Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือเตรียมสอบ ธรรมศึกษาชั้นเอก

คู่มือเตรียมสอบ ธรรมศึกษาชั้นเอก

Published by MBU SLC LIBRARY, 2021-10-15 03:41:08

Description: นักธรรมเอก

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org ฟรียมิบุคคลเหมือนดอกบัว ๔เหล่า . ๑. อุคฆฏิต้ญฌู บุคคลผ้มืป้ฌญวดี และมีกิเลสเบาบาง สามารถ รู1ด้เร็วพลัน เหมือนดอกบัวที่ขนพ้นจากนํ้าแล้ว พอตอ่งแสงอากิตยกิ เบ่งบานในทันที่ ๒. วิปจตัญฌ- บุคคลผ้มีบัญญาปานกลาง เมื่อได้ฟ้งซํ้าอีกครั้ง หนึ่ง กิสามารถบรรลุธฺรรมไดี เหมือนดอกบัวที่ขึ้นเสมอนํ้า และลัก บานในวันพรุ่งนี้ ๓. เนยยะ บุคคลผู้มืบัญญาน้อย เมื่อได้ฟ้'งบ่อยๆ พยายาม ทัาความเพียรโดยไม่ขาดตอน กิสา'มารถบรรลุธรรมได้ เหมือนดอกบัว ที่อยูโด้นี้ามืโอกาสที่จะบานในวันต่อๆ ไป ๔. ปทปรมะ บุคคลผู้ด้อยบัญญา ยากที่จะสั่งสฺอนได้ แมใด้ฟัง ธรร่มกิลักเป็นอุปนิลัยบัจลัยในภพต่อไป .เหมือนดอกบัวที่เพีง่งอกขึ้น ใหม่อยูใด้นํ้าย่อมเป็นอาหารของปลาและเต่าฉะนั้น อายสังขาราธิษฐาน ครั้น่ทรงพีจารณาเปรียบเทียบอุปนิลัยบุคคลด้วยดอกบัว-๔ เหล่าเซ่นนี้แล้ว ทร่งฒั้พระปณิธานในการแสดงธรร่มแกิเหล่าเวไนยลัตว และจะดำรงพระซนมายุอยู่จนกว่าจะประกาศพระศาสนาให้แพร่หลาย ประดิษฐานอย่างมนคงถาวร เรียกว่า ทรงทัาอายุสังขารารษฐาน พิจารณาผู้ฟ้งธรรมคนแรก ทรงพิจารณาถึงบุคคลที่สมควรรับพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก โดยทรงระลึกถึงอาจารย์ ๒ ท่าน คือ อาฬารดาบส และอุททกดาบส ว่าทงสองท่านมืสดิบัญญาเฉัลึยวฉลาดสามารถ่รู้ธร่รม่ได้พลัน แต่ว่า dro

www.kalyanamitra.org ท่านทั้งสองได้สิ้นชีพเสียแล้ว ต่อ่มาทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ซึ่งได้เคย อป๋ฏฐากดูแล^^ระองค์ในตอนที่ทรงทำทุกรกิริยา ว่าเปีนผู้มีอุปนิส้'ยแก่ กล้าสมฺควรที่จะสดบเทศนาขอ:gพระองค์ พบอุปกาชีวก หลังจากทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังเมือง ะ พาราณสี คฑั้4ถึงระหว่างแม่นํ้าคํยาภับด้นพระศรีมหาโพ& ทรงพบกับ อุปกาชีวกเดินผ่านมาพอดี อุปกาชีจกฺได้เห็นพระฉวีวรรณของพระอ.งค์ , มีรัศมีผ่องใสยิ่งนัก จึงเข้าไปไต่ลามจนทราบว่า พระองค์เปีนพระสยัมอุ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบไม่มี^ดเปีนอาจารย์ อุปกาชีวกเห็นว่าจริงตามที พระองค์ตรัสจึงกล่าวว่า ควรที่ท่านจะได้นามว่า พฺระอนันตชีนะ กล่าว สรรเสริญพุทธคุณแล้วหลึกไป พระพุทธองค์ได้เส์ด็จต่อไปจนถึงป้า อิสิปตนมฤคทายวัน เมีองพาราณสี แคว้นกาสี s . โปรดป๋ญจวัคคีย์ ป้ญจวัคคีย์เห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกล ตั้งกดิกากนว่า พวกเราจะไม่ลุกขึ้นด้อนรับแต่จะปูอาสนะไว้ให้ เมื่อเสด็จมาถึงต่างลืม กดิกาที่ตั้งไว้ เข้าไปด้อนรับพระองค์เปีนอย่างด็ แต่ยังพูดด้วยค์าว่า อาวุโส และเรียกพระองค์ว่า โคตม ซึ่งเปีนกิริยาวาจาที่ไม่เคารพ พระพุทธองค์ทรงห้ามแล้วตรัสว่า \"เราได้บรรลุอมตธรรมแล้ว เธอทั้ง หลายจงฟังเกิด่ เมื่อเธอทั้งหลายปฏบตตามที่เรากล่าวสอ,นก็จักบรรลุ อมตธรรม\" ป๋ญจวัคคีย์ไม่เซึ่อที่พระองค์ตรัส จึงตรัสยํ้าอีกว่า \"เราเคฺย กล่าวถอยคำเช่นนี้ภับพวกท่านในกาลก่อนหรือไม่\" ในที่สุตป๋ญจวัคคีย์. ระลึกได้ว่า พระวาจาเช่นนี้พระองค์ไม่เคยตรัสจึงฟังธรรมด้วยความ เคารพ เ&โ๑

www.kalyanamitra.org ปฐมเทศนา วนอาสาฬหบูชา ขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๘ พระพุทธองศต่รสเรียก ป๋ญจวัคคีย์มาพร้อมกันแล้วทรงแสดงธรรมเทศนาชื่อ \"ธัมมจกกัปป- วัตตนสูตร\" แก่พวกเขาโดยลำดับ ตอนที่ ๑ ทรงแสตงทางสุดโต่ง ๒ สาย ที่บรรพชิตไม่ศวร ดำ เนน ดือฺ ๑. กามสุข'ลลกานุโยค การประกอบดนให้พัวพันอยูในกาม ๒.อัตตกลมถานุโยค การทรมานกายให้ลำบาก' ตอนที่ ๒ ทรงแสตงมัชฌิมาปฏิปทา ดือทางสายกสางมรรคมี องค์ ๘ ที่บรรพชิตควรดำเนิน่ ดือ ๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ/ ๒.สัมมาสังกัปปะ - ความดำรีชอบ ๓. สัมมาวาจา วาจาชอบ -. ๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ ๔.สัมมาอาชิวะ การเลี้ยงชิพชอบ ๖. สัมมาวายามร ความเพียรชอบ ๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ ๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจชอบ - ตอนที่ ๓ ทรงแสตงอรียสัจ ๔ ๑. ทุกข์ ดือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ๒. สมุทัย ดือเหตุเกิดทุกข์ ๓.นโรธ ดือความดับทุกข์ ๔. มรรค ดือฃอปฏิบติให้ถึงความดับฺทุกข์ ๕:๒

www.kalyanamitra.org 1 -JI.' อัญญาโกณฑ'ญญะบรรลุธรรม หลังจากจบพระธรรมเทศนา ธรรมจักษุ คือดวงตาเห็นธรรมได้ เกิดแก่ท่านโกณฑัญญะว่า \"สิงใดสิงหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิงนั้นทั้งหมดล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา\" พระพุทธองค์ทรง ทราบว่าโกณฑัญญะได้ดวงดาเห็นธรรมแล้วจึงทรงเปล่งพระอุทานว่า \"อัญฌาสิ วะดะ โภ โกณฑัญโญๆ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอๆ\" ตั้ง แต่นั้นมาท่านโกณฑัญญะจึงมีคำนำหน้าชื่อว่า อ'ฌญาโกณฑัญญะ ป๋'ญหาและเฉลยปริเฉทที่ ๓ ๑. หลังจากตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทที่ใด? . ก. ร่มไม้พระศรีมหาโพธ ข. ร่มไม้ราชายตนะ ค. ร่มไม้อชปาลนิโครธ ง. ร่มไม้มฺจสินท์

www.kalyanamitra.org ๒. ผู้ที่สามารถเข้าใจได้ต่อเมื่อคนอื่นอธิบายความตรงกับข้อใด? ภ, อุคฆฎิตัญฌ ข. วิปจิตัญญ ค. เนยยะ ง..ปทปรมะ ๓. เทววาจิกอุบาสกคือใคร ? ก. อนาถบิณฑิกเศรษฐี ข. บิดาพระยสะ ค. พระเจ้าพิมพิสาร ง. ตปุสฺสะและภัลสิกะ ๔. เจดีย!ด เรียกว่า•\"เจดีย์เรือนแก้ว\"? , ก. อนิมิสเจดีย์ ข. รัตนุฆรเจดีย์ ค. รัตนจงกรมเจดีย์ ง. บริโภคเจดีย์ ๔. สัปดาห์ที่ ๗ประทับที่ด้นราชายตนะ ทรงพบกับใคร? ก. พราหมณหหุก.ชาติ ข. ตปุสสะและภลสิกะ ค. พระยานาคมุจลินห์ ง. ยสกลบุตร ๖.การปฏิบิติทางสายกลางคือข้อใด ? ก. อริยสัจ ๔ ข่. อินทรีย์ ๔ ค. มรรคมีองค์ ๘ . ง. สัมมัปปธาน ๔ ๗. สถานที่เพ่งดูด้นพรฺะศรีมหาโพธิ้มีได้กระพริบพระเนตร เรียกว่า...? ก. อนิมีสเจดีย์ ข. รัตนฆรเจดีย์ ค. รัตนจงกรมเจดีย์ ง, รัตนเจดีย์ ๘. พระพุทธเจ้าประทับเสวยวมุตตสุ่ข้ หสังจากตรัสรูกี่รัน? . ก. ๗ รัน ข. ๒๑ รัน ค. ๒๘ รัน ง. ๔๙ รัน ๙. พระพุทธเจ้าทรงผจญกับธิดาของพญามาร ณ สถานที่ใด? ก. อนมิสเจดีย์ ข. รัตนจงกรมเจดีย์ ค. ด้นอชปาลนิโครธ ง. ด้นราชายตนะ ๑๐. ตปุสสะกับกัลลฺกะ แสดงตนเป็นอุบาสกที่ไหน? - ก. อชปาลนิโครธ ข. มุจลินห์ ค. ราชายดนพฤกษ์ . ง. อัสสัตถพฤกษ์ arar

www.kalyanamitra.org ผู้ที่สามารถเข้าใจธรรมะได้โดยเร็วพลันติรงกับข้อใด? ก. อุคฆฏิตญฌ ข. วิปจิตัญฌู - ค. เนยยะ ง.ฺ ปทปรมะ ๑๒.ในปฐมเทศนาทุ่กข้อะไรที่ทุกคนฺด้องประสบ? ก. เกิด แก่ ดาย ข. ร้องไห้ เสียใจ ค. ผดหวัง รำ พน ง. เครียด หงุด^งิด ๑๓.โดยรุจบยอดทุกข้มีอยางเสียว คืออะไร? ก. ความตาย ข. ความยึดมั่น ค. ความทะยานยาก ง. ความล้มเหลว ๑๔. เรุาจักดบทุกข้หนึ่งเสียวนั้นได้เดฺดขาด ด้วยวิftด? .ก. ไตรสิกขา ข. มรรคมีองค ๔ ค. เจริญวิปัสสนา ง. ถกทุยข้อ ๑๔. ขณะเสวยวิมุตติธุฒที่^นฆรเจดีย์ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาอะไร? ก. พระสูดร •ข่. พระวินัย ค. พระอภิธรรม ง. เวไนยลัดว ๑๖. ตปุสุสะและภลสิกะ ถึงพระพุทธฺ พระธรรมเป็นที่พึ่งที่ไหน? ก.มุจสินท . ข. ศรีมหาโพธ' ค. อชปาลนิโครธ ง. ราชายตนะ ๑๗. คนเซนไร มีปัญญาเปรียบด้วยบัวเสมอนํ้า ซึ๋ป็จะบานในวันร่งขึ้แ? ก. อุคฆฏิตัญฌู ข. วิปจิตัญฌู ค.. เนยยะ ง. ปทปรมะ ๑๘. ทางสายกลางอันจะนำไป่สู่การตรัสรู้ฃองพระองคได้ คืออะไร? ก. อริยสัจ ๔ ข. โลกธรรม ๘ ค. วิสุทธิ ๗ ง. มรรคมีองค์ ๘ ๕๕

www.kalyanamitra.org ๑๙.ใครออกบวช เพ่ราะเร่อมั่นในวิชาการทานายทายทก ? ก. พระวิงคีสะ ข. พระมหากัสสปะ ค่. พระอัญฌาโกณฑญญะ ง. พระยสกุลบุต่ร ๒๐. คำ ว่า \"รดตญญ\"ในตำแหน่งเอตทัคคะ มีความหมายอย่างไร? ก่. ผู้รู้กาลนาน ข. ผู้มีอายุมาก ค..^ธรรมมาก ง.^ธรรมก่อนผู้อื่น ๒๑. คำ ว่า \"สิงใดสิงหนึ๋งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิงนั้นทั้งหมด ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา\"เกิดขึ้นแก่ใครเป็นครั้งแรก ? ก. พระวัปปะ ข. พระภัททิยะ ค.พระโกณทัญญะ ง. พระอัสสชิ ๒๒. บุคคลผู้ไม่สามารถแนะนำให้รู้ตามได้ เปรียบด้วยบัวชนิดได ? ก. บวใตนํ้า ข. บัวเสมอนั้า ค. บัวพ้นนํ้า ง. บัวพ้นนํ้าพร้อมบาน ๒๓.ข้อใดกล่าวถึงพระอัญญาโกณฑฌญะไม่ถูกด้อง ? ก. เป็นปฐมสาวก ข. เป็นลุงปุณณมาณพ ค. เกิดที่บานโทณวดกุ ง. เป็นบุตรกปีลพราหมณ์ ๒๔. เมื่อพระพทธองค์ตรัสบอกการบรรลุอมดธรรมแก่บัญจวัคคีย พวก เขาคิดอยางไร? .ก. วางเฉย ข. ลังเลใจ ค. ดัดด้าน ง. ไม่ดัดด้าน ๑. ก ๒. ข เฉลย ๔. ข ๔. ข ๖.' ค ๙. ค ๑๐. ค ๑๑. ก ๗. ก \" ๓. ง ๑๔. ง ๑๔.ค ๑๖. ง ๘. ง ๑๙. ค ๒๐. ง ๒๑. ค ๑๒. ก ๑๓. ข ๒๔ ค ๑๗. ข ๑๘. ง ๒๒. ก ๒๓. ง ๕๖

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๔ วาด้วยการประทานเอหิภิกฃลุปสัมปทา โกผ่ฑัญญะชออุปสมบท ทรงแสดงรมมฬัทปปวัตตนสูตรแก่ป๋'ญจวัคคีย์จบ่ ทาน โกณฑฺญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ได้กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทกับ พระพุทธองค ทรงประทานการอุปสมบทด้วยพระดารสว่า \"เธอจงเ!!เน ภิกษุมาเสิดธร่รมอัน่เรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤดีพรหมจรรย์เพอ ทำ ที่สุดแฟงทุ่กขโดยชอบเถด\" การอุปสมบทด้วยวิธีนี้เรียกว่า เอห็ภิกขุอุปสมปทา พระกัญ- ญาโกณฑัญญะเป็นภิกษุองคแรกที่อุปสมบทด้วยวิธีนฺ และได้ชื่อว่า เป็นพระสงฟ้องค์แรกในพระพุทธศาสนาอีกด้วย พระรัดนะดวัยเกิดขึ้นครบครั้งแรกในวันอาสาฬหบูชา ขึ้น ๑๔ คํ่าเดีอ่น ๘ ทรงแสดงอนตดลักขณสูตร พระพุทธองคทรงลิ่ฬสอนนักบวชุทั้ง ๔ ด้วยปกิณกเทศนาให้ได้ ดวิงตาเห็นธรรมแล้วประทฺานอุปสมบทให้ ในวันแรม ๔:คํ่า เดือน ๘ drey

www.kalyanamitra.org เมื่อพระป๋'ญจ่ว้'คคีย์อินทรีย์แกกล้าแล้ว ทรงแสดงอนัตุ่ตลักฃณสูตร มีใจความสำคัญดังต่อไปนี้ ๑. ขันธ์ ๔ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่คัว ตน ถ้าเป็นคัวตน ก็จะบังคับบัญชาให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ได้ เพราะ ไม่ใช่ตัวตน จึงบังคับบัญชาไมได้ ๒. ตรัสถามให้ตอบเป็นข้อ ๆ ว่า ขันธ์ ๔ เที่ยงหรีอไม่เที่ยง ตอบว่า \"ไม่เที่ยง\" สิ่งที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข้หรีอเป็นสุข ตอบว่า \"เป็น ทุกข์\" เมื่อไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ควรหรีอที่ตามเห้นว่าเป็นตัวตนขอฺงเรา ตอฺบว่า 'ไม่ควรุ\" ๓. ตรัสสรุปว่า ควรเห็นด้วยบัญญาคันชอบว่า รูปเป็นด้นนั้น ทุกชนิตไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ^ ๔. ตร้สแสตงผลว่า อริยสาวกเมื่อเห็นอย่าง'ฒั้. ย่อมเบื่อหน่ายใน รูปเป็นด้น เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัต เพราะคลายกำห'นัตฺจึงหลุดพ้น เมื่อหลุตพ้นmว่าหลุตพ้นแล้ว รู้ว่าสิ้นชาติอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว องค์ พระองค์ได้เสด็จจำพรรษๆ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็น พรรษาแรก ยสกุลบุตร ในกรุงพาราณสี มีกุลบุตรอยู่คนหนึ๋รซื่อ ยสะ เป็นบุตรเศร มี ปราสาท ๓ หลังเป็นที่พักใน ๓ ฤดู ครั้งนั้นเป็นฤดูฝน ยสะนั้งอยู่ใน ปราสาทสำหรับพักในฤดูฝน มีนางบำเรอเป็นหญงล้วน คืนหนี้ฟ้เห็น'พวก บริวารนอนหลับมีอาการต่างๆ เช่น บางนาง'นฺอ'นมี'นํ้าลายุไหล บางนาง นอนละเมอเหมีอนซากศพในป่าช้า จึงเบื่อหน่ายชีวิตการครุองเรือน สวม ๕<ร

www.kalyanamitra.org รองเท้าเดินลงจากบ้านเดินพลางบ่นพลางว่า \"ที่นี่รุ่ยวายหนอ ที่นี่ขัดข้อง หนอ\" ไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตอนใกล้รุ่3ได้พบพระพุทธองค์กำลัง เสด็จจงกรมอยูในที่แจ้งทรงได้สดับเสียงของยสะ พระองค์จึงตรัสว่า \"ดู ก่อนยสะ ที่น!ม่วุ่แวาย ที่น!ม่ขัดข้อง มาเถิดยสะ นั่รลงเราจักแสดงธรรม แก่เธอ\" ยสะดีใจถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปหา ทรงแสดงอนุปุพพกถา และสานุกกงสิกธรรมคืออรัยสัจ ๔ ให้ฟัง เมื่อจบพระธรรมเทศนา ยสะได้ ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน อนุปุพฟิกถา อนุปุพพิกถา คือถ้อยคำที่กล่าวโดยลำดับ ๔ ประการ ๑. ทานกถา คือ กล่าวถึงการให้ทาน ๒. สีลกถา คือ กล่าวถึงการรักษากายวาจา ให้เรียบร้อย ๓. สัคคกถา คือ กล่าวถึงสวรรค์ว่าเมื่อบุคคลให้ทาน รักษาศีล แล้วจะมีสวรรค์เป็นที่!ป

www.kalyanamitra.org ๔. กามาฑีนวกถา คือกล่าวถึงความตํ่าทราม ความเศร้าหมอง ของกามว่าเป็นที่มาของความทุกข์ ๕. เนกขัมมานิแงสกลา คือฺ กล่าวถึงอานิสงสัIนการออกจากกาม่ บุคคลที่เหมาะสมในการฟ้งธรรมอนุปุพพิกถาและอรยส้จ ๔ . ๑. เป็นมนุษย์ ๒. เป็นคฤหัสถ์ ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้าควรแก่การบรรลุโลกตตรธรรมในที่นั้น ป?มอบาสก d» 9 ค^รุ่งเช้ามารดาตึ่นขึ้นมาไมีเห็นยิสะ จึงบอกแก่สามีแล้วพากัน ออกติดตามไปยังทศตางๆ ส่วนเศรษฐีเตินไปทางป่าอิสิปตฺนมฤคทิายวน เห็นรaงเท้าของบุตร จึงเตินเช้าไป่ถามถึงบุตรกับพระพทธองค์ ทรงแสดง สิทธาภิสงฃาร คือการปรุงแตงฤทธิ๋ขน ไม่ให้บิดาเห็นบุตร ทรงแสดง อนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ โปรดเศรษฐี ครั้นจบ่ฟระธรรมเทศนุา เศรษฐีไดดวงดาเห็นธรรม สำ เร็จเป็นพระโสดาบัน ฝ่ายยสะนั้งฟ้งธรรม อยูดวยเป็นครั้งที่ ๒ ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต เศรษฐีประกาศตนิ เป็นอุบาสกขอถึงพระรัดนดรั้ยคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต เป็นอุบาสกคนแรกที่ฃอถึงพระรัตฺนตรัยเป็น สรณะในโลก เรียกว่า เตวาจิกอบๅสก ยสะทูลขอบวช ค.รั้นยสะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์แล้ว พระพุทธองค์ทรง คลายฤทธิ้ให้บิดากับบุตรได้เห็นกัน เศรษฐีได้ชวนยสะกสับบาน ๖๐

www.kalyanamitra.org พระองคตร้ลว่า ยสะเป็นพระอรหันต์แล้วไฝใช่ผู้ทีจะกลับไปครองเรือน อีก เศรษฐีอาราธนาพระองต์ไปเสวยภัตตาหารที่บ้านในวันรุ่งขึ้น เมื่อ เศรษฐีกลับไปแล้วยสะกราบทูลขออุปสมบท ทรงอนุญาตด้วยพระ ดำ รัสว่า \"เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอ้นเรากล่าวดีแล้ว เธอจง ประพฤดีพรหมจรรย์เถิด\" ไม่มีคำว่า \"เพื่อทำทีสุดแห่งทุกข์โดยชอบ เถิด\" เพราะว่ายสะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว ♦i'' ปรูผอุบาสิกา ในวันรุ่งขึ้น พระพุทธองต์เสดีจไปบ้านเศรษฐีมีพระยสะเป็นผู้ ติดตาม ประหับนั่งบนพุทธอาสน์ ลำ ดับนั้นมารดาและภริยาเก่าของ พระยสะได้เข้าเ?เา พระองต์ทรงแสดงอนุปุพพิกถาและอริยลัจ ๔ ให้ฟัง เมื่อจบพระธรรมเทศนา มารดาและอดีตภรรยาของพระยสะ ได้บรรลุ ธรรมเป็นพระโสดาบัน จึงประกาศตนเป็นอุบาสิกาขอถึงพระรัตนตรัย

www.kalyanamitra.org มีพระพทธ่ พระธรรม และพระสงฆ เป็นสรณะตลอดซืวิต ต่อจากนั้น บิดามารดาและภริยาเก่าได้ถวายภัตตาพารอันประณีตแต่พ^ะพทธองค และพระยสะ เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้วเสด็จกลับป่าอิสิปตนมฤคทายวน มารดาและภริยาเก่าของพระยสะ เป็นอุบาสิกาคู่แรกในโลกที่ขอสิง พระรัตนตรย เรียกว่า เตวาจิกอุบาสิกา เพื่อนพระยสะ ๔๔ คนออกบวช บ^รเศรษฐีชาวเมืองพาราณสี ๔ คน คือ ริมละ สุพาหุ ปุณณชิ และครัมปติ ทราบขำวว่า ยสะออกบวชแล้ว จึงคืตว่า \"ธรรมรินยและ บรรพชาที่ยสะออกจากเรีอนบวชเป็นบรรพชิตฺนั้น คงไม่ตฺาทรามเป็น แ# พากนไปหาพระยสะ ท่านพาไปเช้าเ^าพระพทธองค ทรงแสดง อนุปพพิกถาและอริยสจ ๔ ใท่ฟ็ง พอจบพระธรรมเทศนาแล้ว ได้ บิรรลธรรมเป็นพระโสดาบัน จึงทูลอุปสมบท เมื่ออุปสมบทแล้วทรง โอวาทลังสอนด้วยธรรมกถา จิต่ของภิกษุเหลานั้นหลุดพ้นจากอาสวะ สำ เร็จเป็นพระอรหันต สหายชาวชนบทของพระยสะอก ๔๐;คน ทราบข่าวการออกบวช ของพระยสะ จึงชวนอันไปหาและขอใหัพาเช้าฟ้าพระพุทธองคุ ทรง แสดงอนุปุพพ้กถาและอริยลัจ ๔ ให้ฟัง ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วทูล อุปสมบท ต่อมาได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต ๔๐ องคพร้อมภัน มี พระอรหนต์เกิดขึ้นแล้วในโลก ๖๑ องค์ คือ ๑. พระลัมมาลัมพุทธเจ้า ๒. พระบัญจรัคย์สิออัญญาโกณฑญดูะวุปปะภัฑทิยะ มหานามะ อัสสชิ ๓. ยสะ ริมละ สุพาหุ ปณณชิ ครัมปติ ๔. เพื่อนยสะอีก ๔๐ คน ๖๒

www.kalyanamitra.org ปัญหาและเฉลยปรเฉทที่ ๔ ๑. พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษาแรก ณ สถานที่ใด? ^ '- ก.อุรุเวลาเสนานิคม ข.วัดเวฬุวัน ค. ป้าอิสิปค่นมฤคทายวัน ง. วัดเซตวัน .๒. พระพุทธเจ้าทรงแสดงไตรลกษณครั้งแรกแกใคร? ก. พระยสะ ข. ปัญจวัคคีย์ ค. สหายพระยสะ ง. พระมหากสสปะ ๓. พระยสะบรรลุอรหัตตผล เพราะฟังธรรมเทศนาร่อวาอะไร? ก. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ข. อนิตตลักขถ;เสูตร ค. อาทิตตปริยายสูตร ง. อนุปุพพิกถาและอริยฺลัจ ๔ ๔. พระอริยสาวกองค์ที่ ๖ คือใคร? . ก. พระกัสสชิ ข. พระวิมล« ค. พระยสะ ง. พระลุพาหุ ๔. เรื่องที่กล่าวถึงการรักษากาย วาจา ให้เรียบร้อยร่อวิาอะไร? ก. ทานกถา ข. ค. ลัคคกถา ง. กามาทีนวกถา ๖. พระธรรมเทศนาใด กล่าวเรื่องขันธ ๔? ก. อนัตตลักขณสูตร ข. เวสสันดรชาตก ค. อนุปุพพิกฺถา ง. สามุกกังสิกเทศนา ๗. พระอริยสาวกรูปที่ ๑๐ มีร่อว่าอะไร? ก. พระควัมปติ ข. พระอุรุเวลกัสสปะ ค. พระสารีบุตร ง. พระยสะ ๘. พระกัญญาโกณฑัญญะบรรลุพระอรหันค์ เพราะฟังธรรมอะไร? ก. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ข. อนัตตลักขณสูตร ค. อาทิตตปริยายสูตร ง. เวทนาปริคคหสูตร ๖๓

www.kalyanamitra.org ๙.ยสกุลบุตรพบพระพุทธเจ้า ไนพระอิรยาบถใด? ก.ประทับยืน ข. เสด็จจงกรฺม ค. ประทับนั่ง ง. บรรฺทน ๑๐.ใครบรรลุพระอรทันต์ เพราะได้ฟังอนัดตลักขณสูตร? ก. พระภัททิยะ ข. พระอานนทั ค. พระกิมพิละ ง. พระอนุรุทธะ ๑๑. เรื่องไตรลักษ'ณที่ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ อยู่ไนพระสูตรใด ? ก. อัคคปปสาทสูตร ข.- อาทิตตปริยายสูตร ค. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ง. อนัตตลักขณสูตร ๑๒. ข้อใด เ?!นซื่อสามุกกั3สิกธรรม ธรรมที่พระพุทธองคทฺรงแสดงเอง? ก. เวทนาปริคคหสูตร ข. วิสุทธิ๗ ค.กถาวัตถุ๑๐ ง. อริยลัจ๔ ๑๓. ปฐมอุบาสิกาในพระพุทธศาสนา คีอใคร? ก. มารคาและภรรยาเก่าพระยสะ ข. พี่สาวและภรรยาเก่าพระยสะ . ค. มารดาและบิดาของพระยสะ ง. ภรรยาและเพี่อนของพระยสะ ๑. ค ๒. ข เฉลย ๔. ค ๔. ข ๖. ก ๗. ก ๙. ข ๑๐. ก ๑๑. ง ๑๒. ง ๓. ง ๘. ข ๑๓. ก ๖๙

www.kalyanamitra.org ปรเฉทุ'itff วาด้รยการ่ปร่ะกาศพระศาส!พา พระรรรมชุฟิรุ่นแรกของโลก เมอพร่ะสงฟ้สาวกมากขึ้นตามลำดับ พระพทธเจ้าทรงปรารภ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อสันติสุขของซาวโลก _จึงตฺรัสุเรียก พระสาวกทั้ง ๖๐ รูปมาประชุมพร้อมกนแล้ว ตรัสว่า \"ดูก้อi๓กษุทั้ง หลาย เราพ้นแล้วจาทบวงทั้งปวง ทั้งที่เรเนของทพยและของมนษย์ แม้พวกเธอก็พ้นแล้วจากปวงทั้งปวง ทั้งที่เป็นของทิพยและของมใเษย พวกเธอจงเที่ยวจารุกไปเพื่อประโยชนและความส่ฃแก้ชนหมู่มาก เพื่อ ^ อนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อถูล และความสุขแก้ทวยเทพและ มนุษย์ทั้งหลาย พวกเร่ออย่าไ^ป^มทางเดียวทนสองรูป จงแสดง ธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด จงประกาศ พรหมจรรย์.พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะให์ครบบริบูรณ์บริสุทธิ้ สัดว์ทั้3หลายจำพวกที่มีธุสิ ดีอ กิเลสในจักษุน้อยมีอย่ เพ^ะใม่ใดพ้ง ธรรมย่อมเสิอม ผู้รู้ที่วถงธรรมจักมี ดูก้อนภกษุทั้งหลาย แม้เราก็จัก' ใปยังดาบฺลอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรมเหมือนกัน\" ภิกษุสงฆ ทั้ง ๖๐ รูป รับทราบพุทธดำรัสแล้ว กราบทูลลาพระพุทธเจ้าใปเผยแผ่ พระศาสนาตามทิศต่างๆ ๖๕

www.kalyanamitra.org ^- พระฝืงฟ้ให้กลบุตรบรรพซาอุปสมบท พระสาวกทั้ง ๖๐ องค์ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่างๆ มี กุลบุตรศรัทธาเลื่อมใสมาก ต้องการบวช ทำ ให้มีอุปสรรคลำบากใน การเดินทาง พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระสาวกบรรพชาอุปสมบท กุลบุตรไต้เอง โดยต้องปฏิบ้ติดังนี้ ๑. ให้ปลงผมและหนวด ๒. ให้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ๓.ให้กราบภิกษุทั้งหลายแล้ว ว่าตาม ๓ ครั้งดังนี้ \"ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฟ้ ว่าเป็นที่พึ่ง\" พระองค์ทรงอนุญาตให้อุปสมบทด้วยไตรสรณาคมน์เป็นครั้ง แรกอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นมาการอุปสมบทมี ๒ วิธี คือ ๑. เอหิภิกขุอุปสัมปทา พระพุทธองค์ทรงบวชให้เอง ๒.■ติสรณคมนูปสัมปทา พระสาวกบวชให้

www.kalyanamitra.org พทธวิธีในการแสดงธรรม การสอนของพระพุทธเจ้า.แต่ละครั้งหรือการสนทนาทั่วไปจะ ดาเนินIปอย่างสำเร็จผลดีโดยมีองคประกอบที่สำคญ ๔ ประการ คือ ๑.. สันฑสสนา ทรงชี้แจงให้เห็นิชัด คือทรงแสดงเหตุผลให้ ชัดเจนจนผู้ฟ้งเขาใจแจ่มแจ้งเห็นจรืง ๒. สมาทปนา ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบต คือทรงแนะนำ ให้เห็นคุณค่าความสำคัญจนใจยอมรับอยากลงมีอปฏิบ้ติ - ๓. สมุดเตชนา เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า คือทรงสอนให้มี- กำ ลงใจมนใจที่จะทำให้สำเร็จ พ.สัมปห็งสฺนา ฟ้สallจ!ห้สดชื่นรา#3 คือทรงสอฬุ่หแฟ้ม่ชื่นิ เปิก่บานโดยชี้1ห้เห็น.ผลดีหรือประโยชนฺที่จะได้ร้บ อ่ากา^'พระพุทธเจ้าทรง สอน ๓ อย่าง ๑. ทรงทั่ร่สอในิห้ผู้ใ^รูยิ๋งเทั่นจ่ริ^ธรรมที่ควรัรู้ควพห็น ๒. mงทั่aสอนมีเหตุมีผลที่เฟิงอาจตรองตา§11ห็เห็นจ่รืงได้ , ๓. ทรงสงสอนเบนอศจรรยทผูปฏบตตาม ยอมใด้รบผลเตย ลมควรแก่การปฐบสิ โปรดภททวัคคีย์ ๓๐ คน พระพุทธองค์เสด็จไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคมแล้วทรงหยุดฟ้า ที่ร็มไม้โนไร่ฝืาย ขณะพั้มีชายหนุ่มประมาณ์ ๓๐ คน เป็นสหายที่รัก ใคร่กนํเรืยกว่า ภัททวัคคืย อยู้ในราชวงค์โกุศล พาภรรยาของตนไป เที่ยวที่ไร่?เาย แต่หนึ่งในนั้นไ§4มีภรรย่าจึงนำหญิงโสเภณีมาเที่ยวด้วย หญิงนั้นํเห็นคนเหล่านั้นเผลอ จึงถือโอกาลขโมยเครื่องประคับหนีไป ๖๙

www.kalyanamitra.org ชายหนุ่มทั้งหมดจึงพากันติดตาม และได้พบพระพุทธองค์^งประทับ อยู่ที่ไร่ฝ่ายนั้น ได้กราบทูลถามว่าพระองคทรงเห็นผู้หญงผ่านมาทาง นี้หรือไม่ พระพุทธองค์ตรัสถามว่า ท่านทั้งหลายจะแสวงหาหญิง ประเสริฐกว่าหรือแสวงหาตนเองประเสริฐกฺว่า ทั้งหมดกราบทูลว่า แสวงหาตนประเสริฐกว่า ทรงแสดงธรรมโปรดจนได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วประทานอนุญาตให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และตรัสสอนให้ บรรลุมรรคผลชั้นสูงตามลำดับ จากนั้นจึงสงไปประกาศพระศาสนา พระอุรุเวลกัสสปะ ซื่อเติมว่า กัสสปะ บิดามารดาไม่ปรากฏซื่อ เกิดในวรรณะพราหมณที่เมืองพาราณสี แคว้นกาสี ตระกูลกัสสปโคตร ศึกษาจบไตรเพทตามลัทธิพราหมณ ท่านมืน้องชายสองคนซื่อกัสสปะ เหมือนกัน ต่อมาทั้ง ๓ ท่านพิจารณาเห็นว่าความรู้ที่มือยู่นั้นไม่มื

www.kalyanamitra.org สาระแก่นสาร มีแต่เพียงประโยชฟ้,น!!จจุ่บ้นเท่านั้แ จึงได้ชักช่วนกันออก บวชเป็นฤษี บำ เพีญพรตด้วยการบูชาไฟ พี่ชายคนโต^อาศรมอยู่ที่|ม ฝ็งแม่นํ้าคงคา ต่าบลอุรุเวลาเสนานิคม จึงได้นามว่า อุรุเวลกัฝึส่ปะ มี บริวาร ๔๐๐ คน น้องชายคนกลางฒั้อาศรมอยู่ที่ทางโค้งแม่นํ้าคงคา .จึง ได้นามว่า นทีกัสสปะ มีบริวาร ๓๐๐ คน น้องชายคนเล็กฒั้อาศรมอยู่ที่ ต่าบลคยาสีสะ จึงได้นามว่าคยากัสสปะ มีบริวาร ๒๐๐ คน มูลแห่งการออกบวช เมื่อพระพุทธองค้ทรงส่งพระสาวก ๖๐ องค้ไปประกาศพร่ะศาสนา รงแว่นแคว้นต่างๆ พระองค์เสด็จไปที่แคว้นมคธ เมื่อโปรดอุรุเวลกัสสปะ ระหว่างทางทรงเทศน้าโปรดภั่ททวัคคีย์กุมาร ๓๐ คน ทรงประทานการ บวชแบบเอทีภิกษอุปสัมปทาให้แล้ว ส่งฺไปประกาศพระศาสนา ต่อจาก นั้นเสด็จไปตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ทรงแสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ จน อุรุเวลกัสสปะละทิฏเมานะกสับมาเลื่อมใส เหนว่าสัทธิของดนเองไม่มี แก่นสารอะไร จึงทลขอบวช อรเวลกัสสปะพร้อมทั้งบริวารพากันลอย บพลLครึ่^^^^^^^ บวชให้ด้วยวิธีเอหิภิกษอุปสัมปทา ด้วยพระตำรัสว่า \"เธอจงเป็นภิกษุ มาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอ่จงประพฤดีพรหมจรรย์ เพี่อ ท่าที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด\" บรรลุธรรมเป็นุพระอรหันต น้องชาย ๒ คนพร้อมทั้งบริวาร เมื่อเห็นบริขารของพี่ชายลอย มาดามแม่นํ้า ได้เดินทางไปที่สำนักของพี่ชาย ขอบวชในสำนักของ พระพุทธองค์ ทรงประทานการบวชให้ด้วยวิธีเอหิภิก่ขุอุปสัมปทา เมื่อ บุญบารมีของพระภิกษุ ๑,๐๐๓ รูปนั้นแก่กล้าแล้ว ทรงเสด็จไปที่ ๖๙

www.kalyanamitra.org ตำ บล่คยาสีสะพร้อมด้วยสืกษุทั้งหมด ทรงแสดงอาทิตดปริยายสูตร สูดฟาด้วยอายตนะฏฺฐิฟ่และภายฬอทเป็นชองร้อน มีเนื้อดุวามโดย ยอว่า \"ดา หู จมูก. ลิ้น กาย และใจเป็นของร้อน ร้อนIพราะอะไร ร้อนเพราะไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเทิด ความแก่ ความดาย ร้อนเพฺราะความเศร้าโศก ความครํ่าครทญ ความ ทุกข์ ความโทมนสและความคบแค้นใจ\" เมื่อจบพระธรรมเทศนา ภกษุ ๑,๐๐๓ รูป ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ตำ แหนงเอตทัคคะ พระอุรเวลกัสสปะท่านได้สั่งสอนประชาชนเป็นจานวนมากมี ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และเป็นพระที่มีบริวารมาก ได้รับ ยกย่องจากพระพุทธองต์ว่า \"เป็นผู้เลศกฺว่าทิกษุทั้งหลาย ผู้มีบริวาร มาก\" โปรดพระเจ้าพิมพิสารf พระพุทธองต์ทรงพาภิกษุ ๑,๐๐๓ รูป เสด็จไปเมืองราชคฤหั ประท้ฃอย่^วนดุาลหน่ผ่ ขื่อว่า ล้ฏฐิวน พระเจ้าพิมพิสารพระเจ้าแผ่นดิน แควนมคธทรงทราบข่าว พร้อมด้วยบริวารเสด็จไปเข้าเฝืา ทรงทอด พระเนตรเห็นบริวารของพระเจ้าพิมพิสารมีกิริยาอาการไม่เลื่อมใส จ้ง ตรัสให้พระอุรุเวลกัสสปะประกาศให็ดุนเหล่านั้นทํราบว่า ลัทธิของตน ไม่มีแก่นสาร จนคนเหล่านั้นหมดความส่งสย เพราะว่าคนเหล่านั้น เป็นลูกศิษย์ของญษีอุรุเวลกัสสปะมาก่อน ทรงแสดงอนุปุพพิกถาและ อริยสจ ๔ ให้ทัง เวลาจบพระธรรมเทศนา พระเจ้าพิมพิสารพร้อมทั้ง บริวาร ๑๑ นหุต ได้ดวงตาเห็นธรรมคือบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบน อีก ๑ นหุต ตั้งอผูในไตรสรณคมน(๑ นทุต = ๑๐,๐๐๐ คน) ๙๐

www.kalyanamitra.org >• t ■M .- ความปรารถนา ๕ ประการ พระเจ้าพิมพิสารกราบทูลพระพุทธองค์ถึงความปรารถนาของ พระองค์เมื่อยังเป็นพระราชกุมาร ๔ ประการ สำ เร็จสมความปรารถนา แล้ว คือ ๑. ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแคว้นมคธ ๒. ขอพระอรหันค์ผู้ตรัสรู้เอง มายังแว่นแคว้นของข้าพเจ้า ๓. ขอให้ข้าพเจ้าได้นั่งใกล้พระอรหันต์นั้น ๔. ขอให้พระอรหันต์นั้นแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้า ๔. ขอให้ข้าพเจ้าพึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระอรหันต์นั้น ครั้นแล้วกราบทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา ประกาศพระองค์ เป็นอุบาสกถึงพระรัดนดรัยเป็นสรณะตลอดพระชนมชีพ ทรงอาราธนา พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์เพื่อเสวยและฉั'แภัตตาหารในวันรุ่ง

www.kalyanamitra.org วัดแรกในพระทุฑธศาสนา ในวันรุ่งชึ้นพระพุทธองคเสสีจไป่เสวยที่พระราชนิIวฺศน์พร้อม ด้วยภิกษุสงฟ้ เมื่ออังคาสเสร็จแล้ว พระพุทธองคเสวยเสร็จแล้ว่ พ่ระเจ้าพิมพิสารทรงมีพระราชดำริว่า \"สวนเวฬุวันของเราพี้เล ไมใกล้ ไมใกลจากบ้านพั สะดวกด้ายการคมนาคม กลางวันไม่พลุกพล่านกลาง คืนเงียบส%เ เสิยงไม่กึกก้อง เป็นสถานที่ควรแก่ผู้ด้องการความสงัด และ ควรเป็นที่ทสิกเร้นอยู่ตามสมณริสัย\" ได้ทรงหลั่งนาจากพระเด้าทอง ถวายวัดเวฬุวันแดหมู่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข พร์ะองคทรงร็บแล้ว เสดจกลับ วัด่เวฬุวันจึงเป็นวัดฺแเรกในพระพุทธศาสนา ป๋ฌหาและเฉลยปริเฉทที่ ๙ ๑. ความปรารถนาฃ้อที่๔ของพระเจ้าพิมพิสารว่าอย่างไร? ก. ขอพระอรหันต์มาสู่แว่นแคว้นของเรา ข. ขอพระอรหันต์แสดงธรรมแก่เรา ค. ขอเราได้รู้ทวถึงธรรมของพระอรหันต์ ง. ขอเราได้เข้าไปนั่งใกล้พระอรหันต์ ๒. พระพุทธเจ้า ประดิษฐานพระพุทธศฺาสนาครั้ง่แรกที่ไหนั่? ' ก.แคว้นกาสิ ข.แค่ว้นวัชชี ค.แคว้นมัลละ ง. แคว้นมคธ ๓. อนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ ทร่งแสดงแก่ใค่ร? ก. ป๋ญจวัคคีย' ข. ภัททวัคคืย ๓0 คน 'ค. ชฎิล๓พี่น้อง ง.พระสาร็บุตร' ๔. อาทิต่ตปริยายสูตรทรงแสดงแก่ใคร? ก. มัญจวัคคืย ข. ภัททวัคคีย ๓๐ คน ค.ชฺฎิล๓พี่น้อง . ง.พระสารีบุตร 6/๒

www.kalyanamitra.org ๔.ใครเป็นผู้สร้างวัดเชต์วัน? ข. พระเจ้าอชาตศัตรู ก. เจ้าเซต ค.โฆสกเศรษฐี . ง.อนาถบิณฑิกเศรษฐี ๖. พระภัททวัคคีย์ได้ตวงตาเห็นธรรม เพราะฟังธรรมอ่ะไร? ก. อ่นุปุพพิกถากับอริยสัจ ข.*เวทนาปริคคหสูตร คฺ. อาทิตตปริยายสูต่ร ง. มหาสติปัฏฐานสูตร ๗. พระอุ่รุเวลกัสสปะไม่รนคีในการบูชาไฟ เพราะสาเหตุใด? ก. กสัวถูกทรมาน ข. บริวารหนีไปที่อื่น ศ.ไมไชทางนิพพาน . ง. อาศรมถูกไฟไหม้ ๘. พระเจ้าพิมพิสารถวายเวฬุวันอุทยาน ด้วยทฺรงเห็นอย่างไร? ก. มีเสียงอื้ออึงถึกก้อง ข. เหมาะแก่สมณวิสัย ค. มีมนุษย์พลุกพล่าน ง. อยู้ไกลจากพระนคร ๙. จุตประสงคหสักที่พระพุทธองค์ ทรงส่งพระสาวกไปประกาศพระ ศาสนา คีออะไร ? ก. เพื่อเผยแผ่พระศาสนา ข. เพื่อทำให้โลกร่มเย็น ค. เพื่อให้มหาชนหมดกิเลส ง. เพื่อประโยชนีสุขแก่มหาชน ๑๐. การประกาศพระศาสนาของสาวกยุคแรก มีอุปสรรคอย่างไร.? ก. มีคนเลื่อมใสน้อย ข. ถูกเจ้าลัทธิต่อด้าน ค.ให้อุปสมบทเองไม่ได้ ง. ทางสัญจรลำบากมาก ๑๑. ข้อใด กล่าวถึงพระเจ้าพิมพสารไม่ถูกด้อง ? s ก. เป็นพระอริยบุคคล ข. ถวายวัตแห่งแรก ค. พระราชาแคว้นมคธ ง. เป็นปฐมอุบาสก ๑๒. เหตุใด พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาในแคว้นมคธก่อน? ก. เพราะเป็ใแมีองเจริญ ข. เพราะมีเจ้าลัทธิอยู่มาก ค. เพราะชาวมคธนิมนค์ ง. เพราะเป็นทางผ่านพอดี. 6/๓

www.kalyanamitra.org .๑๓ พระพทธเจ้าทรงอาศัยคนกลุ่มใด จึงประกาศพระศาสนาได้เร็ว ? ก. นกบุวช ข. เศรษฐีคหบดี ค. สามัญซน ง. ก.ษุ้ตริย์และเจ้าลัทธิ ๑๔.คำว่า \"อฺรหันต\" เรียกกันมาตั้งแดเมื่อไร? ก. ก่อนพุทธกาล ข. ครั้งพุท่ธกาล ค. หลังพุทธกาล ง. ครั้งทำปฐมลังคายนา ๑๔. พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอะไร,โปรดพระเจ้าพิมพิสาร? ก. อาทิตดปริยายสูตร ข. อนัดตลักขณสูตร ค. อนุปุพพิกถา จตุราริยลัจ ง. ธัมมลักกัปปวัตตนสูตร ๑๖.ใครอุปสมบทด้วยวิธีเอทิภิกขอุปลัมปทา ขณะยังเป็นปถชน? จ ร่ ก. พรุะกัญญาโกณฑัญญะ ข. พระกัสสช ค. พระอุรเวลกัสสปะ ง. พรุะวัปปะ ๑. ค ๒. ง เฉลย ๔. ค ๔. ง ๖. ก ๗. ค ๙. ง ๑๐. ค ๑๑. ง ๑๒. ข ๓. ข ๑๔. ก ๑๔. ค ๘. ข ๑๖. ค ๑๓, ง ๙(ร:

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๖ ว่าด้วยพระอัครสาวกออกบวช พรรอดรสาวก พระสารีบุตร ซื่อเดิมว่า อุปดิสสะ บิดาซื่อว่า วงคันตพร่าหมณ์ มารดาชื่อว่า นางสารีพราหมณี เกิดในวรรณะพราหมณี ทหยู่บ้าน อุปดิสส่ะ ไกลเมืองราชคฤห์ และบิดาเป็นหัวหนาหมู่บ้านอุปดิสสคาม เสยได้ชื่อว่า อุปดิสสะ เมือบวชแล้วได้ชื่อว่า สารีบุตร เพราะว่าเป็น บุตรของนางสารี ทานมืน้องชาย ๓;ค์น และน้องสาว ๓ คน พระมหาโม่คคัลลานะ ชื่อเดิมว่า โกลดะ บตาชื่อว่า โกสิตะ .มารดาชื่อว่า โมคคัลลี เกิด่ในตระกูลพราหมณี ที่หมู่บ้านโกสิตคาม ไม่ไกลจิากกรุงราชคฤห. บิดาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านโกลิตะ เมึ่อบวชแล้ว ได้ชื่อว่า โมคคัลลานะ เพราะเป็นบุตรของนางโมคคัลลี ทั้งสองท่านเป็นสหายรักกินมืบรีวารคนละ ๔๐๐ บวชกับอาจารยคัญชัย อยู่มารันหนึ๋ง สหายทั้งสองกำลังดูมหรสพบนยอดเขาในกรุง ราชคฤหั มือาการและความรู้สึกไม่เหมือนเมื่อก่อน คือถึงตอนหัวเราะ e/4r

www.kalyanamitra.org ก็ไม่หัวเราะ ถึงตอนเศร้าโศกก็ไม่เศร้าโศก ถึงตอนให้รางวัล ก็ไมให้ รางวัล แต่มีความสลดไจว่า การดูมหรสพไม่มีประโยชน์อะไรเลย แมี คนที่กำล้ง์แสดงอยู่ฒั้ไม่ถึง ๑๐๐ ปี ก็ตายเหมือนกันหมด สหายทั้งสอง มีความเห้นตรงกันคิดกันว่า ควรออกบวชแสวงหาโมกขธรรมดีกว่า จึง ออกบวชอยูในสำนักของอาจารยสัญชัย่ปริพาชก พร้อมด้วยบริวาร คนละ ๒๔๐ มูลเหตุแห่งการออกบวช สหายทั้งสองเมื่อบวชแล้วไม่นานก็เรียนจนหมดความรู้ของ อาจารย์กัญชัย เห็นว่าลัทธินี้ไม่มีสำระประโยชน์อะไรเลย ทั้งสองจึง แสวงหาโมกขธรรมต่อไปและได้ทำกติกากันว่า 'ใครบรรลุอมตธรรม ก่อน จงบอกแก่อีกคนหนึ่งด้วย\" วันหนึ่งอุปติสสปริพาชกเข้าไปในเมืองราชคฤห้เห็นพระอัสสชิ กำ ลังบิณฑบาต คิดว่านักบวชผู้มีกิริยาอาการน่าเลื่อมใสขนาดนี้เราไม่ เคยเห็นมาก่อน ท่านน่าจะมีธรรมละเอียดอยู่ภายใน เกิดความเลื่อมใส จึงเตินติดดามํไปข้างหลัง เมื่อท่านฉันกัดดาหารเสรีจแล้ว เรียนถาม ว่า '^ข้าแต่ท่านผูมีอายุอีนทรีย์ฃองท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณของ ท่ๅนก็ผ่องใส ท่านบวชในสำนักของใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน และ ท่วน่ชอบใจธรรุมของใคร\" พระอัสสชิดอบว่า \"ผู้มีอายุ เราบวช เจาะจงพระมหาสมณะศากยบุตร พระองค์เป็นศาสดาของเรา เรา ชอบใจ.ธรรมของท่าน\" จึงขอให้ท่านแสดงธรรมให้ฟัง พระอัสสชิดอบ แบบถ่อมตนว่า \"ผู้มีอายุ เราเป็นผู้บวชใหม่ มาส่พระธรรมวินัยนี้ไม่ นาน ไม่สามารถจะแสวงธรรมโดยพิสดารได้ เรุาจฺะกล่าวแต่โดยย่อ พอรู้ความ\" ท่านจึงแสดงธรรมโดยย่อว่า \"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระดถาคดดรสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรุรมเหล่านั้น่ ๙๖

www.kalyanamitra.org พร่ะมหาลิมณะมีปกติดรสอย่างนี้\" อุปติสสปริพาชกครั้นได้ฟังธรรม จบลงแล้ว ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน จากนั้นได้ถามพระเถระ ว่า ขณะนี้พระศาสดาของเราประทับอยู่ที่ไหน ทราบว่าพระพุทธองค์ ประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน จึงลาพระเถระกลับ ไปแสดงธรรมให้แก่สหาย โกลิตะฟังก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเหมือนกัน บวชในพระพุทธศาสนา ทั้งสองท่านชักชวนอาจารยลัญชัยไปเข้าเฝืาพระพุทธองค์ ได้ รบการปฏิเสธจึงลาอาจารย์ลัณชัย พร้อมด้วยบริวาร ๒๙๐ คนไปเข้า เฝืาพระพุทธองค์ที่วัดเวฬุวัน และทูลขอบวช ทรงอนุญาตการบวช ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา อุปติสสะหลังจากบวชแล้วมืชื่อใหม่ว่า พระสาริบดร โกลิตะหล้ง์จากบวชแล้วมีซื่อใหม่ว่า พระมหาโมคคลลานะ

www.kalyanamitra.org สารีบุตรบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พระสารีบุตร หลังจากบวชแล้ว ๑๔ วัน มีโอกาสอยูถวาย งานพุดพฺระพุทธองค รงทรงแสดงธรรมชื่อว่า เวทนาปริคคหสูดร แก่ฑีฆนฺขปริพาชก อัคคิเวสนโคดรผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ทถํ้า • สุกรขาดา เขาคิชิฌกฎ แขวงเมืองราชคฤห์ ฑีฆนขะแสดงทิฎฐชองตนต่อพระพุทธองค์ว่า \"สิ่งทั้งปวงไม่ ควฺรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจหมด\" พระศาสดาทรงแสดงทิฎฐ ๓ จำ พวกข่องสมณพราหมณ์ว่า ๑. สมัณพราหมณ์บางพวกมีทิฏเว่า สิ่งทั้งปวงควรแก่เรฺา- เราชอบใจหมด ๒: สุมณพราหมณ์บางพวกมีทิฏเวา สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่เรา เราไม่ชอบใจหมด ๓. สมกเพราหมณ์บางพวกมีทิฎเว่า บางสงควรแก่เรา เรา, ชอบใจ บางสิ่งไม่ควรแก่เรา เราไม่ชอบใจ ทรง^ห้เห็นโทษของทิฏเ ๓ อย่างและให้ละความยึดมั่นถือํ มั่นว่า เมื่อมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมั่นคง เป็นเหตุให้เกิด ความริววุทความเบียดเบียนทรงแสดงอุบายเครึ่องไม่ถือมั่นต่อไปว่า .๑. กาย คือรูปเป็นที่ประชุมของมหาภูตรูป ๔(ดิน นํ้า■ลม ไฟ) เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข้ ทนได้ยาก ๒. เวทนา ๓ อย่าง คือ สุข ทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่เที่ยง ป็จจยปรุงแต่งฃึ้น มีความสิ้นไป เสิ่อมไป พระสาริบุดร ชื่ฮกำลัง์ถวายงานพัดอยู่ พลางดำริว่า ''พระศาสดา สอนให้ละการถือมั่นธรรมเหลานี้ ด้ว่ยป๋'ญญาอันสิ่ง\" กบรรสุธรรม เป็นพระอรหันต์ ส่วนฑีฆนฃะได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบน แล้วทูล สรรเสุริญ่พระธํรรุมเทศนาว่า \"ตุจบุคคลหงายของที่ควา เป็ดชองที่ฮด e/Co

www.kalyanamitra.org บอกฑางฺแก่คนหลงทาง ส่องตะเกียงในที่มืด\" ขอแสดงตนเป็นอุบาสก ถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิต พระโมคค้ลลานะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พระโมคคัลลานะ หลังจากบวชแล้ว ๗ รัน ทูลลาพระพุทฺธองคั \"ไป่บำเพ็ญเพียรอยูที่หมู่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แคว้นมคธ ถูกความ ง่วงเขาครอบงำไม่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ พระพุทธองค์เสด็จไปตรัส บอกอุบายแก้ง่วงให้ ๘ประการคือ ๑. นึกถึงเรื่องที่จำมาให้มาก ๒. ตรึกตรองถึงธรรมที่ได้ศึกษามา ๓. สาธยายธรรม ๔. ยอนช่องทู * ๔. ลุกขึ้นกีนเอานาถู^หน้า ๖. ทาความสำคัญในแสงสว่าง ๗. เดินจงกรมสำรวมอินทรึย์ ๘. นอนตะแคงขวามืสดิสมปชัญญร้!ตั้งใจว่าจะลุกขึ้น และทรงสอนต่อไปว่า โมคคัลฺลานะ เธอควรสำเหนียกในใจ อย่างนี้ร่า ๑. เรารักไม่ซู่งวง คือถึอตวเข้าไปสูตระกูล ๒. เรารักไม่พูดคัาเป็นเหตุเถึยงกัน เพราะจะเป็นเหตุให้ห้าง จากสมาธิ ๓. เรารักไม่คลุกคลีด้วยคฤหัสถและบรรพชีต แต่ควรคลุกค่ลีด้วย 'เสนาสนะอันสงัด และฟังคัณห้กฃยธรรม คือข้อพี่ ท่านปฏิบดิธรรมดามพระโอวาทได้บรรลุธรรมเป็นพระอรห้นตIนวิน\"เณ ๗๙

www.kalyanamitra.org งานประกาศพระศาสนาของพระสารีบุตร พระสารี!^รเป็นกำล้งสำค้ญอ!ภงยิ่งในการเผยแฝพระพุทธศาสนา ท่านได้ชักชวนน้องชาย ๓ คน และน้องสาว ๓ คนให้.บวชใน พระพุทธศาสนา กุลบุตรกุลธิดาได้ฟ้งธรรมจากท่านบรรลุธรรมมากมาย ท่านเป็นพระธรรมเสนาบดี คู่กับพระพุทธองค์ผู้เป็นพรธรรมราชา และเป็นผู้มีความกตัญณูกตเวที บวชให้พราหมณชื่อว่าราธะผู้เคข ถวายข้าวเพียงหนึ่งทพพ ครั้งหนึ่งพระยมกะมีความเห็นผิดว่า พระขีณาสพตายแล้วสูฌ พระสารีบุตรสอ่นให้ท่านมีความเห็นถูกว่า พระขีณาสพตายแล้วไม่สูญ มีแตรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณที่ไม่เที่ยงดบไปแล้ว ใน ที่สุดท่านกได้บรํรลุธรรม งานประกาศพระศาสนาของพระมหาโมคคัลลานะ พระมหาโมคคัลลานะเป็นฺกำล้งสำคัญยิ่งในการประกาศพระศาสนา ท่านมีฤทธิ้มาก ประกาศธรรมแก'เทวดาแสะมนษย์ทั้งหลฺาย แสดง ฤทธิ้ปราบพ่วกมีจฉฺาทีฏฐิ ท่านไปยังสวรรค์ ถามถึงกรรมของเทวดาที่ ทำ ในสมัยเป็นมนุษย์ และไปนรกถามถึงกรรมของสัตวนรกในสมัย เป็นมนุษย์กลับมาบอกแก'พวกมนุษย์.เมื่อได้ฟ้งคำ.ของพระเถระแล้ว เกิดความเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก. ทำ ให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรีอง จนเป็นที่อิจฉาของเจ้าลัทธิต่างๆ และท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น นวกัมมาธิชฐวยี คือนักก่อสร้าง ทํรงยกย่องพระอัครสาวก - mm ๑๕ ศไ เดือน ๓ ตรง?1|พั1าฆบูชา เป็เ^จกตุ่รงคลน^ต ๘๐

www.kalyanamitra.org พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏโมกข์ และทรงประทานตำแหน่ง พระอัครสาวกแก่พระเถระทั้งสองว่า พระสารีบุตรเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้ง หลาย ผู้มีปัญญามาก เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา พระมหาโมคคัลลาะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้มีฤทธมาก เป็นพระอัครสาวกเบื้อง^าย ทรงยกย่องพระเถระทั้งสองอีกว่า \"สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ให้ กำ เนิดบุตร โมคคัลลานะเปรียบเหมือนผู้บำรุงเลี้ยงทารกที่เกิดแล้ว สารีบุตรย่อมแ%เะน่าในโสดาปัตติผล โมคคัลลานะย่อมแน,ะนำในผลทั้แ ป๋'ญหาและเฉลยปรีเฉทที ๖ ใครได้บรรลุธรรม เพราะฟังธรรมเวทนาปรีคคหสูตรที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงแก่ฑีฆนขปริพาชก? ก. ปัญจวัคคีย์ ข. ภัททวัคคีย์ ๓0 คน ง. พระสารีบดร ค. ชฎิล ๓ พี่น้อง

www.kalyanamitra.org ๒.โกลิตปริพาชกฟังธรรมจากใคร ลิงไดดวงตาเห็นธรรม ? ' ก. พระพทธเจ้า ข. พระอ'สสชิ ค. อุปฅิสสฺปริพาชก ง.ฑีฆนขปริพาชก ๓.ใครทลสรรเสริญพระธร่รมเทศนาของพระศาสดาว่า \"ดุจหงายของ ที่ควำ เปีดของที่ป็ด บอกทางแกคนหลงทาง\"? ก. ฑีฆนขปริพาชก . ข. อุปติสสปริพาชก ค.โกลิดปริพาชกฺ ' ง. พระเจ้าพิมพิสาร - ๔. พระอรหันตลูใด สนทนาการดายของพระขีณาสพ? ก. พ่ระสารีบุดร-พระโมคคัลลานะ ข. พระอัสสช-พระสารีบุตร ค. พระสารีบุตร-พระยมกะ ง. พระอานนท์-พระอุบาลี ๔. พระสาวฺกรูปใด นิพพานกอนพระศาสดา? ' ก. พระมหาคัสสปะ ข. พระโมคคัลลานะ ค. พระอานนท์ ง. พระอนุรุทธะ ๖. ก่อนเป็นพระพทํธสาวก พระสารีบุดรบวชอยู่กบใคร? . ก. อาฬารดาบส ข. สัญชัยปริพาชก ค. นิครนถ์นาฏบุด่ร .ง. ชัมพุกซีวก ๗, คัาว่า \"เราจักไม่ชูงวง เข้าไปส์สกุล\" พระองคดรัสสอนใคร? ก. พระสารีบุดร ข. พระอุรุเวลกัสฺสปะ ค. พระโมคคลลาะ ' ง. พระมหากสสปะ ๘. วนจาตุรํงุคสันนิบาต ตรงคับวันไหน? ก. ขึ้น ๑๔'คฺา เดือน ๓ ข. ขึ้น ๑๔ คฺา เดือน ๖ ค. ขึ้น ๑๔ คํ่า เดือน ๘ ง. ขึ้น ๑๔ คา เดือน ๑๑ ๙. ใคร่ได้ริบยกย่องว่าเป็นแบบอย่างที่ดืของผู้มีความกคัญญกตเวที ? ก. พระราหลฺ ข. พระสารีบุตร ค. พระอนุ^ธะ ง. พระคัสสซี 0๒

www.kalyanamitra.org ๑๐. พระโมคคัลลานะบรรลุพระอรหันต เพราะฟังธรรมเทศนาอะไร? ก. อาทิตตปริยายสูตร ข. อุบายในการนั่งสมาธิ ค. อนุปพพกถา จิตุราริยสัจ ง. อุบายแก้ง่วง ๘ ประการ ๑๑. คัณหักขยธรรม ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา พระพุทธเจ้าตรัส ที่ไหน? ก. ถํ้าสุกรขาตา ข. ป้าอิสิปตนมฤคทายวัน ค.วัดเวฬุวัน s ง.คัลลวาลมุตตคาม ๑๒. คำ ว่า \"สิงทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจหมด\" เป็นคำพูดของใคร?. ก. พราหมณ์หุหุกชาติ ช. ฑีฆนขะ อัคติเวสนะ ค.ตปุสสะ คัลสิกะ ง.. อุ่ปกาชีวก ๑๓. เวทนาปริคคหสูตร คือพระสูตรว่าดวยเรื่อ่งอะไร? ก.อุบายเครืองบรรเทา ข. อุบายเครื่องไมถือมน ค. อุบายเครื่อง■งดเว้น ง. อุบายเครื่องสำรวม ๑^. อุปติสศะและโกลิตะไปดูมหรสพ ติดอย่างไรจึงออกบวช? ก; คนพวกนี้ไม่ถึงร้อยปีถืตาย ■ข. คนพวกนี้หลอ่กลวงพวกเรา ค. คนพวกนี้หลงระเริงในกิเลส ง. สิงเหคำนี้เป็นเพียงมายา ๑๔. มิตรมีอุปการะต่อมิตร ปรากฏชัดในประว้ติของใคร? ก. พระอุรุทฺลคัสสปะ ข. พระมหาคัสสปะ ค. พระโมคํคัลลานะ ง. พระสารืบุตร ๑๖. พระสาวกรูปใด เปรืยบเหมีอนนาง.นมผู้เลี้ยงทารก? ก. พระสารืบุตร ข. พระโมคคัลลานะ ค. พระอัสสชิ ง. พระอนุรุทธะ ๑๗. พระสารืบุตรเถระบรรลุพระอรหันต์ที่ไหน? ก. ถํ้าสุกรขาตา ภูเขาติชฌกูฏ ข. สํ้าสัตตบรรณ เวภารบรรพต ค. ถํ้าลุกรขาตา เวภารบรรพต ง. ถํ้าสัตตบรรณ เวปลลบรรพต

www.kalyanamitra.org ๑๘, \"^ดบรรลุธรรมก่อนจงบอกน่ก่ก้น\" ใครพูดกับใคร ? ก. อุปติสสะ-โกลิตะ ข. พาหิยะ-พากุละ ค. อนุรุทธะ-อุบาลี ง. อุปติสสะ-กัสสชิ ๑๙. พระบรมศาสดา ตรัสสอนอุบายแก้งวงแกใคร? ก. พระราหุล . ขฑีฆุนขปริพาชก ค. พระสำรีบุตร ง. พระมหาโมคคัลลานะ ๒๐. พระสาวกรูปใด ได้ศิษย์ดีและเป็นกำลังสำคัญของพระศาสนา ? ก. พระอัสสชิ ข. พระยสะ ค. พระอานนท ง. พระสารีบุตร ๒๑. มหาลันนิบาตแห่งพระอริยสาวก เป็นเหตุให้เกิดอะไร? ก. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ข. อนัตตลักํขณสูตร ค. อาทิตตปริยายสูตร ง.โอวาทปาฏิโมกข ๒๒.ใครเป็นศิษ่ย์ของลัญชัยปริพาชก ? ก.:โกลิตะ ข,ปกฺกุสะ ค. ปิปผลิ ง. ราธะ ๑. ง ๒. ค เฉลย ๔. ค ๔. ข ๖. ข ' ๗. ค ๙. ข ๑๐. ง ๑๑. ง ๓. ก ๑๔. ก ๑๔. ง ๑๒. ข ๘. ก ๑๖. ข ๑๗. ก ' ๑๓. ข ๑๙. ง ๒๐. ก ๒๒. ก ๒๑. ง ๑๘. กํ ' G«๙

www.kalyanamitra.org ปริเฉทที่ ๗ ว่าด้วยพระมหาก้สสปะ และพระมหากัจจายนะออกบวช สถานะเดิมพระมหากัสสปะ พระมหากัสสปะ ซื่อเดิมว่า ปีปผล บิดาซื่อว่า กปีละ มารดาซื่อ ว่า สูมนเทวี เกิดในตระกูลพราหมณ์ ที่หมู่บ้านมหฺาติดถะ ฒอณ์น เมืองราชคฤห เมึ่อบวชแล้วได้ซื่อว่า พระมหากัสสปะ เพราะเป็นเ^Pสาย ของกิสสปโคตร อายุได้ ๒๐ ปี แต่งงานกิ'บนางภัททกาปีลานี ยู้มือายุ ได้ ๑๖ ปี มูลเหตุแห่งการออกบวช เมื่อบิดามารดาเสียชวิต่แล้ว เห็นโทษของการครองเรือนว่า ต้องคอยรับบาปจากการกระทำของผู้อื่น จึงตัดสินไจออกบวชพร้อม กับนางภัททกาปีลานี มอบทฺรัพยส่มบ้ติทั้งหมดไห้แก่ญาติและบรืวาร ได้^อผ้ากาสาวพัสตร์แลฺะบาตรตินเผาจากตลาด ต่าง;ปลงผมไห้กัน และกัน ครองผ้ากาสาวพัสตร์สะพายบาตรลงจากปราสาทอย่างไม่มื ความอาลัย ออกบวชอุทิคพระอรหันต์ไนโลก เดินทางไปด้วยกันระยะ

www.kalyanamitra.org หนึ่งก็แยกจากกัน เกิดเหตุอัศจรรย์ คือแผ่นดินไหว ปีปผลิเดินไปทาง ขวา ส่วนนางภททกาปีลานีเดินไปทางซ้ายจนถึงสำนักของกิกษุ่ณ ขอ บวชในสำนักของภิกษุณีและปฏิบดิธรรมจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ปีปผลิได้พบพระพุทธองต์ที่ได้ด้นไทรชื่อว่า พหุปตตนิโครธ ระหว่างเมืองราชคฤหกับเมืองนาอันทา เมื่อได้เห็นพระพุทธองต์แล้ว ดิดว่า ท่านผู้นี้เป็นศาสดาของเรา เราจักขอบวชอุทิศพระศาสดาองต์ นี้ ได้น้อมตัวเข้าไปหาทูลขอบวช ทรงประทานการบวชให้ด้วยวิธี โอวาทปฏิคคหณูปอัมปทา คือบวชด้วยกำรรุบโอวาท ๓ ชื่อ ตังนี้ ๑. กัสสปะเธอพึงศึกษาว่า เราจักเข้าไปฒั้ความละอายและความ ยำ เกรงไวิ1นภิกษุทั้3ที่เป็นผู้เฒา ผู้!หม่และผู้ปานกุลางอย่างแรงกล้า ๒. เราจักฟังธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งชื่งประกอบด้วยกุศล เรา จักเงี่ยหูฟังธรรมและพึจารณาเนี้อความแห่งธรรมนั้น ๓. เราจักไม่ละกายคดาสดิ คือพึจารณารางกายเป็นอารมณี หอังจากบวช่แล้วท่านได้ตั้งใจบาเพ็ญเพึย่ร ในวันที่ ๘ ก็ได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ งานประกาศพระศาสนา พระมหากัสสปะ เป็นกำอังสำคัญในการประกาศพรฺะศาสนา คือ เป็นประธานในการทำอังคายนาพระธรรมวินัย่ครั้งแรก เมื่อ พระพุทธองต์ปรินิพพานแล้วได้ ๓ เดือน ท่านได้สั่งสอนกุลบุฅริและ กุลธิดาให้เลื่อมใสในพระศาสนาเป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่งพระพุทธองต์ทรงแลกเปลื่ยนสงฆาฏิกับท่านไปใช้สอย และทรงยกย่อง.ว่า มีธ^มเป็นเครื่องอฺยู่เสมอด้วยพระองคุ เป็นผู้มัก่น้อย สันโดษมีจิดประกอบด้วยเมตตา กรุณา แสดงธรรมแก่ผู้อื่น <๘๖

www.kalyanamitra.org ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระมหากัสสปะ เป็นพระมักน้อยสันโดษ ถือธุดงคเป็นวัตร ๓ ข้อตลอดชีวิต คือ ๑. ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ๒. เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๓. อยู่ป่าเป็นวัตร ท่านแสดงคุณของการถือธุดงค์แก่พระพุทัธองค์ ๒ ข้อ คือ ๑. เป็นการอยู่เป็นสุขในบัจจุบัน ๒. เพื่ออนุเคราะห์คนรุ่นหลังจะได้ถือปฏิบตตาม พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระมหากัสสปะว่า \"เป็นเลิศกว่า ภิกษุทั้งหลายผู้ทรงธุดงค์\" พระมหากัสสปะ เมื่อุท่าลังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก เรียบร้อยแล้ว จำพรรษาอยู่ที่วัดเวพุวัน นิพพานเมื่วมีอายุได้ ๑๒๐ ปี ระหว่างภูเขาสามลูกซื่อว่า \"กุกกุฏสัมปาตะ\" ในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ

www.kalyanamitra.org สถานรแดุมพระมหาภัจจายนฺะ พระมหาภัจจายนฺะ ชื่อเดิมว่า ภัญจนํะ คนทั้งหลายเรียกชื่อ ทานตามโคตรว่า ภัจจายนุะ และท่านมีผิวกายเหมือนทองคำ บิดา มารดาเลยตั้งชื่อให้ว่า ภัญจนะ บิดาชื่อว่า''วัจฉพราหมณ มารดาไม่ ปรากฏชื่อ เกิดในวรรณะฬราหมณ ที่เมีอ่งอุชเชนี แคว้นอวันตี ตระกูลภัจจายนโคดร .ศึกษาจบไตร!พทดามลัทธพราหมณ์ บิดาเป็น ปุโรหดของพระเจ้าจ'นฑป็'ชโชต เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้วก็ได้รับ ตำ แหน่งเป็นปโรหิดแทน มูลเหตุของการออกบวช พระเจ้าจัณฑบิ'ชโชต ทรงทราบขาวการอุบิดิฃึ้แของพระพุทธองค จึงมอบหมายให้ภัจจายนปุโรหิด พร้อมภับผู้ดิดดามอีก ๗ คน ไปเข้า เผิาพระพุท่ธองค์ที่วัดฺเชดวัน เมืองสาวัตถ แคว้นโกศล ได้ฟ็งธรรม แล้วก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์ พร้อมภับผู้ดิดดามอีก ๗ ■คน จึงทูล ขอบวชทรงประทานการบวชให้ด้วยวิธีเอหิกกขุอุปสัมปทา งานประกาศพระศาสนา วันหนึ่งท่านกราบอาราธนาพระพุทธองค์ เสด้จไปโปรด พระเจ้าจัณฑบิ'ชโชตที่เมืองอุชเชนี พระพุทธอง.ค์มอบหมายให้ท่าน และพระภิกษุอีก ๗ องค์ไปแทน เมื่อถึงเมืองอุชเชนแล้วได้แสดงธรรม โปรดพระราชาและบริวาณ์ห้เลื่อมใสในพระรัดนดรัย' ท่านและคณะ ประดิษฐานพระพุทธศาสนาในแคว้นอวันตีได้สำเร็จ ข^ที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่เมืองกุรฆระ แค่ว้นอวันตีซึ๋3เป็นเมือง ชาณเดนมืประชาชนเลื่อมใสมาก อุบาสกคนหนึ่3ชื่อ โสณกฏิภัณณะ มื ความปรารถนาจะบวชแต่มืพระไม่ครบ่ ๑๐ รูปดามที่ทรงอนุญาตบวช GSc:

www.kalyanamitra.org เป็นสามเณร ๓ ปี จึงได้บวช.เป็นพรฺะภกษุ เมื่อบวชแล้วอยากจะไป เฝืาพฺระพทธองค์ พระมหาถัจจายนะจึงฝากความไปทูลพระพทธองค์ เฝ็อแก้ไขพระพุทธบญญ้ติ ๔ ฃอ ค์อ. ๑. การบวชในปัจจึนต่ชนบทุ มีพระสงฆครบ ๔ รูป ก็บวชพระได้ ๒.พระที่อยูในป๋จจ้นตชนบท อนฌาตให้สวมรองเท้าหลาย^ได้ ๓.พระที่อฟ้นifeจ้นตชนบทุ.อใ^ตให้ฬั่บน่อาสนะหนั3 ๔. พระท้อยูในป๋จจันตชนบทู อนญาตไห้สรงนํ้าทุกวันได้ ๙. พระท้อยูในป๋จจันตชนบทุ รับจึวรที่ทายกปวารณาถวายไว้ เกิน ๑๐ วันได้ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตฅามที่ท่านขอ พระมหากัจจายนะได้แสดงมธุรสดร คือ พระสตรที่กล่าวถึง ความไม่แตกต่างกินของวรรณะ ๔ เหล่า คือ กษัตรัย พราหมณ์ แพศย ศูทร แก่พระเจ้ามธุรราช ครั้นฟ้งจบแล้วทรงเลื่อมใสขอถึง พระรัตนตรัยตลอ่ดชีวิต. ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระมหากิจจายนะ แตกฉานในปฏิสัมภิทา ๔ คือ ๑. อตถปฏิสัมภิทา แตกฉ่านในอรรถ ๒. ธัมมปฏิสัมภิทา แตกฉ่านในธรรม ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา แตกฉ่านในภาษา . ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา แตก่ฉานในปฏิภาณ พระพุทธองค์ทรงยกยองท่านว้า \"เป็นเลิศกว่าภิกษทงหลาย ผู้ อธิบายเนึ๋ฅความย่อให้พิสดาร\" หสังจากที่พระพุทธองค์เสดจดับขันธปรันิพพานแล้ว ท่านได้ ปฏิบ้ติตามพระพุทธบัญญ้ติโดยเคร่งครัด เป็นกำสังส์าดัญในการประกาศ พระศาสนา ดำ รงอายุสั3ขารพอสมควรแก่อ้ตภาพแล้วก็นิพพาน ๙

www.kalyanamitra.org ศรัทธา ๔ ประเภท บุคคลในโลกผู้ถือเอาคุณสมบ้ตต่างๆกันเป็นเครื่องวัดในการที่ จะเกิดความเชื่อความเลื่อมใส มี ๔ ประเภท คือ ๑. รูปัปปมาณิกา พวกถือประมาณหรือเลื่อมใสในรูป ๒.โฆส์'ปปมาณิกา พวกถือประมาณหรือเลื่อมใสในเสียง ๓. ปมาณิกา พวกถือประมาณหรือเลื่อมใสในความเศร้าหมอง ๔. ธัมมัปปมาณิกา พวกถือประมาณหรือํเลื่อมใสในธรรม พระมหากัจจายนะ เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสของพวก รูป๋'ปปมาณิกา เพราะท่านมีรูปงามผิวงาม พระโสณกุฏกัณณะ เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสของพวก โฆสัปปมาณิกา เพราะท่านมีเสียงไพเราะ พระโมฆราช เป็นที่ตั้3แห่งความเลื่อมใสของ.พวกลูขัปปมาณิกา เพราะท่านใช้บริขารหรือของใช้ที่ปอน พระสารืบุตร เป็นที่ตั้รแห่งความเลื่อมใสของพวกธัมมัปปมาณิกา เพราะท่านแสดงธรรมได้ลึกซึ้ง

www.kalyanamitra.org 'ปัญหาและเฉลยปริเฉทที่๗ ๑.พระพุทธเจ้าทรงเปลี่ยนสังฆาฏิกับพระสาวกรูปใด? กุ. พระอานนท์ ข. พ่รฺะมหากัสสปะ ค. พระกัญญาโกณฑญญะ ง. พระอุรุเวลกัสสปะ ๒. พระสาวกรูปใด เคยเป็นปุโรหิตของพระเจ้าจณฑปัชิโชตมาก่อน? ก. พระอุบาลี ข. พุระกาพุทาย ค. พระมหากัจจายนะ ง. พระรัฐบาล ๓.พระสาวกรูปใดอุปสมบท์ด้ว.ยการรับพระโอวาท๓ข้อ? ก. พระอานนท์ ข. พระมหากัสสปะ ค. พระสารีบุตร ง. พระอนุรุทธะ ๔.พระมหากัสสปะบวชที่ไหน? ก. พหุปุตตนิโครธ ข. ศํ้าสัตตบร่รณคูหา ค. ถํ้าสุกรขาตา ง. วัดเวฬุวัน ๔.พระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงสดับธรรมจากใครเป็นครั้งแรก ? ก. พระพุทธเจ้า ข. พระมหากัจ่จาย่นะ ค. พุระมหาโมฺคคัลส่านะ ง. พระมหากัสสปะ ๖.พระมหากัจจายนะได้รับเอตทัคคะด้านใด? 'ก. แสดงธรรมไพเราะ \" ข..มีเลียงไพเราะ ค. อธิบายความย่อให้พิสดารฺ ง่. เป็นพหูสูต ๗.ปีปผสิมาณพและภัท์ทกาปีลานี คิดอย่างไรเกี่ย่วกับการดรอ่งเรีอน จึงดัดสินใจออกบวช? ก. เป็นการสร้างบารมี ข. เป็นการคอยรับบาป ค. เป็นการลีบทอดมรดก ง. เป็นการสืบต่อสังสารวัฏ ๘. บุคคลในข้อใดคือบิดาของพระมหากัสสปะ ? ก. วังดันตะ ข..อชิตะ ค. กัปปีนะ ง. กปีละ ๙๑

www.kalyanamitra.org ๙.พระมหากัสสปะเถระออกบวชเมื่อใด? ก. บิดามารดาตายแล้ว ข. บิดาดายแล้วมารดาย้ง์อยู่ ค. มารดาตายแล้วบิดาฌัอยู ง. มารดาและบิดาย้ง์อยู่mสองคน ๑๐. พระมหาภัจจายนะออกบวชพร้อมด้วยบริวารกี่คน? ก. ๔ คน ข. ๔ คน ค. ๖ คน ง. ๗ คน ๑๑.ปีปผลิมาณพ คือ พระเถระรูปใด ? ก. พระราธะ ข. พระสารีบุตร ค. พระมหาภัสสปะ ง. พระปุณณมันตานีบุตร ๑๒. พระสาวกที่บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว ด้องรอถึง ๓ ปี จึงอุปสมบท่ ได้คือใคร? ก..พระมหาภัจจายนะ ข. พระราธะ ค. พระโสณโกฟิริสะ ง. พระโสณกุฏิภัณณะ ๑๓.ใครเป็นพระอุมัชฌาย์ของพระโสณกุฏิภัณณะ ? ก.พระราธะ ข. พระโสฺณโก•สิ'วสฺะ s ค. พระมหาภัจจาย'!^ ' ง. พระมหาภัสสปะ ๑๔.ใครเป็นผ้ส่งภัจจายนปุโร่หิดไป•ทูลนิมนต์พระ'พุ'ทฺธองคไปประกาศ ศาสนาทีเมืองของตน? ข. พระเจ้าสุ'ทโธ'ทนะ ก. พระเจ้า'พิมพิสาร .ง. พระเจ้าaVกมทาราช ค. พระเจ้าจัณฑมัชโชต ๑. ข ๒. ค เฉลย ๙. ก ๔. ข ๖. ค ๗. ข ๙. ก ๑๐. ง ๑๑. ค ๑๒. ง' ๓. ข ๑๔..ค ๘. ง ๑๓. ค

www.kalyanamitra.org ปริ1ฉ่ฑที่ ๘ ว่าด้วยการโปรดมาณพ่ ๑๖ คน พทธริธ1นการตอบป๋ฌหา :ฒื่อมีนกมํวชหรือประชาชนเกิดความสงสัยในธรรมะมา'ถูลถาผ พุระพหธองค ทรงมีหลกในการตอบป๋ญหา ๔ประการ คือ- ๑. เอกังสพยากรุณ ทรงแกิป๋ญหานั้นโดยส่วนเดียว ๒.ปฺฎิปุจ่ฉาพยากรณ์ ทรงย้อนฺถามแล้วจึงทรงแก้ปัญหานั้น ๓.ริภชชพยากรณ์ ทรงแยกปัญหานั้นแก้ทีละอย่าง ๔.ฐปนืยพยากรณ์ ทรุง่ระงับไม่แกัปัญหานั้น มาณพ่ ๑๖ คน ๑. อชิดมาณพ ๒.ดิสสเมดเตยยมาณพ ๓.ปุณณกมาณพ ๔.เมตด่คูมาณพ ๔.^ดกมาณพ ๖.อุปสิวมาณพ ๗.นันทมาณพ ๘. เหมกมาณพ ๙.โดเทยยมาณพ ๑๐.กินปมาณพ ๑๑.ชดุกิณณีมาณพ ๑๒.ภทราวุรมาณพ ๑๓.อุทยมาณพ ๑๔.โปสาลมาณพ ๑๕.โมฆราชมาณพ ๑๖.ปีงคืยมาณพ ๙๓

www.kalyanamitra.org ประวัติและชาติภูมิ ประวติความเป็นมาของมาณพทั้ง ๑๖ คน คือทั้งหมดเป็นบุตร ของตระกูลพราหมณโนกุรงสาวัตถี แคว้นโกศล เมื่อมีอายุพอสมควร แล้ว บิดามารดาของมาณพทั้ง ๑๖ คน ได้ส่งไปเป็นศิษย์ของพราหมณ์ พาวรี ผู้เคยเป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่ได้ลาออกจาก ตำ แหน่งบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรตตามลัทธิพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ ริมฝืงแม่นํ้าโคธาวารี ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองอัสสกะกับเมืองอาฬกะ ตั้งตน เป็นอาจารย์สอนไตรเพทแก่ศิษย์มากมาย เหตุการณ์ก่อนออกบวช พราหมณ์พาวรีได้ทราบข่าวว่า เจ้าชายสิทธัตถะ พระราชโอรส ของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช เสด็จออกผนวชแล้วทรงปฏิญญา

www.kalyanamitra.org พระองฺค์ว่า เป็'พ่ผู้ตํรัสรู้ชอบด้วยพ่ระองค์เอง ทรงแส่ดงธรรมิสั่งสอน แก่มหาชน ทำ ให้มหาชนต่างเชื่อและเลื่อมใสยอมตัวเป็นสาวก ปฏิบติตามคำสั่งสอนเป็นจำนวนมาก พราหมณพาวรีด้องการทราบคว่ามจริง จึงผูกป๋ญหาให้มาณพ ทั้ง ๑๖ คน ไ!]ทูลถามพระพุทธเจ้าคนละหมวด มาณพทั้ง ๑๖ คนชื่ง มีอสิตมาณพเป็นหัวหน้า กราบลาพราหมณุพาวรีอาจารย์ของตน เดินทางไปเข้าแ3าที่ปาสาณเจดีย์แล้วกราบทูลขอโอกาสถามป๋'ญหา โดยอชตมาณพเป็นผู้ถามปัญหาเป็นคนแรก และไห้มาณพที่เหลือทูล ถามปัญหาไปตามลำตับตังนี้ ๑. อสิตมาณพ อสิตมาณพได้ทูลถาม\"ปัญหา ๔ ข้อว่า ๑. โลกคือหมู่สัตว่ ถกอะไรปีตปังไว้ อะไรเป็นเหตุจึงไม่มี ปัญญาม์องเห็น อะไรเป็นเครื่องฉาบไล้ให้สัตว้โลกดิตอยู่ และอะไรเป็น ภัยใหญ่ของสัตว้โลกนั้น? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า อวิชชา คือความไม่รู้ปีตบังไว้ ตัณหาและความประมาทปีตกั้นบัญญา ตัณหาคือความอยากฉาบไล้ สัตว์โลกให้ดิตอยู่ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลก ๒. อะไรเป็นเครื่องห้าม เครื่องปีตณั้ความอยากร่3เป็นดุจกระแส นํ้าหสั่3ไหลไปในอารมณทั้รปวง จะละความอยากได้ด้วยธรรมอะไร? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า สดิ เป็นเครื่องห้าม ปีองภันความ อยากและจะละความอยากได้เพราะบัญญา ๓. บัญญา สดิ กับ นามรูปนั้นจะตับไป ณที่ไหน? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เพราะวิญญาณตับไปก่อน นามรูป จึงตับ ณ ที่นั้น ๙»ar

www.kalyanamitra.org '๔. ชนผู้เห็นธรรมแล้ว และผู้ยังต้องศึกษาอยู่ สองพวกนี้ยังมี อีกมากข่อกราบทูลถามความประพฤสิของปวงชนพวกนั้น? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชน่าว่า ภิกษุผู้เห็นธรรมแล้ว และผู้ยัง ศึกษาอยู่ เป็นคนไม่มีดวามกำหพ1ยินดี),นกามคุณทร!หลาย มีIจ่ไม่ขนม้ว ฉลาดในธรรมทั้งปวง มีสติอยู่ทุกอิริยาบถ ๒. สิสสเมตเตยยมาณพ ติสสเมตเตยยมาณพไต้ทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๒ ว่า ๑. ใครชื่อว่าเป็นผู้สันโดษในโลกนี้? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์สำรวม ในกามทั้งหลายปราศจากความอยากแล้ว มีสติระลึกไดทุกเมื่อ พิจารณาเห็นโดยชุอบ ดบเครื่องร้อนกระวนกระวายไต้เลึยแล้ว ชื่อว่าผู้ สันโดษในโลกนี้ ๒.ใครไม่มีความอยาก ชื่งเป็นเหตุดิ้นรนทะเยอทะยาน? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้ไม่มีความทะยานอยาก (ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต้) '๓. ใครรู้ส่วนข้างปลายทั้งสอง (อดีต อนาคต) ต้วยปัญญาแล้ว ไม่ติดอยูในส่วนกลาง(ปัจจุบัน)? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต้นั้นแล ๔.ใครชื่อ่ว่าเป็นมหาบุรุษ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์นั้นแล ๔.ใครล่วงพ้นตัณหา เครื่องร้อยรัดในโลกไต้?. พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์นั้นแล ๙๖

www.kalyanamitra.org «an^ ปณณกมาณพ ; ปุณณกมาณพได้กราบทลถามป๋ฌหาเป็นคนที่ ๓ ว่า ๑. มวลมนุษย์ในโลกน คือ ฤๅษี กษีตริย์ และพราหมณ์ จำ นวนมากอาศัยอะไร จึงบชาย้ญบวงสรวงเทวดา? s พระพุทธเจ้าทรงวิศัชนาว่า เพราะอยากได้ของที่ตนปรารถนา ที่อฺาศัยชรา เป็นด้น มาทุำให้แปรเปลี่ยน จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ๒. มนุษยัเหล่านั้น ถ้าบูชายัญอยู่เป็นประจำ จะข้ามพนชาติ และชราได้หรือไม? พระพุทธเจ้าทรงวสชนาว่า มนุษย์เหล่านั้นยังปรารถนาลาภ ยศ สรรเสริญ.และยังกาหนดยินดีอยูในภพ จงข้ามฬ้แชาติชราไ!flมได้. ๓. ผู้บูชายัญเหลานั้น ข้ามพ้นชาติชราไม่ได้ แล้วใครเล่าจะ ข้ามพ้นได้? ' พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ความอ่ยากเป็นเหตุให้ฒั้รนในทุก ๆ ชาติข้องผู้ใดไม่มี เพราะพิจารณาเห้นธรรมที่ยิ่งและหย่อนในโลก ไม่มี. ณลสหมดความอยาก เราเรืยกผู้นั้นว่าข้ามพ้นชาติชราได้แล้ว ๔. เมดดดมาณพ ข เมต่ดคูมาณพ ได้กราบทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๔ ว่า ๑. ทุกฃในโลกนื้ มีหลาย์ประการล้วนมีเห่ตุมาจาก่อะไร? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า. ทุกข้ทั้3มวลล้วนเกดมาจากอุปเคือ กิเลส ผู้Iดเขลาไมร๊แล้วทำอุปธินั้นให้เกิด ผู้นั้นย่อมประสบทุกฃปอยๆ เหตุนั้น เมื่อรู้ว่าอุปธิเป็นเหตุให้เกิดทุกขแล้วอย่าทาอุปธิให้เกิด ๒. ทำ อย่างไร ผู้มีปัญญาจึงจะข้ามพ้นห้วงทะเลใหญ่ คือชาติ ชรา และโสกปริเทวะได้ ? , พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า \"เราจักแสดงธรรมที่พิงเห็นแจ้งด้วย ๙๑'

www.kalyanamitra.org ตนเองในอัตภาพนี้ ที่บุคคลทราบแล้วจะเป็นผู้มีสติสามารถข้ามความ .อยากอันให้ติดอยูในโลกได้ ๓. ข้าพระองคยินดีธรรมที่สูงสุดนั้นเป็นอย่างยิ่ง พ^พุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ท่านรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง ในส่วน เบื้องบน(อนาคต) ในส่วนเบื้องตา(อดีต) ในส่วนท่ามกลาง(ปัจจุบัน) จงบรรเทาความเพลดเพลิน ความยึสมั่นในส่วนเหล่านั้นเสีย มีสติไม่ เลินเล่อ ละความถือมั่นว่าของเราเสียแล้ว จะละทุกข์คือ ชาติ ชรา และโสกปริเทวะในโลกนี้ได้ ๔. ธรรมอันไม่มีอุปธิ พระองคทรงทราบดี คงละทุกข์เสียได้ เป็นแน่ แม้พระสาวกของพระองค์ก็คงเป็นเซ่นนั้น ข้าพระองค์ตั้งใจจะ ให้พระองค์ทรงสั่งสอนข้าพระองค์อย่างนั้นบ้าง? พระพุทธเจ้าทร่งวิสัชนาว่า ผู้ใดไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ไม่ดีด ข้องอุย่ในกามภพชื่อว่าผู้ล่วง่เหตุแห่งทุกข์ได้ .เมื่อนั้นย่อมไม่มีกิเลสที่ จะตรึงจิต สิ้นความสงสย ได้ชื่อว่าจบไตรเพทในศาสนานี้ ท่านพึง ศึกษาตามอย่างนี้ จะข้ามพ้นจากชาติ ชรา เป็นด้นเสียได้ ๕. โธตกมาณพ โธตกมาณพได้กราบทูลถามบัญหาเป็นคนที่ ๔ ว่า ๑. ข้าพระองค์ได้พึงพระสรเสียงของ่พระองค์แล้ว จะศึกษาข้อ ปฏิปัติเครื่องดับกิเลสของตน พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ฤาอย่างนั้น ท่านจงมีบัญญา มีสติ ทำ ความเพึยรในศาสนานี้เกิด ๒. ข้าพระองค์ได้เห็น่พระองค์ผู้เป็นพราหมณ์ หากังวลมิได้ เที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ขอพระองค์จงเปลื้องข้าพระองค์ จากความสงสัยเกิด? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เราเปลื้องใคร ๆ ในโลกผู้ยังสงสัย ๙Co

www.kalyanamitra.org อยู่ไม่ได้ เมื่อท่านรู้ธรรมอันุประเสริฐก็จะข้ามห้วงทะเลใหญ่ คือกิเลส อันนี้เสียได้เอง ,๓. ขอพระองคจงท.รงแสดงธรรมอันสงัดจากกิเลส ที่พร้ะองค์ ตรัสรู้ สั่งสอนให้ข้าพระองค์เป็นคนปลอส์โปร่งระงับกิเลสเสียได้ ไม่ อาศ'ยสิ่งไดสิ่งหนึ่งเที่ยวอยู่ในโลกนี้ พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ถ้าท่านรู้ความทะยานอยากเบื้องบน เบื้องตํ่า เบื้องกลาง เป็นเหตุให้ติดข้องอยู่ในโลกนี้ ท่านอย่าทำความ ทะยานอยากเพื่อจะเก็ดในภพน้อยภพใหญ่ ๖. อุปสีวมาณพ อุปสีวมาณพได้กราบทูลถามป๋'ญหาเป็นคนที่ ๖ ว่า ๑. ลำ พังข้าพระองค์ผู้เดียวไม่ได้อาศัยอะไร ไม่สามารถข้าม ห้วงทะเลใหญ่(กิเลส)ได้ ขอพระองค์ตรัสบอกอารมณ์ที่หน่วงเหนึ่ยวนึ่ง ข้าพระองค์ควรจะอาศัยข้ามห้วงนํ้านี้ด้วยเถิด ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญสัญ- ญายตนฌาน อาศัยอารมณ์ว่าไม่ม่ ๆ ข้ามห้วงทะเลใหญ่เสิ่ยเถิด ท่าน. จงละกามทั้งหลายเสีย เป็นคนเว้นจากความสงสัย เห้นความหมดจด แห่งความทะยานิอยากได้ชัดเจน ทั้งกลางรันและกลางคืนเถิด ๒. ผู้ใดปราศจากความกำหนัดในกาม ล่วงฌานอื่นได้แล้ว อาศัยอากิญสัญญายตนะ น้อมใจไปในอากิญสัญญายตนะ นึ่งเป็นธรรม ที่เปลื้องสัญญาอย่างประเสริฐ. ผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญสัญญายตนะไม่. เสื่อมบ้างหรือ ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ผู้รู้ฟันแล้วจากกองนามรูป ย่อม ดับไม่มีเชื้อไม่ด้องไปเกิดเป็นอะไร เหมีอนไฟที่ถูกกำลังลมเป่าแล้วดับ ไป ไม่รู้ไปในทิศไหนฉุะนั้น ๙๙


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook