บาซันฏียสําราญและเพลิดเพลินใจอยูกับความเพอฝน ซึ่งขณะนี้เขามองเห็นประหน่ึงวา โลกท้ังโลกนน้ั อยใู ตฝา เทา ของเขาแลว ทันใดน้ันทานอมิ าม ไดเอยขน้ึ ในขณะทท่ี า นเทาแขนเพอื่ ท่ีจะลกุ ขนึ้ ยนื วา “โออ ะฮมัด !!” บาซันฏียซึ่งกําลังลองลอยไปกับความคิดถึงกับสะดุงและตื่นจากความฝน ทานอิมามจึง กลาววา “ทุกส่ิงทุกอยางที่เกิดข้ึนกับทานในค่ําคืนน้ี จงอยาใหมันเปนสาเหตุแหงความภาคภูมิใจ จนเกดิ การหย่งิ ทรนงตอบคุ คลอื่นอยางเด็ดขาด เพราะในอดีตที่ผานมา เม่ือซออะฮ บุตรของ ซูฮาน (หนึ่งจากผูชวยเหลือที่ยิ่งใหญของอิมามอะลี) ปวยหนัก ทานอิมามอะลีไดไปเยี่ยมเขาและแสดง ความมีเมตตา และไมตรีจิตรตอเขาโดยการเอาฝา มือของทานวาง และลูบไลบ นหนาผากและศีรษะ ของเขา และกอนอําลากลับทานอิมามอะลีไดกลาวกับเขาวา ”การแสดงออกของฉันที่มีใดๆ ตอเจา นี้มิไดเปนส่ิงพิเศษอันใดเลย ฉันทําสิ่งน้ีก็เพราะเปนหนาที่ที่ฉันจะตองกระทํา และผูใดก็ตามจง อยาไดยึดถือวา ส่ิงที่ไดรับจากการกระทําเชนนี้ คือสาเหตุแหงความดีเลิศของตนเองอยางเด็ดขาด มันมิใชเ ชนน้ันหรอก (เพือ่ มิไหน าํ ไปสูความทรนงตน) (41) 38….เมื่ออะกลี เปนแขกของทา นอมิ ามอะลี ในสมัยท่ีทานอิมามอะลีดํารงตําเหนงผูนําของอาณาจักรอิสลาม อะกีลไดเดินทางมายัง เมืองกูฟะฮซ่ึงเปนเมืองหลวงในขณะนั้น และเปนแขกของทานอิมามอะลีนองชายของเขา เม่ือไป ถึงอิมามอะลีไดกลาวกับลูกชายคนโตของทาน (อิมามฮาซัน) วา ใหนําเสื้อคลุมมามอบใหลุงเพ่ือ เปนของขวัญ อิมามฮาซันจึงนําเสื้อคลุมซ่ึงเปนสมบัติของทานเองมอบแกลุงของทาน เม่ือถึงเวลา พลบค่ํา ดวยเหตุท่ีอากาศรอนอบอาวทั้งสองจึงข้ึนไปน่ังสนทนากันบนดาดฟาของบานพัก จนกระทั่งเวลาอาหารคํ่ามาถึง ในฐานะที่เปนแขกของผูนําแหงมวลมุสลิม เปนธรรมดาอยูเองที่เขา จะตองนึกถึงอาหารท่ีหลากหลายสีสัน แตแลวเหตุการณก็ผิดไปจากที่เขาคาดหวังไว อาหารท่ีถูก จัดข้ึนเปนเพียงอาหารธรรมดาไมมีอะไรพิเศษเลยแมแตนอย เขาจึงถามอิมามอะลีผูเปนนองชาย ดวยความฉงนวา “นค่ี ืออาหารทง้ั หมดท่ีมหี รอื ” อิมามอะลี : “แลว น่ีไมใ ชค วามโปรดปรานของพระผเู ปน เจา ดอกหรือ ตัวฉันเองยังขอบคุณตอ พระองคอ ยเู สมอถึงความโปรดปรานอนั มากมายน้”ี อะกลี : “เม่ือเปนเชน นั้นฉัน จะตอ งรบี บอกถึงเปา หมายท่ีฉนั มาเปนแขกของเจาเสียเลยดีกวา เพราะฉนั จะไดรีบกลับไปบาน เพ่ือเจาจะไดไมตองลําบากมากนัก เรื่องมีอยูวา ฉันตกตกอยูภายใต ภาวะท่ีมีหนี้สินมากมาย จึงอยากขอใหเจาชวยสั่งใหคนไปจายหนี้ใหแกฉันโดยเร็วดวยเถิด (ดวย ยจากอํานาจที่เจามีอยู) และจากนั้นถาอยากจะชวยเหลือพ่ีชายของเจาอีกสักเล็กนอย ก็ตามแตใจ จะปรารถนา” อมิ าม อะลี : “ทา นมีหน้ีสนิ อยเู ทาไหรห รอื ” อะกลี : “หนึง่ แสนดิรฮัม” 50
อิมาม อะลี : “หน่ึงแสนดิรฮัม ทําไมถึงมากมายขนาดน้ัน ฉันเสียใจจริงๆ พี่ชายเอย ฉันไมมี ทรัพยส ินมากมาย ขนาดท่จี ะจา ยหนสี้ นิ ใหท า นไดหรอก แตอยางไรก็ตาม อีกไมนานเม่ือถึงเวลาฉัน ไดรับเงินคาตอบแทน ฉันจะนําเอาไปใหแกทาน เพ่ือใหทานผอนคลายหนี้สินลงไปไดบาง และ มาตรวาครอบครัวของฉันไมมีรายจายเลยละก็ ฉันจะยกเงินคาตอบแทนสวนท่ีเปนของฉันใหทาน ทงั้ หมดเลยโดยไมเหลอื ไว” อะกีล : “อะไรกัน เจาจะใหฉันคอยจนถึงเวลาจายเงินเดือนกระนั้นหรือ ในขณะท่ีทรัพยสิน ของคลังกลางอยูในมือของเจา แลวบอกใหฉันคอยจนกวาจะแบงเงินคาตอบแทนของเจาใหแก ฉัน… เจาสามารถท่ีจะใชจายเงินจากคลังกลางเทาใดก็ไดที่ปรารถนา แลวทําไมตองปลอยใหถึง เวลารับเงินคาตอบแทนเลา ขอถามเจาวาเงินคาตอบแทนของเจามีสักเทาไหรหรือ สมมุติวาเจายก ใหแ กฉ นั ท้ังหมด เงินจาํ นวนน้ันจะชวยเหลือฉนั ไดม ากนอยเพียงใดกัน” อิมาม อะลี : “ฉันแปลกใจกับคําแนะนําของทานมาก เงินกองคลังกลางจะมีหรือไมมี มัน เกี่ยวของอะไรกับเราสองคนหรือ ฉันกับทานก็เปนประชาชนธรรมดาที่ไมมีความแตกตางอะไรไป จากประชาชนคนอื่นๆ เลย ใชแลวในความเปนจริงทานคือพ่ีชายของฉัน และฉันจําเปนที่จะตอง ชวยเหลอื ทานเทาท่สี ามารถจะชว ยได แตตองจากเงินทองของฉนั ไมใชเ งนิ ของคลงั กลาง“ ถอยคําในการตอบโตระหวางท้ังสอง ดําเนินตอไปจนกระทั่งอะกีลไดขอใหทานอะลีอนุญาต ใหคนจายเงนิ ของคลงั กลาง จายเงินแกเขาในจาํ นวนทีเ่ พียงพอ เพ่ือจะไดนําไปชาํ ระหนีส้ ิน สถานที่ซึ่งท้ังสองน่ังคุยกันอยูนั้น สามารถมองเห็นตลาดภายในเมืองกูฟะฮไดอยางชัดเจน และภายในตลาดมีตูนิรภยั สาํ หรบั เกบ็ ทรพั ยสนิ เงินทองของเหลาพอคา วางอยู ในขณะทอ่ี ะกีลยงั คง ยืนยันรองขออยางเดิมอยูน้ัน ทานอะลีจึงกลาวกับอะกีลวา “ถาหากทานยังไมยุติความคิดเชนน้ัน และไมยอมรับฟงเหตุผลจากฉัน ดังนั้นฉันจะแนะนําใหทานปฏิบัติอะไรสักอยางหนึ่ง ซ่ึงถาทานทํา สําเรจ็ ทานสามารถทจ่ี ะชาํ ระหน้ีสนิ ไดห มดสนิ้ อยางแนน อน และอาจจะยังเหลือเงนิ อกี มากมาย” อะกลี : “กระทาํ สง่ิ ใดหรอื ” อิมามอะลี : “จงมองลงไปที่ตลาดขางลางน้ัน ทานจะเห็นวามีตูเก็บเงินอยูมากมาย ฉะน้ัน เมือ่ ตกดึกปราศจากผูคนอยูใ นตลาด จงลงไปแลวทาํ ลายตนู ้นั เสยี จากนั้นทา นตอ งการทรพั ยสินสัก เทา ไหรกจ็ งหยบิ เอาตามใจปรารถนา” อะกีล : “ตเู ก็บเงินของใครกนั ” อิมามอะลี : “ของพอ คาประชาชน ซ่งึ ไดเ กบ็ รักษาเงินทองเอาไวในตูน ัน้ ” อะกีล : “โอ ไฉนเจาจึงแนะนําฉันใหทําลายตูทรัพยสินของประชาชน ซึ่งพวกเขาอุตสาหะใน การทํามาหากินกวาจะไดเงินมา แลวนํามาเก็บรักษาไวในตูน้ี แสดงวาเจาจะใหฉันไปขโมยมันมา หรือ” อิมามอะลี : “ฉะนั้นที่ทานแนะนําใหฉันเปดคลังกลางของบรรดาประชาชน เอาทรัพยสิน มอบใหแกทาน แลวน่ันคือทรัพยสินของใครกันละ น่ีก็เปนทรัพยสมบัติของประชาชนเชนเดียวกัน 51
ประชาชนซ่ึงพวกเขากําลังนอนหลับอยางสบาย โดยไมรูอิโหนอิเหนภายในบานของพวกเขาขณะนี้ ยงั ไงละ หรอื จะใหฉันแนะนาํ ทา นอกี สกั อยา งหนงึ่ ถาทานตอ งการ” อะกีล : “แนะนําอะไรกันอีกละ” อิมามอะลี : “ถาทานพรอมแลวก็จงหยิบดาบของทานข้ึนมา ฉันก็จะหยิบดาบของฉัน เชนเดียวกัน ใกลๆ เมืองกูฟะฮมีเมืองเกาแกอยูเมืองหนึ่งช่ือ ฮีเราะฮ ท่ีน่ันมีผูทําธุรกิจการคาที่ ร่ํารวยหลายคน เราท้ังสองเขาไปแลวปลนพอคาสักคนหน่ึงจากพวกเขาเหลาน้ัน และฉวยเอาเงิน ทองอนั มากมายนัน้ มาเสยี บา ง” อะกลี : “โอนองชายของฉันเอย ฉันมิไดม าทน่ี ่ี เพอื่ ท่จี ะขโมยทรัพยข องผูคน ดงั ที่ทานแนะนํา เลย ฉันเพียงแคบอกเจา วา ขอใหอนญุ าติใหจายเงินจากคลังกลางใหฉันสักเล็กนอย เพื่อที่ฉันจะได นาํ ไปชาํ ระหนี้สิน” อิมามอะลี : “ไมเปนการดีกวาหรือ ท่ีจะขโมยทรัพยสินจากคนเพียงคนเดียว กับการท่ีจะ ขโมยทรัพยสินของบรรดาประชาชนท้ังมวล หมายถึงทรัพยสินที่เปนของประชาชนทุกคน เปนไปได อยางไรที่เราเอาเงินของคนๆ หน่ึงดวยคมดาบเปนการขโมย ในขณะที่ฉกฉวยเอาเงินของผูคน ทั้งหมดไมใ ชการขโมย ทานคดิ หรือวาการขโมยนน้ั หมายถงึ การที่บุคคลหนึ่งทาํ รายอีกคนหนึ่ง และ แยงชิงเอาทรัพยสินของเขาผูนั้นไป การขโมยที่รายแรงท่ีสุดจากการขโมยประเภทตางๆ ก็คือส่ิงท่ี ทา นไดแ นะนําใหฉ นั กระทาํ ขณะนนี้ น่ั เอง” (42) 39… ความฝน ท่นี าสะพึง เขารูสกึ กังวลใจและรอ นรุมเปน อยางยงิ่ กับความฝนที่เขาฝนเห็น ทุกคร้ังเม่ือตีความหมาย ออกมาทําใหเขารูสึกหวาดผวาตอสิ่งนั้น เขาจึงเขาพบทานอิมามซอดิก ดวยความกังวลใจยิ่ง และ เลาความฝนของเขาใหทานอิมามซอดิกฟงวา “ฉันฝนวา ฉันเห็นเหมือนกับมีเงามืดที่มองเห็นอยาง เลอื นรางคลา ยคนควบมาเขา มา ในมอื ของเขามีดาบคมกรบิ พรอ มกบั กวัดแกวง ไปมาในอากาศเม่ือ ต่นื ขึน้ ฉันหวาดกลวั และตกใจมาก จงึ อยากใหทา นอมิ ามโปรดแกฝน นี้วา หมายถงึ สิง่ ใด” ทานอิมาม : “แนนอนจะตองมีชายผูหนึ่งที่ทานรูจัก และเขามีทรัพยสมบัติอยู เพราะทานมี ความคิดท่ไี มดตี อ เขา คือทานตองการทีจ่ ะยึดเอาสมบัติของเขามา โดยวิธีการตางๆ ที่ทานสามารถ จะกระทําได ขอใหทานจงเกรงกลัวตอพระเจา ซึ่งสรางทานมาและจะเรียกเจากลับคืนพระองค เม่ือใดก็ได จงเกรงกลวั พระองค และลมเลิกความคิดนนั้ เสียเดีย่ วนี้” ชายผูนั้น : “สัจธรรมแหงผูรูท่ีแทจริงคือทาน และทานไดรับความรูมาจากสัจธรรมนั้น ฉัน ขอสารภาพวา ฉันมีความคิดเชนน้ันจริงๆ คือเพื่อนบานของฉัน มีไรอยูแปลงหน่ึง และเขามีความ รอนรนท่ีจะใชเงินอยางมาก จึงตองการที่จะขายท่ีแปลงนั้น ซึ่งไมมีใครซื้อไดนอกจากฉัน ทุกวันฉัน เฝาคดิ หาหนทางวา จะทาํ อยา งไร ทจ่ี ะเปนเจา ของที่แปลงนนั้ ดวยจํานวนเงนิ ท่ีนอยทส่ี ุด” (43) 52
40… ณ. ทพี่ ํานกั ของบนีสะอีดะห ในคํ่าคืนหนึ่งขณะที่มีฝนตกเล็กนอย และอากาศชื้น อิมามซอดิก ไดใชความเงียบสงบดึก สงัด และคํ่าคืนที่มืดมิด ออกมาจากบานของทานมุงสูซอลละห บะนี สะอีดะฮเพียงผูเดียว โดย ไมไดบอกกลาวแกผูใดเลย ขณะน้ันมุอัลลา บุตรของคานีสสาวกผูหนึ่งของทานอิมาม ไดเฝามอง การเดินออกไปจากบานของทานอิมามอยูหางๆ และรําพึงกับตนเองวา “ฉันจะยอมใหทานอิมามอ อกไปขางนอกโดยลําพังผูเดียว ในยามดึกด่ืนเชนน้ีไดอยางไรกัน เขาจึงออกเดินตามทานอิมามไป หางๆ เพียงเห็นเงามืดของทานอิมามเทานั้นเอง ในขณะท่ีเขาเดินสังเกตการณตามทานอยู ทันใด นั้นเอง เขามองเห็นเหมือนกับมีส่ิงหนึ่งตกลงมาจากบาของทานอิมามลงสูพ้ืนดิน และไดยินเสียง ทานอิมามพูดวา “โอพระองค จงคืนส่ิงนี้แกเราดวยเถิด” มุอัลลาจึงรีบเขาไปหาทานอิมมาม และ กลา วสลาม เม่ือทา นอมิ ามไดย ินเสยี งมอุ ลั ลา ทา นจําไดจงึ ถามขึน้ วา “เจาคอื มุอลั ลาใชม้ยั ” มอุ ลั ลา : “ใชขอรับทา นอมิ าม “ หลังจากท่ีเขาตอบทานอิมามแลว เขาไดเพงมองไปยังสิ่งของที่ตกลงบนพ้ืนและหกกอง กระจัดกระจายอยูทั่วพ้ืน เขาจงึ เหน็ วา มันคือขนมปง จํานวนหนง่ึ ทานอมิ าม : “เก็บรวบรวมมันจากพื้นใหฉันหนอ ย” มุอัลลารีบเก็บขนมปงท่ีกองอยูบนพ้ืนรวบรวม แลวก็สงใหทานอิมาม ซ่ึงเม่ือเก็บรวมแลวก็ เต็มถงุ หนังใบใหญใบหนึ่ง ทคี่ นเพียงคนเดยี วจะยกมนั ดวยความลาํ บากพอสมควร เพื่อข้ึนบนบา มอุ ัลลา : “ขออนุญาติใหฉันไดแ บกมนั เองเถิด” ทานอิมาม : “ไมตอ งหรอก ฉันมีความเหมาะสมกวา เจา ท่จี ะกระทําสงิ่ นั้น “ ทานอิมามจึงยกถุงหนังใสขนมปงขึ้นบา และเดินตอไปพรอมดวยมุอัลลา จนถึงซอลละห บนี สะอีดะฮ ท่ีนั่นคือท่ีพํานักของผูยากไรและขัดสน และที่นั่นคือที่พํานักของผูที่ไมมีที่พักอาศัย ทั้งหมดกําลังหลับสนิท ไมมีใครต่ืนอยูเลยแมเพียงคนเดียว ทานอิมามจึงแจกจายขนมปงโดยสอด เอาไวใ ตเสอื้ ของแตล ะคนจนครบ มุอัลลา : “พวกเขาท้ังหมดเปนชีอะฮ และยอมรับการเปนอิมามของทานหรือ ทานถึง ลําบากเอาขนมปงมาใหพ วกเขาในคา่ํ ดนื่ เชนนี”้ อิมาม : “ไมหรอก พวกเขาไมมีความเช่ือตอความเปนผูนํา (ของฉัน) หรอก มาตรวาพวก เขามคี วามเชื่อตอ เร่ืองผูนาํ ฉันจะนาํ เกลือมาใหพวกเขาดวย (44) 41… สลามของพวกยาฮดู ีย วันหน่ึงขณะที่ทานหญิงอาอิชะฮภรรยาของทานศาสดา กําลังน่ังอยูกับทานศาสดา ขณะนั้นมีชายชาวยิวผูหนึ่งเขามาหา และกลาวทักทายแสดงความสันติแกทานศาสดา ดวยคําวา “อัซาม อะลยั กุม” ซ่ึงหมายถึง ความตายจงมีแกทาน ตอมาอีกช่ัวครู อีกคนหน่ึงตามเขามาอีก และ กลาวแกทานศาสดาเชนเดียวกับคนแรก แนนอนมันไมใชเร่ืองบังเอิญ แตมันคือแผนการท่ีจะกล่ัน 53
แกลงทานศาสดา ดวยถอยคําดังกลาว จึงเปนเหตุใหทานหญิงอาอิชะฮมีความโกรธอยางมาก ทา นถงึ กบั ตะโกนใสห นาพวกเขาวา ”ความตายจงมีแกพ วกเจา นั่นแหละ” ทานศาสดาจึงกลาววา “โอ อาอิชะฮ จงอยาไดใชถอยคําท่ีไมสุภาพ เพราะถอยคําที่หยาบ และไมสุภาพนั้น ถามันกอตัวข้ึนเปนรูปรางแลว มันก็จะเปนรูปแบบที่นาเกลียดท่ีสุด ความนอบ นอมและความอดทนนั้น มาตรวามันไดถูกวางอยูในทุกๆ สิ่งแลว สิ่งนั้นก็จะเปนสิ่งที่สวยงาม และ ถาความออนโยนน้ี ถูกยกออกไปจากส่ิงใดก็ตามความสวยงามของส่ิงน้ัน ก็จะถูกลบเลือนไป ในทนั ที ไฉนเจา จึงโมโหและโกรธเคอื งละ” อาอิชะฮ : ”โอทานศาสดา ทานมิไดยินดอกหรือวา พวกเขาหยาบคายและยโสโอหัง เพียงใดทีไ่ ดก ลาวแทนคาํ ทักทายวาอยา งไร” ทานศาสดา : ”ไดยินซิ ทําไมจะไมไดยิน ฉันก็ไดตอบแกพวกเขาไปแลวเชนกันวา อะลัย กมุ (บนทา นดว ยเชน กนั ) แคนกี้ ็เปนการเพียงพอแลว ” (45) 42… จดหมายฉบับหน่ึงทีส่ งมายงั อบซู ัร ฆฟิ ฟารี อบูซัรไดรับจดหมายฉบับหน่ึง เม่ือเปดอานดูจึงรูวาถูกสงมาจากแดนไกล บุคคลผูหน่ึงได เขียนจดหมายมาขอคําตักเตือนท่ีครอบคลุมเน้ือหาอยางกวางๆ ซึ่งบุคคลน้ีรูจักอบูซัรดีวาเปนที่รัก และเอ้ืออาทรของทานศาสดา ซึ่งทานนิยมยกยองเขาอยางมากมาย พรอมกับสอนวิทยปญญาให อยูเสมอ อบูซัรไดตอบจดหมายเปนประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว ซ่ึงมีใจความวา จงอยาปฏิบัติสิ่งท่ี ไมดี และจงอยาเปนศัตรูกับคนท่ีเจารักมากที่สุดในหมูประชาชนท้ังหลาย เขาปดผนึกจดหมาย แลวสงกลับไปยังผูที่ขอคําตักเตือนมา ตอมาไมนาน เม่ือผูน้ันไดรับจดหมายที่ตอบกลับมาของอบู ซัร และหลังจากอานจดหมายน้ันแลวเขาไมเขาใจเลย วาหมายความวาอยางไร เขาครุนคิดและ ถามตัวเองวา ”นี่คืออะไร “ อบูซัรตองการบอกอะไรแกฉันหรือ จงอยาปฏิบัติส่ิงที่ไมดี และจงอยา เปน ศตั รกู ับคนท่ีเจารักมากที่สุดในหมูประชาชนทั้งหลาย มันหมายถึงส่ิงใดกัน เปนที่รูๆ กันอยูแลว ในส่ิงน้ี ไมตองบอกก็รูวาตองทําดีกับคนที่เรารัก จะเปนไปไดหรือ ท่ีมนุษยคนหนึ่งมีผูเปนที่รักย่ิง ของเขา (หรือคนที่รักท่ีสุดในบรรดาคนที่เขารักท้ังหมด) แลวมนุษยคนนั้น จะปฏิบัติไมดีหรือเปน ศัตรูกับผูเปนที่รักยิ่งของเขา เปนไปไมไดอยางแนนอน และอบูซัรก็เปนเสมือนลุกมานของ ประชาชาติ และเปนผูท่ีมีสติปญญาท่ีเฉลียวฉลาดเฉียบแหลม เขาจึงไมมีทางเลือกอื่นใดอีก นอกจากตอ งถามกลบั ไปยังอบูซรั และขอคาํ อธิบายจากตวั เขาเอง เขาจึงเขียนจดหมายไปหาอบูซัร อีกคร้ังหนึ่ง เพื่อขอความกระจางจากคําพูดประโยคนั้น อบูซัรจึงตอบกลับไปวา “ความหมายของ ฉันก็คือ ผูท่ีเปนท่ีรักยิ่งของเจาในหมูผูคน ก็คือตัวของเจาเอง มิไดหมายถึงบุคคลอื่นใด เพราะเจา รักตัวของเจาเอง ยิ่งกวาบุคคลอื่นแนนอนท่ีสุด ท่ีฉันบอกวาจงอยาเปนศัตรูกับคนท่ีเจารักมากที่สุด กวาทุกคน หมายถึงจงอยาแสดงกิริยาที่เปนปรปกษกับตนเอง หรือเจาไมรูวาทุกการกระทําบาป 54
และขัดขืนคําสั่งของพระองคนั้น มันจะเปนภัยอันตรายตอตัวเจาเองโดยตรง และภัยอันตราย เหลานั้นจะตกอยกู ับตัวเจา เอง” (46) 43… สินจา งท่ไี มไดกําหนดราคา วันหนึ่งท่ีสุไลมานบุตรของญะอฟร ญะอฟารีและอิมามริฎอ มีกิจธุระรวมกันอยูนอกเคหะ สถาน จนกระทั่งตะวันใกลจะลับขอบฟา สุไลมานจึงขอตัวเพื่อกลับไปบานของเขา แตทานอิ มามริฎอ ไดกลาวเเกเขาวา ”จะเปนการดีกวามาตรวาทานจะไปยังบานของฉัน และคางคืนท่ีนั่น เพ่อื ปรึกษาหารือกนั ” สุไลมานจึงนอมรับคําเชิญน้ัน เม่ือเขาไปในบริเวณบาน ทานอิมามเห็นคนรับ ใชของทานกําลังสาละวนอยูกับการเพราะปลูกดอกไม และทานเหลือบไปเห็นชายแปลกหนาคน หนง่ึ กําลงั ชว ยปลกู ดอกไมอยดู ว ยอยา งขมกั เขมน ทา นอมิ าม จึงถามวา ”น่นั ใครกนั บรรดาคนใช : วันนเ้ี ราไดจ า งเขามาเองเพอื่ ใหชว ยทาํ งานกับเรา” อิมาม : “กด็ ี แลวพวกเจา กําหนดคาจา งของเขาเทา ไหร” บรรดาคนใช : “เรามิไดกําหนดคาจางเอาไว แตอยางไรก็ตาม เราจะใหคาตอบแทนแกเขา และจะทําใหเขาพอใจตอส่งิ นั้นในทส่ี ดุ ” อมิ ามแสดงสหี นา บง บอกถึงความไมพ อใจตอพวกเขาอยา งมาก จากน้นั จึงหนั ไปทางคนใช เหลาน้ัน และตําหนิการกระทําของพวกเขาอยางมาก พรอมกับการแนะนําส่ังสอน สุไลมานไดเขา มาหาทานอิมาม แลว พูดข้นึ วา “ไฉนทานจึงตอ งไมพอใจดวยเลา อมิ าม : “ฉันเคยบอกพวกเขาหลายครั้งแลววา ถาไมไดก ําหนดคาจางไวใหชัดเจน ก็จงอยา จางใครมาทํางาน ประการแรกคือกําหนดคาจางใหแกเขากอน แลวใหเขาทํางานเพราะถาเรา ปฏิบัติเชานั้น (กําหนดคาจาง) เมื่อเสร็จส้ินจากการงาน นอกจากคาแรงงานที่เราจายใหเขาแลว เราอาจจะเพ่ิมใหเขาอีกนอกเหนือจากคาแรงท่ีกําหนด เขาก็จะขอบคุณ และมีความรักตอนายจาง เพราะใหเงินเขา มากกวาท่ีเรากําหนดเอาไวแตตน ความรักระหวางเรากับเขาจะมีมากขึ้น หรือ เพียงแตเราใหคาแรงเขา ตามท่ีกําหนดเอาไว เขาก็พึงพอใจอยูแลว แตตรงกันขาม ถาหากเราไมได กําหนดคาแรงเอาไวตั้งแตตนแลวไซร็ ก็ใหเขาทํางาน จนเม่ือเสร็จส้ินจากงานแลว เราจึงยื่นใหเขา เทาที่เราตองการ ถึงแมวาเปนจํานวนมากก็ตาม เรารูหรือวาเขาจะพึงพอใจ และมีความรักตอเรา บางทีเขาอาจจะคิดวา เรานั้นใหคาแรงแกเขานอยมาก (เพราะไมไดกําหนดเอาไวกอนลงมือ ทํางาน) (47) 44… บา วหรือนาย (ถอ ยคาํ อนั ศักด์ิสิทธิ ประหนึง่ มนตสกด) เสียงสังสรรเฮฮาดังล่ันออกมาจากบานหลังหน่ึง ซ่ึงไมวาใครก็ตาม ท่ีเดินผานหนาบานหลัง น้ัน ก็จะรูไดทันทีวาเกิดอะไรขี้น เพระวาเครื่องดองของเมาถูกนํามาดื่มกินกันอยางสนุกสนามเปน นิจสิน คนทําความสะอาดเดินออกมาจากบานหลังนั้น เพ่ือทิ้งขยะนอกบาน ขณะนั้นเองมีชายผู 55
หน่ึง ซ่ึงใบหนาของเขาบงบอกถึงการเปนผูปฏิบัติคุณธรรมความดีอยางมากมาย กับรองรอยแหง การกมกราบอันยาวนานปรากฏบนหนาผากปรากฏใหเห็น เขาเดินผานมาทางน้ัน และถามคนรับ ใชผนู ั้นวา “เจาของบานหลงั น้ีเปนบาวหรือเปน นาย” คนรับใช : “เปน นายครับ” ชายผูน้ัน : “แนนอนทีเดียว เขาตองเปนนายแน ถาเขาเปนบาวละก็ เขาจะตองมีความเกรง กลัวตอ นายที่แทจ รงิ ของเขาบาง และเขาจะไมจดั เตรยี มสิ่งตอ งหามมาบรโิ ภคเชนนี้แนน อน” การสนทนาพดู จากนั ระหวางคนรับใชกับชายผูนั้น เปนไปอยางยาวนานพอสมควร จนเปน เหตุใหเมื่อคนรับใชกลับเขาไปในบาน จึงถูกนายสอบถามวา “ไฉนจึงลาชานัก” คนรับใชจึงเลา เรือ่ งราวใหฟงโดยละเอียด ตัง้ แตบุคลิกภาพของชายแปลกหนา ตลอดจนถอยคําสนทนาท่ีไดพูดจา กันโดยเฉพาะประโยคที่วา “เขาตองเปนนายแนนอน” เพราะถาเปนบาวก็จะตองเกรงกลัวนายที่ แทจริงเมื่อไดรับฟงเร่ืองราวจากปากคําของคนรับใช ทําใหเขาครุนคิดอยูครูหนึ่ง และคําพูดที่วา “ถาเขาเปนบาวเขาจะเกรงกลัวตอนายผูมีเอกสิทธิทุกๆ อยางเหนือเขา” มันเปรียบเสมือนคมมีดที่ กรีดลงบนหัวใจ จากน้ันเขาจึงลุกขึ้นจากท่ีนั่งอยางฉับพลัน วิ่งออกจากบานไปโดยท่ีไมทันไดสวม รองเทาเขาพยายามตามหาเจาของคําพูดน้ัน เขาวิ่งตอไปจนกระท่ังพบกับเจาของคําพูดน้ัน ซ่ึงก็ มิใชใครอ่ืน นอกจากทานอิมามมูซา บุตรของญะอะฟรนั่นเอง (อิมามที่เจ็ด) เขาเขาไปฉวยมือทาน ไวแ นน และสารภาพความผดิ พรอ มกับขออภยั โทษตอ พระผูเปนเจาทันทตี อทานอิมาม ประวัติศาสตรไดบันทึกเรื่องราวของชายผูซ่ึงว่ิงตามหาอิมามมูซาเพื่อสารภาพผิด และขอ อภัยโทษในวันน้ัน ที่เขาวิ่งมาดวยเทาเปลา และนับจากวันน้ันเขาจึงเปนท่ีรูจักกันในนาม “บาชัร บุตรของฮาริษ บุตรของอับดุรเราะฮมาน มัรวาซีย” หรือภายใตสมญานามท่ีวา “อัลฮาฟย” ซึ่ง แปลวา “เทา เปลา ” และทุกคนเรียกเขาวา บาชัร ฮาฟย จนกระท่ังนาทีสุดทายท่ีเขามีชีวิตอยู เขาได ปฏิบัติตามคําสัญญาที่ใหไวกับทานอิมาม โดยเขาไมกระทําบาปอีกเลย แมวาในอดีตเขาจะอยูใน จําพวกคนท่ีใชจายฟุมเฟอยสุรุยสุราย (ในฐานะบุตรของมหาเศรษฐี) แตหลังจากท่ีพบกับทานอิ มาม และกลับเนื้อกลับตัว เขาจึงไดอยูในแถวของบรรดาผูท่ีมีความยําเกรงและมีความศรัทธามั่น ตอ พระผเู ปน เจาตลอดอายขุ ยั ของเขา (48) 45… ณ มกี อต มาลิก บุตรของอะนัส เปนนักวิชาการศาสนาท่ีมีช่ือเสียงผูหน่ึงในเมืองมะดีนะฮ (49) ในป หนึ่งเขาไดเดินทางติดตามทานอิมามซอดิกไปทําพิธีฮัจญ เมื่อไปถึง ณ มีกอต และเมื่อถึงเวลาที่ ตองสวมเสื้อชุดประกอบพิธีฮัจญ (ผาขาวสองผืน ไมมีรองรอยตัดเย็บ ใชหมและนุงอยางละหนึ่ง ผนื ) และกลา วตลั บหี หมายถงึ หารกลาวท่ีเปน ทร่ี ูจ กั กนั ดี คอื “ลบั บัยกล้ั ลอฮฮมุ มะลับบัยก” เม่ือทุก คนกลาวประโยคน้ัน มาลิก บุตรของอะนัสไดสังเกตุเห็นทานอิมามซอดิก มีอากัปกิริยาเปล่ียนไป จากเดิมโดยส้ินเชงิ เขาเหน็ วาขณะที่จะกลาวตัลบีหออกมา ทานมีทาทางตื่นตระหนกและเกรงกลัว 56
แมแตเสียงที่จะกลาวออกมาก็ยังติดอยูในลําคอของทานอยางละลํ่าละลัก และไมสามารถท่ีจะ ควบคุมจิตใจที่ประหว่ันของทานใหสงบลงได จนทําใหทานเกือบจะพลัดตกลงมาจากพาหนะ มาลิ กจึงเดินเขามาหาทาน แลวกลาววา “โอบุตรแหงศาสดาของพระผูเปนเจา ไมมีทางเลือกอื่นใดแลว จงกลา วซิกร นีอ้ อกมาเถิดเทา ท่ีทานทําได” ทานอิมามกลาววา “โอบุตรของอบี อามิร ฉันจะหาญกลาและจะสรางความกลาหาญแก ตัวเองไดอยางไร เพื่อกลาวลับบัยก การกลาวลับบัยกหมายถึง โอพระองคส่ิงใดก็ตามที่พระองค ทรงประสงค ขาจะตอบรับสิ่งน้ันโดยฉับพลัน และพรอมเสมอสําหรับการรับใชพระองค แลวฉันมี ความมั่นใจอันใดหรือ ท่ีจะอาจหาญกลาวส่ิงน้ีตอพระผูเปนเจาของฉัน และแสดงตนเปนบาวซึ่ง พรอมท่ีจะปฏิบัติและรับใชพระองคตลอดกาล มาตรพระองคทรงตอบแกฉันวา “ลา ลับบัยก” เมื่อ ถงึ เวลานนั้ ฉนั จะทําฉนั ใด” (50) 46… ถุงอนิ ทผาลัม เมื่อทานอิมามอะลีไดออกมาจากบานตามปกติ และมุงสูทองทะเลทรายซ่ึงเปนสวนผลไม และทานมีความชํานาญในการทํางาน (เพาะปลูก) ในสถานที่น้ันอยางมาก และคร้ังน้ีทานเดินไป พรอมกับแบกถุงใบหนึ่งติดตัวไปดวย ระหวางทางบุคคลหนึ่งถามทานวา “โอ อะลี ทานกําลังแบก ขนอะไรอยูห รอื ” อมิ ามอะลี : “ตน อินทผาลมั หากเปนพระประสงคของพระเจา” ชายผนู นั้ : “ตน อนิ ทผาลมั หรอื !!!!..” ความสงสัยของชายผูน้ัน เพ่ิงจะมากระจางก็ตอเมื่อหลังจากน้ัน ไมมานเทาไร เขาและ ผูอื่นอีกหลายคนไดประจักษแกสายตาวา เมล็ดพันธุอินทผาลัมท่ีทานอิมามอะลีแบกไป เม่ือ เพาะปลูกและมีความหวังวาในอนาคตอันใกล ทุกๆ เมล็ดจะงอกเงยขึ้นมาเปนตนอินทผาลัมและ เติบโตจนเปนสวนอินทผาลัมในท่ีสุดนั้น บัดนี้เมล็ดตางๆ เหลาน้ันไดเจริญงอกงามขึ้นมาทุกเมล็ด อยางนาทึ่งทเี ดียว (51) 47…เหงือ่ ท่ีออกมาจากการทาํ งาน ขณะท่ที า นอมิ ามมูซา กาชิม กําลังมุงม่ันอยูกับการทํางาน และปรับปรุงพ้ืนดินอยู ในสวน หนึ่งซ่ึงเปนกรรมสิทธของทานเอง ทานทํางานอยางหนักจนเหง่ือไหลโทรมกาย ทําใหเสื้อผาและ รางกายของทานเปยกโชกอยูน้ัน อะลี บุตรของฮัมซะฮ บาฏออีนียไดผานมาเห็น และกลาวกับ ทา นอิมามวา “ชีวิตของฉันขอพลเี พ่ือทา น ไฉนทานจึงไมมอบหนา ทีน่ ใ้ี หกับใครคนใดคนหนง่ึ เลา ” ทานอิมามตอบวา “ทําไมฉันจึงตองมอบหมายใหเปนหนาที่ของผูอื่นดวย ในขณะท่ีบุคคล อื่นทีเ่ ขาประเสิรฐกวา ฉนั กย็ ังทํางานเย่ียงนีเ้ ชน กัน” อะลี บุตรของอบีฮัมซะฮ บาฏออีนีย ”อยางเชน ผใู ดบา งขอรับกระผม ” 57
ทานอิมาม : “ศาสดาของพระองค และทานผูนําของบรรดาผูศรัทธาอะลี บุตครของอ บีฏอลิบ รวมท้ังทานปู (อิมามบากิร) หรือบิดา (ทานอิมามซอดิก) ของฉัน เพราะแทจริงแลวการ ทํางานในเรือกสวนไรนา คือแบบอยางหน่ึงของบรรดาศาสดาและตัวแทนของศาสดา และบาวท่ีดี ของพระผเู ปนเจาเชนเดยี วกนั ” (52) 48..เพอื่ นซึง่ ตองตัดขาดจากกัน บางคร้ังเพ่ือนสนิทแมวาจะรักกันมากเพียงใด ก็ใชวาจะไมมีสิทธิแยกจากกันหรือตัด ขาดกัน เพราะวันหนึ่งมาตรวามีส่ิงใดเปนเหตุ สิ่งท่ีไมคาดคิดก็ยอมเกิดข้ึนไดเสมอ บางคร้ังผูคน รูจักเขาในนามของเพ่ือนอีกคนหนึ่ง มากกวาท่ีจะรูจักชื่อจริงของเขา เพราะสวนมากเม่ือผูคนจะ เรยี กเพื่อนของเขาอกี คน กจ็ ะไมเ อยช่อื จรงิ เพยี งแตก ลาววา “เพอื่ นของทา น” ใชแลวชายผูหนึ่ง เขาถูกเรียกวา ”เพื่อนของทานอิมามซอดิก“ เปนท่ีรูจักกันดีในหมูผูคน และวันนัน้ ซ่งึ เปนวันท่ีเหมือนกับวันอื่นๆ ท่ีท้ังสองอยูดวยกัน และเขาไปในตลาดเย็บรองเทา แตไม มีผูใดคาดคิดวา กอนท่ีท้ังสองจะออกมาจากตลาดแหงน้ัน ความเปนเพื่อนตองถูกตัดขาดจากกัน โดยส้นิ เชิงตลอดไป ในวันนน้ั เขาติดตามทา นอิมามไปเชน ทุกคร้ัง และเขาไปในตลาดเย็บรองเทา แหงหน่ึง โดยมีทาส ผิวดาํ ของเขาตดิ ตามไปในตลาดดวย โดยตามอยูขา งหลังหา งๆ เมื่อมาถึงกลางตลาดเขาหันไปมอง ขางหลัง และไมเห็นทาสผิวดําของเขา และอีกไมกี่กาวตอมา เขาก็หันไปมองอีกเปนคร้ังท่ีสอง ก็ไม เห็นทาสผิดดําของเขา จากน้ันคร้ังที่สามที่เขาหันไป ก็ยังไมเห็นอีก เนื่องจากทาสผิดดําผูนั้น กําลัง เพลดิ เพลินอยูกับการมองดูส่ิงของตางๆ หลากหลายภายในตลาด จนลาหลังจากนายของเขา และ อีกคร้ังหน่ึงที่เขาหันไปก็พบทาสผิวดําของเขากําลังยืนเพลินอยู เขาจึงบริภาษทาสผิวดําของเขา ดวยความโกรธวา “มารดาของเจา ไปหดหัวอยูที่ไหนมาหรือ” พรอมกับถอยคําดาทอท่ีหยาบคาย ตอ ทาสอยางมากมาย เม่ือคําพดู เชนนั้นหลุดออกมาจากปากของเขา อิมามซอดิกจึงแปลกใจอยาง ยง่ิ ทานไดย กมือของทา นตบไปทีไ่ หลของเขาอยางแรงพรอมกบั กลาววา “มหาบริสุทธิ์เปนสิทธิของ พระผูเปนเจา ไฉนทานจึงดาทอ และใชถอยคําที่เสียหายตอมารดาของเขาเลา ฉันคิดวาทานคือ ชายผูซึ่งมีความยําเกรงและศรัทธายิ่ง ขณะนี้ฉันรูแลววา ทานไมไดมีความศรัทธาเลยแมแตเพียง นอ ยนิด” เขากลาววา : ” โอบุตรแหง ทานศาสดา ทาสผูนี้มีเช้ือสายสะนาดีย ( เปนชนเผาหนึ่งซ่ึงบูชา เจว็ด) และมารดาของเขากเ็ ปนชาวสะนาดียเหมือนกัน ทานก็รูดีวาชาวเผาน้ีมิไดเปนมุสลิม รวมทั้ง มารดาของทาสผนู เี้ ชนเดยี วกนั ฉนั จึงคดิ วา แมจ ะดาทอใชว าจาทเ่ี สยี หายตอมนั ไปบางก็ไมเ ปน ไร” ทา นอมิ าม : “แมว ามารดาของเขาจะเปนผปู ฏิเสธ แตทานรูไหมวา ทุกๆ เผาพันธุของมนุษย มเี อกลกั ษณและกฏเกณใ นการแตง งานของพวกเขาเอง และเมอ่ื พวกเขาไดปฏิบตั ติ รงกับแบบอยา ง 58
และกฏเกณของพวกเขาแลว การมี้พศสัมพันธของพวกเขาก็ไมถือวาเปนการผิดประเวณี และลูกๆ ขอพวกเขา กไ็ มไ ดถ กู พิจารณาวา เปน ลกู นอกสมรสเชนเดยี วกัน หลงั จากท่ีอิมามซอดกิ ไดอ ธิบายใหเขาฟง จนจบส้ินแลว ทา นจงึ กลา วกบั เขาวา “นับแตนี้ไป ทา นจงหางไกลจากฉัน” จากวันนั้นมา ไมมีผูใดเห็นเขาไปไหนมาไหนกับทานอิมามซอดิกอีกเลย จนกระทั่งลม หายใจสุดทา ยของเขา (53) 49… ผลลพั ธแหง วาจาท่ีไมร ะวัดระวงั คนรับใชของอับดุลลอฮ บุตรของมุกัฟฟะฮยืนคุมกุมบังเหียนมาเจานายของเขาอยูหนา บาน ซุฟยาน บุตรของ มุอาวิยะฮ มะลาบีเจาเมืองบัศเราะฮ ซ่ึงเขาจะตองคอยเจานายจนกวาเขา จะเสร็จสิน้ ภารกจิ แลวออกมา เพอื่ ใชม าเปนพาหนะกลบั ยงั บานพกั เขาคอยอยูอยางเนิ่นนานก็ยังไมเห็นนายของเขากลับออกมาจากบานหลังนั้นสักที ผูคนท่ี เขาไปทํากิจธุระในนั้นหลังนายของเขาตางก็กลับออกมากันหมดส้ินแลว แตยังไมมีว่ีแววนายของ เขาเลย เขาจึงเริ่มกังวล จึงพยายามสืบเสาะถามไถดูจากทุกคนที่เขาออกไปมา บางก็ไดรับคําตอบ วา ไมร ูไมเ หน็ บางก็หันมามองเขาหัวจรดเทา และสา ยหนา โดยมิไดปริปากพดู แมแตคําเดยี ว เมื่อเวลาลวงเลยไป เขายิ่งเริ่มเปนหวง และหมดหวังท่ีจะตามหาเจานายของเขาได จึง ตดั สินใจเดินทางไปหาอีซาและสุไลมาน (ทัง้ สองเปนนบตุ รชายของอะลี บตุ รของอบั ดุลลฮ บุตรของ อับบาส ซึ่งมีศักด์ิเปนอาของคอลีฟะฮในสมัยน้ันคือ มันศูร ดาวานีกีย และบุตรของมูกัฟฟะฮมี ตําแหนงเปนเลขานุการสวนตัวของพวกเขาทั้งสอง) จากนั้นเขาจึงไดเลาเร่ืองราวใหคนท้ังสองฟง โดยละเอียด อีซาและสุไลมานมีความรัก และชื่นชมตออับดุลลอฮ บุตรของมุกัฟฟะฮเปนอยางยิ่ง เน่ืองจากเขาผูรู เปนนักเขียนที่มีความสามารถและเปนนักแปลที่เชี่ยวชาญยิ่ง ทั้งสองใหความ คุมครองแก บุตรของมกัฟฟะฮอยางเปดเผยอยูเสมอมา ดวยเหตุน้ีจึงทําใหบุตรของมุกัฟฟะฮเพ่ิม ความยโส และทรนงมากยงิ่ ข้ึน เพราะปกตโิ ดยธรรมดาแลวเขาคือชายผูซึ่งหยาบคายสามหาว และ มิเกรงกลัวผูใ ดอยูแลว เขาไมเคยที่ละเวนที่จะใชวาจาถากถางท่ิมแทงเสียดสีผูอื่นเลย และดวยการ คุมครอง สนับสนุนของ อีซากับสุไลมาน ซ่ึงเปนถึงอาของคอลีฟะอทําใหเขาเพิ่มความกราวราว และอวดดี มากยงิ่ ขึ้น อซี าและสไุ ลมานไดเรียกรอ งขอตวั อบั ดุลอฮ บุตรของมุกัฟฟะฮ จากซุฟยาน บุตรของมอาว ยะฮ แตซุฟยานปฏิเสธไมรูเห็น และกลาววาบุตรของมุกัฟฟะฮยังมิไดมายังบานของเขา อยางไรก็ ตาม เหตุการณท่ีเกิดข้ึนเปนเวลากลางวันแสกๆ ซ่ึงหลายคนเห็นบุตรของมุกัฟฟะฮ เขาไปในบาน หลังนั้น และสามารถเปนพยานได จนซุฟยานไมอาจปฏเิ สธไดอกี ตอไป 59
เม่ือเรื่องราวลุกลามบานปลาย จนเปนเหตุใหเกิดความสงสัยวา จะเปนการฆาตกรรม เพราะบุตรของมุกัฟฟะฮมิใชคนสามัญธรรมดา เขาเปนถึงผูรูและนักเขียนท่ีโดงดัง จึงเกิดขอ ถกเถียงเปนสองผาย ฝายหน่ึงเปนถึงเจาเมืองบัศเราะฮ และอีกฝายมีศักด์ิเปนอาของคอลีฟะฮใน สมัยนั้น ในที่สุดเรื่องราวจึงถูกนําไปถึงราชสํานักของคอลีฟะฮในเมืองแบกแดด ท้ังสองฝายตางก็มี พยานและผูรูเห็นอยูในเหตุการณ ทั้งหมดไดเขาพบคอลีฟะฮ การสอบสวนจึงเริ่มขึ้น พยานทุกคน ใหปากคาํ หลงั จากสอบปากคาํ ของพยานจบสิน้ มันศูรไดก ลาวกบอาทัง้ สองวา “ไมม ีปญ หาสาํ หรบั ฉันแตอยางใดท่ีจะสั่งประหารซุฟยานทันที ในขอหาผูเปนผูลงมือสังหารบุตรของมุกัฟฟะฮ แตคน หน่งึ จากทา นท้ังสอง จะตองใหคํารบั รองที่จะรบั ผิดชอบดวย มาตรวาบุตรของมุกัฟฟะฮยังมีชีวิตอยู และภายหลังจากการประหารซฟุ ยานแลว บุตรของมุกัฟฟะฮเกิดเดินเขามาทางประตูน้ี (พรอมกับชี้ นิ้วไปประตูซ่ึงอยูดานหลังเขา) ในสภาพท่ียังมีชีวิตอยู และสมบูรณครบถวนทุกประการแลว ฉันจะ ประหารผใู ดเปนการแกแคนหรอื ชดเชยแกช วี ติ ของซุฟยาน และใครจะเปนเปน ผรู บั รอง” อีซาและสุไลมาน เกิดความสับสนและงุนงงตอคําถามนี้ พวกเขาจึงพากันคิดวา บุตรของ มุกัฟฟะฮอาจยังมีชีวิตอยู และซุฟยานไดสงตัวบุตรของมุกัฟฟะฮมาใหคอลีฟะฮกอนหนานี้แลว ทั้ง สองจึงยกเลกิ ขอครหาน้ันทันที ดวยความกลัวและจากไป กาลเวลาไดลวงเลยไปขาวคราวของบุตร ของมุกัฟฟะฮ และรองรอยของเขามิไดมีใหใครไดยินอีก และเร่ิมจะเลือนรางไปทีละนอยถูกจนลืม เลอื นไปในท่ีสดุ หลังจากที่เรื่องราวจางหายไป จึงเปนท่ีเขาใจกันในหมูผูคนภายหลังวา บุตรของมุกัฟฟะฮ ผูซึ่งไมเคยหยุดยั้งคําพูดหยาบคายของตัวเอง กลาวคําผรุสวาทซุฟยาน บุตรของมุอาวิยะฮ แมตอ หนาฝงู ชนกต็ าม เขาใชว าจากรา วรา วถงึ มารดาของซุฟยาน ซึ่งเปน ถึงเจาเมือง ทําใหซุฟยานนน้ั ทกุ คร้ังที่เจอกับคําดาทอของบุตรของมุกัฟฟะฮ ก็ไดแตหลบซอนอยูในที่กําบังเทานั้น เพราะความ ละอายตอ ผูคน อยา งไรก็ตาม ซฟุ ยานคิดอยเู สมอวา วนั หนงึ่ เขาจะตอ งแกแคนบตุ รของมกุ ฟั ฟะฮให ได แตเมื่อคิดถึงผูคุมครองท้ังสองของบุตรของมุกัฟฟะฮ ทั้งอีซาและสุไลมาน ซึ่งเปนอาของคอ ลีฟะฮ เขาจึงไมกลาท่ีจะตัดสินใจใดๆ จนกระท่ังเหตุการณหน่ึงไดเกิดข้ึน และน่ันคือนาทีทองของ ซุฟยานวันหนึ่ง เมื่ออับดุลลอฮ บุตรของอะลี ซึ่งเปนอาอีกผูหนึ่งของมันศูร (คอลีฟะฮ) ตองการให คอลฟี ะฮเซ็นชอื่ เพือ่ รับรองความปลอดภัย และใหมีการคุมครองแกเขา อับดุลลอฮจึงขอรองใหบุตร ของ มุกัฟฟะฮ (ซ่ึงเปนเลขานุการสวนตัวของพี่ชายของเขา) เปนผูรางจดหมายฉบับน้ัน บุตรของ มุกัฟฟะฮ จึงเขียนจดหมายฉบับน้ันข้ึนมา ภายในจดหมายขอความคุมครองและความปลอดภัย ฉบับนั้น บุตรของมุกัฟฟะฮ ไมลืมที่จะสอดแทรกถอยคําท่ีเขาถนัด โดยมีขอความท่ีลบหลูเกียรติ ของมันศูร คอลีฟะฮผูทารุณของราชวงคอับบาสยะฮอยางมากมาย เม่ือจดหมายฉบับน้ันไปถึงมือ ของมันศูร จึงสรางความเคียดแคนและโกรธเคืองแกเขาเปนอยางมาก เมื่อเขาถามวา “ใครเปนคน รางจดหมายฉบับนี้“ ไดรับคําตอบวา “บุตรของมุกัฟฟะฮ “ ดังนั้นมันศูรจึงมีความรูสึกเดียวกันกับที่ ซุฟยาน บุตรของมุอาวิยะฮ มเี มอื่ พบกบั ส่ิงนี้ 60
มันศูรจึงสงสารลับไปยังซุฟยาน วาใหจัดการกับบุตรของมุกัฟฟะฮ ซุฟยานจึงไดโอกาส วันหนึ่งบุตรของมุกัฟฟะฮ ไดเดินทางไปยังบานพักของซุฟยานเพ่ือทําธุรกิจบางอยาง เขาจึงใหคน รับใชคอยดูแลมาของเขาอยูขางนอกบาน เม่ือเขาไปในบานของซุฟยาน คนรับใชกลุมหน่ึง พรอม กับเพชรฆาตของเจาเมือง กําลังน่ังกันอยูในหองหน่ึงอยางพรอมหนา มีเตาไฟท่ีลุกโชนอยูในหอง น้นั ดว ย เม่อื ซฟุ ยานเหน็ บตุ รของมุกฟั ฟะฮ ปรากฏตวั ตอ หนา เขาถอ ยคําดา ท่หี ยาบคายตา งๆ ซงึ่ เขา ไดยินมาจากบุตรของมุกัฟฟะฮ ประหน่ึงวามันไดรวมตัวกันเปนรูปรางขึ้นมาทันที ความเคียดแคน ชิงชงั ทอี่ ยภู ายในมันลุกโชนข้ึนมาฉับพลัน ดั่งเตาไฟท่ีตั้งอยูเบื้องหนาของเขา ซุฟยานหันหนาไปหา บุตรของมุกัฟฟะฮ และกลาววา “ยังจําไดไหมถอยคําอันหยาบชาสามาณยท่ีเจามีตอขา และ แมกระทั่งตอมารดาของขา บัดน้ีคือเวลาแหงการชําระความแคนของขา การขออภัยโทษใน ชวงเวลาน้ีจะไมเปนประโยชนอันใดสําหรับเจาเลย” จากนั้นบุตรของมุกัฟฟะฮจึงถูกลางแคน และ ถูกสงั หารในรปู แบบท่ีเลวรายทส่ี ดุ จากความเลวทรามทัง้ มวลในวนั นั้นเอง (54) 50… นาทสี ดุ ทายของลน้ิ ใบมดี โกน อะลี บุตรของ อับบาสซึ่งเปนที่รูจักกันในนามของ อิบนิรรูมีย เขาเปนกวีท่ีมีชื่อเสียงในทาง กลาวบทกวีเยย หยนั และสรรเสริญเยินยอราชวัง ในยุคสมยั ของอบั บาสยิ ะฮ ซ่ึงเปนชวงสุดทายของ ศตวรรษท่ีสามฮิจญเราะฮศักราช (คริสตศตวรรษที่ ๙) วันหน่ึงภายในที่ประชุมของบรรดาขุนนาง ช้นั ผูใ หญผ ูชวยของอบั บาสยิ ะฮผูห น่งึ นามวา กอเซ็ม บุตรของอบั ดุลลอฮ และอบิ นิรรูมยี กวผี นู ั้นก็นั่ง รวมอยูในท่ีชุมนุมแหงน้ันดวยเชนกัน อิบนิรรูมียมักจะเปนผูท่ีมีความลําพองและภูมิใจอยูเสมอ ตอ ความสามารถพิเศษของเขาทั้งในการพูด และการกลาวบทกวี กอเซ็ม บุตรของอับดุลลอฮมีความ เกรงกลัวตอคําพูดที่ใชถากถางของอิบนิรรูมียย่ิงนัก และไมพึงพอใจตอเขา แตกอเซ็มก็ซอนเรน ความรูสึกเอาไว โดยไมแสดงทาทีอันใดออกมาใหเห็น แมวาอิบนิรรูมียจะสรางความกังวลใจใหแก เขาอยูเนืองนิจ แตก็ยังไมเลิกที่จะยุงกับเขาสักที กอเซ็มจึงออกคําส่ังไปยังคนของเขาใหใสยาพิษ ลงในอาหารของอบิ นิรรมู ีย หลังจากที่อิบนิรรูมียไดรับประทานอาหารนั้นแลว เขาก็รูไดทันทีวาโดน วางยาพิษเสียแลว เขาจึงรีบลุกข้ึนทันที และเดินออกไปขางนอก กอเซ็มกลาววา “ทานกําลังจะไป ไหน” อิบนริ รูมยี : “กจ็ ะไปยงั สถานที่ซึง่ ทา นจะสง ขา ไปยังไงละ ” กอเซ็ม : “มาตรวา เปนเชน นั้น ฉันขอฝากสลามถงึ พอ แมข องฉนั ดว ยนะ” อบิ นิรรมู ีย : “ขอโทษ ฉันไมไ ดผา นไปทางขมุ นรกหรอก” อิบนิรรูมียไดกลับไปยังบานของเขาและรักษาตัว แตก็ไมมีผลดีขึ้นเลย ในท่ีสุดเขาก็ ตองสนิ้ ชวี ติ ลงดว ยยาพษิ น้ัน เพราะลิ้นใบมีดโกนของเขาเองแทๆ (55) 51… เพอ่ื นรวมงานทัง้ สอง 61
ความราบรื่นและความจริงใจ ตลอดจนการรวมงานกันอยางซื่อสัตยสุจริตอยางยาวนาน ของทั้งสอง คนหนึ่งคือฮิชาม บุตรของฮะกัม และอีกผูหนึ่งคือ อับดุลลอฮ บุตรของยาซีด อาบาฏีย ไดสรางความฉงนสนเทหแกผูคนแหงเมืองกูฟะฮเปนอยางมาก เพราะท้ังสองกลายเปนส่ิงเตือนใจ สําหรับบรรดาผูที่มีสหายรวมงานในดานของความจริงใจ และซื่อสัตยตอกัน เขาทั้งสองรวมกันต้ัง รานขายเคร่ืองเย็บปกถักรอย ในการดําเนินชีวิตระหวางเขาท้ังสอง ไมเคยมีเรื่องบาดหมางหรือ ทะเลาะเบาะแวง กันแมแตเร่อื งเดียว สิ่งหนึ่งท่ีเปนสาเหตุแหงความแปลกประหลาดใจของผูคน และนําไปเลาสูกันฟงอยาง มากมายก็คือ เขาทั้งสองมีหลักความเช่ือในศาสนา และยึดถือนิกายท่ีแตกตางกัน ซึ่งเรียกไดวาอยู กันคนละความเช่ือเลยทีเดียว เพราะวาฮิชามคือผูรูและนักปราศรัยท่ีมีช่ือเสียงของสายธารชีอะฮ อิ มามยี ะฮ เปนสาวกผใู กลชิดของทานอิมามซอดิก และมีความเช่ือตอการเปนผูนํา (อีมามะฮ) ของ ครอบครัวงศวานของทานศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) แตอับดุลลอฮ บุตรของยาซีด เปนหน่ึงจาก บรรดาผูรูของสายอาบาฏียะฮ (56) ซ่ึงในกรณีน้ันจําเปนจะตองปกปองนิกายของตนเอง ทั้งสอง เปรียบเสมือนสองสมรภูมิท่ีกําลังเผชิญหนากันอยู แตทวาเขาทั้งสองสามารถควบคุมความมีอคติ ในการยึดถอื นกิ ายของตนไว และไมยอมใหม นั เขามาเกย่ี วของกบั กจิ การอื่นๆ ในชีวิตประจําวันของ พวกเขาเลย ทั้งสองคาขายรวมกันดว ยความสขุ มุ เยือกเย็น และที่นา แปลกใจยิ่งไปกวาน้ันคือ แมวา บรรดาชีอะฮซึง่ เปนลกู ศษิ ยของฮิชามจะไดไปมาหาสูกับฮชิ าม ณ รา นคา แหงนน้ั และบางครัง้ ฮิชาม ก็ใชสถานที่แหงนั้น เปนท่ีสอนวิชาการทางศาสนาก็ตาม (ตามความเช่ือของชีอะฮ) และแนนอนทุก คร้ังอับดุลลอฮจะไดยินไดฟง คําสอนที่ขัดแยงกับนิกายของตัวเองอยางสิ้นเชิง แตเขาก็มิไดแสดง อาการโกรธหรือขัดแยงออกมาเลยแมแตครั้งเดียว และเชนเดียวกันเมื่อมีการเรียนการสอนของ เหลาบรรดาสมาชิกอาบาฎียะฮท่ีมาเลาเรียนจากอับดุลลอฮ ซึ่งคําสอนสวนมากมักจะเปนการ โจมตนี กิ ายอ่ืนเปน สว นใหญ แตฮิชามเองก็มิไดแ สดงทา ทใี ดออกมาใหเ ห็น วันหนง่ึ อับดลุ ลอฮไ ดก ลาวแกฮชิ ามเพอ่ื นรักของเขาวา “ฉนั กับทานเปน เพ่อื นทรี่ ใู จกนั ดีและ ทานก็รูจักฉันดีเพียงพอ ฉันมีความประสงคที่จะใหทานตอบรับการท่ีฉันจะเปนบุตรเขยของทาน พรอมกบั จดั การแตง งานลกู สาวของทานคอื ฟาฏมิ ะฮ ใหก ับฉัน” ฮิชามตอบอับดุลลอฮเพียงประโยคเดียววา “ฟาฏิมะฮคือผูศรัทธา (มุอมินะฮ)“ เม่ืออับ ดุลลอฮไดยินคําตอบเชนนั้นเขาจึงมิไดตอบสิ่งใด และมิไดพูดถึงเร่ืองนั้นอีกเลย และใน ขณะเดียวกันคําตอบในลักษณะปฏิเสธ ก็ไมสามารถที่จะสั่นคลอนความเปนเพื่อนระหวางเขาทั้ง สองไดแมแตนอย การทาํ งานรวมกนั ยังคงดาํ เนนิ ตอไปอยางปกติ ประหนึ่งวาความตายเทานั้นท่ีจะ สามารถแยกเขาท้งั สองออกจากกนั ได (57) 52… การหามดมื่ สรุ า 62
เมอื่ มันศูรมคี ําส่งั ใหเปดกุญแจกองคลัง ที่เก็บทรัพยสินของคลังกลางออกมา และแจกจาย แกประชาชน ชักรอนียคือผูหนึ่งจากบรรดาผูคนท่ีหลั่งใหลกันมาเพ่ือรับสวนแบงจากทรัพยสินจาก คลังกลาง แตเปนเพราะไมมีผูใดรูจักเขาเลย เขาจึงไมรูวาจะขอความชวยเหลือจากใคร เพื่อให ไดรบั สว นแบง ของเขาจากคลังกลางน้ันดวย อันที่จริงชักรอนียก็คือผูท่ีมีเกียรติ และมีชื่อเสียงผูหนึ่ง เน่ืองจากปูของเขาเคยเปนทาสมากอน และไดรับการปลดปลอยเปนอิสระโดยทานศาสดา และ เชน เดียวกันขักรอนียก ็ไดร บั มรดกแหงอสิ รภาพอนั นนั้ มาจากพอ ของเขา พวกเขาถกู เรยี กวา “เมาลา รอซูลุลลอฮ” หมายถึงทานศาสดาไดปลดปลอยเขาใหเปนไท น่ีคือความภาคภูมิใจและการไดรับ เกียรติน้ัน เขาจึงถูกนับรวมอยูในจํานวนผูไดรับการปลดปลอยดวยเชนกัน และโดยสวนตัวแลวเขา มคี วามสัมพันธอันดีงามตอครอบครวั ทา นศาสดาดว ย ในขณะที่ชักรอนียอยูในอาการกระวนกระวายเพราะสาเหตุดังกลาวอยูน้ัน เขาเหลือบไป เห็นทานอิมามซอดิก เขาจึงรีบเดินไปขางหนาเพื่อพบทาน และขอความชวยเหลือจากทาน ทานอิ มาม จึงเดินไปและรับสวนแบงมาใหชักรอนียในท่ีสุด และในขณะท่ีทานย่ืนสิ่งของใหแกชักรอนีย ทานไดกลาวแกเขาดวยน้ําเสียงที่ออนโยนวา “การงานที่ดีจากทุกๆ คนนั้นลวนเปนส่ิงดี แต ความสัมพันธและเกียรติยศที่เจามีอยูเนื่องจากเรา ซ่ึงทุกคนรูดีวาเจาน้ันมีความสัมพันธท่ีดีกับ ครอบครวั แหง ทานศาสดา การงานที่ดีนั้นก็จะย่ิงดีข้ึนและสวยงามข้ึน และการงานท่ีช่ัวชาจากทุกๆ คนน้ันลวนเปนสิ่งท่ีชั่วชา โดยเฉพาะสําหรับเจาแลว เน่ืองดวยเจาเปนผูที่มีเกียรติดังกลาว ดังนั้น การงานท่ชี ่วั ชาจึงต่ําทรามยิง่ นักทเี ดยี ว” เม่อื จบคาํ พูดทานอมิ ามซอดกิ จึงจากไป ชักรอนียเม่ือไดฟงเชนน้ันเขาก็เขาใจทันทีวา ทานอิมามลวงรูถึงความลับท่ีเขาไดปกปดไว น่ันก็คือทานรูวาเขาด่ืมสุรา และเม่ืออิมามรูวาเขาคือผูท่ีดื่มสิ่งมึนเมาจึงแสดงความมีไมตรีจิต และ แสดงความรักตอเขา และทานอิมามจึงกลาวถอยคําดังกลาวเพ่ือใหเขารับรูถึงความผิดของตัวเอง ภายในจิตใตสํานึกของเขาแลว เขารูสึกละอายแกใจเปนอยางมาก ภายหลังจากที่เขาไดตําหนิ ตนเองแลว เขาจึงยุติการกระทาํ สงิ่ น้นั ในที่สุด (58) 53… เสอื้ ของคอลฟี ะฮ ในยุคสมัยที่อุมัร บุตรของอับดุลอาซิซ ดํารงตําแหนงคอลีฟะฮ วันหน่ึงเขาขึ้นไปปราศรัย บนแทนเทศนา ในระหวางนั้นประชาชนที่น่ังฟงการปราศรับของเขาอยู ตางเห็นคอลีฟะฮของพวก เขาใชมือจับชายเสื้อคลุมและกระพือไปมาอยูเสมอ การกระทําเชนน้ันสรางความประหลาดใจแกผู ท่ีน่ังอยูในมัสยิดเปนอยางมาก และตางก็ถามกันวาไฉนในระหวางการปราศรัยคอลีฟะฮจึงตองจับ อยูท ี่ชายเสอ้ื คลมุ และกระพอื พดั ไปมาอยตู ลอดเวลา เมื่อการชุมนุมเสร็จส้ินลง พวกเขาจึงไดรับคําตอบออกมาวา คอลีฟะฮไดคํานึงถึงเงินกอง คลังกลางของประชาชน และเพ่ือเปนการทดแทนของพวกที่เคยกระทําเลยเถิด ในหนาที่การงาน และเนื่องจากผูท่ีอยูในตําแหนงกอนหนาเขา ไดใชจายทรัพยสินของกองคลังกลางอยางฟุมเฟอย 63
ส้ินเปลืองสุรุยสุราย คอลีฟะฮจึงใชเส้ือคลุมเพียงตัวเดียว และเมื่อซักแลวบางคร้ังยังไมทันแหง เนอื่ งจากไมมีเสื้อคลุมตัวอ่ืน คอลีฟะฮจึงไมมีทางเลือกนอกจากจะตองสวมเสื้อคลุมตัวนั้นดวยเหตุ นี้จงึ ตอ งกระพอื มนั ไปมาอยเู สมอ เพ่ือที่จะใหมนั ไดแ หงเรว็ ข้ึน (59) 54… ชายหนุมกับอากัปกิรยิ าของเขา ทานศาสดาไดละหมาดซุบฮรวมกับประชาชนในมัสยิด เม่ืออาทิตยสองแสงจึงทําใหทาน สามารถมองเห็นใบหนาของทุกคนไดชัดเจนยิ่งขึ้น ในระหวางนั้นเองสายตาของทานศาสดา สงั เกตเห็นชายหนมุ คนหน่งึ ซง่ึ ทา ทางของเขาไมค อ ยสูจะดีนัก ศีรษะของเขามิไดตั้งอยูน่ิงบนบาของ เขาเลย มนั สา ยไปสายมาอยูต ลอดเวลา ทานศาสดาไดม องไปยงั ใบหนา ของเขาทาน และพบวาเขา มีอาการอิดโรยซูบซีด ดวงตาทั้งสองลึกลงไปในเบาตา รางกายซูบผอม ทานศาสดาจึงถามเขาวา “เจา ใชช วี ิตอยใู นสภาพเชนไร” ชายหนมุ : “ฉันอยูในสภาพของผทู ่เี ช่อื มน่ั ในอัลลอฮ” โอ ทานศาสดา “ ทานศาสดา : “ทุกๆ ความเช่ือมัน่ ตอ งมรี อ งรอยของมนั ซงึ่ จะเปน เคร่ืองชช้ี ดั ถงึ ความจรงิ นนั้ และเคร่ืองหมาย หรือรอ งรอยแหงการเชือ่ ม่นั ของเจาคอื อะไร” ชายหนุม : “ความเชื่อมั่นของฉันคือสิ่งที่บงบอกถึงความเจ็บปวดรวดราวที่มีอยู ในยามคํ่า คืนการหลับนอนถูกแยกออกจากฉัน และในชวงกลางวันฉันไดทําใหมันจบส้ินลงดวยความหิวโหย ฉันหันหลังใหกับโลกนี้ และทุกสิ่งทุกอยาง และมุงหนาไปยังอีกดานหนึ่ง มันเปนเสมือนหนึ่งวาฉัน เหน็ บลั ลงั กของพระผูเ ปนเจา ไดถ กู ตง้ั ม่นั อยใู นสถานท่ีแหง การสอบสวน ในขณะที่ส่ิงถูกสรางตางๆ ชุมนุมกันอยู เหมือนกับวามันเปนท่ีประจักษแกสายตาของฉันอยางชัดแจงวา ชาวสวรรคกําลังเบิก บานใจ และชาวนรกกําลังอยูในการถูกลงโทษอันแสนเจ็บปวด เสียงรํ่ารองโหยหวน ประหนึ่งวา เสยี งลุกโชนของเปลวไฟในนรกซึ่งเสยี งนนั้ ยงั คงสะทอนอยใู นโสตประสาทของฉนั จนกระทงั่ บัดน้ี ทานศาสดา ไดหันไปทางประชาชนแลวกลาววา “น่ีคือบาวผูหนึ่งซึ่งพระผูเปนเจา ไดสอง แสงประทีปแหงศรัทธา (อิหมาน) แกเขาแลว “ จากนั้นทานศาสดา ไดหันไปยังชายหนุมผูนั้นแลว กลา ววา “จงรักษาสภาพท่ีดเี ลศิ เชน นเี้ อาไว” ชายหนุม ไดต อบวา “โอ รอซูลุลลอฮ !!!! โปรดวิงวอน ใหพ ระผูเปนเจา ทรงประทานการญิฮาด และการเปน ชะฮดี แกฉนั ดวยเถิด” ทานศาสดา ไดยกมือขึ้นขอดุอาอใหแกเขาตอมาไมนานนักซ่ึงการญิฮาด (การตอสูใน หนทางของพระผูเปนเจาไดมีมา) และชายหนุมผูนั้นก็ไดเขารวมในการญิฮาดคร้ังนั้นดวย บุคคลท่ี สิบซึง่ ไดร ับชะฮดี (การเสียชีวิตในหนทางของพระผูเปน เจา) คือเขานน่ั เอง (60) 55… ผูอ พยพแหงอบสิ สิเนีย นับวนั ทมี่ สุ ลิมเพิ่มจํานวนข้ึนเร่ือยๆ ในเมืองมักกะฮ การทารุณกรรมและความกดดันตางๆ ของผูตอตานชาวมักกะฮ ทําใหผูท่ีเขารับอิสลามแลวจํานวนหน่ึงกลับไปเปนผูปฏิเสธเหมือนเดิม ตรงกันขามก็มีผูคนอีกจํานวนมากตางก็มุงเขารับศาสนาอิสลามเพ่ิมขึ้น การยอมรับอิสลามของ 64
ผูคนอยางไมลดละและทอถอยของประชาชน พรอมกับการยืนหยัดและยึดม่ันอยางเขมแข็ง โดยที่ พวกเขาจะไมยอมหันหลังออกจากศาสนาอิสลามอีกไมวาจะดวยวิธีใดก็ตาม ส่ิงนี้ไดสรางความ โกรธแคนชิงชังแกผูปฏิเสธเปนอยางย่ิง พวกเขาไดเพ่ิมความโหดรายทารุณตางๆ นานามากย่ิงขึ้น ทกุ วนั จนกระท่ังสถานการณของบรรดามุสลิมเร่ิมคับขันข้ึนทุกที แตกระนั้นพวกเขาก็ยังมีความ อดทนอยางสูง แตเพื่อเปนการหลีกเล่ียงความเลวรายท้ังหลาย และปลดปลอยบรรดามุสลิมจาก ความทารุณของกลุมผูปฏิเสธช่ัวขณะหนึ่ง ทานศาสดาจึงเสนอแกบรรดามุสลิมวา ใหเดินทางออก จากเมืองมักกะฮ และอพยพไปสูอบิสสิเนีย ทานศาสดากลาววา “เพราะผูปกครองอบิสสิเนียใน ปจจุบันเปนผูมีความยุติธรรม พวกทานสามารถที่จะอาศัยอยูในเขตการปกครองของเขาเปนการ ช่วั คราว จนกวาพระผูเปน เจา จะทรงตระเตรียมความเมตตาและชว ยเหลอื แกท ุกคน” ดวยเหตุนีม้ ุสลิมจํานวนหน่ึง จึงอพยพสูเมืองอบิสสิเนียซ่ึงพวกเขาไดใชชีวิตอยูท่ีน่ันอยางสุข สบาย และสามารถปฏิบัติศาสนกิจไดอยางเสรีภาพ ผิดกับท่ีอยูในมักกะฮพวกเขาตองปฏิบัติ ศาสนกิจแบบหลบๆซอนๆ เม่ือผูปฏิเสธชาวมักกะฮไดรับขาววามุสลิมจํานวนหน่ึงไดอพยพไปท่ีอ บิสสิเนียและใชชีวิตอยูที่นั่นอยางสุขสบาย พวกเขาจึงมีความหวาดวิตกเปนยิ่งนัก กลุมผูปฏิเสธ เกรงวาหลักการอิสลามอาจจะถูกจัดต้ังข้ึนที่นั่น จึงประชุมปรึกษาหารือกันถึงเร่ืองน้ี และสรุปวา พวกเขาจะตองหาวิถีทางเพ่ือท่ีจะใหพวกมุสลิมกลับมาอยูในมักกะฮและอยูในความควบคุมของ พวกเขาเหมือนเดมิ ในการปฎบิ ัตงิ านครงั้ นพี้ วกเขาไดค ดั เลือกชายสองคนท่ีเห็นวาเหมาะสม และมี ความสามารถ ฉลาดหลักแหลมตอการปฏิบัติงานนี้ พรอมกันนั้นยังไดสงของขวัญลํ้าคามากมาย สําหรบั เนกสุ กษตั ริยแหง เมอื งอบิสสิเนีย และบรรดาขุนนางชั้นผูใหญ ตลอดจนผูใกลชิดและบุคคล ผูที่กษัตริยเนกุสเชื่อในคําพูดของพวกเขา กลุมผูปฏิเสธไดส่ังกําชับแกทั้งสองคนวา เม่ือพวกทาน เขาสูเมืองอบิสสิเนียแลว กอนอื่นจงเขาไปพบกับบรรดาผูใกลชิดของกษัตริยเนกุส และมอบของ กํานัลใหพวกเขา และจงกลาวกับพวกเขาวา “เมื่อไมนานมาน้ีมีชนกลุมหนึ่งท่ีโงเขลาและ รูเทาไมถึงการณจากเผาของพวกเรา ซึ่งไดหันหลังใหกับศาสนาของเราเอง รวมท้ังมิไดยอมรับใน ศาสนาของพวกทาน (คริสเตียน) และขณะนี้พวกเขาไดอพยพมาอาศัยอยูในอาณาจักรของทาน บรรดาผูอาวโุ สจากเผา ของเราไดสงเราท้ังสองมายงั พวกทาน เพอ่ื ขอความรวมมือ ในการขับไลพ วก เขาออกจากอาณาจักรของพวกทาน ใหกลับไปยังบัานเกิดเมืองนอนของพวกเขา และพวกเราจะ ขอรองแกพวกทานวา เม่ือพวกเรานําเรื่องนี้ข้ึนทูลตอกษัตริยเนกุสใหทรงทราบแลว ขอใหพวกทาน สนบั สนุนและเหน็ ดีเห็นดว ยกบั พวกเรา” ตัวแทนสองคนท่ีสงมาจากเผากุเรชไดเขาพบบุคคลตางๆ ตามท่ีคาดหมายไว และมอบ ของขวัญแกทุกคน จากนั้นทั้งสองจึงเริ่มปฏิบัติหนาท่ีซ่ึงไดรับมอบหมายมา หลังจากไดรับคําม่ัน สัญญาจากทุกคนวา เม่อื เรือ่ งนี้ถูกนําข้นึ ทลู แกกษัตรยิ เนกสุ พวกเขาจะใหการสนบั สนนุ อยางเตม็ ที่ 65
ตัวแทนท้ังสองคนจึงไดเขาเฝากษัตริยเนกุสในวันตอมา พรอมถวายของขวัญอันล้ําคาแกเน กสุ และทลู ใหทรงทราบเกย่ี วกบั วตั ถปุ ระสงคข องพวกเขาทเ่ี ดนิ ทางมา ภายในทองพระโรงตอหนาพระพักตรของกษัตริยเนกุส เขาทั้งสองไดรับการสนับสนุนจาก ผูคนท่ีน่ังอยูรายรอบ ตามสัญญาที่ตกลงกันไว ทุกคนตางลงความเห็นหมือนกันวา จะตองออก คําสั่งอยางเรงดวน เพ่ือขับไลพวกมุสลิมกลับไปยังถิ่นเดิมของพวกเขา แตกษัตริยเนกุสไมเห็นดวย กับขอเสนอแนะน้ัน และกลาววา “ประชาชนจํานวนหนึ่งไดอพยพรอนแรมจากประเทศของตนเอง มาหลบภัยอยูในประเทศของฉัน มันไมเปนการถูกตองเท่ียงธรรมเลยที่ฉันจะออกคําส่ังใดๆ เพื่อขับ ไลพวกเขา โดยที่ไมไดรับรูความเปนมาหรือสงกลับไปอยางไมมีเหตุผล ดังน้ันจึงจําเปนอยางย่ิงที่ จะตองนําพวกเขามา ณ ที่น้ี และฟงถอยแถลงของพวกเขา เพ่ือท่ีฉันจะตัดสินใจไดถูกวาจะตองทํา อยา งไรตอ ไป” หลังจากท่ีคําพูดประโยคสุดทายไดหลุดออกมาจากปากของเนกุส สีหนาของตัวแทนจาก ชาวกุเรช มักกะฮก็ซีดเผือดลง และแสดงอาการหวาดวิตกออกมาอยางเห็นไดชัด เพราะส่ิงที่พวก เขากลัวท่ีสุดก็คือ การพบปะเจรจากันระหวางกษัติยเนกุสและบรรดามุสลิมผูอพยพ พวกเขาเห็น ดวย แมกระท่ังจะใหมุสลิมเหลานั้นอยูในอบิสสิเนียตอไป แตจะตองไมมีโอกาสไดพูดคุยกับกษัติย เนกุส เพราะส่ิงที่พวกเขาหวาดวิตกก็คือส่ิงน้ีเอง เพราะผูท่ีหลงใหลไปกับศาสนาใหมนี้ ก็ เนื่องมาจากไดรับฟงคําพูดจาปราศรัย โดยเฉพาะจากมุฮัมมัด ผูซ่ึงกลาววามัน (สาสน) ไดถู ประทานลงมาแกฉ ันจากพระผเู ปน เจา ในขณะเดียวกนั มีแรงดึงดดู อนั นา มหัศจรรยยิ่งซอนเรน อยใู น คาํ พูดเหลานน้ั กลุม ชาวกเุ รชผูปฏเิ สธเกรงวา ความสําเร็จใจการเผยแผอิสลามท่ีทานศาดามุฮัมมัด ไดกระทําในมักกะฮ อาจจะเกิดขึ้นในอบิสสิเนียอีกก็เปนได โดยเฉพาะถอยคําของกษัติยเนกุสท่ี แสดงใหเห็นถึงการไมเห็นดวย ที่จะขับไลพวกมุสลิมออกไปอยางไรเหตุผล พรอมกับเปดโอกาสให เขา เฝา เมือ่ พวกเขาหมดหนทางทีจ่ ะแกไ ข จงึ ตอ งรอคอยวนั ทจ่ี ะเผชญิ หนา กันอยา งพรอ มเพรยี ง บรรดามุสลิมรับรูขาวการมาของตัวแทนแหงเผากุเรชเปนอยางดี และยังรูถึงเปาหมายที่ แทจริงของพวกเขาดวย แมกระทั่งการเขาพบกับบุคคลผูใกลชิดกับเนกุสหลายคน พรอมกับมอบ ของขวัญอันล้ําคาแกพ วกเขาเหลานน้ั พวกเขา (มสุ ลิม) มีความกระวนกระวายใจไมน อ ยซงึ่ มาตรวา แผนการของพวกกเุ รชบรรลผุ ลสําเรจ็ ตามตอ งการ นัน่ หมายถึงพวกเขาจะตองกลับคืนสมู ักกะฮด ว ย ความจําใจ บรรดามุสลิมไดรวมกันปรึกษาหารือ เพ่ือเตรียมคําตอบเอาไวในที่ประชุม ซ่ึงพวกเขาจะถูก นําไปพบกับกษัตริยเนกุสตอหนาบรรดาผูรู และนักปราชญท้ังหลาย และเห็นพองกันวาชีวิตและ ความเปนอยูในยุคแหงความโงเขลาปาเถ่ือนและงมงาย (ญาฮิลียะฮ) กับการมาของอิสลามพรอม ดวยสัจธรรมทั้งหลายภายในนั้น คือส่ิงที่จะนํามาเปนถอยแถลง และจะไมกลาวสิ่งใดท่ีขัดแยงตอ ความเปนจริงอยางเด็ดขาด 66
อันเนื่องมาจากวาสิ่งที่จะตองพูดคุยกันในที่ประชุมวันนี้ เก่ียวกับเรื่องของศาสดาท่ีเกิดข้ึนมา ใหม กษัตริยเนกุสแหงอบิสสิเนียจึงสั่งใหผูรูทางศาสนาในสมัยนั้น (คริสตศาสนา) เขารวมดวย ดังน้ันจํานวนหน่ึงนักบวชในคริสตศาสนาจํานวนหนึ่ง จึงถูกเชิญมารวมประชุมอยางเปนทางการ ดวยการตอ นรบั เปนพิเศษ ซึ่งมีคําภีรวางอยูตรงหนาของทุกคน ขาราชการขุนนางตางก็นั่งกันอยูใน ทีป่ ระจําตาํ แหนงของแตล ะคน การจัดพิธซี งึ่ เปนไปทง้ั ในรปู แบบของศาสนาและรูปแบบของกษัตรยิ ไดทําใหที่ประชุมแหงน้ันมีเกียรติ และโออาสงางามยิ่งนัก กษัตริยเนกุสประทับอยูบนบัลลังกของ พระองค และผูเขารวมประชุมท้ังหลายก็น่ังอยูในที่ของตัวเองท่ีถูกจัดเตรียมไว ซึ่งทุกคนตางก็ ยอมรับวา เปนพิธีการท่ีถูกจัดข้ึนอยางใหญโตจริงๆ ความศรัทธาท่ีผูอพยพมุสลิมมีตออิสลามได สรางขวัญและกาํ ลังใจท่เี ขมแขง็ เปน พิเศษแกพ วกเขาไปในตัว พวกเขากาวเทาเขาไปในท่ีประชุมแหงน้ัน ดวยความม่ันใจและหนักแนน ญะอฟร บุตรของ อบีฏอลิบเดินนําหนาและมีคนอ่ืนตามหลังเขามาทีละคน พวกเขามิไดใหความสนใจหรือตะลึงงัน ตอสถานท่ีหรือพิธีท่ีถูกจัดข้ึนอยางโออาและยิ่งใหญเลยแมแตนอยนิด ท่ีสําคัญก็คือส่ิงท่ีผูคน ท้ังหลายจะตองปฏิบัติ เมื่อเขาเฝากษัตริยในสมัยนั้น (ก็คือการแสดงความเคารพภักดีดวย อากัปกิริยาอยางดุษณีหรือยอมจํานน) แตพวกเขามิไดปฏิบัติสิ่งนั้นเลย พวกเขาเพียงแตกลาววา ความสนั ตพิ ึงมแี ดท านและทุกๆคน (อัสสลามอุ าลยั กมุ ) การปฏิบัติดังกลาวของกลุมมุสลิมผูอพยพ ในทัศนะของผูท่ีอยูในที่ประชุมน้ัน ถือวาเปนการ ดูหมิ่นตอกษัตริยของพวกเขา หลายคนจึงทักทวงขึ้น และไดรับคําตอบจากกลุมมุสลิมวา “เน่ืองจากหลักการในศาสนาของเราเปนเชนน้ี เราจึงตองอพยพเรรอนมาที่นี่ กลาวคือไมเปนการ อณุญาตท่ีจะใหพวกเราเคารพภักดี โคงหรือกราบกรานตอผูหน่ึงผูใด และสิ่งใดๆ นอกจากพระเจา องคเดียวเทา น้นั ” การสําแดงออก ตลอดจนถอยคําที่กลาวออก มาตอหนาที่ประชุมแหงนั้นของกลุมมุสลิมได สรางความหวาดวติ กใหแ กหวั ใจทกุ ดวงของผทู ่ีอยู ณ ท่ีนนั่ ในขณะเดยี วกันก็สรางความเขมแข็งนา เกรงขาม และไดเ พ่ิมเกีรยติคณุ อันประหลาดย่งิ แกบ รรดามุสลิม ประหน่งึ วาความโออาหรูหราตางๆ ในที่ประชมุ แหง นัน้ แทบจะหมดราศีลงและทาํ ใหเ หน็ ความแตกตางไดอ ยา งชัดเจนทีเดียว กษตั ริยเนกสุ ซ่ึงรับหนา ทเี่ ปนผูซักถามดวยพระองคเอง กลาวขึ้นวา “ศาสนาใหมของพวกทาน คอื ศาสนาอะไร ทาํ ไมจึงขดั กบั ศาสนาเดมิ ของพวกทา นเองและศาสนาของเราดว ย” ผนู าํ ของบรรดามุสลมิ ในอบสิ สิเนยี คอื ญะอฟร บตุ รของอบีฏิลิบ พี่ชายของทานอิมามอะลี ซึ่ง ไดม ีการตระเตรยี มกันไวแลววา คือผูที่จะรับหนาที่ในการตอบคําถามตางๆ เอง จากน้ันญะอฟรจึง ตอบกษัตริยเนกุสวา “เราคือประชาชาติซึ่งเคยมีชีวิตอยูแบบผูไรสติปญญา พวกเรากราบไหวและ บูชารูปปน เราเคยปฏิบัติไมดีตอเพ่ือนบานของเราเอง เราเคยรวมประเวณีแบบสําสอนไมถูกตอง ตามหลักการ เราเคยตัดขาดจากเครือญาติ เราเคยรับประทานซากสัตวท่ีตายแลว และผูมีอํานาจ ในพวกเราชอบที่จะแยงชงิ สทิ ธิของผอู อนแอกวา ในขณะทเี่ ราอาศยั และใชชวี ติ อยูในสภาพนั้น พระ 67
ผูเปนเจาไดทรงแตงต้ังศาสดาทานหน่ึงมายังพวกเรา ซึ่งฐานะแหงความเปนผูบริสุทธ์ิของทานน้ัน เปนท่ีรูกันอยางดีในหมูพวกเรา ทานไดเชิญชวนพวกเราใหรูจักความเปนเอกะของพระผูเปนเจา และเคารพภกั ดีตอพระองคเพียงผูเดียวเทาน้ัน ทานหามปรามพวกเราจากการกราบไหวบูชารูปปน หิน ไมและธรรมชาติทั้งหลาย ทานส่ังใหเราพูดแตความจริง ซ่ือสัตยในคํามั่นสัญญา และสราง ความสัมพันธตอเครือญาติ ใหเกียรติเพ่ือนบานและคนอ่ืนๆ ทานหามพวกเราจากการรวมประเวณี โดยไมถูกตองตามหลักการ และหามกลาวถอยคําที่เปนมุสา หามฉอโกงทรัพยสินของเด็กกําพรา และกลาวหาตอหญิงบริสุทธ์ิ ทานสั่งแกพวกเราวา จงอยานําเอาสิ่งใดมาเทียบเคียงกับพระผูเปน เจา ในการเคารพภักดีพระองค และใหภกั ดตี อ พระองค บรจิ าคทาน และการถือศีลอด ฯลฯ พวกเราเช่ือฟงและศรัทธาในตัวทาน ใหคําปฏิญาณตนตอทาน และปฏิบัติตามคําส่ังของ ทานทุกประการ ตามที่ไดกลาวมาแลวขางตน แตทวาชนเผาของเราผูปฏิเสธคําสอนของทาน รุกรานขัดขวางพวกเรา และหลอกลอพวกเราใหหนีหางออกจากคําสั่งตางๆ ของทาน ใหกลับไปใช ชีวิตในสภาพเดิมที่พวกเราเคยเปนอยู น่ันก็คือการกลับไปกราบไหวบูชารูปปน และใชชีวิตอยูใน สภาพเดิมที่เคยเปนมา เมื่อพวกเราปฏิเสธ พวกเขาก็ทารุณกรรมพวกเรา และนี่คือสาเหตุท่ีทําให พวกเราตองเรรอนอพยพมายังประเทศของทานและพวกเรามีความหวังวาในสถานท่ีแหงน้ี เราจะ ได้ัรบั ควมอบอุน และอยูในความคมุ ครองของทานดวย” เม่ือทานญะอฟร บุตรของอบีฏอลิบกลาวจบ กษัตริยเนกุสจึงกลาวข้ึนวา “คําพูดตางๆ ที่ ศาสดาของพวกทานกลาวอางวาเปนวิวรณ และมาจากอีกโลกหนึ่งท่ีถูกประทานมายังทาน พวก ทา นสามารถทองจาํ บทหน่ึงบทใดจากคัมภีรน ั้นไดบางไหม” ญะอฟร “ไดขอรบั ” กษตั รยิ เนกสุ “ดงั นน้ั จงกลา วมาสักหน่ึงบทท่ีทานรูมา” ญะอฟร บุตรของอบีฏิลิบ เขาใจถึงสถานการณดี เน่ืองจากทุกคนท่ีรวมอยูในที่ประชุมแหง นั้นเปนผูท่ีนับถือศาสนาคริสต โดยเฉพาะกษัตริยเนกุสและบรรดานักบวช (บาทหลวง) ณ ท่ีน้ันมี คัมภีรอินญีลอันสูงสงวางอยูเบื้องหนาของทุกคน จึงเรียกไดวาเปนท่ีประชุมของคริสตศาสนิกชนก็ วาได ทานญะอฟรจึงเลือกเอาบทมัรยัม (มารีมารดาของพระเยซู) เพื่อใหเขากับสถาการณใน ขณะนั้น เพราะเปนเร่ืองราวที่เก่ียวกับทานหญิงมัรยัม ทานศาสดาอีซา ศาสดายะหยา (จอหน เดอะแบ็บติสท) และทานศาสดาซาการียา (ชากาเรีย) ทานเริ่มอานเปนวรรคสั้นๆ ดวยเสียงอัน ไพเราะเปนพิเศษดวยความม่ันใจและหนักแนน ซ่ึงมันเปนความปรารถนาของทาน ที่ตองการจะ อานโองการเหลาน้ี เพราะภายในโองการเหลานั้น มีการอรรธถาธิบายท่ีชัดเจนเที่ยงธรรมและ ถูกตอง (ของคัมภีรอัลกุรอาน) ในเรื่องราวของทานศาสดาอีซา และทานหญิงมัรยัม แกชาวคริส เตียนระดับแกนนําในที่แหงน้ันทุกคน และตองการที่จะเปดเผยใหพวกเขาเขาใจวา (ในคัมภีรอัลกุ รอานก็ไดกลาววา) เมื่อสถานภาพของทานศาสดาอีซาและทานหญิงมัรยัม ขึ้นไปสูการเปนผู 68
บริสุทธิ์ท่ีสูงสง และท้ังสองมิไดสอแสดงสัญญาณหน่ึงสัญญาณใดออกมา เพื่อใหเห็นถึงความเปน พระผเู ปน เจา เลย ผูท ่ีรว มอยใู นทีป่ ระชมุ ตา งตะลึงงนั หลายคนนา้ํ ตาหล่ังลงมาอาบแกม จากนั้นกษัตริยเนกุสจึงไดกลาววา “ขอสาบานตอพระเจาที่เท่ียงแท สิ่งที่พระเยซูเคยกลาว เอาไวก็คอื สง่ิ นี้ ถอยคําท้งั หลายเหลา น้ีกบั คาํ พดู ของพระเยซูมาจากรากฐานเดียวกัน” หลงั จากน้ันพระองคจึงหันไปหาตัวแทนของเผากุเรชและกลาววา “พวกเจาจงออกไปเสียจาก ที่นเ่ี ดยี่ วนี”้ และทรงส่ังใหค นื ของกาํ นัลทีพ่ วกเขานํามากลับไปดวย ตอมาไมนานกษัตริยเนกุสก็เขารับอิสลามอยางเปนทางการ และส้ินพระชนมในปที่ 9 ห ศักราชอิสลาม ทานศาสดาไดนมาซแกผูเสียชีวิตใหพระองค จากแดนไกล (หมายเหตุ อบิสสิเนีย คอื เอธโิ อเปยในปจ จบุ นั นนั่ เอง (ผูแปล) ) (61) ๕6… ผปู ระกอบการงานและแสงแดด เมอ่ื อิมามซอดกิ อยใู นชดุ เสื้อผา ชุดเกา ๆ ท่ใี ชในการทํางาน มือถือพล่ัวที่ใชสําหรับพรวนดิน ขมักเขมนอยูกับการทํางานภายในสวนของทานเอง จนเหง่ือไหลโทรมกาย ในระหวางน้ันเอง อุมัร ชีบานียไดเดินเขามา และเมื่อเห็นทานอิมามอยูในสภาพท่ีเหน็ดเหน่ือย ทามกลางแสงแดดเชนน้ัน เขาก็คิดวาสาเหตุท่ีทานอิมามจําเปนตองจับพล่ัว และตรากตรําทํางานหนักดวยตนเองเชนน้ี อาจจะเปนเพราะทานอิมามไมมีผูใดเปนผูชวยเหลือ ทานจึงจําเปนตองทํางานดวยตนเอง เขาเดิน เขามาใกลทานอิมาม แลวกลาววา “สงพลั่วพรวนดินมาใหฉันเถิด ฉันจะชวยทํางานใหทาน “ ทานอิมามกลาวกบเขาวา “ไมตองหรอก อันท่ีจริงแลวฉันรักและชอบผูชายซึ่งมีความ อุตสาหะพยายามเพ่ือใหไดมาซงึ่ ปจจยั ยังชพี ภายใตแสงแดดทีแ่ ผดจา” (62) 57…. เพ่ือนบา นคนใหม ชายซึ่งเปนผูชวยเหลือทานศาสดาคนหน่ึง ซื้อบานแถบชานเมืองมะดีนะฮไวหน่ึงหลัง เม่ือ เขายา ยไปอาศยั อยทู ่ีบานหลังนัน้ แลว เขาจึงมารูภายหลังวาเพื่อนบานท่ีใกลชิดของเขาผูหนึ่งเปนผู ทข่ี าดคุณธรรมความดีและไรม ารยาท เขาจึงมาหาทานศาสดา และกลาวกับทานวา “ฉันไดซื้อบานหลังหนึ่งแถบชานเมืองมะดี นะฮ และยา ยส่งิ ของไปอยูที่นั่นแลว แตที่นาเสียใจอยางหนึ่งคือเพื่อนบานที่อยูใกลกับฉัน นอกจาก ฉันจะไมไดร ับความสงบแลว ฉันยังไมไดรับความปลอดภัยจากความช่ัวรายของเขาดวย และฉันไม แนใจวา เขาจะไมกอ ใหเ กิดภยั อนั ตรายแกฉันในภายหนา ทานศาสดาจึงมคี ําส่ังใหผูศรัทธาส่ีทานคือ อะลี ซัลมาน อบูซารและอีกคนหน่ึง (ซ่ึงไมเปน ที่แนชัดวา คือผใู ด แตมผี ูใหทศั นะวา อาจจะเปนมกิ ดาด) ใหไ ปปาวประกาศดว ยเสียงอนั ดังในมัสยิด แกประชาชนท้ังชายหญิงวา “ใครก็ตามท่ีเพื่อนบานของเขามิไดอยูในความคุมครองของเขา เขาไม ไมใ ชผูศรทั ธา“ 69
คําประกาศนถ้ี ูกกลา วขน้ึ ถึงสามคร้ังดวยกัน หลังจากน้ันทานศาสดาไดยกมือของทานขึ้น และช้ไี ปทัง้ ส่ีทศิ แลวกลาววา “ทกุ ๆ ทิศจํานวนสีส่ บิ หลงั คาเรือนก็ถกู นับวา เปน เพอื่ นบาน” (63) 58… คําสัง่ เสียสดุ ทา ย เมอ่ื ทา นหญงิ อมุ มุฮามีดะฮม ารดาของทา นอิมามมูซากาซิม เห็นอบบู าศีร ซ่ึงเขามาพบนาง เพ่ือกลา วแสดงความเสียใจตอการจากไปของสามีผูยิ่งใหญของนาง (อิมามซอดิก ) นํ้าตาของนาง ไดใหลนองออกมา อบูบาศีรถึงกับอดกล้ันอารมณไมอยู จึงรองใหออกมาเชนเดียวกัน เมื่อทาน หญิงอุมมุฮามีดะฮหยุดรองให นางจึงกลาวแกอบูบาศีรวา “ทานไมไดอยูในชวงลมหายใจสุดทาย ของทา นอิมาม เพราะไดเกิดเหตกุ ารณที่นา แปลกใจ” อบูบาศีรจึงถามวา “เกิดเรื่องอันใดหรือครับ” นางตอบวา “ในชวงลมหายใจสุดทายของ ทานอิมามซอดิก ดวงตาของทานปดอยูอยางสงบนิ่ง ฉับพลันทานไดลืมตาขึ้นแลวกลาววา “จง เรียกบรรดาญาติพี่นองของฉันมาใหหมดทุกคน” ซ่ึงพวกเราตกตะลึงกันมากเพราะในชวงวิกฤติ เชน นี้ ไฉนทานอิมามจึงออกคําสั่งอยางเรงดวน พวกเราจึงใหความสําคัญมาก จากน้ันทุกคนจึงมา รวมกันหมด ไมวาจะเปนญาติพี่นองหรือคนใกลชิดของทานอิมาม ทุกคนตางก็เฝาคอยวาใน ชว งเวลาทสี่ ําคัญเชนนีว้ า ทา นอิมามจะกลาวหรือปฏิบตั ิส่งิ ใด เม่อื ทา นอิมามเห็นทุกคนมารวมตวั กนั หมดแลว ทานจึงกลา วแกพ วกเขาวา “การชว ยเหลือ ของเราจะไมถูกมอบใหแ กบ คุ คลท่ีไมไ ดใ หความสาํ คัญกบั การนมาซ (เคารพภักดีตอพระเจา) อยาง แนน อน” (64) 59… นุซยั บะห บาดแผลลึกท่ีจารึกอยูบนไหลของนุซัยบะห บุตรสาวของกะบ (ซ่ึงนางถูกเรียกวา อุมมุอา มาเราะห ตามช่อื บตุ รชายของนางเอง) ยังคงเหลือรองรอยใหเห็นอยู ซ่ึงเปนบาดแผลฉกรรจท่ีไดรับ ในอดีตที่ผา นมา บรรดาสตรีโดยเฉพาะหญงิ สาว ซึ่งพวกเธอไมไดสัมผัสกบั ชวงสมยั ของทา นศาสดา เน่ืองจากในขณะน้ันพวกเธอยังเปนเด็กเล็กๆ อยู ทุกครั้งท่ีไดเห็นบาดแผลลึกท่ีไหลของนุซัยบะห ดว ยความอยากรูอยากเห็น พวกเธอจึงสอบถามถึงเหตุการณในคร้ังนั้นวาเปนมาอยางไร และอะไร คือสาเหตุของบาดแผลที่อยูบนไหลของนุซัยบะห ทุกคนประสงคท่ีจะฟงเรื่องราวท่ีนาฉงนของนุ ซัยบะหในสงครามอุฮดุ จากปากของนางเอง นุซยั บะหเ องนั้น ไมเคยคาเคดิ มากอนเลยวานางและสามีพรอมลูกชายสองคน จะไดรวมอยู ในสมรภูมิรบในสงครามอุฮุด เคียงบาเคียงไหลกับบรรดานักรบทั้งหลาย เพื่อปกปองทานศาสดา นางเพียงแตมีหนาท่ีแบกถุงหนังบรรจุน้ํา เพื่อแจกจายแกทหารและผูที่ไดรับบาดเจ็บจากการตอสู และไดนําผา พนั แผลติดตวั ไปดว ย เพื่อท่ีจะใชก ับผทู ี่ไดรับบาดเจ็บ นางไมเคยคาดฝนมากอนเลยวา จะไดปฏิบตั ภิ ารกจิ ทีม่ ากไปกวาสองอยา งทีก่ ลา วมาแลว 70
เมอ่ื การสรู บเรม่ิ ข้ึน แมว าฝา ยมุสลมิ จะมจี าํ นวนทหารทไ่ี มมากมายและอาวธุ ยุทโปกรณก ไ็ ม พรอมเทาไรนัก แตก็สามารถบุกทะลวงขาศึกไดอยางกลาหาญ จนทําใหฝายศัตรูหนีแตกกระเจิง และท้งิ ทองทะเลทรายทวี่ างเปลา เอาไว แตเพราะการละเมิดคําส่ังและความประมาทของผูที่เฝาอยู ณ. เนินเขา เพียงชั่วอึดใจเดียวศัตรูไดโจมตีทางขางหลัง สถานการณจึงเปล่ียนไป และทหารมุสลิม สว นหนง่ึ ไดแ ตกทัพหนจี ากทา นศาสดากันเปน จาํ นวนมาก นุซัยบะหมองเห็นสถานการณทกี่ ําลงั เกิดข้ึนเชนน้ัน นางรีบวางถุงหนังลงบนพิ้นดิน แลวควา ดาบไวในมือทันที บางคร้ังนางตอสูกับศัตรูดวยดาบ และบางคร้ังก็ตอสูดวยการยิงลูกธนู โลกําบัง ของพวกนักรบที่ตกอยูบนพื้น นางก็หยิบขึ้นมาและใชเปนเกราะกําบังคมดาบของศัตรู ทันใดนั้น นางก็ไดยินเสียงของทหารฝายศัตรูผูหน่ึงตะโกนข้ึนมาวา “มุฮัมมัดอยูไหน มุฮัมมัดอยูไหน” นุ ซัยบะหวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที และใชดาบฟนลงไปที่รางของทหารผูนั้นหลายครั้งดวยกัน แต เน่ืองจากทหารศัตรูผูนั้น สวมเส้ือเกราะหนาถึงสองชั้น ดาบที่นุซัยบะหกระหน่ําฟนลงไปจึงไรผล มันผูน้ันไดหันมา และฟนลงไปท่ีบาของนางอยางแรง เม่ือทานศาสดาเห็นเลือดพุงออกมาจากไหล ของนุซัยบะห ทานจึงเรียกลูกชายคนหน่ึงของนาง และกลาวกับเขาวา “รีบไปจัดการกับบาดแผล ของมารดาเจาเด่ียวน้ี” เขาจึงรีบรุดไปหามารดาของเขาและพันแผลใหนางอยางดี หลังจากนั้นนาง จงึ ลกุ ขึ้นตอ สกู บั ศตั รอู กี คร้งั หนงึ่ ในระหวางนั้นเอง นุซัยบะหเห็นลูกชายของนางไดรับบาดเจ็บเชนเดียวกัน นางรีบเอา ผาพันแผลท่ีนางพกติดตัวมาดวย แลวนําออกมาพันท่ีบาดเจ็บใหบุตรชายของนาง ทานศาสดา มองเห็นความหาญกลาของสตรีผูนี้ ทานถึงกับเผยย้ิมออกมา และเมื่อนุซัยบะหไดพันแผลใหบุคร ชายของนางเสรจ็ แลว นางจึงกลาวแกเขาวา “โอ บุตรของฉันจงเคลื่อนไหวไปโดยรีบเรง และเตรียม สรู บตอ” นุซัยบะหยังไมทันจบคําพดู ของนาง ทา นศาสดาไดชไ้ี ปยงั ชายผหู น่ึงและกลาววา “นนั่ คอื ผู ซึ่งทํารายบุตรชายของเจา” นุซัยบะหลุกขึ้นจูโจมชายผูเปนศัตรูนั้นทันทีประหนึ่งพญาราชสีย และ ฟนลงไปที่นองของชายผูนั้น จนลมลงบนพื้นดินในท่ีสุด ทานศาสดากลาววา “เจาไดแกแคนอยาง สาสมแลว ขอขอบคณุ พระองคพระผเู ปนเจา ท่ีทรงประทานความมชี ัยแกเ จา และทรงเปด แสงสวาง แกด วงตาของเจา” สวนหน่ึงของมุสลิมไดสละชีพไป และบางสวนไดรับบาดเจ็บ นุซัยบะหมีบาดแผลท่ีไหลและ ฉกรรจมากจนนางไมค ิดวา จะมีชวี ิตอยูอ กี ตอไปได หลังจากสงครามอุฮุดผานไป เพื่อเปนการแนใจตอสถานการณของฝายศัตรู ทานศาสดาจึง ออกคําส่งั ใหเดนิ ทางไปสู “ฮัมรออลุ อะสัด” เมือ่ กองทหารเรมิ่ ออกเดนิ ทางนซุ ยั บะหม คี วามประสงค จะรวมเดินทางไปดวย ในขณะท่ีอยูในสภาพเชนน้ัน แตเนื่องจากบาดแผลฉกรรจที่นางไดรับทําให นางไมสามารถเคลือนไหวไดสะดวกงายดายนัก เม่ือทานศาสดาเดินทางกลับจาก ฮัมรออุล อะสัด ยังไมทันที่จะกลับเขาบาน ทานศาสดาไดสงคนไปดูอาการของนุซัยบะห และถามไถถึงบาดแผล 71
ของนาง เม่ือทานศาสดาไดรับทราบขาวจากอาการที่ดีขึ้นของนาง ทานรูสึกปติยินดีเปนอยางยิ่ง (65) 60… ความประสงคข องทา นศาสดาอีซา วันหนึ่งทานศาสดาอีซไดกลาวกับสาวกของทานวา “ฉันมีความประสงคในส่ิงหนึ่งซ่ึงถา หากพวกทานใหสัญญาวาจะกระทําใหฉันได ฉันจึงจะบอกใหพวกทานรู” บรรดาสาวกกลาววา “ทกุ สงิ่ ทุกอยา งท่ีทานสั่ง เราจะปฏบิ ัติตามทันท”ี จากน้ันทานศาสดาอีซาจึงลุกขึ้นจากท่ี และไดชําระลางเทาของสาวกแตละคนจนครบ หลงั จากน้นั บรรดาสาวกตางก็เสียอกเสยี ใจตอเหตกุ ารณน้ันไปตามๆ กนั แตเน่ืองจากพวกเขาไดให สัญญาตอทานศาสดาอีซาไปแลว วาจะตอบรับความประสงคของทาน พวกเขาจึงตองจําใจยอม ภายหลังจากทานศาสดาอีซาลางเทาใหพวกเขาทุกคนแลว บรรดาสาวกจึงกลาววา “ทานอาจารย ของพวกเราที่เคารพนับถือ ตามความเปนจริงแลว เปนการสมควรย่ิงท่ีพวกเราจะตองชําระลางเทา ของทาน มากกวา ทีท่ า นจะมาลา งเทา ของพวกเราในลักษณะเชน น้ี” ทานศาสดาอีซากลาววา “ฉันกระทําส่ิงน้ีเพ่ือความเขาใจแกพวกเจาวา ผูรูท้ังหลาย เขาจะ ดีเลิศกวาทุกคนไดก็ตอ เมื่อเขารับใชประชาชน (หมายถึง ผูรูจงอยาไดคิดวาฉันน้ันเปนผูรู และ ประชาชนจะตองรับใชฉัน แตในทางตรงกันขาม ผูรูท่ีดีเลิศที่สุดคือผูรูที่รับใชประชาชนนั่นเอง) ฉัน ไดปฏิบัติสิ่งที่ทําใหตัวของฉันเองมีความถอมตนยิ่งข้ึน และใหพวกเจาไดเรียนรูสิ่งนี้ และภายหลัง จากฉัน พวกทานตองรับหนาทีใ่ นการสง่ั สอนและนาํ ทางประชาชน พวกทานจงทาํ ใหแ บบอยางและ แนวทางของพวกทาน อยูภายใตการรับใชสิ่งถูกสรางเถิด โดยเฉพาะรากฐานแหงวิทยปญญา จะ เจริญงอกงามไดในสถานท่ีๆ มีความออนนอมถอมตน ไมใชอยูบนสถานท่ีซึ่งเต็มไปดวยความหย่ิง ทรนง เหมอื นกับตน หญา ทมี่ ันจะเจริญงอกงามข้ึนมาได (66) 61… ความรจู ากการเก็บรวบรวมฟน ในทะเลทราย ครัง้ หน่งึ ในการเดนิ ทางของทานศาสดา รว มกับเหลา สาวกของทาน เม่ือถึงเวลาหยุดพัก ณ สถานท่ีแหงหนึ่ง ซึ่งเปนสถานท่ีทุรกันดารมาก ไมมีแมแตหญาสักตนเดียวในที่แหงนั้น เมื่อทุกคน หยดุ พกั ผอนกันแลว ฟน และไฟจึงเปนส่ิงท่ีจําเปนยิ่งสําหรับพวกเขา ทานศาสดาจึงกลาวข้ึนวา “จง ไปเก็บรวบรวมฟน มาเพื่อกอ ไฟ” ท้ังหมดจึงกลา วตอบแกทานศาสดาวา “โอ ทานศาสดาทานไมเห็น ดอกหรือวา ในสถานที่แหงน้ีเวิ้งวางวางเปลาเสียเหลือเกิน และไมมีส่ิงใดอยูเลย จึงไมนาที่จะมีไม เพ่ือกอไฟขึ้นมาได” ทานศาสดาตอบพวกเขาวา “มาตรวาเปนเชนน้ัน ก็ใหทุกคนใชความพยายาม เทาทที่ กุ คนสามารถหามาได (แมเพยี งเศษเลก็ ๆ กต็ าม)” เหลาสาวกจึงแยกยายกันออกไปในทองทะเลทรายอันวางเปลา และคนหาบนพ้ืนทราย อยางละเอียดถี่ถวน ซึ่งถาพวกเขาเห็นแมวาเศษกิ่งไมเล็กๆ ก็จะเก็บมันข้ึนมาทันที จากนั้นไมนาน 72
เศษไมช้ินเล็กช้ินนอยที่ทุกคนหามาได ตามความสามารถของตัวเอง ก็ถูกนํามากองไวในกอง เดยี วกัน ปรากฏวากลายเปน กองฟน ขนึ้ มาไดก องหนง่ึ ในขณะนั้นเองทานศาสดาไดกลาวขึ้นวา “บาปเล็กๆนอยๆ ก็เปรียบเสมือนเศษไมเล็กๆ นี้ เชนเดียวกัน ซ่ึงไมมีใครใสใจตอบาปเหลานั้น แตทวาทุกสิ่งทุกอยางของผูท่ีคนหายอมมีผลติดตาม มา เหมือนกับพวกทานท่ีหาฟนมา ซึ่งเมื่อรวมกันเปนกองฟนแลวไดถึงขนาดนี้ บาปของพวกทานก็ เชนกัน มันจะพอกพูนข้ึนเร่ือยๆ จนกระท่ังวันหนึ่งพวกทานจะไดเห็นมันจากบาปเล็กๆ เหลานั้น ท่ี พวกทานมองขาม (ไมใสใ จ) วาจะถูกรวบรวมอยมู ากมายเพยี งใด” (67) 62… สุราในวงอาหาร มันศูร ดาวานีกีย บางคร้ังบางคราวเขาไดพยายามใชเลหกลตางๆ นานา เพ่ือเชิญชวน ทานอิมาม จากเมืองมะดีนะฮมายังอิรัก แตก็ไมเปนผลสําเร็จ จากน้ันไมนานเม่ือทานอิมาม เดินทางมายังอิรักดวยตนเองแลว เขาไดใหคนคอยสอดสองติดตามดูความเคลื่อนไหวของทาน อยางใกลชิด บางคร้ังก็ขัดขวางการเดินทางกลับไปยังมักกะฮของทานเปนเวลาหลายวัน เพื่อ ควบคุมทานอิมาม ใหอยูในสายตาของเขาตลอดเวลา ระยะหนึ่งท่ีทานอิมามซอดิก พํานักอยูใน เมืองอิรัก นายทหารผูหนึ่งของมันศูรไดจัดงานเล้ียง เนื่องในการขลิบปลายอวัยวะเพศบุตรชายของ เขา ในงานนัน้ มีการเชิญแขกเหร่ือมากมาย และจัดงานเลี้ยงกันอยางเอิกเริก ผูคนจากหลายชนชั้น ถูกเชิญมาเปนแขกในงานเล้ียงนั้น หนึ่งจากบรรดาผูคนเหลานั้นคือทานอิมามซอดิก แขกตางๆ ท่ีมารวมงานตางนั่งรายลอมรอบกัน และรวมกันรับประทานอาหาร ในระหวางน้ันแขกผูหน่ึงไดรอง ขอน้ําดื่ม แตพวกเขากลับยื่นแกวท่ีมีสุราใหแขกผูนั้นแทนนํ้า (ดวยเลหกลของพวกเขา) เม่ือทานอิ มามซอดิกเห็นดังนั้นทานจึงลุกข้ึนจากสํารับอาหารทันที และเดินออกไปจากงานเล้ียงนั้น พวกเขา จึงไปขย้ันขยอและออนวอนใหทานอิมามกลับเขามาในงานอีกครั้ง แตทานอิมามไมยอมกลับและ กลาววา “ทานศาสดา กลาววา “ใครก็ตามท่ีนั่งรวมอยูในวงสุรา หรือสิ่งมึนเมา พระผูเปนเจาจะ ทรงสาปแชงเขา” (68) 63… การน่งิ ฟง เสยี งอา นอลั กรุ อาน บตุ รของมัสอูด คือผหู นึ่งจากบรรดานกั บนั ทกึ โองการอัลกุรอาน ทุกๆ โองการที่ถูกประทาน ลงมายังทานศาสดา เขาจะบนั ทกึ เอาไวทกุ ตัวอักษร และเรยี บเรยี งอยา งเรียบรอ ย วันหน่ึงทานศาสดากลาวกับเขาวา “จงอานอัลกุรอานใหฉันฟงสักบทหนึ่ง” บุตรของมัสอูด ไดเปดแผนกระดาษที่เขาบันทึกอัลกุรอานเอาไว ซ่ึงตรงกับบิทนิสาอ (ผูหญิง) เขาจึงเร่ิมอานทันที ทานศาสดานง่ิ ฟง อยา งสงบและตั้งใจจนถึงโองการท่ี 41 73
“แลว (ในวันชาติหนาพวกเนรคุณจะมีสภาพ) เปนอยางไรเลา เมื่อเราไดนําสักขีพยาน (คือ ศาสนทูต) มาจากทุกๆ ประชาชาติ และเราจะนําตัวเจา (มุฮัมมัด) มาเปนสักขีพยานแกประชาชาติ น”ี้ หลังจากท่ีบุตรของมัสอูดอานจบโองการนี้แลว ดวงตาของทานศาสดาก็นองไปดวยนํ้าตา และทา นกลา ววา “พอแลว จงยุตแิ คน นั้ ” (69) 64… ชายผูม ีช่อื เสยี งในหมผู ูค น ในยุคสมัยนั้นนามของชายผูหน่ึงถูกกลาวขานกันอยางกวางขวางในหมูประชาชน และ ช่ือเสียงของเขา เปนไปในทางของผูที่มีความยําเกรงตอพระผูเปนเจา และมีความเครงครัดใน ศาสนาเปนอยางยิ่ง ทุกๆ การกระทําของเขา ผูคนจะกลาวขวัญและนิยมยกยองถึงความดีงาม คําพูดตางๆ เก่ียวกับชายผูนั้น ในฐานะท่ีเขาเปนคนธรรมดาสามัญชน ถูกกลาวย้ําครั้งแลวครั้งเลา ตอหนาทาน อิมามซอดิกอยูเสมอ จึงทําใหทานอิมามตองขบคิดและตัดสินใจวาสักวันหนึ่งทาน จะตองไปพบกับชายผูมีเกียรติย่ิง และเปนท่ีรักย่ิงของประชาชนผูน้ันใหจงได โดยท่ีมิตองใหผูใด ไดรับรู วนั หน่งึ ทาน จงึ ไปหาเขาโดยทีไ่ มมีผใู ดรูจักทาน ทานเหน็ บรรดาผูคนที่นิยมชมชอบเขาจาก หลายชนชั้น รายลอมรอบๆ ชายผูนั้น พรอมกับเสียงพูดคุยของผูคนดังออกมาจากวงลอมนั้น ส่ิง แรกทีป่ ระจักษแ กสายตาของทานอิมามกค็ อื ความเปนผูมีมารยาทและสภุ าพ ตลอดจนอากัปกิริยา ทาทางของเขานั่นเองที่เปนเสนหดึงดูดใจแกผูคน ภายหลังจากท่ีผูคนไดแยกยายกันกลับไปจน หมดแลว เขาจึงออกเดินไปตามทางคนเดียว ทานอิมามจึงเดินสะกดรอยตาม เขาไปหางๆ เพื่อที่ ตองการรูวาเขาจะไป ณ แหงใด และไฉนเขาจึงสามารถสรางความดึงดูดใจและมีช่ือเสียงในหมู ผูคน ตอมาไมน านนักชายผนู น้ั ไดม าหยุดยืนอยูหนารานขายขนมปงรานหน่ึง อิมามรูสึกแปลก ใจอยางยิ่งตอส่ิงที่ทานพบเห็น น่ันก็คือทานเห็นเขายืนอยูครูหน่ึงเม่ือปลอดจากสายตาผูคนและ เจาของราน เขาแอบหยิบขนมปงสองชิ้นอยางชาๆ และซอนเอาไวในเสื้อคลุม จากนั้นก็เดินจากไป ทานอิมามก็คาดการณวา บางทีเขาอาจซื้อขนมปงน้ันและจายคาขนมปงไวแลวกอนหนาน้ี หรือ อาจจะใหทีหลังก็เปนได แตมาตรวาเปนเชนน้ัน ไฉนจึงตองคอยใหปลอดจากสายตาของเจาของ ราน แลว หยิบและจากไป เม่ือเปนเชนน้ัน ทานจึงคงติดตามดูพฤติกรรมของเขาตอ และความฉงนที่ทานเห็นจาก รานขายขนมปงยังมิทันจางหาย ทานเห็นเขาไปหยุดยืนอยูหนารายขายผลไมอีก และการ ปฏิบัติการอยางเดียวกันก็เกิดข้ึนอีก เขาถวงเวลาเล็กนอยเมื่อคนขายผลไมเผลอ เขาไดหยิบผล ทับทิมมาสองใบ และแอบซุกไวในเส้ือคลุมอีก จากน้ันจึงรีบเดินมุงหนาออกไป ทานอิมามซอดิกมี ความแปลกใจเพ่ิมขึ้นเปนทวีคูณ จากนั้นความสงสัยของทานอิมามก็ถูกทําใหกระจางออกมาใน ท่ีสุด เมื่อทานเห็นเขามุงตรงไปยังบุคคลผูหน่ึงท่ีกําลังปวยหนัก และไดยื่นขนมปงและผลทับทิมท่ี 74
เขานํามา ใหกับผูปวยคนนั้น ในเวลานั้นเอง ทานอิมามจึงตรงรี่เขาไปหาเขาและบอกกับเขาวา “วนั นีฉ้ นั ไดเหน็ การกระทําที่นาแปลกประหลาดของเจาแลวท้ังหมด” ทานบอกใหเขารับรูวา ทานได ตดิ ตามดพู ฤตกิ รรมของเขามาทุกระยะในวันนี้ และขอคําอธบิ ายการกระทาํ ดังกลา วจากเขาดว ย เขามองหนาทานอิมาม และกลาววา “ฉันคิดวาทานคงเปนญะอฟร บุตรของมุฮัมมัดใช ไหม” อิมาม ซอดกิ : “ใชแลว ทา นคดิ ถูกแลว ฉันคือญะอฟร บตุ รของมุฮัมมัด “ ชายผูนนั้ : “แตทวา ทา นเปน ถงึ ทายาทแหงทานศาสดา และเปนเชอ้ื สายทม่ี เี กยี รตยิ งิ่ แตน า เสยี ดายและเสียใจอยางยิง่ ทที่ านโงเ ขลาเบาปญญาเชนน้ี” อิมามซอดิก : “ทานเหน็ ความโงเ ขลาของฉันตรงไหนหรอื ” ชายผูนั้น : “จากคําถามของทานนั่นเอง คือการบงบอกถึงความไมฉลาดของทาน และก็ เปนท่ีรูกันวา แมกระทั่งการคิดคํานวนงายๆ ในเรื่องของศาสนาทานก็ขาดความรู และความเขาใจ ทานไมรูดอกหรือวาพระผูเปนเจาตรัสไวในคําภีรอัลกุรอานวา “ทุกๆ การกระทําของการงานท่ีดี จะ ไดรบั การตอบแทนถึงสิบเทา ดว ยกัน” และเชน กันพระองคทรงตรสั อกี วา “และทุกๆ การกระทาํ บาป จะมีการลงโทษเพียงเทาเดียว” เม่ือบวกลบกันแลวฉันขโมยขนมปงสองช้ินเทากับฉันมีบาปสอง บาป และฉันขโมยผลทับทิมอีกสองใบ ก็มีเพิ่มอีกสองบาปรวมกันแลวฉันมีบาปส่ีบาปดวยกัน แต อีกดานหนึ่ง ฉันแจกจายขนมปงในหนทางของพระผูเปนเจาถึงสองชิ้น และผลทับทิมอีกสองใบซึ่ง เม่ือคิดคํานวนแลว ฉันจะไดรับคาตอบแทนถึงส่ีสิบเทาดวยกัน และน่ีคือการคิดแบบงายๆ ซ่ึง ผลลัพธของมันก็ชัดแจง คือเม่ือเราเอาสี่มาลบกับสี่สิบผลลัพธก็คือสามสิบหกที่คงเหลือสามสิบหก ดังนั้นฉันไดกระทําความดีถึงสามสิบหกผลบุญดวยกัน วิธีคิดคํานวนแบบงายๆ เชนนี้ ซึ่งฉันไดคิด มนั ข้ึนมา แตทานไรความสามารถตอความเขาใจในมนั เอง อิมาม ซอดิก : “ขอพระผูเปนเจา ประทานความตายแกทาน ผูท่ีโงเขลาเบาปญญา นั่นคือ ทานเอง ซ่ึงคิดคํานวณโดยความคิดของตัวเอง ทานไมเคยไดยินโองการอัลกุรอานดอกหรือท่ีมี ความวา “พระผูเปนเจาจะทรงยอมรับการงานจากบรรดาผูท่ีมีความยําเกรงเทาน้ัน ถึงตรงน้ีทาน เอามาคดิ เอาเองแบบงายๆ ทานน้ันไดต กอยูในการกระทําผดิ บาปอยา งแทจริง ทานยอมรบั ผดิ วา ได กระทําบาปถึงส่ีบาปดวยกัน และเม่ือทานไดข โมยเอาทรพั ยส นิ ของประชาชน มาแจกจายไปในนาม ของการใหท าน มิใชเ พียงแตจะไมไ ดรบั การตอบแทนอยางเดียวเทานั้น แตทวาทานจะตองไดรับผล การกระทําบาปอกี จากทกุ ๆ สีอ่ ยางน้ัน (ท่ีหยบิ เอาสิ่งของจากประชาชนโดยที่เจาของไมรูมาบริจาค ทาน) ดังนั้นบาปอีกสี่บาปบวกกับสี่บาปแรกรวมทั้งหมดแปดบาป และในผลแหงการกระทําของ เจา นั้นไมมีการกระทาํ ความดหี ลงเหลืออยเู ลยแมแ ตน อยนิด” อิมามซอดกิ อธิบายแกเขา ในขณะท่ีสายตาแหง ความงนุ งงและอวดดขี องเขาเพงมองไปยงั ใบหนาของทา นอมิ ามอยา งไมก ระพรบิ ตา จากน้ันทานอมิ ามจงึ ผละจากเขามา และกลับยงั บา นพัก 75
เม่ือทานอิมาม เลาเร่ืองราวนี้แกบรรดาผูใกลชิดแลว ทานจึงกลาววา “การอรรถาธิบาย และสาธยายแบบเดาสุม (ไมมีความรู) ในเร่ืองราวของศาสนา นอกจากจะเปนเหตุใหตนเองหลง ทางแลว ยังทาํ ใหผ ูอ ่นี ตองหลงทางอีกดวย” (70) 65… ถอยคาํ ซง่ึ สรางพละกาํ ลงั แกท านอบฎู อลบิ ในยุคแรกแหง การเผยแผอิสลามทานศาสดา ไดยืนหยัดตอสูกับฝายตรงขามชาวเผากุเรชผู ปฏิเสธดวยความลําบากยากยิ่ง การเผยแผดําเนินไปอยางไมรีรอ เพ่ือใหบรรลุเปาหมายที่ทาน ศาสดาต้งั เอาไว และทา นไดแ นะนําประชาชนใหยุติจากการกราบไหวบูชารูปปนตางๆ และใหพวก เขาใชสติปญญา ในการที่จะยอมรับเอารูปเจว็ดมาเปนพระเจา ทานศาสดาไดบอกใหพวกเขาเลิก การปฏิบัติตามบรรดาบรรพบุรุษ ผูหลงทางของพวกเขาเสีย ทําใหพวกบูชาเจว็ดเผากุเรชมีความ แคนเคืองและเดือดดาลยงิ่ นัก พวกเขาจึงไปพบกับทา นอบูฏอลิบ (ลุงของทานศาสดา) เพื่อใหเปนผู เจรจากับทานศาสดาใหยุติการเผยแผนั้นเสีย มิเชนน้ันแลวพวกเขาจะขัดขวางและลุกข้ึนตอตาน กันเอง ทานอบูฏอลิบไดพูดจาประนีประนอม จนฝายกุเรชผูบูชาเจว็ดยอมกลับไป จากน้ันการเผย แผไดรุดหนาไป มีผลสําเร็จติดตามมามากมาย ประชาชนพากันตื่นตัวและกลาวขวัญถึงการมา ปรากฏของมุฮัมมัด และตางก็ทยอยกันเขารวมกับทานวันแลววันเลา จนพวกกุเรชผูปฏิเสธได ประชุมกันและสรุปออกมาวา จะปลอยใหสถานการณเปนเชนนี้อีกตอไปไมได พวกเขาจึงตกลงใจ ใหคําม่ันสัญญากันวาตองทําทุกวิถีทาง เพื่อที่จะยุติและขจัดความวุนวายน้ีออกไป พวกเขาจึง ตัดสินใจพากันไปพบทานอบูฏอลิบอีกคร้ังหน่ึง เพ่ือที่จะพูดคุยกันถึงเร่ืองดังกลาว และในครั้งน้ี จะตอ งย่นื คําขาดในทนั ที บรรดาหัวหนาเผาของชาวกุเรชไดมาหาทานอบูฏอลิบ และกลาววา “พวกเราไดขอรอง ทานแลววา ใหหยุดยั้งและหามปรามหลานชายของทานเสีย แตทานก็ยังน่ิงเฉย พวกเราไมอยากท่ี จะกระทําอะไรรุนแรงลงไป กอนที่จะเจรจากับทาน ในฐานะท่ีเปนผูอาวุโสและมีเกียรติ อยางไรก็ ตาม นับแตน้ีเปนตนไปความอดทนของเราหมดส้ินลงแลว เพราะเขา (ทานศาสดา) ไดดูหม่ินพระ เจาของพวกเรา ดูถกู สตปิ ญ ญาของพวกเรา และกลาวหาปูยาตายายของพวกเราวา เปนผูหลงทาง ปราศจากความรู เขานําพาประชาชนจากเผาตางๆ รวมทั้งเผาของกุเรชใหออกจากการเคารพบูชา พระเจา (ซ่ึงเปนรูปปน) ของพวกเรา ดังนั้นเรามาในคร้ังน้ี เพื่อย่ืนคําขาดตอทาน ถาหากวาทานยัง มิไดหามปรามหลานชายของทาน จากการปฏิบัติดังกลาว พวกเราจะไมใหเกียรติในความเปนผู อาวุโสของทานอีกตอไป และเราจะประกาศสงครามกับเขาหรือรวมทั้งทานดวย เพ่ือยุติการบอน ทําลายของเขาลงเสียโดยเร็ว การยื่นคําขาดของกลุมผูปฏิเสธชาวกุเรชในครั้งน้ี เปนเหตุให ทา นอบฏู อลิบไมส บายใจอยา งยิ่ง เพราะแตไหนแตไรมาทา นไมเ คยไดย นิ คาํ พูดหยาบคาย และขม ขู ในลักษณะเชนน้ีมากอนเลย ซ่ึงก็เปนที่รูกันดีอยูวาอบูฏอลิบไมมีกําลังพอที่จะตอกรกับชาวกุเรชผู ปฏิเสธกลุมนี้ไดแนนอน มาตรวาเหตุการณไดยืดเย้ือไปสูจุดหนึ่งที่เต็มไปดวยอันตรายแลว ตัวทาน 76
เองและหลานชาย (ทานศาสดา) ตลอดจนครอบครัวของเขาทั้งหมด จะถูกทําลายลงอยางแนนอน ทานจงึ สง คนของทา นไปเพอ่ื เชญิ ทานศาสดามาพบ จากนน้ั ทานอบูฏอลบิ จึงเลา เร่ืองราวท้ังหมดให ทานศาสดารับทราบ และกลาววา “เมื่อเปนเชนนี้ก็จงยับยั้งการเผยแผสักระยะหน่ึง เพราะเราทั้ง สองกําลังอยูในระหวางอันตราย” ทานศาสดาจึงรูไดทันทีวา การย่ืนคําขาดของชาวกุเรชมีผลอยาง มากตอทา นอบฏู อลิบ ดงั นัน้ ทา นศาสดาจึงตอบทา นอบูฏอลิบเพยี งประโยคเดียว ซึ่งมันทําใหความ หวาดวติ กตอคาํ ขตู างๆ ของชาวกุเรชไดหายไป จากความคิดของเขาทันที ทานศาสดากลาววา “โอ ทานลุงท่ีเคารพ !!! ฉันขอกลาวเพียงวามาตรวาพวกเขาจะเอาดวงอาทิตยมาวางไวในมือขวาของ ฉนั และดวงจนั ทรว างไวในมือขา งซา ย แลวใหฉ ันหยุดย้งั จากการเผยแผ ฉนั กจ็ ะไมยุติอยางแนนอน “เม่ือจบคําพูดประโยคนั้นทานศาสดา ไดอําลาทานอบูฏอลิบไปดวยน้ําตานองหนา แตไมทันท่ีจะ ออกไปไดก่ียางกาว ทานอบูฏอลิบไดเรียกทานศาสดาอีก เมื่อทานศาสดาหันกลับมาทานอบูฏอลิ บจึงกลาวขึ้นวา “ถาหากวาเปนเชนนั้น ไมวาจะเกิดส่ิงใดข้ึนก็ตามจงดําเนินการเผยแผตอไปตามที่ เจา เหน็ ดีเหน็ งาม ขอสาบานตอพระองคฉันจะยืนหยัดปกปองคุมครองเจาจนลมหายใจสุดทายเลย ทเี ดยี ว (71) 66… นกั ศกึ ษาผสู ูงอายุ สักกากียคือนักประดิษฐเคร่ืองใชไมสอยฝมือเย่ียม จากความสามารถและพรสวรรคที่มีอยู เขาไดประดิษฐขวดใสน้ําหมึกเล็กๆ ขวดหนึ่งที่สวยงาม พรอมทั้งมีฝาปดท่ีเกไก ซึ่งคูควรแกการ นําเสนอตอกษัตริยในสมัยนั้นเปนอยางยิ่ง เขาไดรับคําชมเชยและสรรเสริญตอผลงานทางดาน ศิลปะของเขาอยูเปนเนืองนิจ วันหนึ่งเขาจึงนําผลงานของเขาเสนอแกกษัตริย ดวยความหวังรอย พันประการทเี่ ขาอาจจะไดรับ แตเหตุการณท่ีไมคาดฝนไดเกิดข้ึน จนทําใหความคิดและการดําเนิน ชีวิตของเขาตองเปล่ียนแปรผันไปโดยส้ินเชิง เพราะวาในระหวางที่กษัตริยกําลังเพลิดเพลินอยูกับ การชมส่ิงประดิษฐของเขาอยูน้ัน เปนเวลาเดียวกับความเพอฝนของสักกากียกําลังคิดเพลิดเพลิน อยูกับการจินตนาการอนาคตของเขา ก็มีเสียงแววมาวานักวิชาการทางดานภาษาและวรรณคดี ตลอดจนผูรูทางกฏหมายกําลังจะเขาเฝา และเม่ือบรรดานักวิชาการเหลาน้ันนั่งกันอยูพรอม ณ เบื้องหนากษัตริย สิ่งประดิษฐของสักกากียจึงหมดความหมายไปในทันที เมื่อกษัตริยหันความ สนใจและเจรจาอยูกบั ผรู ดู งั กลา วจนลืมสักกากยี แ ละสง่ิ ประดิษฐของเขาอยางไมใยดี ส่ิงที่ประจักษ แกสายตาของเขาในครั้งน้ัน เปนสิ่งผลักดันใหเกิดการเปลี่ยนแปลง และมันลํ้าลึกเขาไปในจิต วิญญาณแหงความทะเยอทะยานของเขาในฉับพลัน เขารูวาคํายกยองสรรเสริญจากกษัตริยที่เขา รอคอยนั้นคงจะไมเกิดขึ้นอยางแนนอน รวมท้ังความหวังตางๆ ของเขาที่คาดไวก็มลายสิ้น แตทวา ความรูสึกแหงความทะเยอทะยานไมไดหยุดอยูแคนั้น เขาไมอาจจะนิ่งเฉยอยูไดและเขาจะทําเชน ไร เขาคิดไดวาเขาจะทําส่ิงน้ันสิ่งนี้ส่ิงที่ผูอื่นสามารถ และเขาจะตองเปนเหมืนด่ังนักปราชญ เหลานั้นใหได เขาจะตองศึกษาเลาเรียน และเรียกความหวังตางๆ กลับคืนมากับวิถีทางนี้ (การเลา 77
เรียน) แมวาเขาจะเปนผูท่ีชาญฉลาดสักเพียงใดก็ตาม แตวัยหนุมแนนของเขาไดผานมาแลว จึง ไมใชเร่ืองงายเลยตอการที่จะเร่ิมตนการศึกษาต้ังแตข้ันพ้ืนฐาน และรวมชั้น/กับเด็กวัยรุน แตก็ไมมี หนทางเลอื กใดๆ เหมือนด่งั ปลาเมอื่ มันถกู ยกขน้ึ มาจากน้าํ คราใดจงึ เปน สิ่งใหมตอ มนั ทุกครา ส่ิงที่เจ็บปวดท่ีสุดจากปญหาท้ังหลายคือ เมื่อเขาเร่ิมตนการศึกษา เขามองไมเห็น ความสามารถ หรือพรสวรรคของเขาตอ งานดา นนี้เลยแมแตน อย บางทีอาจเปนเพราะวาระยะเวลา หลายสบิ ปทีเ่ ขาหมกมนุ อยูกบั การงานดา นหตั ถกรรมของเขาก็เปน ได ที่ทําใหค วามสามารถของเขา ในเร่ืองของการศึกษาวิชาการและวรรณคดีแข็งกระดางในท่ีสุด แตไมวาจะเปนเพราะเขามีอายุขัย มากแลว หรือความสามารถของเขาไมมีเลยในดานน้ีก็ตาม สิ่งเหลาน้ันไมสามารถที่จะหยุดยั้งการ ตดั สนิ ใจทีเ่ ขาไดม ุง มัน่ เอาไว เขาไดศกึ ษาเลาเรยี นอยางเอาจรงิ เอาจัง จนในท่ีสุดกเ็ กิดเร่อื งข้ึนจนได ผูรูคนหนึ่งซ่ึงเปนอาจารยสอนวิชากฎหมายอิสลามของแนวทางชาฟอีไดสอนเขาวา “ความ เชื่อของครูคือ หนังของสุนัขจะไมสะอาดไดดวยการฟอก” เขาเฝาทองจําประโยคน้ีคร้ังแลวคร้ังเลา เพ่ือที่จะสอบใหไดคะแนนดีๆ แตเมื่อถึงเวลาที่จะตอบคําถามนี้เขากลับอธิบายวา “ความเชื่อของ สนุ ัขคอื หนังของครจู ะไมส ะอาดดว ยการฟอก” เสยี งหวั เราะเฮฮาของนกั เรยี นรว มชัน้ ดังขึ้น ซ่ึงน่ีคือขอพิสูจนสําหรับทุกคนแลวา ชายสูงอายุ ผูนี้ซ่ึงมีความปรารถนาที่จะเลาเรียน แตเขาคงไปไมถึงไหนอยางแนนอน สักกากียไมสามารถจะ ศึกษาในโรงเรียนท่ีอยูในเมืองอีกตอไปได เขาจึงมุงหนาสูทะเลทรายดวยความนอยใจ โลกท่ีกวาง ใหญไพศาลขณะนี้ คับแคบเสียเหลือเกินสําหรับเขา เขาเดินไปถึงเชิงเขาแหงหน่ึงโดยบังเอิญ และ สังเกตเห็นหยดนํ้า ซ่ึงหยดลงบนหินกอนหนึ่ง และผลพวงจากการหยดลงมาของนํ้าวันแลววันเลา สามารถทําใหหินกอนนั้นกรอนเปนรองรอยไดในท่ีสุด เขาใชความคิดคํานึงและฉับพลันความคิด ของเปนเสมือนกระแสไฟฟาซึ่งว่ิงผานสมองของเขา เขากลาวกับตัวเองวา “ดวงใจของฉันถึงแมวา จะไมมีความพรอมเพียงใดก็ตาม แตมันก็มิไดแข็งแกรงไปกวาหินกอนน้ีเลย เปนไปไมไดท่ีมัน (ดวงใจ) จะยืนหยัดโดยปราศจากผลลัพธใดๆ เลย เขาหวลกลับมาอีกคร้ังและใชความพยายาม อยางมากมายจนกระท่ังความสามารถ และพรสวรรคของเขาจุดประกายข้ึนมาในดานของวิชาการ และในที่สุด เขาคือหน่ึงจากบรรดาผูรูทางวรรณคดีท่ีหาตัวจับไดยากผูหน่ึง ในยุคนั้นเชนเดียวกัน (72) 67… นกั พฤกษาศาสตร ภายในสถานศกึ ษาที่ชารลด เู ลนเลาเรียนอยู บรรดาครบู าอาจารยของเขาตางก็หมดหวังใน ตัวชารล พวกเขาไดต กลงกนั วาจะสง ขา วและขอเสนอแนะไปยังบิดาของเขาซึ่งเปนนกั บวชใหไดรูวา อยาไดมีความหวังในตัวลูกชายของเขาทางดานการศึกษาในทางวิชาการมากมายนัก เพราะพวก เขายังมองไมเห็นความสามารถใดๆ ในตัวของชารลเลย จะเปนการดีกวาถาหากสงเขาไปเรียนใน สายวชิ าชพี ท่ีเห็นวาเหมาะสม เพอื่ เขาจะไดม ุง หนา ศกึ ษาในทางนั้น 78
แตทั้งบิดาและมารดาของชารลซึ่งมีความรักและหวงใยในตัวของชารลอยางมากจึงยังไมส้ิน หวัง ทัง้ สองจึงตกลงทจ่ี ะสง เขาเขา เรยี นในวทิ ยาลัยการแพทย แตเนือ่ งจากฐานะในทางการเงินของ ครอบครวั ก็ไมค อยจะดนี ักบางครงั้ จงึ มีอุปสรรคเก่ียวกับคาใชจายในการเลาเรียน แตโชคยังเขาขาง เขาอยูเขาจึงไดรับความเมตตาและชวยเหลือจากชายใจบุญผูหนึ่งซึ่งอยูใจสวนของวิทยาลัย และ รจู ักคุน เคยกบั ชารลเ ปนอยา งดี อยางไรก็ตามความยากลําบากตองเกิดขึ้นแกเขาแนนอนเพราะเขา ไมไดมีจิตใจชอบท่ีจะศึกษาในสาขาที่บิดามารดาของเขาสนับสนุนใหศึกษาเลยแมแตนอย แตเขา รักชอบท่ีจะเรียนสาขาพฤกษาศาสตรมากกวา เพราะเขารักและชอบมวลพฤกษชาติมาต้ังแต เยาวว ยั เขารับมรดกแหงความรักในมวลแมกไมม าจากบิดาของเขาเอง ภายในสวนของบิดาเต็มไป ดวยพันธุไมนานาชนิด ในสมัยท่ีเขายังเปนเด็กอยูทุกครั้งท่ีเขารองใหมารดาของเขาจะตองเด็ด ดอกไมใ หเขาอยูเ สมอ เพ่ือทีเ่ ขาจะไดหยดุ รองให ในระหวางท่ีเขาศึกษาเลาเรียนอยูในวิทยาลัยแพทยน้ันเขาไดพบกับบทความเลมหน่ึงท่ี เขยี นเก่ียวกบั พฤกษศาสตรเปนภาษาฝร่งั เศษ และเขารักท่จี ะใครครวญตอความเรนลับของพชื พนั ธุ ไม ซ่ึงในชวงเวลานั้นเร่ืองหน่ึงซึ่งเปนที่สนใจของเหลานักพฤกษาศาสตรอยางมาก ก็คือการเรียบ เรียงหมวดหมูที่ถูกตองของพันธุไมตางๆ ชารลประสบความสําเร็จในการเรียบเรียงหมวดหมูของ พันธุไมนานาชนิดในรูปของตนตัวผูและตนตัวเมีย ซ่ึงเปนการนําเสนอส่ิงใหมๆ และไดสรางความ สนใจแกผูคนควาทุกคนเปนอยางมาก เขาไดรวบรวมความสําเร็จเปนรูปเลมและไดรับความนิยม อยางแพรหลายจนเปนเหตุใหเขาไดรับตําแหนงหนึ่งที่สําคัญในวิทยาลัยท่ีเขากําลังศึกษาอยู ใน สาขาซง่ึ เปนท่ีแนชัดวาเขามีพรสวรรคอยู แตเนื่องจากความอิจฉาริษยาของผูอื่นจึงเปนอุปสรรคตอ การดาํ รงตาํ แหนง นน้ั ชารลรูสึกปล้ืมปติยินดีย่ิงตอความสําเร็จของเขาซึ่งมันเปนครั้งแรกในชีวิตที่เขาไดล้ิมรสแหง ความสําเร็จ อยางไรก็ตามเขามิไดใสใจตอความไมหวังดีน้ันเทาใดนัก (ความอิจฉา) เขาไดมอบ ภารกิจหนึ่งใหแกตนเอง น่ันก็คือการเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อการคนควาวิจัยเก่ียวกับธรรมชาติ เขาไดตระเตรียมสัมภาระในการเดินทาง ซ่ึงมีกระเปาที่ไมใหญโตนัก เส้ือผา กลองถายรูป และ แผนกระดาษนําหรับบรรทึกจํานวนหนึ่งเขาออกเดินไปลําพังผูเดียวซ่ึงเปนระยะทางถึงเจ็ดพัน กโิ ลเมตร และไดเผชญิ กับปญ หาตา งๆ ท่ีแปลกตาและนาฟงมากมาย ในป 1735 (สามปตอ มา) เขา ไดเดินทางกลับพรอมดวยมรรคผลตางๆ มากมายท่ีเขาไดรับจากการคนควาวิจัย เม่ือเขานึกถึง สวเี ดนซึง่ เปน บา นเกิดเมอื งนอนของเขา เขาคิดวา สําหรับเขามันยังไมมีอะไรที่มั่นคงถาวรนัก เขาจึง มุงหนาสูเมืองฮอมบรูกกอน และที่นั่นท่ีเขาไดเขาชมพิพิธภัณฑแหงหนึ่ง เขาไดเสนอสิ่งท่ีเขาไดรับ มาจากการเดินทางรอนแรมในคร้ังน้ันซึ่งเปนส่ิงมีคาสําหรับเขาอยางมาก และเขามีความภูมิใจตอ สงิ่ นนั้ ดวย เขาไดเสนอสง่ิ นั้นแกหัวหนา พพิ ธิ ภัณฑ ซึ่งมันเปนงูชนดิ หนึง่ สฟี าและมหี ัวเจด็ หวั หัวของ มันแตล ะหัวมเิ พียงแตจ ะคลา ยกับหัวงูเทาน้ัน แตทวายังจะคลายกับหัวของพังพอนอีกดวย หัวหนา 79
ของพิพิธภัณฑรูสึกโกรธแคนผูชมผูน้ีเปนอยางมาก เขาถือวาไมเปนสิริมงคลเลยจึงออกคําส่ังใหไล เขาออกไปนอกพิพิธภณั ฑแ หงนน้ั ทันที ชารลยังคงมุงหนาไปตามวิถีทางของเขาตอ และไดทําวิทยานิพนธุระดับปริญญาเอกใน สาขาแพทยจนสําเร็จ และไดเขียนหนังสือไวเลมหน่ึงในระหวางการเดินทางของเขาชื่อวา “เคร่ืองจักรแหง ธรรมชาต”ิ และถูกตีพิมพในเมืองลีเดน หนังสือเลมน้ีไดสรางชื่อเสียงแกเขาจนโดง ดัง จนกระท่ังมหาเศษฐีในเมืองอัมสเตอรดัมไดเสนอใหเขารับตําแหนงบริหารสวนพฤกษชาติที่ สวยงามของเขา เม่ือเปนเชนน้ันชารลจึงไดโอกาศท่ีจะหยุดพักผอนเสียท่ีกับการรอนแรมที่แสน เหน็ดเหน่ีอยของเขา เขาจึงตอบรับขอเสนอน้ี และดวยความชวยเหลือจากผูอุปถัมของเขาทําให เขาไดมีโดกาสเยือนประเทศฝร่ังเศษในที่สุด เขาไดใชเวลาอยูกับการเก็บรวบรวมพืชพันธุตางๆ ใน ปาดูมูน และในที่สุดโรคคิดถึงบานของผูท่ีจากบานเกิดเมืองนอนไดรุมเรามากเขา เขาจึงเดินทาง กลับประเทศ สวีเดนในที่สุด ซึ่งในประเทศของเขาเองก็ไดรูถึงคุณคาของเขาเปนอยางดี จึงไดมอบ สิ่งท่ีนาภาคภูมิใจและคูควรตอความเปนอัจฉริยะของเขาดวยความพยายามของเขาเอง ซึ่งบรรดา ครูบาอาจารยของสถาบันที่เขาเคยศึกษามาในชวงแรกก็ไดพากันมาแสดงความยินดีตอ ความสําเรจ็ อันสูงสงกบั อดีตศิษยเกา ที่พวกเขามองไมเหน็ วแ่ี ววแหง ความสําเรจ็ มากอน (73) 68… นกั ปราศรัย เดมุสตีน คือนักปราศรัยและนักการเมืองท่ีมีชื่อเสียงหนึ่งของประเทศยูนาน (กรีกใน ปจจุบัน) ซ่ึงถือกําเนิดมาในปเดียวกันกับ อาริสโตเติล (นักปรัชญากรีก) และในขณะเดียวกันก็ เสยี ชีวติ ในปเดียวกันอีกดวย ตั้งแตเขาเร่ิมเติบโตมาหรือจําความไดเขาเฝาฝกฝนตนเองสําหรับการ เตรยี มพรอ มทีจ่ ะเปน นักพดู ทด่ี ี แตม ิใชว า เพื่อทีเ่ ขาจะไดเปนนักเทศนา หรอื เปน ครสู อนจรยิ ธรรมทด่ี ี และไมใชเพ่ือที่จะเปนนักปราศรัยตัวยงในเรื่องของการเมืองหรือสังคม และมิใชเพื่อที่จะเปน ทนายความที่ดีในการพดู โตตอบในชน้ั ศาล แตค วามต้งั ใจของเขาเพียงอยางเดียวคือการท่ีเขาจะได พูดจาตอบโตใหไ ดดที ี่สดุ ในช้ันศาลตอ หนา ผพู ิพากษา กับฝา ยตรงขา มซึ่งพวกเขาเปนผูค วบคุมและ เปน ตัวแทนในการดแู ลมรดกท้ังหมดของบดิ าของงเขาในสมัยท่ีเขายงั เยาววัยอยู และพวกเขาไดฮุบ เอาทรพั ยสินทั้งหมดอันมากมายมหาศาลเหลาน้ันซ่ึงจะตองตกทอดมาเปนมรดกของเขาเอง ไปจน หมดสน้ิ เขาไดใชเวลาฝกการพูดอยูชวงระยะหนึ่ง และในที่สุดเขาก็มิไดรับอะไรเลยแมแตนอยจาก มรดกท่ีพอ ของเขาไดละไวใ ห แตทวาเขากลับมีความสามารถในดานการพูดและปราศรัยมากข้ึนซึ่ง เขาตงั้ ใจไววา จะหาโอกาสปราศรยั ตอหนาฝูงชน ในการปราศรยั ครง้ั แรกเขามีความรสู ึกไมไดสมดัง ใจหวัง (ไมเปนที่นาพอใจ) ความบกพรองตางๆ ในการปราศรัยไมวาจะเปนเรื่องธรรมชาติจาก น้าํ เสยี งของเขาเอง สาํ เนยี งและการใชภ าษา การหายใจสนั้ ๆ หรอื ในดานเทคนิคอนื่ ๆ ของการพดู มี ขอบกพรองใหเห็นอยูอยางตอเนื่อง แตดวยความชวยเหลือและการใหกําลังใจจากบรรดามิตร 80
สหาย พรอมกับความอุตสาหะและความเพียรพยายามของเขาที่มีอยู เขาสามารถลบลางขอเสีย ตางๆ ดังกลาวจนหมดส้ิน จากนั้นเขาไดเตรียมบานหลังหน่ึงซึ่งเปนชั้นใตดินเพ่ือเปนสถานที่ฝกฝน การพูดอยูลําพังผูเดียว เขาไดเอาหินกอนหินเล็กๆใสไวในปากเพ่ือเปนการปรับปรุงสําเนียง และ ภาษาพรอมกับกลาวโคลงกลอนดวยเสียงอันดัง และการว่ิงขึ้นลงระหวางขางบนขางลางเพ่ือทําให มีการหยุดหายใจไดนานๆ ในขณะพูดปราศรัย (เพ่ือจะไดทําใหประโยคไมขาดตอน) หรืออานคํา รอยกรองท่ียาวๆ ดวยลมหายใจคร้ังเดียวเขาไดยืนพูดตอหนาเงาของตนเองเพ่ือที่จะไดเห็นกิริยา ทาทางของเขาขณะกําลังพูด และปรับปรุงทวงทาที่ไมเหมาะสมใหดีข้ึน เขาปฏิบัติดังกลาวซ้ําแลว ซํ้าเลา จนกระทงั่ ตอ มาเขาจึงกลายเปนนกั ปราศรยั ท่ีโดงดงั ผูห นง่ึ ของโลกผหู น่งึ เชนเดยี วกัน (74) 69… มรรคผลจากการไปเยอื นฏออฟิ ในชวงระยะเวลาไลเล่ียกันที่ทานอบูฏอลิบลุงของทานศาสดา และทานหญิงคอดิยะฮ ภรรยาที่แสนดขี องทา นไดจ ากโลกนไี้ ปทาํ ใหท า นศาสดา ขาดผอู ุปถมั ภความชว ยเหลือและคุมครอง เม่ือยามออกเผยแผน่ันคือทานอบูฏอลิบ และบอเกิดแหงความอบอุนใจของทานภายในบานคือ ทา นหญิงคอดยิ ะฮ การจากไปของทานอบูฏอลิบไดสรางความยากลําบากแกทานศาสดาเปนย่ิงนักเหลาผู ปฏิเสธชาวกุเรชไดรังควาญทานศาสดามากยิ่งขึ้น เพียงไมกี่วันภายหลังการจากไปของผูเปนลุง ขณะที่ทานศาสดาเดินอยูในตรอกเล็กๆ แหงหน่ึงภายในเมืองมักกะฮ พวกเขาเทขยะเต็มถังลงบน ศีรษะของทาน ทานศาสดาเดินกลับบานไปในสภาพที่รางกายเปรอะเปอนไปดวยขยะที่สกปรก บตุ รขี องทานศาสดาคอื ทา นหญิงฟาตมิ ะฮไดว ิ่งมาหาบดิ าของนาง และรีบทําความสะอาดศีรษะให ทานศาสดาแลเห็นหยดนํ้าตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของบุตรสาวตัวนอย ทานกลาววา “ลูก นอยของพอจงอยารํ่าใหและอยาระทมทุกขเลย พอของเจามิใชอยูลําพังผูเดียวดอก พระผูเปนเจา คอื ผพู ิทักษข องเรา” หลังจากเหตุการณน้ันผานไปไมนาน ทานศาสดาไดเดินทางออกไปนอกเมืองมักกะฮเแตพี ยงลําพัง และมุงหนาสูเมืองท่ีมีชื่อเสียง และอุดมสมบูรณไปดวยพืชพันธุธันญาหาร ซ่ึงมีช่ือวา “ฏอ อีฟ” ซึ่งตง้ั อยทู างภาคใตข องเมืองมกั กะฮ ซ่ึงเปนแหลง พกั ผอนของกลมุ พอคาผูม่ังค่ังทั้งหลาย ทาน ตัดสินใจที่จะไปเชิญชวน และเผยแผอสิ ลามแกห มูชนเผา “ซากฟิ ” ซึง่ อาศัยอยูในเมืองนั้น อยา งไรกต็ ามทานศาสดาเองมิไดหวังส่ิงใดมากมายนักจากประชาชนเผาซากิฟ เพราะทาน ทราบดีวา ผูคนเหลาน้ันก็มีอุดมการณเดียวกับชาวมักกะฮ ซึ่งแมวาพวกเขาจะอาศัยอยูใกลกับ สถานกะอบะฮ แตใชชีวิตอยูอยางมีความสุขภายใตการเซนไหวและเคารพบูชาเจว็ดตางๆ ที่วาง เรียงรายอยู แตเปนเพราะวาทานศาสดาไมเคยถูกครอบงําดวยความส้ินหวัง ความทอแทหรือแมแตจะ ยอทอ และเฝาครุนคิดตอปญหาท่ีเปนอุปสรรคตางๆนานา ทานเปนเจาของหัวใจที่แกรงกลาเด็ด 81
เด่ียวและมีองคประกอบท่ีสมบูรณแบบ ซึ่งทานพรอมที่จะยืนหยัดเผชิญหนากับปญหาท่ีใหญท่ีสุด อยตู ลอดเวลา เม่ือทานเขาไปยังเมืองฏออิฟ ทานไดฟงคําเยาะเยยถากถางตางๆ ที่ทานเคยไดยินเสมอมา จากชาวมักกะฮ ชายผูหน่ึงกลาววา “ขอถามจริงๆ เถิดวา ในโลกนี้ไมมีใครอีกแลวหรือ พระองคจึง แตง ตัง้ ใหเจา เปนศาสดา” อีกคนหนง่ึ กลาววา “ฉันจะไปขโมยผาคลมุ กะอบ ะฮเสียเดี่ยวน้เี ลย ถา เจา คือศาสนทตู ของพระองค” คนทีส่ ามกลา ววา “ฉนั ไมอ ยากจะคุยกับเจาเลยแมแตคําเดียว” และยังมี ถอยคาํ อีกมากมายที่พวกเขาสรรหามา เพอ่ื ดหู มิน่ ถากถางทา นศาสดา พวกเขามไิ ดตอบโตด วยการ ไมยอมรับฟงทานเพียงอยา งเดยี วเทา นน้ั เนอ่ื งจากพวกเขากลัววาทานศาสดา อาจจะไปพบปะกับ ผูห น่ึงผูใดเขาและสนทนากนั ในเรือ่ งของสัจธรรมอสิ ลามตัวตอ ตวั พวกเขาจึงยุยงเด็กกลุมหน่ึง และ พวกอันธพาลหัวไมอีกจํานวนหน่ึงใหขับไลทานศาสดาใหออกจากเมืองฏออิฟไป พวกเหลานั้นจึง ทาํ รายทาน เพอ่ื ขบั ไลใหออกไปจากเมืองดวยการขวางทานดว ยกอนหนิ และกลาวถอ ยคาํ ผรุสวาท สาปแชงตางๆ นานา ทานศาสดาตองรีบออกจากเมืองฏออิฟ ดวยความเจ็บปวดรวดราวจาก บาดแผล ซ่ึงเกิดจากการถูกขวางปาดวยกอนหิน และพยุงรางไปยังสวนผลไมแหงหนึ่ง ที่อยูชาน เมืองฏออิฟ ซ่ึงสวนดังกลาวเปนของอุตบะฮและชัยบะฮ (สองเศรษฐีจากเผากุเรช) ซ่ึงเปนเวลา เดียวกับท่ีเขาทั้งสองอยู ณ ท่ีแหงนั้น และคอยสังเกตการณอยูอยางมิใหพลาดสายตา ท้ังสองมี ความพึงพอใจตอเหตกุ ารณทเ่ี กดิ ขึน้ ตอทานศาสดา เปนอยาง เมื่อบรรดาพวกเด็กๆ เกเรและอันธพาลแหงฏออิฟไดทยอยกลับกันไปหมดแลว ทานศาสดา จึงทรุดกายลงเพื่อพักผอนใตรมเงาของตนองุน ซึ่งหางจากอุตบะฮและชัยบะฮพอสมควร ขณะน้ัน ทานศาสดาอยูอยางโดดเดี่ยวกับพระผูเปนเจาผูทรงสูงสงของทาน และขอความชวยเหลือไปยัง พระองค ผซู ่ึงไมต อ งการความชวยเหลอื จากสง่ิ อ่นื ใด และกลาววา … “ขาแตพระองคผูทรงอภิบาล ความออนแอและไรทางสูของตัวขาพระองค ขาขอฟองรองตอ พระองคจากการปดกั้นหนทาง และการดูถูกเยยหยันจากเหลาประชาชนน้ี และจากบรรดาผูท่ีกดขี่ ขมเหง พระองคคือพระผูเปนเจาของขาพระองค พระองคจะทรงปลอยใหขาพระองคอยูกับผูใดเลา กับคนแปลกหนาท่ีเขารังเกียจเดียดฉันตอขาพระองค หรือกับศัตรูท่ีพระองคทรงทําใหขาพระองคมี อํานาจเหนือเขา โอพระองคทุกส่ิงทุกอยางที่เกิดขึ้นตอขาพระองค ใชวาขาพระองคจะคูควรตอสิ่ง นั้น หรือใชวาพระองคจะทรงกริ้วโกรธตอขาพระองค หามิไดโอพระผูอภิบาลแหงขาพระองค ขา พระองคภูมิใจอยางยิ่งตอทุกส่ิงทุกอยางที่เกิดขึ้นในวันน้ี ท้ังหมดลวนเปนความโปรดปราน ความ ยินดีและความเมตตาจะแผขยายมากข้ึนสําหรับขาพระองค ขาพระองคขอพึ่งพิงไปยังอาตมันของ พระองค ซ่ึงความมืดมนตางๆ จะสวางไสวดวยรัศมีนั้น และภารกิจตางๆ ทั้งในโลกน้ี และโลกหนา จะถูกตองเที่ยงธรรมดวยรัศมีนั้น มาตรวาจากความพิโรธของพระองคที่ประทานมายังขาพระองค หรือการลงโทษของพระองคที่ลงมายังขาพระองค ขาพระองคขอนอมรับดวยความภาคภูมิใจ โอ พระผเู ปนเจา ของขาพระองค เพื่อทพ่ี ระองคจ ักทรงพงึ พระทัยตอ ขาพระองค ไมมีผเู ปล่ียนแปลงใดๆ 82
และไมมีอํานาจใดในโลกน้ี นอกจากจะมาจากพระองคเพียงเทานั้น และดวยความประสงคแหง พระองคเพยี งผูเดยี ว” อุตบะฮและชัยบะฮซ่ึงแมจะดีอกดีใจตอการพายแพของทานศาสดา แตดวยคํานึงถึงความ ใกลชิดทางเครือญาติ พวกเขาไดสั่งให “อาดาส” (ซ่ึงเปนทาสรับใชชาวคริสเตียนและติดตามพวก เขามาดวย) นําองุนเต็มถาดนํามาใหทานศาสดา ซ่ึงกําลังนั่งอยูใตรมเงาตนองุน พวกเขากําชับให ทาสรบั ใชรบี วางถาดองุนไวต รงหนา แลว รีบกลบั มาทันที โดยมิตองพูดจากบั ทา น อาดาสไดเอาถาดองุนมาวางตอหนาทานศาสดา และกลาววา “เชิญ” ทานศาสดาจึงเอ้ีอ มมือไปหยบิ ผลองุนมา และกอนทจี่ ะรบั ประทานผลองนุ ทา นกลาววา “บิสมิลลาฮ” อาดาสซง่ึ ไมเ คย ไดยินประโยคนี้มากอนเลยในชีวิต และนี่เปนคร้ังแรกท่ีเขาไดยินประโยคน้ี จึงเพงมองไปยังใบหนา ของทานศาสดา และกลาวข้ึนวา “ถอยคําท่ีทานกลาวเม่ือสักครูน้ี มิไดเปนถอยคําที่ประชาชนใน แถบนี้กลาวกนั มนั เปน ประโยคท่ีหมายถงึ สิ่งใดหรอื ” ทา นศาสดา : “อาดาส เจา มาจากแหงหนใดหรือ และเจา นบั ถอื ศาสนาอะไร” อาดาส : “พ้ืนเพเดิมของฉนั คอื นัยนาวา และฉนั เปนครสิ เตยี น” ทานศาสดา : “ชาวนัยนาวา ชาวเมืองของบาวผูมีความยําเกรงตอพระผูเปนเจา ยูนุสบุตร ของมาตาหรอื ” อาดาส : “อะไรกันน่ี!!! ทานอยูที่นี่ทามกลางหมูชนเหลาน้ีทานรูจักช่ือของยูนุส บุตรของ มาตามาจากแหลงใดกนั เม่อื ฉันอยทู นี่ ัยนาวาจะหาใครสักสิบคนเพื่อที่จะถามพวกเขาวารูจักช่ือมา ตาบดิ าของยูนุสหรอื ไมกม็ ิพานพบ” ทานศาสดา : “ยูนุสคือพ่ีชายของฉัน เขาเปนศาสนทูตของพระผูเปนเจา และเชนเดียวกัน ฉนั ก็คือศาสนทูตของพระองคด วย” อุตบะฮกับชัยบะฮเม่ือเห็นอาดาสยืนน่ิงเฉยอยูเชนนั้น จึงรูไดทันทีวาเขากําลังสนทนาอยู กบั ทานศาสดาอยางแนนอน จึงสรา งความไมพึงพอใจแกเขาทั้งสองเปนอยา งยง่ิ เพราะสิง่ ทชี่ าวกุเร ชและกลุมผูปฏิเสธแหงมักกะฮกลัวท่ีสุดจากทุกๆ สิ่งก็คือ การสนทนาสองตอสองระหวางทาน ศาสดากับผูคนท้ังหลาย ตอมาเพียงชั่วขณะเดียว พวกเขาจึงเห็นอาดาสคุกเขาลงพรอมกับจุมพิต มือและท่ัวทั้งเรือนรางของทานศาสดา คนหนึ่งจากพวกเขาจึงกลาวข้ึนวา “เห็นหรือยังวาเขาได ทาํ ลายทาสผูไมม ีทางสูเ ขาใหแลว ” (75) 70… อบู อสิ ฮาก ซอบีย อบูอิสฮาก ซอบียคือนักปราชญและนักเขียนผูมีชื่อเสียงในศตวรรษที่ส่ีของศักราชอิสลาม ชว งระยะเวลาหน่ึง เขาไดร ับหนา ทเ่ี ปน สมุหบัญชีในราชสํานักของคอลีฟะฮอับบาสยะฮ และในราช สํานักของอิซซัดเดาละฮ บัคติยาร (อาลิบาวัย) อบู อิสฮาก เปนผูนับถือแนวทางซอบีย ซึ่งมีความ เชือ่ ตอความเปน เอกะของพระผเู ปน เจา แตไ มย อมรับหลักการแหงผสู ่ือสาสน นาบูวัต อิซซัดเดาละฮ 83
บัคติยาร พยายามอยางยิ่งที่จะใหเขาเขารับอิสลามแตก็ไมเปนผลสําเร็ จจึงไดแตเพียงทําใหอบูอิส ฮากพอใจตออิสลามเทาน้ัน อบู อิสฮากถือศีลอดในเดือนรอมฏอนเพื่อใหเกียรติแกมุสลิมและ ทองจําอัล กุรอานไดเปนจํานวนมาก เขาไดเอยถอยคําจากอัล กุรอาน และนํามาเขียนไวใน จดหมายและขอเขียนตางๆ ของเขาอยางมากมาย อบู อิสฮากคือชายผูคงแกเรียนเปนนักเขียน นัก วรรณคดี และกวี เปนมิตรสหายของทานซัยยิดชาริฟริฎอ (ซ่ึงเปนอัฉริยะบุคคลที่มีความรู ความสามารถอยางมาก) อบูอิสฮากเสียชีวิตประมาณในป ฮ.ศ.384 และในพิธีฝงศพของเขาทาน ซัยยิดชาริฟริฎอ ไดอานบทกวีเพ่ือไวอาลัยและแสดงความเสียใจตอการจากไปของเขา ถึงสามบท ดว ยกนั มใี จความวา…. “พวกเจาเห็นหรือไมว า บุคคลน้ันคอื ใคร ผทู ี่ถกู วางลงในหีบศพและกาํ ลงั เคล่ีอนยา ยไป พวกเจา เหน็ หรอื ไมว า แสงสวา งแหง ชุมชนไดมอดลงเชน ไร เสมอื นภูเขาลกู หนึ่งไดพ ังทะลาย ซ่งึ ถาหากวามันไดพ งั ทะลายลงในทองทะเล ความต่ืนตระหนกก็จะบงั เกิดขึน้ ทองทะเลก็จะเต็มไปดวยฟองของมนั ทันที กอ นท่ฉี นั ยงั ไมเ ห็นดนิ กลบรา งของทา น ฉันมิเคยเชอื่ เลยวาดินสามารถจะทบั ถมภเู ขาทีม่ หึมาได” หลังจากนั้นไมนานทานซัยยิดก็ถูกเยยหยันถากถางจากบรรดาผูท่ีไมมองการณไกล พวก เขากลาววา “ไมคูควรอยางยิ่งท่ีบุคคลเยี่ยงทานซ่ึงเปนเสมือนผงธุลีหน่ึงของทานศาสดา ที่จะมา กลาวบทกวีแสดงความโศกเศราและเสียใจ ตอการจากไปของชายผูซึ่งนับถือแนวทางซอบีย และ ปฏิเสธบทบญั ญัติของเราตลอดมา ทา นซัยยดิ ตอบวา “ฉันไดกลา วกวีแสดงความอาลัยตอ วชิ าการและความรขู องเขา มากกวา ทีฉ่ ันจะแสดงความอาลัยแกต ัวเขา” (76) 71…ปรารถนา (ในการคนหา) ความจรงิ ความปรารถนาในการแสวงหาสัจธรรม และการมุงไปสูแหลงกําเนิดแหงความเช่ือม่ันใน พระผเู ปนเจา ไดสรา งความรอ นรมุ ใจใหแกอ ุนวาน บัสรีย เปน อยางยิง่ เขาออกเดินทางไกลมุงหนาสู เมืองมะดีนะฮ ซ่ึงเปนศูนยรวมของบรรดาผูรู และนักรายงานวจนะของทานศาสดา และเปน ศูนยกลางแหงการเผยแผอิสลามอีกดวย เขาไดเขาพบกับมาลิก บุตรของอะนัส ซึ่งเปนนักรายงาน วจนะของทานศาสดาและเปน ผูคงแกเรียนท่มี ชี ื่อเสยี งในเมอื งมะดนี ะฮ เม่ือเขาศกึ ษาอยูกับมาลิก โดยปกติแลวมาลิกจะสอนวจนะแตละบทท่ีกลาวโดยทานศาสดา และใหผ ูทศี่ ึกษากับเขาบันทกึ เอาไว อุนวาน บัสรยี ก็รวมอยูในบรรดาลูกศิษยลูกหาคนอื่นๆ ของมา 84
ลิกดวย เขามีความมุงมั่นอยูกับการบันทึกตัวบทตางๆ ของวจนะ และบันทึกไวในความทรงจํา รวมทั้งที่มาของตัวบท และบรรดารายชื่อของบุคคลผูซึ่งไดรายงานวจนะท้ังหลายติดตอกันมา เพ่ือทจ่ี ะเปนสงิ่ ชว ยบรรเทาความกระหายทจ่ี ะศกึ ษา ซึ่งอยูภายในตวั ของเขาลงไดบ า ง ในชวงน้ันเปนเวลาที่ทานอิมามซอดิก ไมไดพํานักอยูในมะดีนะฮ แตตอมาไมนานทานอิ มามซอดิกก็เดินทางกลับมายังมะดีนะฮ อุนวาน บัสรียซึ่งเคยศึกษาอยูกับมาลิกมากอนแลว จึง แสดงความจํานงท่ีจะขอศึกษากับทานอิมามซอดิก แตทานอิมามซอดิกมีความประสงคท่ีจะให เปลวไฟแหงความรักท่ีอยูในตัวเขา ในการแสวงหาสัจธรรมลุกโชติชวงมากกวาน้ี ทานจึงทําทีเปน ปฏเิ สธตอความตองการของอุนวาน ทานกลาวกับอุนวาน บัสรียวา “ตามปกติฉันเปนคนที่มีงานยุง มาก เพราะฉันตองนั่งรําลึกถึงพระผูเปนเจา และวิงวอนขอพรตลอดทั้งวันท้ังคืน เจาจงอยาได รบกวนฉันเลย และควรจะไปศึกษากบั มาลกิ ตอไปเหมอื นทเี่ จา เคยศกึ ษามากอ นหนานี”้ คําตอบปฏิเสธแบบไมใหตั้งตัวเชนนี้ ประหน่ึงหินกอนใหญมหึมาไดหลนทับลงบนศีรษะของ อนุ วาน บันรยี ใ นทันที จนกระทัง่ เขารสู ึกเกลียดชังตวั เองขึน้ มาทันที เขาคิดวามาตรทา นอมิ ามซอดกิ ไดเหน็ ความสามารถท่ีอยูในตัวเขาบาง อยางนอยทานอิมามคงจะไมผลักใสเขาเชนน้ีอยางแนนอน ดว ยความทอ แท เขาเดินเขาไปในมัสยิดทานนบีฯ และกลาวสลามจากนั้นจึงไดเดินทางกลับไปยัง บา นของเขา ในสภาพของผทู ห่ี มดหวังในชวี ติ เชาวนั รุง ขน้ึ เขาออกจากบา นมุง ตรงไปยงั มสั ยดิ ของทานนบฯี อีก และไดปฏิบตั ินมาซสองรอ กาอัต เขาไดคร่ําครวญรําพันตอพระผูเปนเจาวา “โอพระองค พระองคคือเจาของแหงเหลาดวงใจ ทุกดวง ขาฯ ขอจากพระองคไดทรงโปรดทําใหหัวใจของญะอฟร บุตรของมุฮัมมัด (ซึ่งหมายถึง ทานอิมามซอดิก) มีความเอ็นดูสงสารตอขาบาง และขอใหขาฯน้ันไดอยูในสายตาของเขาเถิด และ โปรดทําใหข าฯ ไดเรียนรวู ิชาการจากเขาดวย เพือ่ ทขี่ าฯ จกั ไดพบกบั หนทางทเ่ี ทยี่ งแท” หลังจากนมาซเสร็จและขอพรแลว เขาไดเดินทางกลับบานทันที ทุกเส้ียววินาทีท่ีผานไปเขา มีความรูสึกวา ความรักของเขาท่ีมีตอทานอิมามซอดิก ย่ิงทวีความรุนแรงมากขึ้น ดวยเหตุน้ีเองท่ี เขาตองทนทุกขทรมานอยางมากตอการถูกหางเหิน ความปวดราวสุดแสนจะทรมานนี้ไดคุมขังเขา ไวในมุมหนึ่งภายในบาน เขาจะไมออกไปไหนเลย เวนแตออกไปยังมัสยิดเพื่อการนมาซ สิ่งหน่ึงก็ คือการที่อิมามซอดิกไดกลาวกับเขาวา อยามารบกวนฉันเลย และอีกส่ิงหน่ึงความปรารถนาและ ความรักที่อยูภายในยิ่งรุมราวมากขึ้น ซ่ึงเขาเชื่อม่ันวาจะไมพานพบสิ่งท่ีพึงพอใจ และเปนท่ีรักตอ เขามากไปกวาน้ีอีกแลว ความปวดราวในดวงใจและความทุกขระทมย่ิงทวีความรุนแรงข้ึน จนเขา ไมสามารถท่ีจะอดทนตอไปอีกได เขาเรงสวมเสื้อผาและรองเทาในฉับพลัน จากนั้นจึงมุงตรงไปยัง บานของทานอมิ ามซอดิก คนรับใชของทานอิมามไดเขา มาหาและถามวา “ทานมีธุระกิจอนั ใดหรือ” อนุ วาน บสั รยี : “ฉนั เพียงแตมากลาวสลามตอทานอมิ ามเทานนั้ ” คนใชอ ิมาม : “ทานอมิ าม กําลงั ทาํ นมาซอย”ู 85
ครูหนึ่งตอมาคนใชของทานอิมามไดออกมา และกลาววา ดวยพระนามของพระผูเปนเจา เชญิ ขางในไดเ ลย” อุนวานจึงเดินเขาไปในบาน เม่ือเห็นทานอิมามซอดิก เขาจึงกลาวสลามแกทาน ซึง่ ทา นก็ตอบรบั สลามเขา พรอ มทั้งขอพรใหเขาบทหนึ่งและถามอุนวานวา อะไรคือสมญานามของ เจา หรอื อุนวาน บัสรยี : “อบอู ับดิลลาฮ ขอรบั กระผม” อิมาม ซอดิก : “ขอใหพระองคทรงปกปองสมญานามนี้ของเจา และทรงโปรดประทานทาง นาํ แกเ จาดว ยเถิด” เมอ่ื เขาไดยนิ คาํ ขอพรบทน้จี ากทา นอมิ าม เขามคี วามเบกิ บานใจเปน อยางยิ่ง เขากลา วกบั ตนเองวา ถึงแมวาฉันจะไมไดรับสิ่งใดเลยจากการมาพบทานอิมามในครั้งนี้ เพียงคําขอพรน้ีบท เดียว ก็ถือวาเปนการเพียงพอแลวสําหรับฉัน ทานอิมามกลาวกับเขาวา “แลวเจามีธุระอันใดและ ตอ งการสงิ่ ใดหรอื ” อุนวาน บัสรีย : “ฉันไดขอจากพระผูเปนเจา ใหพระองคทรงทําใหหัวใจของทานมีความ เมตตาตอฉันบาง และทรงโปรดทําใหฉันไดรับวิชาความรูจากทานดวย ฉันหวังวาพระองคจะทรง ตอบรับคาํ วิงวอนของฉัน” อิมามซอดิก : “โอ อบาอับดิลลาฮ การรูจักพระผูเปนเจาและรัศมีแหงคววามเช่ือมั่นนั้น มิใชวาจะไดมาดวยการท่ีเจาเขานอกออกในไปมาระหวางประตูบานโนนหรือบานนี้ หรือไปศึกษา เลาเรียนกับผูน้ันผูนี้หรอกนะ เจาจะไมไดรับส่ิงนั้นเลยถาปฏิบัติดังกลาว เพราะความรูน้ีมิไดอยูใน ตํารา รัศมีหนึ่งซึ่งเม่ือใดก็ตามท่ีพระองคจะทรงประสงคนําทางบาวผูหนึ่งผูใด พระองคจะทรง ประทานไปยังบุคคลผูน้ัน และถาหากวาเจาปรารถนาตอการท่ีจะรูจักรัศมีน้ี ก็จงแสวงหาการเปน บาวและการเคารพภักดีท่ีแทจริงในจิตวิญญาณของเจา จงคนหามันจนกวาจะพบ จงปรารถนา ความรูจากการ ปฎิบัติ จงถามหาจากพระองค และพระองคจะทรงนํามาตอบสนองภายในหัวใจ ของเจา เอง (77) 72… เสาะหาความเชือ่ มั่น) ในทกุ ๆ ประเทศทก่ี วางขวางแหงซัลกู ยี (ราชวงคหน่ึงท่ีปกครองเอเชียกลางและตะวันตก ต้ังแตศตวรรษที่ 11-13) เมืองแบกแดดและเมืองนีชาบูร ซึ่งเปรียบเสมือนดาวสองดวงที่เจิดจาทอ แสงอยูบนฟากฟา บรรดานักศึกษาวิชาการศาสนาโดยสวนมากจะมุงหนาไปสู มหาวิทยาลัยท่ี ใหญโตในสองเมืองนี้ เพ่ือศึกษาคนควา ผูอํานวยการแหงสถาบันการศึกษาเมืองนีชาบูรคือทาน อบุลมาอาลา อิมามุลฮารามัยน ุวัยนีย เขารับหนาที่ต้ังแตป ฮ.ศ.450- ฮ.ศ. 478 และมีนักศึกษา หลายรอยคน ทุกคนเปนเด็กหนุมท่ีเอาจริงเอาจังตอการศึกษา ในจํานวนนักศึกษาเหลาน้ัน มีอยู สามคนท่ีมีความดฉลาดเฉียบแหลมและความสามารถที่นายกยองยิ่ง จนโดดเดนกวาผูอื่นก็คือ มุฮัมมัด ฆอซาลี ตูสีย กียา ฮารอสีย อะฮม ัด บตุ รของมฮุ ัมมัด คอฟย 86
คาํ ยกยอ งของอิมามุล ฮารอมัยนตอสามคนน้ี ไดแพรกระจายไปท่ัวทุกสารทิศวา “ฆอซาลี คือ ทะเลทมี่ คี ลืน่ ลมซัดสาด กยี า คือเสอื โครง ทด่ี รุ า ย คอฟย คือเปลวไฟท่ลี ุกโชน” อยา งไรกต็ ามฆอซาลี คือผูท่ีเดนที่สุดจากท้ังสาม ดวยเหตุน้ีเองมุฮัมมัด ฆอซาลี จึงเปนผูท่ีเชิดหนาชูตาของ สถาบันการศกึ ษาในนชี าบูรยคุ น้นั และอิมามลุ ฮารอมยั น ไดส ้นิ ชีวติ ลงในป ฮ.ศ. 478 สําหรบั ฆอซา ลีซ่ึงเปนบุคคลท่ีหาผูเสมอเหมือนไดยากน้ัน ไดเขารับตําแหนงรัฐมนตรีผูทรงคุณวุฒิของซัลูกีย และเปนขุนนางแหงราชวงคมาลิก ตูสียในเวลาตอมา และ ณ สถานท่ีแหงน้ันอีกเชนกัน เขามีชีวิต อยอู ยา งมเี กียรติ และเปนท่รี กั ของทกุ คน ทุกครัง้ ท่มี ีการถกปญ หากนั ในวชิ าการตา งๆ กับผูรูท่ีอยูใน ระดับเดียวกัน ฆอซาลีมักจะเปนผูท่ีเหนือกวาอยูเสมอ เมื่อตําแหนงผูอํานวยการสถาบันการศึกษา แหงเมืองแบกแดดวางลง และรอคอยผูรูที่มีความสามารถมาบริหารและประสิทธิประสาทวิชาการ ซึ่งก็ไมตองสงสัยเลยวา ไมมีใดเหมาะสมกวาชายหนุมผูมีความเปนอัจฉริยะ ซึ่งเพิ่งจะเดินทาง กลบั มาจากแควนครู าซาน (นชี าบูร) ใหมๆ เย่ยี งมุฮัมมัด ฆอซาลีได ในป ฮ.ศ.484 ฆอซาลีไดเขารับ ตาํ แหนง ผอู าํ นวยการมหาวิทยาลัยแหงเมอื งแบกแดดอยางสมเกียรติ เขาไดรบั ตาํ แหนงตางๆ รวมทั้งเกียรติยศอันสูงสงมากมาย ไมวาจะเปนเร่ืองของวิชาการและ จิตวิญญาณในสมัยน้ัน ฆอซาลีไดสัมผัสมันจนหมดส้ินทุกตําแหนง จนไดรับเกียรติใหเปนถึงผูรูท่ี สูงสุด และไมมีใครเทียบเทียมได รวมท้ังเรื่องของการเมืองก็เชนเดียวกัน คอลีฟะฮรวมสมัยทั้งสอง คือ อัลมุกตะดิรบิลลาฮ และหลังจากน้ันอัลมุสตัซฮัรบิลลาฮ ก็ยังตองใหเกียรติเขาอยางเปดเผย รวมทั้งกษัตริยผูย่ิงใหญแหงอิหราน มาลิกชาฮ ซัลูกีย และบรรดาขุนนางตางก็ยกยองและให เกียรติเขา ฆอซาลีกาวสูจุดสูงสุด และไมมีตําแหนงใดอีกแลวในยุคสมัยนั้นท่ีเขามิไดสัมผัส และ ตําแหนงตางๆท่ีเขาไดรับ ก็สรางความอิจฉาริษยาแกผูอื่นเชนเดียวกัน ความรูสึกหนึ่งที่เกิดขึ้นกับ เขาเสมือนดังประกายเล็กๆ สองแสงระยิบอยูในจิตวิญญาณของเขามาตลอดช่ัวชีวิต เขามี ความรูสึกวาสิ่งน้ีบางครั้งประหนึ่งวา มันจะเผาผลาญทําลายเกียรติยศ รวมทั้งยศฐาบรรดาศักด์ิ ทงั้ หลายทีเ่ ขามอี ยู ใหห มดสิ้นไปในทันที เชนเดียวกับเมื่อครั้งที่เขายังศึกษาวิชาการอยู เขาเคยพบกับความรูสึกลี้ลับท่ีซอนเรนอยูใน ตัวเขา เสมือนวามันประสงคความสงบเงียบ ความเชื่อมั่นและความมั่นใจจากตัวเขา แต เนื่องจากวา ในชวงระยะเวลาน้ัน เขาสาละวนอยูกับการแสวงหาอํานาจเกียรติยศ รวมท้ังการยก ยองสรรเสริญจากผูคนใหแกตัวเองอยู เขาจึงมิไดสนใจและใหความสําคัญตอความรูสึกท่ีแปลก ประหลาดน้ัน และเมื่อเขาบรรลุถึงทุกส่ิงทุกอยางที่เก่ียวกับโลกนี้ตามที่เขาตองการ และดื่มด่ํากับ มนั อยางเปรมปรีดแิ์ ลว เขาจงึ เริ่มคนหาความรูสึกอนั ล้ีลับน้นั ดวยความอยากรอู ยากเห็น และก็เปน ท่ีกระจางชัดแกเขาวา การโตเถียงหรือถกปญหาและการวินิจฉัยขอสงสัยทั้งหลายของเขา ซึ่งสราง ความพึงพอใจใหแกผูอื่น รวมท้ังชัยชนะท่ีไดรับมาจากการถกปญหาตางๆน้ัน หาไดหยุดย้ังความ กระหายท่ีอยากรูอยากเห็นของเขาไดเลยแมแตนอย เขาเขาใจแลววา การเรียนการสอนการถก ปญหาทั้งหลายไมเปนการเพียงพอเลย แตความศรัทธาและความยําเกรงเทาน้ัน ที่เปนสิ่งจําเปน 87
และสําคัญย่ิง เขากลาวกับตัวเองวา “ความมึนเมา (หลงไหลคล่ังไคลในความศรัทธา) มิใชจะเกิด จากสุรา ความอิ่มเอมกม็ ใิ ชจ ะเกิดจากการบรโิ ภคขนมปง และความปลอดภยั มสี วดั ิภาพกไ็ มใชเปน ผลมากมายนักจากการคุมกันรักษา เชนเดียวกัน การพูดคุยและการถกเถียงกันในเรื่องของความ ผาสุกเพียงอยางเดียว ก็มิไดสรางความสงบสุขหรือความเชื่อม่ันใหเกิดขึ้นไดเลย จําเปนอยางยิ่งที่ จะตองมุงสูความแทจริงเหลานั้นดวยความบริสุทธ์ิ และส่ิงน้ันก็มิไดสอดคลองกลมกลืนกับ ยศฐาบรรดาศกั ด์แิ ละการยกยองสรรเสรญิ ความขัดแยงท่ีแปลกประหลาดไดเกิดขึ้นภายในตัวเขา ความทุกขทรมานท่ีเขาไดรับจากสิ่งนี้ ไมม ใี ครลวงรไู ดน อกจากตวั เขา และองคอภบิ าลของเขาเทาน้ัน นับเปนเวลาถึงหกเดือนเต็มที่ความ ขัดแยงภายในน้ีเกิดข้ึนกับเขา เหมือนกับจะคราชีวิตของเขาไป จนบางครั้งเขาไมสามารถที่จะดื่ม กินและหลับนอนได แมแตจะกลาวถอยคําออกมาก็แสนจะลําบาก จนกระทั่งเขาไมสามารถที่จะ สอนวชิ าการตอ อกี ไปได เขาจงึ ลม ปวยลง ในทส่ี ุดระบบการยอยอาหารของเขากล็ มเหลว จนตองให แพทยมาตรวจสอบ และช้ีชัดวาเขามีอาการปวยทางจิตใจ ไมมีหนทางใดอีกเลยนอกจากพระองค พระผูเ ปน เจา เขาประสงคจากพระผูเปนเจาใหทรงชวยเหลือและใหเขาหลุดพนจากการถูกรังควาน ดวยสิ่งนี้ แนนอนมันมิใชเร่ืองท่ีงายเลยสําหรับเขา ดานหน่ึงมันคือความรูสึกอันเรนลับซึ่งโหม กระหน่ําอยางไมหยุดย้ังอยูภายใน อีกดานหนึ่งคือความรูสึกท่ียังอาลัยอาวร ท่ีจะละท้ิงจาก ตําแหนงท่ีเต็มไปดวยชื่อเสียงและเกียรติยศ และในที่สุดเขาจึงตัดสินใจท่ีจะละทิ้งและหนีหางจาก ยศฐาบรรดาศักด์ิของตนเอง และไมสนใจตอการคัดคานขัดขวางจากประชาชน เขาออกไปจาก เมอื งแบกแดด โดยอา งวา จะเดินทางไปยังมักกะฮ แตท วา เมือ่ ออกหา งจากแบกแดดไปไดไมมากนัก และเมื่อบรรดาผูท่ีเดินทางมาสงเขากลับกันไปหมดแลว เขาไดมุงหนาสูเมืองชาม จากนั้นก็มุงสู เมืองเยรูซาเล็ม ดวยเหตุที่ผูคนที่นั่นไมมีผูใดรูจักเขา และจะไมมีถูกรบกวนหรือทาทายเพ่ือการถก ปญหากันอกี ตอ ไป เขาแตง กายดว ยการสวมใสเ สอื้ ผาแบบปุถุชนธรรมดา และเดินไปตามทางท่ีเขา ตองการ นั่นคือการเสาะหาความเช่ือม่ันในพระผูเปนเจา และความสงบสุขภายในตัวเอง กวาจะ คนพบ เขาใชเ วลายาวนานถึงสบิ ปอ ยใู นความโดดเด่ียว และใชค วามคดิ ตลอดมา (78) 73… ผูกระหายน้ําในขณะท่ถี ุงใสนํา้ อยบู นบา ในชวงปลายๆ ฤดูรอน แสงแดดที่แผดเผาลงมาอยางรุนแรง ทําใหเกิดความแหงแลงและ ภาวะขาวยากหมากแพงไดเกิดข้ึนกับชาวมะดีนะฮอยางไมหยุดหยอน ซึ่งตรงกับฤดูแหงการเก็บ เก่ียวผลอนิ ทผาลัมพอดี ประชาชนสว นมากตอ งการท่จี ะหยดุ พักผอนคลายความเหนือ่ ยลาสกั ระยะ หนึ่ง แตเมื่อทานศาสดาออกคําส่ังระดมพลอยางเรงดวน จึงทําใหพวกเขาตองเตรียมพรอมอีกครั้ง หนึ่ง เน่ืองจากผูศรัทธาท่ีอยูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือถูกขมขูกดดันจากกองทัพของโรมัน ประชาชนมซ่ึงเพ่ิงหายจากความเหน็ดเหน่ือย โดยเฉพาะในฤดูรอนและในยามที่ความแหงแลงได คุกคามเชนน้ี พวกเขาอยากที่จะพักผอนและชื่นชมตอผลหมากรากไม ซึ่งเพ่ิงจะเก็บเกี่ยวมาและ 88
ไมใ ชเ รือ่ งงายเลยท่ีจะละท้ิงจากผลไมสดๆ พรอมกับการพักผอนสบายๆ แลวมุงหนาไปสูความรอน ระอุแหงทะเลทราย ซ่ึงเริ่มตนจากมะดีนะฮ จนถึงเมืองชาม ซ่ึงเปนระยะทางท่ีไมใกลเสียเลย ขณะเดียวกนั แผนการทําลายพวกสับปลับก็ถูกตระเตรียมข้ึนพรอ มกนั ดวย ไมวาอากาศจะรอนเปรี้ยงสักเพียงใด หรือการตอสูกับพวกสับปลับจะนากลัวสักแคไหนก็ ตาม ไมส ามารถท่จี ะหยุดยัง้ การเคลื่อนกองทพั สามหมื่นคน เพื่อไปเผชิญหนากับเหลาศัตรูผูรุกราน ไดเ ลย ทง้ั หมดออกเดินทางสูท องทะเลทรายอันรอนระอุ ทานกลางแสงแดดแผดกลา ที่สองลงมายัง พวกเขา พาหนะและเสบียงอาหารก็มีไมพรอม อันตรายที่จะเกิดจากการขาดแคลนอาหารก็มีไม นอยไปกวาอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากฝายของศัตรูเชนเดียวกัน บางคนถึงกับเปลี่ยนความคิด เนื่องจากความออนแอของความศรัทธา เชนเดียวกับกะอับ บุตรของมาลิก ซึ่งหันหลังกลับและ เดนิ ทางสเู มอื งมะดีนะฮท ันที บรรดาสาวกไดแจงกับทานศาสดาวา “โอทานศาสดา กะอับ บุตรของ มาลิก กลับไปเสียแลว” ทานศาสดากลาววา “ปลอยเขาไปเถิด ถาหากมีความดีอยูในตัวเขา พระผู เปนเจา จะทรงสงเขากลับมาสมทบกับพวกเราในไมชาน้ี แตถาปราศจากสิ่งนั้น พระผูเปนเจาก็ได ทรงสงเคราะหพ วกทา นจากความผิดพลาดของเขาแลว” ตอมาไมนานบรรดาสาวกไดกลาวขึ้นอีกวา “โอทานสาสดา มูรอเราะห บุตรของรอเบียะอ กลับไปอีกคนหน่ึงแลว” ทานศาสดาตอบพวกเขาอีกเชนกันวา “ปลอยเขาไปเถิด มาตรวามีความดี อยูในตัวเขา พระผูเปนเจาจะทรงสงเขากลับมาสมทบกับพวกเราโดยเร็ว แตถาปราศจากสิ่งน้ัน พระผเู ปนเจากท็ รงปกปอ งพวกทา นใหพ น จากความผดิ พลาดของเขาแลว” ตอมาอีกช่ัวครูหน่ึง สาวกผูหน่ึงรองเสียงดังขึ้นวา “โอทานศาสดา ฮาลาล บุตรของอุมัย ยะฮก ก็ ลบั ไปดว ย” ทานศาสดาจงึ กลาวยํา้ ประโยคเดิม ทท่ี า นกลาวกบั ท้ังสองคนท่ีกลับไปกอนหนา น้ัน ระหวางนัน้ อบซู รั ท่ีติดตามมากับกองทพั ดวย ไดตกคางอยูขางหลังเนื่องจากอูฐของเขาออน กาํ ลังเกนิ ไป อบูซัรใชค วามพยายามทกุ วิถีทางเพอื่ ทจ่ี ะติดตามใหทนั กับกองทัพ แตก็ไมเปนผล เมื่อ สาวกผหู นึ่งเห็นอบูซัรเดินรง้ั หลังอยูไกลลิบตา เขาจึงกลาวกับทานศาสดาวา “โอทานศาสนทูตของ พระผูเปนเจา อบูซัรคงจะกลับดวย” ทานศาสดาตอบเขาอยางสุภาพเชนเดิมวา “ปลอยเขาไปเถิด มาตรวามีความดีอยูในตัวเขา พระผูเปนเจาจะทรงสงเขากลับมาสมทบกับพวกเราในไมชานี้ แตถา ปราศจากสิ่งน้ัน พระผูเปน เจาก็ทรงปกปอ งพวกเจา ใหพ น ไปจากความผดิ พลาดของเขาแลว” ในขณะเดียวกันอบูซัรก็ไมไดลดละความพยายามเลยแมแตนอย เขากระทําอยางสุด ความสามารถเพื่อท่ีจะบงั คบั อูฐใหม งุ หนาตดิ ตามไปใหท ันกับขบวนทพั ของทา นศาสดา แตก็ไมเปน ผลสําเร็จ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจลงจากหลังจากอูฐ ยกขาวของสมภาระตางๆ ขึ้นวางแบกบนบา และออกเดนิ ทางตอดวยเทา เปลา ทามกลางแสงแดดรอนระอุทแี่ ผดเผาในทะเลทราย จนเขาเหน่ือย ออ น เน่อื งจากความกระหายนํ้าเขาลืมทุกส่ิงทุกอยางจนหมดสิ้น ส่ิงเดียวท่ีอบูซัรรําลึกอยู คือการท่ี 89
จะตองเรงรีบไปใหทันกองทัพและทานศาสดา เขากาวเดินตอไปอยางไมหยุดย้ัง อบูซัรมองเห็น ทองฟามุมหน่ึงมืดคร้ึมมีเมฆลอยลงตํ่า นั่นหมายถึงวาจะตองมีฝนตกลงมาอยางแนนอน เขามุง หนา ไปตามทิศนั้นทันที แตเมื่อเขาไปถงึ ท่แี หง น้ัน เขาพบกับหินกอนหน่ึงซ่ึงมีนํ้าขังอยูไมมากนัก จึง จิบมันแตพอควร เขาต้ังใจที่จะดื่มนํ้าน้ันใหสมกับความกระหายท่ีมีอยู แตเขาก็หยุดชะงักเม่ือนึก ขึ้นมาวา จะเปนการดีกวาถาจะนําเอาน้ํานี้ติดตัวไปดวย และตามไปใหทันทานศาสดา บางทีทาน ศาสดา อาจจะกระะหายนํ้าและขาดนํ้าท่ีจะด่ืมอยูดวย เขาจึงตักน้ําใสไปในถุงหนังที่นําติดตัวมา และแบกไปพรอมกับสัมภาระอื่นๆ อบูซัรนําเอาความรอนระอุแหงเพลิงแดด และความยากลําบาก ทั้งปวงที่เขาประสบอยูเหยียบเอาไวใตฝาเทา จากน้ันจึงมุงตรงไปยังกองทัพอยางรีบเรงและอดทน จนกระทั่งเขาเห็นกลุมเงาดํามืดของกองทหารอยูลิบตา เขาตื่นเตนและดีใจมากจึงเรงฝเทาติดตาม ไปอยางไมลดละ ขณะนั้นทหารผูหนึ่งมองเห็นเงาดําอยูแตไกล ซ่ึงกําลังมุงตรงมายังพวกเขา จึงแจงใหทาน ศาสดาทราบวา “โอท า นศาสดา เสมอื นมีผูห นง่ึ อยูไ กลลบิ กาํ ลังมงุ หนา มาทางพวกเรา” ทานศาสดา : “ดที ีส่ ดุ เลยอาจจะเปนอบูซัรกไ็ ด” เงาดาํ นน้ั เขา มาใกลย ิ่งขนึ้ ทหารผหู นึ่งตะโกนเสยี งล่ันวา “ใชแ ลว เขาเองอบูซรั ” ทานศาสดา : “ขอใหพ ระผูเ ปน เจา ทรงเมตตาแกอ บซู รั ดว ย เขาผูอาศัยอยูอยางโดดเดี่ยว และ จะจากไปอยา งโดดเดี่ยว” ทานศาสดาตอบรับการมาอบูซรั ดวยความยินดี และยกสมั ภาระท่ีอยูบนบาของเขาวางลงบน พื้น เปนจังหวะเดียวกับท่อี บูซรั ลมลงทันที เนอ่ื งจากความกระหายนํ้าอยา งหนกั ทา นศาสดา : “จงรบี ไปเอานํา้ มา อบซู ัรอยใู นอาการหิวกระหายน้ําอยางมาก” อบซู รั : “ฉนั มนี ํ้าอยู” ทา นศาสดา : “เจามนี ํ้าอยหู รือ แลว ไฉนจึงไมด ื่มมนั ” อบูซัร : “ครับ บิดามารดาของฉันขอพลีเพื่อทาน ฉันพบหินกอนหนึ่งและมีน้ําเย็นขังอยูในน้ัน ฉนั จึงจบิ มนั เพยี งสองสามหยด แตฉนั นึกไดว า ฉันจะไมดืม่ มันอยางเด็ดขาด จนกวาทานผูเปนสุดที่ รักของฉนั โอทา นศาสดา จะไดดมื่ มันเสียกอ น” (79) 74… การไมซ าํ้ เติมผูไ มม ีทางสู อับดุลมาลิก บุตรของมัรวาน คือผูปกครองอาณาจักรอิสลามคนหน่ึงท่ีปกครองแบบเผด็จ การนานถึงยี่สิบเอ็ดปเต็ม เม่ือเขาส้ินชีพลงในป ฮ.ศ. 86 วะลีดบุตรชายของเขาจึงข้ึนสืบทอด ตําแหนงแทน วะลีดปฏิบัติตอประชาชนเพ่ือเปนการผอนคลายความขุนเคืองของพวกเขา ท่ีมีตอ ความเปน เผด็จการของบิดาของเขา เขาไดปฏิรูปการปกครองใหม โดยเฉพาะอยางย่ิงการเอาใจตอ ประชาชนชาวมะดีนะฮ (ซ่ึงเปนเมืองท่ีศักด์ิสิทธของเหลาบรรดาอิสลามิกชน และเปนศูนยกลาง ของนักวิชาการ และผูรายงานวจนะของทานศาสดา ตลอดจนครอบครัววงศวานของทานศาสดา 90
และบรรดาสาวกที่ยังคงมีชีวิตอยู) เขาส่ังปลดฮิชาม บุตรของอิสมาอีล ซึ่งมีศักดิ์เปนพอตาของอับ ดลุ มาลกิ บิดาของเขา ออกจากตําแหนงทันที เพราะเปนผูหนึ่งท่ีกดข่ีขมเหงชาวเมืองมะดีนะฮอยาง แสนสาหัสในยคุ บดิ าของเขาเชนเดียวกนั ซึ่งประชาชนตางก็รอเวลาเพ่ือที่จะใหเขาพนจากตําแหนง เจาเมืองอยูทุกขณะจติ เมื่อคร้ังท่ีฮิชาม บุตรของอิสมาอีล ดํารงตําแหนงเจาเมืองมะดีนะฮอยูน้ัน เขาไดโบยสะอีด บุตรของมะสีบดวยแสหนังถึง 60 ครั้ง (สะอีด ซ่ึงเปนนักรายงานวจนะของทานศาสดาที่มีชื่อเสียง และเปนผูหน่ึงที่มีเกียรติในทัศนะของชาวมะดีนะฮ) เน่ืองจากเขามิไดใหสัตยาบันตอผูปกครอง อาณาจักรอิสลาม นอกจากนั้นยังทําทารุณกรรมแกสะอีด บุตรของมะสีบ อีก โดยการจับใหสวม เสอ้ื ผา เกาๆ นําข้นึ น่งั บนหลังอูฐ ตระเวนไปรอบๆ เมืองมะดีนะฮเพ่ือใหไดรับความอับอาย ฮิชามยัง แสดงการลบหลตู อ ครอบครวั วงศวานของทานศาสดาอยางมากมายอยูเสมอ โดยเฉพาะตอทานอะ ลี บุตรของฮเู ซน ซัยนุลอาบิดนี (อิมามซยั นลุ อาบิดีน) หลังจากที่ฮิชามถูกปลดออกจากตําแหนงแลว วะลีดแตงตั้งใหอุมัร บุตรของอับดุลอาซีซ ซึ่ง เปนลูกพ่ีลูกนองของเขาเอง และเปนที่รูจักกันดีในหมูประชาชนถึงความมีคุณธรรมของเขา ข้ึนเปน เจาเมืองแทนฮิชาม และเพื่อเปนการผอนคลายความเจ็บแคนที่อยูในใจของประชาชน อุมัรจึงออก คาํ สั่งใหจับตัวฮชิ าม บุตรของอิสมาอลี นําไปมัดไวท่หี นาบา นของมรั วาน พรอ มกับประกาศวาใครก็ ตามที่เห็นและไดยินความเลวรายของฮิชาม ก็ใหมาจัดการกับเขาได ดวยวิธีตาตอตาฟนตอฟนให สาสมกับความแคนท่ีมีอยู ประชาชนตางก็เดินทางกันมาเปนกลุมๆ และดาสาปแชงพรอมกับ ประณามฮชิ ามอยา งไมหยดุ ย้ัง แตท วาสิง่ ที่ทําใหฮชิ าม บตุ รของอสิ มาอลี มคี วามวิตกกังวลเปนที่สุดก็คือ การที่เขาจะถูกแก แคนโดยทา นอิมามอะลี บตุ รของฮูเซน และครอบครวั ของทาน ซงึ่ เขาคาดคดิ วา การแกแ คนจะตอ ง เปนไปอยางรนุ แรงท่ีสุด เม่ือเขานึกถึงอดีตที่เขาไดเคยกดข่ีทารุณกรรม และดาสาปแชงบิดามารดา ตลอดจนบรรพบุรุษของทานอะลี บุตรของฮูเซน แนนอนการลางแคนที่จะมีขึ้นอาจจะถึงตาย สวน ทางดานทานอิมามซัยนุลอาบิดีนไดกลาวแกครอบครัวของทานวา “แบบอยางของพวกเรามิไดเปน เชนนั้น เราไมมีวิธีการท่ีจะซ้ําเติมผูไมมีทางสู และแกแคนเอาคืนจากศัตรูหลังจากที่เขาไมมีอํานาจ ใดๆ อกี แลว ในทางตรงกันขา มคุณธรรมของเราคือ เราจะชว ยเหลือผูตกทุกขไดยากเทา นัน้ ” เมื่อทานอิมาม และครอบครัวของทานเดินมุงมายังฮิชาม บุตรของอิสมาอีล หนาของเขา ซีดเผือดลงทันที เขาเฝารอฟงคําประณามสาปแชง หรือความตายอยูทุกขณะจิต แตเขาคาดผิด ถนดั ทานอิมามกลา วดวยเสยี งอันดงั แกเขาวา “อสั ลามอุ ะลยั กุม” ทา นไดย ่นื มือสลามกบั เขา พรอ ม กับแสดงความเมตตาและเห็นใจ ทานกลาวกับเขาวา “ถาหากฉันชวยอะไรไดบาง ฉันก็พรอมจะ ชวยเหลือทา น” หลังจากเหตกุ ารณน้ันผา นไปชาวเมอื งมะดีนะฮจ งึ ไดหยดุ การแกแคนตอ ฮิชาม (80) 91
75… ชายแปลกหนา หญิงหมายผูตกทุกขไดยากนางหน่ึง แบกถุงหนังบรรจุนํ้าอยูบนบา เพื่อนํากลับไปยังบาน ของนางดวยความยากลําบาก ชายแปลกหนาผูหนึ่งพบกับนางโดยบังเอิญ และชวยยกถุงนํ้าข้ึนไว บนบาของเขา และนําไปสงท่ีบานของนาง นางมีลูกเล็กๆ ที่นาสงสารซึ่งกําลังรอคอยการกลับมา ของมารดาอยูพอดี เม่ือประตูบานถูกเปดออก เด็กๆ ที่บริสุทธ์ิไรเดียงสาทั้งหลาย ตางว่ิงกรูกันเขา มาหามารดา พวกเขาเห็นชายแปลกหนา กาํ ลงั ชว ยแบกถงุ นาํ้ มาให ชายแปลกหนา ผนู น้ั ไดว างถงุ นา้ํ ลงและถามนางวา “แสดงวาเจาไมมีผชู วยเหลืออื่นเลย (สามี) ใชใหม เจาถึงตองลําบากดวยการไป นําเอานํา้ มาเอง และไฉนเจาจึงอยูอ าศัยเพยี งลําพังผเู ดียว” หญงิ หมา ยกลา วตอบวา “สามีของฉนั เปนทหารของอะลี บตุ รของอบีฏิลิบ ผผูเปนผปู กครอง อาณาจักรอิสลามในขณะนั้น) เขาถูกสงไปยังสนามรบแหงหน่ึงและสิ้นชีพท่ีนั่น ขณะนี้จึงเหลือ เพยี งแตฉันและลูกๆ ทย่ี งั เลก็ อยดู ังที่ทานเหน็ ” ชายแปลกหนาผูนั้น มิไดปริปากพูดส่ิงใดอีกเลย เขากมหนาสงบนิ่ง จากน้ันจึงกลาวอําลา นางและจากไป แตทวาเร่ืองราวของหญิงหมายผูนั้นกับบรรดาลูกๆ ของนางยังวนเวียนอยูใน ความคิดของชายแปลกหนาผูนั้น คืนนั้นทั้งคืนเขาแทบจะไมไดหลับนอนเลย เชาวันรุงขึ้นเขาจึงรีบ จัดเตรียมสัมภาระเปนอาหาร และนําเน้ือ แปง อินทผาลัมจํานวนหน่ึงมุงตรงไปยังบานของหญิง หมา ยนัน้ ทันที เมอ่ื ไปถึงจึงเคาะประตูบานของนาง หญิงหมาย : “ใครกัน” ชายแปลกหนา : “บาวคนหน่ึงของพระผูเปนเจา ที่ชวยเจาแบกถุงนํ้ามาเมื่อวานนี้ ฉันนํา อาหารมาใหพวกเดก็ ๆ จาํ นวนหนงึ่ ” หญิงหมาย : “ขอพระองคทรงพึงพอพระทัยตอทานดวย และขอใหพระองคทรงตัดสิน ระหวางเรากับอะลี บุตรของอบีฏอลบิ ดวยเชน เดียวกนั ” เมือ่ ประตถู กู เปด ออกเขาไดข ออนุญาตนางเพ่อื เขา ไปในบานและกลา ววา “ฉันตอ งการท่ีจะ ไดรับผลบุญบาง ถาเจาจะอนุญาต ฉันจะโมแปงและปรุงขนมปงเอง หรือจะใหฉันดูแลพวกเด็กๆ ก็ ไดอยา งใดอยางหนึง่ ” หญิงหมา ย : “ถา ง้นั กด็ ที เี ดยี ว การโมแ ปง และทําขนนมปงฉันคงชํานาญกวาทาน ทานชวย ดแู ลพวกเดก็ ๆ กจ็ ะดี จนกวาฉนั จะทาํ ขนมปง เสร็จ” เม่ือนางเร่ิมโมแปง ชายแปลกหนาผูนั้นก็เรงรีบหยิบเนื้อที่เขาเตรียมเอาไว ออกมาปรุงเปน อาหาร จากนั้นจึงปอนเด็กๆ และทุกๆ คําท่ีเขาไดปอนอาหารแกบรรดาเด็กกําพราเหลาน้ัน เขาจะ กลา ววา “โอลกู นอยของฉนั โปรดอภยั ใหอะลี บุตรของอบีฏอลิบดวยเถิด ถาหากเขามีความสะเพรา และละเลยตอพวกเจา” เม่ือนางบดแปงเสร็จ นางจึงเรียกชายแปลกหนาผูนั้นและกลาววา “โปรดกอไฟท่ีเตาใหฉัน ท”ี เขาเดนิ ไปยังเตาไฟนั้นและกอมนั จนเปลวไฟลุกโชตชิ วงแตกกระจาย เขาขยับใบหนาของเขาเขา 92
ไปไกลกับเปลวไฟนั้น และกลาวกับตัวเองวา “จงลิ้มรสความรอนของไฟเสีย นี่คือโทษทัณฑของผูท่ี ทอดทง้ิ ละเลยเดก็ กาํ พราและหญงิ หมาย” ในขณะนั้นเอง หญิงคนหน่ึงซ่ึงเปนเพื่อนบานของหญิงหมายผูน้ันไดแวะมาท่ีบานของนาง และพบกับชายแปลกหนาผูนน้ั หญงิ เพ่อื นบานผูนั้นรูจักชายแปลกหนาผูนี้เปนอยางดี นางจึงกลาว กับหญิงหมายเจาของบานวา “อะไรกันนี่ ชายแปลกหนาท่ีกําลังชวยเธออยูคือผูใด เธอไมรูจักทาน จรงิ ๆ หรอื ทานคือผนู ําแหงมวลผูศ รัทธาอะลี บตุ รของอบีฏอลบิ “ หญิงหมายตกตะลึงและรีบวิ่งเขาม พรอมกับกลาววา “ฉันขออภัยตอทานดวย ฉัน ละอายแกใ จเหลือเกนิ จรงิ ๆ ทป่ี ฏิบัตติ อ ทา นเชน น”ี้ อมิ ามอะลี : ”ไมห รอก ฉนั เองเสยี อกี ทจ่ี ะตอ งขออภยั ตอ เจา เพราะฉนั ไดทอดทิ้งเจา และ ลกู ๆ ของเจาไวโดยลาํ พัง” (81) เชงิ อรรถ/หนงั สอื อา งองิ (1) มสั ยิดมะดนี ะฮใ นยคุ แรกของอิสลาม มิไดม ีไวเพอ่ื การปฏิบัตินมาซเพียงอยางเดียว แต ทวาเปนศูนยกลางการเคลื่อนไหวและใชปฏิบัติภารกิจตางๆ ในเรื่องของศาสนาและกิจการสังคม ของมุสลิมทั้งมวล มุสลิมจะรวมตัวกันในมัสยิดแหงน้ัน ในทุกคราวท่ีมีเร่ืองสําคัญประชาชนจะถูก เชิญชวนใหไปรวมกลุมกันท่ีนั่น และขาวสําคัญก็จะถูกปาวประกาศใหประชาชนไดรับรู ณ ที่แหง นัน้ พรอมท้งั การตดั สินใจตางๆ ทุกเรื่องก็จะถกู แจงท่ีนน่ั เชนเดียวกัน สมัยที่มุสลิมยังอาศัยอยูในเมืองมักกะฮ พวกเขาไมมีโอกาสปฏิบัติภารกิจในเร่ืองของ ศาสนา และกิจการสังคมอยางอิสระเสรี ไมสามารถปฏิบัตินมาซ เรียนรูส่ิงตางๆ ในเร่ืองของ ศาสนาได สภาพการณเชนน้ีปรากฏอยูอยางตอเน่ือง จนกระท่ังอิสลามไปสูจุดที่สําคัญ จนกระทั่ง ขบวนการอิสลามไดอพยพไปดานหนึ่งของคาบสมุทรซึ่งเรียกวายัธริบ และตอมาภายหลังเปนท่ี รูจักในนามของ “มะดีนะตุนนะบี” หมายถึง เมืองของทานศาสดา เม่ือประชาชนในเมืองนั้นใหการ สนับสนุน ทา นศาสดาจึงอพยพมาสูเมืองน้ี และผูศ รทั ธาท่ีอยตู ามสถานท่ีตางๆ ก็อพยพติดตามมา อยางไมขาดสาย สิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนกิจตางๆ ก็ถูกจุดประกายข้ึนในชวงน้ัน ส่ิงแรกท่ี ทานศาสดากระทําภายหลังจากอพยพมายังเมืองน้ีก็คือ การสรางมัสยิดแหงหนึ่งข้ึน ณ สถานท่ี แหงน้ัน ทา นไดท รงเลอื กไวโดยการชวยเหลือของเหลา สาวก และผสู นับสนุนทา น (2) มนุ ียาตลุ มรุ ีด พมิ พทีบ่ อมเบย หนา 10 (3) อซุ ลู กาฟย เลม 2 หนา 139 บาบกนี าอะห (4) วาซาเอ็ล พิมพอ ามรี บาฮาดริ หนา 529 (5) กุหลลุ บซอร มุฮดั ดัสกุมมี หนา 69 93
(6) กุหลลุ บซอร มฮุ ัดดัสกุมมี หนา 69 (7) กหุ ล ุลบซอร มุฮัดดัสกุมมี หนา 68 (8) บีฮาร เลม 11 หนา 21 (9) อซุ ลู กาฟย เลม 2 บาบฮซุ นุศสาวกห วะ ฮกั ศศอฮิบฟลซาฟร หนา 670 (10) นะฮุลบาลาเฆาะ กาลิมาตกุ อศอร ลําดบั ท่ี 37 (11) บีฮารุนอนั วาร เลม 11 ฮาลาตอิมามบากริ หนา 83 (12) กหุ ลุลบซอร มุฮัดดสั กุมมี หนา 70 (13) เมืองชามในสมัยของคอลีฟะฮ อุมัร บุคคลแรกที่ถูกแตงตั้งใหเปนผูปกครองในเมืองน้ัน คือ ยาซีด บุตรของ อบีซุฟยาน เขาไดปกครองอยูเปนเวลาสองป หลังจากนั้นเขาก็ส้ินชีพ และ การปกครองของเขาทาํ ใหเ มอื งน้ีเต็มไปดวยความจําเริญ (เนียะมัต) ภายหลังจากเขาตําแหนง ผูปกครองก็ตกไปอยูในมือของนองชายของเขา คือ มุอาวิยะ บุตรของ อบีซุฟยาน รวมเวลา ยี่สิบป ท่ีมุอาวิยะไดปกครองและมีอํานาจอยางสมบูรณ ในเมืองนั้น แมวาในสมัยนั้น ผูปกครองแควนตางๆ จะถูกไลและเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา และไมเปนการอนุญาติใหผูใด ปกครองเมืองหน่ึงเมืองใดในระยะเวลานาน แตสําหรับมุอาวิยะเขาสามารถอยูในตําแหนง อยางยาวนานได และไมมีผูใดอาจหาญกาวกายหรือรังควาญได เขาไดเสริมสรางอํานาจ และ ความแข็งแกรงฝหแกตนเองจนกระท่ังตอมาเขาคิดที่จะขึ้นดํารงตําแหนงคอลีฟะฮ เสียเอง ภายหลังจากเวลาผานไปรวมยส่ี ิบปในการปกครองของเขา หลงั จากเกดิ เหตุการณน องเลอื ด ท่ี เขาไดกอขึ้น เขาก็ขึ้นเปนคอลีฟะฮอยางสมความตั้งใจ และอีกย่ีสิบปที่เขาอยูในตําแหนงคอ ลีฟะฮ ของบรรดามุสลิมและปกครองเมืองชามและแถบเมืองนั้น กับราชอาณาจักรตางๆ ที่ กวา งขวางของอิสลามในชวงเวลานน้ั ดวยเหตุน้ีเองประชาชนในเมืองชามตั้งแตวันแรกที่ลืมตามองดูโลก ก็เติบโตมาภายใตการ ปกครองของอุมาวียะห และเปนที่รูกันวา พวกมุอาวีย คือศัตรูตัวฉกาจของ บะนีฮาชิม มาแตเดิม ในสมัยของการปกครองอิสลามตอๆ มา ความเปนศีตรูย่ิงทวีข้ึน และเปาหมายท่ีลูกหลานของอะลี ดวยเหตุนี้เองชาวเมืองชามเมื่อเขาไดยินเร่ืองราวของอิสลามและ ซึมซาบเขาไปในจิตใจของพวก เขาแลว พรอมกันน้นั การเปน ศัตรตู อ ลูกหลานของอะลี ก็ซึมซาบเขาไปดวย เพราะวาการโฆษณาที่ ช่ัวรายของพวก อุมาวีย นั้นก็คือ การเปนศัตรูตอลูกหลาน อะลี คือ รุกุน (ขอพึงปฏิบัติ) หนึ่งของ ศาสนา และนี่คอื จริยธรรม ซงึ่ เปน ทรี่ ูกันของพวกเขา (14) นัฟซะตลุ มัซดรู มฮุ ดั ดัสกุมมี หนา 4 (15) อุซูลกาฟย เลม 2 หนา 404 (16) บีฮาร เลม 9 หนา 598/อมิ ามอะลี อลาเซาตุลอิดาละตลุ อนิ ซานียะห หนา 63 (17) ในชวงแรกของศตวรรษท่ีสิบฮิจเราะหศักราช ลัทธิหน่ึงไดถือกําเนิดข้ึนมาในหมูมุสลิม ภายใตคําแอบอา งวาเปนลทั ธิของผูม คี วามศรทั ธาท่สี งู สง และเรียกกนั วาลทั ธิซฟู บุคคลกลุมน้ี 94
มีวิถีการใชชีวิตในรูปแบบเฉพาะตัว และพรอมกันนั้นพวกเขาก็มีวิธีการชักชวนผูอ่ืนเขาสูลัทธิ ของตนดวย พวกเขาปาวประกาศวาแนวทางแหงศาสนาอิสลามคือแนวทางนี้ และอางวา มนุษยจําเปนอยางย่ิงที่จักตองออกหางจากโลกดุนยา ผูศรัทธาท่ีแทจริงไมควรท่ีจะสวมใส เครื่องนุงหม และเส้ือผาที่ดีๆ หรือไมควรที่จะบริโภค และอาศัยอยูแบบโออาสงางาม ใน บางครั้งเม่ือพวกเขาไดพบเห็นผูที่ไดนําเอาความโปรดปรานจากส่ิงตางๆ ท่ีมีอยูบนดุนยานี้มา ใชสอยใหเปนประโยชน พวกเขาจะตําหนิติเตียนพรอมกับดูหม่ินทุกครั้งไป และมองบุคคล เหลานั้นวาเปนผูท่ีลุมหลงในโลกดุนยา และคือผูที่หางไกลจากองคอภิบาล คําคัดคานของ พวกซุฟยานทีม่ ตี อทา นอมิ าม ซอดกิ ก็อยภู ายใตความคิดและความเชื่อเชนน้ี ลัทธิดังกลาวได ถือกําเนิดขน้ึ มาในระยะเวลาทีย่ าวนานมาแลว เชนในกรีก และอินเดีย และมีอยูแทบทุกทองที่ ไมมากก็นอยทามกลางชุมชนมุสลิม และไดสรางความเสียหายตออิสลามเปนอยางย่ิง พรอม กันน้ีแนวทางดังกลาวไดมีการสืบทอดจนถึงชนรุนหลังตอๆมา และถูกซึมซาบอยางฉับพลัน ทันที และสามารถท่ีจะกลาวไดวาเปนลัทธิเฉพาะที่ถือกําเนิดข้ึนในหมูมุสลิมเรา ซ่ึงมีผลต กการทําใหเกียรติยศและศักดิ์ศรีแหงกฏเกณฑแหงการใชชีวิตของมุสลิมตกต่ําและดอยลง และสรางความเฉื่อยชาในกิจการงานตางๆ ซ่ึงผลพวงท่ีไดรับจากสิ่งนี้ก็คือสาเหตุแหงความ ทรุดโทรม และความลาหลังของนานาประเทศมุสลิม การแพรหลายและซึมซาบของลัทธิ ดังกลา ว มิไดม ีเฉพาะในชนชั้นท่ีถูกไดช อื่ วา ซูฟเ พียงอยา งเดยี วแตทวา หลกั ความคิด (หนั หลงั ใหกบั โลกดนุ ยา) ดงั กลาวนไ้ี ดถูกแพรห ลายไปในชนชน้ั และ นิกายตา งๆ ในอิสลาม ซึ่งพวกเขา เหลาน้ันเองก็เคยตอตานลัทธิน้ีมากอนซึ่งก็มิไดนอยไปกวาพวกซูฟเลย และเชนกันสามารถที่ จะกลาวไดว าทุกคนที่ไดช่อื วา ชาวซฟู พวกเขาไมเคยมีหลกั ความคดิ ผดิ ๆเชน น้ีมากอนเลย โดย มิตองสงสัยถาเราจะบอกวาการมีหลักความคิดผิดๆเชนนี้คือสวนหน่ึงจากความปวยไขของ สังคม มันเปนความปวยไขท่ีมีอันตรายอยางย่ิงซ่ึงจะเปนสาเหตุแหงการเกิดอัมพาตทางจิต วิญญาณในสงั คม และจําเปน อยางยิง่ ทจ่ี ะตอ งตอสูก บั ความปว ยไขช นดิ นี้ และขจดั ความคิดที่ ผิดๆ นี้ออกไปจากสังคม แตเปนทีนาเสียใจอยางยิ่งท่ีการรณรงคตางๆ ท่ีเกิดข้ึนมาแลว ไมมี แมแตสักคร้งั เดียวทีจ่ ะรณรงคต อสูกับหลักความเชื่อดังกลาวน้ัน มันหมายถึงวามิไดถกปญหา กันในทางสติปญญาและทางหลักความเช่ือ แตสวนมากเปนการถกเถียงกันในเร่ืองของช่ือ และพยัญชนะที่ยึดถือลัทธินั้น และตอบุคคล และบางครั้งการถกปญหากันก็เพียงเพื่อให ไดม าซึง่ เกียรตยิ ศชอ่ื เสียง และศักดิ์ศรเี ทาน้ันเอง (และโออ วดกนั ในถอ ยคํา) และภายหลังการ ถกปญกาดังกลาวหลายตอหลายคนดวยกันของบรรดาผูรวมรณรงคเหลานั้นตองติดเช้ือไวรัส แหง ความปวยไขน ัน้ และกลายเปนพวกซูฟไปในท่ีสุดและบางคนยังเปนผูนําโรคน้ีแพรหลายสู ชุมชน และนั่นคือสาเหตุเนื่องมาจากพวกเขาไรความคิด และไมเขาใจในคุณลักษณะของนัก ตอ สูรณรงคท่ีดี ซ่ึงเปนโซตรวนแหงความเลิอเลิศและละมุนละไม ซึ่งเปนคุณสมบัติช้ินเอกของ มนุษย และนอยคนนักที่จะประสบกับส่ิงนั้น พวกเขาจึงถูกโจมตีและพายแพในท่ีสุด การตอสู 95
กับชาวซูฟจะตองตอสูกันในทางความคิด และหลักความเช่ือ ซ่ึงในตัวบทของฮาดีษเชนตาม คําบรรยายของทานอิมาม ซอดิก ซ่ึงจักตองตอสูในลักษณะเชนนั้นจากทุกดานของสังคม และทกุ ๆนามทีถ่ กู เอยข้ึน จงึ สามารถท่จี ะสรปุ ไดว าคําอรรธถาธบิ ายของทา นอมิ าม ซอดิก ในเรอ่ื งดังกลา ว คือคํา บรรยายท่สี มบรู ณแ บบท่สี ุด ตอการปฏิเสธลัทธิน้ี ซ่ึงมีผลประโยชนอยางมาก และเปนท่ีนาปติ ยนิ ดีอยา งย่งิ ทถี่ อ ยคาํ บรรยายเหลาน้ีไดถูกบรรทกึ ไวในหนังสอื อัลฮาดีษตา งๆมากมาย (18) ตะหฟลุ อุกลู หนา 348-354 , อุซลู กาฟย เลม 5 บาบมาอีชะห หนา 65-71 (19) ที่สงครามญาม้ัล คือสงครามทเี่ กดิ ข้ึนใกลๆ กับเมืองบัศเราะฮ ระหวางทานอิมาม อะลี และทานหญิง อาอิชะฮ, ฏอลฮะ, ซุเบ็ร สาเหตุที่ไดมีช่ือวา “ญามั้ล” ก็คือในระหวางการทํา สงคราม ทานหญิง อาอิชะฮ ไดน่ังอยูบนหลังอูฐเปนผูบัญชาการในกองทัพ (ญาม้ัล ในภาษา อาหรับแปลวา อูฐ) สงครามน้ีไดเกิดข้ึนภายหลังจากการสถาปนา อิมาม อะลี ข้ึนเปนคอลีฟะฮ และบรรดาผูซึ่งกอสงครามไมสามารถทนเห็นความมีคุณสมบัติแหงความถูกตองเที่ยงธรรมของอิ มาม อะลี ไดหมายถึงทานอิมาม อะลี ไมแบงแยกชนชั้นในการปกครอง เชน เผาน้ีมีเกียรติกวา เผา นนั้ และผูนั้น เลอเลิศกวาผูน้ี) ตลอดจนคุณความดีท้ังหลายท่ีทานมีอยู สุดทายทานอิมาม อะ ลี กไ็ ดรบั ชยั ชนะในสงครามนี้ เรอื่ งดังกลา วนท้ี าน บุตรของ อบี ฮาดดี ไดนาํ มากลาวใน ชัรฮ นะฮุลบาลาเฆาะ เลม ที่สาม หนา 1 ซึ่งพิมพในเบรุต ภายในน้ันไมใชชายผูมีนามวา อาลาอ บุตรของ ซียาด แตเปน รอบีอ บุตรของ ซียาด (20) นะฮ ุลบาลาเฆาะ คุตบะหท ี่ 207 (21) อุซลู กาฟย เลม 2 บาบฟสลุฟกุ อรอเอลมสุ ลิมีน หนา 260 (22) ซาฟน าตลุ บิฮาร (23) ฆอซาลนี อเมะ หนา 116 (24) ตารคี อลุ ูมอักลียดรั อิสลาม หนา 211 (25) บีฮารนุ อนั วาร พิมพค อมพานยี เลม 11 ฮาลาตอมิ ามบากิร (26) บฮี ารนุ อนั วาร เลม 2 อะหว าลอิมามฮาดีย หนา 149 (27) บฮี ารนุ อนั วาร เลม 12 ฮาลาตฮัซรัตอมิ ามรฎิ อ หนา 39 (28) บฮี ารุนอนั วาร เลม 10 หนา 25 (29) ชารนะฮ ลุ บาลาเฆาะ บุตรของอบี ฮาดดี เลม 4 หนา 185 พมิ พเบรตุ (30) บฮี ารนุ อนั วาร เลม 11 ฮาลาตอิมามซอดิก หนา 116 (31) วาซาเอ็ล เลม 2 หนา 469 (32) วาซาเอ็ล เลม 2 หนา 494 (33) มรุ ู ุซซาฮับ มัสอดู ีย เลม 2 ฮาลาตมะหด ีย อบั บาสี 96
(34) อซุ ลู กาฟย เลม 2 บาบฮกั กุลญาวาร หนา 668 (35) วาซาเอ็ลชอี ะห เลม 3 กีตาบุชชุฟอะห หนา 329 ฮาดีษท่ี 1,3,4 (36) บฮิ าร เลม 6 บาบมาการมิ ลุ อัคลาค (37) บฮี ารุนอนั วาร เลม 11 หนา 121 (38) บฮี ารนุ อนั วาร เลม 6 บาบมาการมิ ุลอคั ลาค (39) บฮี ารนุ อนั วาร เลม 11 หนา 117 (40) บีฮารนุ อนั วาร เลม 11 หนา 36 (41) บฮี ารุนอนั วาร เลม 12 หนา 14 (42) บีฮารนุ อนั วาร เลม 9 พมิ พต ับรีซ หนา 613 (43) วาซาเอ็ล เลม 2 หนา 582 (44) บีฮารุนอันวาร เลม 11 พิมพคอมพานีย หนา 110 , ซาเอ็ล เลม 2 พิมพอามีรบาฮาดิร หนา49 (45) วาซาเอ็ล เลม 2 หนา 212 (46) อิรชาด ดัยลามยี (47) บีฮารนุ อันวาร เลม 12 หนา 31 (48) อลั กุนยา วัลอัลกอบ มุฮดั ดัสกมุ มี เลม 2 หนา 153 (49) มาลิก บุตรของ อะนัส บุตรของ มาลิก บุตรของ อบี อามิร ก็คือหน่ึงจากบรรดาอิมาม สี่มัสหับของพี่นองอะหลิสุนนะห วัล ญามาอะห นั่นเอง และมัสหับมาลีกี ซ่ึงเปนท่ีรูจักกัน แพรหลายก็สืบทอดมาจากเขา เขาอยูในยุคสมัยเดียวกันกับ อบู ฮานีฟะห สวนชาฟอียคือ ศิษย ของมาลิก และอะหห มดั บุตรของ ฮัมบลั กเ็ ปนศษิ ยของชาฟอ ียอกี ทีนึง การปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ตา งๆ ในมสั หบั มาลีกนี ้ันแตกตา งกบั มัสหับฮานาฟย ของอบฮู านีฟะหโ ดย สิ้นเชิงเพราะในมัสหับ อานาฟยสวนมากแลวจะยึดเอาสติปญญา และการเปรียบเทียบเปนหลัก (โดยการใชสติปญญาวินิจฉัยออกมา) ซึ่ผิดกับมัสหับมาลีกีที่จะยึดมั่นอยูกับสุนนะห และ ฮาดิษ ดังน้ันจงึ จะเหน็ ไดวา ส่งิ นตี้ รงกนั กับคาํ กลาวของ บตุ รของ คลั กาน ในหนังสอื วาฟาตลุ อะยาล เลม 3 หนา 268 ทว่ี า กอนทีม่ าลิกจะจากโลกนไี้ ปเขาไดรองใหฟูมฟาย สาเหตุมาจากเร่ืองราวบางอยางท่ี เขาไดฟตวาชี้ขาดออกไป โดยใชสติปญญาของเขาเปนเครื่องวินิจฉัย เขารูสึกหวั่นวิตก และหนักใจ มากตอสิ่งนั้น เขากลาววา “ฉันไมนาฟตวาสิ่งใดออกไปเลยโดยการใชสติปญญาของฉันเอง ฉันจะ พึงพอใจอยา งยงิ่ ถา หากวาฉันจะไดรับการลงโทษโดยการโบยดวยแสตอทุกๆ คําฟตวาเหลาน้ันของ ฉันบนโลกนี้ เพื่อท่ีฉันจะไดเปนอิสระหลุดพนจากส่ิงตางๆ ที่จะติดตามมา (การลงโทษในอาคี เราะห) จากการกระทาํ ผิดเหลาน้ัน” การปฏบิ ตั สิ ง่ิ หนงึ่ ทีน่ า ยกยองของมาลิกเกี่ยวกับเรื่องที่เขามีความเชื่อวาการใหสัตญาบันตอ มุฮัมมัด บุตรของ อับดิลลาฮ มะฎ (ซ่ึงไดรับชะฮีด) น้ันเปนการถูกตอง และการใหสัตญาบันตอ 97
บานี อับบาส นั้นถือเปนส่ิงโมฆะ เพราะเปนการขมขู มาลิกมิไดปกปดความเช่ือน้ีของเขา และเขา มิไดเกรงกลัวตออํานาจของบานอี ับบาสเลย ดวยเหตุน้ีเอง ญะอฟร บุตรของ สุไลมาน อับบาสีย ได สัง่ ใหจบั มาลิกมาโบยอยางหนกั และเนือ่ งจากการถูกโบยคร้งั นี้ คอื สาเหตุแหงการมีชื่อเสียงและทํา ใหเขาเปน ท่ีเคารพของหมูช นมากยงิ่ ขน้ึ (วาฟาตลุ อะยาน เลม 3 หนา 285) ขณะท่ีมาลิกใชชีวติ อยใู นมะดนี ะฮเ ขาไดไปมาหาสูกับทานอมิ าม ซอดกิ อยเู ปน นจิ สนิ และ เขาคือผูหน่ึงจากบรรดาผูท่ีรายงานฮาดีษของทานอิมาม ซอดิก และในหนังสือ บิหาร เลมที่11 หนา 109 ซึ่งอางจากหนังสือตางๆ เชน คิศอล , อิลาลุลชารอเยะอ และ อามาลีย ของชะฮีด ศอด ดูก กลาววา “คราใดก็ตามที่มาลิกไดไปหาทานอิมาม ซอดิก ทาน จะแสดงความรักใครเอ็นดูตอ เขาเสมอ และบางครั้งทา น กลา ววา “ฉนั รักและเอน็ ดทู าน” และเมือ่ มาลิกไดร บั ความเห็นอกเห็นใจ รักใครจากอิมาม เชนนี้ เขามีความปติยินดีเปนลนพน ในหนังสืออัลอิมามุศซอดิก เลม 3 มาลิ กไดกลาวไววา “ในชวงระยะเวลาหนึ่งที่ฉันไดไปมาหาสูกับทานอิมาม ซอดิก อยูเสมอนั้น ฉันจะ เหน็ ทานอมิ าม อยใู นสภาพของการปฏบิ ัตินมาซ หรือถือศลี อด หรืออานคัมภีรก รุ อานอยางเปนนิจ สิน ฉันไมเคนไดยินและไมเคยเห็นใครเลยที่จะประเสริฐกวา ทานญะฟร บุตรของ มุฮัมมัด ไมวาใน เรื่องของวิชาการ ความยําเกรง และการอิบาดัต” และในขณะเดียวกันถูกอางจากหนังสือ บิหาร มาลิกไดกลาวเก่ียวกับทานอิมาม ซอดิก วา “ทาน คือผูมีเกียรติแหงมวลผูมีความศรัทธา และ ความยําเกรง ซึ่งทาน มีความเกรงกลัวตอพระผูเปนเจา อยางเหลือคณานับ และรูเรื่องราวของฮา ดษี ตางๆ อยางมากมาย การมีมารยาทที่เลอเลิศ มีอัธยาศัยที่ดีเย่ียม มัญลิส (ในท่ีชุมนุม) ของทาน เต็มไปดวยความโปรดปรานทุกครั้งท่ีทาน ไดยินนามของทานรอซูลุลลอฮ สีหนาของทาน จะ เปลีย่ นไปในทนั ท”ี (50) ) บฮี ารุนอันวาร เลม 11 หนา 109 (51) วาซาเอ็ล เลม 2 หนา 513, บฮี ารุนอนั วาร เลม 9 หนา 599 (52) บีฮารุนอนั วาร เลม 11 หนา 266 (53) อซุ ลู กาฟย เลม 2 หนา 324 , วาซาเอล็ เลม 2 หนา 477 (54) ชารน ะฮุลบาลาเฆาะ บตุ รของอบี ฮาดีด เลม 4 หนา 389 (55) ตารคี อิบนุคอลกาน เลม 3 หนา 44 (56) อาบาฎียะฮ คือกลุมหนึ่งจากหกกลุมของพวกคอวาริจญ พวกคอวาริจญน้ันเปนที่รูกัน อยางแพรหลายวากําเนิดข้ึนในสงครามศิฟฟน และพวกเขาคือสาวกของทานอิมาม อะลี และไดทรยศกบฎตอทานอิมาม อะลี ในเวลาตอมากลุมนี้เกิดขึ้นจากคนสองกลุมดวยกัน กลุมหนึ่งปฎิบัติตามพื้นฐานความเช่ือ (อากีดะฮ) ที่พวกเขามีอยู และอีกลุมหน่ึงเกิดจาก ความโงเขลาและมีอคติซึ่งกลุมหลังนี้เห็นกลุมท่ีอันตรายท่ีสุดที่กําเนิดข้ึนมาในหมูมุสลิม เพราะพวกเขาจะรังควาน และกอกวนการปกครองในทุกยุคทุกสมัยอยูเสมอ ทั้งหมดของ 98
พวกเขาคอวาริจญมีความจงเกลียดจงชังตอทานอิมาม อะลี และทานอุษมาน (ไม ตอ งการทงั้ ทา นอมิ ามอะลี และอษุ มาน ) และสวนมากของมุสลิมท่ีมีอากีดะฮ (ความเช่ือ) ไมเหมือนกับพวกเขาก็จะถูกตัดสิน (ฮุกุม) ใหมุสลิมเหลานั้นเปนผูปฎิเสธ (การเฟร) หรือ พวกมุชริก (ผูตั้งภาคี) ไปเสียเลย การแตงงานกับมุสลิมท่ีไมใชคอวาริจญถือเปนการ ตองหาม (หาราม) และพวกเขาจะไมมอบมรดกใหแกบรรดาลูกๆ ของพวกเขาท่ีไมไดเปน คอวาริจญ (หมายถึง เมื่อพอแมเปนคอวาริจญ แตลูกคนใดที่มิไดเปนคอวาริตญดวยลูก คนน้ันไมมีสิทธิจะรับมรดกจากพอแม ) และทรัพยสมบัติ ของผูท่ีไมใชคอวาริจญถือเปน ส่ิงอนุญาติสาํ หรบั พวกเขา (ในกรณีท่ผี ใู ดไมใ ชค อวารจิ ญมที รพั ยสมบตั อิ ยูการฉกฉวยและ ยึดเอาทรัพยสมบัตินั้นมาถือวาไมเปนส่ิงตองหาม) แตในทางของอาบาฎียะฮ มีความ นุมนวลกวาไมรุนแรงเหมืนกลุมอื่นๆ และหลายอยางที่ตรงกันขามกับกลุมอ่ืนโดยส้ินเชิง ผูนําของอาบาฎียยะฮคือชายผูซ่ึงมีความนุมนวลมีนามวา อับดุลลอฮ บุตรของ อาบาฎ และกลุมน้ีเกิดข้ึนในชวงสุดทายของสมัยคอลีฟะฮ อุมาวีย (โปรดดูในหนังสือ มิลัลวัลนิฮัล ของ ชะฮร สั ฎอนยี เลม 1 พมิ พอ ียปิ ต หนา 172 ถึง 212) (57) มรุ ู ซุ ซาฮับ มสั อดู ยี เลม 2 หนา 174 อะหว าลอุมรั บตุ รของ อับดุลอาซซี (58) อนั วารลุ บาฮยี ะห มฮุ ดั ดสั กมุ มี หนา 76 (59) นญี าเยช มฮุ ัมมดั ตะกี ชะรอี าตี (60) อซุ ูลกาฟย เลม 2 บาบฮากีกาตลุ อีมานวลั ยากนี หนา 53 (61) ซีเราะห อิบนุ ฮิชาม เลม 1 หนา 321-338 , ชารนะฮุลบาลาเฆาะ บุตรของอบี ฮาดีด เลม 4 หนา 175-177 (62) บีฮารนุ อันวาร เลม 11 หนา 120 (63) อุซูลกาฟย เลม 2 บาบฮักกลุ ญาวาร หนา 666 (64) บฮี ารุนอนั วาร เลม 11 หนา 105 (65) ชารนะฮลุ บาลาเฆาะ บตุ รของอบี ฮาดดี เลม 3 หนา 568-570 (66) วาซาเอล็ เลม 2 หนา 457 (67) วาซาเอ็ล เลม 2 หนา 462 (68) บีฮารุนอนั วาร เลม 11 หนา 115 (69) กหุ ลลุ บซอร มฮุ ดั ดัสกุมมี หนา 79 (70) วาซาเอล็ เลม 2 หนา 57 (71) ซเี ราะห อิบนุ ฮิชาม เลม 1 หนา 265 (72) เราฎอตลุ ยันนาต หนา 747 (73) ตารีคอลุ ูมพเี ยรรัสเซีย หนา 382,383 (74) ออยนี สุคันวารีย โดย มุฮมั มดั อะลี ฟูรฆู ยี เลม 2 หนา 5,6 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200