40 กกกกกกก3. กกก 3.4.12 หอระฆงั ตั้งอยู่ใกล้กบั มณฑป เป็นหอทรงไทยแบบจตุรมุข มชี ่อฟา้ ใบระกา และหางหงส์ตามแบบสถาปัตยกรรมไทย ส่วนยอดทาเป็นยอดมณฑปมีความสูง 3 ช้ันตามแบบ ของเดิม สร้างขึ้นในสมัยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงพระ อารามหลวง เพ่ือทดแทนของเก่าซ่ึงสร้างด้วยไม้ หอระฆังหลังนี้ช้ันบนสุดมีระฆังขนาดใหญ่หล่อด้วย โลหะมีข้อความ “วัดไรข่ ิง” หอระฆัง
41 กกกกกกก3. กกก 3.4.13 กฏุ ิอดตี เจา้ อาวาส หรอื กุฏติ ึก ตั้งอยู่ตดิ รมิ แม่น้านครชยั ศรีหรือแม่นา้ ท่าจีน สร้างในสมยั หลวงพ่อใช้ ปติฎโฐ อดตี เจา้ อาวาสวัดไร่ขิงรูปท่ี 5 เปน็ ตกึ ทรงไทยแบบประยุกต์ก่ออิฐถือ ปูนสองช้ัน ด้านหนา้ มีมุขโถงยน่ื ออกมา หนา้ บันชั้นบนมีรูปครุฑ หลอ่ ดว้ ย ปูน อาคารหลงั นีม้ ีลวดลาย ตกแต่งที่ซุ้มประตูหน้าต่างและลงสีไว้อย่างสวยงามทุกด้าน บางส่วนตกแต่งด้วยงานลวดลายปูนหล่อ ส่วนช่องระบายลมฉลุลวดลายลงบนแผ่นไม้สักศิลปะจีน รูปไก่ฟ้า และรูปกิเลนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ “ฮก ลก ซิ่ว” ใต้ชายคาชั้นล่างมีข้อความปูนป้ัน ดังนี้ “พระพุทธศักราช 2472” และอีกด้านฝ่ังตรง ข้าม มีข้อความ “พระปะดิสสะเกษร (ใช้) เป็นผู้สร้าง”ภายในประดิษฐานรูปหล่อจาลองของท่าน ด้านหน้ากุฏิในเขตกาแพงมีต้นสมอพิเภกขนาดใหญ่ อยู่ 1 ต้น ท่านเคยเล่าว่าต้นไม้น้ีมีเทวดารักษา และได้นาพาท่านเหาะลอยมาในอากาศตามฝัน และได้นาท่านลงท่ีต้นสมอพิเภกน้ี นอกจากน้ัน ด้านหน้ารมิ น้ายังมีศาลาทา่ นา้ สรา้ งด้วยปูนมรี ปู พระยานาคสองตวั มีข้อความ “ปะดิสสะเกษร” กุฏิอดีตเจ้าอาวาส หรอื กฏุ ิตึก
42 กกกกกกก3. กกก 3.4.14 โรงเรียนพระปริยัตธิ รรม (หลังเก่า) ตั้งอยู่ริมแม่น้าอยู่ใกล้กับกุฏิตึก สร้าง ข้ึนในสมัยพระครูมงคลวิลาส (เฉย กิตติสาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รูปที่ 6 เป็นอาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูนสองช้ัน ด้านหน้ามีมุขโถงเช่นเดียวกับกุฏิตึกของหลวงพ่อใช้ ปติฏโฐ อาคารหลังนี้ เดิมใช้ เป็นที่เรียนของพระสงฆ์ มุขด้านหน้ามีข้อความ ดังน้ี “โรงเรียนปริยัติธรรมกิตติสารสามัคคี พ.ศ. 2497” ชั้นบนมีรูปหล่อจาลองของท่านประดิษฐานอยู่บนฐานปูน ด้านล่างมีปูนป้ันรูปไก่สองตัว ซ่ึง หมายถึงปีระกาอันเป็นปีเกิดของท่าน ปัจจุบันกุฏิหลังนี้เป็นของ พระราชวิสุทธาจารย์ ท่ีปรึกษา เจา้ คณะอาเภอสามพราน ผชู้ ่วยเจา้ อาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวง โรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม (หลังเก่า) \\
43 กกกกกกก3. กกก 3.4.15 กุฏินวการโสภณ ต้ังอยู่ด้านทิศเหนือใกล้กับมณฑปสร้างขึ้นโดย พระครู นวการโสภณ (เติม จนทโสภโณ) อดีตรองเจ้าอาวาสวัดไรข่ ิง เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์แบบสองชัน้ ก่ออิฐถือปูนทั้งหมด เดิมเป็นของพระครูนวการโสภณ (เติม จนทโสภโณ) ต่อมาในปี พ.ศ.2535 ได้ทา การบูรณะขึ้นใหม่โดย พระครูปลัดวีรวัฒน์ (สมบัติ สมฺปตฺเตสโก) ปัจจุบันใช้เป็นที่พักของพระเทพ ศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง กฏุ นิ วการโสภณ \\
44 กกกกกกก3. กกก 3.4.16 หมู่กุฏิทรงไทย ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตก ใกล้กับกุฏินวการโสภณ เป็น อาคารทรงไทยโบราณ ซ่ึงเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยภาคกลาง สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมด ปัจจุบันใช้เป็นท่ีจาพรรษาของพระสงฆ์ และพระอาคันตุกะของวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อาคารหลัง น้ีสร้างข้ึนในสมัย พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอาราม หลวง หมูก่ ุฏทิ รงไทย
45 กกกกกกก3. กกก 3.4.17 อาคารท่ีพักสงฆ์สามช้ัน อาคารที่พักสงฆ์ 3 ช้ันหรือกุฏิตึก 3 ช้ัน ต้ังอยู่ ด้านทิศตะวันตกของพระอุโบสถ เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ แบบสามชั้นก่ออิฐถือปูนทั้งหมด ปัจจุบันใช้เป็นท่ีจาพรรษาของพระสงฆ์ภายในวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อดีตเป็นที่พักสาหรับ พระภิกษุสามเณร ที่มาอบรมบาลีก่อนสอบ เพื่อเตรียมตัวสอบบาลีในชั้นต่าง ๆ อาคารหลังน้ีสร้างขึ้น ในสมัยพระอุบาลคี ณุ ูปมาจารย์ (ปญั ญา อินทฺ ปญโฺ ญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวง อาคารทพี่ ักสงฆ์
46 กกกกกกก3. กกก 3.4.18 อาคารพิพิธภัณฑ์วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ใกล้กับกุฏิเจ้าอาวาส เป็นอาคารทรงไทยสองชั้นแบบก่ออิฐถือปูนทั้งหมด เครื่องบนประดับตกแต่งด้วยช่อฟ้าใบระกาและ หางหงส์ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังตกแต่งไว้อย่างสวยงามทุกด้าน สง่ิ ที่สาคญั อาคารหลังนี้ใช้เป็น ที่จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุท่ีเก่าแก่ของวัดซ่ึงได้รวบรวมเอาไว้ ทราบมาว่าตั้งแต่ พระอุบาลี คุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง เม่ือมารับตาแหน่งคร้ัง แรกในปี พ.ศ.2503 ท่านก็ได้ริเร่ิมในเรื่องนี้แล้ว และได้เก็บสะสมสิ่งของต่าง ๆ มาโดยตลอด อาคาร พิพิธภัณฑ์หลังน้ีปัจจุบันได้สร้างเช่ือมต่อกับศาลาการเปรียญสองหลังคู่ของวัด เพ่ือขยายพ้ืนท่ีใน การจัดแสดงสง่ิ ของได้กว้างขวางมากย่ิงข้ึน อาคารพิพิธภัณฑว์ ดั ไร่ขิง พระอารามหลวง
47 กกกกกกก3. กกก 3.4.19 ศาลาท่านา้ ตัง้ อยู่ทางทิศเหนอื ของพระอโุ บสถตดิ รมิ แม่น้า ศาลาทา่ นา้ ของวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง มี 3 หลงั สร้างในแนวขนานกับแม่น้านครชยั ศรี (ท่าจีน) กกกกกกก3. กกก 3.4.19 ศาลาหลังท่ี 1 สร้างอยู่ตรงกับพระอุโบสถ ด้านบนมีข้อความ “พ่อบาง แม่จอน วันค้า บรจิ าค 37,219 บาท ประชาชนบริจาค 3,781 บาท สรา้ ง พ.ศ. 2504 กกกกกกก3. กกก 3.4.19 ศาลาหลังท่ี 2 สร้างอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ด้านบนมีข้อความ “แม่ตี๊ โตรักษา นายช้อย แม่แตงไท ชิวค้า พ่อมุ้ย จีนประชา นายภักดิ์ แม่ฉง้อน โปราณานนท์ และ ประชาชนสรา้ ง พ.ศ. 2505” กกกกกกก3. กกก 3.4.19 ศาลาหลังที่ 3 สร้างอยู่ทางดา้ นทศิ ตะวนั ตก ตง้ั อยดู่ า้ นหน้าพิพธิ ภณั ฑ์ของ วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ด้านบนมีข้อความ “นายเบ้ียว นางกิมล้ัน ภูติวณิชย์ พร้อมบุตรธิดา(ศาลา ภูตวิ ณชิ ย์ 2519)” ศาลาทา่ นา้
48 กกกกกกก3. กกก 3.4.20 สานกั งานมลู นิธิมลู นธิ ิเมตตาประชารักษ์ (วัดไรข่ ิง) มูลนธิ หิ ลวงพอ่ วดั ไร่ ขิง และมูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) ตั้งอยู่ติดกับศาลาจตุรมุข ด้านหน้าพระ อุโบสถ เป็นอาคารทรงไทยแบบตรีมุข มีป้านลมแบบบ้านทรงไทยท่ัวไปทาด้วยปูน หน้าบันตกแต่ง ด้วยปูนปั้นปิดทองประดับกระจกเสาด้านหน้ารูปกลม ตัวอาคารก่ออิฐสลับกระจก สร้างข้ึนประมาณ พ.ศ.2534 ในสมัยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอาราม หลวง สานักงานมลู นิธิมูลนิธเิ มตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) มลู นิธหิ ลวงพอ่ วดั ไรข่ ิง และมูลนิธพิ ระอบุ าลีคุณปู มาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญโฺ ญ) )
49 กกกกกกก3. กกก 3.4.21 อาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม ต้งั อย่ตู ิดรมิ แม่น้าด้านทิศตะวันออกของ พระอุโบสถ สร้างข้ึนในสมัย พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐ ถือปูนสองชั้นขนาดใหญ่ หน้าบันตกแต่งด้วยปูนและลงสีไว้อย่างสวยงาม อาคารหลังนี้อดีตใช้เป็นท่ี เรียน และอบรมบาลีก่อนสอบของพระภิกษุสามเณร ภาค 14 ปัจจุบันเป็นกุฏิของพระรัตนสุธี ผู้ช่วย เจ้าอาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง อาคารโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม
50 กกกกกกก3. กกก 3.4.22 อาคารศาลาไทยคม ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถ เชิงสะพาน มงคลรัฐประชานุกูล (วัดไร่ขิง) เป็นอาคารทรงไทยสามชั้นแบบตรีมุข หน้าบันตกแต่งด้วยปูนปั้น ลวดลายไทยปิดทอง ด้านหน้ามีป้าย “สานักงานปฏิบัติงานคณะสงฆ์ ภาค 14” เดิมเคยใช้เป็นศูนย์ การฝึกการเรียนภาษาอังกฤษ และเป็นท่ีประชุมของคณะสงฆ์ ปัจจุบันเป็นที่ทาการสานักงานขนส่ง มวลชนกรงุ เทพ ฯ เขตการเดนิ รถท่ี 6 และสภาวฒั นธรรมอาเภอสามพราน อาคารศาลาไทยคม
51 กกกกกกก3. กกก 3.4.23 อาคารปฏิบัตธิ รรมเฉลิมพระเกยี รติ 72 พรรษา มหาราชินี ต้งั อย่ทู างด้าน ทิศตะวันออกของพระอุโบสถติดกับศาลาไทยคม สร้างข้ึนเม่ือปี พ.ศ.2547 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เก่ียว อุปเสโณป.ธ.9) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าท่ีแทนสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ ราชวรวิหาร เป็นประธานเปิดเม่ือวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2549 อาคารหลังนี้เป็นอาคารอเนกประสงค์ ใช้เป็นสถานทีอ่ บรมนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และเปน็ สถานท่ีพักสาหรับใช้ในการอบรมบาลีก่อน สอบ ที่ประชมุ สงฆ์ หนว่ ยงานราชการ และเอกชน อาคารปฏบิ ัตธิ รรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชนิ ี
52 กกกกกกก3. กกก 3.4.24 ศาลาทรงไทย อทุ ยานการศึกษาพระเบญจภาคี วารปี าฏหิ าริย์ (5 พ่ีนอ้ ง) ตง้ั อยู่ ตดิ แม่น้าท่าจีน เป็นทรงไทยไม้สกั ทองท้ังหลงั ประดับด้วยลวดลาย พื้นปูด้วยไม้ และหินอ่อน สร้างขน้ึ พ.ศ. 2553 ดา้ นในศาลาประดิษฐานอุทยานการศกึ ษาพระเบญจภาคี วารยี ์ปาฏหิ ารยิ ท์ ัง้ 5 องค์ เริ่มทา การก่อสร้างในสมัยพระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไรข่ ิง พระอารามหลวง รปู ปจั จุบัน ศาลาทรงไทย อุทยานการศกึ ษาพระเบญจภาคี วารปี าฏหิ าริย์
53 กกกกกกก3. กกก 3.4.25 อาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา เป็นอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 5 ชั้น ต้ังอยู่ฝ่งตรงข้ามแม่น้าท่าจีน ห่างจากวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ประมาณ 200 เมตร ดาเนินการก่อสร้าง ต้ังแต่ปี พ.ศ.2553 แล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2557 งบประมาณการก่อสร้าง 148 ลา้ นบาท ใชเ้ ป็นท่ปี ฏบิ ัตธิ รรม การอบรม การประชมุ และการเรยี นของคณะสงฆ์ ตลอดจนเป็น ท่ีรองรับงานของกิจการคณะสงฆ์ ปัจจุบันเป็นสถานท่ีใช้ในการอบรมบาลีก่อนสอบคณะสงฆ์ภาค 14 และงานสาธารณประโยชนต์ ่าง ๆ อาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา
54 กกกกกกก3. กกก 3.4.26 บ้านดินอินทณัฐ ตามแนวพระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บา้ นดนิ คอื บา้ นที่สร้างจากวสั ดธุ รรมชาติที่มีตามท้องถ่นิ นน้ั จงึ ถอื เป็นทางเลือก หนึง่ ในการดงึ เอาศกั ยภาพทีท่ ุกคนมอี ยู่ และถูกท้งิ ใหห้ ลงลมื ไปว่า เราเองก็สามารถสรา้ งบ้านดินได้เอง โดยอาศัยวัสดุที่หาง่ายในท้องถ่ินลดความร้อน มีราคาไม่แพง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่า เป็นการดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริ ประกอบด้วย บ้านดิน 3 หลัง ปัจจุบันบ้านดินอยู่ด้านหน้าตึกพระประดิสสะเกสร มีสระน้าล้อมรอบ และสวนหย่อม ภายใน บา้ นแตล่ ะหลังประกอบดว้ ย งานปูนป้นั ลงสี เรอ่ื งราวตามพุทธประวัติของพระพทุ ธเจ้า มชี ื่อว่า “บ้าน ดินอินทณัฐ” เร่ิมก่อสร้างต้ังแต่ปี พ.ศ. 2555 – 2556 รอบบ้านมีสระน้าล้อมรอบ เลี้ยงปลาคาร์ฟ ดูดนม เพ่ือเป็นสถานที่พักผ่อน ดาเนินการก่อสร้างโดย พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง รูปปจั จุบัน บา้ นดินอินทณฐั
