Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน

เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน

Description: ศาสนา

Search

Read the Text Version

๑๐๐ บาดแผลจากอบุ ัติเหตุกบั บาดแผลจากการฆาตวั ตายนัน้ เหมอื นกันอยูอยา ง คอื ปลิดชีวติ คนๆหนง่ึ ลงได แตเ บือ้ งหลงั ท่ไี มเหมือนกันระหวางบาดแผลท้ังสองชนดิ ก็คือเจตนาและความรูตวั ทกุ อุบัตเิ หตไุ ม มีเจตนาซกุ ซอนอยใู นน้ัน สว นการฆาตวั ตายตองอาศยั เจตนาอนั เหี้ยมเกรียมกับตนเองเปน อยางยิง่ และ หลายคร้ังความเห้ียมเกรียมกเ็ กดิ ขึน้ จากความทกุ ข ความเครยี ด ความบีบคน้ั เกนิ ขดี ท่ีจะทน ผูฆา ตวั ตายสว นใหญจ ะอมทุกขจนซมซานมานานระยะหนึง่ กอนถงึ วบู มรณะทเ่ี กดิ แรงบันดาลใหกระทาํ อตั วนิ บิ าตกรรมกะทันหนั นอยรายทต่ี ระเตรยี มแผนการไวอยา งดีท้ังเวลา สถานที่ และวธิ ตี าย ทงั้ อุบตั ิเหตุและการฆา ตวั ตายเกดิ ข้ึนไดก บั คนทุกเพศทกุ วยั ยิ่งไปกวา นั้นรปู แบบการตายยงั อาจ เปน ไดท ้ังเฉียบพลนั และสน้ิ ลมหายใจในเวลาตอ มา ข้ึนอยูกับความรนุ แรงของบาดแผลและความแขง็ แรง ของรางกาย บาดแผลท่ีทาํ ใหเสยี ชวี ิตโดยเฉียบพลันนั้นมักเกดิ ขน้ึ กับสมอง ไขสันหลงั หวั ใจ หรือหลอดเลือด สาํ คญั ๆ หากพ้นื ทีส่ มองถูกทําลายไปมาก หรือเกดิ การหลัง่ เลือดมากเกนิ ขดี ทเ่ี จา ของบาดแผลจะทน เมอ่ื นั้นกแ็ ปลวามฤตยูไดไลต ามเขาทนั แลว สวนบาดแผลทีไ่ มทาํ ใหเ สียชีวิตฉบั พลนั ทันทนี ้ัน แบงเปน การขาดใจในระยะสัน้ และระยะยาว สําหรับการขาดใจในระยะส้นั เพราะทนพิษบาดแผลไมไหวจะหมายถงึ การตายในชวงเวลาสองช่ัวโมงแรก จากการไดร ับบาดแผลและมเี ลือดค่ัง เชน ท่ศี ีรษะ ปอด หรืออวัยวะภายในชองทอง แตถา ยังไมถึงฆาต เปน ผูเคยทํากรรมในทางเก้อื กูลผอู ื่นไวกอ น กจ็ ะไดพ บกับบุคคลหรือทมี งานรกั ษาทีฝ่ ก ฝนมาอยางดี และ/หรอื ไดห องฉกุ เฉนิ ที่มีอปุ กรณเพียงพอกับกรณีกชู ีพหนึ่งๆ สว นการขาดใจในระยะยาวหมายถงึ ผูส ามารถทนการบาดเจบ็ ไดหลายวันหรือหลายสัปดาห ท่ีตาย ก็มกั จะเพราะเกิดผลแทรกซอนเชนการติดเช้อื และการลมเหลวของอวัยวะสําคญั ไดแก ปอด ไต และตบั เหตทุ ีอ่ วัยวะทาํ งานลมเหลวกเ็ น่ืองจากลาํ ไสทะลุ มา มแตก ตับแตก หรือปอดบอบชาํ้ จนทํางานไมไ ด ตามปกติ หากปราศจากการผา ตดั หา มเลอื ดหรือซอ มแซมอวัยวะที่เสยี หาย ทูตแหง ความตายก็จะ ปรากฏในรปู ของการเปน ไข ปรมิ าณเลือดในระบบไหลเวยี นลดลงเพราะไปกระจกุ รวมอยใู นทไ่ี มเหมาะ ตดิ เชือ้ ในวงกวา ง (เลือดเปน พษิ ) ซง่ึ ยง่ิ นานเทา ไหรก็จะยง่ิ ดื้อยามากขนึ้ เร่อื ยๆ หากผปู วยตองจบชีวติ ลงดว ยภาวะชอ็ กจากการตดิ เชอื้ ก็แปลวาวาระสดุ ทา ยของเขาคืออาจตอง ตายทรมาน แรกสดุ จะมีไข ชพี จรเตนเรว็ และหายใจลาํ บาก หากไมไ ดร ับยากลอมประสาท ระดบั ความ รสู ึกตวั จะเร่มิ แปรปรวน หากทีมแพทยไ มสามารถหาตน เหตขุ องการตดิ เชอื้ ไดท ัน หรือมเี คร่อื งไม เครอื่ งมอื กูชพี ไมด พี อ เมอื่ ยอื้ กันไมไหวก็เปน อันสรปุ วา ตอ งคนื รางใหก ับธรรมชาติไป (ขอ มูลการแพทยจากหนงั สือ How We Die ของนายแพทยเ ชอรว ิน บี นแู ลนด หนงั สือแปลเปน ไทยชอ่ื ‘เราตายอยางไร’ โดยวเนช สํานกั พิมพมลู นิธโิ กมลคีมทอง)

๑๐๑ ๔) การจากไปดว ยโรคชรา เราไดยนิ กนั เสมอวา คนน้นั คนน้เี สยี ชีวิตลงอยางสงบดว ยโรคชราที่ หอ งไอซียู ความจริงก็คือมเี พียงคนตายเทานน้ั ที่ทราบวา ขณะ ‘ตายอยางสงบดวยโรคชรา’ น้ันเปน อยา งไร การแกช รามกั มากับความเส่อื มสภาพท่ีเห็นไดช ดั ดว ยตาเปลา นอกจากนัน้ กลไกภายในอันไม ปรากฏตอสายตาใครนนั้ ก็คอยๆถึงซงึ่ ความเหือดแหงลงทีละนอ ย อยา งเชนปริมาณเลอื ดที่ลดลง ไมวา จะในเสนเลอื ดแดงบางเสนทเ่ี ขา ไปเล้ียงสมอง หรอื ท่เี ขาไปเล้ียงหวั ใจ เมอ่ื สมองและหัวใจตอ งการ ปริมาณเลือดระดับหนงึ่ แตไ มไ ดเ ลอื ดเพยี งพอตอความตองการ กเ็ กดิ ผลบางอยาง เชน โรคลมปจ จบุ ัน (stroke) และโรคหัวใจ คนชราทมี่ ีความดนั โลหติ สงู มานานๆน้นั จะมีผนังหลอดเลือดออนแอ กระทั่งแตกหกั และมี เลือดออกไปกดทบั เน้ือสมอง นก่ี เ็ ปนส่ิงที่เหน็ ไมไดด ว ยตาเปลาเชน กนั บางคนหลบั แลว ไมไ ดต น่ื อกี เลย หรือท่ีเรียกวา เปน การจากไปอยา งสงบก็ดว ยเหตุน้ี ผูทีร่ ูตวั วากําลังจะตองจากไปบางคนรสู ึกเหมือนถกู ความตายกดั กนิ ทีละนอ ย อาจเริม่ จากอาการ ทัว่ ไปเชนมนึ งง เปน ลม หรอื เกดิ ความสบั สนกระวนกระวาย นน่ั เปน เครอ่ื งหมายวาชีวิตถูกแทะไปอกี หนึง่ ช้ิน กระทงั่ สวนท่เี หลือของชีวิตคงอยูน อยลงเรอ่ื ยๆ รางกายก็จะออ นเปลี้ย เดินชา ลง หลงลมื มากขึ้น ควบคมุ อวัยวะตา งๆโดยเฉพาะมอื ไดยากขึน้ มัจจุราชดูดพลังชวี ติ และความกระตอื รือรน ของเรากอ นจะเอาเราไปจริงๆเสมอ โดยเฉพาะคนชรา ที่ยอมเชือ่ วาเขาจะไมเหลอื พลังกายพลังใจอีกเลยในเรว็ วนั กเ็ หมอื นจะหมดพลังท้งั ปวงไปจริงๆ แตอาจ ตอ งนอนรอความตายอยา งไรก าํ ลังวังชานานพอๆกับชวงเวลาทีเ่ ร่มิ ออกจากทอ งแมจนกระทั่งโตขึน้ เปน วัยรนุ หรือวยั ทาํ งานไดเลยทเี ดยี ว ซง่ึ น่ันกแ็ ปลวาการเสียชีวิตดว ยโรคชราของบางคนน้ัน ไมใ ชม ี แคภ าพตายอยางสงบในหอ งไอซยี ใู หด ู แตย ังมปี ระสบการณสว นตัวของผูตกเปนเหย่อื ของโรค ชราเองดวย คือตองทนถูกกัดกรอนวันละนอยดว ยอาการทางจิตทห่ี ดหูส้นิ หวัง เม่อื ยอมเปน คนชรา เราจะเรมิ่ คิดถงึ แตอดีตและเลิกมองไปในอนาคต อาจจะเลิกมองแมก ระท่ัง นาทนี อ้ี ันเปนปจ จุบนั แตถา ไมย อมเปนคนชรา เราจะยังคงเปนผรู ับขาวสารของโลกวนั นีไ้ ดต ลอดเวลา รวมทง้ั ทาํ กิจกรรมทน่ี า สนุกหลายๆอยางไดเสมอ การมงุ สหู ลกั ประหารบนเสน ทางแหงโรคชราจงึ มีความเปน ไปไดทางประสบการณหลากหลาย ข้นึ อยูก ับพ้นื หลังของแตล ะคน วนิ าทแี หง การจบชวี ติ อาจไมส าํ คัญเทากบั วันเดือนปแ หงการเดนิ ทางเขา ใกลห ลักกิโลสุดทา ย ถา ปลอยใหค ดิ ถงึ แตอ ดตี กจ็ ะพบกับการตายทห่ี ดหยู ืดเยื้อ แตถาอยูก ับปจ จบุ ัน ก็ จะเปนผูพบกับการตายที่ส้นั แสนสนั้ โดยไมจําเปนตอ งรูตัวดว ยซาํ้ วาวันน้ันมาถงึ แลว

๑๐๒ ๕) การดบั ขันธปรนิ พิ พาน ดงั ท่กี ลาวแตต น บทแลว วา นยิ ามของมรณะคอื ‘ความเคลือ่ นจากภาวะ สตั วอ ยา งหน่ึงไปสูภาวะสตั วอ ีกอยา งหน่ึง’ ที่ตรงน้จี ะแสดงใหเ ห็นวายงั มสี ภาพทดี่ เู ผนิ ๆเหมอื นความตายท่ัวไป แตท ่แี ทแลวเปน การ ‘ยุติ ความเคล่ือน’ ไมม กี ารสรางภพใหมสบื ตอจากภพเดิมอกี ภาวะดังกลา วเรยี กวา ‘การดบั ขันธ’ ของผู บริสุทธจิ์ ากกิเลสในพุทธศาสนา สาํ หรบั คําวา ‘ขนั ธ’ นั้นขอใหค ิดงา ยๆวา กายใจน่แี หละ แตพระพทุ ธเจา ทา นไมเรียกกายใจอยาง คนทั่วไป ทัง้ นก้ี เ็ พราะทา นเหน็ ความจรงิ ท่ีลกึ ซงึ้ ไปกวา นั้น ความจรงิ คือ ‘ตัวเรา’ ไมมี มแี ตการประชุม กนั ขององคป ระกอบฝา ยรูปและฝา ยนาม ท้ังรปู และนามเปน ตา งหากจากกัน คอื สรุปงา ยๆวา สมองไมใช แหลง กําเนดิ ความรสู ึกนกึ คดิ และจิตใจ ขณะเดยี วกนั จติ เราไมอาจขาดสมองเปน เครื่องมอื ในการนกึ คดิ และจดจาํ แทจรงิ กายใจเปน ธรรมชาตทิ ี่เกดิ ดับอยางมเี หตุมีผล เหตคุ อื ใชกายใจในปจจุบนั กอกรรมดีรา ย เอาไว ผลคอื จะมกี ายใจในอนาคตทห่ี ยาบหรอื ประณตี ปรากฏขนึ้ อยางเหมาะสมกบั กรรมเกา ฉะนั้นทุก อยา งจึงเปน ของชวั่ คราว กายไมเ ที่ยง เปลีย่ นจากเดก็ เปนแกใ นชว่ั เวลาไมก ่สี ิบป จติ กไ็ มเ ทยี่ ง ไมใชด วง อมตะทล่ี องลอยไปเรื่อย เปลยี่ นสภาพจากกศุ ลเปนอกศุ ลบาง เปล่ียนสภาพจากรูส งิ่ หน่ึงไปรอู ีกสงิ่ หนงึ่ บางตลอดวันตลอดคนื พูดอีกแบบหนึ่ง คอื ความจรงิ แลวมีการดบั ของขันธอยูตลอดเวลา ไมตองไปทาํ ใหม ันดับมนั กด็ บั ไปเร่อื ยๆโดยไมม ีวนั หยุดราชการ แตก าร ‘ดบั ขันธปรินิพพาน’ น้นั หมายความวาเมอ่ื ดบั ครง้ั สุดทา ยแลว ไมม ีการเคลื่อน ไมม กี ารสบื ตอ ภพ ไมมกี ารสืบตอ กรรมวิบากใดๆอกี พูดโดยยนยอคอื ไมตองเสวยทกุ ข ดว ยอาการใดๆอีกเลยช่วั นริ นั ดร เพราะดบั สนทิ แลว ปราศจากภยั แลว ถงึ นพิ พานอนั เปนฝง แหง การ หยุดสนิทถาวรแลว สรุปวาถา ‘ตายธรรมดา’ กค็ อื ตอ งไปเกดิ ใหมเ พื่ออยใู นวงั วนกเิ ลส เวยี นวายอยใู นมหาสมทุ ร กรรมวิบาก สมุ ดสี ุมรายไมแนไมนอนตอ ไปเร่อื ยๆไรท่ีสน้ิ สุด แตถ า ‘ดับขนั ธปรินพิ พาน’ ละ กไ็ มตอ งเกดิ ใหมอกี แลว ลมหายใจดบั ไออนุ ดับ จติ ดบั ไมเหลอื รองรอยเหมือนเปลวไฟทีด่ บั แลวไมเหลอื เช้ือใหต อ เปลวใหมในที่ไหนๆอกี ผทู ี่จะตายแบบดับขนั ธปรนิ พิ พานไดตอ งบริสทุ ธ์ิหมดจดจากกเิ ลสเสยี กอน เพราะเง่อื นของการ เกดิ ใหมก ค็ ือกิเลสนนั่ เอง รื้อถอนกิเลสเสียได ลอยบุญลอยบาปเสียได กบ็ ริสุทธป์ิ ราศจากการขอ งแวะกับ ภพชาติดีรายท้ังปวง

๑๐๓ เมอ่ื บุคคลสามารถบริสทุ ธ์จิ ากกิเลส แมล วงเขา วัยชราท่ีกายเร่ิมชา ลงเหมือนไมใกลฝ ง ก็ตาม เขา ยอ มมีความสุขทางใจอยางถาวร แมเกดิ ความทกุ ขเพราะสังขารเปล้ยี เพลียเพยี งใด ใจก็จะไมเ ปนทุกข เพราะการกําเริบของกิเลสใดๆเลย พุทธลลี าในการดบั ขนั ธปรนิ พิ พานนัน้ งดงามยิง่ ในสายตาชาวโลกคอื การเสด็จบรรทมหลับเปน ครั้งสุดทายของพระศาสดา แตใ นสายตาของผมู ีทิพยจักขุยอมทราบชดั วาไมใ ชเชน นั้นเลย ดงั ที่ภิกษุ นาม ‘อนุรทุ ธะ’ เปนผูเ หน็ และระบุขณะแหง จิตตา งๆของพระพุทธองคเ ม่ือเสดจ็ ดบั ขันธปรินิพพานได อยา งละเอียด ขอเลา วาระแหง การ ‘ตายคร้ังสุดทา ย’ ของสมเด็จพระผมู พี ระภาคโดยสังเขป พระพุทธองคทา น ดาํ รงสติมั่นอยูตลอดเวลา เห็นไดจากการท่ีทรงตรัสสัง่ เสียไวมากมาย เอาเพยี งพระวจนะสดุ ทายกท็ รง ความหมายท่ีสะทอนถึงสติสัมปชญั ญะอนั บริบรู ณแหงพระบรมครไู ดช ดั เจนยิ่งแลว ดูกรภกิ ษุท้ังหลาย บัดนเ้ี ราขอเตือนพวกเธอวาสังขารทงั้ หลายมีความเสื่อมไปเปน ธรรมดา พวกเธอจงยังความไมป ระมาทใหถ งึ พรอ มเถิด ในจงั หวะที่จะละโลกนไ้ี ป พระองคยังถอื เปน โอกาสประทานพระปจ ฉิมโอวาทเพือ่ สะกิดใจผูอ ยู ใกลช ิดเหตุการณส ําคัญไดบ ังเกิดความสลดสงั เวชในความมีความเปน และเรง เราใหพระผยู งั มกี จิ ที่ตอง ทาํ ใหร บี ทําจนกวากจิ จะจบ ถดั จากวจนะสุดทา ยแลว พระผมู ีพระภาคทรงเขาฌานชนดิ ตา งๆ ซึ่งมปี ต ิสขุ ชัน้ สงู บาง มีสติอยาง ใหญทรงความเปนอเุ บกขาบา ง มีความกําหนดหมายในอากาศวา งเปน อนันตเทา จกั รวาลบา ง ตลอดไป จนกระท่ังเขา ถงึ จติ อนั สงบระงบั จากการปรงุ แตงอยางราบคาบบา ง ในการเขา ฌานลึกๆนั้น ลมหายใจจะขาดหว งไปช่ัวคราว ถา คนท่ปี ราศจากความชาํ นาญในทิพย จักขเุ ห็นเขากต็ อ งนึกวา ทา นละขนั ธไ ปแลว ดังเชน ทพี่ ระภิกษุนาม ‘อานนท’ ถามพระอนรุ ทุ ธะใน ขณะหนึ่งวาพระผมู พี ระภาคเสด็จปรนิ พิ พานแลวหรอื ? ทา นพระอนุรุทธะไดต อบวา ยงั แตพระองคท รง เขาสัญญาเวทยติ นิโรธอยู เม่อื พระพทุ ธองคอ อกจากฌานข้นั สูงสุด กไ็ ดทรงถอยกลบั มาสฌู านขั้นต่าํ ลงเรือ่ ยๆตามลําดับ จากน้นั ไลล ําดบั ฌานขน้ึ ไปอกี ครง้ั แตไ มถึงขัน้ สงู สดุ พอถึงฌานขัน้ ที่ทรงสติอยางใหญเปนมหาอเุ บกขา แลวถอนออกจากฌานนน้ั ก็ไมเ ขา ฌานใดๆตอ แตไ ดเสด็จปรินพิ พานในบัดนน้ั เอง กลาวมาทง้ั หมดก็เพ่อื ใหเหน็ วายังมกี ารตายอกี แบบหน่ึงทีส่ งู สง ย่งิ และมีขอสังเกตบางประการให พจิ ารณาดงั น้ี

๑๐๔ ๑) ผูบริสทุ ธจิ์ ากกิเลสยอมมสี ติบริบูรณแมใ นขณะแหงความตาย ๒) ผูบ ริสุทธิ์จากกิเลสยอมสามารถรูเวลาตายของพวกทา น ๓) หากทานเปนผเู จรญิ สมาธไิ ดถ ึงฌานข้นั สงู สดุ ก็ยอมยงั ประโยชนกับโลกเปน ครั้งสุดทา ยดวย การดบั ขนั ธปรินพิ พานดวยลลี าอนั เปนมหามงคล เปนทีบ่ อกเลากันในภายหลังไดว า พระผบู รสิ ทุ ธจ์ิ าก กิเลสยอมตายในอาการเสวยวมิ ตุ ตสิ ุข ไมม ีความทุกขใดๆปรากฏใหเห็นเลย ความจริงการเขา ฌานแลวถอนออกมาดบั ขนั ธปรนิ ิพพานน้ัน จะมีการคายพลงั อันเปน อัครมหา กศุ ลออกมาทวมโลก ตามกฎการแปรรูปจากสิง่ หนึง่ ไปเปน อกี ส่ิงหนึง่ เสมอ ไมมสี ่ิงใดดบั สญู โดย ปราศจากผลลพั ธต กคา ง และผลลพั ธใ นกรณนี ี้กจ็ ะปรากฏแกใจผเู ล่ือมใสศรัทธาในพระผมู พี ระภาคอยาง ลน พน กลา วคอื ถาผูใดหมน่ั ระลึกถึงบุญคณุ ของพระพุทธองคเ สมอๆ แมเ พยี งดว ยการสวดมนตก ราบ ไหวพ ระปฏมิ าอนั เปน รูปแทนพระองค ชวี ิตของผนู นั้ จะสวางไสว อยเู ปนสุขกับสัมผัสใน ‘พลงั พุทธคุณ’ อนั บรสิ ทุ ธิ์ยิง่ ใหญเ กินเปรยี บประมาณ วา กันวาหลงั จากมกี ารประกาศการดับขนั ธปรินพิ พานของพระพุทธองค ไดเกดิ แผน ดินไหวใหญ ยังความขนพองสยองเกลาใหเ กดิ ขนึ้ และแมก าลเวลาผา นลวงไปแลว เกอื บสามพนั ป ผูสดบั ตรบั ฟงถึง เหตุการณในครัง้ น้นั กย็ ังขนลุกกันอยมู ิรูหาย แตก ารเสดจ็ จากไปของพระผมู พี ระภาคก็เปนตวั อยางหนึ่ง ทช่ี ี้ใหพวกเราเหน็ วาผลงานอาจยืดอายมุ นุษยสกั คนใหยนื ยาวเปน ทร่ี ูจักไดหลายพนั ป ดังเชน ชาวพทุ ธ เรายังระลึกกันเสมอ ท่พี ระพุทธองคตรัสวา ธรรมทีเ่ ราแสดงและวินัยทีเ่ ราบัญญตั ิไวแ ลว จกั เปน ศาสดาของพวกเธอตอไป ตราบใดท่ยี ังมกี ารเรยี นรู จดจํา และเผยแผพระสัทธรรม กับทง้ั มภี ิกษุ ชว ยกนั รกั ษาวนิ ัยของพระพทุ ธองค ตราบน้นั ก็เสมอื นหนง่ึ วา พระศาสดายังไมลวงลับดบั ขันธไ ปแตอ ยาง ใด เพยี งพระองคอยูไ กลเกินกวา ทเ่ี ราจะเขาเฝา ดว ยกายเนือ้ นี้เทา นนั้ ประสบการณเ ฉยี ดตาย ในหัวขอ กอนเปนการกลา วถึงความตายจากมมุ มองภายนอก เราเห็นคนตายดวยวิธตี า งๆ รับรูว า มกี ารตายดี มกี ารตายรา ย มกี ารตายอยางสงบ มกี ารตายอยางทรมาน รวมท้งั อาจทราบแนน อนดว ยวธิ ี ทางการแพทยวาเขาตายอยา งไร สาเหตุจากอวัยวะสวนใดหยุดทาํ งาน ซึ่งกค็ งเปนทาํ นองเดียวกับการ เหน็ คนอน่ื น่ังรับประทานอาหารสตู รใหมทีไ่ มเคยมใี ครลิ้มลองมากอ น หากเราเหน็ เขาเคย้ี วอยาง เอร็ดอรอ ย สายตาจับจองอาหารในจานอยา งพงึ ใจ ไมเ ลง็ แลไปทางอ่ืน ก็คงพอประมาณไดวารสชาติ นา จะเปร้ียวหวานมนั เค็มดเุ ดด็ เผด็ มันสกั ปานใด

๑๐๕ แตหัวขอน้จี ะพูดถงึ ประสบการณอันเปนภายใน เปนมมุ มองของบุรุษทีห่ นง่ึ เปนการสัมผสั ความ ตายดวยตนเองโดยไมตอ งฟง คนอ่ืนพูดวา ดีหรือไมด ีแคไหน อึดอัดหรือปลอดโปรง ปานใด เปรยี บกับการ ไดล งนงั่ รับประทานอาหารสูตรใหม สมั ผสั อาหารดว ยล้ินของตนเอง เพ่อื รบั ทราบวารสอรอยหรอื ไม อรอยนน้ั เปน อยา งไร เปรย้ี วหวานมันเคม็ เยน็ รอนออนแขง็ แบบไหน กอนอน่ื ตองเขา ใจวา การ ‘ตายจริง’ กบั ‘ตายตามการวนิ ิจฉัยของแพทย’ (Clinical Death) นัน้ อาจ แตกตา งกนั ได กลาวคือตายตามการวนิ ิจฉยั ของแพทยหมายถงึ ภาวะท่ีบคุ คลไมอาจฟนคนื กลับมามีชีวติ อีกดว ยวิธที างการแพทยใ ดๆ หรอื อีกนัยหนงึ่ คอื การยุตกิ ารทาํ งานอยา งถาวรโดยไมอ าจหวนกลบั มา ทํางานใหมไดอ กี เลย การแพทยไมพดู เร่ืองปาฏหิ ารยิ  เพราะฉะนนั้ ถาแคคลนื่ สมองเรยี บสนิทก็ถือวา เปนการตายตาม การวนิ ิจฉยั ของแพทยไ ดแ ลว แพทยจะไมมีความผดิ ใดๆหากลงความเหน็ วา ตาย แตศพกลับฟน คนื ชีพ ขนึ้ มาใหม ความจริงกค็ อื มผี กู ลบั มาจากความตายตามการวินิจฉัยของแพทยมากราย และนัน่ เองเปนท่มี า ของเร่อื งราวประสบการณหลงั ความตาย แทจรงิ แลวถาดตู ามนยิ ามที่พระพทุ ธเจาตรสั ไวเกี่ยวกับ มรณะ คนเหลา น้ันก็ยงั มิไดตายจรงิ เพราะยงั ไมข าดสมาชิกภาพในหมูสัตวเ ดิมไปเปนสมาชิก ใหมในหมสู ตั วอ ่นื อยา งถาวร อยางไรกต็ าม ผูท่เี ฉยี ดตายน้นั อาจไดร ับประสบการณขณะใกลต ายจรงิ ๆ ขาดไปเพยี งการ เคลือ่ นเขาสคู วามเปน สตั วอืน่ อยางถาวรเทา นั้น ประสบการณใ กลตายไมถ ึงขนาดเปนเรือ่ งลี้ลับ และคนมปี ระสบการณ ‘ผานความตายวบู เดียว’ ใน โลกน้ีกไ็ มไ ดหายากอยา งทีค่ ิด โดยเฉพาะในหองผาตดั ฉกุ เฉนิ เหลา มนุษยจาํ นวนหนึ่งพบกบั สง่ิ ท่ีไมเ คย พบมากอนตลอดท้งั ชวี ิต และมผี ลสะเทอื นใหเกดิ มมุ มองและพฤตกิ รรมทแ่ี ตกตา งอยางใหญหลวง คอื โดยมากจะหันมาศรทั ธาคําสอนเกี่ยวกับเรือ่ งชาติหนา ในศาสนาของตน และยดึ หลักปฏิบัติตนเพ่ือสรา ง ทางสสู รวงสวรรคตามอดุ มคตทิ ีต่ นเลื่อมใส ผูที่ไดร ับการวนิ ิจฉัยวา ‘ตายจริง’ ทางการแพทยและกลบั ฟน คืนชีวิตอกี คร้ังหนง่ึ มักกลับมาเลา วา เกิดประสบการณคลายคลงึ กัน พอสรปุ ไดเปน ขอๆคอื ๑) ความทกุ ขและความอดึ อัดกระสับกระสายแปรเปนความรสู กึ สงบและด่มื ด่าํ เปนลน พน ๒) เมื่อขาดจากความรูส กึ หยาบๆ เหมือนมีอกี รางท่โี ปรงบางหลดุ ลอยออกจากกายเน้อื โดยมี สายใยสีเงนิ โยงเชื่อมอยรู ะหวา งน้นั ๓) เขา ไปสอู ุโมงคม ดื แหงหนงึ่ ซง่ึ มแี สงสวางอยทู ่ปี ลายทาง

๑๐๖ ๔) แลนเขาหาแสงสวาง โดยมคี วามรูสกึ ประดุจแสงสวา งเปน แมเหล็กดึงดดู ตนเขา ไป ๕) พบผูท่ีอยูในแสงสวาง โดยมากจะเปนญาติมิตรท่ีตายไปแลว หรอื บคุ คลที่ตนเคารพเปน พเิ ศษ เมื่อครงั้ มีชีวติ ปกติ ๖) พบสถานท่ีที่แตกตา งจากโลกใบเดิม อาจจะสวยงามขึน้ หรอื นาเกลียดนา กลัวกวาทุกแหง ที่เคย เหน็ มากอน ๗) พบกับสิ่งกีดขวาง บางทเี ปน การหามเขา บางทีเปนการบอกวา ยังไมถงึ เวลา บางทีบอกวาให เลอื กระหวางเขา สูโลกใหมก ับกลับไปสโู ลกเกา ๘) การกลับสูรา งเดมิ โดยมากเหมอื นถกู อโุ มงคท ่ีมพี ลังดึงดดู ดว ยความเรว็ สูงกลบั มาเขา กายเนือ้ ๙) ปาฏิหาริยห ลังกลับเขาราง ไมว า จะเคยเชอ่ื แนวศาสนาไหนมากอน ประสบการณทดลองตาย จะกอใหเกิดศรัทธาอยา งใหญหลวง หลายคนกลายเปนผูมคี วามสามารถทางจติ หรอื กระทัง่ อางวา ตดิ ตอ กับเทพได อยา งไรกต็ าม กลมุ ผเู ฉยี ดปากประตมู รณาไมไ ดม ีประสบการณต รงกนั แมแ ตผ ปู วยในหอ งผาตดั ใหญซ ่ึงดมยาสลบเหมอื นๆกนั กไ็ มไ ดรสู กึ วาจิตลอยจากรางดวยกนั ทุกคน ซง่ึ ตรงนเี้ ปนจุดทย่ี ากจะ ตัดสินวาใครประสาทหลอน หรอื วาใครไปรูเห็นส่ิงที่มีอยจู ริงๆในมิตอิ ่ืนมา และความแตกตา งนีเ่ องท่ีทํา ใหผ ูม ีแนวโนม ไมเ ชอ่ื เรือ่ งโลกหนา ไดก ลายืนยันหนักแนนขึน้ วา ทงั้ หลายท้งั ปวงท่ีประสบพบเห็นกันลว น เปนเรื่องเหลวไหล เปนเรอ่ื งอาการทางจติ ของคนไมอ ยูใ นภาวะปกติ อยา งเชน ท่ีมีนักวทิ ยาศาสตรหลาย รายเสนอวา ประสบการณพ สิ ดารพันลกึ ขณะเฉียดตายเปน เพยี งการทาํ งานของสมองสวนหนงึ่ ที่ เก่ยี วของกับการรบั รูเทาน้นั เคยมีผหู ญิงคนหน่งึ ไดรับเสียงเตอื นจากประสบการณเฉยี ดตายวา โลกใหมท เ่ี ธอกาํ ลังรบั รูเ ปน เพยี งนมิ ติ ลวงใจ นัน่ ยิ่งเปน ขอ สนบั สนนุ แกนกั วิทยาศาสตรท ่มี ีแนวโนม จะเชอ่ื เชน นนั้ อยูกอนหนา ย่ิงไปกวานนั้ การพบกับแสงสวา งทส่ี ดใสและนมุ นวลแปลกประหลาดไปกวาแสงท้งั หมดท่ีเคยเห็น มา สําหรับนกั วิทยาศาสตรบ างคนท่มี ีความรูเกี่ยวกับสมองมากๆก็ไมใ ชเ รื่องนา แปลกใจนกั เพราะเปน ที่ ทราบกันวาหากกระตนุ บรเิ วณ Hippocampus, Amygdala และ Inferior Temporal Lobe กส็ ามารถทาํ ใหเ กดิ การเหน็ แสงสวางเชน นี้เชน กัน สรปุ คอื ไมใ ชตายแลว กลับมาเลาอะไรเลิศลอยจะกลายเปนเรอ่ื งนา ต่ืนเตน สําหรับนักวิทยาศาสตร เสมอไป เกอื บทุกขอถูกปดตกดวยคําอธิบายเก่ียวกับความรทู างสมองไดอ ยา งมหี ลักเกณฑไปเสยี ท้ังนนั้ แตเ หตผุ ลทีผ่ ูผานประสบการณเ ฉียดตายสวนใหญจ ะไมเชอ่ื วา เปนเพียงความฝน ก็เพราะโลกใน อกี มติ หิ น่ึงท่ปี ราศจากรา งกายหอหุมนั้น ชัดยงิ่ กวา ชดั จรงิ ยงิ่ กวา จริงยามรสู ึกลมื ตาต่ืนอยูในโลกมนุษย

๑๐๗ มากนัก ความทรงจาํ ทงั้ หมดเหมือนปรากฏใหเลอื กระลึกอยางปราศจากขีดจาํ กัด อยากนึกถึงเรื่องไหนก็ นกึ ออกตลอดสาย อีกประการหน่งึ ทีเ่ ปน เสมือนหลกั ฐานอนั แนน หนา คอื ถาสมองเปนทง้ั หมดของประสบการณ เหตุ ใดผปู ว ยหนักในหอ งไอซยี ูท่ดี มยาสลบเพื่อผาตดั บางรายจงึ เกดิ อาการประสาทหลอนไดแจมชัดนกั แถม ยังจดจาํ เร่ืองราวในนิมติ ตางๆไดอยางแมนยําตลอดสายอกี ตา งหาก สําหรบั นกั วิทยาศาสตรทตี่ อ งการขอ มูลสรุปเกยี่ วกับภาวะเฉียดตาย มกั อาศยั ประสบการณของ ผูปว ยท่ถี กู วางยาสลบนเ่ี อง แผนการทดลองโดยมากจะเปนการสืบหารายที่อางวาวิญญาณลอยจากรา ง ขึ้นสูงและเห็นความเปน ไปในหอ งผา ตดั ไดย นิ เสียงคนคยุ เร่ืองใดกนั บาง หากกลุมตัวอยางสามารถบอก รายละเอียดภายในหอ งผาตัดไดถ ูก กจ็ าํ เปน ตอ งยอมรับวามีอะไรอยางหนึ่ง ‘ลอยออกไปจากราง’ จรงิ ๆ ความตางระหวา งบงั เอญิ กบั จงใจเฉยี ดตาย คนสว นใหญม มี มุ มองวา ภาวะเฉยี ดตายหมายถึงการท่ีจิตวิญญาณเปน อิสระจากกายเนื้อ เพราะถา วิญญาณออกจากรางไดก็จะเกิดประสบการณ เกิดมุมมองทแ่ี ตกตา งไปจากเคยแทบส้ินเชงิ เชนบางราย มคี วามสามารถรูเหน็ รอบดานในคราวเดียวซึง่ เปน ไปไมไ ดด วยประสาทตาของมนุษย บางรายไดย นิ เสยี งในอีกแบบหนึ่งทไ่ี มเ คยไดย ินมากอ นดวยประสาทหูของมนษุ ย พูดงายๆคือเรามองวา การแยก จิตไปรับรอู กี ภาวะมติ หิ นงึ่ เปนการอยูในโลกหนา ถงึ ปจจุบนั การ ‘บงั เอญิ เฉียดตาย’ ยังมิใชขอ มูลทางวทิ ยาศาสตรทแี่ จม ชดั พอ แมจะมีสถาบันซ่ึง กอ ต้ังขึ้นเพอ่ื คน ควา และวจิ ยั ประสบการณเ ฉยี ดตายระดับนานาชาตจิ าํ นวนมาก รูปแบบการพิสจู นก ย็ ัง ไมช ัดเจนนกั ราวกับวาถาอยากเปดเผยเร่ืองโลกหลังความตายกันจรงิ ๆ กต็ อ งเหนื่อยยากงัดขอกบั ธรรมชาติมากหนอ ย เพราะด้ังเดิมเหมือนธรรมชาติไมเ ต็มใจใหเ รารบั รูเรื่องนอกเหนอื จากชาติ ปจจุบนั เทา ใดนัก หากรแู ละตระหนักกนั มากๆกอ็ าจจะตระหนก แลว หนั มาทําแตความดีกนั ดนิ แดนสวรรคก็จะผดุ ข้ึนเกนิ พ้นื ทีใ่ นนรก ผิดหลกั ‘ของดีมนี อ ย’ ไป นกั วิทยาศาสตรท่ีมคี วามโนมเอียงจะเชอื่ เรือ่ งโลกหนา จะเนน การนาํ เสนอขอ มูลวิจยั ที่ชใ้ี หเหน็ วา จิตกับกายแยกกนั ไดจริง สมองไมใชแ หลงผลิตความรูส กึ นึกคิดทงั้ หมด นักวทิ ยาศาสตรกลมุ นีเ้ ชอ่ื วา มี หลกั ฐานช้ขี าดเพียงเทา นี้ก็พอแลว สาํ หรับการยนื ยันความเชือ่ ของตน แตนกั วิทยาศาสตรอ กี กลุมหนึง่ ทม่ี คี วามโนมเอียงจะปฏเิ สธเร่อื งโลกหนา จะเนน การนําเสนอแบบ หักลา งทกุ ประเดน็ ท่ีชวี้ าจิตกบั กายสามารถแยกจากกัน มรี ายละเอียดเชงิ เทคนิคที่เหมือนอธบิ ายไดหมด กลา วโดยสรปุ คือนักวทิ ยาศาสตรกลมุ นเ้ี ชือ่ วาการรเู ห็นอีกมติ หิ นึ่งเปนการทํางานอันผิดปกติ ของสมองลว นๆ

๑๐๘ ดังนัน้ แทนท่จี ะไปรอผลวจิ ัยจากการบงั เอิญเฉียดตาย จงึ มกี ารระดมความคิดจากนกั วจิ ยั อกี กลุม หน่งึ วา ทําอยางไรจะ ‘จงใจเฉยี ดตาย’ ไดอ ยา งเปน วิทยาศาสตร เคยมที ฤษฎแี ปลกๆท่ยี ังเปนไปไมไ ดในความจรงิ แตนําเสนอในรปู ของภาพยนตรฮอลลวี ดู คอื สรา งปจ จยั ของความตายขึ้น โดยใชทั้งยา ทัง้ การลดอุณหภูมิในรา ง และทั้งการช็อกดวยไฟฟา เพ่อื ทาํ ใหหัวใจหยุดเตน และคลนื่ สมองเรยี บลง ซงึ่ ทางแพทยถือวาตายสนทิ ประสบการณท่ีเกิดข้นึ หลังจากน้ัน ถือวา เปน การสัมผสั โลกหลังความตายอนั เช่อื ถอื ได จากนั้นจงึ ใชเ ทคนิคกชู ีพตามปกติหลงั จากเวลาผาน ไปสกั สองสามนาที ซึง่ เปนระยะทส่ี มองยังไมข าดออกซเิ ยน จนเกิดความเสยี หาย แตสิ่งทนี่ ักวทิ ยาศาสตรในปจ จบุ ันทําไดจ รงิ คือกระตนุ อยางแรงท่ีบรเิ วณ Temporal Lobe ของ สมองดวยไฟฟา จะทําใหเ กิดความรสู ึกวา มีรางอกี สว นหนึง่ แยกออกไปจากรา งเดมิ ลองลอยอยูขางบน ระดับเพดาน และมองจองดเู หตกุ ารณข า งลางอยู แตป ระสบการณช นดิ นี้กไ็ มท ําใหไ ดข อสรปุ วา เกิดอะไร ข้ึนกนั แน เน่อื งจากการท่ีจิตลอยขน้ึ ไปดูเหตุการณช วั่ คราวกย็ งั รูเห็นแคบจาํ กัดอยใู นมิตเิ ดมิ ๆ และอีก อยา งหนง่ึ Temporal Lobe ก็เปน สว นของสมองท่ีมีกิจกรรมเก่ยี วกบั การสรา งภาพในฝนเสยี ดว ย การเอาสมองมาเปนตัวตง้ั หรอื เปน ตัวตดั สินเรอื่ งประสบการณข า มมิติจงึ ไมทําใหเกิดขอ สรปุ แต จะกอ ใหเ กิดขอกังขาวนเวยี นอยูในขอบเขตของสมอง เปนประเด็นถกเถียงทไ่ี มรจู บสําหรบั มุมมองของ นักวทิ ยาศาสตรท ่เี ช่อื และไมเช่อื แตห ากเปน พุทธศาสนิกชนทโ่ี นมเอียงไปทางจิตนยิ ม มคี วามรู มีความสามารถปฏิบัตธิ รรมจนเกิด สมาธถิ ึงระดบั ฌาน ก็จะยืนยนั ตามท่ีพระพทุ ธเจา ตรสั เก่ยี วกบั เรอ่ื งของการถอดจิตไวแลวคอื เปรยี บเสมือนบรุ ษุ จะพงึ ชักดาบออกจากฝก เขาเพยี งคิดวา ดาบกส็ ว นหนึ่ง ฝก ก็อีกสว น หนึง่ จึงสามารถชกั ดาบออกจากฝกได ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ เมือ่ จิตเปนสมาธิบรสิ ทุ ธ์ิผองแผว ไมม ี กิเลส ปราศจากกเิ ลสจร ออนควรแกการงาน ต้ังม่ันไมหว่ันไหวแลว เธอยอ มสามารถโนม นอ ม จิตไปเพื่อนริ มิตรปู อนั เกิดแตใ จ คือนิรมิตกายอ่ืนจากกายนี้ มีอวยั วะนอ ยใหญครบถวน มี อนิ ทรียไมบกพรอ ง หากเปน ผูส ามารถถอดจิตไดจ ริง ถอดไดห ลายๆคร้งั ความสงสยั เก่ยี วกับเร่ืองแยกกายแยกจิตจะ หายไปอยา งเดด็ ขาด และประสบการณขณะถอดจิตไดย อมบอกเราเองวา ‘มติ อิ ืน่ ’ มหี รอื ไม ถามมี ี อยางไร เหมอื นหรือตางจากโลกเดิมแคไหน ความตางระหวางผสู ามารถถอดจิตไดมอี ยูมาก สวนใหญเมือ่ ถอดออกสําเรจ็ เปนครั้งแรกๆจะ วนเวยี นรูเห็นอยใู นโลกวัตถเุ ดมิ ๆนีเ่ อง พสิ จู นไ ดช ดั จากการเขา ไปรเู ห็นสง่ิ ทพ่ี วกเขารบั รวู า มีอยูจรงิ อยู

๑๐๙ แลว รวมทั้งรเู ห็นสิง่ ท่ีเขายังไมเ คยเหน็ มากอ น แตต ื่นขึน้ ไปดสู ถานท่ีจริงก็พบวามใิ ชข องหลอก สาํ คญั กวานน้ั คือความรับรขู ณะถอดจติ จะชัดกวา เมื่อครง้ั ลมื ตาตืน่ ดว ยกายเน้อื กบั ทัง้ สามารถเห็นสิ่ง ตางๆท่ีตาเนอื้ ไมส ามารถเหน็ อกี ดว ย ไมว า จะเปนรัศมจี ากจิตวิญญาณของผูคน ตลอดไป จนกระทั่งจติ วญิ ญาณในภพภมู อิ ่นื ทีไ่ มอาจเหน็ ไดดว ยตาเปลา ผูถ อดจิตไดเปนปกติยอ มมีความรเู หนอื มนุษย เชนทราบชัดวาการถอดจติ มิใชป ระสบการณเฉียด ตาย แตเ หน็ เปน คนละเรอ่ื งกันอยา งสิ้นเชิง เน่อื งจากประสบการณท ี่เกดิ ขึ้นขณะถอดจิตคอื การมีสติ รวู า ‘รูปอันเกิดแตใ จ’ นน้ั ถูกนริ มิตขน้ึ และยางกา วเขา ไปสูมติ ทิ ่ลี ะเอียดกวา โลกหยาบ โดย ขณะนนั้ หัวใจมิไดหยดุ เตน และคลน่ื สมองกม็ ิไดเ ปนเสนเรียบแตอยางใด สง่ิ ทีอ่ าจแตกตา งไป บางกเ็ ชน ลมหายใจสงบลงช่ัวคราว โดยรางกายทาํ ตวั เปนแทงดดู พลงั ปราณจากรอบดานเขา มา หลอ เลยี้ งชวี ติ ไว เมื่อมมี มุ มองทชี่ ดั เจนวาประสบการณว ญิ ญาณหลุดจากรา งไมจ ําเปนตองหมายถึงประสบการณ เฉียดตาย ขน้ั ตอไปคงหายสบั สนเม่อื กลาวถงึ ประสบการณเ มื่อจะตองตายจริงๆ ประสบการณตายจรงิ ในเม่ือคนเราตายจรงิ ไดคร้งั เดยี ว นอกนั้นเปนขอ กงั ขาเกย่ี วกบั สมอง หรอื ไมก เ็ ปนเพยี งการถอด จติ ดว ยพลงั ฌาน อยางนมี้ แิ ปลวา คนเราไมม สี ทิ ธิล์ ว งรูความจริงเกีย่ วกับประสบการณขณะตายจริงบา ง เลยหรือ? คําตอบคอื มี! คอื ตองเปน ผูท่ฝี กวิชา ‘รตู ามจริง’ แบบพุทธศาสนามาอยางโชกโชน คือเหน็ กาย เหน็ จติ ท่แี สดงการเกิดดบั อยตู ลอดเวลานใี้ หช ดั กระทงั่ มีความเปนกลาง มสี มาธิตง้ั มั่นผองแผวปราศจาก อคติ และเปนอิสระจากการปรงุ แตงทางสมองใดๆ จากนัน้ ยอ มสามารถโนม นอ มไปกาํ หนดรภู าวะทางจติ ของผอู ่นื เปรยี บเทียบเห็นไดช ดั วาแทจริงก็ เหมือนของตน คือมสี ภาวจติ ใดๆเกดิ ขนึ้ ดวยเหตุ สภาวจิตน้นั ๆยอมตองดบั ลงเปน ธรรมดาเม่อื กาํ ลงั สง ของเหตุสิ้นสดุ ผฝู ก วชิ า ‘รตู ามจรงิ ’ ในพุทธศาสนายอ มเห็นวาท้งั ตนเองและใครๆวนเวียนอยใู นการเกิดสภาพจติ เพยี งไมก ่ชี นิด เชนจิตมีราคะแลวแปรเปน จิตไมม ีราคะ จิตมีโทสะแลวแปรเปนจติ ไมมโี ทสะ จิตมีความ หลงแลว แปรเปน จติ ไมม คี วามหลง จิตหดหูแลว แปรเปน จติ ตน่ื เตม็ สดใส จติ ฟงุ ซา นแลว แปรเปน จติ สงบ ท่ีเกดิ สภาพจิตหนง่ึ ๆก็เพราะมีเหตุ เชน จิตมีราคะก็เพราะโดนรูปหรอื เสยี งกระทบกอ น มีความ ตรึกนกึ ถงึ รูปหรือเสยี งในทางท่นี า ยนิ ดี แตพ อรปู หรือเสยี งหายไป หมดอาการตรกึ นึกถงึ รปู หรอื เสยี ง ในทางนา ยินดี เชน เพียงมีสตริ วู า ราคะเกดิ ข้นึ ในจติ และไมย ินดีตรึกนกึ ในทางกามตอ ราคะก็จะ หายไปเองเพราะหมดแรงสง จากเหตุเกา

๑๑๐ นอกจากนนั้ แลว ผฝู กวิชา ‘รูต ามจรงิ ’ ในพทุ ธศาสนายงั สามารถเห็นแจง วา ทัง้ ตนและทงั้ ใครตอ ใคร ตางกม็ สี ภาพของจติ อยหู ลกั ๆคอื ‘รูอ ะไรอยา งหน่ึง’ กบั พกั อยูใ นอาการ ‘ไมรอู ะไรเลย’ และในอาการ ไมรูอะไรเลยนัน้ ก็ใชวาจติ จะดับไปแตอ ยา งใด ทวา อยใู นสภาพเตรยี มพรอ มจะยกขน้ึ สูการรบั รูใหมเ มอื่ มี อะไรมากระตนุ ขอจําแนกความรปู ระการหลงั นใี้ หช ดั เจน คือ ๑) ภาวะรบั รผู สั สะกระทบได คอื สภาพท่ีปรากฏเมื่อตาประจวบรปู หปู ระจวบเสียง จมกู ประจวบ กลนิ่ ล้นิ ประจวบรส กายประจวบสมั ผัส และใจประจวบความนกึ คดิ แลวเกิดสภาพรูชัดเขาไปในสงิ่ กระทบนน้ั ๆ เชน อยูๆเรานึกไดข ึ้นมาวาวนั นี้ตอ งไปหาหมอตามนัด ตรงนั้นคือมีความจําเขามากระทบ จติ เราแลว เปน ผัสสะภายในชนดิ หน่งึ เกดิ ขน้ึ แลว ๒) ภาวะท่ีจิตไมรบั รผู ัสสะใดๆ คอื สภาพทปี่ รากฏหมดการรับรูจากรูป เสียง กล่นิ รส สมั ผัส และ ความนกึ คดิ ใดๆ เรียกเปนศัพทเ ฉพาะวา ‘ภวังคจติ ’ ยกตัวอยา งงายที่สุดคือคนสลบเหมือดจากการโดน ของแขง็ กระทบศีรษะ หรือขณะทเี่ รากําลังอยูใ นภาวะหดหมู ึนซมึ จนไมรูส กึ ตัวแมอ ยูทไี่ หนและกําลังทํา อะไร แตแมจ ะไมรบั รูผ สั สะกระทบใดๆ ภวังคจติ ก็ยังทํางานตามธรรมชาตขิ องมนั อยูตลอดเวลา ภาวะในแบบขอ ๒ นีแ่ หละท่ีนาสนใจ เพราะเก่ียวของกับความเปน ความตายโดยตรง เม่อื ผฝู กวิชา ‘รตู ามจริง’ ในพุทธศาสนานอมระลึกชาติอันเปน อดตี ของตน ซึง่ มกี ารเกดิ ตายมานับ ครั้งไมถว น ประกอบกบั การอาศัยทพิ ยจักขสุ อ งดูสัตวโลกทก่ี ําลังเกิดตายกันอยางครกึ โครมอยูทุกวนิ าที (ปจ จบุ นั คือเกิดวินาทีละ ๔ และตายวนิ าทลี ะ ๒) กย็ อมทราบขอ เท็จจรงิ เก่ียวกับประสบการณใกลต ายได อยา งกวา งขวางพิสดาร คือเหน็ วาจะกค่ี นๆ กต็ ายและเกิดดวยสภาพของภวังคจิตดวยกันทัง้ สิ้น พระพุทธเจา บญั ญตั ิเรียกจิตขณะแรกสุดของการเกดิ วา ‘ปฐมวิญญาณ’ แตสาวกในชัน้ หลังเรียกวา ‘ปฏสิ นธิจติ ’ สว นจติ ขณะทา ยทส่ี ดุ ของชวี ิตเรียกวา ‘จตุ ิจิต’ ดังท่กี ลา วแลววาภวงั คจิตนั้น แมไ มรบั รู กย็ ังมีการทํางาน ฉะนั้นถงึ เราจะไมค ดิ อา นกระทําการ ใดๆ ไมป รารถนาจะใหสงิ่ ใดเกดิ ขนึ้ ในขณะแหงปฏิสนธิจติ และจตุ จิ ติ กจ็ ะตองมบี างส่งิ ดาํ เนินไปอยู ตลอดเวลาตามกลไกธรรมชาตวิ ันยังคาํ่ จะมาบอกวา ฉันไมเชอ่ื เร่ืองการเกิดใหม จึงไมต องไปเกดิ ใหม อยางน้ีจุตจิ ติ เขาไมร บั รู ไมยกประโยชนใหตามความเชอื่ นน้ั ๆเลย

๑๑๑ ถามวาจุติจิตทาํ งานตามการกระตุนของอะไร? ตอ งตอบวากอนหนาน้นั จะเกดิ นมิ ติ หมายอยา งใด อยา งหน่งึ ข้ึน ไดแก ๑) การทบทวนกรรม คอื การท่ีจิตหวนระลกึ ไดว า เคยทําอะไรไวบ าง โดยเฉพาะทีห่ มน่ั ทาํ เปน ประจาํ จนเคยชิน ทําใหจิตเกิดความเศรา โศกกับบาปกรรม หรอื ทําใหจิตเกดิ โสมนสั กบั บุญกุศล ภาวะการทบทวนกรรมน้ันเกดิ ข้ึนทางใจอยางเดยี วเทานนั้ ไมเห็นดว ยตา ไมไ ดยนิ ดว ยหู และไมส มั ผสั ดวยประสาทหยาบอ่นื ๆ มกั มีขอ กังขาวาคนตายบางคนทําไมยงั วนเวียนอยกู ับที่เดิม หรือมาหาญาติทีบ่ า น หรอื สิงสถติ อยู ตามท่ที ี่เคยคุนสมัยยังเปน คน ความจริงวิญญาณเหลานกี้ ็อยูในภพๆหนึง่ แตก อนตายนนั้ จิตหนวงเอา ความกงั วล หนว งเอาความผูกพนั กบั บุคคลไวเปนเรือนตาย เขาขา ยนมิ ิตหมายการทบทวนกรรมนเ่ี อง พอจุตจิ ติ ปรากฏ เขาจะรสู กึ เหมอื นทกุ อยา งวบู หายไปชั่วขณะ แลว เกดิ จิตในภพใหมท ี่ยึดสภาพของ ความเปน คนเดมิ ไว คอื มีความทรงจาํ มีความผูกพัน มีความปรารถนาจะทําอะไรแบบเดมิ ๆอยูอีก ๒) กรรมนมิ ติ ไดแ กเครื่องหมายหรืออปุ กรณในการกระทํากรรม เชน ถาเคยฆา สตั วม ามากๆก็ อาจเหน็ สตั วกรมู าทวงชีวติ หรืออาจเหน็ ปนผาหนาไมท ่ีเคยใชสังหารสัตวก ็ได กรรมนิมิตน้ีอาจมาใหเห็น ทางตา หู จมูก ล้นิ กาย หรือใจก็ได โดยมากจะเกดิ ทางตา ทางหู และทางใจ สวนนอ ยจะเกดิ ขนึ้ ทอ่ี ื่น เชน บางคนเคยยดั เยยี ดอาหารขมๆใหพ อแมใ นชว งท่พี อ แมช วยตัวเองไมได ทง้ั ท่สี ามารถหาอาหารได ดกี วาน้นั แตม ีเจตนาประหยดั หรอื ใหอ ยางเสยี ไมไ ด ใหอ ยางคิดวา เมอ่ื ไหรจะตายพนๆไปเสียที อยา งน้ี อาจมรี สขมจัดทีส่ ุดแสนจะกลาํ้ กลนื เกดิ ขึ้นท่ีล้ินไดเ หมอื นกัน (แตถ า ยากจนจริงๆซอื้ อาหารไมคอ ยดี ก็ ถอื วา ทําดีทีส่ ุดแลว ตามฐานะ อยา งนไ้ี มเปน บาป แตเ ปนบุญ) ๓) คตนิ มิ ติ ไดแกเคร่อื งหมายหรือสภาพแวดลอมของคติหรือภพที่จะไปเกดิ ถาเปน คตนิ ิมติ ท่ีจะ นําไปสูสคุ ติ กจ็ ะปรากฏเปนปราสาทราชวงั วมิ านสถาน หรอื ความสวา งแหงทองฟาที่นุมนวลลออตา มี แตความเยน็ รนื่ นา พศิ วงอยางประหลาดล้าํ สําหรับคตินิมิตน้เี กดิ ขึ้นไดท ้งั ทางตา หู จมกู ล้ิน กาย และใจ หมายความวา ทงั้ ลืมตาอยูก็อาจเหน็ ยมทตู มายืนอยูขางๆญาติ อนั นไี้ มไดเปน การตาฝาด แตเ ปนการปรงุ แตงของจิตใกลว าระสุดทา ยทที่ าํ ใหเ ห็นไปตามอาํ นาจกรรมบันดาล สาํ หรับพวกใกลตายทีเ่ ห็นคตินิมิตน้นั ตวั ของนิมิตจะปรากฏเสมือนแมเหล็กท่ีมีพลงั ดึงดดู และจิต จะหนแี รงดงึ ดดู นนั้ ไปไหนไมได เชน ถาตาเหน็ ไก หูไดย นิ เสียงไกข นั หรอื เกดิ นมิ ิตรปู ไกข ึน้ ทางใจ ก็ จะตองไปเกดิ เปนไกต ามนน้ั พดู งา ยๆวาเห็นอะไรกเ็ คล่อื นเขาไปสคู วามเปนเชน นนั้ โดยไมมีสงิ่ ใดมาคนั่ ขวางได

๑๑๒ ความจริงประการหน่ึงของคนทีช่ วี ิตใกลดับคอื จะมกี ารทบทวนอดีตท่ผี านมาเปนฉากๆอยาง รวดเร็วนาอัศจรรย ขอใหทราบวาในขน้ั ของการทบทวนน้นั มใิ ชน ิมิตหมายอันจะเปนที่ไป นมิ ติ หมายอัน จะเปนทไ่ี ปนั้นเกิดขึน้ เพียงหนึง่ เดยี ว เปน แรงดึงดดู จติ ใหมุงไปตามทิศน้นั ๆ อาจมขี อ สงสัยวา อะไรเปนตวั สรางนมิ ิตหมายขึน้ มา พระสาวกผปู ฏิบตั ชิ อบกต็ อบวา ‘กรรม’ น่ัน แหละเปน ผูต ดั สนิ วา เราจะไดเจอกบั นมิ ิตหมายแบบไหน เรยี งตามลาํ ดบั ความหนกั เบาดงั นี้ ๑) ครกุ รรม ครุแปลวา หนัก ฉะน้นั ครกุ รรมจงึ หมายถงึ กรรมหนกั ชนดิ ทําครั้งเดยี วกใ็ หผ ลแนนอนเปน สุคตหิ รอื ทุคติ ตอใหทาํ กรรมในขว้ั ตรงขา มอื่นมากมายสกั เพียงใดก็ไมอ าจยับย้ังการใหผ ลทแี่ นน อนของกรรมซงึ่ ทาํ เพียงคร้งั เดียวนนั้ ได สาํ หรบั กรรมฝา ยจะสง ไปสทู คุ ติแนน อนน้นั คอื ทําส่งิ ทีพ่ ระพทุ ธเจา บญั ญัตเิ รียกวา เปน ‘อนนั ตรยิ กรรม’ ไดแ ก ฆา มารดา ฆา บิดา ฆา พระอรหนั ต ทํารายพระพทุ ธเจาจนถึงยังพระโลหิตใหหอ ขน้ึ และยงั สงฆใ หแ ตกจากกัน สวนกรรมฝายทจี่ ะสงไปสสู คุ ติแนน อนนน้ั คือทาํ สงิ่ ที่พระพุทธเจาบัญญตั เิ รยี กวา เปน ‘กรรมไมดาํ ไมขาว’ จนกระท่งั สําเรจ็ มรรคผล เปน พระโสดาบนั บคุ คลขน้ึ ไป หากทาํ กรรมน้สี ําเร็จเพียงครั้งเดียว เปน อันวา มีสคุ ติเปนท่ไี ปอยา งแนนอน นอกจากน้ี หากทาํ กรรมที่เปนมหัคคตกศุ ล คือบาํ เพ็ญเพยี รภาวนาจนไดฌ าน และฌานนั้นยงั ไม เสือ่ ม สามารถเขาออกไดเ ปนปกติ กอ นตายมกี าํ ลังใจหนกั แนนพอจะเขาถึงฌานขัน้ ใดข้ันหน่ึง ก็จะเปนผู แนน อนในการไปสูส คุ ติกอนเชนกนั แมว า อดีตจะเคยกอบาปกอกรรมไวมากมายเพียงใด เม่อื ใกลต ายจะ เห็นนมิ ิตหมายในทางดีปรากฏอยา งแนน อน สาํ หรับผูท ําอนันตรยิ กรรมเอาไว จะไมม ที างบรรลุมรรคผล และไมม ีทางทําสมาธไิ ดถ ึงฌานเลยจน ตาย เนือ่ งจากอนนั ตรยิ กรรมมีความหนักหนว งมาก ถว งจติ ไวไมใหร อดจากวิถนี รกไดด ว ยหนทางใดๆ เม่ือใกลตายจะเห็นนิมติ หมายในทางรายปรากฏอยางแนนอน ๒) อาสันนกรรม คอื กรรมที่ทาํ เม่อื เวลาใกลต าย โดยมากจะหมายถึงกรรมทางความคิด ทําใหจิตเกดิ พะวง หรอื ยังใหจิตบังเกิดปต ิ

๑๑๓ บางคนทําความดีมาจนชั่วชีวติ แตก อนตายไมน านเกิดความวติ กกงั วลถงึ กรรมช่ัวบางอยางท่ีเคย ทาํ ไวแ คหนสองหน จิตจงึ เกิดความระสํ่าระสาย หาความสุขสงบไมไ ด หรอื บางคนมปี กตไิ มเ บยี ดเบียน ใคร แตเกดิ เคราะหหามยามรา ยตอ งไปตอสูกบั โจร แทงโจรตาย ทวาก็โดนโจรแทงตายดว ย อยางน้จี ิต จะยดึ เหนย่ี วกรรมอน่ื ยาก มแี ตพ งุ ไปจับกรรมท่เี พง่ิ ทําสดๆรอ นๆทา เดียว เม่อื ใกลตายจงึ เหน็ นิมติ หมาย ในทางรา ยปรากฏกอ น สวนบางคนทาํ ชว่ั มาตลอดชีวติ หรือไมก็ทําบุญไวนอ ยกวาทําบาป ทวากอนตายไมนานมคี นอา น หนงั สือธรรมะใหฟ ง จิตเกิดความเลื่อมใส ยึดพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆเ ปน ท่ีพง่ึ ไดท นั หรือกําลงั ต้ังใจเดนิ เอาของไปถวายพระภกิ ษสุ งฆแ ลว เปนลมตาย อยา งนี้จิตก็เหนีย่ วเอากรรมดที ี่ทําลา สุดไวเปน เรือน เม่ือใกลตายจึงเหน็ นิมิตหมายในทางดีปรากฏกอ น ๓) อาจณิ ณกรรม คอื กรรมที่ทาํ เปนประจาํ ในระหวางมชี ีวติ อาจมคี าํ ถามวา แตล ะคนมกี รรมท่ีทําเปน ประจาํ อยเู ยอะแยะ แลว จะทราบไดอ ยา งไรวากรรมประจาํ อนั ใดจะใหผ ลในข้ันสุดทา ย? ตอ งตอบวาถา อาจิณณกรรมฝา ย กศุ ลมนี ํา้ หนักมากกวาอาจิณณกรรมฝายอกุศล เมื่อใกลตายจะเห็นนมิ ิตหมายในทางดปี รากฏกอน และในบรรดาอาจิณณกรรมฝายกศุ ลดวยกัน กุศลกรรมท่ที าํ ไวบอยท่ีสุด หรอื มีตวั แปรใหสุกสวา ง สงู สดุ จะเปน ผูบันดาลนมิ ติ หมายเมื่อใกลตายกอ น เรื่องนํ้าหนักกรรมนี้อยา ไปคดิ ใหเสยี เวลา คนธรรมดาไมม ที างรูไ ด ตอเมื่อเปนผฝู กวชิ า ‘รตู ามจริง’ ของพระพุทธเจาจนกระทั่งเกิดสมาธิผอ งแผว ยอมนอ มไปรไู ดเ อง เหมอื นคนตาดสี ามารถเห็นไดวาแสง จากกระบอกไฟฉายใดสองสวางนําทางไดชดั กวา กัน อาจิณณกรรมนาสนใจกวา ครุกรรมและอาสันนกรรม เพราะมีโอกาสใหผ ลมากทส่ี ุด เปนแรง บนั ดาลใหเกิดนิมิตหมายสุดทา ยไดม ากท่ีสุด ทกุ คนตองมีอาจณิ ณกรรมหลายๆอยางแนนอน ในขณะที่ คนทวั่ ไปไมคอ ยทาํ ครุกรรมกนั และไมค อยมีอาสนั นกรรมทก่ี าํ ลังแรงพอจะใหผลขณะถูกเดด็ ชพี ยกตวั อยางเชน คนทีท่ ํากรรมดมี าท้งั ชวี ิต แตก รรมเกาบางอยางมาตดั รอนชวี ิตใหส้ันลงดว ย อบุ ัติเหตุอนั สุดวสิ ัยท่จี ะปอ งกนั แบบท่ีเรียกกนั วา ‘ตายโหง’ กะทันหันน้นั ดสู ภาพศพเผินๆแลวนา สยดสยอง ตามสามญั สาํ นึกของคนทัว่ ไปยอ มรูส กึ วาถา ตายรายยอ มไปราย แตค วามจริงกค็ ือวิบากกรรม ไมไดด วู ธิ ีตายของเราเหมอื นตามนษุ ย แตด แู บบชง่ั นาํ้ หนักวา ทท่ี าํ ๆมาทัง้ ชีวิตนัน้ น้ําหนกั เทไปทางใด หากเทไปทางดีแลวละ ก็ จะมกี ารประชมุ กนั กอ นมิ ติ หมายอนั เปน มงคลอยางแนนอน สภาพหลังท้ิงซาก ไปแลวอาจขัดแยง กับตัวซากศพแบบพลิกหลังมอื เปน หนามือกะทนั หนั เลยทเี ดียว!

๑๑๔ ๔) กตัตตากรรม คอื กรรมที่ทาํ โดยไมไดเจตนาใหเ ปนไปอยางน้นั หรืออีกนัยหน่งึ คือไมเ ตม็ ใจจะทํา ลกั ษณะของจิต จะไมเ ปนกุศลหรอื อกศุ ลชัดเจน อยา งเชน ลูกถูกพอ บังคับไปใสบ าตรพระ โดยท่ีลูกไมไ ดม คี วามเลื่อมใส อยูดว ยตนเอง และถาพอไมใ ชก็จะไมทําเลย เปนตน อยา งนแี้ มจัดเปน กรรมก็มนี ้าํ หนกั นอ ยแทบจะเทา น้ํามนั ฉาบกระทะทใี่ ชป รุงอาหารไมไ ด เน่อื งจากกรรมทุกชนดิ มีเจตนาเปนประธาน หากเจตนาของเด็ก เปนไปเพ่อื สกั แตทาํ ตามพอส่ัง ใจแทบไมยินดยี นิ รายเอาเลย กค็ ลายใหพ อ ยมื แขนขาตนมาใสบาตร โดย ทใี่ จตวั เองไปอยูเสียที่อ่ืน กรรมทใ่ี สบาตรจะใหผ ลเพียงเล็กนอ ยเทานน้ั (ในทางตรงขาม ถงึ โดนใชใ หใ ส บาตร แตมคี วามเลอื่ มใสในบุญ มกี าํ ลังใจยงิ่ กวา คนส่ัง ผลก็หนักแนน ย่งิ กวา คนส่งั ได ขอใหท ราบ วา กตตั ตากรรมอยูที่น้าํ หนกั เจตนาท่อี อน มิใชก รรมประเภททําเพราะคนอ่นื สั่ง) เปนไปไดนอ ยกวาหน่ึงในพันหน่งึ ในหมื่นราย ท่ีกตตั ตากรรมจะมาชิงใหผ ลกอ นอาสันนกรรมและ อาจณิ ณกรรม (ถา มีครุกรรมก็ไมตอ งพูดถงึ เพราะจะไมมกี รรมใดตดั หนา ไปไดอยูแลว) สวนใหญถ าทํา แคค ร้งั สองครัง้ จะไมม ที างมาเขารอบชิงชัยไดเลย กตัตตากรรมจะมาเปน ตวั กอนมิ ิตหมายเมอ่ื ใกลต ายได กเ็ พราะเราทาํ กตตั ตากรรมน้นั บอยๆ หรอื ไมก ็เพราะบุคคลซ่ึงถูกกระทําเปนผูทรงคณุ ใหญ จนกลายเปน กรรมทม่ี กี ําลังมากกวากรรมปกติ ยกตวั อยา งเดมิ สมมุตวิ า เดก็ ทีม่ าใสบ าตรเปนลูกบา นปา ทัง้ ชวี ติ วนเวยี นอยูกับการเลย้ี งสัตว ผา ฟน หุงขาว ใจไมค อยคิดอะไรมากไปกวา เล้ยี งตวั เอาใหร อดวันตอวนั แตเ ผอิญมพี ระธดุ งคบณิ ฑบาต ผานบานเปนระยะ แลว ก็ถกู พอ แมสั่งใหใ สบาตรหลายหน หากพระธดุ งคน น้ั เปน ผูท รงคณุ กแ็ ปลวา เดก็ สัง่ สมบุญใหญไ วโ ดยไมรตู วั ทํานองเดียวกบั คนตาบอดไมร ตู วั วา หยิบเหรียญทองใสกระเปา นึกวา เปน เหรยี ญบาทธรรมดา พอถงึ เวลาตอ งควักออกมา ถา โชคดเี จอคนมีใจเปนธรรม (ซึง่ หาไดย าก) บอกตาม จริงวานนั่ ไมใชเหรยี ญบาท แตเ ปน เหรียญทอง คนตาบอดก็อาจราํ่ รวยทันทีแบบไมต องลงทนุ เม่อื นมิ ิตหมายปรากฏแลว มวี าระสดุ ทา ยอันเปน ภวงั คจิตเคลือ่ นจากภพเดมิ แลว มีวาระแรกสดุ อันเปนภวงั คจติ อบุ ัตใิ นภพใหมแลว จะไมม ใี คร ‘กลับเขา รา งเดมิ ’ ไดอกี เลย หากใครบอกวาตายแลว แต ยังหวนกลับมาพดู จาและเดนิ เหนิ ไดใ หม กแ็ ปลวาเขายังไมไปเกิดใหมจ รงิ แมรางกายจะยตุ กิ ารทาํ งาน และถกู วินิจฉยั โดยแพทยวา ตายแลวก็ตาม เขายงั ไมถ ึงซง่ึ ภาวะแหงมรณะตามนิยามของพระพุทธองค เตม็ รอยเลย ประสบการณเ ฉียดตายของหลายตอ หลายคนจงึ เปนเพยี งนมิ ติ หมายอยา งหน่ึง ไมเชงิ วาเปนของ เกลวนๆ เพียงแตเ อามายดึ ม่นั ถอื ม่นั เปน คําบอกเลา ของ ‘ผูผ านความตายมาแลว’ ไมไ ด อาทเิ ชน ผูท่ี กลา วถงึ ภาวะการตายแตใ นแงดี เพยี งเพราะไปสมั ผัสมิตสิ ุขสงบด่มื ดา่ํ ลาํ้ ลึกมาน้นั ถือวาเปนการแจง ขาว ทผ่ี ิดพลาดกบั ชาวโลก และอาจทําใหบางคนหลงคดิ ไปวา ตายแลว วญิ ญาณจะอยูในเขตสนั ตสิ ขุ ถายเดียว เลยพานเกดิ ความคิดฆาตวั ตายหนีโลกไปเสยี กอ นวัยอันควร

๑๑๕ การดบั ขันธข องพระอรหนั ต บุคคลผูห มดกิเลสหรือท่ีทางพุทธศาสนาเรยี กกันวา ‘พระอรหนั ต’ นนั้ หมดจากความหลงสําคญั ผิด เชน เหน็ สง่ิ ทไ่ี มเ ที่ยงวาเทย่ี ง เหน็ ส่ิงท่ีไมใ ชต วั ตนวา เปนตัวตน จงึ สนิ้ ความทะยานอยากเขาไปยดึ ทะยานเขาไปติดใจในภพนอ ยภพใหญทงั้ ปวง เมื่อหมดความทะยานเขาไปยึด หมดความหลงเหน็ วา ภาวะอยางน้ันดี ภาวะอยางนีน้ าอภิรมย จิต ก็สะอาดบรสิ ทุ ธิ์ปราศจากการกอรา งสรางภพ ปลอดโปรง ออกมาจากแกน กลางภายในอยา งแทจริง สม ดงั ท่ีพระพทุ ธองคทรงตรสั วาถาภิกษสุ ําเรจ็ วิชา ‘รูต ามจริง’ ขน้ั สูงสดุ แลว พระพุทธองคต รัสเปรียบไว เหมือนตาลยอดดว นทไ่ี มอาจงอกเงยไดอ ีก คอื ทําลายกิเลสท้งั ปวงอันเปน เหตุใหเ กิดภพใหม หรอื อีกนยั หนึง่ คอื ทาํ ลายเครือ่ งเศรา หมองอันเปนเหตนุ ําไปสูท กุ ขท้ังปวงลงสนิ้ เชงิ เบ็ดเสรจ็ เดด็ ขาด ขณะสดุ ทา ยของชีวิตของผบู รสิ ุทธจ์ิ ากกเิ ลสนน้ั จะไมม ีนิมติ หมายใดๆปรากฏข้นึ ทั้งสน้ิ ไมวาจะ เขาฌานหรอื ไมเ ขา ฌานกต็ ามที และเมื่อเกดิ จุติจติ ก็จะไมเหลือรอ งรอยการสืบตอ องคแ หง ความทกุ ข ใดๆอีก คือจะไมม ีการอบุ ตั ิ ไมม กี ารไปปฏสิ นธใิ นภพใดๆ ไมเ ขาเปนพวกของหมูสัตวใ ดๆตลอดทัว่ ทง้ั ไตรภมู ิ บทสํารวจตนเอง ๑) เราเคยคดิ ถงึ เรื่องเกย่ี วกับความตายบอยเพยี งใด วนั ละครัง้ เดอื นละครง้ั ปล ะคร้ัง หรือไมเ คย คิดนานจนเกนิ จะนับวา เปน ระยะเวลาประมาณใด? ๒) เราเคย ‘เช่ือ’ หรอื อยางนอ ย ‘รูสกึ จริงๆ’ วาจะเปน หนึ่งในผูท่ตี อ งตายไปจากความเปน เชนน้ี หรอื ไม? ๓) เราเคยเตรยี มวางแผนหาทางหนีทไี ลแบบเผ่อื ขาดเผื่อเหลอื หรอื ถามไถผรู ูบางหรอื ไมวา ควร ตระเตรยี มเพ่ือวาระสดุ ทา ยอนั เปน จดุ สาํ คัญสงู สดุ ของชวี ติ อยางไร ชนิดท่ีถาตองออกเดนิ ทางไกลตอ แบบปุบปบ กะทนั หันกพ็ รอ มเลยทนั ที?

๑๑๖ สรปุ ความตายสาํ หรบั คนสว นใหญไ มใ ชเ รอื่ งนาพิสมยั เพราะกําลงั พอใจอยากเปน เชนนี้ไปนานๆ แต ความตายสําหรบั คนอกี สวนหน่ึงก็เปนท่ีนา ปรารถนา เพราะกําลงั ขัดเคอื งไมอยากเปนเชนนอี้ กี แลว แมแ ตน าทีเดยี ว จะเห็นความตายเปนเร่อื งนารักหรือนาชงั กต็ าม คนเกือบทงั้ หมดแทบไมมีโอกาสรูลวงหนา เลยวา ตนเองจะตายเมอื่ ไหร และท่สี าํ คัญคือไมร ูว าจะตายในอาการใด เกดิ ประสบการณภ ายในแบบไหน ขณะแหง ความตายมกั อยใู นสายตาของแพทยและพยาบาล ขณะแหงความเปนศพหลงั ความตายมักอยู ในสายตาของสัปเหรอและผูชว ย แตข ณะแหงความเปน ‘ผตู าย’ หลังมรณกาลผา นไปน้นั จะอยใู นสายตา ของผูฝก วิชา ‘รูต ามจรงิ ’ ของพระพทุ ธเจาเทานน้ั คนเราจะกลวั ตายในขณะกาํ ลังลืมตาตื่นอยูใ นการมชี วี ติ ปกตเิ ทานัน้ แตข ณะแหงการตายจริงจะไม หลงเหลือความกลวั ตายอยเู ลย เพราะความรูสกึ นกึ คดิ จะไมใชอยางนี้แลว จติ จะหมดความสําคญั ม่ัน หมายวา เคยเปนใคร ย่ิงใหญห รอื ต่าํ ตอ ยแคไหน แตห นั ไปใหความสาํ คญั กบั สิง่ อนื่ แทน นน่ั คอื ชวี ติ ท่ีผา น มาไดท าํ อะไรเดนๆไวเ ปน ประจาํ บา ง การรับทราบวาประสบการณใกลต ายเปนอยางไรอาจชวยใหเตรียมตัวเตรยี มใจไดด ขี ึน้ ขอแรกคอื ระลกึ เสียแตเ น่ินๆวา ความตายไมใ ชเรอ่ื งเลน ๆ หากปลอ ยจติ ปลอยใจมั่วซ่วั ไปเรอ่ื ยก็อาจไดต ายแบบม่วั ซั่วไมรเู หนอื รใู ตไดเ ชน กนั ขอ สองคือรูตามจรงิ วาวาระใกลต ายนัน้ เราชว ยตวั เองไมได แตข ณะมีชีวติ สามารถตระเตรียมเสบยี งไวล ว งหนา เพือ่ ความอุนใจและพรอมเผชิญจดุ วกิ ฤตสงู สดุ ในชาตินี้โดยไมต อ ง พะวงหลงกลัวอะไรอีกเม่ือวนิ าทีน้นั มาถงึ เขา จริงๆ

๑๑๗ Öบทท่ี ๘ - สภาพความเปนอยขู องสัตวในภพภมู ิตา งๆ ถงึ บทกอ นเราทราบพอเปนเคาเปน เลาวา ‘ตายแลว ไมจ บ’ แตย ังไมท ราบวา ‘ตายแลว ไปไหน’ สําหรบั บทนีจ้ ะพูดถงึ สภาพความเปนอยูของสัตวใ นภพภูมติ างๆท่ผี ู ‘ตายจริง’ ไดไปอยกู นั คนท่เี ห็นการทอ งเท่ียวเกดิ ตายของสัตวใ นสงั สารวัฏตา งเกิดมุมมองเดียวกนั ขนึ้ มาอยางหนง่ึ นน่ั คอื สัตวท้ังหลายไมเ คยตาย มีแตเ คย ‘เปล่ียนสภาพ’ หรอื ‘เคลือ่ นจากสภาพหน่ึงไปสอู ีกสภาพหน่งึ ’ เทา น้นั แตสําหรบั คนไมรู ไมมญี าณหย่ังเห็น ตอ งถือวา ไมมีความผดิ ทปี่ กใจเชื่อไดแ คต ามทป่ี ระสาทตา เนอื้ เออ้ื ใหเหน็ เมอ่ื ใดที่ใครเปน ศพ กเ็ หมือนเปนการโบกมอื ลาชัว่ นริ ันดร จะไมไดพบกนั อกี จะไมไดคุย กันอกี จะไมไดทาํ อะไรๆรวมกันอกี เราเลอื กไดท จ่ี ะไมเชือ่ แตเ ราไมมีสิทธิ์เลือกท่จี ะเปล่ียนแปลงความจรงิ เหมือนเชนเม่อื เรายังไมรู เรอ่ื งการประหารชวี ติ ทีน่ า ขนพองสยองเกลา เรากไ็ มอ ยากจะเช่อื เหมอื นกนั วา มีอะไรหฤโหดอยางน้ีอยู บนโลก แตถา มนั มมี ันกม็ ี นีเ่ ปนทาํ นองเดยี วกับทเ่ี รายังไมร ูสภาพความเปนไปในนรก เราอาจไมอยาก เชอ่ื วา มนั มี แตถามันมมี นั ก็มเี ชนกัน ทีส่ าํ คัญคือถา มันมจี ริงกแ็ ปลวาความหฤโหดทุกชนดิ บนโลก มนุษยเปน อนั ถกู ลมื ได เพราะจะไมมคี วามทุกขใดเทียบเทา ความทุกขท รมานในนรกเลยเปนอัน ขาด! เม่ือดาํ รงอยูใ นความเปนมนุษยด วยกันนี้ ทุกคนรูวา ระหวา งพวกเรามคี วามตาง แตจะรดู ีทีส่ ดุ วา ความตางน้นั มีความหมายอยางไรก็เมื่อเห็นภพภูมอิ ันเปนที่ไปของแตล ะคนนน่ั เอง ภพภมู ิ ‘ภพ’ คือโลกอนั เปนทีอ่ ยูของสตั ว จะเรยี กวา ภพ จะเรยี กวา สภาพ หรอื จะเรยี กวา ภาวะชวี ิตกไ็ ด ทงั้ สิ้น ท้งั น้เี พราะเนน สภาพแวดลอม หรอื ภาวะของอัตภาพทีส่ ัตวค รองอยูเ ปนสําคัญ เชนภพของมนษุ ย ยอมมแี ผน ดิน มีภูเขา มีทะเล มีแมนา้ํ โดยทีต่ วั มนษุ ยเองมหี นง่ึ หัว หนงึ่ ตวั สองแขน สองขา ยกตง้ั ขึ้น ดวยกระดกู สนั หลงั อันแสดงสภาพสตั วช นั้ สูง

๑๑๘ โดยคราวสุดมภี พอยู ๓ ระดับ รวมเรยี กวา ‘ไตรภพ’ ไดแก ๑) กามภพ ภพของผูท่ียงั เสวยกามคณุ หมายถงึ สภาพตาํ่ สุดตง้ั แตส ตั วน รก ไลม าถงึ สัตว เดรจั ฉาน เปรต มนษุ ย เรอ่ื ยไปจนกระทั่งสูงสดุ คอื เทวดาผยู ังพัวพนั กับความใครในรูปเสยี งกล่ินรส ๒) รูปภพ ภพของผูทเ่ี ขาถงึ รูปฌาน หมายถึงสภาพของผูพ น จากภพอันเกลือกกลว้ั ดวยกาม เพราะมสี มาธจิ ติ ต้ังมั่นถึงระดบั ฌาน พวกนีจ้ ะมีรูปกายทิพยท ส่ี ุขุมย่ิง สขุ มุ และประณตี ขนาดที่วาผสั สะ ภายนอกทั้งปวงปรากฏแผว จนไมอ าจทําใหรสู ึกรูสาวานา ติดใจแตอ ยางใดได พวกเขาพงึ ใจมชี ีวติ เพอ่ื เสพสขุ อันเปน ภายในจากสภาพฌานจติ อันยง่ิ ใหญลาํ้ ลกึ เกนิ จินตนาการ ๓) อรูปภพ ภพของผูทเ่ี ขา ถึงอรปู ฌาน หมายถงึ สภาพของผูพนจากความมรี ูป เพราะสมาธิจิต กาวลว งการสาํ คญั ในรปู ท้งั ปวงเสยี ได พวกนม้ี ีรูสึกในอีกระนาบหนึ่งซ่งึ เหนอื กวาสุขอันเปนทิพย (หมายเหตุ – คนสวนใหญเ ขาใจวาไตรภพคอื โลกนรก โลกมนษุ ย และโลกสวรรค ความจรงิ แลว ทั้งสามนีเ้ ปน เพยี งกามภพเทานั้น) สวน ‘ภมู ิ’ น้ันจะเปน สว นยอ ยของภพอีกที เพราะเนน ท่รี ะดบั ชัน้ แหงจติ มากกวา จะพูดถึง สงิ่ แวดลอมหรอื แมแ ตรางกายอนั เปนของภายนอกที่สัมผสั ไดงายกวา กนั ภมู ิแหง จติ วญิ ญาณมี ๔ ระดับ ไดแ ก ๑) กามาวจรภูมิ เปน ภูมิจิตท่ียังของแวะอยูก ับกามคุณ ๕ คือเสพผสั สะอันนา พงึ ใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย อยางใดอยางหนงึ่ หรือทั้งหมด ๒) รปู าวจรภมู ิ เปน ภูมิจติ ท่ียดึ เอารูปธรรมเชน ลมหายใจหรอื สีสันเปน ตวั ตรึงจติ ใหต ้ังมน่ั ถงึ ฌาน ๓) อรูปาวจรภมู ิ เปนภมู ิจิตท่ีกาํ หนดเอานามธรรมเชน อากาศอนันตเ ปน ตัวตรึงจิตใหตัง้ ม่ันถงึ ฌาน ๔) โลกุตตรภมู ิ เปน ภมู จิ ิตท่เี คยเหน็ แจง วา รปู นามไมใชต วั ตน และความเหน็ นน้ั จะตองเหนยี่ วนาํ จิตไดถ ึงฌาน ประจักษแ จงวา นพิ พานมจี ริง พนสภาพการมีการเปนทั้งปวงออกไป คงเห็นวา ‘ภูมิ’ นั้นจาํ แนกออกมาไดมากกวา ‘ภพ’ ท้ังน้ีกเ็ พราะหลายภพสามารถเปน ที่อยูของ ภูมจิ ิตระดับโลกุตตระไดน น่ั เอง สงั สารวฏั มไิ ดมีที่อยเู ฉพาะสาํ หรบั อรยิ บคุ คลแตอ ยางใด เวน แตอบายภูมิ แลว อรยิ เจา ปรากฏอยูไ ดท ั้งส้นิ ไมว า ในโลกมนุษยน ี้ ในโลกสวรรค ในโลกพรหม

๑๑๙ และทีค่ นไทยมักเรยี กรวมวา ‘ภพภมู ิ’ ควบคกู ันนนั้ ขอใหท ราบวา เปน ‘ภาพรวม’ ของชองชั้นท่ี อยู ทัง้ ลกั ษณะกายและระดับจติ ในระหวา งเวียนวายตายเกดิ น่ันเอง โดยมากจะนึกเหมาไปรวมๆไดเพยี ง โลกมนษุ ยใ นฐานะระดับท่ีตนเปน อยู เหน็ วา ชาตปิ จจุบันเปน อยางนี้ ชาตหิ นากค็ งจะราวๆเดยี วกนั นั่นเอง เพื่อใหเ ขาใจความหลากหลายระหวางภพภูมติ า งๆไดดีขนึ้ ลองมาดูกอนวา แค ‘โลกมนษุ ย’ อัน เปนภพๆหนึ่งน้ัน เรามคี วามเขาใจมากนอยแคไ หน ถายังเหมาวา ดาวเคราะหก ลมๆใบน้คี ือ ‘โลกของ มนุษย’ อยลู ะก็ ควรปรับความเขา ใจเสยี ใหม คอื ความจรงิ มนั เปน ท่ีอยูอาศยั เปน แหลงรวม เปน ศนู ยก ลางของสัตวในภพภูมิอืน่ อกี มากนัก กลาวคือดาวเคราะหกลมๆใบนี้เปน โลกของเดรจั ฉาน เปน โลกของผเี ปรต และเปน โลกของเทวดาชนั้ ตน ๆ อีกมากมายเหลอื คณานบั สัตวบ างภพภูมเิ ชนเดรจั ฉาน เรากม็ องเห็นดว ยตาเปลาและสามารถสมั ผสั แตะตองไดด วยมอื ไม ทวา สัตวบ างภพภูมิเชนเปรตนั้น เรา อาจบังเอญิ สัมผสั ไดด ว ยใจแลวขนลุก หรอื สตั วบางภพภมู ิเชนเทวดา เรากไ็ ดแ ตรสู กึ ถึงความอบอนุ สวา ง เบาจากกระแสวญิ ญาณพวกทา น ดงั นน้ั ดาวเคราะหดวงหน่ึงๆจงึ ไมจาํ เปน ตอ งเปนภพของสัตวหมใู ดเสมอไป แตอ าจเปนแหลง รวม เปนสภาพแวดลอ มใหก ับเหลาสัตวในชน้ั ภูมิตางๆไดหลากหลาย เม่ือความจริงเปนดังนี้ ฉะน้ันแมแ ตปถุ ุชนธรรมดาผูปราศจากญาณหยั่งรูใดๆก็อาจเปน ผูเช่ยี วชาญ เก่ียวกบั ภพภูมอิ นื่ ได อยา งเชนสตั วแพทยห รือคนรกั สัตวท ม่ี ีความรู ความเขา ใจ และความผกู พนั กบั สตั วม ากๆ หากเขาใจอยา งถูกตอ งกจ็ ะเริม่ ตอบคําถามข้นั พนื้ ฐานได เชน ๑) การสื่อสารขามภพภมู ิเปนจริงหรือไม? ตอ งตอบวาเปนไปไดจรงิ อยางเชน ผทู ่ีฝกสัตวสามารถ สั่งสัตวใ หท าํ สารพดั สง่ิ แมแตลิงชิมแปนซีกแ็ สดงใหเ ห็นวา เขา ใจภาษามนุษยเปนคาํ ๆ สามารถเลอื ก อักษรมาผสมเปนคําเพื่อสือ่ สารงายๆกับผฝู ก ได และผฝู ก สตั วห ลายคนกอ็ างวา ตนสามารถคุยกบั สัตวร ู เรื่องเปน อยางดี เพียงเห็นภาษากายหรือวิธีสง เสียงของพวกมัน ๒) การรบั รขู องสัตวในแตละภพภมู แิ ตกตางกันมากหรือนอย? ตอ งตอบวามากอยางเกนิ กวา ท่ีเรา จะจินตนาการถกู อยางเชน สุนัขจะไดย นิ เสียงที่มีความถสี่ งู เกนิ กวาแกวหมู นุษยจ ะสามารถรบั รู และ นอกจากจะมีความรทู างวิทยาศาสตรสมัยใหม คนเราจะไมท ราบเลยวามดมีสองตาก็จริง ทวา ตาแตล ะ ขา งประกอบดว ยตายอยๆอกี การเหน็ ผา นประสาทตาของพวกมันจึงเกินกวาท่ีเราจะนึกใหอ อกวาเปน อยา งไร ๓) หมูส ตั วอน่ื กอกรรมดชี วั่ ไดหรือไม? ตอ งตอบวา บางจาํ พวกกก็ อ กรรมได เชน สุนัขบางตวั ท่ถี กู ฝกแลวเปน อยา งดีสามารถชวยชวี ติ คนได แมวบางตวั ไดช ่ือวา เปนแมวอนั ธพาลเพราะไลกัดแมวอื่นแบบ นกั เลงโต พฤตกิ รรมเหลา นม้ี ไิ ดอ าศัยสญั ชาตญาณ แตต องมีแรงขับดันจากเจตนาซ่ึงเปนอาการทางจิต และปรุงแตง จิตใหเปน กศุ ลหรืออกศุ ลไดมาก แตสตั วบ างจําพวกกก็ อ กรรมไมได เชน มดทเ่ี อาแตข นของ ทา เดียว ไมมีปจจัยใหคดิ ทาํ ดีหรือทาํ ชัว่ แหวกแนวไปจากพวกเทา ใดนัก ถาไมใชม ดประเภททมี่ ีพิษและ

๑๒๐ คิดทาํ รายสตั วอื่น กพ็ ออนุโลมกลาววา มสี ตั วบางจาํ พวกเกดิ มาเพื่อรบั กรรมมากกวา ทจ่ี ะกอกรรม ซึ่งก็ คลายกับสัตวน รก แตส บายกวาสัตวน รกหลายเทา เมอ่ื สดบั ตรบั ฟง เก่ียวกบั เร่ืองของภพภมู ิ เราอาจจนิ ตนาการเปรียบเทยี บไดวาสงั สารวฏั นัน้ เสมือนคกุ แตล ะภพแตล ะภูมคิ ือกรงขัง ซง่ึ กม็ ที ้งั กรงขงั สาํ หรับพวกมโี ทษมาก และกรงขงั สาํ หรับพวกมี โทษนอ ย จะตา งจากกรงขงั ในโลกกต็ รงท่ีเม่อื ใครเขาสภู พภูมไิ หนแลว จะไมม ีการร้อื คดีเพอื่ พจิ ารณา ยอนหลงั กนั ใหมอกี เลย ใครเขาไปรบั กรรมในภพภมู ิใด กจ็ ะตอ งติดอยใู นภพภูมนิ ้ันๆไปจนกวาจะถึง กําหนดพนโทษตามเหตทุ ่ีกอ มา การแหกคุกในสังสารวฏั พอมใี หเหน็ ได เชน การฆา ตัวตายหนีจากสภาพความเปน มนษุ ยไป แตว า นั่นเปรยี บเหมือนการเพม่ิ โทษใหต ัวเองโดยพาตวั เองไปอยูในท่ีท่ีลําบากกวา เดมิ และคุกกไ็ มจาํ เปน ตอ ง มผี คู ุมไวค อยไลลาลากคอนักโทษกลับมาใหเหน่ือยแรง เนือ่ งจากพน เขตกกั ขังเดมิ ออกไป ก็เปน แดน เชือ่ มตอกบั เขตกักขงั ใหมท ันทอี ยูแ ลว ราวกบั สังสารวัฏเปน ทัณฑสถานทไี่ รท างออกอยา งสิ้นเชิงฉะนัน้ เราทุกคนตา งเปน นกั โทษประหาร โดยมีความผิดสถานเดยี วคือ ‘ไมร ูทางออก’ และ ‘มวั แตต ดิ ใจ เครือ่ งลอในคุก’ กนั อยูน เี่ อง คุกแหงนี้ประหารดว ยการเอาเขา เครอ่ื งลบความจําแลว เปลีย่ นแดนกักขงั เสียใหม ใชกลอุบายพสิ ดารลอใจใหหลงวนตดิ ใจอยูกบั การโดนประหารไปเรือ่ ยๆ ขอ เท็จจริงประการหนงึ่ ท่นี าสนใจ คือเรามสี ิทธร์ิ ูเร่อื งภพภูมิไดม ากกวาที่คดิ เพราะภายในรา งกาย และจติ ใจของมนุษยเพียงหนง่ึ เดียวนี้ เปนศนู ยรวมของภมู จิ ิตไดค รบถวนทุกภมู ิ นบั แตต่าํ สุดไปจนถึง สงู สดุ ! กลา วเชน นเ้ี พราะเหตุใด? เพราะถา ตดั เอารูปรางหนาตา เนื้อหนงั มงั สา หูตาจมูกปากออกไป เหลือไวแคเ พยี งสภาพของจิตที่เวียนเกดิ เวยี นดับอยอู ยางเดียว เราก็จะเหน็ จติ ชนิดตางๆภายในขอบเขต ดังตอไปนเ้ี ทา นั้น ๑) จิตอนั เปน ไปในกามาวจรภมู ิ คอื จติ ทมี่ ีเครอ่ื งลอเปนกามคณุ ๕ ทง้ั รูป เสยี ง กลนิ่ รส สัมผสั โดยเฉพาะอยางย่ิงเพศตรงขามอันยวนตายวนใจ ถา ไดเ สพสิ่งทร่ี ะคายสมั ผสั เชน ตากแดดรอนกระหาย นาํ้ อยูกลางทะเลทราย หรือถา ไมไดเ สพสง่ิ ทป่ี รารถนา เชน อยากนอนกบั ใครแลว เจอขอจํากดั ใหตอ งเรา รอ นทรมานใจ อยา งนน้ั พระพุทธเจาตรัสวา เปนนรกช่ือ ‘ผัสสายตนกิ ะ’ จะเรียกผสั สายตนิกนรกก็ได สวนถา ใครไดเ สพสิ่งที่นา บันเทิงเรงิ รมย เชนน่งั นอนบนฟกู นุมในหอ งปรบั อากาศเยน็ สบายดหู นัง ฟง เพลงตามตอ งการ หรือไดเสพสงิ่ ท่ีปรารถนา เชนไดส ามหี รือภรรยาถูกใจ ชวนอภริ มยช มชื่นทกุ วันคนื ไมตดิ ขดั อยางนนั้ พระพทุ ธเจาก็ทรงตรัสวา เปน สวรรคช ่อื ‘ผสั สายตนกิ ะ’ เชน กนั จะเรียกผัสสายตนกิ สวรรคก ็ได

๑๒๑ พดู งายๆวาคนเราเวียนวายตายเกิดระหวางนรกและสวรรคทชี่ ่อื ผสั สายตนิกะกันตงั้ แตเดก็ จนแก อยา งไรก็ตาม เรายังคงมีจิตเปนมนษุ ย แมขณะที่ตกภวังคไ มร เู รอ่ื งรรู าวอะไร ก็เปน สภาพภวงั คอ ันสืบ ตอ รกั ษาภพแหง ความเปนมนษุ ยไวอ ยูดี ถา ใครเปรยี บเทียบวา คนช่ัวเหมือนสตั วน รก เดรัจฉาน หรือ เปรต และเปรยี บเทียบวา คนดเี หมือนเทวดา พรหม ขอใหท ราบวาน่ันเปนเพยี งการอปุ มาอปุ ไมยทีข่ าด ความจริงทางจิตรองรบั เพราะตลอดชวี ิตเรานบั แตปฏสิ นธจิ นจุตินัน้ เปนไดอยางเดียวคอื มนุษย มนุษยเปน สตั วรกั สนกุ ชอบกอบโกยความสขุ เขาหาตวั ดังนน้ั ความสุขจึงเปนแรงผลักดนั ใหกอ กรรมอนั จะไดม าซง่ึ วัตถุบําเรอสขุ ซึง่ บางครัง้ ก็เปนกุศลกรรม แตโดยมากจะดวยวิถีแหง อกุศลกรรม เมอ่ื มนษุ ยก อ กรรมอนั ใดไวมาก กรรมน้นั ยอมพาเขาไปสภู พอนั สมควร ถานํ้าหนักกรรมเอียงไปทางดกี ็ลอ ง ลิว่ ขน้ึ สวรรคไป ถานาํ้ หนกั กรรมเอียงไปทางช่วั กพ็ งุ หลาวลงนรกกัน และคราวนจ้ี ะไมใชผัสสายตนกิ สวรรคหรือผัสสายตนกิ นรก แตเ ปน สวรรคมชี ่อื เปนตางๆ นรกมีช่ือเปน ตางๆ อันเปน ภพใหมท ่ีใหผ ัสสะ เย็นหรือผัสสะรอนเปน ทวีคูณต้งั แตอ ุบตั ขิ ้นึ ในภพนนั้ จวบจนถึงเวลาจุติไป ๒) จติ อนั เปนไปในรปู าวจรภมู ิ คอื จติ ท่ีมเี คร่ืองลอ เปนรปู ธรรมอยางใดอยางหนึ่งใหก าํ หนดหมาย โดยเครือ่ งกาํ หนดหมายนั้นไมเปนโทษ ไมก อใหเ กดิ ความครนุ คดิ ฟงุ ซา น อยา งเชน ลมหายใจอันเปน สมบตั ติ ิดตวั พวกเราทกุ คนมาตัง้ แตเกดิ เพยี งเฝาดูเลนๆวา มนั เขา มนั ออก เดยี๋ วมนั ยาว เดย๋ี วมนั สั้น ซา้ํ ไปซํา้ มาไมนานกจ็ ะเปลยี่ นภาวะคดิ สมุ ไรร ะเบยี บ กลายเปน คิดถงึ แตเ ร่อื งลมหายใจอยางเดยี ว และพบ ดว ยตนเองวา การคิดถึงแตล มหายใจ ระงับความพะวงหลงแสส า ยไปในเรื่องไรสาระตา งๆนัน้ ใหผลเปน ความปลอดโปรง เยือกเยน็ มีปต สิ ุขเพมิ่ ขึน้ เร่อื ยๆ กระท่งั ถงึ จดุ หน่ึงเม่ือคดิ ฟุง นอยลงๆจนหยดุ คดิ ถึงเรอ่ื งอ่ืนใดอยางสิ้นเชงิ เหลือไวแ ตการรบั รูในลม หายใจวาผานเขาผานออก ผา นเขา ผานออกอยูเชนนน้ั จิตก็แปรสภาพเปนภาวะสงบประณตี เหมอื น ดวงไฟใหญท่คี างน่งิ อยูกับการรบั รสู ิ่งเดยี ว ราวกบั ไมมีการเคลอื่ นของเวลา มแี ตการไหลเขาไหลออก ของสายลมหายใจยดื ยาว ตรงน้ันคอื สมาธริ ะดับฌานข้ันแรก เรยี กวา ‘ปฐมฌาน’ ผทู ่ถี ึงปฐมฌานไดช่อื วา รจู ักสภาพของจิตอันเปนไปในรปู าวจรภมู ิ เรม่ิ ฉลาดในธรรม คือเหน็ จติ ท่ี แนว นง่ิ ต้ังม่นั นั้นดีกวาจติ ท่สี น่ั ไหวโยกโคลง แตผ นู ้ันจะไดชือ่ วา อยใู นรูปาวจรภมู เิ ตม็ ขน้ั กต็ อ เมือ่ สามารถ เขาออกฌานไดต ามปรารถนา มจี ิตใจตัง้ มัน่ ไมหว่นั ไหวเปน ปกติ คือนกึ ถึงลมหายใจเพยี งไมนาน หรอื เพยี งแวบเดยี ว จติ ก็เปล่ยี นจากสภาพนกึ คดิ ธรรมดาเปน สภาพยุติความคิด สวา งโพลงเดน ดวงยิง่ ใหญ ยับย้งั อยใู นความรบั รลู มหายใจอยางเดยี วโดยไมม หี ลงซวนเซ ไมเ ปไ ปทางไหน การเปน ผูชํานาญเขาออกรูปฌานไดน นั้ แมยงั เกลอื กกลัว้ อยูก บั โลกหยาบ วถิ ีชวี ติ ก็ตอ ง เปลย่ี นแปลงไปพอสมควร อยา งนอยทีส่ ุดจะไมไ ยดใี นสภาพแวดลอ มอนั เอ้ือใหพ บกบั กามคุณ ๕ อันเผด็ รอ น เพราะกามคุณจะเปนตวั บน่ั ทอนความสะอาดของจติ และสนั่ คลอนความแนวนิ่งตงั้ มน่ั ไดม าก ผูทรง

๑๒๒ ฌานจะหวงกเ็ พียงสภาวจติ ท่ีตง้ั มั่นไดต ามปรารถนา เพราะสขุ อันลึกล้ําโอฬารน้ันคุมพอจะแลกกบั กาม อันเปน ของนอย ฉะนั้นจึงเปนปกตหิ ากผทู รงฌานจะท้งิ บานทิง้ เรือน ท้ิงความเจริญกา วหนา ในอาชพี การงานทั้ง ปวง ออกถอื เพศบรรพชิต อาจถอื วนิ ยั แบบสงฆ หรืออาจประพฤตธิ รรมแบบฤาษีชีไพร จะมีบางเพยี ง สว นนอ ยท่ียงั สามารถประพฤตธิ รรมไดท ง้ั ที่ยังเขาสังคม ทําหนา ท่ีการงานอยเู ปนปกติ จติ ทพี่ รากจากกามเพราะสามารถเขา ถงึ ภาวะแหง ฌานไดเปน ปกตนิ นั้ ยากจะหลงสติ กอนตายจะ อยูกับรูปฌานท่ตี นชินชาํ นาญ และแลว เม่อื ถงึ วาระสดุ ทา ย จิตจะวูบดบั จากความรูสึกทั้งมวล คือคลาย ออกจากรปู ฌานเปนจตุ ิจติ แลวเกิดปฏสิ นธจิ ิตขึน้ ใหม ถดั จากน้ันจงึ กลับเขาสูความรูสกึ ตวั วาอยใู นฌาน ภายใตก ารหอ หมุ ของรูปอตั ภาพใหมท ีล่ ะเอยี ดสขุ ุมกวา เทวดาและมนุษย ไดช ่ือวา เขาถงึ ความเปนหนงึ่ ในหมูส ตั วท เ่ี รยี ก ‘รูปพรหม’ ๓) จิตอนั เปนไปในอรูปาวจรภูมิ คอื จติ ทมี่ เี ครอื่ งลอ เปนอรปู ธรรมอยางใดอยา งหน่ึงใหกําหนด หมาย โดยเครือ่ งกาํ หนดหมายนั้นไมกอใหเกดิ การสาํ คญั ไปในรปู ธรรมทงั้ ปวง อยา งเชน ภาวะอากาศไม มีทส่ี ้ินสุด ไมม กี รอบจาํ กดั ทางสายตาวา กวางประมาณเทา นนั้ หรือยาวประมาณเทา น้ี มแี ตห นวงนึกดว ย ใจ สําคญั ดว ยใจถึงสภาวะแหง อากาศธาตอุ นั เวิง้ วา งวา งเปลาปราศจากขอบเขต การจะหนวงนกึ อยางนี้ไดจ ิตตอ งมีกําลัง มีความต้ังม่ันเปน พน้ื ฐานอยูกอน สวนใหญผ ูทีท่ ําไดจะ ผานรปู ฌานมากอนแลว มีความเปน กลางทางจติ ชนิดทเี่ รียกวา ‘มหาอุเบกขา’ เปนพน้ื ยนื อยูเปน ทุน เม่อื หนวงนึกถึงอากาศอนนั ตไดจ นจติ รวมลงเปนฌาน เขาจะรูสกึ ราวกบั เหน็ อากาศวางไพศาลเทา จักรวาล เปนสภาพเหนือจินตนาการ คลายยกจติ ขน้ึ ไปอยใู นอีกระนาบมติ หิ นึ่งที่มีจรงิ ดวยอํานาจฌาน ผทู สี่ ามารถเขาถึงอรูปฌานไดเปน ปกตจิ ะมจี ติ ทป่ี ราศจากเย่อื ใยในความมีรูปทั้งปวง เหน็ รปู ทง้ั ปวงเปน ของเล็กนอย ไมน า แยแส จิตคาํ นงึ ถึงแตน ามธรรมอนั โอฬารอยเู นืองๆ และเม่อื ตายลงเพราะ กายหยุดทาํ งาน เขากจ็ ะพรากจากสภาพความมีรูปทงั้ ปวงไปสูความไมม รี ปู มแี ตจิตอันทรงฌานตนื่ รอู ยู อยางยาวนานเกินจะนับวา กี่หมน่ื กี่แสน กีล่ านป การเปนผูชาํ นาญเขา ออกอรูปฌานไดเ ปน ปกตินน้ั ยากทจี่ ะเกลอื กกลั้วอยกู ับโลกหยาบ โดยมาก จะเปนนกั บวช ดาํ รงชีพอยดู ว ยการทอ งเที่ยวไปในปา เขาลําเนาไพร โลกท้ังโลกจะปรากฏเปนภาพลวง แตค วามวา งจะกลายเปนของจรงิ ขน้ึ มาแทน กอ นตายจะอยูกบั อรปู ฌานที่ตนชนิ ชํานาญ และแลวเม่ือถงึ วาระสดุ ทาย จติ จะวบู ดบั จาก ความรูสึกท้ังมวล คือคลายออกจากอรูปฌานเปนจุตจิ ติ แลวเกดิ ปฏสิ นธิจิตขึ้นใหม ถดั จากนัน้ จึงกลับเขา สคู วามรูสึกตวั วา อยูในอรูปฌาน โดยไมม รี ูปกายทิพยห อหมุ ไดช อื่ วาเขาถึงความเปน หนึ่งในหมูสตั วที่ เรยี ก ‘อรปู พรหม’ จติ สามารถไหวตัวรับรคู วามมีความเปน ในจักรวาลได แตเพกิ เฉยไมยินยลสนใจ

๑๒๓ เพราะไมทราบจะไปขอ งเก่ียวดว ยอยา งไร จึงพักการกอกรรมดรี ายแบบสัตวใ นภพลา งๆเปนเวลานาน แสนนาน ดวยความหลงเขาใจผดิ วาภาวะของตนคงเปน อมตะ เปนนริ นั ดรอ ยางแทจรงิ แทจริงไดช ่อื วา เปนเพียง ‘อรูปพรหม’ อนั จะตองเวยี นวา ยตายเกดิ อยูอีกเทานั้น ๔) จิตอันเปน ไปในโลกุตตรภมู ิ คอื จิตท่มี ีเคร่อื งลอ เปนอาการเกดิ ดับแหง รูปนาม หรอื อาการท่ีรูป นามแสดงความไมใชตวั ตนออกมาใหลวงรู อยา งเชน เมอ่ื ฝกสติรูลมหายใจไดเปน ปกติ ก็สามารถเห็นชดั วา ธาตุลมมเี ขา มีออก มีหยุด ไมใชส่ิงทเี่ ที่ยง เชน เดียวกบั อารมณสุขทุกขทง้ั ปวง เชน เดียวกบั สภาพจิต ทสี่ งบแลว กลับฟงุ และเชน เดียวกบั สรรพส่ิงท้งั ทีเ่ ปนรปู ธรรมนามธรรมทว่ั สากลจักรวาล ตา งก็แสดงตัว อยตู ลอดเวลาวาเกดิ ข้นึ ดวยเหตุ แลวมีอายขุ ัยทจ่ี ะตอ งดบั ลงเปนธรรมดา เมื่อจติ มปี กตเิ หน็ ทง้ั ตนเองและสรรพสงิ่ โดยความเปนของทตี่ องดับลง ไมม สี ิง่ ใดยัง่ ยืนค้ําฟา ก็จะ คอยๆถอดความเขา ใจผดิ และถอนตนออกจากหลม กาม ถอนตนออกจากอปุ าทานวา มสี งิ่ ใดสิ่งหนึ่งเปน ตวั เปน ตน กระทัง่ เกิดธรรมชาตลิ า งผลาญเครือ่ งรอ ยรัดจิตใหต ดิ อยูกับสงั สารวัฏ เปน ผบู ริสุทธห์ิ มดจด จากกิเลสทเ่ี รียกกนั วา ‘พระอรหันต’ ไมตอ งเวยี นกลับมาทกุ ขซ้าํ ทุกขซ าก เกดิ แลวแก แกแลวเจ็บ เจ็บ แลว ตายเหมือนอยางสัตวอ ่นื ท่ีไมร ูทางออกอีก พระอรหนั ตจะเปน ผไู มเห็นนิมิตหมายใดๆเมื่อใกลดับขันธ พวกทานมจี ติ สดุ ทายเปน ดับลงแลวไม มีจติ ใดเกดิ ขน้ึ สืบตออีก แตสาํ หรับผูท ี่เรม่ิ มีความเขา ใจความจรงิ เกยี่ วกับสังสารวัฏและทางออกจากสงั สารวัฏ เรม่ิ กําหนด สตดิ ูรูปนามเกิดดบั เริม่ มีความเพยี รอยางตอ เนือ่ ง จนกระทง่ั จติ ไมไ ยดีส่งิ อ่ืนนอกจากความเหน็ รปู นาม เกดิ ดับ ดงั น้กี ถ็ อื วา จติ เร่มิ เขามาอยูในโลกตุ ตรภมู แิ ลวเหมือนกนั เรยี กวาเปนผูพยายามเพอ่ื มี ‘ดวงตา เหน็ ธรรม’ ธรรมในที่นีค้ อื ความจรงิ สูงสดุ ธรรมในท่ีนีค้ อื ความวา งจากตวั ตน ธรรมในท่นี ี้คือพระนิพพาน อันปราศจากการเกดิ และการดบั มีแตค วามเปดเผยไรรอ งรอยนิมิตอนั ใดส้นิ ภพภูมใิ นมุมมองของผูม ีทิพยจกั ขุ ในมมุ มองของผูมจี กั ษอุ นั เปนทพิ ย ลว งประสาทตาสามญั ของมนษุ ยธรรมดา ภพภูมเิ ปนเครอ่ื ง จําแนกผลกรรมทใ่ี หญท ่สี ุด เปนภาพใหญท ี่สุดทีเ่ ห็นไดว า ใครเปนใคร ทาํ อะไรมาอยา งหนกั โดยมาก สภาพของภพภูมิตางๆนน้ั เปน คนละมิตกิ นั บางทเี ทียบเคยี งใหเ ขา ใจทั่วถงึ ไดย าก อยางเชนเขต แดนในสวรรคแ ละนรกน้ัน ไมใ ชแ ผนดินซงึ่ มีพ้นื ท่ตี ายตัว และไมใ ชเขตตอ เนื่องถงึ กนั เหมอื นดาวเคราะห อยางโลกเรา แตนมิ ิตแหง สภาพแวดลอ มเชน ความเปนปาเขา ลําธาร ตน ไม เปลวไฟ บานเรอื น ปราสาท

๑๒๔ ราชวงั พอจะเปรียบเทียบไดก บั ท่เี หน็ ๆในโลกเรา เพียงแตม คี วามหยาบและความประณตี ผดิ แผก แตกตา งจากกันตามลาํ ดับภพภมู ิ อยางไรก็ตาม จิตท่คี ิด จติ ท่เี หน็ ถกู จติ ทเี่ ห็นผิด จติ ทเี่ สวยสขุ จติ ทเ่ี สวยทกุ ข แมเ ทียบน้ําหนัก แลวหา งชัน้ กนั เพียงใด ก็สามารถอนมุ านเอาไดจากจติ แบบมนษุ ยนี้ ฉะนัน้ การชเี้ นนเขามาทส่ี ภาพแหง จิตยอ มกอใหเกิดความรูสึกสัมผัสถงึ ภพภมู ติ า งๆไดม ากกวา การกลาวถึงรูปทรงหรือสถาปต ยกรรมของ เคหสถานในภพอนื่ กนั ตรงๆ สัตวใ นแตละภพภูมจิ ะเหน็ วาทงั้ โลกมแี ตพวกของเขา และรูสกึ วาไมม สี ิ่งอน่ื สาํ คัญกวา พวกของ เขา ยกตวั อยา งงายท่ีสุดคือสัตวใ นภพมนษุ ย คือพวกเรานเ่ี อง ถึงแมจ ะรวมอาศัยในดาวเคราะหด วง เดยี วกนั กบั สัตวใ นภพอ่นื กจ็ ะมองไมเห็น ท้ังเปรตและเทวดา หนักไปกวา นั้นคือแมแ ตเหลา เดรจั ฉานท่ี ว่งิ กนั ใหเกลื่อน บางลทั ธิยงั อุตสาหส รางความเชอ่ื วา พวกมนั ไมมีจิตวิญญาณ หรือเปน เพยี งวตั ถทุ ่เี กดิ มา ใหมนษุ ยกดั กนิ โดยเฉพาะ การไรค วามสามารถเหน็ สัตวจุติและอุบัตดิ ว ยแรงกรรม การไรญ าณหยั่งรวู า ภพภูมิอ่นื มี โลกหนา มี อดตี ชาตมิ ี ลวนแลวแตตกี รอบ ครอบมมุ มองของพวกเราใหค บั แคบจาํ กดั มกี ารถกเถยี งกันท่ีโนนท่ีนี่ วาตายแลว ไปเกดิ ตอ หรือดบั สญู ทัง้ ๆท่ีเหลาวิญญาณกําลงั ทะลักเขาทะลักออก แลกเปล่ียนหมุนเวยี น จากฟากตา งๆไปสฟู ากตา งๆอยูทกุ วินาที แมแ ตม นุษยก ับเดรัจฉานก็มีการแลกฝงกันทโ่ี นนทน่ี ่ีอยตู ลอด ไมขาดสาย มนุษยตายกันวินาทีละประมาณ ๒ คน เราไมร ูหรอกวา แตละนาทมี คี นกลายรางเปน สตั วก นั ทั้งหมดกี่ราย! ความไมร ู ความไมเห็น ลว นเปนความมดื ทบึ ท่นี า สะพรงึ กลัวย่งิ เสียกวากนลึกสดุ ของถา้ํ คนสว น ใหญเริม่ ใชเหตุผลกนั ออกมาจากความไมร ู และทะนงหลงยึดเหตุผลของตนวาเปนส่งิ นา เลื่อมใส สวน ใหญคนที่ไดข อสรุปจากเหตุผลของตนเองวา ชาติหนาไมม ี ชาตกิ อนไมม ี ผลกรรมไมมี จะเปนพวกทท่ี าํ ทกุ สิง่ ไดต ามอาํ เภอใจ กเิ ลสสง่ั ใหท าํ อะไรกท็ าํ ไมตอ งกลัวผลกรรม ไมตอ งละอายตอ บาปใดๆทง้ั ส้ิน ขอเพียงศึกษาและฝก ‘วชิ ารตู ามจริง’ ของพระพทุ ธเจา จติ จะเหมอื นแสงสวางสอ งเขา ไปเห็นทม่ี ืด เดิม เริ่มต้งั แตอาณาบริเวณที่เราแตละคนอาศยั อยูน่ีเอง และสามารถเห็นไดว าภพภมู ใิ หมอ าจฉายเงาได ตั้งแตขณะยังมชี ีวิตอยูบ นโลกมนษุ ยทีเดียว อยางเชนคนทตี่ ระหนถ่ี เ่ี หนยี ว ละโมบโลภมาก คิดแตจะแสวงประโยชนเขาตัว จะมีเงามดื กอ ตวั ข้นึ เหมือนหลุมดาํ ที่คอยดึงดดู เอาความชวั่ รา ยทัง้ หลายเขา หาตวั แมแกลงทาํ ดมี เี มตตา กระแสจิตก็จะไม แผผ ายออกทําความรสู ึกอบอุน ใจใหแ กคนใกลช ดิ ไดส ักเทาใด บางครงั้ เขาอาจรูสึกอดึ อดั แตก ็ไมสนใจ เพราะกิเลสสง่ั ใหสนใจแตการกอบโกยทา เดยี ว แมขณะเปนมนุษยเ ขารํ่ารวยจากการคดโกง แตผ ูมที ิพยจักขยุ อมเห็นความราํ่ รวยของเขาเปน เพียงภพหลอกตา เพราะภพจรงิ ทจี่ ติ เขากอ ขึน้ น้นั คือความยากจนขนแคน เขาสรา งโซตรวนรดั ตนเองไว

๑๒๕ กับดนิ แดนแหงแลง ไรความอบอนุ ไวใหตัวเองไดอยอู าศยั เขาจะเปนผูถูกเอารัดเอาเปรยี บไดง าย หัน หนาไปหาความชว ยเหลอื จากทางใดก็จะถกู ปดกน้ั จากทางนนั้ การขาดแคลนนํา้ ใจตอ เพ่ือนรว มโลกก็คอื การสรางภพท่ขี าดแคลนความชมุ เย็นตอตนเอง แมจ ิต วญิ ญาณในปจ จุบนั กแ็ หง แลงเหมือนดอกไมข าดนํา้ ขอเพียงมีนา้ํ ใจ มีความคดิ สละ ยิง่ มากเทาไหร ใจ จรงิ กย็ ง่ิ รินเมตตาออกมาเทานัน้ กระแสความรูสกึ ที่ผายออกกวา งนั้นเองคอื ภพแหง ความสบายไมขัดสน ในเบ้ืองหนา หรอื อยา งเชนคนทปี่ ราศจากศลี ไมม คี วามซอ่ื สตั ย ไรค วามอดกลน้ั ตอสิง่ ยัว่ ยใุ หกระทาํ ผดิ จะมี เงามดื ทาบทับจิตวิญญาณของเขาเหมอื นยกกาํ แพงหนาทบึ ขนึ้ ต้งั บังแสงสวาง เร่ืองท่นี า จะรูไ ดดวย สามญั สํานึกวา ดี กลับเห็นเปนของเลว แตท ่ชี ัดเจนวา เลว กลบั เหน็ เปน ของดี ฤทธิข์ องกเิ ลสสามารถกลบั จิตใหเ หน็ นกเปนไม เหน็ ไมเ ปน นก ทาํ จติ ใหเ ห็นดําเปนขาว เห็นขาวเปนดาํ ไดอ ยางเหลอื เชื่อ แมข ณะเปนมนษุ ยเ ขาสะสวยหรอื หลอเหลาจากบุญเกา หรือจากการเสริมแตง ดว ยศัลยกรรม แตผู มที ิพยจักขุยอมเหน็ ความสวยหรอื หลอของเขาเปนเพียงภพหลอกตาชว่ั คราว เพราะภพจริงทจ่ี ติ เขากอ ข้นึ น้ันคือความหมน หมอง ปราศจากสงา ราศี ดูไมน า ชน่ื ตาช่ืนใจเหมอื นเปลือกนอกทห่ี อหุมอยู แมต ัว เขาเองจะทะนงในรูปลกั ษณท่ดี งึ ดดู เพศตรงขามได แตก็จะไมปล้มื ใจกบั ความอัปลักษณท ฉ่ี ายออกมา จากภายใน เปน ทีร่ อู ยูแกใ จตนเองเลย การขาดสงา ราศขี องศีลกค็ อื การสรา งภพทีข่ าดความงามสะอาดตา แมจ ิตวญิ ญาณในปจจบุ ันก็ มอมแมมเหมือนคนตกลงไปในบอ โคลน ขอเพียงมจี ิตใจใสสะอาด มีความคดิ ซื่อ ยง่ิ มากเทา ไหร ใจจริงก็ ยิง่ ปราศจากมลทนิ เทานัน้ กระแสความรสู กึ ท่ีหมดจดงดงามน้นั เองคอื ภพแหง ความดดู ีไมมที ต่ี ใิ นเบ้ือง หนา ธรรมดาคนสว นใหญจ ะครง่ึ ดีครึง่ ราย จะไมม ีหลมุ ดําดึงดูดความชวั่ รา ยเขา สูตวั ชดั เจน ขณะเดยี วกันกไ็ มไดม กี ระแสธารแหง ความเมตตาแผผ ายออกมาลน หลาม จึงเปนเร่ืองดูยาก ตดั สนิ ยาก สําหรบั คนธรรมดาทั่วไปที่ปราศจากญาณ หรือแมก ระท่ังผมู ญี าณเบ้อื งตนที่ไมถึงระดบั ทพิ ยจักขุ ก็ไม อาจสัมผัสไดแ นนอนวาผูใดมนี าํ้ หนกั เอนเอียงไปทางไหน และแมแตผูมที ิพยจักขซุ ่ึงเหน็ ภพอันเปน ที่ไปของใครสักคนแจมชดั เพราะราศีสวรรคแ จม จา ออกมาดูเรืองโรจนโชตชิ วง กไ็ มอาจทํานายชนดิ เอาคอเปนประกนั วา ใครคนนน้ั จะตอ งพุงขนึ้ สวรรคอยาง แนนอน เน่อื งจากภพของจิตเคล่อื นไดเรอ่ื ยๆ วันน้ีชอบทําความดี วนั หนา อาจเคลื่อนไปชอบทาํ ความชว่ั โดยไมรูเนือ้ รตู ัว วันน้ีทาํ สมาธไิ ดถงึ ฌาน วนั หนา อาจเคลื่อนหลนลงมาเปน คนฟงุ ซา นสตแิ ตก เพราะไป ทํากรรมบางอยาง เชนอวดโอโอหงั ลองดีกบั สิ่งศักด์สิ ิทธไิ์ ปท่ัว อยา งน้กี ็มใี หเหน็ มาก โลกปจ จุบนั เต็มไปดว ยกับดักหลมุ ดาํ ดงึ ดดู ผูคนใหลงตา่ํ ท้ังสอื่ ลามก ท้ังสงครามฆาฟน ทั้งการ แขงขนั แยง ความสาํ คัญกัน จงึ ไมน าสงสัยวาความรูความเห็นของคนทว่ั ไปทําไมวปิ ริตผดิ เพี้ยนกันใหญ

๑๒๖ บางทเี อาโจรมาเปนพระเอก บางทคี นดีเหนียมอายกับการทําดี บางทกี ารทําเร่อื งนาละอายกลายเปน การพิสูจนความใจถงึ ภพของคนสวนใหญจ งึ เปนภพทช่ี ่วั โดยไมร ูตัววา จิตของตนยดึ ตดิ อยูกบั ภพ ท่ีช่วั เพราะสภาพแวดลอ มท้ังมวลพากันตะลอ มหลอกวา ภพท่ชี ัว่ คือภพปกติของคนทั่วไป ตอเมอ่ื รจู กั พทุ ธศาสนา ศึกษาวิชา ‘รูตามจรงิ ’ ของพระพุทธเจา ก็จะไดเ ขา ใจอยา งถอ งแทวา อะไร คอื กุศล เปน ธรรมชาตดิ านสวา ง มคี วามรงุ เรอื ง เพื่อความสุขสบาย อะไรคอื อกุศล เปนธรรมชาตดิ า นมดื มคี วามอบั ทึบ เพื่อความทกุ ขร อน จงึ คอ ยสามารถดึงตวั เองออกมาจากหลมุ ดาํ ตางๆทตี่ นติดหลม อยไู ดท ี ละเปลาะ กาํ เนิด ๔ และคติ ๕ ภพนอยใหญน้ันมีมากมายเหลอื คณานบั และแมวธิ ีอบุ ัติข้นึ ในภพภูมทิ ัง้ หลายกผ็ ิดแผกแตกตาง กัน พระพทุ ธเจาจาํ แนกความตา งอนั สลับซบั ซอ นใหเ ปนของงาย โดยแบง กาํ เนิดออกเปน ๔ วธิ ี และคติ ออกเปน ๕ สถาน กาํ เนดิ ๔ รูปแบบวธิ ีมีดังน้ี ๑) อัณฑชะกําเนิด สตั วเกดิ โดยการชําแรกเปลอื กแหง ฟองไข ๒) ชลาพชุ ะกาํ เนดิ สตั วเ กดิ โดยชําแรกไส (ในมนุษยห มายถึงมดลูก) ๓) สงั เสทชะกําเนดิ สตั วเกิดในปลาเนา ในซากศพเนา ในขนมบดู หรอื ในน้าํ ครํา ในเถาไคล (คือ ในของสกปรกทง้ั หลาย) ๔) โอปปาตกิ ะกาํ เนิด เทวดา สัตวนรก มนุษยบ างจําพวก และเปรตบางจําพวก (ผดุ เกดิ ขึ้นเตม็ ตัวโดยมไิ ดอาศัยทางออกอื่น) สวนคติหรอื ท่ไี ปนัน้ พระพทุ ธเจา ทรงตรสั วาทานกาํ หนดรูใจบุคคลบางคนในโลกนีด้ ว ยใจ ทราบ ชดั วาผูใดปฏบิ ตั อิ ยางน้นั ดําเนนิ อยางนั้น และขนึ้ สหู นทางนนั้ เบื้องหนาแตตายเพราะกายแตก ทา น สามารถเล็งเห็นดวยทิพยจักขอุ ันลวงจักษขุ องมนษุ ย วา ผูน้นั จะเขาถงึ คติทเ่ี ปน ไปได ๕ สถาน ดังนี้

๑๒๗ ๑) วิสัยนรก ทั้งพระสาวกผูม ที พิ ยจกั ขุในอดีตและปจจบุ ัน ไดใ ชคําบรรยายตรงกันโดยมิไดน ัดหมายคือเปน สถานทท่ี ี่ ‘แออดั ยดั เยียด’ กันระหวางสัตวนรกท้งั ปวง ถาประมาณไมถูกก็ขอใหนึกถึงเหลาหนอนไหนท ่ี รมุ เจาะไชซากศพ แมจ ะมีปริมาณศพนบั ลา นรา ง กย็ งั ไมพ อรองรับเหลาหนอนที่มารุมไชกันเอาเลย! ผมู ี ทิพยจักขุยอ มเห็นสงั สารวัฏโดยความเปน ทุกขกเ็ พราะสัตวน รกนน้ั มีมากกวาภพอื่น ทาํ นองเดียวกับท่ี โลกนี้ปรากฏวา มคี นโงมากกวา คนฉลาดน่นั เอง เมอื่ โงเร่ืองกรรมเรอ่ื งเดยี ว ยอมเปน ผสู ง ตนไปนรกได งายดายนัก สภาพความเปนอยใู นนรกนั้น พระพทุ ธเจาทรงตรสั เปรียบไวกบั สภาพทพี่ วกเราพอนึกออกคือ เหมอื นมีหลมุ ลกึ ย่งิ กวา สวนสูงของบรุ ุษหลุมหนึ่ง ซ่งึ เตม็ ไปดว ยถานเพลงิ ปราศจากเปลว ปราศจากควัน ลาํ ดับนนั้ บุรุษผูม รี า งอันความรอนแผดเผาทัว่ สรรพางค มีความเหนด็ เหนื่อย สะทกสะทา น และกาํ ลงั หวิ กระหาย มงุ มาสหู ลุมถา นเพลงิ นน้ั (ดวยเสน ทางคือกรรมทท่ี าํ มา) และไดต กลงไปเสวยทกุ ขเวทนาอนั แรงกลา เผ็ดรอนโดยสว นเดยี ว สรปุ คือนรกคอื สถานทท่ี ีเ่ นนความแผดเผา และแปลวาวิบากกรรมอันสงสัตวเ ขาไปอยูในนรกตอง หนกั หนาสาหสั เอาการ ที่แนน อนคอื พวกทาํ อนนั ตรยิ กรรม ๕ ซ่งึ กลา วไวแลวในบทกอน และอีกประเภท หน่ึงคือพวกท่ีทาํ บาปเผด็ แสบ คือทาํ ความเดอื ดรอ นใหผ อู นื่ ไวมาก และไมมีบุญท่ชี ว ยประคองอยู บาปกรรมท่มี ีน้าํ หนักมหาศาลจึงถวงเขารวงลงทะลุถงึ พื้นนรกานตจ นได ๒) วิสยั เดรัจฉาน เราไดเ หน็ เดรจั ฉานกลาดเกลอื่ นบนดาวเคราะหดวงน้ี ซึ่งก็มสี ภาพความเปน อยหู ลากหลาย บาง พันธุไดใ กลชดิ มนุษย เชนสนุ ขั และแมว บางพันธุก ็อยูในปา ลึก เชน ชา งและเสือ เราเห็นดว ยตาเปลา วา สัตวแ ตละสายพนั ธมุ ีสตปิ ญ ญาแตกตา งกัน มอี ัตภาพทนี่ า อึดอดั และปลอดโปรง ผดิ แผกกัน แตใ นสายพระเนตรของพระพุทธองคผ หู ย่ังรูและสามารถเปรยี บเทียบเดรัจฉานกบั ภพภมู ิอน่ื ไดทวั่ ถงึ ทานตรัสไวว า เหมือนมหี ลมุ ซึ่งลกึ ยิง่ กวา สวนสงู ของบรุ ษุ หลุมหนง่ึ ซ่ึงเต็มไปดวย อุจจาระ ลําดบั น้ันบุรุษผูมรี างอันความรอ นแผดเผาทั่วสรรพางค มีความเหนด็ เหนื่อยสะทก สะทา น และกําลังหวิ กระหาย มงุ มาสหู ลุมอจุ จาระนั้น (ดว ยเสน ทางคือกรรมท่ที าํ มา) และไดต ก ลงไปเสวยทกุ ขเวทนาอันแรงกลา เผด็ รอนย่ิง สรุปคอื กาํ เนิดเดรจั ฉานน้นั โดยรวมแลวโสโครกนารังเกียจ ชวนใหอ ึดอดั ระอา วบิ ากกรรมอนั สง สตั วเ ขา ไปอยูในเดรัจฉานภมู ิไมหนักเทา วิบากท่ีสง ใหถงึ นรก แตกใ็ กลเ คยี ง อาจจาํ แนกไดครา วๆวาถา เปนพวก โลภมาก จะไปเกดิ ในสายพันธทุ ีอ่ ตั คดั ขดั สนเร่อื งอาหารและน้าํ ถา เปน พวกโทสะแรง จะไปเกดิ ในสาย

๑๒๘ พันธุที่ตอ งกัดกินกนั เองหรอื แยงชงิ อาหารกนั ดวยความดรุ า ย สวนถา เปน พวกที่ตายขณะมโี มหะครอบงาํ คอื หลงมาก แตยังมีบุญเกาประคับประคองอดุ หนุน ก็อาจไดม าเปน หมาแมวนารักท่มี คี นเอน็ ดูชุบเลี้ยง ๓) วสิ ยั เปรต เปรตในความรับรูของคนไทยสว นใหญม เี พียงจําพวกท่ีรา งสงู โยง ปากเลก็ จู และมคี วามหวิ กระหายเปนอาจิณ ความจรงิ แลวเปรตยังมีมากจาํ พวกกวานั้นเยอะ และสวนใหญก ไ็ มไดม ีสภาพนา ทเุ รศทรุ ังสถานเดยี ว บางพันธุมีภาพหลอกสงู สง กวา มนุษยเ สียอีก คอื บางกาลปรากฏโดยความเปน เทพ แตบ างกาลก็ปรากฏละมา ยสัตวใ นนรกภมู ชิ ้นั ตนๆ สาํ หรบั ความลําบากลําบนของพวกเปรตนนั้ โดยรวมพระพทุ ธองคตรสั เปรียบวา เหมือนตน ไม เกดิ ในพื้นทลี่ ุมๆดอนๆไมร าบเสมอกนั มใี บออ นและใบแกอนั เบาบาง มีเงาอันโปรง ลาํ ดบั นัน้ บรุ ษุ ผูม ีรา งอันความรอนแผดเผาทัว่ สรรพางค มคี วามเหน็ดเหนื่อยสะทกสะทาน และกาํ ลังหวิ กระหาย มงุ มาถึงตน ไมน นั้ (ดวยเสน ทางคอื กรรมทท่ี ํามา) แลว นั่งหรือนอนใตร มเงาตน ไมน ั้น เสวยทุกขเวทนาเปนอันมาก สรปุ คือกาํ เนดิ แหงเปรตนั้น โดยรวมแลวสภาพแวดลอ มไมไ ดเ ผาลน และมิไดสกปรกโสโครกเทา นรกและเดรจั ฉาน แตก็มีความไมแนนอน บางจุดบางเวลาอาจเรารอนขนึ้ ได (เชน ท่พี ระพุทธองคเ ปรยี บ เหมือนปาโปรง ท่ีมีใบบังแดดฝนเพียงเบาบาง) หรืออาจไมส บายเนื้อไมส บายตัวอยูดวยอัตภาพของ ตนเอง วิบากกรรมอันสงสัตวเ ขา ไปอยูใ นภมู เิ ปรตไมห นักเทาวิบากทสี่ ง ใหถึงเดรัจฉาน แตก็ใกลเคยี ง คอื ยงั อาจมีความรสู ึกถึงอตั ภาพทส่ี งู สงคลา ยมนษุ ยอยู แตกเ็ สวยสขุ แบบมนุษยไมไดอกี แลว ตวั อยา งเชนเปรตบางพันธนุ นั้ นา สงสาร เพราะความจรงิ มีบญุ มาก แตกอนขาดใจตายเกิด ผดิ พลาดทางใจ เหมอื นพระธดุ งคบางรูป ทา นกอ็ ยูใ นกรอบวนิ ัยพอสมควร แตประพฤตธิ รรมไมไดถึง ระดบั มคี ณุ วเิ ศษ เชน มรรคผลและฌานสมาบัติ ขณะใกลม รณภาพทานหวิ กระหายจดั ไมมอี าหารและ น้ําตกถงึ ทอง จิตไมมีที่ยดึ เหนี่ยวอันเปน กศุ ลอ่ืน แตป ก แนว เขาไปในความกระหายอยากอยา งรุนแรง เลยทําใหเกิดภพแหงการแสวงหาอาหาร เดินทอมๆอยูในราวปา ดว ยความนกึ วาทานยงั เปน พระกาํ ลงั ออกบณิ ฑบาตวนไปเวียนมา อตั ภาพยังมีเครือ่ งนุงหมเปนจีวรและบาตรเหมอื นพระอยู แตก ไ็ มไดม ไี ฟ แผดเผา ไมไดมขี องโสโครกมาแปดเปอนทา น เพราะไมไ ดกออกุศลกรรมหยาบชาเอาไว

๑๒๙ ๔) วสิ ัยมนุษย มนษุ ยก ็คือพวกเรานี่เอง กาํ ลงั มตี ัวเปนๆและลมหายใจเขาออกอยูสดๆรอ นๆนีแ่ หละ เรยี กวา ภพ มนุษย วสิ ยั มนุษย ตัดเอาเพศพนั ธุ รปู รา งหนา ตา ฐานะ และสติปญ ญาทง้ิ เอาเฉพาะสภาพแวดลอมและอตั ภาพ ความเปนกายทผ่ี วิ นอกแหงสะอาดนมุ นิ่มสบายตัวเหมอื นอยางน้ี เมอื่ เทียบกับภพอื่นลางๆลงไป พระพทุ ธเจา ตรสั เปรียบวา เหมอื นตน ไมเ กิดในพื้นทอี่ ันราบเสมอกนั มีใบออนและใบแกอ นั หนา มีเงารม คร้ึม ลาํ ดบั น้นั บุรษุ ผูมีรา งอันความรอนแผดเผาทั่วสรรพางค มคี วามเหนด็ เหนอ่ื ยสะทก สะทา น และกําลงั หวิ กระหาย มุงมาถึงตนไมน้ัน (ดว ยเสนทางคือกรรมท่ที ํามา) แลวนั่งหรือนอน ภายใตเ งาไมนน้ั เสวยสขุ เวทนาเปนอนั มาก สรุปคือกําเนดิ มนุษยน น้ั จดั วา เปนสขุ แลว เหมือนคนกาํ ลงั เหนือ่ ย กําลงั รอน กําลังหวิ กระหาย ไดม าพบท่ีราบรมรนื่ มีปาไมใ บบงั กันแดดกันฝนไดอ ยางดี ยอ มผอนคลาย หายลา และยิม้ ออก พอประมาณ แมคนทไี่ ดร บั ความทกุ ขจากเพศของตน รูปรา งหนาตาของตน ฐานะของตน และสติปญ ญา ของตน ก็ควรทราบวา เม่อื เปรยี บกับภพภมู อิ ่นื ท่ตี ่ํากวานแ้ี ลว ความเปน มนษุ ยยงั เหมอื นท่พี ักกลางทาง วิบากอนั นา ชื่นชมกวา กนั มากนัก ๕) วิสัยเทวดา เทวดามคี วามเปนอยใู กลเ คยี งกับมนุษย คอื ยังเสพสุขจากกามคณุ ๕ คือเห็นรูปอันยวนตา ไดย ิน เสยี งอันรื่นหู สูดกลนิ่ หอมอันเรา ใจ ล้ิมรสอรอยชวนนาํ้ ลายไหล และแตะตอ งเครือ่ งกระทบอันมีสัมผัส ออนนุมนา พสิ มยั ใครตอใครอยากไปสวรรคกนั เพราะเลา ลือวา สําราญนกั หอมหวานยวนอารมณนัก งดงามบาดตา เราใจนัก ซ่งึ กส็ มควรแกคําเลาลือเหลานน้ั เพราะพระพุทธองคก ็ทรงตรัสเปรยี บไว เหมือนปราสาท แหงหนงึ่ ซง่ึ มีเรือนยอด ฉาบทาแลว ท้ังภายในและภายนอก หาชองลมมิได มวี งกรอบอันสนทิ มี บานประตแู ละหนา ตา งอันหบั ปดดีในเรอื นยอดนัน้ มบี ลั ลงั กอันลาดดว ยโกเชาวขนยาว (ผา ทํา ดวยขนแพะ) ลาดดวยเครื่องลาดทาํ ดวยขนแกะสขี าว ลาดดว ยขนเจียมเปนแผนทึบ มเี ครือ่ ง ลาดอยา งดที าํ ดว ยหนังชะมด มีเพดานกัน้ ในเบื้องบนมีหมอนแดงวาง ณ ขางทัง้ สอง ลําดับนนั้ บุรษุ ผูมีรางอันความรอ นแผดเผาทว่ั สรรพางค มคี วามเหนด็ เหนอ่ื ยสะทกสะทาน และกาํ ลังหิว กระหาย มุงมาสปู ราสาทนนั้ (ดวยเสน ทางคอื กรรมทีท่ ํามา) แลว นงั่ หรือนอนบนบลั ลังกใ นเรือน ยอด เสวยสุขเวทนาโดยสว นเดยี ว

๑๓๐ สรปุ คอื กําเนิดแหงเทพน้ัน จดั เปน เขตแดนอันพงึ ถวิลถงึ สาํ หรับสัตวท ่ยี ังเวยี นวายตายเกิดอยูใ น สังสารวฏั ไมถงึ กบั เกินจนิ ตนาการมนษุ ยอยา งเรา เราเสพสุขในกามคณุ ๕ กนั อยา งไร เทวดากเ็ สพใน ทํานองเดยี วกนั น้นั เพียงแตว ามีความประณตี กวา มีความเยา ยวนกวา มีรสอนั เลศิ กวา กันอยา งเทียบ ไมได เชนทีพ่ ระพทุ ธองคท รงเปรียบภพมนุษยเหมอื นปา ไมใบบังหนา ในขณะทเ่ี ปรียบภพเทวดาเหมือน ปราสาทราชวงั น่นั เลยทเี ดยี ว ขอใหทราบวา วสิ ัยเทวดานี้ พระพุทธองคทรงเหมารวมต้งั แตเทพในกามาวจรชนั้ แรกๆตลอด ท่วั ไปจนถงึ พรหมทัง้ ทมี่ ีรูปและไมม รี ูป เพราะฉะนั้นปราสาทราชวังท่ีพระองคตรัสเปรยี บวา นาชน่ื มน่ื ยิ่ง สําหรบั คนกาํ ลงั เหนือ่ ย กาํ ลงั รอน กําลังหวิ ยงั มรี ะดับช้ันซอยยอยออกไปอกี มหาศาล เอาเปน วา พระองคทา นกรุณาเปรียบเปรยใหเ ปน ท่ีเขา ใจงาย จินตนาการตามไดแ กพ วกเราเพยี งคราวเทาน้ัน วิธีชท้ี างสวรรคแ กผปู วยใกลต าย ตัง้ แตโ บราณกาลนานมา พทุ ธศาสนกิ ชนในไทยปรารถนาจะไดร ับคาํ ตอบประการหนึ่งอยา ง ยิ่งยวด คือเม่อื ตวั เองใกลจ ะตาย หรือเมือ่ ญาติอันเปนท่รี กั เจบ็ หนัก ควรจะชว ยเหลอื กนั อยางไรเปน การ สงใหไปดี วธิ ีทนี่ ิยมกนั มากคอื ใหคนตายทองไววา ‘พระอรหันตๆๆ’ คอื จะใหก อดพระอรหันตผ ูหมดกิเลสไว แนนหนา ซึ่งกน็ ับวา ใชไดถ าผกู ําลงั จะตายเขาใจวา พระอรหนั ตเ ปนอยา งไร แตปญ หาคือคนเราถา ท้งั ชวี ติ ไมเ คยศกึ ษา ไมเ คยรจู กั พุทธธรรม จๆู จะใหท อ ง ‘พระอรหนั ตๆๆ’ แลวไปดีนน้ั ยาก เพราะจติ ไมรูวา พระอรหันตคอื ใคร บรรลุธรรมอนั ใดมา จงึ เปรยี บเหมือนเทวดาย่ืนเขม็ ทิศใหคนหลงปา โดยปราศจากการ แถมคูม ือใชง าน แมคนหลงปาควาเข็มทศิ ไวไ ด แตใ ชเขม็ ทิศไมเปน ไมรวู าเข็มทิศคอื อะไร ทํางาน อยา งไร อยางนกี้ ต็ อ งกลายเปนผูหลงทางตอ ไปอยดู ี มาฟงธรรมอันเปน ที่ตั้งแหง ความเบาใจ ๔ ประการท่พี ระพทุ ธเจา ตรสั ไวด กี วา เม่อื มกี ษัตรยิ องค หน่งึ เสด็จไปเขา เฝา พระผูมพี ระภาคถงึ ท่ีประทับ และไดก ราบทูลถามวา อบุ าสกผมู ีปญญาพงึ กลา วสอน ผูปวยซ่งึ มปี ญญาดว ยกนั แตกําลังไดเ สวยทกุ ขจากการเปนไขห นัก (ใกลต าย) วาอยา งไรดี พระพุทธ องคต รัสใหส อนอยา งน้ีคอื จงเบาใจเถดิ วาเธอมคี วามเล่อื มใสไมห วั่นไหวในพระพทุ ธเจา ในพระ ธรรม ในพระสงฆ มีศลี ทพ่ี ระอรยิ เจาใครแ ลว ไมขาด ไมท ะลุ ไมด าง ไมพรอย เปน ไท วิญชู น สรรเสรญิ มศี ลี อนั อยูเหนือความทะยานอยากทผ่ี ดิ และความเหน็ ผิดทงั้ ปวงแลว และเปนไปเพอ่ื ความตัง้ มัน่ แหง จิต อนั นีห้ มายความวา ถาใกลตายอยู มีความศรทั ธาเล่อื มใสในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆอยาง ม่นั คง กับท้งั มีความเห็นชอบในเร่อื งคณุ และโทษ ในเรอ่ื งบญุ และบาป และนอ มใจรกั ษาศีลไดสะอาด

๑๓๑ บริสุทธ์จิ นจติ ไมแ สสายกังวลไปในบาปท้ังหลายแลว ก็ยอ มเกิดความตงั้ ม่ัน มีความเบาใจเปน ธรรมดาวา จะจากไปสูความปลอดภยั นอกจากนน้ั พระพุทธองคยังตรสั วา หลังจากปลอบเชนนี้แลว ใหถามผูปวย (ในกรณที พ่ี อแมยังมี ชวี ติ ) วา ยงั มคี วามหว งใยในมารดาและบิดาอยูหรือไม? ถา หากผูปวยตอบวายังหวงใย กใ็ หก ลา ววา ทกุ คนตอ งตายเปน ธรรมดาเหมือนกบั เรา ถงึ เราใสใจหวงใยหรือไมหวงใยในมารดาและบิดา พวกทา นก็ จะตองตายไปอยูดี ฉะน้นั ขอใหละความหวงใยในมารดาและบดิ าเสียเถิด หากเขารบั วา สามารถละความหวงใยในมารดาและบิดาไดแ ลว พงึ ถามเขาอกี (ในกรณที ่บี ุตรและ ภรรยายังมีชีวิต) วา ยงั มคี วามหวงใยในบุตรและภรรยาอยหู รือไม? ถาหากผปู วยตอบวา ยงั หวงใย กใ็ ห กลาววา ทุกคนตองตายเปนธรรมดาเหมอื นกับเรา ถงึ เราใสใจหวงใยหรอื ไมหว งใยในบตุ รและภรรยา พวกเขาก็จะตอ งตายไปอยูดี ฉะนนั้ ขอใหละความหว งใยในบุตรและภรรยาเสียเถิด หากเขารับวา สามารถละความหว งใยในบุตรและภรรยาไดแ ลว พงึ ถามเขาอีกวา ยงั มีความหว งใย ในกามคุณ ๕ อนั เปนของมนุษยอ ยูหรือ? (เชน ยงั อยากเสพกาม ยงั อยากเหน็ สาวสวยหรือหนุม หลอ ยงั อยากฟง เพลงโปรดจากสุดยอดเคร่ืองเสยี ง ฯลฯ) ถา หากผูปว ยตอบวายงั หว งใย ก็ใหก ลา ววากามอันเปน ทพิ ยยังดีกวา ประณตี กวา กามอนั เปน ของมนุษย ขอทานจงพรากจติ ใหอ อกจากกามอนั เปนของมนษุ ย แลวนอมจิตไปในเทวดาชั้นตางๆเถิด (คอื เลาพรรณนาตามที่พระพทุ ธองคต รสั ยนื ยัน ดังแสดงไวแลวใน หัวขอกอน วาความสขุ ระดบั เทพยดานนั้ เหนือกวา ความสุขแบบมนุษยเ พยี งใด ใหเ ขากาํ หนดใจเช่อื มน่ั ไวว า การเสพกามในภพมนษุ ยย ังสุขนอยไป กายอนั เปนทิพยช วนใหเ สพสมยงิ่ กวา นั้น รูปเสยี งบรรดามี ในโลกทนี่ า โปรดปรานที่สดุ ยงั นาพสิ มัยนอยไป รปู เสยี งอันเปน ทพิ ยยงั นาอภริ มยยิง่ กวาน้นั มากนกั ) หากเขารับวา สามารถละความหว งใยในกามคุณ ๕ อนั เปนของมนษุ ยไดแลว พงึ กลาววา ความสขุ แมทีเ่ หนอื กวากามคุณ ๕ ในภพเทวดายังมี คือความสขุ จากการเขา สมาธฌิ านในพรหมโลก แตแมจะได เปนถึงรูปพรหมและอรปู พรหมกไ็ มเท่ียง ไมยั่งยืน ยงั นบั เนื่องในความหลงผิดยึดมัน่ ถือมนั่ วา ภพนน้ั ๆ เปนตน (หรือตนเปน อมตะ) ขอจงพรากจิตใหออกจากเทวโลกและพรหมโลก แลวนําจิตเขาไปในความ ดบั จากการยึดมั่นถือม่ันเถดิ หากเขารับวา สามารถถอนความยดึ มัน่ แมใ นเทวโลกและพรหมโลกแลว และไดน ําจิตเขา ไปใน ความดบั จากอาการยดึ มนั่ ถอื มน่ั วาเปน อะไรๆแลว เชน นน้ั พระพทุ ธองคตรัสวาทานไมก ลา วถงึ ความตา ง อะไรกันระหวา งผมู ีจิตพน แลว อยางนี้ กับภิกษุผูพ นแลว ตั้งรอยป เพราะตา งกพ็ นดวยวิมุตติเหมอื นกัน ขอใหทราบวาชวงจงั หวะใกลต ายน้นั เปนโอกาสทอง จิตกําลงั หาทิศทางอันเปน ทไี่ ป ไมคอยอาลยั สิ่งทเ่ี หน็ วาตนกําลงั จะตองท้งิ ไวใ นโลกน้ีอีกแลว จึงมีความหนักแนนเปนพิเศษ หากเราพูดเหนยี่ วนําเขา ตามท่ีพระพุทธเจา ตรัสแนะไดล ะ ก็ ไมใชแคค นปวยหนกั จะเขา ถึงสุคติ แตอาจมจี ิตปลอยวางไดถงึ ทีส่ ุด จรงิ ๆ!

๑๓๒ หากชวงทายๆของผปู ว ยสามารถเขาใจธรรมะ สามารถยอมรับ สามารถเลือ่ มใสศรทั ธาเชือ่ ถอื วา นิพพานเปน ของดี เปน บรมสุขอันถาวรแลว ก็อาจสาํ ทับลงไปตามแนวทางเปรียบเทยี บคตติ า งๆของพระ พทุ ธองค คอื กลา วตามจรงิ วานรกนน้ั แผดเผา เดรจั ฉานนน้ั เนาเหมน็ เปรตนน้ั ลุมๆดอนๆ มนษุ ยนัน้ เรม่ิ สบาย สวนเทวดานนั้ สุขจรงิ แตก็ไมส ขุ ไดต ลอด ผมู ีปญ ญายอ มพจิ ารณาเห็นภยั แหงความไมเที่ยงในคติ ตางๆ และประมาณไดวา หากไมหลุดพน ไปจากวงั วนแหง การเวียนวา ยตายเกดิ ก็ยอมพลาดเขาสกั วัน สมดงั ที่พระพทุ ธองคทรงตรัสวา ถา คดิ จะทองเที่ยวเกดิ ตายไปเรอื่ ยๆ การหลกี เลยี่ งนรกมิใชว สิ ัยที่ จะเปนได พระพุทธองคไดตรสั สรปุ ไวช ัดวา ความสุขระดบั วมิ ุตติ คอื หลดุ พน จากความถือมน่ั ในภพท้งั ปวง นั้นเปนอยางไร เราสามารถนําไปพรรณนาใหผ ปู ว ยใกลตายไดฟงเพ่อื ความเลือ่ มใสหนักแนน ขึ้น คอื เปรียบแลว เหมือนสระโบกขรณี มีน้าํ อนั สะอาดใสเย็นอยตู ลอด กบั ท้ังมที า อันดี นา รืน่ รมย และ ในท่ีไมไ กลสระโบกขรณนี ัน้ มแี นวปา อนั ทบึ ลําดับน้นั บุรษุ ผูมีรา งอนั ความรอนแผดเผาทัว่ สรรพางค มคี วามเหน็ดเหนอ่ื ยสะทกสะทา น และกาํ ลงั หิวกระหาย มุงมาถึงสระโบกขรณนี ี้ ทเี ดยี ว เขาลงสนานกายและดม่ื ดับความกระวนกระวาย ระงับความเหน็ดเหน่ือยและความ รอนรมุ เสียได แลว จงึ ข้ึนไปนง่ั หรือนอนในแนวปานน้ั เสวยสุขเวทนาโดยสว นเดยี ว เพราะกิเลส เครื่องหมกั ดองทั้งหลายส้นิ ไปดวยปญญาอนั ยิ่งในปจจบุ นั สรุปวา วิมตุ ตสิ ขุ นัน้ เปนสขุ เดยี วทด่ี ับความกระหายไดส นิท ขอใหสังเกตการเปรยี บเทียบของพระ พทุ ธองควาวมิ ุตตหิ รอื ความหลุดพนจากกเิ ลสนัน้ เปน สถานทีเ่ ดียวท่ีมีนํา้ ใหดมื่ กินดับกระหาย ดับความ กระวนกระวาย ดับความรอ นรุม ไดส นทิ ขอเพียงผูปวยหนักใกลต ายมคี วามเลื่อมใสอยา งนี้ ปลอยวางภพภมู ิท้งั หลายดว ยปญ ญาอัน ถกู ตอ งอยา งนี้ แมจ ิตขาดกาํ ลังเพยี งพอจะเขา ถึงพระนิพพานอนั เปนความวา งจากภาวะทัง้ ปวง สงบจาก การปรงุ ประกอบทุกขทัง้ ปวง อยา งนอยที่สดุ กอนถงึ วาระแหงจตุ ิจิต เขายอมเหน็ นิมติ หมายอนั เปน มงคล เชนเหน็ องคพระปฏมิ าอรามเรอื ง หรอื เห็นพระพุทธนิมติ เสมอื นจริง หรือไดย ินเสยี งเทศนาธรรมเพอ่ื ความปลอ ยวาง กระทาํ จติ ใหแนวไปในความเปนมหากุศล เม่อื จิตสดุ ทายดบั ลง ยอมเกิดจติ ใหมส บื ตอ ใน สุคติภูมอิ ยางแนแ ท ไมมที างเลือนหลงพลัดตกลงไปสอู บายภมู ิไดเ ลยดวยประการใดๆทัง้ สิน้

๑๓๓ บทสาํ รวจตนเอง ๑) เราเปน ผมู คี วามอนุ ใจ สบายใจ มั่นใจ วา ตนเองพรกั พรอ มในการไปสโู ลกอ่ืนที่ดีกวา หรือไม? ๒) กรรมทีท่ าํ เปนประจาํ อันใด สรางความอุนใจ สบายใจ มน่ั ใจ วา เรากาํ ลงั จะไปสสู คุ ต?ิ ๓) กรรมที่ทําเปนประจาํ อันใด สรา งความกังวล สับสน กลบั ไปกลับมา วา เราอาจมที ุคตเิ ปนท่ีไป? ๔) เราเปน ผพู รอ มจะละกรรมอันเปน เหตใุ หไ ปทคุ ติ และพรอมจะเพม่ิ กรรมอนั เปนเหตใุ หไปสคุ ติ หรอื ไม? ๕) เราพรอ มจะตายพรอมกับความรูส ึกศรทั ธาในพระพทุ ธเจา หรือไม? สรุป มีหลายสิ่งที่เราไมอ ยากใหม ันเปนเรอื่ งจรงิ แตมันก็เปน เรอ่ื งจรงิ มาชวั่ กปั ช่ัวกลั ป ดงั เชน หลายคืน เราไมอ ยากตกอยูใ นหว งแหง ฝนรา ย แตเม่ือเหตุแหง ฝน รา ยมีอยู เราก็ตอ งนอนหลบั อยางทุกขทรมาน โดยไมอาจขดั ขืนจนกวา จะต่ืน ชวี ติ หลังความตายก็เชน กนั แมเ ราเชื่อวามนั ไมม ีดวยความทะนงตน หรือ แมเราภาวนาขออยา ใหมันมี หรอื แมเ ราสามารถรณรงคใหค นท้งั โลกเชือ่ วา ชาตหิ นาเปนนิทานเหลวไหล แตขอเพยี งมเี หตใุ หม นั มี อยางไรมันกต็ องมี มันจะมีหรอื ไมม ี ทางท่ีดีไมประมาทไวกอ น ดังทีพ่ ระพทุ ธองคท รงช้ีวาถา เราทําดแี ลว ยอ มเปนสุข ในปจ จุบัน และถาชาตหิ นา มี ก็จะตองไปดดี วย เรียกวาสําเร็จประโยชนทั้งปจ จุบันและอนาคตดว ยการ เพยี รละความชว่ั และสั่งสมความดเี ขาไว จะเปน ประกนั ชั้นเลิศสดุ การเปล่ียนภพเปล่ยี นภมู ิในแตล ะคร้ังอาจหมายถึงการแกต วั ใหมจากทเี่ คยผิดพลาด หรืออาจ หมายถึงการทดสอบซ้าํ วา เราดีทนแคไ หน ธรรมชาตจิ ะลบความจําเราเกี่ยวกบั ภพเดิมๆใหส ูญสิน้ ไป แต กรรมทท่ี ําเปนประจําจะทําใหเราเคยชินอยูกับนิสยั เดิมๆ การจะเปล่ยี นแปลงตนเองไดจ ําเปน ตองพบกบั ผูร ูแ จงแทงตลอดในกรรมวบิ ากทง้ั ปวงเชน องคสมเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา ดงั นั้นการปลกู ฝงความ เลื่อมใสไมห ว่นั ไหวในพระศาสดาจงึ เปน กุศโลบายทดี่ ีในการเดนิ ทางไกล ใครสามารถอนุ ใจไดว า เราจะ ตายพรอ มกับศรทั ธาในพระพุทธองค กไ็ ดช อื่ วาเปน ผูพกเอาเสบียงสําคัญทสี่ ดุ ตดิ ตวั ไปดว ยแลว ยาก แลว ท่จี ะพลัดไปมีครูผสู อนสัง่ เรือ่ งกรรมวบิ ากผิดๆ สาํ คญั คือการปลูกฝงศรัทธาในพระพทุ ธองคน ้ัน ไมมอี ะไรดีไปกวาลงมอื ปฏบิ ัติตามคําสอนของทาน ทั้งในแงของ การฝกเสียสละ รูจกั ใหท านเพือ่ ละความตระหน่ี และท้ังในแงข องการบําเพ็ญตนเปน ผูปลอดโปรงจากบาปอกศุ ลท้ังปวง รักษาศีลจนกลายเปน ที่รกั ยงิ่ กวาสิ่งยวั่ ยใุ ดๆ เมื่อประสบสุขทางใจเต็มอ่มิ แลว ก็จะบังเกิดความเลอื่ มใสวา พระพุทธเจา เปน ผสู อนความไมเบียดเบยี น เปน ผูช้ที างตรง ทางถูกทางไปสูสวรรคนิพพานไดจ ริง เมื่อนนั้ ศรทั ธาจะไมค ลอนแคลน และเราจะเปนผมู คี ติทไ่ี ปอันประเสรฐิ เสมอ

๑๓๔ ”สรปุ ทตุ ิยบรรพ” สมยั ทพี่ ระพทุ ธองคยงั ทรงพระชนมน ้ัน เม่ือภิกษุ ภิกษณุ ี อุบาสก หรอื อุบาสกิ า คนใดคนหน่งึ ทาํ กาละ พระองคทา นมักจะตรสั พยากรณวาใครไดไ ปเกดิ ใหมในภพใด เม่อื มผี ูถ ามวาพระองคท รงมีพุทธ ประสงคอยา งไรในการพยากรณเชนนั้น ทา นก็ตรัสตอบวา ตถาคตพยากรณสาวกทั้งหลายผทู ํากาละ ไปแลว วาใครเกิดใหมใ นภพใดเชนนี้ จะเพ่อื ใหค นพิศวงก็หามิได จะเพื่อเกลยี้ กลอ มคนกห็ ามิได จะเพอื่ อานสิ งสเปนลาภสกั การะและคาํ สรรเสรญิ ก็หามไิ ด จะเพ่ือใหเ ราเปน ท่รี ูจักของมหาชนก็ หามิได ดกู อ นอนรุ ุทธะ มีกุลบุตรจาํ นวนหนึ่งจะเกดิ ศรทั ธามาก เกดิ ความยินดีมาก เกิดความ ปราโมทยมากหลงั จากไดฟง คําพยากรณห น่ึงๆแลว และจะนอมจติ เพือ่ ความเปน อยางนัน้ บาง นคี่ อื ประสงคของเรา ทพี่ ยากรณก็เพอื่ เปนประโยชนเกอื้ กูล เพอื่ ความสขุ แกก ลุ บตุ รเหลานนั้ ส้ิน กาลนาน การไดยนิ ไดฟ งเร่อื งเก่ียวกับสุคตเิ พอ่ื เปนศรัทธา เพอื่ เปน แรงบนั ดาลใจใหเชอ่ื มัน่ ในหนทางไปสู สคุ ติ คือกอ กรรมดี ละความตระหน่ี รกั ษาความสะอาดของจิต ยอมทาํ ใหเกิดความรูสกึ อนุ ใจและเช่อื มัน่ ในการชแ้ี นะของพระพุทธเจายิ่งๆข้นึ เพราะมหากศุ ลจิตยอ มใหค วามรูสึกปลอดภัยอันเปน ท่รี ูอยูกบั ตนเอง ผมู คี วามพรักพรอ ม ไมถ กู กลุมรุมดว ยความตระหนี่ ไมแปดเปอ นมลทนิ จากการละเมดิ ศีล ยอ มมี ความกลา เผชญิ ความตาย เพราะม่นั ใจเกินมนุษยอน่ื ๆวาถาภพหนา มีเขาตองไดไ ปดีกวา ทเี่ ปนอยูในภพ มนุษยแ นๆ พระพุทธองคท รงตรัสวา ถา รักตัวเองแลว กไ็ มค วรกอบาปทง้ั ปวง เพราะความสขุ น้นั ไมใ ช สง่ิ ท่ีคนทําชว่ั จะไดพบโดยงาย เมอื่ บคุ คลถูกมรณะครอบงํา ละท้งิ ภพมนุษยนไี้ ป กม็ อี ะไรเปน สมบัติของเขาเลา ? เขายอ มพาเอาอะไรไปดวยเลา? อะไรเลาจะตดิ ตามเขาไปประดุจเงาตดิ ตาม ตนไป? ผทู ่มี าเกิดแลว จาํ จะตอ งตายในโลกนี้ ไมว าจะทาํ กรรมอนั ใดไว ทง้ั ทเี่ ปน บญุ และเปน บาป บุญและบาปนัน้ แลเปนสมบัตขิ องเขา เขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไป บุญและบาปนั้นยอม ตดิ ตามเขาไปประดจุ เงาติดตามตนไป ฉะนั้นทกุ คนควรทาํ กรรมอนั ดีสะสมไวเ ปน สมบตั ิใน ปรโลก บุญท้ังหลายยอ มเปนทพ่ี ่ึงของสัตวท ัง้ หลายในปรโลก

๑๓๕ ¾ตติยบรรพ – ยงั อยูแลว ควรทําอะไรดี? ในบรรพกอน คงจะเห็นวา ใครกําลังเสวยกรรมดีหรือกรรมรายก็ดูงา ยๆจากภพภูมิทไี่ ปเกดิ การตก ไปอยใู นชั้นไหนแดนใด คอื ภาพใหญแ ทนตัวไดชดั เจน อยางเชน ตอนนก้ี ําลงั เปนมนุษยก แ็ ปลวากําลงั เสวยวิบากดอี ยู แมเ ถียงวา จะดไี ดอ ยางไรลาํ บากจะตายอยูแลว อันนนั้ ก็ตอ งไปเทียบกับการอยใู นนรก หรืออบายภูมิอ่ืนๆ แลว จะเหน็ วา ‘ลาํ บากจะตาย’ ในโลกน้ี ดีกวา ‘ตายจริงๆแลวเขา ไปอยูในกรงขัง’ ที่ กรรมชว่ั เตรียมไวท ําโทษเปนไหนๆ เมอ่ื เรม่ิ เชอื่ เรอ่ื งภพภูมิ การเวียนวา ยตายเกดิ และความจรงิ เก่ียวกับกรรมวิบาก มีชาวพทุ ธ จํานวนไมน อยท่ีเหมอื นจะดดู ายกับความเปน อยูในชีวิตปจจบุ นั แลวหนั ไปทุม เทกับการทาํ บุญ เรียกวา ตง้ั หนา ตงั้ ตากอบโกยกศุ ลกนั แบบโลภบุญเกินเหตุ ความจรงิ บุญไมไ ดมีเพยี งการใหท รพั ยเปนทาน กริ ยิ าอันเปนทางมาแหงบุญนน้ั จาํ แนกแลว กม็ อี ยู มากมาย ดังเชน หลักๆมีอยู ๑๐ อาการ ไดแ ก การใหท าน การรกั ษาศีล การปฏบิ ตั ิธรรมภาวนา การ ประพฤตอิ อนนอ ม การขวนขวายชวยเหลือในกิจอนั ควร การใหผ อู ่ืนมีสว นในบุญของเราดว ยการบอกให เขายนิ ดีหรือเตม็ ใจมาชวยเหลอื การมนี า้ํ จิตยินดใี นบญุ ของผูอ ่นื การฟง ธรรมตามกาล การสั่งสอนธรรม ดวยจิตอนเุ คราะห การทาํ ความเหน็ ใหถูกตรงทง้ั เรอื่ งบุญบาปและการออกจากทกุ ข กริ ยิ าอันเปนบุญทสี่ าํ คญั ที่สุด และพสิ จู นค วามมลี าภแหง การเกิดเปน มนุษยอยา งท่สี ดุ ก็ไดแกบ ุญ ขอสุดทาย คอื การทําความเห็นใหถูกตรงทั้งเร่ืองบุญบาปและการออกจากทุกข นี่เอง นบั เริ่มจาก การมองไกลไปขา งหนา ทาํ ความเขา ใจใหด ี มองใหเ หน็ ดวยปญญาวา แตละภพเปนภาพใหญ เปนฉาก หนง่ึ ๆ ทุกฉากตอ งมีจดุ เรม่ิ ตน และทกุ ฉากตอ งมจี ดุ จบ กจ็ ะเกิดภาพสรุปในจินตนาการวา ทุกสง่ิ ท่ีเรา เห็น ทกุ ส่าํ เสยี งที่เราไดยนิ จะตองแปรปรวนแลว เสื่อมสลายหายหนไปหมด ไมมอี ะไรหลงเหลือตกคาง อยูไ ดเลย และเมอ่ื มองยอนกลับมาเห็นภาพของการเกิดเปน มนษุ ยอ ยางในบัดนี้ ความเปน เพศอยา งน้ี รปู รางหนาตาอยางน้ี ฐานะความเปนอยอู ยา งน้ี และระดับสตปิ ญ ญาอยางน้ี ก็จะไดข อ สรปุ ประการหนึง่ คอื ทงั้ หมดนัน้ คือ ‘สวนประกอบฉาก’ ซ่งึ กรรมตกแตงข้นึ ใหด ูเลนครหู นึ่ง แลว ท่สี ดุ ก็ตองลมเลิกฉากน้ีไป ราวกบั ไมเ คยมมี นษุ ยอ ยา งเราเกดิ มา ราวกบั ไมเ คยปรากฏรูปชายหญิง ราวกับไมเ คยมหี นาตานารกั นา ชัง ราวกับไมเคยยากจนหรือร่ํารวย และราวกับไมมีใครเคยโงห รอื ฉลาด เพราะในทนั ทีที่ใครสาบสญู ไป จากโลก ความเปน เขาคนนน้ั ก็ไมต างจากรปู รอยความฝน หรอื สายลมแสงแดดสําหรบั ตวั เขาเองเลย มาอยใู นภพน้ีชว่ั คราวก็จริง แตก ็ไดช ื่อวา ‘เปนมนุษย’ ในจงั หวะท่ีจะ ‘พบพุทธศาสนา’ ซ่งึ เปนของ หาไดยาก ทั้งเปนมนษุ ยดว ย ทัง้ พบพุทธศาสนาดว ยนั้น ยากเย็นเพียงใดก็ขอใหด ทู ี่พระพทุ ธเจาทรงตรัส อุปมาอปุ ไมยไว

๑๓๖ เปรยี บเหมอื นมหาปฐพนี ีม้ ีน้ําเปน อันเดยี วกนั บรุ ุษโยนแอกซ่ึงมชี องเดยี วลงไปในมหา ปฐพีนั้น ลมจากทิศตะวันออกพดั เอาแอกน้นั ไปทางทิศตะวนั ตก ลมจากทศิ ตะวนั ตกพัดเอาไป ทางทิศตะวนั ออก ลมจากทศิ เหนือพดั เอาไปทางทิศใต ลมจากทิศใตพ ัดเอาไปทางทศิ เหนอื เตา ตาบอดซ่ึงอาศยั ในมหาปฐพนี น้ั ตอ เมื่อลวงรอยปม ันจึงโผลขน้ึ มาสกั ครั้งหนง่ึ เธอทัง้ หลายคิด วา มันจะสอดคอใหเ ขาไปในแอกมชี องเดียวนั้นไดหรอกหรือ? หมายความวา เม่อื เอาส่งิ ท่ีปรากฏไดยากมาประจวบกบั ส่งิ ที่ปรากฏไดยาก ซึ่งเทากบั ความยาก ยกกาํ ลังสองนน้ั เทียบแลวกค็ อื การที่สัตวจะไดเ ปนมนษุ ยด วย พระพุทธเจาอบุ ตั ใิ นโลกดว ย และ พระพุทธศาสนาของพระองครงุ เรอื งในโลกดวย แตค วามไมร ขู องพวกเราทาํ ใหเหน็ เปนเร่อื งธรรมดาทจ่ี ะ พบกับพุทธศาสนา ซ่ึงผวิ นอกเบ้ืองแรกก็ไมเหน็ จะตางจากศาสนาอน่ื อยางไร เพราะใครๆกบ็ อกวา ทุก ศาสนาสอนใหคนทาํ ดกี ันทั้งน้นั โดยเฉพาะอยา งยิ่งสมัยน้ไี มค อยมีคนบอกวา พทุ ธศาสนาสอนให คนรตู ามจริง ท้ังเรอ่ื งท่มี าทไี่ ปของเราเอง และท้งั เรอื่ งวธิ สี รา งความปลอดภัยอยางถาวรให ตัวเองดว ย สวนสดุ ทายของหนงั สือเลมน้ี จะไดเ รง เราใหท กุ คนตระหนกั วา ‘ศกั ยภาพของมนุษย’ นนั้ ใชใหค ุม ทสี่ ดุ กค็ อื การเอามาเขาใหถึงแกน ของพุทธศาสนา คอื ศกึ ษาวิชา ‘รตู ามจริง’ ของพระพทุ ธเจา ใหทะลุปรุ โปรง นนั่ เอง

๑๓๗ Öบทที่ ๙ - คําถามที่นา กลวั ทีส่ ุดในชวี ติ บางคนรสู ึกวา ความตายเปน ส่ิงที่นากลวั ที่สุดในชวี ติ บางคนเจาะจงลงไปกวา น้ัน คือรูสึกวา ความเจ็บปวดขณะกาํ ลังจะตายนากลัวทส่ี ุด แตบ างคนฟง เร่ืองเก่ียวกับนรก กร็ ูส กึ วา ไมมสี ง่ิ ใดในสากลจกั รวาลนา สะพรึงกลวั ยิง่ ไปกวา นรกอกี แลว แตความจรงิ ก็คอื ยงั มีส่ิงท่ีนา กลัวกวา นนั้ ! ความมดื อันใดนากลัวทีส่ ุด? ครั้งหนึ่งพระพุทธองคต รัสกะพระสาวกของพระองคว า ดกู รภิกษทุ ง้ั หลาย โลกันตนรกมแี ต ความทกุ ข มืดคลุม เปน หมอกมัว สัตวใ นโลกนั ตนรกนัน้ ไมไดร ับรศั มพี ระจนั ทรและพระอาทิตย ซงึ่ มีฤทธิม์ อี านุภาพมากถึงขนาดนี้ เม่ือพระองคทานตรัสแลว กท็ รงเงียบอยู กระทัง่ มีภกิ ษุรปู หนง่ึ ทูลถามพระผมู พี ระภาควา ขา แต พระองคผ เู จริญ ฟงแลวโลกันตนรกชา งมดื มากเหลอื เกนิ แตจะยงั มีความมดื อยา งอนื่ ท่ีย่งิ ไปกวานั้น นา สะพรึงกลวั ยิ่งไปกวา ความมดื แหง โลกนั ตนรกหรอื ไมพ ระเจา ขา ? พระพุทธองคตรสั ตอบวา ดกู รภกิ ษุ ความมืดอยา งอน่ื ทีม่ ากกวาและนากลัวกวา ความมืด แหงโลกนั ตนรกนน้ั มอี ยู แลว ทา นก็สาธยายมใี จความโดยสรปุ คอื ความไมร ตู ามจรงิ น่ันเองทม่ี ืดยิ่ง กวา โลกันตนรก พวกเราไมร ูอะไรตามจรงิ บาง? คือ… ๑) ไมร ูวา กายใจอนั เปนท่ีตัง้ ของอปุ าทานท้ังปวงนี้ เปนทุกข (นึกวาเปน สุข เปนของดที ่นี ามนี า เปน) ๒) ไมรวู า ความอาลัยยึดติดในกายใจน้ี เปน เหตุแหงทกุ ข (นึกวาจาํ เปน ตอ งหลงอยเู ชน นี้อยา งไม มีทางเลือก) ๓) ไมร ูวา ความพนขาดจากการหลงยึดผดิ ๆ เปนความดับทุกข (นกึ วา การดับทกุ ขเด็ดขาดถาวร ชนดิ ไมกลบั กาํ เรบิ ใหมเปนไปไมไ ด)

๑๓๘ ๔) ไมรวู า การตง้ั มมุ มองไวตรงตามจริง แลวเพยี รตั้งสติดูอยูจ นจติ ตงั้ ม่ันรแู จง เปน วิธดี บั ทกุ ข (นกึ วาคลายความกระวนกระวายไดเ พยี งดว ยการเสพกาม หรืออยางดีทส่ี ดุ คือการเขา ฌานไปเปน พรหม เพ่อื มีชีวติ อมตะชวั่ นริ ันดร) แคค วามไมร วู าอะไรเปนทุกข อะไรเปน ทางดับทกุ ขเทาน้ี เหตุใดจงึ ไดชอื่ วา เปนความมดื ท่นี า กลวั เสียย่ิงกวา โลกนั ตนรก? ขอใหพ ิจารณาวาความมดื ของโลกนั ตนรกนั้น ยังมวี นั สวาง ยงั มีทางเปดใหสตั ว ไปอุบัติในภพอื่นหลงั จากใชกรรมหมดส้ินแลว แตค วามไมร วู าอะไรเปน เหตุแหง ทกุ ข ไมรวู าอะไร เปนบญุ เปน บาปน้นั สง สัตวใหต กต่ําลงไปย่งิ กวา โลกันตนรก เชนถา พลาดทาํ อนันตริยกรรมก็มี หวังถึงอเวจีมหานรกได โลกนั ตนรกเปนแคภพแหงความทกุ ขภพหนึ่ง แตความไมร ู หรือความมีอวชิ ชานั่นแหละ นาํ ไปสูภพแหงความทุกขต างๆ ทงั้ ที่มืดมนกวา โลกนั ตนรก และท้งั ทแี่ ผดเผาเทาอเวจีมหานรก และสาํ คญั กวา อะไรคอื โลกันตนรกนน้ั วนั หนึง่ จะสน้ิ สุดสภาพเองเม่อื แรงสง ของวิบากกรรมหมด ลง แตอ วิชชาจะไมม ีวันสิ้นสดุ สภาพดว ยตนเองเลย หากปราศจากเหตุคือปญญารทู างดบั ทุกข เรากาํ ลังเปนหน่ึงในผตู ดิ กบั ดักแหง ความมืดอยูหรอื ไม? กับดกั มีอยูมากมายหลายชนิด แตไ มม กี ับดักใดนาพรนั่ พรงึ ยิง่ ไปกวากบั ดักที่เหนีย่ วเราไวใ หต ิด อยกู ับความเสยี่ งตอ นรกอยางไรว นั จบวันสนิ้ ระหวางการเดนิ ทางไกลอนั ไมเปน ที่รู เรามีโอกาสพลาดได ทุกขณะ ขอเพยี งคบคนพาลเปน มิตร หรอื เพียงมคี นคิดชวั่ อยูในเรอื น กับดกั อันนาํ ไปสภู พทม่ี ดื อยางยดื เยอื้ ไรวันจบส้ินกค็ ือความไมร ูตามจรงิ พอไมร ูก็เขาขางตวั เองวา นข่ี องเรา นัน่ ของเรา นัน่ เน่ืองดว ยเรา พอไมรกู เ็ ขาขางกเิ ลสวา เราควรไดส ่ิงน้ี เราไมควรไดส ิง่ นน้ั พอไมรกู ส็ าํ คัญมนั่ หมายวามีเราเปนอมตะ นา จะเคยเกดิ ในภพดีๆ และจะไปเกดิ ในภพสงู ๆ ลองถามตวั เองวา รูสกึ ถงึ ความมีอตั ตาอยูไหม? ถา ตองตอบตามจรงิ วา มี ลองถามตัวเองอีกวา อตั ตานจี้ ะมีอยูตลอดไปไหม? ถาตองตอบตามจรงิ คือรูสกึ วา มนั จะคงอยูต ลอดไป ขอใหบอกตัวเองเถดิ วา เราตดิ กบั แลว เปนผูหนง่ึ ท่ีตอ งเวยี นวายตายเกิดเส่ียงผดิ เสีย่ งถกู อยใู นสงั สารวฏั นแี้ ลว! ส่งิ ใดที่ไมเ ท่ียง เรากลับรสู กึ วามนั เทย่ี ง ยอมช่อื วา เรากาํ ลังอุปาทานไป สิ่งใดเปนทุกข แตเรากลบั รูสึกวา มนั เปนสุข กย็ อ มชื่อวาเรากาํ ลังอุปาทานไป

๑๓๙ สง่ิ ใดไมเท่ยี ง เปนทุกข มอี ันตองดับไปเปน ธรรมดา ยอมไมใ ชตัวตน ยอมไมอยใู นครอบครองของ ใคร แตเรากลบั รสู ึกวา เปน อตั ตา เปนตัวเราทีไ่ มควรตาย เชนนีก้ ็ยอมชื่อวา เรากาํ ลงั อุปาทานไป อุปาทานเปน ช่อื ของความหลงผดิ เปน ชอ่ื ของความมืดบอดทางใจ ท่ีนา สลดใจคอื ไมม ใี ครรูเลยวา ขอเพียงฝก ท่ีจะรตู ามจรงิ เปนขน้ั ๆ พวกเราไมต องมอี ปุ าทานกไ็ ด แตเ ม่อื ไมฝ ก รูตามจรงิ ก็ตอ งหลงวน อยูใ นโลกของอุปาทานกนั ตอไปอยา งไรท ่ีจบสิน้ อปุ าทานทาํ ใหเ รานึกวา กามเปน ของดีที่สุด อาจถึงขนั้ หลงคิดวาเปนความชอบธรรมท่ีจะฉุดครา ลกู เมียผูอืน่ มาสําเรจ็ ความใคร นค่ี อื บาปโทษอันอาจเกิดขึน้ เม่ือยังมีอุปาทานในกาม อปุ าทานทาํ ใหเรานกึ วา ส่งิ ท่เี ราปกใจเชอื่ นน้ั ถูกท่สี ดุ อาจถึงขัน้ หลงคดิ วาเมื่อเราไมเ ชอื่ วานรก สวรรคมี ก็ไมเ ปนผทู ตี่ อ งตกตายแลวไหลลงอบายแนๆ แมจ ะทําชัว่ เพยี งใดกต็ าม นีค่ ือบาปโทษทเ่ี ห็นได ชัดขณะยงั มีอุปาทานในทิฏฐิ อปุ าทานทาํ ใหเรานกึ วาธรรมเนยี มการปฏบิ ตั หิ รอื เคล็ดลางทเ่ี ราถอื มนั่ นั้นมีผลสงู ที่สดุ อาจถงึ ขั้น หลงคดิ วา ฆา แพะบชู าเทพเจา คอื การปลดปลอ ยพวกมันไปสูสคุ ติ นค่ี ือบาปโทษที่เห็นไดชดั ขณะยังมี อปุ าทานในวัตรปฏบิ ัติทสี่ ืบตอกันมาอยางงมงายไรเ หตผุ ล และสุดทา ย อปุ าทานทําใหเ ราหลงยึดวาตอ งมีตวั ตนของเราอยแู นๆ ไมสภาพน้กี อ็ ีกสภาพหน่งึ ไมอ ยูในโลกนี้ก็ตอ งอยใู นโลกหนา การหลงยึด การหลงอาลัย หรอื หลงทะยานอยากเปนนนั่ เปนนนี่ น่ั เอง คือการสืบเช้อื แหง การเกิดไมรูจบ นคี่ ือโทษทีเ่ ห็นไดช ัด และเปน โทษอนั รายแรงท่ีสุดเม่อื ยังมีอปุ าทานใน ตวั ตน หรืออปุ าทานในวาทะแบบใดแบบหนง่ึ วา ตัวตนเปน อยางน้ันอยางนี้ เวลาทอี่ ุปาทานหนาทบึ เราจะไมรูสึกเลยวา มีสิง่ อ่นื ย่ิงไปกวาสง่ิ ทกี่ าํ ลังยึด เหมอื นเอาเกราะมา ครอบ หรือเหมือนเอากาํ แพงมาลอม คลา ยคนหลงตดิ คกุ อยดู วยความเต็มใจย่ิง ลองเถอะ ถา ถาม ตวั เองเด๋ยี วนี้วา กาํ ลงั มอี ุปาทานอนั ใดบาง แทบทกุ คนจะตอบวา ไมม ีเลย เพราะเห็นทุกอยา ง ตามปกติอยู ใชชวี ติ ในสงั คมไดเปนปกตอิ ยู ย่ิงถาพยายามบอกวา สังคมโลกท้ังหมดนน่ั แหละ กําลงั ลุม หลงมัวเมาอยูในอปุ าทานทุก ชนดิ กนั คนบอกอาจเจอขอกลาวหาวาเปน จอมอุปาทานไปเสยี เองก็ได

๑๔๐ เรามีความละอายในการกระทาํ อันเปนบาปบางหรอื ไม? พระพทุ ธเจาตรัสวา ถา ใครสามารถกลา วมสุ าไดโดยปราศจากความละอาย ท้ังที่รูอยูแกใ จ วา ไมใชเ รื่องจรงิ กไ็ มมีบาปกรรมใดแมแตห น่งึ เดยี วท่เี ขาจะทําไมลง ความละอายจึงเปน ตัวแปรสาํ คัญทสี่ ดุ เปน องคป ระกอบสําคัญสงู สดุ ในการถอื กาํ เนิดเกดิ เปน มนษุ ย ตราบใดยงั มคี วามละอาย ไมอยากทําบาป ไมนึกสนกุ ตดิ ใจในกรรมชว่ั ก็เรยี กวา เขายังพอมพี ื้น ของความเปน มนุษยอยู แตห ากทาํ บาปไดแบบไมตองกะพรบิ ตา เชน พดู โกหกมดเทจ็ ปน นํา้ เปนตัวได คลองแคลว เปน ธรรมชาติ น่ันแหละคอื เขาขาดองคประกอบพน้ื ฐานของความเปน มนุษยไ ปแลว คนสว นใหญมองวา การโกหกเปนเรือ่ งเล็กนอ ย เพราะเปนเรอื่ งสามัญท่ที ุกคนตอ งทํา อาจจะโกหก นดิ ๆ หรอื อาจจะโกหกมากๆ ข้นึ อยูกับสถานการณบีบคั้น ไมตระหนกั กนั เลยวาถาทาํ เปนประจาํ จน ชิน ในที่สดุ ก็จะหมดความละอาย และเม่ือใดหมดความละอายในการโปปดมดเทจ็ เมือ่ นั้นจติ วญิ ญาณจะดา นชาตอ บาป เหมอื นมีอะไรมาบังตาไมใ หเ ห็นตามจรงิ ไปเสยี หมด ทต่ี ามมากค็ ือ การทําบาปไดไมเ ลือก เพราะตัวมสุ ามนั บอกตัวเองวา ไมเ ปนไร ขอใหเ อาดเี ขาตวั ไดเปนพอ หากถามตวั เองแลว ไดคาํ ตอบวาเราสามารถโกหกโดยไมละอาย ก็นับวา คําถามคําตอบน้นี ากลวั ย่ิง เพราะเราไมอ าจคาดคะเนไดเลยวา ตวั เองเผลอกอบาปกอกรรมหนักๆโดยรูเทา ไมถงึ การณม านานแค ไหน เมือ่ ไมม คี วามละอายบาปอันเปน คณุ สมบัตขิ น้ั พนื้ ฐานของมนษุ ย ก็แทบทํานายไดว า ตอง หลดุ รว งจากสุคตภิ มู แิ นอ ยแู ลว แตน ีไ่ ปกอ บาปกอกรรมโดยไมร ูวาเปนบาปกรรมเขาใหอ ีก มิ แปลวา มีสิทธ์ถิ กู เหว่ยี งลงต่ําไปถงึ พื้นนรกกันหรอกหรอื ? สรปุ คือการขาดความละอายตอบาปคือการไมอาจทํานายวาจะตองระหกระเหเรร อนไปสถติ อยใู น ภพไหนภูมิใดอนั เปนเบ้อื งลาง หากปราศจากความสะทกสะทา น หากยังทะนงหลงนึกวาไมเ ปน ไร นัน่ ก็ อาจเปนการทํางานชน้ิ ใหญอกี คร้ังของอุปาทานกไ็ ด! ใจจรงิ ของเราอยูตรงไหน? บางคนหาตัวเองยังไมเจอ ก็เทากบั ยงั ไมเจอใจจรงิ เพราะใจทยี่ ังไมร ูจักตวั เองอยา งถองแทอาจ แกวง ไปทางไหนก็ได เปลี่ยนทศิ ทางเปนตรงขา มกับเมื่อวานก็ยงั ได และบางทีเราก็ตอ งทรมานกบั ความคิดท่ขี ดั แยง กับใจตัวเอง เหมอื นมีสองคนคอยทุมเถยี ง คอย เตะสกดั คอยชักเยอดงึ กนั ไปดนั กนั มาจนเกิดความวุน วายสบั สนวาเราอยากเอาอยางไรแน

๑๔๑ ท่แี ทแ ลว ใจจรงิ อาจไมต รงกบั สงิ่ ที่เราคดิ แตใ จจรงิ ก็เปลยี่ นไปไดเ ร่ือยๆตามความคิดท่ีเกิดข้ึน บอ ยๆ แมย ังไมท ราบวา ใจจริงของตัวเองอยูทีไ่ หน แตทกุ คนตอ ง ‘มใี จ’ ใหกับสงิ่ ใดสง่ิ หนึ่งเฉพาะหนา เสมอ และนนั่ ก็เปนคาํ ตอบวาทําไมพวกเราถึงเลอื กเรียนสาขาอาชพี แตกตา งกนั เปนคําตอบวาทําไม พวกเราถึงเลอื กผูแ ทนราษฎรตางคนกัน เปน คําตอบวา ทําไมพวกเราถงึ เลือกนบั ถือศาสดาองคใดองค หนง่ึ ผิดแผกไปจากกัน คําถามคอื เรากาํ ลงั มีใจใหก บั อะไรละ? ถา ไดแนวคาํ ถาม ก็จะไดแ นวคําตอบ และเม่ือไดแนว คาํ ตอบ กจ็ ะเร่มิ มองเหน็ ทิศทางเสน ทางกรรมของตนเองไดเ ชนกนั ๑) ทุกวนั นี้เรามีชวี ติ อยูเพื่อใคร? คาํ วา ‘อยูเพื่อใคร’ นน้ั มีความหมายวา เราคิดวาชวี ติ ตวั เองมีคา มคี วามหมาย หรอื กระทง่ั มี ความสําคัญขนาดขาดไมไ ดส ําหรับใครบาง หากคิดออกในทันทีทนั ใดถอื วาเขาขาย แตถ าตอ งคอยๆนึก ทบทวนเปน เวลานาน อยางนน้ั ใหเอาชือ่ น้นั ออกไปจากบัญชกี อ น และขอใหระลกึ วาเราอาศัยอยกู บั ใครกีร่ อ ยก่ีพันคนไมส ําคญั สาํ คัญคือใจเรารูสึกวาตัวเองอยูเพอื่ ใครบางที่ยงั มชี ีวิตอยใู นโลกนี้ จะอาศัยพาํ นกั อยกู ับเราหรือไมกต็ าม หากคําตอบตามซอ่ื คอื ‘อยเู พือ่ ตัวฉันคนเดยี ว’ กอ็ ยา เพงิ่ ตอวาตวั เอง เพราะอยางนอยทีส่ ดุ เราก็ ซือ่ พอจะยอมรับอยเู งียบๆในใจ ไมบ ิดเบือนหรือหลอกตวั เอง เพอื่ ไดรบั ทราบวา มโี อกาสสงู ท่ีเราจะทาํ บาปทาํ กรรมโดยไมคดิ คาํ นงึ ถงึ ความเดอื ดรอนของใครๆทัง้ สนิ้ เรายอ มไมม ีขอ จาํ กดั วาควรทําประมาณ น้ี ไมควรทาํ ประมาณนั้น ทุกอยางข้ึนอยูกับสถานการณแ ละโอกาสเฉพาะหนา อยางเดยี ว หากคําตอบคือ ‘อยูเ พื่อตวั ฉนั และใครอีกคน’ พดู งายๆวา ชวี ติ น้มี คี วามหมายสาํ หรบั สองคน เรามี ความไยดีคดิ เกอ้ื กลู ใครอกี คนหน่ึง อยางนอ ยเราก็คดิ ถงึ คนอื่นเปน และอาจเริม่ ทําหลายสงิ่ หลายอยา ง ดวยความชั่งอกชง่ั ใจมากข้ึนกวา คําตอบขอแรกนดิ หนงึ่ เพราะถา ทาํ บาปโดยไมย้ังคิด อยา งนอ ยใครอกี คนอาจเสียใจ หรอื พลอยไดรับผลกระทบในทางรายไปดวย ใจท่ีพะวงหวงใยใครอกี คนจะชวยเตอื นสติ บางแลวเล็กๆนอ ยๆ คาํ ตอบนอ้ี าจจะยังช้วี าเราเปนคนครงึ่ ดีครึ่งรา ยได ตามแตสถานการณทีเ่ ออื้ ประโยชนใ หก ับเราและใครอีกคน หากคําตอบคอื ‘อยูเพื่อตวั ฉนั และคนอกี กลุมหน่ึงที่คุนเคยกัน’ คือถาคิดวา ตอ งมีคนอืน่ ตองพึง่ พา เรา หรือมสี วนไดส ว นเสยี กับเราตงั้ แตส องคนข้ึนไป และเรามีความไยดกี ับกลุมคนเหลาน้ันอยา งแทจ ริง ทกุ การกระทาํ ของเราจะเตม็ ไปดว ยการระมดั ระวังมากขน้ึ การตดั สินใจตามอธั ยาศยั หรือการทาํ อะไร ตามอาํ เภอใจจะนอยลง แมเบอ่ื งานก็จะไมล าออก แมอ ยากประชดใครกจ็ ะไมป ระชด แมอ ยากไปเท่ยี วก็

๑๔๒ จะไมไปเท่ยี ว คําตอบนอ้ี าจจะยงั ชว้ี า เราเปน คนครง่ึ ดีครึ่งรา ยได ตามแตส ถานการณทเี่ ออ้ื ประโยชน ใหก บั เราและคนอกี กลมุ หนึ่ง หากคําตอบคือ ‘อยูเ พื่อตวั ฉนั และคนกลุมใหญท อี่ าจจะไมเ คยรจู ักมักคนุ เลย’ อยา งเชนเปน นกั การเมอื งท่ีมีอดุ มคตแิ รงกลา หรอื เปน พวกที่พยายามปลดแอกจากทรราชผูนิยมการกดข่ี หรอื เปน พวกทพี่ ยายามเพยี รเผยแพรแ นวความเชอื่ ซ่งึ เหน็ วาเปน ประโยชนอ ยางแทจ ริง อยา งนีเ้ ราจะเริ่มรจู ักคํา วา ‘อยเู พ่อื คนอน่ื ’ บางแลว คาํ ตอบน้ีสามารถช้ีวาเราสามารถเปนคนดไี ดม ากกวา คนรายโดยไมจ าํ กัด สถานการณ หากคาํ ตอบคอื ‘อยเู พ่ือคนอน่ื ถา ยเดยี วโดยไมเ ลอื กหนา’ อันนีอ้ อกจะฟง ดเู ปน บคุ คลในอุดมคติ เกินมนุษยธรรมดาไปหนอย แตก ม็ อี ยูจ ริงๆ โลกนม้ี ีบุคคลไวเ ปนตัวอยา งทกุ ประเภท พวกท่มี ีแตใจคดิ สละออกอยางแทจ ริงไดแกพระพทุ ธเจา และพระอรหนั ตสาวกผหู มดความรูสกึ เก่ียวกับตัวตนแลว พวก ทา นอยูเหนอื การตดั สนิ ใจอันเปน กุศลและอกศุ ลแลว ทําอะไรไปไมตอ งรับผลจากกรรมนน้ั ๆแลว มี ความสุขสงบเปนนิรนั ดรแลว นอกจากนีย้ ังมมี นุษยอ กี ประเภทหนึ่ง ซ่ึงทาํ ดีเพื่อคนอ่ืนจนตดิ ใจในรส ความสขุ ยิง่ ใหญ จงึ อุทศิ ชีวติ ทงั้ หมดใหกับสงั คม หากบนั้ ปลายของการอุทิศตวั ไมหลงเหลิงไปกับอํานาจ วาสนาอนั เปน วบิ ากเหน็ ทันตาในชาติปจ จบุ นั เขากจ็ ะมชี วี ติ บนเสน ทางแหงความดีอนั ยากนักท่ปี ุถุชน ดว ยกนั จะดําเนินได กศุ ลกรรมของเขาจะสกุ สวางบรสิ ุทธ์ิ มองดวยตาเปลาของปถุ ุชนแลวอาจนึกวาเปน พระอรหันตเ ลยทเี ดยี ว ๒) ทกุ วนั น้ีเรามีชวี ิตอยเู พ่อื รบั ใชค วามเช่ือแบบใด? คนเราใชชวี ติ ตามสถานการณเ ปน อนั ดับแรก สิง่ ใดเขา มากระทบกต็ องมีปฏิกิรยิ าโตตอบสิง่ กระทบนัน้ แตเมอ่ื ใชชวี ติ ไปถึงจุดหนงึ่ เราจะพบวาชวี ติ ของเรากําลังยืนอยูบนความเชื่ออะไรสกั อยาง หากคาํ ตอบคอื ‘เราเชือ่ วาอยไู ปเรือ่ ยๆเหมอื นคนอ่ืนโดยไมตองคิดอะไรมากกไ็ ด’ อันน้เี ปน มุมมอง ท่ไี มเสยี่ งดี ถามีมมุ มองนีแ้ ละไมเปลย่ี นแปลงไปจนตาย เรากไ็ มตอ งขวนขวายอะไรเพม่ิ เติม นอกจากใช ชวี ติ ใหเ ปน ปกตสิ ุข ไมตอ งเขาโรงพยาบาลบา ไมตอ งแสวงหาสจั จะที่ไมรอู ยูตรงไหน และทีส่ ําคญั คือไม ตอ งเสียใจในภายหลังวาเชือ่ อะไรผดิ ๆ แตขอ เสียของการมีมมุ มองแบบนี้คอื ถา โลกกําลงั ถูกหอหุม ดวยความเหน็ ผดิ และดวยบาปอกุศลท่ีแพรระบาดยง่ิ กวาไวรัส ก็แปลวาการอยไู ปเร่อื ยๆ เหมอื นคนอนื่ อาจหมายถงึ การยอมรวมเหน็ ผดิ และทาํ บาปอกุศล สรา งทางเลวรายใหต วั เอง อยางนาใจหาย

๑๔๓ หากคาํ ตอบคือ ‘เราเชือ่ วาเปน คนดไี มเบยี ดเบียนใครก็พอ’ อันนกี้ ็เปนมุมมองทป่ี ลอดภัยกบั คนอื่น ดี และดูเหมอื นจะเพียงพอแลว กับชวี ิตหนง่ึ จะเอาอะไรมากไปกวา การไมเปนทีเ่ ดอื ดรอนของสงั คม แต การมีมุมมองวาแคไมเ บียดเบียนใครกพ็ อน้ัน อาจจะพอจริงเฉพาะทชี่ าตปิ จ จุบัน ถา ไมม ีชาติ หนา คงไมตองคาํ นงึ อะไรอีก แตถ าเผื่อชาตหิ นามนั มีข้ึนมา เราก็อาจไดช อ่ื วาไมยอมเตรียม เสบียงไวเ ผ่ือขาดเผอื่ เหลอื ไมเตรยี มการปอ งกนั ไวใ หร ดั กมุ แนนหนา หากคําตอบคือ ‘เราเช่ือวา คา ของคนอยูท่ีผลของงาน’ อนั นี้เปนมุมมองทที่ ําใหโลกหมุนไปไม ขดั ขอ ง เพราะการมคี นทมุ ชวี ติ ใหกับงานนัน้ ทาํ ใหเ กดิ ววิ ฒั นาการดานตา งๆ ท้ังวิทยาศาสตร การตลาด ตลอดจนกระทงั่ การศาสนา แตการมีมุมมองวา คา ของคนอยทู ี่ผลของงานนน้ั บางทีทาํ ใหเรา มองขามไปวางานของเราสง ผลสะเทือนดา นดหี รอื ดา นรายตอผูคนในวงกวาง ความจริงก็คือ หลายครัง้ โลกนพี้ ลิกโฉมไปโดยน้าํ มือของคนเพยี งไมก ี่คน โดยเฉพาะอยา งยิ่งคนในวงการบันเทิงทอี่ อก คอนเสิรต สรา งภาพยนตร อัดฉีดความคดิ มกั งา ยประการตางๆเขาสสู มองของเดก็ และวยั รนุ ท่ัวโลก หากคาํ ตอบคือ ‘เราเชื่อวาจดุ หมายสงู สดุ ของชวี ิตมีอยู และเราก็ควรวิ่งเขา ไปหามนั ’ อนั นี้เปน มมุ มองที่เรมิ่ ทาํ ใหจ ติ วญิ ญาณมคี วามผดิ แผกแตกตางจากคนธรรมดาสามญั ทว่ั ไป เพราะคนสว นใหญ เขาไมไดคดิ กนั อยางน้ี แตก ารมีมมุ มองวาเราควรแสวงหาจดุ หมายสูงสุดของชวี ิตดว ยตนเองนนั้ ถา บารมีเกาไมแกก ลาพอ ก็คงตอ งเสียเวลาในชวี ติ ไปชาตหิ น่งึ เพอื่ ควา น้ําเหลว หรอื อยางเกง ก็ ไปตดิ อยใู นภูมิใดภูมหิ นงึ่ ระหวา งเทวดากับพรหม ทง้ั นเี้ พราะสิ่งที่เรยี กวา ‘ความจรงิ สดุ ทาย’ หรอื ‘ยอดสุดแหงความจรงิ ’ ในธรรมชาติน้นั ไมใ ชว ิสัยที่ใครจะตง้ั โจทยใ หเกิดมมุ มองที่ถกู ตอ งจนไปถึง เปาหมายปลายทางไดงายๆ คนสว นใหญจะวนเวียนต้ังคําถามที่ทําใหเ กดิ ความคดิ หางไกลความจริงไป เรื่อยๆ หรือไมก็ประพฤตปิ ฏิบตั ติ นฉกี แนวจากผูบริโภคกาม แลวนั่งน่ิงสงบทื่อ หลีกหนีความวุน วายโดย ไมรอู ะไรมากไปกวาความสงบนงิ่ เปนบรมสขุ หากคาํ ตอบคือ ‘เราเช่อื วากายใจอนั เปนท่ตี ง้ั ของอปุ าทานนเ้ี ปนทุกข และมีหนทางที่ดบั อุปาทาน ในกายใจไดจ รงิ ’ อนั นเ้ี ปนมมุ มองตามพระพุทธองค ทที่ รงตง้ั โจทยไ วชดั เจนแลว กระชบั แลว รตู ามได งา ยแลว ไมจาํ เปน ตองเสยี เวลาคดิ คาํ ถามสรา งมุมมอง และไมจ าํ เปน ตองเสยี เวลาดุม เดนิ หาคําตอบจาก ที่ไหนอีก การมมี ุมมองอยางชัดเจนวาทุกขเ กิดจากอะไร เราจะดบั ทุกขไ ดอ ยางไร จะไมทําใหเรา เสียเวลาในชวี ิตไปเปลา ๆ เพราะเพยี งดวยเวลาอนั ไมนานเกนิ รอ เราก็สามารถพสิ จู นไดแ ลววา เรอ่ื งทุกขและการดบั ทุกขใ นพระพทุ ธศาสนาน้นั เปนเร่อื งจริงหรือของหลอก มกี ารยนื ยันไว ชดั เจนวา ถา ใครศึกษาและปฏบิ ตั ิตามวชิ า ‘รูต ามจรงิ ’ ของพระพุทธเจา อยางเต็มความสามารถ เขาจะถงึ ทส่ี ดุ ทุกขภายใน ๗ ปเปนอยา งชา แตถ า บารมีแกกลากวา น้ันกอ็ าจทําลายทุกขลงไดสน้ิ อยางรวดเร็ว ภายในเวลาเพยี ง ๗ วนั !

๑๔๔ หากสํารวจ หากชางสังเกต หากถามใจตวั เองหลายๆรอบ วา ทกุ วันน้ีเราอยูเพื่อใคร หรอื เพอ่ื รับใช ความเชอื่ แบบไหน ในทสี่ ดุ เราจะรจู กั ใจจริงของตัวเอง หาใจจรงิ ของตัวเองเจอ โดยไมจ ําเปนตอ งคน ตัวเองใหพบจากการประสบความสําเรจ็ ทางวชิ าชีพใดๆเสยี กอ น และเมือ่ ใดทห่ี าใจจริงของตัวเองเจอ ก็จะรวู าเราทาํ อะไรทง้ั หลายไปเพื่ออะไร หากรจู กั ใจจรงิ ของตนเองอยางถอ งแท เราจะไมกงั วลเลยวามคี วามคิดทบ่ี าดจติ บาดใจ แปลกปลอมเขามาในหวั มากมายขนาดไหน เพราะใจจริงของเราจะปดพวกมนั ทิ้งไปอยางไมไ ยดี และไม คาํ นึงแมแตน ิดเดียววาความคิดจรเหลาน้นั จะมามีอิทธิพลใดๆกับตวั เราเลย บทสาํ รวจตนเอง ๑) เรารจู กั ตวั เองดีแคไ หน? ๒) มีสิง่ ใดท่ีเราอยากรหู รืออยากไดค าํ ตอบมากท่ีสุด? ๓) เราจะแนใ จไดอ ยา งไร ใชเ กณฑแ บบไหนมาวัดวาสง่ิ ทเี่ ราอยากรูหรอื อยากไดค ําตอบนนั้ มีคา คมุ เพียงพอ? สรปุ ปจ จบุ นั มีอยหู ลายเร่ืองทีค่ วรเห็นกนั งา ยๆวาไมนา ทาํ แตก ท็ ํากนั เปนปกติ ท้ังลบั หลงั การเฝามอง ของสังคม และทั้งทเ่ี ปด เผยตอ หนาธารกาํ นัล เหมือนโลกเรากาํ ลงั เปลี่ยนไปเปนแหลงผลติ มนษุ ยพนั ธุไร ยางอายอยางเปนทางการ แตล ะคนสูญเสยี ความเปนตวั ของตวั เองไปทีละนอย หรอื กระท่ังเกิดมาไมเคยมีจุดยนื ของตัวเอง อยเู ลย นน่ั เปน เพราะอะไรถา ไมใ ชเ พราะพวกเราขาดเปา หมายทช่ี ัดเจนพอ ความไมรูตามจรงิ ความไมม ีชัยภูมิใหจติ วญิ ญาณต้งั ม่ันอยา งชัดเจน ความหลงคลําทางกันเอาเอง จนทอ แทโ รยแรง ลว นเปนเหตใุ หคนเราถกู ส่งิ แวดลอมอันเลวรายกลนื กนิ อยางงายดาย แตเ พราะเริม่ ศกึ ษาตนเอง เสาะหาใจจรงิ ของตวั เองใหพบ และรูใหท ันกอ นตายวาเรากาํ ลังมี อปุ าทานอันใดหอ หมุ อยูบา ง ก็จะเรมิ่ เหน็ ความจําเปน วา เราตองเรยี นวิชา ‘รูตามจริง’ ของพระพุทธเจา เสียกอนจะสาย

๑๔๕ Öบทที่ ๑๐ - วิชารูตามจรงิ ทก่ี ลาวมาทงั้ หมดในหนงั สอื เลมนี้ ความจรงิ แลว เปน เพยี งแผนทภ่ี พภูมิอยา งคราวๆเทานน้ั คง เปรยี บไดก ับแผนทีป่ ระเทศอนั ตรายประเทศหนึ่ง ซงึ่ บอกตําแหนง จังหวัดสําคญั ของประเทศไดไมครบ ยงั ขาดจังหวัดอื่นๆอีกมาก รวมทั้งไมส ามารถแสดงตําบล อาํ เภอ สถานท่ีทองเท่ียว เขตหวงหา ม หรือ กระทัง่ เสนแบงเขตประเภทและภาคตา งๆออกจากกันไดห มด นอกจากน้ัน แผนที่ยังแสดงเพยี งเสน ทางหลกั ไปสจู ังหวัดใหญๆที่บอกไวไ มก ี่สาย พอใหท ราบ เปน เคา เปนเลาวา ถา อยากข้ึนเหนอื ตอ งจบั ทางสายน้ันไวใ หมั่น แตถาอยากลงใตก เ็ ชญิ จบั ทางอีกสายท่ี เปน ตรงขามกแ็ ลวกนั เม่อื แลน ตามทางหลวงสายหลักไปเร่ือยๆแลว ก็จะพบดวยตาตนเองวาบรรดา จังหวดั ในทิศเหนือมีอยจู รงิ และบรรดาจงั หวัดในทิศใตก ม็ ีอยูจรงิ ดวย ไมใชแ คก ารร่ําลอื โดยปราศจาก สัจจะรองรับ รายละเอียดวิธเี ดินทางเปน ศลิ ปะทีแ่ ตละคนตอ งเรยี นรเู อาเอง แตผ ูส รา งแผนทค่ี อื พระพทุ ธเจานั้น ทานกบ็ อกไวเพียงพอตอ การทาํ ความเขาใจงา ยๆ กลา วคอื ทา นใหท ั้งมมุ มองท่ถี ูกตองวา จงั หวดั ในทศิ เหนือและทศิ ใตแตกตา งกนั เพยี งใด จะดูเขม็ ทศิ กันอยา งไร ควรใชพ าหนะแบบไหน ยง่ิ ไปกวา นนั้ ถา คิดสมคั รใจออกจากประเทศ พระองคก ต็ รัสไวช ดั วาตอ งอาศยั ‘วิธพี ิเศษ’ คือตอง ข้นึ อากาศยาน ลอยไปเหนือพ้ืนดนิ และเสน ทางขน้ึ เหนอื ลงใตท้ังปวง เพราะเสน ทางภายในประเทศนน้ั เปรยี บเหมือนเขาวงกตทีป่ ราศจากดานปลอยตวั ใหร อดพน แมเ สน ทางทข่ี น้ึ เหนือก็ยงั มจี ุดเช่ือมตอให กลับวกลงใตไดโดยไมร เู น้อื รตู ัว หรือแมร ะวงั ก็ยากหากจะแลน ลิ่วไปเร่ือยๆอยา งไรจดุ หมายปลายทาง การเดนิ ทางโดยอากาศยานเปนวธิ ที ีต่ องลงทนุ และตอ งจบั ทิศขึน้ เหนอื ไปใหถงึ สนามบินเสียกอน เพราะสนามบินมีอยูแตทางเหนอื ไมมีอยูทางใตเลย ย่งิ เหนือมากข้นึ เทาไหร สนามบนิ กจ็ ะย่ิงดขี ้ึน อากาศยานมคี วามแข็งแรงนา อุนใจยงิ่ ๆข้ึนเทาน้ัน แตส าระคือเพยี งขน้ึ เหนอื ใหเ จอสนามบินแรกก็ พอใชไ ด แมบริการยังไมอ บอุน นาประทบั ใจ อากาศยานของเขาก็พาเราข้ึนบินไดเ หมือนๆกนั เมอื่ ข้ึนไปอยูบนทองฟา แลว มุมมองทั้งหมดของเราจะแตกตางออกไปจากทีเ่ ปน อยูอยางส้ินเชงิ ท่ี เคยนกึ ๆมาตลอดชีวติ วา โลกมแี ตม ุมมองทางพ้ืนราบ ก็เขา ใจเสยี ใหม เหน็ ตามจรงิ วา ยงั มมี ุมมองจาก สายตาแบบนกทงี่ ดงามกวากันมาก ไปไหนตอ ไหนไดอยางรวดเร็วเปน อสิ ระกวา กนั มาก การรุดไป ขางหนา ขา งหลัง ขา งขวา ขา งซาย เหมอื นไมม ีขีดจํากัดใดๆอยเู ลย ทกุ อยา งเปนไปตามปรารถนา ทั้งสิ้น ท่บี นนน้ั เราจะเห็นภูมิประเทศทงั้ หมดอยางแจม ชดั เหน็ ตามจรงิ วาเสน ทางไหนพาไปสูจังหวัดใด ทิศใตหรือทศิ เหนอื เห็นตามจรงิ วาอยูบนฟาสามารถเลอื กไดมากกวา คลองแคลววองไวกวา เหน็ ตาม

๑๔๖ จริงวาทั้งประเทศมีแตความวุนวาย เสนทางเช่ือมกันวนเวยี นเปนเขาวงกต หลงงมกันในเขตทีป่ ราศจาก ทางออกยอมเหนือ่ ยเปลาไรวันจบส้ิน สลู ัดฟา หาทางออก หาเขตขามใหพนจากประเทศน้ไี ปไมไ ด ถึงแม จะยงั ไมทราบวาพน ประเทศอบุ าทวน ี้ไปแลว จะเปนเชน ใด อยางนอ ยกเ็ คยไดย นิ ผูรทู านยนื ยันไวว า ดีกวา เจรญิ กวา สุดสุขกวาอยา งไมอาจเทียบเทากันได อปุ มาอปุ ไมยมาทั้งหมดก็เพื่อจะกลาววาถาสามารถรูไ ดต ามจริง สง่ิ แรกสุดที่เราจะไดมาคอื ‘ความเห็นแจง ’ ตลอดท่ัว เรอ่ื งอจินไตยท่พี นความคดิ พน จนิ ตนาการ พน การถกเถียง จะไมเกนิ วิสยั ท่ี เราจะรอู ีกตอไป เพราะเมื่อฝก รูตามจรงิ ความจริงยอมแบออกมา แลวเราจะเหน็ วาทกุ สงิ่ ปรากฏเปด เผย ตัวอยูแลวตลอดเวลา กิเลสอันหนาแนนเทาน้นั ทีป่ ดบังจติ พวกเราไวจ ากความเห็นทง้ั หลาย พ้ืนฐานของวชิ ารูตามจริง การ ‘รตู ามจริง’ คือการข้ึนไปมีมุมมองอยูเหนอื เสน ทางทั้งสายบุญและสายบาป แตก อนจะรูต าม จรงิ ไดนนั้ พระพุทธเจาตรสั วา ตอ งมีจิตเปน สมาธิ ตงั้ ม่นั ไมเอยี งไปในทางใดทางหน่ึงเสียกอ น และตามธรรมชาติของจิตที่จะเปน สมาธิ ก็ตองการนํ้าใจสละออก คือไมต ระหน่ถี ีเ่ หนียว คิดเจอื จานสมบตั ิสวนเกนิ ของตนใหค นอื่นบา ง หากใครยังมคี วามตระหน่ีถเี่ หนยี ว จติ ใจจะคับแคบ เวลาระลกึ ถึงวัตถุอนั เปน เปาแหง สมาธอิ นั ใด กจ็ ะเพงคบั แคบดวยความโลภเอาความสงบ ไมใชระลกึ รูอ ยางมสี ติ พอดๆี ในแบบที่ทําใหเ กดิ สมาธขิ นึ้ ได และหากเปน ผผู กู พยาบาทแนนหนา ไมมีนํ้าใจใหอภยั ใครเสยี บาง พอมาฝกสมาธแิ ลว ไมสงบรวดเร็วดังใจ กจ็ ะเกิดความขัดเคืองรนุ แรงตามนสิ ัยเจา คิดเจา แคน ยงั ผลใหอดึ อดั คบั ของเสมอๆ แตหากเปน ผทู าํ ทานมาดี จติ จะเปด กวาง ไมเ พง คบั แคบดวยแรงบีบของนิสัยตระหน่ี และหากคดิ ใหอ ภยั ใครตอใครอยา งสมาํ่ เสมอ จติ จะเยือกเยน็ ไมก ระสบั กระสายเรารอ นงา ยๆ แมท ําสมาธลิ ม เหลวก็ ไมข ุน ใจ ไมโ กรธตวั เอง ไมแ คน เคืองวาสนาเหมอื นอยางหลายตอหลายคน นอกจากตอ งการความเปด กวางแบบทานแลว สมาธิยังตองการความสะอาดของจิตประกอบ พรอ มอยูดว ย ถายังสกปรกมอมแมมไปดวยกายทุจริต วจที จุ ริต และมโนทุจริตละก็ จะเหมอื นมีหมอกมัว มุงบงั ไมใหระลกึ รูว ตั ถุอันเปนเปาลอสมาธไิ ดนานเลย อันน้พี ระพทุ ธเจา จงึ ตรัสวา ใหถือศีล รักษาศลี จน สะอาด แลว จะทราบดวยตนเองวาผลท่ีตามมาคอื ความไมเ ดือดเนอื้ รอ นใจ เม่อื มคี วามไมเดอื ดเนอื้ รอ นใจ จติ กย็ อมมคี วามสวา งสบาย งา ยตอ การทําใหต ั้งม่นั เปน สมาธิรตู ามจรงิ ได

๑๔๗ ความจรงิ อันปรากฏงายดาย ธรรมดาเราจะเห็นลมหายใจเปนสมบัติอันไมนาสนใจอยางที่สดุ แตก็ลมหายใจนแี่ หละคอื บนั ไดขั้น แรกทีน่ าสนใจทีส่ ุด พระพทุ ธเจา ตรัสวาใหใสใ จมากทส่ี ุดเหนือสงิ่ อนื่ ใด เปน เชนน้ันเพราะอะไร? เพราะเพียงเริม่ ตนกท็ ราบตามจริงได วา เรากําลังหายใจเขา หรือ หายใจออก ความจริงมีเพียงสองดาน ไมมีทางผิดไปจากนี้ ดงั นัน้ ถา เราสามารถรูไดทนั ลมเขา หรือลมออกในแตละขณะ ก็แปลวา เรากําลงั ฝกรูต ามจริงข้ันตนแลว ไมมจี ิตทีแ่ ปรปรวนกลบั ไป กลบั มาตามการครอบงาํ ของอปุ าทานบางแลว เม่อื มสี ตดิ ีเยยี่ งผูท ําทานรักษาศีลจนจิตใจปลอดโปรง ดีแลว จะหลบั ตาหรือลืมตาก็ตาม ใหมสี ตริ วู า ขณะหน่ึงๆนั้น เรากาํ ลงั หายใจออก หรือวา เรากาํ ลังหายใจเขา อยา พยายามใหเ กิดความผดิ ปกติใดๆใน การรู คอื ไมต อ งใชก ําลงั เพง ใหเ กนิ กวาการบอกตัวเองไดว านห่ี ายใจออก น่หี ายใจเขา อยา หวงั ความสงบ เพราะการรตู ามจรงิ กับการขมใจใหสงบน้ันเปน คนละเรอื่ งกนั พอจิตจะเคลอื่ นจากลมหายใจไปผสมกับความฟุงซา นปน ปว น กค็ อยๆดงึ สตดิ วยทา ทีท่ีนมุ นวลไม ฝน ใจ กลับมารอู ยกู ับลมหายใจตอ พอจติ จะแปรจากอาการรเู บาสบาย ก็ดงึ สติกลบั มารูใ นลักษณะทเ่ี บา สบาย สลบั ยอ้ื กนั ไปยื้อกนั มาอยดู ว ยอาการงายๆเพียงเทา น้ี ในท่ีสดุ จติ กจ็ ะเกดิ ภาวะเงียบจากความคดิ ข้ึนมา และเหมอื นสายลมปรากฏเดนตอใจเราทกุ ครั้งที่มีการหายใจออก และทกุ ครั้งทมี่ กี ารหายใจเขา ไมตองพะวงอะไรทงั้ ส้ิน ถงึ มันจะยาวเรากร็ ู ถึงมันจะสั้นเราก็รู ไมม ีทา ทียินดยี นิ รายกบั ความสั้นหรือ ความยาวท่เี ราเหน็ ตามจรงิ เปนขณะๆ เมอื่ สามารถรลู มหายใจสนั้ ไดเ ปน ปกตเิ ทา ๆกบั รูลมหายใจยาว ก็แปลวา ขณะน้ันเรามสี ติทเี่ กนิ ธรรมดาทีผ่ านมามากแลว เนอื่ งจากสตขิ องคนปกติจะดีไดต อ เมอ่ื ลมหายใจยาวเทาน้นั ตรงจุดนเ้ี ราจะ เรม่ิ เหน็ สายลมหายใจเปนสิ่งนาสนใจ และพบความจรงิ อันไมเ คยทราบมากอน คือถาขนทกุ ส่งิ ออกไป จากใจเราใหห มดแลวเหลอื เพยี งการรับรูลมหายใจผานเขา ผา นออกอยา งเดียว จิตจะสงบสขุ อยาง ประหลาดลาํ้ ไมว า จะหลบั ตาเพือ่ ทาํ สมาธิโดยเฉพาะ หรือเปดตาดูโลกเพื่อทํากิจวตั รตามปกตกิ ็ตาม เปน ความสขุ งายๆทีเ่ ออขึ้นจากภายใน ไมตองแสวงหาจากภายนอกโดยแท และท่จี ุดนัน้ เชน กนั เราจะเหน็ ตามจรงิ วาสขุ อนั เกิดจากการมีใจนิง่ นี้ ดีกวาสขุ อันเกดิ จากใจ กระเพ่ือมตามแรงพดั พาของกเิ ลส บางทีจะนึกเสียดายท่ีนา จะรอู ยา งนี้เสียต้งั นานแลว ไมค วรปลอ ยเวลา ในชีวิตใหส ญู เปลาอยูกบั ความเชอ่ื วากามเปนของดีที่สดุ เลย

๑๔๘ ความจริงเบ้อื งตนทางกาย เรม่ิ ตนจากจดุ เล็กๆจุดเดียวคือลมหายใจนี้ ทเ่ี คยยึดวา เปนเรา เปน ของเรา พอรตู ามจริงวาเด๋ยี ว เขา เด๋ยี วออก เดี๋ยวยาว เดยี๋ วส้นั กบั ท้งั มีชว งหยดุ พกั เปนระยะ กจ็ ะทาํ ใหเ กดิ ความรูส กึ อน่ื เพ่ิมขึ้นมา นอกเหนือจากความสงบ น่ันคือเห็นตามจริงวา ลมหายใจไมเที่ยง มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดา พระพทุ ธเจา ใหถามตวั เองเสมอๆ วา สงิ่ ใดไมเ ที่ยง สงิ่ นน้ั เปนทุกขหรือเปน สขุ ? แนน อนวา เปน ทกุ ข ส่ิงใดไมเทยี่ ง เปนทกุ ข ควรตามเหน็ หรือไมว า นั่นเปน ตวั ตน? แนน อนวา ควรตอบตามซอ่ื วาไมใ ช ตัวตนเลย เมอื่ ถอดถอนความหลงเหน็ วา ลมหายใจเปนเราเสยี ได ก็สามารถขยับไปถอดถอนความเหน็ อนื่ ๆ ตอ ไดเชน กนั คอื เร่ิมตระหนกั หลายสิ่งท่ีไมเคยตระหนัก เชน กายน้ตี อ งการลมเขาลมออกหลอ เล้ยี งอยู ตลอดเวลา กายน้มี ีหัว มีสองแขน มีสองขาไวต้งั หยัดยืน มีหนึง่ ตวั ท่ียดื ขึ้นไดดว ยกระดกู สนั หลงั ดว ย อวัยวะตา งๆทาํ ใหเ กิดอิรยิ าบถหลกั ๆได ๔ แบบ คือยนื เดิน นั่ง นอน ไมร วมอิริยาบถยอ ยอกี มากมาย สารพนั ทัง้ หมนุ คอ ทั้งกลอกตา ทง้ั ยดื หดแขนขา ทั้งเอย้ี วตวั ฯลฯ เริ่มแรกๆเพยี งรเู ฉพาะขณะท่เี กิด การเปล่ียนแปลงอริ ยิ าบถ มคี วามเคลอื่ นไหวบางอยางเกดิ ข้นึ ก็พอ ไมตองพยายามติดตามให ตอเน่อื งตลอดเวลากไ็ ด ไมช าไมนานสติก็จะอยตู ดิ ตัว ติดกายไปเอง ดูไปธรรมดาๆ อยา คาดค้ัน ใหเห็นมากกวา ทีจ่ ะสามารถเหน็ มิฉะนัน้ แทนที่จะเกดิ สตกิ ลับจะกลายเปนสั่งสมความเครยี ดเสยี แทน หากตามดอู าการขยับไหวทางกายอยา งถกู ตองเปนธรรมชาติ ยงิ่ ดจู ะยิ่งเพลิน และเห็นวา ถา รลู ม หายใจ รคู วามเคล่ือนไหวทั้งหลายของกายเสมอๆ จติ จะสงบลง เมือ่ จติ สงบกายกจ็ ะไมก วดั แกวง แมนัง่ เฉยๆก็รูหวั รตู วั รับรถู งึ สองแขนทต่ี กลงแนบลาํ ตวั สบายๆไดงายนัก ถงึ จดุ น้นั เราจะเร่ิมสนใจรายละเอียดอืน่ มากยิง่ ขน้ึ เพราะกายในอริ ิยาบถตางๆปรากฏโดยความ เปน สง่ิ ถกู รูไดช ดั เจน สติย่งิ คมข้ึนเทา ไหร กายยง่ิ ปรากฏเปน ขณะๆตอ เนือ่ งมากขนึ้ ไปอีก โดยไมตองใช ความพยายามทเ่ี กินกําลังใดๆเลย ในแตล ะขณะแหง ความเหน็ ชัดนนั่ เอง เราจะรูส ึกถงึ ความสกปรกทางกายไดโ ดยไมตองใหใครบอก กายนี้ตองรบั ซากพืชซากสัตวเ ขา ไปทางชอ งรบั ดานบน แลวพน ออกมาเปน น้ําสกปรกและสงิ่ โสโครกเนา เหม็นทางรูทวารดานลา ง นเ่ี ปน กลไกทเ่ี ราไมเ คยมสี วนออกแบบไว แตเ รากย็ ึดวาเปน ของเรามานาน บงั คบั บัญชาขอเปล่ยี นแปลงแกไขใหเ ปนอ่ืนไมไ ด ขอใหม นั ไมห วิ มนั ก็หิวเมอ่ื ถึงเวลา ขอใหมันไมป วด ปสสาวะ มันกป็ วดปส สาวะเม่อื ถงึ เวลา ขอใหม ันไมปวดอจุ จาระ มนั กป็ วดอจุ จาระเมื่อถงึ เวลา โดยเฉพาะอยางย่งิ ถานั่นเปนความปวดชนิดปวดราวในสถานท่ีทไี่ มเหมาะสม โลกที่เคยสวางสวยกจ็ ะ มืดมนอนธการ ไมน าอยอู กี ตอ ไป กายนม้ี ปี ฏิกูลและกล่ินไมพ ึงประสงคอ อกมาตามหนอตามแนวตางๆ บางจุดเปนท่ีรวมของความ เหม็น บางจดุ แคส งกล่ินจางๆ ทาํ ใหเ ราไมไ ดก ล่ินถนัดนกั โดยเฉพาะถาชาํ ระลางขัดถเู ชา เย็นเปน ประจาํ

๑๔๙ แตถา เม่ือใดปลอ ยไวห ลายๆวนั นัน่ แหละถงึ จะแผลงฤทธ์ิ ต้ังแตห นงั หัวจดเล็บเทา จะไมมีสว นใดไมค าย กล่ินเหม็นแหลมคมรายกาจราวกบั กองขยะอันนา คล่นื เหียน มันนา ใหพะอืดพะอมส้นิ ดี ทเ่ี ราตองถูกขัง อยูกับซากอสุภะอนั นา รงั เกียจนตี้ ลอด ๒๔ ชั่วโมง องคประกอบสําคญั ของภพมนุษยเ ปน เสียอยางนี้ ยง่ิ ตามดูเรากจ็ ะย่ิงตาสวาง เห็นความจรงิ วา เรา ถูกลวงใหเสนห าอยูก ับทอ โสโครกขนาดใหญ มันจะไมสงกลน่ิ ตราบใดทย่ี งั อยูใ นวสิ ยั ท่ีเอื้อใหเ ชด็ ถชู าํ ระ ลางกันอยางสม่าํ เสมอ แตหากสามารถถอดจิตไปมชี วี ติ ขางนอกกายไดสักเดือนหน่ึง ยอนกลับมามอง ชีวติ ทมี่ กี ายเนื้อกายหนังหอหุมอยูน้ี จะเหน็ ถนัดวา พวกเราตองเชด็ ถูทําความสะอาดกายกันใหจ าละหวน่ั ไมเวน แตล ะเชาแตล ะคํ่า หามอู หา มข้เี กียจ หา มบิดพล้ิวผดั วันประกันพรงุ มฉิ ะน้นั เปน เจอดดี วยจมูก ตนเอง ชางเปน งานที่นาเหนือ่ ยหนักเสียเหลอื ประมาณ การเห็นตามจริงวา กายเปน ของสกปรก นารังเกียจ ไมควรพสิ มยั นน้ั จะทําใหจติ ใจเราผอ งแผว โนมนอ มทีจ่ ะต้งั ม่ันเปนสมาธไิ ดง าย และย่ิงต้ังมน่ั เปนสมาธไิ ดม ากข้ึนเทาไหร ความสามารถในการเหน็ ตามจริงก็จะย่ิงเพิ่มขึ้นเปน เงาตามตวั ไปดว ย เพราะไมถกู กามสง คลน่ื รบกวน ท้ังคลืน่ ในยานของการ ตรึกนึก และทง้ั คล่ืนในยานของการหลง่ั สารกระตุนตางๆจากภายใน ความจรงิ เบ้อื งตนเกี่ยวกับสุขทุกข เมือ่ ตามรูไ ปเรอื่ ยๆถงึ จุดหนึง่ จะเกดิ ความยอมรบั ออกมาจากจติ ทเ่ี ปน กลาง วา งจากความยดึ มั่น ถือมนั่ เหน็ วาความสขุ ทางใจนัน้ มีอายุยืนนานกวาความสขุ อนั เกิดจากผัสสะทีน่ า ชอบใจ ปกติการใชช วี ิตของคนในโลกที่ตะกลามหาเครื่องกระทบนาตอ งใจ ทงั้ รปู เสยี ง กลนิ่ รส และ สมั ผสั ตา งๆนัน้ เขามคี วามสุขกันแบบวบู ๆวาบๆไมตางอะไรจากไฟไหมฟ าง คนเราเหน็ อะไรเดยี๋ วเดียว ก็ตองเปลีย่ นสายตาไปทางอนื่ ฟงอะไรเดี๋ยวเดียวประสาทหกู เ็ หมอื นจะหยุดทาํ งานลงเฉยๆ ทุกประสาท สัมผัสมีความสามารถรบั รสู ง่ิ กระทบทเ่ี ขา คูกับตนไดเพยี งประเด๋ยี วประดาว เราจะเห็นตามจรงิ วาความสุขความทกุ ขท ี่เกิดขึน้ ในคนธรรมดานั้น มกั จะมาจากผสั สะทพ่ี เิ ศษ สวนใหญในเวลาปกตคิ นเราจะรูสึกเฉยๆ และเหมอื นมีจติ คดิ จอ งรอเสพผัสสะทีก่ ระตุนใหเกดิ ความสขุ แรงๆกวาปกติเสมอ ความสุขท่พี งุ ระดับข้ึนแรงน้นั นาติดใจ เพราะรสชาติของผสั สะมีความแหลมคมถึงอารมณเ ปนยิ่ง นัก ดูๆแลว เหมือนพวกเราเปนโรคอะไรบางอยา งทางกาย ท่ีตองเกา ตอ งคนั หรือกระทั่งตองผิงไฟเพื่อ ความเผด็ แสบ ยงิ่ เผ็ดแสบย่งิ มนั ย่ิงอยากเกาใหม าก พอเกาเดย๋ี วเดียวกย็ ้ังมือไวดว ยความเบ่ือหนา ย หรอื เจ็บปวด แลวกต็ องลงมือแกะเกาเอามนั กันใหม รอบแลวรอบเลา ไรท่สี ้นิ สุด