Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน

เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน

Description: ศาสนา

Search

Read the Text Version

๑๕๐ แตเม่อื เรมิ่ รูจักรสสุขอันเกดิ จากความมจี ติ สงบนิ่ง เราจะเหน็ ความตา งราวกบั เปรยี บเทียบนํ้าแกว เดียวกับน้าํ ในบอ ใหญ มันไมโ ลดโผนโจนข้นึ สรู ะดบั ของความสะใจสดุ ขดี ก็จรงิ แตท วาก็มคี วามเรยี บน่ิง สม่าํ เสมอทเ่ี ตม็ ต้ืนเปนลนพน ไดเ ชน กนั เมอื่ ลองใชช วี ิตอกี แบบทเ่ี ลิกตรกึ นกึ ถงึ กาม เลกิ เฝารอกาม และเฝาดูลมหายใจกับการเคล่ือนไหว ทางกาย เปน อยดู วยสติรูเหน็ ลมหายใจและอริ ยิ าบถโดยมาก เราจะเร่มิ คนุ กบั ความสขุ แบบใหม เปนสขุ น่ิง สุขเย็น สุขนาน ไมก ระสบั กระสา ย ในความรูช ดั เห็นชดั วาสุขทางใจนั้นน่ิงเย็นเน่ินนาน เพียงกําหนดดโู ดยปราศจากความลาํ เอยี งใดๆ ปราศจากความอยากเหน่ียวรงั้ ใหรสสุขชนดิ นัน้ อยูกบั เรานานๆ เราจะพบวา ความสขุ กไ็ มเท่ียง ทนตัง้ อยู ในรสวเิ วกลกึ ซ้ึงเชน นน้ั ไมไ ดต ลอดรอดฝง ในทสี่ ดุ ก็ตอ งแปรปรวนไป ดังน้ีเปน สภาพที่เราเคยเห็นมา กอ นแลว ในลมหายใจ ทมี่ เี ขา ก็ตอ งมีออก มีออกกต็ องมีเขา รวมทั้งมกี ารพกั ลม หยดุ ลมชั่วคราวดว ย ถดั จากนั้นเราจะเริม่ เปรยี บเทียบไดออก วาหากปราศจากเครอื่ งหลอ เลยี้ งสุข จติ จะคืนสู สภาพเฉยชนิ และเราอาจสงั เกตเหน็ สิง่ ทไ่ี มเคยเห็นมากอ น น่ันคอื เมอ่ื เผลอฟุงซา นหนอยเดยี ว ใจจะเปน ทุกข มคี วามอดั อั้นแทรกความวา งสบายขนึ้ มาทนั ที ถามาถงึ ตรงนไี้ ดแ สดงวาจดุ ท่เี รายืน เรมิ่ เปลย่ี นแปลงไปแลว มุมมองเร่มิ พลิกไปแลว มีการเปรียบเทียบใหมๆ เกดิ ขึ้นแลว เพราะเราไดไ ปเหน็ ไปรบั รู ไปเสพรสสุขอกี แบบหนึง่ ที่แตกตา งนน่ั เอง จะสุขมากหรือสุขนอย จะสขุ นานหรอื สุขเด๋ยี วเดยี ว พระพทุ ธเจา ใหก ําหนดดตู ามจริงวา พวกมัน ตางก็มคี วามไมเทยี่ ง มีอันตอ งแปรปรวนและดบั สลายลงเปน ธรรมดาทงั้ หมดทั้งส้นิ เบอื้ งแรกคอื ใหเปรยี บเทียบกอ น วาสุขมากเปน อยา งหน่งึ ในเวลาตอมาสุขนอยลงก็เปน อีกอยางหนึง่ หรือเม่อื ทกุ ข มากก็เปนอยางหนงึ่ ในเวลาตอมาทกุ ขน อยลงก็เปน อีกอยา งหน่งึ พอทําความสังเกตเขา ไปบอยเขา ในทีส่ ุดก็ถึงจุดหนงึ่ ท่จี ิตมคี วามชินจะเหน็ สขุ เหน็ ทกุ ขไดเ ทาทนั ในขณะแหงการเกิด และขณะแหงการดับ เมอื่ นน้ั เราจะคลายจากอุปาทานวาสุขเปน ของเที่ยง สขุ เปน ของนา เอา สขุ เปนของนาหนวงเหน่ียวไวน านๆ ขณะเดยี วกันก็จะคลายจากอุปาทานวาทุกขเ ปนสง่ิ ยดื เย้อื ทรมาน ทุกขเ ปนของไมนา เกิดขนึ้ ทุกขเปน ส่ิงท่ีตอ งรีบผลกั ไสใหพ นเราเดยี๋ วนี้ เราจะมปี ญ ญา เห็นตามจริงวา สขุ และทุกขเกิดจากเหตุ เกดิ จากผัสสะกระทบ เมือ่ เหตุดบั เด๋ยี วสขุ ทกุ ขก ็ตองดับตามไป เอง ไมเหน็ ตองนาเดอื ดเนอื้ รอนใจหรอื กระวนกระวายใฝหา แลว เรากจ็ ะพบวา การมีจิตใจสงบ ไมดิ้น รนจัดการกับสุขทกุ ขใ หเ หน่อื ยเปลานัน่ แหละ เปนสขุ อีกชนดิ หนึง่ ที่เกิดขน้ึ เปน ธรรมดาดว ย ปญ ญาจากวิชา ‘รตู ามจริง’ ของพระพทุ ธเจา

๑๕๑ ความจรงิ เบอ้ื งตน เก่ียวกับสภาพจติ ตัง้ แตเร่ิมสงบลงไดดว ยการเฝาตามดูลมหายใจเลนไปเรือ่ ยๆ เราจะเริ่มเหน็ ความตางระหวา งจติ ท่ี เงียบเชียบกับจิตทีฟ่ ุงกระจายไดอ ยางชดั เจนแลว เราจะเปน ผูเขาใจไดม ากข้นึ วาสภาพจิตนี้แตกตา งไป ในแตละหว งเวลา ขน้ึ อยูก ับวาขณะหนงึ่ ๆมีเหตุปจ จัยอันใดมาปรุงใหจ ิตมีสภาพเชนน้ัน จากสภาพสงบอยดู ๆี ถามีรปู เสียง หรือแมแตความตรกึ นกึ ถงึ เพศตรงขาม ลกั ษณะจิตจะแปรจาก สงบเปนเพง เล็งดวยความโลภในกามรส หากเราปลอ ยใจใหหลงไปในอารมณแหงกาม จติ ก็จะเสยี ความ สงบเงียบเปนปน ปว นรัญจวนใจในทันที แตห ากเรามีสตกิ าํ หนดรูตามจรงิ วาขณะน้รี าคะมีอยูใ นจิต ไม ตรึกนึกเพม่ิ เติมไปในทางกาม ราคะในจิตจะคอ ยๆซาลง หรีโ่ รยลงจนกระทง่ั เหอื ดหาย อาการทางกายจะ ระงบั ลงตามมาเปน ลาํ ดับ สําคญั คือถาเราไมเห็นความสําคัญวาจะกาํ หนดจติ ใหเทา ทนั ราคะในจิต ไปทําไม ใจก็จะเตลดิ หลงไปในกามตามความเคยชนิ กับทงั้ รูสกึ ยาก รสู ึกวาไมเปน เรอ่ื งที่ จะตองไปหา มมัน จากสภาพสงบอยดู ๆี ถามีรปู เสยี ง หรือแมแ ตค วามตรึกนกึ ถึงบคุ คลท่นี าขดั เคือง ลักษณะจติ จะ แปรจากสงบเปน เพงเล็งดว ยความโกรธแคน หากเราปลอยใหเ กดิ การผูกใจเจบ็ จติ กจ็ ะเสียความสงบ เงียบเปน เรารอนอยากลา งผลาญทนั ที แตหากเรามีสตกิ ําหนดรูตามจรงิ วาขณะน้โี ทสะมีอยใู นจิต ไม ตรกึ นกึ เพ่ิมเตมิ ไปในทางพยาบาท โทสะในจิตจะคอ ยๆซาลง หรโี่ รยลงจนกระท่ังเหอื ดหาย ความรุมรอ น ทางกายจะระงบั ลงตามมาเปนลาํ ดบั สาํ คัญคอื ถา เราไมเห็นความสาํ คัญวาจะกําหนดจติ ใหเทา ทันโทสะ ในจติ ไปทาํ ไม ใจกจ็ ะเตลดิ หลงไปในอาการพยาบาทคิดอยากจองเวรตามความเคยชนิ กบั ทง้ั รูสกึ ยาก รูสกึ วา ไมเปน เร่อื งทจ่ี ะตอ งไปหามมัน และถาหากเรามีความเห็นตามจริง วาส่ิงใดเกดิ จากเหตุ ถา ไมเ พิ่มเหตนุ ั้นแลว สง่ิ น้นั ยอมดบั ลง เปน ธรรมดา จติ จะมีความโปรง ใส เบาสบาย แตความโปรงเบาดังกลาวนั้นอาจแปรกลับเปน ทึบทึม หลง รสู ึกวามตี วั มตี น มกี อ นอตั ตาแหงความเปนเรา ส่ิงตางๆมีความคงที่ ต้ังอยูลอยๆโดยปราศจากเหตุ ถา ดี กข็ อใหเปนของเรา ถา ไมด กี ข็ อใหไ ปพนจากเรา น่ีแหละคือลกั ษณะของโมหะ ลกั ษณะของความยดึ ม่ัน ผดิ ๆดว ยความไมมีสตริ ทู นั ตามจรงิ เม่ือขนึ้ ที่สงู แลวยอนกลบั ลงลา ง ยอมเห็นสภาพดา นลางแจมแจง ขน้ึ ฉนั ใด พอเราฝกสตจิ นรภู าวะ ของจิตไดต ามจรงิ จนไมถ ูกครอบงํางา ยๆแลว กย็ อมเห็นวาธรรมดาของจิตยอ มไหลลงตาํ่ อยเู นืองๆ และหน่ึงในอาการไหลลงตา่ํ เอง ชนดิ ท่ที ําใหพรอ มจะกระทาํ กรรมในทางไมดไี ดมากสดุ กค็ งจะ เปน สภาพหดหูของจติ นี่แหละ ความหดหู ความซึมเศรา เหงาหงอยน้ัน ฟองอาการสติหลดุ เปน อาการ ของผแู พ ไมจําเปน ตอ งแพก ฬี า แตแ คแ พความคิด แคขาดสติไปหนอยเดยี วกม็ จี ิตหดหกู นั ได เมอื่ ไดล องกําหนดรตู ามจรงิ วาเรากําลงั หดหู จะพบผลคอื ถาเลิกหดหไู ด ก็อาจกลายเปน ฟงุ ซา น เสยี แทน อาการฟุงซานจับจดฟอ งถงึ ภาวะที่เราไมมีงานใหจ ิต หรอื มีงานใหจิตแตก ร็ บั ผิดชอบกบั งานน้นั

๑๕๒ ไมเ ตม็ เม็ดเตม็ หนวย เราควรบอกตวั เองเนอื งๆวาการฝก รตู ามจริงก็เปนงานอยางหนง่ึ และเปน งานใหญ เพอ่ื ตัวเอง หากเหมือนไมมอี ะไรใหรู ก็รูลมหายใจเขา ออกไปเลนๆเร่ือยๆ ความฟุงจะนอ ยลงหรือเพิ่มข้นึ กช็ า ง แตเม่อื ถึงเวลาตอ งหายใจเขา ออก ขอเพียงเราตามรตู ามดรู าวกบั เปน งานอดเิ รกสดุ โปรดก็แลว กัน เราจะเหน็ ตามจริงวาทง้ั ความหดหแู ละความฟงุ ซา นน้นั ลดลงไดฮวบฮาบเมื่อจิตมงี าน จิตผูกอยู กบั เรือ่ งที่ไมเ ปน โทษ ไมช วนใหทอ ถอยซึมเศรา กับท้ังไมชวนใหความคดิ แตกแขนงกระจดั กระจาย ลม หายใจมแี ตเขาและออก มแี ตย าวกบั สนั้ ดซู ํา้ ไปซํ้ามากรี่ อบก็แคน ี้ ไมอ าจดงึ เราลงไปสหู นองนา้ํ แหง ความหดหู และจะไมต จี ติ เรากระเจิงฟุง เม่ือตดั เหตขุ องความหดหู เม่อื ตดั เหตขุ องความฟุง ซาน นานเขา ๆ สิง่ ที่เหลือคอื จิตอนั ผอ งใสใน ภายใน เราจะรูจักจิตท่ีสงบประณีตและนง่ิ นาน อาศัยเครื่องหลอ เล้ียงเชน การประคองนึกถึงลมหายใจ บา ง แตบางทีกแ็ นบนิง่ สงบพักเสมอื นแผนนาํ้ ท่เี รียบใสเปน กระจกอยูในตวั เองบา ง เม่ือเปน ผูเฝารู เฝาดสู ภาพจติ ตา งๆ ท้ังท่ีดแี ละไมด ี ท้งั ขณะทส่ี วา งไสวและมดื มน เราจะเกดิ ความเห็นแจง ตามจรงิ วาสภาพจิตน้ันถกู ปรงุ แตงข้นึ ดวยเหตุปจจยั นานา ไมม สี ภาพใดของจติ อยูยั้งยืน ยง เมือ่ มเี หตหุ นง่ึ ๆยอ มมสี ภาพจิตหนึง่ ๆเปนผล แตเม่ือหมดเหตุนัน้ ๆ สภาพจิตนั้นๆก็ยอมสลายตวั ลง ตามไปดว ย ดงั นั้นความอยากมจี ติ หรอื ความกลวั จะไมมีจติ ไมมีตวั ตน ก็จะคอยๆถกู กะเทาะลอน ออกไปเร่ือยๆ กระทง่ั กลายเปนความรูสึกวา ใหมีจิตใดๆกไ็ มกลัว เพราะเหน็ จนชินแลววา เดยี๋ วกต็ อ ง สลายไป หรือแมจะไมม ีจิตเลยก็ไมกลัว เพราะเหน็ แจงตามจรงิ แลววา ถงึ มจี ติ แบบใดๆกใ็ ชจ ะอยูย้ังคํา้ ฟา เดี๋ยวก็ตอ งเปล่ยี นสภาพเปนอ่นื อยูด ี ความจริงเบ้ืองตนเกย่ี วกบั สภาวธรรม จากการรคู วามจริงงา ยๆขั้นพื้นฐาน ทําไปๆจะพัฒนาข้นึ เปนความรูชัดที่กวา งขวางขึ้นทุกที อยางเชน เราจะเริ่มชางสังเกตชางสงั กามากข้นึ วา โลกนเี้ ลนงานเราไดม ากที่สดุ ก็คือผสั สะกระทบ ภายนอก ทําใหเราทุกขทางกายประการตา งๆ แตท เ่ี หลือหลังจากผานผสั สะกระทบภายนอกมาแลว มแี ตจ ติ เราเทา น้ันท่เี ลือกวาจะเลนงานตวั เองตอหรอื วา ปลอยทุกสิ่งใหผานลวงไป โดยไมย ดึ ไว ไมถ ือไวใ หหนกั เปลา คนทงั้ หลายเปน โรคหวงทุกข ชอบกักขังหนวงเหน่ยี วทกุ ขไ วก ับใจดว ยวธิ ีคดิ พดู งา ยๆเปนโรคคิดมาก กนั วธิ หี ายจากโรคนี้ก็คือฉีดยาแหง ความจรงิ เขาสูทุกอณขู องจติ วิญญาณ ใหม ปี ญญาประจกั ษแ จงเตม็ รอบ วาทกุ สง่ิ เกิดข้นึ แลวดบั ลงเปนธรรมดา ไมว า จะของใหญห รอื ของยอย ถึงหวงไวมนั ก็จะดบั ถึงไม หวงไวมันก็ตอ งดับอยูว นั ยังคาํ่

๑๕๓ ดว ยความเหน็ ตามจริงของจติ ท่ีเปน กลาง ไมเ ขา ขางตัวเอง ไมห ลงผดิ ไปทางใด เราจะเหน็ วา เมื่อ อยูกับผคู น เราจะรูสกึ วา ตวั เองเปนใคร เปนอะไรขึ้นมาอยา งหน่งึ เชนมคี นอ่นื เปน พ่ี เรากต็ อ งมีฐานะ เปนนอง มีคนอนื่ เปนครู เราก็ตองมีฐานะเปน ศิษย แตพ อกําหนดดูอาการทางกายเม่ืออยตู อ หนา เขา หรือกําหนดดคู วามรูสึกอึดอัดหรอื สบายเมือ่ อยู ตอ หนา เขา แลวเหน็ ตามจริงวาอาการทางกายหรือสขุ ทุกขเ ปนเพียงสภาพธรรม สภาพธรรมไมมีฐานะ เปนนอง ไมม ีฐานะเปนพี่ ไมมฐี านะเปนศิษย ไมมฐี านะเปน ครู มแี ตสภาพทเี่ กิดขน้ึ แลวเสอ่ื มลงใหดู ไม แตกตางจากเม่ือเราเห็นตอนอยูค นเดยี วตามลําพงั แตป ระการใดเลย และเชนกนั เมอ่ื เผลอตัวขณะนัง่ อยูต ามลําพงั เงียบๆ ก็มีความจําเกย่ี วกับเรื่องทีล่ วงผา นหูลว ง ผา นตาไปแลว ผดุ ขนึ้ ในหวั เปนระยะๆ หากเราใหค วามสาํ คญั กับความจําเหลานั้น ความรูส กึ นึกคดิ วา เราเปน ใคร มฐี านะอะไร กจ็ ะเกิดขึน้ ตามมาในทันที ในแวบแรกทอี่ ยูๆรสู กึ วา ‘นกึ อะไรขนึ้ ได’ นั้น คือการท่ีความจําบางอยา งผดุ ขึน้ กระทบใจ และใจ ตอบสนองเปนการหมายรูถึงเรอื่ งนน้ั ๆ ถดั มาคอื การรบั ชว งปรงุ แตงตอ ใหใจหลงรสู ึกไปวานนั่ เปน เร่ือง ของฉัน นนั่ เปนอดตี ของฉัน นนั่ เปน บคุ คลท่เี กี่ยวของกับฉนั ฯลฯ แลวก็เกดิ วติ ก เกิดความพะวงหวง เกดิ ความสําคญั มั่นหมายไปตางๆนานา คนเปนบาตา งจากคนปกตเิ พยี งนิดเดยี ว คือเขานัง่ นกึ นั่งฝนอะไรคนเดียว เกดิ ความทรงจําแตห น หลงั แลนมากระทบใจแลว ไมล ังเลท่ีจะแหกปากหวั เราะหรือรองไหคราํ่ ครวญทนั ที ขณะทค่ี นปกติก็ทกุ ข บา งสุขบางจากความทรงจาํ แตห นหลังเชน เดยี วกบั คนบา ตา งแตว า พวกเขายังลังเลอยวู าจะหัวเราะหรือ รองไหออกมาดงั ๆดีไหม คนมพี ทุ ธิปญญาก็เกดิ ความทรงจาํ กระทบใจเหมอื นกัน เพียงแตวา เขามสี ตสิ ัมปชัญญะทีเ่ ฉียบคม เมื่อความทรงจําอนั ใดกระทบใจก็รตู ามจรงิ วาขณะนัน้ เปน การปรากฏข้ึนของความทรงจํา รวมทง้ั รตู าม จริงวาความทรงจาํ นั้นเหมือนพยับแดด เหมือนมายาท่ีผดุ ขึน้ เหมือนมี แตแ ทจ ริงก็สลายตัวลงเปน ความ ไมม ี ขอเพียงเราไมเ ก็บมาคิดปรุงแตงตอ เทา นนั้ ผูมพี ุทธปิ ญ ญาและสติสัมปชญั ญะพรักพรอม จะเหน็ ตามจรงิ วาคนเรากําลงั อยูในระหวางแหง ปฏิกิรยิ าลกู โซ ที่มเี หตุแลวตอ งเกิดผล พอเกดิ ผลแลวก็ยอนกลายเปน เหตใุ หม ใหเกดิ ผลระลอกตอไป โดยสรุปยนยอคือเพราะมเี หตุคอื ความอยาก จงึ ตองมีทุกขในทางใดทางหนง่ึ เปนผลลัพธ เมื่อมที กุ ข ในทางใดทางหน่งึ เปน ผลลัพธ กย็ อมกลายเปนตน เหตขุ องทุกขใ หมๆ ข้ึนมาอีก พวกบนวาทาํ ดไี มไ ดด ี หาใชเพราะสว นดที เี่ ขาทาํ นน้ั มนั ไมด ีจรงิ แตเปน เพราะเขาไมรูกลไกของ จติ ในอนั ท่ีจะทาํ ใหเกดิ สุขหรอื เกิดทุกขตา งหาก หลักงา ยๆคือคิดมากทุกขมาก คิดนอยทกุ ขน อย แตไม คดิ เลยน้ันเปน ไปไมไ ด

๑๕๔ ทําดใี หไดด แี บบพุทธน้ัน ตอ งทําดีมาถึงขนั้ พัฒนาตอ ไดเปน ‘คิดอยางแยบคาย’ เราจะเหน็ ตามจรงิ วาเมอ่ื คิดอยา งแยบคาย โดยเอาสภาพธรรมทกี่ าํ ลังปรากฏเดน ตรงหนา มาเปนเครอื่ งระลึก วา ทกุ สงิ่ เกิด แลว ตองดบั ลงเปน ธรรมดา คดิ ดวยอาการเชน นี้ ในที่สุดจะแปรจากคดิ มาเปน ‘รูทัน’ คอื เหน็ โตงๆในขณะ ของความเกิดขึ้น และในขณะของความดับไป หรือแมส ง่ิ นน้ั มีอายุยนื เกินกวาที่เราจะมชี ีวิตอยูรอดวู นั ดับ สลาย ใจอนั สวา งดว ยพุทธิปญญากจ็ ะตระหนักอยใู นภายในวา มนั ไมเทีย่ งหรอก แมพระอาทติ ยทีม่ อี ายุ เปน หม่ืนลานป เราเกิดตายอกี หลายแสนชาติมันก็ยงั สองสวา งไมห ายไปไหน แตส าระสุดทายน้ัน อยางไรกค็ อื พระอาทติ ยจ ะตองดับไปในท่สี ดุ อยูดี การพยากรณอดตี ชาติและอนาคตชาติ เมอื่ มองเขา มาในกายใจจนเกดิ สติเทาทนั เปนขณะๆ วา จะเปนการขยบั กายทา ไหน จะเปน สขุ หรอื เปน ทุกข จะเปน สภาพสงบหรือฟุงซา นของจิต ทงั้ หมดตา งก็มเี หตุเสมอ เชนเราอยากเปลย่ี นจากทาเดิน เปน ทานั่งก็เพราะเดินจนเมอ่ื ย แสดงใหเห็นวาอริ ิยาบถเดินไมเทย่ี ง ทนอยใู นสภาพเดนิ ตลอดไป ไมไ ด เพราะสภาพเดนิ ไมใ ชตัวตน เพียงอะไรปรากฏเดน จิตจบั สง่ิ นั้นแลว ก็ลว งรูแทงทะลุไปถึงสง่ิ อืน่ ๆ เชนเมื่อเห็นอิรยิ าบถเดินไม เท่ยี ง ก็เหน็ ตลอดสายไปถึงความจรงิ เชน ยิ่งเดนิ กย็ ิ่งสะสมความทุกขทางกายมากขน้ึ ทกุ ที ความทุกขนัน้ ทาํ ใหจิตกระสบั กระสา ยไมอ าจสงบลงได เราจะเรม่ิ เห็นเคาความจริงวา เพราะมสี ขุ มีทกุ ข จึงกอพลังขบั ดันทางใจใหเ กิดความทะยานอยาก ขึน้ มาอยา งใดอยา งหน่งึ อาจเปน เพียงความอยากขั้นพื้นฐานเชนเปลยี่ นอิริยาบถจากปจจบุ นั ใหเปน อนื่ ไปจนถึงความอยากข้นั ทท่ี ําใหต ้งั ใจดหี รอื ราย กอ กศุ ลกรรมหรืออกุศลกรรม ทําจิตใหส วา งหรอื มืดข้ึนมา ทต่ี รงนั้นเราไดช ่อื วา เปนผูแ จม แจง เร่ืองเหตเุ กดิ แหงกรรม สมดงั ทพี่ ระพทุ ธเจาตรสั วาเหตุเกดิ กรรม คือผสั สะและกเิ ลสท้ังหลาย และเมอื่ ฝกรฝู กเห็นกายใจใหรอบดานจนกระทั่งจิตมีความต้ังม่ันเปน สมาธผิ องแผว กจ็ ะเปนผมู ี ความรู ความเขา ถงึ ในเรอื่ งของวิบากอันเปนอจนิ ไตยอีกดวย ไมใชวา เราฝก เห็นกายหรือเหน็ ใจอยา งใดอยางหน่งึ แลว เกดิ ญาณรเู ห็นเฉพาะทางขนึ้ มา แตต อง ฝกรูฝ กดกู ายใจน้ีทว่ั ๆตอเนือ่ งกันหลายวัน หลายเดือน หรอื หลายป ถึงจุดหนึ่งจะเกิดความรอบรู ทํานอง เดียวกับการเกิดของสญั ชาตญาณในสาขาอาชพี ตา งๆ เชน คนมีหนาที่ตรวจของเถอื่ นมากๆหลายปเ ขา แคมองกลอ งพัสดปุ ราดเดยี วกส็ มั ผสั ขนึ้ มาเองเฉยๆวา กลองนี้มปี ญ หา เปนตน ผฝู ก รูตามจริงจะเห็นกายใจโดยความเปน กรรมเกากรรมใหมอ ยา งไร ขอใหดูจากที่พระพทุ ธเจา ตรสั ไวค อื …

๑๕๕ ดกู รภิกษทุ งั้ หลาย กก็ รรมเกา เปน ไฉน ผมู ีปญ ญายอมเห็นวาตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ เปน กรรมเกา อันปจ จยั ทั้งหลายปรงุ แตงแลว สําเร็จดว ยเจตนา (ในอดีตชาติ) เปนทต่ี ั้งแหง เวทนา (ความรูสึกสุขทุกขอ นั เน่ืองดว ยกายในปจจุบันชาติ) ดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย นี่คอื สงิ่ ท่เี ราเรยี กวา ‘กรรมเกา’ ดกู รภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็กรรมใหมเปนไฉน กรรมทีบ่ คุ คลทําดว ย กาย วาจา ใจ ในบดั นี้ นค่ี อื สิ่งทีเ่ ราเรียกวา ‘กรรมใหม’ เราจะทราบวาอัตภาพของมนุษยน ี้ โดยรวมแลวเปน ของสงู จะยากดีมีจนแคไ หน กต็ อ งเคยทาํ ดี อะไรบางอยา งไวถ ึงจะไดมาเปน มนษุ ย นอกจากนนั้ เรายังทราบวาเดรจั ฉานตางๆกม็ เี หตขุ องการกําเนดิ เหมือนกนั แตต อ งเปน อกศุ ลบางอยาง เปนตน ความรเู ร่ืองกรรมอาจจดุ ชนวนขึน้ มาจากความเหน็ ชดั ตรงสว นไหนกไ็ ด อยา งเชนเดรจั ฉานบางตวั มีทุกขแ บบหน่ึงๆทเ่ี ราสัมผัสไดด วยใจวา เกิดขึ้นเสมอๆ พอเราเห็นลกั ษณะทุกขเชน น้ันแจมชัด ก็อาจ เกดิ ความรูแ จง ขน้ึ เองวาท่ีตองทกุ ขเยี่ยงน้ี กเ็ พราะเคยกอ ทุกขท าํ นองเดียวกันใหก บั สตั วอื่นมากอ น หรือเม่ือเราเห็นคนพิการ มีสภาพการเคลอ่ื นไหวไมปกติ เมอื่ เหน็ อาการทางกายชดั ก็อาจเกดิ ญาณรูแ หลมคมข้ึนมาวา ภาพโดยรวมเชน น้ันปรากฏขึ้นไดเ พราะเคยมีกรรมใดในอดีตเปน เหตสุ รางขนึ้ อันน้อี ยูนอกเหนือขอบเขตทจ่ี ะอธิบายไดด วยภาษาวา อาการหยั่งรูเชน นัน้ เปน อยางไร ทาํ ไมกอ กรรม แบบโนนถงึ มารับผลแบบน้ี ทง้ั ที่คดิ ๆแลวไมเ หน็ จะเกย่ี วของกนั หรือเมือ่ ปรารถนา เพียงสอ งดคู วามตดิ ใจของคนๆหนงึ่ วามนี าํ้ หนกั ดงึ ดดู ใหแ ปะตดิ กบั ความมดื หรอื ความสวา งประมาณใด ก็สามารถเห็นเปน นมิ ิตไดวา ถาตายขณะน้ันเขาจะไปเกิดในภพใด ถา เปลย่ี น ความตดิ ใจในเสนทางกรรมเดิมจะเปล่ียนภพไดแคไหน แตทัง้ หลายท้ังปวง จะหยง่ั รไู ดล ึกซึ้งปานใด หากไมส ามารถหย่งั รูเรื่องเดยี ว คือทาํ อยา งไรจะหมด กเิ ลส หมดความยดึ มัน่ ถอื มั่นในกายใจน้ี ก็ไมช่อื วา บรรลุประโยชนสูงสุดของวชิ ารตู ามจรงิ เลย

๑๕๖ สติปฏ ฐาน ๔ ขอสรุปอยางมีบัญญัตใิ นตอนทายน้ีอีกคร้งั เพ่อื เปนประโยชนใ นการศึกษาคน ควา ใหล ึกซ้ึงย่ิงๆขน้ึ กันตอ ไป วิชารตู ามจริงของพระพุทธเจานั้น โดยสรุปยนยอก็คือการมีสตริ ะลึกรคู วามเปนไปในกายใจ ตามจรงิ ขอบเขตกายใจนซ้ี อยยอยออกไดเปนที่ตัง้ ของสติ ๔ ชนดิ จึงเรียกวา ‘สตปิ ฏฐาน ๔’ เรยี ง ตามลําดับดงั นี้ ๑) กาย ไดแกล มหายใจ อริ ยิ าบถใหญแ ละอริ ิยาบถยอ ย ความสกปรกของรา งกาย ความเปนการ ประชุมกันของธาตดุ นิ นํา้ ไฟ ลม และความแนนอนท่ีจะตอ งเปน ซากศพในกาลตอ ไป ๒) เวทนา ไดแ กค วามรูสกึ สขุ ทุกข เฉย ทั้งทีเ่ นื่องดวยเหยอ่ื ลอทางโลกเชนกามคุณ ๕ และทง้ั ที่ ไมเ น่อื งดว ยเหยอื่ ลอทางโลกเชน การเกดิ สติอยางตอ เน่อื งจนเปนสุข หรือการอยากไดค วามสงบแตไมไ ด ดังใจเลยเปนทุกข ๓) จิต ไดแกค วามมีสภาพจิตเปน ตางๆ ทั้งท่ีมรี าคะ โทสะ โมหะ และไมมกี เิ ลสทั้งสาม ตลอดจน สภาพจติ หดหู สภาพจติ ฟงุ ซา น สภาพจิตสงบอยา งใหญ สภาพจิตท่ปี ลอยวางอปุ าทานเสียได ๔) ธรรม ไดแ กสภาพธรรมตางๆที่ปรากฏแสดงวาขณะนเ้ี กิดขนึ้ ขณะนีต้ ง้ั อยู ขณะนด้ี ับไป รวมทงั้ สภาพธรรมทีแ่ สดงความไมใ ชต วั ตนออกมาอยางโจงแจง คือมกี ารประชมุ กนั ของเหตุปจ จัยตางๆ ปรากฏผลลัพธอ ยชู วั่ คราว เมือ่ เหตปุ จ จยั ตางฝา ยตา งแยกยา ยกนั ไปแลว ก็ไมเ หลือผลใดๆปรากฏตออีก การฝก รตู ามจรงิ ไปเร่ือยๆน้ัน ในที่สดุ จะเกดิ ไฟลา งกเิ ลสออกจากจติ คร้ังใหญ เรยี กวาเปน ปรากฏการณ ‘บรรลุธรรม’ ซ่งึ ขน้ั ตน เรยี กวาเปนการไดด วงตาเห็นธรรม หรอื อีกนัยหน่ึงรจู ักพระนพิ พาน อนั เปนธรรมชาติท่ีไมมีสงิ่ ใดตง้ั อยใู นทีน่ นั้ ได กลา วใหเขา ใจงาย การรูจักนิพพานคอื การเหน็ สภาพ อันเปนความจริงสูงสดุ ความจริงสูงสดุ คือความวางจากตัวตน ดังนน้ั จงึ ไมม ี ‘ตัว’ ใดๆต้ังอยูได ในสภาพอันเปน ยอดสุดแหงความเปน จริงนั้น แมก ระทัง่ อากาศธาตุก็ไมอ าจถูกตอ งนิพพานได ขณะของการเหน็ นิพพานนั้น จิตจะเปน หนงึ่ มีความตัง้ ม่นั ระดบั ฌาน และสิง่ ท่ีถกู รูก็ไมใชรูปนมิ ติ หรอื เสียงบอกอะไรทง้ั สิน้ แตเ ปน ธรรมชาตบิ ริสทุ ธท์ิ ป่ี รากฏเปดเผยอยแู ลว ตลอดมา โดยไมเคยมภี าวะ เกิดขน้ึ หรือดับไป ไมวาจะมีสง่ิ ใดเกดิ ขึ้นดับไปแคไหนกต็ าม ทสี่ ัตวท ้งั หลายไมเคยเหน็ นพิ พานก็ เพราะไมเ คยไดฝ ก รูตามจรงิ เมื่อไมฝ กรูตามจริงยอมไมอาจเขาถึงความจริงขนั้ สงู สุดไดเ ลย ผทู ่ีอยใู นขนั้ ของการไดด วงตาเห็นธรรมนน้ั เรียกกันเปน ที่รู เรยี กกันเพื่อส่ือความเขาถงึ แลว วา เปน ‘โสดาบนั บุคคล’ เปนผไู มต กตํา่ และจะไมบ ายหนาไปอบายภมู ิอกี เลย เพราะกเิ ลสไมมอี าํ นาจพอจะ ครอบงําจิตใหเกดิ ความเหน็ ผดิ ในเร่อื งของกรรมขั้นศีลพนื้ ฐานไดอีก อยา งไรกต็ าม โสดาบันบุคคลยังมี ราคะ โทสะ โมหะเหมือนคนธรรมดาทั่วไป จงึ มภี รรยาและบุตรได ยงั แสดงอาการขึ้งเคยี ดได ยังมีมานะ

๑๕๗ อยู รทู ้ังรูว าตัวตนไมม ี เลกิ เช่ืออยา งเดด็ ขาดแลววา สิง่ ใดส่งิ หนึง่ เปน ตวั เปน ตน ไมเ ปนผทู ีพ่ ูดอีกแลววามี อัตตาอนั แทจ ริงอยูในท่ีใดๆ ทั้งโลกนแี้ ละโลกหนา เมือ่ โสดาบนั บุคคลเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔ จนรแู จง ตามจริงถงึ ขน้ั บังเกดิ ไฟลางกเิ ลสอกี ครง้ั ทา นจะ ยกระดบั ขึ้นเปน ‘สกิทาคามบี ุคคล’ เปน ผทู ําราคะ โทสะ โมหะใหเ บาบางลง กลา วคอื เครื่องขัดขวางจิตใจ ไมใหเหน็ สภาพธรรมทง้ั หลายตามจรงิ น้ัน ลดกระแสคลนื่ รบกวนลงมาก เม่อื สกิทาคามบี คุ คลเจรญิ สตปิ ฏ ฐาน ๔ จนรแู จงตามจริงถึงข้ันบังเกิดไฟลา งกิเลสอีกครัง้ ทานจะ ยกระดับข้นึ เปน ‘อนาคามบี ุคคล’ เปน ผทู ําลายราคะและโทสะไดอ ยางเดด็ ขาด กลาวคอื คลื่นรบกวน ไมใหจ ิตเหน็ ตามจรงิ จะดบั ไปถึงสองกระแสใหญๆ เหลอื เพียงคลน่ื รบกวนในยา นของความมมี านะ ความ มใี จถือวา เปนตัวเปน ตน เมือ่ อนาคามีบคุ คลเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔ จนรูแ จงตามจริงถงึ ขัน้ บังเกดิ ไฟลา งกิเลสอีกคร้งั ทานจะ ยกระดบั ขน้ึ เปน ‘อรหนั ตบคุ คล’ เปน ผทู ไ่ี มเ หลือแมค วามรูสึกในตวั ตนอยูอกี เรียกวา คล่นื รบกวนสุดทาย ถูกกาํ จดั ทิง้ ไปอยา งสิน้ เชิง ทานจึงเห็นตามจริงอยา งชัดเจนที่สดุ วา ทัง้ หลายทง้ั ปวงนัน้ วางจากตวั ตน น่ี แหละคือขนั้ ของการ ‘ทาํ นิพพานใหแจง’ อยางแทจริง บทสาํ รวจตนเอง ๑) ขณะน้ีเรารอู ะไรตามจรงิ อยูบา ง? ๒) ส่งิ ทเ่ี รารตู ามจริงเปน เรื่องภายนอกหรือเรื่องภายใน? ๓) มีความถี่หางแคไ หนทเี่ ราสามารถรไู ดต ามจริงวากําลังหายใจเขาหรือหายใจออก? ๔) เราเคยมีความรสู กึ เหน็ ตามจริงบางหรือไมวา ชวี ติ ไมเ ที่ยง? ๕) เราเคยมคี วามรูสึกเห็นตามจรงิ บางหรือไมวา สง่ิ ใดไมเทย่ี ง ส่ิงนนั้ ไมใชต วั ตน?

๑๕๘ สรปุ ความจรงิ ถาคดิ ๆเอาเฉยๆ ดเู น้อื หาวชิ ารตู ามจรงิ หรือท่ีเรยี กอยางเปน ทางการวา ‘สติปฏฐาน ๔’ นแี้ ลว เหมอื นพระพุทธเจา มไิ ดทรงใหกระทํากจิ อยางใดเปน พิเศษเลย ก็แคใหเ ห็นสิง่ ท่เี กิดขนึ้ ภายใน ขอบเขตของกายใจเราตามจริงเทา นน้ั เกดิ อะไรขน้ึ ก็รู อะไรที่วานนั้ ดับไปกร็ ู มีอยเู ทา นี้ แตทเี่ รานึก ไมถ งึ กค็ อื เมื่อใชชีวติ โดยอาการรูเ หน็ ตามจริงงายๆ กจ็ ะบงั เกิดผลอนั นา พิศวงอยา งใหญหลวง กลา วคือเมื่อเจรญิ สตปิ ฏฐาน ๔ ไปจนถงึ ระดบั ของความมีสมาธจิ ิตตงั้ มน่ั ผอ งแผว แมย งั ไมบรรลุ ธรรม ก็อาจไดอานิสงสต า งๆมากมายเหลือคณานบั ยิ่งเสียกวาฝก ศาสตรทางจิตทลี ะศาสตรในโลก รวมกันเปนรอยเปน พันศาสตร เพราะไมมศี าสตรใ ดเขา ถึงรหัสลับในธรรมชาตไิ ดม ากไปกวาวธิ ี ทําลายอคตทิ ่หี อหุมจิตไมใหเหน็ ตามจรงิ อีกแลว พระเถระในสมัยพุทธกาลตางกลา วยืนยันถึงผลขางเคียงทไี่ มต งั้ ใจจะไดแตก็ไดมา เปน อภญิ ญา หรอื ความรูเห็นอนั ยง่ิ ประการตา งๆ มที ่ีสดุ ท่เี ปน สาระสาํ คัญคอื เรอื่ งเกยี่ วกบั กรรมวบิ าก ดงั เชนท่พี ระอนุ รทุ ธะเคยกลาวไวว า ดกู รผูมอี ายทุ ั้งหลาย เรายอมรวู บิ ากของการกระทาํ กรรมทง้ั ที่เปน อดีต อนาคต และปจ จุบนั โดยฐานะ โดยเหตุ ตามความเปนจริง เพราะไดเ จรญิ ไดกระทําใหม ากซึง่ สติปฏ ฐาน ๔ คนเราสรางกรงขงั ใหต วั เองดวยความไมรู เมอ่ื รูวาสรางกรงขงั แลว จะตองไปทกุ ขทรมานอึดอัด คบั แคบอยใู นกรงขังก็ยอมเลิกสรางกรงขัง ฉนั ใดกฉ็ ันนนั้ เมือ่ เปน ผรู ูเรื่องกรรมวบิ ากอยา งแจมแจง บคุ คลยอมไมทาํ กรรมอนั เปนไปเพอ่ื ความเดอื ดรอนของตนเองในภายภาคหนา มแี ตจะเรง รดุ ทาํ กรรมอนั เปนไปเพอ่ื ประโยชนสงู สดุ ท้งั ตอตนเองและคนทีร่ กั รอบขางแตถายเดยี ว

๑๕๙ ”สรุปตตยิ บรรพ” การรตู ามจริงมหี ลายแบบ หลายระดับ คนยคุ ปจ จบุ ันมักมองวาการรตู ามจรงิ คอื การพิสจู นไ ดด ว ย วธิ ีการทางวิทยาศาสตรว า ‘ความจริง’ เกย่ี วกบั เร่อื งทีค่ าใจบางอยา งน้นั เปน อยางไร แตสง่ิ ที่เราจําตองยอมรับก็คือวทิ ยาศาสตรใหความจรงิ อันเปน ทสี่ ดุ ไมไดถนดั ถนนี่ กั ไมว าจะเร่อื ง เลก็ สุดในระดบั อะตอม ตลอดไปจนถงึ เรอ่ื งใหญสุดระดับเอกภพ ทกุ ทฤษฎี ทกุ การกะเก็งสนั นิษฐาน อาจ ถกู หักลา งดว ยการคนพบใหมๆ เสมอ ทวา การรตู ามจริงบางอยางไมจ ําเปนตองพสิ จู นต อ เพราะเปนสจั จะความจริงท่ไี มอาจถกู หกั ลา ง ดวยการคนพบคร้ังใหมใดๆ ไมว า ปจจุบันหรืออนาคต ยกตัวอยางเชนลมหายใจมีแคเขา กับออกสอง อยาง ถา เรารไู ดถ กู ตอ งในขณะที่มนั ปรากฏเปนเขาหรือปรากฏเปนออก ก็แปลวาเรากาํ ลงั รูต าม จริงอยใู นขณะนัน้ ๆ ดวยวิชา ‘รูตามจริง’ ของพระพุทธเจา เริ่มตนอาจงายๆแบบที่ทุกคนรูไดอยา งเชนลมหายใจเขา ออกอกี แตสนิ้ สุดอาจเปนเรื่องอจินไตย เกินการคาดคดิ เกนิ จนิ ตนาการของมนษุ ยปถุ ุชนทงั้ หลาย เชน ท่ี เกย่ี วกบั กรรมวบิ ากและวิธดี บั ทกุ ขดบั โศกท้งั ปวง แมเ ปน เร่ืองอจนิ ไตยเชนนัน้ เราก็สามารถรูแจมแจง เฉพาะตน วา นั่นเปน ของจรงิ เปนของแท เปน ของที่ทนตอ การพิสจู นในทุกกาล เชนเดียวกบั สามารถรวู า ลมหายใจเขา ออกเปน เร่อื งจรงิ นน่ั เอง คนเราชอบคดิ วาหลายสง่ิ หลายอยางในชวี ติ เปน เรือ่ งเลก็ ตอเม่ือฝกรตู ามจริงมากเขา เราจะเหน็ วาโลกนไี้ มม อี ะไรเปนเร่ืองเลก็ ไมมีการกระทําอันใดที่ควรประมาท เพราะแมเ พยี งการยอมปลอยให ความคดิ อกุศลนิดๆหนอ ยๆผุดข้ึนในหวั เราดว ยความเตม็ ใจยนิ ดี ปลอ ยใหความคดิ อกศุ ลนดิ ๆหนอ ยๆ นน้ั แปรเปนคาํ พูดหรือการกระทําปรากฏตอโลกภายนอก มนั จะเกดิ ข้นึ อกี และอีก แลว ในทีส่ ดุ มันจะ สะสมเปนอกศุ ลกรรมที่มนี ํ้าหนกั ใหญ คือเปน นิสยั เสีย เปน อาจณิ ณกรรมทเี่ ราเสพตดิ มนั จนได เม่ือเหน็ ความจริงในระดบั ของกรรมทางความคิดมากเขา เราก็จะย่ิงเช่ือท่ีพระพุทธเจา ตรสั วาการ เดินทางไปเรื่อยๆในสงั สารวัฏนน้ั ไมมที างหนพี น นรกไปได เพราะจติ คนพรอ มจะไหลลงต่าํ ความคิดอัน เปนอกุศลพรอมจะปรากฏขึ้นชักจงู เราไปสอู บายเสมอ ไมมีอะไรที่นา รกั จรงิ มแี ตสิ่งลวงลอใหหลงทํา บาปทาํ กรรม ขอแคพ ลาด หรือเพียงการดตกหนสองหน ก็เพยี งพอแลวตอการไดนง่ั กระดานลื่นไหลลง นรกโดยไมตอ งใชค วามพยายามใดๆ ผูเ ห็นภัยในสังสารวฏั ยอ มเรง ขวนขวายทาํ บุญทํากุศลคมุ ตัว และกระตือรือรน พอที่จะทําทาง นพิ พานใหตัวเองเอาไว แมแ คเพียงตนทางกย็ ังดี

๑๖๐ ความรทู างโลกน้นั ไมม ีทีส่ ้ินสุด ยิ่งคน พบก็ย่งิ แตกแขนงลอ ใจใหค น ควา ตอ มากขึ้นทกุ ที แตค วามรู ทางธรรมนน้ั มที ี่สดุ เพยี งเลกิ สงใจออกไปใสเ ร่ืองขางนอก แตค น หาทีม่ าที่ไปของประสบการณทั้งมวล ตัง้ คําถามไวถ กู เปาใหญส ดุ ประพฤติปฏิบตั ิตรงทางอนั จะนาํ ไปสูคําตอบอนั จรงิ แทที่สุด นั่นแหละคือ ท่ีสุดทุกข นั่นแหละคอื การไมตอ งทํากิจอันใดเพ่มิ เติมเพือ่ ความดบั ทกุ ขอ กี

๑๖๑ ¾บทสงทา ย หากเราอยูใ นวันสดุ ทายของชีวิต และจิตกําลงั ทํางานทบทวนทกุ สง่ิ ท่ีมมี าท้งั หมดในชีวติ หากยงั นกึ คิดทบทวนได หลายคนคงถามตวั เองวา ไดป ลอ ยโอกาสใหต ัวเองพลาดสิง่ ดๆี ในชวี ติ อนั ใดไปบา ง สวนใหญคงนกึ เสียดายวาทําไมไมจ ีบแมคนนน้ั ทาํ ไมไมรบั รกั พอคนนี้ ทาํ ไมกอ นสอบ มหาวิทยาลัยไมขยันเสียหนอ ย ทําไมถึงทนทซู ้ีทํางานในบรษิ ัททีไ่ มทําใหเราเจริญกาวหนาตงั้ นานนม ทาํ ไมไมรออกี สกั นดิ แทนทจ่ี ะคดิ ส้นั แตง งานกบั เจานี่ ทาํ ไมถงึ ไมก ลา ขอหยา เสียต้งั แตอ ายุยงั นอ ย ทาํ ไม ฯลฯ คนเราจะนกึ ถงึ บคุ คลหรือเหตกุ ารณทม่ี ีอิทธิพลสําคญั กับชีวิต คอื นึกๆแลวพบความเปน ไปไดว า สามารถพลิกผันชวี ติ เราใหด ีขึ้น หรอื ทําใหเ ราใชช วี ติ ไดราบร่นื ขึน้ กวา ทผ่ี า นมา เราปลอ ยเวลาใหล วงเลย ไป ปลอ ยใหบางส่ิงหลดุ มอื ไป ปลอยใหบางอยางอยูก บั เรานานเกนิ ไป สารพดั สารเพที่ย่งิ คดิ ย่ิงนา เสียดาย แตคงไมม ีใครบนรําพงึ กบั ตัวเอง วา ทาํ ไมไมศ ึกษาพทุ ธศาสนาเสยี ใหถ ึงแกน กอ นมาถึงวนั สดุ ทา ย ของชวี ติ เพราะถา ใครคดิ เสยี ดายเชน นนั้ ได ก็แปลวา เขาตองตระหนกั มากอ นวาความรูในพุทธ ศาสนามคี า ยิ่งกวาสง่ิ ใดๆทง้ั หมดทผ่ี า นพบมาตง้ั แตเกิดจนตาย เมอ่ื ไมร ูวา สิ่งใดนาเสียดายที่สุด คนเรายอมไมรูส ึกเสยี ดายส่ิงนัน้ เขาจะตายไปโดยไมทราบดว ย ซ้าํ วาส่งิ นัน้ มีอยูในโลก และครง้ั หนง่ึ เขาเคยเกิดมาทันพบส่งิ น้ัน หลายคนเหมอื นรแู บบฟงๆผานหมู าวาเพชรพลอยในพทุ ธศาสนากองไวใหก อบโกย จงอยาชา อยาปลอ ยเวลาใหผา นไป ขอใหเ อาติดตวั ไปดว ยมากที่สดุ เทาทจ่ี ะเปนไปได แตในเมอ่ื ไมเ คยปน ปายข้ึน มาถึงเขตทเ่ี ขากองทองไวรอทา ใหเ หน็ กับตา สว นใหญกแ็ คฟ ง หไู วห ูแบบเชือ่ ครึ่งไมเชือ่ ครึ่ง จงึ เปน เรอ่ื ง เขาใจได และนาเห็นใจวาทําไมคนจงึ มาถึงฝงแหง ความปลอดภัยกนั นอยนกั ขอฝากเรื่องนาเสียดายในชีวติ ไวในปจฉมิ ลิขิตหนานี้ เร่ืองแรก นาเสียดายถา กอนตายไมไดศกึ ษาพทุ ธพจน เร่ืองทสี่ อง นา เสยี ดายถาศึกษาพุทธพจนแลว ไมเ ลือ่ มใส เรอ่ื งท่สี าม นา เสียดายถาเลือ่ มใสพทุ ธพจนแลวไมป ฏบิ ตั ติ าม เรื่องสุดทาย นาเสียดายถา ปฏิบตั ิตามพทุ ธพจนแตไ มต อเน่ืองจนถึงฝง …

๑๖๒ Öคาํ ขอบคณุ Ö ขอขอบคุณสาํ หรับคาํ แนะนําชวยเหลือจาก ๑) คณุ อนญั ญา เรืองมา ๒) คณุ ปยมงคล โชตกิ เสถยี ร ๓) คุณชนินทร อารหี นู ๔) คุณกนษิ ฐา อุยถาวร ๕) คณุ พีรยสถ อุบลวัตร ๕) คณุ เอกรตั น จนั ทรร ฐั ิตกิ าล ๗) คุณนฤพล ฉตั รภิบาล ๘) คณุ วิญู พิชญพงศศา ท่ชี วยปรบั แตง หนังสอื ใหม ีความสมบรู ณยง่ิ ขึน้ โปรยปกหนา กอ นคุณจะเหลอื เพียงวิญญาณ ท่ีถามหาสคุ ติภมู ดิ วยความสนิ้ หวัง... โปรยปกหลัง (ตอนกลางปก) เกดิ มาเปน อยา งนไี้ ดอ ยา งไร? ตายแลว ไปไหนไดบา ง? ยังอยูแลวควรทาํ อะไรดี?

๑๖๓ (ตอนลา งของปก) พรอ มวธิ ีปลอบคนใกลตายใหไดไ ปดี ตามวธิ ีของพระพุทธเจาท่ีไดผ ลแนนอน! หนา นาํ ดา นใน เราตางเปนวญิ ญาณซง่ึ ยงั แสวงทเ่ี กดิ ถือกาํ เนดิ ดว ยกรรมดกี รรมชั่วท่ีกอไว เหมือนคนเดนิ ทางไกลไมร ูจุดหมาย นา เสียดายหากมีผูรจู ุดหมายทงิ้ รอยเทานําทาง กระจางแจงดจุ พลกิ ของควาํ่ ใหก ลับหงาย แตห ลายคนตายเสียกอนจะทันรู. .. วธิ เี ชื่อเรอื่ งกรรมวบิ ากและความเปนไปในโลกหนา โดยไมต องกลัวถกู กลาวหาวา งมงายในภายหลัง คอื ฟงวาพระพทุ ธองคท รงตรัสเปน เหตุเปน ผลไวอ ยางไร

๑๖๔ Öหนา ปด ทา ยÖ งานของดงั ตฤณเรยี งตามลาํ ดับจากงา ยไปหายาก ทไ่ี ดรบั การตีพิมพแ ลว กอ นเดือนตลุ าคม ๒๕๔๗ ๑) กรรมพยากรณ ตอน ชนะกรรม สาํ นักพมิ พ บางกอกการพิมพ ๒) ทางนฤพาน สาํ นกั พมิ พ ธรรมดา ๓) เสียดาย... คนตายไมไ ดอา น สาํ นกั พิมพ DMG ๔) วิปส สนานบุ าล สาํ นักพิมพ ธรรมดา ๕) ๗ เดือนบรรลธุ รรม สาํ นกั พิมพ ธรรมดา ๖) มหาสตปิ ฏ ฐานสตู ร เลม ๑ สํานักพิมพ ธรรมดา