Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

แผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Published by tong_yodya, 2021-12-20 02:34:26

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ประจำฐานการเรยี นร้)ู ฐานการเรียนรู้ที่ 1 การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ ฐานการเรียนรู้ที่ 2 การทำปยุ๋ หมกั อินทรีย์ ฐานการเรยี นร้ทู ี่ 3 การปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 4 การเล้ยี งปลาดุกในบ่อพลาสติก ฐานการเรยี นรทู้ ี่ 5 การเลี้ยงปนู าในบอ่ ซีเมนต์ ฐานการเรยี นรู้ท่ี 6 การเลี้ยงไก่ไขแ่ บบปล่อย Happy Chicken ฐานการเรียนรูท้ ี่ 7 การประดษิ ฐ์โคม - ตุงลา้ นนา ฐานการเรยี นรู้ท่ี 8 การใช้แหล่งเรยี นรหู้ อ้ งสมดุ ฐานการเรยี นรทู้ ี่ 9 การบริหารจัดการขยะ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอแมล่ าว สำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดเชียงราย สำนกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก คำนำ การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ประจำฐานการเรียนรู้) เป็นแผนบูรณาการเข้ากับการหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีสาระ และมาตรฐานการเรียนรู้ 5 สาระ ได้แก่ ทักษะการเรยี นรู้ ความรูพ้ น้ื ฐาน การประกอบอาชีพ ทักษะการดำเนินชีวิต การพัฒนาสังคม เพื่อส่งเสริม ปลูกฝัง และเสริมสร้างอุปนิสัยความพอเพียงให้ผูเ้ รียน โดยจัดการเรยี นรู้ใหผ้ ูเ้ รียนได้ ฝึกใช้ หลักการเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไข คือ ความรู้ คุณธรรม 3 หลักการ คือ พอประมาณ ความมีเหตุผล มี ภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ในการคิดและปฏิบัติงานต่างๆ จนส่งผลให้การดำเนิน ชีวิตเกิดความสมดุลและพร้อมรับการ เปล่ียนแปลงใน 4 มิติ คือ วัตถุ/เศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม ดา้ นวัฒนธรรม ด้านส่ิงแวดลอ้ ม ทงั้ นี้ การจัดการเรียนรู้จะ ประสบความสำเร็จ ตามจุดประสงคท์ ่ีตั้งไว้ครผู สู้ อนจำ เปน็ ตอ้ งใชห้ ลักการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เงอื่ นไข 3 หลักการ 4 มิติ) ในการวางแผนและจัดการเรียนรู้ กล่าวคือ ในการกำหนดเนื้อหา เวลา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้/ อปุ กรณ์ แหล่งเรยี นรู้ และการวดั ประเมินผล กศน.อำเภอแม่ลาว จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ ตอบสนองกลยุทธ์ การพัฒนาสถานศึกษา จึงได้ ให้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ นำหลัก 2 เงื่อนไข 3 หลักการ 4 มิติ บูรณาการสกู่ ารเรยี น การสอนในทุกรายวิชา เพอื่ ให้ นักเรยี นมี ความรู้ ความเข้าใจสามารถปฏิบตั ิ ตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงได้ อยา่ งถกู ต้อง เป็นผมู้ ี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ข สารบัญ คำนำ หนา้ สารบัญ ก ฐานการเรยี นร้ทู ี่ 1 การปลูกผกั ปลอดสารพิษ ข 1 - 15 - การวเิ คราะหก์ ิจกรรมการเรียนร้สู หู่ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1 - ผังมโนทัศนว์ เิ คราะห์หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 2551 2 - แผนการจดั การเรยี นรู้ การปลกู ผักปลอดสารพิษ 3-6 - ใบความรู้ การปลกู ผักปลอดสารพิษ 7 - 12 - แบบทดสอบ การปลกู ผักปลอดสารพษิ 13 – 14 - แบบประเมินความพงึ พอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ 15 ฐานการเรยี นรูท้ ่ี 2 การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ 16 - 26 - การวิเคราะห์กจิ กรรมการเรียนรู้สู่หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 16 - ผงั มโนทศั น์วเิ คราะห์หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน 2551 17 - แผนการจัดการเรียนรู้ การทำปยุ๋ หมักอินทรีย์ 18 - 21 - ใบความรู้ การทำปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ 22 - 23 - แบบทดสอบ การทำปยุ๋ หมกั อนิ ทรยี ์ 24 – 25 - แบบประเมนิ ความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรียนรู้ 26 ฐานการเรียนรู้ท่ี 3 การปลูกผกั แบบไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) 27 - 38 - การวเิ คราะหก์ จิ กรรมการเรียนรสู้ ู่หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 27 - ผังมโนทศั นว์ ิเคราะหห์ ลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน 2551 28 - แผนการจดั การเรยี นรู้ การปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) 29 - 32 - ใบความรู้ การปลูกผักแบบไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) 33 - 35 - แบบทดสอบ การปลูกผกั แบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) 36 – 37 - แบบประเมินความพงึ พอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรียนรู้ 38 ฐานการเรียนรทู้ ่ี 4 การเลีย้ งปลาดุกในบ่อพลาสตกิ 39 - 51 - การวิเคราะห์กิจกรรมการเรียนรู้สหู่ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 39 - ผงั มโนทศั นว์ ิเคราะหห์ ลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน 2551 40 - แผนการจัดการเรยี นรู้ การเลย้ี งปลาดกุ ในบ่อพลาสตกิ 41 - 44 - ใบความรู้ การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสตกิ 45 - 48 - แบบทดสอบ การเลยี้ งปลาดุกในบอ่ พลาสติก 49 – 50 - แบบประเมินความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ 51 ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 5 การเลี้ยงปูนาในบ่อซีเมนต์ 52 - 64 - การวเิ คราะหก์ ิจกรรมการเรียนรู้สู่หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 52 - ผงั มโนทัศน์วเิ คราะห์หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน 2551 53 - แผนการจัดการเรียนรู้ การเล้ยี งปูนาในบอ่ ซีเมนต์ 54 - 57 - ใบความรู้ การเล้ียงปูนาในบ่อซเี มนต์ 58 - 61 (ต่อ) กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ค - แบบทดสอบ การเล้ียงปูนาในบ่อซีเมนต์ 62 – 63 - แบบประเมินความพงึ พอใจการดำเนินงานของฐานการเรียนรู้ 64 ฐานการเรียนรู้ที่ 6 การเล้ยี งไก่ไข่แบบปล่อย Happy Chicken 65 - 78 - การวเิ คราะหก์ จิ กรรมการเรียนรู้สหู่ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 65 - ผงั มโนทัศน์วิเคราะห์หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน 2551 66 - แผนการจัดการเรียนรู้ การเล้ยี งไกไ่ ขแ่ บบปลอ่ ย Happy Chicken 67 - 70 - ใบความรู้ การเลี้ยงไกไ่ ขแ่ บบปลอ่ ย Happy Chicken 71 - 75 - แบบทดสอบ การเลีย้ งไกไ่ ขแ่ บบปล่อย Happy Chicken 76 – 77 - แบบประเมินความพงึ พอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรียนรู้ 78 ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 7 การประดษิ ฐ์โคม - ตุงล้านนา 79 - 91 - การวิเคราะห์กิจกรรมการเรยี นรู้สูห่ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 79 - ผังมโนทศั น์วเิ คราะหห์ ลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน 2551 80 - แผนการจดั การเรียนรู้ การประดิษฐโ์ คม - ตงุ ล้านนา 81 - 84 - ใบความรู้ การประดิษฐ์โคม - ตงุ ลา้ นนา 85 - 88 - แบบทดสอบ การประดษิ ฐโ์ คม - ตุงล้านนา 89 – 90 - แบบประเมนิ ความพงึ พอใจการดำเนินงานของฐานการเรียนรู้ 91 ฐานการเรียนร้ทู ี่ 8 การใช้แหลง่ เรียนรูห้ อ้ งสมุด 92 - 104 - การวเิ คราะห์กิจกรรมการเรยี นรู้สู่หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 92 - ผงั มโนทัศนว์ เิ คราะหห์ ลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน 2551 93 - แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้แหลง่ เรียนรหู้ ้องสมุด 94 - 97 - ใบความรู้ การใชแ้ หล่งเรียนร้หู ้องสมุด 98 - 101 - แบบทดสอบ การใชแ้ หล่งเรยี นรหู้ ้องสมดุ 102 – 103 - แบบประเมนิ ความพงึ พอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรียนรู้ 104 ฐานการเรยี นรทู้ ่ี 9 การบรหิ ารจดั การขยะ 105 - 119 - การวิเคราะหก์ จิ กรรมการเรยี นรสู้ ู่หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 105 - ผงั มโนทัศนว์ ิเคราะหห์ ลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2551 106 - แผนการจัดการเรียนรู้ การบริหารจดั การขยะ 107 - 110 - ใบความรู้ การบรหิ ารจดั การขยะ 111 - 116 - แบบทดสอบ การบรหิ ารจัดการขยะ 117 – 118 - แบบประเมินความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ 119 ภาคผนวก 120 1. แผน่ พบั ฐานการเรยี นรู้ 2. คำสง่ั แต่งตัง้ คณะทำงาน และจัดทำแผนการจัดการเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ประจำฐานการเรยี นรู้) กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย พทุ ธศกั ราช 2564 3. คำสง่ั แตง่ ตั้งคณะทำงาน และครูผู้สอนประจำฐานการเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ประจำฐานการเรียนรู้) กศน.อำเภอแม่ลาว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย พุทธศกั ราช 2564 4. คณะผจู้ ดั ทำ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 1 การวเิ คราะห์กิจกรรมการเรยี นร้สู หู่ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ฐานการเรยี นรู้ การปลกู ผักปลอดสารพษิ เงอื่ นไขความรู้ 2 เง่ือนไข 1.มีความรู้วิธีการปลกู ผักสวนครัว 2.มีความรเู้ รอ่ื งฤดูกาลในการปลูกผกั แต่ละชนดิ เงอ่ื นไขคุณธรรม 3.รกู้ ลุ่มเป้าหมาย 1.มีความอดทน 4.มคี วามรู้เรอ่ื งงบประมาณ 2.มคี วามเพยี รพยายาม 3.มคี วามซ่ือสตั ย์ 5.มคี วามรู้เกี่ยวกับการใช้อปุ กรณก์ ารเกษตร 6.รู้เรื่องวสั ดทุ ีใ่ ช้ปลูกผักสวนครวั 7.รรู้ ะยะเวลาในการให้ผลผลติ ของพชื ผักแตล่ ะชนดิ 8.ร้วู ิธีการจดั จำหนา่ ยและการตลาด 9.รู้วิธีเกบ็ รกั ษาอปุ กรณ์ 10.ร้กู ารทำบญั ชรี ายรบั -รายจ่าย 11.รเู้ ร่อื งการพัฒนาผลติ ภณั ฑ/์ การเพิม่ ผลผลิต 3 หลักการ 1. พอประมาณ 2.ความมีเหตุผล 3.มีภมู ิคุ้มกันในตัวทีด่ ี 1. วสั ดุที่ใช้เหมาะสมในการปลูกผัก 1.การรกั ษาสภาพดนิ 1.มีการวางแผนในการทำปลกู ผัก 2. งบประมาณท่ใี ช้กบั การปลกู ผกั 2.การรกั ษาสง่ิ แวดล้อม 2.เพ่ิมความระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์ 3.เพ่อื ไวใ้ ชใ้ นครวั เรือน 3.มกี ารออมเพอ่ื ใช้จา่ ยในอนาคต 3. สถานทเ่ี หมาะสมในการปลูกผกั 4.การดูแลรักษาผลผลิตให้มีความ 4. ระยะเวลาเหมาะสมกบั การปลกู ผกั ปลอดภยั 4.มีการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้ในครั้ง 5. ตน้ ทนุ ในการปลกู ผัก 5.ความใส่ใจในทุกรายละเอียดทุก ต่อไป ขัน้ ตอน 5.มกี ารทำปุ๋ยหมกั ใชเ้ องเพือ่ ลดรายจา่ ย ชีวติ ที่มีความสมดุลและพรอ้ มรบั ตอ่ การเปล่ียนแปลงใน 4 มิติ วตั ถุ/เศรษฐกิจ ด้านสงั คม ดา้ นวฒั นธรรม ด้านส่งิ แวดลอ้ ม 1.เพิ่มรายได้ใหก้ ับตนเอง/ 1.เกิดการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 1.มกี ารนำภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ใน 1.การอนุรักษ์ และรกั ษา ครอบครัว 2.เกิดการแบง่ ปนั เร่อื งการปลกู ผักสวนครวั มาใช้ ส่งิ แวดล้อม 2.เพ่ือใช้บริโภคในครวั เรือน 3.มีการรักษาคุณภาพผลผลติ 2.การใชว้ สั ดุเหลือใชใ้ หเ้ กดิ 3.ลดรายจา่ ยใหก้ บั ครัวเรือน ท่จี ะไปสู่ผบู้ ริโภค ประโยชน์ 4.เพื่อลดตน้ ทนุ ในการผลติ 4.การเอาใจใสผ่ ลผลติ เสมอื น ให้คนในครอบครวั ได้บริโภค 5.มกี ารพฒั นาผลติ ภัณฑ์ใหม้ ี คณุ ภาพท่ีดี กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ ผงั มโนทศั นว์ ิเคราะห์ลกั สตู รฐานการเ หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับ สาระที่ 1. ทักษะการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาตอ รายวิชา ทกั ษะการเรยี นรู้ เรอื่ ง - การเรยี นรูด้ ้วยตวั เอง - การใช้แหล่งเรียนรู้ - การจดั การความรู้ - การคิดเป็น ฐานการเรยี สาระที่ 2. ความรพู้ ื้นฐาน การปลูกผกั ปลอ รายวิชา ภาษาไทย เร่ือง - การฟงั การดู การพูด การอ่าน การเขียน - ภาษาไทยกบั ช่องทางการประกอบอาชีพ รายวชิ า คณิศาสตร์ เร่ือง - จำนวน และการดำเนินงาน สาระท่ี 5. การพัฒ - ร้อยละ - สถิตแิ ละความน่าจะเปน็ รายวิชา การพฒั นา รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง เร่ือง - การพัฒนาตนเอง - สิง่ มีชวี ิตและสงิ่ แวดล้อม รายวิชา ศาสนา แล - กระบวนการดำรงชวี ิตของพชื เรือ่ ง - สารเคมกี ับชวี ิตและสิ่งแวดล้อม - ศาสนา วฒั นธรรม

จพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 2 เรียนรู้ การปลกู ผักปลอดสารพิษ บการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 2551 อนตน้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สาระท่ี 3. การประกอบอาชีพ รายวชิ า ช่องทางการเข้าส่อู าชพี เรือ่ ง - ช่องทางการเขา้ สู่อาชพี - ทักษะการประกอบอาชพี - พฒั นาอาชีพให้มีอยมู่ ีกิน ยนรู้ สาระที่ 4. ทักษะการดำเนนิ ชวี ติ อดสารพษิ รายวิชา เศรษฐกจิ พอเพยี ง เรอ่ื ง ฒนาสังคม - ความพอเพยี ง าตนเอง ชุมชน สงั คม - ชมุ ชนพอเพียง ง ชุมชน สังคม - การประกอบอาชีพตามหลักเศรษฐกิจ ละหน้าที่พลเมือง พอเพยี ง รายวชิ า สุขศกึ ษา พลศึกษา เรอื่ ง - อาหารและโภชนาการ - สารอาหาร ม ประเพณี

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ประจำฐานการเรียนร้)ู 1. ช่ือฐานการเรยี นรู้ การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ เวลา 3 ช่วั โมง 2. ชือ่ ผ้จู ดั ทำ นางศริ พิ ร เอย่ี มพร้อม ครอู าสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น 3. สาระสำคญั พชื ผกั เป็นพชื อาหารท่ีคนไทยนยิ มนำมาใชร้ บั ประทานกันมาก เนือ่ งจากมีคุณคา่ ทางอาหารทั้งวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสูง แต่ค่านิยมในการบริโภคผักนั้น มักจะเลือกบริโภคผักท่ี สวยงามไม่มีร่องรอยการทำลายของหนอนและแมลงศัตรูพืช จึงทำให้เกษตรกรที่ปลูกผักจะต้องใช้สารเคมี ป้องกันและกำจัดแมลงฉีดพ่นในปริมาณที่มาก เพื่อให้ได้ผักที่สวยงามตามความต้องการของตลาด เมื่อผู้ซ้ือ นำมาบริโภคแล้วอาจได้รับอันตรายจากสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผักน้ันได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกลา่ ว จึงควร หันมาทำการปลูกผักปลอดจากสารพิษ โดยนำเอาวิธีการป้องกันและกำจัดศตั รูหลายวิธมี าประยุกตใ์ ช้ร่วมกัน เป็นการทดแทนหรือลดปริมาณการใช้สารเคมีให้น้อยลง เพื่อความปลอดภัยของผู้ปลูก ผู้บริโภคและ สิง่ แวดลอ้ ม 4. วตั ถปุ ระสงค์ 4.1 วัตถปุ ระสงค์กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1.1 เพื่อให้ผเู้ รยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจขนั้ ตอนการปลูกผักปลอดสารพิษ 4.1.2 เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นมีทกั ษะในการปลูกผกั ปลอดสารพิษ 4.1.3 เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมที ักษะการกำจัดวชั พืชด้วยสมนุ ไพร 4.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องฐานการเรยี นรู้ 4.2.1 ใหผ้ เู้ รยี นเห็นตัวอยา่ งการปลกู ผักปลอดสารพษิ 4.2.2 ให้ผ้เู รียนได้รบั ความรูเ้ กี่ยวกบั การปลูกผกั ปลอดสารพิษอยา่ งถกู วิธี 4.2.3 ใหผ้ ู้เรียนไดร้ บั ความรู้เร่อื งการกำจดั วัชพชื ด้วยสมุนไพร 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 แนะนำวิทยากรตัวและพน้ื ท่กี ารอบรม 5.2 แจ้งขอบเขตเนื้อหากจิ กรรมการอบรมแกผ่ ู้เรยี น 5.3 สาธิตการทำการปลกู ผกั ปลอดสารพษิ และ การกำจดั วชั พชื ด้วยสมนุ ไพร 5.4 แบง่ กล่มุ ผู้เข้ารับการอบรมฝึกปฏบิ ตั กิ ารปลกู ผกั ปลอดสารพิษ 5.5 แลกเปล่ียนเรยี นรู้ สอบถาม และใหข้ ้อเสนอแนะ 6. สอื่ / อุปกรณ์ 6.1 แผ่นพบั องคค์ วามรูก้ ารปลูกผกั ปลอดสารพษิ 6.2 กลา้ พนั ธุ์ผักทเ่ี พาะไว้ ไดแ้ ก่ ผักคะนา้ , แตงกวา, ถว่ั ฝักยาว, มะเขือ และผกั สลัด 6.3 ดิน 6.4 ขว้ี ัวแหง้ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 4 6.5 แกลบ 6.6 ถาดเพาะกล้า 6.4 ดนิ ผสมสำหรับเพาะกล้า 6.8 เมลด็ พันธ์ผัก 6.9 สมุนไพรตา่ งๆ 7. ความรู้ทีไ่ ดร้ บั จากฐานการเรยี นรู้ 7.1 ศาสตรพ์ ระราชา 7.1.1 พออย่พู อกิน 7.1.2 จากงา่ ยไปหายาก 7.1.3 เศรษฐกจิ พอเพยี ง 7.1.4 พงึ พาตนเอง 7.2 ศาสตร์ทอ้ งถน่ิ 7.2.1 การปลูกผกั ปลอดสารพษิ พื้นบ้าน 7.2.2 การกำจัดวชั พืชดว้ ยสมุนไพร 7.3 ศาสตร์สากล 7.3.1 การปลูกผักปลอดสารพษิ โดยใช้พลาสตกิ คลมุ ดิน 7.3.1 วธิ กี ารการปลูกผักปลอดสารพษิ ในโรงเรอื นม้งุ ตาขา่ ย 8. ความสอดคล้องกบั หลักการทรงงาน 8.1 พออยพู่ อกิน 8.2 จากง่ายไปหายาก 8.3 พงึ่ พาตนเอง 8.4 ความเพยี ร กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 5 9. ความสอดคล้องกบั หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 : 3 : 4) 2 เง่ือนไข เงือ่ นไขความรู้ เง่อื นไขคณุ ธรรม - ธรรมชาติของการปลกู ผักปลอดสารพษิ - ความอดทน - วสั ดทุ ใ่ี ช้และวิธกี ารปลกู ผักปลอดสารพิษ - ความพากเพยี ร - วิธกี ารกำจัดศัตรพู ชื โดยใช้สมุนไพรพื้นบ้าน - ความซือ่ สตั ย์ - การเจรญิ เติบโตของพชื ผักแตล่ ะชนิด(ฤดูกาล) - ขยนั พอประมาณ 3 หลกั การ มีภูมคิ ้มุ กันในตัวที่ดี - ฤดกู าลของการเจรญิ เติบโตของ มเี หตุผล - มีการวางแผนก่อนการปลูกผัก ผกั แต่ละชนิด ปลอดสารพษิ ตามขน้ั ตอน - ใช้สมนุ ไพรพ้ืนบ้านมากำจัด - เพือ่ ใช้บรโิ ภคภายในครัวเรอื น ศตั รพู ืช - เพ่ือเป็นรายไดเ้ สรมิ ของ - แบง่ งานเหมาะสมกบั ครอบครัว ความสามารถของแตล่ ะบุคล ดา้ น 4 ชวี ิตที่มีความสมดลุ และพร้อมรับต่อการเปลยี่ นแปลงใน 4 มติ ิ ดา้ นวตั ถุ ด้านสงั คม ดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม ด้านวฒั นธรรม ความรู้ ปลกู ผักโดยใช้วสั ดุ รับผิดชอบตอ่ สงั คม ไม่ใช้สารเคมีแตใ่ ช้ ท้องถิ่นหรือเศษวัสดุ สมุนไพรพื้นบา้ นแทน เหลอื ใช้ต่างๆ การกำจัดศตั รพู ืช ทกั ษะ มีรายได้จากการปลูก การทำงานเปน็ หมู่ ผักปลอดสารพิษ ใน คณะ แตล่ ะฤดูกาล เจตคติ นำเศษวัสดุเหลือใช้ ความภาคภมู ใิ จในการ ใชว้ ัสดจุ ากธรรมชาติ นำไปประกอบเป็น และสมุนไพรพื้นบ้าน ทำงานรว่ มกับหมู่ อาหารประจำพื้นเมือง มากำจัดศัตรูพืชของ คณะ การปลูกผักปลอด สารพษิ 10. การนำไปประยกุ ต์ใช้ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 6 10.1 การประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวัน 10.1.1 การเลือกเพาะปลูกพืชผักในฤดกู าลท่ีแตกตา่ งกนั 10.1.2 การจดั การ การวางแผน การปลกู ผักปลอดสารพษิ 10.1.3 การใช้สมนุ ไพรกำจัดศตั รพู ืช 10.2 การประยกุ ตใ์ ชใ้ นภารกจิ ตามหนา้ ที่ 10.2.1 การวางแผนการทำงานรอบคอบ 10.2.2 การมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม 11. การประเมินผลการเรียนรู้ 11.1 สังเกตความสนใจ และการซกั ถาม 11.2 แบบบันทกึ การเรียนรู้/โครงงาน 11.3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและแบบทดสอบหลงั เรียน 11.4 แบบประเมินความพึงพอใจการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและนำไปจัดทำโครงงานในรายวิชา วิทยาศาสตร์ และวชิ าโครงงานเพอ่ื พฒั นาทักษะการเรยี นรู้ ได้ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 7 ใบความรฐู้ านการเรยี นรู้ การปลกู ผักปลอดสารพษิ การจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ พืชผักเป็นพืชอาหารที่คนไทยนิยมนํามาใช้รับประทานกันมาก เนื่องจากมีคุณค่าทางอาการทั้ง วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชนต่อร่างกายสูง แต่ค่านิยมในการ บริโภคผักนั้น มักจะเลือก บริโภคผักที่สวยงามไม่มีร่องรอยการทำลายของหนอนและแมลงศัตรูพืช จึงทำให้ เกษตรกรที่ปลูกผัก จะต้องใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดแมลงฉีดพ่นในปริมาณที่มาก เพื่อให้ได้ผักที่สวยงาม ตามความ ต้องการของตลาด เมื่อผู้ซ้ือนํามาบริโภคแล้วอาจได้รับอันตรายจากสารพิษที่ตกค้างอยูใ่ นพืชผักนัน้ ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว เกษตรกรจึงควรหันมา ทำการปลูกผักปลอกภัยจากสารพิษ โดยนําเอา วิธีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชหลายวธิ ีมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เปน็ การทดแทนหรือลดปริมาณการใช้ สารเคมี ให้น้อยลง เพือ่ ความปลอดภัยของเกษตรกร ผ้บู รโิ ภคและส่ิงแวดล้อม ความหมายของผักปลอดภัยจากสารพิษ ผักปลอดภัยจากสารพิษ หมายถึง ผลผลิตพืชผักที่ไม่มี สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ หรือมีตกค้างอยู่ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดไว้ ในประกาศกระทรวง สาธารณสุข ฉบับที่ 163 พ.ศ. 2538 ลงวันที่ 28 เมษายน 2538 เรื่อง อาหาร ท่มี ีสารพิษตกค้าง ข้อดีของการปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ 1. ทำให้ได้พืชผักที่มคี ณุ ภาพ ไม่มสี ารพษิ ตกคา้ ง เกดิ ความปลอดภัยแก่ผบู้ ริโภค 2. ช่วยให้เกษตรกรผูป้ ลูกผักมสี ุขภาพอนามัยดีขึ้นเนื่องจากไม่มีการฉดี พ่นสารเคมีป้องกัน และกำจัด ศตั รพู ืช ทำให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารพิษเหล่าน้ดี ว้ ย 3. ลดต้นทนุ การผลติ ของเกษตรกรด้านคา่ ใช้จา่ ยในการซอ้ื สารเคมีป้องกันและกำจัดศตั รูพชื 4. ลดปรมิ าณการนาํ เขา้ สารเคมีป้องกันและกำจดั ศัตรพู ชื 5. เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ ทำให้สามารถขายผลผลิต ได้ใน ราคาสงู ขน้ึ 6. ลดปริมาณสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่จะปนเปื้อนเข้าไปในอากาศและน้ำ ซึ่งเป็น การ อนุรกั ษทรพั ยากรธรรมชาติ และลดมลพษิ ของสิ่งแวดล้อมได้ทางหนึ่ง วิธีการผลิตผกั ปลอกภยั จากสารพิษ ในการปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษนั้น จะใช้หลักการปลูกพืชผักโดยการใช้สารเคมีในการผลิต ให้ น้อยที่สุด หรือใช้ตามความจำเป็นและจะใช้หลัก “การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน หรือไอพี เอ็ม” แทนแต่การที่จะป้องกันและกำจัดศัตรูพืชให้ได้ผลนั้นจะต้องเลือกวิธีที่ประหยัดเหมาะสม และมี ประสิทธภิ าพซงึ่ ผ้ปู ลูกจะ ตอ้ งเขา้ ใจเรื่องตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ดังน้ี การปลูกผักปลอดภัยจากสารพษิ 1. สาเหตกุ ารระบาดของศตั รูพชื 1.1 ศตั รูพชื เคลือ่ นย้ายจากแหลง่ หน่ึงไปยังอกี แหลง่ หนง่ึ ทม่ี ีความเหมาะสมมากกว่า ทำให้มี การขยายพนั ธุ์และระบาดทำความเสยี หายเพิม่ ข้ึน กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 8 1.2 สภาพแวดล้อมและสภาพทางนิเวศน์เปล่ียนแปลงไปทำให้ศตั รูพืชมีการขยายพนั ธุ์ได้ดีข้ึน เพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือมีผลตการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความต้านทาน และมีประสิทธิภาพในการเข้า ทำลาย มากขึน้ เช่น การกำจัดงู ทำให้หนรู ะบาด การใช้สารเคมี ทำให้แมลงท่ีกนิ แมลงศัตรพู ืชตาย เป็นต้น 1.3 สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ความต้องการ ผลติ ในการบรโิ ภคเปลี่ยนไป ทำให้ความต้องการผลผลติ ในการบริโภคเปล่ียนไป ทำให้ความต้องการผล ผลิตท่ี แตกต่างกันไปตามความต้องการของบริโภค ทำให้บางครั้งร่องรอยการทำลายของศัตรูพืชเพียงจดุ เดียว ก็ถือ วา่ ผลผลติ ตกเกรดไมไ่ ด้มาตรฐาน มีการระบาดของศตั รูพืชได้ 2. การควบคมุ ศตั รพู ืชให้ประสบผลสำเร็จ มีหลกั การงา่ ยๆ 2.1 ต้องป้องกันไม่ให้เกิดโรคในแปลงปลูก เช่น การใช้พันธุ์ที่ปราศจากโรคและแมลง การไม่ นําชนิ้ สว่ นของพชื ท่ีมีโรคแมลงเขา้ มาในแปลงปลูก เป็นตน้ 2.2 ถ้ามศี ัตรูพืชเข้ามาในแปลงปลกู หรือแสดงอาการเป็นโรคแลว้ ต้องยับยั้งการแพร่ระบาด 2.3 และถ้ามีการระบาดแล้วต้องกำจัดให้หมดไป อย่างไรก็ตามสาเหตุสำคัญท่ีก่อให้เกิดการ ระบาดของศัตรูพืชในแปลงปลูก คอื ตวั เกษตรกรเอง ทลี่ ะเลยการควบคุมดูแลทำให้ศัตรูพชื สะสมในแปลงปลูก จนถึงระดบั ท่ไี ม่สามารถควบคุมกำจดั ได้ 3. วิธีการควบคุมศตั รพู ชื อย่างมปี ระสิทธภิ าพ มขี ้นั ตอนดังนี้ 3.1 ตอ้ งศกึ ษาชนดิ ของศตั รพู ืชในแปลงปลูกน้ันๆ กอ่ น 3.2 สาํ รวจสถานการณศ์ ัตรพู ชื ในแปลงปลกู 3.3 พิจารณาแนวโน้มการระบาดของศัตรูพชื แลว้ จึงหาแนวทางป้องกันและกำจัดตอ่ ไป 3.4 เมื่อควบคุมการระบาดให้อยู่ในระดบั ทีไ่ ม่ก่อให้เกดิ ความเสียหายมากขึ้น แล้วให้เลอื กใช้ วธิ ี การท่เี หมาะสมเพอ่ื ลดปริมาณ หรือรักษาระดบั การเข้าทำลายให้คงทหี่ รือลดลง 3.5 ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ศัตรูพืชด้วยวิธการอื่นๆ ได้มีความจำเป็นที่จะ ตอ้ ง ใช้สารเคมีให้เลอื กใช้สารเคมีท่ีถูกต้องเหมาะสมกับชนดิ ศตั รูพืชและการระบาดตามคำแนะนำวิธกี ารใช้ ใน ฉลาก 4. ผลดีของการปอ้ งกนั และกำจดั ศัตรพู ชื โดยวธิ ผี สมผสาน 4.1 ลดปริมาณศัตรพู ชื ให้ตาํ่ กว่าระดับท่จี ะกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายแกพ่ ชื 4.2 ลดปรมิ าณการใช้สารเคมีปอ้ งกนั และกำจดั ศัตรูพืช 4.3 มีความปลอดภัยต่อสุขภาพของเกษตรกรผู้บริโภครวมไปถึงสภาพแวดล้อม การปลูกผัก ปลอดภยั จากสารพิษ 5. วธิ ีการผสมผสานในการควบคุมศตั รูพชื จะเป็นการนําเอาวิธีการป้องกันและกำจัดศตั รู พชื หลายวิธี มาประยุกตใ์ ช้รว่ มกนั โดยวิธกี ารปลูกผักปลอดภยั จากสารพิษนม้ี ีข้อแนะนาํ ให้เกษตรกร เลือกใช้วิธีการป้องกัน และกำจดั ศตั รูพืช ทดแทนการใช้สารเคมดี งั นี้ 5.1 การเตรยี มแปลงปลกู 5.2 การเตรยี มเมลด็ พนั ธุ์ 5.3 การปลูกและการดแู ล 5.4 การให้ธาตอุ าหารเสริม 5.5 การใช้กบั กัดกาวเหนยี ว 5.6 การใช้กบั ดักแสงไฟ 5.7 การใช้พลาสตกิ หรือฟางขา้ วคลุมแปลงปลกู 5.8 การปลกู ผักในโรงเรือนมุ้งตาขา่ ยไนลอ่ น กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 9 5.9 การควบคุมโดยชวี วิธี 5.10 การใช้สารสกัดจากพืช 5.11 การใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช (กรณีที่ใช้วิธีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ข้างตน้ ไม่ไดผ้ ล) การเตรียมแปลงปลกู เนื่องจากเมลด็ พืชผักส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก มีระบบรากละเอียดอ่อน ถ้าเกษตรกรเตรยี มดินไม่ดี ก็อาจ มีผลกระทบต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญเติบโตของพืชผักได้ ดังนั้น ก่อนการปลูกพืชควรมี การปรับ สภาพดินให้เหมาะสมเสียก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยมีการปลูกผักหรือพืชชนิดอื่นโดยการ ปล่อยน้ำให้ท่วม แปลงแล้วสูบออก เพื่อให้น้ำชะล้างสารเคมีและกำจัดแมลงต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในดิน แล้ว จึงทำการไถพลิก หนาดินตากแดดไว้ เพื่อทำลายเชื้อโรคและแมลงศัตรูที่อาศัยอยู่ในดินอีกครั้ง จากนั้น เกษตรกรควรจะปรับ สภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้อยู่ในสภาพที่เป็นกลาง โดยใช้ปูนขาว ปูนมาร์ล หรือ แร่โดโลไมท์ อัตรา 200-300 กิโลกรัม/ไร่ แล้วรดน้ำตามหลังจากการใส่ปูนขาวเพื่อ ปรับสภาพดินท่ีเป็นกรดให้เป็นกลาง นอกจากนี้ควรเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินด้วยการใส่ปุ๋ยยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 1,000- 2,000 กโิ ลกรมั /ไร่ ซงึ่ จะช่วยให้ต้นพชื ผกั มีความแข็งแรง สามารถตา้ นทานตอ่ การเขา้ ทำลายของโรคและแมลง ได้ โรยปูนขาวเพื่อปรบั สภาพดนิ การปลกู ผักปลอดภัยจากสารพิษ การเตรียมเมล็ดพันธ์ุ กอ่ นนําเมล็ดพนั ธุ์ผักไปปลูกในแปลงปลูกหรือแปลงกล้าเกษตรกรควรทำความสะอาดเมล็ด พันธุ์ก่อน ตามขั้นตอนดงั นี้ 1. คดั แยกเมลด็ พนั ธุ์ โดยการคดั เมลด็ ที่เสีย เมล็ดวชั พชื ทม่ี ีอยปู่ ะปน และสงิ่ เจอื ปนต่างๆ ออก 2. แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น ที่อุณหภูมิ 50-55 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 15-30 นาทีจะช่วย ลดปริมาณ เชอื้ โรคท่ีตดิ มากบั เมล็ดพันธุ์และยงั กระตนุ้ การงอกของเมล็ดอีกดว้ ย 3. ในพืน้ ท่ีท่ีมกี ารระบาดของโรครานำ้ คา้ ง และโรคใบจุดควรคลุ๊กเมลด็ พันธ์ุด้วยสารเคมี เช่น เมทาแล็กซนิ 35 เปอร์เซน็ ต์ SD (เอพรอน) และไอโปรไดโอน (รอฟรลั ) อัตรา 10 กรมั / เมล็ด พันธุ์ 1 กโิ ลกรมั การปลกู และการดูแล การเลือกวธิ กี ารปลกู ระยะปลูกเป็นเท่าใดนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผักที่เกษตรกรเลือกปลูก แต่มี ข้อแนะนํา คือ เกษตรกรควรปลูกผักให้มีระยะห่างพอสมควร อย่าให้แน่นจนเกินไป เพื่อให้มีการ ระบายอากาศที่ดีเป็นการ ปรับสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค นอกจากนี้ควรหมั่น ตรวจแปลงอยู่เสมอ โดยอาจ เลือกสํารวจเป็นจุดๆ ประมาณ 10-20 จุด/ไร่ ถ้าพบว่ามีการระบาดของ โรคและแมลงในระดับที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่พชื ผักน้ัน ก็ควรดำเนินการกำจัดโรคและแมลงที่พบ ทันที การให้ธาตุอาหารเสริมแก่พืช จะมี ความจำเป็นต่อพืชผักในบางชนิดเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความต้านทานโรคให้แก่พืชนั้น เช่น พืชในตระกูล กะหล่ำจะต้องการธาตุโบรอนเพ่ือสรา้ งความต้านทานโรคไส้กลวงดำ มะเขอื เทศจะต้องการ ธาตุแคลเซียมเพื่อ สรา้ งความตานทานโรคผลเน่า เปน็ ตน้ การสุมตรวจนับโรคและแมลง การปลกู ผักปลอดภยั จากสารพษิ การใช้กับดักกาวเหนยี ว กบั ดกั กาวเหนียวนม้ี ีคุณสมบัติไม่มีสไี ม่มีกล่นิ และไม่มพี ษิ ต่อสิ่งแวดล้อม จะใช้ในการควบคุม ปริมาณ ตัวเต็มวัยของแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น เพลี้ยไฟ แมลงวันเจาะผล แมลงวันของหนอนชอน ใบ ผีเสื้อ กลางวันชนิดต่างๆ ท้ังของหนอนคืบและหนอนใย เป็นต้น โดยทวั่ ไปมกั จะนิยมใช้กาวเหนียวมา ทาบนวัสดุท่ีมี สีเหลือง เช่น แผ่นพลาสติก หรือกระป๋องน้ำมันเครื่อง เนื่องจากแมลงมักชอบสีเหลืองโดย กับดักนี้จะใช้ล่อ แมลงให้บินมาติดกาวเหนียวที่ทาไว้สำหรับการติดตั้งนั้น ควรติดตั้งกับดักในแปลงผักให้ สูงประมาณ 30 กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 10 เซนติเมตร หรอื สูงกว่ายอดต้นผกั เมอ่ื เจริญเติบโตเตม็ ที่แล้ว โดยจะใช้กับดกั ประมาณ 60-80 กับดัก/พนื้ ที่ 1 ไร่ ในชวงทีม่ ีการระบาดมาก (ฤดรู ้อน, ฤดูฝน) สว่ นในฤดูหนาวมีการระบาด น้อย อาจใช้เพียง 15-20 กบั ดกั /ไร่ วธิ กี ารทำกาวเหนยี ว วัสดทุ ี่ใช้ประกอบด้วย 1. น้ำมันละหงุ่ 550 ซซี ี 2. นำ้ มันยางสน 380 กรัม 3. ไขคาร์นวั วา (Canova wax) 60 กรมั ขั้นแรกเคี่ยวน้ำมันระหุ่งจนเดือดแล้วจึงเติมน้ำมันยางสนและไขคาร์นัววาลงไป คนช้าๆ ให้เข้ากันดี แล้วจงึ ยกออกจากเตา ตง้ั ทิ้งไวใ้ ห้เย็นกอ่ นนาํ ไปใช้เป็นกบั ดักกาวเหนยี วตอ่ ไป การใช้กับดักแสงไฟ เปน็ การใช้แสงไฟจากหลอดฟลอู อร์เรสเซนต์ (หลอดนอี อน) หรอื หลอดไฟแบลค็ ไลท์ ล่อแมลง ในเวลา กลางคืน เช่น ผีเสื้อ หนอน กระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก ให้มาเลนไฟและตกลงในภาชนะที่บรรจุ น้ำมันเครื่อง หรอื นำ้ ที่รองรบั อยูด่ า้ นล้าง การติดต้ังกบั ดักและแสงไฟจะติดตั้งประมาณ 2 จดุ /พื้นที่ 1 ไร่ โดยตดิ ต้ังให้สูงจาก พื้นดินประมาณ 150 เซนติเมตร และให้ภาชนะที่รองรับอยู่ห่างจากหลอดไฟ 30 เซนติเมตรและควรปิดส่วน อ่ืนๆ ที่จะทำให้แสงสว่างกระจายเป็นบริเวณกว้างเพื่อล่อจับแมลงเฉพาะ ในบริเวณแปลง มิใช่ล่อแมลงจากท่ี อื่นให้เขา้ มาในแปลง กับดักกาวเหนียว การปลกู ผักปลอดภัยจากสารพิษ การใช้พลาสตกิ หรอื ฟางข้าวคลมุ แปลงปลูก เป็นการควบคุมปริมาณวัชพืชและเก็บรักษาความชื้นในดินไว้ได้นาน ทำให้ประหยัดน้ำที่ใช้รด แปลง ผัก การใช้พลาสติกหรือฟางข้าวคลุมแปลงปลูกนี้ ควรใช้กับพืชผักที่มีระยะปลูกแน่นอน ในแปลง ที่พบการ ระบาดของโรคท่มี เี ชอ้ื ไวรสั เป็นสาเหตุ และมีเพลยี้ อ่อนหรือแมลงเป็นพาหะ แนะนําใหใ้ ช้ พลาสติกทมี่ สี ีเทา-ดำ โดยให้ด้านทีม่ สี เี ทาอยดู่ า้ นบน เน่ืองจากสีเทาจะทำให้เกิดจากสะทอ้ นแสง จงึ ชว่ ยไลแ่ มลงพาหนะได้ การปลูกผกั ในโรงเรือนม้งุ ตาข่ายไนล่อน พน้ื ที่ ที่จะใช้ปลกู ผกั ในโรงเรอื น ควรเปน็ พ้ืนท่ที ีส่ ามารถปลกู ผักได้อย่างต่อเนื่อง ไม่นอ้ ยกว่า 3 ปี เพื่อ จะได้คุ้มค่าต่อการสร้างโรงเรือนและการใช้ตาข่ายไนล่อน โครงสร้างของโรงเรือนอาจทำด้วย เหล็กหรือก็ได้ ขึ้นอยู่กับเกษตรกรว่าต้องการจะใช้พื้นที่นี้ปลูกผักนานเท่าใด ส่วนตาข่ายท่ีใช้นั้นจะใช้ มุ้งตาข่ายไนล่อนที่มี ขนาด 16 ช่องต่อความยาว 1 นว้ิ โดยมุ้งสีขาวมีความเหมาะสมกับการปลูกผัก เนอื่ งจากแสงผ่านได้เกือบปกติ สว่ นมุ้งสีฟา้ ไมค่ ่อยเหมาะสม เนือ่ งจากแสงผ่านไดเ้ พียงร้อยละ 70 เทา่ นั้น การปลูกผักในโรงเรือนมุ้งตาข่ายนี้ จะไม่สามารถป้องกันแมลงศัตรูพืชผักได้ทุกชนิด มีเพียง หนอน ผีเสื้อและดวงหมัดผัก เท่านั้นที่สามารถป้องกันได้ ส่วนเพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ หนอนแมลงวันชอบ ใบแมลงหวี่ ขาวและไร ซึ่งเป็นแมลงขนาดเล็กจะไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าหากใช้มุ้งไน ล่อนที่มีความถี่ เพมิ่ ขน้ึ เปน็ 24 และ 32 ชอ่ งต่อนว้ิ แล้วจะป้องกนั ได้แตอ่ าจมีปญหาเร่ืองอณุ หภมู ิและ ความช้นื ภายในม้งุ ข้อควรระวังสำหรับการปลูกผักในโรงเรอื นมุง้ ตาขา่ ย 1. อย่าให้มีหนอนผีเสื้อหรือหนอนต่างๆ หลุดเข้าไปในโรงเรือนได้เพราะหนอนต่างๆ เหล่านี้ จะ สามารถขยายพนั ธุ์ไดอ้ ย่างรวดเร็ว 2. ในการยา้ ยกลา้ จะตอ้ งตรวจดูกลา้ ผัก อย่าให้มไี ขต่ วั หนอนหรือดักแด้ตดิ เข้าไปในโรงเรือน 3. ควรดูแลอย่าให้มุ้งตาข่ายชํารุดฉีดขาด เพราะอาจทำให้ดวงหมัดผักเล็ดลอดเข้าไปได้อาจจะ มีการ รองดว้ ยผา้ หรอื แผ่นยางบริเวณที่มกี ารเสียดสีระหว่างตาขา่ ยกบั โครงสร้างเพื่อป้องกนั การฉีดขาด 4. มงุ้ ตาขา่ ยจะตอ้ งปิดมดิ ชิดตลอดเวลา และควรทำประตเู ปน็ แบบสองชั้น กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 11 5.การปลกู ผักในโรงเรอื นม้งุ ตาขา่ ยไม่สามารถปอ้ งกนั แมลงขนาดเล็กได้ดงั นั้น จึงอาจจะต้อง ใช้วธิ ีการ กำจดั ศัตรพู ชื อื่นๆ ร่วมดว้ ย 6. ผักที่ปลูกได้ในมุ้งตาข่ายไนล่อน ประเภทกินใบ ได้แก่ คะน้า ผักกาดขาว กวางตุ้ง ฮองเต้ ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง ขึ้นฉ่าย เป็นต้น ประเภทกินดอก ได้แก่ กะหล่ำดอก บล็อกโคลี่ เป็นต้น ประเภทกินผักและผล ได้แก่ ถวั่ ฝักยาว มะเขือเปราะ ถ่ัวลันเตา เปน็ ตน้ การควบคุมโดยชวี วิธี เป็นการใช้สิ่งมีชีวิตควบคุมศัตรูพืช ซึ่งได้แก่ แมลง ตัวห้ำ ตัวเบียน ที่ทำลายแมลงศัตรูพืชชนิด อ่ืน หรืออาจใช้สิง่ มีชวี ิตเล็กๆ เช่น เชื้อบักเตรีเชอ้ื ไวรสั เชอ้ื รา ไส้เดือนฝอย เปน็ ต้น ในการควบคุมซึ่งมี รายละเอียด ดังน้ี เชื้อบักเตรี ที่นิยมใช้ในการควบคุมแมลง คือ เชื้อบีที (BT) โดยแมลงที่ได้รับเชื้อบักเตรีชนิดนี้ เข้าไปแล้ว น้ำย่อย ในลําไส้ของแมลงจะละลายผลึกของเชื้อบักเตรี ทำให้เกิดสารพิษทำลายระบบย่อย อาหารและอวัยวะของ แมลง ทำให้ขากรรไกรแขง็ กินอาหารไมไ่ ด้เคลอ่ื นไหวชาลง และตายไปในท่ีสดุ เชอื้ บกั เตรีท่ีมขี ายเปน็ การคาจะมี 2 กลมุ คือ 1. Kurstaki ไดแ้ ก่ แบคโทรฟนเอชพี ดบั เบ้ลิ ยพู ี, เซ็นทารยี่ ูดจี ี มีประสทิ ธภิ าพในการกำจัด หนอนใน ผัก หนอนกระทู้หอม และหนอนคืบกะหลํา่ 2. Aizawai ได้แก่ ฟลอร์แบค เอชพี, ฟลอร์แบค เอฟซี, ธูรีไซด์ เอชพีมีประสิทธิภาพในการ กำจัด หนอนใยผัก และหนอนคบื กะหลา่ํ เท่าน้ัน ดังนั้น การที่จะใช้เชื้อบักเตรีให้ได้ผล ควรเลือกชนิดของเชื่อให้ตรงกับแมลงศัตรู และควรฉีด พ่นเมื่อ หนอนยงั เปน็ ตวั ออ่ นอยู่ หลกี เลีย่ งแสงในขณะฉดี พ่น และไมค่ วรให้นำ้ หลังจากฉดี พ่นเชื้อบักเตรี แลว้ เชือ้ ไวรัส เชื้อไวรัสที่ใช้ในการควบคุม คือ เอ็นพีวี (NPV) โดยใช้ในการกำจัดหนอนหลอดหอมหรือหนอน หนัง เหนยี ว ซงึ่ เชื้อไวรัสชนิดนจ้ี ะเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ของร่างกาย ทำให้หนอนลดการกนิ อาหาร เคลื่อนไหวชา ลาํ ตวั มสี ซี ดี ลง มจี ดุ สีขุ่นหรอื สม แล้วจะใช้ขาเทยี มเกาะทตี่ ้นพืชห้อยหัวลงมาตายในท่สี ุด เช้ือรา ท่ีใช้ในการควบคุม คือ ไตรโครเดอร์มาจะควบคุมเชื้อสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า เน่าคอดิน ของ มะเขือเทศและผกั กาดหวั โดยจะใช้เชอ้ื ราผสมกับรำข้าวและปุ๋ยหมกั ในอตั รา 1:10:40 แล้วใช้รองก้นหลมุ หรือ โรยรอบโคนต้น ไสเ้ ดือนฝอย จะช่วยควบคมุ ดว้ งหมดั ผัก โดยชอนไชเขา้ สู่ระบบเลือดหรือกระเพาะอาหาร เมือ่ เข้าไปแล้วจะถกู ยอ่ ย ทำลาย จากนั้นจะปลดปล่อยเชื้อบกั เตรีท่ีเปน็ อันตรายต่อแมลงออกมา ทำให้แมลงตายในทีส่ ุด การใช้ไส้เดือน ฝอยนั้น เกษตรกรควรเก็บรักษาไว้ในที่เยน็ และใช้ไส้เดือนฝอยในการควบคุมหลงั จาก การให้น้ำแก่ตน้ พชื ชวง เวลาเยน็ ๆ เนอ่ื งจากไส้เดอื นฝอยจะไม่ทนทานต่อสภาพท่ีแห้งแล้ง หรือถกู แสง แดด กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 12 การใชส้ ารสกัดจากพชื พืชที่นิยมนำมาใช้สกัดเป็นสารควบคุมโรคและแมลง คือ สะเดา เนื่องจากในสะเดามีสาร อะซาดิแร คติน (Azadirachtin) ซ่งึ มีคุณสมบัติช่วยในการปอ้ งกนั และกำจัดแมลงได้โดย - สามารถใช้ฆ่าแมลงได้บางชนดิ - ใช้เปน็ สารไล่แมลง - ทำให้แมลงไมก่ นิ อาหาร - ทำให้การเจริญเตบิ โตของแมลงผิดปกติ - ยับยงั้ การเจรญิ เติบโตของแมลง - ยับย้ังการวางไขแ่ ละการลอกคราบของแมลง - เปน็ พิษต่อไขข่ องแมลง ทำให้ไขไ่ ม่ฟกั - ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ในระบบยอ่ ยอาหารของแมลง วิธีการใช้ คือ นําเอาผลสะเดาหรือสะเดาที่บดแล้ว 1 กิโลกรัม แช่ในน้ำ 20 ลิตร ทิ้งค้างคืนไว้ 1 คืน แต่ถ้าเกษตรกรมีเครื่องกวนส่วนผสมดังกล่าว ก็จะลดเวลาเหลือเพียง 3-4 ชั่วโมง จากนั้นกรอง เอาแต่น้ำมา ผสมด้วยสารจับใบประมาณ 1 ชอนโต๊ะ แล้วนำไปรดพืชผักทันทีส่วนกากของสะเดาที่เหลือ ให้นําไปโรยโคน ต้นเพอื่ ปรบั ปรุงสภาพดิน และกำจัดแมลงในดินไดอ้ ีกด้วย ข้อควรระวัง พืชบางชนิดเมื่อได้รับสารน้ีแล้วอาจเกิดอาการใบไหม้เห่ียวย่นหรือต้นแคระ แกร็น ดังน้ี เมอื่ พบอาการต่างๆ เหล่านก้ี ค็ วรจะงดใช้สารสกัดจากสะเดาทันที ชนิดของแมลงท่ีสามารถกำจัดไดด้ ้วยสะเดา 1. ชนดิ ที่ใช้แล้วได้ผลดี ได้แก่ หนอนใยผกั หนอนหนังเหนียว หนอนกระทู้ชนดิ ต่างๆ หนอน กัดกินใบ หนอนเจาะยอด หนอนชอนใบ หนอนม้วนใบ หนอนหัวกระโหลก 2. ชนิดท่ีใช้แล้วได้ผลปานกลาง ได้แก่ เพลี้ยจักจั่น หนอนเจาะ สมอฝ้าย หนอนต้นกล้าถั่ว แมลงหวี่ ขาว แมลงวันทอง เพลยี้ ไกแ่ จ้เพลยี้ อ่อน 3. ชนิดท่ีใชแ้ ลว้ ได้ผลน้อย ไดแ้ ก่ หนอนเจาะฝักถัว่ เพล้ียไฟ ไรแดง มวนและดวงชนิดตา่ งๆ พืชผักที่ใช้สารสกัดจากสะเดาได้ผล ได้แก่ ผักคะน้า กวาง ผักกาดหอม กะหล่ำปลีกะหล่ำดอก แตงกวา แตงโม แตงเทศ มะเขือเทศ มะเขือยาว ไกฝ่ รั่ง ขา้ วโพดอ่อน พรกิ ข้ีหนู ตำลึง มะนาว มะกรดู การใช้สารแคมีป้องกันและกำจดั ศตั รูพชื จากขอ้ มลู ที่ไดก้ ลา่ วมาแล้วข้างตน้ ในการปฏบิ ัติจริงของเกษตรกรนน้ั เกษตรกรต้องหมน่ั ตรวจ แปลง ปลูกพืชของตนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการพยากรณ์สถานการณ์ของศัตรูพืชในแปลงของตน เมื่อ ทราบ สถานการณ์แล้วจึงพิจารณาเลือกใช้วิธีการป้องกันและกำจัดที่เหมาะสม แต่ในกรณีที่ไม่สามารถ ควบคุม หรือไม่มีวิธีการควบคุมใดที่ใช้ได้ผลแล้ว เกษตรกรอาจใช้สารเคมีในการควบคุมศัตรูพืชนั้นๆ ได้ โดยพิจารณา จาก 1. เปน็ สารเคมที เ่ี หมาะสมกบั ศตั รูพืชชนิดนัน้ 2. สารเคมีนนั้ สลายตวั ได้เร็ว 3. ใช้ในอตั ราทเ่ี หมาะสมตามคำแนะนาํ 4. เว้นระยะการเกบ็ เกีย่ วผลผลติ ตามคำแนะนํา ทั้งนี้เพื่อไม่ก่อให้เกิดอันตราย หรือมีสารพิษตกค้างในพืชผักน้ัน และมีความปลอดภัยต่อ ผู้บริโภคอีก ดว้ ย กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 13 แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรยี น การจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ฐานการเรียนรู้ การปลกู ผักปลอดสารพิษ ................................................................... จงเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียว (10 ข้อ 10 คะแนน) 1. ทำไมการปลกู พืชผักปลอดสารพิษ ไวร้ ับประทานเองจงึ ถอื ว่ามีความปลอดภัย ก. ไมม่ กี ารฉดี ยาฆ่าแมลง ข. ปลูกในตาขา่ ยมุ้งลวดจงึ ไม่มีแมลงมารบกวน ค. ผูป้ ลูกรรู้ ะยะเวลาฉดี ยาและการเก็บเกี่ยว ง. ใชย้ าฆา่ แมลงทมี่ ีพษิ น้อยมากฉีดผกั จงึ มีความปลอดภยั 2. ใครปลกู ผักได้สอดคล้องกบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ก. เดชาปลกู ผกั ไม่ใช้สารเคมี ข. ชาตรปี ลกู ผักหลากหลายชนิด ค. พมิ พรปลกู ผักไวเ้ พอ่ื จำหนา่ ย ง. เกษมปลูกผกั ไว้กนิ เอง เหลอื กแ็ บ่งปนั เพอ่ื นบ้าน 3. ขอ้ ใดคือประโยชนข์ องพืชผกั ในการฝกึ ของสมาชิกในครอบครัวใหร้ ู้จกั การใชเ้ วลาวา่ งให้มปี ระโยชน์ ก. การปลูกพชื ผกั สวนครัว ข. การเก็บผกั จากแหลง่ ธรรมชาตมิ าจำหน่าย ค. การทำสวนครวั เพอื่ การค้า ง. การออกกำลังกายดว้ ยการเลน่ กฬี า 4. พืชผักปลอดสารพิษหมายความว่าอย่างไร ก. พชื ผักทีส่ วยงาม ข. พชื ผกั ทไ่ี ม่มีสารพิษหรอื มีในระดับท่ีปลอดภยั ค. พชื ที่เกดิ เองตามธรรมชาติ ง. ถกู ทกุ ข้อ 5. การปลกู พืชผักในขอ้ ใดต้องการน้ำในปริมาณน้อย ก. พริก ข. ผกั บุ้ง ค. ผักกาดขาวปลี ง. กะหล่ำปลี 6. ในการปลูกพืชผกั น้นั เราควรพจิ ารณาถงึ สภาพของพ้นื ที่ในข้อใดมากทีส่ ดุ ก. แหลง่ นำ้ ขนาดของพืน้ ท่ี ปัญหาเร่ืองเพ่ือนบ้าน ข. แรงงาน แหล่งน้ำ เพื่อนบ้าน ค. ใกลต้ ลาด การคมนาคมสะดวก แหล่งนำ้ ง. ลักษณะของดนิ แรงงาน แหลง่ น้ำ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 14 7. การพิจารณาเลือกพืน้ ทท่ี ำสวนพชื ผักสงิ่ ที่จำเป็นทสี่ ุดคือข้อใด ก. มีพน้ื ทีม่ าก ข. ดนิ มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ ค. ใกล้แหล่งนำ้ ง. ใกลท้ ีอ่ ยอู่ าศัย 8. ดนิ ทเี่ หมาะในการทำสวนพชื ผักมากที่สดุ ควรเปน็ เช่นไร ก. ดนิ ทีม่ รี ะดับน้ำใตด้ นิ ตื้น ข. ดนิ ท่ีมีระดบั น้ำใตด้ ินลกึ ค. ท่ีระบายน้ำได้ดี ง. ดนิ ทม่ี คี วามอุดมสมบูรณ์ 9. ข้อใดคือความหมายของพืชผกั ปลอดสารพิษทถี่ ูกตอ้ ง ก. พชื ท่ีใช้รบั ประทานได้ ข. พืชผกั ท่ีปลูกภายในบรเิ วณบา้ นเพ่ือใช้ผกั บรโิ ภคภายในครอบครวั ค. พืชอะไรก็ไดท้ รี่ ับประทานแล้วไม่มีสารพิษภัย ง. พชื ท่ีมสี ีเขียวมคี ุณค่าทางอาหารสงู 10. ขอ้ ดีของการปลกู พชื ผักปลอดสารพษิ ก. ทำใหไ้ ด้พืชผักที่มีคุณภาพ ข. ทำใหผ้ ู้ปลูกพืชผกั มสี ุขภาพอนามัยดีขน้ึ ค. ลดตน้ ทนุ การผลติ ด้านค่าใช้จ่าย ง. ถูกทกุ ข้อ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 15 แบบประเมินความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอแมล่ าว สงั กดั สำนักงาน สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดเชียงราย คำชี้แจง โปรดใส่เครือ่ งหมาย √ ลงในช่องทางขวามอื ตามความคิดเหน็ ของท่านทมี่ ีตอ่ การดำเนินงานของฐานการเรียนรตู้ าม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอแม่ลาว ในแตล่ ะขอ้ โดยมี น้ำหนกั คะแนน ดงั นี้ ระดบั คะแนน 5 หมายถงึ พึงพอใจมากทส่ี ดุ ระดับคะแนน 4 หมายถึง พึงพอใจมาก ระดับคะแนน 3 หมายถงึ พงึ พอใจปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถึง พึงพอใจนอ้ ย ระดับคะแนน 1 หมายถึง พึงพอใจน้อยทสี่ ุด ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม เพศ □ ชาย □ หญิง อายุ □ น้อยกวา่ 20 ปี □ 21 – 30 ปี □ 31 – 40 ปี □ 41 – 50 ปี □ 51 – 60 ปี □ มากกว่า 60 ปี สถานภาพ □ นักศึกษา □ ครู □ ผบู้ ริหาร □ อ่ืนๆ ระบุ………………… ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจของผตู้ อบแบบสอบถามทม่ี ตี ่อการดำเนินงานฐานการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรทู้ …่ี ……….... / ชือ่ แหลง่ เรยี นรู้ .............................................................................................................. ประเดน็ ความคิดเหน็ ระดับความพึงพอใจ 54321 ด้านวิทยากร 1. เทคนคิ การถ่ายทอดความรู้ 2. การเชอื่ มโยงความรตู้ ามหลัก 2-3-4-3 3. ความครบถ้วนของเนอ้ื หาในการถ่ายทอด 4. ระยะเวลาถา่ ยทอดองคค์ วามร้ทู ่ีเหมาะสม 5. การเปดิ โอกาสให้ผ้เู รยี นมสี ่วนรว่ ม 6. การตอบซกั ถาม ดา้ นสถานที่ 7. สถานท่ีจัดการเรยี นรมู้ ีความสะอาดและเหมาะสม 8. ความพร้อมของอปุ กรณก์ ารเรียน 9. ความพร้อมของส่ือเทคโนโลยี ด้านความรคู้ วามเข้าใจ 10. ความคดิ รวบยอดที่ได้จากการเรียนร้ใู นฐาน 11. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรูแ้ กบ่ คุ คลอื่น 12. การแลกเปลย่ี นประสบการณ์กบั บุคคลอ่ืน ด้านการนำความรูไ้ ปใช้ 13. การนำความรูท้ ่ไี ดร้ บั สกู่ ารปฏบิ ัตใิ นชีวติ ประจำวนั 14. การนำความรทู้ ่ีได้รับสูก่ ารประกอบอาชีพ 15. การเผยแพรค่ วามร้แู ก่บคุ คลอืน่ ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ ......................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 16 การวเิ คราะห์กิจกรรมการเรียนร้สู ู่หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ฐานการเรียนรู้ ปุย๋ หมกั อินทรีย์ 2 เง่ือนไข เงอื่ นไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม 1. มคี วามรวู้ ธิ ีการทำปยุ๋ หมักอินทรีย์ 1. มคี วามอดทน 2. รกู้ ลุ่มเปา้ หมาย 2. มีความเพยี รพยายาม 3. มีความรเู้ ร่อื งงบประมาณ 3. มีความซือ่ สัตย์ 4. มคี วามรเู้ กีย่ วกบั การใช้อปุ กรณ์ 5. รเู้ ร่ืองวัสดุทใี่ ช้ 6. รรู้ ะยะเวลาในการทำป๋ยุ หมกั อินทรีย์ 7. รู้วิธกี ารนำไปใช้ 8. รวู้ ธิ ีเกบ็ รักษาอปุ กรณ์ 9. รู้เร่ืองการตลาด 10. ร้กู ารทำบัญชรี ายรับ-รายจา่ ย 1. พอประมาณ 3 หลกั การ 3. มีภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี 1. วสั ดทุ ใ่ี ช้เหมาะสมในการทำปุ๋ย 1. มีการวางแผนในการทำปุ๋ย หมักอินทรีย์ 2. ความมีเหตุผล หมกั อนิ ทรีย์ 2. งบประมาณที่ใช้กับการทำปุ๋ย 1. การรักษาสภาพดนิ 2. เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ 2. การรักษาสงิ่ แวดลอ้ ม อปุ กรณ์ หมักอินทรยี ์ 3. เพอื่ ไว้ใชใ้ นครัวเรอื น 3. มีสำรองวัสดุในการทำปุ๋ยหมกั 3. สถานที่เหมาะสมในการทำปุ๋ย หมกั อินทรีย์ อินทรยี ์ 4. ระยะเวลาเหมาะสมกับการทำ 4. มีสถานท่ีเกบ็ ปุ๋ยหมักอนิ ทรีย์ ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ชวี ติ ทมี่ คี วามสมดลุ และพร้อมรับตอ่ การเปล่ยี นแปลงใน 4 มิติ วัตถุ/เศรษฐกิจ ดา้ นสังคม ดา้ นวัฒนธรรม ด้านสิ่งแวดล้อม 1.เพิ่มรายได้ให้กับตนเอง/ 1.เกิดการแลกเปลี่ยน 1.มีการนำภูมปิ ัญญาท้องถิน่ 1.การอนุรักษาส่ิงแวดล้อม ครอบครวั เรียนรู้ ใ น เ ร ื ่ อ ง ก า ร ท ำ ป ุ ๋ ย ห มั ก 2.การใช้วสั ดุเหลือใช้ให้เกิด 2.เพือ่ ใช้สอยในครวั เรือน 2.เกดิ การแบง่ ปัน อนิ ทรียม์ าใช้ ประโยชน์ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ สาระท่ี 1. ทกั ษะการเรียนรู้ ผงั มโนทศั น์วิเคราะหล์ ักสตู รฐาน รายวิชา ทกั ษะการเรยี นรู้ เร่ือง หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบ - การเรียนรูด้ ้วยตวั เอง ระดบั ประถมศึกษา มัธยมศึกษ - การใช้แหล่งเรียนรู้ - การจดั การความรู้ - การคิดเป็น สาระที่ 2. ความร้พู ื้นฐาน ฐานกา รายวชิ า ภาษาไทย การทำป๋ยุ ห เรอื่ ง - การฟงั การดู การพดู การอ่าน การเขยี น สาระท่ี 5. กา รายวชิ า คณศิ าสตร์ รายวิชา การพ เร่อื ง เรื่อง - จำนวน และการดำเนินงาน - การพัฒนาต - การวัด เรขาคณิต รายวิชา ศาสน - ร้อยละ ทศนิยม เรอ่ื ง รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ - ศาสนา วฒั น เรอ่ื ง - สง่ิ มีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม

จพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 17 นการเรียนรู้ การทำปุย๋ หมักอนิ ทรยี ์ บระดับการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน 2551 สาระท่ี 3. การประกอบอาชีพ ษาตอนตน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา ช่องทางการเขา้ ส่อู าชีพ เร่ือง - ช่องทางการเขา้ สู่อาชพี - ทักษะการประกอบอาชีพ - พฒั นาอาชีพให้มีอยมู่ ีกนิ ารเรยี นรู้ สาระที่ 4. ทกั ษะการดำเนินชีวติ หมกั อินทรีย์ รายวชิ า เศรษฐกจิ พอเพียง เรอื่ ง ารพฒั นาสงั คม - ความพอเพยี งในครวั เรือน พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม - การนำเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยุกต์ใช้ ตนเอง ชุมชน สงั คม นา และหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง ในครอบครัว นธรรม ประเพณี รายวิชา สขุ ศึกษา พลศึกษา เร่อื ง - สารอาหาร - ยาแผนโบราณและสมนุ ไพร

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 18 แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรตู้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ประจำฐานการเรยี นร)ู้ 1. ช่อื ฐานการเรียนรู้ การทำปุ๋ยหมกั อนิ ทรยี ์ เวลา 3 ช่วั โมง 2. ชื่อผจู้ ัดทำ นางกนกพร ถาคำ 3. สาระสำคัญ ปุ๋ยหมักอินทรีย์เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการปลูกพืชที่จะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน และต้นพืช การเลือกใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ให้เหมาะสมกับความต้องการของพืช จะทำให้พืชเจริญเติบโตดีและ ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ไว้ใช้เองโดยที่ไม่พึ่งพาสารเคมีทำให้เรามั่นใจได้ว่าปุ๋ยหมัก อินทรีย์ที่เราใส่บำรุงพืชผักที่เราปลูกจะปลอดภัยแน่นอน ซึ่งการทำปุ๋ยหมักอินทรีย์นี้ยังสามารถนำมาใช้เป็น กิจกรรมยามว่างร่วมกันภายในครอบครัว หรือ ในชุมชนได้อีกด้วย การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ โดยมีหลักการคอื เลย้ี งดิน ให้ดินเล้ยี งพืชและให้พชื เลยี้ งเรา 4. วตั ถปุ ระสงค์ 4.1 วตั ถุประสงค์กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1.1 เพ่ือให้ผเู้ ขา้ รบั การอบรมมีความรคู้ วามเข้าใจขนั้ ตอนการในการทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ 4.1.2 เพอ่ื ใหผ้ ู้เขา้ รับการอบรมมีทักษะในการทำปุ๋ยหมักอนิ ทรยี ์ 4.2 วัตถุประสงค์ของฐานการเรยี นรู้ 4.2.1 เพือ่ ใหผ้ ูเ้ ข้ารับการอบรมเห็นตัวอยา่ งการทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ 4.2.2 เพอื่ ให้ผ้เู ข้ารับการอบรมได้รับความรเู้ กยี่ วกบั การทำปุ๋ยหมักอนิ ทรยี ์ 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ 5.1 แนะนำวิทยากรและพน้ื ทกี่ ารอบรม 5.2 ชี้แจงวตั ถุประสงคข์ องฐานการเรียนรเู้ กย่ี วกบั การปยุ๋ หมกั อนิ ทรยี ์ 5.3 แจง้ ขอบเขตเน้ือหากิจกรรมการอบรมแกผ่ ู้เขา้ รบั การอบรม 5.3 ทดสอบกอ่ นเรียน 5.4 วทิ ยากรแนะนำวสั ดุอุปกรณ์และสาธิตการทำปยุ๋ หมักอินทรีย์ 5.5 แบ่งกลมุ่ ผ้เู ขา้ รบั การอบรมฝกึ ปฏิบัตกิ ารทำปยุ๋ หมกั อินทรีย์ 5.6 ผเู้ รียนถอดบทเรยี น 2 : 3 : 4 องค์ความรูท้ ่ีได้จากการเรยี นรู้รายบุคล 5.7 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำองค์ความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการถอดบทเรยี นมาสรุปเปน็ ภาพรรวม สอบถาม และให้ ข้อเสนอแนะ 5.8 ทดสอบหลงั เรยี น 5.9 ประเมนิ ความพึงพอใจวิทยากร กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 19 6. ส่อื / อปุ กรณ์ 6.1 แผ่นพบั องค์ความรู้การทำปยุ๋ หมกั อินทรยี ์ 6.2 จอบ 6.3 มดี 6.4 คอ้ น 6.5 บวั รดนำ้ 6.6 ไมไ้ ผ่สำหรบั ทำคอก หมกั ปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ ขนาด 1.5 เมตร 6.7 ตะปู 6.8 เศษใบไม้ จำนวน 12 ส่วน 6.9 ขว้ี ัว จำนวน 3 สว่ น 6.10 ฟางขา้ ว จำนวน 6 สว่ น 6.11 นำ้ สะอาด จำนวน 12 ลติ ร 7. ความรู้ท่ไี ด้รับจากฐานการเรยี นรู้ 7.1 ศาสตร์พระราชา (หลกั การทรงงาน 23 ข้อ) 7.1.1 ร้จู ักประหยัด เรียบร้อย ได้ประโยชนส์ งู สดุ 7.1.2 การพ่งึ พาตนเอง 7.1.3 เศรษฐกิจพอเพียง 7.1.4 ความเพยี รพยายาม 7.1.5 การมสี ว่ นรว่ ม 7.2 ศาสตรท์ ้องถิ่น 7.2.1 การทำปยุ๋ หมกั อนิ ทรยี ์จากปราชญ์ชาวบา้ น 7.3 ศาสตรส์ ากล 7.3.1 สาระการเรยี นรู้ การประกอบอาชีพ รายวิชา ชอ่ งการการเขา้ สู่อาชีพ 8. ความสอดคลอ้ งกบั หลกั การทรงงาน 8.1 พออยู่พอกิน 8.2 จากงา่ ยไปหายาก 8.3 พง่ึ พาตนเอง 8.4 ความเพยี ร กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 20 9. ความสอดคล้องกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 : 3 : 4) 2 เงือ่ นไข เงอื่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม - มีความรเู้ รือ่ งวธิ ีการทำปยุ๋ หมกั อนิ ทรีย์ - ความอดทน - มีความรู้เรื่องวัสดุที่ใช้ในการทำปุ๋ยหมัก - ความเพยี ร - ความประหยัด อนิ ทรยี ์ - ความตรงต่อเวลา - มีความรู้เรื่องสัดส่วนวัสดุและส่วนผสมใน - ความรับผดิ ชอบ การทำปุย๋ หมกั อินทรีย์ - ความซื่อสตั ย์ - 3 หลกั การ พอประมาณ มเี หตุผล มีภมู คิ ้มุ กนั ในตวั ทด่ี ี -สภาพอากาศและอุณหภูมิในการ -เพือ่ ใช้ในครัวเรอื น -มีการวางแผนการทำปุ๋ยหมัก อินทรยี เ์ ป็นข้นั ตอน ทำปยุ๋ หมักอินทรีย์ -เพอ่ื ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายใน - มกี ารบนั ทกึ บญั ชรี ายรบั รายจ่าย - มีความระมัดระวังการใช้ -สถานทมี่ คี วามพรอ้ ม สะดวกและ ครัวเรือน อุปกรณ์ในการทำปยุ๋ หมกั อนิ ทรีย์ - มีการตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ย เอือ้ ตอ่ กาการทำป๋ยุ หมกั อินทรีย์ -การรักษาส่งิ แวดลอ้ ม หมกั อนิ ทรีย์ -ระยะเวลาในการหมกั ปุย๋ -ใช้วสั ดุและอปุ กรณ์ได้อยา่ ง เหมาะสมในการทำปุ๋ยหมกั อนิ ทรีย์ ด้าน ชวี ติ ท่ีเกดิ ความสมดลุ และพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงใน 4 มติ ิ ด้านวตั ถุ ดา้ นสงั คม ด้านส่งิ แวดลอ้ ม ดา้ นวัฒนธรรม ความรู้ ใชว้ สั ดใุ นท้องถิน่ มาใช้ -เกิดการแลกเปลี่ยน -การอนรุ กั ษ์ -มีการนำภูมิปัญญา เช่น ใบไม้ ฟางขา้ ว เรียนรู้ สง่ิ แวดลอ้ ม ทอ้ งถ่ินมาใช้ มีการแบง่ ปันในชมุ ชน -การใช้เศษใบไม้ให้ เกิดประโยชน์ ทกั ษะ การวางแผนคา่ ใช้จ่าย ใชช้ วี ิตแบบพอเพียง -การใช้ประโยชน์จาก เกิดทักษะการเรียนรู้ เศษใบไม้ ก า ร ท ำ ป ุ ๋ ย ห มั ก -การใช้อุปกรณ์อย่างมี อนิ ทรยี ์ ประสิทธฺ ิภาพ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 21 เจตคติ -การเตรียมตัวให้ ความภาคภูมิใจในการ พัฒนาชุมชนของตน รูจ้ กั การมสี ่วนร่วม พร้อมรับผลกระทบท่ี มสี ่วนรว่ มกับหมูค่ ณะ ใหเ้ ป็นชมุ ชนเข็มแขง็ รูจ้ กั การพ่งึ พาตนเอง เกิดขึ้นจากการ เปลี่ยนแปลง 10. การนำไปประยุกต์ใช้ 10.1 การประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวัน 10.1.1 การเลือกวัสดทุ ่มี ตี ามธรรมชาติ 10.1.2 การจัดการ การวางแผนอย่างมีขัน้ ตอน 10.1.3 ผลผลติ ท่ไี ด้ปลอดสารเคมี 10.2 การประยกุ ตใ์ ชใ้ นภารกิจตามหนา้ ที่ 10.2.1 การวางแผนการทำงานรอบคอบ 10.2.2 การมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สังคม 11. การประเมินผลการเรียนรู้ 11.1 การทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรยี น 11.2 การประเมินช้ินงาน 11.3 การประเมนิ ความพงึ พอใจ ข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 22 ใบความร้ฐู านการเรียนรู้ การทำป๋ยุ หมกั อนิ ทรยี ์ การจดั การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ หมายถึง ปุ๋ยอินทรยี ์ท่ีได้จากหมกั บ่มสารอินทรีย์ดว้ ยจลุ ินทรียท์ ่ีทำหนา้ ที่ยอ่ ยสลาย อินทรยี ์วัตถุใหส้ ลายตัว และผุพงั ไปบางส่วน ทำใหไ้ ด้ปุ๋ยทม่ี ีลักษณะสคี ล้ำดำ มลี ักษณะเป็นผง ละเอยี ดเหมาะ สำหรับการปรบั ปรุงดนิ และให้ธาตุอาหารแก่พชื วัสดุอินทรีย์ที่ใช้สำหรับการหมัก อาจเป็นเศษพืชสด วัสดุอินทรีย์เผา รวมถึงอาจผสมซากของสัตว์ หรืออาจผสมปุ๋ยคอกก็ได้ และหากนำมากองรวมกัน พร้อมรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ จุลินทรีย์ก็จะทำการย่อย สลายขึ้นซึ่งสังเกตได้จากกองปุ๋ยหมักอินทรีย์จะมีความร้อนเกิดขึ้น เมื่อเกิดความร้อนจึงจำเป็นต้องคลุกกลับ กองปยุ๋ และรดน้ำใหท้ วั่ ซงึ่ จะทำใหจ้ ลุ ินทรยี ย์ ่อยสลายสารอินทรีย์ได้อย่างท่วั ถงึ และหากความร้อนในกองปุ๋ย หมักอินทรียม์ อี ุณหภมู ิใกล้เคยี งกนั ในทุกจุด และความรอ้ นมีน้อยจงึ จะแสดงไดว้ า่ ปุ๋ยหมักอินทรียป์ ุย๋ พร้อมใช้ งานแลว้ ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ดีแล้วจะมีลักษณะเป็นเม็ดละเอียดสีน้ำตาลดำ มีความร่วนซุย และมี กลน่ิ ฉุนของการหมัก เม่อื นำป๋ยุ หมักอนิ ทรีย์ไปใช้ในแปลงเกษตรก็จะช่วยเพิม่ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทง้ั ช่วย เพ่ิมแร่ธาตุ อนิ ทรียว์ ัตถุ ปรับสภาพความเปน็ กรด-ดา่ ง และช่วยให้ดนิ อมุ้ น้ำไดด้ ีขึ้น เป็นต้น สอ่ื / อปุ กรณ์ 5.1 แผน่ พบั องค์ความรกู้ ารทำปุย๋ หมักอินทรีย์ 5.2 จอบ 5.3 มดี 5.4 ฆอ้ น 5.5 บัวรดนำ้ 5.6 ไมไ้ ผ่สำหรับทำคอก หมักปยุ๋ หมักอนิ ทรีย์ ขนาด 1.5 เมตร 5.7 ตะปู 5.8 เศษใบไม้ จำนวน 12 ส่วน 5.9 ข้วี ัว จำนวน 3 ส่วน 5.10 ฟางข้าว จำนวน 6 สว่ น 5.11 น้ำสะอาด จำนวน 12 ลิตร วธิ ีการทำ 1. สร้างคอกปุ๋ยหมกั อนิ ทรยี ์จากไม่ไผ่ ขนาด 1.5 เมตร X 1.5 เมตร 2. นำเศษหญ้าหรอื เศษพืชอน่ื ๆ เช่น ฟางข้าว มาสบั ใหล้ ะเอียด กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 23 3. นำสว่ นผสมมากองเปน็ 3 ช้ัน ในพน้ื ทีร่ ม่ ไมแ้ สงร่ำไร โดยให้รองพนื้ ดว้ ยมลู สัตว์ ตามดว้ ยเศษหญา้ และฟางข้าว 4. นำน้ำสะอาด12 ลิตรแลว้ นำมาราดบนกองสว่ นผสมแตล่ ะช้ัน 5. หาวสั ดุมาคลุมพร้อมรดน้ำใหพ้ อชุ่ม คอยดูแลกลบั กองปุ๋ยทุกๆ สัปดาห์ ใช้เวลาในการหมกั นาน ประมาณ 2-3 เดอื น ก็จะไดเ้ ปน็ ปุย๋ หมักอินทรียท์ ี่พรอ้ มแก่การใชง้ าน หลักพจิ ารณาปุ๋ยหมกั อินทรียพ์ รอ้ มใช้ 1. ปุ๋ยหมกั อินทรีย์จะมีสนี ้ำตาลเข้มถึงดำ 2. อณุ หภูมิทั่วกองปุ๋ยหมักอนิ ทรียม์ ีค่าใกล้เคียงกัน เนอ่ื งจากเกิดปฏกิ ริ ิยาการหมักเกือบหมดแลว้ 3. หากใชน้ ้ิวมือบี้ ก้อนปุ๋ยหมักอินทรยี ์จะแตกยุ่ยออกจากกันงา่ ย 4. พบเหด็ เส้นใยรา หรอื พชื อน่ื ข้ึน 5. กลิน่ ของกองปุ๋ยหมกั อนิ ทรียจ์ ะมีกลนิ่ ฉุนทเ่ี กิดจากการหมัก 6. หากนำปยุ๋ หมกั อนิ ทรีย์ไปวเิ คราะหใ์ นห้องปฏิบตั ิการจะพบอัตราสว่ นของคารบ์ อน และไนโตรเจน ประมาณ 20:1 หรือคารบ์ อนมีคา่ นอ้ ยกว่า 20 (ไนโตรเจนยงั คงเปน็ 1) การนำป๋ยุ หมักอนิ ทรยี ์ไปใช้ 1. ใชใ้ นขน้ั ตอนเตรียมดิน/เตรียมแปลง ด้วยการนำปุ๋ยหมักอนิ ทรีย์ชีวภาพโรยบนแปลง 2-3 กำมือ/ ตารางเมตร ก่อนจะทำการไถพรวนดินรอบ 2 หรอื ก่อนการไถยกร่อง 2. ใชใ้ นแปลงผกั และสวนผลไม้ ดว้ ยการนำปยุ๋ หมกั อินทรยี ์ชีวภาพ 1-2 กำมอื โรยรอบโคนต้น ประโยชนข์ องปุ๋ย 1.ช่วยปรับสภาพของดินใหร้ ่านซยุ อ้มุ น้ำและอากาศใหด้ ียิ่งข้นึ 2.ชว่ ยยอ่ ยสลายอนิ ทรียว์ ตั ถุในดนิ ใหเ้ ปน็ ธาตุอาหารแก่พชื 3.ช่วยเรง่ การเจริญเตบิ โตของพืชให้สมบูรณแ์ ขง็ แรงตามธรรมชาติ ต้านทานโรคและแมลง 4.ใช้ปุ๋ยหมักอนิ ทรยี ์ในการเตรียมแปลงในการปลูกผัก/พชื สวน/ พชื ไร่/ไม้ดอก/ไมป้ ระดับฯ 5.ใชเ้ ป็นปุ๋ยแตง่ หน้าดิน กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 24 แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน การจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ฐานการเรยี นรู้ การทำปยุ๋ หมักอนิ ทรีย์ ................................................................... จงเลือกคำตอบท่ถี ูกต้องทีส่ ุดเพียงข้อเดียว (10 ขอ้ 10 คะแนน) 1. ปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์หมายถงึ ก. การหมกั ซากพืชโดยใช้ขบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ข. การย่อยสลายของซากพชื ซากสัตว์ มลู สัตว์ และขยะมูลฝอยต่างๆ ท่ีสามารถย่อยสลายตวั ค. เศษพืชจะเปลี่ยนสภาพจากของเดมิ เปน็ ผงเปือ่ ยยุ่ยสีขาวปนเขยี ว ง. นำวัสดทุ ยี่ อ่ ยทางกรรมวิธเี คมมี าดำเนนิ การผสมให้เกดิ ปฏิกริ ิยาย่อยสลายตัว 2. ประโยชน์ของปุ๋ยหมักอินทรยี ค์ อื ข้อใด ก. ช่วยใหส้ ภาพดนิ มคี วามเป็นกรดมากข้ึน ข. ทำให้การถ่ายเทอากาศในดินได้ดี ค. ไม่เปน็ อันตรายตอ่ ดินแตจ่ ะมีหนอนดินปริมาณทมี่ ากเมื่อใช้ ตดิ ตอ่ กนั นาน ๆ ง. ชว่ ยลดปริมาณอินทรยี ว์ ัตถุในดิน ทำให้ดินอุดมสมบรู ณ์ 3. ปุ๋ยหมักอินทรีย์ทีใ่ ชใ้ นศูนย์เกษตรอินทรียเ์ ราพบเห็นส่วนใหญจ่ ะได้มาจากอะไร ก. มนษุ ย์ ข. พชื ค. สตั ว์ ง. ถกู ทุกข้อ 4. ข้อใดไมใ่ ชข่ ้ันตอนวธิ ีการทำป๋ยุ หมกั อินทรีย์ ก. นำเศษพืชมาเรียงให้ได้ขนาดตามความตอ้ งการ ข. ปล่อยน้ำให้ทว่ มกองปุ๋ยหมกั อนิ ทรียเ์ ปน็ เวลานาน ๆ ค. ใสม่ ูลสตั ว์ ตามอตั ราสว่ นของกองปุ๋ยหมักอินทรยี ์ ง. ใชห้ น้าดินหรอื ปุย๋ คอกโรยใหห้ นา 1 – 2 น้ิว 5. ประโยชน์ของการกลับกองปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์คือข้อใด ก. เพอ่ื ลดความแหง้ ของกองปุ๋ยหมกั อินทรยี ์ ข. เพื่อใหจ้ ลุ นิ ทรียป์ ลดปล่อยธาตอุ าหารไดเ้ ต็มที่ ค. เพื่อใหร้ ะบายความชน้ื และถา่ ยเทอากาศดี ง. ควรกลับกองทุก 7 – 14 วนั 6. เชื้อราในกองปุ๋ยหมกั อินทรีย์จะพบในชว่ งใดของการผลิต ก. ระยะเร่มิ ตน้ เตรยี มวัสดุอุปกรณ์ ข. ระยะแรกของการหมัก ค. ระยะการย่อยสลายของปุ๋ยหมกั อนิ ทรยี ์ ง. ระยะทีน่ ำไปใช้ประโยชน์แกพ่ ชื กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 25 7.ขอ้ ใดไม่ใช้การบำรุงดินด้วยวธิ ีเกษตรธรรมชาติ ก. การคลมุ ดนิ ข. การปลกู พชื หมุนเวียน ค. ใชร้ ถไถพรวน ง. การใช้ปุ๋ยอินทรยี ์ปุ๋ยชีวภาพ 8. อะไรเป็นส่วนประกอบของปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพแบบแห้ง ก. มูลสัตว์ ข. รำละเอียด ค. หัวเช้ือจุลินทรีย์หรือกากน้ำตาล ง. ถูกทุกข้อ 9. วิธีที่จะทำให้กองปุ๋ยหมักอินทรีย์สลายตัวได้เร็วข้ึน ก. การใชว้ ัสดุคมุ ข. การใชห้ ลังคามุงแดด ค. การกลบั กองปยุ๋ หมักอินทรีย์ ง. การใสม่ ูลสตั วต์ ่าง ๆ 10.ข้ันตอนของการกองปุ๋ยหมักอินทรีย์ ปฏิบัติอย่างไร ก. ใส่ปูนขาว ใส่เศษพืช โรยดินร่วน ข. ใส่ปุ๋ยเคมี ใส่เศษพืช โรยดินร่วน ค. ใส่เศษพืช ใส่ปุ๋ยคอก โรยดินร่วนละเอียด ง. ใส่ปุ๋ยคอก ใส่เศษพืช โรยดินร่วนละเอียด กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 26 แบบประเมินความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอแม่ลาว สังกัดสำนักงาน สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั เชียงราย คำชีแ้ จง โปรดใสเ่ ครอื่ งหมาย √ ลงในชอ่ งทางขวามือ ตามความคดิ เหน็ ของทา่ นท่มี ีตอ่ การดำเนนิ งานของฐานการเรียนรู้ตาม หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ของศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอแมล่ าว ในแตล่ ะข้อ โดยมี น้ำหนักคะแนน ดงั นี้ ระดบั คะแนน 5 หมายถึง พึงพอใจมากท่ีสุด ระดับคะแนน 4 หมายถงึ พึงพอใจมาก ระดบั คะแนน 3 หมายถึง พงึ พอใจปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถงึ พึงพอใจนอ้ ย ระดบั คะแนน 1 หมายถงึ พึงพอใจนอ้ ยทสี่ ดุ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม เพศ □ ชาย □ หญงิ อายุ □ นอ้ ยกวา่ 20 ปี □ 21 – 30 ปี □ 31 – 40 ปี □ 41 – 50 ปี □ 51 – 60 ปี □ มากกว่า 60 ปี สถานภาพ □ นกั ศกึ ษา □ ครู □ ผบู้ ริหาร □ อนื่ ๆ ระบ…ุ ……………… ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่มตี อ่ การดำเนินงานฐานการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรทู้ ี…่ ……….... / ชื่อแหล่งเรียนรู้ .............................................................................................................. ประเด็นความคดิ เหน็ ระดับความพงึ พอใจ 54321 ด้านวิทยากร 1. เทคนคิ การถา่ ยทอดความรู้ 2. การเช่อื มโยงความรู้ตามหลัก 2-3-4-3 3. ความครบถว้ นของเนื้อหาในการถา่ ยทอด 4. ระยะเวลาถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ท่เี หมาะสม 5. การเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นมีส่วนรว่ ม 6. การตอบซกั ถาม ดา้ นสถานท่ี 7. สถานท่ีจดั การเรียนรู้มคี วามสะอาดและเหมาะสม 8. ความพร้อมของอปุ กรณ์การเรยี น 9. ความพร้อมของสื่อเทคโนโลยี ด้านความรู้ความเข้าใจ 10. ความคดิ รวบยอดทีไ่ ดจ้ ากการเรยี นรใู้ นฐาน 11. ความสามารถในการถ่ายทอดความรูแ้ ก่บุคคลอ่ืน 12. การแลกเปลีย่ นประสบการณ์กบั บุคคลอ่ืน ดา้ นการนำความรไู้ ปใช้ 13. การนำความรู้ทไ่ี ดร้ บั สกู่ ารปฏิบัตใิ นชวี ิตประจำวนั 14. การนำความรู้ทีไ่ ดร้ บั สู่การประกอบอาชพี 15. การเผยแพรค่ วามร้แู ก่บุคคลอื่น ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรียนรูต้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 27 การวิเคราะหก์ ิจกรรมการเรียนร้สู หู่ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ฐานการเรียนรู้ การปลูกผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 2 เงือ่ นไข เง่อื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม 1. เร่ือง วธิ กี ารปลกู ผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 1. ความซือ่ สตั ย์ 2. เรอื่ ง อุปกรณ์ปลูกผักไฮโดรโปนกิ ส์ 2. ความขยันหมน่ื เพียร 3. เรื่อง การทำบัญชีรายรับ รายจา่ ย 3. ความประหยดั 4. เร่อื ง การตลาด 4. ความรบั ผิดชอบ ตรงตอ่ เวลา 5. ความอดทน 6. ความเออ้ื อาทร ช่วยเหลือแบง่ ปันซ่ึงการและกัน 7. ความสามัคคี 1. พอประมาณ 3 หลักการ 3. มีภมู ิค้มุ กันในตวั ท่ดี ี 1. มีการปลูกผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 1.วางแผนการทำงานของกลมุ่ 2. ใช้วัสดุอุปกรณ์ได้เหมาะสมในการ 2. ความมีเหตผุ ล 2.เตรียมวัสดุอุปกรณ์เหมาะสมในการ ปลูกผักไฮโดรโปนกิ ส์ 1.รู้จักประโยชน์การปลูกผักไฮโดรโป ปลกู ผักไฮโดรโปนิกส์ นกิ ส์มาใชช้ ีวติ ประจำวัน 3. มกี ารทำรายรบั รายจ่าย 2. เพ่อื หารายได้เสริม 3. รู้จักการลงทุนในการปลูกผักไฮโดรโป นกิ ส์ ชวี ิตท่ีมคี วามสมดุลและพรอ้ มรบั ต่อการเปล่ียนแปลงใน 4 มติ ิ วัตถุ/เศรษฐกจิ ด้านสงั คม ดา้ นวฒั นธรรม ด้านสิง่ แวดล้อม 1. วสั ดทุ ีเ่ หลอื ใชส้ ามารถนำ 1. สังคมแห่งการแลกเปลีย่ น 1. เกดิ ทกั ษะการเรียนรู้การปลกู 1. การใช้ประโยชน์จากการปลูก กลับมาใชใ้ หม่ได้ เรียนรู้ ผักไฮโดรโปนกิ ส์ ผักไฮโดรโปนกิ ส์ 2. มรี ายไดจ้ ากการจำหน่าย 2. ความสามคั คีในการทำงาน 2. นำไปประกอบเปน็ อาหาร 2. การใช้อุปกรณอ์ ย่างมี เปน็ กลมุ่ อย่างมรี ะบบ ประจำพนื้ เมือง การปลูกผักไฮโดรโปนกิ ส์ 3. สังคมแห่งความเอื้ออาทร ประสทิ ธิภาพ แบ่งปนั ซ่ึงกนั และกนั กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ สาระที่ 1. ทกั ษะการเรียนรู้ ผงั มโนทัศนว์ ิเคราะหล์ กั สตู รฐานกา รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ เรื่อง หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระ - การเรยี นรู้ด้วยตวั เอง ระดบั ประถมศึกษา มัธยมศึกษา - การใช้แหลง่ เรียนรู้ - การจดั การความรู้ - การคดิ เป็น - การวิจยั อย่างงา่ ย สาระที่ 2. ความร้พู ืน้ ฐาน ฐานกา รายวิชา ภาษาไทย การปลกู ผกั ไ เรอื่ ง - การฟัง การดู การพดู การอา่ น การเขยี น สาระที่ 5. การพ รายวิชา คณิศาสตร์ รายวิชา การพฒั นาตนเอ เรื่อง เรอ่ื ง - การพฒั นาตนเ - จำนวน และการดำเนินงาน รายวชิ า ศาสนา และหนา้ - การวดั เรขาคณติ เรอื่ ง - รอ้ ยละ ทศนิยม - การเปลี่ยนแปลงทางวัฒ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิขา สังคมศึกษา เรอื่ ง เรอื่ ง เศรษฐศาสตร์ - กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี - สิง่ มีชวี ิตและสง่ิ แวดล้อม - สารเพือ่ ชวี ติ - แรงและพลังงานเพื่อชวี ติ

จพอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 28 ารเรียนรู้ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ะดบั การศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน 2551 สาระที่ 3. การประกอบอาชีพ าตอนต้น มัธยมศกึ ษาตอนปลาย รายวิชา ช่องทางการเข้าสอู่ าชพี เร่อื ง - ช่องทางการเขา้ สู่อาชพี - ทกั ษะการประกอบอาชีพ - พฒั นาอาชีพให้มีอยมู่ ีกิน ารเรยี นรู้ สาระท่ี 4. ทกั ษะการดำเนนิ ชวี ิต ไฮโดรโปนิกส์ รายวชิ า เศรษฐกิจพอเพียง เรอ่ื ง พัฒนาสงั คม - ความพอเพยี งในครวั เรือน อง ชุมชน สงั คม - การนำเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ เอง ชุมชน สงั คม าท่ีพลเมอื ง ในครอบครวั ฒนธรรมและ รับ วฒั นธรรม รายวชิ า สุขศกึ ษา พลศึกษา เรือ่ ง - การดูแลสุขภาพ - สารอาหาร - โรคระบาดตา่ งๆ

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 29 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ประจำฐานการเรยี นร)ู้ 1. ชอ่ื ฐานการเรยี นรู้ การปลูกผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ เวลา 3 ชว่ั โมง 2. ช่อื ผู้จดั ทำ นางสรุ ียภ์ รณ์ ศรีคำ 3. สาระสำคัญ การปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน หรือเป็นการปลูกพืชผักในน้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่ หรือเป็นการปลูก พืชในสารละลายธาตอุ าหารพืช และอาจเรียกอีกอย่างหนึง่ ว่า “ผักไร้ดิน” ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการใหม่ในการปลูก พืชที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะการปลูกพืชผักที่เราใช้เป็นอาหาร เนื่องจากการปลูกผักแบบไฮโดรโป นิกส์จะช่วยประหยัดพ้ืนทใ่ี นการปลูกและไม่ปนเป้ือนเปื้อนสารเคมีต่างๆ ในดนิ ทำให้ได้พชื ผักท่ีมีความสะอาด เป็นอาหาร 4. วตั ถปุ ระสงค์ 4.1 วตั ถุประสงคก์ ิจกรรมการเรียนรู้ 4.1.1 เพอ่ื ใหเ้ ข้ารบั การอบรมมีความรู้ความเขา้ ใจข้นั ตอนการปลกู ผักไฮโดรโปนิกส์ 4.1.2 เพอ่ื ให้ผูเ้ ข้ารบั การอบรมมที ักษะในการการปลูกผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 4.2 วัตถุประสงคข์ องฐานการเรียนรู้ 4.2.1 ใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการอบรมเหน็ ตัวอย่างการปลกู ผักไฮโดรโปนกิ ส์ 4.2.2 ใหผ้ ้เู ขา้ รับการอบรมไดร้ บั ความรู้เก่ียวกบั การปลกู ผักไฮโดรโปนิกส์ 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ 5.1 แนะนำวิทยากรและพ้ืนทีก่ ารอบรม 5.2 ชีแ้ จงวตั ถุประสงคข์ องฐานการเรียนร้เู กยี่ วกบั การปลกู ผักไฮโดรโปนิกส์ 5.3 แจ้งขอบเขตเนื้อหากจิ กรรมการอบรมแก่ผู้เข้ารับการอบรม 5.3 ทดสอบก่อนเรยี น 5.4 วิทยากรแนะนำวัสดุ อุปกรณ์ในการปลกู ผกั ไฮโดรโปนิกส์ 5.5 แบ่งกลุ่มผ้เู ข้ารบั การอบรมฝึกปฏบิ ตั กิ ารปลกู ผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 5.5.1 ใช้ท่อ 6 หุนเป็นตัวเชื่อมเข้ากับ 3 ทางและใช้เชื่อมกันเมื่อต่อกันเสร็จแล้ว จะมีเมนน้ำ เข้า 8 ทางหนา้ ตา 5.5.2 และก็เร่มิ ประกอบทางนำ้ ออก ซึ่งใช้ท่อ 2 นวิ้ เป็นตัวเช่อื ม 3 ทางเขา้ ด้วยกันแต่จะไม่มีวาล์วคุม เหมือนน้ำเข้า ตรงนี้จะใช้วาล์ว 2 นิ้วเพียงตัวเดียวไว้เพือ่ คุมระดับน้ำในท่อ หากเกิดกรณีไฟดับจะได้มีน้ำเล้ยี ง อยใู่ นทอ่ โดยวดั ระดับความยาวเชอ่ื มตอ่ กนั เพ่อื เทียบกบั ทางน้ำเขา้ จะไดม้ ีระยะหา่ งของแตล่ ะรางหวั -ท้าย 5.5.3. หลังจากน้นั กใ็ ชท้ ่อ PVC 2 นว้ิ มาเชื่อมต่อทั้งชุดเขา้ ดว้ ยกนั โดยเรมิ่ จากทางนำ้ เข้าก่อนประกอบ ทางน้ำออก ทีนี้ก็วัดระยะเพื่อทำการเจาะรูและก็เริ่มลงมือเจาะกัน หลังจากเจาะแล้วก็ทำการตัดปีก และเอา เศษที่ไมเ่ รียบรอ้ ยออกโดยใช้คัตเตอรต์ ัดออก 5.6 ผเู้ รียนถอดบทเรยี น 2 : 3 : 4 องค์ความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากการเรียนรรู้ ายบคุ ล 5.7 แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ นำองคค์ วามรู้ทีไ่ ด้จากการถอดบทเรยี นมาสรุปเป็นภาพรรวม สอบถาม และให้ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 30 ข้อเสนอแนะ 5.8 ทดสอบหลังเรียน 5.9 ประเมินความพึงพอใจวทิ ยากร 6. ส่อื / อปุ กรณ์ 6.1 ขวดนำ้ พลาสติก 6.2 กระบอกฉดี น้ำ 6.3 กระดาษทชิ ชู่ 6.4 ป๋ยุ A – B สำหรบั ปลกู ผักไฮโดรโปนกิ ส์ 6.5 ถาดเพาะเมล็ด 6.6 เมลด็ พนั ธุผ์ กั 6.7 แผน่ ฟองน้ำ 6.8 กรรไกร 7. ความรทู้ ่ีได้รบั จากฐานการเรียนรู้ 7.1 ศาสตร์พระราชา หลักในการทรงงานของในหลวง (23 ขอ้ ) 7.1.1 พออยูพ่ อกนิ 7.1.2 จากงา่ ยไปหายาก 7.1.3 เศรษฐกิจพอเพยี ง 7.1.4 พงึ่ พาตนเอง 7.2 ศาสตรท์ ้องถ่นิ 7.2.1 แหล่งเรยี นรู้ในทอ้ งถน่ิ เอเจนาโน ไฮโดรฟารม์ จงั หวดั เชยี งราย 7.3 ศาสตรส์ ากล 7.3.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ 7.3.1.1 การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง 7.3.1.2 การใช้แหล่งเรยี นรู้ 7.3.1.3 การจัดการความรู้ 7.3.1.4 การคดิ เปน็ 7.3.1.5 การวิจยั อยา่ งง่าย 7.3.2 หนังสอื เรยี นรายวชิ า วิทยาศาสตร์ 7.3.1.1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 7.3.1.1.1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 7.3.1.1.2 โครงการทางวทิ ยาศาสตร์ 7.3.3 หนังสอื เรียนรายวิชา โครงงานเพือ่ พัฒนาทกั ษะการเรยี นรู้ 7.3.3.1 แนวคดิ เกยี่ วกบั การจดั การความรู้ 7.3.3.2 รูปแบบและกรับวนการในการจดั การความรู้ 7.3.4 หนงั สือเรยี นรายวิชา เกษตรผสมผสาน 7.3.4.1 เศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 31 8. ความสอดคล้องกบั หลกั การทรงงาน 8.1 พออยู่พอกนิ 8.2 จากง่ายไปหายาก 8.3 เศรษฐกจิ พอเพียง 8.4 พงึ่ พาตนเอง 9. ความสอดคลอ้ งกับหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง (2 : 3 : 4) 2 เงอ่ื นไข เงอ่ื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 1. วธิ ีการปลกู ผักไฮโดรโปนกิ ส์ 1. ความซื่อสตั ย์ 2. อุปกรณ์ปลกู ผักไฮโดรโปนกิ ส์ 2. ความขยนั หมนื่ เพยี ร 3. การทำบัญชรี ายรบั -รายจ่าย-การตลาด 3. ความประหยดั 4. ความรับผดิ ชอบ ตรงต่อเวลา 5. ความอดทน 6. ความเออื้ อาทร ช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งการและกัน 7. ความสามัคคี 3 หลกั การ พอประมาณ มีเหตุผล มภี มู คิ ุ้มกันในตัวทด่ี ี 1. มีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ 1.