2. ตรวจกิจกรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนำความรู้ 3. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ แบบฝกึ ปฏบิ ัติ 4. ตรวจใบงาน เคร่อื งมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มีช่องปรบั ปรุง 2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรูม้ ีเกณฑ์ผ่าน และแบบฝึกปฏิบตั ิ 50% 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงานมเี กณฑผ์ า่ น 50%
แผนการจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการท่ี 6 หนว่ ยท่ี 4 สอนครงั้ ที่ 6 รหัสวชิ า 20204-2105 วชิ า โปรแกรมฐานขอ้ มลู (Database Program) จำนวนชั่วโมง 4 ช.ม. ช่ือหน่วย การสรา้ งความสัมพันธ์ระหวา่ งตาราง(Relationships) สาระสำคัญ จดุ เดนหลักของฐานขอมลู เชงิ สัมพันธ (Relational Database) คอื ความสามารถในการเชอื่ มโยง ความสมั พนั ธระหวางขอมลู อยางไรก็ตาม ผูใชงานฐานขอมลู หลายคนยังขาดความเขาใจในการใชงาน ความสามารถของฐานขอมลู น้ีใหเกิดประสิทธิภาพ ในหนวยนจี้ ะมุงเนนไปทวี่ ิธกี ารสรางความสัมพันธ ระหวาง ตารางในฐานขอมลู ของโปรแกรม Microsoft Access 2016 สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายและลักษณะของฐานขอมลู เชงิ สัมพนั ธ์ 2. Database key ที่ใชในการสรางความสัมพันธ์ 3. การสรางความสัมพันธระหวางตาราง สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรูเกี่ยวกบั การใชคียชนดิ ตาง ๆ ในการสรางความสมั พันธ 2. สรางตารางความสมั พันธระหวางตาราง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายและลกั ษณะของฐานขอมลู เชิงสมั พันธได 2. อธบิ ายความหมายและรปู แบบคียชนิดตาง ๆ ที่ใชในการสรางความสัมพันธได 3. สรางความสมั พนั ธระหวางตารางได กจิ กรรมการเรียนการสอน ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครกู ล่าววา่ ในการสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตารางข้อมูลนี้ จะทำให้เราไมต่ ้องสับสนเม่อื เราเขยี น โปรแกรมนานๆ เม่ือเราจะทำ Query (แบบสอบถาม) ข้อมลู หรือรายงานผลขอ้ มลู เมื่อเราเลอื กตารางขอ้ มลู มาแลว้ โปรแกรมก็จะยดึ ค่าความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตารางข้อมูล ท่เี ราไดก้ ำหนดไวแ้ ตแ่ รกแล้ว 2. ครสู นทนากบั ผู้เรยี นเพื่อนำเข้าสบู่ ทเรียน ขัน้ สอน 1. ครูผู้สอนใช้สือ่ PowerPoint ประกอบการบรรยายความหมายและลกั ษณะของฐานขอมูลเชิง สมั พันธ์ ความหมายและลักษณะของฐานขอมูลเชงิ สัมพนั ธ์
ฐานขอมลู เชิงสมั พันธ หมายถึง ฐานขอมลู ที่มีการเช่อื มโยงความสมั พนั ธระหวางขอมลู ในแตละวตั ถุ (ตาราง, การสบื คน) เขาไวดวยกนั ทาํ ใหสามารถดงึ ขอมลู จากหลายตารางมาใชงานพรอมกันได รวมถึง เม่ือมี การแกไขขอมูล หรอื การลบขอมูลในตารางใด ขอมูลในตารางอ่นื ที่มีความสมั พันธกบั ขอมูลท่ีผูใช เปล่ียนแปลง จะไดรบั การแกไขตามไปดวย ลกั ษณะของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ตารางท่สี ามารถสรางความสัมพันธระหวางกนั ไดจะตองมี Common Field หรือ Field ทเ่ี หมือนกัน อยู ในท้งั สองตาราง โดยในตารางหนึง่ จะมี Field ทเี่ ปนคยี หลัก (Primary key) และอกี ตารางหนึง่ จะมี Field ทเ่ี ป นคียนอก (Foreign key) ซ่ึงใชเชือ่ มโยงกบั คยี หลักอยู Common field ของทง้ั สองตาราง จะตองมีชนดิ ของข อมลู ทเ่ี หมือนกัน และโดยท่ัวไปแลวควรต้งั ชือ่ Common field ใหเหมือนกัน ตัวอยางของฐานขอมูลเชิงสมั พนั ธ เชน ฐานขอมลู ประกอบดวยตาราง 2 ตาราง คือ ตารางขอมูลลกู คา และอีกตาราง คือ ตารางการสั่งซ้ือสินคา เมื่อผูใชสรางความสัมพันธระหวางขอมูลในตารางทงั้ สองน้ี แลวทาํ การปรับเปล่ยี นข้อมูลในตารางหนึ่ง ขอมูลในอกี ตารางซึง่ มีความสมั พนั ธอยูกับขอมูลในตารางแรก จะมีการ เปลยี่ นแปลงตามไปดวย จากตวั อยางเปนการสรางความสัมพันธระหวางช่ือลูกคากับจาํ นวนสินคาท่ีส่ังซอื้ เมื่อทําการ เปลย่ี น แปลงขอมลู ในตารางขอมลู ลกู คา ขอมลู ในตารางการสัง่ ซื้อจะมกี ารเปล่ียนแปลงตามไปดวย ตามลักษณะของ ความสมั พนั ธท่ีกําหนด รปู แบบของความสมั พันธของขอมลู โปรแกรม Microsoft Access 2016 รองรับรปู แบบของความสมั พันธของขอมลู ท้ังหมด 3 แบบ ดังไดกล าวมาแลวในหนวยท่ี 1 คือ 1. ความสัมพันธแบบ 1 ตอ 1 (One - to - One) เปนความสมั พันธท่ีไมคอยใชงานมาก คือ การที่ Record ในตารางหลักมคี วามสมั พันธกบั Record ในตารางอื่นเพยี ง Record เดียวเทานน้ั ตวั อยางเชน การ เกบ็ ขอมูลบางสวนของ Record ไวเปนความลับ โดยการนําขอมูลท่เี ปนความลบั น้ันใสไวในอีกตารางหน่งึ ซ่ึงมี ความสัมพนั ธกับตารางหลกั และมกี ารจาํ กัดการเขาถึงขอมูลในตารางน้ี
จากรูปเปนความสมั พนั ธระหวางตาราง Employees และ Pay Rate โดยขอมลู คาจางรายชว่ั โมง (Hourly Pay Rate) น้นั ถูกเก็บไวเปนความลบั จงึ มีการกําหนดความสมั พันธระหวางคียหลกั และคียนอก เป นแบบ 1 ตอ 1 2. ความสมั พันธแบบ One - to - Many เปนความสัมพันธทพี่ บไดท่ัวไป โดยหนง่ึ Record ในตาราง หลักสามารถเช่อื มโยงกับหลาย ๆ Record ในตารางอ่นื ๆ ได แตในทางกลบั กนั Record ในตารางอนื่ ๆ สามารถเชอ่ื มโยงกับ Record ในตารางหลกั ไดเพียง Record เดียวเทาน้นั ตวั อยางเชน ลูกคา 1 คน สามารถ สง่ั ซื้อไดหลาย Order แต Order แตละ Order จะถูกสั่งซ้ือจากลูกคาคนเดียว 3. ความสมั พันธแบบ Many - to - Many เปนความสมั พันธที่พบบอย ตวั อยางเชน นกั เขยี น สามารถ เขยี นหนงั สอื ไดหลายเลม ในขณะเดียวกัน หนังสือหนึ่งเลมอาจมผี ูแตงหลายคน เปนตน ความสัมพันธ รูปแบบ นไ้ี มสามารถสรางข้นึ ไดโดยตรง จะตองใช “Junction table” ในการสรางความสัมพันธ์
2. ครผู ้สู อนใช้สือ่ PowerPoint และสือ่ ของจรงิ ประกอบการบรรยาย Database key ทใ่ี ชในการสราง ความสมั พนั ธ์ Database key ท่ใี ชในการสรางความสัมพนั ธ์ ส่ิงทีใ่ ชในการเช่ือมโยงความสัมพนั ธของขอมูลระหวางตาราง คือ Database key โดย Database key ที่ใชมีดงั น้ี คียหลกั (Primary Key) ในทกุ ๆ ตารางควรมีอยางนอย 1 Field ท่ีเปนคียหลัก โดยคาของคยี หลักน้ีตองเปนคาเฉพาะ ของแตละ Record ซง่ึ ไมซา้ํ กบั คาอ่นื ๆ ในฐานขอมูล ตัวอยางเชน สมมตุ วิ ามีฐานขอมลู ของพนักงานในบริษัท และตอง การเลอื ก Field ในตาราง Employee เพอ่ื ใชเปนคยี หลกั ในการระบุขอมูลของพนักงานแตละคน การเลอื กใช ชอื่ ของพนักงานอาจจะเปนตัวเลือกท่ไี มเหมาะสม เพราะมีความเปนไปไดท่ีพนกั งานของบรษิ ัท อาจมชี ื่อที่ เหมอื นกนั สงผลใหการใชชอื่ พนักงานเปนคยี หลักไมมีความเฉพาะตัวของขอมูลทางเลือกทเ่ี หมาะสมกวา คือ การใชรหสั พนกั งานเปนคียหลกั เนือ่ งจากรหัสของพนกั งานแตละคนจะมีคาเฉพาะสําหรับพนักงานแตละคน เมื่อทาํ การเลือกคาคียหลกั แลว ระบบจัดการฐานขอมูลจะบงั คับใชคาเฉพาะของคยี หลัก หากพยายาม เพม่ิ Record ท่ซี ํา้ กันลงในตารางท่มี ีคียหลักจะไมสามารถทําได โปรแกรมจดั การฐานขอมูลสวนมากสามารถสรางคียหลกั ข้ึนมาเองได เชน Microsoft Access 2016 จะใชข้อมลู ชนิด AutoNumber ในการสรางคียหลักใหกับแตละ Record คียนอก (Foreign key) โดยทว่ั ไปแลวโครงสรางฐานขอมูลจะมีความสมั พนั ธระหวางตาราง สามารถใชคยี นอกเปนตวั เชอ่ื ม ความสมั พันธระหวางตารางนั้น ยอนกลับไปยังตวั อยางฐานขอมลู ของพนักงานบริษัทขางตน สมมุตวิ าตองการ เพม่ิ ตารางข้อมลู ของแผนกลงในฐานขอมูลโดยใชช่อื ตาราง Department และในตารางนมี้ ีขอมลู ของทกุ ๆ แผนก หากต้องการเพิ่มขอมลู ของพนักงานแตละแผนกลงในตารางนี้กส็ ามารถทาํ ได แตวธิ กี ารน้จี ะเปนการ
ทํางานทีซ่ ํา้ ซอนเน่ืองจากตองเพิม่ ขอมูลลงในทั้งสองตาราง ในกรณนี ี้เราควรใชการสราง ความสมั พนั ธระหวาง ตาราง Employee และตาราง Department จึงจะเหมาะสมกวา สมมุติให Field ชือ่ Department Name ในตาราง Department เปนคยี หลัก การสราง ความสมั พันธ ระหว่างตารางทาํ ไดโดยเพม่ิ Field ชื่อ Department ลงในตาราง Employee จากนนั้ ใสขอมลู ของแผนกท่ี สังกดั ใหแกพนักงานแตละคน หลังจากใสขอมูลแลวใหทําการแจงกบั ระบบจัดการ ฐานขอมูลวา Field Department ในตาราง Employee คือ คียนอก ท่ีอางอิงไปยังตาราง Department ฐานขอมูลจะบงั คับใช “Referential integrity” คอื เม่ือเปลยี่ นแปลงหรือลบขอมูลในตาราง Department ระบบจะทาํ การ เปลย่ี นแปลงหรอื ลบขอมลู ในตาราง Employee ไปดวย ทําใหคาของขอมลู ใน Field Department ของตาราง Employee มีคาตรงกบั ขอมูลในตาราง Department จะสงั เกตไดวา คยี นอกนั้นจะไมมีการบังคับคาเฉพาะตัว (Uniqueness) หมายความวาในหนง่ึ แผนก สามารถมีพนักงานไดหลายคน 3. ครูผู้สอนใชส้ ่ือ PowerPoint และส่ือของจริงประกอบการบรรยายการสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง ตาราง การสร้างความสัมพนั ธ์ระหว่างตาราง ในหวั ขอน้ีจะใชฐานขอมลู ท่ีสรางขึ้นในใบงานท่ี 4.1 ประกอบดวยคาํ อธิบาย วิธกี ารสราง ความสมั พนั ธ ระหวางตาราง ดังตอไปน้ี วิธีการสรางความสัมพันธระหวางตาราง มีดังน้ี 1. เปดฐานขอมูลในใบงานที่ 4.1 ข้ึนมา 2. ไปท่ี Database Tools tab แลวเลือกท่ี Relationships
3. เมอื่ เลือกที่ Relationships แลวจะปรากฏหนาตางขึ้น ใหเลือก ตารางท่ีตองการสรางความสัมพันธ โดยสามารถเลือกหลาย ๆ ตารางพรอมกันได ดวยการกดแปน Ctrl แลวคลิกทต่ี าราง ท่ีตองการ เม่ือเลือกตาราง เสรจ็ แลว้ คลกิ ที่ Add เพ่ือเพิ่มตาราง เมื่อเพิ่มตาราง จบครบแลวคลิกท่ี Close 4. เม่ือคลกิ ที่ Close จะปรากฏหนาตางความสัมพนั ธขึ้น จากตวั อยางจะเปนการสรางความสมั พนั ธ ระหวางตาราง Student_Info และตาราง Student_Address จะสงั เกตไดวายงั ไมมเี สนเช่ือมระหวาง ตาราง ท้ังสอง เนื่องจากยังไมมีการสรางความสัมพันธน่ันเอง
5. ทาํ การเลอื กคียหลกั และคียนอกทีจ่ ะใชในการสรางความสมั พนั ธ ในตวั อยางนจ้ี ะใช ID ในตาราง Student_Info เปนคยี หลกั และ Phone Number ในตาราง Student_Address เปนคียนอก 6. การสรางความสัมพันธทําไดโดยคลิกลากคียหลักไปยังคยี นอก จะปรากฏกลองขอความ Edit Relationships ในขน้ั ตอนนี้ตองทําการเลือกวาจะบังคับใช Referential Integrity หรอื ไม ในตวั อยางน้ี จะไม บงั คบั ใช Referential Integrity จากน้ันใหคลกิ ที่ Create 7. เมอ่ื คลิกที่ Create แลวจะไดความสมั พันธระหวางตารางดงั รูป Referential Integrity เพ่ือเปนการทําความเขาใจ Referential Integrity จึงขอยกตัวอยางเหตุการณดังนี้ ฐานขอมลู หนึง่ ประกอบด้วยตาราง Customer ซงึ่ ใชเก็บขอมลู ของลกู คา และตาราง Order ใชสําหรับเกบ็ รายการสงั่ ซ้ือ จาก ลูกคา หากเกิดเหตกุ ารณบางอยางทําให Record ในตาราง Customer หายไป (ถกู ลบหรือแกไข) จะสงผลให รายการสงั่ ซอ้ื จากลูกคาท่ีหายไปนั้นกลายเปน “Orphan record” Orphan record หมายถึง Record ทีม่ ีการอางองิ ไปยัง Record ในตารางอน่ื ท่ีไมมีตัวตน เชนเดียวกับ ตวั อย่างยอดสัง่ ซื้อทไ่ี มมผี ูสั่งซ้ือ (ลูกคา) การบงั คับใช Referential Integrity มขี ึ้นเพ่อื ปองกนั การเกิด Orphan record นข้ี น้ึ เมือ่ มกี ารบังคบั ใช Referential integrity จะมผี ลดงั น้ี
1. ในการเพิ่ม Record ลงในตารางซงึ่ มีคียนอกอยูนนั้ จะตองมี Record ที่เหมือนกันอยูในตาราง คยี หลักดวย ตวั อยางเชน ในการสง่ั ซ้อื สนิ คาของลูกคานน้ั จะตองมีขอมลู ของลูกคากอนจึงจะสามารถ ทําการสง่ั ซอ้ื ได 2. ปองกนั การแกไขขอมลู ในตารางที่มีคียหลักอยูหากมี Record ทต่ี รงกนั กบั Record ในตาราง คยี นอก ตวั อย่างเชน ไมสามารถแกไขขอมูลการสงั่ ซ้ือของลูกคาในตาราง Customer ได หากมีขอมูล การสั่งซอ้ื ใน ตาราง Order แลว 3. ปองกนั การลบขอมูลในตารางที่มีคียหลักอยูหากมี Record ทีเ่ กีย่ วของกันกับ Record ในตารางคีย นอก ตวั อยางเชน ไมสามารถลบขอมูลของลกู คาในตาราง Customer ได หากมีขอมูลการสัง่ ซื้อ ในตาราง Order แลว ตวั เลือกของ Referential Integrity 1. Cascade Update Related Fields อนญุ าตใหมกี ารเปล่ยี นคียหลักในตารางคียหลกั ได และทาํ การ เปล่ียนแปลง Record ในตารางคยี รองใหตรงกัน ตวั อยางเชน กรณที ่ีมีการสะสมยอดการส่ังซื้อ ผานบัตร สมาชิก หากลูกคาทาํ บัตรสมาชกิ หาย ก็สามารถเปล่ียนยอดสะสมการสง่ั ซื้อไปยงั บตั รสมาชิก ใบใหมของลูกค าคนเดมิ ได 2. Cascade Delete Related Records อนุญาตใหลบ Record ทเี่ ก่ยี วของในตารางคียรอง เม่ือมีการ ลบ Record ในตารางคียหลกั โดยปกติแลวตวั เลือกเหลานจ้ี ะไมไดเปดใชงาน หากตองการใชงาน จะตองทาํ การเลือกกอน การแกไขความสมั พนั ธ์ จะปรากฏกลองขอความ การแกไขความสมั พันธดังรูปทําไดโดยดับเบลิ คลิกท่ีเสนแสดงความสมั พนั ธ Edit Relationship จากนั้นจงึ แกไขความสัมพันธ
การลบความสัมพนั ธ การลบความสัมพันธทาํ ไดโดยคลิกขวาทเ่ี สนความสมั พันธ แลวเลือกคําสั่ง Delete จากเมนู ขนั้ สรุปและการประยุกต์ 1. ครูสรุปบทเรียน โดยใช้ PowerPoint และอภิปรายซกั ถามขอ้ สงสัย 2. ผู้เรยี นทำกจิ กรรมใบงาน และแบบประเมินผลการเรียนรู้ สอื่ การเรยี นการสอน 1. หนงั สือเรียน รหัส 20204-2105 โปรแกรมฐานข้อมลู ของสำนกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. สอ่ื Power Point 3. กิจกรรมการเรยี นการสอน หลกั ฐาน 1. บันทึกการสอน 2. ใบเชค็ รายชื่อ 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมินผลงาน การวดั และการประเมนิ ผล วธิ ีวัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ตรวจกิจกรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนำความรู้ 3. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ แบบฝึกปฏิบัติ 4. ตรวจใบงาน
เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง 2. แบบประเมินผลการเรียนรูม้ เี กณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏิบัติ 50% 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงานมีเกณฑผ์ ่าน 50%
แผนการจัดการเรยี นรู้แบบบรู ณาการท่ี 7 หน่วยท่ี 5 สอนครงั้ ที่ 7 รหัสวิชา 20204-2105 วิชา โปรแกรมฐานข้อมลู (Database Program) จำนวนชั่วโมง 4 ช.ม. ชอ่ื หน่วย การสบื ค้น แก้ไข และปรบั ปรงุ ข้อมูล สาระสำคัญ จดุ เดนอกี อยางหนึ่งของฐานขอมูลเชิงสมั พันธ คือ ความสามารถในการคนหาและวิเคราะหขอมลู ผาน การใชงานการสบื คน การสบื คนนั้นจะชวยใหเราสามารถดึงขอมลู จากตารางเดีย่ วหรอื จากหลาย ๆ ตารางมาใช งานได ทง้ั น้ีขึน้ อยูกับเงื่อนไขในการคนหาท่ีกําหนด สาระการเรยี นรู้ 1. รปู แบบของการสบื คน 2. โอเปอเรเตอรทีใ่ ชในการสืบคน สมรรถนะประจำหน่วย 1. สราง Query แบบตางๆ ตามรูปแบบท่ีกําหนดให จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายรูปแบบของการสบื คนได้ 2. อธบิ ายการใชงานโอเปอเรเตอรทใ่ี ชในการสบื คนได กิจกรรมการเรียนการสอน ข้นั นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครกู ลา่ ววา่ ฐานขอ้ มูลเปน็ เคร่อื งมอื สำหรับการเก็บรวบรวมและจดั ระเบยี บข้อมลู ฐานข้อมลู สามารถเก็บขอ้ มลู เกย่ี วกบั บุคคลผลติ ภัณฑใ์ บส่ังซื้อหรือสิ่งอื่นใดกไ็ ด้ เม่ือรายการมีขนาดใหญข่ ึ้นความซา้ ซ้อน และความไมส่ อดคล้องกันของข้อมลูจะเรม่ิ ปรากฏขึ้น เม่ือเกดิ ปญั หาจงึ ต้องมีการโอนถา่ ยข้อมลูไปยังฐานข้อมลู ทีส่ รา้ งขนึ้ ด้วยระบบการจัดการฐานข้อมลู 2. ครสู นทนากับผเู้ รยี นเพื่อให้เหน็ ความสำคัญของการสืบค้น แกไ้ ข และปรบั ปรุงข้อมูล ขัน้ สอน 1. ครผู ู้สอนใช้สอ่ื PowerPoint ประกอบการบรรยายรูปแบบของการสืบค้น รปู แบบของการสืบคน้ การสบื คน (Query) เปนวิธีการคนหาและวิเคราะหขอมลู จากตาราง การใชงาน Query เปรยี บเสมอื น กับ การตั้งคําถามไปยงั ฐานขอมลู การใชงาน Query ใน Microsoft Access 2016 จะเปนการกาํ หนดเงอ่ื นไข เฉพาะ ในการค้นหาขอมลู ท่ีเราตองการ
การใช้งาน Query Query นนั้ มีประสิทธภิ าพในการคนหาท่ีสงู กวาการคนหาอยางงาย (Simple Search) หรอื การใช ตวั กรอง (Filter) เพือ่ คนหาขอมูลภายในตาราง เนื่องจาก Query สามารถดึงขอมลู จากหลาย ๆ ตารางได เชน ใน ฐานขอมูลทางธรุ กิจทปี่ ระกอบดวยตารางขอมูลลกู คา และตารางขอมลู การสัง่ ซ้ือ ผูใชอาจใช การคนหาภายใน ตารางขอมูลลกู ค้าเพื่อคนหารายชื่อลูกคา หรอื ใช Filter ในตารางขอมลู การสัง่ ซ้ือ เพ่ือกรองเฉพาะรายการ สั่งซอื้ ทีเ่ กดิ ขน้ึ ในสปั ดาหทผี่ า่ นมา แตทั้งสองวิธีนั้นไมสามารถแสดงผลขอมูลลกู คา และขอมลู การส่ังซื้อไดพร อมกนั อยางไรกต็ าม การใชงาน Query จะสามารถแสดงผลขอมลู ลกู คาทุกคน ที่ทําการสั่งซ้อื ในสัปดาหกอนได การออกแบบ Query ท่ดี ีอาจชวยใหผูใชสามารถคนหาขอมูลท่ีไมสามารถ หาไดดวยวิธปี กติ รปู แบบของ Query ใน Microsoft Access 2016 สามารถแบงไดเปน 2 ประเภท คือ 1. การสืบคนทใ่ี ชในการเลือกขอมลู (Select Query) เปนแบบสอบถามทีธ่ รรมดาท่สี ดุ แบบสอบถามนี้ จะรับข้อมูลจากตารางหน่ึงหรือหลายตาราง และแสดงผลลพั ธในแผนขอมลู ท่ีเราสามารถปรบั ปรงุ Record ได (โดยมีขอจาํ กดั บางอยาง) ยังสามารถใช Select Query เพือ่ จดั กลุม Record และคาํ นวณผลรวมการนับ จาํ นวนคาเฉลยี่ และชนิดการรวม (Join Type) อน่ื ๆ 2. การสืบคนแบบแสดงผล (Action Query) เปนการสืบคนท่ีทาํ การเปลยี่ นแปลง Record หลาย ๆ Record ด้วยการดําเนินการเพียงคร้งั เดยี ว Action Query มี 4 ชนดิ คอื 1. แบบใชลบขอมลู 2. แบบใชปรับ ปรงุ ขอมูล 3. แบบใชผนวกขอมลู และ 4. แบบใชสรางตาราง 2. ครผู ู้สอนใช้สอ่ื PowerPoint และสื่อของจรงิ ประกอบการบรรยายโอเปอเรเตอร์ท่ใี ช้ในการสืบค้น โอเปอเรเตอร์ท่ใี ช้ในการสืบค้น ในการใชงาน Query น้ันจําเปนตองกําหนดเงื่อนไขทใ่ี ชในการหาขอมูลที่ตองการ ซ่ึงเง่ือนไข ที่กาํ หนด นัน้ จะใชโอเปอเรเตอรในการสั่งงาน ซง่ึ โอเปอเรเตอรท่ีใชมีดังนี้ โอเปอเรเตอรทางคณิตศาสตร โอเปอเรเตอร์ คำอธบิ าย ตวั อยา่ ง ผลลัพธ์ + ใชในการบวก 2 นพิ จนเขาดวยกัน x=2+3 x=5 - ใชในการลบ 2 นพิ จนออกจากกนั x=5-2 x=3 * ใชในการคูณ 2 นิพจนเขาดวยกนั x = 5 + 4 x = 20 / ใชในการหาร 2 นพิ จน x = 10 / 2 x = 5 \\ ใชในการหาร 2 นพิ จน ผลลพั ธทไ่ี ดเปนจํานวนเต็ม x = 7 \\ 2 x = 3 Mod ใช้ในการหาร 2 นพิ จน ผลลพั ธทไี่ ดเปนเศษที่ไดจาก x = 15 Mod x = 1 การหาร 2 ^ ใชในการยกกําลังนพิ จน x = 2 ^3 x = 8
โอเปอเรเตอรทีใ่ ชในการเปรยี บเทยี บคา โอเปอเรเตอร์ คำอธบิ าย = เทากบั หรือกาํ หนดคา > มากกวา >= มากกวาหรือเทากบั < น้อยกว่า <= นอยกวาหรอื เทากับ <> ไมเทากับ Is ใชในการเปรยี บเทียบวาเปน null หรือไม Like ใชในการตรวจสอบรปู แบบของอกั ขระ (String) วาตรงกับรปู แบบท่คี นหา หรอื ไม โดยที่ * แทนตัวอักษรก่ตี ัวก็ได ? แทนตัวอักษร 1 ตัว In ใชในการตรวจสอบวามคี าใดมีคาตรงกับในรายการหรือไม Between ใชในการตรวจสอบวามีคาอยูระหวางคา 2 คาท่กี ําหนดหรือไม โอเปอเรเตอรทางดานตรรกะ สญั ลกั ษณที่ใช T = นิพจนทม่ี ีคาความจริงเปน “จรงิ ” F = นพิ จนทม่ี ีคาความจริงเปน “เทจ็ ” โอเปอเรเตอร์ คำอธบิ าย And T and T มีคาความจรงิ เปน T T and F มคี าความจริงเปน F F and T มีคาความจริงเปน F F and F มคี าความจรงิ เปน F Or T or T มีคาความจรงิ เปน T T or F มีคาความจรงิ เปน T F or T มคี าความจรงิ เปน T F or F มีคาความจรงิ เปน F Xor T Xor T มีคาความจริงเปน F T Xor F มคี าความจรงิ เปน T F Xor T มีคาความจรงิ เปน F F Xor F มคี าความจรงิ เปน F Not Not T มีคาความจริงเปน F Not F มคี าความจริงเปน T
โอเปอเรเตอรท่ใี ชในการเชือ่ มตอขอความ ใชสัญลักษณ & ในการเชื่อม String เชน “Que” & “ry” = “Query” สวนประกอบของ Query ในการใชงาน Query น้ัน ผลท่ไี ดจากการคนหาจะแสดงอยูในตาราง แตในข้นั ตอนการออกแบบน้ัน จะใช Query Design view ในการออกแบบ โดยสวนประกอบของ Query มีดังน้ี 1. Query View เม่ือคลกิ ท่ี View จะปรากฏ เมนูใหเลือกรปู แบบของมมุ มอง โดยท่ัวไปแลว จะใชงาน 2 มมุ มอง คือ Datasheet View และ Design View Datasheet View ใชสําหรับแสดงผลของ การคนหา โดยจะแสดงอยูในรูปตาราง Design View ใชในการออกแบบ เปลี่ยนแปลง Query 2. Run หลังจากออกแบบ Query เสร็จแลว เม่ือคลิก Run จะแสดงผลของ การสบื คนในรูปแบบตาราง
3. Object Relationship Pane เปนหนาตางท่ีใชแสดงความสัมพนั ธ ระหวางวัตถุ โดยจะแสดงทุก ตาราง ทต่ี ้องการทํา Query ออกมาในรูป หนาตาง ในแตละหนาตางจะมีรายการ ของทุก Field ที่อยูในตาราง นนั้ 4. Design Grid ใชในการออกแบบ Query โดยประกอบดวยตารางรายการของทุก ๆ Field ท่ีตองการ ทํา Query สามารถต้งั คาเง่ือนไขในการคนหาไดในสวนน้ี 5. Field and Table Name แสดงชอื่ Field และชื่อของตาราง โดยในบรรทดั แรกจะเปน ชือ่ ของ Field และในบรรทัดถัดไปจะเปนช่อื ของตาราง
6. Sorting ใชสําหรบั จัดเรียงขอมลู ที่ไดจาก Query เมอ่ื คลิกในชอง Sort จะปรากฏเมนู ใหเลือก รปู แบบการจัดเรียง โดยสามารถเลือกไดวาจะใหจัดเรยี งแบบ Ascending เรยี งจากบนลงลาง หรอื Descending เรยี งจากลางข้ึนบน คาเร่มิ ตนของการจัดเรียงจะเปน not sorted หรอื ไมมีการจดั เรียง 7. Showing or hiding fields ในขั้นตอนการออกแบบ Query อาจตองการรวมบาง Field ไวใน Query ของตนเองดวย แตหากตองการซอน Field น้นั ในผลการคนหาสามารถทาํ ได โดยเอาเครื่องหมายในชอง Check box ออก 8. Query criteria ใชสาํ หรับกาํ หนดเง่อื นไขในการคนหาขอมลู โดยการพมิ พเงอื่ นไขลงในบรรทัด Criteria ดา้ นลางของ Field ที่ตองการใชเงื่อนไขน้นั ในการคนหา ซงึ่ รูปแบบของเงอื่ นไขจะใชโอเปอเรเตอร ใน หัวขอขางตนในการกาํ หนด จากตวั อยางเปนการกําหนดเงือ่ นไขในการคนหา Record ทม่ี คี ําวา “Jao” ใน Field Last Name ของตาราง Student_Info ขน้ั สรุปและการประยุกต์ 1. ครสู รุปบทเรียน โดยใช้ PowerPoint และอภิปรายซกั ถามข้อสงสัย 2. ผ้เู รยี นทำกิจกรรมใบงาน และแบบประเมินผลการเรยี นรู้
สือ่ การเรยี นการสอน 1. หนังสือเรียน รหสั 20204-2105 โปรแกรมฐานขอ้ มลู ของสำนักพิมพเ์ อมพนั ธ์ 2. ส่ือ Power Point 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน หลกั ฐาน 1. บันทกึ การสอน 2. ใบเช็ครายช่ือ 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมินผลงาน การวดั และการประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ตรวจกิจกรรมสง่ เสริมคณุ ธรรมนำความรู้ 3. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ ปฏบิ ัติ 4. ตรวจใบงาน เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบัติ 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มีชอ่ งปรบั ปรงุ 2. แบบประเมนิ ผลการเรียนร้มู ีเกณฑ์ผา่ น และแบบฝึกปฏิบตั ิ 50% 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงานมีเกณฑผ์ า่ น 50%
แผนการจดั การเรยี นรู้แบบบรู ณาการท่ี 8 หนว่ ยท่ี 5 สอนคร้ังที่ 8 รหสั วิชา 20204-2105 วิชา โปรแกรมฐานข้อมลู (Database Program) จำนวนชั่วโมง 4 ช.ม. ชอ่ื หน่วย การสบื ค้น แกไ้ ข และปรบั ปรุงข้อมูล สาระสำคญั จดุ เดนอกี อยางหน่งึ ของฐานขอมูลเชงิ สัมพนั ธ คือ ความสามารถในการคนหาและวิเคราะหขอมลู ผาน การใชงานการสบื คน การสบื คนน้นั จะชวยใหเราสามารถดึงขอมูลจากตารางเดีย่ วหรือจากหลาย ๆ ตารางมาใช งานได ทง้ั นี้ขึ้นอยูกบั เงื่อนไขในการคนหาที่กําหนด สาระการเรยี นรู้ 1. การสราง Query แบบตาง ๆ สมรรถนะประจำหน่วย 1. สราง Query แบบตางๆ ตามรูปแบบที่กาํ หนดให จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สราง Query แบบตาง ๆ ได กจิ กรรมการเรยี นการสอน ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครใู ช้เทคนิคการสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดิมจากสัปดาห์ท่ี ผา่ นมา โดยดึงความรู้เดมิ ของผเู้ รียนในเรือ่ งท่ีจะเรยี น เพื่อชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นมคี วามพร้อมในการเชอ่ื มโยงความรู้ ใหม่กบั ความรูเ้ ดิมของตน ขน้ั สอน การสรา้ ง Query แบบตา่ ง ๆ 2. ครูผสู้ อนใชส้ ่อื PowerPoint ประกอบการบรรยาย ในหวั ขอนจ้ี ะอธบิ ายเกี่ยวกบั การสราง Query ในรูปแบบตาง ๆ ดงั ตอไปนี้ การสราง Query แบบตารางเด่ยี ว การสราง Query รปู แบบท่ีงายทส่ี ุดนน่ั คอื Query แบบตารางเดยี่ ว โดยใหทาํ การสรางฐานขอมลู ชื่อ Book โดยมีรายละเอียดดงั น้ี
เมอ่ื กําหนดช่ือ Field และรปู แบบขอมูลแลว ทาํ การเพิม่ ขอมลู ดังภาพ ขัน้ ตอนการสราง Query มีดังน้ี 1. ไปท่ี Queries ซึง่ อยูใน Create tab 2. เลือกทีค่ าํ ส่ัง Query Design 3. เมื่อเลือกคําสัง่ Query Design จะปรากฏกลองขอความ Show Table ขนึ้ มาใหทําการเลอื กตาราง ท่ีตองการทํา Query 4. คลกิ Add เพอื่ เพิ่มตาราง จากนน้ั คลิกที่ Close ในกรณีนใ้ี หเลอื กที่ตาราง Book
5. ตารางทเี่ ลือกจะปรากฏเปนหนาตางอยูใน Object Relationship Pane ใหดับเบิลคลกิ ท่ี Field ทผ่ี ู ใชตองการทาํ Query เพ่ือเพิ่ม Field น้นั ลงใน Design Grid หรืออาจใชการคลิกเพ่ิมทบ่ี รรทดั Field ใน Design Grid ไดโดยตรง หรือ ในกรณที ่ีตองการเพ่ิมทุก Field ในตาราง เพื่อทาํ Query ใหดบั เบิลคลกิ ที่สญั ลกั ษณ * หรือเลอื ก Book.* ใน Design Grid ในตัวอยางนี้ใหทาํ การเพิ่มทกุ Field ในตารางเพื่อทํา Query จากน้ันทาํ การบนั ทกึ Query ท่ี สรางขึ้นโดยใชชือ่ FirstQuery 6. เม่ือบนั ทึกแลวจะปรากฏ FirstQuery ขึ้น ใน Navigation Pane
7. เม่อื ดับเบิลคลิกท่ี FirstQuery ใน Navigation Pane จะแสดงผล Query ในรปู แบบตาราง ดงั รูป การเพิ่มเงอื่ นไขใน Query ตวั อยางขางตนเปนขัน้ ตอนการสราง Query แบบตารางเด่ียว ในหวั ขอน้จี ะเปนการกาํ หนดเงอื่ นไข เพ่ือ ใชในการคนหาขอมลู ที่ผูใชตองการ สามารถทําไดโดย 1. เพิ่ม Field ทตี่ องการทาํ Query ลงใน Design Grid เนื่องจากผูใชไมสามารถใสเงื่อนไข การคนหาใน Field Book.* ได ในกรณีนี้ใหทําการเพม่ิ Field ท้งั หมดลงใน Grid Design 2. เพม่ิ เงื่อนไขการคนหา โดยพิมพลงในบรรทดั Criteria ในแตละ Field ท่ผี ูใชตองการคนหา โดยจะมขี อกําหนดในการเพ่ิมเงื่อนไขดงั น • กรณที ม่ี ีการพิมพเงอื่ นไขลงในบรรทดั Field มากกวา 1 Field ขึน้ ไป จะแสดงผลของ Query ที่ตรงกับทุกเง่ือนไขเทาน้ัน
• กรณที ี่ตองการใชเงือ่ นไขในการคนหามากกวา 1 เงอ่ื นไข แตตองการผลของ Query ที่ตรงกนั กับเงอื่ นไขใดเง่ือนไขหนึ่ง โดยไมจาํ เปนตองตรงกับทุกเง่ือนไข สามารถทําไดโดยพิมพเงื่อนไข เพมิ่ เติมลงในบรรทดั or ในกรณนี ี้ตองการคนหาหนงั สือทมี่ รี าคาระหวาง 500 – 700 หรือจาํ นวนมากกวา 2 เลมขึ้น ไป สามารถทําไดโดย • พมิ พเง่ือนไข Between 500 And 700 ลงในบรรทัด Criteria ของ Field Price • พิมพเง่อื นไข > 2 ลงในบรรทัด or ของ Field Quantity 3. เมือ่ กําหนดเงื่อนไขแลวใหเลอื กคาํ สง่ั Run จะไดผลของ Query ดงั รูป การสราง Query จาก Query Wizard เปนอกี วิธใี นการสราง Query โดยใชตวั ชวยสราง สามารถทําไดโดย 1. ไปท่ี Queries ใน Create tab เลอื กคําส่งั Query Wizard
2. ที่หนาตาง New Query เลอื ก Simple Query Wizard แลวคลกิ OK 3. เลอื กตารางทต่ี องการสราง Query และเลือก Field ท่ีตองการทาํ Query จากน้ันคลกิ ท่ี Next สามารถเลอื ก Field ทงั้ หมดไดดวยการคลกิ ที่ 4. ในหนาถัดมาจะมีตัวเลือก Detail (shows every field of every record) ใชสําหรบั แสดง รายละเอียดท้ังหมดของ Query และ Summary ใชสําหรบั แสดงผลการคํานวณ โดยจะใชไดกับขอมลู รูปแบบ ตวั เลขทใี่ ชในการคํานวณ เชน Number
หากเลือกแบบ Detail จะไดผลดังรปู ต้งั ชื่อของ Query เลือกท่ี Open the query to view information แลวคลิกที่ Finish จะไดผล ดงั รูป
ในกรณที ี่เลือก Modify the query design จะเปนการเขาสูหนา Book Query ในกรณที ่ีเลือกแบบ Summary จะมีตัวเลือกเพมิ่ เตมิ ดงั น้ี Sum จะเปนการหาผลรวมของ Field ท่ีเลอื ก Avg จะเปนการหาคาเฉลี่ยของ Field ทีเ่ ลอื ก Min จะเปนการหาคาตํ่าสดุ ของ Field ที่เลอื ก Max จะเปนการหาคาสูงสดุ ของ Field ที่เลือก การใช Query ในการสรางตารางใหม สามารถทําไดดังนี้ 1. เลอื ก Query ทต่ี องการสรางตาราง ในกรณนี ี้ใหเลอื ก FirstQuery ทไ่ี ดบันทึกไวแลวไปท่ี Design View จากนน้ั เลอื กคาํ ส่ัง Make Table
2. ตง้ั ชอื่ ตาราง แลวคลิกท่ี OK จากนั้นคลกิ ที่ Run จะเปนการสรางตารางใหมขน้ึ มา โดยจะเปนตารางข อมูลที่ไดจากการคนหาดวย Query การใช Query ในการปรับปรุงขอมลู ผูใชสามารถใช Query ในการปรบั ปรุงขอมูลในตารางได โดยสามารถทําไดดังน้ี 1. เลือก Query ทต่ี องการปรับปรงุ ขอมูลในตาราง ในกรณีนใี้ หเลือก FirstQuery ท่ีไดบนั ทึกไว แลวไป ท่ี Design View จากนนั้ เลือกคําสง่ั Update
2. ใน Design Grid จะมบี รรทดั Update to เพม่ิ ขึน้ มา ในการปรบั ปรงุ ขอมลู ใหใสคาของขอมูลเดิม ลง ในบรรทดั Criteria และใสคาของขอมลู ใหมลงในบรรทัด Update to ของ Field ท่ตี องการปรับปรงุ ขอมลู ตวั อยาง การเปลี่ยนราคาหนังสอื จาก 500 เปน 480 ดังรปู 3. คลกิ Run จะไดตารางที่มีการปรับปรงุ ขอมูล การใช Query ในการลบขอมูล ผูใชสามารถใช Query ในการลบขอมูลในตารางได โดยสามารถทําไดดังน้ี 1. เลอื ก Query ที่ตองการลบขอมลู ในตาราง ในกรณนี ีใ้ หเลอื ก FirstQuery ท่ีไดบนั ทกึ ไว แลวไปท่ี Design View จากนน้ั เลือกคําส่งั Delete 2. ใน Design Grid จะมบี รรทัด Delete เพ่มิ ขน้ึ มา ใหใสคาของขอมลู ทต่ี องการลบลงในบรรทัด Criteria ตวั อยาง ตองการลบ record ท่มี รี าคาหนังสือ 500 ดงั รูป หมายเหตุ ควรตรวจสอบขอมูลท่ีจะทาํ การลบทกุ ครงั้ เนือ่ งจากไมสามารถเรียกคนื ขอมลู ท่ลี บไปแลวได
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 1. ครูสรปุ บทเรยี น โดยใช้ PowerPoint และอภปิ รายซักถามข้อสงสยั 2. ผูเ้ รียนทำกิจกรรมใบงาน และแบบประเมินผลการเรียนรู้ สอ่ื การเรียนการสอน 1. หนงั สอื เรยี น รหสั 20204-2105 โปรแกรมฐานขอ้ มูล ของสำนักพมิ พ์เอมพนั ธ์ 2. สื่อ Power Point 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน หลกั ฐาน 1. บันทกึ การสอน 2. ใบเชค็ รายชอ่ื 3. แผนจัดการเรียนรู้ 4. การตรวจประเมินผลงาน การวัดและการประเมินผล วธิ ีวัดผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ตรวจกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมนำความรู้ 3. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ แบบฝึกปฏิบตั ิ 4. ตรวจใบงาน เคร่อื งมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน
เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มชี ่องปรับปรงุ 2. แบบประเมินผลการเรียนรมู้ ีเกณฑ์ผา่ น และแบบฝึกปฏิบัติ 50% 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงานมีเกณฑ์ผ่าน 50%
แผนการจัดการเรียนร้แู บบบรู ณาการท่ี 9 หน่วยที่ - รหัสวิชา 30000-1605 วชิ า โปรแกรมฐานข้อมลู (Database Program) สอนครัง้ ที่ 9 ช่ือหน่วย ทดสอบกลางภาคเรยี น จำนวนชั่วโมง 4 ช.ม. สาระสำคญั ประเมินผลการเรียนรู้กลางภาคเรยี น สาระการเรยี นรู้ หลักการของระบบฐานขอมูล ชนดิ และลักษณะของฐานขอมูล การสรางฐานขอมลู และตารางขอมลู การสรางความสัมพันธระหวางตาราง (Relationships) การสืบคน แกไข และปรับปรุงขอมูล สมรรถนะประจำหน่วย แสดงความรู้ในการทำขอ้ สอบ แบบทดสอบกลางภาคเรยี น จุดประสงค์การเรียนรู้ ผูเ้ รียนเกิดการเรียนร้เู นื้อหาสาระ และนำความคิดรวบยอดไปประยุกตใ์ ช้ต่อไป
แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 10 หนว่ ยท่ี 6 สอนคร้งั ที่ 10 รหสั วิชา 20204-2105 วชิ า โปรแกรมฐานข้อมูล (Database Program) จำนวนชัว่ โมง 4 ช.ม. ช่อื หน่วย การสรา้ งฟอร์ม สาระสำคัญ ฟอรมเปนอ็อบเจกตหน่ึงของ Microsoft Access 2016 ใชในการกรอกขอมลู และแสดงขอมูล การ กรอกข้อมลู ในตาราง หรือ Query ถึงแมจะทาํ ไดแตไมสะดวกและสวยงามนัก การใชฟอรม สามารถทาํ ใหการ กรอกขอมลู เป็นไปดวยความรวดเร็วมากข้ึนและผิดพลาดนอยลง ทสี่ ําคัญยังเปนมิตร กับผูใชมากกวา สามารถ ออกแบบฟอรมใหเหมาะสมกับลกั ษณะงานไดตามตองการ สาระการเรยี นรู้ 1. การใชง้ านฟอร์ม สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. สรางฟอรมอยางงายเพื่อใชในการกรอกขอมลู ลงในฐานขอมูล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ใชงานฟอรมได กิจกรรมการเรียนการสอน ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครกู ล่าววา่ Form ก็เปน็ อกี วธิ ีการหนง่ึ ในการป้อนและแก้ไขข้อมลู ที่อยูใ่ น Table แทนท่จี ะป้อน ระเบียนใน Table ได้เฉพาะตามแนวแถวและคอลมั น์ขณะอย่ใู นมมุ มอง Datasheet เท่านั้น ซ่ึงอาจใช้ Form น้ีเป็น Form เดยี วกนั กับในกระดาษก็ได้ โดยจะช่วยลดความผดิ พลาดในการป้อนข้อมลู ได้ ขัน้ สอน 2. ครผู ้สู อนใช้สอื่ PowerPoint และส่อื ของจริงประกอบการบรรยายการใชง้ านฟอร์ม การใชง้ านฟอรม์ ผูใชหลายคนอาจจะเคยมปี ระสบการณในการใชงานฟอรมท่วั ไปมาบางแลว สิง่ ท่ีทําใหฟอรม เปนทีน่ ิยม เมือ่ ต้องการเก็บขอมูลเน่ืองจากเปนประโยชนตอทั้งผูกรอกขอมลู และผูท่ีตองการนาํ ขอมลู นั้น ไปใช ฟอร มจะเปนวธิ กี ารเก็บขอมลู ในรูปแบบเฉพาะ โดยท่ีผูกรอกขอมลู จะรูวาควรกรอกขอมูลแตละชนดิ ลงที่ใด คุณสมบัตินเ้ี ปนคุณสมบัติเดียวกนั กบั ฟอรมใน Microsoft Access 2016 เม่ือใสขอมลู ลงใน ฟอรมของ Microsoft Access 2016 ขอมูลเหลานน้ั จะถูกสงไปจัดเกบ็ ไวยังตารางทเี่ ก่ยี วของ นอกจากฟอรมจะชวยใหผูใชสามารถกรอกขอมูลไดงายขนึ้ แลว ฟอรมยังชวยใหฐานขอมูลทํางานได อยา งราบร่ืนอีกดวย การใชงานฟอรมชวยใหผูออกแบบฐานขอมลู สามารถควบคมุ วธิ ีการสื่อสารระหวางผูใช กับ ฐานขอมลู ได และยังสามารถเพิม่ ขอกําหนดใหแกฟอรมในการเก็บขอมูลเพ่ือใหแนใจวาไดขอมูลท้ังหมด ทต่ี อง
การและมรี ปู แบบของขอมูลท่ีถูกตอง ซ่งึ เปนส่งิ สาํ คัญสาํ หรบั ฐานขอมูลที่ตองการประสิทธภิ าพ และความแม นยาํ ของขอมูล ในการใชงานฟอรมใน Microsoft Access 2016 น้ัน ผูใชจาํ เปนตองรูวิธีการเปด การตรวจสอบ และการ แก้ไขขอมลู ภายในฟอรมกอน การใชงานฟอรมเบ้ืองตน 1. เปดฐานขอมลู และไปยงั Navigation Pane 2. ท่ี Navigation Pane เลือกฟอรมทตี่ องการเปด โดยฟอรมจะมีรปู นาํ หนา 3. ดับเบิลคลกิ ทช่ี ื่อฟอรมจะเปนการเปดและฟอรมจะปรากฏอยูในรปู Tab บน Document Tabs bar การเพิ่มขอมลู ลงในฟอรม สามารถทําได 2 วธิ ี ดังนี้ 1. คลกิ ทคี่ ําสัง่ New ท่ีกลุม Record ใน Home tab 2. คลกิ ปมุ New Record ทอี่ ยูบน Record Navigation bar การหา Record ในฟอรมเพ่ือตรวจสอบหรือแกไข การหา Record ในฟอรมสามารถทาํ ได 2 วธิ ี โดยทง้ั 2 วิธนี ั้นจะใช Navigation bar ที่อยูบริเวณดานล างของหนาจอ 1. ในการเลือกดูทลี ะ Record สามารถทาํ ไดโดยการคลิกท่ี Navigation arrows ลูกศรทางขวาจะเปน็ การเลอื่ นไปยัง Record ถัดไป ลกู ศรดานซายจะเปนการยอนกลับไป Record กอนหนา
2. ในการคนหา Record สามารถทําไดโดยพิมพขอความทม่ี ีอยูใน Record นนั้ ลงในชอง Navigation search box การบันทึก Record ปจจบุ ัน 1. ไปทกี่ ลุม Record ใน Home tab 2. คลกิ ท่ีคําสั่ง Save จะเปนการบันทึก Record ปจจบุ นั การลบ Record ปจจบุ นั 1. ไปทก่ี ลุม Record ใน Home tab 2. คลิกที่คาํ สั่ง Delete จะเปนการลบ Record ปจจุบันอยางถาวร ขน้ั สรปุ และการประยกุ ต์ 2. ครูสรปุ บทเรียน โดยใช้ PowerPoint และอภปิ รายซักถามข้อสงสัย
3. ผเู้ รยี นทำกจิ กรรมใบงาน และแบบประเมินผลการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนการสอน 1. หนงั สือเรยี น รหัส 20204-2105 โปรแกรมฐานข้อมลู ของสำนักพิมพเ์ อมพนั ธ์ 2. สื่อ Power Point 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน หลกั ฐาน 1. บันทึกการสอน 2. ใบเช็ครายชอื่ 3. แผนจัดการเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั และการประเมนิ ผล วิธวี ัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ตรวจกจิ กรรมส่งเสริมคุณธรรมนำความรู้ 3. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ แบบฝึกปฏิบตั ิ 4. ตรวจใบงาน เครื่องมือวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มีชอ่ งปรับปรงุ 2. แบบประเมินผลการเรียนร้มู ีเกณฑ์ผา่ น และแบบฝึกปฏิบัติ 50% 3. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงานมีเกณฑ์ผ่าน 50%
แผนการจัดการเรียนร้แู บบบูรณาการที่ 11 หน่วยที่ 6 สอนครง้ั ท่ี 11 รหสั วิชา 20204-2105 วชิ า โปรแกรมฐานข้อมลู (Database Program) จำนวนชว่ั โมง 4 ช.ม. ช่ือหน่วย การสร้างฟอร์ม สาระสำคัญ ฟอรมเปนอ็อบเจกตหนงึ่ ของ Microsoft Access 2016 ใชในการกรอกขอมลู และแสดงขอมลู การ กรอกข้อมูลในตาราง หรือ Query ถงึ แมจะทาํ ไดแตไมสะดวกและสวยงามนัก การใชฟอรม สามารถทําใหการ กรอกขอมูลเป็นไปดวยความรวดเรว็ มากขน้ึ และผดิ พลาดนอยลง ท่สี ําคญั ยงั เปนมิตร กับผูใชมากกวา สามารถ ออกแบบฟอรมใหเหมาะสมกับลักษณะงานไดตามตองการ สาระการเรียนรู้ 1. การสรางฟอรมอยางงาย 2. การสรางฟอรมในมุมมองการออกแบบ สมรรถนะประจำหนว่ ย 1. สรางฟอรมอยางงายเพื่อใชในการกรอกขอมลู ลงในฐานขอมลู 2. สรางฟอรมในมุมมองการออกแบบ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สรางฟอรมอยางงายได 2. สรางฟอรมในมมุ มองการออกแบบได กิจกรรมการเรยี นการสอน ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครใู ช้เทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรู้เดมิ จากสปั ดาห์ที่ ผ่านมา โดยดึงความรู้เดิมของผู้เรียนในเรื่องท่ีจะเรยี น เพื่อชว่ ยให้ผเู้ รยี นมีความพร้อมในการเช่ือมโยงความรู้ ใหมก่ ับความรู้เดมิ ของตน ข้นั สอน 2. ครผู ้สู อนใชส้ อ่ื PowerPoint และสือ่ ของจริงประกอบการบรรยายการสร้างฟอรม์ อย่างง่าย การสรา้ งฟอรม์ อยา่ งงา่ ย การสรางฟอรมสําหรับฐานขอมูลจะชวยใหการกรอกขอมลู ลงในฐานขอมลู เปนไปไดอยางสะดวกยงิ่ ขนึ้ เราสามารถออกแบบฟอรมเพื่อใหทํางานท่เี หมาะสมกบั ฐานขอมูลของเราได ในหวั ขอนจี้ ะศึกษาเกี่ยวกบั การสรางและปรับปรงุ ฟอรม รวมไปถงึ การใชตวั เลอื ก Design controls และ Form properties เพือ่ ใหแนใจวาฟอรมสามารถทํางานไดตามท่ีเราตองการ
ใน Microsoft Access 2016 นั้นสามารถสรางฟอรมจากตารางในฐานขอมลู ไดอยางงาย สามารถ ตรวจสอบขอ้ มลู ท่ีมีอยูในตารางผานทางฟอรมได รวมไปถึงการเพ่ิมขอมูลใหมลงในตาราง นอกจากนี้ ยัง สามารถปรบั ปรุงฟอรมไดดวยการเพิ่ม Field และ Design controls เชน Combo boxes ข้นั ตอนการสรางฟอรมอยางงาย มีดังนี้ 1. เลอื กตารางที่ตองการสรางฟอรมจาก Navigation Pane โดยไมจําเปนตองเปดตาราง 2. ไปทีก่ ลุม Form ซึง่ อยูใน Create tab แลวคลกิ ทคี่ ําสั่ง Form 3. ฟอรมจะถูกสรางและเปดข้ึนใน Layout View 4. หากตองการบนั ทกึ ฟอรมสามารถทําไดโดยคลิกทคี่ ําส่งั Save ใน Quick Access toolbar เมอื่ คลกิ แลวจะปรากฏกลองขอความเพื่อใสช่ือฟอรม หลงั จากใสชือ่ ฟอรมแลวคลิก OK
การเพ่มิ Field ลงในฟอรม ในการสรางฟอรมจากตารางทมี่ ีอยูในฐานขอมูลนั้น Field ท้งั หมดจะถูกรวมอยูในฟอรมทีส่ รางข้นึ แตถ าหากมีการเพิ่ม Field ใหมลงในตารางในภายหลงั Field ทถี่ กู เพิ่มมานนั้ จะไมแสดงอยูในฟอรมท่สี รางข้ึน ใน กรณนี ้เี ราสามารถเพิ่ม Field ที่สรางข้ึนใหมลงในฟอรมได้ ข้ันตอนในการเพ่มิ Field ใหมลงในฟอรมมีดังนี้ 1. เลือก Form Layout Tools แลวไปทีก่ ลุม Tools ซงึ่ อยูทางดานขวาของ Ribbon 2. คลกิ ทคี่ าํ ส่ัง Add Existing Fields 3. เม่ือคลกิ แลวจะปรากฏหนาตาง Field list ทําการเลือก Field ท่ตี องการเพม่ิ ลงในฟอรมจากรายการ น้ี • หากตองการเพ่ิม Field จากตาราง ทใ่ี ชในการสรางฟอรม สามารถทาํ ไดโดยการ ดบั เบลิ คลกิ ทีช่ อื่ Field ทต่ี องการเพ่ิม หากตองการเพมิ่ Field จากตารางอน่ื ทําไดดงั น้ี 1. คลกิ ที่ Show all Tables
2. คลิกทเี่ ครื่องหมาย + หนาตารางทม่ี ี Field ทเ่ี ราตองการเพมิ่ 3. ดับเบิลคลกิ ที่ Field ทต่ี องการเพ่ิม 4. Field ใหมจะถูกเพ่มิ ลงในฟอรม หมายเหตุ สามารถใชวธิ นี ้ใี นการเพิ่ม Field ลงในฟอรมเปลาได ซง่ึ ทําไดโดยสรางฟอรมเปลา ดวยการคลิกท่ีคําสัง่ Blank Form ใน Create tab จากนนั้ ทําตามวิธกี ารเพ่มิ Field ลงในฟอรมตามตัวอยางขางตน
การเพิ่ม Design Controls Design Controls จะสรางขอจํากัดใหกับ Field ในฟอรมทสี่ รางขึ้น ทําใหสามารถควบคมุ การ กรอกขอมลู ลงในฟอรมไดดีข้ึน สงผลใหฐานขอมูลมเี สถยี รภาพมากยิ่งขึน้ Combo boxes Combo boxes เปนรายการแบบ drop – down ท่ีสามารถใชไดในฟอรม โดย Combo boxes จะจาํ กัดการกรอกขอมูลโดยการบงั คบั ใหกรอกขอมูลใหตรงกับตวั เลือกทกี่ าํ หนดไว้ Combo boxes มีประโยชนสาํ หรบั Field ทจ่ี าํ กัดชนดิ ของขอมลู ทสี่ ามารถใสได เชน สามารถใช Combo boxes ในการบังคับใหใสขอมูลทอ่ี ยูไดเฉพาะจงั หวดั ในประเทศไทย หรอื จํากัดใหลกู คาสามารถ ส่งั ซื้อ ไดเฉพาะสินคาทีม่ ีอยูในฐานขอมลู เทาน้ัน ข้นั ตอนการสราง Combo boxes มดี ังน้ี 1. ในมุมมอง Form Layout ไปท่ี Form Layout Tools Design tab ซึ่งอยูในกลุม Control 2. เลอื กคําส่งั Combo boxes ซ่งึ มีลกั ษณะตามภาพ 3. เคอรเซอรจะเปลี่ยนเปนรูป จากน้ันเลอื่ นไปยังบรเิ วณท่ตี องการใส Combo boxes แลวคลิ กที่บรเิ วณนั้น เม่ือคลิกแลวจะปรากฏเสนสีเหลอื งเพอ่ื บอกตาํ แหนงของ Combo boxes ในตัวอยางนี้ จะทํา การสราง Combo boxes บรเิ วณระหวาง Field Price และ Volume
4. กลองขอความ Combo Boxes Wizard จะปรากฏข้นึ เลอื กตัวเลอื กท่ี 2 “I will type in the values that I want” เพอื่ เลือกพมิ พคาท่ีตองการ จากนน้ั คลิก Next 5. พมิ พตวั เลือกท่ีตองการใหปรากฏในรายการ drop – down โดยใหแตละตัวเลอื กอยูคนละ บรรทัดกัน ในตวั อยางนี้เปนการสราง Combo boxes สาํ หรบั เลมในชดุ หนังสอื ดงั นั้นจึงใสตัวเลอื ก ท่ีเปนไป ไดทงั้ หมดในกรณนี ผ้ี ูใชสามารถเลือกได 1 ตัวเลือก จากทั้งหมด 8 ตวั เลอื ก จากน้นั คลกิ ที่ Next 6. เลือก “Store that value in this field” จากนัน้ คลิกท่ีลกู ศร drop – down แลวเลือก Field สําหรบั เกบ็ ขอมลู จาก Combo boxes จากนั้นคลิกที่ Next
7. ตดิ ปายช่อื ใหกับ Combo box โดยทว่ั ไปแลวควรใชชอ่ื เดยี วกับ Field ท่เี ราสราง Combo box น้ัน 8. คลิก Finish แลว Combo box จะปรากฏในฟอรม หาก Combo box ท่สี รางขึน้ สามารถ ใช แทน Field เดมิ ได ใหทําการลบ Field เกาออก จากตัวอยางจะเห็นวามีสอง Field ท่ีมชี ่ือเหมอื นกนั Field ท้ังสองน้ีจะสงขอมลู ไปยงั ที่เดียวกัน ดงั นน้ั จึงไมมคี วามจําเปนที่จะตองใชท้ังสอง Field ใหทาํ การลบ Field ทไ่ี มมี Combo box
9. เปลีย่ นเปนมุมมอง Form เพ่ือทดสอบ Combo box ท่ีสรางข้ึนโดยการคลิกท่ีลกู ศร drop – down เพื่อตรวจสอบรายการท่ีสามารถเลือกได หมายเหตุ หากตองการเพ่มิ รายการ drop – down ท่ีมีความยาวและไมตองการพมิ พตวั เลือก ทั้งหมดสามารถทําไดโดย 1. เลอื กท่ีตัวเลอื กแรกในขนั้ ตอนท่ี 4 “I want the combo box to get the values from another table or query” จะเปนการสรางรายการ drop – down จาก Field ในตาราง 2. เลอื กตารางท่ีตองการสรางเปนรายการใน drop – down list
3. เลอื ก Field ที่ตองการสรางเปนรายการใน drop – down list 4. เลอื กรปู แบบที่ใชในการจดั เรยี งในรายการ drop – down จากน้นั คลกิ Next และ Finish
การปรบั แตงฟอรมดวย Property Sheet Property Sheet คอื หนาตางที่มขี อมูลรายละเอียดของฟอรม และสวนประกอบของฟอรม เราสามารถ เปลย่ี นแปลงการใชงานและรูปลกั ษณของฟอรมไดจาก Property Sheet เพอ่ื เปนการสรางความคุนเคยกับ Property Sheet สามารถเลอื กดูรายละเอียดของแตละตัวเลอื ก ใน Property Sheet ไดโดยการคลิกท่ตี วั เลือกน้นั จะปรากฏคําอธบิ ายอยูทางดานลางซายของหนาตาง เนอื่ งจากใน Property Sheet นั้นมตี วั เลอื กอยูเปนจํานวนมาก จงึ ไมสามารถอธิบายรายละเอยี ด ของ ทุกตัวเลอื กได ในหัวขอนี้จะยกตวั อยางการซอน Field ซึง่ สามารถทําไดดงั นี้ 1. คลิกทีค่ าํ สง่ั Property Sheet จะปรากฏหนาตาง Property Sheet ขึ้น 2. เลือก Field ทตี่ องการจะซอน โดยในตัวอยางจะเปนการซอน Field Book ID
3. ไปท่ตี วั เลอื ก Visible ซึ่งอยูใน Format tab 4. คลกิ ทีล่ ูกศร drop – down และเลอื ก No
5. เปลยี่ นเปนมมุ มอง Form เพอ่ื ตรวจสอบผลท่ีได 3. ครผู สู้ อนใช้สอื่ PowerPoint และส่อื ของจริงประกอบการบรรยายการสรา้ งฟอร์มในมมุ มองการ ออกแบบ การสร้างฟอร์มในมุมมองการออกแบบ มขี ัน้ ตอนดังนี้ 1. คลกิ ที่ Create เลือก Form Design 2. คลกิ ที่ Add Existing Fields แลวจะไดหนาจอดังภาพ จากนน้ั ใหผูใชคลิกที่ Show all tables เพอ่ื เลือกตารางและ Field ทต่ี องการแสดงในฟอรม 3. จากผลการปฏิบัติการจากขอ 2 จะไดดังภาพ จากนั้นคลิกท่เี คร่ืองหมาย + ทอี่ ยูหนาตาราง ท่ีตองการ เพือ่ เลือก Field ในตารางนนั้ ๆ
4. สามารถเลอื ก Field ที่ตองการไดโดยการดับเบลิ คลกิ ซึ่ง Field ที่เลอื กจะแสดงบนฟอรม 5. สามารถปรบั แตงฟอรมไดตามตองการ ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 1. ครสู รปุ บทเรียน โดยใช้ PowerPoint และอภิปรายซักถามข้อสงสัย 2. ผเู้ รยี นทำกจิ กรรมใบงาน และแบบประเมินผลการเรยี นรู้ ส่อื การเรียนการสอน 1. หนังสือเรียน รหสั 20204-2105 โปรแกรมฐานข้อมลู ของสำนกั พมิ พ์เอมพันธ์
2. สอื่ Power Point 3. กจิ กรรมการเรียนการสอน หลักฐาน 1. บนั ทึกการสอน 2. ใบเช็ครายช่อื 3. แผนจัดการเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน การวัดและการประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล 1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. ตรวจกจิ กรรมสง่ เสริมคุณธรรมนำความรู้ 3. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ ปฏิบตั ิ 4. ตรวจใบงาน เคร่อื งมอื วัดผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ัติ 3. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรงุ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้มเี กณฑ์ผ่าน และแบบฝึกปฏิบัติ 50% 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงานมเี กณฑ์ผ่าน 50 %
แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบบรู ณาการที่ 12 หนว่ ยท่ี 6 รหสั วชิ า 20204-2105 วชิ า โปรแกรมฐานขอ้ มลู (Database Program) สอนคร้งั ท่ี 12 ชอื่ หน่วย การสร้างฟอร์ม จำนวนช่ัวโมง 4 ช.ม. สาระสำคัญ ฟอรมเปนอ็อบเจกตหน่ึงของ Microsoft Access 2016 ใชในการกรอกขอมลู และแสดงขอมูล การ กรอกข้อมูลในตาราง หรือ Query ถึงแมจะทําไดแตไมสะดวกและสวยงามนัก การใชฟอรม สามารถทําใหการ กรอกขอมูลเป็นไปดวยความรวดเรว็ มากขนึ้ และผดิ พลาดนอยลง ท่ีสําคัญยังเปนมิตร กับผูใชมากกวา สามารถ ออกแบบฟอรมใหเหมาะสมกับลักษณะงานไดตามตองการ สาระการเรยี นรู้ 1. การสรางปมุ เพ่ือใชงานกบั ฟอรม สมรรถนะประจำหนว่ ย 2. สรางปมุ เพ่ือใชงานกบั ฟอรมท่ีสราง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สรางปมุ เพอ่ื ใชงานกบั ฟอรมได กจิ กรรมการเรยี นการสอน ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครใู ช้เทคนิคการสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความร้เู ดิมจากสปั ดาหท์ ่ี ผา่ นมา โดยดึงความรูเ้ ดิมของผู้เรียนในเรือ่ งทีจ่ ะเรยี น เพ่ือช่วยใหผ้ เู้ รียนมีความพร้อมในการเช่ือมโยงความรู้ ใหมก่ ับความร้เู ดิมของตน ขั้นสอน 1. ครูผสู้ อนใชส้ ่ือ PowerPoint และสื่อของจริงประกอบการบรรยายการสร้างปุ่มเพ่อื ใชง้ านกบั ฟอร์ม การสร้างป่มุ เพื่อใช้งานกับฟอรม์ ผูใชสามารถสรางปมุ ไดโดยคลิกทป่ี ุม (Button) ท่ีอยูใน Design controls แลววาดลงบนฟอรม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164