Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา คุณครูพงศกร ม.ปลาย

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา คุณครูพงศกร ม.ปลาย

Published by jatu library, 2022-06-28 03:30:03

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา คุณครูพงศกร ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

101 เฉลยแบบทดสอบ กอ่ น-หลังเรียน เร่อื ง ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ และขนั้ ตอนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. ตอบ ข. 4 ประเภท 2. ตอบ ค. โครงงานประเภททดลอง 3. ตอบ ก. โครงงานประเภทการพฒั นาหรอื ประดษิ ฐ์ 4. ตอบ ค. 7 ขนั้ ตอน 5. ตอบ ก. ชือ่ โครงงาน

102 กจิ กรรมที่ 1 การถอดบทเรยี นจากโครงงาน เร่อื งสบู่จากรงั ไหม ใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง คาช้แี จง ให้นกั ศึกษาแบ่งกลุ่มเพ่ือระดมความคิด ถอดบทเรยี นจากโครงงาน เรือ่ งสบจู่ ากรังไหม ใหส้ อดคล้องกับหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................... ................................ ................................................................................................... ...................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................... ................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................................................... ..................... .............................................................................................................. ........................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................................... ..................................... .............................................................................................. ........................................................................................... ............................................................................................................................. ................ ชื่อ........................................................................................ กศน.ตําบล ....................... .... ระดับ..............................

103 แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวิชาสังคมศกึ ษา ครงั้ ท่ี 11 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลหนองผือ 1. สปั ดาห์ที่ 12 วันที่ 4 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วชิ า สงั คมศกึ ษา รหสั วชิ า สค31001 จาํ นวน 3 หน่วยกิต 3. มาตรฐานท่ี 5.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนกั ถึงความสําคญั เก่ยี วกบั ภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนาํ มาปรบั ใชใ้ นการดาํ รงชีวิต 4. หน่วยการเรียนรู้/เรอ่ื งประวตั ศิ าสตร์ 5. สาระสําคัญ การศกึ ษาทางประวัตศิ าสตร์ เป็นกระบวนการหรือข้ันตอนการศึกษา เร่ืองราวของมนุษยใ์ นยคุ ต่าง ๆ เชน่ ความเปน็ อยู่ การปกครอง ศาสนา ศิลปะ และวฒั นธรรม ที่เป็นสภาพเหตกุ ารณ์ในอดีตที่ถกู บันทึกไว้ให้ศกึ ษา ซ่งึ เหตุการณ์เหล่านจ้ี ะมผี ลกระทบตอ่ ความคดิ ของมนษุ ย์ปจั จบุ นั ทง้ั ดา้ นความเขา้ ใจพลเมืองชาติตา่ ง ๆความสําเรจ็ ความประทับใจท่ีมีคุณคา่ ของบรรพบุรษุ มาศกึ ษาใหเ้ ข้าใจ สามารถนําไปสรา้ งองค์ความรู้ใหม่ในทางประวตั ิศาสตร์ได้ 6. เนื้อหา เรือ่ งท่ี 1 การแบ่งช่วงเวลาและยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ เรื่องที่ 2 แหล่งอารยธรรมโลก เรอ่ื งท่ี 3 ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย เรือ่ งที่ 4 บคุ คลสําคญั ของไทยและของโลกในด้านประวัติศาสตร์ เร่ืองท่ี 5 เหตุการณส์ าํ คญั ของโลกทม่ี ผี ลตอ่ ปจั จบุ นั 7. จุดประสงค์การเรยี นรู/้ ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวัง (ดูจากผังการออกขอ้ สอบ) 1. อธิบายเหตุการณ์สาํ คญั ทางประวัติศาสตรข์ องประเทศต่าง ๆ ในโลก 2. วิเคราะห์และเปรียบเทียบเหตุการณส์ ําคัญทางประวตั ศิ าสตรข์ องแตล่ ะประเทศในโลกที่มผี ล กระทบต่อความเปล่ียนแปลงของประเทศตา่ ง ๆ ในโลก 3. วเิ คราะหเ์ หตุการณโ์ ลกปัจจบุ ันและคาดคะเนเหตกุ ารณ์ทอี่ าจจะเกิดขน้ึ กบั ประเทศต่าง ๆ ในอนาคต 8. การบูรณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เงื่อนไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ - ผเู้ รยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนักถงึ ความสําคญั เกีย่ วกับภมู ิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนาํ มาปรบั ใช้ในการดาํ รงชีวิตตาม หลักของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอพียง คณุ ธรรม - มคี วามช่ือสัตยส์ จุ ริตในการทํางาน - มคี วามสามคั คใี นหมู่คณะ - มคี วามขยนั อดทน พอประมาณ - รู้จกั การเลอื กใช้ส่อื เทคโนโลยใี ห้เขา้ กับยุคสมยั - ใชท้ รพั ยากรกรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสดุ

104 มีเหตุผล - ไดค้ วามรู้ความรู้ ความเข้าใจ และตระหนกั ถึงความสาํ คัญเกีย่ วกับภมู ศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง มภี มู คิ มุ้ กนั - สามารถสรา้ งรายได้และสามารถเตรียมพร้อมรับสถานการณก์ ารเปล่ียนแปลงทาง เศรษฐกจิ ได้ วัตถุ - ร้จู ักเลือกใชเ้ ทคโนโลยีทเี่ หมาะสมสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการ - มีทักษะในการใชอ้ ุปกรณเ์ ทคโลโลยี และการดูแลรักษา สังคม - มที ักษะการอยู่รว่ มกันในกลุ่ม และทํางานร่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมีความสุข - ชว่ ยเหลือเกือ้ กูลกนั - รรู้ ักสามัคคี สิง่ แวดล้อม - รู้จักการนําบุคคลสําคญั ของไทยและของโลกในด้านประวัตศิ าสตร์มาวิเคราะหแ์ ละ วางแผนพัฒนาการดําเนินชวี ิตให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ วฒั นธรรม - ความสาํ เร็จ ความประทบั ใจท่ีมคี ุณค่าของบรรพบรุ ุษมาสชู่ นรุน่ หลัง 9. กระบวนการจดั การเรียนรู้และกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 กาํ หนดสภาพปัญหาการเรยี นรู้(O : Orientation) 1. ครูเปิดตัวอย่างภาพยนตรเ์ รอ่ื งตาํ นานสมเดจ็ พระนเรศวรให้ผ้เู รียนดู และสนทนากับผู้เรยี นเร่อื ง ประวตั ิศาสตร์ 2. ครแู ละผ้เู รียนร่วมกนั วเิ คราะห์ความสาํ คัญเกย่ี วกับบคุ คลสําคัญของไทยและของโลกในดา้ น ประวัติศาสตร์ ขัน้ ที่ 2 แสวงหาข้อมลู และจดั การเรียนร้(ู N : New ways of learning) 1. ครอู ธิบายเร่ืองประวตั ิศาสตรพ์ ร้อมยกตวั อย่างเหตุการณ์สาํ คญั ของโลกท่ีมผี ลตอ่ ปัจจุบัน และให้ ผู้เรียนศกึ ษาจากสื่ออินเตอร์เนต็ และใบความรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ประวตั ิศาสตร์ 2. ครูใหผ้ ู้เรยี นแบง่ กลุม่ ออกเปน็ กลมุ่ ยอ่ ย ๆ 5 กลุ่มๆ ละ 4–5 คน ค้นคว้าในหวั ข้อดังต่อไปน้ี เร่ืองที่ 1 แหลง่ อารยธรรมโลก เรอ่ื งที่ 2 ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย เรือ่ งท่ี 3 บคุ คลสาํ คัญของไทยและของโลกในดา้ นประวตั ศิ าสตร์ เรอ่ื งท่ี 4 เหตุการณ์สําคญั ของโลกทีม่ ผี ลต่อปจั จบุ นั และสรุปองค์ความรู้ พร้อมนําเสนอ หนา้ ชน้ั เรยี น ข้นั ท่ี 3 การปฏิบัตแิ ละการนําไปใช้(I : Implementation) 1. ใหต้ วั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลงานทศี่ ึกษาค้นคว้าให้กลุ่มอืน่ ฟงั 2. ผเู้ รียนทาํ ใบงาน 3. ครแู ละผเู้ รยี นชว่ ยกนั สรปุ เนอื้ หาสาระสาํ คัญของเรื่องและจดบนั ทึก

105 ขน้ั ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนร้(ู E : Evaluation) 1. ครูและผูเ้ รียนนําแฟูมสะสมผลงาน และผลงานท่ีไดจ้ ากการปฏบิ ัติ สรปุ เป็นองค์ความรู้เพอื่ ใชเ้ ป็น แนวทาง กระบวนการปฏบิ ตั ิงาน 2. ครูวดั ผลประเมินผลผเู้ รียนจากเกณฑว์ ัดผลประเมินผล 3. ครูสามารถประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรยี น และผ้เู รียนสามารถประเมินความร้ภู ายในกล่มุ หรือ ของตนเองได้ 10. ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ - หนังสอื เรยี นวชิ า สค31001 - สื่อ Internet - ใบงาน 11. การวัดและประเมินผล 11.1 วิธกี ารวดั และประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ของนกั ศึกษารายบุคคล - ใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน 11.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรว่ มกับผ้อู ืน่ ของนักศึกษารายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน - คะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 11.3 เกณฑก์ ารวดั และการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผูอ้ ืน่ ของนกั ศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควรปรับปรุง - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน - แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรยี น เกณฑผ์ า่ นและไมผ่ ่าน กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชือ่ …………………………………………….ครูผสู้ อน (นายพงศกร อดุ มอรยิ ทรพั ย์) ครู กศน.ตาํ บล ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ............................................................ ลงช่ือ………………………………………………………ผอู้ นมุ ตั แิ ผน (นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร) ผอู้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตรุ พักตรพมิ าน

106 บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ กศน.ตาํ บลหนองผือ ครง้ั ท่ี 11 วันที่ 4 เดือน สงิ หาคม พ.ศ.2565 ครผู สู้ อนนายพงศกร อดุ มอรยิ ทรัพย์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ า สงั คมศึกษา รหสั วชิ า สค31001 จาํ นวนผ้เู รยี นทั้งหมด ............... คนเข้าเรียน…………………คน ไม่เขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรกู้ ารประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น พบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรียน มากกว่ากอ่ นเรียนจํานวน ........ คนคดิ เป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน นอ้ ยกวา่ ก่อนเรยี นจาํ นวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เน้ือหา/สาระ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน ข้ันท่ี 1 กําหนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O) .............................................................. .................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ....................................................... ......................................................................................................... ............ ขั้นท่ี 2แสวงหาข้อมูลและจดั การเรยี นร(ู้ N) ................................................................................................ ................................................................ ............ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ขน้ั ท่ี 3การปฏบิ ัติและการนําไปใช้(I) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ ........................................................................................................................... ................................................. ขั้นท่ี 4การประเมินผลการเรียนรู(้ E) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรค การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............

107 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ....................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... .......................................................................................................................................... .................................. ลงชือ่ ....................................................... (นายพงศกร อุดมอริยทรพั ย์) ครูผสู้ อน วันที.่ ............../.................../............... ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ............................................................ ................................................................................................................................................................. ........................ ........................................................................................................... .............................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชื่อ.................................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผู้อาํ นวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพักตรพมิ าน

108 แบทดสอบ กอ่ นเรยี นและหลังเรียน จงทาํ เคร่ืองหมาย X หน้าคาํ ตอบทถ่ี ูกต้องที่สดุ เพียงข้อเดียว 1. ความหมายของคาํ ว่า “ประวัติศาสตร์” ในข้อใดถูกต้องที่สดุ ก. การกลา่ วถงึ สภาพแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา ข. เปน็ เรื่องของความคดิ และการกระทาํ ของมนษุ ย์ ค. การบันทึกเร่ืองราวในอดตี อยา่ งมหี ลกั ฐาน ง. การเล่าเรอ่ื งราวในอดตี ทส่ี ืบคน้ มา 2. การศึกษาประวัติศาสตร์ หมายถงึ ข้อใด ก. การหาหลกั ฐานซึง่ นําไปสู่การวเิ คราะหเ์ หตุการณ์ต่าง ๆ อยา่ งมีเหตผุ ล ข. การศึกษาพฤตกิ รรมของ ค. การใชว้ ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ง. การให้ข้อมูลจากแหลง่ ต่าง ๆ 3. ประเทศไทยเริม่ ใช้ปีพุทธศักราชสมัยใด ก. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ข. พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั ค. พระพทุ ธยอดฟาู จุฬาโลก ง. พระนารายณ์มหาราช 4. มนุษยร์ ู้จักประดิษฐ์ตวั อกั ษรและบันทึกไว้บนวสั ดุต่าง ๆ ในยุคไหน ก. ยคุ ประวัติศาสตร์สากล ข. ยคุ ก่อนประวัติศาสตร์ ค. ยุคประวตั ศิ าสตร์ ง. ยคุ สงครามเยน็ 5. การแบ่งยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ไทย ก. สมยั ประวตั ศิ าสตรส์ ากล ข. สมยั โบราณและสมยั กรุงธนบุรี ค. สมัยอยธุ ยาและสมัยประวัตศิ าสตรไ์ ทย ง. สมัยก่อนประวตั ิศาสตรไ์ ทยและสมยั ประวัติศาสตรไ์ ทย 6. ขอ้ ใดตรงกับความหมายของคาํ ว่าอารยธรรม ก. สภาพโบราณ ข. สภาพประวัตศิ าสตร์ ค. การถ่ายทอดอดีตสู่ปจั จบุ ัน ง. สภาพท่ีพน้ จากความปาุ เถื่อน 7. อารยธรรมเมโสโปเตเมียกําเนดิ ในบริเวณลุ่มแม่นา้ํ ใด ก. แมน่ ํ้าไททรสั และแมน่ า้ํ ยเู ฟรตีส ข. แมน่ ํา้ ไทกรสี และแม่น้าํ สุเมเรยี น ค. แมน่ ํ้ายูเฟรตสี และแม่น้ําสเุ มเรยี น ง. แมน่ ํ้ายูเฟรตีสและแม่นํา้ อะมอไรต์

109 8. ประวตั ิศาสตร์ของจีนแบ่งเปน็ ก่ียุค ก. 3 ข. 4 ค. 5 ง. 6 9. โคลอสเซียม เป็นสถาปัตยกรรมของอารยธรรมประเทศใด ก. ฝร่ังเศส ข. อียปิ ต์ ค. โรมัน ง. กรีก 10. อารยธรรมของโลกตะวนั ออก มีรากฐานมาจากแหล่งอารยธรรมประเทศอะไร ก. จีนและกัมพูชา ข. จีนและอนิ เดยี ค. อนิ เดยี และกัมพชู า ง. จนี และประเทศไทย

110 ใบความรทู้ ี่ 1 ใหผ้ ้เู รยี นศกึ ษา เรื่องประวัตศิ าสตร์ จาก OR-Code

111 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสงั คมศึกษา คร้งั ที่ 9 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลหนองผือ 1. สปั ดาห์ที่ 12 วนั ที่ 9 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วิชา สงั คมศึกษา รหสั วชิ า สค31001 จาํ นวน 3 หน่วยกิต 3. มาตรฐานที่ 5.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนกั ถึงความสําคญั เกีย่ วกับภมู ิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนํามาปรบั ใช้ในการดํารงชีวิต 4. หนว่ ยการเรยี นรู้/เรอ่ื งการเมอื งการปกครอง 5. สาระสําคัญ การศึกษาเร่ืองการเมอื งการปกครอง นอกจากผเู้ รียนจะไดเ้ รียนรถู้ งึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย และการปกครองระบอบเผดจ็ การของประเทศต่าง ๆ ในโลกแลว้ ยงั ไดร้ แู้ ละเขา้ ใจถงึ พัฒนาการของประเทศ ตา่ ง ๆ นับต้ังแต่ยุคโบราณ ยุคกลาง ช่วงครสิ ต์วรรษ ท่ี 18, 19 และ 20 โดยจะทราบวา่ จดุ เริม่ ต้นของระบอบ ประชาธปิ ไตยมีความเปน็ มาอย่างไร และประชาธิปไตยของประเทศต่าง ๆ รวมทง้ั ประเทศไทยเปน็ อย่างไรบ้าง นอกจากนผ้ี เู้ รียนยงั ไดเ้ รียนรู้ถึงเหตุการณส์ ําคัญทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยและของโลกวา่ เหตกุ ารณ์หรือสถานการณ์ทางการเมืองนนั้ สง่ ผลกระทบต่อสังคมไทยและสังคมโลกอยา่ งไร รวมทง้ั ผเู้ รียน จะได้ศกึ ษาเรียนรู้ถึง หลกั ธรรมมาภิบาลและแนวปฏิบัติตามหลกั ธรรมมาภิบาลเป็นอย่างไร เพื่อการนาํ ไปสูก่ ารปฏิบตั ิ ตนของผ้เู รียนได้อย่างถูกตอ้ ง และเหมาะสมต่อไป 6. เนือ้ หา เร่ืองที่ 1 การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย เร่อื งท่ี 2 การปกครองระบอบเผดจ็ การ เร่ืองท่ี 3 พัฒนาการของระบบประชาธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ในโลก เรื่องที่ 4 เหตกุ ารณส์ าํ คัญทางการเมือง การปกครองของประเทศไทย เรอ่ื งที่ 5 เหตุการณส์ ําคัญทางการเมือง การปกครองของโลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เรื่องที่ 6 หลกั ธรรมาภิบาล 7. จุดประสงค์การเรยี นร/ู้ ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง (ดจู ากผังการออกขอ้ สอบ) 1. รู้และเข้าใจระบอบการเมืองการปกครองตา่ ง ๆ ท่ใี ช้อยู่ปัจจบุ นั 2. ตระหนักและเหน็ คุณค่าการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 3. รแู้ ละเข้าใจผลที่เกิดจากการเปลยี่ นแปลงทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยจากอดีต 4. รู้และเขา้ ใจผลทีเ่ กิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองของโลก 5. ตระหนักและเห็นคุณคา่ ของหลักธรรมาภิบาลและนําไปปฏิบัติในชวี ิตจรงิ ได้ 8. การบรู ณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เง่อื นไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ - ผเู้ รยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนักถงึ ความสาํ คญั เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนาํ มาปรับใชใ้ นการดาํ รงชวี ติ คณุ ธรรม - มีความช่ือสัตย์สุจริตในการทํางาน - มีความสามคั คีในหมู่คณะ - มคี วามขยัน อดทน

112 พอประมาณ - รู้จักการเลอื กใช้ส่ือเทคโนโลยใี ห้เขา้ กบั ยุคสมัย - ใช้ทรพั ยากรกรอยา่ งคุม้ ค่าและเกดิ ประโยชนส์ ูงสุด มเี หตผุ ล - ไดเ้ รยี นร้ถู งึ หลกั ธรรมมาภิบาลและแนวปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมมาภิบาลเปน็ อย่างไร เพอื่ การนาํ ไปสู่การปฏบิ ตั ติ นของผูเ้ รียนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และเหมาะสมสามารถนํามาปรับใช้ในการดํารงชวี ิต ตามหลกั ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอพยี ง มีภูมิคมุ้ กัน - สามารถสร้างรายไดแ้ ละสามารถเตรยี มพร้อมรบั สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกจิ ได้ วัตถุ - รจู้ กั เลอื กใชเ้ ทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ - มที กั ษะในการใช้อุปกรณเ์ ทคโลโลยี และการดแู ลรักษา สังคม - มีทกั ษะการอยู่รว่ มกันในกลุ่ม และทํางานร่วมกบั ผู้อ่นื ได้อย่างมีความสุข - ชว่ ยเหลือเกอื้ กูลกนั - รรู้ กั สามัคคี สง่ิ แวดลอ้ ม - รู้จกั การนาํ บุคคลสําคญั ของไทยและของโลกในดา้ นประวัตศิ าสตร์มาวิเคราะหแ์ ละ วางแผนพัฒนาการดําเนนิ ชีวติ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ วัฒนธรรม - ความสาํ เร็จ ความประทับใจที่มีคุณคา่ ของบรรพบรุ ษุ มาสู่ชนรุ่นหลัง 9. กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี 1 กําหนดสภาพปัญหาการเรยี นรู้(O : Orientation) 1. ครเู ปดิ ตวั อย่างเหตุการณส์ ําคญั ทางการเมืองใหผ้ เู้ รียนดู และสนทนากับผู้เรียนเรอ่ื งการเมอื งการ ปกครอง 2. ครูและผูเ้ รยี นร่วมกนั วเิ คราะห์ความสาํ คญั เกี่ยวกับเหตกุ ารณส์ ําคญั ทางการเมอื ง การปกครอง ของประเทศไทย ข้ันที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจดั การเรยี นรู้(N : New ways of learning) 1. ครอู ธิบายเรื่องการเมอื งการปกครองพร้อมยกตวั อย่างเหตกุ ารณส์ ําคัญทางการเมือง การปกครอง ของประเทศไทย และใหผ้ ู้เรยี นศึกษาจากสอื่ อินเตอรเ์ น็ตและใบความรู้ท่ี 1 เรื่อง การเมอื งการปกครอง 2. ครใู ห้ผเู้ รยี นแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลุ่มยอ่ ย ๆ 6 กลุ่มๆ ละ 4–5 คน ค้นคว้าในหวั ขอ้ ดังต่อไปนี้ เรื่องที่ 1 การปกครองระบอบประชาธิปไตย เรอื่ งท่ี 2 การปกครองระบอบเผด็จการ เรอ่ื งท่ี 3 พฒั นาการของระบบประชาธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ในโลก เรื่องที่ 4 เหตุการณ์สาํ คญั ทางการเมือง การปกครองของประเทศไทย เรอ่ื งท่ี 5 เหตุการณส์ ําคญั ทางการเมือง การปกครองของโลกท่สี ง่ ผลกระทบต่อประเทศ ไทย

113 เรือ่ งที่ 6 หลกั ธรรมาภิบาล และสรปุ องค์ความรู้ พร้อมนําเสนอหน้าช้นั เรียน ขัน้ ท่ี 3 การปฏิบตั แิ ละการนําไปใช้(I : Implementation) 1. ให้ตัวแทนกลุ่มนําเสนอผลงานท่ศี ึกษาคน้ คว้าให้กลมุ่ อนื่ ฟงั 2. ผู้เรียนทําใบงาน 3. ครูและผู้เรยี นช่วยกันสรุปเน้อื หาสาระสาํ คัญของเรื่องและจดบนั ทึก ข้ันที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนร้(ู E : Evaluation) 1. ครูและผเู้ รียนนาํ แฟมู สะสมผลงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏบิ ตั ิ สรปุ เปน็ องคค์ วามรู้เพือ่ ใช้เป็น แนวทาง กระบวนการปฏิบัติงาน 2. ครูวัดผลประเมินผลผ้เู รียนจากเกณฑว์ ดั ผลประเมินผล 3. ครสู ามารถประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรยี น และผู้เรียนสามารถประเมนิ ความรู้ภายในกลุม่ หรือของ ตนเองได้ 10. ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ - หนงั สอื เรียนวชิ า สค31001 - สอ่ื Internet/ ใบงาน 11. การวดั และประเมนิ ผล 11.1 วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล - ใบงาน 11.2 เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล. - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวดั และการประเมนิ ผล - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ…………………………………………….ครูผ้สู อน (นายพงศกร อดุ มอริยทรัพย์) ครู กศน.ตาํ บล ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………………ผู้อนมุ ัติแผน (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ าํ นวยการ กศน.อําเภอจตุรพกั ตรพมิ าน

114 บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลหนองผือ คร้งั ท่ี 12 วนั ท่ี 9 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2565 ครูผู้สอนนายพงศกร อุดมอริยทรัพย์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ า สงั คมศึกษา รหัสวิชา สค31001 จาํ นวนผ้เู รียนทงั้ หมด ............... คนเขา้ เรยี น…………………คน ไมเ่ ขา้ เรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรกู้ ารประเมินโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรยี น พบว่า คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น มากกวา่ กอ่ นเรยี นจาํ นวน ........ คนคดิ เป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น น้อยกวา่ ก่อนเรียนจาํ นวน ......... คนคิดเปน็ ร้อยละ............ 2. เน้ือหา/สาระ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้ันท่ี 1 กาํ หนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O) ..................................................................................................... ........................................................... ............ ............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................................................................................ .................................... .............................................................................................. .................................................................. ............ ขน้ั ท่ี 2แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรยี นรู(้ N) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................ ............ ............................................................................................................................. ............................................... ขนั้ ท่ี 3การปฏิบัตแิ ละการนําไปใช้(I) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ขน้ั ที่ 4การประเมินผลการเรียนรู้(E) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................... ............. ..................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ...............................................

115 4. ปัญหา/อปุ สรรค การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. ................................... 5. แนวทางการแก้ปญั หา ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ลงชือ่ ....................................................... (นายพงศกร อุดมอริยทรัพย์) ครูผ้สู อน วนั ที่.............../.................../............... ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชือ่ .................................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร) ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพักตรพิมาน

116 ใบงานท่ี 1 เรื่อง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 1. การปกครองระบอบประชาธิปไตย หมายถึง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. เปรียบเทียบขอ้ ดแี ละข้อเสียของระบอบประชาธิปไตย ข้อดี ข้อเสยี 3. การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมทางการเมืองตามระบอบประชาธปิ ไตย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

117 ใบงานที่ 2 เรือ่ ง การปกครองระบอบเผดจ็ การ 1. สรปุ หลกั การของการปกครองระบอบเผด็จการ 3 ขอ้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. เปรียบเทยี บขอ้ ดีและข้อเสียของระบอบเผดจ็ การ ข้อดี ขอ้ เสีย

118 ใบงานท่ี 3 เร่อื ง เหตกุ ารณท์ ส่ี าํ คัญทางการเมอื งการปกครองของไทย 1. ให้ผ้เู รยี นสรปุ เหตกุ ารณท์ างการเมืองการปกครองของประเทศไทยในช่วงปี 2475 จนถงึ ปี 2550 ทผ่ี เู้ รียนเห็นวา่ เป็นเหตุการณ์รฐั ประหารเท่านั้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ให้ผเู้ รียนวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณท์ างการเมืองของไทยในปัจจุบัน (ปี 2551 – 2552) วา่ เป็นอยา่ งไร เพียงส้ัน ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

119 ใบงานท่ี 4 ใหผ้ เู้ รียนเขยี นเครื่องหมาย √ หนา้ ข้อความท่ถี ูกต้องและเขียนเครอ่ื งหมาย X หนา้ ขอ้ ความท่เี หน็ วา่ ผิด ................... 1. เมืองฮโิ รชมิ าและเมืองนาวาซากิ เป็นเมืองของประเทศญี่ปุนที่ถกู ระเบิด ปรมาณใู นชว่ งสงครามโลกครั้งท่ี 2 ................... 2. ผลกระทบจากการเกดิ สงครามโลกครั้งท่ี 2 ที่มีตอ่ สหภาพโซเวยี ต คือ ไดร้ บั ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ................... 3. สงครามเยน็ คอื การต่อส้รู ะหวา่ งค่ายประชาธิปไตยและค่ายคอมมวิ นิสต์ ................... 4. ลทั ธนิ าซีเป็นลทั ธขิ องประเทศรสั เซีย ................... 5. ในช่วงสงครามเย็น ยุโรปตะวันออกปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ................... 6. สงั คมไทยไดร้ ับผลกระทบจากเหตุการณก์ ารลม่ สลายของสหภาพโซเวยี ต ในปี ค.ศ. 1997 ................... 7. “ขบวนการนกั ศึกษาโลก” เกิดข้ึนจากแนวความคดิ “การปฏิบตั วิ ัฒนธรรม” ................... 8. นกั ศกึ ษาไทยมสี ว่ นร่วมในขบวนการตอ่ ตา้ นสงครามเยน็ ................... 9. ในปี ค.ศ. 1968 เกดิ “ขบวนการนักศกึ ษา” ประทว้ งในประเทศฝร่ังเศสและสหรฐั อเมริกา ................... 10. “ขบวนการนกั ศึกษาไทย” ไดเ้ กดิ ข้นึ อนั เปน็ ผลมาจาก “การเมืองโลก” ในช่วง 14 มีนาคม 2520

120 แผนการจัดการเรยี นรูร้ ายวิชาอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ ครัง้ ที่ 13 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลหนองผือ 1. สปั ดาห์ท่ี 14 วนั ท่ี 11 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ รหสั วชิ า สค0200037 จํานวน 2 หนว่ ยกิต 3. มาตรฐานที่ 5.3 ปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย มีจิตสาธารณะ เพอื่ ความสงบสขุ ของสงั คม 4. หน่วยการเรียนรู/้ เรือ่ ง อาชญากรรม ออนไลน์ 5. สาระสําคญั 1. ความหมายของ อาชญากรรมออนไลน์ 2. ประเภทของ อาชญากรรมออนไลน์ 3. อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.1 ความหมายของ อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.2 ประเภทแรงจงู ใจ ของอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.3 วธิ ปี อู งกนั การ โจรกรรมขอ้ มูลจาก อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 4. สาเหตขุ องปญั หา อาชญากรรมออนไลน์ และแนวทางการปูองกัน 6. เน้ือหา อาชญากรรม ออนไลน์ 7. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้/ู ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง (ดูจากผังการออกข้อสอบ) 1. บอกความหมายของอาชญากรรม ออนไลน์ได้ 2. ระบุประเภทต่าง ๆ ของ อาชญากรรมออนไลนไ์ ด้ 3. บอกความหมายและ ประเภท แรงจูงใจของอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) ในรปู แบบต่าง ๆ ได้ และบอกวธิ กี ารปูองกนั การโจรกรรม ขอ้ มลู จากอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 4. อธิบายสาเหตขุ องปัญหา อาชญากรรมออนไลน์ได้ และบอก แนวทางการปูองกนั จาก อาชญากรรม ออนไลนไ์ ด้ 8. การบรู ณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 เงือ่ นไข 3 หลกั การ การเชื่อมโยงสู่ 4 มิติ) ความรู้ - มคี วามรู้เรอื่ งอาชญากรรม ออนไลน์ - มคี วามสามารถในการเชื่อมโยงท่ีจะการนาํ ความรู้ เร่อื งอาชญากรรม ออนไลน์ท่ีเรียนไป ประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจําวัน คณุ ธรรม - มคี วามขยนั - มคี วามสามัคคใี นการทํางานรว่ มกนั - มีความต้งั ใจและม่งุ มัน่ พอประมาณ - รู้จกั ประเมินความรู้ ความสามารถของตนเองและเพอื่ น - จัดสรรเวลาในการ ทาํ กิจกรรม

121 มีเหตผุ ล - สามารถใช้ความรเู้ ร่ืองอาชญากรรม ออนไลน์ในการ ทํากิจกรรมและแบบฝกึ หัดได้ - นําความร้เู รอื่ งอาชญากรรม ออนไลนไ์ ปประยุกตใ์ ช้ ในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วัน มีภมู คิ ุม้ กัน - มีการวางแผนในการปฏิบัติ กิจกรรม - สามารถนําความรู้ไปปรับให้เข้ากับ การใชช้ ีวิตประจําวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม วัตถุ - ได้รับความรูเ้ กีย่ วกับ เร่อื งอาชญากรรม ออนไลน์ - ทกั ษะการคดิ สังคม - ทักษะการร่วมกันตอบ คําถามและแสดงความ คดิ เห็น - ผเู้ รียนได้ชว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ส่ิงแวดล้อม - รู้จกั การใชส้ ือ่ และ แหล่งเรยี นร้อู ย่าง ค้มุ คา่ และคมุ้ เวลา วัฒนธรรม - ดํารงตนอยใู่ น สงั คมอยา่ งมีความสุข - มที กั ษะในการ วิเคราะหแ์ ละการนําไป ใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม 9. กระบวนการจดั การเรียนรู้และกิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 1 กาํ หนดสภาพปญั หาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครูและผู้เรยี นรว่ มกนั กําหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรยี นร้เู รื่องอาชญากรรม ออนไลน์ ขั้นที่ 2 แสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ (N : New ways of learning) ใหผ้ เู้ รียนศึกษา เรื่องอาชญากรรม ออนไลน์ จากใบความรู้ ครูใช้สอ่ื You Tube เรอื่ ง อาชญากรรม ออนไลน์ เพอื่ อธบิ ายความรู้เพ่มิ เตมิ ใหผ้ ู้เรียน ขัน้ ท่ี 3 การปฏิบัติและการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ครูให้ผูเ้ รยี นระดมความคดิ ถอดบทเรียนให้สอดคลอ้ งกบั หลักเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. ครแู ละผเู้ รียนรว่ มกันแลกเปลยี่ นเรยี นรแู้ ละสรุปความรู้เบ้ืองตน้ ที่ได้จากแบบสอบถาม เพอ่ื นํามา วิเคราะห์สรปุ ผล และจดั ทํารายนาํ เสนอ

122 ขัน้ ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ใหผ้ เู้ รยี นออกมาหน้าช้นั เรียน เพอ่ื นาํ เสนอการถอดบทเรยี นให้สอดคล้องกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง จากนัน้ ครูใหค้ ะแนน 2. แบบทดสอบหลงั เรียน 10. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ - หนงั สอื แบบเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ส่ืออินเตอร์เน็ต 11. การวดั และประเมนิ ผล 11.1 วิธีการวัดและประเมนิ ผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกับผอู้ นื่ ของนกั ศึกษารายบคุ คล - ใบงาน 11.2 เคร่อื งมือวดั และประเมินผล. - ประเมินผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานรว่ มกับผู้อน่ื ของนกั ศกึ ษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกับผ้อู ืน่ ของนักศึกษารายบคุ คล ระดบั ดี พอใช้ และควรปรบั ปรุง - ใบงานคะแนนเตม็ 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................ ............................................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ลงชื่อ…………………………………………….ครผู ูส้ อน (นายพงศกร อดุ มอริยทรัพย์) ครู กศน.ตาํ บล ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................. ............................................... ลงช่ือ………………………………………………………ผูอ้ นมุ ตั ิแผน (นางปัทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผ้อู ํานวยการ กศน.อําเภอจตรุ พักตรพมิ าน

123 บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลหนองผือ ครงั้ ที่ 13 วนั /เดอื น/ปีวันที่ วนั ท่ี 11 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2565 ครผู ูส้ อน นายพงศกร อุดมอริยทรพั ย์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพฒั นาสังคม วิชา อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ รหัสวชิ า สค0200037 จาํ นวนนกั ศึกษาทงั้ หมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไมเ่ ข้าเรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรกู้ ารประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรียน มากกว่ากอ่ นเรยี นจาํ นวน ........ คนคิดเปน็ รอ้ ยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน นอ้ ยกวา่ ก่อนเรียนจํานวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เนื้อหา/สาระ/รายวชิ า ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรคการเรยี นการสอน .......................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ....................................................................... ลงชื่อ.........................................................(ผบู้ ันทึก) (นายพงศกร อดุ มอริยทรัพย์) ครู กศน.ตําบล วันท่.ี ........../................/..................... ความเห็น/ข้อเสนอของผู้บรหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................................................................. ..................................... ลงชอื่ .................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพักตรพิมาน

124 ใบความรู้ท่ี 1 ปจั จุบนั อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ หรือ ‘อาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime)’ โดยมจิ ฉาชีพเหลาน้ี ใช้เทคโนโลยเี พือ่ หลอกเหยอื่ ให้หลงกลแล้วได้เงินมาแบบงา่ ยๆ เป็นภัยรา้ ยใกลต้ วั เพียงแคป่ ลายนวิ้ เพยี งแค่เปิด คอมพิวเตอร์หรือใชง้ านอินเทอรเ์ น็ต คุณกอ็ าจจะตกเป็นเหยอ่ื จากอาชญากรรมทางไซเบอรไ์ ดโ้ ดยไม่รตู้ วั โดย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ท่ีคนไทยมักจะตกเปน็ เหย่ือบอ่ ยมากทสี่ ุด มดี ังตอ่ ไปนี้ การหลอกลวงผ่านอเี มล (Email scam) SMS หรอื Email ปลอมท่ที กุ คนรจู้ ักกนั มักจะอา้ งว่ายินดดี ้วยคุณถกู รางวัล….. หรอื คณุ ได้รบั เงนิ จาก…. และ เชิญชวนทาํ งาน เพียงกดทลี่ ิงก์น้ี สง่ิ ทีม่ ิจฉาชีพต้องการคือใหเ้ หย่อื เข้าไปกรอกขอ้ มูลในหน้าเวบ็ ไซต์ปลอมทถ่ี ูกสร้าง เอาไว้ การหลอกลวงขายสนิ คา้ (Sales scam) ประเดน็ ‘การโดนโกงจากการซื้อขายสินคา้ ออนไลน์’ พบเห็นได้บ่อยในลกั ษณะการหลอกขายสนิ ค้าใหโ้ อนเงนิ แต่ไม่ สง่ สนิ คา้ สนิ คา้ ไม่ตรงปกสัง่ อีกอย่างส่งอกี อยา่ งมา และสนิ ค้าไม่ไดม้ าตรฐานหรือได้สนิ ค้าของปลอม ที่อา้ งวา่ ลดราคา ขายถกู กว่าท้องตลาดทวั่ ไป การหลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) มาหลอกใหร้ กั มาหลอกให้หลง และจากไป มจิ ฉาชีพเหล่านม้ี ักจะสรา้ งโปรไฟลท์ ่ีดูดี หลอ่ สวย มฐี านะ ดนู ่าเช่ือถือ เขา้ มาพูดคยุ ตีสนิทสนมสานสัมพนั ธ์ เมอื่ เหย่ือหลงรัก หลงเชือ่ ใจจนขาดสติ จะใหโ้ อนเงินหรือทรพั ย์สนิ อนื่ ๆ ให้ มจิ ฉาชพี และบางรายถูกหลอกใชข้ นสง่ ยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายก็มีให้เห็นด้วยเช่นกนั การหลอกรักลวงลงทนุ (Hybrid Scam) มิจฉาชีพพวกน้จี ะคลา้ ยกบั การ Romance Scam แต่จะใช้ความโลภของเหย่อื มาหลอกลวง ย่ิงโลภมากยงิ่ เสียเงินมาก โดยสรา้ งโปรไฟลป์ ลอมเป็นนักลงทุน มีทรัพยส์ นิ จํานวนมาก จากน้นั ส่งข้อความถงึ เหยื่อเพอื่ สร้างความสัมพนั ธใ์ นเชงิ ธรุ กิจ หลอกให้เกิดความโลภอ้างว่ามีช่องทางการลงทุนที่ไดร้ ับผลตอบแทนสูง ถ้าเหยือ่ ไมไ่ ด้เอะใจเกดิ โลภขึน้ มาอยาก รวยทางลัดโดยไม่ศึกษาให้ดี จะถกู หลอกใหล้ งทนุ เรือ่ ยๆ เพิ่มเงินเข้าไปทีละนิด โดยใช้แอปพลิเคชันหรือเวบ็ ไซต์ลงทุน ปลอมที่มจิ ฉาชพี สร้างขน้ึ มา และบทสรุปของเรื่องนี้กจ็ ะเจ็บหนักถกู เชิดเงนิ หนหี ายไป การหลอกลวงด้วยการโทรศัพท์โดยแกง๊ คอลเซ็นเตอร์ (Vishing Phishing) รปู แบบนี้พบเหน็ ได้บอ่ ย และยังคงมีคนหลงเชือ่ เปน็ ประจาํ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์พวกนี้จะพยายามสร้างสถานการณ์ เล่นกบั ความกลวั ให้เหยื่อตกใจ มกั จะอ้างวา่ เป็นเจ้าหน้าท่ีรฐั หรือหน่วยงานต่างๆ อา้ งวา่ เหย่อื มสี ว่ นรว่ มกับส่ิงผิด กฎหมาย บญั ชธี นาคารถูกใชฝ้ อกเงินหรือตรวจพบสิง่ ของผิดกฎหมายจากบริการขนส่ง พอเหย่ือกลัวและตกใจจน ขาดสตกิ จ็ ะใหบ้ อกข้อมูลสว่ นตัวหรือใหโ้ อนเงนิ เพือ่ ความสุจริต การหลอกใหล้ งทุนแชร์ลกู โซ่ (Ponzi scheme) ขบวนการแชร์ลกู โซ่มีการพฒั นาให้ทันสมัยและทาํ ใหด้ ูนา่ เชื่อถือมากขน้ึ มาทงั้ ในรปู แบบของแอปพลิเคชัน หรือ เวบ็ ไซต์ มกั จะหลอกชกั ชวนให้ร่วมลงทนุ มกั อ้างว่าถา้ คณุ ลงทุนกับเราจะมผี ลกาํ ไรตอบแทนทสี่ งู ในระยะเวลาสนั้ ๆ โดยช่วงแรกจะไดร้ บั เงนิ จากการลงทนุ จริง แตเ่ ม่ือมีเหยื่อหลงกลรว่ มลงทุนขยายเครอื ขา่ ยมากขึ้น สุดท้ายก็ไมไ่ ด้รับ ผลตอบแทนตามที่อ้างไว้ และหนหี ายไปพร้อมกบั เงนิ ทลี่ งทุน

125 แบบฝกหดั ที่ 1 คําชแี้ จง ใหผูเรยี นยกตัวอยา่ งการตกเปน็ เหย่ือจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ท่พี บบ่อย ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................. ................ .................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ........................................................................................................................................... ...................................... ............................................................................................ ..................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ....................................................................................................................................................... .......................... ........................................................................................................ ......................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................. ................................................ .................................................................................. ............................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................... .............. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ....................................................

126 แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาการเรยี นร้สู ภู้ ยั ธรรมชาติ 3 คร้ังท่ี 14 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาํ บลหนองผือ 1. สัปดาห์ท่ี 15 วันที่ 16 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วชิ า การเรยี นรูส้ ภู้ ัยธรรมชาติ 3 รหัสวชิ า สค 32032 จํานวน 3 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานท่ี มาตรฐานท่ี 5.1 มีความรูค้ วามเขา้ ใจและตระหนกั เกีย่ วกบั ภูมศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครองในโลก และนํามาปรับใชใ้ นการดําเนินชีวิตเพอื่ ความมนั่ คงของ ชาติ 4. หนว่ ยการเรียนรู้/เร่ือง ภยั แลง้ 5. สาระสาํ คัญ ภัยธรรมชาติ เป็นภยั ทส่ี รา้ งความสูญเสยี และเสยี หายให้มวลมนุษยชาตอิ ยา่ งประมาณคา่ มไิ ด้ ภยั ธรรมชาตทิ ่ี เกิดข้ึนบนโลกนม้ี หี ลายประเภท ไมว่ ่าจะเปน็ ภยั แลง้ อุทกภยั วาตภยั อคั คภี ยั แผน่ ดินไหว แผ่นดินถล่ม ดนิ โคลนถล่ม รวมถงึ ภัยจากการสึนามิ ท่เี กิดในทอ้ งทะเล และส่งผล ความเสยี หายมายงั ผ้พู ักอาศัยใกล้ทะเล ภยั แต่ละประเภทมี ความรุนแรง สร้างความเสียหายและสง่ ผลกระทบตอ่ โลกมากมายแตกตา่ งกันออกไป ซงึ่ ภัยธรรมชาติส่วนใหญ่ มนษุ ย์ ไม่สามารถคาดคะเน ไดว้ ่าเกิดแล้วจะมีความรนุ แรงและสร้างความเสียหายใหม้ ากน้อยเพียงใด 6. เนอ้ื หา 1. ความหมายของภัยแลง้ 2. ลักษณะการเกดิ ภัยแลง้ 7. จุดประสงคก์ ารเรียนร้/ู ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวัง (ดูจากผังการออกข้อสอบ) อธิบายความหมายของภยั แลง้ วาตภยั อุทกภยั ดินโคลนถล่ม ไฟปุา หมอกควนั แผน่ ดนิ ไหว และสึนาม ๘. การบูรณาการกับหลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เง่อื นไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มิต)ิ ความรู้ - นักศึกษามคี วามรเู้ ร่ือง ภัยแล้ง - นักศกึ ษามคี วามรู้เร่ือง ปจั จัยการเกิดภัยแลง้ ตามหลักของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอพยี ง คุณธรรม - มีความชือ่ สัตยส์ ุจริตในการทาํ งาน - มคี วามสามคั คใี นหมู่คณะ - มีความขยัน อดทน พอประมาณ - รู้จกั การเลือกใช้สอื่ เทคโนโลยใี หเ้ ขา้ กับศกั ยภาพของตนเอง - ใช้ทรัพยากรกรอย่างคุ้มค่าและเกดิ ประโยชนส์ ูงสุด มเี หตผุ ล - ไดค้ วามรู้เก่ียวกบั หลักเศรษฐกิจพอเพียง มภี ูมิคุ้มกัน - สามารถเรยี นรแู้ ละสามารถเตรยี มพร้อมรบั สถานการณ์การเปล่ยี นแปลงทาง สภาวะโลกได้

127 วตั ถุ - ตระหนกั ถึงภยั และผลกระทบทเ่ี กิดจากภยั แลง้ - รูส้ าเหตแุ ละปจั จัยการเกิดภัยแลง้ สังคม - มีทกั ษะการอย่รู ว่ มกนั ในกลุ่ม และทาํ งานรว่ มกับผู้อืน่ ได้อยา่ งมคี วามสขุ - ช่วยเหลือเกอื้ กลู กนั - รรู้ กั สามคั คี สง่ิ แวดล้อม - เรียนร้สู าเหตแุ ละปจั จัยการเกิดภัยแลง้ มาวิเคราะห์และวางแผนวธิ ีการรบั มอื กบั ภัยแล้ง เพ่อื เกิดประโยชนส์ ูงสดุ วฒั นธรรม - ตอ่ ยอดความรู้วธิ ีการรับมือกับภัยแลง้ สชู่ นรุน่ หลัง 9. กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ ที่ 1 กาํ หนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครผู ้สู อนและนักศึกษาสนทนาแลกเปล่ียนถงึ ปัญหาของภัยแล้ง ผลกระทบด้านตา่ งๆท่ีมใี นปจั จบุ ันวา่ เป็นอย่างไร ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 1. ให้นักศึกษาศึกษาเร่อื ง ภัยแลง้ จากหนงั สอื เรียน สาระการพัฒนาสังคมและชมุ ชน รายวชิ าการ เรียนรสู้ ภู้ ยั ธรรมชาติ 3 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย รหัส สค32032 2. ครใู ชส้ ่อื You Tube เร่อื ง ภัยแล้ง เพ่ืออธิบายความรูเ้ พม่ิ เตมิ ให้ นกั ศึกษา ขั้นท่ี 3 การปฏิบตั ิและการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ผเู้ รยี นสามารถนาํ ความรู้ และประสบการณ์หลังจากการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง 2. ผู้เรยี นสามารถแก้ไขปัญหา อุปสรรคในการทาํ งานไดแ้ ต่ละคร้ังพร้อมสรปุ จดั ทาํ รายงานรวบรวม เป็นแฟูมสะสมงาน

128 ข้ันท่ี 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ (E : Evaluation) 1. ครูและผเู้ รียนนําแฟมู สะสมผลงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏบิ ตั ิ สรุปเป็นองค์ความร้เู พือ่ ใช้เปน็ แนวทาง กระบวนการปฏิบตั งิ าน 2. ครวู ัดผลประเมินผลผ้เู รยี นจากเกณฑว์ ัดผลประเมินผล 3. ครสู ามารถประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี น และผ้เู รียนสามารถประเมนิ ความรู้ภายในกลุม่ หรอื ของตนเองได้ 10. สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ 1. ใบความรู้ 2. หนังสือเรียน 3. ใบงาน 11. การวดั และประเมินผล 11.1 วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกับผู้อืน่ ของนักศึกษารายบคุ คล - ใบงาน 11.2 เครือ่ งมอื วดั และประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผูอ้ ่นื ของนักศกึ ษารายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานร่วมกบั ผอู้ ่ืนของนักศึกษารายบคุ คล ระดบั ดี พอใช้ และควรปรบั ปรุง - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................................................ ........................................................ ..................................................................................................... ........................... ลงช่ือ…………………………………………….ครูผูส้ อน (นายพงศกร อดุ มอริยทรพั ย์) ครู กศน.ตาํ บล ข้อเสนอแนะของผูบ้ รหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...... ลงชอื่ ………………………………………………………ผอู้ นุมตั แิ ผน (นางปัทมาภรณ์ ศรเี นตร) ผ้อู าํ นวยการ กศน.อาํ เภอจตุรพกั ตรพิมาน

129 บันทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลหนองผือ ครงั้ ท่ี 14 วัน/เดอื น/ปวี ันท่ี 16 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครผู ู้สอนนายพงศกร อุดมอรยิ ทรัพย์ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระการพัฒนาสงั คมและชมุ ชน รายวชิ าการเรียนรสู้ ู้ภัยธรรมชาติ 3 รหสั สค32032 จํานวนนักศกึ ษาทั้งหมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไมเ่ ขา้ เรียน……………………….คน 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรยี น พบวา่ คะแนนการทดสอบหลังเรียน มากกวา่ ก่อนเรียนจํานวน ........ คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรยี น น้อยกวา่ ก่อนเรียนจํานวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เนอ้ื หา/สาระ/รายวชิ า ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ....................................................................... 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปญั หา/อปุ สรรคการเรยี นการสอน ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.........................................................(ผู้บันทกึ ) (นายพงศกร อดุ มอรยิ ทรัพย์) ครู กศน.ตําบล ความเห็น/ข้อเสนอของผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................................. ...... ลงชือ่ .................................................. (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผูอ้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพักตรพมิ าน

130 ใบความรู้ที่ 1 ความหมายของภยั แล้ง 1.1 ความหมายของภยั แลง้ ภยั แล้ง คอื ความแห้งแลง้ (Dryness) ลักษณะ ภูมิอากาศทม่ี ีฝนน้อยกวา่ ปกติ หรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นระยะเวลานานกวา่ ปกติ และครอบคลุมพ้นื ท่บี ริเวณ กวา้ ง ทําให้ เกิดการขาดแคลนนํ้าในพืน้ ที่ใดพ้นื ทีห่ นึง่ เปน็ เวลานาน ๆ ความแหง้ แลง้ เป็นภัยธรรมชาติ ประเภท หน่ึงทีเ่ กิดขึ้นเปน็ ประจําทุกปีในภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ความหมายของฝนแล้ง ฝนทิง้ ชว่ ง ฝนแล้ง หมายถงึ ความแห้งแลง้ ของลมฟาู อากาศอันเกดิ จากการทีฝ่ นนอ้ ยกวา่ ปกติ ไม่เพียงพอตอ่ ความต้องการหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดกู าล ทาํ ใหเ้ กิดการขาดแคลนนา้ํ ใช้และพืช ต่าง ๆ ขาดนาํ้ หล่อเลย้ี ง ขาดความ ชุ่มชื้น ทําใหพ้ ชื ผลไมส่ มบรู ณ์และไม่เจรญิ เตบิ โต ไม่ใหผ้ ล ตามปกติเกิดความเสียหายและเกิดความอดอยากขาด แคลนไปทวั่ ความรุนแรงของฝนแล้งขึน้ อยู่ กบั ความชนื้ ในอากาศ ความช้ืนในดนิ ระยะเวลาที่เกิดความแห้งแล้งและ ความกวา้ งใหญ่ของพน้ื ทท่ี ี่ มีความแห้งแลง้ ฝนแล้งท่ีก่อให้เกดิ ความเสยี หายอย่างมาก ได้แก่ ฝนแล้งทเ่ี กิดในชว่ งฤดฝู น โดยเฉพาะอย่างย่ิงชว่ งฝนท้ิงช่วงทีย่ าวนานระหว่างเดือนมิถุนายนตอ่ เน่ืองเดือนกรกฎาคม ทาํ ให้ พชื ไรต่ า่ ง ๆ ทท่ี าํ การ เพาะปลูกไปแลว้ ขาดนาํ้ และไดร้ บั ความเสียหายพื้นทท่ี ี่ได้รับผลกระทบจาก ฝนแล้ง ได้แก่ บริเวณภาค ตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนกลางเพราะเป็นบรเิ วณท่ีอิทธพิ ลของลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งใต้เข้าไปไม่ถงึ และปใี ดไมม่ ีพายุเคลื่อนที่ผา่ นในแนวดังกลา่ วแลว้ จะก่อให้เกิด ฝนแลง้ ท่มี ีความรนุ แรงมาก ฝนทงิ้ ช่วง หมายถึง ชว่ งทีม่ ีปริมาณฝนตกไม่ถึง 1 มลิ ลิเมตรตดิ ตอ่ กนั เกิน 15 วัน ในชว่ งฤดฝู น เดือนท่ีมี โอกาสเกดิ ฝนท้ิงชว่ งสงู คอื เดือนมิถนุ ายน และเดือนกรกฎาคม เป็นสาเหตุ สาํ คัญในการเกดิ ไฟปาุ เพราะความแห้ง แล้งของลมฟาู อากาศ ทําใหฝ้ นมีปริมาณน้อยกว่าปกตแิ ละ ฝนไมต่ กต้องตามฤดูกาล ผลท่ีตามมาคือ การขาด แคลนน้ํา ลักษณะการเกิดภัยแลง้ จากสภาพฝนแลง้ และฝนทิ้งช่วง จะเปน็ สาเหตุสาํ คัญให้เกดิ ภัยแลง้ ความแห้ง แล้งของ สภาพภมู อิ ากาศ ภมู ิประเทศ จะทาํ ใหเ้ กิดไฟไหมป้ ุาหรอื สภาพดนิ แหง้ แตกระแหงได้ สาเหตแุ ละปัจจัยการเกดิ ภยั แล้ง ปัจจยั ท่ีทําใหเ้ กิดภยั แลง้ เกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ ทง้ั ทีเ่ กิดขึ้นเองโดย ธรรมชาตแิ ละจากการกระทาํ ของมนุษย์

131 2.1.1 โดยธรรมชาติ 1) การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกคอื บรรยากาศของโลก เป็นสิ่งที่ เคลอื่ นไหวอยู่ตลอดเวลา (Dynamic) ภมู อิ ากาศของโลกจึงมีการเปล่ยี นแปลงเปน็ ช่วงเวลาสนั้ บ้าง ยาวบ้าง ขึน้ อยู่กบั ปจั จยั สาเหตุนานาประการ ตัวอย่างเชน่ การระเบิดของภูเขาไฟทาํ ให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอิ ากาศเพียงชว่ งเดือนหรือปี การพุ่งชนของอุ กาบาตทาํ ใหเ้ กดิ การ เปลยี่ นแปลงหลายสบิ ปี การเพมิ่ ข้ึนของมลภาวะทางอากาศก่อใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงนับ ศตวรรษ การเปล่ียนแปลงของกระแสนํา้ ในมหาสมุทรและขนาดของแผ่นน้ําแขง็ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลง ของวง โคจรโลก 2) การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศหรือการเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศ คือ การเปลย่ี นแปลงการกระจายทาง สถิติของรูปแบบสภาพอากาศ เมอื่ สภาพอากาศเฉล่ียหรือความ แปรผันของเวลาของสภาพอากาศเก่ียวกบั ภาวะเฉล่ีย ที่กนิ เวลานานหลายสบิ ปีถงึ หลายล้านปี อาจมีการเปล่ยี นแปลงคือ มเี หตุการณ์สภาพอากาศสุดขว้ั มากขึน้ หรือน้อยลง การเปลยี่ นแปลง ภูมิอากาศมีสาเหตจุ ากปจั จัยหลายอย่าง เช่น กระบวนการชีวนะ ความแปรผนั ของรังสีดวงอาทิตย์ท่ี โลกได้รับ การแปรสณั ฐานแผ่นธรณภี าค และการปะทุของภเู ขาไฟ กจิ กรรมบางอย่างของมนษุ ย์ ยงั ถูกระบวุ า่ เป็น สาเหตุสําคญั ของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศลา่ สดุ มักเรยี กว่า “โลกรอ้ น” 3) การเปล่ียนแปลงของระดับน้ําทะเล คือ ระดบั นํ้าทะเลทเี่ พ่ิมขน้ึ บง่ ช้ี การเปล่ยี นแปลงอากาศเมื่ออุณหภมู ิ มหาสมทุ รสงู ข้ึน ได้สง่ ผลให้ระดับนํ้าทะเลท่สี งู ขน้ึ หรอื เรยี กว่า Sea Level Rise มาจาก 2 สาเหตหุ ลกั คือ การ ขยายตวั ของมวลนาํ้ ทะเลจากทีอ่ ุณหภูมิสงู ข้ึน (ประมาณร้อยละ 30) และการเพ่ิมขน้ึ ของปรมิ าณน้ําทะเล เน่ืองจาก การละลายของธารน้ําแข็ง บนแผน่ ดนิ และการละลายของน้ําแข็งขั้วโลก (ประมาณรอ้ ยละ 55) 4) ภัยธรรมชาติ เชน่ วาตภัย คือ ภยั จากลม หรือ พายทุ ี่มีความรุนแรงจน ทาํ ให้เกดิ ความเสยี หายอยา่ งรุนแรงในวงกว้าง คําว่า วาตภยั เกิด จากคาํ สองคํามาผสมกนั คือคําว่า วาต ทีแ่ ปลวา่ ลม และคําว่า ภัย ทแี่ ปลวา่ อนั ตรายวาตภยั สามารถเกิดขึน้ ได้จาก หลายสาเหตุ เชน่ เกดิ พายหุ มุนเขตรอ้ น เชน่ พายุไต้ฝุนและพายุโซนร้อน โดยเมื่อเกดิ พายุ จะทําใหเ้ กดิ ลมแรง สามารถพดั ใหบ้ ้านเรือนเสยี หาย ตน้ ไมแ้ ละเสาไฟฟูาหักโค่น ปาู ยโฆษณาพงั ถลม่ ซ่ึงเกดิ อนั ตราย ต่อชวี ติ และทรพั ยส์ ิน แตถ่ ้าพายุดงั กลา่ วเกิดในทะเล จะทาํ ใหเ้ กดิ ฝนฟาู คะนอง คลื่นสงู พดั ถลม่ ชายฝ่ัง ซึ่งสามารถทาํ ให้สิง่ ปลูกสรา้ งที่อยู่ ชายฝงั่ เรือประมงหรือเรอื ประเภทอนื่ ๆ เสยี หาย ในบางคร้ังพบวา่ เรือขนาดใหญ่พลกิ ควาํ่ ได้ แผ่นดนิ ไหว คอื เปน็ ปรากฏการณ์สนั่ สะเทอื นหรือเขย่าของพน้ื ผิวโลก เพ่ือปรบั ตัวให้ อยูใ่ นสภาวะสมดุล ซ่งึ แผ่นดนิ ไหวสามารถก่อใหเ้ กิด ความเสยี หายและภัยพิบัติตอ่ บา้ นเรอื น ท่ีอยู่อาศัย สง่ิ มชี ีวิต สว่ นสาเหตขุ องการเกดิ แผ่นดนิ ไหวนนั้ สว่ นใหญ่เกดิ จาก ธรรมชาติ โดยแผ่นดนิ ไหวบางลักษณะ สามารถเกดิ จากการกระทําของมนษุ ย์ได้ แต่มีความรุนแรงนอ้ ยกวา่ ที่ เกิดขึ้น เองจากธรรมชาติ แผ่นดินไหวเปน็ ปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกดิ จากการเคลื่อนทข่ี องแผน่ เปลือกโลก (แนวระหวา่ ง รอยตอ่ ธรณภี าค) ทําให้เกดิ การเคลือ่ นตัวของช้นั หนิ ขนาดใหญ่เลื่อน เคลอื่ นท่ี หรือแตกหักและเกิดการโอนถ่าย พลังงานศักย์ผา่ นในชนั้ หนิ ท่ีอยู่ตดิ กนั พลังงานศกั ยน์ ี้ อยใู่ นรูปคล่ืนไหวสะเทือน

132 ใบงานที่ 1 ใบงานเรือ่ ง ภัยแลง้ กิจกรรมท่ี 1.1 อธิบายความหมายภัยแลง้ ฝนแลง้ และฝนทง้ิ ชว่ ง 1) ภัยแลง้ หมายถงึ …………………………...............................................................…........................................................... ......................................................................................................................... .................................. ............................................................................................................................. .............................. 2) ฝนแลง้ หมายถงึ ..................................................................................................…………….........…………………………… ............................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................... ........ 3) ฝนทิง้ ช่วง หมายถึง ................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... กจิ กรรมที่ 1.2 บอกความแตกต่างระหว่างฝนแล้งและฝนทิ้งช่วงมาพอสงั เขป ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................. .......... ........................................................................................................................ ................................... ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... กจิ กรรมที่ 1.3 บอกสาํ เหตุของการเกดิ ภัยแลง้ พอสงั เขป ................................................................................................................ ........................................... ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ช่ือ........................................................................... กศน.ตําบล..................... ระดบั .............................

133 แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาช่องทางการขยายอาชีพ ครงั้ ที่ 15 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลหนองผือ 1. สปั ดาหท์ ี่ 16 วนั ที่ 18 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00น. 2. วชิ า ชอ่ งทางการขยายอาชพี รหัสวิชา อช31001 จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานท่ี ความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติท่ดี ีในงานอาชีพ วเิ คราะห์ลกั ษณะงาน ขอบข่ายงานอาชีพในชุมชน สงั คม ประเทศ และโลกที่เหมาะสมกับศกั ยภาพของตนเอง และสอดคลอ้ งกับชุมชนเพื่อการขยายอาชีพ 4. หนว่ ยการเรียนรู้/เร่ือง อธิบายความจาํ เปน็ ในการมองเห็นช่องทางในการขยายอาชีพได้อย่างเหมาะสมกบั ตนเอง 5. สาระสําคญั การมองเห็นชอ่ งทางในการขยายอาชพี 6. เนื้อหา ความจาํ เปน็ ในการมองเห็นชอ่ งทางการประกอบอาชีพ 7. จุดประสงคก์ ารเรียนร้/ู ผลการเรียนรูท้ ่คี าดหวงั (ดูจากผังการออกข้อสอบ) อธิบายความจาํ เป็นในการมองเหน็ ชอ่ งทางในการขยายอาชีพได้อย่างเหมาะสมกับตนเองได้ 8. การบรู ณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง (2 เง่ือนไข 3 หลกั การ การเช่ือมโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ - มีความร้เู รอ่ื งการมองเห็นช่องทางในการขยายอาชีพ มีความสามารถในการเช่อื มโยงทีจ่ ะการนาํ ความรู้ เรอ่ื งการมองเห็นช่องทางในการขยายอาชีพทีเ่ รียนไปประยุกตใ์ ช้ใน ชวี ิตประจาํ วนั คุณธรรม - มคี วามขยนั - มีความสามัคคีในการทาํ งานรว่ มกัน - มคี วามตัง้ ใจและมงุ่ ม่ัน พอประมาณ - รูจ้ กั ประเมินความรู้ ความสามารถของตนเองและเพื่อน - จัดสรรเวลาในการ ทาํ กจิ กรรม มีเหตผุ ล -สามารถใช้ความรู้เร่ืองการมองเห็นชอ่ งทางในการขยายอาชีพในการทํากจิ กรรมและแบบฝึกหดั ได้ -นําความรเู้ รอื่ งการมองเหน็ ช่องทางในการขยายอาชพี ไปประยุกตใ์ ช้ในการดาํ เนนิ ชีวิตประจาํ วนั มีภูมิคุ้มกัน - มีการวางแผนในการปฏิบัติ กจิ กรรม - สามารถนาํ ความรู้ไปปรบั ให้เขา้ กับ การใชช้ วี ติ ประจาํ วนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วตั ถุ - ได้รับความรเู้ ก่ยี วกับ เร่ืองการมองเห็นชอ่ งทางในการขยายอาชีพ - ทักษะการคดิ

134 สังคม - ทกั ษะการร่วมกนั ตอบ คาํ ถามและแสดงความ คิดเห็น - ผเู้ รยี นไดช้ ่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั สิ่งแวดลอ้ ม - ร้จู กั การใช้สื่อและ แหลง่ เรยี นรอู้ ย่าง ค้มุ ค่าและคมุ้ เวลา วัฒนธรรม - ดาํ รงตนอยูใ่ น สังคมอยา่ งมีความสุข - ส่งเสรมิ ใหค้ นในชมุ ชนนิยมการใชส้ ินค้าทีม่ ีอยู่ในชุมชนน้ันๆ 9. กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 กาํ หนดสภาพปญั หาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครูและผเู้ รยี นรว่ มกันกําหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรียนรเู้ รอ่ื งการมองเห็นชอ่ งทางใน การขยายอาชีพ ขนั้ ที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) ใหผ้ ู้เรยี นศึกษา เร่ืองการมองเห็นชอ่ งทางในการขยายอาชพี จากใบความรู้ ครูใช้สือ่ You Tube เร่ือง ช่องทางในการขยายอาชพี เพอื่ อธิบายความรเู้ พ่มิ เติมให้ผู้เรยี น ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบัติและการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ครูให้ผูเ้ รียนระดมความคดิ ถอดบทเรียนใหส้ อดคล้องกับหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง 2. ครแู ละผูเ้ รียนรว่ มกนั แลกเปลย่ี นเรยี นรู้และสรุปความรูเ้ บือ้ งตน้ ที่ได้จากแบบสอบถาม เพือ่ นํามา วิเคราะหส์ รุปผล และจัดทาํ รายนาํ เสนอ ขัน้ ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ใหผ้ ู้เรยี นออกมาหน้าช้นั เรียน เพื่อนาํ เสนอการถอดบทเรียนใหส้ อดคล้องกบั หลกั เศรษฐกิจ พอเพียง จากนัน้ ครใู ห้คะแนน 2. แบบทดสอบหลงั เรียน 10. สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ - หนงั สือแบบเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน - สอ่ื อนิ เตอรเ์ น็ต

135 11. การวดั และประเมินผล 11.1 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผู้อ่ืนของนกั ศึกษารายบุคคล - ใบงาน 11.2 เคร่อื งมือวดั และประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรว่ มกบั ผู้อืน่ ของนักศึกษารายบคุ คล - ผลจากการตรวจใบงาน 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมนิ ผล - แบบประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกับผอู้ ่นื ของนกั ศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควรปรับปรุง - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................................................ ..................................................................................................................................... ................................................... ลงช่ือ…………………………………………….ครูผู้สอน (นายพงศกร อดุ มอริยทรพั ย์) ครู กศน.ตาํ บล ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ าร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชือ่ ………………………………………………………ผอู้ นุมตั ิแผน (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ าํ นวยการ กศน.อําเภอจตรุ พกั ตรพมิ าน

136 บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบลหนองผือ ครั้งที่ 15 วนั /เดือน/ปีวนั ท่ี วันท่ี 18 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครผู สู้ อน นายพงศกร อดุ มอริยทรพั ย์ ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระทักษะการพัฒนาอาชีพ วิชา ช่องทางการขยายอาชพี รหัสวิชา อช31001 จํานวนนักศกึ ษาทง้ั หมด ............... คนเข้าเรยี น…………………คน ไมเ่ ข้าเรยี น……………………….คน 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรกู้ ารประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน พบว่า คะแนนการทดสอบหลังเรยี น มากกวา่ กอ่ นเรยี นจาํ นวน ........ คนคิดเปน็ ร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลังเรียน น้อยกว่าก่อนเรยี นจาํ นวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เน้อื หา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน ......................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรคการเรียนการสอน ............................................................................................................................... .................................... .............................................................................................. ..................................................................... 5. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................................................................. ..................................... ลงชื่อ.........................................................(ผ้บู นั ทกึ ) (นายพงศกร อุดมอริยทรัพย์) ครู กศน.ตาํ บล ความเห็น/ข้อเสนอของผู้บรหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ....................................................................... ลงชอื่ .................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรีเนตร) ผูอ้ ํานวยการ กศน.อําเภอจตุรพกั ตรพิมาน

137 ใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง ช่องทางการประกอบอาชีพ การมองเหน็ ช่องทางการประกอบอาชีพ โอกาสและความสามารถท่จี ะนาํ มาประกอบอาชพี ไดกอนผูอืน่ เป นหวั ใจสาํ คญั ของการประกอบอาชีพ หากผูประกอบอาชพี ตามท่ีตลาดตองการและเปนอาชีพทเ่ี หมาะสมกับสถาน การณในขณะนัน้ ยอมทําใหมี โอกาสประสบความสําเรจ็ สามารถพฒั นาตนเองใหมองเห็นโอกาสในการประกอบ อาชีพได คอื 1. ความชาํ นาญจากงานที่ทาํ ในปจจุบัน จะเปนแหลงความรู ความคดิ ท่จี ะชวยใหมองเห็นโอกาส ในการประกอบ อาชีพไดมาก เชน บางคนมีความชาํ นาญทางดานการทาํ อาหาร ตัดเยบ็ เสือ้ ผา ซอมเครื่องใชไฟฟา ตอทอํน้า ประปา ชางไม ชางปูกระเบ้อื ง ชางทาสี ฯลฯ ซง่ึ สามารถนําความชํานาญดังกลาวมาพัฒนาและ ประกอบอาชีพได บางคนทํางานที่โรงงานตดั เย็บเสื้อผา เมอ่ื กลบั มาภมู ลิ าํ เนาเดมิ ของตนเอง ก็นําความรู ความสามารถและความ ชํานาญมาใชเปนชองทางการประกอบอาชีพของตนเองได 2. ความชอบความสนใจสวนตวั เปนอกี ทางหนึ่งทช่ี วยใหมองเหน็ ชองทางโอกาสในการประกอบอาชีพ บางคนชอบ ประดษิ ฐดอกไม บางคนชอบวาดรูป ทําใหบคุ คลเหลาน้ีพัฒนางานท่ชี อบ ซึ่งเปนงานอดิเรก กลาย เปนอาชีพหลัก ทาํ รายไดเปนอยางดี 3. การฟงความคิดเห็นจากแหลงตาง ๆ พดู คยุ แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ กับบคุ คล เปนแหลงความรู และ กอใหเกดิ ความคดิ ริเร่ิมเปนอยางดี ในบางคร้งั เรามีความคดิ แลว และไดพดู คุยกับบุคคลตาง ๆ จะชวยให การ วเิ คราะห ความคดิ ชัดเจนข้นึ ชวยใหมองไปขางหนาไดอยางรอบคอบกอนทจี่ ะลงมือทาํ งานจรงิ 4. การศึกษาคนควาจากหนังสอื นิตยสาร หนังสือพิมพ การดวู ดี ที ัศน ฟงวทิ ยุ ดูรายการโทรทัศน จะ ชวยใหเกดิ ความรูและความคิดใหม ๆ 5. ขอมูล สถติ ิ รายงาน ขาวสารจากหนวยราชการและเอกชน รวมท้งั แผนพฒั นาเศรษฐกิจของ ประเทศในการมอง หาชองทางในการประกอบอาชพี ผูทจี่ ะมองหาอาชพี พัฒนาอาชพี ควรใหความสนใจขอมลู ตาง ๆ ในการตดิ ตาม เหตกุ ารณใหทนั แลวนาํ มาพิจารณา ประกอบการตัดสนิ ใจประกอบอาชีพ ความเป็นไปไดข้ องการขยายอาชพี การประเมินความเปน็ ไปไดใ้ นการนํากรอบแนวคดิ ไปใช้ในการขยายอาชพี ไดจ้ รงิ

138 จากแผนภมู ิดังกลาวแสดงใหเห็นกรอบแนวคิดในการประเมินความเปนไปได มีองคประกอบ รวมกัน 6 องคประกอบ ในแตละองคประกอบมีตวั แปรดังนี้ 1. รปู แบบการขยายอาชีพ มีตัวแปรรวม ดังน้ี 1.1 ผลผลติ 1.2 กระบวนการผลิต 1.3 ปจจัยนําเขาการผลิต 2. ความยากงายของการดําเนินการจัดการ มีตวั แปรรวม ดังน้ี 2.1 การบริหารจดั การ แรงงาน เงนิ ทุน 2.2 แผนธุรกิจ 3. การรบั ไดของลกู คา มีตัวแปรรวมดงั นี้ 3.1 ผลผลิตอยูในความนิยม 3.2 เปนสิง่ จาํ เปนตอชวี ิต 3.3 ราคา 4. การรบั ไดของสงั คมชมุ ชน มตี ัวแปรรวม ดงั นี้ 4.1 สภาพแวดลอม 4.2 วัฒนธรรมประเพณี 5. ความเหมาะสมของเทคนิควทิ ยาการท่ีใชในการขยายอาชีพ 5.1 เทคนิควทิ ยาการเพื่อการลดตนทนุ 5.2 เทคนิควิทยาการเพือ่ การลดของเสีย วิธกี ารวเิ คราะห การวเิ คราะหเพือ่ การตดั สนิ ใจมีความจาํ เปนท่เี จาของธุรกิจจะตองประเมินตดั สินใจดวย ตนเองสาํ หรบั กรณที ธี่ ุรกิจมีหุนสวนหรือผูเกีย่ วของ ควรจะใชวธิ ีสนทนาเจาะลกึ และวธิ ีความสมั พนั ธรวมกัน โดยมี วธิ กี าร วิเคราะหความสัมพันธระหวางองคประกอบดวยตนเอง ดวยรายละเอียดและความเปนไปได ความเปน พวก เดยี วกัน โดยทบทวนหลาย ๆ ครั้งจนมนั่ ใจแลวจงึ ตดั สินใจ การปฏบิ ตั ิการใชความรู โดยใชวงจรเดม็ ม่งิ เปนกรอบการทํางาน - P - Plan ดวยการทําเอกสารคูมือดําเนินงาน (ซ่ึงไดมาจากกิจกรรมยกระดับความรู) มาศกึ ษา วิเคราะหจดั ระบบปฏบิ ตั ิการทป่ี ระกอบดวยกจิ กรรมขน้ั ตอน และผูรบั ผิดชอบกําหนดระยะเวลาการทํางาน กําหนดปจจยั นาํ เขา ดาํ เนินงานใหสามารถทาํ งานไดอยางมีประสทิ ธิภาพ - D - Do การปฏบิ ตั กิ ารทาํ งานตามระบบงานทจี่ ดั ไวอยางเครงครดั ควบคุมการผลิตใหเสยี หาย นอยท่ีสดุ ไดผลผลติ ออกมามีคุณภาพเปนไปตามขอกาํ หนด - C - Check การตรวจสอบหาขอบกพรองในการทาํ งานโดยผูปฏบิ ัติการหาเหตผุ ลของการเกิด ขอบกพรองและจด บนั ทกึ - A - Action การนําขอบกพรองท่ีตรวจพบของคณะผูปฏิบตั กิ ารมารวมกนั เรียนรูหาแนวทางแกไข ขอบกพรอง จน สรุปไดผลแลวนําขอมลู ไปปรับปรุงเอกสารคูมือดาํ เนินงานเปนระยะ ๆ ก็จะทําใหองคความรู สงู ขึน้ โดยลําดับ แลวส งผลตอประสิทธภิ าพของธรุ กิจ ประสบผลสําเรจ็ นําไปสูความเขมแขง็ ยั่งยืน 2. ทุนทางปญญา ผลจากการนําองคความรูไปใช มกี ารตรวจสอบหาขอบกพรอง และปฏิบัตกิ าร แกไขขอบกพรองเป นระยะ ๆ อยางตอเนอื่ งท่ีผลทาํ ใหองคความรูสงู ขึน้ เปนลาํ ดับ จนกลายเปนทุนทางปญญา ของตนเอง หรือของชุมชน ทจี่ ะเกิดผลตอธุรกจิ ดงั นี้

139 - องคความรูสามารถใชสรางผลผลิตทคี่ นอืน่ ไมสามารถเทียบเคยี งได และไมสามารถทาํ ตามได จึงไดเปรียบทางการ แขงขนั - การเปลี่ยนแปลงยกระดบั คุณภาพผลผลิตอยางตอเน่ือง ทาํ ใหลกู คาเชือ่ มน่ั ภักดตี อการทําธรุ กจิ รวมกัน - เปนกา รสรางทนุ ทางมนุษยผูรวมงานไดเรยี นรูบรหิ ารระบบธรุ กิจดวยตนเอง สามารถเกดิ ภมู ปิ ญญาในตวั บุคคล ทําใหชมุ ชน พรอมขยายขอบขายอาชีพออกสูความเปนสากล 3. ธุรกจิ สูความเขมแข็งยั่งยนื การจดั การความรูทาํ ใหองคความรูสงู ขน้ึ โดยลาํ ดบั การขยายของอาชีพ จึงเปนการ ทาํ งานท่ีมภี มู ิคมุ กัน โอกาสของความเส่ยี งในดานตาง ๆ ตํ่าลง ดงั นัน้ ความนาจะเปนในการขยาย อาชพี จงึ ประสบความสําเรจ็ คอนขางสูง เพราะมกี ารจัดการความรู ยกระดับความรูนาํ ไปใชและปรับปรุงแกไข เปนระยะ ๆ อยางตอเนือ่ ง จึงสงผลทาํ ใหธุรกจิ เขมแขง็ ย่งั ยนื ได เพราะรจู กั และเขาใจตนเอง ตลอดเวลา การจดั ทําแผนปฏิบัตกิ าร (P) การจัดทาํ แผนปฏบิ ตั ิการทางอาชีพ เปนการดาํ เนินการทมี่ อี งคประกอบรวม ดังน้ี 1. เหตกุ ารณหรือขนั้ ตอนการทํางาน ซ่ึงจะบอกวาเหตกุ ารณใดควรทําพรอมกนั หรือควรทาํ ทีหลัง เปนการลําดับ ขนั้ ตอนในแตละกิจกรรมใหเปนแผนการทํางาน 2. ระยะเวลาท่ีกําหนดวาในแตละเหตกุ ารณจะใชเวลาไดไมเกนิ เทาไร เพื่อออกแบบการใชปจจัย ดาํ เนนิ งานให สมั พันธกนั 3. ปจจยั นาํ เขาและแรงงาน เปนการระบุปจจัยนําเขาและแรงงานในแตละเหตกุ ารณวาควรใชเทาไร การจดั ทาํ แผนปฏบิ ตั กิ ารทางอาชพี มักจะนิยมใชผงั การไหลของงานมาใชออกแบบการทํางานให มองเห็นความสมั พนั ธรวม ระหวางเหตกุ ารณ ระยะเวลา ปจจยั นาํ เขาและแรงงานจะชวยใหผูปฏิบัติงานและ ผูจัดการไดขับเคลอื่ นการทํางานสู ความสําเรจ็ ได ดงั นนั้ ในการออกแบบแผนปฏิบัตงิ าน จาํ เปนตองใช องคความรูท่ีสรุปไดในรปู ของเอกสารขัน้ ตอนการ ทํางานมาคดิ วิเคราะหและสรางสรรคใหเกดิ แผนปฏบิ ัตกิ าร

140 แบบฝกหดั ที่ 1 เรือ่ งช่องทางการประกอบอาชีพ คําชแี้ จง : ใหผูเรียนจดั ทาํ แผนปฏิบตั ิการอาชีพของตนเองโดยใชวงจรเด็มม่งิ 1.การจดั แผนปฏิบตั ิการ (P) ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................................................. .................... 2. การทํางานตามแผนปฏบิ ัติการ (D) ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... 3. การตรวจสอบหาขอบกพรอง (C) .................................................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................... ............................................................................ ............................................................................................................................. .................................................... 4. การปฏบิ ัตกิ ารแกไขและพัฒนา (A) ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................................................... ........ .......................................................................................................................... .......................................................

141 แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวิชาทกั ษะการขยายอาชีพ คร้ังท่ี 16 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลหนองผือ 1. สปั ดาห์ท่ี 17 วันท่ี 25 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00-12.00 น. 2. วิชา ทกั ษะการขยายอาชีพ รหสั วิชา อช31002 จาํ นวน 4 หนว่ ยกติ 3. มาตรฐานท่ี มาตรฐานท่ี 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติท่ีดใี นงานอาชพี มองเห็นช่องทาง และ ตัดสินใจประกอบอาชพี ได้ตามความต้องการ และศักยภาพของตนเอง 4. หน่วยการเรยี นรู้/เร่อื ง ฝกึ ทักษะเทคโนโลยีเพอื่ การขยายอาชีพ 5. สาระสําคัญ สรา้ งความม่นั คงบนพืน้ ฐานความรู้ในกระบวนการผลติ กระบวนการตลาด ที่ใช้นวตั กรรม เทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม มีความหลากหลายทางชวี ภาพ พฒั นาต่อยอดและประยุกต์ใช้ภมู ปิ ัญญา และสามารถ จดั ทําแผนงานและโครงการธุรกจิ เพื่อขยายอาชพี เขา้ สตู่ ลาดการแข่งขัน ตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเพ่ือสู่ความมน่ั คง 6. เนื้อหา 1. ความจําเปนในการฝกทักษะอาชีพ 2. ทักษะการใชนวตั กรรมและเทคโนโลยีเพ่ือการขยายอาชีพ 7. จุดประสงค์การเรียนร/ู้ ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั (ดจู ากผังการออกขอ้ สอบ) อธิบายทักษะท่เี กี่ยวของในกระบวนการผลิตและการตลาดท่ใี ชนวัตกรรม เทคโนโลยใี นการ ขยาย อาชพี ทต่ี ัดสินใจเลือก ๘. การบูรณาการกบั หลักแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2 เงอ่ื นไข 3 หลักการ การเชื่อมโยงสู่ 4 มติ ิ) ความรู้ - นักศึกษามีความรูเ้ รื่อง ความจาํ เปนในการฝกทกั ษะอาชีพ - นักศึกษามีความรูเ้ รื่อง ทักษะการใชนวตั กรรมและเทคโนโลยีเพ่อื การขยายอาชีพ ตาม หลกั ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอพียง คณุ ธรรม - มีความช่อื สัตยส์ ุจรติ ในการทาํ งาน - มคี วามสามัคคใี นหมู่คณะ - มีความขยนั อดทน พอประมาณ - รู้จกั การเลอื กใชส้ ื่อเทคโนโลยีให้เขา้ กบั อาชีพ - ใช้ทรพั ยากรกรอยา่ งคุ้มค่าและเกดิ ประโยชน์สงู สุด มีเหตผุ ล - ไดค้ วามรเู้ ก่ียวกับหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง มีภมู คิ ้มุ กนั - สามารถสรา้ งรายได้และสามารถเตรียมพร้อมรับสถานการณก์ ารเปลยี่ นแปลงทาง เศรษฐกจิ ได้

142 วัตถุ - รูจ้ ักเลือกใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการ - มที ักษะในการใช้อุปกรณ์เทคโลโลยี และการดูแลรกั ษา สังคม - มที กั ษะการอยู่ร่วมกันในกลุ่ม และทาํ งานรว่ มกับผู้อ่นื ได้อยา่ งมคี วามสขุ - ช่วยเหลือเก้อื กลู กัน - รรู้ ักสามัคคี สิง่ แวดล้อม - รจู้ กั การนําอาชีพมาวเิ คราะหแ์ ละวางแผนพฒั นาอาชพี ให้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ วฒั นธรรม - ตอ่ ยอดภมู ิปัญญาท้องถ่ินในการทาํ อาชพี สู่ชนรุ่นหลัง 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 1 กําหนดสภาพปัญหาการเรียนรู้ (O : Orientation) ครผู ู้สอนและนักศึกษาสนทนาแลกเปลี่ยนถึงปัญหาของชมุ ชน ผลกระทบดา้ นต่างๆที่มีใน ปจั จุบันว่าเปน็ อย่างไร ขั้นที่ 2 แสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 1. ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบกอ่ นเรยี นด้วย Google form เพื่อทดสอบความรเู้ บ้ืองต้น 2. ให้นกั ศึกษาศึกษาเรื่องฝึกทักษะเทคโนโลยีเพอ่ื การขยายอาชพี จากหนงั สอื เรยี นสาระ ความรพู้ ื้นฐาน รายวชิ าทักษะการขยายอาชพี ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย รหัส อช31002 3. ครใู ชส้ อื่ You Tube เร่ือง ฝกึ ทกั ษะเทคโนโลยีเพ่อื การขยายอาชีพ เพ่ืออธบิ ายความรู้ เพมิ่ เติมใหน้ กั ศึกษา ข้นั ท่ี 3 การปฏิบัตแิ ละการนําไปใช้ (I : Implementation) 1. ผเู้ รียนสามารถนําความรู้ และประสบการณ์หลงั จากการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 2. ผูเ้ รยี นสามารถแกไ้ ขปัญหา อปุ สรรคในการทํางานไดแ้ ต่ละครง้ั พร้อมสรุปจัดทํารายงาน รวบรวมเป็นแฟมู สะสมงาน ขน้ั ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1. ครแู ละผเู้ รยี นนาํ แฟูมสะสมผลงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏบิ ตั ิ สรปุ เป็นองค์ความรู้ เพ่อื ใช้เป็นแนวทาง กระบวนการปฏบิ ัติงาน 2. ครวู ัดผลประเมินผลผูเ้ รียนจากเกณฑว์ ัดผลประเมนิ ผล 3. ครูสามารถประเมินผลการเรยี นร้ขู องผู้เรยี น และผูเ้ รยี นสามารถประเมินความร้ภู ายใน กลมุ่ หรือของตนเองได้

143 10. สอื่ /แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 2. หนงั สือเรียน 3. ใบงาน 11. การวดั และประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล - แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื ของนักศึกษารายบคุ คล - ใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน 11.2 เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล. - ประเมนิ ผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานร่วมกบั ผ้อู ืน่ ของนักศกึ ษารายบุคคล - ผลจากการตรวจใบงาน - คะแนนแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น 11.3 เกณฑ์การวัดและการประเมินผล - แบบประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานรว่ มกบั ผู้อ่ืนของนักศึกษารายบุคคล ระดับดี พอใช้ และควรปรบั ปรงุ - ใบงานคะแนนเต็ม 10 คะแนน - แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน เกณฑผ์ า่ นและไม่ผ่าน กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................ ........................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื …………………………………………….ครูผูส้ อน (นายพงศกร อดุ มอริยทรัพย์) ครู กศน.ตําบล ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ าร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...... ลงชื่อ………………………………………………………ผ้อู นุมตั แิ ผน (นางปัทมาภรณ์ ศรีเนตร) ผอู้ ํานวยการ กศน.อาํ เภอจตรุ พักตรพมิ าน

144 บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ กศน.ตาบลหนองผือ คร้งั ท่ี 16 วนั /เดือน/ปีวันที่ 25 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ครูผูส้ อนนายพงศกร อุดมอริยทรัพย์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา 09.00-12.00 น. สาระความรู้พืน้ ฐาน รายวชิ า ทกั ษะการขยายอาชีพ รหัสวิชา อช3100๒ จํานวนนักศกึ ษาทงั้ หมด ............... คนเขา้ เรยี น…………………คน ไมเ่ ข้าเรียน……………………….คน 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้การประเมนิ โดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน พบวา่ คะแนนการทดสอบหลงั เรียน มากกวา่ ก่อนเรียนจานวน ........ คนคิดเป็นร้อยละ............ คะแนนการทดสอบหลงั เรยี น น้อยกว่าก่อนเรยี นจานวน ......... คนคดิ เปน็ ร้อยละ............ 2. เนือ้ หา/สาระ/รายวิชา ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... 4. ปัญหา/อปุ สรรคการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 5. แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอื่ .........................................................(ผบู้ นั ทกึ ) (นายพงศกร อดุ มอริยทรัพย์) ครู กศน.ตาบล วันท่.ี .........../................/.............. ความเห็น/ข้อเสนอของผู้บรหิ าร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ....................................................................... ลงชอื่ .................................................. (นางปทั มาภรณ์ ศรเี นตร) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอจตรุ พักตรพิมาน

145 แบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรยี น ให้นักศึกษาเลือกคาตอบขอ้ ท่ถี กู ทสี่ ดุ 1. ข้นั ตอนแรกของการเขียนโครงการ คือ ก. เหตุผล หลักการ ข. เปูาประสงค์ ค. ชือ่ โครงการ ง. วธิ ีดาํ เนนิ งาน 2. ขอ้ ใดคือขน้ั ตอนของการควบคุมการตรวจสอบการขยายอาชพี สู่ความม่ันคง ก. การควบคุม การตรวจสอบ การประเมนิ การรายงานผล ข. การรายงานผล การควบคุม การตรวจ สอบ การประเมนิ ค. การควบคุม การรายงานผล การตรวจ สอบ การประเมนิ ง. การควบคมุ การประเมิน การตรวจสอบ การรายงาน 3. องค์ประกอบของการพฒั นาอาชพี สคู่ วามม่นั คงไดแ้ กด่ ้านใดบา้ ง ก. ด้านตนเอง ดา้ นสังคม ด้านวชิ าการ ข. ด้านสินคา้ ดา้ นผู้ซ้อื ดา้ นผู้ขาย ค. ดา้ นธุรกจิ ดา้ นการประกอบอาชีพ ง. ด้านจิตใจ ด้านร่างกาย ดา้ นสตปิ ัญญา 4. คณุ ธรรมในการประกอบอาชพี คอื อะไร ก. ความขยนั ข. ความประหยดั ค. ความซือ่ สตั ย์ ง. ถกู ทุกขอ้ 5. ข้อใดคือปจั จัยร่วมท่สี ําคัญท่ีทําให้อตั ราการเส่ียงของผลผลิตลดลง ก. สรา้ งความเป็นกนั เองกับลกู คา้ ข. ผลิตสินค้าจํานวนจาํ กัด ค. ผลติ เฉพาะสนิ ค้าทีข่ ายดีเท่าน้นั ง. การสร้างความหลากหลา 6. ข้อใดคือองคป์ ระกอบทจ่ี ะพฒั นาไปสู่ความมนั่ คงยนื ยง ก. ลดความเสีย่ งผลผลติ ข. มุ่งมัน่ พฒั นาอาชพี ค. ยึดหลักคณุ ธรรม ง. ถกู ทกุ ขอ้

146 7. ผใู้ ดเปน็ ผู้กล่าวว่า “ เครือ่ งมือที่เยย่ี มท่ีสดุ ประดษิ ฐ์มาจากห้องปฏิบตั ิการ ผลติ ภัณฑ์ท่เี ยี่ยมที่สดุ มาจากฝาุ ย การตลาด ” ก. Mike H.William ข. Joe H.William ค. William H.Davidow ง. WillaimH.Window 8. ความต้องการของผบู้ ริโภค แบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญๆ่ คอื อะไรบ้าง ก. ความตอ้ งการความรัก และความต้องการความปลอดภัย ข. ความต้องการความพอใจ และความต้องการความอบอุ่น ค. ความต้องการด้านร่างกาย และความต้องการด้านอารมณ์ ง. ความต้องการ การยอมรับและความต้องการความพอใจ 9. หากตอ้ งการเปิดรา้ นขายข้าวแกงสาขาที่ 2 จะตอ้ งดาํ เนินกจิ กรรมตามขนั้ ตอนใด ก. เปิดร้านอาหาร จดั เตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ จดั บรกิ ารลูกค้า ข. เปิดรา้ นอาหาร จดั เตรียมอุปกรณ์ ศึกษาเก่ียวกบั เมนอู าหารใหม่ๆ ค. จัดหาทําเลท่ีต้งั เปดิ ร้านอาหาร จัดบรกิ ารลูกคา้ ง. ศึกษาเกีย่ วกบั เมนูอาหารใหมๆ่ จัดหาทาํ เลท่ตี ้ังเปิดรา้ นอาหาร 10. ปจั จยั ที่บง่ ชค้ี ุณภาพของการบรกิ าร ไดแ้ ก่ ก. นา่ เช่อื ถอื มีความรู้ มีความรับผิดชอบ ข. มีราคา มคี ณุ ภาพ เช่อื ถือได้ ค. มีเวลา มีประโยชน์ เชือ่ ถือได้ ง. มีสินคา้ มผี ้ซู ื้อ มีผขู้ าย เฉลย 1. ค 2. ก 3. ก 4. ง 5. ง 6. ง 7. ค 8. ค 9. ค 10. ก

147 ใบความรู้ ท่ี 1 QR Code เร่อื งที่ 1 ความจาเปน็ ในการฝกึ ทกั ษะอาชีพ

148 ใบความรู้ ที่ 2 QR Code เร่ืองท่ี 2 ทักษะการใชน้ วัตกรรมและเทคโนโลยีเพ่อื การขยายอาชพี ใบความรู้ แผนภูมิสามารถอธบิ ายได้ว่า ประสิทธภิ าพมีองค์ประกอบร่วมอย่างน้อย 3 องคป์ ระกอบ คือ (1) ความ ถูกต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ (2) มีความรวดเรว็ และ (3) สามารถลดต้นทนุ รายจ่ายได้ นอกจากนัน้ ในแต่ละ องคป์ ระกอบจะตอ้ งมีความสัมพันธต์ ่อกัน หากนาํ กรอบแนวคดิ น้ีมาอธิบายกบั ประสทิ ธภิ าพของนวัตกรรมหรือ เทคโนโลยี ประสิทธภิ าพของนวตั กรรม เทคโนโลยีการประกอบอาชพี ขน้ึ อยกู่ ับองคป์ ระกอบ ดังน้ี 1. ความสามารถทํางานได้ ถูกต้องตามวตั ถุประสงค์และมีของเสยี น้อย 2. ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย 3. ทาํ งานได้รวดเรว็

149 ประเมินการทํางานให้ถกู ต้องตามวัตถุประสงค์ของเทคโนโลยี การประเมนิ ความสามารถทาํ งานไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ ของนวัตกรรม เทคโนโลยี ผู้เรยี นตอ้ งคิดลักษณะบ่งชี้ความสาํ เร็จ และตวั ช้วี ดั ความสาํ เรจ็ ดว้ ยตนเอง ดังตวั อยา่ งน้ี

150 ประเมนิ ความประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย เปน็ การประเมินเทยี บเคียงระหวา่ งนวตั กรรมเทคโนโลยีอนั ใหม่ทจ่ี ะนาํ เข้ามาใช้ เทียบเคยี งกับนวตั กรรม เทคโนโลยเี ก่า โดยมีตัวแปรการประเมินประกอบการ 1 ราคานวัตกรรม เทคโนโลยีตอ้ งจา่ ย เท่าไร 2 ค่าใชจ้ า่ ยระหวา่ งการใชเ้ ท่าไร 3 ลดรายจา่ ยจากเดมิ เทา่ ไร ประเมินความรวดเร็ว เปน็ การประเมินเทยี บเคยี งหรือเปรียบเทียบระหวา่ งการใชเ้ วลาทาํ งานจากนวัตกรรมเทคโนโลยีทจ่ี ะนําเข้ากบั นวตั กรรม เทคโนโลยีท่ีใชอ้ ยูเ่ ดมิ ดงั ตัวอย่างการพรวนดนิ การใชแ้ รงงานคนกบั เคร่ืองจกั รกลขนาดเลก็ พบว่า เครอ่ื งจักรกลขนาดเล็กพรวนดิน ใช้เวลาเพียง 3 ชวั่ โมง แตแ่ รงงานคนจะต้องใช้เวลาถงึ 6 ชว่ั โมง ตอ้ งพบกับความ ยงุ่ ยากในการจัดการคนให้ทาํ งานไปตามเปูาหมาย สรุป การตัดสินใจนํานวตั กรรม เทคโนโลยีเข้ามาใชป้ ระกอบอาชีพ จําเป็นต้องประเมินให้มองเห็นเหตุผลการนําเข้ามา ความคุ้มคา่ และศกั ยภาพในการเปน็ ภมู คิ ุ้มกันใหอ้ าชีพม่ันคงย่งั ยนื จึงต้องมกี ารประเมินด้วยองค์ประกอบทั้ง 3 ดา้ น และตัวแปรรว่ มต่าง ๆ จงึ มีความจาํ เป็นทจี่ ะต้องแสวงหาความรขู้ อ้ มูลใหม้ ากพอท่จี ะใชป้ ระเมินตัดสินใจ ดงั นั้น การ ประเมนิ ประสทิ ธิภาพนวตั กรรม เทคโนโลยีจงึ เป็นส่วนหน่ึงของการทํางานบนฐานความรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook