ระยะเวลา ๑๓ ๔๐ นาที อุปกรณแ์ ละสือ่ • ป้ายเห็นด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ย ไม่แนใ่ จ • ตวั อยา่ งภาพทแ่ี สดงถงึ ลกั ษณะหญงิ ชายตามความคาดหวงั ของสงั คมทเี่ รา คนุ้ เคย และภาพหญงิ ชายทแ่ี ตกตา่ งจากบทบาทหรอื สงิ่ ทส่ี งั คมคาดหวงั (หากสามารถ เตรยี มภาพลกั ษณะเดียวกนั ของท้ังหญงิ / ชาย / เพศทางเลอื ก จะช่วยใหเ้ หน็ ภาพ เปรยี บเทียบถงึ ความหลากหลายของแต่ละเพศมากกวา่ ท่สี งั คมคาดหวงั หรือภาพที่ เราคนุ้ เคย) ประเมินผลการเรียนรู้ ๑. สังเกตความสนใจและการมีสว่ นรว่ มในการท�ำกิจกรรม ๒. สังเกตการตอบค�ำถามและการให้เหตผุ ล ขั้นตอนการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครูบอกว่า วันน้ีเราจะลองส�ำรวจการปฏิบัติต่อหญิงชายว่าเหมือนหรือ แตกต่างกนั อย่างไร และการปฏบิ ตั ทิ ีแ่ ตกตา่ งส่งผลอยา่ งไรบา้ ง ๒. ครูชวนนกั เรียนคุยว่า พวกเราคงถูกสอนถกู บอกมาใช่ไหมว่า เป็นผู้ชาย จะตอ้ งท�ำ/ไมท่ �ำอะไร เปน็ ผหู้ ญงิ จะตอ้ งท�ำ/ไมท่ �ำอะไร ขอใหน้ กั เรยี นชว่ ยยกตวั อยา่ ง ว่า • ผหู้ ญิง ถูกบอกว่า เราตอ้ งเป็นอยา่ งไร ท�ำอะไรได้ ท�ำอะไรไมไ่ ด้ • ผูช้ าย ถกู บอกว่า เราตอ้ งเป็นอย่างไร ท�ำอะไรได้ ท�ำอะไรไม่ได้ • เรารู้สึกอย่างไรกับส่ิงท่ีเราถูกคาดหวังให้เป็น ให้ท�ำ ไม่ให้ท�ำแบบ นั้นๆ 149
• มีเรื่องใดท่ีเรารู้สึกไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วยมากๆ ขอตัวอย่าง และ เหตผุ ล ๓. ครชู วนดภู าพเปรยี บเทยี บทเ่ี ปน็ ภาพความคาดหวงั ตอ่ หญงิ ชายโดยทว่ั ไป และภาพท่แี สดงให้เห็นว่ามีหญงิ และชายทีส่ ามารถเปน็ แบบอน่ื ๆ ไดด้ ว้ ย • ถามนักเรียนวา่ เม่อื พดู ถึงนกั บิน นกึ ถึงเพศอะไร o ครชู วนดูภาพว่า มีทงั้ นักบินชายและนักบนิ หญิง • ถามนกั เรยี นวา่ เมอื่ นึกถึงผนู้ �ำ นึกถงึ เพศอะไร o สว่ นใหญ่จะคิดถงึ เพศชาย ให้ครูน�ำภาพนายกรฐั มนตรีหญงิ ของ โลกมาให้นักเรียนดู และชวนให้เห็นว่า เรามีผู้หญิงเป็นผู้น�ำ ประเทศมานานแล้ว คนแรก คือ เม่ือปี ๒๕๐๓ • ถามนักเรียนว่า ภาพผู้หญิงท่ีเรามักเห็นในส่ือ/โฆษณาต่างๆ เป็น อยา่ งไร o รอฟังค�ำตอบ ๓-๔ ค�ำตอบ o ใหน้ กั เรยี นดตู วั อยา่ งภาพผหู้ ญงิ ในสอื่ /โฆษณา และผหู้ ญงิ ในชวี ติ จรงิ ที่มีความหลากหลาย • ภาพผชู้ ายท่ีเรามกั เห็นในสือ่ /โฆษณาต่างๆ เปน็ อย่างไร o รอฟงั ค�ำตอบ ๓-๔ ค�ำตอบ o ให้นักเรียนดูตัวอย่างภาพผู้ชายในส่ือ/โฆษณา และผู้ชายในชีวิต จริงท่มี ีความหลากหลาย • ภาพเพศทางเลอื กท่เี รามักเหน็ ในสื่อ/โฆษณาต่างๆ เป็นอย่างไร o รอฟงั ค�ำตอบ ๓-๔ ค�ำตอบ o ให้นักเรียนดูตัวอย่างภาพเพศทางเลือกในส่ือ/โฆษณา และเพศ ทางเลอื กในชวี ิตจรงิ ท่มี ีความหลากหลาย 150
๔. อธิบายว่า ครูจะอ่านข้อความและใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ว่า เหน็ ๑๓ ดว้ ย ไมเ่ หน็ ดว้ ย หรอื ไมแ่ นใ่ จ โดยใหเ้ ดนิ ไปยนื ในจดุ ทต่ี รงกบั ความคดิ เหน็ ของตนเอง • ครชู แ้ี จงเพม่ิ เตมิ วา่ ทกุ คนมคี วามคดิ เหน็ เปน็ ของตนเอง ตามสงิ่ ทเ่ี รา เรียนรหู้ รอื มปี ระสบการณม์ า และความคิดเห็นไมใ่ ชเ่ รือ่ งถูกหรือผิด และความคิดเห็นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการเรียนรู้ใหม่ หรือ ขอ้ มลู ใหม่ทเ่ี ราไดร้ บั เช่น o เราอาจรู้สึกว่า การเรียนภาษาจีนเป็นเร่ืองยากเราไม่อยากเรียน แต่เม่ือเรามีโอกาสได้ลองเรียน เราอาจพบว่าภาษาจีนเป็นเร่ือง สนกุ และเราชอบกไ็ ด้ เป็นตน้ • ดังน้ัน ขอให้นักเรียนเลือกแสดงความคิดเห็นตามท่ีตัวเองคิดอย่าง เตม็ ที่ และเราไมจ่ �ำเป็นต้องเห็นเหมอื นกนั ๕. ใหน้ กั เรยี นรวมกนั กลางห้อง และเรม่ิ อ่านขอ้ ความทลี ะขอ้ ความ ดงั น้ี • การชว่ ยงานบ้านเป็นหน้าท่ีของลกู สาว • เราควรเลือกหวั หนา้ หอ้ งเป็นผู้ชาย เพราะมคี วามเปน็ ผนู้ �ำ • การดแู ลบา้ นและการดูแลลูกเป็นหนา้ ทีข่ องแม่ • หน้าท่ีหารายไดเ้ ล้ียงครอบครัวเป็นของพอ่ • เป็นผชู้ ายไมค่ วรร้องไห้ ๖. ในแตล่ ะขอ้ เมอื่ ทกุ คนเลือกยนื ตามความเหน็ ของตัวเองแล้ว ครูอธบิ าย เพ่ิมเติมวา่ • ให้กลุ่มทม่ี คี วามเหน็ เหมอื นกนั คุยกนั ถงึ เหตุผลท่ีเลอื กแบบน้นั • จากนน้ั ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ (เหน็ ดว้ ย/ไมเ่ หน็ ดว้ ย/ไมแ่ นใ่ จ) อธบิ ายใหเ้ พอ่ื น ฟงั ถึงเหตุผลของกลุ่มตนเอง ·• เม่ือทั้ง ๓ กลุ่มได้บอกเหตุผลแลว้ ครูถามว่า หลังจากทไี่ ดฟ้ งั ความ เห็นของแต่ละฝ่ายแล้ว มีใครเปลี่ยนความคิดบ้าง ถามคนที่เปล่ียน วา่ มีเหตุผลอะไรทท่ี �ำให้เปลี่ยนความคิด 151
๗. ครูชวนกลบั ไปดขู ้อความท้งั ๕ ข้อความ และอธบิ ายนักเรยี นวา่ ทุกขอ้ เป็นการพูด ถึงบทบาทและความคาดหวังต่อหญิงและชายในสังคม และในชีวิตจริง หลายคนก็ท�ำบทบาท ตามทสี่ งั คมคาดหวงั แตห่ ากเราพจิ ารณาใหด้ ี จะเหน็ วา่ ทกุ ขอ้ แสดงถงึ การปฏบิ ตั ทิ ไ่ี มเ่ ทา่ เทยี ม ตอ่ หญิงชาย เชน่ • เรามักจะเห็นแม่เป็นคนดูแลบ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของลูกและทุกคนในบ้าน มากกว่าพ่อ และมีแนวโน้มที่แม่จะให้ลูกสาวช่วยท�ำงานบ้าน หรือให้ฝึกดูแล ท�ำความสะอาดบา้ นมากกวา่ ลกู ชาย ทง้ั ท่ี การท�ำงานบา้ นเปน็ เรอ่ื งทท่ี กุ คนควร ชว่ ยกนั ไมว่ า่ เพศใด • เรามักถกู บอกว่า พอ่ เป็นหัวหนา้ ครอบครวั ส่วนใหญ่จะเหน็ พอ่ ไปท�ำงานนอก บ้าน เป็นคนหารายได้ แต่เราก็เห็นว่าครอบครัวมากมายท่ีแม่ก็ต้องท�ำงานหา รายไดเ้ ช่นกัน • เราเคยไดย้ ินวา่ เป็นผู้ชายไมค่ วรรอ้ งไหแ้ สดงความออ่ นแอ แต่ผหู้ ญิงจะไมไ่ ด้ ถูกบอกแบบเดียวกัน ทั้งท่ีทั้งหญิงและชายล้วนมีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกัน และการรอ้ งไห้ ซง่ึ เปน็ การแสดงความรสู้ กึ ไมค่ วรใชเ้ ปน็ การตดั สนิ ความออ่ นแอ ไมว่ า่ ของเพศใด ๘. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งประสบการณใ์ นชวี ติ จรงิ ทเ่ี คยเจอถงึ การปฏบิ ตั ทิ แ่ี ตกตา่ งตอ่ หญงิ ชาย เพยี งเพราะความเปน็ เพศ ขอตัวอยา่ ง ๔-๕ ตัวอยา่ ง ๙. ครูย้�ำว่า เม่ือพิจารณาให้ดีแล้วเราจะเห็นว่า “ความเป็นเพศ” ไม่เกี่ยวกับความ สามารถหรอื บทบาทในการท�ำสิง่ ต่างๆ เลย เช่น • การท�ำงานบ้าน o ควรเป็นเร่อื งท่ีทกุ คนในบา้ นตอ้ งช่วยกัน เพราะเราอยู่ด้วยกัน และเราก็เหน็ วา่ ทง้ั หญงิ และชายสามารถท�ำเรอื่ งน้ไี ดเ้ หมอื นกัน o หากผู้ใหญ่เลือกใชแ้ ตเ่ ด็กผหู้ ญิงในการท�ำงานบ้าน นอกจากเป็นการปฏิบตั ิ ทไ่ี มเ่ ทา่ เทยี มกนั แลว้ ยงั สง่ ผลใหส้ รา้ งความรสู้ กึ วา่ เรอื่ งงานบา้ นไมใ่ ชห่ นา้ ที่ ของผู้ชาย และจ�ำกัดโอกาสของผู้ชายในการฝึกฝนความรับผิดชอบในการ 152
ดูแลบ้าน รวมทงั้ การบอกวา่ เปน็ หน้าท่ีของผู้หญงิ ท�ำให้ผูห้ ญงิ ๑๓ ต้องใช้เวลากับเร่ืองน้ีและขาดโอกาสในการได้เรียนรู้การท�ำเรื่อง อื่นๆ ดว้ ย • ความสามารถในการท�ำงาน การหารายได้ และความเป็นผู้น�ำก็ไม่ เกี่ยวกับความเป็นเพศ เราจะเห็นว่าในปจั จบุ นั ทุกเพศต่างมีบทบาท ในหน้าท่กี ารงาน สามารถหารายได้ และมีบทบาทเปน็ ผูน้ �ำ ดังน้ัน หากแตล่ ะคนมโี อกาสเทา่ เทยี มกนั ในการเรยี นรู้ ฝกึ ฝนความสามารถ และคุณสมบตั เิ หล่าน้กี ็พฒั นาได้ โดยไมเ่ ก่ียวกบั ว่าเป็นเพศอะไร • การแสดงความร้สู กึ เช่น การรอ้ งไห้ ก็ไม่จ�ำกดั เพศเชน่ กัน ทกุ คน ลว้ นมีความรูส้ ึกไมว่ ่าจะเปน็ เพศอะไร และการร้องไหเ้ ป็นการแสดง ความรู้สึกแบบหน่ึง แต่ถูกให้ความหมายว่า เป็นการแสดงความ อ่อนแอ จึงเป็นความคาดหวังท่ีส่งผลต่อผู้ชายว่าจะต้องเป็นคนไม่ แสดงความรสู้ กึ ต้องแสดงความเขม้ แขง็ ตลอดเวลา ซึง่ หากมีผู้ชาย คนใดท�ำไมไ่ ดก้ อ็ าจถกู ตดั สนิ วา่ ไมม่ คี วามเปน็ ชาย ซงึ่ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งจรงิ ๑๐. ครูสรุปการเรียนรู้ว่า บทบาทและความคาดหวังท่ีแตกต่างกันต่อหญิง ชายหลายเรอื่ งสะทอ้ นถึงความไม่เท่าเทยี ม และจ�ำกัดโอกาสของหญงิ และชาย ลว้ น เป็นการก�ำหนดโดยสังคมวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติว่า เกิดเป็นหญิงต้องเป็น แบบนนั้ เกดิ เป็นชายต้องเป็นแบบน้ี ดงั นัน้ เร่อื งเหล่านี้สามารถเปลยี่ นแปลงได้ โดย เฉพาะเร่อื งท่กี ่อใหเ้ กดิ ความไม่เทา่ เทียม และเราต้องชว่ ยกันเปลย่ี น 153
ตัวอย่างภาพหญิงชายทีเ่ ปน็ ไปตามความคาดหวงั ของสงั คม และภาพหญิงชายที่แตกต่างไปจากทสี่ ังคมคาดหวัง ข้อมูลภาพจากอนิ เทอร์เนต็ 154
๑๓ ขอ้ มลู ภาพจากอินเทอรเ์ นต็ 155
ข้อมลู ภาพจากอินเทอร์เน็ต 156
๑๓ ขอ้ มลู ภาพจากอินเทอรเ์ นต็ 157
บทบาทและความคาดหวัง ทแ่ี ตกต่างกนั ตอ่ ชายหญงิ ลว้ นเปน็ การกำ�หนด โดยสังคมวฒั นธรรม ไม่ใช่เรอ่ื งธรรมชาติ
แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๑๔ ฉนั เคยไดย้ ินวา่ ...
แผนการเรียนรทู้ ่ี ๑๔ ฉันเคยไดย้ นิ วา่ ... สาระสำ� คัญ แตล่ ะคนมโี อกาสรบั รเู้ รอ่ื งเพศมาจากหลายขอ้ มลู รอบตวั แตข่ อ้ มลู เรอื่ งเพศ ทีเ่ ราได้รับรู้ หรอื ได้ยนิ มา อาจมที งั้ ส่วนท่ีเปน็ ข้อเท็จจรงิ ความเชอ่ื และทัศนคติ ซึ่ง หากเป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้อง หรือความเชื่อที่ผิดๆ อาจส่งผลต่อพฤติกรรมท่ีไม่ ปลอดภยั หรือไม่ดีตอ่ สุขภาวะ และอาจเกิดการเรียนรู้ การแสดงออกและพฤติกรรม ทสี่ ง่ ผลในทางลบทง้ั ตอ่ ตวั เอง และคนอน่ื ในดา้ นสขุ ภาพ และสมั พนั ธภาพ เราจงึ ควร พูดคุย หาขอ้ มูลเรื่องเพศท่ถี กู ตอ้ งจากแหล่งเรยี นรทู้ ่ีน่าเชอื่ ถอื วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑) แยกแยะเร่ืองเพศท่ีเป็นขอ้ เทจ็ จริงและความเชื่อ ๒) บอกผลกระทบของขอ้ มูลทีไ่ มถ่ กู ต้องและความเช่ือผดิ ๆ ในเรอื่ งเพศ ๓) ระบุความส�ำคญั ของการร้เู รอ่ื งเพศทถ่ี กู ตอ้ ง แผนการเรียนรู้น้ี มุ่งสรา้ งเสริมคณุ ลักษณะและทักษะสำ� คัญ ดังนี้ Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเหน็ คุณคา่ ในตนเอง • การวิเคราะห์ แยกแยะ • ความปลอดภยั • การสืบคน้ ข้อมลู • การประเมนิ ผลกระทบ • การดแู ลสุขอนามัย • การขอความช่วยเหลอื 160
ระยะเวลา ๑๔ ๖๐ นาที (๑ คาบเรยี น) อปุ กรณแ์ ละสื่อ แผ่นกจิ กรรม “ฉนั เคยได้ยินวา่ ...” ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. สงั เกตความสนใจและการมสี ว่ นรว่ มในการท�ำกิจกรรม ๒. สงั เกตการตอบค�ำถามและการใหเ้ หตผุ ล ข้นั ตอนการจดั การเรยี นรู้ ๑. บอกนักเรียนว่าวันนี้เราจะลองส�ำรวจว่า เราเคยได้ยินเร่ืองเพศอะไรมา บ้าง ถามนักเรยี นวา่ • วยั รนุ่ ในปจั จบุ ันไดย้ ินเรื่องเพศจากไหนบ้าง • เรอ่ื งเพศทเ่ี รารบั รจู้ ากสอื่ ตา่ งๆ มอี ะไรบา้ ง (ขอฟงั ตวั อยา่ ง ๔-๕ เรอื่ ง และครูจดเร่ืองต่างๆ เพื่ออธบิ ายเพิ่มเติมหลงั อธิบายค�ำถาม ๑๐ ข้อ ในกจิ กรรม) ๒. แบง่ กลมุ่ นกั เรยี นเปน็ ๕ กลมุ่ อธบิ ายวา่ ครจู ะแจกแผน่ กจิ กรรม “ฉนั เคย ไดย้ นิ วา่ ...” ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั พจิ ารณาวา่ ขอ้ ความทง้ั สบิ ขอ้ ความเปน็ เรอื่ ง จริงหรือไม่จริง ใหเ้ วลา ๗ นาที ๓. ครอู า่ นขอ้ ความทลี ะขอ้ และขอฟงั ค�ำตอบจากแตล่ ะกลมุ่ กอ่ นทจี่ ะเฉลย และอธิบายเพ่ิมเตมิ (แนวทางการอธิบายในแผน่ ข้อมลู เพมิ่ เตมิ ) ๔. ในแตล่ ะข้อ ครชู วนคยุ เพม่ิ เตมิ โดยถามว่า • หากเราเช่ือหรอื เขา้ ใจผดิ ในเรอื่ งนนั้ ๆ จะส่งผลอะไรได้บ้าง ? 161
๕. เม่ือครบท้ัง ๑๐ ข้อให้น�ำเร่ืองท่ีนักเรียนบอกว่าได้ยินจากสื่อมาอธิบาย เพมิ่ เตมิ ทง้ั นห้ี ากขอ้ ใดทค่ี รไู มม่ นั่ ใจในขอ้ มลู ใหบ้ อกนกั เรยี นวา่ จะหาขอ้ มลู มาตอบ ในคาบเรียนต่อไป ๖. ครูสรุปการเรยี นรู้ว่า • ช่วงวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างรวมท้ังพัฒนาการเรื่องเพศ ดังนั้น หากเรามีความสนใจอยากรู้ มีค�ำถาม ข้อสงสัย ข้อกังวล ในเร่ืองเพศจึงเป็นเรอ่ื งธรรมดา ไมใ่ ช่เร่ืองผิดปกติ • เราอาจได้ยินเร่ืองเพศจากหลายๆ ท่ี เราอาจคุยกับเพื่อน หรือหา ขอ้ มลู จากสอ่ื ตา่ งๆ แตส่ ง่ิ ทต่ี อ้ งตระหนกั คอื ขอ้ มลู หลายอยา่ งในเรอื่ ง เพศอาจเปน็ ขอ้ มลู ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง หรอื เปน็ ความเชอ่ื ผดิ ๆ ซงึ่ หากเราเชอ่ื ตามน้นั อาจส่งผลต่อพฤติกรรมที่ไมป่ ลอดภัย หรือไม่ดีต่อสขุ ภาวะ ๗. บอกนักเรียนว่าหากใครมีค�ำถามเรื่องเพศเพิ่มเติม ให้เขียนลงกระดาษ ไมต่ อ้ งใสช่ อื่ และน�ำมาใส่ในกลอ่ งค�ำถาม และครจู ะน�ำมาตอบในคาบเรยี นต่อๆ ไป 162
แผน่ กิจกรรม “ฉนั เคยได้ยินวา่ ....” นกั เรยี นคดิ วา่ ขอ้ ความตอ่ ไปน้ี จรงิ หรอื ไม่ ? จรงิ ไม่จริง ๑. การช่วยตวั เองเป็นเรอ่ื งอันตราย ๒. คนทีช่ อบเพศเดยี วกนั เป็นพวกผดิ ปกติ ๓. การใส่ถงุ ยางอนามัยสองชัน้ จะชว่ ยใหป้ ลอดภยั มากข้ึน ๔. ถา้ เปน็ ผู้หญงิ บรสิ ทุ ธต์ิ ้องมเี ลอื ดออกในการมีเพศสัมพันธค์ ร้ังแรก ๕. การนบั หนา้ เจ็ดหลังเจ็ดเป็นวธิ คี มุ กำ�เนิดทม่ี ีประสิทธภิ าพ ๖. “ตรงนั้น” ของผู้หญงิ สกปรกและมีกลิ่น ๗. ผูห้ ญิงควรใช้น�้ำยาท�ำความสะอาดชอ่ งคลอด ๘. มเี พศสมั พันธ์โดยไมใ่ ช้ถงุ ยางเพยี งครงั้ เดยี วกท็ อ้ งได้ ๙. ผู้ชายมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้หญงิ ๑๐. การพดู เรือ่ งเพศเป็นเรือ่ งน่าอาย แผ่นกจิ กรรม “ฉันเคยไดย้ ินวา่ ....” นักเรยี นคิดวา่ ข้อความตอ่ ไปนี้ จรงิ หรือไม่ ? จริง ไม่จรงิ ๑. การชว่ ยตัวเองเปน็ เรอ่ื งอนั ตราย ๒. คนทช่ี อบเพศเดยี วกนั เปน็ พวกผดิ ปกติ ๓. การใสถ่ ุงยางอนามัยสองชน้ั จะชว่ ยใหป้ ลอดภัยมากข้นึ ๔. ถา้ เปน็ ผู้หญงิ บรสิ ุทธต์ิ ้องมเี ลือดออกในการมเี พศสัมพนั ธค์ รัง้ แรก ๕. การนับหนา้ เจด็ หลงั เจ็ดเป็นวธิ คี ุมกำ�เนิดที่มปี ระสทิ ธิภาพ ๖. “ตรงน้ัน” ของผู้หญงิ สกปรกและมกี ลิน่ ๗. ผหู้ ญงิ ควรใช้น�ำ้ ยาท�ำความสะอาดช่องคลอด ๑๔ ๘. มเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไม่ใชถ้ ุงยางเพียงครัง้ เดยี วกท็ ้องได้ ๙. ผชู้ ายมีความต้องการทางเพศมากกวา่ ผหู้ ญิง ๑๐. การพดู เร่ืองเพศเป็นเรือ่ งนา่ อาย 163
ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ และแนวทางการอธบิ าย ๑) การชว่ ยตัวเองเปน็ เร่ืองอนั ตราย (ไม่จรงิ ) การช่วยตัวเองถือเป็นวิธีที่ช่วยผ่อนคลายความต้องการทางเพศที่ดีท่ีสุดวิธีหน่ึง ปลอดภัย จากโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ และไม่ต้องกลวั วา่ จะทอ้ งหรือท�ำให้ใครท้อง ๒) คนทชี่ อบเพศเดยี วกนั เปน็ พวกผดิ ปกติ (ไม่จรงิ ) การชอบเพศเดียวกนั ไม่ใช่เรื่องผดิ ปกติ หรือผดิ ธรรมชาติ เปน็ รสนิยมทางเพศแบบหน่ึง ๓) การใส่ถงุ ยางอนามยั สองชัน้ จะช่วยให้ปลอดภยั มากข้ึน (ไมจ่ รงิ ) การใส่ถุงยางสองช้ันมีโอกาสท่ีถุงยางจะเสียดสีกันและเกิดการรั่วซึมได้ ใส่ถุงยางอันเดียว ก็สามารถช่วยป้องกันการต้ังท้องท่ีไม่พร้อม หรือช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขอใหใ้ สเ่ ทา่ นั้น ๔) ถ้าเปน็ ผู้หญงิ บรสิ ทุ ธ์ิต้องมีเลอื ดออกในการมีเพศสมั พนั ธค์ ร้ังแรก (ไมจ่ ริง) เรื่องมเี ลือดหรือไมม่ เี ลอื ดเมือ่ มเี พศสัมพนั ธ์เอามาตดั สินความบริสุทธ์ิไมไ่ ด้ เพราะเพียงแค่ เราขจี่ กั รยาน หรอื ท�ำกจิ กรรม เลน่ กฬี าหนกั เยื่อพรหมจรรยก์ ็อาจขาดได้ ๕) การนับหน้าเจ็ดหลงั เจ็ดเปน็ วิธคี มุ กำ� เนดิ ทม่ี ปี ระสิทธิภาพ (ไมจ่ รงิ ) การนบั หนา้ เจ็ดหลังเจด็ หรอื ระยะปลอดภยั ไม่แนะน�ำให้เปน็ วิธีการคมุ ก�ำเนดิ เพราะมีข้อ ผิดพลาดได้ โดยเฉพาะในช่วงวัยรนุ่ ที่รอบเดอื นยงั มาไมส่ ม�่ำเสมอ นอกจากน้ัน ยงั เสี่ยงตอ่ การได้รบั เชือ้ โรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ ๖) “ตรงนนั้ ” ของผหู้ ญิงสกปรกและมกี ลนิ่ (ไม่จริง) อวยั วะเพศของทกุ คนมกี ลนิ่ โดยธรรมชาติ เปน็ กลนิ่ เฉพาะของแตล่ ะบคุ คล ในกรณที ม่ี กี ลนิ่ ผดิ ปกตอิ าจเกิดจากการตดิ เช้อื ซ่ึงควรจะไปรบั การตรวจรักษาจากแพทย์ 164
๗) ผู้หญิงควรใชน้ ้�ำยาท�ำความสะอาดชอ่ งคลอด (ไม่จริง) ๑๔ ช่องคลอดของผู้หญิงมีกลไกตามธรรมชาติในการท�ำความสะอาดอยู่แล้ว การใช้น�้ำยา ท�ำความสะอาดจะไปท�ำลายกลไกธรรมชาติ ๘) มีเพศสมั พนั ธ์โดยไม่ใชถ้ งุ ยางเพียงคร้งั เดียวกท็ อ้ งได้ (จรงิ ) การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพียงคร้ังเดียวก็มีโอกาสท้องได้ หากเป็นช่วงท่ีผู้ หญงิ ไข่ตก ผหู้ ญิงทก่ี ารท�ำงานของร่างกายปกติ ไข่จะตกชว่ งกลางของรอบเดอื นพอดี โดย ท่วั ไปประจ�ำเดอื นนัน้ จะมาทกุ ๒๘ วนั ดังนั้น ไขจ่ ะตกประมาณวันที่ ๑๔ ของรอบเดือน แตก่ อ็ าจคลาดเคลอื่ นไดบ้ า้ ง นอกจากนน้ั อสจุ อิ ยไู่ ดน้ านถงึ ๕ วนั ดงั นนั้ หากมเี พศสมั พนั ธ์ กอ่ นหรอื หลงั วันไข่ตกประมาณ ๕ วันก็มีโอกาสท้องได้เชน่ กัน ท่ีส�ำคัญ เป็นเรื่องยากทจี่ ะ ใช้วธิ ีนบั วนั เพราะรอบเดอื นของผ้หู ญงิ อาจมาไมป่ กติ และวนั ทไี่ ข่ตกอาจคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น วิธีที่ดีคือการใช้ถุงยางอนามัย เพราะช่วยป้องกันทั้งการท้องและ การตดิ โรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ ๙) ผู้ชายมีความตอ้ งการทางเพศมากกวา่ ผหู้ ญงิ (ไมจ่ รงิ ) ความตอ้ งการทางเพศ ทงั้ หญงิ ชายมีเหมือนกนั สว่ นเร่ืองมาก/นอ้ ยเปน็ เรือ่ งของบคุ คล ๑๐) การพูดเรอื่ งเพศเปน็ เรอื่ งนา่ อาย (ไม่จริง) เรอื่ งเพศเปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ และเปน็ เรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั ตวั เราเองเหมอื นเรอื่ งอน่ื ๆ ทจ่ี �ำเปน็ ตอ้ ง เรยี นรูแ้ ละคุยกันเพอื่ ท�ำความเข้าใจ และไดข้ อ้ มูลท่ีถูกต้อง การท�ำให้เร่ืองเพศเป็นเรอ่ื งน่า อาย ท�ำให้หลายคนท้ังเด็กและผู้ใหญ่ไม่กล้าพูดคุย ซักถามข้อสงสัยท่ีมี ซึ่งอาจส่งผลต่อ การดูแลสขุ อนามัยทางเพศของตนเอง 165
หากเรามคี วามสนใจ อยากรู้เร่อื งเพศ ถอื เป็นเร่ืองธรรมดา ไมใ่ ช่เร่ืองผดิ ปกติ
แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ ความสมั พันธแ์ ละเพศสมั พนั ธ์
แผนการเรียนรูท้ ี่ ๑๕ ความสมั พนั ธแ์ ละเพศสมั พนั ธ์ สาระส�ำคญั ความสัมพันธ์ มีรูปแบบที่แตกต่างหลากหลายไปในแต่ละช่วงชีวิต ความ สมั พนั ธ์สามารถพฒั นาและยุติลงได้ ความสัมพันธ์บางแบบอาจมเี พศสัมพันธ์เขา้ มา เกยี่ วขอ้ ง ซงึ่ ความสมั พนั ธท์ กุ รปู แบบอาจน�ำมาทง้ั ความสขุ ในขณะเดยี วกนั กอ็ าจน�ำ มาซึ่งปัญหาต่างๆ ไดเ้ ชน่ กัน ดังน้นั ทักษะในการจัดการความสัมพนั ธจ์ งึ เป็นเรอื่ งที่ ตอ้ งเรียนรู้ และสงิ่ ส�ำคัญคือ ทกุ คนสามารถเลอื กและตดั สนิ ใจว่าจะมีความสัมพันธ์ อยา่ งไร ในขณะเดยี วกันกต็ อ้ งเคารพการเลอื กและการตดั สนิ ใจของคนท่เี รามีความ สมั พันธ์ด้วย วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ ๑) วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลด้านบวกและด้านลบของความสัมพันธ์และเพศ สมั พันธ์ ๒) บอกวธิ ปี อ้ งกันและจัดการหากทอ้ งไมพ่ รอ้ ม ๓) บอกแหล่งช่วยเหลือ หากมีความกังวลใจหรือมีปัญหาในเร่ืองความ สัมพันธแ์ ละเพศสัมพนั ธ์ 168
แผนการเรยี นรนู้ ้ี มุ่งสรา้ งเสรมิ คุณลกั ษณะและทกั ษะสำ� คัญ ดงั นี้ Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเหน็ คณุ ค่าตนเอง • การรู้จกั ตัวเอง • การเขา้ ใจคนอ่นื • การดแู ลสขุ อนามยั • ความรับผดิ ชอบ • การตัดสินใจ • ความปลอดภัย • การหาความช่วยเหลอื • เสรีภาพในการเลือก ระยะเวลา ๖๐ นาที (๑ คาบเรียน) อปุ กรณ์และสอ่ื สถานการณ์ ๖ สถานการณ์ ตดิ บนฟลปิ ชารท์ สถานการณ์ละ ๑ แผน่ ประเมินผลการเรียนรู้ ๑๕ ๑. สังเกตความสนใจและการมสี ่วนรว่ มในการท�ำกจิ กรรม ๒. สังเกตการตอบค�ำถามและการให้เหตุผล ข้นั ตอนการจดั การเรยี นรู้ ๑. ครอู ธบิ ายวา่ วนั นี้เราจะคยุ กนั เร่อื งความสมั พันธใ์ นแตล่ ะช่วงชีวิต ถาม นักเรยี นว่า •· ตอนเดก็ ๆ เราใช้เวลากับใครมากทส่ี ุด o ครูเสริมว่า ในวัยเด็กส่วนใหญ่เด็กๆ ใช้เวลากับคนในครอบครัว (เช่น พ่อแม่ ปยู่ า่ ตายาย ลงุ ป้านา้ อา พ่นี ้อง) 169
•· ตอนนี้ (ป.๕) เราใช้เวลากบั ใครบ้าง o ครเู สรมิ วา่ พอโตขน้ึ ตอน ป.๕ แบบพวกเรา สว่ นใหญก่ ย็ งั ใชเ้ วลา กับครอบครวั และเริ่มใชเ้ วลากบั เพื่อนมากขน้ึ ท้งั เพอื่ นที่โรงเรียน หรอื เพ่ือนละแวกบา้ น •· เม่ือเข้าสู่วัยรุ่นมัธยม วัยรุ่นจะเร่ิมมีความสัมพันธ์แบบใดเพ่ิมข้ึนอีก นอกจากครอบครวั เพ่อื น o ครเู สรมิ วา่ บางคนอาจเรมิ่ มคี นพเิ ศษ ซง่ึ อาจเปน็ คนตา่ งเพศ หรอื เพศเดียวกันก็ได้ เร่ิมมีแฟน แต่บางคนก็ไม่มีแฟน โตอีกหน่อย บางคนอาจเลกิ กับแฟนมแี ฟนใหม่ ๒. ครสู รปุ ให้เห็นวา่ •· ความสัมพันธ์ของคนเราในแต่ละช่วงชีวิตก็จะเปล่ียนไป ยิ่งโตเป็น ผ้ใู หญ่ ความสมั พันธก์ ็จะหลายรปู แบบมากขน้ึ เช่น มีเพื่อนร่วมงาน มหี ัวหนา้ มลี กู นอ้ ง มีสามภี รรยา มลี กู ฯลฯ ·• มหี ลายเรอื่ งทีต่ อ้ งตดั สนิ ใจในความสัมพนั ธ์ เช่น o ถา้ รสู้ กึ ไมช่ อบเพอ่ื นคนหนง่ึ เราจะท�ำอะไรไดบ้ า้ ง (ใหเ้ พอ่ื นปรบั ปรงุ หรอื จะเลกิ คบ) o เปน็ แฟนกนั จะตดั สนิ ใจอยดู่ ว้ ยกนั หรอื ไม่ จะแตง่ งานหรอื อยดู่ ว้ ย กันเฉยๆ o เปน็ แฟนกัน จะแสดงออกตอ่ กันอย่างไร จะมเี พศสัมพันธก์ นั ไหม จะมเี มื่อไร มอี ย่างไรใหป้ ลอดภยั o คนท่อี ยูด่ ว้ ยกันหรอื แตง่ งานกันแล้ว จะมลี กู ไหม จะมีกี่คน จะมี เม่ือไร o บางคอู่ าจเจอสถานการณท์ อ้ งไมพ่ รอ้ ม ตอ้ งตดั สนิ ใจวา่ จะทอ้ งตอ่ หรอื เราจะยุตกิ ารตั้งครรภ์ o บางคู่ทใ่ี ชช้ ีวติ ดว้ ยกันมาระยะหนง่ึ อาจตัดสนิ ใจเลิกกนั 170 o ฯลฯ
•· แตล่ ะคนสามารถเลอื กและตดั สนิ ใจวา่ จะมคี วามสมั พนั ธอ์ ยา่ งไร ใน ๑๕ ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพการเลือกและการตัดสินใจของคนท่ีเรามี ความสมั พันธด์ ้วย ๓. แบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่มยอ่ ย ๖ กลมุ่ เราจะชวนกนั ดูวา่ คนทอ่ี ยู่ในแต่ละ สถานการณ์ความสัมพันธก์ �ำลังเผชิญอะไรบา้ ง • ให้มกี ลุ่มนักเรียนชายล้วน หญงิ ลว้ นอย่างละ ๑ กลุม่ และกลุม่ ชาย หญงิ อีก ๔ กลมุ่ รวม ๖ กลุ่ม • แจกโจทยใ์ ห้แต่ละกลมุ่ ช่วยกันระดมสมองหรอื ท�ำ mind map ให้ เวลา ๑๐ นาที กลมุ่ ชาย ๑ – คนทม่ี คี วามสขุ ท่รี วู้ า่ จะไดเ้ ป็นพอ่ กลุ่มหญงิ ๑ – ผู้หญงิ ท่ีมีความสขุ เม่อื รู้วา่ ตัวเองทอ้ ง กลุ่มชาย-หญิง ๑ – คนท่ีมีแฟน แล้วรสู้ กึ มีความสุข กลมุ่ ชาย-หญงิ ๒ – คนที่มแี ฟน แล้วไม่มีความสขุ มคี วามกงั วล กลมุ่ ชาย-หญิง ๓ – คนทีถ่ ูกบงั คบั ใหม้ ีเพศสัมพนั ธ์ กลุ่มชาย-หญิง ๔ – คนท่ีท้อง/ท�ำให้ผู้หญิงท้องขณะที่ตัวเองเป็น นักเรียน ๔. ให้แต่ละกลุม่ น�ำเสนอตามล�ำดบั และครชู วนคุยหลังจากน�ำเสนอแต่ละ เรื่อง ดงั น้ี • กลมุ่ คนทมี่ ีแฟน ทีม่ คี วามสุข และทีไ่ ม่มคี วามสขุ (ให้ตดิ กระดาษ ฟลปิ ชารท์ ค่กู ัน) ´o จากค�ำตอบของเพ่ือน ๒ กลมุ่ นักเรียนคดิ วา่ เรื่องส�ำคญั ของคน เป็นแฟนกนั คือเรอื่ งอะไร o หากเราไม่มีความสุขเลยที่เป็นแฟน ด้วยสาเหตุต่างๆ เรามีทาง เลอื กอะไรบา้ ง 171
• กลุ่มท้อง - มีความสุขที่รู้ว่าท้อง มีความสุขที่รู้ว่าได้เป็นพ่อ และ ท้อง/ท�ำให้ผู้หญิงท้องขณะเรียน (ให้ติดกระดาษฟลิปชาร์ทท้ัง ๓ แผน่ เพอ่ื เปรียบเทียบกัน) o จากค�ำตอบของเพอ่ื น ๓ กลมุ่ นกั เรยี นคดิ วา่ สงิ่ ส�ำคญั ทตี่ อ้ งคดิ ถงึ ในการมีลกู คอื อะไร o การตดั สินใจว่า จะท้องหรือไม่ทอ้ ง ใครมีสทิ ธใิ นการตัดสินใจ o´ หากยงั ไมพ่ รอ้ มทจ่ี ะตั้งท้อง-มีลูก เรามวี ธิ ีการป้องกนั อย่างไรบ้าง o วิธที ่ีดีทส่ี ุด หากไม่อยากท้อง / ท�ำใหผ้ ูห้ ญงิ ท้องในขณะทีย่ ังเปน็ นกั เรียนคืออะไร • กลุ่มที่ถกู บังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยไมย่ ินยอมพรอ้ มใจ o หากเรอ่ื งแบบนเ้ี กดิ ขน้ึ กบั เพอ่ื นของนกั เรยี น นกั เรยี นจะท�ำอยา่ งไร ๕. เม่อื ทกุ กลมุ่ น�ำเสนอแล้ว ครูสรปุ ว่า • ในเรอื่ งความสมั พนั ธอ์ าจมโี อกาสเกดิ ขนึ้ ไดท้ ง้ั ดา้ นบวก และดา้ นลบ เชน่ o มีแฟนแล้วมีความสุข มีแฟนแล้วมีปัญหา ไม่มีความสุข อาจจะ เลิกกัน o ถูกบังคับให้มีเพศสมั พนั ธ์ โดยไม่ยินยอมพรอ้ มใจ o ท้องแบบมีความพร้อมและต้ังใจ กับท้องแบบไม่พร้อม ไม่ตั้งใจ เพราะไม่ได้ป้องกัน • หลายๆ เร่อื งในชีวติ แม้เราจะคดิ วา่ ไม่มีวนั เกดิ ขนึ้ กบั เรา แตห่ าก เราไดค้ ดิ ต่ออีกนิดวา่ เราจะท�ำอยา่ งไรไดบ้ า้ ง เพือ่ ให้ม่ันใจวา่ เร่ือง แบบน้ันจะไม่เกิดข้ึนกับเรา (ท้องขณะเรียนหนังสือ เลิกกับแฟน/ แฟนขอเลิก ถกู บงั คับให้มเี พศสมั พันธ์โดยไมย่ นิ ยอมพรอ้ มใจ ฯลฯ) •· แต่เราทกุ คนมที างเลือก ที่จะเลือกท�ำสิง่ ทีจ่ ะไมก่ อ่ ให้เกิดปญั หากบั ตัวเองและคนอ่ืน หากเรื่องใดท่ีท�ำให้เราอึดอัด ไม่สบายใจ และ ต้องการความช่วยเหลือ เราควรพูดคุยปรึกษากับผู้ใหญ่ท่ีเราไว้ใจ เพ่ือหาทางคลค่ี ลาย หรือปอ้ งกนั ปญั หาทอ่ี าจเกิดขึน้ 172
กลุ่มชาย ๑ คนท่มี คี วามสุขที่รูว้ า่ จะไดเ้ ปน็ พ่อ ให้กลุ่มช่วยกันคิดว่า คนที่จะมีความสุขเม่ือรู้ว่าตัว เองจะได้เป็นพ่อ จะตอ้ งอย่ใู นสถานการณแ์ บบใด ? กลุ่มหญิง ๑ ผหู้ ญงิ ทม่ี ีความสุขเมื่อร้วู า่ ตวั เองทอ้ ง ใหก้ ลุ่มชว่ ยกนั คิดว่า ผ้หู ญงิ ที่จะรสู้ กึ มคี วามสขุ เมอื่ รวู้ า่ ตวั เองทอ้ ง จะตอ้ งอยู่ในสถานการณแ์ บบใด ? กลุม่ ชาย-หญงิ ๑ ๑๕ คนที่มีแฟน แล้วรสู้ กึ มคี วามสุข ขอ้ มลู ภาพจากอินเทอรเ์ น็ต ใหก้ ล่มุ ช่วยกนั คิดว่า อะไรทจี่ ะสง่ ผลใหค้ นท่มี ีแฟน รสู้ กึ ดี มีความสุขกับการมแี ฟน กลมุ่ ชาย-หญิง ๒ คนท่มี แี ฟน แลว้ ไม่มคี วามสขุ มีความกงั วล ใหก้ ลมุ่ ชว่ ยกนั คดิ วา่ คนทเี่ ปน็ แฟนกนั แลว้ ไมม่ คี วาม สขุ เปน็ เพราะเหตใุ ด และความกงั วลของคนทมี่ แี ฟน มอี ะไร บา้ ง 173
กลุ่มชาย-หญงิ ๓ คนที่ถูกบงั คับให้มเี พศสัมพนั ธ์ ก) เรอ่ื งแบบน้ีอาจเกิดขนึ้ กบั เดก็ ประถม มธั ยมไดห้ รอื ไม่ ในกรณใี ดบา้ ง ข) หากเกิดเร่ืองแบบน้ี เราจะหาความช่วยเหลอื ได้จากใครบ้าง กลมุ่ ชาย-หญิง ๔ คนทีท่ ้อง/ทำ� ใหผ้ ู้หญงิ ทอ้ งขณะท่ตี วั เองเปน็ นักเรยี น ให้กลุ่มช่วยกันคิดว่า สองคนน้ีจะต้อง เจอกับเร่ืองอะไรบ้าง และเป็นเร่ืองยากหรือง่าย ทจี่ ะจดั การกับส่ิงที่เกิดขน้ึ ขอ้ มูลภาพจากอนิ เทอรเ์ น็ต 174
แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๑๖ ทอ้ ง แคลิดะเกพ่อศนสทัมำพ� นั ธ์ :
แผนการเรยี นรู้ท่ี ๑๖ ทอ้ ง และเพศสัมพันธ์ : คดิ ก่อนทำ� สาระส�ำคัญ การเข้าใจระบบสืบพันธุ์และกลไกการตั้งครรภ์ของมนุษย์ วิธีการคุมก�ำเนิด รวมทงั้ ตระหนกั ถงึ ปจั จยั ความพรอ้ มดา้ นตา่ งๆ ทจ่ี �ำเปน็ ตอ้ งคดิ ถงึ กอ่ นตดั สนิ ใจมลี กู จะเปน็ ความรพู้ น้ื ฐานในการดแู ลตวั เองใหม้ สี ขุ ภาวะทางเพศ และการปอ้ งกนั ผลกระ ทบทีไ่ มพ่ งึ ประสงคจ์ ากการมเี พศสมั พนั ธ์ วัตถปุ ระสงค์การเรียนรู้ ๑) อธบิ ายกลไกการตง้ั ครรภข์ องมนษุ ย์ ๒) วิเคราะห์ผลกระทบท่อี าจเกดิ ขน้ึ หากต้งั ครรภใ์ นวยั เรยี น ๓) บอกวิธกี ารป้องกันการตง้ั ครรภท์ ี่มปี ระสิทธภิ าพ แผนการเรียนรนู้ ้ี มุ่งสร้างเสริมคณุ ลกั ษณะและทักษะส�ำคัญ ดังน้ี Core Values Core Skills • ความปลอดภัย • การร้จู กั ตัวเอง • ความรบั ผดิ ชอบ • การตัดสินใจ • การรู้และเคารพสทิ ธิ • การดูแลสขุ อนามัย • การไม่เอาเปรียบผูอ้ ่ืน • การคิดวิเคราะห์ ประเมนิ ผลกระทบ 176
ระยะเวลา ๑๖ ๖๐ นาที (๑ คาบเรยี น) อปุ กรณแ์ ละสื่อ • ภาพองค์ประกอบการตงั้ ครรภ์ประกอบการอธิบาย (ระบบสบื พันธุ์ของหญิง/ชาย ไข่ อสุจิ การปฏสิ นธิ การมีเพศสัมพันธ์ การตง้ั ครรภ์) • ตวั อยา่ งถุงยางอนามยั และอปุ กรณ์คุมก�ำเนิด ประเมินผลการเรียนรู้ ๑. สังเกตความสนใจและการมสี ่วนร่วมในการท�ำกจิ กรรม ๒. สังเกตการตอบค�ำถามและการให้เหตผุ ล ขั้นตอนการจัดการเรยี นรู้ ๑. ครถู ามนักเรยี น และจดค�ำส�ำคัญจากค�ำตอบนักเรยี น ดงั น้ี •þ พวกเราเคยเห็นคนท้องไหม • คนเราต้ังทอ้ งไดอ้ ยา่ งไร • จะรไู้ ด้อย่างไรว่าท้องหรือไม่ ๒. ครอู ธบิ ายเรอื่ งการตง้ั ครรภอ์ ยา่ งงา่ ย ดงั น้ี (หากสามารถหาภาพประกอบ ได้ จะช่วยใหช้ ดั เจนขนึ้ ) • การต้ังท้องเพ่ือมีลูกเป็นการสืบเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ โดยธรรมชาติ ร่างกายของมนุษย์ส่วนใหญ่จึงถูกเตรียมให้มีความพร้อมในการ สืบพันธ์ุ • การต้ังท้องเกดิ ขึ้นได้ เมอื่ หญงิ และชายทอ่ี ยู่ในวยั เจริญพันธ์ุ (บอก ได้จากการท่ีหญิงมีประจ�ำเดือน และชายฝันเปียก) มีเพศสัมพันธ์ กัน โดยไม่ได้ปอ้ งกนั หรอื ไม่ได้ใช้วธิ ีคมุ ก�ำเนิด เมือ่ ผชู้ ายหลั่งอสจุ ิ 177
ในช่องคลอด และอสจุ ไิ ปผสมกับไข่ เรียกว่าการปฏสิ นธิ และฝงั ตัว ที่ผนงั มดลูก ท�ำใหเ้ กิดการตง้ั ท้องขน้ึ ๓. ครชู วนนักเรยี นคดิ ตอ่ โดยใชค้ �ำถาม ดงั นี้ •þ เปน็ ไปไดห้ รอื ไม่วา่ คนท่ที อ้ งอาจจะไมอ่ ยากมีลกู เพราะเหตใุ ด • การท้องควรเป็นการตดั สนิ ใจของใคร ? เพราะเหตุใด ๔. ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา่ • นอกจากกลไกของระบบสบื พนั ธข์ุ องมนษุ ยท์ ท่ี �ำใหเ้ กดิ การตง้ั ทอ้ งได้ แล้ว การตัดสินใจว่า จะมีลูกหรือไม่เป็นการตัดสินใจส�ำคัญ และ ควรมาจากความตงั้ ใจ และการวางแผนในการตัง้ ทอ้ ง การเตรียม ตวั เปน็ พอ่ /แม่ ความพร้อมในการเลย้ี งลูก ๕. แบง่ กลุ่มย่อยแยกเพศ กลุม่ ละ ๕ คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มช่วยกันตอบค�ำถาม ๒ ขอ้ ดงั นี้ (๑) นักเรียนคดิ ว่า เราควรตดั สินใจมีลูกเมื่อไร เพราะเหตุใด (๒) หากเราท้อง/ท�ำให้ผู้หญิงท้อง หรือมีลูกในขณะที่ยังเป็นนักเรียน นกั เรียนคดิ วา่ เราต้องเจอกับเร่อื งอะไรบ้าง ๖. ขออาสาสมคั รกลุ่มชายน�ำเสนอกอ่ น และถามกลุ่มชายอ่ืนๆ ใหเ้ พิม่ ค�ำ ตอบท่แี ตกต่างจากกลมุ่ ทเ่ี สนอ จากนัน้ ขออาสาสมคั รกลุ่มหญิงน�ำเสนอ และถาม กล่มุ หญงิ อ่นื ๆ เพิม่ • หากครูมีข้อสังเกตว่าค�ำตอบของหญิงและชายมีความต่างกัน ให้ ชวนเปรยี บเทยี บ และท�ำใหเ้ หน็ มุมมองของอีกเพศหนง่ึ • ครูสรุปให้เห็นว่า การต้ังท้องหรือมีลูก มีเร่ืองท่ีต้องคิดเตรียมตัว หลายอย่าง โดยเฉพาะเรอื่ งความพรอ้ มที่จะดแู ลอกี หนึ่งชวี ติ และ หากเราต้ังทอ้ งขณะยงั เป็นนกั เรยี น กจ็ ะมผี ลกระทบหลายอยา่ ง 178
๗. ถามนักเรยี นว่า • หากยงั ไม่พร้อมจะมลี กู ใครเคยไดย้ นิ มาบ้างว่า เราจะมีวธิ ีป้องกนั ทอ้ งได้อย่างไร o ครูจดค�ำตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน เพ่ือชวนคุยว่า วิธีใด ปอ้ งกนั ได้ และวธิ ใี ดปอ้ งกนั ไมไ่ ด้ โดยเนน้ วธิ ที วี่ ยั รนุ่ เคยไดย้ นิ และ มกั เลือกใช้ ๘. ครสู รุปประเดน็ ส�ำคญั ดังนี้ • วธิ กี ารปอ้ งกนั ทอ้ ง เราเรยี กวา่ การคมุ ก�ำเนดิ ซงึ่ มหี ลายวธิ ี เชน่ การ กนิ ยาคมุ การท�ำหมนั การใช้ถุงยางอนามัย เปน็ ตน้ ซงึ่ แต่ละคน สามารถเลือกใชใ้ ห้เหมาะกบั สถานการณข์ องตนเอง • วิธที ่ไี ม่มปี ระสทิ ธิภาพในการป้องกันท้อง คือ การนับหนา้ ๗ หลัง ๗ หรือนบั ระยะปลอดภยั การหล่ังขา้ งนอก การสวนล้างช่องคลอด หลงั มเี พศสัมพนั ธ์ • วิธที ่ดี ที ีส่ ุด คอื การไมม่ เี พศสมั พนั ธ์ แตห่ ากเลือกจะมเี พศสัมพนั ธ์ วธิ ที ดี่ ที สี่ ดุ คอื การใชถ้ งุ ยางอนามยั เพราะสามารถปอ้ งกนั ทอ้ งและ ปอ้ งกนั โรคได้ ๑๖ 179
บรรณานกุ รม
หนังสือ • มูลนิธิแพธทูเฮลท์. (๒๕๖๐). ชุดกิจกรรมการไม่รังแกกัน ส�ำหรับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น. นครปฐม: ร้านการต์ ูนสกรนี และสง่ิ พมิ พ์. • ศนู ยเ์ ฉพาะกจิ คมุ้ ครองและชว่ ยเหลอื เดก็ นกั เรยี น ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน. (๒๕๕๘). การพัฒนาเพศศึกษาในระบบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาต.ิ • องคก์ ารแพธ. (๒๕๕๑). คมู่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศกึ ษา ส�ำหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษา ปีท่ี ๑. กรุงเทพฯ: เออรเ์ จนท์ แทค. ส่ือออนไลน์ • Advocates for Youth. (n.d.). Change Is Good, A Lesson Plan from Rights, Respect, Responsibility: A K-12 Curriculum, June 30, 2018. http://www.advocatesforyouth.org/ 3rs-curric-lessonplans • Advocates for Youth. (n.d.). Different Kinds of Families, A Lesson Plan from Rights, Respect, Responsibility: A K-12 Curriculum, June 30, 2018. https://drive.google.com/lfi e/d/ 1zqkGgQc-ivdWAGtqWQeIJuN1Udrsi-6U/view • Advocates for Youth. (2015). Rights, Respect, Responsibility A K-12 Sexuality Education Curriculum Teacher’s Guide, July 2, 2018. http://www.advocatesforyouth.org/ 3rs-curric-lessonplans • Better Health Channel. (2014). Sex education – preschoolers, July 2, 2018. https:// www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/talking-to-pre-schoolers-about-sex • Better Health Channel. (2015). Sex education – primary school children, July 2, 2018. https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/talking-to-primary-school- children-about-sex • Better Health Channel. (2018). Sex education – talking to young people, July 2, 2018. https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/talking-to-young-people- about-sex 182
• Brook, PSHE Association and Sex Education Forum. (2014). Sex and Relationships Education (SRE) for the 21st Century, July 1, 2018. https://www.pshe-association.org.uk/system/ fli es/SRE%20for%20the%2021st%20Century%20-%20FINAL.pdf.pdf • Continuing Education for Mental Health Professionals. (n.d.). Topics in Human Sexuality: Sexuality Across the Lifespan Childhood and Adolescence, July 2, 2018. https://ce4less.com/Tests/Materials/E086Materials.pdf • Croydon Council. (2008). Sex and Relationship Education Scheme of Work for The Early Years Foundation Stage, Key Stage 1 and Key Stage 2, July 2, 2018. http://www. davidlivingstone.croydon.sch.uk/wp-content/uploads/2015/07/6.2-STEP-Curriculum-SRE- SoW-July-2015.pdf • Danny W. Patty II. (2006). Exploring Emotions through Activities ebook, July 2, 2018. http://www.dannypettry.com/ebook_emotions.pdf • Department for Education and Employment. (2000). Sex and Relationship Education Guidance, June 30, 2018. https://assets.publishing.service.gov.uk/government/uploads/system/ uploads/attachment_data/file/283599/sex_and_relationship_education_guidance.pdf • EFAIDS Programme. (2009). Learning for Life: Classroom Activities for HIV and AIDS Education, July 2, 2018. http://download.ei-ie.org/Docs/WebDepot/EFAIDS_Classroom ExerciceBook_eng_final_web.pdf • ETR Associates. (2012). Health Smart Middle School: Program Foundation Standards,- Theory, Results, June 20, 2018. https://www.etr.org/healthsmart/ • ETR Associates. (n.d.). Lesson Plan 5.1: Exploring Sexual Orientation, July 2, 2018. https://iwhc.org/wp-content/uploads/2013/12/iwhcch5.pdf • Harcombe Kevin. (n.d.). How to teach sex education in primary schools, July 2, 2018. https://www.teachprimary.com/learning_resources/view/how-to-teach-sex- education-in-primary-schools • Healthy Schools London. (n.d.). SRE Primary Curriculum Overview, June 30, 2018. http://www.healthyschools.london.gov.uk/sites/default/lfi es/SRE%20Primary%20Scheme%20of%20 work.pdf 183
• Idaho Coalition Against Sexual & Domestic Violence Center for Healthy Teen Relationships and Start Strong Idaho Team. (n.d.). Center for Healthy Teen Relationships, July 2, 2018. https://idvsa.org/wp-content/uploads/2013/01/Healthy-Relationships.pdf • International Planned Parenthood Federation. (2009). From evidence to action: Advocating for comprehensive sexuality education, June 20, 2018. https://www.ippf.org/ sites/default/ifles/from_evidence_to_action.pdf • LAFA. (2004). The Main Thread Handbook on sexuality and personal relationships among young people, June 30, 2018. http://www.lafa.nu/Documents/Metodb%C3%B6cker/ The%20Main%20Thread%20-%20a%20hanbook%20on%20sexuality%20and%20personal%2 0relationships%20%20from%20Lafa.pdf • Lesson Plan – Puberty Part 1 and Part 2, July 2, 2018. http://youngpeopletoday. net/wp-content/uploads/2016/03/Lesson-Plan-Puberty-Part-I-and-II.pdf • Martinez Anna. (2005). Effective learning method: Approaches to teaching about sex and relationships within PSHE and Citizenship, July 2, 2018. https://www.ghll.org.uk/ effective-learning-pshe.pdf • National Children’s Bureau. (2006). A whole – school approach to Personal, Social and Health Education and Citizenship, July 2, 2018. http://www.citized.info/pdf/external/ncb/ wholeschool.pdf • PSHE Association. (n.d.). A Guide for Parents and Carers on Sex and Relationship Education, June 30, 2018. https://st-christopher.coventry.sch.uk/wp-content/uploads/2017/01/ Detailed_Guide_for_Parents_and_Carers_on_Jigsaw_SRE.pdf • PSHE Association. (2016). Teaching SRE in the primary school, June 30, 2018. http:// www.healthyschools.london.gov.uk/sites/default/lif es/pri_SRE%20pack_sample.pdf • RFSU. (n.d.). SEX: YOUR OWN DAY A booklet about sex for teens, July 2, 2018. https:// www.rfsu.se/globalassets/pdf/sex-your-ow-way.pdf • The Sex Education Forum. (2010). Understanding Sex & Relationships Education, A Sex Education Forum brieif ing, July 1, 2018. https://www.sexeducationforum.org.uk/resources 184
• The Sexuality Information and Education Council of the United States. (2004). (3rd Edition), Guidelines for Comprehensive Sexuality Education, June 30, 2018. http://sexedu.org. tw/guideline.pdf • UNESCO. (2018). International teaching guidance on sexuality education, An evidence-informed approach. (Revised edition), July 4, 2018. http://www.unaids.org/sites/ default/ifles/media_asset/ITGSE_en.pdf • ส�ำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน. (ม.ป.ป.). แนวทางจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ 21st Century Skills, ๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑. https:// webs.rmutl.ac.th/assets/upload/fli es/2016/09/20160908101755_51855.pdf 185
ภาคผนวก
ภาคผนวก ๑ แนวคิดหลกั ในการพฒั นาการเรยี นร้เู รอื่ ง “เพศวิถีศึกษา” ของ SIECUS (Key Concepts in Comprehensive Sexuality Education Program)๑ ๑) พฒั นาการของมนุษย์ | Human Developments เปน็ พฒั นาการดา้ นตา่ งๆ ของมนษุ ย์ ทเ่ี ตบิ โตไปอยา่ งสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ ง สรรี ะ อารมณ์ สงั คม และสติปัญญา ๑.๑ สรีระร่างกายท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การสบื พันธ์ุ | Reproductive and Sexual Anatomy and Physiology ๑.๒ การสืบพนั ธุ์ | Reproduction ๑.๓ การเปลี่ยนแปลงเม่อื เข้าสู่วัยหนุ่มสาว | Puberty ๑.๔ ภาพลกั ษณต์ ่อร่างกาย | Body Image ๑.๕ ตวั ตนทางเพศ | Gender Identity ๑.๖ รสนยิ มทางเพศ | Sexual Orientation ๒) สัมพันธภาพ | Relationships สมั พันธภาพ มีบทบาทส�ำคญั ตลอดช่วงชีวติ ของเรา ๒.๑ ครอบครัว | Families ๒.๒ มติ รภาพ | Friendship ๒.๓ ความรกั | Love ๒.๔ ความสมั พนั ธ์แบบโรแมนตกิ และการคบหาดูใจกัน | Romantic Relationship & Dating ๑ แปลและเรียบเรียงจาก SIECUS (2004). Guidelines for Comprehensive Sexuality Education (Kindergarten – 12 Grade), 3rd Edition, National Guidelines Task Force 188
๒.๕ การแต่งงานและการตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน | Marriage and Lifetime Commitments ๒.๖ การเลยี้ งดลู กู | Raising Children ๓. ทักษะสว่ นบุคคล | Personal Skills (Skills for Health and Well-being) การมีสุขภาวะทางเพศจ�ำเป็นต้องมีการพัฒนาทักษะส่วนบุคคลและทักษะในการ ปฏสิ ัมพนั ธ์กับบุคคลอ่ืน ๓.๑ การใหค้ ณุ คา่ | Values ๓.๒ การตดั สินใจ | Decision-making ๓.๓ การสอ่ื สาร | Communication ๓.๔ การยนื ยันความคดิ ความต้องการ ความรูส้ กึ ของตนเอง | Assertiveness ๓.๕ การตอ่ รอง | Negotiation ๓.๖ การหาความช่วยเหลอื | Looking for Help ๔) พฤตกิ รรมทางเพศ (Sexual Behavior) เพศวถิ ี (Sexuality) เปน็ เรื่องส�ำคัญของมนุษย์ แตล่ ะบุคคลจะแสดงออกในเรอ่ื งเพศ แตกต่างกันออกไป ๔.๑ ชวี ติ ทางเพศตลอดช่วงชวี ิต | Sexuality Throughout Life ๔.๒ การชว่ ยตวั เอง | Masturbation ๔.๓ พฤติกรรมทางเพศที่แสดงออกต่อกัน | Shared Sexual Behavior ๔.๔ การละเว้นการมเี พศสัมพนั ธ์ | Sexual Abstinence ๔.๕ การตอบสนองทางเพศของมนษุ ย์ | Human Sexual Response ๔.๖ จินตนาการทางเพศ | Sexual Fantasy ๔.๗ การเสือ่ มสมรรถภาพทางเพศ | Sexual Dysfunction 189
๕) สขุ ภาพทางเพศ (Sexual Health) การส่งเสริมสุขภาพทางเพศต้องการข้อมูลและทัศนะท่ีจ�ำเป็นเพื่อหลีกเล่ียงผลกระทบ ทไ่ี มพ่ งึ ประสงคจ์ ากพฤตกิ รรมทางเพศ ๕.๑ อนามยั เจริญพันธุ์ | Reproductive Health ๕.๒ การคมุ ก�ำเนดิ | Contraception ๕.๓ การตั้งครรภ์ และการฝากครรภ์ | Pregnancy and Prenatal Care ๕.๔ การท�ำแทง้ | Abortion ๕.๕ โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์| STIs ๕.๖ เอชไอว/ี เอดส์ | HIV and AIDS ๕.๗ การลว่ งละเมดิ ทางเพศ | Sexual Abuse, assault, violence, harassment ๖) สงั คมและวัฒนธรรม ส่ิงแวดล้อมและบรรยากาศทางสังคมและวัฒนธรรม มสี ่วนในการก�ำหนดวิธกี ารเรียน ร้แู ละการแสดงออกในเร่อื งเพศของบุคคล ๖.๑ เพศวถิ ีและสงั คม | Sexuality and Society ๖.๒ บทบาททางเพศ | Gender Roles ๖.๓ เพศวิถแี ละกฎหมาย | Sexuality and Law ๖.๔ เพศวถิ ีและศาสนา | Sexuality and Religion ๖.๕ ความหลากหลาย | Diversity ๖.๖ เพศวถิ ีและศิลปะ | Sexuality and the Arts ๖.๗ เพศวถิ แี ละสอื่ | Sexuality and the Media 190
ภาคผนวก ๒ แนวคดิ หลกั ในการพฒั นาการเรยี นรเู้ รือ่ ง “เพศวถิ ีศึกษา” ของ UNESCO (Key Concepts of Comprehensive Sexuality Education)๒ Key concept ๑: สมั พนั ธภาพ | Relationships ๑.๑ ครอบครวั | Families ๑.๒ มติ รภาพ, ความรกั และความสัมพนั ธ์แบบโรแมนตกิ | Friendship, Love and Romantic Relationships ๑.๓ ความอดกล้นั การนบั รวม การเคารพ | Tolerance, Inclusion and Respect ๑.๔ การตกลงใชช้ วี ติ รว่ มกนั ระยะยาว และการเปน็ พอ่ แม่ | Long-term Commitments and Parenting Key concept ๒: คณุ คา่ สทิ ธิ วฒั นธรรม และเพศวถิ ี | Values, Rights, Culture and Sexuality ๒.๑ คุณค่าและเพศวิถี | Values and Sexuality ๒.๒ สิทธิมนษุ ยชนและเพศวิถี | Human Rights and Sexuality ๒.๓ วฒั นธรรม สังคม และเพศวถิ ี | Culture, Society and Sexuality Key concept ๓: เข้าใจเพศสภาพ | Understanding Gender ๓.๑ การประกอบสร้างของสังคมในเรื่องเพศสภาพและบรรทัดฐานชายหญิง | The Social Construction of Gender and Gender Norms ๒ แปลและเรียบเรียงจาก UNESCO (2018). International teaching guidance on sexuality education: An evidence-informed approach. (Revised edition), July 4, 2018. http://www.unaids.org/sites/ default/lfi es/media_asset/ITGSE_en.pdf 191
๓.๒ ความเทา่ เทยี มทางเพศ การเหมารวมและอคติทางเพศ | Gender Equality, Stereotypes and Bias ๓.๓ ความรนุ แรงบนฐานเพศสภาพ | Gender-based Violence Key concept ๔: ความรุนแรงและการท�ำใหต้ ัวเองปลอดภัย | Violence and Staying Safe ๔.๑ ความรุนแรง | Violence ๔.๒ การยนิ ยอมพรอ้ มใจ, พน้ื ทสี่ ว่ นตวั และสทิ ธใิ นเนอ้ื ตวั รา่ งกาย | Consent, Privacy and Bodily Integrity ๔.๓ การใช้ ICTs อย่างปลอดภัย | Safe use of Information and Communication Technologies (ICTs) Key concept ๕: ทกั ษะสขุ ภาพและการอยดู่ ีมสี ุข | Skills for Health and Well-being ๕.๑ บรรทัดฐาน และอทิ ธพิ ลเพอ่ื นทม่ี ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ | Norms and Peer on Sexual Behavior ๕.๒ การตัดสินใจ | Decision-making ๕.๓ ทกั ษะการสอ่ื สาร การปฏเิ สธ และการตอ่ รอง | Communication, Refusal and Negotiation Skills ๕.๔ การเทา่ ทันส่อื และเพศวถิ ี | Media Literacy and Sexuality ๕.๕ การหาความช่วยเหลือ | Finding Help and Support Key concept ๖: รา่ งกายและพฒั นาการของมนษุ ย์ | The Human Body and Development ๖.๑ สรรี ะท่เี กยี่ วข้องทางเพศและอนามยั เจรญิ พันธ์ุ | Sexual and Reproductive Anatomy and Physiology ๖.๒ การสบื พันธ์ุ | Reproduction ๖.๓ การเปลย่ี นแปลงเมอื่ เข้าส่วู ยั หนมุ่ สาว | Puberty ๖.๔ ภาพลกั ษณร์ า่ งกาย | Body Image 192
Key concept ๗: เพศวิถแี ละพฤตกิ รรมทางเพศ | Sexuality and Sexual Behavior ๗.๑ เพศ เพศวถิ ี และวงจรชวี ิตทางเพศ | Sex, Sexuality and the Sexual Life Cycle ๗.๒ พฤตกิ รรมทางเพศ และการตอบสนองทางเพศ | Sexual Behavior and Sexual Response Key concept ๘: สขุ ภาพทางเพศและอนามยั เจรญิ พนั ธ์ุ | Sexual and Reproductive Health ๘.๑ การตั้งครรภ์และการป้องกันการตั้งครรภ์ | Pregnancy and Pregnancy Prevention ๘.๒ การตตี รา การดแู ลรักษา และการสนบั สนุนเรอ่ื งเอชไอวแี ละเอดส์ | HIV and AIDS Stigma, Care, Treatment and Support ๘.๓ ความเขา้ ใจ การรบั รแู้ ละการลดโอกาสเสย่ี งตอ่ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์รวมถงึ เอชไอวี | Understanding, Recognizing and Reducing the Risk of STIs, including HIV 193
ภาคผนวก ๓ เพศวถิ ีศกึ ษา: Key messages ๑. พัฒนาการของมนษุ ย์ ๑.๑ รา่ งกายของแต่ละคนมีลกั ษณะเฉพาะตัวท่ีแตกตา่ งกัน และมีคุณคา่ เทา่ เทียมกัน ๑.๒ ร่างกายของมนุษย์มีความสามารถทั้งการสืบพันธุ์ และแต่ละคนสามารถเลือกได้ว่า ต้องการมีลกู หรือไม่ ๑.๓ ระบบร่างกายท่ีตอบสนองต่ออารมณ์และความต้องการทางเพศ แตกต่างจากระบบ สืบพันธ์ุ ๑.๔ การดแู ลสขุ อนามยั ของอวยั วะเพศและอวยั วะสบื พนั ธเ์ุ ปน็ เรอื่ งจ�ำเปน็ และส�ำคญั ตอ่ การ มีสขุ ภาวะทางเพศ ๑.๕ การมีเพศสัมพันธ์ เกิดข้ึนท้ังเพ่ือตอบสนองอารมณ์ปรารถนาทางเพศ และเพ่ือการ สบื พนั ธ์ุ ดังนั้น การมีเพศสมั พันธค์ วรมกี ารป้องกันทุกคร้งั หากยังไมพ่ รอ้ มหรือไมต่ ้องการมีลูก ๑.๖ สญั ญาณหนึ่งของการตงั้ ครรภ์ คอื ประจ�ำเดอื นไมม่ าตามปกติ ๑.๗ ภาพลักษณ์ของร่างกายที่ถูกสร้างขึ้น (โดยส่ือ) ให้เป็นมาตรฐานหรือเป็นค่านิยมของ สังคม มักไม่ใช่ภาพสะท้อนความเป็นจริงของร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีความแตกต่างกัน และการ สรา้ งภาพลกั ษณด์ งั กลา่ วสง่ ผลกระทบตอ่ ภาพลกั ษณแ์ ละความรสู้ กึ ของบคุ คลตอ่ รา่ งกายตนเอง ซ่ึงอาจสง่ ผลในทางลบต่อพฤตกิ รรม และสขุ ภาวะทางเพศของคนๆ นั้น ๑.๘ มนุษย์อาจมีความรู้สึกดึงดูดใจทางเพศกับคนเพศเดียวกัน หรือต่างเพศ หรือท้ังสอง เพศได้ ซึง่ เปน็ เร่อื งส่วนบุคคลและไมใ่ ช่เร่อื งผดิ ปกติ และไม่ไดล้ ดทอนคุณคา่ ความเป็นมนุษย์ ของคนๆ นน้ั ในขณะเดยี วกนั ครอบครวั สงั คม วฒั นธรรม และศาสนา อาจมขี อ้ ก�ำหนด ความ เชื่อ และการยอมรับต่อกลุ่มคนท่ีมีความหลากหลายทางเพศแตกต่างกัน ท�ำให้เป็นเร่ืองยาก ส�ำหรับบางคนในการยอมรับหรือเปิดเผยรสนยิ มทางเพศของตนเอง ๑.๙ การใหเ้ กยี รตแิ ละการเคารพความแตกตา่ งหลากหลายของบคุ คลโดยเทา่ เทยี มกนั เปน็ สงิ่ ทีเ่ ราพงึ ปฏิบตั ิตอ่ กัน 194
๑.๑๐ บุคคลมสี ิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตนเอง และไม่อาจมใี ครละเมิดสทิ ธินไ้ี ด้ ๒. สัมพันธภาพ ๒.๑ ความไว้วางใจ การใส่ใจความรู้สึก การเคารพ การแสดงความรักความห่วงใยเป็น พน้ื ฐานส�ำคญั ของการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดี ในขณะทก่ี ารเอาเปรียบ การใช้อ�ำนาจ การไม่ให้เกียรติ การละเมิดสิทธิสะท้อนถึงสัมพันธภาพที่ไม่ดีและไม่ควรเกิดขึ้นในทุกความ สมั พันธ์ ๒.๒ ความขัดแย้งเกดิ ขึน้ ไดใ้ นทุกความสัมพนั ธ์ เป็นเรอื่ งปกติและสามารถจัดการไดโ้ ดยไม่ จ�ำเปน็ ต้องใชค้ วามรนุ แรง ๒.๓ การแสดงความรกั มหี ลายแบบ พฤติกรรมทางเพศและการมเี พศสัมพันธ์ไม่ใชเ่ ง่ือนไข ของการแสดงความรกั ๒.๔ ครอบครวั และการใชช้ ีวติ คู่มหี ลายแบบ ๒.๕ การตัดสนิ ใจเรอื่ งการมชี ีวิตคู่ มีลูก และมีครอบครัว เป็นการตดั สินใจส�ำคญั และมา พรอ้ มกบั ความรบั ผดิ ชอบตอ่ บุคคลที่มคี วามสัมพนั ธ์ด้วย ๒.๖ การมีลูกควรเกิดข้นึ จากความตอ้ งการและความพร้อมท่จี ะรับผิดชอบในการดแู ล ๒.๗ การรงั แก การตตี รา การเลอื กปฏิบัติดว้ ยเหตุของความแตกตา่ ง เปน็ การละเมดิ สทิ ธิ มนุษยชนและลดทอนศกั ดิ์ศรีความเปน็ มนุษย์ ๓. ทักษะสว่ นบุคคล ๓.๑ การใหค้ ณุ คา่ ทศั นคติ และความเชอื่ ตอ่ เรอื่ งเพศ/เพศวถิ ขี องบคุ คล สง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรม การตัดสินใจ การด�ำเนนิ ชีวติ และสขุ ภาวะทางเพศ ๓.๒ การตดั สนิ ใจทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เรอื่ งเพศวถิ เี ปน็ เรอื่ งส�ำคญั เพราะมผี ลทตี่ ามมาทง้ั ตอ่ ตนเอง และบคุ คลทเ่ี ก่ยี วข้อง ทงั้ ในด้านสขุ ภาพและสงั คมทต่ี อ้ งรบั ผดิ ชอบ ๓.๓ เพื่อน ครอบครัว บรรทัดฐานและค่านิยมเรื่องเพศอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและ พฤตกิ รรมทางเพศ ๓.๔ การสือ่ สารทดี่ ีเปน็ เรื่องส�ำคัญในการรักษาความสัมพนั ธ์ 195
๓.๕ การสื่อสารถึงความรู้สึกเร่ืองเพศ ความต้องการ ขอบเขตความสัมพันธ์ การยินยอม พร้อมใจ และการเคารพสิทธแิ ละความรู้สกึ ของอกี ฝ่าย เปน็ เรอื่ งจ�ำเป็นในการมคี วามสัมพันธ์ ทางเพศทด่ี ี ๓.๖ การจดั การความขัดแยง้ มีหลายวธิ ี และไม่จ�ำเปน็ ต้องใช้ความรนุ แรง ๓.๗ การรูแ้ หล่งช่วยเหลอื ทเี่ กีย่ วกับเร่อื งเพศและเพศวถิ ี และหาความช่วยเหลอื เมอื่ จ�ำเปน็ เป็นส่ิงทสี่ �ำคัญทจ่ี ะชว่ ยแก้ปัญหาสขุ ภาวะทางเพศ ๓.๘ การใช้วิจารณญาณในการดูสอ่ื และใช้ ICT เปน็ เรือ่ งส�ำคญั เพราะสื่อมีอิทธิพลตอ่ การ รับรู้ ทัศนคติ และพฤตกิ รรมของคนในสงั คมทัง้ ทางบวกและทางลบ ขอ้ มูลต่างๆ ท่ีปรากฏใน สอ่ื อาจมที ง้ั ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ มลู ผดิ ๆ สอื่ ยงั อาจน�ำเสนอภาพลกั ษณใ์ นเรอ่ื งเพศ เพศวถิ ี ความ สมั พนั ธท์ างเพศ บทบาทชายหญงิ และเพศทางเลอื ก ทบ่ี ดิ เบอื นหรอื ไมส่ ะทอ้ นความเปน็ จรงิ ใน สังคม ทกั ษะการคิด วเิ คราะห์ และการเทา่ ทันสือ่ จงึ เป็นเรือ่ งส�ำคญั ๔. พฤตกิ รรมทางเพศ ๔.๑ ความรู้สึกทางเพศ จินตนาการทางเพศ ความปรารถนาทางเพศเปน็ เรื่องธรรมชาติ และมนุษย์มีความสามารถในการหาและมีความร่ืนรมย์ทางเพศ ผ่านการสัมผัสร่างกายใน รปู แบบต่างๆ ตลอดชว่ งชีวติ ๔.๒ การตัดสินใจมีหรือไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นสิทธิส่วนบุคคล ควรเกิดขึ้นจากการยินยอม พรอ้ มใจ และค�ำนึงถึงการป้องกันความเสี่ยงทอี่ าจเกดิ ข้นึ ที่สง่ ผลตอ่ สุขภาพและคณุ ภาพชวี ติ ๔.๓ การไม่มีเพศสัมพนั ธ์ เป็นวธิ ีการปอ้ งกนั ท้องและปอ้ งกนั โรคตดิ ต่อทางเพศสัมพันธ์ทม่ี ี ประสิทธภิ าพทส่ี ุด และเปน็ ทางเลอื กเสมอ แม้ในคนทีเ่ คยมีประสบการณ์ทางเพศมาแลว้ ๔.๔ เราไมค่ วรใชภ้ าพลกั ษณภ์ ายนอก ความสามารถของรา่ งกาย อตั ลกั ษณท์ างเพศ รสนยิ ม ทางเพศ และประสบการณท์ างเพศมาเปน็ เกณฑใ์ นการตดั สนิ คณุ คา่ ของคนและเลอื กปฏบิ ตั ติ อ่ บุคคล ๔.๕ พฤติกรรรมทางเพศควรน�ำมาซึ่งความสุขและพึงพอใจของท้ังสองฝ่าย และค�ำนึงถึง ความปลอดภัยด้านสขุ ภาพ และปราศจากความเส่ยี งต่อโรคติดต่อฯ การท้องไม่พร้อม ความ รนุ แรง 196
๕. สุขภาพทางเพศ ๕.๑ วิธคี ุมก�ำเนิดแบบต่างๆ ท่มี อี ยใู่ นปจั จุบัน สามารถชว่ ยปอ้ งกันการต้งั ครรภ์ได้ ๕.๒ การตง้ั ครรภโ์ ดยไม่พรอ้ มหรือไมต่ ง้ั ใจอาจเกดิ ข้นึ ได้ การเข้าถงึ ข้อมลู บรกิ ารปรึกษา และบริการช่วยเหลือเมื่อเผชิญกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม จะช่วยให้เห็นทางเลือกในการจัดการ ไมว่ า่ จะเลอื กทอ้ งตอ่ หรอื ยตุ กิ ารตง้ั ครรภ์ (ซง่ึ สามารถท�ำไดอ้ ยา่ งปลอดภยั หากอายคุ รรภไ์ มเ่ กนิ ๑๒ สปั ดาห)์ ๕.๓ เมอื่ รู้ หรอื สงสยั ว่าต้งั ครรภ์ ไม่วา่ จะตัดสนิ ใจท้องตอ่ หรอื ยุตกิ ารต้งั ครรภ์ การเขา้ ถงึ บรกิ ารให้เรว็ ทส่ี ดุ เปน็ เรอ่ื งส�ำคญั ๕.๔ ทางเลอื กในการลดโอกาสเสยี่ งตอ่ การตดิ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธแ์ ละเอชไอวมี หี ลาย วิธี และการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถงุ ยางอนามยั จะช่วยทัง้ ป้องกนั ทอ้ ง ปอ้ งกนั การตดิ โรคตดิ ต่อ ทางเพศสัมพันธ์ และป้องกันการติดเชอื้ เอชไอวี ๕.๕ การล่วงละเมิดทางเพศ และการใช้ความรุนแรงทางเพศเป็นเร่ืองยอมรับไม่ได้ และ เป็นการละเมดิ สิทธิ นอกจากนนั้ ในหลายกรณเี ปน็ เรื่องผดิ กฎหมายที่สามารถฟอ้ งรอ้ งได้ ๕.๖ เอชไอวสี ามารถปอ้ งกนั ได้ และเอดสร์ กั ษาได้ ดงั นนั้ เราจงึ สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผตู้ ดิ เชอ้ื เอชไอวไี ด้ และผตู้ ดิ เชอื้ เอชไอวสี ามารถมคี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ไี ด้ หากเขา้ ถงึ การรกั ษา การรงั เกยี จ และการเลือกปฏิบัติต่อผตู้ ดิ เชอ้ื เอชไอวเี ป็นการละเมิดสิทธิ ๖. สงั คมและวัฒนธรรม ๖.๑ การใหค้ ุณค่าและทศั นคตเิ รอ่ื งเพศของบคุ คลได้รบั อทิ ธิพลจากสงั คม วัฒนธรรม และ ศาสนา และส่งผลตอ่ พฤติกรรม การตดั สินใจ การแสดงออก และการปฏิบตั ติ ่อคนอน่ื ๆ ท่ี แตกต่าง ๖.๒ การตระหนักว่าบรรทัดฐาน/ค่านิยมเร่ืองเพศ และความคาดหวังต่อบทบาทหญิงชาย ของสังคมไทย ส่งผลต่อพฤติกรรมและวิถีชีวิตทางเพศของคนในสังคม และแต่ละคนอาจมี ทัศนคตคิ วามเชอ่ื ทแี่ ตกต่างไปจากบรรทดั ฐานของสังคมได้ 197
๖.๓ การตงั้ ค�ำถามตอ่ อคตทิ างเพศ บรรทดั ฐานหรือคา่ นยิ มทางเพศ ที่ส่งผลกระทบในทาง ลบตอ่ บุคคล หรอื สรา้ งความไมเ่ สมอภาค/ไมเ่ ทา่ เทียมทางเพศ เป็นเร่อื งส�ำคญั และเป็นจดุ เร่ิม ตน้ ของการเปล่ยี นแปลง ๖.๔ การรถู้ งึ สทิ ธิและกฎหมายท่ีมผี ลตอ่ สุขภาวะทางเพศของตนเองเปน็ เรอ่ื งส�ำคญั เช่น ๖.๔.๑ การล่วงละเมิดทางเพศ ๖.๔.๒ พ.ร.บ. การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาการตง้ั ครรภ์ในวยั รุน่ ๖.๔.๓ การค้มุ ครองผ้เู ยาว์ ๖.๔.๔ ความเท่าเทยี ม/เสมอภาคทางเพศ ๖.๔.๕ การขม่ ขนื ในคู่สมรส ๖.๔.๖ สทิ ธสิ ุขภาพ ๖.๔.๗ ฯลฯ 198
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216