Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10

โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10

Published by patawee.prin, 2022-07-13 10:47:06

Description: โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” กรณี พื้นที่กรุงเทพมหานคร

Search

Read the Text Version

โครงการศึกษาบทเรยี นและพัฒนากลไกการขับเคลือ่ นมตสิ มชั ชาสขุ ภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 “ชมุ ชนเปน็ ศนู ยก์ ลางในการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพติด” กรณี พ้นื ทีก่ รงุ เทพมหานคร หลกั การและเหตผุ ล การแก้ไขปัญหายาเสพติดทิศทางใหม่: ต้องการการบูรณาการและการมีส่วนร่วมจากภาค ประชาชน ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 ที่ประชมุ สมัชชาสหประชาชาติวา่ ดว้ ยเรื่องยาเสพติด (United Nations General Assembly Special Session on Drugs, UNGASS, 2016) ได้มีข้อสรุปให้มีการให้ความสำคัญแก่ การแก้ปัญหายาเสพติด โดยคำนึงถึงการให้คุณค่าแก่ทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนให้ ประเทศภาคีสมาชิก ให้ความสำคัญกับการป้องกันและการดูแลผู้เสพสารเสพติดด้านสุขภาพและสังคม โดย สนับสนุนการมีส่วนร่วมจากชุมชนและภาคประชาสังคม ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559 คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมของไทย ได้ตอบสนองแนวทางดังกล่าว โดยได้ประกาศนโยบาย ลดทอนความเป็นอาญา “ผู้เสพไม่ใช่อาชญากร” ให้นำเข้าสู่ระบบการดูแลด้านสุขภาพและสังคม เพิ่ม ความสำคัญแก่แผนการป้องกัน เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 กระทรวงสาธารณสุขของไทย ได้ตอบสนอง นโยบายดังกล่าว โดยได้ประกาศนโยบายการพัฒนาระบบบำบัดยาเสพติดของประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกนั ทั้งระบบสมัครใจ บังคับและต้องโทษ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบจากปัญหายาเสพติด ควบคู่กันไปด้วย ในทิศทางดังกลา่ ว ไดใ้ ห้ความสำคญั กับการพฒั นาระบบบริการปฐมภมู ิให้สามารถรองรับการ ดูแลผู้เสพยาเสพติดได้อย่างทั่วถึง และสามารถประสานการช่วยเหลือด้านจิตสังคมแก่ผู้มีปัญหายาเสพติดใน ระดับชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง เน้นการใช้แนวนโยบายประชารัฐที่เน้นการใช้ “พื้นที่เป็นฐาน ประชา ชนเป็น ศูนยก์ ลาง” ในการพฒั นาการแก้ไขปัญหาท่ีได้ผลและยั่งยนื ทิศทางดงั กล่าวสะทอ้ นความจำเปน็ ของการพัฒนา ความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ให้สามารถบูรณาการงานของหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกับการเปิดโอกาสให้ประชาชน เข้ามามสี ่วนรว่ มเป็นเจ้าของปญั หาและร่วมกันปอ้ งกันแก้ไขปญั หาให้ได้ผลอย่างต่อเน่ือง พัฒนาการของการบูรณาการงานสารเสพติดระดับพื้นที่: คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับพื้นที่ ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2552 ศูนยว์ ชิ าการสารเสพติด ภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ได้ ดำเนินโครงการการวจิ ยั เพื่อพฒั นารูปแบบบรู ณาการการป้องกันและแก้ไขปญั หาสรุ าและยาเสพติดระดับพื้นท่ี โดยการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งเน้นการเปิดให้ชุมชนเข้ามามีสว่ น ร่วมตั้งแต่เริ่มแรกและใช้โครงสร้าง/กลไกในการขับเคล่ือนการบูรณาการงานในพื้นที่ โดยนำแนวทางสองสว่ น มาประยุกตใ์ ช้ คือ

(1) กลไกการมสี ว่ นร่วมของชุมชนและใชท้ รัพยากรท่ีมีในชุมชนเพ่ือการดแู ลอย่างครอบคลุมท้ังปัญหา ทางกาย-จติ ใจ-สังคม และ (2) กลไกบูรณาการกับการทำงานของหนว่ ยงานรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยและ กระทรวงสาธารณสุข โดยกำหนดให้ผู้มปี ัญหาสุราและยาเสพติดสามารถเขา้ รับบริการ-คัดกรอง-บำบัดได้ ตามขัน้ ตอนทเี่ หมาะสมและตามโครงสรา้ งทม่ี ีอย่ขู องระบบบริการปฐมภูมิในพื้นที่ ในระดับตำบล ผลการดำเนนิ งานสามารถสะท้อนรูปธรรมความสำเรจ็ ของการดำเนินงานอย่างต่อเน่ืองของทีมงานใน ชุมชนในพื้นที่ศึกษา ในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้มีปัญหาสุราและยาเสพติด ลดอาชญากรรม และลดผู้เสพ หน้าใหม่ มีการขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น ๆ รวมถึงได้รับการบรรจุไว้เป็นตัวอย่างในคูม่ ือการดูแลผู้มีปัญหายาเสพ ติดในชุมชน ของกระทรวงสาธารณสขุ ในเวลาตอ่ มา ในปี พ.ศ. 2556 กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศนโยบายใช้ระบบสุขภาพอำเภอ (District Health System) เป็นยุทธวิธีหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเน้นการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขท่ี สำคัญร่วมกับภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่อย่างมเี ป้าหมายท่ีชัดเจนตรงกัน มีการพัฒนารูปแบบการเรยี นรู้ของ district health team มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและ กระทรวงมหาดไทยในการร่วมกนั พัฒนาคณุ ภาพชีวติ ประชาชนในพน้ื ทีร่ ะดับอำเภอ มกี ารดำเนนิ การนำร่องใน พื้นที่ต่าง ๆ ที่มีความพร้อม ได้มีการปรับเปลีย่ นโครงสร้างการดำเนินงานในระดบั พืน้ ท่ี โดยมีการวางแนวทาง ที่เปิดโอกาสให้พื้นที่ต่าง ๆ สามารถกำหนดแนวทาง/วิธีการการดำเนินงานของตนเอง มีหน่วยของการ ดำเนินงานที่เล็กที่สุดเป็นคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ในระบบดังกล่าว มีหลักการ ดำเนนิ งาน 6 ดา้ น คอื 1. การบรู ณาการการทำงานในพ้นื ที่ (Unity) 2. การเน้นความพอใจของลกู ค้า (Customer Focus) 3. การเปดิ โอกาสใหเ้ ครือขา่ ยภาคีในชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม (Community participation) 4. การให้คุณค่าของการดำเนนิ งานร่วมกันอย่างมีคุณภาพ (Appreciation & Quality) 5. การแบง่ ปนั ทรัพยากรและพฒั นาบุคลากร (Resource sharing & human development) 6. การให้บริการสุขภาพที่จำเป็น (Essential care) ซึ่งประกอบไปด้วยการเลือกใช้ชุดบริการ (service plans)ที่พัฒนาให้ไว้เป็นแนวทางการดำเนินงาน ในจำนวนนี้รวมชุดบริการบำบัดรักษายา เสพติดเอาไว้ด้วย ได้มีการพัฒนาระบบฯดังกล่าวในพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ โดยการสนับสนุนของ สำนกั งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) และมกี ารขยายการดำเนินงานท่วั ประเทศในเวลา 2 ปี ตอ่ มา ปี พ.ศ. 2561 ได้มปี ระกาศระเบยี บของสำนักนายกรฐั มนตรวี ่าด้วยการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตระดับพ้ืนท่ี ในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการนโยบายพัฒนา 2

คณุ ภาพชวี ิตระดบั พน้ื ท่ี” ซ่ึงมีรฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงสาธารณสุขเป็น ที่ปรึกษาประกอบด้วย (1) ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ (2) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธานกรรมการ (3) กรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน อธิบดีกรมควบคุม โรค อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมอนามัย ปลัด กรุงเทพมหานคร เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เลขาธิการสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คณะกรรมการฯ ชุดนี้มีอํานาจและหนา้ ทีส่ ำคญั คือ การ กําหนดเป้าหมายและแนวทางการดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เพ่ือใหห้ น่วยงานของรัฐและผทู้ ่ีเกย่ี วข้องนําไปปฏบิ ัติ โดยมุ่งหมายใหม้ ีการบรู ณาการร่วมกันของหน่วยงานของ รัฐในพื้นที่ในด้านทรัพยากรและภารกิจภายใต้อํานาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานของรัฐนั้น และส่งเสริมและ สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือและประสานงานกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตลอดจนชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้มีเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมของแต่ละพื้นท่ี โดยให้ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเปน็ สาํ คัญ นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดให้มคี ณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ระดับอําเภอคณะหนึง่ เรียกโดยยอ่ ว่า “พชอ.” ในแต่ละอําเภอของทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์จังหวัดเป็นที่ปรึกษา มีนายอําเภอเป็นประธานกรรมการ สาธารณสุขอำเภอเป็นเลขานุการ และมีกรรมการอื่นอีกจํานวนไม่เกินยี่สิบคน โดยให้นายอําเภอแต่งตั้งจากบุคคลที่เป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐ ในอาํ เภอ ซึ่งอย่างน้อยตอ้ งแตง่ ต้งั จากกํานันหรือผ้ใู หญบ่ า้ น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ผแู้ ทนภาคเอกชน ในอําเภอ โดยคัดเลือกจากผู้ประกอบวชิ าชพี ด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสุข ผู้ประกอบกจิ การด้านสขุ ภาพหรือ สาธารณสขุ สถานศึกษาเอกชน ผูป้ ระกอบวชิ าชีพหรอื ประกอบกิจการอนื่ ผ้แู ทนภาคประชาชนในอาํ เภอ กลุ่ม เครือข่ายหรือองค์กรภาคเอกชนที่ไม่แสวงหากําไร หรือเครือข่ายอาสาสมัครในอําเภอเป็นกรรมการ ใน กรุงเทพมหานครให้แต่ละเขตมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับเขตคณะหนึ่งเรียกโดยย่อว่า “พชข.” โดยมีปลัดกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในเขตนั้นเป็นที่ปรึกษา ให้ พชข. ประกอบด้วย ผู้อํานวยการเขตเป็นประธานกรรมการ ให้หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สํานักงานเขต เป็น กรรมการและเลขานุการ จากโครงสร้างและหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับพื้นที่ข้างต้น พชอ./พชข. จึงเป็นกลไกที่เป็นความหวังของการพัฒนาการบูรณาการงานเพื่อแก้ปัญหาที่สำคัญในระดับพืน้ ท่ี ชุมชน ดังเช่น ปัญหาสารเสพติด ที่เป็นปัญหาที่สำคัญในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชุมชน สังคม ไปจนถึง ระดบั ประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกนั ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 ได้มีการรบั รองมตสิ มัชชาสุขภาพแห่งชาติ คร้ังท่ี 10 เรื่อง “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” ที่ให้ทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานองค์กร ท้องถิ่นและภาคประชาชนทั้งระดับนโยบายและระดับพื้นที่ให้ความสำคัญและร่วมสนับสนุนให้ชุมชนเป็น ศูนยก์ ลางในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ 3

ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบในมติดังกล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 เป็นการยืนยัน นโยบายที่เนน้ การบรู ณาการงานป้องกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพน้ื ทีใ่ หเ้ กิดผลอย่างยงั่ ยืน อยา่ งไรก็ ตาม พชอ. ในพืน้ ทต่ี ่าง ๆ โดยสว่ นใหญ่ ยงั มีความพยายามท่จี ะแก้ไขปัญหายาเสพตดิ ไม่มากนัก โดยไปเนน้ การ แก้ไขปัญหาสาธารณสุขอื่นมากกว่า จึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการที่จะช่วยขับเคลื่อนมติฯ ดังกล่าว โดยใช้ กลไกของ พชอ. ให้มีบทบาทในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนต่อไป จากการจัดประชุมหารือหน่วยงาน องค์กรและเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องหลายครั้งเห็นว่ามีหลายหน่วยงานได้เริ่มดำเนินงานสอดคล้อง กับแนวทางดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังทำได้เพียงบางพื้นที่เพื่อให้มีการสรุปบทเรียน ความรู้จากการดำเนินงาน ต่างๆ เพื่อขยายผลในเชิงระบบต่อไป ทางศูนย์วิชาการสารเสพติด ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ ร่วมกบั สำนักงานคณะกรรมการสขุ ภาพแห่งชาติ ในการดำเนนิ งานโครงการศกึ ษาบทเรียนและพัฒนากลไกการ ขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพ ติด” ขึ้น โดยจะเนน้ การดำเนนิ การระยะแรกในพ้นื ที่กรุงเทพมหานคร เพ่ือศกึ ษาผลสำเร็จ ปัญหาและอปุ สรรค ของการขับเคลอ่ื นมติฯ ดังกล่าว และนำไปพฒั นาโครงการลักษณะเดยี วกันในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ในระยะตอ่ ไป วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ 1. เพื่อศึกษาและค้นหาบทเรียนสำคัญในการขับเคลื่อนมติชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันปัญหา ยาเสพตดิ กรณกี ารขับเคล่อื นงานพืน้ ท่กี รุงเทพมหานคร 2. เพื่อพัฒนารูปแบบกระบวนการเรียนรู้ที่ได้จากการปฏิบัติงานของกลไกเครือข่ายความร่วมมือทั้ง ภาครัฐ และภาคประชาสังคมในการใช้ชุมชนเปน็ ศูนย์กลางในการป้องกนั ปัญหายาเสพตดิ ใหเ้ ป็นรูปธรรม 3. เพื่อพัฒนาและเผยแพร่สือ่ ที่ได้จากการบทเรียนสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมของการขับเคลื่อน งานการใช้ชุมชนเปน็ ศูนย์กลางฯ พ้ืนทีก่ รุงเทพมหานคร 4. เพื่อนำผลจากการศึกษาบทเรียนและประสบการณ์การใช้ชุมชนเป็นศูนย์ กลางฯ รายงาน ความก้าวหน้าแก่สมัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ ครงั้ ที่ 12 ขอบเขตคำถามของการศึกษา 1. ชุมชนมีการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตั้งแต่ เมื่อไหร่ เพราะอะไร มีการริเร่ิม การดำเนนิ การอยา่ งไร มใี ครบ้างเขา้ มามีสว่ นรว่ ม/สนับสนนุ โดยเฉพาะหนว่ ยงานราชการ ผลการดำเนินงานมี ผลสำเร็จ ผลกระทบ ปัญหา อุปสรรค อะไรบ้าง ปัจจุบัน ยังดำเนินการอย่างไร ในอนาคตจะดำเนินการ ตอ่ เน่ืองอย่างไร และทราบ/เข้าใจ/มีความเห็นต่อมตสิ มัชชาฯในเรอื่ งนห้ี รอื ไม่อย่างไร 2. หน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นท่ี กทม. มีการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับชุมชน หรือไม่ ตั้งแต่ เมื่อไหร่ เพราะอะไร มีการริเริ่มการดำเนินการอย่างไร มีใครบ้างเข้ามามีส่วนร่วม/สนับสนุน โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ ผลการดำเนนิ งานมีผลสำเรจ็ ผลกระทบ ปัญหา อุปสรรค อะไรบ้าง ปัจจุบัน ยัง 4

ดำเนินการอย่างไร ในอนาคตจะดำเนินการต่อเนื่องอย่างไร และทราบ/เข้าใจ/มีความเห็นต่อมติสมัชชาฯ ใน เร่อื งน้ีหรือไมอ่ ย่างไร 3. ฝ่ายนโยบายและผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. ได้ออกนโยบาย/คำสั่งด้านการป้องกัน แกไ้ ขปัญหายาเสพติด อะไรบา้ ง ตงั้ แต่ เมือ่ ไหร่ เพราะอะไร มกี ารรเิ ริม่ การดำเนินการอย่างไร มใี ครบ้างเข้ามา มีส่วนร่วม/สนับสนุน ทั้งประชาชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานราชการ ผลการดำเนินงานมีผลสำเร็จ ผลกระทบ ปัญหา อุปสรรค อะไรบ้าง ปัจจุบัน ยังดำเนินการอย่างไร ในอนาคตจะดำเนินการต่อเนื่องอย่างไร และทราบ/เขา้ ใจ/มีความเห็นตอ่ มติสมัชชาฯในเร่ืองนห้ี รอื ไม่อยา่ งไร กระบวนการดำเนินงาน 1. ลงพน้ื ท่เี พอื่ จัดกระบวนการศึกษาบทเรยี นในรูปแบบการสัมภาษณ์และรูปแบบลกั ษณะ Focus Group Research และผสานการจดั กระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบการสัมภาษณ์เชงิ ลึก In-depth Interview ระดับท่ี 1: ระดบั การขับเคลือ่ นปฏบิ ัติการของชุมชน ตามมติขอ้ ท่ี 1 (1.1 ถึง 1.8) 1.1 สำรวจทำรายการและแผนที่ ชุมชนและผู้นำชุมชน/ภาคประชาสังคมในพื้นที่ กทม.ที่มีการ ดำเนินงานแกไ้ ขปญั หายาเสพติดอย่างต่อเน่ืองมาไม่น้อยกวา่ 3 ปี 1.2 ประสานงาน ขออนุญาตเข้าพบ สัมภาษณ์ ศึกษาเอกสารรายงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนทนา กลุ่มท้งั ภาคีเครือข่ายทส่ี ำคญั ในพืน้ ที่ ผ้ไู ด้รับผลทั้งทางบวกและทางลบจากการดำเนินงาน เพ่ือ ศึกษาทัศนคติ วิธีคิด วิธีการ การใช้กลไกต่าง ๆ ในการขับเคล่ือนงานโดยชมุ ชน การติดตามผล/ ปรับปรุงการดำเนินงาน กระบวนการเรียนรูร้ ว่ มกันในพน้ื ที่ ผนู้ ำในการแกไ้ ขพฒั นา 1.3 สรปุ ข้อค้นพบ วิเคราะห์เทียบเคยี งกบั มติฯ ระดับที่ 2 : ระดับการสนับสนุนการปฏิบัติการ หน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการและภาคีเครือข่าย ท่เี กี่ยวข้อง 2.1 สำรวจทำรายการและแผนท่ี หน่วยงานสำคญั ท่ีเกยี่ วข้องของภาครฐั และ กทม. ท่มี ีการดำเนนิ งาน แก้ไขปัญหายาเสพตดิ อย่างต่อเนือ่ งมาไมน่ ้อยกว่า 3 ปี 2.2 ประสานงาน ขออนญุ าตเข้าพบผู้ทเ่ี กย่ี วข้องเพือ่ ขอ สัมภาษณ์ ศกึ ษาเอกสารรายงาน รวมถึงการ สนทนากลุ่ม เพื่อศึกษาทัศนคติ วิธีคิด วิธีการ การใช้กลไกต่าง ๆ ของหน่วยงานสนับสนุนการ ขบั เคล่ือนงานโดยชุมชน การร่วมติดตามผล/สนับสนุนการปรับปรุงการดำเนนิ งาน กระบวนการ เรยี นรูร้ ่วมกนั ในพ้ืนที่ ผ้นู ำในการแกไ้ ขพัฒนา 2.3 สรปุ ขอ้ ค้นพบ วิเคราะหเ์ ทยี บเคยี งกบั มตฯิ 5

ระดับท่ี 3 : ระดับนโยบาย เพื่อศกึ ษา ทศั นคติ เจตจำนงของผู้บริหารท่ีมตี อ่ มตฯิ 3.1 สำรวจทำรายการและแผนที่ หน่วยงานสำคัญท่ีเกีย่ วข้องของภาครัฐและ กทม. ที่มีการดำเนนิ งาน แก้ไขปัญหายาเสพตดิ อยา่ งต่อเน่อื งมาไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปี 3.2 ประสานงาน ขออนุญาตเข้าพบผู้บริหารหน่วยงานเพื่อขอ สัมภาษณ์ ศึกษาเอกสารรายงาน รวมถึงการสนทนากลุ่ม เพื่อศึกษาทัศนคติ วิธีคิด แนวนโยบายและงบประมาณที่ใช้ ในการ สนับสนุนการขับเคลื่อนงานโดยชุมชน การร่วมเรียนรู้ ติดตามผล/สนับสนุนการปรับปรุ งการ ดำเนินงาน 3.3 สรปุ ขอ้ ค้นพบ วเิ คราะหเ์ ทยี บเคียงกบั มตฯิ 2. สังเคราะห์ข้อมูลจากการจัดกระบวนการศึกษาบทเรียนในรูปแบบการสัมภาษณแ์ ละในรูปแบบ Focus Group Research มาคืนสู่ชุมชนปฏิบัติการเพื่อขอความเห็นและร่วมสะท้อนให้ข้อเสนอแนะ พร้อมร่วม พจิ ารณาช่องว่างของกลไกการขับเคล่ือนมติ 3. จัดเวทีคืนผลการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 กรณีการขบั เคล่ือนงานพ้ืนที่กรงุ เทพมหานคร 4. จดั ทำวดิ ที ศั นบ์ นั ทึกกระบวนการศึกษาฯ และวิดีทัศน์ประมวลการนำเสนอแนวทางการพัฒนากลไกการ ขับเคล่ือนมติสมชั ชาสุขภาพแหง่ ชาติ เร่อื งชมุ ชนเปน็ ศูนย์กลางในกาแรป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 6

ชมุ ชนเป็นศนู ย์กลางในการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพตดิ การศึกษาครั้งนี้มุ่งการศึกษาเชิงคุณภาพในชุมชนที่รับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2560 แต่เนื่องจากมีจำนวนของชุมชนที่เข้าร่วมมีจำนวนมาก ดังนั้นจึงตั้งเกณฑ์คุณสมบัติพื้นฐานของ ชุมชนทเี่ ปน็ เป้าหมายกรณีศึกษาเริ่มจากเลือกพาะพนื้ ท่ีกรุงทเพมหานคร การเลือกกลุ่มพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นกรุงเทพ และธนบุรี เพื่อเป็นตัวแทน ตามพื้นที่คือ กรุงเทพเหนือ กรุงเทพกลาง กรุงเทพใต้ และ กรงุ เทพตะวนั ออก และเลอื กธนบุรีเหนอื และธนบุรใี ต้ ดังรูป จากน้ันตั้งเกณฑ์การพจิ ารณาเพื่อเลือกชุมชนในการศึกษาให้มีคุณสมบัติ ดงั น้ี 1. เป็นชุมชนที่มีแกนนำ และโครงสร้างคณะกรรมการชุมชนที่ขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพตดิ อยา่ งต่อเนือ่ ง และสามารถนำไปสูก่ ารลดปัญหายาเสพติดท่ี เกดิ ในชุมชนได้อยา่ งเปน็ รปู ธรรม 2. เป็นชุมชนที่มีระบบกลไกการประสานงานร่วมกับสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และหน่วยงาน ภาครัฐ 3. เป็นชุมชนที่มีวิธีการขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างสร้างสรรค์ และ ประชาชนในชุมชนมีสว่ นร่วม 4. เป็นชุมชนที่มีบทเรียน องค์ความรู้จากการขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็น รูปธรรม และพร้อมสามารถนำไปขยายผลพน้ื ทอ่ี ืน่ ได้

5. เป็นชุมชนท่ีมกี ารทำงานรว่ มกันระหวา่ งกองทุนแม่ของแผ่นดนิ และ อาสาสมคั รกรงุ เทพมหานคร เฝ้าระวงั ภัยและยาเสพติด (อสย.) จากนนั้ โครงการได้พจิ ารณาคุณสมบตั ขิ องแต่ละชมุ ชนตามคุณสมบัติขา้ งตน้ และเลอื กชมุ ชนได้ทงั้ สิ้น 6 ชุมชน ตามโซนตา่ ง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ประกอบดว้ ย โซนกรงุ เทพ ชื่อชุมชน กรุงธนบรุ เี หนอื ชมุ ชนศาลเจ้าพอ่ จุ้ย เขตตลิง่ ชนั กรุงธนบุรใี ต้ ชุมชนกองขยะ เขตหนองแขม กรงุ เทพเหนือ ชมุ ชนสะพานปนู เขตดอนเมือง กรุงเทพกลาง ชมุ ชนพระยาประสทิ ธิ์ เขตดสุ ิต กรุงเทพตะวนั ออก ชมุ ชนเฟ่ืองฟ้าวิลเลจ เขตคลองสามวา กรุงเทพใต้ ชุมชนบา้ นแบบ เขตสาทร ข้อมูลชุมชนและการเก็บข้อมูลชุมชนร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนมติชุมชนเป็นศูนย์กลางในการ ป้องกันปญั หายาเสพติดในกรณีการขับเคล่ือนงานพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร ในสว่ นน้ีจะแบง่ เปน็ 4 ประเด็น ดงั นี้ 1. ขอ้ มลู ท่วั ไปของแต่ละชุมชน 2. จุดแข็งของชุมชน 3. ปญั หาและอุปสรรคท่เี ป็นภัยคุกคามการทำงาน 4. บทเรยี นการทำงานของชมุ ชน 8

1. ขอ้ มลู ทวั่ ไปของแตล่ ะชมุ ชน ชมุ ชนทัง้ 6 เปน็ ชมุ ชนทีม่ กี ารก่อนตัง้ มานาน มปี ระวัตศิ าสตรก์ ารก่อต้งั และมลี กั ษณะเฉพาะแตกต่าง กัน ดังนั้นเพ่ือใหเ้ ข้าใจการทำงานของชมุ ชนจงึ ต้องเข้าใจสภาพ เงอื่ นไขของแตล่ ะชุมชน ชุมชนศาลเจ้าพอ่ จ้ยุ เขตตล่งิ ชัน เปน็ ชุมชนชานเมอื งตง้ั อยทู่ ี่ซอยชักพระ 30 ถนนชกั พระ แขวงตล่ิง ชัน ชุมชนมีทางเข้าออกทางเดียว มีบ้านเรือนจำนวน 75 หลังคาเรือนและมีประชากร 450 คน ส่วนใหญ่เป็น ครอบครัวขยาย ชุมชนเก่าแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และก่อตั้งเป็นชุมชนเมื่อ พ.ศ. 2538 ปัจจุบันมี จำนวนบา้ นเรือนเพม่ิ มากขน้ึ ทำใหบ้ างสว่ นของชมุ ชนมีลกั ษณะเป็นชุมชนแออดั เน่อื งจากเดิมเป็นพื้นท่ีสวนจึง มีลักษณะภูมิประเทศบางจุดลาดต่ำและน้ำท่วมถึง ปัจจุบันสมาชิกชุมชนได้เปลี่ยนอาชีพจากชาวสวนเป็ น ค้าขาย รับจ้าง ข้าราชการ และพนักงานบริษัท ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ดนิ สว่ นบุคคล ชุมชนกองขยะ เขตหนองแขม ชุมชนนี้ตั้งอยู่บนที่ดินของมูลนิธิเกษตราธิการและส่วนหนึ่งเป็นที่ดนิ เอกชน ต้งั อยูท่ ่ี หมู่ 10 ซอยเพชรเกษม 104 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม มีทางเข้าออก ชุมชนได้สองทาง ชุมชนนี้เกิดจากการบุกรุกพื้นที่ว่างของเอกชนและมูลนิธิฯ เพื่อเข้าไปอยู่อาศัยในตอนแรก จากการอพยพเขา้ ไปเก็บหาของเก่าจากกองขยะเกา่ ของกรุงเทพมหานครก่อนยา้ ยไปทง้ิ ท่ีจังหวดั นครปฐม และ มีอาชีพสว่ นใหญเ่ ก่ียวข้องกับการรีไซเคิลขยะและวสั ดุต่าง ๆ มปี ระชากร 650 คน 200 ครวั เรอื น ชุมชนมีการ ต่อสู้ พัฒนาชุมชนให้สามารถตั้งสหกรณ์การเคหสถานชุมชนกองขยะหนองแขมจำกัดได้และทำให้ชุมชน สามารถเป็นเจ้าของท่ีดนิ ได้ในเวลาตอ่ มา สมาชกิ ชมุ ชนสว่ นใหญน่ บั ถือศาสนาพทุ ธ ชุมชนสะพานปูน เขตดอนเมือง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง เดิม เป็นชุมชนเล็ก ๆ คนดั้งเดิมเป็นกลุ่มข้าราชการและลูกจ้างของกองทัพอากาศ เมื่อที่กองทัพอากาศยกที่ดินให้ ราชพัสดุ ทำให้คนรายได้น้อย ที่ประกอบอาชีพค้าขาย รับจ้างทั่วไป เริ่มย้ายเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้น ชุมชน สะพานปูนได้จัดตั้งเป็นชุมชนแออัด เมื่อพ.ศ. 2540 มี 156 ครัวเรือน และประชากราวเจ็ดร้อยคน เนื่องจาก ชมุ ชนถูกโอบล้อมจากอีกสามชุมชนทำให้การเขา้ ถงึ ทำได้ยาก ชุมชนพระยาประสิทธิ์ เขตดุสิต ชุมชนที่ตั้งอยูท่ ี่หมู่บเนพระยาประสิทธิ์ ซอยองครักษ์ 15 ถนนนคร ไชยศรี แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต ชุมชนตั้งอยู่ในพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ดินร้อย ละ 60 เปน็ ท่ีเช่า ชมุ ชนประกาศเป็นชุมชนเมื่อ พ.ศ. 2540 ลักษณะชุมชนเปน็ ซอยตัน มีบา้ นเด่ียวแบบรั้วรอบ ขอบชิด อาชีพส่วนมากของสมาชกิ ชุมชนคอื ค้าขาย รับราชการ รับจ้าง และพนังงานบริษัท มีประชากร 324 คน 165 ครัวเรือน ส่วนมากนับถือศาสนาพทุ ธ ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ เขตคลองสามวา เป็นชุมชนขนาดเล็กประกาศเป็นชุมชนเมื่อ พ.ศ. 2550 ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ซอยพระยาสุเรนทร์ 12 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา ลักษณะของชุมชน ตั้งอยู่ในซอยยาวและตันจึงสามารถเข้าออกได้ทางเดียว เดิมชุมชนนี้เป็นชุมชนบ้านจัดสรรท่ีชุมชนดูแลกันเอง ตอ่ มาประกาศเปน็ ชุมชนประเภทจดั สรร เมอ่ื พ.ศ. 2550 9

ชุมชนบา้ นแบบ เขตสาทร ชมุ ชนตง้ั เดมิ ทตี่ ้ังอยู่ในพน้ื ทก่ี ลางเมืองแห่งนม้ี ีประวัตมิ ายาวนานกว่า 120 ปี เดิมเรียกว่าชุมชนบา้ นแบบ-โรงนำ้ แข็ง เพราะเชื่อมซอยสองซอยไว้ดว้ ยกัน ชมุ ชนต้ังอยู่ที่สาธรซอย 19 ถนน สาทรใต้ แขวงยานาวา เขตสาทร เป็นชุมชนแออัด ประกาศตั้งชุมชนเมื่อ พ.ศ. 2540 ชุมชนน้ีเป็นชุมชนไทย จีน และมุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันมายาวนานในพื้นที่ย่านชานเมือง เมื่อความเจริญขยายจึงกลายเป็นพื้นที่สำคัญ ทางเศรษฐกจิ สภาพชุมชนเป็นซอยที่เชื่อมต่อกันหลายซอยและมีทางดว่ นตัดผ่าน ชมุ ชนมปี ระชากร 669 คน รวม 690 ครวั เรอื น อาชพี ส่วนใหญ่รบั จ้าง และค้าขาย ทดี่ นิ ส่วนใหญ่เป็นท่เี ช่าจากโรงพยาบาลเลิศสนิ ภาพรวมของชุมชนที่หกมีความเหมือนและต่างกันบ้าง แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ เป็นชุมชนแออัดหรือกึ่ง แออัด หรือมีพื้นทีแ่ ออัดบางส่วน มีสภาพภูมิประเทศเอ้ือตอ่ การกอ่ กิจกรรมที่เกี่ยวกับยาเสพติด เคยเป็นพื้นที่ แพร่รระบาดยาเสพติดมาในอดีต แต่ละชุมชนมีประวัติศาสตร์ร่มกันท่ีผ่านจุดยากลำบากโดยเฉพาะปัญหาการ แพร่ระบาดของยาเสพติด บางชมุ ชนมีปัญหาอื่น ๆ รว่ มกนั เช่น ชุมชนกองขยะทปี่ ระสบปัญหาเร่ืองที่อยู่อาศัย ทำให้ชุมชนต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหามาก่อน บางชุมชนมีประชากรแฝงในพื้นที่ และครัวเรือนมีรายได้ ค่อนข้างน้อย หรือไม่มั่นคงทางรายได้ นอกจากนี้ ทรัพยากรและการเข้าถึงทรัพยากรของแต่ละชุมชนมีไม่ เทา่ กัน ตามลกั ษณะของแต่ละชมุ ชน 2. จดุ แขง็ ของชมุ ชน ชุมชนท้งั 6 ชุมชนเป็นชุมชนที่เดิมเคยประสบปัญหาการแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ในระดับที่มากน้อย ตา่ งกนั มาก่อน หลายชุมชนต่างยอมรับว่าในอดีตชว่ งสิบถึงย่ีสิบปีก่อนยาเสพติดระบาดรุนแรงมาในพ้ืนท่ี ชุมชนมี การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาเป็นระยะเวลาหน่ึง เช่น ชุมชนบา้ นแบบมีปัญหายาเสพติดมา มากกว่า 20 ปี ชุมชนกองขยะ ก็ประสบปัญหารุนแรงเช่นกัน หรือชุมชนสะพานปูนที่ประสบปัญหามาตั้งแต่สิบ กว่าปกี อ่ นเป็นชุมชนอนั ดับต้น ๆ ในเขตกรุงเทพและถูกจัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังยาเสพตดิ ใน พ.ศ. 2556 เป็นต้น แต่ 10

ท้ังนี้แต่ละชุมชนมีประวัติศาสตร์ของการเป็นชุมชนร่วมกันผ่านประเด็นต่าง ๆ กนั เชน่ กรณีชมุ ชนกองขยะมีการ ตอ่ สู้มายาวนานเพื่อให้ได้บ้านทดี่ ีและเป็นของตนเอง จนกลายเปน็ สหกรณ์การเคหะชุมชน หรือชุมชนเฟ่ืองฟ้า ต้องการให้มีสถานเป็นชุมชนทั้งที่เป็นบ้านจัดสรร เพราะต้องการสิทธิในฐานะชุมชนเพื่อให้เกิดการพัฒนา ชุมชนของตนใหด้ ขี ้ึน กระบวนการเกิดชุมชนของแต่ละแห่งเป็นการสร้างและพัฒนาจุดแข็งของชุมชนให้มากขึ้นจนนำไปสู่ ความสำเร็จในการเป็นชุมชนชนเข้มแข็ง ซึ่งข้อมูลแต่ละชุมชนล้วนชี้ให้เห็นว่าต่างมีองค์ประกอบของการเป็น ชมุ ชนเข้มแขง็ ดงั น้ี ตารางท่ี 1 ตารางแสดงจดุ แข็งของแตล่ ะชุมชน จดุ แขง็ ชุมชน ชุมชน ชมุ ชน ชมุ ชน ชุมชน ชมุ ชน ศาลเจา้ กองขยะ สะพาน พระยา เฟื่องฟ้า บา้ น พ่อจุ้ย ปูน ประสิทธิ์ วลิ เลจ แบบ ผู้นำชมุ ชน ✓✓✓✓✓✓ มีมาตรการทำงาน-กจิ กรรมดา้ นยาเสพ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ตดิ (ป้องกัน -แก้ไข-ปราบ) องค์กรด้านเฝา้ ระวงั ยาเสพตดิ ใน ✓✓✓✓✓✓ ชมุ ชน/ ศนู ยป์ ระสานงานด้านยาเสพ ตดิ ทนุ ทางสงั คมในชุมชน เช่อื ใจ รูจ้ กั กัน ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ทำงานร่วมกนั องค์กรภาคีภายนอกใหก้ ารสนบั สนุน ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ และทำงานร่วมกนั เชน่ องคก์ รศาสนา ปปส. ศาล กรมอนามัย ฯลฯ สำรวจ/ คดั กรองชมุ ชน /สรา้ งระเบยี บ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ หรอื ธรรมนญู สขุ ภาพ/เวทปี ระชาคม ด้านยาเสพติด เยาวชนใหค้ วามสนใจร่วมแก้ปญั หา ✓ - ✓ - ✓✓ ดังนั้นจุดแข็งร่วมของทั้งหกชุมชนคือ 1) ผู้นำที่โดดเด่น เข้มแข็ง มีศักยภาพ มีความเป็นผู้นำที่มี วิสัยทัศน์ และกล้าได้กล้าเสีย 2) การมีส่วนร่วมของชุมชนในการดำเนินการต่าง ๆ เมื่อมีกิจกรรมต่าง ๆ กระบวนการสรา้ งการมสี ว่ นร่วมช่วยให้การทำงานขบั เคลื่อนไปไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 3) มกี ารทำงานข้ามรุ่น 11

อายุจากกระบวนการมสี ่วนร่วมท่ีเน้นการชักชวนเยาวชน เข้ามาร่วมทำงานและดึงกลุ่มชว่ งวัยอนื่ ในครอบครัว เชน่ พอ่ แม่ ปู่ยา่ ตายาย มาร่วมทำงาน อกี ทัง้ ยังเป็นการมองภาพอนาคตที่เยาวชนในชุมชนจะเป็นแรงขับเลื่อน การทำงานและลดการเกยี่ วข้องกบั ยาเสพตดิ อีกดว้ ย 4) มมี าตรการหรือกลไกในการทำงานภาบในชุมชนที่เน้น หลักบูรณาการ จากข้อจำกัดด้านทรัพยากร เวลา กำลังคน และงบประมาณ การพัฒนาแผนการทำงานใน ชมุ ชนต้องใช้หลกั การบูรณาการเพื่อเปา้ หมายคุณภาพชวี ติ ท่ีดีข้นึ ดงั น้ันกิจกรรมต่าง ๆ จะรวมเอาประเด็นการ แก้ปัญหายาเสพติดเข้าไว้ด้วยเสมอ 5) มีการสนับสนุนจากภายนอก ในลักษณะเครือข่ายภาคีการทำงานที่ เชื่อมโยงประสานกันและเป็นองคก์ รสนบั สนนุ ในการทำงานของชุมชน 3. ปัญหาและอุปสรรคท่ีเป็นภยั คกุ คามการทำงาน การทำงานด้านการพัฒนาชุมชนที่ผ่านมามักประสบกับปัญหาที่เป็นตัวขัดขวางในการทำงานที่คล้าย ๆ กันหลายประการ ประกอบด้วยปัจจัยภายในชุมชนและปัจจัยภาบนอกชุมชน ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้นส่วนมาก ชุมชนไม่สามารถควบคุมได้ และปัจจัยภายนอกหนึ่งนั้นที่เป็นปัจจัยสำคัญมากในการทำงานชุมชนคือ ปัญหา เรื่อง โครงการขาดความต่อเนื่อง ส่งผลให้งบประมาณขาดความต่อเนื่องที่จะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และหรือ งบประมาณล่าช้า และมีความยุ่งยากในการเบิกจ่าย หรือประสานงานเพื่อใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ในการทำงานพัฒนาชุมชนในระยะแรกของการเพิ่มศักยภาพของชุมชนเข้มแข็ง แต่เมื่อชุมชนสามารถเพิ่ม ศักยภาพของชมุ ชนและต่อยอดได้ด้วยชุมชนเองแลว้ ปัญหาเรื่องงบประมาณแมว้ ่าจะยงั มผี ลต่อการทำงานแต่ก็ ยังสามารถแก้ปัญหาในการหางบประมาณสมทบหรือใช้งบประมาณจากชุมชนได้ เช่น ชุมชนบ้านแบบ ได้รับ งบประมาณมาจากภาคเอกชนหลายองค์กรเพื่อให้ดำเนินงานดา้ นการแก้ปญั หายาเสพติด หรือการพัฒนาเด็ก และเยาวชนซึ่งชมุ ชนสามารถบูรณาการเรื่องยาเสพตดิ เข้าไปในกิจกรรมได้ เชน่ การสร้าง “ลานกจิ กรรมชุมชน บ้านแบบ” ได้รับทุนสนับสนุนส่วนหนึ่งจาก ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) ทั้งที่ในระยะแรกนั้น ต้องอาศัยทุน จากเขตและทุนส่วนตวั ของผูน้ ำชุมชน เป็นต้น 12

นอกจากนี้ปัจจัยภายนในชุมชน เช่น สภาพเศรษฐกิจของครัวเรือนที่มักจะประสบปัญหาความไม่ มั่นคงทางรายได้ เพราะชุมชนเมืองส่วนมากเป็นชุมชนแออัดหรือกึ่งแออัด ทำให้สมาชิกชุมชนต้องให้ ความสำคัญกับปากท้องก่อนเร่ืองอื่น อีกทงั้ สภาพชุมชนยังเอ้ือต่อกิจกรรมผิดกฎหมาย เชน่ สภาพของซอยที่มี ทางเข้าออกหลายทาง สามารถหลบหนีได้ง่าย รวมถึงการย้ายเข้ามาของประชากรแฝงในชุมชน และปัญหา เรอ่ื งประชากรทเี่ ราเป็นสังคมสูงวัย1 แม้วา่ จะเป็นปจั จัยภายในชุมชนแต่กย็ ากทีช่ ุมชนจะควบคุมและแก้ปัญหา ไดด้ ว้ ยตัวชุมชนเอง ตารางท่ี 2 ตารางแสดงปัญหาและอุปสรรคของแต่ละชมุ ชน ปัญหา-อุปสรรคในการทำงาน ชุมชน ชุมชน ชมุ ชน ชุมชน ชุมชน ชมุ ชน ศาลเจ้า กองขยะ สะพาน พระยา เฟ่ืองฟ้า บา้ นแบบ พ่อจยุ้ ประสิทธิ์ วลิ เลจ ปูน งบประมาณขาดความต่อเนอ่ื ง- ✓ - ✓✓ - ✓ โครงการไม่ต่อเนอื่ ง/ งบประมาณ เบิกจา่ ยชา้ ประชากรแฝง /คนท่อี พยพเขา้ พ้นื ที่ / ✓ ✓ ✓ ✓ - ✓ บา้ นเชา่ สภาพชุมชนเออ้ื ในการประกอบ ✓✓✓✓ - ✓ กิจกรรมผดิ กฎหมาย สภาพเศษฐกิจของครวั เรือน-ชุมชน - - ✓ - ✓ ✓ ยากจน หรอื มีปญั หา พงึ่ พาตัวบุคคล - ✓✓✓✓✓ ขาดวยั แรงงาน ในการขับเคล่ือนใน - -✓- - - ชุมชน แต่ปัญหาหลักของชุมชนแทบทุกชุมชนที่เป็นชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งรวมชุมชนกรณีศึกษาด้วย คือ ภาวะ พึ่งพาตัวบุคคล อันเกิดจากจุดแข็งของชุมชนที่มีผู้นำที่มีบารมี และศักยภาพผู้นำที่เข้มแข็ง ส่งผลโดยตรงกับ การบรหิ ารจัดการชมุ ชนในอนาคต เมื่อขาดผนู้ ำคนปัจจบุ นั 1 ใน พ.ศ. 2564 ประเทศไทยจะกลายเป็นสงั คมสงู วยั สมบูรณ์ เพราะมผี สู้ งู อายุ รอ้ ยละ 20 ข้นึ ไปตอ่ จำนวนประชากร 13

4. บทเรียนการทำงานดา้ นยาเสพตดิ ของชุมชน บทเรียนการทำงานของชุมชนทั้งหกแห่งช่วยในการยืนยันแนวคิดการทำงานของชุมชนให้เห็นชัดเจน ว่ากระบวนการของชุมชนเข้มแข็งสามารถป้องกันปัญหายาเสพติดได้ผล ซึ่งกระบวนการให้ชุมชนเข้ามามี บทบาทในการแก้ปัญหายาเสพติดนี้ เป็นแนวคิดที่มีมานานแล้วและมีความชัดเจนในฐานะยุทธศาสตร์ภาค ประชาชน ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 เรื่องพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติดและการประกาศให้ยาเสพติดเป็นปัญหา เร่งด่วนที่ต้องไดร้ ับการแก้ไขอยา่ งจรงิ จังมกี ารกำหนดยทุ ธศาสตร์พลังแผ่นดินและแผนปฏิบตั ิการเพื่อเอาชนะ ยาเสพติดรวมพลังทกุ ฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรพัฒนาเอกชนทั้งประชาชนเข้ามามบี ทบาทเพือ่ ปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาดังกล่าว โดยกำหนดให้ชมุ ชนเปน็ ศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาจากข้อเท็จจริง2 เปน็ ต้น มา พัฒนาการทำงานด้านยาเสพติดแนวใหม่ที่ใช้ชุมชนเป็นตวั ต้ังร่วมกับการทำงานในระดับท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อน ยุทธ์ศาสตร์ว่าด้วยการแก้ปัญหายาเสพติดประสบผลสำเร็จในลักษณะของดาวกระจายที่เกิดขึ้นตามชุมชนต่าง ๆ ทวั่ ประเทศ บทเรียนสำคัญประการแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการดูแล ชุมชนตนเอง เปลี่ยนการทำงานจากส่วนกลางเป็นการกระจายรูปแบบการทำงานในชุมชน เพื่อให้ออกแบบ การทำงานตามบริบทแต่ละชุมชน โดยให้หน่วยงานรัฐมีหน้าที่สนับสนุนการทำงานของชุมชน มีการประสาน การทำงานผ่านภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางการ ทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นการเสริมพลังอำนาจให้ชุมชนพัฒนากลไกการทำงาน สร้างความเข้มแข็งให้ สถาบันครอบครัว ผ่านการร่วมงานของสถาบันที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาสนา และ โรงเรียน บางชุมชนใช้ “บวร” สามประสานของกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการของชมุ ชน บางชมุ ชนใช้การสร้างจิตสำนึกการมีส่วนร่วม ของสมาชิกชุมชน เช่น ชุมชนพระยาประสิทธิ์ ชุมชนกองขยะ ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ เป็นต้น ซึ่งกระบวนการ เหล่านี้คือการสร้าง “ชุมชนเข้มแข็ง” ที่หมายถึง การที่ประชาชนในชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นองค์กรชุมชน โดยมีการเรยี นรู้การจัดการและการแก้ไขปญั หาของชุมชนซ่ึงทำใหช้ มุ ชนมีการเปล่ียนแปลง หรือเกดิ การพัฒนา ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมภายในชุมชนตลอดจนมีผลกระทบสู่ภายนอกชุมชน สำหรับ กระบวนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนจะต้องเป็นการดำเนินงานแบบร่วมคิดร่วมทำและมีการเรียนรู้ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว3 เพราะจะเป็นเสมือนกลไกในการ พัฒนา ที่สามารถแก้ปัญหาระดับชุมชน และพัฒนาประเทศไปพร้อมกันแบบบูรณาการ และเป็นการสร้าง ประชาสงั คม (Civil Society) ในสังคม เพราะการพฒั นาทีย่ ง่ั ยนื ต้องสร้างพลังใหช้ มุ ชนในท้องถิ่น4 2 คำสั่งสำนกั นายกรฐั มนตรีท่ี 119/2544 ลงวนั ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 3 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, “รายงานการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมท่ี สนับสนุนใหช้ มุ ชนเข้มแขง็ ,” (กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2544: 18-24.) 4 ฉัตรทพิ ย์ นาถสุภา, อา้ งถึงใน ปรีชา วงศท์ พิ ย์, การพัฒนาชุมชนประยกุ ต์: แนวคิดและ การบูรณาการ: 81. 14

ตารางท่ี 3 ตารางแสดงบทเรียนการทำงานด้านยาเสพติดของแตล่ ะชุมชน บทเรยี นการทำงานด้านยาเสพติด ชมุ ชน ชุมชน ชมุ ชน ชุมชน ชมุ ชน ชมุ ชน ศาลเจา้ กองขยะ สะพาน พระยา เฟอื่ งฟา้ บ้านแบบ พอ่ จยุ้ ประสิทธ์ิ วลิ เลจ ปูน ✓ ✓ ✓ เปดิ โอกาสใหร้ ว่ มกนั คดิ ทำ สรา้ งการมี ✓ ✓ ✓ สว่ นรว่ มของคนในชุมชน ประสานทำงานร่วมภาคเี ครอื ข่าย สรา้ ง ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ กระบวนการเรียนร้แู ลกเปลยี่ น ประสาน ภายนอก กลไกทำงานในชุมชนในการประสาน ✓✓✓✓✓✓ ภายใน ทำงานกับเยาวชนเป็นแกน และชว่ ยใน ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ การทำงานข้ามรนุ่ วยั /ใหค้ วามสำคญั กับ สถาบันครอบครวั ผูน้ ำในการเปล่ยี นแปลง ✓✓✓✓✓✓ บูรณาการกิจกรรมในชมุ ชนกับงานยา ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ เสพตดิ การดูแลสมาชกิ ในชมุ ชนที่มปี ญั หา ✓✓✓✓✓✓ เกยี่ วกบั ยาเสพตดิ ชุมชนทั้งหกกรณีศึกษาเน้นการสร้างกลไก มาตรการ กิจกรรมที่มีลักษณะบูรณาการการทำงานใน ชุมชนให้ผนวกประเด็นการแก้ไขปัญหายาเสพติดเข้าสู่กิจกรรมที่ดำเนินการในชุมชนผ่านการสร้างแผนการ ทำงานของผู้นำและคณะทำงาน ซง่ึ ส่วนมากคอื คณะกรรมการชุมชน อีกทั้งมคี วามพยายามดงึ เด็กและเยาวชน ให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างอนาคต ในขณะเดียวกันก็ใช้การดูแลผู้มีปัญหาในชุมชนด้วยกระบวนการของ ชมุ ชนท่เี นน้ การใหโ้ อกาส และยอมรบั ว่าผู้เกี่ยวขอ้ งเป็นสว่ นหนึ่งของชมุ ชน จุดร่วมของบทเรียนการทำงานชุมชนเพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือการทำให้เกิดความเข้มแข็ง ของชุมชนเพื่อการพัฒนานั้น พบว่าองค์ประกอบข้างต้นเป็นสิ่งที่เรียนรู้กันมานานแล้วว่า การมีผู้นำที่ดี การ สร้างทีมทำงานที่เข้มแข็ง การทำงานเป็นทีม การดึงเยาวชนมาเพื่อเป็นตัวต่อเชื่อมอนาคต สร้างกลไกการ ทำงาน การสร้างภาคีทั้งในและนอกชุมชน ให้เกิดการสนับสนุนจากภายในและภายนอก รวมไปถึงการบูรณา 15

การทำงาน เป็นสิ่งจำเป็น5 6 7 8 แต่ข้อสังเกตประการหนึ่งพบว่า มีเพียงบางชุมชนเท่านั้นที่สามารถมี องค์ประกอบเหล่านั้นได้ ดังนั้นบทเรียนสำคัญสำหรับการสร้างชุมชนให้เข้มแข็งจึงไม่ใช่การบ้านของเฉพาะ ชมุ ชนแตห่ มายถงึ งานทหี่ ลายฝา่ ยต้องรว่ มกนั แกโ้ จทยว์ า่ จะสามารถทำให้ชุมชนท่ีเหลือเกิดศักยภาพทีจ่ ะพัฒนา ไปสู่ชุมชนเข้มแข็งเพื่อเป็นแกนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างไร ในขณะเดียวกันเราจะสามารถรักษา สถานะภาพของชมุ ชนท่ีเป็นชุมชนเข้มแข็งในปัจจบุ ันให้สามารถดำงรงค์อยู่ได้และมีศักยภาพที่ดีขึ้นได้อย่างไร สรปุ ชุมชนที่ได้รับเลือกเป็นกรณีศึกษาในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นชุมชนเข้มแข็ง และมีการดำเนินงานด้านการ ปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติดมาระยะเวลาหนึ่งแลว้ เหตเุ พราะแนวคดิ เร่ืองใช้ชุมชนเป็นแกนก็เป็นแนวคิด ท่มี กี ารใชม้ านานตามนโยบายของรัฐบาล และปญั หาเร่อื งยาเสพติดเปน้ วาระแห่งชาตมิ ายาวนานเชน่ กัน ข้อมลู ทั่วไปของแต่ละชุมชนแสดงว่าชุมชนแต่ละแห่งมีบริบทที่แตกต่างกัน แต่จุมีดแข็ง จุดอ่อน และบทเรียนการ ทำงานด้านยาเสพตดิ ที่มีร่วมกนั บางประการ อย่างไรก็ตาม โจทย์ของการทำงานจึงอยู่ท่ีว่า 1) จะทำให้ชุมชน ท่เี ข้มแข็งอยู่แลว้ ดำรงคส์ ภาพนตี้ ่อเน่ืองได้อยา่ งไร และ 2) จะสามารถเพ่ิมชุมชนทมี่ คี วามเข้มแข็งสามารถเป็น แกนในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ ได้อยา่ งไร 5 กรมคมุ ประพฤติ กระทรวงยตุ ิธรรม. (มปป.)\" สรปุ ผลการดำเนินงานโครงการภายใต้แผนพัฒนาระบบงานต้นแบบเพ่ือแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร. สำนักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ. 6 ปปส. (2549). รายงานการวจิ ัย การมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนและองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติดอย่างย่ังยืน. บางกอกบลอ๊ ก: กรุงเทพ. 7 เอนก นาคะบุตร. (2549). บทเรียนและองค์ความรู้จากชุมชน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างย่ังยนื . โครงการถักทอเครือข่ายพลังชุมชนพลัง แผ่นดิน เอาชนะยาเสพตดิ อย่างยั่งยนื สำนกั งานประสานและสนบั สนนุ ภาคประชาชน (ป.ป.ส.). 8 สะแลแม อาแวนิ. (2539). การป้องกันยาเสพติดโดยองค์กรชุมชน: กรณีศึกษาบ้านเจาะกือแย ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตาน.ี วิทยานพิ นธ.์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. 16

บทเรียนและพฒั นากลไกการขับเคล่ือนมติสมชั ชาสุขภาพแห่งชาตคิ รง้ั ท่ี 10 “ชุมชนเปน็ ศูนย์กลางในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติด” กรณี พืน้ ทกี่ รุงเทพมหานคร: ชมุ ชนบา้ นแบบ1 ประวตั คิ วามเปน็ มา ชุมชนบ้านแบบ เป็นชุมชนเก่าแก่มีอายุกว่า 120 ปี เดิมมีพื้นที่เชื่อมต่อกับหลายชุมชน มีสถานท่ี สำคัญในพื้นที่ เช่น สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 ปี มูลนิธิปอเต็กตึ้ง (เดิมคือป่าช้าวัดดอน) วัดยานนาวาวัดปรก (วัดมอญ) สมาคมแต้จ๋วิ แห่งประเทศไทย วดั วษิ ณุ เปน็ ตน้ ชมุ ชนตงั้ อยู่ในเขตสาทร ซึง่ เปน็ ชุมชนประเภทแออัด ประกาศเป็นชุมชนที่จัดตั้งตามระเบียบกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2540 เดิมชื่อ ชุมชนโรงน้ำแข็งตั้งอยู่ใน ซอยโรงน้ำแข็ง สาทร 17 ถนนสาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ใกล้กับสุสานแต้จิ๋ว จัดเป็นชุมชนแออัด ชุมชนมีพื้นที่ 20 ไร่ เดิมมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เมื่อปีพ.ศ. 2513 ชาวบ้านใช้ชื่อของมัสยดิ ยะวาเป็นชื่อของชุมชน ในขณะนัน้ ซ่ึงเป็นช่ือเรยี กแบบไม่เป็นทางการ ต่อมาปพี .ศ. 2533 มีการเรียกช่ือชุมชน ใหม่ว่า \"ชุมชนบ้านแบบ-โรงน้ำแข็ง\" ซึ่งเชื่อมระหว่างซอยบ้านแบบ และซอยโรงน้ำแข็ง มีเน้ือที่ประมาณ 35 ไร่ บ้านเรือนอาศัยในขณะนนั้ ประมาณ 700 หลังคาเรอื น ประชากรประมาณ 5,000 คน ทด่ี ินบางสว่ นเปน็ ของ เอกชน บางส่วนเป็นของทรัพย์สินของโรงพยาบาลเลิศสิน สภากาชาดไทย และสำนักงานทรัพย์สินส่วน พระมหากษัตริย์ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนในพื้นที่ ในปีนี้เองมีการตั้งกรรมการชุมชนขึ้นมาดูแลจัดการ ชุมชน 1 ท่ีมา: 1. ขอ้ มูลชุมชนทจี่ ดั ตง้ั ตามระเบยี บกรงุ เทพมหานคร, 2. ฝา่ ยพัฒนาชมุ ชนและสวัสดกิ ารสงั คม สำนักงานเขตสาทร

แผนท่ีชุมชน พ.ศ. 2540 ที่มา: FAIFAH : https://www.facebook.com/pages/FAI-FAH-CHAN-Empowering-Youth-Through- Arts/376243355777996 ชมุ ชนบ้านแบบ เปน็ ชมุ ชนชาวไทย จีน และมุสลมิ ตงั้ ถน่ิ ฐานอยรู่ ว่ มกนั มานาน ซึ่งในอดีตบริเวณนี้ถือ ว่าเป็นย่านชานเมือง เป็นพื้นท่ีทำเกษตรกรรม ไร่นาสวน โดยอาศัยน้ำจากคลองยานนาวาที่แยกมาจากแม่นำ้ เจ้าพระยา ต่อมาเมื่อความเจริญขยายเข้ามาทำให้พื้นที่ส่วนนี้เริ่มกลายเป็นย่านธุรกิจมากขึ้น และเจริญข้ึน พรอ้ ม ๆ กบั “ย่าน 4 ส” คอื สาธร สีลม สุรวงศ์ และสี่พระยา มีการบกุ เบิกและพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะที่ดิน ขุดคลอง ทำถนน จัดสรรที่ดินเป็นแปลงย่อยแบ่งขายให้กับเอกชนผู้ที่สนใจเข้ามาอยู่อาศัยและ ลงทุนในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกงสุลต่างประเทศ พ่อค้า และผู้มีฐานะ โดยหลวงสาธรราชายุกต์ (ยม พิศลย์ บุตร) หรือ เจ้าสัวยม เมื่อประมาณ พ.ศ. 2431 จนทำให้ย่าน 4 ส. กลายเป็นย่านธุรกิจ และที่พักอาศัยชั้นดี ราคาแพง ต่อมาเมื่อทางพิเศษศรีรัช-ทางด่วนขั้นที่ 2 ที่เปิดให้บริการในเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2539 และถนน เจริญราษฎร์ ที่ตัดผ่าน และแบ่งชุมชนออกเป็นฝ่ังทิศตะวันตก และฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งในภายหลังถูกเรียกว่า ชมุ ชนโรงนำ้ แข็ง โดยมสี าเหตุมาจากพ้ืนที่การปกครองกว้างทำให้ยากต่อการพัฒนา เนอ่ื งจากทางด่วนตัดผ่าน กลางระหวา่ งซอยบ้านแบบ และโรงน้ำแข็ง จึงต้องการให้ผบู้ ริหารงานในชุมชนมีการชว่ ยเหลือตัวเอง ต้องการ การบริหารจัดการชุมชนของตนเองอย่างต่อเน่ืองและถาวรเพือ่ ทำให้กรรมการมีความรับผิดชอบในการบริหาร ท้องถิน่ คล่องตัวในการทำงาน และให้ชุมชนได้เข้าใจในด้านการพฒั นาท้องถน่ิ มากขึ้น และประเดน็ สุดท้าย คือ พัฒนาการปกครองส่วนท้องถิ่นตามระบบประชาธิปไตยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อมของ ชมุ ชนให้ดยี ิ่งขึ้น ในปัจจุบนั มีผอู้ ยอู่ าศยั ด้ังเดมิ ประมาณรอ้ ยละ 60 อยูร่ ว่ มกับผอู้ ย่อู าศยั ใหมป่ ระมาณ ร้อยละ 40 แตก่ ็ เป็นผ้อู ยอู่ าศัยทอ่ี ยู่ที่ชุมชนมาราว 20 ปีข้นึ ไป แต่สว่ นหน่ึงกม็ ีผยู้ า้ ยจากท่ีอ่นื มาเช่าบา้ นอาศัยอยู่อกี สว่ นหน่ึง 18

อาณาเขตติดตอ่ ชุมชนบา้ นแบบมพี น้ื ท่ีท้ังหมด 11 ไร่ โดย ทิศเหนอื ติดตอ่ กับ ถนนสาทรใต้ ทิศใต้ ติดต่อกบั สุสานมลู นิธปิ อเต็กตง้ึ ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั ถนนเจริญราษฎร์ ทศิ ตะวนั ตก ติดตอ่ กับ หมู่บ้านสาทรเฮ้าส์ 19

ภาพ: แสดงแผนผงั ชุมชมชนบ้านแบบ ท่ีมา: สำนักงานเขตสาทร 20

สถานท่ีต้งั ชมุ ชนต้ังอยู่ท่ี ซอยสาทร 19 ถนนสาธรใต้ แขวงยานนาวา ซึ่งเปน็ กล่มุ เขต 2 ของกลุ่มกรุงเทพใต้ และ มีทที่ ำการชมุ ชนต้งั อย่ทู ี่ 50 ซอยสาทร 19 แขวงยานนาวา เขตสาทร จำนวนประชากร มีประชากรชายจำนวน 669 คน และประชากรหญิงจำนวน 711 คน รวมเป็น 1,380 คน สมาชิก ชมุ ชนประกอบดว้ ยคน ไทย คนจีน และคนมุสสลิม จำนวนครัวเรือน ชุมชนบ้านแบบ มีหลังคาเรือนทั้งหมด จำนวน 316 หลังคาเรือน มีครัวเรือน จำนวน 690 ครัวเรือน และมีคณะกรรมการชมุ ชนจำนวน 8 คน การศกึ ษา ประชากรส่วนใหญจ่ บระดบั ชั้นมัธยมศึกษา รองลงมาคอื ระดับประถมศกึ ษา และไม่ได้รับการศกึ ษา อาชีพ ประชากรในชุมชนส่วนใหญ่ ประกอบอาชพี รับจา้ ง และคา้ ขาย คนส่วนนอ้ ยรับราชการ ศาสนา ส่วนใหญน่ บั ถอื ศาสนาพธุ รองลงมาคือศาสนาอสิ ลาม การถือครองที่ดิน รูปแบบการถือครองที่ดินของชุมชน คือ ส่วนใหญ่เช่าที่ดิน รองลงมาเป็นเจ้าของ กรรมสทิ ธ์ิ องค์กรภายในชุมชน ประกอบด้วย กลุ่มบรรเทาสาธารณภัย อาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน อาสาสมัคร ศูนย์รับแจ้งเหตุ ดา้ นเด็ก สตรี ผู้สงู อายุ ผู้พิการในชมุ ชน คณะกรรมการบริหารลานกฬี า กลมุ่ แมบ่ า้ น และกลุ่ม เยาวชน รปู ภาพแสดง: บริเวณโดยรอบชุมชน 21

มิติสมชั ชาสขุ ภาพกบั ชมุ ชนบา้ นแบบ ปญั หาเร่ืองยาเสพตดิ กบั ชมุ ชนบ้านแบบมีมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน และมีความรนุ แรงมากขน้ึ เรื่อย ๆ ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อนท่ีมีการแพร่ระบาดของเฮโรอีน หรือผงขาวในชุมชนอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น และรุนแรงมากข้ึนเรื่อย ๆ คนทัว่ ไปสามารถหาซ้ือยาเสพติดได้ง่าย ๆ ชุมชนบ้านแบบผา่ นสถานการณ์เกี่ยวกับ ยาเสพติดมายาวนานจนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาความรุนแรงก็เบาบางลงเมื่อมีนโยบายการปราบปรามยาเสพติดที่ เข้มขน้ มากขึน้ ประกอบกบั ชมุ ชนเริม่ กลบั มาดูแลชมุ ชนมากขึน้ ทำใหส้ ถานการณ์ดขี นึ้ เป็นลำดับ มติ สช. ท่ีวา่ “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพติด” นนั้ กลไกของชุมชน เป็นตวั หนุนเสรมิ การแกป้ ัญหายาเสพตดิ ไดจ้ ริงสำหรับชุมชนบ้านแบบ เนอ่ื งจากทผี่ ่านมาชุมชนมีกิจกรรมและ โครงการที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน และเน้นเรื่องการลดปัญหาเรื่องยาเสพติดมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อสิบสามปีก่อนที่นางธัชพรรณ บริเพ็ชร ผู้นำชุมชนบ้านแบบเริ่มเข้ามารับตำแหน่ง ด้วยความที่ ผ่านประสบการณ์เรื่องความรุนแรงและผลกระทบของยาเสพติดจากครอบครัว ส่งผลให้ผู้นำชุมชนมีความ ม่งุ ม่ันที่จะแกป้ ัญหาชุมชนบา้ นแบบในฐานะทเี่ ป็นบ้านของเรา กจิ กรรมที่ไดด้ ำเนินการที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1) กิจกรรมการรณรงค์ต่อต้านและป้องกันยาเสพติด เช่น กิจกรรมวันเด็ก กิจกรรมในวันสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ทางศาสนา กิจกรรมจากทางประกาศของรัฐบาล และกิจกรรมของชุมชน ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมประกวดร้องเพลง กิจกรรมกีฬา ซึ่งทุกกิจกรรมที่จัดก็จะมีการสอดแทรกเรื่องยาเสพติด ให้เด็ก ๆ ได้รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี กิจกรรมเด่นที่ผ่านมาหลายปีของชุมชนคือกิจกรรมการอบรมของ กสทช. ซึ่งเปน็ กจิ กรรมเก็บขยะรอบ ๆ ชุมชน ใชร้ ะยะเวลา 7 วันในการทำกิจกรรม โดยกิจกรรม เริ่มจาการขุดลอกคูคลอง โดยให้เด็กเป็นคนทำ นำงบประมาณที่ได้มาจ่ายให้กับเด็ก ใครขยันให้ 22

วันละ 300 บาท หัวหน้าทีมได้ 500 บาท รองหัวหน้าได้ 400 บาท แล้วก็จ้างคนในชุมชน ทำกับข้าวเพื่อเลี้ยงเด็กให้ครบ 3 มื้อ เด็กๆ ลงไปเก็บขยะในคลอง เล่นกันสนุก เก็บเสร็จเอาสาย ดบั เพลงิ มาล้างชุมชน สำหรบั กลุ่มเยาวชนและผู้ใหญ่จะมีกิจกรรมสง่ เสริมอาชีพ หรอื ฝึกสอนอาชีพต่าง ๆ ท่ีผ่านมาทาง ความร่วมมือของหน่วยงาน เช่น มีการตั้งกลุ่มสอนอาชีพ โดย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เข้ามาสนับสนุนให้ความรู้เรื่องการทำอาหาร ทำขนม และทำนำ้ ยาลา้ งจาน ภายในชุมชนเปน็ ระยะ 2) กิจกรรมปราบปรามยาเสพติดในชุมชน เช่น กิจกรรมเดินเวรยามของชุมชนผ่านการทำงานของ คณะกรรมการและผู้นำชุมชน มีการทำงานประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปส. และ ตำรวจเพ่อื การจบั กมุ การค้ายาเสพตดิ ในเขตพื้นทีช่ ุมชน ดูแลของกลมุ่ สมาชกิ ในชุมชน การเดนิ เวรยามภายในชุมชนจะแบ่งกันเป็น 3 สาย ช่วยกนั ดแู ล นอกจากจะป้องกันและสอดส่อง เรอ่ื งยาเสพตดิ แลว้ ยังช่วยดแู ลเร่อื งอืน่ ๆ ด้วย เช่น ปญั หาลกั ขโมย 3) จัดตั้งหน่วยการทำงานในรูปขององค์กรชัดเจน เช่น คณะกรรมการชุมชน และศูนย์ระวังภัยและ ยาเสพติด ชุมชนบ้านแบบ เขตสาทร ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559 ภายใต้การ สนับสนุนของเขตสาทร ทม่ี า: สำนักงานเขตสาทร มติ สช. กับชุมชน ในด้านข้อมูลเกี่ยวกับมติ สช. นั้น สมาชิกชมุ ชนสว่ นมากไม่รู้ข้อมูลเร่ืองมติ สช. ท่ี เข้ามายังชุมชน แม้ว่าผู้นำชุมชนจะมีการเผยแพร่ข้อมูลแล้วก็ตาม ในประเด็นเรื่องการดำเนินงานของชุมชน 23

ตามมติ สช. นั้นคณะกรรมการในฐานะกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบในการขับเคลือ่ นมองวา่ “ประธานชุมชนควรเปน็ ศูนย์กลางให้กับชุมชน คอยประกาศและแจ้งข่าวสารเพื่อให้ชุมชนได้เรียนรู้ด้วยกัน หากมีปัญหาอะไรเกิดข้ึน สามารถปรึกษาหารือกันได้ ใครทำอะไรได้บ้างก็แบ่งหน้าที่กันไปทำ ทุกวันนี้คณะกรรมการทำงานกันแบบ ช่วยกันสอดสอ่ งดแู ลชุมชน หากเหน็ อะไรผิดสงั เกตจะแจ้งผนู้ ำชุมชนทันที เวลาผนู้ ำไมอ่ ยทู่ ุกคนก็จะช่วยกันทำ หน้าทเ่ี ปน็ หเู ป็นตาแทน หลกั ใหญส่ ำคัญคือ ประธานชมุ ชนต้องเปน็ ศูนย์กลางให้กับคณะกรรมการและลูกบ้าน ซ่ึงพลังชุมชนนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ชุมชนปลอดภัย” (สนทนากลุ่มชาวชุมชนบ้านแบบ, 16 ธนั วาคม 2562) อย่างไรก็ตามในพื้นที่ชุมชนบ้านแบบไม่มีการดำเนินการอันเนื่องมาจากมติ สช. แต่อย่างใด ส่วนหนึ่ง เกดิ จากการเชือ่ มประสานงานระหวา่ งหน่วยงานรฐั เข้าสชู่ ุมชนมคี วามไม่ชัดเจน ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งนโยบาย และ งบประมาณ อีกทั้งส่วนงานที่มหี น้าที่รับผดิ ชอบและสนับสนุนในระดับพ้ืนทีย่ ังมีการรับรูแ้ ละรับนโยบายมาอยู่ ในวงจำกัด และมีระดับการับรู้ที่แตกต่างกัน เช่น เจ้าหน้าที่เขตที่เกี่ยวข้องมีระดับการรับรู้เรื่องมติ สช. และ การดำเนินการตามมติไม่เท่ากันเมื่อพิจารณาจากการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่กรมการปกครองและพั ฒนา ชุมชน “กรณีงบประมาณสนับสนุนจาก มติสมัชชาสุขภาพนั้นไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่ (ตนเองไม่ทราบว่ามี) แต่ไม่ แน่ใจว่ามีส่งไปสนับสนุนให้ฝ่ายพัฒนาชุมชนหรือไม่ เพราะคิดว่างบประมาณแบบนี้น่าจะลงไปที่ฝ่ายพัฒนาฯ มากกว่า ถ้ามาก็อาจจะมาในนามของเขต แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่ทราบว่ามีงบประมาณ” (สัมภาษณ์นายฉัตรชัย องั สเุ ชษฐานนท์ และ วา่ ท่ี ร.ต. เกรยี งไกร พรหมมา, 30 มกราคม 2563) “โดยส่วนตัวไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเลย แต่ในส่วนของฝ่ายพัฒนา ชุมชนนั้น เรามีการดำเนินงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว โดยงานที่เกี่ยวข้องกับงานเสพติด คือ โครงการแม่ของแผ่นดิน และโครงการ ทูบนี ัมเบอรว์ ัน ทีไ่ ด้รับทนุ สนับสนนุ มาจาก ปปส. อีกที” (สัมภาษณ์ชัญญา ศริ ิกนั ไชย, 21 มกราคม 2563) ดังนั้นประเด็นสำคัญที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการต่อเนื่องจากการรับมติ สช. มาเพื่อดำเนินงานใน พื้นที่คือการสร้างความรู้ และข้อมูลให้กับคนทำงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับรู้ เพื่อสามารถต่อประสานให้ทำงาน ไดจ้ ริงตามมติท่รี บั มา ความเข้มแข็งของชมุ ชน 1) เป็นชุมชนดั่งเดิมที่มีความสัมพันระหว่างสมาชิกในชุมชนมายาวนาน แม้ว่าจะมีคนที่ย้ายเข้ามา บา้ งแต่สว่ นมากก็ยังรูจ้ ักกันมายาวนาน 2) มีการดำเนินงานด้านการพัฒนาชุมชนรวมถึงงานด้านยาเสพติดอย่างต่อเนื่องยาวนานและเป็นท่ี ยอมรับจากภายนอก ส่งผลต่อการสนับสนนุ งานของชุมชนในดา้ นตา่ งๆ 3) มที ุนมาจากหลากหลายทาง โดยเฉพาะจากภาคเอกชน ซึง่ สว่ นมากไดร้ บั การสนบั สนุนจากผลงาน ของชุมชนที่เป็นที่เด่นชัด เช่น ลานกิจกรรมสร้างสรรค์ ถูกพัฒนาขึ้นใน พ.ศ. 2556 ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยน 24

ชุมชนบ้านแบบ” เปลย่ี นพ้นื ท่ีว่าง 1,150 ตารางเมตร เปน็ ลานกิจกรรมสร้างสรรค์ ณ ชมุ ชนบ้านแบบ ใต้ทางด่วน พิเศษศรรี ัช เขตสาทร เพ่อื จดุ ประกาย ให้สงั คม ลกุ ข้ึนมา Make THE Difference หรอื เปลย่ี นเพ่ือส่ิงท่ีดีขน้ึ 4) ผู้นำชุมชนเปน็ มือประสานสิบทิศ สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้หลากหลายทาง อีกทั้งยังได้รับการ ยอมรบั จากชุมชนสูง 5) มีกลุ่มแกนนำเด็กและเยาวชนหลายรุน่ ที่ทำงานด้านการพัฒนา และป้องกันปัญหายาเสพติด อีก ทงั้ ยงั ได่รับการสนบั สนุนให้ไดม้ ีโอกาสเรียนรูก้ ารทำงานกับชุมชนอื่น ปัญหาอุปสรรคในการทำงานของชุมชน 1) ปัญหาจากภูมิศาสตร์ของที่ตั้งชุมชน บ้านแบบเป็นชุมชนแออัดตั้งอยู่ในเขตสาทรขนานกับถนน ใหญ่สองเส้น แล้วบางส่วนของชุมชนอยู่ใต้ทางด่วน ดังนั้น ชุมชนจึงมีเสน้ ทางเชื่อมเข้าออกชุมชนได้หลายทาง ถอื เป็นชัยภูมิทงี่ ่ายต่อการหลบหนี ซุกยาหรือการผา่ นยา ของกลุ่มผูเ้ กี่ยวข้องกับยาเสพติด “ของพี่ทางเข้าออก (นบั ) ทงั้ หมด 6 ทาง” (สมั ภาษณ์ผนู้ ำชุมชนบ้านแบบ, 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2562) 2) ปัญหาความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัยเนื่องจากไม่มีความเป็นเจ้าของที่ดิน ชุมชนนี้เป็นที่ดินให้เช่า จากหลายเจ้าของ ส่วนมากเป็นของโรงพยาบาลเลศิ สิน ที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และที่เอกชน การอยู่ อาศัยแม้จะเป็นการเช่ารายปีราคาถูก เช่น ค่าเช่าของโรงพยาบาลเลิศสิน ปีละ 396 บาท เพื่อสนับสนุนการ ดำเนินการของโรงพยาบาลแต่ก็มีความไม่มั่นคงในการอยู่อาศัยเพราะมีโอกาสที่เจ้าของที่จะเปลี่ยนนโยบาย การเช่า หรือเปลี่ยนแผนเพื่อสร้างอาคารแบบอื่นตามความต้องการได้ ในขณะเดียวกันเนื่องจากที่อยู่ใจกลาง เมือง ทดี่ นิ ราคาแพง ทีผ่ ่านมามคี รวั เรอื นที่ถูกเจา้ ของทด่ี นิ เอกชนไล่ท่ีไปมากกว่า 40 ครวั เรอื น 3) ปัญหาจากประชากรในชุมชน ชุมชนบ้านแบบเป็นชุมชนท่ีมีอายมุ ายาวนานปจั จุบนั แตใ่ นปัจจบุ ัน ชมุ ชนบ้านแบบมีกลุ่มประชากรแฝงในสดั สว่ นท่ีมากกว่าคนด้ังเดิมในพื้นท่ี เนอ่ื งจากเกิดปัญหาไฟไหม้บ่อยคร้ัง ทำให้คนเก่าแก่ตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ที่อื่น และกลุ่มคนใหม่ที่เข้ามาเหล่านี้มักเป็นกลุม่ ที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองยา เสพติด อีกทั้งเนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะกับการทำความผิดดังที่กล่าวมาจึงมีคนภายนอกเข้ามา เสพยา มั่วสุม หรือค้าขายยาเสพติดในพื้นที่บ่อยครั้ง จนปรากฎคดีคนนอกชุมชนเข้ามาสูบไอซ์และโคเคนจน เสยี ชวี ติ 4) งบประมาณเฉพาะด้านเกี่ยวกับ การแก้ปัญหายาเสพติดมีจำกัด และไม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยัง มีปญั าความล่าชา้ และย่งุ ยากของการเบกิ จ่ายงบประมาณดว้ ย เชน่ งบประมาณ ปปส. เขตสาทร 25

ถอดบทเรยี นความสำเรจ็ ของชมุ ชน ความสำเร็จของชุมชนบ้านแบบเป็นส่วนผสมหลายส่วนจากทั้งตัวบุคลากร กระบวนการและปัจจัย สนับสนุนตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย ความเข้มแข็งของผู้นำชุมชน ผู้นำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับชุมชน ปัจจัยด้านบุคลกิภาพ เช่น ความเข้มแข็ง กล้าชนกับปัญหา และความตั้งใจในการทำงาน รวมถึงปัจจัยส่วนบุคคล เช่น ทุนทรัพย์ส่วน บุคคล เครือขา่ ย ช่วยใหก้ ารทำงานสามารถดำเนินการไปได้ “ทำยังไงได้เรากต็ อ้ งเอาคนในชุมชนเรา คือ เรารกั ชุมชน เราก็เลยบอกเพื่อนไปเป็นเพื่อนหน่อย เงินไม่พอแล้ว แล้วต้องเลี้ยงคน ก็เลยเก็บทองไป 10 บาท” (สัมภาษณ์ผู้นำชุมชนบ้านแบบ, 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562) ผู้นำที่เป็นผู้หญิงมีส่วนในการทำให้คนทำงาน สบายใจ อีกทั้งความเป็นแม่สนับสนุนแนวคิดของการดูแลสมาชิกในชุมชนรวมถึงวิธีการประสานบางครั้งเกิด จากทักษะของความออ่ นโยน (soft power) ทช่ี ว่ ยใหล้ ดแรงปะทะได้อกี ด้วย การดึงคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการแก้ปัญหาและป้องกันยาเสพติด เริ่มจากการดึงเด็กและ เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมก่อนไม่ว่าจะเป็นเข้ามาร่วมกิจกรรมให้ความรู้ พาออกค่าย เล่นเกมส์ ทำกิจกรรม รว่ มกัน จากนนั้ จะสามารถดึงพอ่ แม-่ ผปู้ กครองเข้ามาร่วมกิจกรรมได้ “หาเดก็ นำ้ ดีกอ่ น เพ่อื ท่ีจะไดม้ าไลน่ ้ำเสยี ใหห้ มดไป” เปน็ แนวทางการดำเนนิ งานที่ชุมชนเลือกใช้ใน การหาเด็กกลุ่มต่าง ๆ ในชุมชนเพื่อดึงมาร่วมกิจกรรมและสนับสนุนให้ทำกิจกรรมเชิงบวก เพื่อให้สามารถไป ชักชวนเพ่อื นทีเ่ ป็นกลมุ่ เส่ียงหรือเกี่ยวข้องกบั ยาเสพตดิ ไปแลว้ ใหก้ ลับมาทำกิจกรรมทด่ี ี ลดและเลิกยาเสพตดิ การใช้กฎบา้ นในการดแู ล เปน็ มาตรการท่ีชุมชนชว่ ยกนั สอดส่องดแู ล และตักเตอื นก่อนดำเนินการใน มาตรการรุนแรง เชน่ เมอ่ื มกี ารตรวจพบการใชย้ าเสพตดิ ชุมชนจะมีมาตรการตักเตือนในครงั้ แรก หากยงั พบซ้ำ จะดำเนินการจับส่งตำรวจหรือส่งเรื่องให้ตำรวจเข้ามาจัดการ “เราปกครองคนในชุมชนของเราแบบลูกหลาน เป็นญาติพี่น้องกัน เราไม่คิดว่าเขาเป็นคนอื่นแต่เขาคือคนในครอบครัวเรา ตัวผู้นำเองก็ช่วยเหลือเด็กที่ไม่มี ครอบครัวมากห็ ลายคน ทำมาตง้ั แตอ่ ดีตจนกระท่ังถึงปัจจุบัน ท้งั เดก็ ที่บ้านแตก เด็กทบี่ า้ นมีปัญหาหลากหลาย แล้วก็ให้ความช่วยเหลือมาไม่น้อย มันแปลว่าตรงนี้สามารถเป็นแนวทางในการป้องกัน/แก้ไขปัญหายาเสพติด ได้ม้ัย” (สนทนากล่มุ ชาวชุมชนบา้ นแบบ, 16 ธันวาคม 2562) นอกจากนี้การให้กำลงั ใจกนั ในการทำงานให้คดิ บวกเป็นเรื่องทีท่ ีมทำงานตอ้ งช่วยประคับประคองกัน เพราะการทำงานด้านยาเสพติดไม่ใชเ่ รื่องง่าย หากเริ่มทำได้แม้ว่าจะไมไ่ ด้ทัง้ หมดกถ็ ือเป้นผลบวกที่ดีกว่าไมไ่ ด้ ทำอะไรเลย “การทำงานกับผู้ที่ข้องเกี่ยวกับอย่างเสพติดสมมติมีจำนวนคนทั้งหมด 5 คน เราสามารถแก้ไข ปรับเปลี่ยนให้เขากลับตัวกลับใจได้อย่างน้อย 3 คน เรามองว่ามันประสบความสำเร็จแล้ว ถึงแม้อีก 2 คนจะ เกินเย่ยี วยากไ็ ม่เปน็ ไร” (สนทนากลุ่มชาวชมุ ชนบ้านแบบ, 16 ธันวาคม 2562) รู้จักบ้านตัวเอง และเป็นบ้านของเรา ชุมชนบ้านแบบเป็นชุมชนดั่งเดิม ดังนั้นสมาชิกชุมชนบางคน รจู้ กั ชมุ ชนตัวเองอย่างดี รู้ถงึ จุดเส่ยี งของพื้นที่ ทำให้การสอดส่องและการทำงานสามารถปิดช่องโหว่ หรอื ขจัด 26

พื้นที่เสี่ยงในชุมชนออกไปได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ความเป็นเจ้าของชุมชนส่งผลอย่างมากกับการสร้างความ ร่วมมือภายในชุมชน การเดินเวรยามก็ช่วยในการสอดส่องดูแล เพราะสามารถแก้ปัญหาได้เร็ว ตรงจุดดีกว่า การรอตำรวจหรือหน่วยงานภายนอกเมื่อชุมชนประสบปัญหาเร่งด่วน “การติดต่อประสานงานกับทางตำรวจ เวลาเกดิ เหตุ ตำรวจกม็ าลา่ ช้าไม่ทันผรู้ ้ายสกั ที” (สนทนากล่มุ ชาวชุมชนบ้านแบบ, 16 ธันวาคม 2562) ในการระดมความชว่ ยเหลอื สามารถผา่ นความสมั พันธ์ของทนุ ทางสงั คม ได้อย่างดี แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เป็นอีกหนึ่งกระบวนการทำงานของชุมชนบ้านแบบ เพราะความเชื่อในการ แก้ปัญหาที่ต้นเหตยุ ่อมหมายถึงการแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่าการตามแก้ไปไม่จบสิ้น การให้ความช่วยเหลือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงต้องเข้าไปค้นหาสาเหตุวา่ เกดิ จากอะไรแลว้ จึงเข้าไปสนับสนุนให้ความช่วยเหลือที่ ตรงน้ัน ซึ่งถ้าเป็นปญั หาครอบครัวที่ลกู ตดิ ยาอาจจะเกิดจากปญั หาต้นทางทแ่ี มก่ ็เป็นได้ “วิธกี ารเก่า ๆ ทเ่ี ราทำ ด้วยการเดนิ เวรยามตรวจตราดแู ลชุมชนมนั เป็นการแก้ไขปญั หาท่ปี ลายเหตุเทา่ นน้ั แตถ่ า้ จะให้แกป้ ัญหาจริง ๆ ควรแก้ปัญหาท่ีตน้ เหตุ จากประสบการณ์ทผ่ี า่ นมานั้น เราจะมองว่าถา้ สมมตมิ ีเด็กตดิ ยา เราจะมองวา่ ทำไมเด็ก คนนั้นถึงติด เราต้องหาสาเหตุ ถ้าสาเหตุมาจากครอบครัวแตกแยก เราก็ต้องมองว่ามันเกิดจากอะไรทำไม ครอบครัวถึงได้แตกแยก แล้วตัวเด็กเองมีส่วนเกี่ยวข้องยังไง ทำไมถึงต้องมาติดยา พอเรารู้ถึงปัญหาของเด็ก แล้ว สมมติเด็กคนนั้นพ่อแม่เลิกกัน พ่อไปทางแม่ไปทาง พ่อแม่แต่งงานใหม่ แม่ไปมีสามีใหม่แล้วมีลูกกับสามี ใหม่ทำให้เด็กโดนทิ้งคว้าง เด็กก็จะไปคบเพื่อน ถ้าเจอเพื่อนไม่ดีพากันไปในทางที่ไม่ดี เราจำเป็นต้องเริ่มมอง ปัญหาจากตรงนก้ี อ่ น” (สนทนากลุม่ ชาวชุมชนบ้านแบบ, 16 ธันวาคม 2562) การดึงทรัพยากรจากภายนอก ความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน ชุมชนได้ประสานงานกับสำนัก อนามัย กรุงเทพเพ่ือเข้ารบั การตรวจสขุ ภาพอย่างต่อเน่ือง หน่วยงานท่เี คยเข้ามารว่ มดำเนินกจิ กรรม เชน่ เขต, คสช., การไฟฟ้า, การเคหะ, ศูนย์บริการสาธารณสุข 14 แก้ว สีบุญเรือง และนักศึกษาพยาบาลจาก โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยที่เขา้ มาตดิ ตามผู้ปว่ ยติดเตียงในชุมชน เป็นต้น การบูรณาการงบประมาณ ที่ผ่านเข้ามาในชุมชน การบริหารจัดการงบประมาณในชมุ ชนใหส้ ามารถ ดำเนินการกิจกรรมหนึ่งแล้วสามารถเชื่อมโยงไปกิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันหรือต่อต้านยาเสพติดได้ ซ่ึง งบประมาณเหล่าน้สี ามารถนำมาจากงบประมาณประจำ หรืองบรายปที ห่ี นว่ ยงานตา่ ง ๆ ท้ังภาครฐั และเอกชน ให้การสนับสนุนชุมชน เช่น งบกองทุนแม่ของ ปปส. งบเยาวชนของ กสทช. งบจากภาคเอกชน และงบจาก ชมุ ชนไม่ว่าจะเปน็ ของผูน้ ำชมุ ชน หรือจากสมาชิกในชุมชน 27

28

บทเรยี นและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมชั ชาสุขภาพแหง่ ชาตคิ ร้ังท่ี 10 “ชมุ ชนเป็นศนู ยก์ ลางในการป้องกันและแก้ไขปญั หายาเสพติด” กรณี พ้ืนทกี่ รงุ เทพมหานคร: ชมุ ชนเฟ่อื งฟ้าวิลเลจ 1. ประวตั ิความเปน็ มา ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจเป็นชุมชนเล็ก ๆ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ซอยพระยาสุเรนทร์ 12 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวง บางชัน เขตคลองสามวา ซึ่งเป็นกลุ่มเขต 4 กลุ่มกรุงเทพตะวันออก ขอบเขตของชุมชนเป็นซอยยาวตนั สามารถขับรถเข้าหรือออกได้ทางเดียว มีครวั เรอื นทั้งหมด 176 ครัวเรือน ที่แตเ่ ดมิ เปน็ หมูบ่ ้านจัดสรร สมาชิก ในหมู่บ้านดูแลกันเอง หากมีกิจกรรมก็ทำการขอรับบริจาคจากสมาชิกในหมู่บ้านเป็นครั้ง ๆ ไป ต่อมาทราบ เรื่องของการขอจัดตั้งชุมชน สมาชิกในหมู่บ้านจึงได้ปรึกษาหารือกัน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด เพราะกลัวจะสกปรกแบบชุมชนคลองเตย แต่ก็ตกลงกันโดยใช้เสียงส่วนใหญ่และมองเห็นประโยชน์จากการ จัดตั้งเป็นชุมชน การเป็นชุมชนมีข้อแตกต่างกับหมู่บ้าน เพราะการเป็นชุมชนจะได้รับเงินอุดหนุนจาก หน่วยงานภาครัฐ กล่าวคือรัฐให้เงินสนับสนุนตามขนาดของชุมชน เช่น ในชุมชนที่มีครัวเรือนไม่เกิน 200 ครัวเรือน จะได้ 5,000 บาท หากมีครัวเรือน 200 ครัวเรือนขึ้นไป จะได้ 7,500 บาท และมีครัวเรือน 500 ครัวเรือนขึ้นไป จะได้ 10,000 บาท และในช่วงที่ชุมชนมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นงบของ กทม. ชุมชนจะ ได้รับเงินอุดหนุนจากหน่วยงานภาครัฐในส่วนนั้นด้วย ดังนั้น เมื่อสมาชิกในชุมชนลงมติร่วมกันว่าอยากจัดต้ัง ชุมชน โดยการลงชื่อ ทะเบียนบ้าน และมีการประชุมตกลงกัน ให้ความรู้กับสมาชิกในชุมชนในเรื่องของสิทธิ ประโยชน์ตา่ ง ๆ และการบริหารจัดการชุมชนยังเปน็ สิทธิ์ของสมาชิกในชมุ ชนเช่นเดิม และจะมีสำนักพัฒนาฯ กทม. เขตจะเข้ามาตรวจ กอ่ นทจ่ี ะจดั ต้งั เป็นชมุ ชนได้ มกี ารทำกจิ กรรม มีการประชาคมทุกอย่าง ตอ่ มา ชมุ ชน เฟื่องฟ้าวิลเลจจึงได้รับการประกาศเป็นชุมชนประเภทจัดสรร ที่จัดตั้งตามระเบียบกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2550 และได้รบั งบประมาณในการสนบั สนนุ การจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ในชมุ ชนตามระเบยี บของราชการ 2. ความเข้มแข็งของชมุ ชนในการบรหิ ารจดั การปญั หายาเสพติด 2.1 มาตรการการทำงานด้านยาเสพติด จากผลการดำเนนิ งานด้านยาเสพติดของชุมชนซ่ึงนำโดยประธานชุมชน ท่ีคนในชุมชนรู้จกั กันดีในนาม ของ “พี่นา” ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญในการจัดการปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในชุมชน รวมทั้งกระตุ้นให้คนใน ชมุ ชนไดเ้ หน็ ถงึ ความสำคัญของการรว่ มมือร่วมใจในการป้องกันปญั หายาเสพติด เห็นได้จากสถานการณ์ยาเสพ ติดในปัจจุบัน ของชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ (พ.ศ. 2562) ไม่พบผู้ค้าในชุมชน ส่วนผู้เสพนั้น ในกรณีที่เป็นยาบ้า ยาไอซ์ ก็ยังไม่พบ พบแค่เหล้า บุหรี่ และน้ำกระท่อม ส่วนกัญชานั้น ยังไม่ชัดเจนหรือเห็นซึ่งหน้าว่ามีคนเสพ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะมีคนสูบบุหรี่ ซึ่งถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต ประกอบกับช่วงเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ช่วงที่ทหารจะเข้ามามีการลงพื้นที่ จับยาเสพติดได้ 1 เม็ด เป็น

วัยรุ่น อายุประมาณ 20 ต้น ๆ และส่งไปรับการบำบัด แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว โดยช่วงนั้นท่ี คณะกรรมการชมุ ชนทำงานเฝา้ ระวังก็จะมีมาทหารอยตู่ ลอด แลว้ เขาจะร้วู ่าเราไม่ทำร้ายเดก็ เราจะใช้วิธีเจรจา เขาจะรู้วิธีการทำงานของชุมชน ทหารและตำรวจปัจจุบนั กลับพื้นที่แลว้ แต่จะมีตำรวจเข้ามาร่วมจัดกิจกรรม บ้าง ประกอบกับการที่มีการจัดตั้ง “ศูนย์เฝ้าระวังภัยและยาเสพติด ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ” ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ขน้ึ ทม่ี ีภารกิจในการเฝา้ ระวงั ภยั และประสานการแก้ไขปัญหาการแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ภายใน ชมุ ชนของตนจึงทำให้คณะกรรมการชุมชนควบคุมสถานการณย์ าเสพติดของชุมชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี การดำเนินงานของศูนย์เฝ้าระวังภัยและยาเสพติดของชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ ดำเนินการโดย คณะกรรมการชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ ที่มีประธานชุมชนเป็นผู้นำและมีการขับเคลื่อนการทำงานมาโดยตลอด ได้แก่ การทำงานด้านเฝ้าระวัง การจัดกิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับหน่วยงาน ภาคประชาสังคมต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งผลที่ได้จากการดำเนินงานอย่างเข้มแข็งของศูนย์เฝ้าระวังภัยและยาเสพติด ชุมชนเฟอื่ งฟ้าวิลเลจ นัน่ คอื การทช่ี มุ ชนปลอดภยั จากปัญหายาเสพตดิ ท้ังในด้านการมผี ู้เสพและผู้ขาย รวมถึง การไดร้ ับรางวัลจากหน่วยงานราชการอยา่ งต่อเนอ่ื ง ความเขม้ แข็งของการดำเนินงานดา้ นยาเสพตดิ ของคณะกรรมการคณะกรรมการชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ ส่งผลให้ชุมชนไดร้ บั รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ด้านชุมชนร่วมใจระวังภัยยาเสพติด ประเภทดีเด่น จากการ ประกวดผลงานชมรม TO BE NUMBER ONE ในชุมชนกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2562 เนื่องจาก สามารถสรา้ งความเข้มแขง็ ในการรวมตวั ของเยาวชน เพอื่ ดำเนนิ กิจกรรมสร้างสรรค์ ตามแนวคิด “โดยเยาวชน เพื่อเยาวชน” และสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทางด้านจติ ใจ รวมทั้งการสรา้ งและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติด 2.2 ปัจจยั ผลักดัน/สนับสนนุ ให้สำเร็จ 1) ความเขม้ แข็งในการดำเนินงานศนู ยเ์ ฝ้าระวังภยั และยาเสพตดิ ของชมุ ชนเฟอื่ งฟ้าวลิ เลจ จุดเริ่มต้นของศูนย์เฝ้าระวังภัยและยาเสพติดของชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ คือ เดิมทีชุมชนได้จัดตั้งศูนย์ เฝ้าระวัง ฯ อยู่แล้วที่ทำร่วมกับ สน.บางชัน ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2559 ต่อมาภาครัฐมีนโยบายให้ทาง กรุงเทพมหานครได้มีโครงการอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยและยาเสพติดที่มีเป้าหมายของโครงการให้มีการ จัดต้ัง ศูนย์เฝ้าระวังภัยและยาเสพติดในชุมชนของทุกเขตของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สอดคลองกับกรอบแผน ยุทธศาสตร์ การป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติด พ.ศ. 2558-2562 ยุทธศาสตร์ การมีส่วนรว่ มภาคประชาชน โดยมภี ารกจิ เฝ้าระวงั ภัยต่าง ๆ ในชมุ ชน เฝ้าระวังและปอ้ งกนั อาชญากรรมและการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในชุมชน และสถานศึกษารอบชุมชน ค้นหาและชักจูงผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดให้เข้ารับการบำบัดรักษาใน ระบบสมัครใจ ติดตาม ดูแล และช่วยเหลือผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษา ติดตามข้อมูล ข่าวสารทอ่ี าจเปน็ ภยั ตอ่ ความมนั่ คงของรฐั และแจง้ เหตุต่าง ๆ ไปยงั ผ้ปู ระสานงานของสำนักงานเขต รวมท้ังให้ ความรู้ และประชาสมั พันธ์ขอ้ มูลขา่ วสารของทางราชการ 30

ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจได้ถูกคัดเลือก เป็นชุมชนที่ตั้งศูนย์เฝ้าระวังภัย ฯ แห่งแรกของเขตคลองสามวา เมื่อ 26 สิงหาคม 2559 แม้ว่าเป็นชุมชนขนาดเล็ก ไม่ใช่ชุมชนใหญ่ แต่ชุมชนมีความพร้อม เนื่องจากมี ประสบการณ์การดำเนินงานศูนย์เฝ้าระวังภัยรว่ มกับ สน.บางชันมาก่อนแล้ว จากนั้น ทางชุมชนจงึ ดำเนนิ การ จัดประชุมคณะกรรมการชุมชน ฯ ขึ้น ให้มีการมานั่งประจำศูนย์เฝ้าระวังภัยฯ ในทุกวัน ซึ่งในอดีต คณะกรรมการชมุ ชน ฯ ท่มี าน่ังสว่ นใหญจ่ ะเปน็ ผชู้ าย ตอ่ มาผ้ชู ายต่างมภี าระงานจึงไมส่ ามารถมาปฏิบัติงานได้ ตลอด จึงมาได้เฉพาะในเวลาที่สะดวก ทั้งนี้ ปัจจุบัน กรรมการชุมชน ฯ ที่มานั่งประจำศูนย์เฝ้าระวังภัยฯ จึง เป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด โดยคณะกรรมการชุมชนจะมานั่งที่ศูนย์เฝ้าระวังภัยฯ เฉพาะในเวลากลางคืน หมนุ เวียนสับเปล่ยี นกนั ไปอยา่ งต่อเน่ือง ไม่มีวันหยดุ ตั้งแตเ่ วลา 20.00-23.00 น. หลังจากนัน้ ได้ทำการเปิดไฟ ไว้ในตอนกลางคืน และมีกล้องวงจรปิดสำหรับดูความเคลื่อนไหว แบบ Realtime ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ขอ้ มลู ได้ โดยการอยูเ่ วรที่ศูนยเ์ ฝ้าระวังภัยฯ จะไม่มีการจัดเวรแบบเฉพาะเจาะจงว่าใครต้องมาวันไหน แต่จะมี ประธานชุมชนมาน่ังอยู่ประจำเป็นตวั หลัก เน่อื งจากบ้านของประธานชุมชนอยู่ใกลเ้ คียงกับศูนย์เฝ้าระวัง ก็จะ มาเฝ้าเวรยามได้ตลอด ส่วนกรรมการคนอื่นก็จะสลับกันมาตามความสะดวกซึ่งการบริหารจัดการในเรื่องการ มาเฝ้าศูนย์เฝ้าระวังภัย ฯ แบบนี้ จะทำสมาชิกในชุมชนไม่ได้มองว่าการอยู่เวรที่ศูนย์เฝ้าระวังภัย ฯ เป็นงาน อยา่ งหน่ึง แตม่ องวา่ การอยู่เวรท่ีศูนย์เฝา้ ระวงั ภยั ฯ คอื การมาน่งั พูดคุยและเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ ในชุมชน มา ช่วยกนั ดแู ลชมุ ชน จากการที่ในทุกวันจะมีคนมาอยู่ประจำศูนยเ์ ฝ้าระวงั ภัย ฯ ก็จะชว่ ยทำใหส้ มาชิกในชุมชนเหน็ ว่า หาก สมาชกิ ในชมุ ชนมีปัญหาจะมาปรึกษา พดู คยุ กบั ประธานชมุ ชนหรือสมาชิกคนอ่ืน ๆ ท่ศี ูนย์เฝ้าระวังหรือโทรมา บอกเล่าให้ฟัง และทางชุมชนจะมีการประชาสัมพันธ์ถึงสมาชิกในชุมชน หากสมาชิกในชุมชนคนใด อยากมี ส่วนร่วมหรือเข้ามานั่งพูดคุยเป็นกำลังใจให้ก็สามารถมาได้ ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ การไม่พบผู้เสพ และผู้ค้า ใน ชุมชน อย่างไรก็ตาม ท่รี ะบุเช่นนี้ เนื่องจากเง่อื นไขของ สำนกั งาน ป.ป.ส. จะตอ้ งรูโ้ ดยชดั แจง้ ถึงพฤติกรรมการ เสพหรือการค้า ซึ่งผู้เสพยาเสพติดจะต้องมีประวัติในการถูกจับกุมมา หากชุมชนระบุตัวตนและพฤติการณ์ ไม่ได้ ไม่มีข้อมูล จะไม่ถือว่าเขาเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อใดที่สามารถสืบสภาพว่าเก่ียวข้องกับยา เสพตดิ จึงจะสามารถบนั ทกึ ข้อมูลระบบกบั ทาง ปปส. ได้ แต่ถ้ากล่าวหาลอย ๆ ก็ไม่สามารถระบไุ ด้ ทั้งนี้ ชุมชนได้เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดศูนย์เฝ้าระวังภัย ฯ และได้รางวัล ประกวดครั้งแรกได้รับ รางวัลชมเชย ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท ประกวดครั้งที่ 2 ได้รับรางวัลชนะเลิศที่ 1 ได้เงินรางวัล 50,000 บาท เป็นการประกวดภาพรวมของเขตฯ ที่จัดกิจกรรมเรื่องยาเสพติด ส่วนในครั้งล่าสุดทางชุมชนได้เข้าร่วม ประกวดเมื่อปีที่แล้ว ได้ที่ 3 เพราะประกวดเฉพาะเรื่องของชุมชนอย่างเดียว และในการทำงานของศูนย์เฝ้า ระวังภัย ฯ จะเป็นการทำงานกนั ดว้ ยความรว่ มมือของสมาชิกในชุมชนท่ีทำกจิ กรรมรว่ มกันกับนักพัฒนาสังคม 2 คน ทีม่ าจากฝา่ ยปกครอง เข้ามามสี ่วนในเร่ืองของการเป็นพเ่ี ลยี้ ง ชว่ ยดขู ้อมลู ช่วยให้คำแนะนำของกองทุน แม่ เรื่องของยาเสพตดิ อน่ื ๆ 31

2) การจัดกจิ กรรมด้านการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หายาเสพติดในชุมชน ในอดีต ก่อนมีการตั้งศูนย์เฝ้าระวังภัยและยาเสพติดของชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจนั้น ทางคณะกรรมการ ชมุ ชนกเ็ คยพบว่าคนทม่ี าอาศยั อยู่ในชมุ ชนบางคนมีพฤติกรรมไม่นา่ ไวว้ างในเรื่องของการสง่ ยาเสพติด แตย่ ังไม่ เห็นเป็นพฤติกรรมที่ชัดเจน แต่หลังการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวัง ฯ คนที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยแบบนี้ก็ออกไปจาก ชุมชนทั้งหมด นัน่ อาจเป็นเพราะการจัดกิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชนมีการจัด อยา่ งตอ่ เนอื่ งซึง่ สมาชกิ ในชุมชนมีความเชอื่ ว่าส่งิ ท่ที ำหรือกจิ กรรมต่าง ๆ ท่จี ดั ขนึ้ เปน็ การกดดันกลุ่มบุคคลที่มี พฤติกรรมต้องสงสัยเหลา่ น้ี เพราะเวลาทำกิจกรรม ต้องมีการทำกิจกรรมกับทหาร ตำรวจ หรือการรณรงค์ยา เสพติด จะมีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายตลอด ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงปิดภาคเรยี น มีวัยรุ่นภายนอกเข้า- ออกชมุ ชนเปน็ จำนวนมาก ถ้าหากใครพบเหน็ ความไมป่ กติ สามารถแจง้ ไดท้ ี่ประธานชุมชน หรอื สามารถแจ้งที่ สายด่วน สน.บางชัน และแสดงเบอรต์ ดิ ตอ่ ไวช้ ดั แจ้ง การบริหารจัดการปัญหายาเสพติดของชุมชนเฟื่องฟ้านั้น เน้นวิธีการป้องกันยาเสพติด การใช้วิธีการ จัดกิจกรรมร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ด้วยเห็นว่า หากไม่ทำการป้องกัน อาจจะมีปัญหาเรื่อง ยาเสพติดเกิดข้ึนได้ เพราะในชุมชนมีสมาชิกที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจากพฤตกิ รรมเดมิ อยู่ และถ้าจะให้ชุมชนเน้นดา้ น การปราบปรามยาเสพติดคงเป็นไปได้ยาก สิ่งที่ชุมชนทำได้คือการป้องกัน อีกทั้ง หากชุมชนทำการป้องกัน ปัญหายาเสพติดได้เป็นอย่างดี ประเทศก็จะใช้งบประมาณในการแก้ไขน้อยลง ดังนั้น ในชุมชนจึงเน้นในเรื่อง ของการนั่งคุย การปรึกษาเมื่อมีปัญหา ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ ก็จะทำการส่งต่อให้บุคคลที่มี อำนาจในการจัดการต่อไป ในการทำกิจกรรมเกี่ยวกับยาเสพติดของชุมชน ทางคณะกรรมชุมชน ฯ พยายามนำเด็กในชุมชนเข้า มาทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น และสอดแทรกเรื่องของยาเสพติดเข้าไปด้วย พยายามให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วม โดย การทำกิจกรรมสังคม เป็นจิตอาสา ซึ่งเด็ก ๆ มีความน่ารัก มีความรับผิดชอบ จากที่เด็กไม่เคยทำกิจกรรม ชุมชน ไม่เคยทำกิจกรรมส่วนรวม ก็ถูกฝึกให้ได้ทำจนเกิดการพฒั นาตัวเอง เขามาฝึกอย่างนี้ พัฒนาไปได้เยอะ ด้วยเหตุนี้ เด็กในชุมชนส่วนใหญ่จึงเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของชมรม To be Number One ร่วม คิด ร่วมทำกิจกรรมจนได้ได้รับรางวัลระดับกรุงเทพมหานคร และมีโอกาสได้เข้าไปแข่งขันในระดับประเทศ โดยมเี จ้าหน้าทข่ี องเขตคลองสามวา อย่ใู นส่วนฝา่ ยพัฒนาชมุ ชน เขาจะเป็นแผนกทด่ี ูแลชมุ ชน มาช่วยดแู ลเป็น พเี่ ล้ยี ง รวมถงึ ทาง สำนกั งาน ป.ป.ส. กไ็ ดส้ ่งเจ้าหน้าทมี่ าชว่ ยดแู ลสนบั สนนุ การจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ 3) ผ้นู ำชมุ ชนเขม้ แข็ง ในชมุ ชนเฟื่องฟ้าวลิ เลจ จดั ไดว้ ่ามีประธานชุมชนท่ีมีความทุ่มเทในการทำงาน และเป็นผู้นำที่เสียสละ แม้ว่าจะเปน็ ผ้หู ญิง โดยจะมบี ทบาทเป็นหัวหนา้ ชุมชนดแู ลทุกเร่ืองในชมุ ชน และในเรือ่ งของยาเสพติดมีหน้าที่ สำคัญ คือ การเข้าถึงผู้เกี่ยวข้อง ประสาน โน้มน้าว เป็นแกนนำในการอยู่ประจำศูนย์เฝ้าระวังในทุกวันไม่เคย หยุด หากไม่มธี รุ ะจำเปน็ อ่ืน 32

4) มเี ครอื ข่ายในการทำงานรว่ มกนั ทางชมุ ชนเฟอื่ งฟา้ วลิ เลจมีการจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ของชุมชนอย่างต่อเนือ่ ง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของ คนในชุมชนในหลาย ๆ ด้าน เพราะคณะกรรมการชุมชนเชื่อว่าการที่คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะทำให้ ชุมชนห่างไกลยาเสพติดนอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากบุคคลและหน่วยงานภายนอกที่หลากหลาย โดย แต่ละบุคคลและหน่วยงานมีบทบาทต่อชุมชนที่แตกต่างกันไป เช่น สถานีตำรวจ (สายตรวจ กิจกรรมด้านยา เสพตดิ ) ศนู ย์บรกิ ารสาธารณสุข 64 (ให้ความรเู้ รื่องยาเสพติด อบรมให้ความรู้กับอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. เพื่อช่วยกันดูแล) สำนักงานเขต (มาทำโครงการบ้านสีขาว) สำนักงาน ปปส กทม. (กองทุนแม่ฯ) ฯลฯ แต่หน่วยงานเอกชนตา่ ง ๆ จะยงั ไมค่ ่อยมเี ขา้ มา 5) การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการดำเนนิ งานของชมุ ชน หลายอย่าง เช่น การจัดทำสนามเดก็ เล่นในชุมชน ซึ่งเดิมเป็นท่ีรกรา้ ง มีต้นไม้ ก็ช่วยกันถาง ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมา ทำกันเองเน่ืองจากตอนนั้นงบประมาณทีม่ ีกย็ งั น้อย จึงใช้กิจกรรมวันพ่อ วันแม่หรือวันสำคัญอื่น ๆ มาช่วยดึงคนให้มามีส่วนร่วน หรือในบางครั้งที่มีการจัด อบรมเก่ียวกับเรือ่ งยาเสพตดิ ของหนว่ ยงานอื่น ๆ คนในชุมชนกจ็ ะเขา้ ไปร่วมกิจกรรมนนั้ ตัวอย่างเช่น กิจกรรม ของชมรม To be Number One ชุมชนก็จะมที ำกิจกรรมตรงนี้ และจะฝกึ เดก็ ให้เป็นวิทยากรของชุมชน เวลา มีการทำกิจกรรมอะไร ให้เด็กเริ่มสื่อสารกันเอง เวลาไปประกวด To be Number One จะต้องฝึกพูด กับ ประธานชุมชน จัดทำสคริปต์สอนเด็ก เพราะว่าทาง To be Number One จะบอกว่าวัตถุประสงค์ มีหัวข้อ อะไรบ้างที่จะได้คะแนน ชุมชนก็มาดูว่าอันไหนที่เรายังไม่ทำเราก็เสริมให้ตรงตามข้อบังคับของโครงการ แล้ว เราก็เอาส่วนน้นั มาเขียน เดก็ ๆ เรยี นร้ไู ดเ้ รว็ หรือเวลาทำกิจกรรมอ่นื ๆ ทกุ คนก็พร้อมใจกัน เวลาเรยี กสมาชิก ชุมชนมา ซึ่งถ้าไม่ใช่เรื่องซีเรียสก็จะไม่ระดมคน ใช้วิธีประชาสัมพันธ์เสียงตามสายและบอกต่อ ๆ ว่าวันนี้มี กิจกรรมนี้ ถ้าใครสะดวกมาก็มา ก็จะได้คนเข้าร่วมประมาณ 20-30 คน แต่ถ้าต้องการคนที่เป็นจำนวนมาก เมอ่ื ไหร่ กจ็ ะขอความรว่ มมือสมาชิกในชุมชนก็จะมากันเกือบหมดเท่าท่จี ะมาได้ 6) การรว่ มมือกนั ระหว่างเดก็ กับผใู้ หญ่ ในชุมชนจะมีผู้นำชุมชนผู้ใหญ่และผู้นำชุมชนเด็กซึ่งจะประสานความร่วมมือกัน โดยผู้นำชุมชนเดก็ ก็ จะให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับพฤติกรรมต้องสงสัยของเด็กคนอื่น ๆ ซึ่งเมื่อคณะกรรมการชุมชนได้ ข้อมูลมา สิ่งที่สำคัญก็คือ บางทีเราเห็นเด็กมีพฤติกรรมไม่ดี เขาไม่ใช่ลูกหลานเรา แต่ถ้าเราสามารถดึงเขา ขึ้นมาได้ ชุมชนเราก็ไม่มีปัญหา แล้วเราก็จะได้บุญ คือดึงเท่าที่เราดึงได้ คือถ้าสมมติว่าถ้าเขากลับได้ ก็คือ ทรพั ยากรท่ีสำคัญ แตถ่ า้ เขากลับไม่ได้ ก็คือสิ่งท่ีเราจะต้องเหน่ือย เราก็จะนัง่ คยุ น่ังเปดิ ใจ แต่ประเด็นคือจะไม่ ใช้คำไม่สุภาพกับเด็ก ยกเว้นเล่นกัน แต่จะไม่ด่าเด็ก ไม่ใช้คำหยาบกับเด็ก ถ้าเด็กในชุมชนนี้จะไม่ดุมาก ถ้า เด็กนอกชุมชนถึงจะดุ เพราะมองว่าคนข้างนอกจะมาทำให้คนข้างในเสีย หรือมาเป็นตัวอย่างให้กับคนข้างใน ไมไ่ ด้ อันนีจ้ ะแตกตา่ ง แต่อย่างไรกต็ าม ช่วง 3-4 ปนี ้ีก็ยงั ไมม่ อ่ี ะไรท่ีรุนแรง เพราะถา้ ตราบใดทเี่ รายังคุยกับเขา ได้ เท่ากับเหมือนเรายงั ควบคุมเขาได้ แต่ถ้าเราคุยกับเขาไม่ได้ แสดงวา่ เราควบคุมเขาไม่ได้ 33

ในการทำงานกับเด็กจะเน้นที่การป้องกัน เพราะการป้องกันมันง่ายกว่าปราบปราม และต้องไม่ได้ใช้ วิธีการรุนแรง ใช้วิธีการพูดคุย การค่อย ๆ เจรจา การพยายามดึงเขาเข้ามาร่วมกิจกรรม แต่ในการพามาร่วม กิจกรรมก็ไม่ให้มีเรื่องของการบังคับ เพราะหากบังคับมา พอมาแล้วจบก็ไม่มีประโยชน์ แต่จะต้องค่อย ๆ พูดคุย ตัวอย่างเช่น การทำกิจกรรม To be Number One กับเขา พอการที่เด็กกลุ่มนี้มาอยู่กับเรา เรา พยายามบอกเขาว่าต้องตรงเวลา เหมือนได้คุยได้ฝึกเขาไป สร้างให้เขามีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น การที่เราดึง เขามาอยู่ใกล้ ๆ เรา เราพูดกบั เขา ดีกวา่ ทีผ่ ลักเขาออกไป แล้วพยายามสอนใหร้ ู้ ใหเ้ ขา้ ใจ ก็จะสอน คุยเล่นกับ เขาไปเร่อื ย พยายามดึงและผลักดนั ใหเ้ ขาเปน็ ผนู้ ำ พอเขาเป็นประธาน เป็นเลขา พยายามสง่ งานใหเ้ ขา ให้เขา ดึงน้องเขา้ กลมุ่ และให้เขาเดนิ ไปบอกไปพดู คุย แนะนำนอ้ ง ๆ 2.3 ปัจจยั ทเ่ี ปน็ อุปสรรคใน/ขดั ขวางความสำเร็จ 1) เศรษฐฐานะของคนในชุมชน คนในชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจส่วนใหญ่ มีฐานะปานกลาง และบางส่วนก็ยากจน ทำให้เด็กในชุมชนนี้ ไมม่ ีโอกาสได้เรียนหนังสือครบทุกคน เพราะทางบ้านมีปญั หา ผปู้ กครองไม่ได้ช่วยเฝ้าระวังในพฤติกรรมต่าง ๆ ของเดก็ เน่ืองจากไมม่ ีเวลาต้องทำมาหากิน เพราะฉะน้นั ในเร่ืองของการดูแลบุตรหลานอาจจะไม่มีความพร้อม ทำให้เด็กบางส่วนอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่ได้ไปถึงขั้นใช้ยาเสพติดที่ออกฤทธิ์รุนแรง เท่าที่รู้มาก็ อาจมบี ้างที่จะใช้บุหร่ี หรือกระท่อม ส่วนกัญชายังไม่ทราบวา่ มหี รือไม่ อย่างไรกต็ ามกม็ ีการเฝ้าระวังกันมาโดย ตลอด 2) การทำงานท่ีขับเคล่อื นโดยประธานชมุ ชนเปน็ หลกั แมว้ ่าชุมชนเฟ่อื งฟ้าวิลเลจจะมีประธานชุมชนเปน็ ผ้นู ำท่ดี แี ละเสยี สละ แต่ยังขาดคนท่ีจะมาทำงาน แทนได้อย่างเข้มแข็ง หากในอนาคตประธานคนปัจจุบันไม่ได้ทำต่อ ก็เป็นเรื่องที่ยงั นา่ กงั วลใจ ซึ่งในประเด็นน้ี ประธานชุมชนมองวา่ การจะพัฒนาคนอื่น ขึ้นมาทำงานต่อจากตนเองนัน้ เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ทำได้ค่อนข้างยาก เหมือนกัน เพราะต้องเสียสละตนเองมาก แต่ทุกคนก็ยังตนประกอบอาชีพของตน เพื่อหารายได้มาเลี้ยง ครอบครวั กอ่ นทีจ่ ะทำงานเพ่ือสังคม ซงึ่ ณ ตอนน้ีศนู ยเ์ ฝ้าระวงั ภยั ฯ ในชุมชนก็ช่วยในเร่ืองการป้องกันยาเสพ ติดได้เป็นอย่างดี แต่ในอนาคตถ้าไม่มีศูนย์หรือไม่มีตนเองแล้วก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ายาเสพติดจะกลับมา ไหม อย่างไรก็ตาม ประธานชุมชนมีความเชื่อว่า ชุมชนจะเฝ้าระวังกันได้ดีต่อไป และเด็กในปัจจุบัน ก็มี พฤตกิ รรมท่ดี ี นา่ จะโตไปเป็นผ้ใู หญท่ ดี่ ีได้ 3. มตสิ มัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ ประธานชุมชนรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมติสมัชชชาสุขภาพแห่งชาติ เพราะได้เคยไปมีส่วนร่วมในการ ร่างมติ แต่เม่อื มติออกมาก็ยังไม่เข้าใจเท่าที่ควร ไมแ่ นใ่ จว่าขนั้ ตอนในการทำโครงการเพื่อเสนอของบประมาณ ตอ้ งทำอยา่ งไรบ้าง มขี อ้ กำหนดอะไร และทางชมุ ชนจะทำไดไ้ หม รวมถงึ ตอ้ งประสานงานกบั ใครบ้าง เพราะไม่ 34

รู้ว่าจะมีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลอื ให้ข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ชุมชนก็ดำเนินงานมาต่อเนื่องอยู่ แลว้ ก่อนทจี่ ะมมี ติสมัชชาออกมา ซึ่งกไ็ มม่ ีผลใหท้ ำงานเพม่ิ ขน้ึ หรอื น้อยลง ข้อเสนอแนะในประเด็นนี้ น่าจะเป็นในเรื่องของการที่มีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ความรวู้ า่ จะต้องดำเนินการอยา่ งไรตอ่ ไป ซ่ึงถ้าหากทำได้ กิจกรรมทต่ี อ้ งการจะขบั เคล่ือน คือ การพากรรมการ ชมุ ชน อาสาสมคั รเฝ้าระวงั ภยั ยาเสพติด ไปเรยี นรจู้ ริง ๆ เกีย่ วกบั ยาเสพตดิ เช่น การพาไปดูงานที่โรงพยาบาล ธัญญารักษ์ เพื่อให้รู้ว่าคนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นอย่างไร เพราะเราทำกิจกรรมแบบนี้เราควรจะรู้ขั้นตอน เราจะไดเ้ ข้าใจ จะไดม้ าถ่ายทอดใหค้ นอืน่ ๆ ในชุมชนได้อยา่ งถกู ต้องต่อไป 35

36

บทเรยี นและพัฒนากลไกการขบั เคล่อื นมติสมชั ชาสขุ ภาพแห่งชาติ ครง้ั ท่ี 10 “ชมุ ชนเปน็ ศนู ย์กลางในการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ” กรณี พนื้ ทกี่ รงุ เทพมหานคร : ชมุ ชนสะพานปนู 1. ประวตั ิความเปน็ มา “ชุมชนสะพานปูน” ชุมชนสะพานปูน ตั้งอยู่ในตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมืองซึ่งเป็นกลุ่ม เขต 3. กลุ่มกรุงเทพเหนือ ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงสำนักงานเขตดอนเมือง โดยในอดีตเป็นชุมชนเล็ก ๆ คนใน ชุมชนดงั้ เดิมเปน็ ขา้ ราชการและลูกจ้างของกองทัพอากาศท่ีต่อมาย้ายออกไป และกองทพั อากาศยกที่ดินให้กับ ราชพัสดุ จากนั้นจึงมีคนกลุ่มใหม่ย้ายเข้ามาซึ่งส่วนใหญ่เป็นผูม้ ีรายได้น้อย ประกอบอาชีพรับจ้างค้าขาย และ ใช้แรงงาน มีกลมุ่ แรงต่างดา้ ว เชน่ แมว้ แดง โดยต่อมาไดร้ ับการประกาศเป็นชุมชนประเภทแออัด ท่ีจัดต้ังตาม ระเบียบกรงุ เทพมหานครเม่ือวันท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ.2540 มจี ำนวนครวั เรือนทั้งหมด 156 ครัวเรือน โดยมีบ้าน จำนวน 135 หลัง มีประชากรประมาณเจด็ ร้อยกว่าคน ที่ตั้งของชุมชนสะพานปูนเป็นเสมือนไข่แดงที่ถูกโอบล้อมด้วย 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนเปรมประชากร 3 ชมุ ชนเปรมประชากร 4 และชุมชนปู่เจ้าสมงิ พรายซ่งึ ลักษณะทางกายภาพของชุมชนสะพานปนู ทเ่ี ปน็ เช่นนีจ้ ึงมีผล ให้การเข้าถึงชุมชนเองก็ทำได้ยาก และส่งผลให้การควบคุมปัญหายาเสพติดค่อนข้างทำได้ยากเช่นกัน เพราะการ กระจายของยาเสพติดสามารถเข้ามาได้จากทุกชมุ ชนทโี่ อบล้อม อกี ทัง้ การท่ีมปี ระชากรแฝงเยอะ เพราะคนดั้งเดิม ย้ายออกไปและทำห้องให้คนมาเช่า อย่างไรก็ตาม เห็นได้ว่าปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน (พ.ศ.2563) ก็เบาบางลง เนื่องจากผลการดำเนินงานของคุณยุพิน ที่เป็นประธานชุมชนมาเป็นระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ช่วงที่มีสถานการณ์ รุนแรง จนถึงต้นปี พ.ศ. 2563 และถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้คุณยุพินได้ลาออกจากการเป็นประธานชุมชน แต่ก็ยังคงมี โอกาสทำงานดา้ นการป้องกันยาเสพตดิ ร่วมกับ สำนักงาน ปปส. กทม. อย่างตอ่ เนือ่ ง 2. ความเขม้ แขง็ ของชุมชนในการบรหิ ารจดั การปัญหายาเสพติด 2.1 มาตรการการทำงานด้านยาเสพตดิ ชุมชนสะพานปูน ก่อนหน้านี้นั้นเคยเป็นชุมชนที่ติด 1 ใน 5 พื้นที่เฝ้าระวังยาเสพติดสูงสุดของ กรงุ เทพมหานคร เมอื่ ปี พ.ศ. 2556 มสี ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของยาเสพติดท่ีรุนแรง ประชาชนและเยาวชนใน ชมุ ชนจำนวนไมน่ ้อยมีพฤติกรรมเกีย่ วข้องกบั ยาเสพติด ทง้ั เป็นผสู้ ง่ ยาเสพติด (เดก็ เดนิ ยา) ผู้เสพ และผู้ค้าราย ย่อย และมีความเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้แต่ประธานชุมชนในตอน น้ัน (คุณยุพิน จันทร์แจ่ม) ยังรู้สึกหวาดระแวงในการที่จะเข้ามาดำเนินกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ของชุมชน แต่ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนสะพานปูนเบาบางลงมากซึ่งเกิดจากการ ร่วมมือกันหลายฝ่าย ทั้งทีมคณะกรรมการชุมชนเอง และหน่วยงานภาคีท่ีเข้ามาเกี่ยวชอ้ ง มีการจัดตัง้ ศนู ย์เฝา้ ระวงั ภัยและยาเสพตดิ เขตดอนเมือง ณ ท่ที ำการชมุ ชนสะพานปนู ในวนั ที่ 4 กรกฎาคม 2560 โดยสง่ิ ทส่ี ะท้อน

การดำเนนิ งานของชุมชนสะพานปนู ว่าประสบผลสำเรจ็ ไปในทิศทางทดี่ ีน้ันเหน็ ไดจ้ ากการไดร้ ับรางวัลชนะเลิศ ชมุ ชนรว่ มใจระวงั ภยั ยาเสพตดิ พ.ศ. 2559 2.2 ปจั จัยผลกั ดนั /สนับสนนุ ให้สำเร็จ 1) มเี ครอื ข่ายในการทำงานร่วมกัน การดำเนินงานด้านการจัดการปัญหายาเสพติดชุมชนสะพานปูน ที่นำโดยคุณยุพินซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมุ ชน ไดร้ ่วมมอื กับหนว่ ยงานภาคีต่าง ๆ ในพน้ื ที่ ได้แก่ ศพส. เขตดอนเมอื ง ตำรวจ ทหาร ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 และสำนักงาน ปปส. กทม. จัดทำข้อมูลพื้นฐานชุมชน (ข้อมูลโครงสร้าง พื้นฐานทางกายภาพของชุมชน ข้อมูลผู้ค้า ผู้เสพ กลุ่มเสี่ยงยาเสพติด สถานที่เสี่ยง แหล่งมั่วสุม ฯลฯ) และ จัดทำแผนปฏิบัติการ โดยทางภาครัฐจะดำเนินการในดา้ นปราบปราม คือ มีปฏิบัติการปิดล้อม X-Ray เชิงรุก หยุดการแพร่ระบาดพื้นที่เฝ้าระวังสงู สุด มีการตรวจคน้ ตั้งจุดตรวจ จับกุมผู้ค้าทัง้ รายใหญ่ รายย่อย จับตาผู้มี อิทธิพลในชุมชน กระบวนการคดั แยกผู้มีพฤติกรรมเก่ียวข้องกับยาเสพติด ทำให้พบผู้มพี ฤติการณ์ค้ายาเสพติด และถูกจบั กุมดำเนินคดี และคัดกรองเพื่อนำผ้เู สพเข้าสกู่ ระบวนการบำบัดรกั ษา ส่วนการดำเนินงานทางฝ่ายชุมชนเอง คุณยุพิน ก็ได้จัดทำ “โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายา เสพติดชุมชนสะพานปูน” ขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายให้คนในชุมชนตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด สร้างแกนนำ เยาวชน สรา้ งรายไดใ้ หผ้ ูว้ า่ งงาน ดงึ เยาวชนกล่มุ เสีย่ ง ท่ีมกั รวมกลุ่มม่ัวสุมเสพยาเสพตดิ ใหเ้ ขา้ มาชว่ ยเหลืองาน ในชุมชน อบรมให้ความรู้สรา้ งภูมิคุ้มกันยาเสพติด ส่งเสริมด้านการกีฬา และสนับสนุนใหศ้ ึกษาต่อ กศน. โดย ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงาน ปปส. กทม. ทั้งในด้านงบประมาณ และบุคลากรที่มาให้ความรู้ รวมถึงมี เจา้ หน้าทจี่ ากทางเขตดอนเมืองเข้าชว่ ยใหค้ ำปรึกษาในการดำเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของโครงการ นอกจากหน่วยงานภาครัฐแล้ว ทางชุมชนก็ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชนในเวลาที่จดั กิจกรรมต่าง ๆ เช่น สำนักงาน ปตท.ช่วยสนับสนุนในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม ของขวัญให้เด็กที่มาร่วม กจิ กรรม 2) การจัดกิจกรรมดา้ นการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชมุ ชน ชุมชนมีการจัด“กิจกรรมสะพานปูนร่วมใจต้านภัยยาเสพติด” ที่เน้นการรณรงค์ให้คนในชุมชน ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด สร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่ชมุ ชนและผู้ปกครองในการสง่ บุตรหลานทีเ่ สพยา เสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา และดูแลเฝ้าระวังเมื่อกลับสู่ชุมชน โดยมีการร่วมมือกันกับชุมชนข้างเคียง สถาบนั การศกึ ษาข้างเคียงมาเข้า หนว่ ยงานภาคี รว่ มจัดกิจกรรม นอกจากนี้ ยงั มีหลายกจิ กรรมท่ชี ว่ ยลดความ เสี่ยงต่อปัญหายาเสพติดให้กับเด็กและเยาวชน โดยดึงเด็กที่มีความเสีย่ งมาเขา้ รว่ มกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชุมชนจดั ขึน้ ดงั ตวั อยา่ งเช่น - กิจกรรม “สะพานปูนฟุตซอลต้านภัยยาเสพติด” ที่มีเป้าหมายในการดึงเด็กและเยาวชนให้ มาทำกิจกรรมที่เปน็ ประโยชน์ ลดการม่ัวสุม ลดพ้นื ท่เี ส่ยี ง ซึ่งเริ่มจากเด็กและเยาวชนก่อน ที่พวกเป็นลูกหลาน 38

ของคนค้ายาเสพติดในชุมชนแล้วเขาให้เด็กทำหน้าที่ส่งยาเสพติด ชุมชนก็เอาเด็กมาเล่นกีฬา โดยมีสำนักงาน ปปส.กทม.รว่ มกับ เขตดอนเมืองเป็นผสู้ นับสนนุ โดยมกี ารอบรมการเล่นกีฬาฟตุ ซอล จัดแขง่ กีฬาฟุตซอลให้กับ เด็กและเยาวชนในพื้นที่ ซ่งึ ตอ่ มาแม้ไม่ไดร้ ับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐแต่ก็ยังคงมีความเน่ือง และยงั่ ยืน เพราะรุ่นพเ่ี ขากส็ อนร่นุ นอ้ งกันต่อไป - กิจกรรม “การส่งเด็กไปเรียนหนังสือ” โดยทางชุมชนได้ส่งเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือซึ่งมีความ เสี่ยงต่อการเป็นทั้งผู้เสพและผู้ค้า ให้ศึกษาต่อ เรียน กศน. โดยมีสำนักงาน ปปส. กทม. เป็นผู้สนับสนุน ทุนการศึกษา จากกองทุนแมข่ องแผ่นดนิ ในชว่ ง 2 ปแี รก ต่อมาจงึ ไปเขา้ หาพ่อแม่เขาและพดู คุยกนั บอ่ ย ๆ บน ความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันว่าเขาจะเป็นคนดีได้ ซึ่งการที่เด็กได้วุฒิ กศน. เขาก็จะสามารถไปเรียนต่อ ไป ประกอบอาชีพได้ โดยผลจากการส่งเด็กไปเรียนหนังสือทำให้เด็กที่ได้เรียนหนังสือ จะทำอะไรไม่ดีก็ไม่สะดวก เพราะมคี วามเกรงใจคุณยุพนิ ทีค่ อยช่วยเหลอื สนบั สนุน - กิจกรรม “กองทนุ แมข่ องแผ่นดิน” ทีท่ างชมุ ชนมกี ารจัดงานประจำปแี ละตอ้ งเดินถือป้ายเพื่อ รณรงค์ต้านยาเสพติด ก็จะทำการเรียกเด็กและเยาวชน ที่แม้ว่าจะอยู่ในครอบครัวมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพ ติดมาถือป้ายทั้งหมด ให้เขามีความรู้ และมาสอนหนังสือแล้วก็แทรกเรื่องความรู้ การขายยาให้โทษอย่างไร โดยเริม่ ทำทกุ อย่างตง้ั แต่เดก็ ยงั เลก็ ๆ เปน็ ตน้ มา - กจิ กรรม “เดนิ ให้ความรู้เรื่องยาเสพติด” เปน็ กิจกรรมท่ีคุณยุพินและคณะทำงานร่วมกันเดิน ไปตามบ้านแตล่ ะหลังในชมุ ชน พดู คยุ ใหค้ วามรูเ้ กีย่ วกับยาเสพติด ซึ่งทำเปน็ ประจำอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 3) ผ้นู ำชุมชนมีศักยภาพ ชุมชนสะพานปนู นน้ั มคี ุณยพุ นิ ที่ถือว่าเป็นแกนนำชุมชนคนสำคัญทำหนา้ ท่ีการขับเคล่ือนจัดการ กับปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในชุมชน และดำรงตำแหน่งประธานชุมชนที่ทำงานด้านยาเสพติดอย่างมุ่งม่ัน ต่อเน่ืองมายาวนานถึง 8 ปี มคี วามทมุ่ เทในการทำงาน และเปน็ ผู้นำทีเ่ สียสละ รวมถึงเป็นผูห้ ญิงทส่ี ามารถก้าว ผา่ นความหวาดกลวั จากผมู้ ีอิทธิพลที่เกยี่ วข้องกับยาเสพติดในช่วงเริ่มตน้ การทำงานไปได้ โดยจะมีบทบาทเป็น หัวหน้าชุมชนดูแลทุกเรื่องในชุมชน และในเรื่องของยาเสพติดมีหน้าที่สำคัญ คือ การเข้าถึงผู้เกี่ยวข้อง ประสานหนว่ ยงานภาคีต่าง ๆ โน้มน้าวคนในชมุ ชนใหเ้ หน็ ถึงความสำคัญของการจัดการปัญหายาเสพตดิ ว่าทุก คนต้องรว่ มมือกนั ไมใ่ ชห่ น้าทขี่ องคนใดคนหนึ่ง บนปณิธานที่วา่ “เราต้องใส่ใจ ทำด้วยหัวใจ มีความเมตตา” ในการทำงานดำเนินงานจดั การปัญหายาเสพตดิ ที่เกิดขึ้นในชุมชนของคณุ ยุพนิ นั้น จะใช้วิธกี ารที่ นุ่มนวล คอยสังเกตเฝ้าระวังคนในชุมชน ร่วมกับคณะกรรมการชุมชน โดยการเดินไปตามบ้านในชุมชนคอย พูดคยุ สรา้ งความไว้เนื้อเช่ือใจ สนทิ สนมกับคนในชุมชนทั้งท่ีมีพฤติกรรมต้องสงสัยและไม่ต้องสงสัย ทำให้รู้จัก กนั หมดในชมุ ชน เวลาใครจะทำไมด่ ี กม็ ีความเกรงใจกนั ไม่กลา้ มาสร้างเรื่องในชมุ ชน เพราะในการพดู คุยแต่ละ คร้งั จะใช้ความออ่ นโยน ไมไ่ ปหาเรอื่ ง ตำหนหิ รือดดุ า่ ว่ากล่าว ไม่ไปสร้างศตั รู การเดินพดู คยุ แตล่ ะครั้งก็มีท้ังไป คนเดียวและไปกบั คณะกรรมการคนอืน่ ในชุมชน ผลจากการเดินพูดคยุ ทำให้คนทยี่ งั ค้า/เสพยาเสพตดิ ต้องย้าย 39

ไปอยู่ที่อื่นหมด เพราะคนอื่น ๆ ในชุมชนที่เหลืออยู่ก็จะเป็นกลุ่มที่ให้ความร่วมมือและช่วยสอดส่อง เพราะมี ความไวเ้ นอื้ เชอ่ื ใจกนั ในบางครั้งคุณยุพินก็ซื้อใจเด็ก ๆ ด้วยการเอาของ เอาขนมต่าง ๆ ไปแจก ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ก็จะ เอาขา้ วสารไปแจก ส่วนในกรณีที่คนท่ถี ูกจบั ไปแล้ว และไดร้ บั การปล่อยตัวออกมากจ็ ะต้องคอยสังเกตว่าเขาไป ทำงานอะไร ถา้ มพี ฤติกรรมใดท่ีน่าสงสัยกจ็ ะเข้าไปพดู คุย โดยจะทำวิธแี บบน้ี แตห่ ากพูดอะไรไม่เช่ือฟัง ไม่เลิก เราพดู ดีแล้วให้เวลาเขาเปน็ ปแี ล้ว กย็ งั ไมย่ อมเลิกก็จะแจ้งให้ ทางเจ้าหนา้ ที่ ป.ป.ส เปน็ คนจัดการเอง 4) การสร้างอาชีพใหก้ ับคนในชมุ ชน เนื่องจากคนในชุมชนสะพานปูนส่วนใหญ่มีฐานะไม่ดีนักซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เข้าสู่วงการยา เสพติด รวมถึง กลุ่มแม่บ้าน เด็กและเยาวชนทีม่ ักใช้เวลาว่างในการเล่นการพนัน มั่วสุม เสพและค้ายาเสพตดิ ทางชุมชนจงึ มีมาตรการด้านการป้องกัน ส่งเสริมอาชพี ทกี่ อ่ ให้เกิดรายได้ใหแ้ ก่คนในชุมชนกลุ่มนี้ เพราะเป็นท้ัง การเพิม่ รายได้ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชนซ์ ึ่งเป็นวิธีการหนง่ึ ท่จี ะชว่ ยลดปัญหายาเสพติดได้ เชน่ การร้อย พวงมาลัย ทีส่ ร้างไดถ้ งึ วัน 300-400 บาท 5) ร่นุ พี่สอนรุ่นนอ้ ง เด็กและเยาวชนในชุมชนที่ได้รับการดูแลจากคุณยุพินและคณะกรรมการชุมชนทุกคนตลอด ระยะเวลา 8 ปีนั้น เขาได้รับการปลูกฝังถึงพิษภัยของยาเสพติด มีตัวอย่างให้ดู สอนตั้งแต่เล็ก ๆ และพาเข้า ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ด้านยาเสพติดที่ชุมชนจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทำให้เขารู้ถึงผลกระทบที่เขาจะได้รับหาก นำเอาตัวเองไปขอ้ งเกี่ยวกบั ยาเสพติด ทำใหก้ ลุ่มเด็กเหลา่ นท้ี ี่เติบโตขึ้นมาเป็นคนรนุ่ ใหม่ของชมุ ชน คณุ ยพุ ินจะ สอนเด็กโตให้ไปสอนเด็กเล็กต่อ เชน่ สอนเด็กอายรุ ุ่น 12-13 ปี ไปเรอ่ื ย ๆ พอเขาซึมซับ ตัวเด็กกลุ่มนี้เขาก็จะ สอนเด็กเล็ก ๆ สอนรุ่นน้อง ๆ ช่วยกันดูแลกันไปเองส่วนคนรุ่นเก่าที่เคยเสพยาเสพติดก็จะหมดรุ่นไป โดย บางสว่ นกพ็ อโตก็รู้ผดิ ชอบชว่ั ดี หรือบางสว่ นก็ออกจากชุมชนไปแลว้ ซ่ึงมขี ้อสงั เกตตรงท่สี ่วนใหญ่ในชุมชนเร่ิม ไม่ค่อยมีวัยรุ่น จะมแี ตเ่ ด็กเล็ก ๆ เพราะวัยรนุ่ พอโตแลว้ เขาก็ออกไปอยู่ที่อื่น 6) การมสี ว่ นร่วมของคนในชุมชน นอกเหนือจากการท่ีคนในชมุ ชนให้ความร่วมมอื ในการเข้าร่วมกิจกรรมตา่ ง ๆ ที่ชุมชนจัดขึน้ แล้ว คนในชุมชนกช็ ่วยกนั เฝา้ ระวังสมาชกิ ในชุมชน โดยการตกั เตอื นกันเอง ครอบครัวดูแลสมาชิกของตน และกรณี ท่ีพบเห็นเด็กหรือเยาวชนมีพฤติกรรมเสี่ยง ก็จะแจง้ ต่อผู้ปกครอง หรอื การพบเห็นคนแปลกหน้าที่มีพฤติกรรม ไม่น่าไวว้ างใจก็จะคอยเฝ้าระวงั กนั และมาแจง้ กบั ประธานชมุ ชน 2.3 ปัจจัยท่ีเป็นอุปสรรคใน/ขัดขวางความสำเรจ็ 1) การทำงานที่ขบั เคลอ่ื นโดยประธานชุมชนเป็นหลกั แม้ว่าในปจั จุบนั ชุมชนสะพานปนู จะควบคุมสถานการณย์ าเสพติดได้ดี เพราะในระยะเวลาหลายปี ที่ผ่านมามีการทำงานอย่างจริงจังของคณะกรรมการชมุ ชน ที่นำโดยคุณยุพิน ประธานชุมชนขณะนั้นเป็นแกน 40

นำผู้ขับเคลื่อนการทำงาน และถ้าพูดถึงคนที่จะมาทำงานแทนได้อย่างคุณยุพินนั้นยังคงไม่มี เพราะต้องเป็น บุคคลท่ีเสียสละตนเองมากในทุกด้าน แต่ในความเป็นจริงนั้น คนในชุมชนสะพานปูนส่วนใหญ่ไม่ได้มีฐานะดี ทุกคนกย็ ังตนประกอบอาชีพของตน เพ่อื หารายได้มาเลี้ยงครอบครัวก่อนทจ่ี ะทำงานเพ่ือสังคม อีกทั้งประธาน ชุมชนคนใหม่ที่มาดำรงตำแหน่งแทนคุณยุพินก็ไม่ได้แสดงเจตจำนงชัดเจน ในการขับเคลื่อนเรื่องยาเสพติด อยา่ งจรงิ จัง ตอ่ เนอ่ื ง และบางกิจกรรมก็ไม่ได้มีการดำเนนิ การต่อ เช่น “กจิ กรรมเดินให้ความรเู้ รื่องยาเสพติด” และถึงแม้ปัจจุบันคุณยุพินจะยังคงช่วยงานด้านยาเสพติด ผ่านการร่วมมือกับเครือข่ายเดิมอยู่ แต่คุณยุพินก็มี ปญั หาดา้ นสุขภาพไมส่ ามารถทำงานได้เตม็ ที่ดังเชน่ ในอดีตซง่ึ ประเด็นนีจ้ งึ เปน็ ทนี่ ่าจบั ตามอง ว่าสถานการณ์ยา เสพติดของชุมชนสะพานปูนจะเปน็ อย่างไรต่อไป หากขาดคุณยพุ ินไป ทั้งนี้ คุณยุพินมีความเชื่อว่า ตอนนี้ชุมชนไม่มีปัญหายาเสพติดแล้ว และเด็กในปัจจุบันก็มี พฤติกรรมที่ดี น่าจะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม ชุมชนจะต้องเฝา้ ระวังกันใหด้ ีต่อไป เพราะมีข้อกังวล อยบู่ ้าง ในกรณที พ่ี วกท่ถี ูกจบั ไปแล้ว และพน้ โทษไดร้ บั การปล่อยตวั ออกมาจะมีพฤติกรรมแบบเดิมหรือไม่ 2) การเปลี่ยนแปลงของลักษณะประชากรในชุมชน ปจั จุบันนี้คนสว่ นใหญ่ในชุมชนมักจะเปน็ วัยเด็กและวัยสูงอายุ ส่วนวัยทำงานก็จะย้ายไปทำงานท่ี อื่น ปัญหาเรือ่ งของยาเสพติดจึงลดไปโดยปรยิ าย อย่างไรก็ตาม ทางชุมชนก็จำเป็นต้องคอยเฝ้าระวังปัญหายา เสพติดอยู่ตลอด เพราะคนที่อยู่ในชุมชนและเป็นเจ้าของจริง ๆ จะมีแค่ไม่ถึงครึ่ง โดยส่วนใหญ่เป็นประชากร แฝง ที่ย้ายมาเช่าอยู่ เนื่องจากในบางครอบครัวที่มีฐานะดีขึ้นก็จะย้ายออกไป และแบ่งซอยห้องในบ้านให้คน นอกเขา้ มาเขา่ อยู่ ซงึ่ การท่มี คี นนอกเขา้ มาอยู่จำนวนมาก ก็จะมีผลในเรื่องของยาเสพตดิ เหมือนกัน 3. มติสมัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ คุณยุพินรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมติสมัชชชาสุขภาพแห่งชาติ เพราะได้เคยไปมีส่วนร่วมในการร่างมติ แต่เมื่อมติออกมาก็ยังไม่ได้ข้อมูลต่อเนื่อง ว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน อีกทั้งตอนน้ี ตนเองก็ออกจากตำแหน่งประธานชุมชนแล้ว อาจจะต้องให้ประธานชุมชนคนใหม่เป็นคนขับเคลื่อนต่อไป อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ชุมชนก็ดำเนินงานด้านการป้องกันปัญหายาเสพติดมาต่อเนื่องอยู่แล้ว ก่อนที่จะมีมติ สมัชชาออกมา ซงึ่ กไ็ มม่ ผี ลใหท้ ำงานเพ่มิ ขึน้ หรอื น้อยลง ข้อเสนอแนะในประเด็นน้ี น่าจะเป็นในเร่ืองของการให้ความรู้ประชาสมั พันธ์ข้อมูลให้กับผูท้ ีท่ ำหนา้ ที่ เกี่ยวข้อง รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลให้คนในชุมชนได้รับทราบ เพื่อหาแนวทางร่วมกันว่าจะสามารถดำเนินการให สอดคล้องกับมติที่ออกมาได้อย่างไรท่ี เพราะส่วนใหญ่ไม่ว่าจะประชุมเร่ืองใด ๆ คนที่ได้ไปเข้าร่วมก็มักจะเป็น ประธานชุมชนเพยี งผ้เู ดียว ซึ่งบางครง้ั ก็อาจจะนำข้อมูลไปถ่ายทอดต่อไม่ได้ทั้งหมด 41

42

บทเรียนและพฒั นากลไกการขับเคลอ่ื นมติสมชั ชาสุขภาพแหง่ ชาติคร้ังที่ 10 “ชุมชนเปน็ ศูนยก์ ลางในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติด” กรณี พื้นท่ีกรุงเทพมหานคร: ชมุ ชนพระยาประสทิ ธิ์ 1. ประวตั ิความเป็นมา ชุมชนพระยาประสทิ ธิ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษตั ริย์ เขตดุสิต ซึ่งมีการเช่าพื้นที่ในการ สร้างบา้ นเรอื นอย่อู าศัยมาตงั้ แตส่ มัยปูย่ ่าตายาย สืบทอดกันมาเรอื่ ย ๆ ปจั จุบันจดั เปน็ ชุมชนประเภทเมือง โดย มกี ารประกาศเป็นชุมชนทีจ่ ัดต้งั ตามระเบยี บกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2540 ชมุ ชนต้ังอยู่ท่ี หมู่บ้านพระยา ประสิทธิ์ซอยองครักษ์ 15 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี ซึ่งจัดเป็นกลุ่มเขต 1 กลุ่มกรุงเทพกลาง ประชากรในชมุ ชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพคา้ ขาย รับจ้าง รบั ราชการ และพนกั งานบริษัท ชุมชนพระยาประสิทธิ์ เป็นชุมชนขนาดกลางในเขตเมือง ตั้งอยู่ที่ซอยองครักษ์ 15 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กรรมสิทธิ์ทีด่ นิ ร้อยละ 60 เป็นที่เชา่ ของสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษตั รยิ ์ และอีกรอ้ ยละ 40 เป็นกรรมสิทธขิ์ องเอกชน ก่อนท่จี ะมกี ารจัดตั้งชุมชนพระยาประสิทธ์ิ ชาวบ้านทอี่ าศยั อยใู่ นบรเิ วณนใี้ ช้ชวี ิตแบบต่างคนตา่ งอยู่ และไมม่ ชี อ่ื ชุมชน เม่อื เกิดการรวมตวั จัดตั้งเป็นชุมชน ในพ.ศ. 2539-2540 เมื่อกรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนชุมชน นายเริงชัย สังข์อินทรารัตน์ แกนนำในชุมชน ในขณะนั้น เห็นว่าการจัดตั้งและจดทะเบียนเป็นชุมชนน่าจะเกิดประโยชน์ต่อชุมชนส่วน รวมทั้งในเรื่องของ การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชน และการประสานขอความช่วยเหลือที่จำเป็นจากหน่วยงานหรือองค์กร ภายนอก จึงใช้วิธีเดินเคาะประตูตามบ้านแต่ละหลังในชุมชน เพื่อถามความคิดเห็นและความสมัครใจของ ชาวบ้านว่ายินดีจะจัดตั้งเป็นชุมชนหรือไม่ คนส่วนใหญ่เห็นว่าควรจัดตั้ง จึงได้ขอจดทะเบียนจัดตั้งเป็นชุมชน พระยาประสิทธิ์ในปี 2540 ดังนั้น คนในชุมชนจึงร่วมกันคิดตั้งชื่อชุมชนโดยการร่วมกันศึกษาประวัติศาสตร์ ชมุ ชน ด้วยวิธกี ารสง่ อาสาสมัครของชมุ ชนไปศึกษาสอบถามข้อมลู จากผู้รู้ และคนเฒา่ คนแก่ในชุมชนจนทราบ ว่า เดิมที่ดินบริเวณนี้เป็นท้องร่องท้องสวนรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานที่ดินให้กับเจ้าพระยาประสิทธิ์ ต่อมา เจ้าพระยาประสิทธิ์ได้บริจาคที่ดนิ คืนใหก้ ับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คนในชุมชนจึงร่วมกันตงั้ ชือ่ ชุมชนวา่ “ชุมชนพระยาประสิทธ”์ิ 1 หลังการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นชุมชนแล้ว มีการดำเนินการการบริหารจัดการตนเอง เริ่มมีการประชุม การเลือกตั้งประธานชุมชน การแต่งตั้งคณะกรรมการชุมชนหลังจากการจัดตั้งเป็นชุมชน หน่วยงานต่าง ๆ ท่ี สนับสนุนให้เกิดการจัดตั้ง โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ได้ให้การสนับสนุนด้าน งบประมาณ เพื่อให้ชุมชนดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการ คณะกรรมการชุมชนจึงได้เชิญชวนใหส้ มาชิก ในชมุ ชนเข้ารว่ มการประชุมเพื่อพดู คุยและปรึกษาหารือกันว่าคนในชุมชนต้องการแกป้ ัญหาหรือพัฒนาในส่วน 1 มานิตตา ชาญไชย. “ความเป็นพลเมืองกับการบริหารจัดการตนเองของชุมชนไทย”. ดุษฎีนิพนธ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร.์ 2559.

ใดบ้าง ในปีแรกของการจัดตั้งเป็นชุมชน กรุงเทพมหานครให้ทุนสนับสนุนการดำเนินงานซึ่งชุมชนได้นำมาจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ในชนุ ชนเพ่ือใหส้ มาชิกชุมชนเกดิ ความสามัคคกี ันมากขึน้ ในปี พ.ศ. 2557 ชุมชนพระยาประสิทธิ์ได้รับคัดเลือกเป็นชุมชนต้นแบบด้านการพึ่งพาตนเอง จาก ศนู ยส์ ง่ เสรมิ และพัฒนาพลงั แผ่นดนิ เชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) (องค์การมหาชน) จำนวนประชากร2 ชุมชนพระยาประสิทธิ์ มีประชากรชายจำนวน 324 คน และประชากรหญิงจำนวน 343 คน รวมเปน็ 667 คน จำนวนครัวเรือน ชุมชนพระยาประสิทธิ์ มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 165 ครัวเรือน โดยมีบ้านจำนวน 101 หลัง ชุมชน พระยาประสิทธิ์ มีกรรมการชุมชน 7 คน การศึกษา ประชากรมีระดับการศึกษาท่ีแตกตา่ งต้งั แต่ไมไ่ ดเ้ รียนไปจนถึงระดบั ปริญญาตรี อาชีพ ประชากรสว่ นใหญ่ ประกอบอาชีพค้าขาย รับจา้ ง รับราชการ และพนักงานบริษัท ศาสนา สว่ นใหญ่นบั ถือศาสนาพุทธ การถอื ครองที่ดนิ เปน็ เจ้าของท่ีดนิ และส่วนใหญ่ เชา่ จากทรพั ย์สินส่วนพระมหากษัตรยิ ์ ร้อยละ 60 องคก์ รภายในชุมชน ประกอบดว้ ย สถาบนั การเงินชมุ ชนพระยาประสิทธิ์ กองทนุ หมู่บ้าน ศนู ยพ์ ิทกั ษ์ สทิ ธิ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ชุมชน ธนาคารขยะ กลมุ่ อาชพี (เยบ็ ผ้า ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ ธปู หอม) ภาพท่ี 1 แสดงทางเขา้ ชุมชนพระยาประสทิ ธิ์ ภาพท่ี 2 แสดงท่ตี ั้งทที่ ำการชุมชน/ศนู ย์สขุ ภาพชุมชน ที่มา: https://www.facebook.com/ชุมชนพระยาประสิทธิ์-เขตดุสิต-กทม-1769614459923352/? epa=SEARCH_BOX 2 ข้อมูลชุมชนทจ่ี ัดตงั้ ตามระเบยี บกรุงเทพมหานคร. https://www.charoensuk4.com/รายช่อื ชมุ ชนใน-กทม/ชมุ ชนพระยาประสิทธ์/ิ 44

ภาพที่ 3 แสดงแผนผงั ชมุ ชนพระยาประสทิ ธิ์ ทม่ี า: ชมุ ชนพระยาประสิทธิ์ โดย มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช ภาพท่ี 4 แสดงแผนที่ชมุ ชน ที่มา: https://www.google.com/maps/กลุ่มแผนชุมชนพระยาประสิทธิ์/@13.7890674,100.5208462,16.75z/data= !4m5!3m4!1s0x30e29bf9998ffa97:0xcc7d5af74db9691b!8m2!3d13.7897799!4d100.5250827?hl=th 45

ภาพที่ 5 และภาพที่ 6 สนทนากลุ่มภายในสำนักงานชมุ ชน, วนั ท่ี 23 ธนั วาคม 2562 2. มติ ิสมัชชาสุขภาพกับชมุ ชนพระยาประสทิ ธ์ิ ในอดีตชุมชนพระยาประสิทธิ์เป็นชุมชนที่เคยประสบปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด ช่วงปี พ.ศ. 2548- 2553 แม้ว่าจะไม่รุนแรงมากนักแต่ก็มีมาโดนตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเยาวชนตีกันจากปัญหายาเสพติด แต่ อ้างวา่ เป็นเรื่องผู้หญิง และสว่ นมากเมื่อลูกติดยาเสพติดพ่อแม่ก็มักจะไม่ยอมรับ ดังนน้ั แกนนำจึงเข้ามาช่วยใน การดแู ลเดก็ และเยาวชนกลมุ่ นี้ และเยาวชนบางคนกลายเป็นกำลังในการทำงานในปัจจุบัน แตก่ ็ยังไม่สามารถ ดึงมาทำงานระดบั แกนนำได้ การดำเนนิ การของชุมชน ส่วนมากโครงการของชมุ ชนเน้นกิจกรรมแบบผสมผสานที่โยงเรือ่ งยาเสพ ตดิ กับเข้าไปเกีย่ วขอ้ งดว้ ยร่วมกับวตั ถปุ ระสงค์หลกั ของชมุ ชน ดงั น้ันกิจกรรมท่ีชมุ ชนดำเนินการมดี ังน้ี 1) การดำเนินการด้านการป้องกันและด้านการปราบปรามยาเสพติดยาเสพติดของชุมชน โครงการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยตรง คือ โครงการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน และมโี ครงการด้านการดูแลความปลอดภัย ท่กี ำลังดำเนินการอยู่ค่ะ การตดิ ต้ังกลอ้ งวงจรปิด หรอื CCTV ในบริเวณชุมชนทุกจุดที่เป็นจุดเสี่ยง และการตั้งป้อมตำรวจ โดยให้มีเจ้าหน้าที่ในชุมชนอยู่ประจำ 24 ชั่วโมง การเดินยามของเจ้าหน้าที่ อสส. (อาสาสมัครสาธรณะสุข) ในชุมชนร่วมกับตำรวจบ้าน งบประมาณจากกองทุนแม่ของแผ่นดิน (ปปส.) และมีการจัดตั้งศูนย์ระวังภัยยาเสพติดในชุมชนจากทาง เขตดุสติ รว่ มกบั อีก 9 ชุมชน ในเขตน้ี เพ่ือทำงานเช่อื มโยงกัน (สัมภาษณพ์ ัฒนากรเขตดุสิต, 17 มกราคม 2563) ในด้านการป้องกันของชุมชนการดำเนินการเน้นที่ความปลอดภยั ของชีวิตและทรัพย์สินของคน ชุมชน ร่วมกับการสอดส่องปัญหายาเสพติด เช่น ป้อมตำรวจ นอกจากเจ้าหน้าที่ของชุมชนแล้วยังมี นโยบายในการขอสนับสนุนนายตำรวจมาประจำที่ป้อม เพื่อสามารถดำเนินการสองประเด็นหลักคือ 1) รับแจ้งปัญหาต่าง ๆ ทั่วไป และสามารถลงบันทึกได้ที่ป้อมเลยไม่ต้องไปถึงสถานีตำรวจ 2) การ ตรวจสอบความปลอดภยั ของชุมชนและชมุ ชนอน่ื โดยรอบ 46

2) การดำเนินการด้านคุณภาพชีวิตเพื่อการลดการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โครงการหรือ กิจกรรมส่วนมากเน้นที่การเพิ่มรายได้ ลดเวลาว่างของคนในชุมชน หรือการทำกิจกรรมเชิงบวก ร่วมกัน เช่น โครงการป้องกันและการจัดการพาหะนำโรคแบบผสมผสาน (IVM) โครงการทำธูปสมุนไพร การทำปุ๋ยอินทรีย์จากขยะสด โครงการประกวดซอยสวย การสอนภาษาจีนให้กับเยาวชนในชุมชน กิจกรรมส่งเสริมดูแลสุขภาพสมาชิกชุมชน กิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ เป็นต้น โครงการสัวสดิการวันละบาท หรือ“สมทบวันละบาท” อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติโครงการ ส่งเสริมสวัสดิการชุมชน ปี พ.ศ. 2546 โครงการนี้ภาคประชาชนจัดตั้งขึ้นเป็นโครงการต่อคน มีการจด รับรองกับกระทรวงพัฒนาสังคมและได้ใบรับรอง บ.อ.ค. ลักษณะคล้ายกับการเก็บเงินฌาปณกิจใน ต่างจังหวัด การเก้บเงินของกองทุนแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เราจ่าย 1 บาท รัฐบาลจ่ายสมทบ 1 บาท และท้องถิ่น สมทบ 1 บาท ซ่งึ สามารถช่วยการออมของสมาชิกในชุมชน “ปัจจุบนั ชมุ ชนพระยาประสิทธ์ิ มีสมาชิกประมาณ พันกวา่ ๆ มที กุ ชมุ ชนทุกเขตสมัครกันมาเยอะมาก” (สัมภาษณ์ มณี จริโชตมิ งคลกุล, 29 ตลุ าคม 2562) โครงการนี้เพื่อการ ดูแลคนตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซงึ่ เป็นการให้คนมีคุณภาพชีวิตท่ี ดีในฐานะหลักประกนั ของแต่ละคน ซง่ึ เมื่อชีวิตดีก็จะไมย่ งุ่ กับสง่ิ ผดิ 3) กิจการวิสาหกิจชุมชนพระยาประสิทธิ์ ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2549 มีผลิภัณฑ์จากกิจกรรมหรือ โครงการ ประกอบด้วย ธูปหอม ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะสด น้ำยาล้างจาน และถุงผ้าด้ายดิบ ส่วนหนึ่งได้รับ การสนบั สนนุ จากกรมแรงงาน เพ่อื ฝึกอาชีพ และกองทนุ หมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ วิสาหกิจของช มุชนเป็นอีกโครงสร้างหนึ่งที่สนับสนุนให้สมาชกิ ในชุมชนสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ ซึ่งส่วน หนง่ึ เป็นการลดปัญหาเรื่องปากท้องและป้องกันไมใ่ ห้ไปย่งุ เกี่ยวกับยาเสพตดิ ได้ “เราต้องให้เขาอยู่ได้ด้วย คุณภาพชีวิตด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องเชื่อมกับเศรษฐกิจด้วย พยายามปรับว่าในชุมชนความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตเขาต้องดีด้วย เพื่อไม่ให้มีปัญหาการที่ต้องไปพึ่งยาหรือค้ายา เพราะที่เป็นแบบนี้เศรษฐกิจ ปากท้องไปไม่ไหว ถ้ามีเงินเขาก็ไม่อยากเรื่องยา” (สนทนากลุ่มชุมชนพระยาประสิทธิ์, 23 ธันวาคม 2562) 47

ทีม่ าภาพ: https://www.facebook.com/1769614459923352/posts/2352304434987682/ มติ สช. กับชุมชน การดำเนินงานของชุมชนจากมติสมัชชานั้นพบว่าชุมชนพระยาประสิทธิ์ในระดับ แกนนำรับรู้เรื่องมติ สช. และมีแนวคิดในการที่จะใช้มติในการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันในกลุ่มเด็กและ เยาวชนในช่วงแรก เช่น การอบรมเด็กและเยาวชน อาจจะทำโครงการขอการสนบั สนนุ จาก ปปส. ในลักษณะ งานต่อเนื่องในอนาคตเมื่องบประมาณของ สช. หมดลง แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อติดขัดที่ชุมชนไม่รู้ว่า งบประมาณ หรอื การประสานงานเรือ่ งนี้ขาดหายไปตรงจดุ ไหน ทำใหไ้ ม่ทราบวา่ จะเขา้ ไปตดิ ตอ่ และดำเนินการ ต่อเนื่องได้อย่างไร คณะกรรมการและผู้นำชุมชนเห้นพ้องกันว่า งานการแก้ปัญหาโดยใช้ชุมชนเป็นแกนเป็น ประเด็นสำคัญและสามารถสร้างความเข้มแข็งไดจ้ รงิ และอยากให้ สช. เป็นคนตั้งต้นในการทำงานอย่างแทจ้ ริง สมาชิกในชุมชนทั่วไปยังไม่รับรู้เรื่องมติ สช. มากนัก เพราะแกนนำมองว่ายังไม่มีรูปธรรมลงมาอย่าง ชัดเจนชุมชน แต่ก็มั่นใจว่าเมื่อมีแนวทางที่ชัดเจนรวมถึงงบประมาณแล้วก็จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ กจิ กรรมทีจ่ ะดำเนินการเช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ในชุมชน ปัจจุบันผู้นำชุมชนมองว่าความไม่ชัดเจนและกระบวนการทำงานของคนทีร่ ับเร่ืองมาดำเนินการต่อใน ระดับพื้นที่ไม่โปร่งใสจึงมีความคิดที่จะไม่รับงานต่อ เพราะจะเสียงชื่อได้หากการดำเนินการไม่โปร่งใสชัดเจน พอ นอกจากน้ียงั พบว่า การดำเนินการส่งต่อเรอ่ื งตง้ั แต่การรบั มติมายงั พ้นื ท่ีการทำงานมีความสับสน ไม่ชดั เจน มีการเปล่ียนแปลงคนรบั ผดิ ชอบที่ปลายทาง ทำให้งานแผนงานที่ตกลงไว้เปลย่ี นแปลงเมื่อตอ้ งลงมือดำเนินการ จริง อีกทั้งไม่มีกระบวนการติดตามผลอย่างจริงจังจากฝั่ง สช. ผู้นำชุมชนมองว่า สช. ควรเข้ามามีส่วนใน กระบวนการทำงานหลงั จากมติผ่านแลว้ ให้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดในกระบวนการต่อเชื่อมมติ สช. มายังชุมชนซึ่งผ่านมาทางเขตนั้น ยังดู สับสนและเหมอื นการส่งต่อการดำเนินการยงั ไม่ชัดเจน อีกทั้งมีความไม่เขา้ ใจวัตถุประสงคข์ องการดำเนนิ การ ผ่านมติ สช. เนื่องด้วยกิจกรรมที่ต้องดำเนินการตามมติ สช. นั้น เป็นงานที่ดำเนินการอยู่แล้วผ่านส่วนงาน พัฒนาสังคมของเขต ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ทีต่ ้องดำเนินการแยกออกมา และมีข้อติดขัดใน การหาคนมารับผิดชอบให้ตรงกับงานที่ต้องดำเนินการในพ้ืนที่ไดล้ ำบากเพราะ เจา้ หน้าที่มหี น้างานของตนเอง จำนวนมากอยู่แล้ว จากการสัมภาณ์และสังเกตพบว่าเขตมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันกับชุมชนในประเด็นการ แก้ปัญหายาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นแกน และเขตดูเหมือนไม่มั่นใจในศักยภาพของชุมให้ดำเนินการในการ แกไ้ ขปญั หาโดยชมุ ชนเอง 48

3. ความเข้มแข็งของชมุ ชน 1) ผู้นำชุมชน ความทุ่มเท ในการทำงาน และบุคคลิกภาพส่วนตัวของผู้นำเป็นปัจจัยหลักของการ ดำเนินงานในชุมชน ทัศนคติในการทำงานเป็นแรงที่ผลักให้การขยับเกิดขึ้นได้ “ถ้าเราทำงานให้สังคมโดยไม่คิด อะไรแล้ว เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้” (สมั ภาษณ์ มณี จรโิ ชตมิ งคลกุล, 29 ตุลาคม 2562) นอกจากน้ีการท่ีเป็น ผู้นำชุมชนมานานตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ถึงปัจจุบัน ทำให้สั่งสมทุนทางสังคมและเครือข่ายในการทำงานกับคนนอก ชมุ ชนไวม้ าก ทำให้การเชอ่ื มประสานการทำงานกับภายของสามารถทำได้กว้างมากขน้ึ และมีประสิทธภิ าพมากขน้ึ 2) ทมี ทำงาน จากเครือข่ายเดิมท่ีไว้ใจกนั ความเป็นเพ่ือนท่ีทีมทำงานมีให้เป็นหน่ึงในแรงผลักดันให้ การทำงานของคณะกรรมการชุมชนสามารถขับเคลื่อนงานและนโยบายต่าง ๆ ทั้งยากและง่ายให้ลุล่วงได้ เพราะข้อจำกัดหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ เวลา กำลังคนที่มีอย่างจำกัดก็ทำให้งานบางชิ้นยากที่จะ ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย แต่ที่ผ่านมา การทำงานในฐานะเพื่อนที่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน การแชร์ ทุกขส์ ุขไดส้ รา้ งให้ทีมคณะกรรมการฝา่ ฟันอปุ สรรคมาได้ “มงี านก็มา พ่มี ณโี ทรศัพทห์ า สิง่ ทเี่ รามารวมตัวกันได้ คือใจ ใจเราให้เพื่อนเราด้วย ให้ผู้นำเราด้วย ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรที่ไม่ถูกต้องเราก็จะคุยกัน ที่ผิดเราก็ต้อง ยอมรับ คุยกันด้วยเหตุผล ผู้นำเขายอมรับฟังเรา เช่นวันนี้คนท้องถิ่น งบประมาณ 3 ปีแล้วนะ ค่าหัว 45 บาท ตอ่ ประชากร 6 ลา้ นคน เฉพาะเขตดุสิต 90,000 หรือ 80,000 กวา่ x 45 ซ่ึงกเ็ ยอะนะและถา้ ชมุ ชนไม่เขียนโรง การไปยอมรับ เพราะฉะนั้นทำไมถึงเรียกทุกคนมาประชุมเพราะพี่มีอาสาและพี่ก็จะต้องตารางว่าเวรกลางวัน อาสาสมัครผู้หญิง 2 คนมีใครบ้าง เราต้องทำแผนและไปของบประมาณเรามีความชัดเจน ส่วนใหญ่คนที่ทำ อาสาก็จะอายปุ ระมาณ 60 ปี” (สนทนากลมุ่ ชุมชนพระยาประสิทธ์,ิ 23 ธันวาคม 2562) 3) หลักความโปร่งใสในการทำงาน การดำเนินงานทุกอย่างที่เป็นของส่วนรวมนอกจากการสร้าง การมีส่วนร่วมแล้ว หลักการสำคัญของการทำงานที่ชุมชนพระยาประสิทธิ์คือความโปร่งใสในการทำงาน “คิด ว่าปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จในการทำงาน คือไม่ปิดบังข้อมูล มีข้อมูลอะไรก็จะเปิดเผยกับทีม” (สนทนากลุ่ม ชมุ ชนพระยาประสิทธิ์, 23 ธันวาคม 2562) และด้วยหลักการน้ีทำให้เกดิ ความไว้เนื้อเช่ือใชท้ ี่เป็นทุนทางสังคม ทใ่ี ชใ้ นการขับเคลอ่ื นงานยาก ๆ อยา่ งงานด้านยาเสพตดิ ท่ี มที ัง้ ผลประโยชนแ์ ละความเส่ียงต่ออันตราย 4) การมีคนทำงานที่นั่งประจำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่อสม. ซึ่งต้องประจำอยู่ที่สำนักงานชุมชน เป็น สิ่งที่ช่วยให้สมาชกิ ชุมชนสามารถข้ามาปรึกษา หรือพูดคุยได้ทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องความเจ็บป่วย การมีพื้นที่ ในการพูดคุยนี้สามารถเป็นท้ังจุดตั้งต้นของการปรึกษาปัญหาทีเ่ กิดขึ้นในชุมชน การรับมือ หรือการสื่อสารกบั สมาชกิ ในชมุ ชนได้ 5) ความเชื่อมโยงกับหน่วยงานภายนอก ชุมชนประยาประสิทธิ์เดิมมีปัญหาด้านยาเสพติดและมัก ถูกเจ้าหน้าที่รัฐประเมินสภาพปัญหาผิด ๆ ถูก ๆ บางครั้งไม่ตรงความจริง เป็นปัญหาว่า หน่วยงานรัฐไม่ เชื่อมโยงกับภาคประชาชนหรือชุมชน ขาดการสื่อสาร และกระบวนการมีส่วนร่วม การรายงานก็ใช้เอกสารและ คำสั่ง ดังนั้นชุมชนจึงไม่ไว้ใจ แต่ในปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานให้เกิดการสื่อสารระหว่าง 49

หน่วยงานรัฐกับชุมชนมากขึ้นโดยเฉพาะตำรวจ ก็สามารถทำให้งานแก้ปัญหาเป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น เช่น โครงการจัดตง้ั ป้องตำรวจหนา้ ชุมชนก็เปน้ การขอความรว่ มมอื จากหลายฝา่ ยรวมถงึ ตำรวจดว้ ย 6) แนวคิดของความเป็นชุมชน ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ผ่านประสบการณ์ร่วมของคนในชมุ ชน และการ สร้างความเป็นชุมชน ให้เกิดกระบวนการสื่อสารภายใน สร้างความเข้าใจและนำไปสู่การทำงานร่วมกันเพ่ือ ชุมชน “เราใช้พื้นทีเ่ ปน็ ตวั ตั้ง ใช้คนในชุมชนเปน็ ศูนย์กลาง แล้วแต่ละกลุ่มคนครอบครัวต้องมาอนั ดบั หนึ่ง ถ้า ครอบครวั อบอุ่นเดก็ จะไมไ่ ปยุง่ เกี่ยวกบั เรอ่ื งไม่ด”ี (สนทนากลุ่มชุมชนพระยาประสิทธ,์ิ 23 ธันวาคม 2562) 4. ปญั หาอปุ สรรคในการทำงานของชุมชน 1) สภาพภูมิศาสตร์ท่ีตั้งของชมุ ชน ชุมชนพระยาประสทิ ธ์เิ ป็นชมุ ชนก่งึ แออัดมีซอยแคบ ๆ ในชุมชน แม้ว่าจะมีซอยตันแต่ด้วยลักษณะของซอยและการตั้งบ้านเรือนก็ดึงดูดให้ก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะการ เกี่ยวขอ้ งกับยาเสพติดได้งา่ ย 2) ลักษณะประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชน เนื่องจากชุมชนอยู่ในพื้นที่ใกล้การก่อสร้างขนาดใหญ่ หลายจุด เช่น อาคารรัฐสภา อาคารเรียนของโรงเรียนสตรีวิทยา ทำให้มีแรงงานอพยพเข้ามาเช่าบ้านอยู่ จำนวนหนึ่งเนื่องจากใกล้สถานที่ก่อนสร้าง และเป็นการลดค่าใช้จ่ายและลดการเดินทางของแรงงานก่อสร้าง ดังนั้น กลุ่มประชากรเหล่านี้ขาดความเชื่อมโยงกับชุมชนสูง การขอความร่วมมือ หรือการจัดการทำได้จำกัด เพราะนอกจากไม่มกี ารลงทะเบยี นยา้ ยเขา้ แล้วบางสว่ นยังเป็นแรงงานข้ามชาติ ดว้ ย “ปัญหาของชมุ ชนทพี่ ี่มอง ว่า เป็นปัญหาเดือดร้อน คือ เรื่องการก่อสร้างรอบ ๆ ชุมชน เนื่องจากชุมชนเราอยู่ในพื้นที่กำลังก่อสร้าง ค่อนข้างเยอะ ตัวอย่างเช่นนี้ โรงเรียนราชินี กำลังก่อสร้างอาคารเรียน 8 ชั้น....พ่ีมองว่า ชุมชนจำเป็นต้องมี การเฝ้าระวังแรงงานที่จะมาพักอาศัยในชุมชนและบริเวณใกล้เคียง” (สัมภาษณ์ มณี จริโชติมงคลกุล, 29 ตลุ าคม 2562) 3) ความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ดินของชุมชนพระยาประสิทธิ์ส่วนหนึ่งเป็นที่ดินส่วน พระมหากษตั ริย์ ให้ประชาชนเช่าอยู่อาศัยระยะยาว ผเู้ ชา่ สามารถปลกู บ้านของตวั เองได้และเสยี คา่ เชา่ ในราคา ถูก “ถงึ ที่ตรงนจี้ ะเป็นที่ดินของทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่เรากม็ ีสิทธิในตัวบา้ นของเราเอง บา้ นมขี นาด 42 ตาราง วา ทุกวันนี้เราก็จ่ายแค่ค่าเช่าที่ดินเท่านั้น อีกทั้งยังคุ้นเคยกับตรงนี้ด้วย อัตราค่าเช่าที่ ในอดีตจ่ายค่าเช่าที่เดือน ละ 123 บาท แต่หลังจากที่มีการประกาศ พรบ. จ่ายค่าเช่าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 310 บาท” (สัมภาษณ์ มณี จริโชติมงคลกุล, 29 ตุลาคม 2562) ดังน้ันแม้ว่าสมาชิกในชุมชนจะมีบา้ นของตัวเองบนที่เช่า แต่ส่วนหนึง่ ก็ยัง ไม่ไวว้ างใจเสียทเี ดียว ภาวะแบบน้ีทำให้หลายครวั เรือนตัง้ ใจย้ายออกไปหาบ้านของตวั เองขา้ งนอก และปล่อย บ้านเดิมใหค้ นเช่า ทำให้คนที่ยังอยู่สว่ นหนึ่งมีความรูส้ กึ อยากทำงานพัมนาชุมชนมีไม่เต็มที่เพราะอาจจะอยู่ไม่ นาน และเป็นกลุ่มที่ย้ายเขา้ มา “อยู่ในชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 (28 ปี ณ วันที่สัมภาษณ์) และเคยย้ายออกไป ซื้อบ้านอยู่แถวตลิ่งชัน เนื่องจากช่วงนี้ซื้อบ้านได้ราคาถูกจึงตัดสินใจย้าย.... แต่ก็ย้ายกลับมา อยู่ที่เดิม...” (สมั ภาษณ์ มณี จรโิ ชตมิ งคลกลุ , 29 ตุลาคม 2562) 50