55 กกกกกกก3. กกก 3.4.27 พระอุปคุต เร่ิมก่อสร้างต้ังแต่ปี พ.ศ. 2556 ลักษณะเป็นศิลปะการป้ัน ตามราศี 12 ราศีสากล ดา้ นหน้ามีสระนา้ ล้อมรอบ เพ่ือลอยเรอื สะเดาะเคราะห์ มีรูปป้นั พระอุปคุตทั้ง สองฝ่ัง มีความเชื่อว่า ผู้ใดได้ใส่บาตรให้แก่ “พระอุปคุต” หรือบูชาท่านอย่างสม่าเสมอ ก็จะพบกับ ชีวิตทีป่ ระสบความสาเร็จเจรญิ รุ่งเรอื ง รา่ รวยได้อย่างรวดเร็ว เพราะความเชือ่ ดงั กล่าวจึงเป็นท่ีมาของ พิธกี ารตกั บาตรและการบชู าพระอปุ คุต ซึง่ เป็นความเชอ่ื ท่ยี ดึ ถอื มาอยา่ งยาวนาน ดาเนนิ การสร้างโดย พระเทพศาสนาภบิ าล เจา้ อาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง รปู ปจั จุบัน พระอปุ คตุ
56 กกกกกกก3. กกก 3.4.28 ซุ้มประตูวัด มีลักษณะจตุรมุขประดับยอดฉัตรสูง เป็นซุ้มทางเข้าวัด มี 3 ซุ้ม ล้อมรอบด้วยกาแพงแก้ว แบ่งเป็น อาณาเขตสงฆ์ ในปี พ.ศ. 2557 ได้ทาการบูรณปฏิสังขรณ์ ในสมัย ของพระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง รูปปัจจบุ นั ซมุ้ ประตูวัด
57 กกกกกกก3. กกก 3.4.29 ซมุ้ ประตเู ล็ก มีลักษณะสามเหลยี่ ม ยอดมีลกั ษณะเป็นรูปพญานาค 3 เศียร ตกแตง่ ดว้ ยลายไทยแบบวจิ ติ ร ในปี พ.ศ. 2557 ได้ทาการทาสี ตกแต่งลวดลายใหม่ โดยพระเทพ ศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวดั ไร่ขิง พระอารามหลวง รปู ปจั จุบัน ซ้มุ ประตูเล็ก
58 กกกกกกก3. กกก 3.4.30 เสากาแพงแกว้ มลี ักษณะเป็นเสา ประกอบด้วย 3 เสา แล้วเว้นระยะห่าง ในแต่ละช่วง ตลอดแนวกาแพงแก้ว ปลายเสาเป็นลักษณะโคมแบบวิจิตร ในปี พ.ศ. 2557 ได้ทาการ บรู ณปฏสิ ังขรณ์ ในสมยั ของพระเทพศาสนาภบิ าล เจา้ อาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวง รูปปจั จบุ ัน เสากาแพงแกว้
59 กกกกกกก3. กกก 3.4.31 พระพุทธเมตตามหามงคล ประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพธิ์อายุกว่าร้อยปี หน้า พระอุโบสถ องค์พระพุทธรูป ขนาดหน้าตักกว้าง 29 น้ิว สูง 39 น้ิว จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นพระประธาน ฉลองปีพุทธชยันตี ณ ลานปฏิบัติธรรม ก่อสร้างเม่ือปี พ.ศ.2556 ในสมัยของพระเทพศาสนาภิบาล เจา้ อาวาสวัดไรข่ ิง พระอารามหลวง รูปปจั จุบัน พระพทุ ธเมตตามหามงคล
60 กกกกกกก3. กกก 3.4.32 พระพุทธมหาภิเนษกรมณ์ ประดิษฐาน ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ สร้างเพ่ือ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ตอนเสด็จออกผนวช ที่เรียกการเสด็จออกผนวชของพระพุทธเจ้าเช่นนี้เพราะ พระองค์ทรงออกผนวชโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือแสวงหาโมกขธรรม คือความหลุดพ้นจากความทุกข์ ลักษณะเป็นปูนปั้น มีบ่อน้าล้อมรอบ จาลองการเสด็จออกผนวชของพระพุทธเจ้า โดยดาริและ การดาเนนิ งานสร้างของ พระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไรข่ ิง พระอารามหลวง รปู ปจั จบุ นั พระพุทธมหาภิเนษกรมณ์
61 กกกกกกก3. กกก 3.4.33 หลวงพ่อวัดไร่ขิงประจาวันเกิด ประดิษฐานอยู่ ณ ลานปฏิบัติธรรม เริ่ม ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2556 แล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2557 พุทธลักษณะตามปางประจาวันเกิด พระพักตร์เป็น แบบหลวงพ่อวัดไร่ขิง พระประธานในพระอุโบสถวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ดาเนินการจัดสร้างโดย พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง รูปปจั จุบัน กกกกกกก3. กกก 3.4.34 หลวงพอ่ วดั ไรข่ ิงปางนาคปรก ประดษิ ฐานข้างพระอปุ คุต ดา้ นตะวันออก ของพระอุโบสถ มีลักษณะคือ องค์พระเป็นหลวงพ่อวัดไร่ขิงปางนาคปรก 9 เศียรประทับใต้ใบโพธิ์ ขนาดใหญ่
62 กกกกกกกกล่าวโดยสรุป ศิลปกรรมในวัดไร่ขิง พระอารามหลวงทั้งหมดเป็นศิลปกรรมทาง พระพุทธศาสนา เป็นศิลปกรรมที่สร้างขึ้นตามวัดวาอารามต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางพุทธศาสนา มี ดังนี้ พระสถูปเจดีย์ต่าง ๆ พระปรางค์ พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิ ซุ้ม ระเบียง กาแพงแก้ว เป็นต้น ศิลปกรรมทางพระพุทธศาสนา ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมท่ีจัดสร้างขึ้นเพ่ือเป็น อนุสรณ์อันควรแกก่ ารสักการบูชาของพทุ ธศาสนกิ ชนทั้งหลาย การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกก1. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองในประเด็นท่ีกาหนดไว้ร่วมกนั จากส่ือการเรียนรู้ ที่หลากหลาย 2. บนั ทึกผลการศึกษาทค่ี น้ คว้าลงในเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) 3. พบกลุ่ม อภปิ ราย แลกเปลยี่ นเรียนรู้ คดิ วิเคราะห์ข้อมลู ท่ไี ด้จากการศึกษาค้นคว้า สรปุ ผลการเรยี นรู้ ลงในเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) 4. นาสรุปผลการเรียนรู้มาปฏิบัติด้วยการทาใบงาน และนาความรู้หัวเรื่องน้ีไปทา เอกสารรายงาน เรอ่ื ง หลวงพอ่ วัดไรข่ ิง มิง่ มงคล คนสามพราน สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร 1.1 ใบความรู้ 1.2 ใบงาน 1.3 หนังสือเรียน สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค33136 หลวงพ่อวัดไร่ขิง ม่ิงมงคล คนสามพราน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1.4 หนังสือทเี่ กี่ยวข้องกับหลวงพ่อวัดไร่ขิง มิ่งมงคล คนสามพราน ไดแ้ ก่ 1.4.1 ประวัตหิ ลวงพอ่ วดั ไรข่ ิง ผูแ้ ตง่ วดั ไร่ขงิ พระอารามหลวงอาเภอสามพราน จงั หวัด นครปฐม ปที ่ีพิมพ์ 2560 โรงพิมพ์ หจก.พี วาย พริ้นตง้ิ จากดั 1.4.2 งานเทศกาลนมสั การปดิ ทองหลวงพ่อวดั ไร่ขิง ผูแ้ ต่ง วัดไร่ขงิ พระอาราม หลวง อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ปที ีพ่ ิมพ์ 2559 โรงพิมพ์ หจก.สามลดา 1.4.3 หนังสืออ่านเพิ่มเติมชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี1ชุมชนคนไร่ขิงผู้แต่ง ศิรประภา จงั พานิช ปีทพ่ี ิมพ์ 2557 กกกกกกก2. สื่อบคุ คล 2.1 พระเทพศาสนาภิบาลเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ที่อยู่ วัดไร่ขิง พระ อารามหลวง อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มีความเช่ียวชาญเรื่อง ประวัติหลวงพ่อวัดไร่ขิง หลักธรรมคาสอน หมายเลขโทรศพั ท์ 0-3431-1384 , 0-3432-3056
63 กกกกกกก3. ส่ือแหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน 3.1 วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ท่อี ยู่ 51 หม่ทู ี่ 2 ตาบลไรข่ ิง อาเภอสามพราน จังหวัด นครปฐม หมายเลขโทรศัพท์ 0-3431-1384 , 0-3432-3056 3.2 หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” อาเภอสามพราน ที่อยู่ 51 หมู่ที่ 2 ตาบล ไร่ขิง อาเภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม การวดั และประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมินความก้าวหนา้ ดว้ ยวธิ กี าร 1.1 การสังเกต 1.2 การซักถาม ตอบคาถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) 1.4 ตรวจเอกสารรายงานเร่ือง หลวงพ่อวดั ไร่ขงิ ม่ิงมงคล คนสามพราน 2. ประเมนิ ผลรวม ด้วยวธิ ีการ 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ หัวเรื่องที่ 2 เรือ่ ง วัดไร่ขิง พระอารามหลวง จานวน 6 ขอ้ 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคติที่มีต่อรายวิชาหลวงพ่อวดั ไรข่ ิง มิ่งมงคล คนสามพราน
64 กกกกกกกหัวเรอ่ื งท่ี 3 เจา้ อาวาสวัดไร่ขิง และหลกั ธรรม คาสอน สาระสาคัญ กกกกกกก1. เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จนถึงปัจจุบันมี 10 รูป ดังน้ี รูปท่ี 1 หลวงพ่อจาด รูปท่ี 2 หลวงพ่อคง รูปที่ 3 หลวงพ่อรักษ์ รูปที่ 4 หลวงพ่อมุ้ย รูปท่ี 5 พระอธิการใช้ ปติฎโฐ รูปที่ 6 พระครูมงคลวิลาส (เฉย กิตติสาโร) รูปที่ 7 พระอาจารย์ช้ืน ปฏิกาโร รูปที่ 8 พระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม ทิฏโฐ) รูปที่ 9 พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) และรูปที่ 10 พระเทพศาสนาภิ บาล (แยม้ กิตฺตนิ ธฺ โร) กกกกกกก2. หลักธรรมคาสอนของ พระอุบาลคี ุณูปมาจารย์ (ปญั ญา อินฺทปญโฺ ญ) อดตี เจ้าอาวาสวัด ไร่ขิง พระอารามหลวง ทสี่ าคัญมดี ังนี้ (1) หลักธรรมทีเ่ ก่ียวข้องกับการดาเนินชีวิต และ (2) หลักธรรม ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับการศึกษา กกกกกกก3. หลกั ธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวงท่สี าคัญ คอื หลกั ธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการดาเนนิ ชีวิต ความสขุ และความทุกข์ เปน็ สิ่งท่ีจติ เราปรุงแต่งขนึ้ มา ถ้า เรารับรู้ถึงส่ิงท่ีดีงาม ส่ิงสวยงาม และความสุขท่ีรายรอบตัวเราเองอยู่ทุกขณะแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้ ความรสู้ ึกทีเ่ ปน็ ทุกข์ มาครอบงาจติ ใจเราได้ ตัวชวี้ ัด กกกกกกก1. บอกลาดับเจา้ อาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวงได้ กกกกกกก2. สามารถนาหลกั ธรรมคาสอนของพระอุบาลีคณุ ปู มาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส และพระเทพ ศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวดั ไร่ขิง พระอารามหลวง ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ กกกกกกก3. เห็นคณุ คา่ และประโยชน์ของหลักธรรมคาสอนของพระอบุ าลคี ุณปู มาจารย์ อดตี เจ้า อาวาส และพระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ทน่ี าไปใช้ในชวี ิตประจาวัน กกกก กกกกกกก ขอบข่ายเนือ้ หา 1. ลาดบั เจา้ อาวาส วดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง 2. หลักธรรมคาสอนของ พระอุบาลีคณุ ปู มาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอาราม หลวง 3. หลักธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภิบาล เจา้ อาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวง เน้ือหา กกกกกกก1. ลาดบั เจา้ อาวาส วดั ไร่ขิง พระอารามหลวง 1.1 เจา้ อาวาสวดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง ลาดับท่ี 1-4 อยู่ในชว่ งสมัยรัตนโกสนิ ทร์ ตอนตน้ ทาให้ไม่มีข้อมลู รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติและผลงาน ของทา่ นให้ศึกษามเี พียงช่ือของทา่ น ดงั น้ี
65 ลาดบั เจ้าอาวาส รูปท่ี 1 คอื หลวงพ่อจาด ลาดบั เจา้ อาวาส รปู ที่ 2 คอื หลวงพอ่ คง ลาดับเจ้าอาวาส รปู ท่ี 3 คอื หลวงพอ่ รักษ์ ลาดับเจา้ อาวาส รปู ที่ 4 คือ หลวงพอ่ มุ้ย 1.2 เจา้ อาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง ลาดบั ท่ี 5-10 มีรายละเอยี ดของทา่ น ตั้งแต่ ประวัติและผลงานมีดงั น้ี 1.2.1 ลาดบั เจา้ อาวาส รูปที่ 5 คือ พระอธิการใช้ ปตฎิ โฐ กกกกก กกกกกกกประวัติ “พระอธิการใช้ ปติฎโฐ” หรือ “หลวงพ่อใช้” จากประวัติของท่านทราบว่า เดิม ทา่ นมบี า้ นเกดิ อย่ทู างวัดวังตะกู อาเภอเมอื งนครปฐม จังหวดั นครปฐม ตอ่ มาได้บวชอยูท่ ี่วัดสรรเพชญ เนอ่ื งด้วยทา่ นมีเชอ้ื สายคนจีน จึงพูดไทยได้ไม่ชัดเจนนัก หลังจากบวช จาพรรษาอยทู่ ว่ี ดั สรรเพชญ ได้ เกิดอาพาธ(ป่วย) หนกั คืนหนง่ึ ท่านไดฝ้ นั ไปวา่ ตัวของท่านลอยข้นึ มาทางเหนือน้า พบตน้ ไม้ใหญ่ จึงได้ ลงที่ต้นไม้นั้น พอตื่นขึ้นมาในตอนย่ารุ่ง เมื่อท่านหายป่วยและรักษาตัวดีแล้ว จึงได้ลงเรือล่องข้ึนมา ทางเหนือน้า เม่ือถึงวัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง)ก็จาได้ตามฝัน จึงได้ขอย้ายมาจาพรรษาท่ีวัดมงคล จินดาราม (วัดไร่ขิง) นี้ ต่อมาหลวงพ่อมุ้ย เจ้าอาวาส รูปท่ี 4 มรณภาพลง หลวงพ่อใช้ ปติฏโฐ จึงได้ รกั ษาการเจา้ อาวาส แต่น้ันมาประมาณ 20 ปี ต้งั แต่ พ.ศ. 2455 ถงึ พ.ศ. 2475 และไดร้ ับแตง่ ตั้งเป็น เจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2477 จึงมรณภาพ กกกกกกกผลงานของท่าน ได้แก่ การย้ายกุฏิทรงไทย ท่ีตั้งอยู่ริมแม่น้าท้ังหมด นาไปต้ังเรียงแถวใหม่ โดยเรมิ่ จากริมน้าวางไปตามแนวจนถึงมณฑปในปัจจุบนั ซึง่ ทากฏุ ไิ ด้เพยี ง 2 - 3 หลงั เทา่ น้นั ต่อมาได้ สรา้ งตกึ ทรงไทยประยุกต์ก่ออฐิ ถือปูนสองชนั้ เป็นแบบตรีมขุ หรือมหี นา้ จัว่ สามดา้ น ดา้ นหน้ามีมุขโถง ย่ืนออกมา หน้าบันมีรูปครุฑหล่อด้วยปูน อาคารหลังน้ีมีลวดลายตกแต่งท่ีซุ้มประตูหน้าต่างไว้
66 อย่างสวยงามทุกด้าน บางส่วนได้ตกแต่งด้วยงานลวดลายปูนหล่อ และบางส่วนเป็นไม้ฉลุลวดลาย ประดับไว้ท่ีช่องระบายลม ใต้ชายคาชั้นล่างมีข้อความปูนปั้นดังนี้ “พระพุทธศักราช 2472” และอีก ด้านฝั่งตรงข้าม ขอ้ ความ “พระปะดสิ สะเกษร (ใช)้ เปน็ ผสู้ รา้ ง” ในเขตกาแพงของกุฏินี้ ดา้ นหนา้ มีต้น สมอพิเภกขนาดใหญ่อยู่ 1 ต้น ซ่ึงท่านได้ดูแลรักษาเอาไว้ เพราะท่านเล่าว่ามีเทวดารักษาอยู่ และได้ พาทา่ นเหาะลอยมาในอากาศ แลว้ นาท่านลงที่ตน้ สมอพเิ ภกนี้ กกกกกกกส่วนเร่ืองพระเคร่ืองและวัตถุมงคลของท่าน ได้แก่ พระเหรียญหล่อรุ่นแรกพิมพ์ “ก้น แมงดา” โดยทาเป็นพระพิมพ์ปางสมาธิ ประทับน่ังบนดอกบัวสามกลีบ ด้านหลังมียันต์พุทโธ หล่อ ด้วยโลหะผสม หรือท่ีเรียกว่าเนื้อขันลงหินรุ่น ซ่ึงเป็นท่ีรู้จักกันอย่างแพร่หลาย ต่อมา ได้แก่ยันต์ “ฮู้” เขียนด้วยดินสอ หรือปากกาเป็นยันต์ภาษาจีนลงไปในแผ่นกระดาษ เสร็จแล้วม้วนเป็นแท่งใช้ผูกติด กบั สร้อยคอเด็ก เพ่ือป้องกนั ภยั ต่าง ๆ ต่อมามผี ู้ตอ้ งการมาก จึงได้ทาเปน็ แม่พมิ พ์ไมใ้ ชช้ าดสแี ดง แทน หมึกพิมพ์ลงไปบนแผ่นกระดาษ ปัจจุบันไม่มีแล้ว เนื่องจากกระดาษเม่ือโดนน้าหรือเหง่ือจะชารุด เสียหายได้ง่าย และท่านยังได้ทามี “ตะกรุด” ด้วยเนื้อทองฝาบาตร และเนื้อทองแดง เมื่อคลี่ดูจะพบ อักขระยันต์อยู่ภายใน ตะกรุดชุดน้ีได้ถูกค้นพบเมื่อคราวบูรณปฏิสังขรณ์ “กุฏิเจ้าอาวาส” เม่ือ พ.ศ. 2553 1.2.2 ลาดบั เจ้าอาวาส รปู ท่ี 6 คือ พระครมู งคลวิลาส (เฉย กติ ติสาโร)
67 กกกกกกกประวัติ “พระครูมงคลวิลาส” หรือ “หลวงพ่อเฉย” เกิดเม่ือวันพุธ แรม 5 ค่า เดือน 4 ปี ระกา พ.ศ. 2427 ที่บ้านคลองใหม่ ตาบลไร่ขิง อาเภอตลาดใหม่ (ปัจจุบันเป็นอาเภอสามพราน) จังหวัดนครปฐมเป็นบุตรนายเจียด - นางเอม รอดอนันต์ เม่ือเยาว์วัย ได้รับการศึกษาหนังสือไทยอยู่ กับพระอาจารย์จ๋ิว วัดบางช้างใต้ อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซ่ึงเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนา ภายหลังได้ออกจากวัดไปช่วยบิดามารดาทาอาชีพกสิกรรม เม่ืออายุครบ 21 ปี ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางช้างใต้ เม่ือวันท่ี 20 มีนาคม 2448 มีพระเดชพระคุณ ท่านพระครูทักษิณานุกิจ (ผัน) วัดสรรเพชญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์ บุก วัดท่าข้าม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เม่ืออุปสมบทแล้ว ได้พานักจาพรรษาอยู่ท่ีวัดสรรเพชญ เป็น เวลา 3 พรรษา แลว้ ยา้ ยไปอยู่ที่วัดสปุ ระดิษฐาราม (วัดใหม่) อาเภอนครชัยศรี จังหวดั นครปฐม อย่กู ับ อาจารย์เป้า ศึกษาเล่าเรียนในทางวิปัสสนา กรรมฐานกับพระอาจารย์ดา อีก 3 พรรษา ต่อจากน้ันได้ ย้ายไปอยู่ท่ีวัดเรไร อาเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร) กับท่าน อาจารย์ร่ืน เรียนมูลไวยากรณ์กับท่านอาจารย์เทศ 3 พรรษา และได้เข้าสอบไล่ธรรมวินัยใน สนามหลวง วัดช่างเหล็ก อาเภอตล่ิงชัน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือเขตตล่ิงชัน กรุงเทพมหานคร) ได้ ชั้นนักธรรมตรี ต่อจากน้ันได้ย้ายมาอยู่ วัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง) เมื่อ พ.ศ.2456 จนเม่ือวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2478 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง) ในระหว่างที่ท่านดารง ตาแหนง่ เจา้ อาวาสวัดมงคลจินดาราม (วัดไรข่ ิง)น้ี ท่านได้กระทาคณุ งานความดีในดา้ นตา่ ง ๆ มากมาย นานัปการ ไมว่ ่าจะเป็นการปฏิสงั ขรณ์ ซอ่ มแซม และกอ่ สร้างศาสนสมบัติ ถาวรวตั ถตุ ่าง ๆ ภายในวัด อาทิ พระกาแพงแก้วรอบพระอุโบสถ และซุ้มประตูท้ัง 4 ทิศ โรงเรียนประชาบาล หอระฆัง เป็นต้น จวบจนท่านย่างเข้าสู่วัยชรา สุขภาพของท่านไม่สมบูรณ์ดีนัก ต้องให้แพทย์ทาการรักษาอยู่ตลอด แต่ ท่านก็ยังเอาใจใส่ทานุบารุงภายในวัดโดยตลอด ด้วยความวิริยะอุตสาหะอดทน โดยมิได้เห็นแก่ความ เจ็บป่วยเหน่อื ยยาก ตราบจนกระทงั่ วาระสุดท้ายของทา่ น ท่านพระครูมงคลวลิ าศ (เฉย) ได้มรณภาพ เมอื่ เดือน 9 ขน้ึ 15 ค่า ตรงกับวนั ที่ 11 สงิ หาคม พ.ศ. 2500 สิรริ วมอายไุ ด้ 73 ปี พรรษาที่ 52 กกกกกกกท่านได้สร้าง “โรงเรียนอนันต์สนุ ทรศึกษา” ขึ้นเป็นโรงเรียนราษฎร์ของวัดในปี พ.ศ. 2489 โดยเปิดเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ต่อมาในปี พ.ศ.2517 พระอุบาลี คุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปญโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รูปที่ 9 ได้จัดสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่อีก 1 หลังตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระอุโบสถ ซ่ึงอยู่นอกเขตกาแพงวัด และโอนให้เป็นโรงเรียนของรัฐบาล ชื่อว่า “โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา” ในปัจจุบัน นอกจากนี้แล้ว พระครูมงคลวิลาส (เฉย)ได้จัดสร้าง โรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นอีก 1 หลัง ช่ือ “โรงเรียนปริยัติธรรมกิตติสารสามัคคี พ.ศ. 2497” และมี การซ่อมแซมพระอุโบสถบางส่วน อนึ่งในการซ่อมพระอุโบสถนี้เล่ากันว่า ในปี พ.ศ.2498 พระครู มงคลวิลาส (เฉย) ได้มีการซ่อมพระเศียรของหลวงพ่อวัดไร่ขิงด้วย พระเกศได้มอบให้นายหรี่ รอด อนันต์ นอ้ งชายเปน็ ผจู้ ดั สรา้ งด้วยปูนขาวผสมรัก สมุกสดี าเนื้อดอู อก สเี ทา พระเกศนมี้ ีขนาดค่อนข้าง ใหญ่กว่าพระเกศของเดิมมากจึงไม่ได้นาขึ้นไปติด ต่อมาได้จัดสร้างข้ึนใหม่มีขนาดเล็กลงมา ดังท่ีเห็น ในทุกวนั นี้ กกกกกกกส่วนเรื่องพระเครื่องและวตั ถุมงคลของท่านเท่าที่ทราบ ในปี พ.ศ.2480 ได้สร้างพระเน้ือผง รุ่นแรกขึ้น โดยสร้างจากผงเกศล้วน ๆ ผสมยางรักเป็นรูปพระพิมพ์ปางสมาธิเรียกกันว่า “พระผงมิ่ง มงคลโมลี” ตอ่ มาในปี พ.ศ.2482 ไดส้ รา้ งพระเหรยี ญรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิงรนุ่ แรกรูป “เหรียญหยดน้า”
68 โดยมอบให้พระอาจารย์จิตต์ดาเนินการสร้าง มี 3 เนื้อได้แก่ เน้ือทองแดง เนื้อฝาบาตรออกสีเหลือง และเน้ือเงินสร้างจากโกศบรรจุอัฐิเก่า นอกจากนี้ในปีเดียวกันได้สร้าง “แหวนมงคลวัดไร่ขิง” เน้ือ ทองแดงขึ้นอีกหน่ึงแบบ ปี พ.ศ. 2491 สร้าง “เข็มกลัดรูปพระหลวงพ่อวัดไร่ขิง” เนื้อเงินเพ่ือแจก ใหก้ บั คณะกรรมการท่มี าช่วยในงานประจาปีของวัดอีกด้วย 1.2.3 ลาดับเจ้าอาวาส รปู ที่ 7 คือ พระอาจารย์ชนื้ ปฏิกาโร กกกกกกกพระอาจารยช์ ้นื ปฏกิ าโร ไดร้ บั การแต่งตัง้ เปน็ ผู้รกั ษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไร่ขงิ หลังจาก พระครูมงคลวลิ าส (เฉย กิตติสาโร) มรณะภาพได้ 7 วนั รกั ษาการอยู่ได้ไม่นานก็ลาออก 1.2.4 ลาดบั เจ้าอาวาส รปู ท่ี 8 คอื พระครูถาวรวิทยาคม (เพ่ิม ทิฏโฐ) กกกกกกกพระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม ทิฏโฐ) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสรรเพชญ ซึ่งรักษาการแทนเจ้า อาวาสวัดไร่ขิงมาโดยตลอดมาจนถึงปี 2503 จึงลาออก เพราะมีเจ้าอาวาสรูปใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง มาปกครองวดั แทน กกกกกกกผลงานของท่านคือ ได้ดาเนินการสร้างสะพาน 2 สะพาน สายเข้าวัดไร่ขิง นอกจากน้ีได้ สรา้ งถนนจากบันไดศาลาการเปรียญตรงไปทางทิศใต้ ซึ่งตรงกบั ฌาปนสนถานของวัดในปัจจบุ นั
69 1.2.5 ลาดบั เจา้ อาวาส รปู ท่ี 9 คอื พระอุบาลคี ณุ ูปมาจารย์ (ปัญญา อนิ ฺทปญฺโญ ป.ธ.6) กกกกกกกประวัติ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เดิมชื่อ ปัญญา ทิพย์มณฑา เป็นบุตรของนายไป๋และนาง แช่ม ทิพย์มณฑา อาชีพกสิกรรม เกิดเม่ือวันท่ี 8 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ท่ีอาเภอนครชัยศรี จังหวัด นครปฐม ได้บรรพชาเป็นสามเณรเม่ือวันท่ี 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 10 ค่า เดือน 6 ปีขาล ขณะมีอายุได้ 12 ปี ณ วัดกลางบางแก้ว อาเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พระครู ปัจฉิมทิศบริหาร (เกิด) วัดงิ้วราย ตาบลง้ิวราย อาเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาเม่ืออายุได้ 20 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเดิม เมื่อวันท่ี 17 มิถุนายน พ.ศ. 2485 ตรง กับวันพุธ ขึ้น 5 ค่า เดือน 8 ปีมะเมีย โดยมีพระพุทธวิถีนายก (เพ่ิม ปุญฺญวสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า \"อินทฺปญฺโญ\" พระธรรมธร มูล วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระ อาจารย์ชด ฐิตธมฺโม วัดกลางบางแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ นับได้ว่าท่านเป็นศิษย์รูปหนึ่งของ หลวงปเู่ พมิ่ วัดกลางบางแก้ว อดตี พระเกจิอาจารยผ์ ู้มีช่ือเสยี โด่งดังด้านเบ้ียแก้ ยาจินดามณี และวัตถุ มงคลตารับพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ) บูรพาจารย์ของวัดกลางบางแก้ว ลุ่มน้านครชัยศรี เมื่อ บรรพชาอุปสมบทแล้วท่านได้จาพรรษา อยู่ที่วัดไร่ขิง ศึกษาเล่าเรียนพระปริยตั ิธรรม สอบได้นักธรรม ช้ันเอก ศึกษาด้านบาลีไวยากรณ์ กระท่ังสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค ที่สานักเรียนวัดพระปฐม เจดีย์
70 กกกกกกกวิทยฐานะ กกกกกกกพ.ศ. 2487 สอบได้นกั ธรรมชั้นเอก สานักเรยี นวดั กลางบางแก้ว จงั หวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2495 สอบได้เปรยี ญธรรม 6 ประโยค ทีส่ านักเรียนวัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2496 สอบได้ประโยคพิเศษมูล (พ.) กกกกกกกความชานาญพเิ ศษ กกกกกกก1. มีความชานาญวิชาพิมพด์ ดี สมั ผสั ภาษาไทย กกกกกกก2. มีความชานาญด้านนวัตกรรม ควบคุมการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ เช่น อาคารโรงเรียน มัธยมวัดไร่ขิงวิทยา โรงเรยี นประชาบาลวัดไร่ขิง (สนุ ทรอทุ ศิ ) โรงพยาบาลเมตตาประชารกั ษ์ (วดั ไรข่ ิง) ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี”อาเภอสามพราน กกกกกกกงานการปกครอง กกกกกกกพ.ศ. 2496 เป็นพระธรรมธรจังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2503 เปน็ เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิง กกกกกกกพ.ศ. 2503 เป็นพระอปุ ชั ฌาย์ กกกกกกกพ.ศ. 2508 เปน็ เจ้าคณะจงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2508 เปน็ ผ้รู ักษาการแทนเจา้ อาวาสวัดพระงาม กกกกกกกพ.ศ. 2517 เป็นรองเจา้ คณะภาค 14 (จังหวัดนครปฐม จังหวัดสพุ รรณบรุ ี จังหวดั กาญจนบรุ ี และจงั หวดั สมุทรสาคร) กกกกกกกพ.ศ. 2533 ไดร้ ับพระบญั ชาแตง่ ตั้งใหเ้ ป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขงิ พระอารามหลวง กกกกกกกพ.ศ. 2543 เปน็ ผรู้ กั ษาการแทนเจ้าคณะภาค 14 กกกกกกกพ.ศ. 2544 ได้รับพระบัญชาแต่งต้ังเป็นเจ้าคณะภาค 14 ลงวันท่ี 27 มีนาคม ปกครอง คณะสงฆ์ในเขตจังหวดั นครปฐม จงั หวดั สุพรรณบุรี จังหวดั กาญจนบรุ ี และจงั หวัดสมุทรสาคร กกกกกกกพ.ศ. 2545 ไดร้ ับพระบญั ชาแตง่ ตั้งเปน็ ท่ีปรกึ ษาเจ้าคณะภาค 14 กกกกกกกงานด้านการศกึ ษา กกกกกกกพ.ศ. 2485 เป็นครูสอนพระปริยตั ธิ รรม กกกกกกกพ.ศ. 2486 เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมสนามหลวง กกกกกกกพ.ศ. 2488 เปน็ ผกู้ อ่ ต้ังโรงเรียนบาลี วัดต๊กุ ตา อาเภอนครชัยศรี จงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2495 เปน็ อาจารย์ใหญ่โรงเรยี นสหศึกษาบาลี วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2495 เป็นผ้รู ักษาการแทนศึกษาอาเภอเมืองนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2498 เปน็ ศึกษาจงั หวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2501 เปน็ ผกู้ อ่ ตัง้ โรงเรียนบาลี วัดออ้ มใหญ่ อาเภอสามพราน จังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2503 เป็นเจ้าสานักเรียนวัดไร่ขงิ อาเภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2512 เป็นกรรมการตรวจประโยคบาลสี นามหลวง กกกกกกกพ.ศ. 2517 เปน็ อาจารยใ์ หญโ่ รงเรียนศึกษาผใู้ หญ่วัดไรข่ งิ กกกกกกกพ.ศ. 2518 เปน็ ผอู้ านวยการฝึกซ้อมอบรมบาลีก่อนสอบ ของคณะสงฆภ์ าค 14 กกกกกกกพ.ศ. 2522 เปน็ ผู้อานวยการโรงเรยี นพระพุทธศาสนาวันอาทติ ย์วดั ไร่ขงิ กกกกกกกพ.ศ. 2525 เป็นวทิ ยากรผบู้ ริหาร สถาบันพัฒนาผบู้ รหิ ารการศึกษา (วัดไรข่ งิ )
71 กกกกกกกงานเผยแผ่ กกกกกกกพ.ศ. 2496 กกกกกกก - เป็นพระธรรมทูต อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม กกกกกกก - เปน็ อนกุ รรมการอบรมประชาชน (อ.ก.ช.) กกกกกกกพ.ศ. 2503 กกกกกกก - อบรมพระภกิ ษสุ ามเณรภายในวดั เสมอ หลงั เวลาทาวัตร เชา้ -เยน็ กกกกกกก - อบรมศีลธรรมแก่ศิษย์วัดและนักศึกษาท่ีพักอยู่ในวัด พร้อมกับให้มีการไหว้พระสวด มนต์เปน็ ประจา กกกกกกก - อบรมอบุ าสก อุบาสกิ า ทม่ี ารกั ษาอโุ บสถศีลในวัดเปน็ ประจา กกกกกกกพ.ศ. 2508 ร่วมมือกบั ทางคณะสงฆแ์ ละทางราชการออกอบรมประชาชนตามท้องถน่ิ ต่าง ๆ ในเขตปกครองเสมอ กกกกกกกพ.ศ. 2512 เปน็ วิทยากรผู้อานวยการฝึกซ้อมอบรมพระอปุ ัชฌาย์ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ ภาค 14 กกกกกกกพ.ศ. 2517 เป็นวิทยากรผู้บรรยายถวายความรู้แก่พระสังฆาธิการ ทั้งในเขตปกครองและ นอกเขตปกครอง กกกกกกกเกียรตคิ ุณทไ่ี ดร้ ับ กกกกกกกพ.ศ. 2526 ไดร้ บั โล่ประกาศเกยี รตคิ ุณ ผู้บาเพ็ญประโยชน์ ด้านการศึกษาจาก รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ กกกกกกกพ.ศ. 2527 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณแสดงว่า บริจาคทรัพย์ซ้ือท่ีดินมอบให้โรงเรียนภัทร ญาณวทิ ยา จงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2528 ได้รบั โลป่ ระกาศเกียรตคิ ุณแสดงวา่ ใหก้ ารอปุ การคุณแก่สมาคม นักหนงั สอื พมิ พแ์ หง่ ประเทศไทย กกกกกกกพ.ศ. 2529 ได้รับโลป่ ระกาศเกยี รตคิ ุณแสดงว่า ไดม้ อบเงนิ สมทบทนุ “มูลนธิ ิคน หนงั สอื พมิ พ์” กกกกกกกพ.ศ. 2530 ได้รบั พระราชทานเกียรตคิ ุณบัตรและเสมาธรรมจกั รในฐานะบคุ คลผทู้ า ประโยชนต์ อ่ พระพุทธศาสนา ประเภท “สง่ เสริมพฒั นาชมุ ชน โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา” จากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี กกกกกกกพ.ศ. 2531 ไดร้ ับปรญิ ญาพทุ ธศาสตรดษุ ฎีบณั ฑิตกติ ติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์ จากมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ กกกกกกกพ.ศ. 2532 ได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาชุมชน จากสภา การฝกึ หัดครู กกกกกกกพ.ศ. 2533 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณแสดงว่า เป็นผู้ให้ความอนุเคราะห์ปรับปรุงห้ อง บรกิ ารโสตทัศนวัสดใุ นหอสมุด และโครงการห้องสมุดสชู่ นบทของวิทยาลยั ครนู ครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2534 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณแสดงว่า เป็นผู้จัดสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิม ราชกุมารี” อาเภอสามพราน
72 กกกกกกกพ.ศ. 2536 ไดร้ บั โลป่ ระกาศเกยี รติคุณแสดงว่า เปน็ บคุ คลดีเดน่ แห่งวงการศึกษาของชาติ สาขาการพฒั นาสงั คม จากสมาคมศึกษานเิ ทศกแ์ ห่งประเทศไทย กกกกกกกพ.ศ. 2537 ได้รบั โล่ประกาศเกียรตคิ ุณแสดงว่า เป็นบคุ คลดีเดน่ ด้านการบารงุ ส่งเสริม พระพุทธศาสนา พฒั นาสังคมการศึกษาและวฒั นธรรมไทย จากผ้วู ่าราชการจงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2540 ไดร้ บั โล่ประกาศเกียรตคิ ุณในฐานะผูม้ อี ปุ การคณุ ต่อวงการหอ้ งสมุดจาก สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ จากสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี กกกกกกกพ.ศ. 2545 ไดร้ ับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาชุมชน จาก มหาวิทยาลยั ราชภฎั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2547 ไดร้ บั ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบณั ฑติ กิตติมศักด์ิ สาขาหลกั สตู รและการสอน จากมหาวิทยาลัยศิลปากร กกกกกกกพ.ศ. 2547 ไดร้ ับโล่เกยี รติคณุ ในฐานะเปน็ บุคลากรภาคเอกชนท่จี ัดหรอื สนบั สนุน การศกึ ษานอกโรงเรยี นดเี ด่น สานักงานบรหิ ารการศกึ ษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กกกกกกกสมณศกั ดิ์ กกกกกกกพ.ศ. 2500 ได้รับพระราชทานสมณศักด์ิ เป็นพระครสู ัญญาบัตรชัน้ เอก ท่ี “พระครู ทักษิณานุกิจ” กกกกกกกพ.ศ. 2504 ได้รบั พระราชทานสมณศักด์ิ เป็นพระราชาคณะชัน้ สามัญท่ี “พระปัญญาวิมลมนุ ี” กกกกกกกพ.ศ. 2511 ได้รบั พระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชัน้ ราชที่ “พระราชปัญญา ภรณ์” กกกกกกกพ.ศ. 2524 ไดร้ บั พระราชทานเล่ือนสมณสักดิ์ เปน็ พระราชาคณะชน้ั เทพท่ี “พระเทพ วรเวที” กกกกกกกพ.ศ. 2533 ได้รบั พระราชทานเล่ือนสมณสักดิ์ เปน็ พระราชาคณะช้ันธรรม ท่ี “พระธรรม มหาวีรานวุ ัตร” กกกกกกกพ.ศ. 2539 ได้รบั พระราชทานสถาปนาสมณศักด์ิ เป็นพระราชาคณะเจา้ คณะรอง ช้ันหิรัญบัฏ ในราชทนิ นามท่ี “พระอบุ าลีคุณูปมาจารย์” กกกกกกกท่านมีบทบาทสาคัญในการอบรมส่ังสอนพระสงฆ์สามเณรและประชาชนทั่วไป เป็นผู้มีศิลปะ ในการแสดงพระธรรมเทศนา เป็นปราชญ์ด้านการเขียนท้ังร้อยแก้ว ร้อยกรอง ตารา วิชาการทาง พระพุทธศาสนา มีผลงานการประพันธ์เป็นจานวนมาก เช่น บทความ สารคดี คู่มือบาลีไวยากรณ์ คู่มือพระอุปัชฌาย์ นิทานธรรม รวมพระธรรมเทศนา บทร้อยกรองประเภทต่างๆ โดยท่านจะใช้นาม จริงและนามแฝงในการประพันธ์วรรณกรรม นอกจากน้ียังมีเทปธรรมะอีกเป็นจานวนมาก ด้านการ ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา งานศึกษาสงเคราะห์ ท่านเป็นผู้ริเร่ิมก่อตั้งโรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) เป็นโรงเรยี นระดับประถมศึกษา และกอ่ ตั้งโรงเรยี นวดั ไร่ขิงวิทยา เป็นโรงเรยี นมธั ยมศึกษาขนาดใหญ่ อนุญาตให้ใช้ที่ดินของวัดไร่ขิง จานวน 49 ไร่ จัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้บริหาร กระทรวงศึกษาธิการ อนุญาตให้ใช้ท่ีดินวัดไร่ขิงจานวน 20 ไร่ จัดต้ังวิทยาลัยการอาชีพนครปฐม (วัดไร่ขิง) ส่งเสริม สนับสนุน การก่อตั้งโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สนับสนุนการ จัดต้ังศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 1 ทาหน้าที่ดูแลประสานงานการเรียนการสอนสาหรับ
73 นักเรียนพิการ นอกจากน้ียังเป็นผู้สนับสนุน การก่อตั้งห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อาเภอ สามพราน 1.2.6 ลาดบั เจ้าอาวาส รปู ท่ี 10 คือ พระเทพศาสนาภิบาล (แยม้ กิตฺตินฺธโร) กกกกกกกประวัติ พระเทพศาสนาภิบาล เดิมชื่อ แย้ม อินทร์กรุงเก่า เป็นบุตรของนายหยวก อินทร์กรุงเก่า และนางทวี ศรีบุญรอด เกิดเม่ือวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ที่ บ้านคลองรางไทร ตาบลบางภาษี อาเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ได้บรรพชาเป็นสามเณรเม่ือวันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ขณะมีอายุได้ 12 ปี ณ วัดไร่ขิง อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมีพระปัญญาวิมล มนุ ี (ปัญญา อนิ ฺทปญโฺ ญ) วัดไรข่ ิง อาเภอสามพราน จงั หวัดนครปฐม เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ ตอ่ มาเม่ืออายุ ได้ 21 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุท่ีวัดไร่ขิง เมื่อวันท่ี 30 มีนาคม พ.ศ. 2519 โดยมี พระปฐมนคราภิรักษ์ (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดวังตะกู อาเภอเมือง นครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูไพศาลคณารักษ์ (ปราณี อินฺทวโส) ปัจจุบันดารงสมณศักดิ์ท่ี พระราชวิสุทธาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ท่ีปรึกษาเจ้าคณะอาเภอสามพราน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอปุ จิตบุญวฒั น์ (บุญธรรม จารุวณฺโณ) วัดบางเลน เปน็ พระอนุสาวนา จารย์ ไดร้ บั ฉายาว่า \"กติ ตฺ นิ ธฺ โร\"
74 กกกกกกกเกียรติคณุ พเิ ศษ กกกกกกกพ.ศ.2541 รบั ถวายปรญิ ญาพุทธศาสตรมหาบัณฑติ กิตติมศักด์ิ จากมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ า ลงกรณราชวทิ ยาลยั กกกกกกกพ.ศ.2548 รบั ถวายปริญญาพุทธศาสตรมหาบณั ฑติ กติ ติมศักด์ิ สาขาสงั คมศึกษา จาก มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั กกกกกกกพ.ศ.2549 รบั พระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร ผทู้ าคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี กกกกกกกพ.ศ.2552 รบั ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎบี ณั ฑิตกิตตมิ ศกั ด์ิ (ปร.ด.กิตต)์ิ จากวิทยาลยั ทองสุข กกกกกกกพ.ศ.2553 รับถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาบรหิ ารการศกึ ษา จาก มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ.2555 รับถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบณั ฑิตกติ ตมิ ศักดิ์ สาขาพื้นฐานการศึกษา มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง กกกกกกกพ.ศ.2555 รบั ถวายปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตตมิ ศักดิ์ สาขา วิชาพุทธศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหามงกุฏราชวิทยาลยั กกกกกกกพ.ศ.2555 รบั ถวายปรญิ ญาพุทธศาสตรดุษฎบี ัณฑิตกิตตมิ ศักด์ิ สาขา วิชาการจดั การเชิง พุทธมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั กกกกกกกพ.ศ.2556 รบั ถวายปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑติ กิตตมิ ศักด์ิ สาขาบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร กกกกกกกพ.ศ.2557 รับถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎบี ัณฑติ กิตตมิ ศักด์ิ สาขาบรหิ ารการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพธนบรุ ี กกกกกกกพ.ศ.2559 รับถวายปรญิ ญาครุศาสตรดุษฎบี ณั ฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏธนบุรี กกกกกกกสมณศักด์ิ กกกกกกกพ.ศ. 2533 เป็นพระครูวนิ ัยธร ฐานานกุ รมในพระธรรมมหาวรี านุวัตร (ปญั ญา อนิ ทฺ ปญฺโญ) สมณศักดสิ์ ุดท้ายท่ีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดไร่ขิง จงั หวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2535 เป็นพระครูสัญญาบัตรผู้ชว่ ยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชัน้ โทท่ี พระครโู สภณ ปัญญาวุธ กกกกกกกพ.ศ. 2540 เปน็ พระครสู ญั ญาบัตรผชู้ ่วยเจา้ อาวาสพระอารามหลวงชัน้ เอก ในราชทนิ นาม เดิม กกกกกกกพ.ศ. 2545 เป็นพระครูสัญญาบตั รผชู้ ่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชน้ั พเิ ศษ ในราชทนิ นามเดิม กกกกกกกพ.ศ. 2549 ได้รบั พระราชทานตง้ั สมณศักดิเ์ ปน็ พระราชาคณะชัน้ สามญั ที่ ในราชทนิ นามที่ พระพพิ ฒั น์วริ ยิ าภรณ์ กกกกกกกพ.ศ. 2554 ได้รับพระราชทานเลอื่ นสมณศักด์ิ เป็นพระราชาคณะช้นั ราช ในราชทินนามที่ พระราชวริ ิยาลงั การ สุวิธานศาสนกิจ มหาคณสิ สร บวรสังฆาราม คามวาสี
75 กกกกกกกพ.ศ. 2558 ไดร้ ับพระราชทานเลอ่ื นสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชนั้ เทพ ในราชทนิ นามท่ี พระเทพศาสนาภบิ าล ไพศาลสังฆกจิ ธารง อุบาลวี งศพิพัฒน์ มหาคณสิ สร บวรสังฆาราม คามวาสี กกกกกกกผลงานของท่านคือ สรา้ งอาคารปฏิบตั ธิ รรมเฉลิมพระเกยี รติ 84 พรรษา เรม่ิ การก่อสร้าง ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2553-2557 กกกกกกก1. สร้างศาลาทรงไทยพระพทุ ธปญั จภาคีวารีปาฏิหาริย์ (5 พ่นี ้อง) สรา้ งเมอ่ื พ.ศ. 2553 กกกกกกก2. สรา้ งอาคารราชวริ ิยาลังการ เริ่มการก่อสรา้ ง พ.ศ. 2558 กกกกกกก3. สรา้ งศนู ย์ปฏิบัตธิ รรมหลวงพอ่ วัดไร่ขิง แห่งที่ 2 กกกกกกก4. เปน็ ผบู้ รรยายพิเศษแกพ่ ระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ รนุ่ ที่ 22 เฉลิมพระเกียรติฯ กกกกกกก5. จัดทาโครงการขับเคลอื่ นหมู่บ้านรักษาศลี 5 กกกกกกก6. ไดร้ บั คัดเลอื กเปน็ วัดพัฒนาตัวอยา่ งทม่ี ผี ลงาน ดเี ดน่ และอุทยานการศกึ ษาในวัด ปี 2559 โดยเขา้ ถวายสกั การะรับ พัด-โล่ และเกยี รตบิ ัตร กับสมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณสมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก กกกกกกกึ7. ไดจ้ ัดอบรมบาลกี ่อนสอบของคณะสงฆภ์ าค 14 กกกกกกก2. หลักธรรมคาสอนของ พระอุบาลคี ุณปู มาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวดั ไรข่ งิ พระอาราม หลวง กกกกกกก2. หลักธรรมคาสอนของ พระอุบาลคี ุณปู มาจารย์ท่สี าคญั มีดังนี้ 2.1 หลักธรรมท่เี ก่ียวข้องกับการดาเนนิ ชวี ิต แมใ้ นคนรักมักคุน้ เคยกัน วางใจมั่นแมน่ แฟน้ แสนสดใส อาจนาทุกข์มาสู่ไดว้ อ่ งไว พึงฝกึ ใจด้วยดเี ชิงปรีชา การไวใ้ จทางมักวางใจคน จักต้องจนใจเองน่าศกึ ษา ถงึ คล่องพุทธธรรมควรนาพา ใช้ปัญญาใครครวญไมด่ ว่ นไวใ้ จเอย เตอื นชาวพทุ ธ บัดเดยี๋ วนี้มกั มีเรื่องน่าแปลก วธิ ีแหกตาชนคนฉลาด ซึมแทรกแหวกชุมชนกลมุ่ อานาจ ใหร้ ะบาดเชงิ แตกแยกชุมชน ทางด้านการเป็นอยหู่ มูม่ นุษย์ บริสทุ ธหิ์ รือหาไม่ใชน่ า่ สน ทาอย่างไรแตกแยกกนั จะทน ยอมเสยี ผลใช้เงินหวา่ นให้ย่านใจ นอกจากน้ีมบี ทบาทในหมู่พระ ไดจ้ ังหวะเข้าแทรกให้หวั่นไหว ใชว้ ธิ วี ัสสการฯ ชานาญใน ตรงจดุ ไหนพอสอดจนวอดวาย 1 ยุชาวบ้านชาววัดใหข้ ัดกนั ถอื สาคัญอนั ดับหนึ่งพึงขวนขวาย 2 หาชอ่ งโหว่เจา้ อาวาสแลว้ ทาลาย ต้ังจดุ หมายให้เสยี ชื่อระบือดงั 3 ยุลกู วดั ขัดกบั เจ้าอาวาส และประกาศรวมพวกไล่สมหวงั
76 4 เจ้าอาวาสเข้มแขง็ แรงพลงั รวมกลุม่ ตงั้ ยิงปนื รัวใหก้ ลัวเลย 5 หาแงย่ แุ ละเสริมพระผใู้ หญ่ ให้ผดิ ใจระแวงขน้ั เปิดเผย ไมป่ รองดองสามัคคีเชน่ เคย ต่างเฉลยความร้ายทาลายกนั เจ้าอาวาสนักปกครองอย่ามองเฉย เรอื่ งเปดิ เผยใช่เลา่ เขย่าขวัญ แผ่ไปทวั่ ทกุ ศาสนค์ วรรูท้ นั เพอ่ื นใกล้กนั ถกู ทาลาย ควรอาวรณ์ สนั โดษ สนั ตฏุ ฐิ สุขา ยา อติ ะรตี ะเรนะ ฯ แปล “ร้จู ักพอก่อสขุ ทุกสถาน” มบี างท่านไมซ่ ง้ึ ถึงคาสอน นึกไขวเ้ ขวเหหันพลันตดั รอน คล้ายมาวอนให้คร้านงานไม่ทา ผคู้ ดิ ถูกซาบซง้ึ ในคาสอน พระประนมกรไหวพ้ ุทธะอุปถัมภ์ สรรเสรญิ พระปรีชาผูห้ นุนนา ทุกเชา้ คา่ พรา่ คุณไมเ่ ว้นวาง คาวา่ “พอ”ย่อมาว่าสันโดษ จากพระโอษฐ์พุทธะจบอัฏฐางค์ ทรงประทานโอวาทเปน็ แนวทาง โดยสายกลางใหส้ าวกฝึกตาม สนั โดษคือ “ยินดีกบั ของตน” มุ่งเหตุผลคาหมายนั้นมีสาม เพือ่ ขยายแต่ละข้อใหช้ ัดความ ดาเนนิ ตามใคร่ครวญไมเ่ ชอื นแช ขอ้ หนึง่ “รูจ้ กั พอตามที่ม”ี ถกู วธิ พี ทุ ธะตรสั กระแส พอทุกอย่างของเราไม่ผันแปร เทยี่ วชะแงแ้ ลมองใช่ของตัว ท้งั ของเราพ่อแมแ่ ลส่งิ ของ ญาตพิ น่ี ้องการงานและเมยี ผัว ประเทศชาติศาสนานา่ พนั พัว เป็นของตวั ควรรกั เฝา้ ภกั ดี บางผ้ไู มร่ ู้พอของ “ของเรา” รักของเขาจึงพรากจากสขุ ี หาวา่ เขาทาเราเฝา้ ราวี ตวั กาลีหาคิดสักนิดเดยี ว อาจมีแย้งแจง้ ต่อสู้ปญั หา เปน็ วาจาสอดแทรกในบดั เดีย๋ ว หากเชน่ นมี้ ี “สิ่งไม่ด”ี เทยี ว คงข้องเกยี่ วเก็บดะไมล่ ะเลย เม่ือปญั หาเชน่ ว่าน้นั มาถึง ควรคานึงเปรยี บเทยี บนะท่านเอย๋ มี กราก หดิ ติดตัวบ่อสะเบย จะปล่อยเฉยไว้เกาหรืออย่างไร หรือโรคร้ายไข้เจ็บและโซ่ตรวน มนั คคู่ วรกับเราหรือไฉน ? ท่ีจรงิ หาใชข่ องต้องการอะไร อยากผลกั ไสขจดั ทุกวนั ไป ไดม้ รดกมดี คมสนมิ เขรอะ หากมวั เซอะรกั ษาเหน็ ไม่ไหว ตอ้ งกาจัดสนิมใหห้ ายไป ละมันไวส้ ่วนดีจะมินาน ขอ้ เปรียบเทียบนี้น้ันขัน้ แจ่มแจ้ง ดังแสดงเนือ้ ความตามไขขาน “พอ” เฉพาะมปี ระโยชน์เป็นประมาณ คงชน่ื บานพน้ เขลาเบาปัญญา ขอ้ สอง “รจู้ ักพอตามท่ีได้” ใช่อนื่ ไกลความหมายเชน่ น้ีหนา รูจ้ ักพอตอ่ สง่ิ ทไ่ี ด้มา ไมเ่ ลอื กว่าส่ิงน้นั เป็นอนั ใด ผหู้ าเงนิ ยศฐาบรรดาศักด์ิ ท้ังคู่รกั ลาภผลอันสดใส ย่อมมีทุกข์”ความอยาก”ทุกคนไป ในจิตใจเวน้ อยากจักไม่มี
77 อยากสิง่ ใดได้สิง่ น้ันส้ินเร่ือง จักชว่ ยเปลือ้ งทุกขเ์ พราะ “อยาก” ได้สุขี ท่มี ที ุกข์เพราะไมส่ มฤดี ในตัวมีแตอ่ ยากมากส่วนเกิน ตอ้ งการดไี ด้ชั่วเขา้ มัว่ กล้า ต้องการดาได้ขาวเกิดฉกุ เฉิน มีทกุ ข์กระวนกระวายไม่เพลิดเพลิน เพราะส่วนเกนิ ความอยากทส่ี มดลุ อนั ทุกน้ีมนี ามวา่ “อยากได้” เป็นทกุ ข์ใหญส่ บื เน่อื งดงั เขาขุน เขา้ ราวภี ายในใหช้ ลุ มนุ ดจุ ไฟกรุน่ ร้อนระอุรนอุรา อนั ตวั อยากกบั ได้ใช่อย่างเดียว ควรเฉลียวฉลาดตริตรกึ นึกคน้ หา เราเองสร้างตัวอยากมันขนึ้ มา ชว่ั พรบิ ตาใหญโ่ ตมโหฬาร เปน็ ความ จริงสิ่งได้ทกุ อย่างนั้น ตอ้ งรว่ มกันจดั หามากไพศาล “ต้มยา”จะถึงทอ้ งรองประมาณ ระยะกาลนานมากจักไดท้ าน หาพริกใบมะกรูดและตะไคร้ มะนาวใส่บบี เหยาะร่วมประสาน จดั หา กงุ้ ปู ปลา ตามรายการ ปริมาณคนมากสมอยากเรา ตัวอยา่ งปรงุ คนเดยี วบดั เดีย๋ วใจ สว่ นทีไ่ ดม้ คี นมากหากพวกเขา สมดุลกันไม่ไดเ้ กดิ ใจเบา พอกความเขลาก่อยุง่ ใหน้ งุ นัว ทุกข์อย่างนมี้ ีทางแก้อยู่ สอง ถูกทานองตรง “ได้” ไมเ่ วียนหัว เอาให้ได้อยา่ งเดยี วจนพอตัว ไม่ต้องกลวั เสยี หายในทางธรรม เม่ือใช้เล่ห์ไมไ่ ดต้ ้องใช้กล ไมด่ ว้ ยมนต์ ก็คาถาใหค้ มขา หมดั มิได้ใชป้ นื ใหข้ มา คงจะสาเร็จความหวังสมดังใจ แก้แนวนวี้ ธิ ขี องทางโลก มิพ้นโศกผลาญเผาดไี ฉน หาทางอืน่ ดีกวา่ ไม่กวนใคร ทั้งเวรภัยกล็ ดหมดกังวล นยั หลงั หันมาแก้ท่ีใจอยาก มไิ ดม้ ากตามอยากอย่าฉงน ลดความอยากใหส้ มกับใจตน คลายกงั วลไม่ได้ไป่ราพนั สมมตุ ิวา่ อยากไดเ้ งนิ แสนบาท หรอื มงุ่ มาตรหว่นั ไหวในของขวัญ เหน็ ส่งิ ใดชอบใจทุกสิง่ อนั เกิดมุ่งมั่นอยากได้เป็นของตน แต่ทวา่ มันมิไดต้ ามที่อยาก เพียงอย่างมากคร่ึงหน่ึงทีส่ บผล มนั นอ้ ยไปมิชุม่ ดวงกมล พอเพยี งผลที่ไดไ้ ม่อาทร นัยหลงั ดังว่านเี้ ห็นดีแน่ ใช้ธรรมแกท้ ุกขไ์ ด้ตามคาสอน ขาดความพอตามได้ไม่สงั วร มักยอกยอ้ นดูถูกโชคตนเอง ใส่ไฟตนเป็นคนแสนอาภัพ คนอน่ื กลับเหยียดหยามตามข่มเหง ขดั ลาภผลท่ไี ม่กลัวเกรง ทีตนเองเสื่อมเสยี ไมค่ านึง ผไู้ ม่รูจ้ ักพอประเภทน้ี มักรอ้ นจสี๋ ว่ นได้อันมาถึง มีอาลัยอาวรณอ์ ้อนราพงึ ครวญคะนงึ แตส่ ่วนเสยี ละเหีย่ ใจ สาม “รู้จักพอตามสมควรท่ีได้” สูงข้ึนไปขน้ั ยอดอนั สดใส รจู้ กั พอข้อสองกส็ ุขใจ แต่มิใช่ประณีตถงึ ขดี ดี ของได้มาต้องเลือกแตข่ องแท้ ใหด้ ีแนส่ ่วนเสยี ควรหลีกหนี ดงั ตัวอย่างได้ปลามาอว้ นพี กนิ ส่วนดีเหลือก้างขวา้ งท้งิ ไกล
78 อยา่ ละโมบกนิ มนั เข้าท้งั ก้าง จกั เสรมิ สร้าง ทกุ ข์ระทมสุดขานไข ควรยนิ ดตี ามควรสว่ นพอใจ เลิกอาลัยปลาใหญ่ตวั หลุดมือ รู้จักพอตามควรน้นั มสี าม หน่ึง “พอตามฐานะ” ต้องยึดถอื ฐานะเชน่ ไรอยา่ ให้ใจกระพือ ทาบนั ลือ ดงั หมูขพู่ ยัคฆ์ พระ เณร เถร ชี นารี บุรุษ ควรดูจุดที่ควรใหส้ มศักด์ิ จะยืนเดินนง่ั นอนและผ่อนพัก ทพ่ี านักผใู้ หญต่ ้องใคร่ครวญ เขาวางเบาะทีน่ ัง่ ต่ังเก้าอี้ ทาตรงร่เี ข้านัง่ สอบสวน ทาใฝ่สูงเกนิ ศักดจิ์ งเกดิ ควร คงจะสรวลเยย้ หยันพลันได้อาย อน่ึงอาจกลายเปน็ เช่นคนมที ุกข์ มุ่งความสุขเกนิ วาสนาพากระหาย เป็นเลขาฯ มกิ ่วี นั ฝนั คุณนาย มสิ มหมายคงตรมระทมทรวง ข้อสอง “พอแก่กาลัง” ฟงั ดี บางคนมีกาลงั อันใหญห่ ลวง บางคนน้อยดอ้ ยกวา่ เขาท้ังปวง บางคนหวงความร้เู พียงนิดเดียว กาลังบญุ วาสนาและความคดิ บางคนนิดบ้างใหญ่ฉลาดเฉลียว “ส่งิ ได”้ ใชจ่ ะมากเสยี ทีเดยี ว ยอ่ มต้องเกีย่ วแกก่ าลังเป็นสาคัญ ผู้ขาดรูจ้ ักพอในขอ้ นี้ มกั จะตีค่าตวั อย่างหนุ หัน เขาเปน็ อะไรไดต้ ้องให้ทนั ถึงตวั ฉันก็หน่งึ อยูเ่ หมือนกนั เพิม่ มากมนั จะกลายเปน็ ดูหม่ิน จนเคยชนิ ตเี สมอถูกเย้ยหยัน ปรารถนารฐั มนตรมี ีมากครนั ตาแหน่งนน้ั อาจไม่ควรกบั ใครเลย เพราะกาลงั ของเขาอาจไม่ถงึ การงานตึงเคร่งเครยี ดนะท่านเอ๋ย ข้อสาม “พอสมควรแกศ่ ักด์ิศรี” ดงั วาทอี รรถกถาท่านขยาย มีภูมิศีลภูมิธรรมประจากาย เลิกสิ่งรา้ ยได้มาไม่ชอบธรรม ของลักปล้นสินจา้ งในทางผิด ทาเชยชิดมักได้ใหถ้ ลา ในส่งิ ลดเกียรตศิ ักดห์ิ กั ขมา มเี ลิกทาพนิ าศปราชญ์ติเตยี น เลกิ มักมากอยากใหญ่เสียใหห้ มด เกยี รติปรากฏศักด์ิศรีมิพาเหียร อยเู่ ปน็ สขุ สบายคลายอาเกยี ร์ เจดิ จาเนียรแจ่มจ้าชะตาเรา ความพอแตล่ ะ แงต่ ามที่ว่า กรุณาใครค่ รวญอย่ามวั เขลา มไิ ด้แนะทางคร้านพานใจเบา เพือ่ ช่วยเกาสะกดิ มิตรท่ัวไป มีคนเขลาเทา่ นัน้ เขา้ ใจผดิ เฝา้ แต่คดิ ตรงข้ามกบั ความไข ความเกยี จคร้านมัว่ สมุ เข้ารุมใจ จงึ ทาให้เอือมระอาตอ่ การงาน แมเ้ ก่งกาจมีอานาจสกั ปานใด ฐานะใหญอ่ ักโขโก้ไพศาล มีตกึ สงู เย่ยี มเทยี มวิมาน และหลักฐานเหลือนบั ทรพั ย์มากมี เอาความพอไปไว้ที่ใจ ทาอยา่ งไรใจพอไมห่ ว่ันไหว ถึงเป็นใหญ่เช่นไรในโลกีย์ ก็ไม่มคี วามสขุ ไดส้ มใจ เมือ่ เอาความพอมีไวท้ ี่ใจ ทาอยา่ งไรใจพอไมห่ ว่ันไหว หดั รจู้ กั ความพอมีทใี่ จ ถึงยากไรด้ อ้ ยทรพั ย์กลับโชคดี ทาคนเป็นเศรษฐใี หด้ ยี ิง่ สมบูรณจ์ ริงสมศักดิ์ชน้ั เศรษฐี
79 ดั่งคาถาโอวาทพระมุนี ทรงยินดีโปรดปรานประทานมา “สันตฏุ ฐิ ปะระนงั ธะนัง” เกิดสุขังเพราะ “พอยอดทรพั ย์”หนา มอี ทุ านธรรมของพระเถราฯ ท่านนามากลา่ วไว้ให้เป็นทาน “ความไม่พอใจจนเปน็ คนเขญ็ พอแล้วเป็นเศรษฐมี หาศาล จนทงั้ นอกท้งั ในไม่ได้การ เร่งคิดอา่ นแก้จนเป็นคนพอ” อนึง่ ร้จู กั พอทาคนให้สนใจ มเิ ลื่อมใสยงั กลบั ใจเชยี วหนอ มศี รทั ธากเ็ กดิ เพราะความพอ ดง่ั จะขอสาธกยกเร่ืองมา แตป่ างหลังคร้งั พระพุทธองค์ เมื่อยงั ทรงพระชนม์อยูน่ ัน้ หนา ทฆี พราหมณ์คนหน่ึงไม่ศรัทธา ได้ขา่ วว่าพระสงฆ์ซ่ือตรงดี ไม่มักมากโลภหาในอาหาร ทว่ั ทุกทา่ นรจู้ ักพอไวศ้ ักดศิ์ รี ได้ของนอ้ ยกแ็ จกกนั ฉันพอดี ผิดกับทเ่ี คยเลี้ยงบรรดาพราหมณ์ ไดเ้ ลี้ยงพวกชีพราหมณม์ ากห็ ลายคราว แกงกบั ขา้ วต้องใช้คนหาบหาม แมก้ ระนัน้ ยงั ไม่พอกับพวกพราหมณ์ จึงรีบถอื ขนั ข้าวพอไปไหว มุ่งสูพ่ ระวิหารโดยทนั ใด ประเคนให้สงฆเ์ ถระโดยจานง พระเถระหยิบไวเ้ พยี งหน่อยหนง่ึ แบ่งใหถ้ ึงองคส์ ุดของหม่สู งฆ์ ข้าวหน่ึงขันพอทั่วกันทกุ องค์ ท่านบรรจงขบขนั สารวมใจ ความปตี ิปลาบปลื้มดว้ ยศรัทธา เต็มอรุ ายึดมน่ั ไมห่ วั่นไหว พาครอบครัวเขา้ ถึงรัตนตรยั ด้วยเลอ่ื มใสหวา่ นทรัพย์ไมน่ บั เลย สร้างเจดียว์ ิหารการกศุ ล ด้วยม่งุ ผลความสขุ อย่างเปดิ เผย ร่วมบารงุ ศาสนาไมล่ ะเลย รับเสวยความสุขทุกราตรี อีกเร่ืองหน่งึ พระเจ้าสัทธาดิส พระทัยคิดศรัทธาไม่หน่ายหนี กอ่ นเสวยนกกระทามีรสดี จิตเปรมปรีด์มิ ่งุ หมายถวายทาน ใหน้ มิ นต์เณรน้อยรปู หนง่ึ มา ด้วยศรัทธาประจาเกดิ อาจหาญ ถวายนกกระทามิทนั ทาน แต่เณรท่านทรงศลี อภญิ ญา สามเณรรบั ไว้แต่พอควร อีกหน่ึงสว่ น มอบคืนดว้ ยหรรษา ใหร้ าชนั หมน่ั พระทยั ย่งิ ศรัทธา ตามจรรยามักน้อยขององคเ์ ณร พระองค์ถวายสารบั มากที่ ทรงเปรมปรีด์ิเล่ือมใสท่ีได้เห็น เปน็ โยมปวารนาตอ่ สามเณร ทรงบาเพ็ญสงั ฆทานแตน่ ั้นมา สามเณรนอ้ ยคล้อยตามธรรมผู้รู้ กตญั ญใู นสงฆ์ย่ิงนกั หนา ไมล่ มื คุณอาจารยอ์ ปุ ัชฌาย์ จติ ปรีดาคารวะไม่ละเลย เหลือไวแ้ ต่พอควรส่วนทีฉ่ นั ส่วนเกนิ นั้นจัดถวายไม่นง่ิ เฉย ทกุ ทุกวันเปน็ นจิ จิตสะเบย ออกโอษฐ์เอย่ หมปู่ ราชญ์ประกาศคุณ ดงั น้นั เม่ือทุกคนมีความพอ ความสขุ หนอย่อมโอบเอ้ือเข้าเกื้อหนนุ ไดร้ ับความโลง่ ใจมชิ ุลมุน ขอคุณคุณรูจ้ ักพอสุขใจแล พูดถึงสนั โดษนนั้ มคี วามคลา้ ยกนั ธรรมขอ้ นัน้ “มักนอ้ ย” ตามกระแส พระพุทธองค์ทรงตรัสมเิ ปลี่ยนแปร โดยท่ีแทท้ ราบความจักเขา้ ใจ
80 สนั โดษกับมกั น้อยความคล้ายกนั สนั โดษนัน้ ยินดีของเราผดิ ไฉน ? มมิ ีขอบเขตมากสักปานใด มิให้ใครไมผ่ ดิ ในทางธรรม “มกั น้อย”ยนิ ดีของเราแต่พอใช้ เหลอื ควรไว้ใหผ้ ู้อ่นื จึงคมขา สละชดุ นงุ่ ห่มเกินใช้ประจา ใหถ้ กู ธรรมใชช้ ุดเดยี วพอใจ พรมวิหารธรรม กกกกกกกคนส่วนมาก เชน่ พราหมณน์ บั ถือพระพรหม อยา่ งจับจิตจบั ใจ จะทาอะไรก็ตอ้ งการจะให้ พระพรหมเห็นอกเหน็ ใจ ช่วยให้ตนมีความสุข พระพุทธเจา้ ของเรากลบั เป็นนกั ปฏวิ ัติจติ ใจ ไม่ต้องการ ใหท้ กุ คนอ้อนวอนให้ใครช่วยแมแ้ ต่พระองค์เอง ต้องการให้ทกุ คนทาในทางทดี่ มี ีธรรมะเป็นหลักปฎิบัติ จะได้พบพระองค์เองหรือได้เป็นพระพรหมเสยี เอง กกกกกกกพรหมวิหารธรรม คือธรรมเปน็ เคร่ืองอยขู่ องผ้ใู หญ่ มี 4 ข้อ กกกกกกกข้อ 1 เมตตา ปรารถนาให้ผูอ้ ืน่ เป็นสขุ กกกกกกกข้อ 2 กรุณา สงสารคดิ จะช่วยให้พน้ ทุกข์ กกกกกกกขอ้ 3 มุทิตา พลอยยนิ ดีเม่อื ผู้อ่ืนได้ดี กกกกกกกข้อ 4 อุเบกขา วางเฉยไม่ดใี จ ไม่เสยี ใจ เมอื่ ผู้อื่นถงึ ความวิบตั ิ กกกกกกกคาว่าพรหม คอื ผปู้ ระเสริฐ เข้าใจกันส่วนมาก พรหมมีวมิ านอยูส่ ว่ นหนงึ่ ต่างหากจากพวก เทพ ไม่มีคู่ครองเหมือนพวกเทพ อยู่เดีย่ ว พวกพราหมณ์ถือวา่ เปน็ ตน้ วงศข์ องพวกเขา ทางพุทธ ศาสนาก็มีเกีย่ วเรอื่ งพรหมอยู่หลายที่ ผู้บาเพญ็ ตนได้ฌานสมบัติก็ว่าตายไปเปน็ พรหม ส่วนใหญ่ พระพุทธเจา้ ม่งุ ให้ทกุ คนประพฤติธรรมท่ีจะทาใหเ้ ป็นพรหมมากกวา่ กกกกกกกคาวา่ วหิ ารธรรม คอื ธรรมเป็นเครื่องอยู่ หมายถงึ เอาใจเข้าหาธรรมะ เข้ามาไวท้ ใ่ี จ พูด งา่ ย ๆ ก็คือท้ังเน้ือทั้งตวั มีธรรมะ กกกกกกกเมื่อนาคาท้ังสองมารวมเข้ากนั เป็น พรหมวิหารธรรม หมายถึงธรรมเปน็ เคร่อื งอยู่ของผู้ใหญ่ มธี รรมเปน็ เครื่องอยู่อย่างประเสริฐ ผมู้ ีคณุ ธรรม 4 ขอ้ ดงั กล่าวนี้ จะอยู่ในวยั ไหนกต็ าม เรยี กว่าผูใ้ หญ่ ทัง้ นั้น โลกจะร่มเย็นดบั ยุคเขญ็ ได้ จะเวน้ ธรรมเหล่าน้ีเสียไม่ได้ กกกกกกกข้อ 1 เมตตา รักใคร่ปรารถนาให้เป็นสุข ความรักใคร่มี 2 ประเภท รักอย่างมีกิเลส ด้วย อานาจกามตัณหาไม่ใช่เมตตาในที่น้ี รักชนิดปรารถนาดี เช่น บิดามารดารักบุตรธิดา ครูบาอาจารย์ ปรารถนาดีต่อศิษย์ เปน็ ตน้ เรียกว่าเมตตาในที่น้ี เมตตามิได้ 3 ทาง กกกกกกก1. ทางกาย มีการช่วยทาการงานน้อยใหญ่ของเขาให้แล้วเสร็จ หรือเท่าที่จะช่วยได้ เช่น ผา้ ผอ่ นฝนจะตกเปียก ชว่ ยเก็บให้ เป็นตน้ กกกกกกก1. ทางวาจา ชว่ ยแนะนาให้ทาทางถูก หรือส่ังผู้อื่นให้ช่วยทากิจการของเขาใหส้ าเร็จเพียง เทา่ ทีจ่ ะทาได้ ก็เป็นการดี หรอื เห็นคนประพฤติชัว่ แนะให้ทาดี เปน็ ต้น กกกกกกก1. ทางใจ ช่วยอะไรทางกาย ทางวาจาไม่ได้ ก็เพียงแต่นึกปรารถนาดีทางใจให้เขามี ความสุขความเจริญเทา่ นนั้ กใ็ ช้ได้ กกกกกกก1. การเมตตามี 2 ประการ กกกกกกก1. ประการท่ี 1 โอทสิ สผรณา แผโ่ ดยเจาะจงผู้ท่ตี นต้องการ คอื จากัดตวั บุคคล กกกกกกก1. ประการท่ี 2 อโนทิสสผรณา แผไ่ ปในหม่สู ัตว์โดยไม่เจาะจง
81 กกกกกกก1. วธิ ีแผ่เมตตา กกกกกกก1. วิธีท่ี 1 แผ่ให้ตัวของเราให้มีความสุขเสียก่อน ให้คิดถึงว่า ตัวเราเป็นท่ีน่ารัก แล้วแผ่ไป ในคนทีต่ นรักมี บดิ า มารดา ครูอาจารย์ เปน็ ตน้ กกกกกกก1. วิธีที่ 2 แผ่ไปในผู้ท่ีเป็นศัตรูกัน ต้ังแต่ส่วนน้อยจนถึงส่วนใหญ่โดยลาดับ มักทาได้ยาก ถา้ ทาก็ประเสรฐิ นกั กกกกกกก1. วธิ ีที่ 3 แผ่ไปในหม่สู ตั ว์ทั่วพภิ พ ไม่เลอื กจะเป็นประเภทไหน กกกกกกก1. วิธีท่ี 3 คาแผเ่ มตตาตามหลกั สากลนยิ ม กกกกกกก1. วิธที ี่ 3 สตั ว์ทงั้ หลายท่ีเป็นเพือ่ นทกุ ข์ เกิด แก่ เจบ็ ตาย ดว้ ยกนั ทั้งหมดท้ังสนิ้ กกกกกกก1. วธิ ที ี่ 3 จงเปน็ สขุ เป็นสขุ เถิด อย่าได้มีเวรแกก่ นั และกนั เลย กกกกกกก1. วิธีที่ 3 จงเป็นสุขเป็นสขุ เถดิ อย่าเบียดเบยี นซงึ่ กนั และกนั เลย กกกกกกก1. วธิ ที ่ี 3 จงเปน็ สขุ เปน็ สุขเถิด อยา่ ได้ทุกข์กาย ทกุ ข์ใจเลย กกกกกกก1. วิธที ่ี 3 จงเปน็ สุขเปน็ สขุ เถิด รกั ษาตนใหพ้ น้ จากทุกข์ภยั ทงั้ สน้ิ เถิด กกกกกกก1. อานสิ งสเ์ มตตา กกกกกกก1. ในเมตตานิสังสสตู ร พระพุทธเจา้ ตรัสอานสิ งส์การเจรญิ เมตตา สาหรบั ผู้เจริญได้ดี ได้รบั ผล 11 อยา่ งคอื กกกกกกก1. ขอ้ ท่ี 1 ตน่ื อยกู่ ็เป็นสขุ กกกกกกก1. ข้อท่ี 2 หลบั อยกู่ ็เป็นสขุ กกกกกกก1. ข้อที่ 3 ไม่ฝันร้าย กกกกกกก1. ข้อที่ 4 เปน็ ทร่ี ักของมนุษย์ กกกกกกก1. ขอ้ ที่ 5 พวกอมนุษยก์ ร็ กั ใคร่ กกกกกกก1. ขอ้ ที่ 6 เทวดารักษา กกกกกกก1. ข้อท่ี 7 ปลอดภัยจากไฟ-ยาพิษ-ศัตรู กกกกกกก1. ข้อที่ 8 จิตมัน่ คง กกกกกกก1. ขอ้ ท่ี 9 ใบหนา้ ผอ่ งใส กกกกกกก1. ข้อที่ 10 ไม่หลงตาย คอื ตายมีสติ กกกกกกก1. ข้อที่ 11 ปฏิบตั ิเมตตาสมบรู ณ์แลว้ เขาถงึ พรหมโลก กกกกกกกข้อ 2 กรุณา คอื ความสงสาร มีจิตใจหวนั่ ไหว ในเมื่อเหน็ ผูอ้ น่ื ได้รับทุกข์ เช่น คนถกู น้าท่วม ไฟไหม้ คนถูกจองจา สตั วเ์ ดรจั ฉานถูกทรมาน เป็นต้น คนมคี วามกรุณา เหน็ ใครก็ตามตกทุกข์แล้วอด ที่จะช่วยเหลือมิได้มีจิตหวั่นไหว เมื่อได้ช่วยเหลือแล้วจึงจะสบายใจ ผู้ฉลาดท้ังหลายได้เคยทามาแล้ว มิใช่นอ้ ย กกกกกกกข้อ 3 มุทิตา คือความพลอยยินดีในเม่ือผู้อ่ืนได้ดี จะน้อยหรือมากก็ตาม ต้องแสดงความ ยินดีต่อกันเสมอ ผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้น้อยได้รับเกียรติยศหรือตาแหน่งก็ไปแสดงความยินดี ไปแสดง ความยินดีในความทุกข์ ความชั่วของผู้อ่ืนที่ตนไม่ชอบ ไม่เป็นมุทิตาก็มีอยู่มิใช่น้อยเหมือนกัน ท่ีเห็น เขาได้ดีก็กลับอิจฉาตาร้อนหาทางทาลาย บางคร้ังจาเป็นเพราะหน้าท่ีบังคับใหต้ ้องทาก็ไปแสดงความ ยินดีอย่างแกน ๆ อย่างนั้นแหละ คนที่ขาดมุทิตาจะหาความสุขมิได้เลย ใจคอหงุดหงิดทุรนทุราย ปัญญาเสอื่ ม ไม่ค่อยมองเห็นความเจริญทั้งส่วนตัวและส่วนผู้อืน่ ชาตินีท้ ง้ั ชาติเพียงมีลมหายใจเท่านั้น
82 เขาจะไม่มีความสุขเลย ทั้ง ๆ ทีม่ ที รพั ยส์ มบัตทิ ุกอยา่ งสมบรู ณ์ดี ตรงกนั ขา้ มกับผู้ที่มมี ุทิตา แมจ้ ะเป็น คนยากจนเขากม็ คี วามสขุ ในชวี ติ อยา่ งสมบรู ณ์ กกกกกกกข้อ 4 อุเบกขา วางเฉยไมด่ ใี จ เสยี ใจ เมื่อผู้อืน่ ถงึ ยามวบิ ตั ิ คาวา่ วางเฉย หมายถงึ ผู้ทตี่ นจะ ช่วยทาผิดต่าง ๆ เช่น ผิดกฎหมาย ถูกจองจาตามผลของกรรมก็ไม่ช่วยเหลือ เพราะช่วยคนผิดทาให้ เสียหลักยุติธรรม หรือผู้ที่ตกน้าไปต่อหน้า แต่หมดทางท่ีจะช่วย ท่านให้วางเฉย การวางเฉยต้องไม่ ประกอบด้วยอคติ ถ้ายังประกอบดว้ ยอคติแล้วเขาจะมีความวางเฉยไมไ่ ด้เลย กกกกกกกผู้ท่ีมพี รหมวหิ ารธรรม แมจ้ ะอยู่ในฐานะเชน่ ไร จะดารงไว้ซ่งึ ความยุติธรรม ชว่ ยเหลือบาบดั ทุกขภ์ ัย ให้ความสุขสนับสนุนให้ก้าวหนา้ พลอยยินดใี นความดี หรือผลงานของบคุ คลทว่ั ๆ ไป ไม่ ส่งเสรมิ ในทางช่วั ร้าย ท้งั สว่ นตัวและสว่ นรวม ก็จะเป็นอยู่อย่างสุขสบายเป็นนจิ นิรนั ดร์ กกกบทกลอน 8 ของอานสิ งส์เมตตากกกกกกก ถึงจะตืน่ จะหลบั ดีมสี ขุ ไมม่ ีทกุ ขฝ์ ันรา้ ยใจผวา มนุษยอ์ มนษุ ยร์ ักทุกเวลา เทพรักษาปลอดยาพิษ ไฟ ศัตรู จิตมน่ั คง มีวงหนา้ แจ่มใส สตไิ วไมห่ ลงตายคล้ายพวกหมู เมตตาสูงจงู ใจใหเ้ ฟื่องฟู ด่งิ ไปสู่พรหมโลกไรโ้ สกเอย กกกกกกกเมตตาปารมีกถา กกกกกกก อนุสสนธิพระธรรมเทศนา เร่ืองบารมี 10 ข้อที่ 9 คือเมตตา เพ่ือชี้แนวปฏิบัติแก่พุทธ บริษัทผู้ใคร่ในการศึกษา ตามสมควรแก่เวลา คาว่า เมตตา แปลว่า ความรัก และเอ็นดู ความ ปรารถนาให้ผู้อ่ืนได้สุข หรือความสนิทสนม บารมี แปลว่า คุณสมบัติทาให้ยิ่งใหญ่รวมเป็นเมตตา บารมี แปลว่า คุณสมบัติทาให้ยิ่งใหญ่คือความรัก คาว่าความรักในที่น้ีหมายถึงความรักซ่ึงปราศจาก ความใครต่ ามอารมณ์อันไม่เจือปนดว้ ยราคะความกาหนัดเปน็ ความรักทีเ่ กิดขึ้นในสรรพสัตว์ท่วั ไป อัน ตนมีความประสงค์ให้ได้สุขตามหลักสามัญชนคิดว่า เมตตาจะเกิดได้ต้องอาศัยคาถา ภาวนาให้เกิด พลังใจ ช่วยทาให้พลังใจของอีกฝ่ายหนึ่งมีความอ่อนไหว เกิดความรัก ความเอ็นดู ซ่ึงไม่เคยมีมาก่อน จึงไดเ้ กิดมพี ธิ ีกรรมต่าง ๆ ตามความเขา้ ใจของเกจิอาจารยว์ างแนวทางและกฏเกณฑ์ของตนขึ้นไว้เพื่อ ศึกษาของศิษย์ต่อไป อันที่จริง เมตตานี้สร้างให้เกิดข้ึนในตัวได้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวาง แนวทางใหท้ กุ คนหมั่นระลกึ กันไม่รู้จักลมื ดงั ทท่ี รงตรสั ไวใ้ นสาราณยิ ธรรมสตู ร ในสามประการข้ันต้น ทรงแบ่งเป็น ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ว่า เมตตากายกรรม เข้าไปตั้งไว้ซ่ึงเมตตาทางกาย ได้แก่ การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยกาลังเรี่ยวแรงของตน เช่น ประชาชนกาลังพัฒนาถนนหนทาง เพ่ือสะดวกใน การสัญจรไปมาของท้องถิ่น หรือพากันขุดลอกสันดอนของลาคลอง เพื่อสะดวกในการอาศัยน้า เก่ียวกับการเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร หรือทาอย่างอ่ืนใดท่ีต้องอาศัยคนหมู่มากเป็นต้น เขาจะพา กันขอร้องหรือไม่ก็ตาม ยอมเข้าร่วมช่วยเหลือด้วยตนเองบ้าง หรือไม่อาจช่วยด้วยตนเองก็หาอาหาร มารว่ มชว่ ยเหลือบ้าง มฉิ ะนั้น กส็ ละทรพั ยข์ องตนเองออกจ่ายสิง่ ของตา่ ง ๆ มาร่วมเลยี้ งดู ใหพ้ ลังทาง ร่างกาย หรือในท่ีสุดแม้เพียงปรากฏตัวในท่ีชุมชนเช่นน้ัน ในการพัฒนาสาธารณสถาน ซึ่งจะเป็นเหตุ ส่งเสริมให้เกิดพลังใจแก่ส่วนรวมในที่นั้น ๆ หรือการช่วยเหลือเพาะบุคคลในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยการ
83 ช่วยเก็บวัตถุสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเกิดเมตตาอย่างสูง เช่นสละเลือดให้แก่โรงพยาบาล เพ่ือความ อย่ดู ีของผปู้ ่วยไข้ นี้ช่อื ว่าเมตตาทางกาย เมตตาวจีกรรม เข้าไปตั้งไว้ซ่ึงเมตตาทางวาจา ได้แก่การช่วยเหลือทางวาจา คือจะช่วยทาง กายไมไ่ ด้ แต่ขวนขวายทางวาจา เช่น ชักจูงให้เขาชว่ ยเหลือ ช้ที างใหเ้ ขาเหน็ แก่ประโยชนส์ ่วนรวมของ ประเทศชาติและสถานท่ีสาธารณะต่าง ๆ ท่ีควรร่วมแรงร่วมใจทาในท่ีสุดแม้ท่ีสาธารณะ มีอาคาร สวยงามด้วยสสี นั สถานที่ประดับประดาไว้ด้วยพันธ์ุไมน้ านาชนิด มีพันธ์ุไม้ต้น พันธุ์ไม้ใบ พันธุ์ไม้ดอก และมีสนามหญ้าอันสวยงาม ช้ีแจงให้รู้จัก รักษาความสะอาดไม่เดินลัดสนามหญ้า ไม่เด็ดดอกไม้ หัก รานกิ่ง โค่นต้น ทาลายป่าสงวนของชาติหรือขีดเขียนอาคารสถานสาธารณะทัว่ ไปใหเ้ ปื้อนเปรอะเลอะ เทอะไม่น่าดู ชี้แจงให้เขารู้จักทามากินให้ประกอบอาชีพต่าง ๆ แม้แนะนาให้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ เหมาะสมเป็นพลเมอื งดีของประเทศชาติ ก็ไดช้ ือ่ ว่า มเี มตตาทางวาจา เมตตามโนกรรม เข้าไปต้ังไว้ซึ่งเมตตาทางใจ คือทาใจให้ประกอบด้วยเมตตา ได้แก่ทางกาย ทางวาจา ไมอ่ าจช่วยเหลอื เขาได้ ก็ใหต้ ้ังใจประกอบดว้ ยความรัก ความเอน็ ดู ในสรรพสตั วท์ ่วั ๆ ไปทง้ั ในส่วนที่ใกล้ชิดและห่างออกไป แม้ท่ีสุดในสรรพสัตว์ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตจองเวรกันและกันก็ตาม การ ทาใจให้มีความรักท่ีเรียกกันว่า แผ่เมตตานั้น ในเบ้ืองต้นต้องแผ่เมตตาให้กับตัวเองก่อน คือให้รู้จักว่า “เรารักตวั ฉนั ใด ผู้อน่ื กร็ ักตัวฉนั น้นั ตวั เรารกั สขุ เกลียดทุกข์ฉันใด ผ้อู นื่ กร็ กั สขุ เกลียดทุกข์ฉันนั้น” อก เราเช่นไร อกเขาก็เช่นน้ัน หมายความว่า ให้รู้จักอกเขาอกเรา หลังจากนั้น จึงแผ่เมตตาในสัตว์ ต่าง ๆ ตามวิธแี ผเ่ มตตา ดงั ตอ่ ไปน้ี โอทสิ สผรณา แผค่ วามรกั ไปในบุคคลท่ีตนรักใกลช้ ิดที่สุด เช่น บิดา มารดา สามี ภรรยา บตุ ร ธิดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ศิษยานุศิษย์ ญาติมิตรโดยลาดับ หรือในหมู่คณะ อันตนมีส่วนรับผิดชอบ อยดู่ ้วย การแผเ่ มตตาแบบนีน้ ับว่าเปน็ ไปในวงแคบ วงจากดั ไม่ปลอดภยั อาจยังมีศตั รูคู่เวรอยู่ อโนทิสสผรณา แผ่เมตตาไปในบุคคลที่ตนไม่รัก ไม่ชัง หรือในผู้ที่ตนเกลียดชัง ซึ่งเป็นศัตรู คอู่ าฆาตจองเวรกันอยู่ ไดแ้ กก่ ารแผ่เมตตาโดยไม่เลือกว่าผู้ที่ตนต้ังใจนน้ั จะเปน็ ผทู้ ่ตี นรักหรือเป็นศัตรู ก็ตาม ทาให้ห่างเวรห่างภัย ไม่ต้ังตนเป็นศัตรูคู่พยาบาทของสรรพสัตว์ใด ๆ เป็นการแผ่เมตตาที่ทาง พุทธศาสนานิยมยกย่อง แม้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงปฏิบัติเป็นประจา ถึงกับมีคาสดุดีซึ่ง นกั ปราชญส์ ดุดพี ระองคไ์ วว้ า่ วธเก เทวทตฺตมฺหิ โจเร องคฺ ุลิมาลเก ธนปาเล ราหุเล จ สพฺพตถฺ สมมานโส แปลว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระทัยเมตตาเสมอในบุคคลต่าง ๆ คือ พระเทวทัต องคุลิมาล โจร นักแม่นธนู ช้างธนบาลและพระราหุล ได้แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นการทาได้ยาก แต่มิใช่ว่าจะ ทาไม่ได้ ผู้ทต่ี งั้ ใจทา แล้วยอ่ มทาได้เสมอ ในเบ้ืองต้นควรนึกถงึ ความดีของเขาเท่าที่พอจะนึกให้เห็นได้ คิดนึกถึงความดที ี่เขาทา เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเทา่ ท่ีมีอย่จู ะนอ้ ยหรือมากกต็ าม หากยังไมเ่ ห็นความดี ของเขา ควรนกึ ถึงผู้ใกลเ้ คียง เช่นพ่อ แม่ ลูกหลาน สามภี รรยา ญาตพิ นี่ ้อง มิตรสหายของเขา ยงั ทาดี เพื่อหมู่ เพ่ือสังคมมีมาก หากยังไม่เห็นความดีของสาวสัมพันธ์ของเขา ในข้ันสุดท้ายให้นึกว่า ชีวิต เร่ิมแรกของทุกคนที่เกิดข้ึนมาน้ัน มีความบริสุทธิ์สะอาดยังไม่มีเวรภัยกับใคร ๆ แต่เพราะอาศัย สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น สถานท่ี ดินฟ้าอากาศ ชุมนุม สังคม เปลี่ยนแปลงนิสัยต่าง ๆ ของผู้น้ันให้ กลายเป็นผู้ที่ไม่น่าคบหาสมาคมเป็นศัตรูกัน และกัน เป็นคนชั่วเสียหาย เขาทากรรมใดไว้ ย่อมต้อง
84 ได้รับผลกรรมนั้นเสมอ ไม่ช้าก็เร็วใครจะไปซ้าเติมหรือไม่ก็ตาม ผู้ที่ไปช่วยซ้าเตอมเขาน้ัน ย่อมจะก่อ เวรภัยสืบต่อไปอีกไม่รู้จักจบส้ินเมื่อนึกไดอ้ ย่างนั้น ก็จะทาให้คลายความโกรธอาฆาตจองเวรลงได้ คน ผู้ยังเป็นปุถุชนอยู่ย่อมมีทั้งความดี และความช่ัว ความเกลียดชังเกิดขึ้นเพราะเห็นความร้ายกาจบ้าง ผลประโยชน์ขัดกันบา้ ง ทาไม่ถูกกบั ทัศนะของตัวบา้ ง บางทไี มใ่ ชเ่ รื่องสว่ นตวั แตเ่ ปน็ เพราะทากับพวก พอ้ งพน่ี อ้ งวงศว์ ารของตนบา้ ง ขดั กบั นโยบายของหมู่คณะ ประเทศชาติ ศาสนาของตนบ้าง ทาให้ต้อง เป็นศัตรูคู่อาฆาต บางคร้ังเพียงได้ยินข่าวเล่าลือเรื่องความเสียหายยังไม่ทันจะได้พบเห็น ก็ตั้งตัวเป็น ศัตรูเสียก่อนแล้ว ความรวนเรของปุถุชนเป็นอยู่อย่างน้ี จึงควรจะนึกถึงความดีของศัตรู จักบรรเทา ความเป็นศตั รูลงโดยลาดบั การแสดงความบริสุทธิ์ไม่เป็นศัตรูคู่เวรกับใคร ๆ มีแต่ความหวังดีเท่าน้ัน ย่อมจะเปลี่ยน ความคิดศัตรู ความระแวงสงสัยให้อีกฝ่ายหนึ่งคลายลงไป จนกลายเป็นมิตรที่ควรคบอย่างยิ่ง ดัง ตัวอย่างที่สุวรรณสามโพธิสัตว์และบิดามารดาแผ่เมตตาไปในหมู่สัตว์ไม่จากัดปริมาณ ทั้งที่เป็นท่ีรัก และศัตรู จึงทาให้สัตว์ร้ายต่าง ๆ เช่น เสือ สิงห์ เป็นต้น เกิดความรักไม่ทาร้าย กลายเป็นมิตร นอกจากน้ัน แม้สรรพสัตว์ท่ีเคยเป็นศัตรูกัน เป็นภักษาหารของกันและกัน ซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น กลายเปน็ มิตรรักสนทิ สนมอยรู่ ว่ มกนั ได้ฉะนนั้ ก่อนท่ีจะแผ่เมตตา ต้องทาใจให้บริสุทธ์ิสะอาด ปราศจากความวุ่นวายต่าง ๆ ทาให้สงบแน่ว แน่ แผ่เมตตาจรงิ ๆ ในวันหน่งึ อย่างนอ้ ยควรแผเ่ มตตาสักหน่งึ คร้ังก่อนนอนหลังจากสวดมนต์ไหว้พระ แล้ว หรือจะทาได้มากคร้ังขณะมีใจว่างในอิริยาบถต่าง ๆ คือ ขณะยืน เดิน น่ัง นอน ทาได้มากย่อม เปน็ ความดสี ว่ นเดียว ไม่มีเสียหายอะไร การแผ่เมตตาทร่ี ูก้ ันทั่ว ๆ ไป ตามหลักสากลนยิ มมี 4 ประการ สพเฺ พ สตฺตา สัตว์ทงั้ หลายทีเ่ ปน็ เพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดว้ ยกันท้ังหมด ทง้ั สิ้น อเวรา จงเปน็ สขุ เปน็ สุขเถิด อย่าได้มเี วรแก่กันและกนั เลย สพฺเพ สตฺตา สัตว์ท้ังหลายท่ีเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันท้ังหมด ท้ังส้ิน อพยฺ าปชฌฺ า จงเป็นสขุ เปน็ สุขเถิด อยา่ เบยี ดเบียนซ่ึงกันและกนั เลย สพฺเพ สตตฺ า สัตวท์ ้ังหลายท่ีเปน็ เพ่ือนทุกข์ เกดิ แก่ เจบ็ ตาย ด้วยกนั ทัง้ หมด ทัง้ สน้ิ อนีฆา จงเป็นสขุ เปน็ สขุ เถดิ อย่าไดม้ ีความทกุ ขก์ ายทุกข์ใจเลย สพฺเพ สตฺตา สัตว์ท้ังหลายที่เป็นเพ่ือนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันท้ังหมด ท้ังสิ้น สุขี อตฺตาน ปรหรนฺตุ จงมีความุขกายสขุ ใจ รักษาตนใหพ้ ้นจากทกุ ข์ภยั ท้ังส้ินเถิด กกกกกกกการแผเ่ มตตา เมื่อได้ทาทกุ วนั ๆ ยอ่ มได้อานิสงส์ 11 ประการ กกกกกก ประการที่ 1 นอนหลบั กเ็ ป็นสุข กกกกกก ประการที่ 2 ต่นื อยกู่ เ็ ปน็ สุข กกกกกก ประการท่ี 3 ไมฝ่ นั รา้ ย กกกกกก ประการที่ 4 เปน็ ทีร่ กั ของหมู่มนุษย์ กกกกกก ประการท่ี 5 เป็นท่ีรักของหมู่อมนุษย์ กกกกกก ประการที่ 6 เทพยดายอ่ มรักษา กกกกกกกึประการท่ี 7 ไฟ ยาพิษ ศาตราวุธ ยอ่ มไมท่ าอันตราย กกกกกกกประการที่ 8 จิตยอ่ มต้งั ม่ันเปน็ สมาธิไดเ้ ร็ว กกกกกกกประการท่ี 9 สหี น้ายอ่ มผอ่ งใส
85 กกกกกกกประการที่ 10 มสี ติไม่หลงตาย กกกกกกกประการท่ี 11 ยงั ไมส่ าเรจ็ อรหตั ตธรรม ย่อมไปเกดิ ในพรหมโลก กกกกกกกสุวรรณสามโพธิสัตว์บาเพ็ญเมตตาเป็นประจา แม้ถูกศัตราวุธ คือลูกศรของพระเจ้าปิลยัก กษัตริย์เมืองพาราณสี นักนิยมการล่าสัตว์ประจานิสัย ก็ไม่เป็นอันตรายด้วยศัตราวุธน้ัน เมื่อทุก ๆ ท่านบาเพ็ญเมตตาทั่ว ๆ กันตามแนวพระพุทธศาสนา ก็จะทาให้ย้ิมแย้มแจ่มใสเข้าหากัน ช่วยเหลือ ประโยชน์ของกันและกัน เป็นเหตุก่อให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียว เป็นน้าหน่ึงใจเดียวกัน แผ่กว้าง มากเท่าใดก็ได้เชื่อว่า ก่อให้เกิดความสุขมากเท่าน้ัน สมดังวจนประพันธ์ธรรมภาษิตท่ียกขึ้นเป็น นิกเขป บทเบื้องต้นน้ันว่า โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา แปลว่าเมตตาย่อมค้าจุนโลกไว้ ดังน้ี เพราะฉะนั้น เมอ่ื ทุกทา่ นประกอบด้วยเมตตา คือเมตตาเปน็ พรประจาชีวติ จักทาให้เกดิ ประสทิ ธิผลทุกคนื ทกุ วนั ดงั รับประทานแสดงพระธรรมเทศนา ขอยตุ ไิ วด้ ว้ ยเวลาพียงเท่านี้ เอวงั กม็ ดี ว้ ยประการฉะนี้ 2.2 หลกั ธรรมทเี่ กย่ี วข้องกับการศึกษา การศกึ ษา คือ หนา้ ท่สี าคัญท่ีสดุ ในการดาเนินชีวติ การศึกษา คือ ยาวิเศษแก้โรคโง่ การศกึ ษา คือ อาหารบารงุ สมอง การศึกษา คือ การเรยี นรู้ประสบการณ์ การศกึ ษา คือ การพฒั นาชวี ติ การศึกษา คือ อาภรณ์เลิศประดบั ตัว การศกึ ษา คือ ขุมทรัพยแ์ สวงหาประโยชน์ การศึกษา คือ การลงทุนเพ่ือค้ากาไรชวี ติ การศกึ ษา คือ ประทปี เพ่ือค้ากาไรชีวติ การศึกษา คือ ทางเดินสู่ความสงบ แสงแหงสจั จะความจริง หยดุ ทกุ ส่ิงทีเ่ ทจ็ แสงสองทางสาเร็จ จดุ กาเนดิ ทีใ่ จ แสงสวางกวางไกล คอื ดวงอาทติ ย แสงสองทางชีวติ คอื การศึกษา กกกกกกกกล่าวโดยสรุป หลักธรรมคาสอนของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่สาคัญ แบ่งออกเป็น 2 หลักการด้วยกัน คือ (1) หลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินชีวิต และ (2) หลักธรรมท่ีเก่ียวข้องกับ การศกึ ษา กกกกกกกในการเรียนหรือการทางานส่ิงใดก็ตาม ต้องมีความมุ่งมั่น มีขันติความอดทนและก็มีสัจจะ ความจริงใจในการทางานอุปสรรคปัญหานั้น มีอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เราทางานจะต้องรู้จักแก้ไข และแก้ไขท่ีตัวปัญหา เราต้องค้นหาก่อนว่า อะไร คือปัญหา เทียบทางพระพุทธศาสนาก็คือใช้หลัก อริยสัจส่ี คือ ค้นหาว่าอะไรเป็นทุกข์ อะไรเป็นตัวปัญหา อะไรคือสาเหตุของปัญหา อะไรคือสาเหตุ ของปัญหา คือสมุทัย อะไรคือความดับแห่งปัญหาหรือความดับทุกข์ คือนิโรธ และสุดท้ายอะไรคือ หนทางแหง่ ความดับทุกข์ คอื ดบั ปญั หา หนทางแก้ปัญหาคือมรรค
86 กกกกกกก3. หลักธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไรข่ ิง พระอารามหลวง กกกกกกก3. หลกั ธรรมที่เก่ียวข้องกบั การดาเนนิ ชีวติ ความสุขและความทุกข์ เป็นสิ่งท่ีจิตเราปรุงแตง่ ขนึ้ มา ถา้ เรารบั รู้ถึงสิ่งทด่ี งี าม สงิ่ สวยงาม และความสขุ ทรี่ ายรอบตวั เราเองอยทู่ ุกขณะแลว้ เราจะไมป่ ล่อยใหค้ วามรูส้ ึกทเ่ี ปน็ ทุกข์ มาครอบงาจติ ใจเราได้ บทกลอนและสภุ าษติ ในการดาเนนิ ชวี ิต คนด้อื อยา่ สอน คนจรอย่าคบ คนประจบอยา่ รกั คนทกั อย่านิ่ง คนจริงอย่าหนา่ ย คนอายอยา่ ล้อ คนมาง้ออย่าโกรธ คนโฉดอยา่ เข้าใกล้ วันใดที่ ท้องฟ้า ครึ้มมืดมิด กจ็ งคดิ ถงึ วัน ที่สดใส วนั นแี้ ม้ ท้องฟา้ ไมอ่ าไพ จงร้ไู ว้ วา่ พรุ่งน้ี จะรงุ่ เรือง เกดิ กิเลสตัณหาเพราะความหลงใหล เจ็บ ไมจ่ าสร้างแตก่ รรมชั่วเรื่อยไป ตาย เปล่าไปหาส่งิ ดไี ม่มีเลย “คนมปี ัญญา ทาจติ ที่ด้ินรน กวัดแกวง่ รกั ษายาก หา้ มยาก ใหต้ รงได้ เหมือนช่างศร ทาลูกศร ใหต้ รงได้ ฉันนนั้ ” พุทธสภุ าษิต “ดกู อ่ นอานนท์” ธรรมหน่ึงคือ อานาปานสตสิ มาธิ ภกิ ษุเจรญิ แล้ว ทาใหม้ ากแล้ว ยอ่ มยงั สติปัฏฐาน 4 ให้บรบิ ูรณ์ สติปัฏฐาน 4 อันภิกษเุ จริญแลว้ ทาใหม้ ากแล้ว ย่อมยังโพชฌงค์ 7 ให้สมบรู ณ์ โพชฌงค์ 7 อนั ภกิ ษเุ จรญิ แล้ว ทาใหม้ าก ยอ่ มยงั วิชชาและวมิ ตุ ติใหบ้ ริบรู ณ์
87 พรปีใหม่หลวงพอ่ วดั ไรข่ งิ 2557 แบง่ พวกเสียความรัก แบง่ พรรคเสียความสามคั คี ไมแ่ บ่งพวกไม่แบง่ พรรค จะไดท้ ้งั ความรักและความสามคั คี ความเพียร เปน็ สมบตั ิ ของนักสู้ ความรู้ เปน็ สมบตั ิ ของนกั ปราชญ์ ความฉลาด เป็นสมบตั ิ ของนักขบคดิ ความเป็นระเบียบทุกชนดิ เป็นสมบัติ ของคนดี ประโยชนข์ องความไมเ่ ทย่ี ง ความไมเ่ ที่ยง ไม่เพยี งชี้ มีแต่โทษ มปี ระโยชน์ กม็ ากมาย หลากหลายสว่ น เชน่ สานกึ ระลึกใน ไม่แนน่ อน กกกกกก ให้ผลย้อน สะทอ้ นทุกข์ เปน็ สุขแทน กกกกกกกถ้าเข้าใจในเรื่องราวความเป็นไปของโลกแล้ว จะทาให้เป็นผู้ท่ีเข้าใจในชีวิตมากข้ึน รู้จักใช้ ชวี ติ แบบผู้มปี ัญญาทใี่ ชช้ ีวติ บนโลกแตไ่ ม่ตดิ โลก ไมไ่ ปยดึ มนั่ ถือม่นั อะไรให้มากมายนกั เพราะทุกสง่ิ ทุก อย่างเต็มไปด้วยความแปรปรวน เด๋ียวขึ้นบ้างเด๋ียวลงบ้าง ทาดีก็เช่นกัน เมื่อทาความดีแล้วก็อย่าไป อวดดีถือดี อย่าไปแบกความดีไว้ข่มผ้อู ื่น อย่าไปคิดว่าตนดีที่สุดหรือดีกว่าคนอ่ืน ทางท่ีดีคือ ไม่ควรไป เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นเลย เพราะเราทาดีเพ่ือลดละเลิกกิเลสในตัวเอง ถ้าท่านได้รู้จักพิจารณา อย่างลกึ ซ้ึงและตอ่ เนือ่ งว่า จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์นานัปการต่อตัวท่านเองดังน้ี กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกถึงความไม่เท่ียงแท้แน่นอนบ่อย ๆ จะช่วยทาให้ชีวิตเป็นสุขมากข้ึน มีความเบากายเบาใจ เพราะเมื่อนึกถึงความไม่เที่ยงแล้วจะช่วยทาให้ลดความโลภ ความโกรธ ความ หลงให้น้อยลง จิตก็จะปลอดโปร่งผ่องใส เบิกบานและเป็นอิสระ เน่ืองจากลดอุปทานคือ การยึดม่ัน ถือมั่นลงได้ เพราะทุกคนรู้แน่แก่ใจว่าส่ิงที่เราหลงรักหรือหลงคิดว่าเป็นของของตนน้ัน ไม่มีความ แน่นอนอยู่เลย มีโอกาสแปรปรวนได้เสมอ เม่ือสุขก็ไม่ติดในสุข ไม่มืดมัวหมกมุ่นลุ่มหลงในสุขเมื่อมี ความสุขผันแปรไปก็ไม่ถูกความทุกข์ครอบงา มีผลกระทบกระเทือนใจน้อย สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ อยา่ งผูม้ ีสติ กกกกกกกเมื่อท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เท่ียงแท้แน่นอนบ่อย ๆ แล้วจะทาให้ท่านเป็นผู้ไม่ ประมาทหลงระเริงในชีวิต เมอื่ ประสบความสุขความเจริญ เม่อื ทกุ ขก์ ็มีความหวังว่าสักวันหน่ึงอาจพ้น จากทุกข์ได้ ไม่ประมาทมัวเมาในวัยหนุ่มสาว ไม่ประมาทในความไม่มีโรค เพราะรู้ดีว่าชีวิตจะจบลง เมื่อไหร่ก็ได้ ร่างกายที่แข็งแรงดีก็อาจเจ็บป่วยได้เช่นกัน จึงไม่ควรเอาเวลาอันมีค่าของชีวิตน้ีไปทา กรรมชัว่ หรอื ถ้าทาไปแลว้ กไ็ มก่ ลา้ ทจ่ี ะทาอีก จึงทาใหท้ า่ นเปน็ ผูร้ คู้ ณุ ค่าของเวลา มคี วามกระตือรอื ร้น ในการท่ีจะสร้างสมความดี เอาเวลาทม่ี ไี ปแสวงหาความดใี ส่ตวั กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เท่ียงแท้แน่นอนบ่อย ๆ จะทาให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท ในทรัพย์สิน เพราะรู้ดีว่าคนรวยผู้มีทรัพย์มากก็อาจจะกลายเป็นคนจนในอนาคตได้ หรือคนจนก็อาจ
88 กลายเป็นคนรวยได้เช่นกัน ทาให้ไม่ดูถูกดูหมิ่นผู้อ่ืนที่ไร้ทรัพย์ ไร้ยศหรือต่าต้อยกว่าตน ทาให้รู้จัก สารวมระวังตนอยู่เสมอ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะมองเห็นด้วยปัญญาว่าความสุขความรุ่งเรือง ต่าง ๆ นั้น ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอนอยู่เลยและทาให้รู้จักคาว่าพอได้ง่ายข้ึน สะสมทรัพย์ทางโลกให้ น้อยลง เพราะสมบตั ทิ างโลกไม่มคี วามแนน่ อนและเปน็ ส่ิงท่ีทา่ นต้องทิ้งเอาไว้ กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เท่ียงแท้แน่นอนบ่อย ๆ จะทาให้ท่านเห็นแก่ตัวน้อยลง นึกถึงคนอื่นมากข้ึน ให้อภัยคนอ่ืนได้ง่ายข้ึน เพราะทราบชัดแล้วว่า ทุกคนที่เกิดมาต้องประสบกับ ความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น เม่ือเกิดความเสื่อมหรือเกิดความสูญเสียขึ้นก็ไม่ควรทุกข์จนเกินควร ความ ทุกข์น้ันมีอยู่ทุกแห่งเป็นเร่ืองธรรมดาของสิ่งหลายสิ่งทั้งหลายเราจะหนีทุกข์อย่างไรก็ไม่พ้นจากทุกข์ ไปได้ จึงไม่ควรหนีปัญหา เมื่อประสบกับส่ิงท่ีทาให้ไม่พอใจพึงรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นน้ันไม่เที่ยงมีโอกาส เปลีย่ นแปลงไปในทางท่ีดีขึน้ ได้ ทาใหส้ น้ิ หวัง ไมท่ อ้ ใจจนเกินไป กกกกกกกเมื่อท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนบ่อย ๆ อาจจะช่วยกระตุต้นให้ตัวท่าน เอง เกดิ ปัญญาจนมองเหน็ ทกุ ขม์ องเห็นโทษภัยแหง่ การเกิด แก่ เจบ็ ตาย มองเห็นสจั ธรรมของชวี ิตว่า ส่ิงทั้งหลายท้ังปวงน้ันไม่เที่ยง แม้แต่กายสังขารของตนเองสิ่งท่ีไม่เท่ียงน้ันย่อมก่อให้เกิดทุกข์เป็น ธรรมดา ดงั นั้นความทกุ ข์ท้งั หลายจงึ เป็นเร่ืองธรรมดาของโลก สตั ว์โลกนัน้ จมอยใู่ นกองทกุ ข์ ดิน้ รนอยู่ ในกองทุกข์ หย่ังลงสู่กองทุกข์และยังมีกองทุกข์มากมายดักรออยู่เบื้องหน้าอีกเป็นความจริงอัน โหดร้ายของชีวิตท่ีสัตว์ทั้งหลายตอ้ งพบเจอจะแตกต่างกันไปก็เพียงแต่ในรายละเอียดเท่านั้น มากบ้าง นอ้ ยบา้ งตามเหตปุ ัจจยั ถา้ ตัวทา่ นยดึ ม่นั มากกท็ กุ ขม์ าก ถ้าทา่ นยดึ มัน่ น้อยกท็ ุกขน์ ้อย กกกกกกกเวลาท่ีท่านเกิดทุกข์จากกิเลสตณั หาต่าง ๆ จากความยึดมั่นถือมั่น ก็ให้ลองใช้ความไม่เท่ียง ฟาดฟันความทุกข์ลงไป เพราะพิจารณาแล้วว่าส่ิงท้ังหลายไม่เท่ียงแท้แน่นอน ตัวตนของตนยังไม่มี แล้วจะเอาอะไรมาเป็นฐานของทุกข์อีก ความทุกข์หรือความสุขต่าง ๆ นั้นมันก็ไม่เท่ียง อย่าไปใส่ใจ มาก เวลาของชีวิตมีค่ามากมายนัก แล้วมัวจะเสียเวลาทุกข์ไปทาไมกันเมื่อคิดได้ดังนี้ ความทุกข์ ท้ังหลายมันก็คงตั้งอยู่ไม่ได้ วันน้ีจึงอยากจะขอเชิญชวนให้ท่านท้ังหลายมาระลึกถึงความไม่เท่ียงบอ่ ย เพอ่ื เตรียมตวั เตรียมใจรบั กบั สถานการณ์ของความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชวี ิต กกกกกกกเพ่ือให้เข้าใจถึงประโยชน์ของความไม่เท่ียงได้อย่างชัดเจน จึงได้ยกข้อความในนันทขยสตู ร ที่ 1 (พระไตรปฎิ ก เล่มที่ 18 พระสตุ ตนั ตปฎิ ก เล่มที่ 10 สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค) มาให้พจิ ารณา ดงั นี้ กกกกกกก “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเห็นจักษุอันไม่เท่ียงนั้นแลว่า ไม่เท่ียง ความเห็นของภิกษุน้ัน ชอ่ื วา่ เป็นความเห็นชอบ เมอ่ื เห็นชอบยอ่ มเบ่ือหนา่ ย เพราะสนิ้ ความเพลิดเพลนิ จึงสิน้ ราคะ เพราะส้ิน ราคะจึงส้ินความเพลิดเพลินเพราะส้ินความเพลิดเพลินและราคะ เราจึงเรียกว่า จิตหลุดพ้นดีแล้ว เป็นตน้ ไม่เทีย่ งเห็น ความเปน็ โทษ ประโยชน์เกดิ สิง่ ประเสริฐ เลอเลิศเหลอื ก็เบอื่ หน่าย ร่ืนรมย์จติ มติ ดิ เพลนิ จาเริญกาย ตัณหาหาย ไดว้ มิ ุติ พุทธธรรม กกกกกกกเมอื่ ทา่ นทั้งหลายระลึกถึงความไมเ่ ทยี่ งอยา่ งสม่าเสมอเปน็ ปกติ ถือเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวติ ทาใหไ้ มย่ ินดใี นร่างกายของตนเองและผ้อู น่ื ไมไ่ ยดีในความเปน็ อยูต่ เิ ตียนการทาชั่วทัง้ หมด เปน็ ผู้
89 ปราศจากมลทนิ คือความตระหนใี่ นสิ่งของทงั้ หลายสว่ นผู้ทไี่ มไ่ ดร้ ะลกึ นึกถงึ ความไมเ่ ทยี่ ง ถือเป็นผ้ไู ม่ ประมาทในชีวิต เพราะเมือ่ เวลาที่ความแปรปรวนต่าง ๆ จูโ่ จมเข้ามาแบบไมท่ ันตั้งตัว จะกอ่ ให้เกดิ ทุกข์โทษภยั แสนสาหสั แตท่ ่านผ้ทู ่พี ิจารณาถึงความไม่เทีย่ งสมา่ เสมอจะไม่เป็นเช่นนน้ั เลย พราะฉะนน้ั ทา่ นทง้ั หลายผู้มปี ัญญาดี ไม่พึงประมาทในความไม่แน่นอนของชวี ิต จงระลึกถึงความไม่เทีย่ งซ่ึงมี อานุภาพมากมายเช่นนีไ้ ว้ทกุ ๆ ขณะจติ เถดิ “ทางานอย่างไรจึงจะไดค้ วามสุข” กกกกกกกไดม้ ีโอกาสไปโรงพยาบาลสระบรุ ี ไปเหน็ สโลแกนอนั หนึง่ ว่า “คุณธรรมนาคูม่ าตรฐาน” เป็น อะไรที่ชอบมาก เพราะการทางานท่มี ีคุณธรรมนน้ั ประเสรฐิ อยแู่ ลว้ ย่งิ มาควบคู่กับมาตรฐานแลว้ เปน็ อะไร ทีด่ ีมากเลย ไปเหน็ พยาบาลโดยเฉพาะคนท่ีเปน็ หวั หน้าก่อนจะทางานก็มีการพูดคุยกอ่ น ทุกคน มีหน้าตากระตอื รือร้น ย้มิ แย้ม แจ่มใส ไปหลายคร้ังกเ็ ปน็ อย่างน้นั ตลอด ก็นึกชมอยู่ในใจว่า ถา้ ทกุ โรงพยาบาลเป็นอย่างนกี้ ็ดี คนรักษาก็ใจดีตัง้ ใจทางาน คนป่วยท่ีไปรบั การบริการกส็ บายใจ กกกกกกกไปอ่านพบผลงานของท่านเจา้ คุณประยทุ ธ ปยุตโต ชิ้นหนง่ึ วา่ “ทางานอย่างไรจงึ จะได้ ความสุข” เหน็ ว่าเป็นความคิดทด่ี มี าก จึงขอสรปุ คาสอนของท่านมาฝากทุกท่าน เพ่ือพวกเราจะได้ ความคดิ ดี ๆ นากลบั ไปใชง้ านไม่มากกน็ ้อย กกกกกกกคนเราโดยทว่ั ไปมีนิสยั อยู่ 2 แบบ คือ กกกกกกก1. ค่านยิ มผลติ ชอบทางาน กกกกกกก2. ค่านิยมบริโภค ไม่ชอบทางานแตช่ อบบรโิ ภค กกกกกกกคนทมี่ ีค่านยิ มบริโภคมาก เมื่อต้องทางานมากกย็ ิ่งเครียดมากโดยเฉพาะคนทีต่ ้องการ ผลตอบแทนทางวตั ถุ จะทาใหเ้ กิดปัญหาและทาให้เกิดความเครียด อันนีเ้ กดิ จากแรงจงู ใจที่เรียกว่า ตณั หามานะและมคี วามกงั วลเกรงงานจะไมเ่ สรจ็ กกกกกกกสว่ นแรงจูงใจทถี่ ูกธรรม (ฉันทะ)คือทางานด้วยใจที่ใฝ่สร้างสรรค์ มองงานเป็นโอกาสพัฒนาตน พัฒนา ประเทศชาติและสังคม ตอ้ งการผลสาเรจ็ ของงาน แต่ก็มีความเครียดและทุกข์ไดเ้ หมือนกันเพราะมี ความรีบรอ้ นจะทา กกกกกกกสรปุ วา่ ไมว่ ่าฝา่ ยแรงจงู ใจทไี่ มด่ หี รือแรงจงู ใจที่ดี ต่างกม็ คี วามเครยี ดได้ท้งั นน้ั แล้วถา้ ทางานดีและมสี ุขด้วยจะทาอย่างไร ? กกกกกกก1. ในการทีจ่ ะทาให้เกดิ ผลดตี ่อชวี ิตและสงั คม เราต้องต้องมีแรงจงู ใจที่ถูกต้อง ตอ้ งการ จุดหมายของงาน มฉี ันทะ มีความใฝด่ ี มคี วามใฝส่ รา้ งสรรค์ และรูเ้ ทา่ ทนั ความจรงิ วา่ สงิ่ ท้ังหลาย เป็นไปตามเหตุปัจจัย กกกกกกก1. เม่อื เร่งงานเต็มท่ี แตค่ วามกระวนกระวายจะนอ้ ยลง เพราะรเู้ ทา่ ทนั ว่าสง่ิ ทั้งหลาย เป็นไปตามเหตุตามปัจจยั ไม่ตอ้ งกังวลกับผล เราทาเหตขุ องเราให้ดกี แ็ ล้วกนั กกกกกกก2. ในเวลาทางานไม่แบ่งแยกวา่ “นัน่ เรา นี่ชวี ิตเรา นั่นงานท่ีจะต้องทา” ตลอดจนรู้สึกว่า งานเป็นเรือ่ งเหนด็ เหนอื่ ยต้องตรากตรา แตม่ องว่างานน่ีแหละเปน็ เน้ือเปน็ ตัวของชีวิต งานเปน็ ตัวการ ดาเนินชีวิตทเี ดยี ว เพราะฉะนั้น การทางานจึงเปน็ เนอื้ หาหรือเปน็ เนอื้ เปน็ ตัวชีวิตของเราเอง เม่ือ มาถงึ ขัน้ นี้ คนเราจะไม่ขน้ึ อยู่กับความหวงั เพราะความหวังสาเรจ็ จบสิ้นอยใู่ นตวั แล้ว ตอนน้จี ะมี ความสขุ ยง่ิ กว่าตอนแรกทม่ี ีความหวงั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235