26 แสดงหนา้ แรกของ เวบ็ http://www.asa.or.th/th/about-asa, เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2557, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.asa.or.th/

30 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 27 แสดงหนา้ ท่ีรวบรวมกฎหมายอ้างองิ ภาพที่ 28 แสดงหน้าแสดงกฎหมายเปน็ PDF ไฟล์ 4.2 http://www.scgexperience.co.th/ เปน็ Website ของผ้ปู ระกอบการวสั ดุกอ่ สรา้ ง มเี นอ้ื หาบางส่วนทีใ่ ห้ความรูใ้ นเร่อื ง ของกฎหมายการก่อสร้างโดยสถาปนิกผู้ชานาญเฉพาะด้าน ซ่ึง Content มีลักษณะอ่านทาความ เข้าใจได้งา่ ยกวา่ อา่ นข้อกฎหมายโดยตรง พร้อมมภี าพประกอบ

31 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 29 แสดงหน้าบลอ็ กจากสถาปนิกของ SCG ภาพท่ี 30 แสดงตัวอยา่ งภาพประกอบขอ้ กฎหมาย สรุปผลการศึกษาเว็บขอ้ มลู กฎหมายทใี่ ช้อ้างองิ โดยสว่ นใหญ่เป็นเว็บจดั เกบ็ ข้อกฎหมายท่ีใช้อา้ งองิ ในการตรวจแบบเท่านั้น ไม่สามารถ สบื ค้นเปน็ หัวขอ้ หรอื หมวดหมทู่ ่ีเราตอ้ งการตรวจแบบได้โดยตรง ผ้ใู ชต้ อ้ งอาศัยประสบการณ์ เพ่อื ทา การสบื ค้นในหมวดหมู่ตา่ งๆ ตามทต่ี ้องการ

32 5. เทคโนโลยีท่ใี ช้ในการพฒั นาระบบ 5.1 .NET Technology และ .NET Framework .NET Technology และ .NET Framework คือ รูปแบบการพัฒนาโปรแกรม แบบใหม่ท่ีMicrosoft ได้พัฒนาออกมาแล้วระยะหน่ึง โดยมีจุดประสงค์สาคัญคือสามารถใช้งานใน สภาวะของฮารด์ แวรห์ รอื ระบบปฏบิ ัตกิ าร ที่แตกต่างกันได้อย่างไม่มีปัญหา เช่น เครื่องพีซีกับเครื่อง แมคหรอื ระบบปฏบิ ตั ิการวนิ โดวก์ ับลนี ุกซ์ (Linux) และสามารถพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ ได้ด้วยภาษา อะไรกไ็ ดใ้ หส้ ามารถทางานร่วมกันได้ (เช่น ภาษา C กับ Java เป็นต้น) รวมถึงเป็นเครื่องมือในการ พัฒนาโปรแกรมให้สามารถเช่ือมตอ่ กบั โปรแกรมตา่ งๆ ของ Microsoft ได้โดยงา่ ย ซง่ึ ก็รวมไปถึงการ สำนกั หอสมุดกลางทางานภายในของระบบปฏิบัติการวินโดว์เองด้วย ผู้พัฒนาจึงสามารถพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ ได้ โดยงา่ ย และรวดเรว็ ไมต่ ดิ ข้อจากัดตา่ ง ๆ อยา่ งเช่น การพฒั นาโปรแกรมในสมัยกอ่ นอีกตอ่ ไป ภาพท่ี 31 แสดงววิ ัฒนาการของ .NET Framework .NET Framework เปน็ แพลตฟอรม์ สาหรับพัฒนาซอฟต์แวร์ท่รี องรับภาษา .NET มากกว่า 40 ภาษา ซึ่งมี Library เป็นจานวนมากสาหรับการเขียนโปรแกรม รวมถึงบริหารการ ดาเนินการของโปรแกรมบน .NET Framework โดย Library น้ันได้รวมถึงส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ การเชือ่ มตอ่ ฐานข้อมลู วิทยาการเขา้ รหสั ลับ อลั กอริทึม การเชือ่ มตอ่ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ และการ พฒั นาเว็บแอพพลเิ คชัน โดย .NET Framework มสี ว่ นประกอบภายในแบ่งออกเป็น 3 ชั้นใหญๆ่ คือ 5.1.1 Programming Language เป็นรูปแบบของภาษาที่ออกแบบมาเพ่ือให้ สามารถทางานในสภาวะท่เี ป็น .NET ไดโ้ ดยทีท่ าง Microsoft ได้เปิดตัว ภาษาหลัก ๆ ท่ีจะใช้ในการ พัฒนา บน .NET นี้ 3 ภาษาโดยภาษา C# เป็น ภาษา ใหม่ท่ี Microsoft พัฒนา มาจาก C++ กับ

33 Java เป็นหลกั ภาษา VB.NET เป็น ภาษา ท่ี พฒั นา มาจาก Visual Basic ในเวอรช์ นั่ 6.0 และภาษา JScript.net เปน็ ภาษาท่พี ัฒนามาจาก JScript ซง่ึ เป็น JavaScript ใน เวอรช์ นั่ ของ Microsoft 5.1.2 Base Classes Library: Library นัน้ เปรียบเสมือน ชุดคาสงั่ สาเร็จรปู ย่อยๆ ทเี่ พมิ่ เขา้ มา ซงึ่ สว่ นใหญจ่ ะเป็น ชดุ คาสั่ง ทีต่ อ้ งใช้งานอยเู่ ป็นประจา ดังนั้น จึงมผี ู้คิดคน้ เครือ่ งอานวย ความสะดวก ในการเขียนโปรแกรม ซ่ึง Library ในภาษาต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบไฟล์ include แตถ่ า้ เป็น ASP ส่ิงที่เป็น library ก็คือ component ต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งภายในระบบ .NET จะสร้างส่ิงที่เรียกว่าเป็น Library พื้นฐานข้ึน ทาให้ไม่ว่าจะใช้ ภาษาใดในการพัฒนาโปรแกรม ก็ สำนกั หอสมุดกลางสามารถทจี่ ะเรียกใช้ Library ทีเ่ ป็นตัวเดียวกันไดห้ มด 5.1.3 Common Language Runtime (CLR) : นับเป็นสิ่งสาคัญ แทบจะท่ีสุด ของระบบ .NET นีก้ ็ว่าได้ เพราะ CLR ทีว่ า่ น้มี หี นา้ ทท่ี าให้โปรแกรม ท่ีเขียนขึ้นมาด้วยภาษาต่างๆกัน กลายเป็น ภาษา รปู แบบมาตรฐานเดียวกนั ท้งั หมด เราเรยี กภาษาทว่ี า่ นี้วา่ Intermediate language (IL) ซ่ึงเม่ือตอ้ งการท่จี ะรัน โปรแกรมใด CLR ทว่ี ่านจ้ี ะตรวจสอบ เครื่องท่ีรันว่ามีสภาวะแวดล้อมการ ทางานเชน่ ใด หลังจากนนั้ ก็จะ Compile เปน็ โปรแกรมที่เหมาะสมต่อการทางานของเคร่อื งน้ัน ทาให้ เราสามารถใช้งานโปรแกรมตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสูงสุด ในแตล่ ะเครอ่ื ง (augie, 2554) 5.2 โครงสร้างภายในของ .NET Framework จากภาพที่ 32 เราสามารถแยกยอ่ ย .NET Framework ออกไปได้ถึง 4 ชั้นหลกั ๆ ดังนี้ .NET Framework 1 C# Complier VB.NET Other Complier Compliers Windows Web Forms Web Service Forms 2 Database Class (ADO.NET, XML) Base Class (I/O, Security, etc.) 3 Microsoft Intermediate Language (MSIL) 4 Common Language Runtime (CLR) ภาพท่ี 32 โครงสรา้ งของ .NET Framework

34 1. แสดงไฟล์ source code ที่เขียนมาจากภาษาใดภาษาหนึ่งก่อน เช่น C#, J# หรอื VB.NET แล้วนาโค้ดมาคอมไฟล์เป็นนามสกุล .exe เพ่ือนาไปใช้งาน โดยในขั้นนี้ ต้องเลือกตัว คอมไพเลอรท์ เี่ หมาะสมกับภาษาท่ีใชเ้ ขียน เช่นถา้ เขยี นด้วย C# ก็ต้องใช้ C# Compiler มาคอมไพล์ เปน็ ตน้ 2. เม่ือทาการคอมไพลไ์ ฟล์ source code ของคณุ คอมไพเลอร์ จะเข้าไปอา่ นดวู า่ ภายในโค้ดมีการเรียกออบเจ็ค (object) หรือ คอนโทรล (control) อะไรบ้าง ซ่ึงออบเจ็คและ คอนโทรลที่ .NET Framework ได้เตรยี มเอาไว้ใหเ้ ราใชง้ านนัน้ แบง่ ออกเปน็ 5 กลุ่มหลักๆ คอื สำนกั หอสมุดกลาง2.1 Web Service รวบรวมออบเจ็คและคอนโทรลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ สร้างฟังก์ชน่ั (function) หรอื ซับรทู นี (subroutine) เพือ่ ให้บรกิ ารบนอนิ เตอร์เนต็ หรอื ทเ่ี รยี กว่า เว็บ เซอร์วิส (Web Service) นั่นเอง เว็บเซอร์วิสช่วยให้เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชั่นหรือซับรูทีนใน อินเตอร์เน็ตทม่ี ผี ู้เขียนไวแ้ ล้วได้ 2.2 Web Forms รวบรวมออบเจ็คและคอนโทรลต่างๆท่ีเก่ียวข้องกับการ แสดงผลบนอนิ เตอรเ์ น็ต ส่วนนจ้ี ะเกย่ี วขอ้ งกบั เทคโนโลยี ASP.NET มากที่สดุ 2.3 Windows Forms รวบรวมออบเจ็คและคอนโทรลต่างๆทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการ แสดงผลบน Windows สว่ นนจ้ี ะเกีย่ วข้องกบั การพัฒนาโปรแกรมท่ัวไปบน Windows 2.4 Database Class รวบรวมออบเจค็ และคอนโทรลที่ใช้ติดต่อและจดั การกบั ฐานข้อมลู รวมถงึ ขอ้ มลู แบบ XML ด้วย 2.5 Base Class อันน้เี ป็นสว่ นทเี่ กี่ยวข้องกับการทางานข้ันพื้นฐานต่างๆ เช่น เร่อื งของ อินพตุ /เอาตพ์ ุต เป็นต้น ช้นั น้ีถอื วา่ เปน็ แหล่งรวบรวมออบเจ็คและคอนโทรล ซึ่งมีมากมายทุกประเภท ไม่ วา่ จะเป็นคอนโทรลเกย่ี วกบั Web, Windows, Database โดยจะทางานรว่ มกบั ช้นั แรก กล่าวคอื จะมี การรวบรวมเอาออบเจ็คและคอนโทรลที่โค้ดของเราอ้างอิงถึงหรือเรียกใช้มาตรวจสอบว่าเรียกใช้ ถูกตอ้ งตามคุณลักษณะของออบเจ็คหรือคอนโทรลน้นั ๆหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วถูกต้องก็จะส่งผ่าน ไปยงั ชัน้ ท่ี 3 3. หลังจากรวบรวมออบเจ็คและคอนโทรลต่างๆ ที่ใช้งานรวมถึงตรวจสอบความ ถูกต้อง เรียบร้อยแล้ว คอมไพเลอร์ก็จะแปล source code ให้เป็นภาษามาตรฐาน ซึ่ง Microsoft เรียกว่า Microsoft Intermediate Language (MSIL หรือสั้นๆว่า IL) เพราะฉะน้ัน ไม่ว่าโค้ดจะ เขยี นด้วย C#, VB.NET หรอื C++ ก็ตาม ในช้นั นจี้ ะถกู แปลใหภ้ าษาเดยี วกันหมด นัน่ คือภาษา IL 4. สิ้นสุดขน้ั ตอนที่ 3 จะได้ไฟล์นามสกุล .exe ท่ีพร้อมใช้งานแล้วแต่ไฟล์ .exe นี้ ไม่เหมือนกับไฟล์ .exe ท่ีรู้จัก มันไม่สามารถทางานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ัวๆไป ซ่ึงปราศจาก .NET Framework เนื่องจากภายในไฟล์ .exe น้ีไม่ได้เก็บ machine code หรือภาษาที่เคร่ือง

35 คอมพวิ เตอรเ์ ข้าใจได้ แต่เก็บภาษา IL ไวแ้ ละกไ็ มม่ รี ะบบปฏิบตั ิการใดอา่ นภาษา IL เขา้ ใจ ในส่วนของ Common Language Runtime (CLR) คือผู้เดียวที่อ่านภาษา IL ออก มันจึงเป็นตัวกลางระหว่าง ไฟล์ .exe (ที่เก็บภาษา IL ไว้) กับระบบปฏิบัติการ (เช่น Windows) กล่าวคือไฟล์นามสกุล .exe ท่ี เป็น IL ไปเป็นภาษาเครื่องท่ีระบบปฏิบัติการเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามได้ หรือจะสรุปว่า CLR เป็นล่ามแปลภาษา IL ให้กับระบบปฏบิ ัติการก็ได้ CLR มหี ลายประเภท เชน่ CLR สาหรบั Windows ก็จะทาหนา้ ที่แปลภาษา IL ไปเปน็ ภาษาท่รี ะบบปฏิบตั กิ าร Windows เขา้ ใจ, CLR สาหรบั Linux ก็จะทาหน้าทีแ่ ปลภาษา IL ไป สำนกั หอสมุดกลางเป็นภาษาทีร่ ะบบปฏิบัตกิ าร Linux เขา้ ใจเปน็ ต้น .NET Framework กับ Java ประเด็นที่น่าสนใจระหว่าง .NET Framework กบั Java คือแนวคิดท่ีเหมือนกันระหว่าง CLR ของ .NET Framework กับ Java Virtual Machine (JVM) เนือ่ งจาก CLRและ JVM ต่างก็เป็นตัวกลางระหว่างโปรแกรมที่เราเขียน (และคอมไพล์แล้ว) กบั ระบบปฏิบัตกิ ารโดยจะอธบิ ายในสว่ นของ (ภาพท่ี 22) มรี ายละเอียดดงั นี้ C# VB.NET Other 1 Java Java Complier Complier Complier Complier 2 Bytecode ( .class) IL ( .exe) 3 CLR Windows CLR Linux JVM Windows JVM Linux Windows Linux Linux 4 Windows ภาพท่ี 33 การเปรยี บเทียบระหว่าง 2 เทคโนโลยี ส่วนท่ี 1 ส่วนน้ีเป็นเรื่องของการเขียนโปรแกรม จะพบว่าใน .NET Framework นัน้ เราใช้ภาษาอะไรเขยี นกไ็ ด้ แต่สาหรับ Java แล้วเราจะตอ้ งเขียนด้วยภาษา Java เท่าน้นั

36 ส่วนท่ี 2 .NET Framework จะตอ้ งใช้ คอมไพเลอร์ของภาษานนั้ ๆ มาคอมไพล์ โค้ดที่เราเขียนข้ึนมา เช่น ถ้าเขียนด้วย C# ก็จะต้องมี C# Compiler ส่วนทางด้าน Java จะใช้ตัว คอมไพเลอรเ์ พยี งตวั เดยี วคือ Java Compiler (เพราะว่าภาษาที่ใช้คอื Java ภาษาเดยี ว) สว่ นท่ี 3 ส่วนน้ีทง้ั สองเทคโนโลยีมคี วามใกล้เคียงกันครับ คือหลังจากคอมไพล์ source code เสรจ็ แลว้ กจ็ ะได้ไฟล์ใหม่ข้ึนมาอีก 1 ไฟล์โดยสาหรับ .NET Framework จะเป็นไฟล์ นามสกุล .exe ทีเ่ กบ็ ภาษา IL ไว้แตส่ าหรับ Java น้ันหลังการคอมไฟล์ source code (ไฟล์นามสกุล .Java) จะได้ไฟล์นามสกุล .class ซ่ึงเก็บสิ่งที่เรียกว่า Bytecode ไว้ทั้งนี้ Bytecode ก็คือ สำนกั หอสมุดกลางintermediate language ประเภทหนง่ึ สว่ นที่ 4 .NET Framework จะใช้ CLR ในการแปลภาษา IL เป็นภาษาเครื่อง แล้วส่งไปให้ระบบปฏิบัติการ เช่นเดียวกับ Java ท่ีใช้ JVM ในการแปล Bytecode ไปเป็น ภาษาเครอื่ งซึ่งตัว JVM และ CLR นั้นจะขึน้ อยู่กับระบบปฏิบัติการด้วย เช่นถ้าระบบปฏิบัติการเป็น Windows ก็ต้องใช้ JVM หรือ CLR สาหรับ Windows แต่ถ้าระบบปฏิบัติการเป็น Linux ก็ต้องใช้ JVM หรอื CLR สาหรบั Linux เปน็ ต้น (เฉลมิ พล พรหมเกษ, 2548: 20-23) 5.3 สรุปข้อดีของ .NET Framework Technology จากองค์ประกอบและโครงสร้างของ .NET Framework ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สรุปข้อดขี อง .NET Framework ดังนี้ 5.3.1 เป็นระบบที่มี Library ทีเ่ ป็น มาตรฐานเดียวกัน เนือ่ งจากมี Library ทเ่ี ปน็ มาตรฐานเดียวกัน ทั้งหมดทาให้ไม่ต้องกังวลว่าภาษาที่ใช้เขียนนั้นมี Library ตัวน้ันตัวนี้หรือไม่ รวมท้งั ไมต่ อ้ งคอยกงั วลว่าถ้าใช้ Library ของภาษาหน่ึงแล้วอีกภาษาหนึ่งจะไม่มี Library ตัวน้ัน 5.3.2 ใช้ในการพัฒนาได้ทุกภาษา ทาให้ไม่ต้องคอยมาศึกษาภาษาใหม่ ๆ เมื่อ ตอ้ งการสรา้ งโปรแกรม ในแตล่ ะครง้ั นอกจากนน้ั เรายังสามารถเลือกใช้ภาษา ที่เราถนัดที่สุดในการ พฒั นาโปรแกรมตา่ ง ๆ ได้ด้วย 5.3.3 สามารถนาเอาโค้ดภาษาหนึ่งทีผ่ า่ นการคอมไพลเ์ ปน็ IL แลว้ ไปใช้งานหรือ พฒั นาตอ่ ยอดในอีกภาษาหนง่ึ ได้ 5.3.4 มีการควบคมุ สงิ่ แวดล้อม ในการทางานเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นระบบที่ เป็นมาตรฐาน ทาให้การควบคุม จัดสรรระบบต่างๆ ทาได้ง่ายข้ึน ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรร หนว่ ยความจา ดา้ นการใช้งานเคร่ืองก็มคี วามรวดเรว็ มากขึน้ ลดโอกาสท่เี คร่อื งจะคา้ งไดเ้ ป็นอยา่ งดี 5.3.5 ความปลอดภยั ทมี่ มี ากขนึ้ .NET Framework สามรถ กาหนดสิทธ์ิการใช้ งานหรือ permission ของผูใ้ ชง้ านได้มากข้ึนทาใหส้ ามารถกาหนดวา่ จะใหโ้ ปรแกรมในสว่ นใดใช้งาน ได้หรือไม่ได้ แลว้ แตเ่ ฉพาะบุคคล

37 5.3.6 CLR ทางานได้เร็วกว่า JVM เนื่องจาก CLR จะแปลภาษา IL ที่อยู่ในไฟล์ .exe ไปเป็นภาษาเครื่องรวดเดียวแล้วค่อยทางาน (เรียกว่าเป็นการแปลแบบ compile) ในขณะท่ี JVM จะแปล Bytecode ในไฟล์ .class ไปเปน็ ภาษาเครือ่ งด้วยวธิ ีแปลไปทางานไป (เรียกว่าเป็นการ แปลแบบ Interpreter) นอกจากน้ี CLR ยังฉลาดพอที่จะไมค่ อมไพล์ทเี ดียวท้ังหมด แตจ่ ะใช้เทคนิคที่ เรยี กวา่ Just In Time (JIT) เพือ่ คอมไพล์ IL เฉพาะส่วนท่ีจาเป็นตอ้ งใช้งาน (เชน่ ถา้ ในการทางานคร้งั นั้นไมม่ กี ารเรยี กใช้ฟังก์ชัน่ func1 เลยก็ไมจ่ าเปน็ ต้องแปลภาษา IL ในสว่ นของฟังก์ชั่น func1 ไปเปน็ ภาษาเคร่ือง) หลงั จากนั้นเมอื่ จาเป็นตอ้ งใชส้ ่วนใดเพมิ่ เตมิ กจ็ ะคอมไพล์เพิม่ เฉพาะส่วนนั้น และจะไม่ สำนกั หอสมุดกลางคอมไพล์ส่วนทเี่ คยถูกคอมไพลไ์ ปแลว้ 5.3.7 มีภาษา C# ท่ีมีไวยากรณ์และโครงสร้างของภาษาคล้ายกับภาษา Java มากทาให้ผ้ทู เ่ี ขยี น Java มาก่อนสามารถเปลยี่ นมาใชส้ ภาพแวดลอ้ มของ .NET Framework ได้ทันที ไมโครซอฟต์บอกว่า C# เป็นภาษาท่ีนาข้อดีของ VB, Delphi, Java, C++ มารวมเข้าด้วยกัน โดย ไมโครซอฟต์ได้นาย Anders Hejlsberg ซ่ึงเป็นผู้ออกแบบ Turbo Pascal และ Delphi ของบริษัท Borland (หรือ Inprise ในปัจจบุ ัน) มาเป็นผูอ้ อกแบบภาษา C# ให้ (เฉลมิ พล พรหมเกษ, 2548: 23- 24; augie, 2554)

38 ตารางที่ 4 แสดงเวอรช์ ันต่าง ๆ ของ .NET Framework Version Version Release Date Visual Studio Default in Windows 1.0 Number 1.1 2.0 1.0.3705.0 2002-02-13 Visual Studio .NET - 3.0 3.5 1.1.4322.573 2003-04-24 Visual Studio .NET Windows Server 2003 4.0 2003 4.5 สำนกั หอสมุดกลาง2.0.50727.42 2005-11-07 Visual Studio Windows Server 2003 2005 R2 3.0.4506.30 2006-11-06 - Windows Vista, Windows Server 2008 3.5.21022.8 2007-11-19 Visual Studio Windows 7, Windows 2008 Server 2008 R2 4.0.30319.1 2010-04-12 Visual Studio - 2010 4.5.40805 2011-09-13 Visual Studio 11 Windows 8, Windows (Developer Server 8 Preview) ท่มี า: เฉลมิ พล พรหมเกษ, 2548: 23-24; augie, 2554 5.4 ภาษา C# ภาษาซีชารป์ (C# Programming Language) เป็นภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุทางาน บนดอตเนต็ เฟรมเวิร์ก พฒั นาโดยบรษิ ทั ไมโครซอฟท์และมี Anders Hejlsberg เป็นหัวหนา้ โครงการ โดยมีรากฐานมาจากภาษาซีพลสั พลสั (C++) และภาษาอื่นๆ (โดยเฉพาะภาษาเดลไฟและจาวา) โดย ปจั จุบันภาษาซซี ารป์ เปน็ ภาษามาตรฐานรองรับโดย ECMA และ ISO (ภาษาซชี าร์ป วกิ พิ เี ดยี , 2556) Visual C# หรอื VC# เป็นชุดเคร่ืองมือในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วยภาษา C# โดยมีการปรับปรุงแก้ไขมาแล้วหลายเวอร์ชันต้ังแต่ปี ค.ศ.2002, 2003, 2005, 2008, 2010 และ 2012 ตามลาดบั โดยในแต่ละเวอร์ชนั ก็ไดม้ ีการเพมิ่ เติมความสามารถและเครื่องมือที่จะช่วยอานวย ความสะดวกในการเขยี นโปรแกรมเขา้ มาเรอื่ ยๆ และการเปลีย่ นแปลงที่สาคัญคอื การปรับปรุงรูปแบบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook