Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore The cell biology

The cell biology

Published by cl124.kwan, 2021-02-02 07:53:17

Description: The cell biology

Keywords: cell biology

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 101

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 102

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 103

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 104

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 105

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 106

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 107

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 108

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววทิ ยา คุณครูสธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวดั แพร่ Membrane transport ในหัวข้อนศ้ี ึกษาเกย่ี วกับการนาสารเข้า – ออกเซลล์ ซึง่ การนาสารผ่านเข้าออกเซลล์ จะมกี ารนาผ่านเข้าบริเวณ แรกคือ Cell membrane แต่ในเซลลม์ ี cell wall หุ้มอยู่ดา้ นนอกอกี ข้นึ ซึง่ ลักษณะของcell wall และ cell membrane ตา่ งกนั คือ 1. Cell wall ยอมให้สารผา่ นได้มุกชนิด เนื่องจาก plasmodesmata มีขนาดใหญ่ 2. Cell membrane ยอมใหส้ ารผ่านบางชนดิ เรียกคณุ สมบัติน้ีวา่ เปน็ เยอ่ื เลอื กผา่ น (Semipermeable membrane) Chemical Structure and Membrane transport ในทำงเคมี สำรแบ่งเปน็ 2 ชนิด - สำรไมม่ ีขั้ว ผ่ำนโดยวิธี _____________________________________________________ - สำรมขี ว้ั ผำ่ นโดยวิธี _____________________________________________________ Cell membrane จงึ มีคุณสมบตั ิ _________________________________ เนอ่ื งจำกเลือกสำร _______________________________________________________________________________ _______________________________________________________________________________ 109

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครูสธุ าสินี สายทอง ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวดั แพร่ เรอ่ื ง กระบวนกำรแพร่ (Diffusion) ส่ิงมีชีวิตจะดารงอยู่ได้อย่างต่อเน่ือง ในสภาพแวดล้อมลักษณะต่างๆได้นั้น จะต้องข้ึนอยู่กับกลไกหลาย ประการที่เกิดข้ึนในร่างกาย สัตว์ช้ันสูงจะต้องเกิดการขับถ่ายของเสียเพอื่ ขจัดส่ิงที่เป็นพิษหรือส่ิงที่ร่างกายไม่ต้องการ ออกสู่ภายนอก จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้อยู่ในระดับท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ต้องมีการสร้าง ภมู คิ มุ้ กนั เพอื่ ต่อตา้ นเชือ้ โรคท่ผี า่ นเขา้ สู่ร่างกาย ด้วยเหตุนีร้ า่ งกายจะต้องมีการควบคุมสิ่งต่อไปนใ้ี ห้อย่ใู นสภาพสมดุล คอื น้า ของเสีย เกลือแร่ กรด ด่าง ไอออนสาร อุณหภูมแิ ละภูมคิ ุ้มกันสิง่ แปลกปลอม ดังน้ันเซลล์จงึ มีการลาเลียงสาร ตา่ ง ๆ ดังกลา่ วเขา้ และออกจากเซลล์การเคลือ่ นทเี่ ขา้ และออกจากเซลล์จะต้องผ่านเย่อื หุ้มเซลลซ์ ่งึ มคี ุณสมบตั ิเปน็ เยื่อ เลอื กผ่าน (semipermeable membrane) ประเภทของกำรลำเลียงสำรเขำ้ และออกจำกเซลล์ การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ จาแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. กำรลำเลยี งสำรโดยผ่ำนเยื่อหุ้มเซลล์ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.1 กำรลำเลียงสำรผ่ำนเยอื่ หุ้มเซลลโ์ ดยไม่ใช้พลังงำนจำกเซลล์ (Passive transport) ได้แก่ - การแพร่ (Diffusion) การแพร่ธรรมดา (Simple diffusion) การแพรโ่ ดยอาศยั ตวั พา (Facilitated diffusion) - การออสโมซิส (Osmosis) 1.2 กำรลำเลยี งสำรผ่ำนเยอ่ื หมุ้ เซลลโ์ ดยใชพ้ ลังงำนจำกเซลล์ (Active transport) 2. กำรลำเลียงสำรไมผ่ ่ำนเยื่อหุ้มเซลล์ โดยกำรสรำ้ งถงุ จำกเยือ่ หุ้มเซลล์ มี 2 ลักษณะ คอื 2.1 กำรนำสำรเขำ้ สูภ่ ำยใน (Endocytosis) มี 3 วธิ ี คอื - ฟโิ นไซโตซสิ (Pinocytosis) - ฟาโกไซโตซสิ (Phygocytosis) - การนาสารเข้าสูเ่ ซลล์โดยอาศัยตวั รบั (Receptor-mediated endocytosis) 2.2 กำรนำสำรออกนอกเซลล์ (Exocytosis) แบบฝึกหดั ให้นักเรียนตอบคำถำมตอ่ ไปนี้ 1. กำรลำเลียงสำร คอื ................................................................................................................................................ 2. กำรลำเลียงสำรมีควำมสำคัญอยำ่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. รำ่ งกำยจะตอ้ งมีกำรควบคมุ สงิ่ ใดต่อไปนี้ให้อย่ใู นสภำพสมดลุ ........................................................................................................................................................................... 110

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววิทยา คณุ ครสู ุธาสินี สายทอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 4. เยื่อหุ้มเซลล์มคี ณุ สมบตั ิใด ...................................................................................................................................... 5. กำรลำเลยี งสำรเขำ้ และออกจำกเซลล์แบ่งออกเป็นกปี่ ระเภท ................................................................................. 6. กำรลำเลียงสำรเขำ้ และออกจำกเซลล์ใช้สง่ิ ใดเปน็ เกณฑ์ในกำรแยกประเภท .............................................................................................................................................................................. 7. ทำไมตอ้ งมกี ำรกำรลำเลียงสำรเข้ำและออกจำกเซลล์ .............................................................................................................................................................................. 8. Passive transport คือ ......................................................................................................................................... 9. Active transport คือ .......................................................................................................................................... 10. Endocytosis ต่ำงจำก Exocytosis อย่ำงไร .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................... ให้นกั เรยี นเติมคำในช่องวำ่ งใหถ้ ูกตอ้ ง 111

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววิทยา คุณครูสุธาสินี สายทอง ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ 1. การลาเลยี งสารผ่านเยือ่ หุ้มเซลลโ์ ดยไมใ่ ชพ้ ลังงานจากเซลล์ (Passive transport) กำรลำเลยี งสำรโดยผำ่ นเยอื่ หุ้มเซลล์ 1. กำรแพร่แบบธรรมดำ (diffusion simple) การแพร่ เป็นการเคลื่อนที่หรือการกระจายอนุภาคของสารจาก บริเวณท่ีมีความเข้มข้นของสารมากไปยังบริเวณท่ีมีความเข้มข้นของสารน้อย จนกว่าอนุภาคของสารจะมีความ เขม้ ข้นเท่ากนั ทั้งสองบริเวณ หรอื ที่เราเรยี กว่า สมดุลของกำรแพร่ การแพร่เกดิ ข้ึนกบั สารทุกสถานะ ท้ังของแข็ง ของเหลว และแก๊ส อนุภาคของสารยังมีการเคล่ือนที่ตลอดเวลาไม่หยุดนิ่งเพ่ือรักษาความเข้มข้นให้เท่ากัน ตลอดเวลา การแพร่เกิดขึ้นได้ทุกทิศทาง ไม่แน่นอน เรียกว่า การเคล่ือนที่แบบบราวด์เนียนการแพร่ใน ชีวิตประจาวัน เช่น การแพร่ของด่างทับทิมในน้า การแพร่ของกล่ินอาหาร การแพร่กระจายของน้าหอม การฉีด พ่นยากันยุง การฉดี พ่นสารกาจัดศัตรพู ืช การแช่อิ่มผลไม้ การจุดธูปบูชาพระ การแพร่แกส๊ ออกซิเจนเข้าสู่หลอด เลอื ด เปน็ ต้น การแพร่ท่ีเกดิ เม่อื สารอยู่ในภาวะสมดุล เรยี กวา่ ไดนามิควิลิเบรียม (Dynamic equilibrium) มาจากคาวา่ Equilibrium = สมดลุ Dynamic = การเคลือ่ นไหว กำรแพร่ในพืช แก๊สออกซิเจนท่ีอยู่ในดินจะแพร่เข้าสู่เซลล์ขนรากโดยวิธีการแพร่ แล้วแพร่เข้าไปสู่เซลล์ข้างเคียง ทาให้แก๊ส ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์พืชและใช้ในกระบวนการเมแทบอลิซึมหรือกระบวนการหายใจ ได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และ แพร่ออกจากพืชทางปากใบ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แพร่ผ่านทางปากใบของพืชเข้าสู่เซลล์ เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง หรือ สร้างอาหารให้แก่พืชแล้ว ได้น้าตาลกลูโคส และแก๊สออกซิเจนเม่ือในเซลล์มีแก๊สออกซิเจนมากจึงแพร่ผ่านออกสู่ ภายนอกโดยผา่ นทางปากใบ ธาตอุ าหารในดินจะแพรเ่ ข้าสูเ่ ซลล์ขนรากโดยวิธกี ารแพร่ 2. กำรแพร่แบบฟำซิลิเทต (facilitated diffusion) หมายถึง กระบวนการแพร่ของสารเข้าหรือออกจาก เซลล์โดยอาศัยการทางานของตัวพา (carrier) ซ่ึงเป็นสารพวกโปรตีนท่ีแทรกอยู่บนเยื่อหุ้มเซลล์ เป็นการลาเลียงสาร จากบริเวณที่มีความเข้มข้นสารสูงไปสู่บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารต่ากว่าเหมือนการแพร่ธรรมดา โดยไม่ต้องใช้ พลงั งาน และอัตราการแพร่จะเรว็ กว่ามาก ทาให้รับสารและขับสารอยา่ งรวดเรว็ การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต เป็นวิธีทีเ่ กิด กบั ส่งิ มชี วี ิตเทา่ นนั้ เช่น กระบวนการดดู ฮึมกลโู คส และฟรกั โทสเขา้ สู่เซลล์ผนังลาไส้ การลาเลียงกลโู คสเข้าสู่เซลล์เม็ด เลอื ดแดง เซลล์ตับ และเซลลก์ ล้ามเนื้อลาย 112

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววทิ ยา คณุ ครสู ุธาสนิ ี สายทอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวดั แพร่ Classification of membrane transport - Passive transport การนาผ่านเขา้ ออกโดยไม่ใช้พลังงานจากเซลล์ ตาม concentration gradient - Active transport การนาผา่ นเข้าออกโดยใช้พลังงานจากเซลล์ (ATP) สวน concentration gradient คาส่งั นักเรยี นจงวาดรปู Passive transport and Active transport ตามคณุ ครู 113

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววิทยา คณุ ครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวัดแพร่ แบบฝกึ หัด ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. การแพร่คือกระบวนการใด ............................................................................................................................. ......................................................... 2. กระบวนการแพร่มีความสาคญั ต่อเซลล์อยา่ งไร ..................................................................................................... ......................................................................... ....... 3. เย่ือหมุ้ เซลล์มีคุณสมบตั ิใด ...................................................................................................................................... 4. เม่ือเราเทน้าแดงเข้มขนั ลงไปในน้า สงิ่ ใดมีความเข้มขน้ มากกว่ากนั ....................................................................... 5. สมดลุ การแพร่ คือ................................................................................................................................................. 6. การแพร่ใช้กบั สารสถานะใดบ้าง............................................................................................................................ 7. การเคลื่อนท่ีแบบบราวดเ์ นียน คือ ........................................................................................................................ ให้ยกตัวอย่างการแพรท่ เ่ี กดิ ขึ้นในชวี ิตประจาวนั มา 5 ตวั อยา่ ง 8............................................................................................................................. ................................. 9.............................................................................................................................................. ................... 10............................................................................................................................. ................................. 11.............................................................................................. ................................................................ 12............................................................................................................................. ................................. ใหย้ กตวั อย่างการแพรท่ เ่ี กิดข้ึนในพชื มา 3 ตวั อย่าง 13…………………………………………………………….......................................................................................... 14…………………………………………………………….......................................................................................... 15…………………………………………………………….......................................................................................... 16.การแพรแ่ บบฟาซิลเิ ทตคอื กระบวนการใด ........................................................................................................... ................................................................... ใหย้ กตัวอย่างการแพร่แบบฟาซิลเิ ทตทีเ่ กดิ ข้นึ ในชวี ิตประจาวนั มา 3 ตวั อย่าง 17…………………………………………………………….......................................................................................... 18…………………………………………………………….......................................................................................... 19…………………………………………………………….......................................................................................... 114

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววทิ ยา คณุ ครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ 20. การแพร่แบบธรรมดาและการแพร่แบบฟาซลิ เิ ทตตา่ งกันอยา่ งไร ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................... ................................ กระบวนกำรแพร่ ปัจจัยทคี่ วบคมุ กำรแพร่ 1. ควำมเข้มข้นของสำรท่ีจะแพร่ สารชนิดเดียวกัน แต่มีความเข้มข้นต่างกันกลุ่มท่ีมีความเข้มข้นมากกว่า จะมคี วามสามารถในการแพรด่ ีกว่า 2. อณุ หภมู ิ การเพม่ิ ระดับอณุ หภูมเิ ปน็ การเพ่มิ พลังงานจลนใ์ ห้กบั สารจะทา ใหส้ ารเกดิ การแพร่ไปไดเ้ รว็ 3. ควำมดนั การเพิม่ ความดนั ให้กับสารจะมผี ลทา ให้สามารถเคลือ่ นทไี่ ดเ้ รว็ ขึ้น 4. สิ่งเจือปนและตัวกลำง สิ่งเจือปนในสารตัวกลางท่ีจะแพร่ผ่านจะเป็นสิ่งกีดขวางการเคลื่อนท่ีของสารทา ให้เกิดการแพร่ช้าลง ตัวกลางท่ีสารจะแพร่ผ่าน เช่น การแพร่ของก๊าซออกซิเจนในตัวกลางท่ีเป็นอากาศจะเร็วกว่า ตวั กลางทเี่ ป็นนา้ เน่ืองจากโมเลกลุ น้าอยู่กันอย่างหนาแน่น และมีแรงยึดเหนยี่ วกนั สงู ทา ใหก้ ารแพร่ในนา้ ชา้ ลง 5. สถำนะของสำรที่จะแพร่ สารชนิดเดียวกันแต่อยู่ต่างสถานะกันความเร็วในการแพร่จะไม่เท่ากัน เช่น ไอ นา้ จะแพรไ่ ด้เรว็ กว่าน้า เพราะไอน้าเป็นก๊าซมแี รงยึดเหน่ียวน้อย และมีพลังงานจลนส์ ูง ส่วนน้ามแี รงยึดเหนีย่ วสูงกว่า และมพี ลังงานจลนต์ ่ากวา่ 6. ขนำดของอนภุ ำค สารทีม่ ีขนาดของอนภุ าคเลก็ จะเคล่อื นที่ได้ดี การแพรจ่ งึ เกิดข้ึนได้เร็ว 7. ควำมสำมำรถในกำรละลำยของสำร สารทส่ี ามารถละลายไดด้ ี การแพร่จะเกิดไดเ้ ร็วกว่า 115

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คณุ ครูสธุ าสินี สายทอง ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวดั แพร่ แบบฝกึ หัด ให้นักเรียนใสเ่ ครอ่ื งหมำยถกู √ หน้ำข้อท่ีถูกและใส่เครือ่ งหมำยผดิ X หนำ้ ขอ้ ทีผ่ ดิ …………1. การแพร่จะแพรจ่ ากบริเวณท่มี ีความเข้มข้นของสารมากไปยังบรเิ วณทม่ี ีความเข้มขน้ ของสารน้อย …………2. ความดันยิ่งมากการแพร่ของสารบรเิ วณน้นั จะลดลง …………3. การลาเลยี งกลูโคสเข้าสเู่ ซลล์เม็ดเลอื ดแดงเปน็ การแพร่แบบธรรมดา …………4. การแพร่จะเกิดขน้ึ ในสารท่ีมีสถานะของเหลวเท่าน้นั …………5. สารชนิดเดียวกนั แต่อยูต่ า่ งสถานะกันความเร็วในการแพรจ่ ะไมเ่ ทา่ กัน …………6. การแพร่แบบฟาซิลเิ ทตจะต้องอาศัยโปรตีนตวั พาในการผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ …………7. การท่ีนา้ เคลื่อนที่เข้าไปในเซลล์ท่มี คี วามเขม้ ขน้ มาก เรยี กว่า การแพร่ …………8. ความสามารถในการละลายของสารไม่เกีย่ วข้องกับปจั จัยในการแพร่ …………9. อุณหภูมิยิ่งสูงการแพร่ของสารบริเวณนัน้ จะเพิ่มขนึ้ …………10. นาย ก ฉีดน้าหอมบรเิ วณหน้าห้อง เมือ่ เวลาผา่ นไปสกั พัก นาย ข ที่อย่หู ลงั ห้องได้กล่ินนา้ หอมเป็นการ แพร่แบบฟาซลิ ิเทต …………11. สารชนิดเดยี วกนั แตม่ คี วามเขม้ ขน้ ต่างกนั จะแพรไ่ ด้เท่ากัน …………12. สารที่มขี นาดของอนุภาคเลก็ จะเคลื่อนที่ไดด้ ี การแพร่จึงเกิดขนึ้ ได้เร็ว …………13. อนุภาคของสารจะมีความเข้มขน้ เท่ากนั ทง้ั สองบริเวณ หรือท่เี ราเรยี กวา่ การเคลอื่ นท่ีแบบบราว์เนียน …………14. Passive transport การลาเลยี งสารผา่ นเย่ือหุ้มเซลล์โดยไมใ่ ชพ้ ลงั งานจากเซลล์ …………15. การแพร่แบบฟาซิลิเทตเป็นวธิ ที เ่ี กดิ กับสิ่งมชี ีวิตเทา่ นั้น ให้นกั เรียนวำดภำพส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลลท์ ี่มคี ุณสมบัตเิ ปน็ เยื่อเลอื กผำ่ น พรอ้ มช้ีส่วนประกอบ 116

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววทิ ยา คุณครูสธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวัดแพร่ กระบวนกำรออสโมซิส 3. กำรออสโมซิส (Osmosis) คือ การเคลื่อนที่ของน้าผ่านเยื่อเลือกผ่านโดยทิศทางเคล่ือนที่คือ น้าจะเคลื่อนท่ีจาก บริเวณท่ีมีความหนาแนน่ ของน้ามาก (สารละลายเจือจาง) ไปยังบริเวณทีม่ ีความหนาแน่นของน้า (สารละลายเข้มข้น) จนกระทั่งถึงจุดสมดุลเมื่ออัตราการเคลื่อนที่ของน้าผ่านเยื่อเลือกผา่ นไปและกลับมีค่าเท่า ๆ กัน ซึ่งการออสโมซิสอาจ ถอื ได้ว่าเปน็ การแพร่อย่างหน่ึง กำรออสโมซิสในเซลลพ์ ืช พืชจะดูดน้าเข้าสู่เซลล์ขนราก ด้วยกระบวนการออสโมซิส โดยผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งทาหน้าที่เป็นเยื่อเลือก ผ่าน เพราะบริเวณรอบๆ รากจะมีปริมาณน้ามากกว่าในเซลล์ขนราก และจะออสโมซิสไปยังเซลล์ข้างเคียงต่อๆไป จนถงึ เนื้อเยือ่ ลาเลียงน้า ปัจจยั ทเ่ี กี่ยวข้องกับกำรออสโมซิส 1. ความเข้มข้นของสาร ถ้าความเขม้ ข้นของสารแตกต่างกันมาก การอออสโมซสิ จะเกิดไดด้ ี 2. อณุ หภูมิ ถา้ อุณหภูมสิ ูง กระบวนการออสโมซสิ จะเกดิ ไดด้ ี 3. ขนาดของอนุภาค อนุภาคทม่ี ขี นาดเล็กจะเกิดการออสโมซสิ ไดด้ ี 4. สมบัตขิ องเยื่อกน้ั เย่อื กน้ั บางชนดิ จะยอมให้สารผ่านได้ การอออสโมซิสจงึ เกดิ ข้นึ ไดด้ ี 117

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วิทยา คุณครสู ธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวัดแพร่ แบบฝึกหัด ให้นกั เรียนตอบคำถำมต่อไปนี้ 1. กำรออสโมซิส คอื _____________________________________________________________________________ _______________________________________________________________________________ 2. กำรแพร่ คอื _______________________________________________________________________________ _______________________________________________________________________________ 3. กำรแพรแ่ ละกำรออสโมซิสต่ำงกนั อยำ่ งไรบำ้ ง _______________________________________________________________________________________ _______________________________________________________________________________________ 4. กำรแพร่และกำรออสโมซิสเหมอื นกันอย่ำงไรบ้ำง___________________________________________ ให้ยกตัวอยำ่ งกำรออสโมซิสในชวี ิตประจำวนั มำ 4 ตวั อย่ำง 5.............................................................................................................................................................. 6.............................................................................................................................................................. 7.............................................................................................................................................................. 8.............................................................................................................................................................. 9. ใหย้ กตัวอยำ่ งกำรออสโมซสิ ในพืช ....................................................................................................................... 10. ปัจจัยสำคัญในกระบวนกำรออสโมซิส คือ ........................................................................................................... กำรบำ้ น ใหน้ กั เรยี นหำภำพทเ่ี กยี่ วข้องกบั กำรลำเลียงสำรทเ่ี กิดในชวี ติ ประจำวันตอ่ ไปนี้ การแพร่ 5 ภาพ การออสโมซสิ 5 ภาพ 118

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววทิ ยา คุณครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ เรือ่ ง กระบวนกำรออสโมซิส ออสโมมิเตอร์ (Osmometer) คือ เครื่องมือที่ใช้แสดงการเกิดออสโมซิส และสามารถใช้วัดแรงดันท่ีเกิด จากกระบวนการออสโมซสิ ไดอ้ กี ด้วย แรงดันออสโมติก (Osmotic pressure) คือ แรงดันที่ทาให้เกิดออสโมซิสของน้า แรงดันออสโมซิสของ สารละลายต่างชนิดกัน จะมีค่าแตกต่างกัน เน่ืองจากสาเหตุสาคัญ คือ ความเข้มข้นของสารละลายนั้นไม่เท่ากัน เพราะจานวนโมเลกลุ หรอื ออิ อนในสารละลายน้ันมปี รมิ าณไมเ่ ทา่ กันนน่ั เอง ซึง่ สรุปไดว้ ่า 1. นา้ บริสทุ ธ์ิมีแรงดนั ออสโมติกตา่ สุด เนื่องจากไม่มตี ัวถูกละลายใด ๆ เจือปน 2. สารละลายทีม่ ีความเข้มข้นสงู (ตัวถูกละลายมจี านวนมาก) จะมแี รงดันออสโมติกสงู ส่วนสารละลายทีม่ ี ความเข้มข้นต่า (ตวั ถูกละลายมีจานวนนอ้ ย) จะมีแรงดันออสโมตกิ ต่า 3. น้าจะแพรจ่ ากบรเิ วณท่มี แี รงดันออสโมติกตา่ ไปยงั บรเิ วณทีม่ ีแรงดนั ออสโมตกิ สงู เสมอ แรงดนั เต่ง (Turgor pressure) คือ แรงดันท่ีเกดิ ขนึ้ ภายในอันเนอ่ื งมาจากนา้ แพร่เขา้ ไปซง่ึ แรงดันเต่งสูงสดุ จะมีค่า เทา่ กบั แรงดนั ออสโมติกของสารละลาย นั่นคอื ทีจ่ ดุ สมดลุ ของการแพร่ แรงดันเต่งมคี ่ำสูงสดุ = แรงดันออสโมติก แรงดันเต่งมีความสาคัญมากในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เพราะทาให้เซลล์สามารถรักษารูปร่างได้ เช่น การรักษา รูปร่างลักษณะของเซลล์สัตว์หรือในพืช การท่ีใบการเต็มท่ี ยอดต้ังตรงดี ใบผักกรอบ เนื่องจากภายในเซลล์มีแรงดัน เตง่ มากนนั่ เอง แบบฝึกหัด ให้นกั เรียนตอบคำถำมต่อไปนี้ 1. ข้อใด ไม่ใช่ หลกั กำรแพร่ ก. การละลายของสี ข. การได้กลิน่ นา้ หอม ค. ลกู เหม็นไล่แมลงสาบ ง. การไหลของนา้ ไปตามท่อ 2. กำรใส่ปุ๋ยเคมคี ร้ังละมำกๆ ในกระถำงตน้ ไม้ จะเกดิ ผลเสียอย่ำงไร ก. ต้นไม้ได้อาหารเลยี้ งลาต้นเต็มที่ ข. ต้นไมเ้ จรญิ งอกงามอย่างรวดเร็ว ค. เปน็ การใหแร่ธาตแุ กพ่ ชื อย่างถกู วธิ ี ง. ตน้ ไม้จะเหี่ยวเนื่องจากขาดนา้ มาเล้ียง 3. คำว่ำ ออสโมซิส ถำ้ จะอธิบำยจะใช้ข้อใดจงึ จะถูกต้อง ก. เป็นการเคลอ่ื นทขี่ องนา้ จากสารละล่ายเจือจางผ่านเยอื่ บางไปสสู่ ารละลายเข้มข้น ข. เป็นการเคล่อื นที่ของน้าผา่ นเย่อื บางไปยงั บรเิ วณน้ามากกว่า ค. เป็นการเคล่ือนทีข่ องนา้ จากบริเวณนา้ มากไปยังบริเวณน้าน้อย ง. เปน็ การเคลือ่ นที่ของสารละลายเข้มขนั ไปสู่สารละลายเจือจาง 4. กำรแพรจ่ ะเกิดได้ดีและรวดเรว็ ตอ้ งอำศยั ปัจจัยใด ก. อนภุ าคของสารต้องมีขนาดใหญ่ ข.ตวั กลางมคี วามหนาแน่นมาก ข. อณุ หภูมิของสารต่า ง. ความแตกต่างของความหนาแนน่ ของอนุภาคสาร 119

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววิทยา คณุ ครูสธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวดั แพร่ 5. ถ้ำนำมันเทศสดชิ้นเลก็ ๆ ชิ้นหน่งึ ใสล่ งในน้ำฝนสักคร่ึงช่ัวโมงชน้ิ มนั เทศจะมกี ำรเปลีย่ นแปลงอย่ำงไร ก. แตก ข. เห่ยี วยน่ ค. พองแตง่ ขนึ้ ง.อ่อนนุ่มข้ึน 6. น้ำถกู ลำเลยี งข้ึนสลู่ ำต้นในเน้อื เยอื่ ลำเลยี งนำ้ ได้อยำ่ งไร ก. ลาเลียงแบบใชพ้ ลงั งานโดยเซลล์ ข. การแพร่ในเนื้อเยื่อลาเลียงนา้ ค. แรงดนั ออสโมซิสในใบ ง. ใบดึงนา้ ข้นึ ไป 7. ข้อใดกลำ่ วถึงขบวนกำรสง่ ผ่ำนโมเลกุลของนำ้ ผ่ำนเยื่อหุ้มเซลล์ ก.ออสโมซสิ ข. การสง่ ผ่านแบบแอกทีฟ (active transport) ค.การแพร่แบบมตี วั นา (facilitated) ง.การ กรอง 8. องค์ประกอบทีม่ ำกที่สุดของเซลล์คอื ข้อใด ก.น้า ข.โปรตนี ค. คารโ์ บไฮเดรท ง.ไขมัน 9. กำรเคลอื่ นทขี่ องโมเลกุลของสำรละลำยจำกควำมเข้มข้นมำกไปหำควำมเข้มขน้ นอ้ ยผำ่ นเย่ือหมุ้ เซลล์เรียกว่ำ อะไร ก. diffusion ข. osmosis ค. filtration ง. phagocytosis 10. ขอ้ ใดคอื คณุ สมบตั ิของเย่อื หุ้มเซลล์ ก. permeable ข.selectively permeable ค. soluble ง. mandible 120

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คุณครูสธุ าสินี สายทอง ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวัดแพร่ กำรออสโมซิส ประเภทของสารละลายที่เกี่ยวขอ้ งกับการออสโมซสิ แบ่งเป็น 3 ประเภท คอื 1. สำรละลำยไฮเปอร์โทนิก (Hypertonic Solution) คือ สารละลายท่ีมีความเข้มสูงเมื่อเทียบกับความเข้มข้นของ สารละลายภายในเซลล์ ดังนั้น ถ้าเซลล์อยู่ในภาวะที่มีสารละลายไฮเปอร์โทนิกอยู่ล้อมรอบเย่ือหุ้มเซลล์จะหดตัวและ เห่ียวแฟบลงเนื่องจากมีการสูญเสียน้าจากเซลล์ เราเรียกกระบวนการแพร่ของน้าออกมาจากไซโทพลาสซึมและมีผล ทาใหเ้ ซลลม์ ปี ริมาณเล็กลงนี้วา่ พลำสโมไลซสิ (Plasmolysis) 2. สำรละลำยไฮโปโทนิก (Hypotonic Solution) คือ สารละลายท่มี ีความเข้มข้นต่า เมอื่ เทยี บกับความเขม้ ข้นของ สารละลายในเซลล์ ดังน้ันถ้าเซลล์อยู่ในภาวะท่ีมีสารละลายไฮโปโทนิกล้อมรอบเซลล์จะขยายขนาดหรือมีปริมาตร เพ่ิมข้ึนเน่ืองจากเกิดการแพร่ของน้า จากสารละลายภายนอกเข้าสูภ่ ายในเซลล์ และทาให้เซลล์เกิดแรงดันเพิม่ ข้ึน ดัน ใหเ้ ซลล์ยดื ขยายออกไปเรียกปรากฏการณ์นีว้ ่า พลำสโมไทซสิ (Plasmoptysis) ถ้าพิจารณาในแง่ของแรงดันออสโมติก จะพบว่า สารละลายไฮโปโทนิกจะมีแรงดันออสโมติกต่ากว่าแรงดัน ออสโมติกภายในเซลล์ น้าจึงแพรเ่ ข้าสู่เซลล์ ผลจากการเกดิ พลาสมอบไทซิสระหวา่ งเซลล์สตั ว์และเซลล์พืชจะแตกตา่ ง กนั คือ 1. ในกรณีของเซลลส์ ัตว์ เชน่ ถา้ นาเซลลเ์ มด็ เลอื ดแรงมาใสล่ งในนา้ กล่นั (ไฮโปโทนิกต่อเซลล์เมด็ เลือดแรง) น้าจะแพร่เขา้ สเู่ ซลล์ ทาใหเ้ กิดแรงดันเตง่ ภายในเซลลเ์ พ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ ตามปรมิ าณนา้ ที่แพรเ่ ขา้ ไป จนถงึ จุดหนง่ึ จะทา ใหเ้ ยอ่ื หมุ้ เซลล์แตกออก สารต่าง ๆ ภายในเซลล์จะละลายออกมาขา้ งนอกการแตกของเซลลเ์ มด็ เลือดแรง เมื่อแช่อยู่ ในสารละลายไฮไปโทนิก เรียกว่า ฮีโมไลซสิ (Hemolysis) 2. ในกรณีของเซลล์พชื เช่น เซลลข์ องเยื่อหอม ลกั ษณะของขบวนการเกิดกเ็ ชน่ เดยี วกันกับในเซลล์สตั ว์ แต่ เซลล์พืชจะไมแ่ ตกออก เนื่องจากผนงั เซลล์ (Cell wall) มแี รงดนั ตา้ นเอาไว้ 3. สำรละลำยไอโซโทนิก (Isotonic solution) คือ สารละลายท่ีมีความเข้มข้นเท่ากับความเข้มข้นของสารละลาย ภายในเซลล์ ดังนั้นเซลล์ท่ีอยู่ในภาวะที่มีสารละลายไอโซโทนิกล้อมรอบ จึงไม่มีการเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนซ่ึงมี ความสาคัญมากในส่ิงมีชีวิต โดยเฉพาะการคงรูปร่างของเซลล์สัตว์ การท่ีเม็ดเลือดแดงไหลเวียนอยู่ในน้าเลือดโดยไม่ เห่ียวแฟบหรือพองโตจนแตก เน่ืองจากความเข้มข้นของสารละลายน้าเลือดเป็นไอโซโทนิกต่อสารละลายภายในเม็ด เลอื ดแดงนน่ั เอง 121

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววทิ ยา คณุ ครสู ธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวัดแพร่ สรุป **ใช้ cell เปน็ ตวั เทยี บ** Hypertonic Solution Hypotonic Solution Isotonic solution 122

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววิทยา คณุ ครูสุธาสินี สายทอง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวดั แพร่ แบบฝึกหดั ใหน้ ักเรียนตอบคำถำมตอ่ ไปนี้ 1. สำรละลำยไอโซโทนกิ หมำยถึง………………………………………………………………………………………………………….… 2. สำรละลำยไฮเปอรโ์ ทนิก หมำยถึง………………………………………………………………………………………………………... 3. สำรละลำยไฮโปโทนกิ หมำยถงึ ………………………………………………………………………………………………………….… 4. Plasmolysis คือ.............................................................................................................................................. 5. Plasmoptysis คอื ........................................................................................................................................... 6. Haemolysis คือ.............................................................................................................................................. 7. ทำไมเม่ือใส่เซลล์สัตว์ลงไปในน้ำกลนั่ แล้วจงึ แตก.............................................................................................. 8. ผนงั เซลล์ (Cell wall) มหี น้ำทใี่ ดในเซลล.์ ....................................................................................................... 9. สำรละลำยในใดท่จี ัดเป็น normal saline solution……………………………………………………………………........... 10. สำรชนิดใดสำมำรถผ่ำนเย่อื เลอื กผำ่ นไดบ้ ำ้ ง................................................................................................... 11. นักชีววิทยำนำเซลลพ์ ชื ไปแช่ในน้ำเกลือ 10% เซลลจ์ ะเปล่ยี นแปลงอยำ่ งไร .............................................................................................................................................................................. 12. เมอื่ หยดนำ้ หวำนทม่ี คี วำมเขม้ ข้น 10 % ลงบนเซลลเ์ ยือ่ หัวหอม A จะเกดิ กำรเปล่ียนแปลงดงั รูป B ทำ่ น คิดวำ่ สว่ นทเ่ี ป็น semipermeable layer คอื ส่วนใด ................................................................................................. 13. ถ้ำหลอดแก้ว I และ II คั่นด้วย semipermeable membrane นำ้ ตำลในหลอดแก้วดำ้ น II มีควำม เขม้ ข้นสูงกวำ่ ในดำ้ น I ถ้ำเริ่มตน้ ทดลองโดยให้ระดับสำรในหลอด I และ II เทำ่ กนั แล้วต้ังไว้ ต่อมำ ปรำกฏกำรณ์ควรจะเกดิ ขน้ึ ตรงกับภำพในขอ้ ใด ......................................................................................................................................... 14. กำรแพรแ่ บบฟำซิลเิ ทตต้องอำศยั ตัวพำ ตัวพำนี้เป็นสำรชนิดใด............................................................ 123

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วทิ ยา คณุ ครสู ธุ าสนิ ี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ 15. เครอ่ื งมือทใี่ ชแ้ สดงกำรเกิดออสโมซิส คอื ....................................................................................................... 16. แรงดนั ออสโมติก คือ...................................................................................................................................... 17. สำรในข้อใดทีแรงดนั ออสโมติกน้อยทีส่ ุด 1. น้าปลา 2. นา้ ทะเล 3. นา้ เช่อื ม 4. นา้ แป้ง 18.เซลลเ์ มด็ เลือดแดงจะแตกเมอ่ื อยใู่ นสำรละลำยชนดิ ใด 1. น้าเกลอื 0.85 % 2. นา้ ด่มื 3. น้าหวาน 4. น้าสม้ 19.นำเมด็ เลอื ดแดงจำนวน 100,000 เซลลเ์ ท่ำกันใส่ลงไปในนำ้ เกลือหลอดตำ่ งๆท่ีมีควำมเข้มข้นของเกลือ ต่ำงกัน ผลกำรนบั จำนวนเม็ดเลือดแดงในแตล่ ะหลอดแสดงไวใ้ นกรำฟ มหี ลอดใดบ้ำงท่ีใหน้ ำ้ เกลือสีชมพูของ ฮโี มโกลบินหลังจำกตงั้ ทิ้งไว้ 30 วินำที 1. หลอดที่มีเกลอื 0 ถงึ 0.7 % 2. หลอดทม่ี เี กลอื 0.85% 3. หลอดท่มี เี กลือ 1.0% 4. หลอดท่ีมเี กลือ 1.1% 20. ในรูป A, B, C เปน็ กำรทดลองเรอื่ งออสโมซิส โดยกำรนำเอำสำรละลำยเกลอื แกง 0.5 % ใส่ถุงบำงๆ ที่ไม่ ยอมใหเ้ กลอื แกงผำ่ นได้ แล้วนำไปแช่ในของเหลวต่ำงชนิดกัน หลงั จำกเกิดกำรสมดุลแล้วแรงดันเต่งในขอ้ A, B, C เปรยี บเทียบกันอย่ำงไร 1. แรงดนั เตง่ ใน A มากวา่ ใน B และใน C และแรงดนั เต่งใน B มากกว่าใน C 2. แรงดันเต่งใน A มากว่าใน B และใน C และแรงดันเต่งใน C มากกวา่ ใน B 3. แรงดันเต่งใน B มากว่าใน A และใน C และแรงดนั เต่งใน A มากกว่าใน C 4. แรงดนั เตง่ ใน C มากวา่ ใน A และใน B และแรงดนั เตง่ ใน A มากกวา่ ใน B 124

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววทิ ยา คณุ ครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ กำรลำเลียงสำรแบบกำรใชพ้ ลังงำน 4. กำรลำเลียงสำรผำ่ นเยือ่ หุ้มเซลลโ์ ดยใช้พลังงำนจำกเซลล์ (Active transport) คือ การเคลอื่ นที่ของโมเลกุลหรืออิออนของสารจากบริเวณทมี่ คี วามหนาแน่นน้อยไปสู่บริเวณท่ีมคี วาม หนาแน่นมากกวา่ โดยอาศัยพลังงานในรปู ATP จากเซลล์ กระบวนการนน้ี ับได้ว่ามีความสาคญั มากอยา่ งหนึ่งท่ีทาให้ เซลลส์ ามารถรกั ษาสภาวะสมดลุ อยู่ได้ กระบวนกำรเกิดแอกทีฟทรำนสปอรต์ มีคณุ ลักษณะสาคัญดังนี้ 1. เป็นกระบวนการลาเลียงสารจากบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารต่าไปยังบริเวณที่มีความหนาแน่นของสารสูง กว่า โดยผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ ซ่ึงต่างจากการแพร่ที่มีการเคล่ือนท่ีของสารจากบริเวณท่ีมีความหนาแน่นของสารสูงไปยัง บริเวณทมี่ ีความหนาแน่นของสารตา่ 2. กระบวนการน้ีตอ้ งอาศยั พลงั งานจากเซลล์ทีอ่ ยู่ในรปู ของสารให้พลังงานสงู คอื ATP (Adenosine triphosphate) การใช้พลังงานน้ีเกิดที่ผนังด้านในของเย่ือหุ้มเซลล์ แต่ในกระบวนการแพร่ไม่ใช้พลังงานจากเซลล์ การเคลื่อนท่ีของ โมเลกุลจะใชพ้ ลังงานจลนภ์ ายในตัวของมนั เอง 3. ตอ้ งอาศัยตัวพา (Carrier) คลา้ ยการแพรโ่ ดยอาศัยตัวพา (Facilitated diffusion) แตก่ ลไกการทางานของตัวพา ในกระบวนการแอกทีฟทรานสปอร์ตมคี วามซับซ้อนกวา่ ตวั อย่างกระบวนการแอกทีฟทรานสปอรต์ - การดดู กลบั สารทที่ ่อของหน่วยไต - การสะสมกลูโคสเพ่ือเปลีย่ นรูปเปน็ ไกลโคเจนของเซลลต์ บั - การดูดซมึ สารอาหารของเซลล์เย่ือบผุ นงั ลาไส้เล็กเมื่อความเขม้ ข้นของสารอาหารตา่ กว่า - Na+-K+ pump หรอื การขับ Na+ และการรบั K+ ของใยประสาท - การลาเลียงแร่ธาตุของเซลลร์ ากพชื เม่ือความเขม้ ขน้ ของแรธ่ าตุในดินตา่ กวา่ ของเซลล์ราก 125

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วิทยา คุณครูสธุ าสนิ ี สายทอง ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวัดแพร่ แบบฝึกหัด ใหน้ ักเรียนตอบคำถำมตอ่ ไปนี้ 1. กำรลำเลยี งแอกทีฟทรำนสปอร์ตคือกระบวนกำรใด……………………………………………………………………….......... ให้ยกตัวอยำ่ งกำรลำเลียงแอกทีฟทรำนสปอร์ตมำ 3 ตัวอย่ำง 2…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ATP (Adenosine triphosphate) คอื ................................................................................................................ 6. กระบวนกำรลำเลยี งแบบแอกทีฟทรำนสปอรต์ แตกตำ่ งจำกกำรแพร่แบบฟำซลิ เิ ทตหรอื ไม่อยำ่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ใหน้ ักเรียนใส่เครือ่ งหมำยถกู √ หน้ำข้อท่เี ปน็ กระบวนกำรแอกทฟี ทรำนสปอรต์ (ขอ้ 8-13) ……….8. กำรดูดซึมแร่ธำตขุ องรำกพชื ……….9. กำรขับถ่ำย CO2 ออกจำกเซลลส์ ูก่ ระแสเลือด ……….10. กลโู คสในช่องลำไสซ้ ึง่ มีควำมเข้มขน้ ตำ่ ซึมเข้ำสกู่ ระแสเลือด ……….11. K- ภำยนอกเซลล์ซมึ เข้ำสู่เซลล์ ซงึ่ มี K- เข้มขน้ สูงกว่ำ ……….12. นำ้ เข้ำสูเ่ มด็ เลอื ดแดงทำให้เซลล์แตก ……….13. กำรดดู กลับสำรท่ีทอ่ ของหนว่ ยไต 14. จงเปรียบเทียบอัตรำเร็วของกำรแพร่ กำรแพร่แบบฟำซลิ เิ ทต และกำรลำเลยี งสำรแบบใช้พลังงำนอยำ่ งไร .............................................................................................................................................................................. 15. ถ้ำรำ่ งกำยของมนษุ ย์ไ่ม่มกำรลำเลยี งสำรผำนเซลล์แบบใช้พลังงำนจะมผี ลอย่ำงไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำง 126

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ุธาสนิ ี สายทอง ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวดั แพร่ Concept Bulk transport 1. __________________________________________________________ 2. __________________________________________________________ 3. __________________________________________________________ Endocytosis _______________________________________________________________ _______________________________________________________________ _______________________________________________________________ _______________________________________________________________ Pinocytosis ______________________ ______________________ Phagocytosis _________________________ _________________________ _________________________ _________________________ ใช้เท้ำเทยี ม pseudopodium 127

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววทิ ยา คุณครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ Receptor mediated endocytosis ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ ___________________________ Summary 128

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คณุ ครสู ธุ าสนิ ี สายทอง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวัดแพร่ Exocytosis _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________ _____________________________________________ _____________________________________________ _____________________________________________ สรุป Endocytosis และ Exocytosis 129

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววทิ ยา คุณครูสธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ ภำคบรรยำย : กระบวนกำรเอนโดไซโทซิส Endocytosis และ Exocytosis เอกโซไซโทซสิ กำรลำเลยี งสำรแบบไม่ผำ่ นเยอ่ื หุ้มเซลลโ์ ดยกำรสรำ้ งถงุ จำกเยอ่ื หุ้มเซลล์ การลาเลียงสารแบบไมผ่ ่านเยื่อห้มุ เซลล์โดยการสร้างถุงจากเยื่อหุ้มเซลล์ เป็นวธิ ีการที่สารถูกนาเขา้ หรือออก จากเซลล์ โดยท่ีเยื่อหุ้มเซลล์จะห่อหุ้มหรือโอบล้อม เอาสารน้ันเข้าเป็นถุง หลังจากนั้นเย่ือหุ้มเซลล์ส่วนท่ีเป็นถุงก็จะ หลุดออกจากเยื่อหุ้มเซลล์ส่วนอ่ืนๆ กลายเป็นถุงเล็กๆ (Vesicle) เคล่ือนท่ีเข้าสู่ภายในเซลล์ หรือเคล่ือนท่ีออกจาก เซลล์ การท่ีเซลล์ต้องนาสารเข้าหรือออก โดยวิธีน้ีเน่ืองจากสารมีโมเลกุลใหญ่ หรือด้วยสาเหตุอื่นใดก็ตามที่ทา ให้ไม่ สามารถเคล่อื นท่ีผ่านเยือ่ หมุ้ เซลล์ได้โดยตรง การลาเลียงสารโดยวิธีนตี้ อ้ งอาศัยพลังงานจากเซลล์เข้าร่วมด้วยแบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ กำรนำสำรเขำ้ สู่ภำยในเซลล์ (Endocytosis) มี 3 วิธี คือ 1. พิโนโซโตซิส (Pinocytosis = Cell drinking) คือ วิธีการนาสารท่ีเป็นของเหลวหรือสารละลายเข้าสู่ เซลล์ โดยการทาให้เย่ือหุ้มเซลล์เว้าเข้าไปในไซโทพลาสซึมทีละน้อยจนกลายเป็นถุงเล็กๆ (Vesicle) และถุงน้ีจะปิด สนิทหลุดเข้ามาอยู่ในไซโทพลาสซึม ตัวอย่างการนาสารเข้าโดยวิธีน้ี เช่น การนาสารเข้าสู่เซลล์ท่ีหน่วยไต , การนา ไขมันเข้าสเู่ ซลลเ์ ยือ่ บุของลาไส้ เปน็ ตน้ 2. พำโกไซโตซิส (Phagocytosis = Cell eating) คือ วิธีการนาสารท่ีมีลักษณะเป็นของแข็งหรือเซลล์ ขนาดเล็ก ๆ เข้าสู่เซลล์โดยการสร้างซูโดโปเดียม (Pseudopodium) โอบล้อมสารน้ันแล้วเกิดเป็นถุงหลุดเข้าไป ภายในเซลล์ ตัวอยา่ งเชน่ การจบั เชือ้ โรคจา พวกแบคทีเรียของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว การกินอาหารของอะมีบา กระบวนกำรทั้งสองแบบมีขั้นพ้นื ฐำนทีเ่ หมอื นกนั คอื 1. การจับกนั ระหว่างสารกับผิวของเย่ือหุ้มเซลล์ 2. การบุ๋มเข้าไปข้างในของเยื่อหมุ้ เซลล์ 3. การเกิดเป็นถุงเย่ือ (Vesicle) หลุดเข้าไปในเซลล์ 4. ตอ้ งใช้พลงั งานในรปู ATP จากเซลล์ 3. กำรนำสำรเขำ้ สเู่ ซลลโ์ ดยอำศยั ตัวรบั (Recepter – mediated endocytosis) เป็นเอนโดไซโทซสิ ท่ี ใช้ตวั รบั (Receptor) บนเย่อื หุม้ เซลล์ ตวั รบั ทาหน้าทจี่ ับสารกอ่ น จากน้นั จึงเกดิ การเวา้ ของเย่ือหุ้มเซลล์ โดยสารท่ี ลาเลียงตอ้ งมีความจา เพาะจับกับตัวรับ 130

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ แบบฝึกหดั ใหนกั เรียนหำควำมสัมพนั ธของขอควำมชดุ A และ ชดุ B โดยนำอกั ษรหนำขอควำมชดุ Bดำนขวำมือ มำใสช องวำงหนำขอควำมชุด A ดำนซำยมือดำนหนำของแตละขอใหถกู ตอง ใหน้ ักเรียนตอบคำถำมต่อไปน้ี 11. กำรลำเลียงสำรแบบไม่ผำ่ นเยอ่ื ห้มุ เซลล์ คือ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 12. กำรลำเลยี งสำรแบบไม่ผ่ำนเยื่อหมุ้ เซลล์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 13. Endocytosis แตกต่ำงจำก Exocytosis อย่ำงไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 14. พิโนโซโตซสิ คือ .................................................................................................................................................. 131

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววทิ ยา คณุ ครสู ุธาสินี สายทอง ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวดั แพร่ 15. พำโกไซโตซสิ คือ ................................................................................................................................................ 16. กำรนำสำรเข้ำส่เู ซลล์โดยอำศัยตัวรับ คือ ............................................................................................................ 17. กำรกินอำหำรของอะมีบำใช้วิธกี ำรใด ................................................................................................................. 18. Vesicle มลี ักษณะอยำ่ งไร .................................................................................................................................. 19.กำรนำสำรเขำ้ สเู่ ซลลท์ ี่หน่วยไตใชว้ ิธกี ำรใด ......................................................................................................... 20. Pseudopodium มปี ระโยชน์ในสตั วช์ นดิ ใด ..................................................................................................... การนาสารออกสภู่ ายนอกเซลล์ (Exocytosis) คือ การนาสารออกสู่ภายนอกเซลล์ เป็นกระบวนการท่เี ซลลก์ าจดั สารออกนอกเซลล์ เช่น กากอาหารท่เี หลือจากการย่อยของเสียของเซลล์ ฯลฯ หรือการหลัง่ สารทเ่ี ป็นประโยชน์โดย เซลล์สรา้ งข้นึ แลว้ ส่งออกนอกเซลล์ เช่น เอนไซม์ ฮอร์โมน ฯลฯ ควำมสำคญั ของกำรลำ เลียงสำรเข้ำและออกจำกเซลล์ 1. ทาใหเ้ ซลล์สามารถรกั ษาคุณสมบัติต่าง ๆ ภายในเซลลใ์ หค้ อ่ นข้างคงที่เสมอ ซึ่งช่วยให้เซลลด์ ารงสภาวะ อยู่เป็นปกติดี 2. เปน็ วธิ กี ารท่เี ซลลไ์ ด้อาหาร กา๊ ซ และสารอ่ืน ๆ ท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวติ ของเซลลแ์ ละเซลลส์ ามารถ อาศยั กระบวนการเหลา่ นไี้ ด้ กาจดั สารท่ีไม่ต้องการออกสู่ภายนอก 3. ทาให้ร่างกายหรือตวั สิง่ มีชีวติ ดารงชพี อยู่ได้ตามปกติ เนอ่ื งจากผลลัพธ์สุทธจิ ากการ ทางานของเซลลแ์ ตล่ ะเซลล์ เช่น เมด็ เลือดขาว กาจัดเช้อื โรคทีเ่ ขา้ ส่รู า่ งกายโดยวธิ ฟี าโกไซโตซสิ เซลลข์ องต่อมตา่ ง ๆ หลงั่ เอ็นไซม์หรอื ฮอรโ์ มนท่ีควบคมุ กระบวนการตา่ ง ๆ ของร่างกาย เปน็ ต้น 132

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววทิ ยา คุณครูสธุ าสินี สายทอง ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวดั แพร่ แบบฝกึ หดั ให้นกั เรียนตอบคำถำมต่อไปน้ี 133

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววทิ ยา คณุ ครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ ให้นกั เรียนสรุปแผนผังควำมคิด 134

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครูสุธาสินี สายทอง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรียนเทพนารี จงั หวัดแพร่ คาศพั ทเ์ รื่องการแพร่ 135

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คณุ ครสู ุธาสนิ ี สายทอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ เขยี นตำมคำบอกคำศพั ท์ทำงชีววทิ ยำลงในสมุด 136

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววิทยา คุณครสู ธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวดั แพร่ ตะลยุ โจทย์ ข้อสอบ onet ,Las และ TEDET ใหน้ กั เรียนทำข้อสอบและเฉลยละเอียด ขอ้ สอบ Onet 137

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 138

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 139

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชีววิทยา คณุ ครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวดั แพร่ ขอ้ สอบ LAS 140

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 141

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คุณครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวัดแพร่ ปี 2560 142

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วทิ ยา คณุ ครูสธุ าสนิ ี สายทอง ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรียนเทพนารี จังหวดั แพร่ ข้อสอบโอลิมปิควิชำกำร ปี 2561 143

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 144

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาชวี วทิ ยา คุณครสู ธุ าสินี สายทอง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 โรงเรยี นเทพนารี จังหวัดแพร่ 145

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คุณครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวัดแพร่ ปี 2560 146

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชวี วิทยา คุณครูสุธาสนิ ี สายทอง ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นเทพนารี จงั หวัดแพร่ ปี 2559 147


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook