Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook-37

ebook-37

Published by ju_sureerut, 2020-06-11 02:41:48

Description: ebook-37

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 40 ฉบบั ที่ 2 เมษายน-มถิ นุ ายน 2562 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 37

6.2 การเกบ็ ตวั อย่างดนิ ด้วยสว่านหรือหลอดเจาะ หากมีวชั พืชบริเวณท่ีเกบ็ ควรกวาดว ณท่ีเลือกเจาะตอ้ งไม่มีส่ิงปนเป้ื อน ใหเ้ จาะดินบริเวณระหวา่ งแถวยาง ภายในทรงพมุ่ ยาง สวา่ นเจาะดินใหต้ ้งั ฉากกบั ผวิ ดินลึก 15 เซนติเมตร เกบ็ กอ้ นหิน กอ้ นกรวด ออกจากตวั อย ระดบั ความลึก 15 – 30 เซนติเมตร หากมีดินในช้นั 0 – 15 เซนติเมตร บางส่วนร่วงลงไ นาํ ใส่ถงั ใหแ้ ซะตวั อยา่ งดินดา้ นบนของสวา่ นเจาะปีท่ีด40ินฉบับทที่ ิ้ง2 กเมษ่อายนน-มิถเุนลายก็น 2น562อ้ ย เพอ่ื ไม่ใหต้ วั อยา่ งดฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 26 ซนตติเวั มอตยรา่ งตดิดินไทป่ีเจ(สาะวใา่ นนแเจตา่ละะดจินุดนเจาํามะา1ใสค่รรว้ังมมกีคนั วใานมถลงั ึกสพ1ลา5ารสเซตบนิกตญัทิเี่สมะตอรา)ดดินท่ีไเกดบ็ ท้ ว้งั ิธ2ีเดรียะวดก ผนไวใ้ นขอ้ 4 คลุกเคลา้ ดินท่ีเกบ็ ไดจ้ ากทบทุกคจวุดาใมหเ้ ขา้ กนั อยา่ งสม่าํ เสมอ กระจายดินท้งั ห สติก แบง่ ดินเป็ น 4 ส่วน แบ่งดินส่วนห2น่ึงอปิทรธพิ ะลมขอางณRooคtsรto่ึงckถแึงละ I1nterกstoิโcลk กรัมใส่ถุงพลาสติก ยเลขตวั อยา่ งและรายละเอียดกาํ กบั รัดปากถุงใหแ้ น่นแลว้ นาํ ส่งหอ้ งปฏิบตั ิการเพอ่ื ดาํ เน ป หากจะเตรียมตวั อยา่ งเองตอ้ งผ่งึ ให1แ้ 5หง้กแาใลระนผขลอทติงไก่ีรทาย่มรใรชหะ้หกวา้าา่รมงสป่งตีอ2อา5ก5กย5าแ-2ง5ขด6อ1ดงโลก โดยนาํ ดินมาแผใ่ หก้ สติก หรือในภาชนะพลาสติกหรือสแตนเลสท่ีสะอาดในหอ้ งที่สะอาด และอยา่ ใชค้ วามร ทาํ ใหแ้ หง้ 31 สถานการณ์ไม้ยางพารา และมาตรฐาน การรับรองป่าไม้ 40 การเกบ็ ตัวอยา่ งดนิ ในสวนยางเพอ่ื ประโยชน์ ในการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดนิ ภาพปก: ส่วนทเ่ี ป็น Rootstock และ Scion ของตน้ ยางพารา

บทบรรณาธิการ ในการท�าสวนยางเพ่ือให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี ติดตา ส่วนใหญ่ก็ได้จากยางพันธุ์ RRIM 600 ท่ีปลูกกัน มปี จั จยั เข้ามาเกยี่ วข้องมากมาย ไมว่ ่าจะเปน็ ในเรือ่ งของ ท่วั ทั้งประเทศ ซ่งึ จากผลการทดลองที่ผา่ นมาพบว่า การ ดินฟ้าอากาศ พันธท์ุ ใี่ ช้ปลกู และการปฏิบตั จิ ดั การตา่ ง ๆ ใช้ Rootstock พนั ธุ์ RRIM 600 จะมีผลทา� ให้ต้นยาง หรอื เช่น การตัดแต่งก่ิง การควบคุมวัชพืช วิธีการใส่ปุ๋ย ส่วนของ Scion ให้ผลผลิตได้ต�่ากว่าการใช้ Rootstock การกบ็ เก่ยี วผลผลติ เป็นต้น พนั ธุ์อ่นื ๆ เช่น PB 5/51 หรอื RRIM 623 เปน็ ตน้ ซงึ่ นบั ว่า เป็นการสูญเสียโอกาสในการเพิ่มผลผลิตในระยะเวลาที่ วารสารฉบับน้ี ได้น�าบทความทบทวนวรรณกรรม ผ่านมา ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาค้นคว้าวิจัยในเร่ืองของวัสดุปลูก โดยเฉพาะในประเด็นของ Rootstock ซึ่งปัจจุบัน อีกประเด็นหน่ึงท่ีน่าสนใจก็คือ จากการศึกษาท่ี สามารถกล่าวได้ว่ามีผลต่อ Scion ท้ังในเรื่องของการ ผ่านมายังพบว่า การใช้ Rootstock พันธุ์ GT 1 และ เจริญเติบโตและการให้ผลผลิต ท�าให้บางประเทศ เช่น RRIM 623 มีส่วนช่วยให้ต้นยางมีความทนแล้งได้ดีกว่า มาเลเซีย เวลาออกค�าแนะน�ายางพันธุ์ยาง ซ่ึงหมายถึง Rootstock พันธุ์ RRIM 600 เมือ่ กล่าวถงึ ประเดน็ นที้ �าให้ ส่วนของ Scion แล้ว ยังมีค�าแนะน�าพันธุ์ท่ีจะใช้เป็น นึกถึงการปลูกยางในเขตปลูกยางใหม่ ซ่ึงบางพ้ืนท่ีได้รับ ตน้ ตอสา� หรบั ใชต้ ิดตาอกี ด้วย เชน่ พนั ธ์ุ PB 5/51, RRIM น้�าฝนในปริมาณน้อย และมีช่วงแล้งท่ียาวนาน ท�าให้ 623, GT 1 เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมลด็ พันธย์ุ างเหลา่ นี้ ต้นยางที่มีอายุหลายปีสามารถยืนต้นตายได้ทั้งแปลง ปัจจุบันเร่ิมหายาก เน่ืองจาก ไม่มีการปลูกยางพันธุ์ สาเหตสุ ว่ นหนง่ึ อาจเนอ่ื งจากใช้ Rootstock ทไ่ี มเ่ หมาะสม ดังกล่าวแล้ว ท�าให้มีนักวิชาการบางท่าน หันมาสนใจ ก็มีความเปน็ ไปได้ ศึกษาในเร่ืองของ Interstock เพื่อใช้แทน Rootstock ที่เหมาะสม แต่ความก้าวหน้าในเร่ืองนี้ยังเป็นแค่การเร่ิม ดังน้ัน น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่สมควรต้องหันมาให้ ต้น แต่ผลงานท่ีได้ท�ากันมาก็ถือได้ว่า เป็นการจุด ความสา� คญั ในเรอื่ งของการใช้ Rootstock พนั ธท์ุ เี่ หมาะสม ประกายความคิดให้กับนักวิชาการท่านอ่ืนให้สนใจที่จะ ซ่ึงในปัจจุบันก็ทราบแล้วว่าควรใช้ยางพันธุ์ไหน หรือมี ศึกษาเพม่ิ เตมิ ตอ่ ไป ลักษณะเป็นเช่นใด แต่ท้ังน้ีก็ขึ้นอยู่กับนโยบาย การ บรหิ ารจดั การ และวางแผนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ในสว่ นทยี่ งั ขาดอยู่ หันกลับมามองการท�าสวนยางของประเทศไทย ซ่ึงเกษตรกรนิยมปลูกยางพันธ์ุ RRIM 600 มาหลายสบิ ปี วิทยา พรหมมี แล้ว และปัจจุบันก็ยังเป็นพันธุ์ยางที่ปลูกมากที่สุด บรรณาธกิ าร เช่นเดิม ดังน้ัน เมล็ดที่น�ามาปลูกเป็นต้นกล้าเพื่อใช้ เจ้าของ: สถาบนั วิจยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย เขตจตุจกั ร กรุงเทพมหานคร 10900 บรรณาธิการบรหิ าร: ดร.กฤษดา สงั ขส์ งิ ห์ บรรณาธิการ: ดร.วทิ ยา พรหมมี กองบรรณาธกิ าร: ดร.ฐิตาภรณ์ ภมู ิไชย,์ ดร.พิศมยั จนั ทมุ า, นางสาวภรภทั ร สชุ าตกิ ูล, นางปรีดเ์ิ ปรม ทศั นกุล, นางอารมณ์ โรจนส์ จุ ติ ร, นางสาวอธวิ ณี ์ แดงกนิษฐ์ ผจู้ ัดการส่ือสง่ิ พิมพ:์ ดร.วิทยา พรหมมี ผจู้ ัดการส่อื อิเลก็ ทรอนิกส:์ นายชัยวฒั น์ ยศพมิ สาร ผูช้ ว่ ยผ้จู ดั การสอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์: นายอาเดล มะหะหมดั พสิ จู น์อกั ษร: นายวชิ า สิงหล์ อ

2 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 อทิ ธพิ ลของ Rootstock และ Interstock ภทั ธาวธุ จิวตระกลู * 93/75 นิพทั ธส์ งเคราะห์ 5 ต. หาดใหญ่ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา 90110 e-mail: [email protected] ก่อนเข้าสู่เนื้อหาของเรื่อง ขอท�าความเข้าใจกับ Scion Interstock ภาษาอังกฤษ 2 ค�า ท่ีเป็น Key word ของชื่อเร่ือง คือ Rootstock Rootstock และ Interstock ภาพที่ 1 สว่ นประกอบของตน้ ยาง ซง่ึ ไดจ้ ากการตดิ ตา 2 ครงั้ ในการขยายพันธุ์ยาง ใช้วิธีน�าแผ่นตาจากยาง พันธุด์ มี าตดิ บนล�าตน้ ของต้นกล้ายาง ซง่ึ ได้จากการปลูก น�้า การแลกเปลี่ยนแก๊สของใบ การน�าธาตุอาหารมาใช้ ด้วยเมล็ด หลังจากที่ติดตาส�าเร็จแล้ว ตัดส่วนล�าต้นของ ขนาดของต้น การออกดอก และ ระยะเวลาการติดผล ต้นกล้าท่ีอยู่เหนือแผ่นตาออกไป หลังจากนั้นไม่นาน (Schmitt et al., 1989; Neilsen and Kappel, 1996; ตาท่ีอยู่บนแผ่นตาก็จะแตกออกมา และเจริญเติบโตเป็น Gonçalves et al., 2003) ส่วนบทบาทของ Interstock มี สว่ นของลา� ต้นและใบ (เป็นส่วนของยางพนั ธด์ุ ี) สว่ นนี้ใช้ ให้เห็นเด่นชัดในต้นแอปเปิล ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วน�ามาใช้ ค�าในภาษาอังกฤษว่า Scion ส่วนท่ีเหลือก็คือ ต้นตอ ประโยชน์ในการควบคุมขนาดของล�าต้น โดยการใช้ หรอื ใชค้ �าในภาษาองั กฤษว่า Rootstock ซ่งึ ประกอบดว้ ย Dwarfing interstock เพื่อลดการเจริญเติบโตในด้าน ระบบรากและส่วนของล�าต้นเล็กน้อยของต้นกล้ายางที่ ต่าง ๆ เชน่ ความสงู ของ Scion พืน้ ท่ใี บ ผลผลิตน้�าหนัก อยใู่ ตร้ ะหวา่ งรอยเชอื่ มตอ่ ระหวา่ ง Rootstock และ Scion แห้ง และอัตราการเจริญเติบโต ซึ่งเป็นผลให้ต้นมีขนาด การขยายพันธุ์ยางจากวิธีที่ได้กล่าวมาข้างต้น ถ้าหากมีการติดตาอีกครั้งหน่ึงบน Scion ที่ได้จากการ ติดตาครงั้ แรก โดยให้สูงจากรอยติดตาคร้ังแรกประมาณ 10-20 ซม. หลังจากตดิ ตาสา� เร็จ ตัดสว่ นของ Scion เดมิ ท้ิงไป เพ่ือใหไ้ ด้ Scion ใหม่ขึน้ มาทดแทน Scion เดมิ วธิ ี ปฏิบัติเช่นน้ี ต้นยางจะมี 3 ส่วน คือ Rootstock, Inter- stock (หรือ Interstem) และ Scion ดังแสดงในภาพที่ 1 ในวงการไม้ผลเมืองหนาว เป็นที่รับรู้กันมานาน แล้วว่า การเลือกใช้ Roostock ให้เหมาะสมกับ Scion เป็นส่ิงท่ีมีความส�าคัญต่อการให้ผลผลิต เน่ืองจาก ปฏกิ ิริยาของ Rootstock-scion มผี ลต่อความสมั พนั ธ์กบั *อดีตนกั วชิ าการศูนยว์ ิจัยการยาง และศนู ย์วจิ ยั ยางสงขลา อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา (ระหวา่ งปี 2517-2553)

3 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 เลก็ ลงกวา่ การใช้ Interstock ทแ่ี ขง็ แรง (Parry and Rogers, ทางด้านขนาดของล�าต้น และการให้ผลผลิตของ Scion 1968; Lockard and Lasheen, 1971; Lockard, 1974) (Buttery, 1961) ซง่ึ สะท้อนให้เห็นว่า งานทดลองเหล่านี้ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือทบทวนการศึกษาถึง อาจมปี ัญหาในเรอ่ื งความสม�่าเสมอ ความเทย่ี งตรง และ อิทธิพลของ Rootstock และ Interstock ท่ีเกิดข้ึนกับ ความเหมือนเดิมของผลการทดลอง เมื่อกลับมาท�าซ้�า ยางพารา ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วเป็นงานวิจัยที่ท�าในประเทศ (Webster, 1989) มาเลเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ท้ังนี้เพ่ือให้ผู้ท่ี ในระยะต่อมา มีการใช้วัสดุปลูกท่ีสามารถผลิตซ�้า สนใจทางด้านน้ีได้รับรู้ข้อมูลและน�าไปใช้ประโยชน์ในแง่ ได้ และมีความแปรปรวนน้อย มาใช้เป็น Rootstock มมุ ต่าง ๆ Rootstock ในรูปของต้นกล้าที่เกิดจากการผสมพันธุ์ภายในพันธุ์ เดียวกัน (Monoclonal seedling) ยกตัวอย่างเช่น ในยางพารา การศึกษาอิทธิพลของ Rootstock งานทดลองในระยะยาวของ Ng et al. (1982, 1983) ท่ใี ช้ ท่ีมีต่อ Scion เร่ิมต้นจากการสร้างต้นกล้าคู่แฝด (Twin Scion 6 พันธุ์ ติดตากับต้นกล้าที่เป็น Monoclonal seedling) ซ่ึงได้จากการน�าต้นอ่อนมาผ่าตามแนวยาว seedling 5 พนั ธุ์ และตน้ กล้าท่ไี ดจ้ ากเมลด็ ท่ีไม่มกี ารคดั ของก้านใบเลี้ยง (Cotyledon petioles) จากน้ันน�าส่วน เลือกอีก 1 พันธุ์ ผลจากการศึกษานานถึงปีกรีดที่ 11 หน่ึงมาติดตา อีกส่วนหน่ึงไม่ติดตา งานทดลองที่ท�าใน ได้แสดงให้เห็นว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยส�าคัญ ลักษณะน้ี บางงานทดลองพบความสัมพันธ์อย่างมีนัย- ระหว่าง Rootstock ทส่ี ง่ ผลตอ่ การเจริญเติบโตของขนาด ส�าคัญระหว่างต้นแฝดท่ีติดตาและไม่ติดตาในเร่ืองของ ล�าต้น เปอร์เซนต์ต้นยางท่ีสามารถเปิดกรีดได้ และการ การเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ และอกี งานทดลองหนง่ึ พบว่า ใหผ้ ลผลติ ของ Scion (ตารางที่ 1 และ 2) อย่างไรก็ตาม การติดตาบนกล้ายางพันธุ์ท่ีให้ผลผลิตสูง จ�านวน 6 ต้น ไม่พบ Interaction ระหว่าง Rootstock และ Scion ได้รับผลผลิตมากกว่าการติดตาบนกล้ายางพันธุ์ที่ให้ อย่างมีนัยส�าคัญ ดังนั้น การศึกษาในคร้ังนี้จึงแสดงได้ ผลผลติ ต�่า (Dijkman, 1951) นอกจากน้ี ยงั มีงานทดลอง แตอ่ ิทธพิ ลของ Rootstock อกี สองชน้ิ ทีท่ า� ในประเทศมาเลเซีย ในปี ค.ศ. 1932 และ ตารางท่ี 1 แสดงใหเ้ หน็ ถึงอิทธพิ ลของ Rootstock 1934 พบว่า มีความสมั พันธอ์ ยา่ งมนี ยั ส�าคัญระหวา่ งตน้ ท่มี ตี ่อการเจรญิ เตบิ โตของ Scion โดยท่ี Rootstock พนั ธ์ุ คู่แฝดทตี่ ดิ ตาและไมต่ ดิ ตา (Buttery, 1961) PB 5/51 มีผลต่อการเจริญเติบโตของ Scion มากท่ีสุด ต่อมามีงานทดลองหลายงานเพ่ือเปรียบเทียบการ ไม่ว่าจะเป็นขนาดรอบล�าต้นเม่ือเปิดกรีด เปอร์เซนต์ต้น ใชต้ น้ ตอ (Rootstocks) ทม่ี าจากยางพันธ์ตุ า่ ง ๆ แตเ่ ป็น ยางที่สามารถเปิดกรีดได้ และขนาดรอบล�าต้นหลังจาก พันธุ์ท่ีรู้เพียงประวัติของแม่พันธ์ุ (Webster,1989) ซ่ึง กรดี ได้ 11 ปี รองลงมา ซ่งึ มผี ลท�าให้ Scion ยงั คงมกี าร ส่วนมากของงานทดลองเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพล เจริญเติบโตดี คือ Unselected seedling และ RRIM ของต้นตอ ยกตัวอย่างเช่น งานทดลองของ Schmöle 623 ลา� ดบั ที่ 4 ได้แก่ Tjir 1 ส่วน RRIM 600 และ RRIM (1940, cited after Webster, 1989) พบความแตกตา่ ง 501 จัดเป็น Rootstock ทีท่ �าให้การเจรญิ เติบโตโดยรวม ระหว่างผลผลิตของ Scion ที่ได้จากการติดตาบนต้นตอ ของ Scion ต่�าที่สุด เม่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของ ยางพันธุ์ต่าง ๆ ถึง 20 % และต่างกัน 18 % จากงาน เปอร์เซนต์ต้นยางที่สามารถเปิดกรีด พบว่า ต้นยางที่ ทดลองของ Paardekooper (1954, cited after ติดตาบน Rootstock พันธุ์ PB 5/51 มีปริมาณต้นท่ี Webster, 1989) อย่างไรก็ตาม จากการทดลองใน สามารถเปิดกรีดได้สูงกว่าต้นยางท่ีติดตาบน Rootstock ประเทศมาเลเซีย ระหว่างปี ค.ศ. 1931-1941 จา� นวน 5 พนั ธ์ุ RRIM 600 ถึง 22% งานทดลองซ่ึงใช้ตน้ กลา้ ยางทร่ี เู้ พยี งประวตั ขิ องแมพ่ นั ธุ์ ตารางท่ี 2 แสดงใหเ้ ห็นถึงอทิ ธพิ ลของ Rootstock (illegitimate seedling) และ Scion จา� นวนหนงึ่ ปรากฏวา่ ที่มีต่อการให้ผลผลิตของ Scion โดยท่ี Rootstock พันธุ์ มีเพียง 2 งานทดลอง จากงานทดลองท้ังหมด ที่ให้ผล PB 5/51 และ RRIM 623 มผี ลทา� ใหใ้ หผ้ ลผลิตตอ่ ต้นของ เห็นชัดเจนว่า Rootstock มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโต Scion สูงกวา่ การใช้ Rootstock พันธุ์ Tjir 1 ถึง 17% และ

4 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 12% ตามล�าดับ และเมื่อเปรียบเทียบกับ Rootstock เติบโตและผลผลติ ใหก้ บั Scion พนั ธ์ุ PR 107 เมือ่ เทยี บ ประเภท Unselected seedling ผลผลิตต่อตน้ จะสงู กว่า กบั การใช้ Rootstock พนั ธ์ุ Tjir 1 18% และ 12% ตามล�าดับ ส�าหรับ Rootstock พันธุ์ เก่ียวกับประเด็นน้ี ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมอีก RRIM 501 และ RRIM 600 ใหผ้ ลผลิตต่อต้นของ Scion หลายงานทดลอง ถึงแม้ว่าจะเป็นงานทดลองที่ท�าใน น้อยกว่า Rootstock พันธุ์ RRIM 623 แต่ให้ผลผลิตสูง กระถาง แต่ก็ให้ข้อมูลท่ีส�าคัญเก่ียวกับอิทธิพลของ กว่า Rootstock พันธ์ุ Tjir 1 และ Unselected seedling Rootstock บางพนั ธ์ุ ทม่ี รี ายงานก่อนหน้านว้ี ่าเปน็ Root- ส�าหรับผลผลิตตอ่ ไร่ของ Scion ปรากฏว่า การใช้ stock ท่ีดีและเหมาะที่จะปลูกในท้องที่แห้งแล้ง (Ng Rootstock พนั ธุ์ PB 5/51 จะได้รบั ผลผลติ สงู สดุ รองลง et al. 1982, 1983; Combe and Gener 1977) โดยใน มาได้แก่ Rootstock พันธุ์ RRIM 623 ส�าหรับ งานทดลองชุดแรกของ Bastiah Ahmad (1999) Unselected seedling และ Tjir 1 จดั เปน็ Rootstock ท่ี ใช้ Rootstock ซึ่งไดจ้ าก Monoclonal seedling จา� นวน ใหผ้ ลผลิตในระดับกลาง ๆ แตผ่ ลผลติ ของ Scion จะอยู่ 3 พันธุ์ คอื GT 1, RRIM 623 และ RRIM 600 ตดิ ตาดว้ ย ในระดับต่�าเม่ือใช้ยางพันธุ์ RRIM 501และ RRIM 600 Scion พันธุ์ RRIM 901 ในการศึกษาคร้ังน้ีให้พืชอยู่ใน เปน็ Rootstock สภาวะขาดน�้า 3 ระดับ คือ ขาดน้�าปานกลาง ขาดน้�า ทผี่ า่ นมา การศกึ ษาถงึ อิทธิพลของ Rootstock มกั รนุ แรง และไม่ขาดน้�า จะมุ่งศึกษาถึงผลที่มีการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต จากการวัดลักษณะต่าง ๆ ทางสรีรวิทยาที่ ของ Scion ที่ปลูกในพ้ืนท่ีที่ไม่มีข้อจ�ากัดในเร่ืองน้�า แต่ เกี่ยวข้องกับน�้าสรุปได้ว่า Rootstock พันธุ์ RRIM 623 การศึกษาถึงอิทธิพลของ Rootstock ท่ีมีความสัมพันธ์ เป็นพันธุ์ที่จัดอยู่ในประเภทหลีกเลี่ยงท่ีจะเผชิญกับภาวะ กบั นา�้ ยังมีข้อมูลทจ่ี �ากดั เชน่ จากการศกึ ษาของ Combe แห้งแล้ง (Drought avoidance characteristics) โดยพืช and Gener (1977) ในโคตติวัวร์ ในพ้ืนท่ีที่มีความแห้ง จะลดการสูญเสียน�้าให้น้อยที่สุดผ่านทางการควบคุม แล้งรุนแรง พบว่า การใช้ต้นกลา้ ยางพันธุ์ GT 1 (illegiti- อย่างมีประสิทธิภาพของปากใบของ Scion (ปิดปากใบ mate seedling) เปน็ Rootstock สามารถเพิ่มการเจริญ อยา่ งรวดเรว็ เม่ือเร่ิมขาดแคลนน้า� ) ต่างจาก Rootstock ตารางที่ 1 การเจรญิ เติบโตของลา� ตน้ และเปอร์เซนต์ต้นยางท่สี ามารถเปิดกรดี ได้ของ Scion จา� นวน 6 พันธ์ุ เมือ่ ใช้ Rootstock ตา่ งกนั 1 Rootstock ขนาดรอบลา� ตน้ จา� นวนต้นยาง ขนาดรอบล�าตน้ เมื่อเปดิ กรีด ทสี่ ามารถเปิดกรดี ได้ หลังจากกรดี ได้ 11 ปี PB 5/51 (ซม.) Unselected seedling (%) (ซม.) RRIM 623 53.2 Tjir 1 51.9 67.8 78.0 RRIM 501 51.3 63.4 75.1 RRIM 600 50.8 57.4 74.9 49.1 56.6 72.1 1ที่มา: Ng (1982, 1983) 49.2 48.4 70.5 46.2 70.6

5 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางที่ 2 ผลผลิตยางของ Scion จา� นวน 6 พนั ธุ์ เมื่อใช้ Rootstock ตา่ งกัน1 Rootstock ผลผลิตเฉล่ยี 11 ปีกรดี PB 5/51 ตอ่ ตน้ ตอ่ ไรต่ ่อปี RRIM 623 (กรมั ตอ่ ครงั้ กรีด) (กิโลกรัม) RRIM 501 RRIM 600 67.8 78.0 Tjir 1 63.4 75.1 Unselected seedling 57.4 74.9 56.6 72.1 1ที่มา: Ng (1982, 1983) 48.4 70.5 46.2 70.6 พันธุ์ GT 1 การตอบสนองตอ่ ความแหง้ แล้งจะเป็นไปใน ในงานทดลองแรก ใช้ Scion 2 พันธุ์ (RRIM 901 ลกั ษณะทป่ี ากใบของ Scion จะยงั คงเปดิ อยู่บา้ งเป็นบาง และ PM 10) ติดตาบน Rootstock พันธุ์ RRIM 623, ส่วน เป็นผลให้การสังเคราะห์แสงยังสามารถด�าเดินต่อ RRIM 600 และ PB 260 ซงึ่ ไดจ้ าก Monoclonal seedling ไปได้ (ตารางท่ี 3) ปลูกในกระถาง รดน้�าทุกวัน จนกระท่ังต้นยางมีใบได้ 3 ฉัตร จงึ หยดุ ใหน้ า�้ วิเคราะห์อิทธิพลของ Rootstock โดย เช่นเดยี วกันกับพันธ์ุ RRIM 623, Rootstock พนั ธุ์ ดูความสัมพันธ์ระหว่างศักย์ของน�้าในใบกับ Parameter GT 1 มคี ่าศักยข์ องน้�าในใบตอนเช้าตรู่ (Pre-dawn leaf ตัวอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับน้�า ที่เกิดข้ึนกับใบของ Scion water potential) ต�่ากว่า Rootstock พันธุ์ RRIM 600 ตลอดจนวัดการเจริญเติบโตของส่วน Scion และ Root- (ตารางที่ 4) และมีสัดส่วนระหว่างรากและยอดสูง stock (ตารางที่ 5 ) สะท้อนให้เห็นว่า Rootstock ท้ังสองพันธุ์มีระบบรากท่ี สามารถหยัง่ ลงไปในดินได้ลกึ จากภาพที่ 2 (A-D) จะเห็นได้ว่า ในขณะทเ่ี ริม่ ขาด น�้า (ค่าศักย์ของน้�าในใบประมาณ -10 บาร์) Scion ทั้ง ส�าหรับ Scion (RRIM 901) ที่ติดตานบน Root- RRIM 901 และ PM 10 จะตอบสนองไวต่อการขาดน�้า stock พันธุ์ RRIM 600 จะตอบสนองไวมากต่อภาวะการ เมื่อตดิ ตาบน Rootstock พนั ธุ์ RRIM 623 ทัง้ นี้เนือ่ งจาก ขาดแคลนน้�า และยังขาดลักษณะที่มีระบบรากที่ มีการปิดปากใบเร็วกว่า Scion ที่ติดตาบน Rootstock สามารถหยง่ั ลงไปในดินได้ลกึ พนั ธอ์ุ น่ื ๆ โดยมกี ารเพม่ิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ของ Leaf diffusive resistance (LDS) และการลดลงอย่างรวดเร็วของค่า จากข้อมูลท่ีได้จากการทดลองครั้งนี้ สรุปได้ว่า การชักน�าปากใบ (Stomal conductance) และอตั ราการ Scion ทต่ี ดิ ตาบน Rootstock พนั ธ์ุ GT 1 และ RRIM 623 คายน�้า จากผลของการตอบสนองอย่างรวดเร็วของปาก จะปรับตัวให้เข้ากับสถาวะขาดแคลนน้�าท่ียาวนานได้ดี ใบต่อการขาดน�้า ท�าให้พืชสามารถรักษาปริมาณน�้า กว่า Rootstock พนั ธ์ุ RRIM 600 ทัง้ นี้โดยอาศัยลักษณะ สมั พัทธ์ (Relative water content, RWC ) ใหอ้ ยใู่ นระดับ ของการมีระบบรากทส่ี ามารถหยง่ั ลงไปในดินได้ลกึ สูง (ภาพที่ 2,D) Rootstock พันธุ์ PB 260 มีแนวโน้ม ชักน�าให้ปากใบของ Scion พันธุ์ RRIM 901 ปิดอย่าง Bastiah Ahmad (2001) ยังคงท�าการทดลองต่อ เนอ่ื งเพื่อขยายผลการศกึ ษาทีผ่ ่านมา โดยการศกึ ษาคร้ัง น้แี บง่ ออกเป็น 2 การทดลอง

6 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 ตารางที่ 3 ผลของ Rootstock พันธุ์ตา่ ง ๆ ตอ่ การชกั น�าปากใบ และอัตราการสังเคราะหแ์ สง ของ Scion พันธ์ุ RRIM 901 กอ่ นพชื จะประสพกับการขาดน้�า Rootstock การชักน�าปากใบ อัตราการสังเคราะหแ์ สง (cm/s) (µmole/cm2/s) GT 1 RRIM 623 0.77 0.65 RRIM 600 0.67 0.61 0.66 0.52 ทีม่ า: Bastiah Ahmad (1999) ตารางที่ 4 ผลของ Rootstock พันธุต์ ่าง ๆ และสภาวะการขาดน�้าต่อศกั ย์ของนา้� ในใบตอนเชา้ ตรู่ โดยวัดกอ่ นและหลังการให้นา้� ตวั แปร ก่อนใหน้ ้�า หลงั ใหน้ ้�า Rootstock -2.68 -2.26 GT 1 -2.66 -2.23 RRIM 623 -2.47 -2.15 RRIM 600 สภาวะการขาดนา�้ -3.66 -3.03 รุนแรง -2.52 -2.27 ปานกลาง -1.73 -1.42 ไม่ขาดนา�้ (Control) ททีม่ ่ีมาา:: BBaassttiiaahh AAhhmmaadd ((11999999)) รวดเร็ว เม่ือเร่ิมมีการขาดน�้า ดังสะท้อนให้เห็นจากค่า เหน็ วา่ ปากใบของ Scion พันธุ์ RRIM 901 จะยังคงเปดิ LDS, การชักน�าปากใบ และการคายน�้า อย่างไรก็ตาม ทง้ั ๆ ท่ีศักย์ของน�า้ ในใบลดลงต�่ากว่า -10 bar ในขณะที่ พืชเหล่านี้ไม่สามารถรักษาปริมาณน้�าสัมพัทธ์ ให้อยู่ใน Rootstock อกี 2 พนั ธุ์ มผี ลทา� ให้ปากใบปิด ระดับสูงได้ตลอดวงจรของการให้น้�าดังเช่น Rootstock พันธุ์ RRIM 623 หรอื RRIM 600 เปรยี บเทยี บเห็นไดช้ ดั ส�าหรับอิทธิพลของ Rootstock ที่มีต่อการเจริญ กับ Scion พันธ์ุ ที่ตดิ ตาบน Rootstock พนั ธุ์ RRIM 600 เติบโตของ Scion พบว่า Rootstock มีผลอย่างมีนัย จะมีความไวในการตอบสนองต่อการขาดน้�าช้ากว่า สา� คญั ทางสถิติตอ่ เจรญิ เติบโตของ Scion ทัง้ ในเร่อื งของ โดยท่ีค่า LDR จะค่อย ๆ เพ่ิมข้ึน และการชักน�าปากใบ การให้ผลผลิตแห้งและองค์ประกอบต่าง ๆ ของราก จะคอ่ ย ๆ ลดลง เมื่อการขาดแคลนน้�ามีมากขึ้น ซึ่งช้ีให้ โดยทีก่ ารใช้ Rootstock พนั ธุ์ RRIM 623 ท�าใหก้ ารเจรญิ เติบโตของ Scion ดีทสี่ ดุ ทง้ั ในเรือ่ งของเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง

7 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 Leaf diffusive resistance 4 6 (s/cm) 5 3 -20 -10 -20 -10 4A -30 -20 -10 2 -40 -30 -20 -10 3 1 2 1 0 0 -30 0 10 0 8 การชัก �นาปากใบ 6 8 B (cm/s) 4 6 2 0 -20 -10 4 -30 -20 -10 2 0 -30 0 100 -2 0 80 อัตราการคาย �น้า 60 80 (µg/cm2/s) 40 60 20 0 C40 0 -40 20 0 0 ป ิรมาณน้�าสัม ัพท ์ธ 100 120 (%) D80 100 60 80 60 40 40 20 20 -30 -20 -10 0 0 0 -40 0 -30 -20 -10 ศักยข์ องน�า้ ภายในใบ (บาร์) ศกั ย์ของน�า้ ภายในใบ (บาร์) RRIM 901 PM 10 ภาพที่ 2 ผลของ Rootstock ตอ่ parameter ตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั นา�้ ของ Scion พนั ธ์ุ RRIM 901 และ PM 10 ในระหวา่ งขาดแคลนนา้� (RRIM 600: , RRIM 623: , PB 260: ) ล�าต้น และความสูง ในขณะที่การใช้ Rootstock พันธุ์ 260 ซึ่งได้จาก Monoclonal seedling ปลูกในกระถาง RRIM 600 ทา� ให้ Scion มกี ารเจรญิ เตบิ โตตา�่ สดุ (ตารางที่ 5) ขนาด 4 ลิตร วางซ้อนกนั 2 ชน้ั มรี เู ชื่อมระหว่างกระถาง บนและกระถางล่าง ท่ีกระถางล่างมีรูเพ่ือระบายน�้าออก ในงานทดลองที่สอง ใช้ Scion พันธุ์ RRIM 901 (ภาพท่ี 3) การศกึ ษาเพื่อดกู ารตอบสนองของ Rootstock ติดตาบน Rootstock พันธุ์ RRIM 623, GT 1 และ PB

8 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางที่ 5 ผลของ Rootstock ที่มตี ่อการเจรญิ เตบิ โตของ Scion, ชีวมวล และองค์ประกอบของราก1 Monoclonal ความสูง เส้นผา่ ศูนย์กลาง น�้าหนกั แห้ง (กรมั ) สัดสว่ นของราก seedling ของ Scion ของ Scion rootstock (ซม.) (ซม.) ราก ราก ราก ราก ราก แกว้ แขนง ทั้งหมด แก้ว แขนง 73.1 26.9 RRIM 623 60.7 6.9 23.5 8.0 31.5 70.8 29.2 68.6 31.4 PB 260 47.3 5.7 18.4 7.3 25.7 RRIM 600 41.7 5.1 14.9 6.2 21.1 1แตล่ ะคา่ เปน็ คา่ เฉลีย่ จาก Rootstock 2 พนั ธุ์ ๆ ละ 10 ตัวอย่าง ทม่ี า: Bastiah Ahmad (1999) ต่อความช้ืนท่ีมีในกระถาง มี 2 กรรมวิธี คือ ให้น้�าใน 26 ซม. สว่ นผสมระหวา่ ง ระดับต้ืน ซึ่งรากจะแพร่กระจายในวัสดุปลูกท่ีแห้ง ทรายและดนิ ท่ีความลึก 26 เซนตเิ มตร จากผิวดนิ (กระถางบนใสท่ ราย ในสัดสว่ น 80:20 ผสมดินในสัดส่วน 80:20 ส่วนกระถางล่างใส่ก้อนกรวด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 มิลลิเมตร) เปรียบเทียบกับ รูระบายน้�า วิธีควบคุม ซ่ึงระบบรากสามารถหย่ังลึกลงไปในดินได้ ขนาดเสน้ ผา่ ศ.ก. (กระถางบนใส่ทรายผสมดินในสัดส่วน 80:20 ส่วน กระถางล่างใส่ก้อนกรวดผสมทรายในสัดส่วน 50:50) 1 ซม. เร่ิมให้ต้นยางขาดน้�าเมอ่ื ตน้ ยางมใี บได้ 2 ฉตั ร โดยใหน้ า้� ที่ ก้อนกรวด ระดบั ความจคุ วามชนื้ สนาม* (Field capacity) ทกุ ๆ 4 วัน ขนาดเส้นผา่ ศ.ก. 1-2 ซม. ผลจากการทดลองพบว่า ท้ังสองกรรมวิธีมีผล 26 ซม. ส่วนผสมระหว่าง อย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของระบบ ทรายและกอ้ นกรวด ราก ถึงแม้ว่า Rootstock จะไม่มีความแตกต่างอย่างมี ในสัดส่วน 50:50 นัยส�าคัญทางสถิติในเรื่องของค่าเฉล่ียน�้าหนักแห้งของ รากหาอาหารท่ีมีสีเหลือง รากแก้ว และรากที่เจริญ รูระบายน�า้ รรู ะบายน้า� เติบโตลึกลงไปต�่ากว่าผวิ ดิน 26 เซนตเิ มตร (ตารางที่ 6) ขนาดเสน้ ผ่า ศ.ก. ขนาดเสน้ ผา่ ศ.ก. แต่จะมีผลต่อน้�าหนักแห้งของรากแขนงสีน�้าตาล ราก แขนงทั้งหมด รากที่อยู่ในกระถางข้างบน และราก 1 ซม. 1.5 ซม. ทง้ั หมด (ตารางท่ี 7) การทมี่ คี วามแตกตา่ งของ Rootstock ในเร่ืองของมวลชีวภาพของราก แต่ไม่มีความแตกต่าง ภาพท่ี 3 ตน้ ยางตดิ ตาทป่ี ลกู ในกระถาง 2 ชน้ั มี 2 กรรมวธิ คี อื รากตน้ ยาง ในเร่ืองของการเจริญเติบโตของ Scion ส่งผลให้มีความ แตกตา่ งของ Root/shoot ratio โดยท่ี Rootstock พนั ธ์ุ GT 1 ไดร้ บั นา�้ ในระดบั ตน้ื หรอื 26 ซม. จากผวิ ดนิ (ซา้ ย) และกรรมวธิ คี วบคมุ ซงึ่ *หมายถงึ ปรมิ าณนา�้ ทย่ี งั คงเหลอื อยใู่ นดนิ หลงั จากทด่ี นิ อมิ่ ตวั ดว้ ยนา�้ และนา้� ระบบรากสามารถหยั่งลงสู่กระถางข้างล่างได้ (ขวา) (Bastiah Ahmad, สว่ นเกนิ ไดร้ ะบายออกไปหมดแลว้ โดยแรงดงึ ดดู ของโลก 1999) มีค่าสูงกว่า Rootstock พันธุ์ PB 260 อย่างมีนัยส�าคัญ ทางสถติ ิ (ตารางท่ี 6) Bastiah Ahmad (2001) ได้ให้ข้อสรุปเก่ียวกับ สมบัตขิ อง Rootstock พันธุ์ต่าง ๆ ที่ไดศ้ ึกษาไว้ว่า Root- stock พันธุ์ RRIM 623 นอกจากมีระบบรากที่สามารถ หย่ังลงดินได้ลึกแล้ว ยังสามารถควบคุมการสูญเสียน�้า ผ่านทางปากใบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมบัติสอง

9 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางท่ี 6 ผลของ Rootstock พันธตุ์ ่าง ๆ ต่อน้�าหนกั แหง้ ขององคป์ ระกอบของราก และสัดสว่ นของรากตอ่ ยอด เมื่อต้นยางมอี ายุ 6 เดือน หลังจากได้รบั ความเครียด จากการขาดแคลนนา้� จา� นวนหลายรอบ1 Monoclonal น�้าหนกั แหง้ (กรัม) สัดส่วนระหวา่ ง seedling รากหาอาหารสีเหลือง รากแกว้ รากที่อยใู่ นกระถางขา้ งลา่ ง รากตอ่ ยอด rootstock (%) PB 260 4.31 6.66 0.77 40.60 3.04 8.19 0.60 93.94 GT 1 2.33 7.44 0.87 61.69 RRIM 623 1แต่ละคา่ เป็นค่าเฉลีย่ จาก 4 ซา้� ทมี่ า: Bastiah Ahmad (2001) ตารางท่ี 7 ผลของ Rootstock พันธ์ุตา่ ง ๆ และนา้� ในดิน ต่อนา�้ หนกั แห้งของสว่ นต่าง ๆ ของต้นยาง และองค์ประกอบของราก หลงั จากใหพ้ ชื ไดร้ ับความเครยี ดจากการ ขาดแคลนน�า้ เป็นระยะเวลา 6 เดอื น1 แหง้ PB 260) PB 260) PB 260) (กรัม) SWT2 Control SWT2 Control SWT2 Control ล�าตน้ ของ Scion 18.30 20.71 11.11 14.63 11.91 11.16 แผ่นใบ 5.16 6.49 6.23 5.86 5.87 6.30 ก้านใบ 1.28 1.65 0.97 1.81 1.62 1.25 รากแขนงสนี ้�าตาล 6.21 3.98 6.23 5.21 2.97 3.62 รากแขนงทั้งหมด 7.68 8.96 9.52 8.08 5.46 5.78 รากท่ีอยใู่ นกระถางข้างบน 12.57 16.69 17.02 16.73 12.91 13.80 รากท่ีอยใู่ นกระถางขา้ งล่าง 0.25 1.00 0.13 0.91 0.42 1.18 รากแก้ว 4.89 7.83 7.50 8.66 7.46 8.02 รากทั้งหมด 12.81 17.69 17.13 17.65 13.20 14.90 ตน้ ยางทั้งต้น 37.58 46.55 35.43 39.95 32.60 33.61 1แตล่ ะค่าเป็นคา่ เฉลีย่ จาก 4 ซา�้ , 2Soil water treatment ทมี่ า: Bastiah Ahmad (2001)

10 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มิถุนายน 2562 ประการน้ีจึงช่วยพืชลดการสูญเสียน�้าน้อยที่สุดโดยการ อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิตยาง ควบคุมของปากใบท่ีมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน และ IAA, IPA หรือ สดั สว่ นของ IAA/IPA สามารถน�าน�้ามาใช้ได้มากที่สุด โดยอาศัยระบบรากท่ี ต่อมา คณะนักวิจัยจากสถาบันเดียวกันของ สามารถหยั่งลงดนิ ได้ลึก สาธารณรัฐประชาชนจีน (Yuan et al., 2011) ได้ Rootstock พนั ธ์ุ GT 1 นอกจากมรี ะบบรากทีแ่ ข็ง พยายามจ�าแนกโปรตีนท่ีน่าจะมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ แรงแล้ว ยังอาจจะมีสันฐานวิทยาของระบบรากท่ี ชิดกับปฏิกิริยาระหว่าง Rootstock และ Scion โดยใช้ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถาวะท่ีขาดแคลนน้�าได้ดี เทคนิคท่ีเรียกว่า Proteomics* ท้ังนี้เพ่ือเป็นพ้ืนฐาน พฤติกรมของ Rootstock พันธุ์ GT 1 ท่ี Bastiah Ahmad ส�าหรับความเข้าใจกลไกในระดับโมเลกุลของปฏิกิริยา (2001) ศกึ ษามาก็สอดคลอ้ งกบั งานทดลองในแปลงของ ระหว่าง Rootstock และ Scion Combe and Gener (1977) ท่ีพบว่า Rootstock พันธุ์ ในการศึกษาคร้ังนก้ี ระท�ากับต้นยาง 2 พนั ธุ์ ซง่ึ ได้ GT 1 เป็นพันธุ์ที่ทนแล้งท่ีสุด เมื่อเทียบกับ Rootstock จากการเพาะเล้ียงเนื้อเย่ือ คือ Reyan 88-13 (R.88-13) พนั ธอุ์ ่ืน ๆ และ Haiken 2 (H.2) นา� ยางท้งั 2 พนั ธุ์ มาสร้างเป็นต้น สา� หรบั Rootstock พนั ธุ์ PB 260 และ RRIM 600 ติดตายาง โดยให้ทั้ง 2 พันธุ์ สลับกันเป็น Scion/Root- ซึ่ง Ng et al. (1982) ไดร้ ายงานก่อนหนา้ นี้วา่ เป็น Root- stock ดังนี้คือ R.88-13/H.2 และ H.2/R.88-13 เม่ือ stock ท่ีให้ผลไม่ดีเม่ือน�าไปปลูกในสภาพแปลง มีแนว ต้นยางมีอายไุ ด้ประมาณ 1 ปี ท�าการเกบ็ ตวั อยา่ งเปลือก โน้มว่ามีระบบรากตื้น อีกทั้งการตอบสนองของปากใบ ของ Scion จาก R.88-13/H.2 และของ Rootstock จาก ต่อการขาดแคลนนา�้ ยังไม่ค่อยสอดคล้องกัน H.2/R.88-13 และจากต้น Control ที่ไม่ได้ติดตา (พันธุ์ จากผลของ Rootstock ท่ีมีต่อ Scion ในประเด็น R.88-13) มาสกัดและแยกชนิดของโปรตีนโดยใช้ Two- ต่าง ๆ ท่ีกล่าวมาข้างต้น ท�าให้เป็นท่ีสนใจของนักวิจัยท่ี dimensional gel electroproresis** (2-DE) ซ่ึงผลจาก จะศกึ ษาถงึ อทิ ธพิ ลของ Rootstock ทหี่ ลากหลายมากยง่ิ ขึ้น การแยกโปรตีนโดยใช้วิธีดังกล่าว พบว่า มีโปรตีนถึง 38 เชน่ Cao (2007) จาก CATAS (Chinese Academy of ชนิด ในจ�านวนนี้เป็นโปรตีนที่มีบทบาทเก่ียวข้องต่อ Tropical Agriculture Science) สาธารณรัฐประชาชน การกระตุน้ (Stimulus) 17.5%, Metabolism 15% และ จนี ไดศ้ กึ ษาอิทธพิ ลของ Rootstock ตอ่ ปริมาณ Growth การสังเคราะห์แสง 7.5% นอกนั้นเป็นโปรตีนที่ไม่ hormone regulator 2 ชนิด คือ IAA (Indoleacetic สามารถจ�าแนกชนดิ และบทบาทได้ acid) และ IPA (Isopentonyl adenine) ซง่ึ เป็นฮอร์โมน จากการวิจัยคร้ังนี้ คณะผู้วิจัยได้ให้ความเห็นว่า ที่เก่ียวข้องต่อการเปล่ียนแปลง (Differentiation) ของ ปฏิกิริยาระหว่าง Rootstock-scion ถูกควบคุมโดยยีนที่ เน้ือเยื่อที่จะสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากที่เปลือกได้รับความ จ�าเพาะ หรือโปรตีนที่มีบทบาทส�าคัญต่อปฏิกิริยา เสยี หายจากการกรีด ดงั กล่าว ในการศึกษาครง้ั น้ี ใช้ยางพันธุ์ PR 107 เพียงพันธุ์ จากโปรตีนที่สามารถจ�าแนกได้ คณะผู้วิจัย เดียว ติดตาบน Rootstock 3 พันธุ์ ได้แก่ ReYan88-13, สนั นษิ ฐานวา่ เซลลบ์ างเซลลท์ ท่ี า� หนา้ ทเ่ี ปน็ Cell signaling HaiKen2 และ DaFeng99 ซึ่งได้จากการเพาะเลี้ยง อาจจะเก่ยี วขอ้ งโดยตรงกบั ปฏกิ ิริยาระหว่าง Rootstock- เน้ือเย่ือ ปลูกตน้ ตดิ ตาลงแปลง และเก็บผลผลิตยาง scion ยกตัวอย่างเช่น Peroxidases และ Calcineurin ผลจากการศกึ ษา พบวา่ การใช้ Rootstock ตา่ งกัน มีผลต่อปริมาณ IAA และ IPA ที่มีอยู่ในน�้ายางของ * เปน็ การศกึ ษาโปรตนี จา� นวนมากทง้ั ระบบ โดยตรวจวดั โปรตนี หลายชนดิ ได้ Scion พันธุ์เดียวกัน รวมถึงปริมาณเนื้อยางแห้ง และ พรอ้ มกนั เพอ่ื วดั ปรมิ าณและรปู แบบการแสดงออกของโปรตนี ทกุ ชนดิ ทเี่ ปน็ ผลผลิตยาง นอกจากน้ี ยังพบความสัมพันธ์ในเชิงบวก ผลผลติ ของยนี ทง้ั หมด ระหวา่ งปรมิ าณของ IAA และ IPA, ปริมาณเน้ือยางแห้ง ** เปน็ วธิ กี ารแยกสว่ นผสมโปรตนี ทม่ี คี วามซบั ซอ้ น ออกเปน็ โปรตนี เดยี่ ว ๆ โดย (DRC) และปรมิ าณของ IAA หรอื สัดสว่ นของ IAA/IPA อาศยั Isoelectric point (Dimension แรก) และนา�้ หนกั โมเลกลุ ของโปรตนี (Dimension ทสี่ อง)

11 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถุนายน 2562 B-like protein 9 (CBL9) มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของ Scion ได้ในระดับหน่ึง Interstock ทา� ให้ Bastiah Ahmad et al. (1996) ไดส้ นใจศึกษาใน เรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม โดยเน้นการศึกษาทางสรีรวิทยา การศึกษาเก่ียวกับอิทธิพลของ Interstock ใน เพื่อที่จะน�าไปสู่ความเข้าใจถึงอิทธิพลของ Interstock ที่ ยางพารายังถือว่ามีน้อยมาก เมื่อเทียบกับไม้ผลเมือง มีต่อการเจรญิ เติบโตของ Scion หนาว เช่น แอปเปิล ที่มีรายงานว่า มีอิทธิพลคล้ายคลึง การศึกษาคร้ังนี้ใช้ Interstock (ยาว 20 ซม.) กับ Rootstock ซ่ึงในประเด็นนี้ มีนักวิชาการบางท่าน 5 พันธุ์ ไดแ้ ก่ TR 3702, PB 5/51, RRIM 613, RRIM 600 มคี วามคิดวา่ การนา� Interstock มาใช้ในยางพารา อาจ และ H. spruceana ส่วน Scion มี 3 พันธ์ุ ได้แก่ RRIM เป็นอีกทางเลือกหน่ึงแทนการใช้ Rootstock พันธุ์ที่มี 600, RRIM 802 และ PB 235 ทัง้ 2 สว่ น อย่บู น Root- ศักยภาพในการเพิ่มขีดความสามารถในการเจริญเติบโต stock พนั ธ์ุ RRIM 600 ซึง่ ไดจ้ าก Monoclonal seedling และการใหผ้ ลผลิตของต้นยาง เช่น พันธ์ุ PB 5/51, RRIM เกบ็ นา้� หนกั แหง้ ส่วนต่าง ๆ ของพืชในชว่ ง 2 ปี หลังจาก 623 และ GT 1 ซ่ึงปัจจบุ นั พันธ์ยุ างเหล่าน้ไี ม่ได้ปลกู กนั ปลูก เพื่อน�ามาใช้ในการวิเคราะห์การเจริญเติบโตของ แล้ว กรรมวธิ ตี ่าง ๆ ซึ่งเปน็ Combination ระหวา่ ง Interstock การศึกษาอิทธพิ ลของ Interstock ในยางพาราเรม่ิ และ Scion โดยมกี รรมวธิ คี วบคมุ (Control) คือ ต้นยางที่ ต้นโดย Leong and Yoon (1978) ซ่ึงมีงานทดลองช้ิน มี Interstock และ Scion พนั ธเ์ุ ดียวกัน เล็ก ๆ อยู่ 2 งาน งานทดลองแรก ศึกษาผลของ Inter- จากผลการศึกษาพบว่า Interstock พันธุ์ RRIM stock พันธุ์ต่าง ๆ ท่ีมีต่อการเจริญเติบโตของ Scion 613 และ TR 3702 จะเพ่มิ Sink capacity ของ Scion บางพันธุ์ ส่วนงานทดลองท่ีสอง เป็นการศึกษาความ ท�าใหก้ ารเพ่ิมขึ้นของน้�าหนกั แหง้ ของ Scion ในระยะแรก แตกต่างในเร่ืองความยาวของ Interstock รายละเอียด ของการเจริญเติบโตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะ ของงานทดลองท้งั สองแสดงไว้ในตารางที่ 8 ที่ Interstock พนั ธ์ุ RRIM 600 และ H. spruceana ไม่ ผลการทดลองสรุปได้ว่า การใช้ Interstock พันธุ์ สามารถเพมิ่ Sink strength ของ Scion สง่ ผลใหร้ ากได้ RRIM 600, PR 235 และ PB 86 ไม่มีผลต่อความสูงของ รบั สารอารหารตา่ ง ๆ มากขึ้น Scion แต่การใช้ Interstock ที่เป็น Dwarf clone และ คณะผู้วิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะว่า Interstock อาจ H. spruceana มีผลทา� ความความสูงของ Scion ลดลง จะเป็นวิธีหน่ึงท่ีสามารถน�ามาใช้ในการปรับปรุงการ เมื่อเทียบกับการใช้ Interstock พันธุ์อื่น ๆ และผล เจริญเติบโตของต้นยางโดยไม่ต้องใช้ Rootstock พันธุ์ที่ ดังกล่าวจะเพิ่มมากข้ึนตามอายุของต้นยางที่เพิ่มข้ึน เหมาะสมได้ แต่ก่อนท่ีจะน�าไปใช้ จ�าเป็นต้องมีการ ส่วนผลของ Interstock ที่มีต่อเส้นผ่าศูนย์กลางของ ทดสอบหาคู่ Interstock และ Scion ที่เหมาะสมก่อน ล�าต้นของ Scion จะคล้ายคลึงกับความสูง กล่าวคือ ทั้งน้ีเน่ืองจากมี Interaction ระหว่าง Interstock และ ท้ัง Dwarf clone และ H. spruceana มีเส้นผ่าศูนย์กลาง Scion เช่น ในกรณีของอิทธิพลของ Interstock ท่ีมีต่อ ของล�าต้นน้อยกว่า Interstock พันธุ์อื่น ๆ ซึ่งมีเส้น น้�าหนักแห้งรวมท้ังต้น พบว่า Scion พันธุ์ RRIM 802 ผ่าศนู ยก์ ลางของลา� ต้นใกล้เคียงกัน จะไม่ได้รับอิทธิพลจาก Interstock แต่ส�าหรับ Scion สว่ นผลความแตกตา่ งในเรอ่ื งความยาวของ Inter- พันธุ์ RRIM 600 การใช้ Interstock พันธุ์ TR 3702 จะให้ stock พบว่า Interstock ที่ยาวกว่าจะไปลดความ น้า� หนกั แห้งรวมทง้ั ต้นของ Scion สงู สดุ ในขณะทก่ี ารใช้ แข็งแรงของต้นยางมากกว่า Interstock ท่ีส้ันกว่า หรือ Interstock พนั ธ์ุ H. spruceana จะให้นา�้ หนักแหง้ รวม เส้นผ่าศูนย์กลางของล�าต้นของ Scion จะน้อยที่สุดเม่ือ ทง้ั ต้นของ Scion ตา่� สดุ ส่วน Scion พนั ธ์ุ PB 235 การใช้ Interstock มีความยาว 20 ซม. เม่ือเทียบกับความยาว Interstock พันธุ์ RRIM 623 และ H. spruceana จะให้ อื่น ๆ ของ Interstock ซง่ึ ให้ผลใกล้เคียงกัน น้�าหนักแห้งรวมทั้งต้นของ Scion สูงกว่าการใช้ จากผลการทดลองที่แสดงให้เห็นว่า Interstock Interstock พนั ธอ์ุ ่ืน ๆ

12 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 ตารางที่ 8 รายละเอียดของพนั ธุย์ างท่ีนา� มาใช้เปน็ Interstock และ Scion จากงานทดลองของ Leong and Yoon (1978) งานทดลอง Scion จา� นวนตน้ Scion RRIM 600 Scion PB 86 งานทดลองท่ี 1: PR 235 พนั ธขุ์ อง Interstock 21 23 RRIM 600 10 21 17 PR 235 14 13 19 PB 86 10 19 20 Dwarf 16 22 18 H. spruceana 19 งานทดลองท่ี 2: 9 - ความยาวของ Interstock1 11 - - 5 ซม. 8 - - 10 ซม. 7 - - 15 ซม. - 20 ซม. 1H. spruceana สรปุ และข้อเสนอแนะ Ng et al. (1982, 1983) ซึ่งท�าให้ทราบว่า การเลือกใช้ Rootstock ที่เหมาะสมจะมีความส�าคัญเป็นอย่างมาก การศึกษาถึงอิทธิพลของ Rootstock ที่มีต่อการ ต่อการท�าสวนยางให้ประสพความส�าเรจ็ มากยิ่งขนึ้ เจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของยางพาราได้ด�าเนิน การมาเป็นระยะเวลามากกว่าครึ่งศตวรรษ โดยท่ีผลการ การศึกษาของอิทธิพลของ Rootstock ท่ีมีต่อ ทดลองทอ่ี อกมาในชว่ งแรก ๆ ยังไมส่ ามารถให้ค�าตอบที่ สรีวทิ ยาท่เี ก่ียวขอ้ งกบั น�้าของตน้ ยาง เปน็ อกี หวั ข้อหนงึ่ ที่ ชัดเจนถึงอิทธิพลของ Rootstock สาเหตุอาจเนื่องจาก มีความส�าคัญ เนื่องจากปัจจุบันได้มีการขยายพ้ืนที่ปลูก ความสมา่� เสมอของ Rootstock ท่ีนา� มาใชท้ ดลอง ท�าให้ ยางไปยังเขตที่มีปริมาณน�้าฝนน้อยกว่าเขตปลูกยางเดิม บางงานทดลองไม่สามารถทราบอิทธิพลของ Rootstock ท�าให้ทราบว่า Rootstock ท่ีดีควรมีระบบรากแบบไหน จนกระทั่งได้มีการใช้ Rootstock ที่เป็น Monoclonal และส่งผลทางสรีวิทยาต่อ Scion อย่างไร เช่น การปิด seedling หรอื Rootstock ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนือ้ เยือ่ เปิดปากใบ และการสังเคราะห์แสง เป็นต้น แต่การ ท�าให้สามารถทราบอิทธิพลของ Rootstock ได้ค่อนข้าง ศึกษาในที่ผ่านมา ยังเป็นแค่การทดลองในกระถาง และ ชัดเจนในหลายงานทดลอง ที่โดดเด่นและแสดงอิทธิพล ท�าในระยเวลาสั้น ๆ ส่วนงานท่ีศึกษาในแปลงและมีการ ของ Rootstock ท่ีมีต่อการเจริญเติบโตและการให้ เก็บข้อมูลจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตยังไม่รายงานออก ผลผลิตของยางพารา ได้แก่งานทดลองในระยะยาวของ มา ผลที่ได้จากการทดลองจึงเป็นแค่แนวโน้ม หรือความ

13 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 น่าจะเปน็ ไปตามผลการทดลองทอี่ อกมา J. Rubb. Res. Inst. Malaya. 17: 46-76. หลงั จากท่ที ราบแน่ชดั แลว้ วา่ Rootstock มผี ลตอ่ Cao, J. H., W. F. Lin, J. L. Wu and J.M. Chen. 2007. การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของ Scion จึงได้มี Effect of three rootstocks on the same scion การศึกษาในประเด็นปลีกยอ่ ยมากขน้ึ เชน่ ศกึ ษาอิทธพิ ล PR 107 of Hevea brasiliensis. Int. Rubb. Conf. ของ Rootstock ต่อปริมาณของ Growth hormone 2007 Siem Reap: 381-393. ตลอดจนการศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดปฏิกิริยา Comb, J. C. and P. Gener. 1977. Effect of the stock ระหว่าง Rootstock และ Scion ซ่ึงในประเด็นหลัง ยัง family on the growth and production of grafted ต้องมีการศึกษาเพ่ิมเติมอีกมาก เนื่องจากเป็นศึกษาใน Heves. J. Rubb. Res. Inst. Sri Lanka 54: 83-92. ระดับเซลล์ หรอื โมเลกลุ Dijkman, M. J. 1951. Hevea. Thirty Years of Research in the Far East. University of Miami ส�าหรับอิทธิพลของ Interstock ในยางพารา ยังมี Press: Florida. การศึกษาน้อยมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะน�ามาใช้ Gonçalves, B., A. Santos, A. P. Silva, J. Moutinho- ทดแทนอิทธพิ ลของ Rootstock เน่ืองจากเมล็ดพันธ์ุท่จี ะ Pereira and J. M. G. Torres-Pereira. 2003. น�ามาใช้เป็น Rootstock ปัจจุบันหาได้ยากขึ้น อย่างไร- Effect of pruning and plant spacing on the ก็ตาม ผลการทดลองท่ีผ่านมา ถึงแม้ว่าจะทราบอิทธิพล growth of cherry rootstocks and their ของ Interstock อยู่บ้างในบางลักษณะ แต่ก็ยังไม่ influence on stem water potential of sweet สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถน�ามาใช้แทน Rootstock cherry trees. J. Hortic. Sci. Biotech. 78: 667-672. พันธุ์ดีได้จริง จนกว่าจะมีผลการทดลองที่ได้จากการ Leong, W. and P. K. Yoon. 1978. Effect of inter- ศึกษาในแปลงและใช้ระยะเวลาจนถึงการเก็บเก่ียว stock on growth of Hevea. J. Rubb. Res. Inst. ผลผลิต Malaysia 26(3): 99-104. Lockard, R. G. 1974. Effects of rootstocks and เอกสารอ้างอิง Abbas, B. S., S. Ginting. 1981. Influence of root- length and type of interstem on growth of stock and scion on girth increment in rubber apple trees in sand culture. J. Amer. Soc. trees. Bulletin Balai Penelitian Perkebunan Hort. Sci. 99: 321. Medan 12: 145-152. Lockard, R. G. and A. M. Lasheen. 1971. Effects of Bastiah Ahmad. 1999. Effect of rootstock on growth rootstock and length of interstem on growth of and water use efficiency of Hevea during one-year-old apple plants in sand culture. water stress. J. Rubb. Res. 2(2): 99-119. J. Amer. Soc. Hort. Sci. 96: 17. Bastiah Ahmad. 2001. Physiological and morpho- Nielsen, G. and F. Kappel. 1996. ‘Bing’ sweet cherry logical of Hevea rootstock in responce to leaf nutrien is affected by rootstock. Hort- water stress. J. Rubb. Res. 4(3): 177-198. Science 31: 1169-1172. Bastiah Ahmad, C. K. Wan and A. M. Y. Mohamed. Ng, A. P., C. Y. Ho, M. O. Sultan, C. B. Ooi, H. I. Lew 1996. Effect of interstock on dry matter and P. K. Yoon. 1981. Influence of six root- production and growth analysis of Hevea stocks on growth and yield of six clones of brasiliensis (Muell. Arg.) J. nat. Rubb. Res. Hevea brasiliensis. Proc. Rubb. Res. Inst. 11(4): 265-296. Malasia Plrs. Conf. 1981 Kuala Lumpur: 134-151. Buttery, B. R. 1961. Investigation into the relation- Ng, A. P. 1983. Performance of rootstocks. Plrs ’ ship between stock and scion in Hevea. Bull. Rubb. Res. Inst. Malaysia No. 175: 56-63.

14 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ นุ ายน 2562 Paardekooper, E. C. 1954. Resultaten van twee op de productic van oculatics. Archief voor onderstamproeven bij Hevea. De Bergcul- de Rubbercultuur in Nederandsch-Indië 24: tures 23: 551-556. 305-314. Parry, M. S. and W. S. Rogers. 1968. Dwarfing inter- Webster, C. C. 1989. Propagation, planting and stocks: Their effect on the field performance pruning. In: Webster, C. C. and W. J. Baulkwill and anchorage of apple trees. J. Hort. Sci. (eds.) Rubber. John Wiley & Son, Inc.: New 43: 133. York. pp 195-244. Schmitt, E. R., F. Duhme and P. P. S. Schmid. 1989. Yuan, K., X. Ding, L. F. Yang, Z. H. Wang, W. F. Lin Water relations in sweet cherrys (Prunus and J. H. Cao. 2011. Proteome analysis of avium L.) on sour cherry rootstocks (Prunus interaction between rootstocks and scions in cerasus L.) of different compatatibility. Sci. Hevea brasiliensis. Afr. J. Biotechnol. 10 (66): Hortic. 39: 189-200. 14816-14825. Schmöle, J. F. 1940. Deinvlocd van den onderstam

15 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถุนายน 2562 การผลติ การใช้ การสง่ ออกยางของโลก และของไทย ระหวา่ งปี 2555-2561 อธวิ ณี ์ แดงกนิษฐ์ และ อธชิ า อินทอง ฝา่ ยวิจัยและพฒั นาเศรษฐกิจยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ปัจจุบัน ยางที่น�ามาใช้ท�าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มี ท�าให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และเป็นต้นเหตุของ 2 ประเภท คือ ยางธรรมชาติ และยางสังเคราะห์ โดย ปรากฏการณ์เรือนกระจก ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากยาง แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องราคาและ สังเคราะห์ย่อยสลายตัวได้ช้ากว่าผลิตภัณฑ์จากยาง คุณสมบัติต่าง ๆ การน�ามาใช้ สามารถน�ามาใช้เดี่ยว ๆ ธรรมชาติ อีกทั้งการน�ากลับมาใช้ใหม่ของผลิตภัณฑ์ยาง หรือน�ามาผสมกัน เพ่ือให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและ สังเคราะหส์ ว่ นใหญย่ ังน้อยกวา่ ยางธรรมชาติ ตรงตอ่ ความตอ้ งการ รวมทงั้ คา� นึงถงึ ต้นทนุ การผลิต โดยท่ัวไปการผลิตยางธรรมชาติจะผลิตได้เฉพาะ ยางธรรมชาติ เป็นผลผลิตท่ีได้จากต้นยางพารา ประเทศเกษตรกรรมและมสี ภาพดนิ ฟา้ อากาศทเี่ หมาะสม การผลิตยางธรรมชาติท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ซึ่งการ ในการผลิต ไม่สามารถที่จะท�าการผลิตได้ในทุกประเทศ ผลิตยางธรรมชาติจะเป็นการผลิตเชิงเกษตรกรรม ประเทศที่เหมาะสมในการผลิตยางธรรมชาติ ได้แก่ สามารถปลูกทดแทนได้อย่างต่อเนื่อง ยางธรรมชาติมี มาเลเซยี ไทย อินโดนเี ซยี อนิ เดยี เป็นต้น ท�าให้ผลผลติ ข้อดีคือ ใช้พลังงานน้อยในการผลิตเม่ือเทียบกับยาง ยางธรรมชาติไม่แน่นอน ผันแปรไปตามสภาพอากาศ สังเคราะห์ และต้นยางพาราสามารถดูดซับก๊าซคาบอน- และภูมิประเทศในแต่ละแห่ง ท�าให้เกิดส่วนเกินของ ไออกไซด์อันเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจก ผลผลิตและขาดแคลนในบางคร้ัง และส่งผลกระทบต่อ ตลอดจนช่วยสร้างความชุ่มช่ืน โดยท�าให้ฝนตกในพื้นที่ ราคายางธรรมชาติในตลาดโลกในท่ีสุด ส่วนยาง ปลูกยางเพิ่มมากขึ้น แต่มีข้อเสียเม่ือเทียบกับยาง สังเคราะห์นั้นโดยท่ัวไปปริมาณการใช้ในแต่ละปีมี สงั เคราะห์ คอื ผลผลิตไมแ่ น่นอน ซึ่งจะผลผลิตข้ึนอยกู่ บั ปริมาณใกล้เคียงกับปริมาณการผลิต ซึ่งสามารถ สภาพดนิ ฟ้าอากาศในพน้ื ทีป่ ลกู ยางเป็นส�าคัญ วางแผนการผลิตได้แน่นอน และส่วนใหญ่เป็นการใช้ใน ประเทศผู้ผลิตเพื่อใช้ป้อนโรงงานอุตสาหกรรมและสร้าง ยางสังเคราะห์ เป็นผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมี โดย ความม่ันคงให้กับอุตสาหกรรม โดยประเทศผู้ผลิตยาง ผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนสูง สามารถ สังเคราะห์รายใหญ่ของโลก ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ควบคมุ คุณภาพ และปริมาณได้ตามความตอ้ งการ แต่มี รัสเซีย และเกาหลีใต้ เป็นต้น ส่วนผลผลิตส่วนเกินก็จะ ข้อเสียคือ ในกระบวนการผลิตต้องใช้พลังงานสูง และมี สง่ ออกไปจา� หน่ายยังประเทศต่าง ๆ ตอ่ ไป การปลดปล่อยมลพิษออกสู่ส่ิงแวดล้อม อันเป็นสาเหตุ

16 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถุนายน 2562 การผลิต การใช้ และส่งออกยางของโลก ประเทศอุตสาหกรรม และเป็นกลุ่มเดียวกับประเทศผู้ ปี 2561 ปริมาณการผลิตยางของโลกมีจ�านวน ผลิต โดยช่วงปี 2555 - 2561 ปริมาณการใช้ยาง ท้ังสิ้น 29.133 ล้านตัน เป็นยางธรรมชาติ 13.869 สังเคราะห์ของโลกอยู่ระหว่าง 13.96 - 15.34 ล้านตัน ลา้ นตัน และยางสังเคราะห์ 15.264 ลา้ นตัน ในรอบ 6 ปี เม่อื พิจารณารายประเทศ พบว่า ปี 2561 จนี เป็นประเทศ ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติและยาง ที่ใช้ยางสังเคราะห์มากที่สุด จ�านวน 4.350 ล้านตัน สังเคราะห์ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยลดลงใน คดิ เปน็ ร้อยละ 28.35 รองลงมา คอื สหรฐั อเมริกา 1.893 ปี 2557 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ ลา้ นตนั หรอื รอ้ ยละ 12.34 ญป่ี นุ่ 0.885 ลา้ นตนั หรอื รอ้ ยละ ของประเทศสหภาพยุโรป และส่งผลกระทบไปยังจีน 5.77 เยอรมนี 0.587 ล้านตัน หรือร้อยละ 4.53 และ ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ จากนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลก รสั เซีย 0.652 ล้านตนั หรอื รอ้ ยละ 4.25 ทั้งนี้ จีนนบั เป็น เริ่มฟื้นตัว ท�าให้ปริมาณการผลิตยางเพ่ิมขึ้นอีกคร้ัง ประเทศท่ีมีอัตราการขยายตัวของการใช้ยางสังเคราะห์ ตามความตอ้ งการใช้ โดยปี 2561 ปริมาณการใช้ยางของ เพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ืองตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน ขณะท่ี โลกมีทั้งสิ้น 29.155 ล้านตัน เป็นยางธรรมชาติ 13.813 ประเทศผู้ใช้ยางสังเคราะห์รายใหญ่อ่ืน ๆ ได้แก่ ลา้ นตัน และยางสังเคราะห์ 15.342 ล้านตัน (ตารางที่ 1) สหรัฐอเมรกิ า ญ่ีปนุ่ และเยอรมนี การขยายตวั ของการใช้ ยางสงั เคราะหเ์ พ่ิมขึน้ ไมม่ ากนกั (ตารางที่ 4) สดั สว่ นการใชย้ างธรรมชาติ และยางสงั เคราะห์ การส่งออก ปี 2561 ปริมาณการส่งออกยาง ของโลก สังเคราะห์ของโลก มีทั้งส้ิน 9.810 ล้านตัน เพ่ิมข้ึนจาก ในช่วงปี 2555–2561 แม้ว่าราคายางจะผันผวน ปี 2555 รอ้ ยละ 20.19 เม่ือพจิ ารณารายประเทศ พบวา่ ตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่สัดส่วนการใช้ยางระหว่าง เกาหลีใต้เป็นประเทศท่ีมีปริมาณการส่งออกยาง ยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก สงั เคราะห์มากทีส่ ุด 1.601 ล้านตนั คิดเปน็ รอ้ ยละ 16.32 โดยมีการใช้ยางสังเคราะห์มากกว่ายางธรรมชาติ ของปริมาณส่งออกทั้งหมด รองลงมา สหรัฐอเมริกา ในสัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 52.62 : 47.38 (ตารางที่ 2) 1.169 ลา้ นต้น หรือร้อยละ 11.92 รสั เซยี 1.017 ล้านตัน ปริมาณการใช้ยางทั้งสองชนิดมีแนวโน้มเพิ่มข้ึนอย่าง หรือรอ้ ยละ 10.37 ญ่ปี ุ่น 0.849 ล้านต้น หรือรอ้ ยละ 8.65 ตอ่ เนอ่ื งตามการขยายตวั ของประชากร และเศรษฐกจิ โลก และเยอรมนี 0.811 ลา้ นตนั หรอื รอ้ ยละ 8.27 (ตารางท่ี 5) การผลติ การใช้ และการสง่ ออกยางสงั เคราะห์ การผลติ การใช้ และการสง่ ออกยางธรรมชาติ การผลิต ประเทศผู้ผลิตยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่ การผลิต ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติของโลก เป็นประเทศพัฒนาแล้ว หรือเป็นประเทศที่มีความ ต้ังแต่ปี 2555–2561 ขยายตัวเพ่ิมขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.28 ก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี ในช่วงปี ต่อปี โดยปี 2561 ประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติมากท่ีสุด 2555–2561 ปริมาณการผลิตยางสังเคราะห์ของโลกอยู่ 3 อันดับแรก คือ ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ระหว่าง 14.08 – 15.26 ล้านตัน เม่ือพิจารณา มปี ริมาณการผลติ คดิ เป็นรอ้ ยละ 68.89 ของปรมิ าณการ รายประเทศ พบว่า ปี 2561 จีนเป็นประเทศท่ีผลิตยาง ผลิตทั้งหมดของโลก ประกอบด้วย ไทย ร้อยละ 36.34 สงั เคราะหม์ ากทสี่ ดุ จา� นวน 3.079 ลา้ นตนั คดิ เปน็ รอ้ ยละ อินโดนีเซีย ร้อยละ 24.69 และ เวียดนาม ร้อยละ 7.86 20.17 ของปริมาณการผลิตท้ังโลก รองลงมาคือ ประเทศอน่ื ๆ ผลิตยางธรรมชาติไดน้ อ้ ยกว่าปีละ 1 ลา้ น สหรัฐอเมริกา 2.348 ล้านตัน หรือร้อยละ 15.30 ญ่ีปุ่น ตัน (ตารางท่ี 6) 1.552 ลา้ นตนั หรือรอ้ ยละ 10.17 เกาหลีใต้ 1.592 ล้าน ตัน หรือร้อยละ 10.43 และรัสเซีย 1.582 ล้านตัน หรือ การใช้ ในรอบ 7 ปีท่ีผ่านมา ปริมาณการใช้ยาง รอ้ ยละ 10.36 ทเ่ี หลอื ผลติ ไดต้ า่� กวา่ 1 ลา้ นตนั (ตารางท่ี 3) ธรรมชาตขิ องโลกขยายตัวเพมิ่ ข้นึ เฉลยี่ รอ้ ยละ 3.86 ตอ่ ปี โดยมีอัตราการใช้ยางธรรมชาติระหว่าง 11.05-13.81 การใช้ ประเทศผู้ใช้ยางสังเคราะห์ส่วนใหญ่เป็น ล้านตัน เม่ือพิจารณารายประเทศ เห็นได้ว่า จีนเป็น

17 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางที่ 1 การจ�าหน่าย/บริการ กลุม่ ธรุ กิจป่าไม้ ระหวา่ งปี 2556-2560 (หน่วย: ล้านบาท) ปี พ.ศ. ยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ รวม 2555 การผลิต การใช้ ผลตา่ ง การผลติ การใช้ ผลตา่ ง การผลติ การใช้ 2556 2557 11,658 11,046 612 14,081 13,964 117 25,739 25,010 2558 12,282 11,430 852 14,201 14,148 53 26,483 25,578 2559 12,142 12,181 -39 14,083 14,159 -76 26,225 26,340 2560 12,264 12,134 130 14,507 14,663 -156 26,771 26,797 2561 12,604 12,670 -66 14,887 14,876 11 27,491 27,546 13,551 13,203 348 15,108 15,234 -126 28,659 28,437 13,869 13,813 56 15,264 15,342 -78 29,133 29,155 ท่มี า: IRSG ( March 2019) ตารางท่ี 2 สดั สว่ นการใชย้ างธรรมชาตแิ ละยางสงั เคราะหข์ องโลก ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ปี พ.ศ. ยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ 2555 การผลติ ผลต่าง การผลติ ผลตา่ ง 2556 2557 11,046 44.18 13,956 55.82 2558 11,430 44.69 14,148 55.31 2559 12,181 46.25 14,158 53.75 2560 12,140 45.30 14,661 54.70 2561 12,587 45.84 14,872 54.16 13,090 46.30 15,182 53.70 ทม่ี า: IRSG ( March 2019) 12,813 47.38 15,342 52.62 ประเทศผู้ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก โดยปี 2561 โดยปริมาณการใชย้ างของจีน อินเดีย และสหรฐั อเมรกิ า มีปริมาณการใช้ 5.504 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 39.85 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ืองตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตทิ ง้ั หมดของโลก รองลงมา และอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่นเดียวกับไทยท่ีมีปริมาณ คือ อนิ เดีย 1.220 ลา้ นตัน หรอื ร้อยละ 8.83 สหรฐั อเมริกา การใช้ยางธรรมชาตเิ พ่มิ ขน้ึ เปน็ อันดับที่ 4 ของโลกแทนที่ 1.012 ล้านตนั หรือรอ้ ยละ 7.33 ไทย 0.720 ลา้ นตนั หรอื ญี่ปนุ่ ขณะที่ญป่ี ุน่ เกาหลใี ต้ และ เยอรมนี มีอัตราการใช้ รอ้ ยละ 7.33 และญป่ี นุ่ 0.706 ลา้ นตัน หรือร้อยละ 5.11 ยางธรรมชาติลดลงเนื่องจากการย้ายฐานการผลิตจาก

18 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางท่ี 3 ปรมิ าณการผลติ ยางสงั เคราะหข์ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 จีน 2,706 2,877 2,803 2,851 2,982 3,022 3,079 สหรฐั อเมริกา 2,311 2,234 2,312 2,392 2,368 2,306 2,348 ญป่ี ุ่น 1,627 1,673 1,599 1,668 1,566 16,021 1,552 เกาหลใี ต้ 1,432 1,493 1,517 1,502 1,590 1,624 1,592 รสั เซีย 1,443 1,431 1,302 1,390 1,517 1,543 1,582 เยอรมนี ไตห้ วัน 838 848 881 868 881 864 823 ฝรัง่ เศส 637 654 683 727 707 740 782 บราซิล 619 594 531 511 494 531 483 ไทย 390 356 331 421 378 375 253 อนื่ ๆ 101 138 229 251 228 256 272 รวม 1,977 1,903 1,895 1,926 2,176 -12,174 2,498 อตั ราการเปลยี่ นแปลง 14,081 14,201 14,083 14,507 14,887 15,108 15,264 (ร้อยละ) -5.44 0.85 -0.83 3.01 2.62 1.48 1.03 ทีม่ า: IRSG ( March 2019) ญ่ปี นุ่ ไปสูจ่ ีนเพม่ิ ขน้ึ (ตารางที่ 7) รอ้ ยละ 12.82 และมาเลเซยี 1.096 ลา้ นตัน หรือรอ้ ยละ การส่งออก ปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติของ 8.98 และจะเห็นได้ว่า พม่ามีอัตราการ ขยายตัวในการส่ง โลกในช่วงปี 2555-2561 มีอัตราการขยายตัวเพิ่มข้ึน ออกยางธรรมชาติเพ่ิมขึ้นมากท่ีสุดของแถบอาเซียนถึงร้อยละ เฉล่ยี รอ้ ยละ 5.25 ต่อปี โดยมอี ตั ราการขยายตวั ลดลงใน 17.14 (ตารางท่ี 8) ปี 2557 และเพิ่มข้ึนต้ังแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน เม่ือ พจิ ารณารายประเทศ เห็นไดว้ ่า ประเทศผู้ส่งออกยางเปน็ การผลิต การใช้ และการส่งออกยางของไทย ประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่แถบอาเซียน ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซยี เวียดนาม และมาเลเซยี การผลติ มีปริมาณการส่งออกยางเมื่อปี 2561 รวม 10.120 ล้าน ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติมาก ตัน หรือร้อยละ 82.94 ของปริมาณการส่งออกยาง ธรรมชาติของโลก โดยไทยส่งออกมากที่สุด 4.499 ล้าน ที่สุดของโลก ศกั ยภาพการผลติ ยางของไทย มมี ากกวา่ ปี ตัน คิดเป็นรอ้ ยละ 36.87 รองลงมา คอื อินโดนเี ซีย 2.961 ละ 4 ลา้ นตนั โดยระหว่างปี 2555 - 2561 ปริมาณการ ลา้ นตนั หรือรอ้ ยละ 24.27 เวยี ดนาม 1.564 ลา้ นตัน หรือ ผลิตยางเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3.778 ล้านตัน เม่ือปี 2555 เป็น 5.131 ล้านตนั ในปี 2561 (ตารางท่ี 9) หรือ เพิ่มข้ึนร้อยละ 3.98 เมื่อพิจารณาสัดส่วนประเภทยาง

19 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 ตารางท่ี 4 ปรมิ าณการใชย้ างสงั เคราะหข์ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 จนี 3,955 4,229 4,135 4,217 4,303 4,338 4,350 สหรฐั อเมริกา 1,766 1,698 1,855 1,969 1,910 1,861 1,893 ญี่ปนุ่ เยอรมนี 962 954 951 896 866 881 885 อินเดยี 555 579 583 606 587 624 587 รัสเซีย 439 472 524 549 589 616 695 บราซิล 721 634 545 520 607 604 652 ไต้หวนั 503 530 450 525 538 542 455 ฝรั่งเศส 352 346 351 384 348 394 390 เกาหลีใต้ 280 257 251 252 244 224 219 อน่ื ๆ 327 295 279 243 270 252 177 รวม 4,104 4,154 4,235 4,502 4,614 4,898 5,039 อัตราการเปลี่ยนแปลง 13,964 14,148 14,159 14,663 14,876 15,234 15,342 (รอ้ ยละ) -3.92 1.32 0.08 3.56 1.45 2.41 0.71 ท่มี า: IRSG ( March 2019) แปรรูปข้ันต้นที่ผลิตได้ พบว่า ไทย ผลิตยางแท่งเอสที อุตสาหกรรมที่ใช้ยางมากที่สุด รองลงมาเป็นยางยืด อาร์มากที่สุด รองลงมาเป็นยางแผ่นรมควัน น�้ายางข้น ถุงมอื ยาง ยางรถจักรยานยนต์ ยางรัดของ ท่อยาง ถุงยาง ยางผสม และยางประเภทอืน่ ๆ ตามลา� ดบั (ตารางที่ 10) อนามัย โดยปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ ยางท้งั 5 ชนดิ มจี า� นวน 0.61 ล้านตัน หรือร้อยละ 92.80 การใช้ ของปริมาณการใช้ยางธรรมชาติท้ังหมด ที่เหลือเป็น ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในประเทศของไทย ผลติ ภัณฑ์ยางอืน่ ๆ (ตารางที่ 12) ส�าหรบั สดั ส่วนปรมิ าณ การใช้ยางธรรมชาติต่อปริมาณการผลิตยางของประเทศ เพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจ�านวน 0.57 ล้านตัน เม่ือปี เพ่ิมขน้ึ จากรอ้ ยละ 13.37 เมอื่ ปี 2555 เป็นร้อยละ 14.04 2555 เปน็ 0.653 ลา้ นตนั ในปี 2560 หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ ในปี 2561 เนือ่ งจากมีนโยบายทีช่ ว่ ยสนบั สนุนการใชย้ าง 14.56 เมื่อพิจารณาชนิดของยางท่ีใช้ในประเทศปี 2560 ภายในประเทศมากขึน้ พบว่า ใช้ยางแท่งเอสทีอาร์มากที่สุด สัดส่วนร้อยละ 42.42 รองลงมาคือ น�า้ ยางขน้ ร้อยละ 27.29 ยางแผ่นรม การสง่ ออก ควนั รอ้ ยละ 23.18 และยางผสม ร้อยละ 6.32 (ตารางที่ นอกจากไทยผลิตยางธรรมชาติได้มากเป็นอันดับ 11) ส�าหรับอุตสาหกรรมผลิตยางยานพาหนะเป็น

20 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางที่ 5 ปรมิ าณการสง่ ออกยางสงั เคราะหข์ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 22555555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 เกาหลใี ต้ 1,260 1,379 1,410 1,446 1,453 1,565 1,601 สหรัฐอเมรกิ า 1,179 1,143 1,186 1,129 1,193 1,176 1,169 รสั เซีย ญีป่ ุ่น 799 880 831 943 986 1,030 1,017 เยอรมนี 751 844 813 823 882 894 849 ไต้หวัน 798 802 852 845 872 848 811 ฝร่ังเศส 433 458 472 492 504 513 552 จีน 352 347 340 364 354 379 346 อติ าลี 216 210 196 190 202 253 286 แคนาดา 164 165 183 192 213 199 202 อังกฤษ 185 185 177 144 167 168 171 อนื่ ๆ 146 137 102 93 76 64 70 รวม 1,879 1,977 2,115 2,323 2,642 2,728 2,736 อัตราการเปลี่ยนแปลง 8,162 8,527 8,677 8,984 9,544 9,817 9,810 (รอ้ ยละ) -3.70 4.47 1.76 3.54 6.23 2.86 -0.07 ทีม่ า: IRSG ( March 2019) หน่ึงของโลกแล้ว ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ส่งออก 34.81 ยางผสม รอ้ ยละ 31.77 นา้� ยางขน้ ร้อยละ 17.43 ยางธรรมชาติมากท่ีสุดของโลกด้วย ปริมาณการส่งออก และยางแผน่ รมควนั ร้อยละ 12.66 ตามลา� ดบั ท่ีเหลอื ส่ง ยางของไทยเพิม่ ข้ึนเกอื บทุกปี ในปี 2561 ปริมาณการส่ง ออกยางชนิดอ่ืน ๆ ร้อยละ 3.32 เช่น แผ่นผึ่งแห้ง ออกยางของไทยมีทั้งสิ้น 4.301 ล้านตัน เพิ่มข้ึนจากปี ยางสกิม ยางเครพ ยางแผ่นดิบ (ตารางที่ 13 - 14) 2555 ทีม่ ปี รมิ าณสง่ ออก 3.121 ล้านตัน หรอื เพมิ่ ขน้ึ ร้อย ส�าหรับท่าเรือ/ด่านส่งออก ในปี 2561 ประเทศไทยส่ง ละ 3.90 และคิดเป็นสัดส่วนการส่งออกยาง ร้อยละ ออกผ่านท่าเรือแหลมฉบังมากที่สุด ร้อยละ 39.90 36.87 ของการส่งออกยางทั้งหมดของโลก ส่วนใหญ่ รองลงมา ไดแ้ ก่ ดา่ นปาดงั เบซาร์ รอ้ ยละ 32.75 ดา่ นสะเดา เกือบ 1 ใน 3 ส่งออกไปยังตลาดหลัก ได้แก่ จีน รอ้ ยละ15.26 และส่งออกผ่านท่าเรือ/ด่านส่งออกอ่ืน ๆ รองลงมา คอื มาเลเซีย ยโุ รป ญปี่ ุ่น สหรฐั อเมรกิ า และ ร้อยละ 15.26 (ตารางที่ 15) เกาหลีใต้ โดยประเทศท่ีมีอัตราการสง่ ออกเพิ่มข้นึ คอื จนี มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ส�าหรับชนิดของยางที่ส่ง ออกนัน้ ในปี 2561 ไทยสง่ ออกยางแทง่ เอสทอี าร์ รอ้ ยละ

21 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถุนายน 2562 ตารางท่ี 6 ปรมิ าณการผลติ ยางธรรมชาตขิ องประเทศตา่ ง ๆ ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 ไทย 3,778 4,170 4,324 4,473 4,347 4,429 5,131 อนิ โดนเี ซยี 3,012 3,237 3,153 3,145 3,298 3,500 3,487 เวยี ดนาม 1,035 1,094 1,110 จนี 877 949 954 1,013 มาเลเซยี 802 865 840 794 774 778 811 อนิ เดยี 923 827 669 722 674 740 603 โกตดวิ วั ร์ 919 796 705 575 624 713 649 ฟลิ ิปปนิ ส์ 254 289 317 351 468 604 624 ศรีลังกา 111 111 114 100 91 102 111 ไลบีเรยี 152 131 104 89 79 83 82 อ่นื ๆ 64 69 60 59 61 63 72 รวม 766 839 902 943 1,153 1,445 1,441 อัตราการเปลี่ยนแปลง 11,658 12,282 12,142 12,264 12,604 13,551 14,121 (รอ้ ยละ) 9.37 5.35 -1.14 1.00 2.77 7.51 4.21 ทม่ี า: IRSG ( March 2019)

22 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 ตารางที่ 7 ปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตขิ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 จีน 3,890 4,270 4,804 4,680 4,982 5,301 5,504 อนิ เดยี 988 962 1,015 987 1,034 1,082 1,220 สหรัฐอเมรกิ า 950 913 937 1,012 ไทย 505 521 932 601 932 958 ญป่ี ่นุ 728 710 541 691 650 700 720 อินโดนีเซีย 465 509 709 509 676 679 706 มาเลเซยี 441 434 540 475 583 608 625 บราซิล 343 409 447 398 486 489 515 เกาหลีใต้ 396 396 442 388 412 398 405 เยอรมนี 238 247 402 219 381 384 367 อื่น ๆ 2,102 2,059 227 2,249 226 239 236 รวม 2,142 2,308 2,365 2,503 อัตราการเปล่ียนแปลง 11,046 11,430 12,181 12,134 12,670 13,203 13,813 (ร้อยละ) 4.13 3.48 6.57 -0.39 4.42 4.21 4.62 ท่ีมา: IRSG ( March 2019)

23 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางท่ี 8 ปรมิ าณการสง่ ออกยางธรรมชาตขิ องประเทศตา่ งๆ ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 อตั ราเพ่ิม (รอ้ ยละ) ไทย 3,175 3,752 3,729 3,776 3,925 4,433 4,499 5.24 อินโดนีเซีย 2,525 2,770 2,662 2,680 2,642 3,251 2,961 2.86 เวียดนาม 1,023 1,076 1,066 1,137 1,254 1,380 1,564 7.15 มาเลเซยี 1,291 1,332 1,192 1,119 1,023 1,189 1,096 -3.06 โกตดวิ ัวร์ 255 285 323 348 459 591 622 17.37 ฟิลิปปนิ ส์ 53 67 88 80 69 133 120 13.64 พมา่ 69 73 79 86 110 147 171 17.24 ไลบเี รยี 64 69 60 59 61 63 72 0.67 แคเมอรนู 55 55 55 52 50 53 57 -0.22 ศรลี ังกา 37 23 16 10 16 16 13 -12.89 อืน่ ๆ 324 386 585 859 854 921 1,027 22.05 รวม 8,871 9,888 9,855 10,206 10,463 12,177 12,202 5.25 อตั ราการเปลีย่ น- 9.45 11.46 -0.33 3.56 2.52 16.38 0.21 แปลง (รอ้ ยละ) ทมี่ า: IRSG ( March 2019)

24 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ นุ ายน 2562 ตารางท่ี 9 การผลติ การใช้ การสง่ ออกยางธรรมชาติ และสตอ๊ คยางของไทย ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ปี พ.ศ. การผลติ การใช้ การสง่ ออก สต็อค 505 3,121 2555 3,778 521 3,665 517 2556 4,170 541 3,771 503 2557 4,324 600 3,697 517 2558 4,473 650 3,805 643 2559 4,347 652 4,167 537 2560 4,537 720 4,300 789 2561 5,131 6.25 4.48 661 อัตราเพม่ิ (รอ้ ยละ) 3.98 6.18 ทีม่ า: สถิตยิ างประเทศไทย (2561), กรมศลุ กากร (2561) หมายเหตุ: การผลติ และการใช้ ปี 2561 เปน็ ขอ้ มูลเบอื้ งตน้

ตารางที่ 10 ปรมิ าณการผลติ ยางธรรมชาตขิ องไทยจา� แน ประเภท 2555 2556 2557 น�า้ ยางข้น1 757.36 (20.05) 775.66 (18.60) 776.60 ( ยางแผน่ รมควนั 771.99 (20.43) 912.68 (21.88) 824.03 ( ยางแท่งเอสทีอาร์ 1,505.65 (39.85) 1,579.79 (37.88) 1,793.95 ( ยางผสม2 693.21 (18.35) 804.78 (19.30) 858.82 ( ยางอืน่ ๆ3 49.79 (1.32) 97.52 (2.34) 70.59 รวม 3,778.01 (100.00) 4,170.4 (100.00) 4,323.9 (1 ท่มี า: สถติ ยิ างประเทศไทย (2561) 1น�้าหนักเนือ้ ยางแหง้ 2ยางผสม ไดแ้ ก่ ยางผสมสารเคมี และยางคอมปาวด์ 3ยางอนื่ ๆ เช่น ยางแผน่ ผึง่ แหง้ ยางเครพ ยางสกิม ยางแผน่ ดบิ ฯลฯ หมายเหต:ุ คา่ ในวงเลบ็ หมายถงึ รอ้ ยละ

นกตามประเภท ปี พ.ศ. 2555-2560 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) 7 2558 2559 2560 (17.96) 964.40 (21.56) 860.77 (18.97) 796.66 (15.53) (19.06) 884.08 (19.76) 856.52 (18.88) 879.72 (17.14) (41.49) 1,887.98 (42.20) 1,952.79 (43.04) 1,702.25 (33.18) (19.86) 511.35 (11.43) 616.18 (13.58) 1,182.47 (23.05) 225.55 (5.04) 250.70 (5.53) 570.00 (11.11) (1.63) 4,536.96 (100.00) 4,536.96 (100.00) 5,131.10 (100.00) 100.00)

ตารางท่ี 11 ปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตขิ องไทยจา� แนกตามป ประเภท 2555 2556 255 น้�ายางข้น1 134 (23.51) 130 (22.16) 120 (2 ยางแผ่นรมควนั 127 (22.35) 146 (24.86) 171 (3 ยางแทง่ เอสทีอาร์ 165 (28.89) 169 (28.75) 189 (3 ยางผสม2 ยางอื่น ๆ3 71 (12.40) 70 (11.95) 27 73 (12.85) 72 (12.27) 29 รวม 570 (100.00) 588 (100.00) 536 (10 ทม่ี า: สถติ ิยางประเทศไทย (2561) 1น้�าหนกั เน้ือยางแห้ง 2ยางผสม ไดแ้ ก่ ยางผสมสารเคมี และยางคอมปาวด์ 3ยางอื่น ๆ เช่น ยางแผ่นผึง่ แหง้ ยางเครพ ยางสกิม ยางแผน่ ดิบ ฯลฯ หมายเหตุ: ค่าในวงเลบ็ หมายถงึ ร้อยละ

ประเภทผลติ ภณั ฑ์ ปี พ.ศ. 2555-2560 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) 57 2558 2559 2560 22.30) 180 (29.92) 183 (29.63) 178 (27.29) 31.93) 155 (25.82) 125 (20.19) 151 (23.18) 35.24) 224 (37.32) 247 (40.04) 277 (42.42) (5.08) (5.44) 20 (3.30) 43 (6.95) 41 (6.32) 00.00) 22 (3.64) 20 (3.19) 5 (0.79) 600 (100.00) 617 (100.00) 653 (100.00)

27 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 ตารางที่ 12 ปรมิ าณการใชย้ างธรรมชาตขิ องไทยจา� แนกตามประเภทผลติ ภณั ฑ์ ปี พ.ศ. 2555-2560 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) ประเภท 2555 2556 2557 2558 2559 2560 ยางยานพาหนะ 317.65 320.57 329.05 297.14 340.67 378.02 ถุงมือยาง 66.38 69.65 58.87 81.98 73.00 55.36 ยางยดื 67.08 66.60 79.17 87.75 97.17 111.50 ยางรถจกั รยานยนต์ 21.96 23.42 23.81 40.69 33.25 33.73 ยางรัดของ 10.03 14.82 15.35 24.99 21.54 27.55 ถุงยางอนามัย 5.29 5.47 6.46 9.52 10.09 10.57 รองเทา้ 3.03 3.15 4.77 4.98 5.26 4.16 กาว 2.27 1.51 2.99 3.04 3.19 2.19 สายพาน 1.51 1.57 2.50 7.51 3.05 1.26 พื้นรองเทา้ 1.02 1.08 1.15 1.50 1.28 2.26 อะไหลร่ ถยนต์ 1.25 1.08 2.80 3.49 3.13 1.46 เคร่ืองมือทางการแพทย์ 0.68 0.84 0.95 0.38 0.35 0.27 ทอ่ ยาง 15.63 ผลิตภัณฑฟ์ องน�้า 0.74 0.87 0.71 4.11 0.71 หล่อดอก 0.26 0.23 0.23 0.29 0.17 0.41 อน่ื ๆ 1.06 1.27 2.13 1.34 1.12 1.04 รวม 4.84 8.51 10.06 20.27 19.88 22.73 505.05 520.63 541.00 600.49 617.26 653.22 ที่มา: สถิติยางประเทศไทย (2561)

ตารางท่ี 13 ปรมิ าณการสง่ ออกยางธรรมชาตขิ องไทยจา� แน ประเภท 2555 2556 25 นา้� ยางขน้ 1 555 982 6 ยางแผน่ รมควัน 642 794 7 ยางแทง่ เอสทีอาร์ 1,318 1,392 1,5 ยางผสม2 565 713 7 ยางอืน่ ๆ3 41 84 3,7 รวม 3,121 3,965 ที่มา: สถติ ยิ างประเทศไทย (2560), กรมศุลกากร (2561) 1นา�้ หนักเนือ้ ยางแหง้ 2ยางผสม ไดแ้ ก่ ยางผสมสารเคมี และยางคอมปาวด์ 3ยางอ่ืน ๆ เชน่ ยางแผน่ ผึง่ แหง้ ยางเครพ ยางสกิม ยางแผ่นดิบ ฯลฯ

นกตามประเภท ปี พ.ศ. 2555 - 2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) 557 2558 2559 2560 2561 อัตราเพม่ิ (รอ้ ยละ) 675 639 665 674 750 715 659 562 673 545 0.49 575 1,831 1,722 1,514 1,497 -3.74 745 473 796 1,127 1,366 2.31 178 143 13.84 61 95 61 4,167 4,301 20.75 771 3,697 3,806 3.90

ตารางที่ 14 ตลาดสง่ ออกยางธรรมชาตทิ สี่ า� คญั ขอ ประเทศ 2555 2556 255 จนี 1,630 2,076 2,1 มาเลเซยี 354 421 4 ญ่ีปุ่น 269 281 2 สหรัฐอเมรกิ า 173 146 1 เกาหลใี ต้ 181 183 1 ยุโรป 179 205 2 อ่นื ๆ 335 352 3 รวม 3,121 3,665 3,7 ท่มี า: สถติ ยิ างประเทศไทย (2560), กรมศุลกากร (2561)

องไทย ปี พ.ศ. 2555-2561 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) 57 2558 2559 2560 2561 อตั ราเพม่ิ (รอ้ ยละ) 142 2,136 2,192 2,583 2,591 406 432 375 393 421 6.83 257 221 211 208 210 1.09 147 154 190 171 192 -5.37 189 156 4 109 112 3.29 231 247 283 53 286 -20.02 399 404 549 649 488 -3.82 771 10.02 3,749 3,805 4,167 4,301 1.85

ตารางท่ี 15 ปรมิ าณการสง่ ออกยางธรรมชาตขิ องไทยผา่ นทา่ ประเทศ กรุงเทพฯ สงขลา แหลมฉบ 2555 271 256 743 2556 478 250 896 2557 508 156 1,101 2558 425 105 1,258 2559 359 106 1,341 2560 205 155 1,528 2561 171 178 1,716 ท่มี า: สถติ ิยางประเทศไทย (2560), กรมศลุ กากร (2561)

าเรอื /ดา่ นศลุ กากร ปี พ.ศ. 2555-2560 (หนว่ ย: ’000 ตนั ) บงั ปาดงั เบซาร์ สะเดา อนื่ ๆ รวม 1,141 399 311 3,121 1,117 553 306 3,600 1,054 554 298 3,671 1,163 490 284 3,725 1,281 423 295 3,805 1,440 448 391 4,167 1,408 520 307 4,301

31 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถุนายน 2562 สถานการณ์ไม้ยางพารา และมาตรฐาน การรับรองปา่ ไม้ ฐิตาภรณ์ ภูมิไชย์ และ องั คณา เพาะนิยม กองบรหิ ารงานวิจยั สถาบนั วจิ ัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ไม้ยางพาราแม้เป็นผลพลอยได้จากการตัดโค่น เรือนท�าด้วยไม้ในประเทศ ปี 2561 ลดลงจากปี 2560 ต้นยางเก่าเพ่ือปลูกแทน แต่สามารถท�ารายได้จ�านวน ตามปริมาณค�าส่ังซ้ือท่ีลดลงจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ มากแก่เกษตรกรและประเทศชาติ โดยผลผลิตของไม้ ในประเทศ และภาวะหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ยางพาราจะจ�าหน่ายในรูปไม้ท่อนเมื่อยางพารามีอายุ ซ่งึ เป็นไปในทิศทางเดียวกบั การสง่ ออกไมแ้ ละผลิตภณั ฑ์ ครบ 25 ปี และยังไม่มีการแปรรูปเพ่ิมมูลค่าแต่อย่างใด แผ่นไม้ท่ีปรับลดลง โดยเฉพาะการส่งออกไม้แปรรูปไป จึงจ�าเป็นต้องเพิ่มมูลค่าโดยการแปรรูปไม้ออกจ�าหน่าย ยังจนี เพิ่มขึ้นในอนาคต (องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้, 2559) ดังนั้น จากความต้องการใช้ไม้ยางพาราทั้งในด้านเป็น การผลิตและจา� หน่ายเครอื่ งเรอื น วัตถุดิบในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จึงมากข้ึน ทา� ด้วยไมใ้ นประเทศ เพราะไม้ยางพารามีคุณสมบัติเฉพาะตัว คือ มีความชื้น ความหนาแน่น ความถ่วงจ�าเพาะ และความแข็งแรง การผลติ ปี 2561 มีจา� นวน 6.15 ล้านชิ้น เมอ่ื เทียบ ใกล้เคียงกับไม้สัก (ส�านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, กบั ปี 2560 ลดลงร้อยละ 11 สาเหตจุ ากปรมิ าณคา� ส่งั ซอ้ื 2556) เฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือนที่ท�าจากไม้ยางพารา ท่ีลดลงตามยอดจ�าหน่ายของร้านค้าปลีกในประเทศท่ี เป็นที่นิยมจากผู้ใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะ ชะลอตวั และการจ�าหนา่ ย ปี 2561 มีจ�านวน 1.34 ล้าน ผู้ใช้รู้ดีว่าไม้ยางพาราเป็นต้นไม้ท่ีมนุษย์ปลูกขึ้นมา และ ช้นิ เมอ่ื เทยี บกับปี 2560 ลดลงรอ้ ยละ 1.47 สาเหตุจาก ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ วนี้ การใชไ้ ม้ยางพาราถอื เปน็ การช่วย การชะลอตัวของตลาดในประเทศ และภาวะหนี้ภาคครัว รักษาส่ิงแวดล้อมเพ่ือช่วยลดการตัดไม้ทา� ลายป่าในเขต เรือนท่ีอยู่ในระดับสูง ท�าให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้ ร้อน ส�าหรับไม้ยางในช่วงอายุ 7-25 ปี จะเก็บเกี่ยว จา่ ยภาคครัวเรือน (ตารางท่ี 2) ผลผลิตเป็นน�้ายางพาราสด มีบางส่วนจ�าหน่ายเป็นยาง แผน่ ดิบและเศษยาง รายไดจ้ ากน้�ายางพาราจะมีสัดสว่ น แนวโนม้ อุตสาหกรรมไม้และ ท่ีสงู รองจากไม้สัก (ตารางที่ 1) เครอ่ื งเรือนปี 2562 อุตสาหกรรมไมแ้ ละเครอื่ งเรอื น การผลิตและจ�าหน่ายไม้เครื่องเรือนท�าด้วยไม้ปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเพ่ิมขึ้น จากข้อมูลของส�านักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จากการผลิตและจ�าหน่ายเครื่องเรือนท�าด้วยไม้เพื่อตอบ (2561) รายงานว่า ปริมาณการผลิตและจ�าหน่ายเคร่ือง สนองความต้องการของตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ในส่วนของการส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์แผ่นไม้ในปี

32 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 ตารางท่ี 1 การจ�าหนา่ ย/บรกิ าร กล่มุ ธุรกจิ ป่าไม้ ระหวา่ งปี 2556-2560 (หน่วย: ลา้ นบาท) รายการ 2556 2557 2558 2559 2560 ไมซ้ ุงสกั ตามนโยบายรัฐบาล 7.40 8.73 23.18 13.54 22.47 ไม้ซุงกระยาเลย ตามนโยบายรัฐบาล 8.66 9.62 10.63 9.76 16.05 ไมส้ กั สวนปา่ 546.07 578.35 465.75 448.23 416.84 ไมย้ ูคาลิปตัสสวนป่า 45.60 63.54 110.49 116.06 97.79 ไม้กระยาเลยสวนป่า 20.70 31.86 26.80 46.42 56.69 ไม้แปรรูปปา่ ตามนโยบายรฐั บาล 0.35 - 5.70 7.32 8.44 ผลผลิตยางพารา 409.18 276.50 216.74 225.29 365.02 ผลิตผลพลอยได้ (เศษยาง) 9.12 9.19 20.66 24.25 30.74 รวม 1,047.08 977.79 879.95 890.87 1,014.04 ท่มี า: องคก์ ารอตุ สาหกรรมปา่ ไม้ (2560) ตารางที่ 2 ปริมาณการผลิตและจา� หน่ายเคร่อื งเรือนไมภ้ ายในประทศ ระหวา่ งปี 2557-2561 (หนว่ ย: ลา้ นชนิ้ ) รายการ 2557 2558 2559 2560 2561 การผลติ 9.29 9.28 6.96 6.91 6.15 การจา� หนา่ ยในประเทศ 1.80 1.59 1.37 1.36 1.34 ทม่ี า: ส�านักเศรษฐกิจอตุ สาหกรรม (2561)/ ปี 2561 เป็นตัวเลขคาดการณ์ หมายเหตุ: มูลคา่ การผลติ และจ�าหน่ายไม้ยางพาราเป็น 80% ของไมท้ งั้ หมด 2562 เม่ือเทียบกับปี 2561 คาดว่าจะมีปริมาณลดลง ของไทยในเดอื นสิงหาคม 2561 มีมลู ค่า 2,096.43 ล้าน โดยมีสาเหตุจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ- บาท เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 ที่มีมูลค่า อเมริกากับจีนท่ียังไม่มีแนวโน้มจะยุติ ซึ่งส่งผลกระทบ 1,971.27 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.35 โดยตรงกับปริมาณการส่งออกไม้แปรรูปไปยังจีน มลู ค่าการน�าเข้าสะสมระยะ 8 เดอื น (มกราคม-สงิ หาคม ส�านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันพลาสติก 2561) มีมูลค่า 14,549.85 ล้านบาท เพิ่มข้ึนเม่ือเทียบ (2561) รายงานว่า การใชม้ าตราการควบคมุ สงิ่ แวดล้อม กับช่วงเวลาเดียวกันของปีท่ีแล้วที่มีมูลค่า 11,702.46 ของจีนส่งผลให้การส่งออกไม้แปรรูปลดลง และมูลค่า ล้านบาท หรือขยายเพ่ิมขึ้นร้อยละ 24.33 (ตารางท่ี 3) การน�าเข้าไม้ ผลิตภัณฑ์จากไม้ เคร่ืองเรือนและชิ้นส่วน และมลู คา่ การสง่ ออกไม้ ผลติ ภณั ฑจ์ ากไม้ เครอื่ งเรอื นไม้

33 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ นุ ายน 2562 และชิ้นส่วน ของไทยในเดือนสิงหาคม 2561 มีมูลค่า นิยมเรียกกันว่า VPA (Voluntary Partnership Agree- 7,603.47 ล้านบาท เม่ือเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 ments) หรือข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนภาคสมัครใจ ทีม่ มี ลู คา่ 9,199.26 ลา้ นบาท หรือขยายตวั ลดลงรอ้ ยละ ประเด็นก็คือ ผู้ขายหรือผู้ต้องการจะขายนั้นจะต้อง 17.35 มูลค่าการน�าเข้าสะสมระยะ 8 เดือน (มกราคม- ยอมรับในเง่ือนไขของผู้ซื้อเป็นส�าคัญ ในการจัดท�าระบบ สิงหาคม 2561) มีมูลค่า 59,857.77 ล้านบาท เพ่ิมขึ้น ตรวจสอบย้อนกลับหรอื ระบบการรับรอง เครอ่ื งมือที่ผซู้ อ้ื เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วท่ีมีมูลค่า นิยมและน�ามาใช้ก็คือ ระบบการรับรองด้านป่าไม้ 59,795 ลา้ นบาท หรอื ขยายเพม่ิ ขนึ้ รอ้ ยละ 0.10 (ตารางที่ 4) ซึ่งปัจจุบันมาตรฐานท่ีนานาชาติยอมรับ และมีการ ราคาไม้ยางพารา ด�าเนินการในประเทศไทย ได้แก่ มาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) และมาตรฐาน PEFC ราคาไมย้ างพาราท่อนรวม ขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง (Programs for the Enforcement of Forest Certifica- 5 น้ิวขึ้นไป ราคา 1.60-1.75 บาทต่อกิโลกรัม ตาม tion) อยา่ งไรกต็ าม ยังมมี าตรฐานอื่น ๆ ทีส่ ามารถเทียบ ประกาศของสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย (2562) เคียงได้เช่นเดียวกัน เช่น GoHo, JIA ของประเทศญี่ปุ่น ประกาศ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2562 (สามารถดูราคาไม้ เปน็ ตน้ ยางพาราแปรรูปได้ท่ี: http://www.tpa-rubberwood. FSC (Forest Stewardship Council) เป็นองค์กร org/price.php) เอกชนภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มต่าง ๆ จากทั่วโลก อุตสาหกรรมไม้ยางแปรรูปด้านการผลิตยังคงตัว เกี่ยวกับมาตรฐานการรับรองป่าไม้ที่ได้รับการยอมรับท่ัว แต่จะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โลกโดยได้รับแรงสนับสนุนจากองค์กรเอกชน ซ่ึงถูกจัด ภายในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการเฟอร์นิเจอร์ ตั้งขึ้นเน่ืองจากความกังวลในด้านผลกระทบต่อ เพ่ิมข้ึน แต่การแปรรูปไม้เพื่อท�าเช้ือเพลิงชีวมวลน่าจะ สิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบจากการตัดสินใจซื้อ ชะลอตัว เน่ืองจากประเด็นใบออกอนุญาตโรงไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นที่ต้องน�าเครื่องมือ พลังงานทดแทนและการรับซื้อไฟยังต้องการความ หรือเทคนิคต่าง ๆ ประยุกต์มาใช้เพ่ือสร้างมูลค่ากับ ชัดเจน และราคาไม้ยางพาราที่ตกต่�า ส่งผลให้ขาดแรง สินค้าในตลาด และส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการโดยมี จูงใจในการโค่นต้นยางเพื่อเป็นวัตถุดิบแก่อุตสาหกรรม ความรับผิดชอบ และท่ีสา� คญั ต้องสอดคล้องกบั หลักการ แปรรูปไม้ (สา� นักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบัน จัดการป่าไม้ท่ีดี ดังนั้น FSC จึงมีส่วนช่วยสร้างความ พลาสติก, 2561) แต่หลังจากที่การยางแห่งประเทศไทย น่าเชื่อถือแก่ผู้ซื้อในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากไม้ ขึ้นทะเบียนไม้ยางพาราตามสากล คาดว่าจะมีแนวโน้ม ท่ีได้รับการรับรอง ทั้งน้ียังก่อให้เกิดการยอมรับในการ ในการแปรรูปไม้ยางส่งออกไปยุโรปและญี่ปุ่นมากขึ้น บริหารจัดการด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม (Forest ส่วนตลาดการส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ในปี 2560 Stewardship Council, 2008b) เมื่อเทียบกับปที ่ผี า่ นมานัน้ มกี ารส่งออกไปยงั แถบเอเชีย FSC คอื กลมุ่ อนรุ กั ษป์ า่ ไม้ และสง่ิ แวดลอ้ ม ผคู้ า้ ไม้ และสวติ เซอรแ์ ลนด์มากขึ้น (ตารางที่ 5 ) ผู้ผลิตสินค้าจากไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เพ่ือจัดท�า ระบบการรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ซึ่งเป็นการรับ มาตรฐานการรบั รองปา่ ไมต้ ามแนวทางของ ประกันว่าไม้และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการประทับ FSC (Forest Stewardship Council) เคร่อื งหมาย FSC เปน็ ไมแ้ ละผลติ ภณั ฑท์ ่ีใช้ไม้จากปา่ ไม้ สเุ ทพ (2559) รายงานวา่ การรบั รองดา้ นปา่ ไมเ้ ปน็ ธรรมชาติ หรือปา่ ปลูกทม่ี ีการจดั การป่าอยา่ งถูกต้องตาม กลไกภาคความสมัครใจ ซ่ึงเป็นข้อก�าหนดของลูกค้าที่ หลักการทีเ่ ป็นทยี่ อมรบั ในระดบั นานาชาติ ซึ่งจดั เป็นการ ต้องการความเช่ือมั่นว่าไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้นั้นมี ปลูกไมแ้ บบย่ังยืน แหล่งท่ีมาที่น่าเชื่อถือสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงเรียกว่าภาคสมคั รใจ (Voluntary sector) ในภาคป่าไม้

ตารางที่ 3 มลู ค่าการนา� เขา้ ไม้ ผลติ ภณั ฑจ์ ากไม้ เครือ่ งเรอื นไม้ และชิน้ ประเภท 2560 ม.ค.- 2560 ไม้แปรรูป และผลิตภณั ฑไ์ มแ้ ผน่ 13,079.22 8,573.46 ไม้แปรรูป 7,759.92 5,288.01 - ไม้ยางพาราแปรรปู 0.00 0.00 - ไม้แปรรูปอนื่ ๆ 7,759.92 5,288.01 ไม้แผน่ 5,319.30 3,285.40 - ไม้อดั ไม้วเี นยี ร์ และไม้แผน่ อน่ื ๆ 4,756.08 281.61 - แผ่นชน้ิ ไมอ้ ดั และแผน่ ใยไม้อดั 563.22 375.48 เคร่ืองเรือนไม้ และช้นิ ส่วน 3,598.35 2,096.43 อปุ กรณก์ ่อสรา้ งไม้ 844.83 563.22 ผลติ ภัณฑ์ไม้ 876.12 469.35 รวม 18,398.52 11,702.46 ที่มา: ศูนยส์ ารสนเทศและการส่อื สาร สา� นักงานปลดั กระทรวงพาณชิ ย์ ประมวลผลโดยสถาบันพลาสติก (25 หมายเหตุ: n/a: not available เน่ืองจากไมส่ ามารถคา� นวณหาค่าได้ ประมาณการอตั ราแลกเปล่ยี นเงนิ ตราจากสกุลเงินสหรฐั เปน็ เงนิ ไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ณ

นสว่ นของไทย ในปี 2560 และ 2561 (สงิ หาคม), หน่วย: ลา้ นบาท -ส.ค. ส.ค. อัตราการขยายตัว (%) 2561 2560 2561 ม.ค.-ส.ค. ส.ค. 9,825.06 4,881.24 1,470.63 1,439.14 14.60 -2.13 0.00 813.54 813.54 -7.69 0.00 4,881.24 4,943.82 0.00 0.00 n/a n/a 4,505.76 813.54 813.54 -7.69 0.00 438.06 3,003.84 657.09 625.80 50.48 -4.76 531.93 594.51 563.22 54.84 -5.26 1,189.02 14,549.85 62.58 62.58 16.67 0.00 561) 344.19 469.35 43.28 36.36 62.58 62.58 -5.56 0.00 93.87 125.16 153.33 33.33 1,971.27 2,096.43 24.33 6.35 ณ วนั ที่ 11 มถิ ุนายน 2562: 1 ดอลลา่ ร์สหรัฐ ฯ = 31.29 บาท

ตารางที่ 4 มูลคา่ การสง่ ออกไม้ ผลิตภัณฑ์จากไม้ เครื่องเรอื นไม้และชิน้ ประเภท 2560 ม.ค.- 2560 ไมแ้ ปรรูป และผลิตภณั ฑไ์ ม้แผ่น 13,079.22 8,573.46 ไม้แปรรปู 7,759.92 5,288.01 - ไม้ยางพาราแปรรปู 0.00 0.00 - ไม้แปรรปู อนื่ ๆ 7,759.92 5,288.01 ไมแ้ ผ่น 5,319.30 3,285.40 - ไมอ้ ดั ไม้วเี นยี ร์ และไมแ้ ผน่ อน่ื ๆ 4,756.08 281.61 - แผ่นชน้ิ ไม้อดั และแผ่นใยไม้อดั 563.22 375.48 เคร่ืองเรอื นไม้ และช้ินส่วน 3,598.35 2,096.43 อปุ กรณ์กอ่ สรา้ งไม้ 844.83 563.22 ผลิตภัณฑ์ไม้ 876.12 469.35 รวม 18,398.52 11,702.46 ทม่ี า: ศนู ย์สารสนเทศและการสื่อสาร สา� นักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประมวลผลโดยสถาบันพลาสติก (25 หมายเหตุ: n/a: not available เนอ่ื งจากไม่สามารถคา� นวณหาคา่ ได้ ประมาณการอตั ราแลกเปลี่ยนเงินตราจากสกลุ เงนิ สหรัฐเป็นเงนิ ไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ณ

นส่วนของไทย ในปี 2560 และ 2561 (สงิ หาคม), หน่วย: ลา้ นบาท -ส.ค. ส.ค. อัตราการขยายตวั (%) 2561 2560 2561 ม.ค.-ส.ค. ส.ค. 9,825.06 4,881.24 1,470.63 1,439.14 14.60 -2.13 0.00 813.54 813.54 -7.69 0.00 4,881.24 4,943.82 0.00 0.00 n/a n/a 4,505.76 813.54 813.54 -7.69 0.00 438.06 3,003.84 657.09 625.80 50.48 -4.76 531.93 594.51 563.22 54.84 -5.26 1,189.02 14,549.85 62.58 62.58 16.67 0.00 561) 344.19 469.35 43.28 36.36 62.58 62.58 -5.56 0.00 93.87 125.16 153.33 33.33 1,971.27 2,096.43 24.33 6.35 ณ วนั ที่ 11 มิถนุ ายน 2562: 1 ดอลลา่ ร์สหรัฐ ฯ = 31.29 บาท

ตารางท่ี 5 ตลาดสง่ ออกไม้ และผลติ ภัณฑ์ไม้ ร มูลคา่ (ล้านบาท) ___ ประเทศ 2558 2559 2560 2560 (ม.ค.-มี.ค.) (ม จีน 37,745.21 47,921.01 55,924.05 12,407.13 1 เกาหลีใต้ 4,786.63 5,180.17 7,076.76 1,824.97 1 ญปี่ นุ่ 4,811.23 4,562.40 4,608.26 1,447.06 8 มาเลเซีย 2,376.04 2,801.83 3,184.34 750.13 6 เวยี ดนาม 2,709.52 2,796.94 3,235.20 756.80 6 สหรัฐอเมรกิ า 2,300.74 2,395.49 2,428.55 610.98 5 อนิ เดีย 1,005.89 992.53 1,217.73 211.16 3 ไตห้ วัน 1,744.15 1,273.51 1,163.59 300.39 2 อินโดนีเซยี 1,139.41 1,264.35 1,128.10 340.93 1 สวติ เซอร์แลนด์ 398.14 342.37 425.15 120.21 9 สหราชอาณาจักร 543.29 545.71 451.63 125.08 8 อื่นๆ 12,320.85 12,228.59 12,018.84 9,498.66 9 68,881.10 82,304.90 92,862.20 28,393.50 2 รวมทงั้ หมด ที่มา: ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สา� นกั งานปลดั กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศ หมายเหตุ: มูลคา่ การสง่ ออกไม้ยางพาราเปน็ 80% ของไม้ท้ังหมด

ระหว่างปี 2558-2561 (มกราคม-มีนาคม) อตั ราการขยายตัว (%) 2561 2558 2559 2560 2560 2561 ม.ค.-ม.ี ค.) (ม.ค.-ม.ี ค.) (ม.ค.-ม.ี ค.) -1.68 13,960.76 -8.52 37.92 16.70 15.56 12.52 1,901.35 -6.98 853.62 -3.07 8.22 36.61 29.68 4.19 685.68 32.67 683.91 -4.67 -5.17 1.01 -13.86 -41.01 530.68 -10.64 383.25 -13.30 2.40 13.65 17.42 -8.59 276.42 32.52 154.80 13.32 3.23 15.67 1.91 -9.63 93.98 18.08 82.36 51.71 4.12 1.38 0.36 -13.14 9,154.99 28,761.80 - -1.33 22.69 -18.03 81.50 ศุลกากร (2561) -26.98 -8.63 -10.72 -7.98 10.97 -10.78 0.15 -54.59 -14.01 24.18 50.76 -21.82 0.45 -17.24 -16.98 -34.16 -0.33 -82.41 -47.31 94.01 -- - -

37 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เมษายน-มถิ นุ ายน 2562 หลักการของ FSC คือ การทวนสอบวัตถุดิบที่ได้รับการรับรอง FSC ท่ีผ่าน หลักการท่ี 1 ความสอดคล้องระหว่างกฎหมายกับ กระบวนการผลิตจนถึงการจัดเก็บ ซ่ึงผลิตภัณฑ์สามารถ หลักการตา่ ง ๆ ของ FSC มีองค์ประกอบของชิ้นส่วน หรือส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับการ หลักการที่ 2 สิทธิการถือครอง การใช้ประโยชน์ รับรอง FSC รวมอย่ดู ว้ ย ที่ดนิ ทรพั ยากรป่าไม้ และความรับผดิ ชอบ 3. FSC Controlled Wood คือ วัตถุดิบท่ีมีต้น หลักการท่ี 3 ให้การยอมรับ และเคารพสิทธิ์ของ ก�าเนิดในป่าไม้ หรือพ้ืนที่ป่าปลูก ที่ไม่ได้รับการรับรอง ชนพน้ื เมือง FSC ท่มี าพรอ้ มกับการอา้ งสิทธิ์ FSC โดยผจู้ ัดจา� หน่ายที่ หลักการท่ี 4 ความสัมพันธ์ต่าง ๆ กับชุมชน และ ได้รับการตรวจประเมินโดยหน่วยรับรอง (Certification สิทธ์ิต่าง ๆ ของคนงาน กระบวนการจัดการป่าไม้ต้อง body) เพื่อประเมินความสอดคล้องกับข้อก�าหนดห่วงโซ่ ส่งเสริมสถานภาพทางสังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ที่ดี การครองสทิ ธิ์ (Chain of Custody) หรือขอ้ ก�าหนด FSC ของคนงานป่าไม้ และชมุ ชนทอ้ งถิ่นต่างๆ การควบคุมวัตถุดบิ หลักการที่ 5 ผลประโยชน์จากป่าไม้ กระบวนการ จัดการป่าไม้ สามารถช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพของ องคป์ ระกอบของรปู แบบการใหก้ ารรบั รอง FSC การใช้ผลผลิตจากป่าและบริการ เพื่อเป็นการประกัน ประกอบดว้ ย 3 องคป์ ระกอบ ดงั นี้ ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ และผลประโยชน์ทางด้าน 1. มาตรฐานข้อก�าหนด FSC ที่ต้องบรรลุ ซึ่งผ่าน สงิ่ แวดล้อมและสังคมอย่างเตม็ รูปแบบ การพิจารณาและเห็นชอบ อนุมัติจากคณะกรรมการ หลักการท่ี 6 ผลกระทบส่งิ แวดล้อม การจดั การป่า หนว่ ยงานที่ออกมาตรฐาน ไม้อย่างย่ังยืน จะอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ 2. การรับรองเป็นกระบวนการท่ีประเมินว่า การ และคุณคา่ การอย่รู ว่ มกับทรัพยากรธรรมชาติ ปฏิบัติงานจนได้ผลิตภัณฑ์นั้นมีความสอดคล้องกับ หลักการท่ี 7 ก�าหนดหลักการการจัดการเป็น มาตรฐานหรือไม่ เชน่ ขั้นตอนการติดตาม (Tracing) เพื่อ ลายลักษณ์อักษร ตามความเหมาะสมของขนาดพ้ืนที่ ให้มีกลไกการติดตามเส้นทาง หรือที่มาของไม้จากป่า และวธิ กี ารบรหิ ารจัดการปา่ ไม้ จนเป็นผลิตภัณฑ์ และรวมถึงการอ้างสิทธิ์ การติดป้าย หลักการท่ี 8 การตรวจตราก�ากับดูแล และการ FSC (FSC claim and labeling) เพื่อให้มัน่ ใจวา่ การอา้ ง ประเมินผลโดยต้องด�าเนินการตามความเหมาะสมของ สิทธิ์ และการติดป้ายมีความชัดเจนตามกฎการใช้ ขนาดพื้นที่ และวิธีการการบริหารจัดการปา่ ไม้ เคร่อื งหมายการรบั รองผลติ ภัณฑ์ FSC หลักการท่ี 9 การฟื้นฟูป่าไม้ท่ีมีคุณค่าต่อการ 3. การรับรองหน่วยรับรอง (Accreditation) เป็น อนุรกั ษ์สงู (High conservation value forests) กลไกเพ่ือให้ม่ันใจว่าหน่วยงานรับรอง (Certification หลักการที่ 10 มีการวางแผนจัดการพ้ืนที่สวนป่า body) มีมาตรฐาน (Forest Stewardship Council, ให้สอดคล้องกับหลักการท่ี 1-9 ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น 2008b) (Forest Stewardship Council, 2008a) ขน้ั ตอนการรับรองโดยหน่วยรองรับ ประเภทของการรบั รอง FSC (The Certification Process) สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดงั นี้ 1. การสมัคร และการเสนอให้การรับรอง (Appli- 1. FSC Forest Management Certificate คอื การ cation and proposal) ในเบื้องต้นองค์กรท่ีสมัครใจ รับรองป่าไม้ หรือพื้นที่ปลูกป่าครอบคลุม ต้ังแต่การปลูก ขอรับการรับรองมาตรฐาน FSC-Chain of Custody ไม้ จนถงึ การตดั ไมเ้ พอื่ ใชเ้ ปน็ วตั ถดุ บิ สา� หรบั กระบวนการ ต่อหน่วยรับรอง (Certification body) เพ่ือให้หน่วย ถดั ไป รับรองดา� เนินการจดั เตรียมเอกสารเสนอใหก้ ารรบั รอง 2. FSC Forest Chain of Custody Certification 2. การตรวจประเมินเบ้ืองต้น (Pre assessment)

38 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ ุนายน 2562 หรือการก�าหนดขอบข่าย (Scope) หน่วยรับรองจะ และผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง เช่น โครงสร้าง ด�าเนินการตรวจประเมินเบื้องต้น ณ พ้ืนท่ี (Site) ของ การบริหาร จ�านวนบุคลากร สถานที่ ขอบข่าย (Forest องค์กร/ผูป้ ระกอบการ เพือ่ วัตถปุ ระสงค์ ดงั นี้ Stewardship Council, 2008d) (1) เพ่ือให้มั่นใจว่าองค์กร/ผู้ประกอบการมี ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ข้อก�าหนดของมาตรฐาน ประโยชน์ทไี่ ดร้ บั การรบั รองป่าไม้ FSC-Chain of Custody สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ประเภท ดังนี้ (2) เพื่อวางแผนการตรวจประเมินเพ่ือให้การ 1. ประโยชน์ทางตรง ได้แก่ สามารถสร้างโอกาส รับรองในการตรวจขัน้ ตอ่ ไป (Main assessment) ในการจ�าหน่ายผลิตภัณฑ์ป่าไม้ในตลาดใหม่ ๆ หรือ (3) เพื่อบ่งช้ีประเด็นด�าเนินการบริหารการ ตลาดท่ีมีอยู่เดิมได้มากข้ึน จากการแสดงสัญลักษณ์ จัดการโดยองค์กร/ผู้ประกอบการ โดยเปรียบเทียบกับ FSC บนผลิตภัณฑ์ ซึ่งผ้บู รโิ ภคจะเลอื กซื้อผลติ ภณั ฑท์ ไี่ ด้ ระดับความต้องการข้อก�าหนดของมาตรฐาน FSC- รบั การรบั รอง Chain of Custody (Gap analysis identification) 2. ประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่ หลักฐานการได้รับ 3. การยอมรับประเด็นท่ีพบจากข้ันตอนการตรวจ การรับรองมาตรฐาน FSC-Chain of Custody สามารถ ประเมินเบ้ืองต้น (Closing gap) องค์กรผู้ประกอบการ เข้าถึงประโยชน์ทางด้านการเงิน และที่ไม่ได้ใช้ด้านการ ด�าเนินการปรับปรุงการบริหารจัดการ รวมถึงผลการ เงิน ด้านการตลาด ซึ่งมากกว่าต้นทุนการรับรองชุมชน ด�าเนินการจนม่ันใจว่าการปฏิบัตินี้สอดคล้องกับ ต่าง ๆ ท่ีมีการบริหารจัดการป่าไม้ท่ีได้รับการรับรอง มาตรฐาน FSC-Chain of Custody มาตรฐาน FSC 4. การตรวจประเมินเพ่ือให้การรับรอง (Main 3. ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม มีการศึกษาถึง assessment) การทบทวนเอกสารระบบการบริหารของ ผลกระทบทีม่ ีผลตอ่ การรับรองป่าไมใ้ นหลาย ๆ พื้นที่รอบ องค์กร/ผู้ประกอบการ พื้นท่ี หรือที่ต้ัง (Site) และสภาพ โลก เชน่ ประเทศบราซิล โบลเิ วยี ฮอนดูรัส ปาปัวนิวกินี แวดล้อมในการท�างานการสอบถามบุคลากรเพ่ือ และ โปแลนด์ พบวา่ การไดร้ ับการรับรองมาตรฐาน FSC ประเมินความพร้อม ความเข้าใจต่อมาตรฐาน FSC- มีความส�าคญั ตอ่ ชุมชน และน�าประโยชน์สูส่ งั คมได้ Chain of Custody โดยเฉพาะการอธบิ ายถงึ วัตถปุ ระสงค์ 4. ประโยชนต์ ่อส่งิ แวดล้อม ไดแ้ ก่ การรกั ษาพื้นที่ การปฏิบัติงาน ตลอดจนระบบบริหาร รวมถึงการ ต้นน้�าล�าธาร ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพของ เฝา้ ติดตาม การวดั และการรายงานผลโดยหน่วยรับรอง สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ เพื่อให้เกิดความสมดุลทาง 5. การรายงาน และการตัดสินให้การรับรอง ธรรมชาติ (Forest Stewardship Council, 2008c) (Reporting and certification decision) ผตู้ รวจประเมนิ เอกสารอ้างอิง ของหน่วยรับรองจัดท�ารายงานการตรวจผลการประเมิน โดยกรณีที่พบประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับข้อก�าหนดของ สมาคมธุรกจิ ไม้ยางพาราไทย. 2562. ราคาไมย้ างพารา. แหล่งข้อมูล: http://tpa-rubberwood.org/price. มาตรฐาน FSC-Chain of Custody องคก์ ร/ผปู้ ระกอบการ php. คน้ เม่อื 11 ม.ิ ย. 2562. ต้องด�าเนินการปฏิบัติการแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว ในระยะเวลาท่ีก�าหนด เพื่อให้หน่วยงานรับรองพิจารณา ส�านักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์. 2561. ตลาดส่งออก 20 อันดับแรกของไทยรายประเทศทุกสินค้า, ไม้ ตดั สนิ ให้การรบั รองระบบบริหารการจดั การต่อไป และผลิตภัณฑ์ไม้. แหล่งข้อมูล: http://www.ops 6. การตรวจติดตามเฝา้ ระวัง (Surveillance audit) 3 moc.go.th/menucomth/export_topn_re/ หน่วยงานรับรองด�าเนินการทวนสอบพื้นที่สภาพ report.asp. คน้ เมอ่ื 6 มิ.ย. 2561. แวดล้อม และกระบวนการที่เป็นตัวแทนครอบคลุม ขอบเขตว่า มีการติดตามเป็นไปตามพื้นฐานและ ส�านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันพลาสติก. 2561. สถานการณ์อตุ สาหกรรมไม้ และผลติ ภัณฑ์ พิจารณาการเปล่ียนแปลงของสถานประกอบการ

39 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มถิ นุ ายน 2562 จากไม้. ใน: รายงานสภาวะอุตสาหกรรมผลิต- ประจา� ปี 2559 องคก์ ารอตุ สาหกรรมปา่ ไมก้ ระทรวง ภัณฑย์ างและไมย้ างพาราของไทย. หน้า 7-12. ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม. หน้า 3. สา� นักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. 2561. อุตสาหกรรมไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้. 2560. การบริหารจัดการ และเคร่ืองเรือน. ใน: รายงานภาวะเศรษฐกิจ องค์กร. ใน: รายงานประจ�าปี 2560 องค์การ อตุ สาหกรรม ปี 2561 และแนวโนม้ ปี 2562. หนา้ 30. อุตสาหกรรมป่าไม้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ สา� นักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. 2556. อตุ สาหกรรมไม้ และสิง่ แวดล้อม. หนา้ 22. ยางพาราและผลิตภัณฑ์. ใน: รายงานโครงการ Forest Stewardship Council. 2008a. FSC Standard พัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกับประเทศ for Chain of Custody Certification. FSC Forest เพ่ือนบ้าน (ยุทธศาสตร์การพัฒนาความร่วมมือ Stewardship Council, Germany. ด้านอุตสาหกรรมภายใต้กรอบโครงการพัฒนาเขต Forest Stewardship Council. 2008b. FSC Principles เศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย: and Criteria. Available: http://www.fsc.org/ IMT-GT). ศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ pc.html. Accessed Aug 7, 2015. คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. Forest Stewardship Council. 2008c. FSC User- หน้า 67-68. Friendly Guide for FSC Certifica-tion for Small- สุเทพ จันทร์เขียว. 2559. ความเข้าใจเร่ืองการรับรองป่า holders. Available: http://www.fsc.org/filead ไม้. ใน: เอกสารประกอบการอบรมการจัดการป่า min/webdata/public/ducument_center/publi- ไม้อย่างย่ังยืนตามมาตรฐานในระดับสากล cations/FSC. กิจกรรมการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนตาม Forest Stewardship Council. 2008d. Become Certi- มาตรฐานในระดับสากล FSC และ PEFC. fied-Forest Stewardship Council. Available: สุราษฎรธ์ าน,ี 2 กนั ยายน 2559. http://www.fsc.org/get-certiied.html. องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้. 2559. การด�าเนินงานและ Accessed Aug 7, 2015. ธรุ กิจขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้. ใน: รายงาน

40 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เมษายน-มิถนุ ายน 2562 การเก็บตัวอยา่ งดินในสวนยางเพอื่ ประโยชน์ ในการใชป้ ุ๋ยตามคา่ วิเคราะหด์ นิ ภรภทั ร สชุ าตกิ ูล ศูนยว์ จิ ยั ยางสรุ าษฎรธ์ านี สถาบนั วจิ ยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ผลวิเคราะห์ดินจะน�าไปใช้ได้อย่างถูกต้องและมี เหมาะสมสังเกตได้ง่าย ๆ คือ เมื่อบีบดินให้แน่นและ ประสทิ ธภิ าพ สิ่งส�าคัญทีส่ ุด คือ การสุ่มเกบ็ ตัวอยา่ งดินที่ แบมือออก ดินจะยังจับกันเป็นก้อน แต่เมื่อใช้มือบีบดิน ถูกต้อง เพราะการสุ่มเก็บตัวอย่างดินที่ถูกต้องจะช่วยให้ อีกที ดินก็จะแตกร่วนโดยง่าย เนือ่ งจากระดบั ธาตุอาหาร ผลการวิเคราะห์ดินถูกต้องและค�าแนะน�าการใช้ปุ๋ย ในดินที่วิเคราะห์ได้โดยวิธีทางเคมีนั้น มักจะไม่ค่อย มีความน่าเชื่อถือ กรมวิชาการเกษตร พบว่า ประมาณ เปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้น การเก็บตัวอย่างดินมา ร้อยละ 90 ของความผิดพลาดของผลการวิเคราะห์ดิน วิเคราะห์ เพื่อประโยชน์ในการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นผลมาจาก ก า ร เ ก็ บ ตั ว อ ย ่ า ง ดิ น ไ ม ่ ถู ก ต ้ อ ง นน้ั อาจจะท�าเพียง 2-3 ปตี ่อครั้ง โดยตัวอย่างดินที่น�ามาวิเคราะห์ต้องเป็นตัวแทนท่ี ถูกต้องที่สุดของดินในบริเวณที่ต้องการจะทดสอบ และ เครอ่ื งมอื และอุปกรณท์ ใ่ี ช้ เก็บอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ การเก็บตัวอย่างดินที่ ให้ค่าความแปรปรวนน้อยท่ีสุดคือ การเก็บตัวอย่าง ในการเก็บตัวอย่างดินควรเตรียมเครื่องมือและ ดินรวม (Composite soil sample) ซ่งึ ถือวา่ เปน็ คา่ เฉลย่ี อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ดงั แสดงไวใ้ นภาพที่ 1 ดังน้ี ของดินในพ้ืนที่น้ัน และควรเก็บให้ถูกต้องตามหลัก วิชาการดังนี้ 1. พลั่ว เสียม สว่านเจาะดิน (Soil auger) หรือ หลอดเจาะดิน (Soil tube หรือ Sampling tube) เลือก เวลาทีเ่ หมาะสมในการเกบ็ อย่างใดอย่างหน่ึงท่ีเหมาะสม หรือมากกว่า 1 อย่าง ตวั อย่างดิน ในกรณีท่ีไม่แน่ใจว่าเคร่ืองมือชนิดใดมีความเหมาะสม เครื่องมือที่ใช้ในการเจาะดินจะต้องสะอาด ไม่เป็นสนิม การเก็บตัวอย่างดินสามารถท�าได้ตลอดท้ังปี แต่ สว่านหรือหลอดเจาะควรเปน็ สแตนเลส เวลาท่เี หมาะสมทีส่ ดุ คอื กอ่ นปลูกพืช หรือกอ่ นใส่ปุ๋ยเพือ่ หลีกเล่ียงผลตกค้างของปุ๋ย อย่างไรก็ตาม ควรเก็บใน สว่านเจาะดิน เหมาะส�าหรับดินแข็งและดินที่มี เวลาเดียวกันของทกุ ปี และหากมีการใส่ปุ๋ย ควรรออยา่ ง ความช้นื พอเหมาะ นอ้ ย 45 - 60 วัน หลังการใส่ปยุ๋ และควรเก็บในขณะที่ดนิ มีความช้ืนพอเหมาะ เพราะดินไม่แข็งเกินไป ง่ายต่อการ หลอดเจาะดิน เหมาะส�าหรับดินที่ไม่มีกรวดหิน เก็บ และการคลุกเคล้าดินให้เข้ากัน ความช้ืนในดินที่ เจือปน และดินท่ีมีลักษณะเป็นดินเหนียว หรือดินร่วนมี ความช้นื พอเหมาะ จนถงึ ดินเปยี ก พลั่ว เสียม เป็นเคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บตัวอย่าง ดนิ โดยท่วั ไป แมว้ ่าดนิ นัน้ มกี รวดหินเจอื ปน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook