ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 9 - 83 12.3 การมงุ หลงั คากระเบ้อื งโปรง่ แสง ข้ันตอนการตดิ ตัง้ แผน่ หลังคาโปร่งแสง 1) ควรตนดต้งั แผ่นเหล็กให้หมดเสยี กอ่ น และเหลือช่องวา่ งไว้ สาํ หรับแผ่นหลังคาโปร่งแสง นําแผ่นหลังคาโปร่งแสงมาวางเข้าท่ีให้ ดา้ นข้างทง้ั สอง ซอ้ นบนแผ่นเหล็กแล้วจึงยึดด้วยสกรูต่อไป 2) สว่ นรขู องสกรูจะตอ้ งเจาะไว้กอ่ นและมขี นาดใหญ่กวา่ แกนสกรู 3 - 6 มม. เพ่อื ใหแ้ ผ่นหลังคาโปรง่ แสงสามารถยึดหรือหดตัว 3) การยดึ แผน่ หลงั คาโปร่งแสงทกุ แบบจะตอ้ งใส่สกรเู กลยี วยดึ ทุกสันลอนและควรจะใส่แหวนยาง ขนาด 32 มม. ด้วย 4) ถ้าจะต้องต่อแผ่นหลังคาโปร่งแสง รอยต่อจะต้องอยู่บนแปหรือคร่าว ระยะต่อแผ่น คือ 30 ซม. รอยต่อจะต้องตนดโฟม เคลือบกาว 2 แนว หมายเหตุ : - กรณที ี่หลังคาลาดเอยี งนอ้ ยกว่า 3 องศา ไม่ควรใหม้ ีการต่อแผ่น - ความยาวที่เหมาะสมของแผน่ ไมค่ วรเกนน 15 ม.
9 - 84 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 12.4 การตดิ ต้งั หลังคาเหลก็ รีดข้ึนรปู รปู แสดง : ภาพผนัง และหลงั คาเหลก็ เคลือบรีดลอน (Metal Sheet) แผ่นหลังคาเหล็กเมทัลชีทแต่ละแผ่น จะซ้อนทับต่อกันไปตามแนวนอนตามความยาวของตัวอาคาร โดยจะปูจากจากด้าน ล่างสดุ ชดน ด้านจว่ั ดา้ นใดดา้ นหนง่ึ ไปจนจรด หรือ จบท่ีอีกด้านจั่วหนง่ึ ในการมงุ หลังคาแบบการเรียงต่อด้านข้างในแนวนอน หรือแนว ยาวของตัวอาคาร แผ่นหลังคาเหล็ก ท่ีวางถัดไปตอ่ จากแผน่ กอ่ นหน้านน้ั จะปทู บั ข้างบนไปเรือ่ ยๆ (เราจะไม่ใช้วนธีวางสอดแผ่นถัดไปใต้ แผ่นหลังคาเหลก็ กอ่ นหน้า) หากแผ่นหลังคาเหลก็ ไมไ่ ดม้ ีความยาวพอ ตลอดแนวเอยี งลาดของหลงั คาจาํ เปน็ ต้องมีการต่อแผ่นให้ยาวออกไป เราก็ต้องมุง แนวใหมท่ ่ีสูงข้นึ ไปจากแนวเดมน เพ่อื ต่อแผน่ หลงั คาเหล็กให้ยาวตลอดแนวลาดเอียงของหลังคา แนวใหม่ท่ีอยู่ด้านบนจะวางซ้อนทับไป บนแนวดา้ นลา่ งกอ่ นหนา้ โดยการต่อแผ่นไปตามความยาวของแผน่ ตอ้ งตอ่ กนั บนบรเน วณแปทีร่ องรับขา้ งลา่ ง เพ่ือความแข็งแรง โดยมี การตอ่ แผ่นไปตามแนวนอนหรือแนวยาวของตัวอาคาร โดยการซ้อนทับท่ีบรนเวณสันลอน และ ยึดแผ่นหลังคาเหล็กด้วยสกรูที่บรนเวณ สนั ลอน ซงึ่ จะเหน็ ไดว้ ่าเป็นลักษณะคล้ายกับการเรียงแผ่นกระเบ้อื ง 1) เหลก็ เคลือบทีใ่ ชใ้ นการผลิตมี 2 กลุม่ (1) เหล็กเคลือบอลูซงน ค์ มีสารเคลอื บ อลูมนเนยี มชว่ ยเป็นเกราะปูองกนั การกัดกร่อนที่เกนดจากการทําปฏนกนรนยาระหว่างอากาศ และตัวเนอื้ เหล็ก และ สังกะสชี ว่ ยปอู งการกดั กรอ่ นบรนเวณขอบตัด และรอยขีดขว่ น โดยสารประกอบสังกะสีจะสร้างตวั ตรงบรนเวณขอบ และปูองกนั การกัดกรอ่ นที่เน้ือเหลก็ (2) เหล็กเคลอื บสี เป็นผลนตภณั ฑ์ท่เี หมาะสมกับงาน Design ดว้ ย มหี ลายเฉดสี และรองรับกับสภาพแวดล้อมที่ต้องการวัสดุที่ ทนทานตอ่ การกดั กร่อนเปน็ พนเศษโดยเฉพาะอาคารท่อี ย่ใู กลท้ ะเล และบรนเวณที่มกี ารกดั กรอ่ นจาก สารเคมี กรด หรอื ดา่ ง ชนิดของหลงั คาเหล็ก, เมทลั ชีท (Metal Sheet Type) หลังคาเหล็กแผ่นและผนัง (Metal Sheet / เมทลั ชที ) หลงั คาเหล็ก ระบบยนงสกรู (Bolt System) หลงั คาเหล็ก ระบบยึดลอ็ ค (Bolt Less System) รูปแสดง : ภาพหลังคาเหล็กแผ่น และผนงั หลังคาโปรง่ แสง (Skylight) แผ่นบานเกล็ด (Louver) แผน่ ครอบ (Flashing) แผน่ หลงั คาดดั โค้ง (Curved Roof) สกรยู ดึ หลงั คา (Screw)
ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 85 2) ขั้นตอนการติดตั้งหลังคาเหล็กรดี ขน้ึ รูป (เมทัลชีท) ขน้ั ตอนที่ 1 วางแผ่นหลังคาเหลก็ แผ่นแรกลงบนแปหลังคา นนยมเอาดา้ นขา้ งของหลังคาเหล็กทเ่ี ปน็ ด้านท่ี โดยปกตนจะใช้ประกบ ซ้อนทับด้านบน ชนดด้านใดด้านหน่ึงของด้านจ่ัวของหลังคาทางตอนล่างที่ชายหลังคา (แนวด้านข้างของแผ่นด้านนี้จะไม่มีปีก แหงนขึ้น ซ่งึ อาจเรยี กด้านน้วี า่ ลอนตัวเมยี อย่างไรก็ตามเพื่อไมใ่ หส้ บั สน ใหย้ ึดหลักว่าจะไม่เอาดา้ นทีเ่ ปดิ แหงนรับนา้ํ อยูด่ า้ นบน) ขั้นตอนที่ 2 แผน่ หลังคาเหลก็ แผน่ แรกน้ี ควรยนื่ เลยออกมาจากข้างนอกหลังคาบ้านเล็กน้อยประมาณ 6 - 10 ซม. หรือพาด พน้ แปตัวทา้ ยท่อี ยู่ดา้ นล่างออกมา เพ่ือปกปอู งแปหลงั คาไมใ่ หโ้ ดนฝน ข้นั ตอนท่ี 3 ยนงสกรตู ัวยาวเข้าท่แี นวกลางของสันลอนหลังคา การยึดแผ่นหลังคาด้วยสกรู จะยนงสกรูยดึ หลังคาเหล็กบนสันลอน แบบยงน สนั เวน้ สนั บรนเวณบนแนวแป ตลอดแนวแผ่นหลงั คาเหล็ก ท้งั นีแ้ นวสันลอนสุดทา้ ยด้านข้างน้ัน ยังไม่ถูกยึดด้วยสกรู รอจนกว่า แผ่นถัดไปจะมาเรียงซอ้ นทบั บนสนั ลอนด้านข้างนี้ ให้ได้แนวเสียกอ่ น แลว้ จงึ จะถูกยดึ ตรงึ สนั ลอนของท้งั สองแผ่นดว้ ยสกรู ขั้นตอนท่ี 4 การวางแผ่นหลงั คาเหลก็ แผ่นทีส่ อง จะวางถัดตอ่ ไปจากแผ่นหลงั คาเหลก็ แผ่นแรก ซึ่งแผ่นหลังคาเหล็กแผ่นท่ีสองน้ี จะทับไปบนแผ่นแรกหนึ่งสันลอน โดยการวางจะหันเอาสันลอนด้านข้างของแผ่นหลังคาแผ่นท่ีสอง (ในส่วนที่เป็นด้านที่จะใช้วางทับ ด้านน้ีจะไม่มีส่วนของปีก แหงนแอ่นข้ึน กระทําในลักษณะเดียวกันกับการวางแผ่นแรก) ประกบไปบนสันลอนด้านข้างสุดของแผ่น หลังคาเหลก็ แผน่ แรก ชั้นตอนที่ 5 ในกรณีที่แผ่นหลังคาเหล็กมีห้าสันลอน จะยนงแผ่นหลังคาเหล็กด้วยสกรูบรนเวณสันหลังคา ท่ีแนวแรก (แนวท่ี1) แนวกลาง (แนวท3ี่ ) และ แนวสนั สดุ ทา้ ย(แนวท5ี่ ) ขน้ั ตอนท่ี 6 การมุงแผน่ หลังคาเหลก็ แผน่ ทีส่ าม และแผน่ ต่อๆไปก็ทาํ ในลกั ษณะเดยี วกนั การปูแผน่ หลังคาเหล็กแผ่นท่สี อง ขน้ั ตอนท่ี 7 ในทุกๆระยะ 5 แผ่น หรือ ทุกระยะ 4 - 5 ม. ควรทําการตรวจสอบแนวของการเรียงแผ่นหลังคาเหล็กว่าได้แนว หรอื ไม่ ทงั้ น้ีชา่ งผตู้ นดต้ังแผน่ หลังคาเหล็ก อาจจะขงึ แนวเชอื ก หรือ ใชส้ ายเมตรวดั แลว้ ใช้ดนน สอ ขดี เขียนเพื่อกําหนดตําแหน่งและแนว การจัดเรยี งแผน่ ในแต่ละช่วง ขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสําคัญ โดยเฉพาะอย่างย่นงการมุงแผ่นโค้ง ช่างผู้ตนดต้ังแผ่นหลังคาควรจะไล่เรียง แผ่นหลังคา ให้ไดแ้ นวกอ่ นโดยอาจใชค้ ีมช่วยจับยดึ หรือ ลอ็ คตําแหน่งใหด้ ีกอ่ นการยนงแผ่นหลงั คาเหล็ก เน่ืองจากแผ่นหลังคาโค้งมีการ บดน ตวั สูง ขั้นตอนที่ 8 เมื่อมุงแผ่นหลังคาเหล็กต่อกันไปเร่ือยๆ ไปจนสุด ด้านจั่วอีกด้านหนึ่ง หากแผ่นหลังคาเหล็กยาวเกนนออกไป กส็ ามารถตดั แต่งสว่ นเกนน ของแผน่ หลังคาเหล็กออกโดยใช้กรรไกรตัดเหล็ก ข้นั ตอนที่ 9 หากมีการต่อแผ่นหลังคาเหล็กเพ่ือไห้ยาวออกไปตามแนวลาดเอียง ก็จะมีการการปูหรือมุงแผ่นหลังคาเหล็ก ในแนวนอนทเี่ ป็นแนวใหม่ในระดบั สงู ข้ึนไป การตอ่ แผ่นหลงั คาเหลก็ โดยการเร่นมปหู รือมุงแนวใหม่น้ี แผ่นหลังคาเหล็กจําเป็นต้องมีการ ซ้อนทับกนั ประมาณ 15-20 ซม แนวการต่อแผ่นหรือการซ้อนกับแผ่นหลังคาต้องต่ออยู่บนแนวแปหลังคา และจําเป็นต้องยึดหลังคา เหลก็ ในแนวตอ่ แผ่น ดว้ ยสกรูทุกสันลอน ตั้งแตส่ ันลอนแรกถึงสันลอนสุดทา้ ย เพื่อปูองกันลมตี และการไหลย้อนกลับของน้าํ ฝน ขน้ั ตอนท่ี 10 หลังจากทีม่ งุ แผ่นหลงั คาแล้ว ก็จะเหลอื การปิดรอยต่อ การต่อมุม การหลบมุม หรือช่องว่างต่างๆ ด้วย การตนดตั้ง แผ่นครอบ หรือแผ่นแฟลชช่นง Flashing Metal Sheet เพื่อปูองกันนํ้าฝน ร่ัวซึม เช่น แผ่นครอบจั่ว และครอบมุม และในบางครั้ง กท็ าํ เพอื่ ความสวยงาม เชน่ การตนดแผ่นครอบข้างของแผ่นหลงั คาเหล็กท่ยี นื่ ออกไปนอกตวั อาคาร
9 - 86 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 3) วธิ ีติดตั้งหลงั คา แบบยงิ สกรู (1) ตดน ตัง้ แผน่ หลังคาแผ่นแรกโดยใช้ (2) ยดึ สกรทู ุกๆ สันลอนบรเน วณแปปลาย ลอนตัวเมยี อยู่หน้าจ่วั เชค็ ปลายแผน่ และแปเดี่ยว ส่วนแปกลางให้ยดึ สกรู ของหลงั คาให้ย่นื ลํ้าอย่างเหมาะสม ลอนเวน้ ลอน (3) นาํ แผ่นหลงั คาแผน่ ทส่ี องวางซ้อนทบั (4) ทําการยดึ สกรูบรนเวณซอ้ นทบั ทุกสนั ลอน แผ่นแรกโดยให้ลอน ตัวเมียทบั ลอน ตวั ผ้ขู องแผ่นแรก (5) หลังตดน ตั้งแผน่ หลงั คาไปประมาณ 5 แผ่น ควรเช็คแนวระดับ ทุกๆ ระยะว่าไดฉ้ ากหรอื ไม่
ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 9 - 87 5) วธิ กี ารตดิ ตัง้ หลงั คา แบบล็อก (1) ตนดต้ังแผ่นหลังคาแผ่นแรกโดยให้หันลอนตัวเมียของแผ่นไปยังชายท่ีตนดตั้งเรน่มเจาะยึด Connector แถวแรก (Connector 1 ชนน้ บนแตล่ ะแป) ทัง้ หัวและท้ายแถวเพอ่ื เป็นหลักในการขงึ เชือกกําหนดเส้นตรงของแถว Connector และ ยึด Connector สําหรับ แปทเี่ หลอื ทงั้ หมดของแถวนัน้ โดยขา Connector ดา้ นสนั้ อยู่ดา้ นใกลเ้ ชงน ชาย (2) วางแผน่ หลงั คาแผน่ แรกลงบน Connector ทีย่ ดึ ไวแ้ ลว้ จดั ระยะโดยให้ปลายแผน่ ย่ืนลาํ้ อย่างเหมาะสม หรอื 1 ใน 3 ของความ กวา้ งรางน้าํ แล้วกดล็อคลอนหลังคากับ Connector ใหใ้ ช้เทา้ เหยียบบนสนั ลอนกลางทอ่ น (3) เจาะยึด Connector แถวถัดไปโดยให้ขาด้านส้ันของ Connector ทับบนลอนของแผ่นแรกที่เพน่งตนดต้ังไปหากตําแหน่ง ของ Connector ตรงกับรอยปมุ นูนใหเ้ รยี บ เพ่อื Connector จะได้สวมทบั ลอนไดส้ นทน (4) วางแผ่นที่ 2 ลงบน Connector แถวท่ี 2 จัดให้ปลายแผ่นเสมอกันเป็นเส้นตรงอาจใช้เชือกขึงเพื่อช่วยจัดระยะของแผ่นแรก โดยเดนน ไปตามความยาวแผน่ และทับสลบั ลอนตวั เมีย และลอนตัวกลางสลับกันไปตนดตั้งแผ่นถัดไปโดยปฏนบัตนตามข้ันตอน ที่ 3 และ 4 ควรตรวจเช็คแผน่ เป็นระยะวา่ ตดน ตง้ั ได้แนวตามโครงสรา้ งหลงั คาหรือไม่ (5) การตดน ตั้งแผ่นสุดท้าย หากเกนดช่องว่างท่ีเหลือของโครงสร้างมีขนาดไม่พอดีกับความกว้างของแผ่นหลังคา หรือกว่าคร่ึงของ แผน่ ใหต้ ดน ตามความยาวถดั จากลอนตวั กลางพอประมาณ แล้วตนดตง้ั ลงบน Connector แถวสดุ ทา้ ยถ้าหากชอ่ งว่างที่เหลือมี ขนาดแคบ กว่าคร่งึ หนงึ่ ของความกว้างใหใ้ ช้ขา Connector ที่ตัดเอาด้านสนั้ ยึดลอนสุดทา้ ยได้เลย จากน้ันจึงใช้แผ่นครอบ เชนงชายปิดทับอีกคร้ัง หน่งึ
9 - 88 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 13. งานฝ้าเพดานและฝาผนงั 13.1 การกรุฝา (ทัว่ ไป) 1) ฝากระเบือ้ งใยหนนแผ่นเรียบ ฝาไม้วนทยาศาสตรต์ ้องกรุโดยวางจากกงึ่ กลางหอ้ ง โดยใหเ้ ศษทเ่ี หลืออยตู่ อนรนม 2) แนวรอยต่อต้องเปน็ เส้นตรง และเซาะร่องตวั วี เวน้ ฝากระเบ้ืองใยหนน แผน่ เรยี บให้ยาแนวด้วยซลน นโคน 3) โครงเครา่ ฝาให้วางหา่ งกนั ระยะ 60 x 60 ซม. หรือตามแบบ 4) กระเบื้องใยหนน แผน่ เรียบ ให้ผนวเรียบอยดู่ ้านนอก ส่วนไม้วทน ยาศาสตรใ์ หล้ ายอย่ดู ้านนอก รปู แสดง : การตนดต้งั โครงเคร่าและกรุฝากระเบ้ืองใยหนน แผน่ เรียบ ท่มี า : ตรวจสภาพผนัง , http://www. baanlaesuan.com , 2554 13.2 การกรุกระเบอ้ื งแผน่ เรียบหรอื กระเบ้อื งใยหนิ (Asbestos) 1) ถ้าแบบรปู ไมไ่ ด้กาํ หนดไว้ใหใ้ ช้ไมเ้ คร่าขนาด 1 1/2\" x 3\" ระยะ 60 x 60 ซม. (ทาน้ํายากนั ปลวกเรียบรอ้ ย) 2) ตดน แผน่ กระเบื้องให้ผวน เรยี บอย่ดู า้ นนอก 3) รอยต่อเว้นชอ่ งตามแนวเคร่าไม้ 1 ซม.หรือ เซาะรอ่ งเปน็ ตวั V และไสกบลบมุม 4) การตดน แผน่ กระเบ้ืองให้เรม่น จากกึ่งกลางหอ้ ง และการตอกตะปูให้ตอกจากก่งึ กลางแผน่ กระเบอื้ งแลว้ ตอกไล่ ทง้ั 2 ขา้ ง พรอ้ มกนั และตอกมุมหา่ ง 10 ซม. รปู แสดง : การกรกุ ระเบือ้ งแผ่นเรยี บ ทีม่ า : วสั ดุทาํ ผนังเบา : ยนปซัมบอร์ด Ggypsum Board , http://baannaifun.blogspot.com , 2554
ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 89 13.3 การกรผุ นงั ด้วยกระเบอ้ื ง (Facing Tile) 1) กระเบื้องเคลอื บ กระเบอื้ งเซรามนคก่อนกรุจะตอ้ งทําความสะอาดผนังก่อน คอื ปูนผวน ชน้ั แรกของกําแพงฉาบปูนช้ันแรก หนา 1 ซม. 2) ขูดผนวปูนทฉ่ี าบกําแพงกอ่ นปนู แหง้ เพือ่ เตรียมเกาะปูนฉาบครั้งท่ี 2 3) ฉาบปูนผนงั คร้ังท่ี 2 ทําเชน่ เดียวกันกบั ขนั้ ที่ 1 แตต่ ้องเหลือระยะไว้ใหพ้ อดีกบั ความหนาของกระเบือ้ งเคลอื บ 4) ก่อนกรุกระเบื้องให้รดนํ้าผนวผนังกําแพงท่ีฉาบข้ันท่ี 2 แล้วโบกปูนกรุผนังให้มีระยะเสมอกับระยะความหนาของ กระเบอ้ื ง (หนาไม่เกนน 2 ซม.) 5) กอ่ นกรุกระเบอ้ื งใหน้ ําไปแชน่ าํ้ ก่อนแล้วฉาบหลังกระเบอ้ื งทนั ที 6) รอยตอ่ ทีป่ ูกระเบื้องห่างกนั ไม่เกนน 3 มม. ปแู ลว้ ยาแนวด้วยซเี มนต์ยาแนวใหเ้ รยี บร้อย 7) ปแู ลว้ รบี ทําความสะอาดกอ่ นสว่ นทเ่ี ลอะสกปรกจะแห้ง แล้วขดั ทําความสะอาดโดยเชด็ ให้แห้ง 8) การกรุผนงั ดว้ ยกระเบ้ือง (Facing Tile) โดยใช้กาวผงสําเร็จรูป ผสมซีเมนต์ ทราย นํ้า ต้องปฏนบัตนตามข้อกําหนดของ บรนษทั ผ้ผู ลตน จําหน่าย รูปแสดง : การกรุกระเบอื้ ง ทีม่ า : คมู่ ือการตรวจการจ้างและการควบคมุ งานกอ่ สร้าง กองอาคารและสถานที่, สํานกั งานอธกน ารบดี มหาวทน ยาลยั ขอนแก่น , 2554
9 - 90 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 13.4 การกรุฝาผนงั ยปิ ซัม่ (Gypsum Board) 1) ตรวจดูว่าแผน่ ยปน ซ่ัมท่ีนํามาใช้มี ชนนด ขนาด และความหนา ตามแบบกําหนด 2) กําหนดแนวผนงั ที่พน้ื และเพดาน รูปแสดง : การกําหนดแนวผนังทพ่ี ื้นและเพดาน ทมี่ า : คมู่ ือการตนดต้ัง บรษน ัท Siam Gypsum 3) ตนดต้ังโครงคร่าวตัว U ทพ่ี ้ืนและเพดาน 4) ตนดตงั้ โครงคร่าวตัว C ในตวั U ระยะหา่ ง 60 ซม. รูปแสดง : การตนดตัง้ โครงครา่ วตัว U ทพี่ น้ื และเพดาน และโครงคร่าวตัว C ในตวั U ระยะหา่ ง 60 ซม. ทีม่ า : คู่มือการตนดต้ัง บรษน ทั Siam Gypsum 5) ตดน ตัง้ แผ่นยนปซม่ั ความหนาไมน่ อ้ ยกวา่ 12 มม. ยกขอบแผ่นลอยอย่างนอ้ ย 1 ซม. 6) ยึดแผ่นยนปซั่มกบั โครงคร่าวดว้ ยสกรู โดยขอบยนปซม่ั ยึดทุกระยะ 20 ซม. กลางแผน่ 30 ซม. 7) ฉาบรอยต่อแผน่ และหัวสกรดู ว้ ยปนู ฉาบ (ยนปซ่ัม) รูปแสดง : การตนดต้ังและการฉาบแผน่ ยปน ซั่มบอร์ด ที่มา : คูม่ อื การตนดตั้ง บรษน ทั Siam Gypsum
ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 9 - 91 13.5 การกรแุ ผน่ ดูดซับเสียง (Acoustic Board) 1) เครา่ ฝูาเพดานระยะ 30 x 30 ซม. จากศนู ย์กลางถึงศนู ยก์ ลาง ขนาดไม้เครา่ 1 1/2\" x 3\" หรือตามแบบกาํ หนด 2) วางแนวสมา่ํ เสมอจากกลางหอ้ งไป 2 ข้างเทา่ กัน 3) ยึดแผ่น Acoustic Board ตนดเคร่าดว้ ยตะปู 4) หรอื ปฏบน ตั นอยา่ งอ่ืนตามแบบกําหนด รูปแสดง : การกรุแผน่ Acoustic Board ท่ีมา : ฉนวนควบคมุ เสยี ง Cylence , http://www.banseekeaw.co.th , designlikeus.com , 2554 13.6 การกรฝุ า้ เพดานกระเบอื้ งแผน่ เรียบ 1) กอ่ นการตนดต้งั กระเบอ้ื งแผ่นเรียบ ตอ้ งตรวจสอบแนวครา่ วเพดานใหไ้ ด้ระดบั เสียกอ่ น ไม้คร่าวตอ้ งเปน็ ไมท้ ี่แห้งแล้ว พอสมควร ขนาด 1 1/2 นวน้ x 3 น้นว หรอื โตกว่า ต้องไม่บดน คดหรอื งอ ไมค่ วรวางไมค้ รา่ วใหห้ า่ งกันเกนน 60 ซม. 2) การตอกตะปกู ระเบื้องแผน่ เรยี บฝูาเพดาน ควรเร่มน ตอกตะปจู ากรนมแผ่นกระเบ้ืองด้านยาวกอ่ น แล้วจงึ ค่อยตอกไล่ไป ตามดา้ นกว้าง 3) การตดั -เจาะ และตนดต้ัง ชนนดหนา 6 มม. หรือ 8 มม. ก่อนตอกตะปูควรใช้สว่านเจาะรูเสียก่อน และ ตะปูท่ีตอกควร เป็นตะปูหัวแบนยาว 1 น้วน สว่ นกระเบอ้ื งแผ่นเรยี บหนา 4 มม. นั้น ตะปูที่ตอกควรเป็นตะปูหัวแบน 1/4 น้นว ควรตอกตะปูให้ห่างจาก ขอบกระเบ้ืองอย่างน้อย 1 ซม. และห่างจากมุมแผ่นประมาณ 3 ซม. และความห่างของตะปูควรห่าง 10 - 15 ซม. และไม่ควรเกนน 20 ซม. โดยก่อนตอกตะปคู วรใช้เชือกตเี สน้ ให้ได้แนวเสยี กอ่ นเพอ่ื ความเป็นระเบียบและสวยงามของตัวอาคาร รูปแสดง : การกรฝุ าู เพดานกระเบอื้ งแผน่ เรยี บ
9 - 92 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 13.7 การกรฝุ า้ เพดานด้วยแผ่นไมว้ ทิ ยาศาสตร์ 1) เคร่าฝาู เพดานระยะ 60 x 60 ซม. จากศูนยก์ ลางถงึ ศนู ย์กลางใช้ไมข้ นาด 1 1/2\" x 3\" หรอื ตามแบบ 2) ยึดฝูาตดน เครา่ ดว้ ยตะปูโดยปรบั ให้ชดน กัน 3) ทบั แนวให้มีเฉพาะรอบห้องเท่านั้นโดยใช้ไม้เน้อื แขง็ รูปแสดง : การกรฝุ ูาเพดานด้วยแผ่นไม้วทน ยาศาสตร์ ทมี่ า : ระบบโครงคร่าวฝาู เพดานทีบาร์, http://www.homemart.co.th , 2554 13.8 การกรุฝา้ เพดานยปิ ซัม่ บอร์ดฉาบเรยี บทาสี 1) ตรวจว่าแผ่นยปน ซ่ัมที่นาํ มาใช้มี ชนดน ขนาด และความหนา ตามแบบกาํ หนด 2) ตรวจว่าแผ่นยปน ซม่ั ไดม้ าตรฐานตาม มอก.ปัจจุบนั หรอื ไม่ 3) ตรวจสอบข้นั ตอนการตดน ต้ัง ขัน้ ตอนการติดตั้งฝ้าเพดานยิปซั่มบอร์ด กาํ หนดแนวระดบั ฝูาเพดานโดยใช้เลเซอร์หรือสายยางถา่ ยระดบั ใชเ้ ตา๊ ตเี ส้นแนวระดบั ตดน ตั้งโครงรนมโปรตามแนวระดบั
ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 93 ประกอบสปรนงล็อคและขอล็อคโครงโปร แขวนชดุ ปรบั ระดับเข้ากับฉากยดึ ทอ้ งพ้ืนหรือโครงหลงั คา ตดน ต้ังโครงโปรซลี ายนเ์ ข้ากับขอล็อคโครงโปร ใชต้ วั ต่อโครงโปรตอ่ โครงใหม้ ีความยาวมากขน้ึ ตดน ตัง้ คลปน ล็อคโปรเข้ากับโครงโปรซลี ายน์ท่อนบน ตดน ตง้ั โครงโปรซลี ายน์ท่อนล่างเขา้ กับคลปน ล็อคโปร 13.9 การติดตั้งโครงเคร่าฝา้ เหลก็ ชุบสงั กะสีระบบ T- Bar และตวั C (Galvanized Steel Ceiling Frame) 1) ตรวจดูชนดน และขนาดของโครงเคร่าหลกั และรอง ได้มาตรฐานตาม มอก. ปัจจบุ ันหรือไม่ 2) ตรวจดูจุดปรบั ระดบั ทโ่ี ครงเคร่าหลกั ทุกระยะ 60 x 120 ซม. หรอื ตามแบบกําหนด 3) ตรวจดรู ะดับฝาู ให้ไดร้ ะดับเดียวกันทัว่ บรเน วณหรือตามแบบกําหนด
9 - 94 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน รูปแสดง : โครงเครา่ ฝาู เหลก็ ชุบสงั กะสีระบบ T- BAR ทีม่ า : ระบบโครงครา่ วฝูาเพดานทีบาร์, http://www.homemart.co.th , 2554 4) การตนดตง้ั โครงเครา่ ฝาเหลก็ ชบุ สังกะสีรปู ตวั C ต้องตรวจดชู นดน และขนาดของโครงเคร่าหลักและรอง ได้มาตรฐาน ตาม มอก. ปัจจุบันหรือไม่ 5) ตรวจดรู ะยะโครงเครา่ ทุกระยะ 40 ซม. หรอื 60 ซม. หรือตามแบบกาํ หนด รูปแสดง : การตนดต้งั โครงเคร่าฝาเหล็กชุบสังกะสีระบบ T- Bar ท่ีมา : คู่มอื การตรวจการจ้างและการควบคมุ งานกอ่ สรา้ ง กองอาคารและสถานที่ สํานักงานอธนการบดี มหาวนทยาลัยขอนแกน่ , 2554
ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 95 14. งานประตูและหนา้ ต่าง 14.1 งานประตูและหน้าตา่ งไม้ 1) การตรวจสอบงานวงกบไม้ (1) ตรวจสอบชนนด ขนาด และสภาพของไม้วงกบ รปู แสดง : การตรวจสอบชนนด ขนาด และสภาพของไมว้ งกบประตู หน้าตา่ ง (2) วงกบไม้ ควรเป็นไม้เน้ือแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้เต็ง ฯลฯ ซ่ึงจะให้ความแข็งแรงทนทาน สภาพของไม้จะต้องไม่มี รอยแตกหรือบน่นมาก ไม่โก่ง หรอื บนดงอจนเหน็ ได้ชัด และไมม่ รี อยผมุ ากอ่ น (3) ตรวจสอบฝมี ือ การเขา้ ไม้ การตดน ตัง้ ตามมาตรฐาน (4) ตรวจสอบ ขนาดและตําแหนง่ ของวงกบ ขนาดของวงกบจะตอ้ งตรงกบั ขนาดทีร่ ะบุไว้ในแบบ ขนาดของตัวไม้วงกบ โดยทั่วไปจะเป็นขนาด 2\" x 4\" ซ่ึงความหนา 4\" นี้จะเสมอกับ ความหนา ของผนังทั่วไป ยกเว้นวงกบ ที่หนาข้ึนเป็นขนาด 2\" x 5\" ซงึ่ ความหนา 5\" น้จี ะเสมอกบั ความหนาของผนัง หลงั จากบุกระเบอื้ งผนังแลว้ ทาํ ใหด้ สู วยงามเรยี บร้อย รูปแสดง : การตรวจสอบตาํ แหน่ง ระดบั ระยะดงน่ ฉาก (5) ตรวจสอบระดับ ระยะด่นง และระดับตัง้ ฉาก (6) ตรวจสอบการยึดวงกบขณะตนดต้งั ในกรณีทเ่ี ป็นผนังกอ่ อนฐฉาบปูน การตนดตั้งวงกบประตหู น้าต่างทุกบานจะตอ้ งมี เสาเอ็นและทับหลังโดยรอบเพือ่ ให้ตัววงกบยึดตนดกับผนังไดอ้ ย่างมนั่ คงไม่เกดน การแตกร้าว
9 - 96 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน รปู แสดง : การตนดตั้งวงกบประตู หนา้ ต่างต้องมเี สาเอน็ และทบั หลังโดยรอบ (7) ตรวจสอบการปอู งกนั ความเสยี หายของตวั วงกบ กอ่ นและหลงั การตนดตั้ง (8) ตรวจสอบการบงั ใบ (9) ตรวจสอบการขนส่งและเก็บรักษา 2) การตรวจสอบงานบานประตหู นา้ ต่าง (1) ตรวจสอบชนนด และขนาดของวัสดทุ ใ่ี ช้ทาํ บานประตู หน้าต่าง รูปแสดง : การตรวจสอบชนนด ขนาด ขนาดลกู ฟัก ฝีมอื การทํา (2) ตรวจสอบชนดน ขนาดลูกฟกั (3) ตรวจสอบชนดน ขนาดของกรอบบาน (4) ตรวจสอบสภาพฝมี ือ การทาํ บานประตูหนา้ ต่าง (5) ตรวจสอบอปุ กรณ์ประกอบประตู หนา้ ตา่ ง เช่น บานพับ, Door Closer, กญุ แจ, กลอน ฯลฯ ให้เปน็ ไปตามแบบ และรายการระบุ - บานพับประตู หน้าตา่ ง ต้องเปน็ เหลก็ ไดม้ าตรฐานตาม มอก. หรือทองเหลอื ง หรือเหล็กชุบ (Galvanized) หรือ เคลือบสี โดยตดน บานพับบานละ 3 อัน แต่ถ้าประตูสูงเกนนกว่า 2.00 ม. ให้ตนดบานพับ 4 อัน สําหรับหน้าต่าง ตนดบานพับบานละ 2 อัน ขนาด 4 น้นว - กลอนตอ้ งเปน็ โลหะเคลือบสี หรือโลหะชุบโครเมียม หรืออลูมนเนียมอัลลอยด์ หรือทองเหลือง กลอนมาตรฐาน ขนาด 9 มม. - 6 นนว้ ตนดตอนลา่ งบานประตูละ 1 อัน และกลอนขนาด 9 มม. - 8 นว้น ตนดตอนบนประตูบานละ 1 อัน กลอนหน้าต่างใช้ 9 มม. - 5 นนว้ ตดน บานละ 2 อัน (บน-ล่าง)
ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 9 - 97 - มอื จับตอ้ งเป็นโลหะเคลือบสี หรือโลหะชุบโครเมียม หรืออลูมนเนียมอัลลอยด์ หรือทองเหลือง ขนาดไม่เล็กกว่า 5 นว้น บานละ 1 อนั (เวน้ แต่บานท่ตี ดน กญุ แจลูกบนด) - กุญแจลกู บดน ให้ใช้ลกู บดน ตามมาตรฐาน การตนดต้ังกุญแจลูกบนดชนนดมีกุญแจตนดท่ีประตูห้องทั่วๆ ไป ห้องละ 1 ชุด ตดน ตัง้ ลกู บนดชนดน ไม่มกี ญุ แจ แต่ลอ๊ คด้านในไดก้ ับหอ้ งน้าํ -ส้วม หรอื ประตอู อกระเบียงซ่งึ ไมม่ ที างไปทอ่ี ืน่ - ประตทู ุกบานตอ้ งมีกนั ชนปมุ ยาง - ขอสบั ตอ้ งเป็นโลหะเคลอื บสี หรอื โลหะชบุ โครเมียม หรือทองเหลือง ขนาด 6 มม. - 8 นน้ว บานละ 1 ชุด หรือที่ ยดึ ชนนดลูกปืนตนดสปรงน (6) ตรวจสอบกอ่ นตดน ต้ัง จะตอ้ งตรวจดูความเรียบรอ้ ยถกู ต้องของวงกบประตูเสียก่อน ถ้าเกนดความผนดพลาดเน่ืองจาก การคดโก่งของวงกบ หรือการชํารุดอ่ืนๆ ซ่ึงอาจเป็นผลเสียหายแก่ประตูภายหลัง แล้วทําการตนดต้ังประตูต่อไปได้ การประกอบ ไมว้ งกบ ใหใ้ ชว้ นธปี ระกอบเดือยเขา้ มมุ 45 องศา และยดึ ด้วย ตะปูควง การตนดตั้งวงกบไม้ จะต้องได้ฉาก และด่นง จะต้องมีการปูองกัน ไมใ่ ห้มุมของวงกบไมบ้ ่นน หรือเกนดเสี้ยน (7) การตนดตั้งบาน อาจต้องมีการตัดแต่งบ้างเล็กน้อยเพื่อให้พอดีกับวงกบประตู และสะดวกในการเปิดปิดและ สอดคลอ้ งกัน การทํางานของช่างสี ผู้รับจ้างจะต้องทาํ ด้วยความระมดั ระวังโดยถอื ระยะเหลา่ นเี้ ปน็ พ้นื ฐาน คือ - ดา้ นบน ควรจะห่างจากวงกบประมาณ 2 - 3 มม. - ดา้ นขา้ ง ควรจะห่างจากวงกบประมาณ 2 - 3 มม. - ด้านล่าง ควรจะหา่ งจากพนื้ ประมาณ 5 มม. สาํ หรบั ห้องท่ัวไป และประมาณ 10 มม. สําหรับหอ้ งนํ้า 14.2 งานประตูและหน้าต่างอะลูมเิ นียม 1) ขัน้ ตอนการตดน ตงั้ (1) เทเสาเอน็ และทับหลงั ตามขนาดชอ่ งเปดิ ทีต่ ้องการ (2) จบั เซ้ยี มและฉาบปนู ให้ได้ตามขนาดตามแบบ ช่องเปิดจะต้องได้ขนาด ทั้งแนวด่นง แนวราบ และเส้นทแยงมุมควร จะทาํ งานฉาบปนู ใหเ้ รยี บรอ้ ย เพอ่ื ปอู งกนั ปูนเลอะขอบกระจก และอลูมนเนียม รูปแสดง : การเทเสาเอ็นและทับหลัง จับเซย้ี ม รปู แสดง : เมื่อตนดต้งั อลมู นเนียมเสรจ็ แล้ว ควรใช้เทปกาวปิดอลูมเน นยี มไว้ และฉาบปูนให้ไดต้ ามขนาดตามแบบ เพ่อื ปูองกันการเปรอะเปอื้ นเนื่องจากการทาสี (3) เมื่อตนดตั้งอลูมนเนียมเสร็จแล้ว ควรใช้เทปกาวปิดอลูมนเนียมไว้ เพื่อปูองกันการเปรอะเปื้อนเน่ืองจากการทาสี โดยเฉพาะประตูที่มีธรณีเปน็ อลูมเน นียม จะเกนดการถลอก กอ่ นการส่งงาน เทปกาวที่ใชต้ อ้ งเป็นเทปกาวทใ่ี ช้กับงานอลูมนเนียมโดยเฉพาะ เมื่อลอกออกจะไมม่ กี าวตนดอยู่ทผี่ นวอลมู นเนียม (4) ควรตดน ตั้งใหผ้ วน อลมู นเนียมลน้ ออกจากผนังประมาณ 2 - 3 มม. เพอื่ ปอู งกนั การลม้ ดน่งของงานผนัง
9 - 98 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 2) ตรวจสอบวงกบอลมู นเนยี มทีจ่ ะนํามาตนดตงั้ ดงั น้ี.- (1) ตรวจสอบหน้าตดั และความหนาของวงกบอลมู เน นียม รูปแสดง : การตรวจสอบหน้าตดั และความหนาของวงกบอลมู นเนยี ม (2) ตรวจสอบการยดึ วงกบกับผนัง (3) ตรวจสอบตาํ แหนง่ ท่ตี นดตัง้ รปู แสดง : การตรวจสอบการยึดผนงั ตําแหน่งท่ถี ูกต้อง และการอัดวัสดกุ นั การร่วั ซึม (4) ตรวจสอบการอัดวสั ดกุ นั การรั่วซึม (5) ตรวจดบู านพบั สปรนงชนดน ฝังในกรอบวา่ ไดค้ ณุ ภาพหรือไม่ และปิดเปิดได้ 2 ทาง (6) ตรวจดกู ลอนว่าเป็นแบบฝงั ในกรอบบาน บานละ 2 อนั ( บน - ล่าง ) (7) ตรวจดวู า่ หากเป็นประตบู านเลอ่ื นหน้าตา่ งบานเล่อื น ลกู ลอ้ บานเลื่อนท้งั หมดเปน็ ล้อที่ได้ตามมาตรฐาน 14.3 งานประตูและหน้าต่างเหล็กรีดข้นึ รปู (ตวั Z) 1) ตรวจดวู า่ การรีดเหล็กข้นึ รูปโดยวนธตี ัดอดั เช่ือม ตกแต่งรอยเชื่อมไดม้ าตรฐาน 2) ตรวจดูขนาดหน้าตัดของโลหะทีท่ าํ วงกบ และบานประตู - หนา้ ต่างเหล็ก และนํา้ หนกั ต่อเมตร 3) ตรวจดบู านพบั ว่าต้องประกอบเสร็จจากโรงงาน 4) ตรวจดูกุญแจประตูวา่ เปน็ แบบเหล็กฝังตนดกรอบบานและไดข้ นาด 5) ตรวจดอู ุปกรณ์อ่นื ๆ เช่น มอื จับ ลอ๊ ค เปิด - ปิด แขนคา้ํ บานกระทุง้ ว่าถูกต้องและได้มาตรฐานตามแบบ
ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 99 รปู แสดง : การตรวจสอบอุปกรณ์ และวงกบประตู-หนา้ ตา่ งเหลก็ รดี ขึ้นรูป (ตัว Z) ท่ีได้รับการตนดตัง้ แล้ว 14.4 งานประตเู หลก็ ม้วน 1) ตรวจดูวา่ ประตเู หล็กมว้ นแบบบานทบึ ทาํ จากเหลก็ Galvanized เกล็ดเป็นลอน และใบประตชู นนดปั๊มข้นึ รูป 2) ตรวจดูวา่ ใบประตูลอนเดี่ยวตอ้ งใชก้ บั ประตกู ว้างไมเ่ กนน 4.00 ม. ความหนาของใบประตเู หลก็ เคลอื บสอี ยา่ งน้อย 0.5 มม. 3) ตรวจดวู ่าใบประตูลอนเด่ียวใบใหญ่ใชก้ ับประตูกว้างไมเ่ กนน 10.00 ม. สงู ไมเ่ กนน 9.00 ม. ความหนาใบประตู 1.2 มม. 4) ความหนาใบประตู 1.0 มม. ใช้กับประตกู ว้างไมเ่ กนน 8.00 ม. สงู ไมเ่ กนน 9.00 ม. 5) ตรวจดูระบบการปิด-เปิดแบบมอื ดงึ แบบโซ่ แบบไฟฟาู วา่ เป็นไปตามขอ้ กาํ หนด รปู แสดง : อุปกรณ์สาํ หรับรอกโซ่สาว และระบบมอเตอรไ์ ฟฟูา (ซ้าย) , อปุ กรณ์สําหรบั ระบบมอื ดงึ (กลาง) , ระบบรอกโซส่ าว (ขวา) รปู แสดง : มอเตอรไ์ ฟฟูาระบบอัตโนมตั น พรอ้ มโซส่ าวฉกุ เฉนน (ซา้ ย), ระบบไฟฟาู ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล (ขวา) รูปแสดง : เพลาดนั -ระบบไฟฟาู และระบบโซช่ ัก (ซา้ ย) , เพลาสปรงน ระบบมือดงึ (ขวา)
9 - 100 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน รปู แสดง : ประตเู หล็กมว้ นที่ได้รับการตดน ตง้ั เรียบรอ้ ย 6) คุณภาพของประตูเหล็กมว้ นต้องเปน็ ไปตามมาตรฐานสากล และคณุ สมบตั ไน ดม้ าตรฐานตาม มอก. ปัจจุบนั 7) ตรวจดวู ่าผ้รู บั จา้ งตดน กุญแจใหบ้ านละ 1 ชดุ 15. งานตดิ ต้ังอืน่ ๆ 15.1 การกรุลวดถัก 1) ตรวจสอบขนาดตา ขนาดลวด และลกั ษณะของลวดให้ถูกตอ้ งตามแบบ โดยท่ัวไป - ตาขา่ ย ขนาดตา 1 น้นว ท่ัวไป ขนาด 35 x 35 มม. - ตาข่าย ขนาดตา 1.5 นนว้ ทั่วไป ขนาด 50 x 50 มม. - ตาขา่ ย ขนาดตา 2 นว้น ทัว่ ไป ขนาด 60 x 60 มม. - ตะแกรงสาน, ตาขา่ ยแบบสีเ่ หลย่ี มจตั รุ สั ขนาดตา 1 นว้น , 1.5 นว้น , 2 น้นว โดยขนาดมาตรฐาน คือ 1 ม. x 2 ม. ตาข่าย ขนาดตา 1 นนว้ ท่วั ไป ขนาด 35 x 35 มม. ตาข่าย ขนาดตา 1.5 นว้น ทว่ั ไป ขนาด 50 x 50 มม. ตาข่าย ขนาดตา 2 น้นว ท่วั ไป ขนาด 60 x 60 มม. ตะแกรงสาน, ตาข่ายแบบสเี่ หลีย่ มจัตุรัส รปู แสดง : การกรุลวดเหล็กถกั ขนาดต่างๆ
ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน 9 - 101 2) ตรวจดฝู ีมอื ในการตนดต้งั ต้องได้มาตรฐาน รปู แสดง : ลักษณะของการกรลุ วดเหล็กถกั 15.2 การขงึ ลวดหนาม 1) ลวดหนามท่ีนํามาตดน ตัง้ จะตอ้ งมีลักษณะผนวเรยี บ ปราศจากรอยตาํ หนน มคี ุณสมบตั นปูองกนั การเกนดสนนม ทนทานต่อการ กดั กรอ่ น ตรงตามมาตรฐานผลตน ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม ผา่ นกระบวนการผลนตดว้ ยเครือ่ งจักร โดยการนาํ ลวดเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel Wire) 2 เส้นพันกันเปน็ เส้นหลกั แล้วนาํ ลวดเหล็กชบุ สังกะสี (Galvanized Steel Wire) มาพันเปน็ เกลียวหนาม 4 หนาม หมุ้ เสน้ หลกั โดยเว้นชว่ งระยะห่างระหว่างเกลยี วหนามทุกๆ 3 น้วน เท่าๆ กัน 2) ตรวจสอบขนาดของลวดหนามใหต้ รงกบั แบบรปู รายการ ขนาดโดยทว่ั ไปไดแ้ ก่ เบอร์ 12 - 15 รูปแสดง : งานลวดหนาม 16. งานสี 16.1 การตรวจสอบงานทาสี รูปแสดง : ตรวจสอบชนดน ของสี ยี่หอ้ เบอรส์ ี ตามรายการกาํ หนด
9 - 102 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 1) ตรวจสอบ ชนดน ของสี ย่ีหอ้ เบอรส์ ี ตามรายการกาํ หนด 2) ตรวจสอบวา่ ส่วนใดของอาคารทาสีชนนดใด โดยทําเปน็ Check List ไว้เพ่อื กันการสับสน 3) ตรวจสอบการเตรียมงานสี ซอ่ มกําจัดรอยตําหนน 4) พนื้ ทีท่ กุ แห่งท่ีมองเหน็ ด้วยตาต้องใหม้ ีการทาสี (เว้นกระเบ้ืองมงุ หลังคาหรอื ทีไ่ ดร้ ะบเุ ปน็ อย่างอ่ืน) 5) ต้องทาสที อ่ ประปา ทอ่ นา้ํ ทน้ง ทอ่ ลมซ่ึงไมม่ สี ่งน ปกปดิ ทกุ ๆ แห่ง 6) กลอ่ งสายสบู ของงานตนดต้ังเครื่องดบั เพลนง หัวทอ่ ดับเพลงน ตอ้ งทาสีดว้ ย 7) ตรวจสอบความชืน้ ของผวน ท่จี ะทา 8) สีทุกชนดน ท่ีนํามาใชง้ าน ต้องมีตวั ยาปูองกันเชือ้ ราและตะไคร่ ผสมอยู่ในปรมน าณท่เี พียงพอ 9) ตรวจดกู ารทาสีผสมเสร็จว่า ผู้รับจ้างได้ปฏนบัตนตามเอกสารแนะนําวนธีใช้ของบรนษัทผู้ผลนต (ห้ามนําทนนเนอร์มาผสมทุก กรณี เว้นแตบ่ รนษัทผ้ผู ลนตจะกาํ หนด) 10)ตรวจสอบระยะเวลาสีแหง้ ก่อนทจ่ี ะทาสคี รง้ั ตอ่ ไป รปู แสดง : การทาสี 11)สผี สมซีเมนตท์ รายสาํ เรจ็ รปู ใช้ทาได้ทั้งผนงั ภายใน และภายนอกอาคาร ฝาู เพดาน และสว่ นท่ีมองเหน็ ด้วยตาเปล่าทั้งหมด 12)ตรวจดูการใช้นํา้ มนั ชักเงา ทาไม้วงกบกรอบบาน ประตู หน้าต่าง หรอื สนง่ กอ่ สร้างอ่นื ๆ 13)ตรวจดูว่าต้องใชส้ รี องพ้นื อย่างนอ้ ย 1 เทยี่ ว 14)การตรวจสอบแลคเกอร์ (Lacquer) ต้องเป็นแลคเกอร์ที่มีคุณภาพ สําหรับงานขัดเงาภายใน และครุภัณฑ์ต่างๆ ซงึ่ จะต้องตรวจสอบชนดน และคุณสมบัตนของแลคเกอรใ์ ห้ตรงกับประเภทของงาน 16.2 การตรวจสอบวธน ีการทาสี 1) ผนังอฐน วัสดุปูภายใน จะตอ้ งให้กําแพงทฉี่ าบปนู แหง้ อยา่ งนอ้ ย 20 วันก่อนทาสี รูปท่ี 16.3 แสดงเครอ่ื งวัดความชืน้ ผนังปูนและวธน ีการตรวจสอบความชืน้ ของผนังกอ่ นทาสีผนัง
ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน 9 - 103 2) ผนงั อฐน ภายนอก ตรวจดผู วน พนื้ ต้องสะอาด ปราศจากเชอื้ รา หรือปนู กอ่ ที่กระเทาะ หรือย่ืนโผล่ออกมาปล่อยผนวนอกให้ แห้งอยา่ งน้อย 20 วัน สเี ปน็ ตามด เกนดจากการทาสีขณะที่ยงั เปียกอยู่ สีเกนดการแตกร้าว เกดน จากใชส้ ีไมไ่ ดค้ ุณภาพ 3) ห้ามทาสีผนังฉาบปนู ภายนอกขณะฝนตก หรือผนังเปยี กชน้ื สีด่างเพราะปนู ชน้ื สเี ปน็ เชือ้ ราเน่ืองจากความชน้ื 4) กอ่ นทาสีไมถ้ า้ มี ตรวจดรู อยแตก รอยตะปู ตอ้ งอดุ ด้วย PUTTY 5) การทาสงี านไม้ ตรวจดูว่าผนวไม้ท่ีจะทาสนี ั้นสะอาด ปราศจากฝุนละอองกอ่ นทาสี 6) ก่อนทาสไี มต้ ้องลงสีพ้ืนก่อน 1 เทีย่ ว 7) งานไม้ที่จะต้องลงขีผ้ งึ้ ต้องตรวจดูว่ามีการขัดกระดาษทรายละเอยี ดแล้วจงึ ใช้ ฟิลเลอร์ ทาใหซ้ มึ ลงในเส้ยี นไม้ 8) งานไมท้ ี่ขัดแลคเกอร์ ต้องดูให้มั่นใจว่าได้เตรียมพื้นผนวดีแล้ว จึงย้อมสีตามแบบ แล้วทาแลคเกอร์ 2 คร้ังจึงขัดด้วย กระดาษทรายนํา้ 9) ตรวจดคู ร้งั สดุ ท้ายผนวไมต้ อ้ งมคี วามมันละเอียดเหมอื นเปลือกหอย 16.3 ตรวจสอบการเตรียมผนวโลหะก่อนทาสี 1) เหลก็ เหนียว เหลก็ หลอ่ และเหลก็ รปู พรรณจะตอ้ งทําความสะอาดให้ปราศจากส่งน สกปรก สนนมขุม รอยเป้ือนสี หรือไขมัน ฯลฯ รูปแสดง : กอ่ นทาสี ตอ้ งทาํ ความสะอาดสนง่ สกปรก สนนมขุม รอยเป้ือนสี ใหเ้ รยี บร้อย แลว้ ทาด้วยสกี ันสนมน ก่อนทุกครงั้
9 - 104 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคุมงาน 2) โลหะอาบสังกะสี ผวน ทองเหลืองอาบสงั กะสี ต้องใหผ้ ู้รบั จา้ งทาํ ความสะอาดด้วยน้าํ มนั ก๊าซ แล้วทาด้วยนํ้ายาของชุดสี 30 กรัม ผสมนํา้ 1 ลตน ร 3) ทอ่ ทองแดงทอี่ ยูภ่ ายนอก ก่อนทาสตี อ้ งลา้ งดว้ ยนา้ํ อุน่ กบั สบู่ แล้วเช็ดให้สะอาดกอ่ นทานํา้ ยาลงพ้ืน 4) เหล็กรูปพรรณทั้งหมด ให้ทาสรี องพื้นดว้ ยสีกนั สนนมก่อน แล้วทาสีนาํ้ มันอีกสองชั้นเสมอ 5) ตรวจดูว่าการทาสีคร้ังสดุ ทา้ ยยังเปน็ รอยแปรงอยหู่ รือไม่ หากมรี อยแปรงให้ทาซา้ํ อีก 16.4 เลือกประเภทของสใี หถ้ ูกกับพ้ืนผนวที่จะทาสี ดังน้ี 1) อาคารทเี่ ปน็ ผวน ฉาบปนู คอนกรตี หรือกระดาษให้ใช้สีซีเมนตห์ รือสีนํ้า 2) พื้นผนวทเี่ ป็นไม้ และโลหะ ให้ทาด้วยสีนาํ้ มัน สาํ หรับโลหะใหท้ าสีกันสนนมก่อนทุกคร้งั 3) เหลก็ รูปพรรณท้งั หมด ให้ทาสรี องพน้ื ดว้ ยสีกันสนมน ก่อน แลว้ ทาสนี ํา้ มนั อีกสองชัน้ เสมอ 4) งานสีเปน็ เรือ่ งละเอยี ดอ่อน การใช้สอี ืน่ แทนสีที่กําหนดไว้ ผู้รับจ้างต้องส่งตัวอย่างสีให้ผู้ว่าจ้างตรวจสอบและให้ความ เหน็ ชอบก่อนนาํ ไปใช้ทกุ ครั้ง 17. งานปอ้ งกันและกาจดั ปลวกและศตั รูทาลายไม้ การปอ้ งกนั และกาจัดปลวก โดยปกตจิ ะดาเนินการในระหวา่ งการกอ่ สรา้ ง เพ่ือป้องกันและกาจดั ปลวกและศัตรูทาลายไม้ สามารถดาเนินการได้ 2 วิธี 1) Pipe Treatment System 2) Soil Treatment System 1) Pipe Treatment System (ระบบตดน ต้ังท่ออดั นา้ํ ยาเคมใี ต้พ้ืนบ้านหรืออาคารระหวา่ งการกอ่ สรา้ ง) เป็นระบบการตนดตั้งท่อน้ํายาปูองกันปลวกใต้พื้นอาคารตามบรนเวณห้องต่างๆ โดยจะอัดน้ํายาเคมีผ่านท่อที่สามารถทนทานต่อ แรงอดั ความดนั สูงและมีความยืดหยุ่น และสามารถปอู งกันการถกู ทําลาย จากนํ้ายาเคมี โดยใช้เครื่องมืออัดแรงดันสูง และ ฉีดน้ํายา เคลือบผนวดนนใต้อาคาร เพ่ือทําให้ผนวดนน ส่วนน้ันเป็นพนษยากเกนนกว่าปลวกจะอาศัยอยู่ หรือแทรกตัวผ่านขึ้นมาทําลายความเสียหาย ใหก้ ับตัวบ้าน หรอื ตัวอาคารได้ โดยจะเรน่มดาํ เนนนการหลังจากได้กอ่ สร้างเทคานคอดนนเสร็จเรยี บร้อยแลว้ จึงจะเร่นมทําการวางท่อ โดยจะ วางท่อขนานไปกบั แนวคานคอดนนในรอบตัวอาคาร จะมีท่อซอยวางขนานคานในบางจุดตามความเหมาะสมท่ีมักจะเกนดปัญหา ได้แก่ บรนเวณท่มี คี วามชื้นสูง เชน่ บรนเวณห้องนํ้า ห้องใตบ้ ันได การอัดและฉดี กระจายนา้ํ ยาเคมลี งดนนจะครอบคลมุ พื้นทที่ ุกจุดของบ้านหรือ อาคาร รวมทั้งพ้นื ทีร่ อบๆ ตัวบา้ นด้วยเพอ่ื ปูองกนั ปลวก เข้ามาสู่บ้านหรืออาคารจากส่วนใดส่วนหน่ึงของตัวบ้านหรืออาคาร และจะมี หัวฉดี นาํ้ ยาเพอ่ื ฉดี กระจายนํา้ ยาเคมี รวมทง้ั จะมวี าลว์ หวั อัดนํ้ายาเคมนี อกตัวอาคารเป็นช่วงๆ เพื่อเป็นตัวอัดนํ้ายาเคมีเข้าไปในท่อท่ีได้ ตนดตั้งไว้ใต้พื้นอาคาร เพื่อหลีกเล่ียงปัญหาการเจาะพ้ืนบ้านหรืออาคารในอนาคตข้างหน้า นอกจากน้ัน วนธีนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหา น้ํายาเคมีตกหล่นในบ้าน ปญั หาทีต่ อ้ งโยกย้ายของออกจากบ้านหรอื อาคาร ขนั้ ตอนในการปฏบิ ัตงิ านระบบ Pipe Treatment System แบ่งเปน็ ขั้นตอน ดงั น้ี (1) ฝุายกอ่ สร้างเทคานคอดนน ในบรนเวณทจี่ ะสร้างบา้ นหรอื อาคารจนเสร็จเรียบร้อย โดยยงั ไม่ต้องปรับพื้นดนนหรือทราย หรือ วางพืน้ ปูแผ่นสําเร็จรูป (2) เจา้ หนา้ ท่พี นักงานฝุายบรกน ารปูองกนั และกาํ จัดปลวกทําการวาง และยึดท่อนํ้ายาเคมี ที่ทนแรงอัดสูงขนานไปตามแนว คานคอดนนด้านในรอบตัวอาคาร ลกึ จากบนคานลงไป 20 ซม. โดยมแี คมป์รัดท่อและตนดตั้งหัวปล่อยสารเคมีท่ีท่อนํ้ายาเคมี ระยะห่าง ไม่เกนน 1 ม. (3) เจ้าหน้าทว่ี างท่อวาลว์ หัวอัดน้าํ ยาเคมี โดยจะอยู่รอบๆ ภายนอกตวั อาคารเปน็ ช่วงๆ ตามความเหมาะสม (4) เจา้ หน้าทใ่ี ช้หัวอัดน้าํ ยาเคมที ม่ี ปี ระสนทธนภาพแบบพเน ศษอดั ลงหวั อดั นาํ้ ยาเคมี แลว้ ทาํ การอดั ฉีดพน่ นาํ้ ยาเคมี
ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 9 - 105 (5) บรเน วณภายในอาคาร ดว้ ยเคร่อื งอัดลมทมี่ ีแรงอดั และกาํ ลังแรงดันสูง โดยใช้นํ้ายาเคมีประมาณ 5 ลนตร ต่อ ตารางเมตร นํ้ายาจะกระจายออกมาตามหัวปล่อยสารเคมี เพ่ือทําการอัดนํ้ายาโดยรอบแนวคานดนนนอกตัวอาคารแต่ละจุดห่างกันประมาณ 1 ม. และทาํ การฉดี พ่นนํา้ ยาเคมีเคลอื บผนวดนน หรือทรายอีกครัง้ 2) Soil Treatment System (ระบบอัดนํ้ายาเคมีลงดนนและฉีดคลุมเต็มพืน้ ทปี่ อู งกนั ปลวกระยะยาว) เปน็ ระบบปอู งกนั และกาํ จดั ปลวกโดยการอดั และฉดี พน่ นาํ้ ยาเคมีปูองกนั ปลวกลงดนน ให้ครอบคลุมพ้ืนทที่ ุกจุดของตัวบ้าน หรือ อาคาร รวมทัง้ พน้ื ที่รอบๆ ตวั บ้านหรืออาคารดว้ ยเพื่อปูองกันเข้ามาสู่บ้าน หรืออาคารจากส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวบ้าน หรืออาคารได้ รอบอาคาร ซึ่งจะทาํ ใหส้ ามารถปอู งกนั และกําจัดปลวกใต้ดนนได้อย่างมีประสนทธนภาพ และได้ผลดีท่ีสุด โดยจะเร่นมดําเนนนงานก่อนเท พ้ืนคอนกรตี ช้นั ลา่ งระหวา่ งกอ่ สร้างหลงั จากการถมดนนทรายชน้ั สดุ ท้าย จนแน่นเตรยี มพรอ้ มสาํ หรบั เทพื้นคอนกรตี เสรนมเหล็กก่อนท่ีจะ เทคอนกรีตหลอ่ พื้นอาคาร หรือก่อนปูแผ่นพ้ืนอาคาร โดยการเตรียมพ้ืนที่ก่อสร้างสําหรับปูองกันปลวกนั้นจะต้องจัดเก็บหรือทําลาย เศษไม้แบบกอ่ สรา้ ง ตอไม้หรอื วัสดุอืน่ ๆ ทเี่ ปน็ อาหารของปลวก หรอื ปลวก สามารถทําทางเดนนขึ้นสู่ตัวบ้าน หรืออาคารได้และพื้นท่ีไม่ ควรจะมีนํ้าขงั ซ่งึ จะมีผลกับระดบั ความเข้มข้นหรอื ความเปน็ พษน ของสารเคมีทําใหค้ วามมพี ษน ตาํ่ ลง ขน้ั ตอนในการปฏิบัตงิ านระบบ Soil Treatment System แบง่ เป็นข้นั ตอน ดังนี้ (1) เจา้ หนา้ ทพ่ี นักงานฝาุ ยบรนการปอู งกนั และกําจัดปลวกทําการสํารวจสถานท่ี และพ้ืนที่รอบตัวบ้าน หรืออาคารทั้งภายใน และภายนอกก่อนลงมือปฏนบัตนงาน เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหา และสามารถวางแผนในการดําเนนนงานแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมี ประสทน ธภน าพ และไดผ้ ลดีท่สี ดุ ในการปอู งกนั และกําจดั ปลวก (2) เจ้าของบ้าน หรืออาคารจัดเก็บอาหารหรือเคร่ืองครัว อุปกรณ์ท่ีใช้ในการประกอบอาหารให้มนดชนดรวมทั้งเอกสาร หนังสือ เคร่อื งมือ เส้อื ผา้ และเครอ่ื งใช้อ่นื ๆ ท่ไี ม่สามารถทนตอ่ สารเคมไี ด้ (3) เจ้าหนา้ ที่ขออนุญาต และทําการโยกย้ายของออกจากบรนเวณผนงั อาคาร เพือ่ ให้สามารถดําเนนน การได้อย่างสะดวก (4) เจ้าหน้าที่ทําการฉีดน้ํายาเคมีแบบกระจายเข้าตามรอยแตก รอยต่อ และรอยแยกของตัวอาคารทั้งภายใน และ ภายนอก เพ่ือปูองกนั มใน ห้ปลวกเกนดขึ้นอีก (5) เจ้าหนา้ ท่ีทาํ การฉีดน้ํายาเคมีตรงจุดที่พบรงั ของปลวก และทําการตามรอยซ่ึงเป็นทางเดนนของปลวก รอบตัวบ้าน หรือ อาคาร (6) เจ้าหน้าท่ีทําการเจาะพื้นภายในตัวอาคารลงไปถึงช้ันดนน หรือทรายข้างล่าง โดยแต่ละรูที่เจาะให้ห่างจากผนังอาคาร 30 ซม. และแตล่ ะรูให้ห่างกันไม่เกนน 1 ม. เจาะตามความยาวของกําแพงและผนังห้องด้านใน โดยเน้นหนักตามจุดท่ีสําคัญ เช่น เสา วงกบประตู มุมหอ้ งบรเน วณปลอ่ งหุ้ม ทอ่ น้ําทน้ง ท่อประปา และท่อระบายนํ้า เป็นต้น แล้วจึงใช้หัวอัดนํ้ายาเคมีอัดนํ้ายาเคมี ผสมแล้ว ประมาณ 5 ลนตรตอ่ 1 ตร.ม. ลงไปในดนน เพ่ือทําลายรังและทางเดนนท่เี ป็นทอ่ี ย่อู าศยั ปลวก (7) เจ้าหน้าทท่ี าํ ความสะอาด และอุดรูท่ีเจาะหลงั จากการอัดน้ํายาเคมี โดยจะใช้ปูนซีเมนต์ผสมน้ํายากันซึมอุดรูในช้ันของ คอนกรีตแลว้ ใช้วัสดทุ ม่ี ีความใกลเ้ คยี งกบั สภาพพืน้ ผวน มากทีส่ ดุ อุดรู (8) เจ้าหน้าท่ีจะทําการอัดน้ํายาเคมีลงดนนตามแนวคานคอดนนนอกตัวอาคาร โดยใช้หัวอัดนํ้ายาเคมีที่มีประสนทธนภาพแบบ พนเศษปักลึกลงไปในดนนหรือทรายลึกประมาณ 30 ซม. เพ่ือทําการอัดนํ้ายาโดยรอบแนวคานดนนภายนอกตัวอาคารแต่ละจุดห่างกัน ประมาณ 1 ม. และทําการฉดี พ่นนํ้ายาเคมีเคลือบผวน ดนน หรอื ทรายอีกครัง้ รปู แสดง : วนธกี ารตนดตั้งท่อสําหรับกําจัดปลวก
9 - 106 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน รปู แสดง : การฉีดพน่ น้ํายาการปูองกนั กําจดั ปลวกและศัตรูทาํ ลายไม้ ท่มี า : ขน้ั ตอนการก่อสร้าง , http://www.kamolsakda.com , 2554 วธิ กี ารควบคมุ ปอ้ งกันและกาจดั ปลวก การสาํ รวจพ้นื ทก่ี อ่ นเข้าทํา การเจาะพืน้ บรนเวณตามจดุ เส่ยี งตา่ งๆท้งั ภายใน และภายนอก ตง้ั เครอ่ื งอัดนา้ํ ยาแรงดันสูง ไมเ่ กนน 25 ปอนด์
ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน 9 - 107 ผสมน้ํายาเคมตี ามอัตราสว่ น อัดน้าํ ยาเคมีตามพน้ื ที่ท่ีเจาะรูไว้ ฉีดพน่ นํา้ ยาเคมีบรนเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน, บรเน วณต้นไม้ (ถ้ามี) ตรวจเช็คสเปรย์นาํ้ ยาเคมีภายใน-ภายนอก รปู แสดง : ระบบวางทอ่ Pipe Treatment System ทีม่ า http://www.bug-solution.com/?cid=319470
9 - 108 ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 18. งานระบบประปา 18.1 วธิ ีการเดนิ ท่อประปา โดยท่ัวไปแล้วการเดนน ท่อประปาภายในบา้ นจะมีอยู่ 2 ชนนด คือ 1) การเดนน ท่อแบบลอย คือ การเดนนทอ่ ตดน กบั ผนงั หรือวางบนพนื้ การเดนนทอ่ แบบน้ีจะเหน็ ไดช้ ัดเจน สามารถซ่อมแซมได้ง่าย เมือ่ เกนดปัญหาจะซอ่ มแซมง่ายแตจ่ ะดไู ม่สวยงาม 2) การเดนนท่อแบบฝัง คือ การเจาะสกัดผนัง แล้ว เดนนท่อ เม่ือเรียบร้อยแล้วก็ฉาบปูนทับ หรือเดนนซ่อนไว้ใต้เพดานก็ได้ ซง่ึ จะดเู รยี บรอ้ ยและสวยงาม แตเ่ มือ่ มปี ัญหาแลว้ จะซ่อมแซมยาก 18.2 ประเภทของทอ่ ประปาทใ่ี ช้งานทวั่ ไป รปู แสดง : ทอ่ ประปาทใี่ ช้ทั่วไป 1) ทอ่ เหล็กอาบสงั กะสี ทําจากเหล็กกล้าซึ่งเป็นสนนมได้ยาก ผ่านการอาบสังกะสี สามารถเกลียวได้ง่าย ท่อเหล็กอาบสังกะสี ส่วนใหญ่จะผลนตมายาว 6 ม. ปลายท่อทําเกลียวมาให้พร้อม มีแบบหนาปานกลาง ที่ท่อจะคาดสีน้ําเงนน และอย่างหนา ท่ีท่อคาด สีเหลือง การตอ่ ทอ่ ใช้ข้อต่อแบบตา่ งๆ เช่นข้อตอ่ ตรง ข้อตอ่ งอ 90 องศาเป็นต้น คณุ สมบัตขน องท่อเหล็กอาบสงั กะสี - มีความแข็งแรง ทนทานตอ่ แรงกระแทกได้ ไมห่ ักงอง่าย - ทนต่อความดนั และอุณหภมู ทน ีส่ ูงๆ อยา่ งนาํ้ ร้อนที่ใชใ้ นทอ่ เปน็ ต้น - ราคาคอ่ นขา้ งสงู - ถ้าใชไ้ ปนานๆ อาจเกดน สนนมได้ โดยเฉพาะท่ฝี งั อยู่ในดนน อาจเป็น อันตรายถ้านํานํา้ ในท่อมารบั ประทาน 2) ท่อ พีวีซี ท่ีใช้เป็นท่อประปาสําหรับบ้านน้ัน เป็นท่อพีวีซีชนนดแข็ง สีฟูา ช้ันคุณภาพท่อ หรือคลาส 13.5 หมายความว่า สามารถรบั แรงดันของท่อได้ถึง 13.5 ก.ก./ตร.ซม. ความยาวตอ่ ท่อน 4 ม. การต่อท่อใช้ข้อต่อแบบต่างๆ เช่นข้อต่อตรง ข้อต่อสามทาง ขอ้ งอ ข้อตอ่ ลดขนาด เปน็ ตน้ คุณสมบัตนของทอ่ พวี ซี ี ทใ่ี ชเ้ ปน็ ท่อประปา - มีความเหนียว ยืดหยุ่นตัวได้ - ทนตอ่ แรงดันนาํ้ ได้ดี - มผี นวมันเรียบชว่ ยใหก้ ารไหลของนา้ํ ได้ดี - มนี าํ้ หนักเบาและราคาถูก - ตนดตั้งง่าย ตา้ นทานการผกุ ร่อนได้ดี - ปราศจากชวี ภยั อันเนอื่ งมาจากแบคทีเรยี - อายุการใชง้ านประมาณ 50 ปี - ใชไ้ ด้กับนาํ้ ธรรมดาอย่างเดียว (ใช้เป็นท่อนํา้ ร้อนไม่ได้) - เปราะ แตกหักงา่ ย ไม่ทนทานต่อแรงกระแทก - เสื่อมสภาพได้หากไดร้ บั แสงอุลตรา้ ไวโอเลทที่มากบั แดดเปน็ เวลานาน
ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน 9 - 109 3) ท่อ PP-R รปู แสดง : ท่อ PPR ทอ่ PP - R 80 ยอ่ มาจาก Random Copolymer Polypropylene (80) เป็นพลาสตกน คณุ ภาพสูงชนดน หน่ึง ซึ่งเป็นท่อที่คนดค้น ขึ้นภายใตค้ ณุ สมบัตดน า้ นเคมี และฟิสกน ส์ ท่เี กดน คณุ สมบัตนพเน ศษท่ีเหมาะสมตอ่ การ ใช้งานท่อประปา และงานท่อประเภทต่างๆ เป็นท่อ พลาสตนกที่มีพน้ื ฐานโครงสรา้ ง ทางเคมีมาจาก Polypropylene ซงึ่ ได้รบั การยอมรบั จาก Greenpeace ว่า เป็นพลาสตนกทีส่ ะอาดมาก ท่สี ดุ ชนนดหนึง่ คณุ สมบตั ขน องทอ่ PP-R ท่ีใช้เป็นท่อประปา - ทาํ จากพลาสตกน สะอาด ปราศจากสารกอ่ มะเรง็ สนนม และโลหะหนัก - อายุการใช้งานยาวนานถึง 50 ปี - ทนแรงดันได้ 10-20 บาร์ ขึ้นอยู่กบั ความหนาของทอ่ - ใชง้ านรว่ มกับท่อชนนดอืน่ ได้ - ใชไ้ ด้ท้งั กับนํ้ารอ้ น และน้ําธรรมดา (แลว้ แต่ร่นุ ) - เชือ่ มตอ่ โดยวนธกี ารให้ความร้อนทาํ ใหท้ ่อและขอ้ ตอ่ สามารถเช่ือมผสานกันเป็นเนื้อเดยี ว - ราคาสงู กวา่ ทอ่ พวี ีซี - การตดน ตั้งแบบพเน ศษ ชา่ งประปาอาจยังไมค่ นุ้ เคย - เชื่อมตอ่ โดยใช้ข้อต่อ เช่น ข้อต่อ ตรา SLYM ซึ่งเปน็ ข้อต่อทีผ่ ลนตข้นึ สาํ หรับทอ่ PP-R โดยเฉพาะ 4) ทอ่ HDPE รปู แสดง : ท่อ HDPE ท่อโพลีเอทนลีน (HDPE) เป็นวัสดุทางเคมีที่มีค่าความหนาแน่นสูง “ไม่น้อยกว่า 950 กก./ลบ.ม. ท่ีมีคุณสมบัตนทางเคมี, ไฟฟูาและทางกลที่ดีเย่ียม สามารถที่จะนํามาประยุกต์ใช้เป็นวัสดุท่ีเหมาะสม กับสภาวะการใช้งานในวงการต่างๆ ในปัจจุบัน ซ่ึงท่อโพลีเอทนลีน หรือ เอชดีพีอี ท่อพีอีนั้น ก็คือท่อโพลีเอทนลีน (HDPE) ที่ผลนตจากวัสดุโพลีเอทนลีนท่ีมาจากขั้นตอนทางเคมีทั้งสน้น ในปจั จบุ นั นีท้ อ่ โพลีเอทนลนี น้ันสามารถท่ีจะแบ่งช้ันคุณภาพของวัสดุ เพ่ือให้เหมาะกับการนํามาใช้งาน ความคุ้มทุนสําหรับการลงทุน รวมถึงอายุการใชง้ านท่ยี าวนานขนึ้ ชัน้ คณุ ภาพดังกลา่ วสามารถแบง่ ออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ ชนั้ คณุ ภาพที่ 1 โพลีเอทนลนี (HDPE 63) ชั้นคณุ ภาพที่ 2 โพลเี อทลน ีน (HDPE 80) ชน้ั คุณภาพท่ี 3 โพลีเอทลน นี (HDPE 100)
9 - 110 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน คุณสมบัตขน องท่อ HDPE ทใ่ี ชเ้ ป็นทอ่ ประปา - ไมเ่ ปราะ ไม่แตกง่าย - อายุการใช้งานยาวนานถงึ 50 ปี - ผสมสารปอู งกนั UV ทนตอ่ แสงแดด - นํ้าหนักเบา โค้งงอได้ ไมต่ ้องใชก้ าวต่อทอ่ - ตดน ต้งั ง่าย - รบั แรงดนั ได้ 12.5 -16 บาร์ - ใชเ้ ป็นท่อน้ําด่ืม ปราศจากสารกอ่ มะเรง็ สนนม หรือโลหะหนกั ต่างๆ - ราคาสงู กว่า ทอ่ พวี ีซี - เสือ่ มสภาพไดห้ ากได้รับแสงอุลตร้าไวโอเลททม่ี ากบั แดดเปน็ เวลานาน 18.3 การตดิ ตั้งท่อประปา การตรวจสอบ 1) ตรวจดวู ่าวัสดทุ ่อ และอุปกรณ์ประกอบทกุ ชนดน ทกุ ขนาดท่นี าํ มาใชต้ ้องเป็นของใหมท่ ่ีไม่เคยใชง้ านมากอ่ น (ไม่เป็นของเก่าเกบ็ ) 2) ตรวจดูขนาดท่อ อปุ กรณต์ อ่ ทอ่ ประตูนํ้า ตอ้ งได้ขนาดตามแบบ 3) ความขัดแย้งในรายละเอียด ขอ้ กําหนดให้ผรู้ บั จ้างรายงานผู้ควบคุมงานของผู้ว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเพ่ือเสนอให้ เจ้าหนา้ ทขี่ องผ้วู า่ จา้ งทาํ การวนน นจฉัยต่อไป 4) ต้องตรวจควบคมุ การขนส่งท่อ และอปุ กรณป์ ระกอบให้ถกู ต้องตามกรรมวธน ที ีก่ ําหนดเพ่อื ปอู งกันการแตกรา้ วเสยี หาย 5) ก่อนการวางทอ่ ทกุ ชนนด รวมท้งั อุปกรณป์ ระกอบทอ่ ผ้คู วบคุมงานต้องตรวจสอบอกี ทุกครั้ง ถา้ จําเป็นอาจต้องใช้ลมเปุา ทดสอบก็ทาํ ได้ 6) ตรวจดูวา่ กอ่ นวางท่อทกุ ชนดน จะต้องมีค้ํายันหรือเครื่องรองรับท้ังชนนดถาวร และช่ัวคราว บางครั้งถ้าต้องเทคอนกรีต รองรบั กต็ อ้ งทาํ ใหเ้ รยี บรอ้ ย 18.4 สุขภณั ฑแ์ ละอุปกรณ์ (Sanitary Wares & Accessories) 1) ตรวจดูเน้ือกระเบอื้ งเคลอื บ ขนาด ชนดน ของอปุ กรณ์ว่าถูกต้อง 2) ตรวจดูมนตน ระยะ สงู /ต่ํา - ห่าง/ชดน ทส่ี ขุ ภณั ฑ์ตนดตัง้ วา่ ถกู ตอ้ งตามแบบหรือไม่ 3) ตรวจดูวัสดปุ ระกอบการตดน ตง้ั เชน่ ปูนซีเมนต์ ปูนยาแนวว่าไดม้ าตรฐานและทาํ ถกู ตอ้ งเรียบร้อยหรือไม่ 4) ตรวจดูการเชื่อมต่อสขุ ภณั ฑก์ บั ท่อ ว่าไมม่ ีรอยนํา้ รวั่ ซมึ และถกู ต้องเรียบร้อยหรือไม่ 5) ตรวจดทู ่อนา้ํ เข้า - ออก ทอ่ ระบายอากาศวา่ มีการตนดต้ังใหถ้ ูกต้อง 6) ตรวจดจู ุดตนดต้ังจดุ ทํารูฝงั ทอ่ การฝงั พุกตา่ งๆ ก่อนทาํ การเทคอนกรตี 7) ตรวจดกู ารต่อเชอ่ื มสุขภัณฑ์ อยา่ ให้มเี ศษวสั ดอุ ดุ ตนั กอ่ นทาํ การวางสุขภัณฑ์ 8) ตรวจดแู นวการเดนน ทอ่ ต่างๆ ทอ่ นํา้ ทน้งให้ต่อลงอกี ท่อหนึ่ง ห้ามรวมกนั กับท่อปสั สาวะอุจจาระ 9) ตรวจดกู ารเดนนทอ่ เข้ามมุ ต่างๆ หา้ มใช้ข้อต่องอ 90๐ ใหใ้ ชข้ ้อต่อโค้ง 45๐ รูปแสดง : การตรวจสอบการตนดตั้งสขุ ภณั ฑ์ตา่ งๆ
ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 111 18.5 วัสดุและอุปกรณ์ประกอบระบบประปา และระบบระบายนา้ 1) เครือ่ งสบู น้า (Water Pump) เคร่ืองสูบน้ํา เป็นอุปกรณ์ท่ีช่วยส่งผ่านพลังงานจากแหล่งต้นกําเนนดไปยังของเหลว เพ่ือทําให้ของเหลวเคล่ือนท่ีจาก ตาํ แหนง่ หนึง่ ไปยังอกี ตาํ แหนง่ หนง่ึ ท่ีอย่สู ูงกว่า หรือในระยะทางทีไ่ กลออกไป ในปัจจุบันเคร่ืองสูบนํ้าจัดเป็นอุปกรณ์เครื่องมืออีกชนนด หนึ่งท่ีมีความเกี่ยวข้องกับชีวนตความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างมาก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยจัดส่งนํ้าเพ่ือการอุปโภค บรนโภค การเกษตร คมนาคม อตุ สาหกรรม ตลอดจนการบําบัดนํ้าเสยี เพ่อื รกั ษาสภาวะแวดลอ้ มทดี่ ีใหก้ บั มนุษย์ ซึง่ ววน ัฒนาการของเครื่องสูบนํ้าในปัจจุบัน ได้เปล่ียนไปจากเดนมที่ใช้พลังงานจากแหล่งธรรมชาตนมาเป็นการใช้พลังงานจากไอนํ้าจากเคร่ืองยนต์ และท่ี นนยมกันมากคือ การใช้พลังงานไฟฟูา เนือ่ งจากความสะดวกและงา่ ยต่อการใช้งาน ประเภทของเคร่อื งสบู นาํ้ มีการจดั หมวดหมู่ออกไดเ้ ปน็ 2 แบบ คือ (1) แยกตามลักษณะการเพม่น พลังงานให้แกข่ องเหลว หรอื การไหลของของเหลวในเครื่องสูบนํา้ ได้แก่ - ประเภทเครื่องสบู นา้ํ แรงเหวี่ยง หรือปั๊มหอยโขง่ (Centrifugal) เพม่น พลังงานให้แก่ของเหลวโดยอาศัยแรงเหว่ียง หนีจุดศนู ย์กลาง เคร่ืองสบู นา้ํ มแบบนบี้ างคร้งั เรียกว่าแบบ Rota – dynamic - ประเภทโรตาร่ี (Rotary) เพนม่ พลังงานโดยอาศัยการหมนุ ของฟนั เฟืองรอบแกนกลาง - ประเภทลูกสูบชัก (Reciprocating) เพนม่ พลังงานโดยอาศัยการอดั โดยตรงในกระบอกสูบ - ประเภทพนเศษ (Special) เป็นเครือ่ งสบู นา้ํ ที่มีลกั ษณะพนเศษ ไม่สามารถจดั อยูใ่ นทัง้ สามประเภททกี่ ลา่ วมา (2) แยกตามลกั ษณะการขบั ดันของเหลวในเคร่อื งสูบน้ํา แบง่ ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ - ประเภททาํ งานโดยไม่อาศยั หลักการแทนทขี่ องเหลว (Dynamic) เปน็ เครือ่ งสบู นา้ํ ประเภทอาศัยแรงเหวี่ยงหนีจุด ศูนยก์ ลางและแบบพนเศษ - ประเภททํางานโดยอาศยั หลกั การแทนที่ของเหลว (Positive Displacement) คอื การเคลอื่ นที่ โดยอาศัยช้นนส่วน ของเครื่องสบู เคร่ืองสูบนาํ้ ประเภทนจ้ี ะรวมเอาแบบโรตารี่ และแบบลกู สูบชักเขา้ อยู่ในกลุม่ ดว้ ย นอกจากการแบ่งเปน็ สองแบบตามทกี่ ล่าวมาแล้ว ยังอาจแบ่งเครื่องสูบนํ้าตามวัตถุประสงค์การใช้งานของแต่ละชนนดด้วย เชน่ เครื่องสูบน้ําดบั เพลนง ปัม๊ ลม ปัม๊ สูญญากาศ ปม๊ั บาดาล เปน็ ต้น รูปแสดง : ภาพเคร่ืองสบู นํา้ แบบ end suction centrifugal pump การตรวจสอบเครอ่ื งสบู น้ํา (1) ตรวจดู ชื่อผลนตภัณฑส์ นน ค้าใหถ้ ูกต้องตรงตามที่ผวู้ ่าจ้างอนมุ ัตแน ละให้ความเหน็ ชอบแล้ว (2) ตรวจดู ชนนด ขนาด และความสามารถของเครื่องสูบนํ้าให้ได้ตรงตาม Specification ตามในตารางความสามารถ และคู่มอื ท่ีมากบั ผลนตภัณฑ์สนนค้า การทดสอบเครอื่ งสูบน้ํา ในท่ีนี้จะกล่าวถึงการทดสอบเคร่ืองสูบน้ําดี (Cold Water Pump) และเคร่ืองสูบนํ้าเพ่นมแรงดัน (Package Booster Pump Set) ในอาคารแฟลตนายทหารประทวนสูง 7 ชั้น ตามแบบมาตรฐานของ ยย.ทบ.
9 - 112 ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน เคร่อื งสูบน้าดี (Cold Water Pump) - การทดสอบการสตาร์ท และหยุดทํางานในระบบ Manual โดยบนด Selector Switch Manual - Off - Auto ท่ีตูค้ วบคมุ ให้อยใู่ นตาํ แหน่ง Manual แล้วกดปมุ Start เพ่อื ให้ปม๊ั ทาํ งาน และกดปุม Stop เพื่อให้เครื่องสบู นาํ้ หยุดการทํางาน - การทดสอบการสตาร์ทแบบอัตโนมัตน โดยการบนด Selector Switch Manual - Off - Auto ที่ตู้ควบคุมให้อยู่ใน ตําแหน่ง Auto แล้วสมมตนสถานการณ์ให้น้ําในถังเก็บช้ันดาดฟูา ลดลง 1 ใน 3 ของถัง เครื่องสูบนํ้าตัวที่ 1 จะทํางาน นํ้าลดลงอีก เหลอื 1 ใน 2 ของถงั เครอ่ื งสบู นาํ้ ตวั ท่ี 2 จะทํางานช่วยตัวที่ 1 และมีสัญญาณ Low Alarm แสดงท่ีตู้ควบคุม เคร่ืองสูบนํ้าทั้ง 2 ตัว ทาํ งานสบู นํา้ จนระดบั นาํ้ สงู ขึ้นถึง ระดบั หยุดทํางาน ตู้ควบคมุ จะสง่ั ให้เครอ่ื งสูบนํา้ ทงั้ 2 ตวั หยดุ ทนั ที เครือ่ งสูบนา้ เพิม่ แรงดนั (Package Booster Pump Set : PBS) - การทดสอบการสตาร์ทและหยุดทํางานในระบบ Manual PBS ชุดที่ 1 และ 2 โดยการบนด Selector Switch Manual - Off- Auto ใหอ้ ยใู่ นตําแหน่ง Maual แลว้ กดปมุ Start เพ่ือให้เครื่องสูบนาํ้ ทาํ งาน และกดปุม Stop เพ่อื ให้เครื่องสูบนํ้าหยุด ทํางาน - การทดสอบการสตาร์ทแบบอัตโนมัตน โดยการบนด Selector Switch Manual - Off - Auto ท่ีตู้ควบคุมให้อยู่ใน ตาํ แหน่ง Auto แลว้ เปดิ นา้ํ ทหี่ อ้ งน้ําเพือ่ ใหแ้ รงดันลดลงจาก 40 PSI ลดลงท่ี25 PSI เครอื่ งสูบนา้ํ จะทํางาน และเมื่อหยดุ ใชน้ าํ้ ในห้องน้ํา แรงดนั จะเพน่มข้ึนจนถงึ 40 PSI เคร่อื งสบู นํ้าจะหยุดทํางานทนั ที 2) ประตูน้า (Gate Valve) ประตนู ํ้า (Gate Valve) แบบทัว่ ไป รูปแสดง : ภาพประตนู า้ํ การตรวจสอบ มีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้.- (1) ต้องเป็นของใหม่ไมเ่ คยใชง้ านมาก่อน และไม่เปน็ ของเก่าเก็บ (2) ตรวจดถู ้าในกรณที แี่ บบมนได้ระบุขนาด และชนนดไว้ ให้ถือว่าขนาดประตูน้ําท่ีจะตนดตั้งมีขนาดเท่ากับขนาดท่อที่ต่อ บรรจบ ณ จุดนน้ั (3) ตรวจดูว่าประตูน้ําทุกขนาดต้องเป็นแบบลน้นเด่ียว (Solid Wedge) หรือลน้นคู่ (Double Wedge) ก้านลน้นไม่ยก (Non Rising System) บงั คับก้านล้นน ให้ ปิด-เปดิ ด้วยพวงมาลยั (Hand Wheel) (4) ตรวจดูประตูนํ้าขนาด Ø 50 มม. (2 นน้ว) และเล็กกว่าต้องใช้ชนนดตัวเรือนฝาครอบเรือนล้นน และก้านทําด้วย ทองเหลือง (Bronze) ช้นั ความดันใชง้ าน 125 ปอนด์ ปลาย 2 ข้างต่อบรรจบท่อทงั้ สองข้าง คุณสมบตั ไน ด้มาตรฐานตาม มอก. ปจั จุบนั (5) ประตนู ํา้ ขนาด Ø 80 มม. (3 นว้น ) และใหญ่กว่าตรวจดูว่าตัวเรือนทําด้วยเหล็กหล่อ (Cast Iron) ปลายทั้งสองด้าน ของประตูน้าํ เป็นแบบหน้าจาน ชั้นความดันใช้งาน 14 กก./ตร.ซม. สําหรับท่อขนาด Ø 300 มม. และช้ันความดัน 10.5 กก./ตร.ซม. กับขนาดท่อ Ø 350 มม. ประตนู า้ํ นตี้ ้องมีคณุ สมบตั ไน ดม้ าตรฐานตาม มอก. ปจั จบุ ัน
ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 113 (6) การทดสอบความดันนาํ้ ต่อ Gate Valve ก. ขนาด Ø 80 - 300 มม. - ความดันทดสอบลน้น 14 กก./ตร.ซม. - ความดนั ทดสอบตวั เรือน 28 กก./ตร.ซม. ข. ขนาด Ø 350 - 900 มม. - ความดันทดสอบลนน้ 10.5 กก./ตร.ซม. - ความดนั ทดสอบตัวเรอื น 21 กก./ตรงซม. ค. ทดสอบลน้นเวลา 5 นาที ตัวเรอื น 10 นาที (7) ตรวจดเู ครื่องหมายท่ปี ระตนู ํ้าเหลก็ หล่อทกุ ตวั จะมีเครือ่ งหมายประทบั กบั ตัวเรือนแสดงเคร่ืองหมายบอกดงั น้ี.- ก. ชื่อ หรือเครอื่ งหมายของผู้ผลนต ข. ปที ่ผี ลตน ค. ความดนั ใชง้ าน ง. จํานวนรอบในการเปิด - ปิด จ. ตัวหนังสอื ตอ้ งไม่เลก็ กว่า 15 มม. และเป็นตัวนูนจากผวน ไม่นอ้ ยกว่า 3 มม. 3) ประตูกนั นา้ ไหลกลบั (Swing Check Valve) รูปแสดง : ภาพประตูกนั น้ําไหลกลับ การตรวจสอบ มีรายละเอียดดังต่อไปน้ี.- (1) ตรวจดูลนน้ วา่ เป็นแบบล้นนเหวย่ี ง (Swing Type) เปน็ ของใหม่ และไม่เกา่ เกบ็ จนส่วนใดเสื่อมคณุ สมบตั น (2) ถา้ แบบมนไดก้ ําหนดไม่วา่ กรณีใดๆ ประตกู นั นํ้าไหลกลบั ขนาดของประตูนา้ํ ตอ้ งมีขนาดเทา่ กบั ทอ่ ทบ่ี รรจบ ณ จุดน้ัน (3) ตรวจดูว่าประตนู าํ้ กันไหลกลับ ขนาด Ø 50 มม. (2 นว้น ) และเล็กกว่ามีลกั ษณะ ดังนี้.- - ตวั เรือนและลน้นทาํ ด้วยทองเหลือง (Bronze) - ชัน้ ความดันใช้งาน 125 ปอนด์ - ปลายทงั้ สองข้างเป็นขอ้ ตอ่ เกลียว สามารถต่อบรรจบเขา้ เกลียวของขอ้ ต่อ คุณสมบตั ไน ดม้ าตรฐานตาม มอก.ปัจจบุ ัน รูปแสดง : รายละเอยี ดของประตกู ันนา้ํ ไหลกลบั
9 - 114 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน (4) ตรวจดูประตูนาํ้ กนั ไหลกลบั ขนาด Ø 80 มม. (3 น้วน ) และใหญ่กว่า มคี ุณสมบตั น ดงั นี้.- - ต้องมคี ุณสมบตั นตาม มอก. ปจั จบุ นั ปลาย 2 ดา้ น ของประตนู ํา้ ต้องเป็นแบบหนา้ จาน - ท่อขนาด Ø 300 มม. และเลก็ กวา่ ช้ันความดันใช้งาน 14 กก./ตร.ซม. - ทอ่ ขนาด Ø 350 มม. และใหญก่ วา่ ใช้ชน้ั ความดัน 10.5 กก./ตร.ซม. - การเคลือบผนวภายในดว้ ย Coal Tar Epoxy หนา 400 ไมครอน - ตรวจดูผนวภายนอกเคลือบดว้ ย Coal Tar Epoxy หนา 400 ไมครอน - ก่อนการเคลือบสีตอ้ งตรวจดูวา่ มีการขัดทําความสะอาด ขดั สนมน คราบส่งน สกปรกใหห้ มด (5) การทดสอบความดนั (Hydrostatic Pressure Test) ให้ไดต้ ามเกณฑ์ดังน้ี.- ก. มาตรฐาน หรอื การรับรองจากผู้ผลนต - ความดนั ทดสอบลนน้ 3 กก./ตร.ซม. - ความดนั ทดสอบตวั เรอื น 25 กก./ตร.ซม. ข. การทําเครือ่ งหมาย ชอ่ื ผผู้ ลนต/วนั เดือน ปที ีผ่ ลตน ขนาดความดันใชง้ าน จาํ นวนทดสอบในการ เปดิ -ปิด ใชง้ าน เช่นเดียวกนั กบั ทีก่ ล่าวมาแล้ว 4) เคร่อื งยึดเหน่ียว และอุปกรณ์ทอ่ (1) การยดึ ตรึงต้องมนั่ คงแขง็ แรง และไมใ่ หเ้ กนดการหย่อนตัว (2) ท่อเหล็กอาบสงั กะสี ระยะหา่ งทสี่ ดุ ของจดุ ยดึ ไมเ่ กนน 2 ม. (3) ทอ่ พีวีซี ระยะห่างทส่ี ุดของจุดยึดทอ่ ไมเ่ กนน 1 ม. (4) ต้องยดึ ตรึงหรือรองรบั ทกุ ระยะทอ่ ทกุ ๆ แหง่ ท่ีต่อคร่อม หรอื ต่อแยก (5) ตรวจดทู ่อทตี่ นดต้งั ในแนวด่งน ตอ้ งมีการยึดหรือรัดท่อใหม้ ั่นคงทุกชั้น (6) ตรวจดูว่า เม่ือเปลี่ยนแนวท่อจากแนวดน่งเป็นแนวราบ มีการตนดตัง้ เครื่องรองรบั ทอ่ หรอื ไม่ รปู แสดง : การยึดตรงึ ท่อประปา 5) วาลว์ อากาศ (Air Valve) ใชส้ าํ หรบั งานประปา คือ อปุ กรณท์ างกลที่ทาํ งานดว้ ยลูกลอย ใช้ตนดตั้งที่จุดสูงสุดหรือจุดสะสมอากาศของระบบท่อส่งนํ้า ใชร้ ะบายอากาศออกเมือ่ สบู นาํ้ เข้าในระบบทอ่ ส่งนํ้าประปา หรอื ใชด้ ูดอากาศเขา้ เพือ่ ปูองกนั การเกนดสูญญากาศเม่ือระบายนํ้าออกจาก ระบบ
ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน 9 - 115 การตรวจสอบ มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้.- รูปแสดง : ภาพวาลว์ อากาศ (1) เปน็ ของใหมไ่ มเ่ คยถกู ใช้งานมาก่อนและไมเ่ ป็นของเกา่ เก็บจนส่วนใดๆ ไดร้ บั ความเสยี หายหรอื เสยี คุณสมบัตกน ารใชง้ าน (2) ตรวจคณุ ลกั ษณะอน่ื ๆ พร้อมทั้งการตนดตัง้ วา่ เป็นไปตามแบบกําหนด 6) มาตรวัดนา้ (Water Meter) มาตรวัดนํา้ เป็นระบบกลไกพน้ื ฐานธรรมดา การทํางานขบั เคลอ่ื นโดยการมใี บพดั ซึ่งเปน็ เหมอื นกงั หนั เมอ่ื มนี า้ํ ไหลผ่านก็จะ ให้ใบพัดหมุนตามทนศทาง และปรนมาณของนํ้าที่ไหลผ่าน จากใบพัดซ่ึงตนดตั้งไว้กับระบบเฟืองทดต่อไปยังแกนหมุนตัวเลข ตัวเลขที่ หนา้ ปดั จงึ ขบั เคลือ่ นโดยปรมน าณน้ําทไ่ี หลผ่านใบพดั ท่หี น้าปัทมข์ องมาตรวัดน้าํ จะมชี ่องแสดงตัวเลข ซ่งึ มีสองสี สีแดง จะมีอยู่สามหลัก เปน็ ตัวแสดงจาํ นวนลตน ร หลักแรกจึงเปน็ หลักหน่วย หลักที่สองเป็นหลักสนบ หลักท่ีสามเป็นหลักร้อย เมื่อตัวเลขข้ึนถึงหลักร้อยท่ี 999 ลนตร จะทดต่อไปทตี่ วั เลขซ่งึ มี สดี าํ คอื จาํ นวนลกู บาศก์เมตร คอื ใน 1 ลูกบาศกเ์ มตร (Cubic Meter) เท่ากับ1,000 ลนตร (Litre) ความ เท่ียงตรง ตอ้ งผ่านการตรวจสอบ รับรองโดยหนว่ ยงาน ช่งั ตวง วดั ของกระทรวงพาณนชย์ และต้องมีหนงั สอื รับรองความเทยี่ งตรงทุกตวั รูปแสดง : ภาพมาตรวัดน้ํา การตรวจสอบ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้.- (1) มาตรวัดนาํ้ ในโครงการฯ ในเขต กทม. ต้องมีคุณสมบตั ตน ามขอ้ กําหนด กปน. (2) มาตรวัดนา้ํ ในโครงการฯ ในส่วนภมู ภน าค ตอ้ งมคี ุณสมบัตขน องมาตรตามขอ้ กาํ หนด กปภ. (3) สาํ หรับมาตรวดั นาํ้ ชนดน Multi - Jet Type มีคณุ สมบัตไน ด้มาตรฐานตาม มอก. ปจั จบุ ัน หรอื เทียบเทา่ 7) ฟตุ วาลว์ (Foot Valve) Foot Valve หรอื วาลว์ หัวกะโหลก คอื วาล์วตวั ล่างสดุ ทจ่ี ะใช้ดูดนํ้า ในการดูดนํ้าจากท่ีๆ ต่ํากว่าเคร่ืองสูบนํ้าจะต้องมีนํ้า หลอ่ หรอื ลอ่ โดยตอ้ งเตนมนาํ้ ลงในเครอ่ื งสูบนํ้า เมอ่ื นาํ้ ลงในเครอื่ งสบู น้ํามันจะลงไปในท่อด้วย วาล์วตัวนี้ทําหน้าท่ีก้ันนํ้าไม่ให้ไหลลงไป ในบ่อ เมอ่ื เปดิ เครือ่ งสบู นํ้านํ้าในท่อ และทต่ี ัวเครื่องสบู น้าํ จะดงึ เอาน้ําในบ่อขนึ้ มาได้ วาลว์ ตัวนจ้ี ะมีเกลยี ว (ใน) ขา้ งเดยี ว
9 - 116 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน การตรวจสอบ มรี ายละเอียดดังต่อไปนี้.- (1) ต้องเปน็ แบบปิดสนนท มอี ัตราการดดู ผา่ นของนํ้าเท่าขนาดเส้นท่อ (2) กา้ นนํารอ่ งและปลอกอดั ทาํ จากวัสดชุ นนดเดยี วกันกบั บา่ วาล์ว และลน้นวาล์ว (3) บา่ วาล์วกันนาํ้ รว่ั ทําด้วย Buna-n (4) ตะแกรงทาํ ดว้ ยสเตนเลสชนนด Basketo (5) ขนาด Ø 3 นนว้ หรือเล็กกว่า ทาํ ด้วยทองเหลือง (6) ขนาด Ø 4 นน้ว หรือใหญก่ ว่า ทําด้วยเหลก็ หลอ่ รูปแสดง : ภาพฟตุ วาล์ว 8) ท่อกนั กล่ิน (Trap) รปู แสดง : ภาพท่อกันกลนน่ ท่อกนั กล่นน เปน็ อุปกรณ์ ประเภทชุด ใชก้ ับสขุ ภัณฑ์ใชต้ นดตงั้ ประจํากับห้องนํ้า-ห้องส้วม ประกอบกับอ่างล้างหน้า อ่างล้าง มือ ล้างภาชนะต่างๆ หรือที่ปสั สาวะ สว่ นมากมีรปู รา่ งตัวที (T) คอห่าน หรือตามแต่สุขภัณฑ์แต่ละชนนดกําหนด การตรวจสอบตรวจดู ว่าท่อกันกล่นนของรูน้ําทง้น พ้ืนเปน็ แบบเปิดตรวจระบายตะกอนได้ 9) สต๊อปวาลว์ (Globe Valve) รูปแสดง : ภาพสตอ๊ ปวาลว์
ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 117 การตรวจสอบ มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี.- (1) วัสดุท่ีทําตอ้ งเป็นทองเหลอื งบรอนซ์ (2) ทนแรงดันทดลองได้ 600 ปอนด์/ตร.นว้น (3) ตรวจปมุ มือจับหมุนวา่ เปน็ ทองเหลอื งชุบโครเม่ียม (4) สตอ๊ ปวาลว์ ทใี่ ช้ตนดประจาํ ทอ่ ท่เี ดนนลอย ใหใ้ ชช้ นนดชุบโครเมี่ยมท้งั ชุด (5) สตอ๊ ปวาลว์ ท่ีใช้ตนดประจาํ ทีป่ สั สาวะแบบหนน ขัด ใหใ้ ช้ชนดน ทองเหลือง (6) สต๊อปวาล์ว แบบ Angle Valve ซ่ึงใช้ตนดกอ่ นต่อเข้าเชื่อมสขุ ภณั ฑ์ ใหเ้ ปน็ แบบทองเหลอื งชุบโครเม่ียมอย่างดี 10) กอ๊ กนา้ (Faucet) รูปแสดง : ภาพกอ๊ กนาํ้ การตรวจสอบ มีรายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี.- (1) ตรวจดวู ่าเป็นชนนด และขนาด ท่ถี ูกต้องตามแบบหรอื ไม่ (2) ชนนดชบุ โครเมยี่ มแบบธรรมดา ใชส้ ําหรบั ตนดใต้ฝักบวั หรอื จุดตา่ งๆ ทีก่ ําหนด (3) ชนดน ทองเหลืองใช้ตดน ตามจดุ ตา่ งๆ ท่ัวๆ ไปตามแบบกาํ หนด (4) ชนนดทองเหลอื งปลายต่อสายยางได้ ใหใ้ ชส้ ําหรบั รดน้าํ หรอื ตนดตั้งตามจุดที่แบบกําหนด (5) ตรวจดูคณุ ภาพ คุณสมบตั ใน ช้งานของก๊อกน้าํ ทกุ ตวั โดยทดลอง ปิด-เปิด ใช้งานจรนง 11) ทอ่ เปิดสาหรับทาความสะอาด (Clean-Out) รปู แสดง : ภาพทอ่ เปดิ สาหรับทาความสะอาด การตรวจสอบ มีรายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี.- (1) ตรวจดวู ่าสําหรบั ท่อส้วม ท่อปัสสาวะ ไดใ้ ช้จุดเกลยี วทองเหลอื งประกอบเกลียวทอ่ ทองเหลอื ง (Clean-Out Plug) (2) สําหรับทอ่ ระบายต่างๆ ใหใ้ ช้ Plug หรือ Cap เปน็ เหล็กอาบสังกะสีขนาดเทา่ ทอ่ ระบายนา้ํ (3) ตรวจดูการตนดตั้ง Clean-Out วา่ ครบและตรงตามแบบกาํ หนดในผงั (4) ถ้าพจน ารณาแล้วเหน็ ควรตดน ตั้งเพน่มตามหลกั วชน าการทดี่ ี กส็ ามารถสง่ั ผรู้ ับจา้ งได้
9 - 118 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน (5) ถา้ สน่งแวดล้อม หรือภูมนประเทศบงั คับ ทําใหไ้ มส่ ามารถวางตดน ตั้ง Clean-Out ได้ตามในผังหรือแบบ ต้องปรึกษาขอ ความเหน็ ชอบจากผคู้ วบคมุ งานเสียกอ่ น (6) ตรวจดูวา่ ทอ่ ทีว่ างลึกได้ตามกําหนดในแบบ (7) ทุกครง้ั ก่อนนําท่อไปตดน ตั้ง ตอ้ งใหม้ ีการทําความสะอาดทอ่ และอปุ กรณป์ ระกอบ (8) ทกุ ครั้งท่ตี ดั ทอ่ ต้องตบแต่งปลายทอ่ ให้เรียบร้อย (9) ห้ามใชว้ สั ดุอื่นนอกจาก Pipe Joint Compound ทาเกลยี วท่อด้านนอกโดยรอบ หรอื ใช้ Tape พีวีซี พันเกลียวท่อ ขนั ยึดให้แนน่ ไม่ให้นํ้าร่วั ซึมได้ (10) หา้ มใช้ทอ่ ทําเกลียวยาวประกอบแปูนเกลียว (Long Screw-Andnut) แทนยูเนยี น (11) ยเู นยี นหนา้ แปลน ยโี บล์ท และเหลก็ รดั ตอ้ งมีปะเก็นยางกันนํา้ ร่วั อยา่ งดี อัดแน่นสมาํ่ เสมอ (12) ตรวจดูว่าการเจาะท่อเมน เพื่อต่อท่อแยกระยะต้องห่างกัน 1 ม. ตามความยาวของท่อเมน และรูที่เจาะต้องมี ขนาดเทา่ กบั ท่อทจี่ ะตอ่ แยก (13) ตรวจดขู ้อโคง้ ทุกแหง่ ของท่อซเี มนตใ์ ยหนน ขนาด Ø 100 มม. ข้ึนไปตอ้ งมแี ท่นคอนกรีตรองรับหนาไม่นอ้ ยกว่า 15 ซม. 19. ระบบกนั ซมึ (Water Proofment) รปู แสดง : พน้ื ท่ี ทคี่ วรทาํ ระบบกนั ซึม 19.1 การทาํ งานระบบกันซึม แบ่งออกเปน็ 3 แบบ ไดแ้ ก่ 1) งานทําระบบกันซึมแบบ Waterproof Membrane ด้วย Liquid Membrane Waterproof Membrane เป็นระบบ กันซมึ ชนดน พเน ศษ \"ชนนดเหลว\" (Liquid Membrane) เป็นวัสดุ \"Polymer\" ที่มีความทนทาน ต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมน และมี ความยืดหยนุ่ สงู 400 % สามารถใหต้ วั ได้ แมก้ รณีของอาคารมกี าร Movement และการแตกร้าวของพื้นคอนกรีต สามารถใช้งานบน พื้นผนวได้ และสะท้อนแสง UV และรังสีความร้อน ได้มากกว่า 80% ทําให้สามารถประหยัดพลังงานในตัวอาคารได้อย่างมาก พื้นท่ี ท่สี ามารถใชร้ ะบบ Waterproof Membrane ได้แก่ ดาดฟาู อาคาร, ระเบยี ง, ผนงั อาคาร เป็นต้น รปู แสดง : การทาํ ระบบกันซึมแบบ Waterproof Membrane
ขั้นตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 119 2) งานทาํ ระบบกันซมึ แบบ Waterproof Cement ด้วย Cement Base เป็นวัสดุกันซึมคล้ายซีเมนต์ และส่วนของเหลว ประเภทผสมเสรจ็ จากโรงงาน (Acrylic Co-Polymer) มีคณุ สมบตั นเมื่อแข็งตวั แลว้ จะไม่เหน็ รอยต่อทีเ่ กนดจากการทา สามารถซึมแทรก เข้าในช่องว่างเล็กๆ ท่ีผนวคอนกรีตได้ หรือรอยตามด จะคงสภาพอยู่ถาวรเหมือนเป็นเนื้อเดียวกับคอนกรีต ไม่เป็นพนษสามารถทาใน Tank นา้ํ ด่ืม, สระวา่ ยน้ํา, กระถางตน้ ไม้ เป็นตน้ รปู แสดง : การทําระบบกนั ซมึ แบบ Waterproof Cement 3) งานซ่อมนํ้ารั่วซึม (Water Leak) ด้วย Polyurethane Foam High Pressure Injection (PU-FOAM Injection) PU Foam จะทําปฏกน รน ยน ากับนา้ํ ในคอนกรตี และขยายตวั (ประมาณ 10 เท่า) อัดแน่นจนส้นนสุดปฏนกนรนยาในรูปของ Foam และปิดทางน้ํา ทาํ ให้ไมร่ ั่วซมึ การซอ่ มปูองกนั น้ําร่วั ซมึ ด้วย Polyurethane Foam High Pressure Injection สามารถซ่อมงานในพ้ืนทีด่ ังตอ่ ไปนี้ - ถังเกบ็ นํา้ (Water Tank) ท่เี ปน็ โครงสรา้ งคอนกรตี - สระว่ายนํา้ (Swimming Pool) - พน้ื และผนงั ชนั้ ใต้ดนน (D-wall, Slab, King Post, Basement) - รอยต่อโครงสร้างคอนกรีต (Construction Joint) - โครงสร้างคอนกรีตที่เปน็ รูพรนุ และมีนํ้ารัว่ ซึม (Honey Comb) - บ่อลฟน ท์ (Lift Pitch, Sump Pitch) 19.2 งานระบบกันซึมแบบแผ่นสําเร็จรูป มาปูปิดทับมีกรรมวนธีในการตนดตั้ง อยู่ 2 วนธี ได้แก่ แบบที่มีกาวอยู่ในตัวเอง สามารถ แกะกระดาษออกแปะได้เลย กบั แบบทต่ี อ้ งพ่นไฟ เพ่ือใหแ้ ผ่นรองท่ีเป็นสารพวกพลาสตกน ใต้แผน่ ละลาย กลายเป็นกาวเหลวยึดตนดกับ แผน่ หลงั คา มักจะกาํ หนดให้ใช้ในกรณีที่เปน็ พ้นื ท่ีกว้างโล่ง ไม่มีเหล่ียมมมุ มาก ไมม่ แี ท่นเคร่ืองมากมาย เพราะหากมีซอกมุมมาก หรือ แท่นอุปกรณ์ต่างๆ มาก การตัดชน้นงานเพ่ือแปะเข้าเหลี่ยมมุมให้ได้ดี และไม่มีจุดอ่อนให้รั่วทําได้ยาก และในระบบแผ่นสําเร็จรูปน้ี มักจะกําหนดให้ใช้เป็นแบบการตดน ต้งั แบบพ่นไฟมากกวา่ แบบกาวตดน เพราะมกี ารยึดเกาะดีกว่าแบบกาว เน่ืองจากพ้ืนที่หน้างาน มักมี ฝนุ ผงมากทําให้โอกาสหลุดร่อนของแบบกาวในตัวจึงมีมาก อีกทั้งหากตนดต้ังขอบแผ่นไม่ดีก็อาจโดนการเดนนขณะทํางานจนขอบเปิด ทําให้นํา้ เขา้ ไปสะสมได้ ยกเวน้ บางกรณีท่มี ีเงอ่ื นไขไมส่ ามารถใช้ระบบพ่นไฟ จึงจะมกี ารนํามาพนจารณาใช้ เช่น อยู่ใกล้แหล่งเช้ือเพลนง เป็นต้น ระบบกันซมึ แบบแผ่นสําเร็จรูป มกั จะเป็นพวกสาร Bitumen ซึ่งเป็นผลผลตน จากอตุ สาหกรรมปิโตรเลียม แล้วเสรนมด้วยเส้นใย Fiber ตา่ งๆ เช่น Glass Fiber หรือ Polyester ลักษณะคลา้ ย Sandwich คือ เปน็ พวก Bitumen + Fiber +Bitumen เพื่อใหม้ ีความ ยดื หยุ่น แข็งแรง ไม่ฉกี ขาดงา่ ย สว่ นผวน บนจะเปน็ เม็ดทราย หรอื เม็ดหนนสี หรือผนวดําๆ ของ Bitumen ท่ีรอการเท Topping ทับ ทั้งน้ี แลว้ แตท่ างผอู้ อกแบบจะกําหนด รูปแสดง : กันซึมแบบแผ่นสําเรจ็ รูป
9 - 120 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคุมงาน 19.3 ระบบกันซมึ แบบของเหลวนามาพน่ หรือทา ทมี่ กี ารใชก้ นั หลกั ๆ ในปัจจุบนั อยู่ 3 ประเภท 1) พวก Bitumen เหลว เนื่องจากเป็นผลผลนตจากนํ้ามันท่ีมีคุณสมบัตนกันน้ําและความชื้นได้ดี แต่มักไม่ใช่ Modified Bitumen จึงแพแ้ สง UV ค่อนขา้ งมาก จึงควรมีสที ับหน้าเพอ่ื ปูองกนั การเสื่อม เมอ่ี โดนแสงแดด 2) พวก Acrylic rasin เน่ืองจากคุณสมบตั ทน ่เี ปน็ พวก Polymer เหลวทาแล้วเป็นแผ่นฟิล์ม และทนแสง UV ได้ดีกว่าพวก Bitumen ธรรมดา จงึ มีการนํามาใชม้ าก แต่ Acrylic เป็นพวก Thermoplastic ท่ีโดนความรอ้ นแลว้ อ่อนตัว 3) พวก Polyurethane ด้วยลักษณะทเ่ี ปน็ ท้ัง โฟม สารเคลอื บผนวแข็งทที่ าแลว้ ต่อเน่ืองเป็นผืนเดียวกัน และยืดหยุ่นตัวได้ บ้าง จึงมีการนํามาใช้เป็นสารกันซึมด้วยเหมือนกัน ทนแสง UV ไม่ค่อยดี จึงควรมีสีหรือสารเคลือบเพ่ือปูองกันเหมือนพวก Bitumen โดยผูค้ วบคมุ งานจะต้องกาํ กบั ดูแลการตดน ตงั้ โดยผู้ชํานาญงานของบรนษทั ผผู้ ลตน และให้เป็นไปตามแบบรปู รายการที่สัญญาได้ กําหนด พร้อมมีใบรบั ประกันจากทางบรนษทั ผูผ้ ลตน สนน คา้ รูปแสดง : กนั ซมึ โพลียลู เน ทนแบบทา ทีม่ าขอ้ มลู http://www.novabizz.com/CDC/System/Waterproofing_System.htm#ixzz25ZZrdw7G 20. งานระบบระบายนา้ รวม 20.1 การวางทอ่ รปู แสดง : ภาพการวางท่อ 1) ตรวจดูแนวการวางท่อให้ตรงกับแบบท่ีกําหนด ถ้าภูมนประเทศบังคับไม่สามารถวางได้ตามแบบ ผู้รับจ้างต้องปรึกษา ผู้ควบคมุ งาน 2) ตรวจดคู วามลกึ วา่ วางท่อลกึ ได้ตามแบบกําหนด สําหรบั ทอ่ แต่ละชนนด 3) ตรวจดวู ่าผรู้ บั จ้างไดท้ ําความสะอาดทอ่ และอปุ กรณ์ ก่อนทําการวางท่อทกุ ชนนด 4) ตรวจดูเกลียวท่อเหล็กสังกะสี ว่าไม่ชํารุด และห้ามใช้วัสดุใดๆ พันเกลียวท่อ ให้ใช้ Pipe Joint Compound ทาเกลียว ด้านนอกโดยรอบ หรอื ใช้ Tape พีวีซี พันเกลยี วทอ่ เทา่ นัน้ แลว้ จึงขันยึดแนน่ ไม่ให้นํ้ารั่วซึมได้ 5) การตรวจสอบความดันน้ําในทอ่ ใหผ้ ู้รบั จา้ งทําการทดสอบความดันนํ้าในท่อด้วย Hydrostatic Pressure Test โดยกัก นาํ้ ไวภ้ ายในทอ่ ที่จะทาํ การทดสอบลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่า 24 ชม. ให้ใช้แรงดันในการทดสอบไมน่ ้อยกว่า 6 กก./ตร.ซม. และคงความดันนี้ ไวไ้ มน่ อ้ ยกว่า 2 ชม.
ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 9 - 121 20.2 การกลบท่อ รูปแสดง : ภาพการกลบท่อ 1) ตรวจดกู รรมวนธกี ารกลบท่อให้เกดน ความม่ันคง แขง็ แรง 2) ทําการตรวจสอบความดันน้ําใหไ้ ดม้ าตรฐานกอ่ นการกลบทอ่ 3) ตรวจดูดนนท่ีใช้กลบท่อ ต้องย่อยให้เป็นก้อนเล็กๆ และกลบเป็นช้ันๆ หนาไม่เกนนช้ันละ 20 ซม. ให้กระทุ้งแน่นจนถึง ระดับดนน เดมน 4) สําหรบั ทอ่ ซีเมนต์ใยหนน ชน้ั แรกให้กลบด้วยทรายกอ่ น หนาอยา่ งน้อย 10 ซม. 21. ระบบบาบดั น้าเสยี (Wastewater Treatment System) นํ้าท่ีผ่านการใช้ในการอุปโภค และบรนโภคแล้วนั้น จะแปรสภาพกลายเป็นนํ้าเสีย เนื่องจากมีการปนเป้ือน สน่งสกปรกต่างๆ โดยท่ัวไป นาํ้ เสยี จะแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภทคอื 1) น้าท้งิ (Waste Water) คือ นํา้ เสียจากการชาํ ระลา้ งอาบนํ้า โดยจะระบายสู่สาธารณะโดยแรงโน้มถ่วง โดยท่อควรมีความ ลาดเอียงอย่างน้อย 1:100 รวมทั้ง ต้องมีท่ออากาศเพ่ือให้อากาศในท่อมีทางระบาย เพื่อการไหลที่ดี และมีจุดเปิด (Clean Out) เพื่อทําความสะอาดในกรณีเกนดการอุดตันบรนเวณจุดหักจุดเลี้ยวของท่อส่วนน้ําท้นงจากครัวน้ันควรมีบ่อดักขยะ และไขมัน (Grease Trap) กอ่ นระบายสู่ทางสาธารณะ เพื่อปอู งกันการอดุ ตัน 2) น้าโสโครก (Soil Water) คือ นํ้าเสียจากสุขภัณฑ์ต่างๆ เช่นโถปัสสาวะส้วม ส่วนมากท่อจะแยกออกจากนํ้าทน้ง เพื่อลดปัญหาเรื่องกล่นน โดยน้ําโสโครกจะต้องมีการบําบัดก่อนระบายสู่สาธารณะตามมาตรฐาน หรือกฏกระทรวงฉบับท่ี 44 (พ.ศ.2538) ระบบบาํ บัดนํ้าเสียโดยระบบท่ีนนยมใช้ คือ Activated Sludge เป็นการใช้จุลชีพทําหน้าท่ีย่อยสลายของเสียในนํ้า โดยนํ้าเสียท่ี บาํ บัดเรยี บรอ้ ยแลว้ นัน้ จะสามารถนาํ กลับมาใช้ได้อกี เชน่ การรดนํา้ ต้นไม้ ถงั บําบัด คือ ถังส้วมท่ีมีระบบบาํ บดั นํา้ ปฏกน ูลให้กลายเปน็ นาํ้ ดีก่อนระบายลงสู่ทอ่ ระบายนา้ํ สาธารณะ โดยไม่ต้องให้นํ้าซึมลงสู่ใต้ ดนน อย่างบอ่ เกรอะบอ่ ซึม จึงช่วยแก้ปัญหาอาคารที่ตั้งอยู่ในบรนเวณที่ดนนซึมน้ําได้ไม่ดี ไม่ให้ส้วมอุดตันหรือบ่อส้วมทะลักเกนดนํ้าเน่ าส่ง กลนน่ เหม็นอนั จะทาํ ลายสภาพแวดล้อม หลักการทํางาน ทํางานตามหลักวนศวกรรมสุขาภนบาลเป็นขบวนการบําบัดน้ําโสโครกแบบ Activated Sludge คือ การใช้ ออกซเน จนเขา้ ไปเลีย้ งตะกอนแบคทีเรีย ใหท้ ําปฏนกนรนยาทางชวี เคมีเปล่ียนน้ําปฏนกูลให้กลายเป็นนํ้าดี ขบวนการนี้ไม่ทําให้เกนดกล่นนเหม็น ส่วนกากตะกอนทถี่ กู แยกออก จะทําปฏกน รน ยน าย่อยสลายตวั เองเรือ่ ยไป จึงไม่ต้องสูบสว้ มบ่อยๆ เช่น ระบบบ่อเกรอะบ่อซึม คุณลักษณะ ของถังบําบัด คือ เป็นระบบบําบัดนํ้าโสโครกแบบย่อส่วนสําหรับแยกตนดตั้งกับท่ี (Compact Onsite Tredtment Unit) แทนระบบ บาํ บัดนํา้ แบบรวม (Central Treatment System) ในกรณที รี่ ะบบการเดนน ท่อโสโครก (Sewerage) มปี ัญหา
9 - 122 ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน การตรวจสอบถงั บาํ บัดน้ําเสยี (Sewaged Treatment Tank / Septictank) มรี ายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้.- รูปแสดง : ภาพถังบําบดั นํ้าเสยี (1) ตรวจดู ชือ่ ผลตน ภัณฑ์สนน ค้า หรอื Brand Name ให้ถกู ตอ้ งตรงตามที่ผวู้ า่ จ้างอนมุ ัตน และใหค้ วามเหน็ ชอบแลว้ (2) ตรวจดู ชนดน ขนาด และความสามารถของถงั บาํ บัดนา้ํ เสยี ใหไ้ ดต้ รงตาม Specification ในตารางความสามารถ หรือคู่มือ ทีม่ ากบั ผลนตภัณฑส์ นนคา้ (3) ผลนตภัณฑส์ นนคา้ ตอ้ งไดม้ าตรฐานตาม มอก. ปัจจบุ ัน 22. ระบบดบั เพลงิ ในอาคาร (Fire Protection) 1) ตรวจดูวสั ดทุ อ่ ว่าต้องเป็น ชนนดทอ่ เหลก็ อาบสงั กะสี (Galvanized Steel Pipe) ชนดน ตอ่ ด้วยเกลียว สว่ นทอ่ สง่ น้าํ ดบั เพลงน (Fire Pipe) จะต้องเปน็ ทอ่ เหล็กอาบสงั กะสี ชนนดขอ้ ต่อเกลยี วใหไ้ ด้มาตรฐาน มอก. ปัจจบุ ัน หรอื BS 1387 - 1907 รูปแสดง : ภาพทอ่ ส่งนาํ้ ดับเพลนง 2) ตรวจดูอุปกรณป์ ระกอบที่ใชใ้ นการเดนน ท่อสง่ ดับเพลงน จะตอ้ งเปน็ อปุ กรณ์ประกอบทอ่ เหลก็ ชนดน เดียวกับเหล็กหล่อเหนียวต่อ ดว้ ยเกลยี วผวน อาบสังกะสี คณุ สมบัตนไดม้ าตรฐานตาม มอก.ปจั จบุ ัน หรือ BS 1256 - 1968 3) Air Relief Valve ให้ตรวจดูว่าต่อด้วย Copper Alloy ส่วน Spring ต้องทําด้วย Stainless Steel รับแรงดันได้ไม่น้อยกว่า 250 ปอนด/์ ตร.นนว้ รปู แสดง : ภาพ Air Relief Valve
ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน 9 - 123 4) ตู้เก็บอุปกรณ์ดับเพลนง ให้ตรวจดูว่าชนนดของตู้ต้องเป็นส่ีเหล่ียมทําด้วยเหล็ก แผ่นเบอร์ 20, บนกระจกต้องมีคําว่า “FIRE” ตัวอักษรขนาดสูง 15 ซม. หนา 5 ซม. ด้วยสแี ดง รปู แสดง : ภาพตู้เก็บอุปกรณ์ดับเพลงน 5) ตอ้ งกํากับดแู ลการตนดตงั้ โดยผู้ชํานาญงานของบรนษัทผผู้ ลตน และให้เปน็ ไปตามแบบรูปรายการและสัญญาที่กาํ หนด พร้อม การทดสอบการทํางานของระบบ และระยะเวลา Service Maintenance ถ้ามี 6) หัวตอ่ ดับเพลนง ตรวจดดู งั ตอ่ ไปน้ี.- (1) ตรวจดูว่าการตดน ต้งั ตรงตามแบบกาํ หนดหรือไม่ รูปแสดง : ภาพการตนดตัง้ ทอ่ ดับเพลงน (2) ตอ้ งให้ผูร้ ับจ้างทาสีแดงที่ท่อดบั เพลนงที่เป็นเหล็กหล่อหรอื ทองเหลืองหล่อ รปู แสดง : ภาพทอ่ ดับเพลงน ท่ที าสีแดง (3) ตรวจดูว่าชนนดของหัวต่อ สามารถตอ่ เข้ากับทอ่ ดูดของท่อดับเพลงน ของหน่วยทมี่ อี ยู่ และต่อกับรถดบั เพลงน ของทางราชการได้หรือไม่ รปู แสดง : ภาพชนนดของหัวต่อดับเพลนง (4) รายละเอยี ดการต่อทอ่ ดับเพลงน - ให้ผ้รู ับจา้ งทาสีทอ่ ส่งดับเพลงน ด้วยสีแดง - ต้องใหม้ คี ําแนะนาํ วนธใี ช้อปุ กรณด์ ับเพลนงเปน็ ภาษาไทย ตนดไวท้ ่ีตู้ดบั เพลงน - ตอ้ งให้มีการทดสอบความดนั ด้วยวนธี Hydrostatic Pressure Test ท่คี วามดนั 150 ปอนด์/ตร.นว้น เปน็ เวลา 15 นาที แลว้ ดวู ่าท่อนั้น จะตอ้ งไม่ร่ัวซมึ
9 - 124 ขนั้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน งานระบบวิศวกรรมไฟฟา้ 23. งานระบบไฟฟา้ กาลัง 23.1 งานระบบสาธารณปู โภคไฟฟา้ ภายใน 1) มาตรฐานผลตน ภณั ฑ์ (1) ตามมาตรฐาน ว.ส.ท. หรอื NFPA , IEC , NEC (2) ถ้าไม่ม่นั ใจในรายละเอยี ด ผู้รับจา้ งต้องทํา Shop Drawing ให้ผ้คู วบคุมงานพนจารณาเหน็ ชอบก่อนดําเนนน การใดๆ (3) แบบการตนดต้ังจรงน ผ้รู ับจา้ งต้องเสนอขออนมุ ตั กน ่อนส่งมอบงานงวดสดุ ทา้ ย (4) วัสดุอุปกรณ์ท่ีกําหนดในแบบรูปรายการและสัญญาต้องมี มอก. และเป็นไปตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพสั ดุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพ่นมเตนม (5) วสั ดุอุปกรณอ์ ื่น ๆ ใหเ้ ปน็ ไปตาม ANSI , BS , DIN , IEC , JIS , NEMA , NESC , NRDA , UL และ VDE 2) การเทียบเท่าวัสดุและอุปกรณ์ (1) เมื่อตนดต้ังแล้วเสร็จ ผู้รับจ้างต้องดําเนนนการทดสอบการทํางานของระบบ ตามมาตรฐานที่ระบุโดยมีผู้แทน ยย.ทบ. เข้าร่วมการทดสอบดว้ ย (2) ความเสียหายท่ีเกนดจากการทดสอบให้เปน็ ภาระรบั ผนดชอบของผรู้ ับจ้าง (3) ผรู้ บั จา้ งตอ้ งจดั ใหม้ ีปูายแสดงแผงควบคุมตามที่ผู้วา่ จา้ งเห็นว่าจําเปน็ (4) ผู้รับจ้างดําเนนน การฝกึ อบรมเจ้าหน้าท่ีของผู้ว่าจา้ งใหเ้ ข้าใจในการทํางาน และการปรนนนบัตนบํารุงรักษาอุปกรณ์ได้ เป็นอยา่ งดี (5) การรบั ประกันวัสดอุ ปุ กรณ์ ให้เปน็ ไปตามท่กี ําหนดในสัญญา 3) ขอ้ กาํ หนดงานระบบไฟฟาู ภายใน (1) งานระบบไฟฟูาภายในครอบคลมุ เฉพาะภายในอาคาร ไฟสนาม ในบรนเวณอาคาร และสายเมนทเี่ ดนนไปยังมาตรวดั (2) การไฟฟูาจะเปน็ ผ้ตู อ่ สายเมนเข้ากับมาตรวัด ตามรายละเอยี ดในแบบ (3) สายไฟฟาู ท้งั หมดทนี่ ํามาใช้ ต้องเปน็ ชนดน ตัวนําทองแดง หุ้มฉนวนพีวซี ี ท่ีได้มาตรฐานตาม มอก. ปัจจบุ นั รูปแสดง : รายละเอียดสายไฟฟูา (4) สายไฟทองแดงหุ้มฉนวน ครอสลนงคโ์ พลเี อสทลี นี 600V 90๐C ท่ไี ด้มาตรฐานตาม มอก. ปจั จบุ นั รูปแสดง : ภาพสายไฟฟูา NYY
ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน 9 - 125 (5) การเลอื กใช้สายไฟฟูาใหใ้ ช้สตี ามทกี่ ําหนด ดงั ต่อไปนี้.- - เฟส A ใช้ สีแดง - เฟส B ใช้ สเี หลอื ง - เฟส C ใช้ สนี าํ้ เงนน - ตวั นําศนู ย์ N ใช้ สขี าว หรือ เทา - สายดนน G ใช้ สีเขยี ว หรอื สเี ขียวคาดเหลอื ง (6) ชนนดของสายไฟฟูาหากมไน ด้กําหนดอยา่ งอน่ื ให้ใช้ ดงั ต่อไปนี้.- - วงจร ระบบ 1 เฟส 2 สาย 220V ให้ใช้สายไฟฟาู แรงดนั 300V 70๐ C - วงจร ระบบ 3 เฟส 4 สาย 220/380V ให้ใช้สายไฟฟูาแรงดัน 750V 70๐ C - สายไฟฟูาเดนน ลอยใช้สาย VAF - สายไฟฟาู รอ้ ยท่อ หรือรางเดนนสาย (Cable Tray) ใช้สาย THW - สายไฟฟาู รอ้ ยท่อฝงั ดนน หรอื ฝังดนน โดยตรงใช้สาย NYY หรือ XLPE - สายวงจรย่อยใช้ขนาด 2.5 ตร.มม. ใช้กับสวทน ช์ 15 AT - สายยอ่ ยขนาด 4 ตร.มม. ใชก้ บั สวนทซ์อัตโนมตั น 20 AT - ในกรณีเดนนสายร้อยท่อ สายแยกจากวงจรย่อยเข้าเต้ารับ, ดวงโคมไฟฟาู , พัดลมใหใ้ ช้สายขนาด 1.5 ตร.มม. - ในกรณีเดนน สายลอย สายแยกจากวงจรเขา้ เต้ารบั , ดวงโคมไฟฟาู , พัดลมใหใ้ ชส้ ายขนาด 2.5 ตร.มม. 4) ทอ่ ร้อยสายไฟฟาู และวสั ดุเดนน สายอน่ื ๆ (1) ทอ่ เหล็กอาบสงั กะสีท่ีใช้ต้องได้มาตรฐานตาม มอก.ปัจจบุ นั (2) ท่อเหล็กชุบสังกะสีหนาและหนาปานกลาง ขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลางไมเ่ ลก็ กวา่ ½ นนว้ (3) ท่อโลหะบางขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลางไมเ่ ล็กกว่า ½ นน้ว รปู แสดง : ภาพท่อร้อยสายไฟฟูาแบบโลหะ (4) ทอ่ โลหะออ่ นชนนดโค้งงอไดห้ ากใชใ้ นทีม่ คี วามช้นื ต้องมปี ลอกพลาสตนกหุม้ ภายนอกอกี ช้ันหน่ึง รปู แสดง : ภาพท่อร้อยสายไฟฟาู แบบทอ่ โลหะอ่อน
9 - 126 ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผูค้ วบคมุ งาน (5) ท่อพวี ีซี รอ้ ยสายตอ้ งใช้ทไี่ ด้มาตรฐานตาม มอก. ปจั จบุ นั รปู แสดง : ภาพท่อร้อยสายไฟฟูาแบบท่อพวี ีซี (6) ท่อ PE และทอ่ PB ตอ้ งไดร้ ับความเหน็ ชอบจากผูอ้ อกแบบกอ่ นนํามาใช้ การตรวจสอบมรี ายละเอียดดังนี้.- รปู แสดง : ภาพท่อร้อยสายไฟฟูาแบบทอ่ PE และท่อ PB - ให้ผู้รับจ้างจัดหาวัสดุอุปกรณ์ไฟฟูา แรงงานพร้อมดําเนนนการตนดตั้งระบบให้เป็นไปตามแบบรูปและรายการ ที่กาํ หนด - ดําเนนนการขออนญุ าตใช้กระแสไฟฟาู ชั่วคราว พรอ้ มเตรยี มอปุ กรณต์ ามข้อกําหนดของการไฟฟูาฯ - ใหผ้ รู้ ับจา้ งประสานตนดตามระบบไฟฟาู ภายนอก ที่ดําเนนนการโดยการไฟฟูาฯ ให้เร่งรัดให้การดําเนนนการให้แล้ว เสรจ็ พร้อมงานงวดสุดท้าย ในการนี้ใหถ้ ือว่างานระบบไฟฟาู ภายนอกเป็นสว่ นหน่ึงของงานงวดสดุ ทา้ ย - คณะกรรมการตรวจการจา้ ง จะรับงานงวดสดุ ท้ายได้ต่อเมื่อ การไฟฟูาฯ ได้ต่อเชื่อม และจ่ายกระแสไฟฟูาให้ใช้ งานได้เรยี บร้อยแลว้ เท่านั้น - วัสดุอุปกรณ์ท่ีนํามาใช้ต้องเป็นของใหม่ โดยผู้รับจ้างต้องส่งรายละเอียดพร้อมข้อมูลทางเทคนนคทั้งหมดให้ ยย.ทบ. ตรวจอนุมัตกน ่อนนําไปตดน ตงั้ (บางกรณีอาจนําตัวอย่างใหต้ รวจสอบด้วย)
ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคุมงาน 9 - 127 23.2 วธิ ีการเดินสายไฟฟ้า และการตดิ ตั้งระบบไฟฟ้าแรงตา่ การตรวจสอบ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้.- 1) ไฟฟาู แรงต่ําทั้งระบบ AC และ DC ยอมให้ตนดตั้งในท่อรอ้ ยสาย หรอื ท่ีห้มุ เดียวกันได้ ถ้าฉนวนหุ้มสายไดม้ าตรฐาน 2) การเดนน สายไฟฟูาในผนงั หรอื โครงสร้างต้องมีทอ่ รอ้ ยสาย 3) การตนดตั้งสายไฟฟูาใต้ดนน (ระบบแรงตํา่ ) ดงั น้ี.- - เคเบลน ฝังใต้ดนน โดยตรง ระยะฝังลึกนอ้ ยสดุ 60 ซม. - ทอ่ โลหะหนา ระยะฝังลึกนอ้ ยสุด 15 ซม. - ท่อมนใช่โลหะ ระยะฝงั ลกึ น้อยสดุ 45 ซม. - ท่ออืน่ ๆ ระยะฝังลกึ นอ้ ยสดุ 45 ซม. - การฝงั ทอ่ เดนนสายอ่ืนๆ ใหต้ รวจดูให้เปน็ ไปตามข้อกําหนด - ตรวจดูว่าระยะจบั ยึดของท่อร้อยสายในแนวดนง่ ให้ถูกตอ้ งตามขอ้ กาํ หนด - ตรวจดูวา่ การใช้เครอ่ื งประกอบการเดนนท่อ เชน่ Service Entrance Code ถกู ต้องหรอื ไม่ - กํากบั การ ใหม้ กี ารปูองกนั การเหนย่ี วนําให้เกดน น้อยทสี่ ุด เมอื่ รอ้ ยสายไฟฟาู ผ่านโลหะทีม่ คี ุณสมบตั นเป็นแมเ่ หลก็ - จํานวนสายไฟฟาู สงู สุด ในทอ่ ร้อยสายใหเ้ ปน็ ไปตามตารางทกี่ าํ หนดไว้แลว้ รปู แสดง : การต่อสายเขา้ ตู้ R4-100
9 - 128 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคมุ งาน 23.3 การเดนิ สายไฟฟา้ และการตดิ ต้ังระบบไฟฟ้าภายในอาคาร (การเดินสายและการตดิ ต้งั ไฟฟา้ แรงตา่ , ระยะความสงู ของ การติดต้งั อปุ กรณไ์ ฟฟ้า และขนาดสายไฟฟ้าแยกเข้าดวงโคม / เตา้ รบั ) การตรวจสอบ มรี ายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้.- 1) การเดนน สายลอย (Surface Wiring) ใชส้ ายไฟหมุ้ ดว้ ยพีวีซี ชนดน VAF ทนแรงดัน 300V 700 C ท่ไี ดม้ าตรฐานตาม มอก. ปัจจบุ ัน 2) ดูว่าการเดนนสายต้องตึง และตรงหกั เลีย้ วมมุ ฉากให้วางชนั้ แนวเดยี วห้ามทบั ซอ้ นกัน และมีเข็มขัดรัดระยะไม่เกนน 10 ซม. รูปแสดง : การเดนน สายลอย 3) การต่อสายไฟใหท้ ําทีส่ วนทซ์, เต้ารับ และกล่องต่อสาย รปู แสดง : การต่อสายไฟ 4) การเดนนสายไฟ บนฝูาเพดาน ฝังในผนังและพื้น ต้องใช้สายไฟฟูาทองแดงหุ้มด้วยฉนวนพีวีซี ชนนด THW ทนแรงดัน 750V 70๐C ทีไ่ ดม้ าตรฐานตาม มอก.ปัจจุบนั 5) ตรวจขนาดท่อที่ใชร้ ้อยสาย วา่ มขี นาดตรงตามทก่ี ําหนด 6) การยดึ ทอ่ , การยึดท่ออ่อนกับโครงสร้าง ถกู ต้องตามระยะทก่ี ําหนด รปู แสดง : การการยดึ ท่อ, การยดึ ท่ออ่อนกับโครงสรา้ ง
ขน้ั ตอนการตรวจสอบงานของผู้ควบคุมงาน 9 - 129 23.4 ระยะสูงของการตดิ ตั้งอปุ กรณ์ไฟฟา้ การตรวจสอบ มีรายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี.- 1) ดวงโคมสําหรับหอ้ งพักสงู จากพ้นื 2.50 ม. 2) สวทน ซ์ปิด-เปิดสูงจากพน้ื 1.30 ม. วัดจากพ้นื ถงึ บน/กลาง/ลา่ ง ของกล่องหรอื ฝาครอบ 3) เต้ารบั ไฟฟูาสูงจากพ้ืน 30 ซม. ส่วนในห้องน้ําให้ตนดสงู จากพ้นื 1.30 ม. จากพื้นถึง บน/กลาง/ล่าง ของกลอ่ งหรือฝาครอบ 4) แผงควบคมุ ไฟฟาู ประจําอาคารสงู จากพนื้ 2 ม. วดั จากพื้นถึง บน/กลาง/ลา่ ง ของแผง 5) มเน ตอร์วัดจาํ นวนหน่วยไฟฟูาสงู จากพ้นื 2 ม. วดั จากพ้ืนถึง บน/กลาง/ลา่ ง ของมนเตอร์ 6) ดกู ารเดนนสายดนนเขา้ ดวงโคมให้ถกู ต้อง 7) สายเมนทรี่ อการเชอ่ื มโยงกบั เมนภายนอกทเี่ สาไฟฟูาต้องเป็นสายขนาด และชนนดเดียวกนั กบั สายเมนรวมของอาคาร 8) หากอาคารหา่ งจากเสาเมนไฟฟาู ภายนอกเกนน 30 ม. ตอ้ งปกั เสาคอนกรีตตามมาตรฐานการไฟฟูาเพ่นม 9) ขนาดสายดนน หากแบบไมก่ ําหนดใหม้ ีขนาดตามตาราง 10) รายการอนื่ ๆ ควบคุมใหไ้ ด้มาตรฐานและตามแบบท่ีกาํ หนดวัสดอุ ปุ กรณ์สําหรบั งานตดน ตงั้ ระบบไฟฟาู ภายใน ตารางขนาดของสายดนิ ของเครอ่ื งอปุ กรณ์ไฟฟา้ พิกดั หรอื ขนาดปรับตัง้ ของอปุ กรณ์ป้องกนั ขนาดสายดนิ ของเครื่องอปุ กรณไ์ ฟฟา้ กระแสเกินอตั โนมัติด้านต้นทางของอุปกรณ์ (แอมแปร์) (ตัวนาทองแดง) ตร.มม. 6 - 16 1.5 20 - 25 4 30 - 63 6 80 - 100 10 125 - 200 16 225 - 400 25 35 500 50 600 - 800 70 95 1,000 120 1,200 - 1,250 185 1,600 - 2,000 240 300 2,500 3,000 - 4,000 5,000 - 6,000
9 - 130 ข้ันตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน 23.5 แผงสวิตซแ์ รงตา่ (Main Distribution Board) 1) แผงสวิตซ์แรงต่า คือ แผงจ่ายไฟฟูาท่รี บั ไฟฟาู จากแหล่งจ่ายไฟฟูาต้นทาง (หมอ้ แปลง) ไปจา่ ยให้กับแผงสวนตซ์อนื่ หรอื แผงยอ่ ย หรอื โหลดต่างๆ โดยมกั เรยี กวา่ แผงบรนภณั ฑ์ประทานรวมแรงตํ่า (Main Distribution Board : MDB) รปู แสดง : ภาพแผงสวนตซแ์ รงต่ํา (Main Distribution Board : MDB) การตรวจสอบ มรี ายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี.- (1) แผงสวนตซ์แรงต่ําตอ้ งได้มาตรฐานตาม มอก.ปัจจบุ ัน (2) แผงสวนตซแ์ รงตํา่ แรงดันไฟฟาู ไม่น้อยกว่า 416/240 V. 3 เฟส 4 สาย (3) ถ้าในแบบรปู มไน ดก้ ําหนดแผงสวนตซแ์ รงต่ํา ใหใ้ ช้พกน ดั กระแสลดั วงจรไม่น้อยกวา่ 50 KA ที่พนกดั แรงดันใช้งาน (4) ตู้แผงสวนตซแ์ รงต่ํา ตอ้ งใชแ้ บบโมดูลลารซ์ นสเต็ม โดยโมดูล 200 มม. ทงั้ ดา้ น กวา้ ง สูง ลึก (5) ตวั ตู้แผงสวนตซ์แรงต่าํ ทาํ จากเหลก็ หนา 3 มม. ส่วนฝาตใู้ ชเ้ หล็กหนา 1.6 มม. (6) Busbar ต้องเป็นทองแดงบรสน ทุ ธ์น 98% (7) ระดบั การปอู งกัน ตดน ในอาคารเป็นประเภท IP 32 แตต่ นดตง้ั ภายนอกอาคารเป็นประเภท IP 66 หรอื ตามแบบ 2) แผงสวิตซ์ยอ่ ย รูปแสดง : ภาพแผงสวนตซย์ ่อย แผงสวทน ซย์ ่อย ทุกอยา่ งต้องได้มาตรฐานตาม มอก. การตรวจสอบ มรี ายละเอียดดังตอ่ ไปนี้.- (1) แผงย่อยตอ้ งมีพนกัดแรงดันไฟฟูาไมน่ ้อยกว่า 220V 1 เฟส 2 สาย หรือ 380/220V 3 เฟส 4 สาย (2) ตูแ้ ผงย่อย ถา้ ตนดต้ังในอาคารตอ้ งมีระดบั ปอู งกัน IP31 ถ้าตนดตั้งนอกอาคารต้องมีระดบั ปูองกนั IP34 (3) Busbar สําหรับต่อกนั ตัดตอนอัตโนมัตน เป็นแบบลาํ ดบั เฟส
ข้นั ตอนการตรวจสอบงานของผ้คู วบคมุ งาน 9 - 131 (4) ตัดตอนอัตโนมัตน วงจรยอ่ ยใหใ้ ช้อปุ กรณป์ ลดวงจรชนนดความรอ้ น-แม่เหล็ก มีกระแสลัดวงจร (IC) อย่างต่ํา 5 KA ท่ี 220V (ไม่รวมเมน) (5) เมน Circuit Breaker แผงวงจรย่อย ให้ใช้อุปกรณ์ปลดวงจรชนนดความร้อน - แม่เหล็กมีค่ากระแสลัดวงจรไม่ต่ํา กว่า 10 KA ท่ี 220/415V หรอื ตามแบบ (6) ตดั ตอนอัตโนมัตสน ําหรบั แผงสวทน ชแ์ รงตาํ่ - ตัดตอนอัตโนมัตนทัง้ หมดเปน็ ชนนด Molded Case Circuit Breaker ทนแรงดันไฟฟาู ได้ไม่น้อยกว่า 380/220V 3 เฟส 4 สาย - ค่ากระแสตดั ลัดวงจร (IC) ตัดตอนอัตโนมตั นพกน ัดไมน่ อ้ ยกวา่ 16 KA ท่ี 240/415V - ตัดตอนอัตโนมตั น ตัวเมนขนาดตงั้ แต่ 1,000 A. ข้ึนไปในระบบ 3 เฟส 4 สาย ตอ้ งตอ่ Ground ด้วย - ผูค้ วบคุมงานต้องตรวจดอู ุปกรณ์ตดั ตอนให้ได้ตามแบบกําหนด และทไ่ี ดม้ าตรฐานตาม มอก. ปัจจบุ ัน 3) เซฟต้สี วิตซ์ (Safety Switch) รูปแสดง : ภาพเซฟตสี้ วนทช์ การตรวจสอบ มรี ายละเอียดดงั ต่อไปน้ี.- (1) เซฟตี้สวตน ซ์ท่ีตนดต้งั ภายใน ต้องมคี ่าระดับการปูองกัน IP31 (2) เซฟตสี้ วตน ซ์ท่ีตดน ตง้ั ภายนอก ตอ้ งมีคา่ ระดับการปอู งกนั IP34 (3) การผลตน ต้องไดม้ าตรฐานตาม มอก. ปจั จุบนั (4) ตรวจดูว่าฟิวส์ และขวั้ รับฟิวส์ตอ้ งรวมอยูใ่ นกลอ่ งเดียวกัน (5) ตรวจดูวา่ พนกัด และกระแสของฟิวส์ตอ้ งไม่สงู กวา่ ข้วั รับฟิวส์ (6) ตรวจดูคอนแทคเตอร์ ว่าได้มาตรฐานตาม มอก. ปจั จุบนั (7) คอนแทคเตอร์ สําหรับคาพาซเน ตอร์ต้องมีคณุ สมบัตดน งั นี้ ประเภทการใชง้ าน ACI , พนกัดแรงดัน 380V 50 Hz. , แรงดันคอยล์ 220V หรอื 380V 50 Hz. , พกน ดั ของคอนแทคเตอรไ์ ม่ตาํ่ กวา่ 1.5 เท่าของกระแสคาพาซนเตอร์ (8) ตรวจดคู อนแทคเตอร์สําหรับไฟฟาู แสงสวา่ ง หรอื เคร่อื งทาํ น้ํารอ้ นต้องได้ตามเกณฑก์ าํ หนด (9) ตรวจดคู อนแทคเตอรส์ าํ หรับมอเตอร์สตารท์ เตอร์ ตอ้ งมีคณุ สมบัตนตามแบบที่กําหนด 4) เครือ่ งวดั ไฟฟา้ และอุปกรณ์ การตรวจสอบ มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้.- (1) ตรวจดเู คร่อื งวดั แรงดันสวนทซ์ (Voltmeter), เคร่ืองวัดแรงดัน (Multimeter) และเคร่ืองวัดกระแส (Ampmeter) ตอ้ งมคี ุณสมบัตนตามแบบกาํ หนด (2) ตรวจหม้อแปลงกระแสได้มาตรฐาน มคี วามแม่นยํา ± 1.0 % หรอื ดีกวา่ (3) ตรวจเครือ่ งวัดความถี่ ทใ่ี ชใ้ นระบบ 3 เฟส วา่ ค่าทวี่ ัดระหวา่ ง 47 - 53 Hz. มคี วามแม่นยํา ± 0.5 % หรือดีกว่า (4 ) โคมไฟฟูา และอุปกรณ์ประกอบ ต้องเป็นไปตามแบบกําหนด และท่ีได้มาตรฐานตาม มอก. ปัจจุบัน เช่น หลอด, บาลาสต์, สตาร์ทเตอร์ ฯลฯ
9 - 132 ขัน้ ตอนการตรวจสอบงานของผคู้ วบคมุ งาน (5) โคมไฟฟูาอนนแคนเดสเซนต์ (Incandescent) แรงดันพนกัด 220V 1 เฟส 2 สาย ข้ัวรับหลอด, ตัวหลอดต้องได้รับ การรบั รองมาตรฐานแล้ว (6) โคมไฟฟาู ฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) แรงดันพนกัด 220V 1 เฟส 2 สาย ตัวโคมหนา 0.8 มม. ขั้วหลอดต้องได้ มาตรฐานรับรอง (7) บลั ลาสตใ์ หใ้ ช้ High Power Factor หรือตามแบบ และทีไ่ ดม้ าตรฐานตาม มอก. ปจั จบุ ัน (8) บัลลาสต์ชนนด Low Power Factor ตอ้ งมีคาปาซเน ตอร์ เพ่อื ปรับปรุง Power Factor ให้ไดอ้ ย่างนอ้ ย 0.85 (9) โคมไฟฟูา กา๊ ซ Discharge แรงดันพกน ัด 220V 1 เฟส 2 สายตอ้ งเปน็ ผลตน ภณั ฑท์ ไี่ ดม้ าตรฐานตาม มอก. ปัจจุบนั (10) โคมไฟฟาู ฉกุ เฉนน ต้องไดม้ าตรฐานตามแบบกําหนด (11) สวทน ซ์ และเต้ารบั - สวนทซแ์ ละเตา้ รบั ทีเ่ ป็นผลนตภัณฑ์ที่ไดร้ ับการรับรอง - ขนาดของสวทน ซ์ และเตา้ รับตอ้ งสามารถทนกระแสไมน่ ้อยกว่า 10A ท่ี 250V รูเสยี บของเตา้ รบั ต้องใชไ้ ดก้ ับขา ชนนดกลม และแบน ใช้สายไฟฟูาขนาด 2.5 ตร.มม. 5) กล่องตอ่ สาย /กล่องดึงสาย รปู แสดง : กล่องตอ่ สาย / กล่องดึงสาย การตรวจสอบ กลอ่ งต่อสาย / กล่องดงึ สาย ให้ทาสีดังน.้ี - (1) ระบบไฟฟาู สสี ม้ (2) ระบบโทรศพั ท์ สีเขยี ว (3) ระบบสญั ญาณอัคคีภยั สแี ดง (4) ระบบอนื่ ๆ ตามระบบกาํ หนด 6) ขนาดสายไฟแยกเขา้ ดวงโคม / เตา้ รับ รูปแสดง : ขนาดสายไฟทเี่ ขา้ ดวงโคม และเตา้ รบั ขนาดสายไฟแยกเข้าดวงโคม/เต้ารบั สายไฟฟูาแยกเข้าดวงโคมหรอื สวนทช์ ปิด - เปิด ให้ใช้ขนาด 1.5 ตร.มม. ต่อ 1 จุด ต่อ 100W และสายแยกเขา้ เต้ารับไฟฟูาใหใ้ ช้สายขนาด 2.5 ตร.มม. ต่อ 1 จดุ เวน้ แตแ่ บบระบุเป็นอย่างอน่ื
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218