Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา หลักการสาธารณสุข (Principles of Public Health)

วิชา หลักการสาธารณสุข (Principles of Public Health)

Published by Dr.Pakin Chaichuay, 2020-07-21 03:33:18

Description: Ebook-Principles of Public Health
ความหมายและความสำคัญของสุขภาพ ประวัติการสาธารณสุข ระบบสุขภาพและระบบการบริการสุขภาพของไทย และนานาชาติ คุณภาพชีวิตกับการสาธารณสุข การสาธารณสุขมูลฐาน นโยบายสาธารณะ นโยบายและแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ หลักประกันสุขภาพ ปัจจัยกำหนดสุขภาพ นโยบายและแนวทางความร่วมมือการพัฒนาสาธารณสุขระหว่างประเทศ
Definition and importance of health, history of public health, health system and health service system in Thailand and international countries, quality of life, primary health care, public policy, policy and national health plan, health security, determinants of health, and policy and guidance for international public health collaboration

Search

Read the Text Version

147 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย ยาม 3 (กลางวัน 12.00-15.00 น. กลางคืน 24.00-03.00 น.) และยาม 4 (กลางวนั 15.00-18.00 น. กลางคนื 03.00-06.00 น.) ตามหลักวิชาการแพทย์แผนไทยกำหนดโรค และสาเหตุของโรค ที่อาจเกิดในช่วงเวลา (ยาม) ต่าง ๆ เพอ่ื ใชป้ ระกอบการวนิ ิจฉัยโรค และการกำหนดตัวยาสำหรับบำบัดโรค 5) ประเทศสมุฏฐาน สถานที่เกิดและที่อยู่ก็เป็นสาเหตุแห่งโรคได้ เนื่องจากภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ที่เกิด ที่อยู่ มีความ แตกต่างกัน รวมทั้งการสมั ผัสเคยชินในถิ่นดัง้ เดิมและถิ่นใหม่ ย่อมแตกต่างกันไป ในแต่ละคน เช่น หนาว เย็น รอ้ น อบอุ่น ชื้นแฉะ ทำใหธ้ าตุสมุฏฐานแปรปรวนไปดว้ ย เม่ือยา้ ยถน่ิ ฐานภูมลิ ำเนา ย่อมทำใหผ้ ดิ อากาศ ผิดน้ำ เนื่องจากคนคนนั้น ยังไม่คุ้นเคยกับภูมิลำเนาใหม่ ทำให้เจ็บไข้ได้ง่าย ละอองหญ้าแห้ง และกลิ่นไอปฏิกูลเน่า เหมน็ ก็อาจเปน็ เหตุใหเ้ กิดโทษได้เช่นกัน ด้วยเหตนุ ้ี หลกั วชิ าการแพทย์แผนไทย จงึ ไดจ้ ำแนกภูมิประเทศเป็น แบบต่าง ๆ ได้เป็น 4 แบบ คือ ภูมิประเทศร้อน (บุคคลเกิดในที่สูง เนินเขา และป่าดอน) ภูมิประเทศเย็น (บุคคลเกิดในที่ลุ่มน้ำจืด น้ำฝน เปือกตม) ภูมิประเทศอุ่น (บุคคลเกิดในที่น้ำเปน็ กรวดทราย) และภูมิประเทศ หนาว (บคุ คลทเี่ กิดในท่ลี ่มุ น้ำเค็ม เปือกตม) เพ่ือให้แพทยไ์ ดส้ งั เกตไว้ ประกอบการวนิ ิจฉยั โรค และกำหนดตวั ยาสำหรับแกโ้ รค 3. การนวดไทย 3.1 ทฤษฎพี ืน้ ฐานการนวดไทย ทฤษฎีพื้นฐานที่ใช้อธิบายความเจ็บป่วยและกำหนดหลักการและวิธีการบำบัดด้วยการนวดไทยมี 2 ทฤษฎี คอื 1.ทฤษฎธี าตุ ทฤษฎีว่าด้วยธาตุ 4 เป็นทฤษฎีที่ใช้อธิบายองค์ประกอบพื้นฐานของสรรพสิ่งตามหลักพุทธศาสตร์ แม้ว่าธาตุที่เป็นเหตุของความเจ็บป่วยทีใ่ ช้การนวดมากที่สดุ คือธาตุลม แต่การนวดก็เกี่ยวข้องกับธาตุอืน่ ๆ ที่ เหลอื ด้วย 2.ทฤษฎีเส้นประธาน ทฤษฎีที่อธิบายทางเดนิ หลักของลมในร่างกาย เชื่อกันว่าร่างกายคนเรามีเส้นอยู่ทั้งหมด 72,000 เสน้ แต่ที่เป็นเส้นประธานแห่งเส้นทั้งปวงมีเพียง 10 เส้น ได้แก่ เส้นอิทา เส้นปิงคลา เส้นสุมนา เส้นกาทารี เส้นส หัศรังสี เส้นทวารี เส้นจันทภูสัง เส้นรุชำ เส้นสุขุมัง และเส้นสิกขินี เส้นเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นออกมาจากบริเวณ โดยรอบสะดอื มที างเดินของเส้นที่แน่นอนทอดไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เปน็ ทางเดินของลมและเลือดที่ แล่นภายในร่างกาย ซึ่งสามารถรับรู้ได้เมื่อกดจุดทีส่ มั พันธ์กับเสน้ ประธานน้ัน ๆ นอกจากเส้นและลมแลว้ ยังมี จดุ ท่เี ปน็ ตำแหนง่ บนรา่ งกายทีม่ ีความสมั พันธ์กับเสน้ เมอื่ กดหรือกระตุน้ ถูกจดุ จะเกิดกระแสความรสู้ กึ แล่นของ ลมไปตามแนวเสน้ ได้ ในการเรยี นรู้ภาคทฤษฎี ผู้เรียนควรจะต้องเรยี นรถู้ งึ 1) ทางเดนิ ของเส้นประธานและเสน้ อ่นื ๆ ที่สำคญั

148 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย 2) จุดแก้ 3) ลมประจำเสน้ และลมท่ีทำให้เกดิ โทษตา่ ง ๆ 4) รา่ งกายมนษุ ย์ 5) หลกั พนื้ ฐานการนวดไทย 6) ข้อควรระวงั ในการนวด 7) มรรยาทขณะทำการนวด แลว้ จงึ เรยี นร้ภู าคปฏิบตั ใิ นการนวดแก้โรคและอาการตา่ ง ๆ 3.2 ประเภทและแบบแผนการนวดไทย ในอดีต การนวดไทยปรากฏอยู่ทั้งในราชสำนักและมีการใช้กันโดยทั่วไปทั้งในบ้านและวัดต่าง ๆ เรียกว่า หน้าการนวดของหมอในราชสำนัก และการนวดของหมอเซลยศักดิ์ ซึ่งหมายถึงหมอที่มิได้อยู่ในราช สำนัก มีความแตกต่างกัน กล่าวคือ การนวดโดยหมอในราชสำนัก เป็นการนวดที่มีแบบแผน พิธีรีตอ ง ซึ่ง เหมาะกับการนวดถวายแกพ่ ระมหากษตั รยิ ์ เชื้อพระวงศแ์ ละเจา้ นายชน้ั สงู ส่วนการนวดของหมอ เชลยศักด์ิ เป็นการนวดของสามญั ชน ซึ่งมีการสบื ทอดฝกึ ฝนมาตามสายตระกูลหมอหรือตามสำนักตา่ ง ๆ เมื่อกรมหมอหลวงซึ่งทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความเจ็บป่วยให้แก่เจ้านายในราชสำนกั ถูกยกเลิกไป ทำให้ผู้ทีเ่ ป็นหมอหลวงในราชสำนักแบบดั้งเดิมหมดหนา้ ที่ไปด้วยและเนื่องจากการนวดมีการสืบทอดมาอยา่ ง หลากหลาย การแบ่งประเภทการนวดไทยในยุคปัจจุบัน จึงควรแบ่งตามสายการสืบทอด กับการนวดพื้นบ้าน ซ่ึงเป็นการนวดท่แี ตกตา่ งตามวัฒนธรรมของแตล่ ะภมู ภิ าคของประเทศ การนวดไทยเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะที่มีมาแต่โบราณ เกิดจากสัญชาตญาณเบื้องต้นของการอยู่รอด เมื่อมีอาการปวดเมื่อยหรือเจ็บป่วยตนเองหรือผู้ท่ีอยู่ใกล้เคียงมักจะลูบไล้บบี นวดบรเิ วณดังกล่าว ทำให้อาการ ปวดเมื่อยลดลง เริ่มแรก ๆ กเ็ ปน็ ไปโดยมไิ ด้ตัง้ ใจ ต่อมาเริ่มสงั เกตเหน็ ผลของการบีบนวดในบางจุด หรือบางวธิ ี ที่ได้ผลจึงเก็บไว้เป็นประสบการณ์ และกลายเป็นความรู้ที่สืบทอดกันต่อ ๆ มา จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ความรู้ท่ีไดจ้ ึงสะสมจากลักษณะง่าย ๆ ไปส่คู วามสลับซับซอ้ น จนสามารถสร้างเป็นทฤษฎกี ารนวด จงึ กลายมา เป็นศาสตรแ์ ขนงหนงึ่ ทมี่ บี ทบาทบำบัดรกั ษาอาการและโรคบางอยา่ ง 3.3 ลกั ษณะการนวด 1.การนวดยืด ดดั ลกั ษณะการนวดแบบน้คี ือ การยดื ดัดกลา้ มเน้ือ เสน้ เอ็น พังผดื ใหย้ ดื คลาย 2.การนวดแบบจับเสน้ ลกั ษณะการนวดคอื การใช้นำ้ หนกั กดลงตลอดลำเสน้ ไปตามอวัยวะตา่ ง ๆ การนวดชนดิ นีต้ ้องอาศยั ความเชี่ยวชาญของผูน้ วด ซง่ึ ได้ทำการนวดมานานและ สังเกตปฏิกิริยา ของแรงกดท่แี ล่นไปตามอวัยวะต่าง ๆ 3.การนวดแบบกดจดุ ลักษณะการนวดคอื การใช้น้ำหนกั กดลงไปบนจุดของรา่ งกาย การนวดนี้ เกิดจากประสบการณ์ และความเชื่อว่าอวัยวะของร่างกายมีแนวสะท้อนอยู่บนส่วนต่าง ๆ และเราสามารถ กระตนุ้ การทำงานของอวัยวะนนั้ โดยการกระตนุ้ จุดสะท้อนที่อยู่บนสว่ นต่าง ๆ บนร่างกาย 3.4 การจัดการความรูก้ ารนวด จากการที่การนวดมีวิธีปฏิบัติที่หลากหลาย เมื่อมีความคิดริเริ่มที่จะนำการนวดไปใช้ประโยชน์ใน ระบบสุขภาพอย่างกว้างขวาง โครงการฟื้นฟูการนวดเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องจัดการความรู้ที่มีอยู่อย่าง

149 บทท่ี 11 การแพทยแ์ ผนไทย หลากหลายนั้นให้เป็นมาตรฐานสำหรับการเรียนการสอน การฝึกอบรม มีแนวปฏิบัติที่สามารถติดตาม ประเมินผลได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างการจัดการความรู้ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ดำเนินการโดยโครงการฟื้นฟูการนวด มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนาและคณะ โดยอาศัยหลักมีความปลอดภัย มีประสิทธิผลและสามารถนำไป ปฏบิ ัตไิ ดก้ ว้างขวาง 3.5 คณุ ค่าของการนวด การนวดมีคุณค่าต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติในหลายประการนี้ การนวดเป็นวิธกี าร ดูแลสุขภาพตนเองที่ทำให้การพึ่งตนเองด้านสุขภาพมีความเป็นรูปธรรม สามารถปฏิบัติได้จริง การนวดเป็น การดแู ลสขุ ภาพท่ีอยูใ่ นมือของทกุ ๆ คนโดยไมต่ ้องพึ่งยา วัสดุ และอปุ กรณใ์ ด ๆ การนวดไทยเป็นสื่อช่วยให้คนในครอบครัว และญาติมิตร สามารถแสดงความกรุณา ความเอื้ออาทร ต่อกันได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นการกระทำด้วยการสัมผัสร่างกาย มีการชักถาม และกระทำการนวดเพื่อลดความ เจ็บปวดหรอื การตดิ ขดั ของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย เมื่อความเจบ็ ปวดผ่อนคลายหรอื เคล่อื นไหวรา่ งกายได้ดีข้ึน ยอ่ มทำให้ผ้ไู ดร้ บั การนวดรูส้ กึ ขอบคณุ ในความกรุณา 3.6 ผลของการนวด มีการศึกษาผลของการนวดแบบตา่ ง ๆ ตอ่ สขุ ภาพไวม้ ากมาย เมอ่ื ประมวลแลว้ พบว่า การนวดมผี ลต่อ สุขภาพครบทุกดา้ น ท้ังการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การปอ้ งกนั โรค การบำบดั โรคและการฟื้นฟสู ขุ ภาพ ดงั น้ี ดา้ นการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การนวดทำให้เลือดลมไหลเวยี นได้ดีขึ้นคล้ายการออกกำลังกาย แต่เป็นการออกกำลังกายแบบคนอนื่ ทำให้ (passive exercise) จงึ เหมาะสำหรับผทู้ ไ่ี ม่สามารถออกกำลังกายด้วยตนเองได้ การที่การนวดทำให้การ ไหลเวียนของโลหติ ดีขนึ้ จงึ เปรยี บการนวดเสมอื นยาอายวุ ัฒนะ ด้านการปอ้ งกันโรค การนวดสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกนั ของร่างกาย ผ่อนคลายความเครยี ดซึ่งเปน็ สาเหตขุ องโรคตา่ ง ๆ ได้ การนวดสามารถป้องกันแผลกดทับ ป้องกนั อาการปวดศีรษะ และอาการปวดประจำเดือนได้ ด้านการบำบดั โรค การนวดลดอาการปวด ยอก ต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะจากความเครียด ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดสะบัก ปวดแขน ปวดข้อศอก ปวดข้อมือ ปวดหลัง ยอกหลัง ปวดสะโพก ปวดเข่า ปวดขา ปวดฝ่าเท้า อาการเคล็ด แพลง หรือติดขัดของข้อต่าง ๆ เช่น คอเคล็ด ข้อเท้าแพลง ข้อไหล่ติด ข้อนิ้วงอติด อาการชาเนื่องจากการ ไหลเวียนโลหิตไม่ดี อาการและโรคอนื่ ๆ เช่น เป็นลม จกุ เสยี ด ทอ้ งผูก ประจำเดอื นไม่ปกติ เป็นตน้ ดา้ นการฟ้นื ฟสู มรรถภาพ การนวดเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การนวดสามารถฟื้นฟู สมรรถภาพและพัฒนาเด็กพิการได้ การนวดสามารถฟื้นฟูสุขภาพของผู้หญิงหลังคลอด การนวดที่ถูกวิธี สามารถฟนื้ ฟูสมรรถภาพทางเพศใหด้ ขี นึ้ ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดจากการไหลเวยี นโลหิตไมด่ ี เปน็ ต้น สรปุ การนวดก่อใหเ้ กิดผลดีโดยรวมต่อระบบต่าง ๆ ของรา่ งกาย ทำใหร้ ู้สึกสขุ กายสบายใจ ดงั นี้

150 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย ระบบไหลเวียนโลหิต การนวดช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ทำให้บริเวณที่นวดอุ่นขึ้น ลดอาการ บวม ระบบกล้ามเนื้อ การนวดทำให้กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพดีขึ้น ขจัดของเสียในกล้ามเนื้อได้ดีขึ้นทำให้ กล้ามเนอ้ื ผ่อนคลาย ทำใหพ้ งั ผดื ที่เกดิ ในกลา้ มเนอื้ อ่อนตัวและยึดหยุน่ ดีข้นึ ระบบประสาท การนวดช่วยกระตุ้นให้สมองกระปรี้กระเปร่า การนวดส่งผลต่อสารสื่อประสาทใน สมอง คือ ลดสารคอร์ติขอล และเพิ่มสารเซโรโตนิน และสารโดปามีน ซึ่งมีผลต่อการลดความเครีย ด ทำให้ นอนหลับดีขึ้น และเพิ่มการทำหน้าที่ของภูมิคุ้มกันของร่างกาย การนวดส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของ ทารก โดยเฉพาะดา้ นการมองเห็น การนวดมผี ลทำใหร้ ะดับของสารออกซโิ ทซนิ เพิ่มขึน้ ซง่ึ ส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย และลดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล การนวดส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ พาราชิมพาเธตกิ ซึ่งมผี ลตอ่ อารมณ์ การเต้นของหัวใจ ระบบหายใจ การนวดช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ทำให้หายใจเข้าและออกได้ลึกขึ้นเพิ่มการ นำออกซเิ จนเข้าสรู่ ่างกาย ระบบทางเดินอาหาร การนวดเพมิ่ ความตึงตัวของทางเดินอาหาร กระเพาะลำไส้บบี ตวั ดีขึ้นท้องไม่อืด เฟ้อ และเจรญิ อาหาร ระบบผิวหนัง การนวดทำใหเ้ ลือดเลีย้ งผิวหนังมากขึน้ ทำให้ผวิ เตง่ ตึง และทำให้แผลเป็นอ่อนตวั เล็กลง 4. การฝงั เข็ม การฝังเข็ม (Acupuncture) คือการนำเข็มที่มีขนาดบางมากฝังลงไปตามจุดฝังเข็มจุดต่าง ๆ บน รา่ งกาย เปน็ ศาสตรก์ ารรักษาโรคชนิดหนง่ึ ของจีนโบราณ มพี นื้ ฐานมาจากความเชื่อเร่ืองพลงั ชวี ิตหรือพลังช่ี ที่ อย่ใู นเสน้ ลมปราณ (Meridian Line) เพอื่ สร้างสมดลุ ให้กบั ร่างกาย ชว่ ยบรรเทาอาการปว่ ยจากโรคตา่ ง ๆ เช่น อาการปวด ความเครยี ด ปวดศรี ษะ ไมเกรน ข้ออกั เสบ ภูมแิ พ้ รวมไปถงึ ภาวะการมบี ตุ รยาก ถึงแม้ในปัจจุบัน วงการแพทยจ์ ะพยายามศึกษาและพิสจู น์เก่ยี วกบั การฝังเขม็ แต่ด้วยรูปแบบของการศึกษาที่ยังไม่ได้มาตรฐาน การวิจัยของประเทศฝั่งตะวันตก ทำให้ประสิทธิภาพที่แท้จริงของการรักษาด้วยวิธีฝังเข็มจึงยังไม่สามารถสรุป ได้ในปัจจบุ นั น้ี การเตรียมตัวก่อนการฝังเข็ม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกเข้ารับการรักษาด้วยวิธีฝังเข็ม โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังหรือผู้ป่วยทีม่ ีอาการรุนแรง การฝังเข็มเป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก การตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีนี้อาจไม่สามารถรับรองได้ว่าจะเห็นผลกับผู้ป่วยทุกราย ดังนั้นอาจเลือก รกั ษาด้วยวิธีการฝงั เขม็ ควบคู่ไปกับการรกั ษาทางการแพทยแ์ ผนปัจจบุ นั รปู แบบอื่น การเลือกแพทยฝ์ ังเขม็ แพทย์แต่ละคนจะมีลักษณะและวิธีการรักษาที่ค่อนข้างเฉพาะตัวและแตกต่าง กันออกไป ดังนั้นควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องการเข้ารับการรักษา โดยมี แนวทางดังตอ่ ไปน้ี 1)สอบถามข้อมลู หรอื คำแนะนำจากคนร้จู กั หรือผูท้ มี่ ีประสบการณเ์ กยี่ วกบั การฝังเข็มมากอ่ น 2)สอบถามเกีย่ วกับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ของแพทยฝ์ งั เขม็ ท่ีตอ้ งการเข้ารบั การรักษา

151 บทท่ี 11 การแพทยแ์ ผนไทย 3)สอบถามเกยี่ วกบั วิธกี ารรกั ษา รวมไปถึงคา่ ใชจ้ า่ ยในการรักษาแตล่ ะคร้งั 4.1 ข้ันตอนการฝังเข็ม ขน้ั ตอนการฝงั เขม็ แต่ละคนจะมวี ธิ ีการ ความถ่ี และระยะเวลาในการรักษาไม่เท่ากัน ข้ึนอย่กู ับอาการ และความรุนแรง ของผู้ป่วยแต่ละราย สำหรับโรคทั่วไปจะทำการรักษาประมาณ 6-8 ครั้ง แบ่งเป็น 1-2 คร้ัง ต่อสัปดาห์ ในครั้งแรกใช้เวลาประมาณ 60 นาที และจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในครั้งต่อ ๆ ไป ขึ้นอยู่กับ อาการของผู้ป่วย แพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการของผูป้ ่วย ซักประวัตแิ ละตรวจรา่ งกาย จากนั้นจะส่งต่อไปยงั แพทย์ฝังเข็ม (Acupuncturist) อาจมีการตรวจจังหวะชีพจรที่บริเวณข้อมือเพิ่มเติม และมีขั้นตอนการฝังเข็ม และแนวทางในการฝงั เขม็ ดังต่อไปนี้ แพทย์จะบอกรายละเอียดเกยี่ วกับจุดฝังเข็ม อาจตอ้ งมกี ารถอดเสือ้ หรือเปลี่ยนชุดท่แี พทย์เตรียมให้ใน กรณีที่ชุดของผู้ป่วยไม่เอื้ออำนวยต่อการฝังเข็ม จากนั้นแพทย์จะให้ผู้ป่วยนั่งในท่าที่เหมาะสมหรือนอนลงบน เตยี ง แพทย์จะนำเข็มที่มีลักษณะบางมากและยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตรสอดลงไปที่กล้ามเนื้อ ในจุด ฝังเข็มต่าง ๆ จำนวนต้งั แต่ 5-20 เล่ม ในระหว่างที่แพทย์กำลังสอดเข็มลงไปท่ีกลา้ มเนื้อ อาจทำให้รู้สึกชาหรือ ปวดอ่อน ๆ ถ้ารูส้ กึ เจ็บมาก ควรรีบบอกแพทย์ทนั ที แพทย์อาจทำการหมุนเข็ม ให้ความร้อน หรอื กระตนุ้ ดว้ ยกระแสไฟฟ้า (Electroacupuncture) ลงไป ท่เี ขม็ ร่วมด้วย แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ก่อนดึงเข็มออก ในขณะทผี่ ้ปู ว่ ยนอนผ่อนคลายอย่บู นเตียง จะ ไมร่ ้สู ึกเจบ็ หรือปวดในระหว่างทแี่ พทย์กำลังดงึ เขม็ ออก หลังการฝังเข็ม ผู้ป่วยอาจรู้สึกผ่อนคลายหรือกระชุ่มกระชวย บางรายอาจไม่พบอาการที่ดีขึ้นหรือไม่ ตอบสนองต่อการรักษา หลังจากเข้ารับการรักษาภายในช่วง 2-3 สัปดาห์ หากไม่พบอาการที่ดีขึ้น อาจ หมายความวา่ ผปู้ ่วยไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีฝงั เขม็ ควรปรกึ ษาแพทย์เพื่อทำการรกั ษาท่ีเหมาะสมต่อไป 4.2 ความเสีย่ งของการฝังเข็ม การฝังเข็มเป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก แม้จะมีความเสี่ยงที่ต่ำ แต่ก็ไม่ควรเลือกใช้แทนการ รักษาพยาบาลทั่วไป และควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฝังเข็ม โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีอาการ เจบ็ ป่วยอย่างรุนแรง หรอื ผทู้ เ่ี คยเขา้ รับการรักษาดว้ ยวธิ ีการฝังเข้มแล้วอาการไมด่ ีขึ้น โดยปกตกิ ารรักษาจะทำ โดยแพทย์ทจ่ี บทางดา้ นน้ีโดยตรง ตอ้ งมีใบอนุญาตประกอบโรคศลิ ป์และเป็นแพทย์ท่ีมีประสบการณ์ ควรรีบไป พบแพทย์หากพบอาการเจ็บ เลือดออกหรือมีอาการช้ำในบริเวณจุดฝงั เข็ม วิงเวียนศีรษะ จะเป็นลม และอาจ เกดิ ความเสีย่ งหรอื ภาวะแทรกซอ้ นจากการฝงั เขม็ ไดใ้ นผปู้ ว่ ยบางราย เชน่ การตดิ เชื้อ เช่น ตบั อกั เสบ หรือเอชไอวี ในกรณีท่มี กี ารใชเ้ ขม็ ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชอ้ื หรอื ใชเ้ ขม็ ซำ้ อาการเจ็บหรืออาจทำให้เลือดออกหรือมีอาการช้ำในบริเวณจุดฝังเข็ม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะ เลอื ดออกผดิ ปกติ และผทู้ ่รี บั ประทานยาเจอื จางเลือด เชน่ วารฟ์ าริน (Warfarin) จะมีความเส่ียงสูงกว่า อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะปอด ในกรณีที่มีการฝังเขม็ ลึกเกินไป แต่มักพบได้น้อยมากใน แพทย์ท่มี ีประสบการณ์

152 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ เพราะในการฝังเข็มอาจมีการกระตุ้นไฟฟ้าร่วมด้วย จะไปแทรกการทำงาน ของเครื่องกระต้นุ หวั ใจ หญงิ ตงั้ ครรภ์ การฝังเข็มบางรูปแบบ อาจไปกระตุ้นครรภม์ ารดา และสง่ ผลต่อการคลอดบุตร 5. การครอบแก้ว การครอบแก้ว เป็นการบำบัดรักษาทางเลือกของแพทย์แผนจีนชนิดหนึ่ง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศ จีนและปฏิบัติกันมาตง้ั แต่สมัยโบราณ โดยการนำถว้ ยแก้วแบบเฉพาะมาวางไวบ้ นผิวหนังพร้อมกับใช้ความร้อน ให้แกว้ ดดู ผวิ หนงั หรอื กลา้ มเน้ือขึน้ ซึง่ มีความเชื่อวา่ จะช่วยบำบัดรักษาอาการป่วยไดห้ ลากหลาย เช่น บรรเทา อาการเจ็บปวด ชว่ ยการไหลเวยี นโลหิต การอักเสบ การผอ่ นคลายและเพอ่ื สุขภาพท่ีดี รวมไปถงึ เป็นการนวดท่ี ลงลกึ ไปถึงชนั้ เนอื้ เย่อื หรือช่วยในการขจดั สารพิษออกจากรา่ งกาย 5.1 ประเภทของการครอบแกว้ แรกเริ่มในการครอบแกว้ ไดใ้ ช้เขาสัตว์มาทำเป็นถว้ ยสำหรบั ครอบ และต่อมาใช้ไม้ไผ่และเซรามกิ ตาม ลำดับ แต่ในปัจจุบันมักจะใช้แก้วชนิดพิเศษที่มีลักษณะกลมคล้ายลูกบอลและมีด้านเปิดสำหรับครอบ 1 ด้าน การครอบแก้วมีอยู่ 2 ประเภท คือ ครอบแก้วแบบแห้งและแบบเปียก แบบแห้งจะเป็นวิธีที่ทำเพื่อการดูด เทา่ นนั้ สว่ นแบบเปียกจะเป็นวธิ ีท่ีทำเพ่ือการดูดและควบคมุ การไหลเวียนโลหิต ซ่ึงแพทยผ์ ูช้ ำนาญจะพิจารณา ถงึ ความเหมาะสมของแตล่ ะวิธีทจี่ ะใช้กับผู้ปว่ ย จากประวัติและจดุ ประสงค์ในการรกั ษาของผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย 5.2 วิธีการครอบแกว้ ผู้ที่จะให้รักษาด้วยการครอบแก้วมักเป็นแพทย์แผนจีนหรือแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี โดยในขั้นตอนการบำบัดรักษาด้วยการครอบแก้ว จะเริ่มจากการนำถ้วยแก้วมาใช้ความร้อนไล่อากาศภายใน จนเกิดเปน็ สูญญากาศ มักจะใช้แอลกอฮอล์ สมุนไพรหรือกระดาษจดุ ไฟใส่เข้าไปในแก้ว เมอ่ื ความร้อนได้ท่ีแล้ว จงึ นำออก จากนนั้ จึงนำแกว้ วางตามจดุ ทีต่ ้องการบนร่างกาย แกว้ จะดดู เอาผิวหนงั และกล้ามเนื้อขึน้ มา ซ่ึงอาจ ทำให้ผวิ หนังบรเิ วณทีถ่ ูกครอบเปลย่ี นเปน็ สีแดง เพราะเป็นการตอบสนองของหลอดเลอื ดทถี่ ูกแรงดัน วิธีครอบแก้วแบบแห้ง จะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ส่วนครอบแก้วแบบเปียก จะใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที เท่าน้นั และก่อนท่ีจะนำถ้วยออก แพทยอ์ าจกรีดแผลเล็ก ๆ เพ่อื เป็นการระบายเลือดออก เม่ือเสร็จ ขั้นตอน แพทย์อาจจะทายาขี้ผึ้งและปิดด้วยผ้าพันแผล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ นอกจากนั้น รอยช้ำ ตา่ ง ๆ ท่ีเกิดจากการครอบแก้วมกั จะหายไปได้เองภายในระยะเวลา 10 วนั 5.3 ผลข้างเคยี งหรอื ความเสยี่ งจากการครอบแกว้ โดยปกติแล้วการครอบแก้วจะมีความปลอดภัยหากได้รับการรักษากับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกมา เป็นอยา่ งดี แตอ่ าจมีผลขา้ งเคียงหรือมีความเส่ียงในระหว่างหรือหลงั จากการครอบแก้ว ได้แก่ ในระหว่างครอบแก้วอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือรู้สึกหววิ ๆ รวมไปถึงอาจทำให้มีเหงื่อออกหรือ เป็นลม อาจมีอาการเจ็บบริเวณที่กรีดแผล หรือเกิดอาการเวียนศีรษะระยะสั้น ๆ ภายหลังจากเสร็จขั้นตอน รสู้ ึกไมส่ บายผิวหนังบริเวณที่ครอบแก้ว เกดิ แผลไหม้ มรี อยฟกช้ำหรือระคายเคืองและอาจมีเลือดออกผิดปกติ ในชัน้ ใตผ้ ิวหนัง เกดิ การติดเชื้อที่ผวิ หนังและบริเวณใต้ผวิ หนงั

153 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย ผู้ที่ต้องการเข้าบำบัดรักษาด้วยการครอบแก้ว ควรเลือกสถานที่ที่สะอาด มีการรับรองสถานที่วา่ ผา่ น เกณฑ์มาตรฐาน และควรใช้บริการเฉพาะแพทย์ที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของตนเอง โดยสังเกตดูว่าแพทย์ที่ให้การครอบแก้วควรใส่ผ้ากันเปื้อน ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง อุปกรณ์ป้องกันตา และใช้ อุปกรณ์ที่มีความสะอาด ที่สำคัญผู้รับการรักษาด้วยวิธีครอบแก้วควรได้รับวัคซีนป้องกันโรค เช่น ไวรัสตับ อกั เสบ เอชไอวี (HIV) เปน็ ต้น 6. อายุรเวท อายุรเวท เป็นการแพทย์แผนโบราณของอินเดีย ซึ่งจะรวมถึงความเชื่อที่ว่าสุขภาพจะได้รับอิทธิพล จากการใช้สมุนไพรแบบดั้งเดิม อายุรเวทจะเน้นการใช้ยาและการรักษาจากพืช มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์และแร่ ธาตุผสมอยู่บ้าง รวมทั้งกำมะถัน สารหนู ตะกั่วและคอปเปอร์ซัลเฟต Andrew Weil ผู้ก่อการการแพทย์ ทางเลือกชาวอเมริกันไดเ้ ขียนเกี่ยวกับการแพทย์แบบอายุรเวทไว้ว่า “การมีสุขภาพดีเป็นมากกว่าการไม่มีโรค – มันเป็นสภาวะที่สดใสของความแข็งแรงและพลังงาน ซึ่งจะสามารถมีได้โดยความสมดุลหรือการดูแลเรื่อง อาหารที่บรโิ ภค การนอนหลับ การมเี พศสัมพันธ์และกจิ กรรมอนื่ ๆ ในชีวติ ประจำวัน, เสริมด้วยการรักษาต่าง ๆ รวมทั้งความหลากหลายของยาที่ทำจากพืช”เป็นศาสตร์และศิลป์ในการรักษาโรคและทำให้มีร่างกาย แข็งแรงสวยงามเหมือนกลับเป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้นมาใหม่ของอินเดีย เป็นการแพทย์ในแบบป้องกันโรคในแนว ธรรมชาติ มวี ตั ถุประสงค์เพื่อมีภาวะจิตใจทส่ี มดุล การมีสุขภาพท่ีดี และความสขุ สบายตามธรรมชาติ อายุรเวท เข้าจัดการกับร่างกายและจิตใจเพ่ือให้เกิดระเบียบในการดำเนินชวี ติ ที่สมบูรณ์ โดยผ่านทางศาสตร์การดำเนิน ชีวิตที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยผสานเข้ากับการใช้สมุนไพร รากไม้ และแร่ธาตุต่าง ๆ อายุรเวทเป็น การแพทย์ของธรรมชาติและของชีวิต ซึ่งมีปรัชญาอยู่ว่า เป็นการนำเอาหลักการและอำนาจของธรรมชาติเข้า ไปอยู่ในจิตใจของคน แล้วสอนให้คนๆ นั้นรู้ถึงวิธีการนำเอาหลักการและอำนาจที่ยิง่ ใหญ่ของสุขภาพและการ ดำรงชีวิตอย่างสอดคลอ้ งกับธรรมชาตินั้นมาปฏิบัติ อายุรเวทให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารและยา เพื่อบำรุงรักษา ร่างกาย ซึ่งเป็นแง่มุมหนึ่งของโยคะ และเข้ากันได้ดีที่สุดกับหะธะโยคะ ซึ่งกำหนดให้มีการออกกำลังกายเพื่อ สุขภาพทางกาย เพื่อความยืดหยุ่นและขจดั ความตึงเครยี ด ธาตุพื้นฐานของอายุรเวทมอี ยู่ 5 อย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุ หรือความวา่ งเปล่า มนั สำแดงออกมาท่ีร่างกายของมนุษย์ โดยควบรวมกนั เข้าเป็นธาตุ อันเป็นพื้นฐาน 3 อย่างคือ วาตะ (ลมและอากาศธาตุ) ปิฏฐะ (ไฟและน้ำ) และคัพภะ (น้ำและดิน) พลังชีวิตท่ี สำคญั ทั้ง 3 น้จี ะควบคุมบงการรา่ งกายของมนุษย์อยู่ พลังชวี ิตหรือน้ำหล่อเล้ยี งภาวะของชีวิตทั้ง 3 น้ี เรียกว่า โทษะ ซึง่ ในภาษาสนั สกฤต หมายถงึ “สิง่ ทีท่ ำใหเ้ สียหรอื ก่อใหเ้ กิดการเน่า” 6.1 วิธีการบำบดั รักษาโรคของอายรุ เวช วิธีการบำบดั รักษาโรคของอายรุ เวชมีอยู่ 2 วิธี คอื การรกั ษาองค์ประกอบของรา่ งกาย และการรักษา โรค การสร้างสมดุลให้แก่ธาตุทั้ง 3 จะทำให้การรักษาได้ผลอย่างถาวร การรักษาที่องค์ประกอบของร่างกาย ประกอบด้วยการใช้อาหาร สมุนไพรอย่างอ่อน ตัวยาที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษ การปรับสไตล์การดำเนินชีวิตเพื่อ สรา้ งสมดุลแก่พลงั ชวี ิต และการทำให้ร่างกายกลบั คนื สู่ภาวะท่ีประสานกลมกลืนกนั ดี

154 บทท่ี 11 การแพทยแ์ ผนไทย 6.2 การรักษาโรค การรักษาโรค ประกอบด้วยการใช้สมุนไพรและตัวยาอย่างแรง และการชำระล้าง หรือสร้างความ สะอาดบริสทุ ธ์ิ การชำระล้างประกอบด้วยการถ่ายท้อง การใช้ยาสวนทวาร การทำใหอ้ าเจยี น การใช้ยาใส่จมูก และการคัดเลือดออกเพื่อการบำบัดรักษาอายุรเวทเป็นศาสตร์การแพทย์ของชาวอารยันหรือชาวฮิ นดู มี หลกั เกณฑ์ในการใชส้ มุนไพรทีล่ กึ ซึง้ โดยมีหลักในการจำแนกสมนุ ไพร 5 ประการคอื Rasa คอื รส Guna คอื คณุ สมบัติ Veerya คือ กำลัง Vipaka คอื การแปรเปลี่ยนของสมุนไพรเมื่อเข้าไปในรา่ งกายมนุษย์ Prabhava คือ ความเฉพาะ 1.Rasa แบง่ ออกเป็น 6 รส ไดแ้ ก่ รสหวาน (Madhura) เพม่ิ ความมชี ีวิตชีวา บำรุงกำลงั บำรุงน้ำนม บำรงุ สายตา และทำให้พยาธิเตบิ โต เหมาะกบั เดก็ ผใู้ หญ่ ผบู้ าดเจบ็ ผู้ท่ีมศี ีรษะล้าน และคนออ่ นแอ รสเปรยี้ ว (Amla) กระตุน้ ความอยากอาหารและการย่อยอาหารใหค้ วามรู้สึกเย็นแต่มีผลที่ได้คือความ ร้อน รักษาโรคในระบบวาตะ เป็นยาระบาย ไม่เป็นผลดีต่ออสุจิ ทานเป็นนิสัยทำให้เกิดสภาวะ amblyopia เป็นคำที่มาจากรากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า \" dullness of vision \" หรือเรียกว่า lazy eyeเป็นภาวะตามัว (หมอชาวบา้ น) รสเค็ม ( Lavana) บำรุง ผ่อนคลายกระเพาะลำไส้ ทำให้ดีและเสมหะผิดปกติ ทำให้อ่อนแอ ลด พฤติกรรมทางเพศ กระตุน้ ใหม้ เี หง่อื ออกมาก ทานอยา่ งต่อเนือ่ งทำให้ผมขาว รสเผ็ด (Katu) รอ้ น ทำลายพยาธิ ลดการหลง่ั น้ำนม ทำให้นำ้ มูกแห้ง เจรญิ อาหารลดไขมันในร่างกาย บำรุงสติปญั ญา แต่บั่นทอนกำลังและความงาม รสขม (Tikta) เย็น ดับกระหาย ดับไข้และความรู้สึกแสบร้อน รักษาโรคเกี่ยวกับโลหิต แต่ทำให้วาตะ ผดิ ปกติ ถ้ามากเกินไปเกดิ อาการปวดศีรษะ รสฝาด (Kashaya) รักษาแผล ทำให้ท้องผูก และผิวหนังอ่อนนุ่ม ถ้าทานบ่อยๆทำให้ตัวแข็ง ท้องอืด และเจบ็ ทีห่ ัวใจ 2.Guna คือ คุณสมบัติ ที่ได้ผ่านการใช้จากชาวอารยันโบราณและบันทึกต่อ ๆกันมาคือ Materia Medica ของอนิ เดยี จักได้กลา่ วโดยละเอียดต่อไป 3.Veerya คือ กำลัง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ตัวยาจะมีกำลังเป็นร้อน (Ushna Veerya) หรอื เย็น (Sheeta Veeraya) ตัวยารอ้ นทำใหเ้ กิดการวงิ เวยี น กระหายนำ้ หงดุ หงดิ ไมส่ บาย เหงอื่ ออก ความรู้สกึ แสบร้อน ระงบั ไอ และวาตะ เพ่มิ น้ำดีและช่วยยอ่ ย ตัวยาเย็นลดนำ้ ดเี พมิ่ วาตะและเสมหะ ทำให้มแี รงและความสขุ บำรงุ โลหิต เม่อื ให้ยาท่ีมีผลเหมอื นกบั อาการโรคทเ่ี ป็นดงั ทก่ี ลา่ ววา่ Similia similibus curantur ในการรักษาแบบ homeopathy คือหลักการที่คนป่วยจากการได้รับความร้อนจะตอ้ งรักษาด้วยยา ร้อนแตม่ ีผลทำใหเ้ ยน็ และเช่นเดียวกันกบั โรคจากความเย็น ไม่เชานน้นั จะมีผลรา้ ย

155 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย 4.Vipaka คือ การแปรเปลี่ยนของสมุนไพรเมื่อเข้าไปในร่างกายมนุษย์ เมื่อถึงกระเพาะถูกกับน้ำย่อย จะถูกสลายและกลายเป็นอย่างอื่น มีสรรพคุณเปลี่ยนไปจากปฏิกิริยาทางเคมีท่ีเกิด สภาวะที่เปลยี่ยนแปรไป ของตัวยาเรียกว่า Vipaka โดยขึ้นกับรสยา ถ้าเป็นรสเค็มจะกลายเป็นหวาน รสขมและรสฝาดกลายเป็นเผ็ด ส่วนรสหวาน เปรี้ยว เผ็ด มี Vipaka คงเดิม ยกเว้นข้าวมีรสหวานแตด่ ้วยอิทธิพลจากร่างกายกลายเป็นเปรี้ยว สมอไทยมีรสฝาดแต่ในร่างกายเป็นรสหวาน Sweet Vipaka บำรุงเสมหะ ลดวาตะและน้ำดี Sour Vipaka เพ่ิมน้ำดีลดวาตะและเสมหะ ขณะที่ Pungent Vipaka ทำให้เกดิ โรควาตะ ลดเสมหะและนำ้ ดี ดังน้นั ผลในการ รกั ษาจงึ ไมไ่ ดข้ ้นึ อยู่กบั รสยาเพยี งอย่างเดียวแตย่ ังข้นึ อยู่กบั รสของ Vipaka ของตัวยานั้นดว้ ย 5.Prabhava คือ ความเฉพาะของตัวยานั้น ๆ มียาหลายตัวที่มี ทั้ง 4 ข้อข้างต้นเหมือนกันแต่ผลของ ยาต่างกัน เช่น Madhusarava (Madhuca longifolia) และ Draksha (Vitis vinifera) ต่างก็มีรสหวาน เย็น หนัก และมี sweet vipaka แต่ตัวแรกทำให้ท้องผูกในขณะที่ตัวหลังช่วยระบาย คุณสมบัติอันนี้เรียกว่า Prabhava อีกตัวอย่างคือ เจตมูลเพลิงขาว Chitraka (Plumbago zeylanica) และ Danti (Croton polyandrum) ต่างก็มีรสเผ็ด ร้อน เบา pungent vipaka แต่ ตัวแรกช่วยย่อยในขณะที่ตัวหลังเป็นยาถ่าย อย่างแรง

156 บทที่ 11 การแพทยแ์ ผนไทย บรรณานกุ รม โกวทิ คัมภีรภาพ. ทฤษฎีพื้นฐานการแพทยแ์ ผนจีน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, 2549. คมกฤช แคนยุกต.์ ร้อยทางรอดกบั แพทย์ทางเลือก. ชดุ สารคดเี พ่ือสุขภาพ. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พ์ครี เอทบคุ๊ ส์, 2545. ยงศกั ดิ์ ตันตปิ ิฎก. ตำราการนวดไทย. เล่มท่ี 1. พิมพ์คร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั พิมพ์ดี จำกัด, 2559. โครงการสารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน. “การแพทย์แผนอินเดีย”. http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=8&chap=1&page=t8-1- infodetail02.html 23 ธนั วาคม, 2562. สมพร กันทรดุษฎี. “การสวดมนต์บำบดั ”. https://med.mahidol.ac.th/ramachannel/old/index.php/knowforhealth-22102558/ 23 ธันวาคม, 2562.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook