Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการเรียนรู้เพศวิถี ป.5

แผนการเรียนรู้เพศวิถี ป.5

Published by Pakamas Chanmanee, 2023-06-30 03:11:29

Description: แผนการเรียนรู้เพศวิถี ป.5

Search

Read the Text Version

แผนการเรียนรู้น้ี มงุ่ สร้างเสรมิ คุณลักษณะและทกั ษะส�ำคญั ดังน้ี Core Values Core Skills ๗ • การรัก เคารพ และเหน็ คณุ ค่าตนเอง • การรจู้ ักตวั เอง • เสรภี าพในการเลือก • การคดิ วิเคราะห์ • ความรบั ผิดชอบ • การประเมนิ ผลกระทบ • ความปลอดภยั • การตดั สินใจ • ความเท่าเทยี ม • การดูแลสขุ อนามยั • การไม่ใชค้ วามรนุ แรง • การหาความชว่ ยเหลือ • ส�ำนกึ พลเมอื ง ระยะเวลา ๖๐ นาที (๑ คาบเรียน) อปุ กรณแ์ ละสื่อ • แผน่ กจิ กรรม “เรอ่ื งแบบนม้ี โี อกาสเกดิ ขนึ้ กบั ฉนั ไหม ?” เทา่ จ�ำนวนนกั เรยี น • เตรยี มเขียนตวั เลือกค�ำตอบ ๕ แบบบนกระดานเพ่อื ใชอ้ ธบิ าย (ไม่มที าง เกิดขน้ึ กบั ฉนั | ไมน่ ่าจะเกิดข้ึนกับฉนั | อาจจะเกิดข้ึนกับฉนั กไ็ ด้ | คดิ ว่าเกิดขึ้น กบั ฉนั ได้ | เคยเกิดข้นึ กับฉนั แล้ว) ข้อเสนอแนะส�ำหรับผูจ้ ัดการเรยี นรู้ ในแบบสอบถาม มีพฤติกรรมบางข้อท่ีอาจเคยเกิดขึ้นหรือก�ำลังเกิดข้ึนกับ นักเรียนบางคน และนักเรียนบางคนอาจไม่พร้อมเปิดเผย ครูควรช้ีแจงเพ่ิมเติมว่า หากข้อใดท่ีนักเรียนไม่สบายใจไม่จ�ำเป็นต้องตอบ และหากครูสังเกตว่ามีนักเรียนที่ ไม่สบายใจอาจหาโอกาสคยุ ส่วนตวั 99

ประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. สงั เกตความสนใจและการมสี ่วนรว่ มในการท�ำกจิ กรรม ๒. สงั เกตการตอบค�ำถามและการให้เหตุผล ข้นั ตอนการจัดการเรียนรู้ ๑. ครูบอกว่า “มีคนบอกว่าวัยรุ่นมักมีความเชื่อม่ันในตัวเอง และไม่ค่อย นึกถึงอันตรายหรือผลกระทบท่ีอาจจะเกิดขึ้นจากการกระท�ำของตนเอง หรือคิดว่า ไม่มที างเกิดขึน้ กบั ตนเอง” • นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยกบั ค�ำพูดนห้ี รอื ไม่ อย่างไร (๑๐ นาท)ี o ครูขอฟังความเห็น ๓-๕ คน และถามว่าใครมีความคิดเห็น แตกตา่ ง o ครูกระตุ้นให้นักเรียนยกตัวอย่างท่ีเคยรับรู้ เคยเห็น หรือเคย เกดิ ขึ้น • ถามนกั เรยี นว่า หากเชอ่ื แบบน้ีอาจส่งผลอะไรได้บา้ ง ๒. ครชู แ้ี จงวา่ วนั นค้ี รจู ะใหน้ กั เรยี นลองส�ำรวจเรอ่ื งตา่ งๆ ๒๐ เรอื่ งวา่ เรอื่ ง แบบน้ัน มีโอกาสเกิดขึ้นกับนักเรียนหรือไม่ อย่างไร โดยให้นักเรียนลองคิดถึง ค�ำตอบทใ่ี กลเ้ คยี งกบั สถานการณต์ วั เองหรอื คาดการณถ์ งึ สง่ิ ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กบั ตนเองใน อนาคต (๑๕ นาที) • แสดงตวั เลอื กค�ำตอบบนกระดานและอธบิ ายวา่ ค�ำตอบมี ๕ ตวั เลอื ก และอธบิ ายวา่ ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาแตล่ ะเรอ่ื ง แลว้ เลอื กค�ำตอบ ๑. ไม่มีทางเกิดข้ึนกับฉัน – เลือกข้อนี้หากนักเรียนมั่นใจว่าเร่ือง นนั้ ๆ ไม่มีวนั เกิดขน้ึ กับนักเรียนไดเ้ ลย ๒. ไมน่ ่าจะเกิดข้ึนกบั ฉนั – เลือกข้อน้หี ากนักเรยี นคิดวา่ คงไม่เกิด ขึน้ แตก่ ไ็ มม่ น่ั ใจนกั ๓. อาจจะเกิดขึ้นกับฉันก็ได้ – เลือกข้อน้ีหากนักเรียนประเมินว่า มีโอกาสทจ่ี ะเกิดขนึ้ ได้ 100

๔. คิดวา่ เกดิ ขนึ้ กบั ฉันได้ – เลอื กข้อนีห้ ากนักเรยี นประเมินวา่ มี ๗ แนวโน้มว่าเร่อื งน้จี ะเกิดขึน้ ๕. เคยเกดิ ขน้ึ กบั ฉนั แลว้ – เลอื กขอ้ นหี้ ากเรอื่ งนน้ั ๆ เคยเกดิ ขน้ึ กบั นกั เรยี น • ให้เวลาท�ำ ๑๐ นาที หากข้อไหนท่นี กั เรียนรูส้ กึ ไมส่ บายใจท่ีจะ ตอบ ไมจ่ �ำเป็นตอ้ งตอบ ๓. ถามนกั เรียนวา่ • รูส้ ึกอย่างไรบา้ งกับการได้ลองส�ำรวจ • มขี อ้ ใดบ้างที่เราไม่เคยนึกถึง • มีข้อใดบ้างทเ่ี ราม่นั ใจมากว่าจะไม่เกิดข้นึ กับเรา ๔. ครอู ธบิ ายวา่ การส�ำรวจนเี้ ปน็ การทบทวนตวั เอง หากเราตอบโดยประเมนิ ตรงไปตรงมา อาจช่วยใหน้ กั เรยี นเห็นว่า อะไรท่ีจะท�ำให้เกิด หรือไม่เกดิ เรอื่ งเหล่า นน้ั ไดด้ ว้ ยตัวเอง รวมท้งั หากเกิดข้ึนแล้วอาจสง่ ผลอะไรต่อไปในอนาคต ๕. ถามนักเรียนว่ามีใครสนใจอยากหยิบข้อไหนมาคุยกันบ้าง (อาจขอตัว อยา่ ง ๒-๓ ขอ้ ทน่ี กั เรยี นอยากคยุ หรอื หากไมม่ ี ครลู องยกตวั อยา่ ง) และชวนคยุ ดงั น้ี ตวั อย่าง: สอบตกบางวิชา o สาเหตุท่ีท�ำให้เกิดเหตกุ ารณ์แบบน้ี o ผลท่ีตามมาเป็นอยา่ งไรไดบ้ ้าง o เราอยากให้เกิดเร่ืองแบบนไี้ หม o ท�ำอย่างไรไม่ใหเ้ กดิ เร่อื งแบบน้ี o บางครง้ั แม้เราพยายามแล้ว แต่กย็ ังสอบตก เราจะท�ำอะไรไดบ้ า้ ง o หากเป็นเรือ่ งทที่ �ำใหเ้ ราไมส่ บายใจ กังวลใจ เราจะพดู คุยกบั ใครได้ บ้าง 101

๖. ครใู ห้นักเรียนเขยี นในกระดาษหรือสมดุ วา่ ๑) เรื่องท่ฉี นั ไม่อยากใหเ้ กดิ ขึ้นในชีวติ ฉัน ๒ เรือ่ ง คือ.... ๒) สงิ่ ที่ฉนั จะท�ำ เพอ่ื ไม่ให้เกดิ เรอื่ งแบบนนั้ คอื ........... ๓) ฉันมัน่ ใจวา่ คนที่จะชว่ ยฉนั ได้ หากมปี ญั หา คอื ............ ๗. ขออาสาสมคั ร ๒-๓ คนทีพ่ ร้อมเลา่ ใหเ้ พื่อนฟัง และครูเสรมิ แรงว่า หาก ทุกคนเห็นและประเมินความเสี่ยงได้ คิดเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น วางแผนเรื่อง การปอ้ งกนั จะช่วยให้เราตดั สนิ ใจไดม้ ่ันใจข้ึนเมอื่ อยู่ในสถานการณ์ 102

เร่ืองแบบนีม้ โี อกาสเกดิ ขึ้นกับฉนั ไหม ? เร่ืองแบบนม้ี โี อกาส ไมม่ ที างเกดิ ไม่นา่ จะเกิด อาจจะเกิดข้ึน คดิ ว่าเกิดขึ้น เคยเกิดขนึ้ เกิดขนึ้ กบั ฉันไหม ? ขึน้ กับฉัน ขน้ึ กับฉนั กบั ฉันกไ็ ด้ กบั ฉันได้ กับฉันแลว้ ๑. ป่วยหนกั นอนโรงพยาบาล ๒. เลิกคบกบั เพื่อนสนิท ๓. หมดรกั กับคนท่ีเปน็ แฟน ๔. แฟนขอเลกิ ๕. สอบไมผ่ า่ นบางวิชา ๖. ลองสูบบหุ รี่ ๗ ๗. ตดิ บุหรี่ ๘. ลองด่ืมเหล้าเบยี ร์ ๙. ลองใช้ยาเสพติด ๑๐. ติดยาเสพติด ๑๑. ถูกทำ�รา้ ยร่างกายโดยคน ท่เี ราร้จู ัก ๑๒. ทำ�รา้ ยร่างกายคนทร่ี ้จู กั ๑๓. ถูกล่วงละเมิดทางเพศจาก คนทรี่ ู้จัก ๑๔. ล่วงละเมดิ ทางเพศคนอน่ื ๑๕. ติดเชอื้ โรคตดิ ต่อทางเพศ สัมพนั ธ์ ๑๖. ตดิ เชือ้ HIV ๑๗. ทอ้ ง หรือทำ�ใหค้ นอ่ืนท้อง ขณะเรียนมธั ยม ๑๘. ซอ้ นรถมอเตอร์ไซค์คนที่ ดม่ื เหลา้ เมา ๑๙. ข่มี อเตอรไ์ ซค์ขณะเมา ๒๐. ขโมยของในรา้ นคา้ /รา้ น สะดวกซ้อื 103

หากทกุ คนประเมิน ความเสี่ยงได้ คดิ เรอ่ื งผลกระทบทีอ่ าจเกดิ ขน้ึ และวางแผนการปอ้ งกนั จะช่วยใหเ้ ราตดั สนิ ใจ ได้อยา่ งมัน่ ใจข้นึ เม่ือตกอยู่ในสถานการณ์

แผนการเรียนรู้ที่ ๘ ความปลอดภัย ตอ่ รองไมไ่ ด้

แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๘ ความปลอดภยั ต่อรองไม่ได้ สาระสำ� คญั เรือ่ งความปลอดภยั ของตัวเรา เปน็ ทงั้ สิทธิและความรบั ผดิ ชอบของเรา ไม่ สามารถต่อรองได้ และไมค่ วรฝากไวก้ ับผู้อนื่ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ ๑) ระบผุ ลกระทบท่อี าจเกิดข้ึนจากการท�ำพฤติกรรมเส่ยี งได้ ๒) ส�ำรวจความคดิ ความรสู้ กึ ของคนทีเ่ ลอื กจะท�ำพฤติกรรมเสย่ี ง ๓) อธิบายเหตุผลว่าเหตุใด เราจึงไม่ควรต่อรองในเร่ืองที่ส่งผลต่อความ ปลอดภัยของเรา แผนการเรยี นรู้นี้ มงุ่ สรา้ งเสรมิ คณุ ลักษณะและทักษะสำ� คัญ ดงั น้ี Core Values Core Skills • การรู้และเคารพสทิ ธิ • การรู้จกั ตวั เอง • ความปลอดภัย • การคดิ วิเคราะห์ • ส�ำนกึ พลเมอื ง • การตดั สินใจ • การประเมนิ ผลกระทบ • การตอ่ รอง 106

ระยะเวลา ๘ ๖๐ นาที (๑ คาบเรียน) อุปกรณแ์ ละสื่อ • เตรียมปา้ ยสัญญาณไฟ แดง-เหลือง-เขียว ขนาด A4 เพอื่ ตดิ ไวบ้ นผนงั ห้อง • เตรยี มแผน่ ป้ายสัญญาณไฟ แดง-เหลือง-เขยี ว ขนาด A5 ท่ีใส่หมายเลข ๑-๔ ดา้ นหนา้ และขอ้ ความดา้ นหลงั (ตามตวั อยา่ ง-ใหใ้ ชส้ ตี ามจรงิ ) โดยเตรยี มแตล่ ะ สี แต่ละข้อให้เท่าจ�ำนวนนกั เรยี น เชน่ หากมนี ักเรียนในหอ้ ง ๓๐ คน ให้เตรยี มอยา่ ง ละ ๑๐ แผ่น ทงั้ น้ี นกั เรยี นแต่ละคนจะไดค้ นละ ๔ แผ่น ท่มี หี มายเลข ๑-๒-๓-๔ คละสี • ป้ายขนาด A4 ระบขุ อ้ ความ § ไมส่ วมหมวกกนั นอ๊ ก § ไม่ข้ามทางมา้ ลาย § ถกู สมั ผัสเนือ้ ตัวรา่ งกาย โดยทเ่ี ราไม่ชอบ § มเี พศสมั พันธ์กับแฟน ประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. สังเกตความสนใจและการมสี ว่ นร่วมในการท�ำกิจกรรม ๒. สงั เกตการตอบค�ำถามและการให้เหตุผล ขนั้ ตอนการจัดการเรียนรู้ ๑. ครูชี้แจงวา่ วนั นีเ้ ราจะเรียนรู้เร่อื งการตัดสินใจทีเ่ กี่ยวกบั ความปลอดภยั ของตัวเราเอง ๒. ครตู ดิ ปา้ ยไฟแดง ไฟเหลอื ง ไฟเขียว (ทีไ่ มม่ หี มายเลข) บนผนังแต่ละ ด้านของห้อง และ 107

• ถามนกั เรยี นถึงความหมายของสญั ลกั ษณไ์ ฟแดง ไฟเหลือง และไฟ เขียว þ อธิบายย�ำ้ อกี ครัง้ § ไฟแดง หมายถึง หยดุ การกระท�ำนั้น หรอื ไมท่ �ำ § ไฟเหลือง หมายถึง การชะลอการตัดสินใจ § ไฟเขียว หมายถงึ ตัดสินใจท�ำ ๓. แจกแผน่ ปา้ ยไฟแดง ไฟเหลอื ง ไฟเขยี ว ทมี่ หี มายเลขก�ำกบั * ใหน้ กั เรยี น คนละ ๔ ป้าย (นักเรียนแต่ละคนจะได้รบั ปา้ ยไฟคละสที ่รี ะบหุ มายเลข ๑-๔) • การท�ำป้ายสีแดง/สีเหลอื ง/สีเขยี วและมีหมายเลขก�ำกบั • หมายเลขทกี่ �ำกับ คอื หมายเลขข้อค�ำถาม เช่น ๑ เพอ่ื นชวนซอ้ น มอเตอร์ไซค์ไปเท่ียวนำ้� ตก แตไ่ ม่มีหมวกกนั น๊อก • นักเรียนจะได้รับแจกป้ายไฟแบบคละสี และแต่ละสีมีหมายเลขที่ แตกต่างกนั ไป • วัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนสวมบทบาทการตัดสินใจในแบบน้ันๆ และลองคดิ ถงึ เหตผุ ลทคี่ นจะตดั สนิ ใจแบบนน้ั โดยทอ่ี าจไมใ่ ชแ่ บบที่ ตวั เองจะตัดสนิ ใจจริงๆ • ตวั อยา่ งเช่น ข้อ ๑ ในความเปน็ จรงิ นักเรียน ก อาจตัดสนิ ใจวา่ จะ ไม่ไป แตป่ า้ ยท่ีมหี มายเลข ๑ ก�ำกับท่ไี ด้รับ คอื สเี ขยี ว หมายถึง ไป ทนั ที นกั เรียน ก ตอ้ งไปยืนในจดุ ไฟเขยี ว และลองคิดว่า คนที่ตดั สนิ ใจไปทันที เขาร้สู ึก หรือมเี หตผุ ลอยา่ งไร ๔. อธิบายวา่ ครูจะอา่ นข้อความทลี ะขอ้ เชน่ ข้อ ๑ ให้นกั เรียนดูป้ายทีม่ ี หมายเลข ๑ วา่ ของตัวเองเปน็ สใี ด ใหไ้ ปยนื ตามป้ายสีนัน้ ๆ ทีต่ ิดไว้ทผี่ นังห้อง แมว้ ่า เราอาจไม่เห็นด้วย แต่เพื่อลองสวมบทบาทและช่วยกันคิดว่า ในเรื่องหน่ึงๆ คนที่ ตดั สนิ ใจต่างกันรูส้ ึก และคดิ อยา่ งไร มีเหตผุ ลในการกระท�ำน้นั ๆ อยา่ งไรบ้าง 108

• ครูยกตัวอยา่ ง เช่น เพื่อนๆ ชวนกันหนเี รียนวันพรุ่งน้ีเพ่ือไปเท่ยี วกนั เราจะตัดสินใจอยา่ งไร § ไฟแดง ไมไ่ ป § ไฟเหลอื ง ลงั เลใจ § ไฟเขยี ว ตกลงไป เมอ่ื รวมกลมุ่ แลว้ แตล่ ะกลมุ่ ตอ้ งชว่ ยกนั บอกวา่ ทเ่ี ราเลอื กแบบนน้ั เพราะเรารสู้ กึ อย่างไร คดิ อะไร หรือมเี หตุผลอยา่ งไร • ครูอ่านข้อความทีละข้อความ และให้เวลาแต่ละกลุ่มระดม ความ รสู้ กึ /ความคดิ /เหตผุ ลของคนทตี่ ดั สนิ ใจในแตล่ ะแบบ ขอ้ ละ ๕ นาที และขอฟงั เหตุผล (๑) เพือ่ นชวนซอ้ นมอเตอรไ์ ซค์ไปเท่ยี วน�ำ้ ตก แต่ไม่มีหมวกกนั นอ๊ ก ๘ ไฟแดง ไม่ไป ไฟเหลอื ง ลังเล ไฟเขียว ไปทันที (๒) เราจะขา้ มถนนใหญไ่ ปรา้ นคา้ ฝัง่ ตรงขา้ ม แตท่ างมา้ ลายอยหู่ า่ ง ไปอกี ๓๐๐ เมตร ไฟแดง ขา้ มทางม้าลาย ไฟเหลอื ง รรี อ ไฟเขยี ว ขา้ มตรงนแ้ี หละ (๓) มคี นมาสมั ผัสเนอื้ ตัวเรา โดยที่เราไม่ชอบ ไฟแดง หยุด ไฟเหลือง ท�ำไงละ่ ไฟเขยี ว ไมเ่ ป็นไร (๔) อยสู่ องต่อสองอย่างใกล้ชิดกับแฟน มโี อกาสมเี พศสัมพันธ์ ไฟแดง ไม่ ไฟเหลือง เอาไงดี ไฟเขียว กไ็ ด้นะ 109

• ครชู วนสรปุ ว่า ใน ๔ กรณีทเี่ ราชวนกนั ลองคิดนน้ั หากท�ำแบบนน้ั ๆ อาจจะเกิดอะไรข้ึนได้บ้าง ครูติดป้ายข้อความบนกระดานท่ีละป้าย และจดค�ำตอบนกั เรียนใตป้ า้ ยนน้ั ๆ ไมส่ วม ไมข่ า้ ม ถกู สัมผสั เนอ้ื ตวั โดย มเี พศสัมพันธ์ หมวกกันนอ๊ ก ทางม้าลาย ไมช่ อบ กบั แฟน § การไมส่ วมหมวกกนั นอ๊ กในการขมี่ อเตอรไ์ ซค์ อาจเกดิ อะไรขนึ้ ได้บา้ ง § การไม่ข้ามทางม้าลาย อาจเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง § การถกู คนสมั ผัสเนอ้ื ตัวรา่ งกาย โดยทเี่ ราไมช่ อบ อาจเกิดอะไร ขึ้นไดบ้ ้าง § การมีเพศสมั พันธก์ ับแฟน อาจเกดิ อะไรขนึ้ ได้บา้ ง • ครูชวนสรปุ ว่า § นักเรียนทกุ คนทราบว่า การท�ำบางเรอื่ ง เช่นใน ๔ กรณนี อ้ี าจ ท�ำใหเ้ ราไมป่ ลอดภยั อาจเกดิ อบุ ตั เิ หตุ หรอื ผลกระทบทต่ี ามมา ในทางลบ § เม่ือดูผลท่ีอาจเกิดขึ้นในแต่ละกรณีแล้ว นักเรียนอยากให้เรื่อง แบบนี้เกิดขนึ้ กบั ตวั เราหรือไม่ เพราะเหตใุ ด § เราไดล้ องสวมบทบาทวา่ บางครง้ั คนเรากอ็ าจตดั สนิ ใจ “เสยี่ ง” หรือท�ำทง้ั ๆ ที่กร็ ู้ว่าอาจมผี ลทางลบตามมาได้ § นักเรียนคิดอย่างไรกับการบอกตัวเองว่า “คร้ังเดียว ไม่เป็นไร หรอก” “คงไม่มอี ะไร” “คงไมเ่ กดิ กบั เรา” ฯลฯ § การคิดแบบท่ีพาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย เส่ียงกับความไม่ ปลอดภัยอาจเกดิ ขึน้ กบั เราไดห้ รือไม่ เรามวี ธิ จี ดั การอยา่ งไร 110

§ หากเราเลอื กไดร้ ะหวา่ ง “เราอาจจะโชคดี ไมเ่ สีย่ งหรอก” กบั ๘ “เลือกปลอดภัยไวก้ ่อนดกี วา่ ” นักเรียนจะเลือกแบบใด เพราะ อะไร § เรือ่ ง “ความปลอดภยั ของเรา” เราควรให้ใครเปน็ คนเลือกหรือ ก�ำหนด • ครูย้ำ� ว่า § ความปลอดภยั กับความไว้ใจไม่ใช่เรอ่ื งเดยี วกัน o เพ่ือนอาจจะบอกว่า จะข่ีมอเตอร์ไซค์อย่างระมัดระวัง นกั เรยี นคดิ วา่ การทเี่ พอื่ นบอกแบบนี้ เรามนั่ ใจไดห้ รอื ไมว่ า่ จะไม่เกิดอบุ ตั ิเหตุ o เรามั่นใจว่า เราดูแล้วว่าไม่มีรถ จึงวิ่งข้ามถนน ม่ันใจได้ จรงิ ๆ หรอื ไม่ o เราเหน็ ว่าเปน็ ผ้ใู หญท่ ่เี ราร้จู กั คุ้นเคย เขาคงไมไ่ ดม้ ีเจตนา ไมด่ ี เรามัน่ ใจได้อย่างไร และท่ีส�ำคัญหากเรารู้สึกไมด่ ี เรา ไม่จ�ำเป็นตอ้ งเกรงใจ และกรณีการสัมผัสร่างกาย เราควร รบี บอกพอ่ แม่ หรอื คนทีเ่ ราไวใ้ จใหท้ ราบ o มอี ะไรกับแฟนเรา ไม่เป็นไรหรอก ไม่ท้องหรอก เรามน่ั ใจ ได้จรงิ ๆ หรอื ในขณะที่ การทอ้ งและการตดิ เชื้อเกิดข้ึนได้ ไมว่ ่ากบั ใครหากมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไมป่ ้องกัน § เรอื่ งความปลอดภยั ของตวั เราเปน็ เรอ่ื งส�ำคญั มาก เราตอ้ งมนั่ ใจ ว่า สิ่งท่ีเราเลือกท�ำจะท�ำให้ตัวเราปลอดภัยแน่ๆ โดยไม่มีข้อ ตอ่ รอง เพราะเร่ืองความปลอดภยั ไม่ใชเ่ รอ่ื งตอ่ รองกนั รวมทง้ั เราไมอ่ าจฝาก “ความปลอดภยั ” ของเราไวก้ บั คนอ่ืน 111

ป้ายสญั ญาณไฟ ๓ สี แต่ละสีขนาด A4 ส�ำหรบั ติดตามมุมห้อง สแี ดง สีเหลือง สเี ขยี ว ป้ายสญั ญาณไฟคละสขี นาด A5 สำ� หรับแจกนักเรียนทกุ คน (คนละ ๔ แผ่น คละส)ี ๑ ๒๑สแี ดง ๒ ไม่ไป ขา้ มทาง ม้าลาย ๑ ๒๑ ๒ ลงั เล รีรอ สีเหลอื ง ๑ ๒๑ ๒ ไปทนั ที สเี ขียว ขา้ มตรงน้ี แหละ ๓ ๔๓สแี ดง ๔ หยดุ ไม่ ๓ ๔๓ ๔ ท�ำไงละ่ เอาไงดี สีเหลอื ง ๓ ๔๓ ๔ ไม่เป็นไร กไ็ ด้นะ สีเขียว 112

แผนการเรียนรทู้ ่ี ๙ Helping Hands : ฉันชว่ ยได้

แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๙ Helping Hands : ฉนั ชว่ ยได้ สาระสำ� คัญ การสร้างความตระหนักว่าการรังแกคนอื่น โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า ไมว่ ่าในรปู แบบใดเปน็ เรื่องทีย่ อมรับไม่ได้ เพราะเป็นการแสดงถึงการไมเ่ คารพคนท่ี แตกต่างจากเรา และคนทีถ่ ูกรังแกควรได้รับความชว่ ยเหลอื หากเราเปน็ คนถกู รงั แก ให้บอกผู้ใหญท่ ี่เราไว้ใจ หากเราเหน็ คนท่ถี กู รังแก เราควรหาทางช่วยเหลือ วัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑) อธิบายได้ว่าเหตใุ ดจงึ ไม่มใี ครสมควรถูกรังแก ๒) บอกความรู้สึกของคนท่ถี กู รงั แก ๓) ระบุสิง่ ทต่ี นเองท�ำได้ในการช่วยเหลือเพ่อื นที่ถกู รงั แก แผนการเรยี นร้นู ี้ ม่งุ สรา้ งเสริมคุณลักษณะและทักษะส�ำคญั ดังน้ี Core Values Core Skills • การเคารพความแตกต่าง • การกล้าแสดงออก • การร้แู ละเคารพสิทธิ • การยืนยนั ความต้องการของตนเอง • การเหน็ อกเหน็ ใจ เขา้ ใจคนอน่ื • การประเมนิ ผลกระทบ • ความรบั ผดิ ชอบ • การอยรู่ ว่ มกนั • ความปลอดภยั • การหาความชว่ ยเหลือ • การไมใ่ ชค้ วามรนุ แรง 114 • ส�ำนึกพลเมอื ง

ระยะเวลา ๙ ๖๐ นาที (๑ คาบเรยี น) อุปกรณแ์ ละสื่อ • เตรยี มเรือ่ งของนโี น ไอนา และปอนส�ำหรบั นกั เรียนทุกคนๆ ละ ๑ เรือ่ ง จ�ำนวนเท่าๆ กัน • ภาพมือส�ำหรับนักเรียนเขียนว่าตนเองจะช่วยได้อย่างไร คนละ ๑ แผน่ และท�ำเผือ่ ส�ำหรับนกั เรยี นที่มวี ธิ ชี ว่ ยมากกวา่ ๑ อยา่ ง • เตรียมฟลปิ ชารท์ ๓ แผ่น ทีว่ าดรูปนโี น ไอนา และปอน ประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. สงั เกตความสนใจและการมสี ว่ นร่วมในการท�ำกจิ กรรม ๒. สังเกตการตอบค�ำถามและการให้เหตุผล ขัน้ ตอนการจดั การเรยี นรู้ ๑. ครูถามนกั เรยี นว่า • เราเคยไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากใครบา้ งทเ่ี รารสู้ กึ ประทบั ใจ ขออาสา สมคั รเล่าประสบการณ์ ๓-๔ คน (เร่อื งอะไร ใครชว่ ย ช่วยอยา่ งไร เรารสู้ ึกอยา่ งไร) • เราเคยช่วยเหลือใคร ท่ีท�ำให้เรารู้สึกภูมิใจ ขออาสาสมัครเล่า ประสบการณ์ ๓-๔ คน (เรอ่ื งอะไร ชว่ ยใคร ชว่ ยอยา่ งไร เรารู้สึก อย่างไร) • ครูชวนให้เห็นวา่ จากประสบการณ์ของพวกเรา “การช่วยเหลือกัน” เป็นส่ิงที่ดี ทั้งช่วยให้คนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ และท�ำให้ คนที่ช่วยคนอ่ืนรู้สึกตนเองมีคุณค่า ภูมิใจที่เราได้ช่วยคนอื่นจาก ปัญหาทเ่ี ขาเผชิญอยู่ เราทกุ คนสามารถช่วยเหลือกันได้ 115

๒. ครูบอกนกั เรียนวา่ ครมู ีกรณตี วั อยา่ ง ๓ เรอื่ งมาให้นกั เรียนอ่าน และให้ นกั เรยี นพจิ ารณาว่า ในแต่ละสถานการณ์ นกั เรียนจะสามารถช่วยอะไรไดบ้ า้ ง • แจกกรณตี วั อย่างให้นักเรยี นคนละ ๑ กรณี (แต่ละคนไดไ้ มเ่ หมือน กัน) และแจกแผน่ Helping Hands คนละ ๑ แผน่ • อธบิ ายว่า ให้นกั เรยี นอา่ นเร่ือง และเขยี นสิ่งท่นี กั เรียนจะชว่ ยได้ลง ในแผน่ Helping Hands หากใครสามารถชว่ ยได้มากกว่า ๑ เรอ่ื ง ใหม้ าหยบิ แผ่น Helping Hands ไปเขยี นเพ่ิมได้ • ให้เวลาคนละ ๑๐ นาที ๓. เมื่อทุกคนเขียนเสรจ็ แล้ว ให้นกั เรยี นจบั กลุ่ม ๓ คน โดยตอ้ งมเี รือ่ งของ นีโน ไอนา และปอนในกลมุ่ • ใหเ้ วลาแตล่ ะกลมุ่ แลกเปลย่ี นกนั โดยใหเ้ ลา่ วา่ เราไดเ้ รอื่ งอะไร และ เราจะชว่ ยเหลือคนๆ นั้นอยา่ งไร • จากนน้ั ให้กล่มุ ชว่ ยกันวิเคราะห์วา่ สาเหตุทน่ี โี น ไอนา และปอนถูก รงั แก คอื อะไร และใหเ้ พอ่ื นในกลมุ่ ชว่ ยเสนอเพมิ่ เตมิ วา่ เราสามารถ ชว่ ยทั้ง ๓ คนได้อยา่ งไรอกี บ้าง • ให้เวลากลมุ่ ยอ่ ย ๑๕ นาที ๔. ครูเตรยี มฟลิปชารท์ ท่ีวาดรปู นโี น ไอนา และปอนมาตดิ ทีละใบ ทวนเรื่อง ของแต่ละคน และถามนกั เรียนว่า ๑. สาเหตุท่นี ีโน/ไอนา/ปอนถกู รงั แก คืออะไร ๒. นกั เรียนคิดวา่ นโี น/ไอนา/ปอนรู้สึกอยา่ งไรทถี่ กู เพอื่ นๆ รังแก ๓. ขอฟงั วา่ มีวิธีอะไรบ้างทจ่ี ะช่วยเหลือทงั้ ๓ คน ให้นักเรยี นน�ำแผน่ Helping Hands ติดบนกระดาษของแตล่ ะคน ๕. ครอู ธบิ ายว่า “การรังแก” เป็นความรนุ แรงรปู แบบหนึ่ง ซึง่ ผู้รงั แก (หนงึ่ คนหรือหลายคน) กระท�ำซ�้ำๆ โดยมีเจตนาให้ผู้ถูกรังแกได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย และ/หรอื ทางจติ ใจ โดยทวั่ ไปผรู้ งั แกจะมกี �ำลงั หรอื อ�ำนาจเหนอื กวา่ ท�ำใหผ้ ถู้ กู รงั แก 116 ไม่สามารถปกปอ้ งตวั เองจากการกระท�ำนั้นได้

๖. ถามนกั เรยี นว่า ๙ • ทง้ั ๓ กรณนี โี น ไอนา ปอนอาจเกดิ ข้ึนในโรงเรยี นเราไดห้ รอื ไม่ • นอกจากตวั อยา่ ง ๓ เรอ่ื งนแี้ ลว้ นกั เรยี นเคยเหน็ /ไดย้ นิ วา่ มกี ารรงั แก แบบไหน หรอื ใครที่มักถกู รังแกอีกบ้าง • เม่ือมีคนเห็นคนถูกรังแก นักเรียนคิดว่าคนส่วนใหญ่จะเข้าไปช่วย หรอื ไม่ เพราะเหตุใด • ตวั อย่างท่นี ักเรียนเสนอเร่อื งการชว่ ยเหลอื ท�ำได้ง่ายหรือยาก • หากเปน็ เราทีถ่ กู รังแก เรารู้สกึ อยา่ งไร และจะท�ำอยา่ งไร ๗. ครูสรปุ ประเดน็ เพม่ิ เติม ดงั น้ี • การรังแกทกุ รูปแบบเปน็ สงิ่ ทย่ี อมรับไม่ได้ •þ การรงั แกอาจส่งผลกระทบท่ีรนุ แรงตอ่ คนท่ถี ูกรงั แก • หากเหน็ คนถูกรงั แก เราควรหาทางช่วยเหลอื หากเราช่วยไมไ่ ด้ ให้ บอกผูใ้ หญเ่ พ่อื ขอความชว่ ยเหลอื • หากเราไมช่ อบทีถ่ ูกรังแก เรากไ็ ม่ควรท�ำเช่นน้นั กับคนอืน่ 117

กรณีศกึ ษา Helping Hands : ฉันช่วยได้ กรณศี ึกษาเรือ่ ง “นโี น” นโี น เปน็ เดก็ พิเศษ เรยี น ป.๔ ตวั อ้วนกลม สายตาสน้ั มากต้องใสแ่ ว่นหนา นีโนมักถกู เด็ก ป.๖ กลุม่ หนึ่งแกลง้ เสมอ แซววา่ “ไออ้ ้วน” บ้าง แกล้งดึงแวน่ ท�ำใหน้ ีโนมองไมเ่ หน็ บาง คนก็แอบตบหัวนโี นบา้ ง แมค้ ุณครูในโรงเรยี นเคยบอกใหท้ ุกคนชว่ ยกนั ดูแลนโี น และเด็กพิเศษ อน่ื ๆ ทีม่ าเรียนร่วมกับเราในโรงเรียน หากนักเรยี นเดนิ ผ่านไปเหน็ กลมุ่ เด็ก ป.๖ ก�ำลงั แกล้งนโี น ด้วยการดงึ แว่นไปวางไว้ใน กระถางตน้ ไม้ และนีโนก�ำลงั คล�ำหาแวน่ ในขณะที่กลุม่ เด็ก ป.๖ หัวเราะชอบใจท่ีนโี นหาแวน่ ไม่เจอ นักเรียนจะช่วยนโี นไดอ้ ย่างไรบ้าง กรณศี กึ ษาเรื่อง “ไอนา” วันนีค้ ณุ ครพู าเพื่อนใหม่ชอ่ื “ไอนา” มาแนะน�ำใหท้ ุกคนรูจ้ ัก ไอนาเพง่ิ ย้ายตามพ่อแม่ มาจากปตั ตานี คณุ ครขู อใหท้ กุ คนชว่ ยเหลอื ไอนาในการใชช้ วี ติ ทโ่ี รงเรยี นดว้ ย ไอนาคลมุ ฮญิ าบ ตามหลกั ศาสนาอิสลาม ครูจัดให้ “ไอนา” น่ังกบั นักเรียน เพื่อนๆ ในห้องส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครคุยและเล่นกับไอนา เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่พวก เดยี วกนั และมกั พดู กนั ลอยๆ วา่ มาจากปตั ตานเี อาระเบดิ มาดว้ ยไหมนะ คนมสุ ลมิ นา่ กลวั บาง คนกแ็ ซววา่ เรามีปารต์ ี้หมูปิ้งกนั ดีกว่า นกั เรยี นสงั เกตวา่ ไอนาค่อนข้างเก็บตัว แม้นกั เรียนจะพยายามคุยดว้ ย เพราะน่ังดว้ ย กนั นักเรยี นจะชว่ ยไอนาไดอ้ ยา่ งไรบ้าง กรณีศึกษาของ “ปอน” “ปอน” ชอบแตง่ ตัวแบบผ้หู ญิง มกั ทาแปง้ ทาปาก ท�ำผม ชอบถ่ายรปู สวยๆ แลว้ เอา ไปโพสตใ์ นโซเชียลมเี ดยี เพอ่ื นผชู้ ายชอบแกลง้ ปอน ทัง้ จับก้น หอมแก้ม กอด ปอนพยายาม บอกทุกครง้ั วา่ ไม่ชอบ แตไ่ ม่มใี ครฟงั หลังๆ ปอนขาดเรยี นบอ่ ยข้ึน ปอนเคยบอกนักเรียนว่า ไม่ อยากมาโรงเรยี นเพราะไมอ่ ยากถกู แกล้ง นกั เรยี นจะชว่ ยปอนได้อยา่ งไรบ้าง 118

119

การรงั แกทุกรปู แบบ เป็นส่ิงที่ยอมรบั ไม่ได้ และอาจสง่ ผลกระทบรุนแรง ตอ่ ผูท้ ถ่ี กู รังแก หากเราไม่ชอบทถ่ี ูกรงั แก ก็ไมค่ วรทำ�เช่นนน้ั กบั คนอ่ืน

แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๑๐ ร้จู ักไวรสั เอชไอวี และเอดส์

แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๑๐ รู้จักไวรสั เอชไอวี และเอดส์ สาระสำ� คัญ เอชไอวี เป็นไวรสั ทท่ี �ำใหร้ ะบบภมู คิ มุ้ กันของรา่ งกายออ่ นแอ เมือ่ ภมู คิ ุ้มกนั อ่อนแอมากๆ ไม่สามารถตอ่ สู้กับเชอ้ื โรคตา่ งๆ ได้ ท�ำใหเ้ กดิ กล่มุ อาการภมู คิ ้มุ กัน บกพร่อง หรือท่ีรู้จักกันทั่วไปว่าเอดส์ ซึ่งกลุ่มอาการของโรคท่ีเกิดจากภูมิคุ้มกัน บกพรอ่ งสามารถรกั ษาใหห้ ายได้ และการรกั ษาทดี่ ที ่สี ุดในปัจจุบันคือ การรักษาดว้ ย ยาต้านไวรัส เพ่ือลดจ�ำนวนไวรัสและคุมไม่ให้ไวรัสเพิ่มจ�ำนวนข้ึน ที่ส�ำคัญคือ เรา สามารถป้องกันการตดิ เชอื้ เอชไอวไี ด้ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ ๑) อธบิ ายความแตกตา่ งของเอชไอวีกบั เอดสไ์ ด้ ๒) แยกแยะช่องทางการตดิ ต่อและไม่ติดตอ่ ของเอชไอวีได้ ๓) บอกวธิ ปี อ้ งกันการตดิ เชอื้ เอชไอวี แผนการเรยี นรนู้ ้ี มุ่งสร้างเสรมิ คุณลักษณะและทักษะสำ� คญั ดังน้ี Core Values Core Skills • การเคารพความแตกต่าง • การวเิ คราะหแ์ ยกแยะ • การรแู้ ละเคารพสทิ ธิ • การดแู ลสขุ อนามยั • การเหน็ อกเหน็ ใจ เขา้ ใจคนอ่ืน • การตดั สนิ ใจ • การไม่ใชค้ วามรุนแรง • ความเทา่ เทียม 122

ระยะเวลา ๑๐ ๖๐ นาที (๑ คาบเรียน) อุปกรณแ์ ละสอื่ แผน่ กิจกรรม “เอชไอวี และเอดส์” ส�ำหรับนกั เรยี นทุกคน ประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. สงั เกตความสนใจและการมีส่วนร่วมในการท�ำกิจกรรม ๒. สงั เกตการตอบค�ำถามและการใหเ้ หตผุ ล ข้นั ตอนการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครูช้ีแจงว่าวันนี้เราจะคุยกันเรื่องไวรัสเอชไอวี (HIV) และเอดส์ (AIDS) เขยี น ๒ ค�ำน้ีบนกระดาน ๒. ให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกวา่ เรารู้ หรอื เคยไดย้ นิ เรอ่ื งอะไรบ้างเกี่ยวกับไวรัส เอชไอวี และเอดส์ • ครูจดประเด็นท่ีนักเรียนตอบไว้บนกระดาน เพ่ือประเมินว่านักเรียน รับรู้เรื่องเอดสม์ าอยา่ งไรบา้ ง ๓. แจกแผ่นกิจกรรม “เอชไอวี และเอดส์” ให้นักเรียนแต่ละคนเพื่อตอบ ค�ำถาม ให้เวลา ๗ นาที • หากสังเกตว่านักเรียนอ่านไม่คล่อง ให้ครูอ่านทีละข้อให้นักเรียนท�ำ ไปพร้อมๆ กนั 123

ใช่ ไมใ่ ช่ ๑. เราสามารถติดเชือ้ เอชไอวไี ดจ้ ากการดืม่ นำ้� แก้วเดยี วกนั กับผูท้ ม่ี ี เชอ้ื เอชไอวี ๒. เราไมส่ ามารถบอกได้ว่า ใครมเี ชอ้ื เอชไอวจี ากการดูลกั ษณะ ภายนอก ๓. การมีเพศสมั พันธโ์ ดยไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั มีความเสย่ี งตอ่ การติด เช้ือเอชไอวี ๔. เราสามารถป้องกนั ตัวเองจากการตดิ เชอื้ โดยไมน่ ั่งใกล้ๆ กบั ผู้ที่มเี ช้ือเอชไอวี ๕. เราสามารถเรียนหนงั สอื และเล่นกบั เพ่อื นท่ีมีเชือ้ เอชไอวไี ด้ ๖. การมเี ชอ้ื เอชไอวไี มไ่ ด้ท�ำใหเ้ ราเรียนหนังสือแย่ลง หรอื ท�ำงานได้ น้อยลง ๗. การติดเชื้อเอชไอวเี ป็นการเจบ็ ป่วยอยา่ งหนง่ึ ไม่ใช่เรือ่ งที่จะน�ำ มาลอ้ เลยี นกัน ๔. เมือ่ นักเรียนแต่ละคนตอบครบทุกขอ้ แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ ๗ กลุ่ม โดย แตล่ ะกล่มุ ให้ท�ำ ๑ ข้อ (กลุ่ม ๑ ขอ้ ๑, กลุ่ม ๒ ขอ้ ๒ ฯลฯ) • ให้แตล่ ะกล่มุ แลกเปลย่ี นค�ำตอบ หาค�ำตอบ และค�ำอธบิ ายของกลุ่ม ในข้อทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ใหเ้ วลา ๗ นาที ๕. ครูขอฟงั ค�ำตอบทลี ะข้อ และเฉลย ๑) เราสามารถตดิ เชอ้ื เอชไอวไี ดจ้ ากการดมื่ นำ�้ แกว้ เดยี วกนั กบั ผทู้ ม่ี เี ชอ้ื เอชไอวี (ผิด) เพราะเชอื้ ไวรัสเอชไอวีไม่สามารถติดต่อไดท้ างนำ�้ ลาย ๒) เราไมส่ ามารถบอกไดว้ า่ ใครมเี ชอื้ เอชไอวจี ากการดลู กั ษณะภายนอก (ถูก) คนท่ีมีเช้ือเอชไอวีไม่มีอาการแสดงใดๆ ที่สังเกตได้จาก ภายนอก มีเพียงผลการตรวจเลือดท่ีบอกได้ว่ามีเช้ือเอชไอวี หรือไม่ 124

๓) การมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั มคี วามเสย่ี งตอ่ การตดิ เชอื้ ๑๐ เอชไอวี (ถกู ) เพราะเอชไอวอี ย่ใู นน้ำ� อสจุ ิ และน�ำ้ ในชอ่ งคลอด ซึง่ หากมีเพศ สมั พนั ธไ์ มใ่ สถ่ งุ ยางจะมีโอกาสเสี่ยงตอ่ การรบั เชอื้ ได้ ๔) เราสามารถปอ้ งกันตวั เองจากการติดเชอ้ื โดยไม่น่งั ใกล้ๆ กบั ผู้ที่มี เชื้อเอชไอวี (ผิด) เอชไอวีไม่สามารถติดต่อได้ทางอากาศ หรือจากการใช้ชีวิต ประจ�ำวนั ท่วั ไป ๕) เราสามารถเรยี นหนงั สอื และเลน่ กับเพอ่ื นทมี่ ีเช้อื เอชไอวีได้ (ถกู ) เพราะผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีก็เหมือนคนท่ัวไปเพียงแต่มีเชื้ออยู่ใน ตัว และไมส่ ามารถตดิ ต่อได้จากการใชช้ ีวติ ประจ�ำวัน ๖) การมีเชื้อเอชไอวีไม่ได้ท�ำให้เราเรียนหนังสือแย่ลง หรือท�ำงานได้ น้อยลง (ถกู ) การมเี ชอ้ื เอชไอวไี มไ่ ดท้ �ำใหค้ วามสามารถของเราลดลง คน ทมี่ เี ชอ้ื เอชไอวี ยงั สามารถท�ำอะไรไดเ้ หมอื นเดมิ และเหมอื น คนอนื่ ๆ ๗) การตดิ เชอื้ เอชไอวีเปน็ การเจ็บป่วยอยา่ งหนงึ่ ไม่ใชเ่ ร่ืองที่จะน�ำมา ล้อเลียนกัน (ถูก) หากเราไม่ได้ล้อคนที่เป็นหวัด เป็นเบาหวาน เป็นความดัน เราก็ไม่ควรล้อเลียนคนท่ีมีเชื้อเอชไอวีเช่นกัน เพราะคนท่ีมี เชื้อเอชไอวีกย็ ังใช้ชีวติ ไดต้ ามปกติเหมือนคนอน่ื ๆ 125

ขอ้ มูลประกอบสำ�หรับครู • เอชไอวี และเอดส์ ไม่เหมอื นกนั เอชไอวีเป็นไวรัส และเอดส์ คือ อาการของโรคที่เกิดจาก ภูมิคุม้ กนั บกพรอ่ ง • เอชไอวเี ปน็ เชอื้ ไวรสั ทที่ �ำใหภ้ มู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกายออ่ นแอ ความสามารถในการตอ่ สกู้ บั เชอื้ โรคและความเจบ็ ป่วยตา่ งๆ นอ้ ยลง และน�ำไปสเู่ อดส์ • เอดส์ คือ กลุ่มอาการของโรคท่ีเกิดจากภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง ไม่ สามารถจดั การกับเช้ือโรคตา่ งๆ ได้ ท�ำใหเ้ กิดการเจ็บป่วย และเราเรยี กรวมๆ วา่ โรคฉวย โอกาส ซง่ึ โรคฉวยโอกาสแต่ละโรคน้ีรักษาให้หายได้ แตโ่ รคฉวยโอกาสเหลา่ น้จี ะเกิดขนึ้ ได้ อกี กับผู้ตดิ เชื้อเอชไอวที ่ีไม่ไดร้ บั การรักษาดว้ ยยาตา้ นไวรัส • เอชไอวีป้องกนั ได้ และเอดสร์ กั ษาได้ • คนท่ีมีเชื้อเอชไอวีสามารถมีชีวิตยืนยาวได้เหมือนคนอื่นๆ หากได้รับการรักษาและดูแล สุขภาพตวั เอง • เราไมส่ ามารถบอกได้ว่าใครมเี ชอ้ื เอชไอวจี ากการมองภายนอก • เอชไอวี สามารถตดิ ตอ่ ได้ จาก ๑) การมเี พศสมั พันธ์โดยไม่ใชถ้ ุงยางอนามยั ๒) การใช้เข็ม ฉีดยาเสพตดิ ร่วมกัน และ ๓) จากแมท่ ม่ี เี ชื้อเอชไอวสี ่ลู ูก • เอชไอวไี ม่สามารถติดต่อได้จาก o การหอมแก้ม โอบกอด สมั ผัสรา่ งกาย จบั มอื o การกนิ อาหาร ดื่มนำ้� ใชห้ อ้ งนำ้� ใชเ้ ส้ือผ้าร่วมกนั o ยุง แมลง หรอื สตั ว์ o การไอ จาม นำ�้ ตา เหง่อื ๖. ครสู รปุ การเรยี นรวู้ า่ เชอ้ื เอชไอวไี มไ่ ดต้ ดิ ตอ่ กนั งา่ ยๆ และไมต่ ดิ ตอ่ จากการใชช้ วี ติ ประจ�ำวนั รว่ มกัน ดังน้ัน เราจงึ สามารถใชช้ วี ติ กับเพื่อนหรอื คนท่มี ีเชอื้ เอชไอวไี ดอ้ ย่างปกติ เมอ่ื เราโตข้นึ สิง่ ท่ีต้องตระหนักในเรื่องการป้องกนั การติดเชื้อเอชไอวี คือ เราควรใช้ถุงยางอนามยั ทุกครง้ั ในการมีเพศสัมพนั ธ์ 126

แผ่นกิจกรรม “เอชไอวี-เอดส”์ ใช่ ไม่ใช่ ๑. เราสามารถตดิ เช้อื เอชไอวีไดจ้ ากการดมื่ น้ำ� แกว้ เดยี วกันกับผ้ทู มี่ ีเช้อื เอชไอวี ๒. เราไม่สามารถบอกไดว้ ่า ใครมเี ชอ้ื เอชไอวีจากการดูลักษณะภายนอก ๓. การมีเพศสมั พันธ์โดยไมใ่ ช้ถุงยางอนามยั มีความเสยี่ งต่อการตดิ เชอ้ื เอชไอวี ๔. เราสามารถปอ้ งกันตัวเองจากการตดิ เช้ือ โดยไม่นัง่ ใกลๆ้ กบั ผูท้ ีม่ ีเชื้อเอชไอวี ๕. เราสามารถเรยี นหนงั สือ และเลน่ กับเพ่อื นท่ีมเี ชื้อเอชไอวไี ด้ ๖. การมีเชอ้ื เอชไอวไี ม่ได้ทำ�ให้เราเรยี นหนังสือแย่ลง หรือทำ�งานได้น้อยลง ๗. การตดิ เชื้อเอชไอวเี ป็นการเจบ็ ปว่ ยอย่างหน่งึ ไมใ่ ช่เร่อื งทจ่ี ะนำ�มาล้อเลียนกัน แผ่นกิจกรรม “เอชไอว-ี เอดส”์ ๑๐ ๑. เราสามารถตดิ เช้ือเอชไอวีไดจ้ ากการด่ืมนำ�้ แกว้ เดียวกันกบั ผ้ทู ่ีมเี ชื้อเอชไอวี ใช่ ไมใ่ ช่ ๒. เราไมส่ ามารถบอกได้ว่า ใครมเี ชือ้ เอชไอวจี ากการดลู ักษณะภายนอก ๓. การมีเพศสัมพนั ธ์โดยไมใ่ ช้ถงุ ยางอนามยั มคี วามเสย่ี งตอ่ การตดิ เชอื้ เอชไอวี ๔. เราสามารถปอ้ งกนั ตัวเองจากการติดเชื้อ โดยไมน่ ัง่ ใกลๆ้ กับผทู้ ่มี ีเชือ้ เอชไอวี ๕. เราสามารถเรียนหนงั สือ และเล่นกบั เพ่อื นทีม่ เี ช้ือเอชไอวไี ด้ ๖. การมีเช้ือเอชไอวไี มไ่ ดท้ ำ�ใหเ้ ราเรยี นหนงั สือแยล่ ง หรอื ทำ�งานไดน้ อ้ ยลง ๗. การตดิ เช้ือเอชไอวีเปน็ การเจบ็ ปว่ ยอย่างหนงึ่ ไม่ใชเ่ ร่ืองทจี่ ะนำ�มาล้อเลยี นกัน 127

เชอ้ื เอชไอวไี มต่ ดิ ต่อกัน ง่ายๆ และไม่ติดตอ่ จากการใช้ชีวติ ประจำ�วัน รว่ มกัน

แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๑ กแลลา้ ะคคดิดิ กกอ่ ลนา้ พบอูดก

แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ กลา้ คดิ กลา้ บอก และคิดก่อนพดู สาระสำ� คัญ การฝึกทักษะในการคดิ วเิ คราะห์ แยกแยะวา่ การกระท�ำแบบใดควรท�ำหรือ ไมค่ วรท�ำตอ่ ผอู้ นื่ การกลา้ เลอื กท�ำในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง และมวี ธิ กี ารสอ่ื สารกบั เพอื่ นในทาง บวก จะช่วยให้นักเรียนสามารถฝึกการยืนยันความถูกต้องและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วย ความเท่าเทยี ม วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑) แยกแยะและอธิบายไดว้ ่า สงิ่ ใดควรท�ำ-ไม่ควรท�ำกบั เพื่อน ๒) บอกผลกระทบที่อาจเกดิ ขึน้ จากการใชค้ �ำพดู ในทางลบกบั ผ้อู น่ื ๓) บอกความส�ำคัญของการสื่อสารในทางบวกและใช้เหตุผลในการอธิบาย ความคิดความรสู้ ึก แผนการเรยี นรนู้ ี้ ม่งุ สร้างเสรมิ คณุ ลักษณะและทกั ษะสำ� คัญ ดังน้ี Core Values Core Skills • การเห็นอกเห็นใจ เขา้ ใจคนอน่ื • การคิดวิเคราะห์ แยกแยะ • การรูแ้ ละเคารพสิทธิ • การส่อื สาร • ความมน่ั ใจในตนเอง • การยนื ยนั ความคิดเหน็ • ความเท่าเทียม • การประเมนิ ผลกระทบ • ความรบั ผิดชอบ • ส�ำนกึ พลเมอื ง 130

ระยะเวลา ๑๑ ๖๐ นาที (๑ คาบเรยี น) อุปกรณแ์ ละส่ือ เตรยี มเขยี นกรณศี กึ ษา ๒ เรอื่ งบนฟลปิ ชารท์ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดอ้ า่ นไปพรอ้ มๆ กนั ประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. สงั เกตความสนใจและการมสี ว่ นร่วมในการท�ำกิจกรรม ๒. สังเกตการตอบค�ำถามและการให้เหตผุ ล ขนั้ ตอนการจัดการเรียนรู้ ๑. บอกนักเรียนว่า กิจกรรมวันน้ี จะมีกรณีศึกษาให้นักเรียนวิเคราะห์ว่า นกั เรยี นมคี วามคดิ เหน็ อยา่ งไรตอ่ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในกรณศี กึ ษา และจะมวี ธิ ใี นการจดั การ อยา่ งไร ๒. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่มๆ ละ ๔ คน เพ่ือให้ช่วยกันแลกเปล่ียนใน ประเดน็ ค�ำถามทคี่ รจู ะถาม ๓. ครตู ิดกรณีศกึ ษาเรอ่ื งท่ี ๑ “เรือ่ งของใบบัวกับสงิ โต” บนกระดาน และขอ อาสาสมคั รอา่ นเรื่อง “ใบบวั ” เตรยี มไปวง่ิ ออกกำ� ลงั กายกบั “สงิ โต” ทส่ี นามกฬี า เมอื่ ไปถงึ สนาม มีเพ่ือนผู้ชายสองคนจากอีกโรงเรียนของสิงโตซ้อมเตะบอลกันอยู่ ท้ังสองคนชวน สิงโตใหไ้ ปเตะบอลกนั สงิ โตหนั มาทำ� ทา่ ถามใบบวั ใบบัวจงึ ตอบว่า “ได้ ฉนั เล่น ด้วย ฉันเล่นกบั พ่ชี ายบ่อยๆ” แตเ่ พือ่ นสิงโตพากันหัวเราะ และคนหนงึ่ กส็ วนขึ้น มาทันทีวา่ “เธอน่ะเหรอจะเตะบอล เธอเปน็ เด็กผหู้ ญงิ จะเลน่ บอลแบบผูช้ ายได้ ยงั ไง !” 131

๔. เมือ่ อา่ นจบ ครชู วนทวนเรอื่ งว่ามตี ัวละครใดบา้ ง และเกิดอะไรขึ้น จาก นนั้ ชวนนกั เรยี นคยุ ตามค�ำถามตอ่ ไปนที้ ลี ะค�ำถาม และกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันตอบ • นกั เรยี นคิดวา่ “ใบบวั ” รสู้ กึ อย่างไร ตอนเพอื่ นสิงโตบอกว่าเธอเลน่ บอลแบบผ้ชู ายไมไ่ ด้ • นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยกบั สง่ิ ทเ่ี พอื่ นสงิ โตพดู กบั ใบบวั หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด • นกั เรยี นคดิ วา่ “สงิ โต” ควรพดู หรอื ท�ำอะไรกบั เพอ่ื นสองคน เพอ่ื ท�ำให้ ใบบัวรู้สกึ ดีขนึ้ • “ใบบัว” ควรพูดกบั เด็กชายสองคนน้ันวา่ อะไร ๕. ครถู ามนกั เรียนว่า • เรอื่ งส�ำคญั ที่นกั เรยี นไดเ้ รยี นรจู้ ากเรือ่ ง “ใบบวั กับสิงโต” คอื อะไร รอฟังค�ำตอบ ๔-๕ คน ๖. ครูสรปุ ค�ำตอบนักเรียนและยำ�้ ประเดน็ ส�ำคัญว่า • ความเปน็ เพศ ไมว่ า่ หญงิ ชาย หรอื เพศทางเลอื กไมใ่ ชส่ ง่ิ ทจี่ ะก�ำหนด หรือตดั สนิ ว่าเราจะท�ำอะไรได้หรอื ไม่ได้ • ดงั นน้ั เราตอ้ งระวงั ทจ่ี ะไมพ่ ดู กบั คนอน่ื ๆ วา่ เขาหรอื เธอท�ำอะไรได/้ ไมไ่ ด้ เพียงเพราะเขาเป็นเพศนน้ั ๆ ๗. ครูตดิ กรณศี ึกษาเรอื่ งท่ี ๒ - เรื่องของแดนกับเตเต้บนกระดาน และขอ อาสาสมัครอา่ นเรื่อง “แดน” กับ “เตเต้” ก�ำลงั นงั่ คุยกนั อยูข่ ้างสนามฟตุ บอล ขณะท่ี “โฟน” เพ่ือนในห้องอีกคนเดินถือขนมเข้ามาหา ท้ังแดนและเตเต้รู้ว่าแม่ของโฟนมี เชื้อเอชไอวี เมื่อโฟนเดินเข้ามาและชวนทั้งสองคนกินขนม แดนก็พูดเสียงดังว่า “เฮ้ย เตเต้ อย่ากินนะโวย้ เดี๋ยวจะติดเอดส”์ 132

๘. เม่ืออ่านจบ ครูชวนทบทวนเร่ืองว่ามีตัวละครใดบ้าง และเกิดอะไรข้ึน ๑๑ จากนนั้ ชวนนกั เรยี นคยุ ตามค�ำถามตอ่ ไปนท้ี ลี ะค�ำถาม และกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะ กล่มุ ช่วยกนั ตอบ • นักเรยี นคดิ วา่ “โฟน” รสู้ ึกอย่างไรกับสิ่งที่ “แดน” พูด เพราะเหตุใด • นักเรยี นคดิ วา่ “เตเต้” ควรจะพดู หรอื ท�ำอะไรกบั “โฟน” เพอื่ ชว่ ยให้ โฟนร้สู ึกดขี น้ึ • นกั เรยี นคดิ วา่ หาก “เตเต”้ ท�ำ หรอื พดู อะไรเสรมิ จากแดนทจี่ ะท�ำให้ “โฟน” รู้สกึ แยก่ วา่ น้ี • หากนักเรยี นเปน็ “เตเต”้ นกั เรยี นจะบอก “แดน” วา่ อะไร เพอ่ื ให้ แดนรูว้ ่าไมค่ วรพูดแบบนน้ั กับโฟนหรือใครอีก ๙. ครูถามนกั เรยี นว่า • เร่อื งส�ำคญั ทนี่ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้จากเรือ่ ง “แดน-เตเต้-โฟน” คอื อะไร รอฟังค�ำตอบ ๔-๕ คน ๑๐. ครูสรุปค�ำตอบนกั เรียนและยำ้� ประเดน็ ส�ำคัญวา่ • พวกเราไดเ้ รยี นเรอ่ื งเอดสม์ าแลว้ วา่ เราไมส่ ามารถตดิ เชอื้ เอชไอวไี ด้ จากการกนิ ขนมด้วยกนั หรอื การพดู คุยกัน • นอกจากนัน้ ในกรณีน้ี เรารู้เพยี งว่าแม่ของโฟนติดเชอ้ื แตเ่ ราไม่รวู้ า่ โฟนติดเชอ้ื หรือไม่ แตไ่ มว่ ่าโฟนจะติดเชื้อหรอื ไม่ เราก็ยังเป็นเพือ่ น โฟนได้ • การติดเชื้อเอชไอวีก็เหมือนการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องน�ำมา ล้อเลน่ หรอื ลอ้ เลยี นกนั 133

๑๑. ครูชวนนักเรียนสรุปการเรียนรู้วันนี้ โดยใช้ค�ำถามน�ำไปสู่การสรุป รว่ มกัน ดงั นี้ • สง่ิ ท่เี ราควรค�ำนึงถึงก่อนทจ่ี ะพูดออกไป คอื เร่อื งอะไรบ้าง • หากมีคนมาพดู บางอยา่ งท่ที �ำใหเ้ รารสู้ ึกไม่ดี ไมถ่ กู ตอ้ ง ท�ำให้เรา กงั วลใจ เสยี ใจ หวาดกลวั เราจะท�ำอยา่ งไร • หากเรารู้ว่าสิ่งท่ีเราพดู เป็นสิ่งทไี่ ม่ถกู ตอ้ ง หรือท�ำให้เพ่ือนรสู้ กึ ไมด่ ี สง่ิ ทีเ่ ราควรท�ำคอื อะไร • หากเราอยู่ในเหตุการณ์ หรือพบเห็นการพูดหรือปฏิบัติท่ีไม่ดีต่อผู้ อน่ื ที่เรารสู้ กึ ไม่ถกู ตอ้ ง เราจะท�ำอะไรไดบ้ า้ ง ประเด็นสรุป • เป็นเรื่องส�ำคัญมากที่เราควรจะคิดก่อนที่จะพูดอะไรออกไป และ พูดอย่างไร และที่ต้องคิดให้มากคือ สิ่งท่ีพูดจะท�ำให้อีกฝ่ายหนึ่ง รูส้ กึ อยา่ งไร • หากเรารูว้ า่ สงิ่ ทเ่ี ราพดู เป็นส่งิ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง หรือท�ำให้เพือ่ นรู้สกึ ไม่ดี เราควรขอโทษเพอื่ น • หากเราอยู่ในเหตุการณ์ หรือพบเห็นการพูดหรือปฏิบัติที่ไม่ดีต่อ ผ้อู น่ื ท่เี รารูส้ ึกไมถ่ ูกตอ้ ง เราควรบอกหรอื อธิบายดว้ ยวธิ ที ีน่ ุม่ นวล และใชเ้ หตผุ ล หรอื หากเรารสู้ กึ ไมด่ แี ตไ่ มก่ ลา้ บอก ควรเลา่ ใหผ้ ใู้ หญ่ ทเ่ี ราไวใ้ จฟัง เพือ่ หาวธิ ีจดั การ • หากมีคนมาพดู บางอย่างทท่ี �ำให้เรารู้สึกไม่ดี ไมถ่ กู ต้อง ท�ำใหเ้ รา กังวลใจ เสียใจ หวาดกลวั เราควรปรกึ ษาผใู้ หญ่ที่เราไวใ้ จ 134

แผนการเรยี นรู้ที่ ๑๒ ยนิ ยอม พร้อมใจ

แผนการเรยี นรู้ที่ ๑๒ ยนิ ยอม พรอ้ มใจ สาระสำ� คญั แต่ละคนมีสิทธิในส่ิงท่ีเราเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อตัวร่างกาย สิ่งของ หรือการตัดสนิ ใจ คนอน่ื จะมาละเมดิ ไมไ่ ด้ ในทางกลับกัน เราก็ตอ้ งเคารพสทิ ธขิ อง คนอ่ืนเช่นกัน เราไม่ควรท�ำอะไรกับสิ่งของของคนอื่นโดยท่ีเจ้าของยังไม่ได้ยินยอม หรืออนุญาตให้ท�ำได้ หรือหากเจ้าของปฏิเสธ เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เช่นกัน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑) เขา้ ใจวา่ แต่ละคนมีสทิ ธิทีจ่ ะท�ำอะไรกบั สิ่งท่ตี ัวเองเป็นเจา้ ของได้ และ เราตอ้ งเคารพสทิ ธนิ ั้น ๒) อธบิ ายไดว้ า่ เหตุใดเราจงึ ไม่ควรท�ำอะไรกบั ส่ิงของคนอื่น โดยท่ีเจ้าตวั / เจา้ ของยังไมไ่ ดเ้ อ่ยปากอนุญาต ๓) แสดงให้เหน็ ว่า เราเห็นต่างกันไดแ้ ตต่ ้องเคารพกนั และกนั 136

แผนการเรยี นรนู้ ้ี มงุ่ สร้างเสรมิ คณุ ลกั ษณะและทักษะส�ำคญั ดงั นี้ Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเหน็ คุณค่าตนเอง • การรจู้ ักตนเอง • การรแู้ ละเคารพสิทธิ • การตัดสินใจ • การเขา้ ใจคนอ่ืน • การสื่อสาร • ความรบั ผิดชอบ • การคิด วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ • การไมเ่ อาเปรียบผู้อ่นื • การควบคมุ จดั การตนเอง ระยะเวลา ๖๐ นาที (๑ คาบเรยี น) อุปกรณแ์ ละสอื่ กรณตี ัวอยา่ ง ๔ กรณี พิมพ์บนกระดาษ A4 ประเมินผลการเรียนรู้ ๑๒ ๑. สงั เกตความสนใจและการมีส่วนรว่ มในการท�ำกิจกรรม ๒. สังเกตการแสดงเหตผุ ลในการตอบค�ำถามหรือแสดงความคิดเห็น   ขั้นตอนการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครชู แ้ี จงวา่ วนั นเ้ี ราจะมาเรยี นรเู้ รอื่ งการยนิ ยอมพรอ้ มใจ และการเคารพ ความคิดเห็นของผ้อู ่นื ๒. ครูมีเร่ืองมาเล่า ๔ เร่ือง และอยากให้นักเรียนช่วยกันแสดงความเห็น ต่อแต่ละเรื่อง และแจกเรอื่ งเลา่ ใหท้ กุ คน ๓. ขออาสาสมัคร ๔ คนเปน็ คนอา่ นเรื่องให้เพ่ือนฟงั เมื่อไดแ้ ล้ว ให้คนท่ี ๑ ออกมาหน้าหอ้ ง และอา่ นเรื่องท่ี ๑ “พ่ตี ้นกับนอ้ งเตย” ใหเ้ พ่ือนๆ ฟัง ดังน้ี 137

พี่ต้นซ้ือลกู ชิน้ ปง้ิ เจา้ อรอ่ ยมา ๕ ไมว้ างไว้บนโต๊ะกนิ ข้าว แลว้ ขึ้นไปอาบน้ำ� น้องเตยกลับจากโรงเรียนเห็นลูกชิน้ วางอยเู่ ลยหยิบไปกนิ ๑ ไม้ แล้วกะวา่ จะบอกพ่ี ตน้ วา่ ขอกนิ ตอนพตี่ น้ อาบนำ้� เสรจ็ แตพ่ อพตี่ น้ มาเหน็ วา่ ลกู ชนิ้ หายไป ๑ ไมก้ ร็ สู้ กึ .... • ครูขอบคุณอาสาสมัคร และถามนักเรียนว่า ถ้านักเรียนเป็น “ต้น” นกั เรียนรสู้ ึกอยา่ งไร เพราะอะไร o ครูกระตุ้นให้นักเรียนท่ีเห็นแตกต่างตอบ โดยย้�ำว่าไม่มีผิดมีถูก เพอื่ ใหเ้ หน็ ว่า “ต้น” มไี ด้หลายแบบ o เขยี นคำ� ตอบของนักเรียนบนกระดาน ตวั อยา่ งค�ำตอบ เชน่ § รูส้ ึกโกรธ ทีเ่ ตยมากนิ โดยไม่ขออนญุ าต § ไมพ่ อใจเตย แต่เหน็ วา่ เปน็ น้อง § หงุดหงดิ เตย แต่กด็ ที ีก่ ินไปแคไ่ มเ้ ดยี ว § ไมว่ า่ อะไร กต็ ง้ั ใจจะซอื้ มาแบง่ กันกินกบั น้อง § ฯลฯ • ชวนนกั เรยี นดวู า่ เหตกุ ารณแ์ บบเดยี วกนั เราอาจมี “ตน้ ” หลายแบบ ทร่ี สู้ ึกแตกต่างกัน มที ้ังต้นท่ีโกรธ ไมพ่ อใจ ไมเ่ ป็นไร และในความ เปน็ จริงอาจจะมี “ต้น” อกี หลายๆ แบบ ๔. ขออาสาสมัครคนที่ ๒ อา่ นเรื่องท่ี ๒ “บอยกับโต” ดงั น้ี บอยซื้อน�ำ้ ผลไมป้ ัน่ มา ๑ แก้ว เดินมาทโ่ี ตะ๊ ทีโ่ ตเพอ่ื นสนิทนั่งกนิ ข้าวอยู่ จึงชวนโตว่าชิมนำ้� น่ไี หม บอยวางแกว้ น้ำ� ไวบ้ นโตะ๊ แล้วเดินไปซอื้ ข้าวเพอ่ื กลบั มา น่ังกินข้าวกับโต โตกินข้าวเสร็จพอดี จึงหยิบน้�ำปั่นของบอยมากินจนเกือบหมด แก้ว เมื่อบอยกลับมาเห็นว่า โตกินน้ำ� ทีต่ วั เองซ้ือมาจนเกอื บหมด จงึ ร้สู ึก.... 138

• ครูขอบคณุ อาสาสมัคร และถามนักเรียนว่า ถ้านักเรียนเปน็ “บอย” ๑๒ นกั เรียนรสู้ ึกอยา่ งไร เพราะอะไร o ครูกระตุ้นให้นักเรียนท่ีเห็นแตกต่างตอบ โดยย�้ำว่าไม่มีผิดมีถูก เพอื่ ให้เหน็ วา่ “บอย” มไี ดห้ ลายแบบ o เขียนค�ำตอบของนักเรียนบนกระดาน เม่ือได้ค�ำตอบที่หลาก หลายจ�ำนวนหนงึ่ แลว้ ชวนนกั เรยี นดวู า่ เรามี “บอย” หลายแบบ เชน่ กนั ๕. ขออาสาสมคั รคนที่ ๓ อ่านเร่อื งที่ ๓ “อ้อมกบั ออย” ดังนี้ ออ้ มกบั ออยสนทิ กนั มาก แบง่ ของกนั ใชเ้ สมอๆ วนั หนงึ่ นง่ั ท�ำการบา้ นอยู่ ดว้ ยกนั หลังเลกิ เรยี น ออ้ มลืมเอายางลบมา จึงขอยืมออย ออยบอกว่า ยางลบอยู่ ในกล่องดนิ สอในกระเป๋า ใหอ้ อ้ มหยิบไดเ้ ลย วนั ตอ่ มา ระหวา่ งนงั่ ท�ำการบา้ นดว้ ยกนั ออยลกุ ไปเขา้ หอ้ งนำ�้ สกั พกั ออ้ ม ได้ยินเสียงโทรศัพท์ออยในกระเป๋าดังหลายครั้ง จึงเปิดกระเป๋าออยเพ่ือหยิบ โทรศพั ทม์ ารับ ออยเดนิ กลบั มาเห็นออ้ มก�ำลงั เปิดกระเป๋าตัวเองพอดี ออยรู้สึก... • ครขู อบคณุ อาสาสมัคร และถามนักเรยี นว่า ถา้ นกั เรียนเปน็ “ออย” นกั เรยี นรู้สกึ อยา่ งไร เพราะอะไร o ครูกระตุ้นให้นักเรียนที่เห็นแตกต่างตอบ โดยย้�ำว่าไม่มีผิดมีถูก เพื่อให้เห็นวา่ “ออย” มีได้หลายแบบ o เขียนค�ำตอบของนักเรียนบนกระดาน เม่ือได้ค�ำตอบท่ีหลาก หลายจ�ำนวนหน่ึงแล้ว ชใ้ี หน้ กั เรยี นเห็นว่า เรามี “ออย” หลาย แบบ เชน่ กนั 139

๖. ขออาสาสมคั รคนที่ ๔ อ่านเร่อื งท่ี ๔ “แกม้ กบั โก”้ ดังนี้ วนั นว้ี นั เกดิ แกม้ พอ่ ใหจ้ กั รยานคนั ใหมเ่ ปน็ ของขวญั แกม้ แกะหอ่ จกั รยาน เตรียมจะไปข่ีเล่น พอดีเสียงโทรศัพท์ดังแก้มจึงไปรับ ปรากฏเป็นเพ่ือนโทรมา อวยพรวนั เกดิ และคยุ กนั ตอ่ พกั ใหญ่ ระหวา่ งนน้ั โกก้ ลบั จากโรงเรยี น เหน็ จกั รยาน คันใหม่จอดอยู่ ถามแม่ว่าของใคร แม่บอกว่าเป็นของขวัญวันเกิดพ่ีแก้ม โก้วาง กระเปา๋ ตะโกนบอกพแี่ กม้ วา่ ขอยมื ไปขหี่ นอ่ ย แลว้ กเ็ อาจกั รยานออกไปขี่ หลงั จาก แก้มวางโทรศพั ท์เพอื่ น ออกมาไม่เจอจักรยานกเ็ รมิ่ หงดุ หงดิ เมอ่ื เห็นโก้ข่ีจกั รยาน ตัวเองเข้าบ้านมา และโก้บอกว่า ตะก้ีโก้ตะโกนบอกพี่แก้มแล้วว่าขอยืม ถามแม่ ก็ได้ แก้มรสู้ ึก... • ครขู อบคณุ อาสาสมคั ร และถามนกั เรียนว่า ถา้ นกั เรยี นเป็น “แกม้ ” นกั เรียนรูส้ กึ อยา่ งไร เพราะอะไร o ครูกระตุ้นให้นักเรียนท่ีเห็นแตกต่างตอบ โดยย�้ำว่าไม่มีผิดมีถูก เพ่ือใหเ้ หน็ ว่า “แก้ม” มีได้หลายแบบ o เขียนค�ำตอบของนักเรียนบนกระดาน เม่ือได้ค�ำตอบท่ีหลาก หลายจ�ำนวนหนึง่ แลว้ ชี้ใหน้ กั เรียนเหน็ ว่า เรามี “แก้ม” หลาย แบบ เชน่ กัน ๗. เมอื่ ครบทั้ง ๔ เร่อื ง ให้นกั เรียนทวนวา่ แตล่ ะเรือ่ ง ใครท�ำอะไร ๘. ครชู วนนักเรยี นอภปิ รายดงั น้ี • ทัง้ ส่ีกรณีน้ี มอี ะไรท่ีเหมือนกนั และมอี ะไรที่ต่างกนั § กรณี “พ่ีต้นกับน้องเตย” เตยหยิบลูกชิ้นของพ่ีต้นกินโดยไม่ขอ อนุญาต § กรณี “บอยกับโต” เป็นเพอื่ นสนทิ กนั บอยชวนใหโ้ ตชมิ น้ำ� ผลไม้ ปั่น แต่โตกนิ จนเกือบหมดแก้ว 140

§ กรณี “อ้อมกบั ออย” เป็นเพือ่ นสนทิ กัน เคยใชข้ องร่วมกนั เสมอๆ ๑๒ ออยเคยบอกใหอ้ อ้ มหยบิ ยางลบในกระเปา๋ ไดเ้ อง ออ้ มเลยคดิ วา่ นา่ จะหยบิ โทรศพั ท์ไดเ้ หมอื นกัน § กรณี “แก้มกับโก้” โก้เอาจักรยานของแก้มไปขี่ โดยบอกว่า ได้ ตะโกนขอยมื แล้วระหว่างทแี่ ก้มคุยโทรศัพทก์ ับเพ่อื น • เราคุยกนั เรือ่ ง “ความรสู้ ึก” ไปแลว้ ว่า ต้น บอย ออย แกม้ อาจจะรู้สึก อย่างไรไดบ้ า้ ง และเราพบวา่ อาจมีความรู้สึกไดห้ ลายๆ แบบ • ตอนน้ี เราจะลองชวนกันคยุ เรื่อง “สทิ ธิ” ครชู วนถามทลี ะกรณี ดงั น้ี • “ตน้ ” มสี ทิ ธโิ กรธ “นอ้ งเตย” หรือไม่ เพราะเหตุใด ครูฟังค�ำตอบก่อน แล้วจงึ สรปุ ใหเ้ หน็ ดังน้ี o เปน็ สิทธิของตน้ เพราะตน้ เปน็ คนซอ้ื ลกู ชน้ิ ปงิ้ มา o การเปน็ นอ้ งไมไ่ ดแ้ สดงวา่ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะกนิ อะไรกไ็ ดข้ องคนทเี่ ปน็ พี่ o ความตง้ั ใจของเตยวา่ จะขออนญุ าต ไมม่ ผี ลใดๆ การขออนญุ าต ต้องมีการเอ่ยปากขอกับเจ้าของ และเจ้าของตอบอนุญาตก่อน จึงจะสามารถท�ำได้ (กรณนี ี้ เตยกนิ ลกู ชนิ้ ปง้ิ ไปกอ่ นทจี่ ะขออนญุ าต แมว้ า่ ตง้ั ใจวา่ จะขอ) • “บอย” มสี ิทธโิ กรธ “โต” หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ครฟู ังค�ำตอบก่อน แลว้ จงึ สรุปให้เห็น ดังนี้ o เปน็ สทิ ธขิ องบอย เพราะบอยชวนโต “ชมิ ” แตโ่ ตกนิ จนเกอื บหมด แก้ว o การเปน็ เพ่ือนสนิทไม่ไดแ้ สดงว่าจะท�ำอะไรก็ได้ o การอนญุ าตใหช้ มิ ตา่ งจากการบอกวา่ ใหก้ นิ เทา่ ไรกไ็ ด้ หรอื กนิ ให้ หมดเลย เราไมค่ วรตคี วามเองตามความเข้าใจของตัวเอง o หากโตชมิ แลว้ รสู้ กึ อรอ่ ย อยากกนิ อกี ควรรอใหบ้ อยกลบั มา แลว้ ขออนุญาตบอยว่า ขอกนิ อีกหนอ่ ยได้หรอื ไม่ 141

o ท้งั นี้ หากบอยบอกวา่ ไมไ่ ด้ โตก็ตอ้ งเคารพค�ำตอบนน้ั และไม่ กินน้�ำของบอยอีก รวมท้ังไม่ควรคิดว่า บอยขี้เหนียว หรือไม่มี น้ำ� ใจท่ไี ม่ใหต้ วั เองกนิ อกี เพราะบอยแค่อยากให้โตชมิ ไมไ่ ดซ้ ้อื มาใหโ้ ตกนิ • “ออย” มีสิทธโิ กรธ “ออ้ ม” หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ครฟู ังค�ำตอบกอ่ น แล้วจึงสรปุ ใหเ้ ห็น ดงั นี้ o เปน็ สิทธิของออย เพราะกระเปา๋ และของในกระเปา๋ เปน็ ของออย หากออยไมอ่ นญุ าตใหใ้ ครเปดิ กไ็ มม่ ใี ครท�ำได้ แมว้ า่ จะเปน็ เพอ่ื น สนิทกนั o การท่ีออยเคยอนุญาตให้อ้อมเปิดกระเป๋าหยิบยางลบในกล่อง ดนิ สอไมไ่ ดแ้ ปลวา่ ออยอนญุ าตใหอ้ อ้ มเปดิ กระเปา๋ หยบิ อะไรกไ็ ด้ ตลอดไป o แมจ้ ะเปน็ เพอื่ นสนทิ กนั และเพอ่ื นเคยบอกวา่ ใหเ้ ปดิ กระเปา๋ หยบิ อะไรได้ เราคดิ เองไม่ไดว้ า่ ยงั ไงเพอ่ื นกจ็ ะอนญุ าต เราจึงต้องขอ อนุญาตทกุ ครัง้ หากจะหยิบของในกระเปา๋ • “แกม้ ” มีสิทธโิ กรธ “โก้” หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ครฟู ังค�ำตอบกอ่ น แลว้ จึงสรปุ ให้เหน็ ดังนี้ o เป็นสทิ ธขิ องแก้ม เพราะจักรยานเป็นของแกม้ o โก้ แมจ้ ะเปน็ น้อง แตก่ ไ็ มม่ ีสทิ ธทิ ี่จะเอาจักรยานพไ่ี ป โดยไมข่ อ อนุญาต o แมโ้ กจ้ ะบอกว่า ตะโกนขอยืมกับแกม้ แลว้ แต่การทแ่ี กม้ ยงั ไม่ได้ ตอบอนญุ าต โกก้ ็ไม่มสี ทิ ธิทจ่ี ะเอาจักรยานไปขี่ เพยี งเพราะตวั เองได้พดู ขอยืมแลว้ o การขออนุญาต โดยที่ผู้ที่เป็นเจ้าของไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ ไม่ถือ เปน็ การขออนญุ าต 142

o การขออนญุ าต แปลวา่ การที่เราบอกกบั คนท่เี ป็นเจ้าของ และ ๑๒ เจ้าของได้ตอบอนญุ าตกอ่ นเทา่ น้ัน เราจึงจะท�ำได้ ๙. ครูสรุปประเด็นส�ำคัญ ดงั นี้ • ทัง้ ๔ กรณีน้ีแสดงถงึ การกระท�ำโดยพลการกบั สิง่ ของคนอื่น โดยท่ี ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของ หรือเจ้าของยังไมไ่ ด้บอกอนุญาตให้ท�ำ ซ่งึ เปน็ สงิ่ ทไ่ี มค่ วรท�ำ เพราะเราตอ้ งเคารพสทิ ธใิ นความเปน็ เจา้ ของของ คนๆ นนั้ • ในขณะเดียวกัน หากเราขอแลว้ เจา้ ของไม่ยินยอม เรากต็ อ้ งเคารพ ในค�ำตอบของคนทีเ่ ปน็ เจา้ ของ ไม่ว่าเราจะร้สู กึ อย่างไรกต็ าม สิ่งท่ี เราต้องเห็นและยอมรบั คือ คนท่เี ป็นเจา้ ของมีสิทธิจะอนญุ าตหรือ ไม่อนญุ าตก็ได้ เชน่ o เตยขอกินลูกช้นิ ปิง้ พ่ีต้นบอกวา่ ไมไ่ ด้ เตยก็ต้องเคารพสทิ ธิของ พต่ี น้ (เพราะพ่ีต้นอาจมเี หตุผลที่เราไมร่ ู้) o โตขอกินน้�ำอีก แล้วบอยไม่ให้ โตก็ต้องเคารพในความต้องการ ของบอย o อ้อมควรเข้าใจและเคารพว่า ออยมีสิทธิที่จะไม่ชอบ และไม่ให้ ใครมาเปดิ กระเปา๋ โดยทอี่ อยไมไ่ ดอ้ นญุ าต แมว้ า่ ออ้ มจะเปน็ เพอื่ น สนิท หรือออยเคยให้อ้อมหยบิ ของ o โก้ควรเคารพ หากแกม้ จะไมใ่ ห้โกข้ ี่จักรยานคันใหม่ • ทุกเรื่องที่เป็นของของคนอ่ืน เราต้องเคารพสิทธิในการเป็นเจ้าของ ของคนๆ นน้ั การไมข่ ออนญุ าต ไมถ่ ามกอ่ น สะทอ้ นถงึ การไมเ่ คารพ สิทธิ และพื้นท่ีส่วนตัวของคนอื่น เราอาจจะมีความเห็นท่ีแตกต่าง แตเ่ ราไม่มสี ิทธทิ ี่จะละเมิดสทิ ธคิ นอ่นื ในทางกลับกัน เราก็อยากให้ คนอ่ืนขออนญุ าตเรากอ่ น หากเปน็ ของของเรา 143

๑๐. ถามนกั เรียนวา่ นักเรียนเคยมีประสบการณอ์ ะไรทีค่ ล้ายกบั ท้ัง ๔ กรณี นีห้ รอื ไม่ อยา่ งไร ขอให้นกั เรียนชว่ ยเล่าประสบการณ์ ๑๑. ชวนนกั เรียนสรุป โดยใช้ค�ำถามต่อไปน้ี •þ หากเราอยากใช้ปากกาของเพ่ือนท่ีวางอยู่บนโต๊ะ เราควรท�ำอะไร และไมค่ วรท�ำอะไร • หากเราชวนเพ่ือนไปเล่นบาส เพ่อื นบอกวา่ ไม่อยากเล่น เราควรท�ำ อะไร และไม่ควรท�ำอะไร • หากรวู้ า่ เพอื่ นไมช่ อบถกู ลอ้ เลยี น เราควรท�ำอะไร และไมค่ วรท�ำอะไร •þ หากเพอื่ นในกลมุ่ คยุ กนั ว่า จะซือ้ รองเท้าผา้ ใบแบบเดียวกันใส่ แต่มี เพอื่ นคนหนงึ่ ไมอ่ ยากไดแ้ บบนนั้ เราควรท�ำอะไร และไมค่ วรท�ำอะไร • หากมคี นมาจบั มอื เราโดยไมข่ อ และเราไมช่ อบ เราควรท�ำอะไร และ ไมค่ วรท�ำอะไร • หากมีคนบังคับให้เราท�ำอะไรที่เราไม่ชอบ เราควรท�ำอะไร และไม่ ควรท�ำอะไร ๑๒. ครูย�ำ้ วา่ ทุกคนมสี ิทธใิ นส่งิ ท่ีตนเองเป็นเจา้ ของ มีสทิ ธิบอกและยนื ยัน ความต้องการ และความยินยอมพร้อมใจของตนเอง ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ ละเมิดสิทธิของคนอน่ื ตอ้ งเคารพความตอ้ งการ หากไม่แน่ใจวา่ อีกฝา่ ยรสู้ ึกอยา่ งไร เราควรถามเพ่ือความแน่ใจ ไม่ควรคิดและตดั สินใจเอง 144

เรอ่ื งเลา่ เร่ืองที่ ๑ “พี่ตน้ กับนอ้ งเตย” พ่ีตน้ ซอ้ื ลกู ชิน้ ปง้ิ เจา้ อรอ่ ยมา ๕ ไม้วางไวบ้ นโตะ๊ กนิ ข้าว แลว้ ขึน้ ไปอาบน้�ำ นอ้ งเตย กลบั จากโรงเรียนเห็นลูกชน้ิ วางอยู่เลยหยิบไปกิน ๑ ไม้ แล้วกะว่าจะบอกพต่ี ้นว่าขอกินตอนพ่ี ตน้ อาบน้�ำเสรจ็ แตพ่ อพ่ตี ้นมาเห็นว่าลูกชิ้นหายไป ๑ ไม้กร็ ูส้ ึก.... เรือ่ งที่ ๒ “บอยกับโต” บอยซ้ือน�ำ้ ผลไม้ปน่ั มา ๑ แก้ว เดินมาทีโ่ ตะ๊ ที่โตเพือ่ นสนิทนัง่ กินข้าวอยู่ จึงชวนโตวา่ ชมิ นำ�้ นไ่ี หม บอยวางแก้วน�้ำไว้บนโต๊ะ แล้วเดนิ ไปซื้อขา้ วเพอื่ กลบั มานง่ั กนิ ขา้ วกบั โต โตกินข้าว เสรจ็ พอดี จงึ หยบิ น้�ำป่นั ของบอยมากนิ จนเกอื บหมดแก้ว เมอื่ บอยกลบั มาเหน็ วา่ โตกนิ น�้ำท่ตี วั เองซอ้ื มาจนเกอื บหมด จงึ รู้สกึ .... เรอื่ งที่ ๓ “อ้อมกบั ออย” ๑๒ อ้อมกับออยสนิทกนั มาก แบง่ ของกันใช้เสมอๆ วันหนง่ึ น่ังท�ำการบา้ นอย่ดู ้วยกนั หลงั เลกิ เรยี น อ้อมลมื เอายางลบมา จึงขอยืมออย ออยบอกว่า ยางลบอยูใ่ นกล่องดนิ สอใน กระเปา๋ ให้ออ้ มหยบิ ไดเ้ ลย วนั ตอ่ มา ระหว่างนัง่ ท�ำการบ้านดว้ ยกัน ออยลกุ ไปเขา้ หอ้ งน้ำ� สักพกั อ้อมไดย้ นิ เสยี ง โทรศัพท์ออยในกระเป๋าดังหลายคร้ัง จึงเปดิ กระเป๋าออยเพอ่ื หยบิ โทรศัพท์มารบั ออยเดินกลับ มาเห็นอ้อมก�ำลงั เปดิ กระเปา๋ ตวั เองพอดี ออยร้สู กึ ... 145

เรอ่ื งท่ี ๔ “แกม้ กับโก้” วันนีว้ ันเกิดแก้ม พอ่ ใหจ้ ักรยานคนั ใหม่เป็นของขวญั แกม้ แกะห่อจักรยานเตรยี มจะ ไปขเี่ ลน่ พอดเี สยี งโทรศพั ทด์ งั แกม้ จงึ ไปรบั ปรากฏเปน็ เพอ่ื นโทรมาอวยพรวนั เกดิ และคยุ กนั ตอ่ พกั ใหญ่ ระหวา่ งนนั้ โกก้ ลับจากโรงเรยี น เห็นจกั รยานคันใหมจ่ อดอยู่ ถามแม่วา่ ของใคร แม่ บอกวา่ เปน็ ของขวญั วนั เกดิ พแ่ี กม้ โกว้ างกระเปา๋ ตะโกนบอกพแ่ี กม้ วา่ ขอยมื ไปขหี่ นอ่ ย แลว้ กเ็ อา จกั รยานออกไปข่ี หลงั จากแกม้ วางโทรศพั ทเ์ พอ่ื น ออกมาไมเ่ จอจกั รยานกเ็ รม่ิ หงดุ หงดิ เมอ่ื เหน็ โกข้ จี่ กั รยานตวั เองเขา้ บา้ นมา และโกบ้ อกวา่ ตะกโ้ี กต้ ะโกนบอกพแ่ี กม้ แลว้ วา่ ขอยมื ถามแมก่ ไ็ ด้ แกม้ รู้สกึ ... 146

แผนการเรียนรู้ที่ ๑๓ ชายสีฟา้ หญิงสีชมพู ?

แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๑๓ ชายสฟี ้า หญิงสชี มพู ? สาระส�ำคัญ การเรยี นรบู้ ทบาทและความคาดหวงั ทแ่ี ตกตา่ งกนั ตอ่ หญงิ ชาย ซง่ึ หลายเรอ่ื ง สะทอ้ นถงึ ความไมเ่ ทา่ เทยี ม และจ�ำกดั โอกาสของหญงิ และชาย ลว้ นเปน็ การก�ำหนด โดยสังคมวัฒนธรรม ไม่ใช่เร่ืองธรรมชาติ และสามารถเปล่ียนแปลงได้ โดยเฉพาะ เรอ่ื งท่กี ่อให้เกิดความไม่เทา่ เทียม เราตอ้ งชว่ ยกนั เปลี่ยน วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ ๑) เปรียบเทยี บการปฏบิ ัตติ อ่ หญิงและชายที่แตกตา่ งกัน และผลกระทบ ๒) บอกความรู้สึกต่อการปฏิบตั ิตอ่ หญงิ ชายท่ีแตกต่างกนั ๓) บอกข้อเสนอในการปฏิบัตติ ่อหญงิ ชายอยา่ งเทา่ เทียม แผนการเรียนร้นู ี้ มุง่ สร้างเสรมิ คณุ ลกั ษณะและทกั ษะสำ� คัญ ดังนี้ Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเหน็ คุณคา่ ตัวเอง • การรจู้ ักตนเอง • การรู้และเคารพสทิ ธิ • การคิด วเิ คราะห์ แยกแยะ • ความมน่ั ใจในตวั เอง • การเทา่ ทนั สื่อ • ความเท่าเทียม • การไม่เอาเปรียบผูอ้ ื่น 148


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook