146 กิจกรรมท่ี 2 ใหอ้ ธบิ ายความสาคัญของ “การจัดการความรู้” มาพอสังเขป ............................................................................................................................. ............................................. ...................................................................................................................................... .................................... .............................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ............................................. กจิ กรรมท่ี 3 ให้อธิบายหลกั การของ “การจดั การความรู้” มาพอสงั เขป ............................................................................................................................. ............................................. ........................................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ....................................................... ชอ่ื ............................................................นามสกลุ ............................................ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ แผนการจดั การเรียนร้รู ายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ ครั้งท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สัปดาห์ที่ 17 วันท่ี 31 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า ทักษะการเรียนรู้ รหสั วิชา ทร21001 จานวน 2 หน่วยกิต 3. มาตรฐานที่ 1.1 มคี วามรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทดี่ ตี ่อการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 4. หน่วยการเรียนร/ู้ เรอ่ื ง คิดเป็น
147 5. สาระสาคัญ ทบทวนทาความเข้าใจกบั ความเช่ือพ้นื ฐานทางการศกึ ษาผใู้ หญ่ และเชอ่ื มโยงไปส่กู ารเรยี นรเู้ ร่ืองการคิดเป็น กระบวนการแก้ปญ๎ หาของคนคิดเปน็ และปรชั ญาคิดเป็น ศึกษาวิเคราะหล์ กั ษณะของข้อมลู ทง้ั ด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม ส่ิงแวดล้อม รวมทั้งเทคนคิ การเก็บข้อมลู เพ่ือนาไปใชใ้ นการเลอื กเก็บข้อมลู ดังกลา่ วมาใชป้ ระกอบการ ตัดสินใจอย่างคนคิดเป็น 6. เนอ้ื หา 1. ความเชอ่ื พื้นฐานทางการศึกษาผใู้ หญ่/ การศกึ ษานอกระบบ ทเ่ี ช่ือมโยงมาสู่ปรชั ญา คิดเป็น 2. ความหมาย ความสาคัญของการคิดเปน็ - ศพั ท์เฉพาะ - การเช่ือมโยงของความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่ /กศน.สปู่ รัชญาคดิ เป็น 7. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้/ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และวจิ ารณ์หรอื แสดงความคิดเห็นและความรู้สึกต่อการแสดงประเภทต่างๆ ได้ 1. อธิบายหรอื ทบทวนปรชั ญาคิดเปน็ และการใช้ระบบขอ้ มลู ทางวิชาการ ตนเอง และสังคมสิ่งแวดลอ้ ม มาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ เพ่อื ประกอบกระบวนการคิด การตดั สินใจในการแก้ป๎ญหา 1.1 วิเคราะหค์ วามสัมพนั ธ์ ระหวา่ งความเช่ือพ้ืนฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ่/การศึกษานอกระบบกบั ปรัชญาคิด เป็น 1.2 อธิบายความสาคัญของการคดิ เป็น ที่มีต่อตนเอง ครอบครวั ชุมชน 2. อธบิ ายและปฏิบตั ิการใช้เทคนิค วธิ กี ารฝกึ ทักษะการคิดเปน็ ทีซ่ บั ซอ้ นและนาคณุ ธรรม จริยธรรม ทเ่ี กยี่ วขอ้ งมา ส่งเสรมิ กระบวนการคิดเปน็ ให้มากข้นึ 2.1 อธิบายวิธกี ารรวบรวม ป๎ญหาของตนเอง ครอบครัวและชุมชน 2.2 อธบิ ายการวิเคราะห์ป๎ญหา ของตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนดว้ ย กระบวนการคิดเป็น 2.3 บอกวธิ ีและกระบวนการรวบรวมขอ้ มูลดา้ นตนเอง ดา้ นวชิ าการ และด้านสงั คมส่งิ แวดลอ้ ม เพื่อนามาใช้ ในกระบวนการคิดเป็น 2.4 วเิ คราะห์ข้อมูลวิชาการ ข้อมูลตนเอง และข้อมลู สังคมสิ่งแวดล้อม เพ่ือตดั สินใจเลือกแนวทางการแก้ไข ป๎ญหาตนเอง ครอบครวั และชมุ ชน 2.5 เลอื กแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาด้วยกระบวนการคิดเปน็ ไดอ้ ยา่ งมีคุณธรรม จรยิ ธรรม 2.6 วางแผนแกไ้ ขปญ๎ หาของชมุ ชนตามเหตกุ ารณ์ทกี าหนดให้ โดยใชก้ ระบวนการคิดเป็น 3. อภปิ ราย ถกแถลงถงึ ปญ๎ หาและอุปสรรคในการใช้กระบวนการคิดเปน็ ประกอบการแกป้ ญ๎ หา 3.1 อภปิ รายและระบุป๎ญหาทีเ่ ป็นอปุ สรรคต่อการพัฒนากระบวนการคดิ เป็น 3.2 บอกแนวทางการแก้ปญ๎ หาทเี่ ป็นอุปสรรคตอ่ การพัฒนากระบวนการคดิ เป็น 8. การบรู ณาการกับหลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เงือ่ นไข 3 หลกั การ การเชอื่ มโยงสู่ 4 มิติ) ความรู้ ความรเู้ รอ่ื ง ความหมาย ความสาคญั ของการคดิ เป็น ความเช่อื พ้นื ฐานในการศึกษาผใู้ หญ่ คณุ ธรรม
148 - มีความขยัน - มคี วามสามัคคีในการทางานรว่ มกนั - มีความตงั้ ใจและม่งุ มั่น พอประมาณ - ความถนัดในการศกึ ษาหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรู้ - ตน้ ทนุ - เวลา มเี หตผุ ล - มคี วามรู้เพื่อพฒั นาตนเอง - บรหิ ารเวลาในการศกึ ษาหาความรู้ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ มีภมู คิ ุ้มกัน - นาความรทู้ ไ่ี ด้มาพัฒนาทักษะดา้ นต่างๆไดเ้ หมาะสมกบั ตนเอง วตั ถุ - มีทรัพยากรในการศกึ ษาหาความรู้ท่ีหลากหลาย สังคม - มกี ารทางานรว่ มกันเปน็ กลุ่มแลกเปล่ียนความคิดและวเิ คราะหร์ ่วมกัน สง่ิ แวดล้อม - ใชท้ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มในการศึกษาหาความรู้ วฒั นธรรม - มีความร้ทู ี่ได้จากภมู ปิ ๎ญญาในท้องถ่นิ และทรัพยากรในท้องถ่นิ 9. กระบวนการจดั การเรียนรูแ้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 1 กาหนดสภาพปัญหาการเรยี นรู้(O : Orientation) 1. ครูทักทาย/สวสั ดผี ูเ้ รียน ชี่แจงบอกวตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. ใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ขน้ั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรียนรู(้ N : New ways of learning) 1. ครทู ักทาย/สวัสดีผู้เรยี น ชี่แจงบอกวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. สุ่มตวั อย่างผเู้ รยี น 2-3 คนใหเ้ ล่าถึงกระบวนการคิดเป็นท่ผี เู้ รยี นพอเข้าใจให้เพ่ือนๆฟ๎งว่ามี กระบวนการและข้นั ตอนอย่างไร และตอบข้อคาถามของครแู ละเพ่ือนๆได้ 3. ครใู ห้ผู้เรียนทุกคนออกแบบในเร่ืองของกระบวนการคดิ เป็นวา่ มขี นั้ ตอนและกระบวนการอยา่ งไร ตามความเข้าใจของผู้เรยี น ขน้ั ที่ 3 การปฏิบตั ิและการนาไปใช้ (I : Implementation) 1. ครูให้ผู้เรยี นระดมความคิด ถอดบทเรียนให้สอดคล้องกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง 2. ใหแ้ ต่ละคนนาเสนอผลการออกแบบขน้ั ตอนและกระบวนการคดิ เป็นหนา้ ชั้นเรยี น 3. ครสู รุปหลังจากทุกคนนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี นเรียบรอ้ ยแล้ว
149 4. ครูให้ความรู้เพิ่มเตมิ ในสว่ นท่ผี ้เู รยี นขาดหาย ครูเชือ่ มโยงจากส่ิงทีผ่ ู้เรียนนาเสนอกบั เนอื้ หาใน เร่อื งของกระบวนการคิดเปน็ 5. แจกใบงานให้ทดสอบความรู้ ความเขา้ ใจ และทดสอบหลังเรียน ขนั้ ที่ 4 การประเมินผลการเรยี นรู้(E : Evaluation) 1. ใหน้ ักศกึ ษาออกมาหนา้ ชนั้ เรียน เพอ่ื นาเสนอการถอดบทเรียนให้สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจ พอเพียง จากนนั้ ครใู หค้ ะแนน 2. ครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ หลังจากทกุ กลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น 3. ครูเช่อื มโยงกิจกรรมที่ผ้เู รียนไดป้ ฏบิ ัตกิ ับเนื้อหาในเร่ืองการคิดเป็น 4. แบบทดสอบหลงั เรียน 10. ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ (ทร2100๑) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 2. ใบงาน 3. ใบความรู้ 4. ส่อื อนิ เตอร์เน็ต 11. การวดั และประเมินผล 11.1 วิธีการวดั และประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทางานร่วมกบั ผู้อน่ื ของนักศึกษารายบคุ คล - ใบงาน 11.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล. - ประเมินผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานร่วมกบั ผู้อ่นื ของนกั ศึกษารายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวดั และการประเมนิ ผล - แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรว่ มกับผู้อื่นของนกั ศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควร ปรับปรุง - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................... ................................... ................................................................................................ ......................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................................... ลงช่ือ…………………………………………….ครผู ้สู อน (นางสาวจนั ทร์ทพิ ย์ ศรลี ัย) ครู กศน.ตาบล
150 ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… ............................................................................................................................. ............................................................ ........................................................................................................................................................................... ........... ลงชอ่ื ………………………………………………………ผอู้ นุมตั ิแผน (นางป๎ทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตุรพักตรพมิ าน ใบความรู้ “การศึกษาคือกระบวนการที่ทาใหค้ นและสังคมเจรญิ งอกงาม ยิ่งเรียนย่ิงขยนั ย่ิงเรียนยิง่ อดทน ยิ่งเรียนยิง่ ซื่อสตั ย์ ยิ่งเรียนยงิ่ มีความกตัญํู ย่งิ เรียนยิ่งรักปุยู ่าตายาย ดูแลปุยู ่าตายาย ไปไหนกด็ ูแลซง่ึ กันและกนั บ้านเมืองกจ็ ะ มแี ตค่ วามสขุ ” เนอื้ หาในสว่ นน้ไี ดร้ วบรวมสาระ แนวคดิ บทความของท่าน ดร.โกวิท วรพิพฒั น์ ทีเ่ ป็นผูใ้ ห้นิยาม คาวา่ คิด เปน็ \"กระบวนการคดิ เพื่อตัดสินใจ\" โดยใช้ขอ้ มลู 3 ดา้ น คือ ข้อมูลส่วนตัว ขอ้ มูลทาง สงั คมหรอื ส่งิ แวดล้อม และ
151 ข้อมลู ทางวิชาการ ปรชั ญา \"คิดเป็น\" มีรายละเอยี ดและสาระท่ีน่าศึกษา แนวคดิ \"คิดเปน็ \" ของ ดร. โกวทิ วรพิพัฒน์ ดร.โกวทิ วรพพิ ัฒน์และคณะ ไดป้ ระยุกต์แนวความคิดในเรื่อง“คดิ เป็น” และนามาเป็นเปูาหมายสาคัญใน การใหบ้ รกิ ารการศึกษาผ้ใู หญ่ต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2513 เปน็ ต้น มีหลกั การทเี่ ป็นหัวใจสาคัญดังน้ี การวิเคราะหป์ ญ๎ หาและ แสวงหาคาตอบหรือทางเลือกเพือ่ แกป้ ๎ญหา คดิ อยา่ งรอบคอบโดยอาศยั ข้อมลู ตนเอง ข้อมูลสังคม สง่ิ แวดลอ้ มและ ข้อมูลทางวิชาการประกอบการตดั สนิ ใจ แกป้ ญ๎ หาหรือหาทางเลือกเพื่อนาไปปฏบิ ตั ิ รจู้ ักคดิ เพื่อแกป้ ญ๎ หา ด้วยการ กระทาการอยา่ งเหมาะสมและพอดี จากหลักการดังที่กลา่ วมา พอจะสรปู ความหมายของคาวา่ คดิ เป็น ดังน้ี \"คิดเป็น\" หมายถึง กระบวนการที่คนเรานามาใช้ในการตดั สนิ ใจ โดยตอ้ งแสวงหาข้อมลู ของตนเอง ขอ้ มลู ของ สภาพแวดลอ้ มในชุมชนและสังคม และข้อมูลทางหลักวชิ าการ แล้วนามาวเิ คราะห์หาทางเลือกในการตัดสนิ ใจที่ เหมาะสม มีความพอดีระหว่างตนเองและสังคม เมอื่ ครงั้ ดร.โกวิท วรพิพฒั น์ ปฏิบัตงิ านในตาแหนง่ หัวหนา้ กองการศึกษาผใู้ หญ่ กรมสามัญศกึ ษา (ระหวา่ งปี พ.ศ.2511-2518) ทา่ นไดร้ ิเริ่มโครงการการศกึ ษาผูใ้ หญแ่ บบเบด็ เสร็จ (Functional Literacy) แบบไทย มุ่งให้ผู้เขา้ รับ การศกึ ษาระดบั ชาวบ้านได้รู้จักคิดแกไ้ ขป๎ญหา ให้สอดคลอ้ งกับสภาพสถานะของตน และของกลมุ่ ทเี่ รยี กว่า \"คิดเปน็ \" โดยมหี ลักการวา่ เรียนแล้วสามารถนาข้อมลู ทางวิชาการ ข้อมลู ข้อจากัดส่วนตัวของแตล่ ะบคุ คล และข้อมูลเกี่ยวกบั สังคม มาประมวลแลว้ คดิ หาคาตอบให้กับป๎ญหาของแต่ละคนหรือสงั คม ซ่ึงจะได้คาตอบที่หลากหลายและตรงกบั สภาพของแต่ละบุคคลหรอื สงั คม ไม่ใชว่ ่าหนังสือบอกไว้อย่างไรแลว้ ตอ้ งทาตามเหมือนกันหมด คดิ เองไม่เป็น แตถ่ ้าคิด เป็นแลว้ คาถามหรือปญ๎ หาเดียวกนั อาจได้คาตอบไมเ่ หมือนกันกเ็ ปน็ ได้ ผลสาเร็จของโครงการ \"คิดเป็น\" ทาให้ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ ได้รับเชญิ จากองค์การยูเนสโกใหไ้ ปเสนอผลงานดังกล่าว ท่ปี ระเทศสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่าไดร้ ับความสนใจจากประเทศตา่ งๆ อย่างมาก จนองค์การยูเนสโกนาเรื่องน้ี ไป เผยแพรท่ ัว่ โลก ทาให้ ดร.โกวทิ ไดร้ ับฉายาจากต่างประเทศว่า \"นายคิดเป็น\" (Mr.Khit Pen) ใบงาน คาส่ัง ใหท้ ่านคัดเลือกข่าวเกย่ี วกับสภาพสงั คมป๎จจุบันทท่ี ่านสนใจมา 1 ข่าว และดาเนินการ วิเคราะห์ว่าขา่ วน้ดี ี หรอื ไม่ เหมาะสม อย่างไร พรอ้ มให้เหตผุ ลในการวเิ คราะห์ข่าวว่า ไดน้ าขอ้ มลู ดา้ นตนเอง ด้าน สงั คมสิ่งแวดลอ้ ม และดา้ นวชิ าการ มาใชป้ ระกอบในการวเิ คราะห์ เขยี นตามแบบกาหนด 1. เขียนหัวขอ้ ข่าว………………………………………….. 2. รายละเอยี ดของขา่ ว (ตดั ข่าวมาตดิ ไว)้
152 3. สังเคราะหข์ ่าวไดด้ งั น้ี …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… ชือ่ ..............................................นามสกลุ ............................................ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร คร้ังที่ 17 วัน/เดอื น/ปีวันท่ี 31 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครูผสู้ อน นางสาวจันทร์ทิพย์ ศรลี ัย ระดับ มัธยมศึกษาตอนตน้ เวลา 09.00-12.00 น. สาระทกั ษะการเรียนรู้ รายวิชา ทกั ษะการเรยี นรู้ รหสั วิชา ทร21001 จานวนผ้เู รียนทั้งหมด ............... คนเขา้ เรยี น…………………คน ไม่เขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลงั เรียน มากกว่ากอ่ นเรียนจานวน ........ คนคิดเปน็ รอ้ ยละ............
153 คะแนนการทดสอบหลังเรยี น น้อยกว่าก่อนเรียนจานวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เน้อื หา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรคการเรยี นการสอน ............................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................................................................................................. ..... ลงช่ือ.........................................................(ผู้บันทึก) (นางสาวจันทร์ทิพย์ ศรลี ัย) ครู กศน.ตาบล ความเหน็ /ข้อเสนอของผู้บริหาร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอื่ .................................................. (นางปท๎ มาภรณ์ ศรเี นตร) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตุรพกั ตรพมิ าน แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าทักษะการเรียนรู้ ครงั้ ท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น กศน.ตาบลศรโี คตร 1. สัปดาห์ท่ี 18 วนั ท่ี 7 เดือน กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ รหสั วิชา ทร2101 จานวน 1 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานที่ 1.1 มคี วามรู้ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 4. หนว่ ยการเรียนรู/้ เร่อื ง คิดเปน็ 5. สาระสาคัญ
154 ทบทวนทาความเขา้ ใจกับความเชือ่ พน้ื ฐานทางการศึกษาผใู้ หญ่ และเชือ่ มโยงไปสกู่ ารเรียนรู้เรอื่ งการคิดเป็น กระบวนการแกป้ ๎ญหาของคนคดิ เป็นและปรัชญาคิดเป็น ศึกษาวิเคราะห์ลักษณะของข้อมูลทงั้ ด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม ส่งิ แวดล้อม รวมทั้งเทคนิคการเก็บข้อมูล เพ่ือนาไปใช้ในการเลอื กเก็บข้อมลู ดังกลา่ วมาใชป้ ระกอบการ ตัดสนิ ใจอยา่ งคนคดิ เป็น 6. เนอื้ หา การรวบรวมและวเิ คราะห์สภาพป๎ญหา ของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และคดิ วเิ คราะห์ โดยใช้ ขอ้ มูลดา้ นตนเอง ด้านวิชาการ และ ดา้ นสงั คมสง่ิ แวดลอ้ ม 7. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้/ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั มีความรู้ ความเข้าใจ และวจิ ารณห์ รอื แสดงความคิดเห็นและความรู้สึกต่อการแสดงประเภทตา่ งๆ ได้ 1. อธิบายหรือทบทวนปรัชญาคดิ เป็น และการใช้ระบบข้อมลู ทางวชิ าการ ตนเอง และสังคมสิง่ แวดลอ้ ม มาวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เพ่ือประกอบกระบวนการคิด การตดั สนิ ใจในการแก้ปญ๎ หา 1.1 วเิ คราะห์ความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งความเช่ือพนื้ ฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ/่ การศกึ ษานอกระบบกับปรชั ญาคดิ เปน็ 1.2 อธิบายความสาคัญของการคิดเปน็ ท่มี ีต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน 2. อธิบายและปฏบิ ัตกิ ารใชเ้ ทคนิค วิธกี ารฝึกทักษะการคิดเปน็ ท่ีซบั ซ้อนและนาคณุ ธรรม จริยธรรม ท่เี ก่ียวข้องมา สง่ เสรมิ กระบวนการคิดเป็นให้มากขนึ้ 2.1 อธิบายวธิ ีการรวบรวม ป๎ญหาของตนเอง ครอบครวั และชุมชน 2.2 อธบิ ายการวเิ คราะห์ปญ๎ หา ของตนเอง ครอบครัวและชมุ ชนดว้ ย กระบวนการคิดเป็น 2.3 บอกวธิ ีและกระบวนการรวบรวมขอ้ มูลดา้ นตนเอง ด้านวิชาการ และด้านสังคมสิง่ แวดลอ้ ม เพ่ือนามาใช้ ในกระบวนการคิดเป็น 2.4 วิเคราะหข์ ้อมลู วชิ าการ ข้อมลู ตนเอง และขอ้ มูล สงั คมสิง่ แวดลอ้ ม เพ่ือตดั สินใจเลือกแนวทางการแก้ไข ปญ๎ หาตนเอง ครอบครวั และชุมชน 2.5 เลอื กแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาดว้ ยกระบวนการคดิ เปน็ ไดอ้ ย่างมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม 2.6 วางแผนแกไ้ ขปญ๎ หาของชุมชนตามเหตุการณ์ทีกาหนดให้ โดยใชก้ ระบวนการคิดเปน็ 3. อภปิ ราย ถกแถลงถึงปญ๎ หาและอปุ สรรคในการใช้กระบวนการคิดเปน็ ประกอบการแกป้ ๎ญหา 3.1 อภิปรายและระบปุ ๎ญหาท่เี ปน็ อุปสรรคต่อการพัฒนากระบวนการคดิ เป็น 3.2 บอกแนวทางการแกป้ ๎ญหาท่ีเปน็ อุปสรรคตอ่ การพัฒนากระบวนการคดิ เปน็ 8. การบูรณาการกบั หลกั แนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เง่ือนไข 3 หลักการ การเช่ือมโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ ความรเู้ รือ่ งการคดิ เปน็ วิเคราะห์สภาพปญ๎ หา ของตนเอง ครอบครวั ชุมชน คณุ ธรรม - มีความขยัน - มีความสามัคคใี นการทางานร่วมกัน
155 - มีความตั้งใจและมงุ่ มนั่ พอประมาณ - ความถนัดในการศกึ ษาหาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรู้ - ต้นทนุ - เวลา มีเหตุผล - มีความรู้เพื่อพฒั นาตนเอง - บรหิ ารเวลาในการศึกษาหาความรไู้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ มภี มู คิ ุม้ กนั - นาความรทู้ ีไ่ ด้มาพัฒนาทักษะดา้ นต่างๆไดเ้ หมาะสมกับตนเอง วตั ถุ - มีทรัพยากรในการศึกษาหาความรู้ที่หลากหลาย สังคม - มกี ารทางานรว่ มกนั เป็นกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดและวเิ คราะหร์ ว่ มกนั ส่งิ แวดล้อม - ใชท้ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในการศึกษาหาความรู้ วฒั นธรรม - มีความรทู้ ่ีไดจ้ ากภูมิป๎ญญาในทอ้ งถน่ิ และทรัพยากรในท้องถ่นิ 9. กระบวนการจดั การเรียนรู้และกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันท่ี 1 กาหนดสภาพปญั หาการเรียนรู้(O : Orientation) 1. ครทู กั ทาย/สวัสดผี เู้ รยี น ช่ีแจงบอกวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ 2. ให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน ขน้ั ที่ 2 แสวงหาข้อมลู และจัดการเรียนรู้(N : New ways of learning) 1. ครทู ักทาย/สวัสดีผู้เรียน ชีแ่ จงบอกวตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. สุ่มตัวอย่างผูเ้ รยี น 2-3 คนให้เล่าถึงกระบวนการคิดเป็นทผ่ี ู้เรียนพอเขา้ ใจใหเ้ พื่อนๆฟ๎งว่ามี กระบวนการและขนั้ ตอนอยา่ งไร และตอบข้อคาถามของครแู ละเพ่ือนๆได้ 3. ครูใหผ้ ู้เรียนทุกคนออกแบบในเรื่องของกระบวนการคิดเป็นวา่ มขี น้ั ตอนและกระบวนการอย่างไร ตามความเข้าใจของผเู้ รยี น ขั้นท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนาไปใช้(I : Implementation) 1. ครูให้ผ้เู รียนระดมความคิด ถอดบทเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง 2. ให้แตล่ ะคนนาเสนอผลการออกแบบข้ันตอนและกระบวนการคดิ เป็นหน้าชัน้ เรยี น 3. ครูสรุปหลังจากทกุ คนนาเสนอหน้าชน้ั เรียนเรยี บรอ้ ยแล้ว 4. ครใู หค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ ในส่วนทผี่ ้เู รยี นขาดหาย ครเู ชอ่ื มโยงจากสิ่งทีผ่ ู้เรยี นนาเสนอกับ เนือ้ หาในเร่ืองของกระบวนการคิดเป็น
156 5. แจกใบงานให้ทดสอบความรู้ ความเขา้ ใจ และทดสอบหลงั เรยี น ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรียนร(ู้ E : Evaluation) 1. ใหน้ ักศกึ ษาออกมาหน้าช้นั เรียน เพื่อนาเสนอการถอดบทเรยี นให้สอดคล้องกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง จากนัน้ ครูให้คะแนน 2. ครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั สรุปหลงั จากทุกกล่มุ นาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น 3. ครูเชื่อมโยงกิจกรรมทผ่ี ู้เรียนได้ปฏบิ ตั กิ บั เนื้อหาในเรื่องการคิดเปน็ 4. แบบทดสอบหลงั เรยี น 10. สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นรายวชิ าทักษะการเรียนรู้ (ทร2100๑) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 2. ใบงาน 3. ใบความรู้ 4. ส่ืออินเตอร์เน็ต 11. การวดั และประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี ารวดั และประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทางานรว่ มกับผอู้ ่นื ของนักศึกษารายบคุ คล - ใบงาน 11.2 เคร่ืองมือวัดและประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรว่ มกับผู้อื่น ของนกั ศกึ ษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื ของนกั ศึกษารายบคุ คล ระดบั ดี พอใช้ และควร ปรับปรงุ - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ .......................................................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ..................................................................................................................................... ................................................... ลงชื่อ…………………………………………….ครผู ูส้ อน (นางสาวจนั ทร์ทพิ ย์ ศรีลยั ) ครู กศน.ตาบล ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร
157 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................... ลงชื่อ………………………………………………………ผอู้ นมุ ตั ิแผน (นางป๎ทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตุรพักตรพมิ าน บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ กศน.ตาบลศรีโคตร ครั้งที่ 18 วัน/เดอื น/ปีวนั ท่ี 7 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2565 ครผู ู้สอน นางสาวจันทร์ทิพย์ ศรีลัย ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น เวลา 09.00-12.00 น. สาระทกั ษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ รหสั วชิ า ทร2100๑ จานวนผเู้ รยี นท้ังหมด ............... คนเขา้ เรียน…………………คน ไมเ่ ขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้การประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น พบวา่ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน มากกวา่ กอ่ นเรียนจานวน ........ คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น นอ้ ยกวา่ ก่อนเรียนจานวน ......... คนคิดเปน็ รอ้ ยละ............
158 2. เนื้อหา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อุปสรรคการเรยี นการสอน ............................................................................................................................................................. ...... ............................................................................................................................ ....................................... 5. แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................................ ....... ลงช่อื .........................................................(ผู้บันทึก) (นางสาวจนั ทรท์ ิพย์ ศรลี ัย) ครู กศน.ตาบล ความเหน็ /ข้อเสนอของผู้บริหาร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื .................................................. (นางปท๎ มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอจตรุ พักตรพมิ าน ใบความรู้ “การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง” การเรียนรเู้ ป็นเร่ืองของทกุ คนศกั ดิ์ศรีของผ้เู รียนจะมีได้เมื่อมโี อกาสในการเลอื กเรยี นในเรื่องทีห่ ลากหลาย และมคี วามหมายแกต่ นเองการเรียนร้มู อี งค์ประกอบ 2 ด้านคือองค์ประกอบภายนอกได้แกส่ ภาพแวดล้อมโรงเรยี น สถานศึกษาสิ่งอานวยความสะดวกและครูองค์ประกอบภายในได้แก่การคดิ เป็นพ่ึงตนเองไดม้ ีอิสรภาพใฝุรใู้ ฝุ สร้างสรรค์มคี วามคิดเชิงเหตุผลมจี ิตสานกึ ในการเรียนรู้มีเจตคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้การเรียนรทู้ เี่ กดิ ขนึ้ มไิ ดเ้ กดิ ข้ึน จากการฟ๎งคาบรรยายหรอื ทาตามที่ครูผู้สอนบอกแต่อาจเกิดข้ึนได้ในสถานการณต์ า่ งๆต่อไปนี้ 1. การเรียนรโู้ ดยบังเอิญการเรยี นรู้แบบนเ้ี กดิ ขน้ึ โดยบงั เอิญมไิ ดเ้ กิดจากความต้ังใจ
159 2. การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองเป็นการเรียนร้ดู ว้ ยความตั้งใจของผู้เรยี นซ่งึ มคี วามปรารถนาจะรใู้ นเรอื่ งน้ันผู้เรียน จงึ คดิ หาวธิ ีการเรยี นด้วยวิธกี ารตา่ งๆหลงั จากนั้นจะมกี ารประเมินผลการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองจะเปน็ รูปแบบการเรยี นร้ทู ี่ ทวีความสาคญั ในโลกยุคโลกาภิวัตนบ์ ุคคลซ่ึงสามารถปรบั ตนเองใหต้ ามทนั ความก้าวหน้าของโลกโดยใช้ส่อื อุปกรณย์ ุค ใหมไ่ ดจ้ ะทาใหเ้ ปน็ คนท่ีมคี ุณคา่ และประสบความสาเร็จได้อยา่ งดี 3. การเรยี นรโู้ ดยกล่มุ การเรียนร้แู บบนีเ้ กิดจากการทีผ่ เู้ รยี นรวมกลุ่มกนั แล้วเชญิ ผทู้ รงคุณวฒุ มิ าบรรยาย ใหก้ ับสมาชิกทาใหส้ มาชกิ มคี วามรู้เร่ืองที่วิทยากรพูด 4. การเรียนร้จู ากสถาบันการศึกษาเป็นการเรยี นแบบเปน็ ทางการมีหลกั สูตรการประเมินผลมีระเบยี บการ เขา้ ศกึ ษาที่ชดั เจนผเู้ รียนต้องปฏิบัตติ ามกฎระเบียบที่กาหนดเมอื่ ปฏบิ ัตคิ รบถว้ นตามเกณฑท์ ่ีกาหนดกจ็ ะได้รับปริญญา หรอื ประกาศนยี บัตรจากสถานการณ์การเรียนรู้ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการเรยี นรู้อาจเกิดได้หลายวธิ แี ละการเรียนรนู้ ้นั ไม่ จาเปน็ ตอ้ งเกดิ ข้นึ ในสถาบันการศึกษาเสมอไปการเรยี นรอู้ าจเกิดข้ึนไดจ้ ากการเรยี นรดู้ ้วยตนเองหรือจากการเรยี นโดย กลุม่ ก็ได้และการท่ีบุคคลมีความตระหนักเรียนรูอ้ ยู่ภายในจิตสานึกของบุคคลนั้นการเรยี นรู้ด้วยตนเองจึงเปน็ ตวั อย่าง ของการเรียนรู้ในลกั ษณะทีเ่ ป็นการเรยี นรู้ท่ีทาใหเ้ กิดการเรียนรตู้ ลอดชวี ิตซ่ึงมีความสาคัญสอดคล้องกบั การ เปลีย่ นแปลงของโลกป๎จจบุ นั และสนับสนุนสภาพ “สังคมแหง่ การเรยี นรู้” ไดเ้ ป็นอยา่ งดี การเรียนรดู้ ้วยตนเองคืออะไร เม่ือกลา่ วถึงการเรียนด้วยตนเองแล้วบุคคลโดยทั่วไปมกั จะเขา้ ใจว่าเป็นการเรียนทผี่ เู้ รียนทาการศึกษา คน้ คว้าดว้ ยตนเองตามลาพงั โดยไม่ต้องพงึ่ พาผสู้ อนแต่แทท้ ่ีจริงแลว้ การเรียนด้วยตนเองท่ีตอ้ งการให้เกิดขนึ้ ในตวั ผเู้ รยี นนน้ั เปน็ กระบวนการเรียนรู้ทีผ่ เู้ รยี นริเร่มิ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองตามความสนใจความต้องการและความถนดั มี เปา้ หมายร้จู ักแสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรียนรู้เลือกวธิ ีการเรยี นรู้จนถึงการประเมินความกา้ วหน้าของการ เรยี นรขู้ องตนเองโดยจะดาเนินการด้วยตนเองหรือร่วมมือชว่ ยเหลือกบั ผู้อ่นื หรือไม่ก็ได้ซึ่งผเู้ รยี นจะต้องมคี วาม รับผิดชอบและเปน็ ผคู้ วบคุมการเรยี นของตนเอง ท้ังนก้ี ารเรยี นด้วยตนเองน้นั มีแนวคิดพื้นฐานมาจากแนวคิดทฤษฎีกลุ่มมนุษยนิยมที่มีความเชอ่ื ในเรื่องความ เป็นอสิ ระและความเปน็ ตวั ของตัวเองของมนุษย์ว่ามนษุ ย์ทุกคนเกิดมาพรอ้ มกบั ความดีมีความเป็นอสิ ระเปน็ ตวั ของ ตวั เองสามารถหาทางเลือกของตนเองมีศักยภาพและสามารถพฒั นาศักยภาพของตนเองไดอ้ ยา่ งไม่มีขดี จากัดรวมทั้งมี ความรบั ผิดชอบต่อตนเองและผอู้ นื่ ซง่ึ การเรียนดว้ ยตนเองกอ่ ให้เกดิ ผลในทางบวกตอ่ การเรยี นโดยจะสง่ ผลให้ผู้เรียนมี ความเชอื่ มน่ั ในตนเองมแี รงจูงใจในการเรยี นมากขึ้นมผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสงู ข้ึนและมีการใช้วธิ กี ารเรยี นท่ี หลากหลายการเรียนดว้ ยตนเองจงึ เป็นมาตรฐานการศึกษาที่ควรสง่ เสริมใหเ้ กดิ ขึ้นในตวั ผูเ้ รยี นทกุ คนเพราะเมื่อใดก็ ตามทผี่ เู้ รียนมใี จรักทีจ่ ะศึกษาค้นควา้ จากความตอ้ งการของตนเองผูเ้ รียนก็จะมีการศึกษาค้นคว้าอย่างตอ่ เน่ืองต่อไป โดยไมต่ ้องมใี ครบอกหรือบังคับเปน็ แรงกระตนุ้ ให้เกดิ ความอยากรู้อยากเห็นต่อไปไม่มีทส่ี ิ้นสดุ ซึง่ จะนาไปสู่การเปน็ ผู้ เรยี นรตู้ ลอดชีวติ ตามเปูาหมายของการศึกษาต่อไป การเรียนด้วยตนเองมอี ยู่ 2 ลกั ษณะคือลักษณะทเี่ ปน็ การจัดการเรียนรทู้ ม่ี ีจุดเนน้ ให้ผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลางในการเรียน โดยเปน็ ผรู้ ับผดิ ชอบและควบคุมการเรยี นของตนเองโดยการวางแผนปฏบิ ัตกิ ารเรียนรูแ้ ละประเมนิ การเรียนรดู้ ้วย ตนเองซึง่ ไม่จาเป็นจะต้องเรียนด้วยตนเองเพียงคนเดียวตามลาพังและผู้เรยี นสามารถถ่ายโอนการเรียนรแู้ ละทกั ษะท่ี ได้จากสถานการณห์ น่งึ ไปยงั อีกสถานการณ์หนึ่งได้ในอีกลักษณะหน่ึงเป็นลักษณะทางบุคลิกภาพทีม่ ีอย่ใู นตัวผ้ทู เี่ รยี น
160 ด้วยตนเองทุกคนซ่งึ มอี ยู่ในระดบั ทไี่ มเ่ ท่ากนั ในแตล่ ะสถานการณ์การเรียนโดยเป็นลักษณะที่สามารถพฒั นาใหส้ งู ขึ้นได้ และจะพัฒนาไดส้ งู สุดเม่ือมกี ารจดั สภาพการจัดการเรียนร้ทู ีเ่ อ้ือกนั การเรยี นรู้ด้วยตนเองมคี วามสาคญั อย่างไร การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning) เป็นแนวทางการเรียนรหู้ นึง่ ทสี่ อดคล้องกบั การ เปลีย่ นแปลงของสภาพป๎จจบุ ันและเป็นแนวคดิ ทส่ี นบั สนนุ การเรยี นร้ตู ลอดชวี ิตของสมาชิกในสังคมสกู่ ารเปน็ สังคม แห่งการเรยี นรโู้ ดยการเรียนรู้ด้วยตนเองเปน็ การเรียนร้ทู ี่ทาให้บุคคลมีการรเิ รมิ่ การเรียนรู้ดว้ ยตนเองมีเปูาหมายในการ เรยี นร้ทู แ่ี น่นอนมีความรับผิดชอบในชีวิตของตนเองไม่พง่ึ คนอืน่ มแี รงจงู ใจทาใหผ้ ้เู รียนเป็นบุคคลทีใ่ ฝรุ ้ใู ฝุเรยี นท่ีมกี าร เรยี นรูต้ ลอดชีวิตเรยี นรู้วธิ เี รยี นสามารถเรียนรเู้ รอื่ งราวตา่ งๆไดม้ ากกว่าการเรียนที่มีครูปูอนความร้ใู หเ้ พยี งอยา่ งเดยี ว การเรยี นรู้ด้วยตนเองไดน้ บั วา่ เปน็ คุณลกั ษณะท่ีดีที่สดุ ซ่งึ มีอยู่ในตวั บคุ คลทุกคนผูเ้ รยี นควรจะมคี ุณลกั ษณะของการ เรียนรดู้ ว้ ยตนเองการเรียนรู้ด้วยตนเองจดั เป็นกระบวนการเรียนรตู้ ลอดชีวิตยอมรับในศักยภาพของผู้เรียนว่าผู้เรียน ทุกคนมคี วามสามารถที่จะเรียนรู้ส่งิ ตา่ งๆได้ดว้ ยตนเองเพ่ือทีต่ นเองสามารถที่ดารงชวี ิตอยูใ่ นสงั คมที่มีการเปลีย่ นแปลง อยู่ตลอดเวลาไดอ้ ย่างมีความสขุ ดงั นนั้ การเรยี นรดู้ ้วยตนเองมคี วามสาคัญดงั นี้ 1. บุคคลที่เรยี นร้ดู ้วยการรเิ ร่ิมของตนเองจะเรียนได้มากกว่าดกี วา่ มคี วามตั้งใจมจี ุดมงุ่ หมายและมีแรงจงู ใจสูง กว่าสามารถนาประโยชน์จากการเรียนรู้ไปใช้ไดด้ กี วา่ และยาวนานกว่าคนที่เรียนโดยเปน็ เพยี งผู้รับหรือรอการถ่ายทอด จากครู 2. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองสอดคล้องกับพฒั นาการทางจิตวทิ ยาและกระบวนการทางธรรมชาติทาให้บคุ คลมี ทิศทางของการบรรลุวุฒภิ าวะจากลกั ษณะหน่ึงไปส่อู ีกลักษณะหนึ่งคือเม่ือตอนเดก็ ๆเป็นธรรมชาติท่จี ะต้องพ่งึ พงิ ผู้อื่น ตอ้ งการผปู้ กครองปกปอู งเลี้ยงดูและตดั สินใจแทนใหเ้ มื่อเติบโตมีพฒั นาการข้ึนเรือ่ ยๆพฒั นาตนเองไปส่คู วามเปน็ อิสระไมต่ ้องพ่ึงพิงผู้ปกครองครูและผู้อ่ืนการพฒั นาเปน็ ไปในสภาพที่เพ่ิมความเป็นตัวของตัวเอง 3. การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองทาให้ผเู้ รยี นมคี วามรบั ผิดชอบซ่ึงเป็นลักษณะท่สี อดคลอ้ งกับพฒั นาการใหม่ๆทาง การศกึ ษาเชน่ หลักสูตรหอ้ งเรียนแบบเปดิ ศูนย์บริการวชิ าการการศกึ ษาอย่างอิสระมหาวิทยาลยั เปิดล้วนเน้นให้ผู้เรยี น รบั ผิดชอบการเรยี นรู้เอง 4. การเรียนรูด้ ้วยตนเองทาใหม้ นุษย์อยรู่ อดการมีความเปลีย่ นแปลงใหมๆ่ เกดิ ข้ึนเสมอทาให้มคี วามจาเปน็ ที่ จะตอ้ งศึกษาเรียนร้กู ารเรียนรู้ด้วยตนเองจงึ เปน็ กระบวนการต่อเนือ่ งตลอดชีวิต การเรยี นรดู้ ้วยตนเองมลี กั ษณะอยา่ งไรการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองสามารถจาแนกออกเปน็ 2 ลกั ษณะสาคัญดังน้ี 1. ลักษณะทเี่ ปน็ บคุ ลิกคุณลักษณะส่วนบคุ คลของผ้เู รียนในการเรียนด้วยตนเองจดั เป็นองคป์ ระกอบภายในที่ จะทาให้ผ้เู รียนมีแรงจูงใจอยากเรียนตอ่ ไปโดยผูเ้ รยี นทมี่ คี ุณลักษณะในการเรียนดว้ ยตนเองจะมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อ ความคดิ และการกระทาเกย่ี วกบั การเรยี นรวมทั้งรบั ผิดชอบในการบรหิ ารจัดการตนเองซึ่งมโี อกาสเกิดขึน้ ได้สูงสดุ เม่ือ มีการจัดสภาพการเรียนรทู้ ี่ส่งเสรมิ กนั 2. ลกั ษณะท่เี ปน็ การจดั การเรียนรใู้ หผ้ ้เู รียนไดเ้ รียนดว้ ยตนเองประกอบดว้ ยขนั้ ตอนการวางแผนการเรยี นการ ปฏิบัติตามแผนและการประเมินผลการเรยี นจัดเป็นองค์ประกอบภายนอกท่สี ่งผลตอ่ การเรียนดว้ ยตนเองของผเู้ รียนซง่ึ การจดั การเรยี นรู้แบบนผี้ ูเ้ รยี นจะได้ประโยชน์จากการเรียนมากท่ีสดุ Knowles (1975) เสนอให้ใช้สญั ญาการเรียน (Learning contracts) เปน็ การมอบหมายภาระงานให้แกผ่ ู้เรยี นว่าจะต้องทาอะไรบ้างเพื่อให้ได้รับความร้ตู าม เปูาประสงค์และผ้เู รียนจะปฏิบัติตามเงื่อนไขน้ัน
161 องคป์ ระกอบของการเรยี นรดู้ ้วยตนเองมีอะไรบ้างองคป์ ระกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเองมีดงั นี้ 1. การวเิ คราะหค์ วามต้องการของตนเองจะเริ่มจากให้ผเู้ รยี นแต่ละคนบอกความต้องการ และความสนใจของตนในการเรยี นกับเพื่อนอีกคนทาหนา้ ท่ีเปน็ ทปี่ รึกษาแนะนาและเพอ่ื นอีกคน ทาหนา้ ทจ่ี ดบันทึกและให้กระทาเชน่ น้ีหมนุ เวยี นทัง้ 3 คนแสดงบทบาทครบทงั้ 3 ด้านคือผู้เสนอ ความตอ้ งการผใู้ หค้ าปรกึ ษาและผู้คอยจดบนั ทึกการสังเกตการณเ์ พื่อประโยชนใ์ นการเรียน ร่วมกนั และชว่ ยเหลือซ่งึ กนั และกนั ในทุกๆดา้ น 2. การกาหนดจุดมุ่งหมายในการเรียนโดยเริ่มจากบทบาทของผูเ้ รียนเป็นสาคัญผเู้ รยี น ควรศึกษาจดุ ม่งุ หมายของวิชาแล้วเขยี นจดุ มงุ่ หมายในการเรียนของตนให้ชดั เจนเน้นพฤติกรรมท่ี คาดหวังวัดได้มีความแตกตา่ งของจุดมงุ่ หมายในแต่ละระดับ 3. การวางแผนการเรยี นให้ผู้เรียนกาหนดแนวทางการเรียนตามวตั ถุประสงคท์ ่รี ะบุไว้ จัดเนือ้ หาให้เหมาะสมกบั สภาพความต้องการและความสนใจของตนระบกุ ารจัดการเรยี นรใู้ ห้ เหมาะสมกบั ตนเองมากทีส่ ุด 4. การแสวงหาแหล่งวิทยาการทง้ั ทเ่ี ปน็ วัสดุและบุคคล 4.1 แหลง่ วิทยาการทเี่ ปน็ ประโยชนใ์ นการศึกษาคน้ ควา้ เชน่ หอ้ งสมดุ พิพิธภัณฑ์เปน็ ตน้ 4.2 ทกั ษะตา่ งๆที่มสี ่วนช่วยในการแสวงแหล่งวิทยาการได้อยา่ งสะดวกรวดเร็วเชน่ ทกั ษะการตง้ั คาถาม ทักษะการอา่ นเป็นต้น 5. การประเมนิ ผลควรประเมินผลการเรยี นด้วยตนเองตามที่กาหนดจดุ มุ่งหมายของการ เรยี นไวแ้ ละใหส้ อดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคเ์ กยี่ วกบั ความรู้ความเขา้ ใจทักษะทัศนคติคา่ นยิ มมี ข้นั ตอนในการประเมินคือ 5.1 กาหนดเปาู หมายวตั ถปุ ระสงคใ์ หช้ ดั เจน 5.2 ดาเนนิ การใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคซ์ ่งึ เปน็ สงิ่ สาคญั 5.3 รวบรวมหลกั ฐานจากผลการประเมนิ เพ่ือตัดสนิ ใจซ่ึงต้องตงั้ อยูบ่ นพ้ืนฐานของข้อมูลทส่ี มบูรณแ์ ละเชอ่ื ถือ ได้ 5.4 เปรยี บเทยี บข้อมูลก่อนเรียนกบั หลงั เรยี นเพื่อดวู ่าผ้เู รียนมคี วามก้าวหนา้ เพยี งใด 5.5 ใช้แหล่งข้อมลู จากครูและผูเ้ รยี นเปน็ หลกั ในการประเมิน ใบงาน เรื่อง การเรียนรูด้ ว้ ยตนเองนนั้ สาคญั ไฉน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
162 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ…………………………………………….………นามสกุล………………………………………………ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง ครั้งที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น กศน.ตาบลศรีโคตร 1. สัปดาห์ท่ี 19 วนั ที่ 14 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า เศรษฐกจิ พอเพียง รหัสวิชา ทช 21001 จานวน1หน่วยกิต 3. มาตรฐานท่ี 2.2 รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถประยุกต์ใช้ในการ ประกอบอาชีพและมีภมู คิ ุม้ กันในการดาเนนิ ชีวติ ของตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนอย่างมีความสขุ 4. หนว่ ยการเรยี นร้/ู เรอ่ื งความพอเพียง
163 5. สาระสาคัญ เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ หลักคดิ หลกั ปฏบิ ตั ิในการดาเนินชวี ติ ตามแนวทางสายกลางของกลุ่ม บุคคลทุกระดบั ตงั้ แตร่ ะดับครอบครวั ชมุ ชน และระดับประเทศ โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ ให้ ก้าวทันต่อความเปล่ียนแปลงในยคุ โลกาภิวัฒนด์ ้วยความพอเพียง คือมีความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล มีระบบภูมิคุม้ กนั ในตัวทดี ีตอ่ การมีผลกระทบ ตา่ งๆ อนั เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทังภายนอกและ ภายในประเทศ โดยจะต้องมีความรอบรู้ ความรอบคอบ และ ความระมัดระวัง ควบคู่ไปกบั การมีความรู้ ทเี หมาะสม มีความสานึกในคุณธรรม เพ่ือให้สมดุลและพรอ้ มรองรับการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ และ กว้างขวางทั้งทางด้านวตั ถุ สังคม สงิ่ แวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 6. เนอื้ หา 1. ความเปน็ มาความหมาย หลักการแนวคิดของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. การแสวงหาความรู้ 2.1 ความหมาย ความสาคัญของการแสวงหาความรู้ 2.2 แหลง่ ความรูแ้ ละวิธกี ารแสวงหาความรู้ 7. จดุ ประสงค์การเรียนร/ู้ ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั (ดูจากผังการออกข้อสอบ) อธบิ ายแนวคดิ หลกั การ ความหมาย ความสาคัญของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ 8. การบูรณาการกับหลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 เงอื่ นไข 3 หลกั การ การเชือ่ มโยงสู่ 4 มิติ) ความรู้ ความเป็นมาความหมาย หลกั การแนวคดิ ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การแสวงหา ความรู้ คุณธรรม - มคี วามขยนั - มคี วามสามัคคีในการทางานรว่ มกนั - มีความอดทน พอประมาณ - การใช้ชิวิตอยา่ งเหมาะสม มเี หตุผล - มแี นวคดิ และตดั สนิ ใจในการใชช้ ีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างถกู ต้ มีภูมคิ มุ้ กัน - สามารถใชช้ วี ติ ในสังคมป๎จจุบันทม่ี ีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาได้ วตั ถุ - ดาเนินชีวติ ได้อยา่ งมีแบบแผน สังคม
164 - เปน็ ตวั อย่างการดารงชีวติ ใหก้ บั ผ้อู ื่น ส่งิ แวดล้อม - อนรุ ักษ์สง่ิ แวดล้อมดว้ ยการใช้ทรัพยากรในชมุ ชนห่างไกลการใช้สารเคมี วฒั นธรรม - อนรุ ักษ์วีถีชวี ติ และประเพณีในท้องถน่ิ 9. กระบวนการจัดการเรยี นรแู้ ละกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นที่ 1 กาหนดสภาพปญั หาการเรยี นรู้(O : Orientation) 1. ครูอธบิ ายรายละเอยี ดสาระสาคญั และผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั ในรายวิชา ทช21001 เศรษฐกิจพอเพียง พร้อมท้ังแจกเอกสารใบความรู้ท่ี 1 ใหผ้ เู้ รียนทาความเข้าใจเกี่ยวกับเน้ือหาสาระของ รายวชิ านี้ โดยใชเ้ วลา 15 นาที 2. ครูต้งั คาถามชวนคดิ ใหก้ ับผเู้ รียน ได้แลกเปลยี่ นเรยี นรูด้ ้วยคาถาม “เศรษฐกจิ พอเพียงมีประโยชน์ ต่อการดารงชีวิตอยา่ งไร?” โดยผู้เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ และคดิ คาตอบ จากนน้ั ครเู ชอ่ื มโยงเขา้ สู่ เนื้อหาความเป็นมาของหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความสาคญั และจาเป็นต่อการดาเนินชวี ติ โดย กล่าวถงึ ว่า เศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ ปรัชญาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว ทรงมีพระราชดาริช้ีแนะแนว ทางการดาเนนิ ชีวติ เพอ่ื แก้ไขใหร้ อดพ้นวิกฤตทางดา้ นเศรษฐกจิ และสามารถดารงชวี ิตอยไู่ ดอ้ ย่างมั่นคงและ ยง่ั ยนื หลักการของเศรษฐกิจพอเพยี งต้งั อยูบ่ นพืน้ ฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การสรา้ งภมู ิคุ้มกันในตัวทดี่ ี ตลอดจนใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และ คณุ ธรรมประกอบการวางแผนการตดั สินใจและการกระทา สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชวี ติ ได้ 3. ครูแบ่งกลมุ่ ผู้เรียนกลุ่มละ 3 คน ให้ศกึ ษาคน้ ควา้ “ความหมายและความเปน็ มาหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง” จากหนงั สอื แบบเรยี นวิชา ทช21001 เศรษฐกิจพอเพียง ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และ ตอบคาถามจากใบงานท่ี 1 เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง คืออะไร ขั้นท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 1. ครูให้ผ้เู รียนดวู ดี ที ัศนเ์ ก่ียวกับเศรษฐ์กิจพอเพยี ง เรอ่ื ง พอเพียง..ตามรอยพ่อ สารคดีโทรทศั น์ ขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ พอเพียง ผลิตโดยโครงการสนับสนุนการขบั เคล่ือนเศรษฐกจิ พอเพยี งดา้ นการศึกษาและ เยาวชน สานกั งานทรพั ยส์ นิ ส่วนพระมหากษตั ริย์ เป็นเวลา 20 นาที 2. ครชู กั ชวนผู้เรียนพดู คุยถึงเรอ่ื งราวจากการชมวีดที ัศน์ โดยยกตวั อยา่ งบางช่วงบา้ งตอนของวดี ี ทศั นม์ ากลา่ วถงึ อาทเิ ช่น “เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นเสมือนรากฐานของชีวติ รากฐานความมนั่ คงของแผน่ ดิน เปรยี บเสมือนเสาเข็มท่ีถูกตอกรองรบั บ้านเรือนตัวอาคารไว้น่นั เอง สิ่งก่อสร้างจะมน่ั คงได้กอ็ ย่ทู ีเ่ สาเข็ม แต่ คนสว่ นมากมองไมเ่ ห็นเสาเข็มและลืมเสาเขม็ เสยี ดว้ ยซ้าไป..”(พระราชดารสั จากพระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อย่หู ัว : 4 ธันวาคม 2542)
165 3. ครใู ห้ผู้เรียนสรปุ ความร้ทู ไ่ี ด้รบั จากการชมวีดที ัศน์เกีย่ วกับเศรษฐกจิ พอเพียงเรื่อง พอเพยี ง..ตาม รอยพ่อ โดยเขยี นเป็นเรยี งความลงบนกระดาษทีค่ รูแจกให้ ขัน้ ท่ี 3 การปฏบิ ตั ิและการนาไปใช้(I : Implementation) 1. ครูใหผ้ ้เู รียนทาใบงานเรื่อง เพอ่ื นบ้าน...พอเพยี ง โดยให้ผูเ้ รยี นยกตวั อยา่ งเพอ่ื นบ้านหรือบุคคลทีผ่ เู้ รยี น รูจ้ ัก ทนี่ าหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นชีวิตประจาวัน จากน้นั ตอบคาถามตามหวั ข้อท่คี รูกาหนดให้ ดงั น้ี 1.1 ชอื่ ..............นามสกลุ .............ท่ีอย.ู่ ........................(ของเพ่อื นบา้ น....พอเพยี ง) 1.2 วธิ ีปฏบิ ัติตนในการดาเนินชวี ิตแบบพอเพียงของเพ่อื นบา้ น....พอเพียงเปน็ อย่างไร 1.3 ผเู้ รียนคิดวา่ การดาเนนิ ชีวติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของเพื่อนบ้าน...พอเพียง สามารถนามาปรบั ใชก้ บั ตนเองได้อย่างไรบา้ ง 2. ครจู บั ฉลากหากลุ่มผโู้ ชคดีออกมาเลา่ ถึงเพื่อนหรือบคุ คลท่ตี นเองกล่าวถึง 3. ครพู ร้อมผูเ้ รยี นสรปุ เนื้อหาร่วมกัน พร้อมใหท้ ุกคนนาผลงานไปติดไว้ท่ีบอร์ดหน้าห้องเรยี น ข้ันที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้(E : Evaluation) 1. ประเมนิ ผลจากการทาใบงาน 2. การสงั เกตการมีส่วนรว่ ม 10. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื แบบเรียน วชิ า ทช21001 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 4.วีดีทศั น์ เรอ่ื ง พอเพียง...ตามรอยพ่อ 11.การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วิธีการวดั และประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทางานร่วมกบั ผู้อน่ื ของผู้เรียนรายบุคคล - ใบงาน 11.2 เคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล. - ประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรว่ มกบั ผ้อู น่ื ของผูเ้ รียนรายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑก์ ารวดั และการประเมนิ ผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ของผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน
166 กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ…………………………………………….ครผู สู้ อน (นางสาวจนั ทร์ทิพย์ ศรีลัย) ครู กศน.ตาบล ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………............................. ลงชอื่ ………………………………………………………ผู้อนมุ ตั ิแผน (นางป๎ทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอจตรุ พักตรพมิ าน บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ครั้งที่ 19 วนั ท่ี 14 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2565 ครูผ้สู อน นางสาวจนั ทรท์ พิ ย์ ศรีลัย ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น เวลา 09.00-12.00 น. สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวิต รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง รหสั วชิ า ทช21001 จานวนผเู้ รียนทั้งหมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไมเ่ ขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรียน มากกว่าก่อนเรยี นจานวน ........ คนคิดเปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น นอ้ ยกวา่ ก่อนเรียนจานวน ......... คนคดิ เป็นรอ้ ยละ............ 2. เนือ้ หา/สาระ/รายวิชา
167 ...................................................................................... ............................................................................. ............................................................................................................................. ...................................... 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................. .................................................................................. 4. ปญั หา/อปุ สรรคการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแก้ปัญหา ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ .........................................................(ผู้บนั ทึก) (นางสาวจนั ทรท์ ิพย์ ศรีลยั ) ครู กศน.ตาบล ความเหน็ /ข้อเสนอของผู้บรหิ าร ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่ือ.................................................. (นางป๎ทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตุรพักตรพมิ าน ใบความรู้ท่ี 1 โครงสร้างรายวชิ า ทช 21001 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น สาระสาคญั
168 เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรชั ญาทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดารัสชี้แนะแนวทางการดาเนิน ชีวิต แก่พสกนิกรมาโดยตลอดต้ังแต่ก่อนวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวทางการดาเนินชีวิตและ ปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดบั ตามวิถไี ทยแบบเรยี บงา่ ย เดินทางสายกลางนาไปใช้จัดการทรัพยากรที่มีอยู่ท้ังของ ตนเอง ครอบครัว ประยุกต์ใช้ประกอบอย่างเหมาะสม มีข้อมูลในการวางแผน การดาเนินงาน บนพ้ืนฐานของ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล ความภูมิคุ้มกันท่ีดี เงื่อนไขของความรู้ และเงื่อนไขของคุณธรรม อาศัย เครอื ข่ายชมุ ชนที่ประสบความสาเร็จในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียง เพ่ือเป็นแบบอย่างในการดาเนินการสร้างอาชีพท่ี จะต้องอาศัย พลังงานทุกภาคส่วนในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือให้พร้อมรองรับการเปล่ียนแปลงอย่าง รวดเรว็ ทงั้ ดา้ นวัตถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากภายนอกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั 1. อธบิ ายแนวคดิ หลักการ ความหมาย ความสาคัญ ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ 2. บอกแนวทางในการนาปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ไปประยกุ ต์ใช้ในการประกอบอาชีพ 3. เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ติ ามหลักเศรษฐกิจพอเพียง 4. แนะนาสง่ เสรมิ สมาชิกในครอบครัว และชุมชนให้เหน็ คณุ คา่ และนาไปปฏิบัติในการดาเนินชีวติ ชื่อ-สกลุ ................................................................. รหสั นกั ศึกษา........................................................ ใบงานที่ 1 เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื อะไร จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เศรษฐกิจพอเพียงมีความเป็ นมาอยา่ งไร ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................
169 ช่ือ- สกลุ ................................................... รหสั นกั ศึกษา............................................ ใบงานที่ 2 เรือ่ ง พอเพียง....ตามรอยพ่อ ใหผ้ เู้ รียนสรุปความรู้ท่ีไดร้ ับจากการชมวดี ีทศั น์ เร่ือง พอเพยี ง....ตามรอยพอ่ ..................................................................................................................................................................
170 ชื่อ- สกุล................................................... รหสั นกั ศึกษา............................................ ใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง เพอื่ นบา้ น....พอเพียง ให้ผู้เรี ยนเลือกเพ่ือนในห้องหรื อเพ่ือนบ้าน ท่ีนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดาเนินชีวิต พร้อมตอบคาถามท่ีกาหนดใหต้ ่อไปน้ี
171 ที่ปรกึ ษา ผู้จดั ทา นางป๎ทมาภรณ์ ศรีเนตร นายพรทวี เกตบุตตา ผู้อานวยการ กศน.อาเภอจตรุ พักตรพมิ าน นางสาวนภิ าพร คณุ ศิริ ครูชานาญการ ครูผชู้ ว่ ย ผู้จัดทา
172 นางสาวจนั ทรท์ ิพย์ ศรีลยั ครู กศน.ตาบล รวบรวมและจดั พิมพ์ ครู กศน.ตาบล นางสาวจนั ทร์ทิพย์ ศรีลยั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177