วารสารศิลปศาสตรร์ าชมงคลสวุ รรณภูมิ Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi P-ISSN: 2586-9825 ปที ่ี 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) E-ISSN: 2730-1982 Vol.3 No.2 (May-August 2021) วตั ถปุ ระสงค์ วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ เป็นวารสารวิชาการท่ไี ดร้ ับการคดั เลือกเขา้ สู่ฐานข้อมูล ของศูนยด์ ชั นีการอ้างอิงวารสารไทย (ศูนย์ TCI) ไดถ้ กู จัดกลุม่ คณุ ภาพวารสารประจำปี พ.ศ. 2564 ให้เป็น วารสารที่มีคุณภาพกลุ่มที่ 2 (TCI ฐาน 2) และอยู่ในฐานข้อมูล TCI จนถึง 31 ธันวาคม 2567 มีวัตถุประสงค์เพ่อื ส่งเสรมิ การศกึ ษาค้นคว้าและเพอื่ เผยแพร่บทความวจิ ัยและบทความวิชาการแก่นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ นักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ในมิติทางด้านภาษา การท่องเที่ยว การโรงแรม การศึกษา และมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ลักษณะของบทความที่จะนำลงตพี ิมพ์ ไดแ้ ก่ บทความวิจัย (Research Article) บทความวิชาการ (Academic Article) บทความปริทรรศน์หรือบทวิจารณ์ วรรณกรรม (Review Article) และบทวิจารณ์หนงั สอื (Book Review) บทความที่ได้รับตีพิมพ์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ ได้ผ่าน การพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒกิ ลัน่ กรองบทความ (Peer Review) อย่างน้อย 2 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญ ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind Peer Review) เปิดรับบทความท้ัง ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ โดยรบั พิจารณาตพี ิมพต์ ้นฉบบั ของบุคคลทัง้ ภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ผลงานท่ีสง่ มาจะต้องไม่เคยเสนอหรอื กำลงั ตีพมิ พ์ในวารสารวิชาการใดมาก่อน ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภมู ิ ถือเป็น ความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความน้ัน และไมถ่ ือเป็นทศั นะและความรบั ผิดชอบของกองบรรณาธิการ วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ มีกำหนดออกเผยแพรป่ ลี ะ 3 ฉบบั ฉบับท่ี 1 เดอื นมกราคม-เมษายน ฉบบั ท่ี 2 เดือนพฤษภาคม-สงิ หาคม ฉบบั ที่ 3 เดือนกนั ยายน-ธนั วาคม
ข Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) คณะกรรมการอำนวยการ 1. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ วา่ ท่รี ้อยเอก ดร.ธนู ทดแทนคุณ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ 2. อาจารย์ ดร.สมั พันธ์ สุกใส รองคณบดดี า้ นบรหิ ารและพัฒนาระบบ 3. อาจารย์วันดี ศรสี วัสดิ์ รองคณบดีด้านวชิ าการและวิจยั 4. อาจารย์นทั ธี เพชรบุรี รองคณบดดี ้านพฒั นานักศกึ ษา 5. อาจารย์วาสนา มะลนิ ิน รองคณบดีประจำศูนย์นนทบุรี 6. อาจารย์ ดร.นนั ทยา คงประพันธ์ รองคณบดีประจำศนู ย์สพุ รรณบุรี 7. นางสาวมลฤดี ทับพรม หัวหน้าสำนกั งานคณบดี 8. อาจารย์ ดร.จิดาภา เร่งมีศรีสุข บรรณาธกิ าร 9. อาจารย์ ดร.สมพงษ์ เกษานุช กองบรรณาธิการ บรรณาธกิ าร 1. อาจารย์ ดร.จิดาภา เรง่ มศี รสี ุข มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ กองบรรณาธกิ าร 1. พระครใู บฎีกาอภชิ าติ ธมมฺ สุทฺโธ, ดร. มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั 2. พระปลัดสมชาย ปโยโค, ดร. มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 3. พล.อ.ต. ดร.นภัทร์ แก้วนาค วทิ ยาลยั การทัพอากาศ กองทัพอากาศ 4. ศาสตราจารย์ ดร.เทดิ ชาย ชว่ ยบำรงุ สถาบันบัณฑติ พัฒนบริหารศาสตร์ 5. ศาสตราจารย์ ดร.นรนิ ทร์ สงั ฆร์ ักษา มหาวิทยาลัยศลิ ปากร 6. รองศาสตราจารย์ ดร.ชลอ รอดลอย มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 7. รองศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ จันตะนี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั 8. รองศาสตราจารย์ ดร.ธชั ชนันท์ อิศรเดช มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 9. รองศาสตราจารย์ ดร.กรัณย์พล วิวรรธมงคล มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎกาญจนบรุ ี 10. รองศาสตราจารย์ ดร.สญั ญา เคณาภูมิ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั มหาสารคาม 11. รองศาสตราจารย์สายหยุด อุไรสกลุ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 12. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิษฎาข์ ศรีเครอื ดง มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสินทร์ 13. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ (พเิ ศษ) ดร.จิตมิ า พกั เพียง องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดราชบรุ ี 14. อาจารย์ ดร.สมั พนั ธ์ สุกใส มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ ค ปที ี่ 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) กองบรรณาธกิ าร (ตอ่ ) 15. อาจารย์ ดร.นนั ทยา คงประพันธ์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ 16. อาจารย์ วา่ ท่ี ร.ต.ดร.ธนรตั น์ รตั นพงศธ์ ระ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 17. อาจารย์ ดร.สมพงษ์ เกษานชุ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 18. อาจารย์ ดร.เกษฎา ผาทอง มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย 19. อาจารย์วาสนา มะลินนิ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภูมิ 20. อาจารยช์ นดิ าภา กระแจะจนั ทร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ 21. อาจารย์พรทพิ ย์ ชว่ ยเพล มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภูมิ 22. Miss Lindsay Mayo Fincher Texas Tech University ผ้ทู รงคุณวุฒิภายนอก 1. พระครใู บฎกี าอภิชาติ ธมฺมสุทฺโธ, ดร. มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2. พระปลดั สมชาย ปโยโค, ดร. มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั 3. พล.อ.ต. ดร.นภัทร์ แก้วนาค วทิ ยาลยั การทัพอากาศ กองทพั อากาศ 4. น.อ.หญงิ ดร.อุษา โพนทอง กรมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ลาโหม 5. ศาสตราจารย์ ดร.บญุ ทนั ดอกโธสง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 6. ศาสตราจารย์ ดร.จำนงค์ อดิวัฒนสทิ ธ์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 7. ศาสตราจารย์ ดร.เทดิ ชาย ชว่ ยบำรงุ สถาบนั บัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร์ 8. ศาสตราจารย์ ดร.นรินทร์ สังฆ์รกั ษา มหาวิทยาลัยศลิ ปากร 9. รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี วงษม์ ณฑา มหาวิทยาลยั พะเยา 10. รองศาสตราจารย์ ดร.ชลอ รอดลอย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 11. รองศาสตราจารย์ ดร.ศรีเพ็ญ ศภุ พิทยากุล จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย 12. รองศาสตราจารย์ ดร.อภินนั ท์ จันตะนี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 13. รองศาสตราจารย์ ดร.สมาน งามสนทิ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 14. รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล สยุ ะพรหม มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั 15. รองศาสตราจารย์ ดร.ธชั ชนันท์ อิศรเดช มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 16. รองศาสตราจารย์ ดร.สิริวัฒน์ ศรีเครอื ดง มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 17. รองศาสตราจารย์ ดร.สญั ญา เคณาภูมิ มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม 18. รองศาสตราจารย์ ดร.ภกั ดี โพธิส์ ิงห์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม 19. รองศาสตราจารย์ ดร.ภาสกร ดอกจนั ทร์ มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 20. รองศาสตราจารย์ ดร.ธโสธร ต้ทู องคำ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช
ง Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ผทู้ รงคณุ วฒุ ภิ ายนอก (ต่อ) 21. รองศาสตราจารย์ ดร.รตั นะ ปัญญาภา มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี 22. รองศาสตราจารย์ ดร. โชติ บดรี ัฐ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ูลสงคราม 23. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อภิษฎาข์ ศรีเครือดง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสนิ ทร์ 24. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สญั ญาศรณ์ สวัสด์ไิ ธสง มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร 25. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ภิศกั ด์ิ กัลยาณมติ ร มหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระราชปู ถัมภ์ 26. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สเุ มษย์ หนกหลัง มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ 27. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธิตวิ ฒุ ิ หม่นั มี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั 28. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สกุ นั ต์ แสงโชติ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั 29. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พมิ พาภรณ์ บญุ ประเสรฐิ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ 30. ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนภัทร จันทรเ์ จริญ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา 31. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรรถพล คำเขยี น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 32. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (พเิ ศษ) ดร.จิติมา พักเพียง องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ราชบรุ ี 33. ดร.ปริชัย ดาวอดุ ม มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ 34. ดร.กติ ตศิ ักดิ์ เจิมสิทธิประเสริฐ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย 35. ดร.เกษฎา ผาทอง มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั ผทู้ รงคณุ วุฒิภายใน 1. รองศาสตราจารย์ ดร.โกศล จิตวิรตั น์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ 2. รองศาสตราจารย์สายหยุด อไุ รสกลุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 3. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ วา่ ท่ีรอ้ ยเอก ดร.ธนู ทดแทนคณุ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 4. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กนกพร ภาคีฉาย มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 5. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สาลินนั ท์ บญุ มี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ 6. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ลดั ดาวัลย์ สำราญ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 7. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มนตรี สังข์ทอง มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ 8. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐวิภา วิรยิ า มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 9. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธนภูมิ ปองเสงยี่ ม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 10. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดวงจันทร์ สินโพธ์ิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ 11. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เนาวรตั น์ อินทรประสิทธ์ิ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ 12. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์นนั ทวดี วงษเ์ สถียร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 13. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สมบัติ ศริ ิจนั ดา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ จ ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) ผทู้ รงคณุ วฒุ ิภายใน (ตอ่ ) 14. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์นิตยา ปุระชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 15. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์แจ่มจันทร์ บญุ โญปกรณ์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 16. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สภุ าวดี เผือกฟัก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 17. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์จักกเมธ พวงทอง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 18. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จำรกั ซอ่ื ตรง มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 19. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์จกั ร์กวี ซือ่ ตรง มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 20. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กังสดาล ญาณจันทร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ 21. อาจารย์ วา่ ที่ ร.ต.ดร.ธนรัตน์ รตั นพงศธ์ ระ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 22. อาจารย์ ดร.นนั ทยา คงประพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 23. อาจารย์ ดร.จิดาภา เร่งมีศรีสุข มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ 24. อาจารย์ ดร.สมพงษ์ เกษานชุ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 25. อาจารย์ ดร.สัมพนั ธ์ สกุ ใส มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 26. อาจารย์ ดร.ธารนี นวัสนธี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 27. อาจารย์ ดร.เบญจพร เชอ้ื ผงึ้ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ 28. อาจารย์ ดร.ทิวา ใจหลกั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภูมิ 29. อาจารย์ ดร.ฐาปกรณ์ ทองคำนุช มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 30. อาจารย์ วนั ดี ศรีสวสั ดิ์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ 31. อาจารย์ ปริณุต ไชยนิชย์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 32. Ms.Aura Mendoza Siojo มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ ตรวจสอบบทคดั ย่อภาษาอังกฤษ 1. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์กงั สดาล ญาณจันทร์ 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จกั กเมธ พวงทอง 3. อาจารย์ ดร.ทิวา ใจหลัก 4. อาจารยร์ ุจิกา ธรรมลกั ษมี 5. อาจารยม์ นพฒั น์ บุณยะบูรณ 6. อาจารยอ์ อมวจี พบิ ูลย์ 7. อาจารย์กนกกาญจญ์ ปานเปรม 7. Mrs.Rhiana Taylor
ฉ Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ตรวจรปู แบบและพสิ จู น์อกั ษร 1. อาจารยน์ ทั ธี เพชรบรุ ี 2. อาจารย์ชาสนิ ี สำราญอนิ ทร์ 3. อาจารย์ฐานะมนตร์ กลิ่นจันทรแ์ ดง ประสานงานวารสาร 1. อาจารย์ชนดิ าภา กระแจะจันทร์ 2. อาจารย์ ดร.สมพงษ์ เกษานชุ 3. อาจารยพ์ รทิพย์ ชว่ ยเพล 4. นายเอกชัย นาคถนอม 5. นายจิระวฒุ ิ สาระธรรม 6. นางสาวปานวาส ประสาทศิลป์ จดั ทำรปู เลม่ วารสาร 1. อาจารย์ ดร.สมพงษ์ เกษานชุ 2. อาจารย์ ปริณตุ ไชยนิชย์ 3. อาจารยอ์ อมวจี พิบูลย์ 4. อาจารยม์ นพัฒน์ บุณยะบูรณ 5. อาจารย์กันตวีร์ เวียงสมิ า 6. นายจริ ะวุฒิ สาระธรรม ออกแบบปก : อาจารยก์ ันตวรี ์ เวยี งสิมา และนายจริ ะวฒุ ิ สาระธรรม จำนวนพมิ พ์ : 120 เล่ม เจา้ ของ : คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เลขที่ 60 หมู่ 3 ถนนสายเอเซีย (กรงุ เทพฯ-นครสวรรค์) ตำบลหนั ตรา อำเภอพระนครศรีอยธุ ยา จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา 13000 โทร. 035-709208, โทรสาร. 035-709208 http://www.arts.rmutsb.ac.th พิมพท์ ่ี : อยุธยาดีไซน์
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ ช ปีที่ 3 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) บทบรรณาธิการ วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล สุวรรณภูมิ เป็นวารสารวิชาการที่ได้รับการคดั เลือกเข้าสูฐ่ านข้อมลู ของศูนย์ดัชนกี ารอ้างอิงวารสารไทย (ศูนย์ TCI) ได้ถูกจัดกลุ่มคุณภาพวารสารประจำปี พ.ศ. 2564 ให้เป็น วารสารที่มีคุณภาพกลุ่มที่ 2 (TCI ฐาน 2) และอยู่ในฐานข้อมูล TCI จนถึง 31 ธันวาคม 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นควา้ และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการแกน่ ักวิจัย นักวชิ าการ คณาจารย์ นักศกึ ษา ในระดับ บัณฑิตศึกษา ในมิติทางด้านภาษา การท่องเที่ยว การโรงแรม การศึกษา และมนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร์ ในลกั ษณะสหวิทยาการ วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ จัดทำขึ้นปีละ 3 ฉบับ ฉบับนี้เป็นฉบับที่ 8 ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) มีบทความจำนวน 8 เรื่อง ประกอบด้วยบทความวิจัย จำนวน 5 เรอื่ ง และบทความวชิ าการ จำนวน 3 เรื่อง อนงึ่ ความคดิ เหน็ จากบทความวชิ าการหรือรายงานการวิจยั แต่ละเรือ่ งทีน่ ำเสนอในวารสาร ฉบับน้ี เปน็ ความเหน็ จากผู้เขยี นหรือผวู้ ิจัย กองบรรณาธกิ ารมีหน้าท่ีจัดพมิ พ์และเผยแพร่เพ่ือแลกเปลี่ยน ความคิดเหน็ ทางวชิ าการแกส่ งั คมเทา่ น้ัน กองบรรณาธิการวารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุคลากร ทั้งในสถานศึกษาและสถานประกอบการตลอดจนผู้สนใจโดยทั่วไป จะได้รับสาระประโยชน์จากวารสาร ฉบับนี้ ดร.จิดาภา เร่งมีศรีสุข บรรณาธกิ าร
ซ Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi P-ISSN: 2586-9825 E-ISSN: 2730-1982
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภมู ิ ฌ ปที ี่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) สารบญั บรรณาธกิ าร (ก) บทบรรณาธิการ (ช) บทความวิจยั : Research Article ▪ ความต้องการจำเปน็ ของการบริหารแหลง่ เรียนรูเ้ พอ่ื การศกึ ษาสำหรบั สถานศึกษา 103 สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา THE NEEDS OF LEARNING RESOURCE MANAGEMENT FOR EDUCATION OF SCHOOL UNDER PHRA NAKHON SI AYUTTHAYA EDUCATION SERVICE AREA กมลพร ภมู พิ ลับ และต้องลกั ษณ์ บญุ ธรรม ▪ การรูปแบบการเชื่อมโยงการจัดการห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกิจโรงแรม 118 และธรุ กจิ บริการในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา MODEL OF CONNECTING THE SUPPLY CHAIN MANAGEMENT OF AGRICULTURAL PRODUCTS TOWARDS HOTEL AND HOSPITALITY BUSINESSES IN AYUTTHAYA PROVINCE ฐาปกรณ์ ทองคำนุช, เบญจพร เชื้อผ้ึง, ธาริดา สกุลรัตน์, และพมิ พ์พร พิมพ์สุวรรณ ▪ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภค 133 ในเขตกรุงเทพมหานคร FACTORS INFLUENCING BLOOD PRESSURE MEASUREMENT DEVICE PURCHASING DECISIONS AMONG CONSUMERS IN BANGKOK METROPOLITAN วัชรพงษ์ พนิตธำรง ▪ การใชส้ ารสนเทศเพ่อื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ในศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 146 ของนักศึกษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย INFORMATION USE FOR CONDUCTING SCIENCE PROJECTS AT SCIENCE CENTER FOR EDUCATION BY NON-FORMAL AND INFORMAL EDUCATION OF UPPER SECONDARY LEVEL ควรพศิ พัฒน์มณี, ชำนาญ เชาวกรี ติพงศ์, และนำ้ ทิพย์ วภิ าวนิ
ญ Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) สารบญั (ต่อ) บทความวจิ ยั : Research Article ▪ แนวทางการจัดการการตลาดสำหรับธุรกิจรับผลิตอาหารเสริมครบวงจร 161 ในอำเภอเมืองสมทุ รสาคร MARKETING MANAGEMENT GUIDELINES FOR THE COMPLETE SUPPLEMENT MANUFACTURING BUSINESS IN MUANG SAMUT SAKHON DISTRICT ณฐาพชั ร์ วรพงศ์พชั ร์ บทความวิชาการ : Academic Article 175 ▪ การนำเร่อื งเล่ามาวเิ คราะห์ : การตอ่ รองกับโครงสรา้ งสังคม กรณศี ึกษา ผู้สูงอายุ 190 ในหมู่ 1 ตำบลหนองแวง อำเภอวฒั นานคร จังหวดั สระแกว้ 202 ANALYSIS OF NARRATIVE: NEGOTIATING OF SOCIAL STRUCTURE A CASE STUDY OF THE ELDERLY OF MOO 1, NONGWANG SUB-DISTRICT, WATTHANA NAKHON DISTRICT, SA KAEO PROVINCE ปรณิ ตุ ไชยนิชย์, เรอื งสนิ ปลมื้ ปัน่ , ศริ ศิ กั ดิ์ บัวชมุ , ชนดิ าภา กระแจะจันทร์, และสมพงษ์ เกษานชุ ▪ คุณลกั ษณะบัณฑติ ทพี่ ึงประสงคใ์ นศตวรรษท่ี 21 ตามแนวไตรสิกขา DESIRABLE CHARACTERISTICS OF THE GRADUATES IN THE 21ST CENTURY ACCORDING TO THREEFOLD TRAINING พระครพู ทิ ักษศ์ ลิ ปาคม (นชุ ิต วชริ วุฑโฺ ฒ) ▪ พระสงฆ์กบั การจดั การตนเองในสงั คมยคุ ใหม่ BUDDHIST MONKS AND SELF-MANAGEMENT IN MODERN SOCIETY พระสมหุ ์วศิน วสิ ทุ ฺโธ ภาคผนวก ฎ ธ คำแนะนำสำหรบั ผ้เู ขียน ย ตัวอยา่ งการเตรียมตน้ ฉบบั บทความวิจยั ส ตัวอยา่ งการเตรยี มตน้ ฉบบั บทความวชิ าการ/พเิ ศษ/ปริทรรศน์/ปกิณกะ กระบวนการพิจารณาบทความ
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภมู ิ 103 ปีท่ี 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) ความตอ้ งการจำเปน็ ของการบรหิ ารแหลง่ เรยี นร้เู พื่อการศกึ ษา สำหรบั สถานศกึ ษาสังกดั สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา พระนครศรีอยธุ ยา THE NEEDS OF LEARNING RESOURCE MANAGEMENT FOR EDUCATION OF SCHOOL UNDER PHRA NAKHON SI AYUTTHAYA EDUCATION SERVICE AREA กมลพร ภมู ิพลับ Kamonphron Pumplub ต้องลักษณ์ บุญธรรม Tongluck Boonthum คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชมงคลธญั ญบรุ ี Faculty of Education, Raiamangala University Technology Thanyaburi E-mail: [email protected] Received Jun 30, 2021; Revised July 20, ป;ี Accepted August 23, 2021 บทคดั ยอ่ งานวิจัยนี้มีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื ศกึ ษา 1) สภาพท่เี ปน็ จริงและสภาพทพี่ งึ ประสงค์การบรหิ ารแหล่ง เรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา และ 2) การจดั ลำดบั ความตอ้ งการจำเปน็ ของการบริหารแหลง่ เรยี นรู้เพ่ือการศกึ ษาสำหรบั สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารและครู ประถมศกึ ษาจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา จำนวน 366 คน โดยใช้การสมุ่ แบบแบง่ ชัน้ ภูมิ เครื่องมอื ท่ีใช้ใน วิจัย ได้แก่ แบบสอบถามแบบเช็คลิสต์ การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยาย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการจดั ลำดับความต้องการจำเปน็ ดว้ ยสูตร (PNIModified) ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับ สถานศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (X̅ = 3.96, S.D.= 0.76) 2) สภาพที่พึงประสงค์ของการบริหาร แหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X̅ = 4.54, S.D.=0.66) และ 3การจัดเรียงลำดับความต้องการจำเป็นของการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา (สำหรับ สถานศึกษา ตามการจัดอันดับความต้องการจำเป็นมากที่สุด ได้แก่ 1) ด้านการประเมินการบริหาร แหล่งเรียนรู้ (PNIModified = 0.169) 2) ด้านการดำเนินงานแหล่งเรียนรู้ (PNIModified = 0.160) 3) ด้านการพัฒนาการบรหิ ารแหล่งเรียนรู้ (PNIModified = 0.159) และ 4) ด้านการวางแผนการบรหิ าร แหลง่ เรยี นรู้ (PNIModified = 0.145) ตามลำดับ คำสำคัญ: การบริหาร, แหลง่ เรยี นรู้เพือ่ การศกึ ษา, สถานศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา
104 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) Abstract The aims of this research are to study: 1) the current state and desirable state of learning resource management for education under Phra Nakhon Si Ayutthaya education service area and 2) the needs of learning resource management for education of schools under Phra Nakhon Si Ayutthaya education service area. The sample group consisted of 366 administrators and primary teachers under Phra Nakhon Si Ayutthaya education service area chosen by stratified random sampling. The research instrument was a check- list questionnaire and the data were analyzed by using mean, standard deviation and priority needs analysis (PNIModified) The research results revealed that: 1) the current state of learning resource management for education as a whole was at the high level (X̅ = 3 . 9 6 , S.D.=0 . 7 6 ); 2) the desirable state of learning resource management for education was at the highest level (X̅ = 4 . 5 4 , S.D.=0 . 6 6 ) and 3) the needs of learning resource management for education respectively sorted descending order of the needs as follows: 1) evaluation of learning resource management (PNImodified =0.169);2) operation of learning resource (PNImodified =0.160); 3) development of learning resource (PNImodified =0.159) and 4) planning of learning resource management. Keywords: Management, Learning resource, Primary School. บทนำ ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่สำคัญของการเรียนรู้ โดยตั้งแต่อดีตถึงปจั จุบัน การเรียนรู้และกระบวนการเรยี นรู้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาอยา่ งตอ่ เนื่อง ทั้ง เรื่องของ สาระการเรียนรู้ วิธีการ และเครื่องมือ รวมถึงรูปแบบสถาบัน ตามการเปลี่ยนแปลงของ เศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี ซึ่งในแต่ละยุคสมัยความต้องการของเศรษฐกิจและ สังคมก็จะแตกตา่ งกนั ไป ในชว่ งกอ่ นเกิดการปฏิวตั ดิ ิจทิ ลั (Digital Revolution) ระบบการศกึ ษาถือเป็น ระบบหลักของวัฒนธรรมการเรียนรู้ในสังคมท่ัวโลก กระบวนการเรียนรู้อยู่ในรูปแบบการถ่ายทอดองค์ ความรู้จากผู้สอนสู่ผู้เรียน ในสถาบันการศึกษาเพื่อผลิตซ้ำในรปู แบบสังคมอุตสาหกรรม ต่อมาเมื่อตน้ ศตวรรษที่ 21 การเรียนรู้ในระบบการศึกษาถูกตั้งคำถามว่าสามารถตอบโจทย์ผู้เรียนและสร้างการ เรียนรู้ให้แก่มนุษย์ได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ จากปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการเรียนรู้ใน ระบบการศึกษาที่ดี ผนวกกับการพัฒนาเทคโนโลยี การปฏิวัติดิจิทัล การกลายเป็นเมือง และการ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ส่งผลให้กระบวนทัศน์การเรียนรู้เปลี่ยนจากการเรียนรู้ในระบบ
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ 105 ปที ี่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) การศึกษา ขยับออกมาสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเรียนรู้แบบเปิดที่ไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในระบบ การศึกษาอีกต่อไป (The Urbanis, 2020) ที่สอดคล้องกับ แนวทางของสถาบันการเรียนรู้ตลอดชีวิต ของยูเนสโก (UNESCO Institute for Lifelong Learning- UIL) ที่ได้จัดต้ังเครือข่ายระดับโลกด้าน เมอื งแห่งการเรยี นรขู้ องยูเนสโก เพื่อชว่ ยรัฐบาลท้องถิ่นในการพัฒนากลยุทธ์ท่ีเปน็ รูปธรรมในการสร้าง เมืองแห่งการเรียนรู้ เครือข่ายนี้จะทำการสนับสนุนการบรรลุผลของการดำเนินงานตามเป้าหมายการ พัฒนาที่ย่ังยืน โดยเฉพาะเป้าหมายท่ี 4 ซึ่งเน้นการจัดการศึกษาอย่างครอบคลุม เท่าเทียม และมี คุณภาพ รวมไปถึงการส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวติ สำหรับทุกคน และเป้าหมายที่ 11 ซ่ึงม่งุ พัฒนาเมืองและถิ่นฐานให้มนุษย์ได้อยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย และการช่วยเหลือเก้ือหนุนซึ่งกันและกนั จนนำไปสู่ความย่ังยนื (สำนักความสัมพนั ธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2564) ใน ประเทศไทยแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาได้ส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรูต้ ลอด ชีวิตทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์สวนสาธารณะ สวน พฤกษศาสตร์ อุทยาน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมไปถึงศนู ย์การกีฬา และแหล่งการเรยี นร้อู ่นื อย่าง พอเพียง และมปี ระสิทธิภาพ สถานศกึ ษาจะตอ้ งสง่ เสริมสนบั สนุนใหผ้ ้เู รยี นสามารถเรยี นรไู้ ดท้ ุกเวลาทุก ที่จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งแหล่งการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในเฉพาะในห้องเรียน หรือใน สถานศึกษาเทา่ นั้น ซึ่งสถานศกึ ษาจะต้องพิจารณาใช้แหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ ทม่ี ีอยู่ การใช้แหล่งเรียนรู้ ตำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพและมาตรฐาน ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ จำกัดเวลา สถานที่ และการจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560) กระบวนการจดั การศึกษาที่สง่ เสริมให้ผเู้ รียนสามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ได้ตลอดเวลา จากแหล่งการเรียนรู้ทุกรูปแบบอย่างเพียงพอ รวมถึงสื่อ และเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นปัจจัยหนึ่ งที่มี อิทธิพลต่อการศกึ ษาในปจั จุบนั และอนาคตที่จะเพิ่มศกั ยภาพของการเรียนรู้ รวมถงึ สนบั สนนุ ให้ผู้เรียน เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และเกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ จึงทำให้สถานศึกษาต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลา ทุกที่ จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามี แหลง่ เรยี นรูม้ ากมายซ่งึ แหลง่ เรียนรู้ในชมุ ชน ทอ้ งถิ่น และสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ ห้องเรียนขนาดใหญ่ท่ีเต็มไป ด้วย สวนป่า สวนพฤกษศาสตร์ ห้องสมุด หอประชุม เป็นต้น มีแหล่งเรียนรู้ในชุมชนท้องถิน่ เช่น วัด หอสมุด พิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาล ทุ่งนา โบราณสถาน และด้านวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ในชุมชน ทอ้ งถนิ่ แหลง่ เรยี นรูห้ ลายแหง่ ที่ศึกษามีสถานภาพและบทบาทความสำคญั หลายอย่างในขณะเดียวกัน เช่น พระราชวังจันทรเกษมจะมีบทบาทเป็นทั้งโบราณสถาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และเป็นแหล่ง ท่องเที่ยว เป็นต้น แหล่งเรียนรู้ที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนแต่เป็นโอกาสให้สถานศึกษาสามารถนำแหล่ง เรียนรู้เหล่านี้มาจัดเป็นแผนเพื่อสร้างกระบวนการเรียนการสอนสำหรับสถานศึกษา ที่ส่งเสริม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย การบริหารจัด สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เออ้ื ต่อการจัดการเรยี นรู้อย่างมีคุณภาพและการเน้นผู้เรียนเป็น
106 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) สำคัญโดยใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ถือว่าเป็นการพัฒนา คุณภาพของผู้เรยี นได้เปน็ อยา่ งดี จากความสำคัญดังกล่าวผู้วิจัยเกิดความสนใจท่ีจะศึกษาความต้องการจำเป็นในการบริหาร จัดการแหล่งเรียนรู้ยังไม่ได้กำหนดสภาพที่เป็นจริง สภาพที่พึงประสงค์ การบริหารแหล่งเรียนรู้เพ่ือ การศกึ ษาของสถานศึกษา สงั กดั สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เพือ่ นำไป เป็นแนวทางการบริหารแหล่งเรียนรูข้ องสถานศึกษาใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึน้ อัน จะนำไปสู่การเพม่ิ คณุ ภาพการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษาและพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียนให้ดยี ิ่งขึน้ ตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั 1. เพื่อศึกษาสภาพที่เป็นจริงและสภาพที่พึงประสงค์การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา สำหรับสถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา 2. เพื่อศึกษาการจัดลำดับความต้องการจำเป็นการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับ สถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพระนครศรอี ยธุ ยา การทบทวนวรรณกรรม สุดารัตน์ งามวิลัย (2561) กล่าวถึงความสำคัญของการจัดการบริหารแหล่งเรียนรู้ว่า สถานศกึ ษาทกุ แหง่ จะต้องให้ความสำคญั ในการจดั ใหม้ ีแหล่งการเรยี นร้ทู ่ีเหมาะสมกับผู้เรยี น และมีการ ใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ทั้งในสถานศึกษาและในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้ ผูเ้ รยี นไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนอื่ งและสามารถนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประวนั ได้ พิชัย เรืองดี (2558) กล่าวว่า การบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อ กระบวนการเรียนการสอนทม่ี ุง่ เน้นใหผ้ ้เู รียนนนั้ ได้มีประสบการณ์ตรง ซึ่งหลกั การของการบริหารจดั การ แหล่งเรียนรู้ด้านการวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ ควรมีการสำรวจแหล่งเรียนรู้ ภายในสถานศกึ ษา ประชุมครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เห็นถึงความสำคัญ และเข้าใจตรงกัน เปิดโอกาสให้ทุกภาค ส่วนเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผน แต่งตั้งบุคลากรเหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ กำหนด กิจกรรมสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ท่ตี ้งั ไว้ วัฒน ลาพิงค์ (2562) กล่าวว่า การดำเนินการใช้แหล่งเรียนรู้ มีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ จดั บริการประชาสัมพันธ์ การจัดหาทรพั ยากร สารสนเทศ ส่อื เทคโนโลยี การจัดเกบ็ ข้อมลู แหล่งเรียนรู้ ให้เป็นระเบียบ การผลิตคู่มือการใช้แหล่งเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมแนะนำการใช้และรณรงค์การใช้ แหลง่ เรยี นรู้ รัชดาวรรณ ทองดา (2559) กล่าวว่า คณะกรรมการประเมินผลการสร้างและพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ โรงเรียนควรจัดตั้งคณะกรรมการประเมินผลการสร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และควรเปิด
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ 107 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) โอกาสใหผ้ ูม้ ีส่วนเกีย่ วขอ้ งทุกฝ่าย ไดแ้ ก่ ครูผ้สู อน คณะ กรรมการสถานศกึ ษา ผ้ปู กครอง และนักเรียน ไดม้ สี ่วนรว่ มเปน็ คณะกรรมการในการประเมนิ ผลการสร้างและพฒั นาแหล่งเรียนรดู้ ้วย ปริยาภรณ์ ตั้งคณุ านันต์ (2558) กล่าววา่ การพัฒนาและใชแ้ หล่งการเรียนรู้ คอื การรวบรวม ข้อมูลตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และเสร็จสิ้นการดำเนินการ เพื่อสรุปเป็นรายงาน นำเสนอให้หนว่ ยงานตน้ สังกัดทุกระดับและผู้เก่ียวข้องทราบตลอดจนการประชาสัมพันธ์ ให้เกิดการใช้ แหลง่ การเรยี นรู้ใหก้ ว้างขวางยงิ่ ขึ้น เป็นการส่งเสริมการพัฒนาตอ่ ยอดตอ่ ไปการบริหารแหล่งเรียนรู้ใน สถานศึกษาเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ จากการทบทวนวรรณกรรม สรุปได้ว่า การบริหารแหล่งเรียนรู้มีความสำคัญต่อการจัดการ เรียนการสอนเพื่อใหเ้ กิดการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างมปี ระสิทธิภาพผ่านประสบการณต์ รง โดย หลักการสำคัญในการบริหารจัดการการใช้แหล่งเรยี นรูป้ ระกอบด้วย 1) การวางแผนการบริหารแหลง่ เรียนรู้ คอื การกำหนดแนวทางหรือนโยบายในการบริหารจัดการแหลง่ เรยี นรู้ 2) การดำเนินการบริหาร แหลง่ เรยี นรู้ คอื การดำเนินงานบรหิ ารแหลง่ เรยี นรู้ผ่านกระบวนการและวิธีการในรปู แบบต่าง ๆ 3) การ ประเมินการใช้แหล่งเรียนรู้ คือการประเมินการใช้แหล่งเรียนรู้โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย 4) การ พัฒนาการบริหารแหล่งเรียนรู้ คือการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนเสร็จสิ้นการดำเนินการ และผลการประเมนิ โดยนำมาวิเคราะห์เพอ่ื แก้ไข ปรบั ปรุงและพฒั นาต่อไป ซึง่ การทบทวนวรรณกรรม นี้จะนำไปเปน็ สว่ นหนง่ึ ในการอภปิ รายผลต่อไป กรอบแนวคิดการวิจยั กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ผู้วจิ ัยได้จากการสังเคราะห์วธิ กี ารบริหารแหล่งเรยี นรู้เพื่อการศึกษา จากนกั วชิ าการศึกษา นักวิจัย และหน่วยงานของรฐั จงึ ทำใหไ้ ด้กรอบแนวความคดิ ในคร้ังนี้ ดงั น้ี การบรหิ ารแหล่งเรยี นรเู้ พอื่ การศกึ ษา ประกอบด้วย ความตอ้ งการจำเปน็ การ - ด้านการวางแผนการบรหิ ารแหลง่ เรียนร้เู พอ่ื การศกึ ษา บริหารแหล่งเรียนรูเ้ พือ่ - ด้านการดำเนินงานแหลง่ เรยี นรู้เพ่อื การศกึ ษา การศึกษาสำหรบั สถานศึกษา - ด้านการประเมนิ การใช้แหลง่ เรียนรเู้ พ่อื การศกึ ษา สังกดั สำนกั งานเขตพืน้ ที่ - ด้านการพฒั นาการบริหารแหล่งเรยี นร้เู พ่อื การศึกษา การศึกษาประถมศกึ ษา พระนครศรีอยุธยา แผนภาพที่ 1 แสดงกรอบแนวคิดการบริหารแหล่งเรียนร้เู พื่อการศกึ ษา
108 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) วิธีดำเนินการวิจยั 1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 1.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครู และผู้บริหารสถานศึกษาสถานศึกษา สำนักงาน เขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาพระนครศรอี ยุธยา ปีการศึกษา 2563 จำนวน 4,181 คน 1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้มาจากการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากประชากรโดยการกำหนด กลุ่ม ตัวอย่างที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และมีความคลาดเคลื่อน +5% โดยยึดเกณฑ์ของ ศิรชัย กาญจวาสี และคณะ (2551) จำนวน 366 คน โดยการส่มุ แบบชน้ั ภูมิ (Stratified Random Sampling) จำแนกตามเขตพ้ืนท่ี จำแนกตามอำเภอ จากนั้นใชก้ ารสมุ่ กลุ่มตัวอย่างอยา่ งงา่ ย 2. เคร่ืองมือในการทำวจิ ัย เครอ่ื งมอื เป็นแบบสอบถาม ประกอบดว้ ย ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นแบบ ตรวจสอบรายการ (Check List) ตอนที่ 2 สภาพที่เป็นอยู่จริงและสภาพที่ควรจะเป็น เกี่ยวกับการบริหารแหล่งเรียนรู้เพอื่ การศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ แบบการตอบสนองคู่ (Dual-Response Forma) แบ่งออกเป็น 4 ด้าน 1) ด้านการวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา 2) ด้านการ ดำเนินงานการบริหารแหล่งเรยี นรู้เพอ่ื การศึกษา 3) ดา้ นการประเมนิ การใช้แหล่งเรียนรู้เพ่ือการศึกษา 4) ด้านการพัฒนาการบรหิ ารแหล่งเรยี นรู้เพอ่ื การศกึ ษา 3. การสร้างและการหาคุณภาพเคร่อื งมือ ผวู้ จิ ัยใชก้ ารหาประสิทธิภาพของแบบสอบถามด้วย การตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (content Validity) ก่อนนำไปใช้ในการเก็บข้อมูลจริง โดย ผ่านการแนะนำและเห็นชอบของผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item- objective congruence: IOC) ระหว่างข้อมูลกับเนอ้ื หา ในประเด็นท่ีตอ้ งการศึกษา อยูร่ ะหวา่ ง 0.60– 1.00 แสดงว่า ข้อคำถามนั้นสามารถไปใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ นอกจากนั้นผู้วิจัยได้นำ แบบสอบถามที่ผ่านการหาประสิทธิภาพไปทำการทดลองใช้ (Try out) เพื่อหาความเชื่อมั่น โดยค่า ความเชื่อมั่น เท่ากับ 0. 829 ซึ่งถือว่าแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพและมีความเหมาะสมที่จะ นำไปใชเ้ ก็บรวบรวมข้อมูลต่อไปได้ 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผ้วู จิ ัยนำแบบสอบถามจำนวน 366 ฉบับ โดยใช้วธิ กี ารเก็บรวมรวม ข้อมูลด้วยตนเองและไปรษณีย์ ได้แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจคัดเลือกความสมบูรณ์ของการตอบ แบบสอบถาม จำนวน 360 ฉบบั คดิ เป็นร้อยละ 98.36 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผูว้ จิ ัยได้ศกึ ษาและทำการวเิ คราะห์ขอ้ มลู แบงเปน็ 2 ตอนดังนี้
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ 109 ปที ี่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) ตอนท่ี 1 วเิ คราะห์ข้อมูลเกยี่ วกับสภาพท่เี ป็นอยู่จริงและสภาพทคี่ วรจะเป็นการบริหารแหล่ง เรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรอี ยธุ ยา โดยหา คา่ เฉลีย่ (X̅) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ตอนที่ 2 การจัดลำดับความต้องการจำเป็นของการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา มาจัดลำดับ ความต้องการจำเป็น หรือ Modified Priority Need Index : PNIModified จัดลำดับความต้องการจาก มากไปหานอ้ ยและนำเสนอเปน็ ความเรียง 6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยนี้ ผู้วิจัยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการคำนวณ โดยสถิติที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพทั่วไป ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) และ ความถ่ี (Frequency) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะหส์ ภาพที่เป็นอยู่และสภาพที่พึงประสงค์ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และ การวิเคราะห์การจัดลำดับความต้องการจำเปน็ (PNIModified) สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ได้แก่ ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) และ ค่าความเชื่อมัน่ ทง้ั ฉบบั (Reliability) ผลการวจิ ัย การศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา สำหรับสถานศึกษา สงั กดั สำนกั งานเขตพืน้ ทการศึกษาประถมศึกษาพระนครศรอี ยธุ ยา มวี ตั ถุประสงค์ 1) เพอ่ื ศึกษาสภาพที่ เป็นจริงและสภาพที่พึงประสงค์การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา สำหรับสถาน ศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา 2) เพื่อศึกษาการจัดลำดับความต้องการ จำเป็นการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา ซึง่ ผลการวิจัยดังน้ี 1. สภาพปัจจบุ นั การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศกึ ษาสำหรับสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅ = 3.91, S.D. = 0.78) เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการวางแผนการบรหิ ารแหล่งเรียนรู้ มคี า่ เฉล่ียสงู สุด อยู่ในระดับมาก (X̅ = 3.96, S.D. = 0.76) และสภาพที่พึงประสงค์การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับ สถานศกึ ษา ภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ (X̅ = 4.52, S.D. = 0.68) เมอื่ พจิ ารณารายด้าน พบวา่ ด้าน การวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด (X̅ = 4.54, S.D. =0.66) ตามลำดบั
110 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ตารางที่ 1 ผลการวิเคราะหส์ ภาพปัจจุบนั และสภาพทีพ่ งึ ประสงค์การบรหิ ารแหล่งเรียนรู้เพอื่ การศึกษา สำหรบั สถานศึกษา สงั กัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา การบรหิ ารแหล่งเรียนรู้ สภาพปจั จบุ ัน สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 1. ด้านการวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ ���̅��� S.D. ระดับ ���̅��� S.D. ระดับ 3.96 0.76 มาก 4.54 0.66 มากที่สดุ 2. ดา้ นการดำเนนิ งานการบรหิ ารแหล่งเรียนรู้ 3.89 0.81 มาก 4.51 0.70 มากทส่ี ดุ 3. ด้านการประเมินการใช้แหล่งเรยี นรู้ 3.87 0.72 มาก 4.53 0.68 มากทส่ี ุด 4. ด้านการพฒั นาการบรหิ ารแหล่งเรียนรู้ 3.91 0.81 มาก 4.51 0.68 มากทีส่ ุด ค่าเฉลี่ยรวม 3.91 0.78 มาก 4.52 0.68 มากที่สดุ จากผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ดังแสดงในตารางท่ี 1 แสดงใหเ้ หน็ ว่า สภาพปัจจุบันมคี า่ เฉล่ียต่ำกว่า สภาพที่พึงประสงค์ทุกดา้ น แสดงให้เหน็ ว่าการบริหารแหล่งเรยี นรู้สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา ทุกดา้ นเป็นความต้องการจำเปน็ ทกุ ขอ้ 2. ผลการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น Modified Priority Need Index : PNIModified ของ การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา โดยเรียงลำดับความสำคัญของข้อมูล Modified Priority Needs Index : PNIModified ซ่ึงเปน็ ลำดับความสำคญั ของความตอ้ งการจำเป็นดงั ตารางท่ี 2 ดังน้ี ตารางที่2 การจัดเรียงความต้องการจำเป็นการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรอี ยธุ ยา ในแต่ละด้าน การบรหิ ารแหลง่ เรียนรู้ ค่าเฉลยี่ คา่ เฉล่ีย PNIModified ลำดับ สภาพปัจจบุ นั สภาพท่ีพึง 1. ดา้ นการวางแผนการบริหารแหล่งเรยี นรู้ ประสงค์ 0.145 4 2. ดา้ นการดำเนินงานการบริหารแหลง่ เรยี นรู้ 3.96 0.160 2 3. ดา้ นการประเมนิ การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ 3.89 4.54 0.169 1 4. ด้านการพัฒนาการบรหิ ารแหลง่ เรยี นรู้ 3.87 4.51 0.159 3 3.91 4.53 4.5
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภมู ิ 111 ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) จากตารางที่ 2 พบว่า ความต้องการจำเป็นการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับ สถานศกึ ษา สังกัดสำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา มีความตอ้ งการจำเป็น โดยเรียงจากมากไปน้อย ดงั น้ี 1) ด้านการประเมินการใชแ้ หลง่ เรียนรู้ 2) ดา้ นการดำเนนิ งานการบริหาร แหล่งเรียนรู้ 3) ด้านการพัฒนาการบริหารแหล่งเรียนรู้ 4) ด้านการวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้ ด้านการวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ พบว่า ความต้องการจำเป็น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การเก็บรวบรวมข้อมูลแหล่งเรียนรู้ 2) การกำหนดบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินงานการ บริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาอย่างชัดเจน และ 3) การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและ แผนพฒั นาแหลง่ เรยี นรเู้ พื่อการศกึ ษา ด้านการดำเนินงานการบริหารแหล่งเรียนรู้ พบว่า ความต้องการจำเป็น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การอบรมสัมมนาเกี่ยวกับการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน 2) การจัดทำคู่มือการ บริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเผยแพร่ให้กับผู้เรียนและผู้ที่สนใจ และ 3) การใช้แหล่งเรียนรู้ให้เป็นไปตาม แผนการบรหิ ารแหลง่ เรยี นรู้ ด้านการประเมินการใช้แหล่งเรียนรู้ พบว่า ความต้องการจำเป็น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การประเมินผลการบริหารแหล่งเรียนรู้ระหว่างการดำเนินงาน 2) การประเมินผลการบริหารแหล่ง เรยี นรตู้ ามแผนและแนวทางการดำเนินงาน และ 3) กำหนดรูปแบบ วิธกี ารประเมินการใช้แหล่งเรยี นรู้ ด้านการพัฒนาการบริหารแหล่งเรียนรู้ พบว่า ความต้องการจำเป็น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) การกำหนดผู้รับผิดชอบในการแก้ไข และพัฒนาการบริหารแหล่งเรยี นรู้ 2) การเน้นย้ำนโยบายหรือ การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อให้ได้ผลงานตามแผนที่วางไว้ และ 3) การนำผลการประเมินการบริหาร แหล่งเรยี นรูม้ าวางแผนปรบั ปรงุ และพัฒนาให้ดีขึน้ อภปิ รายผล จากผลการวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพที่เป็นจริงและสภาพที่พึงประสงค์การ บริหารแหล่งเรียนรู้เพ่ือการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษา พระนครศรอี ยธุ ยา 2) เพอื่ ศึกษาการจัดลำดับความตอ้ งการจำเป็นการบรหิ ารแหลง่ เรยี นรเู้ พ่ือการศึกษา สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา ผู้วิจัยได้นำ ประเดน็ มาอภปิ รายผลโดยมรี ายละเอียดดงั นี้ จากการศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์การบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษา สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรีอยุธยา พบว่า 1) ด้าน การวางแผนการบรหิ ารแหล่งเรยี นรู้ 2) ด้านการดำเนนิ งานการบริหารแหลง่ เรยี นรู้ 3) ดา้ นการประเมิน การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ และ 4) ด้านการพฒั นาการบริหารแหล่งเรียนรู้ สภาพปัจจุบันมคี ่าเฉล่ียต่ำกว่าสภาพ
112 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ที่พึงประสงค์ทุกด้าน แสดงให้เห็นว่าการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรอี ยุธยา ทกุ ด้านมคี วามต้องการจำเป็น และมีการ จดั ลำดบั ความตอ้ งการจำเปน็ การบริหารแหล่งเรียนรู้เพ่อื การศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรอี ยุธยา มีรายละเอียดดงั น้ี ลำดบั แรก ด้านการประเมนิ การใช้แหลง่ เรียนรู้ พบว่า สถานศกึ ษามีความตอ้ งการจำเป็นลำดับ แรก คือ การประเมินผลการบริหารแหล่งเรียนรู้ ในระหว่างการดำเนินงาน ทั้งนี้เน่ืองจาก สถานศึกษา ส่วนใหญ่นั้น มีการวางแผนการดำเนินการบริหารแหล่งเรียนรู้ตามงานประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษา พร้อมกับมกี ารดำเนนิ งานแต่ยงั ขาดการประเมินผลในระหวา่ งการดำเนนิ งานทเ่ี ป็นรูปธรรม สอดคล้องกับงานวิจัยของ ปริยาภรณ์ ตั้งคุณานันต์ (2558) กล่าวถึง กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการ นิเทศ ติดตาม และประเมินการพัฒนาและใช้แหล่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพแก้ไข ปญั หาอุปสรรคในระหว่างการดำเนนิ การจากการประเมินทบทวนปรับปรุง กระบวนการดำเนนิ การ ให้ เกดิ การพฒั นาและใช้แหล่งการเรียนรตู้ ามแผนหลักและแนวดำเนนิ การกำหนดไว้ สอดคลอ้ งกับงานวิจัย ของ ดวงพร ปวงมาลา (2557) กล่าวถึง ผู้บริหาร ครูและผู้เกี่ยวข้องควรมีการประเมินการใช้แหล่ง เรียนรู้เพือ่ เป็นการพฒั นาแหล่งเรยี นรูใ้ ห้มี ประสิทธิภาพและสามารถใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างคุ้มค่าต่อไป โดยมีการกำหนดระยะเวลาในการประเมนิ เช่น ก่อนใช้ ระหว่างการใช้ และหลังจากการดำเนนิ การใช้ แหลง่ เรยี นรู้เมอื่ กำหนดเวลาแล้วลงมอื ดำเนนิ การประเมนิ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพอ่ื พจิ ารณารายงานผลการ ใช้แหล่งเรียนรู้รวมทั้ง ปัญหา อุปสรรค ให้สถานศึกษาได้พิจารณาเพื่อสรุปผลรายงานพร้อมด้วย ข้อเสนอแนะ ปรับปรงุ และแก้ไข ลำดับที่สอง ด้านการดำเนินงานการบริหารแหล่งเรียนรู้ พบว่า สถานศึกษามีความต้องการ จำเป็นท่ีลำดับแรก คอื การอบรมสัมมนาเก่ียวกับการบริหารแหลง่ เรียนรู้เพอ่ื ใช้ในการปฏิบัติงาน ท้ังนี้ เนอ่ื งจาก สถานศึกษาสว่ นใหญม่ ีการดำเนินงานอยูแ่ ต่ยงั ขาดการได้รับการอบรมและความรู้ในเรื่องของ การดำเนินการใช้แหล่งเรียนรู้ ควรมีการเชิญวิทยากรในท้องถิ่นมาร่วมกันวางแผน และจัดกิจกรรม ร่วมกับผู้สอน จัดบุคลากรรับผิดชอบให้ชัดเจน และจัดอบรมในเรื่องการจัดข้อมูลสารสนเทศแหล่ง เรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานและการพัฒนาการศึกษาของผู้เรียน ซึ่งสอดคล้องกับ งานวิจัยของ ประยูร บุญใช้, ภูมิพงศ์ จอมหงส์พิพัฒน์ (2558) ซึ่งนำเสนอผลการเปรียบเทียบคะแนน จากแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั การจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบบูรณาการโดยใช้แหล่ง เรียนรู้ในท้องถ่ินเป็นฐานของครูท่ีได้รับการฝึกอบรม ระหว่างก่อนการอบรมและหลังการอบรม พบว่า ครผู ู้เข้ารบั การอบรมตามรปู แบบท่ีพฒั นาขน้ึ มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ บูรณาการโดย ใช้แหล่งเรียนรูใ้ นท้องถิ่นเป็นฐาน ซึ่งมีคะแนนเพิม่ ขึน้ ส่งผลต่อการพัฒนาการใช้แหล่ง เรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น รวมไปการจัดอบรมการใช้สื่อเทคโนโลยี การเลือกใช้แหล่งเรียนรู้ สร้างเครือข่าย
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ 113 ปที ่ี 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) ประสานความรว่ มมือกับหน่วยงานภายนอกเพื่อสนับสนุนการบริหารแหลง่ เรยี นรภู้ ายในสถานศึกษาให้ เหมาะสม ดา้ นตรวจสอบ ทบทวนและตดิ ตามการบรหิ ารแหลง่ เรยี นรู้ (กู้เกียรติ แดงสีดา, 2563) ลำดับที่สาม ด้านการพฒั นาการบรหิ ารแหล่งเรียนรู้ พบว่า สถานศึกษามคี วามต้องการจำเปน็ ลำดับแรก คือ กำหนดผู้รับผิดชอบในการแก้ไข และพัฒนาการบริหารแหล่งเรียนรู้ ทั้งนี้อาจเป็น เพราะวา่ สถานศกึ ษาส่วนใหญใ่ ห้ความสำคญั ของการกำหนดผูร้ ับผิดชอบในการแกไ้ ขและพัฒนาการใช้ แหล่งเรียนรู้ เพือ่ ให้เกิดกระบวนการพัฒนาแหลง่ เรียนรู้อยา่ งแทจ้ ริงหลงั จากขั้นตอนของการประเมินผล การใช้แหล่งเรียนรู้ โดยวิเคราะหผ์ ลการประเมินเพ่ือนำผลมาพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สอดคล้องกับงานวิจัย ของ จำรุญ ตลอดภพ (2558) กล่าวถึง การแต่งตั้งคณะกรรมการวิเคราะห์ผลการใช้แหล่งเรียนรู้ด้าน สถานท่ีสำคัญ ด้านศิลปวฒั นธรรม ดา้ นสื่อ วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละเทคโนโลยี จากรายงานการใช้แหล่งเรียนรู้ เพื่อร่วมกนั แสดงความคิดเห็นในการนำผลการวเิ คราะหม์ าปรับปรงุ การดำเนินการใช้แหล่งเรียนรู้ดา้ น สถานที่ทส่ี ำคญั และการจัดทำรายงานการปรับปรงุ แกไ้ ขการดำเนินงานเพ่ือเป็นข้อมลู สารสนเทศในการ ใช้แหล่งเรียนรู้ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ จัดสรรงบประมาณให้ เหมาะสมและเพียงพอ เสนอโครงการหรอื กิจกรรมต่อหน่วยงานอ่ืน ๆ เพ่ือขอรับการสนับสนุน เพิ่มเติม และมกี ารประชาสัมพันธใ์ ห้ทว่ั ถึง (อมั พร อนิ มล, 2556) และลำดับสดุ ท้าย ด้านการวางแผนการบรหิ ารแหลง่ เรียนรู้ พบว่า สถานศกึ ษามคี วามต้องการ ลำดับแรก คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลแหล่งเรียนรู้ ทั้งนี้เนื่องจากสถานศึกษาในจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยาสว่ นใหญน่ ้ันได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเก็บรวมรวมข้อมูลของแหล่งเรียนรู้เพื่อ การศึกษา เพื่อนำขอ้ มูลทไ่ี ด้มาน้นั การจัดทำ เพอื่ ใช้ในการดำเนนิ การวางแผน หรือแนวทางการบริหาร แหลง่ เรียนรใู้ หเ้ ข้าใจไปในทิศทางเดยี วกัน สอดคล้องกับงานวิจยั ของ สุดารัตน์ งามวลิ ัย (2561) กลา่ วถึง คณะกรรมการจัดกจิ กรรมส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกของสถานศึกษา ผู้บริหาร ทำการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการสำรวจ แหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษา คณะกรรมการกำหนดปฏิทิน ดำเนินการสำรวจข้อมูลแหล่งเรียนรู้ของ สถานศึกษา จัดทำข้อมูลสารสนเทศแหล่งเรียนรู้ของ สถานศึกษา โดยแยกตามประเภทของแหล่งเรียนรู้ ทีม่ ีแนวทางการบริหารแหล่งเรยี นรู้ ในดา้ นการวาง แผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ ควรส่งเสริมการสำรวจแหล่งเรียนรู้ ภายในสถานศึกษา ประชุมครูและ บุคลากรทางการศึกษาให้เห็นถึงความสำคญั และเข้าใจตรงกนั เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมสี ่วนร่วมใน การวางแผน แต่งตั้งบุคลากรที่เหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ รวมถึงการกำหนดกิจกรรม สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ ง้ั ไว้ (พชิ ัย เรอื งด,ี 2558)
114 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) องคค์ วามรใู้ หม่จากการวิจัย จากการศึกษาความต้องจำเป็นของการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา องค์ความรู้ที่สามารถสรุปเป็น แผนภาพดงั นี้ แหล่งเรียนรสู้ ูค่ วามเปน็ เลิศ การกำหนดแนวทางการบริหาร การกำหนดแนวทางการบรหิ าร ความตอ้ งการจำเปน็ การพัฒนาศกั ยภาพ ของบคุ ลากรในการดำเนนิ งาน ความตอ้ งการจำเปน็ การกำหนดผู้รบั ผดิ ชอบใน การแก้ไขและพฒั นาแหล่งเรียนรู้ ความต้องการจำเป็นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู แหลง่ เรยี นรู้/การ จดั ทำระบบสารสนเทศแหล่งเรียนรู/้ การประชาสมั พันธ์ ความตอ้ งการจำเปน็ ในการประเมนิ และสรุปผลการใชแ้ หล่งเรยี นรตู้ ามแผน การดำเนินงาน/การประเมินการใช้ระหว่างการดำเนนิ งาน การกำหนด สง่ เสรมิ การนำ แนวทาง การเนน้ ย้ำ จดั หลักสูตร แนวทาง เทคโนโลยีมา การบริหาร นโยบาย ฝึกอบรมและ การบรหิ ารแบบ แหลง่ เรยี นร้เู พอื่ หรอื แผน ศกึ ษาดูงาน มีสว่ นรว่ ม ใช้ใน การศกึ ษา การดำเนินงาน การบริหาร แผนภาพท่ี 2 แสดงผลกระทบทางสังคมของประชาชนจากการจัดการท่องเทยี่ วสมัยใหม่ จากแผนภาพที่ 2 แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวส่งผลกระทบต่อทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยผลกระทบทางสังคมท่ีสำคญั ได้แก่ ปญั หาดา้ นการจราจร ปญั หามขี อทานและการพนนั และสังคม ชนบทเป็นสังคมเมือง ส่วนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม ปัญหาขยะมูลฝอย และปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง แต่อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวยังส่งผล กระทบเชิงบวกต่อสังคมในภาพรวมโดยเฉพาะการก่อให้เกิดอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นท่ี ดังนั้นการกำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขผลกระทบให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวสมัยใหม่
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ 115 ปที ี่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) จึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยว ท่ตี อ้ งกำหนดมาตรการเพื่อนำสูก่ ารปฏบิ ัตริ ่วมกนั เพื่อสร้างความตระหนักและรกั ษาไว้ซึ่งมรดกอันล้ำค่า ของโลก สู่การพึ่งพาอาศัยกันระหว่างมรดกทรพั ยากรและการดำรงอยู่ของคนในสังคมอยา่ งสมดุลและ ยั่งยนื สรุป การศกึ ษาไทยในปัจจุบนั เปน็ ยคุ สงั คมแห่งการเรียนรู้ทเี่ ปิดกว้าง มหี ลากหลายรูปแบบให้มนุษย์ ไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตวั เองไดอ้ ย่างรวดเรว็ เพอ่ื ให้ก้าวทันโลกยุคใหม่ทไ่ี ร้ขอบเขตภายใต้จนิ ตนาการของ มนุษย์ทีส่ ร้างขึน้ การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ทีเ่ กดิ ขึน้ ได้ทุกที่ทุกเวลา จะเห็นได้ว่า สถานศึกษา ต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญพ่ ิเศษ ส่ิงท่จี ำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การบริหารจัดการระบบการศึกษาที่เข้าถึงปัญหาอย่างแท้จริง จะทำให้เกิดความคุณค่าและประโยชน์ สงู สดุ ดังนั้นการบรหิ ารแหลง่ เรยี นรูเ้ พือ่ การศกึ ษาจงึ เป็นสงิ่ สำคัญท่ที ำให้เกิดประสทิ ธิภาพในการพัฒนา กระบวนการเรียนรูข้ องผู้เรียนแห่งยุคสังคมแห่งการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ที่มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลในการแสวงหาความรู้ เพราะบุคคลมีความต้องการ แตกต่างกันไปตามความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความพร้อมที่จะเรียนรู้ หากสามารถ ดำเนินการจัดแหล่งความรู้ได้เพียงพอและมีประสิทธิภาพ ก็สามารถส่งเสริมให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ ตลอดชีวิตและเกิดสังคมแหง่ การเรียนรู้ได้ทว่ั ทกุ แห่ง ดงั น้ันการรวบรวมมูลความต้องการจำเป็นในการ บริหารแหล่งเรยี นรู้เพื่อการศึกษาท้ัง 4 ด้าน ซึ่งประกอบไปด้วย 1) ด้านการวางแผนการบริหารแหล่ง เรียนรู้ 2) ด้านการดำเนินงานแหล่งเรียนรู้ 3) ดา้ นการประเมนิ การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ 4) ดา้ นการพฒั นาการ บริหารแหล่งเรียนรู้ จึงเป็นสิ่งสำคัญอยา่ งยิ่งเพ่ือนำขอ้ มูลน้ันมาเป็นแนวทางในการบริหารแหลง่ เรียนรู้ เพอื่ การศึกษาตอ่ ไป ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1.1 ดา้ นการประเมนิ การใช้แหล่งเรียนรู้เพ่ือการศึกษา ผูบ้ ริหารทเี่ ก่ยี วข้อง ควรสนับสนุน การตรวจสอบ ทบทวน กำกบั ติดตามและประเมนิ การใชแ้ หล่งเรยี นร้เู ปน็ ระยะอย่างตอ่ เนื่อง เพอื่ นำผล จากการประเมินไปปรบั ปรงุ แกไ้ ขและบริหารแหลง่ เรยี นรู้เพอื่ สถานศึกษาต่อไป 1.2 ด้านการดำเนนิ งานการบริหารแหล่งเรียนรู้ ผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ควรศึกษาถึงการจดั อบรมสัมมนาเพื่อเพ่ิมความรู้ให้แก่บุคลากรในการศึกษาการนำแหล่งเรียนรู้มาจัดการศึกษา รวมถึงใน ระหว่างการปฏิบัติงานควรเก็บข้อมูลที่สำคัญ หรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ ของงานเพื่อประโยชน์ในการ ทำงานข้ันตอนพัฒนางานต่อไป
116 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) 1.3 ด้านการพัฒนาการบริหารแหล่งเรียนรู้ ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องควรกำหนดผู้รับผิดชอบ การแก้ไขและพัฒนา ควรรวบรวมข้อมูลนำผลจากการประเมินมาดำเนินการแก้ไขและพัฒนา เพื่อให้ เกิดการนำผลการประเมินมาใชพ้ ฒั นาอย่างแท้จรงิ 1.4 ดา้ นการวางแผนการบริหารแหล่งเรียนรู้ ผู้บรหิ ารที่เกีย่ วขอ้ งควรกำหนดนโยบาย การพัฒนาและการใช้แหล่งเรียนรู้ จากการเกบ็ รวมรวมข้อมลู แหล่งเรียนรู้ทัง้ ในและนอกสถานที่ รวมไป ถงึ การจดั ต้งั คณะกรรมการสำรวจแหล่งการเรยี นรู้ และการจดั ทำแผนงานพฒั นาแหลง่ การเรียนรู้ 2. ข้อเสนอแนะในการวิจยั คร้งั ต่อไป 2.1 ควรศึกษากลยุทธ์การบริหารระบบสารสนเทศแหล่งเรียนรู้สำหรบั สถานศกึ ษา 2.2 ควรศกึ ษาแนวทางการสง่ เสริม การนเิ ทศ ตดิ ตามและการประเมินการใช้แหล่งเรียนรู้ สำหรบั สถานศกึ ษา เอกสารอา้ งองิ ก้เู กยี รติ แดงสีดา พิมผกา ธรรมสิทธ์ิ และวจี ปัญญาใส. (2563). ยคุ ดิจิทัลกบั แนวทางการบริหารแหล่ง เรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1. วารสารมหาจฬุ านาครทรรศน์, 7(6), 45-59. จำรุญ ตลอดภพ. (2558). แนวทางการใช้แหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอท่าตะโก สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบณั ฑิต). นครสวรรค์: มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค.์ ดวงพร ปวงมาลา. (2557). การใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชนของครูในสถานศึกษาของศูนย์เครือข่าย สถานศึกษา อำเภอเถิน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 (วทิ ยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑิต). ลำปาง: มหาวิทยาลยั เนช่นั . ประยูร บุญใช้ และ ภูมิพงศ์ จอมหงส์พิพัฒน์. (2558). การวิจัยและพัฒนาการจัดกระบวนการเรียน รูปแบบบูรณาการโดยใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นเป็นฐาน สำหรับสถานศึกษาในชุมชนรอบ หนองหาร จงั หวัดสกลนคร. วารสารบัณฑิตศึกษา, 1 (58), 185–193. ปริยาภรณ์ ตั้งคุณานันท์. (2558). การจัดการห้องเรียนและแหล่งเรียนรู้. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: มนี เซอร์วิสซัพพลาย. พิชัย เรืองดี. (2558). การศึกษาแนวทางการบริหารแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครราชสีมา: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครราชสีมา.
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภมู ิ 117 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) รัชดาวรรณ ทองดา. (2559). ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบรหิ ารจดั การแหล่งเรียนรขู้ องโรงเรียน บ้านพันเสด็จนอก สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทีการศกึ ษาประถมศกึ ษาชลบุรี เขต 3 (วทิ ยานิพนธ์ ปรญิ ญามหาบัณฑิต). ชลบุร:ี มหาวทิ ยาลัยบูรพา. วัฒน ลาพิงค์. (2562). การบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โรงเรียนราชประขานุ เคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). เชียงราย: มหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งราย. ศริ ิชยั กาญจนวาสี, ทววี ัฒน์ ปติ ยานนท์ และดเิ รก ศรสี ุโข. (2551). การเลอื กใชส้ ถิตทิ ีเ่ หมาะสมสำหรับ การวจิ ัย. (พิมพค์ ร้งั ที่ 5). กรุงเทพมหานคร: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุดารัตน์ งามวิลัย. (2561). แนวทางการบริหารแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนกลุ่มสหวิทยาเขตร่มเกล้า- นวมินทร์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบณั ฑิต). นครสวรรค์: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครสวรรค์. สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2564). เมืองแห่งการเรียนรู้ (GNLC). สบื คน้ 15 พฤษภาคม 2564. จาก https://bic.moe.go.th/index.php/unesco - others-menu/unesco-menu/unesco-gnlc-4-7-2562/. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แนวทางการจัดการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้. กรงุ เทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. อัมพร อนิ มล. (2556). แนวทางพฒั นาการบริหารแหล่งเรยี นรขู้ องสถานศึกษา สังกัดสำนกั งานเขตพื้นท่ี การศึกษากำแพงเพชร เขต 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญาหามหาบัณฑิต). กำแพงเพชร: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั กำแพงเพชร. The Urbanis. (2020). เมืองแห่งการเรียนรู้คืออะไรเมื่อการเรยี นรู้: การศึกษา. สืบค้น 15 พฤษภาคม 2564. จาก https://theurbanis.com/public-realm/03/11/2020/3817/.
118 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) รปู แบบการเชอ่ื มโยงการจดั การห่วงโซอ่ ุปทานสนิ ค้าเกษตร สธู่ ุรกิจโรงแรมและธุรกจิ บรกิ ารในจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา MODEL OF CONNECTING THE SUPPLY CHAIN MANAGEMENT OF AGRICULTURAL PRODUCTS TOWARDS HOTEL AND HOSPITALITY BUSINESSES IN AYUTTHAYA PROVINCE ฐาปกรณ์ ทองคำนุช, เบญจพร เชอ้ื ผึ้ง, ธาริดา สกลุ รตั น,์ พมิ พพ์ ร พิมพส์ วุ รรณ Thapakorn Thongkamnush, Benjaporn Chuapung, Tharida Sakulrat, Phimphorn Phimsuwan มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Email: [email protected] Received July 4, 2021; Revised July 27, 2021; Accepted August 23, 2021 บทคดั ย่อ บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจความต้องการคุณภาพสินค้าเกษตรในภาคธุรกิจ โรงแรมและธุรกิจบริการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2) ศึกษาประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่ อุปทานของสินค้าเกษตรในภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ 3) พัฒนารูปแบบการเชื่อมโยงการจัดการห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจ บริการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ เกษตรกรในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา ผู้นำเกษตรกร บุคลากรภาครัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผู้บริหารธุรกิจโรงแรมและ ธรุ กจิ บรกิ ารด้วยการวิเคราะห์ขอ้ มลู เชิงปริมาณโดยใช้สถิตบิ รรยาย และวเิ คราะหข์ ้อมูลเชิงคุณภาพโดย ใช้การวเิ คราะห์เชิงเน้ือหา ผลการวจิ ยั พบวา่ การพัฒนารปู แบบการเชอื่ มโยงการจดั การห่วงโซอ่ ปุ ทานสนิ คา้ เกษตรสู่ธุรกิจ โรงแรมและธรุ กิจบรกิ ารในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา พัฒนารปู แบบแบบจำลองการเช่ือมโยงการจัดการ ห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการ คือ S-MICE Model เพื่อนำโมเดลองค์ ความรเู้ ก่ยี วขอ้ งการการจดั การนวตั กรรมหว่ งโซอ่ ุปทาน และปจั จัยตา่ ง ๆ ทีม่ ีสว่ นในการผลักดันก่อเกิด พฒั นากลไกช่องทางการจำหน่ายสินคา้ เกษตรปลอดภยั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพจนเกดิ ประสิทธผิ ล ประเดน็ ที่มีส่วนสำคัญตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยการใช้เทคโนโลยีที่นำมาปรับใช้ในการทำงาน ระบบการจัดการ การวางแผน การสั่งซื้อ ระบบการเก็บสินคา้ และการขนส่งสนิ ค้า การจัดการส่งมอบ บริการสินค้าเกษตรปลอดภัยในฐานะเกิดสุขภาพที่ดีต่อผู้บริโภคจึงเกิดประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ เพ่ือสรา้ งทง้ั มูลค่าใหแ้ กเ่ กษตรกร ธรุ กจิ โรงแรมและบรกิ าร และสง่ ต่อคณุ คา่ ถึงผู้บรโิ ภค คำสำคญั : การจัดการโซ่อุปทานสนิ คา้ เกษตร, การเชอ่ื มโยง, สนิ คา้ เกษตร
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภมู ิ 119 ปีที่ 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) Abstract The purposes of this research paper are: 1) to survey the demand for agricultural products quality in hotel and hospitality business in Phra Nakhon Si Ayutthaya province, 2) to study the efficiency of supply chain management of agricultural products in hotel and hospitality business in Phra Nakhon Si Ayutthaya province, and 3) to develop the model of supply chain management of agricultural product connectivity towards hotel and hospitality business in Phra Nakhon Si Ayutthaya province. The population of the study was farmers, farmer leaders, government officers, stakeholders and chief executives of hotel and hospitality business sector. The obtained quantitative data were analyzed with descriptive statistics whereas qualitative data were analyzed by using content analysis. The findings indicated that the development of the model for the supply chain management of agricultural product connectivity towards hotel and hospitality business in Phra Nakhon Si Ayutthaya province depended on the simulation of supply chain management of agricultural products connectivity towards the hotel and hospitality business sector which is called S-MICE Model to apply the knowledge model related to supply chain innovation management and various factors contributing to the development of an efficient mechanism for selling safe agricultural products effectively leading to the success. The issues that play an important role from upstream, midstream and downstream by using technology applied to the work performance, management system, planning, ordering, storage system and transportation. The management of safe agricultural product delivery as a result of good health for consumers has therefore created new experiences to create value for farmers, hotel and hospitality business sector and has passed on to consumers. Keywords: Supply Chain Management of Agricultural Products, Integration, Agricultural products บทนำ การทอ่ งเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมภาคบรกิ ารท่ีมบี ทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกจิ ของประเทศไทย เพราะนอกจากจะสรา้ งรายได้โดยมีมูลคา่ เปน็ อนั ดับหน่งึ ของการค้าบรกิ ารรวมของประเทศแล้ว ยังเป็น อุตสาหกรรมท่กี อ่ ใหเ้ กดิ ธุรกจิ ท่ีเก่ียวเนือ่ งอีกมากมาย เชน่ โรงแรม ร้านอาหาร ร้านจำหนา่ ยของท่ีระลกึ เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดการลงทุนการจ้างงานและการกระจายรายได้สู่ท้องถิน่ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรซ่งึ เปน็ สินคา้ หรอื ผลติ ภณั ฑ์ท่สี รา้ งรายไดใ้ ห้กับชมุ ชนทางการท่องเทยี่ วเปน็ อยา่ งสงู โดยเฉพาะประเทศไทย
120 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ซง่ึ เปน็ ประเทศเกษตรกรรมทมี่ ีการผลิตสินค้าทางการเกษตรโดยมีการผสมผสานทางภูมิปัญญาท้องถ่ิน วัฒนธรรม จึงเป็นเอกลักษณ์จุดขายสินค้าทางการเกษตรที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเทีย่ วยังชุมชน ทางการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นอย่างสูง (เฉลิมศักด์ิ ตุ้มหิรัญ, 2561) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้คาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2563 จะขยายตัวอยู่ ในช่วงร้อยละ 3.0-4.0 ในทุกสาขาการผลิต ไม่ว่าจะเป็นสาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาบริการทาง การเกษตร โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่การดำเนินนโยบายและมาตรการด้านการเกษตรต่าง ๆ ที่เกิด ประโยชนต์ อ่ เกษตรกรอย่างตอ่ เนื่อง โดยขยายผลให้ครอบคลมุ ทัง้ ประเทศ เพ่อื สรา้ งขีดความสามารถใน การแข่งขันด้วยการลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของ ตลาด (กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2562) จังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา ตัง้ อยบู่ ริเวณที่ราบล่มุ ภาคกลางตอนล่างของประเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศเป็นที่ราบ ลุ่มน้ำท่วมถึง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ทั้งนี้ประชากรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยส่วนใหญ่ทำ เกษตรกรรม โดยจัดสรรพื้นที่เพื่อการเกษตร ทั้งปลูกไม้ผล พืชผัก พืชไร่ เพื่อเป็นสินค้าส่งออกและ บรโิ ภคภายในประเทศ จากการลงพ้นื ที่สำรวจเบื้องตน้ พบว่าปัญหาของเกษตรกร คือ สนิ ค้าเกษตรของ จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคุณภาพดี ได้เกณฑ์มาตรฐานแต่ขาดการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรสู่ อตุ สาหกรรมบริการในจงั หวดั ทำใหต้ ้องขนย้ายสนิ คา้ เกษตรไปสแู่ หล่งกระจายสินคา้ ในจงั หวัดใกล้เคียง ทำใหต้ ้นทนุ ในการขนส่งสูง นักวจิ ยั จึงไดล้ งพ้ืนท่สี ำรวจอุตสาหกรรมบรกิ ารในจังหวดั พระนครศรีอยุธยา ไดแ้ ก่ โรงแรม รา้ นอาหาร ร้านขายของฝากประจำจงั หวัด พบว่าวตั ถดุ ิบท่ีใช้ในการประกอบอาหารเพ่ือ บริการลูกคา้ จำพวกผักสดและผลไมต้ ามฤดูกาล ได้จากการซ้อื จากตลาดกระจายสินค้าขนาดใหญ่ เช่น ตลาดไท ตลาดส่ีมมุ เมอื ง เปน็ ตน้ เนือ่ งจากราคาสินคา้ ถูกกว่าตลาดขายปลกี ในพน้ื ที่ จากข้อมูลข้างต้นนักวิจัยเล็งเห็นประเด็นปัญหาระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการธุรกิจ โรงแรมและรา้ นอาหารในจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา จึงมีความสนใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยทำการศกึ ษา วจิ ยั เรื่องรูปแบบการเช่ือมโยงการจัดการห่วงโซ่อุปทานสนิ ค้าเกษตรสู่ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในปัจจุบันพื้นที่วจิ ัยของคณะผู้วิจัยมีด้วยกัน 6 ชุมชน อันได้แก่ ชุมชน ไทรนอ้ ย อำเภอบางบาล ชมุ ชนสิงหนาทและชมุ ชนคูส้ ลอด อำเภอลาดบัวหลวง ชุมชนสามเรอื น อำเภอ บางปะอิน ชมุ ชนสวนพริก อำเภอพระนครศรอี ยธุ ยา และชุมชนหวั เวียง อำเภอเสนา ซง่ึ มสี ินค้าเกษตร ทมี่ คี ณุ ภาพอนั ไดแ้ ก่ เห็ดตบั เตา่ ของชมุ ชนสามเรอื น เมล่อนของชมุ ชนคูส้ ลอด และผกั ปลอดสารพษิ ของ ชุมชนสิงหนาท ซ่ึงสินค้าทางการเกษตรของชุมชนดังกล่าวมีผลผลิตเปน็ จำนวนมากจึงจำเป็นท่จี ะตอ้ งหา ตลาดเพือ่ กระจายสินค้าออกไปเพ่ือลดปัญหาการตกคา้ งของสินค้าการเกษตร และเพอ่ื เพิม่ รายได้ให้กับ ชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งนักวิจยั ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามการใช้สินค้าการเกษตรในธุรกิจโรงแรมและธุรกจิ บริการในเบื้องต้นทำให้ทราบว่า วัตถุดิบที่ใช้ในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการได้ทำการจัดซื้อผ่าน ตวั แทนขายหรือพ่อค้าคนกลาง หรอื จัดซอ้ื ดว้ ยตนเองจากแหล่งซ้อื เชน่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมอื ง เป็นต้น ทำให้ตน้ ทุนของวัตถุดิบในการนำมาผลิตสนิ ค้าทางการบริการมีตน้ ทุนที่สูง หากนกั วิจัยได้มีส่วนร่วมใน การออกแบบกระบวนการการจัดการห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มแหล่งกระจายสินค้า
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ 121 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) การเกษตรให้กับเกษตรกรในชุมชนสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน และผู้ประกอบการธุรกิจ โรงแรมและธรุ กิจบริการยังสามารถลดตน้ ทนุ การจัดซือ้ สนิ ค้าการเกษตรได้เพราะได้รบั สินค้าจากแหล่ง ผลิตโดยตรงยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบรกิ าร อีกทั้งผู้ใช้บริการยังเกิด มัน่ ใจตอ่ การบรโิ ภคตอ่ ไป วัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั 1. เพื่อสำรวจความต้องการคุณภาพสินค้าเกษตรในภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการ ในจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา 2. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตรในภาคธุรกิจโรงแรม และธรุ กิจบริการในจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา 3. เพื่อพัฒนารูปแบบการเชื่อมโยงการจัดการห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจบรกิ ารในจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา การทบทวนวรรณกรรม 1. แนวคิดการจดั การห่วงโซอ่ ปุ ทาน การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) คือ โซ่อุปทานเป็นการจัดการร่วมกนั ระหวา่ งผ้จู ัดสง่ วตั ถดุ บิ ผ้ผู ลติ การจดั การเกย่ี วกับคลังสินคา้ และการจัดเก็บ (Stores) โดยใช้วิธีการท่ีมี ประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดการผลิตและการกระจายสินค้าอย่างถูกต้องในปริมาณที่เหมาะสมต่อสถานที่ และเวลา โดยใชต้ ้นทุนรวมท้งั ระบบในต่ำที่สุด ในขณะทค่ี ณุ ภาพในการให้บริการตอ้ งเป็นที่พึงพอใจแก่ ลกู ค้า (David, Phillip and Edith, 2000) การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ถือได้ว่าเป็นหลักการของการ บริหารจัดการกิจกรรมและกระบวนการ โดยกระบวนการจัดการการจัดการหว่ งโซ่อุปทานเริม่ ด้วยการ จัดซอื้ วตั ถดุ ิบ ตอ่ ดว้ ยการเคลอื่ นวตั ถดุ ิบเข้าสกู่ ระบวนการผลิต และข้ันตอนสดุ ทา้ ยน้นั เปน็ การกระจาย สินค้าสู่ลูกค้าในท่ีสุด ทั้งโดยมีผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ผู้แทนจำหนา่ ย การจัดการคลังสินค้า และผู้ค้าปลีกซึ่งมีความเชื่อมโยงในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยวัตถุประสงค์ หลักของการจดั การห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลผลิตไปพร้อม ๆ กัน และก่อใหเ้ กดิ การบรรลุระดับการให้บริการที่ต้องการ (Cao & Zhang, 2011) อนึ่งอีกมุมมองของแนวคิดห่วงโซ่ อุปทานที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการคำนงึ ถึงสภาพแวดลอ้ มมากขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นการจัดการห่วงโซ่ อุปทานที่มีประสิทธิภาพภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังมีการบูรณาการด้าน สิ่งแวดลอ้ มเขา้ ไปตลอดห่วงโซอ่ ุปทาน จากการวเิ คราะหถ์ ึงแนวคิดการจดั การห่วงโซอ่ ุปทานซง่ึ เม่ือถูกผนวกกบั การทอ่ งเท่ยี ว การท่จี ะ เป็นสร้างกระบวนการห่วงโซ่อุปทานได้นั้น จะต้องอธิบายถึงแบบจำลองระบบห่วงโซ่คุณค่าทางการ ท่องเที่ยว (Tourism value chain ) โดย มิ่งสรรพ์ (2550) ได้กล่าวไว้ว่า การใช้รูปแบบของห่วงโซ่
122 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) คุณค่าทางการท่องเที่ยว (Tourism Value Chain) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้ในการวางแผนแบบ บูรณาการที่ทุกฝ่ายมีสว่ นร่วม โดยมีแนวคิดสำคัญ คือ คำนึงคุณค่าที่จะเกิดขึ้นแต่ละช่วงกจิ กรรมของ แผน และแบ่งเป็นกิจกรรมพิจารณา 2 ส่วน คือ กิจกรรมหลัก (Primary Activities) และกิจกรรม สนบั สนนุ (Support Activities) หว่ งโซ่คุณค่าการทอ่ งเที่ยวควรจะได้รับการผลกั ดนั จากผู้มีส่วนได้ส่วน เสยี หลัก นนั้ คอื ฝ่งั อุปทานทางการท่องเที่ยว นั้นหมายถงึ สถานประกอบการ หรอื จดุ หมายปลายทาง การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแรงดึงที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะทำให้ นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่ดีทีส่ ุดที่จุดหมายปลายทางสามารถนำเสนอได้ ห่วงโซ่คุณค่าการ ท่องเที่ยวถูกกำหนดให้เป็นระบบที่จะอธิบายถึงวิธีการที่ บริษัท ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐและภาค ประชาสังคมได้รบั หรอื เข้าถึงทรพั ยากรเปน็ ปจั จัยการผลิตเพิ่มมูลค่าผ่านกระบวนการตา่ ง ๆ ซึ่งสินค้า ทางการเกษตรทางการท่องเที่ยวก็เชน่ กัน จงึ ต้องมกี ารจัดการกระบวนการใหม้ ีความเหมาะสมเพ่ือเป็น การกระจายสินค้าสู่ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการที่ตอบสนองความต้องการได้จริง อีกทั้งยังจะสร้าง ความประทบั ใจให้กับนกั ทอ่ งเทยี่ วอกี ดว้ ย จากการทผ่ี ู้วจิ ยั ได้ทำการประยุกต์ ระบบการท่องเที่ยวนั้นทำ ให้ทราบถึงในส่วนที่เป็น ปัจจัยจุดดึงดูด ซึ่งเป็นในส่วนของห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว และห่วงโซ่ อุปสงค์ของผู้ใช้บริการท่องเที่ยว ซึ่งผู้วิจัยได้นำมาประยุกต์เป็นห่วงโซ่คุณค่าทางระบบสินค้าเกษตร ทางการท่องเทย่ี วและการบรกิ าร 2. แนวคดิ การจดั การโลจิสติกส์ (Logistics Management) การวิเคราะห์ถึงความแตกต่างระหว่างระบบโลจิสติกส์และการจัดการโซ่อุปทาน (กุลพงษ์ ยูนพิ ันธ์ และกฤษดา วศิ วธรี านนท์, 2548; วิทยา สุหฤทดำรง, 2546) การจดั การโซอ่ ุปทานจะ มุ่งเน้นการจัดการและการวางแผนในภาพรวมที่กว้างกว่าระบบโลจิสติกส์ โดยจะเกี่ยวข้องกับการ เคล่อื นย้ายวัตถุดิบ สนิ คา้ หรือผลิตภัณฑ์ ข้ามองค์กรในลกั ษณะที่มกี ารเปลี่ยนสภาพ ความเป็นเจ้าของ และมีระเบียบขั้นตอนการดำเนินงานที่แตกต่างไปจากองค์กรที่เป็นต้นทางของการเปลี่ยนถ่ายระบบ โลจิสติกส์จะมุ่งเน้นการจัดการในระดับแผนปฏิบัติการ จะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ระหว่างหน่วยต่างๆ ภายในองค์กรเดียวกัน กระบวนการจัดการโซ่อุปทานจึงเป็นการ แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง โลจิสติกส์และการจัดการโซ่อุปทาน โดยทุกกิจกรรมจากฝ่ายจัดซื้อ ฝ่าย ผลิต ฝ่ายกระจายสินค้า และฝ่ายการตลาด จะดำเนินการต่อเนื่อง และสอดคล้องกันก็ต่อเมื่อมีการ ประสานงานกับทุก ๆ ฝ่ายทั้งผู้ขายปัจจัยการผลิต ผู้ผลิต และลูกค้า การไหลของวัตถุดิบและสินค้า เรียกว่า การจัดการโลจิสติกส์ ส่วนการไปสร้างเครื่องมือช่วยในการจัดการการไหลของสารสนเทศ เรยี กวา่ การจัดการโซอ่ ปุ ทาน จากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ผู้วิจัยจึงทราบการะบวนการ สำคัญใน การจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ได้แก่ กระบวนการวางแผนจัดซื้อจัดหา กระบวนการ ตดั สนิ ใจ การสนบั สนนุ ก่อนส่งมอบ การสง่ มอบและการสนับสนุนหลังสง่ มอบ แต่ละกระบวนการต้องมี ประสทิ ธิภาพ โดยรวมท้ังระบบ เพอื่ ทำให้ลูกค้าได้รบั ประโยชน์จากการทสี่ นิ ค้าและบริการที่ดี อีกท้งั การ บริหารจดั การห่วงโซ่อปุ ทาน กระบวนการเคล่ือนยา้ ยสนิ ค้าไปยังผู้ตอ้ งการบรโิ ภค ดว้ ยการวางแผนและ
วารสารศลิ ปศาสตรร์ าชมงคลสุวรรณภมู ิ 123 ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) การบริหารจดั การ ท่มี ีประสทิ ธิภาพรว่ มกนั และการใหค้ วามสำคัญของการไหลของข้อมูลอยา่ งครบถ้วน สมบูรณ์ของผ้มู สี ว่ นได้สว่ นเสยี ในเครอื ข่ายของหว่ งโซอ่ ุปทานเพื่อมุ่งลดต้นทุนรวมทงั้ สร้างคุณค่าการค้า และการบรกิ ารและสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขันท่เี หนอื กว่า กรอบแนวคิดการวจิ ัย งานวจิ ยั นเี้ ป็นการวิจยั เชงิ พ้ืนที่ ผวู้ จิ ยั กำหนดกรอบแนวคิดการวิจยั ตามแนวคิด/ทฤษฎีของการ จดั การห่วงโซอ่ ปุ ทาน โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ ตน้ น้ำ กลางนำ้ ปลายน้ำ การท่องเที่ยว เชิงเกษตร การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ระบบตรวจสอบคณุ ภาพ ภาคบริการ สินคา้ เกษตร สินคา้ เกษตรปลอดภยั 1. ธุรกจิ โรงแรม 2. ธรุ กิจบรกิ าร 1. การวางแผน 1. เห็ดตบั เตา่ 2. การตดั สินใจ 2. เมลอ่ น 3. การสนบั สนุนกอ่ นการส่งมอบ 3. ผักปลอดสารพษิ 4. การส่งมอบ 4. ขา้ ว 5. การสนบั สนนุ หลงั การสง่ มอบ รปู แบบการเช่ือมโยงการจัดการหว่ งโซ่อปุ ทานสนิ ค้าเกษตรส่ธู รุ กจิ โรงแรมและธุรกจิ บรกิ ารในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา แผนภาพธทุร่ีก1จิ บแริกสาดรใงนกจรังหอวบดั แพรนะวนคครดิ ศใรนอี ยกธุ ายราวิจยั วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั 1. วิธีการศึกษา การวิจัยเชิงพื้นที่เป็นหนึ่งในรูปแบบการวิจัยที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนา การท่องเที่ยวและการบริการ เนื่องด้วยรูปแบบการวิจยั นี้จะอาศัยหลักการของการวางแผน การลงมอื ปฏบิ ตั งิ าน การสังเกตผลการปฏิบัติงาน ในคร้งั น้ีไดก้ ำหนดการศกึ ษาไว้ดังน้ี ขอบเขตด้านพ้ืนที่ อำเภอ พระนครศรีอยุธยา ได้แก่ ชุมชนสวนพริก, อำเภอบางบาล ได้แก่ ชุมชนไทรน้อย, อำเภอบางปะอิน ได้แก่ ชุมชนสามเรือน, อำเภอลาดบัวหลวง ได้แก่ ชุมชนสิงหนาท, ชุมชนคู้สลอด และอำเภอเสนา ไดแ้ ก่ ชุมชนหัวเวียง 2. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง แบง่ ออกเปน็ 2 กลุม่ คือ กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการสินค้าเกษตร ภายในชุมชน ทั้ง 6 ชุมชน ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตร และกลุ่มที่ 2 ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการที่มีการบริการอาหารและเครื่องดื่มภายในจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา ซึ่งประชากรและกลุ่มตัวอยา่ งในการศกึ ษาครั้งนี้ แบ่งโดยวัตถุประสงคก์ ารวิจยั โดย ใช้วิธีการกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้เทคนิคการสุ่มกรณี หลากหลาย (Maximum Variation Sampling) ของ Mile และ Huberman (1994 : 28) เทคนิคการ
124 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) สมุ่ กรณหี ลากหลาย ซึง่ เป็นการเลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งทีม่ ีจำนวนไม่มากแตเ่ ป็นผใู้ ห้สมั ภาษณ์สำคัญถือได้ว่า เป็น Key Performer จะไดข้ อ้ มลู จากผใู้ ห้ข้อมูลหลักจากกลมุ่ คนเฉพาะเพื่อให้ไดข้ อ้ มลู เจาะลึก 3. การเลือกกลุ่มตัวอย่าง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการทีม่ กี ารบริการอาหาร และเครื่องดื่ม ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ทั้งหมด 114 ธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจท่ีมีการบรกิ ารอาหารและเครอื่ งดมื่ จำนวน 52 ธรุ กจิ โรงแรมและธุรกจิ อาหาร 4.การดำเนนิ งานเคร่ืองมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจยั เคร่ืองมือการวิจัยเชิงปริมาณ คือ แบบสอบถามซ่งึ มีลักษณะคำถามท้ังปลายเปิดและปลายปิด ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 ข้อมูล เกี่ยวกับปริมาณการใช้สินค้าเกษตรภายในธุรกิจโรงแรมและธรุ กิจบริการ ส่วนที่ 3 ข้อมูลอัตราการใช้ สินค้าเกษตรภายในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการ และส่วนที่ 4 ข้อมูลเกี่ยวกับข้อคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติมคณุ ภาพสินคา้ เกษตรทต่ี ้องการ เครื่องมือการวจิ ัยเชิงคุณภาพ คือ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) โดยคำถามใน การสมั ภาษณ์จะเป็นถาม-ตอบ และ สัมภาษณแ์ บบ Narrative Approach เล่าเร่อื งบรรยายเหตุการณ์ ต่างๆภายใน การบริหารจดั การธรุ กิจเกษตรภายในชุมชน ระบบการจัดการการบรกิ ารการจัดการสินค้า เกษตร ระบบการจัดการสินค้าคงคลงั ระบบการจดั การขนสง่ โลจสิ ติกส์ภายในธุรกิจเกษตรปลอดภัย การประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) การจัดประชุมระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร ปลอดภัยและ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกจิ บริการ โดยประเด็นในการประชุมกลุม่ ย่อย ดังน้ี สินค้าเกษตรท่ีใช้ในธุรกิจโรงแรม และปริมาณการใช้ภายในธุรกิจโรงแรม คุณภาพสินค้าเกษตรภายใน ธุรกิจโรงแรมที่มคี วามต้องการ การนำเสนอศักยภาพสินค้าทางการเกษตรของผู้ประกอบการ และการ ตกลงราคา และขอ้ เสนอแนะเก่ยี วกบั สนิ คา้ เกษตรจากผปู้ ระกอบการธุรกจิ โรงแรม 5. การวเิ คราะหข์ ้อมลู และสถติ ิท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิงคุณภาพใช้ วิธีในการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับงานวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) เป็น เทคนิคการวิจัยเพื่อใช้อธิบายถึงเป้าหมายและจำนวนของเน้ือหาของการสื่อสารที่เห็นได้เด่นชัดอย่าง เป็นระบบโดยกรอบการตั้งรหัส (Coding) ของการวิเคราะห์จะมีโครงร่างมาจากโครงสร้างเนื้อหาใน แบบสอบถามและแบบสมั ภาษณซ์ งึ่ การวิเคราะห์เน้อื หาช่วยให้ผวู้ ิจัยวิเคราะหข์ อ้ มูลเชงิ คุณภาพได้อย่าง ลึกซ้งึ และการวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงปริมาณ เป็นการวิเคราะห์ข้อมลู จากการเก็บแบบสอบถามหลังจากท่ี ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยนำแบบสอบถามมาตรวจสอบข้อมูล ความครบถ้วนสมบูรณ์ของ แบบสอบถาม ลงรหสั และบันทึกขอ้ มลู ลงในโปรแกรมประยกุ ตห์ าค่าทางสถิติ ค่าสถิตทิ ี่นำมาใช้ในการ วเิ คราะหข์ ้อมลู เชิงปริมาณ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลยี่ และคา่ สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสำรวจความต้องการสินค้าเกษตร โดยกลุ่มตัวอย่าง จากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการ จำนวน 52 ราย โดยการสำรวจธุรกิจโรงแรมและ
วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ 125 ปที ี่ 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) ธรุ กิจบรกิ ารในจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ซ่ึงจะสำรวจถึงการใชส้ นิ ค้าเกษตรของโรงแรมและรา้ นอาหาร ว่ามีการใชส้ ินค้าเกษตรมากน้อยเพยี งใดและความถี่ในการใช้สินคา้ เกษตร ซึ่งสินค้าเกษตรเป็นสินคา้ ที่ อย่ภู ายใน 6 ชุมชน ไดแ้ ก่ เหด็ ตบั เตา่ , เมลอ่ น, พริกขหี้ นู, ผักชี และขา้ วหอม เป็นตน้ ตารางท่ี 1 แสดงค่าเฉล่ยี ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ระดบั ความคดิ เหน็ การใช้สินค้าเกษตร (N = 52) สนิ คา้ เกษตร ˉx SD ระดับความคดิ เหน็ 1. เห็ดตับเต่า 0.76 0.14 นอ้ ยทสี่ ุด 2. เมล่อน 4.86 0.75 มากท่สี ุด 3.พริกขหี้ นู 4.46 0.89 มากท่สี ดุ 4.ผักชี 4.36 1.24 น้อย 5.ข้าวหอม 4.42 0.88 มากทสี่ ดุ จากตารางที่ 1 ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้สินค้าเกษตร จะสังเกตได้ว่าผู้ประกอบการ ผจู้ ดั การ หรอื ผจู้ ัดการอาหารและเคร่ืองด่ืมในธุรกิจโรงแรมและธรุ กิจบรกิ ารทั้ง 52 แห่ง ท่ีผู้วิจัยได้เข้า ไปสำรวจนั้นมีการใช้ เมลอ่ น ระดับ 4.86 อยู่ในเกณฑ์ใชม้ ากท่สี ดุ , พริกขีห้ นู ระดบั 4.46 อยใู่ นเกณฑ์ใช้ มากที่สุด, ขา้ วหอม ระดับ 4.42 อยู่ในเกณฑ์ใช้มากที่สุด และผกั ชี ระดับ 4.36 อยู่ในเกณฑใ์ ช้มาก เรียง ตามลำดบั 3 ลำดับแรก และ สนิ ค้าเกษตรท่ีมีค่าเฉลย่ี ในระดับนอ้ ยหรอื แม้กระท่ังได้ใช้สินค้าเกษตรน้ัน เลยคือ ข้าวโพดเทยี น และ เหด็ ตบั เตา่ ความต้องการสินค้าการเกษตร การสำรวจความต้องการสินค้าการเกษตรซึ่งในการตอบ แบบสอบถามการใช้สินค้าเกษตรภายในธุรกิจโรงแรงและธุรกิจบริการมีผู้ประกอบการตอบถึงปริมาณ การใช้สินค้าเกษตรท้ังหมด โดยได้อธิบายถึงความถี่ในการใช้งานและปริมาณในการซื้อต่อสัปดาห์ของ โรงแรมและร้านอาหารจากผู้ประกอบการเพียง 18 แห่ง โดยสินค้าการเกษตรที่ได้รับความนิยม 5 อนั ดับเรยี งจากมากไปน้อยได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ผักชี พริกขหี้ นู เมลอ่ นและมนั เทศ โดยมีความถ่ีใช้ส่วน ใหญใ่ ชส้ ินค้าการเกษตรดงั กลา่ วทกุ วัน โดยมีปริมาณการซื้อตอ่ สัปดาห์แตกตา่ งกันไปตามชนดิ ของสินค้า การเกษตรได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ปริมาณการซื้อมากกว่า 20 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ผักชี ปริมาณการซ้ือ 1-10 กิโลกรัมต่อสปั ดาห์ พริกข้ีหนู ปริมาณการซื้อมากกว่า 1-10 กิโลกรัมตอ่ สปั ดาห์ เมล่อน ปริมาณ การซื้อมากกว่า 11-20 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และมันเทศ ปริมาณการซื้อมากกว่า 1-10 กิโลกรัมต่อ สัปดาห์ โดยสินค้าการเกษตรดังกลา่ วไดจ้ ัดซือ้ จากตลาดไทและแมค็ โครสาขาโรจนะ ผลการศึกษาการวิเคราะห์ข้อมูลเชงิ คุณภาพ การสำรวจความต้องการสินค้าเกษตร ผลการ วิเคราะห์ข้อมูลประเด็นการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก กลุ่มตัวอย่างจากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและ ธรุ กิจบริการ จำนวน 5 ราย โดยนำเสนอขอ้ มูลภาพรวมถงึ การใชส้ ินค้าเกษตรปลอดภยั สามารถสรุปผล การศกึ ษาได้ ดังน้ี จากการในการศึกษาวิจัยรูปแบบการเชื่อมโยงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตร พบว่า สามารถนําเสนอรูปแบบการเชื่อมโยงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานจัดการห่วงโซ่อุปทาน
126 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) เพื่อให้ง่ายในการบริหารจัดการและสามารถเชื่อมโยงเพื่อธุรกิจโรงแรมและบริการนั้นจึงจำเป็นต้อง ทราบถึงประเดน็ ในปริมาณการใช้สนิ ค้าเกษตรเพื่อการวางแผนการบรหิ ารจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นไป ด้วยประสทิ ธิภาพและก่อให้เกิดการวางแผนการผลติ การจัดการสนิ ค้าเกษตรคงคลงั เพ่ือจำหน่ายและ กระจายสินค้าไปยังธุรกิจ ซึ่งผู้วิจัยได้ค้นพบวา่ ส่วนใหญ่ธุรกิจโรงแรมและการบริการได้ทำการเลือกซอื้ สินค้าเกษตรปลอดภัยที่ได้สำรวจถึงการใช้ข้างต้นนั้นจาก ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร จังหวัด พระนครศรอี ยธุ ยา และตลาดกลางตลาดไท จงั หวัดปทมุ ธานี จากการนำมาผลิตอาหารภายในธุรกิจ ซ่ึง ผู้วิจัยได้ค้นพบอีกประเด็นหนึ่งว่า การเลือกซื้อสินค้าเกษตรมีความต้องการเลือกซื้อในแหล่งที่ต้องมี ความปลอดภัย ปลอดสารพิษ และเปน็ สถานทท่ี ต่ี ้องมีความหลากหลายเพียงพอต่อความต้องการเพ่ือลด ต้นทนุ ในการขนสง่ หรือเลือกซอื้ จากหน้าร้านสู่มือของลกู ค้าโดยตรง ประเด็นที่ผู้ประกอบการมีความต้องการจากผู้ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยนั้นเพื่อให้ธุรกิจ โรงแรมและธุรกิจบริการจำเปน็ ต้องสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) และการสื่อสารทางการตลาด (Marketing Communication) เพื่อท่จี ะรองรบั ลกู ค้าโดยตรงและสามารถลดตน้ ทนุ ใหก้ ับธรุ กจิ โรงแรม และธุรการบริการได้ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและสามารถวางแผนการดําเนินงาน การ จัดการกลยุทธ์ และวางแผนกลยุทธ์ขององค์กร แผนปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดการสรา้ งภาพลักษณ์ที่ดีต่อ องคก์ รไดท้ ไ่ี ด้ใชส้ ินค้าเกษตรปลอดภยั จาก 2. ผลการวิเคราะห์ศักยภาพชุมชนเกษตรปลอดภัยภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการสนทนากลุ่มยอ่ ยจำนวน 16 ท่าน ผลการศึกษาพบวา่ ระบบการจัดการสินค้าเกษตรปลอดภยั ใน ปจั จบุ ัน จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยายังขาดความสมดุลในการสร้างข้อมูลระหว่างอุปสงค์และอุปทานทาง สินค้าเกษตรปลอดภัยภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณ สินค้าเกษตรจากธุรกิจโรงแรมและธรุ กิจบริการท่มี ักมคี วามต้องการทีย่ ังไม่แนน่ อนคงทม่ี ากนกั ทอ่ี าจจะ น้อยลงและเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ในแง่หลักการปฏิบัติการนำการพัฒนา นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ นวัตกรรมการบริการมาประยุกต์ใช้ น่าจะนำไปสู่การลดช่องวา่ งในการประกอบการ การจัดการสินค้า เกษตรปลอดภยั ใหม้ ีประสิทธภิ าพสงู สุด ไม่ว่าจะเปน็ การจดั การคงคลัง การจัดการผลผลิต นีแ้ ละสร้าง ให้เกิดประโยชน์เพื่อให้อุปสงค์และอุปทานความสมดุลกันมากขึ้น โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพ่ือ นำไปสรา้ งรูปแบบการเชอ่ื มโยงการจดั การห่วงโซอ่ ปุ ทานสินคา้ เกษตรสธู่ รุ กจิ โรงแรมและธรุ กจิ บริการใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซ่ึงแลกเปล่ียนในประเด็นการพฒั นาศักยภาพสนิ คา้ เกษตรร่วมกนั นำไปสกู่ าร สรา้ งความสามารถในการแข่งขันและการยกระดบั คณุ ภาพให้เกดิ ความยัง่ ยืน ประเด็นการร่วมข้อตกลง เงื่อนไขการจัดซื้อสินค้าเกษตรและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ ธุรกิจโรงแรมการก่อเกดิ ขอ้ ตกลงในการจัดซือ้ สนิ ค้าเกษตร ในส่วนของประเด็นขา้ งต้นที่ได้แลกเปล่ยี น น้ัน โดยข้อตกลงจะเกดิ ขึ้นได้ ดังน้ี เครือข่ายสินค้าเกษตรอุปสงค์ (Demand for agricultural products) สิ่งสำคัญในข้อตกลง รว่ มกนั ทจี่ ะจดั ซือ้ จดั จ้างสนิ ค้าเกษตรปลอดภัยน้นั ซึง่ ปจั จยั ในส่วนน้ีจากการแลกเปลี่ยนจะมีส่วนส่วน
วารสารศลิ ปศาสตรร์ าชมงคลสุวรรณภมู ิ 127 ปที ี่ 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) ช่วยในการขยายช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น และการสร้างเครือข่ายร่วมกับผู้ประกอบการ โดยมี ประเดน็ อภปิ รายดงั น้ี 1. สินค้าเกษตรปลอดภัยต้องให้คุณค่าเชิงประสบการณ์ ทางด้านรสชาติ และสุขภาพของ นักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคที่มีความชัดเจน ดังเช่น เมล่อนจากสวนที่ปลอดสารพิษ, ผักปลอดสารที่มี รสชาตหิ วานกรอบ 2. การให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบฟาร์มเกษตรปลอดภัยหรือและให้ความสำคัญต่อ สิ่งแวดล้อมภายในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ มีส่วนในการตัดสินใจเพื่อ ผู้ประกอบการสร้างเรื่องเล่าสินค้า ร่วมกนั 3. การออกแบบนวตั กรรมการใชเ้ ทคโนโลยี โดยมงุ่ เนน้ เขา้ ใจง่าย แตม่ ีความสมดลุ ทั้งเทคโนโลยี และชุมชน จดั ซอื้ ไดง้ ่ายเสรมิ สรา้ งประสทิ ธภิ าพของห่วงโซ่ 3. ผลการศึกษาความคิดเห็นระบบหว่ งโซ่อุปทานในมมุ มองผปู้ ระกอบการธุรกจิ โรงแรมและ ธุรกิจบริการ จากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร จำนวน 4 โรงแรม และ 1 ร้านอาหาร ผลจากการประชุมกลมุ่ ยอ่ ยพบประเด็นปัจจัยในการผลกั ดนั สู่ขอ้ ตกลงการจัดซอื้ สนิ คา้ เกษตร ดงั น้ี 1. ผ้ปู ระกอบการสินค้าเกษตรปลอดภยั ลงทุนดา้ นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี 2. การพฒั นาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายโดยใชภ้ ูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ 3. ผลิตภัณฑ์และบริการทโี่ ดดเดน่ มีอตั ลกั ษณ์ มีเร่ืองราว 4. คน บุคคลากรท่พี รอ้ มผู้สง่ มอบบรกิ าร 5. ความเอาใส่ใจในการติดตาม 6. การสรา้ งมาตรฐานท่ไี ด้การรบั รองทางวทิ ยาศาสตร์ ซึ่งประเด็นจากการประชุมกลุ่มย่อยที่ได้ให้ความสำคัญตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จำเปน็ ตอ้ งพัฒนาบทบาทของเกษตรต่อการใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยี และท่สี ำคญั กค็ ือผลการวิจัยยืนยัน ปริมาณสินค้าเกษตร อุปสงค์และอปุ ทานที่ความสอดคล้องกันในส่วนของปรมิ าณสิ่งที่ทางโรงแรมและ ธุรกิจร้านอาหารทีม่ ีความต้องการสอดคล้องกับ ชุมชนที่ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ไร้สารเคมีภายใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และแลกเปลี่ยนประเด็นเพื่อนำไปสู่ศักยภาพการสร้างตลาดแบบ B-2-B ร่วมกัน ทำให้เห็นอย่างชัดเจนวา่ สิ่งที่เล็งเห็นไดว้ ่าการจัดการรูปแบบของห่วงโซอ่ ุปทานสินค้าเกษตร ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำจะต้องสร้างความสำคัญทุกกระบวนการอาจละเลยทุกๆห่วงโซ่ไม่ได้เลย คือ การสรา้ งความสัมพันธร์ ะหว่างการประยุกต์ใช้ทกุ ส่วนของหว่ งโซ่ เพ่ือการสร้างการบริการท่ีสร้างความ ประทับใจจนถึงผู้บริโภค อีกทั้งจากการแลกเปลี่ยนประเด็นการจัดซื้อและตกลงสินค้าเกษตรที่การ เปลี่ยนแปลง จากข้อมูลข้างต้นได้ข้อตกลงประเด็นในส่วนของห่วงโซ่อุปทานขึ้นมาใหม่ของห่วงโซ่ อปุ ทานเมล่อน
128 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) อภิปรายผล ผลจากการวจิ ัยวัตถุประสงค์ที่ 1 พบว่า ศักยภาพสินค้าเกษตรในชุมชนตา่ ง ๆ ที่สอดคล้องกบั ปริมาณความต้องการของธรุ กจิ โรงแรมและธุรกจิ การบรกิ าร โดยพน้ื ทบี่ นรากฐานการจดั การพืน้ ที่สินค้า เกษตรที่ไร้สารเคมี ไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค ผลของการวิจัยในส่วนนี้มาจากการวิเคราะห์ศักยภาพ สนิ คา้ วเิ คราะห์บทสมั ภาษณ์ของผู้ประกอบการสินค้าเกษตรเกี่ยวกับศักยภาพของพื้นที่และข้อมูลการ จัดการ นโยบายการพัฒนาของสำนักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึง การสกัดเนื้อหาใน การประชุมกลุ่มย่อยประมาณ 2-3 คนกับสถานประกอบการทั้งหมด 6 ชุมชนในพื้นที่วิจัยที่มี กลุ่มเป้าหมายเป็นสินค้าเกษตรปลอดภัย ผลการวิเคราะห์แสดงใหเ้ ห็นถงึ ปัจจยั ที่เปล่ียนแปลงไปอย่าง รวดเรว็ ในพฒั นาการตลอดระยะเวลา 12 เดอื น ทค่ี ณะผู้วจิ ยั ได้ลงพ้ืนท่ีสำรวจชมุ ชนท่ปี ลูกสินค้าเกษตร ปลอดภัย อันได้แก่ เมล่อน ตำบลคู้สลอด และตำบลสิงหนาถ, ข้าว กข43 ตำบลหัวเวียง, เห็ดตับเต่า ตำบลสามเรือน, ข้าวกข 43 กล้วยหอม ตำบลไทรน้อย, ผักปลอดสารพิษ ไข่ไก่ ตำบลสวนพริก ทำให้ ผ้วู ิจัยไดเ้ ห็นถงึ การเปล่ียนแปลงและการพัฒนาการสถานการณ์ทางการตลาดของสนิ ค้าเกษตรในแต่ละ ชมุ ชนน้นั เติบโตอย่างตอ่ เนื่อง โดยสนิ คา้ เกษตรปลอดภัยเมล่อน จากตำบลคู้สลอด อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา และสินค้าเกษตรปลอดภัยเห็ดตับเต่า สามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการเชื่อมโยงธุรกิจบรกิ ารในจังหวัด โดยได้เพิ่มช่องทางการกระจายสินค้า และสร้างการรับร้ใู หเ้ พิ่มมากย่ิงขึน้ ทง้ั สร้างการรับรู้สนิ คา้ เกษตรใหก้ ับผู้บริโภคให้มากขึน้ เพอ่ื สร้างการ เชื่อมโยงในสถานประกอบการอ่ืน ๆ ต่อไป และในสินค้าเกษตรมีบางส่วนที่เติบโตไปในแนวทางท่ี คอ่ นข้างยงั ไม่มีการเปล่ยี นแปลงที่เด่นชัดมากนกั ไม่ว่าจะเป็นผักปลอดภยั ทศ่ี กั ยภาพการพฒั นายอดการ ผลิตให้ตอบสนองความต้องการเพียงพอต่อธุรกิจบริการยังไม่สามารถตอบรับปริมาณที่ต้องการได้ จึง เกดิ ความตอ่ เน่ืองในการพัฒนาการเชอื่ มโยงสนิ คา้ เกษตรปลอดภัยให้เกดิ รปู ธรรมมากย่งิ ขน้ึ ประเด็นการวิเคราะห์ประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรปลอดภัย ซึ่งศักยภาพ ประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานนั้น ในส่วนของชุมชนเกือบทุกชุมชนยังมีส่วนในการขาดประสิทธิภาพใน การเชอ่ื มโยงในประเดน็ ของการศกึ ษาพฤตกิ รรมในสว่ นของฝ่งั อปุ สงค์หรือในดา้ นความตอ้ งการที่แทจ้ รงิ อนึ่งประเด็นในส่วนของประสิทธิภาพกลางน้ำนั้นซึ่งเป็นกระบวนขั้นตอนที่มีความสำคัญใน ฐานะ ระบบการจัดการสนิ คา้ คงคลัง ระบบการจัดซอ้ื ระบบโลจิสติกต์ ท่ยี ังมกี ารขาดนวตั กรรมทางด้าน เทคโนโลยีท่ีนำมาปรับใช้ในกระบวนการดังกล่าวให้ทำใหก้ ารส่งมองการบริการถงึ ธรุ กิจโรงแรมและการ บริการยังมีประสทธิภาพที่ยังไม่สมบูรณ์มากนัก และในส่วนต้นน้ำที่ยังมีระบบการจัดการทางด้าน นวตั กรรมผลติ ภณั ฑ์ท่ีเสรมิ สร้างผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรปลอดภัยท่ีมีความหลายหลาย แต่ตอบโจทย์ถึง ห่วงโซ่คุณค่าที่มองมาจากฝั่งอุปสงค์ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย Monczka, Trent, and Handfield (1998) ที่การจัดการรูปแบบห่วงโซ่อุปทานที่มีต้องทีความสัมพันธ์ที่เปน็ ระบบเชื่อมต่อกันอย่างสมดุล จากประเด็นปญั หาในการพัฒนาการสร้างเทคโนโลยเี พื่อตอบโจทยห์ ่วงโซอ่ ุปทานนน้ั ยังเป็นปญั หา โดย เกษตรกร ผู้ประกอบการจำเป็นตอ้ งพัฒนาโดยการนำนวตั กรรมทางเทคโนโลยที ีอ่ าจจะไม่ซับซอ้ นมาก นกั และง่ายตอ่ การใช้งาน เขา้ มามีบทบาทมากในการสร้างกระบวนการบรกิ ารภายในห่วงโซอ่ ุปทานน้ัน
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภมู ิ 129 ปีที่ 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) อีกทั้งการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ ผู้บริโภค หรือ การเก็บข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า นักท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อนำมาออกแบบเป็นบริการที่ ตอบสนองความต้องการ ในขณะเดียวกันก็พบว่าความต้องการของตลาด มุ่งไปสู่แนวโน้มการพัฒนา เครอื ข่ายชอ่ งทางตลาดใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพและประสิทธิผลความย่ังยนื ปัจจัยด้านความท้าทายในการการพัฒนาการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ในการรวบรวมข้อมูลโดย เป็นผลมาจากกิจกรรมการการสัมภาษณ์เชิงลึกและแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสินค้า เกษตร ทำให้เห็นถึงวิเคราะหก์ ระบวนการบริการภายในห่วงโซ่อุปทานใหเ้ หน็ ถงึ กลไกในการขับเคลื่อน กระบวนการบริการภายในห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย พบประเด็นที่กล่าวถึง ที่ประกอบด้วยปัจจัยท้ัง ภายนอกและภายใน เช่น องค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรม เทคโนโลยียังไมเ่ พียงพอ การลงทุนทางดิจิตลั เทคโนโลยีทางด้านการสร้างประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ การติดต่อกับตลาดอื่นที่สามมารถเปิด ช่องทางการค้าได้ เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของสุดารัตน์ พิมลรัตนกานต์ (2560) และ สถาบันวิจัยเพือ่ การพฒั นาประเทศไทย (2553) ท่ีมีข้อสรุปตรงกนั ว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามา ใชใ้ นกระบวนการจะมีสว่ นในการส่งผลต่อการพฒั นารปู แบบการบรหิ ารจดั การโซอ่ ปุ ทาน นอกจากน้ปี ระเดน็ ดา้ นช่องว่างระหวา่ งอปุ สงค์และอุปทานโดยเกษตรกรไม่มขี อ้ มูลด้านอปุ สงค์ สินคา้ เกษตรมากนัก เมอ่ื ตลาดสินคา้ เกษตรปลอดภยั ทม่ี แี นวโนม้ ขยายตัวมีมลู ค่าสงู ขน้ึ แต่ยงั คงขาดการ พัฒนานวัตกรรมบริการในกลุ่มนี้ให้มีมูลค่าสูงและขีดความสามารถในการคา้ ขายที่ย่ังยืนอีกด้วย เมื่อ วิเคราะหต์ อ่ ไปน้นั ส่งิ ทีค่ ณะผวู้ จิ ยั เล็งเหน็ ถงึ การนำนวตั กรรมการบริการ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ปรับ ใช้ในในบริบทของห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำนั้น โดยพัฒนาการเชื่อมโยงพ้นื ท่ี ปลกู สนิ คา้ เกษตรปลอดภัยและพ้ืนที่จุดหมายปลายทางท่ีสง่ มอบการบริการให้กับธุรกิจจนกระทั่งธุรกิจ นั้นส่งมอบสินค้าถึงผู้บริโภค และต้องมีความเหมาะสมและยืดหยุ่นให้สอดรับกับบริบทพ้ืนที่นั้น ๆ อีก ด้วย คณะผู้วิจยั มีความเหน็ ว่าตอ้ งให้ความสำคญั กับการสร้างระบบของอุปสงค์อปุ ทาน ท่ีไม่ใช่เพียงการ แลกเปลยี่ นระหว่างผู้ผลิตกับผู้บรโิ ภค แต่เป็นการส่งมอบการบรกิ ารท่อี ยู่บนพืน้ ฐานของ ความสัมพันธ์ ระหว่างเจา้ บา้ น (Host) กบั ผมู้ าเยี่ยมเยือน (Guest) ทีเ่ อาใจใสท่ กุ กระบวนการภายในหว่ งโซ่อปุ ทาน ซึง่ สง่ ผลตอ่ คณุ ค่าทแ่ี ลกเปลี่ยนระหวา่ งอปุ สงค์และอปุ ทาน เชน่ อาจกอ่ ให้เกดิ การนำขอ้ มูลสู่การวางแผน ในการปลูกพืชประเภทต่าง ๆ เป็นต้น ดังนั้นการพัฒนานวัตกรรมบริการในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน สินค้าเกษตรสู่ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการจึงต้องคำนึงถึงประเด็นความสอดคล้ องของอุปสง ค์เป็น สำคัญ ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 2 พบว่า ผลการศึกษาการจัดการประสิทธิภาพในการจัดการ ห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตรในภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการ การสร้างจุดแข็งเชื่อมโยงสินค้า เกษตรสู่ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยบางส่วนต้องสร้างบทบาทของเทคโนโลยียังคง เป็นประเด็นสำคัญของการสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั เมือ่ พจิ ารณาจากแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี ที่นำมาปรับใชใ้ นการทำงาน ระบบการจัดการ การวางแผน การสั่งซื้อ ระบบการเก็บสินค้า และระบบ การจดั การการขนสง่ สนิ ค้า โดยส่งมอบบรกิ ารสินค้าเกษตรปลอดภัยในฐานะเกิดสุขภาพท่ีดีต่อผู้บริโภค
130 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) จึงเกดิ ประสบการณแ์ ปลก ๆ ใหม่ ๆ เมอ่ื ผบู้ ริโภครู้สึกสขุ ภาพดีทง้ั กายและใจ นนั้ มีส่วนหน่ึงที่มีพื้นฐาน มาจากผลติ ภัณฑ์สนิ คา้ เกษตรปลอดภยั ที่สร้างท้ังมูลค่าให้แกเ่ กษตรกร ธรุ กจิ โรงแรมและบริการ และส่ง ต่อคุณค่าถึงผู้บริโภค ซึง่ สอดคล้องผลการวิจยั ของ Mongkolnimitr (2020) ท่ไี ดก้ ลา่ ววา่ การยกระดับ ห่วงโซ่คุณค่าการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ท้องถิ่น โดยเฉพาะอาหารโดยการยกระดับผลิตภัณฑ์นำ สนิ คา้ เกษตรท้องถ่ินมาประกอบอาหารนน้ั จะมีส่วนในการสรา้ งประสบการณ์ท้องถิน่ ทางการท่องเที่ยว และดึงดูดนกั ท่องเทยี่ วเพิ่มมากขึ้น ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 3 พบว่าการพัฒนารูปแบบการเชื่อมโยงการจัดการห่วงโซ่ อุปทานสนิ ค้าเกษตรสู่ธรุ กิจโรงแรมและธรุ กิจบรกิ ารในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา จากเครอื ขา่ ยพนั ธมิตร ในห่วงโซอ่ ปุ ทานสินค้าเกษตรในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา เพ่อื ผลกั ดันให้มปี ระสทิ ธิภาพทั้งระบบโดยใน แต่ละสว่ นจะตอ้ งมีปัจจัยใดบ้างในการผลกั ดันเช่ือมโยงกนั โดยสมบรู ณ์ ได้ โดยเรียกรปู แบบแบบจำลอง คือ S-MICE Model ประกอบไปด้วย S “Smart” หมายถึง การจัดการฟาร์มสินค้าเกษตรเป็นมิตรตอ่ สิ่งแวดล้อม M “Modren Manager” หมายถึง การจัดการสมัยใหม่ทุกรอยต่อกิจกรรมภายในห่วงโซ่ อุปทาน, I “Innovation” หมายถึง การจัดการนวัตกรรมต่าง ๆ ภายในธุรกิจเกษตร, C “Chain” หมายถึง การจัดการการเชื่อมโยงที่เน้นการเชื่อมโยงทุก ๆ กิจกรรมบนห่วงโซ่อุปทาน และ E “Empathy” หมายถึง การบรกิ ารลูกคา้ ส่งผ่านคุณคา่ ของสินค้าบรกิ ารท่ีมีมูลค่าสูง องค์ความรใู้ หมจ่ ากการวจิ ัย จากการศึกษารูปแบบการเชื่อมโยงการจัดการห่วงโซ่อปุ ทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกจิ โรงแรมและ ธรุ กจิ บริการในจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา พบองค์ความร้ทู ีส่ ามารถสรปุ เป็นแผนภาพได้ดงั น้ี ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายนำ้ Innovation Smart Farm Logistic Service Delivery • Customer Distribution relationship - production planning management - Wisdom Agricultural • Person • Transportation • Empathy products • Standardization - Story - Safety agricultural products Agricultural Supply Contact Framing Agricultural Demand Chain Management Chain Management แผนภาพท่ี 2 แสดงองค์ความรใู้ หมท่ ไ่ี ดจ้ ากผลการวจิ ยั
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภมู ิ 131 ปีท่ี 3 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2564) จากแผนภาพที่ 2 จะแสดงให้เห็นว่า ปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการ เช่อื มโยงหว่ งโซอ่ ปุ ทานสินค้าเกษตร โดยจะมีความสมั พนั ธ์กบั ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ทรพั ยากรการสินค้าเกษตร ที่อยู่ภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถนำมาสู่กระบวนการตลาดที่ยั่งยืนของเกษตรกรได้ โดยเรยี กรปู แบบแบบจำลอง คือ S-MICE Model ซึ่งหมายถึง การจัดการฟาร์มเกษตรสมัยใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ นวัตกรรมการบริการเพ่ือเช่ือมโยงทุกห่วงโซอ่ ุปทานด้วยการส่งมอบบรกิ ารทม่ี ีมลู ค่าสูงสู่กลมุ่ ลกู ค้าธุรกิจ โรงแรมและธุรกิจบริการโดยแนวคิดทั้งหมดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ในกระบวนการจัดการห่วงโซ่ อุปทานสนิ คา้ เกษตรส่ธู รุ กิจโรงแรมและธุรกิจบรกิ ารในจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา สรุป การพฒั นารูปแบบการเชอื่ มโยงการจัดการห่วงโซ่อุปทานสนิ ค้าเกษตรสู่ธรุ กิจโรงแรมและธุรกิจ บริการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมปัจจัยต่าง ๆ ที่มีส่วนใน การผลักดันให้เกิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัยอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพใน การบริการและการบ่มเพาะความสำคัญทุก ๆ กิจกรรมให้เกิดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญตระหนัก เช่อื มโยงซงึ่ กันละกันของสินค้าเกษตรปลอดภัยสู่ตลาดอนื่ ๆ และการออกแบบระบบปัจจัยที่มีส่วนห่วง โซอ่ ปุ ทานสินคา้ เกษตรสูธ่ ุรกิจโรงแรมและธุรกจิ บริการในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจยั ไปใช้ประโยชน์ 1.1 หน่วยงานภาครัฐควรมีการลงพื้น การจัดเวทีเพื่อสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง นกั วจิ ยั ชุมชน และภาคีการพัฒนาพืน้ ท่เี พื่อสร้างความเข้าใจเก่ียวกับกระบวนการทำงานเชิงพ้ืนท่ีท้ัง 6 ชุมชนเกษตร ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยการถอดบทเรียนองค์ความรู้ที่ได้รับจากการวิจัยเพื่อ นำไปสู่การใช้ประโยชน์ต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรในพื้นที่อื่น ๆ และองค์ความรู้ใน ภาควชิ าการทางด้านการจดั การสินคา้ เกษตรปลอดภัย 1.2 การนำผลการวิจัยเข้าสู่ประเด็นยุทธศาสตร์ในหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้อง อันได้แก่ สำนักงานเกษตรจังหวดั พระนครศรีอยุธยา สำนักงานเกษตรประจำอำเภอและหน่วยงานการปกครอง ส่วนท้องถ่นิ และการพฒั นาของพื้นท่ที ่ีศึกษาเพ่อื นำไปสูก่ ารใชป้ ระโยชน์ตอ่ ไป 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครงั้ ตอ่ ไป 2.1 ควรมีการศึกษาห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกิจรูปแบบอื่น ๆ ในจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา เพ่อื เพิม่ โอกาสในการกระจายสินค้าท่ีหลากหลายมากขน้ึ 2.2 ควรมีการศึกษาการพัฒนาเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสู่ธุรกิจทุกรูปแบบทั้งใน จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา และจงั หวัดใกล้เคียงเพ่ือใหเกิดการกระจายสินคา้ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย มากขึน้
132 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) กิตติกรรมประกาศ งานวจิ ยั น้ไี ดร้ บั ทนุ สนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนนุ การวิจัย (สกว.) และมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทรส.) สัญญาเลขที่ RDG61A0008/09 ภายใต้โครงการวิจัยท้าทาย ไทยระยะท่ี 2 ประจำปงี บประมาณ 2561 กลุ่มเรอื่ งนวัตกรรมเพือ่ การพัฒนาเชิงพื้นที่ เอกสารอา้ งอิง กุลพงษ์ ยูนพิ ันธ์ุ และกฤษดา วิศวธรี านนท์. (2548). Supply Chain & Logistics: ทฤษฎีและตัวอย่าง จรงิ . กรงุ เทพมหานคร: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ีปุน่ ). เฉลิมศกั ดิ์ ตมุ้ หิรญั , จนิ ดา ขลบิ ทอง, และเพชร ทววี งษ์. (2561). การพฒั นารูปแบบการส่ือสารเพื่อการ ส่งเสริมการ ท่องเทยี่ วเชิงเกษตรอย่างยัง่ ยนื . TLA Research Journal, 11(1), 48-62. มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด. (2550). การบรรยายเรื่องโลจิสติกส์สำหรับการท่องเที่ยของประเทศญี่ปุ่น. เชยี งใหม:่ สถาบันวิจัยสังคม มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม.่ วิทยา สุหฤทดำรง. (2546). ลอจิสติกส และการจัดการโซ อุปทานอธิบายได ง ายนิดเดียว. กรงุ เทพมหานคร: ซเี อด็ ยูเคชน่ั . สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. (2553). โครงการศึกษาแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทาน และโลจิสติกส์ของสินค้าเกษตรภายใต้โครงการการศึกษาวิจัยตลอดจนติดตามประเมินผล เพื่อเสนอแนวทางนโยบายการปรับโครงสร้างภาคการผลิตการค้าและการลงทุน . กรุงเทพมหานคร: สำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2562). ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2562 และแนวโน้มปี 2563. กรุงเทพมหานคร: กองนโยบายและแผนพฒั นาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. สุดารัตน์ พิมลรัตนกานต์. (2560). การจัดการห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตรกล้วยไม้ในอำเภอพุทธ มณฑล จังหวัดนครปฐม. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร (มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และ ศลิ ปะ), 10(2), 1595-1610. Cao Mei and Qingyu Zhang. (2 0 1 1 ) . Supply chain collaboration: Impact on collaborativeadvantage and firm Performance. Journal of Operations Management 29, 163–180 David, Phillip Kaminsky, and Edith Simchi- Levi. ( 2003) . Designing and Managing the Supply Chain: Concepts, Strategies, and Case Studies, Homewood. IL: Richard D. Erwin. Monczka, R.M., Petersen, K.J., Handfield, R.B., & Ragatz, G.L. (1998). Success factors in strategic supplier alliances: the buying company perspective. Decision sciences, 29(3), 553-577. Zhang, X. , Song, H. , & Huang, G. Q. ( 2009) . Tourism supply chain management: A newresearch agenda. Tourism management, 30(3), 345-358.
วารสารศิลปศาสตรร์ าชมงคลสุวรรณภมู ิ 133 ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) ปัจจัยที่มีอิทธพิ ลตอ่ การตดั สินใจซ้ือเครือ่ งวดั ความดนั โลหิต ของผูบ้ รโิ ภคในเขตกรุงเทพมหานคร FACTORS INFLUENCING BLOOD PRESSURE MEASUREMENT DEVICE PURCHASING DECISIONS AMONG CONSUMERS IN BANGKOK METROPOLITAN วัชรพงษ์ พนิตธำรง Watcharapong Panittumrong คณะบรหิ ารธรุ กิจ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ Business Administration Faculty, Kasetsart University E-mail: [email protected] Received August 2, 2021; Revised August 4, 2021; Accepted August 23, 2021 บทคดั ย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างปัจจัยประชากร ศาสตร์ต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร และ 2) ศึกษา อิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีต่อการตัดสินใจซือ้ เครือ่ งวัดความดนั โลหิตของผู้บริโภคใน เขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือผู้บริโภคที่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว สมั ประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธ์ของเพยี ร์สนั และการวิเคราะห์ การถดถอยพหุคูณ ท่ีระดบั ความเช่ือมัน่ 95% ผลการศึกษา พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีสถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-50,000 บาท การทดสอบสมมติฐานเปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ของผู้บริโภคที่แตกต่างกันมีผลต่อ กระบวนการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดนั โลหิตของผบู้ รโิ ภคอย่างมนี ัยสำคัญท่ีระดับ 0.05 ปัจจัยส่วน ประสมการตลาด มีระดับความสำคัญต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อ และการทดสอบสมมติฐานส่วน ประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขต กรงุ เทพมหานคร พบว่า ส่วนประสมการตลาด จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ ดา้ นผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และดา้ น การส่งเสริมการตลาด มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขต กรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ 0.05 คำสำคัญ: อปุ กรณก์ ารแพทย์, เคร่ืองวดั ความดนั โลหิต, การตัดสินใจซอ้ื , สว่ นประสมการตลาด
134 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) Abstract The objectives of this research are 1) to compare the differences between the demographic factors in decision to purchase blood pressure measurement device of consumers in Bangkok metropolitan and 2) to study the marketing mix factors influencing the decision to purchase blood pressure measurement device among consumers in Bangkok metropolitan. The samples used in the research were 400 consumers living in Bangkok metropolitan. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test analysis, analysis of variance; ANOVA, Pearson’s correlation and multiple regression analysis, 95% confidence level. The results of the study showed that the majority of the samples were female with marital status and undergraduate education. Most of them work in private companies and have average monthly income between 30,001–50,000 baht. The hypothesis test comparing different consumer demographic factors had a significant effect on the blood pressure measurement device purchasing process of the consumers at 0.05 level. Marketing mix factor has a level of importance in the blood pressure measurement device purchasing process and the hypothesis testing of marketing mix influencing the purchasing decision process of blood pressure monitors of consumers in Bangkok metropolitan found that the marketing mix consisted of 3 aspects, namely product, price and marketing promotion had an effect on the decision-making process to buy blood pressure monitors of consumers in Bangkok metropolitan statistically significant at the 0.05 level. Keywords: Medical Device, Blood Pressure Measurement Device, Purchasing Decision Making, Marketing Mix บทนำ ความดนั โลหิตเป็นเสมือนตวั บ่งช้ีถึงภาวะปกติหรอื ผิดปกติของร่างกาย ในปจั จุบันโรคความดัน โลหติ สงู ถือเป็นปัญหาทางดา้ นสุขภาพทวั่ โลก และคาดการณว์ า่ ภายในปี พ.ศ. 2568 ประชากรมากกว่า 1.5 พนั ล้านคนท่ัวโลกจะเผชิญกับโรคความดนั โลหิตสงู ซ่ึงผูป้ ่วยทมี่ ีโรคความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยงท่ี จะทำให้เกิดโรคหัวใจร้อยละ 50 และโรคหลอดเลือดสมองร้อยละ 75 (Himmelfarb, Commodore- Mensah, Hill: 2016) ในขณะเดียวกนั ผลการวิจัยพบว่า ประมาณร้อยละ 40 ของประชากรในวัย 25 ปีขนึ้ ไปเสี่ยงตอ่ การเป็นโรคความดนั โลหิตสงู และในหลาย ๆ ประเทศ พบว่า 1 ใน 5 ของประชากรกลุม่
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ 135 ปีท่ี 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) นี้ก็เริ่มมีความเสี่ยงที่จะมีภาวะความดันโลหิตสูงเช่นกัน (ฉลาดซื้อ, 2564) ทั้งนี้ ในประเทศไทยจาก รายงานของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขรายงานอัตราการป่วยด้วยโรค ความดันโลหติ สูงเพิม่ ข้ึนจากปี พ.ศ. 2560–2562 (2,008.92, 2,091.28 และ 2,245.09 ต่อประชากร 100,000 คนตามลำดับ) (กองโรคไม่ตดิ ต่อ, 2563) แพทย์เวชศาสตรค์ รอบครวั มักแนะนำใหป้ ระชาชนวัดความดนั โลหติ ด้วยตนเองท่บี ้าน (อรณิสา อิสสรานนท์, เรือนขวัญ กัณหสิงห์ และสวณี เต็งรังสรรค,์ 2563) โดยที่การวัดความดันโลหติ ผู้ใช้งาน เครื่องมือวัดควรรู้จักการดูแลรักษาเครื่องมือวัด และปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกับการวัด เพื่อให้สามารถวดั ความดันโลหิตได้อย่างถูกต้อง แม่นยํา ยังผลให้นําไปใช้ในการตรวจวินิจฉัย และตรวจติดตามโรคได้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ผสู้ ูงอายุทเ่ี ขา้ รับการตรวจรักษาในสถานพยาบาล หรือผู้ป่วยใน กลุม่ โรคไมต่ ิดตอ่ เร้ือรงั (Non-communicable diseases: NCDs) เชน่ โรคความดนั โลหิตสูง โรคหลอด เลือดสมอง โรคหัวใจ เป็นต้น ในปจั จุบนั เครื่องวดั ความดันโลหติ มี 2 ประเภท คอื แบบเชงิ กล และแบบ อตั โนมัติ โดยมีการควบคมุ คุณภาพผลติ ภณั ฑโ์ ดยกระทรวงสาธารณสขุ อย่างตอ่ เนื่อง และเคร่ืองวัดความ ดันโลหิตที่นิยมใช้กันในประเทศไทยอาจแสดงผลในรูปแบบตัวเลขหรือดิจิทัลก็ตาม (อรรถเกียรติ กาญจนพิบูลวงศ์ และภทั ระ แสนไชยสุริยา, 2564) กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยที่มีจำนวนผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อการจำหน่ายเป็นจำนวนมากรวมไปถึงเคร่ืองวัดความดันโลหิตด้วย กลยุทธ์ทางการตลาดที่กำหนด โดยผู้ประกอบการจึงต้องวางแผนขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค ซึ่ง การสร้างกลยุทธ์ การตลาดมีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบด้านจริยธรรมของผู้แทนขายอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ อีกด้วย (รัตนา ชัยกัลยา, 2558) การตัดสินใจซือ้ เครื่องวดั ความดันโลหิตของผู้บริโภคจึงมคี วามสำคัญ อย่างยิ่งต่อการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดและจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของผูบ้ ริโภค อันจะส่งผลต่อสุขภาพโดยองค์รวมของผูใ้ ช้ผลติ ภณั ฑ์ อุปกรณท์ างการแพทย์ของประเทศไทยอกี ดว้ ย วตั ถปุ ระสงค์การวิจยั 1. เพอ่ื ศกึ ษาเปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งกลุ่มปัจจัยประชากรศาสตร์ต่อการตัดสินใจซื้อ เครอื่ งวัดความดันโลหิตของผบู้ ริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร 2. เพื่อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อ เครื่องวัดความดนั โลหติ ของผบู้ ริโภคในเขตกรงุ เทพมหานคร
136 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) การทบทวนวรรณกรรม ส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix) เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ผู้บริหารใช้ดำเนินงาน ทางกลยทุ ธเ์ พื่อให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ทางการตลาดที่กำหนดไว้ โดยสว่ นประสมการตลาดสำหรับสินค้า ต่าง ๆ ประกอบไปดว้ ย 4 องคป์ ระกอบ (Kotler & Armstrong, 2018) ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สิ่งที่มีตัวตนหรือไม่มีตัวตนที่ใช้เพื่อการตอบสนองความ ต้องการและสร้างความพงึ พอใจแก่ผู้บรโิ ภค โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คอื 1) ผลติ ภณั ฑ์ที่สามารถ จับต้องได้ เรยี กว่า สินค้า และ 2) ผลติ ภัณฑ์ทไ่ี มส่ ามารถจับต้องได้ เรียกว่า บรกิ าร ทัง้ นี้ นักการตลาด อธิบายไว้ว่า ผลิตภัณฑ์มีรายละเอียดประกอบไปด้วย ตราสินค้า ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ขนาดสนิ คา้ การบรหิ าร คณุ ภาพผลติ ภัณฑ์ การบริการ การรับคนื และ การรบั ประกนั สนิ คา้ ในขณะที่ Kerin & Hartley (2019) อธิบายไว้ว่า ผลิตภัณฑ์มี 3 ระดับ คือ ผลิตภัณฑ์หลัก (Core Product) รปู ลกั ษณ์ผลติ ภณั ฑ์ (Actual Product) และผลติ ภณั ฑ์สว่ นควบ (Augmented Product) 2. ราคา (Price) หมายถึง จำนวนเงินที่ใช้เพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือบริการ วตั ถุประสงค์ในการกำหนดราคามีหลายประการ ขนึ้ อยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มและนโยบายขององคก์ าร เช่น กำหนดราคาเพอ่ื ให้ได้ผลตอบแทนเปา้ หมาย การกำหนดราคาเพ่อื กำไรสงู สุด การกำหนดราคาเพื่อการ แข่งขนั เปน็ ตน้ ซ่ึงหากกจิ การจะประสบความสำเร็จในการตัง้ ราคาผลิตภัณฑ์ ผ้บู ริหารจะต้องพิจารณา ในเรื่องราคาสินคา้ สว่ นลด สว่ นยอมให้ และเงอ่ื นไขการชำระเงนิ ดว้ ย 3. การจัดจำหนา่ ย (Place) หมายถึง กระบวนการในการเคลื่อนย้ายกรรมสิทธิ์ของผลิตภณั ฑ์ และบริการจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคคนสุดท้ายหรือผู้ใช้ทางธุรกิจ โดยช่องทางการจัดจำหน่ายเป็น กิจกรรมที่นักการตลาดจะต้องวางแผนให้ชัดเจน เพราะเกี่ยวข้องกับการกระจายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลติ ไปสู่ผู้บริโภค โดยช่องทางการจัดจำหน่ายมีกิจกรรมที่สำคัญประกอบไปด้วย การเลือกใช้ช่องทางการ ขาย คนกลางในช่องทางการขาย โดยนักการตลาดยังมองไปถึงการจัดส่งและกระจายสินค้า เช่น กระบวนการสัง่ ซอื้ อปุ กรณก์ ารเคลอื่ นยา้ ย การคลงั สินคา้ การบรหิ ารสินคา้ คงคลงั และการขนสง่ 4. การส่งเสริมการตลาด (Marketing Promotion) หมายถึง การสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ จากองค์การธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อสร้างทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อสินค้า โดยนักการ ตลาดกำหนดให้มีกิจกรรมการสื่อสารการตลาดประกอบไปด้วย การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยพนักงานขาย และการตลาดทางตรง ทั้งนี้ การตลาดยุคใหม่อาจ กำหนดใหม้ ีการสือ่ สารการตลาดแบบบรู ณาการ ซ่ึงหมายถงึ การผสมผสานการส่อื สารการตลาดหลาย ๆ เคร่อื งมือใหม้ ีความสอดคล้องกนั การตัดสนิ ใจซอ้ื ทางการตลาด มีความเกย่ี วขอ้ งกับสง่ิ กระต้นุ ทางการตลาด ทงั้ ท่ีเป็นสิ่งกระตุ้น อันเกิดจากผู้ขายและสิ่งกระตุ้นที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเอง โดยการตัดสินใจซื้อ สามารถ
วารสารศลิ ปศาสตรร์ าชมงคลสวุ รรณภูมิ 137 ปีท่ี 3 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) พิจารณาได้เป็นขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งกระบวนการตัดสินใจซื้อทางการตลาด ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน (Kotler & Keller, 2016) ดังต่อไปน้ี ขั้นแรก คือ ขั้นตระหนักถึงปัญหาหรือความต้องการ (Problem or Need Recognition) โดยที่ปัญหาก็คือความแตกต่างระหว่างสภาพอุดมคติและสภาพความเป็นจริงจากการรับรู้ของบุคคล จงึ ก่อใหเ้ กดิ ความตอ้ งการที่จะเตมิ เต็มสว่ นตา่ งระหว่างสภาพอดุ มคติกบั สภาพทเ่ี ปน็ จริง โดยผูบ้ รโิ ภคจะ ตดั สนิ ใจแกไ้ ขปญั หาก็ตอ่ เม่ือปัญหามีความสำคญั ท้งั นีผ้ บู้ ริโภคอาจมีการแสวงหาข้อมูลเสียกอ่ น ขั้นที่สอง คือ การเสาะแสวงหาข้อมูล (Search for Information) การที่ผู้บริโภคแสวงหา หนทางแก้ไขโดยหาข้อมูลเพ่ิมเติมเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อจากแหล่งข้อมูล จากแหล่งบุคคล (Personal Search) เป็นแหล่งข่าวสารที่เป็นบุคคล เช่น ครอบครัว เพื่อ ผู้เชี่ยวชาญ แหล่งธุรกิจ (Commercial Search) เป็นแหล่งข่าวสารท่ีได้ ณ จุดขายสินค้า สาขาหรือตวั แทนจำหนา่ ย แหล่งข่าว ทั่วไป (Public Search) เป็นแหล่งข่าวสารที่ได้จากสื่อมวลชนต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต และ จากประสบการณ์ของผู้บริโภคเอง (Experimental Search) อันเป็นการที่ผู้บริโภคได้ลองสัมผัส ตรวจสอบ ทดลองใช้ โดยผบู้ ริโภคบางคนกใ็ ช้ความพยายามในการเสาะแสวงหาขอ้ มลู อย่างมาก ขั้นตอนที่สาม คือ การประเมินทางเลือก (Evaluation of Alternative) โดยผู้บริโภคจะ ประเมินทางเลอื กและตดั สนิ ใจทางเลอื กทดี่ ีท่สี ุด วธิ ีการทีผ่ บู้ ริโภคใชใ้ นการประเมินทางเลือกจะประเมิน โดยการเปรยี บเทยี บขอ้ มลู คณุ สมบัตขิ องแต่ละสินค้าและในการทจ่ี ะเลือกเพียงตรายีห่ ้อเดยี ว อาจขึ้นอยู่ กับความเชือ่ คา่ นยิ ม ความศรัทธาในตราสนิ คา้ หรอื อาจขึน้ อยกู่ บั ประสบการณ์ของผูบ้ ริโภคทผ่ี า่ นมาใน อดตี ขนั้ ตอนทีส่ ี่ คอื การตดั สนิ ใจซ้ือ (Decision Making) โดยปกติแล้วผบู้ รโิ ภคจะค้นหาข้อมูลและ ใช้ระยะเวลาในการตัดสนิ ใจซอ้ื ผลิตภัณฑแ์ ต่ละชนดิ แตกตา่ งกัน คอื ผลติ ภณั ฑบ์ างอย่างต้องการข้อมูล มากต้องใชร้ ะยะเวลาในการเปรยี บเทยี บนาน แต่สำหรับบางผลติ ภัณฑ์ผู้บรโิ ภคอาจไม่ใช้ระยะเวลานาน กไ็ ด้ ขัน้ ตอนสุดทา้ ย คอื พฤตกิ รรมหลงั การซ้อื (Post purchase Behavior) โดยทผี่ บู้ ริโภคจะไดร้ ับ ประสบการณ์ในการบริโภคที่เปน็ ความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ ถ้าพอใจจะทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้หรอื อาจจะแนะนำให้เกดิ ลกู ค้าใหม่ แตถ่ า้ ไม่พอใจผ้บู ริโภคก็อาจจะเลิกซ้ือสนิ ค้านนั้ ๆ ในครง้ั ต่อไปและอาจ ส่งผลเสยี ตอ่ เนื่องจากการบอกตอ่ ทำใหล้ ูกค้าซ้อื สินค้าน้อยลงดว้ ย กรอบแนวคิดการวจิ ยั งานวจิ ยั น้ีเปน็ การวิจัยเชงิ ปริมาณ ผู้วิจัยกำหนดกรอบแนวคิดการวิจัยตามแนวคิดส่วนประสม การตลาดของ Kotler & Armstrong (2018) และกระบวนการตดั สินใจซ้ือทางการตลาดของ Kotler & Keller (2016) โดยมรี ายละเอยี ดดังนี้
138 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ตัวแปรอิสระ ตวั แปรตาม ปจั จัยประชากรศาสตร์ กระบวนการตัดสินใจซือ้ เครื่องวัดความดันโลหิต - เพศ - การตระหนกั ถงึ ปญั หาหรอื ความตอ้ งการ - สถานภาพสมรส - การค้นหาข้อมลู - ระดบั การศกึ ษา - การประเมินทางเลือก - รายได้เฉล่ียตอ่ เดือน - การตดั สนิ ใจซือ้ - อาชพี - พฤตกิ รรมหลังการซ้ือ ปัจจยั ส่วนประสมการตลาด - ผลติ ภัณฑ์ - ราคา - การจดั จำหนา่ ย - การส่งเสรมิ การตลาด แผนภาพที่ 1 แสดงกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั สมมตฐิ านการวจิ ยั 1. ปัจจยั ประชากรศาสตร์ท่ีแตกต่างกันมีผลต่อกระบวนการการตดั สินใจซ้ือเคร่ืองวัดความดัน โลหิตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครแตกต่างกนั 2. ปัจจัยส่วนประสมการตลาดมีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต ของผู้บรโิ ภคในเขตกรุงเทพมหานคร วิธดี ำเนินการวจิ ยั ขอบเขตการศึกษา 1. ขอบเขตที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าเครื่องวัดความดันโลหิตด้วยตนเอง โดยมีภมู ิลำเนาอาศัยอยู่ในพ้นื ท่กี รงุ เทพมหานคร 2. ขอบเขตระยะเวลาท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล ระหวา่ งเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดอื นมิถุนายน พ.ศ. 2564 3. ขอบเขตด้านเนือ้ หา ประกอบดว้ ย สว่ นประสมทางการตลาดตามแนวคิด 4P’s ซง่ึ ประกอบ ไปด้วย ผลติ ภณั ฑ์ ราคา การจดั จำหนา่ ย และการส่งเสริมการตลาด สำหรับเนื้อหาด้านการตัดสินใจซ้ือ เป็นไปตามกระบวนการตัดสินใจซื้อ 5 ขั้นตอน ได้แก่ การตระหนักถึงปัญหาหรือความต้องการ การคน้ หาขอ้ มลู การประเมนิ ทางเลอื ก การตดั สินใจ และพฤติกรรมหลงั การซ้อื
วารสารศิลปศาสตรร์ าชมงคลสุวรรณภมู ิ 139 ปีที่ 3 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจยั การวิจัยครั้งนี้ใช้การศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative Study) โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ จำนวน 400 ชุด โดยเครื่องมือในการวิจัยมีการทดสอบความตรง ดว้ ยผูเ้ ช่ยี วชาญ จำนวน 5 ทา่ น และมีการทดสอบความเชือ่ มน่ั ของเคร่อื งมือ ไดค้ ่าความเชื่อมั่นท้ังฉบับ เทา่ กบั 0.843 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรในการวิจยั คือผูบ้ รโิ ภคที่ซือ้ เครือ่ งวัดความดันโลหิตใน เขตกรุงเทพมหานคร โดยผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 ราย ซึ่งเป็นการสุ่ม ตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) กล่าวคือ มีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภมู ิและแบบ ตามสะดวก ตามลำดับ โดยการสมุ่ ตัวอยา่ งครอบคลุมจำนวนประชากรในการวิจัยตามหลักสถติ ิด้วยการ คำนวณตามความเชื่อมัน่ 0.95 ของยามาเน่ และเพม่ิ เติมจำนวนใหม้ ีความน่าเชือ่ ถอื มากยงิ่ ขนึ้ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษาครั้งนี้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบผสมผสานระหว่าง การแจกแบบสอบถามวิธีเผชิญหน้ากับกล่มุ เป้าหมาย ซึง่ มีจำนวน 150 ชุด และเก็บรวบรวมข้อมูลจาก การกรอกข้อมูลด้วยตนเองของผู้ตอบแบบสอบถามวิธีออนไลน์ ซึ่งมีคำถามคัดกรองเพื่อให้ตรงกับ กลุ่มเปา้ หมาย โดยมจี ำนวน 250 ชดุ รวมเปน็ เก็บขอ้ มูลจากแบบสอบถาม จำนวน 400 ชุด สถิติที่ใช้ในการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ใช้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติอ้างอิง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวเิ คราะห์การถดถอยพหคุ ูณ โดยผู้วจิ ัยประมวลผลด้วย โปรแกรมสำเรจ็ รูปทางสถติ ิ ผลการวจิ ยั 1. ผลการศกึ ษาเปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหว่างปจั จัยประชากรศาสตร์ตอ่ การตดั สนิ ใจ ซื้อเครอื่ งวัดความดันโลหิตของผ้บู รโิ ภคในเขตกรุงเทพมหานคร ผลการวิจยั พบว่า ตารางที่ 1 แสดงผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างปัจจัยประชากรศาสตร์ต่อการตัดสินใจซ้ือ เครื่องวัดความดันโลหติ ของผบู้ รโิ ภคในเขตกรงุ เทพมหานคร ปัจจัย การตดั สนิ ใจซอ้ื เครอื่ งวดั ความดนั โลหิต ประชากรศาสตร์ การตระหนกั การคน้ หา การประเมนิ การตดั สนิ ใจ พฤติกรรม ปญั หา ขอ้ มูล ทางเลือก หลังการซ้อื เพศ แตกต่างกัน แตกต่างกนั แตกต่างกัน แตกตา่ งกนั แตกต่างกัน สถานภาพสมรส แตกต่างกัน แตกตา่ งกัน แตกต่างกนั แตกตา่ งกัน แตกต่างกัน ระดบั การศกึ ษา แตกต่างกนั แตกตา่ งกนั แตกตา่ งกนั แตกต่างกนั แตกตา่ งกัน รายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือน แตกต่างกัน แตกตา่ งกัน แตกตา่ งกนั แตกต่างกัน แตกต่างกัน อาชีพ แตกตา่ งกนั แตกต่างกนั แตกตา่ งกนั แตกต่างกนั แตกต่างกัน
140 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) จากตารางที่ 1 แสดงผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างปัจจัยประชากรศาสตร์ต่อ การตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ปัจจัย ประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกนั ในด้านเพศ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา รายได้เฉลยี่ ตอ่ เดอื น และ อาชีพ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตที่แตกต่างกันในทุกขั้นตอน ทั้งในด้าน การตระหนักถึงปญั หา การค้นหาข้อมูล การประเมนิ ทางเลือก การตดั สนิ ใจ และพฤติกรรมหลังการซ้ือ 2. ผลการศกึ ษาอทิ ธพิ ลของปจั จยั สว่ นประสมการตลาดที่มีอทิ ธพิ ลต่อกระบวนการตัดสินใจ ซ้อื เครอื่ งวดั ความดันโลหติ ของผูบ้ รโิ ภคในเขตกรุงเทพมหานคร ผลการวิจยั พบวา่ ตารางที่ 2 แสดงผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสว่ นประสมการตลาดกับการตัดสินใจซอ้ื เครอื่ งวัดความดนั โลหติ ของผู้บรโิ ภคในเขตกรงุ เทพมหานคร ส่วนประสมการตลาด กระบวนการตัดสนิ ใจซอ้ื ทศิ ทางความสัมพนั ธ์ ในภาพรวม ระหว่างตวั แปร Correlation Sig. ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ .558 .000* ทศิ ทางเดียวกัน ด้านราคา .638 .000* ทิศทางเดียวกัน ดา้ นช่องทางการจดั จำหน่าย .550 .000* ทิศทางเดียวกนั ดา้ นการสง่ เสริมการตลาด .562 .000* ทศิ ทางเดียวกนั * มคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั 0.05 จากตารางที่ 2 แสดงผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมการตลาดกับ การตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนประสม การตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาด มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับกระบวนการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตในภาพรวม ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร ตารางที่ 3 แสดงผลการวิเคราะห์อิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซ้ือ เคร่อื งวดั ความดนั โลหติ ของผู้บรโิ ภคในเขตกรงุ เทพมหานคร ตวั แปรพยากรณ์ B Beta t Sig. (คา่ คงที)่ 1.175 6.992 .000* ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ .169 .172 3.418 .001* ดา้ นราคา .253 .359 7.398 .000*
วารสารศลิ ปศาสตร์ราชมงคลสวุ รรณภูมิ 141 ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2564) ตวั แปรพยากรณ์ B Beta t Sig. 1.474 .141 ด้านชอ่ งทางการจัดจำหน่าย .061 .079 5.155 .000* ด้านการส่งเสริมการตลาด .203 .240 R = .709, R2 = .503, Adj.R2 = .498, F = 100.054, Sig. = .000* ระดับนัยสำคญั ทางสถิติเท่ากบั 0.05 จากตารางที่ 3 แสดงผลการวิเคราะห์อิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีผลต่อ การตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนประสม การตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการส่งเสริมการตลาด มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซ้ื อ เครื่องวัดความดันโลหิตในภาพรวมของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร โดยตัวแปรอิสระทั้ง 4 ตัว ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย และการส่งเสริมการตลาด สามารถอธิบายกระบวนการการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตโดยรวมได้ เนื่องจากมี คา่ สมั ประสทิ ธส์ิ หสัมพันธพ์ หุคณู (R) เทา่ กับ 0.709 ซง่ึ แสดงวา่ กลุ่มของตัวแปรอิสระมคี วามสัมพันธ์กับ ตัวแปรตามมาก ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยพหุคูณ (R2) พบว่ามีคา่ เท่ากบั 0.503 หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 50.3 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 49.7 เป็นผลมาจากตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อกระบวนการการตัดสินใจซื้อเครื่อง วดั ความดนั โลหิตของผูบ้ ริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร จากตาราง สามารถสร้างสมการถดถอยหรือสมการพยากรณ์กระบวนการการตัดสินใจซ้ือ เคร่ืองวดั ความดันโลหติ ของผ้บู ริโภคในเขตกรงุ เทพมหานคร คือ Y = 1.175 + 0.169X1 + 0.253X2 + 0.203X4 อภปิ รายผล ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 1 พบว่า ปัจจัยประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกัน ในด้านเพศ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และอาชีพ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องวัด ความดันโลหิตที่แตกต่างกันในทุกขั้นตอน ทั้งในด้านการตระหนักถึงปัญหา การค้นหาข้อมูล การประเมินทางเลือก การตัดสินใจ และพฤติกรรมหลังการซื้อทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ซื้อและผู้บริโภค เครื่องวัดความดันโลหิตมีความหลากหลาย เช่น วัยรุ่นอาจซื้อให้กบั ผูส้ ูงอายุท่ีอาศัยอยูใ่ นบ้านเดียวกัน ผู้ที่มีปัญหาด้านความดนั โลหิตพบทัง้ เพศชายและเพศหญิง ตลอดจนปัญหาสุขภาพด้านความดันโลหติ พบได้ทั้งผู้ที่มีรายได้สูงและรายได้ต่ำ ซ่ึงผลการศึกษานี้ สอดคล้องกับ งานวิจัยของ Bhavyasri, Manikandan and Kamaraj (2019) ทรี่ ะบุไว้ในงานวจิ ัยวา่ การตลาดสำหรับผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งมอื แพทย์ มีความหลากหลายและแตกต่างกันอย่างมาก อันเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เกี่ยวข้องกับ ประชาชนทกุ ช่วงวัยและประชาชนท่มี ลี กั ษณะทางประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกัน
142 Journal of Liberal Art of Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi Vol.3 No.2 (May-August 2021) ผลจากการวิจัยวตั ถุประสงค์ที่ 2 พบว่า ปัจจัยส่วนประสมการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการส่งเสรมิ การตลาดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซือ้ เครือ่ งวัดความดันโลหิตของผู้บริโภคในเขต กรุงเทพมหานคร ทั้งน้ี ปัจจัยที่มีค่าอิทธิพลสูงสุดคือ ด้านราคา ด้านการส่งเสริมการตลาดและด้าน ผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับ งานวิจัยของ สาธิตา ปานขวัญ และชัยยศ อินทร์ติยะ (2557) ที่ระบุไว้ว่าคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเครื่องวัดความดันโลหิตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้งานของ ผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความสำคัญต่อบุคลากรทางการแพทย์ ในขณะที่ผลงานวิจัยฉบับนี้ ยังมี ความสอดคล้องกับ Sim (2020) ที่สรุปไว้ว่า ธุรกิจผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ให้ความสำคัญกับ การกำหนดราคาสินค้าและการสง่ เสริมการตลาดเพ่อื สร้างความสามารถในการแข่งขนั ให้กบั ธรุ กจิ ทั้งน้ี อนั เน่ืองมาจากอตุ สาหกรรมเคร่ืองมอื ทางการแพทยม์ ีการแข่งขันทรี่ ุนแรงอันเนอ่ื งมาจากปญั หาสุขภาพ ของผู้บริโภคน่นั เอง องค์ความรูใ้ หม่จากการวจิ ยั เพศ สถานภาพสมรส รายได้เฉลยี่ ตอ่ เดือน ระดับการศกึ ษา และอาชพี ของผบู้ ริโภคท่ีแตกต่าง กัน มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตที่แตกต่างกัน สำหรับผู้บริโภคในเข ต กรุงเทพมหานคร ปัจจัยด้านราคา ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด และปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ มีอิทธิพลต่อ การตัดสนิ ใจซอื้ เครอื่ งวดั ความดนั โลหติ ของผ้บู ริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร รายละเอยี ดแสดงตามแผนภาพที่ 2 ดังน้ี ดา้ นผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจซ้อื ดา้ นราคา เคร่ืองวัดความดนั ด้านการสง่ เสรมิ การตลาด โลหติ แผนภาพที่ 2 องคค์ วามร้ใู หม่อิทธพิ ลของปัจจยั การตลาดท่ีมผี ลต่อการตดั สินใจซอื้ เครอ่ื งวัดความดนั โลหิตของผู้บรโิ ภคในเขตกรุงเทพมหานคร สรุป ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีสถานภาพสมรส ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-50,000 บาท การทดสอบ สมมติฐานเปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ของผู้บริโภคที่แตกต่างกันมีผลต่อกระบวน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144