Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บันทึกธรรมโสรโทภิกขุ๕ 2560

บันทึกธรรมโสรโทภิกขุ๕ 2560

Description: บันทึกธรรมโสรโทภิกขุ๕ 2560

Search

Read the Text Version

๕ ๒๕๖๐ บนั ทกึ ธรรมโสรโทภกิ ขุ พระครภู าวนาวราลงั การ ว.ิ (สมศกั ด์ิ โสรโท)

พิมพ์ครัง้ ท่ี ๑: กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๒,๐๐๐ เล่ม ISBN: 978-616-445-433-0 บรรณาธิการ: ผศ.ดร.พฤทธ์ิ โกวทิ วรางกูร กองบรรณาธิการ: คุณพรพิมล จิตตจ์ ันทร์ กราฟฟกิ ดไี ซน:์ คณุ ภษู ณิศา กฤตพลพมิ าน คุณกฤตพล กฤตพลพมิ าน ถอดเทปธรรมะและตรวจอักษร: พระมหาภาณวุ ัฒน์ อคคฺ จิตฺโต คุณศศมิ า วีระประเสริฐศกั ดิ์ ภาพประกอบ: Designed by freepik พมิ พท์ ่:ี ห้างหุน้ สว่ นจ�ำกัด ศลิ ปาคมการพมิ พ์ ๑๒๗, ๑๒๙, ๑๓๑ ซอยพระยามนธาตฯุ แยก ๒๓ ถนนพระยามนธาตรุ าชศรพี จิ ิตร์ แขวงบางบอน เขตบางบอน กรงุ เทพมหานคร ๑๐๑๕๐ จัดท�ำโดย: วัดภัททันตะอาสภาราม สงวนลิขสิทธ์ิ หา้ มพิมพค์ ดั ลอกหรือตดั ตอน หรอื พิมพ์จ�ำหนา่ ยโดยไม่ได้รบั อนุญาตจากผเู้ ขยี น หากทา่ นใดประสงคจ์ ะพมิ พแ์ จกเปน็ ธรรมทาน โปรดตดิ ตอ่ ทางวดั ภทั ทนั ตะอาสภาราม

บนั ทกึ ธรรมโสรโทภิกขุ (๕) ๒๕๖๐ พระครูภาวนาวราลังการ ว.ิ (สมศักด์ิ โสรโท) กองทุนเผยแผ่ วดั ภัททนั ตะอาสภาราม ๑๑๘/๑ หมู่ ๑ บา้ นหนองปรือ ต.หนองไผ่แกว้ อ.บา้ นบึง จังหวดั ชลบรุ ี ๒๐๒๒๐ ผ้มู จี ิตศรทั ธาร่วมจดั พมิ พง์ านเผยแผ่ธรรมะสามารถร่วมบุญได้ใน \"กองทุนเผยแผ\"่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบา้ นบึง เลขท่ีบัญชี 117 - 2 - 64885 - 8

กลอนอาจารยิ บชู า

ยี่สิบเกา้ ตลุ าเวียนมาถึง มวลศิษย์จึงแต่งกลอนเปน็ ของขวญั หา้ สิบสปี่ ีผ่านไปไมก่ ว่ี นั ศษิ ยม์ ่งุ มนั่ ขออวยพรพน้ ภัยพาล แด่พระครภู าวนาวราลังการ ขอใหท้ า่ นมีความสขุ ทกุ สถาน คดิ สิง่ ใดให้ไดส้ มดงั ปณธิ าน ตราบเข้าสู่พระนพิ พานนิรันดรเ์ ทอญ พระมหาประยูร สนุ ฺทโร

ยส่ี ิบเกา้ ตุลาชาตะกาล สืบวัยวารผา่ นมาห้าสิบสี่ ยิง่ เพ่มิ พนู คณุ คา่ บารมี สมศักดศ์ิ รีคือพระครูผ้สู อนธรรม ท้ังพระชีโยคีผู้ปฏบิ ัติ หวังขจัดทุกข์โศกโรคภยั ซ้�ำ ทา่ นจงึ ชี้วปิ สั สนามรรคาน�ำ รู้รูปนามแจ้งจรดโสฬสญาณ ชอ่ื พระครูภาวนาวราเลศิ สุดประเสรฐิ สมดง่ั อลังการ สามสบิ สีม่ ีพรรษาพาศษิ ย์สาน ปณิธานบรรลุธรรมน�ำเวไนย

ทั้งพระชโี ยคผี ้พู ากเพยี ร ไมผ่ ดั เพี้ยนบนทางทา่ นวางไว้ สติปัฏฐานส่ที งั้ หมดก�ำหนดไป มรรคผลใหเ้ หน็ แจง้ ประจกั ษ์ตน พ่อพระครภู าวนาวราลงั การ ผู้สืบสานอาจารย์ใหญ่ได้กศุ ล ม่งุ สงั่ สอนเผยแผแ่ ก่ปวงชน ทวั่ สกลไทยเทศทกุ เขตคาม บรรดาศษิ ยน์ ้อมตง้ั จติ อทุ ศิ ช่วย กอปรบญุ ดว้ ยคุณพระศรีมีอย่างสาม อ�ำนวยผลดลให้ไพบูลยธ์ รรม นพิ พานนำ� ส�ำเรจ็ กจิ เป็นนิจเทอญฯ อนั เตวาสกิ พ.ศ ๒๕๖๐ ขอน้อมถวายกตัญญูมุทิตาสักการะ

ทา่ นพระครภู าวนาวราลงั การ ผ้สู บื สานสอนธรรมอันผ่องใส ดั่งรม่ โพธ์ิให้เหล่าศิษยพ์ ึ่งทางใจ ดุจร่มไทรใหย้ ดึ เหน่ียวไมเ่ ดยี วดาย พระอาจารยส์ ่องทางด้วยแสงธรรม เพง่ เพียรพร�่ำเผาผลาญมารทง้ั หลาย เขา้ สญู่ าณขา้ มสังสารเพื่อบั้นปลาย ทุกข์กลบั กลายเป็นสขุ ช่วั นริ ันดร์ ยสี่ บิ เก้าตุลามาบรรจบ ถงึ คราวนบนอบนอ้ มใหเ้ สกสรร สขุ ทัง้ ใจพร้อมกายไร้โรคพลนั แด่ครทู า่ นภาวนาวราลังการ โกศล โลห่ ว์ สิ ุทธิ์



คำ�นำ�

หนังสือ \"บันทึกธรรมโสรโทภิกขุ (๕) ๒๕๖๐\" ฉบับน้ีเป็นหนังสือ ธรรมะเล่มที่ ๕ ของชดุ หนงั สือบันทึกธรรมโสรโทภิกขุ ซงึ่ มกี ารจัดทำ�ขนึ้ ปีละ ครง้ั นบั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ ตน้ มา โดยไดจ้ ดั ทำ�หนงั สอื ขนึ้ เพอื่ เปน็ ธรรม บรรณาการ น้อมนมัสการกตญั ญูมทุ ิตาสักการะ แดพ่ ระครูภาวนาวราลงั การ ว.ิ (พระอาจารย์สมศกั ด์ิ โสรโท) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เจ้าอาวา สวดั ภทั ทนั ตะอาสภาราม อำ�เภอบา้ นบงึ ชลบรุ ี เนอื่ งในโอกาสเจรญิ อายวุ ฒั น มงคลครบ ๕๔ ปี พรรษาท่ี ๓๔ ซ่ึงในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ท่ี ๒๙ ตุลาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ พระครูภาวนาวราลงั การ ว.ิ หรือ พระอาจารยส์ มศักดิ์ โสรโท ท่าน เป็นครูผู้เปี่ยมด้วยเมตตาในการสอนช้ีแนะแนวทางการเจริญสติปัฏฐาน ๔ และวปิ สั สนากรรมฐาน อนั เปน็ หนทางสายเอกสู่ มรรค ผล นพิ พาน ตามหลกั คำ�สอนขององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และชว่ ยจดุ ประทปี แสงสวา่ งให้ ปรากฏแกใ่ จของเหล่าศิษยานศุ ษิ ย์ เพือ่ ให้ก้าวข้ามพน้ วฏั ฏะทกุ ข์ นอกจากน้ี ท่านยังสอนและให้ข้อคิดต่างๆ ที่สามารถนำ�มาประยุกต์ใช้ในการทำ�งานใน ชวี ติ ประจำ�วนั ไดต้ ามความเปน็ จรงิ ทป่ี รากฏเหลา่ ศษิ ยานศุ ษิ ยข์ อกราบมทุ ติ า สกั การะพระอาจารยผ์ เู้ ตม็ เปย่ี มดว้ ยเมตตา สง่ั สอนศษิ ยด์ ว้ ยจติ ผใู้ หข้ องความ เป็นครโู ดยแท้

\"บนั ทึกธรรมโสรโทภิกขุ (๕) ๒๕๖๐\" ฉบบั นี้ เป็นการรวบรวมธรรม บรรยาย เพือ่ การเจรญิ วิปสั สนากรรมฐานตามนยั แหง่ สติปัฏฐานสี่ จากพระ ธรรมเทศนาของพระอาจารย์สมศักด์ิ โสรโท ในโอกาสต่างๆ ซ่ึงแบ่งเป็น ๕ บทความ เริ่มต้ังแต่เรื่อง \"งานเพ่ืองานมีนิพพานเป็นที่สุด\" ต่อด้วยเรื่อง \"กำ�หนดทุกขเวทนา พบปัญญาบรรลุธรรม\" \"กฏเกณฑข์ องธรรมดา\" \"ปฏบิ ตั ิ ธรรมนำ�กเิ ลสออก\" และ \"รทู้ นั เสบยี งจะไมเ่ สย่ี งไปอบาย\" พรอ้ มทง้ั บทกลอน อาจาริยบชู าสรรเสริญคณุ ประกอบไวใ้ นบทนำ�ของหนงั สือ ในนามของศษิ ยานุศษิ ย์ ขอกราบอนโุ มทนากบั ผู้มสี ่วนเกย่ี วข้องทกุ ๆ ท่านในการจดั ทำ�หนงั สือ \"บันทึกธรรมโสรโทภิกขุ (๕) ๒๕๖๐\" ฉบับน้ี เพ่ือ เป็นธรรมบรรณาการแด่ พระอาจารย์สมศักด์ิ โสรโท เหล่าศิษยานุศิษย์ขอ น้อมถวายบุญกุศลแด่พระอาจารย์สมศักด์ิ โสรโท ครูผู้ชี้นำ�ทางสงบ สว่าง และทางสู่ความพ้นทุกข์ในวัฏฏะ และทางกองบรรณาธิการหวังเป็นอย่างย่ิง ว่า เน้อื หาสาระธรรมของ \"บนั ทึกธรรมโสรโทภิกขุ (๕) ๒๕๖๐\" ฉบับน้ี จะ เป็นประโยชนต์ อ่ ผใู้ ฝ่ใจในการปฏบิ ัติธรรมและขอให้เปน็ เหตปุ จั จยั ให้ท่านผู้ อา่ นได้ถงึ ซึง่ มรรค ผล พระนพิ พาน ตามเหตุปัจจยั อนั ควรทุกๆ ท่านด้วยกนั ขอคุณพระรตั นตรัยโปรดชว่ ยปกปอ้ งคุม้ ครองรกั ษาให้พระอาจารย์มสี ุขภาพ แขง็ แรง พลานามยั สมบรู ณ์ เป็นร่มโพธ์ิรม่ ไทรของเหลา่ ศษิ ยานศุ ิษย์ และขอ ใหพ้ ระอาจารย์เจรญิ งอกงามไพบูลยส์ ถติ สถาพรในบวรพระพุทธศาสนาย่งิ ๆ

ขน้ึ ไปเทอญ สุดท้ายน้ี ขอฝากพระพุทธภาษิตเกี่ยวกับการบูชาและบำ�รุงครูบา อาจารย์ จากเร่อื งทศิ ทงั้ หก ดงั ตอ่ ไปน้ี \"ดูกรคฤหบดบี ตุ ร อาจารยผ์ ้เู ป็นทิศเบอ้ื งขวาอนั ศษิ ย์พึงบำ�รงุ ดว้ ยสถาน ๕ คอื ด้วยลุกข้นึ ยืนรบั ๑ ด้วยเข้าไปยืนคอยรบั ใช้ ๑ ดว้ ยการเช่ือฟงั ๑ ด้วย การปรนนิบตั ิ ๑ ดว้ ยการเรยี นศิลปวิทยาโดยเคารพ ๑ ฯ ดกู รคฤหบดีบตุ ร อาจารย์ผเู้ ปน็ ทิศเบอ้ื งขวา อนั ศิษยบ์ ำ�รงุ ดว้ ย สถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ยอ่ มอนุเคราะห์ศิษยด์ ว้ ยสถาน ๕ คอื แนะนำ�ดี ๑ ให้ เรียนดี ๑ บอกศิษยด์ ้วยดใี นศิลปวิทยาทั้งหมด ๑ ยกย่องใหป้ รากฏในเพื่อน ฝงู ๑ ทำ�ความป้องกนั ในทศิ ทง้ั หลาย ๑ ฯ ดูกรคฤหบดบี ุตร อาจารย์ผู้เปน็ ทศิ เบอื้ งขวาอันศษิ ย์บำ�รุงด้วยสถาน ๕ เหล่าน้แี ล้ว ยอ่ มอนเุ คราะห์ศษิ ยด์ ว้ ยสถาน ๕ เหลา่ นี้ ทิศเบื้องขวานนั้ ชอื่ ว่าอันศษิ ยป์ กปิดให้เกษมสำ�ราญ ให้ไม่มีภยั ด้วยประการฉะน้ี ฯ\" (ท่ีมา: พระไตรปิฎก เลม่ ที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เลม่ ท่ี ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สงิ คาลกสตู ร) ผศ.ดร.พฤทธ์ิ โกวิทวรางกูร บรรณาธกิ าร

สารบญั

4 10 16 กลอน ค�ำนำ� อนโุ มทนาพจน์ อาจาริยบชู า 18 42 66 งานเพอ่ื งาน ก�ำหนด กฏเกณฑ์ของ มีนิพพานเปน็ ทุกขเวทนา ธรรมดา พบปัญญา ท่สี ุด บรรลุธรรม 148 98 124 ประวตั ิหลวงพ่อ ปฏบิ ัตธิ รรม รู้ทันเปน็ เสบียง นำ� กเิ ลสออก ไม่เสย่ี งไปอบาย

อนโุ มทนาพจน์

ทุปฺปพพฺ ชฺชํ ทรุ ภิรมํ ทรุ าวาสา ฆรา ทุกขฺ า ทุกฺโขสมานสํวาโส ทกุ ฺขานปุ ติตทฺธคู ตสฺมา น จทธฺ คู สยิ า น จ ทุกฺขานปุ ติโต สิยาฯ ขุ.ธ. ๒๕/๓๐๒ (พุทธพจน์) การสละโลกียวิสัยออกบวช ก็ยาก การจะยนิ ดใี นเพศบรรพชติ ก็ยาก การครองเรือนไมด่ ี เป็นทกุ ข์ การอยู่ร่วมกบั ผ้ไู มเ่ สมอกนั กเ็ ปน็ ทกุ ข์ ทอ่ งเทยี่ วอยูใ่ นสงั สารวฏั ก็เปน็ ทุกข์ เพราะฉะนั้นไม่ควรท่องเทีย่ วใน สงั สารวัฏ และไมค่ วรแสห่ าความทุกข์ใสต่ น. ขออนุโมทนาบุญ ผศ.ดร.พฤทธ์ิ โกวทิ วรางกรู และทมี งานทม่ี จี ิตเปน็ กุศลได้เสยี สละท่มุ เทกำ�ลงั กาย กำ�ลงั ใจ กำ�ลงั สตปิ ัญญา กำ�ลังทรัพยร์ ่วมกนั จัดทำ�หนังสือ “บันทึกธรรมโสรโท ภิกขุ (๕)” เพื่อน้อมเป็นมุทิตาสักการะ เนอ่ื งในโอกาสที่อาตมาภาพไดเ้ จริญอายวุ ัฒนมงคลครบ ๕๔ ปี ๓๔ พรรษา ในวนั อาทิตย์ที่ ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซึง่ ทกุ ท่านได้แสดงออกซง่ึ คณุ ธรรม คือ ความกตญั ญกู ตเวทตี ่อบุรพาจารยใ์ ห้เป็นทปี่ ระจกั ษแ์ ก่สาธชุ น ท้ังหลาย ขอกราบอาราธนาคณุ พระศรีรตั นตรยั คณุ ธรรมความดงี ามท้ังหลาย จงอำ�นวยพรใหท้ า่ นประสพสง่ิ อนั ไพบลู ย์ คอื มนษุ ยส์ มบตั ิ สวรรคส์ มบตั ิ และ พระนพิ พานสมบัติ เทอญ พระครูภาวนาวราลังการ วิ.

18 ๑ งานเพื่องาน มีนิพพานเป็นที่สดุ

19 ขอความนอบนอ้ มจงมแี ดอ่ งคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ผไู้ กลจาก กเิ ลส ตรสั รชู้ อบไดโ้ ดยพระองคเ์ อง กราบขอโอกาส พระอาจารยม์ หาทองมน่ั สุทธฺ จิตฺโต พระวิปสั สนาจารยท์ ุกๆ รูป ขอเจริญพร ญาติโยม โยคผี เู้ ขา้ ปฏิบตั ิ เข้าวิปัสสนากรรมฐาน ในโอกาสนี้อนุโมทนาบุญยินดีกับทุกคน พร้อมกันนี้ ก็กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มหาทองม่ัน ท่ีท่านได้เมตตา ให้ค�ำแนะน�ำ สงั่ สอนกับโยคแี ละโยคาวจร จนกระทงั่ จบคอรส์ ถงึ วนั ที่ ๒๙ อาตมาหรอื ผม เคยปรารภกบั ทา่ นวา่ ทา่ นอาจารย์อยชู่ ว่ ยได้สกั ๓ วนั กย็ งั ดี ทา่ นยังจำ� ได้ดี เพราะปีทแ่ี ลว้ อาจารย์นิมนต์ไว้ จริงๆ คดิ กนั ไวว้ า่ ถ้าชั้นสองของโบสถจ์ ะพอ ทำ� กรรมฐานได้กอ็ ยากนมิ นตท์ า่ นอาจารย์มาชว่ ยวางพืน้ ฐานให้โยคสี ัก ๓ วนั แต่ท�ำไปท�ำมางานก่อสร้างยังไม่เรียบร้อย เพราะงานมันละเอียด เข้ามันไม่ ไดอ้ ยา่ งใจ เราก็ตอ้ งปลอ่ ยวาง จะไปก�ำหนดกฎเกณฑ์ใหม้ ันทกุ ขท์ �ำไม เสร็จ เม่ือไหร่ก็เม่ือน้ัน แต่ท่านอาจารย์ก็จำ� ได้ คุยต่อหน้าหลวงพ่อประจาก ท่าน ก็รับปากมาสอนให้ จนครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์ พร้อมกันน้ีก็ได้มีโอกาสให้ ทา่ นมหาสมเกียรติ และ ท่านมหารังษีเข้ามารว่ มทีมดว้ ย ก็ถือว่าเปน็ นักเรียน ใหม่ฝึกไว้ ท่านอาจารย์อ�ำนาจท่านเป็นมาหลายปีแล้ว คล่องจนช�ำนาญ เดินสายเหนือใต้ออกตก ต่อไปก็ไม่แน่นะ อาจจะมีโอกาสได้บินไปสอนต่าง ประเทศ ตอ่ ไปจะรสู้ กึ วา่ เหนอ่ื ย นน่ั แหละ่ เพราะวา่ วปิ สั สนากรรมฐานกก็ ำ� ลงั เป็นที่นิยม เพราะสามารถตอบค�ำถามในยุควิทยาศาสตร์ได้ค่อนข้างชัดเจน

20 ตอบโจทย์เร่ืองจิตใจของคนเรา เพราะมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องหลอก เป็น สภาวะจริงๆ ไม่มีใครปฏเิ สธได้ ความรู้แจง้ เหน็ จรงิ ในเรอื่ งทกุ ข์ เหตุเกดิ ทุกข์ ความดบั ทกุ ข์ และวธิ ดี บั ทกุ ข์ได้จรงิ ไมใ่ ช่เรือ่ งท่พี ูดข้ึนมาลอยๆ บางประเทศ ที่มีความเจริญทางวัตถุ เม่ือไปถึงจดุ หนงึ่ ก็เรมิ่ กลับมามองตวั เอง เพราะความ เจรญิ เพยี งดา้ นเดยี วยงั ไมส่ ามารถตอบโจทยภ์ ายในจติ ใจหรอื ชวี ติ ของใครๆได้ ทง้ั หมด หลายประเทศเรม่ิ มองหาวธิ วี า่ จะทำ� อยา่ งไร มองหาตรงนน้ั ตรงนก้ี ไ็ ม่ ลงตวั แต่พอมาคน้ หาท่ีพระพทุ ธศาสนา จึงเรม่ิ มองเหน็ ทางออกอยู่รำ� ไร แต่ จะไปไดไ้ กลแค่ไหนอยทู่ จ่ี ิตใจของแต่ละคนเอง

21 ความรู้แจง้ เหน็ จรงิ ในเร่อื งทกุ ข์ เหตุเกดิ ทกุ ข์ ความดบั ทกุ ข์ และวธิ ีดับทกุ ข์ไดจ้ รงิ ไมใ่ ช่เร่ืองที่พดู ขึน้ มาลอยๆ Designed by Danmir12 / Freepik

22

23 ต้องละตัวกู (อหังการ) ของกู (มมังการ) โลกจะม่งุ สสู่ นั ตภิ าพ พระพทุ ธศาสนามงุ่ ละอหงั การ มมงั การ ทม่ี นั เกดิ จากตวั โมหะ อวชิ ชา ตัวความไม่รู้ท�ำให้คนเราเห็นแก่ตัว การอยู่ร่วมโลกกันไม่มีความสุข แต่พุทธ ศาสนาสอนไมใ่ หท้ ำ� ลายกนั ใหท้ ำ� ลายกเิ ลส ซง่ึ จะมคี วามแตกตา่ งกบั บางลทั ธิ หรอื ศาสนา ซง่ึ ก็จะตอบค�ำถามได้ น้ีเปน็ เพียงแค่ภายนอก ส่วนพระพุทธเจ้า ประสงค์ให้มีสันตภิ ายในกอ่ น จะตอ้ งมจี ากภายใน สันติภาพจะตามมา แตถ่ ้า ทกุ คนไม่มสี นั ติ เรียกรอ้ งแตส่ นั ตภิ าพจากภายนอกอยู่ สนั ตภิ าพหรือสันตสิ ุข จะเกดิ ขึน้ ไมไ่ ดเ้ ลย ตรงสันตภิ ายในนเ้ี องตะวนั ตกเรมิ่ ใหค้ วามส�ำคญั เร่ิมมอง เหน็ แตบ่ างคนกย็ งั ตดิ กบั ศาสนาลทั ธขิ องตนเอง กเ็ อามาพดู เพยี งบางสว่ น แต่ เราฟังแล้วก็เค้าพูดถึงพระพุทธศาสนาน่ีนา แต่ไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มค�ำ ใน อนาคตไมแ่ นน่ ะถา้ ทศิ ทางของโลกเปลย่ี นไป คำ� สอนทมี่ งุ่ สรา้ งสนั ตภิ าพอาจจะ มกี ำ� ลงั มากขนึ้ แตถ่ า้ ทศิ ทางของโลกยงั เปน็ เหมอื นเดมิ โลกกค็ งเลย่ี งไมไ่ ดท้ จ่ี ะ เกดิ สงครามโลกครง้ั ที่ ๓ เมอื่ ใดจติ ใจของคนในโลกเปลย่ี นในทางมงุ่ สสู่ นั ตภิ าพ ภายใน เมอื่ นน้ั สงครามโลกครงั้ ที่ ๓ กย็ ากทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ เมอื่ จติ ใจของคนเรายงั เหมอื นเดมิ ไมเ่ ปลยี่ นไปในทางทดี่ ี ความขดั แยง้ ทม่ี ี เกดิ จากความเหน็ แกต่ วั ก็ เกดิ ขน้ึ แนน่ อน เรอื่ งภายนอกทพ่ี ดู ใหฟ้ งั บางครง้ั คนเราอยากฟงั เรอ่ื งภายนอก มากกวา่ เร่อื งภายใน แต่พระพุทธเจ้าอยากใหเ้ ราจัดการเร่ืองภายใน เรือ่ งกาย เรอื่ งใจ เรอ่ื งจติ ทยี่ งั มที กุ ขอ์ ยใู่ หส้ นิ้ ซากกอ่ น โดยเฉพาะทเ่ี รยี กวา่ กเิ ลสทที่ ำ� ให้ จติ เราเศร้าหมองขนุ่ มวั การบชู าพระพทุ ธเจา้ พูดถงึ ๒ อยา่ ง บชู าด้วยอามสิ

24 คอื สงิ่ ของ แลว้ กบ็ ชู าดว้ ยการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามคำ� สอนกถ็ อื วา่ เปน็ การบชู า อย่างยิง่ ทป่ี รารภการบูชาเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาส อยากจะให้ครบู าอาจารย์ ท่ีทา่ นมคี วามรู้ มีประสบการณ์ ได้ถา่ ยทอดวิชาความรู้ต่างๆ ทมี่ ี เพ่อื ใหค้ นท่ี เขา้ ปฏบิ ตั ไิ ดเ้ ขา้ ไปขดั เกลาจติ ใจของตนเองใหส้ วา่ งขนึ้ สงบขนึ้ จรงิ ๆ พวกเรา ทำ� ก็คือพวกเรานัน่ แหละ่ ได้ ถา้ อาตมาไมท่ ำ� อาตมาก็ไมไ่ ด้นะ กค็ ือบชู ากบ็ ูชา ไป อาตมาก็ต้องทำ� เองด้วย ก็คือกุศโลบายอยา่ งหนง่ึ เพอื่ ใหท้ ุกคนได้มีโอกาส ได้ฝึกปฏบิ ัติ โดยใหบ้ คุ คลทเ่ี ราเคารพนบั ถอื เพ่อื เป็นแรงจงู ใจเพื่อใหเ้ ราได้มา ประพฤตปิ ฏบิ ัติทจ่ี งรักภกั ดี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ย- เดช รัชกาลที่ ๙ ท่ีพ่ึงเสด็จสวรรคตไป มาเป็นแรงบันดาลใจท่ีจงรักภักดีทั้ง หลายน�ำเอาค�ำสอนของพ่อทั้งหลายมาใส่ใจ ไม่ได้เอาใส่เฉยๆ กลายเป็นค�ำ เป็นการกระท�ำ ท่ีออกมาดี น�ำค�ำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจาย์ น�ำมาให้เป็น ประโยชน์ เรียกวา่ อาหารใจ อาหารกายต้องยอ่ ยถึงจะมปี ระโยชน์ อาหารใจ ถ้าย่อยไม่ได้ก็คือขยะในสมองเรา ในใจเรานั่นเอง แต่ถ้ามันย่อยได้ มันเป็น ประโยชนม์ หาศาล ถา้ เปน็ อาหารกายกเ็ ปน็ เลอื ดเนือ้ ตอ่ เซลส์ ต่อชวี ติ ตอ่ ศีล ต่อสมาธิปัญญา ถ้าพูดในหลักของศาสนา ก็คือไปต่อไตรสิกขาให้เจริญ ให้ มรรคมอี งคแ์ ปดเกดิ และเจรญิ ขนึ้ ถา้ เปน็ เรอื่ งทางโลกกไ็ ปกอ่ ใหเ้ กดิ การเวน้ ชวั่ ทำ� ดี ใหก้ บั ตวั เอง สงั คม และเพอ่ื นรว่ มเกดิ แกเ่ จบ็ ตาย นน่ั แหละ่ คอื ยอ่ ยใหไ้ ด้

25 ถา้ พดู ในหลักของศาสนา ก็คือไปต่อ ไตรสกิ ขาให้เจรญิ ให้มรรคมอี งคแ์ ปดเกดิ และเจริญขนึ้ ถา้ เป็นเรอ่ื งทางโลกก็ไปกอ่ ใหเ้ กิดการเว้นชวั่ ทำ�ดี ให้กบั ตัวเอง สังคม และเพื่อนร่วมเกิดแกเ่ จบ็ ตาย

26

27 คุยเฟือ่ งเรื่องพระวิปสั สนาจารย์ ทา่ นอาจารยม์ หาทองมนั่ สทุ ธฺ จติ โฺ ต ทา่ นอยกู่ บั พวกเราตลอด อาตมา เป็นคนช่างสังเกตอยู่นะ ท่านเดนิ จงกรมมาดโู ยคเี รื่อย อาตมาเวลาวา่ ง เดนิ บนกฏุ ิ จะมองเหน็ ทา่ นเดนิ ไปทางนนู้ บา้ ง เดินไปทางน้บี า้ ง ดูแลว้ ทา่ นเอาใจ ใส่เป็นอย่างดี อันน้ีคือความเป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นห่วงเป็นใย บาง คนก็รู้สึกว่าเครียดหน่อย เป็นธรรมดา เป็นกลไกปกติ เครียดทุกคนตอน แรกๆ เครยี ดทีว่ า่ คำ� บอก ค�ำสอน ค�ำแนะน�ำ ทำ� ไม่ได้ ขนาดเราเป็นเดก็ พอ ครูบาอาจารย์บอกให้ไปเขียนกระดาน ตัวสั่นเลย เขียนทั้งๆ ที่คิดว่าเขียน ได้ แต่พอเขียนจริงเขียนไม่ถูก ในบางครั้งอาจจะเป็นอยู่ช่วงแรกๆ เท่าน้ัน พอท�ำไปๆ เร่ิมคุ้นกับครูบาอาจารย์ อย่างพระอาจารย์อ�ำนาจ ขนฺติโก บางคนบอกว่าท่านหน้าดุแต่ใจดีน๊า คนดุส่วนมากใจดี อย่างหลวงพ่อ ดร. ภทั ทันตะอาสภะ อาจารย์อยใู่ กลก้ ็พอจะร้จู ักใจทา่ นบา้ ง เคยบอกหลวง พอ่ ตรงๆ วา่ หลวงพอ่ ทา่ ทางดนุ ะ แตบ่ างเรอื่ งหลวงพอ่ ใจออ่ น ทา่ นยมิ้ ๆแลว้ ก็ หวั เราะ ท่านน่เี ข้าใจได้ยังไง เรยี นท่าน สงั เกตเุ อาเวลาอยูใ่ กลช้ ิดหลวงพ่อ แต่ เวลาไม่พอใจท่านก็พูดเสียงดังฟังชัดเจน สไตล์พม่านะ อะไรถูกคือถูก อะไร ผดิ คอื ผิด อะไรทา่ นชอบกช็ อบ ไมม่ ีอ้อมคอ้ ม สมยั ก่อนมีโยมเอาอาหารจาก โรงแรมหรๆู จากภัตตาคารมาถวาย ทา่ นก็บอกตรงๆ ว่า อาหารหรๆู สู้ฝมี ือ แมจ่ นั ท์ (อดตี แมค่ รวั หลวงพอ่ ใหญ)่ ไมไ่ ดเ้ ลย โยมก็หงอยเลย ทีหลงั ไมเ่ อามา ถวาย ทีหลังหนูไม่เอามาถวายแล้วหลวงพ่อไม่ชมหนูเลย อันน้ีคือสไตล์ของ

28 ท่าน แลว้ เวลาสอบอารมณไ์ ด้เวลา ๕ โมงทา่ นจะบอกว่า พอแล้วๆ ทา่ นจะ ไปเดินจงกรม จ่ๆู ทา่ นกล็ กุ ไปเลยนะ เรอ่ื งนีท้ า่ นเคยบอกว่า ถา้ เป็นคนไทยก็ พดู อ้อมๆ ไปนู่นน่ีกว่าจะเขา้ เรื่องกน็ าน บางครั้งทา่ นกบ็ อกตรงๆวา่ อาจารย์ จะเดินจงกรมแล้ว บางคนไม่รู้ก็คิดว่ารังเกียจเราหรือเปล่าเดินหนีไปเฉยๆ บางคร้ังถา้ เรามองในมมุ บวก ทา่ นกำ� ลังสอนและใหส้ ติเรา บางคร้ังเราอยาก ได้อย่างใจเรา พอไม่ได้อย่างใจเราก็เกลียดโกรธ โทษส่ิงน้ันส่ิงน้ี ถ้าเรามอง ว่าทุกอย่างคือไม่ใช่อุปสรรค เป็นอุปกรณ์ ทุกอย่างเป็นอารมณ์กรรมฐาน เหมอื นกบั ทท่ี ่านบอกวา่ โยคนี ัน่ แหล่ะสำ� คญั หลวงพ่ออาสภะถ้าไมม่ โี ยคีจะ สอนอะไร หลวงพ่อบอกโยคีส�ำคญั ทสี่ ุด ที่เราเก่งเราร้กู เ็ พราะอาศยั โยคี โยคี เดก็ มา ผใู้ หญม่ า พระมา มาใหส้ อนมีสภาวะตา่ งๆ มีมาเปน็ ร้อยๆ อยา่ ง ก็มา ใหเ้ รียนร้เู ป็นประสบการณ์ ครบู าอาจารย์ก็เลยเก่งขน้ึ ไปเร่อื ยๆ สมยั อาตมา สอนใหม่ มีทั้งคนบ้า มีทั้งคนดี เรียกว่าหลวงพ่อก็ปล่อยให้สอน โดดศาลา วเิ วกกม็ มี าแลว้ เทศนอ์ ยดู่ ๆี วนั ออกพรรษา อาตมากำ� ลงั เทศนเ์ รอ่ื งสตปิ ฏั ฐาน ส่ี ช่วงท่กี �ำลงั กลา่ วถึงเรื่องการระงบั ความเศร้าโศก โทมนัส โดยยกเร่อื งของ นางปฏาจารา พอถึงตอนนางปฏาจาราเศร้าโศก โยคีผู้ชายขึ้นไปข้างบนช้ัน สองของศาลาสามัคคีปฏิบตั ิธรรม จากนั้นกก็ ระโดดลงมาในทา่ ตลี งั กามาเลย ตรงขา้ งๆ ธรรมาสน์เสียงดังสนั่น อาตมาก็ยังแสดงธรรมต่อไปเร่อื ยๆ เพราะ เทศนย์ ังไมจ่ บ โยคสี ่วนใหญ่ก็ไม่กลา้ ลุก มีโยคี ๒ –๓ คน นำ� สง่ โรงพยาบาล

29 ดที ล่ี งมาทา่ สวยศรี ษะไมก่ ระทบพนื้ เปน็ เพยี งแคบ่ าดเจบ็ เลก็ นอ้ ยเพยี งขอ้ เทา้ แตกเทา่ นน้ั ไมเ่ ปน็ ไรมาก จรงิ ๆแลว้ กฝ็ ากใหท้ า่ นพระมหาสวสั ดดิ์ แู ล ตอนนนั้ ทา่ นเขา้ ห้อง คนไมป่ กติเลยได้โอกาสแสดงปาฏิหารยิ ์ คนไม่ปกตคิ นนไี้ ดแ้ มช่ ี ทา่ นเมตตารบั มาเพื่อจะใหป้ ฏบิ ตั ิวปิ สั สนากรรมฐาน ช่วงนนั้ หลวงพ่อไมส่ อน ท่านบอกให้แมชสี ่งใหพ้ ระสมศักดิ์ไปสอน อา้ วคราวนีส้ อนก็สอน สอนคนบา้ เวลาดๆี ไมเ่ ป็นไร ตัวไมแ่ ข็งไม่อะไร พอเราลงมาเทศนก์ ็ฝากอีกรปู หน่ึงไว้ เค้า ไม่คอ่ ยปกติ ถา้ มคี นอยู่กไ็ ม่มีอะไร กเ็ หมอื นคนปกติ แตถ่ า้ ไมอ่ ย่เู หมอื นกบั จะ แสดงปาฏหิ ารยิ ์ โดดลงมาตีลงั กาก็ดีหวั ไมล่ ง ถา้ หัวลงอาจจะมีคนตาย เผอิญ เทา้ ลงฟาด คอื ขน้ึ ตรงมนั มีทก่ี ัน้ อย่ไู มใ่ หห้ ลน่ ลงมาจากศาลาปฏบิ ตั ิธรรม ลง มาโยคกี ร็ อ้ งทเี ดยี วจบเลยนะ เพราะอาจารยไ์ มไ่ ดห้ ยดุ เทศน์ เทศนต์ อ่ ไป บาง คนกว็ ิจารณใ์ จด�ำจังเลย คนไปโรงบาลก็ไป ไม่ไดส้ นใจ ตอนหลังคอ่ ยมาถาม ว่าเป็นไงบ้าง ถา้ เราหยุดเทศนป์ บุ๊ โยคคี งวุ่นวายเพราะนงั่ ดๆี อยู่ ต้องปล่อย ไปตามสถานการณ์ นั่นเป็นประสบการณ์ช่วงที่สอนแรกๆ เจอคนไม่ปกติ เป็นรายแรก ก็อย่างที่หลวงพ่ออาสภะท่านบอกว่าถ้าโยคียิ่งหลากหลาย ย่ิง สภาวะมากมาย กย็ ิง่ เก่งขึน้ ท่านเปน็ แบบนน้ั ยิ่งเกง่ ข้ึน เยน็ ๆ ทา่ นถงึ สอนวธิ ี แนะวิธีแก้ ดยู งั ไง ดแู บบไหน จรงิ ๆ ในชว่ งนนั้ ทา่ นอยากจะสอนวชิ าครูใหท้ งั้ ๒ รูป คือท่านเจ้าคุณบุญชิต และอาตมา ต่อมาท่านเจ้าคุณบุญชิตไป ปฏิบัติต่อที่พม่า ตกลงอาตมาเลยเรียนกับท่านรูปเดียว ส่วนท่านอาจารย์

30 มหาทองมั่นก็อยู่ปฏิบัติต่อที่พม่า ๒ ปี อยู่นานกว่า ส่วนท่านเจ้าคุณบุญชิต ท่านกลับมาก่อน หลวงพ่ออาสภะท่านปรารภเสมอๆว่าโยคีก็ส�ำคัญ ถ้าไม่มี กส็ อนไมไ่ ด้ ฉะนั้นกโ็ ยคกี ส็ ำ� คัญ ครบู าอาจารย์กส็ ำ� คญั ไมท่ างตรงก็ทางออ้ ม ช่วยซ่ึงกันและกันเป็นปัจจัยเหมือนถ้าเป็นหมอ ก็เป็นคนไข้ ไม่มีคนไข้ก็ไม่รู้ จะไปรักษาใคร ชำ� นิชำ� นาญ ย่งิ รู้ยิ่งวินจิ ฉยั โรคไดเ้ กง่ ขนึ้ เหมือนท่านอาจารย์ มหาทองม่ัน สมัยก่อนอาจจะวินิจฉัยยากหน่อย ปัจจุบันประสบการณ์ท่าน เยอะข้ึน ผ่านโยคีมามากและหลากหลาย ท้ังพระท้ังโยม เป็นประโยชน์ท้ัง ผู้ปฏิบัติ ทง้ั ครูบาอาจารยด์ ้วย

31 ฉะนน้ั ก็โยคกี ส็ ำ�คัญ ครูบาอาจารยก์ ส็ ำ�คัญ ไมท่ างตรงก็ทางออ้ ม ช่วยซง่ึ กันและกนั เปน็ ปจั จัย

32

33 ร่วมดว้ ยชว่ ยกนั งานนนั้ สำ�เรจ็ โครงการแบบน้ีก็อยู่ในใจมานานแล้ว แต่ว่าเนื่องจากสถานท่ี หรือ บุคลากรหลายๆ อย่างยงั ไมพ่ รอ้ ม กร็ อเวลาว่าเมอื่ ไหร่ เทา่ นน้ั เอง กพ็ ยายาม ทำ� ในสว่ นทที่ ำ� ได้ เพอื่ ใหส้ ว่ นทป่ี ฏบิ ตั แิ ลว้ ครบู าอาจารยอ์ บรมสง่ั สอนโยคดี ว้ ย จรงิ กอ็ ยากจะใหพ้ วกเราไดม้ โี อกาสมากกวา่ นี้ นานกวา่ นดี้ ว้ ยซำ�้ ไป แตบ่ างคน บอกวา่ ระยะเวลาประมาณนก้ี ำ� ลงั ดี กำ� ลงั เหมาะ ถา้ นานกวา่ นกี้ ม็ ภี าระหนา้ ที่ ความรบั ผิดชอบอย่างอน่ื ถ้าจะให้อยู่กอ็ าจจะไมไ่ ด้ จำ� นวนกน็ ้อยลง ถา้ ระยะ เวลาประมาณนี้ก็ลางาน ได้สบาย สะดวกทุกฝ่าย โครงการน้ีก็เลยเกิดขึ้น แรกๆ นำ� ร่องกอ่ นดวู ่าจะเป็นยงั ไง แม่ครวั จะไหวม๊ัย หรอื วา่ จะแย่กอ่ น กผ็ ล ปรากฏว่า พอไหวพอรอด แตจ่ ะเหนอ่ื ยกันหน่อย ตนื่ เช้า ต้องมาเตรยี ม มา จัด ปีนก้ี ็มีมาชว่ ยหลายคน โยมกลั ยากเ็ ป็นทง้ั เหมือนกบั เจ้าภาพพชื ผกั ผลไม้ ต่างๆ ขนมาเรอื่ ยแล้วมาท�ำเองด้วย ลงทุนมาอยดู่ ้วย ทำ� งานดว้ ย แลว้ หลายๆ คนมาชว่ ยเปน็ กองเสบยี ง กองทพั ทางโลก หรอื วา่ ทางธรรมกต็ อ้ งมที อ้ งมไี สท้ ่ี จะตอ้ งมอี ะไรเขา้ ไป เพราะกองทพั ธรรมกต็ อ้ งมสี งิ่ นเ้ี หมอื นกนั อาหารใจมแี ลว้ ก็ตอ้ งมอี าหารกายสงิ่ นเ้ี หมือนกนั หลายสว่ น หลายภาคสว่ นกช็ ว่ ยกนั อย่าง แผนกทดี่ แู ลความเรยี บรอ้ ยตา่ งๆ ลงทะเบยี นหรอื ดแู ลสถานทตี่ า่ งๆ กป็ ระสาน งานกบั พระวปิ สั สนาจารย์ โยมสนุ สิ าและทมี งาน ทงั้ เอ๋ เหมยี วกค็ อยประสาน งาน เอก๋ ็คอยประสานกับทางพระวปิ ัสสนาจารย์ ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ เป็นผชู้ ำ� นาญ การทมี่ าเทศนม์ าสอนพวกเรา ระดบั หลวงปู่ ระดบั ปรมาจารย์ ระดบั หลวงพอ่

34 มหาเหลก็ กเ็ ปน็ ผ้ชู �ำนาญการไปแล้ว ทา่ นเจ้าคณุ บญุ ชดิ ท่านอาจารยส์ มภาร ไม่มา ท่านอาจารย์สว่างก็มา โครงการพยายามเลือกบุคลากรที่เป็นสาย วิปัสสนา ที่เป็นผู้ช�ำนิช�ำนาญในเร่ืองของวิปัสสนาญาณ เพื่อถ่ายทอดบาง ส่ิงบางอย่างให้เราเกิดความรู้ความม่ันใจ เราเดินมาทางน้ีก็ไม่ผิดแน่นอน เราจะได้ก้าวเดินอย่างมั่นใจ บางคนสงสัยอยู่ ก็พยายามถวายความสะดวก ให้กับท่านท่ีได้มา ส�ำหรับผู้ที่มาเทศน์มาบรรยายให้กับพวกเราเน้นการ ประพฤติปฏิบัติ ทแี รกกจ็ ะใหพ้ ระมหาทองมัน่ เทศนเ์ อง คุมเอง มอบให้ถวาย อาจารย์ ผมกเ็ ป็นฝ่ายสนบั สนุน ท่านอาจารย์ก็ใหค้ ำ� แนะน�ำตา่ งๆ ในทมี งาน ต่อไปก็น่าจะดีขึ้นกว่านี้ น่าจะเรียบร้อย อาคารสถานที่ก็น่าจะพร้อมมาก ขึ้น ในหลายๆ ด้านก็ค่อยๆแก้ไข ถ้าเรารอพร้อมเลยก็น่าจะยาก หรือรอให้ สปั ปายะ เราต้องเข้าไปหา เหมือนสภาพแวดลอ้ มจะรอใหม้ นั เข้าหาเราคงจะ ยากเราจะตอ้ งปรบั เขา้ หามนั ปรบั เขา้ หาสภาพแวดลอ้ มเหมอื นทอี่ าจารยส์ วา่ ง ท่านบอกว่า จะให้รอให้อย่างเรา จะเอาอย่างเราหรือจะเอาอย่างธรรม ถ้า จะเอาอย่างธรรมก็ต้องตามสภาพธรรม หรือสภาพถนน คนจะดีแค่ไหน รถ จะดแี คไ่ หน สภาพถนนก็ต้องเป็นตวั บังคับ สภาพธรรมกเ็ หมือนกนั เปน็ หลุม เป็นบ่อ ก็รู้ว่าต้องชะลอความเร็ว มันสูง คดเค้ียว ตรงก็ดีแต่เป็นหลุมก็ต้อง ชะลอ แตถ่ า้ ดกี เ็ รง่ ความเรว็ ได้ ไมม่ อี ะไรสมบณู รท์ งั้ หมดอยทู่ ตี่ วั เราทจ่ี ะทำ� ให้ สมบูรณ์ ถ้าเรานอนรอให้สมบูรณ์ก็จะไม่สมบูรณ์ ถ้าเราเดินไปหาก็จะดีข้ึน

35 คำ�วา่ เดินไปหากค็ อื การทเ่ี ราศีลยงั ไมบ่ ริบูรณเ์ ราก็ตอ้ งทำ�ใหม้ นั บรบิ รู ณ์ ในเม่ือสมาธเิ รายงั ไมบ่ ริบูรณ์ ในเม่ือปัญญายงั ไม่บริบูรณส์ มบรู ณ์ ฉะน้นั การกำ�หนดรู้แตล่ ะคร้งั แตล่ ะขณะ ทำ�ศีล สมาธิ ให้บรบิ รู ณ์ สมบรู ณ์ โดยอาศยั กัลยาณมิตร คอื ครูบาอาจารย์

36

37 การมีกัลยาณมติ รเปน็ ทงั้ หมดของพรหมจรรย์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับพระอานนท์ไว้ว่า ดูก่อนอานนท์ “ความ เป็นผู้ทม่ี มี ติ รงาม ความเป็นผ้มู สี หายงาม ฯลฯ เปน็ ทงั้ หมดของพรหมจรรย์” ครูบาอาจารย์เปรียบเหมือนกัลยาณมิตร คือกัลยาณมิตรท�ำให้พรหมจรรย์ เราถึงบริบูรณ์แม้แต่เบ้ืองต้น เบ้ืองต้นก็ต้องอาศัยกัลยาณมิตร ท่ามกลางก็ ตอ้ งอาศยั กลั ยาณมติ ร แมท้ ส่ี ดุ กต็ อ้ งอาศยั กลั ยาณมติ ร ฉะนนั้ กลั ยาณมติ รคอื มิตรที่ดี หรือสัตบรุ ษุ ท่เี ปน็ เหมอื นกลั ยาณมิตรทีค่ อยบอกคอสอนใหเ้ รามศี ีล สมาธิ ปญั ญา ได้ครบถ้วนบริบูรณ์สมบรู ณ์ เบอ้ื งต้น ทา่ มกลางและที่สดุ นนั่ เป็นเร่ืองมีมิตรดีสหายดี เป็นท้ังเบ้ืองต้นท่ามกลางและท่ีสุดของพรหมจรรย์ อาจารยท์ ่านกท็ ำ� หน้าท่ีเป็นกลั ยาณมติ ร ตง้ั แตเ่ บ้ืองต้น ทา่ มกลาง และทส่ี ุด จนกระทง่ั ถงึ วนั นี้ แลว้ ทา่ นยงั บอกอกี วา่ พรงุ่ น้ี ยงั ไมจ่ บวนั น้ี เรายงั ตอ้ งกำ� หนด ต่อไปอีก หรือถ้าท�ำได้ก็ต้องก�ำหนดไปชั่วชีวิต ถ้าเป็นหลวงพ่ออาสภะท่าน บอกว่าตอ้ งมสี ตจิ นกระท่งั วนั สดุ ท้ายแหง่ ชีวิต จนกระทัง่ ตาย ไมม่ ีชีวิตแลว้ นน่ั ถงึ จะแน่ใจได้ แน่ใจได้ยงั ไง พระสมั มาสมั พุทธเจ้าไม่อย่แู ลว้ ทา่ นก็จะพูด แบบนี้ คนนน้ั คนนีก้ พ็ ูดแบบน้ี ไม่เหมอื นกนั ประโยชน์เปน็ ของตัวเรา ใครจะ พดู ยงั ไงก็ตามเราจะตอ้ งไมป่ ระมาทไปจนชว่ั ชวี ิต ใครจะบอกเปน็ นูน่ เป็นนี่ กี่ ครัง้ กค่ี ราวกต็ าม เราอยา่ ไดป้ ระมาทเดด็ ขาด ถ้าเราไมป่ ระมาทแล้วนน่ั แหละ่ คือจริง อาจจะไม่ต้องกลับมายังวัฏสงสารน้ีอีก เพราะถึงที่สุดแห่งทุกข์ จบ พรหมจรรย์ ขอใหพ้ วกเราทกุ คนพยายาม เกบ็ เกยี่ วเอาสงิ่ ทด่ี ี ทคี่ รบู าอาจารย์

38 ไดบ้ อก ได้สอน ไดแ้ นะน�ำ นำ� ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ต้องน�ำไปนะ ทง้ิ ไว้ทนี่ ่ีก็ ไมม่ ปี ระโยชน์ ฉะนนั้ เอาไปดว้ ย เอาไวท้ น่ี ข่ี ยะมนั เยอะแลว้ ฉะนน้ั รถมาขนขยะ ก็อาทติ ยล์ ะคร้ัง ฉะนนั้ ก็พาไปดว้ ย ที่ครูบาอาจารยท์ ่านสอน ท่านบอก ท่าน แนะนำ� ทา่ นพระมหาทองมน่ั ทา่ นกส็ อนกบ็ อกไวแ้ ลว้ ปหี นา้ ทา่ นยงั ไมร่ บั ปาก ยังไม่รับนิมนต์ แต่จริงๆ ถ้าท่านน่ิงแปลว่าท่านรับ ตุณฺหี ภาษีบาลีบอกว่า ตุณฺหี ผู้นงิ่ อยู่ ถ้าปฏเิ สธเลยคอื ไมร่ บั พระพทุ ธเจ้าเวลามานมิ นต์ ถ้าพระองค์ ตรัสแบบใดแบบหน่ึงแปลว่าท่านไม่ได้รับนิมนต์ ไม่ได้รับอาราธนา เหมือน ภกิ ษุในศาสนา ถ้านงิ่ ไมป่ ฏิเสธอะไร นั่นคอื การยอมรับ แสดงว่าอาจารย์รับ แลว้ มงั๊ ปหี นา้ นะ พอดคี อรส์ กเ็ หลอื่ มๆ กนั พอดี หลวงพอ่ ประจากทอ่ี นตี กิ งั ก็ ทนี่ ครศรธี รรมราช พอดพี รงุ่ นกี้ ไ็ มไ่ ดส้ อบอารมณ์ อาจารยบ์ นิ ไปพรงุ่ นก้ี ล็ งตวั พอดี ไมไ่ ด้เหน่ือยมาก ก็พักครง่ึ วัน มะรืนค่อยสอบอารมณ์ พอดีลงตวั ก็เลย ไดไ้ ปชว่ ยหลวงพอ่ ประจากดว้ ยแล้วกท็ น่ี ี่ด้วย ถา้ พูดภาษาธรรมะจดั สรร ไมร่ ู้ จะว่ายังไงดี ก็เลยท�ำให้ทุกอย่างมันลงตัว ถ้าคนท่ีร่วมสมัยหน่อยท�ำให้ทุก อยา่ งมนั โอเค ไมร่ มู้ าจากไหน ทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ แลว้ มาถงึ ในรปู ค�ำวา่ โอเค อันนแี้ หละ พวกเราก็ได้รับความเมตตาจากท่านพระมหาทองม่นั และพระวิปัสสนาจารย์ ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังความส�ำเร็จ ดูแลอาคารสถาน ที่ ประสานงานทะเบียน อาหารกายทเ่ี ราไดร้ บั แตล่ ะม้อื ๆ บางคร้งั ทา่ นเหล่า น้นั ก็เหนด็ เหนอื่ ย แตก่ ็ทำ� ให้ทุกคนให้ทกุ คนสบายขึน้ อยา่ งน้อยกส็ ะดวกข้นึ

39 ถา้ เปน็ บางสถานที่เคยมีโยมมาเลา่ ให้ฟังวา่ ต้องท�ำอาหารเอง ต้องออกไปผัด ไปทอด หรอื บางที่มีกฏุ ิ แล้วเอาเตาไปหุงต้มเอง ลำ� บาก ไม่สัปปายะ บางคน แพ็คไปเลย ๑๕ วนั ก็ ๑๕ ชุด พอหมดอาหารกก็ ลบั พอเราอยู่แบบนที้ กุ อยา่ ง มี เช้ามี เย็นก็มีน้�ำปานะ พวกเราภาวนาก็อย่าลืมแผ่บุญกุศลให้ผู้ท่ีอยู่เบื้อง หลังให้เราสะดวกสบายข้ึน ทุกคนถ้าเห็นประโยชน์ของกันและกันก็จะท�ำให้ เรารสู้ กึ วา่ เหมอื นกบั วา่ เปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั เหมอื นเปน็ เพอ่ื นรว่ มเกดิ แก่ เจบ็ ตาย เหมอื นกับมอง มรรคมีองค์ ๘ มรรคแยกกนั ไม่ได้ ตง้ั แตส่ มั มาทิฏฐิ จนถึงสัมมาสมาธิจะต้องอยู่ด้วยกัน อย่างมรรคท่ีเป็นตัวปัญญาก็ท�ำหน้าท่ี ปญั ญา เวลาทเ่ี กดิ ขน้ึ กข็ จดั อนสุ ยั กเิ ลส ธรรมะทเี่ ปน็ สมาธกิ ำ� ราบ ปราบปราม กเิ ลสทที่ ำ� ใหจ้ ติ เราขนุ่ มวั อยา่ งกเิ ลสหยาบๆ กก็ ำ� ราบ ปราบปรามทเี่ ปน็ มรรค ของขนั้ ๔ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมามอาชวี ะ ตอ้ งท�ำงานร่วมกนั แยก กันไม่ได้ ถา้ แยกกันเม่ือไหร่กไ็ ม่มกี ำ� ลัง เหมือนเรายกโตะ๊ ยกคนละข้าง พระ ท่านยกรูปเดยี วยกไมไ่ หว พอมี ๔ รปู ยกคนละข้าง เบาเลย ๔ คนยกพร้อม กัน แตพ่ อยก ๒ คนหลังแทบหกั ตอนท่ีเตรียมงาน อาตมาเลยวา่ ยก ๔ รปู ๒ รูปมันหนัก ท�ำอะไรให้มันครบ ของที่หนักก็กลายเป็นของเบา เมื่อมรรค เจริญข้ึน ทุกอยา่ งกเ็ บา ทกุ ขม์ ันก็ทเุ ลา มันก็เบาลง ย่งิ มรรคเจริญ ทุกข์ก็ยง่ิ คลายไปเร่ือย นโิ รธ ทกุ ขย์ ่งิ คลาย สาเหตตุ ัวสมทุ ัยยิ่งถูกละไปเรอื่ ยๆ เม่ือละ ไปแล้วนิโรธก็กลายเป็นเห็นแจ้งตลอดเวลา บุญกุศลที่มีมาทั้งหมด ไม่ว่าจะ

40 เปน็ ทาน ศลี ภาวนา ถ้ามอี ย่ดู ้วยแล้วบุญน้นั ทา่ นบอกวา่ บญุ ท่ปี ระกอบด้วย ปัญญามีอานิสงส์มากกวา่ บุญท่มี ศี รัทธาแตข่ าดปญั ญา บุญที่ทา่ นทง้ั หลาย ท�ำแล้วในครั้งนี้ประกอบด้วยญาณสัมปยุต ไม่ว่าทาน ศีล ภาวนา ท�ำให้ สมบรู ณย์ ่ิงๆขนึ้ กข็ ออนโุ มทนาบุญ ทกุ รปู ทุกคน

41 เมื่อมรรคเจริญขนึ้ ทุกอยา่ งกเ็ บา ทกุ ข์มนั ก็ทเุ ลา มนั ก็เบาลง ยิ่งมรรคเจริญ ทกุ ขก์ ็ย่ิงคลายไป เรือ่ ย นิโรธ ทกุ ขย์ ิ่งคลาย สาเหตุตัว สมทุ ยั ยงิ่ ถูกละไปเร่อื ยๆ

42 ๒ กำ�หนดทุกขเวทนา พบปญั ญา บรรลุธรรม

43 พระโยคาวจร แมช่ ผี ูเ้ ขา้ ปฏบิ ตั วิ ิปสั สนากรรมฐาน ช่วงต่อไปเปน็ ช่วง ฟังธรรม ช่วงปฏิบตั ิธรรมร่วมกัน ให้พวกเราน่ังสมาธแิ ลว้ ถอื โอกาสฟังธรรมะ บรรยายไปดว้ ย คนท่มี าใหม่ก็มีโอกาสฝึกไปด้วย นงั่ เรยี งขา ขาซ้ายเข้าในขา ขวาออกนอก หรอื ขวาเข้าในซา้ ยออกนอกก็ได้ นง่ั แบบขดั สมาธชิ ั้นเดยี ว ถา้ นง่ั สองชนั้ คอื นงั่ ขาขวาวางอยบู่ นขาซา้ ย ตงั้ กายทอ่ นบนใหต้ รง อนั นคี้ อื สมาธิ แบบสองชัน้ บางคนอาจจะถามว่า ถา้ จะเอาซ้ายวางอย่บู นเท้าขวาไดไ้ หม ก็ ไมม่ ขี อ้ หา้ มนงั่ ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั แตส่ ว่ นใหญน่ ยิ ม ขวาทบั ซา้ ย ไมไ่ ดผ้ ดิ ทนี แี้ บบ ทส่ี ามเป็นแบบยากหนอ่ ย คนท่เี คยฝึกอยูเ่ ร่อื ยๆ ถงึ จะน่ังไดท้ นได้นาน คือนงั่ แบบ ขดั สมาธิเพชร คอื ขาขัดกนั กายท่อนบนต้งั ตรง เมือ่ กายทอ่ นบนตง้ั ตรง กายทอ่ นลา่ งคู้งอ คอื ขาโค้งงอ เข้าหากนั แต่ท่อนบนตง้ั ตรงเหมอื นเสา เวลา เราระลกึ ระลกึ ต้ังแต่กระหม่อมลงมา หรือระลกึ ไปทด่ี ้านหลงั ดา้ นหลงั ตรง ไหม หรอื ดา้ นลา่ ง เวลานง่ั ใหมๆ่ อาจจะลมื ตาดกู อ่ น สำ� รวจ แลว้ นกึ ตามลองดู นกึ ตามสภาวะ อนั นคี้ อื วธิ นี ง่ั แบบงา่ ยๆ กอ่ นทเ่ี ราจะกำ� หนด ไปทที่ อ้ งพอง-ยบุ อนั น้คี อื วธิ ที เี่ ราจะฝกึ จะปฏิบตั ิ ทีน้วี ันนเ้ี ป็นวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วนั นีเ้ ปน็ วนั โกน เราจะเหน็ วา่ มีพระคณุ เจ้า และแมช่ ี ปลงผม ปลงหนวด ปลงค้วิ แล้ววันพรงุ่ น้ีเป็นวนั เพญ็ ขนึ้ ๑๕ คำ�่ เดือน ๖ วัน ซง่ึ ตรงกับวนั วิสาขบูชา ซ่ึงปี นต้ี รงกับวนั ที่ ๒๐ พฤษภาคม ทนี ้เี ราท้งั หลายมาในช่วงท่ีเรยี กว่าเทศกาล วัน สำ� คญั บางคนกต็ ง้ั ใจมาอยคู่ นื หนงึ่ พรงุ่ นร้ี ว่ มทอดผา้ ปา่ เปน็ ประจำ� ทกุ ปขี อง

44 ทางวดั วนั วิสาขบชู ามีกจิ กรรมทอดผ้าปา่ ดว้ ย ซ่ึงส่วนหนงึ่ ก็ถอื วา่ เป็นรายได้ ของวัด มีกฐินกับผา้ ป่า นอกจากนน้ั ตามแต่ศรัทธาบรจิ าค เน่ืองจากปีนหี้ รอื ปีต่อๆ ไปก็มีการก่อสร้างอุโบสถอยู่ก็อาจจะเป็นกรณีพิเศษหน่อยหนึ่ง จะ อยา่ งไรกต็ าม อนั นนั้ กเ็ ปน็ สว่ นประกอบทที่ ำ� ใหเ้ ราภาวนาไดส้ ะดวกสบายขน้ึ แตถ่ า้ อาคารสถานทเ่ี หลา่ นน้ั มนั ไมม่ ี เรากภ็ าวนาไดเ้ พราะตน้ ไมม้ ใี ตต้ น้ ไม้ แต่ เวลาฝนตก หรอื สตั วเ์ ลอื้ ยคลาน แมลงมนั เยอะกจ็ ะลำ� บากมากหนอ่ ย ฉะนน้ั ถา้ มนั มที มี่ งุ ทบี่ งั ปอ้ งกนั สง่ิ เหลา่ นไ้ี ด้ กท็ ำ� ใหก้ ารภาวนาเปน็ ไปเพอ่ื ความสะดวก

45 ขนึ้ เพราะโบสถว์ ดั ภทั ทนั ตะฯ เปน็ เอนกประสงคไ์ มไ่ ดร้ ะบวุ า่ พระสงฆจ์ ะเปน็ ผู้ใชอ้ ยา่ งเดียว พระสงฆจ์ ะลงใชก้ ็เดอื นละ ๒ ครัง้ ลงปาฏ-ิ โมกข์ ถ้ามกี รณจี ร เขา้ มา ก็จะมบี วช ในกรณบี วช หรือในกรณที มี่ พี ระท่านมาใชโ้ บสถ์ อยา่ งสวด ให้อัพพาน ต้องการสงฆจ์ �ำนวน ๒๐ รปู สงฆ์วีสตวิ รรค อันนั้นเปน็ กรณพี ิเศษ อาจจะต้องใช้โบสถ์ คือท�ำในสีมานั่นเอง หรือ กรณีสวดให้กรรมวาจากฐิน แบบนกี้ เ็ ปน็ กจิ ของสงฆ์ของพระ แต่เมอ่ื เทียบกับเวลาที่พระสงฆ์ใช้ประโยชน์ ยงั ถอื วา่ นอ้ ย กเ็ ลยตอ้ งสรา้ งเปน็ เอนกประสงคใ์ หญ้ าตโิ ยมไดม้ โี อกาสเขา้ ไปใช้ ประโยชน์ร่วมกันเป็นกรณีๆ ไป เวลานง่ั ใหมๆ่ อาจจะลืมตาดกู ่อน สำ�รวจ แล้วนกึ ตามลองดู นึกตาม สภาวะ อันน้ีคอื วิธนี ั่งแบบง่ายๆ ก่อน ท่ีเราจะกำ�หนด ไปทีท่ อ้ งพอง-ยบุ อันน้คี อื วธิ ที ีเ่ ราจะฝึก Designed by photoangel / Freepik

46

47 ก่อสรา้ งกจ็ รงิ แต่ไมท่ อดทง้ิ การปฏบิ ัติ ในระหวา่ งการกอ่ สรา้ งกก็ นั พนื้ ทไ่ี วเ้ ฉพาะ เพอ่ื ไมใ่ หร้ บกวนผมู้ าปฏบิ ตั ิ คืออ�ำนวยความสะดวกให้แก่นักปฏิบัติอย่างดี เรียกว่า ไม่เกะกะ ในช่วง กอ่ สร้างก็เป็นท่ีเปน็ ทาง ในสว่ นทป่ี ฏิบัตเิ ราก็ยงั ปฏบิ ัตกิ ันได้ตลอด ไมไ่ ดเ้ ปน็ อปุ สรรคแตอ่ ยา่ งใด ฉะนน้ั ทกุ คนยงั มาฝกึ มาปฏบิ ตั ไิ ดเ้ ปน็ ปกติ เนน้ ไปทเ่ี รอื่ ง การปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานเปน็ หลกั สว่ นเรอ่ื งอนื่ ๆกอ็ กี สว่ นหนง่ึ ทจี่ ะทำ� ให้ เปน็ การเก้อื กูล ให้ผ้ทู มี่ าสสู่ ถานท่แี หง่ นี้ ไม่วา่ จะเป็นพระหรอื โยม ได้สะดวก ข้นึ สบายข้นึ แตอ่ าจจะมีบางคนมองว่า สร้างใหญ่โตเกินไปจะดแู ลรกั ษาไหว ไหม จะมีใครมาปฏิบัติหรอื เปลา่ หรือบางคนก็มองวา่ จะสุขสบายเกินไปไหม ไมค่ อ่ ยเห็นทุกข์ ก็แลว้ แตม่ มุ มองของแต่ละคน ถา้ คนท่ีเรียนธรรมะ มาก็จะรู้ ว่าแล้วแตว่ ิบากของใคร เราวิบากดีเรากไ็ ด้กิน ได้อยู่ ไดท้ ี่ดี มันกเ็ ก้ือกลู ดี คน ไหนวิบากไม่ดีก็ต้องเจอภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ คนก็วุ่นวายพอดูเหมือน กนั จะให้จิตตง้ั มั่นก็ยาก กเ็ รียกว่า วิบากไม่คอ่ ยดี บางคนก็บอกวา่ วิบากคือ ผลเกดิ จากกรรมทท่ี ำ� เศษเส้ียวของกรรมทีไ่ ม่ดี ส่งผลใหเ้ ป็นทกุ ข์ ทกุ ข์เยอะ หนอ่ ย บางคนกบ็ อกวา่ ถา้ ไมเ่ หน็ ทกุ ข์ กไ็ มเ่ หน็ ธรรมแบบนเี้ ปน็ ตน้ นน่ั คอื การ มองดา้ นเดยี ว ถา้ เชน่ นน้ั คนไมป่ วดกไ็ มบ่ รรลธุ รรม คนทอ่ี ยากบรรลตุ อ้ งทำ� ให้ มนั ปวดเพอื่ ใหบ้ รรลธุ รรม ถา้ เรามองมุมเดียวก็ไมถ่ ูกตอ้ งตามเหตปุ ัจจยั

48

49 พระเถระอดทนกำ�หนดทกุ ขเวทนา เกดิ ปญั ญาบรรลพุ ระอรหันต์ มเี ร่อื งเล่าว่ามพี ระเถระรูปหนง่ึ เดิมทีท่านเปน็ บุตรเศรษฐี พอ่ แมท่ า่ น มีท่านและน้องชายอีกหนึ่งคน เม่ือโตขึ้นท่านไม่แต่งงานมีศรัทธามั่นคงใน พระพทุ ธศาสนา จงึ ออกบวชเปน็ พระภกิ ษสุ ว่ นนอ้ งชายไดแ้ ตง่ งานมคี รอบครวั ใชช้ ีวิตอย่างคฤหสั ถ์ผู้ครองเรอื นทว่ั ไป เม่อื ถงึ คราวทพ่ี ่อแม่แบ่งสมบัติก็ไดย้ ก สมบัติที่มีให้น้องชายท่านทั้งหมด ภรรยาของน้องชายท่านรู้ว่าท่านบวชอยู่ ก็รู้สึกไม่ม่ันใจว่าท่านจะบวชไปได้ตลอดชีวิตหรือไม่ ถ้าเกิดลาสิกขาสมบัติท่ี พ่อแม่ยกให้สามีตนอาจจะต้องถูกแบ่ง นางจึงคิดจะตัดไฟแต่ต้นลมจึงหาวิธี ก�ำจัดพระพี่ชายของสามีเสีย ในกาลน้ีนางได้ว่าจ้างโจรให้ไปฆ่าท่าน ภรรยา ของนอ้ งชายทา่ นหว่ งอนาคตของตวั เองและครอบครวั จงึ พยายามหาเหตเุ พอื่ ฆา่ ท่านให้ตาย สมบัติท่ีครอบครองไวจ้ ะไดไ้ ม่ถูกแบง่ โจรกลุ่มนร้ี บั จ้างฆ่าคน เมอ่ื รบั จา้ งแลว้ กไ็ ปลอ้ มพระเถระเอาไว้ และแจง้ แกพ่ ระเถระวา่ จะมาฆา่ ทา่ น เพราะมีคนจา้ งวานให้ทำ� สมยั ก่อนโจรกม็ ีสัจจะอยบู่ า้ ง พระเถระน้ันก็บอก วา่ เอาแบบนไ้ี ด้ม๊ยั ในคืนนพี้ วกท่านกอ็ ยตู่ รงนแ้ี หละ่ ขอเวลาสกั คืน เราไมไ่ ป ไหนหรอก โจรกก็ ลัวท่านจะหนีไปในยามราตรี เพราะไม่มีหลักประกันอะไร ทวี่ า่ ทา่ นจะอยู่ เพราะถ้าฆ่าไม่สำ� เรจ็ กอ็ าจจะไมไ่ ด้ผลตอบแทนคอื เงินค่าจ้าง พระเถระพยายามพดู หว่านลอ้ มใหโ้ จรเชื่อใจแต่ก็ไมไ่ ดผ้ ล ท่านจงึ ตดั สนิ ใจวา่ เราเอากอ้ นหนิ ทบุ หวั เขา่ ตวั เองจนลกู สะบา้ มนั แหลกละเอยี ดและมเี ลอื ดไหล

50 ออกอยู่ จากนน่ั กบ็ อกกบั โจรวา่ พอไหมหลกั ประกนั วา่ ยงั ไงเสยี ทา่ นกห็ นไี ปไม่ ไดแ้ นน่ อน มนั ทรมานแคไ่ หนกน็ กึ เอา อยา่ งบางคนปวดเขา่ กน็ งั่ ยกั แย่ ยกั ยนั ลกุ กไ็ มไ่ หว เดนิ กต็ อ้ งคำ�้ นกึ ภาพเอาเอง แตพ่ ระเถระนที้ บุ เขา่ ตวั เอง โจรบอก วา่ ท่านหนไี มไ่ ดแ้ ลว้ เพราะไม่สามารถเดนิ ไดแ้ ล้ว พระเถระก็น่งั อยกู่ บั ท่ี จาก นั้นท่านก็ก�ำหนดรู้ดูทุกขเวทนา ในกรณีน้ีมันปวดมากพอมันปวดถึงที่สุดมัน เหมือนกับจิตมันไม่ไปไหน มันไม่ออกนอกไปนู้นนี่ มุ่งอยู่ตรงที่อาการความ รสู้ กึ ทปี่ วดนน่ั เอง เมอ่ื นน้ั จติ จงึ มสี มาธิ เมอื่ มสี มาธจิ ติ จงึ เกดิ ปติ ิ เมอื่ เกดิ ปติ ใิ จ กอ็ มิ่ ใจกเ็ ตม็ ตอนนเ้ี สมอื นวา่ ลมื ทกุ ขเ์ กดิ ขนึ้ ภายในตนคอื ความเจบ็ ปวดไดแ้ ลว้ มแี ตป่ ตี ใี จพระเถระจงึ ตงั้ สตริ ะลกึ รไู้ ปทปี่ ตี นิ น่ั ขม่ จติ มปี ญั ญาเหน็ ปติ มิ อี าการ เกดิ ดบั ๆอยตู่ ลอดเวลา ประจกั ษแ์ จง้ ในความไมเ่ ทย่ี ง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ อนตั ตา จน นำ� ไปสกู่ ระบวนการในการละตณั หา มานะ ทฐิ ิ ละโลภะ โทสะ โมหะไดใ้ นทสี่ ดุ กเิ ลสทมี่ ไี มส่ ามารถเกาะยดึ กบั จติ ของทา่ นได้ เรยี กวา่ พอสดุ ทา้ ยจวนจะสวา่ ง แลว้ ทา่ นกไ็ ด้บรรลุธรรมข้นั สงู สดุ เปน็ พระอรหันต์ หมดกเิ ลส ละสังโยชนท์ ัง้ ๑๐ ได้โดยเด็ดขาด โดยอาศยั เหตุอันนน้ั พอสวา่ งกเ็ รยี กโจรมา โจรก็ทำ� ตาม สัญญา แต่นนั่ ทา่ นฆา่ กิเลสได้แลว้ เปน็ เพยี งเรือ่ งเล่าประกอบ ท่ีมาในคมั ภรี ์ อาจจะมีรายละเอียดมากกว่านี้ ในที่นี่เล่าประกอบพอให้ได้ใจความ เพื่อให้ นกั ปฏิบัติได้ตระหนักรู้อดทนและพากเพยี รพยายามก�ำหนดให้ยง่ิ ๆขน้ึ ไป ฉะนั้นในส่วนตรงน้ี มันเป็นวิบากของท่านเป็นภาวะจ�ำยอม จู่ๆ จะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook