หอ้ งสมุด การอ่าน การเรียนรู้ หนึ่งทศวรรษที่ฝนทั่งยังไม่เป็นเข็ม ในขณะทหี่ อ้ งสมดุ ของไทยกำ� ลงั ปรบั ตวั ไปอยา่ งชา้ ๆ ขา่ วคราว อาจจะจรงิ ดงั ทม่ี นี กั คดิ ตงั้ ขอ้ สงั เกตไวว้ า่ หอ้ งสมดุ เปรยี บเหมอื น ห้องสมุดยุคใหม่ทั่วโลกกลับด�ำเนินไปอย่างคึกคัก สวนทางกับ สงิ่ มชี วี ติ ทมี่ กี ารปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ความเปลยี่ นแปลงอยเู่ สมอ ดงั นนั้ ความเชอื่ ที่วา่ หอ้ งสมดุ มคี วามสำ� คัญลดลง ห้องสมุดจึงไม่เคยตาย และเป็นสถาบันทางสังคมที่เก่าแก่และ ‘โอดิ’ (Oodi) ห้องสมุดแห่งใหม่กลางกรุงเฮลซิงกิ ประเทศ มอี ายุยืนยาวมานับร้อยๆ ปีโดยที่ยังไม่เส่ือมสลายสูญหาย อีกทั้ง ฟนิ แลนด์ ใชเ้ งนิ ลงทนุ ไปกวา่ 3.7 พนั ลา้ นบาท เพอ่ื เฉลมิ ฉลองวาระ สามารถรกั ษาบทบาทและภาพลกั ษณส์ ำ� คญั ไวไ้ ดอ้ ยา่ งไมเ่ สอ่ื มคลาย ครบรอบ 100 ปขี องการประกาศอสิ รภาพออกจากรสั เซยี เปดิ ตวั โดยเฉพาะการเป็นแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือ เป็นศูนย์รวมข้อมูล เมอ่ื ปลายปี 2561 สารสนเทศทอ่ี า้ งองิ ได้ ตน้ ปี 2562 สงิ คโปรเ์ ดนิ หนา้ ตามวสิ ยั ทศั นก์ ารสรา้ งประเทศสู่ จะว่าไปแล้ว การอ่านหนังสือ เป็นเรื่องใหม่ที่คนหมู่มากบน Smart Nation ด้วยการเปิดห้องสมุด library@harbourfront โลกใบนี้เพ่ิงจะคุ้นเคย กิจกรรมการอ่านในอดีตถูกจ�ำกัดอยู่ใน บนชน้ั 3 ของหา้ ง VivoCity เปน็ หอ้ งสมดุ พนื้ ที่ 3,000 ตารางเมตร แวดวงเล็กๆ แคบๆ ส่วนใหญ่จะเก่ียวพันกับเร่ืองของศาสนาและ ซง่ึ มขี นาดใหญท่ ส่ี ดุ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ ชนช้ันปกครอง แต่เมื่อเคร่ืองพิมพ์กูเทนเบิร์กปรากฏตัวข้ึนเมื่อ ในรอบสบิ ปมี านมี้ หี อ้ งสมดุ ทอ่ี อกแบบปรบั ปรงุ ใหมห่ รอื สรา้ งขน้ึ 564 ปกี อ่ น โลกจงึ กา้ วสกู่ ารพมิ พย์ คุ ใหม่ และทำ� ใหห้ นงั สอื แพรห่ ลาย ใหมเ่ พอื่ ตอบโจทยค์ วามตอ้ งการของผใู้ ชจ้ ำ� นวนมากมายหลายแหง่ สู่มวลชน สังคมมนุษย์ก้าวหน้าข้ึนจากหนังสือและการอ่าน ท่ีเด่นๆ อาทิ De Nieuwe Bibliotheek ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมแี หลง่ ความรสู้ ำ� คญั อยา่ งหอ้ งสมดุ สาธารณะเกดิ ขนึ้ มาเคยี งคกู่ นั (2553) ห้องสมุดเมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี (2554) ณ เวลานี้ ห้องสมุดยุคใหม่ก�ำลังปรับตัวจากองค์กรท่ีเน้น หอ้ งสมดุ เครจเี บริ น์ ประเทศออสเตรเลยี (2555) หอ้ งสมดุ เมอื ง การเปน็ คลงั ทรพั ยากรหนงั สอื (Collection Centered Organization) เบอรม์ งิ แฮม สหราชอาณาจกั ร (2556) Dokk1 ประเทศเดนมารก์ ไปเปน็ องคก์ รทเ่ี นน้ ผใู้ ชเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลาง (User Centered Organization) (2558) และ Gifu Media Cosmos ประเทศญปี่ นุ่ (2558) โดยคำ� นงึ ถงึ ความตอ้ งการของผคู้ นในยคุ ดจิ ทิ ลั และโลกโลกาภวิ ตั น์ ทศวรรษที่ผ่านมา ความเช่ือที่ว่าหนังสือก�ำลังจะตายและจะ และให้ความส�ำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตมากขึ้น พร้อมกับ ถกู แทนทดี่ ว้ ยสอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ สก์ ำ� ลงั เจอื จางลง คำ� ถามทว่ี า่ หอ้ งสมดุ ประยกุ ตแ์ นวคดิ การจดั การพนื้ ท่ี (Space Management) เพอื่ ปรบั ยงั ส�ำคัญอยูห่ รือไมแ่ ละจะด�ำรงอยตู่ อ่ ไปอยา่ งไร เพราะการปฏวิ ตั ิ บทบาทตนเองให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์และสร้าง เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารทำ� ใหผ้ คู้ นใชห้ อ้ งสมดุ ลดนอ้ ยลง นวตั กรรม และมีห้องสมุดปิดตัวไปเป็นจ�ำนวนมาก กลายเป็นค�ำถามใหม่ว่า การจัดการพ้ืนที่ของห้องสมุดยุคใหม่มีความสัมพันธ์กับการ ห้องสมุดควรปรับตัวอย่างไรจึงจะตอบสนองความต้องการอัน สร้างพ้ืนท่ีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Space) หลากหลายของผใู้ ชง้ านไดม้ ากทส่ี ดุ คือการเรียนรู้เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาหรือเพ่ือปรับตัวให้เข้ากับ
การเปลยี่ นแปลง กระบวนการเรยี นรรู้ ปู แบบหนง่ึ ซง่ึ ไดร้ บั การยอมรบั ดา้ นตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั สงั คมการอา่ นและการเรยี นรขู้ องประเทศไทย ว่ามีประสิทธิภาพสูง คือการจัดให้มีพ้ืนที่พบปะพูดคุยแลกเปล่ียน ในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะการเปรยี บเทยี บขอ้ มลู เชงิ สถติ ิ ซง่ึ นา่ จะ ความรู้จากผู้คนซ่ึงมีประสบการณ์ที่แตกต่าง ย่ิงปัญหาน้ันมี เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานส่งเสริมการอ่าน ความซบั ซอ้ นมากเทา่ ไร การแบง่ ปนั ความรแู้ ละรว่ มคดิ รว่ มแบง่ ปนั และการเรยี นรู้ ไอเดียหาวิธีการแก้ไขจากผู้คนที่หลากหลาย ก็ยิ่งมีความส�ำคัญ หนังสือเล่มน้ีแบ่งเน้ือหาเป็นส่วนของข้อมูลการส�ำรวจ และจำ� เปน็ มากขน้ึ ข้อสังเกต และการรวบรวมวิเคราะห์ปรากฏการณ์ส�ำคัญในโลก ‘การอา่ น’ จงึ มใิ ชเ่ ปน็ การเรยี นรเู้ พอ่ื ความรเู้ ทา่ นนั้ แตย่ งั เปน็ การอ่านของไทย ถือเป็นโอกาสดีท่ีจะทบทวนส่ิงที่ผ่านมาเพื่อท่ี การเรียนรู้เพื่อแสวงหาวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม ค้นหาวิธีท่ีจะได้ จะมงุ่ มองไปขา้ งหนา้ อยา่ งมที ศิ ทาง คำ� ตอบซงึ่ นำ� ไปสกู่ ารแกไ้ ขปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ (Knowledge for การส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ตลอดจนการพัฒนา Solution) และตอบโจทยท์ เ่ี ปน็ ประเดน็ ทางสงั คม หอ้ งสมดุ เปน็ งานยาก ตอ้ งใชค้ วามเพยี รพยายามสงู หากเปรยี บ ‘การเรยี นร’ู้ ในลกั ษณะนย้ี งั เรยี กรอ้ งการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั การ เป็นการฝนท่ังตีเหล็กเพื่อหวังให้ได้เข็มแหลมเล็ก ก็ดูเหมือน เปลย่ี นแปลงอยเู่ สมอ เพราะประเดน็ ปญั หาใหมๆ่ เกดิ ขนึ้ ไดร้ วดเร็ว จะสรา้ งความรสู้ กึ ใหท้ ดทอ้ หดหู่ แตเ่ พราะมนษุ ยน์ น้ั มชี วี ติ อยดู่ ว้ ย และตลอดเวลา ความสามารถในการปรับตัวจึงเป็นอกี ทกั ษะหนง่ึ ความหวังและความฝัน เราจึงเช่ือว่าอีกไม่นานเข็มแหลมดุจ ซงึ่ จำ� เปน็ สำ� หรบั ผคู้ นในโลกยคุ ใหม่ ความเฉียบคมทางปัญญาจะเป็นรากฐานของสังคมความรู้ ส�ำหรับประเทศไทย แม้ว่าผู้คนทุกระดับจะตระหนักถึง สร้างสรรค์ของไทย ความส�ำคัญของการอ่านและมุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีพฤติกรรม การอ่าน จนท�ำให้ปริมาณการอ่านเพ่ิมข้ึนทุกปี ทั้งในแง่จ�ำนวน กิตติรตั น์ ปิติพานชิ คนอา่ นและเวลาทใ่ี ชใ้ นการอา่ น แตก่ ารพดู ถงึ คณุ ภาพของการอา่ น รองผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งานบริหารและพฒั นาองค์ความรู้ คุณภาพหนังสือและส่ือการอ่าน และวัฒนธรรมการวิจารณ์ กลบั เปน็ ไปอยา่ งบางเบา และผ้อู ำ� นวยการส�ำนักงานอทุ ยานการเรยี นรู้ การอ่านท่ีมีคุณภาพกระตุ้นให้เกิดการคิด ความรู้ความเข้าใจ ตน้ ฤดรู อ้ น 2562 ที่เกิดจากความคิดเป็นส่ิงซึ่งไม่มีใครพรากไปจากมนุษย์ในฐานะ ปัจเจกได้ ในสังคมท่ีเปิดกว้างและมีเสรีภาพ พลังแห่งความคิด จะช่วยผลักดันให้ผู้คนสามารถดึงเอาศักยภาพตนเองออกมาใช้ได้ อยา่ งเตม็ ที่ พลงั ความคดิ ของปจั เจกทไี่ มจ่ ำ� นนตอ่ สภาพแวดลอ้ มเดมิ และไม่หลบซ่อนหรือเลื่อนไหลไปกับพฤติกรรมรวมหมู่นี่เอง ท่ีน�ำมาสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ ให้โลกก้าวหน้า กวา่ เดมิ การสำ� รวจการอา่ นของประชากร โดยสำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ ในรอบลา่ สดุ น้ี พอ้ งเวลาพอดกี บั ปสี ดุ ทา้ ยของทศวรรษแหง่ การอา่ น พ.ศ. 2552-2561 นน่ั ทำ� ใหเ้ ราสามารถประมวลความเปลย่ี นแปลง
สารบัญ 6 2 28 หอ งสมดุ การอา น การเรยี นรู ผลสาํ รวจการอา นของประชากร 2561 หนง่ึ ทศวรรษทฝ่ี นทงั่ ยงั ไมเปนเข็ม ขอสงั เกตบางประการ 20 จากผลสาํ รวจการอาน 2561 เหลยี วหลังแลหนา ทศวรรษแหงการอาน 28 36 • อานมากขึน้ อานไมอ อก และการรหู นังสือ นิตยสาร ‘ตาย’ สื่อออนไลน ‘เกดิ ’ 45 38 • การอา นกับความเหลอ่ื มลา้ํ 49 41 • ความทา ทายของนโยบายสงเสริมการอาน • 2559-2560 สึนามถิ ลม นิตยสาร 42 • สอ่ื ออนไลนเกดิ ใหม 52 โอกาสและขอ จาํ กดั ของอีบุคไทย 52 57 • อีบคุ -ออดโิ อบุค โอกาสทีอ่ าจหลดุ ลอย วกิ ฤตและทางรอดของรานหนังสอื 62 • ทางเลอื ก ทางรอด รานหนงั สอื เชนสโตร • ความหวงั ของรา นหนงั สอื อิสระ 62 64 67
68 พนื้ ทกี่ ารอานเกดิ ใหม 68 72 การปรับตวั ของหอ งสมดุ 76 82 72 • หองสมุดกับบทบาทใหมที่เปนไปได 86 • หองสมดุ ในยุคขา วปลอม สทู ศวรรษใหม • หอ งสมุดในกระแสการเรียนรดู ิจิทัล 94 95 • นิเวศการเรียนรู และการสรางนวัตกรรม 97 • เทคโนโลย:ี สง่ิ แวดลอ มการเรยี นรทู เ่ี ปลย่ี นไป 98 • คณุ ภาพการศึกษา: ปญ หาทค่ี งอยู 94 100 • Wisdom of the Crowd 101 • โบกมือลาทศวรรษแหง การอา น เหตกุ ารณสําคัญ ทศวรรษแหง การอาน 2552-2561 104 เข็ม สํารวจปรากฏการณและความเปล่ียนแปลง 10 ป ทศวรรษแหงการอาน พ.ศ. 2552-2561 พิมพครั้งแรก มีนาคม 2562 จํานวนพิมพ 2,000 เลม ISBN 978-616-235-319-2 ทป่ี รกึ ษา กติ ตริ ตั น ปต พิ านชิ บรรณาธกิ าร วฒั นชยั วนิ จิ จะกลู กองบรรณาธกิ าร ทศั นยี แซล มิ้ เมธาวี ระวปิ ญ ญา ภวิ ฒั น ปณ ณปาตี ออกแบบรูปเลมและอนิ โฟกราฟก บริษทั ศูนยส องสตูดิโอ จาํ กดั ประสานงานการผลติ บรษิ ทั ศนู ยส องสตูดิโอ จํากัด โทรศัพท 02 932 9957 พมิ พท ี่ บรษิ ทั ภาพพมิ พ จาํ กดั โทรศพั ท 02 879 9154 จดั พมิ พโ ดย สาํ นกั งานอทุ ยานการเรยี นรู สาํ นกั งานบรหิ ารและพฒั นาองคค วามรู (องคก ารมหาชน) สาํ นกั นายก รฐั มนตรี เลขท่ี 999/9 อาคารสาํ นกั งานเซน็ ทรลั เวลิ ด ชน้ั 17 ถ.พระราม 1 แขวงปทมุ วนั เขตปทมุ วนั กรงุ เทพมหานคร 10330 โทรศพั ท 0 2264 5963-5 โทรสาร 0 2264 5966 เวบ็ ไซต www.tkpark.or.th ขอขอบคุณ สํานักงานสถติ ิแหงชาติ เอื้อเฟอ และอนุเคราะหขอ มูล
ขผอลงสปํารระวชจากการรอ2า5น61 โดย สํานักงานสถิติแหงชาติ
การอา นของเด็กเลก็ อายตุ ่ํากวา 6 ป อา นมากแคไหน 61.2% จํานวน 59.5% 63.0% 2.7 ลา นคน การอา นของเดก็ เลก็ จําแนกตามภมู ิภาค เวลาท่ีใชในการอาน 59.1% 66.3% นาที/วนั 63.8% 55.9% ประชากรในเขตเทศบาล 42 ทีอ่ านหนังสอื 34 27 26 27 76.2% 57.4% 2551 2554 2556 2558 2561 56.9% ประชากรนอกเขตเทศบาล 08 ที่อา นหนังสอื
ความถี่ในการอา นของเดก็ เลก็ ป 2551 2554 2556 2558 2561 นานๆ ครั้ง 14.9% 6.2% 4.8% 9.7% 8.1% สปั ดาหละ 1 วนั 9.7% 10.1% 8.6% 9.3% 10.0% สปั ดาหละ 2-3 วัน 39.6% 42.0% 37.6% 44.0% 44.1% สปั ดาหละ 4-6 วัน 19.7% 22.9% ทกุ วนั 17.3% 22.0% 26.1% 19.1% 20.0% 18.5% 17.9% 17.8% ทาํ ไมไมอาน 18.4% 7.9% ประเภทสอ่ื ทีอ่ าน 2558 2561 77.6% 56.9% 63.8% อา นหนงั สอื ไมอ อก ชอบดโู ทรทัศน ป 1.7% 5.4% 20.7% 37.7% เด็กยงั เลก็ เกนิ ไป 4.0% 0.9% อานหนังสอื 2.9% 5.3% อยางเดยี ว 7.3% 11.3% 2.0% อา นไมค ลอง ไมม หี นังสอื อา นสอื่ อิเลก็ ทรอนิกส 10.5% 21.1% อยา งเดยี ว ไมชอบหรือไมสนใจ (สื่อหรือภาษาที่อา นได) อา นจากส่อื ท้ังสองประเภท อานสอื่ อิเล็กทรอนิกส มากกวา อานหนังสอื มากกวา อานจากสื่อท้งั สอง ประเภทเทา ๆ กนั เข็ม | 09
การอานของประชากรอายุ 6 ป ข้ึนไป อานมากแคไหน การอานของประชากรจาํ แนกตามภูมิภาค จาํ นวน 75% 83.4% 69 นาที/วนั 90 นาท/ี วัน 49.7 78.8% ลานคน 80.4% 75% ประชากรในเขตเทศบาล 87 นาท/ี วนั 65 นาที/วนั ที่อานหนงั สือ 92.9% 75% 109 นาที/วนั 70 นาที/วนั 74.3% 73 นาที/วนั ประชากรนอกเขตเทศบาล ท่อี านหนังสอื เวลาท่ีใชในการอาน ปรมิ าณและเวลาในการอาน นาท/ี วัน 80 เดก็ 89.7% 83 นาที/วัน 66 วัยรุน วัยทํางาน 92.9% 109 นาท/ี วัน สงู อายุ ชาย 81.8% 77 นาท/ี วัน หญิง 39 35 37 52.2% 47 นาท/ี วัน 79.7% 78 นาท/ี วนั 77.9% 82 นาที/วัน 2551 2554 2556 2558 2561 ทําไมไมอ า น 30.3% 20.0% 25.0% 25.2% 3.7% ชอบดโู ทรทศั น ไมมีเวลาอา น อา นหนังสอื ไมชอบ ฟง วิทยุ ป 2561 2.7% 12.7% ไมออก หรือไมสนใจ 22.1% พิการ อา นไมค ลอ ง 0.8% 0.3% สายตาไมดี 2.3% 0.9% เลน เกม ใชคอมพิวเตอร ไมมหี นังสอื ไมมีเงนิ ซือ้ 0.7% (ส่ือหรอื ภาษาทอ่ี านได) ราคาแพงเกินไป 5.0% 0.7% สขุ ภาพไมด ี หาอา นยาก 10
อานทาํ ไม 30.5% อา นอะไร 17.5% สนใจอยากรู 69.2% 60.5% 48.9% 29.7% เพื่อการศึกษา 3.4% ส่ือสังคมออนไลน หนังสอื พมิ พ ความรทู ั่วไป หนงั สืออานเลน 46.0% ชอบอาน เพื่อเพิ่มพูนความรู 4.9% 26.1% 31.1% 40.3% 38.1% 36.8% เพื่อหนาท่กี ารงาน แบบเรยี น นติ ยสาร วารสาร ศาสนา เขพอื่อมใูลหขท ารวาสบาร 9.1% ประเภทส่ือท่อี าน 28.5% ใใชหเเวปลน าปวราะงโยชน ป 2551 2554 2556 2558 2561 เพอ่ื ความบนั เทงิ 18.0% อา นหนงั สอื อา นส่ือ อานที่ไหน สถานท่ีเอกชน อิเล็กทรอนกิ ส 91.7% 19.6% 99.6% 99.4% 99.3% 96.1% 88.0% NA NA NA 54.9% 75.4% บาน สถานศึกษา ชอ งทางการเขา ถงึ ส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส 27.2% 1.0% 4.1% 15.2% 69.8% ที่ทํางาน หมูบา น ราชการ เวบ็ ไซต อนิ เทอรเ น็ต 0.6% 1.1% 0.6% 0.3% 2.5% หอ งสมดุ เดินทาง สวนสาธารณะ ซีดีหรือดีวีดี แอพใชเนต็ 68.1% 1.0% ส่ือสังคมออนไลน แอพไมใชเนต็ 0.8% 6.5% อเี มล อบี คุ เขม็ | 11
การอา นของเด็กอายุ 6-14 ป อา นมากแคไหน 89.7% จาํ นวน 89.2% 90.2% 6.3 ลา นคน การอา นของเด็กจาํ แนกตามภูมภิ าค เวลาที่ใชในการอา น นาท/ี วัน 91.6% 83 92% 87% 91.7% 71 94.7% 46 86.7% ประชากรในเขตเทศบาล 38 39 ทีอ่ านหนงั สอื 12 2551 2554 2556 2558 2561 88.3% ประชากรนอกเขตเทศบาล ท่อี า นหนงั สือ
ทําไมไมอา น 1.3% 42.9% 17.9% 0.4% 0 ไมมี อา นหนังสอื ไมช อบหรอื ฟงวิทยุ 26.7% ไมอ อก ไมส นใจ ชอบดู เวลาอาน 1.1% โทรทศั น 35.6% 8.9% 4.2% อานไมค ลอ ง เลน เกม ใชค อมพวิ เตอร 1.4% พิการ ไมมหี นังสอื 1.5% 3.0% 2.6% 0.9% หาอานยาก ไมมีเงนิ ซ้ือ ราคาแพง (สือ่ หรือภาษาทอี่ านได) สุขภาพไมดี เกนิ ไป 0.1% สายตาไมด ี อา นทําไม 11.5% ประเภทส่อื ทอ่ี า น 77.0% สนใจอยากรู ป 2551 2554 2556 2558 2561 เพอื่ การศึกษา 2.0% อานหนังสอื 99.8% 99.6% 99.6% 99.8% 98.8% 60.1% ชอบอา น อา นส่อื NA NA NA 40.2% 56.7% อิเล็กทรอนกิ ส เพ่ือเพิ่มพนู ความรู 0.0% ชองทางการเขาถึงสือ่ อิเล็กทรอนิกส 4.3% เพือ่ หนา ทก่ี ารงาน 16.2% 53.3% เพื่อใหท ราบ 2.6% ขอมูลขาวสาร เว็บไซต อินเทอรเ น็ต ใชเ วลาวา ง 21.5% ใหเปนประโยชน 0.8% 3.0% เพื่อความบันเทิง ซดี หี รอื ดวี ดี ี แอพใชเน็ต 48.5% 1.4% สอ่ื สังคมออนไลน แอพไมใชเ นต็ 0.5% 5.9% อีเมล อบี คุ เข็ม | 13
การอานของวัยรนุ อายุ 15-24 ป อานมากแคไหน 92.9% จํานวน 91.1% 94.7% 8.7 ลานคน การอานของวัยรุนจําแนกตามภูมิภาค เวลาที่ใชในการอาน นาที/วนั 90.8% 93.9% 109 93.2% 93.7% ประชากรในเขตเทศบาล 94 ทีอ่ านหนังสือ 46 43 50 98.1% 92.1% 2551 2554 2556 2558 2561 89.3% ประชากรนอกเขตเทศบาล 14 ท่ีอา นหนงั สือ
ทําไมไมอา น 22.0% 23.1% 34.9% 3.3% 0 ไมมี อา นหนังสือ ไมชอบหรอื ฟงวทิ ยุ 22.1% ไมออก ไมส นใจ ชอบดู เวลาอาน 1.6% โทรทัศน 11.9% 2.5% 11.2% อานไมค ลอง เลน เกม ใชค อมพิวเตอร 7.3% พกิ าร ไมม หี นังสอื 1.7% 2.3% 0.9% 6.6% หาอา นยาก ไมม เี งินซ้ือ ราคาแพง (สอ่ื หรอื ภาษาที่อา นได) สุขภาพไมด ี เกินไป 0.5% สายตาไมด ี อา นทาํ ไม 23.2% ประเภทสอ่ื ที่อา น 37.5% สนใจอยากรู ป 2551 2554 2556 2558 2561 เพือ่ การศกึ ษา 2.3% อานหนังสือ 99.8% 99.7% 99.7% 99.4% 96.5% 53.2% ชอบอาน อา นส่ือ NA NA NA 14.1% 34.7% อเิ ลก็ ทรอนกิ ส เพ่อื เพ่ิมพูนความรู 2.4% ชองทางการเขาถึงสือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส 26.1% เพือ่ หนา ทก่ี ารงาน 4.8% 23.3% เพ่อื ใหทราบ 4.6% ขอ มูลขาวสาร เว็บไซต อินเทอรเน็ต ใชเ วลาวา ง 36.4% ใหเปน ประโยชน 0.2% 1.0% เพ่ือความบันเทงิ ซดี ีหรือดีวีดี แอพใชเน็ต 22.5% 0.9% สือ่ สงั คมออนไลน แอพไมใชเน็ต 0.2% 1.6% อเี มล อบี คุ เข็ม | 15
การอา นของวยั ทาํ งานอายุ 25-59 ป อานมากแคไหน 81.8% จํานวน 81.6% 82.0% 28.5 ลานคน การอานของวยั ทํางานจําแนกตามภมู ิภาค เวลาที่ใชในการอาน นาท/ี วัน 78.5% 86.6% 77 83.4% 76.3% 61 ประชากรในเขตเทศบาล ที่อานหนังสือ 37 31 33 95.2% 77.4% 2551 2554 2556 2558 2561 75.4% ประชากรนอกเขตเทศบาล 16 ท่ีอา นหนงั สอื
ทําไมไมอาน 32.4% 17.5% 32.8% 3.1% 0 ไมมี อานหนงั สอื ไมช อบหรือ ฟงวทิ ยุ 35.3% ไมออก ไมสนใจ ชอบดู เวลาอา น 0.2% โทรทศั น 10.9% 0.4% 2.7% อา นไมค ลอ ง เลนเกม ใชค อมพิวเตอร 3.4% พิการ ไมม ีหนงั สือ 0.9% 1.0% 0.7% 2.4% หาอานยาก ไมมีเงนิ ซ้ือ ราคาแพง (สื่อหรือภาษาที่อานได) สขุ ภาพไมด ี เกนิ ไป 7.8% สายตาไมด ี อา นทําไม 34.9% ประเภทส่อื ทอี่ าน 1.7% สนใจอยากรู ป 2551 2554 2556 2558 2561 เพอ่ื การศึกษา 2.9% อานหนังสอื 99.6% 99.3% 99.1% 95.3% 94.7% อา นสือ่ NA NA NA 57.0% 81.7% 43.2% ชอบอา น อเิ ลก็ ทรอนกิ ส เพื่อเพิม่ พูนความรู 7.6% ชองทางการเขา ถงึ สือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส 46.7% เพ่ือหนา ที่การงาน 13.7% 75.6% เพ่ือใหท ราบ 8.8% เวบ็ ไซต อนิ เทอรเนต็ ขอมลู ขาวสาร ใชเวลาวาง 0.1% 2.1% 31.6% ใหเปนประโยชน ซดี ีหรือดีวีดี แอพใชเน็ต เพ่ือความบนั เทงิ 74.4% 0.9% ส่ือสังคมออนไลน แอพไมใชเ นต็ 0.8% 6.2% อีเมล อบี คุ เข็ม | 17
การอานของวัยสูงอายุ 60 ป อา นมากแคไหน 52.2% จาํ นวน 57.0% 48.3% 6.1 ลานคน การอา นของวยั สูงอายุจําแนกตามภูมิภาค เวลาที่ใชในการอา น นาท/ี วนั 49.6% 59.2% 44 47 51.7% 49.5% 39 ประชากรในเขตเทศบาล ทีอ่ านหนงั สือ 32 31 76.7% 47.2% 2551 2554 2556 2558 2561 45% ประชากรนอกเขตเทศบาล 18 ทีอ่ า นหนงั สอื
ทําไมไมอา น 8.2% 31.4% 16.4% 4.8% 0 ไมม ี อานหนังสอื ไมชอบหรอื ฟง วิทยุ 26.2% ไมออก ไมส นใจ ชอบดู เวลาอาน 0.1% โทรทศั น 15.9% 0.0% 1.6% อานไมค ลอง เลนเกม ใชค อมพวิ เตอร 0.5% พกิ าร ไมม หี นงั สอื 0.2% 0.5% 0.3% 8.4% หาอา นยาก ไมม ีเงนิ ซือ้ ราคาแพง (สื่อหรอื ภาษาท่อี านได) สขุ ภาพไมดี เกินไป 43.7% สายตาไมด ี อานทําไม 40.1% ประเภทสื่อที่อา น 1.1% สนใจอยากรู ป 2551 2554 2556 2558 2561 เพ่อื การศกึ ษา 8.7% อา นหนังสือ 99.8% 99.7% 99.7% 99.4% 96.5% 34.4% ชอบอาน อา นสื่อ NA NA NA 14.1% 34.7% อิเล็กทรอนกิ ส เพ่ือเพิ่มพูนความรู 1.3% ชอ งทางการเขาถงึ สื่ออเิ ล็กทรอนิกส 39.3% เพอื่ หนา ที่การงาน 4.8% 23.3% เพือ่ ใหทราบ 23.7% ขอ มลู ขาวสาร เวบ็ ไซต อนิ เทอรเนต็ ใชเ วลาวา ง 10.1% ใหเ ปน ประโยชน 0.2% 1.0% เพื่อความบันเทิง ซีดีหรอื ดวี ีดี แอพใชเ นต็ 22.5% 0.9% สอื่ สงั คมออนไลน แอพไมใชเ น็ต 0.2% 1.6% อีเมล อบี คุ เข็ม | 19
https://pxhere.com/en/photo/1089695 20
ขอ้ สงั เกต บางประการ จากผลส�ำ รวจ การอ่าน 2561 โดย ฝ่ายวชิ าการ ส�ำนกั งานอทุ ยานการเรียนรู้ เข็ม | 21
3.45 ลา้ นคนไมช่ อบอ่าน ตอกย้ำ�ปญั หาการปลกู ฝงั นสิ ัยรักการอ่าน ถึงแม้ว่าการส�ำรวจการอ่านรอบล่าสุดน้ีจะมีปริมาณ อายุ 25-59 ปี มสี ดั สว่ นไมช่ อบหรอื ไมส่ นใจอา่ นสงู มาก ผู้อ่าน (อายุ 6 ปีข้ึนไป) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 78.8 ท้ังสองกลุ่ม คือร้อยละ 34.9 และ 32.8 ตามล�ำดับ คิดเป็นจ�ำนวน 49.7 ล้านคน แต่ข้อมูลท่ีน่าสนใจยังคง ส่วนผู้สูงอายุท่ีไม่ชอบอ่านเพ่ิมข้ึนเล็กน้อย สัดส่วนของ อยู่ที่ตัวเลขด้านกลับคือจ�ำนวนประชากรที่ไม่อ่าน ซึ่ง ผู้ไม่อ่านเนื่องจากไม่ชอบอ่านหรือไม่สนใจอ่านในกลุ่ม มอี ยู่ประมาณรอ้ ยละ 21.2 หรือประมาณ 13.7 ลา้ นคน อายุ 15-59 ปี ท�ำให้จ�ำนวนผู้ไม่อ่านเพราะไม่ชอบหรือ ในกลุ่มประชากรที่ไม่อ่านเกือบ 14 ล้านคนนี้ ไม่สนใจอ่าน สูงถึง 1 ใน 4 ของประชากรที่ไม่อ่าน ให้เหตุผลประการหนึ่งที่ไม่อ่านว่าเป็นเพราะไม่ชอบ น่ันหมายความว่ากิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการ หรือไม่สนใจอ่าน คิดเป็นร้อยละ 25.2 หรือประมาณ ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านยังไม่ประสบความส�ำเร็จ 3.45 ล้านคน เมื่อจ�ำแนกตามกลุ่มอายุ พบว่า เทา่ ทคี่ วร ยกเวน้ การรรณรงคส์ ง่ เสรมิ ในกลมุ่ เปา้ หมายวยั กลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปี มีแนวโน้มไม่ชอบอ่านลดลง เดก็ ทอ่ี าจเรยี กได้ว่าเหน็ ผลสำ� เร็จไดอ้ ย่างชดั เจน ชัดเจนจากร้อยละ 32.3 ในปี 2551 เหลือร้อยละ อย่างไรก็ตาม ควรต้ังค�ำถามต่อไปว่าประชากร 17.9 ในปี 2561 หรือประมาณ 1.3 แสนคน ในขณะ ที่อ่านเพิ่มขึ้นก็ดี หรือข้อมูลกลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปี ท่ีกลุ่มวัยรุ่นหรือเยาวชนอายุ 15-24 ปี และวัยผู้ใหญ่ ที่ไม่ชอบอ่านลดลงก็ดี จะถือว่าเป็นความส�ำเร็จได้ หรือไม่ เพราะความส�ำเร็จของการส่งเสริมการอ่านนั้น หาใช่พิสูจน์ท่ีปริมาณการอ่านเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แตห่ มายถงึ การปลกู ฝงั นสิ ยั รกั การอา่ นและเปลย่ี นแปลง ทัศนคติต่อการอ่านไปสู่การมีพฤตกิ รรมการอา่ นดว้ ย ดังน้ัน หากการส่งเสริมการอ่านประสบความส�ำเร็จ อย่างแท้จริงต้ังแต่วัยเด็กแล้ว เม่ือเติบโตขึ้นก็ควรจะ ยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่าน มีนิสัยรักการอ่าน และ เป็นนักอ่านอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลผู้ไม่ชอบหรือไม่สนใจ อ่านหนังสือจึงควรจะลดลงในทุกช่วงวัย ประเด็นนี้ นับเป็นเร่ืองท้าทายทุกองค์กรหรือหน่วยงานด้าน https://pxhere.com/en/photo/1110489 สง่ เสริมการอา่ น รวมถึงหอ้ งสมดุ ตา่ งๆ เปน็ อยา่ งย่งิ 22
เหตผุ ลท่ีไมอานเพราะไมชอบอาน อา่ นหนังสอื กระดาษ จาํ แนกตามชว งวยั ลดลงเลก็ นอ้ ย อา่ นจาก สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สพ์ งุ่ ทะยาน หนว ย : รอยละ ท่วั ประเทศ 6-14 ป 15-24 ป 25-59 ป 60 ปข้ึนไป 34.2 36.4 34.9 21.1 32.3 26.2 21.6 13.0 ผลส�ำรวจการอ่าน พ.ศ. 2561 ยังพบว่าการอ่าน 26.8 33.0 26.4 27.0 21.8 จากหนังสือกระดาษและจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก�ำลัง 24.3 จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 88.0 อ่านหนังสือ 18.1 20.1 21.6 10.4 กระดาษ และร้อยละ 75.4 อ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 24.8 17.9 30.0 14.8 กระน้ันก็ดี พึงสังเกตว่าการอ่านประเภทหลังน้ัน 25.2 32.8 16.4 สว่ นใหญเ่ ปน็ การใชโ้ ซเชยี ลมเี ดยี และอนิ เทอรเ์ นต็ (เกอื บ ร้อยละ 70) หากย้อนดูข้อมูลการส�ำรวจคร้ังก่อนซึ่ง 2551 เป็นครั้งแรกท่ีมีการปรับนิยามการอ่านให้ครอบคลุมถึง 2554 การอ่านผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ด้วย จะพบว่าการอ่าน 2556 หนังสือกระดาษและอ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ยังมีความ 2558 แตกต่างกันมาก คือร้อยละ 96.1 และ 54.9 ตาม 2561 ล�ำดับ ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการอ่านหนังสือกระดาษลด 2551 ลงทีละน้อย ส่วนการอ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์เพ่ิมข้ึน 2554 อยา่ งมนี ยั ส�ำคญั 2556 เมื่อจ�ำแนกตามช่วงอายุยังพบอีกว่า เยาวชน 2558 วัยรุ่นอายุ 15-24 ปีเป็นเพียงกลุ่มเดียวท่ีอ่านจาก 2561 สื่ออิเล็กทรอนิกส์มากกว่าหนังสือกระดาษ คืออ่าน 2551 จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 96.7 อ่านหนังสือ 2554 กระดาษร้อยละ 84.7 และเป็นการใช้โซเชียลมีเดีย 2556 สูงที่สุดถึงร้อยละ 89.9 แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ 2558 ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลาย และอุปกรณ์ 2561 สอ่ื สารเหลา่ นนั้ มอี ทิ ธพิ ลอยา่ งสงู ตอ่ การพฤตกิ รรมการอา่ น 2551 2554 2556 2558 2561 2551 2554 2556 2558 2561 ประเภทสอื่ ท่ีอา นจําแนกตามชว งวัย หนว ย : รอยละ อา นหนงั สือ ทวั่ ประเทศ 88.0 กระดาษ 6-14 ป 98.8 15-24 ป 84.7 25-59 ป 60 ปขน้ึ ไป 84.7 96.5 ทวั่ ประเทศ 56.7 75.4 6-14 ป อา นจากสอ่ื 96.7 อเิ ลก็ ทรอนกิ ส 15-24 ป 81.7 25-59 ป 60 ปข ้ึนไป 34.7 เขม็ | 23
เม่ือพิจารณาเชิงพื้นท่ีระหว่างในและนอกเขต การส่ือสารอิเล็กทรอนิกส์สามารถเข้าถึงได้สะดวกท่ัวถึง เทศบาล การอ่านของกลุ่มวัยรุ่นเปรียบเทียบสอง พฤติกรรมของวัยรุ่นซ่ึงเป็นกลุ่มท่ีสนใจความทันสมัย พื้นท่ีมีความใกล้เคียงกันมากคือร้อยละ 93.9 และ อยากรู้อยากเห็น อยากสื่อสาร และอยากแสดงออก ร้อยละ 92.1 ตามล�ำดับ จนอาจกล่าวได้ว่าลักษณะ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว (แต่ไม่ได้หมายถึงมีทักษะ ความเป็นเมืองหรือความพร้อมของโครงสร้างพ้ืนฐาน การรู้ดิจิทัลเสมอไป) เป็นเงื่อนไขสนับสนุนให้การ เ มื อ ง ไ ม ่ มี ผ ล ต ่ อ ก า ร อ ่ า น ใ น ก ลุ ่ ม วั ย รุ ่ น เ ท ่ า ไ ร นั ก อ่านเกิดข้ึนได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่มีข้อจ�ำกัดว่าด้วย ตราบใดท่ีโครงสร้างพ้ืนฐานด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ ความเป็นเมืองและชนบท เด็กเล็ก 1.1 ล้านคน ไม่ไดอ้ ่าน เพราะถกู มองว่าเด็กเกนิ ไป ความเขา้ ใจผิดของพอ่ แม่ ผลส�ำรวจการอ่านในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่�ำกว่า 6 ปี นนั้ แม้จะยงั อ่านหนังสอื ไม่ออกด้วยตนเอง แตส่ ามารถ พบว่า เด็กที่ไม่อ่านหรือพ่อแม่ผู้ปกครองไม่อ่านหนังสือ ได้รับการส่งเสริมให้ใกล้ชิดหนังสือต้ังแต่แรกเกิดโดย ให้ฟังเป็นเพราะพ่อแม่ผู้ปกครองเข้าใจว่าเด็กยังเล็ก พ่อแม่ เช่น การอุ้มลูกนั่งตักเล่านิทานให้ฟังเป็นประจ�ำ เกินไป สูงถึงร้อยละ 63.8 หรือคิดเป็นเด็กเล็กจ�ำนวน งานวิจัยจากแพทย์และผู้เช่ียวชาญมีข้อสรุปท่ีชัดเจน ประมาณ 1.1 ล้านคนที่ขาดโอกาสเข้าถึงการอ่าน และ แล้วว่าหนังสือนิทานภาพสามารถช่วยพัฒนาสมอง ความเข้าใจเช่นน้ีเป็นสาเหตุส�ำคัญท่ีสุดเมื่อเทียบกับ และการเรียนรู้ของเด็กเล็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี ซึ่ง เหตุผลอื่นๆ ที่เด็กกลุ่มน้ีไม่อ่าน เช่น อ่านไม่ออก เรียกกันว่าปีทองของสมองมนุษย์ท่ีจะมีการพัฒนา อ่านไม่คลอ่ ง ชอบดูโทรทัศน์ สูงท่ีสุดเมื่อเทียบกับช่วงวัยอ่ืน ดังนั้น การให้ความรู้ กล่าวในแง่น้ี องค์กรและหน่วยงานส่งเสริมการอ่าน และสร้างความเข้าใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองเก่ียวกับการ ในกลุ่มเด็กปฐมวัยจึงยังคงมีภารกิจหนักหน่วงต่อไป ส่งเสริมการอ่านแก่เด็กที่เหมาะสมตามพัฒนาการ ในการรณรงค์สร้างความรู้และความเข้าใจ รวมถึง จะช่วยสนับสนุนให้เด็กเล็กก่อนวัยเรียนมีโอกาส ความร่วมมือจากพ่อแม่ผู้ปกครอง เน่ืองจากเด็กปฐมวัย ได้อ่านหนังสอื เพิ่มมากขน้ึ 24
เดก็ เลก็ ไมไดอ า นหนังสือ เด็กเลก็ 1.45 แสนคน เพราะพอแมผ ปู กครองเชื่อวา เด็กเกนิ ไป อ่านสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพยี งอย่างเดยี ว หนว ย : รอ ยละ 70.9 64.8 65.9 63.8 ป 2554 2556 2558 2561 การอ่านในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่�ำกว่า 6 ปีอีกประเด็น หนงึ่ ทน่ี า่ สนใจคอื ในกลมุ่ เดก็ เลก็ ทอี่ า่ นนน้ั รอ้ ยละ 56.9 ประเภทสื่อที่เด็กเล็กอาน อา่ นหนงั สือกระดาษอย่างเดียว ขณะท่ีรอ้ ยละ 5.4 หรือ จำ� นวนประมาณ 1.45 แสนคนอา่ นจากสอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หนวย : รอยละ เพียงอย่างเดียว เพิ่มข้ึนจากการส�ำรวจคร้ังก่อนเม่ือปี 2558 ราว 3 เทา่ ตวั 77.6 แมว้ า่ สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาตจิ ะเพง่ิ เกบ็ ขอ้ มลู ประเดน็ ดังกลา่ วเพียง 2 รอบการสำ� รวจ และอาจยงั ไม่สามารถ 56.9 ระบุถึงแนวโน้มในอนาคตได้ชัดเจน แต่จ�ำนวนเด็กเล็ก ท่ีอ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอเพียงอย่างเดียวอาจ 37.7 สร้างความกังวลใจให้กับผู้เก่ียวข้องกับการท�ำงาน 20.7 ด้านเด็กอยู่ไม่น้อย และเป็นอีกหนึ่งประเด็นท่ีต้อง รณรงค์ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับสังคมต่อไปให้ 2558 2561 1.7 5.4 2558 2561 มากข้ึน เนื่องจากมีงานวิจัยเชิงประจกั ษโ์ ดยกมุ ารแพทย์ 2558 2561 และนักจิตวิทยาเด็กที่เผยให้เห็นว่า การปล่อยให้เด็ก อยู่กับส่ืออิเล็กทรอนิกส์มากเกินไปอาจก่อให้เกิด ความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบ เชิงลบต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้ พร้อมทั้งแนะน�ำ วา่ การใชส้ อ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละการอา่ นผา่ นจอไมส่ มควร ใช้กบั เด็กเล็กแรกเกิดจนถงึ หนึง่ ขวบคร่ึงอยา่ งสนิ้ เชงิ อา นหนงั สอื กระดาษ อา นสือ่ อเิ ล็กทรอนิกส อานจากส่อื ท้งั สองประเภท อยา งเดยี ว อยางเดยี ว เข็ม | 25
คนอ่านหนังสือในห้องสมดุ ลดลง ฤาห้องสมดุ จะเปล่ียนแปลงสู่พื้นที่การเรยี นร้?ู ส�ำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการห้องสมุด ผลส�ำรวจ ไม่ต้องเดินทางไปห้องสมุด หรือร้านหนังสือออนไลน์ การอ่าน พ.ศ. 2561 ระบุว่ามีผู้ใช้ห้องสมุดเป็นสถานท่ี และห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์เร่ิมได้รับความนิยมและ อ่านหนังสือเพยี งรอ้ ยละ 0.6 หรอื ประมาณ 2.98 แสน เพ่ิมจ�ำนวนมากข้ึน จะส่งผลกระทบให้คนเข้าไปใช้ คน แตธ่ ุรกรรมหลักของหอ้ งสมดุ ยังเป็นเรอื่ งของการยมื ห ้ อ ง ส มุ ด เ พื่ อ ก า ร ยื ม คื น ห นั ง สื อ ล ด ต่� ำ ล ง ห รื อ ไ ม ่ คนื หนังสอื ซงึ่ มีผู้ใช้บรกิ ารประเภทนีม้ ากกวา่ การใช้เป็น เปน็ ส่งิ ซ่งึ ควรใคร่ครวญและคาดการณ์ สถานท่ีอ่านหลายเท่าตัว แต่จ�ำนวนผู้ยืมคืนหนังสือก็มี ทิศทางลดต�่ำลงเช่นเดียวกัน คือเหลือเพียงร้อยละ 8.3 อา นหนังสือในหอ งสมดุ นอยลง หรอื ประมาณ 4.12 ล้านคน ใชบ รกิ ารยืมคนื หนังสือลดลง การใช้ห้องสมุดเป็นพื้นท่ีการอ่านก�ำลังมีความส�ำคัญ น้อยลงเรื่อยๆ สอดคล้องกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ อา นหนังสือ อา นหนงั สอื ใชบ รกิ ารยมื คืน ใชบ ริการยมื คนื ห้องสมุดทั่วโลก ตัวเลขจากผลการส�ำรวจปีล่าสุดนี้ ทหี่ องสมดุ ทห่ี องสมดุ หนังสอื หนังสือ อาจดูน่าตกใจเม่ือจ�ำนวนผู้ใช้ห้องสมุดส�ำหรับอ่าน (รอ ยละ) (ลา นคน) ท่หี องสมดุ ทหี่ อ งสมดุ หนังสือลดลงเหลือต�่ำกว่า 3 แสนคน ซึ่งนับว่าน้อย ทสี่ ดุ ต้ังแต่มีการส�ำรวจ แตข่ อ้ มูลนยี้ งั ไม่สามารถบ่งบอก 1.83 หรอื แหลงเรยี นรู หรอื แหลง เรยี นรู ได้ว่ามีการใช้บริการประเภทอื่นนอกเหนือจากการอ่าน 1.01 ในชมุ ชน ในชุมชน เพ่ิมมากข้ึนหรือไม่ เพราะการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ 0.79 (รอ ยละ) (ลานคน) ห้องสมุดในการเรียนรู้ประเภทอ่ืนเป็นแนวโน้มการ 0.57 เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับห้องสมุดทั่วโลกเช่นกัน และ 2551 4.6 0.30 N.A. N.A. หอ้ งสมดุ ของไทยคงยากทจี่ ะหลกี เลยี่ งการเปลย่ี นผา่ นใน 2554 2.4 14.2 6.08 ลกั ษณะเดียวกันนไ้ี ปได้ 2556 1.6 14.3 7.27 ความส�ำคัญของห้องสมุดยังอยู่ที่ธุรกรรมการยืม 2558 1.2 12.9 6.27 คืนหนังสือก็จริง แต่บทบาทด้านน้ีก็มีความไม่แน่นอน 2561 0.6 8.3 4.12 ถึงแม้ว่าตัวเลขเชิงปริมาณยังคงมีผู้ใช้บริการนับล้านคน แต่ถ้าหากมีเทคโนโลยีสนับสนุนการยืมคืนหนังสือโดย 26
เปิดช่ือ 10 จังหวดั อา่ นมากท่สี ุด ในปี พ.ศ. 2561 เป็นคร้ังแรกท่ีส�ำนักงานอุทยาน การจัดอันดับน้ีพิจารณาเฉพาะร้อยละของประชากร การเรียนรู้ โดยความช่วยเหลือด้านการสนับสนุนข้อมูล ท่ีอ่านเท่าน้ัน ซ่ึงมาจากการลงพ้ืนที่ส�ำรวจในช่วงระยะ จากส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ทดลองจัดท�ำชุดข้อมูล เวลาหนึ่ง โดยที่ยังไม่มีการน�ำข้อมูลอื่นๆ หรือการ จ�ำนวนประชากรนักอ่านเป็นรายจังหวัด และพบว่า วิเคราะห์ถึงเงื่อนไขและปัจจัยแวดล้อมใดๆ ของแต่ละ กรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ นนทบุรี ปทุมธานี จังหวัดมาพิจารณาประกอบ หากจะมีการต้ังประเด็น สมุทรปราการ เป็น 4 จังหวัดท่ีมีปริมาณผู้อ่านสูง หัวข้อการวิจัยเพ่ือวิเคราะห์ลงลึกในบางจังหวัด และ ตดิ อยใู่ น 10 อนั ดบั แรก จงั หวดั หวั เมอื งสำ� คญั ของภมู ภิ าค น�ำไปสู่การศึกษาค้นคว้าจนเกิดความรู้ใหม่ๆ ที่จะน�ำไป เช่น ภูเกต็ ขอนแกน่ อบุ ลราชธานี ติดอยใู่ นกลุ่มนเ้ี ช่น ประยุกต์ปรับใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการอ่านในจังหวัด กัน ทีน่ า่ สนใจคอื จงั หวัดสระบุรี แพร่ และตรัง เป็นสาม อื่นต่อไป ย่อมถือว่าข้อมูลนี้ได้ยังประโยชน์แก่การ จังหวดั ที่มปี ระชากรอ่านมากอยใู่ นสิบอนั ดบั แรกดว้ ย ส่งเสรมิ สงั คมการอา่ นเกินกว่าทีค่ าด 10 อนั ดับจงั หวดั อา นมาก ประชากรท่ีอาน (รอยละ) 1 กรงุ เทพมหานคร 6 อุบลราชธานี 92.9 88.8 2 สมุทรปราการ 7 แพร 92.7 87.6 3 ภเู ก็ต 8 ตรงั 91.3 87.2 4 ขอนแกน 9 นนทบุรี 90.5 86.6 5 สระบุรี 10 ปทุมธานี 90.1 86.2 เข็ม | 27
28
เหลียวหลงั แลหน้า ทศวรรษแห่งการอา่ น เข็ม | 29
วันท่ี 5 สงิ หาคม 2552 คณะรัฐมนตรีมมี ติเหน็ ชอบ ความพยายามขับเคลื่อนสังคมไทยให้มีวัฒนธรรม กำ� หนดใหก้ ารอา่ นเปน็ วาระแหง่ ชาติ โดยใหว้ นั ที่ 2 เมษายน การอ่านและรักการเรียนรู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานส�ำคัญไปสู่ ของทุกปี เป็นวันรักการอ่าน และปี 2552-2561 เป็น การพฒั นาศกั ยภาพคนและยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ใหส้ งู ขน้ึ ‘ทศวรรษแหง่ การอา่ น’ พรอ้ มกนั นนั้ ยงั ใหต้ งั้ คณะกรรมการ ด�ำเนินไปท่ามกลางความผันผวนท้ังด้านการเมือง สง่ เสรมิ การอา่ นเพอ่ื สรา้ งสงั คมแหง่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เศรษฐกิจและสังคมตลอดสิบปี นับเป็นอุปสรรคส�ำคัญ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ในการแปลงแผนไปสู่การมีนโยบายท่ีต่อเน่ืองหรือมี เพ่ือเป็นกลไกขับเคล่ือนการส่งเสริมการอ่านให้เกิดข้ึน โครงการใหมๆ่ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบเชงิ บวกในระยะยาว อย่างเป็นรูปธรรม อุปสรรคอีกประการหนึ่งคือ ข้อมูลประเมินผล กระทรวงศึกษาธิการในฐานะหน่วยงานหลักของ การด�ำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ มีอยู่จ�ำกัดและ คณะกรรมการชุดดังกล่าว ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่าย ไม่สมบูรณ์ กล่าวไดว้ า่ มีเพยี งข้อมูลเชงิ สถิติซึ่งจดั ท�ำโดย ทงั้ ภาครฐั เอกชน และประชาสงั คม ไดจ้ ดั ทำ� แผนสง่ เสรมิ สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาตอิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งเปน็ ประจำ� ทกุ 2-3 ปี การอา่ นเพอื่ สรา้ งสงั คมแหง่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ซง่ึ เปน็ เทา่ นนั้ ทพ่ี อจะสามารถใชอ้ า้ งองิ ผลลพั ธก์ ารเปลยี่ นแปลง แผนงานตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมการอ่าน เพื่อใช้ ที่เกิดขึ้นในช่วง 1 ทศวรรษทผี่ ่านมาได้ เป็นกรอบการด�ำเนินงานตามมติ ครม. ที่ก�ำหนดให้ ในช่วงท้ายของ ‘ทศวรรษแห่งการอ่าน’ หน่วยงาน ปี 2552-2561 เป็นทศวรรษแหง่ การอา่ น ภาครัฐได้จัดท�ำแผนส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ผ่านไป 10 ปี ผลลัพธจ์ ากแผนงานส่งเสริมการอ่าน ที่นา่ สนใจอย่างนอ้ ย 2 แผน ไดแ้ ก่ แผนแม่บทส่งเสรมิ ดูเหมือนจะยังเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก กิจกรรมและ วัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย โครงการที่เกิดขึ้นภายใต้แผนงานยังคงเป็นงานประจ�ำ พ.ศ. 2560-2564 และแผนยทุ ธศาสตรก์ ารบรู ณาการดา้ น ที่ท�ำกันมาเป็นปกติ อาจมีการพลิกแพลงแต่งเติมสีสัน พพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560–2579) ให้น่าสนใจมากขึ้น แต่ไม่ได้ก่อเกิดผลกระทบอย่างมี การประเมินผลท่ีเกิดจากแผนระดับชาติทั้งสองคงยัง นยั ส�ำคญั ไม่สามารถสรุปได้ในทันทีเนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้น ขณะที่ โครงการเมอื งหนงั สอื โลก 2556 หรอื World แตส่ ง่ิ ทคี่ อ่ นขา้ งแนน่ อนกค็ อื ความทา้ ทายใหมๆ่ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ Book Capital 2013 โดยกรุงเทพมหานคร นับเป็น ในอนาคตขา้ งหนา้ นนั้ คาดการณไ์ ดย้ าก การเปลยี่ นแปลง โครงการใหญ่ที่ปรากฏเด่นชัดว่าเก่ียวข้องกับการอ่าน ด้านเทคโนโลยีท่ีรวดเร็วรุนแรงส่งผลโดยตรงต่อ โดยตรง แต่ก็ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่ามีลักษณะเป็น พฤติกรรมการอ่านและการเรียนรู้ ซ่ึงล้วนแล้วแต่ท�ำให้ งานอเี วนต์ (event) มากกวา่ การรณรงค์ส่งเสริมปลูกฝงั โครงการหรือนโยบายตามแผน อาจไม่เป็นไปในทิศทาง นิสัยรักการอ่านอย่างจริงจัง และมีรูปธรรมไว้ให้จดจ�ำ ที่คาดหวัง สานตอ่ คอื หอสมุดเมอื ง กทม. ซง่ึ เปดิ ตวั และใหบ้ ริการ ในเดือนเมษายน 2560 ส่วนโครงการและกิจกรรมอื่น กลับค่อยๆ เลอื นหายไป 30
เข็ม | 31
แผนงานส่งเสรมิ การอา่ น เพือ่ สรา้ งสงั คมแหง่ การเรยี นรูต้ ลอดชวี ิต หนว่ ยงานหลัก กระทรวงศกึ ษาธิการ วิสัยทัศน์ คนไทยทุกคนได้รบั การพัฒนาความสามารถและปลูกฝงั นิสยั รกั การอา่ นเพ่มิ ขึ้น ด้วยบรรยากาศและ พันธกจิ ส่ิงแวดล้อมท่เี อ้อื ต่อการอา่ นเพ่ือสรา้ งสงั คมไทยให้เปน็ สงั คมแห่งการเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ ยุทธศาสตร์ 1. ปลกู ฝงั คณุ คา่ การอา่ นทกุ รปู แบบ เพอ่ื เปน็ วถิ ใี นการคน้ หาความรู้ และเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ แกค่ นไทยทกุ วยั 2. พฒั นาความสามารถในการอา่ น เขยี น และสอื่ สารเชงิ คดิ วเิ คราะหข์ องคนไทยเพอื่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เป้าหมาย 3. พฒั นาส่อื กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ น และสร้างพื้นทีก่ ารอ่านเพอื่ การเรียนร้ตู ลอดชีวติ 4. สง่ เสรมิ การมีสว่ นร่วมของทกุ ภาคสว่ นเพอ่ื พัฒนาเครอื ขา่ ยการเรียนรเู้ ชงิ สรา้ งสรรค์ งบประมาณ 1. พัฒนาคนไทยให้มีความสามารถในดา้ นการอ่าน โดยรณรงค์การอา่ นเขียนภาษาไทย ปรบั ปรุงและ พฒั นาคณุ ภาพการเรียนการสอนภาษาไทย รวมทงั้ บริหารจดั การและสรา้ งภาคเี ครอื ข่ายเพ่อื พฒั นา ความสามารถในด้านการอ่านของคนไทย 2. พฒั นาคนไทยให้มนี ิสยั รกั การอ่าน โดยปลกู ฝังและสร้างทัศนคตคิ นไทยใหเ้ ห็นคณุ ค่าและประโยชนข์ อง การอา่ นหนังสือและสื่อทุกรปู แบบ ส่งเสรมิ สนับสนนุ ใหท้ กุ ภาคสว่ นมสี ่วนร่วมในการเปน็ ภาคเี ครอื ขา่ ย สง่ เสรมิ การอา่ น และก�ำหนดมาตรการจงู ใจใหภ้ าคีเครอื ขา่ ยรว่ มสง่ เสริมการอา่ นในสงั คมไทย 3. สร้างบรรยากาศและสงิ่ แวดลอ้ มในการสง่ เสรมิ การอา่ น โดยแสวงหาภาคีเครอื ข่ายในการเสรมิ สรา้ ง บรรยากาศและสง่ิ แวดล้อม พัฒนาและเพม่ิ จ�ำนวนแหล่งการเรยี นรใู้ หส้ ามารถจัดบริการไดค้ รอบคลมุ ทกุ ต�ำบล/ชุมชน อย่างท่ัวถงึ ทนั สมยั และมคี ณุ ภาพ เพื่อท�ำให้การอา่ นเปน็ ท่ีสนใจมากขึน้ 1. ประชากรวัยแรงงานทีเ่ ป็นผู้รหู้ นงั สอื ในระดับใชง้ านได้ในชีวิตประจ�ำวนั เพมิ่ ขนึ้ จากรอ้ ยละ 97.21 เปน็ รอ้ ยละ 99.00 2. ประชากรไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไปทส่ี ามารถอา่ นออกเขยี นไดม้ เี พม่ิ ขนึ้ จากรอ้ ยละ 92.64 เปน็ รอ้ ยละ 95.00 3. คา่ เฉลย่ี ในการอา่ นหนงั สอื ของคนไทยเพม่ิ ขนึ้ จากปลี ะ 5 เลม่ เปน็ ปลี ะ 10 เลม่ ตอ่ คน 4. แหลง่ การอา่ นไดร้ บั การพฒั นาและเพมิ่ จำ� นวนใหส้ ามารถจดั บรกิ ารไดค้ รอบคลมุ ทกุ ตำ� บล/ชมุ ชน อยา่ งทวั่ ถงึ และมคี ณุ ภาพ 5. การสรา้ งภาคเี ครอื ขา่ ยการอา่ นเพอื่ ปลกู ฝงั นสิ ยั รกั การอา่ นและการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ อยา่ งยงั่ ยนื 1. งบประมาณสนับสนุนจากโครงการภายใตแ้ ผนปฏิบตั ิการไทยเขม้ แขง็ 2555 ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2. งบประมาณปกติของหน่วยงานและภาคเี ครือข่าย 32
โครงการกรุงเทพมหานคร เมืองหนงั สอื โลก 2556 (World Book Capital 2013) หน่วยงานหลัก กรงุ เทพมหานคร วสิ ัยทศั น์ คนไทยทกุ คนได้รบั การพฒั นาความสามารถและปลูกฝังนิสยั รกั การอ่านเพิ่มขึ้นด้วยบรรยากาศและ พันธกจิ สิ่งแวดล้อมทเี่ อ้ือตอ่ การอา่ นเพอื่ สรา้ งสงั คมไทยใหเ้ ป็นสังคมแห่งการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ พนั ธกจิ 1. เพอ่ื สรา้ งวฒั นธรรมการอา่ นอยา่ งยง่ั ยนื ของคนกรงุ เทพมหานคร 2. เพอื่ ใหก้ ารอา่ นเปน็ เครอ่ื งมอื จรรโลงปญั ญา ยุทธศาสตร์ 3. เพอื่ ใหก้ ารสง่ เสรมิ เปน็ เงอ่ื นไขสรา้ งความรกั และความเขา้ ใจ 4. เพอ่ื ใหก้ ารอา่ นเปน็ เวทนี ำ� ความคดิ อนั หลากหลาย งบประมาณ 5 เพอ่ื ให้ World Book Capital เปน็ สง่ิ กระตนุ้ เกดิ ความรว่ มมอื สรา้ งจติ สำ� นกึ เหน็ ความสำ� คญั ของการอา่ น 1. การจัดตั้งหอสมุดกรุงเทพฯ (City Library) 2. การจดั ต้งั พิพิธภัณฑก์ ารต์ นู ไทย 3. สรา้ งวฒั นธรรมการอ่านสรา้ งวัฒนธรรมการคดิ (Reading Culture : Thinking Culture) 4. สง่ เสรมิ การอ่านในเด็กและเยาวชน (Children & Youth Books Promotion) 5. ส่งเสรมิ มหานครแห่งวรรณกรรม (50 เขต 50 วรรณกรรม) 6. สง่ เสรมิ การอา่ นหนังสือวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Book for Scientific Mind) 7. ส่งเสรมิ หนงั สอื พัฒนาจติ ใจ (Spiritual Books) 8. การติดตามสนับสนุนกิจกรรมและแผนงานต่างๆ ของภาคที ่ีรว่ มกนั สนับสนุนโครงการอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 9. เตรียมความพร้อมสกู่ ารเปน็ เจา้ ภาพจัดประชุมส�ำนกั พิมพ์นานาชาติ (IPC 2014) 1. รว่ มเปลยี่ นกระบวนทศั นส์ ังคมและสือ่ สาธารณะ ท�ำให้คนกรุงเทพฯ ตระหนักถึงความส�ำคญั ของการ อา่ นสร้างทศั นคตวิ า่ การอา่ นเปลีย่ นชีวิตได้ โดยผ่านสื่อสาธารณะเพอ่ื ใหถ้ ึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ กลมุ่ ครอบครวั ท่สี ามารถวางรากฐานได้ตง้ั แตว่ ยั เยาว์ 2. การบริหารจดั การและขับเคล่อื นนโยบายชัดเจนและต่อเน่อื ง โดยกรุงเทพมหานครเปน็ แม่งานหลัก ในการประสานให้ทกุ ภาคส่วนร่วมกันผลกั ดนั Bangkok World Book Capital 2013 3. สรา้ งการมสี ว่ นร่วมของเครือข่ายภาคีที่เขม้ แข็ง โดยส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหก้ ำ� ลังใจซึ่งกนั และกนั พัฒนาวิชาชพี ของบุคลากรทเ่ี กย่ี วขอ้ งทกุ ส่วน 4. เปดิ พนื้ ทแี่ ละทรพั ยากรการอา่ นทเ่ี ขา้ ถงึ งา่ ย อา่ นไดท้ กุ ทที่ กุ เวลา พฒั นาพน้ื ทกี่ ารอา่ นเดมิ ทง้ั ใน หอ้ งสมดุ ตา่ งๆ รา้ นหนงั สอื ทด่ี ำ� เนนิ การในทกุ พน้ื ทใี่ หม้ คี ณุ ภาพและพรอ้ มบรกิ ารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ พรอ้ มกบั เปดิ พนื้ ทก่ี ารอา่ นใหมๆ่ ทสี่ อดคลอ้ งกบั ชวี ติ เมอื งใหญ่ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ การอา่ นไดง้ า่ ยทสี่ ดุ 5. สง่ เสรมิ การอ่านท่ีหลากหลาย ทกุ คนอา่ นทุกทท่ี ุกเวลา ท้งั ในครอบครวั สถานศึกษา พ้นื ท่สี าธารณะ ท้งั ส่งเสริมการอ่านด้วยเทคนิคที่เขา้ ถงึ ทุกคนทกุ วยั อย่างต่อเน่อื งและสอดคล้องกนั งบประมาณของกรงุ เทพมหานครปี 2554-2556 จำ� นวน 280 ล้านบาท เข็ม | 33
แผนแมบ่ ทสง่ เสรมิ วัฒนธรรมการอ่าน สูส่ งั คมแห่งการเรียนรขู้ องไทย พ.ศ.2560-2564 หนว่ ยงานหลัก กระทรวงวฒั นธรรม วิสยั ทศั น์ คนทกุ วัยในสงั คมไทยมีวัฒนธรรมการอา่ นทเ่ี ขม้ แขง็ เปา้ ประสงค์ 1. เพอ่ื สรา้ งสภาพแวดลอ้ มในระดบั ชมุ ชนและสงั คม ทสี่ นบั สนนุ ใหค้ นไทยทกุ ชว่ งวยั มพี ฤตกิ รรมรกั การอา่ น และการเรยี นรู้ที่เขม้ แขง็ และมที ักษะการอา่ นทม่ี คี ณุ ภาพ สามารถนำ� ความรู้มาใช้ประโยชนไ์ ด้ ยุทธศาสตร์ 2. เพ่อื ชว่ ยให้เกดิ การบรู ณาการการท�ำงานของหน่วยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง ทงั้ ในราชการส่วนกลาง ส่วนภูมภิ าค และส่วนท้องถนิ่ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมเพ่อื ด�ำเนินการรว่ มกันอย่างต่อเนอ่ื ง ให้เกดิ วัฒนธรรม เป้าหมาย การอา่ นข้นึ กบั คนไทยทกุ ช่วงวัย และน�ำสงั คมไทยไปสู่สังคมแห่งการเรยี นรใู้ นทา้ ยทส่ี ุด เพ่อื ยกระดับพลัง ทางปญั ญาและขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศใหม้ ่ันคงและย่ังยนื เทียบเท่ากบั ประเทศท่พี ฒั นา งบประมาณ แล้ว 1. ปลูกสร้างพฤตกิ รรมรกั การอ่านท่เี ขม้ แข็งให้กับคนทกุ ช่วงวยั เพอ่ื ใหค้ นไทยทกุ ชว่ งวัยมีทัศนคตทิ ดี่ ีและ ตระหนักถงึ ประโยชน์ของการอา่ นและมีนิสัยรักการอ่านและแสวงหาความรมู้ ากข้นึ 2. อำ� นวยความสะดวกในการเข้าถึงสื่อการอ่านของประชาชนทง้ั ในชมุ ชนเมืองและภูมิภาค เพอ่ื ให้ ประเทศไทยมีแหลง่ เรยี นรแู้ ละสื่อการอา่ นทั้งในรปู แบบท่มี ีความหลากหลายสามารถเขา้ ถงึ ได้อย่างง่าย สะดวก ทัว่ ถงึ และไม่จำ� กดั เวลาและสถานที่ 3. ยกระดับคุณภาพแหลง่ เรยี นรู้และส่อื การอา่ นเพอ่ื การเรียนรู้ เพอื่ ใหป้ ระเทศไทยได้มแี หลง่ เรยี นรแู้ ละ สื่อการอ่านเพอ่ื การเรียนร้ทู ม่ี คี ุณภาพ มีความทันสมัยและสามารถใหบ้ รกิ ารแกป่ ระชาชนอยา่ งท่วั ถงึ 4. สรา้ งสภาพแวดล้อมทเี่ อ้ือต่อการสง่ เสริมการอ่าน เพอ่ื การปรบั ปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชน/สังคมให้ เอือ้ ตอ่ การสง่ เสริมการอา่ น โดยส่งเสรมิ การมสี ว่ นร่วม มีกลไกขบั เคลื่อนและมีการด�ำเนินการอย่างจริงจัง และต่อเนือ่ ง 1. ภายใน 5 ปี คนไทยใชเ้ วลาในการอา่ นทม่ี คี ณุ ภาพมากขน้ึ เฉลยี่ 90 นาทตี อ่ วนั จากเดมิ 66 นาทตี อ่ วนั 2. สรา้ งสภาพแวดลอ้ มในระดบั ชมุ ชนและสงั คม ทสี่ นบั สนนุ ใหค้ นไทยทกุ ชว่ งวยั มพี ฤตกิ รรมรกั การอา่ นและ การเรยี นรทู้ เี่ ขม้ แขง็ และมที กั ษะการอา่ นทมี่ คี ณุ ภาพสามารถนำ� ความรมู้ าใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 3. ทำ� ใหเ้ กดิ การบรู ณาการทำ� งานของหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งทง้ั ในราชการสว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าคและทอ้ งถน่ิ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม เพอ่ื ดำ� เนนิ การรว่ มกนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งใหเ้ กดิ วฒั นธรรมการอา่ นขนึ้ กบั คนไทยทกุ ชว่ งวยั และนำ� สงั คมไทยไปสสู่ งั คมแหง่ การเรยี นรใู้ นทา้ ยทสี่ ดุ งบโครงการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่าน จากงบประมาณประจำ� ปีของกรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม 34
แผนยุทธศาสตร์การบรู ณาการ ด้านพพิ ิธภณั ฑ์และแหล่งเรียนรู้ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) หนว่ ยงานหลกั ส�ำนักงานบรหิ ารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) วิสัยทศั น์ พิพิธภณั ฑ์และแหลง่ เรยี นรขู้ องไทยเป็นพืน้ ที่ให้ความรแู้ ละเติมเตม็ ทักษะท่สี อดรับกบั โลกในศตวรรษที่ 21 เป้าประสงค์ ปลูกฝังวัฒนธรรมการเรยี นรู้แก่ประชาชนทกุ ช่วงวัย และเสรมิ สร้างสังคมไทยให้เปน็ สังคมแห่งการเรยี นรู้ ตลอดชีวิต Roadmap 1. เพื่อให้พิพธิ ภัณฑแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้เปน็ พ้ืนท่สี รา้ งสรรค์การเรียนรูแ้ ละพัฒนาภูมิปัญญาใหแ้ ก่ประชาชน ในการบูรณาการ 2. เพือ่ ให้พพิ ิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรูเ้ ป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ียวทส่ี ร้างเสรมิ ประสบการณ์ใหมแ่ ก่นักท่องเทย่ี ว พพิ ธิ ภณั ฑและ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ แหลงเรยี นรูของไทย 3.เพอ่ื ให้พิพิธภัณฑแ์ ละแหลง่ เรียนรู้เป็นพืน้ ทเี่ รยี นรปู้ ระวตั ิศาสตร์และความเป็นมาของชาติไทย ในระยะ 20 ปี ระยะท่ี 1 (1-5 ปี) - บูรณาการการให้บรกิ าร ยทุ ธศาสตร์ - มกี ลไกสนับสนุนงานร่วมกัน ระยะที่ 2 (6-10 ปี) งบประมาณ - มีพพิ ิธภณั ฑ์และแหล่งเรียนรทู้ ่ไี ดม้ าตรฐานอย่างท่วั ถึง ระยะที่ 3 (11-20 ปี) - คนไทยมีวัฒนธรรมการเรียนรูผ้ ่านพิพิธภัณฑ์และการเรยี นรู้ - สังคมไทยเปน็ สงั คมแห่งการเรยี นร้ตู ลอดชีวติ 1. การจดั กจิ กรรมเชิงบูรณาการระหว่างพพิ ิธภณั ฑ์และแหลง่ เรียนรู้ 2. การพฒั นาคุณภาพและศักยภาพของพิพิธภณั ฑและแหลงเรียนรู 3. การเสรมิ สรางวัฒนธรรมการเรียนรผู านพิพธิ ภณั ฑแ ละแหลงเรยี นร ู้ 4. การบรหิ ารจัดการกระบวนการบูรณาการใหม ปี ระสทิ ธิภาพ ไมไ่ ดก้ ำ� หนดงบประมาณที่ชดั เจน เข็ม | 35
อ่านมากขนึ้ อ่านไมอ่ อก และการรหู้ นงั สอื การรณรงคแ์ ละจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น รวมทง้ั การ ตามล�ำดับ คิดเป็นจ�ำนวนประมาณ 510,000 คน เพ่มิ จำ� นวนและการพฒั นาพ้ืนทกี่ ารอา่ น อนั เนื่องมาจาก ซ่ึงมีจ�ำนวนเพ่ิมสูงข้ึนเมื่อเทียบกับการส�ำรวจคร้ังก่อน นโยบายส่งเสริมการอ่าน เป็นปัจจัยสนับสนุนให้จ�ำนวน แน่นอนว่าส�ำหรับเด็กที่ได้รับการศึกษาในระบบน้ัน ผูอ้ ่านหนังสือเพิ่มขน้ึ จากร้อยละ 66.3 ในปี 2551 เป็น ปัญหานี้จ�ำเป็นต้องเร่งด�ำเนินการแก้ไข ท้ังในด้าน ร้อยละ 78.8 ในปี 2561 และปริมาณการอ่านหนังสือ หลักสูตร วิธีการจัดการเรียนการสอน และควรลงไป เพม่ิ ขน้ึ จาก 39 นาทตี อ่ วนั ในปี 2551 เปน็ 80 นาทตี อ่ วนั ดูในรายละเอียดถึงสาเหตุและสภาพแวดล้อมของตัวเด็ก ในปี 2561 เป็นรายคน จึงจะสามารถแก้ปัญหาอ่านหนังสือไม่ออก ถึงแม้ว่าปริมาณการอ่านจะเพิ่มสูงข้ึน แต่ในอีก หรอื อา่ นไม่คล่องไดต้ รงจดุ ด้านหน่ึงยังคงมีผู้ไม่รู้หนังสืออยู่อีกเป็นจ�ำนวนมาก ขณะเดียวกัน เด็กกลุ่มน้ีอาจหมายรวมไปถึงเด็ก ผลส�ำรวจของยูเนสโกคร้ังล่าสุดเม่ือปี 2558 ระบุว่า ซึ่งขาดโอกาสหรือไม่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเน่ือง มีประชากรท่ีอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มากกว่า 4 ล้านคน เช่น เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ เด็กท่ีหลุดออกจากระบบการ ในจำ� นวนนี้เปน็ เยาวชนอายุ 15-24 ปี เกอื บ 2 แสนคน ศึกษากลางคัน อันเน่ืองมาจากความยากจน มีภาระใน ทั้งนี้ จ�ำนวนเยาวชนท่ีไม่รู้หนังสือมีแนวโน้มลดลง การช่วยเหลือครอบครัว หรือไม่มีท่ีอยู่อาศัยเป็น แต่จ�ำนวนผู้ไม่รู้หนังสือในวัยผู้ใหญ่ (อายุ 24 ปีขึ้นไป) หลักแหล่งจ�ำต้องโยกย้ายไปตามอาชีพของพ่อแม่ กลบั มีแนวโนม้ เพม่ิ ข้นึ ซ่ึงเป็นกลุ่มที่ต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีการแตกต่างไปจาก เช่นเดียวกันกับข้อมูลการส�ำรวจของส�ำนักงาน กลมุ่ เดก็ ท่ีไดร้ บั การศึกษาในระบบ สถิติแห่งชาติในปี 2558 จะพบตัวเลขที่น่าสนใจใน กลมุ่ เดก็ อายุ 6-14 ปที ไี่ มอ่ า่ น หรอื เทยี บเทา่ เดก็ นกั เรยี น ช้ัน ป.1-ม.3 ซงึ่ ระบุว่าอา่ นไมอ่ อกร้อยละ 31.7 คิดเปน็ จำ� นวนถงึ 2 แสนคนเศษ หากรวมเดก็ กลมุ่ อายเุ ดยี วกนั น้ี ท่ีอ่านไม่คล่อง/อ่านได้เพียงเล็กน้อย อีกร้อยละ 34.7 นนั่ หมายความวา่ มเี ดก็ ในวยั เรยี นจำ� นวนกวา่ 450,000 คน ที่ยงั มีปัญหาอา่ นไม่ออกหรอื อ่านไมค่ ลอ่ ง ในการสำ� รวจลา่ สดุ ในปี 2561 พบวา่ กลมุ่ เดก็ วยั เรยี น ในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานยังคงประสบปัญหา อ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่องร้อยละ 42.9 และ 26.5 36
ประชากรอายุ 6 ปข น้ึ ไปท่ีอา นหนังสอื ปริมาณการอา นหนงั สอื ของประชากรอายุ 6 ปข ึน้ ไป หนว ย : รอยละ หนว ย : นาที/วัน เฉลี่ย เฉล่ีย เฉล่ีย 80 81.8 77.7 78.8 66 เฉลย่ี 51 เฉล่ีย 69.1 เฉลี่ย เฉล่ีย 61.2 66.3 68.6 39 35 37 64.8 57.7 71.6 66.7 67.5 65.1 68.8 68.4 82.8 80.8 78.9 76.5 79.7 77.9 2546 2548 2551 2554 2556 2558 2561 2548 2551 2554 2556 2558 2561 ขอมูลจาก สํานกั งานสถิตแิ หงชาติ ขอมลู จากสํานักงานสถิตแิ หงชาติ จํานวนประชากรที่อานไมอ อกเขยี นไมได หนวย : พันคน 2543 อายุ ( ป ) 1,191.85 2,321.80 รวม 2548 2,240.17 3,513.65 2553 15+ 114.37 2558 15-24 104.01 2,565.64 รวม 3,342.20 15+ 1,102.03 15-24 109.16 รวม 93.56 1,938.26 15+ 15-24 1,000.18 รวม 938.08 4,017.11 15+ 164.51 15-24 162.85 1,451.47 81.07 97.84 ขอมลู จาก Institute of Statistics, UNESCO เข็ม | 37
การอ่านกบั ความเหลอื่ มลำ้� เมื่อวิเคราะห์ถึงสัดส่วนประชากรท่ีอ่านหนังสือ แตกต่างระหว่างเมืองกับชนบท ซ่ึงท�ำให้โอกาสใน เปรียบเทียบระหว่างภูมิภาคต่างๆ และระหว่างพ้ืนท่ีใน การเขา้ ถงึ หนงั สอื สอื่ การอา่ น และแหลง่ เรยี นรสู้ าธารณะ และนอกเขตเทศบาลพบว่า ตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2561 เกิดความไม่เท่าเที่ยมกัน แต่ก็ยังไม่เคยมีงานศึกษา กรุงเทพมหานครเป็นพื้นท่ีท่ีมีประชากรอ่านหนังสือ วิจัยหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ท่ีช้ีถึงความสัมพันธ์ระหว่าง มากท่ีสุด ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้อ่านหนังสือ ปรมิ าณการอา่ นกบั ปจั จัยแวดล้อมตา่ งๆ นอ้ ยทส่ี ดุ มาโดยตลอดนบั จากการสำ� รวจปี 2551 เปน็ ตน้ มา ผลส�ำรวจการอ่านจ�ำแนกตามภูมิภาคพบว่าแนวโน้ม กระทัง่ ลา่ สดุ ปี 2561 ภาคทม่ี ปี ระชากรอ่านน้อยที่สดุ คือ จ�ำนวนผู้อ่านเพิม่ สงู ขน้ึ ในทุกภาค แตป่ ระเดน็ ทีน่ ่าสนใจ ภาคใต้ โดยมชี อ่ งวา่ งของรอ้ ยละระหวา่ งภาคทอี่ า่ นสงู สดุ คือปัจจัยอะไรท่ีท�ำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ กับต่ำ� สุดตา่ งกัน 18.6 ส่วนพื้นที่ในและนอกเขตเทศบาล ภาคเหนือมีจ�ำนวนผู้อ่านเพิ่มขึ้นในอัตราสูงกว่าภาคอ่ืน มีช่องว่างของร้อยละต่างกนั 8.4 และใช้เวลาประมาณ 10 ปีจึงพ้นจากภาคท่ีมีการอ่าน มีข้อสังเกตว่า ต้ังแต่ปี 2551-2556 ช่องว่าง น้อยท่ีสุดสองล�ำดับสุดท้ายไปได้ ในทางกลับกันอะไร ความแตกตา่ งนลี้ ดลงเรอ่ื ยๆ แตใ่ นปี 2558 ซงึ่ สำ� นกั งาน คือสาเหตุที่ท�ำให้จ�ำนวนผู้อ่านของภาคใต้ลดลงจาก สถิติแห่งชาติได้ปรับนิยาม “การอ่าน” ให้ครอบคลุม การส�ำรวจรอบท่ีแล้ว แม้จะเป็นตัวเลขที่ลดลงเพียง ทั้งการอ่านหนังสือและการอ่านเน้ือหาผ่านอุปกรณ์ เล็กน้อย แต่ก็ท�ำให้กลายเป็นภาคท่ีมีร้อยละของผู้อ่าน อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ชอ่ งวา่ งกลบั เพม่ิ สงู ขน้ึ เลก็ นอ้ ย สะทอ้ นวา่ น้อยทสี่ ดุ ไปในการสำ� รวจรอบนี้ ความเหลอ่ื มลำ้� ในการเขา้ ถงึ การอา่ นอาจมคี วามเชอ่ื มโยง ข้อมูลความแตกต่างของจ�ำนวนร้อยละของผู้อ่าน กับปัญหาการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ เปรียบเทียบเชิงพื้นท่ีระหว่างภูมิภาค และระหว่างในกับ ไม่เท่าเทียมกันด้วยเช่นกัน แต่ผลการส�ำรวจปี 2561 นอกเขตเทศบาล อาจช่วยให้ตระหนักว่าการส่งเสริม ช่องว่างน้ีได้ปรับตัวลดลงจากการส�ำรวจคร้ังก่อน ดังน้ัน การเขา้ ถงึ หนงั สอื สอื่ การอา่ น และแหลง่ เรยี นรสู้ าธารณะ ถ้าหากสมมติฐานดังกล่าวถูกต้อง ย่อมหมายความว่า น้ัน เก่ียวข้องกับปัญหาโครงสร้างการพัฒนาท่ีมีความ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่เท่าเทียมกัน ถ้าหากไม่นับอุปสรรคหรือข้อจ�ำกัดทาง และการสอ่ื สาร มกี ารกระจายตวั ทว่ั ถงึ ครอบคลมุ ทกุ พน้ื ที่ ภมู ศิ าสตรซ์ ง่ึ อาจแกไ้ ขไดด้ ว้ ยการขยายโครงสรา้ งพน้ื ฐาน มากข้นึ กว่าเดิม ทางเทคโนโลยสี ารสนเทศแล้ว นโยบายสง่ เสริมการอา่ น ช่องว่างของปริมาณผู้อ่านระหว่างพ้ืนท่ี เรียกได้ว่า ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพควรทจี่ ะตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ความสอดคลอ้ งกบั เป็นความเหล่ือมล�้ำประเภทหน่ึง อันอาจสืบเนื่องมา การพัฒนาเศรษฐกิจและรายได้ของครัวเรือน ตลอดจน จากปัจจัยทางสังคมเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานที่ การลดชอ่ งว่างความเป็นเมืองและชนบทอกี ด้วย 38
ปรมิ าปณรมิผาอู้ ณา่ นผูอเาปนรยีเปบรเยีทบียเบทรยี ะบหรวะห่างวภา งูมภิภมู าิภคาค ป กรงุ เทพฯ ภาคกลาง ภาคใต ภาคตะวนั ออก ภาคเหนือ ชอ งวาง เฉยี งเหนือ ความแตกตาง รอยละ รอยละ รอ ยละ รอ ยละ ระหวางภาค รอ ยละ ที่มผี ูอานมากทสี่ ุด 2551 85.8 70.5 67.1 58.2 62.9 กับนอ ยทสี่ ุด 2554 84.2 71.3 69.7 63.0 65.9 2556 94.6 83.1 80.3 77.2 78.5 27.6 2558 93.5 78.4 75.1 73.0 74.3 21.2 2561 92.9 80.4 74.3 75.0 75.0 17.4 20.5 18.6 ขอ มลู จาก สํานักงานสถติ ิแหงชาติ คาํ นวณและวิเคราะหโดยสํานักงานอุทยานการเรียนรู ปริมาณผู้อป่ารนมิ าเปณรผียูอบาเนทียเปบรรยี ะบหเวทา่ ียงบผรทู้ ะีอ่หยวู่าในงผแทูล่ีอะนยอูในกแเขลตะนเทอศกเบขาตลเทศบาล 2551 ในเขตเทศบาล นอกเขตเทศบาล ชอ งวา ง ทีอ่ านหนังสอื ที่อา นหนงั สือ ความแตกตา ง รอ ยละ รอยละ 16.5 77.7 61.2 13.1 64.1 8.0 2554 77.2 78.2 9.5 73.4 8.4 2556 86.2 75.0 2558 82.9 2561 83.4 ขอ มลู จาก สาํ นกั งานสถิตแิ หง ชาติ คํานวณและวิเคราะหโ ดยสาํ นักงานอทุ ยานการเรียนรู เข็ม | 39
40
ความท้าทายของนโยบายส่งเสริมการอ่าน นอกเหนือจากการรณรงค์ส่งเสริมและปลูกฝังนิสัย แห่งชาติจะเป็นกลไกส�ำคัญส�ำหรับการสร้างวัฒนธรรม รักการอ่านผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพัฒนาพ้ืนท่ี การอ่านของประเทศไทย1 แต่ตลอดสิบปีมาน้ียังไม่มี และส่ิงแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการอ่านแล้ว ยังมีแนวทางอื่นๆ หน่วยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวข้องหยิบเอาข้อเสนอของเขาไป ท่ีส่งเสริมสังคมการอ่านให้มีรากฐานที่เข้มแข็ง อาทิ ผลกั ดนั ใหเ้ ปน็ รูปธรรม การส่งเสริมให้มีกลไกการผลิตหนังสือดีมีคุณภาพและ ในรอบ 10 ปีท่ีผ่านมา การสนับสนุนการให้บริการ ท�ำให้หนังสือมีราคาถูกหรือท�ำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึง และการเขา้ ถงึ เทคโนโลยสี ารสนเทศพน้ื ฐานดว้ ยคา่ ใชจ้ า่ ย หนังสือได้ง่าย ดังเช่นกรณีของสถาบันหนังสือแห่งชาติ ทต่ี ำ�่ ทสี่ ดุ หรอื ไมค่ ดิ คา่ บรกิ ารเลยเรมิ่ ปรากฏใหเ้ หน็ มากขน้ึ อินเดีย (India National Book Trust) ซ่ึงด�ำเนินงาน ตามแนวโน้มการแสวงหาความรู้ในยุคดิจิทัล ห้องสมุด หลายด้าน ทั้งการแปลหนังสือตามภาษาของสังคม ประชาชนบางแหง่ มบี รกิ ารสญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ WiFi ฟรี พหุวัฒนธรรม การเจรจากับส�ำนักพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์ โดยบูรณาการการท�ำงานกับหน่วยงานด้านไอซีทีภาครัฐ หนงั สือวิชาการราคาถูก การสนบั สนุนทุนใหแ้ ก่นกั เขียน หรือร่วมกับภาคธุรกิจดิจิทัลในรูปแบบความร่วมมือ นักแปลในการตีพิมพ์หนังสือที่มีคุณค่า การประสาน เพอ่ื สรา้ งความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ถอื วา่ เปน็ รปู แบบวธิ กี าร กับสถาบันการศึกษาเพื่อให้จัดซ้ือหนังสือดีมีคุณภาพ ท่ีน่าสนใจหากห้องสมุดใดมีข้อจ�ำกัดด้านงบประมาณ สำ� หรับประกอบการเรยี นและใหบ้ รกิ ารในหอ้ งสมดุ และ ในกรณีเช่นน้ีอาจรวมไปถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับ การสรา้ งระบบหนงั สอื สาธารณะที่ทกุ คนเขา้ ถงึ ได้ บุคลากรด้านไอทีในรูปแบบจิตอาสา เพื่อจัดกิจกรรม มกุฏ อรฤดี บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ผีเส้ือและ สง่ เสรมิ ทกั ษะดจิ ทิ ลั ใหแ้ กค่ นทกุ วยั ซง่ึ นา่ จะเปน็ กจิ กรรม ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ เปน็ ผนู้ ำ� เสนอแนวคดิ เรอื่ งสถาบนั หนงั สอื หลักท่สี �ำคัญในการส่งเสริมการเรยี นรู้ในยุคดิจิทลั แหง่ ชาตไิ วม้ านานกวา่ สบิ ปี เขาชใ้ี หเ้ หน็ วา่ สถาบนั หนงั สอื www.tcfe.or.th เขม็ | 41
นติ ยสาร ‘ตาย’ สื่อออนไลน์ ‘เกดิ ’ 42
ย้อนกลับไปสิบปีท่ีแล้วแทบไม่มีใคร มากกว่า จึงแทบไม่มีความจ�ำเป็นต้องรอ รจู้ กั สมารท์ โฟน แทบ็ เลต็ หรอื ไอแพด แต่ อา่ นหนงั สอื พมิ พต์ อนเชา้ หรอื คอยตดิ ตาม ทกุ วนั นอ้ี ปุ กรณอ์ จั ฉรยิ ะ (smart device) อ่านนิตยสารท่ีออกเป็นรายปักษ์หรือ เหลา่ นมี้ กี ารใชง้ านอยา่ งแพรห่ ลายจนกลาย รายเดอื นดังเช่นในอดตี เปน็ สว่ นหนงึ่ ในชวี ติ ประจำ� วนั โดยมปี จั จยั พฤติกรรมการอ่านหนังสือพิมพ์และ สนบั สนนุ คอื เครอื ขา่ ย 3G และ 4G ทเี่ ปดิ นิตยสารเปล่ียนแปลงไปแทบจะส้ินเชิง ให้บริการเต็มรูปแบบนับตั้งแต่ปี 2556 เช่นน้ีเอง ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาของ เป็นต้นมา ประกอบกับอุปกรณ์มีราคา หนังสือพิมพ์และนิตยสารลดลงราว ถูกลงจนท�ำให้คนส่วนใหญ่สามารถหา ร้อยละ 40 สวนทางกับการเติบโตของ ซอ้ื ได้ ปจั จบุ นั (2561) มผี ใู้ ชง้ านอปุ กรณ์ ส่ือออนไลน์ที่เม็ดเงินโฆษณาพุ่งสูงข้ึน อจั ฉรยิ ะทกุ ประเภทประมาณ 46 ลา้ นคน2 กว่า 5 เทา่ ตวั ประกอบกบั ตน้ ทุนหลักคอื ในจ�ำนวนนี้เกือบร้อยละ 90 มีโทรศัพท์ คา่ กระดาษทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทกุ ปี สอื่ นติ ยสารและ มอื ถอื ใชง้ าน โดยตงั้ แตป่ ี 2555 ถงึ 2560 หนังสือพิมพ์จึงตกอยู่ในภาวะยากล�ำบาก สดั สว่ นผ้ใู ช้สมารท์ โฟนเพ่มิ ข้ึนถงึ 9 เท่า3 และตา่ งกต็ อ้ งปรบั กลยทุ ธเ์ พอ่ื ความอยรู่ อด ท�ำให้โทรศัพท์มือถือประมาณร้อยละ 70 เชน่ การปรบั ลดพนกั งาน การลดจ�ำนวน ของผใู้ ชเ้ ปน็ โทรศัพท์ประเภทสมารท์ โฟน หนา้ หนงั สอื การออก free-copy การหนั ไป เ ม่ื อ ผู ้ ค น ส า ม า ร ถ เ ชื่ อ ม ต ่ อ กั บ ผลิตเน้ือหาออนไลน์ แต่สุดท้ายแล้วก็ อินเทอร์เน็ตได้ง่ายทุกท่ีทุกเวลา และ ยังมีนิตยสารและหนังสือพิมพ์ทั้งเก่าและ สามารถค้นหาข่าวสารความรู้ท่ีต้องการ ใหม่หลายสิบหัวท่ีต้องยุติการตีพิมพ์ไป ไ ด ้ ด ้ ว ย ต น เ อ ง ผ ่ า น เ ค ร่ื อ ง มื อ สื บ ค ้ น อย่างถาวร (search engine) หรอื เว็บไซตต์ ่างๆ และ โซเชียลมีเดีย อีกทั้งการบริโภคข่าวสาร ออนไลนย์ งั รวดเรว็ และตรงตามความสนใจ เข็ม | 43
เม็ดเงินโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และส่อื ดิจิทลั หนเ่วมย:็ดล้านเบงาทนิ โฆษณาผานหนังสอื พมิ พ นิตยสาร และส่อื ดจิ ิทัล หนว ย : ลา นบาท หนังสือพมิ พ* นติ ยสาร** สอ่ื ดจิ ทิ ลั *** 20,000 16,973 16,426 17,040 17,637 19,000 11,956 18,000 12,841 5,146 4,842 15,617 14,869 14,973 17,000 2,783 16,000 4,771 4,317 4,999 11,965 12,402 15,000 14,000 9,479 8,925 7,650 13,000 12,000 6,115 8,084 11,000 10,000 4,721 9,000 4,171 3,642 8,000 2,558 7,000 6,000 4,248 1,600 1,440 5,000 4,000 3,000 2,000 1,000 ป 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 * และ ** ขอมลู จาก GroupM Thailand (คาดการณ) *** ขอ มูลจาก สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) 44
2559-2560 สนึ ามถิ ลม่ นติ ยสาร อันท่ีจริง การเกิดและดับของนิตยสารน้ันเป็น อาจเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งสึนามิของนิตยสารไทย เมื่อ ปรากฏการณป์ กติ นติ ยสารเกา่ แกช่ อื่ ดงั อยา่ ง เชน่ ลลนา สิง่ พิมพเ์ บอรใ์ หญท่ ยี่ ืนหยดั มายาวนานตา่ งทยอยลม้ หาย และสตรสี าร กย็ ตุ บิ ทบาทไปตงั้ แตป่ ี 2538 และ 2539 ตายจาก นติ ยสารชอื่ ดงั ทอี่ ยคู่ บู่ รรณพภิ พไทยมายาวนาน ตามล�ำดับ แต่สถานการณ์ขาลงของวงการนิตยสาร ตอ้ งปดิ ตวั ไปไมน่ อ้ ยกวา่ 15 ฉบบั ไมว่ า่ จะเปน็ สกลุ ไทย เริ่มปรากฏเค้าลางให้เห็นจากการอ�ำลาแผงหนังสือ พลอยแกมเพชร อมิ เมจ บางกอกรายสปั ดาห์ ภาพยนตร์ ของนิตยสารสรรสาระ ผู้หญิง และเปรียว ในปี 2557 บันเทิง หนังสือพิมพ์บ้านเมือง เนช่ันสุดสัปดาห์ ครัว และ 2558 จนกระทั่งปี 2559 ต่อเน่ืองถึงปี 2560 ขวญั เรอื น คสู่ รา้ งคสู่ ม ฯลฯ เขม็ | 45
นติ ยสารและหนังสอื พมิ พท ี่ยตุ ิการพิมพและจําหนา ย 2538 2539 2555 2557 2558 เริ่มจําหนายป 2516 เรม่ิ จําหนายป 2491 เร่ิมจาํ หนา ยป 2526 เริ่มจําหนายป 2539 เร่ิมจาํ หนายป 2526 เร่ิมจําหนายป 2524 รวมระยะเวลา 22 ป รวมระยะเวลา 48 ป รวมระยะเวลา 29 ป รวมระยะเวลา 17 ป รวมระยะเวลา 31 ป รวมระยะเวลา 34 ป 2560 เร่มิ จาํ หนายป 2546 เรม่ิ จําหนายป 2535 เริ่มจําหนายป 2537 เร่มิ จําหนายป 2535 เริ่มจาํ หนายป 2543 เรม่ิ จําหนา ยป 2511 เร่มิ จําหนา ยป 2520 เร่ิมจาํ หนายป 2523 รวมระยะเวลา 14 ป รวมระยะเวลา 25 ป รวมระยะเวลา 23 ป รวมระยะเวลา 25 ป รวมระยะเวลา 17 ป รวมระยะเวลา 49 ป รวมระยะเวลา 40 ป รวมระยะเวลา 37 ป 46
2559 เรม่ิ จาํ หนายป 2497 เร่ิมจาํ หนา ยป 2531 เรม่ิ จาํ หนา ยป 2535 เร่ิมจาํ หนายป 2537 เรม่ิ จาํ หนายป 2540 เร่มิ จําหนายป 2545 เร่มิ จําหนายป 2547 รวมระยะเวลา 62 ป รวมระยะเวลา 28 ป รวมระยะเวลา 24 ป รวมระยะเวลา 22 ป รวมระยะเวลา 19 ป รวมระยะเวลา 14 ป รวมระยะเวลา 12 ป เริ่มจําหนายป 2535 เรม่ิ จาํ หนายป 2501 เร่ิมจาํ หนา ยป 2517 เริม่ จําหนา ยป 2515 รวมระยะเวลา 24 ป รวมระยะเวลา 58 ป รวมระยะเวลา 42 ป รวมระยะเวลา 44 ป 2561 เริม่ จําหนา ยป 2508 เร่ิมจําหนายป 2551 เริม่ จําหนายป 2512 * ป 2562 กลบั มาใหมใ นชอื่ ลลนาออนไลน (Lalanaonline) รวมระยะเวลา 53 ป รวมระยะเวลา 10 ป รวมระยะเวลา 49 ป ** ประกาศปด ตวั เดอื นเมษายน 2561 แตกลับมาตพี ิมพใ หมอกี คร้งั ในเดอื นมถิ ุนายน 2561 หมายเหตุ กุมภาพนั ธ 2562 หนงั สอื พมิ พโ พสตท เู ดย ประกาศยตุ กิ ารตพี มิ พภายในเดือนมีนาคม และปรบั เปน ส่อื ดจิ ทิ ัล เพียงอยา งเดียว รวบรวมโดย ฝา ยวชิ าการ สํานักงานอุทยานการเรยี นรู เขม็ | 47
48
สอ่ื ออนไลนเ์ กดิ ใหม่ ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หนังสือพิมพ์และ น้อยกว่าส�ำนักข่าวกระแสหลัก แต่ก็มีแนวโน้มท่ีเติบโต นิตยสารพยายามปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ด้วย อย่างต่อเน่ืองและรวดเร็ว จนอาจกล่าวได้ว่าทั้งสื่อเก่าท่ี การดัดแปลงเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผันมาท�ำส่ือดิจิทัลและส่ือที่เกิดขึ้นใหม่มิใช่ทางเลือกใน เพ่อื ให้สอดคล้องกบั พฤติกรรมของผูบ้ รโิ ภค การอพั เดทขา่ วสารอกี ตอ่ ไป แตไ่ ดก้ ลายเปน็ รปู แบบหลกั ฐากูร บุนปาน กล่าวถึงการเปล่ียนแปลงของวงการ ในการบรโิ ภคขา่ วสารของคนในยคุ ปัจจุบันไปเสียแล้ว หนังสือพิมพ์ว่า “เมื่อตอนท่ีตลาดหนังสือพิมพ์รุ่งเรือง ชัยพร ไตรวัฒน์ศิริวัฒน์ ผู้ก่อต้ังเว็บไซต์ข่าวสาร ถึงขีดสุดมีคนซ้ือ 2.2 ล้านฉบับ ทุกวันนี้ขายได้ต�่ำกว่า ส�ำหรับผู้ชาย Unlockmen วิเคราะห์ว่า ในยุคแรกๆ 2 ล้านฉบับ แต่จริงๆ แล้วผู้บริโภคข่าวไม่ได้น้อยลง สอ่ื ออนไลนเ์ ปรยี บเปน็ ‘นา่ นนำ�้ สคี ราม’ (Blue Ocean) ทม่ี ี เพียงแต่เปล่ียนที่อ่านเท่าน้ัน มีผู้อ่านข่าวทางเว็บไซต์ ผเู้ ลน่ รายใหญน่ อ้ ยมาก ความเยา้ ยวนของเมด็ เงนิ โฆษณา วนั ละหลายลา้ นคน และมจี ำ� นวนผกู้ ดไลคเ์ ฟซบกุ๊ เพม่ิ ขนึ้ ที่เทมาทางส่ือออนไลน์ดึงดูดให้เกิดผู้พัฒนาเน้ือหาหน้า ทุกสัปดาห์ นอกจากน้ีสถิติยอดวิวเฟซบุ๊กไลฟ์ที่เพิ่มข้ึน ใหม่ๆ จนกลายเป็น ‘น่านน�้ำสีแดง’ (Red Ocean) ทำ� ใหร้ ู้ว่าสังคมไทยเปน็ สังคมมุขปาฐะ ชอบพดู ชอบคยุ ที่มีการแข่งขันสงู https://www.bitebrands.co/2017/04/pengertian-media-massa-jenis-definisi-fungsi-manfaat.html ชอบให้มคี นสรุปให้ฟังกอ่ นอา่ นเอง”4 “ปัจจุบันสื่อออนไลน์มากขึ้น บางคนเข้ามาท�ำตรงนี้ นอกจากสอ่ื เกา่ ทผี่ นั มาทำ� ส่อื ดจิ ทิ ลั แล้ว ยงั มเี ว็บไซต์ เพราะมองวา่ งา่ ย เรว็ ถกู แคม่ มี อื ถอื หนงึ่ เครอื่ งกส็ ามารถ ข่าวสารเกิดข้ึนใหม่มากมายจนกลายเป็นปรากฏการณ์ เปน็ Publisher หรอื Blogger ได้ แตถ่ า้ คดิ จะจรงิ จงั และ เชน่ The Standard, The MATTER, The Momentum, เพื่อให้ด�ำรงอยู่ได้ในยุคท่ีมีสื่อออนไลน์มากมาย ต้องมี 101.world, waymagazine, The Cloud สอ่ื ออนไลนใ์ หมๆ่ กระบวนการคดิ กระบวนการทำ� งาน ทง้ั กองบรรณาธกิ าร เหล่าน้ีมีเนื้อหาและลีลาการน�ำเสนอข่าวที่มีเอกลักษณ์ และทีมโปรดักชั่น ไม่ต่างกับการท�ำนิตยสารคุณภาพ แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าสื่อน้องใหม่จะมีสัดส่วนผู้อ่าน เลม่ หน่ึง”5 เขม็ | 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110