คิดไปว่า การกระทำท่าทางที่ผิดวิธีในอิริยาบถต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มาถึงวันนี้ ร่างกายของเขาก็ยังแข็งแรงดี ไม่มีความเจ็บป่วย อะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย เขาจึงนึกไม่ออกว่า การระวังให้ อิริยาบถถูกต้องอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเจ็บไข้ ไต้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เมื่อใดความเสื่อมของอวัยวะ ที่เกิดจาก การใชอิริยาบถผิดวิธี ซึ่งสั่งสมมาจนถึงจุดที่อวัยวะนั้นไม่สามารถ ทำ งานไต้ตามป่กติ ความเจ็บป่วยย่อมบังเกิดขึ้นกับบุคคลกลุ่มนี้ อย่างแน่นอน และยากที่จะแกไขให้คืนกลับมาดีไต้ สำ หริบผู้มีปัญญา ย่อมตระหนักดีว่า ความเสื่อม ความชรา และความต้บไป่ของลังขาร แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาป่ระจำโลก แต่ก็ต้องไม่ไป่กระตุ้นให้ความเสื่อม ความชรา และความดับไป่ ของลังขารนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าป่กติ ทั้งยังเชื่อมั่นว่า การป่ฏิบัติต้ว เพื่อรักษาโครงสร้างของร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอนั้น เป็นวิธี ที่จะช่วยให้ดนมีอายุยืนยาว จนกระทั้งหมดอายุข้ยไป่ดามธรรมชาติ ครั้นเมื่อพิจารณาต่อไป่อีก ก็จะพบว่า ร่างกายนี้เป็น รังแห่งโรค และโรคร้ายเหล่านั้น พร้อมที่จะกำเริบเป็น ความเจ็บป๋วยได้ตลอดเวลา ผู้มีปัญญาจึงคอยระวังรักษา สุขภาพของดนให้แข็งแรงอยู่เสมอ ระแวงภัยแม้เพียงเล็กนัอย อิริยาบถที่ผิดเล็กๆ นัอยๆ ก็ไม่ป่ล่อยผ่าน เพราะดระหนักว่า อาจส่งผลให้ร่างกายเกิดความเจ็บป่วยไต้ในภายหลัง จึง ระวังรักษาอิริยาบถต่างๆ ของดน ให้ถูกต้องอยู่เสมอ เพราะ ป่ระจักษ์ชัดในความจริงว่า การปฏิบัติตัวเพื่อรักษาโครงสร้าง ของร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอ ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่ ๒๔๑ www.kalyanamitra.org
ตนเองสถานเดียว ไม่มีเส์อมเลย นับตั้งแต่มีสุขภาพแข็งแรง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ มีอายุขัยยืนยาว สามารถใช้ ร่างกายนี้สรางความดี สร่างบารมีไต้อย่างเต็มที่ สมกับที่ไต้เกิดมา เป็นมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็นการแกสติให้อยู่กับต้วดลอดเวลา ย่อมเป็นอุปการะในการปฏิบัติธรรม ให้เช้าถึงธรรมภายในตัว ไดโดยง่าย ฯลฯ เมื่อท่านผู้อ่านได้พิจารณาเห็นประโยชน์ของการรักษา โครงสร่างของร่างกายให้สมดุลว่า จะทำให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ท่านก็ด้องห้กดิบนิสัยไม่ดี นิสัยตามใจด้วเอง ให้เด็ดขาด แกสดีให้มั่นคง และแนใจรักษาอิริยาบถให้ถูกด้อง หมั่นบริหารร่างกาย หมั่นออกกำสังกาย ซาๆ ปอย ๆ ให้เกิด เป็นความเคยอิน ถึงขั้นที่ยามใดไม่ได้ทำก็จะรู้สิกว่า มีอะไร บางอย่างขาดหายไป หรือรู้สิกหงุดหงิดที่ไม่ได้ทำ เมื่อใดที่ เกิดความรู้สิกเซ่นนี้ ย่อมแสดงว่า การปฏิบัดีนี้นได้เกิด เป็นนิสัยแล้ว นิสัยการรักษาสุขภาพเซ่นนี้ จะคงอยู่ถาวรได้ต่อเมื่อ เรามีกำสังใจมั่นคง คบหากัลยาณมีดรที่คอยชักชวน ให้คำอิแนะให้กำลังใจ เป็นด้นแบบที่ดีที่งกันและกัน ที่สำ คัญ คัวเราเองด้องหมั่นนั่งสมาธิให้ใจผ่องใสอยู่เสมอ กำ ลังใจ ที่สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยดนเองจากสมาธินี้ จึงเกิดขึ้นอย่าง สมั่าเสมอไม่ขาดสาย ยิ่งไปกว่านั้น ยามใดที่เราเจ็บป่วยมีทุกขเวทนาแรงกล้า ใจ ที่แกดีแล้วเป็นสมาธิมั่นคง ย่อมสามารถบำบัดรักษาโรค ไอ๔๒ www.kalyanamitra.org
ให้ทุกขเวทนาทุเลาเบาบางลงหรือหายขาดได้เปีนอัศจรรย์ เหนือการคาดคะเน ดังมีตัวอย่างปรากฏในพระไตรปิฎก ในพระสูตรชื่อ \"คิริมานนทสูตร\"''°ว่า พระภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อ คิริมานนท์ ท่านอาพาธเป็นไข้หนัก ไดัรับทุกขเวทนามาก พระสัมมาส้มพุทธ เจ้า ได้ตรัสสั่ง พระอานนท์ใหไปเยี่ยมพระคิริมานนท์ แทนพระองค์ และทรง อธิบายขยายความ\"สัญญา ๑0 ประการ\"ให้แก่ พระอานนท์ โดย พิสดาร พร้อมทั้งทรงยืนยันว่า เมื่อพระคิริมานนท์ได้ฟัง พระธรรมเทศนานี้แล้ว อาการอาพาธของท่านก็จะสงบลงทันที ครั้นเมื่อพระคิริมานนท์ใต้ฟังสัญญา ๑๐ ประการ จาก พระอานนท์จบลง จึงฉุกคิดได้ทันทีว่า ตนกำสังได้รับการเตือนสติ 00 ^ อังคดดรนิกาย ทสกนิบาต มพาจุหาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๒๔ หน้า ๑๒๘-๑๓๓ ๒๔๓ www.kalyanamitra.org
จากพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ท่านจึงรีบรวมใจให้เป็นสมาธิทันที ครั้นแล้ว อาการอาพาธของท่านก็สงบลงอย่างฉับพสัน ไม่ต้อง ทนทุกขเวทนาต่อไปอีก ใจที่?เกสมาธิดีแล้ว ย่อมผ่องใส แม่ในเวลาที่ต้องละสังขาร จากโลก ย่อมมีสุคติเป็นที่ไป ดังพุทธพจน์ที่ว่า \"จิตเต อสังกิสิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป\"®® ทัายที่สุดนี้ ท่านผู้อ่านคงไต้เห็นแล้วว่า การฝึกตนให็มีนิสัยดี นอกจากจะช่วยให้สามารถเอาชนะกิเลสในใจตนเองไต้แล้ว ยัง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริม ให้ท่านสามารถรักษาสมดุล โครงสรัางของร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติตลอดเวลา ซึ่งจะส่งผล ให้ท่านมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สุขภาพแข็งแรงสมบูรถโของร่างกายนี้ จะเป็นอุปการะที่สำคัญต่อ การประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมภายในคัวไต้โดยง่าย ธรรมภายในคัวคือที่พึ่งอันปลอดภัยของคนเรา ใครก็ตามที่เข้าถึง ธรรมภายในตนเองอย่างมั่นคง ย่อมประสบสันติสุขอันไพบูลย์ ขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ก็จะอยู่เป็นสุขอย่างแห้จริง เมื่อถึงคราวที่ ต้องละโลก ย่อมมีสุคติเป็นที่ไป ครั้นเมื่อใดบารมีเต็มเ!!ยม สามารถขจัดกิเลสในต้วไต้หมดสิ้น ย่อมบรรลุพระนิพพาน ดามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหล่าพระอรห้นตสาวกทั้งปวง โดยไม่ยากเลย มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหาจุvทลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๑๒ หน้า ๖๒ ๒๔๔ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
การเกิดขึ้ฬ) ดั้งอยู่ แล้วก็ดับใปของสรรพรวิดทั้งปวง เป็นเรื่องประจำโลก เมื่อเรายังมีลมหายใจอยู่ ต้องใช้รวิดให้ดัมด่ากับที่ไดัเกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยการสร้างคุณความดี และการแสวงหาหนทางสู่พระนิพพาน ดังนั้น ร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บฟ้วย จึงมีคุณด่าประเสริฐอย่างยิ่ง ความสมคุลโครงสร้างของร่างกาย มีส่วนสำดัญยิ่งในการช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ดังนั้น จึงดัองหมั่นร้กษาสดีให้ดั้งมั่น เพื่อให้สามารถควบคุมภาวะสมคุลของร่างกายไร้เสมอ สดีจะดั้งมั่นได้ ดัองหมั่นแกควบคุมใจให้หยุดนิ่ง ด้วยการทำสมาธิ ควบคูใปกับกิจวัตร กิจกรรม ทุกอิริยาบถ จนเป็นนิสัย ๒๔๗ www.kalyanamitra.org
ภาคผนวก (พระสูตรที่นำมาอ้างอิง) คิริมาน้นทสูตร อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต มจร. เล่ม ๒๔ หน้า ๑๖๘-๑๓๓ ว่าด้วยการหายอาพาธของพระคิริมานนท์ [๖๐]สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประท้บอยู่ ณพระเซตะวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้นแล ท่านพระคิริมานนท์อาพาธ ได้รบทุกข์เป็นไข้ หนัก ท่านพระอานนท์จึงเข้าไปเฝึาพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั้ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผ้มีพระภาค ด้งนี้ว่า \"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระคิริมานนท์อาพาธ ได้รับ ทุกข์ เป็นไข้หนัก ขอประทานวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาค ได้ โปรดอนุเคราะห์ เสด็จไปเยี่ยมท่านพระคิริมานนท์ยังที่อยู่เถิด พระพุทธเจ้าข้า\" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า \"อานนท์ ถ้าเธอเข้าไปหาแล้ว กล่าว สัญญา ๑๐ ประการแก่คิริมานนท์ภิกษุ เป็นไปได้ที่การ อาพาธของคิริมานนท์ภิกษุ จะสงบระงับโดยฉบพสัน เพราะได้ฟัง สัญญา ๑๐ ประการนี้\" ๒๔๘ www.kalyanamitra.org
สัญญา ๑๐ ประการ อะไรบาง คือ ๑. อนิจจสัญญา ๒. อนัตตสัญญา ๓. อสุภสัญญา ๔. อาทีนวสัญญา ๕.ปหานสัญญา ๖. วิราคสัญญา ๗. นิโรธสัญญา ๘.สัพพโลเก อนภิรตสัญญา ๙. สัพพสังขาเรสุ อนิจจสัญญา ๑๐. อานาปานสติ อนิจจสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี พิจารณาว่า 'รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญา ไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง' เป็นผู้พิจารณาเห็น โดยความเป็นของไม่เที่ยงไนอุปาทานขันธ์ ๕ นี้อยู่อย่างนี้ นี้เรืยกว่า อนิจจสัญญา อนัดตสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือน ว่างก็ดี พิจารณาเห็นว่า ดาเป็นอนัดดา รูปเป็นอนัดดา หูเป็น อนัตตา เสียงเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัดดา กลิ่นเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็น อนัตตา ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เป็นผู้พิจารณา เห็น โดยความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งหลายที่เป็นภายใน และ ภายนอก ๖ ประการนี้อยู่อย่างนี้นี้เรืยกว่า อนัตตสัญญา อสุภสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายนี้เท่านั้น ตั้งแต่ ๒๔๙ www.kalyanamitra.org
พื้นเท้าขึ้นไป ตั้งแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไป ด้วยของไม่สะอาดมีประการต่างๆ ว่า ไนกายนี้มี ผมขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ไส์ใหญ่ ไส้นัอย อาหารใหม่ อาหารเกำ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ ม้นข้น นํ้าตา เปลวม้น นํ้าลาย นํ้ามูก ไขข้อ มูตร' เป็นผู้พิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่งามในกายนื้อยู่อย่างนื้ นื้เรียกว่า อสุภสัญญา อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนื้ ไปสู่ป้าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี พิจารณาเห็นว่า 'กายนื้มีทุกข์มาก มีโทษมาก เพราะ ฉะนั้น อาพาธต่างๆ จึงเกิดขึ้นในกายนื้คือ โรคดา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคศีรษะ โรคที่ใบหู โรคปาก โรคฟัน โรคไอ โรคหืด โรคไข้หวัด โรคไข้พิษ (ไข้ที่มีพิษกส้าทำ ใหัเชื่อมซึมไปไม่มีสร่าง)โรคไข้เชื่อมซึม(มีอาการซึมเซา มีนซึม คส้ายเป็นไข้) โรคท้อง โรคลมสลบ โรคลงแดง (โรคที่ถ่าย อุจจาระท้องเดินเป็นเลือด) โรคจุกเสียด โรคลงราก (ท้องเดิน และอาเจียน) โรคเรื้อน โรค'ฝื โรคกลาก โรคมองคร่อ (โรคหลอดลมโป่งพอง มีเสมหะแท้ง อยู่ในหลอดลม ทำ ใหัมี อาการไอเรื้อวัง) โรคลมบ้าหมู โรคหิดด้าน(สักษณะเป็นเม็ดสีขาว ใสเป็นเงาในเนื้อ ขึ้นดามผิวหนัง มีอาการ ปวดและคัน) โรคหิดเ!เอย (เมื่อเม็ดแดก มีนํ้าเหลืองไหลเยิ้ม) โรคคุดทะราด (ชื่อโรคดิดต่อชนิดหนึ่ง เป็นแผลเรื้อวัง บางราย แผลนั้นบาน เหวอะหวะออก มีกลิ่นเหม็น เป็นแม่แผล ไท้เกิดแผล อื่นจำพวก เดียวกันพุออกไปอีก)โรคหูด โรคละอองบวม โรคอาเจียนเป็นเลือด ๒๕๐ www.kalyanamitra.org
โรคดี โรคเบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง โรคริดสีดวง อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสลดเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีไข้สันนิบาต(คือ ความเจ็บเกิด แต่ดี เสมหะ และลม ทั้ง ๓ เจือกันไหโทษ)เป็นสมุฏฐาน อาพาธ ที่เกิดแต่ฤดูแปรปรวน อาพาธที่เกิดแต่การบริหารที่ไม่สมาเสมอ อาพาธที่เกิดแต่ความเพียรเกินกำสัง อาพาธที่เกิดแต่วิบาก ของกรรม ความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย ปวด อุจจาระ ปวดปัสสาวะ' เป็นผู้พิจารณาเห็นโดยความเป็นโทษ ในกายนี้อยู่อย่างนี้นี้เรียกว่า อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่รับกามวิตกที่เกิดขื้น ละ บรรเทา ทำ ให็'สิ้นสุด ทำ ให้ถึงความเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ไม่รับพยาบาท วิดกที่เกิดขึ้น ละ บรรเทา ทำ ให็สิ้นสุด ทำ ให้ถึง ความเกิดขึ้นไม่ไดอีกต่อไป ไม่รับวิหิงสาวิตกที่เกิดขึ้น ละ บรรเทา ทำ ให้สิ้นสุด ทำ ให้ถึงความเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป ไม่รับบาป อกุศลธรรมที่เกิดขึ้น แล้วเกิดขึ้นอีก ละ บรรเทา ทำ ไหสิ้นสุด ทำ ให้ถึงความเกิดขึ้นไม่ไดอีกต่อไป นี้เรียกว่า ปหานสัญญา วิราคสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้กิดี ไปสู่ เรีอนว่างก็ดี พิจารณาเห็นว่า 'ภาวะที่สงบ ประณีต คือความ ระงับ สังขารทั้งปวง ความสละคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง ความสิ้นไปแห่ง ตัณหา ความคลายกำหนัด นิพพาน'นี้เรียกว่า วิราคสัญญา ๒๕๑ www.kalyanamitra.org
นิโรธสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวิน้ยนี้ไปสู่ป่าก็ดี ไป่สู่โคนไม้ก็ดี ไป่สู่เรือนว่างก็ดี พิจารณาเห็นว่า 'ภาวะที่สงบ ป่ระณีต คือความ ระงับสังขารทั้งปวง ความสละคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง ความสิ้นไป แห่งตัณหา ความตับ นิพพาน'นี้เรืยกว่า นิโรธสัญญา สัพพโลเก อนภิรตสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละอุปาทานในโลกที่เป็นเหตุตั้งมั่น ยึดมั่น และเป็นอนุสัยแห่งจิต งดเว้นไม่ถือมั่น นี้เรืยกว่า สัพพโลเก อนภิรดสัญญา สัพพสังขาเรสุ อนิจจสัญญา เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมอึดอัด ระอา รังเกียจ ในสังขารทั้งปวง นี้เรืยกว่าสัพพสังขาเรสุ อนิจจสัญญา อานาปานสติ เป็นอย่างไร คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไป่สู่โคนไม้ก็ดี ไป่สู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ (นั่งพับขาเข้าหากันทั้ง ๒ ข้าง เรืยกว่า นั่งขัดสมาธิ) ตั้งกายตรง ดำ รงสติไว้เฉพาะหนัา (ตั้งสติ กำ หนด อารมณ์กัมมัฏฐาน)มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก อานาปานสติ ๑๖ ขั้น ๑. เมื่อหายใจเข้ายาวก็รูช้ดว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกยาวก็รัข้ดว่าหายใจออกยาว ๒. เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ชัดว่าหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้นกีรู้ชัดว่าหายใจออกสั้น ๒<£๒ www.kalyanamitra.org
๓. สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดกองลมทั้งปวง หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดกองลมทั้งปวง หายใจออก ๔. สำ เหนียกว่า จะระงับกายสังขาร หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะระงับกายสังขาร หายใจออก ๕. สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดปีติ หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดปีติ หายใจออก ๖. สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดสุข หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดสุข หายใจออก ๗. สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดจิดดสังขาร หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดจิดดสังขาร หายใจออก ๘. สำ เหนียกว่า จะระงับจิดดสังขาร หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะระงับจิดดสังขาร หายใจออก ๙. สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดจิด หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะรู้ชัดจิด หายใจออก ๑๐. สำ เหนียกว่า จะยังจิตให้บันเทิง หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะยังจิตให้บันเทิง หายใจออก ๑๑. สำ เหนียกว่า จะตั้งจิตมั่น หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะตั้งจิตมั่น หายใจออก ๑๒.สำ เหนียกว่า จะเปลื้องจิต หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะเปลื้องจิต หายใจออก ๑๓.สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง หายใจออก ๑๔.สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นความคลายออกได้ หาย ใจเข้า ๒๕๓ www.kalyanamitra.org
สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นความคลายออกได้ หายใจออก ๑๕. สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นความดับไป หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นความดับไป หายใจออก ๑๖. สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นความสละคืน หายใจเข้า สำ เหนียกว่า จะพิจารณาเห็นความสละคืน หายใจออก นี้เรียกว่า อานาปานสติ ถ้าเธอจะพึงเข้าไปหาแล้วกล่าวสัญญา ๑0 ประการนี้ แก่คิริมานนท์ภิกษุเป็นไปไดัที่อาพาธของคิรีมานนท็'ภิกษุนั้นจะ ระงับไปโดยฉับพล้นเพราะได้ฟังสัญญา ๑0 ประการน ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เรียนสัญญา ๑๐ ประการนี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเข้าไปหาท่านพระคิริมานนท์ถึงที่อยู่ กล่าวสัญญา ๑๐ ประการนี้แก่ท่านพระคิริมานนท์ ขณะนั้นเอง อาพาธของท่านพระคิริมานนท์สงบระงับลงโดยฉับพสัน เพราะ ได้ฟังสัญญา ๑๐ ประการนี ท่านพระคิริมานนท์ได้หายขาดจาก อาพาธนั้น อาพาธนั้น เป็นโรคอันท่านพระคิริมานนท์ละได้ อย่างนี้แล คิริมานันทสูตรที่ ๑๐ จบ จูฬถ้มมวิภ้งคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ มจร.เล่ม ๑๔ หนัา ๓๕๑ [๒๙๑] มาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม เป็นผู้เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วย ถ้อนตินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้างเพราะกรรมนั้น ที่ ๒๕๔ www.kalyanamitra.org
เขาให้บริบูรณ์ยึดมั่นไว้อย่างนั้น หลังจากตายแล้ว เขาจึง ไปเกิด ในอบาย ทุคติ วินิบาด นรก หลังจากตายแล้ว ล้าไม่ไปเกิด ในอบายทุคติ วินิบาต นรก กลับมาเกิดเป็นมนุษยึในที่ใดๆ เขาก็ จะเป็นผู้มีโรคมาก มาณพ การที่บุคคลเป็นผู้เบียด เบียนลัดว์ทั้งหลายด้วย ฝ่ามือบ้าง ด้วยล้อนตินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้าง นี้เป็นปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมืโรคมาก มาณพ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสตรีก็ตาม เป็น บุรุษก็ดาม เป็นผู้ใม่เบียดเบียนลัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยล้อนตินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้าง เพราะกรรมนั้น ที่เขาให้บริบูรณ์ยึดมั่นไว้อย่างนั้น หลังจากตายแล้ว เขาจึงไปเกิด ในสุคติโลกสวรรค์ หลังจากดายแล้ว ล้าไม่ไปเกิด ในสุคติโลก สวรรค์ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในที่ใดๆ เขาก็จะเป็นผู้มืโรคน้อย มาณพ การที่บุคคลเป็นผู้!ม่เบียดเบียนลัดว์ทั้งหลาย ด้วย ฝ่ามือบ้าง ด้วยล้อนตินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้าง นี้เป็น ปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความมืโรคน้อย สารีปุตตเถรคาถา ขุททกนิกาย เถรคาถา มจร. เล่ม ๒๖ หน้า ๕๐๐ [๙๘๒] ภิกษุ เมื่อฉันอาหารสดก็ดาม แห้งก็ตาม ไม่พึง ฉันให้อิ่มเกินไป ไม่พึงฉันให้น้อยเกินไป พึงฉันแต่พอประมาณ พึงมืสติอยู่ [๙๘๓]พึงเลิกฉันก่อนอิ่ม ๔-๕ คำ แล้วดื่มนั้าเท่านี้ก็เพึยง พอ เพื่ออย่ผาสกของภิกษผ้มืใจเด็ดเดื่ยวม่งนิพพาน ๒๕๕ www.kalyanamitra.org
มหาธ้มมสมาทานสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มจร. เล่ม ๑๒ หน้า ๕๒๔ [๔๘๔]ภิกษุทั้งหลาย ๓. เปรียบเหมือนนํ้ามูตรเน่าที่ผสมด้วยยาต่างๆ บุรุษที่ เปีนโรคผอมเหลือง มาถึงพวกชาวบ้านบอกเขาว่า 'บุรุษผู้เจริญ นํ้ามูตรเน่าผสมด้วยยาต่างๆ นี้ถ้าท่านหว้งจะดื่ม ก็ดื่มเถิด นํ้ามูตร เน่านั้น จักไม่ทำใหท่านผู้ดื่มพอใจ ทั้งสี กลิ่น และรส ครั้นท่าน ดื่มเข้าไปแล้วก็จักมืสุข' บุรุษนั้น พิจารณาแล้วดื่มมิได้วาง นั้ามูตรเน่านั้นก็ไม่ทำให้เขาผู้ดื่มพอใจ ทั้งสี กลิ่น และรส ครั้นดื่ม แล้วก็มืสุข แบ้ฉันใด เรากล่าวว่า การสมาทานธรรมนี้ ที่มืทุกข์ ในปัจจุบันแต่มืสุขเป็นวิบากในอนาคต มีอุปมาฉันนั้น มหาธัมมสมาทานสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มก. เล่ม ๑๙ หน้า ๓๘๔ คำว่า \"นั้ามูตรเน่า\" ก็คือนั้ามูดรนั้นแหละ เหมือนอย่างว่า ร่างกายของคนเราต่อให้เป็นสีทอง ก็ยังถูกเรียกว่า ตายเน่า อยู่นั้นแหละ และเถาอ่อนที่แบ้แต่เพิ่งเกิดในวันนั้นก็ย่อมถูกเรียกว่า เถาอ่อนอยู่นั้นแหละ ฉันใด นั้ามูตรอ่อนๆ ที่รองเอาไว่ในทันทีทัน ใด ก็เป็นนํ้ามูตรเน่าอยู่นั้นเองฉันนั้น คำว่า \"ด้วยตัวยาต่างๆ\" คือ ด้วยตัวยานานาชนิดมืสมอและมะขามป้อมเป็นด้น คำว่า \"จงเป็นสข\" คือจงเป็นผ้มืสขไร่โรค มืสีเหมือนทอง คิลานวัตถุกถา พระวิน้ยปิฎก มหาวรรค มจร. เล่ม ๕ หน้า ๒๔๑ เรื่องคนไข้ที่พยาบาลได้ยากและพยาบาลได้ง่าย ๒๕๖ www.kalyanamitra.org
คนไข้ที่พยาบาลได้ยากมีอาการ ๕ อย่าง [๓๖๖] ภิกษุทั้งหลาย คนไข้ที่มีอาการ ๕ อย่าง พยาบาล ได้ยาก คือ ๑.ไม่ทำความสบาย ๒.ไม่รู้ประมาณในความสบาย ๓.ไม่ฉันยา ๔.ไม่บอกอาการไข้ตามเปีนจริง แก่ผู้พยาบาลไข้ที่มุ่ง ประโยชน์ คือไม่บอกอาการไข้ที่กำเริบว่ากำเริบ อาการไข้ที่ทุเลา ว่าทุเลา อาการไข้ที่ทรงอยู่ว่าทรงอยู่ ๕.เปีนคนไม่อดทนความรูสึกทางกายที่เกิดขึ้น เป็นทุกข์ แสนสาหัส กล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ แทบจะคร่า ชีวิด ภิกษุทั้งหลาย คนไข้ที่มีอาการ ๕อย่างนี้แล พยาบาลได้ยาก สิริมัณฑเถรคาถา ขุททกนิกาย เถรคาถา มจร. เล่ม ๒๖ หน้า ๔๑๖ ภาษิดฃองท่านพระสิริมัณฑเถระ [๔๔๘] ล้ดว็โลกถูกมัจจุราชคอยขจัด ถูกชรารุมล้อม ถูก ลูกศรคือตัณหาคอยที่มแทง ทั้งถูกความอยากแผดเผาดลอดกาล [๔๔๙]สัดว์โลก ถูกมัจจุราชคอยขจัด และถูกชรารุมล้อม ไม่มีที่พึ่ง ถูกเบียดเบียนอยู่เป็นนิดย์ เหมือนโจรถูกลงอาชญา [๔๕๐]ชรา พยาธิ มรณะ ทั้ง ๓ เปรียบเหมือนกองไฟ ย่อมมายั้ายีสัดว็โลกนี้ ส้ดว็โลกนี้ไม่มืกำลังที่จะต่อสู้ ทั้งไม่มืความ เร็วที่จะหนีไป [๔๕๑]บุคคลควรท่าวันคืนไม่ไหไร้ประโยน์ ด้วยการใส่ใจ ถึงวิปัสสนาไม่ว่าน้อยหรีอมาก ชีวิดของผู้ที่ผ่านวันคืนไปเท่าใด ๒๕๗ www.kalyanamitra.org
ก็เป็นอันพร่องไปเท่านั้น [๔๕๒]วันคืนสุดท้าย ย่อมคืบคลานเข้าไปใกล้บุคคล ทุก อิริยาบถ คือ ยืน เดิน นั้ง หรือนอน เพราะฉะนั้น ท่าน ไม่พึง ประมาทกาลเวลา อุตตราเถรีวัตถุ ขุททกนิกาย ธรรมบท มจร. เล่ม ๒๕ หน้า ๗๘ [๑๔๘] ร่างกายนี้แก่หง่อมแล้ว เป็นวังของโรค มีแต่จะ ทรุดโทรมลงไป ร่างกายที่เน่าเ!เอยนี้ก็จะแตกดับไป เพราะ ชีวิต มีความตายเป็นที่สุด วัตถูปมสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์มจร. เล่ม ๑๒ หน้า ๖๒ [๗๐]ข้าพเจ้าไดัสดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประท้บอยู่ ณพระเซตวันอาราม ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มี พระภาคได้วับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตวัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย\" ภิกษุเหล่านั้นทูลวับสนองพระดำวัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ ตวัส เรื่องนี้ว่า \"ภิกษุทั้งหลาย ช่างย้อมผ้าจะพึงนำผ้าที่สกปรก เปรอะ เฟ้อน ใส่ลงในนํ้าย้อมสีคือ สีเขียว สีเหลือง สีแตง หรีอสีชมพู ผ้าผืน นั้นจะพึงเป็นผ้าที่ย้อมไดํไม่ดี มีสีไม่สตใส ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะผ้าผืนนั้นเป็นผ้าที่ไม่สะอาด แมัฉันใต เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติก็เป็นอันหวังได้ฉันนั้นเหมีอนกัน ช่างย้อมผ้า จะพึงนำผ้า ที่สะอาดหมดจด ใส่ลงในนั้าย้อมสี คือ สีเขียว สีเหลือง สีแตง หรีอ ๒๕๘ www.kalyanamitra.org
สีชมพู ผ้าผืนนั้นจะพึงเป็นผ้าที่ย้อมได้ดี มีสีสดใส ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะผ้าผืนนั้นเป็นผ้าที่สะอาด แม้ฉันใด เมื่อจิต ไม่เศร้าหมอง สุคติก็เป็นอันหวังได้ ฉันนั้นเหมือนกัน ปเสนฑิโกสลวัตถ ขุททกนิกาย ธรรมบท มจร. เล่ม ๒๕ หน้า ๙๖ (พระผ้มืพระภาคดรัสพระคาถานี้แก่พระเจ้าปเสนทิโกศล ด้งนี้) [๒๐๔]ความไม่มืโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง ความสันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ๒๕๙ www.kalyanamitra.org
บรรณานุกรม ภาษาไทย ๑. นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ. ตำ ราการตรวจรักษาโรคทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ ๓.กรุงเทพฯ : สำ นักพิมพ์หมอชาวบาน,๒๕๔๔. ๒. นพ.อุดมศิลป็ ศรีแสงนาม. วิ่ง...สู่วิถีชีวิตใหม่. กรุงเทพฯ : สำ นักพิมพ์หมอชาวบ้าน, ๒๕๒๙. ๓. พระไตรปิฎกฉบ้บภาษาไทย. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณ- ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙. ๔. พระไตรปิฎกฉบ้บภาษาไทย. กรุงเทพฯ : มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖. ๕. มีชัย ศรีใส. ประสาทกายวิภาคศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ ๔.กรุงเทพฯ ะ Year Book Publisher Co.,ltd. , ๒๕๔๖. ๖. ราตรี สุตทรวง และวีระชัย สิงหนิยม. ประสาทสรีรวิทยา. พิมพ์ครั้งที่๔.กรุงเทพฯ : สำ นักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๕. ๗. วิไล ชีนธเนศ และคณะ. Chula's Atlas of Basic Human Anatomy. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ ะ โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๗. ๘. สนั่น สุขวัจน์และคณะ.กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา.พิมพ์ครั้งที่ ๑๒.กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์อักษรลัมพันธ์,๒๕๒๓. ๙.สุธี สุทัศน์ณ อยุธยา และคณะ.กายวิภาคศาสตร์ระบบ การเคลื่อน ไหว.พิมพ์ครั้งที่ ๒.กรุงเทพฯ:สำ นักพิมพ์เมติคัล มีเดีย,๒๕๓๓. ๒๖๐ www.kalyanamitra.org
ภาษาอังกฤษ 1. Anne M.R. AGUR. Grant' ร Atlas of Anatomy. 9*^ ed. USA ะ Williams & Wilkins, 1991. 2. Esther Myers.Yoca and You.1®^ ed.Canada:Random House of Canada Limited, 1996. 3. G.J. Romanes. Cunningham's Textbook of Anatomy. 11*^ ed. Oxford : Oxford Medical Publication, 1971. 4. KIT Laughlin. Overcome Neck & Back Pain. 1®' ed. Australia : Publish by arrangement with Simen & Schuster Australia, 1998. 5. Mary Pullig Schatz, M.D. Back Care Basics. 1®^ ed. Califomia ะ Rodmell Press Berkelery, 1992. 6. Mike Mage, MS, PT. The Back Pain Book. 4'^ ed. Atlanta ะ Peachtree Publishers, Ltd, 1994. 7. Julius Panero, Martin Zelnik. Human Dimension & Interior Space. 1®* ed. New York ะ Watson-Guptill Publications, 1979. 8. Walter F.Boron, Emile L.Boulpaep. Medical Physiology. 1®* ed. USA : Elsevier Science, 2003. ๒๖๑ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273