อพงคระภ์ บูมานิ รทมรี ์ ปิ่นสยาม
คำน ำ นบั แตว่ นั แรกทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ใิ นพทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙ ถงึ วันนน้ี บั เปน็ เวลามากวา่ ๖๐ ปีแลว้ ท่ที รงปฏบิ ัตพิ ระราชกรณยี กจิ อย่างตอ่ เนอ่ื ง เพื่อประโยชนส์ ุข ของพสกนกิ รในแผน่ ดนิ ดงั ปรากฏเปน็ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำรนิ บั พนั โครงการ ลว้ นยงั ผล ให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะราษฎรในท้องถ่ินชนบทท่ีห่างไกล มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถพึง่ พาตนเองได้อยา่ งเขม้ แข็งและย่งั ยืน ทวา่ ความสำเรจ็ ของโครงการต่างๆ น้นั หาไดเ้ กิดขึ้น เพราะพระอจั ฉรยิ ภาพ พระปรชี าสามารถ และพระวสิ ยั ทศั นอ์ นั กวา้ งไกลเทา่ นนั้ ไม่ หากเปน็ ผลมาจาก น้ำพระราชหฤทัยที่มุ่งม่ันในการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังความในพระราช หัตถเลขาท่ีทรงมีไปถึงพระสหายว่า “เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนในยุโรป ข้าพเจ้าไม่เคยตระหนักว่า ประเทศของข้าพเจ้าคืออะไร และเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าแค่ไหน ไม่ทราบตราบจนกระทั่งข้าพเจ้าได้ เรียนรู้ท่ีจะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้ติดต่อกับเขาเหล่าน้ัน ซ่ึงทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรัก อันมีค่ายิ่ง ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการทำงานท่ีนี่ว่า ท่ีของข้าพเจ้าในโลกน้ี คือ การได้อยู่ท่ามกลาง ป ร ะ ชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยท้ังปวง” ภาพท่ีประจักษ์ใจและประจักษ์ตาคนทั้งแผ่นดิน คือ ภาพท่ีทรงขบคิดหาทางแก้ไขปัญหา ขณะเสด็จพระราชดำเนินทรงเย่ียมราษฎร มีพระเสโทหยาดหยดลงมาถึงปลายพระนาสิก ภาพน้ัน มิได้เป็นเพียงบทสรรเสริญพระบารมีในหมู่ประชาชนชาวไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างท่ีดีแก่นานา อารยประเทศในฐานะทท่ี รงเปน็ ผนู้ ำของโลก การทเ่ี สดจ็ เขา้ ใกลป้ ระชาชนของพระองคม์ ากทสี่ ดุ ทำให้ ทรงเขา้ ใจสภาพชวี ติ เข้าใจปญั หา และสามารถดูแลทุกขส์ ุขของประชาชนได้มากท่สี ดุ อยา่ งทไ่ี มเ่ คยมี พ ร ะ ม หากษตั รยิ ์พระองค์ใดในโลกเสมอเสมือน เน่อื งในมหามงคลสมยั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว ทรงเจรญิ พระชนมายคุ รบ ๘๐ พรรษา ในพทุ ธศักราช ๒๕๕๐ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ขอน้อมเกล้านอ้ มกระหม่อมถวายราชสดุดี โดยจัดทำ หนงั สือเทดิ พระเกยี รติ “พระบารมอี งค์ภูมินทร์ ปิน่ สยาม” ขึน้ เนอื้ หาประกอบดว้ ยพระราชประวตั ิ พระอัจฉริยภาพ และบทความพิเศษท่ีเขียนโดยบุคลากรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ท่ีเคยได้รับพระมหา กรุณาธิคุณ สนองพระราชดำริในโครงการต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วในพื้นท่ีต่างๆ ทั่วภาคเหนือ เพ่ือร่วมเป็นส่วนหน่ึงในการเผยแพร่แนวพระราชดำริอันทรงคุณค่า เป็นทั้งแนวทางในการทำงานและ แนวคิดในการดำเนินชีวิต อันจะนำประโยชน์สุขมาสู่ตัวผู้ปฏิบัติ ดังที่ได้เกิดข้ึนแล้วแก่ประชาชน จ ำ น วนมากทั่วภาคเหนือภายใต้การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้ที่มีโอกาสได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทต่างถือว่าเป็นเกียรติประวัติสูงสุดในชีวิต ไดร้ บั ขอ้ คดิ และบทเรยี นมากมาย ทง้ั จากพระราชดำริ พระราชดำรสั และจากการทที่ รงปฏบิ ตั พิ ระองค์ เปน็ แบบอยา่ ง บทความตา่ งๆ ลว้ นสะทอ้ นใหเ้ หน็ แนวพระราชวนิ จิ ฉยั ตรงกนั วา่ การจะทำการใดๆ กต็ าม ต้องพจิ ารณาสภาพภมู ปิ ระเทศกอ่ นเปน็ ประการแรก เพราะสง่ิ แวดลอ้ ม ทรัพยากรตา่ งๆ ของแตล่ ะ ภมู ิภาคแตกต่างกนั โดยสิ้นเชิง ตอ้ งคำนงึ เสมอว่า การสร้างงาน หรอื การแกป้ ญั หาของแตล่ ะภูมิภาค ไมอ่ าจสำเรจ็ ไดด้ ว้ ยวธิ กี ารเดยี วกนั เสมอไป ประการทส่ี อง ทรงสอนใหค้ ำนงึ ถงึ ผคู้ นดว้ ย เพราะนอกจาก สภาพภูมิประเทศจะหลากหลายแตกต่างกันแล้ว ผู้คนก็หลากหลายแตกต่างด้วยเช่นกัน วัฒนธรรม ประเพณี หลกั ปฏบิ ตั ิ คา่ นยิ มต่างๆ กไ็ มเ่ หมอื นกัน ทรงสอนให้เขา้ ใจศิลปะแหง่ ธรรมชาติ คอื ปรับใช้ ธ ร ร ม ชาติเพ่อื แกไ้ ขธรรมชาติ ในหนง่ึ ชว่ งชวี ติ ของคน มมี ากบา้ งนอ้ ยบา้ งทช่ี วี ติ ของคนผนู้ นั้ มผี ลตอ่ สว่ นรวม และมนี อ้ ยมาก ท่ีผลน้ันมาจากความมุ่งหวังยังประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นท่ีตั้ง และยิ่งมีน้อยลงไปอีก หากจะหาผู้ซ่ึง ใ ช ้เ ว ลาเกือบตลอดชีวิตที่ดำเนินมาถึงเกือบหน่ึงศตวรรษ ทำเพื่อสังคมโดยรวม ๘๐ ปีทล่ี ่วงผา่ นไป เวลาเปล่ยี น ส่ิงแวดล้อมเปลี่ยน ความคดิ ของคนเปล่ยี น แตส่ ่งิ เดียวท่ี ไม่เคยเปล่ียนแปลง ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด คือ น้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั พระผทู้ รงระลกึ เสมอว่า “ทขี่ องขา้ พเจ้าในโลกนี้ คอื การได้อยทู่ ่ามกลางประชาชนของ ข า้ พ เ จา้ นัน่ คอื คนไทยทง้ั ปวง” ดว้ ยอำนาจแหง่ ความรกั และความภกั ดขี องทกุ ดวงใจในมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ และของทกุ ชวี ติ บนผืนแผ่นดินไทย ขอชัยมงคลทั้งปวง จงมีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทุกประการเทอญ (ศาสตราจารย์ ดร.พงษศ์ กั ดิ์ อังกสิทธ์ิ) อธกิ ารบดีมหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่
สารบัญ คำนำ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง บทอาเศยี รวาท ๑๐ บทอาเศยี รวาทมหาราชสดุดี ในโอกาสมหามงคล เฉลมิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ เทดิ พระเกียรติพระบารมอี งค์ภูมินทร์ ปน่ิ สยาม พระราชประวตั ิและพระอจั ฉรยิ ภาพ ๒๒ พระราชประวตั ิ เรณู วชิ าศลิ ป์ ๓๖ พระอจั ฉรยิ ภาพฉายชดั ประจักษ์แจ้ง รุ่งอรุณ ทฆี ชุณหเถียร ๕๒ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว : พระผคู้ รองหวั ใจทั้งชาติ เอมอร ชิตตะโสภณ ใตร้ ม่ พระบารมี ๖๐ ตามรอยพระยุคลบาท โครงการหลวงกับงานแปรรปู ผลิตภณั ฑอ์ าหาร ไพโรจน์ วิรยิ ะจารี ๖๓ โครงการหลวงในความทรงจำ : งานบกุ เบกิ อาสา และพฒั นา สมบัติ ศรชี วู งศ์ ๖๗ สายธารพระเมตตา พมิ พใ์ จ อาภาวชั รตุ ม์ ๗๓ คนไทยรู้จักไม้ดอกเมืองหนาวด้วยพระมหากรณุ าธิคณุ อดศิ ร กระแสชยั ๗๘ พระเจา้ อยู่หวั กบั การพฒั นางานไม้ดอกของประเทศ โสระยา รว่ มรงั ษี
๘๒ เสี้ยวหนง่ึ ของชีวิตทไ่ี ดท้ ำงานเปน็ อาสาสมคั รโครงการหลวง โชค มเิ กล็ด ๘๔ ตามรอยในหลวงช่วยเกษตรกรพ้นื ที่สูง ชวนพศิ บุญชิตสิรกิ ุล ๘๗ มูลนธิ ิโครงการหลวง หนึง่ ในโครงการตามพระราชดำรกิ บั ชาวเกษตร ประสาทพร สมิตะมาน ๙๑ พระเจา้ อย่หู วั ในความทรงจำของข้าพเจา้ นชุ นาฏ จงเลขา ๙๗ ตามรอยเบอ้ื งพระยคุ ลบาท ... สร้างงาน สร้างคน สุรนิ ทร์ นลิ สำราญจติ ๑๐๐ การจดั การหลงั การเก็บเกย่ี วผลติ ผลเกษตรในมลู นธิ ิโครงการหลวง ดนัย บณุ ยเกยี รติ ๑๐๕ สวู่ ถิ ชี ีวิตท่ยี ั่งยนื ตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง กฐิน ศรมี งคล ๑๐๗ ประสบการณ์การทำงานวิจัยเกย่ี วกับพฤษศาสตรพ์ น้ื บา้ น เพือ่ มลู นิธโิ ครงการหลวง ชูศรี ไตรสนธิ ๑๑๐ การจดั ตงั้ ศูนยพ์ ัฒนาโครงการหลวง วรทัศน์ อนิ ทรคั คัมพร ๑๑๓ ผกั อนิ ทรยี โ์ ครงการหลวง พิทยา สรวมศริ ิ ๑๒๓ พืชถ่วั กับมูลนธิ โิ ครงการหลวง สุทัศน์ จลุ ศรีไกวลั ร่มเกล้ามหาวิทยาลยั ๑๒๖ พระบารมีค้มุ เกล้าชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พงษศ์ กั ดิ์ องั กสิทธิ์ ๑๓๒ บนั ทึกมหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ราชสดุดีเฉลิมพระเกียรตคิ ณุ ๑๔๕ ราชสดดุ เี ฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษา พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช มณี พยอมยงค์ ๑๔๙ คำประกาศราชสดดุ เี ฉลิมพระเกียรตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ในโอกาสทีม่ หาวิทยาลยั เชียงใหม่ทลู เกลา้ ทูลกระหมอ่ ม ถวายปริญญาดษุ ฎบี ณั ฑิตกิตติมศกั ดิ์
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ท์ ย่ี งิ่ ใหญ่ ทรงพระคณุ อันประเสรฐิ ตอ่ พสกนกิ รชาวไทย ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงท่ีได้พระราชทานแก่คนไทยมาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๒ นน้ั เนน้ หลกั คดิ และหลกั ปฏบิ ตั ทิ ส่ี ำคญั ซง่ึ องคก์ ารสหประชาชาตไิ ดป้ ระกาศ ร ับ ร อง และเผยแพรไ่ ปทัว่ โลก โดยเสนอคุณคา่ ไว้ ๕ ประการ ดังน ี้ ๑. เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาท่ีมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการขจัด ความยากจนและการลดความเสีย่ งทางเศรษฐกจิ ของคนจน ๒. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพ้ืนฐานของการสร้างพลังอำนาจของ ชุมชน และการพัฒนาศักยภาพของชุมชนให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นรากฐาน ในการพัฒนาประเทศ ๓. เศรษฐกิจพอเพียงช่วยยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท ด้วยการสร้างข้อปฏิบัติในการทำธรุ กิจ ทเ่ี น้นผลกำไรระยะยาวในบรบิ ท ทีม่ กี ารแขง่ ขัน ๔. หลกั การของเศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามสำคญั ยงิ่ ตอ่ การปรบั ปรงุ มาตรฐาน ของธรรมาภิบาล ๕. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย ของชาติ เพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันต่อสถานการณ์ที่เข้ามากระทบโดยฉับพลัน และเพือ่ ปรบั ปรงุ นโยบายตา่ งๆ ใหเ้ หมาะสม ขอเชิญชวนเพื่อนคนไทยทุกหมู่เหลา่ ได้โปรดศกึ ษา เพ่ือทำความเข้าใจ และ นำไปออกแบบการปฏิบัตใิ นชีวติ ส่วนตวั และธุรกิจการงาน ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จะนำมาซง่ึ ความสขุ และความยัง่ ยนื สำหรบั ทกุ คน (ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ุณ นพ.เกษม วฒั นชยั ) องคมนตร ี นายกสภามหาวทิ ยาลัยเชียงใหม ่
บทอาเศียรวาท
บทอาเศยี รวาทมหาราชสดดุ ี ในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา “ขา้ พระพุทธเจ้าไพรฟ่ า้ ประชาราษฎร์ ขออภวิ าทนบ์ ังคมกม้ เกศี ราษฎรส์ ขุ าเพราะบุญญาพระบารม ี วาระนถ้ี วายชัยใจปรดี า”* บทบรรเลงเพลงขับประทบั จติ ตระหนกั คิดประจักษใ์ จไรก้ งั ขา ดว้ ยทรงเปน็ ขวญั รัฐ ชาติ ราษฎร์ประชา ทรงครองราชยจ์ ำเนียรกวา่ หกสิบป ี คาบนีช้ นมาครบแปดสิบ ขอเทพทิพยป์ ระทานพรบวรศรี ไรท้ ุกขโ์ ศกโรคาพยาธี สถิตมนั่ คุ้มชวี ีพสกนิกร ทรงธรรมเป็นหลักชัยในทุกดา้ น พระราชดำรติ รกิ ารทั้งแนะสอน ทัง้ ใหไ้ ทยร้รู ักสมคั รวอน ท้งั ขั้นตอนเศรษฐกจิ เพยี งพอดี ท้ังพทิ กั ษร์ ักปา่ รกั ษาน้ำ ทั้งช้ีนำการศกึ ษาหลากวถิ ี ท้งั ภูมิปญั ญาชาวบา้ นประดามี ล้วนส่งเสรมิ ไทยน้ีไมร่ องใคร ยามบ้านเมืองใกลเ้ คยี งกาลวิกฤต ธ ทรงคิดทางออกทส่ี ดใส ก่ีครง้ั กค่ี ราทเี่ ป็นไป พระวินจิ ฉัยสงบไดใ้ หร้ ม่ เยน็ ชาวมช. ซาบซง้ึ นำ้ พระทยั เกื้อ โครงการเอื้อภาคเหนือได้ผลเห็น ต่างภูมิใจทไี่ ดเ้ กดิ กำเนิดเปน็ พสกไทยใต้โพธิสมภาร ถวายบงั คมแทบเบอื้ งยุคลบาท น้อมประกาศต้ังจิตอธษิ ฐาน ขอถวายคำสตั ย์ปฏญิ าณ พรอ้ มตามรอยบทมาลย์ช่ัวกาลเทอญ * จากบทเพลงในชดุ ๘๐ พรรษามหาราช
ภชุ งคประยาตฉนั ท์ ๑๒ อภวิ าทน์บดนิ ทร์จอม ฤดภี ักดิ์พระจอมขวัญ ผโอนเศียร ณ เบ้ืองบาท เฉลมิ ชนม์อเนกนนั ต ประชาราษฎรม์ นัสนอ้ ม ตระหนักคณุ ธ อนุ่ ทรวง วโรกาส ณ คาบนี้ ดำริให้ประโยชน์ปวง ลุแปดสบิ ประชาพลัน สำเรจ็ กิจ ธ ทรงดล ธ การุณยพ์ สกไทย ประกอบเพอื่ ประชาชน วนิ ิจฉัยประสิทธิล์ ่วง มิทรงหว่ งพระวรกาย ประจกั ษน์ ้ำพระทัยเกอื้ กมลมั่นมิเส่ือมคลาย เสด็จทัว่ ทรุ หน จะลดทกุ ขต์ รสิ ขุ แทน ธ ทรงหว่ งนิกรชน เทเวศรไ์ ท้สวรรคแ์ ดน พระทยั ตง้ั และมงุ่ หมาย ถวายพรทรงพระเจรญิ (โสตถเิ์ ทอญ) ณ วารนี้ประณตไหว้ ประทานพรบวรแม้น ดว้ ยเกล้าดว้ ยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพทุ ธเจา้ รองศาสตราจารย์เอมอร ชติ ตะโสภณ ประพนั ธ ์
เทดิ พระเกยี รต ิ พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ปิ่นสยาม โคลงสสี่ ุภาพ ภูมินทร ์ อา้ องค์บรมนาถเจา้ เอกไท้ ปิน่ สยามนรนิ ทร์ ศาสตร์รุ่ง เรอื งแฮ ทรงทศพิธศลิ ป ์ บาทเบอ้ื งบารมี ทวยราษฎร์พึง่ พิงได ้ ประมขุ ชาตสิ ยามินทร ์ กาพยย์ านี ๑๑ พระรม่ เกลา้ แหง่ ชาวไทย อ้า องค์บรมนาถ วงศ์จกั รีอดิศัย อัครศลิ ปนิ ร่มไทรทองผองประชา พระยศย่ิงบารมี ทรงปอง พระขวญั หฤทยั เขตแควน้ โคลงส่สี ุภาพ ทวยราษฎร ์ ประถมโองการแกว้ ดง่ั ดา้ วชาวสวรรค์ เราจกั ครองมวลไทย ธ ทรงนำปฏิบัต ิ โดยธรรมปกปักผอง ปดั มลทนิ ทง้ั ดินดอน ไร้ทุกขส์ บสขุ แม้น ปลาตส้ินความทกุ ข์รอ้ น กาพย์ยานี ๑๑ ทวยนิกรสำราญใจ พระโองการโดยธรรม นพบูร คลายทกุ ขป์ ระชารัฐ มากลน้ ทัว่ แดนไทยทกุ ถ่นิ อนนั ต์อเนก พระเมตตาอาทร โอบเอื้อนจิ กาล โคลงส่สี ุภาพ มช. วิทเยศแกว้ พระอปุ ถัมภ์เก้ือกูล ขอวิทยาคณุ ราชหฤทยั ถว้ น
กาพยย์ านี ๑๑ เมืองเชยี งใหม่นพบูร มหาวิทยาลัย ใหไ้ พบูลยส์ นุ ทรสรรพ์ ธ เสริมสง่ ดำรงหนุน ภกั ดีรกั พระทรงธรรม ์ เหลา่ ข้าใจตระหนกั แด่ราชันสุดบูชา น้อมนบอภวิ ัน บรรจบ โคลงส่สี ภุ าพ ราชไท ้ แปดสิบพรรษาเขา้ ยคุ ลบาท พระชนมายคุ รบ ปกป้องราชนั มวลขา้ ขอนอ้ มนบ ภูมพิ ล อญั เชิญไตรรัตนไ์ ด ้ คู่ไท้ ขอองค์พระผ่านเผา้ บัลลงั กร์ าช สิรกิ ติ ก์ิ มล กว่าร้อยกาลฉนำ ครองราชย์ไอศรู ยบ์ น พระทรงตริตรองไว ้ ทฆี ายุย่ิงฟา้ ดังพระปรารถนา แลนา โคลงสามสุภาพ เผดยี งปรชั ญาเลิศแล้ว โครงการราชดำริ สอ่ งห้องใจไทย แลนา ใหส้ ำเร็จจงได้ ขอบงั คมทูลถ้อย เศรษฐกิจพอเพียง แลนา จงเปน็ ดงั่ ดวงแก้ว ทรงพระเกษมเลศิ แล้ว โคลงสองสุภาพ โสตถิ์เทอญ ชาว มช.ใหญน่ อ้ ย นอบน้อมภักด ี ขอภูมพิ ลแกว้ ขอทรงพระเจรญิ ดว้ ยเกลา้ ด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ ขา้ พระพทุ ธเจ้า คณาจารย์ ขา้ ราชการ เจ้าหน้าที่ และนักศกึ ษามหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ุณ ดร.มณี พยอมยงค์ ศิลปนิ แห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประพนั ธ ์
๑๔ พระบารมีองค์ภมู นิ ทร์ ปิน่ สยาม ตราสญั ลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรต ิ เนอ่ื งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ The Royal Emblem in Commemoration of the Celebrations on the Auspicious Occasion of His Majesty the King’s Eightieth Birthday Anniversary 5th December 2007
พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปนิ่ สยาม ๑๕ ตราสญั ลักษณ ์ งานเฉลิมพระเกียรตเิ นอ่ื งในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐ พระราชลญั จกรประจำพระองค์ รชั กาลท่ี ๙ เปน็ ภาพพระทน่ี ง่ั อฐั ทศิ อทุ มุ พรราชอาสน์ ประกอบดว้ ยวงจกั ร กลางวงจักรมีอักขระเป็นอุณาโลม รอบวงจักรมีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือวงจักรเป็นพระเศวตฉัตร ๗ ช้ัน ตั้งอยู่บนพระทนี่ ัง่ อฐั ทศิ อทุ มุ พรราชอาสน์ อนั หมายถึง พระองคท์ รงเปน็ พระมหากษัตรยิ ์ มพี ระบรมเดชานภุ าพ เปน็ ใหญใ่ นแผน่ ดนิ โดยในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พระองคไ์ ดป้ ระทบั เหนอื พระทนี่ ง่ั อฐั ทศิ อทุ มุ พรราชอาสน์ ตามโบราณราชประเพณี และสมาชิกรัฐสภาได้ถวายน้ำอภิเษกจากทิศทั้งแปดเป็นคร้ังแรกแทนราชบัณฑิต ส่วน พระแท่นลานั้นโรยดว้ ยดอกพกิ ลุ เงิน พกิ ุลทอง ๙ ดอก พระราชลัญจกรลอ้ มรอบด้วยเพชร ๘๐ เมด็ หมายถงึ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ดา้ นบนพระราชลัญจกรเป็นพระมหาพชิ ัยมงกฎุ อันเปน็ เคร่ืองประกอบพระบรมราช อิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ภายในพระมหาพิชัย มงกฎุ เป็นเลข ๙ หมายถึงรชั กาลท่ี ๙ พระมหาพิชัยมงกฎุ น้นั อยดู่ า้ นหนา้ พระนพปฎลมหาเศวตฉตั รซง่ึ อยูก่ งึ่ กลาง และขนาบข้างด้วยพระเศวตฉัตร ๗ ช้ัน อันเป็นเคร่ืองแสดงพระราชอิสริยยศอันย่ิงใหญ่ของพระมหากษัตริย์ ดา้ นลา่ งพระราชลญั จกรเปน็ เลข ๘๐ หมายถึงพระองคม์ ีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ถัดจากเลขไทยลงมาเป็น แพรแถบบอกช่ืองานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ แพรแถบ นอกจากบอกช่ืองานพระราชพิธีแล้ว ยังรองรับประคองพระเศวตฉัตรด้วย The Royal Emblem in Commemoration of the Celebrations on the Auspicious Occasion of His Majesty the King’s Eightieth Birthday Anniversary 5th December 2007 The Royal Emblem depicts the Privy Seal of the Ninth Reign, which is composed of the Octagonal Throne, the Discus (Chakra), in the middle of which is the symbolic letter “Unalome: insignia.” Around the Chakra Discus, there are rays radiating all round. Above the Chakra Discus is the Seven-Tiered Umbrella over the Octagonal Throne meaning that His Majesty the King has sovereign power in the realm, for at the Coronation Ceremony His Majesty sat upon the Octagonal Throne and received consecrated water from the eight cardinal points in accordance with ancient Royal custom which for the first time was presented by Members of Parliament instead of Royal Pundits. As for the platform on which res ts the Octagonal Throne, it is strewn with nine silver and golden “Bickul” flowers. The Privy Seal is encircled by eighty diamonds meaning the 80th Birthday Anniversary. On top of the Seal is the Great Crown of Victory which signifies the Royal Dignity of Sovereign and symbolizes supreme Kingship. Within the Great Crown of Victory is the Thai numeral 9 meaning the Ninth Reign. The Great Crown of Victory is in front of the Great White Umbrella of State, which is in the centre and flanked by two Seven-Tiered Umbrellas, marking the great rank of the Sovereign. Beneath the Privy Seal is the Thai number 80 meaning that His Majesty the King has reached His Eightieth year. Under the number 80 is the silk ribbon bearing the words “The Celebrations on the Auspicious Occasion of His Majesty the King’s 80th Birthday Anniversary 5th December 2007.” Apart from naming the Royal Ceremony, the silk ribbon also supports the two Seven-Tiered Umbrellas.
๑๖ พระบารมอี งค์ภมู นิ ทร์ ปิ่นสยาม ตราสัญลกั ษณง์ านฉลองสิรริ าชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี
พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ป่ินสยาม ๑๗ ตราสญั ลักษณ ์ งานฉลองสิรริ าชสมบัติครบ ๖๐ ป ี อกั ษรพระปรมาภไิ ธย ภปร สีเหลอื งนวลทอง อันเป็นสีประจำวนั พระบรมราชสมภพ ขลบิ รอบตัวอักษร ด้วยสีทองบนพื้นสีน้ำเงินเจือทอง อันเป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้อมด้วยเพชรอันเป็นเอกแห่งรัตนะ หมายวา่ เหล่านักปราชญ์ ราชกวีสำคัญ อีกบรรดาชา่ งอันมีช่อื พระยาช้างสำคัญ นางงาม เหล่าทแกลว้ ทหาร ขา้ ราชบริพาร อนั ยอดฝีมือในการปฏิบัติราชการอยา่ งสุจริตย่งิ เหล่าน้ีเปรียบด้วยเพชรอนั ชื่อว่า รตั นะ แวดล้อม ประดับพระเกียรติยศแห่งพระมหากษัตริยาธิราชพระองค์นั้น อันเหนือย่ิงกว่าเพชรอันได้ช่ือว่ารัตนะท้ังปวง คือ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงสถิตเป็นเพชรอันยอดค่าย่ิงในดวงใจราษฎร์ ทรงบำบัดทุกข์ผดุงสุขเป็นที่พึ่งอันเกษมสุข ร่มเยน็ แกป่ วงพสกนิกร ซึ่งต่างเชอื้ ชาติศาสนาในพระราชอาณาจกั รของพระองค์ อนึง่ อกั ษรพระปรมาภิไธย ภปร นี้ ประดษิ ฐานบนพระทน่ี ่งั ภทั รบฐิ ภายใตพ้ ระมหาพิชยั มงกุฎประกอบ พระอุณาโลม อนั เป็นหนึง่ ในเครือ่ งเบญจสิรริ าชกกุธภัณฑ์ แวดลอ้ มดว้ ยพระแสงขรรค์ชัยศรี และพระแสข้ นหาง จามรี ทอดสอดอยใู่ นกงพระท่นี ั่งภัทรบฐิ เบอื้ งซ้ายแห่งพระมหาพิชัยมงกุฎ มีธารพระกรและพัชนฝี ักมะขามทอด สอดอยเู่ บอื้ งขวาแหง่ กงพระทนี่ งั่ ภทั รบฐิ อนั ประดษิ ฐานบนฐานเขยี ง ซง่ึ ทอดฉลองพระบาทประดษิ ฐานอยู่ เหลา่ น้ี รวมเรียกว่า เครอื่ งเบญจราชกกธุ ภัณฑ์ ประกอบดว้ ยส่งิ อนั แสดงความเปน็ กษัตริย์ ทง้ั ๕ คือ พระมหาพิชัยมงกฎุ ๑ พระแสงขรรค์ชัยศรี ๑ ธารพระกร ๑ พดั วาลวิชนีและพระแส้ ๑ ฉลองพระบาท ๑ หมายถงึ ปแี หง่ การเฉลมิ ฉลองสิริราชสมบัติ ล่างลงมาเป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทองเขียนอักษรสีทอง ความว่า ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พทุ ธศักราช ๒๕๔๙ ปลายแหง่ แพรแถบผกู เปน็ ภาพกระบ่ี เป็นวานรกายขาว มอื ถือก้านลายซุม้ อันเป็น กรอบลายของตราสัญลักษณ์ฯ อยู่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายปลายแพรแถบผูกเป็นภาพครุฑ เป็นครุฑหน้าขาว กายสีเสนปนทอง มือถือก้านลายกรอบแห่งตราสัญลักษณ์ฯ พื้นภาพตราสัญลักษณ์ฯ เฉลิมพระเกียรติท้ังหมด สเี ขียวปนทอง อันหมายถึงสีอันเป็นเดชแหง่ วนั พระบรมราชสมภพ และยังหมายถงึ สแี ห่งความมัง่ คงั่ อดุ มสมบรู ณ์ แห่งผืนภมู ิประเทศ ท่ที รงปกครองทำนบุ ำรงุ อย่างหนกั ยง่ิ มาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสริ ิราชสมบัตมิ า ณ บัดน้ี ถึงมหามงคลสมัยที่จะฉลองเฉลิมพระเกียรติ ในการครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี อันยาวนานที่สุดยิ่งกว่า พระมหากษตั รยิ พ์ ระองค์ใดในพระราชพงศาวดารในสยามประเทศ
๑๘ พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ปิน่ สยาม The Royal Emblem in the Sixtieth Anniversary Celebrations of His Majesty’s Accession to the Throne
พระบารมอี งคภ์ ูมินทร์ ป่ินสยาม ๑๙ The Royal Emblem in the Sixtieth Anniversary Celebrations of His Majesty’s Accession to the Throne The Royal Emblem depicts the Royal Cipher of His Majesty the King in a golden yellow colour, the colour of His Majesty’s day of Birth. It is trimmed in gold on a golden blue background, which is the colour of the Monarchy, and encircled by diamonds, first of gems, meaning the wise men, important authors of the court, well known craftsmen, important elephants, graceful ladies, valiant soldiers and courtiers. These most distinguished in royal service of utmost honesty are comparable to gems that are diamonds surrounding and honouring His Majesty, who is even more precious diamond in the heart of the people, treating their suffering and nurturing their happiness. He is the refuge of joyful happiness to His subjects of different races and religions in His Kingdom. This Royal Cipher is placed on the Noble Throne of Bhadrapith and surmounted by the Great Crown of Victory and Insignia, which is on of the Five Royal Regalia, surrounded by the Sword of Victory and the Royal Whisk of the Yak’s Tail inserted in the back-rest of the Noble Throne of Bhadrapith to the left of the Great Crown of Victory. There are the Royal Sceptre and the Royal Fan inserted to the right of the back-rest of the Noble Throne of Bhadrapith, which is placed on a stand where the Royal Slippers are laid. These together are called the Five Royal Regalia composed of objects which signify Kingship, namely, the Great Crown of Victory, the Sword of Victory, the Royal Sceptre, the Royal Fan with the Royal Whisk and the Royal Slippers, symbolizing the Year of Commemoration of the Accession to the Throne. Below, on pink ribbon trimmed with gold is written in gold an inscription beneath the platform which reads “The Sixtieth Anniversary Celebrations of His Majesty the King’s Accession to the Throne B.E. 2549 (A.D. 2006)” The ends of the ribbon are tied by a white ape-man holding one end of the decorative arch which frames the Emblem on the right side, while on the left side, the end of the ribbon is tied by a picture of a Garuda, which is a Garuda with a white face and a vermilion mixed red body holding the other end of the decorative arch of the Emblem. All the background of the Emblem is coloured green mixed with gold, which means the might of the Royal day of Birth, the prosperity and fertility of the land which His Majesty has reigned over and nurtured most strenuously ever since He acceded to the Throne. Now the great auspicious time has arrived to celebrate and honour the Sixtieth Anniversary of His Majesty’s Accession to the Throne, which is the longest that any King has reigned in the royal chronicles of the nation of Siam.
พระรแาชลปะร ะวตั ิ พระอัจฉริยภาพ
๒๒ พระบารมีองค์ภมู นิ ทร์ ป่ินสยาม พระราชประวตั ิ เรณู วชิ าศิลป*์ พระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช เสดจ็ พระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานท์ออเบอรน์ (Mount Auburn) เมอื งเคมบรดิ จ์ (Cambridge) มลรฐั แมสสาชเู ซตต์ (Massachusetts) ประเทศสหรฐั อเมรกิ า เม่อื วันจันทร์ เดอื นอ้าย ขึ้น ๑๒ คำ่ ปเี ถาะ นพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกบั วนั ที่ ๕ ธนั วาคม พุทธศกั ราช ๒๔๗๐ เวลา ๘ นาฬิกา ๔๕ นาที หรือเวลา ๒๐ นาฬกิ า ๔๕ นาทีตามเวลาในประเทศไทย ไดร้ บั พระราชทานพระนามจาก พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๗ วา่ “ภมู พิ ลอดลุ เดช”** มคี วามหมายวา่ “ผทู้ รงกำลงั อำนาจไมม่ ี อะไรเทยี บในแผน่ ดนิ ” พระองคเ์ ปน็ พระราชโอรสพระองคเ์ ลก็ ในสมเดจ็ พระราชบดิ า เจา้ ฟา้ มหดิ ลอดลุ เดช กรมหลวง สงขลานครนิ ทร์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ซ่ึงภายหลัง ทั้งสองพระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินี คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ ประสตู เิ มอื่ วนั อาทติ ยท์ ี่ ๖ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๖ ณ กรงุ ลอนดอน ประเทศ องั กฤษ และมสี มเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าช คอื พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร เ ส ด จ็ พระราชสมภพเม่ือวนั อาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศกั ราช ๒๔๖๘ ท่เี มืองไฮเดลเบอรก์ ประเทศเยอรมนี พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ไดโ้ ดยเสด็จพระบรมชนกนาถเสด็จนิวัตประเทศไทย ป ร ะ ท ับ ณ วงั สระปทุม วันท่ี ๒๔ กันยายน พทุ ธศักราช ๒๔๗๒ สมเดจ็ พระบรมราชชนกเสด็จสวรรคต ขณะทพ่ี ระบาทสมเด็จ พระเจา้ อย่หู วั มพี ระชนมายุ ๑ พรรษา ๙ เดอื น ** * รองศาสตราจารย์ ภาควชิ าภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม ่ พระนามพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวน้ี สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟา้ กลั ยาณวิ ัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระนพิ นธ์ในหนงั สือ “เจ้านายเลก็ ๆ-ยวุ กษตั รยิ ”์ วา่ “... จะสงั เกตไดว้ ่า คำว่า “อดลุ เดช” นน้ั สะกดไมเ่ หมอื นกับในสมัยปจั จบุ ัน ซงึ่ เขยี น “อดุลยเดช” อนั ทจ่ี ริงพระนามของทูลหม่อมฯ เริม่ เขียน “อดลุ เดช” แต่ตอ่ มาได้มกี าร เขยี นทั้ง ๒ แบบ กลบั ไปกลบั มา และในที่สุด ในสมัยนน้ี ยิ มใช้แบบท่ี ๒ ...”
พระบารมอี งค์ภมู นิ ทร์ ปนิ่ สยาม ๒๓ การศึกษา เม่ือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุได้ ๕ พรรษา ทรงเข้า รบั การศกึ ษาเบอ้ื งตน้ ทโ่ี รงเรยี นมาแตรเ์ ดอี กรงุ เทพมหานคร จนถงึ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๖ ในวนั ท่ี ๘ เมษายน เสดจ็ พระราชดำเนินไปเมืองโลซานน์ ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ ทรงเข้าเรียนในโรงเรียนประถมที่ Ecole Miremont ถึงปลายเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ทรงเปลี่ยนโรงเรยี นเป็นโรงเรียนราษฎร์ ชอื่ Ecole Nouvelle de la Suisse Romande เมื่อถึงเวลาท่ีจะต้องเลือกสายวิชา ทรงเลือกเรียน ส า ย ศิลป์ ภาษาละตินและอังกฤษ ส่วนภาษาเยอรมันเป็นภาษาบังคับอยู่แล้ว พุทธศักราช ๒๔๘๘ ทรงเข้ารับการศึกษาในระดับสูงต่อ ณ มหาวิทยาลัย โลซานน์ โดยทรงเลือกศึกษาในแขนงวิชาวิทยาศาสตร์
๒๔ พระบารมอี งค์ภมู ินทร์ ปนิ่ สยาม การเสด็จนิวตั ประเทศไทย วนั ท่ี ๑๐ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๘ หลงั จากสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าชเสดจ็ ขนึ้ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ เป็นพระมหากษัตริย์ได้ ๑ ปี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช ได้ทรงรับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จ พ ร ะเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๑ ไดโ้ ดยเสดจ็ พระราชดำเนนิ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ล นวิ ตั ประเทศไทย ครงั้ แรกเปน็ การชว่ั คราว แลว้ เสดจ็ พระราชดำเนนิ กลบั ไปประเทศสวติ เซอรแ์ ลนดอ์ กี ในวนั ที่ ๑๓ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒ ๔ ๘๑ ชว่ งพทุ ธศกั ราช ๒๔๘๒ - ๒๔๘๘ ประทบั อยใู่ นประเทศสวติ เซอรแ์ ลนดโ์ ดยตลอด เนอื่ งจากเกดิ สงครามโลก คร้ังท่ีสองซึ่งเริ่มจากสงครามในยุโรป เม่ือสงครามสงบจึงโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นวิ ตั ประเทศไทยเปน็ ครัง้ ที่ ๒ เมอื่ วนั ท่ี ๕ ธันวาคม พทุ ธศักราช ๒๔๘๘ ประทับ ณ พระที่นงั่ บรมพมิ าน ใน พระบรมมหาราชวงั
พระบารมีองค์ภูมนิ ทร์ ป่นิ สยาม ๒๕ การสบื ราชสันตตวิ งศ ์ วนั ที่ ๙ มถิ ุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั อานันทมหดิ ล เสดจ็ สวรรคต ณ พระท่ีนง่ั บรมพมิ าน สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ซง่ึ ทรงเปน็ รชั ทายาทอนั ดบั รองลงมาจากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั อานนั ทมหดิ ล ตามทปี่ รากฏอยู่ในลำดบั เจา้ นายผูท้ รงมีสิทธิ์สืบราชสนั ตตวิ งศ์ตามกฎมณเฑยี รบาล พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๗ จงึ เสด็จขึ้นครองราชสมบตั ิเป็นพระมหากษตั ริย์องค์ท่ี ๙ แห่งพระบรมราชจกั รีวงศ์ ในวนั ท่ี ๑๙ เดือนสิงหาคม ในปเี ดยี วกันนัน้ พระองคก์ เ็ สดจ็ พระราชดำเนินกลับไปทรงศกึ ษาตอ่ ณ มหาวิทยาลยั โลซานน์ โดยทรงเปลย่ี นจากสาขาวทิ ยาศาสตรม์ าเปน็ วชิ ากฎหมายและวชิ ารฐั ศาสตร์ เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั ฐานะของพระมหากษตั รยิ ์ ซ ง่ึ ต อ้ งทร งรับพระราชภาระในการปกครองประเทศ ขณะนั้นได้มกี ารแตง่ ต้ังพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมขุนชยั นาทนเรนทร และพระยามานวราชเสวี เปน็ คณะ ผู้สำเรจ็ ราชการแทนพระองค ์
พระบารมีองค์ภมู ินทร์ ป่ินสยาม ๒๗ ราชาภิเษกสมรส วันท่ี ๑๒ สงิ หาคม พุทธศกั ราช ๒๔๙๒ ทรงหมนั้ หมอ่ มราชวงศ์สิรกิ ิต์ิ กติ ิยากร ซงึ่ มอี ายุครบ ๑๗ ปี ในวนั นั้น ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย กรงุ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ อกี ๖ เดอื นต่อมา คือวันท่ี ๒๒ กุมภาพนั ธ์ พุทธศักราช ๒๔๙๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตประเทศไทยพร้อมกับพระคู่หมั้น โดยประทับ เรอื เดินสมุทร “ซีแลนเดีย” ถงึ นา่ นน้ำไทยในเช้าตรู่วนั ท่ี ๒๔ มีนาคม พทุ ธศักราช ๒๔๙๓ ซึ่งมีกองเรอื รบหลวง ออกไปรบั เสดจ็ ถึงกลางทะเล จากนั้น พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวและหมอ่ มราชวงศส์ ิรกิ ิต์ิ กติ ยิ ากร ได้เสดจ็ พระราชดำเนินจากเรือซีแลนเดียไปประทับเรือรบหลวงพระที่นั่ง ”รัตนโกสินทร์” เพื่อเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ ก ร งุ เทพมหานคร พระราชพิธรี าชาภิเษกสมรส จดั ขึ้นในวนั ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศกั ราช ๒๔๙๓ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหต้ งั้ การพระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรสกบั หมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ิ์ กติ ยิ ากร ซงึ่ สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ า บรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ ทรงเปน็ ประธาน ณ วงั สระปทมุ และทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม ใหส้ ถาปนาหม่อมราชวงศ์สริ ิกติ ์ิ กิติยากร เปน็ สมเด็จพระราชินีสริ ิกติ ิ์ ต่อมาทรงมพี ระราชโอรสและพระราชธิดา ๔ พระองค์ ตามลำดบั ดงั นี ้ ๑. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติเม่ือวันท่ี ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ ๒. สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณ ประสตู เิ มอ่ื วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ ตอ่ มา ในพุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาข้ึนเป็น สมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ๓. สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ สริ นิ ธร เทพรตั นสดุ า กติ วิ ฒั นา ดลุ โสภาคย์ ประสตู เิ มอื่ วนั ท่ี ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ ตอ่ มาในพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๐ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มสถาปนา ขนึ้ เปน็ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร รฐั สมี าคณุ ากรปยิ ชาติ สยามบรมราชกมุ าร ี ๔. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันท่ี ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐
๒๘ พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ป่นิ สยาม พระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้จัดข้ึนระหว่างวันที่ ๑๘ มีนาคม ถึงวันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ณ พระอโุ บสถ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม และในพระบรมมหาราชวงั วนั ทถ่ี อื เปน็ วนั สำคญั ทสี่ ดุ คอื วนั ที่ ๕ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ พระบาทสมเด็จพระจา้ อยู่หวั ทรงสรงน้ำมุรธาภเิ ษก ณ พระทีน่ ั่งอมรนิ ทรวนิ ิจฉยั ทรงรับเฉลมิ พระปรมาภิไธยเป็น “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” และในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “ เ ร าจะครองแผ่นดิน โดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” วนั ที่ ๖ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงประกอบพระราชพธิ เี ฉลมิ ราชมณเฑยี ร ณ พระท่นี ัง่ จกั รพรรดิพมิ าน ซึ่งพระมหากษัตริยท์ ุกพระองคเ์ สด็จพระราชดำเนินมาบรรทมเป็นพระราชประเพณี ๑ คนื น บั ตั้งแตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลก เป็นต้นมา วันท่ี ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ คณะทูตานุทูตเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล และเสด็จออกสีหบัญชรพระที่น่ังสุทไธสวรรยปราสาท ให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถ ว ายดอกไม้ธูปเทียน และถวายพระพรชัยมงคล เมือ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทรงครองราชสมบัติครบ ๒๕ ปี ในวนั ที่ ๙ มิถุนายน พุทธศกั ราช ๒๕๑๔ ได้ทรงกระทำ “พระราชพิธีรัชดาภิเษก” อันเป็นพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ ๒๕ ปี ต่อมาในวันที่ ๕ ธันวาคม
พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ป่ินสยาม ๒๙ พุทธศกั ราช ๒๕๓๐ พลเอก เปรม ติณสลู านนท์ นายกรฐั มนตรใี นขณะนัน้ ในฐานะตัวแทนของประชาชนทกุ หมูเ่ หล่า ไ ด ้น้อมเกลา้ น้อมกระหมอ่ มถวายพระราชสมญั ญา “สมเดจ็ พระภัทรมหาราช” วันท่ี ๒ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑ ได้มีการจัด “พระราชพิธรี ชั มังคลาภิเษก” อันเป็นมหามงคลวโรกาส ทีห่ าไดย้ ากยิง่ คือทรงครองราชสมบัติเปน็ เวลา ๔๒ ปี ๒๒ วัน ซง่ึ เป็นจำนวนปแี ละวันเทา่ กบั สมยั ของพระบาทสมเด็จ พ ร ะจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั สมเด็จพระอัยกาธริ าช วนั ท่ี ๙ มิถนุ ายน พุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นวนั ทท่ี รงครองราชสมบตั ิครบ ๕๐ ปี รัฐบาลได้จัดงานเฉลมิ ฉลอง ยิ่งใหญ่ เพ่ือถวายเป็นราชสักการะและถวายพระพรชัยมงคล พระองค์ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน ช อ่ื งานว่า “พระราชพธิ กี าญจนาภเิ ษก” นบั เปน็ มหามงคลสมัยพิเศษทไี่ มเ่ คยปรากฏมากอ่ นในประวตั ิศาสตร์ไทย วนั ที่ ๙ มิถุนายน พทุ ธศักราช ๒๕๔๙ เปน็ วันท่พี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงครองสิรริ าชสมบัตคิ รบ ๖๐ ปี ไดโ้ ปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม พระราชทานชอื่ งานวา่ “พระราชพธิ ฉี ลองสริ ริ าชสมบัตคิ รบ ๖๐ ปี” ซงึ่ หนว่ ยงาน ท้ังภาครัฐและเอกชน รวมท้ังพสกนิกรชาวไทยต่างร่วมใจกันจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ และ ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลครั้งน้ีท่ัวประเทศ ที่สำคัญคือ พระประมุขและพระบรมวงศานุวงศ์จากมิตรประเทศ ๒๕ ประเทศ มาร่วมถวายพระพรด้วย ซึ่งกล่าวได้ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
๓๐ พระบารมอี งคภ์ ูมนิ ทร์ ป่นิ สยาม ทรงพระผนวช ในฐานะท่ที รงเปน็ พุทธมามกะ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชประสงคท์ จี่ กั ไดท้ รงพระผนวช ในบวรพระพุทธศาสนา ดว้ ยมพี ระราชดำรวิ า่ เป็นศาสนาประจำชาตอิ นั พสกนิกรชาวไทยส่วนใหญ่นบั ถอื ประกอบ กับเม่ือพุทธศักราช ๒๔๙๙ สมเด็จพระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (หมอ่ มราชวงศ์ ช่นื นพวงศ์) ผู้ทท่ี รง นบั ถือ และทรงถอื ว่ามคี ุณปู การต่อพระองคม์ ากนน้ั ไดป้ ระชวรลง พระอาการเปน็ ทนี่ ่าวติ กกันทวั่ ไป แต่เดชะบญุ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงหายประชวรอย่างน่าประหลาด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริว่า หากไดท้ รงพระผนวชโดยที่มสี มเด็จพระสงั ฆราชทรงเปน็ พระอุปัชฌายแ์ ล้ว กจ็ ะเป็นท่ีสมพระราชประสงคใ์ นอันท่ี จะไดท้ รงแสดงพระราชคารวะและพระราชศรทั ธา ในองคส์ มเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเปน็ อยา่ งดี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวจงึ ทรงตกลงพระราชหฤทัยทจี่ ะเสด็จออกทรงพระผนวช เพ่ือทรงอุทศิ พระราชกศุ ล ส น อ งพระเดชพระคุณแก่องค์สมเด็จพระสังฆราช วนั ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๔๙๙ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช ได้ทรงพระผนวช ณ พระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวงั สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ถวายพระสมณฉายานามวา่ ภูมิพโลภิกขุ ทรงจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ระหว่างทรงครองสมณเพศเช่นเดียวกันกับพระภิกษุสงฆ์อื่นๆ กล่าวคือ เสด็จ พระราชดำเนินออกรับบิณฑบาตจากชาวบ้าน หลังจากเสวยพระกระยาหารเช้าแล้วก็เสด็จลงพระอุโบสถ ทรง ทำวัตรเชา้ ทำวัตรเยน็ รว่ มกบั พระภกิ ษุสงฆใ์ นวัดบวรนเิ วศวิหาร ทรงศกึ ษาพระธรรมวนิ ยั เชน่ เดยี วกบั พระภกิ ษุ อ ่นื ๆ และทรงดำรงอย่ใู นเพศบรรพชติ ๑๕ วัน จงึ ลาผนวช อนง่ึ ในระหวา่ งทรงพระผนวช ไดม้ พี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินี เป็นผสู้ ำเรจ็ ราชการ ทรงปฏิบัติราชการแผ่นดนิ แทนพระองค ์
พระบารมอี งคภ์ ูมนิ ทร์ ป่ินสยาม ๓๑ การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความสำคัญในการเปิดประเทศให้นานาอารยประเทศ ได้รู้จักและยอมรับ ทรงเห็นพ้องกับรัฐบาลว่ามีความจำเป็นท่ีจะต้องกระชับสัมพันธไมตรีกับประเทศมหาอำนาจ ในทวปี ยโุ รปและทวปี อเมรกิ าให้แน่นแฟ้นยิง่ ขึน้ ดังนัน้ เมื่อพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว และสมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภาคในราชอาณาจักรไทยแล้ว พระองค์จึงทรง เ ต ร ียมเสดจ็ พระราชดำเนนิ เยอื นประเทศตา่ งๆ ที่ได้กราบบังคมทลู อัญเชิญอย่างเปน็ ทางการครั้งแรกในรชั กาล ในระหว่างพทุ ธศกั ราช ๒๕๐๒ - ๒๕๑๐ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั พรอ้ มด้วยสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศท้ังในทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือ รวม ๓๒ คร้ัง ซึ่งในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น นอกจากช่วยกระชับความสัมพันธ์กับมิตรประเทศแล้ว ท้ังสองพระองค์ยังได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอื่นๆ จนบังเกิดผลสำเร็จ นำประโยชน์มาสู่ประเทศชาติและ ป ร ะ ชาชนชาวไทยเป็นอย่างย่ิง จากน้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงว่างเว้นการเสด็จพระราชดำเนินยังต่างประเทศเป็นเวลานาน เกือบ ๓๐ ปี ทั้งน้ี เพราะทรงเห็นว่า พระราชภารกิจภายในประเทศมีมาก อย่างไรก็ตาม หากประมุขหรือ รัฐบาลของประเทศใดกราบบงั คมทลู เชญิ ให้เสด็จพระราชดำเนนิ เยี่ยมเยือน พระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โ ป ร ดกระหม่อมให้พระราชโอรส หรือพระราชธิดาเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ จนกระทง่ั ในวันที่ ๘-๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๗ จงึ เสดจ็ พระราชดำเนนิ เยือนประเทศสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จ พ ร ะ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หลังจากทรงร่วมเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่จังหวัดหนองคาย
๓๒ พระบารมีองค์ภูมินทร์ ปน่ิ สยาม ประมขุ ของตา่ งประเทศ หวั หนา้ รฐั บาล และเจา้ หนา้ ทรี่ ะดบั สงู ทง้ั ภาครฐั องคก์ าร องคก์ รระหวา่ งประเทศ และภาคเอกชน เดนิ ทางมาเยอื นประเทศไทยเปน็ จำนวนมาก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะเหล่าน้ันอย่างดียิ่ง ยังความประทับใจและปลื้มปีติแก่ผู้ท่ีได้ เ ข ้า เ ฝ ้า ทูลละอองธุลีพระบาท โดยท่ัวกัน ในโอกาสพระราชพธิ ีฉลองสริ ริ าชสมบัตคิ รบ ๖๐ ปี ระหว่างวนั ที่ ๘ – ๑๓ มิถนุ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๙ พระประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนพระองค์จาก ๒๕ พระราชวงศ์ท่ัวโลก ได้พร้อมใจกันเสด็จมาร่วมถวาย พระพรชัยมงคล ในโอกาสพิเศษน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไดเ้ สดจ็ ออกทรงรบั ณ พระทนี่ ัง่ อนันตสมาคม พระราชวงั ดสุ ิต เม่อื วันที่ ๑๒ มถิ นุ ายน และพระราชทานเลย้ี ง พระกระยาหารคำ่ ถวายพระเกยี รตแิ ดพ่ ระราชอาคนั ตกุ ะ ณ พระทน่ี งั่ บรมราชสถติ ยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวงั น บั เ ป น็ มหาสโมสรสันนบิ าตของพระราชวงศท์ ั่วโลกครงั้ ยิ่งใหญ่ท่ีสดุ ในประวตั ศิ าสตร ์ พระราชจริยวัตรอันอ่อนโยน พระอัจฉริยภาพ และพระมหากรุณาธิคุณนานัปการ ส่งเสริมให้เกิดความ เขา้ ใจอนั ดี และก่อใหเ้ กดิ ความร่วมมอื กันมากขน้ึ ตลอดจนความช่วยเหลือเก้อื กูลกันเปน็ พิเศษระหว่างประชาชน ช า ว ไ ท ย กบั ประชาชนของมิตรประเทศทีเ่ ขา้ มาผูกสมั พนั ธ์ ในวันท่ี ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ซ่ึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่องานว่า “พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐” หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งพสกนิกรชาวไทยต่างร่วมใจอย่าง พร้อมเพรียงกัน จัดกิจกรรมต่างๆ เพ่ือถวายเป็นพระราชสักการะ และถวายพระพรชัยมงคล ร่วมเฉลิมฉลอง โอกาสมหามงคลคร้ังน้ีทั่วประเทศ
๓๔ พระบารมอี งค์ภูมินทร์ ป่ินสยาม บรรณานุกรม เครอื ขา่ ยกาญจนาภเิ ษก. (๒๕๕๐). พระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดุลยเดชมหาราช. คน้ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ จาก http://www.kanchanapisek.or.th/biography/hmk.th.html นราธวิ าสราชนครนิ ทร,์ เจา้ ฟา้ กรมหลวง. (๒๕๔๐). เจา้ นายเลก็ ๆ-ยวุ กษตั รยิ :์ พระราชประวตั ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมพิ ลอดุลยเดช เม่ือทรงพระเยาว์ ๒๔๖๘ – ๒๔๘๙. พิมพ์ครัง้ ท่ี ๕. เชียงใหม่: สุริวงศ์บุ๊คสเ์ ซนเตอร.์ พระราชธรรม: พระราชประวัติ พระราชกรณียกจิ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวภูมพิ ล อดลุ ยเดชมหาราช. (๒๕๔๒). กรุงเทพฯ: ธรรมสภา และสถาบันบันลือธรรม. ภปร. (๒๕๑๑). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ ุสภา. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะกรรมการจัดทำหนังสือ. (๒๕๔๐). พระภูบาลปานตะวัน อันโอภาส: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่: มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. แม้นมาส ชวลิต, คุณหญิง, วิวัฒน์ อุดมกัลยารักษ์ และสมพร ห่อทอง, บรรณาธิการ. (๒๕๔๒). ทรงพระผนวช. กรุงเทพฯ: มรดกไทย. รตั นาภรณ์ ฉตั รพงษ,์ คณุ หญงิ . (๒๕๕๐). พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการตา่ งประเทศ คน้ วนั ท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐ จาก http://209.85.175.104/search?q=cache:enCiXiJ_YloJ:www.opm.go.th/identity/king อมรรัตน์ เทพกำปนาท. (๒๕๔๙). รู้เรื่องในหลวงของเรา. ใน ทรงพระเจริญ บันทึก ประวัติศาสตร์พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี (หน้า ๔๒-๔๓). กรุงเทพฯ: หนังสือพิมพ์สยามดารารายวัน.
ทฆี ายุโก โหตุ มหาราชา แปดสบิ พรรษามหาราช เป็นพอ่ หลวงของปวงราษฎร์เป็นปราชญ์หลา้ พ่อรู้ฟา้ รทู้ ะเลแห่งเวหน รเู้ สกสร้างพยับสรวงให้รว่ งชล เป็นหยาดฝนดับแล้งทุกแหล่งไป พ่อรดู้ ินโดยดัน้ กนั ดารด้าว รูแ้ ดนรา้ วรา้ งรสรันทดไศล พ่อพลกิ ฟ้นื ผนื ดินทว่ั ถิน่ ไทย เป็นดินใหมร่ สมดี ว้ ยปรชี า พอ่ รู้ปา่ รไู้ ปเหน็ ไพรพฤกษ ์ แล้วรสู้ กึ อยู่ไมร่ อดหากปลอดปา่ พอ่ จึงปลุกปลอบใหป้ ลูกไพรพนา คืนชีวิตชีวาใหป้ า่ ดง พ่อรนู้ ำ้ รู้แนใ่ ช่แคน่ ้นั ยงั ร้กู ัน้ เกบ็ นำ้ ตามประสงค ์ รสู้ ืบค่าชลาลยั ใหด้ ำรง ยอ่ มนำ้ คงหล่อหล้ามานับนาน พอ่ คือพระภมู ิพลฯ บญุ ล้นหล่ัง เป็นพลงั ธรณินทกุ ถ่ินสถาน พ่อมาขบั เคลอ่ื นยุคใหส้ ขุ สราญ ตราบช่วั กาลการณุ ยพ์ ่อยงั ทอไทย ลแุ ปดสิบพรรษามหาราช ทวยขา้ บาทเชญิ พรมิง่ ยงิ่ พรสมัย อีกไตรรัตน์จรัสคณุ ค้ำจุนใจ บนั ดาลใหพ้ ระพ่อจง ทรงพระเจรญิ ด้วยเกล้าดว้ ยกระหมอ่ ม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า รองศาสตราจารย์สพุ รรณ ทองคล้อย (แรคำ ประโดยคำ) ประพนั ธ ์
๓๖ พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปิน่ สยาม พระอจั ฉรยิ ภาพ ฉายชดั ประจกั ษแ์ จ้ง ดร.รุ่งอรณุ ทฆี ชณุ หเถยี ร* บทนำ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เสดจ็ ขนึ้ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั สิ บื ราช สนั ตตวิ งศเ์ ป็นลำดบั ท่ี ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมอ่ื วนั ที่ ๙ มถิ ุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ นบั แตบ่ ดั นน้ั มาจนบัดนี้ พระองค์ทรงบำเพญ็ พระราชกรณยี กจิ นอ้ ยใหญ่ อำนวยประโยชนส์ ุข แก่พสกนกิ รทกุ ด้านเป็นอเนกประการ ทรงกระทำทุกวิถีทางท่ีจะปลดเปล้ืองความทุกข์ยากของ ประชาชน ทรงต้งั พระราชหฤทัยม่นั ถือเอาประโยชนส์ ขุ ของมหาชนเปน็ พระราชประสงคส์ ูงสุด ทรงพุง่ เปา้ หมายและทศิ ทางการพฒั นาประเทศให้เปน็ ไปแบบยง่ั ยนื โดยพระราชทานหลกั การ ทส่ี ำคัญ ๒ ประการ ไดแ้ ก่ ประการท่ีหนึ่ง ต้องช่วยเหลือราษฎรใหพ้ ่งึ ตนเองได้ เพราะจะทำให้ ราษฎรสามารถอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเอง ไมเ่ ปน็ ภาระแกผ่ อู้ นื่ สงั คม และประเทศชาติ ประการที่สอง ต้องพัฒนาทางจิตใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางวัตถุ เพราะเป็นการพัฒนาท่ี เหมาะสมกบั ประเทศในโลกปจั จบุ นั พระราชกรณยี กจิ ตา่ งๆ ท่ีทรงปฏิบัตติ ลอดระยะเวลา ๖๐ ปี ล้วนฉายชัดประจกั ษ์ แจง้ ถงึ พระอัจฉรยิ ภาพ ท้ังด้านศาสตรแ์ ละศลิ ป์ สง่ ผลให้ ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงสืบมา สมดังพระราช ปณธิ านและพระราชสตั ยาธษิ ฐานในพระปฐมบรมราชโองการ ทุกประการ ๑. พระอัจฉริยภาพด้านอักษรศาสตร ์ ทรงเป็นผเู้ ช่ียวชาญด้านภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนม พรรษาในต่างประเทศ จึงทรงเชี่ยวชาญทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาฝรัง่ เศส ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน และภาษาละติน สว่ นในดา้ นภาษาไทย แมว้ า่ พระองคจ์ ะทรงศกึ ษาภาษาไทย เมอ่ื ทรงเจรญิ วยั แลว้ แตท่ รงศกึ ษาอย่างจรงิ จัง เพราะทรง ถือวา่ ภาษาไทยเปน็ ภาษาที่สำคญั ทีส่ ุดของคนไทยในฐานะท่ีเป็นภาษาของแผ่นดิน ในปจั จบุ ันแม้จะมีพระราชภารกจิ มากมาย ก็ยงั ทรงศึกษาภาษาไทยด้วยพระองคเ์ องอยเู่ สมอ ทั้งจากตำรา จากประสบการณ์ และจากผู้ทรงคุณวุฒิ นอกจากน้ี ยังทรงศึกษาภาษาบาลี สนั สกฤต เขมรโบราณ และเทวนาครี เพือ่ ใหเ้ ขา้ ใจภาษาไทยได้ลกึ ซึ้งถึงรากศัพท์ ทมี่ าจากภาษาตา่ งๆ ย่ิงไปกวา่ นน้ั ยังทรงใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ มาผสมผสานในการศกึ ษาภาษาใหไ้ ด้ประโยชนอ์ ยา่ ง สมบรู ณ์อกี ดว้ ย “... ท่านจะต้องไม่ลืมว่าตัวเป็นคนไทย ไทยเรามีความเจริญของเราเองมาช้านานแล้ว ซ่ึงล้วนเป็นแก่นสาร เป็นประโยชน์ย่ังยืนและเหมาะสมแก่คนไทย สิ่งใดท่ีเรามีดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องแสวงหาส่ิงอื่นมาแทน ถ้าเรา สามารถรับส่ิงท่ีเรายังขาดอยู่และท่ีเราจะนำมาปรับปรุงใช้ให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองได้ก็สมควร ...” * ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม ่
พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปนิ่ สยาม ๓๗ พระราชดำรสั พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการประชุมสามญั ประจำปี ครง้ั ที่ ๕๕ ทข่ี อพระราชทานอญั เชญิ มาขา้ งตน้ นี้ เปน็ เพยี งตวั อยา่ งหนงึ่ ทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ พระราชจรยิ วตั รวา่ พระองคพ์ ระราชทาน พระราชานศุ าสน์อยเู่ นืองๆ ให้แกผ่ ูท้ จี่ ะเป็นกำลังสำคญั ของบา้ นเมืองตอ่ ไป ให้ตระหนักถงึ ความสำคญั ของภาษาไทย และความภาคภูมใิ จที่มภี าษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ พระองคไ์ มเ่ พยี งแต่พระราชทานพระราชดำรัสเท่านั้น ยังทรง ปฏบิ ตั เิ ปน็ แบบอยา่ งอกี ดว้ ย ดงั ทท่ี ราบกนั ดวี า่ หากพระราชทานพระราชดำรสั แกช่ าวตา่ งประเทศทพ่ี ำนกั ในประเทศไทย จะพระราชทานเป็นภาษาไทยเทา่ นนั้ ต่อเม่ือเสด็จพระราชดำเนนิ เยอื นตา่ งประเทศ จึงจะมีกระแสพระราชดำรสั เปน็ ภาษาตา่ งประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระราชประสงคแ์ รงกลา้ ทจี่ ะใหค้ นไทยตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของภาษาไทย ใหร้ ักและหวงแหนภาษาไทยอนั เป็นมรดกตกทอดมาช้านาน จึงไดเ้ สด็จพระราชดำเนนิ ไปร่วมอภิปรายเรื่อง “ปัญหา การใช้คำไทย” ของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๕ นบั วา่ เปน็ พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคแ์ รก ทไ่ี ดพ้ ระราชทานพระมหากรณุ าธคิ ณุ เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงรว่ มประชมุ ทางวชิ าการ และไดพ้ ระราชทานพระราชกระแสอนั เปน็ หลกั สำคญั ซงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ พระปรชี าญาณ ด้านภาษาไทย ซงึ่ จะไดข้ ออัญเชญิ มาตอนหนง่ึ ดงั ต่อไปน้ี “... เรามโี ชคดที มี่ ภี าษาของเราเองแตโ่ บราณกาล จงึ สมควรอยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะรกั ษาไว้ ปญั หาเฉพาะในดา้ น การรกั ษา ภาษามหี ลายประการ อยา่ งหนงึ่ ตอ้ งรกั ษาใหบ้ รสิ ทุ ธ์ใิ นการออกเสยี ง คือออกเสียงใหถ้ กู ต้องชดั เจน อีกอยา่ งหนึง่ ต้องรักษาให้บริสทุ ธิ์ในวิธีใช้ หมายความวา่ วธิ ใี ชค้ ำมาประกอบเปน็ ประโยค นบั เปน็ ปัญหาท่ีสำคญั ปญั หาที่สามคือ การบญั ญัติศพั ทใ์ หม่ ...” ในดา้ นภาษาถน่ิ นน้ั พระองคท์ รงชี้ให้ตระหนักวา่ มีความสำคัญอยา่ งย่ิง เพราะถงึ แมจ้ ะมใิ ชภ่ าษาเมอื งหลวง อันใช้เป็นภาษาทางราชการก็จริง แต่ภาษาถิ่นต่างๆ ก็นับเป็นภาษาไทยท่ีใช้กันอยู่ในถ่ินต่างๆ สมควรจะอนุรักษ์ให้ มน่ั คงดำรงอยู่ นอกจากนี้ ศลิ ปวัฒนธรรมในสาขาอนื่ ๆ กค็ วรรกั ษาไวใ้ หม้ ่ันคงดว้ ยเชน่ กนั ดังท่ีพระองค์พระราชทาน พระบรมราชาธบิ ายวา่ “... เราควรจะรกั ษาภาษาภาคเหนอื ภาคใต้ และภาคอน่ื ๆ ตอ้ งระวงั รกั ษาใหด้ ๆี เพราะเปน็ แหลง่ ทจี่ ะไปศกึ ษา ภาษาโดยแท้ เพราะวา่ คนเราในกรงุ เทพฯ ได้พบปะกับชาวต่างประเทศ ทั้งแขก ฝรัง่ จีน มากมาย ทำใหภ้ าษาของเรา พูดจากนั แลว้ บางทกี ไ็ มร่ เู้ ร่อื ง เพราะคดิ แบบฝร่ัง คดิ แบบจีน หรือคดิ แบบแขก นี่เปน็ ความจรงิ การรักษาภาษา ในชนบทนนั้ กต็ ้องทำ ทำให้คดิ ถึงศลิ ปะทางการรา่ ยรำของชาวบ้าน เดีย๋ วนี้เวลาไปตา่ งจังหวัดก็ไปดกู ารแสดงรา่ ยรำ พ้นื เมอื ง ไว้ใจไมไ่ ด้แลว้ วา่ เปน็ พื้นเมอื งจรงิ หรอื ไม่จรงิ เพราะว่าดูแลว้ เขาบอกว่าของจริงของจังหวัดนัน้ ๆ แต่แทจ้ รงิ ศิลปากรท้ังนั้น เพราะว่าศิลปากรได้ไปหาการร่ายรำพื้นเมือง แล้วมาดัดแปลง เพราะเห็นผู้ใหญ่ที่บอกว่า การรำ เท้าเปล่าไม่ดี อะไรเป็นต้น ก็ต้องมาใส่รองเท้า หรือการแต่งตัวรุ่มร่ามต้องเอามาเปลี่ยนแปลงให้หรูหรา จนกระทั่ง เปน็ แบบอยา่ ง ชาวจงั หวดั ทเ่ี ปน็ บอ่ เกดิ ของการรา่ ยรำ หรอื ศลิ ปะแบบนนั้ กต็ อ้ งเอาอยา่ งศลิ ปากร เพราะครบู าอาจารย์ ที่ไปสอนเด็กๆ ก็มาจากส่วนกลางอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งนึกว่าอะไรมาจากในกรุงต้องสวยงาม และถูกต้องตาม ผู้ใหญ่ต้องการ จนกระท่ังเดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าการร่ายรำพื้นเมืองเป็นของจริงหรือไม่จริง กระท่ังต้องทะเลาะกันว่า อนั นแี้ ทห้ รอื ไมแ่ ท้ นเ่ี ปน็ ขอ้ สงั เกตในการเปรยี บเทยี บศลิ ปะกบั ภาษา ภาษากเ็ ปน็ ศลิ ปะเหมอื นกนั อาจจะไมท่ ราบวา่ ภาษามาจากไหน ภาษาของไทยเราเป็นของจริง อยทู่ ีไ่ หน เพราะว่าเราพยายามกอ่ ขน้ึ มาโดยไม่มหี ลักฐาน ไมม่ คี วาม รอบคอบพอ แล้วกแ็ พรไ่ ปต่างจงั หวดั ไปทำลายภาษาพ้ืนเมอื ง ซึ่งจะเปน็ หลกั ประกนั ของความบริสุทธิ์ของภาษา ...”
๓๘ พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปิ่นสยาม ทรงเป็นนกั พูด พระราชดำรสั และพระบรมราโชวาททพี่ ระราชทาน แกบ่ คุ คลตา่ งๆ ลว้ นสะทอ้ นพระปรชี าญาณวา่ ทรงเปน็ นกั พดู ทมี่ ฝี พี ระโอษฐเ์ ปน็ เอก ทรงเตรยี มเนอื้ หาดว้ ยพระองคเ์ อง อยา่ งพถิ พี ถิ นั เพอื่ ใหเ้ หมาะกบั บคุ คล เหมาะกบั โอกาส และ เหมาะกบั สถานท่ี ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนนครลอสแอนเจลิส ใน วนั ท่ี ๒๑ มิถุนายน พทุ ธศักราช ๒๕๐๓ คณะเทศมนตรี แห่งนครลอสแอนเจลิสได้จัดพระกระยาหารค่ำถวาย ในโอกาสน้ันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระกระแส รบั สัง่ ซึ่งเหมาะกบั สถานทเ่ี ป็นอยา่ งย่ิงวา่ “... ขา้ พเจา้ มคี วามยนิ ดที ไี่ ดม้ านครลอสแอนเจลสิ เพราะทา่ นทงั้ หลายและขา้ พเจา้ กเ็ หมอื นลกู พลี่ กู นอ้ งกนั ถา้ หากท่านจะถามว่าเพราะเหตุใด กข็ อตอบว่าบา้ นของข้าพเจ้าคอื บางกอก แต่ขอบอกให้ทา่ นทราบว่า เราเรยี กนคร แห่งนว้ี า่ “ลอสแอนเจลสิ ” เหมอื นกนั ตามความหมายในภาษาไทยซึ่งตรงกับคำวา่ “กรุงเทพฯ” นครของเราท้ังสอง มีความเป็นมาอย่างน่าชื่นชม ในระยะใกล้เคียงกันอย่างกระช้ันชิด ลอสแอนเจลิสเกิดเม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๔ บางกอก เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเมืองพี่ เมืองน้อง เท่ากับเราเป็นลูกเรียงพี่เรียงน้องน่ันเอง ...” วันที่ ๘ มถิ ุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๐ พระราชทานพระบรมราโชวาทแกน่ ักเรียนไทยในนครนิวยอรก์ ซง่ึ เหมาะกบั โอกาสว่า “... นกั เรียนไทยทุกคนจะสนองคุณชาติบา้ นเมืองได้ในขณะท่ีอยู่ต่างประเทศ ก็โดยการวางตนเปน็ ผู้แทนท่ดี ี ของประเทศ ชาวต่างประเทศไม่วา่ ชาตไิ หน มกั จะตัดสนิ พลเมอื งของชาตทิ ้ังชาตวิ า่ เปน็ อยา่ งไร จากการกระทำของ คนเพยี งคนเดยี วอยเู่ สมอ ซงึ่ ไมเ่ ปน็ การถกู ตอ้ งดว้ ยเหตผุ ลหรอื ยตุ ธิ รรมนกั แตเ่ ปน็ วสิ ยั ของมนษุ ยโลก จะแกไ้ ขอะไร กล็ ำบาก ดว้ ยเหตฉุ ะนนี้ กั เรยี นไทยทกุ คนตอ้ งรสู้ กึ วา่ ตวั นม้ี คี วามสำคญั การทไ่ี ดม้ โี อกาสมาเรยี นในตา่ งประเทศนบั วา่ เป็นประโยชน์ เพราะหลายประเทศเขามีความก้าวหน้ากว่าประเทศของเรามากในด้านวิชาการ แต่ก็อยู่ท่ีตัวของเรา เองดว้ ยทจี่ ะพจิ ารณาดว้ ยสตปิ ญั ญาวา่ อะไรทค่ี วรจะรบั มาเปน็ ประโยชนแ์ กบ่ า้ นเมอื ง และสงิ่ ใดของเราทดี่ กี วา่ ของเขา ซ่งึ เราควรจะเก็บรักษาไว้ ...” วนั ท่ี ๘ มถิ นุ ายน พุทธศักราช ๒๕๑๐ พระราชทานพระราชดำรัสแก่นักหนงั สอื พิมพ์และนกั ธุรกิจ ซง่ึ ทรง เลือกให้เหมาะกบั บุคคลวา่ “... ผู้ที่มีหน้าท่ีสื่อข่าวก็ดี หรือมีหน้าที่ประสานความเข้าใจระหว่างคนหลายชาติหลายช้ันก็ดี ควรสำนึก อยู่เสมอว่างานของเขาเป็นงานสำคัญและมีเกียรติสูง เพราะหมายถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในการร่วมกันสร้าง สนั ตสิ ขุ ใหแ้ กโ่ ลก การแพรข่ า่ วโดยขาดความระมดั ระวงั หรอื แมแ้ ตค่ ำพดู งา่ ยๆ เพยี งนดิ เดยี ว กส็ ามารถจะทำลายงาน ที่ผู้มีความปรารถนาดีท้ังหลายพยายามสร้างไว้ด้วยความยากลำบากเป็นเวลาแรมปี หากจะแก้ตัวว่าการพูดพล่อยๆ เพียงสองสามคำนี้เป็นเรื่องไม่น่าจะเก็บมาถือเป็นเร่ืองใหญ่เลยก็ไม่ถูก เหมือนฟองอากาศนิดเดียว ถ้าเข้าไปอยู่ใน เสน้ เลอื ดกจ็ ะสามารถปลดิ ชวี ิตคนไดท้ งั้ คน และน้ำตาลหวานๆ ก้อนเล็กๆ นดิ เดยี ว ถ้าใสล่ งไปในถังน้ำมนั รถกจ็ ะ ทำใหเ้ ครอื่ งจกั รดๆี ของรถเสยี ไดโ้ ดยสน้ิ เชงิ ...”
พระบารมีองค์ภูมินทร์ ป่นิ สยาม ๓๙ จากกระแสพระราชดำรสั ขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ ทรงประณตี อยา่ งยงิ่ ในการเลอื ก เนอ้ื หา เลอื กใชถ้ อ้ ยคำและสำนวนภาษา ถอ้ ยคำของพระองคม์ กั เรยี บงา่ ย ตรงประเดน็ แตล่ กึ ซงึ้ กนิ ความเขา้ ถงึ จติ ใจของประชาชน ภาษาทสี่ อื่ ถงึ ความปรารถนาดแี ละความ จริงใจนอี้ ำนวยผลให้เกิดความใกล้ชดิ กบั พสกนิกร ยังความผาสุกม่ันคงแก่ประเทศ ซง่ึ จะหาพระมหากษัตราธริ าชพระองคใ์ ดในโลกเสมอเหมือนมไิ ด้เลย ทรงเป็นนักเขยี น เมอ่ื ครงั้ ยงั ดำรงตำแหนง่ สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงศกึ ษาภาษาไทยจากพระอาจารยท์ ไี่ ปถวายพระอกั ษรพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานันทมหิดล เมอื่ สมเด็จพระบรมเชษฐาธริ าชเสดจ็ นวิ ตั พระนคร จงึ ได้ทรงศึกษา ภาษาไทยอย่างจริงจัง การที่ทรงพระอักษรด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างย่ิงจึงทรง ศึกษาได้รวดเร็ว และผลทีป่ รากฏแกส่ ายตาประชาชนเปน็ คร้ังแรก คอื พระราชนพิ นธ์ ซง่ึ ถอื เปน็ หลกั ฐานสำคญั ทาง ประวัติศาสตร์ของประเทศ เรือ่ ง “พระราชกิจรายวนั ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั อานนั ทมหดิ ล” มลี กั ษณะ เป็นบทความส้ันๆ ทรงใช้ภาษาเรียบง่าย เพ่ือให้ราษฎร ทราบถงึ พระราชจริยวัตรของรัชกาลที่ ๘ ทที่ รงปฏบิ ัตเิ ปน็ ประจำ และทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ ๘ ที่ทรงมีต่อราษฎรและประเทศชาติตลอดเวลา แม้ในเวลา ท่ีทรงว่างพระราชกิจ พระราชนิพนธ์ต่อมาที่อาณาประชาราษฎร์ยัง ประทบั ใจอยจู่ นทกุ วนั น้ี คือเรอื่ ง “เม่ือขา้ พเจา้ จากสยาม มาสสู่ วติ เซอรแ์ ลนด”์ เปน็ บนั ทกึ ประจำวนั ทที่ รงเขยี นไวก้ อ่ น และระหว่างวนั เดนิ ทางจากประเทศไทยไปสวิตเซอรแ์ ลนด์ ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๓ สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙ ทรงใช้ศิลปะของภาษาถ่ายทอดพระราชดำริของพระองค์ ให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความผูกพันของพระองค์กับเมืองไทยกับ ประชาชนของพระองค์ กบั พระราชปณธิ านแน่วแนท่ ่จี ะนำ ความร้มู าใช้ให้เกดิ ประโยชน์แกช่ าตบิ า้ นเมืองในอนาคต พระราชนพิ นธเ์ รอื่ ง “พระมหาชนก” เปน็ พระราชนพิ นธท์ ป่ี ระชาชนไดอ้ า่ นกนั อยา่ งแพรห่ ลาย มภี าพประกอบ เรือ่ งอย่างสวยงาม ทรงดดั แปลงจากเรื่องพระมหาชนกชาดกในพุทธศาสนา เพ่ือให้เหมาะสมกบั สภาพสงั คมปัจจบุ นั ทรงโนม้ นำชแ้ี นะแนวคดิ สำคญั วา่ ความเพยี รทบี่ รสิ ทุ ธเ์ิ ปน็ คณุ ธรรมทป่ี ระเสรฐิ สว่ นพระราชนพิ นธเ์ ลม่ ลา่ สดุ ซงึ่ ตพี มิ พ์ ในพุทธศกั ราช ๒๕๔๕ คอื เร่อื ง “ทองแดง” กล่าวถึงความฉลาดแสนรูแ้ ละความกตญั ญขู องคุณทองแดง ซง่ึ เป็นสนุ ขั ทรงเล้ยี ง พระราชนพิ นธท์ กุ เลม่ ลว้ นสอดแทรกความรู้ ความคดิ คณุ ธรรม คำสอน ทท่ี รงคณุ คา่ อยา่ งยงิ่ ทรงพระวริ ยิ ะ อุตสาหะอยา่ งยงิ่ ในการพระราชนพิ นธ์ ดว้ ยมพี ระราชประสงคใ์ ห้เปน็ ช่องทางสง่ ความปรารถนาดี ความจริงใจ และ ความหว่ งใยของพระองคไ์ ปสู่ผู้อ่านทง้ั ประเทศ
๔๐ พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปน่ิ สยาม ทรงเป็นนกั แปล ในดา้ นการแปล พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงหว่ งใยมากในเรอ่ื งการ แปลภาษาตา่ งประเทศเปน็ ภาษาไทย เพราะผู้แปลจะต้องมคี วามรทู้ ้ังสองภาษา เปน็ อยา่ งดี มคี วามเขา้ ใจในรสของภาษาและวฒั นธรรมของชาตนิ นั้ ๆ และสามารถ ถา่ ยทอดความคดิ ของผเู้ ขยี นใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจตรงกนั ได้ ดงั ทมี่ กี ระแสพระราชดำรสั เม่ือครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมประชุมทางวิชาการท่ีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า “... วธิ พี ดู ของคนไทย เราเป็นคนไทย กับวธิ พี ูดของฝรั่ง เช่น องั กฤษ เขาเปน็ อังกฤษ หนา้ ตาเขาก็ไมเ่ หมอื น กับเรา รูปร่างก็ไม่เหมือนกับเรา วิธีพูด เสียงเขาก็ไม่เหมือนเรา สมอง วิธีคิดของเขา ก็ไม่เหมือนของเราแน่นอน เราเหน็ สงิ่ ใดอยา่ งหนง่ึ เขากเ็ หน็ อกี อยา่ งหนง่ึ เหน็ ไดใ้ นศลิ ปะ ศลิ ปะเขยี นหรอื ศลิ ปะดนตรกี ต็ ามตา่ งกนั นเ้ี ปน็ สง่ิ สำคญั วิธพี ูดกต็ ่างกนั ศัพทข์ องเขาก็ต่างกับของเรา โดยมากที่เด๋ยี วนี้ท่ีอนั ตรายที่สุดจากการแปลในข่าวอย่างหน่งึ การแปล ในการบนั เทิง โดยเฉพาะภาพยนตรน์ น้ั ผิดกันมาก ผิดเรอื่ ย เพราะวา่ เอาภาษาท่เี ขาพูดมาแลว้ มาแปลคำนั้นตามท่ี นึกวา่ ตรง จนกระท่ังความหมายไม่เหมอื นกนั อยา่ งน้ีเปน็ สิ่งที่อนั ตราย ...” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแปลหนังสือไว้ หลายเรอ่ื ง เรอื่ งทย่ี าวทส่ี ดุ กค็ อื “นายอนิ ทรผ์ ปู้ ดิ ทองหลงั พระ” ทรงแปลจากเร่ือง “A Man Called Intrepid” ซึ่ง William Stevenson เป็นผเู้ ขียน มคี วามยาวประมาณ ๖๕๐ หน้า เป็นเรื่องเก่ียวกับการสืบราชการลับ ในสมัย สงครามโลกคร้ังท่ี ๒ คำว่า “Intrepid” เป็นรหัสนาม ของ Sir William Stephenson บุคคลสำคัญท่ีชักใย อยเู่ บอ้ื งหลงั ชยั ชนะของฝา่ ยพนั ธมติ ร ซงึ่ เปน็ การ “ปดิ ทอง หลังพระ” เพยี งการตงั้ ชอ่ื เรือ่ งกจ็ ะเหน็ ถึงพระอจั ฉรยิ ภาพ ในการแปลวา่ ทรงเลอื กคำและสำนวนไทยทกี่ นิ ความกวา้ ง และชวนใหผ้ อู้ า่ นตดิ ตามมากกวา่ จะตง้ั ชอ่ื ตรงตามภาษาเดมิ เรื่องน้ีเป็นสารคดีที่ยาวมาก มีเน้ือหาเป็นวิชาการและ สลบั ซบั ซ้อน แต่ทรงทำใหเ้ รอื่ งหนักกลายเปน็ เรอ่ื งเบาและ นา่ สนใจ ด้วยการท่ีทรงใช้สำนวนแบบไทยๆ บางครง้ั ก็แฝง ด้วยพระอารมณ์ขัน ถ้าผู้อ่านได้อ่านตลอดเร่ืองจะเห็น ถึงพระปรีชาสามารถด้านภาษา ท้ังภาษาไทยและภาษา ต่างประเทศ ตลอดจนวิธกี ารถ่ายทอดจากภาษาหนงึ่ มาสู่ อีกภาษาหนง่ึ ไดอ้ ย่างชัดเจน
พระบารมีองค์ภมู นิ ทร์ ปนิ่ สยาม ๔๑ ทรงเปน็ นกั การศกึ ษา พระอจั ฉรยิ ภาพอกี ประการหนงึ่ เกยี่ วกบั แนวคดิ ทางการศกึ ษา คอื ทรงเหน็ วา่ ควรมหี นงั สอื ชดุ ทช่ี ว่ ยใหเ้ ยาวชน สามารถศกึ ษาหาความรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง แมว้ า่ จะขาดโอกาสในการเรยี นตอ่ ในระดบั สงู หนงั สอื ชดุ นคี้ อื “สารานกุ รมไทย สำหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว” หนังสอื ชดุ น้ีมีเนอ้ื หาครบทกุ สาขาวชิ า แตล่ ะ สาขาวชิ ามคี วามสมั พนั ธซ์ งึ่ กนั และกนั นอกจากความรทู้ เี่ ปน็ สากลแลว้ ยงั มหี ลายวชิ าซงึ่ เกดิ ขน้ึ จากภมู ปิ ญั ญาของคนไทย ทรงกำหนดใหแ้ บ่งเนือ้ หาในสารานุกรมออกเป็น ๓ ระดบั คือ ระดบั ความรู้สำหรบั เด็กวัยระหว่าง ๘-๑๐ ปี ระดับ ความรู้สำหรับเยาวชนวัย ๑๒-๑๓ ปี และระดับความรู้สำหรบั เยาวชนวัย ๑๔ ปขี นึ้ ไป พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดำรสั แกค่ ณะกรรมการสโมสรไลออนสแ์ หง่ ประเทศไทย ซงึ่ ไดข้ อพระราชทานพระบรมราชานญุ าตรบั โครงการสารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชนฯ ไปดำเนนิ การตามพระราชประสงค์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๑๒ ว่า “... สารานกุ รมนจ้ี ดุ ประสงคอ์ นั แรกอนั สำคญั ทส่ี ดุ กค็ อื ใหผ้ ทู้ ใี่ ชส้ ารานกุ รมนเ้ี กดิ ความรสู้ กึ วา่ โลกนเ้ี ปน็ อนั หนง่ึ อันเดียวกัน โลกหมายถึงความรู้ โลกกลม โลกของวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาต่างๆ เป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน ต้องอาศัยซ่ึงกันและกัน แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ทำให้เห็นว่า ในชาติบ้านเมืองหรือในเมืองอ่ืนๆ ก็ต้องอาศัยซ่ึงกัน และกนั ถ้าได้ความคิดอนั น้ีกจ็ ะเกิดความรสู้ ึกวา่ ชวี ิตของตนจะต้องอยใู่ นสว่ นรวม และจะตอ้ งปฏิบตั เิ พื่อส่วนรวม ศิลปะ ดนตรี ก็จะต้องรวมกับวิทยาศาสตร์ ซ่ึงคนท่ัวๆไปไม่เข้าใจ แต่ว่าถ้าอ่านสารานุกรมแล้วก็จะเข้าใจ จะเกิด ความเช่ือถือ ...”
พระบารมอี งค์ภมู นิ ทร์ ป่นิ สยาม ๔๓ ๒. พระอจั ฉริยภาพดา้ นศิลปกรรมศาสตร ์ ทรงเปน็ นกั ถ่ายภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดศิลปะการถ่ายภาพมาตั้งแต่คร้ังยังทรงพระเยาว์ เม่ือพระชนมายุราว ๘ พรรษา สมเดจ็ พระบรมราชชนนีทรงซือ้ กลอ้ งถ่ายรปู ใหท้ รงศกึ ษาด้วย พระองค์เอง เป็นกล้องท่ีไม่มีเคร่ืองวัดแสงในตัวเอง การถ่ายภาพจึงต้องอาศัยความชำนาญ อยา่ งมาก ทรงศึกษาและทรงฝกึ ฝนการถา่ ยภาพด้วยพระองค์เอง จนทรงเปน็ นักถา่ ยภาพท่มี ี พระปรีชาสามารถยง่ิ พระองค์ทรงเช่ียวชาญการล้างฟลิ ม์ การอดั ขยายภาพทัง้ ภาพขาวดำและ ภาพสี ทรงสรา้ งหอ้ งมดื ขน้ึ ดว้ ยพระราชประสงคท์ จี่ ะทรงสรา้ งภาพใหเ้ ปน็ ศลิ ปะอยา่ งถกู ตอ้ งและ รวดเรว็ ทรงคดิ คน้ เทคนคิ ใหมๆ่ โดยทรงใชแ้ วน่ กรองแสงเปน็ แผน่ ใส สว่ นบนเปน็ สฟี า้ สว่ นลา่ ง เปน็ สีแสด ทำให้เม่อื ถ่ายภาพออกมาจะได้ภาพทงี่ ดงามแปลกตา ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ปรากฏในหนงั สอื พมิ พส์ แตนดารด์ ของพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ เปรมบรุ ฉตั ร พระองคท์ รงมพี ระราชดำรสั แกผ่ ใู้ กลช้ ดิ ถงึ การเปน็ ช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า “... ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริง แต่ฉันก็ยังมีอาชีพเป็นช่างภาพของ หนงั สอื พมิ พส์ แตนดารด์ ไดเ้ งนิ เดอื นเดอื นละ ๑๐๐ บาท ตง้ั หลายปมี าแลว้ จนบดั นก้ี ย็ งั ไมเ่ หน็ เขาขน้ึ เงินเดอื นใหส้ ักที เขากค็ งถวายเดอื นละ ๑๐๐ บาท อยู่เรอื่ ยมา ...” ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ของพระองค์ส่วนใหญ่จะเป็นภาพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรส และพระราชธิดา ทุกพระองค์ ในพุทธศักราช ๒๕๑๔ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเขม็ ทองคำศลิ ปะภาพถา่ ยแดพ่ ระองค์ นอกจากน้ี ราชสมาคมถา่ ยภาพแหง่ สหราชอาณาจกั ร ได้กราบบังคมทูลเชญิ ใหด้ ำรงตำแหนง่ สมาชิกกิตติมศกั ด์ขิ องราชสมาคม นอกจากนี้ สมาคม สหพันธ์ศิลปะการถ่ายภาพนานาชาติทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเกียรติบัตรสูงสุดเพื่อสดุดี พระเกียรติคุณว่า ทรงเปน็ สมาชิกกิตติมศักด์ทิ มี่ พี ระปรชี าสามารถเป็นเลศิ ในดา้ นการถ่ายภาพ ดว้ ยสถานการณบ์ า้ นเมอื งเปลย่ี นแปลงไปในปจั จบุ นั และดว้ ยพระราชหฤทยั เตม็ เปยี่ ม ไปด้วยความห่วงใย ความเสียสละเพื่อพสกนิกร ทำให้ทรงมีพระราชภารกิจมากมาย ไม่ทรง มีเวลาสำหรบั คิดค้นเทคนคิ ใหมๆ่ ในการถ่ายภาพไดอ้ กี จะทรงถา่ ยภาพได้แตเ่ ฉพาะในคราวท่ี เสด็จพระราชดำเนินทรงงานตามสถานที่ต่างๆ เท่านั้น จะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จ พระราชดำเนนิ ไปทรงเยย่ี มราษฎร ณ จงั หวดั ใด กจ็ ะทรงมกี ลอ้ งถา่ ยรปู ตดิ พระองคไ์ ปดว้ ยเสมอ โปรดถา่ ยภาพสถานทที่ กุ แหง่ เพอื่ ประกอบงานทที่ รงปฏบิ ตั ิ ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถเ์ หลา่ นจี้ งึ มกั เปน็ ภาพถา่ ยแบบฉบั พลนั ทันเหตกุ ารณ์ ไมม่ กี ารหามุมกล้องท่สี วยงาม แตด่ ว้ ยพระปรีชาสามารถ เราจงึ ไดเ้ หน็ ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถอ์ นั คมชดั และมศี ลิ ปะในการจดั องคป์ ระกอบของภาพ ภาพถา่ ย ฝพี ระหตั ถใ์ นระยะหลงั ๆ น้ี ทรงใช้เปน็ ขอ้ มลู ในการวางแผนปฏิบตั งิ านได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ รวดเร็วทนั ใจ และสามารถแก้ไขเหตกุ ารณข์ องบ้านเมืองไดท้ ันทว่ งที ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถท์ งั้ หลายลว้ นแสดงใหเ้ หน็ วา่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มไิ ดท้ รง ถา่ ยภาพ เพอื่ ศลิ ปะแตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว เพราะแตล่ ะภาพทรงไวซ้ ง่ึ คณุ คา่ ทง้ั ทางศลิ ปะและวชิ าการ สามารถนำมาใชป้ ระโยชนเ์ พอื่ การพฒั นาประเทศชาตบิ า้ นเมอื ง นบั วา่ เปน็ เครอ่ื งมอื นำความผาสกุ ร่มเย็นมาสูป่ ระชาชนชาวไทยได้อยา่ งดอี กี ด้วย
พระบารมอี งคภ์ มู ินทร์ ปนิ่ สยาม ๔๕ ทรงเปน็ นกั ดนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยด้านดนตรีมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ดงั ทส่ี มเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเล่าไว้ ในพระนพิ นธเ์ ร่อื ง “เจา้ นายเล็กๆ-ยวุ กษัตริย์” ความตอนหน่งึ วา่ “... เมอ่ื อยทู่ อ่ี าโรซา่ เวลาหนา้ หนาว ไดท้ อดพระเนตรวงดนตรวี งใหญท่ เ่ี ลน่ อยทู่ โ่ี รงแรม ร้สู ึกอยากเล่นกัน ทรงหาแซกโซโฟนท่เี ปน็ ของใช้แล้วมาได้ ราคา ๓๐๐ แฟรงค์ แม่ออกให้ ครงึ่ หน่ึง และสโมสรปาตาปุมออกให้อกี ครึง่ หนึง่ เม่อื ครมู าสอนท่บี า้ น รัชกาลที่ ๘ ทรงดนั พระอนชุ าเข้าไปในหอ้ งเรยี น รชั กาลที่ ๙ จึงเป็นผู้เรม่ิ เมอื่ เรียนไปแลว้ ๒-๓ ครั้ง รชั กาลที่ ๘ ทรงซอ้ื แคลรเิ นต็ สว่ นพระองค์ วนั เรยี น ครูสอนองคล์ ะ ๓๐ นาที แลว้ ครกู ็เอาแซกโซโฟนของ เขาออกมา และเล่นด้วยกนั ทั้ง ๓ เป็น trio ...” เครอื่ งดนตรที พี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั โปรดมหี ลายชนดิ ไดแ้ ก่ เปยี โน แซกโซโฟน แคลริเนต็ ทรัมเป็ต กีตาร์ เปน็ ตน้ แต่ทโี่ ปรดเปน็ พิเศษมักเป็นเครอ่ื งเปา่ ทรงศกึ ษาดนตรี อยา่ งลึกซง้ึ ท้งั การเขียนโน้ตและการบรรเลงแบบคลาสสิก ส่วนแนวดนตรีทโ่ี ปรดคอื แนวแจ๊ซ (Jazz) ทรงศึกษาประวัตินักดนตรีท่ีมีชื่อเสียง และทรงเปรียบเทียบฝีมือการเล่นดนตรีจาก แผน่ เสียง โปรดการทรงดนตรีร่วมกบั วงดนตรี ไม่ว่าวงนน้ั จะมีแนวการเล่นแบบใด ทรงเลน่ ได้ กับทั้งวงไทยและวงต่างประเทศ นอกจากโปรดการทรงดนตรแี ล้ว ยงั โปรดการพระราชนิพนธ์เพลง ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงไวม้ ากถงึ ๔๘ เพลง โดยบรรเลงในรปู แบบตา่ งๆ มากมาย ทง้ั ในลลี าของเพลงแจซ๊ คลาสสกิ เพลงสมยั นิยม บทเพลงพระราชนพิ นธ์เพลงแรกคอื เพลงแสงเทียน ซง่ึ ทรงพระราชนพิ นธ์ใน ขณะท่มี พี ระชนมายุเพยี ง ๑๘ พรรษาเท่านั้น ในบางคราวทรงใช้พลงั แหง่ เสียงดนตรเี พอ่ื สร้าง กำลงั ใจให้แก่ประชาชน เช่น เพลงเราสู้ และเพลงความฝันอันสงู สุด ในจำนวนบทเพลงพระราชนพิ นธท์ งั้ ๔๘ เพลงนนั้ มเี พลงทที่ รงพระราชนพิ นธท์ ำนองกอ่ น และใสเ่ นอ้ื รอ้ งภาษาองั กฤษภายหลงั ๕ เพลง คอื เพลงแวว่ เพลงในดวงใจนริ นั ดร์ เพลงเตอื นใจ เพลงไรเ้ ดอื น และเพลงเกาะในฝนั เพลงทท่ี รงพระราชนพิ นธค์ ำรอ้ งกอ่ นและใสท่ ำนองภายหลงั มี ๒ เพลง คอื เพลงความฝนั อนั สูงสุด และเพลงเราสู้ สว่ นเพลงท่ีทรงพระราชนพิ นธ์เฉพาะ ทำนองเพลง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้อื่นประพันธ์เนื้อเพลงมีท้ังส้ิน ๔๑ เพลง พระอจั ฉรยิ ภาพดา้ นการดนตรขี องพระองค์ มไิ ดเ้ ลอื่ งลอื ในหมชู่ นชาวไทยเทา่ นนั้ ยงั เปน็ ท่ที ราบกันดใี นระดบั นานาชาติดว้ ย ดงั ปรากฏเมื่อวนั ท่ี ๕ ตลุ าคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๗ สถาบัน การดนตรแี ละศลิ ปะแหง่ กรงุ เวยี นนาไดท้ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายปรญิ ญาและสมาชกิ กติ ตมิ ศกั ด์ิ หมายเลขท่ี ๒๑ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจารึกพระปรมาภไิ ธยของพระองคล์ งบน แผน่ หินสลกั ของสถาบนั ทรงเปน็ ชาวเอเชียคนแรกทท่ี รงไดร้ ับการเฉลิมพระเกียรติน้ี
๔๖ พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ปนิ่ สยาม ทรงเป็นประตมิ ากร ศิลปกรรมสาขาประติมากรรมเป็นสาขาหน่ึงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรชี าสามารถ ทรงศึกษาคน้ ควา้ เทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ เกย่ี วกับงานประติมากรรม ดว้ ยพระองคเ์ อง ทงั้ การปน้ั การหลอ่ และการทำแมพ่ มิ พ์ ผลงานประตมิ ากรรมฝพี ระหตั ถ์ ซงึ่ เกบ็ รกั ษาไวท้ พี่ ระตำหนกั จิตรลดารโหฐาน พระราชวงั ดสุ ติ มี ๒ ช้นิ คือ ชน้ิ ที่ ๑ เป็น รปู ปน้ั ผหู้ ญงิ เปลอื ยคกุ เขา่ ความสงู ๙ นว้ิ ทรงปนั้ ดว้ ยดนิ นำ้ มนั ชน้ิ ท่ี ๒ เปน็ พระรปู ปน้ั สมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ครงึ่ พระองค์ ความสงู ๑๒ น้วิ ทรงปั้นดว้ ย ดนิ นำ้ มัน นอกจากน้ี พระองค์ยังสนพระราชหฤทัยในการ สร้างพระพุทธรูปอีกด้วย กล่าวคือ ในเดือนมีนาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๘ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม ใหส้ ร้างพระพุทธรปู ปางประทานพร ภปร ซึ่งสร้างขึน้ เป็น ครัง้ ท่ี ๒ โดยมีพระราชประสงคใ์ หด้ ดั แปลงแก้ไขพระพทุ ธ ลกั ษณะจากการสร้างครง้ั ท่ี ๑ ในคร้ังนไ้ี ด้พระราชทานแนว พระราชดำรแิ กช่ า่ งปน้ั วา่ พระพทุ ธรปู ปางประทานพร ภปร ควรมพี ระพทุ ธลกั ษณะเขม้ แขง็ แตไ่ มแ่ ขง็ กระดา้ ง ออ่ นโยน แต่ไม่อ่อนแอ และให้ดูมีเมตตา ใครท่ีมีจิตใจอ่อนไหว เห็นพระพุทธรปู องค์นี้ กใ็ หม้ ีจิตใจเข้มแข็งข้ึน และมคี วาม รู้สึกสงบเยือกเย็นสุขุม ส่วนฐานพระพุทธรูปเป็นกลีบบัว ประดษิ ฐานอกั ษรพระปรมาภิไธยยอ่ ภปร และทฐี่ านรอง พทุ ธบลั ลงั กจ์ ารกึ ขอ้ ความวา่ “คนไทยจะรกั ษาความเปน็ ไทย อยไู่ ดด้ ว้ ยมสี ติ สำนกึ อยใู่ นความสามคั ค”ี โปรดเกลา้ โปรด กระหม่อมให้หล่อพระพุทธรูปขึ้น ๒ ขนาด คือ ขนาด หนา้ ตกั ๙ นว้ิ และ ๕ นว้ิ ในการนที้ รงควบคมุ ดแู ลการปนั้ และการหลอ่ อยา่ งใกลช้ ิด มีพระราชประสงคใ์ ห้ประชาชน เชา่ ไวเ้ พอ่ื สกั การบูชา ตอ่ มาในเดอื นสงิ หาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๘ มพี ระราชดำรใิ หม้ กี ารสรา้ งพระพมิ พส์ ว่ นพระองคโ์ ดยโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้แกะแบบแมพ่ ิมพด์ ว้ ยหนิ ลับมดี โกน แล้วหล่อเป็นปูนปลาสเตอร์ ตอ่ จากนน้ั ทำแม่พมิ พด์ ้วยขี้ผึ้ง จากรูปหลอ่ ปนู ปลาสเตอร์ แลว้ ทรงบรรจุผงศักด์ิสิทธิ์ตา่ งๆ ดว้ ยพระองค์เอง มีพระราชประสงคเ์ พ่ือจะทรงบรรจไุ ว้ ท่ีฐานบัวหงายด้านหน้าขององค์พระพุทธนวราชบพิตร และพระราชทานแก่ข้าราชบริพารและบุคคลอ่ืนๆ ไว้เพ่ือ สกั การบชู า ทงั้ น้ี ใหผ้ รู้ บั พระราชทานนำทองไปปดิ ทด่ี า้ นหลงั องคพ์ ระพมิ พ์ และพระราชทานพระราชดำรสั วา่ ใหท้ ำดี เหมือนกับการปิดทองหลังองค์พระพิมพ์ พระพิมพ์ส่วนพระองค์น้ีต่อมาเรียกขานกันว่า หลวงพ่อจิตรลดา หรือ พระกำลังแผน่ ดนิ วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หล่อพระพุทธรูป เนื้อทองสัมฤทธ์ิ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว มีฐานเป็นกลีบบัว จำนวน ๑๐๐ องค์ ทรงบรรจุพระพิมพ์ สว่ นพระองคไ์ วท้ ฐี่ านบวั หงายดา้ นหนา้ ขององคพ์ ระพทุ ธรปู ดว้ ย โดยทรงมพี ระราชประสงคเ์ พอ่ื พระราชทานไปประดษิ ฐาน ณ จังหวัดต่างๆ ท่ัวพระราชอาณาจักร และได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระนามพระพุทธรูปน้ันว่า
พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ปน่ิ สยาม ๔๗ “พระพุทธนวราชบพิตร” นอกจากนี้ ได้พระราชทานให้แก่หน่วยทหารที่ไปปฏิบัติราชการ ณ ประเทศเวียดนาม พระพทุ ธรูปองค์น้ี นอกจากจะเปน็ สิริมงคลแกพ่ ทุ ธศาสนิกชนท่ัวทกุ จงั หวัดแลว้ ยงั เปน็ นิมิตหมายแหง่ ความผกู พัน เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ระหวา่ งพระมหากษตั ราธริ าชกบั บรรดาพสกนกิ รของพระองคใ์ นทกุ จงั หวดั ทว่ั พระราชอาณาจกั ร พระพทุ ธนวราชบพติ รจึงเป็นพระพทุ ธรูปที่สำคัญยง่ิ องค์หน่งึ ในรัชกาลปจั จบุ ัน ผลงานประตมิ ากรรมทท่ี รงสรา้ งสรรคใ์ หเ้ ปน็ ทป่ี รากฏนนั้ นอกจากแสดงถงึ พระอจั ฉรยิ ภาพแลว้ ยงั เปน็ เครอื่ ง ถา่ ยทอดพระมหากรณุ าธคิ ณุ และพระเมตตาธิคณุ ที่มีตอ่ ประชาชนวา่ พระราชกรณียกจิ นานัปการน้ัน ล้วนทรงคำนงึ ถงึ ความสุข ความปลอดภัยของเหลา่ ราษฎรเป็นสำคญั ๓. พระอจั ฉรยิ ภาพด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี ทรงเป็นนักประดษิ ฐ์ พระอัจฉริยภาพแห่งการเป็นนักประดิษฐ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้เพิ่งเกิดขึ้นเม่ือทรงปฏิบัติ พระราชภารกจิ ในฐานะพระมหากษัตรยิ ์ทม่ี ุง่ พฒั นาเครอ่ื งมอื เพ่ือความเป็นอยทู่ ี่ดีข้ึนของราษฎรเท่าน้นั หากแต่เปน็ พระปรชี าสามารถพเิ ศษทปี่ รากฏชดั ตงั้ แตเ่ มอื่ ครงั้ ยงั ทรงพระเยาว์ และพระองคไ์ ดท้ รงนำความรแู้ ละประสบการณน์ น้ั มาใช้ในการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก เข่ือนต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนจากการอุทิศพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นท่ี แหง้ แลง้ ทรุ กนั ดาร เพอื่ ทรงชว่ ยเหลอื ราษฎรและเกษตรกรใหม้ นี ำ้ กนิ นำ้ ใชแ้ ละมนี ำ้ สำหรบั ทำการเกษตรเพอื่ ใหเ้ ลยี้ งตวั ได้ กท็ รงเรม่ิ จากการเอาพระราชหฤทยั ใสม่ าตงั้ แตย่ งั ทรงพระเยาวน์ นั่ เอง ดงั ทส่ี มเดจ็ พระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร์ ทรงเขียนเล่าไว้ในหนังสือเจา้ นายเลก็ ๆ–ยวุ กษตั รยิ ์ ความว่า “... ทง้ั สองพระองคส์ นพระทยั ในการกน้ั นำ้ สรา้ งเขื่อน แตเ่ พิ่งไดท้ ราบวา่ ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงการเล่น แตย่ งั เปน็ การเรยี นรอู้ กี ดว้ ย เมอ่ื รชั กาลที่ ๙ ยงั ทรง พระเยาวม์ าก คอื เมอื่ ประทบั อยทู่ โี่ รงเรยี นเลอ ฟวั เย่ ไดท้ รงสงั เกตและจำวธิ ที เี่ ขาใชใ้ นการนำนำ้ มาใสอ่ า่ ง ใหเ้ ดก็ เลน่ เขาไปเอานำ้ จากลำธารทไี่ หลใกลๆ้ ทำทาง ตนื้ ๆ ใหน้ ำ้ ไหลลงมาได้ เอาดนิ เหนยี วใสล่ งไปในทาง และเอาขวดไปถใู ห้เรยี บ ...” ทางดา้ นการช่าง ทรงเลา่ วา่ “... ทางดา้ นการชา่ งตา่ งๆ จะเปน็ ดา้ นชา่ งกล ช่างไฟฟา้ หรือชา่ งวทิ ยุ ก็มีความเข้าใจตง้ั แตเ่ ล็กๆ เร่ืองทรงแก้จักรเย็บผ้าให้แหนนนั้น มีผู้เล่ามาแล้ว แต่ขอเล่าอีกครั้งหน่ึงอย่างท่ีแม่เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ตามปกติแม่ไม่ยอมให้ใครให้ของลูกๆ นอกจาก จะเป็นวนั เกิดหรอื ปใี หม่ วันหนึ่งแม่เหน็ พระอนชุ า เล่นรถคนั ใหมอ่ ยู่ เมื่อทราบวา่ แหนนเปน็ ผใู้ ห้ กไ็ ป ถามว่า ทำไมจึงทำเช่นนี้ แหนนก็ตอบว่า มาแก้ จักรเย็บผ้าให้ จึงต้องให้รางวัลไป ...”
๔๘ พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปนิ่ สยาม ในดา้ นวิทยุ ทรงเลา่ วา่ “... เครอื่ งวทิ ยทุ บี่ า้ นไมท่ รงมสี ทิ ธท์ิ จ่ี ะแตะตอ้ ง มไี วฟ้ งั ขา่ วเทา่ นนั้ แตเ่ มอ่ื อายสุ กั ๑๐ ปไี ด้ กม็ โี อกาสสรา้ งของตวั เองขนึ้ มา ในงานขายสลากของโรงเรยี นงานหนงึ่ ทา่ นไดส้ ลากเปน็ คอยล์ (coil) ทา่ นก็ศึกษาถามผู้รูว้ า่ จะตอ้ งทำอยา่ งไรจึงจะเปน็ วิทยอุ อกมาได้ เขากบ็ อกว่าใหท้ ่าน ซื้อแรส่ ีดำ ซงึ่ เปน็ สว่ นสำคัญของเครือ่ ง (คือทรี่ ับไฟฟา้ ในอากาศทเ่ี ป็นคลนื่ วิทย)ุ และหูฟงั อีก คหู่ น่ึง ทัง้ หมดราคาประมาณ ๑๐ แฟรงค์ มาต่อกนั อยา่ งไรไม่ทราบ ทรงสามารถฟังวิทยุที่เขา ส่งได้ ยังแบง่ กนั ฟังคนละหกู ับพระเชษฐา ตอ่ มาพระเชษฐากซ็ อ้ื ของพระองคเ์ อง เม่ือเสด็จกลับเมืองไทยปี ๒๔๘๑ มีบริษัทถวายเคร่ืองวิทยุฟิลิปส์เครื่องหน่ึงแด่ รัชกาลที่ ๘ ทรงนำกลับมาท่ีโลซานน์ด้วย ตอนแรกๆ ก็ทรงฟังอยู่ด้วยกันเพราะบรรทมห้อง เดยี วกนั แตต่ อ่ มารชั กาลที่ ๘ ทรงยา้ ยหอ้ ง และทรงทงิ้ วทิ ยไุ วก้ บั พระอนชุ า เลยทรงตอ่ ลำโพงไป เพอ่ื สง่ รายการวทิ ยไุ ปถวายพระเชษฐาดว้ ย วนั หนง่ึ ขา้ พเจา้ อยใู่ นหอ้ งของขา้ พเจา้ เลน่ แผน่ เสยี ง บนเคร่ืองไฟฟา้ ซง่ึ ต้องนำเสยี งไปออกลำโพงวทิ ยุพระอนชุ า พอดที ่านเปดิ วทิ ยขุ องทา่ น และก็ คดิ วา่ สถานอี ะไรกนั เลน่ แผน่ เสยี งเหมอื นกบั แผน่ เสยี งของพเ่ี รา ตงั้ แตน่ นั้ มากท็ รงเขา้ พระทยั วา่ ระบบไฟฟา้ นั้นมันตดิ ต่อกนั ไดห้ มด ...” นอกจากน้ี ด้านเครอ่ื งจกั รกล พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวไดท้ รงเล่าพระราชทาน แกผ่ ู้ใกลช้ ิดหลายเรื่อง เชน่ เรือ่ งท่ีทรงต่อสายไฟฟา้ จากหอ้ งบนพระตำหนักโยงลงมาข้างล่าง แล้วนำมาต่อเขา้ กบั รถไฟของเล่น ต่อสายไฟฟ้าเขา้ กับขว้ั ของมอเตอร์ ส่วนรางรถไฟตอ่ เขา้ กับ สายดนิ ในลกั ษณะระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าสายเดยี วกระแสตรง โดยใชพ้ น้ื ดินเป็นสอ่ื นำกระแส ไฟฟ้าผ่านมอเตอร์มาลงดนิ ที่ตวั ราง มอเตอรจ์ งึ หมนุ ทำใหร้ ถไฟแล่นได้ เรื่องทเ่ี ป็นท่ีทราบกันดี คือ ทรงห่วงใยว่าพระพี่เลีย้ งจะถกู ไฟดดู ตรงปล๊กั ข้ัวตอ่ สายไฟ จงึ ไดท้ รงทำเครอ่ื งหมายหวั กะโหลกและทรงเขยี นภาษาเยอรมนั กำกบั ไวว้ า่ “ระวงั อนั ตราย” การท่ี ทรงรอบคอบและทรงหว่ งใยผคู้ นรอบขา้ งเชน่ นเ้ี อง จงึ ทรงเปน็ ศนู ยร์ วมดวงใจและความจงรกั ภกั ดี ของประชาชนชาวไทยทั้งชาต ิ ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงเป็นพระมหากษตั รยิ ท์ ี่ทรงศึกษาอย่างจริงจงั ลึกซง้ึ ในการคน้ ควา้ วจิ ยั เพอ่ื การพฒั นาในทางวทิ ยาศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์ การเกษตร การชลประทาน การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม และการใชเ้ ครอ่ื งมอื เทคโนโลยตี า่ งๆ โดยเฉพาะดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศนน้ั ทรงสนบั สนนุ การคน้ ควา้ ในทางวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ เพราะทรงเหน็ ความสำคญั และประโยชน์ อยา่ งยง่ิ ในดา้ นสว่ นพระองคน์ น้ั ทรงศกึ ษาคดิ คน้ สรา้ งโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื การประมวลผล ขอ้ มลู ตา่ งๆ ดว้ ยพระองคเ์ อง ทรงประดษิ ฐร์ ปู แบบตวั อกั ษรไทยทมี่ ลี กั ษณะงดงาม เพอ่ื แสดงผล บนจอภาพคอมพวิ เตอรแ์ ละเครอ่ื งพมิ พ์ ทรงใชเ้ ครอื่ งคอมพวิ เตอร์ เพอื่ บนั ทกึ พระราชกรณยี กจิ ตา่ งๆ และทรงตดิ ตงั้ เครอื ขา่ ยสอ่ื สารคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื สนบั สนนุ พระราชภารกจิ ตา่ งๆ ทง้ั ยงั ทรง ประดษิ ฐ์ ส.ค.ส. ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ เผยแพรผ่ า่ นสื่อมวลชน เพื่อทรงอวยพรปวงชนชาวไทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196