Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขภาพนักสร้างบารมี

สุขภาพนักสร้างบารมี

Description: สุขภาพนักสร้างบารมี

Search

Read the Text Version

จะยาแย่ขนาดไหน ถ้าใครเคยกินเนื้อแดดเดียวหรือเนื้อวัวแช่ นํ้าปลาดากแดดไวัสักหนึ่งแดด จะรู้ว่า รสชาติของเนื้อแดดเดียว มีความเค็มของนํ้าปลาอยู่ในเนื้อวัวนั้นอร่อยทั้งหวานทั้งเค็มอยู่ในตัว เนื้อเราก็เช่นกัน แช่อยู่ในปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกสับเข้าไป ในเสันเลือดนานๆ ปัสสาวะไตัซึมซาบปนเข้าเนื้อของเราเหมีอน เนื้อแดดเดียวนั้นเอง ผลสุดท้ายของเสียในปัสสาวะทำให้ร่างกายของเรา ทำ งานผิดปกติ เช่น ลมพิษก็เป็นง่าย สิวก็ขื้นง่าย นํ้าเหลือง ก็เสียง่าย เม็ดผื่นที่สองข้างขาหนีบขึ้นง่าย ภูมิแพ้ บางครั้ง ยุงกัดก็บวม บางครั้งกินอาหารทะเลหรือกินอะไรผิดไปหน่อย ผื่นเห่อขึ้นมาเชียว บางทีอึดอัดหายใจไม่ค่อยออก เป็นตัน หลวงพ่อเองเคยเป็นมาตั้งแต่ก่อนบวช ดกกลางคืนมันตัน มากจน แสบยาแก่โรคผื่นตัน ในท้องตลาดรู้จักหมด ทดลองหมด ทุกยี่ห้อ ก็ไม่หายตันบางทีก็นีกว่าไอัตัวตันๆ ถ้าเป็นคนลุกขึ้นมาไตั ให้ตัวเท่าข้าง พ่อจะเตะเสียให้ควาเลย รวมทั้ง เป็นโรคภูมิแพ้จาม พิดฟัดๆ สั่งนั้ามูกดลอด ไม่ว่าอะไรก็แพ้หมด กลิ่นอะไรสักนิดก็แพ้ ยาฆ่าแมลงที่ฉีดไวัเมื่อสามสี่วันที่แล้ว เตินผ่านเข้าไปในบริเวณ นั้นก็แพ้เพราะว่ามันมีพิษตกตัางอยู่ แม่ไปงานศพ เวลาเขาเผาศพ มีกลิ่นออกมาก็แพ้ นีกในใจอีกหน่อยคงจะอยู่กับคนไม่ได้ แค่ ใครผายลมก็คงจะแพ้ บางทีนอนไม่หสับเพราะอาการตัน ก็ เพ้อเจัอเลยเถิดไปว่า เราก็สร่างบุญมาขนาดนื้แสัว ทำ ไมบุญมาช่วย ข้าจัง หรือวาสนาการสร่างบารมีของเราจะหมดเสียแล้ว นีกเพ้อเจัอ ทำ นองนื้ แต่ไม่ไตันีกหรอกว่าตัวเองกินไม่เป็น ถ่ายอุจจาระไม่เป็น ปัสสาวะไม่เป็น ผลสุดท้ายถึงได้ลำบากสารพ้ดอยู่อย่างนื้ ๔๐ www.kalyanamitra.org

เมอคอยเฝืาสังเกตก็ทราบถึงสาเหตุว่า เวลาทายาไปแล้ว ก็หายได้พักหนึ่ง เมื่อเดินทางแล้วรถไปติด จึงด้องอั้นปัสสาวะพอ กสับมารู้สึกหน่วงๆ หน้าท้อง แต่คืนนั้นย้งไม่เป็นไร พอ ข้ามมาอีกคืนเท่านั้น คันขึ้นมาเลย กว่าจะทราบถึงสาเหตุว่า อาการต่างๆ เกิดจากการอั้นปัสสาวะ ก็เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุ ประมาณ ๒๐ ปี มาจับทิศได้ถูกทางเมื่ออายุ ๔๐ ปี ทรมาน อยู่ ๒๐ ปี เพราะว่าช่วงวัยรุ่นเป็นน้กกีพา ลงสนามไปแข่งกีฬา ตั้งแต่ ปายโมง กว่าจะออกจากสนามได้ก็ประมาณ ๕ โมงเย็น จึงด้อง อั้นปัสสาวะตั้งแต่ปายโมงถึงห้าโมงเย็น เข้าสู่วัยผู1หญ่ ก็ทำ งาน แบบหามรุ่งหามคา และติดนิสัยอั้นปัสสาวะครั้งละนานๆ ตั้งแต่ สมัยวัยรุ่น จึงด้องมาลำบากโดยใช่เหตุเช่นนี้ กลิ่นตัวแรง เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ ของเสียที่ถูกดูดซึมย้อนกสับเข้าไป ในเสันเลือด กลายเป็นทั้งเนี้อทั้งตัวแช่ปัสสาวะ ทำ ให้คนนั้นมี กลิ่นตัวแรง ถ้าใAjดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คนอั้นปัสสาวะเหมีอน ทั้งร่างกายเป็นกระโถนใส่ปัสสาวะเคลื่อนที่ได้นั้นเอง นิ่ว เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ แคลเซี่ยมที่เป็นส่วนประกอบใน ปัสสาวะ จะดกด้างอยู่ในระบบ ทางเดิน ปัสสาวะ ผลต่อไปข้างหน้า คือ เป็นนิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะ หรือนิ่วใน ท่อได หรือนิ่วในไดได้ ใครที่เคยเทกระโถนให้ผู้เฒ่าคงจะสังเกดเห็นว่า กระโถนที่ใข้เกิน หนึ่งเดือน ก็จะมีคราบหินปูนเกาะคราบหินปูนนั้น คือ แคลเซี่ยม ที่ดกด้างจากปัสสาวะนั้นเอง ๔๑ www.kalyanamitra.org

กระเพาะปัสสาวะเกร็ง ใครที่อนปัสสาวะไว้บ่อยๆ กล้ามเนื้อและพังผืดบริเวณ ที่กระเพาะปัสสาวะ จะเกร็ง เมื่อเกร็งแล้วมันจึงไม่ฟู ทำ ให้กระเพาะ ปัสสาวะหดตัวมีขนาดเล็กลง ความสามารถในการเก็บปัสสาวะ ของมันก็ลดลง สมมุติว่า เคยเก็บไตั ๕๐๐ ซี.ซี. อาจจะเก็บไตัเหลือแค่ ๒๕๐ ซี.ซี. เมื่อเก็บไตัน้อยลงครึ่งต่อครึ่ง ก็จะทำให้เราเป็นโรคปวด ปัสสาวะปอย วิธีป้องกันก็อย่าไปอั้นปัสสาวะไว้นานๆ และวิธีแกไขโดย การออกกายบริหารให้มากสักหน่อย จะกระโดดเชือก หรือเตะลม หรือโยคะ หรืออะไรก็ตามที แต่ตัองทำให้มากพอ อย่างน้อย ตัองต่อเนื่องกันไม่ตากว่าครึ่งชั่วโมง ถ้าทำอย่างนื้กล้ามเนื้อ และพังผืด บริเวณกระเพาะปัสสาวะ ที่เกร็งตัวอยู่จะคลาย เมื่อมันคลายเต็มที่ แล้ว ความสามารถในการเก็บปัสสาวะก็จะกสับคืนมา เก็บปัสสาวะ ได้มากขี้นจนเป็นปกติตามเติม วิธีที่ไตัผลเร็วมาก อีกวิธีหนื่งคือหาก วันไหนอั้นปัสสาวะนานๆ ก่อนนอนไหใครที่นวดเป็น นวดบริเวณ ท้องน้อย และบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บ(กระดูกที่อยู่ ระหว่างถ้น ทั้งสองข้าง) จะช่วยให้อาการเกร็งตัว ของกระเพาะ ปัสสาวะคลาย ตัวลงได้เร็ว นั่งสมาธิไดไม่ดี คุณยายอาจารย์มหารัดนอุบาสิกา จันทร์ ขนนกยูง ได้พูด เตือนหลวงพ่อไว้ว่า \"หลวงพ่อทัตตะ การอั้นปัสสาวะนานๆ ต่อไปจะทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยแล้ว tinสมาธิไม่ก้าวหน้า\" คำ เตือนของคุณยายฯ ย่อมมีน้ยว่า ใครที่นื่งสมาธิแล้ว ยังเข้าไม่ถึง ๔๒ www.kalyanamitra.org

องค์พระ หากยังไม่เลิกอั้นปัสสาวะ นานๆ ชาตินี้ก็จะเข้าไม่ถึง ที่เข้าถึงแล้วก็จะไม่แตกฉาน จะไม่กาวหน้าต่อไปอีก จะเห็นได้ว่า แค่ไม่ระวังในเรื่องของการอั้นปัสสาวะซึ่งเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ ก็เป็นอุปสรรคต่อการ ปฏิปัติธรรมของพวกเราอย่างมหันต์ ผลเสียของการอั้นอุจจาระ ล้กษณะเฉพาะของอุจจาระที่สำคัญมี ๒ อย่าง คือ ๑. มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว มันไม่ได้แข็งโป็ก เหมีอน อย่างลูกกระสุนยิงนก แล้วมันก็ไม่ใช่เหลวเละจนปันก้อนไม่ติด ลักษณะของอุจจาระที่ปกติคือกึ่งแข็งกึ่งเหลว ๒. มีกลิ่นเหม็น แต่ไม่มีกลิ่นเน่า กลิ่นเหม็นก้บกลิ่นเน่า มันต่างก้น กลิ่นเหม็นเป็นธรรมดาของอุจจาระ เหม็นเพราะมี แก๊สเจือปน เช่น แก็สบิวเทนและแก็สมีเทน แต่ว่ากลิ่นเน่า อีก อย่างหนึ่ง ขอใหัส้งเกดกลิ่นอุจจาระในกระโถน ขณะที่อุจจาระลง ไปใหม่ ๆในกระโถนนั่นแค่กลิ่นเหม็น แต่ถ้าทิ้งไว่ในกระโถน สักสองวัน นั่นกลิ่นอุจจาระเน่า ของเสียเข้าเส้นเลือด เมื่อมีอาการปวดอุจจาระ แล้วเราอั้นเอาไวันานๆ นํ้าที่ปนอยู่ ในอุจจาระ ซึ่งทำใหัอุจจาระมีสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว จะถูกดูดซึมกลับ เข้าไปในเสันเลือด เช่นเดียวก้มการอั้นปัสสาวะ ของเสียที่จะด้อง ขับทิ้ง ถูกดูดซึมกลับเข้าไปในเสนเลือด ผลที่ดามมาเป็นลูกโซ่ก็คือ โลหิดเสีย เลือดน้อย คับร้อนไดร้อนโรคภูมิแพ กลิ่นคัวแรง เป็นด้น ๔๓ www.kalyanamitra.org

