92 5.2.1 พระอุโบสถ กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกอโุ บสถทรงไทยของวดั สร้างข้ึนใน พ.ศ. 2540 มีลกั ษณะ หลงั คาลด 3 ชั้น ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา และ หางหงส์ หนา้ บนั ดา้ นหนงึ่ ประดษิ ฐานพระพุทธรูปปางห้ามพระแกน่ จันทน์ ประกอบปนู ปน้ั ลายกา้ นขด ส่วนหน้าบันอีกด้านประกอบตราสัญลักษณ์ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นปูนป้ันปิดทองประดับกระจก บานประตูหน้าต่างเป็นไม้แกะสลัก เร่ืองพุทธ ประวัติประดับกระจกสี ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูป จาลองมาจากหลวงพ่อหมอ ประดษิ ฐานอยใู่ นพระวิหารของวัด นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังมีพระแก้ว มรกตจาลอง และพระอัครสาวก 2 องค์ ยนื ประนมหัตถอ์ ยู่ด้านขา้ งพระประธาน 5.2.2 พระวหิ าร
93 กกกกกกกกกกกกกกกกกกกวิหารของวัดท่าบันเทิงธรรม สันนิษฐานว่าสร้างข้ึนในสมัยรัชกาลท่ี 3 พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกลา้ เจา้ อย่หู ัว โดยสังเกตจากการตกแตง่ แบบพระราชนยิ ม คอื หลงั คาไมม่ ี ช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันประดับด้วยกระเบ้ืองเคลือบเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ของจีน เช่น สิงห์ หงส์ และ มงั กร ซุม้ ประตูหน้าต่างเป็นปูนป้นั รูปใบไม้ ดอกไม้ บานประตูหน้าต่างตกแต่งด้วยลายรดน้ารูปต้นไม้ ภายในวหิ ารประดษิ ฐานพระประธาน คือ หลวงพอ่ หมอ 5.2.3 รอยพระพุทธบาท
94 กกกกกกกกกกกกกกกกกกกรอยพระพุทธบาทจาลอง โดยความเช่ือทว่ี า่ เปน็ รอยเทา้ ของพระพุทธเจ้า มคี วามสาคัญมาตั้งแต่สมยั อินเดียโบราณ ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนองคส์ มเด็จพระพุทธเจา้ กอ่ นท่จี ะมี การสรา้ ง เมอ่ื ภายหลังทม่ี ีการสร้างพระพทุ ธรปู ข้ึน รอยพระพุทธบาทได้กลายเป็นสญั ลักษณ์ เพอื่ แสดงถึงความเป็นดินแดนสริ ิมงคล ซง่ึ เป็นดินแดนที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปถึง ณ ทีน่ ั้น ต่อมาจึงมีการ สร้างรอยพระพุทธบาทขึ้น เพ่ือใชเ้ ป็นเครื่องหมายหรือสญั ลักษณว์ า่ พระพทุ ธเจ้าได้เคยเสด็จมา หรือ พระพุทธศาสนาได้ถูกเผยแผ่มายังสถานท่ีน้นั แล้ว กกกกกกกกกกกกกกกกรอยพระพุทธบาทของวัดท่าบันเทิงธรรมมภี าพมงคล 108 ที่ส่ือความหมายถึง ภาพสวรรค์ และรูปพรหมมปี ระมาณ 24 ภาพ ประกอบดว้ ย สวรรค์ 6 ชน้ั รปู พรหม 16 ช้นั รอยพระ พุทธบาทน้สี ร้างตั้งแตป่ ลายรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยู่แหง่ กรุงรตั นโกสินทร์ มีการ สมโภชและพระปิดทองเปน็ งานประจาทุกปี กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป วัดท่าบันเทิงธรรมมีวัตถุที่สาคัญ คือ หลวงพ่อหมอ เป็น พระพุทธรปู ปางมารวชิ ยั ต้งั อยู่ภายในพระวิหาร เป็นท่ีเคารพสักการบูชาของประชาชนในชุมชน และ มีส่ิงก่อสร้างสาคัญ ได้แก่ พระอุโบสถทรงไทยสร้างขึ้นใน พ.ศ. 2540 มีลักษณะหลังคาลด 3 ชั้น ประดับชอ่ ฟ้า ใบระกา และหางหงส์ หน้าบันด้านหนึ่งประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางหา้ มพระแกน่ จันทน์ พระวิหารของวัดท่าบันเทิงธรรม สร้างข้ึนในสมัยรัชกาลท่ี 3 โดยสังเกตจากการตกแต่งแบบพระราช นิยม คือ หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ของจีน และรอยพระพุทธบาทของวัดท่าบันเทิงธรรม มีภาพมงคล 108 ท่ีสื่อความหมายถึงภาพสวรรค์ และ
95 รปู พรหมมีประมาณ 24 ภาพ ประกอบดว้ ย สวรรค์ 6 ช้ัน รูปพรหม 16 ช้ัน รอยพระพุทธบาทน้ีสร้าง ในสมยั ปลายรัชกาลที่ 3 แห่งกรงุ รัตนโกสินทร์ เรือ่ งท่ี 6 ประเพณีสาคัญ กกกกกก6.1 ประเพณเี ทศน์มหาชาติพระเวสสันดรชาดก กกกกกกกกกกกกกประเพณีเทศน์มหาชาติพระเวสสันดรชาดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่ โบราณ ปกตินิยมจัดหลังฤดูทอดกฐินผ่านไปแล้ว นิยมจัดเป็นงานสองวัน คือ วันแรกเป็นวันเทศน์ เวสสันดรชาดกท้ัง 13 กัณฑ์ และวันท่ีสองเป็นวันเทศน์จตุราริยสัจจกถาท้ายเวสสันดรชาดก โดยมี ความเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติแล้วจะได้กุศลแรง และหากใครตั้งใจฟังให้จบในวันเดียวจะได้ เกิดร่วมและพบพระศรีอริยเมตรัยโพธิสัตว์ ซ่ึงจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต การเทศน์ มหาชาตพิ ระเวสสันดรชาดก เรม่ิ ดว้ ยการระดมกาลงั คน ประชุมปรึกษาหารือแบ่งหน้าท่ีกันรับผิดชอบ และกวางแผนดาเนินงาน เช่น จัดทาความสะอาดบริเวณวัด ประดับตกแต่งธรรมาสน์ ศาลาการ เปรียญ เตรยี มตน้ กล้วย ต้นอ้อย ตลอดทั้งจัดทาธงทิวประดับประตูกาแพงวัด เป็นต้น การเตรียมงาน เทศน์มหาชาติ จึงเปน็ ประเพณที สี่ ร้างสรรค์ความสมานสามคั คีของประชาชน ทาให้ประชาชนรู้จักการ ทางานเป็นหม่คู ณะ รู้จักแบง่ หนา้ ทีแ่ ละรบั ผิดชอบรว่ มกัน การเทศนม์ หาชาติพระเวสสันดรชาดก อาจมีการฟงั เทศน์ต่อเนอื่ งกนั ไปถงึ 7 วนั โดยแบ่งการเทศน์เป็นวันแรกเทศน์ธรรมวัตร วันที่สองเทศน์คาถาพัน ก่อนที่จะเทศน์มหาชาติก็จะ เทศนเ์ รอ่ื งอ่ืนไปเร่ือย ๆ พอถึงวันสุดท้ายก็จะเทศน์ด้วยคัมภีร์ช่ือ มาลัยต้น มาลัยปลาย และอานิสงส์
96 มหาชาติ รุ่งข้ึนเวลาเช้ามืดก็จะเร่ิมเทศน์มหาชาติต้ังแต่กัณฑ์ทศพรเร่ือยไป จนครบท้ัง 13 กัณฑ์ซึ่ง มักจะแล้วเสร็จประมาณ เวลา 17.00 น. แล้วจะมีการเทศน์ธรรมพุทธาภิเษกปฐมสมโพธิ สวดมนต์ เจ็ดตานานย่อ ธมั มจักกปั ปวัตตนสูตร และสวดพุทธาภิเษก ปจั จุบันนิยมเทศน์ให้จบภายในวันเดียว การเทศน์มหาชาติพระเวสสันดรชาดก มีวิธีเทศน์เป็นทานองโดยเฉพาะ จะต้อง ไดร้ ับการฝึกอบรมจากทา่ นผู้ทรงคุณวุฒิทางน้เี ป็นพเิ ศษ สว่ นการเทศน์จตุราริยสัจจกถา มีระเบียบพิธี การเทศนม์ หาชาติ ดังน้ี กกกกกกกกกกกข้ันตอนท่ี 1 ตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่ในป่า ตามเน้ือเร่ืองเวสสันดร ชาดก โดยนาเอาต้นกล้วย ต้นอ้อย ใบมะพร้าว และกิ่งไม้มาผูกตามเสาและบริเวณรอบ ๆ ธรรมาสน์ ประดบั ธงทิว และราวัติฉัตรปักไว้ตามสมควร กกกกกกกกกกกขั้นตอนท่ี 2 ตั้งขันสาครใหญ่ หรือจะใช้อ่างใหญ่ที่สมควรก็ได้ใส่น้าสะอาดเต็ม สาหรับปักเทียนบูชาประจากัณฑ์ ในระหว่างที่พระเทศน์ น้าในภาชนะที่ตั้งนี้เสร็จพิธีแล้ว ถือว่าเป็น น้าพระพทุ ธมนตท์ ส่ี าคญั ภาชนะใส่นา้ นต้ี งั้ หน้าธรรมาสน์กลางบริเวณพิธี กกกกกกกกกกกขน้ั ตอนท่ี 3 เตรยี มเทยี นเล็ก ๆ จานวน 1,000 เล่ม แลว้ นบั แยกจานวนเป็นมดั ใด มัดหนึ่งมีจานวนเท่าคาถาของกัณฑ์หนึ่ง แล้วทาเครื่องหมายไว้ให้ทราบว่ามัดไหนสาหรับบูชาคาถา กณั ฑ์ใด เมอ่ื ถงึ คราวเทศนก์ ณั ฑ์น้นั ก็จะเอาเทียนมัดนั้นออกจุดบูชาติดรอบ ๆ ภาชนะน้า ต่อกันไปจน จบกณั ฑ์ให้หมดมัดพอดี ครบ 13 กณั ฑ์ จานวน 1,000 เลม่ เทา่ จานวนคาถา บางแห่งนยิ มทาธง เล็ก ๆ 1,000 คนั แบง่ จานวนเทา่ คาถาประจากณั ฑ์เชน่ เดยี วกับเทยี น แล้วปกั ธงบูชาระหวา่ งกัณฑบ์ น หยวกกล้วย แต่การใช้ธงไม่เป็นท่ีนิยมเช่นเทียน การจุดเทียนหรือปักธงบูชากัณฑ์ดังกล่าวเป็นหน้าที่ ของเจ้าภาพผู้รบั กณั ฑ์นั้น ๆ กกกกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป วัดท่าบนั เทิงธรรมมีประเพณที ่สี าคัญ คอื ประเพณเี ทศน์มหาชาติ พระเวสสันดรชาดก เป็นประเพณีที่จัดมาแต่โบราณ จะจัดหลังฤดูทอดกฐินผ่านไปแล้วจนตลอดฤดู หนาว โดยนยิ มจดั เป็นงานสองวนั คอื วนั แรกเปน็ วนั เทศน์เวสสันดรชาดกท้ัง 13 กัณฑ์ และ วันท่ีสอง เป็นวันเทศน์จตุราริยสัจจกถาท้ายเวสสันดรชาดก การเทศน์มหาชาติพระเวสสันดรชาดก มีระเบียบ พิธีการเทศน์มหาชาติ โดยเร่ิมต้นจากการตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่ในป่า ตามเน้ือ เรือ่ งเวสสันดรชาดก โดยนาเอาตน้ กลว้ ย ตน้ อ้อย ใบมะพร้าว และกง่ิ ไมม้ าผูกตามเสา และบริเวณ รอบ ๆ ธรรมาสน์ ประดบั ธงทวิ และ ราวัติฉัตรปักไวต้ ามสมควรต้ังขันสาครใหญ่กลางบริเวณพิธีใส่น้า สะอาด สาหรับปกั เทียนบูชาประจากณั ฑ์ เตรียมเทียนเล็ก ๆ จานวน 1,000 เล่ม แล้วนับแยกจานวน เป็นมัด มัดหนึ่งมีจานวนเท่าคาถาของกัณฑ์หน่ึง เมื่อถึงคราวเทศน์กัณฑ์น้ันก็จะเอาเทียนมัดน้ันออก จดุ บชู าติดรอบ ๆ ภาชนะน้า ต่อกันไปจนจบกัณฑ์ให้หมดมัดพอดี ครบ 13 กัณฑ์ จานวน 1,000 เล่ม เท่าจานวนคาถา
97 กจิ กรรมท้ายบท กกกกกกกกกจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกกคาชแี้ จง ให้ผู้เรยี นศึกษากิจกรรมที่ 1 แลว้ เลอื กคาตอบท่ีถูกตอ้ งทสี่ ุดเพยี งข้อเดียว เขียน คาตอบลงในกระดาษทแี่ จกใหห้ รือกระดาษเปลา่ ของผู้เรยี น กกกกกกกก1. ขอ้ ใดเป็นเขตวิสุงคามสมี าของวัดท่าบนั เทิงธรรม กกกกกกกกกกก. กว้าง 6 เมตร ยาว 20 เมตร กกกกกกกกกกข. กวา้ ง 7 เมตร ยาว 21 เมตร กกกกกกกกกกค. กว้าง 8 เมตร ยาว 22 เมตร กกกกกกกกกกง. กว้าง 9 เมตร ยาว 23 เมตร กกกกกกกก2. ปจั จบุ ัน “วดั ท่าบนั เทิงธรรม” มีอายุรวมกป่ี ี กกกกกกกกกกก. 167 ปี กกกกกกกกกกข. 177 ปี กกกกกกกกกกค. 187 ปี กกกกกกกกกกง. 197 ปี กกกกกกกก3. ในพระวหิ ารของวดั ทา่ บนั เทงิ ธรรม เปน็ ทปี่ ระดิษฐานของหลวงพ่อองค์ใด กกกกกกกกกกก. หลวงพอ่ ชุม กกกกกกกกกกข. หลวงพอ่ หมอ กกกกกกกกกกค. หลวงพ่อธรรม กกกกกกกกกกง. หลวงพ่อบันเทงิ กกกกกกกก4. ขอ้ ใดเป็นภาพท่ีปรากฏบนรอยพระพุทธบาท ของวัดท่าบันเทิงธรรม กกกกกกกกกกก. ภาพนรก 18 ขุม กกกกกกกกกกข. ภาพทวิ ทัศนธ์ รรมชาติ กกกกกกกกกกค. ภาพมนุษย์โลกชายและหญิง กกกกกกกกกกง. ภาพมงคล 108 ประการ กกกกกกกก5. ในการทอดกฐินของวัดท่าบันเทิงธรรม นิยมการเทศนเ์ ร่ืองใด กกกกกกกกกกก. เทศน์ความจรงิ ของชีวิต กกกกกกกกกกข. เทศน์สัจวาจาและความสงบ กกกกกกกกกกค. เทศน์ทาบุญถูกที่ ทาดีถูกทาง กกกกกกกกกกง. เทศน์เวสสันดรชาดกท้งั 13 กัณฑ์
98 กกกกกกกกกจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกกคาชแี้ จง ใหผ้ ู้เรียนศึกษากิจกรรมท่ี 2 ดว้ ยการจับค่ขู องข้อความหลังตัวเลขด้านซา้ ยมือ ของกระดาษ และขอ้ ความหลังตัวอกั ษรขวามือของกระดาษท่มี คี วามสมั พนั ธก์ นั แล้วนาคาตอบท่ีได้ ไปเขยี นในกระดาษที่แจกให้หรือกระดาษเปล่าของผู้เรยี น 1. หลวงพ่อหมอ ก.กวัดท่า 2. วัดทา่ บันเทงิ ธรรม ข.กพระวหิ าร 3. พระครูวฒุ กิ ารโกศล ค.กเจ้าอาวาส 4. “คอยท่า ปราโมช”ผู้สรา้ ง ฆ.กพระอุโบสถ 5. เทศนจ์ ตรุ าริยสจั จกถา ท้ายพระเวสสันดรชาดก ง.กบทสวดมนต์ จ.กตาบลบางใหญ่ ฉ.กตาบลบา้ นใหม่ ช.กประเพณีสาคัญ กกกกกกกกกิจกรรมที่ 3 กกกกกกกกคาช้ีแจง ให้ผเู้ รยี นเตมิ คาหรือข้อความสน้ั ๆ ลงในช่องว่างให้ถูกต้องสมบรู ณ์ ดว้ ยการ เขยี นคาตอบลงในกระดาษทีแ่ จกให้หรือกระดาษเปลา่ ของผู้เรยี น กกกกกกกกข้อ 1. อโุ บสถทรงไทยของวดั ท่าบันเทงิ ธรรมวัดสร้างข้ึนในราวปพี ุทธศกั ราช 2540 มี ลักษณะหน้าบนั ด้านหนึ่งประดิษฐานพระพุทธรปู ปาง ................... กกกกกกกกข้อ 2. พระพุทธรปู ท่ีสาคญั ในวัดทา่ บนั เทงิ ธรรม คือ................... กกกกกกกกข้อ 3. พระประธานภายในอโุ บสถวดั ทา่ บันเทิงธรรมประดิษฐาน พระประธานปาง ...................ซึง่ จาลองมาจากหลวงพ่อหมอพระพุทธรูปจาลองมา จากหลวงพ่อหมอ กกกกกกกกข้อ 4. นอกจากน้ยี ังมี...................2 องค์ ยนื ประนมหัตถ์อยู่ ด้านข้างพระประธานใน อุโบสถวดั ท่าบนั เทงิ ธรรม กกกกกกกกข้อ 5. วดั ท่าบนั เทิงธรรมมพี ระ...................จาลองทสี่ าคญั อีกองคห์ น่งึ
99 บทที่ 5 วัดบางโค สาระสาคัญ กกกกกกก1. ทีต่ ั้งแผนทแ่ี ละพิกัดทางภมู ิศาสตร์ กกกกกกกกกวดั บางโคตง้ั อยูเ่ ลขท่ี 1 หมู่ท่ี 14 ตาบลบางแมน่ าง อาเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และ มีพิกัดทางภูมศิ าสตรต์ ัง้ อย่ทู ่ี ละตจิ ูด 13.850297 ลองจิจดู 100.402489 กกกกกกก2. ประวัตคิ วามเปน็ มาของวดั บางโค กกกกกกกกกวัดบางโค สร้างข้นึ เมื่อสมยั รชั กาลท่ี 4 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เม่ือวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2399 ไม่ทราบนาม และประวัติผู้สร้างตั้งอยู่บริเวณริมคลองบางโค ได้รับ พระราชทานวสิ ุงคามสมี าเมื่อวันท่ี 10 เมษายน พ.ศ. 2432 สงั กัดคณะสงฆม์ หานกิ าย มพี นื้ ที่ 12 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา มีคลองผ่าน 2 สาย คือคลองบางโค ผ่านทางทิศตะวันตก และคลองบางใหญ่ ผ่านทางทิศใต้ กกกกกกก3. ความสาคัญของวัดบางโค กกกกกกกกกวัดบางโคเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2399 ปัจจุบนั มอี ายุ 163 ปี เป็นศูนยร์ วมจติ ใจของชาวตาบลบางแม่นาง มีพระพุทธรปู ปางมารวิชัยองค์ใหญ่ ประดษิ ฐานอย่ใู นพระอุโบสถ มหี ลวงพอ่ ขาวศกั ดส์ิ ิทธิ์ มมี ณฑป และรอย พระพทุ ธบาทจาลอง กกกกกกก4. บุคคลสาคญั ที่เก่ยี วขอ้ งกบั วัดบางโค กกกกกกกกกวดั บางโคมบี คุ คลสาคัญดังน้ี พระครนู นทสิกขกจิ (หลวงป่ยู อด ธัมมธโร) เป็นผู้สร้างรอย พระพุทธบาทจาลอง พระครูสภุ ทั วราภรณ์ หรอื หลวงพอ่ ประเสริฐ สุภทโท (ศรีพุฒ) เป็นผู้สร้างวิหาร หลวงพ่อขาว และ พระปลัดประจวบ โชติคุโณ เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มีผลงานท่ีสาคัญ เช่น ให้ อาคารเอนกประสงค์ใช้เป็นท่ีทาการ กศน.ตาบลบางแม่นาง ปรังปรุงเมรุให้เป็นแบบไฟฟ้า สร้าง หอ้ งน้าซ่อมแซมถนน ซ่อมแซมซมุ้ ประตูทางเขา้ วัด เปน็ ตน้ กกกกกกก5. วตั ถุและสิ่งก่อสร้างของวัดบางโค กกกกกกกกกวัตถุสาคัญของวัดบางโค ได้แก่ รูปป้ันหลวงพ่อขาว เป็นพระพุทธปฏิมากรปูนป้ันท่ี ศักด์ิสิทธ์ิ ส่ิงก่อสร้างท่ีสาคัญ ได้แก่ พระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ และ วหิ ารหลวงพ่อขาว ซ่ึงเปน็ ท่ีประดษิ ฐานรปู ปนั้ หลวงพ่อขาว เป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ในชมุ ชนบางแม่นาง และรอยพระพทุ ธบาทจาลอง สรา้ งข้นึ ในสมัยพระครนู นทสิกขกิจ (หลวงป่ยู อด ธมฺมธโร) เปน็ เจา้ อาวาส กกกกกกก6. ประเพณสี าคญั ของวัดบางโค
100 กกกกกกกกกประเพณีที่สาคัญที่วัดบางโคจัดข้ึนคือ ประเพณีการทาบุญตักบาตรพระ 108 ทางน้า เริม่ ในวันแรม 8 ค่า เดือน 12 และประเพณีสรงน้าพระวันสงกรานต์ ซ่ึงตรงกับวันท่ี 13 เมษายน ของทุกปี ถอื เปน็ “วนั ขน้ึ ปใี หม่”ตามธรรมเนียมไทย โดยในวันสงกรานตน์ อกจากประเพณีรดน้าดาหัวขอพรญาติ ผู้ใหญ่ ตามท่ีประชาชนชาวไทยถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นระยะเวลาท่ียาวนานแล้วก็ยังมีกิจกรรมที่ ควรปฏบิ ตั ิ เพ่อื สืบทอดความดีงาม และคุณค่าของประเพณีวันสงกรานต์ คือ การทาบุญตักบาตรการ ทาบุญอุทิศสว่ นกศุ ลใหแ้ ก่บรรพบรุ ุษ การสรงน้าพระ การรดน้าขอพรการเล่นรดนา้ และ กจิ กรรม รื่นเรงิ อ่นื ๆ ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง กกกก 1.กบอกประวัติความเปน็ มาของวดั บางโคได้ กกกกกกก2.กตอบคาถามท้ายบทท่ี 5 วัดบางโคได้ กกกกกกก3.กตระหนักถึงความสาคญั เห็นคุณค่าของวัดบางโค ขอบข่ายเนือ้ หา กกกกกก เรอ่ื งที่ 1 ทีต่ ัง้ แผนท่ี และพิกัดทางภูมศิ าสตร์ เรอ่ื งที่ 2 ประวตั ิความเป็นมาของวัดบางโค เรอื่ งที่ 3 ความสาคัญของวดั บางโค เรื่องท่ี 4 บุคคลสาคัญท่เี กี่ยวข้องกบั วัดบางโค เรื่องท่ี 5 วัตถุและสิง่ กอ่ สรา้ งของวดั บางโค เรอื่ งที่ 6 ประเพณีสาคญั ท่ีจัดข้ึน สอ่ื ประกอบการเรยี น กกกกกกก1.กวัดบางโค สืบค้นจาก www.facebook.com./pg/kchaichinnaphat /about/ref=page-internal กกกกกกก2.กวดั บางโค สบื ค้นจาก wwwbangmaenang.go.th กกกกกกก3 กวัดบางโค สืบคน้ จาก http://wwwcroiwnpkroperty.or.th/pubitic //upiload/moiedia/ Recommende%20Books/59-06-042-001-32672dpi-3.pdf กกกกกกก4.ก พระปลดั ประจวบ โชตคุโณ เจา้ อาวาสวดั บางโค องคป์ ัจจบุ นั ที่อยู่วดั บางโค เลขท่ี 1 หมู่ 14 ตาบลบางแมน่ าง อาเภอบางใหญ่ จงั หวัดนนทบรุ ี หมายเลขโทรศัพท์ 089-007-9726 กกกกกกก5. พระไชยชินพฒั น์อุทโยที่อยู่วัดบางโค เลขท่ี 1 หมู่ 14 ตาบลบางแมน่ าง อาเภอบาง ใหญ่ จงั หวัดนนทบรุ ี หมายเลขโทรศพั ท์ 085-917-8029 เรือ่ งที่ 1 ท่ีตั้งแผนที่และพิกดั ทางภูมศิ าสตร์
101 1.1 ที่ตง้ั วัดบางโค กกกกกกกกกกกกกกวัดบางโคต้ังอยเู่ ลขที่ 1 หมู่ที่ 14 บ้านวดั บางโค ตาบลบางแม่นาง อาเภอบางใหญ่ จงั หวดั นนทบุรี รหัสไปรษณีย์ 11140 มพี ืน้ ท่ี 12 ไร่ 2 งาน 15 ตารางวา อาณาเขตทศิ เหนอื ยาว 3 เสน้ 10 วา (140 เมตร) ติดกับท่ีดินนางวัน โภชพันธ์ ทิศใต้ยาว 3 เส้น 5 วา (130 เมตร) ติดต่อกับ คลองบางใหญ่ ทิศตะวันออกยาว 5 เส้น 14 วา (228 เมตร) ติดต่อกับท่ีดินนางวัน โภชพันธ์ ทิศ ตะวันตกยาว 5 เส้น 14 วา (228 เมตร) ติดต่อกับคลองบางโค มีท่ีดินธรณีสงฆ์ 1 แปลง มีเน้ือท่ี จานวน 6 ไร่ 2 งาน 5 ตารางวา ลกั ษณะพื้นทโ่ี ดยท่วั ไปของวดั บางโคเป็นทร่ี าบลมุ่ มีการสัญจรนา้ มลี าคลองผ่าน 2 สาย คือ คลองบางโคผ่านทางทศิ ตะวนั ตก และคลองบางใหญ่ผ่านทางทศิ ใต้ 1.2 แผนที่
102 กกกกกกกกกกก1.3 พกิ ดั ทางภมู ศิ าสตร์ อย่ทู ี่ ละติจดู 13.850297 ลองจจิ ูด 100.402489 เรอ่ื งท่ี 2 ประวตั ิความเปน็ มาของวดั บางโค กกกกกกกกวัดบางโค สร้างขนึ้ ในสมยั รัชกาลท่ี 4 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว เม่ือวนั ที่ 9 มีนาคม 2399 ไม่ปรากฏนาม และประวัติผู้สร้าง ตั้งอยู่บริเวณริมคลองบางโค ได้รับพระราชทาน วสิ ุงคามสมี า เมอ่ื วันท่ี 10 เมษายน พ.ศ. 2432 สังกัดคณะสงฆ์มหานกิ าย กกกกกกก เรอื่ งที่ 3 ความสาคัญของวัดบางโค กกกกกกกก วัดบางโคเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หวั เมอื่ ปี พ.ศ. 2399 จนถึงปจั จบุ นั มอี ายรุ วม 163 ปี เปน็ จดุ ศูนยร์ วมจิตใจของชาวตาบล บางแม่นาง มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ มีวิหารหลวงพ่อขาว ศกั ดิส์ ทิ ธ์ิ และรอยพระพทุ ธบาทจาลอง เร่ืองท่ี 4 บุคคลสาคัญท่ีเก่ียวขอ้ งกับวดั บางโค กกกกกกกก4.1 พระครูนนทสิกขกจิ หรือหลวงป่ยู อด ธมั มธโร
103 กกกก กกกกกกกกกกกกพระครนู นทสกิ ขกิจ หรือหลวงปู่ยอด ธมั มธโร อดตี เจา้ อาวาสวัดบางโค เกดิ เม่ือ วนั ท่ี 4 พฤศจิกายน 2412 ตรงกบั วนั พฤหสั บดีขึน้ 1 คา่ เดือน 12 ปีมะเส็ง ท่านเป็นผู้สร้างรอย พระพุทธบาทจาลองไวใ้ ห้ประชาชนบ้านวัดบางโคได้สักการะบูชา กกกกกกกก กกกกกกกก4.2 พระครสู ภุ ัทวราภรณ์หรือหลวงพ่อประเสรฐิ สภุ ทโท (ศรีพุฒ) ปxx
104 กกกกกกกกกกกพระครูสุภทั วราภรณ์ หรือหลวงพอ่ ประเสริฐ สภุ ทโท (ศรีพฒุ ) อดตี เจ้าอาวาสวัด บางโค เดิมชื่อ ประเสริฐ ศรีพุฒิ เกิดเม่ือวันท่ี 13 มิถุนายน พ.ศ. 2473 ตรงกับวันศุกร์ แรม 2 ค่า เดอื น 7 ปมี ะเมีย ณ บ้านเลขท่ี 9 หมู่ 1 ตาบลบางศรีเมือง อาเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรของ นายแฟ้ม นางปลิว ศรีพุฒ อุปสมบทเมื่อวันท่ี 16 มีนาคม พ.ศ. 2512 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 14 ค่า เดือน 4 ปีวอก ณ วัดบางโค ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางโค ผลงานท่สี าคญั คอื ท่านเป็นผู้สร้างวหิ ารหลวงพอ่ ขาว กกกกกกกก กกกก4. 3 พระปลัด ประจวบ โชติคุโณ
105 พระปลัดประจวบ โชติคุโณ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ผลงานที่สาคัญ เช่น ให้ อาคารเอนกประสงค์เป็นท่ีทาการ กศน.ตาบลบางแม่นาง ท่านเห็นว่าการศึกษามีความสาคัญมากกับ เยาวชน และประชาชนที่พลาดโอกาส ปรังปรุงเมรุให้เป็นแบบไฟฟ้า สร้างห้องน้าเพิ่มเติม ซ่อมแซม ถนนซ่อมแซมซุ้มประตทู างเข้าวดั เปน็ ตน้ กล่าวโดยสรุป วดั บางโคมีบคุ คลสาคัญดังน้ี พระครนู นทสิกขกิจ (หลวงปู่ยอด ธัมมธโร) เป็นผู้สร้างรอยพระพุทธบาทจาลองพระครูสุภัทวราภรณ์ หรือหลวงพ่อ ประเสรฐิ สุภทโท (ศรีพฒุ ) เป็นผสู้ รา้ งวหิ ารหลวงพ่อขาว และพระปลัดประจวบ โชตคิ ุโณ เป็นเจ้าอาวาส รปู ปัจจุบนั มผี ลงานทส่ี าคัญ เช่น ให้อาคารเอนกประสงค์ใช้เป็นทีท่ าการ กศน.ตาบลบางแม่นาง ปรงั ปรงุ เมรุให้เป็นแบบไฟฟา้ สร้างหอ้ งนา้ ซ่อมแซมถนน ซอ่ มแซมซมุ้ ประตทู างเขา้ วัด เปน็ ต้น เร่ืองที่ 5 วัตถแุ ละสง่ิ กอ่ สร้างของวดั บางโค กกกกกกกกก5.1 วัตถภุ ายในวัดบางโค
106 กกกกกกกกกกก 5.1.1 รูปปัน้ หลวงพอ่ ขาว กกกกกกกกกกกกกกกกกกกหลวงพอ่ ขาวเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นท่ศี ักดิ์สิทธิ์ขดุ ค้นพบได้จากบริเวณ ที่ตั้งวดั ดอนสะแกในปัจจบุ นั เมอ่ื ประมาณ 100 ปมี าแลว้ การขุดพบหลวงพ่อขาวในครั้งนั้นไม่ปรากฏ ประวัติผคู้ น้ พบ และได้นามาประดิษฐานไว้ ณ วดั บางโค กกกกกกกกก5.2 สิ่งก่อสรา้ งภายในวัดบางโค 5.2.1 พระอุโบสถของวดั บางโค
107 พระอุโบสถวัดบางโค เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ และยังมี พระพุทธรูปท่ีสาคัญอยู่หลายองค์ เป็นที่เคารพสักการบูชา ประกอบพิธีกรรม และสังฆกรรมท่ี ศกั ดิ์สิทธท์ิ างศาสนา เชน่ พิธบี วชนาคพิธเี วียนเทยี นในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาเป็นตน้ 5.2.2 วิหารหลวงพ่อขาว
108 กกกกกกกกกกกกกกกกวิหารหลวงพ่อขาวเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปปูนป้ันหลวงพ่อขาวศักด์ิสิทธ์ิ วิหารหลังน้ี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยเจ้าอาวาส พระครูสุภัทวราภรณ์ หรือหลวงพ่อประเสริฐ สุภทโท (ศรีพุฒ) มีลักษณะเป็นอาคารทรงจัตุรมุข วิหารต้ังอยู่บริเวณปากทางเข้าวัดบางโค ซ่ึงเป็นท่ี เคารพสกั การะของประชาชนในชมุ ชนตาบลบางแมน่ างและตาบลใกล้เคียง 5.2.3 รอยพระพทุ ธบาทจาลอง
109 กกกกกกกกกกกกกกกกรอยพระพทุ ธบาทจาลอง สร้างขึน้ สมัยพระครูนนทสกิ ขกจิ (หลวงปูย่ อด ธมั มฺ ธโร) เปน็ เจา้ อาวาส เพ่อื เปน็ อนุสรณ์แกอ่ นชุ นรนุ่ หลังไว้เป็นทีเ่ คารพสกั การะบชู า กกกกกกกกกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป วัตถุสาคัญของวัดบางโค ได้แก่ รูปปั้นหลวงพ่อขาว เป็นพระ พุทธปฏิมากรปูนปั้นที่ศักดิ์สิทธ์ิ สิ่งก่อสร้างสาคัญ ได้แก่ พระอุโบสถ เป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธรูป ปางมารวชิ ยั องค์ใหญ่ และวหิ ารหลวงพอ่ ขาว ซ่ึงเป็นที่ประดษิ ฐานรปู ปั้นหลวงพ่อขาว อันเป็นท่ีเคารพ สักการะของประชาชนในชุมชนบางแมน่ าง และรอยพระพทุ ธบาทจาลอง สร้างโดยพระครู นนทสกิ ขกิจ (หลวงปูย่ อด ธัมฺมธโร) iเรอ่ื งท่ีก6 ประเพณีสาคัญทจ่ี ัดข้นึ
กกกกกกก 6.1 ประเพณีตักบาตรพระ 108 ทางนา้ 110 กกกกกก กกก กกกกกกกกกกกกกประเพณกี ารทาบญุ ตกั บาตรพระ 108 ทางน้าเป็นประเพณีหลังวันออกพรรษาเริ่ม ในวนั แรม 8 คา่ เดือน 12 พธิ ีกรรมของประเพณีจะเร่มิ ต้ังแต่วันแรม 7 ค่า เดือน 12 โดยเร่ิมพิธีต้ังแต่ ภาคบ่าย วดั ตามริมคลองจะมกี ารแห่พระพุทธรูปท่ีมีชื่อเสียงของแต่ละวัดแห่ไปตามลาน้า โดยการจัด ขบวนแห่อย่างสวยงามมีการราประกอบ การจัดขบวนแห่เพ่ือประกาศให้ประชาชนได้ทราบทั่วกันว่า จะมีพิธีการทาบุญตักบาตรพระ 108 ทางน้าขึ้น อีกครั้งหน่ึงในวันรุ่งข้ึนในวันแรม 8 ค่าเดือน 12 ประเพณี การทาบุญตักบาตรพระ 108 ทางน้า เป็นประเพณีท่ีปฏิบัติกันมาอย่างช้านาน ในอาเภอ บางกรวย และอาเภอบางใหญ่ กกกกกกกกก6.2 ประเพณีสรงนา้ พระวนั สงกรานต์
111 กกกกกกกกกกกกวันสงกรานต์ซงึ่ ตรงกบั วันท่ี 13 เมษายน ของทุก ๆ ปี ถอื ว่าเป็น \"วนั ขึ้นปใี หม\"่ ตามธรรมเนียมไทย โดยในวันสงกรานต์ นอกจากประเพณีรดน้าดาหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ ตามที่ ประชาชนชาวไทยถอื ปฏบิ ตั ิสืบทอดกันมาเปน็ ระยะเวลายาวนานแล้ว กย็ ังมีกิจกรรมรื่นเรงิ อ่นื ๆ อีก อาทิเช่น การละเลน่ การสรงน้าพระ การรดน้าดาหวั ผูใ้ หญ่ เปน็ ตน้ กกกกกกกก กคาว่า“สงกรานต์”หมายถึง การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีหนึ่งเข้าไปอีก ราศหี นง่ึ ซึง่ เหตุการณน์ ้เี กิดข้ึนในทุก ๆ ปีแต่ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนย้ายจากราศีมีนเพื่อเข้าสู่ ราศีเมษน้ันจะเรียกว่า “มหาสงกรานต์”หรือ“สงกรานต์” ซึ่งเป็นวันข้ึนปีใหม่ตามคติพราหมณ์ และ เมื่อนับทางสุริยะคติ“สงกรานต์”อยู่ระหว่าง วันท่ี 13 - 15 เมษายนของทุกปี แต่หากดูตามประกาศ วันสงกรานต์ และการคานวณตามหลักโหราศาสตร์จะมีการคลาดเคลื่อนไม่ตรงกนั บา้ ง เช่น วันมหาสงกรานต์ อาจจะเป็นวันท่ี 14 เมษายนแทนท่ีจะเป็นวันท่ี 13 เมษายนก็เป็นได้ ดังน้ันเพื่อให้ จดจาไดง้ า่ ย จงึ กาหนดเรยี กตามที่กลา่ วกันมา กิจกรรมท่ีควรประพฤติปฏิบัติในวันสงกรานต์ เพ่ือสืบทอดความดีงามและคุณค่า ของประเพณนี ี้ มีดังนี้ กจิ กรรมที่ 1 การทาบุญตักบาตรนาอาหารไปถวายพระที่วัด เพ่อื สืบทอด
112 ทานุบารุงพระพุทธศาสนา และเพ่ือกล่อมเกลาจิตใจให้รู้จักการให้ การเสียสละ โดยมิมุ่งหวังส่ิงตอบ แทน กิจกรรมท่ี 2 การทาบุญอทุ ศิ ส่วนกศุ ลใหแ้ ก่บรรพบรุ ษุ เพ่อื แสดงความกตัญญูตอ่ ผมู้ พี ระคณุ ทล่ี ว่ งลับไปแล้ว กิจกรรมท่ี 3 การสรงนา้ พระ ทงั้ พระภิกษสุ งฆ์ และพระพุทธรปู เพือ่ ความเป็น สิริมงคล และแสดงความเคารพตอ่ ปูชนยี บคุ คลที่ดารงสบื ทอดพระพุทธศาสนา กิจกรรมที่ 4 การรดน้าขอพร เปน็ การแสดงความความเคารพและแสดงความ กตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะผู้อาวุโสน้อยพึงปฏิบัติต่อผู้อาวุโสมาก เช่น ลูกกับพ่อ-แม่ หลานกับตา-ยาย พุทธศาสนิกชนต่อพระภิกษุสงฆ์ เป็นต้นเป็นการแสดงความสุภาพอ่อนน้อม อ่อนโยน และขอรับพร ซึ่งผู้อาวุโสกว่าเหล่านั้นจะได้อวยชัยให้พรให้อยู่เย็นเป็นสุข และได้ข้อคิด เตือนใจเพ่อื เร่มิ ต้นปใี หมอ่ ย่างไมป่ ระมาท กิจกรรมท่ี 5 การเลน่ รดนา้ เพ่อื เชอ่ื มความสมั พันธ์ระหว่างญาติพ่นี อ้ ง และ มิตร สหาย ดว้ ยการรดน้าเพียงเล็กนอ้ ยลงทไี่ หล่หรอื ทมี่ อื พร้อมกับคาอวยพรให้มีความสขุ การละเล่น รื่นเริงต่าง ๆ น้ัน เพื่อเชื่อมความสามัคคีและเพื่อความสนุกสนาน รวมทั้งการสืบสานมรดกทาง วัฒนธรรมให้คงอยูต่ อ่ ไป นอกจากน้ี ในแต่ละท้องถ่ินย่อมมีค่านิยมและธรรมเนียมปฏิบัติเก่ียวกับประเพณี สงกรานต์ที่แตกต่างกันก็สมควรให้ปฏิบัติไปตามนั้น เพ่ือเป็นการเคารพภูมิปัญญาของบรรพบุรุษท่ีได้ กล่นั กรองเลือกสรรแล้วว่าเหมาะสมกับทอ้ งถิ่นของตนเอง กล่าวโดยสรปุ ประเพณีท่สี าคัญทีว่ ดั บางโคจัดขึ้นคือ ประเพณีการทาบญุ ตักบาตร พระ 108 ทางน้า เร่ิมในวันแรม 8 ค่า เดือน 12 และประเพณีสรงน้าพระวันสงกรานต์ซ่ึงตรงกับวันท่ี 13 เมษายน ของทุก ๆ ปี ถือเป็น“วันข้ึนปีใหม่”ตามธรรมเนียมไทย โดยในวันสงกรานต์นอกจาก ประเพณีรดนา้ ดาหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ ตามที่ประชาชนชาวไทยถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นระยะเวลา ที่ยาวนานแล้วก็ยังมีกิจกรรมที่ควรปฏิบัติ เพื่อสืบทอดความดีงาม และคุณค่าของประเพณีวัน สงกรานต์ คอื การทาบญุ ตักบาตรการทาบุญอทุ ิศสว่ นกศุ ลให้แก่บรรพบุรุษการสรงนา้ พระ การรดนา้ ขอพรการเล่นรดนา้ และกจิ กรรมรื่นเริงอน่ื ๆ กจิ กรรมท้ายบท กกกกกกกกกจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกกคาช้แี จง ให้ผู้เรยี นศกึ ษากจิ กรรมที่ 1 แลว้ เลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพยี งข้อเดียว เขียนคาตอบลงในกระดาษทแี่ จกให้หรอื กระดาษเปล่าของผู้เรียน
113 กกกกกกกก1. วดั บางโค สร้างขึ้นในสมยั รัชกาลใด กกกกกกกกกก ก. รัชกาลท่ี 3 พระบาทสมเด็จพระน่งั เกล้าเจ้าอยู่หวั กกกกกกกกกก ข. รชั กาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจ้าอยูห่ ัว กกกกกกกกกก ค. รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั กกกกกกกกกก ง. รัชกาลท่ี 5 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว กกกกกกกก2. วัดบางโค ได้รับพระราชทานวสิ ุงคามสมี าเมื่อใด กกกกกกกกกก ก. วันท่ี 10 เมษายน พ.ศ. 2432 กกกกกกกกกก ข. วนั ท่ี 23 เมษายน พ.ศ. 2435 กกกกกกกกกก ค. วนั ท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2435 กกกกกกกกกก ง. วันท่ี 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2440 กกกกกกกก3. เจา้ อาวาสวดั บางโครูปใด เปน็ ผู้สรา้ งรอยพระพุทธบาทจาลอง กกกกกกกกกก ก. พระครูสุภทั วราภรณ์ กกกกกกกกกก ข. พระปลัดประจวบ โชตคิ ุโณ กกกกกกกกกก ค. พระครูนนทสกิ ขกจิ ธมั มธโร ( หลวงปยู่ อด ) กกกกกกกกกก ง. พระครนู นทวิหารคณุ ปญุ ญสริ ิ ( หลวงพ่อบุญยงั ) กกกกกกกก4. ประเพณที ี่จัดขึ้นในวันสงกรานต์ ของวดั บางโคคอื ประเพณใี ด กกกกกกกกกก ก. สรงนา้ พระ กกกกกกกกกก ข. ตักบาตรทางนา้ กกกกกกกกกก ค. ทอดกฐนิ สามคั คี กกกกกกกกกก ง. เวยี นเทยี นรอบโบสถ์ กกกกกกกก5. วดั บางโคจดั ประเพณีทาบุญตักบาตรพระ108 ทางนา้ ในวันใด กกกกกกกกกก ก. จดั ขนึ้ ในวันข้นึ 8 คา่ เดือน 11 กกกกกกกกกก ข. จัดขึ้นในวันขึ้น 9 คา่ เดือน 11 กกกกกกกกกก ค. จดั ขึ้นในวันแรม 8 คา่ เดือน 12 กกกกกกกกกก ง. จดั ขน้ึ ในวนั แรม 9 คา่ เดือน 12 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 2 คาชแ้ี จง ใหผ้ เู้ รียนศกึ ษากิจกรรมท่ี 3 ดว้ ยการจับคู่ของข้อความหลงั ตัวเลขด้านซ้ายมือ ของกระดาษ และข้อความหลังตัวอักษรขวามือของกระดาษท่มี คี วามสมั พันธ์กนั แลว้ นาคาตอบท่ีได้ ไปเขยี นในกระดาษท่ีแจกใหห้ รือกระดาษเปลา่ ของผู้เรียน
114 ..............รอยพระพทุ ธบาทจาลอง ทว่ี ดั บางโค กก.ก. ตกั บาตรพระ 108 ทางนา้ ..............พระพทุ ธปฏมิ ากรปูนปัน้ ทขี่ ดุ พบที่บรเิ วณ ข. พระอุโบสถ์ วัดบางโค วดั ดอนสะแก เมื่อประมาณ 100 ปี ค. รอยพระพุทธบาทจาลอง ..............เปน็ ขบวนแหท่ างนา้ จัดขึ้นหลังวันออกพรรษา และรูปปั้นหลวงพ่อขาว .................วัตถสุ าคัญท่ปี รากฎใน วัดบางโค ง. เป็นประเพณหี ลังวันออกพรรษ .................เป็นทปี่ ระดิษฐานพระพุทธรปู ปาง เร่ิมในวันแรม 8 คา่ เดือน 12 วัดตาม มารวิชยั องคืใหญ่ ริมคลอง จะมีการแห่พระพุทธรปู ทมี่ ี ช่อื เสยี งของ แต่ละวัดแห่ไปตาม นา้ โดยการจดั แห่อยา่ งสวยงามเป็น ประเพณที ่ปี ฏิบตั ิกันมาอย่างช้านาน ในอาเภอบางกรวย อาเภอบางใหญ่ กจ.กหลวงพอ่ ขาว กฉ.กไดร้ ับพระราชทาน วิสงุ คามสีมา เมื่อวนั ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2432 กช.กพระครูนนทสิกขกจิ หลวงปยู่ อด กธมั มธโร กฆ.กละติจูด 13.850297 ลองจิจดู 100.40248 กจิ กรรมที่ 3 คาชี้แจง ให้ผู้เรยี นเตมิ คาลงหรือข้อความสัน้ ๆ ลงในชอ่ งว่างให้ถกู ต้องสมบูรณ์ ด้วยการ เขยี นคาตอบลงในกระดาษทีแ่ จกให้หรือกระดาษเปลา่ ของผู้เรยี น กกกกกกกข้อ 1. วัดบางโคเป็นวดั เกา่ แก่ท่สี รา้ งขน้ึ ในสมยั รัชกาลท่ี…….……….. กกกกกกกข้อ 2. วัดบางโคสรา้ งปี พ.ศ…….………..จนถึงปัจจุบนั มีอายรุ วม 163 ปี
115 กกกกกกกข้อ 3. พระพุทธรูปปูนป้ัน ของวดั บางโคชื่อ…….………. กกกกกกกขอ้ 4. วตั ถุท่ีสาคญั ของวดั บางโค คอื …….……….. กกกกกกกขอ้ 5. วดั บางโค สงั กัดคณะสงฆ์…….……….. บทท่ี 6 วดั ยุคนั ธราวาส สาระสาคญั กกกกกกก1. ท่ตี ั้ง แผนที่ และพิกดั ทางภูมิศาสตร์ กกกกกกกกก วดั ยคุ นั ธราวาส ตงั้ อยู่เลขที่ 22 หมู่ท่ี 7 ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และพกิ ดั ทางภูมิศาสตร์ อยู่ท่ี ละติจูด 13.837159 ลองจิจูด 100.429580
116 กกกกกกก2. ประวัติความเป็นมาของวัดยคุ ันธราวาส กกกกกกกกก วดั ยุคนั ธราวาส สนั นิษฐานวา่ สร้างขนึ้ เมอื่ ปี พ.ศ. 2410 โดยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั (รชั กาลท่ี 4) และสมเดจ็ พระสังฆราช (สา ปสุ ฺสเทโว) พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัว (รชั กาลท่ี 4) ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมา รามขึ้นท่ีกรุงเทพมหานคร และมีวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ท่ีเหลือจากการก่อสร้างนามาสร้างวัดยุคันธรา วาส เดิมชื่อว่า วดั ยุคันธร เปน็ วัดปริวาสกรรม หรือวัดท่ีพระสงฆ์ตอ้ งอาบัติสังฆาทิเสสทาตนให้บริสุทธ์ิ ของพระสงฆฝ์ า่ ยธรรมยตุ ิกนิกาย ได้รบั พระราชทานวสิ ุงคามสมี า เมื่อปี พ.ศ. 2440 และภายในวดั มี พระแทน่ ที่ประทบั ของรัชกาลท่ี 4 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว เพอื่ ใหร้ าลกึ ถึงพระองค์ กกกกกกก3. ความสาคัญของวัดยคุ ันธราวาส กกกกกกกกก วดั ยคุ ันธราวาส เป็นวัดเก่าแกส่ ร้างข้ึนต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2410 ปจั จุบนั มอี ายุรวม 152 ปี สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว (รชั กาลท่ี 4) และสมเดจ็ พระสงั ฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และ วัดยุคันธราวาส เป็นวัดหนึ่งใน 18 วัด ท่ีได้รับพระราชทาน “พระนิรันตราย”จากรัชกาลท่ี 5 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กกกกกกก4. บุคคลสาคญั ท่เี กยี่ วขอ้ งกับวดั ยุคันธราวาส กกกกกกกกก พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั (รัชกาลท่ี 4) และสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ขึ้นท่ี กรุงเทพมหานคร และเน่ืองจากมีวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ท่ีเหลือจากการก่อสร้างจานวนหนึ่ง จึงนามา ก่อสร้างวดั ยคุ นั ธราวาส และวดั ยุคนั ธราวาสเป็นวดั ทใ่ี ช้ปริวาสของพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ในพระวินัย ปริวาส แปลว่า อยู่กรรม หรืออยู่ชดใช้ ซึ่งพระสงฆ์ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้ จะตอ้ งประพฤตเิ ปน็ การลงโทษตนเองชดใช้ใหค้ รบเท่าจานวนวันท่ีปิดอาบัติ ทาตนให้บริสุทธิ์อยู่กรรม จึงจะพน้ ได้ ระหวา่ งอยู่ปรวิ าสต้องประพฤติวัตรต่าง ๆ เช่น งดใช้สิทธิบางอย่าง ลดฐานะของตน และ ประจานตน และพระมหาบญุ ธาตุ ธมั มธโร เป็นเจา้ อาวาสรปู ปัจจุบัน กกกกกกก5. โบราณสถานและโบราณวัตถขุ องวดั ยุคันธราวาส กกกกกกกกก วดั ยคุ ันธราวาสมีโบราณสถาน คอื พระอโุ บสถสรา้ งข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2410 และโบราณวัตถุ คือ พระนิรันตราย หมายถึง ปราศจากอันตรายนิรันดร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 4) ทรงพระราชทานพระนามด้วยพระองค์เอง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 5) จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายช่างทาการกะไหล่ทองทั้ง 18 องค์ ให้
117 แล้วเสร็จ และพระราชทานไปตามวัดคณะธรรมยุติกนิกาย จานวน 18 วัด ตามพระราชประสงค์ของ พระบรมราชชนก โดยวัดยุคันธราวาส ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จังหวดั นนทบรุ ี เป็น 1 ใน 18 วดั ทีไ่ ดร้ ับพระราชทานพระนริ ันตราย กกกกกกก6. ประเพณสี าคญั กกกกกกกกก ประเพณีสาคัญของวัดยุคันธราวาส คือ ประเพณีสรงน้าพระนิรันตราย จัดขึ้นทุกวันที่ 16 เมษายน ของทุกปี การสรงน้าพระเป็นพิธีกรรมที่พึงกระทาเป็นประจาทุกปีในวันสงกรานต์ ซ่ึง “การสรงน้าพระ” ศาสนาพุทธ ใชค้ าวา่ ถวายเครอื่ งเถราภิเษก (สรงนา้ พระ) หรือ การทาความเคารพ ถ้าสรงน้าพระด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ผลบุญก็จะส่งผลให้เราปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีความสุขจิตใจผ่องใส สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน ทาให้อยู่เย็นเป็นสุขเป็นมงคลแก่ตนเอง และครอบครวั รวมถึงแผ่ผลบญุ ให้แก่บรรพบรุ ษุ ญาติมิตร สรรพสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรได้อีกด้วย โดยขั้นตอนการสรงน้าพระมี 2 ข้ันตอน คือ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และเตรียมน้าโรยดอกไม้ น้าอบ ลงในขัน และเริ่มสรงน้าพระพร้อมอธิษฐาน ผลการเรียนรูท้ ค่ี าดหวงั กกกกกกก1. บอกประวัติความเปน็ มาของวดั ยุคันธราวาสได้ กกกกกกก2. ตอบคาถามทา้ ยบทท่ี 4 วัดยุคนั ธราวาสได้ กกกกกกก3. ตระหนักถงึ ความสาคญั เหน็ คุณคา่ ของวดั ยุคันธราวาส ขอบขา่ ยเนอ้ื หา กกกกกกกเร่ืองท่ีก1 ที่ตงั้ แผนท่ี และพิกดั ทางภูมศิ าสตร์ กกกกกกกเร่ืองที่ก2กประวตั ิความเปน็ มาของวดั ยุคันธราวาส กกกกกกกเร่ืองท่ีก3กความสาคญั ของวดั ยุคันธราวาส กกกกกกกเร่ืองท่ีก4กบคุ คลสาคัญท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั วัดยุคันธราวาส กกกกกกกเรื่องที่ก5กโบราณสถานและโบราณวัตถุของวดั ยุคนั ธราวาส เร่ืองทก่ี 6กประเพณีสาคญั ทีจ่ ดั ข้นึ สอ่ื ประกอบการเรียน กกกกกกก1. กพระนริ ันตราย สืบคน้ จาก ttps://siamrath.co.th กกกกกก 2. กพระมหาบญุ ธาตุ ธมั มธโร เจา้ อาวาสวัดยคุ ันธราวาส ที่อยู่ 22 หมู่ท่ี 7 ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี หมายเลขโทรศพั ท์ 081-732-9882
118 กกกกกก 3. กนางเรวณี คาปุ่ ที่อยู่ 87/1 หมทู่ ่ี 7 ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จงั หวดั นนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 085-252-4384 เรื่องท่ี 1 ทต่ี ั้ง แผนที่ และพกิ ัดทางภมู ิศาสตร์ กกกกกกกกกก1.1 ท่ีต้ังวัดยุคันธราวาส ต้ังอยู่เลขที่ 22 หมู่ที่ 7 บ้านวัดยุคันธราวาส ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จงั หวดั นนทบรุ ี กกกกกกกกก 1.2 แผนท่ี
119 1.3 พกิ ดั ทางภมู ิศาสตรอ์ ยทู่ ี่ ละติจูด 13.837159 ลองจจิ ูด 100.429580 เรื่องที่ 2 ประวัตคิ วามเป็นมาของวัดยคุ ันธราวาส กกกกกกกกวัดยุคนั ธราวาส สันนิษฐานว่าสรา้ งข้ึนเมอ่ื ปี พ.ศ. 2410 โดยสมเดจ็ พระสงั ฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้โปรดเกลา้ โปรดกระหม่อม สร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามข้ึนท่ีกรุงเทพมหานคร และเนื่องจากมีวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ท่ี เหลือจากการกอ่ สร้างจานวนหนึง่ จึงนามาสร้างวัดยคุ นั ธราวาส เดมิ ชื่อ วัดยุคนธร ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2440 ภายในวัดมีพระแท่นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจา้ อย่หู ัว (รัชกาลที่ 4) เพ่อื ให้ราลกึ ถงึ พระองค์ กกกกกกกกเมื่อปี พ.ศ. 2557 ในศาลาการเปรียญหลงั เก่า บรเิ วณทตี่ ้ังพระบูชา พบวา่ มีพระพุทธรูป ซง่ึ ตง้ั เปน็ พระประธานจากเดิมทม่ี ีอยดู่ ว้ ยกนั 3 องค์ ได้ถูกคนร้ายเข้ามาโจรกรรมไปจานวน 1 องค์ เหลอื เพยี ง 2 องค์ องค์ทีถ่ ูกคนรา้ ยโจรกรรมไปนน้ั เป็นพระพุทธรปู ปางประทานพรเนื้อสาริด หนา้ ตัก กวา้ งประมาณ 30 น้วิ สงู 60 เซนตเิ มตร สรา้ งขนึ้ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั (รชั กาลท่ี 4) กกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป วัดยุคันธราวาส สันนิษฐานว่าสร้างข้ึนเม่ือปี พ.ศ. 2410 โดย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสร้างวัดราชประดิษฐ์ สถิตมหาสีมารามข้ึนท่ีกรุงเทพมหานคร และเนื่องจากมีวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ท่ีเหลือจากการก่อสร้าง จานวนหนง่ึ จึงนามาก่อสรา้ งวดั ยคุ ันธราวาส เดิมช่อื วัดยุคนธร เพือ่ ใหเ้ ปน็ วัดปริวาสกรรม (พระสงฆ์ ต้องอาบัตสิ ังฆาทเิ สสทาตนให้บริสทุ ธ)์ิ ของพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย และภายในวัดมี พระแท่นท่ี
120 ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เพ่ือให้ราลึกถึงพระองค์ วัดน้ีได้รับ พระราชทานวสิ ุงคามสมี า เมือ่ ประมาณปี พ.ศ. 2440 เรื่องท่ี 3 ความสาคญั ของวัดยคุ นั ธราวาส กกกกกกกกกวัดยุคนั ธราวาส มีความสาคัญดังนี้ เป็นวัดเก่าแก่สรา้ งขึ้นต้ังแต่ปี พ.ศ. 2410 ปัจจุบัน มีอายุรวม 152 ปี สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 4) ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามขึ้นท่ี กรงุ เทพมหานคร และ เนอื่ งจากมีวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ท่ีเหลือจากการก่อสร้างนามาสร้างวัดยุคันธราวาส ข้ึนอีกวัดหน่ึงเพ่ือให้เป็นวัดปริวาสกรรม หรือวัดท่ีพระสงฆ์ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทาตนให้บริสุทธิ์ของ พระสงฆฝ์ ่ายธรรมยุติกนิกาย กกกกกกกกกวดั ยคุ นั ธราวาส เป็นท่ีประดิษฐานของพระนิรนั ตราย ซ่ึงรชั กาลท่ี 4 ทรงโปรดเกล้าโปรด กระหมอ่ มใหห้ ลอ่ พระพุทธรูปเป็นเนอ้ื ทองเหลืองกะไหล่ทอง โดยมเี รือนแกว้ เปน็ พุ่มพระมหาโพธิ์ มีอักขระขอมแสดงพระพุทธคุณจาหลักลงในวงกลีบบัว เบ้ืองหน้า 9 เบื้องหลัง 9 ยอดเรือนแก้วเป็น รูปพระมหามงกุฎ ต้ังติดอยู่กับฐานชั้นล่าง รองฐานพระซึ่งเป็นที่สาหรับรับน้าสรงพระ จานวน 18 องค์ เท่ากับจานวนปีที่เสด็จอยู่ในสิริราชสมบัติ พระราชทานนามว่า “พระนิรันตราย” เพื่อพระราชทาน เป็นส่ิงศักดสิ์ ิทธ์สิ าคัญประจาพระอารามต่าง ๆ กกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป วัดยุคันธราวาสเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 ปัจจุบันมีอายุ รวม 152 ปี สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และสมเด็จพระสังฆราช (สา ปสุ ฺสเทโว) และ วัดยคุ นั ธราวาส เปน็ วัดหนึ่งใน 18 วัด ที่ไดร้ ับพระราชทาน “พระนริ นั ตราย” จากรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั เร่อื งท่ี 4 บคุ คลสาคัญทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับวัดยุคันธราวาส กกกกกกกกก4.1 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว (รชั กาลที่ 4)
121 กกกกกกกกกกกกกพระราชประวตั ิพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั (รชั กาลท่ี 4) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย (รชั กาลที่ 2) และ สมเด็จพระศรีสุริเยน ทราบรมราชินี เสดจ็ พระราชสมภพ เมือ่ วนั ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการ ทานุบารุงพระศาสนา ในขณะท่ีทรงผนวชอยู่ทรงจัดตั้งนิกายใหม่ เรียกว่า ธรรมยุติกนิกาย ในปี พ.ศ. 2372 เน่ืองด้วยพระองค์ทรงผนวชอยู่เป็นเวลานาน จึงทาให้พระองค์ทรงแตกฉานในภาษามคธ บาลี และสนั สกฤต พระองค์จึงสามารถสอบสวนข้อความต่าง ๆ ในพระคัมภีร์พระไตรปิฎกทุกฉบับได้ โดย ละเอยี ดตลอดจนเรียนรู้ และจดจาตามพระอรรถกถา หรอื คมั ภีร์พระไตรปฏิ กภาษาบาลีได้ จึงพบ วา่ มีขอ้ ความคลาดเคลือ่ นจากพทุ ธบัญญัติเป็นอันมาก จึงโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมให้สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดได้ร่วมกันจัดต้ังธรรมยุติกนิกาย ข้ึน ซึ่งได้ทรงอนุเคราะห์ส่ังสอนกุลบุตร และผู้มีศรัทธาในข้อวินัยวัตร และสุตตันตปิฎกต่าง ๆ อย่าง ถกู ตอ้ งตามพระธรรมวนิ ยั จนกลุ บตุ รเหลา่ นั้นเกิดความศรทั ธาขอบรรพชาและอุปสมบทประพฤติตาม ธรรมยุติกนิกายนับเป็นความมหัศจรรย์แห่งพระพุทธศาสนาอย่างย่ิง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามข้ึนที่ กรงุ เทพมหานคร และ เนอ่ื งจากมวี สั ดสุ ัมภาระตา่ ง ๆ ทเ่ี หลือจากการกอ่ สรา้ ง จงึ นามาสรา้ งวัด ยคุ นั ธราวาส ณ ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จงั หวัดนนทบรุ ี 4.2 สมเดจ็ พระสังฆราช (สา ปุสสฺ เทโว) กกกกกก
122 กกกกกกกกกกกกกกกประวัตสิ มเดจ็ พระสงั ฆราช (สา ปุสสฺ เทโว) เดิมทา่ นเปน็ ชาวบางไผ่ จงั หวดั นนทบุรี เกดิ สมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั (รชั กาลที่ 2) เมอ่ื วนั พฤหัสบดี ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2356 ปีระกา บา้ นเดมิ อยู่บางเชิงกราน จังหวัดราชบุรี บิดาช่ือจัน เคยอุปสมบท และชานาญในคัมภีร์มิลินทปัญหาและมาลัยสูตรมาก จึงได้ฉายาจากประชาชนว่า จันมิลินทมาลัย มารดาชอื่ สขุ มพี ีน่ ้องเกิดร่วมบดิ ามารดาเดยี วกนั 5 คน คอื อวบ ชา้ ง สา สัง และ อ๋มิ ไม่ปรากฏว่า สมเด็จพระสังฆราช (สา) มีนามสกุลเดิมว่าอย่างไร แต่คนทั่วไปนิยมใช้ฉายาของท่านเป็นนามสกุล ผู้คนจึงนิยมเรียกท่านว่าสามเณรสา ปุสสเทวะ เรื่อยมา พระองค์ได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์อยู่ในสานัก พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว (รัชกาลท่ี 4) ตง้ั แต่เป็นสามเณร และได้ศึกษาพระปริยัติธรรม ตอ่ ทีส่ านักวดั ราชาธิวาส จนพระชนมายุได้ 18 พรรษา จึงได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกคร้ังหน่ึง และ ทรงแปลได้หมดท้งั 9 ประโยคได้เปน็ เปรยี ญเอกตั้งแต่ยังทรงเป็นสามเณร นับเป็นสามเณรรูปแรกที่ได้ เปรยี ญ 9 ประโยค ในสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2410 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โปรดให้สมเด็จ พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ขณะทรงสมณศักดิ์พระสาสนโสภณ นาวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ที่เหลือจาก การกอ่ สร้างวดั ราชประดิษฐ์สถิตมหาสมี ารามมาก่อสร้างวดั ยุคันธราวาส วัดยคุ นั ธราวาส เป็นวัดปริวาสกรรม ของพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตกิ นกิ าย ในพระวินัย ปรวิ าส แปลว่า อยู่กรรม หรอื อยชู่ ดใช้ ซึ่งพระสงฆ์ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้จะต้องประพฤติ เป็นการลงโทษตนเองชดใช้ให้ครบเท่าจานวนวันที่ปิดอาบัติ ทาตนให้บริสุทธ์ิอยู่กรรมจึงจะพ้นได้ ระหว่างอยูป่ รวิ าสต้องประพฤติวัตรต่าง ๆ เช่น งดใช้สิทธิบางอย่าง ลดฐานะของตน และประจานตน เป็นตน้ ลกั ษณะการอยูป่ รวิ าสคือ ต้องไปอยใู่ นวดั ทีเ่ งยี บ ๆ เช่น วดั ตามป่าเขา ต้องมี
123 พระพี่เล้ียงอย่างน้อย 1 รูปอยู่ด้วยกัน พระพี่เล้ียงจะผลัดเปล่ียนไปเรื่อย ๆ ก็ได้ พระท่ีไปอยู่ปริวาส ห้ามออกนอกเขตวัด ถ้าจะออกนอกเขตวัดต้องมีพระพี่เลี้ยงไปด้วย ออกไปรูปเดียวไม่ได้จะทาให้การ อยู่ปริวาสขาดไป ต้องเริ่มอยู่ใหม่ (นับ 1 กันใหม่) และต้องอยู่ใกล้ตัวพระพ่ีเลี้ยงไปตลอด ห้ามอยู่ห่าง จากตัวพระพี่เล้ียงห่างเกินระยะ 1 หัตถบาส (ระยะ 1 ศอก 1 คืบ คือประมาณ 1.5 เมตร) ถ้าเผลอ เช่นเดินออกไปห่างจากตัวพระพี่เล้ียงเกินระยะ 1.5 เมตร ในขณะอยู่นอกเขตวัด ถือว่าการอยู่ปริวาส วันนัน้ ขาด กลายเปน็ โมฆะ นับไมไ่ ด้ ตอ้ งไปนับใหม่ ขณะอยูใ่ นวดั ต้องทาตัวคล้าย ๆ เปน็ สามเณร คือ ต้องเช่ือฟงั รบั ใช้พระอืน่ ๆ ในวัด หา้ มฉันภตั ตาหารร่วมกับพระในวดั ต้องแยกไปฉนั ต่างหาก หา้ มนอนในกฎุ เิ ดยี วกบั พระอืน่ ๆ แมจ้ ะเปน็ พระพรรษามาก ๆ เม่อื ตอนน่ังรวมกบั กลมุ่ พระแบบ นง่ั เรียงลาดบั กต็ อ้ งไปนงั่ ลาดบั ทา้ ยสุดของแถวพระ ตอ่ จากพระบวชใหม่ เปน็ หวั แถวสามเณร และ ถา้ มีพระอาคนั ตุกะผา่ นเข้ามาในบริเวณวัด ก็ต้องรีบไปบอกวัตร คือ สวดแจ้งให้พระอาคันตุกะรับรู้ว่า ตนเป็นพระที่กาลังมาอยู่ปริวาส โดยมีคาสวดยาว 1 หน้ากระดาษ ถ้าไม่ได้สวดการอยู่ปริวาสวันนั้นก็ เปน็ โมฆะต้องไปนบั ใหม่วันต่อไปและตอนเย็นทุกวัน ก็ต้องมาสวดบอกวัตรแบบนั้นให้พระในวัดทุก ๆ รูปได้รับฟังขาดไม่ได้ ถ้าขาดวันนั้นก็เป็นโมฆะ ต้องไปนับใหม่วันต่อไปต้องปฏิบัติตัวแบบนี้ทุกวันจน ครบจานวนวนั ท่ีอยู่ปรวิ าส เชน่ ถ้าอยปู่ ริวาสนาน 6 เดือน กต็ อ้ งทาแบบนี้ไปจนครบ 6 เดือน (ตามจานวนวนั ท่ปี กปดิ ) เมื่ออยปู่ ริวาสครบกาหนดแล้ว ต่อไปต้องไปอยู่มานัตอีก 6 วัน ซ่ึงคล้ายกับ การอย่ปู ริวาส แตก่ ารอย่มู านัตต้องมีสงฆ์อยู่ด้วยอย่างน้อย 4 รูป ข้ึนไป (ต่างกับอยู่ปริวาส ซ่ึงมีพระพี่ เลย้ี งอยู่ด้วยในวัดเพียงรูปเดียวก็ได้) เม่ืออยู่ปริวาสครบ 6 วัน ก็ไปให้พระสงฆ์สวดอัพภาณ ซ่ึงต้องใช้ พระสงฆอ์ ย่างน้อย 20 รปู จึงจะครบถว้ นกระบวนความในการแก้อาบตั สิ ังฆาทเิ สส กกกกกกกกก4.3 พระมหาบญุ ธาตุ ธัมมธโร
124 กกกกกกกกกกกกกประวัติพระมหาบุญธาตุ ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดยุคันธราวาส เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2504 เดิมท่านบวชเป็นสามเณร เม่ือปี พ.ศ.2523 ณ วัดประชานิยม อาเภอเมืองกาฬสินธ์ุ จังหวัดกาฬสินธุ์ และบวชเป็นพระภิกษุ เม่ือปี พ.ศ. 2525 รักษาการในตาแหน่งเจ้าอาวาสวัดยุคันธราวาส เมอื่ ปี พ.ศ. 2556 และประกาศแต่งตั้งเปน็ เจา้ อาวาสอยา่ งเปน็ ทางการเมื่อ วันท่ี 19 พฤษภาคม 2560 จนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลาการดารงตาแหน่งเจ้าอาวาส 6 ปี ท่านเป็นภูมิปัญญาผู้ให้ข้อมูลประวัติ ความเปน็ มา และประเพณสี าคญั ของวดั ยคุ ันธราวาส กกกกกกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป บุคคลสาคัญท่ีเกี่ยวข้องกับวัดยุคันธราวาสคือ รัชกาลที่ 4 หรือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สร้างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามข้ึนที่กรุงเทพมหานคร และเน่ืองจากมีวัสดุสัมภาระต่าง ๆ ที่ เหลือจากการก่อสร้างจานวนหนึ่ง จึงนามาก่อสร้างวัดยุคันธราวาส และวัดยุคันธราวาสเป็นวัดที่ใช้ ปริวาสของพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายในพระวินัย ปริวาส แปลว่า อยู่กรรม หรืออยู่ชดใช้ ซึ่ง พระสงฆ์ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้จะต้องประพฤติ เป็นการลงโทษตนเองชดใช้ให้ครบเท่า จานวนวนั ทป่ี ิดอาบตั ิ ทาตนใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิอยู่กรรมจึงจะพ้นได้ ระหว่างอยู่ปริวาสต้องประพฤติวัตรต่าง ๆ เช่น งดใช้สิทธิบางอย่าง ลดฐานะของตน และประจานตน และ พระมหาบุญธาตุ ธัมมธโรเป็นเจ้า อาวาสรปู ปัจจบุ ัน เรอื่ งท่ี 5 โบราณสถานและโบราณวตั ถขุ องวดั ยุคนั ธราวาส
125 ก5.1 โบราณสถาน 5.1.1 พระอุโบสถวดั ยคุ ันธราวาสก กกกก กกกกกกกกกกกกกกกกพระอุโบสถวัดยุคันธราวาส สันนิษฐานว่าสร้างข้ึนเม่ือปี พ.ศ. 2410 โบราณสถานสาคัญภายในวัดยุคันธราวาส คือ พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน กว้าง 10 เมตร ยาว 17 เมตร ภายในอุโบสถวัดยุคันธราวาสมีความพิเศษต้ังแต่แรกสร้างไม่มีพระพุทธรูปประธานแต่ ว่ามีพระเจดีย์หล่อทรงระฆังประดิษฐานเป็นประธานภายในอุโบสถ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยหู่ วั (รชั กาลท่ี 4) โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างข้ึนหล่อด้วยทองเหลือง ส่วนยอดพระเจดีย์ ถอดได้เป็นเกลียว เดิมมีพระโบราณโกศทองคาบรรจุพระธาตุอยู่ภายในพระเจดีย์ ปัจจุบันสูญหายไป แลว้ 5.2 โบราณวัตถุ 5.2.1 พระนิรันตราย
126 กกกกกกกกกก กกกกกกกกกกกกกกกกก พระนริ ันตราย เป็นพระพทุ ธรูปเก่าแกท่ ี่มีการค้นพบในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั (รัชกาลที่ 4) ตามประวัติการคน้ พบกลา่ วไว้ว่า เม่ือปี พ.ศ.2399 กานันอิน ซ่ึง มีภูมิลาเนาอยู่เมืองปราจีนบุรี ฝันว่าจับช้างเผือกได้ หลังจากน้ันไม่นาน ท่านกับบุตรชายช่ือ นายยัง ได้เดินทางเข้าป่าเพ่ือขุดมันนกในบริเวณชายป่า ห่างจากดงศรีมหาโพธิ์ ประมาณ 3 เส้น ก็ได้พบ พระพุทธรูปสมัยทวารวดี หล่อด้วยทองคาเนื้อหก มีน้าหนัก 8 ตาลึง จึงนาไปมอบให้พระเกรียงไกร กระบวนยุทธ์ ปลัดเมืองฉะเชิงเทรา พระเกรียงไกรได้พากานันอิน และนายยังเข้าเฝ้าเพื่อนาขึ้น ทลู เกลา้ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว (รชั กาลท่ี 4) พระนิรันตรายนับเป็นพระพุทธรูป องค์สาคัญประจารัชกาลท่ี 4 องค์หน่ึง โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัญเชิญประดิษฐานในพระแท่น มณฑลในพระราชพิธีต่าง ๆ อาทิ พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ (ทาบุญตรุษ) และพระราชพิธีสงกรานต์ เป็นตน้ พระนิรันตราย หมายถึง ปราศจากอันตรายนิรันดรน้ัน พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 4) ทรงพระราชทานพระนามด้วยพระองค์เอง สืบเนื่องจากในปี พ.ศ. 2403 พระพุทธรูปศักด์ิสิทธิ์ได้สร้างปาฏิหาริย์เป็นท่ีปรากฏ เมื่อมีคนร้ายลักลอบเข้าหอเสถียร
127 ธรรมปริตรโจรกรรมเอาพระกร่ิงทองคาองค์เล็กไป แต่ไม่เอาพระพุทธรูปทองคาท่ีประดิษฐานอยู่คู่กัน ไปทั้งที่องค์พระมีขนาดใหญ่กว่า พระองค์ทรงมีพระราชดาริว่าพระพุทธรูปซึ่งกานันอินทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายน้ันเป็นทองคาทั้งแท่งและใหญ่กว่าพระกร่ิง ควรที่คนร้ายจะโจรกรรมองค์ใหญ่ไป แต่กลับละไว้ เช่นเดียวกับผู้ท่ีขุดได้ไม่ทาอันตราย เป็นเรื่องมหัศจรรย์ท่ีแคล้วคลาดถึง 2 ครั้ง จึงทรง พระราชดาริให้เจ้าพนักงานทาการหล่อพระพุทธรูปนั่ง ปางขัดสมาธิเพชร เนื้อทองคา ขนาดหน้าตัก กว้าง 5 นิ้วคร่ึง เพื่อสวมพระพุทธรูปองค์ในไว้อีกช้ันหน่ึง และยังโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หล่อ พระพทุ ธรปู อกี องค์หนงึ่ เป็นเนอื้ เงนิ บรสิ ทุ ธิไ์ ว้คกู่ ัน เมอ่ื พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติมีพระอารามมากข้ึน ในปี พ.ศ. 2411 พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หล่อพระพุทธรูปพิมพ์เดียวกันนี้ เป็นเน้ือ ทองเหลืองกะไหลท่ อง โดยมเี รือนแก้วเป็นพุ่มพระมหาโพธิ์ มีอักขระขอมแสดงพระพทุ ธคุณจาหลัก ลงในวงกลีบบัว เบือ้ งหนา้ 9 เบื้องหลัง 9 ยอดเรือนแกว้ เป็นรปู พระมหามงกุฎ ต้งั ติดอยู่กับฐานช้ันล่าง รองฐานพระซ่งึ เปน็ ทีส่ าหรบั รบั น้าสรงพระ จานวน 18 องค์ เทา่ กบั จานวนปีทเ่ี สด็จอยูใ่ นสิริราชสมบัติ พระราชทานนามว่า “พระนริ นั ตราย” เช่นกนั เพื่อพระราชทานเป็นสงิ่ ศกั ดส์ิ ิทธสิ์ าคญั ประจา พระอารามต่าง ๆ แต่ยงั ไมท่ ันกะไหลท่ อง พระองคก์ ็เสดจ็ สวรรคตเสียก่อน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 5) จึงโปรด เกล้าโปรดกระหม่อมให้นายช่างทาการกะไหลท่ องท้งั 18 องค์ให้แล้วเสร็จ และพระราชทานไปตามวัด ในคณะธรรมยุติกนิกาย จานวน 18 วัด ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจา้ อย่หู วั พระบรมราชชนก ไดแ้ ก่ วัดราชาธิวาส วดั บวรนิเวศ วหิ ารวดั เทพศิรนิ ทราวาส วัดบรมนวิ าส วัดราชประดิษฐสถติ มหาสมี าราม วดั ราชบพธิ สถิตมหาสมี าราม วัดมกฏุ กษตั ริยาราม วัดโสมนัสวิหาร วัดบุรณศริ ิมาตยาราม วัดราชผาติการาม วัดปทุมวนาราม วัดสัมพันธวงศ์ วัดเครือวัลย์ วัดบุปผาราม วัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี วัดยุคันธราวาส จังหวัดนนทบุรี วัดนิเวศน์ ธรรมประวัติ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และ วดั เสนาสนาราม จังหวดั พระนครศรีอยุธยา กล่าวโดยสรุป วัดยุคันธราวาสมีโบราณสถาน คือ พระอุโบสถสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2410 และ โบราณวัตถุ คือ พระนิรันตราย หมายถึง ปราศจากอันตรายนิรันดร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 4) ทรงพระราชทานพระนามด้วยพระองค์เอง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นาย ช่างทาการกะไหล่ทองท้ัง 18 องค์ให้แล้วเสร็จ และพระราชทานไปตามวัดคณะธรรมยุติกนิกาย จานวน 18 วดั ตามพระราชประสงคข์ องพระบรมราชชนก โดยวดั ยุคนั ธราวาส ตาบลบางเลน อาเภอบางใหญ่ จงั หวดั นนทบรุ ี เปน็ 1 ใน 18 วัด ทีไ่ ดร้ บั พระราชทานพระนริ ันตราย เรอื่ งท่ี 6 ประเพณสี าคัญ กกกกกกกก 6.1 ประเพณสี รงน้าพระนริ ันตราย
128 กกกกกกกกกกกกพระนิรันตรายนับเป็นพระพุทธรูปสาคัญอันเกี่ยวเนื่องในพระราชประวัติของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ประกอบพระนามพระพุทธรูปก็มีความหมาย เป็นมงคลว่าปราศจากอนั ตราย การเลือกพระราชทานพระนิรันตรายเรือนแกว้ พร้อมคาถาสรรเสริญ พระพทุ ธคุณ จงึ เสมือนเป็นการประสาทพรให้กับวัดหลวงธรรมยุติกนิกายของพระองค์ให้แคล้วคลาด ปราศจากภยนั ตราย ด้วยอานาจแห่งพระพุทธคณุ อีกด้วย วดั ยคุ ันธราวาสจงึ ได้จัดประเพณี สรงน้าพระนิรนั ตราย ขึ้นทกุ วันท่ี 16 เมษายน ของทุกปี กกกกกกกกกกกกการสรงนา้ พระเป็นพธิ กี รรมท่พี ึงกระทาเป็นประจาทุกปใี นวันสงกรานต์ ซึง่ “การสรงน้าพระ” ศาสนาพุทธใช้คาว่า ถวายเครื่องเถราภิเษก หรือการทาความเคารพ ถ้าทาด้วย ความต้งั ใจสรงน้าพระด้วยจิตศรัทธาเล่ือมใสในพระรัตนตรัย ผลบุญก็จะส่งผลให้เราปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ และมีความสุขจิตใจผ่องใส สะอาดบริสุทธ์ิปราศจากมลทิน ทาให้อยู่เย็นเป็นสุขเป็นมงคลแก่ ตนเอง และครอบครวั รวมถงึ แผผ่ ลบญุ ใหบ้ รรพบรุ ุษ ญาติมิตร สรรพสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรได้โดย ขน้ั ตอนการสรงนา้ พระมี ดังน้ี ข้ันตอนที่ 1 เตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม ก่อนสรงน้าพระควรเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ตา่ ง ๆ ท้ังดอกไม้กลิ่นหอม เช่น มะลิ กุหลาบ หรือดอกไม้ที่ชื่อเป็นมงคล รวมถึงพวงมาลัยและน้าอบ ขนั น้าใส่น้าให้พรอ้ ม น้าทใ่ี ชส้ รงพระพทุ ธรปู ควรเปน็ น้าสะอาดทส่ี ามารถดม่ื กินได้
129 ข้ันตอนที่ 2 เตรียมน้าโรยดอกไม้ น้าอบลงในขัน และเร่ิมสรงน้าพระพร้อมสวด อธิษฐานก่อนสรงน้าพระ โดยให้เริ่มต้ังนะโม 3 จบ แล้วกล่าวอธิษฐานว่า อิมินา สิญฺจะเนเนวะ โรโค โสโก อุปัทวะโท นิพพันตุ สัพพะโส เอเต สุขี โหนตุ นิรันตะรังคาแปล เดชะ ข้าสรงน้า พระชุ่มฉ่า ตลอดกาล ทุกขโ์ ศก โรคภัยพาล อันตรธาน เป็นสุข เทอญ กล่าวโดยสรุป ประเพณสี าคัญของวดั ยคุ นั ธราวาส คือ ประเพณสี รงนา้ พระนิรันตราย จัดข้ึนทุกวันท่ี 16 เมษายน ของทุกปีการสรงน้าพระเป็นพิธีกรรมท่ีพึงกระทาเป็น ประจาทกุ ปีในวนั สงกรานต์ ซึ่ง “การสรงนา้ พระ” ศาสนาพทุ ธ ใชค้ าว่า ถวายเครอื่ งเถราภเิ ษก (สรงน้าพระ) หรือการทาความเคารพ ถ้าสรงนา้ พระด้วยจติ ศรัทธาเลอื่ มใสในพระรตั นตรัย ผลบุญก็จะ ส่งผลใหเ้ ราปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีความสุขจิตใจผ่องใส สะอาดบริสุทธ์ิปราศจากมลทิน ทาให้ อยู่เย็นเป็นสุขเป็นมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว รวมถึงแผ่ผลบุญให้แก่บรรพบุรุษ ญาติมิตร สรรพ สัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรได้อีกด้วยโดยข้ันตอนการสรงน้าพระมี 2 ขั้นตอน คือ การเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และ เตรยี มน้าโรยดอกไม้ นา้ อบลงในขนั และเริ่มสรงน้าพระพร้อมอธิษฐาน กิจกรรมท้ายบท กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 1 คาชแ้ี จง ใหผ้ เู้ รียนศึกษากิจกรรมที่ 1 แลว้ เลือกคาตอบท่ีถกู ต้องท่ีสดุ เพยี งข้อเดียวเขยี น คาตอบลงในกระดาษทแี่ จกใหห้ รือกระดาษเปล่าของผเู้ รียน กกกกกกก1. วดั ยุคันธราวาสสร้างต้ังแตส่ มยั ใด
130 กกกกกกกกกก. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รชั กาลท่ี 4) กกกกกกกกกข. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู ัว (รัชกาลท่ี 6) กกกกกกกกกค. พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รชั กาลที่ 5) กกกกกกกกกง.ก พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั (รชั กาลท่ี 7) กกกกกกก2. วดั ยคุ นั ธราวาส สนั นษิ ฐานวา่ สรา้ งขึน้ เมอ่ื ปีพุทธศกั ราชใด กกกกกกกกกก. กพทุ ธศกั ราช 2400 กกกกกกกกกข. กพทุ ธศกั ราช 2410 กกกกกกกกกค. กพทุ ธศักราช 2413 กกกกกกกกกง. กพทุ ธศักราช 2425 กกกกกกก3. วดั ยคุ ันธราวาส เดมิ ชอ่ื วดั อะไร กกกกกกกกกก. กวดั สกั กกกกกกกกกข. กวดั ยคุ นธร กกกก ก ค. กวัดบางช่วย กกกกกกกกกง. กวดั ยวุ าสนา กกกกกกก4. วดั ยคุ นั ธราวาสมีความเก่ียวข้องกบั วัดใด กกกกกกกกกก. กวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ก กกกกกกกกกข. กวดั ราชประดษิ ฐส์ ถิตมหาสมี าราม กกกกกกกกกค. กวัดราชบพิธสถติ มหาสมี ารามราชวรวหิ าร กกกกกกกกกง. วดั พระเชตพุ นวิมลมังคลารามราชวรมหาวหิ าร กกกกกกก5. พระพุทธรูป ของวดั ยุคันธราวาสได้ถกู โจรกรรมในปพี ุทธศกั ราชใด กกกกกกกกกก. กพุทธศกั ราช 2554 กกกกกกกกกข. กพุทธศกั ราช 2555 กกกกกกกกกค. กพทุ ธศักราช 2556 กกกกกกกกกง. กพุทธศักราช 2557 กจิ กรรมที่ 2 คาชีแ้ จง ให้ผู้เรียนศึกษากจิ กรรมที่ 3 ด้วยการจับคขู่ องข้อความหลงั ตัวเลขด้านซ้ายมือ ของกระดาษ และขอ้ ความหลังตวั อกั ษรขวามือของกระดาษทมี่ ีความสมั พนั ธก์ นั แล้วนาคาตอบที่ได้ ไปเขยี นในกระดาษท่ีแจกใหห้ รือกระดาษเปลา่ ของผเู้ รยี น
131 ……………….1. กสมเดจ็ พระสังฆราช (สา ปุสสฺ เทโว) ก. กพระวิหาร ……………… 2. กพระนิรนั ตราย ข. กโบราณสถาน ……………….3. กพระอุโบสถวัดยคุ ันธราวาส ค. กโบราณวตั ถุ ……………… 4. กพระมหาบญุ ธาตุ ธัมมธโร ง. กเจ้าอาวาสวดั ยคุ ันธราวาส ……...……… 5. กสรงน้าพระนิรนั ตราย จ. กพระประธาน ฉ. กบทสวดมนต์ ช. กผสู้ รา้ งวดั ยุคนั ธราวาส ซ. กประเพณสี าคัญ กกกกจิ กรรมท่ี 3 คาช้แี จง ให้ผ้เู รยี นเติมคาลงหรือข้อความสน้ั ๆ ลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้องสมบูรณ์ ดว้ ยการ เขียนคาตอบลงในกระดาษที่แจกให้หรอื กระดาษเปลา่ ของผู้เขยี น กกกกกกกข้อ 1กกวดั ยุคันธราวาส มีโบราณวัตถคุ ือ……….………………………………………………………… กกกกกกกขอ้ 2กกวดั ยุคนั ธราวาสสร้างข้นึ โดย พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั (รชั กาลที่ 4) และ……….……………………………………………………………………………………………………………………………... กกกกกกกข้อ 3กกวัดยุคนั ธราวาสเดมิ เป็นวดั ปริวาสกรรม (พระสงฆต์ ้องอาบตั สิ งั ฆาทเิ สส ทาตนให้ บรสิ ุทธิ)์ ของพระสงฆ์ฝา่ ย……….……………………………………………………………………………………………… กกกกกกกข้อ 4กกวัดยุคนั ธราวาส ไดร้ ับพระราชทานสุงคามสมี า เม่อื ประมาณปี……….………………… กกกกกกกข้อ 5กกภายใน วดั ยุคันธราวาสมพี ระแท่นท่ีประทับของ……….…………………………………….. เพ่อื ใหร้ าลึกถึงพระองคอ์ ีกดว้ ย บทท่ี 7 วิธกี ารทางภูมศิ าสตรแ์ ละประวตั ศิ าสตร์ ในการศึกษาวดั สวยงาม คนู่ ามบางใหญ่ สาระสาคญั 1. วธิ กี ารทางภมู ศิ าสตรป์ ระกอบดว้ ย 4 ขัน้ ตอน ได้แก่ 1.1 วตั ถุประสงคใ์ นการศึกษา
132 การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ คือ การพัฒนาการคิดวิเคราะหห์ าความสัมพนั ธ์ ความ เชอื่ มโยง เปรยี บเทยี บ และใหเ้ หตุผลทางภมู ศิ าสตร์ โดยเปดิ โอกาสให้นักศึกษาสืบคน้ รวบรวม ตีความสารสนเทศทางภมู ิศาสตร์ จากแหล่งสารสนเทศทางภูมศิ าสตร์ และใชเ้ คร่ืองมือทางภูมศิ าสตร์ ทเ่ี หมาะสม ประกอบด้วย ธรณภี าค อุทกภาค บรรยากาศภาค และ ชีวภาค มีผลต่อการเกิด ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางธรรมชาติของโลก 1.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดว้ ยการออกแบบปฏบิ ัติภาคสนามและสมั ภาษณ์ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลด้วยการออกแบบปฏิบัติภาคสนามและสัมภาษณ์ คือ การ รวบรวมหลักฐานท่ีผู้ศึกษากาหนดประเด็นศึกษาได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการสืบค้นว่ามีใครรู้เรื่องราว ดังกล่าวบ้าง มีหนังสือหรือเอกสารใดเกี่ยวข้องบ้าง แหล่งสืบค้นข้อมูลอยู่ท่ีใด ท้ังน้ีอาจสืบค้นข้อมูล เบื้องตน้ จากอินเตอรเ์ น็ต หรือสัมภาษณ์บุคคลในท้องถ่ินการดาเนินงานเก็บรวบรวมข้อมูลดาเนินการ โดยการสังเกตและการสอบถาม 1.3 นาข้อมูลวเิ คราะห์ และจดั หมวดหมู่ นาข้อมลู วเิ คราะห์ และจัดหมวดหมู่ คือเปน็ การศึกษาแบบรูป ความสัมพันธ์ และ ความเชอ่ื มโยงทเ่ี กิดข้ึนของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนศึกษาแนวโน้มความสัมพันธ์ และ ความต่อเน่ืองของปรากฏการณ์หาความสัมพันธ์สอดคล้องลักษณะท่ีคล้ายกันระหว่างพื้นที่ เปรียบเทียบกับข้อมูลจากแผนท่ี กราฟ แผนภาพ ตาราง และอื่น ๆ ด้วยการใช้สถิติอย่างง่าย ๆ เพือ่ ให้ได้คาตอบสาหรับคาถาม 1.4 นาเสนอข้อมูลและเขียนรายงาน การนาเสนอขอ้ มูล และเขียนรายงาน คอื การสรปุ ข้อมูล เพือ่ หาคาตอบ การสรุป คาตอบบนฐานข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวม จัดการ และการวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นตอน โดยอ้างอิงข้อมูล ด้วยการนาเสนอด้วยวาจา และข้อเขียน แสดงคาตอบท่ีแสดงออกถึงความสามารถ ในการให้เหตุผล และ ความสามารถในการส่ือสารที่ชัดเจน การนาเสนอข้อมูลอาจทาได้ทั้งอย่างไม่มีแบบแผน และ อยา่ งมแี บบแผน การนาเสนออย่างไม่มีแบบแผน หมายถึง การนาเสนอท่ีไม่มีกฎเกณฑ์อะไรท่ีจะต้อง ถือเป็นหลักมากนัก การนาเสนอแบบน้ีได้แก่ การแทรกข้อมูลในบทความ และข้อเขียนต่าง ๆ ส่วน การนาเสนออย่างมีแบบแผนน้ัน เป็นการนาเสนอที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้เป็น มาตรฐานการเขียนรายงานไดจ้ ากกการศึกษาค้นคว้า ตามระเบยี บวิธกี ารเขียนรายงานท่ีเป็นระบบ มเี นอ้ื หาของรายงานมงุ่ เสนอแต่ผลที่ไดจ้ ากการศึกษา ค้นคว้า ไมม่ กี ารตอ่ เตมิ กลา่ วโดยรวม วิธีการทางภมู ศิ าสตร์ประกอบด้วย 4 ขน้ั ตอน คอื (1) วัตถุประสงค์ ในการศึกษา (2) การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยการออกแบบปฏิบตั ภิ าคสนามและสัมภาษณ์ (3) นาขอ้ มูลวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ และ (4) นาเสนอข้อมูลและเขียนรายงาน
133 สาหรับการประยุกต์ใช้ขั้นตอนวิธีการทางภูมิศาสตร์ ในการศึกษาวิธีการทาง ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ในการศึกษาวัดสวยงาม คู่นามบางใหญ่ ให้ครูผู้สอนแนะนาผู้เรียน ข้ันตอนการกาหนดประเด็นศึกษา แลว้ ให้ไปศกึ ษาคน้ ควา้ หาขอ้ มูล โดยผู้เรียนตอ้ งประยุกต์ใช้ด้วยการ กาหนดวัตถุประสงค์ในการศึกษาประเด็นศึกษาท่ีกาหนด ต่อจากนั้นให้ไป ณ แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หรือแหล่งเรียนรู้ท่ีต้องศึกษา สัมภาษณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้รู้ ภูมิปัญญาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ สรุปผลการศึกษาค้นคว้า และบันทึกในเอกสารการ เรยี นรู้ด้วยตนเอง เพอ่ื นาไปพบกลุ่มตามที่นดั หมายไวก้ บั ครผู สู้ อน 2. วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ประกอบด้วย 5 ข้นั ตอน ได้แก่ 2.1 การต้ังประเด็นทีจ่ ะศึกษา การตง้ั ประเดน็ ทีจ่ ะศกึ ษาเป็นการกาหนดหัวข้ออย่างกว้าง ๆ ก่อนแล้วตีกรอบให้ แคบลง เปน็ แนวทางที่นาไปสกู่ ารสบื ค้นข้อมูลจากหลกั ฐานประเภทตา่ ง ๆ เป็นเรื่องราวท่ีเก่ียวข้องกับ ตนเองและครอบครัว หรือเกิดจากปัญหาท่ีพบเห็นในชุมชน หรือท้องถ่ินของตนเอง ตามประเด็น คาถามว่า ใคร ทาอะไร ทไ่ี หน เมอื่ ไหร่ ทาไม และ อยา่ งไร ซ่ึงจะนาไปสู่วิธีการสืบค้นและแหล่งข้อมูล หลักฐานต่อไป 2.2 สบื คน้ และรวบรวมขอ้ มลู การสืบค้น และรวบรวมขอ้ มลู เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงท่ีเก่ียวข้องกับประเด็น ศึกษาที่เราต้องการสืบค้น โดยวิธีการสืบค้นข้อมูลทาได้หลายวิธี เช่น การสอบถาม การสัมภาษณ์ การศกึ ษาวิเคราะหเ์ อกสารหรือหนังสอื การไปชมสถานที่จรงิ การฟงั คาบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิ การ วเิ คราะหจ์ ากรปู ภาพ แผนท่ี กราฟ สถติ ิ 2.3 การวเิ คราะหแ์ ละตคี วามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ การวเิ คราะห์ และตคี วามขอ้ มลู ทางประวัติศาสตร์ คือ การนาข้อมูลมาจัดให้เป็น ระบบแล้วจึงนาหลักฐานข้อมูลน้ันมาศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และพิจารณาความน่าเช่ือถือของ ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ท่ีน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับมากท่ีสุด สามารถตอบประเด็น ปัญหาครอบคลุมหวั ข้อในการศึกษาได้ โดยปราศจากอคติ และมีความซอื่ สตั ย์ในการตีความหลกั ฐาน 2.4 คัดเลือก และประเมินข้อมูล กกกกกกกกกกกกกกการคดั เลือกและประเมนิ ข้อมลู คือ การประเมินความสาคัญของขอ้ มูล หรือ หลักฐาน โดยการประเมนิ ความสาคัญของขอ้ มูลแตล่ ะช้ินท่ีคัดเลอื กมาวา่ มีความน่าเช่อื ถือที่แท้จริง เพียงไร มีอคติในข้อมูลหรือหลักฐานนัน้ หรอื ไม่ และข้อมูลหรือหลกั ฐานน้นั มคี วามสาคัญเพยี งพอต่อ การนามาอธบิ ายเหตุการณท์ เ่ี กิดขนึ้ ในอดีตหรือไม่ ท้งั นีผ้ ้ศู ึกษาต้องทาการวเิ คราะห์ ตีความ และ ประเมนิ ข้อมูลหรือหลกั ฐานน้ัน ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณ
134 2.5 การเรียบเรียงรายงานข้อเทจ็ จริงทางประวัติศาสตร์ การเรยี บเรียงรายงานขอ้ เท็จจรงิ ทางประวัติศาสตร์ คือข้ันสุดท้ายของวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ การเรียบเรียงเป็นการนาสิ่งท่ีได้ศึกษามา วิเคราะห์ และตีความ แล้วนามาเรียบเรียง ขน้ึ ด้วยภาษาทีเ่ ขา้ ใจงา่ ย มีความตอ่ เน่ืองเป็นเหตุเปน็ ผลกัน วิธีการนาเสนอท่ีเหมาะสม เชน่ การเรียงลาดับเหตุการณ์ ก่อน - หลัง เพ่ือให้เข้าใจง่าย รวมทั้งมีการวิเคราะห์ และสรุปประเด็นให้ ชัดเจน มีการอ้างอิงหลักฐาน ผู้ศึกษาจะต้องบอกที่มาของหลักฐานหรือแหล่งข้อมูลอย่างถูกต้อง เพ่อื ใหส้ ามารถตรวจสอบได้ กล่าวโดยรวม วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ (1) การตง้ั ประเด็นทีจ่ ะศึกษา (2) สืบค้นและรวบรวมข้อมลู (3) การวเิ คราะหแ์ ละตีความข้อมูลทาง ประวัตศิ าสตร์ (4) คัดเลอื กและประเมินข้อมลู และ (5) การเรยี บเรยี งรายงานข้อเท็จจรงิ ทาง ประวตั ศิ าสตร์ สาหรับการประยุกต์ใช้ข้ันตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ ในการศึกษาวิธีการทาง ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ในการศึกษาวัดสวยงาม คู่นามบางใหญ่ ให้ครูผู้สอนแนะนาผู้เรียนใน ขั้นตอนการกาหนดประเด็นศึกษา แล้วให้ไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล โดยผู้เรียนต้องประยุกต์ใช้ วิเคราะห์ และตีความข้อมูลทางประวัติศาสตร์ กับข้อมูลที่ค้นคว้าได้ ต่อจากน้ันให้ผู้เรียนคัดเลือก และประเมินข้อมูล นามาเปรียบเทียบสรุปผลการศึกษาค้นคว้าลงในเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) เพ่ือนาไปพบกลุ่มตามท่นี ดั หมายไว้กับครผู ูส้ อน ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวัง กกกก 1. บอกวิธกี ารทางภูมิศาสตร์ และประวตั ศิ าสตร์ได้ กกกกกกก2. ตอบกิจกรรมท้ายบทที่ 7 การใช้วธิ กี ารทางภมู ิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ในการศึกษา วัดสวยงาม ค่นู ามบางใหญ่ได้ กกกกกกก3. เหน็ ประโยชนข์ อง การใช้วิธีการทางภมู ศิ าสตร์ และประวัติศาสตร์ในการศึกษา วัดสวยงาม คู่นามบางใหญ่ ขอบข่ายเน้อื หา 1. วธิ ีการทางภมู ิศาสตร์ 1.1 วัตถุประสงคใ์ นการศึกษา 1.2 การเก็บรวบรวมข้อมลู ด้วยการออกแบบปฏบิ ัติภาคสนามและสัมภาษณ์ 1.3 นาข้อมลู วิเคราะห์และจัดหมวดหมู่
135 1.4 นาเสนอขอ้ มูลและเขียนรายงาน 2. วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ 2.1 การตั้งประเดน็ ทีจ่ ะศกึ ษา 2.2 การสืบคน้ และรวบรวมข้อมลู 2.3 การวเิ คราะห์และตคี วามข้อมลู ทางประวตั ิศาสตร์ 2.4 การคดั เลอื กและประเมินข้อมูล 2.5 การเรียบเรยี งรายงานข้อเทจ็ จริงทางประวัติศาสตร์ สื่อประกอบการเรียน กกกกกกกกกก1. ภูมศิ าสตรเ์ ป็นศาสตร์ท่ีมีความสาคัญอยา่ งไร สืบค้นจาก www.https://wachirapong1991.blogspot.com/2011/04/blog-post_1326.html กกกกกกกกกก2. ขัน้ ตอนวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ สืบค้นจาก www.https://sites.google.com/site//02-khan-txn-withi-kar-thang-prawatisastr กกกกกกกกกก3. ภมู ศิ าสตร์ สืบค้นจาก www.https://th.wikipedia.org/wik เรือ่ งที่ 1 วิธีการทางภูมศิ าสตร์ กกกกกกกวิธกี ารทางภูมิศาสตร์ ประกอบดว้ ย 4 ขัน้ ตอน ได้แก่ กกกกกกก1.1 วตั ถปุ ระสงค์ในการศึกษา กกกกกกกกก กกาหนดวัตถุประสงค์ในการศึกษา การศึกษาด้านภูมิศาสตร์ ต้องเน้นการพัฒนาการ คดิ วเิ คราะหห์ าความสมั พนั ธ์ ความเชือ่ มโยง เปรียบเทยี บและใหเ้ หตผุ ลทางภูมิศาสตร์ โดยเปิดโอกาส ให้นักศึกษาสืบค้น รวบรวม ตีความสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ จากแหล่งสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ และใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ท่ีเหมาะสม เพ่ือให้นักศึกษาได้ฝึกอ่านทาความเข้าใจระบบธรรมชาติ และมนุษย์ และการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน สุดท้ายคือการฝึกให้นักศึกษาสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการมี ส่วนร่วมจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในฐานะท่ีเป็นส่วนหนึ่งของระบบธรรมชาติลักษณะของโลก ทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพ แหล่งทรัพยากร และภูมิอากาศของประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก การใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ความสัมพันธ์กันของสิ่งต่าง ๆ ในระบบธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และส่ิงที่มนุษย์สร้างข้ึน การนาเสนอข้อมูลภูมิ สารสนเทศการอนรุ กั ษส์ ิง่ แวดลอ้ มเพอ่ื การพัฒนาท่ยี งั่ ยืน กกกกกกกกกภมู ิศาสตร์เปน็ การศึกษาถงึ ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ แวดล้อมทางธรรมชาติ กบั ทางสังคม ปฏิสัมพันธ์เชิงภูมิศาสตรข์ องโลก ประกอบดว้ ย ธรณภี าค อุทกภาค บรรยากาศภาค และ ชีวภาค
136 มีผลต่อการเกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางธรรมชาติของโลก เป็นปัจจัยกาหนดรปู แบบวถิ ีชวี ิต ของ มนุษย์ในแต่ละพ้นื ทเี่ ม่ือเกดิ การเปล่ียนแปลงทางภูมศิ าสตร์ ไม่ว่าจากกระบวนการทางธรรมชาติ หรอื จากฝมี อื มนุษย์ ยอ่ มส่งผลกระทบให้สิ่งแวดล้อม สังคม และ วิถชี วี ติ ของมนุษย์เปลย่ี นแปลงไป ซง่ึ เป็นความจาเปน็ อยา่ งย่ิงที่ตอ้ งร้เู ท่าทันการเปลี่ยนแปลง เพือ่ ปรบั ตวั ใหส้ อดคล้องและ สามารถ ดารงชวี ิตอยา่ งมีความสุข กกกกกกกกกกล่าวโดยสรปุ การกาหนดวัตถุประสงค์ คือ การพฒั นาการคิดวิเคราะหห์ าความสัมพันธ์ ความเชอ่ื มโยง เปรยี บเทียบ และใหเ้ หตผุ ลทางภูมิศาสตร์ โดยเปดิ โอกาสใหน้ กั ศึกษาสืบค้น รวบรวม ตีความ สารสนเทศทางภมู ิศาสตรจ์ ากแหลง่ สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ และใชเ้ คร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ทเ่ี หมาะสมประกอบดว้ ย ธรณีภาคอุทกภาค บรรยากาศภาค และชวี ภาค มีผลต่อการเกิดปรากฏการณ์ ต่าง ๆ ทางธรรมชาติของโลก กกกกกกก1.2 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ด้วยการออกแบบปฏบิ ัตภิ าคสนามและสมั ภาษณ์ กกกกกกกกกกการเกบ็ ข้อมูลจากข้อมลู ภาคสนาม การดาเนนิ การเกบ็ ข้อมลู จะต้องออกแบบ และ สร้างแบบบนั ทึกข้อมลู เพื่อท่ีจะนาข้อมลู บันทึกลงในเคร่ืองมือตามแบบบันทึกต่าง ๆ การเกบ็ ข้อมูลใน ภาคสนาม เพ่ือทาการทดสอบ ใช้ในการอธบิ าย หรือทานายลักษณะปรากฏการณ์ในพนื้ ท่ี นักภมู ิศาสตร์ จะต้องทาการวัดข้อมลู และบันทกึ ลกั ษณะของข้อมลู เป็นค่าหรือคุณลักษณะทางสถิติขอปรากฏการณ์ หรอื เหตกุ ารณ์อื่น ๆ การเก็บข้อมูลอาจจะได้จากต้นกาเนิดโดยตรง เรยี กวา่ ขอ้ มลู ปฐมภูมิ ผู้เรียนควร จะเก็บรวบรวมข้อมลู นี้ เพราะยงั ไม่ได้ผ่านการตคี วาม เช่น การสัมภาษณโ์ ดยตรง ข้อมลู ทีไ่ ม่ได้มาจาก แหลง่ ต้นกาเนิดเดิมเรยี กว่า ข้อมูลทุตยิ ภูมิ ซึ่งเป็นข้อมลู ท่ีผ่านการตีความแลว้ อาจจะทาใหล้ กั ษณะ ความหมายของขอ้ มูลเปลี่ยนไปจากความจริง การนารปู แบบวธิ กี ารทางภมู ิศาสตร์มาใช้มี ดังน้ี กกกกกกกกกกก 1.2.1 การออกภาคสนามคอื การสารวจพืน้ ทจี่ รงิ เพือ่ ศึกษาหรือเก็บขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ตามวัตถปุ ระสงค์ ประโยชนข์ องการออกภาคสนาม มีดังน้ี กกกกกกกกกกกกกกก 1)กผ้ศู กึ ษาไดเ้ หน็ สภาพจรงิ ของพ้ืนทแ่ี ละได้ศกึ ษาสภาพปรากฏการณ์ ต่าง ๆ ทีเ่ กดิ ขึน้ จรงิ เช่น การกดั เซาะตลงิ่ ของคลนื่ บรเิ วณชายคลอง ลักษณะของดิน หิน และสภาพแวดล้อม ของปา่ ชายเลน เป็นต้น ช่วยให้เขา้ ใจทฤษฎีจากตาราเรียนชัดเจนยง่ิ ขึ้น กกกกกกกกกกกกก กกกก2)กผศู้ กึ ษาไดศ้ ึกษา “เชงิ เปรียบเทยี บ” เพ่ือผลสมั ฤทธใิ์ นการเรียนรู้ เชน่ ศกึ ษาในปรากฏการณท์ างภมู ศิ าสตรเ์ ร่ืองเดียวกนั แตใ่ นพ้นื ทีแ่ ละเวลาตา่ งกนั หรือในพ้นื ทเี่ ดยี วกัน แตต่ า่ งเวลากัน เปน็ ต้น เพ่อื นามาวิเคราะห์เปรยี บเทยี บให้เห็นความเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดข้ึนอยา่ งชัดเจน 1.2.2 การสมั ภาษณ์ เปน็ การเก็บขอ้ มลู ภาคสนามอีกวิธหี นึ่ง หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “งานสนาม” ชว่ ยใหก้ ารศกึ ษาวิชาภูมศิ าสตรค์ รบสมบูรณ์ย่งิ ขึน้ มีหลักเกณฑ์ ดงั นี้ กกกกกกกกกกกกกกกก ก1) ผูส้ ัมภาษณ์ ตอ้ งมีความรับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ี เช่น บนั ทกึ ขอ้ มลู ตาม
137 ความจริง ไม่ต่อเติมหรือบิดเบือน ต้องให้เกียรติแก่ผู้ให้สัมภาษณ์ เพื่อให้ได้รับความร่วมมืออย่างมาก ทส่ี ดุ กกกกกกกกกกกกกกกกก2) ผู้ให้สัมภาษณ์ ต้องเป็นบุคคลในท้องถ่ินที่มีความรู้ตามหัวเร่ือง และให้ ความร่วมมือในการสัมภาษณ์อย่างแท้จริง เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการสัมภาษณ์ตามวัตถุประสงค์ ดังนั้น จึงต้องกาหนดวัน เวลา และสถานท่ีให้เหมาะสม ด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการสัมภาษณ์ มี 2 ลักษณะ คือ กกกกกกกกกกกกกกกกกกก(1) แบบสมั ภาษณ์ เป็นชุดคาถามท่ีผสู้ มั ภาษณเ์ ตรียมจะใชถ้ าม โดย ใช้สานวนภาษาที่เข้าใจงา่ ยไมล่ ่วงละเมดิ สทิ ธิของผู้ตอบ และเก็บข้อมลู คาตอบไวเ้ ปน็ ความลบั กกกกกกกกกกกกกกกกกก(2) แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือท่ีเก็บข้อมูลท่ีให้ผู้ตอบแสดงความ คิดเห็นโดยการเขียน ดังนั้นจึงต้องพิมพ์ให้ชัดเจน ใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย โดยท่ัวไปจะต้องเลือกผู้ตอบ จากบุคคลที่อยู่ในพ้ืนที่ตามเป้าหมายและมีจานวนผู้ตอบมากพอสมควร เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่น่าเช่ือถือ และไม่คลาดเคลอ่ื นจากขอ้ เทจ็ จรงิ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในการดาเนินงานเก็บรวบรวมข้อมูล อาจแบ่งได้เป็น 2 วิธี ใหญ่ ๆ คอื การสงั เกต และ การสอบถาม กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกวิธีท่ี 1 การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสังเกต การเก็บรวบรวมข้อมูล ด้วยวิธีน้ีเรียกว่าเป็นการดาเนินงานข้างเดียว เช่น การนับจานวนผู้โดยสารรถประจาทางในช่วงเวลา หน่ึงตามสถานท่ีต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร การนับจานวนรถที่ผ่านด่านตรวจรถในช่วงเวลาต่าง ๆ เป็นต้น การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ เพ่ือทราบข้อมูลบางอย่างก็ถือว่าเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย การสังเกต เช่น นกั วิทยาศาสตรค์ ิดค้นหลอดไฟฟา้ ชนดิ ใหมแ่ ลว้ นาหลอดไฟฟ้าเหลา่ นจี้ านวนหนงึ่ มาทดลองเปิดให้กระแสไฟฟ้าผ่านเพ่ือทราบว่าจะให้แสงสว่างนานเท่าไหร่ อายุการใช้งานของแต่ละ หลอดไฟฟา้ คอื ขอ้ มูลท่ีเกบ็ รวบรวม กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกวิธที ี่ 2 การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสอบถาม การเก็บรวบรวมข้อมูล ดว้ ยวธิ นี ีอ้ าจแบง่ ได้เปน็ 3 ข้อย่อยด้วยกัน คอื ข้อ 1 การสัมภาษณ์เป็นส่วนตัว วิธีการน้ีได้แก่การซักถามโต้ตอบสนทนากัน จะเป็นโดยการพูดจาเห็นหน้ากัน หรือพูดจากันทางโทรศัพท์ก็ได้ การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการ สัมภาษณ์เป็นส่วนตวั นี้ เปน็ วธิ ีทใ่ี ช้กับการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ท่ีสาคญั ๆ เชน่ การทาสามะโนประชากร และเคหะ การทาสามะโนการเกษตร การสารวจแรงงาน การสารวจการเปลี่ยนแปลงของประชากร เป็นต้น ทั้งนี้เพราะผู้สัมภาษณ์ย่อมมีโอกาสอธิบายข้อคาถามให้ผู้ตอบสัมภาษณ์และมีโอกาสซักถาม เมอ่ื ผู้ตอบตอบขอ้ ความคลมุ เครือ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลดว้ ยวิธีน้ี มีส่วนช่วยให้การเก็บรวบรวมข้อมูล
138 ได้ข้อเท็จจริงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยลดข้อเท็จจริงที่เกิดข้ึนจากการเข้าใจข้อคาถามผิด หรือ เกิดขน้ึ โดยมิไดเ้ จตนาลงไดม้ าก ข้อ 2 โดยการส่งแบบข้อคาถามทางไปรษณีย์ วิธีน้ีแม้จะมีข้อดีในแง่ท่ีเสีย ค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานน้อย แต่ก็มีข้อเสียอยู่มากในด้านที่ ผู้ตอบอาจเข้าใจคาถามไม่ถูกต้อง แลว้ บันทึกข้อมูลที่ผิดวัตถุประสงค์ของข้อคาถามนั้น อนึ่งผู้ตอบบางคนก็ไม่สนใจกับข้อคาถาม ดังน้ัน จึงปรากฏอยู่เสมอว่า การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีนี้ มักได้รับแบบสอบถามกลับคืนมาไม่ครบถ้วน เปน็ จานวนมาก และแบบสอบถามทไ่ี ด้รบั กลบั คืนบางรายการกไ็ มไ่ ดร้ บั การบันทึก นอกจากนั้นข้อเสีย ของวธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่สามารถใช้ได้กับชนทุกชั้นโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งกับบุคคลที่อ่านเขียนไม่ได้ ดังนั้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการส่งแบบข้อคาถามทางไปรษณีย์ จึงมีข้อมูลที่ใช้ได้ค่อนข้างจากัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ด้อยหรือกาลังพัฒนา ซึ่งประชากร ของประเทศท่ียังอ่านเขียนไม่ได้มีอยู่เป็นจานวนมาก โดยการลงทะเบียนวิธีนี้ โดยมากประชาชนเป็น ผู้ให้ขอ้ มลู ตามกฎหมาย กกกกกกกกกกกกกกกกข้อ 3 โดยการบันทึกข้อมูลลงในทะเบียน เช่น ข้อมูลเก่ียวกับรถยนต์ได้จาก หลักฐานการจดทะเบียนท่ีกองทะเบียนกรมตารวจ ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิด การตาย การสมรส การหยา่ ร้าง ได้จากสานกั งานทะเบียนส่วนท้องถ่ิน เป็นต้น กล่าวโดยสรุป การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการออกแบบปฏิบัติภาคสนาม และ สมั ภาษณ์ คือ การรวบรวมหลักฐานทผ่ี ู้ศกึ ษากาหนดประเด็นศึกษาได้แล้ว ข้ันต่อไปคือการสืบค้นว่ามี ใครรู้เรื่องราวดังกล่าวบ้าง มีหนังสือหรือเอกสารใดเก่ียวข้องบ้าง แหล่งสืบค้นข้อมูลอยู่ท่ีใด ทั้งน้ีอาจ สืบค้นข้อมูลเบื้องต้นจากอินเตอร์เน็ตหรือสัมภาษณ์บุคคลในท้องถ่ิน การดาเนินงานเก็บรวบรวม ขอ้ มลู ดาเนนิ การโดยการสงั เกตและการสอบถาม 1.3 การนาข้อมลู วิเคราะห์และจดั หมวดหมู่ กกกกกกกกกกกกกกการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นการศึกษารูปแบบ ความสัมพันธ์ และความเช่ือมโยงท่ี เกิดข้ึน ของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนศึกษาแนวโน้ม ความสัมพันธ์ และความ ต่อเนื่องของปรากฏการณ์หาความสัมพันธ์สอดคล้องกัน และ ลักษณะที่คล้ายกันระหว่างพื้นท่ี เปรียบเทียบกับข้อมูลจากแผนที่ กราฟ แผนภาพ ตาราง และ อ่ืน ๆ ด้วยการใช้สถิติอย่างง่าย ๆ เพื่อให้ได้คาตอบสาหรับคาถาม โดยการใช้แผนที่ศึกษารูปแบบและความสัมพันธ์ทางพื้นที่ การใช้
139 ตาราง กราฟ ศกึ ษาแนวโน้มและความสัมพันธร์ ะหวา่ งประเดน็ ต่าง ๆ และการใช้เอกสาร ตารา ศึกษา ความหมาย อธิบาย และสังเคราะห์ คุณลักษณะของแต่ละสิ่งท่ีสนใจจัดการและการวิเคราะห์อย่าง เป็นข้ันตอน โดยอ้างอิงข้อมูลด้วยการนาเสนอด้วยวาจา และข้อเขียน แสดงคาตอบที่แสดงออกถึง ความสามารถในการให้เหตุผล และความสามารถในการส่ือสารท่ชี ดั เจน กกกกกกกกกกกกกกเมื่อได้ข้อมูลแล้วเพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูล เพราะข้อมูลท่ีได้อาจจะ กระจัดกระจายและไม่เพียงพอ จะต้องนาข้อมูลมาจาแนก และจัดกลุ่มให้อยู่ในรูปแบบแผนภาพ แผนผัง แผนท่ี และ กราฟ ทาให้เห็นภาพสรุปท่ีชัดเจน ในการจัดการข้อมูลน้ันต้องมีความคิด สร้างสรรค์ในการออกแบบ และมวี ิธีการนาเสนอขอ้ มลู อยา่ งเปน็ ระบบ การทาแผนท่ีเป็นวิธีการที่นิยม มากในการจัดการข้อมูล ด้วยการเขียนข้อความหรือบันทึกรายละเอียดจากการสารวจท่ีต้องการ นาเสนอไวใ้ นแผนท่ีการใช้สัญลกั ษณแ์ สดงขอ้ มลู ในแผนที่ เชน่ ทต่ี ้งั ของทรัพยากรที่มีอยู่บนโลก จุดต้ัง ถังขยะในสถานศึกษา ตาแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหว พื้นที่ท่ีประสบปัญหาส่ิงแวดล้อม เป็นการพัฒนา ทักษะในการออกแบบสัญลักษณ์ในแผนที่ การค้นหาทาเลที่ตั้งบนแผนที่ การกาหนดทิศทาง และ การใชม้ าตราส่วน กกกกกกกกกกกกกกกล่าวโดยสรุป นาข้อมูลวิเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ คือการศึกษาแบบรูป ความสัมพันธ์ และความเชื่อมโยงที่เกิดข้ึนของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนศึกษา แนวโน้มความสัมพันธ์ และความต่อเน่ืองของปรากฏการณ์ หาความสัมพันธ์สอดคล้องลักษณะท่ี คลา้ ยกันระหว่างพ้ืนที่ เปรียบเทียบกับข้อมูลจากแผนที่ กราฟ แผนภาพ ตาราง และอื่น ๆ ด้วยการ ใชส้ ถิติอย่างงา่ ย ๆ เพ่ือใหไ้ ดค้ าตอบสาหรบั คาถาม 1.4 การนาเสนอขอ้ มลู และเขยี นรายงาน การนาเสนอข้อมูล (Presentation of Data) เม่ือเก็บรวบรวมข้อมูลมาได้แล้ว ระเบียบวิธีสถิติข้ันต่อไปก็คือการนาเสนอข้อมูล การนาเสนอที่ดี มิได้หมายความว่าเป็นการเสร็จส้ิน ของการดาเนนิ งานทางสถติ ิ แตก่ ารนาเสนอทด่ี ีจะชว่ ยปูพ้นื ฐานในการวิเคราะห์ข้อมูล เพราะข้อความ จรงิ ตา่ ง ๆ ตลอดจนการเปรียบเทยี บข้อมูลจะได้รับการนาเสนอให้แลเห็นเด่นชัด ความเข้าใจของผู้ใช้ สถติ ิในเร่อื งการนาเสนอข้อมูล จะชว่ ยให้สามารถใช้ข้อมูลเหลา่ นน้ั ได้อย่างฉลาด และถกู ตอ้ ง ในการนาเสนอขอ้ มูลอาจทาได้ทั้งอยา่ งไม่มีแบบแผน และอย่างมีแบบแผน การนาเสนออยา่ งไม่มี แบบแผน หมายถงึ การนาเสนอท่ีไม่มีกฎเกณฑ์อะไรทจ่ี ะต้องถือเปน็ หลกั มากนัก การนาเสนอแบบนี้ ไดแ้ ก่ การแทรกข้อมลู ลงในบทความ และขอ้ เขยี นตา่ ง ๆ ส่วนการนาเสนออย่างมีแบบแผนนัน้ เป็น การนาเสนอที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีได้กาหนดไวเ้ ป็นมาตรฐาน ตัวอยา่ งการทาเสนอแบบนี้ ทาได้ 4 แบบ ดังนี้
140 แบบท่ี 1 การนาเสนอในรปู ของตาราง และข้อมลู ต่าง ๆ ท่ีเก็บรวบรวมมาได้ เมื่อ ทาการประมวลผลแล้วจะอยใู่ นรปู ตาราง ส่วนการนาเสนออย่างอ่ืนเป็นการนาเสนอ โดยใช้ข้อมูลจาก ตาราง แบบที่ 2 การนาเสนอด้วยกราฟเส้น เป็นแบบที่รู้จักกันดี และ ใช้กันมากท่ีสุด แบบหนึ่ง เหมาะสาหรับข้อมูลที่อยู่ในรูปของอนุกรมเวลา เช่น ราคาข้าวเปลือกในเดือนต่าง ๆ ปรมิ าณสนิ ค้าส่งออกรายปี เป็นตน้ ประกอบด้วย แบบที่ 3 การนาเสนอด้วยรปู แผนภมู แิ ทง่ ประกอบด้วย รปู แท่งส่ีเหล่ียมผืนผ้าซ่ึง แต่ละแท่งมคี วามหนาเทา่ ๆ กัน โดยวางตามแนวตั้ง หรือ แนวนอนของแกนพิกัดฉากได้ แบบที่ 4 การนาเสนอด้วยรูปแผนภูมิวงกลม เป็นการแบ่งวงกลมออกเป็นส่วน ต่าง ๆ ตามจานวนชนดิ ของข้อมลู ทจี่ ะนาเสนอ การเขียนรายงาน เป็นการนาเสนอผลจากการศึกษา ค้นคว้าวิจัย จึงจาเป็นต้องมี ระบบการนาเสนอท่ีมีหลักการ มีเหตุมีผล และผู้เขียนรายงานนั้นจะต้องอาศัยความรอบรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และการหมั่นฝึกฝนการเขียนอยู่เสมอ เพื่อให้รายงานทางวิชาการท่ีเขียนข้ึนมี คุณภาพ เช่ือถือได้ และนาไปใช้ประโยชน์ได้จริงในท่ีนี้ รายงานเชิงวิชาการ เป็นรายงานที่ได้จาก การศึกษา ค้นคว้าวิจัย ซึ่งมีระเบียบวิธีการที่เป็นระบบ และมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ เน้ือหาของ รายงานมุ่งเสนอแต่ผลท่ีได้จากการศึกษา ค้นคว้า ไม่มีการต่อเติมเสริมแต่งความรู้สึกนึกคิดของ ผรู้ ายงานรวมเขา้ ไปดว้ ยแตอ่ ย่างใดรายงานประกอบดว้ ย 3 ส่วนสาคัญ สว่ นที่ 1 สว่ นนา (Preliminary Materials) เป็นส่วนประกอบทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับการ นาเสนอรายงานเชงิ วิชาการน้ัน ส่วนท่ี 2 ส่วนเนอ้ื เร่ือง (Body of Report) เปน็ สว่ นทจ่ี ะกลา่ วถึงเนือ้ เร่ืองของ รายงานเชงิ วิชาการน้ันท้ังหมด สว่ นท่ี 3 สว่ นอ้างองิ (Reference Materials) เปน็ สว่ นประกอบเพ่ิมเตมิ ให้ รายงานเชิงวชิ าการนั้นครบถว้ นสมบรู ณย์ ่ิงข้นึ กล่าวโดยสรุป การนาเสนอข้อมูลและเขียนรายงาน คือ การสรุปข้อมูล เพื่อหา คาตอบ การสรุปคาตอบบนฐานข้อมูลท่ีถูกเก็บรวบรวม จัดการและการวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นตอน โดยอ้างอิงข้อมูล ด้วยการนาเสนอด้วยวาจา และข้อเขียน แสดงคาตอบท่ีแสดงออกถึงความสามารถ ในการให้เหตุผล และความสามารถในการส่ือสารที่ชัดเจน การนาเสนอข้อมูลอาจทาได้ทั้งอย่างไม่มี แบบแผนและอย่างมีแบบแผน การนาเสนออย่างไม่มีแบบแผน หมายถึง การนาเสนอท่ีไม่มีกฎเกณฑ์
141 อะไรทจ่ี ะตอ้ งถือเป็นหลักมากนัก การนาเสนอแบบน้ีได้แก่ การแทรกข้อมูลในบทความ และข้อเขียน ต่าง ๆ ส่วนการนาเสนออย่างมีแบบแผนนั้น เป็นการนาเสนอที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีได้ กาหนดไวเ้ ป็นมาตรฐาน กลา่ วโดยรวมวธิ กี ารภมู ิศาสตร์ ประกอบดว้ ย 4 ขัน้ ตอน คือ (1) วัตถุประสงค์ ในการศึกษา (2) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลด้วยการออกแบบปฏบิ ัตภิ าคสนาม และ สัมภาษณ์ (3) การนาข้อมูลวิเคราะห์ และ จัดหมวดหมู่ และ (4) การนาเสนอข้อมูล และ เขียนรายงาน สาหรับการประยุกต์ใช้ขั้นตอนวิธีการศึกษาทางภูมิศาสตร์ ในการศึกษาวิธีทาง ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ในการศึกษา วัดสวยงาม คู่นามบางใหญ่ ให้ครูผู้สอนแนะนาผู้เรียน ข้ันตอนการกาหนดประเดน็ ศึกษาแลว้ ใหไ้ ปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล โดยผู้เรียนต้องประยุกต์ใช้ด้วยการ กาหนดวัตถุประสงค์ในการศึกษาประเด็นศึกษาที่กาหนด ต่อจากนั้นให้ไป ณ แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หรือแหล่งเรียนรู้ท่ีต้องศึกษา สัมภาษณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้รู้ ภูมิปัญญา หรือบุคคลท่ีเก่ียวข้อง รวบรวมข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ และจัดหมวดหมู่สรุปผลการศึกษาค้นคว้า และบันทึกในเอกสารการ เรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) เพ่ือนาไปพบกลุ่มตามทีน่ ัดหมายไวก้ ับครูผูส้ อน เรือ่ งที่ 2 วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ กกกกกกกก2.1 การตง้ั ประเด็นทีจ่ ะศึกษา กกกกกกกกกกกการกาหนดประเด็นศึกษา เป็นจดุ เร่ิมต้นของการศึกษาค้นควา้ เร่อื งราวในอดตี ซึ่งจะ เป็นแนวทางที่นาไปสูก่ ารสบื ค้นขอ้ มูลจากหลกั ฐานประเภทต่าง ๆ ประเดน็ ศึกษาอาจมาจากความ ต้องการอยากรอู้ ยากเห็นเรอื่ งราวท่เี กีย่ วขอ้ งกบั ตนเอง และครอบครวั หรอื เกิดจากปัญหาที่พบเห็นใน ชมุ ชน หรอื ทอ้ งถิ่นของตนเอง รวมทงั้ อาจมาจากความสงสยั ในข้อมลู ทีไ่ ดร้ บั วา่ เปน็ จริงเช่นนน้ั หรอื ไม่ “ความอยากรู้อยากเห็น ปญั หา และความสงสยั ” จะทาให้เกิดประเด็นคาถามว่า “ใคร ทาอะไรท่ีไหน เม่ือไหร่ ทาไม และอย่างไร” ซึง่ จะนาไปสูว่ ธิ กี ารสืบค้น และแหล่งข้อมลู หลกั ฐานต่อไป กกกกกกกกกกกกาหนดหัวข้อท่จี ะศกึ ษา ข้นั ตอนในการกาหนดหัวข้อท่จี ะศึกษาประวัติศาสตร์จะเริ่ม ดว้ ยการกาหนดหัวข้ออยา่ งกวา้ ง ๆ กอ่ นแลว้ ตีกรอบใหแ้ คบลง ไม่ให้มหี วั ข้อท่ีกว้างจนเกินไปหรือแคบ จนเกนิ ไปในการกาหนดหวั ข้อทีจ่ ะศึกษาในเรอื่ งใดหรอื มีความสนใจในเรอ่ื งใด ต้องเรม่ิ ตน้ ดว้ ยความ สนใจในเรื่องนัน้ ๆ ก่อน ซึ่งหากนกึ ไม่ออกวา่ มคี วามสนใจในเร่ืองใดต้องฝึกอ่านหนงั สือ และหาข้อมูล ในเร่ืองต่าง ๆ ใหม้ าก เมอ่ื สนใจจะศึกษาในเรื่องใด ก็หาข้อมูลอย่างกวา้ ง ๆ ในเรอื่ งน้นั ๆ กอ่ น หรอื การศึกษาภูมหิ ลงั ของเรื่องทสี่ นใจ เพ่อื เป็นพน้ื ฐานความรู้ก่อนท่จี ะมีการสืบค้นหาข้อมลู หรือประเดน็ ใดประเด็นหนึ่งให้ลึกซ้ึงต่อไป โดยต้ังเปน็ ประเดน็ คาถาม เช่น มกี ารศึกษาเรื่องอไร ในช่วงเวลาไหน เหตใุ ดตอ้ งศึกษา เพ่ือกาหนดแนวทางในการแสวงหาคาตอบอยา่ งมีเหตผุ ล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201