Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารหาดใหญ่วิชาการ ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2564

วารสารหาดใหญ่วิชาการ ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2564

Published by MBU SLC LIBRARY, 2021-07-07 02:29:39

Description: 16887-5639-PB (1)

Search

Read the Text Version

ทักษะ ความเสย่ี ง แรงจูงใจ การรบั รคู้ วามสามารถ และการวางแผนการเงนิ 145 ลัลลยิ า สามสวุ รรณ และ มนตรี โสคตยิ านุรกั ษ์ ตารางท่ี 5 องคป์ ระกอบเชงิ ยืนยนั อนั ดับหนง่ึ ของตวั แปรสงั เกตได้ ตัวแปรสังเกตได้ น้�ำหนกั องคป์ ระกอบ t R2 คะแนนองค์ประกอบ Beta b (SE) FL1 0.80 0.59(0.03) 18.65** 0.65 0.27 FL2 0.93 0.65(0.03) 23.18** 0.86 0.88 FL3 0.82 0.62(0.03) 19.51** 0.67 0.29 RFP1 0.69 0.44(0.03) 15.39** 0.48 0.10 RFP2 0.84 0.53(0.03) 19.58** 0.71 0.22 RFP3 0.97 0.61(0.03) 24.14** 0.94 1.28 MFP1 0.80 0.62(0.03) 18.08** 0.63 0.31 MFP2 0.90 0.71(0.03) 21.59** 0.81 0.67 MFP3 0.81 0.64(0.03) 19.15** 0.66 0.34 SE1 0.86 0.63(0.03) 20.74** 0.74 0.46 SE2 0.88 0.66(0.03) 21.92** 0.77 0.52 SE3 0.85 0.66(0.03) 20.34** 0.72 0.41 FRP1 0.88 0.62(0.03) 20.16** 0.77 0.67 FRP2 0.84 0.64(0.03) 18.98** 0.70 0.47 FRP3 0.74 0.63(0.04) 16.66** 0.55 0.25 ** p < 0.01 จากตารางท่ี 5 แสดงผลการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบเชงิ ยนื ยนั อนั ดบั หนง่ึ พบวา่ ตวั แปรมนี ำ้� หนกั ความสำ� คญั ในการบง่ ชดี้ า้ นทกั ษะทางการเงนิ ซง่ึ เรยี งลำ� ดบั ความสำ� คญั จากมากไปนอ้ ย ไดแ้ ก่ พฤตกิ รรม ทางการเงนิ (FL2) ทศั นคตทิ างการเงนิ (FL3) และความรทู้ างการเงนิ (FL1) ตามลำ� ดบั ตวั แปรมนี ำ้� หนกั ความสำ� คญั ในการบง่ ชด้ี า้ นความเสย่ี งในการวางแผนการเงนิ ซง่ึ เรยี งลำ� ดบั ความสำ� คญั จากมากไปนอ้ ย ไดแ้ ก่ ทศั นคติการวางแผนการเงินเพื่อเกษยี ณอายุ (RFP3) เศรษฐกจิ (RFP2) และอตั ราผลตอบแทน (RFP1) ตามล�ำดับ ตัวแปรมีน้�ำหนักความส�ำคัญในการบ่งช้ีด้านแรงจูงใจในการวางแผนการเงินซ่ึง เรียงล�ำดับความส�ำคญั จากมากไปน้อย ได้แก่ ความวริ ยิ ะ (MFP2) ความทุ่มเท (MFP3) และทศิ ทาง และเปา้ หมาย (MFP1) ตามลำ� ดับ ตัวแปรมนี �้ำหนักความสำ� คัญในการบ่งช้ีด้านการรบั รู้ความสามารถ ในตนซงึ่ เรยี งล�ำดบั ความสำ� คัญจากมากไปน้อย ไดแ้ ก่ ขอบเขตการรบั รู้ (SE2) บคุ ลกิ ภาพเชงิ รุก (SE1)

วารสารหาดใหญ่วิชาการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 146 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 ความรบั ผดิ ชอบ (SE3) ตามลำ� ดบั และตวั แปรมนี ำ�้ หนกั ความสำ� คญั ในการบง่ ชดี้ า้ นการวางแผนการเงนิ เพ่ือเกษียณอายุซึ่งเรียงล�ำดับความส�ำคัญจากมากไปน้อย ได้แก่ ปัจจัยดึงดูด (FRP1) ปัจจัยผลักดัน (FRP2) และปจั จัยสนับสนนุ (FRP3) ตามล�ำดบั ผลการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสรา้ ง (Structure Equation Modeling: SEM) หลังจากนั้นผู้วิจัยได้น�ำผลการวิเคราะห์โมเดลมาตรวัดการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis) มาท�ำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างของโมเดล เพื่อ ประเมนิ ความเหมาะสมระหวา่ งขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษก์ บั โมเดลสมการโครงสรา้ งตามทฤษฎที ไ่ี ดก้ ำ� หนดไว้ ซึ่งก่อนปรบั โมเดล มีค่าสถติ ิผ่านเกณฑแ์ คบ่ างดชั นี แสดงว่าโมเดลไมส่ อดคล้องกบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษ์ ดังน้ันผู้วิจัยจึงได้ท�ำการปรับโมเดล โดยพิจารณาจากค�ำแนะน�ำการปรับพารามิเตอร์ในโมเดลด้วย ค่าดัชนีปรับโมเดล (Model Modification Indices: MI) จากนั้นปรับพารามิเตอร์โดยยินยอมให้ ผ่อนคลายขอ้ ตกลงเบอ้ื งตน้ ทำ� ใหค้ า่ ความคลาดเคลอ่ื นสมั พนั ธก์ นั ได้ จนกระทงั่ คา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ ง มีความสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู เชงิ ประจักษห์ ลงั ปรับโมเดล ดงั ตารางที่ 6 และรูปที่ 2 ตารางที่ 6 คา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ งของโมเดลความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตขุ องทกั ษะทางการเงนิ ความเสยี่ ง ในการวางแผนการเงิน แรงจูงใจในการวางแผนการเงนิ การรบั ร้คู วามสามารถในตน และ การวางแผนการเงินเพ่ือเกษียณอายุของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย กบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษห์ ลังปรับโมเดล สถติ ิท่ีใช้ในการตรวจสอบ เกณฑท์ ใ่ี ช้พิจารณา ค่าที่ค�ำนวณได้ ผลการพจิ ารณา χ 2 ไม่มีนยั สำ� คัญทางสถิติทีร่ ะดับ > 0.05 79.59 - df - 65 - p-value p > 0.05 0.11 ผ่านเกณฑ์ 1.16 ผ่านเกณฑ์ χ 2 /df χ 2 /df < 2 CFI ≥ 0.90 1.00 ผา่ นเกณฑ์ GFI ≥ 0.90 0.97 ผ่านเกณฑ์ AGFI ≥ 0.90 0.95 ผา่ นเกณฑ์ RMSEA < 0.05 0.024 ผ่านเกณฑ์ SRMR < 0.05 0.016 ผา่ นเกณฑ์

ทักษะ ความเสี่ยง แรงจูงใจ การรบั ร้คู วามสามารถ และการวางแผนการเงนิ 147 ลัลลยิ า สามสุวรรณ และ มนตรี โสคตยิ านุรกั ษ์ จากตารางที่ 6 พบว่า ดัชนีความสอดคล้องของโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของทักษะ ทางการเงิน ความเสย่ี งในการวางแผนการเงิน แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ การรับรู้ความสามารถ ในตน และการวางแผนการเงินเพ่ือเกษียณอายุของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย กับขอ้ มูลเชิงประจักษห์ ลงั ปรับโมเดล มคี า่ สถิติที่ใชใ้ นการตรวจสอบ ดงั นี้ คา่ ไค-สแควร์ ( χ 2 ) เท่ากับ 79.59 ไม่มีนัยสำ� คัญทางสถติ ิที่ระดบั 0.11 (p-value เทา่ กับ 0.11) คา่ ไค-สแควร์ ( χ 2 /df) เทา่ กบั 1.16 คา่ ดัชนีวัดความกลมกลนื เชิงสมั พทั ธ์ (CFI) เทา่ กบั 1.00 คา่ ดัชนวี ัดความกลมกลืน (GFI) เทา่ กบั 0.97 คา่ ดชั นวี ดั ความกลมกลนื ทปี่ รบั แกแ้ ลว้ (AGFI) เทา่ กบั 0.95 คา่ รากทสี่ องของคา่ เฉลยี่ ความคลาดเคลอื่ นกำ� ลงั สองของการประมาณคา่ (RMSEA) เทา่ กบั 0.024 และดชั นรี ากทสี่ องกำ� ลงั สอง เฉลยี่ (SRMR) เทา่ กบั 0.016 ซง่ึ ผา่ นเกณฑท์ กุ คา่ แสดงวา่ โมเดลสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษ์ ดงั รปู ที่ 2 รปู ที่ 2 โมเดลความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตขุ องทกั ษะทางการเงนิ ความเสยี่ งในการวางแผนการเงนิ แรงจงู ใจ ในการวางแผนการเงนิ การรับรู้ความสามารถในตน และการวางแผนการเงนิ เพอ่ื เกษยี ณอายุ ของประชาชนในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย กบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษห์ ลงั ปรบั โมเดล ผลการวิเคราะห์อทิ ธพิ ลของตวั แปรตามสมมตฐิ านการวจิ ยั ผู้วิจัยได้ทดสอบอิทธิพลตัวแปรเชิงสาเหตุและผลลัพธ์ของความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของทักษะ ทางการเงนิ ความเสีย่ งในการวางแผนการเงนิ แรงจูงใจในการวางแผนการเงิน การรับรู้ความสามารถ ในตน และการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณอายุของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย ท่ีได้พัฒนาข้นึ เพอื่ อธิบายสมมติฐานของการวจิ ัย ดงั ตารางท่ี 7

วารสารหาดใหญว่ ิชาการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 148 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 ตารางท่ี 7 ค่าอทิ ธิพลของตัวแปรตามสมมติฐานการวจิ ัย ตวั แปรเชิงสาเหตุ ตัวแปรผล (Consequences) (Antecedents) การรบั รคู้ วามสามารถในตน การวางแผนการเงนิ เพ่ือเกษยี ณอายุ DE IE TE DE IE TE ความเสย่ี งในการวางแผน 0.26** - 0.26** 0.05 0.14** 0.19* การเงนิ ทักษะทางการเงิน 0.24** - 0.24** 0.23* 0.13* 0.36** แรงจงู ใจในการวางแผน 0.43** - 0.43** 0.22** 0.23** 0.45** การเงนิ การรบั รคู้ วามสามารถ - - - 0.53** 0.53** ในตน **p<0.01, *p<0.05; DE คอื อทิ ธพิ ลทางตรง; IE คอื อิทธพิ ลทางออ้ ม; TE คือ อิทธพิ ลรวม จากตารางท่ี 7 พบวา่ ตวั แปรทเี่ ปน็ องคป์ ระกอบของตวั แปรสาเหตแุ ละผลลพั ธข์ องความสมั พนั ธ์ เชิงสาเหตุของทักษะทางการเงิน ความเสี่ยงในการวางแผนการเงิน แรงจูงใจในการวางแผนการเงิน การรบั รูค้ วามสามารถในตน และการวางแผนการเงินเพอื่ เกษยี ณอายุของประชาชนในภาคตะวันออก เฉียงเหนือภายใต้ของประเทศไทย ท่พี ัฒนาขึน้ มีคา่ อทิ ธิพลทางตรงอิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวม โดยแบ่งตามสมมตฐิ านการวจิ ยั มรี ายละเอยี ดดงั นี้ สมมตฐิ านที่ 1 ความเสย่ี งในการวางแผนการเงนิ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การรบั รคู้ วามสามารถ ในตน พบวา่ ความเสย่ี งในการวางแผนการเงนิ (RFP) มอี ทิ ธพิ ลทางตรงเชงิ บวกตอ่ การรบั รคู้ วามสามารถ ในตน (SE) โดยมคี า่ อทิ ธพิ ลทางตรงเทา่ กบั 0.26 และคา่ อทิ ธิพลรวมเทา่ กบั 0.26 อย่างมีนยั สำ� คญั ทาง สถิตทิ ่รี ะดบั 0.01 ดังน้ัน จึงยอมรับสมมติฐานการวจิ ยั ที่ 1 สมมตฐิ านท่ี 2 ความเสยี่ งในการวางแผนการเงนิ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การวางแผนการเงนิ เพ่ือเกษียณอายุ พบว่า ความเสี่ยงในการวางแผนการเงิน (FRP) มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อการ วางแผนการเงนิ เพอื่ เกษยี ณอายุ (RFP) โดยมคี า่ อทิ ธพิ ลทางตรงเทา่ กบั 0.05 คา่ อทิ ธพิ ลทางออ้ มเทา่ กบั 0.14 และคา่ อิทธพิ ลรวมเท่ากับ 0.19 อยา่ งไมม่ ีนยั ส�ำคญั ทางสถิติ ดังน้ัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวจิ ัย ที่ 2 สมมตฐิ านที่ 3 ทกั ษะทางการเงนิ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การรบั รคู้ วามสามารถในตน พบวา่ ทกั ษะทางการเงนิ (FL) มอี ทิ ธพิ ลทางตรงเชงิ บวกตอ่ การรบั รคู้ วามสามารถในตน (SE) โดยมคี า่ อทิ ธพิ ล ทางตรงเทา่ กับ 0.24 และคา่ อทิ ธิพลรวมเทา่ กบั 0.24 อยา่ งมนี ัยสำ� คัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั 0.01 ดังนนั้ จงึ ยอมรับสมมตฐิ านการวจิ ัยที่ 3

ทกั ษะ ความเสี่ยง แรงจูงใจ การรับรคู้ วามสามารถ และการวางแผนการเงิน 149 ลัลลิยา สามสวุ รรณ และ มนตรี โสคตยิ านุรักษ์ สมมตฐิ านท่ี 4 ทกั ษะทางการเงนิ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การวางแผนการเงนิ เพอ่ื เกษยี ณอายุ พบวา่ ทกั ษะทางการเงิน (FL) มอี ิทธพิ ลทางตรงเชิงบวกตอ่ การวางแผนการเงินเพ่อื เกษยี ณอายุ (FRP) โดยมคี า่ อิทธพิ ลทางตรงเทา่ กับ 0.23 คา่ อทิ ธิพลทางอ้อมเท่ากับ 0.13 และค่าอิทธพิ ลรวมเทา่ กบั 0.36 อย่างมนี ัยส�ำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั 0.05 ดังนน้ั จงึ ยอมรับสมมตฐิ านการวิจยั ที่ 4 สมมตฐิ านที่ 5 แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การรบั รคู้ วามสามารถ ในตน พบวา่ แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ (MFP) มอี ทิ ธพิ ลทางตรงเชงิ บวกตอ่ การรบั รคู้ วามสามารถ ในตน (SE) โดยมีค่าอิทธิพลทางตรงเท่ากับ 0.43 และค่าอิทธิพลรวมเท่ากับ 0.43 อย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถิติที่ระดบั 0.01 ดงั น้นั จึงยอมรบั สมมติฐานการวิจัยที่ 5 สมมตฐิ านที่ 6 แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การวางแผนการเงนิ เพอื่ เกษยี ณอายุ พบวา่ แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ (MFP) มอี ทิ ธพิ ลทางตรงเชงิ บวกตอ่ การวางแผน การเงินเพือ่ เกษียณอายุ (FRP) โดยมีค่าอิทธิพลทางตรงเทา่ กับ 0.22 ค่าอทิ ธิพลทางอ้อมเทา่ กับ 0.23 และคา่ อิทธิพลรวมเท่ากบั 0.45 อย่างมนี ยั ส�ำคญั ทางสถติ ิที่ระดบั 0.01 ดังน้นั จึงยอมรับสมมตฐิ าน การวจิ ัยท่ี 6 สมมตฐิ านท่ี 7 การรบั รคู้ วามสามารถในตนมคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวกตอ่ การวางแผนการเงนิ เพอ่ื เกษียณอายุ พบว่า การรับรคู้ วามสามารถในตน (SE) มอี ิทธิพลทางตรงเชงิ บวกต่อการวางแผนการเงิน เพื่อเกษียณอายุ (FRP) โดยมีค่าอิทธิพลทางตรงเท่ากับ 0.53 และค่าอิทธิพลรวมเท่ากับ 0.53 อย่าง มีนัยส�ำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั 0.01 ดงั น้ัน จึงยอมรับสมมติฐานการวจิ ัยท่ี 7 หลังจากได้ผลการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยด�ำเนินการก�ำหนดการสนทนากลุ่มผู้เช่ียวชาญ โดย ผู้เช่ียวชาญจะมคี ณุ สมบตั เิ ปน็ บคุ คลทม่ี คี วามรู้ มปี ระสบการณแ์ ละความเชยี่ วชาญดา้ นการเงนิ จำ� นวน 9 ทา่ น ในการจัดท�ำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านทักษะทางการเงิน ความเสย่ี งในการวางแผนการเงนิ แรงจูงใจในการวางแผนการเงิน การรับรูค้ วามสามารถในตน และการวางแผนการเงนิ เพ่อื เกษยี ณอายุ ของประชาชนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ผลการสนทนากลุม่ ผ้เู ช่ียวชาญต่างเหน็ วา่ การแก้ไขปัญหาทางการเงินเพ่ือน�ำไปสู่การเพิ่มความม่ันคง ม่ังค่ังและสร้างอิสระทางการเงินส�ำหรับ ประชาชนในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื นั้น สามารถช่วยลดความเหล่ือมลำ้� ของคุณภาพชีวิตประชาชน และลดสวสั ดกิ ารของภาครฐั หรอื งบประมาณทร่ี ฐั จดั สรรสำ� หรบั ดแู ลประชาชนทย่ี ากจน ควรได้รับการ ส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการวางแผนการเงินเพื่อ เกษยี ณอายมุ ากทสี่ ดุ คอื การรบั รคู้ วามสามารถในตน แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ ทกั ษะทางการเงนิ และความเสยี่ งในการวางแผนการเงนิ ตามลำ� ดบั ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ ดังนัน้ เพอ่ื ให้ เกดิ การวางแผนเพื่อเกษียณอายุของประชาชนในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ จึงควร เสรมิ สรา้ งการรับรคู้ วามสามารถในตน ทำ� ให้บคุ คลเกดิ ความเชือ่ ม่ัน มแี รงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ และมีความรับผิดชอบ มีความมุ่งม่ันต่อเป้าหมายของตนเอง ขณะเดียวกันควรมีการส่งเสริมทักษะ ความรู้ความเข้าใจทางการเงิน ตระหนักถึงความส�ำคัญของการวางแผน เนื่องจากในโลกยคุ ปจั จบุ นั บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้น ผู้บริโภคในปัจจุบันบางรายอาจจะยังไม่มี

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 150 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 ความเข้าใจอยา่ งเพยี งพอเกย่ี วกบั บรกิ ารทางการเงนิ ทม่ี คี วามหลากหลายและซบั ซอ้ นมากขน้ึ หากขาด ความรทู้ างการเงนิ ทเี่ หมาะสม กอ็ าจจะถกู หลอก หรอื เอาเปรยี บไดง้ า่ ย ทง้ั ตลาดการเงนิ ในระบบและ นอกระบบ ภาครัฐและ/หรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุนในการสร้างความเข้าใจและ ความรู้ด้านการเงินท�ำให้ประชาชนมีความสามารถบริหารจัดการเงินของตนเอง ให้ตระหนักถึงการ วางแผนทางการเงนิ รจู้ กั คณุ คา่ ของเงนิ รวมทงั้ ใหต้ ระหนกั ถงึ ประโยชนแ์ ละความเสย่ี งทางการเงนิ อยา่ ง จริงจัง ซ่ึงจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินและส่งเสริมให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี รวมท้ังช่วย บรรเทาความเหลอ่ื มล�ำ้ ทางการเงนิ ไดใ้ นระดบั หนง่ึ อภิปรายผล จากขอ้ มูลกลุ่มตวั อยา่ งจ�ำนวน 460 คน ซ่ึงอาศยั อยูใ่ นภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื 5 จงั หวัด ไดแ้ ก่ บรุ ีรมั ย์ เลย นครพนม อุดรธานี และสุรนิ ทร์ สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศชาย มอี ายรุ ะหว่าง 35-39 ปี ประกอบอาชพี ด้านการเกษตร และการประมง มกี ารศึกษาในระดบั ประถมศกึ ษา และรายไดเ้ ฉล่ยี ตอ่ ครัวเรือน 10,001-15,000 บาท/เดือน ซ่ึงสอดคล้องกับข้อมูลลักษณะประชากรของภาคตะวันออก เฉียงเหนือ (National Statistical Office of Thailand, 2016) และข้อมูลประชากรจำ� แนกตามระดับ การศกึ ษาของกลมุ่ สถติ แิ รงงาน (National Statistical Office of Thailand, 2019) ทก่ี ลา่ ววา่ ประชากร สว่ นใหญใ่ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สง่ ผลใหเ้ ป็นภาคที่ยากจนที่สดุ โดย รายได้เฉล่ียต่อครัวเรือนเมื่อปี 2009 เพียง 14,860.97 บาท/เดือน ต�่ำสุดของประเทศ ในขณะท่ี กรุงเทพมหานคร 42,379.83 บาท/เดือน และยงั ตำ่� กว่าคา่ เฉลี่ยของประเทศที่ 18,849.7 บาท/เดือน (National Statistical Office of Thailand, 2017a) ทกั ษะทางการเงนิ จากผลการวจิ ยั พบวา่ คนสว่ นใหญข่ าดความรคู้ วามเขา้ ใจทางการเงนิ และ ผลติ ภณั ฑ์ทางการเงนิ ด้านอตั ราผลตอบแทน โดยตอบค�ำถามผดิ เป็นสว่ นใหญ่ อาทิ เรอื่ งการหาร ซงึ่ เป็นการค�ำนวณเบ้ืองต้นตอบผิดถึงร้อยละ 65 เรื่องดอกเบ้ียและเงินต้นตอบผิดร้อยละ 79.75 เรื่อง อัตราผลตอบแทนตอบผดิ รอ้ ยละ 90.25 ซงึ่ สอดคล้องกบั ผลการสำ� รวจทกั ษะทางการเงินของไทย ปี 2013 พบว่า คนไทยขาดความรู้ทางการเงิน โดยมีคะแนนเฉล่ียไม่ถึงคร่ึงหน่ึงของคะแนนเต็ม และมี คนไทยมากกวา่ รอ้ ยละ 30 ที่มคี ะแนนความรทู้ างการเงนิ อยู่ในเกณฑต์ ำ�่ (Bank of Thailand, 2013) และปี 2016 พบว่าคนไทยยังคงอ่อนด้านความรู้ทางการเงินที่สุด โดยได้คะแนนน้อยกว่าค่าเฉล่ีย เกือบทุกหัวข้อยกเว้นเร่ืองการค�ำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยเงินฝาก ซ่ึงหัวข้อท่ีเป็นจุดอ่อนที่สุดของ คนไทย คอื นยิ ามเงนิ เฟอ้ ซง่ึ ความไมเ่ ขา้ ใจเรอื่ งภาวะเงนิ เฟอ้ ทถ่ี อื เปน็ ความเสย่ี งทางการเงนิ อยา่ งหนง่ึ นน้ั อาจเปน็ ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลใหค้ นไทยวางแผนการเงนิ เพอื่ ยามเกษยี ณไมเ่ หมาะสม เนอ่ื งจากไมไ่ ดค้ ำ� นงึ ถงึ มูลคา่ ของเงินทีล่ ดลงไปตามกาลเวลา (Bank of Thailand, 2016) ความเสีย่ งในการวางแผนการเงนิ ผลการวิจัยพบว่าคนสว่ นใหญ่มคี วามคดิ เหน็ ว่าเศรษฐกจิ เปน็ ความเสย่ี งทมี่ ผี ลตอ่ การวางแผนการเงนิ เพอ่ื เกษยี ณอายมุ ากทส่ี ดุ รองลงมาเปน็ ทศั นคตกิ ารวางแผน การเงินเพ่ือเกษียณอายุ และอัตราผลตอบแทน ตามล�ำดับ โดยหัวข้อที่คนให้ความสนใจและเข้าใจ

ทักษะ ความเสี่ยง แรงจูงใจ การรับรูค้ วามสามารถ และการวางแผนการเงนิ 151 ลัลลิยา สามสุวรรณ และ มนตรี โสคติยานุรกั ษ์ น้อยท่ีสุดคือ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาท่ีได้รับผลตอบแทน อัตราเงินเฟ้อและอัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ผลการสำ� รวจทกั ษะทางการเงนิ ของไทย ปี 2016 (Bank of Thailand, 2016) ท่พี บว่า คนไทยออ่ นด้านความรทู้ างการเงินทีส่ ดุ โดยเฉพาะเรือ่ งเงนิ เฟอ้ ซ่ึงความไมเ่ ข้าใจเรอื่ ง ภาวะเงินเฟ้อน้ันถือเป็นความเสี่ยงทางการเงินอย่างหน่ึงน้ัน และส่งผลต่อการวางแผนการเงินเพื่อ ยามเกษียณทีไ่ ม่เหมาะสม และ Pettinger (2018) กล่าววา่ เศรษฐกิจสง่ ผลกระทบอย่างมีนัยส�ำคญั ต่อ การเพ่ิมข้ึนของอัตราการออม สอดคล้องกับผลการวิจัยของ Opschoor (2015) พบว่า การออมมี ผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราการออมภายในประเทศมี ผลกระทบเชงิ บวกต่ออตั ราการเตบิ โตทางเศรษฐกิจต่อหัวประชากรอยา่ งแทจ้ รงิ แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ ผลการวจิ ยั พบวา่ คนสว่ นใหญม่ รี ะดบั แรงจงู ใจในการวางแผน การเงนิ เพอื่ เกษยี ณอายุ โดยรวม อยใู่ นระดบั ปานกลาง เมอ่ื พจิ ารณารายดา้ นพบวา่ ความวริ ยิ ะ มคี า่ เฉลยี่ มากท่ีสุด ในระดับมาก รองลงมาคือ ความทุ่มเท และทิศทางและเป้าหมาย ท่ีมีค่าระดับปานกลาง จากผลการวจิ ยั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ แมว้ า่ คนสว่ นใหญจ่ ะมคี วามมงุ่ มน่ั ในการวางแผนการเงนิ เพอ่ื เกษยี ณอายุ ในระดับมาก แต่กลับมีความกระตือรือร้นในการวางแผนการเงินในระดับน้อยที่สุด สอดคล้องกับ งานวิจัยของ Khuanuphong (2012) กล่าวว่า ประชากรในวัยท�ำงานของไทยกว่าร้อยละ 50 ยังไมม่ ี การวางแผนทางการเงินเพื่อรองรับการด�ำรงชีพในยามเกษียณอายุ โดยประชากรวัยท�ำงานส่วนใหญ่ ยังมีทัศนคติต่อการเตรียมความพร้อมรับมือวัยเกษียณช้าเกินไป และสอดคล้องกับงานวิจัยของ Kilenthong et al. (2012) ทพี่ บวา่ คนไทยจะเริ่มคดิ เร่มิ วางแผนการเงนิ เพ่ือวยั เกษยี ณเม่อื อายุ 42 ปี โดยวตั ถปุ ระสงคข์ องการออมทสี่ ำ� คญั มากทสี่ ดุ คอื การออมเพอ่ื การศกึ ษาของบตุ รและมรดกของลกู หลาน รองลงมาจงึ เปน็ การออมเพอื่ การเกษยี ณ ซง่ึ จะใหค้ วามสำ� คญั กบั การออมเพอื่ เกษยี ณยามทใ่ี กลเ้ กษยี ณ มากกวา่ ตอนอายุนอ้ ย ๆ การรับรู้ความสามารถในตน ผลการวิจัยพบว่า คนส่วนใหญ่มีระดับการรับรู้ความสามารถ ของตนเองในระดบั มาก และเมอ่ื พจิ ารณารายดา้ นพบวา่ ขอบเขตของการรบั รู้ อยใู่ นระดบั มาก และเมอื่ พจิ ารณารายข้อ พบวา่ คนสว่ นใหญม่ ีความเชือ่ ม่นั ว่าท่านสามารถเลอื กวิธีการทด่ี ีทสี่ ุดในการวางแผน การเงินเพ่ือการเกษียณอายุให้ประสบความส�ำเร็จ อยู่ในระดับมากท่ีสุด ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ Bandura (1977, 1986, 1997) ท่ีกลา่ วว่าการรบั รู้ความสามารถในตนจะท�ำใหเ้ กิดความเชอ่ื มนั่ และ เชื่อว่าบุคคลท่ีมีการรับรู้ความสามารถของตนเองในระดับสูงจะมีความเชื่อม่ันในความสามารถในการ ท�ำงาน มีแนวโน้มที่ยอมรับและพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน และมีโอกาสท่ีจะ ประสบความส�ำเร็จสูง และสอดคล้องกับแนวคิดของนักวิชาการหลายท่าน อาทิเช่น Park and​​ Folkman (1997) ทก่ี ลา่ ววา่ คนทมี่ ีระดบั การรับรูค้ วามสามารถของตนเองในระดับสูงจะประสบความ ส�ำเร็จมากกว่าผูท้ มี่ ีการรับรคู้ วามสามารถในตนเองต�่ำ นอกจากนน้ั Schuchardt et al. (2009) ช้ใี ห้ เหน็ วา่ จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารวจิ ยั เพอื่ กำ� หนดกลยทุ ธท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ ในการสง่ เสรมิ การรบั รคู้ วามสามารถ ทางการเงนิ ในระดับที่สงู ขนึ้ และ Neymotin (2010) กลา่ ววา่ ความเชอื่ มัน่ หรอื การรบั รคู้ วามสามารถ ในตนเองน้นั มอี ทิ ธพิ ลต่อการตดั สนิ ใจส่วนบคุ คลในการวางแผนทางการเงนิ และงานวจิ ยั ของ Farrell

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 152 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 et al. (2016) ยนื ยันวา่ การรับรคู้ วามสามารถทางการเงินน้นั ย่อมมีบทบาทตอ่ การอธบิ ายพฤติกรรม ทางการเงินสว่ นบุคคล การวางแผนการเงินเพอื่ เกษยี ณอายุ ผลการวจิ ัยพบว่า คนสว่ นใหญม่ คี วามคดิ เหน็ ว่าปจั จยั ผลกั ดนั มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การวางแผนการเงนิ เพอ่ื เกษยี ณอายมุ ากทส่ี ดุ รองลงมาเปน็ ปจั จยั ดงึ ดดู และปจั จยั สนับสนุน ซง่ึ ปัจจยั ผลักดนั ที่มผี ลมากท่สี ดุ คอื ความคาดหวงั ว่าตนเองจะมีชวี ิตในวยั เกษียณทม่ี ีความ สุขสบาย ถือได้ว่าเป็นแรงจูงใจในการวางแผนทางการเงินอย่างหน่ึงท่ีส่งอิทธิพลต่อพฤติกรรมการ วางแผนทางการเงิน ซึ่งตามทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองของ Bandura (1977; 1986; 1997) แรงจงู ใจสว่ นใหญข่ องมนษุ ยเ์ กดิ จากการคดิ และความเชอื่ ในความสามารถของตน บคุ คลทร่ี บั รู้ ความสามารถของตนเองและตั้งเป้าหมายไว้สูงจะมีแรงจูงใจในการกระท�ำและจะปฏิบัติงานได้ดีกว่า คนท่ีสงสัยในความสามารถของตนเอง สอดคล้องกับแนวความคิดของ Gist and Mitchell (1992) กล่าวว่า ความล้มเหลวในงาน อาจเป็นเพราะมีการรับรู้ความสามารถของตนเองในระดับต่�ำ รวมท้ัง Bandura and Wood (1989) ยืนยนั วา่ การรบั รู้ความสามารถของตนเองมีความสมั พนั ธ์กับแรงจงู ใจ และการควบคุมตนเอง จะเห็นได้ว่าแรงผลักดันท่ีเกิดข้ึนนั้นเป็นแรงผลักดันจากภายในซ่ึงจะมีความ แตกต่างกันตามแต่ละบุคคล นอกจากนั้นในส่วนของแรงผลักดันจากภายนอก คือ ปัจจัยดึงดูดจาก ค่านิยมทางสงั คมและการปลกู ฝงั จากครอบครวั ทยี่ อ่ มสง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมของบคุ คลเชน่ กนั ดงั นน้ั เพอ่ื ใหเ้ กดิ การวางแผนการเงนิ เพอื่ เกษยี ณอายทุ ปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ จงึ ควรเสรมิ สรา้ งทง้ั แรงผลกั ดนั จากภายใน และภายนอกไปพรอ้ ม ๆ กนั ซง่ึ จะไมส่ ามารถเปน็ ไปไดห้ ากไมไ่ ดร้ บั การสนบั สนนุ จากภาครฐั และ/หรอื หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ในการให้การสนับสนุนในการสร้างความเข้าใจและความรู้ด้านการเงินท�ำให้ ประชาชนมีความสามารถบริหารจัดการเงินของตนเอง ให้ตระหนักถึงการวางแผนทางการเงิน รู้จัก คุณคา่ ของเงินอย่างจรงิ จงั ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย อา้ งองิ จากผลการสนทนากลมุ่ ผเู้ ชยี่ วชาญ ในการพจิ ารณาขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบายดา้ นทกั ษะ ทางการเงนิ ความเสี่ยงในการวางแผนการเงิน แรงจงู ใจในการวางแผนการเงนิ การรบั รคู้ วามสามารถ ในตน และการวางแผนการเงินเพ่ือเกษียณอายุของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย ดังน้ี ทักษะทางการเงิน ภาครฐั ควรมีนโยบายสง่ เสรมิ ความรู้ทางการเงิน และมีนโยบายปลกู ฝงั ให้ เกดิ พฤตกิ รรมทางการเงนิ ทดี่ ี เพราะการมพี ฤตกิ รรมทางการเงนิ ทดี่ นี น้ั สง่ ผลตอ่ ระดบั การออมและการ วางแผนทางการเงนิ เปน็ อยา่ งมาก รวมถงึ การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหม้ กี ารบรรจหุ ลกั สตู รความรดู้ า้ น การเงินในโรงเรียน เพือ่ ปลูกฝงั ความรแู้ ละสร้างวินัยทางการเงนิ แก่เยาวชน ความเสีย่ งในการวางแผนการเงิน ภาครฐั ควรมีลดความเสย่ี งตา่ ง ๆ ทีอ่ าจเกิดข้ึน เช่น ควร มกี ารส่งเสริมความรู้และผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เท่าทันการพัฒนาในโลกยุคปัจจุบันให้กับประชาชน ที่ยังไม่มีความเข้าใจอยา่ งเพยี งพอเกยี่ วกบั บรกิ ารทางการเงนิ ทมี่ คี วามหลากหลายและซบั ซอ้ นมากขนึ้

ทกั ษะ ความเสยี่ ง แรงจงู ใจ การรับรคู้ วามสามารถ และการวางแผนการเงนิ 153 ลัลลยิ า สามสวุ รรณ และ มนตรี โสคติยานุรกั ษ์ ซึ่งหากขาดความรู้ทางการเงินท่ีเหมาะสม ก็อาจจะถูกหลอก หรือเอาเปรียบได้ง่าย ท้ังตลาดการเงิน ในระบบและนอกระบบ แรงจูงใจในการวางแผนการเงิน ภาครัฐควรใช้มาตรการในการกระตุ้นสร้างแรงจูงใจให้ ประชาชนหันมามีพฤติกรรมทางการเงินท่ีดี เช่น อาจให้สิทธิประโยชน์ทางด้านดอกเบ้ียเงินกู้อัตรา ต�่ำกว่าปกติ หากทผี่ า่ นมามกี ารเกบ็ ออมเงนิ และมพี ฤตกิ รรมทางการเงนิ ทดี่ มี าโดยตลอด หรอื นโยบาย การสมทบเงินออมจากภาครัฐ เป็นต้น รวมถึงภาครัฐควรมีนโยบายการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต�่ำ เพ่ือส่งเสริมการศึกษาหรอื การลงทุนในอสังหารมิ ทรัพยเ์ พ่อื ความมัน่ คง รวมทง้ั ส่งเสริมและสนับสนุน ธนาคารพาณิชย์ในเรื่องการลดข้อก�ำหนด กฎเกณฑ์ เพื่อสนับสนุนให้เกิดรูปแบบหรือเมนูการออม ท่ีเหมาะสมตามความตอ้ งการของประชาชน การรบั รคู้ วามสามารถในตน ภาครฐั ควรมกี ารสง่ เสรมิ ใหบ้ คุ คลเกดิ ความเชอื่ มนั่ ในตนเอง และ ตระหนักถึงความส�ำคัญของการวางแผนทางการเงิน เพราะการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณอายุไม่ใช่ เรอื่ งไกลตวั เนอื่ งจากเหลอื เวลาไมถ่ งึ 15 ปขี า้ งหนา้ ประเทศไทยจะกลายเปน็ “สงั คมสงู อายโุ ดยสมบรู ณ”์ การสร้างความตระหนักให้กับสังคมทุกภาคส่วน ถึงความส�ำคัญและการเตรียมความพรอมจึงเป็น สิ่งจ�ำเป็น การวางแผนการเงนิ เพอื่ เกษยี ณอายุ ภาครฐั ควรมกี ารสง่ เสรมิ การเพม่ิ รายไดแ้ ละลดรายจา่ ย ของประชาชน รวมถงึ มีการส่งเสริมการออมเพอ่ื เตรียมความพรอ้ มเขา้ สูว่ ัยผสู้ งู อายุ เชน่ นโยบายการ ลดหยอ่ นภาษจี ากเงนิ ออม กำ� หนดใหบ้ รษิ ทั ตา่ ง ๆ มกี ารจดั ตง้ั กองทนุ เพอ่ื การออมของพนกั งาน เปน็ ตน้ ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะสำ� หรับการวิจยั ครั้งตอ่ ไป การศึกษาวิจยั ครง้ั ตอ่ ไปควรศึกษารูปแบบอื่น ๆ เช่น การวจิ ัยเชงิ ทดลอง การวิจัยเชงิ คณุ ภาพ แบบสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจถงึ วธิ กี ารและกระบวนการตา่ ง ๆ ทน่ี ำ� ไปสกู่ ารปฏบิ ตั อิ ยา่ งแทจ้ รงิ โดย ทำ� การประเมนิ ผลสำ� เรจ็ และผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ เพอื่ นำ� ไปปรบั ปรงุ และพฒั นาการดำ� เนนิ การในอนาคต และอาจมีการศึกษาเปรียบเทียบและหาแนวทางท่ีสามารถน�ำไปใช้ได้อย่างกว้างขวางมากย่ิงขึ้น เช่น เปรียบเทียบระหว่างแรงงานในระบบและแรงงานนอกระบบ หรือจากความแตกต่างด้านภูมิศาสตร์ ถ่ินท่ีอยู่ หรือการเปรยี บเทยี บผลและความคบื หน้าระหว่างประเทศหรือภมู ภิ าค เป็นต้น เอกสารอ้างอิง Auepiyachut, W. (2017). Financial literacy: Determinants and their impact on saving behavior. Journal of Humanities and Social Sciences, 25(47), 67-93. [in Thai] Bandura, A. (1977). Self-efficacy: Toward a unifying theory of behavior change. Psychological Review, 84, 191-215. __________. (1986). Social foundations of thought and action: A social cognitive theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.

วารสารหาดใหญว่ ิชาการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 154 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 __________. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman. Bandura, A., & Wood, R. (1989). The effect of perceived controllability and performance standards on selfregulation of complex decision making. Journal of Personality and Social Psychology, 56(5), 805-814. Bank of Thailand. (2013). A report of financial literacy survey in Thailand 2013 (Research report). Bangkok: ​Financial Consumer Protection Center, Bank of Thailand. [in Thai] __________. (2016). A report of financial literacy survey in Thailand 2016 (Research report). Bangkok: Financial Consumer Protection Center, Bank of Thailand. [in Thai] Bilamas, W., & Chotikumchorn, S. (2014). Pattern and saving behavior of households in Mueang District, Phetchabun Province (Research report). Phetchabun: Phetchabun Rajabhat University. [in Thai] Chandoevwit, W., & Damrikarnlerd, L. (2016). Time bomb, elderly society for organized as a national agenda. Department of Older Persons. Retrieved from http:// www.dop.go.th/download/knowledge/knowledge_th_20161305145524_1.pdf [in Thai] Farrell, L., Fry T. R. L., & Risse, L. (2016). The significance of financial self-efficacy in explaining women’s personal finance behavior. Journal of Economic Psychology, 54, 85-99. Gathergood, J., & Weber, J. (2014) Self-control, financial literacy & the co-holding puzzle. Journal of Economic Behavior & Organization, 107(B), 455-469. Gilmore, G. D., & Cambell, M. D. (1996). Needs assessment strategies for health education and promotion. Wisconsin: Brown & Benchmark. Gist, M. E. (1987). Self-efficacy: Implications for organization behavior and human resource management. Academy of Management Review, 12(3), 472-485. Gist, M. E., & Mitchell, T. R. (1992). Self-efficacy: Theoretical analysis of its determinants and malleability. Academy of Management Review, 17(2), 183-212. Grembowski, D., Patrick, D., Diehr, P., Durham, M., Be-resford, S., Kay, E., & Hecht, J. (1993). Self-efficacy and health behavior among older adults. Journal of Health and Social Behavior, 34(2), 89-104. Grudens-Schuck, N., Allen, B. L., & Larson, K. (2004). Methodology brief: Focus group fundamentals. Retrieved from https://lib.dr.iastate.edu/cgi/viewcontent.cgi?art icle=1011&context=extension_communities_pubs Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2010). Multivariate data analysis: A global perspective (7th ed.). New Jersey: Pearson Education.

ทักษะ ความเส่ียง แรงจูงใจ การรบั รู้ความสามารถ และการวางแผนการเงนิ 155 ลลั ลยิ า สามสวุ รรณ และ มนตรี โสคตยิ านุรกั ษ์ Hira, T. (2010). The NEFE quarter century project: Implications for researchers, educators, and policy makers from a quarter century of financial education. Retrieved from http://www.nefe.org/LinkClick. aspx?fileticket=A2P8jPuIqkw%3d&tabid=934 Ismail, S., Faique, F. A., Bakri, M. H., Zain, Z. M., Idris, N. H., Yazid, Z. A., Daud, S., & Taib, N. M. (2017). The Role of financial self-efficacy scale in predicting financial behavior. Advanced Science Letters, 23, 4635-4639. Jadesadalug, V., & Nuangplee, T. (2018). Behavior and factor affecting saving of the elders In Muang district, Nonthaburi province. Retrieved from https://he02. tcithaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/view/124080/94118 [in Thai] Keereeta, T. (2020). 2 Factors affecting personal financial management. Retrieved from https://www.add-money.net/th/detail.php?id=26 [in Thai] Kilenthong, W., Chitmanirot, B., Chantharawongphaisan, L., & Pawinwat, A. (2012). Preparedness for retirement planning among formal workers aged between 40 - 60 years. Capital Market Research Institute (Research report). Bangkok: University of the Thai Chamber of Commerce. [in Thai] Kiriwan, W. (2015). Measurement of financial skills and participation in capital markets. Bangkok: National Institute of Development Administration. [in Thai] Khuanuphong, P. (2012). How to make million baht for retirement. Money and Banking, 368, 194-203. [in Thai] Komenjumrus, P. (2013). Factors affecting on household’s saving: A case study of Bangkok Metropolis (Research report). Bangkok: Sripatum University. [in Thai] Morgan, D. L., & Scannell, A. U. (1998). Planning focus groups. Retrieved from https:// pesquisa.bvsalud.org/portal/resource/pt/bvs-1693 Nakseeluang, N. (2014). Factors affecting savings for retirement readiness of employees of Bangkok Bank Public Company Limited Head Office (Master’s thesis). Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani. [in Thai] National Statistical Office of Thailand. (2009). Household socio-economic survey results in 2009: Northeastern. Retrieved from http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/ service/socio/northeast/socioNE52.pdf [in Thai] __________. (2016). Labor force survey. Retrieved from http://service.nso.go.th/nso/ web/statseries/statseries03.html [in Thai] __________. (2017a). Household socio-economic survey results in 2017: Northeastern. Retrieved from http://www.nso.go.th/sites/2014/DocLib13/Social/Income/ Economy/Household society/60/Northeast/Full_report.pdf [in Thai] __________. (2017b). Population from registration, classified by region and province. Retrieved from http://service.nso.go.th/nso/web/statseries/statseries01.html [in Thai]

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 156 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 __________. (2019). Population 15 years and over by level of educational attainment sex and province: 2019. Retrieved from http://statbbi.nso.go.th/staticreport/ page/sector/th/02.aspx [in Thai] Neymotin, F. (2010). Linking self-esteem with the tendency to engage in financial planning. Journal of Economic Psychology, 31(6), 996-1007. Opschoor, S. J. A. (2015). The effects of saving on economic growth: Does more saving lead to more growth? (Research report). The Netherlands: Erasmus University Rotterdam. Pallant, J. (2010). SPSS survival manual: A step by step guide to data analysis using the SPSS program (4th ed.). New York: McGraw Hill. Park, C. L., & Folkman, S. (1997). Meaning in the context of stress and coping. Review of General Psychology, 2, 115-144. Pettinger, T. (2018). Would an increase in savings help the economy?. Retrieved from https://www.economicshelp.org/blog/7102/economics/would-an-increase-in- savings-help-the-economy/ Rubin, H. J., & Rubin, I. S. (2012). Qualitative interviewing: The art of hearing data (3rd ed.). Thousand Oaks: Sage Publications. Schuchardt, J., Hanna, S. D., Hira, T. K., Lyons, A. C., Palmer, L., & Xiao, J. J. (2009). Financial literacy and education research priorities. Journal of Finan-cial Counseling and Planning, 20(1), 84-95. Swedroe, L. (2012). How to think about risk in financial planning. Retrieved from https:// www.cbsnews.com/news/how-to-think-about-risk-in-financial-planning/ United Nations. (2015). World population ageing. Retrieved from https://www.un.org/ en/development/desa/population/publications/pdf/ageing/WPA2015_Report. pdf __________. (2017). World population ageing. Retrieved from https://www.un.org/en/ development/desa/population/publications/pdf/ageing/WPA2017_Report.pdf Wanitbancha, K. (2014). Statistical analysis: Statistics for administration and research. Bangkok: Chulalongkorn University. [in Thai]

บทควา มวจิ ยั การสร้างความรู้และการจัดการความรู้ของกองทุนหมู่บ้าน บ้านทุ่งกลับน้อย ต�ำบลพกั ทัน อ�ำเภอบางระจนั จังหวัดสิงห์บุรี aKnndowUlrebdagne CCoremamtiounniatyndFuKnndo:wAleCdagseeMoafnBaagnemTheunntgoKfltahpeNVoililage สรุ ยทุ ธ ทองคำ� 1* และ เฉลมิ พร เยน็ เยือก2 Surayut Tongkum1 and Chalermporn Yenyuak2 Abstract The purpose of this research was to study knowledge creation and knowledge management of the Village and Urban Community Fund in Ban Thung Klap Noi, Phak Than Subdistrict, Bang Rachan District, Sing Buri Province. This was qualitative research. The sampling of this research was purposely selected consisting of the mayor of Phak Than Subdistrict, a committee and members of the VUCM, and officers from the Community Development Department. The number of the key informants was 15. The research’s covered areas were the VUCM office, the Phak Than Subdistrict Administrative Organization, the village, and the Community Development Office. The instruments used for collecting data were semi-structured interview, an in-depth interview, and participatory observation. The findings revealed that the knowledge-building process of the Village and Urban Community Fund was in line with the SECI model. There was a knowledge spiral. Knowledge concerning rules, procedures, and accountancy 1หลกั สูตรบรหิ ารธรุ กจิ ดษุ ฎบี ัณฑติ , 2คณะบรหิ ารธรุ กิจ มหาวิทยาลยั รังสิต จ.ปทมุ ธานี 12000 1Doctor of Business Administration Program, 2Faculty of Business Administration, Rangsit University, Pathum Thani 12000 *ผู้ให้การติดต่อ (Corresponding e-mail: [email protected]) รับบทความวนั ท่ี 27 มนี าคม 2563 แกไ้ ขวันท่ี 27 เมษายน 2563 รบั ลงตีพมิ พ์วันท่ี 1 พฤษภาคม 2563 Hatyai Academic Journal 19(1): 157-174

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 158 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 from external agencies was circulated and discussed among the committees before passing on the obtained knowledge to the members. This study revealed that: 1) Necessary knowledge is management skills and accounting skills. 2) The creation of a shared learning space is crucial because it helps them to understand the problem as well as find a solution for all members. 3) Community financial networks are very important to solve the problem of informal borrowing. 4) Transferring knowledge to the next generations must take place together with careful consideration of their capabilities and honesty. Keywords: Village and Urban Community Fund, Knowledge Creation, Knowledge Management บทคดั ย่อ การวจิ ยั นมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาการสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความรขู้ องกองทนุ หมบู่ า้ น บา้ นทงุ่ กลบั นอ้ ย ตำ� บลพกั ทนั อำ� เภอบางระจนั จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี เปน็ การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ประชากร กลุ่มตัวอย่าง ประกอบดว้ ย นายกองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลพักทัน คณะกรรมการกองทนุ หมบู่ ้าน สมาชกิ กองทนุ หมบู่ า้ นและตวั แทนพฒั นากรประจำ� อำ� เภอ เลอื กผใู้ หข้ อ้ มลู แบบเฉพาะเจาะจง รวม 15 คน พ้นื ท่ใี นการวจิ ยั คือ ทท่ี ำ� การกองทนุ หมู่บ้าน องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลพักทัน พื้นทช่ี มุ ชน ภายในหมู่บ้าน ส�ำนักงานพัฒนาชุมชน เครื่องมือท่ีใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสัมภาษณ์ แบบกึ่งโครงสร้าง ส่วนการรวบรวมข้อมูล ใชว้ ธิ กี ารสัมภาษณเ์ ชงิ ลึก การสงั เกตแบบมีสว่ นรว่ ม ผลการวจิ ยั พบวา่ กองทนุ หมบู่ า้ นมกี ระบวนการสรา้ งความรู้ ตามแนวคดิ เซคโิ มเดล มกี ารหมนุ เกลยี ว ของความรู้ จากความรขู้ องคณะกรรมการและการรับความรูด้ า้ นระเบียบการด�ำเนนิ งานและด้าน บัญชีจากหน่วยงานภายนอก น�ำมาสร้าง และแลกเปล่ียนความรู้ในกลุ่มกรรมการ ก่อนจะส่งต่อ ความร้สู ่สู มาชิก การศกึ ษานีแ้ สดงให้เหน็ ว่า 1) ความรู้ที่จำ� เป็น คอื ความร้ใู นการบริหารจัดการ และความรใู้ นดา้ นบัญชี 2) ส่ิงสำ� คัญทชี่ ว่ ยสนับสนุนการสร้างความรู้ คือ การสรา้ งพืน้ ท่ีแห่งการ เรยี นรรู้ ว่ มกนั ชว่ ยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจปญั หา นำ� ไปสกู่ ารแกป้ ญั หาใหก้ บั สมาชกิ 3) เครอื ขา่ ยการเงนิ ในชมุ ชนมคี วามสำ� คญั อยา่ งมากทช่ี ว่ ยสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานของกองทนุ หมบู่ า้ นในการแกป้ ญั หา การกยู้ มื เงนิ นอกระบบ 4) การสง่ ตอ่ ความรใู้ หก้ บั คนรนุ่ ใหม่ ตอ้ งพจิ ารณาทง้ั ความรู้ ความสามารถ และความซ่ือสัตย์ คำ� ส�ำคญั : กองทุนหมู่บา้ น การสร้างความรู้ การจัดการความรู้ บทน�ำ สังคมไทยในอดีตเป็นสังคมเกษตรท่ีมีวิถีการเกษตรแบบด้ังเดิม มีการปลูกพืชแบบพ่ึงพา ธรรมชาติ ไมม่ กี ารใชส้ ารเคมี ปลกู พชื หลากหลายตามฤดกู าล เมอ่ื ธรรมชาตเิ ปน็ ตวั กำ� หนดวถิ ชี วี ติ ทำ� ให้

การสรา้ งความรแู้ ละการจัดการความรขู้ องกองทนุ หมู่บา้ น 159 สุรยุทธ ทองค�ำ และ เฉลิมพร เยน็ เยอื ก การเลย้ี งสตั วแ์ ละเพาะปลกู เปน็ ระบบการเกษตรเพอื่ บรโิ ภค จดุ เปลย่ี นทส่ี ำ� คญั ของประเทศไทยคอื การ จดั ตง้ั สำ� นกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ แหง่ ชาติ มกี ารจดั ทำ� แผนพฒั นาการเศรษฐกจิ แหง่ ชาตฉิ บบั แรก ในปี พ.ศ. 2504 - 2509 ภาครฐั ใหค้ วามสำ� คญั กบั ภาคอตุ สาหกรรมมากขนึ้ เมอ่ื มกี ารใชแ้ ผนพฒั นาการ เศรษฐกิจแห่งชาติฉบับท่ี 1 ท�ำให้สังคมไทยเริ่มเปล่ียนไปโดยมีการน�ำทรัพยากรจากภาคการเกษตร เขา้ สภู่ าคอตุ สาหกรรม เพอ่ื ใหภ้ าคอตุ สาหกรรมเจรญิ กา้ วหนา้ และหวงั วา่ จะเปน็ หวั ขบวนในการขบั เคลอื่ น ประเทศ แตใ่ นความเปน็ จรงิ กลบั กอ่ ใหเ้ กดิ ความเหลอ่ื มลำ�้ ทางสงั คมทงั้ ดา้ นการศกึ ษา สาธารณสขุ และ การเขา้ ถงึ แหล่งเงนิ ทุน ซงึ่ ภาครฐั ไดม้ กี ารพฒั นาระบบการเงนิ สำ� หรบั ภาคการเกษตรและชมุ ชน เพอ่ื สรา้ งโอกาสในการ เขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ ทุนของชุมชน โดยมกี ารจดั ต้งั ธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเกษตรกรและพัฒนาชนบท ส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ แต่ปัญหา คือ ความสามารถในการเขา้ ถงึ และการหาหลักประกนั ในการขอสินเช่อื ตา่ ง ๆ ทำ� ให้ในส่วนของชุมชนเอง กม็ ีการตงั้ สถาบนั การเงนิ ในระดบั ชมุ ชน เพ่อื ช่วยแก้ปัญหาการเข้าถงึ เงินทนุ โดยการช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกันในชุมชน และพัฒนามาเป็นการช่วยเหลือในด้านสวัสดิการชุมชนท่ีไม่ได้รับจากภาครัฐ เช่น สหกรณอ์ อมทรัพย์ กลุ่มออมทรพั ย์เพื่อการผลิต และกลุ่มสวสั ดิการชมุ ชน ฯลฯ ภาครัฐมีการสนับสนุนสถาบันการเงินชุมชน โดยการจัดตั้งโครงการกองทุนหมู่บ้านและ ชุมชนเมือง หรือที่เรยี กวา่ โครงการกองทนุ หม่บู ้าน ต้ังขึน้ ในปี พ.ศ. 2544 เป็นโครงการทตี่ อ้ งการเพิม่ โอกาสการเขา้ ถึงแหลง่ เงนิ กขู้ องผกู้ รู้ ายย่อยเปน็ หลัก เพื่อเพม่ิ ช่องทางการประกอบอาชีพ เพม่ิ รายได้ ลดความยากจน รวมไปถึงการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางของการ ดำ� เนนิ งานในการกำ� หนดกตกิ าตา่ ง ๆ โดยภาครฐั เปน็ แคผ่ อู้ ำ� นวยความสะดวก งบประมาณสง่ ตรงถงึ มอื ประชาชนโดยตรง มกี ารใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณครอบคลมุ ทกุ พน้ื ทข่ี องประเทศและเปน็ สนิ เชอ่ื ระดบั ยอ่ ย ทม่ี ขี นาดใหญท่ สี่ ดุ โดยจดุ เรม่ิ ของการจดั ตง้ั กองทนุ หมบู่ า้ นในปี พ.ศ. 2544 มกี ารจดั ตงั้ 66,188 กองทนุ และรัฐบาลได้จัดสรรและโอนเงนิ ในปแี รกเป็นจ�ำนวน 66,188 ล้านบาท (Wichinplert, 2015) จนถึง ปจั จบุ นั มีกองทุนหม่บู า้ นและชมุ ชนเมือง รวมท้งั สน้ิ 79,598 กองทุน (NESDC, 2019) ปัญหาของกองทุนหมู่บ้านส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความรู้ในการด�ำเนินงานของกรรมการ ขาดการแบง่ ปนั ความรกู้ นั ในคณะกรรมการกองทนุ และในชมุ ชน รวมถงึ การถา่ ยทอดความรเู้ พอื่ สง่ ตอ่ การทำ� งานใหก้ บั สมาชกิ รนุ่ ตอ่ ไป เชน่ งานวจิ ยั ของ Earsakul (2014) พบปญั หา คอื สมาชกิ ไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ ตามนโยบายของรฐั บาล การกยู้ มื เงนิ กองทนุ หมบู่ า้ นไมไ่ ดน้ าํ ไปใชต้ ามวตั ถปุ ระสงคข์ องการกู้ สว่ นมาก ก้ยู ืมเงนิ เพือ่ นาํ ไปใช้หน้ี สมาชกิ ไมเ่ ห็นความสําคญั ของการบรหิ ารจดั การรว่ มกัน เห็นความจาํ เปน็ แค่ ช่วงเวลาท่ีตนเองจะกู้ยืมเงนิ แต่การบรหิ ารจัดการกลายเป็นภารกจิ ของคณะกรรมการบริหารกองทนุ แต่เพียงกลุ่มเดยี ว ทาํ ให้ขาดการมสี ่วนร่วมในการคิด การตดิ ตามตรวจสอบ และการร่วมกนั แกป้ ญั หา คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านไมม่ ปี ระสบการณแ์ ละทักษะในการบริหารจัดการ เชน่ การจดั ทําบญั ชี การบริหารโครงการ การติดตามงาน และทักษะด้านการพัฒนา ส่วนงานวิจัยของ Wongsurawat, Choonhaklai, and Natrujirote (2019) สรปุ วา่ ปญั หา อปุ สรรค ในการบรหิ ารงานของกองทนุ หมบู่ า้ น

วารสารหาดใหญ่วิชาการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 160 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 และชมุ ชนเมอื ง คอื การทก่ี องทนุ ขาดผสู้ บื ทอดการทาํ งานดา้ นการบรกิ ารจดั การกองทนุ การขาดความ สนใจและไมใ่ หค้ วามสาํ คญั ทม่ี ากพอของสมาชกิ ในการทาํ ความเขา้ ใจถงึ เจตนา วตั ถปุ ระสงค์ และเปา้ หมาย ของโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ปัญหาในกระบวนการบริหารจัดการด้านการเข้าถึงและ การตรวจสอบขอ้ มูลกองทุน เนื่องจากความพรอ้ มของคณะผบู้ ริหารจัดการกองทุนยงั ไม่เพียงพอ จะเหน็ ไดว้ า่ ปญั หาตา่ ง ๆ ยงั คงมตี อ่ เนอื่ งมาจนถงึ ปจั จบุ นั เปน็ ปญั หาของการจดั การของแตล่ ะ ชุมชน ท่ีน่าสนใจ คือ การท่ีกองทุนหมู่บ้านแต่ละกองทุนได้รับจัดสรรเงินกองทุนเริ่มแรกในจ�ำนวน 1 ล้านบาทเท่ากัน มีกรรมการและชุมชนเป็นผู้กำ� หนดกติกา เมื่อกองทุนหมู่บ้านแต่ละกองทุนมีผล การด�ำเนินงานทแ่ี ตกตา่ งกนั ซงึ่ เหน็ ไดว้ า่ ความสามารถในการดำ� เนนิ งาน ไมไ่ ดอ้ ยทู่ จี่ ำ� นวนเงนิ ทนุ และ โอกาสในการเข้าถงึ เงนิ ทุน แต่ข้ึนอยูก่ ับความสามารถของผนู้ �ำ ความรว่ มมือของคณะกรรมการ ความ เขม้ แขง็ ของชมุ ชน ความเขา้ ใจในบรบิ ทของชมุ ชนทด่ี ี ฯลฯ เมอื่ เงนิ ทนุ และโอกาสตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ มา ทำ� ให้ ความรแู้ ละทกั ษะทกี่ ลา่ วมาอาจไมเ่ พยี งพอตอ่ ความสำ� เรจ็ ในการดำ� เนนิ งานในระยะยาวอยา่ งยง่ั ยนื ซงึ่ จะตอ้ งใชค้ วามรดู้ า้ นบรหิ ารจดั การ ดา้ นบญั ชแี ละการเงนิ ฯลฯ เพมิ่ มากขน้ึ ซง่ึ ความรเู้ หลา่ นเี้ ปน็ ความรู้ ท่ีท�ำให้กองทุนสามารถเข้าใจความเชื่อมโยงของบริบทชุมชนกับบริบทของระบบเศรษฐกิจภายนอก ได้ดีข้ึน เป็นการเปลย่ี นแปลงมมุ มองวธิ ีคิดหรือที่เรยี กวา่ การเปลย่ี นกระบวนทศั น์ (Paradigm Shift) เพื่อให้การบริหารงานประสบความส�ำเร็จได้ในระยะยาว แสดงให้เห็นว่าปัจจัยท่ีส่งผลต่อความยั่งยืน ของการบริหารกองทุนหมู่บ้านไม่เพียงแต่จะข้ึนอยู่กับตัวบุคคล คือ ผู้น�ำชุมชนและคณะกรรมการ กองทนุ เทา่ นน้ั แตย่ งั ขนึ้ อยกู่ บั การสรา้ งความรทู้ เี่ หมาะกบั บรบิ ท การจดั การกบั ความรทู้ ม่ี อี ยู่ และการ สง่ ตอ่ ความร้สู ู่คนทำ� งานในรนุ่ ตอ่ ไป กองทุนหมู่บา้ น บา้ นทงุ่ กลับน้อย ต�ำบลพกั ทัน อ�ำเภอบางระจนั จงั หวดั สิงหบ์ รุ ี เป็นกองทุน หมบู่ า้ นทกี่ อ่ ตงั้ มาตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2544 เปน็ กองทนุ ทม่ี คี วามเขม้ แขง็ กองทนุ หนง่ึ ในจงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี มกี าร ประสานงานและร่วมมือกันเป็นอย่างดีท้ังในกลุ่มของคณะกรรมการ คณะกรรมการกับคนในชุมชน และระหว่างคณะกรรมการกับพัฒนากรอ�ำเภอ ซ่ึงงานวิจัยนี้สนใจศึกษาประเด็นส�ำคัญ คือ อะไรคือ ความรทู้ สี่ ำ� คญั ของกองทนุ หมบู่ า้ น ความรเู้ หลา่ นน้ั มกี ารสรา้ งและจดั การอยา่ งไร การสง่ ตอ่ องคค์ วามรู้ สคู่ นรนุ่ ตอ่ ไปมกี ารดำ� เนนิ งานอยา่ งไรทที่ ำ� ใหส้ ามารถบรหิ ารกองทนุ หมบู่ า้ นไดใ้ นระยะยาว ซงึ่ การศกึ ษา เก่ียวกับการสร้างความรู้และการจัดการความรู้ของกองทุนหมู่บ้านยังมีค่อนข้างน้อย การศึกษาใน ประเดน็ นจี้ ะชว่ ยใหโ้ ครงการกองทนุ หมบู่ า้ นและสถาบนั การเงนิ ชมุ ชนอน่ื ๆ เขา้ ใจถงึ องคค์ วามรทู้ จี่ ำ� เปน็ และชว่ ยในการสง่ ต่อความรู้ในการจัดการอยา่ งตอ่ เนื่องต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ศกึ ษาการดำ� เนนิ งานของกองทนุ หมบู่ า้ น บา้ นทงุ่ กลบั นอ้ ย ตำ� บลพกั ทนั อำ� เภอบางระจนั จงั หวัดสงิ ห์บรุ ี 2. เพื่อศึกษาการสร้างความรู้ การจัดการความรู้ และการส่งต่อความรู้ของกองทุนหมู่บ้าน บ้านทงุ่ กลบั นอ้ ย ต�ำบลพักทัน อำ� เภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี

การสรา้ งความรูแ้ ละการจดั การความรขู้ องกองทนุ หมบู่ ้าน 161 สรุ ยุทธ ทองค�ำ และ เฉลมิ พร เยน็ เยอื ก กรอบแนวคิด ใช้แนวคิดการสร้างความรู้ SECI Model of Knowledge Creation จาก Nonaka and Takeuchi (1995); Nonaka and Konno (1998) และ Nonaka, Toyama, and Konno (2000) ซง่ึ มีองคป์ ระกอบ 3 ด้าน คือ SECI Model, Ba, Knowledge Asset โดยแสดงให้เห็นถงึ การหมุนเกลยี ว ของความรู้ (The Spiral of Knowledge) และพ้ืนทที่ ่ีเออื้ ตอ่ การสรา้ งความรู้ มรี ายละเอียด ดงั นี้ 1. SECI Model เป็นข้นั ตอนของการสรา้ งความรู้ผา่ นการหมนุ เวยี นระหว่างความรฝู้ งั ลกึ และ ความรู้ชัดแจ้ง โดยความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างความรู้ ความรู้ทฝี่ งั ลกึ จะเปน็ ความรทู้ ม่ี าจากการเรยี นรเู้ ฉพาะตวั ยากทจ่ี ะนำ� เสนอออกมาและยากทจี่ ะสอื่ สาร กับคนอื่น สว่ นความรชู้ ัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรูท้ เ่ี กดิ ขึ้นหลงั จากเกิดการหมุนเกลยี ว แหง่ ความรู้ (The Spiral of Knowledge) จะได้ความร้ทู ่ีเป็นทางการและเปน็ ระบบ สามารถสือ่ สาร ออกมาให้คนรอบข้างเข้าใจได้ โดยความรู้ท้ัง 2 รูปแบบน้ีจะมีกระบวนการหมุนเวียนระหว่างกัน อย่างต่อเน่ืองเปน็ เกลียวแห่งความรู้ มี 4 ขน้ั ตอน ดังน้ี 1) การแลกเปลย่ี นความรู้(Socialization) จากความรฝู้ งั ลกึ สคู่ วามรฝู้ งั ลกึ เปน็ การแลกเปลยี่ น หรือส่งต่อความรู้ที่ฝังลึกจากบุคคลสู่บุคคลโดยตรง ผ่านการสังเกต การพูดคุยหรือการลงมือปฏิบัติ ในขั้นตอนนี้ต้องใชร้ ะยะเวลาพอสมควร 2) การแปลงองค์ความรู้ (Externalization) จากความรู้ฝังลึกสู่ความรู้ชัดแจ้ง เมื่อมีการ ถ่ายทอดความรู้แบบฝังลึกมาแล้ว ในขั้นตอนน้ีจะเป็นการพยายามแปลงความรู้ท่ีฝังลึกออกมาเป็น ความรู้ชัดแจ้ง เพือ่ ทจี่ ะถา่ ยทอดความร้ไู ปสู่คนอื่น ๆ ในทมี งาน 3) การผสานความรู้ (Combination) จากความรชู้ ัดแจ้งสคู่ วามรูช้ ัดแจ้ง เมอ่ื บคุ คลในทมี ทำ� ความเขา้ ใจความรชู้ ัดแจง้ แลว้ จะทำ� ให้ความร้นู ัน้ อยูใ่ นรูปแบบท่ีเปน็ มาตรฐาน 4) การสง่ กลบั ความรู้ (Internalization) จากความรชู้ ดั แจง้ สคู่ วามรฝู้ งั ลกึ เมอ่ื ความรชู้ ดั แจง้ ไดถ้ า่ ยทอดไปทงั้ องคก์ รแลว้ สมาชกิ ในองคก์ รจะเรมิ่ ซมึ ซบั ความรนู้ นั้ เขา้ สคู่ วามรฝู้ งั ลกึ ของแตล่ ะบคุ คล เพอื่ เปน็ ความรู้เฉพาะตัวตอ่ ไป รูปที่ 1 SECI Model

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 162 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 2. Ba เป็นการแลกเปลีย่ นภายใต้บริบทเวลาและพ้ืนท่ี ส�ำหรบั การสรา้ งความรู้ 1) Originating Ba หรอื พืน้ ทแี่ หง่ ความเขา้ ใจซ่งึ กนั และกนั 2) Dialoguing Ba หรือ พน้ื ทแ่ี หง่ การสนทนาอยา่ งลึกซง้ึ 3) Systemising Ba หรือ การจัดระบบความรู้ทหี่ ลากหลายภายใตพ้ น้ื ทแี่ ห่งการทดลอง 4) Exercising Ba หรอื พืน้ ทแ่ี หง่ การปฏบิ ตั จิ รงิ 3. Knowledge Assets หรอื สนิ ทรพั ยค์ วามรู้ กค็ อื ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทส่ี ง่ ผลตอ่ กระบวนการสรา้ ง ความรู้ ทง้ั ปัจจยั นำ� เขา้ ผลผลิต โดยความรูน้ ้นั จะออกมาในรูป Knowledge Assets วิธีการวิจยั การวิจัยคร้ังน้ีเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อศึกษาการด�ำเนินงาน และถอดบทเรียนการสร้างความรู้และการจัดการความรู้ของกองทุนหมู่บ้าน บ้านทุ่งกลับน้อย ต�ำบล พักทัน อ�ำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยเร่ิมจากการต้ังกองทุน การสร้างความรู้ที่เหมาะสมกับ กองทนุ และการถา่ ยทอดความรสู้ ู่สมาชกิ เพือ่ ให้เหน็ ภาพของการสร้างความรู้และการจัดการความรู้ พ้ืนทวี่ จิ ยั ทีท่ ำ� การกองทุนหมบู่ ้าน บา้ นท่งุ กลับน้อย ตำ� บลพกั ทนั อำ� เภอบางระจัน จังหวดั สงิ หบ์ รุ ี องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลพกั ทนั พนื้ ทช่ี มุ ชนภายในหมบู่ า้ น และสำ� นกั งานพฒั นาชมุ ชนอำ� เภอ บางระจนั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง กลุ่มตวั อยา่ ง ประกอบดว้ ย ผ้ใู ห้ขอ้ มูลหลกั (Key Informants) รวม 15 คน ประกอบดว้ ย นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลพกั ทนั คณะกรรมการกองทนุ หมบู่ า้ น จำ� นวน 5 คน สมาชกิ กองทนุ หมบู่ า้ น จำ� นวน 8 คน และตวั แทนพฒั นากรประจำ� อำ� เภอบางระจนั จำ� นวน 1 คน โดยเลือกผใู้ ห้ขอ้ มลู แบบเฉพาะเจาะจง (Purpose Selection) เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ใชแ้ บบสมั ภาษณแ์ บบกงึ่ โครงสรา้ ง (Semi-Structured Interview) เป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล ส่วนการรวบรวมข้อมูลได้ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ในประเด็นเรื่องการด�ำเนินงาน การสร้างความรู้และการจัดการความรู้ ฯลฯ การสังเกต แบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) โดยเข้าร่วมสังเกตในวันท่ีกองทุนหมู่บ้านมีการประชุม ชแี้ จงผลการดำ� เนนิ งานและทำ� สญั ญายมื เงนิ เพอื่ ดกู ระบวนการ ขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ และสนทนากลมุ่ แบบไมเ่ ปน็ ทางการ (Focus Group Discussion) กับชาวบา้ นในชมุ ชนท่มี าร่วมประชุม ขน้ั ตอนการดำ� เนนิ งาน 1. การรา่ งแบบสอบถามกง่ึ โครงสร้าง 2. ประสานงานบุคคลผ้ใู หข้ อ้ มูลหลกั เพือ่ นัดหมายวันเวลาในการสัมภาษณ์เชิงลกึ 3. สัมภาษณ์เก็บขอ้ มูลจาก นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลพักทนั เพอื่ ทราบถงึ นโยบายและ แนวทางการดำ� เนนิ งานของกองทนุ หมบู่ ้าน สมั ภาษณ์ตัวแทนคณะกรรมการกองทุนหมูบ่ ้าน เกย่ี วกับ การดำ� เนนิ งาน การสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความรู้ ปญั หาและอปุ สรรคจากการดำ� เนนิ งานทเ่ี กดิ ขนึ้

การสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความรู้ของกองทุนหม่บู า้ น 163 สรุ ยุทธ ทองคำ� และ เฉลมิ พร เยน็ เยือก 4. ลงพ้ืนที่ เพ่ือสังเกตการณ์ในวันท�ำสัญญากู้ยืมเงินของกองทุนหมู่บ้าน สัมภาษณ์และ สนทนากลุ่มกบั ชาวบา้ น รวมทงั้ ลงพน้ื ทสี่ มั ภาษณส์ มาชกิ ทก่ี ยู้ มื เงนิ และสมั ภาษณต์ วั แทนของสำ� นกั งาน พฒั นาชุมชนอำ� เภอบางระจัน ทม่ี ีหน้าท่ีดูแลเกย่ี วกับบัญชกี องทุนหมบู่ า้ นของอำ� เภอบางระจนั 5. รวบรวมขอ้ มลู และวเิ คราะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาเป็นหลัก โดย เป็นการวิเคราะห์ไปพร้อมกับการรวบรวมข้อมูล และท�ำงานย้อนกลับไปมาระหว่างเก็บข้อมูลกับการ วิเคราะห์ข้อมูล จนกระทั่งข้อมูลถึงจุดอิ่มตัว หลังจากน้ันน�ำข้อมูลมาจัดหมวดหมู่ หาความเช่ือมโยง ความสมั พนั ธต์ า่ ง ๆ และถอดบทเรยี นเพอื่ นำ� ไปสรปุ การสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความรขู้ องกองทนุ หมู่บ้าน บา้ นทงุ่ กลับนอ้ ย ต�ำบลพกั ทนั อำ� เภอบางระจนั จงั หวัดสงิ ห์บรุ ี ผลการวจิ ยั 1. การด�ำเนนิ งานของกองทนุ หม่บู ้าน สภาพทัว่ ไปของบ้านทงุ่ กลบั นอ้ ย มีจ�ำนวน 157 ครวั เรอื น จ�ำนวนประชากรทัง้ หมด 542 คน สว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี เกษตรกรรม คอื การทำ� นา เนอื่ งจากพื้นท่ีมคี วามอุดมสมบรู ณแ์ ละมีแหลง่ นำ้� อยู่ในต�ำบล ส�ำหรับกองทุนหมบู่ ้าน บา้ นท่งุ กลับน้อย ต.พักทนั จ.สงิ หบ์ รุ ี เปน็ กองทนุ หมบู่ า้ นที่มีความ เขม้ แข็งกองทุนหน่ึงของจงั หวัดสงิ ห์บุรี ข้อมูลจากประธานกองทุนและเลขานุการกองทุนสรุปไดว้ า่ มี การจดั ตง้ั กองทุนไดส้ �ำเร็จในปี พ.ศ. 2544 ได้รบั เงินตง้ั ตน้ จำ� นวน 1,000,000 บาท ต่อมาไดร้ บั การ ประเมนิ เปน็ กองทนุ หมูบ่ า้ นในระดบั AAA ในปี พ.ศ. 2548 ท�ำให้ได้รับเงินอดุ หนนุ เพม่ิ เติมอกี จ�ำนวน 200,000 บาท และในปี พ.ศ. 2554 ไดร้ บั เงนิ จดั สรรเพมิ่ จากรฐั อกี 1,000,000 บาท รวมเปน็ เงนิ ทงั้ สนิ้ 2,200,000 บาท ปจั จบุ ันได้รับการประเมนิ เปน็ กองทนุ ระดับดีมาก (A) จำ� นวนสมาชกิ กองทนุ เรม่ิ แรกมจี ำ� นวน 118 คน และเพมิ่ มาตลอดจนเปน็ 157 คน ในปจั จบุ นั สว่ นคณะกรรมการกองทนุ หมบู่ า้ นตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ จนถงึ ปจั จบุ นั มที ง้ั สนิ้ 13 คน การไดม้ าซงึ่ คณะกรรมการ กองทุนใช้วิธีการเลือกจากสมาชิก มีวาระการด�ำรงต�ำแหน่งคราวละสองปี แต่จะด�ำรงต�ำแหน่งเกิน สองวาระตดิ ตอ่ กนั ไมไ่ ด้ เวน้ แตใ่ นกรณที ไ่ี ดร้ บั มตจิ ากทป่ี ระชมุ สมาชกิ โดยมคี ะแนนเสยี งสามในสรี่ บั รอง ให้เป็นกรรมการกองทุนหมู่บ้านต่อ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน บ้านทุ่งกลับน้อย ส่วนใหญ่จะ ด�ำรงต�ำแหน่งมาตั้งแต่ตั้งกองทุน มีกรรมการที่ลาออกไปเพียง 2-3 คน เน่ืองจากปัญหาด้านสุขภาพ ปัจจบุ นั มบี ญั ชีกองทนุ หมู่บา้ นทงั้ หมด 2 บัญชี โดยบญั ชี 1 เป็นบัญชเี งินกองทนุ ที่ได้รบั จดั สรรมาจาก ภาครัฐ ปจั จบุ นั มีจำ� นวน 2,200,000 บาท สว่ นบญั ชี 2 เป็นเงินจากการซอ้ื หุ้นและเงนิ ฝากของสมาชิก ปัจจบุ นั มีประมาณ 4,000,000 บาท ส�ำหรบั บัญชี 1 เป็นบญั ชสี ำ� หรับเงินที่ได้จากภาครฐั จะใช้ในการ ปล่อยกู้ส�ำหรับสมาชิก ผลก�ำไรประจ�ำปีจากบัญชี 1 จะน�ำมาจัดสรรเป็นเงินประกันความเส่ียง 3% เงินสมทบกองทนุ 10% ทุนดำ� เนนิ การ 21% สาธารณประโยชน์ 21% ทุนการศึกษา 21% และอื่น ๆ ตามคณะกรรมการเหน็ สมควร 24% สว่ นบญั ชี 2 จะเปน็ บญั ชสี ำ� หรบั เงนิ หนุ้ เปน็ เงนิ ฝากหนุ้ ละ 20 บาท โดยเปน็ การฝากรายเดอื น เงนิ ในบญั ชี 2 จะใชเ้ ปน็ เงนิ กฉู้ กุ เฉนิ สำ� หรบั สมาชกิ รายละไมเ่ กนิ 10,000 บาท

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 164 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 อตั ราดอกเบี้ย 6% ต่อปี เท่ากับบัญชี 1 เมื่อสิน้ ปีดอกเบี้ยเงนิ กขู้ องบญั ชี 2 จะน�ำมาปนั ผลใหผ้ ูฝ้ าก ส�ำหรับปีนนั้ ๆ 100% ในการด�ำเนินงานของกองทุนหมู่บ้าน จะเริ่มประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือน พฤศจกิ ายน มกี ารประชมุ สมาชกิ กองทนุ เพอื่ แจง้ ผลการดำ� เนนิ งานปที ผี่ า่ นมา เชน่ การปนั สว่ นดอกเบย้ี ท่ีได้รับไปช่วยเหลือคนในหมู่บ้านและซ้ือของส�ำหรับส่วนรวม แจ้งการจ่ายปันผลส�ำหรับสมาชิกที่ ฝากเงนิ ใหส้ มาชกิ ทยี่ งั ไมไ่ ดค้ นื เงนิ ยมื มาชำ� ระเงนิ ยมื ทเ่ี หรญั ญกิ ฯลฯ สำ� หรบั การดำ� เนนิ งานในงวดใหม่ ใหส้ มาชกิ ทมี่ คี วามประสงคจ์ ะกเู้ งนิ เขยี นใบขอกพู้ รอ้ มแนบหลกั ฐาน หลงั จากนน้ั คณะกรรมการกองทนุ จะพจิ ารณาและอนมุ ตั วิ งเงนิ ภายในวนั ประชมุ ใหเ้ สรจ็ เรยี บรอ้ ย ในวนั ประชมุ ปกตจิ ะเรมิ่ ตง้ั แต่ 9.00 น. จนงานเสร็จในชว่ งเวลาค�่ำ ทส่ี ามารถทำ� ได้ภายในวันเดียวเนือ่ งจากสมาชิกส่วนใหญจ่ ะกใู้ นวงเงินเดมิ คนค้�ำประกันเป็นคนเดิม กรรมการจะมีการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยในการกรอก/ตรวจเอกสารด้วย และคณะกรรมการจะร่วมมือกันท�ำเอกสารจนเสร็จ หลังจากนั้นในวันต่อมาทางกองทุนจะแจ้งไปยัง ธนาคารเพ่อื โอนเงนิ เข้าบัญชขี องสมาชิกต่อไป ในระหว่างปีสมาชิกกองทุนสามารถคืนเงินต้นได้ตลอดเวลาตามความพร้อมของสมาชิก เช่น มีเงินจากการขายขา้ วในระหว่างปเี มอื่ ไร ก็สามารถน�ำมาใช้คืนกองทุนได้ทนั ที และทางคณะกรรมการ จะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ถึงวันที่คืนเงินต้น ส่วนเงินค่าหุ้นและเงินฝาก คณะกรรมการจะมีการรับฝากเงิน เข้ากองทุนในบญั ชี 2 โดยรบั ฝากเปน็ รายเดอื น นำ� มาฝากทเี่ หรัญญิกของกองทนุ แลว้ ภายใน 1-2 วัน เลขานกุ ารกลมุ่ จะเปน็ ผรู้ วบรวมเงนิ ทงั้ หมดนำ� ไปฝากเขา้ บญั ชธี นาคารทตี่ วั อำ� เภอบางระจนั ในประเดน็ นี้ จะเห็นได้ว่ามีความเสี่ยงจากการถือเงินสด ซึ่งทางเหรัญญิกและเลขานุการกลุ่มมีวิธีการจัดการกับ ความเสยี่ งน้ี โดยเมอ่ื มกี ารรบั เงนิ จะบนั ทกึ ขอ้ มลู ทนั ทแี ละพยายามนำ� เงนิ ทไ่ี ดร้ บั ไปฝากธนาคารภายใน วนั เดยี วกนั ซง่ึ มเี พยี งสว่ นนอ้ ยทต่ี อ้ งเกบ็ ไวเ้ พอื่ นำ� ฝากในวนั รงุ่ ขนึ้ และการเกบ็ เงนิ สดจะมกี ารแยกทเี่ กบ็ เป็นสัดสว่ นเฉพาะ ในส่วนของอัตราดอกเบย้ี เงนิ กูท้ ง้ั 2 บญั ชี เม่อื เรม่ิ ต้นการดำ� เนินงานกองทนุ ได้ตงั้ ดอกเบยี้ ไวท้ ่ี 10% ตอ่ ปี และปรบั ลดเปน็ 8% ตอ่ ปี 6% ตอ่ ปี และคงเหลอื 5% ตอ่ ปี ในปจั จบุ นั เหตผุ ล ทชี่ ่วงแรกคิดดอกเบ้ยี แพงกวา่ กองทนุ อนื่ ๆ คณะกรรมการเล่าว่าเพอ่ื เปน็ การสร้างความเขม้ แข็งให้กบั กองทนุ และเมอ่ื กองทนุ เรมิ่ เขม้ แขง็ อยรู่ อดไดแ้ ลว้ คณะกรรมการจงึ มกี ารประชมุ ปรบั ลดดอกเบย้ี ลงมา เรื่อย ๆ ให้เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจภายในชุมชน เพ่ือไม่ให้เป็นภาระท่ีหนักเกินไปของสมาชิกกองทุน ในการส่งดอกเบี้ย ในส่วนของดอกเบ้ียเงินฝากทางคณะกรรมการกองทุนปันผลให้โดยพิจารณาจาก จำ� นวนดอกเบยี้ เงนิ กทู้ ไี่ ดร้ บั มาจากบญั ชี 2 กองทนุ หมบู่ า้ นจะปดิ งบภายในวนั ท่ี 31 ต.ค. ของทง้ั 2 บญั ชี หลังจากน้ันต้นเดือน พ.ย. จะมีการประชุมสมาชิกกองทุน สรุปผลการด�ำเนินงานท่ีผ่านมาและให้ สมาชิกเขียนสญั ญาเงินกูร้ อบใหม่เป็นวงจรต่อไป 2. กระบวนการสรา้ งความรู้ การจดั การความรู้ และการถา่ ยทอดความรขู้ องกองทนุ หมบู่ า้ น บา้ นท่งุ กลับน้อย ต�ำบลพกั ทนั อำ� เภอบางระจัน จงั หวดั สงิ หบ์ ุรี ในการเรม่ิ ตน้ สรา้ งความรู้ จะตอ้ งรกู้ อ่ นวา่ อะไรคอื ความรทู้ จ่ี ำ� เปน็ สำ� หรบั การดำ� เนนิ งาน ผวู้ จิ ยั พบวา่ คณะกรรมการตระหนกั ดวี า่ ความรทู้ ส่ี ำ� คญั ตอ่ การดำ� เนนิ งานกองทนุ กค็ อื ความรดู้ า้ นการจดั การ

การสร้างความรู้และการจดั การความรขู้ องกองทุนหมู่บา้ น 165 สรุ ยุทธ ทองคำ� และ เฉลิมพร เยน็ เยือก กองทนุ โดยเฉพาะจัดการเรื่องคน/การสือ่ สาร และความรู้ดา้ นการเงนิ /บัญชี ซ่ึงผลการศึกษาสามารถ อธิบายตามกรอบแนวคิดการสร้างความรู้ SECI Model of Knowledge Creation โดยศึกษาการ หมุนเกลียวของความรู้ (The Spiral of Knowledge) พบวา่ การสรา้ งความรู้ของกองทุนหมบู่ ้าน มี การหมุนเกลียวของความรู้จากการรับความรู้จากหน่วยงานภายนอก ในด้านกฎระเบียบการจัดตั้ง กองทุนและการด�ำเนินงานกองทุน รวมท้ังความรู้ด้านการจัดการการเงินและบัญชี เพื่อน�ำมาสร้าง แลกเปล่ียนและถ่ายทอดความร้ใู นกลุ่มกรรมการกองทนุ ก่อนจะส่งตอ่ ความรูส้ ่สู มาชกิ กองทนุ ชาวบา้ นในชมุ ชนบา้ นทงุ่ กลบั นอ้ ย สว่ นใหญเ่ ปน็ เครอื ญาติ ชว่ ยเหลอื กนั ในดา้ นตา่ ง ๆ มคี วาม สามคั คี ทำ� ใหเ้ มอื่ มโี ครงการกองทนุ หมบู่ า้ นเขา้ มา ชาวบา้ นเขา้ มารวมตวั กนั และสามารถกอ่ ตง้ั กองทนุ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ภายในปี พ.ศ. 2544 เนอ่ื งจากชาวบา้ นมคี วามคนุ้ เคยและมปี ระสบการณม์ าจากกองทนุ ต่าง ๆ ท่มี อี ยู่ของต�ำบล เชน่ เงนิ ฝากสจั จะออมทรพั ย์วันละ 1 บาท สวสั ดิการชมุ ชน เริ่มต้นจากจากการรวมตวั เพือ่ รับเงินกองทุนจากภาครัฐ โดยมผี ้ใู หญบ่ ้านและนายก อบต. ซงึ่ เป็นสมาชิกภายในหมู่บ้านด้วย เป็นแกนน�ำ มีการเลือกคณะกรรมการกองทุนเพ่ือเตรียมความพร้อม ในการรับความรู้ใหม่ ๆ โดยการเตรยี มคนแบ่งได้เปน็ 2 ประเด็น คอื ประเด็นแรก การเลือกกรรมการ ให้หลากหลาย ครอบคลุมทกุ พืน้ ที่ของหมูบ่ า้ น ซึ่งนายก อบต. ใหส้ มั ภาษณ์ไวว้ า่ “เราต้องอ่านใจคนให้ได้ว่าคนน้ีนิสัยยังไง เราต้องดูตั้งแต่รายครัวเรือนมาก่อน ทั้งการเงิน การออม ความซื่อสัตย์ เราต้องดูมาเลย เสร็จแล้วปุ๊ป ประเด็นอีกอย่างคือ ต้องเขียนหนังสือเป็น เขียนได้ อ่านออก ถ้าเกิดเขียนไม่ได้อ่านไม่ออก เอามาก็เป็นเหมือน เขาเรียกง่าย ๆ ไม้หลักปักขี้เลน คนโบราณพดู อยา่ งงนั้ เลย ผมกเ็ ลยดคู ดั เปน็ โซน พนื้ ทมี่ นั ยาว หมู่ 7 ใครมคี วามรู้ ผมแบง่ เปน็ กระจกุ ไป ไมไ่ ดเ้ ป็นกลุม่ เดยี ว สมมตหิ ม่ผู มยาว เอ้าดูตรงน้ีของใคร ๆ ผมจะมองทกุ เกาะหมู่บ้าน เอาเปน็ ตัวแทน ของเกาะหมู่บา้ นน้ันมา นน่ั แหละดเู ปน็ กลุ่มแล้วเรียกประชุม เร่อื งการบริหารคนเรากต็ อ้ งมองอ่านใจ ใหล้ ะเอยี ด กระจา่ ง ผมพดู แบบชดั เจนไมม่ คี ลุมเครือ ชดั เจน ชาวบา้ นเขาจะฟัง” ประเด็นที่สอง การเลือกเลขานุการกลุ่ม คือ อาจารย์พะเนตร์ วัดทรัพย์ อาจารย์สอนวิชา คณติ ศาสตรจ์ ากโรงเรยี นบา้ นทงุ่ กลบั เปน็ การเลอื กคนทมี่ คี วามรใู้ นเชงิ วชิ าการทจ่ี ะสามารถรบั ความรู้ จากหน่วยงานภาครัฐได้ดี เป็นที่ยอมรับของชุมชนและสามารถติดต่อประสานงานกับภาครัฐในด้าน ต่าง ๆ ได้ รวมคณะกรรมการกองทุนทั้งสิ้น จ�ำนวน 13 คน ในส่วนของประธานกองทุนเป็นคนเดิม มาตั้งแต่ตั้งกองทุนในปี พ.ศ. 2544 จนถงึ ปี พ.ศ. 2562 จงึ เปลีย่ นแปลง เนอ่ื งจากปัญหาด้านสขุ ภาพ มกี ารเลือกรองประธานขึ้นมาทำ� หน้าทเ่ี ป็นประธานกองทุนแทน การหมนุ เกลียวความรู้ 1. การแลกเปลยี่ นความรู้ (Socialization) จากความรฝู้ งั ลกึ สคู่ วามรฝู้ งั ลกึ เปน็ การแลกเปลย่ี น หรอื สง่ ตอ่ ความรทู้ ฝี่ งั ลกึ จากบคุ คลสบู่ คุ คลโดยตรง ผา่ นการสงั เกต การพดู คยุ หรอื การลงมอื ปฏบิ ตั ิ เมอ่ื มกี ารรวมกลมุ่ เพอื่ จดั ตง้ั คณะกรรมการกองทนุ หมบู่ า้ น ทางกลมุ่ มกี ารประเมนิ ตวั เองแลว้ พบวา่ ยงั ขาด ความรู้ในแง่ของการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่/การจัดการสมัยใหม่ โดยเฉพาะกฎระเบียบ กฎหมายและการท�ำบัญชี ซึ่งเป็นความรู้ท่ีคณะกรรมการยังขาดอยู่ จึงให้ความร่วมมือกับพัฒนาการ

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 166 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 อ�ำเภออย่างเต็มท่ีในการประชุม/ฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ ตามท่ีกล่าวมา โดยเฉพาะความรู้ทางด้าน การท�ำบัญชี ซึ่งเป็นความรู้ที่ส�ำคัญท่ีท�ำให้ทราบถึงผลการด�ำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและใช้ข้อมูล นี้ในการจัดสรรผลตอบแทนให้กับสมาชิก โดยเลขานุการกลุ่มเป็นตัวแทนของคณะกรรมการเข้าไป อบรม ได้เรียนรู้วิธีการท�ำบัญชีกองทุนหมู่บ้านตั้งแต่เร่ิมต้นจนสามารถปิดบัญชี ท�ำงบก�ำไรขาดทุน งบดุล งบก�ำไรสะสมและการจัดสรรเงนิ ประจ�ำปอี อกมาได้ ในการปฏบิ ตั งิ านจรงิ ทางพฒั นากรอำ� เภอเขา้ ใจปญั หาส�ำหรบั ผไู้ มม่ ีพืน้ ฐานทางบญั ชดี ี ถึงแม้ จะผ่านการอบรมมาแล้ว จงึ จัดใหม้ ีเจ้าหน้าท่ี 1 คน ทำ� หน้าท่เี ก่ยี วกับการใหค้ ำ� แนะนำ� ปรึกษาดา้ น การทำ� บญั ชี โดยเฉพาะชว่ งของการปดิ บญั ชี ทเี่ จา้ หนา้ ทจ่ี ดั เวลาใหแ้ ตล่ ะกองทนุ ประมาณครงึ่ วนั หรอื 3 ชั่วโมง เพ่อื ท�ำการแนะนำ� การลงบัญชี การปดิ บญั ชีอยา่ งใกลช้ ดิ ท�ำให้อาจารย์พะเนตร์ เลขานกุ าร กลุ่มซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสามารถลงบัญชีและปิดบัญชีได้อย่างสมบูรณ์ ในข้ันตอนน้ี อาจารย์พะเนตร์ เรียนรู้ผ่านวิธีการต่าง ๆ ทั้งการสังเกตและการฝึกฝนอย่างใกล้ชิด จนมีความช�ำนาญและเกิดความ เชี่ยวชาญกลายเป็นความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัว ซ่ึง Ba หรือ พ้ืนท่ี ที่ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ ในข้ันตอนนี้ เรียกว่า Originating Ba เป็นสถานทใ่ี นการแบง่ ปันประสบการณ์และการแลกเปลีย่ นความรู้ระหวา่ ง เจา้ หนา้ ทจ่ี ากพฒั นาชมุ ชนและเลขานกุ ารกลมุ่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ ความเชอ่ื และความผกู พนั อนั เปน็ สว่ นประกอบทน่ี �ำไปสคู่ วามร้ฝู ังลึก 2. การแปลงองค์ความรู้ (Externalization) จากความรู้ฝังลึกสู่ความรู้ชัดแจ้ง เม่ือมีการ ถ่ายทอดความรู้แบบฝังลึกมาแล้ว ในข้ันตอนนี้จะเป็นการพยายามแปลงความรู้ท่ีฝังลึกออกมาเป็น ความรู้ชดั แจง้ เพอ่ื ทจ่ี ะถา่ ยทอดความรไู้ ปสคู่ นอนื่ ๆ ในทมี งาน หลงั จากมกี ารอบรมในดา้ นตา่ ง ๆ แลว้ เลขานกุ ารกลมุ่ และกรรมการทไ่ี ดไ้ ปอบรมไดน้ ำ� ความรนู้ นั้ มาประชมุ รว่ มกบั คณะกรรมการกองทนุ เพอ่ื ถ่ายทอดแลกเปล่ียนความรู้ สร้างทิศทางการด�ำเนินงานท่ีชัดเจนผสานกับความรู้ความเข้าใจท่ีมีต่อ วถิ ชี มุ ชนและรว่ มกนั กำ� หนดระเบยี บและแนวปฏบิ ตั ติ า่ ง ๆ ของกองทนุ จากนน้ั จงึ เรม่ิ ดำ� เนนิ งานรวมถงึ การเฝ้าดู สังเกตผลที่เกิดขึ้นและน�ำมาปรับเปลี่ยนให้เช้ากับบริบทของชุมชน ท�ำให้กองทุนมีความ ยดื หยนุ่ ตอ่ สมาชกิ อยา่ งมาก ทเี่ หน็ ไดช้ ดั คอื การคนื เงนิ กู้ สมาชกิ กองทนุ สว่ นใหญท่ ำ� การเกษตร สว่ นมาก จะทำ� นาเมอื่ เกย่ี วขา้ วเสรจ็ กวา่ จะขายขา้ วไดเ้ งนิ มาเวลาอาจจะไมต่ รงกบั การปดิ บญั ชขี องกองทนุ ทำ� ให้ ตอ้ งไปกยู้ มื หนน้ี อกระบบเพอ่ื มาจา่ ยคนื เงนิ กองทนุ หมบู่ า้ น ทางคณะกรรมการกองทนุ จงึ เปดิ โอกาสให้ สมาชกิ จา่ ยคนื เงนิ ตน้ ไดต้ ลอดเวลาจะเตม็ จำ� นวนหรอื บางสว่ นกไ็ ด้ มกี ารคดิ ดอกเบยี้ ตามวนั ทยี่ มื ไปและ ความยืดหยุ่นอีกข้อ คือ การปรับลดดอกเบ้ียเงินกู้ ในช่วงแรกคณะกรรมการกองทุนมีมติตั้งดอกเบ้ีย เงินกู้ไวท้ ่ี 10% ต่อปี เพื่อใหก้ องทุนมีความม่ันคง และเม่ือกองทนุ อยตู่ ัวแล้วจงึ ค่อยปรบั ลดเปน็ 8% ตอ่ ปี 6% ตอ่ ปี และ 5% ตอ่ ปี ในปจั จบุ ัน เพือ่ ให้เข้ากับสภาพเศรษฐกจิ ท่ีชาวบ้านประสบอยู่ ในชว่ งแรก คณะกรรมการกองทนุ มกี ารประชมุ กนั เปน็ ประจำ� เพอื่ สรา้ งพนื้ ทใ่ี หค้ ณะกรรมการ ไดม้ าพบปะ พดู คยุ เพอ่ื หาแนวปฏบิ ตั ทิ เี่ หมาะสมกบั สมาชกิ กองทนุ ทงั้ ในเรอื่ งดอกเบย้ี เงนิ กู้ จำ� นวนเงนิ ทป่ี ลอ่ ยกขู้ องแตล่ ะครวั เรอื น การรบั ฝากเงนิ ในบญั ชี ที่ 2 ฯลฯ โดยหาแนวทางทย่ี ดื หยนุ่ และเออื้ ประโยชน์ ตอ่ ชาวบา้ นมากท่ีสดุ ในขนั้ ตอนน้เี ปน็ Dialoguing Ba หรอื พ้นื ที่แห่งการสนทนาอยา่ งลกึ ซ้ึง คลา้ ยกบั

การสรา้ งความรู้และการจดั การความรู้ของกองทนุ หมบู่ า้ น 167 สุรยทุ ธ ทองคำ� และ เฉลิมพร เย็นเยอื ก แนวคดิ Dialogue ของ เดวิด โบหม์ (David Bohm) ทใ่ี ชช้ ื่อภาษาไทยวา่ “สุนทรียสนทนา” ซง่ึ Office of the Royal Society (2013) นยิ ามวา่ คอื การสนทนาแบบเปดิ กวา้ ง ทเ่ี นน้ การฟงั อยา่ งลกึ ซงึ้ มสี มาธิ จิตใจจดจอ่ ใคร่ครวญ เม่ือผู้ใดต้องการพูดกพ็ ูดตามท่ีใจคดิ จิตอิสระ คิดทางบวก และมเี มตตาตอ่ กัน เปน็ การสนทนาอย่างปล่อยวาง ลดอัตตาความเป็นตัวตน ไม่ยดึ มัน่ ในความคิดของตนฝา่ ยเดยี ว จึงลด ความขดั แยง้ เกิดความเขา้ ใจกนั ในกลุม่ น�ำไปสู่ความคดิ ท่ีมีคุณค่ารว่ มกัน ในขั้นตอนนีเ้ ป็นขัน้ ตอนท่ี ท�ำให้คณะกรรมการมีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ก่อให้เกิดความสามัคคีกัน ซ่ึงเป็นหัวใจส�ำคัญของการ บริหารกองทุน 3. การผสานความรู้ (Combination) จากความรชู้ ัดแจ้งสู่ความร้ชู ัดแจ้ง เมอ่ื บคุ คลในทีม ทำ� ความเขา้ ใจความรชู้ ดั แจง้ แลว้ จะทำ� ความรนู้ น้ั ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบทเ่ี ปน็ มาตรฐาน เชน่ คมู่ อื การปฏบิ ตั งิ าน เปน็ การผสานกนั ของความรสู้ ำ� หรบั กลมุ่ ตอ่ ไป ในขนั้ ตอนนสี้ ำ� หรบั ความรดู้ า้ นบญั ชี นอกจากเลขานกุ าร กลุ่มจะเข้าใจระบบการท�ำงานการบันทึกบัญชีแล้ว ยังสามารถใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์เอ็กเซล (Microsoft Excel) สร้างสูตรในการบันทึกข้อมูลยอดเงินของสมาชิกกองทุนด้วย โดยน�ำความรู้จาก หลาย ๆ ดา้ นมาผสมกันเปน็ ความรู้ทีเ่ หมาะสำ� หรบั กองทนุ และจัดเกบ็ เปน็ คลังความรู้ (Knowledge Asset) ต่อไป ดงั ทีเ่ ลขานุการกลุ่มเล่าให้ฟังวา่ “เราได้พ่ีเลยี้ งทพ่ี ัฒนาอำ� เภอ เราจะได้อะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ จากเขาตรงน้ี แลว้ ก็บางส่วนเรา ไดจ้ ากอินเทอรเ์ นต็ พวกบญั ชี ระบบบญั ชี ไดจ้ ากอนิ เทอร์เนต็ กเ็ อามาผสมผสานกันเพ่อื ใหเ้ กดิ ความ ชดั เจน” ทำ� ใหส้ ะดวกตอ่ คณะกรรมการและสมาชกิ ในการดรู ายละเอยี ดยอดเงนิ ตา่ ง ๆ ถงึ แมว้ า่ สมาชกิ จะมีสมุดคู่มือประจ�ำตัวอยู่แล้วก็ตาม แต่บางคนจะฝากสมุดคู่มือไว้ท่ีเหรัญญิกเนื่องจากกลัวหาย ซึ่ง สมาชกิ กองทุนรายหน่งึ ใหส้ มั ภาษณ์ไว้ว่า “ข้อมูลเงินฝากแต่ละคนก็จะอยู่ท่ีอาจารย์ อยู่ในคอมพิวเตอร์อาจารย์ อย่างใครสงสัยว่าปีนี้ ฝากไดเ้ ท่าไรแล้ว กส็ ามารถไปถามได”้ จากการพดู คยุ ของคณะกรรมการทเี่ ปน็ ตวั แทนจากชาวบา้ นทกุ กลมุ่ ทำ� ใหเ้ กดิ การแลกเปลย่ี น ความคิด ได้ความคิดที่หลากหลายจนสรุปออกมาเป็นแนวปฏบิ ตั ิของกองทุน คณะกรรมการกองทนุ มี ความรคู้ วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกนั พรอ้ มทจ่ี ะชแ้ี จงรายละเอยี ดต่าง ๆ กบั สมาชกิ กองทนุ ได้ สามารถ อธิบายรายละเอียดให้สมาชิกทราบได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในวันประชุมใหญ่ของกองทุนในเรื่อง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การคืนเงนิ ตน้ การปันผล ฯลฯ ในขนั้ ตอนของการสรา้ งความรใู้ นขน้ั นเ้ี ปน็ พนื้ ที่ ๆ เรยี กวา่ Systemising Ba หรอื การจดั ระบบ ความรทู้ ห่ี ลากหลายภายใตพ้ น้ื ทแ่ี หง่ การทดลอง เพอื่ ทดลองหาความรทู้ เ่ี หมาะสมกบั กองทนุ มากทสี่ ดุ ในขั้นตอนน้ีคือการพยายามหารูปแบบการบันทึกข้อมูลทางการเงินและบัญชีให้เหมาะสมกับบริบท ของกองทุนให้มากท่ีสุด เป็นการสร้างและจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบพร้อมท่ีจะถ่ายทอดให้ คณะกรรมการรุ่นต่อไป

วารสารหาดใหญ่วิชาการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 168 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 4. การสง่ กลบั ความรู้ (Internalization) จากความรชู้ ดั แจง้ สคู่ วามรฝู้ งั ลกึ เมอื่ ความรชู้ ดั แจง้ ไดถ้ า่ ยทอดไปทง้ั องคก์ รแลว้ สมาชกิ ในองคก์ รจะเรมิ่ ซมึ ซบั ความรนู้ นั้ เขา้ สคู่ วามรฝู้ งั ลกึ ของแตล่ ะบคุ คล เพ่ือเป็นความรู้เฉพาะตัวต่อไป คณะกรรมการกองทุนใช้การประชุมในวันรายงานผลการด�ำเนินงาน เป็นวันที่แจง้ ขอ้ มลู ขา่ วสารและรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ทจี่ ะดำ� เนนิ การตอ่ ไปเพอื่ ใหส้ มาชกิ กองทนุ รบั รแู้ ละ สามารถวางแผนการทำ� งาน การกเู้ งนิ การคืนเงนิ กองทนุ ซ่งึ จากการที่สมาชกิ กองทนุ รับรูว้ ่าสามารถ คนื เงนิ กองทนุ ไดต้ ลอดเวลาทำ� ใหส้ ามารถนำ� ไปวางแผนในการขายผลผลติ ทางการเกษตรไดห้ รอื ถา้ ใกล้ ถงึ วนั ปิดบญั ชแี ตย่ ังไม่สามารถขายผลผลิตทางการเกษตร ไม่มเี งนิ มาช�ำระหนก้ี องทุน ทางผูใ้ หญบ่ ้าน จะใชว้ ธิ รี วบรวมยอดเงนิ กจู้ ากสมาชกิ แลว้ เปน็ ตวั แทนไปทำ� เรอ่ื งยมื เงนิ จากกองทนุ เงนิ สวสั ดกิ ารชมุ ชน ขององค์การบริหารส่วนต�ำบลมาเพ่ือช�ำระหน้ีกองทุนหมู่บ้านก่อน เม่ือท�ำการปิดบัญชีและประชุม พจิ ารณาการปลอ่ ยกเู้ รยี บรอ้ ยสมาชกิ ไดร้ บั เงนิ โอนจากกองทนุ หมบู่ า้ นเขา้ บญั ชแี ลว้ จงึ รวบรวมเงนิ ไปคนื กองทนุ เงนิ สวสั ดกิ ารชมุ ชนขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ปกตแิ ลว้ แตล่ ะหมบู่ า้ นจะตกลงกนั วา่ หมไู่ หน จะมาขอยมื เงนิ กอ้ นนใ้ี นชว่ งเวลาไหน ไมใ่ หซ้ ำ�้ ซอ้ นกนั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การปรบั ตวั ของผนู้ ำ� และสมาชกิ กองทนุ ในการปรบั ตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพอื่ ไม่ให้เกิดหน้ีสินนอกระบบ และนำ� มาชำ� ระหนก้ี องทนุ หมู่บ้านอีก จากการชแี้ จงของคณะกรรมการและความยดื หยนุ่ ของระเบยี บกองทนุ ทใี่ หค้ นื เงนิ ตน้ ไดต้ ลอด ท�ำให้สมาชิกกองทุนได้รับรู้ผลการด�ำเนินงานและแนวปฏิบัติของปีต่อไปและน�ำความรู้ที่ได้รับมา วางแผนการคนื เงนิ กองทนุ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การขายผลผลติ ทางการเกษตร โดยสมาชกิ กองทนุ สามารถ วางแผนได้ว่าจะขายผลผลิตทางการเกษตรเมื่อไรและจะคืนเงินกู้กับกองทุนหมู่บ้านได้เมื่อไร เพื่อให้ ประหยดั ดอกเบ้ียทีต่ อ้ งจ่ายให้กับกองทุน ดังคำ� พูดของเลขากองทุนว่า “อย่างของกองทุนผมกู้ตุลา พฤศจิกาเขาจะท�ำนา พฤศจกิ า ธนั วา มกรา กมุ ภา เดือนมีนา เมษา มคี นส่งแล้วนะครบั ก็จะเหลือเสยี ดอกเบีย้ นดิ เดยี ว” ในด้านของกรรมการกองทุน เม่ือมีการหมุนเกลียวความรู้จนมาถึงขั้นซึมซับความรู้เก่ียวกับ การด�ำเนินงานของกองทุนเข้าสู่ความรู้ฝังลึกของกรรมการแล้ว ท�ำให้มีแนวทางในการป้องกันปัญหา ท่ีจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของหนส้ี ญู ดงั นี้ “เราไม่มีหนส้ี ูญนะ เพราะผมท�ำอย่างนี้ คนนี้ทำ� ทา่ จะสญู แล้ว สามหมืน่ ทำ� ทา่ จะสญู ละ ผมก็ ไปติดต่อ ไม่พูดคุยในที่ประชุมนะ ไปคุยเป็นรายบ้านเลย รายบุคคลเลย ไหวไหม ปีนึงให้ผมดูหน่อย สักห้าพัน เจด็ พนั หรอื ตามรายไดท้ ่ไี ด”้ ส่ิงท่ีส�ำคัญท่ีเกิดข้ึน คือ กรรมการกองทุนเห็นทิศทางของกองทุนท่ีชัดเจนไปในทางเดียวกัน ดังที่เลขานกุ ารกลมุ่ ใหส้ ัมภาษณว์ า่ “ตอนนี้ความส�ำเร็จถ้าในเรื่องตัวเงินกองทุน เราประสบความส�ำเร็จแล้ว แต่ถ้าจะให้ประสบ ความส�ำเร็จไดจ้ ริง ๆ ทกุ คนต้องเลกิ กูเ้ งินกองทนุ นีแ่ หละสำ� เร็จแน่ ๆ นีแ่ หละประสบความส�ำเรจ็ ถ้า อย่างนี้ ถ้ายงั กู้กนั อยู่ทกุ วนั ถ้าทกุ วันที่ 31 ตลุ ายงั จะต้องหาเงนิ มา ไม่ประสบความส�ำเรจ็ ผมกระต้นุ ตอนน้กี ็มีมาสองราย สำ� หรับปนี ้ีมีมาบอกว่าเลกิ กูข้ อผ่อนชำ� ระเพราะผมจะบอกวา่ อย่างน้ี ถ้าจะเลิกกู้

การสรา้ งความรู้และการจดั การความรูข้ องกองทุนหมู่บ้าน 169 สรุ ยทุ ธ ทองคำ� และ เฉลิมพร เยน็ เยอื ก มาบอก คิดดอกเบี้ย อย่างปีน้ีอาจารย์เลิกกู้ ก็เลิกกู้ คิดดอกเบ้ียแค่ปีเดียวท่ีเหลือผ่อนช�ำระ ไม่คิด ดอกเบยี้ ผอ่ นเดอื นละเจด็ พนั แปดพนั อะไรกไ็ ดห้ รอื เปน็ รายคราวกไ็ ด้ คำ� วา่ คราวกค็ อื เกย่ี วขา้ ว ทเ่ี หลอื ไมค่ ดิ ดอกเบย้ี ” และ “เพราะเราแขง็ แลว้ เราเขม้ แขง็ เงนิ เราเยอะแลว้ ไง เงนิ ตอนนกี้ ลบั กลายไมใ่ ชต่ วั ตงั้ ละ ถา้ จะให้ เปน็ ตวั ตง้ั ตอ้ งใหเ้ ปน็ ความสขุ ของสมาชกิ แลว้ แหละ คอื จะตอ้ งหมดหนี้ หมดอยาก ใหส้ มาชกิ หมดหน”ี้ ขน้ั ตอนนเี้ ปน็ Exercising Ba หรอื พนื้ ทแ่ี หง่ การปฏบิ ตั จิ รงิ ทเี่ กดิ ขนึ้ จากการถกเถยี ง แลกเปลย่ี น ความคดิ และทดลองนำ� ความคดิ ไปใชจ้ นตกผลกึ ออกมาเปน็ แนวปฏบิ ตั แิ ละทศิ ทางทช่ี ดั เจนของกองทนุ เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ วา่ ทง้ั คณะกรรมการและสมาชกิ กองทนุ รบั รขู้ อ้ มลู รว่ มกนั มแี นวปฏบิ ตั ทิ ตี่ ระหนกั รู้ ได้ด้วยตวั เองเป็นความรทู้ ่ีฝงั ลึกเขา้ ไปในจิตใจของสมาชิก อภปิ รายผล 1. ความรทู้ สี่ �ำคัญของการดำ� เนนิ งานกองทุนหมู่บา้ น มี 2 สว่ น คอื หนงึ่ การจดั การกองทนุ โดยเฉพาะจดั การเรอ่ื งคน/การสอื่ สาร ทงั้ คณะกรรมการและสมาชกิ กองทนุ สอง คอื ความรดู้ า้ นการเงนิ และบญั ชี โดยเรม่ิ ตง้ั แตก่ ารเลอื กคณะกรรมการ มกี ารเลอื กตวั แทนจากแตล่ ะพนื้ ที่ ทำ� ใหค้ ณะกรรมการ มาจากทกุ กลุ่มในหมู่บ้าน ทำ� ใหก้ ารดูแล ตดิ ตามเกย่ี วกับ การนำ� เงนิ กู้ไปใชจ้ ่าย การคนื เงนิ กู้ ฯลฯ อยู่ ในสายตาของคณะกรรมการตลอด คลา้ ยกบั ธนาคารกรามนี ประเทศบังคลาเทศ ของมฮู มั หมดั ยูนุส ที่มีเจ้าหน้าท่ีลงไปรับผิดชอบ ติดตามสมาชิกท่ีกู้ยืมอย่างใกล้ชิด ท�ำให้หนี้เสียมีจ�ำนวนน้อย ปัจจัย แห่งความส�ำเร็จของการจดั การอยทู่ คี่ วามสมั พนั ธท์ ดี่ ขี องคณะกรรมการ คณะกรรมการมคี วามเขม้ แขง็ มีความสามารถเหมาะสมกับงาน โดยบคุ คลท่เี ปน็ แรงขบั เคลอ่ื นคือ ประธาน เลขานุการและเหรัญญกิ กองทนุ โดยประธานกองทนุ มีการส่อื สารที่ชดั เจน เกีย่ วกบั การเงินและแนวทางการทำ� งาน สอดคล้อง กบั งานวจิ ัยของ Wongkham (2018) ซง่ึ ศกึ ษาปัจจัยสู่ความส�ำเร็จของการนำ� นโยบายกองทนุ หมู่บา้ น ไปปฏบิ ตั ิ ผลการวจิ ยั แสดงใหเ้ หน็ วา่ มปี จั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ ความสำ� เรจ็ ของการนำ� นโยบายกองทนุ หมบู่ า้ น ไปปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1) ปัจจยั ด้านความชดั เจนของนโยบาย 2) ปจั จัยด้านการสอ่ื สารขององค์การ 3) ปัจจัย ด้านศักยภาพขององคก์ าร 4) ปัจจัยด้านคุณลกั ษณะของผูน้ �ำนโยบายไปปฏบิ ตั ิ และ 5) ปัจจัยด้านการ ประสานความรว่ มมอื และในงานวจิ ยั มขี ้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ ส�ำนักงานกองทนุ หมูบ่ า้ นและ ชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ต้องสร้างมาตรฐานโปรแกรมคอมพิวเตอร์และต้องอบรมคณะกรรมการ ต้องสร้างมาตรฐานการทวงหน้แี ละสร้างความร้ใู ห้แกค่ ณะกรรมการ ต้องเพิม่ จำ� นวนเจ้าหนา้ ที่ สทบ. คู่มือการประเมินผลการด�ำเนินงานต้องมีตัวชี้วัดเป็นวัตถุวิสัย คณะกรรมการกองทุนจะต้องทบทวน ระเบยี บของกองทนุ เสมอ และจะตอ้ งมนี โยบายจดั อบรมใหค้ วามรแู้ ละสรา้ งจติ สำ� นกึ แกส่ มาชกิ รวมไปถงึ สร้างความเขา้ ใจถงึ ผลเสยี จากการไม่ชำ� ระหนค้ี นื ในสว่ นของความรคู้ วามสามารถในการทำ� บญั ชี กองทนุ สามารถบนั ทกึ บญั ชแี ละปดิ บญั ชไี ดเ้ อง ท�ำให้เห็นและเขา้ ใจกระบวนการการท�ำงานท้ังหมด เพราะงบการเงนิ ที่ออกมาคือผลการดำ� เนนิ งานที่

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 170 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 แสดงออกมาในรูปตัวเลข ส่งผลให้เกิดความม่ันใจ สามารถวิเคราะห์ปัญหาและแก้ปัญหาได้ตรงจุด รวมทั้งมีการจัดเก็บเป็นสินทรัพย์ความรู้อย่างเป็นระบบ พร้อมท่ีจะถ่ายทอดต่อไป นับว่าเป็นจุดแข็ง ของกองทนุ หมบู่ ้านทุ่งกลบั น้อย เพราะโดยปกติการจดั เก็บความรูอ้ ยา่ งเปน็ ระบบนับเป็นจดุ อ่อนของ การจัดการในชุมชน ดังท่ีงานวิจัยของ Janjaroensuk (2015) ได้สรุปไว้จากการศึกษาการจัดการ ความรขู้ องธรุ กจิ ชมุ ชน ศกึ ษาการเรยี นรแู้ ละการถา่ ยทอดความรขู้ องปราชญช์ าวบา้ นในการแกะสลกั ไม้ ซ่ึงผลวิจัยพบว่า ธุรกิจชุมชนมีการระบุความรู้และสร้างความรู้ แต่ขาดการจัดเก็บความรู้ท่ีเป็นระบบ ทาํ ใหผ้ สู้ นใจไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ความรู้ แลกเปลยี่ น แบง่ ปนั และสบื ทอดภมู ปิ ญั ญาความรดู้ า้ นการแกะสลกั ได้ 2. ในการสรา้ งความรู้ เมอื่ นำ� แนวคดิ การหมนุ เกลยี วของความรู้ มาเปน็ กรอบในการวเิ คราะห์ จะเห็นได้ว่ากองทุนมีการสร้างและการจัดการความรู้ตาม SECI Model ท้ังการแลกเปลี่ยนความรู้ การแปลงองค์ความรู้ การผสานความรู้ และการสง่ กลับความรู้ โดยคณะกรรมการกองทุนรวู้ ่าอะไรคือ ความรู้ที่จ�ำเป็น ท�ำให้มีการสร้างและการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบ คล้ายกับงานวิจัยของ Chansukree, Phansaita, Chuayok, and Rungjindarat (2017) ศึกษาสภาพและกระบวนการ จดั การความรดู้ า้ นการทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ และเพอ่ื วเิ คราะหศ์ กั ยภาพในการจดั การความรดู้ า้ นการ ท่องเทย่ี วเชิงสรา้ งสรรค์ของชมุ ชนตลาดนำ้� อมั พวา จังหวัดสมทุ รสงคราม โดยนำ� ทฤษฎีเกลียวความรู้ (Knowledge Spiral: SECI Model) ของ Nonaka and Takeuchi (1995) มาใชใ้ นการเกบ็ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าชุมชนตลาดน้�ำอัมพวามีกระบวนการจัดการความรู้ ตามทฤษฎีเกลยี วความรู้ ท้งั การแลกเปล่ยี นเรียนรู้ การสกดั ความรู้ การผนวกความรู้ และการฝงั หรอื ผนึกความรู้ โดยชุมชนตลาดน�้ำอัมพวาสามารถนำ� การจัดการความรู้มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการ ท่องเท่ียวเชงิ สร้างสรรค์ได้อยา่ งหลากหลายและค่อนขา้ งครบถ้วน หัวใจส�ำคัญอกี ประการท่ีช่วยสนับสนุนการสรา้ งความรขู้ องกองทนุ คือ การสรา้ งพ้ืนท่ี หรอื Ba ซ่ึงหมายถึง พ้ืนท่ี ท่ีก่อให้เกิดความเข้าใจหรือเป็นการเปิดพ้ืนท่ี ท่ีท�ำให้เกิดการพูดคุย เกิดพ้ืนที่ แหง่ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั ซงึ่ จรงิ ๆ แลว้ เปน็ ธรรมชาตขิ องชมุ ชนในสงั คมไทยทม่ี คี วามเออ้ื เฟอ้ื ระหวา่ งกนั ในชมุ ชน แตก่ ารบริหารงานกองทุนหมู่บา้ นทมี่ ีเงนิ เป็นจ�ำนวนมากเข้ามาเกีย่ วขอ้ ง ทำ� ใหห้ ลายกองทุน เน้นเป้าหมายที่การคืนเงินตามก�ำหนด ท�ำให้อาจจะลืมหรือขาดการสร้างพ้ืนท่ีแห่งการแบ่งปันความ เออ้ื อาทรในชมุ ชนไป ซง่ึ กองทนุ หมบู่ า้ น บา้ นทงุ่ กลบั นอ้ ย มเี ปา้ หมายทชี่ ดั แจงของกองทนุ ทไี่ มใ่ ชต่ วั เงนิ ทเี่ พม่ิ ขนึ้ อยา่ งมากมาย แตเ่ ปน็ การพง่ึ พาตวั เองไดข้ องสมาชกิ เปน็ ความสขุ ของสมาชกิ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความใสใ่ จระหวา่ งกนั ทเ่ี หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนคอื มกี ารปรบั เปลยี่ นวธิ คี ดิ /มมุ มองเกย่ี วกบั การรบั ชำ� ระเงนิ จากลกู หนก้ี องทนุ โดยปกตเิ จา้ หนต้ี อ้ งตดิ ตามทวงถามถงึ ยอดเงนิ ทลี่ กู หนต้ี อ้ งชำ� ระ ถอื วา่ เปน็ การมอง ทเี่ ปา้ หมายของตนเองหรอื เปน็ มมุ มองจากภายใน (Inward Mindset) แตค่ ณะกรรมการกองทนุ หมบู่ า้ น บา้ นทงุ่ กลบั นอ้ ย มวี ธิ คี ดิ ทแ่ี ตกตา่ งไป คอื การมองคนในชมุ ชนแบบ “เหน็ คนเปน็ คน” คอื มมุ มองแบบ มองเหน็ คนอน่ื อยเู่ สมอ (Outward Mindset) โดยมองจากตัวลูกหน้เี ปน็ หลัก คณะกรรมการจึงพร้อม ทจี่ ะยน่ื มอื ชว่ ยเหลอื และพรอ้ มจะดงึ สมาชกิ ใหก้ า้ วผา่ นปญั หาตา่ ง ๆ ไปได้ เชน่ การสนบั สนนุ กองทนุ ปยุ๋

การสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความร้ขู องกองทุนหมูบ่ า้ น 171 สุรยุทธ ทองค�ำ และ เฉลิมพร เยน็ เยอื ก เพอ่ื ลดคา่ ใชจ้ า่ ยของสมาชิกทก่ี ้ยู ืม มีงานวจิ ยั ท่สี ามารถทำ� ใหเ้ ห็นพน้ื ท่แี ห่งการสรา้ งความรไู้ ดค้ ่อนข้าง ชัดเจน เช่น งานวจิ ัยของ Wongsrikaew, Ruanggoon, and Chunprasert (2017) ศึกษาการพฒั นา ชมุ ชนเขม้ แขง็ : กรณศี กึ ษาชมุ ชนพนู บำ� เพญ็ เขตภาษเี จรญิ กรงุ เทพมหานคร งานวจิ ยั ชนิ้ นศ้ี กึ ษาปจั จยั ที่น�ำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน ซ่ึงมีผลการศึกษาข้อหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ความเข้มแข็งของชุมชน เกิดข้ึนจากปัจจัยด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิตซ่ึงเป็นลักษณะท่ีคนในชุมชนได้มีการแลกเปล่ียนความรู้ ซงึ่ กนั และกนั มกี ารนำ� ความรทู้ ง้ั เกา่ และใหมม่ าประยกุ ตเ์ พอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของชมุ ชนในปจั จบุ นั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี มกี ารเรยี นรผู้ า่ นสถานกี ารเรยี นรภู้ ายใตช้ อื่ “พนื้ ทสี่ ขุ ภาวะ” ทมี่ ที งั้ หมด 15 สถานใี นชมุ ชน จากตัวอย่างงานวิจัยจะเห็นได้ว่าเป็นไปตามแนวคิดพ้ืนท่ี (Ba) ของโนนากะ ที่พื้นท่ีจะเอ้ือให้เกิด ปฏิสมั พันธ์ เกดิ การสร้างและแลกเปลยี่ นความรู้ เปน็ พืน้ ท่แี ห่งความเข้าใจซ่งึ กันและกนั 3. การด�ำเนินงานของกองทุนไมส่ ามารถด�ำเนนิ งานไปอย่างโดดเดย่ี วได้ เพราะในบริบทของ ชุมชนในสังคมไทยจะเป็นการท�ำงานท่ีเก้ือกูลซ่ึงกันและกัน ในกรณีของกองทุนหมู่บ้านน้ีจะเห็นได้ว่า มเี ครอื ขา่ ยทางการเงนิ ในชมุ ชนทห่ี ลากหลาย ซง่ึ ชว่ ยรองรบั และชว่ ยแกป้ ญั หาการเงนิ ทน่ี อกเหนอื จาก ความสามารถของกองทุนหมู่บ้าน เช่น กองทุนเงินออมขององค์การบริหารส่วนต�ำบลท่ีช่วยให้แต่ละ กองทุนหมู่บ้านกู้ยืมมาให้สมาชิก เพื่อน�ำมาใช้คืนเงินกู้กองทุนหมู่บ้านแทนที่จะต้องไปกู้ยืมจากหน้ี นอกระบบ 4. ในสว่ นของการสง่ ตอ่ ความรสู้ คู่ นรนุ่ ตอ่ ไป คณะกรรมการมกี ารดงึ คนรนุ่ ใหมท่ มี่ คี วามรแู้ ละ กลบั มาทำ� งานทบ่ี า้ น เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในกองทนุ โดยเรม่ิ จากงานทงี่ า่ ยกอ่ น คอื การชว่ ยเหลอื ชาวบา้ น ในวนั ทำ� สญั ญา มกี ารมอบหมายงานใหช้ ว่ ยดกู ารเขยี นสญั ญา ความสมบรู ณข์ องเอกสาร ฯลฯ หลงั จากนนั้ คณะกรรมการจะรว่ มกนั พจิ ารณาวา่ ควรจะดงึ ใครเขา้ มาชว่ ยงานเปน็ กรรมการตอ่ ไป โดยวดั จากความรู้ และความซอื่ สตั ยเ์ ปน็ หลกั สว่ นในดา้ นของการทำ� บญั ชซี ง่ึ เปน็ งานทต่ี อ้ งมคี วามรเู้ ฉพาะดา้ น เลขานกุ าร กล่มุ คือ อาจารย์พะเนตร์ ทีด่ ูแลงานในสว่ นนอ้ี ยู่ มีการดงึ คนร่นุ ใหม่ทเ่ี คยเปน็ ลกู ศษิ ย์ รจู้ กั นิสยั ใจคอ เปน็ อยา่ งดี เขา้ มาเรม่ิ ชว่ ยงานต้งั แตช่ ่วยคำ� นวณยอดเงิน ค�ำนวณดอกเบีย้ ฯลฯ ปญั หาที่มีอยู่ คอื ยงั มี คนรุ่นใหม่จ�ำนวนน้อยที่กลับมาท�ำงานที่บ้าน แต่ก็เห็นได้ว่ามีแนวโน้มท่ีดีขึ้น จากงานวิจัยของ Wongsurawat et al. (2019) ศึกษาเร่ือง การบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระดับดีมาก กรณีศึกษาจงั หวดั นครปฐม ซงึ่ ผลการศกึ ษาพบวา่ กองทนุ หมบู่ า้ นและชมุ ชนเมอื งทป่ี ระสบความสาํ เรจ็ มกี ระบวนการในการบรหิ ารจดั การทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ทาํ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ แนวทางในการบรหิ ารจดั การกองทนุ ทั้งสิ้น 4 ด้าน ได้แก่ 1) แนวทางการบริหารจัดการด้านผู้นํา 2) แนวทางการบริหารจัดการด้านการ มสี ว่ นรว่ ม 3) แนวทางการบรหิ ารจดั การดา้ นการจดั สรรผลประโยชน์ และ 4) แนวทางการบรหิ ารจดั การ ด้านการเขา้ ถงึ และการตรวจสอบขอ้ มูลกองทุน งานวิจัยของ Wongsurawat et al. (2019) มีขอ้ เสนอ ทีน่ ่าสนใจ เชน่ ผู้นํา คณะกรรมการ และบคุ คลผูม้ ีส่วนเกี่ยวข้องทกุ ระดับ รวมไปถงึ ชมุ ชน ควรจะตอ้ ง มีการตระหนักถึงความสําคัญของการวางตําแหน่งผู้สืบทอดการดําเนินงานท้ังในส่วนของผู้นําและ คณะกรรมการทที่ าํ หนา้ ทใ่ี นการบรหิ ารจดั การกองทนุ รวมไปถงึ บคุ ลากรทป่ี ฏบิ ตั งิ านในตาํ แหนง่ ตา่ ง ๆ เพ่ือใหก้ ารดําเนนิ งานของกองทนุ มคี วามตอ่ เนอ่ื ง

วารสารหาดใหญว่ ชิ าการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 172 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 ข้อเสนอแนะงานวจิ ัย จากผลการศกึ ษาผวู้ จิ ยั ไดม้ ขี อ้ เสนอแนะแนวทางการสรา้ งความรแู้ ละจดั การความรขู้ องกองทนุ หมบู่ า้ น โดยแบง่ ขอ้ เสนอแนะออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1) ขอ้ เสนอแนะสำ� หรบั กองทนุ หมบู่ า้ นอน่ื ในการนำ� ผลการวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ และ 2) ข้อเสนอแนะในการวิจยั ครงั้ ตอ่ ไป 1. ข้อเสนอแนะในการนำ� ผลการวจิ ัยไปใช้ประโยชน์ 1) ความร้ทู ่สี �ำคัญส�ำหรับการบริหารกองทนุ หมูบ่ ้านไดแ้ ก่ ความรู้ด้านการจดั การ ความรู้ ดา้ นบัญชแี ละการเงนิ ดังน้ัน คณะกรรมการตอ้ งรู้กอ่ นว่าในกลุ่มคณะกรรมการมคี วามรอู้ ะไร และยัง ขาดความรูใ้ นดา้ นใด เพ่ือทจ่ี ะมเี ป้าหมายทช่ี ดั เจนวา่ ตอ้ งการความรู้อะไร 2) ในการไปรบั การถา่ ยทอดความรู้ เพอ่ื นำ� มาสรา้ งความรใู้ หมส่ ำ� หรบั กองทนุ สงิ่ สำ� คญั คอื ต้องรวู้ ่าใครเปน็ บุคคลสำ� คัญทม่ี ีความรเู้ หล่านน้ั (Key Actor) และตอ้ งเตรยี มกรรมการทสี่ ามารถรับ ความรนู้ นั้ ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ดงั นนั้ ในการเลอื กคณะกรรมการนอกจากการเลอื กตามกลมุ่ ทอ่ี ยขู่ องสมาชกิ แลว้ ควรเลอื กจากหลากหลายสาขาอาชพี และจากคนรนุ่ ใหมด่ ว้ ย เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มในการรบั และ จดั การกับความรใู้ หม่ ๆ ท่จี ะเข้ามา 3) ในกระบวนการการสรา้ งความรู้ เมอ่ื ตวั แทนคณะกรรมการไดค้ วามรจู้ ากภายนอกมาแลว้ ต้องมาท�ำความเข้าใจ ประยุกต์ความรู้น้ัน ๆ ให้เข้ากับบริบทของชุมชน ซึ่งเป็นข้ันตอนที่ส�ำคัญท่ีสุด ในกระบวนการสรา้ งความรู้ หลงั จากนน้ั ควรมกี ารแลกเปลยี่ นความคดิ กบั คณะกรรมการและถา่ ยทอด แนวคิดสู่สมาชิกกองทุน ให้รับรู้และพร้อมรับฟังข้อเสนอ เป็นไปตามแนวคิดการสร้างความรู้ SECI Model of Knowledge Creation ซ่งึ เป็นการถา่ ยทอดความร้จู ากระดบั บคุ คลส่คู ณะกรรมการ และ ถ่ายทอดตอ่ ไปยงั สมาชิกกองทนุ 4) ปจั จัยทสี่ ำ� คัญตอ่ การสร้างความรแู้ ละจัดการความรู้คือ Ba หรอื พน้ื ที่ทีเ่ ออ้ื ตอ่ การสรา้ ง ความรคู้ ณะกรรมการตอ้ งพยายามสรา้ งพนื้ ทแ่ี ละชว่ งเวลาทเี่ หมาะสมในการพดู คยุ แลกเปลยี่ นความคดิ กนั ในกลมุ่ คณะกรรมการและกบั สมาชกิ ดว้ ยความจรงิ ใจและความสมั พนั ธท์ เ่ี ปน็ มติ ร ซงึ่ จะเออื้ ใหก้ าร สรา้ งความรู้เปน็ ไปด้วยดี 5) ความรทู้ ใี่ ชใ้ นการบรหิ ารกองทนุ เปน็ สง่ิ สำ� คญั แตส่ ง่ิ ทส่ี ำ� คญั กวา่ กค็ อื การไดม้ าซงึ่ ความรู้ น้ันและการประยุกต์ความรู้ที่ได้มาปรับใช้ให้เหมาะกับกองทุน ดังน้ัน ถ้าคณะกรรมการและสมาชิก กองทุนสามารถเรยี นรูว้ ิธีการสร้างความรู้และวิธีการแสวงหาความความรู้ (learn how to learn) ได้ ดว้ ยตัวเองก็จะท�ำให้เกดิ กระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนอ่ื ง 2. ข้อเสนอแนะในการวจิ ยั ครั้งต่อไป 1) งานวิจยั คร้ังตอ่ ไปควรศกึ ษารูปแบบการสร้างความรูแ้ ละการจดั การความรขู้ องกองทุน หมู่บ้านอื่นท่ีประสบความส�ำเร็จในการด�ำเนินงาน เพ่ือเติมเต็มองค์ความรู้เก่ียวกับการบริหารงาน ของกองทนุ หมูบ่ ้าน 2) งานวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไปควรศกึ ษาการสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความรขู้ องเครอื ขา่ ยกองทนุ หมบู่ า้ นระดบั ตำ� บลทม่ี คี วามเขม้ แขง็ เพอื่ ทราบถงึ การสรา้ งความรแู้ ละการจดั การความรรู้ ว่ มกนั ในระดบั

การสรา้ งความรแู้ ละการจัดการความร้ขู องกองทนุ หมู่บา้ น 173 สรุ ยทุ ธ ทองคำ� และ เฉลิมพร เยน็ เยอื ก เครือขา่ ยต่อไป กิตติกรรมประกาศ งานวจิ ยั นส้ี ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไดด้ ว้ ยดี จากความมนี ำ้� ใจของชาวบา้ นทกุ คนทบ่ี า้ นทงุ่ กลบั นอ้ ย โดยเฉพาะ นายกสายชล ผ้ใู หญป่ ระดษิ ฐ์ อาจารยพ์ ะเนตร์ พี่ใบศรี พว่ี นั ดี และ รวมท้งั เจ้าหน้าท่จี ากสำ� นกั งาน พฒั นาชมุ ชน อำ� เภอบางระจนั ทใ่ี หค้ วามอนเุ คราะหเ์ ออื้ เฟอ้ื ขอ้ มลู ผวู้ จิ ยั ขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นทส่ี นบั สนนุ การท�ำวิจัยในครง้ั นเี้ ป็นอยา่ งสงู เอกสารอ้างอิง Chansukree, P., Phansaita, N., Chuayok, P., & Rungjindarat, N. (2017). Knowledge management in creative tourism: A case study of the Amphawa community in Samut Songkhram province. Dusit Thani College Journal, 11(3), 49-63. [in Thai] Earsakul, S. (2014). An evaluation of the village fund operation in the Phochai sub- district municipality, Mueang district, Nongkhai province. Nakhon Phanom University Journal, 4(2), 30-36. [in Thai] Janjaroensuk, N. (2015). Knowledge management model of community business at Ban Kiu Lae Noi and Ban Kiu Lae Luang in San Pa Tong district, Chiang Mai province. Journal of Community Development and Life Quality, 3(1), 49-56. [in Thai] NESDC. (2019). Five-year Thailand development report (2014-2018). Retrieved from http://online.pubhtml5.com/yrie/xmir/#p=1 [in Thai] Nonaka, I., & Takeuchi, H. (1995). The knowledge-creating company: How Japanese companies create the dynamics of innovation. New York: Oxford University Press. Nonaka, I., & Konno, N. (1998). The concept of “ba”: Building a foundation for knowledge creation. California Management Review, 40(3), 40-54. Nonaka, I., Toyama, R., & Konno, N. (2000). Seci, ba and leadership: A unified model of dynamic knowledge creation. Long Range Planning, 33(1), 5-34. Office of the Royal Society. (2013). Dialogue. Retrieved from http://www.royin.go.th/? knowledges=สุนทรยี สนทนา-๑๐-พฤษภาคม [in Thai] Wichinplert, S. (2015). Report on operations of the national village and community fund project. Retrieved from http://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/ parbudget/ewt_dl_link.php?nid=105 [in Thai] Wongkham, N. (2018). Factors to the success of village fund policy implementation: Case study of the village funds that developed into community financial institutions in Samutprakan province. Research and Development Journal Suan Sunandha Rajabhat University, 10(1), 187-200. [in Thai]

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 174 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 Wongsrikaew, K., Ruanggoon, J., & Chunprasert, S. (2017). Development of strong community: A case study of Poonbumphen community, Phasi Charoen district, Bangkok. Journal of Community Development and Life Quality, 5(1), 46-57. [in Thai] Wongsurawat, S., Choonhaklai, S., & Natrujirote, W. (2019). The management of village funds at very good level: A case study in Nakhon Pathom province. Journal of MCU Peace Studies, 7(3), 888-898. [in Thai]

บทความ วชิ าการ บทบาทกองทนุ เงนิ ทดแทนกบั การคมุ้ ครองแรงงาน The Role of Workmen’s Compensation Fund on Labor Protection กนั ยปรณิ ทองสามส1ี * และ อสิ ระ ทองสามส2ี Kanyaprin Tongsamsi1* and Isara Tongsamsi2 Abstract The Workmen’s Compensation Fund (WCF) was established under the Announcement of the Revolutionary Council No. 103 and was initially implemented in 1974 to manage the fund. The first Workmen’s Compensation Act B.E. 2537 was officially formed on July 1, 1996. Later, the Act was revised as the Workmen’s Compensation Act 2018 (No. 2) and formed on December 9 the same year. The newly updated Act aimed to protect against injury, disease, disability, loss of organ, or death, including occupational diseases resulting from employment. The coverage was issued so that the employed can take care of themselves and their families during the loss of income. Administered by tripartite committees consisting of representatives of employers, employees, and government, the Fund covers both Thai and foreign workers, under Convention No. 111 on Discrimination 1คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี ต.รสู ะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000, 2คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สงขลา ต.เขารปู ช้าง อ.เมอื ง จ.สงขลา 90000 1Faculty of Humanities and Social Sciences, Prince of Songkla University, Pattani Campus, Rusamilae Sub-district, Muang District, Pattani Province 94000. 2Faculty of Humanities and Social Sciences, Songkhla Rajabhat University, Khoa-Roob-Chang Sub-district, Muang District, Songkhla Province 90000 *ผ้ใู หก้ ารตดิ ตอ่ (Corresponding e-mail: [email protected]) รบั บทความวนั ท่ี 20 มกราคม 2563 แกไ้ ขวันที่ 9 มถิ นุ ายน 2563 รบั ลงตีพมิ พ์วนั ที่ 16 มิถุนายน 2563 Hatyai Academic Journal 19(1): 175-191

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 176 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 (Employment and Occupation) 1958. The WCF stipulates contribution rates for the first four years of employment at 0.2-1.0%, depending on the risks of industries/ businesses. In 2018, 10,537,238 employees and 416,579 enterprises were registered with WCF. Currently, the number has gradually increased. The results reveal that the rate of work-related injury and severity from 2014 to 2018 continually decreased. This was because of the Ministry of Labor’s ‘Zero Accident’ emphasis on the promotion of work-safety and the reduction of injuries at workplaces. Keywords: Social Security Office, Workmen’s Compensation Fund, Labour Protection บทคดั ย่อ กองทุนเงนิ ทดแทนต้งั ขน้ึ ตามประกาศคณะปฏวิ ัตฉิ บบั ท่ี 103 มีหน้าทบี่ รหิ ารจดั การกองทนุ เงินทดแทน ซึ่งเปิดด�ำเนินการครัง้ แรกในปี พ.ศ. 2517 ต่อมาไดม้ ีการตราพระราชบัญญตั เิ งนิ ทดแทน พ.ศ. 2537 บงั คับใช้ตั้งแต่วันท่ี 1 กรกฎาคม 2537 (Workmen’s Compensation Act B.E. 2537, 1994) หลงั จากนั้นมกี ารออกพระราชบญั ญัตเิ งินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 บงั คับใช้ตั้งแต่วนั ที่ 9 ธนั วาคม 2561 (Workmen’s Compensation Act (No.2) B.E. 2561, 2018) เพอ่ื คุ้มครองลูกจ้าง ที่ประสบอันตราย เจ็บปว่ ย สญู เสยี อวัยวะ ทุพพลภาพ หรอื ตาย เนอื่ งจากการท�ำงานใหแ้ ก่นายจา้ ง หรือเจ็บป่วยด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงาน หรือโรคซึ่งเกิดขึ้นเก่ียวเน่ืองกับการ ท�ำงานให้แก่นายจ้างให้ได้รับเงินทดแทนเพ่ือเล้ียงดูตนเองและครอบครัวในขณะท่ีขาดรายได้ประจ�ำ ตามสทิ ธิทก่ี ฎหมายกำ� หนดไว้ กองทุนดงั กล่าวใหก้ ารคุ้มครองท้ังแรงงานชาวไทยและชาวตา่ งชาติ ซึ่ง สอดคล้องกบั อนสุ ญั ญาฉบบั ที่ 111 ว่าด้วยการเลอื กปฏิบตั ิ (การจ้างงานและการประกอบอาชีพ) ค.ศ. 1958 กองทุนเงนิ ทดแทนบริหารโดยคณะกรรมการในรปู แบบไตรภาคปี ระกอบด้วยผูแ้ ทนจาก 3 ฝ่าย ด้วยกนั คือ ฝา่ ยนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล กองทนุ เงินทดแทนก�ำหนดอัตราเงนิ สมทบหลกั ใหแ้ กน่ ายจา้ งในชว่ ง 4 ปแี รกอยรู่ ะหวา่ งรอ้ ยละ 0.2-1.0 ขน้ึ อยกู่ บั ความเสย่ี งของแตล่ ะประเภทกจิ การ ในปี พ.ศ. 2561 มลี กู จ้างในข่ายกองทุนเงินทดแทน 10,537,238 ราย จาก 416,579 กิจการ และมี แนวโน้มเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง ผลการวิเคราะห์อัตราการประสบอันตรายและเจ็บป่วยเน่ืองจากการ ทำ� งานของลูกจ้างระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561 ท้ังกรณีร้ายแรง และรวมทุกกรณพี บวา่ มแี นวโน้มลดลง เนอื่ งจากกระทรวงแรงงานใหค้ วามสำ� คญั กบั การจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ความปลอดภยั ในการทำ� งาน และ กิจกรรมรณรงคล์ ดสถติ กิ ารประสบอันตรายในสถานประกอบกจิ การให้เป็นศูนย์ ค�ำสำ� คัญ: ส�ำนกั งานประกนั สังคม กองทนุ เงนิ ทดแทน การค้มุ ครองแรงงาน

กองทนุ เงนิ ทดแทนกบั การค้มุ ครองแรงงาน 177 กนั ยปริณ ทองสามสี และ อิสระ ทองสามสี บทน�ำ กองทนุ เงนิ ทดแทนจดั ตง้ั ขนึ้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เปน็ หลกั ประกนั ความมน่ั คงในชวี ติ ดว้ ยการ ให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างแทนนายจ้าง เม่ือลูกจ้างประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือถึงแก่ความตาย เนื่องจากการท�ำงาน มุ่งเน้นการดูแลลูกจ้างอย่างทั่วถึงและจ่ายค่าทดแทนท่ีเหมาะสมเพ่ือให้ลูกจ้าง ด�ำรงชีพได้อย่างมีความสุข ประเทศไทยริเริ่มจัดต้ังกองทุนเงินทดแทนโดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 เมอื่ วนั ที่ 16 มนี าคม 2515 กำ� หนดใหม้ กี องทุนเงินทดแทนในกรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย เพอ่ื เป็นทนุ ให้มกี ารจ่ายเงนิ ทดแทนแก่ลูกจา้ งแทนนายจา้ ง ในกรณีที่นายจา้ งต้องจา่ ยเงินทดแทนเมอ่ื ลกู จา้ งประสบอนั ตราย เจบ็ ปว่ ย สญู หาย หรอื ถงึ แกค่ วามตายเนอื่ งจากการทำ� งาน หรอื จากโรคซง่ึ เกดิ ขนึ้ ตามลกั ษณะหรอื สภาพของงาน หรอื โรคซง่ึ เกดิ ขน้ึ จากการทำ� งานเฉพาะประเภทและขนาดของกจิ การ ในท้องท่ีตามที่กระทรวงมหาดไทยก�ำหนด ทั้งน้ี กองทุนเงินทดแทนเริ่มด�ำเนินการอย่างเป็นทางการ ในวันท่ี 1 มกราคม 2517 โดยในปแี รกไดใ้ ห้ความคุม้ ครองเฉพาะสถานประกอบการทีม่ ลี ูกจา้ งตง้ั แต่ 20 คนขนึ้ ไป ทที่ �ำงานเฉพาะในจงั หวดั กรุงเทพมหานคร และในปี พ.ศ. 2519 ได้เริ่มขยายงานออกไป ยงั สว่ นภูมภิ าคเปน็ ครง้ั แรก 5 จังหวดั คือ จงั หวัดสมทุ รปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และ นครปฐม และได้ขยายความค้มุ ครองครบทกุ จังหวดั ทว่ั ประเทศในปี 2531 การด�ำเนนิ งานของกองทุน เงินทดแทนได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพ่อื ใหส้ ามารถดแู ลลูกจา้ งอย่างท่วั ถึง ตอ่ มาไดข้ ยายความคุ้มครอง ไปยงั สถานประกอบการที่มีลกู จา้ งตงั้ แต่ 10 คนขึ้นไป เม่ือวนั ท่ี 1 ตุลาคม 2536 กระทง่ั ในวนั ที่ 1 เมษายน 2545 ไดข้ ยายความค้มุ ครองไปยังทกุ สถานประกอบการทีม่ ลี ูกจ้างต้ังแต่ 1 คนขึ้นไป (Social Security Office, 2019a) ปัจจุบันกองทุนเงินทดแทนอยู่ภายใต้สังกัดส�ำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน การ ด�ำเนินงานของกองทุนดังกล่าวเป็นไปตามข้อก�ำหนดของพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 ประกาศใชว้ ันที่ 16 มถิ นุ ายน 2537 ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบบั นี้ได้บงั คับใชเ้ ปน็ ระยะเวลาประมาณ 24 ปี ต่อมา ไดม้ กี ารประกาศพระราชบญั ญตั เิ งนิ ทดแทน (ฉบบั 2) พ.ศ. 2561 มีผลบงั คับใช้วนั ท่ี 9 ธันวาคม 2561 โดยกฎหมายเงินทดแทนตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของหลักการทางกฎหมายเรียกว่า “หลักความรับผิดโดย เคร่งครัดและรับผิดโดยปราศจากความผิด” (Strict Liabilities and Liabilities without Fault) กล่าวคือ หากพสิ จู นไ์ ด้ว่าลูกจา้ งเจ็บปว่ ย หรอื ประสบอันตราย หรือตาย หรอื สูญหาย อันเน่อื งมาจาก การทำ� งานใหแ้ กน่ ายจา้ งแลว้ แมก้ ารกระทำ� นนั้ จะเกดิ ขนึ้ จากการกระทำ� โดยประมาทของลกู จา้ งกต็ าม ลกู จา้ งก็จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายฉบบั น้ี บทความนจ้ี ดั ทำ� ขนึ้ เพอ่ื นำ� เสนอจำ� นวนแรงงาน นายจา้ ง และกจิ การในขา่ ยกองทนุ เงนิ ทดแทน แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การคมุ้ ครองแรงงาน ขอบขา่ ยการคมุ้ ครองแรงงานของกองทนุ เงนิ ทดแทน สถติ กิ ารประสบอนั ตรายของลกู จา้ งภายใตก้ องทนุ เงนิ ทดแทน และบทบาทของกองทนุ เงนิ ทดแทนกบั การคมุ้ ครองแรงงาน โดยเนน้ นำ� เสนอข้อมลู ระหวา่ งปี พ.ศ. 2557-2561 สาระของบทความนจ้ี ะเป็น ประโยชนต์ อ่ ผเู้ ปน็ นายจา้ ง ลกู จา้ งทอ่ี ยใู่ นขา่ ยกองทนุ เงนิ ทดแทน และนกั วชิ าการทสี่ นใจศกึ ษาบทบาท หนา้ ทแี่ ละการด�ำเนินงานของกองทุน

วารสารหาดใหญ่วิชาการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 178 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 แนวคิดทฤษฎีท่เี ก่ียวขอ้ งกับการคุ้มครองแรงงาน การคมุ้ ครองแรงงาน หมายถงึ การดแู ลคณุ ภาพชวี ติ และสทิ ธปิ ระโยชนอ์ นั พงึ มพี งึ ไดข้ องลกู จา้ ง ซึ่งอธิบายได้โดยทฤษฎีการจัดสวัสดิการ ทฤษฎีส�ำคัญท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดสวัสดิการที่สามารถน�ำมา อธบิ ายการคุ้มครองแรงงาน คอื ทฤษฎที ว่ี ่าดว้ ยการบังคบั ควบคุม (The Policing Theory of Labour Welfare) ทฤษฎีนีเ้ สนอโดย Moorthy (1968 Cited in Department of Labour Protection and Welfare, 2007; Wasinarom, 1997) มาจากแนวคิดที่ว่า โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วส่วนใหญ่ เห็นแก่ตัว พรอ้ มทจ่ี ะเอารดั เอาเปรยี บคนอน่ื เสมอเมอ่ื มโี อกาส คนมฐี านะทางเศรษฐกจิ สงู มกั เอาเปรยี บ คนยากจน คนมีการศึกษาสูงมักเอาเปรียบคนมีการศึกษาต�่ำ ในการจ้างงานก็เช่นกัน นายจ้างย่อมมี โอกาสมากกวา่ ลกู จา้ งจงึ มกั จะปฏบิ ตั ติ อ่ ลกู จา้ งอยา่ งไมย่ ตุ ธิ รรม ดงั นนั้ เพอื่ เปน็ การลดการเอารดั เอาเปรยี บ ทเ่ี กดิ ขน้ึ รฐั จงึ มกี ารออกกฎหมายควบคมุ บงั คบั ใหน้ ายจา้ งจดั สวสั ดกิ าร รวมทง้ั ดแู ลสอดสอ่ งใหน้ ายจา้ ง ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับทางกฎหมายจึงถือเปน็ มาตรฐานท่ีนายจา้ งตอ้ งปฏบิ ตั ิตาม กรณที ่ีขดั ขืน ไมป่ ฏบิ ัตติ ามจะถูกลงโทษตามทร่ี ะบไุ ว้ ขอ้ ดีของทฤษฎีน้ี คอื ลกู จา้ งจะได้รับการประกนั ในระดับหนึ่ง ว่าตนเองจะได้รับสวัสดิการเพียงพอตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย แต่จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏมิได้เป็น เช่นนั้นเสมอไป เพราะยงั คงมนี ายจา้ งอกี จำ� นวนไมน่ อ้ ยทไ่ี มไ่ ดส้ นใจ พยายามหลกี เลยี่ งทจี่ ะปฏบิ ตั ติ าม กฎหมาย หรือถ้าปฏิบัติได้ก็ปฏิบัติตามได้ไม่ครบถ้วน ขาดคุณภาพ และไม่ได้มาตรฐาน ข้อเสียที่พบ คอื ไมย่ ตุ ธิ รรมสำ� หรบั นายจา้ งทด่ี ที ม่ี คี วามพยายามจะจดั สวสั ดกิ ารใหส้ งู กวา่ ทก่ี ฎหมายกำ� หนด เพราะ สงั คมมกั มองวา่ นายจา้ งคอื ผทู้ เ่ี อารดั เอาเปรยี บ อยา่ งไรกต็ าม ในทกุ สงั คมยงั คงมคี วามจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ ง มีการบงั คบั ควบคมุ ด้วยกฎหมาย การออกกฎหมายเงนิ ทดแทนจงึ เป็นหนา้ ทีข่ องรัฐตามทฤษฎีน้ี โดย มจี ดุ ม่งุ หมายเพอื่ ก�ำกับดแู ลให้นายจ้างปฏบิ ัตติ อ่ ลกู จ้างอยา่ งเสมอภาคและเป็นธรรม ในกรณีลกู จา้ งท่ี ประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ปว่ ยเนอื่ งจากการทำ� งาน จนเปน็ เหตใุ หไ้ ดร้ บั บาดเจบ็ เจบ็ ปว่ ย สญู เสยี อวยั วะ ทุพพลภาพ สูญหายหรือถึงแก่ความตาย ดังนั้น เม่ือลูกจ้างประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญหาย เน่ืองจากการท�ำงาน นายจ้างมีหน้าท่ีแจ้งต่อส�ำนักงานประกันสังคมท้องท่ีที่ลูกจ้างท�ำงานอยู่ หรือท่ี นายจา้ งมภี มู ลิ ำ� เนาอยภู่ ายในระยะเวลาทกี่ ำ� หนด โดยกองทนุ เงนิ ทดแทนจะจา่ ยเงนิ ทดแทนแกล่ กู จา้ ง แทนนายจ้าง อนั ประกอบด้วย ค่ารกั ษาพยาบาล คา่ ทดแทน ค่าฟ้ืนฟูสมรรถภาพในการทำ� งาน และ คา่ ทำ� ศพ รวมถึงใหก้ ารบ�ำบดั รักษา และสง่ เสรมิ ฟน้ื ฟูสมรรถภาพแก่ลกู จา้ งทีป่ ระสบอันตรายจากการ ทำ� งานให้สามารถเลีย้ งชพี ได้ดว้ ยตนเอง โดยไมเ่ ปน็ ภาระแกส่ ังคม ขอบขา่ ยการดำ� เนินงานของกองทุนเงนิ ทดแทน การบรหิ ารกองทนุ เงินทดแทน การบรหิ ารกองทนุ เงนิ ทดแทนมคี ณะกรรมการไตรภาคี ประกอบดว้ ยผแู้ ทนจาก 3 ฝา่ ยดว้ ยกนั คอื ฝา่ ยองคก์ รนายจา้ ง ฝา่ ยองคก์ รลกู จา้ ง และฝา่ ยรฐั บาล มคี ณะกรรมการทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2 คณะ (Social Security Office, 2019a) ได้แก่

กองทนุ เงินทดแทนกบั การค้มุ ครองแรงงาน 179 กันยปริณ ทองสามสี และ อสิ ระ ทองสามสี 1. คณะกรรมการกองทนุ เงนิ ทดแทน (Workmen’s Compensation Fund Committee) ประกอบด้วย เลขาธิการส�ำนักงานประกันสังคม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ด้านนิติศาสตร์ ด้าน เศรษฐศาสตร์ ด้านการคลัง ด้านการประกันสังคมหรือประกันภัย ผู้แทนนายจ้างและลูกจ้างฝ่ายละ 3 คน รวมไมเ่ กนิ 14 คน มอี ำ� นาจหนา้ ทเ่ี สนอความเหน็ ตอ่ รฐั มนตรเี กยี่ วกบั นโยบายการบรหิ ารกองทนุ และการจา่ ยเงนิ ทดแทน ตลอดจนใหค้ วามเห็นตอ่ รฐั มนตรใี นการออกกฎกระทรวงและระเบียบตา่ ง ๆ รวมถงึ การวางระเบยี บเกยี่ วกบั การรบั เงนิ การจา่ ยเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ กองทนุ การจดั หาผลประโยชน์ ของกองทุน และการพิจารณาวินิจฉัยอทุ ธรณ์ 2. คณะกรรมการการแพทย์ กองทนุ เงนิ ทดแทน (Workmen’s Compensation Medical Committee) ประกอบด้วยกรรมการผู้ท่ีมีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเวชกรรมสาขาต่าง ๆ ไม่เกิน 15 คน มอี ำ� นาจหนา้ ทเ่ี สนอความเหน็ ตอ่ คณะกรรมการเกย่ี วกบั การดำ� เนนิ งานใหบ้ รกิ ารทางการแพทย์ ให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำในทางการแพทย์ รวมถึงการให้ความเห็นต่อส�ำนักงานประกันสังคมในการออก กฎกระทรวงและประกาศกระทรวงในสว่ นทีเ่ ก่ยี วข้อง การจดั เกบ็ เงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ส�ำนักงานประกันสังคมด�ำเนินการจัดเก็บเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนจากนายจ้างเพียง ฝ่ายเดียว โดยกำ� หนดให้นายจา้ งท่ีมีลูกจ้างต้งั แต่ 1 คนข้ึนไป มีหนา้ ทีข่ ้ึนทะเบยี นกองทุนเงนิ ทดแทน และจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทน โดยในปีแรกนายจ้างแจ้งประมาณการจ�ำนวนเงินค่าจ้าง รวมทั้งปี เพอ่ื สำ� นกั งานประกนั สงั คมจะไดอ้ อกใบประเมนิ เงนิ สมทบประจำ� ปใี หน้ ายจา้ งจา่ ยเงนิ สมทบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการจ้างลูกจ้างท�ำงาน เมื่อนายจ้างมาขึ้นทะเบียนกองทุนเงินทดแทน ส�ำนักงานประกันสังคมจะก�ำหนดรหัสประเภทกิจการและอัตราเงินสมทบให้กับกิจการนายจ้าง ท้ังนี้ ในชว่ ง 4 ปีแรก อัตราเงนิ สมทบทใ่ี ช้เรียกเก็บจากนายจา้ งจะใชอ้ ัตราเงินสมทบหลกั ซ่งึ มคี ่าอยรู่ ะหว่าง ร้อยละ 0.2-1.0 ข้ึนอยู่กับความเส่ียงแต่ละประเภทกิจการตามประกาศกระทรวงแรงงาน (Social Security Office, 2019a) กรณีนายจ้างจ่ายเงินสมทบตามประกาศกระทรวงแรงงานมาแล้ว 4 ปีติดต่อกัน ในปีที่ 5 นายจ้างแต่ละรายจะถูกปรับเพ่ิมหรือได้รับการปรับลดอัตราเงินสมทบ ซ่ึงข้ึนอยู่กับสถิติการประสบ อนั ตรายที่เกิดขึน้ กับลกู จา้ งในชว่ ง 4 ปีท่ผี า่ นมา อัตราเงนิ สมทบทีน่ ายจ้างจ่ายตง้ั แตป่ ที ่ี 5 เป็นตน้ ไป เรียกว่าอัตราเงินสมทบตามค่าประสบการณ์ นายจ้างรายใดมีสถิติการประสบอันตรายน้อยหรือการ ขอรบั เงนิ ทดแทนนอ้ ยจะไดร้ บั การปรบั อตั ราเงนิ สมทบลดลงจากอตั ราเงนิ สมทบหลกั ตง้ั แตร่ อ้ ยละ 20 ถงึ รอ้ ยละ 80 สว่ นนายจา้ งรายใดมสี ถติ กิ ารประสบอนั ตรายสงู หรอื ขอรบั เงนิ ทดแทนจำ� นวนมากกต็ อ้ ง ถูกปรับอัตราเงนิ สมทบเพม่ิ ข้นึ จากอตั ราเงนิ สมทบหลักตัง้ แต่ร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 150 เปน็ ไปตาม สัดส่วนของอัตราสว่ นการสูญเสียตามประกาศกระทรวงแรงงาน (Social Security Office, 2019a) การคมุ้ ครองลกู จา้ งของกองทนุ เงนิ ทดแทน พระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับ 2) พ.ศ. 2561 ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 9 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมา ได้ขยายการคุ้มครองครอบคลุมไปถึงลูกจ้างส่วนราชการ ลูกจ้างในองค์การของนายจ้างที่

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 180 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 ไม่แสวงหากำ� ไร ลกู จ้างซ่ึงไดร้ บั การจา้ งงานในประเทศของสถานเอกอคั รราชทตู และองคก์ ารระหวา่ ง ประเทศ ลกู จ้างของกจิ การเพาะปลกู ประมง ป่าไม้ และเล้ียงสตั วท์ ีไ่ ม่ได้ใช้ลูกจา้ งตลอดทั้งปีและไมม่ ี งานลกั ษณะอน่ื รวมอยดู่ ว้ ย โดยกองทนุ เงนิ ทดแทนใหก้ ารดแู ลลกู จา้ ง 3 กรณี (Social Security Office, 2019c) สรปุ ได้ดงั นี้ 1. กรณปี ระสบอนั ตรายหรอื เปน็ โรคจากการทำ� งาน ลกู จา้ งมสี ทิ ธริ บั เงนิ จากกองทนุ เงนิ ทดแทน 4 กรณี ได้แก ่ 1.1 คา่ ทดแทนกรณีไมส่ ามารถทำ� งานไดต้ ดิ ตอ่ กันเกนิ 1 วันข้นึ ไป ลกู จ้างไดร้ ับค่าทดแทน การขาดรายได้ตอ่ เดือนในอตั รารอ้ ยละ 70 ของคา่ จ้างรายเดือน 1.2 ค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายจากการท�ำงาน นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษา พยาบาลตามทจ่ี า่ ยจรงิ ตามความจำ� เปน็ แตไ่ มเ่ กนิ 2,000,000 บาท ขนึ้ อยกู่ บั ระดบั การประสบอนั ตราย 1.3 คา่ ทดแทนกรณสี ญู เสยี อวยั วะหรอื สมรรถภาพในการทำ� งานของอวยั วะบางสว่ น กรณี ทลี่ กู จา้ งสญู เสยี อวยั วะจะไดร้ บั เงนิ คา่ รกั ษาพยาบาล คา่ ทดแทนการขาดรายไดใ้ นอตั รารอ้ ยละ 70 ของ ค่าจา้ งรายเดอื น ตามประเภทของการสูญเสยี เปน็ ระยะเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 15 ปี 1.4 คา่ ทดแทนกรณฟี น้ื ฟสู มรรถภาพในการทำ� งานภายหลงั การประสบอนั ตราย หากลกู จา้ ง จำ� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั การฟน้ื ฟู จะไดร้ บั คา่ ฟน้ื ฟสู ามารถเบกิ คา่ ใชจ้ า่ ยในการฟน้ื ฟสู มรรถภาพในการทำ� งาน ดา้ นอาชพี กระบวนเวชศาสตรฟ์ น้ื ฟสู มรรถภาพในการทำ� งานดา้ นการแพทย์ กระบวนการบำ� บดั รกั ษา และการผ่าตัด เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูสมรรถภาพในการท�ำงาน และค่าวัสดุและอุปกรณ์ด้าน เวชศาสตร์ฟืน้ ฟู 2. กรณีทุพพลภาพเนื่องจากการท�ำงาน ลูกจ้างจะได้รับค่ารักษาพยาบาล และค่าทดแทน ในกรณีไมส่ ามารถทำ� งานไดเ้ กนิ 1 วนั รอ้ ยละ 70 ของคา่ จา้ งรายเดอื น กรณที พุ พลภาพเปน็ ระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 15 ปี จะไดร้ บั ค่าทดแทน ร้อยละ 70 ของคา่ จา้ งรายเดอื น และหากจำ� เป็นต้องได้รบั การ ฟ้ืนฟูสมรรถภาพ จะได้รบั คา่ ฟ้ืนฟูสมรรถภาพดว้ ย 3. กรณตี ายหรอื สญู หายจากการทำ� งาน ทายาทของลกู จา้ งจะไดร้ บั คา่ ทำ� ศพตามอตั ราทก่ี ำ� หนด ในกฎกระทรวง และคา่ ทดแทนของคา่ จา้ งรายเดือนในอัตราร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดอื น มกี ำ� หนด 10 ปี ท้ังนี้ สำ� นักงานประกันสงั คมได้ปรบั ปรงุ ระเบียบ กฎเกณฑท์ ี่เก่ยี วข้องกับกองทุนเงนิ ทดแทน เป็นระยะ ๆ ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลที่ https://www.sso.go.th/wpr/main หรือโทรศัพท์ หมายเลข 1506 ลกั ษณะกฎเกณฑก์ องทนุ เงนิ ทดแทนของประเทศไทยและของตา่ งประเทศนน้ั มงี านวจิ ยั ของ Krutchaiyant (2002) เปรียบเทียบข้อมูลกับประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และญ่ีปุ่น โดยผู้เขียนได้ เทียบเคียงกบั พระราชบญั ญตั เิ งินทดแทน (ฉบบั 2) พ.ศ. 2561 พบประเดน็ ความแตกต่าง ดังน้ี 1. การจา่ ยเงนิ สมทบ ประเทศไทย ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และญปี่ นุ่ กำ� หนดใหน้ ายจา้ งเปน็ ผจู้ า่ ยเงนิ สมทบ แต่เพยี งฝา่ ยเดยี ว ต่างจากมาเลเซียทม่ี รี ปู แบบการให้ความคุ้มครองแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ โครงการ

กองทนุ เงินทดแทนกับการคุม้ ครองแรงงาน 181 กนั ยปริณ ทองสามสี และ อสิ ระ ทองสามสี เจ็บป่วยเนื่องจากการท�ำงาน ให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบเพียงฝ่ายเดียว ส่วนโครงการบ�ำนาญ ทพุ พลภาพให้นายจ้างและลูกจา้ งเป็นผจู้ ่ายเงนิ สมทบทง้ั สองฝา่ ย 2. ขอบเขตการคมุ้ ครองของกฎหมาย ประเทศไทยใหก้ ารคมุ้ ครองลกู จา้ งในสถานประกอบการ ท่ีมีการจ้างตั้งแต่ 1 คนข้ึนไป ซ่ึงครอบคลุมมากกว่าประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น พบว่า ท้ังสามประเทศให้การคุ้มครองลูกจ้างต้ังแต่ 5 คนข้ึนไป แต่ประเทศญ่ีปุ่นให้ความคุ้มครองแรงงาน ภาคเกษตรด้วย (แรงงานภาคเกษตรของไทยสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ของกองทุน ประกนั สังคมได้) 3. การใหค้ วามคมุ้ ครองเกย่ี วกบั เงนิ ทดแทนแตล่ ะประเภท ประเทศไทยกำ� หนดใหจ้ า่ ยคา่ ทดแทน เปน็ รายเดอื นแกล่ กู จ้างผ้มู สี ทิ ธริ ้อยละ 70 ซึง่ ต่างกับอีก 3 ประเทศทีก่ �ำหนดอัตราเงนิ ทดแทนมากกว่า โดยจ่ายระหว่างร้อยละ 80-90 ของค่าจ้าง นอกจากนี้ ประเทศญป่ี นุ่ ได้ให้ความคุ้มครองลกู จา้ งขณะ เดนิ ทางมาท�ำงานดว้ ย การตรากฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิของแรงงานในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้รับ อิทธิพลจากตราสารขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) การคุ้มครองแรงงานทป่ี ระสบอนั ตราย เจบ็ ป่วย หรือเสียชวี ติ จากการท�ำงานนั้น องค์การแรงงาน ระหว่างประเทศได้ออกตราสารหลายฉบับที่เก่ียวข้อง อาทิ Workmen’s Compensation (Agriculture) Convention, 1921 (No.12), Workmen’s Compensation (Accidents) Convention, 1925 (No. 17) และ Workmen’s Compensation (Occupational Diseases) Convention, 1925 (No. 18) ซ่งึ มีผลบังคับใช้กับประเทศสมาชกิ ท่ใี ห้สตั ยาบันตอ่ อนสุ ญั ญา โดยอาจ ออกเปน็ กฎหมายภายในประเทศทีส่ อดคล้องกับเน้อื หาของอนุสญั ญาแตล่ ะฉบับ จำ� นวนแรงงาน นายจา้ ง และกิจการในข่ายกองทนุ เงินทดแทน ณ เดอื นธันวาคม 2561 ประเทศไทยมปี ระชากรทีอ่ ยูใ่ นวยั แรงงานหรือผมู้ อี ายุ 15 ปีขึ้นไป จ�ำนวน 56.39 ลา้ นคน เปน็ ผอู้ ยู่ในก�ำลงั แรงงาน 38.38 ลา้ นคน (ร้อยละ 68.06) และเป็นผูอ้ ยูน่ อก ก�ำลงั แรงงาน 18.01 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 31.94) โดยในก�ำลังแรงงาน 38.38 ล้านคน ประกอบด้วย ผ้มู ี งานทำ� 37.91 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 98.77) และผวู้ า่ งงาน 0.36 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 0.93) (National Statistical Office, 2019) ทัง้ นี้ อัตราแรงงานในข่ายกองทนุ เงินทดแทนค�ำนวณจากจำ� นวนลกู จา้ งในข่ายกองทนุ เงนิ ทดแทน ของสำ� นกั งานประกนั สงั คมตอ่ จำ� นวนผมู้ งี านทำ� ของสำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ ตามสถติ พิ บวา่ อัตราแรงงานในข่ายกองทนุ เงินทดแทนขยายตัวทุกปตี ง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2557 โดย ณ สิ้นปี พ.ศ. 2561 มี แรงงานภายใต้กองทนุ เงนิ ทดแทนรอ้ ยละ 27.97 ดงั รูปท่ี 1

วารสารหาดใหญ่วิชาการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 182 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 27.97 26.28 23.98 24.56 25.07 2557 2558 2559 2560 2561 รปู ท่ี 1 อตั ราแรงงานในขา่ ยกองทนุ เงนิ ทดแทนตอ่ จำ� นวนผ้มู งี านทำ� ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561 ทีม่ า: Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a; National Statistical Office, 2017; 2018; 2019 เนล พงูกา.นิ ศยจท.จา้ ด2งา้ แท5งท5อี่เ3ม7นย9อ-่ืู่ใจ62นพำ�,53ขนจิ 69า่าว14ยรนเณเรงพ4าินา่มิ122222ยจท555556ขำ�65565ดจ,ึ้นน170985�ำแอว7นทนย9วน่านนกยงาลตจิงัยูกนก่อจจอ้าเา้ น้ารยงงอื่แก(งนล1วเะ0า่าชผยจ,น่ 5จู้ปำ� ก3นา้รนั7งวะ,น2กโ1ด3กันรย8จิตาใกนรนยาาม2ปรยอ6าที.า2ตพรขี่83จรา.53น้ึมศา2ย539ท5กี.5ล36,75ิจะ21ะ339316กเ5063เบ3ภ23อ2า6,,317ย4ียีาร13617.ยน9ม7ด92817,มใ3ากด,3ต43กีกบังั732ก้72กริจก,อ1ูปกวอ0งา่ทา9งทรท่ี1นุ2สนุ ง่ปรอเ3เหงร9งยน6ิะนิสั ่า,34กทกสง91นัไ4ด6ิจมร,5สกแทก7งัทา9บต็ ครนเา)มขรมม้าะณกจจีหอำ��ำเวดนนงา่ ทอืววงปนนุนนี ธลันูกวจา้าคงใมน2ข5่า6ย1กอมงจี ท�ำนุน23วเง.น9ิน81ท1ด,แ59ท92น4,ม3.53ีจ68�ำนควนน(น2S5้อo.0ยc7iกaวl่าจSาผeนู้ปcวรนuะนriากtยyันจOา้ตงนffมicาeต,ร2จา0า1น3ว93นaก;เิจน2กื่อ0าร1งจ9าbก)พสารเะหรตาทุชบ่ีจ�ำัญนญวนัติ เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ไม่บังคับใช้แก่ลูกจ้างในหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหาก�ำไร และ ลกู จา้ งซึ่งได้รบั การจ้า25ง5ง7านในปร2ะ5เ5ท8ศ (Lo2c5a5l9Staff)2ข56อ0งสถานเ2อ5ก61อัครราชทูตและองคก์ ารระหวา่ ง ประเทศ ทั้งนี้ การปรับปรุงพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับ 2) พ.ศ. 2561 ได้ขยายความคุ้มครอง ไทปุกยคังนกลจุ่มะลไดูก้รจับ้ากงาทรี่กคว8มุ้ ้า0ค0ง0รข0อึ้นงจซา่ึงกใกนอองนทาุนคเตงมินีแทนดวแโทนน้มดทว้ ่ีลยูกจ้างภายใต้กองทุนประกันสังคมมาตรา 33 1125155,847จ625า39น,ว266น58น41,9,า33ย025322จ32553479้า5555,6ง,8795681393145460635,32391,,314223617417928,1,23จ,23439า76320น722,68ว,510น2056,9ก9770ิจ07ก31า71ร3,922605,304,58918462,,06255775691681112,23552,3960,1387 60000 ตาย 2561 ทุพพลภาพ 2560 40000 สูญเสยี อวยั วะบางส่วน หยดุ เงนิ เกนิ 3 วนั 2559 20000 603 หยุดเงินไม่เกนิ 3 วนั 2558 0 2557 2557 รปู ที่ 2 จำ� นวนนายจา้ งและจำ� นวนกจิ การทขี่ นึ้ ทะเบยี นกบั กองทนุ เงนิ ทดแทนระหวา่ งปี พ.ศ. 2557-2561 ทีม่ า: Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a 80000

กองทนุ เงนิ ทดแทนกบั การคุ้มครองแรงงาน 183 กันยปริณ ทองสามสี และ อสิ ระ ทองสามสี การประสบอันตรายของลกู จ้างภายใตก้ องทุนเงินทดแทน แนวคิดทฤษฎีทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกบั การปอ้ งกนั และควบคมุ ปญั หาความปลอดภยั ระดบั สถานประกอบการ มหี ลากหลายเทคนคิ หากแตแ่ นวทางท่นี ิยมใชโ้ ดยทวั่ ไปคอื หลักการ 3E (Engineering, Education & Enforcement) โดย 1) Engineering หมายถึง การใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรมในการป้องกันและ ควบคุม เพื่อให้สภาพแวดล้อมในการท�ำงานมีความปลอดภัยมากท่ีสุด เช่น การติดตั้งเคร่ืองป้องกัน อนั ตรายใหแ้ กส่ ว่ นทเี่ คลอื่ นไหว การวางผงั โรงงานระบบไฟฟา้ แสงสวา่ ง เสยี ง การระบายอากาศ เปน็ ตน้ 2) Education หมายถึง การใช้วิธีการให้ความรู้ การฝึกอบรม ตลอดจนให้ค�ำแนะน�ำกับคนงานหรือ ผู้ท่ีเกี่ยวข้องเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ อันจะก่อให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันและควบคุม 3) Enforcement หมายถึง การก�ำหนดระเบียบปฏิบัติหรือกฎข้อบังคับเพ่ือให้พนักงานปฏิบัติตาม ซ่ึงจะต้องมีการประกาศให้ทราบท่ัวกัน หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษ เพื่อให้เกิดจิตส�ำนึก และ หลีกเล่ียงการกระท�ำท่ีไม่ถูกต้องหรือเป็นอันตราย ท้ังนี้ การด�ำเนินการตามหลัก 3E ต้องด�ำเนินการ ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้การป้องกันอุบัติเหตุและการเสริมสร้างความปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด (Pansiri, 2015) นอกจากนี้ การศกึ ษาสาเหตแุ ละการเกดิ อบุ ตั เิ หตใุ นสถานประกอบการ ยงั อธบิ ายไดด้ ว้ ยทฤษฎี โดมโิ น (Domino Theory) ทร่ี ะบวุ า่ การบาดเจบ็ และความเสยี หายตา่ ง ๆ เปน็ ผลสบื เนอ่ื งโดยตรงจาก อบุ ตั เิ หตุ โดยอบุ ตั เิ หตเุ ปน็ ผลมาจากการกระทำ� ทไี่ มป่ ลอดภยั หรอื สภาพการณท์ ไ่ี มป่ ลอดภยั เปรยี บเทยี บ ได้เหมือนตัวโดมิโนท่ีเรียงกันอยู่ 5 ตัวใกล้กัน เมื่อตัวที่หน่ึงล้มย่อมส่งผลท�ำให้ตัวโดมิโนที่เหลือ ล้มตามกันไปด้วย โดมิโน 5 ตัว ประกอบดว้ ย (Pansiri, 2015) 1. โดมิโนที่ 1 ภูมิหลงั หรอื สภาพแวดลอ้ มทางสงั คมของบคุ คล (Social Environment or Background) ซ่ึงหมายถึง ความใจร้อน ด้ือรั้น ความโลภ และลักษณะทางอุปนิสัยที่อาจได้รับการ ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษของแต่ละคน ขณะเดียวกัน สภาพแวดล้อมอาจท�ำให้เกิดการพัฒนาและการ รบั รแู้ ตกตา่ งกนั ดงั นนั้ พนั ธกุ รรมและสภาพแวดลอ้ มจงึ อาจเปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ ความบกพรอ่ งสว่ นบคุ คล 2. โดมโิ นท่ี 2 ความผดิ ปกติหรอื ความบกพรอ่ งสว่ นบุคคล (Fault of Person) หมายถงึ การ ทม่ี บี คุ คลมคี ณุ ลกั ษณะทางอปุ นสิ ยั และความประพฤตทิ ไี่ มด่ ี จนอาจทำ� ใหก้ ลายเปน็ บคุ คลทลี่ ะเลยหรอื ไม่สนใจต่อหลักการปฏิบัติเพ่ือความปลอดภัย ท�ำให้เกิดการกระท�ำหรือมีส่วนร่วมในการสร้าง สภาพการณ์ทไี่ มป่ ลอดภยั ขน้ึ มา 3. โดมิโนที่ 3 การกระท�ำและสภาพแวดลอ้ มทไ่ี มป่ ลอดภัย (Unsafe Act and Condition) หมายถงึ การกระท�ำที่ไม่ปลอดภัย เชน่ การยืนทำ� งานภายใตว้ ตั ถทุ มี่ ีน้�ำหนักมากท่ีแขวนอยู่ การติดตงั้ เครอื่ งยนตโ์ ดยไมม่ กี ารแจง้ เตอื น การหยอกลอ้ ในขณะทำ� งาน เปน็ ตน้ สว่ นสภาพแวดลอ้ มทไี่ มป่ ลอดภยั ไดแ้ ก่ การขาดเครอื่ งปอ้ งกนั จดุ อนั ตราย การไมม่ รี ว้ั กน้ั จดุ ทม่ี กี ารเคลอื่ นทขี่ องเครอื่ งจกั ร ภาวะเสยี งดงั เกิน เปน็ ตน้

วารสารหาดใหญว่ ชิ าการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 184 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 4. โดมโิ นท่ี 4 การเกดิ อุบัติเหตุ (Accident) เป็นเหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ จากปจั จัยท้งั 3 ระดับข้างต้น แลว้ สง่ ผลกระทบใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตุ เชน่ การตกจากทส่ี งู ลน่ื หกลม้ เดนิ สะดดุ สงิ่ ของตกมาจากทสี่ งู เปน็ ตน้ ซึง่ อาจเป็นสาเหตขุ องการบาดเจบ็ 5. โดมิโนที่ 5 การบาดเจบ็ หรือพกิ าร (Injury or Damage) คือ การบาดเจ็บทีเ่ กิดกบั รา่ งกาย เชน่ การฉกี ขาดของเนอ้ื เยอ่ื กลา้ มเนอ้ื หรอื กระดกู หกั ทเ่ี ปน็ ผลจากอบุ ตั เิ หตุ ซง่ึ หากเปน็ อบุ ตั เิ หตรุ า้ ยแรง สามารถน�ำไปสกู่ ารพกิ ารหรอื เสียชีวิตได้ จากทฤษฎโี ดมโิ นขา้ งตน้ ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตทุ สี่ ง่ ผลตอ่ การบาดเจบ็ ทางรา่ งกายเปน็ ผล สบื เนอ่ื งจากการกระทำ� และสภาพแวดลอ้ มทไ่ี มป่ ลอดภยั (โดมโิ นท่ี 3) ซงึ่ เปน็ โดมโิ นตวั กลางของโดมโิ น ท้ังหมดเสมอ ถึงแม้สถานประกอบการจะมีระบบการป้องกันความปลอดภัย หากแต่อุบัติเหตุยังมี เกิดข้ึนเสมอ มงี านวจิ ยั ของ Sirijaroonwong and Boonruksa (2018) ทศ่ี กึ ษาสาเหตขุ องการประสบ อนั ตรายขน้ั หยดุ งานเกนิ 3 วนั ดว้ ยเทคนคิ การวเิ คราะหต์ น้ ไมแ้ หง่ ความลม้ เหลวในโรงงานอตุ สาหกรรม จังหวัดสมุทรปราการ พบว่าการกระท�ำที่ต่�ำกว่ามาตรฐานที่เป็นสาเหตุของการประสบอันตรายข้ัน หยุดงานเกนิ 3 วนั สว่ นใหญเ่ กดิ จากความประมาท/ใชอ้ ปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื เครอื่ งจกั รอยา่ งไมร่ ะวดั ระวงั (ร้อยละ 52.1) การไม่ปฏิบัติตามข้ันตอนการท�ำงาน/ปฏิบัติงานไม่ถูกวิธี/ท�ำงานลัดข้ันตอน (ร้อยละ 44.8) การไม่ใช้อปุ กรณค์ ุม้ ครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล หรอื ใชแ้ ต่สวมใส่ไม่ถกู ตอ้ ง (รอ้ ยละ 25.0) สว่ นสภาพการณท์ ตี่ ำ�่ กวา่ มาตรฐานสว่ นใหญเ่ กดิ จากเครอ่ื งจกั ร เครอื่ งมอื อปุ กรณช์ ำ� รดุ และไมม่ กี ารด์ ป้องกัน (ร้อยละ 26.0) ไม่มีอุปกรณ์ช่วยในการท�ำงานอย่างปลอดภัย (ร้อยละ 25.0) และสถานีงาน ไมเ่ หมาะสมกบั การทำ� งาน (รอ้ ยละ 13.5) นอกจากนน้ั ปจั จยั เกย่ี วขอ้ งกบั งานทมี่ ผี ลตอ่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตุ ได้แก่ การขาดการอบรมเกี่ยวกับการท�ำงานอย่างปลอดภัย (ร้อยละ 31.3) การออกแบบเครื่องจักร เครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ ไี่ มค่ ำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั (20.8) และไมม่ กี ารจดั สรรอปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบคุ คลใหก้ บั พนกั งาน/มแี ตไ่ มค่ รบถว้ นตามลกั ษณะอนั ตรายของงาน/จดั สรรไมเ่ พยี งพอ (รอ้ ยละ16.7) ส่วนปัจจยั เก่ียวกับคนทพี่ บมากทส่ี ุด ไดแ้ ก่ การขาดความช�ำนาญในการทำ� งาน (ร้อยละ 10.4) สถติ ิการประสบอันตราย สถติ กิ ารประสบอนั ตรายนร้ี วบรวมขนึ้ ตามรายละเอยี ดพระราชบญั ญตั เิ งนิ ทดแทน พ.ศ. 2537 ระหวา่ งปี พ.ศ. 2557-2561 จากขอ้ มลู พบวา่ จำ� นวนครงั้ การประสบอนั ตรายประเภทตาย ทพุ พลภาพ และหยดุ งานเกนิ 3 วันในปี พ.ศ. 2561 ลดลงจากปี พ.ศ. 2560 ส่วนการประสบอันตรายแล้วสูญเสยี อวัยวะบางส่วน และหยดุ งานไม่เกิน 3 วนั เพ่มิ ขึ้นจากปี พ.ศ. 2560 (Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a) ดงั รูปที่ 3

2558 357902 363,478 352961 2557 355,513 จานวนนายจ้าง จานวนกิจการ 185 กองทนุ เงนิ ทดแทนกบั การคมุ้ ครองแรงงาน กันยปริณ ทองสามสี และ อสิ ระ ทองสามสี 80000 60000 603 1125155,84762539,2665841,9,30222354755,89684545,912241,229602,6850256,9770073171,22050,5882,06257561681112,23552,3960,1387 ตาย 40000 ทุพพลภาพ 20000 สูญเสยี อวยั วะบางส่วน หยุดเงนิ เกนิ 3 วนั 0 หยดุ เงนิ ไมเ่ กิน 3 วนั 2557 รูปท่ี 3 จ�ำนวนการประสบอันตรายของลูกจ้างท่ีขึ้นทะเบียนกับกองทุนเงินทดแทนระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561 ท่ีมา: Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอัตราการประสบอันตรายและเจ็บป่วยเน่ืองจากการท�ำงานต่อ ลกู จา้ ง 1,000 ราย คดิ จากจำ� นวนการประสบอนั ตรายเนอ่ื งจากการทำ� งานนบั ทกุ กรณตี อ่ จำ� นวนลกู จา้ ง ในข่ายกองทุนเงนิ ทดแทนพบว่ามีแนวโนม้ ลดลงอยา่ งตอ่ เน่ืองตลอด 5 ปีทผ่ี ่านมา โดยปี พ.ศ. 2557 มี อตั ราการประสบอนั ตราย 10.98 ซง่ึ ในปี พ.ศ. 2561 ลดลงเหลอื เพยี ง 8.19 สว่ นอตั ราการประสบอนั ตราย กรณีรา้ ยแรงตอ่ ลกู จา้ ง 1,000 ราย ในปี พ.ศ. 2557 อยทู่ ่ี 3.43 ขณะทีป่ ี พ.ศ. 2561 อยทู่ ่ี 2.57 (Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a) รายละเอยี ดดงั รปู ท่ี 4 10.98 10.25 9.47 8.82 8.19 3.43 3.19 3.04 2.82 2.57 2557 2558 2559 2560 2561 อัตราประสบอันตรายทุกกรณี อัตราประสบอันตรายรา้ ยแรง รปู ที่ 4 อตั ราการประสบอนั ตรายทกุ กรณ1ี และอตั ราการประสบอนั ตรายรา้ ยแรง2ตอ่ ลกู จา้ ง 1,000 ราย ระหวา่ งปี พ.ศ. 2557-2561 หทมม่ี าาย:เหSตoุ:c1ia. lนSับeทcกุ uกrรiณtyคี วOาfมfiรcนุ eแ,5ร02ง6-05%ห41ม5ปา;ยี 2ถ5งึ051ต3-56%า9ย; ป2ที0ุพ1พ7ล;ภ2า0พ18สญู; 2เส0ยี 11อ59ว3-a1ยั%9วะปบี2า0ง-ส2่ว4นปหี ยดุ งานเกนิ 3 วัน หยดุ งานไมเ่ กนิ 3 วัน 16% 45-49 ปี 2. นับกรณรี ้ายแรง หม9า%ยถึง ตาย ทพุ พลภาพ6ส0ูญปเีขสนึ้ ยี ไอปวัยวะบางส่วน หยุดงานเกิน 3 วนั 1% 40-44 ปี 12% 25-29 ปี 18%

วารสารหาดใหญ่วชิ าการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 186 Hat1y0a.i2A5cademic 9Jo.4u7rnal 19(1) Jan - Jun 2021 10.98 8.82 8.19 การปร3ะ.ส4บ3อนั ตรายข3อ.ง1ล9กู จา้ งในชว่ 3ง.054ปที ผ่ี า่ นมา2ม.8จี 2ำ� นวนรวม 425.577,971 ครง้ั หากพจิ ารณา ตามชว่ งอายพุ บวา่ เกิดขึ้นกบั ลกู จา้ งอายุ 25-29 ปี มากท่สี ุด (79,884 ครัง้ ) รองลงมา คือ ช่วงอายุ 20-24 ปี (74,9205357ครั้ง) สว่ นก2า5ร5ป8ระสบอันต25ร5า9ยร้ายแรงม2จี 5�ำ6น0วน 144,5215361ครั้ง เกิดขน้ึ กับกลุม่ อายุ 35-39 มากที่สุด มีกอาตั รรตาปารยะรสวบมอนั2ต,9ร0าย0ทคกุ รกั้งรณซี ึ่งเกิดกับอชตั ่วรางปอราะยสุ บ4อ0ัน-4ต4รายปรีมา้ ายกแรทง่ีสุด มีทุพพลภาพรวม 59 ครั้ง ส่วนกรณีทปี่ ระสบอนั ตรายแล้วหยดุ งานไมเ่ กนิ 3 วัน เกิดขนึ้ 313,458 คร้ัง พบในชว่ งอายุ 25-29 ปี มากทส่ี ดุ (Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a) รายละเอยี ดดงั รปู ที่ 5 50-54 ปี 55-59 ปี 15-19 ปี 6% 3% 3% 20-24 ปี 45-49 ปี 60 ปีขึ้นไป 16% 9% 1% 25-29 ปี 18% 40-44 ปี 12% 35-39 ปี 30-34 ปี 16% 16% รปู ที่ 5 รอ้ ยละการประสบอนั ตรายทกุ กรณขี องลกู จา้ งระหวา่ งปี พ.ศ. 2557-2561 จำ� แนกตามชว่ งอายุ ที่มา: Social Security Office, 2015; 2016; 2017; 2018; 2019a การทสี่ ถติ กิ ารประสบอนั ตรายจากการทำ� งานของลูกจา้ งโดยภาพรวมของประเทศมแี นวโนม้ ลดลงอย่างตอ่ เนือ่ ง จากผลการบังคับใช้กฎหมายและการรณรงคส์ ่งเสริมความปลอดภยั ในการท�ำงาน อย่างต่อเนือ่ ง ตามนโยบายขององค์การแรงงานระหวา่ งประเทศ และสมาคมประกนั สงั คมนานาชาติ (International Social Security Association: ISSA) ท่ีร่วมกันพัฒนาและขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ Vision Zero เพื่อการบริหารจัดการและสร้างเสริมความปลอดภัยในสถานท่ีท�ำงาน โดยมีกลยุทธ์ เชิงป้องกันเพ่ือมุ่งสู่โลกอนาคตแห่งความปลอดภัย ปราศจากการเสียชีวิตจากการท�ำงาน และไม่มี อบุ ตั เิ หตทุ ร่ี นุ แรง โรคจากการทำ� งาน รวมถงึ อบุ ตั เิ หตทุ ร่ี า้ ยแรงเนอ่ื งจากการทำ� งาน (Laohaudomchok, 2019) ซง่ึ กระทรวงแรงงาน โดยกองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน ไดม้ กี าร บงั คับใชแ้ ละติดตามการปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัติความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อม ในการทำ� งาน พ.ศ. 2554 อยา่ งเคร่งครัด ก�ำหนดใหส้ ถานประกอบกจิ การต้องมีมาตรการดา้ นความ ปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานใหค้ รอบคลมุ ประเภทงาน หรอื ลักษณะงาน ทมี่ แี นวโนม้ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ และความปลอดภยั ของลกู จา้ ง และผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ ง รวมทงั้ การขบั เคลอ่ื นนโยบาย Safety Thailand ดว้ ยการตรวจและบงั คับใช้กฎหมายความปลอดภยั ในการ

กองทนุ เงนิ ทดแทนกบั การคุม้ ครองแรงงาน 187 กันยปริณ ทองสามสี และ อิสระ ทองสามสี ทำ� งานอยา่ งจรงิ จงั เปน็ นโยบายเรง่ ดว่ น (Agenda Based) ในปงี บประมาณ 2561 (Ministry of Labour, 2017) การคมุ้ ครองลูกจ้างของกองทนุ เงนิ ทดแทน บทบาทการคมุ้ ครองลกู จ้าง ผู้เขียนได้ทบทวนวรรณกรรมท่ีปรากฏในศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre: TCI) เกย่ี วกบั บทบาทของกองทนุ เงนิ ทดแทน พบบทความทงั้ สน้ิ 22 บทความ มบี ทความทต่ี พี มิ พค์ รงั้ แรกปี ค.ศ. 2007 ผลงานทศี่ กึ ษาสว่ นใหญเ่ กย่ี วขอ้ งกบั สทิ ธปิ ระโยชนข์ องลกู จา้ ง และภาวะเจบ็ ป่วยของลูกจ้างอนั เนือ่ งจากการทำ� งาน มีผลการศกึ ษายนื ยันว่ากองทุนดังกลา่ วสามารถ คมุ้ ครองลกู จา้ งในระบบไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ โดยเปน็ ผลงานของ Tamjai, Suttawet, and Chomtohsuwan (2018) ที่ได้ประเมินผลการด�ำเนินงานในรอบ 40 ปี นับต้ังแต่การก่อตั้งกองทุนเงินทดแทนในด้าน ความเหมาะสมของระบบงานกองทุนเงินทดแทนตามกฎหมายกองทุนเงินทดแทนด้านสิทธิประโยชน์ พบว่า การฟืน้ ฟสู มรรถภาพในการท�ำงาน อันไดแ้ ก่ การจดั ให้ลกู จ้างซ่งึ ประสบอันตรายหรอื เจ็บปว่ ย และสูญเสียสมรรถภาพในการท�ำงาน ได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายหรือจิตใจหรือการฟื้นฟู อาชพี เพ่อื ให้สามารถประกอบอาชพี ทเี่ หมาะสมตามสภาพของรา่ งกายหรือการฟนื้ ฟอู าชพี มคี ะแนน ความพงึ พอใจเฉลยี่ มากทสี่ ดุ เทา่ กบั 3.73 (ระดบั มาก) อยา่ งไรกต็ าม แนวโนม้ การคมุ้ ครองลกู จา้ งภายใต้ กองทุนเงินทดแทน และการคุ้มครองผู้ประกันตนภายใต้กองทุนประกันสังคม ซ่ึงบริหารจัดการโดย สำ� นกั งานประกนั สงั คมนน้ั มกี ารทบั ซอ้ นกนั บางสว่ น แตใ่ หส้ ทิ ธปิ ระโยชนต์ า่ งกนั จงึ มขี อ้ เสนอแนะจาก หลายฝ่ายให้บริหารจัดการสองกองทุนนี้อย่างเสมอภาคและลดความซ�้ำซ้อน ดังข้อค้นพบของ Thosuwanjinda (2018) เสนอวา่ ในดา้ นการรกั ษาพยาบาลนน้ั ใหล้ กู จา้ งใชส้ ทิ ธจิ ากกองทนุ เงนิ ทดแทน จนหมด ถา้ ยงั ไมห่ ายจากการเจบ็ ปว่ ยกใ็ หส้ ามารถใชส้ ทิ ธริ กั ษาพยาบาลตามระบบประกนั สงั คมตอ่ ไปได้ หรอื ใหล้ กู จา้ งใชส้ ทิ ธติ ามระบบประกนั สงั คมไดเ้ ลย (ปจั จบุ นั กองทนุ ประกนั สงั คมใหส้ ทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาล กรณึไม่ได้เจ็บป่วยจากการท�ำงาน) ส่วนในด้านสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง กรณีทุพพลภาพ การฟื้นฟู สมรรถภาพ การใหเ้ งนิ ทดแทนรายได้ และการตาย ให้มีการปรบั สิทธิประโยชน์ใหเ้ ท่ากนั โดยถอื ส่วน ทสี่ ูงกวา่ เปน็ เกณฑ์ และให้คณะกรรมการประกันสงั คมและคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีหน้าท่ี รับผิดชอบดูแลใหจ้ ดั สิทธปิ ระโยชน์ของลกู จา้ งจากทงั้ สองกองทนุ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน การคุ้มครองแรงงานต่างดา้ ว ประเทศไทยตอ้ งใหก้ ารคมุ้ ครองแรงงานตา่ งดา้ วตามหลกั ปฏบิ ตั ขิ องอนสุ ญั ญาฉบบั ท่ี 111 วา่ ดว้ ย การเลอื กปฏบิ ตั ิ (การจา้ งงานและการประกอบอาชพี ) ค.ศ.1958 (Convention No.111 Concerning Discrimination) รฐั บาลไทยโดยรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงแรงงาน ไดใ้ หส้ ตั ยาบนั อนสุ ญั ญาฉบบั ที่ 111 เมอ่ื วนั ท่ี 13 มิถุนายน 2560 โดยอนุสญั ญาฉบับน้ี ก�ำหนดใหม้ ีนโยบายและมาตรการระดบั ชาติเพอ่ื ขจดั การเลอื กปฏบิ ตั แิ ละสง่ เสรมิ โอกาสความเสมอภาคในการจา้ งงานและการประกอบอาชพี โดยมงุ่ เนน้ การขจดั การเลือกปฏิบตั ิบนพืน้ ฐานของเชือ้ ชาติ สผี วิ เพศ ศาสนา ความคดิ เห็นทางการเมอื ง สถานะ

วารสารหาดใหญว่ ิชาการ 19(1) ม.ค. - ม.ิ ย. 2564 188 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 ทางสงั คม สำ� หรบั ความหมายของการจา้ งงานและการประกอบอาชพี ตามอนสุ ญั ญานจี้ ะครอบคลมุ ถงึ การเขา้ ถงึ การฝกึ พฒั นาฝมี ือแรงงาน การจา้ งงานและการประกอบอาชีพบางประเภท รวมท้ังเงอื่ นไข และสภาพการจา้ ง (Royal Thai Government, 2017; Ministry of Foreign Affairs, 2017) และ เปน็ ไปตามพระราชกำ� หนดการบรหิ ารจดั การการทำ� งานของคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. 2560 ทกี่ ำ� หนดใหแ้ รงงาน ตา่ งดา้ วทเ่ี ขา้ มาทำ� งานในประเทศไทยตอ้ งขน้ึ ทะเบยี นถกู ตอ้ งตามกฎหมาย จงึ สามารถปฏบิ ตั งิ านได้ หาก ผปู้ ระกอบการนำ� แรงงานผดิ กฎหมายเขา้ มาทำ� งานในสถานประกอบการ รฐั บาลมกี ารกำ� หนดบทลงโทษ จบั ปรบั หนกั กบั ผเู้ ปน็ นายจา้ ง สถานประกอบการ และแรงงานตา่ งดา้ วทที่ ำ� ผดิ กฎหมาย เป็นเหตุท�ำให้ แรงงานตา่ งดา้ วทเ่ี ขา้ มาทำ� งานในสถานประกอบการไทย ตอ้ งดำ� เนนิ การยน่ื ขอใบอนญุ าตทำ� งานภายใน 30 วัน ตามกฎกระทรวงแรงงาน และมีผลการศกึ ษาของ Sajjanand (2015) ทพ่ี บวา่ แรงงานต่างด้าว ท่ีเข้าเมอื งถกู กฎหมายส่วนใหญจ่ ะได้รับการค้มุ ครองตามกฎหมายแรงงานของไทย และไทยได้ปฏบิ ตั ิ สอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและอนุสัญญาท่ีเกี่ยวข้องท่ีไทยได้ให้สัตยาบันแล้ว อย่างไรก็ตาม แรงงานต่างด้าวท่ีจะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายเงินทดแทนนั้นต้องเป็นแรงงานที่ เข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายและได้รับใบอนุญาตท�ำงานเท่านั้น ซึ่งในอดีตมีข้อมูลท่ีสะท้อนว่าแรงงาน ต่างด้าวถูกลิดรอนสิทธิในเงินทดแทนเพราะพวกเขาเป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย การประสบอันตราย จากการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติตามค�ำสั่งของนายจ้าง ช่วยรักษาผลประโยชน์ของผู้จ้างงานจงึ ไมไ่ ด้ รับการคุ้มครองจากกองทุนน้ี (Subcommittee on Human Rights, Refugees and Asylum Statelessness, Internally Displaced Persons, Lawyers Council, 2011) นอกจากนี้ มงี านวจิ ยั ทจ่ี ดั ทำ� โดย Tongsamsi, Luxchaigul, and Tongsamsi (2019) เกย่ี วกบั ระดบั ความรเู้ กย่ี วกบั สทิ ธปิ ระโยชนต์ ามพระราชบญั ญตั เิ งนิ ทดแทน พ.ศ. 2537 โดยสำ� รวจจากแรงงาน ต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ท�ำงานในจังหวัดปัตตานีจ�ำนวน 210 คน จากจ�ำนวน ประชากรที่ท�ำงานในปี พ.ศ. 2560 จ�ำนวน 3,875 คน คน โดยผู้ให้ข้อมูลต้องท�ำงานในประเทศไทย ไมน่ อ้ ยกวา่ 2 ปี ทงั้ นี้ แรงงานทเี่ ปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศชาย อยใู่ นชว่ งอายุ 21-30 ปี มากทสี่ ดุ รองลงมาอยใู่ นชว่ งอายุ 31-40 ปี สว่ นใหญม่ สี ญั ชาตเิ มยี นมา รองลงมาเปน็ สญั ชาตกิ มั พชู า แรงงานตา่ งดา้ ว ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส โดยทุกคนท�ำงานในแผนกผลิต มีสถานภาพเป็นลูกจ้างรายวันมากที่สุด แรงงานสว่ นใหญม่ รี ะยะเวลาในการปฏบิ ตั งิ าน 2-5 ปี อาศยั ในบา้ นพกั ทน่ี ายจา้ งจดั ใหโ้ ดยไมค่ ดิ คา่ เชา่ จากการศึกษาระดับความรู้ของแรงงานต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเงินทดแทนน้ัน พบว่า แรงงานมคี วามรดู้ า้ นสทิ ธกิ องทนุ เงนิ ทดแทนมากทส่ี ดุ ดา้ นการเขา้ ถงึ การรกั ษาพยาบาลจากการเจบ็ ปว่ ย จากการท�ำงาน ตอบถูกร้อยละ 91.0 ประเด็นท่กี ลุม่ ตัวอย่างมคี วามรนู้ อ้ ยที่สุด คือ คา่ ทดแทนกรณี ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการท�ำงาน ตอบถูกเพียงร้อยละ 27.6 โดยแรงงานต่างด้าว สามสัญชาติมีความรู้สิทธิด้านเงินทดแทนระดับมาก จากคะแนนเต็ม 13 คะแนน ( X =7.26, S.D.=1.62) ขณะทผ่ี ลการวจิ ยั ดา้ นการไดร้ บั การคมุ้ ครองแรงงานจากกองทนุ เงนิ ทดแทนพบวา่ แรงงาน ประเมนิ ว่าตนเองไดร้ บั การคมุ้ ครองระดบั มากทสี่ ดุ โดยมคี ะแนนเฉลยี่ 3.84 (S.D.=0.39) จากคะแนน เตม็ 4 อกี ทง้ั มงี านวิจัยของ Noiprom (2019) ท่ีเสนอว่าจังหวดั เลยควรทบทวนหรอื เพ่มิ เติมนโยบาย

กองทุนเงนิ ทดแทนกับการคมุ้ ครองแรงงาน 189 กันยปริณ ทองสามสี และ อสิ ระ ทองสามสี น�ำแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวเข้าสู่ระบบการประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนเพ่ือดูแลสิทธิ ประโยชนข์ องแรงงานเหล่าน้ีไดเ้ ทา่ เทียมกับคนไทย จากการศึกษาบทบาทของกองทุนเงินทดแทนกบั การคุ้มครองลกู จ้างท่ีทำ� งานในประเทศไทย แลว้ นน้ั พบวา่ สำ� นกั งานประกนั สงั คมสามารถสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจตอ่ ทงั้ นายจา้ งและลกู จา้ งไดอ้ ยา่ ง ทวั่ ถงึ อกี ทง้ั มชี อ่ งทางตดิ ตอ่ สอื่ สารกบั นายจา้ งและลกู จา้ งทห่ี ลากหลาย สามารถเขา้ ถงึ ไดท้ กุ ทที่ กุ เวลา ลกู จา้ งสว่ นใหญเ่ ขา้ ใจถงึ สทิ ธปิ ระโยชนข์ องตนภายใตก้ องทนุ ดงั กลา่ ว อยา่ งไรกต็ าม มนี ายจา้ งบางสว่ น ทจี่ า้ งแรงงานตา่ งดา้ วทำ� งาน แตห่ ลกี เลย่ี งการนำ� แรงงานไปขนึ้ ทะเบยี นตามทก่ี ฎหมายกำ� หนด เนอ่ื งจาก มีค่าใช้จ่ายอันหมายถึงต้นทุนการผลิตสินค้าหรือบริการที่เพิ่มข้ึน ส่งผลให้แรงงานต่างด้าวเหล่าน้ีไม่มี สิทธิข้ึนทะเบียนลูกจ้างในกองทุนเงินทดแทน จึงไม่ได้รับการคุ้มครองจากกองทุนดังกล่าว ดังน้ัน หนว่ ยงานภาครฐั ทกี่ ำ� กบั ดแู ลเรอ่ื งการจา้ งงานควรมกี ารสง่ เสรมิ และตดิ ตามใหน้ ายจา้ งขนึ้ ทะเบยี นลกู จา้ ง อยา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมาย สรปุ และข้อเสนอแนะ กองทนุ เงนิ ทดแทนมบี ทบาทสำ� คญั ในการคมุ้ ครองลกู จา้ งทปี่ ระสบอนั ตราย เจบ็ ปว่ ย สญู หาย หรอื ถงึ แกค่ วามตายเนอื่ งจากการทำ� งาน ทำ� ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั งิ านแกน่ ายจา้ งทกุ ภาคสว่ นไดร้ บั ความคมุ้ ครอง และมหี ลักประกันความมั่นคง สง่ ผลใหล้ กู จา้ งมคี ณุ ภาพชีวติ ทดี่ ีขนึ้ ทัง้ น้ี นายจา้ งมีหน้าที่ข้นึ ทะเบยี น ลูกจา้ ง (ทัง้ แรงงานชาวไทยและต่างชาติ) สง่ เงินสมทบเขา้ กองทุนเงนิ ทดแทน รวมถงึ แจ้งการประสบ อันตราย เจ็บปว่ ย หรอื สูญหายของลูกจ้างภายในระยะเวลาทสี่ �ำนกั งานประกนั สงั คมกำ� หนด เพอ่ื ชว่ ย พิทกั ษ์สทิ ธิของลูกจา้ งใหไ้ ดร้ บั การคุ้มครองตามเจตนารมณข์ องการจดั ต้งั กองทุน ขณะเดยี วกนั ลูกจา้ ง พงึ ศกึ ษาทำ� ความเขา้ ใจสทิ ธปิ ระโยชนข์ องกองทนุ เงนิ ทดแทน และสทิ ธขิ องลกู จา้ งทพี่ งึ ไดร้ บั การคมุ้ ครอง ภายใตก้ ฎหมายอนื่ อยา่ งสมำ�่ เสมอ เพอ่ื ปกปอ้ งสทิ ธขิ องตนและเพอ่ื นรว่ มงาน อกี ทงั้ นายจา้ งและลกู จา้ ง ควรมกี จิ กรรมแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ กยี่ วกบั การคมุ้ ครองแรงงานภายใตก้ ฎระเบยี บทเี่ กย่ี วขอ้ งเปน็ ประจำ� หรือจัดเป็นวาระประจ�ำในการประชุมร่วมระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง เพ่ือเพิ่มพูนความรู้ท่ีทันสมัย ทันเหตุการณ์ และสร้างความม่ันใจแก่ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานให้นายจ้างว่าพึงได้รับการดูแลภายใต้ บทบัญญัติของกฎหมายอย่างครอบคลุม ครบถ้วน อันจะน�ำมาซึ่งภาพลักษณ์การดูแลลูกจ้างที่ดี ของประเทศไทย อน่ึง สถิติการประสบอันตรายท่ีน�ำเสนอในบทความฉบับน้ีเป็นไปตามกรอบของ พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 ซึ่งส�ำนักงานประกันสังคมเผยแพร่สู่สาธารณชนบนเว็บไซต์ ผู้เขียนจึงน�ำข้อมูลที่น่าสนใจมาใช้วิเคราะห์เพิ่มเติม ส่วนการด�ำเนินงานตามกรอบพระราชบัญญัติ เงินทดแทน (ฉบับ 2) พ.ศ. 2561 ยังไม่มผี ู้น�ำขอ้ มลู มาวเิ คราะห์หรอื ศึกษาอยา่ งเป็นระบบ ดงั นน้ั ควร มกี ารศกึ ษาเกยี่ วกบั บทบาทหนา้ ทกี่ ารใหค้ วามคมุ้ ครองแรงงานของกองทนุ บทบาทของนายจา้ งทสี่ ง่ เสรมิ ใหล้ กู จา้ งไดข้ นึ้ ทะเบยี นกบั กองทนุ การเขา้ ถงึ สทิ ธขิ องลกู จา้ ง รวมถงึ ปญั หาอปุ สรรคการเขา้ ถงึ สทิ ธขิ อง ลูกจ้าง เพ่ือน�ำไปสู่การพัฒนาระบบการคุ้มครองแรงงานภายใต้กองทุนเงินทดแทนให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งข้ึน

วารสารหาดใหญว่ ิชาการ 19(1) ม.ค. - มิ.ย. 2564 190 Hatyai Academic Journal 19(1) Jan - Jun 2021 เอกสารอา้ งองิ Department of Labour Protection and Welfare. (2007). Appropriate model for labour welfare in Thailand. Bangkok: Excellent business management. [in Thai] Krutchaiyant, T. (2002). The Workmen’s Compensation Act: A comparative study of Thailand Act and some countries in ASIA (Master’s thesis). Dhurakijpundit University, Bangkok. [in Thai] Laohaudomchok, W. (2019). Vision zero: Global strategy on occupational safety and health. Retrieved from http://osh.labour.go.th/index.php?option=com_conten t&view=article&id=755%3Avision-zero-&catid=19%3A-m---m-s&Itemid=201 [in Thai] Ministry of Foreign Affairs. (2017). Thailand’s ratification of convention No.111 on concerning discrimination (employment and occupation), 1958. Retrieved from http://mfa.go.th/main/en/news3/6886/78580-Thailand%E2%80%99s- Ratification-of-ILO-Convention-No.-111.html [in Thai] Ministry of Labour. (2017). Ministry of Labour: Policy/vision/mission. Retrieved from https://www.mol.go.th/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99% E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3% E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87% E0%B8%B2%E0%B8%99/policy_vision_mission/ [in Thai] National Statistical Office. (2017). Population 15 years and over by labor force status and sex, whole kingdom: 2007-2016. Retrieved from http://service.nso.go.th/ nso/web/statseries/statseries03.html ________. (2018). The labour force survey whole kingdom quarter 4: October-December 2017. Bangkok: National Statistical Office. ________. (2019). The labour force survey whole kingdom quarter 4: October-December 2018. Bangkok: National Statistical Office. Noiprom, N. (2019). Laotian aliens labour movement in Loei Province area. Research and Development Journal Loei Rajabhat University, 14(49), 41-51. [in Thai] Pansiri, N. (2015). The study of safety behavior of safety officers in Surat Thani industries (Master’s thesis). Prince of Songkla University, Songkhla. [in Thai] Royal Thai Government. (2017). Thailand’s ratification of convention No.111 to ILO. Retrieved from http://www.thaigov.go.th/news/contents/details/4532 [in Thai] Sajjanand, S. (2015). Protection of migrant workers in Thailand: A case study of Nonthaburi Province. STOU Journal, 28(2), 139-154. [in Thai] Sirijaroonwong, U., & Boonruksa, P. (2018) Causal analysis of over 3-day injury at work using fault tree analysis: A case study of 17 manufacturers in Samut Prakarn Province. Journal of Safety and Health, 11(1), 1-14. [in Thai]

กองทุนเงินทดแทนกับการคมุ้ ครองแรงงาน 191 กนั ยปริณ ทองสามสี และ อสิ ระ ทองสามสี Social Security Office. (2015). Annual report 2014 Workmen’s Compensation Fund. Nonthaburi: Social Security Office. [in Thai] ________. (2016). Annual report 2015 Workmen’s Compensation Fund. Nonthaburi: Social Security Office. [in Thai] ________. (2017). Annual report 2016 Workmen’s Compensation Fund. Nonthaburi: Social Security Office. [in Thai] ________. (2018). Annual report 2017 Workmen’s Compensation Fund. Nonthaburi: Social Security Office. [in Thai] ________. (2019a). Annual report 2018 Workmen’s Compensation Fund. Nonthaburi: Social Security Office. [in Thai] ________. (2019b). Number of Insured Persons under Article 33. Retrieved from https:// www.sso.go.th/wpr/main/privilege/ข้อมูลสถิติกองทุนประกันสังคม_sub_category_ list-label_1_168_736 [in Thai] ________. (2019c). Benefits of Workmen’s Compensation Fund. Retrieved from https:// www.sso.go.th/wpr/main/privilege/กองทุนเงินทดแทน_category_list-text- photo_1_126_0 [in Thai] Subcommittee on Human Rights, Refugees and Asylum Statelessness, Internally Displaced Persons, Lawyers Council. (2011). Policy and strategy to solve the problems from migrant labour. Bangkok: Raks Thai. [in Thai] Tamjai, A., Suttawet, C., & Chomtohsuwan, T. (2018). The performance evaluation of the Compensation Fund and policy recommendation. Governance Journal, 7(1), 30-65. [in Thai] Thosuwanjinda, V. (2018). A linkage of employees rights and benefits in the Workmen’s Compensation Fund Bill and Social Security Bill. Kasem Bundit Journal, 19(1), 209-220. [in Thai] Tongsamsi, K., Luxchaigul, N., & Tongsamsi, I. (2019). Labour protection of foreign workers under Social Security Fund and Compensation Fund in Pattani province. Pattani: Faculty of Humanities and Social Sciences, Prince of Songkla University. [in Thai] Wasinarom, S. (1997). Welfare in the organization: Management concepts and methods. Bangkok: Med-try Printing. [in Thai] Workmen’s Compensation Act (No.2) B.E. 2561. (2018). Royal Thai Government Gazette. Retrieved from http://www.ilo.org/dyn/natlex/docs/ELECTRONIC/107987/1332 37/F-1793562944/THA107987%20Tha.PDF [in Thai] Workmen’s Compensation Act B.E. 2537. (1994). Royal Thai Government Gazette. Retrieved from http://www.ilo.org/dyn/natlex/docs/ELECTRONIC/46852/91104 /F-1944612989/THA46852%20%20Eng.pdf



ค�ำแนะนำ� สำ� หรับผ้เู ขียน วารสารหาดใหญว่ ชิ าการ เปน็ วารสารทจี่ ดั พมิ พเ์ พอื่ เผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ ดา้ นมนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บรหิ ารธุรกจิ และการจัดการ นติ ิศาสตร์ และสาขาวชิ าอน่ื ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง ของมหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่ รวมทง้ั สถาบนั และหนว่ ยงานอน่ื ๆ ทว่ั ประเทศ ซงึ่ จดั พมิ พเ์ ป็นราย 6 เดอื น (ปีละ 2 ฉบับ: ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และ ฉบับท่ี 2 กรกฎาคม-ธันวาคม) รับพิมพ์ผลงานที่ ไม่เคยพิมพเ์ ผยแพร่ในวารสาร รายงาน หรอื สิ่งพิมพ์อน่ื ใดมาก่อน และไม่อยูร่ ะหว่างการพิจารณาของ วารสารอน่ื ทกุ บทความทไ่ี ดร้ บั การตพี มิ พใ์ นวารสารนี้ ไดผ้ า่ นการตรวจสอบเชงิ วชิ าการจากผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ที่กองบรรณาธิการเรียนเชิญ จ�ำนวน 2-3 ราย บทความท่ีได้รับการตีพิมพ์ ผู้เขียนจะได้รับวารสารฯ จำ� นวน 1 เลม่ 1. ประเภทผลงานที่ตพี ิมพ์ 1. บทความวจิ ยั (Research Article) เปน็ ผลงานทไ่ี ดม้ าจากการคน้ ควา้ และวจิ ยั ดว้ ยตนเอง ประกอบดว้ ย บทนำ� วัตถปุ ระสงค์ การทบทวนวรรณกรรม และทฤษฎีท่เี กย่ี วขอ้ ง วธิ ีด�ำเนนิ การวิจัย ผลการวจิ ยั สรปุ และอภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ กติ ตกิ รรมประกาศ (ถ้าม)ี และเอกสารอา้ งองิ 2. บทความวิชาการ (Academic Article) เป็นผลงานที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม ทางวชิ าการ มกี ารวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ โดยมงุ่ เนน้ การนำ� เสนอความรใู้ หมใ่ นเชงิ วชิ าการ ประกอบดว้ ย บทนำ� การทบทวนวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เนอื้ หา (เนอ้ื หาตอ้ งชถี้ งึ ประเดน็ ของสง่ิ ทตี่ อ้ งการนำ� เสนอ อยา่ งชัดเจน) บทวิจารณ์หรอื สรุป และเอกสารอ้างอิง 2. การจัดรูปแบบของบทความ 2.1 ช่อื เร่อื ง มที ้งั ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใชร้ ูปแบบอกั ษร TH Sarabun PSK ขนาด 20 ตัวหนา 2.2 ช่อื ผู้เขยี น มที งั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun PSK ขนาด 16 ตัวหนา 2.3 บทคดั ยอ่ ระบทุ ง้ั ภาษาองั กฤษและภาษาไทย โดยเปน็ การกลา่ วใหเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ของ การศกึ ษา วธิ ดี ำ� เนนิ การ เครอื่ งมอื ในการศกึ ษา ผลทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษา ความยาวของบทคดั ยอ่ ในแตล่ ะ ภาษาต้องไมเ่ กิน 250 ค�ำ พรอ้ มระบุค�ำสำ� คัญ (Keywords) อย่างนอ้ ย 3 คำ� แตไ่ มเ่ กนิ 5 คำ� 2.4 เนื้อหา บทความทั้งฉบบั มีจำ� นวนไม่เกนิ 16 หนา้ กระดาษ A4 (รวมเอกสารอา้ งอิงท้าย เลม่ ) พมิ พ์ดว้ ยตัวอักษร TH Sarabun PSK ท้งั ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาด 16 กำ� หนดระยะ หา่ งจากขอบซา้ ย ขอบขวา ขอบบน และขอบลา่ ง 2.54 ซม. พรอ้ มระบหุ มายเลขหนา้ ทม่ี ุมบนขวา 2.5 หัวข้อหลักในบทความ เช่น บทน�ำ วัตถุประสงค์ กรอบแนวคิด วิธีวิจัย ผลการวิจัย อภิปรายผล และเอกสารอ้างองิ พิมพ์ด้วยตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาด 19 2.6 ตารางและภาพประกอบ ควรมเี ฉพาะทจี่ ำ� เปน็ มหี มายเลยกำ� กบั เชน่ รปู ที่ 1 หรอื ตาราง ที่ 1 โดยต้องเป็นภาพท่มี ีลายเส้นคมชัด

2.7 เอกสารอา้ งองิ ใชร้ ะบบอา้ งองิ ของสมาคมจติ วทิ ยาอเมรกิ นั (American Psychological Association: APA) โดยมรี ายละเอยี ดทวั่ ไป ดงั น้ี (รายละเอยี ดพรอ้ มตวั อยา่ งดใู นเอกสารแนบทา้ ยหรอื ดใู นเว็บไซต)์ 1) การอ้างอิงภายในเนือ้ หา ตอ้ งตรงกบั เอกสารอา้ งอิงทา้ ยเลม่ 2) การอา้ งองิ ควรใช้รปู แบบท่วี ารสารกำ� หนดโดยสม�ำ่ เสมอทัง้ บทความ 3) การเรียงล�ำดบั เอกสารอ้างอิงให้เรียงตามล�ำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3. การส่งบทความเพื่อพิจารณาตพี ิมพ์ ผเู้ ขยี นสามารถสง่ บทความโดยเขา้ สเู่ วบ็ ไซต์ https://www.tci-thaijo.org/index.php/Hatyai AcademicJournal/index ซ่ึงมคี ู่มอื แนะน�ำการใชง้ านอยทู่ างด้านขวามอื (For Author) ตัวอยา่ งการเขียนเอกสารอา้ งอิง 1. หนังสือ ชื่อสกุล, อกั ษรนำ� ชอื่ ต้น. อักษรน�ำช่อื กลางผู้แตง่ . (ปที ่ีพมิ พ)์ . ชอ่ื หนงั สอื (คร้งั ทีพ่ ิมพ)์ . สถานทพ่ี มิ พ:์ ส�ำนักพิมพ์. กรณผี ูเ้ ขยี นเป็นคนไทย ใหใ้ ชร้ ูปแบบเดยี วกบั ชาวต่างชาติ และเพม่ิ [in Thai] ทา้ ยขอ้ ความ ตวั อยา่ งเชน่ Greenberg, J., & Baron, R. A. (2003). Behavior in organization (8th ed.). Upper Saddle River, NJ: Pearson Education. Lewe, W. (2009). Orthopedic massage: Theory and technique (2nd ed.). Edinburgh: Mosby Elsevier. Martin, R. J., Fanaroff, A. A., & Walsh, M. C. (2006). Fanaroff and Martin’s neonatal - perinatal medicine: Diseases of the fetus and infant (Vol. 1) (8th ed.). Philadelphia: Mosby Elsevier. Stock, G., & Campbell, J. (Eds.). (2000). Engineering the human genome: An exploration of the science and ethics of altering the genes we pass to our children. New York: Oxford University Press. 2. บทความหรอื บทในหนังสอื ชื่อสกุล, อกั ษรน�ำชือ่ ตน้ . อักษรนำ� ช่อื กลางผู้แต่ง. (ปที พี่ มิ พ์). ช่ือบทความหรือบท. ใน ช่อื บรรณาธกิ าร (บรรณาธิการ), ชอื่ หนงั สอื (เลขหนา้ ). สถานทีพ่ ิมพ:์ ส�ำนกั พมิ พ.์