Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2564)

วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2564)

Published by MBU SLC LIBRARY, 2021-04-29 07:11:39

Description: วารสารวิชาการ มมร วิทยาเขตล้านนา

Search

Read the Text Version

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – เมษายน 2564) หลกั การและเหตุผล วารสารปัญญาได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ 2536 โดยจัดพิมพ์เป็นวารสารวิชาการรายปักษ์ๆ ละ 4 เดือน (ปีละ 3 ฉบบั ) โดยพิจารณาเน้ือหา ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ศาสนาและปรัชญา 2. การศึกษา 3. สงั คมศาสตร์ 4. มนุษยศาสตร์ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสง่ เสริมวิชาการด้านศาสนา การศกึ ษา มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ 2. เพื่อเผยแพร่บทความวชิ าการ บทความวจิ ยั บทความรบั เชญิ บทความปริทศั น์ 3. เพื่อสงเสริมใหอ้ าจารย์ นิสติ และผสู้ นใจทวั่ ไปมโี อกาสเผยแพรผ่ ลงานวชิ าการ 4. เพื่อเป็นสือ่ กลางในการแลกเปลยี่ นความรู้ ความคิดเหน็ ด้านศาสนา การศกึ ษา มนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ กำหนดการเผยแพร่ ปลี ะ 3 ฉบบั : ฉบบั ที่ 1 (มกราคม–เมษายน), ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม–สงิ หาคม), ฉบับท่ี 3 (กันยายน-ธนั วาคม) จำนวนพิมพ์ 100 เล่ม การสง่ บทความ วารสารปญั ญา มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตลา้ นนา เลขท่ี 103 ถนนพระปกเกลา้ ตำบลพระสงิ ห์ อำเภอเมอื งเชยี งใหม่ จงั หวัดเชยี งใหม่ 50200 โทร.053-270-975 ตอ่ 15 E-Mail: [email protected] สามารถดำเนินการดาวนโ์ หลดและ Submit ผ่านระบบฐานข้อมูลวารสารออนไลน์ OJS ทางเวบ็ ไซต์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/panya-thjo/index • บทความวิชาการและวิจัยทุกเรื่องได้รับการพิจารณากลั่นกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer reviewers) จากภายในและภายนอกมหาวทิ ยาลยั ไม่น้อยกวา่ 2 ทา่ น/บทความ • บทความ ข้อความ ภายประกอบและตารางที่ลงพิมพ์ในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธกิ ารไม่จำเปน็ ตอ้ งเห็นดว้ ยเสมอไป และไม่มีสว่ นรบั ผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบ ของผู้เขยี น แต่ผู้เดียว • บทความจะตอ้ งไมเ่ คยตีพิมพเ์ ผยแพร่ท่ีใดมาก่อน และไมอ่ ยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณาของวารสารฉบับอื่น หากตรวจสอบพบวา่ มีการตีพิมพซ์ ำ้ ซอ้ น ถอื เปน็ ความรบั ผิดชอบของผ้เู ขยี นแต่เพยี งผเู้ ดยี ว • บทความใดที่ผู้อา่ นเห็นวา่ ได้มีการลอกเลียนหรือแอบอา้ งโดยปราศจากการอ้างองิ หรอื ทำใหเ้ ข้าใจผิด วา่ เป็นผลงานของผเู้ ขียน กรุณาแจง้ ใหก้ องบรรณาธิการวารสารปญั ญาทราบจะเปน็ พระคุณยง่ิ • บทความท่สี ่งถึงกองบรรณาธิการ ขอสงวนลขิ สทิ ธ์ไิ ม่สง่ คืน

วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – เมษายน 2564) ทป่ี รกึ ษา พระครสู ุนทรมหาเจติยานุรกั ษ์, ผศ.ดร. พระมหาวรี ศักด์ิ สรุ เมธ,ี ผศ.ดร. พระมหาวเิ ศษ เสาะพบดี, รศ.ดร. ศ.ดร.พศิน แตงจวง รศ. สมหมาย เปรมจติ ต์ บรรณาธิการ ผศ.ดร. ตระกูล ชานาญ ผ้ชู ว่ ยบรรณาธิการ ดร. อเุ ทน ลาพงิ ค์ อาจารยว์ ิราษ ภมู าศรี บุญนา สนุ ามถาวร กองบรรณาธิการ มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย หน่วยงานภายนอก วิทยาเขตลา้ นนา พระมหาวราสะยะ วราสโย, ดร. ผศ.ดร.สญั ญา สะสอง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ อาจารย์กติ ติคณุ ภูลายยาว ผศ.ดร.หนมู ้วน รม่ แกว้ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ พระครพู พิ ธิ สตุ าทร, ดร. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผศ.ดร.วิสทุ ธชิ ยั ชยั สทิ ธ์ิ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ผศ.วมิ ลสรรค์ ไสลวงษ์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ รศ.ดร.สุธรรม ธรรมทศั นานนท์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม มหาวทิ ยาลยั พะเยา ผศ.ดร.วรี ะ เลศิ สมพร มหาวิทยาลยั แม่โจ้ ผศ.ดร.วนิ ิจ ผาเจรญิ ผศ.ดร.จาเนยี ร ราชแพทยาคม มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช รายชือ่ ผู้ทรงคุณวุฒิประเมนิ บทความ วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - เมษายน 2564 พระครสู งั ฆรักษ์ จกั รกฤษณ์ ภรู ปิ ญโฺ ญ, ผศ.ดร. มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผศ.ดร.ปญั ญา คล้ายเดช มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ศ.ดร.พศนิ แตงจวง มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั รศ.ดร.สุวิทย์ รงุ่ วิสยั มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั ดร.ฉตั รชยั สริ กิ ลุ พนั ธ์ุ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั รศ.ดร.เกตมุ ณี มากมี มหาวทิ ยาลยั นอร์ท-เชยี งใหม่ ผศ.ดร.สยาม ราชวตั ร มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ผศ.ดร.สมปอง สุวรรณภมู า มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ ผศ.ดร.วนิ ิจ ผาเจรญิ มหาวิทยาลยั แม่โจ้ ดร.ศิรโิ สภา สันติทฤษฎีกร มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ ผศ.ดร.ประทีป พชื ทองหลาง มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – เมษายน 2564) บทบรรณาธกิ าร วารสารปัญญา ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนานี้ เป็นฉบับ ประจำปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมวิชาการ เป็นการ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ ด้านศาสนา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม สังคมศาสตร์ เผยแพร่ บทความวชิ าการ บทความวจิ ัย บทความปริทัศน์ จากอาจารย์ นักวจิ ยั นกั ศึกษาจากหลากหลาย สถาบนั และผู้สนใจทว่ั ไป วารสารฉบับน้ี ประกอบด้วยบทความที่นำเสนอผลการวิจัย ด้านศาสนา บทความวิจัย เรื่อง ศึกษาแนวคิดทางจริยศาสตร์ที่ปรากฏในทศชาติชาดก ด้านการศึกษา บทความวิจัย เรื่อง ชุดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์เรียนรู้เพ่ือส่งเสริมพัฒนาการทางสติปญั ญาโดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 1, ชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์เพื่อพัฒนา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ “โดยใช้สิง่ ของใกลต้ ัว เรยี นรู้ควบคสู่ นุก”สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 2, แนวทางการพัฒนาการควบคุมภายในของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษาเขต 35, การศกึ ษาความต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาวชิ าเทคโนโลยีไฟฟ้า สายปฏิบัติการของ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม และบทความวิชาการ เส้นทางสู่ความสามารถของ ครูในศตวรรษที่ 21 ด้านสังคมศาสตร์ บทความวิจัย เรื่อง การปฏิบัติงานตามภารกิจของนัก บริบาลชุมชน ในเขตอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่, เครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตและจำหน่ายลำไย อบแหง้ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง หมู่บา้ นสันปา่ เหียง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จงั หวัดลำพูน , การจัดการกองทุนหมู่บา้ นทาสองท่าเพ่ือเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ ทา จังหวัดลำพูน, การคุ้มครองสิทธิลูกจ้างเหมาบริการของส่วนราชการ, ประสิทธิภาพของศูนย์ ดำรงธรรมในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน : ศึกษาเฉพาะศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เชียงใหม่ และมาตรการทางกฎหมายในการรื้อฟื้นคดีอาญาสำหรับนักโทษประหารชีวิต ซึ่ง บทความทั้งหมดได้ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี เช่นเดิม วารสารปญั ญาขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้สนใจทุกท่านสามารถส่งบทความวิจัยและบทความ วิชาการเข้ามาเพื่อรับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสาร โดยสามารถส่งได้ผ่านระบบออนไลน์ที่ เว็บไซต์ของวารสารปญั ญาคือ https://www.tci-thaijo.org/index.php/panya-thjo/index กองบรรณาธิการวารสารปัญญาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวารสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ สำหรบั ผู้อา่ นทุกท่าน และขอผูอ้ ่านได้มคี วามสุขกับการอ่าน พบกนั ใหมฉ่ บับหนา้ กองบรรณาธกิ าร

วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – เมษายน 2564) บทความวารสารปัญญา หน้า ฉบับที่ 28 มกราคม - เมษายน พศ. 2564 เล่ม 1 1 13 การค้มุ ครองสิทธิลูกจา้ งเหมาบริการของส่วนราชการ 29 38 จารุต มสี มศกั ด์ิ 47 ประสิทธภิ าพของศนู ย์ดำรงธรรมในการคุ้มครองสิทธแิ ละเสรภี าพของ 57 ประชาชน : ศึกษาเฉพาะศนู ย์ดำรงธรรมจังหวัดเชยี งใหม่ 68 79 นพดล ศรสี ขุ 89 100 ชุดกจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์เรยี นรเู้ พื่อสง่ เสรมิ พัฒนาการทางสติปญั ญา 115 โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรบั เด็กปฐมวยั ช้ันอนุบาลปที ่ี 1 135 บวั แกว้ ทองคำ ชุดกิจกรรมเสรมิ ประสบการณเ์ พื่อพฒั นาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ “โดยใชส้ ิง่ ของใกล้ตวั เรยี นรคู้ วบคู่สนุก”สำหรบั เด็กปฐมวัย ชนั้ อนุบาลปีท่ี 2 นวลจันทร์ บุดดา แนวทางการพัฒนาการควบคุมภายในของสำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษา มัธยมศกึ ษาเขต 35 สงั วาร วังแจ่ม การปฏบิ ัตงิ านตามภารกจิ ของนักบรบิ าลชุมชน ในเขตอำเภอพร้าว จังหวดั เชียงใหม่ ธนพร บุญส่ง เครือข่ายเกษตรกรผผู้ ลิตและจำหน่ายลำไยอบแห้งโดยไม่ผ่านพอ่ คา้ คนกลาง หมู่บา้ นสันปา่ เหียง ตำบลมะเขอื แจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน คำมลู พรหมพนสั การจดั การกองทนุ หมูบ่ ้านทาสองท่าเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ตำบล ทาปลาดกุ อำเภอแมท่ า จังหวัดลำพนู วันเพ็ญ ชืน่ ใจ การศึกษาความต้องการศึกษาตอ่ ระดับปรญิ ญาตรี สาขาวชิ าเทคโนโลยีไฟฟ้า สายปฏิบัตกิ ารของ วทิ ยาลัยเทคนิคนครปฐม สวุ รรณ ม่วงนวล มาตรการทางกฎหมายในการรอ้ื ฟืน้ คดอี าญาสำหรบั นักโทษประหารชีวิต เชาวลติ สมพงษเ์ จริญ ศกึ ษาแนวคดิ ทางจริยศาสตร์ทีป่ รากฏในทศชาตชิ าดก พระมหาธนาศักด์ิ สตุ ธโน (สดุ สุข) เส้นทางสคู่ วามสามารถของครูในศตวรรษที่ 21 ธีระภทั ร ประสมสขุ รปู แบบการเขียนบทความลงวารสาร 146

Received: 2021-03-06 Revised: 2021-04-08 Research Articles Accepted: 2021-04-09 การคมุ้ ครองสทิ ธลิ ูกจ้างเหมาบริการของส่วนราชการ THE PROTECTION OF EMPLOYEE’S RIGHT ON HIRE OF SERVICE FOR STATE EMPLOYEES จารตุ มีสมศักด์ิ 1 Jarut Meesomsakdi สญั ลกั ข์ ปัญวัฒนลิขิต 2 Sanyalux Panwattanalikit Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความวิจัยน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางในการคุ้มครองเก่ียวกับสิทธิประกันสังคมของลูกจ้าง เหมาบริการ โดยปัจจุบันพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติ เงินทดแทน พ.ศ. 2537 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ได้ขยายความคุ้มครองไปถึงลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของ ส่วน ราชการ ซึ่งรวมถึงลูกจ้างเหมาบริการของส่วนราชการ ถือว่าเป็นการบังคับให้ส่วนราชการต่าง ๆ นำลูกจ้างมา ข้ึนทะเบียนเปน็ ผู้ประกนั ตนและสง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทุนประกันสงั คม แต่ส่วนราชการไดท้ ำสัญญาและข้อตกลง การจ้างเหมา ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยการพัสดุ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติ จัดซอื้ จัดจา้ งและการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. 2560 ซึง่ ได้กำหนดใหส้ ญั ญาจ้างเหมาบริการน้ีเป็นสัญญาจ้างทำ ทั้งที่การทำงานมีลักษณะเป็นสัญญาจา้ งแรงงาน ถือว่าเป็นการทำสัญญาจ้างเหมากับเอกชนเพื่อหลีกเล่ียงการ ทำประกันสังคมใหก้ บั พนกั งานจา้ งเหมาบริการ ซึง่ ไมย่ ตุ ิธรรมกับพนักงานจา้ งเหมาบริการเหล่านี้ ผลการวจิ ัยพบว่า การจ้างเหมาบริการส่วนใหญเ่ กดิ จากการจ้างเอกชนดำเนินงานซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา เพื่อปฏบิ ัติงานในลกั ษณะงานเช่นเดยี วกบั ขา้ ราชการและลูกจ้างประจำ สะทอ้ นให้เห็นด้วยว่านโยบายรัฐบาลที่ มีความต้องการจะปรับลดขนาดกำลังคนภาครัฐ และทบทวนภารกิจเพื่อลดงบบุคลากร โดยมีมาตรการให้ยุบ ตำแหน่งข้าราชการที่เกษียณอาจยังไม่สามารถลดได้เท่าที่ควร ส่งผลให้พนักงานจ้างเหมาบริการไม่ได้รับการ คุ้มครองในฐานะลูกจ้าง กระทบต่อสิทธิของบคุ คลในเร่ืองการประกอบอาชีพตามที่รัฐธรรมนญู ให้การรับรองไว้ จึงได้เสนอแนวทางในการจ้างเหมาบริการของส่วนราชการ ควรจะเป็นการจ้างเหมาเอกชนที่มีสถานะเป็นนิติ บคุ คล แทนการจ้างเหมาเอกชนบุคคลธรรมดา เพอื่ ทจี่ ะให้นติ ิบุคคล หรือบริษทั หรอื หา้ งหนุ้ ส่วนเหล่านั้น เป็น นายจ้างของผู้รบั จ้างเหมาบริการ ซง่ึ จะไดข้ นึ้ ทะเบียนนายจ้างลกู จา้ งและส่งเงินสมทบให้แกล่ ูกจ้างเข้าในระบบ ประกันสังคม เพื่อเป็นการให้ความคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนแก่ลูกจ้างเหมาบริการ รวมทั้งให้มีการแก้ไข ระเบยี บกฎเกณฑต์ ่าง ๆ ให้มกี ารบังคับใชท้ คี่ รอบคลุมและมปี ระสทิ ธิภาพต่อไป คำสำคัญ: การคุม้ ครองสิทธ,ิ ประกนั สังคม, ลูกจ้างเหมาบรกิ ารของสว่ นราชการ ABSTRACT The purpose of this research were to protect the rights of hiring service employees in social security system. From Social Security Act B.E. 2533 (no.4) in B.E. 2558 and Workmen’s Compensation Act B.E.2537 (no.2) in B.E. 2561, the protection for all types of temporary 1 นักศกึ ษาหลกั สตู รนติ ศิ าสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ านติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั พายพั 2 อาจารย์ประจำหลกั สตู รนิติศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชานติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั พายพั

2 วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) employees in government sectors including hiring service employees has been expanded. There is a requirement for government sectors to register their employees in social security system as the insured and pay for contributions. In reality, government sectors sign hiring service contracts and agreements under Regulations of Office of the Prime Minister about supplies B.E. 2535 and revised version, and Government Procurement and Supplies Management Act B.E. 2560 which legislate hiring service as hire of work agreement even if it is a labor contract. This act is considered as signing a hiring service contract with private sectors in purpose to avoid registering hiring service employees in social security system. It can be seen that it is not fair with these hiring service employees. The results of this research found that the hiring processes are mostly from private sectors which are considered as natural persons in order to process in the same way as government officers and permanent employees. This reflects government policy that it would like to reduce the number of government officers and reconsider missions in reducing personnel budget. The action to cancel the positions of retired government officers is not enough. Hiring service officers do not receive the employees’ protection and collide with the rights of every person in actual occupation as preserved by the constitution. the researcher proposes recommendations in government hiring services as it should be from private sectors which are juristic persons instead of general private sectors. Consequently, juristic persons, companies or partnerships are able to act as employers in hiring services which lead to employer and employee registration, and contribution payment from employers to employees in social security system in order to provide human rights’ protection to hiring service employees. It is required to adjust other rules and regulations to be more effective continually. Keywords: Right to protection, Social security, Hire of service for state employees บทนำ หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งหลักการสำคัญของ การจัดสวัสดิการสังคมและการ สัญญาจ้างแรงงานนั้น จะเป็นสัญญาระหว่าง บุคคล สองฝ่าย คือ ฝ่ายนายจ้างและฝ่าย คุ้มครองสิทธิสวสั ดกิ ารสังคมให้แก่ลูกจ้างหรอื ลูกจ้าง โดยลูกจ้างตกลงทำงานให้นายจ้าง พนักงาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนภาครัฐหรือเอกชน และนายจ้างมีอำนาจควบคุมบังคับบัญชา เป็นภารกิจสำคัญของรัฐอันพึงต้องดำเนินการ ลูกจ้าง ส่วนหลักการสำคัญของสัญญาจ้างทำ ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ของนั้น ลูกจ้างจะปฏิบัติงานได้อย่างอิสระ เนื่องจากเป็นการแสดงถึงสิทธิความเท่าเทียม ปราศจากการควบคุมบังคับบัญชาจากนายจ้าง กันให้แก่บุคคลทุกคนสามารถได ้ รั บ โดยหากเป็นสัญญาจ้างแรงงานลูกจ้างก็จะ หลักประกันและความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครอง อย่างแท้จริงตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับรองตาม แรงงานและกฎหมายประกันสังคม รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน ผใู้ ชแ้ รงงานใดกต็ าม โดยกรณีศึกษาสัญญาจ้าง เมื่อพิจารณาจากลักษณะนิติสัมพันธ์ เหมาบริการของพนักงานจ้างเหมาบริการของ และหลักการแบ่งแยกความแตกต่างระหว่าง

วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 3 สัญญาจ้างแรงงานและสัญญาจ้างทำของแล้ว กฎหมายประกันสังคม ซึ่งปัจจุบันพนักงาน อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของ จ้างเหมาบริการของรัฐแทบจะไม่มีสวัสดิการ สัญญา การจ้างเหมาบริการเป็นการมุ่งเน้น ให้ได้รับเลย แม้กระทั้งสิทธิประกันสังคม ความสำคัญต่อผลสำเร็จของงานท่จี ้าง แต่จาก (พนักงานจ้างเหมาบริการสามารถสมัครเป็น การทำงานที่แท้จริงแล้วนั้น การจ้างเหมา ผู้ประกันตนอิสระตามมาตรา 40 แห่ง บริการยังมีความต้องการแรงงานจาก พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ผู้ปฏิบัติงานจ้างเหมาบริการเป็นประจำทุก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 แต่ไม่ เดือน โดยนำผลการทำงานมาเป็นหลักฐาน สามารถเป็นผู้ประกันตนภาคบังคับตามมาตรา การจ่ายค่าตอบแทนเท่านั้น โดยไม่ได้ให้ 33 แหง่ พระราชบัญญัตเิ ดียวกนั รวมถึงไม่เป็น ความสำคัญถึงปริมาณงานที่ได้ปฏิบัติตามการ ผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน จ้างทำของแต่อย่างใด และอีกหลักการสำคัญ พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. คือ หลักการบังคับบัญชาระหว่างรัฐกับ ผู้รับ 2561) แม้แต่ภาคส่วนเอกชนก็ยังต้องอยู่ใน จ้างเหมาบริการ เมื่อเป็นการจ้างทำของแล้ว บังคับของกฎหมาย การที่ลูกจ้างเหมาบริการ จะไม่มีอำนาจในการบังคับบัญชาระหว่างการ จะได้สิทธิประกันสังคม จะต้องฟ้องร้องต่อ ทำงาน แต่การจ้างแรงงานจะสามารถ มี ศาลดั่งในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดี อำนาจบังคับบัญชาลูกจ้างที่ตนจ้างงานได้ แม้ หมายเลขดำที่ อ.377/2551 คดีหมายเลขแดง ก า ร จ ้ า ง เ ห ม า บ ร ิ ก า ร ต า ม ร ะ เ บ ี ย บ ส ำ นั ก ที่ อ.349/2556 กรณีดังกล่าว ศาลปกครอง นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 สูงสุดก็ได้ตัดสินว่าหากการทำงานที่ต้องมา และที่แกไ้ ขเพิ่มเติม และพระราชบัญญตั ิจัดซื้อ ปฏิบัติงานตามวันเวลาราชการ และต้อง จัดจ้างและการบริหารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ปฏิบัติงานภายใต้การบังคับบัญชาของผู้แทน จะกำหนดให้สัญญาจ้างเหมาบริการเป็น ของส่วนราชการ ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติงานโดย สัญญาจ้างทำของก็ตาม แต่ลักษณะการบังคับ มีอิสระเพียงเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของงาน อีกท้ัง บัญชานั้น ก็ยังเป็นการบังคับบัญชา ยังมีการจ่ายค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ ไม่ เชน่ เดยี วกับลูกจา้ งประเภทอ่ืน ๆ ในหน่วยงาน ว่าจะเป็นงานในหน้าที่ใด มิได้มีการตรวจรับ หรอื ส่วนราชการ งาน หรือคำนึงถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ ลักษณะเป็นการทำงานทำนองเดียวกันกับ จึงเห็นได้ว่าการจ้างเหมาบริการน้ัน ลูกจ้างชั่วคราว สัญญาจ้างเหมาบริการท่ี สาระสำคัญของนิติสัมพันธ์ที่แท้จริงของการ ภาครัฐทำสัญญากับพนักงานจ้างเหมาบริการ จ้างนั้น เข้าลักษณะของการจ้างแรงงาน ลักษณะนี้เป็นสัญญาจ้างแรงงาน และให้ เนื่องจากในการปฏิบัติงานของผู้จ้าง ลูกจ้างเหล่านี้ได้สิทธิประกันสังคมในการเป็น ตลอดเวลาที่ทำงาน โดยไม่มุ่งที่ผลสำเร็จของ ผู้ประกันตนของหน่วยงานภาครัฐ แต่ปัจจุบัน งานเป็นสำคัญ ซึ่งเมื่อสัญญาที่ใช้บังคับกับจ้าง ส่วนราชการต่าง ๆ ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำ เหมาบริการเป็นสัญญาจ้างแรงงานแล้ว จะ พพิ ากษาของศาล เนอื่ งจากเห็นวา่ คำพิพากษา น ำ ไ ป ส ู ่ ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ใ ห ้ ถ ู ก ต ้ อ ง แ ล ะ ไ ด ้ รั บ ผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จึงเป็นการ สวัสดิการตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและ

4 วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) หลีกเลี่ยงการทำประกันสังคมให้กับพนักงาน 2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบ จา้ งเหมาบรกิ าร พระราชบัญญตั ิประกันสังคม พ.ศ. 2533 แก้ไข เพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติ ผู้ศึกษาเห็นว่าจากปัญหาที่หน่วยงาน เงินทดแทน พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ของรัฐนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย 2) พ.ศ. 2561 พระราชบัญญตั ิคุ้มครองแรงงาน การพัสดุ พ.ศ. 2535 และทีแ่ ก้ไขเพ่ิมเติม และ พ.ศ. 2541 แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ.2562 พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร รวมทั้งระบบกฎหมายสวัสดิการต่าง ๆ ของ พสั ดุภาครฐั พ.ศ. 2560 มาทำสญั ญาจ้างเหมา ต่างประเทศเพ่ือให้เหน็ ความแตกต่างและนำมา กับเอกชนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำประกันสังคม ปรับใชก้ ับประเทศไทย ให้กับพนักงานจ้างเหมาบริการ เป็นการไม่ ยุติธรรมกับพนักงานจ้างเหมาบริการ ซึ่งไม่ได้ 3. เพื่อศึกษาแนวทางในการแก้ไข รบั สทิ ธปิ ระโยชน์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ปัญหา และการคุ้มครองสิทธิของพนักงานจ้าง ขัดกับขอบเขตของการบังคับใช้กฎหมายของ เหมาบริการของสว่ นราชการ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 และ วธิ ีดำเนินการวิจยั พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงรูปแบบวิจัย โดย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ควรที่จะ แก้ไขระเบียบดังกล่าวอย่างไร เพื่อจะได้หา วิธีการเก็บข้อมูลจากเอกสาร (Documentary แนวทางในการให้ความคุ้มครองดา้ นสวัสดิการ Research) เก็บรวบรวมข้อมูลจาก ตำรา แก่พนักงานจ้างเหมาบริการ ซึ่งหากไม่มีการ งานวิจัย บทความ วิทยานิพนธ์ ตัวบท แก้ไข ก็จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและ กฎหมาย คำพิพากษา สื่อออนไลน์ และ ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม โดยศึกษา ระเบยี บของส่วนราชการตา่ ง ๆ มาแยกแยะหา เปรียบเทียบกับหลักการอนุสัญญาองค์การ หลักและประเด็นเพื่อนำมาวิเคราะห์ หา แรงงานระหว่างประเทศ และกฎหมาย ขอ้ สรุป โดยการวเิ คราะห์เนื้อหาเชงิ พรรณนา ประกันสังคมของต่างประเทศ เพื่อให้การ ดำเนินการให้ความคุ้มครองตามกฎหมายด้าน สรุปผลการวิจัย สวัสดิการสังคม และการคุ้มครองตามหลัก การประกันสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่งของ สิทธิมนุษยชนให้มปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป ระบบความมั่นคงทางสังคมซึ่งเป็นระบบท่ี วตั ถุประสงค์ รัฐบาลในแต่ละประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศ 1. เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และ ไทยให้ความสำคัญ และมีหลักการที่ไม่ แตกต่างกัน โดยมีองค์การแรงงานระหว่าง วิวัฒนาการเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของ ประเทศ (ILO) ส่งเสริมความคุ้มครอง ลูกจ้าง ระบบความมั่นคงทางสังคม การ สวัสดิการทางสังคมให้แรงงานทุกกลุ่มในด้าน ประกันสังคม และการจ้างเหมาบริการของ ต่าง ๆ เชน่ การสาธารณสุข การประกันรายได้ พนักงานสว่ นราชการ การจ้างแรงงานการเกษียณอายุ เป็นต้น โดย ระบบประกันสังคมจะเป็นการเฉลี่ยความเส่ียง

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 5 ระหว่างสมาชิกซึ่งกันและกัน เริ่มตั้งแต่บุคคล ประกันสังคมซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างของ ที่มีรายได้จากการทำงานหรืออยู่ในกลุ่ม ภาครัฐ เนื่องจากมีกฎหมายฉบับอื่นที่ได้ให้ แรงงาน ก่อนขยายความคุ้มครองสู่ผู้มีรายได้ ความคุ้มครองด้านสวัสดิการต่าง ๆ อยู่แล้ว จากกลุ่มแรงงานนอกระบบ ซึ่งหลักการของ ส่วนบคุ คลท่ีไม่ใช่ลูกจ้างน้ัน สามารถสมัครเข้า การประกันสังคมมีเป้าหมายที่จะทำให้การ เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมได้ใน ประกันสังคมสามารถครอบคลุมประชาชนทุก รูปแบบสมัครใจหรือผู้ประกันตนอิสระ คนในประเทศไทยให้ได้รับความคุ้มครองจาก (ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และผู้ประกันตน กฎหมายประกันสังคม เพื่อเป็นมาตรการใน ตามมาตรา 40) การจดั บริการด้านสวัสดิการสงั คม เพื่อท่ีจะให้ ความคุ้มครองลูกจ้างไม่ให้ได้รับความ ใ น ป ั จ จ ุ บ ั น พ ร ะ ร า ช บ ั ญ ญ ั ติ เดือดร้อนในความเป็นอยู่ของชีวิตเมื่อสูญเสีย ประกนั สงั คม พ.ศ.2533 (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 รายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการ และพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 ดำรงชีวิต และเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลท่ี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ได้ขยายความคุ้มครอง ควรให้สวัสดิการสังคม เพื่อให้คนในสังคมมี ลูกจ้างในส่วนภาครัฐ โดยขยายความคุ้มครอง สภาวะความเป็นอยู่ที่ดี ให้ได้รับความ ไปถึงลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วน ช่วยเหลือและส่งเสริมเพื่อตอบสนองความ ราชการ ซึ่งรวมถึงลูกจ้างเหมาบริการของสว่ น ต้องการพื้นฐานในการดำรงชีวิตเพื่อมีความ ราชการ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการบังคับให้ส่วน เป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นรัฐบาล ราชการต่าง ๆ นำลูกจ้างมาขึ้นทะเบียนเป็น จึงจัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้นเพื่อเป็น ผู้ประกันตนและส่งเงินสมทบเข้ากองทุน หลักประกันต่อการดำเนินชีวิตให้แก่ลูกจ้าง ประกนั สังคมแต่ในทางปฏบิ ัติส่วนราชการต่าง หรือผู้ประกันตนและบุคคลผู้ที่อยู่ในอุปการะ ๆ มิได้ปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ของผู้ประกันตนให้ได้ความช่วยเหลือ ในเรื่อง ทั้งสองฉบับดังกล่าว โดยการใช้ระเบียบสำนัก การเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย การทุพพล นายกรัฐมาตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ภาพ การตาย การคลอดบุตร การสงเคราะห์ และที่แกไ้ ขเพิม่ เติม และพระราชบญั ญตั ิจัดซื้อ บตุ ร การวา่ งงาน การชราภาพ เปน็ ตน้ จัดจ้างและการบริหารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดให้ผู้รับจ้างเหมาบริการมีฐานะเป็น ทั้งนี้ ในส่วนของลูกจ้างนั้นมีลักษณะ ผู้รับจ้างทำของตามข้อตกลงการจ้างหรือ เป็นการบังคับ กล่าวคือ ได้มกี ารออกกฎหมาย สัญญาจ้าง ไม่มีนิติสัมพันธ์กับรัฐในฐานะ บังคับแก่นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่หนึ่งคนขึ้น นายจ้างและลูกจ้างตามนัยมาตรา 5 แห่ง ไ ป ต ้ อ ง น ำ ล ู ก จ ้ า ง ม า ข ึ ้ น ท ะ เ บ ี ย น เ ป็ น พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และ ผปู้ ระกันตน (ผู้ประกนั ตนตามมาตรา 33) โดย ที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนราชการผู้ว่าจ้างจึงไม่อยู่ มีผลบงั คับใชต้ ้งั แตว่ ันที่ 1 เมษายน 2545 เปน็ ในบังคับที่จะต้องนำส่งเงินประกันสังคมใน ต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างในภาคเอกชน ส่วนของผู้ว่าจ้างเข้ากองทุนประกันสังคม ตาม แต่ก็ยังมีลูกจ้างบางกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นไม่ แนวทางของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนในระบบ เพื่อไม่ต้องนำลูกจ้างกลุ่มนี้ขึ้นทะเบียนเป็น

6 วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ลูกจ้างในระบบประกันสังคมของส่วนราชการ แรงงาน เช่น มาตรา 23 (1) ให้บุคคลมีสิทธิที่ นั้น ๆ ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย จะทำงาน มีอิสรภาพในการเลือกงาน ได้รับ ประกันสังคม ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับคุ้มครอง เงื่อนไขในการทำงานที่เป็นธรรมและเป็น ตามสิทธิทค่ี วรจะได้ ท้งั สร้างความไม่เป็นธรรม ประโยชน์ และได้รับการคุ้มครองจากการ ให้แกพ่ นักงานกลุ่มน้ี ว่างงาน เป็นต้น อีกทั้งประเทศไทยได้ให้ สัตยาบันในอนุสัญญาขององค์การแรงงาน ในขณะที่ภาคเอกชน หากสถาน ระหว่างประเทศอนุสัญญาฉบับที่ 111 ว่าด้วย ประกอบการใด ๆ ทำผิดกฎหมาย การเลอื กปฏิบัติ (การจา้ งงานและอาชพี ) (กลุ่ม ประกันสังคม ดั่งเช่นการไม่ขึ้นทะเบียน งานมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ, 2552) นายจ้าง หรือมีลูกจ้างที่ทำงานและมี นิติ เพือ่ ส่งเสริมความเสมอภาคของโอกาสและการ สัมพันธ์ความเป็นนายจ้างลูกจ้าง แต่ไม่นำ ปฏิบัติที่ทัดเทียมในการจ้างงานและอาชีพ ท้ัง ลูกจ้างนั้นมาขึ้นทะเบียนประกันสังคม ก็ยัง เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติใด ๆ โดยหลักความ ต ้ องได ้ ร ั บโ ทษตามพระราช บ ั ญญ ั ติ เสมอภาคของบุคคลน้ัน กไ็ ด้มกี ารบัญญัติไว้ใน ประกนั สังคม รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ มีแนวคิดทฤษฎีด้วยหลักเสรีภาพ อกี ทั้งยงั มี หลกั การชีแ้ นะเร่ืองธุรกิจกับ ของเอกชนในการทำสัญญาจ้างแรงงาน ด้วย สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UN เหตุที่ลูกจ้างส่วนใหญ่ไม่อยู่ในฐานะที่มีความ Guiding Principles on Business and เสมอภาค มีความเท่าเทียมในการต่อรองกับ Human Rights : UNGP) เป ็ นหล ั กการที่ นายจ้างหรือ ผู้ว่าจ้างได้ การขาดซึ่งอำนาจใน ส ห ป ร ะ ช า ช า ต ิ ร ั บ ร อ ง ข ึ ้ น เ พ ื ่ อ ป ้ อ ง กั น การต่อรองของลูกจ้างทำให้ลูกจ้างไม่สามารถ ผ ล ก ร ะ ท บ ด ้ า น ส ิ ท ธ ิ ม น ุ ษ ย ช น จ า ก ธ ุ ร กิ จ รักษาผลประโยชน์ของตนเองและกลุ่มได้ จึง ตลอดจนกำหนดให้มีการเยียวยาเมื่อเกิดความ ได้มีการก่อต้ังองค์การแรงงานระหว่างประเทศ เสียหายจากการประกอบธุรกิจขึ้น (สฤณี อา ขึ้นมา มีการกำหนดเป็นมาตรฐานแรงงาน ชวานันทกุล, 2559) และสนับสนุนให้แต่ละ ระหว่างประเทศในรูปแบบของอนุสัญญา มี ประเทศมีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติ เจตนาเพื่อให้ประเทศต่าง ๆ นำไปใช้และ ว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National กำหนดขึ้นเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ Action Plan on Business and Human แรงงาน โดยให้เหมือนหรือใกล้เคียงกัน ทั้งน้ี Rights: NAP) ซึ่งประเทศไทยก็ได้จัดทำและ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศต่าง ๆ เอารัดเอา ประกาศใช้แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วย เปรียบหรือขูดรีดผู้ใช้แรงงานด้วยประการต่าง ธรุ กิจกบั สิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562- ๆ ทั้งยังได้มีปฏิญญาสิทธิมนุษยชนของ 2565) เรียบร้อยแล้ว (กรมคุ้มครองสิทธิและ สหประชาชาติ ปี ค.ศ. 1948 (Universal เสรีภาพ, 2562) Declaration of Human Rights : UDHR) ได้ ถูกตราข้ึน โดยมีสาระสำคญั คอื ให้การคุ้มครอง สำหรับประเทศไทยนอกจากจะมี สิทธิของบุคคลอย่างเท่าเทียมในหลายด้าน กองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน และยังมีบทบัญญัติหลายข้อที่เกี่ยวข้องกับ เป็นสวัสดิการคุ้มครองลูกจ้างแล้ว ยังได้มีการ

วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 7 จัดทำพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ตามนิติสัมพันธ์การเป็นนายจ้างลูกจ้างที่ 2541 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง แทจ้ ริง แต่คำพพิ ากษาผูกพันเฉพาะคดีเท่าน้ัน ลูกจ้างทั่วไป แต่ลูกจ้างที่ทำงานในส่วนงาน ไม่ครอบคลุมลูกจ้างเหมาบริการทั่วประเทศ ร า ช ก า ร ข อ ง ร ั ฐ จ ะ ไ ม ่ น ำ พ ร ะ ร า ช บ ั ญ ญ ั ติ ซึง่ มที ัง้ หมดประมาณสี่แสนคน คุ้มครองแรงงานมาใช้บังคับ แต่ก็อาจกล่าวได้ ว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ที่รัฐออก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ยังมีการลด กฎหมายบังคับใช้ก็เพื่อเป็นสวัสดิการให้ พนักงานของรัฐเพราะการขาดแคลน ประชาชนเช่นเดียวกับกฎหมายประกันสังคม งบประมาณ โดยปรับวิธีการจ้างจากลูกจ้าง และกฎหมายเงินทดแทน แต่พระราชบัญญัติ ชั่วคราวรายเดือนเป็นการจ้างเหมาบริการ ซึ่ง คุ้มครองแรงงาน ก็ยังไมค่ รอบคลุมถึงพนักงาน เป็นการดำเนินการที่ส่งผลเสียต่อลูกจ้างของ จ้างเหมาบริการของหน่วยงานรัฐเช่นเดียวกับ ส่วนราชการ อีกทั้งการจ้างเอกชนดำเนินงาน พระราชบัญญัติประกันสังคมและ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเพื่อปฏิบัติงานใน พระราชบัญญัติเงินทดแทน ซึ่งเหตุมาจากการ ลักษณะงานเช่นเดียวกับข้าราชการและ ที่รัฐบาลพบว่าเงินที่รัฐบาลจะต้องนำมาจ่าย ลูกจ้างประจำ ส่งผลทำให้เกิดประเด็นปัญหา เข้ากองทุนเหล่านั้นเป็นภาระทางด้าน ก า ร เ ร ี ย ก ร ้ อ ง ข อ ง ผ ู ้ ร ั บ จ ้ า ง ใ น เ ร ื ่ อ ง ส ิ ท ธิ งบประมาณของรัฐพอสมควรที่จะต้องจ่าย ประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งประเด็นดังกล่าวสะท้อน เพิ่มขึ้น โดยมีการเรียกเก็บเงินสมทบจากฝ่าย ให้เห็นว่านโยบายรัฐบาลที่มีความต้องการจะ นายจ้าง (ซึ่งเป็นรัฐบาลเอง) และฝ่ายลูกจ้าง ปรับขนาดกำลังคนภาครฐั และทบทวนภารกิจ แต่อย่างไรก็ตามสวัสดิการเหล่าน้ีในอนาคตจะ เพื่อลดงบบุคลากร โดยมีมาตรการให้ยุบ มีประโยชน์ต่อรัฐบาล ทางด้านการระดมเงิน ตำแหนง่ ข้าราชการที่เกษียณอาจยังไมส่ ามารถ ออมเข้าสู่ระบบตลาดทุน อีกทั้งยังลดภาระ ลดได้เท่าทค่ี วร งบประมาณที่รัฐบาลเองที่ต้องจ่ายให้หรือ ชว่ ยเหลือกล่มุ ผู้สูงอายุภายภาคหน้า จากการศึกษาระบบกฎหมาย ประกนั สังคมต่างประเทศในภูมภิ าคอาเซยี น 2 จากการศึกษาพบว่า การบังคับใช้ ประเทศ ได้แก่ สหพันธรัฐมาเลเซีย และ กฎหมายประกันสังคมกับกลุ่มลูกจ้างส่วน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ต่างก็ให้ความสำคัญกับ ราชการในการปฏิบัติตามกฎหมายส่วน การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม ราชการจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็น ครอบคลุมลูกจ้างภาคส่วนของรัฐ และหากฝ่า จำนวนมากส่วนราชการต่าง ๆ จึงหลีกเลี่ยง ฝนื ไม่นำลูกจ้างมาข้ึนทะเบียนประกันสังคมจะ ความรับผิดชอบทั้งทางกฎหมายแพ่ง และ มบี ทกำหนดโทษท่ีถือวา่ มีความรุนแรง กฎหมายแรงงาน โดยการทำสัญญาจ้างเหมา บริการกับพนักงานเป็นสัญญาจ้างทำของ ทำ โดยสรุปแล้วปัญหาของการจ้างเหมา ให้ไม่ต้องอยู่ในบังคับกฎหมายประกันสังคมท่ี บริการที่เกิดขึ้นข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการ ต้องนำส่งเงินสมทบ ซึ่งลูกจ้างจะได้สิทธิกต็ อ้ ง จ้างงานของส่วนราชการไม่สอดคล้องกับหลัก ฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลก็วินิจฉัย ของการจ้างเหมาบริการ มีการจ้างในภารกิจ งานที่ซ้ำซ้อนกับภารกิจงานซึ่งเป็นของ บุคลากรประจำของหน่วยงาน ทำให้พนักงาน

8 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) จ้างเหมาบริการมีการเรียกร้องอัตราค่าจ้าง กรณีดังกล่าวต่างจากสาธารณรัฐ และสิทธิประโยชน์สวัสดิการให้มีความ ฟิลิปปินส์ที่มีการใช้ระบบประกันสังคมคล้าย ยตุ ิธรรมมากข้ึน ซ่ึงการจา้ งเหมาบริการควรจะ ๆ กับประเทศไทย โดยกฎหมายประกันสังคม เป็นการจ้างเหมาเอกชนที่มีสถานะเป็นนิติ ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ได้กำหนดขอบเขต บุคคล เพื่อที่จะให้นิติบุคคลนั้นเป็นนายจ้าง การใช้บังคับกับลูกจ้างไว้อย่างชัดเจน โดยให้ ของ ผู้รบั จา้ งเหมาบริการ ซึ่งจะได้ขึ้นทะเบียน ความคุ้มครองกับลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ นายจ้างลูกจ้างและส่งเงินสมทบให้แก่ลูกจ้าง ทั้งหมด ซึ่งหน่วยงานของรัฐต้องทำ ในระบบประกันสังคม ประกันสังคมให้กับพนักงานของรัฐด้วย จึง เป็นกรณีบังคับให้หน่วยงานของรัฐทำ อภิปรายผลการวจิ ัย ประกันสังคมให้กับลูกจ้างของหน่วยงานทุก 1. กรณีปัญหาการขาดสภาพบังคับกับ ประเภท โดยไม่ต้องใช้ดุลพินิจเหมือนของ ประเทศไทย ทั้งกอ่ นทจี่ ะเข้าสมัครงาน ลูกจา้ ง หน่วยงานรัฐ จะต้องสมัครสมาชิกในระบบประกันสังคม ซึ่ง ในการดำเนินการพิจารณาของ จะได้เลขบัตรประกันสังคมเพื่อไปใช้แสดงต่อ นายจา้ ง สำนักงานประกันสงั คมนั้นจะพจิ ารณาเป็นราย กรณีไป โดยที่สำนักงานประกันสังคมไม่อาจ ส่วนกรณีของสหพันธรัฐมาเลเซีย เข้าไปตรวจสอบถึงลักษณะการทำงานของ กฎหมายประกันสังคมให้ความคุ้มครองรวมถึง ลูกจ้างตามสัญญาจ้างเหมาบริการของส่วน พนักงานชัว่ คราวและพนักงานจ้างเหมาของรัฐ ราชการได้ทั้งหมด ซึ่งส่วนราชการอ้างว่าได้ แต่ไม่รวมถึงข้าราชการหรือลูกจ้างประจำของ ปฏิบัติตามหนังสือเวียนของกระทรวงการคลัง รัฐ ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่กฎหมาย โดยถือว่าการจ้างดังกล่าวเป็นการจ้างเหมา ประกันสังคมได้ให้ความคุ้มครองรวมถึง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ พนกั งานหรอื ลกู จา้ งประจำของรฐั ดว้ ย พัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มิได้ข้ึน ทะเบียนผู้ประกันตนให้กับผู้รับจ้าง จึงทำให้ 2. กรณีการกำหนดให้พนักงานจ้าง เกิดปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย เ ห ม า บ ร ิ ก า ร ส ม ั ค ร ม า ต ร า 40 แ ห่ ง ประกันสังคมไม่เกิดผล เกิดปัญหาความ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เหลอ่ื มล้ำ และการไม่ได้คุ้มครองตามกฎหมาย แกไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2558 ประกันสังคมแก่ลูกจ้างอย่างทั่วถึง กับทั้งการ ที่ส่วนราชการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในหมวด กรณดี งั กล่าวถือว่าเป็นการวางหลักการ ค่าตอบแทนใช้สอย และวัสดุเพื่อนำมาจ้าง ที่ไม่เหมาะสมสำหรับพนักงานจ้างเหมาบริการ เหมาเอกชนดำเนินงาน (สำนักงบประมาณ ของส่วนราชการ เพราะสิทธิประโยชน์ระหว่าง ของรัฐสภา, 2560) แต่ในการปฏิบัติงานได้ การเป็นผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างจ้างของ ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการจ้างแรงงาน จะเป็น สถานประกอบการ (ผู้ประกันตน การใช้เงินงบประมาณไม่ตรงกับกับประเภทที่ มาตรา 33 ภาคบังคับ) ซึ่งมีสถานะเป็นลูกจ้าง ได้รับการจัดสรร ที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีพนักงาน ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยจะมีการส่งสมทบทั้งฝั่ง

วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 9 ของลูกจ้างและฝั่งของนายจ้าง ทั้งจะได้สิทธิ (สปสช.) จะได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลใน ประโยชนซ์ งึ่ แตกต่างกนั ทง้ั ในเร่ืองสุขภาพ เงิน เครือของรฐั ตามภูมลิ ำเนาของบุคคลนัน้ สมทบ และความคุ้มครองที่จะได้รับที่คุ้มครอง ถึง 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ตาย 3. ปัญหาการนำวิธีการจ้างเหมาบริการ ทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และ มาใช้บังคบไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ว่างงาน อีกทั้งยังได้รับความคุ้มครองกรณีเกิด ของหลกั การจ้างเหมาของหนว่ ยงานราชการ อุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน จากพระราชบัญญัติทดแทน พ.ศ. 2537 แก้ไข การจ้างเหมาบริการหากแบ่งประเภท เพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2561 ซง่ึ ปจั จบุ นั ก็ได้ ตามลักษณะงาน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ขยายความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างชั่วคราวของ ประเภทหลัก ๆ คือ งานจ้างเหมาบริการเพ่ือ หน่วยงานภาครัฐเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จะเห็นได้ สนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานเป็น ว่ามีสิทธิประโยชน์มากมาย ซึ่งมากกว่าการ การจ้างให้ปฏิบัติงานที่นอกเหนือจากภารกิจ เป็นผปู้ ระกันตนมาตรา 40 ที่ใหค้ วามคุ้มครอง หลักของหน่วยงาน เช่น จ้างเหมาทำความ สูงสุด 5 กรณี โดยจะเป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็น สะอาด จ้างเหมายามรักษาความปลอดภัย ลูกจ้างในสถานประกอบการ คือเป็น ผู้ จ้างเหมาดูแลต้นไม้ สนามหญ้าและส่วนย่อม ประกอบอาชีพอิสระ เชน่ ทนายความ แมบ่ า้ น เป็นต้น และงานจ้างเหมาบริการตามภารกิจ แม่ค้า เป็นต้น ทั้งในเรื่องการจ่ายเงินสมทบที่ ปกติของหน่วยงาน เป็นการจ้างให้ปฏิบัติงาน หากเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการจะมีการ ในลักษณะเดียวกับบุคลากรประจำของ สมทบจากฝั่งของนายจ้างด้วย ทำให้ระยะยาว หน่วยงาน เช่น การจ้างเหมาครูในโรงเรียน จะมีเงินสะสมในกรณีชราภาพมากกว่าอย่าง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้น เห็นได้ชัด และในเรื่องการใช้สิทธิการ พื้นฐาน การจ้างบุคลากรของกระทรวง รักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ สาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น ผู้ประกันตนมาตรา 40 จะไม่ได้รับการ ต้น ซ่ึงตามระบบงบประมาณได้กำหนดให้ส่วน คุ้มครองสิทธิในกรณีนี้ เพียงแต่จะได้รับเงิน ราชการดำเนินการจ้างเหมาบริการ โดยใช้ ทดแทนกรณีขาดรายได้เท่านั้น โดยได้รับค่า งบประมาณรายจ่ายในหมวดของค่าตอบแทน ชดเฉยสูงสุดวันละ 300 บาท ซึ่งต้องใช้ ใช้สอยและวัสดุ รายการ “ค่าจ้างเหมา ใบรับรองแพทย์มาเบิกสิทธิกับสำนักงาน บริการ” (จตุรงค์ ปัญญาดิลก, 2544) ซึ่งส่วน ประกันสังคม (สำนักงานประกันสังคม, 2562) ใหญ่เกิดจากการจ้างเอกชนดำเนินงานซึ่งเป็น และหากต้องการรักษาพยาบาลต้องไปใช้สิทธิ บุคคลธรรมดาเพื่อปฏิบัติงานในลักษณะงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งนี้ เช่นเดียวกับข้าราชการและลูกจ้างประจำ สิทธิเลือกรับการรักษาโรงพยาบาลในระบบ สะท้อนให้เห็นด้วยวา่ นโยบายรัฐบาลที่มีความ ประกันสังคม สามารถเลือกได้ว่าจะรับการ ต้องการจะปรับลดขนาดกำลังคนภาครัฐ และ รักษากับโรงพยาบาลในเครือเอกชนหรือเครือ ทบทวนภารกิจเพื่อลดงบบุคลากร โดยมี รัฐบาล แต่สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรการให้ยุบตำแหน่งข้าราชการที่เกษียณ อาจยังไม่สามารถลดได้เท่าที่ควร ส่งผลให้ พนักงานจ้างเหมาบริการไม่ได้รับการคุ้มครอง

10 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ในฐานะลูกจ้าง กระทบต่อสิทธิของบุคคลใน ประกันสังคม กระทรวงแรงงาน, 2558) ซึ่งผู้ เรื่องการประกอบอาชีพตามที่รัฐธรรมนูญให้ ศึกษาเห็นว่ายังไม่มีความเหมาะสม เนื่องจาก การรับรองไว้ การดำเนินการจ้างพนักงานจ้าง คดีตามบทบัญญัติดังกล่าวสามารถเข้าสู่ เหมาบริการ ในหน่วยงานรัฐ จึงเป็นการผลัก กระบวนการเปรียบเทียบคดีได้ แต่ในทาง ภาระทำให้บุคคลมิได้รับสิทธิในสวัสดิการขั้น ปฏิบตั บิ ทบญั ญัตดิ ังกลา่ วก็มิได้ถูกนำมาบังคับ พื้นฐานอย่างเท่าเทียมกับข้าราชการหรือ ใช้อย่างเป็นรูปธรรมกับส่วนราชการที่ปฏิบัติ ลกู จา้ งของรัฐด้วย ไม่ถูกต้องแต่อย่างใด และเมื่อพิจารณา ก ฎ ห ม า ย ป ร ะ ก ั น สั ง ค ม ข อ ง ส า ธ า ร ณ รั ฐ 4. ปัญหาการลงโทษและบทกำหนดโทษ ฟิลิปปินส์ในมาตรา 28(e) ซึ่งได้บัญญัติไว้ใน กรณีพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงาน กรณีฝ่าฝืนไม่ขึ้นทะเบียนให้ลูกจ้างหรือปกปดิ ประกันสังคมตรวจสอบหรือสอบสวนแล้ว ข้อเท็จจริงในการจ้างงานและการนำส่งเงิน พบว่าส่วนราชการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สมทบ ต้องระวางโทษปรับ ตั้งแต่ 5,000 เปโซ รวมถึงยังเพิกเฉยไม่ยื่นแบบรายการการข้ึน แต่ไม่เกิน 20,000 เปโซ ทั้งได้กำหนดโทษ ทะเบียนนายจ้าง แบบขน้ึ ทะเบียนผปู้ ระกันตน จำคุกไว้สูงมาก โดยมีการระวางโทษจำคุกไม่ ดังกล่าวมาข้างต้น พนักงานเจ้าหน้าท่ี น้อยกว่า 6 ปี แต่ไม่เกิน 12 ปี (ทรงชัย ทิพย สำนักงานประกันสังคมอาจใช้อำนาจ ผลาผลกุล, 2540) และเมื่อพิจารณากฎหมาย ตรวจสอบหรือบันทึกข้อเท็จจริงรายละเอียด ประกันสังคมของสหพันธรัฐมาเลเซีย ก็พบว่า ในแบบรายการตามมาตรา 34 แล้วแต่กรณี มาตรา 94 บญั ญตั ใิ หก้ ารกระทำการใด ๆ หรือ โดยพิจารณาจากหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ตาม ฝ่าฝืนหรือละเลยเพิกเฉยต่อข้อกำหนดต่าง ๆ พระราชบญั ญตั ิประกันสังคม พ.ศ. 2533 แต่ก็ ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือการกระทำผิดท่ี จะเป็นเรื่องการมีปัญหาระหว่างสำนักงาน ไม่ได้ระบุโทษไว้เป็นการเฉพาะ ผู้กระทำต้อง ประกันสังคมกับหน่วยงานอื่น ๆ ของส่วน ระวางโทษจาคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน ราชการเอง หรือปัญหาในการที่ลูกจ้างจะต้อง 100,000 รงิ กิต หรอื ท้งั จำท้งั ปรับ ฟอ้ งรอ้ งต่อศาลปกครองเพ่ือให้ศาลวินิจฉัยนิติ สมั พันธข์ องการเป็นนายจ้างลกู จ้างเอง องค์ความรู้ที่ไดจ้ ากการวิจัย ซึ่งทั้งสองกรณีอาจจะมีความล่าช้าใน 1. ได้ทราบแนวคิด ทฤษฎีการคุ้มครอง การดำเนินการเพราะเนื่องจากการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวมถึงการดำเนินการฟ้องคดีต่อ สิทธิของลูกจ้าง ระบบความมั่นคงทางสังคม ศาลย่อมต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการนาน จึง การประกนั สังคม และการจา้ งเหมาบริการของ ต้องมีการกำหนดโทษทางอาญาด้วย แต่เมื่อ พนกั งานส่วนราชการ พิจารณาโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติ ตาม อัตราโทษสำหรับการกระทำความผิดใน 2. ได้เปรียบเทียบพระราชบัญญัติ กรณีดังกล่าวคือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ประกันสังคม พ.ศ. 2533 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ 4) พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติเงินทดแทน (กองนิติการ กลุ่มงานคดี สำนักงาน พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 11 2541 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ของศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำท่ี อ. รวมทั้งระบบกฎหมายสวัสดิการต่าง ๆ ของ 377/2551 คดีหมายเลขแดง ที่ อ.349/2556 ต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไข เพื่อลดปัญหาเรียกร้องสิทธิ์สวัสดิการของ และการคุ้มครองสิทธิของพนักงานจ้างเหมา ลูกจ้างในภายหลังอีกทั้งลดปัญหาความ บริการของสว่ นราชการ ขัดแย้งของลูกจ้างในส่วนราชการในการ ฟอ้ งรอ้ งเปน็ คดีขนึ้ สศู่ าล ข้อเสนอแนะ 1. ควรกำหนดให้หน่วยงานกลางท่ี 3. ควรกำหนดให้หน่วยงานของรัฐทำ การจ้างเหมาบริการกับเอกชนนิติบุคคล เกี่ยวข้องกำหนดหรือจำแนกประเภทงานจ้าง เพื่อให้ลูกจ้างเหมาบริการนั้น เป็นลูกจ้างของ เหมาบริการและแนวทางการใช้จ่าย นิติบุคคลหรือบริษัท ห้างหุ้นส่วน เพื่อให้อยู่ งบประมาณของจ้างเหมาบริการแต่ละ ภายใตก้ ารกำกับดูแลของบริษัท และให้บริษัท ประเภท การจัดทำราคากลาง หลักเกณฑ์และ ขนึ้ ทะเบยี นประกนั สงั คมให้แก่ลูกจ้าง อัตราค่าใช้จ่ายในการจ้างเหมาบริการที่เป็น มาตรฐาน กำหนดขนาดของงานใหเ้ หมาะสมที่ 4. ควรแก้ไขอัตราโทษปรับให้สูงยิ่งขึ้น จะดำเน ิ น ก าร จ ้ า ง เห ม า บริ ก า ร ได ้ อย ่ า ง มี โดยกำหนดโทษจากเดิมปรับไม่เกินสองหมื่น ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล การศึกษาวิจัย บาท ให้เป็นปรับไม่เกนิ หนึง่ แสนบาท ทั้งให้ใช้ ความเหมาะสมของการจ้างเหมาบริการ มาตรการลงโทษส่วนราชการที่กระทำความผิด ภารกิจใดทีภ่ าครฐั สมควรจา้ งเหมาบริการ เปน็ อย่างจริงจัง เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้ส่วน ต้น ทั้งนี้ เพื่อลดการใช้ดุลพินิจในการ ราชการเอาเปรียบพนักงานจ้างเหมาบริการ ดำเนนิ การจา้ งเหมาบริการของส่วนราชการ เหล่านี้ และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิ ประโยชน์ที่ลูกจ้างเหล่านี้ควรจะได้รับตาม 2. ควรมีการกำหนดให้ใช้บังคับ หลกั สิทธมิ นุษยชนใหม้ ปี ระสิทธิภาพต่อไป กฎหมายประกันสังคมแก่พนักงานจ้างเหมา บริการของหน่วยงานรัฐ โดยสัญญาจ้างเหมา 5. ควรมีการประชาสัมพันธ์และให้ บริการที่ภาครัฐทำสัญญากับพนักงานจ้าง ความรู้ความเข้าใจทั้งสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับ เหมาบริการเป็นสัญญาจ้างแรงงาน และให้ ระบบประกันสังคม แก่ลูกจ้าง นายจ้าง และ ลูกจ้างเหล่านี้ได้สิทธิประกันสังคมในการเป็น ประชาชนทั่วไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ ผูป้ ระกนั ตนของหนว่ ยงานภาครัฐ ควรผลักดัน ทุกฝ่ายมองว่าระบบสวัสดิการต่าง ๆ เหล่านี้ ให้เป็นมติคณะรัฐมนตรี จากแนวคำพิพากษา เป็นการเพ่ิมภาระในการดำรงชีพ แหล่งอา้ งอิง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ. (2562). แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562-2565). สืบค้น 20 ธันวาคม 2562, จาก http://reg3.diw.go.th/policy/wp-content/uploads/2020/01/download.pdf

12 วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) กลุ่มงานมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ. (2552). อนุสัญญาฉบับที่ 111 ว่าด้วยการเลือก ปฏิบตั ใิ นการจ้างงานและอาชีพ ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501). สบื ค้น 26 พฤศจกิ ายน 2562, จาก http://ils.labour.go.th/doc/c111.pdf กองนิติการ กลุ่มงานคดี สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน. (2558). คู่มือการดำเนินคดี อาญา ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 อย่างมือ อาชีพ. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์สำนกั งานพระพุทธศาสนา. จตุรงค์ ปัญญาดิลก. (2544). ปัญหาการจ้างเหมาบริการของส่วนราชการไทย. (วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร)์ . ทรงชยั ทิพยผลาผลกุล. (2540). ความรบั ผิดของผรู้ ับเหมาช่วงตามพระราชบัญญัติประกันสังคม. (วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั รามคำแหง). สำนักงบประมาณของรัฐสภา. (2560). การวิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายรายการค่าจ้างเหมา บริการ. สืบค้น 24 ตุลาคม 2562, จาก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ ewt/parbudget/ewt_dl_link.php?nid=387 สำนักงานประกันสังคม. (2562). สิทธิของผู้ประกันตนมาตรา 40. สืบค้น 20 พฤศจิกายน 2562, จาก https://www.sso.go.th/wpr/assets/upload/files_storage/sso_th/45e2171 78d3833079890a2541305fc78.pdf สฤณี อาชวานันทกุล. (2559). รายงานการศึกษาวิจัย บทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการคุ้มครองการละเมิดสิทธิมนุษยชนของภาคเอกชน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พบั ลชิ ช่ิง.

Received: 2021-03-06 Revised: 2021-04-08 Research Articles Accepted: 2021-04-16 ประสทิ ธภิ าพของศนู ย์ดำรงธรรมในการคุ้มครองสิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชน : ศกึ ษาเฉพาะศูนยด์ ำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ THE EFFICIENCY OF THE DAMRONGDHAMA CENTER TO PROTECT RIGHTS AND LIBERTIES OF PEPLE: A CASE STUDY OF DAMRONGDHAMA CENTER, CHIANG MAI PROVINCE นพดล ศรสี ุข * Noppadon Srisuk สัญลกั ข์ ปญั วฒั นลขิ ติ  Sanyalux Panwattanalikit Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงประสิทธิภาพของศูนย์ดำรงธรรมในการคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพประชาชน : ศึกษาเฉพาะศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ที่จัดตั้งตามประกาศคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และเป็นศูนย์กลางให้ความ ชว่ ยเหลือและแกไ้ ขปัญหาความเดอื ดรอ้ นของประชาชนในพืน้ ท่ี ผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ยังมี ข้อจำกัดในอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ เนื่องจากประกาศคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 กำหนดให้ศูนย์ดำรงธรรม ทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์เท่านั้น หาได้ กำหนดให้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ แต่อย่างใด ทำให้บทบาทในการคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพของประชาชนของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งศูนย์ดำรง ธรรมที่ต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่และ สามารถแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ สามารถอำนวยความเป็นธรรมให้กับประชาชนใน พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้เสนอแนวทางให้มีการแก้ไขบทบัญญัติกฎหมาย โดยเพิ่มเติมอำนาจหน้าท่ี ของศูนย์ดำรงธรรม นอกจากมีหน้าท่ีในการรับเรื่องราวรอ้ งทุกข์แลว้ ให้มีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง การไกล่ เกลย่ี ขอ้ พิพาท หรือมีอำนาจในการออกหมายเรยี กพยานหลกั ฐานต่าง ๆ มาประกอบการพจิ ารณาเร่อื งรอ้ งเรียน และหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ดังกล่าวกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ หนว่ ยงานใดใหด้ ำเนนิ การส่งต่อให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการตอ่ ไป รวมท้งั ใหม้ กี ารออกพระราชบญั ญตั ิจัดต้ัง ศนู ย์ดำรงธรรมให้เป็นหนว่ ยงานถาวร คำสำคัญ: ศนู ย์ดำรงธรรม, การรอ้ งเรียนร้องทกุ ข์, การคุม้ ครองสทิ ธิและเสรีภาพของประชาชน ABSTRACT The purpose of this research to study the efficiency of the Damrongdhama Center to the protection rights and liberties of the people: A case Study of Damrongdhama Center, Chiang Mai Province. Established according to the Announcement of the National Council for Peace and * นกั ศกึ ษาหลักสตู รนติ ิศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั พายพั

14 วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) Order No. 96/2014, one that serves Accepting complaints and to be a center for helping and solving problems of people in the area. The..results.of..this..research.found.that.Handling.of.complains.of.ChiangMai..Damrong dhama.Center. There are still limitations in the authority to resolving the problem of public complaints. As the Announcement of the National Council for Peace and Order No. 96/2014 specify that the Damrongdhama Center is responsible for receiving complaints only, Officials don’t have the authority to resolve any problems. Therefore, the role of the Damrongdhama Center, Chiang Mai Province protecting the rights and liberties of the people doesn’t accordance with the intention of establishing the Damrongdhama Center that wants to be center for solving the problems of people in the area and able to solve problems quickly with the situation can provide fair treatment to the people in the area efficiently. Therefore ,the researcher proposes recommendations for the modify provisions of the law, By adding the powers and duties of the Damrongdhama Center, aside from being responsible for accepting complaints, having the power to investigation, dispute resolution or have the power to issue subpoenas to consider the complaint and if considered that the complaint, the law, provided that it is within the authority of any agency, to continue forwarding to that agency, Including the issuance of an Act to establish Damrongdhama Center as a permanent agency to be responsible for resolving the complaint. Keywords: Damrongdhama Center, Compliant, Protect rights and freedom of the citizens บทนำ หน่วยงานของรัฐถือเป็นเสยี งสะท้อนให้รัฐบาล การร้องเรียนร้องทุกข์ หมายถึง การท่ี หรือหน่วยงานของรัฐได้รับทราบถึงปัญหา ความเดือดร้อนและหาวิธีการแก้ไขความ ประชาชนบอกเล่าเรื่องราวต่อหน่วยงานของ เดือดร้อนดังกล่าว รัฐเพื่อขอให้ช่วยเหลือแก้ไขบรรเทาความ เ ด ื อ ด ร ้ อ น ห ร ื อ ต ร ว จ ส อ บ ข ้ อ เ ท ็ จ จ ร ิ ง อั น สิทธิในการร้องเรียนร้องทุกข์ถือเป็น เน่ืองมาจากการได้รับความเดือดร้อนความ ไม่ สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ปฏิญญาสากล เป็นธรรมหรือพบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย ว ่ า ด ้ ว ย ส ิ ท ธ ิ ม น ุ ษ ย ช น ( Universal (สำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ Declaration of Human Right - UDHR) ได้ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, 2559, น. รับรองถึงสิทธิของบุคคลว่า “ทุกคนเสมอภาค 2-3) การร้องเรียนร้องทุกข์ถือเป็นวิธีการท่ี กันตามกฎหมายและมีสิทธิที่จะได้รับความ ประชาชนใช้ในการปกป้องสิทธิของตนและใช้ คุ้มครองของกฎหมายเท่าเทียมกัน โดย เป็นช่องทางในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปราศจากการเลือกปฏบิ ัติใด ทกุ คนมีสิทธิที่จะ ดงั นน้ั การท่รี ัฐสร้างกลไกเพื่อทำหน้าที่รับเรื่อง ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันจากการเลือก ร้องเรียนร้องทุกข์จากประชาชน ถือเป็นการ ปฏิบัติใด อันเป็นการล่วงละเมิดปฏิญญานี้ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและ แ ล ะ จ า ก ก า ร ย ุ ย ง ใ ห ้ ม ี ก า ร เ ล ื อ ก ป ฏ ิ บ ั ติ เป็นการอำนวยความเป็นธรรมใหก้ ับประชาชน ดังกล่าว” และ “บคุ คลใดจะถูกแทรกแซงตาม และการร้องเรียนร้องทุกข์ของประชาชนต่อ อำเภอใจในความเป็นส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่

วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 15 อาศัย หรือการสื่อสาร หรือจะถูกลบหลู่ ของตนซึ่งรับรองไว้ในกติกาฯ นี้ถูกละเมิด เกียรติยศและชื่อเสียงไม่ได้ทุกคนมีสิทธิที่จะ จะต้องได้รับการเยียวยาอย่างเป็นผลจริงจัง ได้รับความคุ้มครองของกฎหมายต่อการ โดยไม่ต้องคำนึงว่าการละเมิดน้ันจะกระทำ แทรกแซงสิทธิหรือการลบหลู่ดังกล่าวนั้น” โดยบุคคลผู้ปฏิบัติการ ตามหน้าที่และประกัน (นริสา วุฒิปัญญาเลิศ, 2545, น. 18-21) ว่าบุคคลใดที่เรียกร้องการเยียวยาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สิทธิซึ่งระบุไว้ในปฏิญญาสากล ยอ่ มมีสทิ ธิที่จะได้รบั การพจิ ารณาจากฝ่ายตุลา ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนฉบับนี้เป็นเพียงการ การ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มี ยอมรับว่าในฐานะที่เกดิ มาเปน็ มนุษย์น้ันควรมี อำนาจ หรือจากหน่วยงานอ่นื ท่มี ีอำนาจตามท่ี สิทธิอะไรบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นแนวทางสำหรับ กำหนดไว้โดยระบบกฎหมายของรัฐและจะ รัฐ ต่าง ๆ ในการนำไปบัญญัติเป็นสิทธิตาม พัฒนาหนทางการเยียวยาด้วยกระบวนการ กฎหมายภายในต่อไป การที่จะให้สิทธิต่าง ๆ ยุติธรรมทางศาลและประกันว่าเจ้าหน้าที่ผู้มี ตามที่บัญญัติไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิ อำนาจต้องบังคับการให้การเยียวยาน้ันเป็นผล มนุษยชนน้ีเป็นสิทธิตามกฎหมายโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของการคุ้มครองสิทธิ นั้นไม่สามารถจะกระทำได้เพราะประเทศต่าง และเสรีภาพของประชาชนและประชาชนมี ๆ ในโลกนี้ย่อมมีความคิดเห็นในเรื่องสทิ ธิตาม สิทธิได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากรัฐ ดังนั้นเมื่อ กฎหมายไม่ตรงกัน องค์การสหประชาชาติจึง ประชาชนไม่ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิที่มีจึง ได้นำสิทธิที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วย ทำให้เกิดการเรียกร้องอันนำมาสู่การร้องเรยี น สิทธิมนุษยชน มาจัดทำเป็นกติการะหว่าง ร้องทุกข์ในเรื่องที่ตนไม่ได้รับการเอาใจใส่ ประเทศเพื่อให้มีผลผูกพันกับรัฐสมาชิกโดย หรือไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรม สมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติได้ รับรองกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ ปัจจุบันสิทธิในการยื่นเรื่องราวร้อง พลเมืองและสิทธิทางการเมือง ค.ศ. 1966 ท ุ ก ข ์ เ ป ็ น ส ิ ท ธ ิ ท่ี ร ั ฐ ธ ร ร ม น ู ญ ไ ด ้ ว า ง เ ป็ น ( International Covenant on Civil and ห ล ั ก ป ร ะ ก ั น ไ ว้ ใ น ร ั ฐ ธ ร ร ม น ู ญ แ ห่ ง Political Rights - ICCPR) ประเทศไทยได้ย่ืน ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา ภาคยานุวตั สิ ารต่อเลขาธิการสหประชาชาติใน 41.(2) โดยบัญญัติรับรองถึงสิทธิของ การเข้าร่วมเป็นภาคีกติกาฯ ดังกล่าวเมื่อวันท่ี ประชาชนในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อ 29 ตุลาคม 2539 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ หน่วยงานของรัฐและการได้รับแจ้งผลการ 30 มกราคม พ.ศ. 2540 หลักการทั่วไปของ พิจารณาโดยรวดเร็ว (รัฐธรรมนูญแห่ง กติกาฯ ถือว่าเป็นตราสารที่สำคัญที่สุดและมี ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560, 2560) สถานะเป็นสนธสิ ัญญาที่ประมวลสทิ ธติ ่าง ๆ ที่ เจตนารมณ์เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและ เป็นสากลไว้ (พรประภัทร์ แพ่งพิบูลย์, 2553, เสรีภาพของประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ โดย น. 11) หลักการต่าง ๆ ในกติกาฯ จึงเป็น อาศัยกลไกของรัฐเพื่อแก้ไขหรือบรรเทาความ พันธกรณีที่รัฐภาคีต้องปฏิบัติตาม หรือต้องมี เดือดร้อนของผู้ร้องเรียนร้องทุกข์ หากข้อ หลักประกันว่าบุคคลใดที่สิทธิหรือเสรีภาพ ร้องเรียนร้องทุกข์ได้รับการแก้ไข ย่อมทำให้ ข้อรอ้ งเรยี น รอ้ งทกุ ขด์ ังกล่าวยุติไปได้ อนั เป็น

16 วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) การอำนวยความเป็นธรรมในสังคมและเป็น เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม, 2557) โดยมี การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน สาระสำคัญ คือ ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรง อกี รปู แบบหนึง่ ธรรมขึ้นในจังหวัดเพื่อทำหน้าท่ีในการรับเรือ่ ง ร้องเรียน ร้องทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสารให้ ปัจจุบันมีกลไกที่ทำหน้าที่รับเรื่องราว คำปรึกษา รับเรื่องปัญหาความต้องการและ ร้องทุกข์เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ข้อเสนอแนะของประชาชนและทำหน้าที่เป็น ประชาชนหลายรูปแบบ เช่น กลไกของฝ่าย ศูนย์บริการร่วมตามมาตรา 32 แห่งพระราช บริหาร ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ กฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กลไกที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแต่หน่วยงาน กิจการบ้านเมืองที่ดี.พ.ศ. 2546 โดยมี ต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นมานั้นต่างมีหน้าที่รับ เ จ ต น า ร ม ณ์ เ พ ื ่ อ เ พ ิ ่ ม ป ร ะ ส ิ ท ธ ิ ภ า พ ก า ร เรื่องราวร้องทุกข์เฉพาะภายใต้ภารกิจของตน บริหารงานระดับจังหวัดและให้การปฏิบัติงาน เท่านั้น และในหลายกรณีก็ไม่อาจให้ความ ของส่วนราชการในจังหวัดสามารถให้บริการ ช่วยเหลือหรือเยียวยาความเสียหายให้แก่ ประชาชนได้อย่างเสมอภาคมีคุณภาพ รวดเร็ว ประชาชนเป็นมาตรฐานเดียวกันได้ ขาด ลดขน้ั ตอนการปฏบิ ัติงาน และประชาชนได้รับ หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการ ความพึงพอใจ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ป ร ะ ส า น ง า น เ พ ื ่ อ ใ ห ้ ค ว า ม ช ่ ว ย เ ห ล ื อ แ ก่ ของกระทรวงมหาดไทย ด้วยภารกิจที่ได้กล่าว ประชาชนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมหรือทำ มาทำให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเป็นกลไกหนึ่ง ห น ้ า ที่ ป ร ะ ส า น ส ่ ง ต ่ อ ไ ป ย ั ง ห น ่ ว ย ง า น ท่ี ที่ทำหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ โดยตรง ของประชาชนและอำนวยความเป็นธรรม หรือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ให้กับประชาชนและเป็นศูนย์กลางให้ความ และปัญหาบางประเภทสามารถดำเนินการ ช่วยเหลือ รับทราบปัญหาความต้องการและ แ ก ้ ไ ข ป ั ญ ห า ไ ด ้ ใ น พ ื ้ น ท ี ่ น ั ้ น เ อ ง . แ ต ่ ไ ม ่ มี แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนใน หน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่นั้นโดยตรง.ทำให้ พื้นที่ และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึง การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของ การร้องเรียนร้องทุกข์ต่าง ๆ ของประชาชน ประชาชนไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ สามารถเข้าถึงได้สะดวกไม่ต้องมี พิธีการใน รฐั ธรรมนญู ประกอบกับกระบวนการพจิ ารณา การยื่นคำร้องเรียนร้องทุกข์ ประชาชน ของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการ สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง ประหยัด พจิ ารณาอรรถคดีต่างๆ น้นั จะต้องกระทำโดย คา่ ใช้จ่ายเน้นการปฏิบตั ิการแก้ปัญหาแบบเชิง พื้นฐานที่กฎหมายให้อำนาจเท่านั้น ทำให้มี รุก และเป็นกลไกสำคัญที่จะสะท้อนปัญหา ข้อจำกัดในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ ความต้องการของประชาชนไปยังหน่วยงาน ประชาชนที่ไม่สามารถคุ้มครองได้ทุกกรณี ของรัฐหรือรัฐบาลเพื่อดำเนินการแก้ไข สร้าง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ได้มีประกาศ ความเข้าใจ และเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับความ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 96/2557 เดือดร้อนต่อไป ซึ่งหากปัญหาความเดือดร้อน เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม (ประกาศคณะ หรือข้อร้องเรียนต่าง ๆ สามารถแก้ไขได้ใน รักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 17 พื้นที่อย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นการลดความ 1,732,712 คน เป็นจังหวัดท่ีมีการพัฒนา ขดั แยง้ หรือลดขอ้ พิพาททำให้เกดิ ความสงบสุข ทางด้านเศรษฐกิจด้านสังคมและการเมือง ในสงั คม อนั เปน็ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องทำให้มีการ ของประชาชนให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ นับตั้งแต่ แข่งขันและเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมตามประกาศคณะ อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมจนเป็น รักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 ขึ้น การละเมิดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานหรือ ศูนย์ดำรงธรรมได้ทำหน้าที่เป็นกลไกในการ สิทธิมนุษยชนของประชาชน ดังนั้นช่องทาง คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้กับประชาชนได้ การรบั เรื่องร้องเรยี นร้องทุกข์จึงมีความจำเป็น เป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะการ บูรณาการแก้ไข อย่างยิ่ง และตั้งแต่ได้มีการจัดต้ังศูนย์ดำรง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ธรรมจังหวัดเชียงใหม่พบว่าศูนย์ดำรงธรรม เนื่องจากเป็นช่องทางในการแก้ไขปัญหาความ จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ เดือดร้อนที่มีวิธีการที่ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน จำนวน 9,128..เรื่อง ดำเนินการเสร็จแล้ว ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ได้รับ 8,248 เรื่อง คิดเป็นอัตราร้อยละ.90.35. ความเป็นธรรมสามารถดำเนินการยื่นคำร้อง คงเหลอื จำนวน.880.เรื่อง คิดเป็นอัตราร้อยละ ทุกข์ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย 9.64 และเพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมสามารถ และเป็นกลไกที่ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกทำ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้ ให้การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และสามารถ อย่างมีประสิทธิภาพกระทรวงมหาดไทยจึงได้ อำนวยความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนได้มาก กำหนดตัวชี้วัดในการประเมินประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น โดยผลการดำเนินงานของศูนย์ดำรง ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และสำหรับ ธรรมในภาพรวมพบว่าได้รับเร่ืองร้องเรียนร้อง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 กระทรวงมหาดไทย ทุกข์ รวมทั้งสิ้น 3,267,513 เรื่อง ดำเนินการ ได้กำหนดตวั ช้ีวดั ไว้ 2 ประการ คอื แล้วเสร็จไปแล้ว จำนวน 3,208,042.เรื่อง คงเหลือ จำนวน 59,471 เรื่อง (กองวิชาการ ตัวชี้วัดที่ 1 กำหนดให้ศูนย์ดำรงธรรม และแผน, 2561) จังหวัดต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่อง ร้องเรียนที่ค้างดำเนิ นการตั้ งแต่ ใน และจากการที่ผู้ศึกษาได้ศึกษาเกี่ยวกับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557-2561 ให้ได้ข้อยุติ การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของศูนย์ดำรง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไม่น้อยกว่าร้อย ธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดท่ีเป็น ละ 80.ของเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ที่ค้าง ศนู ยก์ ลางของภาคเหนือตอนบนประเทศไทยมี ดำเนินการ พื้นที่ 20,107.057 ตารางกิโลเมตรหรือ ประมาณ 12,566,911 ไร่ มีพื้นที่กว้างใหญ่ ตัวชี้วัดที่ 2 กำหนดให้ศูนย์ดำรงธรรม เป็นอันดับท่ี.1.ของภาคเหนือ และเป็นอันดับ จังหวัดต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่อง ท่ี.2.ของประเทศจังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตการ ร้องเรียนร้องทุกข์ที่รับเข้ามาในปีงบประมาณ ปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 204 ตำบล.และ. 2562 ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเรื่อง 2,066. ห ม ู ่ บ ้ า น . ป ร ะ ช า ก ร ร ว ม ท ั ้ ง ส ิ ้ น . ร้องเรียนรอ้ งทกุ ข์ทีร่ บั เขา้ มาทั้งหมด

18 วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) อยา่ งไรก็ตามพบว่าการจัดการเร่ืองราว ความสำคัญ.แนวคิดทฤษฎี.กลไกที่ทำหน้าที่ใน ร้องทกุ ข์ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ที่ การรับเรื่องเรียนร้องทุกข์ของประชาชนใน จัดตั้งตามประกาศคณะรักษาความสงบ ประเทศไทย และการจัดการเร่ืองร้องเรียนร้อง แห่งชาติ ฉบับท่ี.96/2557.ลงวันที่.18 ทุกข์ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่เพ่ือ กรกฎาคม. 2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรง ต้องการให้การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ ธรรม.ยังมีข้อจำกัดในอำนาจหน้าที่ในการ ประชาชนโดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเป็นไป แก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของ ตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ประชาชน เน่ืองจากประกาศ คณะรักษาความ และใหศ้ นู ย์ดำรงธรรมจังหวัดเป็นศูนย์กลางใน สงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557กำหนดให้ศูนย์ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ดำรงธรรมทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียน ในพ้ืนทไี่ ด้อยา่ งแทจ้ ริงและมีประสิทธภิ าพ ร้องทุกข์เท่านั้น ไม่ได้กำหนดให้มีอำนาจใน การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ แต่ วัตถปุ ระสงค์ อย่างใด เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง การ 1. เพ ื ่ อศ ึ กษาความเป ็ นมาและ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือมีอำนาจในการออก หมายเรียกพยานหลักฐานต่าง ๆ มา ความสำคัญ แนวคิด ทฤษฎี กลไกที่เกี่ยวข้อง ประกอบการพิจารณาเรื่องร้องเรียนและ กับการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของ ปัญหาของการท่ีประกาศคณะรักษาความสงบ ประชาชนในประเทศไทย แห่งชาติฉบับดังกล่าวไม่ได้กำหนดขอบเขต อำนาจหน้าที่และภารกิจที่รับผิดชอบของศูนย์ 2. เพ่ือทราบถึงบทบาท อำนาจ หน้าท่ี ดำรงธรรมให้ชัดเจน.จึงทำให้การรับเรื่อง ของกลไกที่ทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียน ร้องเรียนร้องทุกข์ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ร้องทุกข์ของประชาชน และศูนย์ดำรงธรรมใน เชียงใหม่เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่ทำ การทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์และ หน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่มีอยู่เดิม.ทำให้ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน บทบาทในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ 3. เพื่อเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งศูนย์ เพอ่ื นำไปปรบั ใช้แก่ศนู ยด์ ำรงธรรมต่อไป ดำรงธรรมที่ต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมเป็น ศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน วธิ ดี ำเนนิ การวิจัย ของประชาชนในพื้นที่ และสามารถแก้ไข ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงรูปแบบวิจัยโดย ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ สามารถอำนวยความเป็นธรรมใหก้ ับประชาชน วธิ กี ารเก็บขอ้ มูลจากเอกสาร (Documentary. ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจาก Research).เ ก ็ บ ร ว บ ร ว ม ข ้ อ ม ู ล จ า ก ต ำ ร า ปัญหาดังกล่าวจึงควรที่จะแก้ไขบทบัญญัติ งานวิจัยบทความ วิทยานิพนธ์ตัวบทกฎหมาย กฎหมาย โดยได้ศึกษาถึงความเป็นมาและ สื่อออนไลน์ และระเบียบของส่วนราชการต่าง ๆ มาแยกแยะหาหลักและประเด็นเพื่อนำมา วิเคราะห์หาข้อสรุปโดยการวิเคราะห์เนื้อหา เชงิ พรรณนา

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 19 สรุปผลการวจิ ัย ปัญหาหนี้สิน จำนวน 42 เรื่อง ดำเนินการยุติ จากการศึกษาการดำเนินงานของศูนย์ ไป 22 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 20 เรื่อง การร้องเรียน/ร้องทุกข์เกี่ยวกับคดีคุ้มครอง ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าเรื่อง ผู้บริโภค จำนวน 125 เรื่อง ดำเนินการยุติไป ร้องเรียนที่ค้างในปีงบประมาณ พ.ศ.2557- จำนวน 117 เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ 2561 มีจำนวน 483 เรื่อง สามารถดำเนินการ จำนวน 8 เรื่อง ร้องเรียน/ร้องทุกข์เรื่องทั่วไป ยุติเรื่องได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้ ขอข้อมูล ปรึกษา จำนวน 1,000 เรื่อง จำนวน 402.เรื่อง.ผลการดำเนินการแก้ไข ดำเนินการยุติไป จำนวน 1,000 เรื่อง เมื่อ ปัญหาเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ที่ค้างดำเนินการ เปรียบเทียบเกณฑ์ตัวชี้วัดของ ที่สามารถดำเนินการยุติได้ในปีงบประมาณ กระทรวงมหาดไทยที่กำหนดให้ ถือว่าการ พ.ศ. 2562 นั้น หากพิจารณาการดำเนินงาน ดำเนนิ งานของศูนยด์ ำรงธรรมจังหวดั เชยี งใหม่ ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สามารถ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562.ได้ผ่านตาม ดำเนินการได้ร้อยละ 83.23 ถือว่าผลการ ตัวชวี้ ดั ทกี่ ระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ ดำเนินงานของศนู ย์ดำรงธรรมจงั หวัดเชียงใหม่ สามารถผ่านตัวชี้วัดตามที่กระทรวงมหาดไทย จากการศึกษาพบว่าการจัดการเรื่อง กำหนดไว้ และในปีงบประมาณ พ.ศ..2562. ร้องเรียนร้องทุกข์ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด น้นั .ศนู ย์ดำรงธรรมจงั หวัดเชียงใหม่ ไดร้ บั เร่ือง เชียงใหม่ มีจุดเด่น – จดุ ดอ้ ย ดงั นี้ ร้องเรียนร้องทุกข์ ทั้งหมด จำนวน 2,208 เร่อื ง ดำเนินการยตุ ิไป จำนวน 1,813 เรอ่ื ง อยู่ จดุ เด่น ระหวา่ งดำเนินการ จำนวน 395 เรอ่ื งโดยเร่ือง 1. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้มี ที่ดำเนินการยุติไปสามารถคิดเป็นร้อยละ.82. การกำกับ ตรวจสอบ ติดตาม เรื่องร้องเรียน และสามารถแยกเป็นเรื่องร้องเรียน/ ร้องทุกข์ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการและ แต่ละประเภท ดังนี้ เรื่องเดือดร้อนทั่วไป. รายงานผลการดำเนินการให้ศูนย์ดำรงธรรม จำนวน.412.เรื่อง ดำเนินการยุติไป จำนวน จงั หวัดเชียงใหม่ทราบภายใน.15.วันหลังจากที่ 217 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 195 ได้รับหนังสือพร้อมทัง้ ให้หน่วยงานแจ้งผลการ เรื่อง การแจ้งเบาะแสกระทำผิด จำนวน 87 ดำเนินการให้พร้อมทราบโดยตรงในกรณีผู้ร้อง เรื่องดำเนินการยุติไป จำนวน 87 เรื่อง การ ระบุชื่อและทอ่ี ยู่ และในกรณที ี่เร่ืองร้องเรียนที่ ร้องเรียนหน่วยงาน/เจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 256 มีความซับซ้อนและยากต่อการแก้ไขปัญหา เรื่อง ดำเนินการยุติไป จำนวน 250 เรื่อง อยู่ ตลอดจนเรื่องร้องเรียนท่ีหน่วยงานไม่รายงาน ระหว่างดำเนินการ 6 เรื่อง การขอความ ผลการดำเนินการภายหลังจากที่มีหนังสือ ช่วยเหลือจำนวน 220 เรื่อง ดำเนินการยุติไป ติดตามแล้วจะมีการประชุมคณะทำงาน จำนวน 91 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ ขับเคลื่อนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ใน จำนวน 129 เร่ือง ร้องเรียนปัญหาที่ดิน วันศุกร์ทุกสัปดาห์เพื่อติดตามเรื่องร้องเรียน จำนวน 66 เรือ่ ง ดำเนนิ การยุติไป 29 เร่ือง อยู่ นอกจากนั้นแล้วศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ นำ ระหว่างดำเนินการ 37 เรื่อง ร้องเรียนเรื่อง ข้อมูลผลการรับเรื่องร้องเรียนตลอดจนการ

20 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ดำเนนิ การลงฐานข้อมูลศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับ เชยี งใหม่ เปน็ ประจำทกุ วนั ดังกล่าวไม่ได้กำหนดขอบเขตอำนาจหน้าท่ี และภารกิจที่รับผิดชอบของศูนย์ดำรงธรรมให้ 2. จากการศึกษาพบว่าศูนย์ดำรงธรรม ชัดเจนจึงทำให้การรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ จังหวดั เชยี งใหม่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแต่รับเรื่อง ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่เกิดความ ร้องเรียนร้องทุกข์แล้วส่งแต่ให้หน่วยงานอื่น ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับเรื่องราว เท่านั้น แต่พบว่าเรื่องร้องเรียนบางเรื่อง ร้องทุกข์ที่มีอยู่เดิม. ทำให้บทบาทในการ เจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนของ ได้ดำเนนิ การลงพน้ื ทต่ี รวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ศูนยด์ ำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ไม่เป็นไปตาม ตนเอง เจตนารมณ์ของการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ที่ ต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมเป็นศูนย์กลางใน จุดด้อย การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่มี ในพื้นที่ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าง ระเบยี บหรอื กฎหมายรับรอง เช่น การเปน็ เจ้า รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ สามารถอำนวย พนักงานตามกฎหมาย ไม่มีระเบียบเกี่ยวกับ ความเป็นธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของ ศูนย์ดำรง อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ธรรมโดยเฉพาะ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาข้อ ร ้ อ ง เ ร ี ย น ร ้ อ ง ท ุ ก ข ์ ใ ห ้ ส ำ เ ร ็ จ ไ ด ้ ห ร ื อ ไ ม่ ทั้งนี้ สมาคมนักปกครองแห่งประเทศ จำเป็นต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ของ ไทย ได้เสนอแนวคิดในการยกร่าง เจ้าหน้าที่ของแต่ละบุคคลเป็นหลัก และทำให้ พระราชบัญญัติจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม (ศูนย์ การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์เป็นไป ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย, 2561) เพื่อให้ ดว้ ยความล่าชา้ การดำเนินงานและสถานะของศูนย์ดำรงธรรม จากการศึกษาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับ ไดด้ ำเนินการต่อไปอย่างเป็นระบบซ่ึงหลักการ การจัดการเรื่องเรียนร้องทุกข์ของศูนย์ดำรง ที่ปรากฏในร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศูนย์ ธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ายังมีปัญหา ดำรงธรรม โดยท่ปี ระกาศคณะรักษาความสงบ เกี่ยวกับเรื่องอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา แห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557.ลงวันท่ี.18. เรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของประชาชน กรกฎาคม 2557.ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรง เนื่องจากประกาศคณะรักษาความสงบ ธรรมทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้อง แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 96/2557กำหนดให้ศูนย์ดำรง ทุกข์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้คำปรึกษา ธรรมทำหน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้อง รับเรื่องปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนะ ทุกข์เท่านั้น ไม่ได้กำหนดให้มีอำนาจในการ ของประชาชน ประกอบกับมีมติคณะรฐั มนตรี. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ แต่อย่างใด เมื่อวันที่.25.ตุลาคม.2559 ให้ผู้ว่าราชการ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง การไกล่เกลี่ย จังหวัด จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอขึ้นใน ข้อพิพาท หรือมีอำนาจในการออกหมายเรียก อำเภอ กำหนดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ พ ย า น ห ล ั ก ฐ า น ต ่ า ง .ๆ .ม า ป ร ะ ก อ บ ก า ร ความร่วมมือสนับสนุนช่วยเหลือการ พิจารณาเรื่องร้องเรียนและปัญหาของการที่

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 21 ดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรม และการ หรือของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือให้ ดำเนินการดังกล่าว มีความก้าวหน้าเป็นที่พ่ึง หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องส่งวัตถุ เอกสาร ของประชาชนในการแก้ไขปัญหาความ หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือเชิญ ต้องการและความเดือดร้อนของประชาชนได้ ผู้แทนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของ เป็นอย่างดี จึงสมควรให้มีกฎหมายวา่ ด้วยการ รัฐนั้น.มาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็น จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเป็นกลไกสำคัญของ ประกอบการพจิ ารณาได้ รัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือและบริการ ประชาชนให้เกิดความต่อเนื่อง ประชาชน อภปิ รายผลการวจิ ัย ได้รับประโยชน์จากการดำเนินการของศูนย์ 1. กรณีปัญหาของอำนาจและหน้าท่ี ดำรงธรรม โดยร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศูนย์ ดำรงธรรมดังกล่าว ไดม้ กี ารแบ่งโครงสร้างของ ของศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์ดำรงธรรม ออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ . 1.1.ปัญหาอำนาจและหน้าที่ของ ศูนย์ดำรงธรรมส่วนกลาง ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ อยู่ภายใต้การ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมในการตรวจสอบ บริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการของ ข้อเท็จจริงหรือแสวงหาข้อเท็จจริง กล่าวคือ ศูนย์ดำรงธรรมแต่ละระดับ.โดยร่าง ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับท่ี พระราชบัญญัติจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม พ.ศ. ยัง 96/2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม. ได้เพิ่มหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมให้มีหน้าที่ใน กำหนดให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อทำ การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท และ หน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์เท่าน้ัน กำหนดให้ประธานคณะกรรมการศูนย์ดำรง ดังนั้น ทำให้เมื่อศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องราว ธรรมส่วนกลางโดยความเห็นชอบของ ร้องทุกข์แล้ว ถ้าเห็นว่าคำร้องทุกข์ที่ได้รับอยู่ คณะกรรมการศูนย์ดำรงธรรม ออกระเบียบ ในอำนาจหนา้ ท่ีของส่วนราชการอ่นื ต้องส่งคำ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสง่ั เพื่อใหศ้ ูนย์ดำรง ร้องทุกข์นั้นไปยังส่วนราชการอื่นที่มีอำนาจ ธรรมสามารถแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนได้ หน้าที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างมีประสิทธิภาพ.รวดเร็วทั่วถึง ทันต่อ หรือดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนตามท่ี สถานการณ์ และปฏิบัติการให้เป็นไปตาม เห็นสมควร ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พระราชบัญญัตินี้โดยระเบียบ.ข้อบังคับ ว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. ประกาศ หรือคำสั่ง. เมื่อได้ประกาศในราช 2552 ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายกลางที่กำหนด กิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้.และยังเพิ่ม วิธีการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของส่วน อำนาจในการให้คณะกรรมการศูนย์ดำรงธรรม ราชการไว้ ทุกระดบั มีหนังสือและหรือสอบถามหน่วยงาน ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ จึงเห็นได้ว่าการจัดการเร่ืองราวร้อง มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็น ทุกข์หรือการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ประชาชนที่ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมน้ัน ต้องขอความร่วมมือและอาศัยอำนาจหน้าท่ี ของหนว่ ยงานท่เี กี่ยวข้อง.เพราะเจ้าหน้าท่ีของ ศูนยด์ ำรงธรรมไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

22 วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ซึ่งเรื่องร้องเรียนบางเรื่องอาจยุติไปโดยท่ี ไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะได้มีข้อสั่งการในข้อ เป็นที่พอใจแก่ผู้ร้องเรียน และแม้ข้อเท็จจริง ร้องเรียนนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการ บางเรื่องศูนย์ดำรงธรรมพิจารณาแล้วอาจเห็น ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อน แต่เม่ือ ว่าสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ ผู้ พิจารณาจากประกาศคณะรักษาความสงบ ร้องเรยี นได้ แต่กพ็ บว่าไม่มีกฎหมายให้อำนาจ แห่งชาติฉบับดังกล่าวแล้ว พบว่าประกาศ แก่ศูนย์ดำรงธรรมที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ ดังกล่าวไม่ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ในการ คู่กรณีได้ จึงทำให้เกิดปัญหาว่าอำนาจหน้าที่ แสวงหาข้อเทจ็ จรงิ ไว้แต่อย่างไร ของศูนย์ดำรงธรรมตามประกาศคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 ลงวันท่ี. แ ล ะ แ ม้ ร ะ เ บ ี ย บ ส ำ นั ก 18.กรกฎาคม.2557.เรื่อง.การจัดตั้งศูนย์ดำรง นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้อง ธรรม ไม่เพียงพอต่อการทำหน้าที่ในการ ทุกข์ พ.ศ. 2552 ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายกลางที่ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และ กำหนดวิธีการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของ ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งศูนย์ ส่วนราชการ จะได้กำหนดให้มีคณะกรรมการ ดำรงธรรมที่ต้องการให้ ศูนย์ดำรงธรรมเป็น การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ และ ศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน คณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ประจำ ของประชาชนในพื้นที่ และสามารถแก้ไข กระทรวงซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยคำ ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ร้องทุกข์ที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วน สามารถอำนวยความเป็นธรรมใหก้ ับประชาชน ราชการใดหรือเรื่องร้องทุกข์ของส่วนราชการ ในพนื้ ทีแ่ ละประชาชนได้รบั ความพึงพอใจและ ภายในกระทรวงตามลำดับ โดยคณะกรรมการ แม้ข้อ 5 ของประกาศคณะรักษาความสงบ ดังกล่าวมีอำนาจในการสั่งการให้หน่วยงาน แห่งชาติฉบับดังกล่าว จะกำหนดให้ผู้ว่า ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ ราชการจังหวัดมีอำนาจ สั่งการบังคับบัญชา. มีหนังสือมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็น กำกับ.ดูแล.บรรดาข้าราชการและพนักงาน เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ของรฐั ในเขตจังหวัดยกเว้นข้าราชการพลเรือน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือให้ ในพระองค์ ข้าราชการทหาร ข้าราชการ ฝ่าย หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องส่งวัตถุ เอกสาร ตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ.ข้าราชการใน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือส่ง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พนักงานใน ผู้แทนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ รัฐนั้น มาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็น จังหวัด.และข้าราชการในสำนักงานป้องกัน ประกอบการพิจารณาได้ ก็ตาม แต่โครงสร้าง และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำ คณะกรรมการดังกล่าวก็ยังไม่ครอบคลุมถึง จังหวัดก็ตาม แต่จากการศึกษาพบว่าเรื่อง การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของศูนย์ดำรง ร้องเรียนที่ประชาชนร้องเรียนบางเรื่องยังขาด ธรรม พยานหลักฐานประกอบข้อเท็จจริงในการ พิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ดังนั้นก่อนที่ อย่างไรก็ตามหากเป็นเรื่องร้องเรียน ที่มีความซับซ้อนและยากต่อการแก้ไขปัญหา ตลอดจนเรื่องร้องเรียนท่ีหน่วยงานไม่รายงาน

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 23 ผลการดำเนินการภายหลังจากที่มีหนังสือ แหง่ ชาติฉบับท่ี.96/2557.เรื่อง การจัดต้ังศูนย์ ติดตามแล้วศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่จะ ดำรงธรรม.จะไม่ได้กำหนดอำนาจหน้าท่ีในการ น ำ เ ร ื ่ อง ร ้ อ ง เ ร ี ย น ด ั ง ก ล ่ า ว เ ข ้ า ท ี ่ ป ร ะ ชุ ม ไกล่เกลี่ยของศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเอาไว้.แต่ คณะทำงานขับเคลื่อนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด นายอำเภอสามารถใช้อำนาจในการไกล่เกลี่ย เชียงใหม่ที่มีการประชุมทุกสัปดาห์เพื่อขอ ภายใต้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ ทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานที่ แผ่นดิน พ.ศ. 2534 (พระราชบัญญัติระเบียบ เก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534, 2534) ประกอบกับกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ย 1.2 ปัญหาอำนาจหน้าที่ในการไกล่ และประนอมข้อพิพาททางแพ่ง.พ.ศ..2553 เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผดิ เชียงใหม่ ท่มี ีโทษทางอาญา พ.ศ..2553.ทำการไกล่เกล่ีย ข้อพิพาททีเ่ ปน็ คดีอาญาความผิดอันยอมความ จากการศึกษาบทบาทอำนาจหน้าท่ี ได้และไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับเพศ ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า (กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มี บทบาทของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ที่ โทษทางอาญา พ.ศ. 2553, 2553) และในเรื่อง สำคัญอีกประการหนึ่งคือ บทบาทในการ ไกล่ ที่พิพาททางแพ่งเกี่ยวกับที่ดินมรดก และข้อ เกลี่ยข้อพิพาทเนื่องจากประชาชนได้ยื่นเรื่อง พิพาททางแพ่งอื่นทมี่ ีทนุ ทรัพย์ไม่เกนิ สองแสน ร้องทุกข์โดยมีความประสงค์จะให้ ศูนย์ดำรง บาท (กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและ ธรรมจังหวัดเชียงใหม่เป็นตัวกลาง ในการไกล่ ประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553, 2553) เกลี่ยข้อพิพาท ถึงแม้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ทำให้ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสามารถอำนวย เชียงใหม่จะได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่อง ความเป็นธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ได้และ ร้องเรียนร้องทุกข์มีอำนาจหน้าที่ในการไกล่ สามารถลดคดีที่จะขึ้นสู่ศาลได้อีกจำนวนหน่ึง เกลี่ยข้อพิพาทเพื่อหาข้อยุติไว้ก็ตามแต่การ ดงั นั้นหากกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ของการ กำหนดอำนาจหน้าที่ดังกล่าวก็เป็นการแบ่ง ไกลเ่ กล่ียของศูนย์ดำรงธรรมจังหวดั ให้มีสภาพ หน้าที่ภายในส่วนราชการเท่านั้นและในทาง บังคับทางกฎหมาย ก็จะทำให้การอำนวย ปฏิบัติเมื่อทำการไกล่เกล่ียข้อพิพาทพบว่า ความเป็นธรรมและการคุ้มครองสิทธิและ เจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เสรีภาพของประชาชนมีประสิทธิภาพมาก ไม่มีกฎหมายที่ให้อำนาจรองรับไว้จงึ ทำให้เกดิ ย่ิงข้ึน ปัญหาในทางปฏิบัติ.เช่น.ไม่มีอำนาจเรียก คู่กรณีอีกฝ่ายมาสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได ้ มี ได้ หรือสภาพบังคับของสัญญาหรือข้อตกลงที่ พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. แม้จะได้ทำการตกลงและมีการจัดทำบันทึก 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายกลางเพื่อให้หน่วยงาน กันไว้แต่เมื่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม ของรัฐ.พนักงานสอบสวน.ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อ คู่กรณีอีกฝ่ายมีสิทธิเพียงนำสัญญาดังกล่าวไป พพิ าทภาคประชาชน ไดน้ ำหลกั เกณฑด์ ังกล่าว ฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น ซึ่งต่างกับศูนย์ดำรง มาบังคบั ใช้กับกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ธรรมอำเภอแม้ประกาศคณะรักษาความสงบ

24 วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน.โดยมีสาระสำคัญ และภารกิจที่รับผิดชอบให้ชัดเจน ซึ่งอาจทำ เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง ได้แก่ ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ ขอ้ พิพาทท่ีเก่ยี วกับทด่ี ินท่ีไม่ใช่ข้อพิพาทเก่ียว รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่มีอยู่เดิม เช่น ด้วยกรรมสิทธิ์ ข้อพิพาทระหว่างทายาท ศูนย์บริการสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ใน เกี่ยวกับมรดก และข้อพิพาทท่ีมีทุนทรัพย์ไม่ การรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนที่เสนอ เกินห้าล้านบาท และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ต่อนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มี ทางอาญา ได้แก่ ความผิดอันยอมความได้ อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบและถ่วงดุลการ และความผิดลหุโทษตามมาตรา 390-395. ใช้อำนาจรัฐ โดยการมีบทบาทในการ และมาตรา.397.และความผิดลหุโทษอื่นที่ไม่ ตรวจสอบและรายงานข้อร้องเรียนการละเมิด กระทบต่อสว่ นรวม และความผิดท่ีมีอัตราโทษ สิทธิเสรีภาพของประชาชนจากการใช้อำนาจ จำค ุ กอย ่ าง ส ู ง ไ ม ่ เ ก ิ น .3.ปี .ต า ม ท ้ า ย จากเจ้าหน้าที่รัฐ หรือคณะกรรมการสิทธิ พระราชบัญญัติ.และพระราชบัญญัติดังกล่าว มนุษยชนแห่งชาติที่มีอำนาจหน้าที่ให้มี ไดม้ กี ารบังคบั ใช้ในวันที่.19.พฤศจิกายน.2562 บ ท บ า ท ก า ร ส ่ ง เ ส ร ิ ม แ ล ะ ค ุ ้ ม ค ร อ ง ส ิ ท ธิ (พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. มนษุ ยชนของประชาชนและมีหน้าที่ตรวจสอบ 2562, 2562) ดังนั้น หากศูนย์ดำรงธรรม การละเมิดสิทธิมนุษยชนใน ทุกกรณีไม่ว่า จงั หวดั เชียงใหม่นำหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการไกล่ ผู้กระทำละเมิดจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติการไกล่ หนว่ ยงานใดไม่ว่าจะเปน็ หน่วยงานของรัฐหรือ เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562.มาบังคับใช้ในการ เอกชนก็ตามและไม่จำกัดว่าการปฏิบัติหน้าที่ แก้ไขปัญหาความเดือนร้อนให้กับประชาชนก็ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานดังกล่าว จะทำให้อำนวยความเป็นธรรมให้กับประขา นั้นจะชอบด้วยกฎหมายแต่มีการเลือกปฏิบัติ ชนได้มากยง่ิ ขึน้ โดยไม่เป็นธรรมย่อมอยู่ในขอบเขตการทำ หน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทั้งสิ้น 2. กรณีปัญหาความซ้ำซ้อนในอำนาจ โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ที่สำคัญในการ หนา้ ท่ีของศูนย์ดำรงธรรม ตรวจสอบการกระทำหรือละเลยการกระทำซึ่ง ไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้วยสิทธิมนุษยชน และไม่มีองค์กรอื่น ฉบับที่ 96/2557 มีเจตนารมณ์เพื่อเป็นการ ต ร ว จ ส อ บ น อ ก จ า ก ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส ิ ท ธิ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัด มนุษยชนเท่านั้นโดยเป็นไปตามกลไกของ และให้เป็นศูนย์กลางในการบูรณาการความ สหประชาชาติส่วนขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ร่วมมือของส่วนราชการทุกภาคส่วนในการ ศูนย์ดำรงธรรมมีอยา่ งกวา้ งขวาง เกี่ยวข้องกบั แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กบั ประชาชนใน การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พื้นที่.รวมทั้งปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วนของ ทกุ เร่ือง รัฐบาล แต่ประกาศคณะรักษาความสงบ แห่งชาติดังกล่าวกำหนดเพียงให้ ศูนย์ดำรง อย่างไรก็ตาม แมว้ า่ จากบทบาทอำนาจ ธรรม ทำหน้าที่ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ หนา้ ทข่ี องศูนย์ดำรงธรรมดังได้กล่าวมาอาจจะ เท่านั้น ไม่มีการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าท่ี

วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 25 ดูซ้ำซ้อนกันในเรื่องการรับเรื่องร้องเรียนร้อง องค์ความร้ทู ไี่ ดจ้ ากการวจิ ัย ทุกข์หน่วยงานอื่นๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการ แม้ประกาศคณะรักษาความสงบ รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ก็ตาม แต่ก็เห็นว่า ภารกิจของศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน แห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 เรื่อง การจัดตั้ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ในการรับ ศูนย์ดำรงธรรม จะได้บัญญัติเรื่องหน้าที่ของ เรื่องราวร้องทุกข์เท่านั้น.เมื่อรับเรื่องแล้วก็จะ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดไว้เฉพาะให้มีหน้าที่ใน ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีการจัดตั้ง การรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ โดยที่ไม่ได้ ไว้ที่ส่วนกลางเท่านั้นทำให้ประชาชนอาจจะ บ ั ญ ญ ั ต ิ ถ ึ ง อ ำ น า จ ห น ้ า ท ี ่ ข อ ง เ จ ้ า ห น ้ า ที่ เข้าถึงไม่สะดวกในส่วนภารกิจของผู้ตรวจการ ผู้ปฏิบัติงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ แผ่นดินกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ แต่ศูนย์ดำรงธรรม แห่งชาติมีความแตกต่างจากศูนย์ดำรงธรรม จงั หวัดเชียงใหม่กส็ ามารถใช้อำนาจในทางการ อย่างชัดเจน กล่าวคือ ผู้ตรวจการแผ่นดินมี บริหารโดยเฉพาะอำนาจในการบริหารของ หน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชยี งใหม่ ในการตรวจสอบ ส่วนหากการกระทำใดเป็นการกระทำที่ละเมิด เรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ จากประชาชน และมี สิทธิมนุษยชนก็จะเป็นอำนาจหน้าที่ของ การแก้ไขปัญหาเร่ืองร้องเรียนร้องทุกข์แบบ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ เชิงรุกของเจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรม สำหรับอำนาจหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมน้ันมี จังหวัดเชียงใหม่ท่ีไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแต่รับ อำนาจที่กว้างขวางมากกว่าทั้งสองหน่วยงาน เรื่องร้องเรียนร้องทุกข์แล้วส่งแต่ให้หน่วยงาน เพราะหากเป็นปัญหาความเดือดร้อนของ อื่นเท่านั้น แต่พบว่าเรื่องร้องเรียนบางเรื่อง ประชาชนแล้ว ศูนย์ดำรงธรรมต้องดำเนินการ เจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ แก้ไขปัญหาดังกล่าวทุกกรณี ท้ังน้ี เพราะว่ารัฐ ได้ดำเนนิ การลงพ้ืนที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ต้องการให้กลไกศูนย์ดำรงธรรมเป็นศูนย์กลาง ตนเอง นอกจากนั้น ยังได้มีการกำกับ ในการแก้ไขปัญหาความความร้อนของ ตรวจสอบ ติดตาม เรื่องร้องเรียนโดยให้ ประชาชนในพื้นที่ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการและรายงาน อย่างสะดวก สามารถแก้ไข ให้เสร็จในพื้นทีไ่ ด้ ผลการดำเนินการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ก็จะเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้กับ เชียงใหม่ และในกรณีท่ีเร่ืองร้องเรียนท่ีมีความ ประชาชน และประชาชนได้รับความพึงพอใจ ซับซ้อนและยากต่อการแก้ไขปัญหา ตลอดจน ดังนั้นการที่มีการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อทำ เร่ืองร้องเรียนท่ีหน่วยงานไม่รายงานผลการ หน้าที่ในการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์และ ดำเนนิ การภายหลังจากที่มีหนังสือติดตามแล้ว แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจะ จะมีการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนศูนย์ ก่อให้เกิดผลดีที่ทุกคำร้องเรียนที่จะได้รับการ ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ในวันศุกร์ทุก ตรวจสอบในบริบทและมิติท่ีแตกต่างกันอีกทั้ง ย่อมเป็นผลดีต่อสังคมและประชาชนที่จะพึง ได้รับประโยชนจ์ ากการทำหนา้ ที่ทแี่ ตกตา่ งกัน

26 วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) สัปดาห์ เพื่อติดตามเรื่องร้องเรียน.จึงทำให้ผล และประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 และกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิด การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ที่มีโทษทางอาญา พ.ศ. 2553 โดยหากเป็นข้อ พิพาททางแพ่งให้ส่งไปให้อำเภอที่คู่กรณีฝ่าย เชียงใหม่เป็นไปตามเกณฑ์ตั วชี้ว ัดท่ี ใดฝ่ายหนึ่ง มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอ ดำเนนิ การไกลเ่ กล่ียและหากเปน็ ข้อพิพาททาง กระทรวงมหาดไทยกำหนด อาญาให้ส่งให้อำเภอท่ีความผิดทางอาญา เกิดขึ้นในเขตอำเภอเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือนำ ข้อเสนอแนะ หลกั เกณฑ์เก่ียวกับการไกล่เกล่ียข้อพิพาทตาม 1..ควรกำหนดให้ศูนย์ดำรงธรรมมี พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 มาบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาความ ห น ้ า ท ี ่ ใ น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ข ้ อ เ ท ็ จ จ ร ิ ง ห รื อ เดือนร้อนให้กับประชาชนก็จะทำให้อำนวย พิจารณาคำร้องเรียน และให้นำหลักการ ความเป็นธรรมให้กบั ประชาชนไดม้ ากย่งิ ขึ้น แสวงหาข้อเท็จจริงในรูปแบบไต่สวนมาบังคับ ใช้ในชั้นเจ้าหน้าที่ โดยให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์ 3. ควรมีการตราพระราชบัญญัติจัดต้ัง ดำรงธรรมมีอำนาจในการออกหมายเรียก ศนู ย์ดำรงธรรม โดยกำหนดโครงสรา้ งของศูนย์ พยานหลักฐานต่าง ๆ เช่น พยานเอกสาร ดำรงธรรมส่วนกลาง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด พยานวัตถุ เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลท่ี และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ รวมทั้งกำหนด เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริงประกอบการ อำนาจหน้าที่ ขอบเขตภารกิจให้ชัดเจน หรือ พิจารณาเรื่องร้องเรียน ก็จะทำให้ศูนย์ดำรง กำหนดโครงสร้างของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ธรรมปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิและ และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอให้เป็นโครงสร้าง เสรีภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่ึง ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย สามารถอำนวยความเป็นธรรมใหก้ ับประชาชน การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. 2552 และ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กำหนดให้มีคณะกรรมการศูนย์ดำรงธรรม ในพื้นที่ได้ทันต่อสถานการณ์ นอกจากนั้นควร จังหวัดและอำเภอเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อน กำหนดบทลงโทษกับผู้ที่จงใจไม่ปฏิบัติตาม การทำงานของศูนย์ดำรงธรรมและกำหนด หมายเรยี กดังกลา่ วโดยไม่มีเหตุอนั สมควร อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวให้ ชัดเจน 2. ควรกำหนดให้ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดมีอำนาจในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดย 4..เนื่องจากการปฏิบัติงานของศูนย์ ออกเป็นกฎกระทรวงกำหนดประเภทข้อ ดำรงธรรมมีภารกิจที่กว้างขวาง จึงจำเป็นต้อง พิพาททั้งคดีแพ่งและคดีอาญาที่สามารถไกล่ ม ี ก า ร พ ั ฒ น า ศ ั ก ย ภ า พ ข อ ง เ จ ้ า ห น ้ า ที่ เกลี่ยได้ และกำหนดให้ผลการไกล่เกลี่ยมี ผู้ปฏิบัติงานศูนย์ดำรงธรรมให้มีความรู้ความ สภาพข้อบังคบั โดยท่ีไม่ต้องไปฟ้องร้องคดีใหม่ เข้าใจเก่ียวกับสิทธแิ ละเสรภี าพขัน้ พื้นฐานของ หรือกำหนดให้ส่งข้อพิพาทดังกล่าวที่สามารถ ประชาชน ความรู้และทักษะในการจัดการ ไกล่เกลี่ยได้ตามพระราชบัญญัติระเบียบ เรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ เช่น ความรู้ด้าน บริหารราชการแผ่นดิน.พ.ศ..2534.แก้ไข เพิ่มเติมถึงปัจจุบัน มาตรา 61/2, 61/3 ประกอบกับกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกล่ีย

วารสารปัญญา ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 27 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เทคนิคในการประสาน ร้องเรียนโดยใช้วิธีการยื่นเรื่องร้องเรียนทาง ความร่วมมือ เทคนิคในการไกล่เกลี่ยข้อ อิเล็กทรอนิกส์ (e-petitions) เพื่อทำให้เป็น พิพาท.เป็นต้น เพื่อที่จะได้ปฏิบัติงานบริการ กลไกที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเห็น ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพตอบสนอง ควรให้ศูนย์ดำรงธรรมดำเนินการจัดเก็บข้อมูล ความต้องการประชาชนได้อย่างแท้จริง และ เรื่องร้องเรียน ความต้องการของประชาชน จำเป็นที่ต้องสร้างเครือข่ายการทำงานทั้ง ต่าง ๆ แล้วนำข้อมูลดังกล่าวส่งต่อให้กับ ภาครัฐและเอกชนเพื่อประโยชน์ในการอำนวย หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไปวิเคราะห์ถึง ความยุตธิ รรมใหก้ บั ประชาชนต่อไป สาเหตุของปัญหา ความต้องการประชาชน เพื่อรัฐบาลจะได้นำข้อมูลดังกล่าวมาเป็น ทิศ 5. ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและ ทางการขับเคลื่อน ป้องกัน แก้ไขปัญหาด้าน การสื่อสารมีบทบาทสำคัญและเป็นเครื่องมือ ต่าง ๆ.ของประเทศ อันจะทำให้ศูนย์ดำรง สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทาง ธรรมเป็นกลไกในการคุ้มครองสิทธิและ การเมืองและสาธารณะ จึงมีความจำเป็นอย่าง เสรภี าพของประชาชนอย่างแท้จรงิ ยิ่งที่ต้องทำให้สิทธิการยื่นคำร้องมีความ ทันสมัยโดยนำเทคโนโลยีมาจัดการเรื่อง แหลง่ อา้ งองิ กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ. 2553. (2553, 17 กันยายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ 127 ตอนที่ 54 ก. หน้า 22–27. กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553. (2553, 7 กันยายน). ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม 127 ตอนท่ี 54 ก. หน้าท่ี 13-21. กองวิชาการและแผน. (2561). รายงานผลการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียนที่มีความยุ่งยาก และซับซ้อนของศูนย์ดำรงธรรม. สบื คน้ 14 กมุ ภาพันธ์ 2563, จาก https://multi.dopa.go.th/tspd/official_letter/view427 นริสา วุฒิปัญญาเลิศ. (2545). กลไกการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในอาเซยี น. (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั รามคำแหง). ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 96/2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม. (2557, 23 กรกฎาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ 131 ตอนพเิ ศษ 138 ง. หน้า 8-9. พรประภัทร์ แพ่งพิบูลย์..(2553). ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีผู้บริโภคในศาลชั้นต้น ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 : ศึกษาเฉพาะ: ศาลจังหวัด เชยี งใหม.่ (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยพายพั ). พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562. (2562, 22 พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ 136 ตอนที่ 67 ก. หนา้ 13-21.

28 วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534. (2534, 4 กันยายน). ราชกิจจา นุเบกษา. เล่ม 108 ตอนท่ี 156. หน้า 1-41. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. (2560, 6 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เลม่ 134 ตอนที่ 40 ก. หน้า 1-90. ศนู ยด์ ำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย. (2561). รา่ งพระราชบัญญัติจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม. สบื ค้น 10 มกราคม 2563, จาก http://www.damrongdhama.moi.go.th/download/load/ w3755.pdf สำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. (2559). คู่มือการ ดำเนินการแก้ไขปัญหาการร้องทุกข์/ร้องเรียน ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย. กรงุ เทพฯ: บพิธการพมิ พ์.

Received: 2021-03-04 Revised: 2021-04-13 Research Articles Accepted: 2021-04-17 ชดุ กจิ กรรมเสริมประสบการณเ์ รียนรเู้ พื่อส่งเสริมพัฒนาการทางสติปญั ญา โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์สำหรับเดก็ ปฐมวยั อนุบาลชัน้ ปีที่ 1 A SET OF ACTIVITIES TO ENHANCE LEARNING EXPERIENCE TO PROMOTE COGNITIVE DEVELOPMENTBY USING SCIENTIFIC PROCESSES FOR PRESCHOOL CHILDREN, KINDERGARTEN, YEAR 1 บวั แกว้ ทองคำ 1 Buakaew Thongkam Corresponding Author Email: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการใช้ชุดฝึกการส่งเสริมและพัฒนาสติปัญญาทักษะทาง วิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับเด็กอนุบาลชั้นปีที่ 1 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์พื้นฐาน สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 โดยนำแผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ นวัตกรรม และแบบสังเกตที่ผ่าน ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแล้ว นำไปทดลองใช้ (Try out) กับกลุ่ม ตัวอย่างคือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดศรีอุ่นเมือง ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 11 คน สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวิจัยคา่ เฉลย่ี ไดแ้ ก่ ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลีย่ โดยใช้ สถติ วิ ิเคราะห์ Pair sample t–test ผลการวิจยั พบวา่ 1) การใชช้ ดุ ฝึกการสง่ เสริมและพัฒนาสติปัญญาทักษะทางวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐานสำหรบั เด็กอนุบาลชั้นปี ท่ี 1 ภาพรวมผลการเปรียบเทียบพฤตกิ รรมก่อนและหลังการใช้แผนการจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ ทางสติปัญญาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชั้นอนุบาลปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน (������̅=32.91) คะแนนเฉล่ยี หลังเรยี น (������̅=74.00) เมอื่ พจิ ารณาเปน็ รายบคุ คล พบว่า คะแนนหลังเรยี นเพ่มิ ข้ึนจากคะแนนก่อน เรียน คิดเปน็ คา่ เฉลย่ี 41.09 2) ผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมก่อนและหลังการใช้แผนการจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ ทางสติปัญญาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชั้นอนุบาลปีที่ 1 มีคะแนนบันทึกก่อนเรียนเฉลี่ย 32.91 คะแนนบันทึกหลังเรียนเฉลี่ย 74.00 มีค่าเฉลี่ยผลต่าง 41.09 และเมื่อเปรียบเทียบค่า t ที่คำนวณได้เท่ากับ 24.06 กับค่า t ที่เปิดตารางระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เท่ากับ 1.81 ซึ่งมีค่ามากกว่า แสดงว่าผลการ เปรียบเทยี บพฤตกิ รรมหลังเรยี นมคี า่ เฉลีย่ สูงกว่าผลการเปรียบเทยี บพฤติกรรมก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทาง สถติ ทิ ่ี .05 คำสำคญั : การส่งเสริม, พฒั นาสตปิ ญั ญา, ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ ABSTRACT The purpose of this research 1) to study the use of training kits for promoting and developing basic scientific skills for kindergarten children in the first year at Ban Mae Na Child Development Center, Moo 2, Mae Na Subdistrict Municipality. Chiang Dao District 1 ครูศนู ย์พฒั นาเดก็ เลก็ วัดศรอี ุ่นเมอื ง ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จงั หวดั เชยี งใหม่

30 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) Chiang Mai Province 2) to compare basic science basic skills for first-year preschool children before and after using the basic science skill training form for first-year children at Ban Mae Na Child Development Center, Moo 2, Mae Na Subdistrict Municipality. Chiang Dao District Chiang Mai Province, Semester 2, Academic Year 2018, 11 students The results of the research were as follows: An overview of the results of comparing behaviors before and after the use of the experience plan to promote the cognitive development using the scientific process. Kindergarten Year 1 had a pre-school grade point average (������̅ = 32.91), average score after class (������̅ = 74.00). When considered individually, it was found that the post-class score increased from the pre-school score. The average value was 41.09 results of comparing behaviors before and after the use of the experience plan to promote the cognitive development using the scientific process. Kindergarten year 1 had an average pre-school record score of 32.91, mean post-school record 74.00 had a mean difference of 41.09, and when comparing the calculated t value of 24.06 with the t value opened, the statistical significance level of .05 was equal to. 1.81 which is greater than Show that the comparison of behavior after school was higher than the result of the comparison of the behavior before school. Statistically significant at .05. Keywords: promotion, intelligence development, scientific skills บทนำ จำแนกประเภททักษะการทำนาย ทักษะการ วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างย่ิงใน วัด ทักษะการคำนวณทักษะการจัดกระทำ และสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการหา ชีวิตประจำวันของคนเรา จะเห็นว่าแม้แต่เด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างมิติของวัตถุ และทักษะ ปฐมวัยก็ยังได้รับประสบการณ์ในชีวิตประจำ การลงความคิดเห็นจากข้อมูล การจัด วันที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ ประกอบกับเด็กปฐมวัย มีความอยากรู้อยาก ใหแ้ กเ่ ด็กปฐมวัย ครูผูส้ อนควรจะต้องคำนึงถึง เห็นและมักจะตั้งคำถามกับ สิ่งรอบตัวอยู่ การจัดกิจกรรมให้เด็กเรียนรู้ผ่านสถานการณ์ ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เด็กปฐมวัยควรจะได้รับ จริง เช่น พาเด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาหาสื่อ การส่งเสริมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการ อุปกรณ์ของจริงที่เด็กได้หยิบจับ ทดลอง ค้นคว้าหาความรู้ เพื่อที่จะได้มีความรู้ความ กระทำกับวัตถุส่ิงของจริง โดยประสบการณ์ที่ เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เกิดขึ้นใน จัดให้แก่เด็กนั้นจะต้องมีความหมายต่อเด็ก ธรรมชาติ และ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และจะได้ เป็นสิง่ ที่สัมพันธก์ ับสิง่ ที่เคยเรยี นรู้ เคยพบเห็น มโี อกาสพฒั นาและประยุกต์ความรู้เหล่านั้นไป และสามารถนำมาปรับใช้ได้ในอนาคต สถาบัน ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต นำเสนอ ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ ครูและ (2551, น. 12) เด็กปฐมวัยเป็นวัยที่สำคัญใน ผู้ปกครองควรจะส่งเสริมให้แก่เด็กปฐมวัย การพัฒนาเรียนรู้ เนื่องจากเด็กในวัยนี้จะมี ประกอบด้วย ทักษะการสังเกต ทักษะการ

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 31 การพัฒนาการอย่างรวดเร็วทั้งในด้านร่างกาย ทัง้ หา้ ในการรับรู้ การค้นหาศาสตร์ความรู้ การ อารมณ์จิตใจ และสติปัญญา ในหลักสูตร สืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหาเด็กเป็น ปฐมว ั ยจ ึ งกำหนดให ้ สถานศ ึ กษ าจั ด เหมือนนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย ๆ ที่มีความ ประสบการณ์การเรียนรู้ใหก้ ับเด็กปฐมวัย ให้มี สงสัยใคร่รู้มีคำถามเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ รูปแบบที่หลากหลายสอดคล้องกับ อายุและ รอบตัว และเรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบตัวผ่าน ระดับพฒั นาการของผู้เรียน โดยกำหนดให้เด็ก ประสบการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา การกระตุ้น ปฐมวัย ได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้ และส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กด้วยทักษะ มีโอกาสลงมือทำเคลื่อนไหว ทดลอง เล่น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จึงเป็นการ สืบค้น คิดแก้ปัญหาได้ ด้วยตนเอง ตอบสนองต่อธรรมชาติของการเรียนรู้ของเด็ก (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2547, น. 52) โดยให้เด็กได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะการใช้ กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ จินตนาการ ยศวีร์ สายฟ้า (2551, น. 1) กล่าวว่า ความคดิ สร้างสรรค์และจิตวทิ ยาศาสตร์ซึ่งเป็น เดก็ เปรียบเสมือนแก้วน้ำที่พร้อมจะถูกเติมเต็ม ทักษะและลักษณะนิสัยของบุคคลที่ช่วยใน และคำกล่าวนี้สอดคล้องกับลักษณะการ การพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลก เรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเป็นอย่างมากตั้งแต่เมื่อ รอบตัวทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ แรกเกิดการเรียนรู้หรือประสบการณ์เดิมของ ควรส่งเสริมให้กับเด็กปฐมวัย พนิตสุภา โก เด็ก เปรียบเสมือนกับแก้วที่มีน้ำอยู่แล้วทุกส่งิ ศิลา (2553, น. 147-148) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ทกุ อยา่ งบนโลกนนั้ ลว้ นแลว้ แต่เป็นสิ่งน่าสนใจ การพัฒนาทักษะกระบวนการทาง น่าสืบค้นน่าสำรวจดังนั้น เมื่อเด็กเริ่มเจริญวัย วิทยาศาสตร์และคุณลักษณะด้านจิตพิสัย ขึ้นและรับประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้กิจกรรมการเรียน แก้วที่มีน้ำอยู่บ้างแล้วนั้นก็ถูกเติมถึงขอบแก้ว การสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ ผลการวิจัย ซึ่งนั้นก็หมายความว่าการเรยี นรู้ประสบการณ์ พบว่านักเรียนมีทักษะกระบวนการทาง ใหม่ ๆ และการสร้างความหมายใหม่ในสิ่งต่าง วิทยาศาสตร์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและการ ๆ ของเด็กได้เกิดขึ้นนั้นแล้วนั้นเอง บริบท พัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับการจัดประสบการณ์ สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการ วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยกล่าวคือหลัก เรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้สูงกว่า สำค ั ญ ประการหน ึ ่ งของการเร ี ยนรู้ เกณฑ์ที่ตงั้ ไว้ ร้อยละ80/80เปน็ ร้อยละ 87.22 วิทยาศาสตร์นั้นก็คือการสร้างความหมายของ สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเป็นระบบและ เป็น จากการศึกษาความสำคัญของ กระบวนการการเรียนรู้ของ เด็กปฐมวัยกับ การศึกษาระดับปฐมวัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ ประสบการณ์วิทยาศาสตร์จะสอดคล้องกัน ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน โดยใช้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ผ ู ้ ว ิ จ ั ย จ ึ ง ไ ด ้ ศ ึ ก ษ า แ น ว ค ิ ด ท ฤ ษ ฎ ี ก า ร จั ด เป ็ นท ั กษะทางสต ิ ป ั ญญาท ี ่ แส ดง ถึ ง ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับทักษะ ความสามารถในการฝึกฝนกระบวนการทาง กระบวนการวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน โดย ความคิดอย่างมีระบบ โดยใช้ประสาทสัมผัส ตระหนักถึงความเป็นบริบทของปฐมวัย ซ่ึง

32 วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) เป็นวัยที่ขาดพื้นฐานประสบการณ์ด้านต่าง ๆ วิธดี ำเนินการวจิ ัย เด็กปฐมวัยจะสามารถเรียนรู้จากการปฏิบัติ ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง และนอกจากนี้ผลการวิจัยเกี่ยวกับการจัด 1. ประชากร ประสบการณ์เรียนรู้ดังกล่าวมีผลต่อการ ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษาครั้งนี้คือ พัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ขั้น พ ื ้ น ฐ า น ท ี ่ ส ู ง ข ึ ้ น ผ ู ้ ว ิ จ ั ย จ ึ ง เ ล ื อ ก ก า ร จั ด นักเรยี นระดับชนั้ อนุบาลปที ี่ 1 ศูนยพ์ ัฒนา ประสบการณ์โดยใช้เป็นแนวทางมาประยุกต์ เดก็ บ้านแม่นะ หมู่ 2 สังกัดเทศบาลตำบลแม่ ผ่านการส่งเสริมและพัฒนาสติปัญญาโดยใช้ นะ อำเภอเชยี งดาว จังหวัดเชียงใหม่ ปี การฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับ การศึกษา 2561 จำนวน 10 คน เด็กอนุบาลชั้นปีที่ 1 ศูนย์พัฒนาเด็กบ้านแม่ นะ หมู่ 2 สังกัดเทศบาลตำบลแม่นะ อำเภอ 2. เครือ่ งมอื ในการวิจัย เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ สนองตอบต่อการปูพื้นฐานประสบการณ์ให้ ประกอบดว้ ย เด็กปฐมวัยไดเ้ ปน็ อย่างดี 1. ชุดการฝึกการส่งเสริมและพัฒนา สติปัญญาทักษะทางวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน วัตถุประสงค์ สำหรบั เด็กอนุบาลชน้ั ปีที่ 1 ศูนย์พัฒนาเดก็ 1. เพื่อศึกษาการใช้ชุดฝึกการส่งเสริม บา้ นแม่นะ หมู่ 2 สงั กัดเทศบาลตำบลแมน่ ะ อำเภอเชยี งดาว จังหวัดเชยี งใหม่ และพัฒนาสติปัญญาทักษะทางวิทยาศาสตร์ 2. แบบทดสอบวัดทางวทิ ยาศาสตร์ พื้นฐานสำหรับเด็กอนุบาลชั้นปีที่ 1 ศูนย์ พ้ืนฐานของเด็กเด็กอนบุ าลชน้ั ปที ี่ 1 ก่อน พฒั นาเด็กเล็กบ้านแม่นะ หมู่ 2 สงั กดั เทศบาล เรยี นและหลงั เรยี นมคี ่าดชั นีความสอดคล้อง ตำบลแม่นะ อำเภอเชยี งดาว จงั หวัดเชียงใหม่ ไม่น้อยกว่า .80 กำหนดหัวเรื่องตามเนื้อหาของแบบฝึก 2. เพ ื ่ อเปร ี ยบเท ี ยบท ั กษะทาง ทักษะแต่ละหน้า และศึกษามโนทัศน์ ของ วิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับเด็กอนุบาลชั้นปที ่ี เรื่องที่เรียนอย่างชัดเจนโดยจัดทำตาราง 1 ก่อนและหลังการใช้ชุดฝึกการส่งเสริมและ กำหนดหัวเรื่องที่เรียนแต่ละสัปดาห์และ พัฒนาสติปัญญาทักษะทางวิทยาศาสตร์ สาระสำคัญของการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ พื้นฐานสำหรับเด็กอนุบาลชั้นปีที่ 1 ศูนย์ ประกอบการฝึกทักษะวิทยาศาสตร์พื้นฐาน พฒั นาเดก็ เล็กบ้านแม่นะ หมู่ 2 สังกดั เทศบาล จากผลการศึกษาได้หัวเรื่องที่จะนำไปจัด ตำบลแมน่ ะ อำเภอเชยี งดาว จงั หวดั เชียงใหม่ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการแบบฝึกทักษะ วทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน สัปดาห์ที่ การฝกึ ทักษะ/หัวขอ้ เรือ่ ง 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 รา่ งกายของฉัน 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อวัยวะอยไู่ หน 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 หน้าท่ีของอวยั วะ

วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 33 สปั ดาหท์ ี่ การฝึกทกั ษะ/หัวขอ้ เรอื่ ง 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 สิ่งมีชวี ติ เปน็ อยา่ งไร 5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 สงิ่ ไมม่ ีชวี ติ เปน็ อยา่ งไร 6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6 การจำแนกประเภทของส่ิงมชี วี ติ 7 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 สว่ นประกอบของแม่เหล็ก 8 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 พลงั ...แมเ่ หล็ก 9 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 9 ดดู หรือผลกั 10 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 10 สว่ นประกอบของดนิ 11 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 11 มาจำแนกดนิ กันเถอะ 12 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 12 ดินไหนอุ้มนำ้ ไดด้ กี ว่ากัน 13 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 13 อากาศมแี รงดันหรือไม่ 14 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 14 มหัศจรรยแ์ รงดนั ของน้ำ 15 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 15 ลอยหรือจม 16 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 16 ดนิ น้ำมันแปลงรา่ ง กรอบแนวคดิ การวจิ ัย

34 วารสารปัญญา ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) การวเิ คราะหข์ ้อมูล ทางสตปิ ญั ญาโดยใช้กระบวนทางวิทยาศาสตร์ ผู้ศกึ ษาได้ดำเนนิ การศึกษาตามแบบ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 มา คำนวณหาคา่ เฉล่ยี และ ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน แผนการวจิ ยั One group Pretest Posttest นำคะแนนความสามารถทางวิทยาศาสตร์ของ Design (พวงรัตน์ ทวรี ัตน์, 2540, น. 60 ) เด็กปฐมวัยที่ได้จาก แผนการจัดกิจกรรมเสริม ประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทาง O1 X O2 สติปัญญาโดยใช้กระบวนทางวิทยาศาสตร์ สำหรบั เด็กปฐมวยั ชัน้ อนบุ าลปที ี่1 เมื่อ O1 แทน การทดสอบก่อนเรียน O2 แทน การทดสอบหลังเรียน สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล X แทน การเรียนโดยใช้บทเรียน 1. สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ สำเร็จรูป สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2. เพื่อตอบคำถามของการทดลอง การ 1. ผู้วิจัยนำแผนการจัดกิจกรรมเสริม ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติ ประสบการณ์ นวัตกรรม และแบบสังเกตที่ วิเคราะห์ Pair sample t–test หลังจากนั้น ผ่านผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและปรับปรุงตาม นำคา่ สถติ ทิ ไ่ี ด้มาแปลความหมายต่อไป ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแล้วนำไปทดลอง ใช้ (Try out) กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดศรีอุ่น สรุปผลการวจิ ัย เมือง ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัด วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 การใช้ชุดฝึกการ เชียงใหม่ โดยได้มีการหาประสิทธิภาพของ นวตั กรรมด้วยการทำไปทดลองใช้โดยผู้วิจัยได้ ส่งเสริมและพัฒนาสติปัญญาทักษะทาง แบ่งการทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) การ วิทยาศาสตร์พื้นฐานสำหรับเด็กอนุบาลชัน้ ปที ี่ นำไปทดลองหาค่าประสิทธิภาพแบบเด่ียว 1 : 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านแม่นะ หมู่ 2 สังกัด 1 ,1 : 10, 1 : 100 โดยทดลองกบั นักเรยี น ทมี่ ี เทศบาลตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัด ความสามารถต่างกันคือ เก่ง ปานกลาง และ เชียงใหม่ พบว่า ผลที่ได้จากแผนการจัด อ่อน พบว่า ผลที่ได้จากแผนการจัดกิจกรรม กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ การเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝึกทักษะ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นอนุบาลปีที่ 1 อยู่ใน วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นอนุบาลปีที่ 1 อยู่ใน ระดบั E1/E2 = 80.32/80.59) สามารถนำไปใช้ ระดับ E1/E2 = 80.32/80.59) ซง่ึ สงู กว่าเกณฑ์ กับกลุ่มทดลองเพื่อเกบ็ ข้อมลู ในการวิจัย 80/80 จึงสามารถนำไปใช้ในการวิจัยกับกลุ่ม ทดลองเพือ่ เกบ็ ข้อมูลในการศึกษาต่อไป วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 เพื่อเปรียบเทียบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็ก 2. ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ปฐ มว ั ย ก ่ อนและหล ั งได ้ ร ั บการจั ด โดย เปรียบเทียบความสามารถทาง ประสบการณ์ด้วยชุดกิจกรรมกิจกรรมเสริม วิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ก่อนเรียนและ ประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทาง หลังเรียนโดยแผนการจัดกิจกรรมเสริม สติปัญญาโดยใช้กระบวนทางวิทยาศาสตร์ ประสบการณ์เรียนรู้ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 35 สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีท่ี1 ภาพรวม พัฒนาการทางสติปัญญาโดยใช้กระบวนการ ผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมก่อนและหลัง ทางวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั อนบุ าลปที ี่ 1 การใช้แผนการจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริม คนที่ ก่อนเรยี น หลงั เรียน ค่าความแตกต่าง 1 88 200 112 2 93 201 108 3 99 202 103 4 92 206 114 5 93 198 105 6 104 198 94 7 96 199 103 8 103 206 103 9 102 206 104 10 88 199 111 รวม 958 2015 1057 ค่าเฉลยี่ 95.80 201.50 105.70 t = 24.06 จากตาราง 53 แสดงภาพรวมผลการ เทียบกับค่าตาราง t ท่ี .05 มีค่าเท่ากับ 1.83 เปรียบเทียบพฤติกรรมก่อนและหลังการใช้ แสดงว่าค่าเฉลีย่ ทดสอบหลังเรียนมีค่ามากกว่า แผนการจัดประสบการณ์ เพื่อส่งเสริม ค่า t วิกฤติจึงสรุปได้ว่านวัตกรรมมี พัฒนาการทางสติปัญญาโดยใช้กระบวนการ ประสทิ ธภิ าพ ทางวิทยาศาสตร์ ชั้นอนุบาลปีที่ 1 มีคะแนน เฉลี่ยก่อนเรียน (������̅ = 95.80) คะแนนเฉลี่ย ภาพรวมผลการเปรียบเทียบพฤติกรรม หลังเรียน (������̅ = 201.50) เมื่อพิจารณาเป็น ก่อนและหลังการใช้แผนการจัดประสบการณ์ รายบคุ คล พบว่า คะแนนหลงั เรียนเพิ่มขึ้นจาก เพื่อ ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยใช้ คะแนนก่อนเรียน คิดเปน็ ค่าเฉลี่ย 105.70เมื่อ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชั้นอนุบาลปที ี่ 1 การเปรยี บเทียบ n ̅������ S.D. ���̅��� SDd t ก่อนเรียน 10 95.80 5.96 105.70 5.81 24.06 หลังเรียน 10 201.50 3.34 *อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติที่ .05 p < .05

36 วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ภาพรวมผลการเปรียบเทียบพฤติกรรม ค่า t ท่ีคำนวณไดเ้ ท่ากับ 24.06 กับคา่ t ทีเ่ ปิด ก่อนและหลังการใช้แผนการจัดประสบการณ์ ตารางระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยใช้ เท่ากับ 1.83 ซึ่งมีค่ามากกว่า แสดงว่าผลการ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชั้นอนุบาลปีท่ี เปรียบเทียบพฤติกรรมหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยสูง 1พบว่า มีคะแนนบันทึกก่อนเรียนเฉลี่ย 95.80 กว่าผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมก่อนเรียน คะแนนบันทึกหลังเรียนเฉลี่ย 201.50 มี อยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ี .05 ค่าเฉลี่ยผลต่าง 105.70 และเมื่อเปรียบเทียบ อภปิ รายผลการวิจัย สตปิ ญั ญาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์การ ชน้ั อนบุ าลปีท่ี 1 ที่มี 16 หน่วยการเรยี นรู้ และ 26 แผนการเรียนรู้ จากตารางPaired sample เรียนรู้ระดับปฐมวัย ที่พัฒนาให้เกิดทักษะการ Test ตารางค่า t มีค่าความแตกต่างในการ ค ิ ด เ ช ิ ง เ ห ุ ต ผ ล แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ค ิ ด เ ป็ น เรียนรู้ของผู้เรียนก่อนเรียนและหลังเรียนใน ความสำคัญยิ่งที่จะพัฒนาการเรียนรู้ในระดับ แต่ละแผนการเรียนรู้ที่มีค่า t สูงสุดคือ ที่สูงขึ้นเพื่อสร้างผู้เรียนหรือเยาวชนไทยที่มี แผนการเรียนรู้ท่ี 8 หน่วยการเรียนรู้ แม่เหล็ก ทักษะการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็น หรรษา แผนการเรียนรู้ พลังแม่เหล็กมีค่า t ทักษะสำคัญในโลกอนาคต และการวิเคราะห์ =27.29 รองลงมามีค่า t เท่ากันคือแผนการ สถิติเพอ่ื เปรียบเทียบความแตกต่างด้านทักษะ เรียนรู้ที่ 16 หน่วยการเรียนรู้ ลอยและจม ทางวิทยาศาสตร์ของกลุ่มทดลองก่อนเรียน แผนการเรียนรู้ ดินน้ำมันแปลงร่าง และ แ ล ะห ล ั ง เ ร ี ย น ใ น กา ร ใช้ ช ุ ด ก ิ จ กร ร ม เ ส ริ ม แผนการเรียนรู้ท่ี 23 หน่วยการเรยี นรู้ ต้นไม้ท่ี ประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทาง

วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 37 รักมีค่า t = 26.83 ส่วนแผนการเรียนรู้ที่มีค่า ทดลองกับเด็กปฐมวั ยที่ได้รับการจัด ความแตกต่างของผู้เรียนน้อยที่สุดคือหน่วย ประสบการณ์แบบปกติมี ความคิดเชิงเหตุผล การเรียนรู้ เรื่องเงา แผนการเรียนรู้เล่นกับเงา ต่างกัน กล่าวคือ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด มคี า่ t= 10.16 จากความแตกต่างค่า t ที่สงู สดุ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ แ บ บ ป ฏ ิ บ ั ต ิ ก า ร ท ด ล อ ง มี และต่ำสุด ในแผนการเรียนรู้ที่มีค่า t ต่ำสุด ความคิดเชิงเหตุผลสูงกว่าเด็กปฐมวัยที่ได้รับ ผ้วู ิจยั จะต้องศึกษาศึกษาหาข้อบกพร่องว่าเกิด การจดั ประสบการณ์แบบปกติ จากสาเหตุอะไรแล้วนำมาปรับปรุงพัฒนาและ ทดลองเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทำให้นวัตกรรม ข้อเสนอแนะการวจิ ัย ชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อส่งเสริม 1. ควรเน้นเรื่องความความร่วมมือของ พัฒนาการทางสติปัญญาโดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ชั้นอนุบาลปีที่ 1 มีความ เดก็ ผา่ นฐานกิจกรรม และกระตุน้ ความคิดของ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปใช้ในการ เด็กด้วยคำถามทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เด็กรู้ พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย จัดการแสวงหาคำตอบอยา่ งง่ายให้กบั ตัวเด็ก โรงเรียนอื่นต่อไปซึ่งสอดคล้องกับการวิจัย ของนวพร ทวีวิทย์ชาคริยะ (2551: บทคัดย่อ) 2. ควรพาเด็กปฐมวัยไปศึกษานอก ได้ศึกษาความคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยท่ี สถานที่เช่น นิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ หรือ ได้รับ การจัดประสบการณ์แบบปฏิบัติการ ศึกษานอกห้องเรียนเพื่อเปิดประสบการณ์ ใหม่ๆให้กับเด็กได้เรียนรู้จากของจริงเพื่อการ เรยี นรู้ท่ยี ่ังยืนของเด็กปฐมวัย แหลง่ อ้างองิ กระทรวงศึกษาธิการ. (2547). คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 (สําหรับเด็ก อายุ 3-5 ปี). กรุงเทพฯ: กระทรวงศกึ ษาธิการ. พนิตสภุ า โกศลิ า. (2553). การพัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละคุณลักษณะด้านจิต พิสัย สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้. (วทิ ยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑิต,มหาวิทยาลัยขอนแก่น). พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2540). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร. ยศวีร์ สายฟ้า. (2551). เมื่อเด็กปฐมวัยเรียนปนเล่นกับวิทยาศาสตร์ : หลักการและรูปแบบ การ สอน วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2551). การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

Received: 2021-03-05 Revised: 2021-04-13 Research Articles Accepted: 2021-04-17 ชดุ กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์เพ่อื พัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ “โดยใชส้ ่ิงของใกล้ตัวเรียนรู้ควบค่สู นกุ ” สำหรับเด็กปฐมวัย ช้ันอนุบาลปที ี่ 2 A SET OF EXPERIENCE-ENHANCING ACTIVITIES TO IMPROVE SCIENCE PROCESS SKILLS “BY USING OBJECTS FUN COUPLED LEARNING” FOR PRESCHOOL CHILDREN KINDERGARTEN YEAR 2 นวลจันทร์ บุดดา1 Nualchan Butda Corresponding Author Email: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์“ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่สนุก” สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 2) เพื่อเปรียบเทยี บทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังได้รับการจัดประสบการณ์ด้วยชุดกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรยี นร้คู วบค่สู นกุ ” เปน็ การวจิ ยั เชิงทดลองแบบ one – group pre – posttest กล่มุ ตัวอยา่ งทีใ่ ช้ อนุบาลปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จำนวน 7 คน สถติ ิท่ีใช้สถิตเิ ชิงพรรณนา และ t-test ผลการวจิ ยั พบว่า 1. การพัฒนาพัฒนาชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์“ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่สนุก” สำหรับเด็ก ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 พบว่า ผลที่ได้จากแผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวน ทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้สงิ่ ของใกล้ตัวเรียนรคู้ วบคสู่ นกุ ชัน้ อนุบาลปีที่ 2 อยใู่ นระดบั 80.31/80.26 2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิก์ ่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ “ใช้สิง่ ของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่สนุก” มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนทั้งหมด (������̅ = 6.30) คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนทั้งหมด (������̅ = 23.71) เมื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล พบว่า คะแนนหลังเรียนเพิ่มขึ้นจากคะแนนก่อนเรียน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 17.43 เมื่อ เทียบกับคา่ ตาราง t ท่ี .05 มีค่าเท่ากับ 1.94 แสดงว่าค่าเฉลีย่ ทดสอบหลังเรยี นมีค่ามากกว่าค่า t วิกฤติจงึ สรุป ได้ว่านวัตกรรม มีประสิทธิภาพ และภาพรวมของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 5 หน่วย ของนักเรียนช้ัน อนุบาลปีที่ 2 ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่สนุก” มี คะแนนทดสอบก่อนเรียนเฉลี่ย 6.29 คะแนนทดสอบหลังเรียนเฉลี่ย 23.71 มีค่าเฉลี่ยผลต่าง 17.43 และเมื่อ เปรยี บเทยี บระหวา่ งคะแนนก่อนเรียนและหลังเรยี นรวมทั้งค่า t ท.่ี 05 = 1.94 แสดงว่า ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน หลังการใช้ชุดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์ มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นก่อนการใชก้ ิจกรรม อย่างมี นัยสำคัญทางสถติ ทิ ี่ .05 คำสำคัญ: การพฒั นา, ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์, กจิ กรรมเสริมประสบการณ์, เด็กปฐมวยั ABSTRACT The purpose of this research were 1) to develop a set of activities to enhance the experience \"using objects near your body. Learn in conjunction with fun \"for early childhood Kindergarten 2) to compare the science process skills of early childhood. Before and after 1 ข้าราชการครเู ทศบาลตำบลแม่นะ

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 39 the experience was organized with a set of experience activities. \"Use something close to you This study was one group pretest - posttest design, a sample of 7 subjects using Kindergarten Year 2, Semester 2, Academic Year 2019, using descriptive statistics and t-test The results of the research were as follows: 1. Development and development of a set of activities to enhance the experience \"Use nearby things Learn in conjunction with fun \"for early childhood In Kindergarten Year 2, it was found that the results from the experience enhancement activity plan to develop scientific process skills Using objects near the body to learn together fun. Kindergarten 2 level at 80.31 / 80.26 level. 2. The results of comparing the achievement before and after using the experience enhancement activities. \"Use something close to you Learning while having fun.” The average score before all studies (������̅ = 6.30). The average score after all studies (������̅ = 23.71). This means that the mean of 17.43, compared to the table t at .05 is 1.94, indicating that the post-test mean is greater than the critical t value. Efficient And an overview of the learning achievement of 5 units of Kindergarten 2 students before and after using the experience enhancement activity package \"Use something close to you “Learning while having fun” had an average pre-test score of 6.29, an average post-test score of 23.71 and a mean difference of 17.43, and when comparing the pre- and post-study scores and t at .05 = 1.94, the post-learning achievement Using the experience-enhancing activity package Have a higher average than academic achievement before using the activity Statistically significant at .05. Keywords: Development, Scientific Skills, Experience Activities, Early Childhood บทนำ ดงั ท่ี Illig (1998, p. 35-36), เกรียงศักด์ิ เจริญ การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญเพ่ือ วงศ์ศักดิ์ (2551, น. 12) และ เทพกัญญา พรหมข ั ต ิ แก ้ ว (2554, น. 33) กล ่ าวถึ ง พัฒนา “คน” ให้สามารถรับมือกับการ ความสำคัญของการพัฒนาเด็กในช่วงปฐมวัย เปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ ให้ ว่า เป็นช่วงที่สำคัญ เนื่องจากเด็กช่วงปฐมวัย สามารถตอบสนองต่อการแข่งขันที่รวดเร็ว 0-6 ปี มกี ารพฒั นาสูงสุด ซ่ึงเซลลส์ มองในช่วง รุนแรง ดังนั้นประชากรวัยเรียนทุกคนควร นี้จะแตกเพิ่มเส้นใยในสมองเชื่อมโยงระหว่าง ได้รับการพัฒนาอย่างเตม็ ตามศักยภาพ เพราะ เซลล์สมองด้วยกันอย่างมากมาย รวดเร็วและ การศึกษาเป็น กระบวนการที่ช่วยให้คนได้ จะมีความสามารถในการเรียนรู้ดีกว่าในวัยอ่ืน พัฒนาในด้านต่าง ๆ ตลอดชีวิต การพัฒนาจึง ๆ จึงกล่าวได้ว่าประเทศจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องพัฒนาตั้งแต่ระดับปฐมวัยเพราะในช่วงน้ี มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการวางรากฐาน เด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ได้ดีและเป็นการ ให้แก่บุคลากรในประเทศตั้งแต่ปฐมวัยดังที่ วางรากฐานในการศึกษาในระดับต่อ ๆ ไปของ Driver (2001) กล่าวว่าการสอนเป็นงาน ท่ี ชีวิต ซึ่งการพัฒนาบุคคลให้มีคุณภาพน้ัน เป็น ซับซ้อนไม่มีรูปแบบกลยุทธ์การสอนใด ๆ ผลจากการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่ปฐมวัย

40 วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) สมบูรณ์มปี ระสิทธภิ าพ ครจู งึ ตอ้ งมีการพัฒนา รวมทั้งต้องเตรียมความพร้อมเด็กเข้าสู่ ด้านการ จัดการเรียนการสอนอยู่เสมอ การ ศตวรรษท่ี21และThailand 4.0 จึงจำเป็นต้อง พัฒนาคนให้สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจบุ นั เร่งพัฒนาเด็กในด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ สมรรถนะหนึ่งของคนก็คือ เป็นผู้ที่มีความรู้ การพัฒนาทักษะด้านกระบวนการทาง ความสามารถ ด้านการคิด การแก้ปัญหามี วิทยาศาสตร์ เพราะทักษะเหล่านี้เป็นรากฐาน เหตุผลมีทักษะด้าน วิทยาศาสตร์ แต่ใน ที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้และการพัฒนาการ ปัจจุบันประเทศไทยขาดแคลนนักวิจัย และ คิดในขั้นสูงรวมทั้งการ นำไปใช้ใน นักประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์ และ ชีวิตประจำวนั ดงั นั้นการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเป็นอย่างมากทำให้ผลงานทาง มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิต วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใช้เอง ประจำวันของมนุษย์ตลอดชีวิตของทุกคนต่าง นอ้ ยมากเมื่อเทียบกบั ประเทศอืน่ ๆ การศึกษา ก็ มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้นการ ของไทยเกี่ยวกับการเรียนวิทยาศาสตร์และ เรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสำคัญที่จะทำให้ พัฒนาการทางด้านทักษะกระบวนการทาง คนได้พัฒนาวิธีคิดทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล วิทยาศาสตร์ทั้งระดับมัธยม ประถมศึกษา คิดสร้างสรรค์คิดวิเคราะห์วิจารณ์มีทักษะที่ และระดับปฐมวัยนักเรียนมีคุณภาพด้านนี้อยู่ สำคญั ในการค้นคว้าหาความรู้มี ความสามารถ ในเกณฑ์ที่ต้องเร่งดำเนินการพัฒนาอย่าง ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบสามารถ เร่งด่วนซึ่งสาเหตุด้วย ปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมี โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น ร ะ ด ั บ ป ฐ ม ว ั ย ซ ึ ่ ง ถ ื อ ว ่ า เ ป็ น ประจักษ์พยาน ที่ตรวจสอบได้ความรู้ด้าน ช่วงเวลา ที่สำคัญที่สุดที่จะวางรากฐาน ให้กับ วิทยาศาสตร์ช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจ เดก็ โดยในช่วงปฐมวัย สถาบนั สง่ เสรมิ การสอน เกยี่ วกับธรรมชาติและเทคโนโลยที ี่มนุษย์สร้าง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2554, น. 3) ขึ้น รวมถึงการนำความรู้ไปใช้อย่างสร้างสรรค์ กล่าวว่าการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ มีเหตุผล มีคุณธรรม นอกจากนี้ยังช่วยให้คนมี วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ยังไม่ได้รับ ความรู้ความ เข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ การส่งเสริมให้ แพร่หลายครูปฐมวัยส่วนใหญ่ ประโยชน์การดูแลรักษาตลอดจนการพัฒนา ขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งในด้าน สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่าง เนื้อหาวิทยาศาสตร์ ด้านวิธี สอนวิทยาศาสตร์ สมดุลและยั่งยืน การจัดการเรียนรู้ และด้านบริบทที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ วิทยาศาสตร์มีความสำคัญอย่างยิ่งควรจัดการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์สาเหตุหนึ่งอาจ เนื่องด้วย เรียนรตู้ ้งั แต่ระดับปฐมวัย (สถาบนั สง่ เสริมการ การจัดการศึกษาปฐมวัยมิได้เป็นการศึกษา สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2551, น. 1- ภาคบงั คบั และในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้ 2) การจดั การเรียนรู้ท่สี อดคล้องกับพัฒนาการ กำหนดกรอบสาระของหลักสูตรไว้กว้าง ๆ ทางสมอง (Brain-based Learning) เป็นสิ่งที่ ส่งผลให้สาระของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไม่มี ไ ด ้ ร ั บ ก า ร ก ร ะ ต ุ ้ น เ ต ื อ น ใ ห ้ ต ร ะ ห น ั ก ถึ ง ความชดั เจน ความสำคัญ เพราะสมองเปรียบเสมือนเป็น เสนาธิการผู้บัญชาการของระบบประสาท

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 41 ส่วนกลางทั้งระบบ คอยควบคุมดูแลกิจกรรม ประสบการณ์และทักษะต่าง ๆ นักเรียน เกิด การเคลื่อนไหว การรับรู้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ การเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ มีพัฒนาการท่ี รวบรวม ประมวลผลคัดเลือก เรียนรู้การคิด สูงขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด และเพื่อเตรียม อารมณ์ พฤติกรรม ฯลฯ สมองจึงมีการทำงาน ความพร้อมอันเป็นพื้นฐานที่ดีของนักเรียน ที่สัมพันธก์ ันทั้งร่างกาย และจิตใจ การจัดการ สำหรับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและระดับที่สูงข้ึน เรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรทำ ตอ่ ไป ความเข้าใจการทำงานของสมองต้องให้ ความสำคญั กบั การเช่ือมโยงของวงจรสมอง จึง วัตถปุ ระสงค์ จะเกิดการเรียนรู้หากการจัดการเรียนรู้ขัดต่อ 1. เพื่อพัฒนาช ุดกิจกรรมเสริ ม การทำงานของสมองจะทำให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ได้เต็มตามศักยภาพ เช่น เมื่อข้อมูลเข้าสู่ ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ สมองสมองเกิดการเรียนรู้เข้าสู่การคิด เป็น สนุก” สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 ท่ี ข้อมลู ใหม่แล้ววงจรข้อมูลนั้นจะคงอยู่ในสมอง มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 เรียกว่าความจำ สิ่งที่จำได้หรือวงจรข้อมูล ความรู้จะถูก นำไปใชใ้ นการคิดคร้ังใหม่ ดงั น้ัน 2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการ การจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการ ทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลัง ทางสมองในแต่ละชว่ งวัยจะช่วย ให้ผูเ้ รียนเกิด ได้รับการจัดประสบการณ์ดว้ ยชุดกจิ กรรมเสรมิ การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ (กัญนิกา ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ พราหมณพ์ ิทกั ษ,์ 2551, น. 19-21) สนุก” สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนบุ าลปีที่ 2 จากสภาพความต้องการ ในการพัฒนา วธิ ดี ำเนินการวิจยั เด็กปฐมวัยให้มีทักษะกระบวนการทาง ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ และสภาพ 1. กลมุ่ ทดลอง ปัญหาการพัฒนาวิชาชีพครูรวมทั้งการศึกษา 1.1 กลุ่มทดลอง ได้แก่ เด็กปฐมวัยท่ี วิเคราะหร์ ูปแบบการพฒั นาวชิ าชีพซ่ึงมีวิธีการ ท่ี หลากหลายรูปแบบดังกล่าวข้างตน้ ผู้ศึกษา กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 การพัฒนา ในฐานะครูผู้สอนซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาท ทักษะกระบวนทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ชุด หน้าที่ในการพัฒนาส่งเสริม การจัดการเรียน กิจกรรมเสริมประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว การสอนที่มีคุณภาพมีประสิทธิภาพและเกิด เรียนรู้ควบคู่สนุก” สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้น สัมฤทธ์ิผลต่อผู้เรียนที่คุณภาพเด็กจึงสนใจ อนุบาลปีท่ี 2 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านสบคาบ ศึกษาและพัฒนาโดยใช้การพัฒนาทักษะ สังกัดเทศบาลตำบลแม่นะ ตำบลแม่นะ อำเภอ กระบวนทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ชุดกิจกรรม เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเรียนท่ี 2 ปี เสริมประสบการณ์ “ใช้ส่ิงของใกล้ตัว เรียนรู้ การศกึ ษา 2562 รวมนกั เรยี นทั้งหมด 7 คน ควบคู่สนุก” สำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปี ที่ 2 ในการส่งเสริมให้นักเรียนได้รับ 2. ตวั แปรทีใ่ ชใ้ นการวิจยั 2.1 ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ โ ด ย ใ ช ้ ช ุ ด ก ิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ สนกุ ”

42 วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ทั กษะ เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการวิจยั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวยั นวัตกรรมและแผนการสอนจำนวน 15 3. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง ผู้วิจัย แผน ในการวจิ ยั ประกอบดว้ ยเน้ือหาท่ีเก่ียวกับ ใช้เวลาทำการทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปี ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็ก การศึกษา 2562 ทดลองจำนวน 3 สัปดาห์ ปฐมวัยประกอบดว้ ย 5 หน่วยดงั ตอ่ ไปนี้ สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 20 นาที ทั้งนี้ไม่รวม เวลาการประเมินทักษะกระบวนการทาง 1. หนว่ ยท่ี 1 ของเลน่ ของใช้รอบตวั วทิ ยาศาสตรข์ องเด็ก ปฐมวยั กอ่ นและหลังการ 2. หนว่ ยที่ 2 แมงและแมลงรอบตัว จัดประสบการณ์โดยใช้ชุดกิจกรรมเสริม 3. หน่วยท่ี 3 น้ำด่ืมชน่ื ใจ ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ 4. หนว่ ยท่ี 4 ผลไมด้ มี วี ิตามนิ สนกุ ” สำหรบั เด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปที ่ี 2 5. หนว่ ยท่ี 5 ขนมนา่ รักประทาน กรอบแนวคิดการวิจยั การวิเคราะหข์ อ้ มูล X แทน การเรียนโดยใชบ้ ทเรียน ผ้ศู กึ ษาได้ดำเนนิ การศึกษาตามแบบ สำเรจ็ รูป แผนการวจิ ยั One group Pretest Posttest 1. ผวู้ ิจยั ได้นำแผนการจัดกิจกรรมเสริม Design (พวงรตั น์ ทวีรัตน์, 2540, น. 60 ) ประสบการณ์ นวัตกรรม และสังเกต การจัด กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะ O1 X O2 กระบวนทางวิทยาศาสตร์ โดยใชส้ งิ่ ของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่สนุก ชั้นอนุบาลปีที่ 2 กลุ่ม เม่ือ O1 แทน การทดสอบก่อนเรยี น ทดลองจำนวน 7 คน ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัด O2 แทน การทดสอบหลังเรยี น ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ แ ผ น ก า ร จ ั ด ก ิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม ประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนทาง

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 43 วิทยาศาสตร์ โดยใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ควบคู่สนุก ชั้นอนุบาลปีที่ 2 กับกลุ่มทดลอง 1. สถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ด้วยตนเอง และเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยใช้ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เวลาในการจัดประสบการณ์ ทั้งหมด 3 2. เพื่อตอบคำถามของการทดลอง การ สัปดาห์ ในขณะที่จัดประสบการณ์ ฯ แต่ละ ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติ หน่วยกิจกรรมผู้วิจัยได้สังเกตพฤติกรรมของ วิเคราะห์ Pair sample t–test หลังจากน้ัน เด็กแต่ละคนว่ามีความพึงพอใจมากน้อย นำคา่ สถติ ทิ ่ไี ด้มาแปลความหมายต่อไป เพียงใดและบันทึกลงในแบบสังเกตพฤติกรรม ไ ว ้ ห ล ั ง จ า ก แ ผ น ก า ร จ ั ด ก ิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม สรุปผลการวจิ ัย ประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนทาง วัตถุประสงค์ข้อท่ี 1 เพื่อพัฒนาชุด วิทยาศาสตร์ โดยใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ ควบคู่สนุก ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 เพื่อนำไป กิจกรรมเสริมประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เปรียบเทียบกับคะแนนประเมินความสามารถ เรียนรู้ควบคู่สนุก” สำหรับเด็กปฐมวัย ช้ัน ฯ กอ่ นการจัดประสบการณ์ตอ่ ไป อนุบาลปีท่ี 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ผู้วิจัยนำแผนการจัดกิจกรรมเสริม 2. ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ประสบการณ์ นวัตกรรม และแบบสังเกตท่ี โดย เปรียบเทียบความสามารถทาง ผ่านผู้เชีย่ วชาญแล้วนำไปทดลองใช้ (Try out) วิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ก่อนเรียนและ กับกลุม่ ตวั อย่างคือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านแม่ หลังเรียนโดยแผนการจัดกิจกรรมเสริม นะ ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัด ประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนทาง เชียงใหม่ โดยได้มีการหาประสิทธิภาพของ วิทยาศาสตร์ โดยใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ นวัตกรรมด้วยการทำไปทดลองใช้โดยผู้วิจัยได้ ควบคู่สนุก ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 นำคะแนน แบ่งการทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) การ ความสามารถทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ นำไปทดลองหาค่าประสิทธิภาพแบบเดี่ยว 1 : ได้จากการประเมินก่อนและหลังแผนการจัด 1 โดยทดลองกับครู 1 คน และนักเรียน 3 คน กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะ ที่มีความสามารถต่างกันคือ เก่ง ปานกลาง กระบวนทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้สิง่ ของใกล้ตัว และอ่อน (60/60 ) 2) การนำไปทดลองหาค่า เรียนรู้ควบคู่สนุก ชั้นอนุบาลปีท่ี 2 มา ประสิทธิภาพแบบ 1 : 10 โดยทดลองกับครู 1 คำนวณหาคา่ เฉล่ีย และ ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน คน ต่อนักเรียน 10 คน ที่มีความสามารถ นำคะแนนความสามารถทางวิทยาศาสตร์ของ ต่างกันคือ เก่ง ปานกลาง และอ่อน (70/70) เด็กปฐมวัยที่ได้จาก แผนการจัดกิจกรรมเสริม และ 3) การนำไปทดลองแบบภาคสนาม 1 : ประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนทาง 100 โดยทดลองกับครู 1 คน ต่อนักเรียน 14 วิทยาศาสตร์ โดยใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ คน (80/80) พบว่า ผลที่ได้จากแผนการจัด ควบคสู่ นุก ชั้นอนุบาลปที ่ี 2 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะ กระบวนทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้สิ่งของใกล้ตัว เรยี นรู้ควบคู่สนุกชั้นอนุบาลปีที่ 2 อยู่ในระดับ

44 วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 80.31/80.26 สามารถนำไปใช้กับกลุ่มทดลอง ประสบการณ์“ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ เพ่ือเกบ็ ขอ้ มลู ในการศึกษาต่อไป สนุก”ภาพรวมแสดงผลการเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรม วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 เพื่อเปรียบเทียบ เสริมประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็ก ควบคูส่ นกุ ” ปฐ มว ั ย ก ่ อนและหล ั งได ้ ร ั บการจั ด ประสบการณ ์ ด ้ ว ย ช ุ ดก ิ จกรรม เส ริ ม คนที่ ก่อนเรียน หลังเรียน ค่าความแตกตา่ ง 1 6 24 18 2 6 25 19 3 7 24 17 4 6 23 17 5 6 23 17 6 7 25 18 7 6 22 16 รวม 44 166 122 ค่าเฉลยี่ 6.29 23.71 17.43 t = 47.25 จากภาพรวมแสดงผลการเปรียบเทียบ t ที่ .05 มีค่าเท่ากับ 1.94 แสดงว่าค่าเฉล่ีย ผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรม ทดสอบหลังเรียนมีค่ามากกว่าค่า t วิกฤติจึง เสริมประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ สรุปไดว้ ่านวัตกรรมมปี ระสิทธิภาพ ควบคู่สนุก” มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนทั้งหมด (������̅ = 6.30) คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนทั้งหมด (������̅ ภาพรวมแสดงผลการเปรียบเทียบ = 23.71) เมื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล พบว่า ผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรม คะแนนหลังเรยี นเพ่ิมข้ึนจากคะแนนก่อนเรียน เสริมประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 17.43 เมื่อเทียบกับค่าตาราง ควบคู่สนุก” การทดสอบ n ������̅ S.D. ������̅ SDd t 0.49 17.43 0.98 47.25 ก่อนเรียน 7 6.29 0.11 หลังเรียน 7 23.71 การใช้ชุดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ “ใช้ สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่สนุก”พบว่า มี *อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติที่ .05 p < .05 ภาพรวมของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีท่ี 2 ก่อนและหลัง

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 45 คะแนนทดสอบก่อนเรียนเฉลี่ย 6.29 คะแนน ทางการเรียนหลังการใช้กิจกรรมกลางแจ้งมี ทดสอบหลังเรียนเฉลี่ย 23.71 มีค่าเฉล่ีย ค่าเฉลี่ยสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน ผลต่าง 17.43 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง การใช้กิจกรรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนรวมทั้งค่า .05 ตาราง tท่ี .05 = 1.94 แสดงว่า ผลสัมฤทธ์ิ อภิปรายผลการวจิ ัย รอบตัวมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ 9.24 แสดงว่า ส ร ุ ป ข ้ อ ค ้ น พ บ จ า ก ก า ร ว ิ จ ั ย ค ร ั ้ ง น้ี นวัตกรรมชุดนี้สามารถพัฒนาผู้เรียนได้น้อย ที่สุดจึงต้องนำไปศึกษาหาข้อบกพร่องว่าเกิด ก่อให้เกิดความเข้าใจและสามารถสร้างเป็น จากอะไรหน่วยการเรียนรู้ ที่มีค่าเฉลี่ย รูปแบบการสอนเพื่อให้เกิดทักษะทางด้าน รองลงมาคือหน่วยการเรียนรู้ ที่ 3 และ5 วิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยเป็นองค์ความรู้ หน่วยการเรียนรู้ ที่ 3 เรื่องน้ำดื่มชื่นใจมี ใหม่ ผู้วิจัยอภิปรายผลการวิจัยดังนี้ การจัด ค่าเฉลี่ย 17.81 หน่วยการเรียนรู้ ที่ 5 เรื่อง กิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ระดับ ขนมน่ารับประทานมีค่าเฉลี่ย 17.67 ส่วน ปฐมวัย ที่พัฒนาให้เกิดทักษะการคิดเชิงเหุ หน่วยการเรียนรู้ ที่ค่าคะแนนสูงที่สุดและ ตผลและกระบวนการคิดเป็นความสำคัญยิ่งที่ เท่ากนั คอื หน่วยการเรียนรู้ ท่ี 1 และ 4 หนว่ ย จะพัฒนาการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นเพื่อสร้าง การเรียนรู้ท่ี 1 เรื่องของเล่นของใช้รอบตัวมี ผู้เรียนหรือเยาวชนไทยที่มีทักษะการเรียนรู้ ค่าเฉลี่ย 20.14 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นทักษะสำคัญใน ผลไม้ดีมีวิตามินมีค่าเฉลี่ย 20.14 จากการ โลกอนาคต และการวิเคราะห์สถิติเพ่ือ ทดลองแสดงว่านวัตกรรมชุดน้ีในหน่วยที่ 2 มี เปรียบเทียบความแตกต่างด้านทักษะทาง ค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดแสดงว่านวัตกรรมชุดน้ี วิทยาศาสตร์ของกลุ่มทดลองก่อนเรียนและ สามารถพัฒนาผู้เรียนได้น้อยท่สี ุดจึงต้องนำไป หลังเรียนในการใช้ ช ุดกิจกรรมเสริ ม ศึกษาหาข้อบกพร่องว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ และนำมาปรับปรุงแล้วทดลองเพื่อแก้ไข สนุก” มีการประเมิน 5 หน่วยการเรียนรู้ ผล ข้อบกพร่องทำให้นวัตกรรมชุดกิจกรรมเสริม การทดลองมีค่าเฉลี่ยแตกต่างกันน้อยที่สุดคือ ประสบการณ์ “ใช้สิ่งของใกล้ตัว เรียนรู้ควบคู่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง แมงและแมลง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook