Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

416

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-10-13 04:19:42

Description: 416

Search

Read the Text Version

ไดร บั งบประมาณสนบั สนุนจากกองทนุ ภมู ิปญ ญาการแพทยแผนไทย



































เห็ดเป็นยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพ้ืนบ้าน ชาวบานหาเห็ดถั่วเชาจากในปามาขายขางทาง 17

เห็ดเปน็ ยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพน้ื บ้าน เห็ดจกิ Lopharia papyracea (Jungh.) D.A.Reid ชอื่ ทองถิน่ /ชอ่ื อนื่ ๆ เห็ดกระโดน เหด็ ขอนจกิ Bristly Parchment 18

เหด็ เปน็ ยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพืน้ บ้าน เห็ดจิก Lopharia papyracea (Jungh.) D.A.Reid รปู รา ง/ลกั ษณะ เห็ดจิกขึ้นเปนแผนบางๆ แผกางออกคลายพัด เจริญเชื่อมติด กันเปนแถวยาว ผิวดานบนมีสีน้ำตาลออน มีขนละเอียดและเปนวง คลื่นโคงซอนกันหลายช้ัน เห็ดชนิดน้ีหงายเอาดานลางข้ึนผิดกับเห็ด อ่ืนๆ ดานลางมีผิวเรียบสีน้ำตาลอมมวงออน เม่ือแหงจะเหมือนกับ แผน หนงั แหงบาง ๆ หรือเหมือนแผน กระดาษ แหลงทพ่ี บ เห็ดจิกจะขึ้นบนตนจิกหรือกระโดน (Careya arborea Roxb.) ท่ีแหง เปอยผุพัง ตามปา โคก 19

เห็ดเปน็ ยา เพ่ือสุขภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพน้ื บา้ น การใชประโยชนทางยาตามภูมิปญ ญาหมอพืน้ บา น เห็ดจิกใชเปนสมุนไพรกลางบาน นิยมใชเปนยาถายพยาธิ โดยเฉพาะพยาธิตัวแบน เห็ดชนิดนี้จะมีสาร Polyporic acid ซ่ึงมี คุณสมบตั ิเปน ยาถา ยพยาธิ สตู ร 1 สรรพคุณ แกท อ งรวง ปอ งกนั มะเรง็ ลำไส สว นประกอบ 1. เหด็ จกิ ประมาณ 1 กำมือ 2. น้ำ 1 ลิตร วธิ ที ำ นำเห็ดมาตมในนำ้ 1 ลติ ร เค่ียวจนเหลอื ครง่ึ ลิตร วิธีรับประทาน ด่ืมคร้ังละ 1 แกวเปก กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา-กลางวนั -เย็น จนมีอาการดีขน้ึ สตู ร 2 สรรพคุณ รักษาโรคผิวหนัง เชน กลาก เกลื้อน และปองกันมะเร็ง ผวิ หนงั สวนประกอบ 1. เหด็ จิกเทา หวั แมมือผูปว ย 2. น้ำพอประมาณ วธิ ีทำ นำเหด็ ไปตากลมใหแหง ประมาณ 3 วัน แลว นำไปฝนกบั นำ้ วิธีใช ทาบริเวณที่เปนโรคผิวหนัง วันละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น จนมีอาการดีข้ึน 20

เห็ดเป็นยา เพ่ือสุขภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพ้นื บา้ น สูตร 3 แกโรคกระเพาะเร้ือรงั และปองกันมะเร็งในกระเพาะอาหาร สรรพคณุ สวนประกอบ 1. เหด็ จิก 1 กำมือ 2. นำ้ 1 ลิตร วธิ ีทำ นำมาตมกบั น้ำ 1 ลิตรเคี่ยวจนเหลือครึง่ ลติ ร วิธีรบั ประทาน ดมื่ คร้งั ละ 1 แกว เปก หลังรับประทานสังเกตพบวา มีอาการดขี นึ้ ในทันที ใหด ่มื ยา ตามลงไปอีก 1 แกว ในทันที ใหด่มื ติดตอ กันอยางนอ ย 7 วนั หรือจนอาการดขี ้ึน งานวจิ ยั ทางวิทยาศาสตรท เี่ กยี่ วขอ ง งานวิจยั ทางวิทยาศาสตร (Atta-ur-Rahman. 2003, Jirawongse V., Ramstad E., Wolinsky J.1962) แสดงใหเ ห็นวา สารสกัดจากเห็ดขอนจิกมีกรดพอลิพอลกิ (Polyporic acid) เปน องคป ระกอบ สารชนดิ น้ีมีคุณสมบตั ใิ นการกำจดั พยาธทิ งั้ ตวั กลมและตัวแบน 21

เห็ดเป็นยา เพ่ือสุขภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพน้ื บ้าน เหด็ ขอนชอ้ นซอ้ น Grifola frondosa (Dicks.ex Fr.) Gray ชือ่ ทองถ่นิ /ชื่ออื่นๆ เห็ดขอนซอ น Sheep’s Head Hen of the woods ไมตาเกะ 22

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพืน้ บ้าน เหด็ ขอนช้อนซ้อน Grifola frondosa (Dicks.ex Fr.) Gray รปู รา ง/ลักษณะ ลักษณะของเห็ดเกิดจากดอกเห็ดเล็กๆ จำนวนมากบนกาน ดอกท่ีเกิดจากฐานเดียวกัน โดยหมวกเห็ดที่มีลักษณะเหมือนชอน มาเรียงซอนกัน ตรงกลางเวาจากดานบนลงสูกานดอก ผิวหมวกเห็ด แหง แบนเรียบหรือขรุขระดวยเสนใยตามแนวรัศมี มีสีเทาถึงน้ำตาลอม เทาออน ขอบหมวกเห็ดเปนคลื่น เนื้อเห็ดสีขาว แนน เปราะ รสดีในขณะออน ใตหมวกเห็ดมีรู สีขาว นวลถึงเหลืองครมี โดยรเู รียงตวั กันลงสูก า นดอก แหลงทพ่ี บ พบขน้ึ ใกลๆ โคนตน ไมท ่ีมชี วี ติ อยหู รือตอไม ตามปาโคกหรอื ปา เบญจพรรณ 23

เหด็ เปน็ ยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพืน้ บา้ น การใชป ระโยชนทางยาตามภูมปิ ญญาหมอพ้นื บา น เห็ดขอนชอนซอนหรือเห็ดไมตาเกะเปนเห็ดพื้นเมืองท่ีพบไดทั้งในเขตรอนและเขตอบอุน หมอพ้ืนบาน ใชเสริมภูมติ านทาน งานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรท เี่ กย่ี วขอ ง จากงานวิจัยพบวาสารสกัดจากเห็ดขอนชอนซอนประกอบดวยสารพอลิแซคคารไรด (Polysaccharide) ท่ีมีฤทธิ์ในการยับย้ังเน้ืองอก (antitumor activity) และมีฤทธ์ิในการกระตุน การทำงานของระบบภูมิคุมกัน (immunomodulating activity) ยับย้ังเนื้องอก กระตุนเซลลเม็ด เลือดขาวชนิด ทีเซลล มะเร็งปอด มะเร็งในเลือด กระตุนภูมิคุมกัน กระตุนการเจริญของกระดูกและ เปนยาขับปสสาวะ นอกจากน้ียังพบวาสารสกัดจากเห็ดชนิดนี้ยังชวยลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลใน เลือด ลดไขมันในเสนเลือดและไขมันที่ตับ ทั้งโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอรไรด และมีการศึกษาท่ี ยืนยันผลลดน้ำตาลในเลือดของเห็ดขอนชอนซอนหรือเห็ดไมตาเกะ จากการทดลองในมนุษย (Phase I/II) ในป 2009 พบวาเห็ดขอนชอนซอนหรือเห็ดไมตาเกะสามารถกระตุนภูมิคุมกันในผูปวยมะเร็ง เตานม โดยเห็ดขอนชอนซอนหรือเห็ดไมตาเกะสามารถกระตุน NK cell ลดการกระจายตัวของ เซลลมะเร็ง ลดอาการออนเพลียในผูปวยมะเร็งได สารสำคัญในเห็ดชนิดนี้ท่ีมีฤทธ์ิกระตุนภูมิคุมกัน คอื เบตา -กลูแคน (β-glucan) 24

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพ้นื บา้ น เห็ดขอนหลากสี Trametes versicolor (L.) Lloyd ช่อื ทอ งถ่ิน/ช่อื อื่นๆ เห็ดขอน ในประเทศญี่ปนุ เรยี กวา “kawaratake” (มีความหมายวา รมิ ฝง นำ้ ) สวนจีนเรยี กวา “yun-zhi” (มีความหมายวา เห็ดท่ีมีลักษณะเหมอื นเมฆ) 25

เหด็ เป็นยา เพอื่ สุขภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพน้ื บ้าน เห็ดขอนหลากสี Trametes versicolor (L.) Lloyd รูปราง/ลักษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรูปรางเปนแผนครึ่งวงกลม คลายพัดหรือคลายดอกกุหลาบซอนกัน ขณะออน เหนียวเม่ือแกจะแหงแข็ง คอนขางบาง ผิวหมวกดาน บนหลายสีระหวางขาว เทา นำ้ ตาลเหลือง เหลืองหมน น้ำเงินเขยี ว แดงออ น ดำ หรือสีสนมิ ตัดกันเปน แถบวงสีหลายช้นั อยางชัดเจน ผิวหมวกขรุขระเลก็ นอ ย มีขนเปนกำมะหยี่ส้ันๆ ขอบหมวกเห็ดบางคลายคมมีดมีสีขาวหรือครีมเม่ือแกเปนสีเทา ขอบหมวก หยักเปนลอนหรือคลื่นหลายๆ คลื่นในดอกเดียวกัน เห็ดชนิดน้ีมักเกิดซอนกันเปนกลุม เน้ือเห็ดเหนียว คลายหนังมีสีขาว ใตหมวกเห็ดมีรูกลมเล็กๆ เกือบมองไมเห็น มีสีขาว เมื่อแกจะเปล่ียนเปนสีเหลือง หมน ถงึ น้ำตาลออน กระจายเตม็ พ้ืนที่ ไมมกี านดอกหรอื กานดอกส้ันมากมสี ขี าวครีม แหลง ท่พี บ เกิดเปนกลุมซอนกันหลายๆ ดอก เจริญบนขอนไมหรือทอนไมผุพังที่อยูในสภาพอากาศชุมชื้น ในปา ผลัดใบหรือปา โคกหรอื ปาเบญจพรรณ 26

เห็ดเปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพื้นบ้าน การใชป ระโยชนท างยาตามภมู ปิ ญ ญาหมอพื้นบา น เห็ดชนิดน้ีมรี สหวาน ใชบ ำรุงกำลัง ฟน ฟูสภาพผปู วยมะเรง็ ตบั ผูปว ยทใี่ หเคมบี ำบัด และฉายแสงจะชว ยกระตุน ระบบภูมิคมุ กนั ใหก ลับมาสสู ภาพปกติ (ลดอาการคลน่ื ไสอ าเจียน อาการรอ นใน ผมรวงใหล ดนอ ยลง) งานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรท ่เี กย่ี วของ มีการนำมาใชเปนยาอยางกวางขวาง โดยเฉพาะในประเทศญ่ีปุนและกลุมประเทศในยุโรป มีการทดลองในคนโดยให PSK (Polysaccharide-Kerstin, PSK) กับผูปวยท่ีเปนมะเร็งในขนาด 3 กรัมตอวัน พบวาผูปวยมีปริมาณสารจากระบบภูมิคุมกันเพ่ิมข้ึน นอกจากนี้ยังมีการนำสารสกัดจาก เห็ดมาใหผูปวยดื่มพบวาผูปวยท่ีไดรับรังสีจากการรักษามีอาการฟนตัวไดเร็วกวาปกติ มีสารเวอรสิคัล เลอรพอลิแซคคารไรด (Versicolor polysaccharide, VPS) แตไมมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร สนับสนุนวาการใชเห็ดท้ังดอกรักษาโรคได แตมีงานวิจัยสนับสนุนวาสารสกัดจากเห็ดชนิด พอลิแซคคารไรด- เค สามารถรักษามะเรง็ บางชนิดได มีงานวจิ ยั ทางดา นวิทยาศาสตรส นับสนุนวาสาร สกัดจากเห็ดขอนหลากสีชนิดพอลิแซคคารไรด-เค (PSK) สามารถกระตุนการทำงานของระบบ ภูมิคุมกัน ตอตานไวรัส ควบคุมโคเลสเตอรอลไดทั้งในหลอดทดลองและในตัวสัตวทดลอง นอกจากนี้ การวิจัยทางคลีนิกยังใหการสนับสนุนวาผูปวยที่เปนมะเร็งในกระเพาะและลำไส เม่ือทำการรักษาโดย คีโม (Chemotherapy) เมื่อไดรับพีเอสเค ในขนาด 3 กรัมตอวันสามารถทำใหมีคุณภาพของชีวิต ดีขึ้น0สถาบันสุขภาพแหงชาติของญี่ปุนจึงใหการรับรองสารสกัดจากเห็ดขอนหลากสีชนิด พอลิแซคคารไ รด-เค (PSK) ใหใ ชรวมกับการรกั ษามะเรง็ ได 27

เหด็ เป็นยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพ้ืนบา้ น เห็ดขี้ควาย Psilocybe cubensis (Earle) Singer ช่อื ทองถน่ิ /ชอื่ อน่ื ๆ เห็ดเมา เหด็ โอสถลวงจิต 28

เห็ดเป็นยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพ้ืนบ้าน เหด็ ข้คี วาย Psilocybe cubensis (Earle) Singer รปู รา ง/ลักษณะ เห็ดข้ีควาย เปนเห็ดพิษซ่ึงข้ึนอยูบนมูลควาย พบไดท่ัวไปแทบ ทุกภาคของประเทศไทย ลักษณะของเห็ดขี้ควาย คือหมวกเห็ดเม่ือ บานใหมๆ รปู คลา ยรม เมื่อบานเต็มท่ีจะโคงขึ้น ตรงกลางเวา ตืน้ ผิวสฟี าง ขาวอมเหลืองหรือเหลืองซีด คลายสีฟางแหง บนหัวของรมจะมีสีน้ำตาล เขมจนถึงสีดำ บริเวณกานดอกใกลตัวรมจะมีแผนเน้ือเย่ือบางๆ สีขาว แผขยายออกรอบกาน แผนนี้มีลักษณะคลายวงแหวน กลางหมวก สีน้ำตาล อมเหลือง ใตหมวกมีครีบสีขาวนวลแผเปนแผนบางหอยติดกับ กาน กานดอกมีโคนใหญกวาดานบนเล็กนอย สีฟางขาวอมเหลืองออน เน้ือสีขาว ผิวและเนื้อเมื่อช้ำเปนแผลจะเปล่ียนเปนสีน้ำเงิน หรือปนเปอน นำ้ เงินทนั ที เหด็ ชนิดนช้ี อบข้ึนเปนดอกเด่ยี วกลมุ ละ 4-5 ดอก แหลง ที่พบในธรรมชาติ เจรญิ บนมูลววั และควาย ความรทู างดานการเพาะเลีย้ ง มกี ารพฒั นาเทคโนโลยใี นการเพาะเลีย้ งเพ่ือการคา 29

เห็ดเป็นยา เพื่อสุขภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพื้นบา้ น มลู คา การซือ้ ขายในทองตลาด มีจำหนา ยแบบผดิ กฎหมายในราคากิโลกรมั ละประมาณ 500 บาท ในป 2528 มีรายงานการนำเห็ดข้ีควายมารับประทานและเกิดอาการพิษ โดย โรงพยาบาลท่ี เกาะสมุยไดรับคนไขชาวตางชาติซ่ึงมีอาการมึนเมา คลื่นไส อาเจียน เน่ืองจาก รับประทานเห็ดชนิดนี้ นอกจากนี้ยังพบวานักทองเท่ียว บางกลุมที่มายัง เกาะสมุยและเกาะพงัน จะนิยมเสพหรือบริโภค เห็ดขี้ควาย ทำใหเกิดอาการมึนเมา สารพิษท่ีทำใหเกิดอาการมึนเมาหรือประสาทหลอนในเห็ดขี้ควาย หรือรับประทานเห็ดแหง 1-4 กรัม ซ่ึงจะเทียบเทากับเห็ด 15-20 ดอก ภายใน 10-30 นาที หลังจาก รับประทานเห็ดเขาไป จะมีอาการกระวนกระวาย เครียด มึนงง เวียนศีรษะ ออนเพลีย และมักจะหาว กลามเนอื้ กระตุก สั่น หนาวๆ รอนๆ แขนขาเคลือ่ นไหวไมได ริมฝปากชา คลนื่ ไส โดยทัว่ ไปไมอาเจยี น ภายใน 30-60 นาที จะมีอาการผิดปกติของตา เชน เห็นเปนสีตางๆ ขณะที่ปดตา ระบบการรับรูเรื่อง เวลาผิดไป มีอาการเคลิ้มฝน และการเปล่ียนแปลงของอารมณ เชน รูสึกเศรา มีความรูสึกเหมือนฝน และเปล่ียนบุคลิก ไมมีสมาธิ และไมสามารถแสดงความรูสึกไดถูกตอง เหง่ือแตก หาว น้ำตาไหล หนาแดง มานตาขยาย หัวใจเตนแรง ใน 1-2 ชั่วโมง ความผิดปกติของตาจะเพิ่มมากขึ้น มีอาการฝน ตา งๆ ซงึ่ อาการเหลานจ้ี ะหายไปใน 2-4 ช่ัวโมง แตบ างรายอาการอาจจะ นานถึง 6-8 ชั่วโมง อาการจะหายไปเองโดยไมมีอาการคางอยู นอกจากอาจมีอาการปวดหัวหรือออนเพลีย มีนอยมากที่พบอาการ ประสาทหลอน ซิโซฟเนีย (Schizophenia) ในเดก็ อาการทีพ่ บมมี า นตาขยาย ไขสูง โคมา และมอี าการชกั วิธีการรักษา โดยลางทองภายใน 30 นาที หลังจากรับประทาน เห็ดเขาไป เนื่องจากอาการพิษไมรุนแรง โดยทั่วไปไมจำเปนตองใหการ รักษาพิเศษ ยกเวนในเด็กควรระวังเรื่องไข โคมา และชัก ในผูปวยที่มี อาการต่ืนตระหนก สับสน อาจใชวิธีปลอบใจเชนเดียวกับคนเมากัญชา อาจจำเปน ตองใหย า3ร0ะงบั ประสาท

เหด็ เป็นยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพน้ื บา้ น การใชประโยนทางยาตามภมู ปิ ญ ญาของหมอพน้ื บา น สูตรที่ 1 สรรพคณุ แกงสู วดั และไฟลามทุง ปองกันการกลายเปนมะเรง็ ผิวหนังและมะเร็งภายใน สวนประกอบ 1. เหด็ ขีค้ วาย 1-2 ดอก 2. น้ำซาวขา วเจา เล็กนอย วธิ ที ำ นำเห็ดบดละเอียด นำมาผสมนำ้ ซาวขา ว วธิ ีใช ทาบรเิ วณท่ีเปน ขอควรระวัง เน่ืองจากเห็ดข้ีควายมีรสเมาเบื่อเปนยาเย็น มีพิษแรง รสเบื่อเมาจัด กินไมไดหากกิน แลวจะสลบ เมาหลบั ได 31

เหด็ เป็นยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพนื้ บา้ น เหด็ นมเสือ Lignosus sacer (Afzel. ex Fr.) Ryvarden ชอ่ื ทอ งถิน่ /ช่ืออื่นๆ เห็ดขอนนมเสอื เหด็ หงอนพญานาค 32

เห็ดเป็นยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพน้ื บ้าน เห็ดนมเสือ Lignosus sacer (Afzel. ex Fr.) Ryvarden รูปรา ง/ลกั ษณะ หมวกเห็ดเปนสีน้ำตาลปนเหลืองหรือสีอบเชยเปนลายวงกลมซอนกันหลายๆ ช้ัน มีหมวกเห็ด บาง เม่ือเปนเห็ดสดพบวา เน้ือเห็ดคอนขางเหนียวและผิวหมวกเห็ดยนไมเรียบ เมื่อแหงมีลักษณะ เหมือนหนังสัตวแหง เน่ืองจากหมวกเห็ดมีแองตรงกลางเหมือนถูกน้ำหยดใสและเน้ือหมวกมีสีเหลือง หมน อมขาวเหมือนสีนำ้ นมจึงเปนทม่ี าของช่ือเห็ดนมเสือ แหลง ทพี่ บ ข้ึนตามขอนไมผทุ ีฝ่ งอยใู ตด นิ หรอื เกิดจากดนิ ตามปา โปรง 33

เห็ดเป็นยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพนื้ บ้าน การใชป ระโยชนท างยาตามภมู ิปญญาหมอพน้ื บา น เห็ดชนิดน้ีสวนใหญไมใชบริเวณท่ีเปนหมวกเห็ด แตจะใชเน้ือเห็ดที่อยูบริเวณฐานกานดอก ใน ตำรายาไทยมีสรรพคุณรสเย็น ดับพิษรอน แกหอบหืด แกโรคตา บำรุงกำลัง ถอนพิษบาดแผลจาก อาวธุ ถอนพษิ แมลงกัดตอย ตัวอยางตำรับการใชม ดี ังน้ี - บำรุงกำหนดั - ฝนกับน้ำสะอาดทาแกตอ มอักเสบบวม แกค างทูม - เปน ยาดบั พษิ ภายใน สามารถนำไปใชใ นการบำบัดโรคหดื แกอ าการปวดแสบ ปวดรอ น และ อาการปวดหู - ใชฝนกบั นำ้ ฝนกินแกหดื หรือทาบำบัดอาการปวดแสบปวดรอน - ใชรกั ษามะเร็ง (แผลเปอ ย เรอ้ื รงั ) เห็ดนมเสอื ในมาเลเซยี ใชเปนสมุนไพรมาแตโ บราณ มกี าร นำเห็ดนมเสือมาใชในการลดไข หืด หอบ มะเร็งเตานม มะเร็งกระเพาะอาหาร ถอนพิษ รักษาแผล สูตร 1 สรรพคุณ แกอ าการอักเสบตา งๆ ไดแ ก หอู กั เสบ สว นประกอบ 1. เห็ดนมเสอื (แหง ) ขนาดเทา หัวแมม อื ผปู วย 2. นำ้ วธิ ีทำ นำเห็ดมาฝนกบั น้ำจนไดต วั ยาขน ๆ (ฝนประมาณ 108 ครงั้ ) วธิ ีใช หยอดหู เพอ่ื รักษา อาการหูอักเสบ 1-2 หยด วนั ละ 1 คร้ังเปนเวลา 2-3 วนั จนอาการดขี น้ึ 34

เห็ดเป็นยา เพือ่ สุขภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพื้นบา้ น สตู ร 2 สรรพคุณ แกเ ตา นมอักเสบ รักษาอาการปวดเตา นม ปองกนั มะเรง็ เตา นม สวนประกอบ 1. เห็ดนมเสอื เทา หวั แมมือผูปว ย 2. นำ้ ซาวขาวเจา วิธที ำ นำเห็ดมาฝนกับน้ำซาวขาว จนไดตวั ยาขนๆ (ประมาณ 9 คร้ัง) วิธใี ช ทาวนั ละ 2-3 ครง้ั เพอื่ รกั ษาเตานมอกั เสบ จนยุบ ขอมลู เพม่ิ เติม - รสเฝอน เย็นจัด เมาเบ่ือเล็กนอย คนโบราณกลาวไววาเกิดจากนมของเสือแมลูกออนหยดลง บนพืน้ ดนิ แลวเกดิ เช้อื ราจึงงอกขนึ้ มาเปนเหด็ ชนิดนี้ มลี ักษณะแข็งเปนหนิ ปูน - งานวิจัยจากมาเลเชีย แสดงใหเ ห็นวา สว นท่มี ีฤทธทิ์ างยาอยูทสี่ ว นโคนของดอกเหด็ งานวิจยั ทางวทิ ยาศาสตรท เี่ ก่ียวของ อยูในขนั้ ศกึ ษาและวจิ ัยของทางจฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลัย การฝนยา 35

เหด็ เปน็ ยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพื้นบา้ น เหด็ ขอนขาแขง็ Amauroderma sericatum (Lloyd) Wakefield ชอ่ื ทอ งถิ่น/ช่อื อนื่ ๆ เหด็ ขาแข็ง 36

เหด็ เป็นยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพื้นบ้าน เหด็ ขอนขาแข็ง Amauroderma sericatum (Lloyd) Wakefield รปู ราง/ลกั ษณะ หมวกเห็ดมีรูปรางเปนแผนกลมแบนราบ ตรงกลาง เวาเปน แองต้ืนๆ ขอบหมวกเหด็ โคง งอเล็กนอ ย ผวิ ดานบนเปน ลายวงกลมซอนกันหลายช้ัน ผิวยนนูนไมเรียบ มีขนคลาย กำมะหยี่สีน้ำตาลแดงถึงน้ำตาลออน เม่ือแกจะมีสีน้ำตาลดำ หรือสีเกือบดำ ผิวดา นลางสีขาวเปนรู เม่ือถูกสัมผสั หรอื เห็ดแก จะเปล่ียนเปน สนี ้ำตาลแดงหรือนำ้ ตาลเขม แหลงทพ่ี บ พบขึ้นบนตนแดงทแ่ี หงตายหรอื รากตนแดงตายแลวตามปา เตง็ รงั หรอื ปา เบญจพรรณ 37

เหด็ เปน็ ยา เพื่อสุขภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพืน้ บา้ น การใชป ระโยชนทางยาตามภมู ิปญ ญาหมอพนื้ บาน หมอยาพ้นื บานอีสานยังคงใชเ ปน ยาฝนรักษาโรคกลา มเนอื้ ขาออนแรงในเด็กจนถงึ ปจ จุบนั สตู ร 1 สรรพคณุ บรรเทาอาการอักเสบปวดบวมทอ งในผปู ว ยมะเร็งตบั สว นประกอบ เหด็ ขอนขาแข็ง วธิ ีทำ นำเห็ดไปตากลมใหแหง แลวบดเปนผงบรรจแุ คปซลู เบอรศ ูนย วิธีใช รับประทานคร้ังละ 2 แคปซูล ตอครง้ั กอนอาหาร วนั ละ 2 เวลา เชา -เย็น หรือใชท า สตู ร 2 สรรพคุณ ฟน ฟูผปู วยมะเรง็ ปอด สวนประกอบ 1. เห็ดขอนขาแขง็ ½ ขีด 2. นำ้ 2 แกว วิธีทำ นำเห็ดไปตม โดยใชเห็ด 1/2 ขีด ตมในน้ำ 2 แกว ตม จนเหลือนำ้ 1 แกว วิธีรับประทาน แบงเปน 3 สวน ด่ืมกอนอาหาร เชา – กลางวนั - เย็น ดื่มจนหาย 38

เหด็ เปน็ ยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพนื้ บ้าน ขอ มลู เพิม่ เตมิ รสขม เฝอ น เมาเบ่ือเล็กนอย เหด็ ท่มี ีลกั ษณะของสขี อบตางกนั จะใหส รรพคณุ ตางกนั ดังนี้ ขอบขาว ใชกับทอนบนของรางกายท่ีมีปญหา เชน ระบบหัวใจ และเสนเอ็น บริเวณสวนบน ของรางกาย ขอบดำ ชวยในการขยายหลอดลม บำรุงเลือด ขอบเหลอื ง แกมะเร็งตบั และแกโ รคประสาท บำรุง หัวใจ ไต ขอบฟา และขอบเขยี ว ใชเก่ยี วกบั ปอด และลำไส เชน ถายไมป กติ ขอบแดง ถายเปน มูกเลือด เลือดเปนพิษ ทาลัสซีเมยี งานวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตรท่เี กยี่ วของ ไมปรากฏ อาจเปนไปไดวาเปนเห็ดท่ีมีการกระจายนอยในภูมิภาคตางๆ จึงนำมาใชเปนยาไม แพรหลาย 39

เห็ดเปน็ ยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพ้นื บา้ น เหด็ ขาม Ganoderma oregonense Murrill ช่ือทอ งถ่ิน/ช่อื อน่ื ๆ เห็ดขามหนา เหด็ ซ่ินเหลื่อมเม็ดมะขามขาแดง 40

เห็ดเปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพน้ื บ้าน เหด็ ขาม Ganoderma oregonense Murrill รูปราง หมวกเห็ดมีรูปรางคลายพัด เปนคร่ึงวงกลม ผิวดานบน ของหมวกเห็ดมีสีน้ำตาลเหลืองจนถึงสีแดงอมน้ำตาลเขมหรือ สีมะฮอกกานี ปรากฏสีเปนแถบตามแนวครึ่งวงกลม ผิวเปน มันคลายเคลือบดวยข้ีผึ้ง ผิวหมวกแตกเม่ือแก ไมมีกานดอกหรือกานดอกกลมส้ัน มีอายุเพียงปเดียว ดา นลา งของหมวกดอกเปน รู มสี มี วงอมน้ำตาลจางๆ ข้นึ เปน ดอกเดย่ี วๆ แหลง ที่พบ เจรญิ บนตน ไมท่ตี ายแลว เชน ตนมะขาม 41

เหด็ เปน็ ยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพืน้ บ้าน การใชป ระโยชนทางยาตามภมู ิปญ ญาหมอพื้นบาน นำเห็ดสดมาตมน้ำด่ืมบำรุงกำลัง ชวยใหฟนตัวจากอาการปวยตางๆ ดีขึ้น ใชเปนยาบำรุง ประสาท บำรุงหวั ใจและชว ยทำใหระบบหายใจดีขึน้ สรรพคุณ รสขม เมาเบือ่ เผ็ดเล็กนอ ย ขอบดำ กระทุง พิษ ฟนฟผู ูปว ยที่เปนมะเรง็ ตบั และฝใ นตบั สว นประกอบ 1. เหด็ ขามขนาดเทาฝา มือผปู ว ย 2. นำ้ 1 ลิตร วธิ ที ำ ตม กับน้ำ 1 ลติ ร จนเหลือ 1/2 ลติ ร วิธรี บั ประทาน ด่ืมครง้ั ละ 1 แกว กอ นอาหาร 3 เวลา เชา-กลางวนั -เยน็ ตม ด่ืมจนครบ 3 วัน แลว เอา กากเห็ดมาปรงุ เปนอาหารรับประทาน เชน ซบุ เห็ด งานวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตรท่ีเกีย่ วของ มีงานวจิ ยั สนบั สนนุ วา เหด็ ชนิดนม้ี สี รรพคณุ ในการตอ ตานแบคทีเรยี ซึ่งสามารถยับยง้ั การเจรญิ ของเชอ้ื Mycobacterium phlei 42

เห็ดเปน็ ยา เพอื่ สุขภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพื้นบ้าน เหด็ จวักงู Amauroderma rugosum (Blume & T. Nees) Torrend ช่อื ทอ งถิ่น/ชอ่ื อนื่ ๆ เหด็ งเู หา เหด็ คันจอง 43

เห็ดเปน็ ยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพน้ื บ้าน เหด็ จวักงู Amauroderma rugosum (Blume & T. Nees) Torrend รูปราง/ลกั ษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรูปรางเปนแผนคร่ึงวงกลมคลายไต หรือคลายใบโพธิ์ปลายมน ผิวหมวกเห็ดเรียบเปนมันเงา มี ขนละเอยี ดคลา ยกำมะหยีแ่ ละสะเกด็ เล็กๆ มีสนี ำ้ ตาลเทาถงึ นำ้ ตาล แดงเขมเปนแถบสีสลับกัน ผิวหยักเปนรองเล็กๆ คลายคลื่น เปน แถบคร่ึงวงกลมและเปนรอยยนกระจายในแนวรัศมี เม่ือเห็ดแกจะ กลายเปนสีน้ำตาลดำ เนื้อเห็ดแข็งคลายไมสีน้ำตาลแดงเขม ใตหมวกเห็ดเปนรูสีขาว เม่ือขูดหรือสัมผัสจะมีสีน้ำตาลแดง กานดอกรูปทรงกระบอกมีขนคลายหมวก เห็ด สนี ำ้ ตาลแดงเปน มนั แข็งคลา ยกงิ่ ไม กา นดอกเหด็ จะตดิ กบั ขอบหมวกเห็ด ดา นใดดานหนง่ึ คลาย จวักงู เน้ือสีน้ำตาลอมเหลือง แหลงท่พี บ พบข้ึนตามรากไมหรือตอไมเน้ือแข็งเชนไมแดง ไมเต็ง ไมรัง ในปาโคกหรือปาเบญจพรรณหรือ ปาดบิ ช้นื 44

เหด็ เปน็ ยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพนื้ บ้าน การใชประโยชนทางยาตามภูมิปญญาหมอพื้นบา น หมอยาพื้นบานอีสานใชฝนกับเหลาขาวทาขาเด็กที่ขาไมแข็งแรง เพราะมีความเช่ือวาจะทำให ขาแขง็ แรงขึ้น เชนเดยี วกับเหด็ ขาแข็ง สรรพคณุ บำรุงกำลัง ฟน ฟผู ูป วยมะเรง็ รกั ษาพิษงกู ดั สว นประกอบ 1. เห็ดจวกั งู (แหง) 2. น้ำ 3. นำ้ มะนาว วธิ ใี ช ใชฝ นกบั นำ้ มะนาว ทา หรอื พอกบรเิ วณท่ถี ูกพษิ งู ทาวนั ละ 3 ครั้ง ตดิ ตอ กัน 3 วนั (เหน็ ผลต้งั แตวัน แรก แตใ หท าจนครบ 3 วันเพอ่ื ปอ งกันพษิ หลงเหลอื บรเิ วณบาดแผล) และใชร ับประทานโดยฝนกับน้ำ นำเหด็ ทฝ่ี นกบั น้ำมะนาวแลว 1 ชอ นชา ผสมกบั นำ้ 1 ถวยชา (30 cc.) รบั ประทานวันละ 1 ครั้ง กินจน อาการดขี น้ึ งานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรท เ่ี ก่ียวของ ไมปรากฎ 45

เห็ดเปน็ ยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพ้นื บา้ น เหด็ ซิ่น Ganoderma applanatum (Pers.ex Wallr.) Patouillard ชอ่ื ทอ งถ่ิน/ชอ่ื อืน่ ๆ เห็ดซ่นิ เหด็ หูชาง 46

เหด็ เปน็ ยา เพอื่ สุขภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพ้ืนบ้าน เห็ดซิ่น Ganoderma applanatum (Pers.ex Wallr.) Patouillard รปู ราง/ลักษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรูปรางเปนแผนคร่ึงวงกลม คลายพัด ผิวหมวกเห็ดแข็งนูนขรุขระเปนแถบคลื่นหรือ รอยยนซอนกันเปนรองวงกลม ผิวดอกมีลักษณะดานไมเปนมัน มีสีเทาถึงน้ำตาลหมนหรือน้ำตาลอม เทา บางคร้งั สีดำอมเทา แตท ี่พบบอยจะปกคลมุ ดว ยผงละเอียดสนี ้ำตาลแดงถงึ สีนำ้ ตาลโกโก เนื้อเห็ด เหมอื นไมก อก สนี ้ำตาลถงึ นำ้ ตาลอบเชย เปน เสนใยและเหนยี วมาก ใตห มวกเหด็ มีรู ในระยะออ นจะมี สีขาวถึงครีม เมื่อแกหรือสัมผัสจะกลายเปนสีน้ำตาลหรือสีเหลืองออนอมน้ำตาลดำ ขอบหมวกเห็ดสี เทาหรอื ขาวอมเทา ไมม กี า นดอก แหลง ท่ีพบ พบขึ้นเปนดอกเด่ียวหรือซอนกันเปนหิ้งหลายๆ ชั้นบนทอนไมหรือตอไมเนื้อแข็งหรือบนโคน ตนไมท ม่ี ีชวี ิตอยูต ามปา โคกหรอื ปา เบญจพรรณ พบไดตลอดป 47

เห็ดเป็นยา เพ่ือสุขภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพนื้ บา้ น การใชป ระโยชนทางยาตามภมู ปิ ญ ญาหมอพ้ืนบา น นำมาตมเอานำ้ ดม่ื เปนยาบำรุงรางกาย สตู ร 1 สรรพคุณ ลดน้ำตาลในเลือด ฟนฟูผูปวยมะเร็งและตาน มะเร็งทกุ ชนดิ สวนประกอบ 1. เห็ดซ่ิน เหด็ หลนิ จอื เห็ดขาม เห็ดเนอ้ื ยา ง อยางละ 3 - 4 ดอก 2. น้ำ 1 ลติ ร วิธีทำ นำมาตม ในนำ้ 3 สว น เคย่ี วใหเหลือ 1 สว น วธิ ีรับประทาน รบั ประทานครัง้ ละ 1-2 ชอ นชา กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เยน็ รบั ประทานจนหาย สตู ร 2 สรรพคณุ กระตุนภมู ิตานทานของรางกายใหแ ขง็ แรง ปองกนั มะเร็ง สว นประกอบ 1. เห็ดซน่ิ เหด็ หลินจือ เห็ดขาม เหด็ เน้ือยาง (แหง ) 2. นำ้ ซาวขาวเจา วิธที ำ นำเหด็ มาฝนอยางละ 9 ครง้ั วิธีรับประทาน นำมารับประทานกับน้ำคร่ึงแกว กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น ดืม่ จนหาย (ฝนแลวรบั ประทานทนั ท)ี 48


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook