Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การควบคุมงานก่อสร้าง โดยกรมยุทธโยธาทหารบก

การควบคุมงานก่อสร้าง โดยกรมยุทธโยธาทหารบก

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-04-14 12:24:16

Description: การควบคุมงานก่อสร้าง โดยกรมยุทธโยธาทหารบก

Search

Read the Text Version

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 9 - 33 2) ตรวจดวู า่ ผลนตภัณฑ์สนนค้า ต้องได้มาตรฐานตาม มอก.ปัจจุบัน และให้ใช้ค่าความปลอดภัย (Factor Of Safety) ไม่น้อย กวา่ 2.0 ดูวนั ทผ่ี ลตน แลว้ ตอ้ งอายเุ กนน 28 วนั จึงสามารถรบั น้าํ หนักได้ 3) ตรวจสอบความยาวของแผน่ พ้นื สาํ เรจ็ รปู ก่อนการสั่ง เน่อื งจากแผ่นพนื้ ต้องวางบนคาน ซึ่งต้องวางทับบนคานแต่ละด้านไม่ น้อยกว่าดา้ นละ 5 ซม. เพ่ือปูองกนั การหลุดของคานในภายหลัง รปู แสดง : การวางแผน่ พ้ืนบนคาน ที่มา : งานพืน้ , http://www.civilclub.net , 2555 4) ตรวจสอบรอยแตกร้าวบนพ้นื สําเร็จ โดยตรวจดดู ว้ ยสายตาวา่ มรี อยแตกรา้ วบนแผน่ พน้ื ทง้ั แผน่ หรือไม่ ทั้งก่อนและหลังการ ตนดตงั้ ถ้าพบกอ่ นการตนดตั้ง ตอ้ งห้ามไมใ่ ห้นาํ มาใช้งาน แต่หากพบหลังการตนดตงั้ ตอ้ งให้วศน วกรมาตรวจสอบว่ามีปญั หาหรอื ไม่ 5) ตรวจสอบการกองแผ่นพื้นให้ถกู วธน ี การกองต้องมีจุดหนุนเป็นไม้รองที่ระยะหนึ่งในห้าของความยาวแผ่นหรือใกล้กับหูยก ซ่งึ การกองต้องไมก่ องซอ้ นกนั มากนัก ซงึ่ อาจจะทาํ ให้แผ่นพนื้ ดา้ นล่างหกั ได้ หรืออาจจะล้มทบั ลงมาได้ และจะตอ้ งห้ามวางของ หรอื ขนึ้ ไปยนื อยบู่ นกองแผน่ พนื้ รูปแสดง : การวางแผ่นพื้นคอนกรีตสาํ เรจ็ รปู ทีม่ า : คมู่ ือการตรวจการจา้ งและการควบคมุ งานก่อสรา้ ง กองอาคารและสถานท่ี สาํ นักงานอธกน ารบดี มหาวทน ยาลัยขอนแกน่ , 2554 6) ตรวจสอบลวดเหลก็ แรงดงึ สงู ในพื้นสําเร็จรปู ตอ้ งตรวจสอบจํานวนและขนาดของลวดเหล็กแรงดงึ สูงในพนื้ สาํ เรจ็ วา่ เป็นไป ตามท่ีกาํ หนดในแบบ หรือตามตารางการรบั น้าํ หนักของแผน่ พน้ื 7) ตรวจสอบคา้ํ ยัน ในการตนดตั้งพนื้ สําเร็จรูป อาจต้องมีการค้ํายันช่ัวคราวในช่วงกลางพื้น เพื่อไม่ให้พื้นแอ่นตัวในระหว่างเท คอนกรีตทับหนา้ ซึง่ โดยทวั่ ไปมักมคี าํ แนะนํา บอกกล่าวในเอกสารตารางการรับนํา้ หนกั ของแผ่นพืน้ หรือสอบถามวศน วกรผู้ออกแบบ

9 - 34 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน รูปแสดง : การคํ้ายันพ้ืนคอนกรีตสําเร็จรปู และการวางแผน่ พน้ื บนคาน ทมี่ า : งานพน้ื , http://www.selectcon.com , 2554 8) ตรวจสอบวา่ มีหูหว้น เหลก็ ยึดกับแผน่ พนื้ หรือไม่ ประโยชนข์ องหหู ้นวมีไวเ้ พ่อื เป็นจุดยก และเป็นจุดร้อยเหล็กเสรนมบน เพ่ือให้ แผ่นพ้ืนตอ่ เน่อื งกนั อยา่ งแข็งแรง 9) ตรวจสอบการวางเรียงของแผน่ พนื้ การวางแผน่ พ้นื ตอ้ งวางต่อกันใหส้ นนท เพ่ือปูองกนั นํา้ ปูนไหลขณะเทคอนกรตี โดยเฉพาะ หากไม่มฝี ูาตอ้ งใสใ่ จเปน็ พนเศษเพอื่ ใหท้ อ้ งพนื้ เรียบรอ้ ยสวยงาม รปู แสดง : การคาํ้ ยนั และการวางแผน่ พื้นสาํ เรจ็ รปู ทม่ี า : งานพนื้ , http://www.selectcon.com , 2554 รปู แสดง : การวางเหลก็ เสรนม การตนดตง้ั ไมแ้ บบ และการเทคอนกรีตแผ่นพ้นื สาํ เรจ็ รูป ท่ีมา : งานพน้ื , http://www.selectcon.com , 2554

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 35 รูปแสดง : การทาํ รอยบาก วางโฟม และการยารอ่ งแผน่ พน้ื สาํ เรจ็ รูป Hollow Core ท่ีมา : งานพนื้ , http://www.selectcon.com , 2554 7. งานพืน้ Post Tension 1) ตรวจสอบความเรยี บร้อยของแบบหล่อพ้นื แบบด้านข้าง และความแข็งแรงของคํ้ายันต่างๆ ในการตนดตั้งค้ํายันในส่วนพ้ืน บางไม่เกนน 25 ซม. ให้ทําการตนดตั้ง 100% และ 50% สําหรับชั้นล่างและช้ันถัดไปตามลําดับ สําหรับส่วนที่เป็น Drop หรือ Band Beam ควรตรวจสอบการถ่ายน้าํ หนักในการตดน ตงั้ คํ้ายัน 2) ตรวจดกู ารตดน ตง้ั นั่งร้านและไม้แบบทอ้ งพนื้ ควรตนดตั้งยื่นออกไปอกี อย่างน้อย 80 ซม.โดยรอบจากขอบพ้นื เพ่ือใช้เป็นพ้ืนท่ี ในการดงึ ลวดอดั แรง ในกรณโี ครงการอาคารสงู ควรตดน ตั้งราวกันตกควบคูไ่ ปดว้ ย 3) ตรวจดูการตนดตั้งสมอยดึ (Anchorage) สมอยดึ ต้องเป็นชนนด 4CS13, 2CS13 และชนนด Onion Dead End ซึ่งเป็นไปตาม มาตรฐานของ Cpac Post Tension System และ Post Tension Institute (PTI) 4) ตดน ตั้งจดั แนวระดบั (Profile) ของลวดสายเหล็กเอ็น (Prestressing Tendons) แนววางทอ่ ร้อยลวด Sheath และร้อยลวด Strand ตามตําแหน่งท่รี ะบุในแบบพร้อมทง้ั ยดึ แน่นกบั Barchair รูปแสดง : แบบหล่อ และสมอยดึ (Anchorage) ทีม่ า : คู่มอื การตรวจการจา้ งและการควบคุมงานก่อสร้าง กองอาคารและสถานท่ี สํานักงานอธกน ารบดี มหาวทน ยาลยั ขอนแกน่ , 2555 หมายเหตุ : ในกรณีท่ีมีการเว้นช่องรอบเส้น (Column Packet หรือ Sliding Joint) หรือ Column Hings ให้ปรึกษา และ ขอคําแนะนําจากวศน วกรผู้ออกแบบ

9 - 36 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน รปู แสดง : การคาํ้ ยันแบบพืน้ , จดั แนวระดบั (Profile) ของลวดสายเหลก็ เอ็น (Prestressing Tendons) ทม่ี า : คู่มือการตรวจการจา้ งและการควบคุมงานกอ่ สรา้ ง กองอาคารและสถานท่ี สาํ นักงานอธกน ารบดี มหาวทน ยาลยั ขอนแกน่ , 2554 5) ตรวจดูการจดั เหล็กเสรนมบน (Top Bar) และท่อสําหรบั อดั น้าํ ปนู ที่ Anchorage และท่ีจุดสงู สดุ ของตําแหน่ง Tendon โดย มีระยะหา่ งประมาณ 30 ม. ว่าได้มาตรฐานตามแบบกําหนด 6) ตรวจคอนกรีตที่ใช้ ตอ้ งมกี าํ ลังอัดประลยั ที่ 28 วัน ไม่ตํ่ากวา่ 320 กก./ตร.ซม.(ลูกปูนทรงกระบอก) 7) ควบคมุ การเทคอนกรตี และขั้นตอนการอัดนา้ํ ปูน จะดําเนนน งานเมอื่ การกอ่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ อย่างนอ้ ย 3 ช้ัน หรือ 3 โซน หรือ พนื้ ทไ่ี มน่ อ้ ยกวา่ 1,800 ตร.ม. 8) ในการตนดตง้ั ค้ํายนั ในส่วนพื้นบางไม่เกนน 25 ซม. ให้ทําการตนดตั้ง 100% และ 50% สําหรับชั้นล่างและช้ันถัดลงไปตามลําดับ สําหรบั ส่วนทีเ่ ป็น Drop หรือ Band Beam ควรตรวจสอบการถา่ ยน้าํ หนกั ในการตนดต้งั ค้าํ ยนั 9) รอยต่อ (Construction Joint) ควรกระทําท่ีระยะ 2/3L เม่ือ L คือ ความยาวช่วง Span ท่ีทาํ การหยุดเทคอนกรีต และ เสรนมเหล็กตาม Typical Detail ของวนศวกรผู้ออกแบบ ซ่ึงต้องได้รับการพนจารณาอนุมัตนจาก ผู้ควบคุมงานด้วย 10) ตรวจข้นั ดึงสายเหล็กเส้น และการยดึ โดยเม่ือทาํ การดึงลวดอัดแรงครบทั้งพื้นท่ีแล้วเสร็จ พ้ืน Post Tension สามารถรับ นาํ้ หนกั ตัวเองไดส้ ามารถร้ือถอนไม้แบบท้องพ้ืนและน่ังรา้ นออกได้ และทาํ การค้ํายันกลับอีกอย่างน้อย 50% ยกเว้นในส่วน Drop หรือ Band Beam ทีต่ อ้ งพจน ารณาการถ่ายนาํ้ หนกั เป็นพเน ศษ รูปแสดง : การใส่สมอยึด (Anchorage) เข้ากับจาํ ปา (Jaws) และ Supporting Chair มีสีตามความสูงของลวด ที่มา : คมู่ อื การตรวจการจา้ งและการควบคมุ งานก่อสร้าง กองอาคารและสถานที่ สํานักงานอธนการบดี มหาวทน ยาลยั ขอนแกน่ , 2554

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 9 - 37 รปู แสดง : การตนดตั้งคา้ํ ยนั แบบหล่อทอ้ งพ้ืน Post-Tensioned และวางเหลก็ เสรมน ลา่ ง , เหล็กปลอกและเหลก็ ล่างของคาน Post Tension ท่มี า : Post Tension Slab (Bonded System) , บรษน ทั ว.อมรชยั วศน วกรรม จาํ กัด , http://www.vamonchai.com , 2555 11) สมอยึด (Anchorage) (1) ตรวจดูสมอยดึ (Anchorage) ตอ้ งมสี ภาพสมบรู ณ์ ตามทีอ่ อกแบบ ไม่มีรูโพรง หรอื รอยแตกร้าว ทาํ ด้วยวสั ดุท่ีมคี วาม คงทนตามทที่ ดสอบแล้ว (2) ตรวจดูจําปา (Wedge Grip or Jaws) ต้องมีความแขง็ มากกวา่ เหลก็ ลวดใน สายเอ็นมีขนาดกระชับกับเหล็กสายเอ็น และสมอยดึ พอดี Galvanized Sheath รปู แสดง : ชดุ สมอยึด ( Anchorage ) ทม่ี า : สมอยดึ , http://youy.8k.com/post_4.htm , industry.in.th , 2554

9 - 38 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน (3) ตรวจดูท่อร้อยลวด (Galvanized Sheath or Flexible Duct) ไม่แตกร้าว จนปล่อยให้น้ําปูน ร่ัวไหลเข้าไปจับกับ สมอยดึ และจําปาได้ (4) กรณที ี่ปลายข้างหนึ่งมีสมอยึดตายอยู่ (Dead End Anchorage) ให้ตรวจดตู ําแหนง่ และสภาพความแข็งแรงของสมอยึด (5) ก่อนเรน่มงานควรศึกษาทํา Shop Drawing ให้เข้าใจพร้อมทั้งตรวจสอบด้วย Strand และ Mild Steel ท่ีบรนเวณหัว เสา และทกี่ ลางคาน ให้เป็นไปตามที่ผูอ้ อกแบบได้คาํ นวณไว้และขอความเหน็ ชอบก่อนลงมอื ทํางาน (6) รายการตรวจสอบสมอยึด - ตรวจสอบตําแหนง่ สมอยดึ ทแ่ี บบข้างตามแบบและทาํ เคร่อื งหมายว่าเป็นปลายตึงหรือปลายตายตัว - วดั และกําหนดตาํ แหน่งและระดับของศูนย์เหล็กเอ็นท่ีจะโผล่ให้ละเอียดถึง 0.05 มม. แล้วเจาะรู - ประกอบเขา้ พลาสตนกเขา้ กับสมอให้ตรงกับรทู เี่ จาะเบา้ พลาสตกน ซ่ึงจะถูกรื้อออกในภายหลัง เพื่อให้ปากแม่แรงยื่น เข้าไปยนั กับแปนู สมอได้ - ยดึ เบา้ และสมอเข้ากับแบบข้าง ต้องรกั ษาระนาบแปนู สมอใหไ้ ดป้ ากกับแกนตามยาวของสายเหลก็ ดึง - ตรวจดูการปูองกันไม่ใหค้ อนกรตี และนํา้ ปนู ร่ัวไหลเข้าไปในเบา้ ได้ 12) ลวดสายเหลก็ เอ็น (Prestressing Tendons) ตรวจดูดังตอ่ ไปนี้.- (1) การตดน ต้ังสายเหลก็ เอ็นจะทําภายหลงั ท่ีจดั วางเหลก็ เสรนมล่าง ตามแบบเรียบร้อยแลว้ และตรวจสอบรายละเอียดการ ตนดต้งั ลวดอดั แรงและเหลก็ เสรนมใหเ้ ป็นไปตามแบบ Shop Drawing (2) คล่ขี ดสายเหล็กเอน็ ไปตามความยาว ตามทนศขดสมอ ตดั สาย และรอ้ ยสายเขา้ ตามคสู่ มอทีถ่ กู ต้อง (3) ตรวจดกู ารตดั สายเหลก็ เอน็ วา่ ตอ้ งใช้เลอ่ื ยจานคาโบรนั ดมั รอบสูงตดั เท่าน้นั หา้ มใชไ้ ฟแก๊สตัดและต้องเผ่ือความยาว ให้ยื่นโผลจ่ ากสมอ ให้เพยี งพอทแี่ ม่แรงจะทําการดึงได้ (ให้ตรวจสอบระยะโผล่กบั ผจู้ ดั หาแมแ่ รง) (4) วัสดุที่ห่อหุ้มท่อ (Polyethylene) ต้องอยู่ในสภาพดี ถ้ามีรอยฉีกขาดให้รีบพันซ่อมด้วย Tape ทันที เพ่ือปูองกัน ปญั หาเร่อื งน้าํ ปูนไหลซึมเขา้ ไปขณะเทคอนกรีต (5) การจัดแนวระดับและยดึ สายเหลก็ เอน็ ให้มน่ั คงในตําแหนง่ ต้องมีความแข็งแรงพอทีจ่ ะไมค่ ลาดเคลอ่ื นเกนน ± 1.0 มม. ในขณะเทคอนกรีตต้องใช้ Supporting Chair มีสีต่างๆกัน เพื่อกําหนดความสูงของลวดสลนงเหล็ก แบกรับสายไปห่างประมาณทุกๆ 1.0 ม. (6) ตรวจนบั จาํ นวนเหลก็ เสน้ เอ็นทงั้ หมดใหค้ รบตามแบบ (7) ตรวจสอบแนวระดบั (Profile) ไม่ให้มคี วามคลาดเคลอื่ นเกนน กวา่ กําหนดดังนี้.- - ในแนวดนง่ คลาดเคล่อื นไดไ้ มเ่ กนน ± 2 มม. - ในแนวราบ คลาดเคล่ือนได้ไม่เกนน ± 5 มม. (8) รอยตอ่ ระหวา่ งสมอยึด (Anchorage) กับสายเหลก็ เอ็นต้องพันด้วย เทปกาวให้เรียบร้อยเพ่ือปูองกันนํ้าปูนร่ัวเข้าไป จบั ระหว่างสมอกับสายเหลก็ เอ็น (9) หา้ มใช้สายเหลก็ เอน็ (Prestressing Tendons) เปน็ สายดนน ในการเชือ่ มด้วยไฟฟาู เปน็ อนั ขาด (10) ตรวจสอบว่าสายเหล็กเอ็นยื่นโผล่จากสมอยึดเพียงพอ สําหรับปลายที่ต้องดึงและตรวจสอบการยึดตายของสาย เหล็กอันปลายท่ไี มม่ กี ารตดั (11) หา้ มคนงานเดนนเหยยี บบนสายเหล็กเอน็ ทจี่ ัดแนวระดับไวเ้ รียบรอ้ ยแล้ว 13) รายการตรวจสอบการเทคอนกรีต (1) ตรวจดกู ารทําความสะอาดแบบหลอ่ ให้เกบ็ เศษลวดและถงุ พลาสตนก กน้ บหุ รี่ และสนง่ แปลกปลอมอ่ืนๆ ออกไปใหห้ มด (2) ตอ้ งใหม้ ีการพาดสะพาน เพือ่ ให้รถเขน็ เขา้ ไปเทคอนกรตี ใหห้ ่างจดุ ทีต่ อ้ งการไมเ่ กนน 1.0 ม. (3) ตรวจดูความถูกต้องของสายเหล็กเอ็น และเหล็กเสรนมเป็นคร้ังสุดท้ายก่อนเท ได้แก่ ระยะแนวระดับ และความ สมบรู ณ์ของวัสดุหุม้ สายเหลก็ เอ็น ตรวจสอบรอยตอ่ ของท่อชีทสงั กะสใี หเ้ รยี บรอ้ ย ต้องทําการพันเทปกาวให้มนดชนด เพ่ือปูองกันการรั่ว ของน้ําปนู ขณะทาํ การอดั น้ําปูน ถา้ พบข้อบกพรอ่ งใหแ้ กไ้ ขให้เรียบรอ้ ย

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 9 - 39 รปู แสดง : การทําความสะอาดแบบหลอ่ และการตรวจกอ่ นการดึงสายเหล็กเอ็น ท่ีมา : พื้น Post-Tensioned, http://www.bloggang.com , 2554 (4) ต้องระมัดระวัง ไม่ให้มีการกระแทกเหล็กเสรนม และสายเหล็กเอ็นให้คลาดเคล่ือนจากตําแหน่งท่ีจัดไว้ ถ้ามีการ เคลอ่ื นย้ายผดน ทีใ่ หร้ ีบจัด ให้เขา้ ที่เดนม และตอ้ งมกี ารวดั สอบระยะดว้ ย (5) เมื่อเทคอนกรตี แล้วให้ใชเ้ ครื่องส่นั คอนกรีต (Vibrator) จุม่ หรือจ้ลี งในคอนกรตี ให้ท่ัว (6) เพื่อกระจายสว่ นผสมหนนและทราย ให้สมํา่ เสมอกัน คืออย่าใหห้ นน แยกกลมุ่ จากทราย (7) ให้เพ่มน ความแน่นของคอนกรีตที่บรเน วณห้มุ สมอ เปน็ พนเศษ (8) หา้ มใช้ เครื่องสั่นคอนกรีต (Vibrator) ที่จุดเดนมอยู่นานเกนนกว่า 15 วนนาที และห้ามใช้จ้ีคอนกรีตให้ไหลเข้าไปบรนเวณ ใกลห้ วั Anchorage แตใ่ หท้ ําการเทคอนกรีตท่บี รนเวณจุดนน้ั แล้วจงึ ใชเ้ ครอ่ื งสัน่ คอนกรตี ทาํ การสัน่ คอนกรีตตามปกตน (9) ควรระมัดระวังบรนเวณหัวเสา ห้ามเทหวั เสาสงู เกนนพ้นื เด็ดขาด เนอ่ื งจากแรงเฉือนที่จุดน้ันจะสูงมาก (10) ตรวจสอบวา่ ในแบบระบใุ ห้เว้นหัวเสาหรือบรนเวณรองรับไวก้ ่อนหรอื ไม่ และตรวจดใู หเ้ ปน็ ไปตามน้ัน (11) ตรวจสอบน้ําหนกั บรรทุกปลอดภยั ใชง้ าน ซง่ึ ระบไุ วใ้ นแบบโครงสรา้ งพืน้ โพสเทนชัน่ ก่อนใช้งานจรนง 14) รายการตรวจสอบก่อนการดึงสายเหล็กเอ็น จะทาํ การดงึ ได้ต่อเมือ่ คอนกรตี อายุครบตามท่ีวศน วกรกําหนดแลว้ เท่าน้ัน (1) ต้องทดสอบความเทย่ี งตรงของแมแ่ รงกบั Calibration Crane และ Proving Ring ทกุ วันกอ่ นนําแม่แรงไปใช้งาน (2) ถา้ แม่แรงเกนดความคลาดเคลอื่ น หา้ มนํามาใช้งาน และให้วศน วกรตรวจสอบทันที (แม่แรงจะมีความคลาดเคล่ือนได้ไม่เกนน ±2 %) (3) ตรวจสอบลาํ ดับข้ันตอนของการดึงสายเหลก็ เอน็ ตามหมายเลขทวี่ นศวกรจัดทําบัญชกี ารดงึ ไว้ (4) ตรวจทานระยะยดึ แรงอดั ในแม่แรง และคา่ ทีไ่ ดจ้ ากการคาํ นวณไวส้ าหรับแรงดงึ ในสายเหล็กเอ็นแตล่ ะสาย (5) ตรวจดกู ารต้งั แนวก้นั ต้นปลายชายเหลก็ เอน็ ท่จี ะใช้แมแ่ รงดึง เพอ่ื ปอู งกันอันตรายอย่างรุนแรง อันที่อาจจะเกนดจาก สายเหล็กเอ็นขาด รปู ท่ี 7.8 แสดงการเทคอนกรตี พนื้ Post-Tensioned ท่ีมา : พื้น Post-Tensioned, http://www.bloggang.com, 2554

9 - 40 ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 15) การดึงสายเหลก็ เอน็ (1) ตรวจดูการจัดจาํ ปา สายเหลก็ เอ็น และสมอ ให้กระชบั ด้วยความระมดั ระวัง ไม่ให้จําปาขบสายเหล็กเอ็นขาดในขณะ ดึงและตรวจดใู ห้มีการทําความสะอาดแปนู เสมอ (ซึ่งปากแมแ่ รงจะยนั ) ใหร้ วมท้ังจําปา ใหส้ ะอาดปราศจากขีป้ นู เกาะ (2) กํากับดูแลการสวมแม่แรงเข้ากับสายเหล็กเอ็น โดยจัดจําปาให้ยึดกระชับ แล้วดึงสายเหล็กเอ็น โดยการอ่านมาตร แรงอัดของนํ้ามันไฮดรอรนค เมื่อแรงอัดข้ึนประมาณ 10% แล้วให้คลายแรงดันให้หมด ต้องระวังไม่ให้เกนดแรงบนดแรงดัดอ่ืนๆ ที่ไม่ ตอ้ งการ อันอาจจะเกดน จากการดงึ สายเหล็กเอ็นน้ดี ้วย (3) ทาํ เคร่ืองหมายขีดตอนเรม่น วัดความยืดไว้บนสายเหล็กเอ็น และเตรียมไมบ้ รรทดั เหล็กซ่งึ วัดได้ละเอยี ดจนถงึ มนลลเน มตร (4) เรม่น เดนนเคร่อื งอดั น้าํ มัน เพอ่ื ดึงใหม่ การอา่ นแรงในสายดงึ ให้วัดโดยตรงด้วย Load Cell หรืออ่านจากมาตรความดัน นาํ้ มนั ซึ่งมกี ารเทยี บแรงไว้กอ่ นแล้ว พรอ้ มกับระยะยดื ให้ไดต้ ามบัญชี การดึงด้วยความคลาดเคลื่อนของแรง ซ่ึงวัดจากมาตรความดัน ไดไ้ มเ่ กนน ± 2% คือความยืดไมเ่ กนน ± 2 มม. หรอื ตามที่วนศวกรกําหนด (5) เมอ่ื ได้แรงตามกาํ หนดแล้ว ใหอ้ ัดจาํ ปายดึ สายเหลก็ เอ็นจนแนน่ นอกเสียจากระยะยดื ของสายเหล็กเอ็นเกนนกว่าระยะ เลื่อนของกระบอกสูบ จงึ ให้ทําการอดั จาํ ปาไวแ้ ค่พอใหย้ ดึ อยู่ แลว้ จดั กระบอกสบู แม่แรงเพ่ือดงึ ใหมต่ ่อไป (6) ตรวจควบคุมให้มีการจดบันทึกระยะลู่ตามของจําปา เม่ือปล่อยแม่แรง สําหรับสายเหล็กเอ็นทุกสายระยะลู่ตามนี้ จะต้องไมเ่ กนนที่วศน วกรกาหนด ถา้ เกนนจะต้องทําการดึงซ่อมแรงใหม่ โดยการบันทึกผลการดึงลวด และการตรวจสอบค่า Elongation เพอ่ื สง่ ให้ผู้ควบคมุ งานพจน ารณาตามค่าที่กาํ หนดไวถ้ ูกต้องตามรายการคาํ นวณ รปู แสดง : การดีงลวดพน้ื Post-Tensioned ทม่ี า : พื้น Post-Tensioned, http://www.oknation.net, http://www.tumcivil.com, 2554 16) การตัดและการอดุ อดั ตรวจสอบดังตอ่ ไปน้ี.- (1) ตรวจสอบระยะโกง่ ต่างๆ ตามท่ีวศน วกรกําหนด ถ้าไม่ได้ระยะตามเกณฑ์ หา้ มดาํ เนนน การต่อไปและให้รายงานวนศวกรทราบ (2) การตัดสายเหล็กเอน็ ที่โผล่ยน่ื เกนน ต้องใชเ้ ล่ือยไฟเบอร์ความเรว็ สงู ตัด ห้ามใชไ้ ฟแกส๊ หรอื ความร้อนตดั โดยเด็ดขาด (3) ทาํ การไลล่ มในทอ่ อดั นํ้าปูน กอ่ นการอดั นํ้าปนู เพ่อื ไลเ่ อาเศษฝนุ หรือสน่งอดุ ตนั ออกจากทอ่ อัดนํ้าปูน (4) อตั ราสว่ นนํ้าต่อปนู ซเี มนตโ์ ดยน้ําหนกั ไม่เกนน 0.45 และทําการอัดนํ้าปูนเข้าไปในท่อโดยใช้ความดันไม่เกนน 15 บาร์ เมื่อนาํ้ ปนู เต็มท่อจะทาํ การตัดปลายท่อท่ีใหน้ ้ําปูนออกแลว้ ค้างแรงดนั อยา่ งน้อย 3 บาร์ เพ่ือใหน้ ้ําปนู เต็มทอ่ Sheath (5) อดุ และอดั เบา้ สมอให้เตม็ ด้วยปูนทราย และตอ้ งใหม้ กี ารพน่ สกี นั สนนมทสี่ มอยึดทกุ ตัว 17) การถอดแบบ (1) หา้ มถอดแบบจนกว่าจะทาํ การดึงสายเหลก็ เอ็นจนเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ และต้องตรวจสอบนํ้าหนักบรรทุกปลอดภัยใช้ งาน ซ่ึงระบุไว้ในแบบโครงสรา้ งพนื้ โพสเทนช่นั ก่อนใชง้ านจรงน (2) ในกรณีที่น้ําหนักคงที่ (Dead Load) ของชั้นถัดข้ึนไปเกนนน้ําหนักจร (Live Load) ที่ออกแบบไว้ วนศวกรจะต้อง ตรวจสอบนํา้ หนกั ท่นี ัง่ รา้ น และคา้ํ ยันให้เรยี บรอ้ ยเสียก่อน โดยทําค้าํ ยนั มากกวา่ 1 ช้ัน

ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 41 8. งานโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ 8.1การเช่อื มเหล็กรปู พรรณ 1) งานทําโครงสร้างเหล็ก และสนง่ กอ่ สรา้ งเหลก็ ทุกชนดน ทเี่ ปน็ เหลก็ ตามแบบรูปรายการกําหนด เหล็กรูปพรรณทั้งหมดต้องมี คุณสมบัตนได้มาตรฐานตาม มอก.ปัจจบุ นั หรือ AISC หรอื JIS หรอื BS 2) การกองเก็บวัสดุ การเก็บเหล็กรูปพรรณทั้งท่ีประกอบแล้วและยังไม่ได้ประกอบ จะต้องเก็บไว้บนพื้นยกเหนือพื้นดนน จะต้องรักษาเหล็กใหป้ ราศจากฝุน ไขมนั หรอื สง่น แปลกปลอมอ่ืนๆ และตอ้ งระวังรักษาอยา่ ให้เหลก็ เป็นสนมน ในกรณที ่ีไม่มีโรงเกบ็ ให้คลุม ด้วยผ้าใบให้มดน ชนด 3) รูและช่องเปดิ การเจาะหรอื ตดั หรอื กดทะลุให้เป็นรู ต้องกระทําตั้งฉากกับผนวของเหล็กและห้ามขยายรูด้วยความร้อนเป็น อันขาด ในเสาท่ีเป็นเหล็กรูปพรรณซ่ึงต่อกับคาน ค.ส.ล.จะต้องเจาะรูไว้เพื่อให้เหล็กเสรนมในคานคอนกรีตสามารถล็อคได้ รูจะต้อง เรยี บรอ้ ยปราศจากรอยขาดหรือแหว่ง ขอบซึ่งคมอันเกนดจากการเจาะด้วยสว่าน ให้ขจัดออกให้หมดด้วยเครื่องมือ โดยลบมุม 2 มม. ช่องเปิดอน่ื ๆ เหนอื จากรูสลักเกลียวจะต้องเสรนมแหวนเหลก็ ซ่ึงมีความหนาไม่น้อยกว่าความหนาขององค์อาคารท่ีเสรนมนั้น รูหรือช่อง เปิดภายในของแหวนจะต้องเท่ากับช่องเปดิ ขององค์อาคารทเี่ สรนมนนั้ 4) การตอ่ เหลก็ รูปพรรณใหเ้ ปน็ ไปตามข้อกําหนด การเจาะหรือดัดหรือกดให้ทะลเุ ปน็ รู ตอ้ งทําต้ังฉากกับเหล็ก 5) รเู จาะจะตอ้ งเรียบร้อยไม่ฉกี ขาดแหว่ง โดยขอบรทู เี่ จาะด้วยสว่าน ใหล้ บมุม 2 มม.และหา้ มขยายรูด้วยความรอ้ นเดด็ ขาด 6) ก่อนจะประกอบเหลก็ รปู พรรณ กรณที แี่ บบมนไดก้ าํ หนด ผ้รู ับจ้างตอ้ งส่งแบบขยายให้ผคู้ วบคมุ งานเหน็ ชอบ 7) ผนวหน้าของเหลก็ ทีจ่ ะเชอ่ื มต้องสะอาดปราศจากสะเก็ดร่อน ตะกรันสนนม ไขมัน สีและวัสดุแปลกปลอมอ่ืนๆ การต่อเช่ือม แบบทาบตอ้ งวางให้ผนวชดน กัน ยอมใหห้ า่ งกันไม่เกนน 6 มม. รปู แสดง : รูเจาะแผ่นเหล็กและรอยเชอ่ื มประกอบเหลก็ รปู พรรณ ที่มา : คู่มือการตรวจการจ้างและการควบคมุ งานกอ่ สรา้ ง กองอาคารและสถานที่ สํานกั งานอธนการบดี มหาวนทยาลัยขอนแก่น , 2554 8.2 งานสลกั เกลยี ว ขน้ั ตอนการปฏนบตั น ดงั นี้ 1) การตอกสลกั เกลยี วจะต้องกระทําดว้ ยความประณีต โดยไม่ทําให้เกลียวเสยี หาย 2) ต้องแน่ใจวา่ ผวน รอยตอ่ เรียบและผวน ท่รี องรบั จะตอ้ งสัมผัสกันเต็มหน้าก่อนจะทาํ การขนั เกลียว 3) ขันรอยต่อดว้ ยสลักเกลยี วทุกแหง่ ใหแ้ นน่ โดยใชก้ ุญแจปากตายท่ีถูกขนาด 4) เม่อื ขันสลกั เกลยี วแนน่ แลว้ ใหท้ ุบปลายเกลียวเพือ่ มใน หแ้ ปนู สลกั เกลียวคลายตวั 5) การต่อและประกอบในสนาม ใหป้ ฏบน ตั ตน ามทรี่ ะบุในแบบขยายและคําแนะนาํ ในการยกตดน ต้ังโดยเคร่งครดั 6) ค่าผดน พลาดท่ยี อมให้ ให้ถือปฏนบตั นตามมาตรฐานสากล 7) จะต้องทาํ น่งั ร้านค้าํ ยนั ยดึ โยงให้พอเพยี ง เพือ่ ยึดโครงสรา้ งให้แนน่ หนาอยู่ในแนวและตําแหน่งที่ต้องการ และเพื่อความ ปลอดภัยตอ่ ผูป้ ฎนบตั งน านจนกว่างานประกอบจะเสร็จเรยี บร้อย และแขง็ แรงดีแลว้ 8) หมดุ ใหใ้ ช้สําหรบั ยดึ ช้นน สว่ นต่างๆ เข้าหากนั โดยไมใ่ หเ้ หลก็ เกดน การบนดเบี้ยวหรือชํารดุ เท่านนั้ 9) ห้ามใช้วนธตี ัดด้วยแกส๊ นอกจากจะได้รบั อนุญาตจากวศน วกร 10) สลักเกลยี วยดึ และสมอ ใหต้ ง้ั โดยใชแ้ บบนาํ เท่าน้นั

9 - 42 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 11) แผ่นรองรับ ใช้ตามท่ีกาํ หนดในแบบขยาย และใหร้ องรบั และปรับแนวด้วยล่มน เหล็ก หลังจากได้ยกตนดต้ังเสร็จเรียบร้อย ให้อัดมอร์ตา้ ชนนดไม่หดตัว และใชผ้ งเหล็กเป็นมวลรวมใต้แผน่ รองรับใหแ้ น่นแล้วตดน ขอบลม่น ให้เสมอกับขอบของแผ่นรองรับ โดยท้นงส่วน ที่เหลอื ไว้ในที่ 12) การปูองกนั เหล็กมนใหผ้ ุกรอ่ น หมายถึง การทาสีและการปอู งกันการผกุ รอ่ นของงานเหล็กตามกําหนดไวใ้ นรายการงานทาสี รูปแสดง : สลกั เกลียวยึด ที่มา : สลกั เกลยี วและการจบั ยดึ , pioneer.netserv.chula.ac.th , 2554 8.3 การตอ่ และประกอบเหล็กโครงสรา้ งในสนาม 1) แบบขยาย ก่อนจะทําการประกอบเหลก็ รูปพรรณทุกชน้น ถ้าในแบบมไน ดก้ ําหนดไว้ ผู้รบั จา้ งจะตอ้ งส่งแบบขยายต่อผูแ้ ทนของ ผวู้ า่ จา้ งเพื่อรบั ความเห็นชอบ และตอ้ งเป็นไปตามแบบขยายโดยเครง่ ครดั 2) จะต้องจัดทําแบบทีส่ มบูรณ์แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการตัดต่อประกอบและการตนดตั้งสลักเกลียว รอยเชื่อมและรอยต่อ ที่จะกระทาํ ในโรงงาน 3) สญั ลักษณต์ ่างๆ ทใี่ ชจ้ ะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล 4) จะต้องมีสําเนาเอกสารแสดงบัญชวี สั ดุ และวนธีการยกตนดตัง้ ตลอดจนการยึดโยงชว่ั คราว 5) การประกอบและยกตนดตัง้ ใหพ้ ยายามประกอบทโี่ รงงานใหม้ ากที่สดุ เท่าทีจ่ ะทาํ ได้ 6) การตดั เฉือน ตดั ด้วยไฟ สกัดและกดทะลุ ต้องกระทําอย่าง ละเอียด ประณีต และองค์อาคารท่ีวางทาบกันจะต้องวางให้ แนบสนนทเตม็ หนา้ 7) การตนดตัวเสรนมกําลงั และองค์อาคารยึดโยงให้กระทําอย่างประณีต สําหรับตัวเสรนมกําลังที่ตนดแบบอัดแน่นต้องอัดให้สนนท หากสามารถปฎนบัตนได้ ให้พยายามเชื่อมในตําแหน่งราบ ให้วางลําดับการเชื่อมให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการบนดเบ้ียวแรงตกค้าง ในระหว่างกระบวนการเชอื่ ม 8) สําหรับการเช่อื มในงานก่อสร้างอาคาร ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน AWS. 9) ในการเชื่อมแบบชน จะต้องเชื่อมในลกั ษณะท่ีจะใหไ้ ดก้ ารจมเขา้ (Penetration) โดยสมบูรณ์ โดยไม่ให้มีกระเปาะตะกรัน ขังอยู่ ในกรณนี ี้อาจใชว้ ธน ลี บมุมตามขอบหรอื Backing Plates ก็ได้ 10) ชนน้ สว่ นทีจ่ ะตอ่ เชอ่ื มแบบทาบ จะตอ้ งวางใหช้ ดน กนั ที่สุดเทา่ ท่จี ะมากได้ และไมว่ า่ กรณีใดจะตอ้ งหา่ งกนั ไม่เกนน 6 มม. 11) รายละเอียดให้เป็นไปตาม “มาตรฐานสาํ หรบั อาคารเหลก็ รปู พรรณ” ของวศน วกรรมสถานแห่งประเทศไทย ที่ 1003 - 18 ทุกประการ 12) หา้ มใชว้ นธเี จาะรูด้วยไฟ จะต้องแก้แนวต่างๆ ให้ตรงตามแบบรูป ท่ีเจาะรูไว้ไม่ถูกต้องจะต้องอุดให้เต็มด้วยวนธีเช่ือมและ เจาะรใู หมใ่ หถ้ ูกตาํ แหน่ง รูปแสดง : การตอ่ เหล็กโครงสรา้ งในสนามและ เช่อื มประกอบเหลก็ รูปพรรณ ทมี่ า : คู่มือการตรวจการจ้างและการควบคุม งานก่อสร้าง กองอาคารและสถานที่ สํานกั งาน อธกน ารบดี มหาวนทยาลัยขอนแกน่ , 2554

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 43 9. งานถนน และลานพ้ืนแข็ง 9.1ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ขิ องผคู้ วบคมุ งานก่อสรา้ ง ดังน้ี 1) ลูกรงั ดมี ีคุณภาพดีปราศจากวชั พืช ดนน กอ้ นท่ีโตกวา่ 5 ซม. ต้องทุบให้แตกเสยี ก่อน 2) ลูกรงั ตอ้ งมเี ช้อื ประสานท่ดี ี 3) หนนคลุกต้องเป็นหนน ท่แี ขง็ ไมผ่ กุ รอ่ น มเี ชื้อประสานท่ดี ี 4) หนนยอ่ ยตอ้ งแข็ง และเหนียวปราศจากกอ้ นดนน และวัชพืช 5) Asphalt สาํ หรบั ฉาบก่อนลงผนว (Prime Coat) ใช้ MC - 30, MC - 70, MC - 250 6) Asphalt สาํ หรับเปน็ เช้ือประสาน ใช้ AC 85 - 100 ยางทีน่ ํามาใชต้ อ้ งไมม่ ีนา้ํ เจอื ปน และตอ้ งได้มาตรฐาน 7) งานคอนกรีตต้องได้มาตรฐาน 8) ทอ่ ระบายนาํ้ ทนง้ ชนนด และขนาดทไี่ ดม้ าตรฐานตาม มอก.ปัจจุบนั 9.2วิธีกอ่ สรา้ งถนนคอนกรตี 1) ชั้นฐานรากให้ใชถ้ มด้วยลกู รัง หรอื หนน คลุกหนาชน้ั ละ 20 ซม. บดอัดแน่น 95% MOD.AASHO 2) ก่อนเทคอนกรตี ต้องแจ้งผูค้ วบคุมงานให้ทราบลว่ งหน้าไมน่ อ้ ยกวา่ 48 ชม. เพ่ือตรวจสอบ 3) มกี ารเตรยี มการก่อนเทคอนกรตี ดี 4) กรณเี ทคอนกรีตตอ่ เนอื่ งยาว ให้ตัดแนวคอนกรีตด้วยเครือ่ งจกั รภายใน 7 ชม. 5) อนุญาตให้ถอดแบบได้ใน 12 ชม. แล้วทําการบ่มคอนกรีตตลอดเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน 6) ผวน หน้าคอนกรตี ได้ระดับ และลาดตามกําหนด ยอมใหผ้ ดน ได้ 1 ซม. ในระยะ 3 ม. 7) การยาแนวรอยต่อทาํ หลังจากเทคอนกรีตแลว้ 7 วนั รปู แสดง : การกอ่ สรา้ งถนนคอนกรีต ท่มี า : Road Work, http://www.well-thai.com , 2555 9.3การทาผิวชนดิ ราดยางแมคคาดัม 1) การทาํ ชน้ั รองพ้นื ทาง (Sub Base Course) ใหถ้ มลกู รงั หนาชั้นละ 20 ซม. บดอดั 95 % MOD.AASHO 2) การทาํ ชน้ั พนื้ ทาง (Base Course ) ลงหนน คลกุ หนา 15 ซม. 3) บดทับดว้ ยรถบดลอ้ เหล็กหนกั 10 ตัน ความเร็วไม่เกนน 4 กม./ชม. 4) บดตามแนวยาง เรม่น จากขอบนอกเหลื่อมไหล่ถนนหรือขอบ 30 ซม. และบดเขา้ หาศูนยก์ ลาง 5) บดตดน ต่อกนั จนผวน แน่น 95 % MOD.AASHO 6) การทาํ ผนวชนั้ ตน้ โดยฉาบก่อนลงผวน (Prime Coat) ดว้ ยจาก MC - 30, MC - 70, MC - 250 ปรนมาณ 1 - 2 กก./ตร.ม. ราดซึมลงไปในผวน ลกึ 1/4 น้วน 7) บ่ม Prime Coat ไว้ 48 ชม. รปู แสดง : การทําผนวชนนดราดยาง ทม่ี า : การใช้ยางพาราผสมยางมะตอยฉาบผนวถนน , http://www.rubber.co.th , 2555

9 - 44 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 9.4 การดาดผิว 1) การทาํ ผวน ชั้นที่ 1 ใสห่ นนหยาบหนา 7 ซม. 2) เกล่ียแล้วบดทับด้วยรถบดล้อเหล็กหนัก 8 ตัน ราดด้วยยาง AC 85-100 เกล่ียแล้วบดทับด้วยรถบดล้อเหล็กหนัก 8 ตัน ราดดว้ ยยาง AC 85 - 100 3) การทําผวน ชั้นท่ี 2 โรยหนน ละเอยี ดทบั หนา้ ยางท่กี าํ ลงั รอ้ น เกลีย่ เสมอหนา 3 ซม. 4) บดทบดว้ ยรถบดลอ้ เหลก็ แลว้ ราดยาง AC 85 - 100 ปรมน าณ 2-3 กก./ตร.ม. 5) โรยดว้ ยหนน ฝุนหรือทราย ทบั หนา้ หนาประมาณ 1 ซม. แล้วบดทับด้วยรถบดลอ้ เหลก็ 9.5การทาถนนผิว Asphaltic Concrete 1) สว่ นผสมของ Asphaltic Concrete โดยวสั ดุท่ีมาตรฐานของกรมทางหลวง 2) การทําชนั้ รองพื้นทางตามมาตรฐาน 3) การทําชั้นพ้นื ทางตามมาตรฐาน 4) การทําผวน Asphaltic Concrete ดังต่อไปน้ี.- 5) ทาํ ความสะอาดชัน้ รากไมป้ ราศจากสนง่ สกปรก 6) สําหรบั ช้ันพ้นื ทางจะตอ้ งลง Prime Coat กอ่ นปดู ว้ ย Asphaltic Concrete 7) สาํ หรับผนวเดนมทีเ่ ปน็ ลาดยาง หรอื Asphaltic Tic เดมน จะตอ้ งลงชัน้ Tack-Coat ก่อนปทู ับด้วย Asphaltic Concrete 8) ลงผวน Asphaltic Concrete ดว้ ย Self Powered Paver โดยมอี ณุ หภมู น 250 ๐F 9) การนํา Asphaltic Concrete มาทแี่ หลง่ เทด้วยรถด๊ัมต้องรกั ษาอุณหภูมน Asphalt ไว้ 270๐F 9.6การบดทบั Asphaltic Concrete 1) ภายหลงั Paver แล้วให้บดทบั ครั้งแรกด้วยรถบดลอ้ เหล็ก 2 ล้อ หรอื 3 ล้อ นา้ํ หนกั 8-10 ตนั บดดว้ ยความเร็ว 5 กม./ชม. 2) บดทับจากด้านนอกขอบถนนเข้าหาศนู ย์กลาง 3) บดทบั ครั้งแรก 2 เทยี่ ว แล้วตรวจสอบระดับ 4) บดทบั ครงั้ ท่ี 2 ดว้ ยรถบดลอ้ ยางหนัก 10-12 ตนั 9 ลอ้ ความเร็ว 7 กม./ชม. 5) บดทับครั้งสดุ ทา้ ยด้วยรดบดลอ้ เหลก็ ความเรว็ 5 กม./ชม. 6) บดเสร็จทงน้ ไว้ 16 ชม. จงึ อนญุ าตใหเ้ ปิดใช้งานได้ รปู แสดง : การทาํ ผนวถนนลาดยางมะตอย ท่ีมา : การทาํ ถนนลาดยางมะตอย , หจก. ท.ธัญกรคอนสตรคั ช่นั , http://www.velamall.com , 2555

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน 9 - 45 9.7 การทาไหล่ถนน/สนามบิน 1) บดอดั หรือถมดนนลกู รังชั้นละไม่เกนน 15 ชม. ความแน่น 95% MOD.AASHO 2) ลาดของไหล่ที่สูงเกนน กวา่ 1.50 ม. ต้องปลูกหญ้ากันนํา้ เซาะ 9.8 งานท่อระบายน้า 1) หากจําเปน็ ตอ้ งตอกเสาเข็มตอ้ งเป็นไปตามแบบ 2) หากดนนออ่ น กอ่ นวางท่อต้องลอกโคลนออกและปรบั ระดบั ดว้ ยทรายปรับระดับแล้วอัดแนน่ 3) รอยต่อท่อตอ้ งยาแนวดว้ ย ปนู ทราย (1 : 3) และบ่มให้ชนื้ อย่างนอ้ ย 3 วนั 4) การกลบทอ่ ต้องใชว้ สั ดุท่ดี ี ถมท่อเป็นชัน้ ๆ ละ 15 ซม. แล้วบดอดั จนสงู พ้นท่อ 30 ซม. จงึ ใชเ้ ครื่องมอื บดอดั ได้ 5) กรณที ่อลอดถนนใหด้ าํ เนนนการหลงั จากทําชัน้ (Sub Base) เสร็จแล้ว รปู แสดง : การทาํ ถนนผนว Asphaltic Concrete ที่มา : การทาํ ถนนลาดยางแอสฟลั ท์ ถนนคอนกรตี , ห้างหนุ้ ส่วนจาํ กดั ท.ธญั กร คอนสตรคั ช่ัน, http://bangkok.olxthailand.com/iid-131236601, 2555 รูปแสดง : การทาํ ถนนผนว Asphaltic Concrete ที่มา : การทําถนนลาดยางแอสฟัลท์ ถนนคอนกรตี , ห้างห้นุ ส่วนจํากดั ท.ธญั กร คอนสตรัคช่ัน, http://bangkok.olxthailand.com/iid-131236601, 2555

9 - 46 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 10. งานก่อผนงั และฉาบปนู อนฐกอ่ มีอยู่หลายประเภท แต่ทมี่ กี ารใชอ้ ย่างแพรห่ ลายแบ่งไดเ้ ปน็ ประเภทใหญๆ่ ดงั น้ี - อฐน มอญ - อฐน บลอ็ ก - อฐน ประดบั และอนฐโชว์แนว - อฐน มวลเบา 10.1 งานก่อและฉาบอฐิ มอญ ผนังกอ่ อิฐครง่ึ แผน่ เป็นการก่อผนังอฐน แบบกอ้ นเดียวเรยี งต่อกนั ไปตามความยาวของผนัง (1 ตร.ม. ใช้ อนฐ 138 กอ้ น) ผนังก่ออิฐเตม็ แผน่ เป็นการกอ่ ผนงั อฐน แบบหนาสองก้อนเรียงสลับกัน (1 ตร.ม. ใช้ อนฐ 276 ก้อน) หลกั ง่ายๆ ของการก่ออนฐ คือ การให้รอยต่อของอนฐแต่ละชั้นเหล่ือมกันครึ่งก้อน หรืออย่างน้อยที่สุดต้องเหล่ือมกันเป็น ระยะ 10 ซม. ผนงั อฐน ท่กี ่อไม่ควรมีรอยตอ่ ซอ้ นกนั (ดังภาพ) การก่ออนฐท่ีไม่ถกู ตอ้ งจะทาํ ใหก้ ารรบั น้ําหนักของผนังไม่กระจายออก ทําให้เกนดแรงเฉพาะจุดอาจะทาํ ใหท้ รดุ เมอื่ มี นาํ้ หนักกดในสว่ นที่กอ่ ไว้ไม่ดีอาจทาํ ให้เกนดการร้าว

ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน 9 - 47 1) ตัวอย่างของการกอ่ อฐิ ในสว่ นตา่ ง ๆ ของอาคาร การก่ออิฐในส่วนมุมของอาคาร มุมของอาคารเป็นส่วนท่ีสําคัญเพราะเป็น จุดตัดของอาคาร ซึ่งต้องทําหน้าท่ีทั้งรับนํ้าหนัก และช่วยคํ้าผนังทั้งสองข้าง ไม่ให้ลม้ ง่าย การกอ่ อฐิ ผนังรูปตวั T ตอ้ งระมดั ระวงั หากผนงั เช่อื มต่อกนั ไมด่ อี าจเกนดอาการ ฉีกขาดของผนังทําให้ผนังล้มได้ การก่ออนฐผนังรูปตัว T นั้นสามารถก่อได้ หลายแบบ เพยี งแตต่ อ้ งยึดหลักการคือไม่ให้รอยต่อของอนฐแตล่ ะชั้นตรงกันก็ถือ วา่ ใชไ้ ด้ การก่อผนังลอย เป็นลักษณะเดียวกับการก่ออนฐชนประตู หรือหน้าต่าง ถ้าตอ้ งการกอ่ เปน็ ผนังตรงยน่ื ออกมา ไม่ควรก่อออกมายาวมากเกนนไป หรือถ้า จะก่อออกมายาว ควรก่อผนังให้โค้ง มีครีบหรือหักเป็นรูปตัว T เพ่ือช่วยให้ ผนังมีความแข็งแรง การก่อเสา อฐน ทใ่ี ช้ควรออกแบบให้มีความยาวเป็น 2 เท่าของความกว้าง (เช่น 6\"x12\" หรือ 8\"x16\") เพื่อให้เสาเป็นส่ีเหลี่ยมจัตุรัสเท่ากันทั้งสองด้าน อาจใช้ มดี พร้าถากเพือ่ ลดมมุ หรือทาํ ใหเ้ ปน็ เสากลมได้ 2) ข้นั ตอนการก่ออฐิ มอญ ขน้ั ตอนท่ี 1 นําอฐน แช่น้าํ สะอาดหรอื ใชว้ นธรี ดนาํ้ ให้อฐน อม่น ตวั อยา่ งนอ้ ย 1 - 2 ชม. แลว้ ทงน้ ให้หมาดก่อนใชง้ าน ขัน้ ตอนท่ี 2 เตรียมผวน งานให้สะอาด กอ่ อฐน โดยขึงเอน็ คุมแนว ทงั้ ทางดนง่ และระดับ ข้ันตอนท่ี 3 เศษอฐน ท่ีก่อไมเ่ ต็มกอ้ นให้กอ่ ไว้รมน เสา ขน้ั ตอนที่ 4 ตรวจขนาดความยาวและระยะหา่ งของเหล็กเสียบข้างเสา ค.ส.ล. สําหรบั ยึดผนังอฐน ขน้ั ตอนที่ 5 ตรวจการก่ออนฐสลับรอยต่อ แนวฉาก ความหนาของปูนกอ่ ไมค่ วรเกนน 1 ซม. ขน้ั ตอนท่ี 6 ตรวจคานเอ็นและทับหลงั ค.ส.ล. ทุกชอ่ งเปดิ และทุกระยะในแนวนอนไม่เกนน 2 ม. และแนวตั้งไม่เกนน 3 ม. ข้ันตอนที่ 7 การก่อถึงชั้นบนท่ีจะชนท้องคาน หรือแผ่นพ้ืน ค.ส.ล. ควรเว้นไว้ให้คานหรือแผ่นพ้ืนน้ันแอ่นตัวมากที่สุดก่อน แล้วจึงก่อข้ันสุดท้าย โดยการเอยี งแผ่นอนฐอดั ให้แนน่

9 - 48 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน การขึงเอน็ แสดงแนวระดับ การขึงอน็ แสดงแนวดงน่ การกอ่ เป็นข้นั บันได ภาพแสดงการเสยี บเหลก็ หนวดกุ้ง รูปตัดเสา ค.ส.ล. ภาพแสดงการงอเหล็กเพ่อื ใหต้ รงแนวปนู ก่อ รูปแสดง : วธน ีการกอ่ อฐน มอญ และแสดงวนธกี ารหล่อเสาเอน็ ทับหลงั 3) ขั้นตอนการฉาบผนังอฐิ มอญ ขน้ั ตอนท่ี 1 ตรวจสอบการตดน ตง้ั ตาขา่ ยตามมุมวงกบประตู-หนา้ ต่าง และตามแนวฝังทอ่ งานระบบตา่ งๆ ขั้นตอนท่ี 2 ราดนํ้าผนงั กอ่ อนฐมอญให้ชื้น แลว้ ปล่อยทง้น ไวป้ ระมาณ 1 นาที เพ่ือปอู งกนั ไม่ให้อฐน มอญดูดน้ําจากปนู ฉาบ ขั้นตอนที่ 3 ควรฉาบให้มีความหนาเฉล่ีย 1.0 ซม. คือท่ีความหนา 0.5 – 1.5 ซม. โดยทําการฉาบ 2 ชั้น ช้ันละประมาณ ครึง่ หนง่ึ ของความหนาทั้งหมด ขน้ั ตอนที่ 4 เมื่อฉาบชน้ั แรกแล้วให้ทงน้ ไวใ้ หห้ มาด แลว้ ฉาบชนั้ ท่ีสองตอ่ จนได้ความหนาทตี่ อ้ งการ หลังจากน้ันแต่งผนวให้เรียบ ตามวธน ปี กตน ขัน้ ตอนที่ 5 บม่ ผนวปูนฉาบ อย่างนอ้ ย 3 วนั หลงั จากฉาบแล้วเสร็จ โดยการราดนํ้าผวน ปูนฉาบใหช้ ้ืน

ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 49 10.2 งานก่อและฉาบอิฐบล็อก รูปแสดง : การกอ่ อฐน บลอ็ ก 1) ขนั้ ตอนการก่ออฐิ บล็อก ขน้ั ตอนที่ 1 ทํา Curb คอนกรตี กว้าง 6 ซม. สูง 10 ซม. เป็น Support ของคอนกรีตบล็อก หนา 7 ซม. ขั้นตอนที่ 2 เจาะเสยี บเหล็กยึดรอยต่อผนังยึดตนดกับเสาทุก 60 ซม. และเสียบเหล็ก 9 มม. ยาว 40 ซม. ให้ย่ืนออกจากเสา 30 ซม. โดยใช้ Epoxy ขั้นตอนท่ี 3 ตเี ส้นแนวก่ออฐน คอนกรีตบลอ็ ก ลงบนเสาเพ่ือเปน็ แนวกอ่ อฐน คอนกรตี บล็อก ขนั้ ตอนที่ 4 ปรับระดับ Curb คอนกรตี ให้ได้ระดับ โดยใช้ปนู ก่อจัดแนวระดบั ขั้นตอนท่ี 5 เรน่มวางอนฐคอนกรีตบล็อก ก้อนแรกลงไปบนปูนทราย ใช้เกรียงก่อเคาะปรับแต่งให้ได้แนวและระดับโดยอาศัย แนวเสาเอน็ ท่ีขึงไว้ ขัน้ ตอนท่ี 6 ใช้เกรียงก่ออนฐตัดปูนก่อ ปูายลงด้านข้างของก้อนแรก โดยลากจากด้านล่างขึ้นจนเต็มก้อนความหนาปูนก่อ ประมาณ 0.5-1 ซม. และวางกอ้ นที่ 2 ให้ชนดกับก้อนแรก ปรบั ระดบั ด้วยเกรียงก่อและระดับน้ําแล้วก่อต่อไปด้วย วนธีเดยี วกัน จนเสร็จแนวกอ่ ชั้นแรก ขั้นตอนที่ 7 เรม่น กอ่ ชนั้ ท่ี 2 โดยใช้เกรยี งขีดทอ่ี นฐทตี่ อ้ งการ แล้วใชเ้ กรยี งกอ่ เคาะอฐน คอนกรตี บล็อกปาู ยปูนกอ่ ลงด้านบนของอนฐ คอนกรตี บลอ็ กชน้ั แรก แลว้ ยกอนฐคอนกรีตบลอ็ กชั้นที่ 2 วางทับลงไป ใชเ้ กรียงก่อเคาะปรับระดับ ให้แนวรอยต่อ เย้อื งสลับกัน แลว้ กอ่ ชน้ั ตอ่ ไปด้วยวธน เี ดยี วกนั จนเสรจ็ การก่อควรได้ระดับและแนวดงน่ ด้วย ขน้ั ตอนที่ 8 การกอ่ ถา้ มปี ระตหู รือหน้าตา่ งในกาํ แพง ควรเว้นชอ่ งไว้และทาํ เสาเอน็ - ทับหลงั ขั้นตอนที่ 9 ก่อนฉาบทกุ ครั้งตอ้ งตนดตาข่ายกรงไก่ทุกครัง้ ทาบตนดกบั เสาเอน็ และ ทับหลงั เพ่ือปูองกันการแตกรา้ ว ขน้ั ตอนท1ี่ 0 สาํ หรบั ผนังรนมอาคาร แนวก่ออนฐ ฉาบปนู ควรเว้นเข้าในอาคารจากหน้าเสา/คาน ประมาณ 1 นน้ว หรือ การก่อ ฉาบโชวแ์ นวเสา/คานนน้ั เอง ขั้นตอนท1ี่ 1 กรณีท่ตี ้องฉาบมากกว่า 2 ซม. อาจจะเนื่องจากเสาหรือผนังล้มดน่ง จะต้องฉาบทีละช้ัน ความหนา 1 - 1.5 ซม. ตอ่ ช้นั โดยใชป้ ูนเค็มจัด เพอื่ ให้ปูนฉาบแห้งและกอ่ ตวั ได้เรว็ แลว้ ฉาบชนั้ ต่อไปได้ ขอ้ ควรระวงั - ตําแหน่งประตูหนา้ ตา่ ง จะต้องมเี สาเอ็น - ทับหลงั - หลงั จากตีเสน้ แนวผนงั แลว้ ต้องตรวจสอบวา่ แนวผนังหอ้ งได้ฉากหรือไมโ่ ดยการดงึ ทแยง - วัสดุทใี่ ช้ในการเจาะเสียบเหลก็ ได้แก่ Sikadur, กรมั กรตี , 3 M ฯลฯ - รอยต่ออฐน ควรมีความหนาแน่นใกล้เคียงกันคอื 1 - 1.5 ซม. - การกอ่ อนฐปิดใตท้ ้องคานจะต้องทนง้ ช่วงไว้สกั 1 - 2 วนั แล้วจงึ ก่อปิด - กรณีทตี่ อ้ งฉาบมากกวา่ 2 ซม. อาจเน่ืองมาจากเสา หรือผนงั ล้มนน่ง จะตอ้ งฉาบทีละชนั้ ความหนา 1 - 1.5 ซม. ตอ่ ช้นั โดยปนู เค็มจดั เพื่อใหป้ ูนฉาบแห้ง และกอ่ ตวั ไดเ้ รว็ และฉาบชน้ั ต่อไปได้ - ถา้ ตอ้ งการฉาบหนามากๆ ตง้ั แต่ 5 ซม. จะตอ้ งกรตุ ะแกรงกรงไกไ่ ว้เป็นชั้นๆ ด้วย - Spray นา้ํ ท่ีผนังปูนฉาบตนดตอ่ กนั อีก 2 - 3 วัน (โดยเฉพาะผนังภายนอก )

9 - 50 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 2) ข้นั ตอนการฉาบผนงั อฐิ บลอ็ ก ขัน้ ตอนท่ี 1 ตรวจสอบการตนดตงั้ ตาขา่ ยตามมุมวงกบประตู-หนา้ ต่าง และตามแนวฝังทอ่ งานระบบต่างๆ ขั้นตอนท่ี 2 ราดน้าํ ผนงั ก่ออฐน บลอ็ กใหช้ ื้น แลว้ ปล่อยทน้งไว้ประมาณ 1 นาที เพอ่ื ปูองกันไม่ใหอ้ ฐน บล็อกดดู นํ้าจากปนู ฉาบ ขน้ั ตอนที่ 3 ควรฉาบให้มีความหนาเฉล่ีย 1.0 ซม. คือท่ีความหนา 0.5 – 1.5 ซม. โดยทําการฉาบ 2 ช้ัน ช้ันละประมาณ คร่งึ หนง่ึ ของความหนาทง้ั หมด ข้นั ตอนที่ 4 เมื่อฉาบชน้ั แรกแล้วใหท้ นง้ ไว้ใหห้ มาด แล้วฉาบชน้ั ทสี่ องต่อ จนไดค้ วามหนาท่ีตอ้ งการ หลังจากนั้นแต่งผนวให้เรียบ ตามวนธีปกตน ขั้นตอนที่ 5 บม่ ผวน ปูนฉาบ อยา่ งน้อย 3 วนั หลงั จากฉาบแลว้ เสร็จ โดยการราดนา้ํ ผนวปูนฉาบใหช้ ้ืน เสา คสล. รูปแสดง : การกอ่ อฐน บลอ็ กตนดตาขา่ ยกรงไก่ 10.3 งานก่อและฉาบอฐิ ประดบั , อิฐโชวแ์ นว ข้นั ตอนที่ 1 การเตรียมอนฐก่อ นาํ อฐน แชน่ า้ํ สะอาดหรอื ใช้วธน ีรดน้ํา ให้อฐน อ่นมตัว อยา่ งน้อย 1 - 2 ชม. แลว้ ทนง้ ให้หมาดก่อนใชง้ าน ขัน้ ตอนท่ี 2 วนธีการก่ออนฐโชว์ โดยเตรียมผนวงานให้สะอาด ก่ออนฐโดยขึงเอ็นคุมแนว เว้นระยะชักร่องประมาณ 5 - 10 มม. (ขน้ึ กับขนาดของอนฐ) ขั้นตอนท่ี 3 การทานา้ํ ยาปอู งกันคราบปูนบนอนฐกอ่ โชว์ 1) เมื่อก่ออฐน เสร็จควรทําความสะอาดท่อี ฐน หลายๆครงั้ โดยเช็ดปูน ท่ตี ดน ผนวอฐน ขณะยังเปยี กไมค่ วรทน้งไว้จนแห้ง 2) รอให้ผวน อฐน แหง้ แล้วใช้แปรงชุบน้ํายาซนลนโคนทาเฉพาะผนวอฐน กอ่ โชว์ ขน้ั ตอนที่ 4 การยาแนวและการตกแตง่ ชักร่อง ยาแนวด้วยปูนยาแนวหรือซีเมนต์ผสมทรายละเอียด แล้วใช้เกรียงเหล็กปาด เศษปนู ส่วนเกนนและรีบเช็ดทําความสะอาดผวน หนา้ อนฐที่กอ่ โชว์ จากนัน้ ตกแตง่ แนวด้วยวธน ีชักรอ่ ง รปู แสดง : งานก่ออนฐประดบั และอฐน โชวแ์ นว

ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 51 10.4 งานกอ่ และฉาบอิฐมวลเบา ขนาดตามมาตรฐาน กว้าง 20 ซม. ยาว 60 ซม. และมีความหนา 7.5, 10, 12.5, 15, 20, 25 ซม. สัดส่วนการผสมปูนก่อ และปนู ฉาบ - ผสมปูนก่ออนฐมวลเบา กาวซีเมนต์ ในสัดส่วน 1 ถุง ต่อ น้ําสะอาดประมาณ 14-15 ลนตร ผสมให้เข้ากันด้วยหัวป่ันปูนท่ีต่อ เขา้ กับสวา่ นไฟฟาู 2-3 นาที ให้เขา้ กนั เป็นอย่างดี ควรผสมแค่พอใช้เท่านัน้ และควรใชใ้ ห้หมดภายใน 2 ชม. - ผสมปูนฉาบอนฐมวลเบา ในสัดส่วน 1 ถุง ต่อ น้ําสะอาดประมาณ 10-12 ลนตร ผสมให้เข้ากันด้วยโม่ผสมปูน ให้เข้ากันเป็น อยา่ งดี ควรผสมแค่พอใช้เทา่ น้ัน และควรใชใ้ ห้หมดภายใน 2 ชม. ขอ้ แนะนา : ไมค่ วรนาํ ปนู ผสมแล้วทง้น ไวจ้ นแห้งตัว มาผสมนาํ้ เพนม่ แล้วใชง้ านตอ่ เพราะจะทําให้การรับกําลังของปูนลดน้อยลง เป็นผล ทําให้โครงสรา้ งไมแ่ ข็งแรง 1) ขนั้ ตอนการก่ออิฐมวลเบา ขน้ั ตอนท่ี 1 ก่อนทําการก่อต้องตรวจดูแบบก่อนเสมอ สําหรับในบรนเวณท่ีทําการก่อผนังอนฐมวลเบา ที่อ าจมีนํ้าขัง เช่น ระเบยี ง ตอ้ งทําคัน ค.ส.ล. กน้ั ระหว่าง ตวั กอ้ นอฐน มวลเบา กบั พืน้ ค.ส.ล. บรเน วณนัน้ ขน้ั ตอนท่ี 2 ทําความสะอาดบรนเวณท่ีจะทําการก่ออนฐมวลเบาให้เรียบร้อย ทําการปรับวางแนวดน่ง แนวฉากของการก่อ หลังจากนั้นใช้แปรงสลัดน้ําพอชุ่มในบรนเวณท่ีจะทําการก่อ และทําความสะอาดเศษฝุนที่เกาะบนตัวก้อนให้ เรยี บรอ้ ย โดยท่ไี มต่ ้องราดนํา้ ทีต่ วั กอ้ น ขั้นตอนท่ี 3 เรมน่ การก่อชน้ั แรก โดยการใชป้ ูนทรายในการปรับระดับ โดยให้มคี วามหนาของปูนทรายประมาณ 3 - 4 ซม. รูปที่ 10.5 แสดงงานกอ่ การกอ่ อฐน มวลเบา ขั้นตอนที่ 4 ผสมปนู ก่ออฐน มวลเบา กับนา้ํ สะอาด โดยใช้หวั ปั่นปนู ขั้นตอนท่ี 5 ก่อก้อนแรกโดยให้ปูายปูนก่อบรนเวณด้านข้างเสาและด้านล่างก้อนด้วยเกรียงก่ออนฐมวลเบา โดยมีความหนา ของปูนก่อเพียง 2-3 มม. ระหวา่ งตวั ก้อน ขน้ั ตอนท่ี 6 เรนม่ กอ่ ขน้ั แรก โดยใช้คอ้ นยางปรบั ให้ได้ระดับตามแนวเอ็นทีร่ ะดบั ตามแนวเอน็ ทขี่ งึ ไว้ และใช้ระดับนํ้าในการช่วย จัดให้ไดร้ ะดบั ขน้ั ตอนที่ 7 ก่อกอ้ นทีส่ องโดยใช้เกรยี งกอ่ ปาู ยปูนก่อด้านข้าง และด้านล่างของก้อนโดยให้มีความหนา 2 - 3 มม. และปรับ ระดับด้วยค้อนยางให้ได้ระดับเดียวกัน หลังจากน้ันก่อก้อนต่อไปเรื่อยๆ ด้วยวนธีการเดนมจนครบแนวก่อช้ันแรก เมอ่ื จาํ เปน็ ตอ้ งตดั ตวั กอ้ นอฐน มวลเบา ให้วัดระยะใหพ้ อดี และใชเ้ ล่อื ยตัดอฐน มวลเบาในการตัดตัวก้อน โดยหากตัด แลว้ ไม่เรยี บหรอื ไม่ไดฉ้ าก ใหใ้ ช้เกรยี งฟันปลาไสแตง่ ตวั กอ้ น และถ้าตอ้ งการขัดอย่างละเอียดเพื่อให้ตัวก้อนเรียบ มากขนึ้ ใหใ้ ชเ้ กรยี งกระดาษทรายขัดให้เรียบขน้ึ ได้ ขน้ั ตอนท่ี 8 ก่อชน้ั ต่อไปโดยต้องกอ่ ในลกั ษณะสลบั แนวระหวา่ งชัน้ และมกี ารขงึ แนวก่อนการก่อ โดยแนวท่ีเหล่ือมกันมีระยะ ไมน่ อ้ ยกวา่ 10 ซม. แต่ละก้อนให้ปาู ยปูนกอ่ รอบกอ้ น หนา 2-3 มม. ซงึ่ ต้องใส่ปูนกอ่ ใหเ้ ตม็ ตลอดแนวและหากใช้ ไมเ่ ต็มก้อนใหใ้ ชเ้ ลอื่ ยตดั ให้ไดข้ นาดตามท่ตี อ้ งการ

9 - 52 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน ขน้ั ตอนที่ 9 ปลายก้อนท่ีก่อชนเสาโครงสร้าง หรือเสาเอ็นจะต้องยึดด้วยแผ่นเหล็กยึดแรง Metal strap ท่ีงอฉาก ยาวประมาณ 15-20 ซม. เข้ากับโครงสร้างดว้ ยตะปูคอนกรีต หรือพุกสกรู ทาํ เชน่ น้ีทุกระยะ 2 ช้ัน ของกอ้ น ขน้ั ตอนที่ 10 ก่อก้อนถัดไปด้วยวนธีการเดียวกับช้ันแรก จนจบแนวช้ันท่ีสอง จากนั้นก็ก่อช้ันต่อๆ ไปด้วยวนธีการเดียวกันจน แล้วเสร็จ การก่อผนังให้ก่อชนท้องคานหรือท้องพ้ืนทุกแห่ง โดยเว้นช่องไว้ประมาณ 2–3 ซม. แล้วอุดปูน ทรายตลอดแนวและยึดแผ่นเหล็กยึดแรง (Metal strap) ที่ท้องพื้นหรือท้องคานไว้ทุกระยะไม่เกนน 1.20 ม. สาํ หรบั ผนงั ท่ีก่อสงู ไมช่ นทอ้ งคานหรอื พนื้ ทุกแหง่ จะต้องทําทับหลงั คสล. ทุกแนว รูปที่ 10.6 แสดงงานก่อการก่ออฐน มวลเบา การยดึ ดว้ ยแผ่นเหล็กยึดแรง Metal strap และการตดั อฐน มวลเบา 2) ขัน้ ตอนการฉาบผนงั อฐิ มวลเบา ขน้ั ตอนท่ี 1 ตรวจสอบการตนดตั้งตาข่ายตามมมุ วงกบประตู-หน้าต่าง และตามแนวฝงั ท่องานระบบตา่ งๆ ขั้นตอนท่ี 2 ใช้แปรงตีนํ้าหรือไม้กวาดปาดและทําความสะอาดเศษผงท่ีตนดอยู่บนผนังคอนกรีตมวลเบาให้หมด และหาก มีรอยแตกบ่นนให้อุดด้วยข้ีเลื่อย คอนกรีตมวลเบาผสมกับปูนก่อมวลเบาเสียก่อน แล้วท้นงไว้ให้แห้งก่อนที่จะ ทําการฉาบ จากนั้นให้ราดนํ้าท่ผี นังให้ช่มุ ประมาณ 2 ครั้ง แล้วทน้งให้ผนังดูดซับนํ้า จึงเร่นมข้ันตอนการฉาบผนัง คอนกรตี มวลเบา ขน้ั ตอนที่ 3 ควรฉาบให้มีความหนาเฉล่ีย 1.0 ซม. คือท่ีความหนา 0.5 – 1.5 ซม. โดยทําการฉาบ 2 ช้ันๆละประมาณ ครึ่งหนึ่งของความหนาทัง้ หมด ขัน้ ตอนท่ี 4 เมื่อฉาบช้ันแรกแล้วให้ท้นงไว้ให้หมาด แล้วฉาบช้ันที่สองต่อ จนได้ความหนาที่ต้องการ หลังจากนั้นแต่งผนวให้ เรียบตามวธน ปี กตน ขน้ั ตอนที่ 5 บม่ ผวน ปูนฉาบ อย่างนอ้ ย 3 วนั หลังจากฉาบแล้วเสรจ็ โดยการราดนํ้าผวน ปูนฉาบให้ชน้ื ข้อแนะนา - การฉาบปูนบนผนังคอนกรีตมวลเบา โดยฉาบเป็นช้ันเดียวแล้วตีนํ้าเลยน้ัน ทําได้เฉพาะกรณีท่ีฉาบหนาไม่เกนน 1.5 ซม. ถ้าเกนนกวา่ น้ี อาจสง่ ผลใหเ้ กดน การแตกรา้ วทผี่ นว เนือ่ งจากการหดตัวของปนู ฉาบ - การฉาบหนากว่า 2 ซม. ต้องแบ่งฉาบช้ันละประมาณ 1 - 2 ซม. และตนดลวดตาข่ายระหว่างช้ันเพื่อปูองกันการแตกร้าว ในกรณีหนากว่า 4 ซม. - ก่อนฉาบใหต้ ดน ลวดหรือพลาสตนกตาขา่ ย ตามบรนเวณมมุ วงกบประตู, หน้าต่าง, รอยต่อเสา รวมถึงบรนเวณที่มีการขุดเซาะร่อง เพ่ือฝังท่อสายไฟหรือท่อน้ํา เพอ่ื ลดปญั หาการแตกร้าวจากการฉาบ - หลงั จากทําการฉาบผนังคอนกรีตมวลเบาเรียบร้อยแล้ว หากต้องการตอกตะปูเพ่ือใช้ในการยึดแขวนวัสดุหรือของใช้ต่างๆ ใหฝ้ งั ในพกุ๊ ไนล่อนหรือพกุ๊ เหล็ก ซ่งึ จะช่วยเพมน่ ประสทน ธนภาพในการยดึ ตะปใู หแ้ นน่ ได้เป็น อย่างดี

ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 9 - 53 10.5 การทาเสาเอน็ -ทบั หลังคอนกรีตเสริมเหลก็ ข้นั ตอนการตรวจสอบ และการทาเสาเอ็น-ทับหลงั ค.ส.ล. 1) ผนังกอ่ อฐน มอญ หรือซีเมนต์บล็อกท่ีฉาบปูนมีเนื้อที่เกนน 9 ตร.ม. และผนังก่ออนฐ หรือซีเมนต์บล็อกท่ีก่อตนดวงกบ ประตู หนา้ ตา่ ง ตอ้ งมีเอน็ ค.ส.ล. โดยใชเ้ หล็กยืน 2 - 9 มม. เหล็กปลอก 6 มม. ทกุ ระยะ 20 ซม. 2) ความหนาของเอน็ เท่ากับผนังกอ่ อนฐหรือซเี มนต์บล็อก 3) เสา ค.ส.ล. ทุกต้นทก่ี ําแพง ก่อมาชนตอ้ งมเี หล็กเสียบขนาด 6 มม. ฝังยื่นข้างละ 25 ซม. ทุกระยะ 30 ซม. สําหรับผนัง ท่ีก่ออนฐและทกุ ระยะ 20 ซม. สําหรับผนังซเี มนต์บลอ็ ก รปู แสดง : การทําเอ็น ค.ส.ล. 11. งานปพู นื้ 11.1 การตดิ ต้ังพื้นไม้ และไม้เทยี ม รูปแสดง : ภาพพ้ืนไม้เทียม 1) การติดตง้ั ไมพ้ ้ืน การตนดตั้งไม้พ้ืนจําเป็นต้องมีโครงคร่าว (ไม้ตง) ทุกงาน เพ่ือให้มีอากาศไหลผ่านไม้พื้น เป็นการระบายความร้อนจากพ้ืน คอนกรีตสไู่ ม้ โดยโครงครา่ วจะตอ้ งวางห่างไม่เกนน 35 ซม. แบ่งออกเปน็ 2 แบบ (1) การตดน ตัง้ โครงคร่าวราบไดร้ ะดับ เป็นการตนดตั้งไม้พื้นกับพื้นคอนกรตี ทร่ี าบไดร้ ะดบั เท่าน้ัน - วางไมต้ งในตําแหน่งที่ต้องการ ใช้สว่าน (ดอกสว่านขนาด 3/8 นน้ว - 4/8 นน้ว) เจาะไม้ ให้ลึกประมาณ 1/2 ของความหนาไม้ ให้หวั สกรูจมลงในไมไ้ ด้ แต่ละรเู วน้ ห่างประมาณ 50-60 ซม. - เล่ือนไม้ตงออก ใช้สว่านโรตาร่ีเบอร์ 7 เจาะคอนกรีต จากนั้นจึงฝังพุกพลาสตนกลงใน คอนกรตี - ใชส้ ว่านดอกเล็ก (1/8 นนว้ ) เจาะไม้ทะลุถงึ พน้ื คอนกรีต เพื่อเป็นการระบุจุดที่จะฝังพุก พลาสตนก (เบอร์7) ลงในคอนกรีต - นําไมก้ ลับตําแหน่งเดมน ใชส้ กรูเกลียวปล่อยเบอร์ 8 ขันลงไปให้พอตึงมือ (ห้ามขันแน่น รูปท่ีแสดง : การตดน ตง้ั พนื้ ไม้ เกนน ไป เพราะอาจจะทาํ ใหเ้ กลยี วหวานได้) กบั พนื้ คอนกรีตราบไดร้ ะดับ - ตนดตั้งไม้ตงไปจนเต็มพ้ืนที่ โดยเว้นระยะห่างไม่เกนน 35 ซม. แล้วปูพ้ืนไม้ตามแบบที่ ต้องการ

9 - 54 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน (2) การตดน ตง้ั ไมพ้ นื้ กบั โครงครา่ วท่ียกระดับ เป็นการตนดต้ังพื้นไม้ในกรณที ี่หนา้ งานตอ้ งการยกระดับพื้นไม้จากพืน้ คอนกรีตมากๆ - นาํ ไม้มาทาํ เป็นตวั คาํ้ โดยนาํ ไม้มาบากร่อง เพอ่ื รบั ไมค้ าน โดยตดั ไม้ให้ได้ความสูงตามทต่ี ้องการ (ไม่รวมความหนาของไมพ้ ื้น) รปู แสดง : การตนดตัง้ ไม้พนื้ กับพ้ืนคอนกรีตยกระดับ - นาํ ไมค้ านไปยึดกบั ไมค้ าํ้ ใชส้ กรเู บอร์ 8 ขันให้พอตงึ มอื โดยเวน้ ระยะหา่ งไมเ่ กนน 75 ซม. - วางระยะหา่ งของไมต้ งต้องไมเ่ กนน 35 ซม. - ยึดไม้กับพ้ืนคอนกรตี ดว้ ย L Plate หรือยึดไม้คา้ํ กบั ขอบคอนกรตี ในกรณีที่ไม่สามารถเจาะพ้ืนคอนกรีตได้ (เพราะมีการ เทกนั ซึมไวแ้ ล้ว) - ตดน ตัง้ โครงคร่าวจนเตม็ พน้ื ท่ี จากนัน้ ปูพน้ื ไมไ้ ดต้ ามแบบทตี่ ้องการ รูปแสดง : การตนดตง้ั ยึดไมก้ ับพื้นคอนกรตี ดว้ ย L Plate

ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 9 - 55 2) วิธกี ารติดตัง้ ไม้พื้น ไม้ทีแ่ นะนําให้ใชใ้ นการปพู ื้น คือ - ไมต้ ัน ขนาด 8 x 2 ซม. - ไม้ตนั ขนาด 10 x 25 ซม. หรอื 1 x 4 นน้ว - ไมก้ ลวง ขนาด 10 x 2.5 ซม. หรือ 1 x 4 นน้ว ตอ้ งใชค้ กู่ บั คลปน ล็อค - ไม้กลวง ขนาด 15 x 2 ซม. หรือ 6/8 นว้น x 6 น้นว ** ก่อนการปูพนื้ ไม้ หน้างานจะตอ้ งสะอาดเรยี บรอ้ ย ไม่ควรมบี นั ไดหรอื นงั่ รา้ น และการทาสดี ้านบนของพ้ืนที่ เพราะอาจ เกนดความเสยี หายกบั พื้นไม้ท่ีปูได้ - นาํ ไม้พ้ืนมาวางบนโครงครา่ วที่ตดน ตง้ั ไว้ โดยห้ามปไู ม้ชนดตดน กนั ต้องเวน้ ระยะห่างของช่องไมอ้ ย่างนอ้ ย 0.5 ซม. รปู แสดง : การตนดตงั้ ไม้พ้นื เทยี มกบั พื้นคอนกรีตยกระดบั - ใช้สว่าน 3/8 – 4/8 นน้ว เจาะไม้ลงไปประมาณ 1/2 ของความหนาไม้พื้น (ให้หัวสกูรเบอร์ 7 – 8) ขันให้พอตึงมือให้ หัวสกรจู มลงไปอย่างนอ้ ย 3 มม. ห้ามขนั แนน่ เกนนไป เพราะอาจทําให้เกลียวหวานได้ - ใช้สว่าน 1/8 นน้ว เจาะไม้ทะลุถึงโครงคร่าว จากน้ันใช้สกรูเกลียวปล่อย (เบอร์ 7 – 8) ขันให้พอตึงมือให้หัวสกรูจมลงไป อยา่ งน้อย 3 มม. ห้ามขันแนน่ เกนนไป เพราะอาจทําให้เกลียวหวานได้ - ควรเว้นระยะของไม้ เพื่อให้ไมม้ พี ื้นท่ใี นการยืดหดขยายตัว ไม่ควรปูชนขอบคอนกรีต เพราะเมื่อไม้ยืดขยายอาจจะทําให้ ไม้โกง่ งอได้ - ปูไมจ้ นเต็มพนื้ ที่ รูปแสดง : การตนดตั้งไม้พืน้ เทียมกลางแจ้ง

9 - 56 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 3) วธิ ีการเกบ็ สกรู - ตัดไม้เป็นชน้นหนาขนาดประมาณ 5 - 8 มม. แล้วใช้ตาไก่ตอกท่ีไม้ให้ได้พนน (Pin) ตามขนาดท่ีต้องการ แล้วนําไปอุดหัวสกรูเป็น การเกบ็ งาน - ตอกพนน (Pin) ลงในชอ่ งหัวสกรู จากนั้นขัดออกใหเ้ รียบจนได้ระดับเดียวกับพื้นไม้ หรือจะเก็บหัวสกรูด้วยสีโปฺวรถยนต์ผสมสีฝุน (ตามสขี องพนื้ ไม้) อดุ เก็บหวั สกรกู ไ็ ด้ แต่เน่ืองจากเปน็ วัสดคุ นละตวั เม่ือเวลาผา่ นไปสีจะเปลยี่ นแปลงไมเ่ ท่ากนั ** หรือจะเก็บหวั สกรดู ว้ ยสีโปวฺ รถยนต์ผสมสฝี ุน (ตามสขี องพน้ื ไม้) อุดเกบ็ หวั สกรกู ไ็ ด้ ยดึ เกลียวปลอ่ ยลงไป ½ ของความหนาไม้ให้จม ตอกพนนในชอ่ งหัวสกรู ขดั ดอกให้ได้ระดบั เดียวกับพน้ื ไม้ ขดั ใหเ้ รยี บท่ัวท้งั พ้นื ที่ 4) วิธีการติดต้งั ไม้ระแนง ขนาด (ซม.) ระยะหา่ ง (ซม.) แนวตั้ง แนวราบ 50 รูปแสดง : ไมร้ ะแนง 5 x 2.5 80 5x2 50 80 3.2 x 3.2 50 100 5x5 50 100 8x2 50 50 4x1 50 35 ไม้ทแี่ นะนาํ ให้ใชใ้ นการทําระแนง คือ - ไม้ตัน ขนาด 2 นน้ว x 1 นว้น - ไมต้ นั ขนาด 4 x 1 นน้ว - ไม้ตัน ขนาด 1.5 น้วน x 1.5 น้นว - ไมต้ นั ขนาด 2 x 2 นว้น - ไม้ตนั ขนาด 2 นวน้ x 2 ซม. - ไมร้ ะแนง ขนาด 4 x 1 ซม. ระยะหา่ งของไม้โครงครา่ วระแนงในการตดน ตงั้ ไมค่ วรให้ระยะห่างเกนนกว่าที่กําหนดข้างต้น เนื่องจากไม้มีนํ้าหนักมากจะทํา ให้เสยี รูปไดจ้ ากนํา้ หนกั การกดทับของไมเ้ อง งานระแนงแนวราบ งานระแนงบังตา งานระแนงแนวต้งั (Fin)

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 57 11.2 พ้ืนกระเบอื้ งยาง มี 2 ชนิด คอื ชนิดแผน่ และชนิดม้วน รปู แสดง : ภาพพน้ื กระเบอ้ื งยาง 1) การปรับพ้นื สาหรับปูกระเบอ้ื งยางท่ีนิยมมอี ยู่ 3 วธิ ี คอื วนธที ่ี 1 การปรับแตง่ ด้วยปูนกาว มีข้อดีคอื ราคาไม่แพง เหมาะสาํ หรบั พื้นซีเมนต์ขัดมันทไ่ี ม่ได้ระดบั และเป็นคลืน่ เพียงเลก็ นอ้ ย วนธีที่ 2 การปรบั แต่งดว้ ยน้าํ ยาประสานคอนกรตี เหมาะสําหรับพื้นท่ที ี่เป็นหลมุ หรอื รอยตอ่ ของพ้ืนเซรามนค ราคาสูงกว่าการใช้ปูน กาว เน่ืองจากมีการยึดเกาะทด่ี ี วนธที ี่ 3 การปรบั แต่งด้วย self leveling มีขอ้ ดี คือ พืน้ จะเรยี บเปน็ ธรรมชาตนมากทส่ี ุด แตร่ าคาคอ่ นขา้ งสงู เหมาะกับพ้ืนคอนกรีต ที่มีผนวหนา้ ไม่เรยี บ ซึง่ จะเทหนาประมาณ 3 มม. การทาํ งานของ self leveling จะไหลไปตามแรงโนม้ ถว่ ง จากนน้ั ปลอ่ ยทน้ง ไว้ 24 ชม. จงึ จะสามารถปกู ระเบือ้ งยางได้ หมายเหตุ : พื้นกอ่ นตนดตงั้ จาํ เปน็ ต้องแห้งสนทน เพราะฉะน้นั จงึ ห้ามล้างพ้ืนด้วยนาํ้ กอ่ นการตนดตัง้ โดยเด็ดขาด 2) ข้ันตอนการเตรยี มพ้ืน เนื่องจากกระเบื้องยางเป็นวัสดุท่ีตนดต้ังแนบพ้ืน คุณภาพของพื้นจึงเป็นส่วนที่สําคัญอย่างยน่ง พ้ืนท่ีที่จะตนดต้ังกระเบ้ืองยาง จึงจาํ เป็นจะตอ้ งมผี วน หนา้ เรียบ แข็ง แห้ง สะอาด และจําเป็นอย่างยน่งที่จะต้องปรับแต่งพื้น และเตรียมพ้ืนให้เรียบร้อย ก่อนการตนดต้ัง กระเบือ้ งยาง หมายเหตุ : กรณีพนื้ ชัน้ ลา่ ง กอ่ นการตดน ต้งั ควรตรวจสอบความชื้นจากพ้ืนก่อน เน่ืองจากพื้นช้ันล่าง โดยทั่วไปจะมีความชื้น สะสม ใหใ้ ชภ้ าชนะเส้นผ่านศูนย์กลาง ขนาด 30 – 50 ซม. วางคว่ําลงบนกลางพ้ืนห้องหรือบรนเวณที่คาดว่าจะมีความช้ืน ใช้วัสดุที่มี น้าํ หนกั วางทับไวป้ ระมาณ 1 คืน หรือใช้พลาสตนกใส ขนาด 1 × 1 ม. ปรับพื้นและตนดทับรนมด้วยกระดาษกาวให้รอบ ถ้ามีไอน้ําเกาะ ภายใน แสดงว่าพ้ืนมีความชื้นไม่เหมาะจะตนดต้ังกระเบ้ืองยาง พ้ืนที่จะตนดต้ังกระเบื้องยางต้องแห้งสนนท และห้ามล้างพื้นด้วยนํ้าก่อน ตนดตั้งโดยเดด็ ขาด (1) พืน้ คอนกรีต กรณีพนื้ คอนกรตี ใชเ้ หลก็ แซะงัดเศษปูนทีอ่ าจตนดอยูก่ บั พนื้ แล้วใชห้ นนขัดให้เรียบทั่วพ้ืนและซอกมุม แล้ว ใช้ไมก้ วาดทาํ ความสะอาด ถา้ พน้ื สงู ตา่ํ ไม่ได้ระดับ เป็นหลุมเปน็ บอ่ หรือมรี อยตอ่ จะตอ้ งปรับและตกแต่งพ้นื ใหเ้ รยี บไดร้ ะดับ

9 - 58 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน (2) พ้ืนไม้เก่าและใหม่ กรณเี ปน็ พนื้ ไมใ้ หข้ ดั และตกแต่งพ้นื หนา้ ไมไ้ ห้เรียบและปราศจากร่องรอยของรอยต่อ (ถ้าเป็นพื้นเก่าและไม่แข็งแรงให้ซ่อม และตตี ะปใู ห้แน่นกอ่ นตนดตัง้ ) วิธีการลงกาว - คนกาวในถังให้เขา้ กนั เสียกอ่ น แล้วคอ่ ยเทกาวลงบนพ้นื คร้งั ละประมาณ 1 - 2 กก. - ใช้เกรียงทเี่ ซาะรอ่ งฟนั ปลาไว้แล้ว ปาดกาวใหส้ มาํ่ เสมอ (ไม่ควรปาดกาวคร้ังหนึ่งเกนนเน้ือที่ 20 - 30 ตร.ม. ทน้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที) กาวจะแหง้ ชา้ หรอื เร็ว ขน้ึ อยกู่ ับสภาพอากาศ และพ้นื ที่ที่จะตนดตั้ง - พอกาวแห้งหมาดๆ ใช้น้นวแตะดู ถ้ากาวไม่ตนดนน้ว ให้ใช้เชือกตีเส้น คลุกฝุนสีตีแนวตรงจุดที่ทําเครื่องหมายไว้แล้ว ตอนจดั แนว โดยดดี เส้นเชือกให้ท้นงรอยสีเปน็ แนวบนกาว เส้นนี้ให้ถือเป็นหลักในการตดน ตั้ง - การตนดตั้งใหต้ นดตามแนวเส้นเป็นอันดับแรก โดยตนดต้ังไปข้างหน้าเรื่อยๆ และให้วางแผ่นกระเบื้องยางไว้สําหรับเดนนเข้าไป ตนดต้งั ด้วย ซึ่งกระเบอ้ื งที่วางไวน้ ้นั สามารถดงึ ออกมาใชง้ านไดอ้ กี ภายหลงั 3) ขน้ั ตอนการตดิ ตง้ั กระเบื้องยาง รูปแสดง : การร้ือและการปกู ระเบื้องยางชนดน แผ่น (1) วิธกี ารหาแนวเพื่อติดตัง้ วนธีที่ 1 : ตอ้ งการให้เศษกระเบอ้ื งยางไปตกเศษเพียงดา้ นใดดา้ นหนึ่ง สว่ นอีกดา้ นหนง่ึ กระเบือ้ งยางจะเตม็ แผ่น วนธีน้ีส่วนใหญ่ จะคํานวณให้บรนเวณหน้าประตูมีกระเบื้องยางเต็มแผ่นแล้วให้กระเบ้ืองยางไปตกเศษที่ผนังด้านใน วนธีนี้ไม่เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ แต่จะช่วยประหยดั เศษกระเบ้ืองยาง วนธีที่ 2 : ต้องการให้เศษกระเบอื้ งยางเฉลี่ยเทา่ กนั ทกุ ด้าน หาจดุ ก่งึ กลางห้อง แล้วใช้เชือกตีเส้นคลุกฝุนสีตีแนว เพื่อเป็นแนว เรนม่ ตน้ ตดน ต้ัง วนธนี ้ีจะทําใหก้ ระเบอ้ื งยาง เหลอื เศษเฉลย่ี เท่ากนั ทุกด้าน (2) การติดตั้งกระเบื้องยางชนิดแผ่น - กระเบ้อื งยางต้องจดั เรยี งตาม code หรอื batch ท่ีทางโรงงานผผู้ ลตน จดั เรยี งไว้ (A – B – C) เพ่ือปูองกันไม่ใหโ้ ทนสตี า่ งกนั - เม่ือตนดตั้งกระเบ้ืองยางเสร็จเรียบร้อย ให้ใช้ลูกกล้นงน้ําหนักประมาณ 50 กก. กล้นงทับทันทีเพ่ือให้กระเบื้องยางทุกแผ่น แนบสนทน กบั พื้น - ทันทีทต่ี ดน ตั้งเสรจ็ ให้ใช้ผ้ามอ็ บชุบนาํ้ บดน หมาดๆ เชด็ ทาํ ความสะอาดคราบฝนุ แล้วท้นงให้แห้งสนนท จากนน้ั ลงนา้ํ ยาเคลือบเงา ท้นงไว้ประมาณ 30 นาที เพอ่ื ความเงางามและปอู งกนั คราบสกปรก (3) การใช้พื้น หลังการตดิ ต้ัง พ้นื ท่ีท่ตี นดตง้ั กระเบื้องยางเสร็จใหมๆ่ ไมค่ วรใชน้ ้ําล้างทําความสะอาดทันที ต้องปล่อยให้กาวแห้งสนนท 2 - 3 วัน และไม่ควร โยกย้ายของท่ีมนี ํ้าหนกั มากภายใน 1 สัปดาห์ ควรเปดิ หอ้ งให้อากาศถา่ ยเทสะดวก และไม่ควรให้อากาศภายในหอ้ งร้อนจนเกนนไป

ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน 9 - 59 (4) การรกั ษาความสะอาด การรักษาความสะอาดประจําวันให้ใช้ผ้าชุบน้ําสะอาดหรือนํ้าสบู่บนดให้หมาดๆ เช็ดถูธรรมดา และควรใช้ นํ้ายาเคลือบเงา ลงทกุ เดอื นจะชว่ ยรกั ษาพืน้ ให้คงทน เงางามและทําความสะอาดง่าย (5) วิธกี ารติดตง้ั กระเบ้อื งยางชนิดม้วน กระเบ้ืองยางชนนดม้วน สามารถตนดต้ังได้บนพื้นต่างๆ เช่น พื้นคอนกรีตขัดมันขัดเรียบ พ้ืนแผ่นวีว่าบอร์ด รวมท้ังพื้นไม้เก่า และใหม่ แต่พื้นดังกล่าวต้องมีลกั ษณะแขง็ เรียบ แห้ง สะอาด จงึ จะทําให้การตนดตงั้ สวยงาม และมปี ระสนทธภน าพ (6) ขนั้ ตอนการเตรยี มพ้ืน เนื่องจากกระเบ้ืองยางชนดน มว้ น เป็นวัสดุทีบ่ างต้องตนดตัง้ แนบกับพื้น ฉะนั้นคุณภาพของพื้นจึงเป็นส่วนสําคัญ พื้นท่ีจะตนดต้ัง กระเบือ้ งม้วน จึงจาํ เป็นตอ้ งมีผนวหนา้ เรยี บ แข็ง แหง้ สะอาด จงึ จาํ เป็นตอ้ งปรับแตง่ พืน้ ให้ไดร้ ะดบั เสียกอ่ น ก่อนจะทําการตนดต้ัง หมายเหตุ : กรณพี น้ื ชนั้ ลา่ ง กอ่ นการตดน ตง้ั ควรตรวจสอบความชื้นจากพ้ืนก่อน เนื่องจากพ้ืนชั้นล่างโดยท่ัวไปจะมีความชื้น สะสม ใหใ้ ช้ภาชนะเส้นผา่ นศนู ย์กลางขนาด 30 –50 ซม. วางคว่ําลงบนกลางพนื้ ห้อง หรือจุดที่คาดว่าจะมีความช้ืน ใช้วัสดุที่มีนํ้าหนัก วางทบั ไวป้ ระมาณ 1 คืน หรือใช้พลาสตนกใส ขนาด 1 × 1 ม. ปูทับพ้ืนและตนดทับรนมด้วยกระดาษกาวให้รอบ ถ้ามีไอน้ําเกาะภายใน แสดงว่าพื้นมีความช้ืนไม่เหมาะจะตนดต้ังกระเบ้ืองยาง พื้นที่จะตนดตั้งกระเบ้ืองยางต้องแห้งสนนท และห้ามล้างพ้ืนด้วยนํ้าก่อนตนดต้ัง โดยเดด็ ขาด รปู แสดง : การปูกระเบ้อื งยางชนนดม้วน ท่มี า : ปูกระเบื้องยาง , www.ladybkk.com , www.prakard.com , 2554 (7) วิธกี ารหาแนวเพ่ือติดต้ัง สาํ หรับห้องขนาดใหญแ่ ละเล็ก เพอ่ื ความเหมาะสมในการตนดตั้งควรตนดตั้งตามแนวยาวของห้อง เพื่อให้ดูสวยงาม เนื่องจาก มีรอยตอ่ ระหวา่ ง ผืนน้อยกวา่ ปูแนวด้านกวา้ งวธน ีวางแนวควรจะเร่นมจากกลางห้องเป็นหลัก เช็คระยะของห้อง เพื่อคํานวณเศษและหา จุดเรนม่ ตน้ ตามแนวยาวของผนงั หอ้ งเป็นหลกั ทาํ เครือ่ งหมายกากบาท และใชบ้ กั เต้าตีเส้นไวก้ ่อน ข้ันตอนวางผืนกระเบื้องยางให้วางผืน เร่นมตน้ ลงตามแนวเส้นกอ่ นแล้วค่อยวาง ผืนตอ่ ๆ ไป ตามแนวบังคับ วางจนเตม็ พ้นื ทท่ี ่ีจะทําการตนดตั้งพร้อมทําการตัดเศษส่วนเกนนตาม แนวรมน ผนงั แตต่ ้องเผ่อื เศษไวป้ ระมาณ 1-2 ซม. เพื่อตัดแต่งหลังลงกาวตดน ต้งั แล้วเสรจ็ กระเบอื้ งแต่ละผืนควรวางใหแ้ นวระหว่างผืนชนด กันใหม้ ากที่สดุ เพอ่ื เปน็ การงา่ ยต่อการพับขน้ึ มาลงกาว

9 - 60 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน หมายเหตุ : ถ้ามีเวลาเหลือพอในการตนดต้ัง ควรคลี่ม้วนกระเบ้ือง ท้นงไว้สักระยะหน่ึง เพื่อให้กระเบ้ืองยางได้คืนตัว ทําให้ ตนดตัง้ ได้งา่ ยขึน้ และสามารถตรวจสอบสภาพพ้นื ไดด้ ว้ ยวา่ พร้อมหรือไม่ (8) วธิ กี ารลงกาวและติดตัง้ กระเบอ้ื งยางชนิดมว้ น วนธีท่ี 1 : กระเบื้องยางชนนดม้วนโดยท่ัวไปจะตนดต้ังด้วยกาวขาว สามารถลงทับแนวเส้นได้ เพราะเมื่อกาวหมาดจะสามารถ มองเห็นแนวได้เหมือนเดนม การลงกาวต้องเรน่มจากแผ่นท่ีเป็นจุดเรน่มต้น โดยเร่นมจากด้านหน่ึงด้านใดก็ได้ โดยจับท่ีมุมกระเบ้ือง ยกกระเบ้อื งข้ึนเปน็ แนวตรงทงั้ สองดา้ นพรอ้ มกนั แลว้ วางพบั กลบั ตามแนวเส้นขนานใหไ้ ดป้ ระมาณครงึ่ หน่งึ ของความกว้าง อย่าให้ส่วน ทวี่ างพืน้ เคล่อื นไหวออกจากแนว จะทาํ ให้แนวเอยี ง เสร็จแล้วทาํ ความสะอาดพ้นื อกี คร้ังดว้ ยไม้กวาด หรือไม้ม็อบบีบหมาดๆ เช็ดพื้นให้ สะอาด การลงกาวให้ลงตามแนวผืนที่พับข้ึนมาให้พอดี ทน้งให้กาวหมาดพร้อมตนดต้ัง แล้วจับมุมกระเบื้องยางท้ังสอ งด้าน จัดฉากให้ เท่ากัน พบั กลับท่ีเดนมให้พร้อมกัน พยายามอยา่ ใหด้ า้ นใดด้านหนึง่ เร็วหรอื ชา้ กวา่ กัน จะทําให้แนวเอียง เมอ่ื ตดน ต้งั เสรจ็ ใช้ผ้าชุบนํ้าบีบให้ หมาด ทําการรีดแผ่นให้แนบตนดกับพื้นให้ท่ัวกันเสียก่อน ตรวจสอบดูให้แน่ใจ อย่างให้มีจุดโปุงพอง แล้วจึงค่อยทําต่ออีกด้านหนึ่ง เหมอื นกันและเหมอื นเดนมจนกว่าจะตดน ตงั้ แลว้ เสร็จ วธน ีที่ 2 : วธน กี ารตนดตั้งกระเบ้อื งชนดน ม้วน ใหห้ าแนวจากเสน้ กึง่ กลางห้อง เพอื่ คํานวณเศษ ตีเส้นด้วยเชือกบักเต้าเพื่อเป็นแนว เรม่น ตน้ นํากระเบ้ืองยางที่คลีไ่ ว้มาวางตามแนวเสน้ จัดใหต้ รงแนว แล้ววางต่อกันตามที่ต้องการหรือเต็มพ้ืนที่ตนดต้ัง ในการตนดต้ังควรจัด แนวจากแผ่นแรกให้ตรงแนวที่เส้นไว้ แล้วยกด้านหัวม้วนด้านใดด้านหนึ่งวางทับตามแนวยาวของแผ่นค่อยๆ ดึงกลับมาประมาณครึ่ง ม้วน ให้แนวขนานกับเส้น ทําความสะอาดพ้ืนลงกาวให้กาวพอหมาดๆ แล้วค่อยๆ ดันกลับให้แนวขนานกับเส้น เสร็จแล้วใช้ผ้าชุบน้ํา หมาดๆ รีดไล่ฟองอากาศเสรจ็ แลว้ จงึ กลับมาทําอกี ดา้ นหน่ึง และตนดต้ังในลักษณะเดยี วกันจนเสร็จ หมายเหตุ : รอยต่อดา้ นหัวม้วนหรอื ดา้ นกวา้ ง รอยต่อระหวา่ งแนวรอยต่อของเส้นเชอ่ื มด้านละประมาณ 10 ซม. ควรใช้กาว ยางตนดตั้ง เพื่อเป็นการดึงแนวต่อให้สนนทมากข้ึน การใช้กาวยางตนดตั้งควรใช้ฟันเกรียงบางๆ ทาแล้วท้นงไว้ให้แห้งสนนท จึงตนดต้ังได้ หลังจากตนดต้ังแลว้ ใหท้ าํ ความสะอาดพ้ืนและกลนง้ ให้ท่ัว (9) การเซาะร่องเช่ือมแนว ทําได้ 3 วนธี คอื 1. เคร่ืองเซาะร่องออโตเมตนก ใช้ระบบไฟฟูา ปรับความเร็วอัตโนมัตน เคร่ืองจะทํางานเอง โดยปรับเครื่องให้เดนนตามแนวที่ ต้องการเซาะรอ่ ง ระยะห่างของรอ่ งจะได้มาตรฐาน ทําใหง้ านออกมาสวยงาม 2. ขอเซาะร่องเป็นเหล็กขอ มีขนาด 3 มม. ต้องใช้แรงดึงเข้าหาตัว โดยใช้เหล็กฉากชนนดบาง ความยาว 1 ม. วางแนบตาม แนวทต่ี ้องการเซาะร่อง เพอื่ บงั คบั ใหแ้ นวร่องตรงตามผนื กระเบ้อื งยาง 3. ใช้มีดคัตเตอร์ตัด ใช้เหล็กฉากชนนดบาง ความยาว 1 ม. วางต้ังฉากรนมผืนกระเบื้องยางทั้งสองด้านให้เท่ากัน ระยะห่าง ไม่เกนน 3 มม. สามารถใชไ้ ดเ้ ชน่ กนั (10) การตัดเสน้ เชือ่ มหลงั จากเชือ่ มเสรจ็ หลังจากทาํ การเชื่อมรอยต่อของกระเบื้อง เส้นเชื่อมจะนูนขึ้นมาเหนือพ้ืนผนวกระเบ้ืองยาง ส่วนน้ีต้องตัดออกด้วยมีดใบโพธน์ เพือ่ ความสวยงามของพ้ืนกระเบ้ืองยาง ไมค่ วรตดั เส้นเช่ือมออกหลังจากเช่ือมเสร็จโดยทันที ควรปล่อยไว้ให้เย็นเสียก่อน เพ่ือปูองกัน การหดตัวของเสน้ เช่อื ม 4) วิธกี ารตดิ ตง้ั อปุ กรณ์กระเบื้องยาง (1) การตดิ ตัง้ บัวเชิงผนงั เร่นมตนดต้งั บวั เชนงผนัง จากมมุ ใดมุมหน่งึ ของห้อง บรนเวณรอยตอ่ ทมี่ ุมหอ้ งหรือมุมเสาให้ตัดและต่อกันเป็นมุม 45 องศา โดยใช้ มดี คตั เตอรต์ ดั เฉพาะตนี บวั ทต่ี ดน กบั พืน้ เปน็ มมุ 45 องศา ทากาวยางบนบวั ดา้ นทีม่ ีร่องผนงั ทจ่ี ะทาํ การตดน ตัง้ ตามความสูงของบัว จากน้ันรอให้แห้งประมาณ 10 -20 นาที แล้วทําการ ตนดตง้ั เม่อื ตดน ตงั้ แลว้ ตอ้ งใช้ “กาวเชือ่ ม” หยอดบรเน วณรอยต่อของบวั แต่ละเสน้ เพ่อื ปอู งกันการหดตวั ของบัวเชนงผนงั

ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน 9 - 61 (2) การตดิ ตั้งจมกู ยางและเสน้ ขอบยาง “จมูกยาง” ใชต้ ดน ตงั้ ตรงบรเน วณจบกระเบ้อื งยางกบั พื้นท่ตี ่างระดับหรือรอบของขั้นบันไดเพื่อกันล่ืน รอยต่อที่มุมบันไดให้ตัด และตอ่ กันเปน็ มุม 45 องศา การตดน ตงั้ ควรทาํ ทันทีหลงั จากท่ตี ดน ตง้ั กระเบอ้ื งยางลูกตง้ั บนั ไดเสรจ็ เรียบร้อยแล้ว “เส้นขอบยาง” ใช้ตดน ตงั้ บรนเวณจบกระเบือ้ งยางกบั พ้ืนระดับเดยี วกนั หรือบรเน วณช่องประตูเพอ่ื กนั สะดดุ หมายเหตุ : การตนดต้ังจมูกยางและเส้นขอบยางให้ใช้กาวยาง ทาบรนเวณที่ตนดตั้ง เมื่อทากาวยางแล้ว ต้องทน้งไว้ให้แห้ง ประมาณ 10 – 20 นาที จงึ เรนม่ ดาํ เนนนการตดน ต้งั รปู แสดง : จมกู ยางและเส้นขอบยาง 11.3 กระเบื้องพน้ื ชนิดผิวแข็ง หรือกระเบอื้ งเคลือบ รปู แสดง : ภาพพื้นกระเบ้ืองผวน แขง็ หรือกระเบอื้ งเคลอื บ

9 - 62 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน ข้นั ตอนการปูกระเบ้อื งเคลอื บ ขัน้ ตอนท่ี 1 วดั ขนาด กาํ หนดแนวการปกู ระเบือ้ งก่อน เช่น การปผู นงั การปูผนังควรให้เศษอยู่ด้านล่าง หรือการปู ไม่เต็มความสูงของผนัง ควรให้แผ่นเต็มอยู่บนสุด ส่วนการปูกระเบ้ืองพื้นควรกําหนดแนวปูโดยให้เศษ กระเบ้อื งอยดู่ า้ นข้างรนมหอ้ ง ใช้เกรียงฉาบปนู ผสมปูนสาํ หรับปูกระเบ้ืองใน กระถางผสมปูนซีเมนต์ 1 ส่วน ทราย 2 สว่ น ควรผสมครั้งละพอประมาณในการปู ไม่ควรผสมมากเกนนไปจะทําใหป้ นู แข็งตัวในขณะท่ียังใช้ ไม่หมด การผสมควรผสมให้ปนู หนดื อย่ตู ัว ขั้นตอนท่ี 2 ร่างแบบ เพื่อวางแนวการปูให้ตรงตามความต้องการกําหนดจุดเรน่มต้น โดยอนงกับแนววงกบประตู ใชด้ ้ายตีเสน้ เปน็ แนวสําหรบั การปูทงั้ แนวนอน และแนวต้ัง ข้ันตอนที่ 3 ใชเ้ กรยี งฉาบปนู ผสมปนู สําหรับปูกระเบื้องใน กระถางผสมปูน ซีเมนต์ 1 ส่วน ทราย 2 ส่วน ควรผสม คร้งั ละพอประมาณในการปูไม่ควรผสมมากเกนนไปจะทําให้ปูนแข็งตัวในขณะท่ียังใช้ไม่หมด การผสมควร ผสมให้ปูนหนดื อยู่ตวั ขน้ั ตอนท่ี 4 นํากระเบ้ืองทีต่ อ้ งการปมู าแช่น้าํ สะอาดไวป้ ระมาณ 20-30 นาที ให้กระเบื้องดูดซึมน้ําจนอ่นมตัวก่อน เพื่อไม่ให้กระเบื้องดูดน้ําจากปูนปูกระเบ้ืองได้ จนจะทําให้กระเบ้ืองหลุดร่อนต่อไป นํากระเบ้ืองที่แช่นํ้า ข้ึนมาผ่ึงให้แหง้ หมาดๆ ขั้นตอนที่ 5 ใชเ้ กรยี งฟนั รอ่ งตักปูนใส่ดา้ นหลังกระเบื้อง ฉาบเป็นร่องปาดให้ท่ัวทั้งแผ่นด้วยการออกแรงกดเบาๆ ให้มีเน้ือปนู ประมาณ 5 มม. ขั้นตอนท่ี 6 นํากระเบ้ืองตดน บนพื้นตามแนวแลว้ เคาะเบาๆ ด้วยค้อนยาง หรือด้ามเกรียงให้แน่นกับพื้นผนวปาดปูน ส่วนทเ่ี กนนออก ขน้ั ตอนท่ี 7 ปูแผน่ ต่อไปโดยใหช้ ่องหา่ งแนวกระเบือ้ งประมาณ 2 - 3 มม. เป็นแนวตรงไม่บนดเบ้ียว โดยปูตามแนว ท่ีได้ใชด้ ้ายตีเส้นไว้ทง้ั แนวนอนและแนวตงั้ กอ่ น แล้วคอ่ ยปูให้เต็มพื้นที่โดยปูให้ได้ระนาบเดียวกันไม่เหล่ือม สงู กวา่ กันปจู นเต็มพ้นื ทที่ ง้ั หมดโดยเวน้ ส่วนของ เสา วงกบ ไวก้ อ่ น ข้นั ตอนที่ 8 ควรทนง้ ไว้ 1 วนั ก่อน ถึงจะสามารถเหยียบเข้าไปเก็บส่วนท่ีขาดรอบห้องได้ การปูกระเบ้ืองในส่วนท่ี ไม่เต็มแผ่นจะต้องวัดส่วนท่ีต้องการตัดออกด้วยตลับเมตรว่าต้องการขนาดเท่าไร ขีดเส้นทําเคร่ืองหมาย ก่อนนาํ ไปตดั ด้วยแท่นตัดกระเบ้ือง หรือเครื่องเจียรแบบลูกหนู ทดลองวางดูก่อนฉาบปูนให้มีร่องห่างกัน ประมาณ 2 - 3 มม.

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 63 ขนั้ ตอนที่ 9 ผสมปนู ยาแนว 1 ส่วน กับน้ํา 1 ส่วน ฉาบยาแนวลงในส่วนของรอยต่อกระเบื้องให้เต็ม ทน้งไว้ให้พอ หมาด จึงเช็ดออกด้วยฟองนํ้าชุบน้ําหมาดๆ จนร่องยาแนวเรียบสนนท ความกว้างของร่องกว้างเสมอกัน ตลอดแนว ข้ันตอนการตรวจสอบการปกู ระเบอ้ื งเคลือบ 1. วัสดุที่ใช้ ไดแ้ ก่ กระเบ้อื งโมเสค เซรามนค กระเบือ้ งเคลอื บ กระเบื้องดนน เผาความรอ้ นสงู 2. วสั ดทุ ่ีนาํ มาใชต้ ้องมีคณุ ภาพ ขนาด สี และลกั ษณะตามแบบกําหนด 3. กอ่ นทาํ งานต้องตรวจดูวา่ แนวปูน สมอ ยึด พุก งานไฟฟาู งานเดนน ทอ่ ถนนตา่ งๆ ทีอ่ ยใู่ ตพ้ น้ื ผวน แขง็ เสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ 4. ไมเ่ รม่น งานจนกว่าปกปดิ ท่ใี กล้เคยี งให้พน้ จากความเสยี หายก่อน 5. กอ่ นปพู น้ื ต้องเตรยี มความสะอาดปราศจากเศษผงวสั ดตุ า่ งๆ 6. ผวน ตอ้ งได้ระดบั และความลาดตามกาํ หนด 7. ระดบั พืน้ ตอ้ งตา่ํ กว่าความหนาของแผน่ และเชอื้ ประสาน 8. ก่อนปูกระเบอ้ื งต้องล้างผวน ทีท่ าํ งานให้สะอาดให้ผนวชุ่มแตต่ ้องไมม่ นี าํ้ ขงั 9. ต้องเตรียมผนวดว้ ยการฉาบปูน 2 ช้นั ปรบั ผวน กําแพงใหไ้ ด้ฉากมมุ ขนาดตามกําหนด 10. หา้ มปูกระเบอ้ื งบนแผน่ พนื้ คอนกรีตที่อายไุ ม่ครบ 28 วัน หรอื ยกระดับคอนกรีตทีอ่ ายุไม่ครบ 15 วัน 11. ปนู รองพนื้ ประกอบดว้ ย ปนู ซเี มนต์ : ทราย (อตั ราส่วน 1 : 5) ผสมน้ําพอเหลวทาํ งานได้ 12. กอ่ นปูกระเบื้องใหโ้ รยซเี มนต์ผงให้ทว่ั ปูนรองพน้ื หนา 1.6 มม. ไล้ด้วยเกรยี งแลว้ เรน่มปูแผน่ กระเบื้อง 13. วางแผน่ กระเบอื้ งเรียงเปน็ แนว แผน่ ห่างกนั 1 มม. 14. ปูนรองพ้นื ทีเ่ ทเกนน 1 ชม. หรือถ้าลงชั้นยึดประสานเกนน 15 นาที ถ้าปูนมีเยื่อลอยปิดหน้าให้โกยปูนออกแล้วเทปูนรองหรือ เช้ือประสานใหม่ 15. ปรับระดับหนา้ กระเบ้อื งลอกกระดาษออกและแตง่ แนวใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน 1 ชม. 16. ยาแนวแต่งแนวด้วยผงซเี มนต์ ยาแนวเร็วที่สุดหลังแตง่ แนวใน 1 1/2 ชม. รปู แสดง : การปูกระเบอื้ งพื้นด้วยปนู กาว ท่ีมา : ปูนกาวปูกระเบอื้ ง , http://www.selectcon.com , 2554 11.4 พน้ื หนิ ขดั ในท่ี ขัน้ ตอนการทาพนื้ หนิ ขัด 1) แบ่งพ้ืนที่ย่อยเป็นลวดลายต่างๆ ตามต้องการ ด้วยเส้นแบ่งรูปตัวที (T) ซึ่งมีท้ังแบบพลาสตนกสีและโลหะอย่างเช่น ทองเหลอื ง หรอื ทองแดง โดยพยายามใหม้ ีขนาดของพื้นที่ยอ่ ยในแตล่ ะส่วนไมเ่ กนน 10 ตร.ม. เพอ่ื ลดการแตกรา้ ว 2) ผสมปนู ซีเมนตข์ าว มวลวัสดุ สีผสมซเี มนต์ และน้ํา ตามอตั ราส่วนที่เหมาะสม 3) นําสว่ นผสมตามข้อ 2 มาเทลงในพน้ื ท่ีย่อยที่ก้ันไว้ให้เต็ม ปาดหน้าให้เรียบ ปล่อยระยะเวลาเพ่ือให้ปูนเซ็ตตัวและมีความ แขง็ แรงประมาณ 15 วัน 4) ขดั ลอกหน้าดว้ ยเครื่องขัด สาํ หรับหนนขดั ในพื้นที่แคบๆ หรอื บรนเวณผนงั ก็จะเปลย่ี นไปใช้เครอ่ื งขดั แบบเจียรมือ เพอ่ื ให้เรียบเนียน 5) ลงนาํ้ ยาเคลือบผวน เพือ่ ให้พื้นหนน ขัดเงางามย่งน ข้นึ

9 - 64 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน หมายเหตุ : เมอื่ ใช้งานหนน ขัดไปสัก 2 ปคี วามเงางามของนํ้ายาเคลอื บผนวอาจจะลดลง หรอื ผนวหนนขัดอาจเป็นคราบสกปรก สามารถลง นา้ํ ยาแลว้ ขัดพื้นใหม่ จะทําใหพ้ น้ื หนน ขัดเสมือนใหม่อกี ครั้ง รปู แสดง : ภาพการทําพืน้ หนนขดั นอกจากการใช้เส้นแบ่งรูปตัวทีแล้ว ปัจจุบันยังสามารถสร้างลวดลายของผนวหนนขัดได้ด้วยการเลือกใช้มวลวัสดุอื่นๆ นอกเหนอื ไปจากหนนเกลด็ โดยสามารถเปลย่ี นมวลวัสดทุ น่ี ํามาใช้ทําหนน ขดั ตามแต่ความคดน สรา้ งสรรค์ สามารถใส่แกว้ ทีม่ สี ีต่างๆ เปลือก หอย หรือวัสดุอ่นื ๆ ลงในเน้อื ปูน เมอื่ ขัดแล้วก็จะได้ลวดลายท่ีดูแปลกตาไป รปู แสดง : ภาพหนน ขัดลวดลายต่างๆ ส่วนการตนดต้ังหนนขัดสําเร็จรูป มีวนธีการตนดตั้งคล้ายกับกระเบื้องปูพื้น โดยใช้ปูนทรายหรือกาวซีเมนต์ เป็นตัวยึดเกาะแผ่นหนนขัด สําเรจ็ รูปกับพน้ื 11.5 พ้ืนหินแกรนิต หินอ่อน หินขดั สาเรจ็ รูป 1) วิธีการติดตั้งหินแกรนิต มี 2 ประเภท คือ (1) ตดน ต้ังโดยยึดตวั แกรนนตเข้ากบั โครงสร้างโดยตรง โดยใชไ้ ด้กับผนงั หรือพื้นผนวท่ีเป็นคอนกรีต (2) ตนดตงั้ โดยยึดตนดกับโครงเหลก็ และใช้ไดใ้ นกรณที ่โี ครงสรา้ งเปน็ ผนงั มวลเบา และกอ่ อฐน 2) ข้ันตอนการติดตง้ั หนิ แกรนติ (1) นาํ หนน แกรนตน ทต่ี ้องการปู มาทําการออกแบบโดยเรียงก่อน เพื่อจัดเรียงลวดลายของหนนแกรนนตให้มีความสอดคล้องกัน ทงั้ พน้ื ทีท่ ่ตี อ้ งการปู และกาํ หนดใหล้ วดลายของหนนแกรนนตให้มีความต่อเน่ืองกัน (2) ใชด้ นนสอน้ํามนั ทใ่ี ชส้ ําหรับเขียนหนนแกรนนต หรือกระจก เขียนหมายเลขกํากับไว้เป็นลําดับก่อนหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการ ดําเนนนการตดน ตงั้ พื้นหนนแกรนนต (3) เตรียมหนน แกรนนตใหพ้ ร้อมโดยการนาํ แผน่ หนนแกรนนตไปทาํ ความสะอาดและนํามาจุม่ ลงในนา้ํ ยากันซมึ (4) นําหนนแกรนนตที่ทานา้ํ ยากันซมึ แล้ว มาตากแดดให้แห้ง ห้ามวางซ้อนกนั โดยเดด็ ขาด ควรใชว้ ธน ีการวางใหห้ นนแกรนนตตะแคง ขอบลง และใช้เศษหนน ชนน้ เล็กๆ วางคั่นไว้ (5) ผสมปูนทรายในอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยใช้ทรายที่สะอาดปราศจากส่นงเจือปนมาเป็นส่วนผสม และเพื่อเพ่นม ประสนทธนภาพในการยดึ เกาะ ควรผสมน้าํ ยาประสานคอนกรตี ลงไปพรอ้ มกบั ส่วนผสมอืน่ ๆ

ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 65 (6) นําปูนทรายทผ่ี สมแล้วมาปรับระดบั พน้ื ใหไ้ ด้ระดับทตี่ อ้ งการ (7) นาํ หนน แกรนนตท่ีเตรยี มไว้มาปูบนพืน้ ท่ที ีป่ รับระดับแลว้ ตามแนวท่ตี อ้ งการ ซง่ึ ในขั้นตอนนีต้ ้องระวังนาํ้ ปูนทอี่ าจล้นข้ึนมาใน รอ่ ง โดยหากลน้ ขน้ึ มาจะต้องหมนั่ ทาํ ความสะอาด (8) ทง้น ใหค้ อนกรีตแข็งตัว (9) ยารอยตอ่ ของแผน่ หนนแกรนนตด้วยปูนยาแนว และเชด็ ทาํ ความสะอาดหน้าผวน หนนแกรนนตให้สะอาดอีกคร้ังหนึ่ง อย่าปล่อย ใหป้ ูนยาแนว หรือนา้ํ ปูนตนดคา้ งผวน หนน แกรนตน จนแห้ง เพราะอาจทําใหผ้ นวหน้าหนนแกรนนตเปน็ คราบฝาู (10) หลงั จากปพู ้นื หนนแกรนตน เสร็จเปน็ ท่ีเรยี บร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าสะอาด หรือเคร่อื งขดั พน้ื ขดั เชด็ ทาํ ความสะอาดพ้ืนหนนแกรนนต ทั้งหมดอกี ครงั้ (11) เมื่อทาํ การปหู นนแกรนตน เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากบรนเวณผนวหน้าหนนแกรนนตมคี ราบนํ้ายาหลงเหลืออยู่ หรือไม่ข้ึนเงา ให้ใช้ แปรงขัด เช่น แปรงขนแกะ หรือแปรงใยมะพรา้ ว ขัดซ้ําจะทาํ ให้พนื้ ผนวมีความเงางามยง่น ขนึ้ ขอ้ ควรระวัง - ระหวา่ งการตนดตั้งหนนแกรนนตนั้นคือ ถ้าผนวหน้าหนนแกรนนต เกนดการเป้ือน ควรท่ีจะทําความสะอาดทันที เพื่อไม่ให้เกนดเป็น คราบซ่งึ นอกจากจะทําความสะอาดออกยากแลว้ ยงั ทําให้เปน็ รอยด่างอีกดว้ ย - พนื้ หนน แกรนตน ตอ้ งไดม้ าตรฐาน ขนาดไมเ่ ล็กกวา่ 0.30 - 0.60 ตร.ม. และหนาไม่นอ้ ยกวา่ 2.5 ซม. 3) ขั้นตอนในการปูพืน้ หนิ อ่อน (1) เตรียมพ้ืนที่สาํ หรบั การปพู ืน้ หนนอ่อน จะต้องมีการทําความสะอาดให้เรียบรอ้ ย เก็บเศษปูนเศษหนน ตา่ งๆ ออกจากบรนเวณ พ้ืนคอนกรีตใหห้ มด ในกรณพี ้นื ชั้นลา่ งกอ่ นทําการเทคอนกรีตควรมกี ารปแู ผ่นพลาสตนกรองพืน้ ไว้ก่อนการเทคอนกรีต เพือ่ ปอู งกนั ความชืน้ จากผวน ดนน ซมึ ทะลผุ า่ นขนึ้ มาบนผนวหน้าคอนกรตี ได้ เมอ่ื ปหู นนอ่อนจะทาํ ให้ความช่มุ ช้ืนทะลุรอยตอ่ หรอื อาจทําใหผ้ นวหนา้ ของ หนน อ่อนเปลีย่ นสีได้ (2) ใหใ้ ช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนดส์ าํ หรบั ทาํ โครงสร้างผสมกบั ทรายหยาบๆ ที่ลา้ งทาํ ความสะอาดไม่ใหม้ ีตะกอนหรือส่งน สกปรก เจือปน โดยใชใ้ นอัตราส่วนประมาณ 1 : 4 ผสมกับน้าํ ประมาณ 50-70% ของปรนมาณนา้ํ ทใี่ ช้ตามปกตน ซีเมนต์ทีใ่ ช้จะตอ้ งใช้ให้หมด ภายในเวลาไม่เกนนคร่ึงช่วั โมง เพราะปูนซีเมนต์ปอรต์ แลนด์จะแข็งตัวค่อนขา้ งเร็ว (3) เทปนู ซีเมนต์ปอรต์ แลนดท์ ี่เตรียมไวล้ งบนพื้นที่เตรียมให้เรยี บรอ้ ย และปรับระดับพืน้ ซีเมนต์ให้ได้ระดบั ทีต่ ้องการ และให้ ใช้ซเี มนต์ขาวโรยบางๆ ให้ทว่ั ผนวหน้าซีเมนต์ (4) นาํ หนนออ่ นที่ได้ มาจัดสี และลวดลายใหเ้ รยี บรอ้ ย เตรยี มปูโดยใชซ้ เี มนต์ขาวเหลวทาด้านหลงั ของหนน ออ่ นให้ทั่ว เป็นฟลิ ์มบางๆ (5) นาํ หนน อ่อนทท่ี าด้วยซเี มนต์ขาวบรเน วณดา้ นหลังมาปูลงซีเมนต์ที่มีการปรับระดับเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งใช้ค้อนยางเคาะ ปรบั ระดบั เบาๆ ให้เรียบเสมอกัน หากพบว่ายังไม่เสมอกันให้ยกแผ่นหนนอ่อนข้ึนมาแล้วโรยด้วยซีเมนต์ขาว เพ่ือเป็นการปรับระดับท่ี เสมอกัน แลว้ ปลู งไปอีกครัง้ หากมนี ้าํ ปูนล้นขน้ึ มาเปื้อนหนนออ่ นใหร้ บี เช็ดออกอยา่ งรวดเร็ว (6) ทงน้ ไวป้ ระมาณ 1 วนั จึงยารอยต่อดว้ ยยาแนวใหเ้ รียบรอ้ ย แลว้ ใช้ผ้าเช็ดขดั ทําความสะอาด (7) ลงแว๊กซเ์ พอ่ื ชว่ ยเพ่นมความเงางามของหนนอ่อน รปู แสดง : การปูหนนแกรนตน และหนนออ่ น

9 - 66 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 12. งานมงุ หลังคา 12.1 การมงุ หลังคากระเบื้องคอนกรตี 1) ข้อแนะนาในการเตรียมโครงหลงั คา ก่อนการมงุ กระเบ้ืองคอนกรตี (1) ตรวจสอบความได้ฉากของหลังคาที่ตําแหน่ง สันหลังคาบรรจบกับปั้นลม เชนงชายบรรจบกับปั้นลม หรือเชนงชาย บรรจบ กับเชงน ชาย - จดุ ที่สนั หลังคาบรรจบกบั ป้นั ลม - จุดที่เชนงชายบรรจบกับปน้ั ลม - จดุ ท่เี ชงน ชายบรรจบกับเชงน ชาย - แนวตะเขต้ อ้ งแบง่ ครงึ่ ของเชนงชาย ถ้าตรวจสอบครบทั้ง 4 จุดแล้วจะสามารถตนดต้ังกระเบื้องหลังคาคอนกรีตได้ อย่างสวยงาม (2) ตรวจสอบให้ม่นั ใจว่าระดับหลงั คาจันทนั ไดร้ ะดับเทา่ กนั ( + 0.5 มม. ) - แนวจันทันไมแ่ อน่ และไม่ตกท้องช้าง - ระดับหลงั จันทนั แตล่ ะตวั มรี ะดบั เทา่ กันถา้ โครงสรา้ งหลังคาได้ระนาบแล้วจะทาํ ใหต้ นดตั้งกระเบอ้ื งหลังคาคอนกรตี ไดค้ วามสวยงามและปอู งกันการร่ัวซมึ ได้อย่างมีประสทน ธนภาพ (3) การออกแบบหลังคาให้มคี วามลาดเอยี งไมน่ อ้ ยกวา่ 17 องศา หรือระยะแนวราบ 1 ม. ต้องยกจนั ทนั ไม่น้อยกวา่ 31 ซม. หมายเหตุ : กรณีหลังคา 17 องศา ต้องมีจันทนั ไมเ่ กนน 5.50 ม. และต้องไมอ่ ยใู่ ตห้ ลงั คารอบบน ถ้าหลังคา 17 องศา และรับ นํา้ จากหลังรอบบน ตอ้ งตดน ตง้ั แผน่ รองใต้หลงั คา (Roof Sarking ) ปอู งกันการร่ัวซมึ จากน้ําของหลังคารอบบนตกลงหลังคารอบล่าง (4) การตนดตง้ั ไม้ป้นั ลม และไม้บัวป้ันลม 3 ซม. กระเบือ้ งหลังคาซแี พคโมเนีย เสมอหลงั แป ไมบ้ วั ป้ันลม แปตราช้าง ไมป้ ั้นลม จันทนั  ต้องตดิ ต้ังไมบ้ วั ป้นั ลมใหเ้ สมอหลังแป ถา้ ตดิ ตัง้ สูงกว่า ไมบ่ วั ป้ัมลมจะหนุมครอบขา้ งให้ลอยไม่แนบหลังกระเบ้อื ง รูปแสดง : รายละเอยี ดการตนดต้ังกระเบ้อื งหลงั คา (5) การตนดตัง้ ไม้เชนงชายและไม้บัวเชนงชาย เพ่ือการรองรับปลายกระเบ้ือง และตนดตั้งกระเบ้ืองไม่ให้เชนดหรือตก และ ระยะแปแถวแรกท่เี ชนงชายระยะ 34 ซม. หมายเหตุ : ไม้เชนงชายสําเรจ็ รปู ใชส้ ําหรับตกแต่งชายคาใหส้ วยงามเทา่ นั้น

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 67 รูปแสดง : การตนดต้งั กระเบื้องหลงั คา (6) การทาํ ปีกคอนกรีตเสรมน เหลก็ ( ปีก ค.ส.ล. ) ตอ้ งกวา้ งคลุมหลังกระเบ้ืองอย่างน้อย 20 ซม. และใต้ท้องปีก ค.ส.ล. สูงกวา่ หลังแป 8 ซม. เสมอเมอื่ จบั เส้ียมเสรจ็ เรียบร้อยแลว้ รปู แสดง : รายละเอียดการตดน ตัง้ กระเบ้อื งหลังคา เข้ากับปีกนก 2) การติดตัง้ แผน่ สะท้อนความร้อน การติดตั้งแผน่ สะท้อนความร้อนมี 2 วธิ ี ดงั นี้ วนธีท่ี 1 ตดน ตง้ั แผ่นสะทอ้ นความรอ้ นบนหลังจันทันใตแ้ ป - ตนดตัง้ แผน่ สะท้อนความร้อน ตามแนวขนานกบั เชนงชายตลอดแนวให้ตดน ตัง้ จากขวาไปซา้ ย - ตนดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนระหว่างจันทันให้หย่อนหรือตกท้องช้าง ประมาณ 1น้นว ใหต้ ดน ตัง้ แปทบั บนแผ่นสะท้อนความร้อน และยึดแปกับจันทันด้วยตะปู เกลียวยึดแป ขณะตนดตั้งต้องระวังอย่าให้แผ่นสะท้อนความร้อนเกนดการฉีกขาด หรือ เสยี หาย - ตนดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนแถวถัดไปด้านบน ให้ซ้อนทับ 15 ซม. ยาว ตลอดแนวตนดตั้งจนเต็มผืนหลังคา บรนเวณสันหลังคาให้คลุมด้านละ 20 ซม. บรนเวณ ตะเขส้ ันและตะเข้รางนํา้ ใหใ้ ช้แผน่ ปดิ ตะเขค้ ลุมตลอดแนว หากแผ่นสะท้อนความร้อน เกนดฉีกขาดหรือเสียหายควรร้ือออก และเปล่ียนใหม่เพื่อประสนทธนภาพในการสะท้อน ความร้อน

9 - 68 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน วนธที ่ี 2 ตนดตง้ั แผน่ สะท้อนความรอ้ นบนแป - ตดน ตัง้ แผน่ สะทอ้ นความรอ้ น บนหลงั แปใหต้ ดน ต้ังจากเชงน ชายขน้ึ ไปจนถึงสันหลังคา - ตดน ตงั้ แผน่ สะท้อนความรอ้ น ระหวา่ งชอ่ งแปให้หยอ่ นเป็นรูปตัว U อยา่ ตดน ตั้งใหต้ ึงเวลามุงกระเบื้องจะทําให้แผ่นสะท้อนความร้อนเกนดการฉีกขาด จากขอเกาะกระเบ้อื ง - ตนดตงั้ แผ่นสะทอ้ นความรอ้ นแถวถดั ไป ให้ซ้อนทับด้านข้าง 15 ซม. ตลอดแนว ตนดตั้งจนเต็มพื้นหลังคา บรนเวณสันหลังคาให้คลุมด้านละ 20 ซม. สว่ นบรนเวณตะเขส้ ันและตะเขร้ างนาํ้ ให้ใช้แผน่ ปิดตะเข้คลุมตลอดแนว หากแผ่น สะท้อนความร้อนเกนดการฉีกขาดหรือเสียหายควรร้ือออก และเปลี่ยนใหม่เพื่อ ประสนทธนภาพในการสะท้อนความร้อน 3) ขน้ั ตอนการมงุ กระเบือ้ งคอนกรีต (1) มุงกระเบื้องแถวแรกท่ีเชนงชายก่อน ให้มุงกระเบื้องจากขวาไปซ้าย และให้กระเบื้องแผ่นแรกห่างจากขอบไม้บัวปั้นลมประมาณ 3 ซม. ห้ามห่าง เกนนกว่านี้จะทําให้ครอบข้างคลุมกระเบ้ืองน้อย และเป็นสาเหตุทําให้เกนดการ รัว่ ซึม (2) มุงกระเบื้องแถวแรกให้เต็มตลอดทั้งแนวเชนงชาย โดยกระเบื้องแผ่น รนมท้ังสองข้างแนวป้ันลมต้องเป็นลอนยกเสมอกรณีกระเบ้ืองด้านซ้ายมือไม่ได้ ลอนยก ให้ตัดด้านข้างกระเบื้องแผ่นแรกขวามือช่วยเพื่อให้ได้ลอนยกทั้ง สองข้าง (3) ยึดกระเบื้องแถวแรกทุกแผ่นตดน กับแป ดว้ ยตะปเู กลียวยดึ กระเบ้อื งขนาด 2 ¼ น้นว ปลายแหลม เบอร์ 8 โดยให้ยึดแผ่นละ 1 ตัว ยึดกบั แปทมี่ ีความหนาไม่เกนน 0.55 มม. (4) กอ่ นมุงกระเบื้องแถวต่อไป ควรขึงสายเอ็นระหว่างเชนงชายกับเสน้ หลงั คา เพ่ือบังคับแนวมงุ ดา้ นข้างกระเบื้องใหต้ รงสันทุกแถว (5) มงุ กระเบือ้ งแถวถดั ไปดว้ ยการมุงสลบั แผน่ ควรขงึ สายเอ็นระหวา่ งเชงน ชายกับสันหลังคาเพื่อบังคับแนวมุงด้านข้างกระเบ้ือง ทุกระยะ 10 แผน่ หรอื 3 ม. เพอ่ื ไม่ให้กระเบ้อื งทมี่ งุ เกดน การคดไม่ได้แนว (6) ให้ยึดกระเบื้องแถวถัดไปด้วยตะปูเกลียวยึดกระเบื้องอย่างน้อยแถวเว้นแถว โดยกระเบื้องแถวบนสุดที่สันหลังคาต้องยึด กระเบื้องดว้ ยตะปูเกลียวยดึ กระเบอื้ งเสมอ (กรณีทไี่ มเ่ ส่ียงกบั แรงลม)

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 9 - 69 4) การติดตั้งครอบขา้ ง (1) กอ่ นการตดน ตง้ั ครอบข้าง ใหต้ รวจสอบความถูกต้องของไม้บัว ปั้นลมก่อน ตอ้ งตดน ต้งั ให้เสมอกับหลงั แป ถ้าไม้บัวป้ันลมสูงกว่าหลังแป จะทําใหค้ รอบ ข้างไมแ่ นบกบั หลังกระเบอื้ งจะทาํ ใหเ้ กดน การรว่ั ซมึ ได้ (2) ให้ตนดต้ังตะปูเกลียว เพื่อรองรับปลายครอบข้างปิดชาย โดย ใหห้ ัวตะปูเกลียวโผล่ยื่นพ้นไม้บัวปั้นลมประมาณ 1.5 ซม. เพ่ือให้แนว ดา้ นข้างของครอบขา้ งปิดชาย และครอบขา้ งตรงกันตลอดแนว (3) เรน่มมงุ ครอบขา้ งปดิ ชายแผ่นแรก โดยวางครอบขา้ งปดิ ชายให้แนบกับหลังกระเบื้องแถวแรก และให้หัวครอบข้างปิดชายชน กบั ปลายกระเบื้องแถวทสี่ องพอดี ยดึ ครอบข้างปิดชายด้วยตะปูเกลียว เบอร์ 8 ขนาด 2¼ นน้ว จํานวน 2 ตัว ไม่ควรยึดแน่นเกนนไปจะ ทาํ ให้ครอบแตกได้ (4) มงุ ครอบขา้ งแผ่นถัดไปจนถึงสนั หลังคา โดยให้หวั ครอบขา้ งชนปลายกระเบือ้ งแผ่นบน และให้แนบกับหลังกระเบ้ืองเสมอ ยึด ครอบข้างด้วยตะปเู กลียวเบอร์ 8 ขนาด 2¼ นน้ว ที่ครอบขา้ งทกุ แผน่ ๆ ละ 2 ตัว ห้ามใช้ตะปูตอกไม้ยึดครอบข้าง อาจทําให้ครอบแตก เสยี หาย (5) สําหรับครอบข้างแผ่นสุดท้ายท่ีสันหลังคาท้ังสองด้าน ให้ครอบข้างชนชนดกันให้มากที่สุด และแนวครอบต้องได้แนวตรง สวยงามและควรใชส้ ีทาปนู ทรายใต้ครอบเกบ็ สีหัวตะปูเกลยี วยดึ ครอบเพอื่ ความสวยงาม (6) ห้าม...อดุ ปนู ทรายใตค้ รอบขา้ งกับกระเบ้ืองโดยเด็ดขาด

9 - 70 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 5) ข้ันตอนการติดตง้ั ครอบสนั โคง้ หลังคาทรงจ่วั (1) จัดเรยี งครอบสนั โค้งตลอดแนวสนั หลังคาให้ลงตัว วางเรียง กนั จนถึงครอบโค้งปิดจ่ัว ถ้าจัดเรียงไม่ลงตัวให้ตัด และเฉล่ียครอบ สนั โค้งให้ลงตัวโดยตัดปลายครอบสันโค้งออกพร้อมเซาะร่องดักนํ้า ปลายที่ตัดออกด้วยไฟเบอร์ ครอบสนั โคง้ ท่ตี ดั เฉลยี่ ไม่ควรเหลือน้อย กว่า 25 ซม. เพ่ือความสวยงาม (2) กอ่ นทาํ ครอบสันโค้งท่ีสันหลังคา ให้เจียรแต่งครอบโค้งปิด จ่ัวตามแนวโค้งที่กําหนดไว้ด้านใน กรณีท่ีเม่ือวางครอบโค้งจั่วแล้ว ความสงู จากหลงั กระเบอ้ื งมากกวา่ 2.5 ซม. เม่ือเจียรแต่งครอบโค้ง ปิดจ่วั แล้วต้องแนบสนนทกับครอบขา้ ง (3) ใหท้ าํ เคร่อื งหมายท่ีกึ่งกลางครอบสันโค้งบรนเวณส่วนหัวทุก แผ่น เพ่ือใช้ในการเล็งแนวกับสายเอ็น ครอบสันโค้งจะได้ตรงกัน ตลอดแนว (4) ผสมปนู ทรายยึดครอบอตั ราส่วน ปูน 1 ส่วน ทรายละเอียด 1.5 ส่วน ผสมนํ้าให้มีความเหนียวพอเหมาะ เมื่อวางปูนทรายบน หลงั กระเบือ้ งแล้วไม่มีนาํ้ ปูนไหลเป็นทาง และต้องวางปูนทรายเป็น แนวเขื่อนไม่ลน้ เต็มหัวกระเบื้อง (5) วางครอบโค้งปิดจ่ัวท้ังสองด้านให้ได้ระดับขึงสายเอ็นผ่าน ศนู ย์กลางครอบโคง้ ปดิ จัว่ ท้งั สองด้านโดยให้ความหนาของปูนทราย ใตค้ รอบสงู จากหลังกระเบอื้ งประมาณ 2.5 ซม. (1 น้นว) ไม่ควรวางปูนทรายใต้ครอบบางจนเกนนไป จะทําให้เกนดการแตกร้าวภายหลัง และเปน็ สาเหตใุ หเ้ กนดการร่ัวซมึ ภายหลัง (6) วางครอบสันโคง้ แผ่นตอ่ ไป โดยให้จุดที่ทําเคร่ืองหมายแบ่ง ก่ึงกลางครอบสันโค้งให้ตรงกับสายเอ็นที่ขึงไว้เพื่อบังคับให้แนว สันโค้งตรงกนั ตลอดแนว และบังคับให้ปูนทรายใต้ครอบทั้งสองด้าน มีความสูงเทา่ กนั (7) ที่สนั หลังคาทรงจ่วั ให้ใช้ ครอบโค้ง 2 ทาง ปิดทับครอบสัน โคง้ ทั้งสองด้านตรงก่ึงกลางสันหลังคา การวางครอบบรนเวณซ้อนทับ ระหวา่ งครอบตอ้ งแนบสนนททุกแผ่น ถ้าครอบไม่ลงตัวห้ามยื่นครอบ ออกเดด็ ขาด จะทาํ ใหเ้ กนดการรัว่ ซึมภายหลัง (8) ขณะปูนทรายใตค้ รอบยงั หมาดใชเ้ กรยี งปาดปูนทรายส่วนท่ีไม่ต้องการออก ปาดปูนเป็นแนวดน่งกับครอบแล้วแต่งปูนทรายใต้ ครอบให้เรียบ บรนเวณทีเ่ ป็นส่วนโค้งของครอบใหแ้ ตง่ ปูนทรายโค้งตามหวั ครอบสันโคง้ (9) เมอื่ แต่งปนู ทรายทั้งสองด้านเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว ให้ใชป้ ลายเกรียงเซาะร่องปูนทรายบรเน วณท่ีตดน ครอบสนั โค้งท้ังสองด้านตลอด แนวสนั หลงั คาเพือ่ บังคับไมใ่ ห้ปนู ทรายใตค้ รอบแตกรา้ วตามแนวขวาง (10) ให้ใช้เหลก็ เสน้ กลมขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลาง ¼ น้นว ปลายแหลม เจาะรูให้ทะลุปูนทรายใต้ครอบท่ีกันร่องรับนํ้ากระเบ้ืองทุก ร่องและทกุ แผ่นตลอดแนว ครอบสนั หลังคาท้ังสองด้าน (11) เมื่อปูนท่ีเลอะบนหลังกระเบ้ืองและครอบสันโค้งเรน่มข้ึนคราบขาวให้ใช้ฟองนํ้าแห้งหรือผ้าแห้งเช็ดคราบปูนออกทันที เมอื่ ปูนทรายแห้งสนนทแล้ว ใช้สีทาปูนทรายใต้ครอบ ทาเฉพาะบรนเวณที่เป็นปูนทรายเท่าน้ัน ระวัง! อย่าให้เลอะบนผนวกระเบื้องและ ผนวครอบ (12) ห้าม! เอาปนู ทรายอดุ บรนเวณหวั ครอบสนั โคง้ โดยเดด็ ขาดและไมค่ วรเอาครอบทบ่ี น่น ข้นึ ตดน ต้ัง

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 9 - 71 6) ข้นั ตอนการติดต้ังครอบสันโค้งที่ตะเข้สนั หลงั คาทรงปัน้ หยา (1) ตัดกระเบื้องบรนเวณตะเข้สันให้ชนดมากท่ีสุด ต้องใส่ กระเบ้อื งเศษบรเน วณตะเข้สันให้ครบทุกแถว และกระเบื้องตะเข้สัน แถวแรกท่ีเชนงชาย ตัดให้ชนดกันมากที่สุดทํามุม 45 องศา และควร เป็นกระเบือ้ งแผน่ เต็มทงั้ สองดา้ น (2) ยึดกระเบื้องเศษกับกระเบื้องแผ่นข้างเคียงด้วยเศษ กระเบอ้ื ง หรือให้ใชไ้ ฟเบอร์บากด้านข้างกระเบ้ืองแผ่นข้างเดียวลึก ประมาณ 1 ซม. และใช้ลวดอาบสังกะสีเบอร์ 18 มัด ยึดกระเบื้อง ทง้ั สองแผน่ ให้แนน่ พอสมควร (3) ให้จัดเรียงครอบสันโค้งตลอดแนวตะเข้สันก่อนจนถึง ตําแหน่งครอบโค้ง 3 ทาง หากจัดครอบสันไม่ลงตัวให้ตัดปลาย ครอบสนั โค้งออกพร้อมเซาะร่องดักนาํ้ ด้วย ครอบท่ีตัดออกไม่ควรมี ระยะน้อยกว่า 25 ซม. ถ้าน้อยกว่า 25 ซม. ควรตัดเฉล่ียครอบ 2 แผ่น หรอื มากกวา่ นนั้ เพื่อความสวยงาม (4) ใหท้ าํ เคร่ืองหมายทีก่ ึ่งกลางครอบสันโค้งบรนเวณส่วนหัวทุก แผ่นเพอื่ ใช้ในการบังคับแนวกับสายเอ็น ครอบสันโค้งแนวตะเข้สัน จะไดต้ รงกบั แนวตลอด (5) ผสมปูนทรายยึดครอบ อัตราส่วนผสมปูน 1 ส่วน ทราย ละเอียด 1.5 ส่วน ผสมนํ้าให้มีความเหนียวพอเหมาะเมื่อวางปูน ทรายบนหลังกระเบ้ืองแล้วไม่มีน้ําไหลเป็นทาง วางปูนทรายเป็น แนวเขือ่ นกว้างประมาณ 5 ซม. ทัง้ สองด้านไมล่ น้ เตม็ หัวกระเบอ้ื ง (6) ใชล้ วดอาบสังกะสีเบอร์ 18 ผูกร้อยรูที่ปลายครอบโค้งหาง มน และยึดตนดกับตะเข้สันหรือแป (เน่ืองจากครอบโค้งหางมนมี น้ําหนักมาก) และขึงสายเอ็นจากปลายตะเข้สันถึงสันหลังคา วาง ครอบสนั โคง้ ให้ตําแหน่งท่ีทําเครอื่ งหมายไว้บนหัวครอบตรงกับแนว สายเอ็นกจ็ ะได้แนวตรงสนั ตลอด (7) บรเน วณรอยตอ่ ระหว่างครอบตะเข้สนั ทง้ั สองด้านมาบรรจบ กับครอบสนั หลงั คาให้ใช้ครอบโคง้ 3 ทาง ปดิ ทับให้แนบสนนท (8) ขณะปนู ทรายภายใต้ครอบยังหมาด ใช้เกรยี งปาดปนู ทรายสว่ นทไ่ี มต่ ้องการออกปาดปนู เป็นแนวดน่งกบั ครอบแล้วแต่งปูนทราย ใตค้ รอบให้เรียบบรเน วณท่เี ปน็ สว่ นโคง้ ของขอบให้แต่งโค้งตามครอบสันโค้ง (9) เมอื่ แตง่ ปูนทรายท้งั สองดา้ นเสร็จเรยี บรอ้ ยให้ใช้ปลายเกรียงเซาะร่องปูนทรายบรนเวณที่ตัดกับครอบสันโค้งทั้งสองด้านตลอด แนวตะเข้สันเพ่อื บังคบั ไม่ให้ปูนทรายเกดน การแตกราวตามแนวขวาง (10) เมอื่ ปนู ทรายท่เี ลอะบนหลงั กระเบือ้ งและครอบสันโค้งเรน่มข้ึนคราบขาวให้ให้ฟองน้ําแห้ง หรือผ้าแห้งเช็ดคราบปูนออกทันที เม่ือปนู ทรายแห้งสนนทให้ทาด้วยสีทาปนู ทรายใต้ครอบ เฉพาะส่วนที่เป็นปูนทรายเท่านั้น ควรทาอย่างน้อย 2 ครั้ง ระวังอย่างให้เลอะ บนผนวกระเบื้องและผนวครอบ (11) กรณหี ลงั คาทรงป้ันหยา ทรงส่เี หล่ยี มจตั รุ สั ให้ใชค้ รอบโคง้ 4 ทางปิดทบั ให้แนบสนนทกบั ครอบสันโค้งทั้ง 4 ด้าน (12) กรณีหลังคาตะเข้สันมากกวา่ 4 ตะเข้สัน ข้ึนไปมาบรรจบกัน ให้ใช้วนธีการตัดแต่งครอบให้สนนทบรรจบกัน แต่ก่อนทําครอบ บรนเวณจุดน้ี ใหใ้ สแ่ ผ่นปิดรอยต่อ 1 แผ่น คลุมหลงั กระเบอื้ งทุกดา้ นกอ่ นทาํ การตัดแต่งครอบ

9 - 72 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 7) ข้นั ตอนการตดิ ตั้งรางน้าตะเข้ และการตดั กระเบื้องตะเขร้ าง (1) ขนาดรางนํ้าตะเข้ ท้องราง กว้าง 12 ซม. ลึก 3 ซม. ปีกรางทั้งสองข้างละ 12 ซม. ปลายปีกรางพับขอบดักนํ้าทั้งสองข้าง รางนํ้าตะเข้ ขนาดดงั กล่าวใชก้ ับตะเขร้ างที่มคี วามยาวต่อดา้ นไม่เกนน 6 ม. หรอื มพี ืน้ ท่หี ลงั คาทีร่ ับนํ้าอย่เู หนือรางนาํ้ ตะเขไ้ มเ่ กนน 36 ตร.ม. (2) ก่อนตนดตั้งรางน้ํา ให้ทําการเพาะร่องรางกว้าง 14 ซม. โดยใช้แป 2 ตัว ตนดห่างจากแนวศูนย์กลางของตะเข้รางข้าง 7 ซม. และควรยึดแปท่ีผืน หลงั คากับแปที่เพาะรอ่ งรางด้วยตะปเู กลยี วยดึ แป ข้างละ 2 ตัว และควรตีปีก แปตัวล่างใหแ้ บนก่อน (3) การต่อรางนํ้าตะเข้ให้วางรางนํ้าท่อนบนทับท่อนล่างโดยมีระยะ ซ้อนทับไม่น้อยกว่า 20 ซม. โดยไม่ต้องบัดกรีหรือยาซนลนโคลนรอยต่อ ให้ยึด ด้วยตะปูเกลียวยึดแป ด้านละ 2 ตัว จํานวน 4 ตัว ให้ใกล้กับปีกรางนํ้าที่พับ ขอบกันนาํ้ ไว้เพื่อปอู งกันการรั่วซมึ (4) การต่อรางน้ําตะเข้ ที่หัวตะเข้รางนํ้า กรณีรางน้ํามาบรรจบกันทั้ง 2 ด้าน ในแนวเอียง 45 องศา การต่อแบบเข้ามุมด้วย กรรไกรตัดสงั กะสีนาํ มาตอ่ ใหช้ นดมากท่สี ุดยดึ ปีกรางด้วยตะปู (5) ใช้แผน่ ปิดหัวรางนา้ํ ตะเขป้ ิดทับรอยตอ่ บรเน วณหัวรางนํ้าตะเข้ชนกนั โดยพับขอดักน้ําประมาณ 2 ซม. ท่ีปลายแผ่นด้านบนและ ล่าง เรมน่ ปดิ ทับจากขอบปกี รางนํ้าดา้ นลา่ งไปตามแนวรอยตอ่ จนสุดขอบด้านบน กดรีดให้หัวแผ่นปิดหัวรางน้ําตะเข้แนบสนนทกับรางนํ้า ตะเขโ้ ดยตลอด (6) กรณเี ปน็ รางนํ้าตะเข้ดา้ นเดียว (ขาเดียว) ใหต้ ัด (7) ตัดกระเบอ้ื งตะเขร้ างด้วยใบตัดคอนกรตี โดยให้ ปลายขอบทบี่ รนเวณรอ่ งรบั นํ้าของรางนํา้ ตะเข้ ระยะห่างของแนวตดั ประมาณ 3 ซม. ตัดใหไ้ ด้ เพ่อื ทาํ คันกนั นํ้าสูงประมาณ 25 ซม. และยดึ แนวตรงตลอดตะเขร้ าง ขณะตัดกระเบอ้ื งด้วย ปกี รางนํา้ ทง้ั สองขา้ งเขา้ กบั แปค่บู นดว้ ยตะปู ใบตัดคอนกรตี ระวงั ใบตัดจะไปโดนรางนาํ้ จน เกลียวยึดแป พรอ้ มพับปลายปีกหัวรางใหง้ อ ทะลุจะทาํ ใหเ้ กนดการรว่ั ซมึ แนบแป หรือตัดออกใหเ้ สมอหลงั แป

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 73 (8) ขอเกาะแปด้านหลังกระเบอื้ งทอี่ ยบู่ นปีกรางน้ําตะเข้ ใหใ้ ชไ้ ฟเบอร์เจยี รขอเกาะแปออกสําหรับกระเบ้ืองเศษ และใช้แหนบยึด กระเบ้อื งเศษยดึ บรนเวณดา้ นหวั กระเบ้ืองกับแผ่นขา้ งเคียงหรือใช้ลวดอาบสังกะสเี บอร์ 18 ผกู ยึดรูกระเบ้อื งกบั แปแถวบน (9) ปลายรางนํ้าท่ีเชนงชายให้บากไม้บัวเชนงชายให้พอดีกับขนาดร่องรางน้ํา และให้ปีกรางนํ้าท้ังสองข้างวางอยู่เสมอขอบไม้บัว เชนงชายไมต่ ้องยื่นเลยเชงน ชายออกไปมาก (10) กรณีปลายรางนํ้าท่ีอยู่บนพื้นที่หลังคา ให้ปล่อยปลายรางนํ้าตะเข้คลุมหลังกระเบื้องแถวล่างประมาณคร่ึงแผ่นกระเบ้ือง หรอื ไม่นอ้ ยกวา่ 15 ซม. เคาะปลายรางให้แผ่ราบไปกลับหลังกระเบ้ืองแผ่นที่รองรับเพ่ือไม่ให้กระเบ้ืองกระเดนด ขณะเคาะปลายราง ระวังจะทาํ ใหก้ ระเบือ้ งเกดน การแตกร้าวได้ (11) ตอ้ งใส่กระเบ้อื งเศษตรงรางน้าํ ใหค้ รบทุกแถวทั้งสองด้าน และใช้สที าปนู ทรายใตค้ รอบตราช้างทาตรงบรนเวณรอยตดั กระเบอื้ ง ตรงรางนาํ้ ให้เรยี บรอ้ ยเพ่ือความสวยงาม แตอ่ ย่าใหเ้ ลอะบนหลังกระเบอ้ื ง 8) ข้ันตอนการตดิ ตง้ั ครอบสันหลังคา ชุดครอบระบบแห้ง ( DRY TECH SYSTEM ) (1) ตรวจสอบระยะแปคู่ที่สันหลังคาให้มีระยะห่าง 8 ซม. และได้แนวตรงกนั ตลอดสันหลังคา (2) วางครอบสันโค้งบนหลังกระเบื้อง 2 แผ่น ห่างกัน ประมาณ 1 ม. ใหไ้ ด้แนวกึ่งกลางกับสันหลังคา สอดเหล็กรับ ครอบลอดใต้ครอบสันโค้ง และยกให้แนบเสมอใต้ท้องครอบ สันโคง้ ให้วัดระยะความสงู ระหว่างหลังจันทันถึงหลังเหล็กรบั ครอบ เพ่อื กาํ หนดระยะขายึดเหล็ก (3) คลายตะปูเกลียวยึดแปท่ีสันหลังคาออก สอดขายึด เหล็กท่ีดัดเอาไว้ด้านแปบนหลังจันทัน ยึดแปและขายึดเหล็ก ตนดกับจันทันด้วยตะปูเกลียวยึดแป โดยระยะห่างของขายึด เหลก็ แตล่ ะอนั ต้องหา่ งกันไม่เกนน 1 ม. (4) ยึดเหล็กรับครอบตนดกับขายึดเหล็กด้วยตะปูเกลียวยึดแปจํานวน 4 ตัว ดา้ นละ 2 ตวั โดยเหลก็ รับครอบตอ้ งอยู่ในระดับเดียวกัน และอยู่ในแนวก่ึงกลางสัน หลงั คา (5) นําครอบสันโค้งมาวางที่สันหลังคาเพ่ือกําหนดแนวตนดแผ่นรองใต้ครอบ ตนดคลุมหัวกระเบ้ืองประมาณ 8 ซม. หรือให้วัดจากขอบครอบสันโค้งเข้าไปด้านใน 1 ซม. ทง้ั สองด้าน แล้วทําเคร่ืองหมายแนวตนดแผ่นรองใต้ครอบตลอดแนวสันหลังคา ทั้งสองดา้ น (6) ให้วางแผ่นรองใต้ครอบตลอดแนวสันหลังคาและให้อยู่ในแนวกึ่งกลางสัน หลังคา และยึดแผ่นรองใต้ครอบกับเหล็กรับครอบด้วยตะปูเกลียวยึดแปห่างกัน ประมาณ 30 ซม. ตลอดแนวแผ่นรองใต้ครอบ ก่อนตนดแผ่นรอใต้ครอบต้องทําความ สะอาดหลังกระเบ้อื งใหส้ ะอาดปราศจาก ฝุน คราบไขมนั และความช้ืน (7) ลอกแถบพลาสตนกท่ีปิดแถบกาวออกเป็นระยะๆ ให้กดแถบกาวบนลอนโค้ง ทกุ ลอนของกระเบอื้ งกอ่ น จากนั้นให้กดแถบกาวให้แนบกับร่องรับนํ้าทุกร่อง ไม่ต้อง ใช้วสั ดใุ นการกดรดี แถบกาวใหใ้ ช้มอื กดในสว่ นทีเ่ ป็นแถบกาวเท่าน้นั (8) การต่อแผ่นรองใต้ครอบใหซ้ อ้ นทบั กันประมาณ 5 ซม. และรดี แผ่นรองใตค้ รอบบรนเวณรอยต่อให้แนบสนนท และตนดต้ังแผ่นรอง ใตค้ รอบตามขั้นตอนขอ้ 7 ตลอดแนวสันหลงั คาทั้งสองด้าน

9 - 74 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน (9) กอ่ นตดน ตั้งครอบสนั โคง้ ใหเ้ จยี รครอบโค้งปดิ จวั่ ตามแนวโคง้ ดา้ นในทง้ั สองดา้ นใหแ้ นบกับครอบข้าง และครอบโค้งปิดจ่ัวต้องอยู่ บนหลงั กระเบอ้ื งท้งั สองดา้ น ให้เจาะรทู ก่ี ่งึ โค้งปิดจว่ั , ครอบสนั โค้ง ทุกแผ่นด้วยดอกสว่านเจาะคอนกรีตขนาด 3/6 น้นว จํานวน 1 รู ต่อ แผน่ ระวังอยา่ ให้ครอบแตกรา้ วเสียหาย (10) ใหท้ ําเครอ่ื งหมายก่งึ กลางครอบสนั โคง้ บรเน วณสว่ นหวั ครอบทกุ แผน่ เพื่อบังคับแนวตนดต้ังครอบสันโค้ง ตนดตั้งครอบโค้งปิดจั่ว ทัง้ สองด้านพร้อมขงึ สายเอน็ ตลอดแนวสนั หลังคาให้ไดก้ ง่ึ กลางสนั หลังคายึดครอบโค้งปิดจั่วกับเหล็กรับครอบด้วยตะปูเกลียว 2.5 น้นว ปลายสวา่ น 1 ตวั ให้แน่นพอสมควร (11) ตนดต้งั ครอบสันโค้งตอ่ จากครอบโค้งปิดจว่ั ทง้ั สองด้านให้ตําแหน่งที่ทําเคร่ืองหมายไว้ท่ีหัวครอบตรงกับสายเอ็นที่ขึงไว้ตลอด แนว ยดึ สันโคง้ ทกุ แผ่นกบั เหลก็ รบั ครอบดว้ ยตะปเู กลยี ว 2.5 นนว้ ปลายสว่านใหแ้ นน่ พอสมควร ระวงั อย่าให้ครอบแตก (12) ท่กี ึง่ กลางสันหลงั คา ใหต้ นดต้งั ครอบโค้ง 2 ทาง ปดิ ทบั หากวางครอบโคง้ 2 ทาง ไม่ลงตวั ใหต้ ดั ปลายครอบสันโค้งทั้งสองด้าน เฉล่ยี ใหเ้ ทา่ กนั พร้อมเซาะรอ่ งดักน้าํ ทปี่ ลายครอบดว้ ย ตดน ตัง้ ครอบสนั โค้งท่สี นั หลงั คาตอ้ งได้แนวตรงตลอด แผ่นรองใต้ครอบต้องไม่โผล่ เลยครอบออกมา 9) ข้นั ตอนการตดิ ต้งั ครอบสันตะเข้ ชดุ ครอบระบบแหง้ ( DRY TECH SYSTEM ) (1) ตดั กระเบ้ืองตะเขส้ นั ใหห้ า่ งกันประมาณ 5 ซม. ตรงตลอดแนวใส่เศษ กระเบอ้ื งใหค้ รบ กระเบ้ืองบรนเวณตะเข้สันแถวแรกที่เชนงชาย ปลายกระเบ้ือง ส่วนท่ียนื่ เลยแนวไม้เชนงชายให้ตนดชดน กนั มากทสี่ ดุ เปน็ มุม 45 องศา (2) ยึดกระเบ้ืองเศษกับกระเบ้ืองแผ่นข้างเคียงด้วยแหนบยึดแผ่น กระเบื้องบรนเวณรางลน้นกระเบื้อง (ระวัง ตอนใช้แหนบ จะเกนดการบาดมือ) หรือใช้เครื่องเจียรไฟเบอร์บากกระเบ้ืองเศษและกระเบื้องข้างเคียงลึก ประมาณ 1 ซม. และใชล้ วดอาบสงั กะสเี บอร์ 18 มดั กระเบ้ืองท้ังสองแผ่นเข้า ดว้ ยกันใหแ้ นบพอควร (3) วางครอบสันโค้งใหว้ า่ งกันประมาณ 1 ม. จดั ให้ได้แนวกง่ึ กลางตะเขส้ นั สอดเหล็กรับครอบลอดใต้ครอบสนั โคง้ ยกให้แนบเสมอ กบั ใต้ท้องครอบสันโคง้ วัดระยะความสูงระหว่างหลังตะเข้สันกับหลังเหล็กรับ ครอบเพอื่ กาํ หนดระยะขายดึ เหล็ก (4) ตนดตั้งขายึดเหล็กกับตะเข้สัน ด้วยตะปูเกลียวยึดแปจํานวนด้านละ 2 ตัว ท่ีหลังตะเข้สัน ให้ขายึดเหล็กห่างกันไม่เกนน 1 ม. และตนดต้ังเหล็กรับ ครอบกับขายึดเหล็กดว้ ยตะปเู กลยี วยดึ แปจํานวน 4 ตัว (ด้านละ 2 ตัว) ตรวจ ระดับหลังเหล็กรับครอบต้องแนบเสมอใตท้ ้องครอบสันโคง้ พอดี (5) นาํ ครอบสันโค้งมาวางที่ตะเข้สัน ให้ได้แนวก่ึงกลางตะเข้สันโดยแผ่น รองใตค้ รอบต้องคุมเหล็กกระเบื้องไม่นอ้ ยกว่า 8 ซม. หรอื ใหว้ ัดจากขอบครอบ สันโค้งเข้าด้านใน 1 ซม. ท้ังสองด้าน และทําเครื่องหมายตลอดแนว เพอื่ กาํ หนดแนวการตนดต้ังแผ่นรองใต้ครอบ (6) ปูแผ่นรองใต้ครอบยาวตลอดแนวตะเข้สันก่อน ยังไม่ต้องดึงแถบ พลาสตนกออก ใหแ้ ผ่นรองใต้ครอบอยู่กึ่งกลางเหล็กรับครอบใช้ตะปูเกลียวยึด แป ยดึ แผน่ รองใตค้ รอบกับเหลก็ รบั ครอบทุกระยะ 30 ซม. ตลอดแนวตะเข้สัน จาํ นวน 1 ตัว (7) ก่อนลอกแถบพลาสตนกต้องทําความสะอาดหลังกระเบ้ือง ปราศจากฝุนคราบไขมัน และความชื้นก่อน จากนั้นลอกแถบ พลาสตนกท่ีปิดแถบกาวออกเป็นระยะๆ ท้ังสองด้านกดแถบกาวบนหลังลอนโค้งของกระเบื้องท่ีทําเคร่ืองหมายไว้ทุกลอนโค้งของ กระเบ้ืองก่อนกดแถบกาวด้วยมอื เทา่ นนั้

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน 9 - 75 (8) ใหก้ ดแถบกาวตามลอนรับนํ้าของกระเบ้ืองให้แนบสนนท ห้ามมีโพรงอากาศ การต่อแผ่นรองใต้ครอบให้ซ้อนทับประมาณ 5 ซม. โดยปิดแผ่นบนทับแผ่นล่างให้ แนบสนนท (9) ตนดตั้งครอบโค้งหางมนเป็นแผ่นแรก โดยยึดกับเหล็กรับครอบด้วยตะปู เกลียว 2.5 นนว้ ปลายสว่านให้แนบพอควรจากน้ันเรียงครอบสันโค้งตลอดแนวตะเข้ พรอ้ มขึงสายเอน็ บงั คับแนวครอบสันโค้งทท่ี าํ เครอ่ื งหมายก่ึงกลางหัวครอบให้ได้แนว ตรงยดึ ครอบสันโค้งดว้ ยตะปูเกลยี ว 2.5 นน้ว ปลายสว่านทกุ แผ่นแน่นพอสมควร (10) บรนเวณจุดต่อระหว่างครอบตะเข้และครอบสันหลังคา ให้คลุมแผ่นรองใต้ ครอบทบั กนั อยา่ งนอ้ ย 10 ซม. กรณีวางครอบโค้ง 3 ทาง ไม่พอดีให้ตัดปลายครอบ สนั โค้งออกทง้ั 3 ดา้ น พร้อมเซาะร่องดักนา้ํ ด้วย (11) บรนเวณจุดต่อระหว่างครอบตะเข้สัน และครอบสันหลังคาให้ใช้ครอบโค้ง 3 ทางปดิ ทบั พร้อมยดึ ตะปเู กลียว 2.5 น้วน ปลายสว่านทงั้ 3 ดา้ น ให้แนน่ พอควรแนว ครอบสันโคง้ บรนเวณตะเข้สนั ทง้ั สองด้านต้องได้แนวตรง และระดับหลังครอบสันโค้ง ต้องเท่ากนั ทุกแผน่ (12) กรณหี ลังคาทรงปนั้ หยาด้านเทา่ (ปน้ั หยาสที่ าง) ให้ใชค้ รอบโค้ง 4 ทางปิดทับ ข้อแนะนําควรเอาสีทาปูนทรายใต้ครอบแต้ม หวั ตะปูทุกตวั ท่ียดึ ครอบสนั โคง้ เพ่ือความสวยงาม 10) ขั้นตอนการตดิ ตงั้ ครอบขา้ งและครอบโค้งผนงั (1) ตนดต้ังแปและฉาบผนังให้เสร็จเรียบร้อยก่อน และยังไม่ต้องทาสีรองพื้นวัด ระยะท่ีผนังความสูงจากหลังแป 9.5 ซม. สําหรับตนดแผ่นปิดกันรั่ว 11 ซม. สําหรับ ตดน ต้งั เหล็กรบั ครอบผนงั และทําเครอ่ื งหมายยาวตลอดแนวที่จะตนดต้ังครอบข้างผนัง ผนังทฉี่ าบต้องเรียบสมํา่ เสมอไมม่ กี ารแตกรา้ วบรเน วณทต่ี นดตั้งครอบข้างผนัง (2) นําเหล็กรองครอบผนังมาทาบตามแนวเส้นระดับ 11 ซม. ใช้ดนนสอทํา เครื่องหมายตามรูเจาะของเหล็กรองครอบผนังทุกรู เจาะรูผนังตามตําแหน่งด้วย สว่านไฟฟูาเจาะคอนกรีตด้วยดอกสว่านขนาด Ø3/16” และเจาะรูลึกประมาณ 4 ซม. พร้อมเปุาฝุนปนู ออกใหห้ มด (3) มุงกระเบ้ืองให้ชนดผนังมากที่สุด และเป็นลอนยกแผ่นเต็ม ทําความสะอาด ผนังและหลงั กระเบอื้ งให้ปราศจากฝุนคราบไขมันและความช้ืน ตนดต้ังแผ่นปิดกันรั่ว ใหเ้ สมอปลายกระเบ้อื งลอกแถบพลาสตนกออกตนดแผ่นกันรั่วท่ีเส้นระดับ 9.5 ซม. ให้ แนบสนนทตลอดแนวผนังก่อน (4) รดี แผ่นปิดกันร่ัวให้แนบสนนทคลมุ หลงั กระเบื้องกว้างประมาณ 8 ซม. บรเน วณ ปลายกระเบ้ืองรดี ใหส้ นทน อย่าให้โพรงอากาศระหว่างจุดซ้อนทับ การต่อแผ่นปิดกัน รัว่ ใหแ้ ผ่นบนทับแผ่นลา่ งประมาณ 5 ซม. และรดี รอยซอ้ นทับใหแ้ นบสนนท (5) ตนดเหล็กรับครอบด้วยพุกพลาสตนกกับผนังตรงตําแหน่งที่เจาะรูไว้ การต่อ เหลก็ รองครอบผนังให้ต่อชนกันไม่ต้องซ้อนทับพุกพลาสตนกให้แน่นที่สุด ระวังอย่าตี ไปพลาดไปโดนขาเหลก็ รับครอบผนงั จะทําให้เสยี ระดับในการตดน ต้งั ครอบข้างผนงั (6) ยาด้วยซนลนโคนตามแนวร่องบ่าเหล็กรับครอบผนังและใช้ปลายเกรียงเหล็ก ปาดซลน นโคนให้เฉยี งลง 45 องศา เพ่ือปูองกันน้ําขังบรนเวณร่องบ่าเหล็กรับครอบผนัง ระวังอยา่ ใหซ้ นลนโคนเลอะบนหลังกระเบ้ือง

9 - 76 ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน (7) นําครอบขา้ งผนังวางบนบ่าเหล็กรับครอบผนังโดยให้ปลายด้านหัวครอบข้างผนังวางอยู่บนปลายกระเบื้องแถวบนประมาณ 1 ซม. และกําหนดแนวตนดรอบปลายครอบขา้ งผนังส่วนทีเ่ ลยออกมาให้ใช้ไฟเบอรต์ ัดปลายครอบสองข้างผนังให้เสมอกบั ปลายกระเบ้ือง พอดี (8) นาํ ตะแกรงเหลก็ ตาข่ายขนาด 10×15 ซม. ยึดตนดกับเหล็กรับครอบผนังวาง ปูนทรายทับเพ่ือใช้อุดปลายครอบข้างผนัง นําครอบข้างผนังที่ตัดไว้ตนดตั้งกลับคืน ตําแหนง่ เดมน ยึดครอบข้างผนังกบั เหลก็ รบั ครอบผนังด้วยตะปูเกลียว 2.5 น้นว ปลาย สว่านจาํ นวน 2 ตัว ให้แนน่ พอควรระวังครอบข้างผนังจะแตก (9) ตนดต้ังครอบข้างผนังถัดไป โดยวางบนบ่าเหล็กรับครอบผนังให้ปลายหัว ครอบข้างผนังวางอยู่บนปลายกระเบ้ืองแถวบนทุกแผ่นประมาณ 1 ซม. ยึดครอบ ข้างผนังกบั เหลก็ รบั ครอบดว้ ยตะปเู กลียว 2.5 น้นว ปลายสว่านทุกแผ่นๆ ละ 2 ตัวให้ แนน่ พอควร (10) เกบ็ สีหัวตะปูเกลยี วยึดครอบ รอยตดั ครอบจดุ ตา่ ง ๆ และปูนทรายที่อุดปลายครอบข้างผนังแผ่นแรกท่ีเชนงชาย ด้วยสีทาปูน ทรายใตค้ รอบให้เรยี บร้อย ระวังอยา่ ใหส้ ีเลอะบนครอบขา้ งผนังและกระเบ้ือง (11) ต้องตนดตั้งแปและฉาบผนังให้เสร็จเรียบร้อยก่อนและยังไม่ต้อทาสีรองพื้น ให้วัดระยะที่ผนังความสูงจากหลังแป 9.5 ซม. ทีผ่ นงั สําหรับตดน แผ่นปิดกนั รั่ว และ 11 ซม. สาํ หรับตนดต้ังเหล็กรับครอบผนัง ผนังที่ฉาบต้องเรียบสม่ําเสมอไม่มีการแตกร้าวบรนเวณท่ี ตดน ตง้ั ครอบโค้งผนงั (12) นําเหล็กรองครอบผนังมาทาบตามแนวเส้นระดับ 11 ซม. ใช้ดนนสอทําเคร่ืองหมายตามรูเจาะของเหล็กรองครอบผนังทุก รู เจาะรผู นงั ตามตาํ แหน่งด้วยสว่านไฟฟาู เจาะคอนกรีตดว้ ยดอกสวา่ น ขนาด Ø 3/16\" และเจาะรูลึกประมาณ 4 ซม. พร้อมเปุาฝุนปูน ออกให้หมด 12.2 การมุงหลังคากระเบ้อื งลอนคู่ 1) ขอ้ แนะนาในการตดิ ตงั้ หลงั คาลอนคู่ (1) ควรออกแบบให้หลังคามีความชันตั้งแต่ 20 – 40 องศา เพ่ือให้ตนดตั้งครอบโค้งสําเร็จรูปได้ หากความชันน้อยกว่า 20 องศา แต่ไมต่ ่าํ กว่า 15 องศา จะต้องใชค้ รอบปรบั มมุ (2) ตรวจสอบใหม้ ่นั ใจว่าโครงสร้างหลงั คาได้ฉาก โดยตรวจสอบ ท้ังหมด 4 จดุ ดงั น้ี - จุดท่ีสนั หลงั คาบรรจบกับปนั้ ลม ต้องเป็นมุมฉาก - จุดทเี่ ชงน ชายบรรจบกบั ปน้ั ลม ต้องเป็นมุมฉาก - จุดทเ่ี ชนงชาย 2 ด้าน มาบรรจบกนั ตอ้ งเปน็ มมุ ฉาก - แนวตะเข้ตอ้ งแบง่ คร่ึงมุมของเชนงชาย (3) ตรวจสอบให้มั่นใจว่าระนาบหลังคาได้ระดับเท่ากันตลอดทั้ง ผนื หลงั คา โดยตรวจสอบจนั ทันท้งั 2 แนว ดังนี้ - แนวจันทนั ไม่แอน่ และไม่ตกท้องชา้ ง - ระดับหลังจันทันแต่ละตัว มีระดับเท่ากัน ถ้าโครงสร้าง หลังคาได้ระนาบแล้ว จะทําให้ตนดต้ังหลังคาได้อย่างเรียบ สนนท และชว่ ยปูองกันการรัว่ ซึมได้

ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 9 - 77 (4) การจดั ระยะแป - กระเบือ้ งยาว 120 ซม. ระยะหา่ งของแปเท่ากับ 100 ซม. แปสุดท้าย 97 ซม. - กระเบือ้ งยาว 150 ซม. ระยะหา่ งของแปเทา่ กับ 130 ซม. แปสุดทา้ ย 127 ซม. โดยมีระยะซ้อมทบั ของกระเบ้ือง 20 ซม. (5) กระเบื้องแถวสุดท้ายให้ตนดตั้งปลายกระเบื้องเลยแปขึ้นไป ประมาณ 3 ซม. โดยให้ชนดกับขารองรับครอบให้มากที่สุด เพ่ือให้ ครอบโค้งมีระยะคลมุ กระเบอ้ื งได้มากทสี่ ดุ รูปแสดง : รายละเอยี ดการตดั มุมกระเบอ้ื ง 2) การตดิ ตั้งไม้เชิงชาย และชุดแผน่ ปิดเชงิ ชาย (1) ตดั จันทันให้ได้แนวชายคาตามต้องการ จากนั้นนาํ เอน็ มาขึงระหว่างจันทัน เพ่ือหาแนวระนาบเชงน ชาย (2) ตดน ตงั้ ไม้เนื้อแข็ง หรือเหลก็ ฉาก เข้ากับปลายจนั ทันให้เป็นแนวดง่น แล้วยึดด้วยตะปูเกลียวปลายสว่านมีปีก 28.5 มม. สําหรับ ไม้เนอ้ื แขง็ (3) ตดน ต้ังไม้เน้ือแขง็ หรอื เหล็กฉาก โดยตดน ตั้งให้ไดฉ้ ากกบั แนวจันทัน แล้วยดึ ด้วยตะปูเกลียวปลายสว่านมีปีก 28.5 มม. สําหรับ ไมเ้ น้ือแข็ง (4) ตนดตัง้ ไม้เชงน ชาย หนา้ กวา้ ง 8 นวน้ หรอื ตดน ไมป้ ดิ กันนกลอนคู่ โดยยดึ ด้วยตะปเู กลยี วปลายสว่านมปี กี 45 มม. จดุ ละ 2 ตัว (5) มุงกระเบื้องแถวล่างสุดให้เต็มและนําชดุ แผ่นปิดเชนงชายมาตดน กบั ไม้เชนงชาย หน้ากว้าง 8 น้นว ให้เข้ากับลอนกระเบื้อง โดยใช้ ตะปูขนาด 1 นน้ว ยึดแผ่นปิดเชนงชาย หรือใช้ไม้ปิดกันนกลอนคู่ มายึดกับไม้เชนงชายด้วยตะปูเกลียวปลายแหลม 38 มม. ทกุ ระยะ 30 ซม. (6) กรณใี ชไ้ ม้ปิดเชนงชายสําเร็จรูปให้ปิดทับด้วยไม้เชนงชายหน้ากว้าง 6 นน้ว โดยใช้ตะปูเกลียวปลายแหลม 38 มม. ยึดทุกระยะ 30 ซม. (กรณยี ดึ ตดน กบั จันทันให้ใชต้ ะปเู กลยี ว ปลายสว่าน 55 มม.) ให้ฝังจมในเนอื้ ไม้เชนงชาย (ชนดน หวั ฝังจม)

9 - 78 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน ตรวจสอบความได้ฉาก และระดบั ของโครงหลงั คา หลังคาทมี่ ีความลาดชัน 20 องศา เหมาะสาํ หรับ และตรวจสอบความลาดชันของหลงั คาใหม้ ั่นใจวา่ จนั ทันท่ยี าวไมเ่ กนน 10 ม. ในกรณีทจ่ี ันทันยาวกวา่ มคี วามลาดชนั ไมน่ ้อยกวา่ 20 – 40 องศา (กรณตี ่ํา 10 ม. ควรเพน่มความชนั ใหม้ ากกว่า 15 องศา กว่า 15 องศา ควรปรึกษาบรษน ัทผูผ้ ลนต) (7) เรน่มตนดตั้งแปตัวแรกที่เชนงชาย โดยหันด้านท่ีมีขอเก่ียวขึ้นด้านบน และยึดแปเข้ากับจันทันเหล็กด้วยตะปูเกลียวปลายสว่าน 13 มม. (ชนนดหัวหมุด) (8) ตนดต้งั แปตัวต่อไปดว้ ยตะปูเกลียวปลายสวา่ น 13 มม. โดยให้แปแต่ ละตัวมีระยะเทา่ กัน 100 ซม. (กรณีกระเบื้องยาว 120 ซม.) หรือ 130 ซม. (กรณกี ระเบ้อื งยาว 150 ซม.) (9) กรณีมีการต่อแป ให้ต่อแปบรนเวณจันทันเท่าน้ัน และซ้อนทับกัน ประมาณ 5 ซม. โดยทุบขาแปบรนเวณที่ซ้อนกันให้เรียบ แล้วยึด ด้วยตะปูเกลียวปลายสวา่ น 13 มม. (10) จัดระยะแปช่วงสุดท้ายให้มีระยะห่าง 97 ซม. และแปตัวบนสุด ห่างจากปลายยอดจันทนั 3 ซม. 3) หลงั คาทรงจว่ั : การตนดตั้งกระเบ้อื งลอนคู่ด้วยแป และคลนปล็อค (1) เก่ียวคลนปล็อค กับแป ตามรูป โดยกระเบ้ืองลอนคู่ 1 แผ่น ใช้ คลปน ล็อค 2 ตัว และทีแ่ ปแถวแรกให้ยึดคลนปล็อคกับแปด้วยตะปู เกลียวปลายสว่าน 13 มม. (2) เร่มน ตน้ มุงกระเบื้องแผน่ แรกให้ลอนควา่ํ เสมอแนวไมป้ ้นั ลม (ใชค้ ลปน ลอ็ ค 2 ตัวตอ่ แผน่ ) (3) มงุ กระเบื้องแถวลา่ งสุดจนเต็มแถว และแผ่นสดุ ทา้ ยของแถว ต้องจบให้ลอนยกห่างจากไมป้ ้นั ลม 2 ซม. (4) ใส่คลนปล็อค แถวท่ี 2 ใหค้ ลปน ล็อควางตรงกลางห้องลอน โดยไม่ตอ้ งใชต้ ะปเู กลยี วยึดคลนปลอ็ คกบั แปเหมอื นแถวแรก (5) มุงกระเบ้อื งแถวที่ 2 และแถวตอ่ ๆ ไป โดยใหม้ ุงเป็นแนวตรง ห้ามมงุ สลบั แผ่นเพราะจะทําใหห้ ลงั คาร่วั หรอื มงุ กระเบื้อง บ่นนแตกได้ (6) มุงกระเบือ้ งจนเต็มผนื หลังคา และบรนเวณทา้ ยต้องรักษาแนวลอนกระเบอ้ื งท้งั 2 ดา้ นให้ตรงกนั แล้วจึงยดึ ปลายกระเบ้อื ง แถวบนเข้ากับแปด้วยตะปเู กลยี วปลายสวา่ นมปี ีก 32 มม. (ชนดน หัวฝงั จม)

ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 9 - 79 4) หลงั คาป้ันหยา : การตนดต้ังกระเบื้องลอนค่ดู ว้ ยแป และคลนปลอ็ ค (1) เร่นมมุงหลงั คาจากแนวก่งึ กลาง โดยใชค้ ลนปล็อคทแ่ี ปแถวแรกแผน่ ละ 2 ตวั (2) อยา่ ลมื ยดึ คลปน ลอ็ คเขา้ กับแปดว้ ยตะปูเกลยี วปลายสวา่ น 13 มม. (3) มุงหลังคาแผ่นแรกให้สันลอนตรงกับแนวก่ึงกลางหลังคา และมุงแผ่น ตอ่ ไปจนเตม็ แถว (4) ยึดหัวกระเบ้ืองเข้ากับสะพานหนูด้วยตะปูเกลียวปลายสว่ านมีปีก 32 มม. และตัดแต่งให้มรี ะยะหา่ งประมาณ 3 ซม. (5) มุงกระเบ้ืองจนเต็มผืนหลังคา และบรนเวณแถวสุดท้ายต้องรักษาแนว กระเบอ้ื งท้งั 2 ดา้ นให้ตรงกัน แลว้ จงึ ยึดปลายกระเบ้อื งแถวบนเข้ากับแป ดว้ ยตะปูเกลยี วปลายสวา่ นมีปีก 32 มม. (6) บรนเวณสันตะเข้ตอ้ งรักษาแนวกระเบ้ืองทั้ง 2 ด้านให้ตรงกันเช่นเดียวกับ บรเน วณสันหลงั คา 5) การตดิ ตั้งหลงั คาลอนคู่ด้วยแปชนิดอน่ื (1) แปเหล็ก ขนาด C 75 x 45 x 2.3 - ต้องมงุ กระเบื้องใหเ้ ลยหวั แปประมาณ 5 ซม. เพ่อื จะได้ยดึ กระเบื้องทั้งแผ่นบน และแผ่นล่างปอู งกนั กระเบื้องตกแป - ยึดกระเบอ้ื งหลังคาท่ีสันลอนกลางด้วยชดุ ขอ ป.ปลา (2) แปไม้ ขนาด 1½ x 3 น้วน - มุงกระเบอ้ื งใหเ้ ลยหวั แปประมาณ 5 ซม. เพือ่ จะได้ยึดกระเบอื้ งทง้ั แผน่ บน และแผน่ ลา่ งปูองกันกระเบ้ืองตกแป - ยึดกระเบ้อื งหลงั คาทส่ี นั ลอนกลางด้วย ตะปูเกลยี ว - การตดน ตง้ั หลังคา ดว้ ยแปเหล็กตัวซี และแปไม้ ต้องเจาะกระเบื้องด้วยสวา่ น เสน้ ผา่ ศนู ย์กลาง 6 มม. - ใชป้ ระแจปากตายเบอร์ 10 ขนั น๊อต หรอื ตะปูเกลียว ใหแ้ นน่ พอตึงมือ แลว้ คลายออกครึ่งรอบ

9 - 80 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 6) การตดิ ตงั้ รางน้าตะเข้กลั วาไนซ์เคลือบสี สาหรบั หลงั คาลอนคู่ (1) ให้ทาํ ตะพานหนูคู่ ทมี่ รี อ่ งรางกว้าง 17 ซม. หรอื วดั ระยะจากศูนย์กลางตะเข้รางถึงขอบในของตะพานหนูข้างละ 8.5 ซม. โดย ใชว้ ัสดเุ ดยี วกนั กบั วัสดุท่ีทําแป และตนดตัง้ แปตามระยะท่ีคู่มอื ตดน ตงั้ กําหนด (2) เรนม่ วางรางนาํ้ ตะเขก้ ลั ปว์ าไนซ์เคลือบสีจากปลายดา้ นล่างของตะเข้รางก่อน โดยใหข้ อบปกี รางน้ําเสมอแนวเชนงชาย และยึดปีก รางทัง้ 2 ขา้ งเข้ากับแปด้วยตะปเู กลียวสาํ หรบั แปเหล็ก หรอื ตะปูตอกไม้สาํ หรบั แปไมท้ กุ ๆ ระยะ 100 ซม. (3) การต่อรางน้ําตะเข้กลั วาไนซ์เคลือบสี ใหว้ างรางนํ้าท่อนบนทับท่อนล่าง ให้มีระยะซ้อนทับไม่น้อยกว่า 20 ซม. ยาแนวรอยต่อ ด้วยซนลนโคน และยดึ ปกี รางนํา้ ทง้ั 2 ขา้ งด้วยตะปูเกลยี ว หรอื ใชล้ วดผูก (4) การต่อรางน้ําตะเข้กัลวาไนซ์เคลือบสี กรณีที่มีรางน้ําตะเข้มาจบกัน 2 ด้าน ให้ตัดปลายรางนํ้าตะเข้ทั้ง 2 ด้านในแนวเฉียง ประมาณ 45 องศา เพ่อื การต่อแบบเขา้ มุมด้วยกรรไกรสังกะสี แล้วนํามาตนดต้งั ให้ชนดกันมากท่สี ดุ (5) ให้ตดั แบ่งคร่ึงแผ่นปิดรอยตอ่ ตามแนวยาว จะไดแ้ ผ่นปิดรอยต่อขนาด 17.5 x 50 ซม. จํานวน 2 แผ่น แล้วใช้แผ่นปิดรอยต่อท่ี ตัดแบ่งคร่ึงแล้วตนดบนรอยต่อบรนเวณหัวรางนํ้าตะเข้มาจบกัน โดยเร่นมตนดแผ่นแรกจากขอบปีกรางนํ้าด้านล่างไปตามแนวรอยต่อ แล้วรีดใหแ้ นบสนนทกบั รางนํา้ ตะเข้ (6) จากนั้นตนดแผ่นที่ 2 โดยให้มีระยะซ้อนทับแผ่นแรก 10 ซม. ตอ่ ไปจนสุดขอบด้านบน รีดแผ่นปิดรอยต่อให้แนบสนนทไปกับราง นาํ้ ตะเข้ตลอดแนว (7) กรณีเป็นรางนํ้าตะเข้แบบด้านเดียว ให้พับปลายขอบที่ บรเน วณรอ่ งรับน้ําของรางนํ้าตะเข้กัลป์วาไนซ์เคลือบสี เพ่ือทําเป็น คันกั้นน้ําและยึดปีกรางน้ําทั้ง 2 ข้างเข้ากับแปคู่บนด้วยตะปู เกลียวสําหรับแปเหลก็ หรอื ตะปตู อกไม้สําหรับแปไม้ (8) การตดั แตง่ ปลายรางนํา้ ตะเขก้ ัลวาไนซเ์ คลือบสี กรณีทป่ี ลายรางนา้ํ ตะเข้อย่บู นหลงั คากระเบ้ือง ให้ตัดปลายรางน้ําให้คลุมหลัง กระเบ้อื งผนื ลา่ งไม่น้อยกว่า 20 ซม. พร้อมตัดปลายรางใหแ้ บ

ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 9 - 81 7) การตดิ ตัง้ ครอบบรเิ วณสันหลงั คาดว้ ยชุดติดตง้ั ครอบโค้งสาเรจ็ รปู (1) ตนดชดุ ครอบลอนคูก่ บั จนั ทันทกุ ระยะ 100 ซม. ให้สงู กว่าหลงั แปประมาณ 10 ซม. (2) ยดึ เหลก็ ซี-ลายน์ รบั ครอบดว้ ยตะปเู กลยี วยดึ ขาเหล็ก / โครงเหล็กขา้ งละ 2 ตวั (3) กําหนดแนวของครอบโค้งสนั หลงั คาทข่ี อบท้ัง 2 ดา้ น (4) ตดน ตัง้ ยึดครอบโค้งสันหลังคาด้วยตะปูเกลยี วยดึ ครอบ ท่รี ะยะ 15 ซม. จากหวั ครอบ (5) ตดน ครอบโคง้ แผน่ ตอ่ ไป โดยวางครอบใหล้ งลอนกระเบอ้ื ง จดั ระยะให้มีชว่ งซอ้ นทับเท่ากัน และแนวสันหลังคาต้องเป็นเส้นตรง จนตลอดท้ังแนวสนั หลงั คา (6) ตนดครอบโค้งปดิ ปลายบรนเวณจ่ัว โดยยดึ ครอบดว้ ยตะปูเกลยี วยึดครอบ เมือ่ ตนดครอบขา้ ง และครอบสนั โคง้ จนครบ 8) การติดต้ังครอบบริเวณสันตะเขด้ ้วยชดุ ติดตัง้ ครอบโคง้ สาเร็จรูป (1) ตดน ชุดครอบตะเข้เข้ากับแนวตะเขส้ ัน ให้สงู กว่าหลังแป ประมาณ 10 ซม. ทกุ ระยะไม่เกนน 100 ซม. (เหมอื นสันหลังคา) (2) ตนดต้ังครอบโค้งตะเข้โดยเร่นมจากปลายล่างสุดของแนวสันตะเข้ กาํ หนดแนวขอครอบโค้งตะเข้ทข่ี อบทัง้ 2 ดา้ น (3) ตดน ตั้งครอบโค้งตะเข้ โดยเรน่มจากปลายล่างสุดของแนวสันตะเข้ ดว้ ยตะปเู กลียวยึดครอบ (4) ตนดครอบโค้งตะเข้ตัวต่อไป โดยจัดให้ลงลอน และยึดด้วยตะปู เกลียวยึดครอบ (5) ตดน ครอบโค้งตะเข้ให้ครบทุกตัว และพยายามรักษาแนวครอบให้ ตรงเป็นแนวเดียวกัน (6) ตนดครอบโค้งปิดปลายบรนเวณปลายตะเข้ โดยยึดครอบด้วยตะปู เกลียวยึดครอบ

9 - 82 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9) การตดิ ตั้งครอบขา้ ง ดว้ ยชุดตดิ ต้ังครอบโคง้ สาเรจ็ รูป (1) สาํ หรบั หลงั คาทรงจัว่ หลังจากมงุ กระเบ้อื งลอนคู่ และตนดต้งั ไม้ปั้นลมแลว้ ใหต้ ดน ตงั้ ครอบขา้ งที่บรนเวณปั้นลม (2) ตนดตั้งครอบข้างปิดชายที่ปลายข้างล่างปั้นลมเป็นแผ่นแรก โดยยึดครอบ กับไมป้ ัน้ ลมดว้ ยตะปูเหลียวปลายแหลม 38 มม. (3) วัดระยะจากชายบนของครอบ 10 ซม. ใช้ดนนสอขีดแนวซ้อนทับของครอบ ขา้ งแผน่ ต่อไป (4) ตนดครอบข้างแผ่นต่อไป โดยให้มีระยะซ้อนทับครอบข้างปิดชาย 10 ซม. ยดึ ดว้ ยตะปเู กลยี วปลายแหลม 38 มม. (5) ตดน ครอบขา้ งแผน่ ต่อไปจนเกือบถึงสนั หลงั คา เว้นแผน่ บนสุดไวด้ า้ นละ 1 ตัว (6) ครอบตัวสุดทา้ ยจะต้องตดน หลังจากที่ตนดต้ังครอบสันโค้งเรียบร้อยแล้ว โดยให้ตัดขอบด้านข้าง และด้านหน้า (วัดตัดหน้างาน) เพ่ือให้ตดน ตัง้ เข้ากบั ครอบสนั โคง้ พอดี 10) การตดิ ตั้งครอบโคง้ 3 ทาง / ครอบโค้ง 4 ทาง และครอบชนผนัง ดว้ ยชุดตดิ ต้ังครอบโคง้ สาเรจ็ รูป (1) การตดน ตง้ั ครอบโคง้ 3 ทาง - ตนดตัง้ ครอบโค้ง 3 ทางทบั ครอบโค้งตะเข้ ใชต้ ะปูเกลยี วยึดครอบ ยดึ ครอบโค้ง 3 ทางกับตะเขพ้ รางท้งั 2 ด้าน และอกไก่พราง (2) การตนดตง้ั ครอบโคง้ 4 ทาง - ตนดต้ังครอบโค้ง 4 ทางทบั ครอบโคง้ ตะเข้ ใช้ตะปเู กลียวยดึ ครอบ ยดึ ครอบโคง้ 4 ทางกบั ตะเข้พรางท้งั 4 ด้าน (3) การตนดต้ังครอบชนผนัง กรณเี ป็นผนงั กอ่ อนฐฉาบปนู ใชต้ ะปูเกลียวยึดครอบ กรณเี ปน็ ผนังไม้ฝา ให้สอดครอบชนผนังไว้ดา้ นใน 1 ตวั ตอ่ ครอบ ชนผนงั 1 แผ่น ยึดบรเน วณลอนกลาง ของผนังไมฝ้ า สาํ หรบั ครอบขา้ งใหท้ ําการตนดตงั้ แผน่ โดยทนศทางการมุง เชน่ เดยี วกบั ทศน ทางการมุง เมื่อครอบชนผนังตดน ตั้งเสรจ็ แลว้ หลงั คาลอนคู่ พร้อมตดน ตั้งแฟลชช่นงกนั นา้ํ ด้านบน 11) การตดิ ตั้งแผ่นปิดรอยตอ่ สาหรับหลงั คาทุกชนิด (1) บรนเวณตะเข้สันชนปีก ค.ส.ล. ให้เว้นระยะห่างระหว่างครอบสันโค้งกับแนวปีก ค.ส.ล. 3 ซม. พับปลายแผ่นปิดรอยต่อ สอดเขา้ ใต้ปีก ค.ส.ล. แล้วรดี แผน่ ปดิ รอยตอ่ ให้แนบสนทน กบั ครอบสนั โค้ง และผนื กระเบ้ือง (2) บรเน วณตะเขส้ นั ชนปั้นลม ใหส้ อดแผ่นปิดรอยต่อเข้าใตป้ ้ันลม และปดิ บนครอบสันโค้ง จากนั้นรดี แผน่ ปิดรอยตอ่ ใหแ้ นบสนนทกับ ครอบสันโคง้ และผนื กระเบ้อื ง (3) บรนเวณสันหลังคาชนปีก ค.ส.ล. ให้ตนดครอบสันโค้งจนถึงแนวปีก ค.ส.ล. 3 ซม. จากน้ันพับปลายแผ่นปิดรอยต่อเล็กน้อย สอดเขา้ ใต้ปีก ค.ส.ล. แล้วรดี แผ่นปิดรอยตอ่ ให้แนบสนนทกับครอบสันโค้ง และผนื กระเบื้อง (4) บรเน วณหน้าบันไม้ ให้สอดแผน่ ปิดรอยตอ่ เขา้ ไปในหน้าบนั สูงประมาณ 20 ซม. และใหม้ ีระยะซ้อนทับด้านข้างประมาณ 5 ซม.