รู้จักประโยชน์การปลูกผักไฮโดรโป 1.วางแผนการทำงานของกลุ่ม 2. ใช้วัสดุอุปกรณ์ได้เหมาะสมในการ นกิ สม์ าใช้ชีวิตประจำวนั 2.เตรียมวัสดุอุปกรณ์เหมาะสมในการ ปลกู ผักไฮโดรโปนกิ ส์ 2. เพ่ือหารายไดเ้ สริม ปลูกผักไฮโดรโปนกิ ส์ 3. ร้จู กั การลงทนุ ในการปลูกผักไฮโดรโป 3. มีการทำรายรบั รายจา่ ย นิกส์ ด้าน ชีวิตที่เกิดความสมดุลและพร้อมรับต่อการเปลีย่ นแปลงใน 4 มิติ ด้านวัตถุ ด้านสังคม ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม ความรู้ วสั ดุทเ่ี หลือใชส้ ามารถนำ กลับมาใชใ้ หม่ได้ ทกั ษะ มรี ายได้จากการจำหนา่ ย ใช้ชวี ิตแบบพอเพียง - การใช้ประโยชน์จาก เกดิ ทักษะการเรียนรู้ การปลูกผักไฮโดรโปนกิ ส์ การปลกู ผักไฮโดรโปนิกส์ การปลูกผกั ไฮโดรโป -การใช้อุปกรณ์อย่างมี นิกส์ ประสทิ ธภิ าพ เจตคติ ความภาคภมู ใิ จในการ ใช้วสั ดุจากธรรมชาติ นำไปประกอบเปน็ ทำงานรว่ มกับหมคู่ ณะ อาหารประจำพนื้ เมือง กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 32 10. การนำไปประยกุ ต์ใช้ 10.1 การประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 10.1.1 การเลอื กการปลกู ผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 10.1.2 การจัดการ การวางแผน การปลูกผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 10.2 การประยกุ ต์ใช้ในภารกจิ ตามหนา้ ท่ี 10.2.1 การวางแผนการทำงานรอบคอบ 11. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 11.1 การทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรียน 11.2 การประเมินช้นิ งาน 11.3 การประเมนิ ความพึงพอใจ ข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 33 ใบความรู้ฐานการเรียนรู้ การปลูกผกั แบบไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) การจดั การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง การปลกู พชื ไรด้ ิน (Soil less culture) การปลูกพชื ไรด้ ิน หรือ Soilless culture คอื การปลกู พืชโดยให้รากอยูใ่ นวัสดุปลูกทไ่ี ม่ใชด่ นิ ซ่ึงไดแ้ ก่ 1. การปลกู ใหร้ ากแช่อยใู่ นน้ำ (water culture หรอื hydroponics) 2. การปลกู ใหร้ ากอยใู่ นอากาศ (aeroponics) 3. การปลูกให้รากอยใู่ นวสั ดุปลูกอื่น ๆ (substrate culture) ซึ่งมีดงั น้ี - วัสดปุ ลูกท่เี ป็น อนินทรยี ส์ าร เช่น ขยุ มะพรา้ ว ข้เี ถา้ แกลบ ขเ้ี ล่ือย วสั ดผุ สมตา่ ง ๆ - วสั ดปุ ลูกท่ีเปน็ อินทรีย์สาร เชน่ ทราย กรวด ฟองนำ้ ใยหนิ (rock wool) เพอไลท์ (perlite) เวอร์มคิ ูไลท์ (vermiculite) และวสั ดปุ ลกู สังเคราะห์ การปลกู ในวสั ดปุ ลกู ทไี่ ม่ใชด่ นิ เหลา่ นี้ ตอ้ งให้สารละลายธาตอุ าหารแก่พชื อยา่ งพอเหมาะและ ตอ่ เนอ่ื งจงึ จะทำให้พชื เจรญิ ความสำคัญ การปลกู พืชไรด้ นิ เป็นเทคโนโลยีทางเลอื กสำหรับการเกษตร ในพื้นทที่ มี่ ีขอ้ จำกัดทางการเกษตร จาก ปัญหาการปลูกพืชในดนิ ติดต่อกันเปน็ เวลานาน ทำให้เกดิ ปัญหาต่างๆ เชน่ ดนิ เค็ม ดนิ เปรยี้ ว แมลง ศตั รพู ืช ทำให้ต้องใช้สารเคมมี ากข้นึ เร่ือยๆ ซ่งึ สง่ ผลกระทบต่อมนษุ ย์และส่งิ แวดล้อม ทง้ั นี้ การปลกู พชื ไร้ดนิ สามารถหลกี เลีย่ งการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ ผลผลติ ท่ีได้เป็นผลผลิตทสี่ ะอาดปลอดภัยต่อผผู้ ลิต ผู้บริโภค และ ไม่สง่ ผลกระทบต่อปญั หาส่ิงแวดล้อม ไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) ไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) เปน็ การปลกู พืชโดยไมใ่ ช้ดินแตใ่ ช้นำ้ ท่ีมีธาตุอาหารพชื ละลายอยู่ หรือ การปลกู พชื ในสารละลายธาตุอาหารพืชทดแทน ซึ่งนับเป็นวธิ ีการใหม่ในการปลกู พชื โดยเฉพาะการ ปลกู ผกั และพืช ท่ีใช้เปน็ อาหาร เนอื่ งจากประหยดั พื้นท่ี และไม่ปนเปอ้ื นกับสารเคมตี ่างๆ ในดนิ ใหไ้ ด้พชื ผักที่ สะอาดเปน็ อาหาร ปัจจบุ นั นี้ในเทคนคิ การปลกู พืชแบบไร้ดินหลายแบบดว้ ยกัน คำว่า ไฮโดรโปนกิ ส์ (hydroponics) เปน็ คำผสมระหวา่ งคำ 3 คำ คอื ไฮโดร (hydro) หมายถึง น้ำ โปโนส (ponos) เปน็ คำท่ีมาจากภาษากรีก หมายถึงการทำงาน และ อกิ ส์ (ics) หมายถงึ ศาสตร์หรือศลิ ปะ ซง่ึ เมอื่ รวมคำทง้ั 3 คำเขา้ ดว้ ยกันจงึ มคี วามหมายตามรูปศัพทว์ ่า ศาสตรห์ รอื ศิลปะวา่ ด้วยการ ทำงานของนำ้ ปจั จบุ นั การปลูกพืชด้วยวิธไี ฮโดรโปนกิ ส์มีเทคนิคทีค่ ดิ คน้ ใหมๆ่ หลากหลายรูปแบบ มิได้จำกดั อยู่ เฉพาะการปลูกพืช ในน้ำ (water culture) เท่านั้น บางกรณมี ีการใช้วัสดุปลกู (substrate) ทดแทนดนิ ท้งั หมดและรดด้วยสารละลาย ธาตุอาหารพชื ซง่ึ เรามักเรยี กวา่ ซับส์เทรต คัลเจอร์ (substrate culture) หรือมเี ดยี คลั เจอร์ (media culture) หรอื แอกกรีเกตไฮโดรโปนกิ ส์ (aggregate hydroponics) เทคนิคดังกล่าวนิยมเรียกวา่ การปลกู โดยไม่ใช้ดนิ หรอื การปลกู พชื ไรด้ ิน (soilless culture) ซง่ึ เปน็ ที่น่าสงั เกตว่าเทคนคิ การปลูกพชื ใน น้ำก็ดี หรือ การปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์รูปแบบอืน่ ๆ กด็ ี บางครง้ั ก็อาจเรยี กรวมๆ ว่า soilless culture แทนคำว่า hydroponics กไ็ ด้ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแม่ลาว 34 ไฮโดรโปนกิ ส์ มีประโยชนห์ ลักๆ 2 ประการด้วยกนั ประการแรกคอื ช่วยใหม้ ีส่ิงแวดลอ้ มท่ีควบคมุ ได้มากข้นึ สำหรับการเตบิ โตของพชื แทนท่จี ะเปน็ การใช้ดินอยา่ งเดิม ทำให้กำจัดตวั แปรที่ไม่ทราบออกไปจาก การทดลองได้จำนวนมาก ประการท่สี องก็คือ พชื หลายชนดิ จะใหผ้ ลผลิตได้มากในเวลาท่นี อ้ ยกวา่ เดมิ และใน บางครัง้ ก็มคี ุณภาพท่ีดีกว่าเดิมดว้ ย ซง่ึ ในสภาพแวดลอ้ มและสภาพการเศรษฐศาสตร์หนึง่ ๆ การปลกู พืชแบบ ไฮโดรโปนกิ ส์จะใหผ้ ลกำไรแก่เกษตรกรมากขน้ึ และดว้ ยการปลกู ที่ไม่ใชด้ นิ จึงทำให้พชื ไม่มโี รคที่เกิดในดนิ ไม่มี วชั พชื ไมต่ ้องจดั การดนิ และยังสามารถปลกู พืชใกล้กันมากได้ ด้วยเหตุนีพ้ ืชจึงใหผ้ ลผลิตในปริมาณท่ีมาก กว่าเดิมขณะทใ่ี ชพ้ นื้ ท่ีจำกดั นอกจากนยี้ ังมีการใชน้ ำ้ น้อยมากเพราะมีการใชภ้ าชนะ หรือระบบวนน้ำแบบ ปิด เพื่อหมนุ เวยี นนำ้ เม่ือเทียบกับการเกษตรแบบเดมิ แล้ว นบั ว่าใชน้ ้ำเพยี งสว่ นนอ้ ยนิดเท่านนั้ ดว้ ย คุณภาพท่กี ล่าวมาข้างต้น ทำให้ไฮโดรโปนิกสม์ ปี ระโยชน์กับการปลกู พชื ท่ไี ม้ใชว่ ธิ กี ารแบบเดมิ ๆ นักเขียน นิยายวทิ ยาศาสตร์ได้เสนอมานานแล้วว่า ไฮโดรโปนิกส์น้ันจะทำให้สถานอี วกาศ หรอื ยานอวกาศ สามารถ ปลูกพืชไรด้ นิ ไดเ้ อง และคุณสมบตั ิดังกลา่ วนีท้ ำให้ไฮโดรโปนกิ สเ์ หมาะอยา่ งย่ิงสำหรบั ผทู้ ี่ตอ้ งการปลกู พชื โดย การการควบคมุ ปัจจยั ทเี่ กย่ี วข้องได้มากทส่ี ุด และมีความหนาแน่นสูงสดุ ขั้นตอนวสั ดุอุปกรณ์ และ เครื่องมือ - ท่อ PVC ขนาด 2 นวิ้ 9 เสน้ - ขอ้ ต่อ PVC งอ 90 ขนาด 2 น้ิว แบบบาง 11 ตวั - ขอ้ ตอ่ PVC 3 ทาง ขนาด 2 น้วิ แบบบาง 8 ตวั - บอลวาลว์ ขนาด 1/2 นวิ้ 9 ตวั - ทอ่ PVC ขนาด 1/2 นว้ิ 2 เส้น - สายยางขนาด 1/2 นว้ิ 2 เมตร - ถัง 200 ลิตร - ข้องอเกลียวใน 1/2 นิว้ 1 ตัว - ท่อรบั สายยาง ขนาด 1/2 น้วิ 1 ตวั - สวา่ น และ โฮล์ดซอล์ขนาด 38 1/2 MM - ตวั ตดั PVC - กาวต่อท่อ PVC - น๊อตเกลยี วปล่อยเบอร์ 7 ยาว นว้ิ วิธกี ารทำโครงสรา้ งการปลูกผกั ไฮโดรโปนิกส์ 1. ใช้ทอ่ 6 หนุ เป็นตวั เชื่อมเข้ากับ 3 ทางและใชเ้ ชอ่ื มกนั เม่ือต่อกันเสรจ็ แล้ว จะมีเมนน้ำเข้า 8 ทาง หนา้ ตา 2. และก็เร่มิ ประกอบทางน้ำออก ซึ่งใชท้ อ่ 2 น้วิ เปน็ ตวั เช่ือม 3 ทางเขา้ ด้วยกันแต่จะไม่มีวาล์วคุม เหมือนนำ้ เข้า ตรงนจ้ี ะใช้วาล์ว 2 นว้ิ เพยี งตวั เดยี วไว้เพอ่ื คมุ ระดบั นำ้ ในท่อ หากเกดิ กรณไี ฟดับจะได้มนี ำ้ เล้ียง อย่ใู นท่อ โดยวัดระดบั ความยาวเชอ่ื มต่อกันเพ่ือเทยี บกบั ทางน้ำเข้าจะได้มีระยะหา่ งของแตล่ ะรางหัว-ทา้ ย 3. หลังจากนน้ั กใ็ ช้ท่อ PVC 2 น้ิวมาเชอื่ มตอ่ ทั้งชุดเข้าดว้ ยกันโดยเร่มิ จากทางน้ำเข้าก่อนประกอบทาง นำ้ ออก ทนี กี้ ว็ ดั ระยะเพื่อทำการเจาะรูและกเ็ ร่ิมลงมือเจาะกัน หลังจากเจาะแล้วก็ทำการตดั ปกี และเอาเศษที่ ไม่เรยี บร้อยออกโดยใช้คตั เตอร์ตัดออก กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 35 วธิ ีการปลูก พชื ไร้ดนิ แบบ Hydroponics 1. เตรยี มฟองนำ้ ทีใ่ ช้โดยการผ่าแบ่งใหเ้ หมาะสมกบั รางปลูก ใช้ มดี คัตเตอร์ กดี ฟองนำ้ เป็นรปู เคร่อื งหมายคูณ ความลกึ ของรอยประมาณ 2-3 มลิ ลิเมตร 2. ใส่เมลด็ ลงไปในรอยกดี ประมาณ 2-3 เมล็ด นำไปใสใ่ นกระบะเพาะ รดนำ้ ให้ชมุ่ แต่หา้ มไม่ให้ระดบั น้ำสงู เกินไปจนท่วม เมล็ดเพราะ เมล็ดจะไม่งอกและเนา่ ในทส่ี ุด 3. นำผ้าขาวบางหรือผา้ ที่ไมห่ นามากนักมาคลุมท่ีกระบะเพาะ เพื่อเป็นการรักษาความชื่นท้ิงไว้ 3-4 วัน แตต่ ้องมีการเปิดดู ทุกๆวัน เมอื่ ต้นกลา้ ท่เี พาะไว้เร่ิมจะแข็งแรงหรือมีอายุได้ประมาณ 5-7วัน ใหเ้ ปิดผา้ ออก แลว้ นำต้นกลา้ ออกจากท่ีรม่ เพื่อมา รับแสงแดด 2-3 วนั กจ็ ะได้ต้นกล้าที่สามารถลงในรางปลกู ได้ 4. ยา้ ยตน้ กล้าลงในรางปลูก ให้ฟองน้ำ จมลงไปในระดบั น้ำเพยี งคร่ึงหน่ึงของทั้งหมดเพื่อให้รากของ ตน้ พืชไดม้ ีการเจริญเตบิ โต หาอาหารเองตามธรรมชาติ โดยมสี ารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากตลอดเวลา ให้ธาตอุ าหารตามความเข้มข้นท่ีเหมาะสม ตอ่ ความตอ้ งการของพชื ชนดิ น้ัน และตามท่ผี ลติ ภณั ฑ์สารอาหาร น้ันกำหนด 5. หมัน่ ดแู ลรักษาทุกวันสังเกตความตอ้ งการสารอาหารของต้นพชื จากสีของลำต้นและสีของใบ ตามแตล่ ักษณะของพชื ชนิดนนั้ ๆ ข้อดีของการปลกู พชื ไร้ดนิ 1. พชื เจริญเตบิ โตเร็ว ผลผลติ สูง สามารถผลิตนอกฤดกู าลได้ 2. ปลกู พืชได้ในเขตทด่ี ินมปี ญั หา เชน่ ดินเคม็ ดนิ ลูกรงั ดนิ กรวด 3. ลดการสูญเสียธาตอุ าหาร 4. ใช้แรงงานในการดูแลรกั ษานอ้ ย 5. ประหยดั ค่าใช้จ่ายในการใชส้ ารเคมปี ้องกันกำจัดวัชพชื 6. ประหยัดคา่ ใช้จา่ ยในการใชส้ ารเคมีปอ้ งกัน โรคและแมลงศตั รูพชื 7. ไดผ้ ลผลติ สะอาด ขอ้ จำกดั ของการปลูกพชื ไร้ดิน 1. ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มแรกสงู กวา่ การปลูกพืชปกติ 2. ผปู้ ฏิบัตติ อ้ งมคี วามรู้ความเข้าใจ 3. การดแู ลรกั ษาต้องทำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ เรือ่ งของความเขม้ ข้นของสารละลายธาตุอาหาร คา่ pH และ ปริมาณออกซเิ จน 4. กรณเี กดโรคระบาดจะเกิดได้อยา่ งรวดเรว็ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 36 แบบทดสอบก่อน-หลังเรยี น การจดั การเรียนรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ฐานการเรียนรู้ การปลูกผักแบบไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) ................................................................... จงเลือกคำตอบที่ถูกตอ้ งท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดียว (10 ข้อ 10 คะแนน) 1. ขอ้ ใดเปน็ ความหมายของการปลูกพืชไรด้ ิน ก. การปลูกพืชแบบเกษตรทฤษฎใี หม่ ข. การปลกู พืชแบบเกษตรอินทรยี ์ ค. การปลูกพืชแบบไม่ใชด้ นิ ง. การปลกู พืชหมุนเวยี น 2. นักวิทยาศาสตร์ในประเทศใดท่ีคดิ คน้ การปลูกพชื ไรด้ ินเป็นประเทศแรก ก. องั กฤษ ข. ไทย ค. แคลฟิ อร์เนีย ง. เนเธอรแ์ ลนด์ 3. การปลกู พชื ไร้ดินโดยวธิ ีการ Hydroponics คือ ก. การปลกู พืชในดิน ข. การปลูกพชื ในอากาศ ค. การปลกู พชื ในน้ำท่มี ธี าตุอาหาร ง. การปลูกพชื โดยใช้วสั ดอุ ่นื แทนดิน 4. ขอ้ ใดไม่ใชก่ ารปลูกพืชไร้ดิน (soulless culture)คือ ก. การปลกู พืชในนำ้ ท่มี ีธาตอุ าหาร ข. การปลกู พชื ในอากาศ ค. การปลกู ข้าวโพดในนา ง. การปลูกพืชโดยใชว้ ัสดอุ ื่นแทนดิน 5. พชื ใดต่อไปนีไ้ ม่เหมาะสมในการปลกู พืชไรด้ ินแบบ Hydroponics ก. มะเขอื เทศ ข. มะพรา้ ว ค. ผกั คะน้า ง. แตงโม 6. พชื ใดต่อไปนเ้ี หมาะสมในการปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics มากที่สุด ก. สะระแหน่ ข. ผกั สลัดแก้ว ค. กะเพรา ง. แครอท กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแม่ลาว 37 7. ข้อใดต่อไปนไ้ี มใ่ ชว้ ัสดทุ ใี่ ช้ทดแทนดนิ ในการปลกู พชื ไร้ดนิ ก. กาบมะพรา้ ว ข. ฟองนำ้ ค. แทง่ แมแ่ หล็ก ง. สำลี 8. ใดตอ่ ไปนี้เป็นข้อดใี นการปลกู พืชไรด้ นิ ก. ให้ผลผลิตท่ีสะอาด ถกู อนามัย ปลอดภยั จากสารพษิ ข. ใช้แรงงานในการดแู ลน้อย ค. เหมาะสำหรับปลูกในสถานท่ีทมี่ พี ้นื ผิวดินสำหรบั ปลูกพืชนอ้ ย ง. ถกู ทกุ ข้อ 9. ข้อใดตอ่ ไปนเี้ ปน็ ขอ้ จำกดั ของการปลกู พชื ไรด้ ิน ก. ตอ้ งมคี วามรูค้ วามเข้าใจในการปลกู ข. ประหยัดคา่ ใชจ้ า่ ยในครัง้ แรก ค. ให้ผลผลิตท่ีเรว็ กว่าการปลูกพชื ในดิน ง. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก 10. เพราะเหตุใดพวกเราจึงต้องเรยี นรู้เรอ่ื ง การปลูกพืชไรด้ นิ ก. เพื่อนำไปปลกู ผกั กินเองทีบ่ ้าน ข. เพ่ือให้รูถ้ ึงเทคโนโลยีทางเลือกในการทำการเกษตร ค. เพอ่ื นำความร้ทู ีไ่ ด้ไปสอบเรยี นต่อ ง. ถูกเฉพาะขอ้ ก และ ค กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 38 แบบประเมินความพึงพอใจการดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอแม่ลาว สังกัดสำนักงาน สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั เชียงราย คำชีแ้ จง โปรดใสเ่ ครอื่ งหมาย √ ลงในชอ่ งทางขวามือ ตามความคดิ เหน็ ของทา่ นท่มี ีตอ่ การดำเนนิ งานของฐานการเรยี นรู้ตาม หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ของศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอแมล่ าว ในแตล่ ะข้อ โดยมี น้ำหนักคะแนน ดงั นี้ ระดบั คะแนน 5 หมายถึง พึงพอใจมากท่สี ุด ระดับคะแนน 4 หมายถงึ พึงพอใจมาก ระดบั คะแนน 3 หมายถึง พงึ พอใจปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถงึ พึงพอใจนอ้ ย ระดบั คะแนน 1 หมายถงึ พึงพอใจนอ้ ยทสี่ ดุ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม เพศ □ ชาย □ หญงิ อายุ □ นอ้ ยกวา่ 20 ปี □ 21 – 30 ปี □ 31 – 40 ปี □ 41 – 50 ปี □ 51 – 60 ปี □ มากกวา่ 60 ปี สถานภาพ □ นกั ศกึ ษา □ ครู □ ผบู้ ริหาร □ อนื่ ๆ ระบ…ุ ……………… ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่มตี อ่ การดำเนินงานฐานการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรทู้ ี…่ ……….... / ชื่อแหล่งเรียนรู้ .............................................................................................................. ประเด็นความคดิ เหน็ ระดับความพงึ พอใจ 54321 ด้านวิทยากร 1. เทคนคิ การถา่ ยทอดความรู้ 2. การเช่อื มโยงความรู้ตามหลัก 2-3-4-3 3. ความครบถว้ นของเนื้อหาในการถา่ ยทอด 4. ระยะเวลาถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ท่เี หมาะสม 5. การเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นมีส่วนรว่ ม 6. การตอบซกั ถาม ดา้ นสถานท่ี 7. สถานท่ีจดั การเรียนรู้มคี วามสะอาดและเหมาะสม 8. ความพร้อมของอปุ กรณ์การเรยี น 9. ความพร้อมของสื่อเทคโนโลยี ด้านความรู้ความเข้าใจ 10. ความคดิ รวบยอดทีไ่ ดจ้ ากการเรยี นรใู้ นฐาน 11. ความสามารถในการถ่ายทอดความรูแ้ ก่บุคคลอ่ืน 12. การแลกเปลีย่ นประสบการณ์กบั บุคคลอ่ืน ดา้ นการนำความรไู้ ปใช้ 13. การนำความรู้ทไ่ี ดร้ บั สกู่ ารปฏิบัตใิ นชวี ิตประจำวนั 14. การนำความรู้ทีไ่ ดร้ บั สู่การประกอบอาชพี 15. การเผยแพรค่ วามร้แู ก่บุคคลอื่น ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จังหวัดเชยี งราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 39 การวิเคราะห์กิจกรรมการเรียนรสู้ ูห่ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ฐานการเรยี นรู้ การเลี้ยงปลาดกุ ในบอ่ พลาสตกิ 2 เงื่อนไข เง่อื นไขความรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม 1. มคี วามรวู้ ิธกี ารเลย้ี งปลาในบ่อพลาสติก 1. มีความอดทน 2. รูก้ ลมุ่ เปา้ หมาย 2. มคี วามเพยี รพยายาม 3. มีความรเู้ รื่องงบประมาณ 3. มคี วามซื่อสตั ย์ 4. มคี วามรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ 5. รเู้ รื่องวสั ดทุ ่ใี ช้ 6. รู้ระยะเวลาในการเลีย้ งปลาในบอ่ พลาสตกิ 7. รู้วิธกี ารนำไปใช้ 8. รวู้ ธิ เี กบ็ รักษาอุปกรณ์ 9. รเู้ ร่ืองการตลาด 10. รู้การทำบญั ชีรายรบั -รายจา่ ย 3 หลักการ 1. พอประมาณ 2. ความมเี หตผุ ล 3. มีภมู ิคุ้มกันในตัวที่ดี 1. วัสดุที่ใช้เหมาะสมในการเลี้ยง 1. ใช้พื้นที่น้อยผสมผสานกับ 1. มกี ารวางแผนในการเล้ียงปลา การเกษตรอย่างอื่นs ในบอ่ พลาสติก ปลาในบอ่ พลาสตกิ 2. การลดรายจา่ ยเพิ่มรายได้ 2. เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ 2. งบประมาณที่ใช้กับการเลี้ยง 3. การใชบ้ ริโภคในครัวเรอื น อุปกรณ์ ปลาในบอ่ พลาสติก 3. มีสำรองวัสดุในการเลี้ยงปลา 3. สถานที่เหมาะสมในการเลี้ยง ในบอ่ พลาสตกิ ปลาในบอ่ พลาสติก 4. มีสถานท่ีการเลี้ยงปลาในบ่อ 4. ระยะเวลาเหมาะสมกับการ พลาสติก เลย้ี งปลาในบอ่ พลาสตกิ ชวี ิตท่ีมีความสมดุลและพร้อมรับตอ่ การเปล่ียนแปลงใน 4 มิติ วัตถ/ุ เศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม ด้านวฒั นธรรม ดา้ นสิ่งแวดล้อม 1. เกิดการแลกเปลี่ยน 1. มีการนำภูมิปัญญาท้องถ่ิน 1. การอนุรักษาส่ิงแวดลอ้ ม 1. เพิ่มรายได้ให้กับตนเอง/ เรยี นรู้ ในเรื่องการเลี้ยงปลาในบ่อ 2.การใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิด ครอบครัว 2. เกิดการแบ่งปนั พลาสตกิ มาใช้ ประโยชน์ 2. เพื่อการใช้บริโภคใน ครวั เรอื น กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวัดเชียงราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ ผังมโนทัศนว์ เิ คราะหล์ กั สูตรฐานการเรีย หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระด สาระที่ 1. ทักษะการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาตอ รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ เรื่อง - การเรยี นรู้ดว้ ยตวั เอง - การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ - การจัดการความรู้ - การคดิ เป็น ฐานการเร การเล้ียงปลา สาระท่ี 2. ความรูพ้ ื้นฐาน พลาสต รายวชิ า ภาษาไทย เรือ่ ง - การฟัง การดู การพดู การอ่าน การเขียน รายวชิ า คณิศาสตร์ เร่อื ง - จำนวน และการดำเนินงาน - การวดั เรขาคณิต สาระที่ 5. การพ - รอ้ ยละ ทศนิยม รายวิชา การพัฒน รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง เรือ่ ง - การพัฒนาตนเอ - สิง่ มชี ีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม รายวิชา ศาสนา แ - เร่อื ง - ศาสนา วฒั นธรร

จพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 40 ยนรู้ การเล้ียงปลาดุก ในบ่อพลาสตกิ ดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน 2551 อนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย สาระที่ 3. การประกอบอาชีพ รายวิชา ช่องทางการเขา้ สอู่ าชีพ เรือ่ ง - ช่องทางการเข้าสู่อาชพี - ทกั ษะการประกอบอาชพี - พฒั นาอาชพี ใหม้ ีอยูม่ ีกนิ รียนรู้ สาระที่ 4. ทักษะการดำเนินชวี ิต าดุกในบ่อ รายวิชา เศรษฐกจิ พอเพยี ง ติก เรอ่ื ง - ความพอเพยี งในครวั เรือน พัฒนาสงั คม - การนำเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ต์ใช้ นาตนเอง ชุมชน สังคม อง ชุมชน สงั คม ในครอบครวั และหนา้ ทพี่ ลเมอื ง รายวิชา สุขศกึ ษา พลศึกษา เรื่อง - การดแู ลสขุ ภาพ - สารอาหาร - โรคระบาดตา่ งๆ - ยาแผนโบราณและสมุนไพร รม ประเพณี

แผนการจดั การเรียนรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กศน.อำเภอแมล่ าว 41 แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ประจำฐานการเรยี นร้)ู 1. ช่อื ฐานการเรยี นรู้ การเลย้ี งปลาดกุ ในบ่อพลาสตกิ เวลา 3 ชัว่ โมง 2. ชอื่ ผูจ้ ดั ทำ นายจรณุ ไชยชมภู 3.สาระสำคญั รูปแบบการเกษตรผสมผสานช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโดยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของรายได้ เนื่องจากมีความหลากหลายในกิจกรรมการผลิต ทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ทำให้รายได้ครัวเรือนมาจากหลาย กจิ กรรมและสร้างรายได้อยา่ งสมำ่ เสมอ ค่าใช้จา่ ยลดลง รวมทงั้ ลดการพงึ่ พิงปจั จัยการผลติ ภายนอก เกษตรกร สงั่ สมกระบวนการเรยี นร้จู ากกจิ กรรมการผลติ ทห่ี ลากหลาย สามารถพึง่ พาตนเองได้ เกษตรกรจัดสรรพื้นท่ีตรง ความต้องการในครัวเรือน มีการปลูกข้าว ไม้ผล พืชผักสวนครัว ขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไวบ้ ริโภคในครัวเรือน และใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรของเหลอื ใช้ภายในพน้ื ท่ี 4. วตั ถุประสงค์ 4.1 วัตถปุ ระสงคก์ จิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1.1 เพื่อให้เขา้ รบั การอบรมมีความร้คู วามเขา้ ใจขั้นตอนการเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก 4.1.2 เพื่อใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมมที ักษะในการการเลยี้ งปลาดุกในบอ่ พลาสติก 4.2 วัตถุประสงค์ของฐานการเรยี นรู้ 4.2.1 ให้ผเู้ ขา้ รบั การอบรมเหน็ ตัวอย่างการเลีย้ งปลาดกุ ในบ่อพลาสติก 4.2.2 ให้ผ้เู ขา้ รับการอบรมได้รบั ความร้เู ก่ียวกบั การเลีย้ งปลาดกุ ในบ่อพลาสติก 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ 5.1 แนะนำวิทยากรและพื้นทก่ี ารอบรม 5.2 ชแ้ี จงวตั ถุประสงค์ของฐานการเรียนร้เู กีย่ วกับการเล้ียงปลาดกุ ในบ่อพลาสตกิ 5.3 แจ้งขอบเขตเน้ือหากจิ กรรมการอบรมแกผ่ ูเ้ ขา้ รับการอบรม 5.3 ทดสอบก่อนเรียน 5.4 วทิ ยากรแนะนำวัสดุ อปุ กรณใ์ นการเล้ยี งปลาดุกในบ่อพลาสติก 5.5 แบง่ กลุ่มผูเ้ ข้ารบั การอบรมฝกึ ปฏิบตั ิการเล้ียงปลาดุกในบอ่ พลาสตกิ 5.6 ผเู้ รียนถอดบทเรยี น 2 : 3 : 4 องค์ความรู้ทไี่ ดจ้ ากการเรยี นรู้รายบคุ ล 5.7 แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ นำองคค์ วามรู้ที่ได้จากการถอดบทเรียนมาสรปุ เป็นภาพรรวม สอบถาม และให้ ขอ้ เสนอแนะ 5.8 ทดสอบหลงั เรียน 5.9 ประเมนิ ความพึงพอใจวทิ ยากร 6. สอ่ื / อุปกรณ์ 6.1 แผน่ ผบั ใหค้ วามรูเ้ ลย้ี งปลาดุกในบอ่ พลาสติก 6.2 บอ่ พลาสตกิ 6.3 พันธ์ุปลาดกุ กศน.อำเภอแมล่ าว สำนกั งาน กศน.จังหวดั เชียงราย

แผนการจดั การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กศน.อำเภอแมล่ าว 42 7. ความรูท้ ไี่ ด้รับจากฐานการเรียนรู้ 7.1 ศาสตรพ์ ระราชา หลกั ในการทรงงานของในหลวง 7.1.1 พออยู่พอกนิ 7.1.2 จากง่ายไปหายาก 7.1.3 เศรษฐกิจพอเพยี ง 7.1.4 พ่ึงพาตนเอง 7.1.5 ความเพยี ร 7.2 ศาสตรท์ อ้ งถิน่ 7.2.1 ภมู ปิ ญั ญาในทอ้ งถน่ิ นายจำรัส คำแกน่ สวนกำนันทำนา ตำบลบวั สลี อำเภอแมล่ าว จังหวดั เชียงราย 7.3 ศาสตร์สากล 7.3.1 หนงั สอื เรียนรายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ 7.3.1.1 การเรยี นรู้ด้วยตนเอง 7.3.1.2 การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ 7.3.1.3 การจัดการความรู้ 7.3.1.4 การคิดเปน็ 7.3.1.5 การวิจัยอย่างงา่ ย 7.3.2 หนังสือเรยี นรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 7.3.1.1 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 7.3.1.1.1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 7.3.1.1.2 โครงการทางวทิ ยาศาสตร์ 7.3.3 หนงั สือเรียนรายวิชา โครงงานเพ่ือพฒั นาทักษะการเรียนรู้ 7.3.3.1 แนวคดิ เกยี่ วกบั การจดั การความรู้ 7.3.3.2 รปู แบบและกรบั วนการในการจดั การความรู้ 7.3.4 หนงั สือเรยี นรายวิชา เกษตรผสมผสาน 7.3.4.1 เศรษฐกจิ พอเพยี ง 8. ความสอดคล้องกบั หลักการทรงงาน 8.1 พออยพู่ อกิน 8.2 จากงา่ ยไปหายาก 8.3 เศรษฐกจิ พอเพียง 8.4 พง่ึ พาตนเอง 8.5 ความเพียร กศน.อำเภอแมล่ าว สำนักงาน กศน.จงั หวดั เชยี งราย