พระพิธีธรรม พระกถาวตั ถุ ทา่ นยอ่ มก�ำหนดรู้บคุ คลได้โดย อรรถท่แี จ่มแจ้ง ปุคฺคโล อปุ ลพภฺ ติ และอรรถะท่ยี อดเย่ยี ม หรอื ถกู แลว้ สจฺฉิกตฺถปรมตเฺ ถนาติ สภาวะใด มีอรรถะทีแ่ จ่มแจ้ง อามนตฺ า มอี รรถะท่ยี อดเย่ยี ม โย สจฺฉกิ ตโฺ ถ ปรมตโฺ ถ ตามสภาพนั้น ท่านยอ่ มกำ� หนดรู้ บคุ คลนนั้ ได้ โดยอรรถะท่ีแจ่มแจง้ ตโต โส ปคุ ฺคโล อุปลพฺภต ิ และอรรถะที่ยอดเยี่ยม สจฉฺ ิกตฺถปรมตเฺ ถนาต ิ ทา่ นไม่พงึ กลา่ วอยา่ งน้นั ท่านจงรบั รู้ถึงการถกู ตำ� หนิ น เหวํ วตฺตพเฺ พ หากทา่ นยอ่ มก�ำหนดรูบ้ ุคคลได้ อาชานาหิ นิคฺคหํ โดยอรรถะทแี่ จ่มแจง้ หญจฺ ิ ปุคคฺ โล อปุ ลพฺภติ และอรรถะทยี่ อดเยยี่ ม ไซร้ ดว้ ยเหตนุ ัน้ หนอแล ท่านจะต้อง สจฉฺ กิ ตฺถปรมตฺเถน กล่าวว่า เตน วต เร วตฺตพเฺ พ สภาวะใด มีอรรถะท่แี จ่มแจง้ มี อรรถะท่ียอดเย่ียม โย สจฺฉิกตฺโถ ปรมตโฺ ถ ตามสภาพน้ัน ทา่ นย่อมกำ� หนดรู้ บุคคลนนั้ ได้โดยอรรถะท่ีแจม่ แจ้ง ตโต โส ปุคคฺ โล อุปลพภฺ ต ิ และอรรถะท่ยี อดเยี่ยม หรอื ขอ้ นั้น ผดิ ฯ สจฉฺ กิ ตฺถปรมตเฺ ถนาต ิ มจิ ฉา. 45
พระพธิ ธี รรม พระยมก เย เกจิ กุสลา ธมมฺ า ธรรมท้งั หลาย ทีเ่ ปน็ กุศล เหลา่ ใด เหลา่ หนง่ึ สพฺเพ เต กสุ ลมลู า ธรรมทั้งหลาย เหล่านัน้ ท้ังหมด มกี ศุ ลเปน็ มูล เย วา ปน กสุ ลมลู า ก็หรอื ว่า ธรรมทง้ั หลาย เหลา่ ใดมี กุศลเปน็ มูล สพเฺ พ เต ธมฺมา กสุ ลา ธรรมทัง้ หลาย เหลา่ นั้น ทั้งหมด เป็นกศุ ลธรรม เย เกจิ กสุ ลา ธมฺมา ธรรมทง้ั หลาย ท่เี ปน็ กศุ ล เหล่าใด เหลา่ หนึง่ สพเฺ พ เต กุสลมเู ลน เอกมูลา ธรรมทั้งหลาย เหล่านน้ั ทั้งหมด มมี ลู เดียว คือ กุศลมลู เย วา ปน กสุ ลมเู ลน เอกมูลา กห็ รือวา่ ธรรมทง้ั หลาย เหล่าใดมี มลู เดยี ว คือ กศุ ลมลู สพเฺ พ เต ธมฺมา กุสลา ธรรมทั้งหลาย เหล่านนั้ ทัง้ หมด เป็นกศุ ลธรรม 46
พระพิธธี รรม พระมหาปัฏฐาน ธรรมที่เป็นเหตุท�ำใหเ้ กดิ และชว่ ย สนับสนนุ เหตปุ จจฺ โย ธรรมทเ่ี ปน็ อารมณ์ และชว่ ยสนบั สนนุ ธรรมท่ีเป็นใหญแ่ ละช่วยสนบั สนุน อารมมฺ ณปจจฺ โย ธรรมทเ่ี กิดขึ้นตดิ ต่อกัน และช่วย อธปิ ติปจจฺ โย สนบั สนุน อนนฺตรปจฺจโย ธรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ตดิ ตอ่ กันระหวา่ ง มิได้ และชว่ ยสนบั สนนุ สมนนฺตรปจจฺ โย ธรรมที่เกดิ ข้ึนพรอ้ มกนั และชว่ ย สนบั สนนุ สหชาตปจจฺ โย ธรรมที่ช่วยสนับสนนุ แกก่ ันและกนั ธรรมที่อาศยั กนั และกัน และชว่ ย อญฺ มญฺ ปจฺจโย สนับสนุน นสิ ฺสยปจจฺ โย ธรรมที่อาศยั ซงึ่ กันและกันได้ แน่นอน และชว่ ยสนบั สนนุ อปุ นิสสฺ ยปจจฺ โย ธรรมท่ีเกดิ ก่อน และช่วยสนบั สนนุ ธรรมทเ่ี กดิ ภายหลงั ปเุ รชาตปจจฺ โย ธรรมที่เกดิ ภายหลัง และช่วยสนบั สนนุ ธรรมที่เกิดก่อน ปจฉฺ าชาตปจฺจโย ความเคยชินเปน็ เครือ่ งชว่ ยสนับสนุน การตงั้ ใจกระทำ� เปน็ เครอ่ื งชว่ ยสนบั สนนุ อาเสวนปจฺจโย กมฺมปจจฺ โย 47
วิปากปจฺจโย พระพิธีธรรม อาหารปจจฺ โย ผลแห่งกุศลกรรมและผลแห่ง อนิ ฺทฺรยิ ปจจฺ โย อกศุ ลกรรมเปน็ เครอื่ งช่วยสนับสนนุ อาหาร ๔ เป็นเครอ่ื งช่วยสนับสนนุ ฌานปจฺจโย อินทรีธรรม ๒๒ เปน็ เครอ่ื งช่วย มคคฺ ปจฺจโย สนับสนนุ การเพง่ อารมณเ์ ปน็ เครือ่ งสนบั สนุน ธรรมทเ่ี ปน็ ดุจทางน�ำไปสู่สคุ ติ ทคุ คติ สมฺปยตุ ฺตปจจฺ โย และนพิ พาน และเปน็ เคร่อื งชว่ ย สนับสนุน วปิ ยฺ ตุ ฺตปจจฺ โย ธรรมที่ประกอบกันพร้อมด้วยลักษณะ ๔ และช่วยสนบั สนุน อตถฺ ปิ จฺจโย ธรรมที่ไม่ประกอบกันด้วยลกั ษณะ ๔ และช่วยสนับสนุน นตฺถปิ จจฺ โย ธรรมทม่ี ีอยู่ ยงั ไม่ดบั ไป และชว่ ย สนบั สนนุ วิคตปจฺจโย ธรรมท่ีไมม่ ีอยู่ ดบั ไปแล้ว และช่วย สนับสนนุ อวคิ ตปจฺจโย. ธรรมทีป่ ราศจากไปแล้ว ดบั ไปแล้ว และ ชว่ ยสนบั สนนุ ธรรมทย่ี ังไม่ปราศจากไป ยังไมด่ บั ไป และชว่ ยสนบั สนนุ ฯ 48
พระพธิ ธี รรม พระธรรมใหม่ บทสวดพระธรรมใหม่ คอื พระธรรมหมวดใหม่ ซงึ่ เป็นการยก ธรรมหวั ขอ้ หน่งึ ๆ จากคัมภีรห์ น่งึ ๆ มาอธบิ าย จงึ เกิดธรรมหมวดใหม่ที่ เรยี กวา่ “โคจฉกะ” แปลวา่ หมวด ซงึ่ พระพธิ ธี รรมไดน้ ำ� มาใช้ ๘ หมวด คอื ๑) เหตโุ คจฉกะ ๒) จฬุ นั ตรทุกะ ๓) อาสวโคจฉกะ ๔) สัญญาชนโคจฉกะ ๕) คนั ถะโคจฉกะ ๖) โอฆโคจฉกะ ๗) โยคโคจฉกะ ๘) นิวรณโคจฉกะ เหตุโคจฉกะ ธรรมเปน็ เหตุ เหตู ธมมฺ า ธรรมมเี หตุ สเหตกุ า ธมมฺ า ธรรมไมม่ ีเหตุ อเหตุกา ธมฺมา ธรรมสมั ปยตุ ดว้ ยเหตุ เหตุสมปฺ ยตุ ฺตา ธมมฺ า ธรรมวปิ ปยตุ จากเหตุ เหตุวิปยฺ ตุ ตฺ า ธมฺมา ธรรมเปน็ เหตุและมีเหตุ เหตเู จวธมมฺ า สเหตุกา จ ธรรมมีเหตุแต่ไมเ่ ปน็ เหตุ สเหตุกาเจว ธมมฺ า น ธรรมเปน็ เหตุและสมั ปยุตด้วยเหตุ จ เหตู ธรรมสัมปยตุ ดว้ ยเหตแุ ต่ไมเ่ ป็นเหตุ เหตู เจว ธมฺมา ธรรมไม่เป็นเหตุ แต่มเี หตุ เหตสุ มปฺ ยุตตฺ า จ ธรรมไม่เปน็ เหตุ และไม่มีเหตุ เหตุสมปฺ ยตุ ฺตา เจว ธมมฺ า น จ เหตุ น เหตุ โข ปน ธมมฺ า สเหตกุ าปิ (น เหตู โข ปน ธมมฺ า) อเหตกุ าปิ 49
พระพิธีธรรม จฬู ันตรทกุ ะ ธรรมมปี ัจจัย ธรรมไมม่ ปี จั จยั สปฺปจจฺ ยา ธมมฺ า ธรรมเป็นสังขตะ อปฺปจจฺ ยา ธมฺมา ธรรมเปน็ อสังขตะ สงขฺ ตา ธมมฺ า ธรรมเหน็ ได้ อสงขฺ ตา ธมมฺ า ธรรมท่ีเหน็ ไมไ่ ด้ สนิทสสฺ นา ธมฺมา ธรรมท่ีกระทบได้ อนิทสสฺ นา ธมฺมา ธรรมทก่ี ระทบไมไ่ ด้ สปฺปฏิฆา ธมมฺ า ธรรมมีรปู อปปฺ ฏฆิ า ธมฺมา ธรรมไมม่ ีรปู รปู โิ น ธมฺมา ธรรมเปน็ โลกยิ ะ อรปู ิโน ธมฺมา ธรรมเปน็ โลกุตตระ โลกยิ า ธมฺมา ธรรมท่ีจติ บางอย่างรไู้ ด้ โลกตุ ตฺ รา ธมฺมา ธรรมที่จิตบางอย่างรไู้ มไ่ ด้ เกนจิ วญิ ฺเยยฺ า ธมมฺ า เกนจิ น วญิ เฺ ยยฺ า ธมมฺ า 50
พระพธิ ีธรรม อาสวโคจฉกะ ธรรมเปน็ อาสวะ ธรรมไม่เปน็ อาสวะ อาสวา ธมมฺ า ธรรมเปน็ อารมณข์ องอาสวะ โน อาสวา ธมฺมา ธรรมไม่เป็นอารมณข์ องอาสวะ สาสวา ธมฺมา ธรรมสมั ปยุตดว้ ยอาสวะ อนาสวา ธมฺมา ธรรมท่วี ิปปยุตจากอาสวะ อาสวสมฺปยตุ ฺตา ธมมฺ า ธรรมเป็นอาสวะและเปน็ อารมณข์ อง อาสววิปปฺ ยตุ ฺตา ธมมฺ า อาสวะ อาสวา เจว ธมมฺ า ธรรมเป็นอารมณ์ของอาสวะ สาสวา จ แตไ่ ม่เป็นอาสวะ สาสวา เจว ธมมฺ า ธรรมเปน็ อาสวะและสมั ปยุตด้วยอาสวะ โน จ อาสวา อาสวา เจว ธมมฺ า ธรรมสมั ปยตุ ดว้ ยอาสวะแตไ่ มเ่ ปน็ อาสวะ อาสวสมปฺ ยุตตฺ า จ อาสวสมปฺ ยุตฺตา เจว ธรรมที่วิปปยตุ จากอาสวะ แตเ่ ป็น ธมฺมา โน จ อาสวา อารมณข์ องอาสวะ อาสววปิ ฺปยุตตฺ า โข ธรรมทว่ี ิปปยุตจากอาสวะ ปน ธมฺมา สาสวาปิ และไม่เปน็ อารมณข์ องอาสวะ (อาสววปิ ปฺ ยตุ ฺตา โข ปน ธมฺมา) อนาสวาปิ 51
พระพธิ ธี รรม สญั โญชนโคจฉกะ สญฺโชนา ธมฺมา ธรรมเป็นสัญโญชน์ โน สญโฺ ชนา ธมฺมา ธรรมไมเ่ ป็นสัญโญชน์ สญโฺ ชนิยา ธมฺมา ธรรมเป็นอารมณ์ของสญั โญชน์ อสญโฺ ชนิยา ธมมฺ า ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของสญั โญชน์ สญฺโชนสมฺปยุตตฺ า ธมมฺ า ธรรมท่สี มั ปยตุ ด้วยสัญโญชน์ สญฺโชนวิปฺปยตุ ตฺ า ธมมฺ า ธรรมทวี่ ิปปยตุ จากสัญโญชน์ สญฺโชนา เจว ธมมฺ า ธรรมเป็นสญั โญชน์และเป็น สญโฺ ชนยิ า จ อารมณ์ของสัญโญชน์ สญโฺ ชนา เจว ธมฺมา ธรรมเปน็ สญั โญชน์ สญโฺ ชนสมฺปยตุ ฺตา และสมั ปยตุ ด้วยสัญโญชย์ สญฺโชนสมปฺ ยุตตฺ า เจว ธรรมสัมปยตุ ดว้ ยสัญโญชน์ ธมมฺ า โน จ สญฺโชนา แตไ่ มเ่ ปน็ สัญโญชน์ สญโฺ ชนวปิ ปฺ ยตุ ตฺ า โข ปน ธรรมที่วิปปยุตจากสัญโญชน์ ธมฺมา สญฺโชนยิ าป ิ แตเ่ ป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ (สญโฺ ชนวปิ ฺปยตุ ตฺ า ธรรมทวี่ ปิ ปยตุ จากสญั โญชน์ โข ปน ธมฺมา) อสญโฺ ชนยิ าป ิ และไมเ่ ป็นอารมณ์ของสัญโญชน์ 52
พระพิธีธรรม คันถะโคจฉกะ ธรรมเป็นคันถะ ธรรมไมเ่ ปน็ คันถะ คนถฺ า ธมมฺ า ธรรมเป็นอารมณข์ องคันถะ โน คนฺถา ธมฺมา ธรรมไมเ่ ปน็ อารมณข์ องคนั ถะ คนฺถนยิ า ธมมฺ า ธรรมสัมปยตุ ดว้ ยคนั ถะ อคนฺถนิยา ธมฺมา ธรรมวปิ ปยตุ จากคันถะ คนสฺ มฺปยตุ ฺตา ธมฺมา ธรรมเป็นคนั ถะและเป็นอารมณ์ คนฺถวิปปฺ ยตุ ตฺ า ธมมฺ า ของคันถะ คนฺถา เจว ธมมฺ า คนฺถนิยา ธรรมเป็นอารมณ์ของคนั ถะ แตไ่ มเ่ ป็นคันถะ คนถฺ นยิ า เจว ธมฺมา ธรรมเปน็ คนั ถะและสมั ปยตุ ดว้ ยคันถะ โน คนถฺ า คนถฺ า เจว ธมฺมา ธรรมสมั ปยตุ ด้วยคันถะแต่ไมเ่ ป็นคันถะ คนฺถสมฺปยตุ ตฺ า จ คนฺถสมปฺ ยตุ ฺตา เจว ธรรมวปิ ปยุตจากคนั ถะ แตเ่ ป็นอารมณ์ ธมฺมา โน จ คนฺถา ของคนั ถะ คนฺถวปิ ปฺ ยตุ ตฺ า โข ปน ธรรมวิปปยุตจากคนั ถะ และไมเ่ ปน็ ธมมฺ า คนถฺ นยิ าปิ อารมณ์ของคันถะ (คนถฺ วิปฺปยตุ ตฺ า โข ปน ธมมฺ า) อคนฺถนยิ าป ิ 53
พระพิธธี รรม โอฆโคจฉะกะ โอฆา ธมฺมา ธรรมเป็นโอฆะ โน โอฆา ธมมฺ า ธรรมไมเ่ ป็นโอฆะ โอฆนยิ า ธมฺมา ธรรมเปน็ อารมณ์ของโอฆะ อโนฆนิยา ธมมฺ า ธรรมไม่เปน็ อารมณ์ของโอฆะ โอฆสมฺปยตุ ตฺ า ธมมฺ า ธรรมสัมปยตุ ด้วยโอฆะ โอฆวปิ ฺปยตุ ตฺ า ธมมฺ า ธรรมวิปปยุตจากโอฆะ โอฆา เจว ธมฺมา โอฆนิยา จ ธรรมเป็นโอฆะ และเป็นอารมณ์ ของโอฆะ โอฆนยิ า เจว ธมฺมา โน จ โอฆา ธรรมเปน็ อารมณข์ องโอฆะแตไ่ มเ่ ปน็ โอฆะ โอฆา เจว ธมมฺ า ธรรมเป็นโอฆะและสัมปยตุ ดว้ ยโอฆะ โอฆสมปฺ ยตุ ฺตา จ โอฆสมปฺ ยตุ ตฺ า เจว ธรรมสปั ยตุ ดว้ ยโอฆะแตไ่ ม่เป็นโอฆะ ธมมฺ า โน จ โอฆา โอฆวิปฺปยุตตฺ า โข ปน ธรรมวปิ ปยุตจาก ธมฺมา โอฆนิยาปิ โอฆะ แตเ่ ปน็ อารมณ์ของโอฆะ (โอฆวิปปฺ ยุตฺตา โข ปน ธมฺมา) ธรรมวปิ ปยุตจากโอฆะ และไมเ่ ป็น อโนฆนิยาปิ อารมณ์ของโอฆะ 54
พระพธิ ธี รรม โยคโคจฉกะ ธรรมเป็นโยคะ ธรรมไม่เปน็ โยคะ โยคา ธมฺมา ธรรมเป็นอารมณข์ องโยคะ โน โยคา ธมฺมา ธรรมไม่เปน็ อารมณ์ของโยคะ โยคนิยา ธมมฺ า ธรรมสมั ปยุตดว้ ยโยคะ อโยคนยิ า ธมมฺ า ธรรมวปิ ปยตุ จากโยคะ โยคสมปฺ ยตุ ตฺ า ธมฺมา ธรรมเปน็ โยคะและเปน็ อารมณข์ องโยคะ โยควปิ ฺปยตุ ฺตา ธมมฺ า ธรรมเป็นอารมณ์ของโยคะ โยคา เจว ธมมฺ า โยคนยิ า จ แตไ่ มเ่ ปน็ โยคะ โยคนิยา เจว ธมฺมา โน ธรรมเป็นโยคะและสมั ปยุตดว้ ยโยคะ จ โยคา โยคา เยว ธมมฺ า ธรรมสัมปยตุ ด้วยโยคะ โยคสมฺปยตุ ฺตา จ แตไ่ ม่เป็นโยคะ โยคสมฺปยุตฺตา เจว ธรรมวิปปยุตจากโยคะแต่เป็นอารมณ์ ธมมฺ าโน จ โยคา ของโยคะ โยควิปปฺ ยตุ ฺตา โข ปน ธรรมวิปปยุตจากโยคะ และไม่เปน็ ธมฺมา โยคนยิ าปิ อารมณ์ของโยคะ (โยควปิ ฺปยุตฺตา โข ปน ธมมฺ า) อโยคนยิ าป ิ 55
พระพิธธี รรม นวี รณโคจฉกะ ธรรมเปน็ นวิ รณ์ ธรรมไมเ่ ป็นนวิ รณ์ นีวรณา ธมฺมา ธรรมเป็นอารมณข์ องนวิ รณ์ โน นวี รณา ธมมฺ า ธรรมไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ นวี รณยิ า ธมฺมา ธรรมสมั ปยุตด้วยนวิ รณ์ อนีวรณยิ า ธมฺมา ธรรมวปิ ปยตุ จากนิวรณ์ นวี รณสมฺปยตุ ตฺ า ธมฺมา ธรรมเปน็ นวิ รณ์และเป็นอารมณ์ อนวี รณยิ า ธมมฺ า ของนิวรณ์ นวี รณา เจว ธมฺมา นีวรณา ธรรมเปน็ อารมณ์ของนิวรณ์ นีวรณยิ า จ แต่ไมเ่ ปน็ นวิ รณ์ นวี รณยิ า เจว ธรรมเปน็ นิวรณแ์ ละ ธมมฺ า โน จ สมั ปยตุ ด้วยนวิ รณ์ นีวรณา เจว ธมมฺ า นวี รณา ธรรมสมั ปยุตด้วย นวี รณสมฺปยุตฺตา จ นิวรณแ์ ตไ่ มเ่ ปน็ นิวรณ์ นีวรณสมปฺ ยุตตฺ า นีวรณิยาปิ ธรรมวปิ ปยุตจาก เจว ธมมฺ า โน จ นวิ รณ์ แต่เปน็ อารมณข์ องนวิ รณ์ นวี รณวปิ ปฺ ยตุ ตฺ า อนวี รณิยาปิ ธรรมวปิ ปยุตยาก โข ปน ธมฺมา นวิ รณี และไม่เปน็ อารมณข์ องนวิ รณ์ (นวี รณวิปฺปยตุ ตฺ า โข ปน ธมมฺ า) 56
พระพิธีธรรม พระอภธิ รรมมตั ถสังคหะ การสวดพระอภิธรรมมัตถสงั คหะ เป็นทำ� นอง สรภญั ญะ โดยการ นำ� บทสวดเปน็ ภาษาบาลหี รอื ภาษามคธ มาจากคมั ภรี อ์ ภธิ รรมมตั ถสงั คหะ ซึ่งเป็นคัมภีร์ท่ีพระอนุรุทธเถระแต่งข้ึน โดยการเก็บสาระส�ำคัญจาก พระอภธิ รรมปฎิ กมาจดั หมวดหมใู่ หม่ เปน็ ๙ ปรจิ เฉทหรอื ๙ บท ซง่ึ สามารถ สรปุ เนอ้ื หาได้ดงั น้ี ปริจเฉทที่ ๑ จิตตสังคหวิภาค แจกแจงแสดงเรื่องจติ ปริจเฉทท่ี ๒ เจตสิกสงั คหวภิ าค แจกแจงแสดงเร่อื งเจตสกิ ปรจิ เฉทที่ ๓ ปกณิ ณกสงั คหวภิ าค แจกแจงแสดงเรอ่ื งธรรมะตา่ งๆ คือ เวทนา เหตุ กิจ ทวาร อาราม และวตั ถุ ปริจเฉทท่ี ๔ วถิ สี งั คหวภิ าค แจกแจงแสดงเร่ืองวิถจี ติ ปรจิ เฉทที่ ๕ วถิ ีมุตตสังคหวิภาค แจกแจงแสดงเร่อื งจติ ทีพ่ น้ วิถี และธรรมะทเ่ี กีย่ วเนื่องกบั จติ เหลา่ น้ัน ปริจเฉทที่ ๖ รปู สงั คหวิภาค แจกแจงแสดงเร่อื งรูปและนพิ พาน ปริจเฉทท่ี ๗ สมุจจยสังคหวิภาค แจกแจงแสดงเรื่องธรรมะท่ี สงเคราะห์เข้าหมวดเดียวกันได้ ปรจิ เฉทท่ี ๘ ปจั จยั สงั คหวภิ าค แจกแจงแสดงเรอ่ื งธรรมทอ่ี ปุ การะ ซ่งึ กันและกัน และแสดงบญั ญัติธรรมดว้ ย ปรจิ เฉทท่ี ๙ กมั มฏั ฐานสงั คหวภิ าค แจกแจงแสดงเรอ่ื งกมั มฏั ฐาน ทง้ั สมณะและวปิ ัสสนากมั มัฏฐาน ประณามคาถา (บทไหวค้ ร)ู ขา้ พเจา้ นอบนอ้ มแตพ่ ระผูม้ พี ระภาค นโม ตสฺสารหนฺตสฺส ผ้เู ป็นพระศาสดา ภควนฺตสฺส สตฺถุโน ผเู้ ปน็ พระอรหันต์ สมฺมาสมพฺ ุทฺธสสฺ มยตโฺ ถ 57
พระพธิ ธี รรม โลกเชฏฐสฺส ตาทิโน ตรัสรโู้ ดยชอบดว้ ยพระองค์เอง ผูเ้ ป็น ผ้ปู ระเสริฐในโลก ผ้คู งทพี่ ระองคน์ น้ั ปรจิ เฉทท่ี ๑ : จติ ตสงั คหวิภาค ขา้ พเจ้าขอนอบนอ้ มอภิวาท ๑ สมฺมาสมพฺ ทุ ธฺ มตลุ ํ ซึง่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ้มู ีพระคุณอัน สสทธฺ มมฺ คนุตตฺ มํ ชงั่ ไมไ่ ด้ พรอ้ มทง้ั พระสทั ธรรมและหมแู่ หง่ พระสงฆ์ผูส้ ูงสดุ อภวิ าทยิ ภาสิสสฺ ํ แลว้ จกั กล่าวปกรณ์พระอภิธัมมตั ถ อภิธมฺมตถฺ สคํ หํ สงั คหะ อรรถแห่งพระอภธิ รรม ๒ ตตฺถ วตุ ตฺ าภธิ มมฺ ตฺถา ทพ่ี ระผู้มีพระภาคตรัสไวใ้ น จตุธา ปรมตถฺ โต พระอภธิ รรมน้ัน โดยปรมัตถท์ ุกประการ มี ๔ อย่าง จติ ตฺ ํ เจตสิกํ รูป ํ คอื จติ เจตสกิ รูป นิพพาน นพิ พฺ านมตี ิ สพพฺ ถา อกศุ ลจิต มี ๑๒ คือ ๓ อฏฺฐธา โลภมลู านิ โลภมูลจิต ๘ โทสมลู านิ จ ทวฺ ธิ า โทสมลู จติ ๒ โมหมลู านิ จ ทวฺ ติ และโมหมลู จติ ๒ ทฺวาทสากุสลา สิยํ อเหตุกจติ ฺ ๑๘ คอื ๔ สตฺตากสุ ลปากาน ิ อกุศลวิบากจิต ๗ ปญุ ฺปากานิ อฏฺ ธา กศุ ลวิบากจิต ๘ กฺรยิ าจติ ฺตานิ ตีณีติ กริ ิยาจติ ๓ อฏฺ ารส อเหตกุ า จติ ๕๙ หรอื ๙๑ บ้าง ๕ ปาปาเหตกุ มตุ ฺตานิ ท่พี ้นจากอกศุ ลจิตและอเหตุกจิต โสภณานีติ วจุ ฺจเร ทา่ นเรยี กว่า โสภณจติ เอกนู สฏฺ จติ ตฺ านิ อเถกนวตุ ปี ิ วา 58
พระพธิ ธี รรม ๖ เวทนาญาณสังขาร ผู้รกู้ ลา่ ว กศุ ลจิต วบิ ากจติ เภเทน จตุวสี ติ และกรยิ าจติ ฝา่ ยสเหตกุ กามาวจรได้ ๒๔ สเหตุกามาวจร โดยความตา่ งแหง่ เวทนา ญาณ และสงั ขาร ปุญฺ ปากกฺรยิ า มตา ในกามเทพ กามาวจรจิตมี ๕๔ ๗ กาเม เตวสี ติ ปากาน ิ คอื วิบากจติ มี ๒๓ ปญุ ฺาปุญฺ านิ วีสติ กศุ ลจติ กับอกศุ ลจติ ๒๐ เอกาทส กรฺ ยิ า เจต ิ และกรยิ า คือ ๑๑ จตุปญฺ าส สพฺพถาฯ รปู าวจรจติ ๘ ปญฺจธา ฌานเภเทน โดยความตา่ งแหง่ ฌาน มี ๕ รูปาวจรมานสํ โดยความต่างแหง่ กุศล วิบาก และกริยา ปุญฺปากกฺริยาเภทา รปู าวจรจิตนนั้ มี ๑๕ ตํ ปญฺจทสธา ภเว อรปู าวจรจิตมี ๔ ๙ อาลมฺ พนปฺปเภเทน โดยประเภทแหง่ อารมณ์ จตุธารุปฺปมานสํ มอี กี ๑๒ โดยความต่างแห่งกศุ ล ปญุ ฺ ปากกรฺ ิยาเภทา วิบากและกิรยิ า ปนุ ฺ ทวฺ าทสธา ตํ โลกตุ ตรจิต (อนตุ ตรจิต) บณั ฑิตกล่าว ๑๐ จตมุ คคฺ ปฺปเภเทน ไว้ ๘ คอื กศุ ลจติ ๔ โดยประเภทแห่งมรรค ๔ จตธุ า กสุ ลฺ นฺตถา และวบิ ากจติ ก็มี ๔ เหมอื นกัน ปากนฺตสสฺ ผลตฺตาต ิ เพราะเป็นผลแห่งมรรคนน้ั อฏฺ ธานตุ ตฺ รํ มตํ อกุศลจิตมี ๑๒ ๑๑ ทฺวาทสากุสลฺ าเนว กศุ ลจิตมี ๒๑ กสุ ลาเนกวีสต ิ วิบากจิตมเี พียง ๓๖ ฉตฺตเึ สว วปิ ากาต ิ กริยาจิตมี ๒๐ กรฺ ิยาจติ ตฺ านิ วีสติ บัณฑติ กล่าวจิตไวใ้ นกามภพ ๕๔ ๑๒ จตุปญฺ าสธา กาเม ในรปู ภาพ ๑๕ รเู ป ปณฺณรสรี เิ ย 59
พระพิธีธรรม จติ ฺตานิ ทวาทสารูเป ในอรูปภาพ ๑๒ อฏฺธานุตฺตเร ตถา ในอนตุ ตรจิต ๘ ๑๓ อิตฺถเมกนู ฺนวุตปิ บณั ฑติ ผมู้ ีปรีชาเห็นประจกั ษ์ ปเภทํ ปน มานสํ ย่อมจ�ำแนกจติ ออกเปน็ เอกวสี ฺสตํ วาถ ๘๙ บา้ ง วิภชนตฺ ิ วจิ กฺขณา ๑๒๑ บ้าง ด้วยประการนี้ ๑๔ ฌานคํ โยคเภเทน บัณฑิตกล่าวอนตุ ตรจติ (โลกตุ ตรจติ ) กเตวเกตนตฺ ุ ปญฺจธา ออกเป็นอย่างละ ๕ วจุ ฺจตานตตฺ รํ จิตตฺ ํ โดยความตา่ งแหง่ การประกอบ ด้วยองค์ฌาน จตตฺ าฬสี วธิ ํติ จ และกลา่ ววา่ มี ๔๐ ๑๕ ยถา จ รปู าวจรํ รูปาวจรจิตและอนุตตรจิต (โลกตุ ตรจติ ) คยหฺ ตานตุ ตฺ รํ ตถา บัญฑิตถือเอาในความตา่ งแห่งฌาน ปมาทชิ ฺฌานเภเท มปี ฐมฌานเป็นตน้ ฉนั ใด อารุปฺปญจฺ าปิ ปญจฺ เม แมอ้ รปู ฌานทา่ นกถ็ อื เอาในฌานท่ี ๕ ฉนั นนั้ ๑๖ เอกาทสวิธํ ตสฺมา เพราะฉะน้นั แต่ละฌานมปี ฐมฌาน ปมาทิกมรี ิตํ บณั ฑติ จงึ ไดก้ ล่าวจิตไว้ ฌานเมเกกมนฺเต ต ุ ฌานละ ๑๑ เตวีสตวิ ธิ ํ ภเว แตใ่ นฌานทีส่ ุดมี ๒๓ ๑๗ สตฺตตึสวิธํ ปญุ ฺญํ อนงึ่ กศุ ลจิตมี ๓๗ ทฺวปิ ญฺ าสวธิ นฺตถา วิบากจติ มี ๕๒ ปากมจิ ฺจาหุ จติ ตฺ าน ิ ผู้รทู้ ้งั หลายไดก้ ลา่ วจิตไว้ ๑๒๑ เอกวสี ฺสตมฺพุธา ด้วยประการอย่างนี้ อจิ ฺจานุรุทธฺ รจเิ ต ในปรจิ เฉททีห่ น่ึงในอภิธมั มตั ถสังคหะ อภิธมฺมตถฺ สคํ เห ท่พี ระอนุรทุ ธาจารยไ์ ด้รจนาไว้ ปเม ปรจิ เฉทสมฺ ึง ฺ มคี าถา ๑๗ คาถา ด้วยประการอย่างน้ี คาถา สตตฺ รสาคตา ปรจิ เฉททหี่ นงึ่ นี้ จบแล้วโดยยอ่ ปโม ปริจเฉโทยํ สมาเสเนว นฏิ ฺโ ต 60
พระพิธธี รรม ปริจเฉทท่ี ๒ : เจตสกิ สงั คหวิภาค ธรรม ๕๒ อย่าง ประกอบกบั จติ ๑ เอกุปฺปาทนโิ รธา จ เกิดดบั ในท่เี ดยี วกัน เอกาลมฺพนวตฺถุกา มีอารมณแ์ ละวัตถอุ ันเดียวกัน เจโตยตฺ ตา ทฺวิปญฺ าส บณั ฑติ เรยี กวา่ เจตสิก ธมฺมา เจตสิกา มตา ธรรม ๕๒ อยา่ ง คอื ๒ เตรสญฺสมานา จ อัญญสมานา ๑๓ จุททฺ สากุสลา ตถา อกศุ ล ๑๔ โสภณา ปญฺจวสี าต ิ และโสภณ ๒๕ (ทา่ นเรยี กวา่ เจตสิก) ทวิปญฺ าส ปวจุ ฺจเร ต่อจากนีไ้ ป ข้าพเจา้ จะกล่าวถึง ๓ เตสํ จติ ฺตาวิยุตตฺ านํ การเกดิ ขนึ้ พร้อมกัน แห่งเจตสกิ ยถาโยคมโิ ต ปรํ ทั้งหลายเหล่านั้น ทไี่ มแ่ ยกกันกับจติ จติ ฺตปุ ปฺ าเทสุ ปจเฺ จกํ ตามท่ีประกอบไดใ้ นจิตตปุ บาท สมฺปโยโค ปวุจฺจติ ทง้ั หลาย เฉพาะดวงหนึ่ง ๆ สพั พสาธารณเจตสกิ ๗ ยอ่ มประกอบ ๔ สตฺต สพฺพตถฺ ยชุ ฺชนตฺ ิ ในจติ ตุปบาททั้งปวง ปกณิ ณกเจตสติ ยอ่ มประกอบเขา้ ในจิต ยถาโยคํ ปกิณณฺ กา ทป่ี ระกอบตามสมควรแกก่ ารประกอบ อกศุ ลเจตสกิ ๑๔ ยอ่ มประกอบไดเ้ ฉพาะ จุทฺทสากสุ ฺเลเสวฺ ว ในอกุศลจติ โสภณเจตสิก ยอ่ มประกอบไดเ้ ฉพาะใน โสภเณเสวฺ ว โสภณา โสภณจติ (กุศลจติ ) เทา่ นน้ั กจ็ ิตตุปบาทเหล่าน้ัน ๕ ฉสฏฺ ปญฺจปญญฺ าส ที่เว้นจากปกณิ ณกเจตสกิ เอกาทส จ โสฬส มี ๕๕ ๖๖ สตฺตติ วีสติ เจว ๑๑ ๑๖ ๑๗ และ ๒๐ ปกิณณฺ กวิวชฺชิตา 61
พระพิธีธรรม ๖ ปญจฺ ปญฺาส ฉสฏฺยฏฺ และ (จิตตุปบาทเหล่านนั้ ) ท่มี ปี กณิ ณก เจตสกิ สตฺตติ ตสิ ตตฺ ติ มี ๕๕ ๖๖ เอกปญฺาส เจกนู ๗๘ ๗๓ สตฺตติ สปฺปกณิ ฺณกา ๕๑ และ ๖๙ ๗ สพพฺ าปญุ เฺ สุ จตฺตาโร วจิ กิ จิ ฉายอ่ มเปน็ ไปในวจิ กิ จิ ฉาจติ เทา่ นน้ั โลภมูเล ตโย กตา คอื ในอกศุ ลจติ ทงั้ หมด ทา่ นทำ� ไว้ ๔ เจตสกิ โทสมเู ลสุ จตฺตาโร ในโลภมลู จิต ทำ� ไว้ ๓ เจตสิก สสขํ าเร ทวฺ ยนฺตถา ในโทสมลู ทา่ นท�ำไว้ ๔ เจตสกิ ๘ วิจกิ ิจฉฺ า วิจิกิจฺฉา อน่งึ ในสสังขารกิ จิตกระทำ� ไว้ ๒ เจตสิก จติ ฺเต จาติ จตุททฺ ส อกศุ ลเจตสกิ ๑๔ ทฺวาทสากสุ เลเสฺวว ประกอบลงไดใ้ นกศุ ลจติ ๑๒ เท่าน้นั สมปฺ ยุชชฺ นตฺ ิ ปญจฺ ธา โดยอาการ ๕ อย่าง ๙ เอกนู วสี ติ ธมมฺ า ธรรม ๑๙ ชายนเฺ ตกนู สฏฺยํ เกิดในจิต ๕๙ ตโย โสฬสจิตฺเตส ุ ธรรม ๓ เกดิ ในจิต ๑๖ อฏฺ วสี ตยิ ํ ทวฺ ยํ ธรรม ๒ เกดิ ในจิต ๒๘ ๑๐ ปญฺาปกาสติ า ปญั ญาทา่ นประกาศไว้ในจติ ๔๗ สตฺตจตตฺ าฬสี วเิ ธสปุ ิ โสภณเจตสกิ ประกอบเฉพาะในโสภณจติ สมปฺ ยตุ ตฺ า จตุเธวํ เท่านัน้ โสภเณเสวฺ ว โสภณา โดยอาการ ๔ อยา่ ง ด้วยประการอยา่ งนี้ ๑๑ อิสสฺ ามจเฺ ฉรกกุ กฺ จุ จฺ อสิ ลา (ความรษิ ยา) มัจฉรยิ ะ (ความตระหน)ี่ วีรติกรณุ าทโย กกุ กุจจะ (ความฟุ้งซ่าน) วริ ัติ (ความงดเวน้ ) 62
พระพิธีธรรม นานา กทาจิ มาโน จ และอปั ปมัญญา มีกรณุ า (ความสงสาร) ถนี มิทฺธํ ตถา สห ในบางคราวเกิดมีต่างกนั และมานะ (ความถือตวั ) กเ็ กดิ ในบางคราว อนึ่ง ถนี มิทธะ (ความงว่ งเหงาหาวนอน) ก็เกิดร่วมกนั ในบางคราว ๑๒ ยถาวุตฺตานุสาเรน เจตสิกธรรมที่เหลือมกี ารประกอบ แนน่ อน เสสา นยิ ตภาคโิ น โดยท�ำนองตามที่กลา่ วแล้ว สงฺคหญฺจ ปวกขฺ ามิ กบ็ ดั นขี้ า้ พเจา้ จกั กลา่ วประมวล (สงั คหะ) เตสนฺทานิ ยถารหํ เจตสิกธรรมเหล่านนั้ ตามสมควร ๑๓ ฉตฺตสึ านตุ ฺตเร ธมฺมา อน่งึ มกี ารสงเคราะหใ์ นเจตสกิ เหลา่ นนั้ ปญฺจตึส มหคฺคเต ด้วยการประกอบตามสมภพโดย ประการ ๕ คอื อฏฺ ตึสาปิ ลพฺภนฺต ิ ธรรม ๓๖ ไดใ้ นอนตุ ตรจติ (โลกุตรจิต) กามาวจรโสภเณ ธรรม ๓๕ ยอ่ มได้ในมหัคคตจติ ๑๔ สตฺตวสี ตฺยปญุ ฺมฺห ิ ธรรมแม้ ๓๘ ยอ่ มได้ในกามาวจร โสภณจติ ทวฺ าทสาเหตเุ กติ จ ธรรม ๒๗ ได้ในอกุศลจิต ยถาสมภฺ วโยเคน และธรรม ๑๒ ได้ในอเหตุกจติ ปญฺจธา ตตฺถ สงฺคโห ธรรมท้งั หลาย คอื ๓๖ ๓๕ ๑๕ ฉตฺตึส ปญฺจตสึ าถ และ ๓๔ ๓๓ ๓๓ ตามลำ� ดบั จตุตตฺ สึ ยถากกฺ มํ ตง้ั อยู่ในอนตุ ตรจติ (โลกตุ รจติ ) เตตตฺ สึ ทฺวยมจิ เฺ จวํ โดยอาการ ๕ อยา่ ง ดว้ ยประการอย่างนี้ ปญฺจธานุตฺตเร ตา ธรรมท้ังหลาย คอื ๓๕ ๓๔ ๑๖ ปญฺจตสึ จตตุ ฺตสึ 63
พระพธิ ีธรรม เตตฺตึสาถ ยถากฺกมํ ๓๓ ๓๒ และ ๓๐ ตามล�ำดับ ทวตฺตสึ ตึสาต ิ ตง้ั อยใู่ นมหัคคตจิต โดยอาการเพยี ง ๕ อย่าง ปญฺจธา ว มหคคฺ เต ดว้ ยประการนี้ ๑๗ อฏฺตึส สตฺตตึส ธรรมทงั้ หลาย ๓๘ ๓๗ ๓๗ ทวฺ ยํ ฉตฺตสึ กํ สุเภ ๓๖ มีอยใู่ นสุภจติ ปญจฺ ตึส จตตุ ตฺ ึส ทวฺ ยํ ธรรม ๓๕ ๓๔ เตตฺตสึ กํ กริเย ๓๔ ๓๓ มอี ยู่ในกริยาจติ ๑๘ เตตตสึ ปาเก ทวฺ ตฺตึส ธรรม ๓๓ มใี นวิบากจติ ทฺวเยกตสึ กํ ภเว ธรรม ๓๒ ๓๒ และ ๓๑ สเหตุกามาวจร มีในกศุ ลจติ วิบากจิต และกิรยิ าจิต ปุญญฺ ปากกรฺ ิยามเณ ในฝ่ายสเหตุกามาวจร ๑๙ น วิชฺชนฺเตตฺถ วิรตี ในจติ เหลา่ นน้ั วริ ัติท้ังหลาย กรเิ ยสุ จ มหคฺคเต ไม่มใี นกิริยาจติ และมหคั คตจติ อนตุ ฺตเร อปปฺ มญญฺ า อปั ปมญั ญามใี นอนตุ ตรจิต กามปาเก ทวฺ ยํ ตถา วริ ัติและอัปปมญั ญษทั้งสองมใี น กามาวจรจิตและวบิ ากจติ ๒๐ อนตุ ฺตเร ฌานธมฺมา ฌานธรรมมีแตกตา่ งออกไปใน อนตุ ตรจิต อปฺปมญฺา จ มชฺฌเิ ม อัปปมญั ญาและฌานธรรมมีในมหคั คต จติ ชนิดปานกลาง วิรตี าณปีติ จ วิรตั ิ ญาณ ปติ ิ และอัปปมญั ญา ปริตฺเตสุ วิเสสกา มแี ปลกออกไปในพวกกามาวจรจติ ๒๑ เอกนู วีสฏฺ ารส ธรรมท้ังหลาย คอื ๑๙ ๑๘ วเี สกวสี วสี ติ ๒๐ ๒๑ ๒๐ พาวีส ปณณฺ รสาติ ๒๒ ๑๕ ตงั้ อยใู่ นอกศุ ลจติ สตตฺ ธากสุ เล ต า โดยอาการ ๗ อยา่ ง 64
พระพิธธี รรม ๒๒ สาธารณา จ จตฺตาโร ธรรม ๑๔ อยา่ งเหล่าน้ี คอื สมานา จ ทสาปเร สาธารณเจตสกิ ๔ จุทฺทเสเต ปวุจจฺ นตฺ ิ อญั ญสมานาเจตสกิ อีก ๑๐ สพฺพากุสลโยคิโน ท่านเรียกวา่ มกี ารประกอบในอกศุ ลจติ ท้ังปวง ๒๓ ทฺวาทเสกาทส ทส ในอเหตุจติ ตปุ บาทจติ สตตฺ จาติ จตุพฺพโิ ธ มีการสงั เคราะห์ ๔ อยา่ ง คอื อฏฺารสาเหตุเกส ุ ธรรม ๑๒ ๑๑ ๑๐ และ ๗ จิตฺตปุ ฺปาเทสุ สงฺคโห ธรรม ๗ ทเ่ี หลอื ๒๔ เหตเุ กสุ สพฺพตเฺ ถ ประกอบได้ในอเหตุจิตตปุ ปาททัง้ หมด สตฺต เสสา ยถารหํ ตามสมควร สังคหะ ๓๓ อย่าง อิติ วติ ฺถารโต วุตตฺ า ทา่ นกลา่ วไว้โดยพสิ ดาร อยา่ งนี้ เตตตฺ ึสวิธสงฺคหา นักศกึ ษาทราบสมั ประโยค ๒๕ อติ ฺถํ จติ ตฺ าวยิ ตุ ฺตานํ และสงั คหะแหง่ เจตสกิ ทไ่ี มแ่ ยกกนั กบั จติ สมฺปโยคญฺจ สงคฺ หํ อยา่ งนแ้ี ลว้ พงึ ยกความตา่ งแสดงประเภท ตวฺ า เภทํ ยถาโยคํ ให้เสมอกบั จติ ตามสมควรแก่อัน จิตเฺ ตน สมมทุ ทฺ เิ ส ประกอบฉะน้แี ล ในปรจิ เฉททสี่ อง ในพระอภธิ มั มตั ถสงั คหะ ๒๖ อิจจฺ านุรุทธฺ รจเิ ต ท่ีพระอนรุ ุทธาจารย์แตง่ ไว้ อภิธมฺมตฺถสงคฺ เห มี ๒๕ คาถา ดว้ ยประการฉะนี้ ทุตเิ ย ปรจิ เฺ ฉทสฺมึ ปริจเฉททส่ี องนจี้ บแลว้ โดยย่อแล คาถาโย ปญจฺ วสี ต ิ ทุติโย ปริจฺเฉโทยํ สมาเสเนว นฏิ ฺ โ ต 65
พระพธิ ีธรรม ปรจิ เฉทที่ ๓ : ปกิณณกสังคหวิภาค ธรรม คอื จติ และเจตสิก ๕๓ ๑ สมฺปยุตฺตา ยถาโยคํ ประกอบกนั ตามสมควรแกก่ ารประกอบ เตปญฺ าส สภาวโต โดยสภาพ บัดนี้ ขา้ พเจ้าจะน�ำการ จติ ฺตเจตสิกา ธมมฺ า สงเคราะห์ ธรรมเหล่านั้นมา เตสนทฺ านิ ยถารหํ โดยเวทนา เหตุ กิจ ๒ เวทนาเหตุโต กิจจฺ ทวาร อารมณ์ และวัตถุ ทฺวาราลมฺพนวตถฺ โุ ต ด้วยอ�ำนาจแหง่ จติ ตุปบาทนนั่ แลตาม จิตตุปปฺ าทวเสเนว สมควร ในเวทนาสังคหะนัน้ เวทนา มี ๓ ชนดิ สํคโห นาม นียเต คือ สขุ ทุกข์ และอุเบกขา ๓ สขุ ํ ทกุ ฺขมเุ ปกฺขาติ โดยประเภทมี ๕ ติวิธา ตตถฺ เวทนา คือ โสมนสั และโทนสั โสมนสฺสํ โทมนสฺสํ ในเวทนาเหล่าน้ี สุขและทุกขต์ ้ังอยู่ใน อิติ เภเทน ปญฺจธา จิตดวงเดียว ๔ สุขเมกตถฺ ทกุ ขฺ ญจฺ โทมนัสตง้ั อยู่ในจติ ๒ โสมนัสต้งั อยู่ในจิต ๖๒ โทมนสฺสํ ทฺวเย ตํ อเุ บกขาต้งั อย่ใู นจิต ๕๕ ทวฺ าสฏฺสุ โสมนสสฺ ํ เหตุที่เป็นอกุศลมี ๓ ปญฺจปญฺ าสเกตรา คือ โลภะ โทสะ และโมหะ ๕ โลโภ โทโส จ โมโห จ เหตุท่เี ปน็ กศุ ลและอัพยากฤตกม็ ี ๓ เหตู อกุสลา ตโย เหมือนกนั คอื อโลภาโทสาโมหา จ อโลภะ อโทสะ และอโมหะ กสุ ลาพยากตา ตถา 66
พระพิธีธรรม ๖ อเหตกุ ฏฺ ารเสก ท่านกล่าวจติ ทีเ่ ป็นอเหตกุ ไว้ ๑๘ เหตกุ า เทวฺ ทวฺ วิ สี ติ ท่ีเป็นเอกเหตุกะ ๒ ทุเหตุกา มตา สตตฺ ทเ่ี ป็นทเุ หตุกะ ๒๒ จตตฺ าลีส ติเหตุกา ทีเ่ ป็นติเหตกุ ะ ๔๗ ๗ ปฏสิ นฺธาทโย นาม จิตตุปบาททชี่ ่อื วา่ ปฏสิ นธิ เป็นต้น กิจฺจเภเทน จทุ ทฺ ส พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ ๑๔ อย่าง โดยความตา่ ง ทสธา านเภเทน แหง่ กจิ จติ ฺตุปฺปาทา ปกาสติ า และ ๑๐ อยา่ ง โดยความตา่ งแหง่ ฐาน ๘ อฏฺ สฏฺ ตถา เทฺว จ บัณฑิตพงึ แสดงจิตท่ีมีกิจ ๑ และฐาน ๑ นวฏฺ เทวฺ ยถากกฺ มํ ที่มกี จิ ๒ และฐาน ๒ ท่มี ีกิจ ๓ และ ฐาน ๓ เอกทวฺ ติ จิ ตุปญจฺ ท่ีมีกจิ ๔ และฐาน ๔ ที่มีกิจ ๕ และ ฐาน ๕ กิจจฺ ฏฺานานิ นทิ ทฺ เิ ส คือ จติ ๖๘ ๒ ๙ ๘ และ ๒ ตามลำ� ดับ ๙ เอกทวฺ ารกิ จติ ฺตาน ิ บณั ฑติ พึงแสดงจติ ท่ีเปน็ ไปในทวาร เดียว ๑ ปญจฺ ฉทฺวาริกานิ จ ทเ่ี ปน็ ไปในทวารทง้ั ห้า ๑ ท่ีเป็นไปใน ทวารท้ังหก ๑ ฉทฺวารกิ วิมุตตฺ านิ ที่เปน็ ไปในทวารทงั้ หกบางคราวพน้ จากทวาร ๑ วิมตุ ฺตานิ จ สพพฺ ถา ที่พน้ จากทวาร โดยประการทัง้ ปวง ๑ ๑๐ ฉตตฺ ึสติ ตถา ตีณิ โดยประการ ๕ อย่าง คือ เอกตฺตสึ ยถากกมํ จิต ๓๖ ๓ ทสธา นวธา เจต ิ ๓๑ ๑๐ และ ๙ ตามลำ� ดบั ปญจฺ ธา ปริทีปเย 67
พระพิธีธรรม ๑๑ ปญฺจวีส ปรติ ฺตมฺหิ ในอาลมั พนสงั คหะน้นั ฉ จติ ตฺ านิ มหคคฺ เต มีการสงเคราะห์โดยอาการ ๗ อย่าง เอกวีสติ โวหาเร คอื ในอารมณท์ เี่ ปน็ กามาวจรได้จติ ๒๕ อฏฺ นิพฺพานโคจเร ในอารมณ์ท่เี ป็นมหคั คหะได้จิต ๖ ๑๒ วสี านตุ ฺตรมตุ ฺตมหฺ ิ ในอารมณ์ท่ีเปน็ บญั ญตั ิไดจ้ ติ ๒๑ อคฺคมคคฺ ผลชุ ฺชิเต ในอารมณค์ อื นพิ พานไดจ้ ติ ๘ ปญจฺ สพพฺ ตฺถ ฉ เจต ิ ในอารมณท์ พี่ น้ จากโลกุตตระไดจ้ ติ ๒๐ สตตฺ ธา ตตถฺ สงฺคโห ในอารมณท์ ง้ั หมด เว้นอรหัตมรรค อรหตั ตผลได้จติ ๕ ในอารมณ์ทกุ อย่าง ได้จิต ๖ ๑๓ ฉวตฺถุนิสฺสติ า กาเม มโนวิญญาณธาตุ ๗ อาศยั วตั ถหุ ก สตตฺ รเู ป จตุพพฺ ธิ า ทา่ นกลา่ วไวใ้ นกามภพ ติวตถฺ นุ ิสสฺ ติ ารปุ เฺ ป มโนวญิ ญาณธาตุ ๔ อาศัยวตั ถุสาม ธาเตวฺ กานิสสฺ ติ า มตา ทา่ นกลา่ วไวใ้ นรปู ภพ มโนวญิ ญาณอยา่ ง เดียวไมอ่ าศยั ท่านกลา่ วไวใ้ นอรปู ภพ ๑๔ เตจตฺตาฬสี นิสสฺ าย จติ ๔๓ อาศยั วตั ถเุ กดิ วญิ ญาณธาตุ ๔๒ เทวฺ จตตฺ าฬีส ชายเร อาศัยวตั ถเุ กิดบ้าง ไม่อาศยั บ้าง อนสิ สฺ าย จ นิสสฺ าย มโนวิญญาณธาตทุ ีเ่ ป็นอรปู วิบาก ไมอ่ าศยั วัตถุ ปาการปุ ปฺ า อนิสสฺ ิตา เกิดเลย อจิ ฺจานุรทุ ฺธรจเิ ต ในปรจิ เฉทที่ ๓ อภิธมมฺ ตฺถสงฺคเห ในพระอภิธัมมตั ถสงั คหะ ตติเย ปริจฺเฉทสมฺ ึ ทพ่ี ระอนรุ ุทธาจารยไ์ ด้รจนาไว้ มี ๑๔ คาถา คาถา โหนฺติ จตุทฺทส ปริจเฉทท่ี ๓ น้ี จบลงโดยยอ่ แล ตติโย ปริจฺเฉโทยํ สมาเสเนว นิฏฺ โต 68
พระพิธีธรรม ปรจิ เฉทท่ี ๔ : วถิ ีสงั คหวิภาค ข้าพเจ้ากระทำ� การสงเคราะห์ซ่งึ ๑ จิตฺตปุ ฺปาทานมิจฺเจวํ จติ ตปุ บาท อนั ยอดยงิ่ กตวฺ า สงฺคหมตุ ตฺ รํ ด้วยประการอยา่ งนีแ้ ล้ว จกั กลา่ วกถา ภูมิปคุ ฺคลเภเทน อันมชี ือ่ วา่ ปวัตตสิ ังคหะ ปุพพฺ าปรนิยามิตํ ทีท่ า่ นก�ำหนดด้วยจิตดวงกอ่ นและ ๒ ปวตตฺ สิ งคฺ หํ นาม ดวงหลัง โดยความต่างแห่งภูมแิ ละบุคคล ปฏสิ นธฺ ปิ ฺปวตฺติยํ ในปฏิสนธิกาลและปวัตติกาล ปวกขฺ ามิ สมาเสน ตามสมควรแกค่ วามเป็นไปโดยยอ่ ยถาสมภฺ วโต กถํ ในทวารท้ัง ๕ มีวถิ ีจติ เพยี ง ๗ ๓ วถิ ีจติ ฺตานิ สตเฺ ตว มจี ิตตปุ บาท ๑๔ จิตฺตุปฺปาทา จตุททฺ ส โดยพสิ ดารมี ๕๔ จตปุ ญฺ าส วติ ถฺ ารา ตามสมควร ปญฺจทฺวาเร ยถารหํ ในมโนทวารนี้ ๔ วถิ จี ิตตฺ านิ ตีเณว บัณฑติ กล่าววิถจี ติ ไว้เพยี ง ๓ จิตฺตปุ ปฺ าทา ทเสริตา จติ ตปุ บาทไว้ ๑๐ วิตถฺ าเรน ปเนตเถก แต่โดยพสิ ดารท่านประกาศจิตตปุ ปาท จตตฺ าฬสี วิภาวเย ไวถ้ ึง ๔๑ อปั ปนา ๓๒ เกิดจากบุญประกอบดว้ ย ๕ ทฺวตตฺ ิส สุขปญุ ฺมฺหา ความสุข อัปปนา ๑๒ เกดิ ต่อจากอเุ บกขา ทวาทโสเปกฺขตา ปรํ อัปปนา ๘ เกดิ จากกริ ิยามคี วามสุข สขุ ิตกรฺ ิยาโต อฏฺ อัปปนา ๖ เกดิ ตอ่ จากอุเบกขา ฉสมฺโภนฺติ อเุ ปกฺขตา 69
พระพธิ ีธรรม ๖ ปุถชุ ชฺ นานํ เสกขฺ านํ อปั ปนาของพวกปุถชุ น และ กามปญุ ฺตเิ หตุโต ของพระเสขะเกดิ จากติเหตุกกามาวจร กศุ ล ติเหตุกามกฺกรยิ าโต ของท่านผู้ปราศจากราคะ วตี ราคานมปปฺ นา เกดิ จากติเหตุกกามาวจรกิรยิ า ๗ กาเม ชวนสตตฺ าลม ฺ ในกามภพ พนามํ นยิ เม สติ เมอ่ื มคี วามนยิ มชวนะสัตว์และอารมณ์ วภิ เู ตติมหนฺเต จ ทา่ นกลา่ วตทาลัมพนะไว้ ตทาลมฺพนมรี ิตํ แต่ในวิภตู ารมณแ์ ละอภมิ หนั ตารมณ ์ เทา่ นั้น ๘ สตตฺ กขฺ ตตฺ °ุ ปริตฺตานิ กามาวจรชวนะบณั ฑติ กล่าวไว้ ๗ คร้งั มคคฺ าภิญฺา สกึ มตา มรรคชวนะและอภญิ ญาชวนะกลา่ วไว ้ ครงั้ เดยี ว อวเสสานิ ลพภฺ นฺติ แต่ท่านไดช้ วนะทเี่ หลือแมเ้ ป็นอันมาก ชวนานิ พหนู ิ ปิ บณั ฑติ แสดงวถิ จี ติ ของพระอเสขะไว้ ๔๔ ๙ อเสกฺขานํ จตุจตตฺ า- ของพระเสขะแสดงไว้ ๕๖ ฬีส เสกขฺ านมทุ ทฺ ิเส ของบคุ คลทีเ่ หลอื แสดงได้ ๕๔ ฉปปฺ ญฺ าสาวเสสานํ ตามสมควรแก่การสมภพ (เกดิ ) จตปุ ญฺ าส สมฺภวา ในกามภพมวิถีจติ ได้ ๘๐ ๑๐ อสีติ วถิ จี ิตฺตานิ ในรูปภพมวี ิถีจิตได้ ๖๔ ตามสมควร กาเม รูเป ยถารหํ อน่ึง ในรปู ภพ มีวิจติ ได้ ๔๒ จตุสฏฺ ตถารูเป ปรจิ เฉทที่ ๔ เทวฺ จตตฺ าฬีส ลพฺภเร ในพระอภิธมั มตั ถสงั คหะ อิจจฺ านรุ ุทธฺ รจเิ ต ที่พระอนุรุทอาจารยไ์ ด้รจนาไว้ อภธิ มฺมตฺสงฺคเห จตตุ เฺ ถ ปรจิ เฉทสฺม ึ 70
พระพธิ ีธรรม คาถา ทเสว จาคตา มี ๑๐ คาถาเท่าน้ัน จตตุ โฺ ถ ปริจเฺ ฉโทยํ ปริจเฉทที่ ๔ นจ้ี บลงโดยย่อแล สมาเสเนว นฏิ ฺโ ต ปริจเฉทท่ี ๕ : วถิ ีมุตตสงั คหวิภาค สงั คหะทีช่ อ่ื ว่าปวตั ติสังคหะ ๑ วถิ ีจิตฺตวเสเนวํ ซ่งึ ขา้ พเจา้ ได้กล่าวไวแ้ ลว้ ในปวตั ตกิ าล ปวตฺติยมุทรี โิ ต ดว้ ยอำ� นาจแห่งวถิ ีจิตอย่างนั้น ปวตตฺ ิสงฺคโห นาม บดั น้ี ขา้ พเจ้าจะกลา่ วในปฏสิ นธิกาล สนธฺ ยนฺทานิ วุจฺจต ิ พวกปถุ ชุ นก็ดี ๒ ปถุ ชุ ชฺ นา น ลพฺภนตฺ ิ พระโสดาบนั ก็ดี สทุ ธฺ าวาเสสุ สพฺพถา พระสกทิ าคามกี ็ดี โสตาปนฺนา จ สกิทา ย่อมไมไ่ ดใ้ นช้ันสุทธาวาส แม้โดย คามิโน จาปิ ปคุ ฺคลา ประการทัง้ ปวง พระอรยิ เจ้าทัง้ หลาย ๓ อรยิ า โนปลพภฺ นฺติ ยอ่ มไม่ได้ในอบายภูมิ อสญฺาปายภูมสิ ุ และอสญั ญาภมู แิ ละผทู้ ไ่ี มใ่ ชพ่ ระอรยิ เจา้ เสสฏฺ าเนสุ ลพภฺ นฺต ิ และผทู้ เี่ ปน็ พระอริยเจ้าทัง้ หลายย่อมได้ อรยิ านริยา ปิ จ ในฐานะที่เหลือท้ังหลาย ๙๒๑ โกฏิ กบั ๖ ลา้ นปี ๔ นวสตญฺเจกวีส เปน็ ประมาณแห่งอายุ วสสฺ านํ โกฏิโย ตถา ในพวกเทวดาชั้นวสวดั ดี วสสฺ สตสหสฺสาน ิ ปฏสิ นธิ ภวงั ค์ สฏฺญฺจ วสวตฺตสิ ุ และจตุ จิ ติ เป็นอยา่ งเดยี วกันน่ันเอง ๕ ปฏิสนธฺ ิ ภวงคฺ ญจฺ และมอี ารมณอ์ ย่างเดียวกัน ตถา จวนมานสํ ในชาติหนงึ่ เหมอื นอย่างนนั้ แล เอกเมว ตเถเวก วสิ ยญฺเจกชาตยิ ํ 71
พระพิธีธรรม ๖ อสงฺขารํ สสงฺขาร พระเถระทง้ั หลายบางพวกกลา่ วไวว้ ่า วปิ ากานิ น ปจฺจติ กรรมทีเ่ ปน็ อสังขาร สสงฺขารมสงฺขาร ยอ่ มไมใ่ หผ้ ลท่เี ปน็ สสังขาร วิปากานีติ เกจิ น กรรมท่ีเปน็ สสงั ขารยอ่ มไม่ใหว้ ิบากที่ เปน็ อสังขาร ๗ เตสํ ทวฺ าทส ปากานิ ตามมติของอาจารย์ทัง้ หลายเหลา่ นั้น ทสฏฺ จ ยถากฺกมํ บัณฑติ พงึ แสดงวบิ าก ๑๒ ๑๐ และ ๘ ยถาวุตฺตานสุ าเรน โดยท�ำนองตามที่กลา่ วแลว้ ยถาสมภฺ วมุททฺ เิ ส ตามสมควรแกก่ ารสมภพ ๘ อตถฺ ํ มหคฺคตํ ปญุ ญฺ ํ มหัคคตกุศลทา่ นก�ำหนดไวต้ ามภมู ิ ยถาภมู วิ วตตฺ ิตํ ยอ่ มใหว้ บิ ากทีเ่ หมือนกัน ชเนติ สทสิ ํ ปากํ ในปฏิสนธิกาลและปฏสิ นธิกาล ปฏิสนฺธปิ ฺปวตตฺ ิยํ ด้วยประการฉะนี้ ๙ อารุปปฺ จตุ ยิ า โหนฺต ิ ก็อรูปปฏสิ นธิทง้ั หลาย เหฏมารุปปฺ วชชฺ ติ า เวน้ อรปู ชนั้ ต่ำ� ปรมารุปปฺ สนฺธี จ ย่อมมตี อ่ จากอรูปจตุ ิ ตถา กาเม ติเหตุกา สว่ นพวกตเิ หตกุ ปฏสิ นธยิ อ่ มมใี นกามภพ ๑๐ รปู าวจรจตุ ยิ า ปฏิสนธิทง้ั หลายเวน้ อเหตุกปฏิสนธิ อเหตุรหิตา สิย°ุ พึงมีตอ่ จากรูปาวจรจตุ ิ สพฺพา กามติเหตมุ หา ปฏสิ นธิทั้งปวง มอี เหตกุ ปฏิสนธิ กาเมเสฺวว ปเนตรา มตี ่อจากกามาวจรติเหตกุ ะ สว่ นปฏิสนธินอกนี้ในกามภพเท่าน้นั ๑๑ ปฏสิ นฺธิ ภวํค วิถีโย ความสืบตอ่ แหง่ จติ มีอาทิอยา่ งน้ีคือ จุติ เจห ตถา ภวนตฺ เร ปฏสิ นธจิ ติ ภวังคจติ วถิ จี ิต และจุตจิ ิต ปุน สนฺธิ ภวคํ มจิ จฺ ายํ ย่อมหมนุ เวียนไปในภพนฉี้ นั ใด 72
พระพธิ ีธรรม ปริวตฺตติ จิตตฺ สนฺตติ ปฏิสนธจิ ติ ภวังคจติ ยอ่ มหมุนเวียนไปใน ภพอน่ื ฉนั นนั้ ๑๒ ปฏิสงขฺ าย กพ็ วกผรู้ พู้ ิจารณาปฏสิ นธจิ ิตเปน็ ตน้ นี้ ปเนตมทฺธุวํ ไม่ยั่งยืนถาวร อธินตฺ วา แล้วไดบ้ รรลบุ ทอันไม่จุติแปรผัน ปทมจฺ จฺ ตุ มพฺ ธุ า เปน็ ผู้ตัดเครือ่ งผกู มัดคอื ความเยอ่ื ใยเสีย สสุ มุจฉฺ นิ นฺ สิเนหพนธฺ นา ดว้ ยดี เป็นผ้มู วี ตั รอันดี สมเมสสฺ นฺติ จิราย สุพพฺ ตา ตลอดกาลนาน จกั ถงึ ธรรมอนั สงบฉะนแี้ ล อิจฺจานุรุทฺธรจิเต ในปริจเฉทท่ี ๕ อภธิ มมฺ ตถฺ สงฺคเห ในอภิธัมมัตถสงั คหะ ปญจฺ เม ปรจิ เฺ ฉทสฺมึ ที่พระอนุรุทาจารยร์ จนาไวน้ ี้ ทฺวาทส อาคตา มี ๑๒ คาถา ปญฺจโม ปรจิ ฺเฉโทยํ ปรจิ เฉทที่ ๕ นีจ้ บลงโดยยอ่ สมาเสเนว นฏิ ฺโ ต เพราะวา่ ธรรมท้งั หลายฝ่ายจิตและ ปริจเฉทท่ี ๖ : รูปสังคหวิภาค เจตสิก ๑ เอตฺตาวตา วภิ ตฺตานิ พร้อมทง้ั ประเภทและประวัติ ขา้ พเจ้าได้จ�ำแนกไว้แล้ว ด้วยลำ� ดับแห่ง สปปฺ เภทปฺปวตฺติกา ค�ำเพียงเท่าน้ี จิตฺตเจตสกิ า ธมฺมา บัดน้ีขา้ พเจา้ จกั กล่าวถงึ รูป ในรปู นนั้ มกี ารรวบรวมโดยอาการ ๕ นยั รูปนทฺ านิ ปวุจจฺ ติ คอื โดยการแสดงยอ่ ๒ สมุทฺเทสา วิภาคา จ โดยการจำ� แนก สมฏุ ฺานา กลาปโต โดยเหตเุ กดิ โดยหมวดหมู่ โดยการเกดิ ปวตฺติกฺกมโต เจติ ปญฺจธา ตตถฺ สงคฺ โห 73
พระพธิ ธี รรม ๓ ภตู ปปฺ สาทฺวิสยา ภตู รปู ๔ ปสาทรูป ๕ วสิ ัยรปู ๔ ภาโว หหยมจิ จฺ ปิ ภาวรปู ๒ หทยั รปู ๑ กบั ชวี ิตาหารรเู ปหิ ชวี ติ รปู อาหารรูป อฏฺ ารสวธิ ํ ตถา รวมเปน็ นิปผนั นรปู ๑๘ แม้อย่างน้ี ๔ ปริจฺเฉโท จ วิญฺ ตฺต ิ และอนปิ ผนั นรูป ๑๐ คอื วิกาโร ลกขฺ ณนตฺ ิ จ ปริจเฉทรปู ๑ วญิ ญตรฺ ปู ๒ อนิปผฺ นนฺ า ทสเรต ิ วิการรปู ๓ และลกั ษณะรปู ๔ อฏฺวสี วธิ มฺภเว รวมเป็น ๒๘ ๕ อจิ เฺ จวมฏฺวสี ติ กบ็ ัณฑติ ผูเ้ ห็นประจักษ์ วิธมปฺ ิ จ วิจกฺขณา ยอ่ มจำ� แนกรปู ไวแ้ ม้ ๒๘ อยา่ ง อชฺฌตตฺ ิกาทิเภเทน โดยความต่างแห่งรูป มอี ชั ฌตั ตกิ รูป วิภชนตฺ ิ ยถารหํ เป็นต้น ตามสมควรดว้ ยประการฉะน้ี ๖ อฏฺ ารส ปณณฺ รส รปู เกิดแต่กรรม จิต อุตุ อาหารมตี าม เตรส ทวาทสาติ จ ลำ� ดับ คอื กัมมชรปู ๑๘ จิตตชรปู ๑๕ กมมฺ จติ โตตกุ าหาร อตุ ชุ รปู ๑๓ อาหารชรปู ๑๒ ชานิ โหนติ ยถากมํ พระผู้มพี ระภาคทรงประกาศแลว้ วา่ ๗ ชายมานาทิรูปานํ ลักขณรปู ๔ ย่อมไม่เกิดจากสมฏุ ฐาน สภาวตตฺ า ขิ เกวลํ ไหนเลย เพราะความเปน็ ลักขณานิ น ชายนตฺ ิ สภาพแหง่ รปู ทง้ั หลายมรี ปู ทเี่ กดิ อยเู่ ปน็ ตน้ เกหีจีติ ปกาสิตํ อยา่ งเดยี ว กลาป ๒๑ คอื ๘ กมฺมจิตโตตกุ าหาร มกี รรมเปน็ สมุฏฐาน ๙ กลาป สมฏุ านา ยถากฺกมํ มจี ิตเปน็ สมฏุ ฐาน ๖ กลาป มอี ตุ ุ นว ฉ จตโุ ร เทฺวติ เป็นสมุฏฐาน ๔ กลาป มอี าหารเป็น กลาปา เอกวีสติ สมฏุ ฐาน ๒ กลาป 74
พระพิธีธรรม ๙ กลาปานํ ปรจิ ฺเฉท บัณฑติ ผู้เหน็ ประจกั ษ์ ลกฺขณตตฺ า วิจกขฺ ณา ไมก่ ลา่ วอากาศและลักษณะรูปวา่ น กลาปงคฺ มจิ ฺจาห ุ เปน็ องคแ์ ห่งกลาป เพราะอากาศเป็น อากาสํ ลกขฺ ณานิ จ เคร่ืองกำ� หนด และลกั ษณะรูปเปน็ ลกั ษณะของกลาปท้ังหลาย ๑๐ อิจเฺ จวํ มตสตตฺ านํ รปู ของเหลา่ สัตว์ทต่ี ายแลว้ ปนุ เทฺว ภวนฺตเร ยอ่ มเปน็ ไปอยา่ งน้นั ปฏิสนธฺ มิ ุปาทาย ในภพอ่นื อีกน่นั แล เรมิ่ ตงั้ แต่ปฏสิ นธิ ตถา รูปํ ปวตฺตต ิ ดว้ ยประการดังท่กี ลา่ วมาฉะนี้ ๑๑ อฏฺ วสี ติ กาเมส ุ ในกามภพมีรปู ๒๘ โหนติ เตวีส รปู สิ ุ ในรูปภพมีรปู ๑๓ ส�ำหรบั พวกอสญั ญี สตตฺ รเสวสญฺนํ สัตว์ มีรูป ๑๗ เท่าน้ัน อรเู ป นตถฺ ิ กิญฺจิ ป ิ ในอรูปภพ แม้รูปอะไรก็ไม่มีเลย ๑๒ สทฺโท วิภาโร ชรตา สัททรปู วิการรปู ชรตารูป มรณญฺโจปปตฺติยํ และมรณะย่อมไมไ่ ดใ้ นเวลาเกิด น ลพภฺ นตฺ ิ ปวตฺเต ตุ ส่วนใน ปวตั กิ าล น กญิ จฺ ีปิ น ลพฺภติ แม้รปู อะไร จะไม่ได้ก็หามิได้ ๑๓ ปทมจจฺ ตุ มจฺจนตฺ ํ พระมเหสีเจ้าทงั้ หลาย อสํขตมนุตตฺ รํ ผู้พ้นแลว้ จากตัณหาชื่อวา่ วานะ นพิ ฺพานมติ ิ ภาสนตฺ ิ ยอ่ มตรสั เรยี กบททไี่ มม่ จี ตุ ลิ ว่ งเสยี ซง่ึ ทสี่ ดุ วานมตุ ตฺ า มเหสโย อนั ปัจจยั อะไร ปรงุ แตง่ ไมไ่ ด้ อนั ยอด เย่ยี มวา่ นพิ พาน ดงั นี้ ๑๔ อิติ จิตตฺ ํ เจตสินํ พระตถาคตเจ้าท้งั หลายย่อมประกาศ รูปํ นพิ ฺพานมิจฺจปิ ปรมัตถธรรมเพียง ๔ ประการ คือ ปรมตฺถํ ปกาเสนฺต ิ จติ เจตสิก รูป และนิพพาน จตุธา ว ตถาคตา ด้วยประการฉะนี้ 75
พระพิธีธรรม อิจจฺ านุรทุ ฺธรจเิ ต ในปริจเฉทท่ี ๖ อภธิ มฺมตฺถสคํ เห ในพระอภิธัมมัตถสงั คหะ ฉฏฺ เม ปรจิ เฉทสมฺ ึ ที่พระอนุรทธาจารยไ์ ดร้ จนาไว้ มี ๑๔ คาถาโย จทุ ฺทสาคตา คาถา ดว้ ยประการฉะน้ี ฉฏฺโม ปริจฺเฉโทยํ ปริจเฉทท่ี ๖ จบลงโดยย่อ สมาเสเนว นฏิ ฺโต บัดน้ขี ้าพเจา้ จักกล่าวสมจุ จัย ปรจิ เฉทท่ี ๗ : สมจุ จยสังคหวิภาค แห่งวตั ถธุ รรมทั้งหลาย ๗๒ อย่าง ๑ ทวาสตตฺ ติวิธา วุตตฺ า พร้อมทง้ั ลักษณะ ที่ข้าพเจา้ ได้ วตถฺ ุธมฺมา สลกฺขณา กลา่ วไวแ้ ลว้ ตามสมควรแกก่ ารประกอบ เตสนทฺ านิ ยถาโยคํ ปาปสังคหะนี้ ทา่ นกล่าว ปวกฺขามิ สมจุ จฺ ยํ ไว้ ๙ อยา่ ง คือ อาสวะ โอฆะ โยคะ ๒ อาสโวฆา จ โยคา จ คันถะมีอยา่ งละ ๓ โดยวัตถธุ รรม ตโย คนฺถา จ วตถฺ โุ ต อปุ าทานท่านกล่าวไว้ ๒ อยา่ ง นวิ รณ์ อปุ าทานา ทุเว ธมฺมา พงึ มี ๘ อย่าง อนุสยั มีเพยี ง ๖ อยา่ ง อฏฺ นวี รณา สยิ °ุ สญั โยชน์ทา่ นกลา่ วไว้ ๙ อยา่ ง กเิ ลส ฉ เฬวานุสยา โหนตฺ ิ ๑๐ อย่าง ๓ นว สญโฺ ชนา มตา มสิ สกสังคหะ ซงึ่ เคลา้ ไปด้วยกุศลธรรม ท่านกลา่ วไว้ ๗ อยา่ ง คอื เกฺลสา เทสฺ ติ วตุ โตยํ โดยวัตถุธรรม นวธา ปาปสคํ โห เหตุทา่ นกล่าวไว้ ๖ อยา่ ง ๔ ฉ เหตู ปจ ฌานงคฺ า องคฌ์ านกล่าวไว้ ๕ อยา่ ง มคฺคงฺคา นว วตฺถโุ ต โสฬสนิ ทฺ ฺรยิ ธมฺมา จ พลธมมฺ า นเวริตา จตฺตาโรธปิ ตี วตุ ตฺ า 76
พระพธิ ีธรรม ๕ ตถาหาราติ สตตฺ ธา องคม์ รรคกล่าวไว้ ๙ อย่าง กสุ ลาทิสมากณิ ฺโณ อนิ ทรียธรรมกล่าวไว้ ๑๖ อยา่ ง วุตฺโต มสิ ฺสกสงคฺ โห พลธรรมกล่าวไว้ ๙ อธบิ ดีกล่าวไว้ ๔ อย่าง อาหารกก็ ลา่ วไว้ ๔ เหมอื นกนั ๖ ฉนฺโท จิตฺตมเุ ปกขฺ า จ ธรรมเหลา่ น้มี ี ๑๔ โดยสภาพ สทธฺ าปสสฺ ทฺธิปติ ิโย คือ ฉันทะ ๑ จติ ตะ ๑ อุเบกขา ๑ สมมฺ าทิฏฺ จ สํกปโฺ ป ศรัทธา ๑ ปัสสัทธิ ๑ ปิติ ๑ วายาโม วริ ตติ ตฺ ยิ ํ สมั มาทฐิ ิ ๑ สัมมาสังกปั ปะ ๑ สมมฺ าสติ สมาธีต ิ สมั มาวายามะ ๑ วิรตั ิทั้งสาม ๑ จุททฺ เสเต สภาวโต สมั มาสติ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ สตตฺ ตสึ ปฺปเภเทน โดยประเภทแห่งธรรม ๓๗ อยา่ ง สตตฺ ธา ตตถฺ สงคฺ โห ในโพธิปักขิยธรรมนั้น มีการสงเคราะห์ ๗ อย่าง ๗ สงฺกปปฺ ปสสฺ ทฺธ ิ ธรรม ๙ อยา่ ง คอื จ ปตี ยเุ ปกขฺ า สมั มาสังกัปปะ ๑ ปสั สัทธิ ๑ ฉนโฺ ท จ จิตตฺ ํ ปตี ิ ๑ อุเบกขา ๑ วิรตติ ตฺ ยญจฺ ฉันทะ ๑ จิตตะ ๑ นเวกานา วิริยํ นวฏฺ วริ ตั ทิ ้งั สาม ๑ มฐี านเดยี วกัน สตี สมาธี จตุ ปญฺจ ปญญฺ า วิรยิ มฐี าน ๙ สทฺธา ทุานตุ ฺตมสตฺตตึส สตมิ ี ๘ ฐาน ธมมฺ านเมโส ปวโร วภิ าโค สมาธมิ ี ๔ ฐาน ปัญญามี ๕ ฐาน ศรัทธามี ๒ ฐาน นีเ้ ปน็ วภิ าคอนั ประเสรฐิ แห่งธรรมอันสงู สุด ๓๗ อย่าง ๘ สพฺเพ โลกุตตฺ เร โหนฺติ ในโลกตุ ตรจติ ทงั้ ๘ ธรรม ๓๗ อย่าง น วา สกํ ปปฺ ีติโย มีทง้ั หมดกม็ ี โลกเิ ย ยถาโยคํ ไมม่ ีสงั กปั ปะ และปติ กิ ็มี แม้ในโลกยิ จติ ฉพพฺ สิ ทุ ธฺ ิปฺปวตฺติยํ กม็ ไี ด้ ในเวลาวสิ ทุ ธหิ กเปน็ ไปตามสมควร 77
พระพธิ ีธรรม ๙ รปู ญฺเจ เวทนา สญฺ า ธรรม ๕ ประการเหลา่ นี้ คือ เสสา เจตสกิ า ตถา รปู เวทนา สัญญา วญิ ฺาณมีติ ปญฺเจเต เจตสิกทเ่ี หลอื และวญิ ญาณ ปญจฺ กฺขนฺธาติ ภาสติ า ท่านเรยี กว่า ขนั ธ์ ๕ ๑๐ ปญจฺ ุปาทานขนธฺ าติ อนึ่ง ธรรมทง้ั หลายทเ่ี ป็นไปในภมู ิ ๓ ตถา เตภูมกิ า มตา ทา่ นเรยี กวา่ อุปาทานขันธ์ ๕ เภทาภาเวน นพิ พฺ านํ นพิ พานพน้ จากการสงเคราะหเ์ ขา้ ในขนั ธ์ ขนฺธสงคฺ หนิสฺสฏํ เพราะไมม่ กี ารจำ� แนก ๑๑ ทวฺ าราลมพฺ นเภเทน โดยความตา่ งแหง่ ทวารและอารมณ์ ภวนตฺ ายตนานิ จ อายตนะมี ๑๒ และธาตมุ ี ๑๘ ทวฺ าราลมฺพนตทุปฺปนฺน โดยลำ� ดบั แหง่ ทวารอารมณ์ ปริยาเยน ธาตโุ ย และวญิ ญาณที่อาศัยทวารและอารมณ์ น้ันเกดิ ขึ้น ๑๒ ทุกฺขํ เตภูมกิ ํ วฏฏฺ ํ วัฏฏะอันเปน็ ไปในภมู ิ ๓ ชอื่ ว่า ทุกข์ ตณฺหา สมทุ โย ภเว ตณั หาชือ่ ว่าเป็น สมุทยั นโิ รโธ นาม นิพฺพานํ พระนพิ พาน ชือ่ วา่ นโิ รธ มคโฺ ค โลกุตตฺ โร มโต โลกตุ ตรมรรคเรียกว่า มรรค ๑๓ มคฺคยุตตฺ า ผลา เจว ธรรมทงั้ หลายทปี่ ระกอบด้วยมรรค จตสุ จจฺ วนิ ิสฺสฏา และผลทัง้ หลายที่ประกอบด้วยมรรค อติ ิ ปญจฺ ปฺปเภเทน สัพพสังคหะ ท่านกลา่ วไวโ้ ดยประเภท ปวตุ โฺ ต สพฺพสํคโห ด้วยประการฉะน้ี อจิ จฺ านุรุทฺธรจิเต ในปรจิ เฉทที่ ๗ อภิธมมฺ ตถฺ สํคเห ในพระอภิธมั มัตถสังคหะที่ พระอนรุ ุทธาจารยไ์ ด้รจนาไว้ สตฺตเม ปริจเฺ ฉทสฺมึ มี ๑๔ คาถา 78
พระพิธีธรรม คาถา จตทุ ทฺ สาคตา ปริจเฉทท่ี ๗ นจี้ บลงแลว้ โดยย่อ สตตฺ โม ปรจิ เฉโทยํ บัดนี้ ข้าพเจ้าจักกลา่ ว สมาเสนว นฏิ ฺโ ต วภิ าคแหง่ ธรรมทเ่ี ปน็ ปจั จยั แกส่ งั ขตธรรม ปรจิ เฉทท่ี ๘ : ปัจจยสงั คหวิภาค ทั้งหลาย ๑ เยสํ สงขฺ ตธมมฺ านํ โดยอาการทเ่ี ปน็ ได้ ในปรจิ เฉทท่ี ๘ นี้ เย ธมฺมา ปจฺจยา ยถา ตามสมควร ตํ วิภาคมเิ หทานิ ในอดตี กาลมีเหตุอยู่ ๕ อย่าง ปวกขฺ ามิ ยถารหํ ในปัจจุบนั กาลมผี ลอยู่ ๕ อยา่ ง ในปจั จบุ นั กาลมีเหตุอยู่ ๕ อย่าง ๒ อตเี ต เหตโว ปญฺจ ในอนาคตกาลมผี ลอยู่ ๕ อย่าง อทิ านิ ผลปญฺจกํ กเ็ พราะธรรมอนั เปน็ มลู เหลา่ นนั้ นน่ั แลดบั อทิ านิ เหตโว ปญฺจ วัฏฏะอันเป็นไปในภมู ทิ ้งั ๓ จึงดบั อายติง ผลปญจฺ กํ และเพราะอาสวะทง้ั หลายเกดิ ๓ เตสเมว จ มูลานํ อวชิ ชาย่อมเจริญยง่ิ นิโรเธน นริ ชุ ฺฌติ แก่เหล่าสตั ว์ ท้ังหลายทถ่ี กู ลมสลบ คือ ชรามรณมุจฉาย ชราและมรณะบบี คัน้ อยู่เนืองๆ ปีฬิตานมภิณฺหโส พระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ผู้เป็นพระมหามุนี ๔ อาสวานํ สมุปปฺ าทา ทรงบัญญตั วิ ฏั ฏะอันเป็นไปในภมู ทิ งั้ ๓ อวิชฺชา จ ปวฑฒฺ ติ ที่หมุนไปไม่ขาดสาย วฏฏฺ มาวทธฺ มจิ เจวํ ไม่มีจุดเริ่มต้นนีว้ า่ ปฏจิ จสมุปบาท ดว้ ย เตภูมกิ มนาทกิ ํ ประการฉะนี้ ปฏจิ จฺ สมปุ ฺปาโทติ ปฏฺเปสิ มหามุนี 79
พระพิธีธรรม ๕ ฉธา นามนฺตุ นามสฺส ปจั จัยท้ังหลายมี ๖ อยา่ ง คือ ปญจฺ ธา นามรูปินํ สว่ นนามเป็นปจั จัยแกน่ าม เอกธา ปนุ รูปสสฺ โดยอาการ ๖ อยา่ ง ๑ รปู ํ นามสสฺ เจกธา เป็นปัจจัยแก่นาม และรูป ๕ อย่าง ๑ ๖ ปญฺ ตตฺ นิ ามรปู าน ิ กลับเปน็ ปจั จยั แกร่ ูปอีกอย่างเดียว ๑ นามสสฺ ทวุ ิธา ทฺวยํ และรปู เปน็ ปจั จัยแก่นามอย่างเดียว ๑ ทฺวยสฺส นวธา เจต ิ บญั ญัตินามและรปู เป็นปจั จัยแกน่ าม ๒ ฉพฺพิธา ปจจฺ ยา กถํ อย่าง ๑ นามรูปทง้ั ๒ เปน็ ปัจจยั แก่ นามรูปทั้ง ๒ ๙ อยา่ ง ๑ ๗ สหชาตํ ปเุ รชาตํ สหชาตปัจจัย ๑ ปจฺฉาชาตญฺจ สพฺพถา ปุเรชาตปจั จัย ๑ ปัจฉาชาตปจั จยั ๑ กวฬิงฺกาโร อาหาโร กวฬงิ กาหาร ๑ รูปชวี ิตนิ ทรีย์ ๑ รปู ชีวติ มิจฺจยํ ฉะนีแ้ ลโดยประการทัง้ ปวง ๘ อติ ิ เตกาลิกา ธมฺมา ธรรมทงั้ หลายมกี าล ๓ กาลมตุ ตฺ า จ สมฺภวา และพ้นจากกาลเปน็ ไปในภายในและ ภายนอก อชฌฺ ตตฺ ญฺจ พหทิ ธฺ า จ เป็นสังขตะและเป็นอสังขตะ ฉะน้ี สงขฺ ตาสงฺขตา ตถา ต้งั อยโู่ ดยอาการ ๓ อย่าง ๙ ปญฺ ตตฺ ิ นาม รปู านํ ดว้ ยอำ� นาจแหง่ บญั ญตั ิ นาม ๑ และรปู ๑ วเสน ตวิ ิธา ตา ชือ่ ว่า ปจั จยั ๒๔ ปจฺจยา นาม ปฏฺาเน ในคัมภรี ์ปฏั ฐานโดยประการทั้งปวง จตุวสี ติ สพฺพถา อรรถทงั้ หลายทเี่ ปน็ อารมณแ์ หง่ มโนทวาร ๑๐ วจีโฆสานสุ าเรน ซึ่งเกดิ ขึ้นในลำ� ดับแหง่ ความเป็นไป โสตวญิ ฺญาณวิถียา แหง่ โสตวิญญาณวิถี ปวตตฺ านนตฺ รปปฺ นนฺ โดยกระแสเสียงทางวาจา มโนทวารสสฺ โคจรา 80
พระพิธีธรรม ๑๑ อตถฺ า ยสฺสานุสาเรน พ้นจากการร้ชู ่อื นน้ั วิญฺ ายนตฺ ิ ตโต ปรํ บัณฑติ ยอ่ มรูไ้ ดโ้ ดยกระแสของ สายํ ปญฺตฺติ วิญเฺ ยยา การบญั ญตั ิใด โลกสเํ กตนิมมฺ ิตา บัญญตั นิ ัน้ พงึ ทราบวา่ เปน็ บัญญัตหิ มาย ความตามข้อสงั เกตของชาวโลก ฉะนีแ้ ล อิจฺจานุรุทธฺ รจิเต ในปริจเฉทที่ ๘ อภิธมฺมตถฺ สงคฺ เห ในพระอภธิ มั มตั ถสังคหะท่ี อฏฺเม ปริจฺเฉทสฺม ึ พระอนุรทุ ธาจารยไ์ ด้รจนาไว้ คาถา เอกาทสาคตา มี ๑๑ คาถา ดว้ ยประการฉะนี้ อฏฺโม ปริจเฺ ฉโทยํ ปรจิ เฉทที่ ๘ น้ี สมาเสเนว นฏิ ฺ โต จบลงแล้วโดยยอ่ แล ปริจเฉทที่ ๙ : กมั มัฏฐานสงั คหวภิ าค ๑ สมถวปิ สฺสานานํ ต่อจากนี้ไป ภาวนานมโิ ต ปรํ ข้าพเจ้า (ผชู้ ื่อว่า อนุรุทธาจารย)์ กมฺมฏฺ านํ ปวกฺขามิ จกั กลา่ วกัมมัฏฐานแมท้ งั้ ๒ อยา่ ง ทุวิธมปฺ ิ ยถากฺกมํ แหง่ ภาวนา ๒ คอื สมถภาวนาและ วปิ ัสสนาภาวนา ๒ อิทฺธวิ ธิ า ทพิ พฺ โสตํ อภญิ ญามี ๕ อยา่ ง คือ ปรจิตตฺ วิชานนา อิทธิวิธิ ทิพพโสตะ ปุพเพนิวาสานสุ สฺ ติ ปรจิตตวิชชา ทิพฺพจกขฺ ูติ ปญฺจธา ปพุ เพนวิ าสานุสติญาณ ทิพพจกั ษุ ๓ โอภาโส ปตี ิ ปสสฺ ทฺธิ วิปัสสนูปกเิ ลส ๑๐ คอื โอภาส ปีติ อธิโมกโข จ ปคคฺ โห ปสั สทั ธิ สขุ ํ ญาณมุปฏฺ าน อธิโมกข์ ปคั คหะ มเุ ปกฺขา จ นิกนฺติ สุ ญาณ อปุ ัฏฐาน อุเบกขา นกิ นั ติ 81
พระพิธธี รรม ๔ มคฺคํ ผลญจฺ นพิ ฺพานํ บณั ฑติ (พระอริยบคุ คล) ยอ่ มพจิ ารณา ปจฺจเวกขฺ ติ ปณฺฑิโต มรรค ผล นพิ พาน กิเลสทลี่ ะได้แล้ว ปหีเน เกลฺ เส เสเส จ และกเิ ลสทีเ่ หลือ พจิ ารณากม็ ี ไม่ม ี พิจารณาก็มี ปจฺจเวกฺขติ วา น วา มรรคทง้ั ๔ ทพี่ ระอรยิ บคุ คลพงึ เจรญิ ตาม ๕ ฉพฺพสิ ทุ ธฺ กิ ฺกเมเนวํ ลำ� ดับแหง่ วิสทุ ธหิ กอยา่ งน้ี ท่านเรยี กวา่ ภาเวตพฺโพ จตพุ พฺ โิ ธ ญาณทัสสนวสิ ุทธิ ญาณทสฺสนวสิ ุทธฺ ิ กบ็ คุ คลผปู้ รารถนาความยนิ ดรี สแหง่ การ นาม มคโฺ ค ปวจุ ฺจติ ปฏบิ ัตใิ นพระศาสนา พงึ เจรญิ ภาวนา ๖ ภาเวตพพฺ ํ ปนิจเฺ จวํ ท้ังสองอย่างอันยอดเย่ยี ม ภาวนาทวฺ ยมุตฺตมํ ดงั พรรณนาฉะน้ี ปฏิปตฺตริ สสสฺ าทํ ในปริจเฉทท่ี ๙ ในพระอภิธัมมตั ถสังคหะ ปตฺถยนเฺ ตน สาสเน ทพี่ ระอนุรทุ ธาจารย์ไดร้ จนาไว้ ๗ อจิ จฺ านรุ ุทธฺ รจเิ ต มี ๖ คาถา อภิธมมฺ ตฺถสงคฺ เห ปริจเฉทที่ ๙ น้ี จบลงโดยย่อแล นวเม ปรจิ เฺ ฉทสมฺ ึ ฉ คาถา สมทุ ฺหตา นวโม ปรจิ เฺ ฉโทยํ สมาเสเนว นิฏฺ โ ต 82
พระพธิ ีธรรม พระสหัสสนยั บทสวดสหัสสนยั ถือเป็นสว่ นหนึง่ ของพระอภิธรรมปิฎก เพราะ เปน็ เนอื้ หาสว่ นหนง่ึ ของคมั ภรี ส์ งั คณี ทไ่ี ดจ้ ำ� แนกกศุ ลจติ ออกเปน็ ๔ ชนดิ ตามภูมิหรือสภาพของจิต ไดแ้ ก่ กามาวจรจิต คือ จติ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั รปู เสียง กล่นิ รส สมั ผัส รปู าวจรจติ คอื จิตของผู้บรรลุ คอื รปู ฌานทงั้ ๔ อรูปาวจรจติ คอื จติ ของผู้บรรลุ คอื อรูปฌานท้ัง ๔ และโลกตุ ตรจติ คือ จติ ของพระอรยิ บคุ คล ตั้งแต่พระโสดาบันขน้ึ ไป ดังน้ัน บทสวดสหัสสนัย กน็ ำ� มาจากส่วนท่ีเรียกวา่ โลกตุ ตรจติ พระสหัสสนัย สทุ ฺธิกปฏปิ ทา (กสุ ลา ธมฺมา อกุสลา ธมมฺ า อพยากตา ธมมฺ า) กตเม ธมเฺ ม กสุ มา ยสมฺ ิง สมเย โลกตุ ตฺ รํ ฌานํ ภาเวติ นยิ ฺยานิกํ อปจยคามิง ทฏิ ฐฺ คิ ตานํ ปหานาย ปฐมาย ภมู ยิ า ปตตฺ ยิ า วิวิจเฺ จว กาเมหิ ปฐมํ ฌานํ อปุ สมปฺ ชชฺ วหิ รติ ทกุ ขาปฏปิ ทํ ทนฺธาภญิ ฺญํ ทกุ ขาปฏปิ ทํ ขิปฺปาภิกญฺ ญํ สขุ าปฏปิ ทํ ทนธฺ าภญญฺ ํ สขุ าปฏปิ ทํ ขิปฺปาภิญฺญํ ตสฺมงิ สมเย ผสฺโส โหติ อวิกเฺ ขโป โหติ อิเม ธมฺมา กสุ ลา 83
พระพิธีธรรม กตเม ธมมฺ า กุสลา ยสฺมิง สมเย โลกตุ ฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นยิ ยฺ านกิ ํ อปจยคามิง ทิฏฐฺ คิ ตานํ ปหานาย ปฐมาย ภมู ิยา ปตตฺ ยิ า วิตกฺกวจิ ารานํ วปู สมา ทตุ ยิ ํ ฌานํ ตตยิ ํ ฌานํ จตุตฺถํ ฌานํ ปฐมํ ฌานํ ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมปฺ ชชฺ วิหรติ ทุกํขาปฏิปทํ ทนธฺ าภญิ ฺญํ ทกุ ขฺ าปฏปิ ทํ ขปิ ปฺ าภญิ ญฺ ํ สุขาปฏปิ ทํ ทนธฺ าภญิ ญฺ ํ สขุ าปฏปิ ทํ ขปิ ฺปาภญิ ฺญํ ตสฺมิง สมเย ผสโฺ ส โหติ อวกิ ฺเขโป โหติ อเิ ม ธมฺมา กสุ ลา สุญญฺ ตมลู กปฏปิ ทา กตเม ธมมฺ า กุสลา ยสมฺ ิง สมเย โลกตุ ตฺ รํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานกิ ํ อปจยคามงิ ทิฏฐฺ ิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภมู ิยา ปตตฺ ยิ า วิวิจเฺ จว กาเมหิ ปฐมํ ฌานํ อุปสมปฺ ชฺช วิหรติ ทุกขฺ าปฏปิ ทํ ทนธฺ าภิญฺญํ สุญฺญตํ ทุกฺขาปฏปิ ทํ ขิปปฺ าภญิ ญฺ ํ สุญญฺ ตํ สขุ าปฏปิ ทํ ทนฺธาภิญญฺ ํ สุญญฺ ตํ สขุ าปฏิปทํ ขปิ ปฺ าภญฺญํ สญุ ฺญตํ ตสฺมิง สมเย ผสฺโส โหติ อวกิ เฺ ขโป โหติ อเิ ม ธมฺมา กุสลา กตเม ธมมฺ า กสุ ลา ยสฺมิง สมเย โลกตุ ตฺ รํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานกิ ํ อปจยคามงิ ทฏิ ฐฺ คิ ตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตตฺ ยิ า วิตกฺกวจิ ารานํ วปู สมา ทุติยํ ฌานํ ตติยํ ฌานํ จตตุ ถฺ ํ ฌานํ ปฐมํ ปญจฺ มํ ฌานํ อปุ สมฺปชชฺ วิหรติ ทกุ ฺขาปฏปิ ทํ ทนฺธาภิญฺญํ สุญฺญตํ ทุกขฺ าปฏปิ ทํ ขปิ ฺปาภิญญฺ ํ สญุ ฺญตํ สุขาปฏิปทํ ทนฺธาภญิ ญฺ ํ สญุ ฺญตํ สขุ าปฏปิ ทํ ขปิ ปฺ าภญิ ญฺ ํ สญุ ฺญตํ ตสมฺ ิง สมเย ผสฺโส โหติ อวกิ เฺ ขโป โหติ อิเม ธมฺมา กุสลา 84
พระพธิ ีธรรม อปปฺ ณิหิตปฏปิ ทา กตเม ธมฺมา กุสลา ยสมฺ งิ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยยฺ านิกํ อปจยคามิง ทฏิ ฐฺ คิ ตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตตฺ ยิ า ววิ ิจเฺ จว กาเมหิ ปฐมํ ฌานํ อปุ สมปฺ ชชฺ วิหรติ ทุกฺขาปฏปิ ทํ ทนฺธาภญิ ญฺ ํ อปฺปณหิ ิตํ ทุกฺขาปฏิปทํ ขปิ ปฺ าภิญญฺ ํ อปปฺ ณหิ ิตํ สุขาปฏปิ ทํ ทนธฺ าภิญฺญํ อปปฺ ณิหติ ํ สขุ าปฏิปทํ ขิปปฺ าภญิ ฺญํ อปฺปณิหติ ํ ตสมฺ ิง สมเย ผสโฺ ส โหติ อวกิ เฺ ขโป โหติ อิเม ธมฺมา กสุ ลา กตเม ธมฺมา กุสลา ยสฺมงิ สะมะเย โลกุตตฺ รํ ฌานํ ภาเวติ นยิ ยฺ านกิ ํ อปจยคามิง ทฏิ ฺฐิคตานํ ปหายนาย ปฐมาย ภมู ยิ า ปตตฺ ิยา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา ทตุ ิยํ ฌานํ ตติยํ ฌานํ จตตุ ฺถํ ฌานํ ปฐมํ ฌานํ ปญฺจะมํ ฌานํ อุปสมปฺ ชชฺ วหิ รติ ทุกขาปฏปิ ทํ ทนธฺ าภญิ ฺญํ อปปฺ ณหิ ิตํ ทุกขาปฏิปทํ ขปิ ปฺ าภิญญฺ ํ อปฺปณหิ ติ ํ สขุ าปฏิปทํ ทนธฺ าภิญฺญํ อปปฺ ณิหติ ํ สขุ าปฏปิ ทํ ขปิ ฺปาภิญฺญํ อปปฺ ณหิ ิตํ ตสมฺ ิง สมเย ผสฺโส โหติ อวิกเขโป โหติ อิเม ธฺมมา กสุ ลา อธปิ ติ กตเม ธฺมมา กสุ ลา ยสฺมงิ สมเย โลกตุ ฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยยฺ านิกํ อปจยคามงิ ทฏิ ฐฺ คิ ตานํ ปหานาย ปฐมาย ภมู ิยา ปตฺตยิ า วิวจิ ฺเจว กาเมหิ ปฐหํ ฌานํ อปุ สมฺปชฺช วิหรติ ทกุ ขฺ าปฏิปทํ ทนฺธาภิญญฺ ํ ฉนฺทาธิปตฺเตยฺยํ วิรยิ าธปิ ตฺเตยฺยํ จติ ตฺ าธปิ ตฺเตยฺยํ วิมงสฺ าธปิ ตฺเตยฺยํ ทกุ ฺขาปฏปิ ทํ ขิปปฺ าภญิ ฺญํ ฉนทฺ าธิปตฺเตยฺยํ วริ ยิ าธปิ ตเฺ ตยฺยํ 85
พระพิธีธรรม จติ ฺตาธปิ ตฺเตยยฺ ํ วมิ สํ าธปิ ตฺเตยฺยํ สุขาปฏิปทํ ทนฺธาภิญญฺ ํ ฉนทฺ าธิปตฺเตยฺยํ วิริยาธิปตฺเตยยฺ ํ จิตตฺ าธิปตฺเตยยฺ ํ วิมงฺสาธิปตฺเตยยฺ ํ สขุ าปฏปิ ทํ ขปิ ปฺ าภญิ ญฺ ํ ฉนทฺ าธปิ ตฺเตยฺยํ วิริยาธิปตฺเตยฺยํ จติ ฺตาธิปตเฺ ตยฺยํ วมิ ํสาธติ เฺ ตยยฺ ํ ตสฺมิง สมเย ผสฺโส โหติ อวิกฺเขโป โหติ อเิ ม ธมฺมา กุสลา กตเม ธมฺ มา กสุ ลา ยสมฺ งิ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานกิ ํ อปจยคามิง ทิฏฐฺ ิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมยิ า ปตฺติยา วติ กฺกวจิ ารนํ วปู สมา ทุตยิ ํ ฌานํ ตติยํ ฌานํ จตุตฺถํ ฌานํ ปฐมํ ฌานํ ปญจฺ มํ ฌานํ อุปสมปฺ ชฺช วิหรติ ทกุ ขํ าปฏิปทํ ทนธาภญิ ฺญํ ฉนทฺ าธิปตฺเตยฺยํ วิริยาธิปตฺเตยฺยํ จิตตฺ าธิปตเฺ ตยยฺ ํ วิมํสาธปิ ตเฺ ตยฺยํ ทกุ ฺขาปฏปิ ทํ ขปิ ฺปาภิญญฺ ํ ฉนฺทาธิปตเฺ ตยยฺ ํ วิรยิ าธิปตเฺ ตยฺยํ จิตฺตาธิปตฺเตยฺยํ วมิ ํสาธปิ ตเฺ ตยฺยํ สขุ าปฏปิ ทํ ทนฺธาภิญญฺ ํ ฉนฺทาธปิ ตฺเตยยฺ ํ วิริยาธิปตเฺ ตยฺยํ จติ ตฺ าธิปตเฺ ตยฺยํ วมิ สํ าธปิ ตเฺ ตยยฺ ํ สุขาปฏปิ ทํ ขปิ ฺปาภิญฺญํ ฉนฺทาธปิ ตฺเตยฺยํ วริ ิยาธิปตฺเตยยฺ ํ จติ ฺตาธปิ ตเฺ ตยฺยํ วิมสํ าธิปตฺเตยฺยํ (อทุกฺขมสุขาปฏิปทํ ทนธฺ าภญิ ญฺ ํ ฉนฺทาธปิ ตฺเตยยฺ ํ วริ ยิ าธปิ ตเฺ ตยยฺ ํ จติ ฺตาธปิ ตฺเตยฺยํ วิมสํ าธิปตเฺ ตยยฺ ํ อทุกขฺ มสขุ าปฏปิ ทํ ขปิ ฺปาภิญฺญํ ฉนทฺ าธ-ิ ปตฺเตยฺยํ วริ ิยาธิปตฺเตยยฺ ํ จติ ตฺ าธิปตฺเตยฺยํ วิมสํ าธปิ ตเฺ ตยฺย)ํ ตสมฺ ิง สมเย ผสฺโส โหติ อวกิ เขโป โหติ อิเม ธมฺมา กุสลา ฯ 86
พระพธิ ีธรรม ศราทธพรตคาถา ศราทธพรตถาคา หรอื คาถาศราธพรตธรรมบรรยาย เปน็ การ สวดรบั เทศนใ์ นพระราชพิธอี อกพระเมรุ ซึง่ ถือเปน็ บทสวดในการทำ� บญุ ให้แก่ผู้ท่ีล่วงลับไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระศพ และศพบุคคลส�ำคัญและเดิมมีการกล่าวเป็นบทสวดที่มีความ ไพเราะนา่ ฟังมาก ศราทธพรตคาถาใช้ส�ำหรับสวดในงานพระราช พิธเี ผาศพ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ . ภาสิตา โข เตน ภควตา ชานตา ปสฺ สตา อรหตา สมฺมาสมพฺ ทุ เฺ ธน อยํ ปจฺฉมิ า วาจา หนฺททานิ ภกิ ฺขเว อามนฺตยามิ โว วยธมฺมา สงขฺ ารา อปปฺ มา เทน สมฺปาเทถาต.ิ สพฺเพ สงฺขารา อนจิ ฺจาติ ยทา ปญญฺ าย ปสฺสติ อถ นิพพฺ นิ ทฺ ติ ทกุ ฺเข เอส มคโฺ ค วิสทุ ธฺ ิยา. สพเฺ พ สงขฺ ารา ทุกฺขาติ ยทา ปญญฺ าย ปสฺสติ อถ นิพฺพินทฺ ติ ทุกเฺ ข เอส มคโฺ ค วิสุทธฺ ิยา. สพเฺ พ ธมมฺ า อนตฺตาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ อถ นพิ ฺพนิ ฺทติ ทุกฺเข เอส มคโฺ ค วสิ ทุ ฺธยิ า. วสิ ุทฺธิ สพพฺ เกลฺ เสหิ โหติ ทุกเฺ ขหิ นพิ ฺพตุ ิ เจตโส โหติ สา สนฺติ นิพฺพานมีติ วจุ ฺจติ. เย จ โข สมมฺ ทกขฺ าเต ธมเฺ ม ธมฺมานวุ ตตฺ ิโน 87
พระพธิ ธี รรม เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ มจฺจุเธยยฺ ํ สทุ ุตตฺ รํ อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ อปปฺ มตตฺ า น มยี นตฺ ิ เย ปมตฺตา ยถา มตา. อปปฺ มตฺโต อโุ ภ อตเฺ ถ อธิคณหฺ าติ ปณฺฑิโต ทฏิ เฺ ฐ ธมเฺ ม จ โย อตฺโถ โย จตฺโถ สมฺปรายโิ ก อตถฺ าภิสมยา ธโี ร ปณฺฑิโตติ ปวจุ ฺจติ. เอตตฺ กานมฺปิ ปาฐานํ อตถฺ ํ อญญฺ าย สาธกุ ํ ปฏิปชเฺ ชถ เมธาวี อโมฆํ ชีวิตํ ยะถาติ. วุตฺตเญหฺ ตนตฺ ิปาฐ สนฺตเมตํ ปณตี เมตํ. ยทิทํ สพพฺ สงขฺ ารสมโถ. สพพฺ สงขฺ ารสมโถ. สพฺพูปธิ ปฏินิสสฺ คฺโค. ตณหฺ กฺขโย วริยาโค นิโรโธ นพิ ฺพาน.ํ อตถฺ ิ ภกิ ฺขเว ตทายตน.ํ ยตฺถ เนว ปฐวี น อาโป น เตโช น วาโย. น อากา สานญฺจายตน.ํ น วญิ ญฺ าณญฺจายตนํ. น อากิญฺจญฺญายตน.ํ น เนวสญฺญานาสญญฺ า ยตน.ํ นายํ โลโก. น ปโร โลโก. น อุโภ จนฺทิมสรุ ยิ า. ตทปหํ ภิกขฺ เว เนว อาคตึ วทามิ. น คตึ น ฐติ .ึ น จตุ ึ น อุปปตฺตึ. อป.ปติฏฺฐํ อปฺปวตฺตํ อนารมฺมณ.ํ เอเสวนฺโต ทกุ ขฺ สฺส. คมภฺ ีโร จายํ ธมโฺ ม. ทุททฺ โส ทรุ านโุ พโธ. สนฺโต ปณโี ต. อตกกฺ าวจโร นิปโุ ณ ปณฑฺ ิตเวทนีโยติ. 88
พระพธิ ธี รรม บทสวดคาถาธรรมบรรยาย บทสวดคาถาธรรมบรรยาย เป็นบทสวดรับเทศน์ในพิธีท่ีมี การถวายหรอื แสดงพระธรรมเทศนา โดยการนมิ นต์พระสงฆ์ ๔ รปู สวด คาถาธรรมบรรยาย หลงั จากมกี ารถวายหรอื แสดงพระธรรมเทศนาจบ ในกรณีเป็นงานพระราชพิธีหรืองานท่ีอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์หรือ พระบรมราชานเุ คราะห์ จะตอ้ งนมิ นตพ์ ระสงฆส์ มณศกั ดิ์ พระครสู ญั ญาบตั ร พระครูฐานกุ รม หรอื พระเปรยี ญ ตลิ กฺขณาทิคาถา นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมพฺ ุทฺธสสฺ . สพฺเพ สงขฺ ารา อนิจนฺ าติ, เมอ่ื ใด บคุ คลพจิ ารณาเหน็ ดว้ ยปญั ญาวา่ ยทา ปญญฺ าย ปสสฺ ติ, สงั ขารท้ังปวงไม่เท่ยี ง อถ นพิ พฺ นิ ทฺ ติ ทกุ ฺเข, เมื่อนั้นเขายอ่ มเบ่ือหนา่ ยในทุกข์ เอส มคฺโค วสิ ทุ ฺธิยา, นีเ่ ป็นทางแหง่ ความหมดจด สพเฺ พ สงขฺ ารา ทุกฺขาติ, เมอ่ื ใด บคุ คลพจิ ารณาเหน็ ดว้ ยปญั ญาวา่ ยถา ปญญฺ าย ปสฺสต,ิ สังขารทงั้ ปวงเปน็ ทุกข์ อถ นพิ พฺ ินฺทติ ทกุ เฺ ข, เมื่อน้นั เขายอ่ มเบอื่ หน่ายในทุกข์ เอส มคโฺ ค วสิ ทุ ธฺ ยิ า, นเี่ ป็นทางแหง่ ความหมดจด สพฺเพ ธมมฺ า อนตตฺ าติ, เมอ่ื ใด บคุ คลพจิ ารณาเหน็ ดว้ ยปญั ญาวา่ ยถา ปญฺญาย ปสสฺ ติ, ธรรมทัง้ ปวงเป็นอนัตตา อถ นพิ พฺ นิ ทฺ ติ ทกุ เฺ ข, เมอื่ น้นั เขายอ่ มเบอื่ หนา่ ยในทุกข์ 89
พระพิธีธรรม เอส มคโฺ ค วสิ ุทฺธยิ า, น่เี ป็นทางแหง่ ความหมดจด อปปฺ กา เต มนสุ เฺ สสุ เย ชนา ปารคามโิ น, ในหม่มู นษุ ย์ ชนผูท้ ่ถี ึงฝ่งั มีนอ้ ย อถายํ อติ รา ปชา ตรี เมวานุธาวติ, สว่ นหมูส่ ัตว์นอกนี้ย่อมเลาะไปตามฝงั่ ทัง้ นั้น เย จ โข สมมฺ ทกฺขาเต กช็ นเหล่าใดแล ประพฤตติ ามธรรม ธมเฺ ม ธมมฺ านุวตฺตโิ น, ในธรรมอนั พระสคุ ตเจา้ ตรสั แลว้ โดยชอบ เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ มจฺจุเธยยฺ ํ สุทุตฺตร,ํ ชนเหลา่ น้ันข้ามบว่ งมารท่ขี า้ มได้โดย ยากแล้วจักถึงฝ่งั กณหฺ ํ ธมมฺ ํ วปิ ปฺ หาย สกุ กฺ ํ ภาเวถ ปณฑฺ โิ ต, บณั ฑติ ออกจากอาลัยแลว้ อาศยั ความ ไมม่ ีอาลยั ละ โอภา อโนกมาคมมฺ วเิ วเก ยตถฺ ฑรู ม,ํ ธรรมดำ� แลว้ พงึ เจรญิ ธรรมขาว, ละกาม ท้ังหลายแล้ว ตตรฺ าภริ ตมิ จิ เฺ ฉยยฺ หติ วฺ า กาเม อกญิ จโน, ไม่มีความกังวล, พงึ ปรารถนาความยินดี ในความสงดั ซง่ึ ปรโิ ยทเปยยฺ อตตฺ านํ จติ ตฺ กเฺ ลเสหิ ปณฑฺ โิ ต, ปรารถนาไดย้ าก, พงึ ชำ� ระตนใหผ้ อ่ งแผว้ จากเครอื่ งเศรา้ หมองจิต เยสํ สมโฺ พธิยงฺเคสุ สมฺมา จิตตฺ ํ สุภาวติ ํ, ชนเหลา่ ใดอบรมจิตดว้ ยดโี ดยชอบ ในองค์ธรรมเปน็ เคร่ืองตรสั รู้ อาทานปฏินสิ ฺสคเฺ ค อนุปาทาย เย รตา, ชนเหลา่ ใดไมถ่ อื มนั่ ยนิ ดีแล้วในการ สละคนื ความถอื ม่นั ขีณาสวา ชุตมิ นฺโต ชนเหลา่ นัน้ มีอาสวะส้นิ แลว้ มคี วาม รุ่งเรือง เต โลเก ปรนิ พิ ฺพุตาติ ปรินิพพานแลว้ ในโลก ท�ำนองสวด ใชท้ �ำนองสรภญั ญะ 90
พระพิธธี รรม บทที่ ๕ โกศบรรดาศักด์ิ โกศ๑๕ หมายถึง (น) ท่ีใส่ศพน่ัง เป็นรูปกลมทรงกระบอก ฝาครอบมยี อด ทใี่ สก่ ระดกู ผี มขี นาดตา่ งๆ ฝาครอบมยี อด แตค่ วามหมาย ในท่ีนจ้ี ะหมายถึง โกศทีส่ �ำหรบั ใสศ่ พ มีลกั ษณะเปน็ รปู ทรงกลม มยี อด ซง่ึ โกศท่ีใชอ้ ยู่ในปจั จุบนั ไดแ้ ก่ ๑) พระโกศทองใหญ่ พระราชทานส�ำหรับทรงพระบรมศพ ของพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเดจ็ พระยพุ ราช สมเดจ็ พระบรมราชกุมารี และสมเด็จเจา้ ฟ้า ๒) พระโกศทองน้อย พระราชทานส�ำหรับทรงพระศพสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์ สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ ๓) พระโกศกุด่ันน้อย พระราชทานส�ำหรับทรงพระศพพระเจ้า บรมวงศเ์ ธอ สมเดจ็ พระสังฆราช ผสู้ �ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ที่ถงึ แก่ อสญั กรรมขณะดำ� รงตำ� แหนง่ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั พระราชทานเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ นพรตั นราชวราภรณ์ ๑๕ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. ๒๕๔๖. หน้า ๑๕๖. 91
พระพิธธี รรม ๔) พระโกศมณฑปน้อย พระราชทานส�ำหรับทรงพระศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระราชวงศ์ท่ีเป็นสะใภ้หลวง ซ่ึงได้รับพระราชทาน ตราทตุ ยิ จลุ จอมเกลา้ ประธานองคมนตรแี ละองคมนตรที ถ่ี งึ แกอ่ นจิ กรรม ในขณะด�ำรงต�ำแหน่ง ผู้ท่ีได้รับพระราชทานเครื่องราช อิสรยิ าภรณป์ ฐม จุลจอมเกลา้ ๕) โกศไม้สิบสอง พระราชทานส�ำหรับทรงพระศพสมเด็จ พระราชาคณะ นายกรฐั มนตรี ประธานรฐั สภา ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวุฒสิ ภา ประธานศาลฎกี า ประธานองคก์ รต่างๆ ทก่ี �ำหนดในรัฐ ธรรมนญู ฯ และรัฐมนตรีที่ถงึ แกอ่ สญั กรรมในขณะดำ� รงตำ� แหน่ง ๖) พระโกศราชนกิ ุล พระราชทานสำ� หรบั ราชนกิ ลุ หรือราชนิ ิกุล ทไี่ ดร้ บั เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณป์ ระถมาภรณม์ งกฎุ ไทย ปฐมดเิ รกคณุ าภรณ์ และตราทุติยจุลจอมเกลา้ ๗) พระโกศราชวงศ์ พระราชทานสำ� หรบั พระวรวงศเ์ ธอ หมอ่ มเจา้ ทไ่ี ดร้ บั พระราชทานเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณป์ ระถมาภรณ์ มงกฎุ ไทยขนึ้ ไป หรอื ไดร้ ับพระราชทานตราทุติยจลุ จอมเกลา้ วิเศษ ๘) โกศแปดเหลยี่ ม ปจั จบุ นั ถอื เปน็ โกศทใ่ี ชก้ นั มากจะพระราชทาน ส�ำหรบั ศพพระราชคณะชนั้ เจา้ คณะรอง (หริ ญั บฏั ) ผูท้ ไ่ี ดร้ ับพระราชทาน เครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์ประถมาภรณช์ า้ งเผือก และผู้ที่ไดร้ ับพระราชทาน เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณท์ ตุ ยิ จลุ จอมเกล้าวเิ ศษ 92
พระพธิ ีธรรม ๙) โกศโถ พระราชทานส�ำหรับศพพระราชาคณะชั้นธรรม ผู้ที่ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ และผู้ท่ีได้รับพระราชทานตราทุติยจุลจอมเกล้า (ถา้ เปน็ ราชนกิ ลุ หรอื ราชินิกลุ พระราชทาน โกศราชินิกลุ ) นอกจากนี้ยังมีหีบ เพื่อพระราชทานให้กับผู้ที่ได้รับเคร่ืองราช อิสรยิ าภรณต์ ่างๆ ดังน้ี ๑) หบี ทองทบึ พระราชทานส�ำหรบั ศพหมอ่ มเจ้า เจ้าจอมมารดา เจา้ จอม พระราชาคณะช้ันเทพ ชน้ั ราช และชั้นสามัญ ๒) หีบกุดั่น พระราชทานส�ำหรับศพสตรีที่ได้รับพระราชทาน เคร่ืองราชอิสรยิ าภรณต์ ตยิ จุลจอมเกล้า ๓) หบี เชงิ ชาย พระราชทานสำ� หรบั ศพพระครสู ญั ญาบตั ร พระภกิ ษุ สามเณรเปรยี ญธรรม ๙ ประโยค นายรอ้ ยทหารบก เรอื อากาศ นายรอ้ ย ต�ำรวจ ข้าราชการพลเรือนต้ังแต่ระดับ ๓ และผู้ท่ีได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์เบญจมาภรณ์ช้างเผือก/มงกุฎไทย เบญจมดิเรก คุณาภรณ์ ๔) หีบก้านแย่ง พระราชทานส�ำหรับศพสมาชิกวุฒิสภา และสภาผ้แู ทนราษฎร และผู้วา่ ราชการกรุงเทพมหานคร ซงึ่ ถงึ แกก่ รรม ขณะดำ� รงตำ� แหนง่ ผทู้ ไี่ ดร้ บั พระราชทานเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณจ์ ตั รุ ถาภรณ์ ชา้ งเผอื ก/มงกฎุ ไทย จตตุ ถดเิ รกคณุ าภรณ์ ตรติ าภรณช์ า้ งเผอื ก/มงกฎุ ไทย ตติยจลุ จอมเกล้าซึ่งเป็นตราสืบตระกูล ตติยานจุ ลุ จอมเกล้า และสตรที ีไ่ ด้ รับพระราชทานเครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์จตุตถจุลจอมเกลา้ 93
พระพิธธี รรม ๕) หีบทองลายสลัก พระราชทานส�ำหรับศพบิดามารดาของ ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ องคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานรฐั สภา ประธานสภา ผู้แทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตา่ งๆ ทกี่ ำ� หนดในรฐั ธรรมนญู ฯ รฐั มนตรที ถี่ งึ แกก่ รรมในขณะบตุ รดำ� รงตำ� แหนง่ และผู้ท่ีได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ทวีตยิ าภรณช์ า้ งเผือก/มงกุฎไทย ทุตยิ ดิเรกคณุ าภรณ์ 94
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136