การพยาบาลแบบองค์รวมในการแก้ไขปญั หา สุขภาพแก่บคุ คลวยั ทารกจนถึงวัยรุ่นทมี่ ีความผดิ ปกตขิ อง ระบบประสาท กลา้ มเนอ้ื และกระดกู ทงั้ ในระยะ เฉยี บพลัน วิกฤต และเร้อื รงั โดยใช้กระบวนการพยาบาล และให้การพยาบาลโดยคานึงถึงความเปน็ มนุษย์และ ความหลากหลายทางวฒั นธรรม
• การพยาบาลเด็กทม่ี อี าการชัก febrile convulsion, Epilepsy • การพยาบาลเด็กที่มภี าวะความดันในชอ่ งกะโหลกศรี ษะสูง Hydrocephalus • การพยาบาลเดก็ ที่มปี ัญหาการตดิ เชอ้ื ในระบบประสาท Meningitis Encephalitis • การพยาบาลเดก็ ท่ีมีปัญหาเก่ียวกับการเคลอ่ื นไหว Cerebral Palsy • การพยาบาลเดก็ ที่มีปัญหาระบบประสาททางศลั ยกรรม Spina bifida Meningocele • การพยาบาลเด็กทีม่ ปี ญั หาเกีย่ วกับกล้ามเนอื้ และกระดูก
CSF pathway
cerebrospinal fluid (CSF) นำ้ หลอ่ เลย้ี งสมองและไขสนั หลงั (CSF) บรรจอุ ยู่ภำยในชอ่ ง ขนำดใหญท่ ่ีอยู่ระหว่ำงเยือ่ หมุ้ สมองและไขสันหลงั ชน้ั กลำงและชนั้ ใน เรยี กว่ำ ช่องบรรจุน้ำเล้ยี งสมองและไขสนั หลงั (subarachnoid space) ซึ่งตดิ ต่อกับชอ่ งตำมยำวภำยในไขสนั หลัง (central canal) และโพรง สมอง(ventricle)ทำ้ ใหน้ ำ้ หล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังเวียนตอ่ กนั ได้หมด น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังมหี น้ำท่ี คือ 1.ป้องกันกำรกระทบกระเทือน 2.หล่อเลีย้ งสมองและไขสันหลังใหช้ มุ่ ชื้นเสมอ 3.นำ้ สำรอำหำรและออกซิเจนมำเล้ยี งเซลล์ประสำท 4.น้ำของเสียออกจำกเซลลป์ ระสำท
พยาธสิ รีรภาพ Choroid Plexus ใน Ventricle (Lateral) Foramen of Monro Third Ventricle,Fourth Ventricle Foramen of Luschka Foramen of Magendie Cistena Magna Arachnoid ไหล Flow ไปรอบสมองและไขสันหลงั Arachnoid Villi ดูดซึมเข้ากระแสเลอื ด
พยาธิสรรี ภาพ Choriod Plexus สร้าง ไหลผ่ำน Lateral Ventricle ผำ่ น Foramen of Monro เขำ้ สู่ Third Ventricle ผ่ำน Cerebral aqueduct เขำ้ สู่ Fourth Ventricle แล้วออกสชู่ ้นั Subarachnoid ทำง Foramen of Luschka และ Magendi ถูกดดู ซมึ โดย Arachhnoid villi
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเดก็ • การตรวจ Mental status • การตรวจ Cranial nerves • การตรวจการเคลื่อนไหว (Motor response) • การตรวจการรับความรูส้ กึ (Sensory examination) • การตรวจอาการแสดงของการระคายของเยอื่ หมุ้ สมอง (Signs of meningral irritation) • การตรวจการเปลยี่ นแปลงของสัญญาณชีพ (vital signs)
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเดก็ Neurological signs 1. การตรวจ Mantal status 1.1 ภาวะความร้สู ติ Conscious level แบ่งออกเปน็ 5 ระดับ ไดแ้ ก่ รสู้ ึกตวั ดี (alert) ตอบสนองตอ่ ส่ิงกระต้นุ ไดถ้ กู ต้องและรวดเรว็ งว่ ง (drowsy) จะงว่ งหลับ แต่เมื่อปลกุ จะตื่นและตอบสนองตอ่ สง่ิ กระตุ้น
ซมึ (stuporus) จะหลบั เปน็ ส่วนใหญ่ ปลุกไม่คอ่ ยตื่นแตต่ อ้ ง ตอบสนองต่อความเจ็บปวดไดอ้ ยา่ งมีความหมาย ใกล้หมดสติ (semicoma) จะหลับอยตู่ ลอด ไมต่ อบสนองต่อ การเขย่า แต่ตอบสนองต่อความเจ็บปวดไดอ้ ยา่ งไม่มี ความหมาย หมดสติ (coma)ไมร่ สู้ ึกตวั ไม่มกี ารตอบสนองตอ่ ส่ิงกระตุ้น
Glasgow Coma Scale (GCS) 1.ความสามารถลืมตา กลุ่มของการตอบสนอง วธิ ีการตอบสนอง คะแนน การเปิ ดตา © เกิดข้ึนเอง (spontaneous) 41 23 (eye opening) © เกิดข้ึนเม่ือไดย้ นิ การส่ัง (to speech) 32 41 © เกิดข้ึนเมื่อเจบ็ (to pain) © ไม่ลืมตา (none) http://www.bhumibolhospital.rtaf.mi.th/airforcenurse/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=134&directory=2011&contents=339
2.ความเคลื่อนไหวของแขนขา กลุ่มของการตอบสนอง วธิ ีการตอบสนอง คะแนน การตอบสนองโดย © ทาตามคาส่งั ได้ (obeys commands) 6 การเคลื่อนไหว © เคลื่อนไหวจาเพาะบริเวณที่เจบ็ (Purposeful 5 (motor response) movement or localized to pain) 4 3 © ชกั แขนขาหนีเมื่อเจบ็ (Withdraws to pain / 2 non-purposeful) 1 © แขนงอเขา้ หาตวั เม่ือเจบ็ (Flexion to pain / decorticate response) © แขนเหยยี ดเกร็งเมื่อเจบ็ (Extension to pain / decerebrate response) © ไม่ตอบสนอง (no response)
3. การตอบสนองตอ่ คาพูด กล่มุ ของการตอบสนอง วธิ ีการตอบสนอง คะแนน 5 การตอบสนองโดยการ © รู้สถานท่ี บุคคล และเวลา (oriented) 4 ออกเสียงท่ีดีที่สุด © พดู จาสบั สน (confused speech) 3 © การใชค้ าไม่เหมาะสม (inappropriate word) 2 (verbal response) © เสียงพดู จบั ใจความไม่ได้ (incomprehensible 1 sounds) © ไม่มีเสียงพดู (none)
Glasgow Coma Scale (GCS) ในผู้ป่วยเดก็ ประเมินใน 3 ด้ำน เชน่ เดียวกับผใู้ หญ่ แตม่ รี ำยละเอียดแตกต่ำงในดำ้ น ควำมสำมำรถในกำรสอื่ ภำษำทด่ี ีที่สดุ ดงั นี้ อายุ 2 – 5 ปี อายุ 0 - 23 เดอื น คะแนน ©พดู เป็นคาๆ หรือเป็นวลีที่ © ยมิ้ หรือส่งเสียงอยา่ งเหมาะสม 5 เหมาะสม ©พดู เป็นคาๆ แตไ่ ม่เหมาะสม © ร้องไหแ้ ละสามารถปลอบได้ 4 3 ©ร้องไหไ้ ม่หยดุ และ/หรือร้อง © ร้องไห้ ร้องคร่าครวญ และ/หรือร้อง กวนตลอดเวลา กวนตลอดเวลา 2 ©ส่งเสียงไม่เป็ นคาพดู ©ส่งเสียงไม่เป็นคาพดู หรือ กระสับกระส่าย ลุกล้ีลุกลน © เงียบ หรือไม่มีการตอบสนอง © เงียบหรือไม่มีการตอบสนองดว้ ย 1 ดว้ ยเสียง เสียง
ระดบั คะแนน ความหมาย 15 • ระดบั ความรู้สึกตวั เป็นปกติ สามารถระบุบุคคล เวลา สถานที่ไดถ้ กู ตอ้ ง ไม่มีอาการสมองท่ีรุนแรง 9-14 • ผปู้ ่ วยไม่หมดสติ แต่มีความผดิ ปกติทางสมองบาง ประการ 8 • ร้อยละ 90 ผปู้ ่ วยหมดสติ • หมดสติ ไม่ลืมตา ไม่พดู ไม่ทาตามสงั่ 3-7 • หมดสติในระดบั ท่ีรุนแรงที่สุดลึกที่สุด 3
ค่าคะแนนรวมท้งั 3 ดา้ น มีระดบั คะแนนต้งั แต่ 3-15 คะแนนซ่ึง สามารถจาแนกระดบั ความรุนแรงของการบาดเจบ็ (severity of head injury) ออกเป็น 3 ระดบั คือ 1. การบาดเจบ็ ท่ีศีรษะระดบั เลก็ นอ้ ย (Mild or minor head injury) มีคา่ คะแนนต้งั แต่ 13-15 คะแนน 2. การบาดเจบ็ ที่ศีรษะระดบั ปานกลาง (Moderate head injury) มีค่าคะแนนอยรู่ ะหวา่ ง 9-12 คะแนน 3. การบาดเจบ็ ท่ีศีรษะระดบั รุนแรง(Severe head injury) มีค่าคะแนนต่ากวา่ หรือเท่ากบั 8 คะแนน
1.2 อาการทางตา รูม่านตา (pupil) วิธีตรวจ ฉายไฟจากหางตาค่อยๆฉายไฟไปทีร่ มู า่ นตา แลว้ หยุดตรง กลางสกั ครจู่ งึ ผา่ นไปหัวตา ประเมนิ ขนาดเทา่ ใด เท่ากันทัง้ 2ขา้ ง เสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 2-3 mm ลักษณะกลม ขอบเรียบ ปฏกิ ริ ยิ าตอ่ แสง มปี ฏกิ ริยาตอ่ แสงปกติ(react to light) มปี ฏกิ ริยาตอ่ แสงชา้ (sluggish) ไม่มีปฏกิ รยิ าตอ่ แสง (no react to light)
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเดก็ • การตรวจ Cranial nerves – Olfactory (I) – Optic (II) • ดูความชดั แหง่ สายตา (visual acuity) • ดูลานสายตา (visual field) – Oculomotor (III) , Trochear (IV) และ Abducens (VI) nerves
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเด็ก • การตรวจการเคลอื่ นไหว (Motor response) – การตรวจกาลงั ของกลา้ มเนือ้ – การตรวจขนาดของกลา้ มเนอื้ – ตรวจความตงึ ตัวของกลา้ มเนื้อ – การตรวจการประสาทงานของกล้ามเนอ้ื ทเี่ กีย่ วขอ้ งการการเคลื่อนไหว
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเดก็ • การตรวจอาการแสดงของการระคายของเยอ่ื หุ้มสมอง (Signs of meningral irritation) – Stiffness of neck – Kernig’s sign – Brudzinski’s sign
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเดก็ – Stiffness of neck
การประเมินอาการทางระบบประสาทในเดก็ – Kernig’s sign
การประเมินอาการทางระบบประสาทในเดก็ – Brudzinski’s sign
การประเมนิ อาการทางระบบประสาทในเด็ก • Vital-sign T P R BP
Pulse rate Bradycardia • PR < 60 in newborn • PR < 100 Child Tachycardia • PR > 180 in newborn • PR > 220 Child
Physical examination Respiratory rate
Blood pressure • Hypotension =SystolicBP < [ 70+(2 x age in year) • Hypertension ดูโดยเทยี บจากกราฟ
Hydrocephalus เป็นโรคท่มี ีการคงั่ ของน้าไขสันหลังในสมอง ส่วนมากเป็นในเด็กเล็ก พบไดท้ ั้งเพศหญงิ และเพศชาย ภาวะทโ่ี พรงสมองโตขน้ึ เน่อื งจากความไม่สมดลุ ย์ ระหว่างการสรา้ งและการดดู ซมึ ของนา้ หลอ่ ไขสันหลัง (CSF) มผี ลทาให้เกิดความดันสงู ในกะโหลกศีรษะ
Normal Hydrocephalus
สาเหตขุ อง Hydrocephalus 1. มกี ารสรา้ ง CSF มากกว่าปกติ การถา่ ยเทและการดดู ซึม ปกติ พบในผู้ป่วยทม่ี เี น้อื งอกท่ี choroid plexus 2. มกี ารตบี หรอื อดุ ตนั ของทางเดิน CSF 3. มีความผดิ ปกติในการดดู ซมึ CSF
ชนิดของ Hydrocephalus 1. Obstructive Hydrocephalus คอื ภาวะของ Hydrocephalus ทเ่ี กดิ จากการอดุ กนั้ ทางผา่ นของ CSF ซ่งึ สามารถแสดงใหเ้ ห็นได้ 2. Communicating Hydrocephalus คอื ภาวะของ Hydrocephalus ท่ไี ม่ สามารถแสดงให้เห็นไดว้ า่ มกี ารอดุ ก้ันทางเดนิ ของ CSF และ เปน็ กลุม่ ทีเ่ กิดจากการดดู ซึม CSF เสยี ไป
3. Internal Hydrocephalus คอื ภาวะของ Hydrocephalus ท่มี ี การสะสม CSF ภายใน lateral และ third ventricle 4. External Hydrocephalus คอื ภาวะของ Hydrocephalus ท่ีมี การสะสม CSF ภายใน Subarachnoid space สาเหตุเกดิ จากมี เลือดออกอยู่ภายใน Subarachnoid space ทาให้เกิด blood clot ปดิ ก้ัน CSF ใหอ้ ยูภ่ ายใน Subarachnoid space มผี ลทา ใหก้ ารดดู ซึม CSF ไมม่ ีประสทิ ธภิ าพ
การประเมินทางการพยาบาล (Assesment) 1. การซกั ประวัติ ผู้ป่วยท่ีเป็น Hydrocephalus สว่ นมากมักเปน็ เดก็ เลก็ ทเ่ี คยเปน็ โรคติดเชอื้ ในสมอง มาก่อน ซึ่งมักมอี าการภายใน 3-4 เดอื น หลังจาก หายจากโรค สาหรบั ผูป้ ่วยท่มี ภี าวะ โดยกาเนดิ เช่นมีการดดู ซมึ ของ CSF เสียไป อาจเริ่มมีอาการภายใน 2-3 เดือนหลังคลอด ในรายท่ีเป็น รุนแรงมากเปน็ ได้ตง้ั แตแ่ รกเกิด ซ่ึงมกั ให้ประวัตวิ ่ามปี ัญหาในการ คลอดเนื่องจากศรี ษะโต
2. การตรวจรา่ งกาย ในผปู้ ว่ ยท่เี ปน็ รุนแรงจะปรากฏอาการทมี่ ีลกั ษณะเฉพาะ ดงั นี้ • ศีรษะใหญ่กลมโตผิดปกติเม่อื เทยี บกบั รอบอก • หนา้ ผากโปนเด่นกวา่ ปกติ ตาและหูอยู่ในตาแหน่งท่ตี ่ากว่าปกติ • หนังหุ้มกะโหลกศีรษะ บางเปน็ มนั วาว เห็นหลอดเลือดดาบรเิ วณ ศีรษะมีขนาดใหญ่ขยายออกอย่างชัดเจน • กะหมอ่ มจะใหญ่กวา่ ปกติและมักจะตงึ มาก เมอ่ื จบั ผู้ปว่ ยนง่ั กระหม่อมจะไมย่ ุบลง แสดงวา่ มีความกันในกะโหลกศรี ษะสงู
• รอยประสานต่างๆ ของกระดูกกะโหลกศรี ษะ จะถกู ดันจนบางและแยก ออกจากกนั เม่อื เคาะจะได้ยนิ เสยี งเหมือนภาชนะรา้ ว(Macewen sing) • ขอบเบ้าตา ถกู กดทาใหร้ ูมา่ นตา อยูต่ ่ากว่าหนงั ตาล่าง ทาให้เห็นตาขาว ส่วนบนไดเ้ รียกว่า Sun Rising Sign หรือ Setting Sun Sign ในผปู้ ว่ ยที่มีอาการเฉียบพลนั มีการค่ังของ CSF อย่างรวดเรว็ จะ แสดงอาการของความดนั ในกะโหลกศรี ษะสงู ร่วมด้วย เชน่ กระสบั กระส่าย ไมด่ ดู นม ซึม ชกั ระดับความร้สู ติลดลง หากไมไ่ ดร้ ับการ แกไ้ ขเป็นเวลานานจะพบความบกพร่องทางระบบประสาทไดท้ าใหเ้ กิด พฒั นาการช้าและการเจรญิ เติบโตหยุดชะงกั
Head circumference(HC) • NB 35 cms. • 1 yrs 47 cms. • 3 yrs 50 cms. • 9 yrs 55 cms.
3. การตรวจทางรงั สี • การทดสอบส่องแสงไฟผา่ นศรี ษะในห้องมืด (Transsillumination) จะเห็นแสง ไฟเรืองๆ ในกะโหลกศีรษะ ถอื วา่ ไดผ้ ลบวก • การถา่ ยภาพรังสขี องกะโหลกศีรษะ จะพบรอย sutere แยกออกจากกนั • การถ่ายภาพรังสีของสมอง (Ventriculography) โดยการเจาะ ventricle เพอื่ ใสล่ มหรือสารทึบแสงเขา้ ไป เพอื่ ดขู อบเขตของ ventricle และเพื่อหา ตาแหน่งของการอุดตนั • การถา่ ยภาพรังสีโดยใชค้ อมพิวเตอร์ (Computerized axial tomography) เพื่อ ตรวจหาสงิ่ ทีท่ าให้เกดิ ความดนั สูงในกะโหลกศีรษะ เช่น เน้ืองอก
การรกั ษา 1. รกั ษาโดยการผ่าตัด แยกได้ 2 วธิ ตี ามจุดประสงคข์ องการผา่ ตดั คอื ก. ผา่ เพอ่ื แกไ้ ขสาเหตุโดยตรง เช่น ผู้ปว่ ยมเี น้ืองอก เม่ือผ่าตัด เน้ืองอกออกแลว้ ผู้ปว่ ยกจ็ ะหายได้ ข. ผา่ ตดั เปลย่ี นทางผ่านของ CSF ให้ไปทางอืน่ เพอ่ื ลดความดนั ในกะโหลกศรี ษะให้นอ้ ยลง โดยการต่อทอ่ ระบาย (shunt) ให้ CSF ไหลออกจากโพรงสมองเข้าส่ชู อ่ งตา่ งๆภายในรา่ งกาย
Ventriculoperitoneal shunt(V-P shunt) Ventriculoatrial shunt( V-A shunt) Lumboperitoneal shunt(LP shunt)
Ventriculo-peritoneal shunt
2. การรกั ษาโดยการเจาะหลังรว่ มกบั การใชย้ า โดยการเจาะเอา CSF ออกมาเปน็ จานวนมากทุกวัน โดยลดความ ดันของ CSF ใหต้ า่ ลงประมาณ 70-80 cm/H2O พรอ้ มๆกบั การใหย้ า Acetazolamide(Diamox) ซึง่ สามารถลดการสร้าง CSF ลงได้ มกั ใช้รักษาใน รายท่เี ป็น Communicating Hydrocephalus ทไ่ี มร่ นุ แรงมาก ท่พี บบ่อยๆ คือ ผ้ปู ว่ ยทีม่ ีเย่อื หุม้ สมองอกั เสบ หรอื มีภาวะ Subarachnoid hemorrhage
การพยากรณ์โรค ในรายทไี่ ด้รบั การรักษาโดยการผ่าตดั อตั ราการรอดชวี ิตสงู ถงึ 80% โดยท่ี 1/3-1/2 ของผทู้ ่ีรอดชวี ิตจะมรี ะดบั สติปัญญาและ ระดับประสาทปกติ ส่วนทเี่ หลอื พบว่าระดับสตปิ ัญญาตา่ กวา่ ระดบั ปกตแิ ละมีความบกพร่องทางระบบประสาท
การวางแผนการพยาบาล (planning) ก่อนผา่ ตัด 1. ข้อวินิจฉยั การพยาบาล มีภำวะควำมดันในกะโหลกศีรษะสงู เปา้ หมายการพยาบาล ผปู้ ่วยมคี วำมดนั ในกะโหลกศีรษะลดลงอยใู่ นระดบั ปกติ
กจิ กรรมการพยาบาล 1. บนั ทึกและประเมินอาการทางสมอง เป็ นระยะๆ ( Neurological signs) 2. ติดตามและบนั ทึกขนาดเสน้ รอบศีรษะ ลกั ษณะของกะหม่อมหนา้ เป็น ระยะๆ 3. ติดตามและบนั ทึกปริมาณสารน้าที่ไดร้ ับและปริมาณสารน้าที่ขบั ออก (I/O) และน้าหนกั ของผปู้ ่ วยทุกวนั 4. จดั ท่าของผปู้ ่ วย จดั ใหน้ อนศีรษะสูง 15 -30 องศาเพอื่ ช่วยใหม้ ีการระบายโลหิตดาออกจาก สมอง
หลีกเลี่ยงการงอพบั ของคอ และการหมุนหรือหนั ศีรษะ ซ่ึงขดั ขวาง การไหลกบั ของโลหิตดาจากสมอง หลีกเลี่ยงการงอของสะโพกเกิน 90 อาศา เพ่ือจะไม่ทาใหค้ วามดนั ใน ช่องทอ้ งและทรวงอกสูงข้ึน มีผลทาใหค้ วามดนั ในกะโหลกศีรษะ สูงข้ึนตามไปดว้ ย แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยหายใจออกขณะพลิกตวั หรือเปลี่ยนท่า เพือ่ หลีกเลี่ยง การเพม่ิ แรงดนั ในช่องทอ้ งหรือในช่องอกจากการเกร็งกลา้ มเน้ือ หลีกเล่ียงการผกู ยดึ ที่ไม่จาเป็น
5. ดูแลทางเดินหายใจ ดูแลทางเดินหายใจใหโ้ ล่ง มีการระบายอากาศท่ีดี เพราะหากร่างกาย มีภาวะ CO2 สูงและ O2 ต่า จะมีผลทาใหเ้ สน้ เลือดสมองขยายตวั ทาใหป้ ริมาณเลือดในสมองเพม่ิ ข้ึน ส่งเสริมการเกิดความดนั ใน กะโหลกศีรษะสูงข้ึนได้ หลีกเลี่ยงการดูดเสมหะที่ไม่จาเป็น และหลีกเล่ียงการดูดเสมหะเกิน 10 วนิ าที ก่อนและหลงั ดูดเสมหะทุกคร้ังตอ้ งบีบ Ambu bag เพอ่ื เพ่ิม O2ไป เล้ียงสมองของผปู้ ่ วย
6.สงั เกตและควบคุมสาเหตุที่ทาใหผ้ ปู้ ่ วยเกิดอาการกระสบั กระส่ายหรือ ถกู รบกวนทางดา้ นความสุขสบายเช่น กระเพาะปัสสาวะโปร่งตึง ทอ้ งผกู 7.จดั ส่ิงแวดลอ้ มที่สงบเงียบ ลดสิ่งกระตุน้ และพดู คุย สมั ผสั ผปู้ ่ วยดว้ ยความ นุ่มนวล 8.วางแผนการทากิจกรรมการพยาบาลแก่ผปู้ ่ วยเป็นช่วงๆ และใหผ้ ปู้ ่ วยได้ พกั หลงั ทากิจกรรม 9.ดูแลใหผ้ ปู้ ่ วยไดร้ ับยาที่ทาใหอ้ ุจจาระอ่อนน่ิมตามแผนการรักษาเพ่ือ ป้ องกนั ภาวะทอ้ งผกู 10.รักษาอุณหภูมิร่างกายใหอ้ ยใู่ นระดบั ปกติ
11.ช่วยเหลือแพทยใ์ นการเจาะหลงั (Lumbar puncture) บอกและอธิบายถึงวตั ถุประสงคแ์ ละประโยชนท์ ่ีจะไดร้ ับจากการ ทาอยา่ งง่ายๆใหญ้ าติและผปู้ ่ วยทราบ จดั ใหผ้ ปู้ ่ วยนอนตะแคงไม่หนุนหมอน กม้ ศีรษะใหม้ ากที่สุด เขา่ ท้งั สองขา้ งงอชิดอก ทาใหช้ ่องวา่ งระหวา่ งไขสนั หลงั กวา้ งข้ึน จบั ใหส้ ่วนโคง้ ของหลงั ผปู้ ่ วยต้งั ฉากกบั แนวราบมากที่สุด ถา้ เป็น เดก็ โตอาจพิจารณาใหย้ า chloral hydrate เพ่อื ใหเ้ ดก็ สงบ ขณะแพทยเ์ จาะหลงั สงั เกตอาการผดิ ปกติที่อาจเกิดข้ึน เช่น หายใจ เร็ว หอบ การรู้สติลดลง
การพยาบาลหลงั การเจาะหลงั o ใหผ้ ปู้ ่ วยนอนราบไม่หนุนหมอนประมาณ 1-2 ชว่ั โมง o สงั เกตอาการและความผดิ ปกติที่อาจเกิดข้ึน เช่นปวดศีรษะ(จากการท่ี CSF ระดบั ลดลงอยา่ งกระทนั หนั ไม่เพยี งพอท่ีจะไปเล้ียงสมองให้ อยใู่ นสภาพที่เคยชินได้ จึงเกิดการดึงร้ังของโพรงหลอดเลือดดา บริเวณเยอื่ หุม้ สมอง) o กระตุน้ ผปู้ ่ วยด่ืมน้าบ่อยๆ o สงั เกตและตรวจสอบบริเวณที่เจาะวา่ มี CSF ร่ัวซึมหรือไม่ หากมี ตอ้ งรีบรายงานแพทย์ o จดั ของเล่นใหเ้ หมาะสมในขณะท่ีพกั เช่น การอ่านนิทาน
12.ดูแลใหไ้ ดร้ ับยา Acetazolamide(Diamox) ร่วมกบั การเจาะ หลงั ตามแผนการรักษา 13.ดูแลใหไ้ ดร้ ับยาอื่นๆตามแผนการรักษาของแพทย์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131