ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรับเปรียญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 149 อยางไรบา ง ? ขออุทาหรณด วย . ต. นิยมใหป ระกอบเปน เอกวจนะ ประถมบุรุษ อตั ตโนบท แตสวนบทนี้ไมสูแ นนอนนัก ทใี่ ชป รสั สบทกม็ ีบาง อทุ าหรณ เชน ชายเต คจฺฉิยเต เปน ตน . [ อ.น.]. ถ. ปจจัยในวาจกนั้น ๆ ตัวไหนใชล งประจาํ หมวดธาตไุ หน บาง ? ต. ปจจัยในวาจกทัง้ ๔ นอกจากกตั ตวุ าจก ลงในธาตทุ กุ หมวดไมมจี ํากัด, สวนปจ จยั ในกัตตุวาจก ๑๐ ตวั มจี าํ กดั คอื แบง ลงในธาตุ ๘ หมวดนนั้ ดังนี้ : อ เอ ลงในหมวด ภู ธาตุ และ รธุ ฺ ธาตุ แตใ นหมวด รธุ ฺ ธาตุ ลงนคิ คหติ อาคมหนา พยัญชนะทส่ี ุดธาตุดว ย, ฯ ลงในหมวด ทวิ ฺ ธาต,ุ ณุ ณา ลงในหมวด สุ ธาต,ุ นา ลงใน หมวด กี ธาตุ, ณหฺ า ลงในหมวด คหฺ ธาตุ, โอ ลงในหมวด ตนฺ ธาตุ, เณ ณย ลงในหมวด จรุ ฺ ธาต.ุ [ อ. น. ]. ถ. อาศยั อะไรเปน หลัก จึงจะกาํ หนดวาจกไดแ มน ยาํ ? สิวยิ ติ สพิ พฺ ยติ เปน วาจกอะไร ? จงชี้วาสังเกตตรงไหน ? ต. อาศัยปจ จัยเปน กลัก, สิวิยติ เปน กัมมวาจก สวิ ฺ ธาตุ เห็น ย ปจ จยั กับทงั้ อิ อาคมหนา ย ก็รูได, สิพฺพยติ เปน เหตุกัตตุวาจก สวิ ฺ ธาตุ เหมือนกนั ธาตหุ มวดน้ลี ง ย ปจ จยั แตถาลง ย ปจ จัย ในกตั ตุวาจก ตอ งเอง ย ปจ จัย กบั พยญั ชนะท่สี ุดธาตเุ ปน พพฺ สาํ เร็จรูปเปน สพิ ฺพติ จะเปน สพิ ฺพยติ ไมไ ด นมี้ ี ย เหลืออยตู อง เปน ณย ปจ จัย ในเหตกุ ัตตวุ าจก เมือ่ ลบ ณ หรอื สระที่ ณ อาศัย
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตร)ี - หนาท่ี 150 อยู มสี ระอยเู บอื้ งหลงั จึงแปล ว เปน พ ไดโดยวธิ สี นธิ. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. ในอาขยาต ในทเ่ี ชน ไร ตองพฤทธิตน ธาตุ ? ในที่เชน ไร ตองทีฆะท่สี ุดปจ จยั เปน อา ? ต. เม่อื ลง เณ ณย ณาเป ณาปย ปจ จัย ตอ งพฤทธติ น ธาต,ุ เม่ือ หิ มิ ม วภิ ตั ติอยหู ลงั ตองทีฆะที่สดุ ปจจยั เปน อา. [ ๒๔๕๙ ] ถ. ปจ จยั ที่เนอ่ื งดวย ณ ในตทั ธิตกม็ ี ในอาขยาตก็มี ตอ งการ ทราบวา ณ ปจ จยั ในท่ที ั้ง ๒ นัน้ มอี าํ นาจเหมือนกนั หรือตางกนั อยา งไร ? ต. อาํ นาจพฤทธอิ ยางเดียวกนั แต ร ปจจัยในตทั ธติ ลงแลว ตอ งลบ เมือ่ ลงแลว ตอ งพฤทธติ ามลกั ษณะของศพั ททกุ แหงไป, สวน ณ ปจ จยั ในอาขยาตไมทําดังน้นั ท้ังหมด คือคงมี ณ ไวไ มตองลบกม็ ี เชน สณุ าตุ สิโณติ ลง ณา ณุ ปจจัย ในกตั ตุวาจก เปน ตน, เม่ือ ไมลบ กไ็ มตอ งพฤทธสิ ระตนธาตุ คงไวตามเดมิ . [ อ. น. ]. ถ. กัตตวุ าจก มปี จ จัยกี่ตัว ? อะไรบาง ? มุจฺ ฉิทฺ ภิทฺ ลง ปจ จยั ในกตั ตุวาจก ลงตัวไหนเปน สกัมมธาตุ ลงตัวไหนเปนอกมั มธาตุ ? ขอรูปศพั ทแ ละแปลมาดวย. ต. มีปจจัย ๑๐ ตัว คอื อ เอ ย ณุ ณา นา ณหฺ า โอ เณ ณย, ลง อ ปจ จัย เปน สกัมมธาตุ, ลง ย ปจจัย เปน อกมั มธาตุ, ท่ีลง อ มีรปู เปน มุจฺ ติ ฉินทฺ ติ ภนิ ฺทติ แปลวา ยอ มปลอ ย ยอ ม ตัด ยอ มทาํ ลาย, ทีล่ ง ย ปจจัย มรี ปู เปน มุจฺจติ ฉิชฺชติ ภชิ ชฺ ติ แปลวา ยอมพน ยอมขาด ยอ มแตก. [ ๒๔๖๗ ].
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตร)ี - หนา ที่ 151 ถ. ย ปจจัย มีในวาจกอะไรบาง ? จะกาํ หนดไดอยางไรวา เชน ไรเปน วาจกไหน ? อธบิ าย. ต. มีในกตั ตุวาจก กมั มวาจก ภาววาจก, กาํ หนดไดอยา งน้ี : ย ในกัตตุวาจก ถาธาตุ ๒ ตวั ตอ งแปลกบั ที่สดุ ธาตุเปน พยญั ชนะ นน้ั ๆ ถาเปนธาตตุ ัวเดียวคง ย ไว ลงไดไมจ ําจดั ธาตุ และลงได ในหมวดธาตุของตน. สวน ย ในกัมมวาจก มีวิธเี ปน ๓ อยา ง คอื คง ย ไว ตองลง อิ อาคมอยา ง ๑ แปลง ย กับท่ีสดุ ธาตเุ ปนพยัญชนะ นน้ั ๆ แลว ไมต องลง อิ อาคม คลา ยกบั ย ในกัตตุวาจก นอกจาก หมวดธาตทุ ่ีมี ย ในกตั ตวุ าจกประจําอยแู ลว อยาง ๑ ลง ย แลวซอน ย ไมต องลง อิ อาคมอยาง ๑ ลงไดเ ฉพาะสกมั มธาตุอยา งเดยี วเทานัน้ . สว น ย ในภาววาจก ไมม พี ิธีเปลยี่ นแปลงอยางไร ทัง้ นยิ มลงใน อกมั มธาตุ แตท ล่ี งในสกมั มธาตกุ ม็ ี และเปน ไดแ ตประถมบุรษุ เอกวจนะ อยางเดยี วเทา น้ัน มที ่ีใชโ ดยมากแตว ตั ตมานา นอกนั้น ไมค อยใช . [ ๒๔๖๙ ]. ถ. เหตกุ ัมมวาจก ลงปจ จยั ๑๐ ตัว คืออะไรบา ง ? แลว ลง อะไรกันอกี ? ขออุทาหรณด ว ย. ต. เหตุกมั มวาจก ลงปจจัย ๑๐ ตัว คอื อ เอ ย ณุ ณา นา ณหฺ า โอ เณ ณยฺ แลว ลงเหตุปจ จยั คือ ณาเป ดวย, ลง ย ปจ จยั กับทัง้ อิ อาคม หนา ย ดวย อุทาหรณ เชน ปาจาปยเต สิพพฺ าปย เต เปนตน. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. ณาเป และ ณาปย ปจจัย สาํ หรับเหตุกตั ตุวาจก ใชได
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนาท่ี 152 เหมือน เณ และ ณย ปจจัย หรือใชไ ดเ ฉพาะในที่เชน ไร ? ต. ณาเป และ ณาปย ปจ จัย สาํ หรับใชบ อกเหตกุ ัตตุวาจก ในธาตุหมวดท่ี ๘ มี จุรฺ เปน ตน ที่ใช เณ และ ณย ปจ จัย บอก สยกัตตา และในธาตหุ มวดอ่นื ทใี่ ชป จ จัยเหตกุ ัตตวุ าจกในอรรถ แหงสยกตั ตา อุทาหรณ เชน มาเรติ ใหตาย คือ ฆา , มาราเปติ ให ๆ ตาย คอื ใชใหฆ า. [๒๔๕๗ ]. ถ. ปจจยั ในอาขยาต สาํ หรับใชแทนศพั ทอ ยา งตัทธิตมหี รือไม ? ถา มี คืออะไร ? และตวั ไหนลงในอรรถวา กระไร ? จงยกอทุ าหรณ มาเทยี บ. ต. ม,ี คือ ข ฉ ส ลงในอรรถวา ปรารถนา, อทุ าหรณ เชน พภุ กุ ฺขติ ปรารถนาจะกิน, ชฆิ จฉฺ ติ ปรารถนาจะกนิ , ชคิ ึสติ ปรารถนา จะนาํ ไป, อาย อยิ ลงในอรรถวา ประพฤติ อุทาหรณ เชน จิรายติ ประพฤตชิ าอยู, ปตุ ตฺ ยิ ติ ยอ มประพฤตใิ หเปน เพยี งดังบตุ ร. [๒๔๕๘-๒๔๗๐]. ถ. จงแสดงความตา งแหง วาจกอาขยาต วาตางกันอยา งไร ? และ ในวาจกเหลานั้น กัมมวาจกมปี จ จัยก่ีตวั ? พทุ ธฺ ิยติ ลงปจจัยอะไร ? แปลวา กระไร ? ต. กตั ตวุ าจก ยกผทู าํ เองเปน บทประธาน, กัมมวาจก ยก กรรมเปน บทประธาน, ภาววาจก กลาวแตค วามมีความเปน, เหตุ- กตั ตุวาจก ยกผใู ชทําเปน บทประธาน, เหตกุ ัมมวาจก ยกสง่ิ ท่ี ถูกเขาใชใ หท าํ เปนบทประธาน, กมั มวาจก ลง ย ปจ จยั กบั อิ อาคม,
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตรี) - หนาที่ 153 พุทธฺ จิ ติ ลง อิย ปจจัย แปลวา ยอมประพฤติใหเ ปน เพียงดงั พระ พุทธเจา. [ ๒๔๗๔ ]. ถ. ภชุ ,ฺ หร ธาตุ ประกอบกับ ติ วตั ตมานาวิภัตติ สําเรจ็ รูป เปนอยา งไรบา ง ? และอยางไหนลงปจจัยอะไร ? ต. สาํ เรจ็ รูปเปน ภฺุชติ หรติ บาง, เปน พุภุกฺขติ ชิคสึ ติ บา ง, ท่ีเปน ภุชฺ ติ หรอื หรติ ลง อ ปจจยั , ท่เี ปน พุภกุ ชฺ ติ ลง ข ปจจยั ที่เปน ชคิ ึสติ ลง ส ปจจยั . [ ๒๔๖๘ ]. ถ. จงขุดมลู วิชฺฌติ ลพฺภติ ต้ังแตธาตุจนสาํ เร็จรูป ? ต. วชิ ฌฺ ติ วิธฺ ธาตุ เปน ไปในความแทง, ย ปจ จัย ในกตั ตุ- วาจก ติ วิภตั ติ เอา ย กบั ธฺ เปน ชฌฺ สาํ เร็จเปน วิชฺฌต.ิ ลพภฺ ติ ลภฺ ธาตุ เปน ไปในความได ย ปจจยั ในกมั มวาจก ติ วภิ ัตติ เอา อ กับ ภฺ เปน พภฺ สําเรจ็ รปู เปน ลพฺภติ. [ ๒๔๖๑ ]. ถ. จงวินจิ ฉัยประโยคตอ ไปนว้ี าผดิ หรือถกู ? ถาผดิ จงแก อานนทฺ ตฺเถโร จ ปมสงคฺ ีติย อโหสิ. ต. ประโยค ก. ถกู เพราะวานามทําเปน เอกวจนะหลายศัพท ถา มคี วามรวมกัน เม่อื ใช จ ศัพท กาํ กบั ศพั ทเ หลาน้ันแลว คณุ นามก็ดี กิริยากด็ ี ของนามนามเหลานนั้ ตอ งใชเปนพหวุ จนะ, เมือ่ เปนเชน นี้
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรบั เปรียญธรรมตรี) - หนา ท่ี 154 ประโยค ข. จงึ ผดิ ควรแกเ ปน อาวุโส มหากสฺสโป จ อปุ าลิตฺเถโร จ อานนฺทตเฺ ถโร จ ปมสงคฺ ตี ยิ ปาโมกขฺ า อเหส.ุ [ ๒๔๗๕ ]. ถ. การคนหาธาตุในศัพทกิรยิ าอาขยาตน้ัน ทานแนะนาํ ใหท าํ อยางไร จึงจะทราบวา เปนธาตุนนั้ ธาตุนไี้ ด ? ต.ทา นแนะนําใหแยก วภิ ตั ติ ปจ จยั ที่ประกอบอยูก ับศพั ทน นั้ ออก ถามอี ปุ สคั หรือนิบาตนําหนา, หรอื ส อิ อาคม ในวิภตั ติบาง หมวด ก็ใหแยกออกเสยี เมอื่ แยกส่ิงเหลา นน้ั ออกหมดแลว ทเี่ หลือ ก็จดั วาเปน ธาตุ เชน อทาสิ แยก อ บทหนา ส อาคม อี วิภตั ติ อ ปจจัย ออกแลว คงเหลอื แต ทา กท็ ราบวา ทา ธาตุ ดงั นี้ เปนตน น้ีกลาวตามท่ีเปนไปโดยมากท่เี ปนสามัญ แตที่เปนวิสามญั แมจะแยกเคร่อื งประกอบออกหมดแลว ก็ยังทราบไมไดว า เปนธาตุ อะไร เชน ปสสฺ ติ แยก ติ วภิ ตั ติ และ อ ปจ จยั ออกแลว เหลอื แต ปสสฺ จะวาเปน ปสฺส ธาตุ กไ็ มถ กู ทถ่ี ูกเปน ทิสฺ ธาตุ เพราะ แปลง ทิสฺ เปน ปสฺส, อาคจฺฉติ แยก อา อปุ สคั ติ วิภตั ติ อ ปจ จัย ออกแลว เหลอื คจฉฺ จะวา เปน คจฺฉ ธาตุ กไ็ มถกู ทถ่ี กู เปน คมฺ ธาตุ เพราะแปลง คมฺ เปน คจฺฉ, ธาตพุ วกทไ่ี มแ ปลงเชนนี้ ยากทจ่ี ะ ทราบไดแนน อนวาเปนธาตอุ ะไร ตองอาศยั การคนควา นดูตําราหรือได รับคําอธิบายจากผูรู จงึ จะถอื เอาเปน แนนอนได. [ อ. น.]. ถ. กิริยาอาขยาตนั้น ทา นนิยมใหเรียงไวใ นท่ีอยา งไร ? ขอ อทุ าหรณดว ย. ต. ตามปกติ นิยมเรยี งไวส ดุ ประโยค เชน อาจริโย สิสเฺ ส
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรบั เปรียญธรรมตรี) - หนา ท่ี 155 อนุสาสติ, แตถ าเปนประโยคคาํ ถาม ซึ่งศพั ทก ริ ยิ านน้ั จะตองใช หางเสยี งเปนคาํ ถาม และประโยคท่เี ปน คําเตอื น นิยมเรยี งกริ ิยา อาขยาตไวต นประโยค เชน [ คําถาม] อตฺถิ ปนายสมฺ โต โกจิ เวยยฺ าวจฺจกโร, [ คําเตือน ] สณุ าตุ เม ภนเฺ ต สงฺโฆ เปนตน. [ อ. น. ] ถ. หมวดธาตไุ หนบาง ซ่ึงใชปจ จยั ในกัตตุวาจกประจําหมวด ของตนติดไปในวาจกอ่ืนได ? จงแสดงพรอมดวยอทุ าหรณ. ต. มีอยู ๔ หมวดคอื รุธ,ฺ ทวิ ,ฺ ก,ี คห,ฺ ธาตุ ๔ หมวดน้ี ใชปจจัยในกตั ตวุ าจกประจําหมวดของตนตดิ ไปในวาจกอืน่ ได. หมวด รุธฺ ธาตุ ตดิ ไปในวาจกทัง้ ๔ ได เชน รนุ ธฺ ยิ เต กมั ม. และภาว. รนุ ฺธาเปติ เหตกุ ตั ตุ. รนุ ธฺ าปยเต เหตุกมั ม. หมวด ทวิ ฺ และ กี ธาตุ ติดไปในเหตกุ ตั ต.ุ และเหตกุ มั . ได เชน ทพิ ฺพเปติ กีนาเปติ เหตุกัตต. ทพิ พฺ าปย เต กนี าปย เต เหตกุ ัมม. หมวด คหฺ ธาตุ ตดิ ไปในเหตกุ ตั ต.ุ และเหตุกมม. ได เชน คณฺหาเปติ เหตุกตั ตุ. คณฺหาปยเต เหตกุ มั ม. [ อ. น.]
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรบั เปรียญธรรมตรี) - หนา ที่ 156 [ กติ ก ] ถ. ศัพทเ ชนไร เรียกวาศพั ทก ิตก ? กิตกแบงเปนก่อี ยา ง ? อะไรบาง ? ต. ศพั ทท ่ีประกอบดวยปจ จยั หมูหนงึ่ ซง่ึ เปน เครือ่ งกําหนด หมายเน้ือความของนามศัพทและกริ ิยาศัพทท ต่ี า ง ๆ กนั เรียกวา ศพั ทกิตก, กติ กแบง เปน ๒ คอื นามกติ ก ๑ กิริยากติ ก ๑. [ อ. น. ] ถ. กิตกก ด็ ี อาขยาตก็ดี ลว นมีธาตุเปนทตี่ ้ังทั้งสน้ิ เมือ่ เปน เชนนี้ จะมีตางกันอยา งไรบาง ? จงแสดงใหไดความชัด. ต. จริงอยู ศัพททั้ง ๒ ประเภทนั้น ลวนมธี าตุเปนทีต่ ั้งเหมอื น กัน ถงึ ดังน้นั กม็ ีตางกันบา ง คอื กติ ก เม่อื ประกอบปจ จยั แลว ก็แจกตามวภิ ัตติทัง้ ๗ ในนาม เวนแตศัพททปี่ ระกอบกบั อพั ยยปจจัย ๕ ตวั คอื เตวฺ ตุ ตูน ตฺวา ตฺวาน เม่ือประกอบกบั ปจ จัยตัวใด ตัวหน่ึงในปจจยั ๕ ตวั นี้แลว เปนแลว กัน จะนําไปแจกตามวิภัตติ ทง้ั ๗ ไมได และกติ กไ มมบี ทและบุรุษ, สวนอาขยาตนนั้ เมอื่ ประกอบ กับปจ จัยเสร็จแลว กแ็ จกตามวิภตั ติอาขยาต จะแจกตามวภิ ัตตินาม ไมไ ด. [ อ. น.]. [ นามกิตต ] ถ. นามกิตกก ับกริ ยิ ากติ ก ตางกนั อยา งไร ? จงแสดงอทุ าหรณ. ต. นามกติ ก เปนนามนามและคุณนาม จัดเปนสาธนะ มี ปจจยั เปน เคร่อื งหมายสาธนะนั้น ๆ, กริ ิยากิตก เปนกริ ิยาประกอบ
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 157 ดว ยวภิ ัตติ วจนะ กาล ธาตุ วาจก ปจ จัย เหมือนในอาขยาต ตา งแต ไมมีบทและบรุ ษุ เทาน้ัน, นามกติ ก อทุ าหรณ เชน ทายโก ทายก ทุกฺกร กรรมอันทาํ ไดโดยมาก, กริ ยิ ากิตก อทุ าหรณ เชน ิโต ยืนแลว, คโต ไปแลว. [ ๒๔๕๘ ]. ถ. นามกติ ก เปนนามนามอยางเดยี ว หรือเปน นามอื่นกไ็ ด ? ถา เปนได จงแสดงตัวอยางมาประกอบ. ต. เปนนามอน่ื ก็ได คือ เปน ไดท้ังนามนาม ทงั้ คณุ นาม, นามนามนนั้ เชน ปาโก ความหุง, คมน ความไป, นสิ ที น การนัง่ , สยน การนอน เปนตน , คณุ นาม เชน อุรโค ผูไปดว ยอก [งู ], ทายโก ผใู ห, ธมฺมวาที ผกู ลา วธรรมโดยปกติ เปน ตน . [ อ.น. ]. ถ. ศัพทน ามกติ กท ่ีเปนนามนามและคณุ นามนนั้ เหมือนกันกับ นามนามและคณุ นามในนามศพั ทท ง้ั ๓ หรือตา งกันอยา งไร ? ต. ตา งกนั คอื นามนามในนามกติ ก เปน ศพั ทท่ีปรงุ ข้นึ จาก ธาตุ สาํ เร็จรูปมาแตว ิเคราะห มปี จ จยั ประกอบ เปน เคร่อื งหมาย สาธนะ แลวใชไดต ามลําพงั ตนเอง มติ อ งมบี ทอ่นื เปนประธาน เชน คมน ความไป, ภุ ชฺ น การกนิ เปน ตน เรยี กวา กริ ยิ านาม. สวน นามนามในนามศพั ทน นั้ เปนนามนามแท คือ เปนนามนามโดย กําเนดิ มิไดป รุงข้นึ จากธาตุ เชน รกุ โฺ ข ตน ไม, ปุพฺพโต ภเู ขา เปนตน , สวนคณุ นามในนามกิตก กป็ รงุ ขึ้นจากธาตุ สําเร็จมาแต รปู วิเคราะห มีปจ จัยประกอบ เปนเครอ่ื งหมายสาธนะ มบี ทอน่ื เปน ประธาน เชน ทายโก [ บคุ คล] ผใู ห สาวโก [ ภิกษุ ] ผฟู ง
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตรี) - หนาที่ 158 เปน ตน , สวนคุณนามในนามศัพท เปนคุณนามแท เปน คุณนาม โดยกําเนิด ไมม ีปจ จยั ประกอบ ไมไดห มายสาธนะ เชน นลี เขยี ว สุนฺทร ดี เปน ตน . [ อ. น.]. [ สาธนะ ] ถ. อะไรเรียกวา สาธนะ ? สาธนะมีเทา ไร ? อะไรบาง ? ต. ศัพทท สี่ าํ เร็จมาจากรูปวเิ คราะห ลงปจจัยนามกิตกต วั ใด ตวั หน่ึง เรียกวา สาธนะ, สาธนะมี ๗ คอื กตั ตุสาธนะ กัมม- สาธนะ ภาวสาธนะ กรณสาธนะ สัมปทานสาธนะ อปาทานสาธนะ อธกิ รณสาธนะ. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทั้ง ๗ ตางกันอยา งไร ? และสาธนะไหนทานบัญญตั ิ ใหแ ปลวา กระไร ? ต. ตา งกันดงั นี้ : กตั ตุสาธนะ เปน ศพั ทแ สดงชื่อผูทํา คือผู ประกอบกิรยิ า เชน กมุ ฺภกาโร ผูทาํ ซึ่งหมอ เปนตน , สาธนะนี้ ทานบญั ญัติใหแ ปลวา ผู. ..ถา ลงในอรรถแหงตัสสีล ใหแ ปลวา ผ.ู ..โดยปกติ หรอื ผู..... เปน ปกติ. กัมมสาธนะ เปน ศพั ทแสดงผูถูกคนอ่ืนทาํ เชน ปโ ย เปนทีร่ ัก ทาน [ วตั ถุ ] อนั เขาพงึ ใหเ ปนตน, สาธนะน้ี ทา นบญั ญัตใิ หแ ปลวา เปน...อยา ง ๑, อนั เขา....อยาง ๑. ภาวสาธนะ เปนศพั ทแสดงกิรยิ า คอื ความทาํ ของบคุ คลผูทาํ เชน าน ความยนื , คมน ความไป, นสิ ชฺชา การนง่ั , เปน ตน สาธนะนี้ ทานบัญญตั ิใหแ ปลวา ความ... อนั ....การ....
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนา ท่ี 159 กรณสาธนะ เปน ศพั ทแ สดงวัตถซุ ง่ึ เปน เคร่ืองมอื สําหรับทาํ เชน พนฺธน [ วัตถุ ] เคร่อื งผกู [ มีเชอื กและโซงเปน ตน ] สาธนะน้ี ทา นบัญญตั ิใหแปลวา เปนเหต.ุ ...เปน เคร่อื ง.....เปนเครือ่ งอนั เขา... สมั ปทานสาธนะ เปนศพั ทแสดงช่ือผทู ี่เขามอบให คอื ผรู บั เชน สมปฺ ทาน [ วตั ถุ ] เปน ท่ีมอบให เปนตน , สาธนะ ทานบัญญตั ิ ใหแปลวา เปนที่... เปน ทอี่ นั เขา... อปาทานสาธนะ เปนศพั ทแ สดงสถานที่ ๆ ไปปราศ หรอื บคุ คล ผไู ปปราศ เชน ปภสสฺ โร แดนซา นออกแหงรัศมี [ ไดแ กเทวดา พวกหนึ่ง] ปภโว แดนเกิดกอน [ ทน่ี าํ้ ตก ] ภโี ม แดนกลวั [ ยกั ษ ] สาธนะนี้ ทานบญั ญตั ิใหแปลวา เปนแดน... อธกิ รณสาธนะ เปน ศพั ทแ สดงสถานที่ หรือเปนชอ่ื ของสถาน ที่ เชน าน ท่ตี ั้ง ทีย่ นื , สยน ท่นี อน เปนตน , สาธนะน้ี ทาน บญั ญตั ใิ หแปลวา เปน ท.ี่ .. เปนทอ่ี ันเขา... [ อ. น. ]. ถ. ในสาธนะท้ัง ๗ นี้ สาธนะไหนบา ง ท่ีใชม าก ? ต. กตั ตสุ าธนะ กมั มสาธนะ ภาวสาธนะ กรณสาธนะ อธ-ิ กรณสาธนะ ๕ สาธนะนใ้ี ชม าก สวนสมั ปทานสาธนะและอปาทาน- สาธนะใชนอ ย. [ อ. น. ]. ถ. เหตุไร สาธนะทั้ง ๒ น้ี จงึ ใชนอย ? จงอธบิ ายใหกระจาง. ต. เพราะสาธนะท้ัง ๒ นี้ ใชไ ดแตใ นธาตุบางตวั ไมทว่ั ไป สมั ปทานสาธนะ ใชไดแตธาตุทเี่ ปนไปความให ยืน่ ให สงไป
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 160 ประทษุ ราย เชน ทา เปสฺ ทุสฺ ธาตุ เปนตน เพราะเม่ือเวลาต้ัง วิเคราะหแหงสาธนะน้ี ตอ งประกอบสัพพนามเปนจตุตถีวิภัตติ ซง่ึ แปลวา แก เพือ่ ตอ , สาธนะนี้ ใชกมั มธาตเุ ปนพ้ืน, สวนอปาทาน สาธนะ ใชไ ดแ ตธ าตทุ ่ีเปนไปในความซาน ความเกดิ ความออกไป เชน สรฺ ภู ชา นิก-ฺ ขมฺ ธาตุ เปน ตน เพราะเวลาตั้งวิเคราะห แหงสาธนะน้ี ตอ งประกอบสพั พนามเปนปญ จมวี ภิ ัตติ ซึ่งแปลวา แต, จาก, กวา, เหตุ, สาธนะนใ้ี ชอกมั มธาตเุ ปน พนื้ เพราะฉะนัน้ สาธานะท้ัง ๒ นี้จงึ ใชนอ ย. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทงั้ ๕ นอกจากสาธนะท้งั ๒ ทกี่ ลาวแลว ใชไ ดใ น ธาตุเชน ไรบา ง ? ต. กมั มสาธนะ ใชไดในสกมั มธาตอุ ยางเดยี ว, ๔ สาธนะ ใช ไดในธาตุท้งั ปวง ทัง้ สกัมมธาตุ ท้งั อกัมมธาตุ ตามความทีอ่ ํานวย ใหเปน. [อ. น.]. ถ. คําวา สาธนะ ทานใหส ําเรจ็ รปู มาแตรปู วเิ คราะหนนั้ อยา งไร ? อธบิ าย. ต. คําวา สาธนะ นัน้ เปนชือ่ ของศัพทที่สาํ เรจ็ แลว บรรดา ศัพทซ ง่ึ เปน นามกติ กทัง้ หมด กาํ หนดรไู ดวาเปน สาธนะนั้น สาธนะนี้ กต็ อ งอาศยั รูปวิเคราะห ซึง่ เปน เคร่อื งแสดงใหร ไู ด เพราะสาธนะ ท้ัง ๗ ตางมรี ปู วเิ คราะหละอยา ง ๆ เพือ่ แสดงความวาเปนชอื่ ของ ผทู ํา หรือของสิ่งทถ่ี ูกทํา เปนตน เหมือนศพั ท คือ กมฺมกาโร นี้ เปน กัตตุสาธนะ สาํ เรจ็ มาแตวิเคราะหวา กมฺม กโรติ ซึง่ แสดงให
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 161 เหน็ วา สาธนะนน้ั เปน ชือ่ ของผทู าํ ดังน้ี. [ ๒๔๖๖ ]. ถ. สาธนะทง้ั หมด อยางไหนใชในอกมั มธาตอุ ยา งเดียว ? อยางไหนใชในสกมั มธาตอุ ยา งเดยี ว ? อยา งไหนใชในธาตทุ ้งั ๒ ? ต. อปาทานสาธนะ ใชอกัมมธาตุอยางเดยี ว, กมั มสาธนะ และสมั มทานสาธนะ ใชสกมั มธาตอุ ยางเดยี ว , ๔ สาธนะนอกนนั้ ใชไดใ นธาตุท้งั ๒. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะท้งั ๗ นน้ั สาธนะไหนเปน นาม ? สาธนะไหนเปน คุณ ? ทาํ ไมจึงมีถึง ๗ ? และเปนสําคัญอยา งไรบาง ? ต. ภาวสาธนะ เปน นาม, นอกนั้นเปน คณุ , ทมี่ ีถงึ ๗ เพราะ อนุโลมตามวิธใี ชใ นภาษา, เปน สาํ คัญในการพูดและการแตงหนงั สือ ในภาษามคธ เพราะผูไมรูสาธนะแลว อาจพูดและแตงผดิ ทาํ ให ผูฟ งผูศกึ ษาเขาใจความผิดได เชน ชอ นหรือจาน ควรจะเรียก วาเปน เคร่ืองกิน แตก ลบั เรียกวา ที่กนิ หรือ การกนิ เชน นเี้ ปน ตน ยอ มทาํ ใหค วามเสยี ไป. สวนภาษามคธ เชน สี ธาตุ แปลวา นอน ถา หมายความถึงสถานท่ี แปลวา เปน ทน่ี อน ก็ควรประกอบวา สยน แตกลบั ประกอบเปนอยา งอื่นเสยี เชน ประกอบเปน สายโก เชน นี้ จะแปลวา ท่นี อน ไมได เพราะใชเคร่อื งหมายผิดไป จะตอ ง แปลวา ผนู อน เปนกัตตสุ าธนะเปนแน สาธนะเปน สาํ คัญในการพดู การแตง ดงั นี้ . [ อ. น.]. ถ. คาํ วา รูป ไดแ กอ ะไร? และรปู นัน้ แบงเปน กีอ่ ยา ง ? อะไรบา ง ?
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรับเปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 162 ต. รปู ไดแกวาจก แบงเปน ๓ คอื กตั ตรุ ปู กัมมรูป ภาวรูป. [ อ. น.]. ถ. ที่จะทราบวา เปนรปู น้ันรปู นไี้ ด ถอื อะไรเปนหลัก ? ต. ถือ วาจก คอื ศพั ทก ิรยิ าในวเิ คราะหเปนหลัก รปู วิเคราะห ใด เปน กัตตวุ าจกกด็ ี เหตกุ ัตตวุ าจกด็ ี รปู วเิ คราะหน ้ัน จดั เปน กตั ตรุ ปู , รูปวิเคราะหใ ด เปน กมั มวาจกกด็ ี เปน เหตุกัมมวาจาก็ดี รปู วิเคราะหนั้น จดั เปน กัมมรูป, รปู วิเคราะหใ ด เปน ภาววาจก รูปวิเคราะหนัน้ จดั เปนภาวรูป. [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทั้ง ๗ นัน้ สาธนะไหน เปนไดกีร่ ปู ? รปู อะไร ? ต. กตั ตสุ าธนะ และ อปาทานสาธนะ เปนกัตตรุ อู ยางเดียว, ภาวสาธนะ เปนภาวรปู อยา งเดยี ว, ๔ สาธนะนอกนี้ เปน ไดทัง้ ๒ คือ กัตตรุ ปู และ กัมมรปู . [ อ. น. ]. ถ. สาธนะทีจ่ ะสําเร็จได ตองอาศยั ธาตเุ ปน ท่ีตัง้ อยากทราบ วา สกมั มธาตุ และ อกัมมธาตุ อยา งไหนเปนสาธนะอะไรไดบาง ? และเปน รูปวิเคราะหไดกีร่ ปู ? ต. สกมั มธาตุ เปน ได ๖ สาธนะ ยกอปาทานสาธนะเสยี เปน รูปวเิ คราะหไดท ้ัง ๓ รปู , อกัมมธาตุ เปน ได ๖ สาธนะ ยกกมั ม- สาธนะเสยี เปน รปู วเิ คราะหไ ด ๒ รปู ยกกัมมรปู เสยี [ ทีว่ านเี้ ฉพาะ เปนไปโดยมาก ] แตควรถอื เน้อื ความของศพั ทเปนสาํ คัญ คอื แลว แตเ น้อื ความของศัพทจะหมุนใหเปนไปได. [อ. น. ]. ถ. รปู วเิ คราะหท ้งั ๓ นัน้ อยางไหนใชหมายสาธนะอะไรไดบ า ง
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรียญธรรมตร)ี - หนาท่ี 163 ต. กตั ตุรูป ใชหมายสาธนะได ๖ ยกภาวสาธนะเสีย, กัมมรูป ใชห มายสาธนะได ๔ คือ กมั มสาธนะ กรณสาธนะ สมั ปทานสาธนะ อธิกรณสาธน, ภาวรปู ใชห มายสาธนะได ๑ คือ ภาวสาธนะ. [ ปจจัยนามกติ ก ] ถ. เราจะทราบสาธนะไดแ มนยํา ตองอาศยั อะไรเปนหลกั ? ต. ตอ งอาศยั ปจจัย และเนอื้ ความของสาธนะนั้น ๆ เปนหลกั . [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยนามกติ ก มเี ทา ไร ? แบงเปนหมวดหมูอยางไร บา ง ? จงแสดง. และหมวดหมไู หนเปน เคร่อื งหมายรูปและสาธนะ วเิ คราะหและสาธนะอะไร? ต. มี ๑๔ ตัว แบง เปน ๓ หมู คือ กิตปจ จัย ๔ ตัว กฺวิ ณี ณฺวุ ตุ ร,ู กิจจปจจัย ๒ ตัว ข ณฺย, กติ กิจจปจจัย ๗ ตัว อ อิ ณ เตฺว ติ ตุ ย.ุ กิตปจจัย เปน เครอ่ื งหมาย กัตตรุ ปู กตั ตุสาธนะ. กจิ จปจ จยั เปนเครือ่ งหมาย กมั มรปู และภาวรูป กมั มสาธนะ และภาวสาธนะ. กิตกจิ จปจ จจยั เปน เครอ่ื งหมาย รูปและสาธนะไดท ง้ั หมด แลว แตเ นอ้ื ความจะอํานวยใหเปนได. [ อ. น.]. ถ. ปจ จยั ในนามกติ ก นยิ มลงในนามหรอื คุณ ? หรือนยิ มใน ศพั ทอะไร เมอ่ื ลงสําเรจ็ แลว เปนศพั ทพวกไหน ?
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตร)ี - หนาท่ี 164 ต. จะลงในศพั ทน ามหรอื คณุ ไมได ตอ งลงไดแตที่ธาตุอยา ง เดียว เม่ือลงสาํ เรจ็ แลว เปน นามบา ง คณุ บา ง. [อ. น. ]. ถ. ทา นหมายประโยชนอยา งไร ทแี่ บง ปจ จัยในกติ กเปน ๓ แผนก ซ่ึงเรียกช่ือเหมือน ๆ กัน ทงั้ ในนามกิตกแ ละกิริยากิตก ? จงอธบิ าย. ต. ทาน หมายประโยชนท ีจ่ ะใหอาศัยเปน เครอ่ื งกําหนดประเภท ของนามกิตก และ กริ ยิ ากติ กน นั้ คือ ในนามกติ กเปนเครือ่ งกําหนด รูปแหงสาธนะวา ศพั ทท ่ีประกอบปจจยั แผนกน้นั มรี ปู อยา งน้ันได มรี ปู อยา งนไ้ี มได คอื กตั ปจจัย เปน ไดแตกตั ตรุ ูปอยา งเดยี ส, กจิ จปจ จยั เปน ไดแต กัมมรูป และภาวรูป, กิตกจิ จปจ จัย เปน ไดทั้ง ๓ รปู . ในกิรยิ ากติ ก เปนเครอ่ื งกาํ หนดวาจก โดยอาการ คลา ยกันกบั ปจจยั ในนามกติ ก ซึ่งเปนเครอื่ งกําหนดหมายรูป คือ กติ ปจจยั เปนไดแก กัตตุวาจก และ เหตกุ ัตตุวาจก. กิจจปจ จัย เปนไดแ ต กัมมวาจก และภาววาจก และ เหตกุ ัมมวาจก, กิตกิจจ- ปจจัย เปน ไดท งั้ ๕ วาจก. [ ๒๔๖๒-๒๔๗๑ ]. ถ. ปจจัยอะไรบาง สําหรับประกอบกบั ศัพททเ่ี ปน กัตตุสาธนะ กัมมสาธนะ และ ภาวาธนะ ? ต. กติ ปจ จัย คือ กวฺ ิ ณี ณวฺ ุ ตุ รู สําหรับประกอบกับศัพท ที่เปน กัตตสุ าธนะ, กจิ จปจจัย คือ ข ณยฺ สาํ หรบั ประกอบศพั ท ทีเ่ ปน กัมมสาธนะ และ ภาวสาธนะ, กิตกิจจปจ จัย คอื อ อิ ณ เตฺว ติ ตุ ยุ สําหรบั ประกอบศพั ทท ีเ่ ปน ภาวสาธนะ. [ ๒๔๖๓ ] .
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตรี) - หนา ที่ 165 ถ. การทจ่ี ัดปจจัยนามกิตกเ ปนหมวด ๆ นน้ั มปี ระโยชน อยางไร ? ต. มปี ระโยชน คือ ทําความฟนเฝอ ของผูศ กึ ษาใหน อยลงใน เร่อื งวนิ ิจฉัยสาธนะ กลา วส้นั กค็ ือ ทาํ ใหจ าํ หรือสังเกตสาธนะไดง าย. [ อ. น. ]. ถ. ปจจยั ในนามกติ ก เมือ่ ลงแลว แจกดว ยวภิ ตั ตินามไดหมด หรอื ไม ? ถาแจกไดห มดกแ็ ลวไป ถา แจกไมไดหมด ปจจัยอะไร บา งที่แจกไมได ? และจะนาํ มาใชใ นขอความไดอยางไร ? ต. แจกไมไ ดห มด เพราะ เตฺว และตุ ปจ จยั เปนอพั ยยะ แจก ดว ยวภิ ตั ตนิ ามไมได เมอ่ื นํามาใชใ นขอ ความ เตฺว ปจจยั เปนเครอ่ื ง หมาย จตตุ ถวี ภิ ัตติ, ตุ ปจ จัย เปนเครื่องหมาย ปฐมาและจตุ ตถี- วิภัตติ นอกจากน้ี แจกไดท ัง้ หมด. [ ๒๔๖๐-๒๔๗๘ ]. ถ. ศพั ทนามกิตกนั้น ถา มศี ัพทอ ่ืนท่ีเกย่ี วเปนกรรมเขามา จะ มีวธิ ใี ชศัพทน น้ั อยา งไร ? มอี ทุ าหรณเชนไร ? ต. มีวธิ ใี ชศ พั ทน นั้ เปน ฉฏั ฐีวิภตั ติ แทน ทตุ ยิ าวภิ ตั ติ. อุทา- หรณ เชน ปุ ฺ สสฺ กรณ, อรยิ สจจฺ าน ทสฺสน. [ ๒๔๖๓ ]. ถ. อาํ นาจของปจจัยอะไรบา ง อาจบงั คบั ฉัฏฐีลงในอรรถแหง ทตุ ิยา ? จงบรรยายพรอ มทัง้ อทุ าหรณ. ต. วาตามวากยสมั พันธ ปจ จยั ในนามกิตกท ั้งหมด เวนแต ตุ ตัวเดียวเทานั้น มอี าํ นาจอาจบงั คับฉัฏฐีลงในอรรถแหง ทุตยิ าไดทกุ ตวั เชน จติ ตฺ สสฺ ทมโถ สาธ,ุ ปตุ ฺตทารสฺส สงคฺ โห, ภวิสสฺ นตฺ ิ
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรับเปรียญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 166 ธมฺมสฺส อฺ าตาโร เปน ตัวอยา ง, แตต ามหลกั ทใี่ ชอ ยโู ดยมาก ทา นกาํ หนดไวเพยี ง ๓ ตัว คือ ณฺวุ ตุ ยุ และลักษณะแหงศัพททีใ่ ช โดยมาก กม็ กั เปนไปตามนี.้ [ ๒๔๗๑]. ถ. ปจจัยตัวไหนบา ง ลงในอรรถแหง ตัสสีลได ? ขอตวั อยา ง ดว ย ต. ณี ตุ รู ยุ ปจ จยั ๔ ตวั น้ี ลงในอรรถแหงตัสสลี ได. ณี ปจจยั เชน ธมฺม วทติ สเี ลนาติ ธมฺมวาที, ตุ ปจจัย เชน กโรติ สเี ลนาติ กตตฺ า, รปู ปจ จยั เชน วชิ านาติ สเี ลนาติ วิ ฺ,ู ยุ ปจ จัย เชน กฺุฌติ สเี ลนาติ โกธโน. [อ. น. ]. ถ. ณ ข กวฺ ิ ปจ จัย เมือ่ ประกอบกับธาตุแลว ตองลบ จักรวู า ศพั ทนน้ั ลงปจ จยั นั้นไดอ ยางไร ? ต. จักรไู ดเปน สวน ๆ ตามธรรมดาของปจจยั คือ อทุ าหรณ ที่ประกอบดวย ณ ปจจัย ถาพยญั ชนะตนธาตุเปนรัสสะลวน มใิ ช ทฆี ะ หรอื มพี ยัญชนะสงั โยคอยูเบอ้ื งหลัง ตองพฤทธสิ ระทีส่ ุด คอื อ ตองเปน อา, อิ ตองเปน เอ, อุ ตอ งเปน โอ. เชน กมมฺ กาโร [ กมฺม+กฺร ] ปเวโส [ ป+วิสฺ ] โจโร [ จรุ ฺ ] เปนตน. อทุ าหรณ ทป่ี ระกอบดว ย ข ปจจยั ตอ งเปน ศพั ทท ีม่ ี อสี ทุ สุ อยูตน ธาตุ เชน อีสสสฺ โย ทุรกฺข สุกร เปน ตน , อทุ าหรณท ป่ี ระกอบดวย กฺวิ ปจ จยั ถา เปนธาตตุ ้ังแต ๒ ตวั ข้ึนไป มักมบี ทหนา และตองลบทส่ี ุดธาตุ เชน อุรโค [ อรุ +คม]ฺ ถา เปน ธาตตุ ัวเดียว มกั มอี ปุ สคั หรือนบิ าตนําหนา เชน สยมภฺ ู [สย+ภ]ู อภภิ ู [ อภ+ิ ภู ] เปนตน . [ ๒๔๖๗ - ๒๔๘๒ ].
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 167 ถ. ณฺย ปจ จัย ในภาวตัทธติ และในนามกิตก มวี ธิ ีตา งกัน อยา งไร ? ต. ในภาวตัทธิต ทานใชลงทีศ่ ัพทนามบาง กิริยาบาง เปน เคร่อื งหมายแทนภาวศัพท เมอ่ื ลงแลว ทา นใหลบ ณ เสยี เหลอื ไวแ ต ย, ลบ อ สระที่สดุ ศพั ทห นา เสียแลว เอาพยัญชนะทส่ี ุดศัพท ซงึ่ มสี ระอันลบเสยี แลว น้นั กับ ย อาเทศตามรปู ทอ่ี าจเปนไดต าง ๆ หรือแปลงเหมือนพยญั ชนะหนา ย ทั้ง ๒ ตัวบาง, คง ย ไวไ มอ าเทศ บาง. ในนามกิตก ทา นใชล งท่ธี าตุ เปน เครอื่ งหมายกัมมสาธนะ และภาวสาธนะ ลงแลวลบ ณ เสยี เหลอื ไวแต ย แลวอาเทศกับ ท่ีสุดธาตบุ า ง, คง ย ไวไมต องมวี ิธอี ยางอืน่ บาง, คง ย ไวแ ลว ซอ น ย หรอื มีวิธอี ยางอ่ืนบาง, ไมลบ ณ แตอ าเทศ ณฺย นัน้ บา ง. [ ๒๔๗๗ ]. ถ. ปจจยั ตวั ไหนบาง เม่อื ลงสําเร็จเปน สาธนะแลว ไมปรากฏ รูปรา ง ๆ ของตัวอยางดวย. ต. กวฺ ิ ณ อ ข ปจ จัย เมื่อลงสาํ เร็จเปน สาธนะแลว ไมป รากฏ รปู รา ง กฺวิ ปจจัย เชน อุรโค เปน ตน. ณ ปจจยั เชน กมฺมกาโก เปนตน . อ ปจ จัย เชน หิตกกฺ โร เปน ตน. ข ปจ จัย เชน สุภโร เปน ตน. [ อ. น. ]. ถ. ปจจัยตวั ไหนบา ง เม่อื ลงธาตุแลว นยิ มใหล บพยัญชนะ ท่สี ดุ ธาตุ ? จงอางอุทาหรณมาใหดดู ว ย.
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตร)ี - หนา ที่ 168 ต. กวฺ ิ ตุ ติ เตวฺ ตุ ปจจัย, เม่อื ลงทธี่ าตแุ ลว นยิ มใหลบ พยัญชนะทส่ี ุดธาตุ, กฺวิ ปจจยั เชน สงโฺ ข เปนตน, ตุ ปจ จัย เชน กตฺตา เปน ตน, ติ ปจจัย เชน มติ เปน ตน , เตฺว ปจจยั เชน กาเตวฺ เปน ตน, ตุ ปจ จัย เชน กาตุ เปนตน, สวน รู ปจ จัย ลบท่สี ดุ ธาตุ กไ็ ด เชน ปารคู เปน ตน , ไมลบทส่ี ดุ ธาตุก็ได แตตองรัสสะ อู เปน อุ เชน ภกิ ขฺ ุ เปน ตน . [ อ. น. ]. ถ. กิตปจจัย เมื่อประกอบกับธาตสุ ําเรจ็ เปน สาธนะแลว จะ สงั เกตรไู ดอยางไรวา ศัพทไหนลงปจจัยอะไร ? ต. สงั เกตรูไดด ังน้ี :- กฺวิ ปจ จัย เมอ่ื ลงทธ่ี าตุ ซึ่งมพี ยัญชนะ ๒ ตัว มพี ยัญชนะเปน ท่ีสุด เชน คมฺ เมอ่ื ลงแลว ตองลบพยัญชนะทส่ี ุดธาตุ คงไวแต พยญั ชนะตนธาตตุ วั เดยี ว เชน อรุ โค เปน ตน, ถา ลงทีธ่ าตพุ ยัญชนะ ตัวเดียว ไมต อ งลบ คงไวตามเดิม เชน ภู ธาตุ สาํ เร็จเปน สยมฺภู เปนตน, กฺวิ ปจ จยั เม่ือลงแลว ตองลบ และธาตทุ ี่ลง กวฺ ปิ จ จยั น้ี ตอ งมีบทอ่นื นําหนา เสมอ แตไมนิยมลงในอรรถแหงตัสสลี . ณี ปจจัย เมอ่ื ลงทีธ่ าตแุ ลวตอ งลบ ณ เสยี เหลอื ไวแ ตสระ ท่ี ณ อาศยั ถา ตน ธาตเุ ปนรัสสะ ไมมีพยญั ชนะสังโยคอยูเ บือ้ งหลัง ตอ งพฤทธิ เหมือนในตัทธติ คอื ทีฆะ อ เปน อา, วกิ าร อิ เปน เอ, อุ เปน โอ, นยิ มลงในอรรถแหง ตสั สีล ซึง่ แปลวา ปกติ และนิยม การมีบทอน่ื นาํ หนาเสมอ แตไมน ิยมลงในอรระแหง ตัสสีล. ณี ปจจัย เมื่อลงท่ธี าตแุ ลว ตองลบ ณ เสยี เหลือไวแตส ระ ท่ี ณ อาศัย ถาตนธาตเุ ปนรสั สะ ไมม พี ยญั ชนะสงั โยคอยเู บอ้ื งหลงั ตองพฤทธิ เหมอื นในตทั ธติ คือ ทฆี ะ อ เปน อา, วกิ าร อิ เปน เอ, อุ เปน โอ, นยิ มลงในอรรถแหง ตัสสีล ซึง่ แปลวา ปกติ และนิยม การมีบทอนื่ นาํ หนาเหมอื นกนั กฺวิ ปจ จยั แตเ ม่อื ลงปจจยั แลวไมต องลบ
ท่สี ดุ ธาตุ เชน ธมมฺ จารี ปาปการี เปน ตน . ถา ลงที่ธาตมุ พี ยญั ชนะ
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 169 ตัวเดียว มี อา เปน ทส่ี ุด เชน ปา า ทา เปน ตน ทา นใหล ง ย ปจจัย หลงั ธาตุ เชน มชชปายี กมมฺ ฏ ายี อทนิ นฺ ทายี เปนตน ถา ลงทธี่ าตมุ ี อิ อี เปนทีส่ ุด เชน จิ สี ธาตเุ ปนตน ตองวกิ าร อิ อี เปน เอ, เอา เอ เปน อาย เชน วุฑฒฺ าปจายี ตองวิการ อุ อู เปน โอ, เอา โอ เปน อาว เชน ธมฺมสาวี เอวภาวี เปน ตน . ณวฺ ุ ปจจัย เมอื่ ลงทธ่ี าตุแลว ตอ งพฤทธิ เชนเดยี วกับท่ีกลา ว แลว ในตทั ธิต แลว เอา ณวฺ ุ เปน อก เชน อนสุ าโก เปนตน ถา ลงที่ธาตุ มีพยญั ชนะตวั เดียว มี อา เปน ท่สี ดุ ใหล ง ยุ ปจจยั หลัง ธาตุดว ย เชน ทายโก. ถา มี อิ อี อุ อ เปนที่สดุ ก็ตอ งพฤทธิและ แปลงสระอยางเดยี วกบั ณี ปจ จัย ทีก่ ลา วแลว ปจ จยั น้ี แปลกจาก ณี ปจจยั ก็คือ ไมน ยิ มลงในอรรถแหง ตสั สลี มบี ทอน่ื นาํ หนา กไ็ ด ไมนาํ หนาก็ได ท่ีแนนอนกค็ อื เอา ณวฺ ุ เปน อก เสมอไป. ตุ ปจจัย เม่ือลงท่ธี าตุมีพยญั ชนะ ๒ ตวั ตอ งลบพยัญชนะ ทสี่ ุดธาตุ คงไวแ ตพยญั ชนะตน ธาตุตัวเดียว และคง ตุ ปจจยั ไว แลว ซอน ต หนา ตุ ปจ จัย ทาํ ใหพ ยญั ชนะท่อี ยหู นา ตุ เปน ครุ เสมอ ไป เชน กรฺ ธาตุ เปน กตตฺ า , วทฺ ธาตุ เปน วตฺตา เปน ตน ถา พยญั ชนะท่ีสดุ ธาตเุ ปน น จะคง น ไวไมต องซอน ต กไ็ ด หรือจะ ลบ น แลวซอ น ต ก็ได ตามแตจะเห็นควร เชน หนฺ ธาตุ เปน หนตฺ า, ขนฺ ธาตุ เปน ขตฺตา เปน ตน , ถาลงทีธ่ าตุมีพยญั ชนะตัวเดยี ว ไมม ีวธิ เี ปล่ยี นแปลงอยางไร คงธาตคุ งปจ จัยไวตามเดมิ เชน ธา
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตรี) - หนา ท่ี 170 ธาตุ เปน ธาตา, า ธาตุ เปน าตา เปนตน, ถา ธาตมุ ีสระเปน ลหุ ก็ตองทําเปน ครุ เชน สุ ธาตุ เปน โสตา เปนตน , สว นธาตุท่มี สี ระ เปน ครุ แลว จะคงตามเดิมหรอื จะวิการ อิ เปน เอ, อุ เปน โอ ก็ได ตามแตความนยิ ม ศัพททปี่ ระกอบดว ย ตุ ปจ จัย น้ี นิยมแจกตาม แบบ สตถฺ ุ เปนพ้ืน, อนง่ึ ปจจยั นี้ ลงในอรรถแหงตสั สลี ก็ได ไมล ง ก็ได ไมม ีจํากัด. รูป ปจจัย เมอ่ื ลงทีธ่ าตุแลว ตองลบ ร เหลอื ไวแ ตส ระที่ ร อาศยั ถา ลงที่ธาตมุ พี ยัญชนะ ๒ ตัวเปนรัสสะ ตอ งลบพยัญชนะตัว ทส่ี ุด เชน คมฺ ธาตุ เปน ปารคู เปนตน ถาธาตุมีพยัญชนะสังโยค อยเู บอ้ื งหลงั ไมต องลบพยญั ชนะทสี่ ดุ เปน แตรสั สะ อู เปน อุ เชน ภกิ ขฺ ธาตุ เปน ภิกฺขุ เปน ตน ถา ธาตุมีพยัญชนะตัวเดียว ตองลบ สระทธ่ี าตุ แลว ประกอบ อู เขา กบั ธาตุ เชน า ธาตุ เปน วิฺู เปนตน . ปจ จยั นี้ นิยมลงในอรรถแหง ตัสสีล แตจ ะมีบทอ่นื นําหนา ก็ได ไมมีก็ได ไมมีจาํ กัด. ปจ จยั ๕ ตวั เปนเครอ่ื งหมายกตั ตรุ ูป กตั ตุสาธนะ เม่อื สังเกต ดังกลาวมานี้ ยอ มทราบไดว า ศพั ทน ีล้ งปจ จยั น้นั ๆ ได. [ อ. น.]. ถ. กิจจปจจัย ๒ ตัว เมื่อลงแลว จะสงั เกตรูไดอยา งไร วา ศัพทนน้ั ๆ ลงปจจยั ๒ ตัวนี้ ? ต. รไู ดด งั นี้ คอื ปจ จัย ๒ ตัวน้ี เปนเครือ่ งหมายกมั มรูป กมั มสาธนะ และ ภาวรูป ภาวสาธนะ แตภาวรปู ภาวสาธนะ มีท่ใี ช นอย.
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรบั เปรียญธรรมตรี) - หนา ที่ 171 ข. ปจ จัย เม่ือลงแลว ตอ งลบเสยี เม่อื ลบแลว กไ็ มมีวิธี เปลยี่ นแปลง โดยมากศัพทท ่ลี งปจจยั นี้ มกั มี ทุ สุ ตวั ใดตวั หน่ึง นําหนา และนยิ มลงใน สกัมมธาตุ เปนพนื้ เชน ทกุ ฺกร [ กรรม] อันเขาทําไดโดยยาก, ทุรกขฺ [ จติ ] อนั เขารกั ษาไดโ ดยยาก, สภุ โร [ บุตร ] อันเขาเล้ยี งไดโดยงา ย เปน ตน. ณยฺ ปจ จัย เมื่อลงแลว ลบ ณ เสยี เหลอื ไวแต ย แลว พฤทธเิ หมอื น ณ ปจ จัย ในตัทธิต หรือแปลงพยญั ชนะทส่ี ดุ ธาตุกบั ย เปน พยัญชนะตาง ๆ ดงั น้ี :- การิย กรฺ ธาตุ พฤทธิ อ เปน อา, อิ อาคม ลบ ณ. เนยฺย นี ธาตุ พฤทธิ อิ เปน เอ, ลบ ณ ซอ น ย. เทยยฺ ทา ธาตุ ลบ อา เอา ณฺย เปน เอยฺย. วชชฺ วทฺ ธาตุ ลบ ณ เอา ทฺ กบั ย เปน ชช. ทมโฺ ม ทมฺ ธาตุ ลบ ณ เอา มฺ กบั ย เปน มฺม. โยคคฺ ยชุ ฺ ธาตุ ลบ ณ เอา ชฺ กบั ย เปน คคฺ . คารยฺห ครหฺ ธาตุ ลบ ณ แปร หฺ ไวเบ้อื งหลัง ย ไวเบื้องหนา. โพชฌฺ ครหฺ ธาตุ ลบ ณ พฤทธิ อุ เปน โอ, เอา ธฺ กับ ย เปน ชฺฌ. ยงั มวี ธิ ีเปลี่ยนแปลงอีกมาก นาํ มาแสดงพอเปนตวั อยาง ปจจัยน้ี ลงใน กัมมรูป กัมมสาธนะ เปน พนื้ ท่เี ปน ภาวรปู ภาว- สาธนะ กม็ บี าง, สังเกตดังแสดงมานี้ ยอ มทราบได. [ อ. น. ]. ถ. ศพั ทน ามกติ ก เปนนามนามบา ง คณุ นามบาง ทง้ั นัน้ หรือ ? ถา จะใชเ ปน กริ ยิ ากติ กบา ง จะไดไหม ? โปรดแสดงใหมหี ลกั ฐาน.
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรบั เปรียญธรรมตร)ี - หนาท่ี 172 ต. เปน นามนามและคุณนามท้ังนัน้ แตจ ะใชกิริยากติ กบ า ง ก็ได เชน เต จ ภิกขฺ ู คารยฺหา แปลวา อนง่ึ ภกิ ษทุ ้งั หลาย เหลา นน้ั อนั ทา นพึงติเตียน, อานนทฺ าทสิ ขุ มาตร ปริจริตวฺ าน ปณฺฑเิ ตน ลพภฺ แปลวา สุขมคี วามเพลดิ เพลินเปนตน อนั บตุ ร ผู เู ปน บัณฑติ บาํ เรอแลว ซ่ึงมาดา พงึ ได. [ อ. น. ]. ถ. กติ กจิ ปจจัย เมอ่ื ประกอบกบั ธาตุแลว มที ส่ี ังเกตใหรไู ด อยา งไรวา ศพั ทนีล้ งปจ จัยนนั้ ๆ. ต. รูไดดงั น้ี :- อ. อิ ปจ จัย เมือ่ ประกอบกับธาตุแลว ไมมีวธิ ีเปลย่ี นแปลง อยางไรเลย คงรปู อยูอยางนน้ั แตศ พั ทที่ประกอบดว ย อ ปจ จัย มักมบี ทอ่ืนนําหนา ธาตโุ ดยมาก แตไมนิยมลงเปน แนนอน ทไี่ มมีบท อ่ืนนาํ หนา ก็มี เชน คโห ผจู บั , สว นศพั ทท ป่ี ระกอบดวย อิ ปจ จยั ตามที่เคยเห็นมา มบี ทอน่ื นําหนา เปนพน้ื . อ ปจจยั เชน นิสสฺ โย เปนตน . อิ ปจ จัย เชน นธิ ิ อุทธิ เปนตน . ณ ปจ จัย เมอ่ื ประกอบกบั ธาตุแลว มีวธิ เี ปลย่ี นแปลง คอื พฤทธติ ามลกั ษณะท่ีกลา วแลวในตทั ธิต มบี ทอื่นนาํ หนา ก็มี ไมมนี ํา หนา กม็ ี ถา ธาตมุ ี ชฺ เปน ท่ีสุด แปล ชฺ เปน ค เชน ยาโค โยโค โรโค เปน ตน . ถา ธาตมุ ี จฺ เปน ทส่ี ดุ แปลง จฺ เปน ก เชน ปาโก อภเิ สโก เปน ตน . เตฺว ปจ จยั เมื่อประกอบกบั ธาตุแลว คง เตฺว ไว ลบพยญั ชนะ ทสี่ ดุ ธาตุ เชน ภาเตวฺ คนเฺ ตวฺ เปน ตน ถาประกอบกบั ธาตตุ วั เดียว
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตร)ี - หนาท่ี 173 ไมมีวธิ เี ปล่ยี นแปลง เชน หาเตฺว าเตวฺ และศพั ททป่ี ระกอบดวย ปจ จัยน้ี ใชเปน จตตุ ถีวิภัตติอยา งเดียว เปนอพั ยยะแจกดวยวภิ ตั ติ ทั้ง ๗ ไมไ ด. ต.ิ ปจจยั เมอื่ ประกอบกบั ธาตุแลว ลง ติ ไว ลบพยญั ชนะ ทีส่ ุดธาตุ ศพั ทท ี่ลง ติ ปจจัย เปน อิตถลี งิ คอ ยางเดียว เชน มติ สติ คติ เปน ตน . ตุ ปจ จยั เมื่อประกอบกับธาตแุ ลว คง ตุ ไว ลบพยัญชนะ ท่สี ุดธาตุ เชน กาตุ คนตฺ ุ เปนตน แตถ า ลง อิ อาคม ไมต องลบ พยญั ชนะที่สดุ ธาตุ เชน คมติ ุ สยติ ุ ปติตุ โสเธตุ ถาเปน เหตกุ ตั ตุวาจก ก็ไมตองลบพยญั ชนะทส่ี ดุ ธาตุ เชน กาเรตุ ปาเตตุ โสเธตุ เปน ตน ถาประกอบกับธาตุตัวเดียว คงไวตามเดิมไมมีเปลย่ี นแปลง เชน ปติฏ าตุ ทาตุ เปน ตน. ศพั ทท ี่ประกอบดว ยปจจยั น้ี ใชไ ด ๒ วิภัตติ คือ ปฐมาวภิ ัตติ และ จตตุ ถวี ภิ ตั ติ เทา น้ัน เปนอัพยยะ แจกดว ย วภิ ตั ติทงั้ ๗ ไมไ ด. ยุ ปจ จัย เม่ือประกอบกับธาตุแลว มีอาํ นาจพฤทธิสระไดเ หมือน ณ ปจ จัย ท่กี ลา วแลว ในตทั ธติ และแปลง ยุ เปน อน เชน เจตนา โกธโน โภชน เปนตน หรอื จะไมพฤทธิ คงไวตามเดิมก็ได เชน คมน วจน เปนตน , ถา ธาตุมี รฺ หรอื หฺ เปนทส่ี ดุ แปลง ยุ เปน อณ เชน กรณ หรณ, คหณ, แตธาตมุ ี หฺ เปนทีส่ ดุ ไมน ยิ มแนเหมือนธาตุ ท่มี ี ร เปนทสี่ ุด คือจะแปลงเปน อน หรือ อณ กไ็ ด. อน่งึ ศพั ทท ี่ ลงปจ จัยนี้ ใชล งในอรรถแหงตสั สีลก็ได ไมลงกไ็ ด และมีบทอ่ืน
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 174 นาํ หนาหรือไมนาํ หนา ก็ได แลวแตความนยิ ม. เมอื่ สังเกตโดยนัยดงั แสดงมาน้ี ยอ มรไู ดวา ศพั ทนนั้ ลงปจจยั นนั้ .[ อ.น.]. ถ. ติ กบั ตุ ปจจัย ลงไดใ นสาธนะไหนบาง ? อางหลกั มาดู. ต. ติ ปจ จัย ลงไดท กุ สาธนะ แตทีป่ รากฏโดยมากเพยี ง ๕ สาธนะ คอื กตั ตสุ าธนะ กมั มสาธนะ ภาวสาธนะ กรณสาธนะ อธกิ รณสาธนะ อุทาหรณว า มติ เปน กัตตุสาธนะ กไ็ ด กรณสาธนะ ก็ได ภาวสาธนะ ก็ได, สมฺปตฺติ เปน กัตตุสาธนะ, คติ เปน อธกิ รณ- สาธนะ. ตุ ปจจัย ลงในกัตตุสาธนะอยางเดียว อุทาหรณว า กตตฺ า โสตา เปนตน . [ ๒๔๖๖๙ ]. [ วเิ คราะหน ามกิตก ] ถ. จงเขียนรูปวเิ คราะหท ้ัง ๓ มาด.ู ต. กตั ตรุ ูป เชน กโรติ กเถต,ิ กมั มรปู กริยเต หรอื กาตพพฺ กถยิ เต หรอื กเถตพฺพ, ภาวรูป เชน กรยเต หรือ กาตพพฺ เปน ตน . [ อ. น. ]. ถ. ศัพทวา กมฺม กโรตีติ กมฺมการี นี้ สว นไหนเปน วิเคราะห ? สว นไหนเปนสาธนะ ? สว นไหนเปนเครอื่ งหมายรูปวิเคราะห ? ต. กมมฺ กโรตีติ เปน วิเคราะห, กมมฺ การี เปน สาธนะ, กโรติ เปนเคร่อื งหมายรปู วิเคราะห. [ อ. น.]. ถ. ศพั ทท ีเ่ ปน เครื่องหมายรปู วเิ คราะหแหงสาธนะนัน้ ทา นนยิ ม ใชศัพทชนดิ ไหนบา ง ? และอยา งไหนเปน เครอ่ื งหมายรปู วิเคราะห อะไร ?
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตรี) - หนา ท่ี 175 ต. ใชศ พั ทกริ ยิ าอาขยาต เชน กโรติ เปน ตน อยางหน่ึง ศพั ท กิริยากิตกท ล่ี ง ตพพฺ ปจ จัย เชน กาตพโฺ พ เปนตน อยา งหนงึ่ ศพั ท กริ ยิ านาม เชน ปจน เปน ตน อยางหนงึ่ ศัพทกิรยิ าอาขยาต เปน เครื่องหมายรปู วิเคราะหทัง้ ๓ ศพั ทก ริ ยิ ากิตก เปน เครอื่ งหมาย เฉพาะกัมมรูป และ ภาวรูป. ศัพทกริ ยิ านามเปนเครื่องหมายภาวรปู อยางเดยี ว. [ อ. น. ]. ถ. วเิ คราะหแ หงสาธนะนนั้ ทานนิยมใชส ัพพนามดว ย เมือ่ เปนเชน นี้ จึงอยากทราบวา สาธนะไหน ใชส ัพพนามอยางไร ? ขอตวั อยางดวย. ต. กตั ตสุ าธนะ ใชสพั พนามประกอบเปนปฐมาวิภตั ติ แต ไมไ ดเรียงไวในวิเคราะห เปน แตเม่ือแปล ใหเ ตมิ ย ต เขา ดว ยตาม ลิงคว จนะ เปนกัตตุรปู อยา งเดียว เชน เทตีติ ทายโก แปลวา [บคุ คลใด] ยอ มให เหตนุ นั้ [ บคุ คลน้ัน] ชือ่ วา ผใู ห. กัมมสาธนะ ถา เปน กัตตรูป ใชส ัพพนามประกอบเปน ทุติยา- วิภัตติ เชน ปยติ ตนฺติ ปโย แปลวา [ บดิ า ] ยอมรกั ซ่ึงบตุ รนนั้ เหตนุ นั้ [ บตุ รนน้ั ] ชอ่ื วา เปนทรี่ ัก [ ของบดิ า ] , ถาเปนกัมมรปู ใชสพั พนามประกอบเปนปฐมาวิภัตติ แตไ มไ ดเรียงไวใ นวเิ คราะห เชนเดยี วกบั กตั ตสุ าธนะ เชน ภุชฺ ิตพฺพนตฺ ิ โภชน แปลวา [ ส่งิ ใด ] อนั เขาพงึ กนิ เหตนุ ้นั [ สง่ิ นน้ั ] ชื่อวา อันเขาพึงกนิ . ภาวสาธนะ ไมตอ งใชสพั พนามในวเิ คราะห เปน แตเวลาแปล เตมิ ตัว อนภิหิตกตั ตา มาเปนเจาของกิริยา เชน คจฉฺ ิยเตติ คมน
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรบั เปรยี ญธรรมตรี) - หนา ที่ 176 แปลวา [ อันเขา ] ยอ มไป เหตุนน้ั ชือ่ วา ความไป. กรณสาธนะ ใชส ัพพนามประกอบเปนตตยิ าวิภตั ติ ทงั้ ทเ่ี ปน กัตตุรูป ทงั้ กัมมรปู , กตั ตุรูป เชน คจฉฺ ติ เตนาติ คมน แปลวา [ คน ] ยอ มไปดว ยยานนัน้ เหตนุ ้นั [ ยานน้ัน ] ชือ่ วา เปน เครื่อง ไป [ ของคน ], กัมมรูป เชน สวณณฺ ิยเต เอตายาติ สว ณฺณนา แปลวา [ เนอื้ ความ ] อันทา นยอ มพรรณนาพรอม ดวยวาจาน่ัน เหตนุ ั้น [ วาจาน่นั ] ชอื่ วา เปนเคร่อื งอันทา นพรรณนาพรอ ม [ แหงเนอื้ ความ ]. สัมปทานสาธนะ ใชส ัพพนามประกอบเปน จตตุ ถวี ภิ ตั ติ ทั้ง กตั ตรุ ูป ทั้งกัมมรปู . กตั ตุรปู เชน สมฺปาเทติ เอตสสฺ าติ สมฺปทาน แปลวา [ ทายก ] ยอมมอบใหแ กทีน่ ั่น เหตนุ นั้ ทนี่ ั่น ช่อื วา เปน ที่มอบให [ แหงทายก ], กมั มรูป เชน สมฺปทยิ เต เอตสสฺ าติ สมฺปทาโน แปลวา [ วตั ถุ ] อนั เขายอมมอบใหแกปฏคิ าหกนัน่ เหตุนนั้ [ ปฏคิ าหกนน่ั ] ชื่อวา เปนทอ่ี ันเขามอบให [ แหง วตั ถุ ]. อปาทานสาธนะ ใชสพั พนามประกอบเปนปญจมวี ภิ ตั ติ เปน กัตตุรูปอยางเดียว เชน ปม ภวติ เอตสมฺ าติ ปภโว แปลวา [ แมนํา้ ] ยอ มเกิดกอน แตป ระเทศนั่น เหตุนัน้ ประเทศนนั่ ชื่อวา เปน แดนเกดิ กอ น [ แหง แมนาํ้ ]. อธิกรณสาธนะ ใชสพั พนามประกอบเปน สตั ตมีวภิ ัตติ ทัง้ กัตตรุ ูป ทงั้ กมั มรปู , กตั ตุรูป เชน สยติ เอตฺถาติ สยน [ บคุ คล ] ยอมนอนในท่ีนี้ เหตุนัน้ ทีน่ ้ี ชอ่ื วา เปนทน่ี อน [ แหงบคุ คล ],
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนาที่ 177 กัมมรปู เชน ภุ ฺชิพพฺ เอตฺถาติ โภชน แปลวา [ วัตถุ ] อนั เขาพึงกิน ในท่ีน้ี เหตนุ นั้ ทน่ี ี้ เปน ทอ่ี นั เขากนิ [ แหง วัตถุ ]. [อ. น.] ถ. สัพพนามทีใ่ ชใ นวิเคราะหแหงสาธนะนั้น ๆ ทานนยิ มใช สพั พนามตวั ไหน ในสาธนะไหน? ต. กัตตสุ าธนะ นิยมใช ย ศพั ทในวเิ คราะห แตไมต องเขียน ไว. กัมมสาธนะ ถา เปน กัตตุรูป นยิ มใช ต ศพั ทใ นวเิ คราะห, ถาเปน กมั มรปู นยิ มใช ย ศัพทในวเิ คราะห. ภาวสาธนะ ไมต อ ง ใชส พั พนาม ในวิเคราะห เปน แตเ วลาแปล เดิม เตน อันเขา เปน เจา ของกิรยิ าเทานน้ั . กรณสาธนะ สัมปทานสาธนะ อปาทานสาธนะ นิยมใช ต เอต ในวิเคราะห, อธิกรณสาธนะ นิยมใช ต เอต อิม ในวิเคราะห แต อมิ ศัพทน ้นั นยิ มลง ตถฺ ปจ จยั ซึง่ เปน เคร่ือง หมายสัตตมีวิภัตติ สาํ เร็จรปู เปน เอตฺถ. [อ. น. ]. ถ. ขอตัวอยา งสาธนะทงั้ ๗ พรอ มทง้ั วเิ คราะหมาดู ? ต. ธมมฺ ธาเรตตี ิ ธมฺมธโร ช่ือ กัตตุสาธนะ. กาตพพฺ นฺติ กจิ ฺจ ชือ่ กัมมสาธนะ, ปูชยิ เตติ ปูชา ช่อื ภาวสาธนะ, ปหรติ เตนาติ ปหรณ ชื่อ กรณสาธนะ, โคจรติ เอตสสฺ าติ โคจโร ชอ่ื สัมปทานสาธนะ, นิคจฺฉติ เอตฺสมาติ นิคโม ชือ่ อปาทานสาธนะ ตฏิ ติ เอตฺถาติ าน ชอ่ื อธิกรณสาธนะ. [ ๒๔๖๕ ]. ถ. สพั พนามในวเิ คราะหแหง สาธนะนนั้ เปน สําคัญอยา งไร ? ต. เปน สาํ คัญ คอื เปนเครอ่ื งหมายใหท ราบสาธนะไดงายและ
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตรี) - หนา ท่ี 178 แมนยาํ ทั้งเปนหลักสําคัญในการแปล คือวา ถาสพั พนามในวเิ คราะห โยคนามนามใด พงึ ทราบเถดิ วา นามนามน้นั เปน ประธานแหง สาธนะ สพั พนามทเี่ ปน ประธานแหงสาธนะ จะตองโยคนามนามให ตรงกบั สัพพนามในวิเคราะห โยคเสมอไปทกุ ๆ สาธนะท่ีนิยมใชส พั พ- นาม ตวั อยา ง เชน พนฺธติ เตนาติ พนธฺ น [ ต ]. ในวิเคราะห นี้ เตน โยค วตถฺ ,ุ ต ซง่ึ เปน ตวั ประธานของ พนธฺ น ซง่ึ เปน ศพั ทส าธนะ กต็ องโยค วตถฺ ุ ใหต รงกนั แปลวา อยางน้ี [ บุคคล ] ยอ มผูก ดว ยวัตถนุ ัน้ เหตุนน้ั [ วัตถนุ น้ั ] ช่อื วา เปน เครื่องผกู [ ของบคุ คล ]. ถา สพั พนามโยคนามนามไมตรงกันแลว ความกเ็ สยี หมด ใชไ มไ ดเ ลยทีเดยี ว จะตอ งระวังใหม ากในการแปล. [ อ. น .] ถ. ยาโค เปน ช่อื ของสักการะ เปน สาธนะอะไร ? เปน ชอ่ื ของ พระพทุ ธเจา เปนสาธนะอะไร ? ตง้ั วิเคราะหม าด.ู ต. เปน ชื่อของสกั การะ เปน กรณสาธนะ วิเคราะหวา ยชติ เตนาติ ยาโค, เปน ชอ่ื ของพระพทุ ธเจา เปน กมั มสาธนะ วเิ คราะห วา ยชิตพโฺ พติ ยาโค. [ ๒๔๗๗ ]. ถ. สนฺธิ ความตอ , สมาโส ความยอ ตั้งวเิ คราะหอยา งไร ? บอกธาตุปจ จัยดว ย. ต. สนธฺ ิ วิเคราะหวา สนฺธาน สนฺธ,ิ ส บทหนา ธา ธาตุ อิ ปจ จยั นามกติ ก, สมาโส วเิ คราะหวา สมสน สมาโส, ส บท หนา วสฺ ธาตุ ณ ปจ จยั นามกิตก. [ ๒๔๗๖ ]. ถ. เนยยฺ ปชนีโย อปุ วท จเิ นยยฺ เปนศพั ทอ ะไร ? ศพั ทไ หน
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตรี) - หนา ที่ 179 มรี ูปเดิมอยางไร ? จงแสดงใหละเอียด. ต. เนยยฺ เปน นามกิตก เดิมเปน นี ธาตุ ลง ณฺย ปจ จยั เปน กมั มรูป กมั มสาธนะ วิเคราะหวา เนตพพฺ นฺติ เนยยฺ , ปชู นโี ย เปน ฐานตทั ธติ เดิมเปน ปชู น ลง อีย ปจ จัย แปลวา ผคู วรซ่ึงอันบูชา วเิ คราะหว า ปชู น อรหตีติ ปูชนโี ย, เปน กริ ิยากิตกก ็ได ลง อนยี ปจจัย แปลวา ผูอันเขาพึงบูชา, อุปวท เปนนามกิตกก็ได เปน กิรยิ ากิตกไ ด ถา เปน นามกติ ก ลง อ ปจ จัย เปน กตั ตสุ าธนะ วเิ คราะหวา อปุ วทตีติ อปุ วโท ทม่ี รี ปู เปน อุปวท เพราะลง อ ทุตยิ าใน ๓ ลงิ ค หรอื สิ ปฐมในนปงุ สกลิงค อปุ บทหนา วทฺ ธาตุ ถ า เปนกริ ิยากิตก ลง อนตฺ ปจ จัย ลง สิ ปฐมา เอา นตฺ กับ สิ เปน อ เปนปุงลงิ ค อุป บทหนา วทฺ ธาตุอยางเดยี วกัน, จเิ นยยฺ เปน กริ ยิ าอาขยาต จิ ธาตุ นา ปจ จัย เอยฺย สตั ตมวี ภิ ัตติ กตั ตุ- วาจก. [ ๒๔๖๙ ]. ถ. จิเนยฺย เจยยฺ โสเจยยฺ เปน ศัพทอ ะไร ? ศัพทไ หนรูปเดิม เปนอยางไร ? แปลวา กระไร ? จงแสดงใหต ลอด. ต. จิเนยยฺ เปน ศพั ทก ริ ยิ าอาขยาต จิ ธาตุ ในความกอ ความ สง่ั สม นา ปจ จยั เอยยฺ สตั ตมีวิภตั ติ กตั ตวุ าจก, เจยยฺ จิ ธาตุ ณยฺ ปจ จยั พฤทธิ อิ เปน เอ, ลบ ณ ซอ น ย, สิ ปฐมาวิภัตติ นปุงสกลิงค จึงเปน เจยยฺ , ถาแปลวา วตั ถอุ นั เขาพึงสั่งสม เปน กัมมรูป กมั มสาธนะ วเิ คราะหว า จินติ พพฺ นตฺ ิ เจยฺย [ วัตถุ ]. ถา แปลวา ความกอ เปน ภาวรูป ภาวสาธนะ วิเคราะหวา จิยเตติ
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตรี) - หนา ที่ 180 เจยฺย, โสเจยยฺ ภาวตัทธติ เณยฺย ปจ จัย แปลวา ความเปน ของ สะอาด วิเคราะหวา สจุ ิโน+ภาโว=โสเจยยฺ . [๒๔๗๕ ]. ถ. วสฺ ธาตุ เปนชอื่ ของคน ของที่ ของกิรยิ า เปนสาธนะ อะไร ? ตงั้ วิเคราะหม าดวย. ต. วสฺ ธาตุ เปนชื่อของคน เปน กัตตสุ าธนะ วิเคราะหวา วสติ สเี ลนาติ วาโส [ ลงในอรรถแหง ตัสสลี ], เปน ชอื่ ของท่ี เปน อธกิ รณสาธนะ วิเคราะหวา วสติ เอตถฺ าติ วสน. เปน ช่ือของ กริ ยิ า เปน ภาวสาธนะ วิเคราะหวา วสน วาโส. [ ๒๔๖๘ ]. ถ. คาํ วา \"ทาน \" ในภาษาของเราหมายความหลายอยา ง เชน คนมใี หทาน คนจนรบั ทาน ผนู ้ยี นิ ดีในทาน ทานมยั กศุ ล โรง ทาน ในคําเชนน้ี ในภาษามคธหมายดวยสาธนะ จงช้ีวา คําไหนเปน สาธนะอะไร ? วเิ คราะหมาดวย. ต. คําวา \"ทาน \" ในคําวา คนมใี หทาน คนจนรบั ทาน เปน กัมมสาธนะ วเิ คราะหวา ทาตพฺพนตฺ ิ ทาน, คาํ วา ผูนี้ยินดใี นทาน เปน ภาวสาธนะ วิเคราะหวา ทิยเตติ ทาน, คําวา ทานมยั กศุ ล เปน กรณสาธนะ วเิ คระหว า เทติ เอเตนาติ ทาน, คําวา โรงทาน เปนอธิกรณสาธนะ วิเคราะหว า เทติ เอตถฺ าติ ทาน. [๒๔๖๔ ]. ถ. ป บพุ พบท หรฺ ธาตุ ท่แี ปลวา ประหาร เปน ชื่อของ เคร่อื งมอื มดี าบ ไม เปน ตน เปนสาธนะอะไร ? เปน ชอ่ื ของกิรยิ า ท่ที ําลง เปน สาธนะอะไร? จงตั้งวิเคราะหม าด.ู ต. ป บพุ พบท หรฺ ธาตุ เปนชื่อของเครื่องมือ เปน กรณ-
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรยี ญธรรมตร)ี - หนา ที่ 181 สาธนะ วเิ คราะหว า ปหรติ เตนาติ ปหรณ, เปน ช่อื ของกิริยา เปน ภาวสาธนะ วิเคราะหว า ปหรยเตติ ปหรณ.[ ๒๔๖๑ ]. ถ. ท่ีเขียนไวว า อธกิ รณสาธนะ ดงั นี้ รูไดไ หมวา ถกู หรอื ผิด ? ถาถกู ก็แลว ไป ถาผิด ควรจะเปนอยา งไร ? รูไดดวยอยา งไร? ต. ผดิ ควรเปน อธิกรณสาธนะ เพราะ ณ, น แปลงมาจาก ยุ ถา ธาตุมี รฺ และ หฺ เปน ทีส่ ดุ ทา นใหแปลง ยุ เปน อณ นอก จากนี้ใหแ ปลงเปน อน.[๒๔๕๙ - ๒๔๗๐ ]. ถ. คาํ วา เปนท่ี เปนเครอ่ื งหมายสาธนะอะไรบา ง ? สงั เกต อยา งไรจึงรูไดวา เปน สาธนะนน้ั ๆ ? ต. เปนเครอ่ื งหมาย กัมมสาธนะ สมั ปทานสาธนะ อธกิ รณ- สาธนะ รูไดดวยความตางแหง รปู วเิ คราะห กมั มสาธนะ ทําซ่ึงส่ิง น้นั , สัมปทานสาธนะ ทําแกส่ิงน้ัน, อธิกรณสาธนะ ทาํ ในสงิ่ นนั้ , อุทาหรณวา นสิ สฺ โย เปนชื่อของอาจารย เปน กัมมสาธนะ เพราะ ศษิ ยอาศัยอาจารย, สมปฺ ทาโน เปน ชอ่ื ของปฏิคคาหก เปน สมั ปทานสาธนะ เพราะเขามอบใหแ กป ฏคิ คาหก, ทาน เปน ช่ือของ โรงทาน เปน อธกิ รณสาธนะ เพราะเขาใหในโรงทาน. [ ๒๔๕๘ ]\" ถ. สังเกตอยา งไร จึงจะรคู วามตา งแหงกรณสาธนะ และ อธกิ รณสาธนะ ? ต. สงั เกตอยางนี้ กรณสาธนะ ทําดวยสิ่งน้ัน, อธิกรณสาธนะ ทําในสิ่งนน้ั อุทาหรณวา พนฺธนฺน เปนชือ่ ของเชอื ก เปน กรณสาธนะ เพราะเขาผูกดว ยเชือกน้ัน, พนฺธน เปน ช่อื ของเรือนจาํ เปน อธิกรณ-
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตร)ี - หนา ที่ 182 สาธนะ เพราะเขาจําในเรอื นน้ัน. [ ๒๔๕๗ ]. ถ. ววิ รยิ ววิ รณ เหมือนกนั อยา งไร ? ตางกันอยางไร ? ต. เหมอื นกันท่ีเปนธาตุเดยี วกัน เปนกติ กดว ยกนั คอื วิ บท หนา วรฺ หรอื วุ ธาต,ุ ตา งกนั ท่ี ววิ ริย ลงอพั ยยปจจยั แปลวา เปดแลว หรอื ไขออกแลว, ววิ รณ เปนนาม ลง ยุ ปจจัย แปลวา ความเปด หรือ ความไขออก. [ ๒๔๗๖ ].
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนาท่ี 183 [ กริ ิยากิตก ] ถ. ศัพทเชนไร เรียกวา กริ ิยากิตก ? ตา งจากกิรยิ าอาขยาต อยา งไร ? ต. ศัพทท ี่ใชป จจยั แผนกหนง่ึ ปรุงกบั ธาตุ สําเรจ็ รปู เปน กิรยิ า เรียกวา กริ ยิ ากิตก เชน คโต ิโต กโต เปนตน . ตา งจากกิรยิ า- อาขยาต คือ กริ ยิ ากิตก ท่ลี งปจ จยั ไมใชพ วกอพั ยยะ ใชแ จกดวย วิ ิภัตตทิ ัง้ ๗ ในนามได สว นท่ลี งปจ จยั พวกอพั ยยะ แจกไมไ ด และ กริ ิยากติ ก ไมมีบทและบรุ ษุ บางศัพทใชเ ปน นามได เชน พทุ โฺ ธ ขาทนยี เปน ตน, สวนกิรยิ าอาขยาต ใชแจกดว ยวภิ ตั ติในอาขยาต เปนกิริยาลวน. [อ.น.]. ถ. นามกิตก กับ กิรยิ ากิตก ตา งกนั อยา งไร ? อนุจร อุปวท เปน นามกิตกห รือกิริยากติ ก ? จงแสดงความเขาใจ. ต. นามกิตก เปน ไดท้งั นามนามและคณุ นาม จัดเปน สาธนะ มี ปจจยั เปนเครื่องหมายสาธนะนั้นๆ , กริ ิยากติ ก เปนกิริยา ประกอบ ดวยวิภัตติ วจนะ กาล ธาตุ วาจก ปจจยั เหมือนในอาขยาต ตาง แตไมมีบทและบรุ ุษเทาน้ัน. อนจุ ร อปุ วท เปนนามกิตกก ็ได เปน กิรยิ ากิตกก็ได ถา เปนนามกิตก ลง อ ปจจยั เปนทุตยิ าวภิ ตั ตใิ น ๓ ลิงค หรอื ปฐมาวิภตั ตใิ น นปุงสกลิงค, ท่เี ปน กิรยิ ากติ ก ลง อนตฺ - ปจ จัย แปลง นตฺ กับ สิ ปฐมาวิภัตติ เปน อ. [ ๒๔๗๒ ]. ถ. ในกริ ยิ ากิตก ทา นวา ไมมีวภิ ัตติ และ วจนะ แผนกหน่ึง เหมอื นวภิ ัตตอิ าขยาต เมื่อเปน เชนน้ี กิริยากิตกก แ็ ปลวา ไมมวี ภิ ัตติ
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตร)ี - หนา ที่ 184 และวจนะใชไหม ? หรอื อยางไร ? จงแสดง. ต. จริง ในกริ ิยากติ กไ มมวี ิภตั ติและวจนะแผนกหนึ่ง แตทาน ใหใ ชว ิภตั ตแิ ละวจนะในนามแทน และคลอ ยตามนามศัพทซ ่ึงเปน ตัวประธาน คือ ตัวประธานเปน วภิ ัตติ วจนะใด กริ ิยากิตกก ต็ อง เปนวิภัตติ วจนะน้นั ตาม ตัวอยา ง เชน ภกิ ขฺ ุ คาม คโต ภิกษุ ไปแลวสูบ า น, ชนา มตา ชนทง้ั หลาย ตายแลว เปน ตน . [ อ. น.]. ถ. การแบงกาลในกิริยากิตก กบั กิริยาอาขยาต ตางกนั อยางไร ? ต. ตางกันดงั นี้ คือ : กริ ยิ ากติ ก แบงกาลท่ีเปนประธาน ๒ คือ ปจจุบันนกาล ๑ อดีตกาล ๑, ปจ จุบันกาล แบงใหละเอยี ดอกี ๒ คือ ปจจุบันแท ๑ ปจ จบุ ันใกลอนาคต ๑, อดตี กาล แบงเปน ๒ คื ลว งแลว ๑ ลว งแลวเสรจ็ ๑, รวมทั้งสน้ิ เปน ๔. สวนกริ ิยา อาขยาตแบงกาลท่ีเปนประธาน ๓ แบง ใหล ะเอียดอีก รวมเปน ๘ ดัง ไดแ สดงมาแลวในอาขยาตนน้ั . [ อ. น. ]. ถ. กาลในกริ ยิ ากิตก ทงั้ ทกี่ ลา วโดยยอ และพิสดารน้ี จะรไู ด แมนยาํ วาเปนกาลน้ัน ๆ ได ตอ งอาศัยอะไรเปนหลัก ? ต. ตองอาศยั ปจ จัยเปนหลัก เพราะปจ จยั ในกริ ยิ ากิตกน้ี นอก จากเปนเคร่ืองหมายวาจกแลว ยงั เปน เครือ่ งหมายใหทราบกาลได ดวย. [ อ. น.]. ถ. กาลท้งั ๔ นน้ั กาลไหนทานบญั ญตั ใิ หแ ปลวา กระไร ? ต. ปจ จบุ นั แท แปลวา อยู, ปจจุบันใกลอนาคต แปลวา
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตรี) - หนาท่ี 185 เม่อื , ลว งแลว แปลวา แลว , ลว งแลวเสรจ็ แปลวา ครน้ั แลว . [ อ. น. ]. ถ. วาจกในกริ ิยากติ ก มเี ทาไร ? อะไรบา ง ตางจากวาจก ในอาขยาตหรือเหมอื นกนั ? ต. มี ๕ เหมือนอยา งอาขยาต คอื กัตตุวาจก กมั มวาจก ภาววาจก เหตุกตั ตุวาจก เหตกุ ัมมวาจก. ตา งกนั แตสกั วา รปู แหง ศัพทก ิรยิ าเทานน้ั เชน :- กิรยิ ากิตก กริ ยิ าอาขยาต กตั ตวุ าจก มโต มรติ กมั มวาจก กโต กรยิ ติ ภาววาจก ภวิตพฺพ ภยู เต เหตุกัตตุวาจก มาเรนฺโต มาเรติ เหตกุ มั มวาจก ปตฏิ าปโ ต ปตฏิ าปยติ. [ อ. น. ] ถ. ปจจัยในกิรยิ ากิตก มเี ทาไร ? ตวั ไหนบางเปนพวกอพั ยย- ศัพท ? อารทฺธา ลงปจจัยอะไรบาง? จงแสดงใหส น้ิ เชงิ . ต. มี ๑๐ ตัว อนตฺ ตวนฺตุ ตาวี อนยี ตพฺพ มาน ต ตนู ตฺวา ตฺวาน. เปน พวกอัพยยศพั ทมี ๓ ตัว คอื ตนุ ตวฺ า ตวฺ าน. อารทธฺ า ลง ต ปจ จยั กไ็ ด ตวฺ า ปจ จยั กไ็ ด เพราะธาตมุ ี ภฺ เปนทส่ี ดุ แปลง ต ปจ จยั เปน ทธฺ แลว ลบทสี่ ดุ ธาตุ เปน กริ ิยาของ
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรับเปรียญธรรมตรี) - หนา ที่ 186 ศพั ทท ่เี ปน อิตถีลงิ ค หรอื เปนปุงลิงค พหวุ จนะ, และธาตุมี ภฺ เปน ท่สี ุด แปลง ย กบั ทสี่ ุดธาตุเปน ทธฺ า. [ ๒๔๗๔ ]. ถ. กริ ยิ ากิตก มปี จจยั กีต่ วั ? ตัวไหนลงในวาจกอะไร ? ต. มี ๑๐ ตวั คือ อนฺต ตวนตฺ ุ ตาวี ลงในกตั ตุวาจก, อนีย ตพฺพ ลงในกมั มวาจก และ ภาววาจา, มาน ต ตนู ตวฺ า ตฺวาน ลงในวาจกทั้งมวล. [ ๒๔๖๙-๒๔๖๗ ]. ถ. ปจจัย ๑๐ ตวั นัน้ ตัวไหนมหี นา ทอี่ ยา งไร ? ต. อนตฺ มาน บอกปจ จุบันนกาล, ตวนตฺ ุ ตาวี ตูน ตวฺ า ตวฺ าน บอกอดีตกาล, อนีย ตพพฺ บอกความจาํ เปน ซงึ่ แปลวา พงึ หรอื ตอง . [ อ. น.]. ถ. จงแสดงวิธใี ชปจ จัยในกติ ก ใหเ หน็ ชดั วา ตางจากปจจัยใน ตทั ธิตอยางไร? ต. ปจจัยในกติ ก ใชป ระกอบกับธาตุ สาํ เร็จรปู เปนนามกิตก และกริ ิยากิตก เปน เครอื่ งหมายสาธนะและกาล. สว นปจ จัยในตทั ธติ ใชป ระกอบกับศพั ทนาม แมศ พั ทก ิตกทสี่ าํ เรจ็ แลว น้ัน ก็ประกอบได ท้ังในนามกิตกแ ละกิริยากิตก เพ่ือเปนเครอื่ งหมายใชแทนศพั ท. [ ๒๔๖๒ - ๒๔๗๓ ]. ถ. ปจจยั กิตกตัวไหนบา ง ใชเ ปนนามกิตกก ็ได เปน กิรยิ ากติ ก ก็ได ? และใชไ ดอยา งไร? จงแสดงมา. ต. ณยฺ อนีย ต, ณฺย เปนปจ จัยแหงนามกติ ก ใชกริ ยิ า- กิตกก็มี ดงั อุทาหรณว า เต จ ภิกขฺ ู คารยหฺ า. อนยี ต เปน ปจจยั
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรบั เปรียญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 187 แหงกิริยากติ ก ใชเปนนามกติ กก ็มี อนยี ปจจยั อทุ าหรณวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปรวิ ิส.ิ ต ปจจยั อทุ าหรณว า พุทฺโธ โลเก อปุ ปฺ นโฺ น.[ ๒๔๗๙-๒๔๘๐ ]. ถ. อนตฺ ตวนฺตุ ตาวี เมื่อประกอบกับธาตุ มวี ิธีเหมือนกัน หรือตางกนั อยางไร ? ต. ตางกัน คอื อนฺต เมื่อจะประกอบกับธาตุใน ธาตุนัน้ ทานใหล งปจจยั ในอาขยาตท่หี นงึ่ กอ น แลวจึงลง อนฺต ปจจัยอีกทีหน่ึง เชน สุณนโฺ ต ชานนฺโต เปนตน, สวน ตวนตฺ ุ ตาวี หาทาํ เชน นน้ั ไม ลงปจ จยั ทส่ี ุดธาตุทีเดยี ว เชน สตุ วา สตุ าวี เปนตน . [ อ. น.]. ถ. จะประกอบ ภชุ ฺ ธาตุ ดวย อนตฺ มาน ปจ จัย สาํ เรจ็ รปู เปน ปลุ ิงคและอิตถีลงิ คม าดู ? ต. ภุชฺ ธาตุ ประกอบดว ย อนตฺ ปจ จยั สําเรจ็ รูปดงั น้ี ปุงลงิ ค ภุ ฺชนโฺ ต, อติ ถีลงิ ค ภุชฺ นฺตี, ประกอบดวย มาน ปจจัย สาํ เรจ็ รปู ดังนี้ : ปุงลิงค ภฺุชาโน, อติ ถลี ิงค ภุ ชฺ ทานา. [ อ. น.] ถ. อนตฺ มาน ปจ จัย เมื่อประกอบกบั ธาตุ สําเรจ็ รูป เปน กิริยาแลว ทา นนิยมแจกตามแบบการนั ตไ หน ? ต. ศพั ทท ี่ลง อนฺต ปจ จยั ถา เปน ปุงลงิ ค นิยมแจกตามแบบ อ การนั ตใ นปุงลิงค [ ปรุ สิ ] ก็ไดเชน วทนโฺ ต, ตามแบบ ภวนตฺ ศพั ทก ็ได เชน กร จร. ถา เปน อติ ถลี งิ ค นิยมแจกตามแบบ อี
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรบั เปรียญธรรมตรี) - หนาที่ 188 การนั ตใ นอิตถีลิงค [ นารี ] , ศัพทท ล่ี ง มาน ปจ จัย ปงุ ลงิ ค นยิ ม แจกตามแบบ อ การันตใ นปุงลงิ ค, อิตถีลิงค นยิ มแจกตามแบบ อา การันตในอติ ถีลิงค [ กฺ า ]. [ อ. น. ]. ถ. ศัพทก ิรยิ าที่ประกอบดว ย อนตฺ มาน ปจ จยั ถา ตอ งการ ใหเปน กัมมวาจก ทา นใหทาํ อยางไรบา ง ? ต. ทา นใหท ําดวยวิธี ๒ อยา ง คอื ลง อิ อาคมหลังธาตุ และ ย ปจจยั ในอาขยาต เชน กถิยนฺ โต กถยิ มาโน เปน ตน อยางหนึ่ง ลง ย ปจจยั แลว เอา ย กับที่สุดธาตุแปลงเปนพยญั ชนะ เชน วุจฺจนตฺ ี วุจฺจมาโน เปนตน เม่อื แปลงเชน นั้นแลว ไมตองลง อิ อาคมอยางหน่ึง. [ อ. น. ]. ถ. ภุชฺ ธาตุ เมือ่ ประกอบดวยปจจัยเหลา นี้ คือ ตวนตฺ ุ ตาวี ต มีรปู เปนอยางไรในปงุ ลงิ คและอิตถลี ิงค ?และแจกตามแบบการันต ไหน ? ต. ประกอบดว ย ตวนตฺ ุ ปจ จยั ปงุ ลิงคเ ปน ภุตวา แจกตาม แบบ ภควนตฺ ุ ศพั ท, อิตถีลงิ คเ ปน ภตุ วตี แจกตามแบบ อี การนั ต ในอติ ถลี งิ ค [ นารี ]. ประกอบดวย ตาวี ปจจยั ปุงลงิ ค เปน ภุตฺตาวี แจกตาม แบบ อี การนั ตใ น ปุงลงิ ค [ เสฏ ี] , อติ ถีลิงค เปน ภุตฺตาวนิ ี แจกตามแบบ อี การันตใน อติ ถลี งิ ค. ประกอบดวย ต ปจจยั ปงุ ลงิ ค เปน ภุตโฺ ต แจกตามแบบ อ การนั ตใ น ปงุ ลงิ ค [ ปุรสิ ] , อติ ถีลิงคเปน ภตุ ฺตา แจกตาม
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรยี ญธรรมตรี) - หนาท่ี 189 แบบ อา การันตในอติ ถีลงิ ค [กฺ า]. [อ. น. ]. ถ. ศัพทก ิริยากติ ก ลง ตวนฺตุ กบั ตวฺ า มลี กั ษณะคลายคลึง กนั มาก เมื่อพบศัพทก ริ ยิ าทลี่ งปจจัย ๒ ตัวนีแ้ ลว จะสังเกตรไู ด อยา งไรวา ศัพทไ หนลงปจ จยั อะไร ? ต. สงั เกตทีจ่ ดุ ขางลาง ถาลง ตวนฺตุ ปจจยั ไมมจี ุดขา งลาง เชน สตุ วา เปนตน, ถาลง ตฺวา ปจจยั มจี ดุ ขา งลา ง เชน สตุ ฺวา เปน ตน. [ อ. น. ]. ถ. อนจุ ร เปนนามกติ ก หรือ กิรยิ กิตก ? จงแสดงความเขาใจ ต. เปนนามกิตกก ไ็ ด เปนกิริยากติ กก ็ได, อนุ บพุ พบท จรฺ ธาตุ ทั้ง ๒ อยา ง ที่เปน นามมกติ ก ลง อ ปจ จัย เปนทตุ ิยาวิภัตติ เอกวจนะ ในไตรลงิ ค หรือปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ นปงุ สกลิงค. ท่ี เปนกิรยิ ากติ ก ลง อนตฺ ปจจยั แปลง นตฺ กับ สิ เปน อ. [ ๒๔๖๖ ]. ถ. ศัพทท ป่ี ระกอบดว ย ตพพฺ อนีย ปจ จัย ใชตา งกนั อยางไร? จงยกตัวอยางมาแสดงดวย. ต. ศพั ทท ีป่ ระกอบดว ย ตพพฺ ปจ จยั ใชเ ปน กริ ยิ าลว น, สว น ศพั ททีป่ ระกอบดว ย อนยี ปจจยั ใชเ ปน นามศัพทกไ็ ด ใชเ ปนกริ ยิ า กไ็ ด, ท่ใี ชเปน นาม เชน ปณีเตน ขาทนเี ยน โภชนเี ยน ปรวิ ิสิ แปลวา เขาเลย้ี งแลว ดวยของควรเค้ียว ดว ยของควรบริโภค อนั ประณีต, ที่ใชเปนกริ ยิ า เชน กมฺม กรณยี แปลวา กรรม อันเขา พึงทําเปนตน, แตใ ชเ ปน นาม เปน ชื่อของศพั ทท ี่เปน นปงุ สกลิงค เปนพ้นื .[ อ. น.].
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สําหรับเปรียญธรรมตร)ี - หนา ที่ 190 ถ. ศัพทที่ประกอบดวย ตพฺพ, อนยี ปจจัยนี้ เปนเครื่องหมาย วาจกอะไรไดบา ง และเปนไดก ีล่ งิ ค ? ต. เปนเครอื่ งหมายกัมมวาจก และภาววาจก. ที่เปน เครื่อง หมายกมั มวาจก เปน ได ๓ ลงิ ค, เปน เคร่อื งหมายภาววาจก เปนได แตนปงุ ลิงค ปฐมาวภิ ัตติ เอกวจนะ อยางเดียว. [ อ. น.]. ถ. ต ปจ จยั มวี ธิ ปี ระสมเขากบั ธาตุเปน อยางไรบาง ? ต. ต ปจ จัยประสบกบั ธาตมุ ี มฺ และ นฺ เปนที่สดุ ลบท่สี ดุ ธาตเุ สยี ตัวอยา ง เชน คโต ขโต, ถาธาตมุ ี จฺ ชฺ และ ปฺ เปน ท่สี ดุ เอาท่สี ุดแหง ธาตุเปน ต ตัวอยาง เชน สติ ฺโต ภุตฺโต คุตโฺ ต, ถาธาตุมี อา เปน ทีส่ ดุ กด็ ี ต เปนกัมมวาจกกด็ ี ลง อิ ตัวอยา ง เชน โิ ต ปโต, ถาธาตุมี ทฺ เปน ที่สดุ อยหู นา แปลง ต เปน นนฺ แลว ลบที่สุดธาตุ ตัวอยา ง เชน ฉนฺโน ภินฺโน, ถาธาตมุ ี รฺ เปนที่ สดุ อยูหนา แปลง ต เปน ณณฺ แลว ลบท่ีสุดธาตุ ตัวอยา ง เชน ชิณฺโณ, ถา ธาตุมี สฺ เปน ทส่ี ดุ อยหู นา แปลง ต เปน ฏ แลว ลบทีส่ ดุ ธาตุ ตวั อยา ง เชน ตุฏโ , ถา ธาตุมี ทฺ และ ภฺ เปนทสี่ ุดอยูห นา แปลง ต เปน ทธฺ แลว ลบทีส่ ุดธาตุ ตัวอยาง เชน พุทฺโธ, ลทฺโธ, ถาธาตุมี มฺ เปนที่สุดอยูหนา แปลง ต เปน นตฺ แลว ลบทสี่ ุดธาตุ ตัวอยาง เชน ปกกฺ นโฺ ต, ถา ธาตมุ ี หฺ เปน ท่สี ดุ อยหู นา แปลง ต เปน ฬหฺ ลบท่สี ดุ ธาตุ ตวั อยาง เชน รฬุ โฺ ห. [ ๒๔๖๕]. ถ. ในทเี่ ชน ไร ต ปจ จยั ใชก ับบอกกัตตวุ าจก ? ในทีเ่ ชนไร ใช บอกกัมมวาจก ?
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 191 ต. ลงกับธาตไุ มมีกรรม ใชบ อกกตั ตุวาจก, ลงกับธาตุมี กรรม ใชบอกกัมมวาจก. [๒๔๕๗ ]. ถ. วิ รหุ ฺ ธาตุ ลง ต ปจ จัย เปน วริ ุยฺโห ถกู หรอื ไม ? ถาถูกก็แลวไป ถา ไมถ กู จะควรแกใ หเปนอยางไร ? ต. ไมถกู ทถ่ี ูกควรเปน วริ ุฬโฺ ห เพราะธาตุมี หฺ เปน ท่ีสดุ เมือ่ ลง ต ปจ จัย แปลง ต เปน ฬหฺ และลบท่ีสดุ ธาต.ุ [๒๔๖๐ ]. ถ. เมอ่ื เราเห็นศพั ทมรี ูปคลาย ๆ กนั เชน นกิ ขฺ นโฺ ต วสนโฺ ต ปกกฺ นโฺ ต วทนโฺ ต ดังน้ี จะสังเกตอะไรจึงจะรูไดว า ตัวไหนลงปจ จยั อะไร ? ตา งกนั อยางไร ? ต. สงั เกตพยญั ชนะที่สุดธาตุ นกิ ฺขนฺโต ปกฺกนฺโต ตองเปน ต ปจ จัย เพราะ นิกฺขนฺโต นิ บพุ พบท ขมฺ ธาตุ, ปกกฺ นโฺ ต ป บพุ พบท กมฺ ธาตุ ธาตมุ ี มฺ เปน ท่สี ดุ แปลง ต เปน นตฺ แลว ลบทีส่ ดุ ธาตุ จงึ เปน นิกฺขนฺโต ปกกฺ นฺโต. วสนโฺ ต วทนโฺ ต ตอ งเปน อนฺต ปจ จัย วสนโฺ ต วสฺ ธาตุ. วทนฺโต วทฺ ธาตุ, เหน็ พยญั ชนะทส่ี ุดธาตชุ ัด อยูตา งกันอยางน้ี . [ ๒๔๖๑ ]. ถ. มาน ปจ จยั ทใ่ี ชใ นกตั ตุวาจก และกัมมวาจก ตา งกัน อยางไรกบั ต ปจจยั ซ่งึ ใชใ นท่เี ชน นัน้ ? ต. มาน ปจจยั ที่ใชใ นกตั ตวุ าจก ใชธาตทุ ้ัง ๒ ชนดิ และเมื่อ นําธาตมุ าต้ังลงแลว ตอ งยมื ปจ จัยประจาํ หมวดธาตุในอาขยาตมา ประกอบกอน แลวจงึ นําปจจัยน้เี ขาประกอบ เชน กรุ ุมาโน คจฉฺ มาโน, สว น ต ปจ จยั ท่ีใชในกตั ตวุ าจก ใชธ าตุไดอ ยางเดียวคอื อกรรมธาตุ
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลีไวยาการณ (สาํ หรบั เปรยี ญธรรมตรี) - หนา ที่ 192 เชน คโต รโต เปนตน และไมตอ งยืมปจ จยั ประจําหมวดธาตุใน อาขยาตมาใช, มาน ปจจยั ที่ใชในกัมมวาจกตองลง ย ปจจยั อิ อาคม เชน กรยิ ามาโน, สว น ต ปจจัยไมตองใช. [ ๒๔๗๕]. ถ. ต ปจ จยั ประกอบกบั ธาตุ เชน ไรลบแตท ี่สุดธาตุอยา งเดียว ไมต องแปลง ? เชน ไรแปลงแลว ลบทสี่ ดุ ธาตุ ? ต. ถา ประกอบกบั ธาตทุ มี่ ี มฺ รฺ นฺ เปน ทส่ี ดุ ลบแตทส่ี ุดธาตุ อยา งเดยี วไมตองแปลง เชน คโต กโต หโต, ถาประกอบกับธาตุท่ีมี รฺ สฺ ธฺ ภฺ มฺ หฺ ทฺ เปนทสี่ ดุ ลบที่สุดธาตุแลว ตอ งแปลงรปู ไป ตางๆ ตามอํานาจของทส่ี ุดธาตุ ธาตุที่มี ร เปนทส่ี ดุ แปลง ต เปน ณณ เชน ตณิ ฺโณ , ทมี่ ี สฺ เปนทีส่ ดุ แปลง ต เปน ฏ เชน ปฏุ โ , ทม่ี ี ธฺ เปน ที่สดุ แปลง ต เปน ทธฺ เชน กทุ โฺ ธ, ทมี่ ี ภฺ เปนที่สดุ แปล ต เปน ทฺธ เชน ลทโฺ ธ, ทม่ี ี มฺ เปน ทีส่ ุด แปลง ต เปน นฺต เชน ปกกฺ นฺโต, ท่มี ี หฺ เปน ท่สี ุด แปลง ต เปน ฬหฺ เชน มฬุ โฺ ห, ทม่ี ี ทฺ เปนทสี่ ดุ แปลง ต เปน นฺน เชน ภินฺโน, ถา ธาตุทีม่ ี อา เปน ทสี่ ดุ ทา นใหเ อา อา ท่ีสุดธาตุนั้นเปน อิ หรอื อี และไมต องลบ ตอ งแปลง เชน โิ ต ปโ ต เปนตัวอยา ง. [ ๒๔๖๘-๒๔๗๗ ]. ถ. ในธาตเุ ชน ไร แปลง ตวฺ า ปจจัย เปน ย ได ? และในท่ี เชน ไร ตองอาเทศเปนอื่นอีกตอหน่ึง? ในท่เี ชน ไร คงเปน ย ตามรูป ? ต. ในธาตุมีอปุ สคั อยหู นา แปลง ตวฺ า ปจ จัยเปน ย ได, และ ในธาตมุ ี มฺ เปนทสี่ ดุ แปลง ย เปน มฺ เชน อภิรมฺม อภิ รม ธาต,ุ ในธาตุมี ทฺ เปน ทีส่ ดุ แปลง ย กับทสี่ ดุ ธาตุเปน ชชฺ เชน อปุ ปฺ ชฺช
ประโยค๑ - ประมวลปญหาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนา ท่ี 193 อุ ปท ธาต,ุ ในธาตุมี ภฺ เปน ทส่ี ุด แปลง ย กับที่สดุ ธาตุ เปน พภฺ เชน อารพฺภ อา รภฺ ธาตุ, ในธาตุมี หฺ เปน ทสี่ ดุ แปลง ย กบั ทส่ี ดุ ธาตเุ ปน ยฺห เชน อารยุ ฺท อา รหุ ฺ ธาตุ, ในธาตมุ ี อา เปนทสี่ ุดคงเปน ย เชน อาทาย อา ทา ธาตุ,ในธาตุไมม ีอุปสคั อยหู นา แปลง ตวฺ า เปน ย แลวแปลง ย กบั ท่ีสุดธาตเุ ปน ทธฺ า ไดบา ง เชน วิทธฺ า วิธฺ ธาต,ุ ลมทฺธา ลภฺ ธาตุ. [ ๒๔๕๗ ]. ถ. ตวฺ า ปจ จยั บอกกาลอะไรบาง ? จงยกอุทาหรณมาแสดง. ต. บอกอดีตกาลเปนพ้นื แตถาเปนกริ ยิ าทีท่ าํ กอนแลวจึงทํา กิรยิ าขา งหลังตอ ไปอกี เรยี กวา ปพุ พกาลกิริยา อทุ าหรณวา ธมฺม สุตวฺ า คาม ปจฺจาคจฺฉต.ิ ถาเปน กิรยิ าทกี่ ลา วซ้าํ กับกิรยิ าขา งตนแสดง วา ทําเสรจ็ แลวเรียกวา ปริโยสานกาลกริ ิยา อุทาหรณว า เยน ภควา, เตนุปสงฺกมิ; อปุ สงกฺ มติ วฺ า-นสิ ที .ิ ถาเปน กริ ยิ าทําพรอมกบั กิรยิ าอนื่ เรียกวา สมานกาลกิรยิ า อทุ าหรณวา ฉตตฺ คเหตฺวา คจฉฺ ติ. ถา เปน กิรยิ าท่ีทาํ ทหี ลงั กริ ิยาอ่นื เรียกวา อปรกาลกริ ยิ า อทุ าหรณวา ธมฺมาสเน นสิ ที ิ จติ ตฺ วชี นึ คเหตฺวา. ถาเขากับนาม เรยี กวา วเิ สสน อุทาหรณว า เปตฺวา เทวฺ อคคฺ สาวเก อวเสสา อรหตฺต ปาปุณึสุ. ถา เขากบั กริ ยิ า เรยี กวา กิรยิ าวิเสสน อทุ าหรณวา ตีณิ รตนาน เปตวฺ า อฺ เม ปฏสิ รณ นตถฺ .ิ ถามีกตั ตา ตา งจากกิริยาหลัง เรียกวา เหตุ อทุ าหรณว า สหี ทสิ ฺวา ภย อุปฺปชชฺ ติ. [๒๔๖๓ ]. ถ.ปจจัยในกิรยิ ากติ ก ตวั ไหนบา ง ใชค มุ พากยได ? ตวั ไหน
ประโยค๑ - ประมวลปญ หาและเฉลายบาลไี วยาการณ (สาํ หรับเปรยี ญธรรมตร)ี - หนาที่ 194 ใชคุมพากยไ มไ ด ? ต. ตพพฺ อนยี ต ปจจยั ใชคมุ พากยได, นอกจากนี้ ใชค ุม พากยไมได. [ อ. น. ]. ถ. ในกริ ยิ ากิตก ไมม บี รุ ุษ ถาเชน น้ัน ศพั ทก ริ ิยาน้ี เปนกริ ิยา ของนามนามที่เปน ประธานบุรษุ อะไร ? ต. เปน กิริยาของนามนามี่เปนประธานทัง้ ๓ บรุ ษุ . [อ. น. ]
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197