ท้องผูกสลับท้องเสีย การอั้นอุจจาระเอาไว้นานๆ นํ้าจากอุจจาระจะถูกดูดซึม กลับเข้าไปในเส้นเลือด อุจจาระจึงแข็ง ถ่ายออกยาก ดีไม่ดีต้อง แคะออกเพราะว่ามันค้างอยู่นาน อุจจาระที่แข็งมาก เมื่อพยายาม ถ่ายออกมาก็จะไปครูดกับผิวของทวารหนัก นี่คือที่มาของ โรคริดสีดวงทวารหนัก อุจจาระแข็งที่ถูกอั้นเอาไว้หลายว้น จะถูกแบคทีเรียที่อาศัย อยู่ในลำไส้เข้าไปก็น แส้วก็ข้บสารพิษ (Toxic) ออกมา ทำ ให้ อุจจาระเน่าและเกิดอาการห้องเสีย ขับถ่ายพรวดพราดออกมา กลyินเหมน็ันเน.่ามาก เพราะฉะนัะนโใครทjมlีiอาการเดJยวก็ห้องผูก เดี๋ยวก็ห้องเสียสลับกัน พิงรูเถิดว่า สาเหตุหนี่งคือ การอั้นอุจจาระ นาน ส่วนโรคภ้ยไข้เจ็บอื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากนัอยแค่ไหน ก็ขี้นอย่กับความประมาทของผ้นั้น <บ •น ๔๔ www.kalyanamitra.org

t />■// \"C v /A «JJ.. ร=5พ5;รพพพฺ ๔๕ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ท้องผูก-ริดสีดวงทวารหนัก โรคท้องผูก สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรคท้องผูก ได้แก่ ๑. ร่างกายขาดนํ้า ดื่มนํ้าน้อย หรือบางทีแม้ดื่มนํ้ามาก แต่เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเก็บนํ้าไวใด้ ก็ทำ ให้ขาดนํ้า สาเหตุที่เก็บนํ้าไม่ได้ ก็เพราะ เราไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจึงไม่ฟูทำให้เก็บนํ้าไวไม่ได้หรือมิฉะนั้น การดื่มนั้าเย็นจัด เช่นนั้าใส่นํ้าแข็ง ก็ทำ ให้ร่างกายไม่เก็บนั้า หรือการอยู่หน้า เดาไฟ หน้าตู้อบนานๆ ความร้อนจากเดาไฟ จากตู้อบ ดึงนั้าในด้ว ออกไป แต่เจ้าตัวยังดื่มนั้าในปริมาณเท่าเดิม ผลที่ดามมาก็คือ มีอาการท้องผูก ๒.ไม่ชอบรับประทานพืชผักผลไม้ ชอบกินแต่อาหาร ประเภทเนื้อหรือพวกอาหารที่มีกากน้อย แต่ไม่กินผักผลไม้ ที่ มีกากมาก ใครที่เคยล้างท่อหรือล้างขวดจะเข้าใจได้ดึว่า ถ้าจะให้ท่อหรือขวดเกลี้ยง เขาด้องใข้แปรงข้ดด้ามยาว ๆ ล้วงเข้าไปข้ดในท่อหรือในขวด แต่ลำไล้ของเรายาวกว่าขวด แล้วจะใข้แปรงอะไรสอดเข้าไปล้างลำไล้ ก็ใข้เส้นใยจากพืช ผักผลไม้ที่กินเข้าไป เพื่อไปทำหน้าที่ครูดเอาของเสียออกจาก ผน้งลำไส้ พืชผักผลไม้จึงเป็นเสมีอนแปรงล้างลำไส้ของ คนเรานั้นเอง ๔๗ www.kalyanamitra.org

๓. อั้นอุจจาระนานๆ การอั้นอุจจาระไว้นานๆ เป็นผล ให้นํ้าที่มีอยู่ในอุจจาระถูกลำไส้ใหญ่ดูดซึมกลับเข้าไปใน เส้นเลือด หลังจากนํ้าถูกดูดซึมออกจากอุจจาระ อุจจาระก็จะแข็ง ท้องจึงผูก เพราะฉะนั้นอย่าถ่ายอุจจาระผิดเวลาโดยใช่เหตุ ถึงเวลาเมื่อไร ไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ช่าง ขอเวลาไปถ่ายกํอน เรื่องอื่นเดี้ยวค่อยว่ากัน ๔.ไม่ชอบออกกำลังกาย ยิ่งถ้านอนเฉยๆ หรือนั้งเฉยๆ เป็นเวลานานๆ จะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ค่อยบีบตัว อุจจาระก็ค้าง อยู่ในลำไส้ใหญ่ติดต่อกันหลายว้น จึงเกิดอาการท้องผูกขื้น หากทิ้งไว้นานๆ ท้องจะเสียตามมา เพราะอุจจาระที่ดกค้างเน่า คนท้องผูกอย่างหน้กจะแกไขได้อย่างไร วิธีแกํไขอาการท้องผูกอย่างหนักอาจทำได้๓ วิธีตังนี้ วิธีที่ ๑ เป็นวิธีง่ายๆ ตามแบบโบราณ กล่าวคือ เมื่อตื่นขื้น ในตอนเข้า แล้วก็ชงนั้าชา ใส่ใบชาลงไปนิดหน่อยเพียงแค่มีกลิ่น นั้งตื่มนํ้าชาอ่อนๆ อุ่นๆ ถึงแม้จะตื่มนั้าชาหมดไปกาสองกา ถ้า ยังไม่ปวดอุจจาระก็ไม่เลิกดื่ม ดื่มนั้าชาไปก็ออกกายบริหารเบาๆ ไป ไม่เร่งไม่ร้อน เดี๋ยวก็ปวดอุจจาระจนไค้ เมื่อปวดแล้วก็ ให้รืบไปข้บถ่ายเสีย ถ้าหากว้นแรกยังไม่ถ่ายก็อย่าเพิ่งท้อ ทำ ติดต่อกันไม่เกิน ๓ ว้น ก็ ถ่ายจนได้ และกลายเป็นนิสัย ถ่ายแต่ เข้าโดยลัดโนม้ติ วิธีที่ ๒ การไข้ยาระบาย ยาระบายควรอยู่ในรูปอาหาร เช่น มะขามเปียก (มะขามเปรี้ยวดีกว่ามะขามหวาน) ยอดชุมเห็ดเทศ เป็นตัน ยาระบายที่อย่ในรปอาหารจะมีคณค่ามากกว่ายาถ่าย ๔๘ www.kalyanamitra.org

จากร้านขายยา เพราะการใช้ยาถ่ายจากร้านขายยานานๆ ไป จะทำไหตดยาถ่าย ถ้าไม่กินยาก็ไม่ถ่าย วิรที่ ๓ การสร้างกล้ามเนื้อหรดที่ทวารหนัก วิธีนื้ทำ ได' ข่'น โดยการออกกำล้งที่ปากทวารหนัก กล่าวคือ ถ้ามีอาการท้องผูก เมื่อถึงคราวปวดอุจจาระ แต่อุจจาระแข็งมากจนเปงถ่ายไม่ออก ก็ให้เปงไม่แรงนักแล้วก็ขมิบ เปงนิดเดียวแล้วก็ฃมิบ (ไม่ใช่เปง หนัาเขียวหน้าเหลือง) ถ้ายังไม่ออกก็ใช้หัวฉีดนํ้าล้างก้น ฉีดนํ้าไป ที่ปากทวารหนัก เพื่อใหันํ้าเช้าไปช่วยหล่อลื่น ทำ สล้บกับการเปง แล้วขมีบจนกว่าจะถ่ายออก ทำ นองเดียวกับการถอนต้นเสา คือ ใส่นํ้าลงไปบริเวณโคนเสาใหัมากพอ แล้วโยกต้นเสาไปมา จึงถอน ดึงขึ้น ถ้าโยกหนัาโยกหล้งแล้วยังไม่ออก ก็เติมนํ้าลงไปอีก โยกซ้าย โยกขวาแล้วก็ดึงขึ้น ทำ สลับไปมาอย่างนื้จนกว่าจะถอนเสาขึ้นไต้ การเบ่งพรวดเดียวไม่ไต้ช่วยให้ลำไสไต้มีโอกาสออกกำลัง แต่การ เบ่งแล้วฃมีบเป็นการใช้กำลังที่ทวารหนักมาช่วยลำไล้ และในที่สุด กล้ามเนื้อหรดที่ปากทวารหนักก็จะมีกำลังตามมาต้วย ถ้าทำอย่างนื้ ข่ขํ ไม่นานอาการท้องผูกจะคลายลง เพราะทั้งลำไสใหญ่และกล้ามเนื้อ โดยรอบทวารหนัก มีกำ ลังพอที่จะขับอุจจาระต้วยดนเองไต้ ริดสีดวงทวารหนัก ผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง จะเป็นเหตุใหโรคริดสีดวง ทวารหนักเกิดตามมาไต้ง่าย เพราะฉะนั้นผู้ที่ดูแลต้วเองเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้ท้องผูกเป็นอันขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริดสีดวง ทวารหนักไต้ แต่ทว่าเมื่อมีอาการริดสีดวงทวารหนักเกิดขึ้น มีวิธี ดแลรักษาต้วยตนเอง ดังนื้ ๔๙ www.kalyanamitra.org

๑.ถ้าใครมีอาการอักเสบที่บริเวณทวารหนัก เช่น ปากทวารหนักบวมเป๋งปอยๆ ทั้งปวดและเจ็บจนแทบถ้าวขาไม่ออก วิธีแกใขขั้นต้นอย่างง่ายๆ ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาลงไต้ภายใน ไม่กี่นาที คือ เอามะกรูดแก่ๆผลหนงมาอังไฟ อาจจะใช่โคมไฟดูหนังสือ ก็ไต้โคมไฟที่มีความร้อนขนาด ๘๐ วัตต์กำลังดี (ถ้าไม่มี ๘๐ วัดต์ จะใช่ ๑๐๐ วดตกได หรออย่างนอยตอง ๖๐ วตด) องพออุ่นๆ แลัวลองใช่หลังมีอแตะดู เมื่อรูสิกว่าอุ่นพอทนไต้ ก็ใช่มะกรูดอุ่นๆ นั้นนาบที่บริเวณทวารหนัก พอลูกมะกรูดเย็นลงก็เอามาอังไฟใหม่ แลัวก็ไปนาบอีก ทำ สลับกันไปเช่นนี้ประมาณ ๑๐ นาที เราก็จะรูสืกต้วยตัวเองเลยว่า ส่วนที่บวมอักเสบจะยุบ อย่างนัอย๒๐ ถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ และอาจมากถึง ๖๐ เปอร์เซ็นต์ บริเวณผิวที่นาบต้วยลูกมะกรูดนั้น ถ้าปล่อยทิ้งไวัช่'ามคืน อาจจะร้สืกแสบ ต้องใช้ครีมทาช่วยลดการระคายเคือง อาจจะ เป็นครีมทาหนัา หรีอครีมทาต้วก็ไต้ แล้วก็นอนหลับลักตื่น ตื่นขึ้นมาจะพบว่าอาการบวมยุบ หายไปแล้วไม่ตากว่า ๖๐ ถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ สำ หรับผู้ที่เพิ่งเป็นครั้งแรกๆ อาการบวมอักเสบอาจจะ เหี่ยวหายไปเลย แต่สำหรับผู้ที่เป็นมาเรื้อรัง จะไม่หายขาด เพียงแค่ทุเลาเท่านั้น แต่ในกรณีที่ยังมีเลือดไหลไม่หยุด ก็ต้อง ไปหาหมอที่มีความเชี่ยวชาญโรคนี้โดยตรง ๒. ต้องห้ดบริหารทวารหนักให้เป็น วิธีท่าง่ายๆ และไต้ผล ชงัดคือ แต่ละครั้งที่เช้าห้องนั้า ไม่ว่าถ่ายปัสสาวะหรีออุจจาระ ถ่ายเสร็จแล้วอย่าเพิ่งรีบออกจากห้องนั้า ให้นั้งลงที่โถส้วม แส้ว <£๐ www.kalyanamitra.org

ขมิบทวารหน้ก คราวละ ๓๐๐ - ๔๐๐ ครั้ง เสร็จแล้วจึงค่อยไป ทำธุระอย่างอื่น ปฏิบ้ติต่อเนื่องกันไปอย่างนี้ ไม่เกิน ๑-๒ สัปดาห์ อาการท้องผูกและริดสีดวงทวารหนักจะหายไปพร้อม ๆ กัน อย่างน่าอัศจรรย์ ๕๑ www.kalyanamitra.org

I www.kalyanamitra.org

การดูแลตัวเองเมื่อท้องเสีย วันหนึ่งมีพนักงานที่ครัวของวัดสิบกว่าคน เกิดอาการ ท้องเสีย เริ่มแรกไม่รุนแรงนัก แต่เนึ่องจากปฏิบ้ตต้วไม่ถูกต้อง จึงมีอาการหนักขื้น เมื่อส่งไปที่ศูนย์พยาบาล หมอจึงต้องสั่งให้ นํ้าเกลือทางเส้นเลือดทุกคน อาการที่เรียกว่า ท้องเสีย หมายถึง ภาวะที่มีอาการ ถ่ายอุจจาระเป็นนํ้า หรือถ่ายเหลว ๆ มากกว่า ๓ ครั้ง หรือ ถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือด อาจมึอาการปวดท้อง และ อาเจียนร่วมด้วย อาการท้องเสียเฉียบพลัน ส่วนมากมีสาเหตุมาจาก อาหารเป็นพิษ คือ อาหารที่มีสารพิษปนเปีอน เป็นสารพิษที่ เกิดจากเชื้อโรค หรีอ สารเคมี เช่น สารท้นบูด ยาฆ่าแมลง เป็นต้น โดยทั่วไป ซึ่งมักจะพบว่ามีประว่ตกินอาหารร่วมท้น และมีอาการ พร้อมท้นหลายคน อาการจะเกิดชื้นเร็วหรีอช้า จะรุนแรงมากหรีอ นัอย ชื้นอยู่ท้บปริมาณที่กิน ชนิดของเชื้อโรคและสารเคมีนั้นๆ รวมทั้งความต้านทานของแต่ละคนต้วย สาเหตุที่พนักงานโรงครัวกลุ่มนี้ท้องเสียในวันนั้น สันนิษฐานว่า เกิดจากอาหารที่พวกเขาไปชื้อจากนอกวัดมากิน ท้นเป็นพิษ ประกอบท้บคนไช้แต่ละคนปฏิบัติต้วไม่ถูกต้อง คือไม่ยอมกินนํ้าเลย เมื่อซักถามแลัวพบว่า เนึ่องจากรัสึกว่า www.kalyanamitra.org

มีอาการท้องเสียหนักขึ้นเมื่อดื่มนํ้า ทุกคนจึงหวังแต่จะพึ่งยา จากหมอเพียงอย่างเดียว ตามปกติแล้วร่างกายของคนเรา จะมีการปรับสภาพ ช่วยเหลือตัวเองแบบอัตโนมัติ คื อล้ากินสิ่งที่เป็นพิษเข้าไป ร่างกายก็จะพยายามขับพิษออกท้นที โดยลำไล้จะพยายาม บีบตัวเพึ่อขับพิษออกมา ขณะลำไล้กำลังบีบตัวเองเพึ่อขับสารพิษ ออกนั้น อาจจะทำให้เกิตอาการคลื่นไล้อาเจียน ปวดมวนท้อง ขับถ่ายหลายๆ หน เพึ่อขับของเสียออกให้หมด เพราะฉะนั้น เมื่อท้องเสีย หากไม่มีคลื่นไล้อาเจียน หรือ มีคลื่นไล้อาเจียนแต่ไม่มาก ยังสามารถกินอะไรได้บ้าง เรา จะตัองรืบดื่มนํ้าเข้าไปให้มากๆ ล้าให้ดีควรเป็นนั้าผสมเกลือแร่ (ที่เขาทำเป็นซองๆ มีขายดามร้านขายยาทั่วไป) เพึ่อทดแทน นํ้า และเกลือแร่ที่เสียไป เพราะเมื่อร่างกายขาดนั้าก็จะทำให้ อ่อนเพลืย บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นช็อกหมดสติเป็นอันตราย ถึงชีวิตได้ การดื่มนํ้าเข้าไปได้มากเท่าไร จะช่วยทำให้สารพิษ ต่างๆ ในลำไล้เจือจางลง อีกทั่งยังช่วยขับถ่ายสารพิษออก จากร่างกายไดโดยเร็วอีกด้วย เมื่อของเสียถูกขับถ่ายออกหมด อาการต่างๆ ก็จะดีขึ้นเอง โดยไม่จำเป็นด้องพึ่งยาเลย ล้าหาก มีอาการมาก เช่น ปวดมวนท้องมาก หรือมีอาการคลื่นไล้อาเจียน จนกินอะไรไม่ได้ เป็นด้น ในกรณีนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า จะด้อง กินยาหรือฉีดยาดามการวินิจฉัยของหมอ ล้าพวกเราลังเกดสุนัขหรือแมว ที่เริ่มมีอาการป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร สิ่งที่มันทำ คือ วิ่งไปกินหญ้าข้างบ้านหรือในสนาม ทั้งๆ ที่หญ้าไม่ใช่อาหาร ๕๔ www.kalyanamitra.org

ของมันเลย หลังจากที่กินหญ้าสัก ๕ นาที ไม่เกิน ๑๐ นาที มันก็จะสำรอก สิ่งที่เป็นพิษในตัวมันออกมา ไม่ว่าจะเป็นพิษ ที่ปนอยู่ในอาหารบูดเน่า หรือพิษจากสารเคมีก็ตาม จะถูก สำ รอกออกมา จากนั้นอาการของมันจะดีฃื้น ไม่ช้าก็หายป่วย ดูสุนัขดูแมวเป็นตัวอย่างแลัว ก็เอาเยี่ยงพวกมันได้ ไม่เป็นไรหรอก เพียงแค่เอาเยี่ยงมันเท่านั้นนะ อย่าเอาอย่างมัน ในเรื่องการกิน ให้เอาเยี่ยงมันในการดูแลรักษาตนเองในยาม ที่เจ็บไขใตัป่วยขึ้นมา พวกมันไม่รู้จะไป่หาหมอที่ไหน จึงตัอง พึ่งตัวเองอย่างนี้ เพราะฉะนั้น อยากฝากพวกเราไว้ว่า เมื่อมีความผิดป่กติ เกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเพึ่งไป่คิดพึ่งใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันตับ แรก แกสาวจากผลที่เกิดขึ้นไป่หาตันเหตุ ตัวยการสำรวจตัวเอง ด้วยการนึกทบทวนก่อนว่า สิ่งที่เราป่ระพฤติในวันนี้หรือรันอื่นๆ ที่ฝานมา มีความผิดพลาดอะไรกับตัวเราบ้าง การนึกทบทวนนี้ บางทีอาจจะผิดหรืออาจจะถูกก็ไตั แลัวนำไป่เล่าให้หมอฟัง หมอ ชึ่งมีความชำนาญมากกว่าเรา จะช่วยตัดสินให้เราได้ว่า สิ่งที่เรา สันนิษฐานนั้นผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ และกัาหมอไตัช้อมูลถูก หมอก็สามารถมุ่งไป่แก่ไขรักษาที่ตันเหตุ ไม่นาน พวกเราก็หายป่วย ถ้าการนึกทบทวนสอบสาวราวเรื่องของเรา ป่รากฎว่า ดรงดามความเป็นจริง ก็หมายความว่า เราเองเรื่มมีความรู้ มีความรอบคอบขึ้นบ้างแลัว ก็จะเกิดความมั่นใจเพึ่มขึ้น และ เป็นการสรัางนิสัยช่างสังเกดให้ยี่งๆ ขึ้นไป่อีก ไม่เฉพาะ เรื่องสุขภาพเท่านั้น แม่ในเรื่องอื่นๆ ตัวย แลัวในที่สุดความเชื่อมั่น ในตัวของเราเองก็จะเพึ่มมากขึ้น ๕๕ www.kalyanamitra.org

ต่อไปนี๋ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเรา จะร้ายหรือดีก็ตาม พึงเอาสิ่งนั้นมาเป็นบทแกให้เกิดนิสัยช่างสังเกต ให้เกิดปัญญา ให้รู้จักตัวเอง กัาสังเกตไม่ออก ก็ให้!ปขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ อย่าอาย อย่ากสัวเสียหน้า แสัวเราก็จะไม่เจ็บตัวเปล่า เพราะ เจ็บแสัวก็ไตัความรู้เพิ่มขึ้น รู้จักระวังเพิ่มขึ้น ที่เรืยกว่า ผิดเป็นครู คือ จะไม่มีการเจ็บชํ้าสองในเรื่องนั้นๆ อีกต่อไป ๕๖ www.kalyanamitra.org

๕๗ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

อาหาร คือ ยาหลัก มีบางคนป่วยพร้อมๆ กับเพื่อนด้วยโรคเดียวกัน แต่ หายป่วยเร็วกว่า เช่น นอนหลับสักตื่นเดียวก็หายแล้ว ขณะที่เพื่อน บางคนยังด้องนอนอีกสามว้นห้าวันจึงหายป่วย หร็อเป็นๆ หายๆ หลวงพ่อเคยสังเกตดู ก็ได้พบว่า คนไหนก็ตาม ที่เป็น คนป่ระเภทล้าป่วยขึ้นมาแล้วก็จะนอนซมอย่างเดียวไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมดื่มนํ้า ไม่ยอมลุกขึ้นเดิน ไม่ยอมลุกขึ้นนั่ง แถมอั้นปัสสาวะ อั้นอุจจาระอีกต่างหาก ในศูนย์พยาบาลของวัดเรา หลวงพ่อ พบบ่อยๆ เวลาเจ้าหน้าที่เขาเอาอาหารมาส่งที่เดียงคนไข้ คนไข้ บางคนก็ไม่สนใจจะกิน ปล่อยตั้งที่งไจ้อย่างนั้นไม่ยอมแตะด้องเลย คนไข้ประเภทนี้จะป่วยเรื้อรังหายยาก เพราะป่วยทั้งกายและใจ แต่ใครก็ตามที่ป่วยไข้แล้ว อดทนแนใจปฏิบัติตนอย่าง ถูกด้องเหมาะสม เช่น เมื่อถึงเวลากินก็กิน จะกินได้มากน้อย เท่าไรก็แนกินเข้าไป เวลาปวดปัสสาวะหรืออุจจาระก็ไม่อั้นเอาไว้ 'ฝืนเดินไปเข้าห้องนํ้า ถึงเวลานอนก็นอน หลับไม่หสับก็ฝืน หลับตานอน คนไข้ประเภทดูแลตัวเองเป็นอย่างนี้จะหายเร็ว เป็นบุญของหลวงพ่อเอง ที่ ตั้งแต่เล็กมาไม่เคยถูก ตามใจขณะป่วยไข้เลย โยมพ่อเอาวินัยทหารมาอบรมให้ ป่วยแสนป่วยเพียงใดก็ตาม พอได้เวลากินข้าว บางทีก็โยม พื่ สาวบัาง บางทีก็โยมแม่บัาง จัดข้าวปลาอาหารมาให้ ๕๙ www.kalyanamitra.org

เมื่อไม่อยากกินก็ปล่อยวางเอาไว้เฉยๆ เหมือนอย่างที่คนอื่น เขาเป็นกัน แต่เมื่อโยมพ่อเห็นเข้า ก็เอ็ดลั่นบ้านเลยว่า \"ถึงเวลา ทำ ไมไม่กิน\" ก็ตอบท่านไปว่า \"ไม่หิวและก็ไม่อยากกิน\" ท่านก็จะมืประกาศิตออกมาทันทีว่า \"จะหิวหรือไม่หิว จะอยากหรือไม่อยาก เมื่อถึงเวลาแล้ว ต้องกิน\" ท่าไม ก็เพราะไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อถึงมื้ออาหาร ร่างกายจะข้บนํ้าย่อยออกมา อาจจะมากหรือน้อยโตยอัตโนมืด ถ้าเราไม่ไข้นํ้าย่อยนั้นนอกจากมันจะกัดกระเพาะอาหารของเราแล้ว มันก็จะเสียและเกิดเป็นลมตีขึ้นมา ท่าให้ทัองไล้ปันป่วนเอิ๊กอ๊ากๆ ในที่สุดจะกลายเป็นว่า เริ่มต้นป่วยด้วยโรคหนึ่ง แล้วยังมืโรค แทรกซ้อนอันเกิดจากการกินอาหารผิดเวลาเพิ่มขึ้นอีกโรคหนึ่งด้วย ยิ่งกว่านั้นหลวงพ่อยังจำคำของโยมพ่อตั้งแต่ยังเล็กได้ ท่านพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า \"ยๆที่ดีที่สุดในโลก ไม่มีอะไร เกินข้าวปลาอาหารที่เรากินเข้าไป สิงนี้คือยาหล้ก ยาอะไรๆ ที่มีในโลกนี้เป็นเพืยงยาเสริมช่วยให้เราหายป่วยหายไข้ แต่ยาหล้กก็คือข้าวปลาอาหารที่เรากินอยู่ทุกว้นนั่นเอง เพราะฉะนั่นไม่ว่าเราจะกินยาอะไรก็ตาม ถ้าไม่ไต้กิน ข้าวปลาอาหารแล้วหึ๋เนยาก แม้ป่วยหนักท่านก็จะบอกว่า ใหิแนใจกินเข้าไปเถอะลูก อย่างนัอยก็เอาไปรองห้องไว้ ไม่ให้นี้าย่อยกัดกระเพาะ ไม่ให้นี้าย่อยเสียเปล่า และ ที่ส์าต้ญก็คือ เพื่อไม่ให้ระบบย่อยอาหารรวน ทั้งนี้เพราะ เมื่อนี้าย่อยหลั่งออกมาแล้วไม่ถูกใข้ วันหลังก็จะไม่หลั่ง ออกมาหรือหลั่งผิดเวลา\" ซึ่งจะมืผลเสียตามมา อีกเยอะ ๖๐ www.kalyanamitra.org

เมื่อเล็กๆ เราก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ต้อง!]นกิน ไม่กินเดี๋ยวโดนดุ หลวงพ่อจึงถูก!]กไม่ให้ตามใจต้วเองมาตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะเจ็บป่วย เพียงใดก็ตาม ถึงเวลาก็ต้องกิน แล้วก็เลยไต้อานิสงส์ คื อ ไม่ว่าจะป่วยมากน้อยเพียงไหน อย่างมากก็นอน ไม่เคยเกิน วันสองวัน โรคภัยไข้เจ็บก็เผ่นหนีไปหมด เพราะหลวงพ่อ ป่วยเฉพาะกาย แต่ใจไม่ได้ป่วยตาม ดังนั้น คนประเภทที่ป่วยแล้วใจตก ท้อแท้ นอนซม ไม่พยายามกระดุกกระดิก ทำตัวเหมือนคนใกล้ดาย คนประเภทนี้ อย่าว่าแต่เวลาป่วย แม้เวลาทำงานตามปกดิก็ยากที่จะประสบ ความสำเร็จ แต่ใครถ้าถึงเวลากิน แม่ไม่หิวก็ต้องกิน เพียงแต่นึกๆ ให้อยากกิน เดี๋ยวก็กินไต้ ถึงเวลานอนแม่ไม่ง่วงก็ข่มตานอนไต้ คนประเภทนี้กำลังใจ กำลังสติปัญญามหาศาลเพียงไหนลองคิดดู แล้วจะมีอะไรอีกที่เขาทำไม่สำเร็จ ๖๑ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

นาซุปดีอย่างไร ป่ ย่า ตา ทวดใช้เวลาศึกษาเรื่องอาหารเป็นร้อยๆ พันๆ ปี ว่า หัวอะไรกินได้หรือกินไม่ได้ ใบอะไรกินได้หรือกินไม่ได้ ด้นอะไรกินได้หรือกินไม่ได้ ท่านได้ใช้เวลาลองผิดลองถูก มาหลายชวคน กว่าจะทำอาหารขึ้นมาแต่ละชนิด แต่ลูกหลาน ปัจจบ้น แม้เรืยนจบปริญญากิตาม ไม่มีดวามรู้เรื่องอาหารเพื่อ สุขภาพเท่าที่ควร ใครทำอะไรต่ออะไรให้เขากิน หากถูกปาก กิกินไปตามนั้น แต่ไม่รู้ว่าแต่ละอย่างที่กิน มีวัตถุประสงค์หรือ ประโยชน์อะไร ยกตัวอย่างอาหารประเภทด้มยำ เช่น ถุ้งตัมยำ ไก่ด้มยำ ปลาตัมยำ เป็นตัน คนที่กินตัมยำเป็นเขาจะกินแต่นั้าแกง ทำ ไม? ขอให้นึกถึงยาตัม ยาหม้อ เรากินนํ้ายาหรือว่ากินกากยา ทุกคน ตอบไตัเองอยู่แล้ว แต่ความเป็นจริงปรากฏว่า คนส่วนใหญ่ เมื่อกินด้มยำจะกินแต่เนั้อ คือ กินกากอาหาร ซึ่งย่อยยาก แล้ว บอกว่า กินแล้วหนักท้อง อยู่ท้องดี ส่วนนั้าแกงซึ่งเป็นส่วนที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุตกลับเอาไปเททิ้งเสีย เมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง คนญี่ป่นรู้ตัวว่า ตัวเล็กวัด เมื่อเทียบกับฝรั้งกิห่างไกลกนมาก เขาจึงป่ระชุมนักโภชนาการ ของแผ่นดิน แล้วแก่ใขนิสัยการกินทั้งประเทศ เมื่อเปลี่ยนวิธี ทำ อาหารและวิธีกินอาหารใหม่ เดี๋ยวนี้คนญี่ป่นซึ่งเคยมีรูปร่าง ๖๓ www.kalyanamitra.org

เล็กกว่าคนไทย จึงมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนไทย พอฟัดพอเหวี่ยง กับฝรั่งทีเดียว ญี่ป่นแกั!ขอะไรในเรื่องอาหารบ้าง หลวงพ่อเคยเดินทาง ไปพักที่องค์กรทางศาสนาพุทธแห่งหนึ่ง ได้ฉันอาหารเช้า ร่วมกับชาวญี่ปุน อาหารเช้าของเขาประกอบด้วยช้าวด้มอย่าง ในบ้านเรา ขณะเดียวกันเขาก็มีหม้อนํ้าซุปเรียงเป็นแถวหลาย หม้อ แต่ละคนก็จะไปเอาถ้วยที่จัดเตรียมไว้มาตักนํ้าซุป ใคร ชอบนํ้าซุปอะไรก็ด้กได้เต็มที่ พอมาถึงโต๊ะย้งไม่ท้นกินช้าว ก็ ซดนํ้าซุปก่อนเลย บางคนไม่เอาถ้วยเดียว เอาใส่ถาดตั้งหลายถ้วย ซดเอาซดเอา กินช้าวไม่ค่อยมาก นํ้าซุปก็เป็นนํ้าใสๆ ไม่มีเนื้อ สักชิ้นเดียว ไม่ว่าจะเป็นซุปไก่ ซุปหมู หรีอซุปอะไรก็แสัว แต่ ไม่เห็นมีเนื้อสักชิ้นเดียว แต่ปรุงรสดี รสชาดิก็คล้ายๆ แกงจึด ของบ้านเรา เมื่อเปรียบเทียบอาหารประเภทนํ้าซุปของญี่ปุนกับด้มยำ รสแซบของไทยเรา มนใจได้ว่า ทั้งรสชาติ ทั้งคุณค่าทางอาหาร ของไทยไม่แพใครแน่นอน แม้เราเองยังตัดใจทั้งเนื้อกุ้ง เนื้อปลา ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ฃอให้ซดนํ้าด้มยำนั้นให้หมดจนหยดสุดท้าย เถิด แล้วสุขภาพจะดี อย่ากินแต่เนื้อแล้วทั้งนํ้าแกงให้สุนัขนะลูกนะ เดี๋ยวสนัขม้นจะหัวเราะเยาะเอา ๖๔ www.kalyanamitra.org

๖๕ www.kalyanamitra.org

T www.kalyanamitra.org

การดื่มนํ้ามูตรเน่า นํ้ามูตรเน่า\"' ก็คือนํ้ามูตรหรือนํ้าปัสสาวะ แม้ออกมาจาก ร่างกายใหม่ๆก็เรืยกว่านํ้ามูตรเน่าทั้งนี้เพราะออกมาจากร่างกาย ที่มีการเน่าเปีอยผุพังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แม้ปัสสาวะที่ยังอุ่นๆ อยู่ก็ชื่อว่าเน่าแล้ว ประโยชน์ของการดื่มปัสสาวะ ประโยชน์สำคัญของการดื่มปัสสาวะมีอยู่ ๒ ประการ คือ ๑.ใช้ลดไข้ ขณะที่คนไข้กำลังมีไข้ขึ้นสูง จะรู้สึกไม่สบายดัว และ อาจเกิดอันตรายต่อคนไขได้ มีความจำเป็นจะดัองรืบลตไข้ลง โดยทั้วไปใข้ผ้าชุบนั้าธรรมดาเช็ดดัวสักครู่ ไข้ก็จะลดลง เพราะ ล้าใข้นํ้าอุ่นการดึงความร้อนออกจากภายในร่างกายไม่ดี และ ล้าใข้นั้าเย็นจะทำให้เสันเลือดบริเวณผิวหนังหดดัว การระบาย ความร้อนออกก็ไม่ดึ วิธีนี้เป็นการลดไข้จากภายนอก พระธุดงค์นิยมลดไข้จากภายใน คือ ดื่มนั้าปัสสาวะตนเอง เนื่องจากปัสสาวะเป็นสิ่งที่ร่างกายขับออกไปแล้ว เมื่อดื่มกลับ ม้ชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม ๑๙ หน้า ๓๘๔ ๖๗ www.kalyanamitra.org

เข้าไปอีก ร่างกายก็จะรีบไล่ตะเพิดให้ข้บปัสสาวะออกโดยเร็ว ยิ่งดะเพิดออกได้เร็วเท่าไร ความร้อนภายในก็ถูกดึงออกมาเร็ว เท่านั้น ทำ ให้สามารถลดไข้ ลดความร้อนภายในลงได้ฮวบฮาบ ทีเดียว ในกรณีอยู่ลำพังคนเดียวไม่มีใครมาเช็ดด้วให้ การดื่ม ปัสสาวะดนเองจึงเป็นวิธีลดไข้ที่ดีที่สุด ปัสสาวะที่จะไชดื่มนั้น โดยทั่วไปปล่อยทิ้งไว้สักครู่ ให้เย็น แล้วจึงดื่ม ปริมาณที่จะดื่ม ใครดื่มเต็มที่ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ส่วน จะดื่มกี่ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับว่าไข้ลดลงได้มากน้อยเท่าไหร่แล้ว กัายังลด ไม่พอใจ ก็ดื่มเข้าไปอีก ๑-๒ เที่ยวติดต่อกันก็ได้ไม่มีอันดรายใดๆ ๒.ใช้รักษาโรค เมื่อพระภิกษุอาพาธ พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงใหใข้ นั้ามูดรเน่าหริอปัสสาวะดนเองบำบัดรักษา เป็นวิธีการรักษา ความเจ็บไข้ด้วยด้วเองนานกว่า ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ทุกว้นนี้ก็ยัง ทันสมัยอยู่ ทำ ไมถึงให้1ข้ปัสสาวะของตัวเอง ดามธรรมดา เมื่อมีอะไร แปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็จะสร้างเม็ดเลือดขาว เสมีอน ทหารที่แกดีแล้ว เพื่อต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมด้วยการสร้าง สารชนิดหนึ่งออกมาเสมีอนอาวุธชีวภาค เนึ่องจากมีขนาดเล็กมากๆ สารเหล่านี้จึงผ่านกระบวนการกรองออกมาปนกับปัสสาวะได้ ด้งนั้น เมื่อเราดื่มปัสสาวะกสับเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง ก็มีผลทำนองเดียวกับ การให้ซีรุ่ม เป็นการเพิ่มอาวุธชีวภาคที่ถูกสร้างขึ้นมา เฉพาะเจาะจง ให้กับทหารต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ จนกระทั่งมันลดจำนวน เหลือน้อยร่างกายก็พินจากโรคไดโดยเร็ว ๖๔ www.kalyanamitra.org

อีกทั้งเป็นเสมือนการฉีดวัคซีนหรือการปลูก!] คือ การ นำ เชื้อโรคปริมาณน้อยและเพียงพอต่อการสร้างภูมิต้านทาน มาฉีดเข้าไปในร่างกาย ทหารในร่างกายก็จะออกมาทำงาน สร้าง อาวุธชีวภาคที่เฉพาะกับเชื้อโรคชนิดนี้ เมื่อเชื้อโรคปริมาณน้อย นี้หมดไป แต่อาวุธชีวภาคภายในร่างกายไม่ไต้หมดตาม ยังคง เตรืยมพร้อมที่จะใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดนี้หากเข้ามาในร่างกายอีก ต้งนั้น เมื่อเราดื่มปัสสาวะกลับเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง สิ่งแปลกปลอม ที่ปนมากับปัสสาวะ ก็จะเป็นต้วไปกระตุ้นให้ทหารผลิตอาวุธชีวภาค ที่เฉพาะเจาะจงกับสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ และพร้อมที่จะใช้ต่อสู้ เมื่อสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ กลับเข้ามาในร่างกายอีก การดื่มนั้ามูตรเน่า จึงสมต้งพุทธพจน้ที่ว่า \"อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ\" ตนแลเป็นที่พึ่งของตน ๖๙ www.kalyanamitra.org

'^' AAssessor°ato airistru^z°io'■n'^^ e Ci^Foiucnodmautinoen d- iUNVeNrGbOania 111 Congresso Mondiale ^ - 11, J^yiBiENTE DI PACE PEACE_EMVIRONMgWT PER LA TUA SALII HEALTH www.kalyanamitra.org

อาหารสมุนไพรเพื่อการปฏิบัติธรรมบนดอย วัตถุประสงค์สำคัญในการใช้สมุนไพรปรุงอาหาร นอกจาก เพื่อให้เกิดความอร่อยแล้ว ยังมีอีก ๓ ประการ ดังนี้ ๑. เพื่อป้องกันอาหารบูด ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น ความร้อนชื้นช่วยให้จุลินทรีย์ ทั้งแบคทีเรียและเชื้อราที่ปนอยู่ในอาหารตามธรรมชาติเจริญ เติบโตได้เร็วมาก ทำ ให้อาหารบูดเร็ว บูดง่าย แม้อาหารที่เรา รับประทานเช้าไปแล้วไม่นานก็บูดอยู่ในกระเพาะ ดังนั้น การ ปรุงอาหารของชาวไทย จึงดัองใส่สมุนไพรที่สามารถควบคุม การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ไวับ้างในระดับหนึ่ง รวมทั้ง การปรุงอาหารให้มีรสเช้มช้น ก็จะช่วยชะลอการบูดให้ช้าลงไดั เพื่อให้เช้าใจเรื่องนี้ไดัง่าย ต้องมาทำความเช้าใจกับ กระบวนการทางหิเสิกส์และชีววิทยา ๒ ประการนี้เสียก่อน คือ กระบวนการออสโมรส(Osmosis) กับ พลๆสโมไลรส (Plasmolysis) กล่าวคือ เวลาเรารดนํ้าดันไม้ ความเช้มช้น ของนั้าที่เรารดลงไปน้อยกว่าความเช้มช้นของนั้าในราก นั้า และสารอาหารที่รดจึงถูกดูดซึมผ่านเช้าผน้งเชลล์ของรากได้ ขบวนการที่นํ้าไหลเช้าเซลล์ คื อ กระบวนการออสโมรส ตรงกันช้าม ล้าเอานั้าเกลือที่มีความเช้มช้นมากกว่านํ้าที่อยู่ในราก ๗๑ www.kalyanamitra.org

รดลงไป นํ้าในลำต้นก็จะถูกดูดออก ไม่ช้าต้นไม้ก็เหี่ยวตาย การที่นํ้าไหลออกจากเชลล์ คือ กระบวนการพลาสโมไลรส โดยทำนองเดียวกัน ถ้าเซลล์ของแบคทีเรีย และเซลล์ของเชื้อรา ถูกล้อมรอบด้วยนํ้าตาล หรีอเกลือ หรืออะไรก็ตาม ที่มีความ เช้มช้นกว่านํ้าในเซลล์ของแบคทีเรียและของเชื้อราก็ไหลออก ม้นก็ดาย อาหารที่นิยมกินในขณะยังร้อนๆ เช่น ต้มจืด แกงจืด ฯลฯ แม่ไม่ใส่สมุนไพรก็ไม่เปีนไร เพราะจุลินทรีย์ไม่สามารถเช้าไป รบกวนขณะอาหารยังร้อนอยู่ แต่ถ้าอาหารที่กินเมื่อเย็นลงแล้ว จำ เปีนต้องปรุงให้รสเข้มด้วยเครื่องปรุงและสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อถนอมอาหารไม่ให้บูดเร็ว ๒. เพื่อขับลมในกระเพาะและลำไส้ จุลินทรีย็ในเขตร้อนชื้นมีอยู่หลายกลุ่มที่สามารถผลิตแก๊ส ไต้ดี (Gas forming) เมื่อจุลินทรีย์ทำให้อาหารในท้องบูดแล้ว ก็จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี คือมีแก็สเกิดชื้นในลำไล้ ทำ ให้มี อาการผิดปกติในท้อง เช่น ท้องอืด รู้สึกมวนท้อง มีอาการ พะอืดพะอม เรอไม่ออก ผายลมไม่ออก เป็นต้น ต้งนั้นอาหารไทย จึงต้องมีสมุนไพรที่ช่วยขับลมเป็นส่วนประกอบ สมุนไพรที่ช่วยขับลมมีอยู่หลายอย่าง เช่น ขิง ช่า หอม กระวาน กานพลู เป็นต้น สมุนไพรเหล่านี้มีนํ้ามันหอมระเหย (Volatile oil) ที่สามารถช่วยขับลมในกระเพาะและลำไสไต้ดี ลักษณะพเศษของขิง คือ ช่วยขับลมเบื้องบนโดยขับลมในกระเพาะ ๗๒ www.kalyanamitra.org

และในลำไส้เล็กออกมาด้วยการเรอ ส่วนข่าช่วยขับลมเบื้องล่าง โดยขับลมในลำไล่ใหญ่ออกมาด้วยการผายลม จะเห็นได้ว่า ยาขับลมในท้องตลาด เช่น ยาธาตุ ยาธาตุนํ้าแดง(Carminative)เป็นด้น ยากลุ่มนี้มักมีขิงสกัด กระวาน กานพลู เป็นส่วนผสมหลัก และเวลาป่ย่าตาทวดกินแหนม ซึ่ง เป็นอาหารหมัก เป็นของบูด เขาจะด้องกินขิงควบคู่ไปด้วย อย่างน้อยด้องกินหัวหอม เพื่อขับลมและป้องกันท้องอืดไว้ก่อนเลย ๓. เพื่อเร่งไฟธาตุ หรือให้ความอบอุ่น อาหารสมุนไพรที่ประกอบด้วยธาตุไฟ แปงออกเป็น ๔ ประเภท คือ ๓.๑. สมุนไพรประเภทไฟไหม้ฟาง เวลาไฟไหมั ฟาง จะไหม้เร็วและมอดดับเร็ว สมุนไพรประเภทใหัความร้อนเร็ว และหมดเร็ว ได้แก่ พริกขี้หนู พริกขี้ฟ้า เป็นด้น เพียงสัมผัสลิ้นซุบ กิเผ็ดร้อนปับ แต่ไม่นานความเผ็ดร้อนกิหมด โดยเพิ่มความร้อน ในกระเพาะในลำไส้ใดไม่มาก และไม่มีผลมากสำหรับการช่วย ย่อยอาหาร แต่ช่วยใหัเกิดรสอร่อยได้มาก ๓.ใอ. สมุนไพรประเภทไฟฟน เวลาไฟไหมัพีน ไฟจะไหม้ลามช้ากว่าฟาง แต่ใหัความร้อนได้มากกว่าฟางหลาย เท่าด้ว สมุนไพรประเภทไฟพีนได้แก่ หอม กระเทียม ตะไคร้เป็นด้น สมุนไพรประเภทนี้ไม่ร้อน ไม่เผ็ดเหมีอนพริก แต่ใหัความอบอุ่น แก่กระเพาะและลำไสได้ยาวนานกว่าพริก คืออุ่นถึงกระเพาะ ลักครู่ใหญ่ๆ จึงหมดไป ๗๓ www.kalyanamitra.org

๓.๓. สมุนไพรประเภทไฟถ่าน คุณสมบด ของไฟถ่าน คือ ไหม้ช้ากว่าไฟคืเน แด่ให้ความร้อนมากกว่าไฟฟืน สมนไพรประเภทไฟถ่าน ได้แถ่ ขิง ข่า ไพล กระชาย กระเพรา เป็นด้น ให้ความอบอุ่นได้นานกว่าสมุนไพรประเภทไฟฟืน คือ ให้ความอบอุ่นติดด่อกันหลายชั่วโมง ๓.๔. สมุนไพรประเภทไฟสุมขอน คุณสมบ้ติ ของไฟสุมขอน คือ ไหม้อย่างด่อเนื่อง ใครที่เคยสุมไฟขอนไม้ เฟ้นขี้เถ้ากลบขอนอยู่ แม้มองดูใกล้ๆ ก็คิดว่า ไฟดับไปแล้ว แด่พอ เขี่ยขี้เถ้าออกไฟยังติดคุแดงอยู่ ถ้าลมพัดมาไฟก็โชติช่วงได้อีก ไหม้แบบคุกรุ่น คือไหม้ช้ามวันช้ามคืน บางทีนานเป็นหลายๆ วัน สมุนไพรประเภทไฟสุมขอนนี้ อาจจะให้ความร้อนปานกลาง แด่ให้ความร้อนด่อเนื่องตลอดทั้งคืน จึงนิยมรับประทานมาก ในฤดูหนาว ได้แถ่ กะทือ พริกไทย เป็นด้น ๗๔ www.kalyanamitra.org

อาหารที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติธรรมบนดอย การขึ้นมาปฏิบตธรรมอยู่บนดอยสูงๆ ซึ่งอากาศทั้งเย็น ทั้งขึ้น บางวันฝนก็ตกหนัก ลมก็แรง หากใครมาพบอากาศที่ เปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ ร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน มีผล ทำ ใหัระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติได้ง่าย อาการที่พบ เช่น อาการทัองอืด ทัองเฟ้อ หนาวลึกๆ เย็นเยือกจากในทัอง ดะคริวกินทัอง เป็นตัน ทั้งนี้เพราะความอบอุ่น ทั้งภายนอกและภายในร่างกายไม่เพียงพอ วิธีแกไขเร่งด่วน ควรรีบนำเอากระเป๋านํ้าร้อนมาประคบหนัาทัอง อุ่นหนัาทัองไวั จากนั้นแก้ด้วยการรับประทานอาหารที่ประกอบตัวยธาตุไฟ้ แล้วอาการตังกล่าวจะทุเลาลง จึงจำเป็นตัองมีความรู้เรื่อง อาหารด้วย อาหารที่ประกอบด้วยธาตุไฟ ได้แก่ แกงเผ็ด แกงป่า นั้าพริกผักต้ม เป็นด้น อย่าใหัขาด แด่แกงอย่าใหัเผ็ดนัก เผ็ดพอ ที่เด็กๆ รับประทานได้ด้วย หรีอ บางคนธาตุไฟอ่อน ด้องการได็ขิง บางคนด้องการได้ข่า บางคนขิงข่าร้อนแรงเกินไป เอาแค่ดะไคร้ ก็พอ หรีอสมุนไพรตัวอื่นๆ เช่น ใบสะระแหน่ พอช่วยได้ มีธาตุไฟ อยู่พอสมควร ผักชีฝรั่งที่ใช่ใส่ด้มจึดหรือทำนํ้าซุป ก็สามารถ เพิ่มธาตุไฟได้ โดยเฉพาะรากของมันเอง การใช่พริกหรือ สมุนไพรเผ็ดๆ ช่วยเพิ่มธาตุไฟ จะทำใหัอาการผิดปกติของระบบ ทางเดินอาหารหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ - ในการปรุงอาหารก็ด้องศึกษาและล้งเกดใหัเข้าใจถึง ธรรมชาติของอาหารใหัถ่องแทัตัวอย่างเช่น ๗๕ www.kalyanamitra.org

๑. ผกสดLL3J'จะมีไวตามินสูงก็จริงแต่ทำให้ผายลมบ่อยๆ ผักที่ลวกจะช่วยทำให้ลมในท้องลดลง ทั้งที่ป่ย่าดาทวดของเรา ต่างก็อยากรับบ่ระทานของสด แต่เพราะมีปัญหาเรื่องลมในท้อง จึงต้องลวกผักเสียก่อน สำ หรับเรื่องนี้ถ้าไบ่บอกพวกวัยหนุ่มรัยสาว ก็ไม่เชื่อหรอก เพราะผักสดอร่อยกว่าผักลวก และเพราะไม่ว่า จะรับบ่ระทานอะไรเข้าไบ่ก็สามารถย่อยไต้หมด เนื่องจากธาตุไฟ ในต้วยังดีอยู่เชลล์เกิดกับเซลล์ดายยังสมตุลถ้น แต่เมื่ออายุมากขื้น เซลล์ตายมากกว่าเซลล์เกิด ก็จะเรื่มเกิดปัญหาต้งกล่าว อย่างไร ก็ตามมีผักบางอย่าง เช่น หอม สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง เป็นต้น นี่รับบ่ระทานสดไดโดยไม่ต้องลวก เนื่องจากมีสรรพคุณในการ ไล่ลมอยู่แล้ว ๒.วันไหนมีอาหารบ่รุงต้วยเนี้อสัตว์เป็นชิ้นๆ มากหน่อย เช่น ไก่ย่าง หมูย่าง ฯลฯ วันนั้นต้องมีสัมดำ เพราะในมะละกอดิบมี สารเอนไซม์เพอเพออิน(Enzyme Papain)ที่สามารถช่วยย่อยเนี้อไต้ ๓.สำ หรับบ่ลาร่านัน แท้ที่จริงก็คือบ่ลาเน่า กะปิก็คือกุ้งเน่า พวกนี้สำพังตัวของมันเองมีคุณค่าทางอาหารไม่มากนัก แต่ มันสามารถช่วยนำรสเพื่อเรียกนั้าย่อย ทำ ให้รสอาหาร แซบชิ้น ทำ ให้รูสึกเอรีดอร่อยมาก บ่ระเดินมันอยู่ตรงนี้ ทดลองรับบ่ระทาน เนี้อจืดๆ หรีอผักต่างๆโดยไม่ไดิชิ้มพวกนี้แล้วความอร่อยต่างกันมาก บางทีอาจรูสึกว่า ไม่อร่อยเลย ๔. เมื่อทอดไช่ครั้งใดก็ดาม ซอยหอมห้วเล็กใส่ลงไบ่ต้วย เพราะหอมเป็นตัวช่วยลดคอเรสเตอรอลไต้ และช่วยลตคอเรส- เตอรอลไดิดกว่าหอมห้วใหญ่ ๗๖ www.kalyanamitra.org

๕.ในการปรุงอาหารประเภทปลาให้คนไข้ ปลาช่อนนี่เยยม ที่สุด เป็นปลานํ้าจืดที่ไม่คาว เพราะเป็นปลาในกลุ่มที่มีคุณสมปติ พิเศษคือ มีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อ เมื่อผ่าท้องปลาช่อน เราจะไม่พบ ไขมันที่เป็นท้อนๆ เหมีอนพวกปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาดะเพียน เนื้องจากปลาช่อนเป็นปลาที่กินปลาอื่นเป็นอาหาร มันต้องไข้พลัง มากในการล่าเหยื่อจืงไม่ค่อยมีไขมัน ไม่ว่าปลาหรือลัดว์ทีต้อง ล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร เช่น เสือ สิงโด นกเหยื่ยว เป็นต้นล้วนผอม ทั้งสิ้น ท้าไม่ไต้ปลาช่อนอาจจะเป็นปลาชะโดหรือปลาแมงภู่ก็ไต้ แต่ว่าเนื้อของมันหยาบกว่า แต่มีอีกตัวหนี่งใซไต้ดีเหมีอนท้น คือ ปลายื่สกไขมันไม่มาก ๖. อาหารผ่รั่ง ซึ่งประกอบต้วย ขนมปัง แยม ชีส บัดเตอร์ รวมทั้งอาหารพวกเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ หมูแฮม ฮอทดอกไช่ดาว เหล่านื้ คืออาหารที่เหมาะสมเฉพาะในภูมิภาคที่เย็น สำ หรับ อากาศเย็นและชื้นบนดอย ท้ารับประทานอาหารประเภทนื้ ก็ไม่ เป็นไร แต่ท้าให้ดีจะแถมสับปะรดต้วยก็ไต้ เพราะมีเอนไซม์สำหรับ ช่วยย่อยเนื้อต่างๆ และท้าวันใดรู้สึกหนาวอาจจะไข้ขิงซอย ตะไคร้ซอยเป็นแว่นๆ เสริมท้บผักสดก็ยื่งดี ฯลฯ ท้าเรามองสภาพดินฟ้าอากาศตามธรรมชาติออกชัด เราก็ จะสามารถจัดเดรืยมอาหารไต้อย่างมีเหตุมีผล และมีคุณภาพดลอด จนปฎิปติธรรมไต้ท้าวหน้าเร็วเกินคาด นํ้าปานะในช่วงอากาศเย็น นํ้าปานะในช่วงอากาศเย็น ควรทำมาจากวัดถุดิบที่ ประกอบต้วยธาตุไฟ เช่น ขิง ข่า ดะไคร้ เป็นต้น ๗๗ www.kalyanamitra.org

วิธีต้ม นํ้าขิงหรือนํ้าข่าหรือนํ้าตะไคร้ ให้นำพืชดังกล่าว มาสับเป็นท่อนแล้วก็ทุบพอแตก เอาใส่ลงไปในนํ้าที่กำสังเดือต อย่าใส่ลงไปก่อนที่นํ้าจะเดือต เพราะกลิ่นเหม็นเขียวของมัน จะออกมา ในขณะที่รอเวลาให้นํ้าเดือต เหมือนกับการดัมปลา ถ้าใส่ลงไปในขณะที่นํ้ายังไม่เดือดไดัที่ จะทำให้เหม็นคาวมาก จนอาจจะรับประทานไม่ไดั เมื่อใส่พืชดังกล่าวลงไปตอนนํ้าเดือดแล้ว ต้องรอให้ เดือดอีกครัง หลังจากนั้นไม่เกิน ๒- ๓ นาที ก็ยกลง เพราะหาก ปล่อยไว้นาน รสขมเส์อนของมันจะออกมา หากต้องการให้หวาน ก็ใส่นั้าตาลกรวดปรุงรสตามต้องการ การเอาพืชสตๆ มาทำนั้าปานะอย่างนี้ให้คุณค่าทางอาหาร และยาสูงกว่าพวกปานะที่ทำเป็นผงสำเร็จรูปมากนัก ๗๘ www.kalyanamitra.org

๗๙ www.kalyanamitra.org

i www.kalyanamitra.org

วิธีรักษาสุขภาพระหว่างเดินทาง ในระหว่างเดินทาง ไม่ว่าเดินทางโดยเครื่องบินหรือทางใด ก็ตาม สิ่งที่ควรยึดถือเป็นข้อปฏิบิตอย่างเคร่งครัด คือ ๑. อย่ารับประทานจนอิ่ม ขณะเดินทางแต่ละครั้ง ควรรับประทานอาหารเพียงครื่ง หรือค่อนท้องเท่านั้น อย่าใหอิ่ม ทำไม ขอให้นึกถึงนักวิ่ง ถ้า นักวิ่งรับประทานอาหารจนอิ่มแปล้ แล้วออกวิ่งก็จะจุกวิ่งไม่ไหว สมัยก่อนบวชยังเป็นนักศึกษา บางครั้งหลวงพ่อตองท้าหน้าที่ขน ย้ายรัว ควาย มัา หมู เป็นประจำ ขนย้ายจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ บ้าง จากเชียงใหม่ลงไปถึงภาคใต้บ้าง สังเกตพบว่า ครั้งใดที่ให้ อาหารสัตว์อิ่มเต็มที่ก่อนขึ้นรถ พอถืงที่หมายปลายทาง สัดว์มัก จะป่วยเกินกว่าครื่ง เดินลงจากรถแทบไม่ไหวเพราะมันถูก รถเขย่า ตลอดทาง จึงเกิดอาการจุกแน่นแล้วก็ป่วย บางต้วถึงตาย ต่อมาจึง ไต้แท้ปัญหานี้ต้วยการให้สัตว์แต่ละตัวกินอาหารเพียงครื่งท้อง เท่านั้น ระหว่างทางมีแต่นํ้าให้กิน พอถึงปลายทางพวกมันจะลง จากรถอย่างกระฉับกระเฉง และวิ่งก้นอย่างศึกคัก เพราะว่ามัน ไม่จุกแต่มันหิวเต็มที่ ในทำนองเดียวก้น การเดินทางไกล เราต้องอยู่ในอิริยาบถ นั้งหรือนอน เป็นเวลานานหลายชั่วโมง การบรรจุอาหารไว้ ๘๑ www.kalyanamitra.org

ในท้องเต็มอัตรา จะก่อไท้เกิดปัญหาเรื่องอาหารไม่ย่อย หรือย่อยช้า ย่อยไม่หมด เพราะถูกเขย่าดลอดทางจนกระทั่งจุกแน่นบ้าง อาเจียนบ้าง เบาะๆ ก็ท้องอืด ซึ่งจะมีปัญหาต่อสุขภาพอืกหลายๆ อย่างดามมา ๒. ขอให้ดื่มนํ้ามากพอและควรเป็นนํ้าอุ่น นํ้าอุ่นร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี ดื่มในปริมาณน้อย แต่ปอยๆ ก็จะทำใท้เซลล์ชุ่มอยู่ดลอดเวลา ทำ ใท้ใม่เพลีย แต่อาจจะด้องเช้าท้องนํ้าปอยบ้างก็ไม่เป็นไร ประเทศไทยอยู่ในเขดร้อนชื้น ร่างกายของเราจึงคุ้นกับ ความชื้นมาดลอดชีวิด เมื่อด้องเดินทางไปประเทศที่อากาศแท้ง ร่างกายก็จะเกิดปัญหาขาดนํ้าโดยง่าย แม้เราจะดื่มนํ้าใน ระหว่างทางมากเพียงใดก็ดาม อาการขาดนํ้าหรือขาดความชื้น อย่างกะท้นท้นที่พบปอยๆ คือ เมื่อหลับไปสักครู่ จะมีการอาการ หนาวเยือกๆ มีอาการแท้งๆ ในอก หรือดื่นชื้นมาคอแท้ง ปากแท้งหมด บางทีมีเลีอดกำเดาไหล เป็นด้น กรณีเช่นนี้ ย่อมทำใท้ผู้เดินทางอยู่ในสภาพอ่อนระโหย โรยแรงได้ง่าย วิธีแก่ไขที่ชะงัดคือ เปิดฝักบ้วปล่อยใท้นํ้าไหลแรง แล้วก็เปิดประดูท้องนํ้าทิ้งเอาไร้ลักครู่หนึ่ง ความชื้นจากท้องนํ้า จะกระจาย เช้ามาในท้องนอน อาการแท้งอกแท้งใจ คอแท้ง แม้แต่ดาแท้ง จะหมดไปภายในไม่เกิน ๑๐ นาที วิธีป้องกัน คือ เมื่อถึงเวลานอนก็เปิดนํ้าใส่ไวิในอ่างล้างหน้า ใท้เต็ม จะทำใท้เครื่องปรับอากาศไม่มาดดความชื้นจากตัวเรา ๘๒ www.kalyanamitra.org

แต่ดูดความชื้นจากนํ้าในอ่างนั้น ตื่นชื้นมาจะไม่รูสึกโหย ไม่เพลีย แต่ถ้าอ่างนั้านั้นรั่ว ก็ให้เปิดฝักบัวนั้าอุ่นไว้ตลอดคืน โดย ไม่ให้นั้าไหลแรงนัก เนื่องจากนั้าอุ่น ไอนั้าจะแผ่ตัวกระจายออกเรว จึงทำให้ความชื้นในห้องนอนเกิดความสมดุลกับอุณหภูมิในร่างกาย หลับก็เต็มอิ่ม ตื่นชื้นมาก็สดชื่น ๓. รักษาใจให้ผ่องใส ตลอดระยะการเดินทางอย่าปล่อยจิดใจล่องลอยไปอย่าง ไว้สาระ แต่ให้เจริญภาวนาและแผ่เมดตาแก่สรรพลัตว์ไปตัวย การปฏิบัติเช่นนี้ จะทำให้เรารู้สึกปราศจากความกังวล ไม่มี ความเครียดใดๆ เมื่อใจไม่เครียดเสียแล้ว ร่างกายก็จะไม่รู้สึกเพลีย ไม่รูสึกโหย พว้อมที่จะลุยงานต่อไปในทุกสถานที่เมื่อเดินทางไปถึง ๘๓ www.kalyanamitra.org

ะ'. เ,'น-V ะ www.kalyanamitra.org

ต้นตำรับอาสนะสองชั้น หลวงพ่อมีข้อส้งเกตอยู่อย่างหนง จึงใคร่ขอฝากไว้กับ พระอาจารย์พี่เลี้ยงของสามเณรด้วย ขณะนี้สังเกตเห็นมีสามเณร หลายรูป นั่งหลังงอในขณะกำสังฉ้น การนั่งหลังงอของสามเณร คงจะมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ๑. กล้ามเนอเส้นเอ็นไม่แข็งแรง ซึ่งเรื่องนี้สามารถ แกํใขได้ด้วยการออกกำลังให้มากขึ้น โดยอาจจะให้มาช่วยกัน ทำ งานโยธา เช่น เข็นรถดั้มพ์ ซ่อมถนนทางเดิน เป็นด้น หรืองานดูแลเสนาสนะ ปัด กวาด เข็ด ถู หรือมาช่วยกัน ทำ อะไรก็ได้ดามความเหมาะสม เพี่อให้กล้ามเนี้อแข็งแรง โอ. อยู่ในอิริยาบถที่ผิดธรรมชาติบ่อยๆ ซึ่งธรรมชาดิ ของคนปกติแนวแกนของกระลูกสันหลังด้องอยู่ในแนวตรง แต่ความเผอเรอ รวมทั้งมีนิสัยตามใจตัวเอง มักอยู่ในอิริยาบถ ที่ ผิดท่า เช่น เวลายืน เดิน นั่ง มักจะปล่อยให้หลังงอปอยๆ ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปภายหน้า เมื่ออายุมากขึ้นจะพบกับ ปัญหาหลังค่อมงอ ปวดหลัง ๓. โครงสร้างของร่างกายผิดปกติ อาจเป็นมาแต่กำเนิด หรือเป็นผลสืบเนื่องจากการเลี้ยงดูในว้ยทารก ขณะที่อยู่ใน วัยทารกสามเณรเหล่านี้ อาจได้รับอาหารประเภทแคลเซึ่ยม ๘๕ www.kalyanamitra.org

กับประเภทโปรตีนไม่เพียงพอ หรืออาจจะถูกปล่อยให้นอนดึก จนเป็นนิสัยตั้งแต่ยังเล็ก การนอนดึกทำให้ร่างกายเสียเกลือแร่มาก โดยเฉพาะสูญเสียแคลเซี่ยมไปกับปัสสาวะมาก เข้าลักษณะการใช้ ร่างกายสมบุกสมบันเกินไป (Over load) ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำ ให้โครงสร้างกระดูกอ่อนแอไม่แข็งแรง แต่สาเหตุหลักๆ ที่สำ คัญก็คือ วัยเด็กคงจะซนมาก วิ่งหกล้ม ตกจากที่สูง เป็นต้น ร่างกายไต้วับการกระทบกระแทกปอยๆ จึงมีผลทำให้โครงสร้าง ของร่างกายบิดเบี้ยวผิดไปจากโครงสร้างของคนปกติ ๔. นั่งไม่เป็น มีคำ ที่เรามักใช้กันอยู่คำหนึ่งว่า \"คนเรา ไม่มีหาง\" ดามธรรมดาสัดว์ที่มีหาง เมื่อเวลามันนั่ง มันก็จะใช้ ช่วงโคนหางของมันหนุนกันจึงทำให้มันนั่งไต้มั่นคง แต่คนไม่มีหาง และทั่วไปลักษณะของร่างกายไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว จำ ต้องมีอะไร มาช่วยหนุนกันให้นั่งไต้สบายและมั่นคง ปูย่าดาทวดของเราเวลาไปนอกบัาน เขาจะมีผ้าขาวมัา ผืนหนึ่ง เวลาจะนั่ง ก็จะพับครึ่งผ้าขาวมัา แล้วก็จะพับอีกครึ่งหนึ่ง ตามยาว จากนั้นก็จะมัวนให้สูงพอสมควร แล้วใช้หนุนกัน ต้านหลังปมของกระดูกเชิงกราน ที่ทำ หน้าที่รองร้บนํ้าหนักคัว ขณะนั่ง (ทดลองนั่งลงบนฝ่ามีอ จะรูสีกว่ามีปุมกระดูกกดลงมา ที่ฝ่ามีอ นั่นแหละปมกระดูกเชิงกราน) ให้เสมีอนเป็นพนักพิงกัน นั่นเอง ทำ เช่นนี้แล้วจะช่วยทำให้นั่งต้วดรงไต้สบายขึ้น พวกเรา อาจจะเอาผ้าขนหนู ลองทำดูก็ไต้ นึ่คือ ที่มาของการออกแบบอาสนะสองชั้น อย่างที่ใช้กันอยู่ ในวัดของเราขณะนี้ คือ ช่วงหลังที่สูงเอาไวัสำหรับนั่ง ส่วนช่วงล่าง ที่บาง เอาไวัรองตาตุ่มชองกันไม่ให้ดาตุ่มเจ็บ ทำ ให้นั่งสบายขึ้น ๘๖ www.kalyanamitra.org

๘๗ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

นั๋งสมาธิแล้วหลับคอตก ใครที่นั่งสมาธิไม่นานก็หลับคอตกทุกครั้ง เพราะเส้น บริเวณคอติด เกิดการดึงรั้งทำไหไปกดเส้นเลือดที่อยู่บริเวณคอ ทำ ให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจึงง่วงและหลับได้ง่าย แม้จะพยายามฟินยืดคอ แต่ลักครู่ต่อมาก็หลับคอดกอีก ทั้งนี้ เพราะเส้นบริเวณคอยึดเสียจนเคย ทำ ให้เรารูสิกว่า นั่งคอดกแส้ว สบาย ด้องรีบแกไขเสีย อย่าปล่อยให้เส้นดึงรั้งจนยากที่จะแกไข วิธีแก็ไขด้วยตนเองอย่างง่าย ๆ มีด้งนี้ ประการที่ ๑ ออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและเพียงพอ พวกเราที่ทำงานในออฟหิเศ หรีอนั่งสมาธินานๆ ด้องวางมีอ อยู่ในท่าเดึยวเป็นเวลานาน เส้นแถวคอและแขนติด มีอาการ ปวดเมื่อยที่คอและแขน การแกว่งแขนจะช่วยให้คลายได้ การแกว่งแขนใหได้ผลดี มีวิธีปฏิบัติด้งนี้ คือ ยืนดรง ให้เท้าทั้งสองแยกออกจากกัน ระยะห่างของเท้าเท่ากับช่วงไหล่ จิกปลายนี้วเท้าทั้งสองข้างให้แน่นกับพื้นและออกแรงเหยืยบลง บนพื้นด้วยส้นเท้า ให้แรงจนรูสึกว่า กล้ามเนี้อที่เท้าถึงเอวดึงๆ แฟบท้อง ยืดหลังและคอให้ดรง ปล่อยมีอทั้งสองข้างลงสบายๆ ๘๙ www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook