Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รู้ทันโรค 2019 ALL

รู้ทันโรค 2019 ALL

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-10-28 03:16:54

Description: รู้ทันโรค 2019 ALL

Search

Read the Text Version

ขอ้ ควรปฏิบตั เิ มอ่ื เกดิ อาการทอ้ งเสยี 1. ใหผ้ ู้ปว่ ยด่ืมน�้ำ / น้�ำตาลเกลอื แรโ่ ออารเ์ อส บ่อยคร้งั ให้จ�ำนวนทดแทนกบั ทีเ่ สยี ไป 2. หากมอี าการมากขน้ึ เชน่ ถา่ ยเหลวบอ่ ยครงั้ มากข้ึน มีมกู เลอื ด อาเจยี น ไข้สงู ชกั หรอื ซึม ควรรบี พาไปพบแพทย์ 3. งดอาหารท่ีมีรสจัดหรือเผ็ดร้อนหรือของ หมักดอง การปอ้ งกัน 1. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และดื่ม นำ้� สะอาด เชน่ นำ้� ตม้ สกุ ภาชนะทใ่ี สอ่ าหาร ควรล้างให้สะอาดทุกครงั้ กอ่ นใช้ หลีกเลยี่ ง อาหารหมักดอง สุกๆ ดิบๆ อาหารท่ีปรุง ไว้นาน ๆ อาหารทมี่ แี มลงวนั ตอม 2. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้�ำสะอาด ทกุ ครง้ั กอ่ นรบั ประทานอาหาร หรอื กอ่ นปรงุ อาหาร และหลงั เขา้ หอ้ งนำ�้ 3. ถา่ ยลงในสว้ มทถ่ี กู สขุ ลกั ษณะ ไมเ่ ทอจุ จาระ ปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลลงในแม่น�้ำล�ำคลอง หรอื ท้ิงเรีย่ ราด 4. ระวงั ไมใ่ หน้ ำ�้ เขา้ ปาก เมอื่ ลงเลน่ หรอื อาบนำ้� ในล�ำคลอง สอบถาม 5. การรับวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคเป็นทาง ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ ได้ที่ ส�ำนักโรคตดิ ตอ่ ทั่วไป เลือกหน่ึงในการป้องกันโรคเท่านั้น ส่ิงที่ โทรศัพท์ 0-2590-3187 ส�ำคัญที่สุดในการป้องกันคือ ควรเน้นการ ปรับปรงุ สขุ าภิบาล มสี ขุ อนามยั ท่ดี ี 101

เอดส์ (HIV Human Immunodeficiency Virus) เชื้อไวรัสที่ท�ำลายเม็ดเลือดขาวท่ีสร้างภูมิคุ้มกันโรค ท�ำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ท่ีมี เชื้อเอชไอวีจะมีภูมิคุ้มกันต่�ำลง ท�ำให้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย และป่วย เปน็ เอดส์ เอดส์ (AIDS : Acquired Immuno Deficiency Syndrome) อาการภูมิคุ้มกนั บกพร่อง เป็นระยะสุดท้ายของการติดเช้ือเอชไอวี ระบบภูมิคุ้มกันถูกท�ำลาย จนไม่สามารถต้านทานโรคต่างๆ ได้ เช่น วัณโรค ท้องร่วง เย่ือหุ้มสมองอักเสบ มะเร็งตา่ งๆ ฯลฯ 3 ช่องทาง รับเชื้อเอชไอวี 1. มีเพศสัมพนั ธโ์ ดยไม่ใชถ้ ุงยางอนามัย 2. รบั เชอ้ื ทางเลอื ด การใช้เข็มและกระบอกฉีดยารว่ มกัน 3. รบั เชอ้ื จากแมส่ ูล่ ูก หญงิ ต้ังครรภ์ท่ีตดิ เชื้อเอชไอวี สามารถถา่ ยทอดเชอื้ สลู่ ูก ในครรภ์ไดท้ ั้งในชว่ งตง้ั ครรภ์ ขณะคลอด และหลังคลอด โอกาสเสี่ยงการรบั และถ่ายทอดเชือ้ เอชไอวี 1. ปรมิ าณและแหล่งที่อยู่ของเช้อื : การรับเชอ้ื ต้องไดร้ ับปรมิ าณมากพอ ซ่งึ เชอ้ื เอชไอวี พบมากในน้�ำคัดหลั่งต่างๆ ของร่างกาย ไดแ้ ก่ เลอื ด นำ้� เหลือง 102

น้�ำอสุจิ น้�ำในช่องคลอด น้�ำนม แต่ในน�้ำมูก น้�ำลาย อุจจาระ ปัสสาวะ มปี รมิ าณเชือ้ ไมม่ ากพอทจ่ี ะท�ำให้ติดเชื้อได้ 2. คุณภาพของเชื้อ : เช้ือเอชไอวีท่ีถ่ายทอดได้ คือ เชื้อท่ีอยู่ในร่างกายของ มนษุ ยเ์ ทา่ นน้ั เชอื้ ทอี่ ยู่นอกรา่ งกาย บนพื้น หรอื อยู่ในสัตว์อนื่ ๆ เชน่ ยงุ ไมส่ ามารถตดิ ต่อกนั ได้ 3. ช่องทางการติดต่อ : การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การมี เพศสมั พันธ์ทางทวารหนักมีความเสี่ยงสงู การรับเชือ้ ความจรงิ เกีย่ วกบั เอชไอวี และเอดส์ 1. ยุงกัดไม่ท�ำให้ติดเชื้อเอชไอวี ยุงไม่ไช่ใช่พาหะน�ำเช้ือเอชไอวี เช้ือเอชไอวี ไมส่ ามารถแบ่งตัวเพ่ิมจำ� นวนเช้อื หรือมีชวี ิตอยใู่ นตวั ยงุ ได้ 2. คนท่ีมีสุขภาพแข็งแรง อาจมีเชื้อเอชไอวีในร่างกายได้ ซ่ึงในระยะแรก ผตู้ ดิ เชอ้ื สว่ นใหญจ่ ะไมม่ อี าการ แตส่ ามารถถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวไี ด้ จะทราบ ว่าใครมเี ชอื้ เอชไอวหี รือไม่ ตอ้ งตรวจเลอื ดหาเชื้อเอชไอวีเทา่ นนั้ 3. การมีคู่นอนเพียงคนเดียวที่ไม่ติดเช้ือเอชไอว ี เป็นวิธีป้องกันตนเองจาก การติดเชอื้ เอชไอวจี ากเพศสมั พนั ธ์ได้ 4. ถงุ ยางอนามยั สามารถปอ้ งกนั การตดิ เชอ้ื เอชไอวี โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ และการตัง้ ครรภไ์ ด้ ซงึ่ ตอ้ งใชท้ ุกครง้ั ที่มเี พศสัมพันธ์ และใชอ้ ยา่ งถูกวิธี 5. การรบั ประทานอาหารรว่ มกนั กบั ผตู้ ดิ เชอื้ เอชไอว/ี ผปู้ ว่ ยเอดส์ ไมท่ ำ� ใหต้ ดิ เชือ้ เอชไอวี เพราะน้ำ� ลายมีปรมิ าณเชอ้ื น้อยมาก จนไม่ทำ� ให้ติดโรค และใน กระเพาะอาหารจะมกี รดที่ทำ� ลายเชอื้ เอชไอวไี ด้ 103

เคล็ดลับการดูแลสขุ ภาพ : ตรวจเรว็ รกั ษาเรว็ ประเมนิ ความเสีย่ งการติดเชือ้ เอชไอวี ก่อนตรวจเลอื ด หากไม่แน่ใจ สามารถ รบั บริการปรกึ ษาก่อนตรวจได้ ตรวจเร็ว ควรตรวจเลือด เพื่อดูแลสุขภาพ หากรู้สถานะการติดเชื้อเอชไอวี ได้เรว็ จะลดโอกาสถ่ายทอดเช้อื ได้ หรอื หากไม่พบการตดิ เชอื้ เอชไอวี จะได้รู้วิธีการ ป้องกนั ให้ปลอดโรค ปลอดภยั ตลอดไป รกั ษาเรว็ เมอื่ รวู้ า่ ตดิ เชอื้ เอชไอวี สามารถกนิ ยาตา้ นไวรสั ไดท้ นั ทเี พอื่ รกั ษาระดบั ภมู คิ ุม้ กัน ดูแลสุขภาพใหด้ จี ะมชี วี ติ ยืนยาวต่อไปได้ ตรวจ ฟรี รกั ษา ฟรี ทุกสิทธกิ ารรกั ษา ขอรับบรกิ ารไดท้ ี่โรงพยาบาลของรฐั ทกุ แหง่ ยาตา้ นไวรัส กินเพื่อรกั ษาผูท้ ่ไี ด้รับเชอ้ื เอชไอวแี ลว้ ควบคมุ ปริมาณเชอ้ื เอชไอวี และลดการ ถา่ ยทอดเชื้อไปสูผ่ อู้ ืน่ ผตู้ ดิ เช้ือเอชไอวีสามารถกนิ ไดท้ ันทีเมอ่ื มีความพร้อม กนิ เพอ่ื ปอ้ งกันกอ่ นได้รบั เชื้อ ส�ำหรบั ผู้ท่ีมพี ฤติกรรมเส่ยี งสงู เชน่ ผทู้ ีม่ คี ู่นอน มีเชื้อเอชไอวี ผู้ที่คู่นอนหรือตนเองใช้สารเสพติด ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ ถงุ ยางอนามยั ทุกครงั้ กินเพ่ือป้องกันเม่ือได้รับเช้ือเอชไอวี ส�ำหรับผู้ท่ีถูกเข็มเจาะเลือดต�ำ เลือด กระเด็นเข้าตา หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือ ถุงยางอนามัยแตก ควรกนิ ทันทภี ายใน 72 ชัว่ โมงหลังได้รับเชือ้ เอชไอวี การกินยาตา้ นไวรัส จะไดผ้ ลดี ตอ้ งมวี ินยั ใส่ใจตนเอง กนิ ตรงเวลา สมำ�่ เสมอทกุ วัน และต่อเนอื่ ง สอบถาม ขอ้ มูลเพิม่ เติมไดท้ ่ี ส�ำนักโรคเอดส์ วณั โรค และโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ โทรศัพท์ 0-2590-3211 104

โรคไม่ติดตอ่ 105

โรคความดนั โลหติ สูง โรคความดนั โลหติ สงู (Hypertension) เปน็ ภาวะโรคทต่ี รวจพบวา่ คา่ ความดนั โลหติ อยู่ ในระดบั ที่สงู กวา่ ปกตมิ คี า่ เท่ากับหรอื มากกวา่ 140/90 มลิ ลเิ มตรปรอท (ค่าความ ดันโลหติ ปกติ ควรน้อยกวา่ 120/80 มลิ ลิเมตรปรอท เมอื่ มีภาวะความดันโลหติ สูง อยู่เป็นเวลานาน จะย่ิงเพิ่มความเส่ียงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือด ในสมองตบี โรคหวั ใจ โรคไตวาย เส้นเลอื ดแดงใหญ่โปง่ พอง อัมพาต ฯลฯ สาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ไม่ทราบชัดเจน มีส่วนน้อย ทจ่ี ะรสู้ าเหตทุ ท่ี ำ� ใหค้ วามดนั สงู เชน่ ไตวาย เนอื้ งอกของไต มคี วามผดิ ปกตขิ องระบบ ไหลเวยี นโลหติ แตม่ ปี จั จยั เสยี่ งทมี่ คี วามสมั พนั ธต์ อ่ การเกดิ โรคความดนั โลหติ สงู ไดแ้ ก่ อายมุ ากกวา่ 35 ปี มพี อ่ หรือแม่ พี่หรือน้องเปน็ ความดนั โลหติ สงู เบาหวาน และ วิถีชีวิตที่เปล่ียนแปลงไปในลักษณะคนเมืองมากขึ้น เช่น ขาดการออกก�ำลังกาย ภาวะอ้วน ภาวะเครียดเร้ือรัง ด่ืมเคร่ืองด่ืมท่ีมีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เป็นประจ�ำและ รบั ประทานอาหารทม่ี รี สเค็มจดั 106

อาการของโรคความดันโลหติ สูง โรคความดันโลหิตสูงในระยะแรก จะไมแ่ สดงอาการ ผ้เู ปน็ โรคจะมาพบแพทย์ ด้วยโรคอื่น และพบโดยบังเอิญ ส่วนอาการที่อาจพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง คือ ปวดศรี ษะ มนึ งง โดยทวั่ ไปจะปวดบรเิ วณทา้ ยทอย และมกั จะเปน็ ในตอนเชา้ ถา้ ความ ดนั โลหติ สงู มากและเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ จะมอี าการคลน่ื ไส้ และตามวั รว่ มดว้ ย ในบาง รายอาจจะมอี าการอน่ื รว่ มดว้ ย เชน่ เหนอ่ื ยงา่ ยเนอ่ื งจากหวั ใจตอ้ งทำ� งานหนกั เลอื ด ก�ำเดาออก การปฏบิ ัตติ ัวเมอ่ื เป็นโรคความดันโลหติ สูง เมื่อตรวจพบว่าเป็นความดันโลหิตสูง ควรได้รับการรักษาจากแพทย์และ ปฏบิ ัตติ ัวดงั น้ี 1. งดอาหารท่ีมีรสเค็ม เช่น ไข่เค็ม กะปิ เต้าเจ้ียว หมูเค็ม ฯลฯ อาหารที่ รบั ประทานควรปรงุ ด้วยเกลอื หรอื นำ้� ปลาในปรมิ าณน้อยทสี่ ุด 2. ลดอาหารมนั ทกุ ชนดิ และหลกี เลยี่ งไขมนั สตั ว์ เชน่ ขาหมู หมสู ามชนั้ อาหาร ประเภททอดหรือผัด อาหารท่ีปรุงด้วยกะทิ และควรใช้น้�ำมันพืช (ยกเว้น นำ�้ มันปาลม์ และนำ�้ มันมะพร้าว) ในการปรงุ อาหาร 3. ควรรบั ประทานไข่สัปดาห์ละ 1 - 3 ฟอง 4. หลกี เลย่ี งอาหารประเภทแปง้ และนำ�้ ตาล เชน่ ขา้ ว กว๋ ยเตย๋ี ว เกยี้ มอี๋ วนุ้ เสน้ เผอื ก มัน ขนมหวาน และผลไม้ท่ีมีรสหวาน เชน่ ทเุ รยี น ลำ� ไย ลน้ิ จี่ 5. งดบหุ ร่ี และเหลา้ 6. ทำ� จติ ใจใหส้ บายไมเ่ ครยี ดและวติ กกงั วล หลกี เลย่ี งสง่ิ ทจ่ี ะทำ� ใหอ้ ารมณเ์ สยี หงุดหงดิ โมโห ตน่ื เต้น 107

7. ออกก�ำลงั กายอย่างสมำ�่ เสมอโดยการเดนิ ว่งิ ข่ีจกั รยาน โดยเร่ิมทลี ะนอ้ ยๆ และค่อยๆ เพ่ิมขึ้นจนถึง 30 - 45 นาทตี ่อวัน การออกกำ� ลังกายจะช่วยให้ จติ ใจผอ่ นคลายจากความเครยี ด และทำ� ใหห้ วั ใจสบู ฉดี โลหติ ดขี น้ึ แตไ่ มค่ วร ออกก�ำลังกายประเภทที่ต้องออกแรงดึงดัน กล้ันหายใจหรือเบ่ง เช่น การชกั เย่อ ยกนำ�้ หนกั วดิ พ้ืน เป็นต้น 8. สตรีท่ีมีความดันโลหิตสูงจากยาคุมก�ำเนิดควรหยุดยา ปรึกษาแพทย์และ พยาบาลเพื่อหาวิธีการคมุ ก�ำเนิดท่ีเหมาะสม 9. รบั ประทานยาตามทแ่ี พทยแ์ ละพยาบาลแนะนำ� และมาตรวจตามนดั ยาทใ่ี ช้ ในการรกั ษาภาวะความดนั โลหติ สูง ไดแ้ ก่ ยากลอ่ มประสาท เพอื่ ลดความเครยี ดและ ความวิตกกังวล ภายหลังรับประทานยาอาจจะ รู้สึกง่วง จึงไม่ควรขับรถหรือท�ำงานท่ีเสี่ยง อนั ตราย ยาขบั ปสั สาวะ เพอื่ ลดจำ� นวนนำ�้ และเกลอื ในรา่ งกาย ผทู้ ่รี ับประทานยาจะปัสสาวะบ่อยขน้ึ และอาจมีอาการอ่อนเพลีย ท้องอืด หน้ามืด วงิ เวยี น หรอื เปน็ ตะครวิ เนอื่ งจากมกี ารขบั เกลอื แร่ ออกไปทางปัสสาวะ จึงจ�ำเป็นต้องรับประทาน เกลือแร่ทดแทน หรือรับประทานผลไม้ท่ีมี เกลอื แรเ่ ปน็ ประจ�ำ เช่น สม้ กล้วย เป็นต้น ยาลดความดนั โลหติ ภายหลงั รบั ประทาน ยาถ้าสังเกตพบว่ามีอาการหน้ามืด วิงเวียน อาจเปน็ เพราะความดนั โลหติ ลดตำ�่ ลงมากเกนิ ไป 108

ถ้ามีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม ผู้ท่ีมี ความดนั โลหติ สงู อาจจะซอ้ื เครอ่ื งวดั ความดนั โลหติ ไวส้ ำ� หรบั ตรวจสอบความดนั โลหติ ด้วยตนเองและบันทกึ ข้อมูลเพือ่ เปน็ ประโยชน์ในการรกั ษาสำ� หรบั แพทย์ การปอ้ งกนั ความดนั โลหิตสูง 1. การลดนำ�้ หนัก 2. การลดปริมาณเกลอื ในอาหาร 3. การงดหรอื ลดการด่ืมเครื่องด่มื ทม่ี ีแอลกอฮอล์ 4. การออกกำ� ลงั กายอยา่ งสม�่ำเสมอ 5. ไม่เครยี ด ร้จู กั ปลอ่ ยวาง การควบคุมความดันโลหิตให้ปกติอย่าง สมำ่� เสมอ สามารถลดโอกาสเกดิ โรคอมั พฤกษ์ อัมพาต หรือโรคกล้ามเน้ือหัวใจขาดเลือด ได้อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ เป็นข้อเท็จจริง ทางการแพทยท์ ่ีเป็นทีย่ อมรบั กันโดยทัว่ ไป สอบถาม ขอ้ มูลเพม่ิ เติมไดท้ ่ี สำ� นักโรคไม่ตดิ ตอ่ โทรศัพท์ 0-2590-3867 109

โรคเบาหวาน “โรคเบาหวาน” เป็นภาวะท่ีร่างกายมีระดับน�้ำตาล ในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเน่ืองจากการขาดฮอร์โมน อนิ ซลู นิ หรอื ประสทิ ธภิ าพของอนิ ซลู นิ ลดลง เนอ่ื งจาก ภาวะดอื้ ต่ออนิ ซลู นิ ทำ� ใหร้ ะดับน�้ำตาลในเลือดสงู ข้ึน โรคเบาหวานเปน็ โรคเร้อื รงั เมือ่ เป็นเบาหวานแลว้ ไมไ่ ด้ดูแลตนเองเพื่อควบคุม ระดับน�้ำตาล จะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือด สมองและระบบประสาท เชน่ จอประสาทตาเส่อื ม ชาปลายมือปลายเท้า สาเหตุของการเกดิ โรคเบาหวาน โรคเบาหวานมสี าเหตุจากกรรมพันธุ์ ถา้ มพี ่นี อ้ ง พ่อแม่ (ญาติสายตรง) เป็นโรคเบาหวาน จะมีโอกาส หรือความเส่ียงในการเกิดโรคเบาหวานได้มากกว่า คนทไ่ี มม่ ปี ระวตั คิ รอบครวั และในทางกลบั กนั คนทีไ่ ม่มี พอ่ แมพ่ น่ี อ้ งเปน็ กอ็ าจจะเปน็ โรคเบาหวานไดจ้ ากปจั จยั เสี่ยงที่ส�ำคัญ เช่น ความอ้วน ขาดการออกก�ำลังกาย รับประทานอาหารประเภทแป้งหรือน้�ำตาลมากเกินไป 110

ดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์เป็นประจ�ำ ส่วนอีกสาเหตุหน่ึงที่พบ คือ เบาหวานจาก การต้ังครรภ์ เบาหวานจากยา เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาคุมก�ำเนิด บางชนดิ ซงึ่ ทำ� ใหม้ กี ารสรา้ งนำ้� ตาลทตี่ บั มากขน้ึ หรอื ทำ� ใหก้ ารตอบสนองตอ่ อนิ ซลู นิ ลดลง อาการของคนทเ่ี ปน็ โรคเบาหวาน อาการของคนที่เป็นโรคเบาหวานเกิดจากการที่ ระดับน�้ำตาลในเลือดสูงท�ำให้ปัสสาวะบ่อย และอาจ จะพบวา่ ปสั สาวะมมี ดตอม จะหวิ นำ�้ บอ่ ยเนอ่ื งจากตอ้ ง ทดแทนน�้ำท่ีถูกขับออกทางปัสสาวะ ผู้ป่วยจะกินจุ หวิ บ่อย อ่อนเพลยี น้�ำหนักจะลดลง เน่ืองจากร่างกาย น�ำน�้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ จึงมีการสลาย พลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเน้ือ อาการ อน่ื ๆ ทอี่ าจเกิด ไดแ้ ก่ การติดเชอื้ แผลหายชา้ คนั ตาม ผิวหนัง มีการติดเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างย่ิงบริเวณ ช่องคลอดของผู้หญิง ตาพร่ามัว มองภาพไม่ชัด ต้องเปล่ียนแว่นบ่อย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีการ เปลยี่ นแปลงสายตา เชน่ สายตาสนั้ ตอ้ กระจก อาการชา ไม่มคี วามรสู้ ึกเจ็บตามแขนขา เน่อื งจากระดับน้ำ� ตาล ในเลือดสูงนานๆ ทำ� ให้เสน้ ประสาทเสอ่ื ม เกิดแผลท่ี เทา้ ไดง้ า่ ยเพราะไมร่ ้สู ึก หยอ่ นสมรรถภาพทางเพศ 111

การดูแลรักษาเมอื่ เปน็ โรคเบาหวาน 1. การควบคมุ อาหาร เลอื กรบั ประทานอาหารทมี่ คี วามหวานนอ้ ย ปรบั สดั สว่ น อาหารให้เหมาะสม จะท�ำให้การดูดซึมกลูโคสช้าลง ท�ำให้ระดับน้�ำตาล ในเลือดลดลงได้ 2. การออกก�ำลังกาย อยา่ งสม�ำ่ เสมอ 3. การใหย้ ารบั ประทาน ยาจะชว่ ยกระตนุ้ การหลง่ั อนิ ซลู นิ ทำ� ใหม้ กี ารใชก้ ลโู คส มากขน้ึ ลดการสรา้ งกลโู คสใหมใ่ นรา่ งกาย และยบั ยง้ั การดดู ซมึ กลโู คส ทำ� ให้ ระดบั น้�ำตาลตำ่� ลงได้ 4. การฉีดอนิ ซูลนิ เพอื่ ทดแทนอินซูลินท่ีขาดไป อินซูลนิ จะพากลูโคสเขา้ ไปใช้ ในเนื้อเยื่อรา่ งกาย ท�ำให้ระดับนำ�้ ตาลลดลงได้ การปฏบิ ัติตนเพ่ือปอ้ งกนั โรคเบาหวาน ออกก�ำลังกายอย่างสม�่ำเสมอ : การออกก�ำลังกายอย่างสม่�ำเสมอมีผลดี ตอ่ ร่างกายมาก เช่น จะชว่ ยเพม่ิ สมรรถภาพรา่ งกาย ช่วยควบคมุ น�ำ้ หนกั ลดไขมนั เพม่ิ การเผาผลาญพลังงาน เพ่ิมประสิทธิภาพในการใชอ้ นิ ซลู นิ ของรา่ งกาย และชว่ ย ในการควบคมุ ระดบั นำ้� ตาลในเลอื ด จากงานวจิ ยั พบวา่ ไมว่ า่ คณุ จะออกกำ� ลงั กายดว้ ย การวง่ิ วา่ ยนำ�้ ปน่ั จกั รยานหรอื ยกนำ�้ หนกั กส็ ามารถชว่ ยปอ้ งกนั และลดความเสยี่ งของ โรคเบาหวานได้ 112

รบั ประทานอาหารทมี่ กี ากใยสงู : อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ถั่ว, ธัญพืช ผัก ผลไม้หวานน้อย จะช่วยให้ร่างกาย ควบคุมระดับน้�ำตาลได้ดีข้ึน เหตุผลที่ เหน็ ไดช้ ดั อยา่ งหนง่ึ กค็ อื มนั จะชว่ ยทำ� ให้ คุณหิวนอ้ ยลง ลดนำ้� หนกั : นำ้� หนกั สว่ นเกนิ ของคณุ เปน็ อนั ตรายตอ่ รา่ งกาย เพราะจะมโี รคทจี่ ะ ตามมาอีกหลายโรค หนึ่งในโรคน้ันก็คือ เบาหวาน การวิจัยพบว่า กลุ่มคนที่เป็น โรคอ้วน หากสามารถลดน้�ำหนัก ก็จะลด ความเสี่ยงในการเปน็ โรคเบาหวานได้ การตรวจร่างกาย : เมื่อคุณอายุ สอบถาม เกิน 35 ปี คุณก็ควรไปพบแพทย์และ ขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ไดท้ ่ี ตรวจรา่ งกาย อยา่ งนอ้ ยปลี ะครง้ั เพราะ ส�ำนกั โรคไมต่ ิดต่อ ถา้ หากแพทยเ์ รมิ่ พบระดบั ของนำ�้ ตาลใน โทรศัพท์ 0-2590-3867 เลือดท่ีเริ่มผิดปกติก็จะได้ท�ำการรักษา แต่เนิ่นๆ น่ันย่อมดีกว่าการท่ีจะปล่อย ใหล้ กุ ลาม กลายเปน็ โรคอนื่ ๆ ทอ่ี าจตาม มาในภายหลงั มอากยเา่ กกินินไป 113

โรคหัวใจขาดเลือด “โรคหวั ใจขาดเลอื ด” หรอื (Ischemic heart disease ชอื่ ยอ่ IHD) บางคนเรยี กวา่ โรคหลอดเลอื ดแดงโคโรนารี มกั พบมากในคนท่ีมอี ายมุ ากกว่า 30 ปี โรคนเี้ กิดจาก การท่ผี นังด้านในของหลอดเลอื ดแดงท่ีไปเลย้ี งหัวใจ และตบั แขง็ ตวั เนือ่ งจากมไี ขมนั สะสมในผนงั ของหลอดเลอื ดทำ� ใหห้ ลอดเลอื ดหวั ใจคอ่ ยๆ ตบี ลงจนถงึ อดุ ตนั ผสู้ งู อายุ ทกุ คนมกั มภี าวะหลอดเลอื ดแขง็ ตวั ซง่ึ เปน็ ความเสอ่ื มตามธรรมชาติ สำ� หรบั วยั กลางคน (40 - 50 ป)ี กอ็ าจจะเปน็ โรคหวั ใจขาดเลอื ดได้ ยง่ิ ถ้าเป็นคนทีส่ ูบบุหรี่ คนอ้วน คนที่ เครยี ดงา่ ย ขาดการออกกำ� ลงั กาย จะยง่ิ มคี วามเสย่ี งมากกวา่ คนทวั่ ไป อาการเบอื้ งตน้ คอื การเจบ็ แนน่ ทห่ี นา้ อกและอาการเจบ็ รา้ วไปทค่ี อหรอื ขากรรไกร หากเปน็ โรคหวั ใจ ขาดเลอื ดแลว้ มกั จะมอี าการเรอ้ื รงั ตอ้ งเขา้ พบแพทยอ์ ยเู่ สมอ แตถ่ า้ ในรายทเ่ี ปน็ นอ้ ย การดูแลตวั เองกอ็ าจจะทำ� ใหท้ เุ ลาลงได้ สาเหตหุ รอื ปัจจัยเสย่ี งในการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด 1. อายุและเพศ ในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 45 ปี และในผู้หญิงอายุ 55 ปี โดยเพศชายมคี วามเสยี่ งมากกวา่ ผหู้ ญิง 2. มรี ะดบั ไขมันในเลอื ดสูง 3. เปน็ โรคความดนั โลหิตสูง 4. เปน็ โรคเบาหวาน เนอื่ งจากระดบั นำ้� ตาลในเลอื ดสงู เซลลบ์ ผุ นงั หลอดเลอื ด จะทำ� งานผดิ ปกติ ผทู้ เ่ี ปน็ เบาหวานจะมคี วามเสย่ี งในการเกดิ โรคหลอดเลอื ด หวั ใจมากขน้ึ 114

5. การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว หรือ โคเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เนื้อสัตว์ เครอื่ งในสตั ว์ ไขแ่ ดง หอยนางรม ปลาหมกึ และ กุ้ง หรืออาหารท่มี กี ากใยอาหารนอ้ ยเกินไป 6. ขาดการออกกำ� ลงั กาย 7. ผทู้ ่เี ปน็ โรคอ้วน หรอื มีภาวะน้ำ� หนกั เกนิ 8. สบู บหุ รี่ ดืม่ สุรา 9. มปี ระวตั ิญาตหิ รือบุคคลในครอบครัวเป็น โรคหลอดเลอื ดแดงอดุ ตนั หรอื โรคหวั ใจขาดเลอื ด อาการของโรคหัวใจขาดเลอื ด 1. ปวดทต่ี ำ� แหนง่ ยอดอก หรอื ลน้ิ ป่ี เจบ็ ตรงหนา้ อก ซีกซา้ ยตำ� แหน่งหัวใจ 2. มีลักษณะปวดแบบจุกๆ เหมือนถูกบีบ หรือถูก ของกดทับ และมีอาการปวดร้าวขึ้นไปถึงคอ ขากรรไกร หัวไหล่หรือต้นแขน ขณะมีอาการ มักจะมีอาการออ่ นเพลียรว่ มดว้ ย 3. ระยะเวลาปวดจะเกิดคร้งั ละ 2 - 3 นาที อย่าง มากไมเ่ กนิ 15 นาที น่ังพกั สักครกู่ ็จะหายไดเ้ อง 4. อาการเหลา่ นส้ี ามารถกระตนุ้ ไดจ้ าก การทำ� งานหนกั ออกกำ� ลงั กายมากเกนิ ไป มเี พศสมั พนั ธห์ รอื การ มีอารมณโ์ กรธ โมโห ตืน่ เต้น ตกใจ หรือแมแ้ ต่ การกนิ ขา้ วอมิ่ หรอื หลงั จากการอาบนำ้� เยน็ หรอื ถกู อากาศเยน็ กไ็ ด้ 115

การรกั ษาโรคหัวใจขาดเลือด ๑. การรกั ษาด้วยการใช้ยา ๑.๑ ยาเพอ่ื ป้องกันการจบั ตวั ของเกลด็ เลือดกบั ผนังของหลอดเลือดแดง ๑.๒ ยาเพื่อชว่ ยลดอาการเจ็บหน้าอก ๑.๓ ยาเพอ่ื ใชล้ ะลายลม่ิ เลอื ด ๑.๔ ยาอ่นื ๆ ท่ใี ช้รกั ษาภาวะแทรกซอ้ น ได้แก่ ยาขับปสั สาวะ ยาท่ีใช้รกั ษา ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น ยาพวกน้ีถ้าจะใช้ก็ต่อเม่ือมีโรค แทรกซ้อนเกดิ ข้นึ เท่านัน้ ๒. รักษาดว้ ยการขยายเสน้ เลือดหัวใจโดยบอลลูน ๓. การรกั ษาโดยการผ่าตัดต่อเสน้ เลือดหวั ใจใหม่ การป้องกนั โรคหวั ใจขาดเลอื ด 1. งดการสบู บหุ ร่ี และลดการดม่ื เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ 2. อยา่ ปลอ่ ยใหต้ วั เองอว้ น รักษาน�ำ้ หนกั และสุขภาพ อยูเ่ สมอ 3. ลดอาหารที่มีไขมันสูง กะทิ น�้ำมันมะพร้าว น�ำ้ ตาล ของหวาน เพิ่มการกนิ ผกั และผลไม้ใหม้ ากๆ 4. ออกก�ำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วัน ต่อสปั ดาห์ 5. ลดภาวะความเครียดทางอารมณ์ ฝึกสมาธิเพ่ือ ความผอ่ นคลาย ๖. ตรวจร่างกายประจ�ำปี โดยหากมีประวัติญาติหรือ บุคคลในครอบครัว เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ควร ตรวจร่างกายเป็นประจ�ำทุกปี และประเมินโอกาส เสี่ยงตอ่ การเกิดโรคหวั ใจและหลอดเลอื ด สอบถาม 7. ผปู้ ว่ ยโรคความดันโลหติ สงู เบาหวาน หรือมรี ะดบั ขอ้ มูลเพม่ิ เติมได้ท่ี ไขมนั ในเลอื ดสงู ตอ้ งตดิ ตามรกั ษากบั แพทยจ์ ะชว่ ย สำ� นกั โรคไมต่ ดิ ต่อ ปอ้ งกันโรคหวั ใจขาดเลือดหรอื ภาวะแทรกซอ้ นได้ โทรศัพท์ 0-2590-3867 116

โรค จากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดลอ้ ม

โรคจากการประกอบอาชีพ 1. โรคเกดิ จากการประกอบอาชีพ (occupational diseases) หมายถึง โรค หรือความเจ็บป่วยที่เกิดข้ึนกับคน โดยมีสาเหตุประกอบอาชีพเหตุจากการสัมผัส สงิ่ คกุ คามสขุ ภาพในทป่ี ระกอบอาชพี ซงึ่ อาการเจบ็ ปว่ ยเกดิ ขนึ้ กบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านในขณะ ทำ� งานหรอื หลงั จากทำ� งานเปน็ เวลานาน และโรคบางอยา่ งอาจเกดิ ภายหลงั หยดุ การ ท�ำงานหรือลาออกจากงานนั้นๆ แล้ว ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับประเภทของสิ่งคุกคามสุขภาพ ปริมาณสารที่ได้รับ และโอกาสหรือวิธีการท่ีได้รับตัวอย่างของโรคที่ส�ำคัญ เช่น โรคพิษตะกั่ว โรคซิลิโคสสิ (โรคปอดจากฝุ่นหิน) โรคพิษสารท�ำละลายต่างๆ เป็นตน้ 2. โรคเน่ืองจากการประกอบอาชีพ (work-related diseases) หมายถึง โรค หรือความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับคนประกอบอาชีพ โดยมีสาเหตุจากปัจจัยหลายอย่าง ประกอบกันและการประกอบอาชีพเป็นปัจจัยหน่ึงของการเกิดโรค ท้ังนี้ปัจจัยต่างๆ ทมี่ สี ่วนทำ� ให้เกิดโรคอาจได้แก่ พันธกุ รรม พฤติกรรมสขุ ภาพของคนประกอบอาชีพ ท่าทางการประกอบอาชีพ ลักษณะหรือระบบงานที่ไม่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น โรคปวดหลงั จากการประกอบอาชพี โรคความดนั โลหติ สงู เปน็ ต้น โดยสรุปการเกิดโรคจากการประกอบอาชีพ ถ้ามีปัจจัยจากภายนอกมาท�ำให้ เกดิ โรคกถ็ ือเปน็ โรคจากอาชพี เช่น โรคพิษตะก่ัว (ตะกวั่ ไมใ่ ชส่ ารองคป์ ระกอบของ รา่ งกาย) โรคซิลโิ คสิส (โรคปอดจากฝุ่นหนิ ) เป็นตน้ แตถ่ ้ามสี าเหตจุ ากปัจจยั ส่วนตัว ร่วมกับสภาพและสิ่งแวดล้อมการประกอบอาชีพท�ำให้อาการของโรคมากขึ้นหรือ เกิดความผิดปกติชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ถือเป็นกลุ่มโรคเน่ืองจากการประกอบอาชีพ เช่น โรคปวดหลัง ซ่ึงคนที่มีอิริยาบถไม่ถูกต้องมีแนวโน้มปวดหลังได้ง่าย เม่ือต้องมา ประกอบอาชพี รบี เรง่ หรอื ยกยา้ ยของหนกั ๆ กย็ ง่ิ ทำ� ใหป้ วดหลงั งา่ ยขนึ้ หรอื ทำ� ใหอ้ าการ ปวดหลงั กำ� เริบมากขึน้ เป็นตน้ 118

ปจั จยั ทีม่ ีผลท�ำใหเ้ กดิ โรคจากการประกอบอาชพี 1. ปัจจยั สาเหตทุ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั ต้นเหตขุ องโรค ได้แก่ 1.1 ปัจจัยสาเหตุที่มาจากส่ิงคุกคามทางกายภาพ หมายถึง ส่ิงคุกคาม ตวั ตน้ เหตทุ ที่ ำ� ใหเ้ กดิ โรคหรอื การเจบ็ ปว่ ยจากความรอ้ น ความเยน็ แสง เสยี ง ความสนั่ สะเทอื น รังสีฝุ่น ความกดดนั อากาศท่ีผดิ ปกติและความ ไม่เหมาะสมของผูป้ ฏิบัตงิ านกบั ประเภทของงานท่ีทำ� 1.2 ปจั จยั สาเหตุที่มาจากสิ่งคกุ คามทางเคมี หมายถึง สงิ่ คุกคามตัวต้นเหตุ ที่ท�ำให้เกิดโรคหรือความเจ็บป่วยจากการได้รับสารเคมีต่างๆ ที่ใช้ใน กระบวนการผลิตการท�ำงานเขา้ สรู่ า่ งกายในรปู ต่างๆ เช่น สารละลาย ของแขง็ กา๊ ซ หรอื ฝนุ่ ละออง และไอระเหยของสารเคมที ำ� ใหเ้ กดิ อาการ เจ็บปว่ ย 1.3 ปจั จยั สาเหตทุ ม่ี าจากสงิ่ คกุ คามทางชวี ภาพ หมายถงึ สง่ิ คกุ คามหรอื ตวั ตน้ เหตทุ ที่ ำ� ใหเ้ กดิ โรคหรอื ความเจบ็ ปว่ ยจากการทรี่ า่ งกายไดร้ บั เชอ้ื โรค จลุ นิ ทรยี ต์ า่ งๆ ในกระบวนการทำ� งาน เชน่ โรคทเี่ กดิ จากการทำ� งานกบั สัตวพ์ าหะน�ำโรค ปอดอักเสบจากฝ่นุ ฝา้ ย โรคหลอดเลอื ดขอด เพราะ การยืนเปน็ เวลานานๆ และโรคท่เี กิดจากการใช้งานอวยั วะสว่ นใดส่วน หน่งึ ของรา่ งกายซ�้ำซากและนานเกนิ ไป 1.4 ปจั จยั สาเหตทุ มี่ าจากสง่ิ คกุ คามทางจติ วทิ ยาสงั คม หมายถงึ สง่ิ แวดลอ้ ม การท�ำงานทก่ี ่อให้เกดิ ความเครียด (Occupational stress) จากภาวะ ของจิตใจที่ถูกบีบค้ัน เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีระของร่างกายจาก สภาวะแวดล้อม การท�ำงานที่ไม่เหมาะสมการท�ำงานซ้�ำซากงานหนัก เกนิ ไป สมั พนั ธภาพระหวา่ งบคุ คลตา่ งๆในทที่ ำ� งานความรบั ผดิ ชอบสงู บทบาทที่ไม่ชัดเจน ความก้าวหน้าในต�ำแหน่งงานน้อย ซึ่งจะน�ำไปสู่ ความเครยี ดท้ังสนิ้ 2. ปจั จัยสาเหตุเก่ยี วกับตวั ผู้ประกอบอาชพี ไดแ้ ก่ 2.1 เพศ ในสภาวะแวดล้อมของการท�ำงานเดียวกัน ส่วนใหญเ่ พศหญิงมกั มีโอกาสเจบ็ ป่วยเป็นโรคจากการประกอบอาชพี มากกว่าเพศชาย 2.2 อายคุ นทำ� งานทอ่ี ยใู่ นวยั หนมุ่ สาวจะมคี วามแขง็ แรงและมคี วามตา้ นทาน ได้มากกว่าคนทางานที่เป็นผู้เยาว์และผู้สูงอายุ เนื่องจากข้อจ�ำกัดทาง ดา้ นสรรี ะวทิ ยาของรา่ งกาย 119

2.3 สภาวะสขุ ภาพ ผทู้ ม่ี รี า่ งกายไมแ่ ขง็ แรงสมบรู ณม์ โี รคประจำ� ตวั หรอื เคยเปน็ โรคบางอย่างมาก่อนอาจเกดิ อนั ตรายหรอื โรคจากการท�ำงานได้ง่าย 2.4 ระยะเวลาในการทำ� งานแตล่ ะวนั หากมกี ารทำ� งานทเี่ กนิ กวา่ มาตรฐานสากล ก�ำหนดอาจก่อใหเ้ กดิ โรคหรืออันตรายจากการท�ำงานไดม้ ากขน้ึ 2.5 ระยะเวลาทผ่ี ปู้ ระกอบอาชพี ไดป้ ฏบิ ตั งิ าน ทำ� ใหม้ โี อกาสของการเกดิ สะสม ของสงิ่ ทีเ่ ป็นพษิ มากยงิ่ ขึ้นจะทำ� ให้ป่วยเป็นโรคไดง้ ่าย 2.6 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเร่ืองความปลอดภัยในการท�ำงานและวิธีการ ควบคุมป้องกันโรคในการประกอบอาชีพจะช่วยลดภาวะอันตรายและโรค ได้มากขึ้น 2.7 ความไวต่อการแพ้พิษหรือการเกิดโรคของแต่ละคนซ่ึงแตกต่างกัน ซึ่งเป็น เร่ืองท่ีจะต้องให้ความส�ำคัญระมัดระวัง และป้องกันเพื่อมิให้เกิดความไม่ ปลอดภยั ขึ้นได้ 3. ปัจจยั สาเหตเุ กย่ี วกับสังคม เศรษฐกิจ และสิง่ แวดลอ้ มต่างๆ ได้แก่ 3.1 นายจา้ งขาดความรคู้ วามเขา้ ใจเรอ่ื งสขุ ภาพอนามยั และความปลอดภยั อยา่ ง จริงจัง มุง่ หวงั แตผ่ ลประโยชน์ของตน 3.2 หวั หนา้ งานและเพอ่ื นรว่ มงานทสี่ นใจเอาใจใสค่ ำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการ ท�ำงานโดยมีการชว่ ยเหลือ แนะนำ� ตกั เตือน ปฏิบตั ติ นเป็นแบบอย่างที่เหน็ ความสำ� คญั ของความปลอดภยั อยา่ งเครง่ ครดั กจ็ ะชว่ ยลดการเจบ็ ปว่ ยและ โรคจากการประกอบอาชพี ลงได้มาก 120

3.3 เพ่ือนบ้านแหล่งท่ีอยู่อาศัยอาจก่อให้เกิดทัศนคติท่ีไม่ถูกต้องในการ ป้องกนั โรค และการปฏิบตั ติ นทางด้านสขุ ภาพทีถ่ กู สขุ ลกั ษณะ 3.4 เศรษฐกิจ ท�ำให้คนงานต้องท�ำงานล่วงเวลาเพ่ิมมากขึ้นเพ่ือให้ได้เงิน มากขึ้นในการดูแลครอบครวั ขาดการดแู ลบ�ำรงุ รักษาร่างกาย พกั ผ่อน ไม่เพยี งพอ ยอ่ มมโี อกาสท่จี ะเกิดความไม่ปลอดภยั ได้สงู ยิ่งขน้ึ 3.5 ส่ิงแวดล้อมอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพได้ตามสภาวะ การทำ� งานต่างๆ ไดเ้ ชน่ กนั อันตรายหรือส่ิงคุกคามทางสุขภาพจากสภาพ แวดลอ้ มในการท�ำงาน 1. อันตรายจากปจั จัยทางเคมี อันตรายจากปัจจัยทางเคมี ได้แก่ การใช้สารเคมี ตา่ งๆ ในการทำ� งาน เชน่ สารเคมกี ำ� จดั ศตั รพู ชื สารกดั กรอ่ น สารท�ำละลายอินทรีย์ เป็นต้น อาจจะส่งผลกระทบต่อ สุขภาพท้ังในระยะสั้นและระยะยาว อาการที่เกิดขึ้นอาจ แตกต่างกันโดยอาจมีอาการต้ังแต่อาการเล็กน้อยจนถึงขั้น เสียชวี ติ ทงั้ นีข้ ้ึนอยูก่ บั ชนดิ และปริมาณของสารเคมีทไ่ี ดร้ ับ หรือสมั ผสั เข้าสรู่ า่ งกาย การป้องกันอันตรายจากปัจจัยทางสารเคมี ได้แก่ หลีกเล่ียงการใช้สารเคมีท่ีมีพิษร้ายแรง หรือหลีกเลี่ยงการ ใช้สารเคมีโดยไม่จ�ำเป็น ศึกษาวิธีการใช้สารเคมีให้เข้าใจ ก่อนใช้ และใช้อย่างถูกต้องตามค�ำแนะน�ำสวมใส่อุปกรณ์ ปอ้ งกนั อนั ตรายสว่ นบคุ คลทเี่ หมาะสมขณะใชส้ ารเคมี ฯลฯ 2. อันตรายจากปจั จัยทางชวี ภาพ อนั ตรายจากปจั จยั ทางชวี ภาพ ได้แก่ จลุ นิ ทรยี ต์ า่ งๆ เชน่ เชื้อรา เชือ้ แบคทเี รีย ไวรสั เปน็ ตน้ สัตว์ทีเ่ ปน็ พาหะ น�ำโรค และฝุ่นจากพืชหรือสัตว์ ซ่ึงเป็นส่ิงที่ท�ำให้เกิดโรค ตดิ เชอ้ื หรอื โรคภมู แิ พต้ า่ งๆ ได้ รวมทงั้ สตั วม์ พี ษิ ชนดิ ตา่ งๆ ดว้ ย 121

และยังมีโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนท่ีถือว่ามีความเสี่ยงสูง ได้แก่ โรคฉหี่ นูหรอื เลปโตสไปโรซิส ซ่งึ มีรายงานการป่วยสูงเมื่อเทยี บกับ โรคอน่ื ๆ ไขห้ วดั นกซงึ่ เปน็ โรคทม่ี อี ตั ราการปว่ ยตายสงู เชน่ กนั และ ยังมีโรคอน่ื ๆ เช่น โรคแอนแทรกซ์ พยาธิ การติดเชื้อโรคทว่ั ไป การป้องกันอันตรายจากปัจจัยทางชีวภาพ ได้แก่ การปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง หลีกเลี่ยงการสัมผัส โดยตรงและสวมใส่ อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลทุกคร้ังท่ีต้องสัมผัสกับสัตว์ที่ เปน็ พาหะ เชน่ หนา้ กากอนามยั แวน่ ตานริ ภยั เสอื้ คลมุ ถงุ มอื และ รองเทา้ บทู๊ เปน็ ต้น หลกี เลีย่ งการสมั ผสั โดยตรงหรือหลกี เลี่ยงการ เข้าไปในบริเวณท่ีมีสัตว์ป่วยหรือสงสัยว่าป่วย ท�ำการล้างมือทันที และอาบนำ�้ ภายหลงั การทำ� งาน รวมทั้งการควบคมุ สัตว์เล้ยี งไมใ่ ห้ เป็นพาหะของโรค 3. อันตรายจากปัจจัยทางกายภาพ การท�ำงานท่สี มั ผัสกับปจั จัยทางกายภาพ ไดแ้ ก่ ความรอ้ น แสงสว่าง เสียงดัง รังสี ความสั่นสะเทือน ฯลฯ จากการท�ำงาน สมั ผสั เสยี งดงั ตอ่ เนอื่ งเปน็ ระยะเวลานานสง่ ผลกระทบทำ� ใหส้ ญู เสยี การได้ยิน ความรอ้ นหรืออณุ หภูมทิ ่สี งู เกนิ ไปทำ� ใหร้ า่ งกายอ่อนล้า เปน็ ตะครวิ เปน็ ลมหรอื เปน็ ผดผนื่ จากความรอ้ น แสงสวา่ งทจ่ี า้ เกนิ ไปหรือแสงสว่างในการท�ำงานไม่เพียงพอท�ำให้เมื่อยล้าสายตา สมรรถภาพการมองเห็นลดลง ฯลฯ การปอ้ งกนั อนั ตรายจากปจั จยั ทางกายภาพ สามารถปอ้ งกนั ไดโ้ ดยการจดั สภาพ แวดลอ้ มในการทำ� งานใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะงาน ไดแ้ ก่ แยกเอาคนงานหรอื ผปู้ ฏบิ ตั ิ งานออกจากบริเวณท่ีเป็นต้นก�ำเนิดเสียงให้มากที่สุด เพิ่มการระบายอากาศให้ มากขึน้ จดั สภาพแวดลอ้ มหรือเพ่มิ ไฟส่องสว่างเพื่อชว่ ยในการมองเหน็ ทีด่ ี ฯลฯ 4. อนั ตรายจากปจั จัยทางการยศาสตร์ อนั ตรายจากปจั จยั ทางการยศาสตร์ ไดแ้ ก่ ทา่ ทางการทำ� งานทไี่ มเ่ หมาะสมหรอื ลกั ษณะงานทท่ี ำ� ดว้ ย ทา่ ทางอริ ยิ าบถทฝ่ี นื ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ งานทตี่ อ้ งมกี ารบดิ โคง้ งอ ของข้อมือ งอแขน การงอศอก การจับโดยเฉพาะน้ิวมือซ้�ำๆ งานท่ีต้องก้มศีรษะ กม้ หลงั บดิ เอย้ี วตวั เออ้ื มหรอื ยกสง่ิ ของขนึ้ สดุ แขน ฯลฯ ทำ� ใหเ้ กดิ อาการเมอื่ ยลา้ หรอื การอักเสบของระบบกล้ามเนือ้ อาการปวดหลงั ปวดเอว 122

การปอ้ งกนั อนั ตรายจากปจั จยั ทางการยศาสตร์ ไดแ้ ก่ จดั ใหม้ กี จิ กรรมยดื เหยยี ด กล้ามเน้ือในการท�ำงาน การปรับเปลี่ยนท่าทางการท�ำงานหรืออิริยาบถไม่ให้ฝืน ธรรมชาติ จดั สภาพแวดล้อมในการทำ� งานใหเ้ หมาะสมกับผู้ปฏบิ ตั งิ าน 5. อันตรายจากปัจจยั ทางจิตวทิ ยาสังคม อนั ตรายจากปจั จยั ทางจติ วทิ ยาสงั คม เชน่ ความเครยี ดจากการประกอบอาชพี มักเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ได้แก่ จากราคาผลผลิตตกต่�ำผลผลิตไม่ได้ตามท่ี คาดหวังไว้จนเป็นหน้ีสินท้ังในและนอกระบบ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุ ท�ำให้เกิดอาการ ซึมเศรา้ หรอื พยายามฆ่าตวั ตาย หรอื สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพร่างกาย เช่น อาจปว่ ย เป็นโรคกระเพาะ โรคความดนั โลหติ สูง เป็นตน้ การปอ้ งกนั อนั ตรายจากปจั จยั ทางจติ วทิ ยาสงั คม ไดแ้ ก่ การจดั การปญั หาดา้ น สังคมเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลควรมีการก�ำหนดนโยบายที่เอื้อท้ังในด้านการผลิต และ การตลาดใหผ้ ปู้ ระกอบอาชพี มรี ายไดเ้ พยี งพอสำ� หรบั การเลย้ี งชพี ของครอบครวั ฯลฯ แนวทางการป้องกนั โรคจากการประกอบอาชพี 1. การป้องกนั เพอ่ื ไม่ใหเ้ กิดโรค (Disease prevention) ทำ� ไดโ้ ดยการควบคุม ท้ังที่แหล่งก�ำเนิด (Source) การควบคุมที่ทางผ่าน (Path) การควบคุมท่ีตัวบุคคล (Person) การแก้ไขทางวิศวกรรมหรือด้วยวิธีการทางการบริหารจัดการ (Adminis- trative control) เช่น การกำ� จัดอนั ตรายหรือสงิ่ คุกคามทางสขุ ภาพ การเลอื กใชว้ ัสดุ อปุ กรณห์ รอื เครอื่ งมอื ทปี่ ลอดภยั ในการทำ� งาน การลดหรอื หลกี เลยี่ งการใชส้ ารเคมที ี่ มีพิษร้ายแรง การปรับปรงุ สภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 2. การสง่ เสรมิ สขุ ภาพหรือการสร้างเสรมิ สุขภาพ (Health promotion) ท�ำได้ โดยการใช้วิธีการต่างๆ เพ่ือทำ� ให้มีสุขภาพอนามัยที่ดีและแข็งแรงมากข้ึน เช่น การ ออกกำ� ลงั กายในคนทำ� งานยกของหนกั คนกลมุ่ นมี้ โี อกาสเกดิ การบาดเจบ็ ตอ่ กระดกู 123

และกล้ามเน้ือได้มาก ซึ่งกิจกรรมการออกก�ำลังกายหรือการยืดเหยียดกล้ามเน้ือจะ ชว่ ยท�ำให้ความเสย่ี งต่อการเปน็ โรคกระดกู และกลา้ มเน้อื ลดลงได้ การบรโิ ภคอาหาร ท่ีมีประโยชน์ การพักผอ่ นอยา่ งพอเพยี ง เป็นต้น 3. การตรวจหาความผิดปกตใิ หพ้ บ (Early detection) โรคจากการประกอบ อาชพี หรอื โรคทเ่ี กยี่ วเนอื่ งจากการประกอบอาชพี บางอยา่ ง แมว้ า่ จะยงั ไมแ่ สดงอาการ ของโรคแต่หากสามารถตรวจพบต้ังแต่ระยะแรกและรีบเข้าไป ด�ำเนินการแก้ไขก็จะ ท�ำให้สามารถป้องกันไม่ให้ป่วยจนมีอาการได้ เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน ในคนที่ทำ� งาน สัมผสั เสียงดงั หากตรวจพบวา่ ความผดิ ปกตติ ้งั แตร่ ะยะแรก ก็ชว่ ยนำ� ไปสกู่ ารปรบั ปรงุ เพอื่ ลดการสมั ผสั เสยี งดงั ในทที่ ำ� งานทำ� ใหป้ อ้ งกนั อาการหตู งึ จากการ ท�ำงานสัมผัสเสียงดังได้ เปน็ ต้น 4. การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว (Early treatment) เม่ือเกิดมีอาการ ของโรคเกิดขึ้นแล้ว การตรวจพบและวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มแรกนั้น ท�ำให้สามารถ รกั ษาโรคไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โอกาสการรกั ษาหายกม็ กั จะมมี ากกวา่ การตรวจพบ ในระยะรุนแรง ความยงุ่ ยาก ผลแทรกซ้อน การเกดิ ภาวะทพุ พลภาพ และค่าใช้จา่ ย ในการรักษาก็มักจะน้อยกว่า จึงถือว่าการตรวจวินิจฉัยโรคและรักษาให้ได้อย่าง รวดเร็วนัน้ กเ็ ป็นการปอ้ งกันเชน่ กัน กล่าวโดยสรุปคือ โรคจากการประกอบอาชีพหรือความเจ็บป่วยที่มีสาเหตุ มาจากปจั จัยภายนอก แตถ่ ้ามีสาเหตจุ ากปัจจยั สว่ นตัวร่วมกบั สภาพแวดล้อมในการ ท�ำงานที่ท�ำให้อาการของโรคมากข้ึนหรือเกิดความผิดปกติชัดเจนยิ่งขึ้นถือเป็นกลุ่ม โรคจากการประกอบอาชีพ สอบถาม ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ไดท้ ่ี สำ� นักโรคจากการประกอบอาชพี และส่งิ แวดลอ้ ม โทรศัพท์ 0-2590-3865 124

โรคปอดฝนุ่ หินจากการท�ำงาน (โรคซลิ ิโคสสิ ) โรคปอดฝนุ่ หนิ ทราย (silicosis) คอื โรคชนดิ หนง่ึ ซงึ่ เกดิ จากสดู หายใจเอาฝนุ่ ละออง เล็กๆ ของผลึกซิลิก้าหรือซิลิกอนไดออกไซด์หรือฝุ่นหินทรายอ่ืนๆ เข้าไปในปอด แล้วท�ำให้เกดิ เปน็ เน้ือเยื่อพงั ผืดเป็นจดุ เล็กๆ ในปอดทัง้ 2 ขา้ ง ทำ� ใหม้ ีอาการหายใจ หอบเหนื่อย ทรวงอกขยายตัวได้น้อยลง ท�ำงานเหนื่อยง่าย ไม่มีไข้การตรวจทาง เอกซเรยจ์ ะเหน็ ลกั ษณะโดยเฉพาะของโรคนแ้ี ละมกั เกดิ วณั โรคปอดไดง้ า่ ยกวา่ บคุ คล ท่ัวไป ผู้ประกอบอาชีพที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคปอดฝุ่นหินจากการท�ำงาน ได้แก่ ผู้ท่ี ท�ำงานแกะสลักหิน ผู้ที่ท�ำงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่หรืองานที่เกี่ยวข้องกับ การตดั หิน สกัดหิน โมบ่ ดยอ่ ยหนิ อุตสาหกรรมทำ� แก้ว เซรามกิ ครก กระเบ้อื งทนไฟ วตั ถุทนความรอ้ น เครื่องสขุ ภณั ฑ์ ฯลฯ ฝนุ่ ผงซิลกิ าเขา้ ส่รู า่ งกายได้อย่างไร ผลกึ ซลิ กิ า้ บรสิ ทุ ธจ์ิ ะเขา้ สรู่ า่ งกายในรปู ของฝนุ่ ทมี่ ขี นาดเลก็ มากโดยการหายใจ และเขา้ ไปสะสมตวั อยใู่ นบรเิ วณ ถงุ ลมของปอด ซงึ่ ฝนุ่ ทเี่ ขา้ สถู่ งุ ลมของปอดจะมขี นาด เส้นผา่ ศูนย์กลางท่ีแตกต่างกนั ซ่งึ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนดิ ใหญ่ๆ คอื 1. ฝุ่นท่ีมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 - 15 ไมโครเมตร จะไม่เป็นอันตราย ตอ่ ปอดเนอ่ื งจากฝนุ่ ดงั กลา่ วจะตกคา้ งบนเยอ่ื บหุ ลอดลมเปน็ สว่ นใหญแ่ ละรา่ งกายจะ ขับออกมาส่ภู ายนอกปอดได้ดว้ ยการไอหรือจาม 125

2. ฝนุ่ ทีม่ ขี นาด 0.5 - 5 ไมโครเมตร เปน็ กลมุ่ ของฝนุ่ ส่วนใหญท่ ่เี ข้าถึงถุงลม ของปอดและท�ำให้เกิดปฏิกริ ยิ าตอบสนองจากเนื้อเยือ่ ของปอดได้ 3. ฝุ่นทมี่ ขี นาดน้อยกว่า 0.5 ไมโครเมตร ส่วนใหญ่จะแขวนลอยอยู่ในอากาศ จึงถูกขับออกมาจากปอดพร้อมๆ กับลมหายใจโอกาสท่ีจะตกลงบนถุงลมจึงมีน้อย อาการของโรคปอดฝุ่นหินทราย แบง่ ออกได้เป็น 2 ชนิด - ชนดิ เฉยี บพลนั ไดร้ บั ฝนุ่ หนิ ทรายในปรมิ าณมากๆ ในเวลาสนั้ ๆ อาการ จะปรากฏหลงั การสมั ผสั 1 - 2 สปั ดาห์ - ชนิดเรื้อรัง มีอาการหลังจากได้รับฝุ่นในปริมาณไม่มากนักแต่ได้รับเป็น เวลานาน อาจจะมากกว่า 15 ปขี น้ึ ไป บางรายอาจไม่มอี าการชัดเจน หรอื พบอาการเหนอ่ื ยง่ายเวลาออกแรง ไอแหง้ ๆ แบบเรื้อรังบางครง้ั ไอ เป็นเลอื ด การสงั เกตอาการเบอื้ งต้น 1. มอี าการเหนือ่ ยงา่ ยเวลาออกแรง 2. มีอาการของระบบทางเดินหายใจ ไดแ้ ก่ ไอ หอบ เหนอื่ ย เปน็ ตน้ 3. มีอาการไอแห้งๆ และบางครัง้ อาจมีอาการไอเปน็ โลหิต การปฏบิ ัตติ นหากพบวา่ มีอาการ การปฏิบัติตนหากพบว่ามีอาการควรไปพบแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยที่แน่ชัด มากข้ึน โดยมีแนวทางการตรวจ วินิจฉยั ดังนี้ 1. การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการวินิจฉัยโรค เน่ืองจากโรคปอดฝุ่น หินทรายเป็นโรคท่ีไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้จากประวัติการสัมผัสฝุ่นอาการและ อาการแสดง ดังน้ันกระบวนการที่จะช่วยในการวินิจฉัยขั้นต้นได้ถูกต้องมากข้ึน จึงจ�ำเปน็ ต้องอาศยั การตรวจทางห้องปฏบิ ัตกิ าร และการประเมินผลสภาพแวดลอ้ ม ในการท�ำงาน 126

1.1 การตรวจสมรรถภาพปอด (Lung Function Test) หรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ การ เปา่ ปอด เปน็ การตรวจเพอื่ ประเมนิ ความสามารถในการทำ� งานของปอด ซง่ึ จะชว่ ยในการประเมินความรุนแรงของโรคที่เกิดขึน้ ในปอด 1.2 การเอกซเรย์ปอด เป็นวิธีส�ำคัญในการวินิจฉัยโรค โดยใช้ฟิล์มขนาด มาตรฐานและการใช้การอ่านฟิล์มตามมาตรฐานขององค์การแรงงาน ระหวา่ งประเทศ 1.3 การตรวจชิ้นเนื้อปอด เป็นกระบวนการท่ีช่วยในการวินิจฉัยโรค แต่มี ความเส่ยี งจงึ ไม่นิยมปฏิบตั ิ 2. รับการรักษาโรคนี้เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้การดูแลรักษา ผปู้ ว่ ยโรคนจ้ี งึ เปน็ เพยี งรกั ษาตามอาการแทรกซอ้ นตา่ งๆ ทอี่ าจเกดิ ขน้ึ เชน่ การตดิ เช้อื ของปอด ภาวะการหายใจล้มเหลว เป็นตน้ ดงั น้นั การปอ้ งกนั ก่อนการเกิดโรคจึงนับ วา่ เป็นสิ่งที่มคี วามส�ำคัญมาก จะปอ้ งกันตนเองไม่ให้เกิดโรคไดอ้ ยา่ งไร การปอ้ งกนั ท่ดี ีทสี่ ุด คือ การหลกี เลยี่ งการสูดหายใจเอาฝุน่ ทรายเขา้ สรู่ ่างกาย ซ่ึงหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จ�ำเป็นต้องใช้เทคนิคและวิธีการต่างๆ ในการป้องกันหรือ ลดปริมาณฝุ่นหินทรายท่ีมีอยู่ในบรรยากาศการท�ำงานให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย การปอ้ งกันสามารถท�ำไดด้ ังนี้ 1. การปอ้ งกันทางสิ่งแวดล้อม 1.1 การควบคมุ ปอ้ งกนั ทแ่ี หลง่ กำ� เนดิ ฝนุ่ เชน่ การใชอ้ ปุ กรณป์ ดิ เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ฝุ่นฟุ้งกระจายออกมาจากเคร่ืองจักร 1.2 ควบคุมและป้องกันทางผ่านฝุ่น ได้แก่ สร้าง ก�ำแพงหรือใช้ตาข่ายกั้นขอบข้างเคร่ืองจักรกับ คนท�ำงานในโรงงานโม่บดยอ่ ยหนิ 1.3 ควบคุมและป้องกันท่ีคนท�ำงาน ได้แก่ การใช้ หน้ากากกรองฝุ่นที่สามารถกรองฝุ่นหินได้และ ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก OSHA หรือ NIOSH หรอื ประเทศผ้ผู ลติ การป้องกันทีด่ ีและ ได้ผลมากท่ีสุด คือการจัดการที่ต้นเหตุหากไม่ 127

สามารถดำ� เนนิ การหรอื จัดการได้ทางเลือกต่อมา คอื การใส่หนา้ กาก เพอ่ื ปอ้ งกนั ฝนุ่ แตก่ ารใสห่ นา้ กากเปน็ ทางเลอื กสดุ ทา้ ยทไี่ มไ่ ดผ้ ลเทา่ กบั การจดั การทตี่ น้ เหตุ หากจำ� เปน็ ตอ้ งสวมใสต่ อ้ งตรวจเชค็ หนา้ กากกอ่ น ใชง้ านโดยมวี ิธีปฏิบตั ิดงั นี้ วธิ ีการตรวจเชค็ และการสวมใสห่ นา้ กาก - หงายหนา้ กากขนึ้ ใหส้ ายรดั ทงั้ สองเสน้ ตกหอ้ ยอยา่ งอสิ ระสอดมอื ซา้ ยลอด สายคล้องทัง้ สอง - ประกบหนา้ กากเข้ากับใบหน้าให้ส่วนลา่ งคลมุ คาง และแถบอลมู เิ นียมอยู่ บนสนั จมกู ดงึ สายรัดเสน้ บนไปด้านหลังศีรษะ โดยพาดเฉียงเหนือใบหูจากนั้นดึง สายรดั เสน้ ล่างไปรดั บรเิ วณต้นคอ จัดสายรัดให้เรียบร้อย - ใชน้ ิ้วท้งั สองรดี แถบอลมู ิเนียมใหแ้ นบกับสนั จมูก - ตรวจสอบความแนบสนิทโดยใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบหน้ากาก หายใจ ออกแรงกว่าปกติเล็กน้อย ถ้ามีอากาศรั่วไหลท่ีขอบหน้ากาก ให้รีดแถบอลูมิเนียม หรอื ปรบั ต�ำแหนง่ ของหน้ากากใหม่ 1 2345 128

** การใช้หน้ากากแบบมวี าล์วระบายอากาศจะชว่ ยใหก้ ารหายใจสะดวกขึน้ 2. การป้องกันทางสุขภาพ ตรวจสุขภาพเป็นประจ�ำทุกปี โดยผู้ปฏิบัติงานควรได้รับการตรวจสุขภาพ ทว่ั ไป การเอกซเรยป์ อดและการตรวจสมรรถภาพปอดจากแพทย์ เพอื่ เปน็ การคดั กรอง โรคเบอื้ งตน้ สำ� หรบั ผ้ทู ี่ไดร้ ับการวินิจฉัยจากแพทยว์ า่ ปว่ ยดว้ ยโรคซิลโิ คสสิ ควรไดร้ บั การรักษาและการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยการรักษาตามอาการเพ่ือบรรเทาความ เจ็บป่วยและอาการแทรกซ้อนอ่ืนๆ เพอ่ื ช่วยใหผ้ ู้ป่วยมีอายุยนื ยาวต่อไป 129

บัญญตั ิ 6 ประการ ต้านโรคปอดฝุ่นหินทราย 1. หลีกเล่ยี งไมท่ ำ� งานในสถานท่ีที่มฝี ุ่นหินทราย 2. หากตอ้ งการทำ� งานในสถานทที่ ม่ี ฝี นุ่ หนิ ทรายใหใ้ สห่ นา้ กากกรองฝนุ่ ทไี่ ด้ มาตรฐาน เช่น หนา้ กากกรองฝุน่ N95 ตลอดระยะเวลาที่ท�ำงาน 3. หากท�ำงานในสถานท่ีท่ีมีฝุ่นหินทรายเป็นเวลานานติดต่อกันหลายปีให้ ตรวจสมรรถภาพปอดและเอกซเรย์ปอดเป็นประจ�ำทุกปี 4. ใช้ระบบปิดหรือสเปรย์น�้ำชว่ ยลดฝุน่ 5. ควรงดสบู บหุ รี่ หากมอี าการเจบ็ หนา้ อก ไอเรอ้ื รงั หรอื มเี สมหะใหพ้ บแพทย์ ทันที 6. เมือ่ พบวา่ สมรรถภาพปอดลดลง หรอื พบว่าเป็นโรคปอดระยะเริ่มแรกให้ ยา้ ยไปทำ� งานในสถานทที่ ีไ่ มม่ ฝี นุ่ ที่เป็นพษิ ต่อรา่ งกายและพบแพทย์เพ่อื ท�ำการรักษาอยา่ งสมำ่� เสมอและต่อเนือ่ ง ท่มี า : ส�ำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสง่ิ แวดลอ้ ม. คมู่ อื แรงงานนอกระบบ ปลอดภัยใสใ่ จสขุ ภาพ (กลุ่มอาชพี แกะสลกั หนิ ). พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ : 2559. สอบถาม ข้อมูลเพม่ิ เตมิ ไดท้ ่ี สำ� นกั โรคจากการประกอบอาชพี และส่งิ แวดลอ้ ม โทรศพั ท์ 0-2590-3865 130

โรคพษิ จากสารก�ำจดั ศตั รพู ชื “โรคพิษจากสารก�ำจัดศัตรูพืช” ถือเป็นโรคและการเจ็บป่วยที่เกิดจากการประกอบ อาชพี อยา่ งหนง่ึ เกิดจากการไดร้ บั สมั ผสั สารเคมกี ำ� จัดศตั รูพืชเขา้ สรู่ ่างกาย ทั้งทาง ปาก ผวิ หนัง และการหายใจ ปัญหาสุขภาพที่เกิดข้ึนเน่ืองจากสารเคมีก�ำจัดศัตรูพืช เป็นปัญหาใหญ่และ รนุ แรงมากของสงั คมไทย ซงึ่ หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งและสงั คมไทยยงั ขาดความตระหนกั รว่ มกนั อย่างเพยี งพอ โดยเฉพาะผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนทว่ั ไป ผลกระทบดา้ นสุขภาพจากสารเคมกี ำ� จดั ศัตรูพชื เนื่องจากปัจจุบันมีการน�ำสารเคมีก�ำจัดศัตรูพืชมา ใช้อยา่ งแพรห่ ลาย ทำ� ให้เกิดผลกระทบต่อสขุ ภาพดังนี้ 1. ผลกระทบท่ีเป็นพิษเฉียบพลัน ซึ่งผู้ป่วยจะมี อาการในทันทีหลังจากสัมผัสสารเคมี เช่น คล่ืนไส้ อาเจียน ปวดหวั ปวดกล้ามเนื้อ ท้องร่วง หายใจติดขัด ตาพรา่ เป็นต้น 131

2. ผลกระทบที่เป็นพิษเร้ือรัง ซ่ึงเกิดจากพิษสะสมท่ีก่อให้เกิดโรคหรือปัญหา อ่ืนๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคผิวหนังต่างๆ การเป็นหมัน การพกิ ารของทารกแรกเกดิ หรือการเส่อื มสมรรถภาพทางเพศ เปน็ ต้น การป้องกนั เมอ่ื ต้องท�ำงานเก่ยี วข้องกับสารเคมกี ำ� จัดศตั รพู ืช 1. ก่อนท่ีจะใช้สารเคมีก�ำจัดศัตรูพืช ควรอ่านฉลากท่ีติดมากับภาชนะบรรจุ ให้เขา้ ใจเกี่ยวกบั วธิ ีใช้ การป้องกนั อันตรายและวธิ ีแก้พษิ 2. ผสมสารเคมีก�ำจัดศัตรูพืชให้ถูกต้องตามอัตราส่วนที่ระบุในฉลากและ เตรยี มนำ้� สะอาดไวเ้ พยี งพอสำ� หรบั การชำ� ระลา้ งในกรณเี กดิ เหตฉุ กุ เฉนิ ขนึ้ เชน่ สารเคมีกระเด็นเขา้ ตา หรอื หกเปรอะเปอ้ื นร่างกาย เปน็ ต้น 3. ขณะผสมสารเคมไี มค่ วรใชม้ อื เปลา่ กวน ควรใชไ้ มห้ รอื วสั ดอุ น่ื แทนและควร สวมถุงมอื ทุกครงั้ ในขณะตวงหรอื รินสาร 4. สารเคมีก�ำจัดศัตรูพืชทุกชนิดควรบรรจุในภาชนะที่บรรจุมาแต่เดิม ถ้าจะ ถา่ ยใสภ่ าชนะใหมต่ อ้ งปดิ ปา้ ยบอกชดั เจนวา่ เปน็ สารเคมอี ะไร ปอ้ งกนั การ หยบิ ผดิ และตอ้ งแนใ่ จวา่ ปดิ ฝาสนทิ ไมม่ กี ารรว่ั ซมึ ออกนอกภาชนะภายนอก 5. สารเคมกี ำ� จดั ศตั รพู ชื ทผี่ สมใหพ้ อดหี มดในครง้ั เดยี ว หากใชไ้ มห่ มดควรจดั เกบ็ ใหม้ ดิ ชดิ หา่ งไกลจากเดก็ สตั วเ์ ลย้ี งและไมป่ นเปอ้ื นแหลง่ นำ้� หรอื อาหาร 132

6. ตรวจเช็คอุปกรณ์การฉีดพ่นให้อยู่ในสภาพท่ีดีไม่ช�ำรุดก่อนจะน�ำไปใช้ หา้ มใชเ้ ครอ่ื งมอื หรอื อปุ กรณท์ ม่ี กี ารรวั่ ซมึ ของสารไดท้ ำ� การฉดี พน่ ในกรณี ท่ีหัวฉีดเกิดการอุดตัน ห้ามใช้ปากเป่าหัวฉีดพ่นน้ันแต่ให้ถอดหัวฉีดออก มาทำ� ความสะอาดโดยใชก้ ารแชใ่ นน�ำ้ หรอื ใช้ไม้เขย่ี แล้วล้างน�ำ้ 7. สวมเสื้อผา้ มิดชดิ เชน่ กางเกงขายาว เสือ้ แขนยาว สวมอุปกรณป์ ้องกัน อันตรายส่วนบุคคล เชน่ หน้ากากที่มีไส้กรองอากาศ ถุงมือ หมวก กระบงั ครอบหนา้ หรือแวน่ ตา เป็นตน้ 8. หา้ มกินอาหาร น้ำ� หรือสูบบุหร่ใี นขณะท�ำการผสมสารเคมี 9. ในกรณีท่ีเกษตรมีการสัมผัสสารเคมีทางผิวหนัง ให้ท�ำการช�ำระล้างด้วย น�ำ้ สะอาดนานๆ อย่างนอ้ ย 15 นาที รีบอาบน�้ำฟอกสบเู่ ปลยี่ นเสอื้ ผ้า 10. ไม่ควรฉดี พน่ ในขณะลมแรง หรอื ฝนตกและควรยืนอยู่เหนอื ลมเสมอ สอบถาม ข้อมลู เพ่ิมเติมไดท้ ี่ สำ� นกั โรคจากการประกอบอาชพี และส่งิ แวดลอ้ ม โทรศพั ท์ 0-2590-3865 133

ภยั สขุ ภาพจากปญั หาหมอกควนั “หมอกควนั ” หมายถงึ การสะสมของควนั หรือฝ่นุ ละอองในอากาศ สาเหตสุ �ำคัญที่ ท�ำให้เกิดปัญหาหมอกควันคือการบุกรุกเผาท�ำลายป่าไม้เพื่อประโยชน์ของบุคคลและ กลุ่มบุคคล และการเผาท่ีมีมากเกินไปจนควบคุมไม่ได้ ประกอบกับการเผาเศษวัสดุ ทางการเกษตรเพ่ือเตรียมพื้นที่ในการท�ำการเกษตรในฤดูกาลต่อไป รวมท้ังการเผา เพื่อก�ำจัดขยะบริเวณชานเมืองและในตัวเมืองก็มีส่วนส�ำคัญท่ีท�ำให้เกิดปัญหาหมอก ควนั ได้เช่นกนั ในพ้ืนท่ีภาคเหนือโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และล�ำพูนที่มีลักษณะ ภมู ปิ ระเทศเปน็ แอง่ กระทะ เมอื่ เกดิ การสะสมของมลพษิ ประจวบกบั ความกดอากาศสงู หรอื มวลอากาศเยน็ คอ่ นขา้ งแรงจากประเทศจนี แผล่ งมาปกคลมุ อณุ หภมู แิ ละความชน้ื ทำ� ใหเ้ กดิ หมอกในตอนเชา้ เมอื่ หยดนำ้� ในอากาศรวมตวั กบั ฝนุ่ ละอองและสารมลพษิ ในอากาศจงึ เกดิ หมอกควนั หรอื smog (smoke+ fog) ขน้ึ ท�ำใหเ้ กิดสภาพฟ้าหลัว เหมือนมหี มอกควันปกคลมุ ไปทั้งเมือง 134

ผลกระทบต่อสขุ ภาพจากปัญหาหมอกควนั หมอกควันจัดเป็นมลพิษทางอากาศอย่างหน่ึง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของ ประชาชน โดยเฉพาะผู้ท่มี ภี มู ติ า้ นทานต่�ำ เช่น ผ้สู ูงอายุ เด็กเลก็ และผูป้ ่วยโรคระบบ ทางเดินหายใจ ความเป็นอันตรายของฝุ่นละอองต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับขนาดของ ฝุ่นละอองท่ีเกิดจากการเผาไหม้ ความเข้มขน้ และระยะเวลาท่สี มั ผัส รวมทงั้ สภาพ ร่างกายของผู้รับแต่ละคนด้วย ฝุ่นควันหรือฝุ่นขนาดที่เล็กกว่า 10 ไมครอน ท่ีเกิด จากการเผาไหม้จะสง่ ผลกระทบ ท�ำใหม้ ีอาการทางระบบทางเดนิ หายใจ ทางผิวหนงั อาการทางตา ทำ� ใหเ้ กดิ โรคหวั ใจมากขนึ้ ดว้ ย โดยฝนุ่ จะเขา้ ไปยงั ปอดในถงุ ลม เมอ่ื สงิ่ แปลกปลอมเข้าไป ท�ำให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปก�ำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ และเกิดการ อักเสบในหลอดเลือดได้ ก่อให้เกิดอันตรายต่อปอด เช่น การอักเสบของถุงลมปอด และบางรายอกั เสบมากจนท�ำใหเ้ กิดการหายใจลำ� บากจนถงึ ขัน้ วกิ ฤต หรืออาจทำ� ให้ หลอดเลือดหัวใจอักเสบได้ ซึ่งฝุ่นควันที่เกิดจากการเผาไหม้ในบริเวณภาคเหนือ ก็ท�ำให้เกดิ อาการได้เชน่ เดียวกนั กบั ฝุ่นควนั จากท่อไอเสียรถยนตใ์ นกรุงเทพฯ ได้ ค�ำแนะน�ำการปฏิบัตติ นเพ่อื ลดผลกระทบต่อสขุ ภาพ 1. ควรปดิ ประตู หน้าตา่ ง เพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ให้หมอกควันลอยเขา้ สบู่ า้ น 2. หลีกเล่ียงการออกจากบ้านโดยไมจ่ ำ� เป็น 3. ก่อนออกจากบ้านควรสวมแว่นตา เพ่ือป้องกันการระคายเคืองตา และ สวมหน้ากากอนามัยปอ้ งกันฝนุ่ ละอองท่เี หมาะสม 4. หลีกเลี่ยงการสูดดมละอองควันไฟเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และลดปริมาณ การสดู ดมควนั พิษจากฝนุ่ ละอองเขา้ สู่รา่ งกาย 135

5. หากมอี าการผดิ ปกตหิ ลงั จากสดู ดมฝนุ่ ละอองหมอกควนั เชน่ แนน่ หนา้ อก หายใจติดขัด แสบตา ใหร้ ีบไปพบแพทยท์ นั ที 6. ในชว่ งทมี่ สี ถานการณห์ มอกควนั ควรงดการรองนำ้� ฝนมาใชเ้ พอ่ื การอปุ โภค บรโิ ภคชว่ั คราว 7. หลีกเลี่ยงการเผาขยะหรือวัสดุใดๆ รวมถึงการสูบบุหร่ีที่จะเป็นการเพ่ิม ปัญหาควันมากขึ้น 8. หลกี เลย่ี งการออกกำ� ลงั กายใดๆ หรอื กจิ กรรมทต่ี อ้ งออกแรงมากในบรเิ วณ กลางแจง้ 9. หากขับข่ียานพาหนะในช่วงที่มีหมอกควันควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อป้องกัน อุบัตเิ หตุ 10. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจ�ำตัวเร้ือรัง ควรเตรียมยาประจ�ำตัว ให้เพยี งพอ และหากเกดิ ปัญหาสขุ ภาพควรพบแพทย์ สอบถาม ข้อมูลเพ่ิมเติมไดท้ ี่ ส�ำนกั โรคจากการประกอบอาชีพ และสง่ิ แวดลอ้ ม โทรศพั ท์ 0-2590-3865 136

โรคและภัยจากการทำ� งานในทอ่ี ับอากาศ ทอี่ บั อากาศ ซ่ึงภาษาองั กฤษใช้คำ� วา่ Confined space หมายถงึ ที่ซึง่ มที างเข้าออก จ�ำกัด และมีการระบายอากาศไม่เพียงพอท่ีจะท�ำให้อากาศภายในอยู่ในสภาพถูก สขุ ลักษณะ เชน่ อโุ มงค์ ถ�ำ้ บอ่ หลมุ หอ้ งใต้ดนิ หอ้ งนิรภยั ถงั นำ�้ มัน ถงั หมัก ไซโล ท่อ เตา หรือภาชนะอื่นๆท่ีมีลักษณะคล้ายกัน (กฎกระทรวงเร่ืองมาตรฐานความ ปลอดภัยในที่อบั อากาศปี 2547) สาเหตกุ ารบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากการทำ� งานในท่อี บั อากาศ 1. การขาดออกซเิ จน พบวา่ ประมาณรอ้ ยละ 60 ของการเสยี ชวี ติ ในทอี่ บั อากาศ เกดิ จากการขาดออกซเิ จน ถอื เปน็ สาเหตหุ ลกั ของการเสยี ชวี ติ ในทอ่ี บั อากาศเลยกว็ า่ ได้ การขาดออกซเิ จน ส่วนใหญเ่ กิดจากการทกี่ า๊ ซออกซเิ จน ถูกแทนท่ีด้วยก๊าซอื่น เชน่ ก๊าซมเี ทน ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ กา๊ ซไนโตรเจนไดออกไซด์ เปน็ ตน้ 2. การได้รับสารเคมีหรือก๊าซที่มีพิษ เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ กา๊ ซไฮโดรเจนซลั ไฟด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ กา๊ ซมีเทน ฯลฯ ซง่ึ เปน็ อนั ตรายเม่ือ เข้าสู่ร่างกายจะมีค่าความเข้มข้นเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย สารพิษหลายชนิด ท่ีไม่สามารถมองเห็นได้ หรือได้กล่ิน สามารถท�ำให้เกิดอันตรายใหญ่ๆในสถานท่ี อับอากาศได้ 137

3. ปฏิกิริยาการเผาไหม้ สาเหตุส�ำคัญของการตายในสถานท่ีอับอากาศอีก สาเหตุหนึ่งคือ การเกดิ ไฟ และการระเบดิ โดยมีกา๊ ซ ไอ ละอองทต่ี ิดไฟหรอื ระเบดิ เกนิ กวา่ ร้อยละ 10 ของคา่ ความเข้มขน้ ขน้ั ตำ่� ของสารเคมีแต่ละชนดิ ในอากาศที่อาจ ตดิ ไฟหรอื ระเบดิ ได้ สงิ่ กอ่ เหตคุ อื สารเคมี สี ผลติ ภณั ฑจ์ ากปโิ ตรเลยี ม สารทำ� ละลาย 4. อนั ตรายทางกายภาพอน่ื ๆ เชน่ การจมในของเหลวหรอื กองวตั ถดุ บิ ในไซโล ไฟฟ้าชอ๊ ต อันตรายจากเครือ่ งมอื และการพังทลายของโครงสรา้ ง เป็นต้น มาตรการการควบคมุ ปอ้ งกนั อนั ตรายจากการทำ� งานในสถานทอี่ บั อากาศ มาตรการสำ� หรบั ผู้ประกอบการ/โรงงาน 1. กอ่ นเขา้ ทำ� งานในสถานที่อบั อากาศ - ตรวจวัดสภาพบรรยากาศในสถานท่ีอับอากาศ ได้แก่ ปริมาณก๊าซออกซิเจน ปริมาณสารเคมี อนั ตราย ปรมิ าณกา๊ ซพษิ ความเขม้ ขน้ ของกา๊ ซหรอื ไอระเหยของกา๊ ซที่สามารถลกุ ตดิ ไฟได้ - จัดให้มีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะ เปน็ วธิ กี ารพน่ เปา่ หรอื ไลอ่ ากาศเพอื่ ทำ� ใหป้ รมิ าณ ความเข้มข้นของสารพิษ สารเคมีต่างๆในสถานท่ี อบั อากาศเจอื จางลงในระดบั ทไี่ มส่ ามารถลกุ ตดิ ไฟ หรอื เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ - จดั เตรยี มอปุ กรณป์ อ้ งกนั อนั ตรายสว่ นบคุ คลสำ� หรบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน หรอื อุปกรณเ์ พอ่ื ความปลอดภยั อื่นๆ 138

- เตรียมอปุ กรณ์ช่วยหายใจท่ีเหมาะสมไวพ้ รอ้ มต่อการใช้งาน และควรเป็น ชนดิ ทม่ี อี ากาศหรอื กา๊ ซออกซเิ จนจา่ ยใหแ้ กผ่ ใู้ ชง้ าน ทางทอ่ สง่ หรอื ถงั บรรจุ อากาศ เพื่อปอ้ งกนั ภาวะการขาดออกซิเจนของผปู้ ฏิบัติงาน 2. ขณะทำ� งานในสถานทอ่ี ับอากาศ - จดั ใหม้ กี ารระบายอากาศอยา่ งตอ่ เนอื่ งสมำ�่ เสมอในขณะทม่ี กี ารปฏบิ ตั งิ าน ในสถานที่อับอากาศ - หา้ มกอ่ ใหเ้ กดิ ประกายไฟเพราะสถานทอ่ี บั อากาศในบางลกั ษณะจะมสี าร ไวไฟสะสมอยู่ - จดั ใหม้ สี ายชว่ ยชวี ติ (Life Line) สายเชอื กสง่ สญั ญาณจากตวั ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ในสถานท่ีอับอากาศมายังผู้คอยช่วยเหลือปากทางเพื่อช่วยเหลือผู้ปฏิบัติ งานในกรณฉี กุ เฉนิ - จัดให้มีการส่ือสารหรือการส่งสัญญาณระหว่างผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ อับอากาศกบั บุคคลภายนอกเปน็ ระยะๆ - อปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื ทใ่ี ชป้ ฏบิ ตั งิ านในสถานทอี่ บั อากาศควรเปน็ ชนดิ ทม่ี ี เครอื่ งหมายรบั รองวา่ สามารถปอ้ งกนั การเกดิ ประกายไฟและปอ้ งกนั การ ระเบดิ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพบรรยากาศทีส่ ามารถลุกติดไฟได้ มาตรการสำ� หรับประชาชนทว่ั ไปรวมทั้งกลุ่มแรงงานนอกระบบ 1. ต้องมีการประเมินสภาพความปลอดภัย ในสถานที่อับอากาศ จะต้องด�ำเนินการประเมิน โดยการตรวจวดั ระดบั กา๊ ซพษิ สารไวไฟและปรมิ าณ ก๊าซออกซิเจน โดยใช้เครื่องตรวจวัดระดับก๊าซ แต่หากไม่มีเครื่องมือดังกล่าวสามารถประเมิน เบ้ืองต้น โดยการสังเกตลักษณะของน้�ำ ว่ามีการ เนา่ เสียของซากสัตว์ หรอื ขยะมากนอ้ ยแคไ่ หน ซึ่งดู ได้จากสี และกลิ่นหากมีสีด�ำเข้มและมีกลิ่นเหม็น รุนแรงให้สันนิฐานว่ามีก๊าซไข่เน่าอยู่ห้ามลงไป เดด็ ขาด 139

2. หา้ มทำ� ใหเ้ กดิ ประกายไฟ เชน่ หา้ มสบู บหุ รี่ ในสถานทอ่ี บั อากาศ โดยเฉพาะ บรเิ วณ ท่อ บ่อน�้ำท่ีเน่าเสยี มาก เพราะอาจจะมีกา๊ ซมเี ทนหรอื สารไวไฟอนื่ ๆ อยู่อาจ จะท�ำให้เกิดการระเบิด หรอื เกิดเพลงิ ไหม้ได้ 3. หากจะต้องลงไปท�ำความสะอาดหรือลงไปท�ำงานในสถานท่ีอับอากาศ จะต้องแน่ใจว่าสภาพภายในมีความปลอดภัยและจะต้องมีบุคคลคอยช่วยเหลือที่ เพียงพออยู่ปากทางหรือด้านนอกเพ่ือคอยส่งอุปกรณ์ช่วยเหลือเม่ือจ�ำเป็นและต้อง ผเู้ ชอื กไวท้ เี่ อวของผทู้ จ่ี ะลงไปปฏบิ ตั งิ านเพอื่ ใหผ้ ชู้ ว่ ยเหลอื ซง่ึ อยดู่ า้ นบนรบั ทราบการ เคลอื่ นไหวอยตู่ ลอดเวลา 4. หากมีผู้ได้รับการบาดเจ็บอยู่ในที่อับอากาศห้ามลงไปช่วยเหลือจนกว่า จะแนใ่ จวา่ มกี ารปอ้ งกนั ตนเองทดี่ พี อ เชน่ สวมอปุ กรณป์ อ้ งกนั กา๊ ซพษิ การชว่ ยเหลอื โดยวิธีดงึ เชือกขึ้นมาแทนการลงไปชว่ ยเหลือโดยตรง 5. จัดใหม้ ีสิง่ ปิดกน้ั มิใหบ้ คุ คล ใดเข้าหรือตกลงไปในท่ีอับอากาศ ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ ชอ่ ง โพรง หลมุ ถงั เปดิ เชน่ ทำ� ฝาครอบทอ่ ระบายนำ้� เปน็ ตน้ 6. การป้องกันอันตรายจาก กา๊ ซคารบ์ อนมอนนอกไซด์ ทำ� ไดโ้ ดย การเพ่ิมการระบายอากาศใหเ้ พยี งพอ เชน่ การเปิด ประตู หนา้ ต่าง หากต้อง นอนพกั ในรถยนตห์ า้ มเปดิ แอร์ และให้ เปิดกระจกลงเล็กน้อย 140

กฎหมายท่เี กี่ยวขอ้ งกับการท�ำงานในสถานท่ีอับอากาศ กฎกระทรวงกำ� หนดมาตรฐานในการบรหิ ารและการจดั การดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานในทอ่ี บั อากาศ พ.ศ. 2547 ซงึ่ กฎหมาย ฉบบั นจ้ี ะกลา่ วถงึ อตุ สาหกรรมทมี่ สี ถานทอ่ี บั อากาศอยใู่ นสถานทท่ี ำ� งาน โดยสามารถ สรปุ สาระสำ� คญั ดังน้ี • กฎกระทรวงฉบับนี้ใช้บังคับกับนายจ้างตั้งแต่ 1 คนข้ึนไป ซ่ึงมีสถานท่ี ทำ� งานเปน็ ท่ีอับอากาศ • มีการให้นิยามความหมายของคำ� วา่ สถานท่ีอบั อากาศ • มกี ารก�ำหนดคา่ มาตรฐานทเี่ กย่ี วข้องกับสถานท่ีอบั อากาศ เชน่ ปริมาณ ก๊าซออกซเิ จน ปริมาณก๊าซพิษ ปริมาณกา๊ ซไวไฟ • มีการก�ำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการท�ำงานกับสถานท่ีอับ อากาศ ได้แก่ - ใหม้ กี ารจัดท�ำปา้ ยแจ้งข้อความ “ที่อับอากาศ อันตรายห้ามเข้า” - ขนั้ ตอนการอนุญาตให้ลูกจ้างท�ำงานในทีอ่ ับอากาศ - จดั ให้มกี ารฝึกอบรมความปลอดภยั ในการทำ� งานในท่ีอบั อากาศ - การแตง่ ตง้ั ลกู จา้ งทีม่ ีความรคู้ วามสามารถใหเ้ ปน็ ผู้ควบคมุ งาน - การจัดลูกจ้างท่ไี ด้รบั การอบรมความปลอดภัยในการท�ำงาน ในท่ีอับอากาศเปน็ ผูช้ ่วยเหลอื - การจัดอุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล อปุ กรณ์ช่วยเหลอื และชว่ ยชีวติ ที่เหมาะสม สอบถาม ข้อมลู เพม่ิ เติมได้ที่ ส�ำนักโรคจากการประกอบอาชพี และสิง่ แวดลอ้ ม โทรศพั ท์ 0-2590-3865 141

ภัยสขุ ภาพจากการประกอบกจิ การเหมอื งทองค�ำ กรมทรัพยากรธรณี (2544) รายงานว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ศักยภาพเป็นแหล่งแร่ ทองค�ำ 9 แหล่ง พบท้ังเกิดเป็นแร่ทองแบบปฐมภูมิ และแร่ทองแบบทุติยภูมิ และใน ปัจจุบนั แหล่งทองในประเทศที่มกี ารท�ำเหมอื งทอง อยู่ 2 แหล่ง คือ แหลง่ ทองชาตรี จังหวัดพจิ ติ ร และแหลง่ ทองภูทบั ฟา้ จังหวดั เลย (ปดิ ทำ� การช่ัวคราว) แหลง่ ทองชาตรี เปน็ แหล่งแรท่ อง – เงนิ ตัง้ อย่ใู นเขต ตำ� บลเขาเจด็ ลกู อำ� เภอ ทับคลอ้ จังหวัดพิจติ ร บรษิ ัท อคั รา ไมนง่ิ จ�ำกดั เปน็ บรษิ ัททีไ่ ด้รับสัมประทานการ ทำ� เหมือง ในปี พ.ศ. 2544 โดยการทำ� เหมืองแรท่ องค�ำแบบเหมืองเปิด การท�ำเหมืองแร่ทองค�ำแบบเหมืองเปิด เร่ิมจากการเปิดหน้าดินลงไปเร่ือยๆ จนถึงแหลง่ แร่ทองคำ� ซงึ่ ต้องใชพ้ ื้นทีห่ นา้ เหมืองมาก การท�ำเหมืองแรแ่ บบนี้ ตอ้ งใช้ เคร่อื งมือหนัก เช่น เคร่อื งเจาะ รถขดุ รถตกั รถขนแรข่ นาดใหญ่ ตลอดจนต้องมีการ ระเบิดบริเวณหน้าเหมือง เพ่ือเข้าถึงแหล่งแร่ และท�ำเป็นข้ันบันไดวนลงไปหาแหล่ง แร่ที่อยู่ลึกลงไป รวมทั้งใช้เป็นเส้นทางล�ำเลียงแร่ขึ้นมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการแต่งแร่ ต่อไป 142

การแตง่ แรท่ องคำ� การแยกแรท่ องคำ� ออกมา จากหนิ ทมี่ แี รท่ องคำ� เปน็ สว่ นประกอบ ซง่ึ สว่ นใหญ่ ไมส่ ามารถมองเหน็ ทองคำ� ไดด้ ว้ ยตาเปลา่ ประกอบ ดว้ ย 2 ส่วนหลัก คอื 1. การบดและแยกแร่ โดยใชแ้ รงกลและอาจใชว้ ธิ กี ารใหล้ ะลายดว้ ยสารละลาย ไซยาไนด์ 2. การสกดั แรท่ องคำ� โดยวธิ กี ารทางเคมี โดยใชส้ ารละลายไซยาไนด์ และทำ� ให้ ตกตะกอนโดยใชส้ งั กะสแี ละกำ� มะถนั สว่ นการสกดั แรท่ องคำ� ในระดบั ชมุ ชน หรือแบบด้งั เดิมใชส้ ารปรอทมาจับแร่ทอง สงิ่ คุกคามสขุ ภาพจากการทำ� เหมือง 1. ฝนุ่ ทเี่ กดิ จากกระบวนการทำ� เชน่ การระเบดิ การขนสง่ 2. แร่และแรท่ ่ปี นเปือ้ น 3. ก๊าซทเ่ี กิดจากกระบวนการเหมอื ง 4. ปจั จัยทางกายภาพ เชน่ เสียง ความสนั่ สะเทอื น รงั สี 5. ปัจจัยทางการยศาสตร์ ผลกระทบสุขภาพจากเหมอื งทองค�ำ 1. ไซยาไนด์ (Cyanide) จากกระบวนการแยกแร่ 2. สารปรอท (Mercury) ในกรณใี ช้วธิ สี กัดทองแบบดัง้ เดมิ 3. ทอง 1 ออนซ์ จะก่อให้เกิดของเสียจากแร่อ่ืนๆ ในสายแร่ 30 ตัน โดย โลหะอืน่ ๆ ที่ปนเป้ือน คอื แคดเมย่ี ม ตะกั่ว สงั กะสี สารหนู ทองแดง เซเลเน่ยี ม และ ปรอท 4. ซลั ไฟลท์ ป่ี นเปอ้ื นในแรเ่ หลา่ น้ี เมอื่ ถกู นำ้� และอากาศจะกลายเปน็ กรดซลั ฟรู ิก ซ่ึงจะละลายโลหะออกมามากขึ้น และเพิ่มการปนเปื้อนในน้�ำใต้ดินและน้�ำผิวดิน เรยี กวา่ Acid mine drainage การเฝา้ ระวงั ป้องกนั สขุ ภาพ ท�ำการค้นหาและประเมินความเสี่ยงต่อส่ิงคุกคาม หรือมลพิษในสิ่งแวดล้อม ทมี่ ีผลตอ่ สขุ ภาพ และท�ำการตรวจวัดการปนเปอื้ นของมลพิษในสิ่งแวดล้อม หากพบ ว่ามีการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม จะหามาตรการควบคุมและแก้ไขการดำ� เนินการ 143

เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ การติดตามเฝ้าระวังสภาวะสุขภาพของประชากร กลุ่มเป้าหมาย เพื่อค้นพบปัญหาในระยะเรม่ิ แรก การวินิจฉัยโรคและหาสาเหตุท่กี ่อ ใหเ้ กิดโรค โดยเฉพาะจากมลพิษสง่ิ แวดล้อม และทำ� การรกั ษาพยาบาล สอื่ สารและ ประชาสมั พนั ธแ์ กป่ ระชาชนหรอื ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งเกยี่ วกบั มลพษิ สงิ่ แวดลอ้ ม และสรา้ งและ ประสานเครอื ขา่ ยกบั ภาคที เี่ กยี่ วขอ้ งในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาโรคหรอื ผลกระทบ จากส่ิงแวดล้อม รวมทั้งผลักดันและด�ำเนินแผนงาน โครงการหรือนโยบายในการ ปอ้ งกนั สนบั สนนุ และแก้ไขปญั หาโรค หรอื ผลกระทบจากสง่ิ แวดลอ้ ม สอบถาม ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ ได้ท่ี สำ� นกั โรคจากการประกอบอาชพี และสิง่ แวดลอ้ ม โทรศัพท์ 0-2590-3865 144

ภัยสขุ ภาพและ การบาดเจ็บ

เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ “เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล”์ หมายถงึ เครอื่ งดมื่ ทมี่ เี อทลิ แอลกอฮอลผ์ สมอยู่ ไดแ้ ก่ เบยี ร์ บร่ันดี วิสกี้ ไวน์ เป็นต้น แอลกอฮอลจ์ ะมฤี ทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เนอ่ื งจาก แอลกอฮอล์ไปกดจิตใต้ส�ำนึกท่ีคอยควบคุมตนเองอยู่ แต่เมื่อด่ืมมากฤทธ์ิของ แอลกอฮอลจ์ ะกดสมองและระบบประสาทสว่ นกลาง ทำ� ให้พูดจาไม่ชดั เสียการทรงตัว สายตาพรา่ มวั ขาดสติ ตบั แขง็ และอาจเกดิ อนั ตรายนานปั การตอ่ ผดู้ ม่ื และคนรอบขา้ ง เครื่องด่มื แอลกอฮอลก์ ับสุขภาพ การดม่ื เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลน์ อกจากจะสง่ ผลกระทบ ต่อจิตใจแล้ว ยังเกิดผลเสียต่อร่างกายท�ำให้หลอดเลือด ขยายตัว เกดิ การสูญเสยี ความร้อนจากร่างกาย ท�ำลาย เยื่อบุกระเพาะอาหาร ท�ำให้เกิดอาการอักเสบและเป็น แผลในกระเพาะอาหาร เลือดออกในทางเดินอาหาร ทำ� ใหเ้ กดิ โรคตบั แข็ง มะเร็ง ความดันโลหติ สูง อุบตั ิเหตุ และยังท�ำให้ผู้ด่ืมมีแนวโน้มที่จะท�ำร้ายตัวเองและผู้อ่ืน สตรีต้ังครรภ์ท่ีด่ืมจะส่งผลเสียต่อแม่และการพัฒนาของ ทารกในครรภ์ เดก็ ทดี่ ม่ื เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลจ์ ะทำ� ใหก้ าร พฒั นาของสมองผดิ ปกติ ดงั นนั้ จงึ ไมค่ วรดมื่ อยา่ งเดด็ ขาด 146

ข้อแนะนำ� ในการเลิกเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ วธิ ีเลิกแบบหักดบิ การเลิกเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบหักดิบโดย ทันที เป็นวิธีท่ีเหมาะส�ำหรับผู้ดื่มที่ไม่มีอาการ ถอนพษิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลใ์ นชว่ งเชา้ หลงั ตนื่ นอน เชน่ คลนื่ ไส้ อาเจยี น มอื สนั่ ใจสน่ั เหงอื่ แตก เปน็ ตน้ และไม่เคยมีอาการถอนพิษเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ทรี่ นุ แรงหลงั หยดุ ดมื่ เชน่ อาการชกั กระสบั กระส่าย อย่างรุนแรง สมองสับสน หูแว่วประสาทหลอน เปน็ ตน้ เนอ่ื งจากความเสยี่ งตอ่ การถอนพษิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์อย่างรนุ แรงมีไมม่ าก ลดปรมิ าณการดมื่ การลดปริมาณการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ จะชว่ ยลดความเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคตา่ ง ๆ ลงไดแ้ ละ ช่วยให้สุขภาพดีข้ึน หรือควบคุมโรคท่ีเป็นอยู่ไม่ให้ รุนแรง และเป็นหนทางหนึ่งท่ีช่วยให้สามารถหยุด เครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ไดอ้ ย่างเดด็ ขาด แต่อย่าลมื ว่า ไม่มีปริมาณการด่ืมใดที่ปลอดภัย ผู้ที่ติดเคร่ืองดื่ม แอลกอฮอล์แล้วมักจะไม่ประสบความส�ำเร็จในการ ลดปรมิ าณการดมื่ ลง หนทางทด่ี ที ส่ี ดุ คอื การหยดุ ดมื่ การดม่ื เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลม์ กั ทำ� ใหช้ วี ติ ของ ผู ้ ดื่ ม ต ก ต่� ำ เ พ ร า ะ เ ค ย ชิ น กั บ ก า ร ใ ช ้ เ ค ร่ื อ ง ดื่ ม แอลกอฮอล์เป็นทางออก เปรียบเสมือนเคร่ืองด่ืม แอลกอฮอลเ์ ปน็ ส่วนหนึ่งของชวี ิต การเลกิ เคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์อย่างย่ังยืนไม่ใช่เพียงแค่หยุดดื่มเท่าน้ัน การปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงวถิ ชี วี ติ โดยการออกกำ� ลงั อ่านหนงั สอื ทำ� งานอดเิ รกทช่ี อบ ท�ำใหไ้ ม่คดิ ถึงการ ดื่มเครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ จึงเปน็ วิธที ไี่ ดผ้ ลดที ่สี ุด 147

โปรแกรมการดูแลผู้มปี ัญหาการดื่มสรุ าในระบบสุขภาพ มาตรการคัดกรอง มาตรการ ปญั หาการดม่ื บำ� บดั รกั ษาภาวะ ถอนพษิ สุรา สรุ าและบ�ำบัดแบบสนั้ มาตรการดูแล มาตรการบำ� บัด ระยะยาว รกั ษาและฟน้ื ฟู สภาพ หลงั การรกั ษา 1. มาตรการคัดกรองปัญหาการด่ืมสุราและบ�ำบัดแบบส้ัน เพ่ือค้นหาผู้ท่ีมี ปญั หาจากการดม่ื สรุ าใหไ้ ดต้ งั้ แตร่ ะยะเรมิ่ แรกและใหก้ ารดแู ลรกั ษาเบอ้ื งตน้ 2. มาตรการบำ� บดั รกั ษาภาวะถอนพษิ สรุ า เพอื่ ปอ้ งกนั และรกั ษาภาวะขาดสรุ า และโรคทางกายท่พี บร่วมในผูต้ ิดสุรา 3. มาตรการบ�ำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพ เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจให้ ละ ลด เลกิ ด่ืมในผู้มปี ัญหาการดม่ื สรุ า และปอ้ งกนั การดืม่ ซำ้� 4. มาตรการดแู ลระยะยาวในชมุ ชน เพอื่ ใหผ้ ปู้ ว่ ยสามารถคงอยใู่ นสงั คมไดโ้ ดย ไม่ด่มื สรุ า ที่มา : โปรแกรมการดแู ลผู้มีปัญหาการดืม่ สรุ าในระบบสขุ ภาพ แผนงานการพฒั นาระบบการดูแลผู้มปี ญั หาการดื่มสุรา (ผรส.) 148

สถานบริการให้คำ� ปรกึ ษาและบำ� บัดสรุ ารกั ษาผมู้ ปี ัญหาจากากรด่ืมสุรา การบำ� บดั รกั ษาผตู้ ดิ สรุ าเปน็ สว่ นหนง่ึ ของบรกิ ารดา้ นจติ เวชหรอื บรกิ ารดา้ นการ บ�ำบัดรักษายาเสพติด ผู้ท่ีต้องการเลิกดื่ม สามารถรับบริการได้จากสถานพยาบาล ดงั ต่อไปน้ี 1. โรงพยาบาลสงั กดั สำ� นกั งานกระทรวงสาธารณสขุ ทม่ี คี ลนิ กิ จติ เวชหรอื คลนิ กิ ยาเสพตดิ 2. สถาบันบ�ำบัดรกั ษาและพื้นฟผู ูต้ ิดยาเสพตดิ แห่งชาติ บรมราชชนนี 3. โรงพยาบาลธัญญารกั ษ์ สังกดั กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ 4. โรงพยาบาลเฉพาะทางจิตเวช สังกดั กรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ 5. โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหมและมหาดไทย 6. โรงพยาบาลทเี่ ปน็ โรงเรยี นแพทย์ 7. โรงพยาบาลสงั กัดกรงุ เทพมหานคร กฎหมายเกยี่ วกับการควบคมุ เครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ ประเทศไทยมีพระราชบญั ญัตคิ วบคุมเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งมี หลากหลายประเด็นที่ประชาชนทั่วไปควรรู้ ทั้งการห้ามขายเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ใหแ้ ก่บุคคลซึง่ มีอายุต่�ำกว่า 20 ปบี รบิ ูรณ์ หากฝา่ ฝนื มโี ทษจำ� คุกไม่เกนิ 1 ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ 20,000 บาท หรอื ทงั้ จำ� ทง้ั ปรบั การกำ� หนดเขตหา้ มขายและหา้ มบรโิ ภค เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ เช่น สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานศึกษา สถานท่ี ราชการ รัฐวสิ าหกิจ สวนสาธารณะของทางราชการ สวนสาธารณะของรฐั วสิ าหกิจ และหน่วยงานอ่ืนของรัฐ ที่จัดไว้เพ่ือการพักผ่อนของประชาชน สถานีขนส่ง สถานี รถไฟและในขบวนรถทอ่ี ยู่บนทางรถไฟ ท่าเรอื โดยสารสาธารณะและบนเรือโดยสาร สาธารณะประจ�ำทาง วัด หรือสถานที่ส�ำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น หากฝา่ ฝนื มคี วามผดิ มโี ทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ 6 เดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรอื ทง้ั จำ� ทง้ั ปรับ ฯลฯ สอบถาม ขอ้ มูลเพม่ิ เติมได้ที่ หนว่ ยงาน สำ� นักงานคณะกรรมการ ที่ให้คำ� ปรกึ ษาเกย่ี วกบั ปญั หา ควบคมุ เครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ โทรศพั ท์ 0-2590-3032, เคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์ 0-2590-3373, โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 0-2590-3392 โทรสายดว่ นกรมสขุ ภาพจิต 1323 สายด่วนยาเสพตดิ กรมการแพทย์ 1165 โทรสายด่วนเลกิ สรุ า 1413 149

บุหร่ี ในบหุ ร่ี 1 มวน เมอ่ื เกดิ การเผาไหมจ้ ะทำ� ใหเ้ กดิ สารเคมมี ากกวา่ 7,000 ชนดิ สารหลาย ร้อยชนิด มผี ลต่อการท�ำงานของอวยั วะต่างๆ ในรา่ งกาย และมกี วา่ 60 ชนดิ ทีเ่ ป็น สารกอ่ มะเร็งสารพษิ ทส่ี �ำคญั ในควันบุหร่นี อกจากสารก่อมะเร็ง คอื 1. นิโคติน เป็นสารทีท่ �ำใหเ้ กิดการเสพตดิ และท�ำให้เกดิ โรคหวั ใจ 2. ทาร์ ประกอบดว้ ยสารก่อนมะเรง็ หายชนิด ร้อยละ 50 ของทาร์ จะจับอย่ทู ่ี ปอดท�ำให้แปรงขนออ่ นที่บุเยอื่ หลอดลมไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ 3. คาร์บอนมอนออกไซด์ เป็นก๊าซชนิดเดียวกับที่พ่นออกมาจากท่อไอเสีย รถยนต์ ก๊าซน้ีจะขัดขวางการล�ำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงท�ำให้ร่างกายได้รับ ออกซเิ จน นอ้ ยลงไมต่ ำ่� กว่ารอ้ ยละ 10-15 มผี ลให้หวั ใจท�ำงานหนกั ข้ึน 4. ไฮโดรเจนไซยาไนด์ เป็นก๊าซท่ีท�ำลายเย่ือบุหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ท�ำให้เกดิ อาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอกั เสบเรอื้ รงั 5. ไนโตรเจนไดออกไซด์ เปน็ กา๊ ซทที่ ำ� ลายเยอ่ื บหุ ลอมลมสว่ นปลายและถงุ ลม ทำ� ใหเ้ ป็นโรคถุงลมโปง่ พอง 6. แอมโมเนีย มีฤทธิ์ระคายเคืองเน้ือเยื่อ ท�ำให้แสบตา แสบจมูก หลอดลม อกั เสบ 7. ไซยาไนด์ เปน็ สารพษิ ที่ปกติใช้เปน็ ยาเบือ่ หนู 8. สารกมั มนั ตภาพรงั สโี พโลเนยี ม-210 ทม่ี รี งั สแี อลฟอยู่ เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ของ การเกดิ โรคมะเรง็ 9. ฟอรม์ าร์ลดีไฮด์ เป็นสารทีใ่ ชใ้ นการดองศพ 150


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook