Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาชีพเกษตร

อาชีพเกษตร

Published by วัชระ บัวเข็ม, 2019-12-18 03:46:54

Description: อาชีพเกษตร

Keywords: อาชีพเกษตร

Search

Read the Text Version

ที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดจนไก่มีอายุประมาณ 6 สัปดาห์ จึงจับขายได้แล้วจะพักโรงเรือนประมาณ 1 อาทติ ย์ กอ่ นจะเลยี้ งไกเ่ นอ้ื รนุ่ ตอ่ ไป ดงั นน้ั ใน 1 ปี โดยวธิ นี จี้ ะสามารถเลยี้ งไกเ่ นอื้ ไดป้ ระมาณ 10-12 รนุ่ สำหรับการเลี้ยงปลาจะปล่อยลูกปลาขนาด 3-5 เซนติเมตร โดยปลานิลจะได้อาหารจากมูลไก่ และ อาหารไก่ท่ีร่วงหล่นลงในบ่อเป็นหลักและควรมีการให้อาหารเสริมแก่ปลานิลในบ่อเพิ่มเติม โดยจะเร่ิม จับปลาท่ีมีขนาดใหญ่ขายไดเ้ มื่อปลาอายุ 4-5 เดือน และจะทยอยจับปลาจำหน่ายได้ 3 ครงั้ ตอ่ ปี ส่วนการควบคุมป้องกันโรคไก่ ควรมีการให้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ โรคนิวคาสเซิล และ โรคหลอดลมอกั เสบตามโปรแกรมทก่ี ำหนดไว้อยา่ งสม่ำเสมอ ตน้ ทนุ และผลตอบแทน สำหรบั การเลยี้ งไกเ่ นอื้ รนุ่ ละ 500 ตวั จำนวน 12 รนุ่ ในโรงเรอื นขนาด 70 ตารางเมตร บนบอ่ ปลา ขนาด 1 ไร่ ที่ปลอ่ ยปลานิล จำนวน 3,000 ตัว ในเวลา 1 ปี 1. ตน้ ทุน ต้นทุนคงท่ี ได้แก่ ค่าโรงเรือนและอุปกรณ์เลี้ยงไก่ ประมาณ 20,000–25,000 บาท ส่วนต้นทุนผันแปร จะได้แก่ ค่าพันธ์ุไก่ และปลา ค่าอาหาร ค่ายาและเวชภัณฑ์ รวมท้ัง ค่าน้ำค่าไฟ จะมี ต้นทุนประมาณ 240,000 บาท โดยต้นทุนนี้จะลดลงในปีต่อๆ ไป เน่ืองจากใช้โรงเรือน และอุปกรณ ์ ทีม่ อี ยเู่ ดมิ 2. ผลตอบแทน จะไดจ้ าก 1) การจำหนา่ ยไก่ รนุ่ ละ 500 ตัว ซ่งึ จะน้ำหนกั ตัวละประมาณ 1.8 กโิ ลกรมั จำหน่ายได้ ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท รวม 12 ร่นุ เป็นเงินประมาณ 250,000 – 270,000 บาท 2) การจำหนา่ ยปลานลิ ประมาณ 1,800 – 2,000 กโิ ลกรมั ในราคากโิ ลกรมั ละ 30 บาท เปน็ เงินประมาณ 54,000 – 60,000 บาท ผลตอบแทนรวมประมาณ 300,000–320,000 บาท อย่างไรก็ตาม ต้นทนุ และผลตอบแทนดงั กลา่ วจะเปล่ียนแปลงไปตามแหลง่ ที่เลย้ี งสภาวะการตลาด อันได้แก่ ราคาพันธ์ุสัตว์ อาหารสัตว์และราคาผลิตที่ตลาดรับซื้อ ตลอดจนขนาดการผลิตและประสิทธิภาพ ในการเล้ียงของเกษตรกร ดังน้นั กอ่ นการตดั สินใจเลอื กเล้ยี งเกษตรกรจะตอ้ งศกึ ษาข้อมลู และรายละเอยี ด ให้ชัดเจนเสยี กอ่ น 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 151

การเลี้ยงเปด็ ไข่ผสมผสาน กับการเล้ียงปลา การประกอบอาชีพการเกษตรในรูปแบบเกษตรผสมผสานเป็นแนวทางท่ีจะทำให้เกษตรกร ลดความเสย่ี งในการประกอบอาชพี และเปน็ การเพม่ิ รายไดใ้ หก้ บั เกษตรกร โดยการเลย้ี งเปด็ ไขผ่ สมผสานกบั การเลย้ี งปลาเปน็ แนวทางเกอ้ื กลู ระหวา่ ง 2 กจิ กรรมการผลติ มลู เปด็ จะเปน็ ปยุ๋ ชว่ ยเพมิ่ อาหารตามธรรมชาตใิ ห ้ แก่ปลา เป็ดจะช่วยกำจัดหอยพาหะของโรคพยาธิ และเพ่ิมออกซิเจนในน้ำ ในขณะท่ีอาหารที่ใช้เลี้ยงเป็ด จะตกหล่นในน้ำกลายเปน็ อาหารปลาทำให้ชว่ ยลดตน้ ทนุ ในการเลยี้ งปลา เงือ่ นไขความสำเร็จ 1. เกษตรกรควรมคี วามรแู้ ละประสบการณ์ในการเลยี้ งเป็ดและปลาร่วมกนั 2. สถานท่เี ลย้ี งควรอยู่ใกล้แหล่งจำหน่ายพันธ์ุ ทั้งพันธ์ุปลา และพนั ธ์ุเป็ด 3. เกษตรกรจะตอ้ งมีพน้ื ทีท่ ่เี หมาะสมและเพียงพอสำหรับการเลี้ยงสตั ว์ทั้ง 2 ประเภท 4. ควรมีความชดั เจนเกยี่ วกับตลาดทจี่ ะรบั ซ้อื ผลผลติ ทงั้ จากการเล้ยี งปลาและการเลี้ยงเป็ดไข ่ เทคโนโลยแี ละกระบวนการผลิต 1. พันธุ์สัตว์ พันธ์ุเป็ดไข่ที่เล้ียงควรเป็นเป็ดพันธ์ุแท้ อาทิ พันธ์ุกากีเคมเบล พันธุ์ปากน้ำ หรือเป็ดพันธุ์ ลกู ผสม สว่ นพนั ธปุ์ ลาทเ่ี ลย้ี ง ควรเปน็ ปลาทกี่ นิ ไมเ่ ลอื กหรอื กนิ แพลงกต์ อน อาทิ ปลานลิ ปลานวลจนั ทรเ์ ทศ ปลาช่อน 2. โรงเรอื นและอปุ กรณ์ โรงเรือนเลี้ยงเป็ดไข่ควรเป็นโรงเรือนแบบเปิดโล่ง แต่สามารถกันแดดกันฝนได้ สร้างด้วยวัสดุ ราคาถูกท่ีมีในท้องถิ่นอยู่บนขอบบ่อเล้ียงปลา โรงเรือนขนาด 1 ตารางเมตร จะใช้เล้ียงเป็ดได้ 5 ตัว พ้ืน โรงเรอื นควรมลี กั ษณะเปน็ รอ่ งประมาณ 1 เซนตเิ มตร เพอื่ ใหม้ ลู เปด็ ตกลงในบอ่ ไดง้ า่ ย และควรมชี านทอดลงสนู่ ำ้ เพื่อใหเ้ ป็ดขนึ้ ลงไดส้ ะดวก 3. อาหารและการให้อาหาร เป็ดไข่เป็นสัตว์ท่ีเล้ียงง่าย สามารถใช้อาหารสำเร็จรูปท่ีมีขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป หรือจะใช้ วัตถุดิบทางการเกษตรในท้องถิ่น อาทิ รำละเอียด รำหยาบ ปลายข้าว หอย ฯลฯ มาผสมกับหัวอาหาร เพื่อช่วยลดต้นทุน ส่วนปลาท่ีเลี้ยงจะใช้อาหารตามธรรมชาติท่ีมีในบ่อ เช่น สาหร่าย จอก แหน ตลอดจน 152 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

สตั ว์เลก็ ๆ รวมทงั้ อาหารเป็ดทีร่ ่วงหลน่ จากคอกเลีย้ งและควรเสริมอาหารขน้ บา้ งเปน็ บางโอกาส 4. การจัดการเลีย้ งด ู เกษตรกรควรเร่ิมด้วยการเล้ียงลูกเป็ดไข่อายุ 1 วัน อัตราการเล้ียงเป็ดท่ีเหมาะสมประมาณ 30 ตัว ต่อบ่อขนาด 200 ตารางเมตร ในระยะแรกจำเป็นต้องมีการกกให้ความร้อนลูกเป็ด ให้อาหารท่ีมี คณุ ภาพสงู จนเปด็ มอี ายไุ ด้ 1 เดอื น จะเปลย่ี นมาเปน็ อาหารสำหรบั เปด็ ไข่ เปด็ จะเรมิ่ ใหไ้ ขเ่ มอ่ื อายุ 5 เดอื น ใหไ้ ข่จนอายุ 1 ปี จะเร่มิ คัดเป็ดท่ีไมใ่ หไ้ ข่ออก แมเ่ ปด็ 1 ตัว จะใหไ้ ขป่ ระมาณ 260–280 ฟองต่อปี และจะ ปลดระวางเปด็ ไข่ เมือ่ อายุ 12-18 เดอื น สว่ นปลานัน้ ลกู ปลาที่ปลอ่ ยควรมีขนาด 5–7 เซนติเมตร อัตราที่ เหมาะสมสำหรับปลานิล คือ 3,000 ตัวต่อไร่ และจะเร่ิมคัดปลาออกจำหน่ายได้เม่ือเล้ียงมาเป็นเวลา 4–5 เดือน ดงั น้นั จงึ สามารถเลย้ี งปลาได้ 2 รุน่ ตอ่ ป ี ต้นทนุ และผลตอบแทน สำหรบั การเลย้ี งเปด็ ไข่ จำนวน 100 ตวั บนบอ่ ปลาขนาด 1 ไร่ เลย้ี งปลานลิ รนุ่ ละ 3,000 ตวั จำนวน 2 รุ่น 1. ตน้ ทนุ จะได้แก่ค่าโรงเรือนและอุปกรณ์ ค่าพันธุ์เป็ดไข่และปลา ค่าอาหารเป็ดและอาหารเสริม สำหรบั ปลา รวมแล้วจะมตี ้นทุนประมาณ 70,000-75,000 บาท 2. ผลตอบแทน จะได้จาก 1) การจำหนา่ ยไขเ่ ปด็ ประมาณ 26,000 ฟอง ราคาฟองละ 2 บาท เปน็ เงนิ 52,000 บาท 2) การจำหนา่ ยเป็ดไข่ปลดระวาง 100 ตวั ราคาตวั ละ 50 บาท เป็นเงิน 4,000 บาท 3) การจำหน่ายปลา คดิ เปน็ เงนิ ประมาณ 36,000 บาท รวม 92,000 บาท อยา่ งไรกต็ าม ตน้ ทนุ และผลตอบแทนดงั กลา่ วจะเปลยี่ นแปลงไดต้ ามสถานทเี่ ลยี้ ง ราคาปจั จยั การผลติ อาทิ ราคาพนั ธสุ์ ตั ว์ อาหารสัตว์ และราคารับซ้ือผลผลิตของตลาดแต่ละแห่ง ดังน้ัน ก่อนการตัดสินใจเลี้ยง เกษตรกรจะ ตอ้ งศกึ ษาข้อมลู และรายละเอียดใหช้ ัดเจนเสยี ก่อน 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 153

การเลี้ยงสกุ รผสมผสาน กับการเล้ยี งปลา การเลี้ยงสุกรร่วมกับการเล้ียงปลาในลักษณะผสมผสานเป็นการใช้ประโยชน์จากมูลสุกร และ อาหารทต่ี กหล่นเปน็ อาหารของปลา ทำให้การลดต้นทนุ ในการผลติ ปลาได้เปน็ อยา่ งมาก และช่วยกำจัดของ เสียท่ีจะระบายลงสู่ธรรมชาติซึ่งอาจเป็นผลให้เกิดมลภาวะต่อส่ิงแวดล้อมเช่น แหล่งน้ำธรรมชาติ และเป็น ผลให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน ช่วยลดปริมาณกลิ่นที่เกิดจากแก๊สแอมโมเนียให้ น้อยลง ลดปริมาณแมลงวันซึ่งเป็นพาหนะนำโรคของคนและสัตว์ให้ลดลง ลดพยาธิภายใน ตลอดจนแหล่ง เพาะเชื้อทีเ่ กิดจากมลู สกุ ร เงอ่ื นไขความสำเรจ็ 1. ตอ้ งมบี อ่ ขนาดใหญพ่ อสมควร เพอื่ หลกี เลยี่ งการเกดิ ปญั หานำ้ เสยี และตอ้ งมอี ตั ราสว่ นระหวา่ ง จำนวนสกุ ร ปลา พ้ืนที่บ่อทเ่ี หมาะสม 2. ต้องมีแหล่งน้ำธรรมชาติท่ีสามารถถ่ายเทน้ำที่เล้ียงปลาได้เป็นคร้ังคราว เพ่ือลดภาวะน้ำเสีย ในบอ่ เลย้ี งปลา 3. เกษตรกรตอ้ งมคี วามรหู้ รือประสบการณ์ในการเลยี้ งสุกรและการเล้ยี งปลาเปน็ อยา่ งดี 4. ต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับตลาดท่ีรับรองผลผลิตของทั้งสองกิจกรรม ทั้งในตลาดชุมชนและ ตลาดใกลเ้ คยี ง เทคโนโลยีและกระบวนการผลติ 1. พันธ์สุ ตั ว ์ พันธุ์สุกรควรใช้สุกรพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งตลาด ได้แก่ พันธ์ุลูกผสม 3 สายเลือด เชน่ สกุ รลกู ผสมลารจ์ ไวท–์ แลนดเ์ รซ–ดรู อ็ คเจอรซ์ ี่ เนอื่ งจากมอี ตั ราการเจรญิ เตบิ โตทด่ี ี คณุ ภาพเนอ้ื ไดม้ าตรฐาน เปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาด สว่ นพนั ธปุ์ ลา ควรเลย้ี งปลาทอ่ี ดทนตอ่ สภาพแวดลอ้ มและคณุ สมบตั ขิ องนำ้ เกี่ยวกับ ปริมาณของออกซิเจนในน้ำที่เปล่ียนแปลงในตอนกลางวันและกลางคืน และสามารถปล่อยเลี้ยงได ้ ในอัตราที่หนาแน่นสูง เพื่อเพ่ิมผลผลิตให้ได้มากท่ีสุด เช่น ปลานิล ปลาสวาย นอกจากนี้อาจปล่อยปลา ประเภทกินแพลงก์ตอน เช่น ปลาไน ปลาตะเพียน ปลาย่ีสกเทศ ปลาซ่ง ปลาลิ่น หรือปลานวลจันทร์เทศ เล้ยี งรวมไดอ้ กี จำนวนหน่งึ ตามความเหมาะสม 2. โรงเรอื นและอุปกรณ์ การสร้างคอกสุกรส่วนใหญ่ มี 2 แบบ คือการสร้างคอกบนคันบ่อ และการสร้างคอกลงบน 154 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

บ่อปลา สำหรับการสร้างคอกบนคันบ่อจะสามารถควบคุมปริมาณมูลสุกรและการจัดการอื่นๆ เช่น การทำ ความสะอาดฆา่ เชอ้ื คอกสกุ รไดง้ า่ ยกวา่ โดยทที่ ำเปน็ คอกพนื้ ซเี มนตเ์ ทลาดเอยี งลงสบู่ อ่ ปลา สำหรบั คอกทสี่ รา้ ง ลงบนบ่อปลาต้องมีพื้นคอกเป็นช่องๆ ให้มูลสุกรและเศษอาหารหล่นสู่บ่อได้สะดวก โรงเรือนสุกรขนาด 4x4 ตารางเมตร จะสามารถเลี้ยงสกุ รขุนได้ 10 ตัว หรือถ้าเป็นลูกสุกรขนุ จะเลี้ยงได้ 30 ตวั 3. การจดั การเล้ยี งดู ในการเลยี้ งสกุ รรว่ มกบั ปลาทเ่ี หมาะสมจะใชอ้ ตั ราสว่ นสกุ รประมาณ 8-16 ตวั กบั บอ่ เลยี้ งปลา ขนาด 1 ไร่ ซ่ึงจะใชเ้ ลย้ี งปลาขนาด 3-5 เซนตเิ มตร ได้ประมาณ 3,000 ตัว อยา่ งไรกต็ ามขน้ึ อยู่กบั ชนดิ ของ ปลาด้วย สุกรท่ีเร่ิมต้นเลี้ยงเป็นสุกรหลังหย่านมขนาด 12–15 กิโลกรัมต่อตัว เล้ียงด้วยอาหารสำเร็จรูปที่มี ขายตามท้องตลาดหรือจะผสมใช้เอง โดยใช้วัตถุดิบราคาถูกที่มีในท้องถิ่น ในระยะแรกสุกรมีขนาดเล็ก การขับถ่ายมูลและปัสสาวะอาจไม่มากพอกับปลา ต้องมีการสมทบ เศษวัสดุ เช่น เศษอาหารเหลือ เศษผัก รำข้าว เป็นอาหารเล้ียงปลาด้วย และเมื่อสุกรโตข้ึนจนน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัมข้ึนไป จะม ี สิ่งขับถ่ายเพียงพอกับจำนวนปลา เล้ียงสุกรจนได้น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ก็สามารถส่งขายตลาดได้ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ดังนั้น ใน 1 ปี สามารถเล้ียงสุกรขุนได้ 3 รุ่น และเม่ือเล้ียงปลาไปได้ 4-5 เดือน สามารถทยอยจับปลานิลออกจำหน่ายได้ โดยใช้อวนตาข่าย และจับปลาที่เหลือจำหน่าย เม่ือใช้เวลาเล้ียงครบ 1 ปี ขนาดของปลาตัวละประมาณ 1.0-1.5 กิโลกรัม จะได้ผลผลิตปลาประมาณ 1,500 กโิ ลกรัมข้นึ ไป ต้นทุนและผลตอบแทน สำหรับการเล้ียงสกุ รขนุ รุ่นละ 10 ตวั จำนวน 3 รุ่นบนบ่อปลาขนาด 1 ไร่ ท่ีปล่อยปลานิล จำนวน 3,000 ตวั ในเวลา 1 ปี 1. ตน้ ทุน ในสว่ นตน้ ทนุ คงทจี่ ะไดแ้ ก่ คา่ โรงเรอื นและอปุ กรณเ์ ลยี้ งสกุ ร มคี า่ ใชจ้ า่ ยประมาณ 3,000–5,000 บาท แล้วแตช่ นดิ วัสดทุ ี่ใช้ ส่วนตน้ ทนุ ผนั แปร จะเกิดจากคา่ พันธุส์ กุ ร พันธ์ปุ ลา ค่าอาหาร คา่ ยา และวัคซนี ตลอดจนค่านำ้ คา่ ไฟรวมต้นทนุ ประมาณ 75,000–80,000 บาท โดยในปตี อ่ ๆ ไป ต้นทุนจะลดลงเนอื่ งจาก ไม่ต้องลงทุนค่าโรงเรือนและอปุ กรณอ์ ีก 2. ผลตอบแทน จะได้จาก 1) การจำหนา่ ยสกุ รขุนจำนวน 3 รุ่นๆ ละ 10 ตัว ในราคาประมาณ 3,000–5,000 บาท เปน็ เงนิ 90,000–150,000 บาท 2) การจำหน่ายปลาจำนวนประมาณ 1,500–1,800 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 25–30 บาท เป็นเงิน 35,000–37,500 บาท รวมผลตอบแทนโดยประมาณ 120,000–140,000 บาท ท้ังน้ีต้นทุนและผลตอบแทนดังกล่าวจะสามารถเปล่ียนแปลงได้ตามสภาวะการตลาด สถานที่เลี้ยง และขนาดการผลิต โดยเฉพาะราคาปัจจัยการผลิตและราคาผลผลิตท่ีตลาดรับซื้อ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเล้ียง เกษตรกรควรศึกษาขอ้ มลู และรายละเอยี ดใหช้ ดั เจนเสียกอ่ น 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 155



ทางเลือกอาชีพด้านประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 157

การเพาะเลยี้ ง ปลากะพงขาว ปลากะพงขาวเป็นสัตว์น้ำพวกกินเนื้อ ท่ีสามารถอยู่อาศัยได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม โดยเล้ียงแพร่หลายในเขตจังหวัดชายทะเลของประเทศไทยเจริญเติบโตเร็ว เน้ือมีรสชาติดี และมีราคาดี ปัจจุบันประเทศไทยสามารถเพาะพันธ์ุปลากะพงขาวได้เป็นจำนวนมาก เพ่ือเลี้ยงในประเทศและส่งขาย ต่างประเทศ ขัน้ ตอนการดำเนินงาน (การเล้ียงในบอ่ ดิน) 1. การสรา้ งและเตรียมบอ่ เล้ยี งปลา บ่อดินเลี้ยงปลากะพงขาวท่ีนิยมมีขนาด 1.5-2 ไร่ ความลึก 1.5-3 เมตร มีระบบน้ำผัน เข้า-ออกอยู่คนละด้าน กรณีท่ีเป็นบ่อเก่าควรพรวนตะกอนเลน ประมาณ 3-5 วัน ต่อครั้ง รอบ 3-5 ครั้ง หรอื ขดุ ลอกเสรมิ ตกแตง่ บอ่ พรอ้ มหวา่ นปนู ขาวทวั่ บอ่ ในอตั ราประมาณ 60-80 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ เพอื่ ปรบั คา่ pH และควรใช้อวนกั้นล้อมปลาอยู่ในเน้ือท่ีแคบๆ บริเวณท่ีจะให้อาหารประจำก่อนประมาณ 15-30 วัน จึงจะเอาเชอื กและอวนท่กี ้ันออกเพอื่ ให้ปลาไดอ้ าศยั ได้ทงั้ บอ่ 2. อตั ราการปล่อยปลาลงเลย้ี งในบอ่ ดิน ปลาเริ่มเล้ียงแต่ละบ่อ ควรมีความยาวขนาดเท่ากันประมาณ 4-5 น้ิว กรณีมีเครื่องเพ่ิม อากาศในบ่อปล่อยอัตรา 2-3 ตัวต่อตารางเมตร หรือประมาณ 3,000-4,500 ตัวต่อไร่ หากไม่มีเคร่ืองเพ่ิม อากาศลงนำ้ ในบอ่ สำหรับใช้ในชว่ งวิกฤติ ควรปลอ่ ย 0.25-0.50 ตัวตอ่ ตารางเมตร หรอื 400-800 ตวั ต่อไร่ ในการปล่อยปลาลงเล้ียงควรปรับน้ำในถุงหรือถังลำเลียง ให้มีอุณหภูมิและความเค็มเท่ากับบ่อเลี้ยงก่อน หรือต่างกนั ไมเ่ กิน 2 หนว่ ย 3. การถ่ายเทนำ้ ควรถ่ายน้ำทกุ 3-7 วัน ถ่ายนำ้ ประมาณ 1 ใน 3 ของน้ำในบ่อ ขณะถ่ายน้ำไม่ควรรบกวนให้ ปลาตกใจ เพราะปลาอาจจะไม่กินอาหาร ควรเติมน้ำในช่วงประมาณตีสาม-ตีสี่ เพ่ือเป็นการช่วยเพิ่ม ออกซิเจน และอุณหภูมขิ องนำ้ จะไม่แตกต่างกนั มาก 158 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

ข้นั ตอน (การเลีย้ งในกระชงั ) 1. อตั ราการปล่อยลงกระชังเล้ยี ง ปลาท่ีปล่อยแต่ละกระชังควรมีความยาว 10 เซนติเมตร (4 นิ้ว) ขึ้นไป จึงจะเล้ียงได้ผลด ี หาซอื้ ไดจ้ ากฟารม์ เอกชนทวั่ ไป และศนู ยเ์ พาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้ ชายฝง่ั ของกรมประมง ถา้ ปลอ่ ยปลาขนาดตา่ งกนั ปลาขนาดใหญ่จะกินปลาขนาดเล็ก และจะแย่งกินอาหารได้มากกว่า อัตราปล่อยต้ังแต่ 100-300 ตัวต่อ ตารางเมตร เมื่อแรกปล่อยแล้วแยกให้มีความหนาแน่น 30-60 ตัวต่อตารางเมตร เมื่อปลาโตขึ้น จนกระทั่งจับขาย ท้งั นข้ี ึน้ อยกู่ ับสภาพแวดล้อมและทำเลที่ตงั้ กระชัง 2. อาหารและการให้อาหาร อาหารที่นิยมใช้ท้ังปลาเป็ดและอาหารเม็ดสำเร็จรูป ปลาเป็ดท่ีใช้เป็นอาหารต้องเป็น ปลาสด และต้องสับให้เป็นช้นิ ขนาดพอดีกบั ปากปลา ถา้ ปลาเล็กก็สบั ให้เป็นชิน้ เล็กๆ เมื่อปลาโตข้นึ ก็จะสับ ให้มีชน้ิ ใหญข่ ึน้ กำหนดจุดและเวลาใหอ้ าหารทีแ่ น่นอนวนั ละม้อื 3. การเจรญิ เติบโต เล้ียงปลาประมาณ 60 วนั ได้น้ำหนกั ปลาประมาณ 90 กรมั เลีย้ ง 90 วัน ไดน้ ้ำหนกั ประมาณ 180 กรัม เล้ียง 120 วัน ได้น้ำหนักประมาณ 250 กรัม ถ้าเล้ียงครบ 6-7 เดือน จะได ้ น้ำหนกั ปลาเฉลย่ี ตัวละ 400-600 กรัม มีราคาดี เมื่อได้ปลาขนาด 800-1,200 กรัม ในระหว่างเล้ียงควรสังเกตการกินอาหารของปลา หากกินอาหารลดลงอาจมีปรสิต หรือโรค ควรรีบปรกึ ษาหน่วยงานกรมประมงทอี่ ยู่ใกล้เคยี ง แหล่งขอ้ มูล : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 159

การเลย้ี งปูทะเล ปูทะเลมีรสชาติดี สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด เป็นท่ีนิยมบริโภคทั่วไป ปัจจุบัน ปูทะเลนับเป็นสินค้าท่ีมีราคาสูงและค่อนข้างหารับประทานได้ยาก ดังน้ัน ความต้องการปูทะเลจึงมีเพิ่ม มากข้ึน การเลี้ยงปูทะเลทำได้หลายประเภท เช่น การเล้ียงขุนปู การเลี้ยงปูโพรกให้เป็นปูแน่น การเล้ียง ปไู ข่ การเล้ียงปูนม่ิ และการเลี้ยงปเู ลก็ เพ่อื ขายให้เล้ียงต่อ การเลือกพ้ืนที่เล้ียงขุนปูทะเล 1) อยใู่ กลแ้ หล่งนำ้ กร่อยความเคม็ 10-30 ppt (ส่วนในพนั ส่วน) 2) เป็นบริเวณที่น้ำทะเลขึ้น-ลง ได้สะดวก น้ำไม่ท่วมขณะท่ีน้ำทะเลมีระดับสูงสุด และสามารถ ระบายน้ำได้แหง้ เมอื่ มนี ำ้ ลงต่ำสุด 3) มกี ารคมนาคมสะดวก 4) สภาพดนิ เป็นดนิ เหนยี วหรือดนิ เหนยี วปนทราย สามารถเก็บนำ้ ไดด้ ี 5) ห่างไกลจากแหลง่ โรงงานอตุ สาหกรรม การเตรยี มบ่อ 1) บ่อควรมีพ้ืนที่ประมาณ 400-1,600 ตารางเมตร หรือใช้บ่อเลี้ยงกุ้งเก่า ความลึก 1.5-1.8 เมตร และควรขุดร่องรอบบ่อลกึ ประมาณ 80 เซนตเิ มตร กวา้ งประมาณ 1 เมตร 2) ประตูน้ำมีประตูเดียวหรือ 2 ประตูหรือฝังท่อพีวีซีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 นิ้ว ทอ่ เดยี วโดยใชฝ้ าเปิด-ปดิ ก็ได้ ซึง่ ใชร้ ะบายนำ้ เข้า-ออกทางเดียวกนั 3) บริเวณคันบ่อและประตูน้ำใช้อวนเก่าหรืออวนมุ้งเขียวหรือแผ่นกระเบ้ืองมุงหลังคาเกรดบ ี ปิดกัน้ โดยรอบเพื่อป้องกนั การหลบหนีของปู โดยสงู จากขอบบอ่ และประตรู ะบายนำ้ 0.5 เมตร 4) ใช้ประตูน้ำเข้า-ออก เป็นไม้ขนาด 1-1.50 นิ้ว ห่างกันไม่เกินซีกละ 2 เซนติเมตร เยบ็ ตะแกรงป้องกันปอู อก 5) บ่อใหม่ควรทำความสะอาดบริเวณรอบบอ่ 6) บ่อเกา่ ควรมกี ารกำจัดวัชพืช ลอกเลน ถมรอยรวั่ ตามคนั บอ่ 7) ใส่ปนู ขาวประมาณ 50-60 กิโลกรมั ต่อไร่ 160 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

วธิ กี ารเลย้ี ง การปล่อยปูลงเลี้ยงในบ่อ อัตราความหนาแน่นประมาณ 2-3 ตัวต่อตารางเมตร ควรทำในช่วง เวลาเช้าหรอื เยน็ กอ่ นปลอ่ ยควรนำนำ้ ในบ่อทจ่ี ะใชเ้ ลยี้ งปรู าดบนตัวปู 2 ครัง้ ในระยะเวลา 30 นาที โดยเวน้ ระยะห่างกัน 15 นาที จากน้ันจึงนำปูมาปล่อยให้คลานลงไปในน้ำเอง ซึ่งวิธีการทำเช่นนี้จะช่วยให้ปูค่อยๆ ปรับตัวเขา้ กบั สภาพแวดล้อม ถา้ ปล่อยปูลงนำ้ ในบ่อทันที ปจู ะเกิดอาการชอ็ คตายได ้ ควรเลี้ยงปูทะเลตัวผู้กับปูตัวเมียรวมกันเพื่อเป็นการเลียนแบบธรรมชาติ ระหว่างการเล้ียงต้องมี การดูแลและเปล่ียนถ่ายน้ำทุกวัน การระบายน้ำจะระบายเกือบแห้งเหลือน้ำไว้ประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพ่อื ใหป้ ูฝังตัวไดด้ ีโดยใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 สัปดาห์ การให้อาหาร ควรใหอ้ าหารปทู ะเลทีเ่ ลย้ี งวนั ละคร้ัง อาหารทนี่ ยิ มใช้เลย้ี งคอื ปลาเปด็ และหอยกะพง ให้อาหาร โดยการหว่านหรือใสก่ ระบะวางไว้รอบบ่อ - ปลาเป็ดสับเป็นช้ินขนาด 1-2 นิ้ว ให้ประมาณ 5-7% ของน้ำหนักปูโดยประมาณว่า ปูไดก้ ินตวั ละ1 ชน้ิ - หอยกะพง จะใหท้ ัง้ ตัวประมาณ 20-40% ของน้ำหนักป ู การเก็บเก่ยี ว เม่ือเล้ียงปูทะเลได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการแล้ว ผู้เลี้ยงจึงเริ่มการจับปูทะเลโดยเริ่มจับในช่วง นำ้ ขน้ึ -ลงมีวธิ ีการดังน้ี 1) ระบายน้ำออกเกือบหมด ให้น้ำเข้าบ่อในช่วงน้ำข้ึน เมื่อปูมาเล่นน้ำใหม่ท่ีประตูจึงจับป ู โดยใชส้ วิงด้ามยาว 2) จบั โดยใชถ้ ุงอวนจบั ในขณะที่เปดิ นำ้ ออกจากบ่อ 3) จับโดยใชต้ ะขอเก่ียวปใู นรูบรเิ วณคนั บ่อ 4) จบั โดยวดิ แห้งทั้งบ่อแลว้ ใชค้ ราดและสวงิ จับป ู 5) คดั แยกปไู ข-่ เนอ้ื และขนาดปูเพื่อจำหนา่ ย สำหรับปทู ี่ยงั ไม่ไดค้ ณุ ภาพใหป้ ล่อยลงเลีย้ งต่อไป การตลาด สำหรับปูทะเล ผู้บริโภคยังมีความต้องการสูงตลอดทั้งปี ท้ังตลาดภายในประเทศและตลาด ต่างประเทศ โดยปูเน้ือขนาด 300-400 กรัมต่อตัว ราคาประมาณ 250-300 บาทต่อกิโลกรัม และขนาด 400-500 กรัมต่อตวั ราคาประมาณ 300-350 บาทต่อกโิ ลกรัม แหล่งข้อมลู : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 161

การเล้ยี งปลาแรด ปลาแรด เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ของไทยชนิดหนึ่ง พบมีน้ำหนัก 6-7 กิโลกรัม มีความยาวถึง 65 เซนติเมตร เป็นปลาจำพวกเดียวกับปลากระดี่ ปลาสลิด แต่มีขนาดใหญ่กว่า ปลาแรดมีเนื้อนุ่ม สีเหลืองอ่อน และรสชาตดิ ี จงึ ไดร้ ับความนยิ มจากประชาชนผบู้ ริโภคท้ังในประเทศและตา่ งประเทศ เพราะ สามารถนำมาประกอบอาหารไดห้ ลายชนดิ ท้งั ยงั นิยมนำไปเลีย้ งเปน็ ปลาสวยงามอกี ดว้ ย การเพาะและขยายพันธ์ุ 1. การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ปกติปลาแรดเพศผู้และเพศเมียมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก จะจำแนกความแตกต่างได้ชัดก็ต่อเม่ือมีขนาดสมบูรณ์พันธุ์ โดยสังเกตจากลักษณะภายนอกของตัวปลา คือ ตัวผู้สังเกตได้ท่ีโคนครีบหูจะมีสีขาวและมีนอ (Tuvercle) ที่หัวโหนกสูงข้ึนจะเห็นได้ชัด ตัวเมียที่โคนครีบหู มีสีดำอย่างเห็นได้ชัด ถ้าแม่ปลาตัวเมียพร้อมวางไข่สังเกตได้ว่าท้องอูมเป่ง ปลาแรดที่มีอายุเท่ากันตัวผู้จะ ตัวโตกว่า ปลาแรดตัวเมียเร่ิมมีไข่เมื่ออายุ 2 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 2 กิโลกรัม มีไข่ประมาณ 2,000–4,000 ฟอง แม่ปลาตัวหน่ึงสามารถไข่ได้ 2-3 คร้ังต่อปี อัตราส่วนการปล่อยพ่อแม่ปลา เพอื่ ผสมพนั ธุ์ ใชอ้ ตั ราสว่ นเพศผู้ 2 ตวั ตอ่ เพศเมยี 1 ตวั (2:1) โดยปลอ่ ยปลา 1 ตวั ตอ่ พนื้ ท่ี 3-5 ตารางเมตร 2. การเล้ียงพ่อ-แม่พันธุ์ ปกติปลาแรดมีปริมาณไข่มากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนสิงหาคม เกษตรกรจึงควรขุนพ่อ-แม่พันธุ์ปลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยใช้อาหารเม็ดลอยน้ำโปรตีนสูง หรอื อาหารปลาดกุ ที่มโี ปรตนี 25-30 เปอร์เซ็นต์ ให้ปรมิ าณ 2-3 เปอร์เซน็ ต์ ของน้ำหนกั ปลาในบอ่ และควร เสริมดว้ ยอาหารสมทบประเภทพชื เช่น จอก สาหรา่ ย แหน กล้วยนำ้ วา้ สกุ ผกั ตา่ งๆ เปน็ ต้น 3. การเตรียมบ่อเพาะพันธ์ุ บ่อเพาะพันธ์ุควรเป็นบ่อดินหรือบ่อ คสล. โดยบ่อดินควรมีขนาด 0.5-1.0 ไร่ ส่วนบ่อ คสล. ควรมีขนาด 50 ตารางเมตร เปน็ อยา่ งน้อย ทัง้ นี้ เพื่อสะดวกในการดแู ลการวางไข่ และการรวบรวมไขป่ ลามาอนบุ าล ภายในบอ่ ใสผ่ กั บงุ้ หรอื วชั พชื นำ้ เพอ่ื ใหป้ ลานำไปใชใ้ นการสรา้ งรงั หรอื จะ ใช้วัสดุอ่ืนเพ่ือเป็นที่สังเกตในการสร้างรังของปลา เช่น เศษเชือกฟางสีต่างๆ วัชพืชน้ำหรือวัสดุที่ใส่เพ่ือให้ ปลาสรา้ งรงั นนั้ ควรวางกระจายเปน็ จดุ ๆ ทว่ั บอ่ เพาะพนั ธ์ุ เนอื่ งจากพอ่ แมป่ ลาจะสรา้ งอาณาเขตในการดแู ลรงั ของมัน หรืออาจใช้คอกท่ีสร้างขึ้นบริเวณตลิ่งท่ีเป็นคุ้งน้ำลำน้ำท่ีกระแสน้ำไม่แรงนักเป็นท่ีเพาะปลาแรดได้ เชน่ เดยี วกบั การเพาะในบอ่ 4. การสังเกตการวางไข่ของปลาแรด หลังจากปล่อยพ่อแม่พันธ์ุปลาแรดลงในบ่อ เพาะพันธุ์แล้ว ให้สังเกตการวางไข่ของปลาแรดทุกวัน โดยปลาแรดจะใช้พืชจำพวกรากผักบุ้ง กิ่งไม ้ รากหญา้ หญา้ แหง้ และวสั ดอุ น่ื ๆ ทม่ี ใี นบอ่ นำมาสรา้ งรงั รงั ปลาแรดมลี กั ษณะคลา้ ยรงั นกลกั ษณะกลม และม ี ฝาปิดรัง ขนาดรังท่ัวไปมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 1 ฟุต โดยปลาแรดใช้เวลาในการสร้างรังประมาณ 3-5 วัน 162 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

แม่ปลาจึงวางไข่ หากต้องการทราบว่าแม่ปลาวางไข่แล้วหรือยัง ให้สังเกตได้จากคราบไขมันที่ลอยบนผิวน้ำ เหนือรังท่ีแม่ปลาทำไว้ ถ้าพบว่ามีคราบไขมันบนผิวน้ำที่มีรังไข่ปลาแรดอยู่ หรือเมื่อจับดูท่ีรังแล้วพบว่า รังปิด หรือเมื่อเห็นแม่ปลามาคอยเฝ้าดูแลรังและฮุบน้ำโบกหางอยู่ใกล้ๆ รัง แสดงว่าปลาวางไข่แล้ว จากน้ันตักรังไข่ขึ้นมา คัดเลือกเฉพาะไข่ท่ีดี (ไข่ท่ีมีลักษณะสีเหลืองวาว) ไปพักในบ่อซีเมนต์หรือตู้กระจก เพ่อื ดำเนนิ การฟักไขต่ อ่ ไป 5. การฟกั ไข่ ไขป่ ลาแรดเปน็ ประเภทไขล่ อย (มลี กั ษณะกลมสเี หลอื งออ่ น มไี ขมนั มาก กลน่ิ คาวจดั ไม่มีเมือกเหนียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 มิลลิเมตร) เม่ือแม่ปลาแรดวางไข่แล้ว ให้นำรังไข่ข้ึนมา แล้วตักเฉพาะไข่ดีและควรช้อนคราบไขมันออก มิฉะน้ันแล้วจะทำให้น้ำเสียและลูกปลาที่ฟักออกมา ติดเชื้อโรคได้ง่าย ต่อจากน้ันรวบรวมไข่ที่ดีใส่ถังกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร ระดับน้ำประมาณ 30-50 เซนตเิ มตร ใหเ้ ครอ่ื งเปา่ อากาศเบาๆ เพอ่ื เพมิ่ ออกซเิ จนและใสพ่ ชื นำ้ เชน่ ผกั บงุ้ เพอ่ื ชว่ ยในการดดู ซบั ไขมันและให้ลูกปลาได้ยึดเกาะ จะฟักไข่ในบ่ออนุบาลหรือฟักไข่ในกระชังผ้าโอลอนแก้ว ซ่ึงมีโครงร่าง ส่ีเหลี่ยมขนาด 2x1x0.5 เมตร และมีหูเกี่ยวหรือโครงเหล็กถ่วงที่พ้ืน เพื่อให้กระชังตึงคงรูปอยู่ได ้ ในระหว่างการฟักควรเพ่มิ อากาศหรือนำ้ ลงในกระชงั เพือ่ ให้ไขมันทีต่ ิดมากับไข่ออกให้มากทส่ี ุด ไข่จะฟักออกเป็นตัวอ่อนภายใน 18-36 ช่ัวโมง ท่ีอุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส เมื่อออกจากไข่ ใหมๆ่ ตัวอ่อนจะลอยหงายทอ้ งอยแู่ ละรวมอยูก่ นั เปน็ กลุม่ บรเิ วณพืชนำ้ หรอื รากผักบุ้ง 6. การอนบุ าลลกู ปลาแรด แบ่งออกเปน็ 3 ระยะ คอื 6.1 ระยะ 1-5 วัน หลังจากเก็บไข่ออกจากรังและฟักออกเป็นตัวแล้ว ช่วงน้ียังไม่ต้อง ใหอ้ าหารเนอื่ งจากลกู ปลาจะมอี าหารทตี่ ดิ ตวั มาเรยี กวา่ “ถงุ ไขแ่ ดง” ซงึ่ ตดิ อยตู่ รงบรเิ วณทอ้ งลกู ปลาวยั ออ่ น ลกู ปลาวยั อ่อนในระยะนีจ้ ะไมค่ ่อยวา่ ยน้ำ และจะชอบอยรู่ วมกนั เปน็ กลมุ่ ๆ 6.2 ระยะ 6-15 วนั ลกู ปลาจะเรม่ิ มสี เี ขม้ ขน้ึ ระยะนเี้ รยี กวา่ “ระยะถงุ ไขแ่ ดงยบุ ” ในชว่ งน ี้ จะเร่ิมให้ไรแดงเป็นอาหาร โดยให้วันละ 2 คร้ัง (เช้า-เย็น) ลูกปลาจะเริ่มแตกกลุ่มอยู่กระจายทั่วไป ในบอ่ อนุบาล 6.3 ระยะ 16-50 วนั ระยะนจี้ ะยา้ ยลกู ปลาไปอนบุ าลในบอ่ ดนิ อตั ราปลอ่ ย 100,000 ตวั ตอ่ ไร ่ หรือประมาณ 60-65 ตัวต่อตารางเมตร บ่ออนุบาลควรมีขนาด 400-800 ตารางเมตร ส่วนการอนุบาลใน บ่อซเี มนต์ ควรใหอ้ ตั ราสว่ น 5 ตัวต่อตารางเมตร ในช่วง 10 วนั แรกทีล่ งบอ่ ดนิ ยงั คงใหไ้ รแดงเปน็ อาหารอยู่ และเร่ิมให้รำผสมปลาป่น ในอัตราส่วน 1:3 ผสมน้ำสาดให้ทั่วบ่อ เมื่อปลามีขนาดโตข้ึน จึงเรม่ิ เปลย่ี นมาเปน็ อาหารเมด็ ลอยน้ำหรืออาหารตม้ วันละ 2 ครั้ง (เชา้ -เย็น) ประมาณ 3-5 เปอรเ์ ซ็นตข์ อง น้ำหนักปลาในบ่ออนุบาล จนกระทั่งลูกปลามีขนาดความยาว 2-3 เซนติเมตร ซ่ึงเป็นขนาดท่ีเหมาะสม สำหรับการเล้ียงในบ่อดินให้เติบโตได้ขนาดตลาดต้องการ หรืออนุบาลจนกระท่ังมีขนาดความยาว 3 นิ้ว (5-7 เซนติเมตร) เพอ่ื นำไปเลยี้ งในกระชังตอ่ ไป การเล้ยี งปลาแรด ปลาแรดมีอวัยวะช่วยในการหายใจ ทำให้สามารถอยู่ในน้ำท่ีมีปริมาณออกซิเจนน้อยและทนทาน ต่อโรคไดด้ ี ทนอณุ หภมู ิตำ่ ถงึ 15 องศาเซลเซยี ส เจรญิ เติบโตไดด้ ีในนำ้ จืดและนำ้ กร่อย นอกจากนีป้ ลาแรด ยังเป็นปลาท่ีกินอาหารได้งา่ ย จึงได้รับความสนใจจากประชาชนทจี่ ะเลี้ยงเปน็ อาชพี สถานท่ีใช้เล้ียงปลาแรด มี 2 ลักษณะ คอื เลี้ยงในบอ่ ดินและเล้ียงในกระชัง 1. การเล้ียงปลาแรดในบ่อดิน : บ่อที่ใช้เลี้ยงปลาแรด ควรเตรียมบ่อโดยการระบายน้ำออก จากบ่อให้หมด ตากบ่อใหแ้ ห้งเปน็ เวลา 3-7 วนั จากนั้นหวา่ นปูนขาว 60-120 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ เพอ่ื ฆา่ เชอ้ื โรค และกำจัดปลาที่ไม่ต้องการ ใส่ปุ๋ยคอกประมาณ 200-500 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วแต่พ้ืนท่ีหรือลักษณะของดิน ใช้วธิ ที ยอยใส่โดยใหส้ งั เกตจากสนี ำ้ ในบ่อถ้าสจี างลง ใหใ้ สป่ ยุ๋ เสริมลงไปเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 163

อัตราการปล่อยเล้ียง อัตราการปล่อย ปลาแรดในบอ่ เลย้ี งขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของลกู ปลา นำ้ หนกั ปลา ที่เริ่มปล่อยและขนาดของปลาที่ต้องการเก็บเกี่ยว ผลผลิต หากต้องการเลี้ยงเป็นปลาใหญ่ควรปล่อยใน อัตรา 1-3 ตัวต่อตารางเมตร ใช้เวลาเลี้ยง 1 ปี จะไดป้ ลานำ้ หนกั ประมาณ 0.8-1 กิโลกรมั ตอ่ ตวั ปลาแรดสามารถเล้ียงแบบผสมผสาน รวมกับปลากินพืชชนิดอื่นๆ เพื่อให้ปลาแรดกินพืชน้ำ หรอื วชั พชื นำ้ ทข่ี นึ้ ในบอ่ และเปน็ การทำความสะอาดบอ่ ไปดว้ ย หรอื จะเลย้ี งรว่ มกบั สตั วอ์ นื่ เชน่ เปด็ ไก่ โดยกน้ั ร้ัวเป็นคอกไว้ไม่ให้เป็ดออกมากินลูกปลาได้ ซึ่งวิธีน้ีผู้เล้ียงจะสามารถประหยัดต้นทุนค่าอาหารปลาและ เปน็ การใช้พืน้ ท่ีให้เกิดประโยชน์สูงสดุ 2. การเลยี้ งปลาแรดในกระชงั : ปจั จบุ นั การเลย้ี งปลาแรดในกระชงั กำลงั ไดร้ บั ความนยิ มมากขน้ึ เนือ่ งจากปลาท่ไี ด้จากการเลี้ยงในกระชังจะมีราคาสูงกวา่ ปลาทเี่ ล้ยี งในบอ่ ดนิ 2.1 รูปแบบกระชงั สามารถแบง่ ได้เปน็ 2 รูปแบบ คือ 2.1.1 กระชังประจำที่ ลักษณะของกระชังแบบนี้ ตัวกระชังจะผูกติดกับเสาหลักซ่ึง ปักไว้กับพื้นดินอย่างมั่นคง กระชังแบบนี้จะไม่สามารถลอยข้ึนลงตามระดับน้ำได้ ดังน้ันแหล่งเล้ียงควรมี ระดับน้ำขนึ้ สูงสุดและตำ่ สุดแตกตา่ งกนั ไมเ่ กิน 50-60 เซนติเมตร 2.1.2 กระชงั ลอยนำ้ กระชงั แบบนเ้ี หมาะสำหรบั การเลย้ี งทม่ี รี ะดบั นำ้ ลกึ ตงั้ แต่ 3 เมตร ข้ึนไป ตัวกระชังจะผูกแขวนอยู่กับแพหรือทุ่นลอย ซึ่งลอยขึ้นลงตามระดับน้ำ แพท่ีใช้มีหลายลักษณะ อาทิใช้ไม้ไผ่ผูกเป็นแพลูกบวบและบางพื้นที่นิยมใช้ทุ่นโฟมหรือถังพลาสติกทำเป็นทุ่นพยุงแพ โดยใช้ท่อพีวีซี เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 1-2 นวิ้ หรือจะใชท้ อ่ เหล็กแปบ๊ น้ำ ก็จะเสรมิ ความเขง็ แรงได้ดี ซ่งึ แยกออกเป็น 2 แบบ ตลาดและผลตอบแทน ตลาดในประเทศไทย : ปลาแรดเปน็ ทนี่ ยิ มบรโิ ภคเพราะเปน็ ปลาทม่ี เี นอ้ื มาก กา้ งนอ้ ย รสชาตดิ ี ประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ทอดกระเทียม ทอดราดพริก นึ่งแบบต่างๆ ต้มยำ แกงหรือลาบ ฯลฯ ปลาแรดทตี่ ลาดในเมืองไทยต้องการ คอื มนี ้ำหนักตั้งแต่ 7 ขดี ถึง 1 กิโลกรมั ตอ่ ตวั - ราคาปลาแรดท่ีเลี้ยงในบอ่ ดิน จะอย่ทู ี่ประมาณ 40-60 บาทตอ่ กิโลกรมั - ราคาปลาแรดที่เลี้ยงในกระชัง จะนิยมขายปลามีชีวิต สำหรับการเล้ียงในกระชัง น้ำจะ ถ่ายเทตลอด ปลาจะไม่เหม็นกล่ินโคลนราคาจึงสูงกว่าปลาที่เลี้ยงในบ่อดิน คือประมาณ 70-100 บาท ตอ่ กิโลกรมั ตลาดต่างประเทศ : ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาแรดได้รวมตัวกันเพ่ือจัดส่งปลาแรด ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยตลาดต่างประเทศนิยมให้แล่เอาเฉพาะเน้ือแช่แข็ง ท้ังนี้ต้องใช้ปลาท่ีมีขนาด ตั้งแต่ 7 ขีดขึ้นไป โดยราคาจะอยู่ท่ีประมาณ 150-160 บาทต่อกิโลกรัม โดยทางบริษัทคู่ค้า ต่างประเทศจะเป็นผู้มาดูแลและออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งเอง สำหรับราคาปลามีชีวิต ท่ีส่งไปแถบ ประเทศมาเลเซยี จะอยทู่ ปี่ ระมาณ 250-350 บาทตอ่ กิโลกรัม ทมี่ า : กรมประมง 164 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การเลีย้ งกุ้งกา้ มกราม กุ้งก้ามกรามมีช่ือท้องถ่ินซ่ึงเป็นท่ีรู้จักต่างกัน เช่น กุ้งก้ามกราม กุ้งนาง กุ้งแห กุ้งใหญ่ กุ้งหลวง กุ้งแม่น้ำ และกุ้งก้ามเกลี้ยง พบกุ้งชนิดน้ีทั่วไปในแหล่งน้ำจืดที่มีทางติดต่อกับทะเล และแหล่งน้ำกร่อย ในบริเวณปากแม่น้ำลำคลองในทุกภูมิภาคของไทย แต่ในปัจจุบันกุ้งก้ามกรามตามแหล่งน้ำธรรมชาต ิ มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก เนื่องจากหลายสาเหตุคือ การสร้างเข่ือนกั้นแม่น้ำทำให้กุ้งไม่สามารถอพยพ ไปวางไข่ในบริเวณปากแม่น้ำได้ การทำการประมงมากเกินกำลังผลิตของธรรมชาติ ปัญหามลภาวะของ สิ่งแวดลอ้ ม เช่น การเนา่ เสยี ของแมน่ ้ำลำคลอง และการทำการประมงอยา่ งไม่ถกู วธิ ี เป็นต้น ขั้นตอนการเลีย้ งกงุ้ กา้ มกราม มีดงั น้ ี 1) คุณภาพดิน ควรเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนสามารถเก็บกักน้ำได้ดี และคันดินไม่พังทลายง่าย ดนิ ไมค่ วรเปน็ ดนิ เปรย้ี ว เพราะทำใหส้ ภาพนำ้ เปน็ กรดไมเ่ หมาะกบั การเลยี้ งกงุ้ และอาจสง่ ผลทำใหก้ งุ้ ตายได ้ 2) คุณภาพน้ำ บ่อเลี้ยงกุ้งควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำท่ีมีคุณภาพดี สะอาด ไม่มีมลภาวะจากโรงงาน อุตสาหกรรม แหล่งชุมชนและแหล่งเกษตรกรรม น้ำควรมีปริมาณมากเพียงพอตลอดทั้งปี ถ้าเป็นพ้ืนท ี่ ท่ีมีนำ้ ส่งเขา้ บอ่ โดยไมต่ ้องสูบนำ้ เช่น นำ้ จากแมน่ ้ำลำคลอง คลองชลประทาน ก็จะเป็นการดีเพราะชว่ ยลด ค่าใช้จ่าย 3) แหล่งพันธุ์กุ้ง พ้ืนท่ีเล้ียงควรอยู่ในบริเวณท่ีไม่ห่างจากแหล่งพันธุ์กุ้ง เพราะจะช่วยให้สะดวก ในการลำเลยี งขนสง่ และการจดั หาพนั ธ์ุ ซง่ึ จะเปน็ ผลดตี อ่ สขุ ภาพกงุ้ เนอ่ื งจากกงุ้ ทผ่ี า่ นการขนสง่ เปน็ เวลานาน มักจะอ่อนแอและมอี ัตรารอดต่ำ 4) สาธารณูปโภค ส่ิงอำนวยความสะดวกหลายอย่างจำเป็นมากต่อการเล้ียงกุ้งให้ได้ผลดี เช่น ถนน ไฟฟา้ เพอ่ื สะดวกในการขนสง่ อาหาร ผลผลติ การเตรียมอาหาร หรอื การเพมิ่ ออกซิเจนในบอ่ 5) ตลาดแหลง่ เลย้ี งก้งุ ควรอยู่ไมไ่ กลตลาดมากเกินไปเพอ่ื ชว่ ยลดค่าใชจ้ า่ ยในการขนสง่ รปู แบบของบอ่ และการกอ่ สร้างบ่อเลย้ี ง 1) รูปแบบบ่อเลี้ยงกุ้ง ส่วนมากนิยมทำเป็นรูปสี่เหล่ียมผืนผ้า เพราะสะดวกในการจัดการและ จบั กงุ้ ถา้ เป็นไปได้ดา้ นยาวของบ่อควรอยใู่ นแนวเดียวกับทิศทางลมเพอื่ ให้ออกซิเจนละลายนำ้ ได้ดี 2) ขนาดของบ่อ ปกติจะกว้างประมาณ 25-50 เมตร ส่วนความยาวข้ึนกับขนาดท่ีต้องการและ ลักษณะภูมิประเทศ ขนาดของบ่อท่ีเหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 1-5 ไร่ต่อบ่อ แต่ถ้ามีพื้นท่ีน้อย อาจจะใช้บ่อ เล็กกว่าน้ีได้ ส่วนบ่อท่ีมีขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้ดูแลจัดการลำบาก และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะทำให้เกิด ความเสียหายมาก การแกป้ ญั หาก็ทำไดย้ าก พ้ืนก้นบอ่ ต้องอดั เรียบแน่น ไมม่ สี ่ิงกีดขวางในการลากอวน 3) ความลึกของบ่อ ต่ำสุดประมาณ 1 เมตร และลึกสุดไม่เกิน 1.5 เมตร โดยมีความลาดเอียง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 165

ไปยังประตูระบายน้ำออกเพื่อสะดวกในการระบายน้ำ และจับกุ้งบ่อท่ีลึกเกินไปจะมีปัญหาการขาด ออกซิเจนในน้ำได้ แต่ถ้าต้ืนเกินไปจะทำให้แสงแดดส่องถึงก้นบ่อทำให้เกิดวัชพืชน้ำได้ง่าย และอาจทำให้ อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงมากเกินไปในรอบวัน คันบ่อจะต้องสูงพอที่จะป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก และมีความลาดชันพอประมาณ ถ้าคันบ่อลาดชันน้อยไปจะทำให้พังได้ง่าย แต่ถ้ามีความลาดชันมากไป จะทำให้สนิ้ เปลืองพนื้ ที่ 4) ทางระบายน้ำเข้าและประตูระบายน้ำออกควรอยู่ตรงข้ามกัน โดยอยู่ตรงส่วนปลายของ ด้านยาว ประตูระบายน้ำควรมีขนาดใหญ่พอเหมาะกับขนาดของบ่อ เพ่ือให้สามารถระบายน้ำได้เร็ว และ คลองระบายน้ำออกจะตอ้ งอย่ตู ำ่ กวา่ ประตรู ะบายนำ้ เพอื่ ให้สามารถระบายนำ้ ได้หมด การเตรยี มบ่อเล้ียงกุ้งกา้ มกราม ควรระบายน้ำออกจากบ่อให้แห้งเพื่อกำจัดศัตรูกุ้ง ได้แก่ ปลา กบ เขียด เป็นต้น ถ้าไม่สามารถ ระบายน้ำได้หมดให้ใช้โล่ติ๊นสด 2-4 กิโลกรัม ต่อปริมาณน้ำในบ่อ 100 ลูกบาศก์เมตร โดยนำโล่ติ๊นสดทุบ ใหล้ ะเอยี ดแลว้ แชน่ ำ้ ประมาณ 2 กโิ ลกรมั ตอ่ นำ้ 1 ปบี๊ ทง้ิ ไว้ 1 คนื ขยำเอานำ้ สขี าวออกหลายๆ ครงั้ จนหมด แล้วนำไปสาดให้ทั่วบ่อทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน จากน้ันหว่านปูนขาวขณะดินยังเปียก กรณีท่ีบ่อมีเลนมาก ควรพลิกดินก่อนหว่าน ปูนขาวและตากบ่อ การตากบ่อจะช่วยให้ของเสียพวกสารอินทรีย์ท่ีหมักหมมอยู่ที่ พืน้ สลายตัวไป นอกจากนค้ี วามร้อนจากแสงแดดและปนู ขาวยงั ช่วยกำจัดเชื้อโรค ปรสิต รวมท้งั ศตั รูกงุ้ ด้วย สำหรับบริเวณที่ดินมีสภาพเป็นกรดหรือที่เรียกว่าดินเปรี้ยว เมื่อต้องการปรับเปล่ียนพ้ืนท่ีมาเป็น บ่อเล้ียงกุ้งควรใช้ปูนขาวให้มากข้ึน ปริมาณปูนขาวที่ใช้ขึ้นอยู่กับว่าดินเป็นกรดมากน้อยแค่ไหน ซ่ึงต้อง ทำการวิเคราะห์ความต้องการปูนขาวของดิน โดยให้หน่วยงานราชการที่บริการการวิเคราะห์คุณสมบัติ ของดิน เช่น สถานีพัฒนาที่ดินช่วยวิเคราะห์ความเป็นกรดของดิน แต่โดยท่ัวไปถ้าเป็นบ่อขุดใหม่และ ดินไม่เป็นกรดมากอัตราการใส่ปูนขาวอยู่ประมาณ 160-200 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วตากบ่อทิ้งไว้ 2-4 สัปดาห์ แต่ถา้ ดินมคี วามเป็นกรดมากอาจตอ้ งใชป้ ูนขาวสูงถึง 800 กิโลกรัมต่อไร่ การเตรยี มน้ำสำหรับเล้ียงกุง้ ก้ามกราม หลังจากตากบ่อและใส่ปูนขาวประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงเปิดน้ำลงบ่อโดยกรองด้วยอวนไนลอน หรือตะแกรงตาถ่ี เพ่ือป้องกันศตั รกู ุง้ ทปี่ นมากับนำ้ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ไข่และตวั ออ่ นของปลาและกบ การเลอื กพนั ธก์ ุ้งก้ามกราม พันธุ์กุ้งก้ามกรามท่ีดีควรมีการว่ายปราดเปรียว แข็งแรง ลำตัวใสและเป็นกุ้งท่ีคว่ำมาแล้ว 1 สัปดาห์ขึ้นไป (อายุประมาณ 25-30 วันข้ึนไป) และได้รับการปรับสภาพให้อยู่ในน้ำจืดไม่น้อยกว่า 1-2 วัน (ถา้ ปลอ่ ยกุ้งท่เี พิง่ คว่ำ สองสามวนั มกั มอี ัตรารอดต่ำ) วิธกี ารเล้ียงกุ้งกา้ มกราม วิธีที่1 นำลูกกุ้งที่คว่ำแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ และได้รับการปรับสภาพให้อยู่ในน้ำจืดอย่างน้อย 1-2 วัน ไปอนุบาลในบ่อดินโดยใช้อัตราปล่อยประมาณ 80,000-160,000 ตัวต่อไร่ อนุบาลนานประมาณ 2-3 เดอื น จงึ ไดก้ งุ้ ขนาด 2-5 กรมั ตอ่ ตวั (โดยปกตกิ ารอนบุ าลในระยะนจ้ี ะมกี ารรอดประมาณ 40-50 เปอรเ์ซน็ ต)์ หลงั จากนนั้ จงึ ยา้ ยไปเลย้ี งในบอ่ เลยี้ งกงุ้ โต โดยปลอ่ ยในอตั รา 20,000-30,000 ตวั ตอ่ ไร่ หลังจากเล้ียงในบ่ออีก ประมาณ 4 เดือน ก็ทยอยจับกุ้งบางส่วนท่ีโตได้ขนาดขายเดือนละคร้ังและจับหมดท้ังบ่อเมื่อเลี้ยง 6-10 เดอื นขนึ้ ไป วธิ นี ม้ี ขี อ้ ดี คอื อตั รารอดจะสงู ไมต่ ำ่ กวา่ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ เนอ่ื งจากลกู กงุ้ ทผี่ า่ นอนบุ าลมาแลว้ จะ แข็งแรงและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในบ่อเล้ียงได้ดี แต่ข้อเสีย คือ ต้องใช้แรงงานในการเคล่ือนย้ายกุ้ง จากบ่ออนุบาลไปลงบ่อเลย้ี ง วิธที ่2ี นำลกู กุ้งท่ีคว่ำแลว้ ประมาณ 1 สปั ดาห์ และไดร้ บั การปรบั สภาพใหอ้ ย่ใู นบ่อนำ้ จดื อยา่ งนอ้ ย 166 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

1-2 วัน ปล่อยลงบ่อเลี้ยงโดยตรงในอัตราประมาณ 40,000-60,000 ตัวต่อไร่ หลังจากนั้นประมาณ 6-10 เดือนขึ้นไป จึงทยอยจับกุ้งที่โตได้ขนาดขายและทยอยจับเดือนละคร้ัง จนเห็นว่ามีกุ้งเหลือน้อยจึงจับ หมดบอ่ วธิ นี ม้ี ขี อ้ ดคี อื ไมต่ อ้ งใชแ้ รงงานในการเคลอ่ื นยา้ ยกงุ้ แตข่ อ้ เสยี คอื ลกู กงุ้ ทผี่ า่ นการขนสง่ เปน็ เวลานาน บางส่วนอาจจะอ่อนแอและตายในขณะขนส่งหรือหลังจากปล่อยลงบ่อได้ไม่นาน เนื่องจากไม่สามารถ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในบ่อได้ ทำให้มีอัตรารอดไม่แน่นอน และอาจมีผลเสียต่อการคำนวณปริมาณ อาหารท่ีจะให้ แต่ถ้ามีการขนส่งท่ีดีและลูกกุ้งแข็งแรง การเล้ียงวิธีนี้โดยปกติจะมีอัตรารอดประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต ์ อาหารและการให้อาหาร ลูกกุ้งที่ปล่อยลงบ่อ ในระยะแรกสามารถใช้อาหารธรรมชาติที่เกิดจากการใส่ปุ๋ยในขณะเตรียมบ่อ ได้ แต่ถ้าปล่อยกุ้งเป็นจำนวนมากอาหารธรรมชาติอาจไม่เพียงพอ จึงต้องให้อาหารสมทบ อาหารที่ใช้เล้ียง กุ้งก้ามกรามต้องใช้ชนิดเม็ดจมน้ำโดยมีโปรตีน 30-40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจเตรียมเองหรือหาซื้ออาหาร สำเร็จรูปสำหรับกุ้งก้ามกรามที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดก็ได้ หากเป็นอาหารที่เตรียมเองควรทำให้อาหาร คงสภาพอยใู่ นนำ้ ไดน้ านไมต่ ำ่ กวา่ 4 ชว่ั โมง เนอื่ งจากกงุ้ กนิ อาหารโดยการกดั แทะ ถา้ อาหารละลายนำ้ ไดง้ า่ ย จะทำให้กุ้งไดร้ บั อาหารไม่เต็มท่ ี การใหอ้ าหารโดยปกตใิ หว้ นั ละ 2 ครงั้ โดยแบง่ ใหม้ อ้ื เชา้ เปน็ สว่ นนอ้ ย (ประมาณ 30 เปอรเ์ ซน็ ต)์ และให้ ม้อื เย็นเป็นส่วนใหญ่ (ประมาณ 70 เปอร์เซน็ ต์) ระยะเวลาเล้ียงและการจับ ระยะเวลาเลี้ยงกุ้งขึ้นอยู่กับขนาดที่ตลาดต้องการ โดยทั่วไปหลังจากเล้ียงกุ้งก้ามกรามได้ประมาณ 4-6 เดอื น ก็เรมิ่ คดั ขนาดและจับกุ้งบางส่วนขายไดแ้ ลว้ และทยอยจับเดือนละคร้ัง และจบั ทั้งหมดเม่อื เหน็ วา่ ก้งุ เหลอื น้อย (รวมระยะเวลาการเลีย้ งทั้งหมดประมาณ 8-12 เดือน) การจำหนา่ ยผลผลติ และแนวโน้มราคาในอนาคต กงุ้ ก้ามกรามท่ีขายตามทอ้ งตลาด ส่วนใหญ่ได้มาจากการเลย้ี งในภาคกลาง เนือ่ งจากความต้องการ ของผู้บริโภคในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงมีมากขึ้น ประกอบกับกุ้งก้ามกรามจากแหล่งธรรมชาติ มีปริมาณน้อย ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นโดยราคากุ้งข้ึนอยู่กับขนาด ส่วนกุ้งที่จับได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ถึงแม้จะมีนอ้ ยแตม่ รี าคาค่อนขา้ งสงู เนือ่ งจากมขี นาดใหญ่กว่าก้งุ ทีเ่ ลี้ยงในบอ่ (อาจมีราคาสงู 400-500 บาท ตอ่ กิโลกรัม) แต่ในปัจจบุ นั กรมประมงได้นำพนั ธก์ุ ้งุ กา้ มกรามไปปล่อยแหล่งนำ้ ต่างๆ ท่วั ประเทศเพือ่ ทดแทน กงุ้ ธรรมชาตซิ ึง่ อาจช่วยให้ผลผลติ กุง้ ในแหล่งนำ้ ธรรมชาติเพ่มิ ขน้ึ ได้ในอนาคต แหลง่ ทม่ี า : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 167

การเลยี้ งปลาบู ่ ปลาบู่ หรือบู่ทราย บู่จาก บู่ทอง บู่เอื้อย บู่สิงโต ปลาบู่เป็นปลาท่ีมีความสำคัญกับเศรษฐกิจ ชนดิ หนงึ่ ซงึ่ ผลผลติ สว่ นใหญถ่ กู สง่ ออกไปจำหนา่ ยยงั ตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ ฮอ่ งกง สงิ คโปร์ มาเลเซยี ฯลฯ ในอดตี การเล้ียงปลาบู่ทรายนิยมเลี้ยงกันมากในกระชังแถบลุ่มแม่น้ำและลำน้ำสาขา บริเวณภาคกลางต้ังแต่จังหวัด นครสวรรค์ อทุ ัยธานี จนถึงจังหวดั ปทมุ ธานี โดยจังหวดั นครสวรรค์เป็นแหลง่ ส่งออกท่ใี หญท่ ่ีสดุ รปู แบบการเลีย้ ง 1. การเล้ียงในบ่อดิน ส่วนใหญ่จะเล้ียงร่วมกับปลาชนิดอื่น เช่น เลี้ยงรวมกับปลานิล เพอื่ ไวค้ วบคมุ จำนวนประชากรของลกู ปลานลิ ไมใ่ หห้ นาแนน่ เกนิ ไปเชน่ เดยี วกบั ปลาชอ่ น นอกจากนย้ี งั มกี ารเลยี้ งรว่ ม กับปลาชนิดอ่ืนใต้เล้าไก่ หรือเล้าสุกร โดยอัตราส่วนการปล่อยปลาบู่ต่ำซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงจะหาซื้อพันธุ์ได้ จำนวนมากน้อยเท่าใด เม่ือเล้ียงปลามีน้ำหนัก 400-500 กรัมข้ึนไป จึงจับจำหน่ายแล้วหาพันธ์ุปลา มาปลอ่ ยชดเชย อาหารทใ่ี หเ้ ปน็ พวกปลาเปด็ บดปนั้ เปน็ กอ้ นๆใสล่ งในเรอื แจวใหอ้ าหารเปน็ จดุ ๆรอบบอ่ จดุ ท ่ี ให้อาหารมีกระบะไม้ปักอยู่เหนือก้นบ่อเล็กน้อย ในช่วงตอนเย็นปริมาณอาหารที่ให้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักปลา ใช้เวลาเลี้ยง 8-12 เดือนจึงจับจำหน่าย น้ำหนักปลาท่ีนิยมรับซื้อตั้งแต่ 400-800 กรัม ไม่เกิน 1 กโิ ลกรัม 2. การเลี้ยงในกระชัง ปลาบู่เป็นปลาอีกชนิดหน่ึงที่นิยมเลี้ยงในกระชัง เนื่องจากสามารถเลี้ยง ได้หนาแน่นในท่ีแคบได้ และเป็นปลากินเน้ือจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารธรรมชาติมากนัก ถึงแม้ว่าปลาบ ู่ มีนิสัยชอบอยู่น่ิงเป็นส่วนใหญ่ แต่ชอบท่ีที่มีน้ำไหลผ่านโดยเฉพาะน้ำที่มีความขุ่นย่ิงดีเพราะปลาบู่ตกใจง่าย เมื่อเลย้ี งในน้ำใสโดยสถานทท่ี ี่เหมาะสมกบั การเลยี้ งปลาบใู่ นกระชัง คือ - คณุ สมบัติของน้ำดแี ละมปี ริมาณเพียงพอตลอดปี - ใกล้แหลง่ น้ำ แหลง่ เพาะพนั ธ์ุปลา และอาหารปลาสามารถหาได้ง่ายและราคาถกู - การคมนาคมสะดวกต่อการลำเลียงพนั ธ์ุปลาและอาหารปลา - ไม่อยู่ใกล้แหล่งโรงงานอุตสาหกรรมและพื้นท่ีท่ีมีการใช้สารเคมีสำหรับการเกษตรมาก เพ่อื หลกี เล่ียงสารพษิ ที่ปนเป้ือนมากับน้ำ - นำ้ มคี วามขนุ่ พอสมควรเพราะปลาบชู่ อบทม่ี ดื ชว่ ยใหป้ ลากนิ อาหารไดด้ แี ละไมต่ กใจงา่ ย - ความลกึ ของนำ้ ไม่ควรตำ่ กวา่ 2 เมตร - มีกระแสนำ้ ท่ีไหลแรงพอสมควร - ปลอดภัยจากการถกู ลักขโมย - ปราศจากศัตรแู ละภัยธรรมชาติ - ไมก่ ดี ขวางการสัญจรทางนำ้ และไมผ่ ิดกฎหมายบ้านเมอื ง 168 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

ผลผลิต ผลผลิตการเล้ียงปลาบู่ในกระชังไม้ไผ่ขนาด 10 ลูกบาศก์เมตร อัตราการปล่อยปลา 915 ตัว น้ำหนักเฉล่ีย 224 กรัม ใช้เวลาเลี้ยง 5.3 เดือน ได้น้ำหนักเฉลี่ย 435 กรัม ส่วนกระชังไม้จริงขนาด 15 ลูกบาศก์เมตร อัตราการปล่อยอาหาร 1,500 ตัว น้ำหนักเฉล่ีย 184 กรัม ใช้เวลาเลี้ยง 8.5 เดือน ได้น้ำหนักเฉลี่ย 422 กรัม การเล้ียงปลาบู่ถ้ามีการเอาใจใส่การเล้ียง มีประสบการณ์ความชำนาญและ สภาพแวดลอ้ มดี ปลาไมเ่ ป็นโรคก็จะใหผ้ ลผลติ ตอ่ หน่วยพ้ืนท่ีสูง ขายไดร้ าคาแพง และมีกำไรสูง ตน้ ทนุ การผลิต ราคาพันธุ์ปลาบู่ที่เกษตรกรซ้ือมาเลี้ยงในกระชัง ราคาต้ังแต่กิโลกรัมละ 30-160 บาท ขึ้นอย ู่ กบั ขนาด สว่ นราคาปลาบเู่ พ่ือบริโภคมรี าคาตั้งแต่ 500-700 บาทต่อกโิ ลกรมั แนวโน้มตลาด 1) ราคา/ผลตอบแทน ปัจจุบันปลาบู่นับวันมีราคาแพง เน่ืองจากพันธุ์ปลาที่นำไปเล้ียงหายาก และสภาพแวดล้อม เปล่ียนไป แต่ความนิยมบริโภคปลาบู่มีปริมาณสูงข้ึน โดยส่งเป็นสินค้าออกไปยังต่างประเทศซึ่งผู้บริโภค เชอ่ื วา่ มคี ณุ คา่ ทางอาหารสงู ทำใหร้ า่ งกายแขง็ แรงและเพมิ่ พลงั ในสมยั กอ่ นนนั้ มกี ารเลยี้ งปลาบใู่ นกระชงั มาก ต่อมาการเล้ียงปลาบู่ประสบปัญหาปลาเป็นโรคและตายมาก จำนวนผู้เล้ียงและผลผลิตลดลง ราคาปลาบู ่ จงึ สูงข้ึนตามกลไกตลาด 2) การลำเลียงขนส่ง การลำเลียงโดยใช้ถุงพลาสติกอัดออกซิเจนเหมาะสำหรับใช้ลำเลียงลูกปลาบู่ขนาดเล็ก 1-2 นิ้ว และปลาบูข่ นาด 50-250 กรมั วธิ ีนีเ้ ป็นการลำเลียงที่เหมาะสมทสี่ ุด ไม่ทำใหป้ ลาบอบช้ำ ปกตใิ ชถ้ งุ พลาสตกิ ขนาด 20X30 เซนตเิ มตร ถงุ ปลาแตล่ ะถงุ สามารถบรรจลุ กู ปลาขนาด 1-2 นว้ิ จำนวน 500-700 ตวั เมอ่ื ใสพ่ ันธ์ุปลา แล้วอัดด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์รัดปากถุง สำหรับพันธุ์ปลาที่จับได้จากธรรมชาติควรบรรจุถุงละ 5-20 ตัว แล้วแต่ขนาดพันธุ์ปลา ปริมาณน้ำในถุงพลาสติกลำเลียงไม่ควรใส่มากนัก เนื่องจากปลาบู่มีนิสัยไม่ค่อย เคลอื่ นไหวเหมอื นปลาชนดิ อน่ื การใสน่ ำ้ มากทำใหม้ วลนำ้ ในถงุ มกี ารโยนตวั ไปมามาก ทำใหป้ ลาถกู กระแทก ไปมาบอบชำ้ มากข้ึนไป แหล่งที่มา : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 169

การเลยี้ งปลาหมอไทย ปลาหมอเป็นปลาน้ำจืดพื้นบ้านของไทยที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหน่ึงที่ประชาชน ทุกระดับชนชั้นของสังคมไทยนิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย ทงั้ แกง ตม้ ทอด ยา่ ง หรอื แปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ อกี ทง้ั เปน็ ปลาทม่ี คี วามทนทาน ทรหด อดทนสงู เพราะ มีอวัยวะพิเศษช่วยหายใจ จึงอาศัยอยู่ได้ในบริเวณที่มีน้ำน้อยๆ หรือท่ีน้ำชุ่มช้ืนได้เป็นเวลานาน อย่างไร กต็ าม ผลผลิตส่วนใหญ่ได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดนิ 1) การเตรยี มบอ่ ขนาดบ่อที่ใช้เลี้ยงปลาหมอส่วนใหญ่ขนาดไม่ใหญ่นัก พ้ืนที่ประมาณ 1-3 งาน หรือบางแห่งนิยม เลย้ี งในบอ่ ขนาด 3-4 ไร่ ความลกึ ประมาณ 1.5-2.0 เมตร บอ่ เกา่ ตอ้ งสบู นำ้ ใหแ้ หง้ กำจดั ศตั รปู ลาโดยเฉพาะ ปลากินเนื้อ วัชพืชและพันธ์ุไม้น้ำออกให้หมด หว่านปูนขาวประมาณ 150-200 กิโลกรัมต่อไร่ ตากบ่อ ให้แห้งเป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ เพ่ือเป็นการฆ่าเชื้อโรคและศัตรูปลา กรณีบ่อใหม่หว่านปูนขาวปริมาณ 100 กิโลกรัมต่อไร่ อย่างไรก็ตามปลาหมอไทยไม่ชอบน้ำท่ีเป็นด่างหรือกระด้างสูง หรือมี pH สูง ซ่ึง pH ของน้ำควรอยู่ในช่วง 6.5-8.5 ใช้อวนไนลอนสีฟ้ากั้นรอบบ่อให้สูงประมาณ 90 เซนติเมตร เพื่อป้องกัน ปลาหลบหน ี สูบน้ำลงบ่อก่อนปล่อยลูกปลาประมาณ 60-100 เซนติเมตร กรองน้ำด้วยอวนมุ้งตาถ่ีหรืออาจ ฆา่ เชอื้ ในนำ้ ดว้ ยคลอรนี ผง 3 สว่ น หรอื 3 กรมั ตอ่ นำ้ 1 ลกู บาศกเ์ มตร และทำสนี ำ้ สรา้ งหว่ งโซอ่ าหารธรรมชาต ิ จงึ ปลอ่ ยลกู ปลา หลงั จากนน้ั คอ่ ยๆ เตมิ นำ้ เขา้ บอ่ เปน็ ระยะเวลา 8 สปั ดาห์ จนมรี ะดบั นำ้ 1.5 เมตร และควบคมุ ระดับน้ำทีร่ ะดบั นีต้ ลอดไป 2) การเลือกลูกพันธปุ์ ลา ขนาดลกู ปลาหมอทเี่ หมาะสมในการปลอ่ ยเลยี้ งบอ่ ดนิ มี 2 ขนาดคอื ลกู ปลาขนาด 2-3 เซนตเิ มตร หรือ เรยี กว่า “ใบมะขาม” ซึง่ มีอายุ 25-30 วัน และขนาด 2-3 นว้ิ ซึ่งเป็นลูกปลาอายุ 60-75 วนั เกษตรกรทไ่ี มม่ ี ความชำนาญอาจเลือกลกู ปลาขนาด 2-3 น้ิว ซงึ่ ราคาเฉล่ยี ตวั ละ 0.60-1.00 บาทตอ่ ตัว จะจัดการดูแลง่าย และมีอัตรารอดสูง ส่วนลูกปลาขนาดใบมะขามเป็นท่ีนิยมกันมาก เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย ลำเลียงสะดวก ราคาถูก เฉล่ยี 0.30-0.50 บาทต่อตวั หากจดั การบ่อเล้ียงท่ีดีก็สามารถทำให้อัตรารอดและผลผลติ สงู 170 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

3) อตั ราปล่อยลกู ปลาลงเล้ียง โดยทว่ั ไป เกษตรกรนยิ มลกู ปลาขนาด 2-3 เซนตเิ มตร อตั ราปลอ่ ย 30-50 ตวั ตอ่ ตารางเมตร หรือ 50,000-80,000 ตวั ต่อไร่ หากใชว้ ิธีปล่อยพ่อแม่พนั ธป์ุ ลาใหผ้ สมพันธุว์ างไข่ อนบุ าลและเลีย้ งในบ่อเดยี วกัน ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น โดยใช้อัตราพ่อแม่พันธ์ุปลา 40-60 คู่ต่อไร่ จะได้ลูกปลาขนาดใบมะขามประมาณ 80,000-150,000 ตัว ต่อไร่ ท้ังน้ีความหนาแน่นในการเลี้ยงน้ีข้ึนอยู่กับสมรรถนะการจัดการฟาร์ม และ งบประมาณเงินทุนหมุนเวียนในการบริหารจัดการฟาร์มของเกษตรกรแต่ละรายเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากมเี ปา้ หมายตอ้ งการปลาขนาดใหญต่ อ้ งปลอ่ ยลกู ปลาในความหนาแนน่ ตำ่ ลงมาประมาณ 20 ตวั ตอ่ ตารางเมตร หรือ 32,000 ตัวตอ่ ไร่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปล่อยพันธุ์ลูกปลาคือ ช่วงเวลาเช้าหรือเย็นและควรปรับอุณหภูมิของ นำ้ ในถงุ ใหใ้ กลเ้ คยี งกบั นำ้ ในบอ่ กอ่ น โดยนำถงุ ลกู ปลาแชน่ ำ้ ในบอ่ เปน็ เวลาประมาณ 10-15 นาที เพอ่ื ปอ้ งกนั ลูกปลาช็อค แล้วเปดิ ปากถงุ คอ่ ยๆ เอาน้ำในบ่อใสถ่ ุงเพ่ือให้ลกู ปลาปรับตัวให้เขา้ กับน้ำใหมไ่ ด ้ 4) อาหารและการใหอ้ าหาร การเลี้ยงปลาหมอแบบยังชีพหรือแบบหัวไร่ปลายนาไม่ว่าในบ่อปลาหลังบ้าน ร่องสวน คันคูน้ำ มุมบ่อในนาข้าว นอกจากอาหารตามธรรมชาติแล้ว เกษตรกรนิยมให้อาหารสมทบจำพวกเศษอาหารจาก ครัวเรือน รำละเอียด ปลาสดสับ ปลวก และการใช้ไฟล่อแมลงกลางคืนตลอดจนอาหารสำเร็จรูปบางส่วน ส่วนการเล้ียงปลาหมอแบบธุรกิจเชิงพาณิชย์น้ัน เน้นการปล่อยเลี้ยงแบบหนาแน่นสูงมาก ปลาหมอน้ันเป็น ปลากนิ เนอื้ ในชว่ งแรกจากลกู ปลาขนาดใบมะขามเปน็ ปลารนุ่ (อายุ 1-2 เดอื น) ตอ้ งการอาหารทเ่ี ปน็ โปรตนี สงู มาก หลังจากนนั้ เม่อื อายุ 2-3 เดือน ต้องการอาหารระดับโปรตีนต่ำ ซง่ึ การให้ต้องเดนิ หว่านอาหารใหร้ อบบ่อ ระยะเวลาเลยี้ งและวิธกี ารจบั ปลาจำหนา่ ย ระยะเวลาเล้ียงข้ึนอยู่กับขนาดปลาท่ีตลาดต้องการ สภาวะสิ่งแวดล้อมภายในบ่อและสุขภาพปลา ท่ัวไปใช้เวลาเล้ียงประมาณ 90-120 วัน การจำหน่ายผู้เล้ียงกับแพปลา (พ่อค้าขายส่ง) มักตกลงราคาขาย เหมาบ่อ โดยทอดแหสุ่มตัวอย่างปลาแล้วตีราคา ส่วนการจับปลานั้นจะต้องสูบน้ำออกจากบ่อให้เหลือน้อย แล้วจึงตีอวนล้อมจับปลา โดยลากอวนจากขอบบ่อด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหน่ึงแล้วจึงยกอวนขึ้น ใช้สวิงจับ ปลาใส่กระชังพักปลาหรือตะกร้าเพ่ือคัดขนาดบรรจุปลาในลังไม้ ใช้น้ำสะอาดฉีดพ่นทำความสะอาดตัวปลา ซ่งึ มักตดิ คราบโคลนและกลิ่นโคลนดนิ หลายๆ คร้ัง แลว้ ลำเลียงผลผลิตสู่ตลาดตอ่ ไป แนวโน้มการเล้ียงปลาหมอในอนาคต แมป้ ริมาณความตอ้ งการของตลาดมมี าก โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เช่น ตลาดตะวนั ออกกลาง จีน ไต้หวัน เกาหลีและมาเลเซีย มีความต้องการไม่ต่ำกว่า 100 ตันต่อปี แต่ต้องการปลาขนาดใหญ่ (3-5 ตัวต่อกิโลกรัม) ขณะที่ผลิตไม่เพียงพอหรือไม่แน่นอนท่ีจะตอบสนองตลาด ท้ังในประเทศและต่าง ประเทศ ผลสำรวจดา้ นการตลาดเบอื้ งตน้ พบวา่ สว่ นเหลอื่ มการตลาดระหวา่ งผเู้ ลย้ี ง พอ่ คา้ สง่ พอ่ คา้ ขายปลกี และ ผู้บริโภคมีส่วนต่างสูงมาก ขณะท่ีระดับราคาจำหน่ายปลา ณ ปากบ่อค่อนข้างคงท่ี แต่ราคาขายปลีก สู่ผู้บริโภคเคลื่อนไหวมาก ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงรับความเส่ียงสูง ทั้งด้านต้นทุนการผลิต ด้านปริมาณและ คุณภาพผลผลิต ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมแบบปลามีชีวิต ขณะท่ีผลิตภัณฑ์แปรรูปยังจำกัดมาก ปญั หาเหลา่ นตี้ อ้ งมกี ระบวนการบรหิ ารจดั การทเี่ หมาะสมระหวา่ งผเู้ ลยี้ งปลาเนอ้ื โรงเพาะฟกั ผผู้ ลติ อาหารปลา ผู้รับจับปลา ผู้จัดจำหน่ายปลา และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาซึ่งคาดว่าอนาคต การเล้ียงปลาหมอจะสดใส แหลง่ ท่ีมา : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 171

การเลี้ยงปลาตะเพียนขาว ปลาตะเพียนขาวเป็นปลาพื้นเมืองและเป็นปลาที่คนไทยท่ัวทุกภาคของประเทศรู้จัก รวมทั้ง เป็นปลาที่สามารถนำมาเล้ียงและเพาะขยายพันธ์ุได้ง่าย จึงเป็นปลาพื้นเมืองท่ีได้รับการคัดเลือกให้ส่งเสริม ในการเพาะเล้ียงชนิดหนึ่ง เนื่องจากเป็นปลาที่ได้รับความนิยมในการบริโภคอย่างกว้างขวางในหมู่คนไทย ท้งั ในเมอื งและชนบท การเพาะพันธป์ุ ลาตะเพียนขาว ในการเพาะพันธุ์ปลาตะเพียนขาวควรเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ บ่อขุนเล้ียงพ่อแม่พันธุ์ควรเป็นบ่อดิน ขนาดประมาณ 400 ตารางเมตร ถึง 1 ไร่ โดยปล่อยปลาเพศผู้ เพศเมีย แยกบ่อกันในอัตราประมาณ 800 ตวั ตอ่ ไร่ ใหผ้ กั ตา่ งๆ หรอื อาหารผสมในอตั ราประมาณรอ้ ยละ 3 ของนำ้ หนกั ตวั การเลย้ี งพอ่ แมป่ ลาอาจจะ เร่มิ ในเดือนตุลาคมหรือพฤศจกิ ายน โดยคัดปลาอายุประมาณ 8 เดือนแยกเพศและปลอ่ ยลงบ่อ เม่ืออากาศ เร่ิมอุ่นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ควรตรวจสอบพ่อแม่ปลาถ้าอ้วนเกินไปต้องลดอาหาร หากผอมเกินไปต้องเร่ง อาหาร ทง้ั น้ีควรจะถา่ ยนำ้ บ่อยๆ เพอื่ เร่งการเจริญเติบโตของไขแ่ ละนำ้ เชื้อ การเพาะพันธ์ุจะเรม่ิ ได้ประมาณ เดือนมนี าคมถงึ กันยายน โดยพอ่ แมพ่ ันธจุ์ ะพร้อมที่สดุ ในเดือนพฤษภาคม-มถิ นุ ายน 1) การคดั พ่อแม่พนั ธ์ุ ปลาเพศเมยี ท่มี ีไข่แก่จัดจะมที อ้ งอูมเป่งและนิ่ม ผนงั ท้องบาง ชอ่ งเพศและชอ่ งทวารค่อนขา้ งพอง และยืน่ ส่วนปลาเพศผจู้ ะไมม่ ีปัญหาเรื่องความพร้อมเนื่องจากสร้างน้ำเชื้อไดเ้ กอื บตลอดป ี 2) การฉดี ฮอรโ์ มน โดยทั่วไปจะใช้ต่อมใต้สมองของปลาจีน หรือปลาย่ีสก ฉีดในอัตรา 1.5-2 โดส ข้ึนกับ ความตอ้ งการของแมป่ ลาฉดี เพยี งเขม็ เดยี ว ปลาเพศผไู้ มต่ อ้ งฉดี ตำแหนง่ ทนี่ ยิ มฉดี คอื ใตเ้ กรด็ บรเิ วณครบี หลงั เหนือเส้นข้างตัวหรือบริเวณโคนครีบหู ในบางพื้นท่ีนิยมใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ LHRN ฉีดในอัตรา 20 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ควบคู่กับยาเสริมฤทธิ์ Domperidone ในอัตรา 5-10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จะมีผลให้ปลาวางไขเ่ ชน่ เดยี วกนั 3) การผสมพันธ ุ์ 1. ปลอ่ ยใหพ้ อ่ แม่ปลาผสมพันธก์ุ ันเอง หากเลือกวิธีการนี้เม่ือฉีดฮอร์โมนเสร็จ ก็จะปล่อยพ่อแม่ปลาลงในบ่อเพาะรวมกัน โดยใช้ 172 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

อัตราส่วนแม่ปลา 1 ตัวต่อปลาเพศผู้ 2 ตัว บ่อเพาะควรมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 3 ตารางเมตร ลึกประมาณ 1 เมตร บ่อขนาดดังกล่าวจะปล่อยแม่ปลาได้ปลาประมาณ 3 ตัว เพื่อความสะดวกในการแยกพ่อแม่ปลา ควรใชอ้ วนชอ่ งตาหา่ งปบู อ่ ไวช้ น้ั หนง่ึ กอ่ น แลว้ จงึ ปลอ่ ยพอ่ แมป่ ลาลงไป แมป่ ลาจะวางไขห่ ลงั การฉดี ประมาณ 4-7 ชั่วโมง โดยจะไล่รัดกัดจนน้ำแตกกระจาย เม่ือสังเกตว่าแม่ปลาวางไข่หมดแล้วก็ยกอวนท่ีปูไว้ออก พอ่ แมป่ ลาจะตดิ มาโดยไขป่ ลาลอดตาอวนลงไปรวมกนั ในบอ่ จากนนั้ เกบ็ รวบรวมไขป่ ลาไปฟกั ในกรวยฟัก 2. วิธกี ารผสมเทยี ม หลังฉีดประมาณ 4-5 ชั่วโมง จะสามารถรีดไข่ปลาได้ โดยปลาจะมีอาการกระวนกระวาย ว่ายน้ำผิดปกติ บางตัวอาจจะข้ึนมาฮุบอากาศบริเวณผิวน้ำ เมื่อพบว่าปลามีอาการดังกล่าวก็ควรตรวจดู ความพร้อมของแม่ปลา โดยจับปลาหงายท้องขึ้นโดยตัวปลายังอยู่ในน้ำและบีบบริเวณใกล้ช่องเพศเบาๆ หากพบว่าไข่พุ่งออกมาอย่างง่ายดายก็นำแม่ปลามารีดไข่ได้ การผสมเทียมใช้วิธีแห้งแบบดัดแปลง โดยใช้ผ้า ซับตัวปลาให้แห้งแล้วรีดไข่ลงภาชนะท่ีแห้งสนิทจากน้ันนำปลาตัวผู้มารีดน้ำเช้ือลงผสม ในอัตราส่วนของ ปลาตัวผู้ 1-2 ตัวต่อไข่ปลา จากแม่ปลา 1 ตัว ใช้ขนไก่คนไข่กับน้ำเชื้อจนเข้ากันดีแล้ว จึงเติมน้ำสะอาด เลก็ นอ้ ยพอทว่ มไข่ การคนเลก็ นอ้ ยในขน้ั ตอนนเ้ี องเชอื้ ตวั ผกู้ จ็ ะเขา้ ผสมกบั ไข่ จากนน้ั จงึ เตมิ นำ้ จนเตม็ ภาชนะ ถ่ายน้ำเป็นระยะๆ เพ่ือล้างไข่ให้สะอาด ไข่จะค่อยๆ พองน้ำและขยายขนาดขึ้นจนพองเต็มท่ีภายในเวลา ประมาณ 20 นาที ระหวา่ งชว่ งเวลาดงั กลา่ วต้องถ่ายนำ้ อยเู่ สมอ เพอ่ื ป้องกนั ไมใ่ หไ้ ข่บางส่วนเสยี และเมอ่ื ไข่ พองเต็มที่แลว้ ก็สามารถนำไปฟักในกรวยฟักได้ 4) การอนุบาลลูกปลา บ่อท่ีใช้เป็นบ่อดินขนาดประมาณครึ่งไร่-1ไร่ ความลึกประมาณ 1 เมตร ก่อนปล่อยลูกปลาต้อง เตรยี มบอ่ ใหด้ เี พอื่ กำจดั ศตั รแู ละเพมิ่ อาหารของลกู ปลาในบอ่ การอนบุ าลลกู ปลาตะเพยี นขาว ระดบั นำ้ ในบอ่ อนุบาลขณะเริ่มปล่อยลูกปลาควรอยู่ในระดับ 30-40 เซนติเมตร แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับสัปดาห์ละ 10 เซนติเมตร เพ่ือรักษาคุณสมบัติน้ำ ส่วนการใส่ปุ๋ยนั้นหากวางแผนจะอนุบาลด้วยอาหารสมทบเพียง อยา่ งเดียวกไ็ มต่ อ้ งเติมปุ๋ยในบ่อ บอ่ เลย้ี ง ควรเป็นบอ่ ขนาด 400 ตารางเมตร จนถงึ ขนาด 1 ไร่ หรือมากกว่าน้นั ความลึกของนำ้ ในบอ่ ควรให้ลึกกวา่ 1 เมตรขึน้ ไป ใช้เล้ียงลกู ปลาที่มีขนาดยาว 5-7 เซนติเมตรขน้ึ ไป ในอัตราสว่ น 3-4 ตวั ต่อตารางเมตร หรอื 5,000 ตัวต่อไร ่ ตน้ ทนุ และผลผลติ ของการเลีย้ งปลาตะเพียนขาว ปลาตะเพยี นขาวทเี่ ลยี้ งตามอตั ราการปลอ่ ยทก่ี ลา่ วแลว้ จะมผี ลผลติ ไรล่ ะประมาณ 800-1,000 กโิ ลกรมั ใช้เวลาเล้ียงประมาณ 7-8 เดือน มีขนาดตัว 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม โดยมีต้นทุนประมาณ 8,000-10,000 บาทต่อไร่ และต้นทุนท่ีสำคัญคือ ค่าอาหารซึ่งคิดเป็นร้อยละ 45 ของต้นทุนทั้งหมด ราคา จำหน่ายประมาณ 22 บาทตอ่ กิโลกรัม รายรบั ประมาณ 17,600-22,000 บาทตอ่ ไร ่ แหลง่ ท่ีมา : ส่วนเศรษฐกจิ การประมง วชิราภรณ์ ไกรอำ่ 2549 กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 173

การเลี้ยงปลานลิ ปลานลิ เปน็ ปลานำ้ จดื ชนดิ หนง่ึ ซงึ่ มคี ณุ คา่ ทางเศรษฐกจิ นบั ตงั้ แตป่ ี 2508 เปน็ ตน้ มา สามารถเลย้ี งไดใ้ น ทุกสภาพ การเพาะเลี้ยงในระยะเวลา 8 เดือนถึง 1 ปี สามารถเจริญเติบโตได้ถึงขนาด 500 กรัม เน้ือปลามีรสชาติดี มีผู้นิยมบริโภคกันอย่างกว้างขวาง ขนาดปลานิลที่ตลาดต้องการจะมีน้ำหนักตัวละ 200-300 กรมั จากคณุ สมบตั ขิ องปลานลิ ซงึ่ เลย้ี งงา่ ย เจรญิ เตบิ โตเรว็ แตป่ จั จบุ นั ปลานลิ พนั ธแ์ุ ทค้ อ่ นขา้ งหายาก ดังนั้นกรมประมงจึงดำเนินการปรับปรุงพันธ์ุปลานิลในด้านต่างๆ อาทิ เจริญเติบโตเร็ว ปริมาณความดก ของไขส่ งู ใหผ้ ลผลติ และมคี วามตา้ นทานโรคสงู เปน็ ตน้ เพอ่ื ผเู้ ลย้ี งปลานลิ จะไดม้ คี วามมนั่ ใจในการเลยี้ งปลานลิ เพื่อเพม่ิ ผลผลิตสตั วน์ ้ำให้เพยี งพอตอ่ การบริโภคต่อไป รปู แบบการเลี้ยงปลานลิ ในบ่อ กำจัดวัชพืชและพรรณไม้น้ำต่างๆ เช่น กก หญ้า และผักตบชวา ให้หมดโดยนำมากองสุมไว้ เมื่อแห้งแล้วนำมาใช้เป็นปุ๋ยหมักในขณะท่ีปล่อยปลาลงเลี้ยง ถ้าในบ่อเก่ามีเลนมากจำเป็นต้องสาดเลนข้ึน โดยนำไปเสรมิ คนั ดนิ ทชี่ ำรดุ หรอื ใชเ้ ปน็ ปยุ๋ แกพ่ ชื ผกั ผลไม้ บรเิ วณใกลเ้ คยี ง พรอ้ มทงั้ ตกแตง่ เชงิ ลาดและคนั ดนิ ใหแ้ นน่ ดว้ ย การกำจัดศัตรูของปลาอาจใช้โล่ติ๊นสดหรือแห้ง ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อปริมาณน้ำในบ่อ 100 ลกู บาศกเ์ มตร โดยทบุ หรอื บดโลต่ นิ๊ ใหล้ ะเอยี ดนำลงแชน่ ำ้ ประมาณ 1-2 ปบ๊ิ ขยำโลต่ นิ๊ เพอ่ื ใหน้ ำ้ สขี าว ออกมาหลายๆครงั้ จนหมด นำไปสาดให้ท่ัวบอ่ ศัตรพู วกปลาจะลอยหวั ข้นึ มาภายหลงั จากสาดโลต่ ิน๊ ประมาณ 30 นาที ใช้สวิงจับขึ้นมาบริโภคได้ ปลาที่เหลือตายพ้ืนบ่อจะลอยในวันรุ่งข้ึน ส่วนศัตรูจำพวก กบ เขียด งู จะหนีออกจากบ่อไป และก่อนปล่อยปลาลงเลี้ยงควรท้ิงระยะไว้ประมาณ 7 วัน เพ่ือให้ฤทธิ์ของโล่ต๊ิน สลายตัวไปหมดเสยี กอ่ น อัตราส่วนการใส่ปุ๋ยคอก ในระยะแรกควรใส่ประมาณ 250-300 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน ส่วนใน ระยะหลังควรลดลงเพียงครึ่งหน่ึง หรือสังเกตสีของน้ำในบ่อ และในกรณีหาปุ๋ยคอกไม่ได้ก็อาจใช้ปุ๋ย วิทยาศาสตร์สูตร 15:15:15 ใส่ประมาณ 5 กิโลกรัม ต่อไร่ต่อเดือนก็ได้ วิธีใส่ปุ๋ยถ้าเป็นปุ๋ยคอกควร ตากให้แห้งเสียก่อน เพราะปุ๋ยสดจะทำให้มีแก๊สจำพวกแอมโมเนียละลายอยู่ในน้ำมากเป็นอันตรายต่อปลา การใส่ปุ๋ยคอกใช้วิธีหว่านลงไปในบ่อโดยละลายน้ำทั่วๆก่อน ส่วนปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยสดนั้น ควรกองสุมไว้ตาม 174 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

มมุ บอ่ 2-3 แหง่ โดยมไี มป้ กั ล้อมเป็นคอกรอบกองปุ๋ยเพ่อื ปอ้ งกนั มิใหส้ ว่ นทยี่ ังไม่สลายตัวกระจัดกระจาย อตั ราการปลอ่ ยปลา จะปลอ่ ยลกู ปลาขนาด 3-5 เซนตเิ มตร ลงเลยี้ งในอตั รา 1-3 ตวั ตอ่ ตารางเมตร หรอื 2,000-5,000 ตัวต่อไร่ การให้อาหาร การใส่ปุ๋ยเป็นการให้อาหารแก่ปลานิลที่สำคัญมากวิธีหนึ่ง เพราะจะได้อาหาร ธรรมชาติท่ีมีโปรตีนสูงและราคาถูก แต่เพื่อเป็นการเร่งให้ปลาที่เลี้ยงเจริญเติบโตเร็วขึ้นหรือถูกต้องตามหลัก วิชาการ จึงควรให้อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรทเปน็ อาหารสมทบดว้ ย เช่น รำ ปลายขา้ ว มีโปรตีนประมาณ 20% เศษอาหารทเ่ี หลอื จากโรงครวั หรอื ภตั ตาคาร อาหารประเภทพชื ผกั เชน่ แหนเปด็ สาหรา่ ย ผกั ตบชวา สบั ให้ละเอยี ด เป็นตน้ รปู แบบการเลย้ี งปลานลิ ในกระชงั หรอื คอก การเล้ียงปลานิลโดยใช้แหล่งน้ำธรรมชาติทั้งบริเวณน้ำกร่อยและน้ำจืดที่มีคุณภาพน้ำดี สำหรับ กระชังส่วนใหญ่ทใี่ ชก้ ันโดยท่ัวไปจะมีขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 25 เมตร ลึก 5 เมตร สามารถจะนำมาใช ้ ตดิ ตงั้ ทัง้ 2 รปู แบบคือ กระชังหรือคอกแบบผูกติดกับที่ สร้างโดยใช้ไม้ไผ่ทั้งลำปักลงในแหล่งน้ำ ควรมีไม้ไผ่ผูกเป็น แนวนอนหรอื เสมอผวิ นำ้ ทรี่ ะดบั ประมาณ 1-2 เมตร เพอ่ื ยดึ ลำไมไ้ ผท่ ปี่ กั ลงในดนิ ใหแ้ นน่ กระชงั ตอนบนและ ล่างควรร้อยเชือกคร่าวเพื่อให้ยึดตัวกระชังให้ขึงตึงโดยเฉพาะตรงมุม 4 มุมของกระชังท้ังด้านล่างและ ดา้ นบน การวางกระชงั กค็ วรวางใหเ้ ปน็ กลมุ่ โดยเวน้ ระยะหา่ งกนั ใหน้ ำ้ ไหลผา่ นไดส้ ะดวก อวนทใี่ ชท้ ำกระชงั เปน็ อวนไนลอนชอ่ งตาแตกตา่ งกนั ตามขนาดของปลานลิ ทจี่ ะเลย้ี ง คอื ขนาดชอ่ งตา 14- นวิ้ ขนาด 21 - นว้ิ และอวนตาถ ี่ สำหรับเพาะเล้ยี งลูกปลาวัยออ่ น กระชังแบบลอย ลักษณะของกระชังก็เหมือนกับกระชังโดยทั่วไปแต่ไม่ใช้เสาปักยึดอยู่กับท่ ี สว่ นบนของกระชงั ผกู ตดิ ทนุ่ ลอยซง่ึ ใชไ้ มไ้ ผห่ รอื แทง่ โฟม มมุ ทง้ั 4 ดา้ นลา่ ง ใชแ้ ทง่ ปนู ซเี มนตห์ รอื กอ้ นหนิ ผกู กบั เชือกคร่าวถ่วงให้กระชงั จม ถา้ เล้ยี งปลาหลายกระชงั กใ็ ชเ้ ชอื กผกู ติดกนั ไว้เปน็ กล่มุ อัตราส่วนของปลาที่เลี้ยงในกระชัง ปลานิลท่ีเลี้ยงในกระชังในแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำดีสามารถ ปล่อยปลาได้หนาแน่นคอื 40-100 ตัวตอ่ ตารางเมตร โดยให้อาหารสมทบที่เหมาะสม เช่น ปลายข้าว หรอื มันสำปะหลงั รำข้าว ปลาปน่ และพืชผักตา่ งๆ โดยมอี ัตราส่วนของโปรตีนประมาณ 20% การจดั จำหนา่ ยและการตลาด ระยะเวลาการจับจำหน่ายไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดของปลานิลและความต้องการของตลาด โดยทวั่ ไปปลานลิ ทป่ี ลอ่ ยลงเลย้ี งในบอ่ รนุ่ เดยี วกนั กจ็ ะใชเ้ วลาประมาณ 1 ปี จงึ จะจบั จำหนา่ ยเพราะปลานลิ ทไี่ ด ้ จะมีนำ้ หนกั ประมาณ 2-3 ตัวตอ่ กิโลกรมั ซ่งึ เปน็ ขนาดทตี่ ลาดต้องการ ราคาและความเคล่ือนไหว ราคาและผลผลติ ปลานลิ แตล่ ะทอ้ งถน่ิ จะแตกตา่ งกนั ตลาดในชนบทมคี วามตอ้ งการปลานลิ ขนาดเลก็ เพอ่ื การบริโภค ซ่งึ ตรงขา้ มกับตลาดในเมอื ง มคี วามต้องการปลาขนาดใหญ่ ความเคลื่อนไหวของราคาที่เกษตรกรขายได้และราคาขายส่งเป็นไปในลักษณะทิศทางเดียวกันและ ขึน้ อยู่กบั ฤดูกาล ในการขายปลาโดยปกตริ าคาขายจะสูงในช่วงเดอื นมกราคมถงึ เดือนกนั ยายน สำหรับราคา 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 175

จำหน่ายที่ฟาร์มอยู่ท่ีขนาดของปลาอยู่ระหว่าง 25 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับราคาขายปลีกโดยเฉลี่ยราคา อยทู่ ี่ 30-35 บาทตอ่ กโิ ลกรมั ผลตา่ งระหวา่ งราคาฟารม์ และราคาขายปลกี เทา่ กบั 5-10 บาทตอ่ กโิ ลกรมั แนวโน้มการเล้ียงปลานลิ ในอนาคต ปลานิลเป็นปลาที่ตลาดผู้บริโภคยังมีความต้องการสูงข้ึนเร่ือยๆ เน่ืองจากจำนวนประชากรมีอัตรา การเจริญเติบโตสูง จึงส่งผลต่อแนวโน้มการเล้ียงปลาชนิดนี้ให้มีลู่ทางแจ่มใสต่อไป โดยไม่ต้องกังวลปัญหา ด้านการตลาดเน่ืองจากเป็นปลาทม่ี รี าคาดี ไม่มีอุปสรรคเรอื่ งโรคระบาด เป็นทนี่ ยิ มบรโิ ภคและเลย้ี งกนั อย่าง แพร่หลายในท่ัวทุกภูมิภาค เพราะสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบโดยเฉพาะอย่างย่ิง ในปจั จบุ ันปลานลิ สามารถสง่ เป็นสนิ คา้ ออกไปสตู่ ่างประเทศในลกั ษณะของปลาแล่เนื้อ ตลาดทีส่ ำคญั ๆ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิตาลี เป็นต้น ดังนั้น การเล้ียงปลานิลให้มีคุณภาพปราศจากกลิ่นโคลน ย่อมจะสง่ ผลดตี อ่ การบรโิ ภค การจำหน่ายและการให้ผลตอบแทนทีค่ ุ้มค่าที่สุด แหล่งท่มี า : กรมประมง 176 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การเลย้ี งปลาชอ่ น ปลาชอ่ นเปน็ ปลานำ้ จดื ทมี่ คี ณุ คา่ ทางเศรษฐกจิ อกี ชนดิ หนงึ่ ของประเทศไทย อาศยั อยใู่ นแหลง่ นำ้ จดื ธรรมชาติทั่วไป ปลาช่อนเป็นปลาท่ีเนื้อรสชาติดีก้างน้อยสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด จึงทำให้การบริโภคปลาช่อนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ปัจจุบันปริมาณปลาช่อนท่ีจับได้จากแหล่ง น้ำธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากการทำประมงเกินศักยภาพการผลิต ตลอดจนสภาพแวดล้อมของ แหล่งน้ำเส่ือมโทรมตื้นเขินไม่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ทำให้ปริมาณปลาช่อนในธรรมชาติไม่เพียงพอต่อ การใช้ประโยชน์และความต้องการบริโภค การเลี้ยงปลาช่อนจึงเป็นแนวทางหนึ่งซึ่งจะช่วยแก้ปัญหา การขาดแคลน โดยนำลูกปลาทีร่ วบรวมไดจ้ ากแหลง่ น้ำธรรมชาติและจากการเพาะขยายพันธมุ์ าเลี้ยงใหเ้ ป็น ปลาโตตามขนาดที่ตลาดต้องการต่อไป การเตรียมบ่อเล้ยี งปลา การเล้ียงปลาช่อนเพื่อให้ได้ขนาดตามท่ีตลาดต้องการนั้น นิยมเล้ียงในบ่อดิน ซึ่งมีหลักการเตรียม บอ่ ดินเหมือนกบั การเตรยี มบ่อเลยี้ งปลาทั่วไป ดังน ี้ 1. ตากบ่อใหแ้ หง้ 2. ใสป่ นู ขาวเพอ่ื ปรบั สภาพของดนิ ในอตั ราประมาณ 60–100 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ทง้ิ ไวป้ ระมาณ 5-7 วนั 3. ใสป่ ยุ๋ คอกเพอ่ื ใหเ้ กดิ อาหารธรรมชาตสิ ำหรบั ลกู ปลาในอตั ราประมาณ 40-80 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ 4. สูบน้ำเข้าบ่อโดยกรองน้ำเพื่อไม่ให้ศัตรูของลูกปลาติดเข้ามากับน้ำ จนกระท่ังมีระดับน้ำลึก 30-40 เซนติเมตร ท้ิงระยะไว้ 1-2 วัน จึงปล่อยปลา ลูกปลาจะได้มีอาหารกินจากท่ีได้เตรียมอาหาร ธรรมชาตใิ นบ่อ (ขอ้ 3) เรียบรอ้ ยแลว้ 5. ก่อนปล่อยลูกปลาลงบ่อเลี้ยงจะต้องปรับสภาพอุณหภูมิของน้ำในภาชนะลำเลียงและในบ่อ ให้ใกลเ้ คียงกนั สำหรบั ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลอ่ ยลูกปลาควรเปน็ ตอนเย็นหรือตอนเช้า ขั้นตอนการเลี้ยงปลาด้วยอาหารสด ปลาช่อนเป็นปลากินเนื้อ อาหารท่ีใช้เลี้ยงปลาช่อนจึงต้องเป็นอาหารท่ีมีโปรตีนสูง โดยท่ัวไป เกษตรกรนยิ มเล้ียงด้วยปลาเปด็ 1. อตั ราปลอ่ ยปลา ลกู ปลาขนาด 8-10 เซนติเมตร นำ้ หนัก 30-35 ตัวตอ่ กโิ ลกรัม ควรปลอ่ ยใน อัตรา 40-50 ตัวต่อตารางเมตร และเพื่อป้องกันโรคซ่ึงอาจจะติดมากับลูกปลา ให้ใช้น้ำยาฟอร์มาลีนใส่ใน บ่อเล้ียงอัตราความเข้มข้นประมาณ 30 ส่วนในล้าน (3 ลิตรต่อน้ำ 100 ตัน) ในวันแรกที่ปล่อยลูกปลา ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งให้อาหารเรมิ่ ให้อาหารในวนั รุง่ ขนึ้ 2. การให้อาหาร เมื่อปล่อยลกู ปลาชอ่ นลงในบ่อดนิ แล้ว อาหารท่ีให้ในช่วงลกู ปลาชอ่ นมีขนาดเล็ก 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 177

คือ ปลาเป็ดผสมรำในอตั ราสว่ น 4 : 1 หรอื อัตราส่วนปลาเปด็ 40 เปอร์เซ็นต์ รำ 30 เปอรเ์ ซน็ ต์ หัวอาหาร 30 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณอาหารท่ีให้ไม่ควรเกิน 4-5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวปลา วางอาหารไว้บนตะแกรง หรอื ภาชนะแบบลอยไว้ใตผ้ ิวน้ำ 2-3 เซนติเมตร และควรวางไวห้ ลายๆ จุด 3. การถา่ ยเทน้ำ ช่วงแรกความลึกของนำ้ ในบ่อควรอย่ทู ่ีระดบั 30-40 เซนติเมตร แล้วค่อยๆ เพิ่ม ระดบั นำ้ สัปดาห์ละ 10 เซนตเิ มตร จนไดร้ ะดบั 50 เซนตเิ มตร จงึ ถ่ายน้ำวนั ละครัง้ หลังจากอนุบาลลูกปลา ในบอ่ ดินประมาณ 2 เดือน ปลาจะโตไม่เท่ากัน ใชอ้ วนลากลูกปลาเพือ่ คัดขนาด มิฉะน้ันปลาขนาดใหญ่จะ กินปลาขนาดเลก็ 4. ผลผลิต หลังจากอนุบาลลูกปลาในช่วง 2 เดือนแล้ว ต้องใช้เวลาเล้ียงอีกประมาณ 4-5 เดือน จะให้ผลผลติ 1-2 ตวั ตอ่ กิโลกรัม เช่น เน้อื ที่ 2 ไร่ 2 งานจะได้ผลผลิตมากกวา่ 6,000 กโิ ลกรมั 5. การจบั เมอื่ ปลาโตไดข้ นาดตามทต่ี ลาดตอ้ งการจงึ จบั จำหนา่ ย กอ่ นจบั ปลาควรงดอาหาร 1-2 วนั 6. การป้องกันโรค โรคของปลาช่อนที่เล้ียงมักจะเกิดปัญหาคุณภาพของน้ำในบ่อเล้ียงไม่ดี ซึ่ง สาเหตุเกิดจากการให้อาหารมากเกินไปจนอาหารเหลือเน่าเสีย เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้ โดยการ หมัน่ สังเกตว่าเมอ่ื ปลาหยุดกนิ อาหารจะตอ้ งหยุดการให้อาหารทนั ที ขน้ั ตอนการเลยี้ งปลาดว้ ยอาหารสำเรจ็ รปู ชนิดเมด็ ปลาช่อนแม้จะเป็นปลากินเน้ือ แต่สามารถฝึกให้กินอาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดได้ และปลาช่อนท่ีได้ จากการเพาะในปจั จุบันลูกปลายอมรับอาหารชนดิ เม็ดไดต้ ้ังแตเ่ ลก็ 1. อัตราการปล่อย ลูกปลาน้ำหนัก 27-28 ตัวต่อกิโลกรัม ปล่อยในอัตรา 700 กิโลกรัม หรือ ประมาณ 20,000 ตวั ต่อ1 ไร่ ช่วงเวลาที่ทำการปลอ่ ยเชา้ หรอื เยน็ เพราะแดดไม่จัดจนเกนิ ไป ข้อควรปฏิบัติ ควรคัดลูกปลาใหม้ ขี นาดไล่เลยี่ กนั มากทส่ี ุด 2. อาหารและการให้อาหาร เม่ือปล่อยลูกปลาลงบ่อแล้ว ควรปล่อยให้ลูกปลาพักฟ้ืนจาก การลำเลียงประมาณ 3-4 วัน จากน้ันจึงเร่ิมให้อาหารซ่ึงเป็นอาหารเม็ดลอยน้ำ โปรตีน 40-45 เปอร์เซ็นต์ โดย 2 เดอื นแรกใหอ้ าหาร 3 มอื้ เชา้ เทย่ี ง และเยน็ แตล่ ะมอื้ ใหป้ ระมาณ 9-10 กโิ ลกรมั เปน็ อาหารขนาดเลก็ ช่วงเดือนที่ 3 และ 4 ลดโปรตีนลงเหลือ 35-40 เปอร์เซ็นต์ ลดการให้เหลือ 2 ม้ือ คอื เชา้ และเยน็ โดยให้ปริมาณม้อื ละ 20 กิโลกรัม จากน้นั เมอื่ ปลามีอายุเข้าเดอื นที่ 5 จะใหอ้ าหารเพมิ่ เป็น มื้อละ 30 กิโลกรัม ลักษณะการใหอ้ าหารจะเดนิ หว่านรอบบ่อ 3. การเปลี่ยนถ่ายน้ำ เปล่ียนถ่ายเดือนละ 1-2 คร้ัง หรือมากกว่าเพราะการถ่ายน้ำบ่อยๆ เป็น ผลดีต่อการเจริญเติบโตของปลา การเล้ยี งดว้ ยอาหารเม็ดนำ้ ไม่เน่าเสยี ง่ายเหมอื นท่เี ล้ียงดว้ ยอาหารสด 4. ผลผลติ เมอื่ เลย้ี งไดป้ ระมาณ 5 เดอื น จะใหผ้ ลผลติ 700 กรมั ตอ่ ตวั เชน่ เนอ้ื ท่ี 1 ไร่ 2 งาน จะได้ ผลผลิตมากกว่า 4,000 กโิ ลกรมั 5. การป้องกันโรคการเล้ียงปลาช่อนด้วยอาหารเม็ดดูแลง่ายเพราะไม่จมน้ำ ขณะที่ให้อาหารสด จมน้ำเหลอื จะเนา่ เสยี ทำให้น้ำเนา่ เป็นสาเหตุหน่งึ ทจ่ี ะเกดิ โรค แต่อย่างไรกต็ าม การเกดิ โรคของปลาจะตอ้ ง จัดการเรอื่ งอ่ืนๆ ประกอบด้วยการป้องกันจงึ จะไดผ้ ล ซ่งึ จะดำเนินการโดยเมอื่ เลย้ี งได้ 15 วัน ก็เรม่ิ คุมหรอื ป้องกันโรคด้วยยาออซิเททราซัยคลิน คลุกกับอาหารให้ปลากิน 1-2 คร้ังต่อเดือน ในปริมาณยา 20 กรัมตอ่ อาหาร 1 กโิ ลกรัม แนวโนม้ การตลาด ปลาช่อนเป็นปลาที่มีรสชาติดี อีกทั้งยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ จึงมีผู้นิยม บริโภคอย่างแพร่หลาย ทำให้แนวโน้มด้านการตลาดดีสามารถส่งผลผลิตและผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาด ทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ ทมี่ า : กรมประมง 178 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การเพาะเลย้ี งกบ กบ ตามธรรมชาตกิ บจะหากนิ อย่ตู ามลำห้วย หนอง บึง และท้องนา กบจะกนิ ปลา ก้งุ แมลง และ สตั วข์ นาดเลก็ เปน็ อาหาร แตเ่ นอ่ื งจากสถานการณใ์ นปจั จบุ นั มอี ตั ราประชากรมนษุ ยเ์ พมิ่ สงู ขนึ้ ทำใหป้ รมิ าณ ความต้องการในการบริโภคเพ่ิมข้ึน สำหรับการเล้ียงกบนั้นเป็นท่ีสนใจของเกษตรกรเป็นอย่างมาก ท้ังนี้ เพราะกบเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ใช้เวลาน้อย ลงทุนน้อยดูแลรักษาง่าย และจำหน่ายได้ราคาคุ้มกับการลงทุน โดยเฉพาะในปัจจุบันมีตลาดต่างประเทศที่ต้องการสินค้ากบเปิดกว้างข้ึน กบนาท่ีเป็นผลผลิตของเกษตรกร เมืองไทยจึงมีโอกาสส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศ และสาเหตุหนึ่งท่ีมีผู้หันมาเล้ียงกบกันมากข้ึนเนื่องจาก ปริมาณกบที่อยู่ตามแหล่งธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลง เพราะแหล่งท่ีอยู่อาศัยของกบถูกเปลี่ยนแปลงเป็น ทอี่ ย่อู าศยั ของมนษุ ย์ ทำใหก้ บทางธรรมชาติหมดไป การให้อาหารกบ อัตราการให้อาหารที่เลี้ยงในลักษณะคอก มีบ่อน้ำตรงกลาง เป็นคอกขนาด 4x4 เมตร ปล่อยกบ 1,000 ตัว ใหอ้ าหารดังน้ี 1) กบอายุ 50 วนั ให้อาหารสด 400 กรมั ต่อวัน 2) กบอายุ 60 วัน ให้อาหารสด 600 กรัมต่อวัน 3) กบอายุ 90 วัน ให้อาหารสด 1.5 กิโลกรัมต่อวัน 4) กบอายุ 120 วัน ให้อาหารสด 3 กิโลกรัมต่อวัน และ 5) กบอายุ 150 วัน ใหอ้ าหารสด 4 กโิ ลกรัมตอ่ วนั ในการเล้ียงกบจำเป็นต้องคอยคัดขนาดของกบให้มีขนาดเท่ากันลงเลี้ยงในบ่อเดียวกัน มิฉะน้ัน กบใหญจ่ ะรังแกกบเล็ก ซงึ่ จะทำใหต้ อ้ งตายทงั้ คู่ ทัง้ ตัวทถ่ี ูกกินและตัวท่กี นิ การเลี้ยงกบในบอ่ ดิน ลักษณะการเลี้ยงกบแบบนี้จะจับกบจำหน่ายได้คร้ังเดียวในเวลาท่ีพร้อมกัน ไม่มีการจับกบ จำหน่ายปลีกหรือเป็นคร้งั คราว ทัง้ นีเ้ พราะสภาพบอ่ เลยี้ งไมเ่ ออ้ื อำนวยถึงแมจ้ ะเปน็ การจบั เพยี งครง้ั เดยี วให้ หมดบ่อจะต้องใช้ผู้จับหลายคนลงไปในบ่อเล้ียงที่มีสภาพโคลนตมและต้องเก็บพืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง ผักตบชวา ขึ้นใหห้ มดก่อน จงึ ตอ้ งใชเ้ วลาและแรงงานมากท่ีจะเท่ยี วไล่จับกบในทีห่ ลบซอ่ นให้หมดในครั้งเดยี ว การเลยี้ งกบในคอก สามารถจับกบได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะจับหมดทั้งคอก หรือมีการจำหน่ายปลีก โดยมีกระบะไม้และ ทำเป็นช่องเข้าออกในด้านตรงกันข้ามวางอยู่หลายอันบนพ้ืนดินภายในคอก ซึ่งกบจะเข้าไปอาศัยอยู่ เม่ือถึง เวลาจะจับกบก็ใช้กระสอบเปิดปากไว้รออยู่ที่ช่องด้านหน่ึงแล้วใช้มือล้วงเข้าไปในช่องด้านตรงข้าม กบจะหนี ออกอกี ช่องทางหน่งึ ทมี่ ีปากกระสอบรอรับอยู่และเข้าไปในกระสอบกันหมด เป็นการกระทำทสี่ ะดวก กบไม่ ตกใจและบอบช้ำ 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 179

การเลยี้ งกบในบอ่ ปูนซเี มนต์ สามารถจับกบได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะจับหมดทั้งบ่อหรือจับจำหน่ายปลีก โดยใช้คนเพียงคนเดียว พร้อมท้ังสวิงเมื่อลงบ่อน้ำซึ่งมีน้ำเพียง 1 ฟุต กบจะกระโดดมุดลงไปอยู่ในน้ำจึงใช้สวิงช้อนขึ้นมาหรือใช้มือ จับใส่สวิง อย่างง่ายดาย ในบ่อขนาด 12 ตารางเมตร เล้ียงกบประมาณ 1,000 ตัว ใช้ 1 คน จับเพียง 1 ชว่ั โมงก็แลว้ เสรจ็ ในการลำเลียงกบไม่ว่าจะเป็นกบเล็กกบใหญ่ ในภาชนะลำเลียงกบควรมีน้ำเพียงเล็กน้อยและ จะต้องมีวัสดุเช่น หญ้า ฟาง ผักบุ้ง ผักตบชวา เพ่ือให้กบเข้าไปซุกอาศัยอยู่ มิฉะน้ันในระหว่างเดินทางกบ จะกระโดดเตน้ ไปมา เกดิ อาการจกุ เสยี ดแน่นและเปน็ แผล ต้นทุนการเล้ยี งกบนา ปัจจุบันการเลี้ยงกบนาก็ยังเป็นที่สนใจของคนทั่วไป เน่ืองจากกบนาเป็นสัตว์ที่เล้ียงง่าย ใช้น้ำน้อย และใชพ้ น้ื ทใี่ นการเลยี้ งไมม่ าก สามารถเลย้ี งไดท้ งั้ ในบอ่ ดนิ และบอ่ ซเี มนตข์ นาดเลก็ ประมาณ 6-12 ตารางเมตร ซ่ึงสามารถเล้ียงกบได้ประมาณ 400-800 ตัวต่อบ่อ ใช้เวลาในการเลี้ยง 3-4 เดือน ใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูป จะได้กบท่ีมีขนาดประมาณ 200-250 กรัมต่อตัว ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถจับขายได้ ต้นทุนปัจจุบันจะอยู่ที่ ประมาณ 25-30 บาทตอ่ กิโลกรัม แหล่งทม่ี า : กรมประมง 180 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การเลย้ี งปลากดเหลอื ง ปลากดเหลอื งเปน็ ปลาน้ำจดื ชนิดหน่ึงท่ีมีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง มรี าคาดี เนือ้ มีรสชาติดีเป็นทน่ี ยิ ม ของผู้บริโภคท้ังในรูปสดและแปรรูป ปลากดเหลือง พบแพร่กระจายในแหล่งน้ำจืดทั่วไปของทวีปเอเชีย สำหรับประเทศไทยแพร่กระจายในแหล่งน้ำธรรมชาติและอ่างเก็บน้ำท่ัวทุกภาคของประเทศ ปลากดเหลือง สามารถเจริญเติบโตและอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมท่ีหลากหลาย แต่ชอบอยู่ตามพ้ืนท้องน้ำท่ีเป็นแอ่งหิน หรือพ้ืนดินแขง็ นำ้ คอ่ นข้างใสมกี ระแสนำ้ ไมแ่ รงนักในระดบั ความลกึ ตงั้ แต่ 2-40 เมตร การเพาะพันธุ ์ ปลากดเหลืองท่ีใช้ในการเพาะพันธุ์ส่วนใหญ่ได้จากการรวบรวมพันธุ์จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หรืออ่างเก็บน้ำต่างๆ โดยคัดเลือกพันธุ์ปลาท่ีแข็งแรง อวัยวะทุกอย่างครบสมบูรณ์ ขนาด ไม่ต่ำกว่า 400 กรัม นำมาเลี้ยงเป็นพ่อแม่ปลาได้ทั้งในบ่อดินและกระชัง แต่ควรแยกเพศปลาตัวผู้และ ตัวเมียออกจากกนั บ่อดนิ ควรมขี นาด 800-1,600 ตารางเมตร อัตราการปล่อยปลา 1-2 ตัวตอ่ ตารางเมตร กระชงั ควรเปน็ กระชงั อวนโพลี ขนาดตา 2-3 เซนตเิ มตร ขนาดกระชงั กวา้ ง 5 เมตร ยาว 5 เมตร ลกึ 2.5 เมตร อตั ราการปลอ่ ยปลา 50-100 ตวั ตอ่ กระชงั การขนุ เล้ียงพอ่ แมพ่ นั ธุ์ ให้อาหารจำพวกปลาสดสับผสมหัวอาหารและเสริมด้วยอาหารเม็ดปลาดุก หรือให้อาหารต้มสุก จำพวกปลายข้าว 2 ส่วน รำละเอียด 3 ส่วน ปลาป่น 1 ส่วน วิตามินและแร่ธาตุประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนัก เสริมด้วยอาหารเม็ดปลาดุกเล็ก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละวันประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักปลา ควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ในบ่อประมาณ 1-2 ครั้งต่อเดือน ปริมาณ 1 ใน 3 ของบอ่ การคดั เลอื กพอ่ แมป่ ลา การตรวจสอบพ่อแม่ปลาท่ีมีความสมบูรณ์ควรทำด้วยความระมัดระวัง อาจใช้ผ้าขนหนูปิดหัวปลา โดยเฉพาะบริเวณตาของพ่อแม่ปลา แล้วหงายท้องตรวจความพร้อมของปลา จะป้องกันการบอบช้ำ และ ลดความเครียดได้ ปลาเพศเมียท่ีมีไข่แก่ สังเกตจากส่วนท้องจะบวมเป่งและน่ิม ช่องเพศมีสีชมพูเรื่อๆ ปลาเพศผูอ้ วยั วะเป็นตง่ิ แหลมยน่ื ยาวออกมาไมต่ ่ำกวา่ 1 เซนตเิ มตร พ่อแม่ปลาท่ีใช้ควรมีน้ำหนักต้ังแต่ 450 กรัม หรือเป็นปลาที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 เดือนขึ้นไป โดยปกติแล้วแม่พนั ธุป์ ลาจะมนี ำ้ หนกั มากกวา่ พ่อพนั ธปุ์ ลา 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 181

การรดี ไขผ่ สมนำ้ เชอ้ื การรีดไข่โดยจับแม่ปลาให้แน่นพร้อมท้ังเช็ดลำตัวให้แห้ง รีดไข่ใส่กะละมัง พร้อมกันนี้ผ่าเอา ถงุ นำ้ เชอื้ จากพอ่ ปลา ใชค้ มี คบี ถงุ นำ้ เชอื้ ออกมาขยใ้ี นผา้ ขาวบางใหน้ ำ้ เชอ้ื ไหลลงไปผสมกบั ไข่ ใชข้ นไกค่ นไขก่ บั น้ำเช้ือผสมเขา้ กันอยา่ งทวั่ ถงึ ในขั้นตอนนต้ี อ้ งทำอย่างรวดเรว็ และรีบนำไขท่ ี่ผสมแล้วไปฟกั โดยโรยบนอวน มงุ้ ไนลอนตาถส่ี ีฟา้ หรอื บนกระชังผ้าโอลอนแก้ว ในระดับน้ำลึกประมาณ 20-30 เซนตเิ มตร การโรยไข่ปลา พยายามให้ไข่กระจายอย่าทับซ้อนกันเป็นก้อนเปิดน้ำไหลผ่านตลอดเวลาและมีเคร่ืองเพ่ิมอากาศใส่ไว้ในบ่อ ฟักไขป่ ลาด้วย การฟกั ไข่ ไข่ปลากดเหลืองเป็นไข่ติด ไข่ท่ีดีซึ่งได้รับการผสมควรมีลักษณะกลมมีสีเหลืองสดใสและพัฒนา ฟกั ออกเปน็ ตวั โดยใชเ้ วลาประมาณ 27-30 ชวั่ โมง ทอี่ ณุ หภมู ขิ องนำ้ 26-28 องศาเซลเซยี ส ถงุ อาหารจะยบุ ตวั หมดในเวลา 3 วัน หลังจากน้ันลูกปลาจะเร่ิมกินอาหาร โดยบ่อเพาะฟักลูกปลากดเหลืองควรมีหลังคา คลมุ บงั ปอ้ งกันแสงแดดและนำ้ ฝนได้ การเลี้ยงปลากด การเลยี้ งปลากดเหลอื งใหไ้ ดข้ นาดตามทตี่ ลาดตอ้ งการนนั้ สามารถเลย้ี งไดท้ งั้ ในบอ่ ดนิ และกระชงั ดงั น้ี 1. การเลยี้ งในบอ่ ดิน ควรปรบั สภาพบอ่ โดยใช้หลักการเตรียมบ่อเล้ียงปลาทวั่ ๆ ไปดงั น้ี ตากพ้ืน บ่อให้แห้งพร้อมท้ังปรับสภาพก้นบ่อให้สะอาด และใส่ปูนขาวเพ่ือปรับสภาพของดินโดยใส่ปูนขาวในอัตรา ประมาณ 60-100 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากน้ันให้ใส่ปุ๋ยคอกเพ่ือให้เกิดอาหารธรรมชาติสำหรับลูกปลาควรใส่ ปุ๋ยคอกในอัตราประมาณ 40-80 กโิ ลกรัมตอ่ ไร ่ การปล่อยลูกปลาลงบ่อเล้ียงจะต้องปรับสภาพอุณหภูมิของน้ำในถุงและน้ำในบ่อให้เท่ากัน โดยแช่ ถุงบรรจุลูกปลาในน้ำประมาณ 30 นาทีจึงปล่อยลูกปลา เวลาที่เหมาะสมในการปล่อยลูกปลาควรเป็น ตอนเย็นหรอื ตอนเช้า 2. การเลี้ยงปลารุ่นในกระชัง สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดสงขลาได้ทำการเล้ียงปลากดเหลืองให้ เป็นปลารุ่นในกระชังตาข่ายพลาสติก ขนาด 2x3x1.5 เมตร ปลาความยาวเฉลี่ย 7.17 เซนติเมตร นำ้ หนกั เฉลย่ี 3.14 กรมั อตั ราการปลอ่ ย 300 ตวั ตอ่ กระชงั เปรยี บเทยี บอาหารเนอ้ื ปลาสดสบั กบั อาหารเมด็ ปลากนิ เนอื้ ในระยะเวลา 6 เดอื น พบวา่ ปลาทเ่ี ลย้ี งดว้ ยเนอื้ ปลาสดสบั มอี ตั ราการเจรญิ เตบิ โตดมี าก คอื มนี ำ้ หนกั เฉลี่ย 83.87 กรมั อตั ราการรอดตาย 73.79 เปอรเ์ ซน็ ต์ อตั ราแลกเน้อื 4.98 คดิ เปน็ ตน้ ทุนอาหาร 24.90 บาทต่อกโิ ลกรัม (ปลาสดราคากิโลกรัมละ 5 บาท) 3. การเล้ียงปลาในกระชัง การเลี้ยงปลากดเหลืองในกระชังโดยที่ตัวกระชังทำด้วยตาข่าย พลาสติกขนาดกระชัง 3x4x1.8 เมตร ปล่อยปลาขนาด 200-250 กรัม จนถึงขนาดตลาด อัตราปล่อย 1,000 ตัวตอ่ กระชงั ใหป้ ลาเป็ดและสว่ นผสมอนื่ ๆ เป็นอาหารวนั ละ 1 คร้ัง ด้านการตลาด ปลากดเหลืองขนาด 3-5 ตัวต่อกิโลกรัม (ขนาดเฉลี่ย 250 กรัมต่อตัว) จำหน่ายให้ผู้รวบรวมหรือ ผบู้ รโิ ภคในทอ้ งถนิ่ ทางภาคใตร้ าคา 40 บาทตอ่ กโิ ลกรมั ในขณะทรี่ าคาจำหนา่ ยปลกี แกผ่ บู้ รโิ ภคในเขตเมอื งระดบั ราคา 60-80 บาทตอ่ กโิ ลกรมั สำหรบั ราคาขายสง่ ไปยงั ตลาดตา่ งประเทศในราคา 100-120 บาทตอ่ กโิ ลกรมั ทงั้ นข้ี น้ึ อยกู่ บั ขนาดของปลา ปรมิ าณ และความสดของปลาเปน็ สำคญั ปจั จบุ นั ผลผลติ เกอื บทงั้ หมดมาจากการจบั ในแหล่งน้ำธรรมชาติ หากมีการเลี้ยงเพ่ิมข้ึนก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้จำหน่าย และ ผ้บู ริโภคปลากดเหลือง ที่มา : กรมประมง 182 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย ปลาดุกเป็นปลาน้ำจืดท่ีเกษตรกรนิยมเล้ียงกันมาก ปลาดุกที่เล้ียงกันในปัจจุบัน คือ ปลาดุกผสม หรือทเี่ รียกกันวา่ “ปลาดกุ บก๊ิ อุย” เปน็ ปลาที่เกิดจากการผสมพนั ธุ์ระหว่างแมป่ ลาดุกซึ่งเปน็ ปลาดกุ พื้นบ้าน ของไทย เนอ้ื มสี เี หลอื งรสชาตอิ รอ่ ยกบั พอ่ ปลาดกุ เทศมถี นิ่ กำเนดิ ในแอฟรกิ า เปน็ ปลาทมี่ ขี นาดใหญ่ มกี ารเจรญิ เติบโตได้รวดเร็วมาก สามารถกินอาหารได้ทุกชนิด มีความต้านทานโรคสูง และสามารถปรับตัวเข้ากับ สภาพแวดล้อมไดด้ ี แต่ปลาชนดิ น้ีมีเนือ้ เหลว และมสี ขี าวซีดไมน่ า่ รับประทาน ขน้ั ตอนการเล้ียง ลูกปลาดุกท่ีฟักออกเป็นตัวใหม่ๆ ใช้อาหารจากถุงไข่แดงที่ติดมากับตัว เมื่อถุงไขแดงที่ติดตัวมากับ ลูกปลายุบ จึงจำเป็นต้องให้ลูกไรแดงกินเป็นอาหาร ในปลาดุกอุยการเคลื่อนย้ายควรทำหลังที่ลูกปลาอายุ ครบ 48 ชั่วโมง ส่วนปลาดุกบ๊ิกอุยการเคล่ือนย้ายควรกระทำเมื่อลูกปลามีอายุครบ 36 ชั่วโมง การเคลื่อนย้ายลูกปลาควรทำด้วยความระมัดระวังเพื่อให้ลูกปลามีความบอบช้ำน้อยท่ีสุด การนำลูกปลา ออกจากบอ่ ฟกั สว่ นมากใชว้ ธิ กี ารดดู นำ้ สายยางแบบกาลกั นำ้ ซง่ึ วธิ นี ค้ี วรระวงั คอื ไมค่ วรใชส้ ายแตกตา่ งกนั มาก เพราะทำให้ไหลแรงและเป็นอันตรายกับลูกปลาง่าย ในการแยกลูกปลาไปอนุบาลควรเลือกดูดเอาเฉพาะ ลูกปลาทข่ี า้ งกลุ่ม เพราะจะได้ลกู ปลาทม่ี ีสุขภาพทแ่ี ข็งแรงและไมพ่ กิ าร การเล้ยี งในบ่อซเี มนต ์ ควรปรับสภาพของน้ำในบ่อที่เลี้ยงให้มีสภาพเป็นกลางหรือเป็นด่างเล็กน้อย แต่ต้องแน่ใจว่า บ่อซีเมนต์จะต้องหมดฤทธิ์ของปูน ขนาดของลูกปลาที่ใช้เล้ียงเร่ิมต้นควรมีขนาดประมาณ 2-3 น้ิว เพื่อสะดวกในการถ่ายเทน้ำและการให้อาหาร ระดับน้ำในบ่อควรมีความลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร เมอื่ ลกู ปลาเตบิ โตขนึ้ คอ่ ยๆ เพมิ่ ระดบั นำ้ ใหส้ งู ขน้ึ ตามลำดบั เลย้ี งดว้ ยอาหารเมด็ ลอยนำ้ สำเรจ็ รปู ใหป้ ระมาณ 3-5% ของน้ำหนักตัวปลา โดยปลาในอัตรา 100-150 ตัวต่อตารางเมตร ปลาจะเติบโตได้ขนาดประมาณ 150-200 กรัมต่อตัว ในระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 90-120 วัน อัตราการรอดตาย 80-90% ซ่ึงอาหาร ทใ่ี ชเ้ ลยี้ งสามารถใหอ้ าหารชนดิ อน่ื ทดแทนอาหารเมด็ ลอยนำ้ สำเรจ็ รปู กไ็ ด้ โดยเปน็ อาหารจำพวก ไสไ้ ก่ โครงไก่ หรอื ปลาเป็ดบดผสมกับรำกไ็ ด้ ซึ่งการใหอ้ าหารแบบนจ้ี ำเป็นต้องมีการถา่ ยเทน้ำมากเพือ่ ป้องกนั นำ้ เสีย การเลยี้ งปลาดกุ ในบ่อดิน การเล้ียงปลาดุกในบ่อดิน ผู้เล้ียงสามารถเลือกลูกปลาลงเลี้ยงได้หลายขนาด คือ ถ้าเป็นการลง ปลาตมุ้ (ลกู ปลาอายุ 2-3 วนั ) และปลาเซน็ ต์ (ลกู ปลาอายุ 5-7 วนั ) ควรเตรยี มบอ่ และมกี ารจดั การเหมอื นการ อนบุ าลลูกปลา โดยอตั ราการปลอ่ ยอยรู่ ะหว่าง 150,000-200,000 ตวั ต่อไร่ ส่วนปลาเซ็นต์ อัตราการปลอ่ ย 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 183

อย่รู ะหวา่ ง 100,000-150,000 ตัวต่อไร่ และการลงลูกปลาขนาดท่ใี หญข่ นึ้ เชน่ ปลาขนาด 1 น้วิ ปลาขนาด 1-2 นว้ิ และปลาขนาด 2-3 น้วิ อตั ราการปลอ่ ยอยูร่ ะหวา่ ง 80,000-100,000 ตัวต่อไร่ การจัดการเลย้ี งปลา ที่มีขนาดใหญ่ควรมีการเตรียมบ่อตามหลักการเตรียมบ่อเล้ียงปลาท่ัวๆ ไป โดยกำจัดวัชพืชบริเวณก้นบ่อ และคันบ่อ กำจัดศัตรูปลา ตากบ่อให้แห้งและใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน โดยใส่ปูนขาวในอัตราประมาณ 100-150 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ปุ๋ยคอกเพ่ือให้เกิดอาหารธรรมชาติสำหรับลูกปลาในอัตราประมาณ 50-100 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ การนำนำ้ เขา้ บอ่ ควรกรองดว้ ยมงุ้ สฟี า้ เพอื่ ไมใ่ หศ้ ตั รขู องลกู ปลาตดิ เขา้ มา จนมรี ะดบั นำ้ ลกึ 30-40 เซนติเมตร ลูกปลาท่ีนำมาเลี้ยงควรตรวจดูว่ามีสภาพปกติ ครีบและหางไม่กร่อน ว่ายน้ำรวดเร็ว แขง็ แรง และไมล่ อยหวั ตง้ั กอ่ นการปลอ่ ยลกู ปลาลงบอ่ เลย้ี ง ควรตรวจคณุ สมบตั ขิ องนำ้ โดยเฉพาะความเปน็ กรด เป็นด่าง ต้องอยู่ในระดับท่ีไม่เป็นอันตรายต่อลูกปลา และปรับสภาพอุณหภูมิของน้ำในถุงและในบ่อให้ เท่าๆ กนั ก่อน การใหอ้ าหาร ปลาดุกเป็นปลาท่ีกินอาหารเร็วเม่ือปล่อยลูกปลาดุกในบ่อดินแล้วอาหารที่ให้ในช่วงที่ลูกปลาดุก มขี นาดเลก็ (2-3 เซนตเิ มตร) เพอ่ื ความสะดวกในการจดั การควรใหอ้ าหารผสมคลกุ นำ้ ปน้ั เปน็ กอ้ นใหล้ กู ปลากนิ วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าเย็น วันละ 3-5% ของน้ำหนักตัว เมื่อลูกปลามีขนาดโตขึ้นความยาว 5-6 เซนตเิ มตร สามารถฝึกใหก้ นิ อาหารเม็ดได้ หรืออาหารเสริมชนดิ ตา่ งๆ ได้ เช่น ปลาเป็ดผสมรำละเอยี ด 9 : 1 หรอื ใหอ้ าหารท่ีลดต้นทุน เช่น อาหารผสมบดจากส่วนต่างๆ เช่น กระดูกไก่ หัวไก่ ไส้ไก่ เศษขนมปัง เศษเสน้ หมี่ เศษเลอื ดสุกร เลอื ดไก่ ฯลฯ แนวโน้มการตลาด 1. ตลาดกลางทเ่ี ป็นแหลง่ ซ้ือขายปลานำ้ จืดขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ ตลาดบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตลาดรงั สติ จงั หวดั ปทมุ ธานี ตลาดลาดกระบงั กรงุ เทพฯ ตลาดบางเลน จงั หวดั นครปฐม และสะพานปลา กรงุ เทพฯ จากการศกึ ษาพบวา่ ปลานำ้ จดื (ปลาดกุ ปลาชอ่ น และปลาหมอเทศ) ซง่ึ ขนสง่ ในลกั ษณะปลามชี วี ติ โดยใชล้ งั ในการ ลำเลียงใส่ปลาได้ลังละ 50 กิโลกรัม ปลาที่วางขายในตลาดนั้นจะผ่านมือผู้รวบรวมจากภาคกลางแล้วส่ง ใหพ้ ่อค้าขายส่งมอื 1,2 จนกระทั่งถึงพอ่ ค้าขายปลกี 2. การบริโภคในประเทศ จากผลผลิตปลาดุกในปี 2549 สามารถจำแนกได้ดังนี้ บริโภคสด 81.18% ตากแหง้ 5.98% นึง่ ย่าง 9.55% น้ำปลา 0.02% ปลาร้า 2.9% อ่ืนๆ 0.37% 3. ราคา จากการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เก่ียวกับราคาสัตว์น้ำท่ีชาวประมง ขายได้พบว่า การเพิ่มขึ้นของราคาปลาน้ำจืดโดยเฉพาะปลาช่อน และปลาดุก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอัตรา ร้อยละ 5.85 และ 5.05 ตามลำดับ ซ่ึงอัตราการเพิ่มสูงข้ึนของราคาปลาน้ำจืดนี้มีแนวโน้มสูงมากกว่า สตั วน์ ำ้ จากทะเล แหลง่ ทมี่ า : กรมประมง 184 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การเล้ียงปลาสวาย ปลาสวาย เป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ด มีรูปร่างคล้ายคลึงกับปลาเทพา ปลาเทโพ และปลาสังกะวาด พบแพร่หลายในประเทศลาว กัมพชู า เวยี ดนาม และไทย เปน็ ปลาท่มี ีความสำคญั ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง สามารถเล้ียงได้ทั้งในบ่อหรือในกระชังและสามารถเล้ียงรวมกับ ปลาชนดิ อนื่ ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ปลาสวายเปน็ ปลาทเ่ี ลยี้ งงา่ ย โตเรว็ และไมค่ อ่ ยมโี รคพยาธเิ หมอื นกบั ปลาชนดิ อนื่ ๆ นอกจากนี้ปลาสวายยังกินอาหารได้เกือบทุกชนิด เช่น เศษอาหารจากครัวเรือน มูลสัตว์แห้ง เช่น มูลไก่ มลู โค มูลสุกร เปน็ ต้น ลักษณะเพศและการผสมพันธป์ุ ลาสวาย ปลาเพศเมีย ท้องอูม กลมนูน พ้ืนท้องน่ิมมาก พอถึงเวลาที่ปลาเพศเมียมีไข่สุกเต็มที่พร้อมวางไข่ ลำตัวมีสขี าวเงนิ ปลาเพศผู้ ท้องจะแบนเรียบไม่นูนเหมือนเพศเมีย พื้นท้องแข็งกว่า ช่องเพศรี แคบและเล็ก มสี ีแดงอ่อนกว่าเพศเมีย มสี ว่ นของอวัยวะยน่ื ออกมา ปลาสวายตามธรรมชาติจะผสมพันธ์ุในฤดูผสมพันธุ์และวางไข่ตามธรรมชาติบริเวณที่น้ำท่วม ชว่ งฤดนู ำ้ หลากตงั้ แตเ่ ดอื นกรกฎาคม-ตลุ าคม ปจั จบุ นั มกี ารเพาะพนั ธปุ์ ลาสวายโดยใชว้ ธิ กี ารฉดี ฮอรโ์ มนผสมเทยี ม ทำให้มีพันธุ์ปลาเพียงพอสำหรับการเล้ียง สามารถเพาะพันธุ์ปลาได้ต้ังแต่เดือนเมษายน-ตุลาคม โดยใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ฉีดเร่งให้แม่ปลาสวายวางไข่เพื่อท่ีจะรีดไข่ผสมกับน้ำเชื้อ เม่ือทำการผสมไข่กับ น้ำเชื้อต้องล้างน้ำให้สะอาดขจัดคราบไขมัน แล้วนำไข่ท่ีได้ไปฟักไข่ในบ่อหรือถังพักต่อไป โดยภายในถัง บ่อพักไข่ต้องเพ่ิมออกซิเจนผ่านหัวทรายตลอดเวลา เพ่ือให้มีออกซิเจนเพียงพอต่อการฟักไข่ออกเป็นตัว ไข่ปลาสวายจะฟักออกเป็นตัวในระยะเวลาประมาณ 23-33 ชั่วโมง หลังจากวางไข่ท่ีอุณหภูมิน้ำ 28-31 องศาเซลเซียส ลูกปลาสวายท่ีฟักออกเป็นตัวใหม่ๆ มีความยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร ลักษณะ โปร่งใส โปร่งแสง และยังไม่ว่ายนำ้ จะพกั ตัวอยเู่ ฉย ประมาณ 1-2 ชัว่ โมง ลูกปลาจะแขง็ แรงขน้ึ แล้วจงึ เรม่ิ เคล่ือนไหวโดยว่ายน้ำเป็นแนวดิ่ง และว่ายน้ำข้ึนลงเป็นเวลา เมื่อลูกปลาสวายเจริญเติบโตมีอายุ 14 วัน กจ็ ะมอี วัยวะครบถ้วนเชน่ เดยี วกบั ปลาโตเต็มวัย การเลี้ยงลกู ปลาสวาย การเลี้ยงปลาสวายประเภทเล้ียงชนิดเดียวนั้น ปัจจุบันมีการเลี้ยงอยู่ 2 วิธี คือ การเล้ียง ในบ่อดนิ และการเลย้ี งในกระชงั 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 185

ก. การเลย้ี งปลาสวายในบอ่ ดิน ควรพจิ ารณาหลักการดงั นี ้ 1. ขนาดของบ่อและท่ตี ัง้ ควรมีขนาดเป็นบ่อใหญ่มเี นอ้ื ที่ประมาณ 1 ไรข่ นึ้ ไป ความลกึ ประมาณ 2 เมตร ทตี่ งั้ ควรอยใู่ กลแ้ หลง่ นำ้ เชน่ แมน่ ำ้ ลำคลอง เพอ่ื สะดวกในการระบายนำ้ เขา้ -ออกไดง้ า่ ย 2. การเตรียมบ่อ กรณีบ่อใหม่ที่เพิ่งขุดเสร็จ บ่อในลักษณะเช่นนี้มีปัญหาเร่ืองเช้ือโรคท่ีตกค้าง อยู่ในบ่อ เพียงแต่บ่อใหม่จะมีอาหารธรรมชาติอยู่น้อย หากภายในบ่อมีคุณสมบัติของดินมีความเป็นกรด เป็นด่าง (pH) ต่ำกวา่ 6.5 ตอ้ งใหป้ นู ขาวชว่ ยในการปรบั อตั รา 40-60 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ ระบายน้ำเขา้ บอ่ ให้ได้ 10 เซนตเิมตร ทง้ิ ไวป้ ระมาณ 1 สปั ดาห์ แลว้ ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ วทิ ยาศาสตรจ์ ากนน้ั เพมิ่ ระดบั นำ้ ใหไ้ ด้ 50 เซนตเิ มตร ทง้ิ ไว้ ประมาณ 3-5 วัน เพม่ิ ระดบั น้ำให้ไดต้ ามทตี่ อ้ งการ คอื ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร จงึ ปลอ่ ยปลาลงเลยี้ งได้ กรณบี อ่ เก่า หรือบ่อทเ่ี คยผา่ นการเลยี้ งมาแลว้ หลังจากท่จี บั ปลาออกหมดแล้ว สบู นำ้ ทิง้ ไว้ให้แห้ง 1-2 วัน ใส่ปูนขาวฆ่าเช้ือโรค พยาธิ และปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างบริเวณพื้นบ่อ แต่ถ้าเป็นบ่อ ท่ีมีเลนอยู่มากควรลอกเลนเสียก่อน จึงใส่ปูนขาวในอัตรา 120-200 กิโลกรัมต่อไร่ จากน้ันตากบ่อท้ิงไว ้ 1 สัปดาห์ แล้วจึงเพ่ิมเติมน้ำเข้าบ่อเหมือนกับท่ีอธิบายไว้ในบ่อใหม่ แต่ถ้าในกรณีที่บ่อน้ันไม่สามารถสูบน้ำ ใหแ้ หง้ ได้ จำเปน็ ตอ้ งกำจดั ศตั รปู ลาใหห้ มดเสยี กอ่ น ศตั รขู องลกู ปลาสวายไดแ้ ก่ ปลาทกี่ นิ เนอื้ ทข่ี นาดใหญก่ วา่ ลูกปลาสวาย เช่น ปลาช่อน ปลาดุก ปลากราย หรอื อาจจะเปน็ งู กบ เขียด 3. น้ำ ต้องเป็นน้ำที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 6.5-7.5 และมีปริมาณ ออกซเิ จนท่ีเหมาะสม คอื ไมต่ ่ำกว่า 3 ppm.ตอ่ 3 มิลลกิ รมั ต่อลติ ร 4. การคดั เลือกพนั ธุ์ปลา - เป็นปลาทีส่ มบูรณ์ ไม่เป็นแผล ไมแ่ คระแกรน็ หรอื พิการและปราศจากโรค - เป็นปลาท่ีมีขนาดไล่เล่ียกัน เพราะปลาท่ีมีขนาดต่างกันเม่ือถึงเวลาจับขายทำให ้ มปี ญั หาเร่ืองขนาดของปลาอาจถกู กดราคาลงไดซ้ ึง่ ต้องแยกนำปลาขนาดเลก็ นำมาใชต้ ่อ 5. อตั ราการปลอ่ ย ควรมขี นาดโตประมาณ 5-12 เซนตเิ มตร อตั ราการปลอ่ ย 2-3 ตวั ตอ่ ตารางเมตร ท้ังน้ขี ึน้ อยู่กับปริมาณและคณุ ภาพของอาหารท่ีเลี้ยง 6. อาหาร ปลาสวายเป็นปลาที่กินอาหารได้ทุกประเภท ได้แก่ พืชและสัตว์เล็กๆ ที่อยู่ในน้ำ แมลง ไส้เดือน หนอน และตะไคร้น้ำเป็นต้น นอกจากนั้นการเลี้ยงปลาสวายยังสามารถใช้มูลสัตว์แห้งอ่ืนๆ เช่น มูลสุกร มูลไก่ ฯลฯ มาเป็นอาหารโดยตรง ดังนั้น การหาวัสดุมาใช้เป็นอาหารของปลาสวายน้ัน มคี วามสำคญั เพราะในการเลยี้ งปลาสวายใหไ้ ดผ้ ลสำเรจ็ หรอื ใหไ้ ดผ้ ลกำไรนนั้ อยทู่ ก่ี ารหาวสั ดมุ าใชเ้ ปน็ อาหาร ถ้าหาวสั ดทุ ่ีใช้เป็นอาหารมาไดใ้ นราคาถกู การเล้ียงปลาสวายจะได้กำไร 7. การเจริญเติบโต การเล้ียงปลาสวายในบ่อดินจะใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน ขนาดท่ีได ้ 1-1.5 กิโลกรมั ซ่ึงเปน็ ทีจ่ ำหน่ายในทอ้ งตลาดท่ัวๆ ไป 8. การจับ ถ้าจับปลาจำนวนน้อยให้ใช้แหหรือสวิง แต่หากปลามีจำนวนมากควรใช้อวนหรือ เฝือกล้อม หากเป็นบ่อขนาดใหญ่ควรแบ่งตอนของบ่อด้วยเฝือกหรืออวนก่อน แล้วจึงใช้อวนล้อมจับส่วนท่ี ต้องการออกเพอื่ ไม่ใหป้ ลาในบริเวณท่ีเหลอื มีอาการต่ืนเต้นและทำให้เปน็ แผลหรอื บอบช้ำ 9. ผลผลิต ปลาสวายที่เล้ียงในบ่อดิน ในระยะเวลา 8-18 เดือน ได้ผลผลิตประมาณ 4,000-6,000 กิโลกรัมตอ่ ไร่ ท้ังนี้แล้วแต่ความสมบูรณ์ของอาหารท่ีให้และน้ำทใี่ ช้เลย้ี ง ข. การเลี้ยงปลาสวายในกระชัง การเล้ียงปลาสวายในกระชังน้ัน เป็นการเลี้ยงที่ให้ผลผลิต มากกว่าในบอ่ ดิน โดยมหี ลกั เกณฑก์ ารเลยี้ งปลาสวายในกระชงั มดี งั น้ี คือ 1. ที่ตั้งของกระชัง ควรตั้งในแหล่งน้ำจืดที่มีน้ำไหลถ่ายเทได้สะดวก เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หากเลย้ี งในอ่างเก็บน้ำควรต้ังกระชงั ให้อยใู่ นบรเิ วณตอนบนของอ่าง ซึง่ มกี ระแสนำ้ ทช่ี ว่ ยถา่ ยเทของเสียจาก กระชังได้ และต้องหมน่ั ตรวจเชค็ ทำความสะอาดกระชังอย่เู สมอ 186 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

2. วัสดุที่ใช้ทำกระชัง ส่วนมากนิยมทำด้วยไม้เน้ือแข็งแต่มีบางส่วนท่ีใช้ไม้ไผ่สาน นอกจากน ้ี มกี ารใชอ้ วนโพลีเอททลี ินมาทำกระชงั แตย่ งั ไมแ่ พร่หลายมากนกั เพราะมีราคาสูง 3. ขนาดของกระชัง ถ้าเป็นกระชังอวนโครงเหล็กควรมีขนาด 4x4x1.5 เมตร และถ้าเป็นไมไ้ ผ่ สานควรมีขนาด 2x5x1.5 เมตร นอกจากน้ียังมีกระชังที่ทำจากไม้ จะมีขนาดประมาณ 8-15 ตารางเมตร ลกึ 1.25-1.5 เมตร 4. อัตราการปล่อยปลาลงเล้ียงในกระชัง ควรใช้ลูกปลาขนาด 7-12 เซนติเมตร ปล่อยในอัตรา 100-200 ตวั ต่อตารางเมตร 5. อาหารและการใช้อาหาร ใช้อาหารและส่วนประกอบของอาหารเหมือนกับที่เล้ียงปลาในบ่อ แต่มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการให้อาหารปลาที่เล้ียงในกระชังน้ัน อาหารอาจจะฟุ้งกระจายขณะท่ี ปลาสวายแย่งกันกินอาหาร ซึ่งอาจแก้ไขได้โดยใส่สารเหนียวผสมในอาหารท่ีให้ และควรให้อาหารวันละ 1 คร้งั 6. การเจริญเติบโต ขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของอาหาร หากเป็นกระชังขนาดประมาณ 10 ตารางเมตร ลึก 1.25 เมตร ปล่อยปลา 150-200 ตัวต่อตารางเมตร ใช้เวลาเลี้ยง 1 ปี จะให้ผลผลิต ประมาณ 1,500 กโิ ลกรมั 7. การจับและการลำเลียงส่งตลาด การจับปลาสวายที่เลี้ยงในกระชังน้ันทำได้โดยใช้อวนล้อม จับในกระชังซ่ึงง่ายกว่าการจับปลาในบ่อมาก ส่วนการลำเลียงปลาทางบกเพ่ือให้ได้ปลาที่มีชีวิตไปขาย ในตลาดทำได้โดยรถยนต์ ใชถ้ งั สเ่ี หลีย่ มขงั น้ำพอประมาณให้ทว่ มตวั ปลาแลว้ ใช้อวนปดิ ถงั ทีม่ า : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 187



ทางเลือกอาชีพด้าน การผลิตอาหารสัตว์ 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 189

การเพาะเล้ียงไรแดง ไรแดงเป็นอาหารธรรมชาติท่ีดีสำหรับการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งปลาสวยงามและปลาเศรษฐกิจ ปัจจุบันผลผลิตไรแดงจากแหล่งน้ำมีปริมาณลดลง แต่ความต้องการไรแดงกลับเพ่ิมข้ึน บางคร้ังประสบ ปญั หาการขาดแคลน ขน้ั ตอนการเพาะไรแดง การเตรยี มบอ่ 1) ล้างบอ่ ให้สะอาด ตากให้แหง้ เพ่อื กำจัดศตั รูไรแดง 2) ระบายน้ำเข้าบ่อโดยผ่านการกรองด้วยผ้าแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นการป้องกันศัตรูไรแดง และ คัดขนาดของแพลงก์ตอนพืชท่ีติดมากับน้ำ และเป็นอาหารไรแดงต่อไป ระดับน้ำท่ีใช้ประมาณ 20-30 เซนติเมตร การเตรยี มอาหาร 1) อาหารผสม (รำละเอียด ปลาป่นและกากถั่วเหลือง ซึ่งมีกรดไขมันที่เร่งการลอกคราบ ของไรแดงทำให้ผลผลิตไรแดงสงู ขนึ้ ) 2) จุลินทรีย์ (จากการหมักอาหาร-ยีสต์ และแบคทีเรีย มีวิตามินอีช่วยในการทำงานของ ระบบสืบพนั ธุ์) 3) นำ้ เขยี ว (แพลงกต์ อนพืชหลายชนิดทไี่ รแดงกนิ ได้) 4) วธิ ีการหมักอาหารกบั น้ำ : ใช้อาหาร 1 สว่ น : น้ำ 2 สว่ น : ปูนมาร์ล 2 สว่ น จะเกดิ จลุ ินทรีย์ พวกบกั เตรี ซึ่งจะเปน็ อาหารเสรมิ ของไรแดง การหมกั อาหารใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชว่ั โมง สว่ นอัตราอาหาร ผสมที่ใช้ คือ รำละเอียด 2 ส่วน ปลาป่น 1 ส่วน และกากถ่ัวเหลือง 1 ส่วน ในปริมาณ 40 กรมั ตอ่ 1 ตารางเมตร อาหารหมกั แลว้ หากใชถ้ งุ ไนลอนแกว้ กรองสว่ นทเ่ี ปน็ กากออก จะทำใหน้ ำ้ เสยี ชา้ ลง และช่วงเวลาในการเก็บเก่ยี วไรแดงนานขึ้น การเตรียมพันธ์ไุ รแดง 1) การคัดพันธุ์ไรแดง โดยใช้กระชอนอวนมุ้งสีฟ้าขนาดตาเล็กสุดซ่ึงสามารถแยกไรแดงจาก โคพพี อดและลูกนำ้ ได ้ 2) การสังเกตเพศไรแดง สภาวะแวดล้อมเหมาะสม ไรแดงจะสร้างเพศผู้เพียง 5% ซึ่งจะเหมาะ แกก่ ารนำมาขยายพันธุเ์ พราะว่ามเี พศเมียมากกวา่ โดยตัวเมียจะอ้วนกลม ส่วนตวั ผูจ้ ะผอมยาวร ี 190 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

3) การเตมิ แมพ่ นั ธุ์ไรแดง ไรแดง 1 กโิ ลกรัม ผสมนำ้ 20% จะได้ไรแดง 1 ลติ ร ปริมาณที่ใช้เฉลยี่ 30-40 กรัมต่อตารางเมตร บ่อขนาด 50 ตารางเมตร ใช้แม่พันธ์ุไรแดง 2 กิโลกรัม ได้ผลผลิตประมาณ 7-8 กโิ ลกรัม การควบคุมบอ่ ผลิต 1) การเก็บเก่ยี วผลผลติ เก็บเกย่ี ววนั ละครึ่งหนึง่ ของผลผลิตทั้งหมด 2) การเติมอาหาร เติมอาหารหมัก 10-25% ของคร้ังแรกทุกวัน โดยสังเกตปริมาณผลผลิต ไรแดงในบ่อ 3) การถ่ายน้ำ การระบายน้ำออกและเติมน้ำเข้าทุก 2-3 วัน ระดับ 5-15 เซนติเมตร โดยสังเกตปริมาณผลผลติ ไรแดงในบ่อ การเพาะเล้ียงไรแดง 1) เปิดน้ำและกรองลงบ่อขนาด 50 ตารางเมตร ให้ได้ระดับความสูง 20 เซนติเมตร ปริมาณนำ้ 10 ลูกบาศก์เมตร พรอ้ มท้ังปุ๋ยและอาหารลงในบ่อ 2) ดำเนินการเติมน้ำเขียวลงในบ่อประมาณ 1 ลูกบาศก์เมตร ทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน ควรเดิน คนบอ่ ยๆ เพ่อื ปอ้ งกนั การตกตะกอน 3) ดูดน้ำเขียวมาบ่อใหม่ 1 ตัน ใส่แม่พันธ์ุ 2 กิโลกรัม ให้ออกซิเจนในน้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน ไรแดงจะขยายพันธ์ุและสามารถเก็บเก่ียวได้ 7-8 กิโลกรัม ใช้เวลาการเพาะเลี้ยงประมาณ 5 วัน จะตอ้ งมบี อ่ ซเี มนต์จำนวน 5 บอ่ ราคาการจำหน่าย ไรแดงที่มีชีวิต กิโลกรัมละ 50-80 บาท ทงั้ นี้ ราคาอาจเปล่ยี นแปลงซง่ึ ขึ้นอยู่กบั ฤดูกาล แหล่งขอ้ มูล : กรมประมง 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 191

การผลติ อาหารไก่ อาหารปลา และอาหารสุกร การเลีย้ งสัตวใ์ ห้โตเรว็ ใหผ้ ลผลิตดนี ้ัน ส่งิ สำคญั อย่างหนงึ่ คอื การได้รบั อาหารสตั ว์ที่มคี ณุ ภาพดแี ละ มีปริมาณเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต การที่เกษตรกรสามารถมีความรู้และความสามารถผลิตอาหาร สตั ว์ได้เองจะทำใหส้ ามารถควบคมุ คณุ ภาพของอาหารสตั วใ์ หม้ ีความสดใหม่ มีธาตอุ าหารตามท่ีสัตว์ตอ้ งการ รวมทัง้ ยงั ชว่ ยลดตน้ ทนุ ได้ส่วนหน่ึงด้วย การทำอาหารปลา อาหารกบ อาหารไก่และเป็ด ส่วนผสม 1. มลู วัวชนิดแห้ง 2 สว่ น 2. รำอ่อน 2 ส่วน 3. ข้าวเจา้ สกุ 1 สว่ น 4. อาหารป่นสำเร็จรปู 121- สว่ น 5. ผักบงุ้ จีนหั่นละเอยี ด ส่วน 6. ใบกระถนิ 1112223--- 0 ใบ สว่ น 7. กากถ่ัวเหลือง ส่วน 8. กากมะพรา้ ว ส่วน 9. ใบฟา้ ทลายโจร 10. เครือบอระเพ็ดหั่นละเอียด(ยาวหนง่ึ ฟตุ ) 11. จลุ นิ ทรีย์ / กากน้ำตาล วสั ด/ุ อุปกรณ์ 1. เคร่อื งบด 2. ภาชนะสำหรบั ใสส่ ว่ นผสม วธิ ีการทำ 1. นำวัสดุทง้ั หมดมาคลุกเคลา้ ผสมกนั 2. ผสมนำ้ จลุ ินทรีย์ 1 ชอ้ นโตะ๊ กบั นำ้ 10 ลิตร 3. คลกุ ส่วนผสมกบั นำ้ เขา้ ด้วยกนั พอหมาด ๆ 4. นำไปบดในเคร่ืองบด แลว้ นำไปใหป้ ลา กบ ไก่ และเป็ดกิน ท่มี า : ศูนยป์ ราชญช์ าวบ้านตามรอยธรรม จ.อบุ ลราชธาน ี 192 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การทำอาหาร 1. สูตรอาหารสำหรับโคอายุ 7-12 เดือน หรอื น้ำหนักไมเ่ กนิ 200 กิโลกรมั วัตถุดิบ (กิโลกรัม) สูตรอาหาร ข้าวโพด มนั เส้น สูตร 1 สตู ร 2 สตู ร 3 สูตร 4 สูตร 5 รำละเอียด 70 25 กากถวั่ เหลือง - 40 35 10.4 50 กากเมลด็ ฝา้ ย 20.4 30.4 35 60 10.4 ใบกระถินปน่ 5 - 15.4 - 10 ยูเรีย(46-0-0) - 5 - 10 - ไดแคลเซยี มฟอสแฟต - 10 - 10 - กำมะถันผง* 2.5 10 10 - 2.5 รวม 1.5 2.5 2.5 2.5 1.5 โปรตนี ในอาหาร % 0.5 1.5 1.5 1.5 0.5 พลงั งาน (TDN) % 100 0.5 0.5 0.5 100 18 100 100 100 15 73 18 17 16 68 73 74 69 *กำมะถนั คอื สารทค่ี นอีสานเรียกวา่ “มาด” ใช้ทำดนิ ปนื บั้งไฟ 2. สูตรอาหารสำหรับโค อายมุ ากกวา่ 1 ปี หรือนำ้ หนักตั้งแต่ 200 กโิ ลกรัม วัตถุดิบ (กโิ ลกรัม) สตู รอาหาร ขา้ วโพด มันเสน้ สตู ร 1 สูตร 2 สตู ร 3 สูตร 4 สตู ร 5 รำละเอียด 70 - กากถวั่ เหลือง (44%) - 35 25 - กากเมล็ดฝา้ ย 20 35 55.4 67.9 82.4 ใบกระถนิ ป่น 8 18.4 - 20 - ยูเรีย(46-0-0) - 8 - 8 - ไดแคลเซยี มฟอสแฟต - - - - 13 กำมะถนั ผง* - - 15 - - รวม 2.5 1.5 2.5 2 2.5 โปรตนี ในอาหาร % 0.5 1.5 1.5 1.5 1.5 พลงั งาน (TDN) % 100 0.5 0.5 0.5 0.5 14.4 100 100 100 100 76 14 14 14.5 14 75 75 77 77 *กำมะถนั คือ สารทค่ี นอสี านเรียกว่า “มาด” ใช้ทำดินปืนบ้ังไฟ 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 193

หมายเหตุ : - หากไม่มขี ้าวโพดบดใหใ้ ชป้ ลายขา้ วแทน - ใบกระถินปน่ ใช้แทนได้ด้วยใบมนั สำปะหลงั - กากเมล็ดฝ้ายใช้แทนดว้ ยกากถั่วลิสง หรอื กากถ่วั เหลอื ง (แพงกวา่ แต่ดีกวา่ ) - การใชป้ ยุ๋ ยูเรยี ตอ้ งระมัดระวงั มาก ๆ หากกนิ ไปโดยตรงจำนวนมาก อาจอันตรายถงึ ตาย - 0.1 กโิ ลกรมั = 1 ขีด - สตู รที่มคี า่ พลงั งาน (TDN)% มากกว่า โดยปกติจะมีคณุ ภาพดีกวา่ ทำให้ววั อ้วน - สตู รนเี้ ปน็ สตู รอาหารบำรงุ โคเนอ้ื ใหก้ นิ วนั ละ 1-3 กโิ ลกรมั ตอ่ ตวั ตอ่ วนั ขนึ้ กบั สภาพอว้ นผอม และคุณภาพหญ้าฟางท่มี ใี ห้กนิ ถ้ามีหญ้าดีให้กนิ นอ้ ย แมโ่ คไมค่ วรอว้ นจนเกินไป - แขวนแรธ่ าตกุ อ้ นใหก้ นิ หรอื แทนดว้ ยเกลอื (เกลอื ทะเลจะดมี าก)ใสอ่ า่ งใหโ้ คกนิ ตลอด หากกนิ มาก ให้ผสมดนิ จอมปลวกเพือ่ ปอ้ งกันการขาดแรธ่ าตุ หรอื ใชด้ ินละเอยี ด 3. สูตรอาหารหมู (ส่วนผสมเปน็ กิโลกรัม ในจำนวนผสมรวม 100 กโิ ลกรมั ) วัตถดุ ิบ หมอู ่อน หมเู ลก็ หมรู นุ่ หมขู นุ หม ู หม ู ไมเ่ กิน 15-30 30-60 30-60 อมุ้ ทอ้ ง เล้ียงลูก 15 กก. กก. กก. กก. ปลายข้าว/ข้าวโพด 57 53 50 46 51 43 รำละเอียด 10 20 25 35 30 30 ไขสัตว์/น้ำมันหมู/พชื 1.5 - 2 - - 1.5 กากถัว่ เหลอื ง 25.2 12 10.4 6.4 6.4 12 ปลาป่น 10 10 8 5 5 5 ใบกระถนิ ป่น - 2 3 4 5 5 ไดแคลเซียมฟอสแฟต 1.5 2.5 1 3 3 1 เปลือกหอยปน่ - - - - - - ไลซีน 0.2 - - - - - เกลอื แกง 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 พรีมิกซ์ 0.25 0.25 0.25 0.25 0.25 0.25 194 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

4. สตู รอาหารเป็ด (สว่ นผสมเปน็ กโิ ลกรัม ในจำนวนผสมรวม 100 กิโลกรมั ) วตั ถุดบิ เปด็ เล็ก เปด็ รนุ่ เปด็ กอ่ นใข ่ เปด็ ไข่ ปลายขา้ ว/ขา้ วโพด 0-4 สปด** 5-12 สปด** 13-22 22 สปด รำละเอียด ไขสตั ว์/นำ้ มันหม/ู พืช 44.4 48.5 26 42 กากถ่วั เหลอื ง 25 30 60* 35 ปลาปน่ - - - - ใบกระถินปน่ 17 8 - - ไดแคลเซียมฟอสแฟต 10 10 5 12 เปลือกหอยป่น 2 3 5 5 ไลซีน 1 3 2 1 เกลอื แกง - - - - พรมี ิกซ์ - - - - 0.35 0.35 0.35 0.35 0.25 0.25 0.25 0.25 5. สูตรอาหารไก่ (ส่วนผสมเปน็ กิโลกรัม ในจำนวนผสมรวม 100 กิโลกรมั ) วัตถุดิบ ไขไ่ ก่เล็ก ไก่ไข่รนุ่ ไขไ่ ก ่ ไกส่ ามสาย ไก่สามสาย 0-5 สปด 6-18 สปด 18 สปด 5-12 สปด ขน้ึ ไป ปลายขา้ ว/ข้าวโพด 48 45 45.4 47.5 48 รำละเอยี ด 20 30 15 10 15 ไขสตั ว/์ นำ้ มันหมู/พชื - - - - - กากถัว่ เหลือง 20.4 12.4 12.4 22 20 ปลาปน่ 8 5 5 8 5 ใบกระถนิ ปน่ 2 5 5 5 5 ไดแคลเซยี มฟอสแฟต 2 2 2 2 2 เปลือกหอยป่น - - - - - ไลซนี - - - - - เกลอื แกง 0.35 0.35 0.35 0.35 0.35 พรมี กิ ซ ์ 0.25 0.25 0.25 0.25 0.25 หมายเหต ุ 1. เปด็ กอ่ นไข่และเป็ดไข่สามารถใช้รำโรงสเี ล็กได้ 2. ใช้ขนุ เป็ดเทศได้ 3. หมอู อ่ นควรเพมิ่ นมผงเลยี้ งสตั ว์ 1-2 กิโลกรัม 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 195

หมายเหตุ 1. มันเส้นบด สามารถใช้แทนปลายข้าวได้ โดยใช้มันเส้น 8.7 กิโลกรัม+กากถั่วเหลือง 1.3 กโิ ลกรมั หรือมันเสน้ 9 กิโลกรมั +ปลาปน่ 1 กิโลกรมั จะมคี ุณคา่ ทางอาหารเทียบเทา่ กบั ปลายข้าว 10 กิโลกรัม เลือกใชท้ ่รี าคาถูกกวา่ 2. ข้าวเปลือกบด ใช้แทนปลายข้าวได้ดี หากราคาถูก โดยควรใช้เฉพาะในระยะขุนระยะก่อนไข ่ และระยะไข่ 3. ใบมันสำปะหลังป่น ใช้แทนใบกระถินป่นได้ดี หากใช้เลี้ยงเป็ดไข่ ไก่ไข่ จะทำให้ไข่แดง มสี ีแดงข้นึ 4. ไขสัตว์ อุ่นให้ละลายก่อนแล้วคลุกกับปลายข้าว หรือข้าวโพดป่นให้ร่วนดีก่อน จึงผสมเข้า กับส่วนผสมอ่ืนๆ อาจใช้น้ำมันหมู น้ำมันไก่หรือ น้ำมันปาล์มแทนได้ เลือกชนิดท่ีมีราคา ถกู กวา่ 5. วัตถุดิบท่ีใช้ในปริมาณน้อยมาก เช่น รายการที่ 9,10,11 ให้คลุกกับรำปริมาณ 4-5 กิโลกรัม ในกะละมังให้เข้ากันดกี อ่ น จึงนำไปผสมกับส่วนผสมอน่ื ๆทมี่ ีจำนวนมาก 6. พรีมิกซ์ เป็นแร่ธาตุ-วิตามินเสริม ป้องกันการขาดแร่ธาตุวิตามิน สามารถซ้ือตามร้านขาย อาหารสัตวห์ รอื บรษิ ัทผผู้ ลติ พรมี ิกซ์หมแู มพ่ ันธ์ตุ อ้ งใชเ้ ฉพาะจึงจะดีใหน้ ้ำนมด ี 7. ไลซีน เป็นกรดอะมิโน ซ่งึ เป็นโปรตีน มักเตมิ ในอาหารสตั วอ์ อ่ น หรือในสตู รอาหารทไี่ มม่ ปี ลา เป็นส่วนประกอบ ที่มา : ศนู ย์เกษตรทฤษฎีใหม่เราสร้างกอ่ จงั หวดั มุกดาหาร 196 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การผลิตเมล็ดพันธุ์ หญา้ รูซเี่ พอ่ื จำหน่าย ปัจจุบันในการเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ เกษตรกรมีความจำเป็นต้องจัดทำแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ เพื่อปล่อยแทะเล็ม หรือตัดมาเล้ียงสัตว์ของตนเองอย่างเพียงพอ การจัดทำแปลงหญ้าดังกล่าวต้องใช้เมล็ด พันธุ์อาหารสัตว์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเมล็ดพันธ์ุหญ้ารูซี่ แต่เน่ืองจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่ ไม่สามารถผลิตเมล็ดพันธ์ุได้เอง และปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้จากกลุ่มเกษตรกรท่ีอยู่ภายใต้การส่งเสริม ของกรมปศุสัตว์ ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรผู้เล้ียงสัตว์ในประเทศ นอกจากนี้ยังมีลู่ทาง และความเป็นไปได้ในการส่งออกไปจำหน่ายในประเทศเพ่ือนบ้านอีกด้วย ทำให้การผลิตเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่ กลายเป็นอาชีพที่ได้รับความสนใจของเกษตรกร เน่ืองจากข้ันตอนการผลิตไม่ยุ่งยากและต้นทุนต่ำ สามารถ ใชแ้ รงงานในครวั เรือนได้ จงึ เปน็ รายได้เสริมใหก้ ับเกษตรกรผู้ผลิตได้เปน็ อยา่ งด ี เงื่อนไขความสำเรจ็ 1. เพื่อให้การผลิตเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกษตรกรควรรวมกลุ่มกันผลิตประมาณกลุ่มละ 10-20 คน 2. ควรมีตลาดรับซอ้ื เมลด็ พันธหุ์ ญา้ รูซท่ี ่แี น่นอน หรอื อาจทำข้อตกลงรับซอ้ื ไว้ลว่ งหนา้ 3. เกษตรกรต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการผลิตเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่ หรือสามารถรับการ ถา่ ยทอดเทคโนโลยีการผลิตจากเกษตรกรรายเดิมไดส้ ะดวก 4. เมล็ดพันธุ์ท่ีผลติ ได้จะตอ้ งมคี ุณภาพตามมาตรฐาน โดยมหี นว่ ยงานของรัฐเปน็ ผรู้ ับรอง เทคโนโลยแี ละกระบวนการผลิต พื้นท่ีปลูกควรเป็นพ้ืนที่ท่ีมีการระบายน้ำได้ดี ควรเริ่มปลูกต้ังแต่ต้นฤดูฝน ประมาณเดือน พฤษภาคม โดยเริ่มด้วยการไถเตรียมดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยรองพ้ืนก่อนปลูก และกำจัดวัชพืชในแปลงให้หมด ปลูกด้วยการหว่านเมล็ดพันธ์ุหญ้ารูซ่ีในอัตรา 2 กิโลกรัมต่อไร่ หรือใช้วิธีหยอดหลุมเป็นแถวมีระยะห่าง ระหว่างแถว 50 เซนติเมตร และระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ต้องกำจัดวัชพืชหลังปลูกทุกๆ 2-4 สัปดาห ์ ในช่วงแรกเกษตรกรสามารถตัดหญ้าในแปลงไปให้สัตว์กินได้จนถึงเดือนสิงหาคม โดยจะไม่มีผลกระทบต่อ ผลผลิตเมล็ด หลังจากน้ันต้องปิดแปลงปล่อยให้ต้นหญ้ารูซี่เจริญเติบโต และหญ้าจะแทงช่อดอกในเดือน ตุลาคม ให้มัดช่อดอกรวมกันเป็นกอๆ เพ่ือจะได้เคาะช่อดอกได้ง่ายข้ึน หลังจากหญ้ารูซี่ออกดอกแล้ว 2 สปั ดาห์ ตอ้ งหมนั่ สงั เกตวา่ เมลด็ สกุ แกห่ รอื ยงั ซง่ึ จะเรมิ่ เคาะชอ่ ดอกไดใ้ นชว่ งเดอื นพฤศจกิ ายน ใหน้ ำสวงิ หรือ กระด้งมารองรับเมล็ด แล้วเคาะบริเวณช่อดอกให้เมล็ดร่วงลงมา เว้นระยะ 2 วันจึงเคาะใหม่ จะสามารถ เคาะได้ถึง 3 รอบ เมื่อได้เมล็ดหญ้าแล้วต้องนำมาผึ่งในร่มประมาณ 2-3 วัน และผึ่งแดดประมาณ 1 วนั จากนั้นนำไปฝัดแยกเอาเมล็ดลีบออกไป แล้วบรรจุในกระสอบป่าน หรือกระสอบพลาสติกสานเพื่อรอ 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 197

การจำหน่ายต่อไป ในพื้นท่ี 1 ไร่ เกษตรกรจะสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซ่ีได้อย่างน้อย ประมาณ 60-80 กิโลกรัมต่อไร่ (เฉล่ีย 67 กิโลกรัมต่อไร่) ขึ้นกับความสามารถและวิธีการเก็บเกี่ยวของ เกษตรกร ตน้ ทนุ และผลตอบแทน 1. ตน้ ทนุ ส่วนใหญ่เกิดจากค่าแรงงานในการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซ่ี ดังนั้นหากเป็นเกษตรกร รายยอ่ ยกส็ ามารถลดคา่ ใชจ้ า่ ยลงดว้ ยการใชแ้ รงงานในครวั เรอื นได้ รองลงมาเปน็ คา่ เตรยี มดนิ คา่ ปยุ๋ และค่ากำจัด วัชพืช รวมแล้วจะมีต้นทุนการผลิตไร่ละประมาณ 2,733 บาท หรือคิดเป็นต้นทุนในการผลิตเมล็ดพันธ์ ุ หญ้ารูซี่ กโิ ลกรมั ละประมาณ 40.79 บาท ตน้ ทุนการผลิตเมล็ดพันธุห์ ญา้ รูซีข่ องเกษตรกร รายละเอยี ด เงิน (บาท) 1. ค่าจ้างเหมาเตรยี มดนิ 500 2. คา่ วัสด ุ - ค่าปุ๋ย 350 - ค่าเมล็ดพนั ธุ ์ 120 - ค่ากระสอบ 40 - ค่าอปุ กรณเ์ ก็บเกีย่ ว 110 3. ค่าแรงงาน - ปลูก 99 - ใสป่ ๋ยุ กำจัดวชั พชื 318 - เก็บเกีย่ ว 876 4. คา่ ใช้จา่ ยอืน่ ๆ เช่น ค่าที่ดิน ค่าขนยา้ ยเมลด็ พันธุ์ 320 รวม 2,733 ทม่ี า : กองอาหารสตั ว์ กรมปศสุ ตั ว์ 2. ผลตอบแทน เกษตรกรจะจำหน่ายเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซ่ีได้ในราคาประมาณกิโลกรัมละ 45-80 บาท ซึ่งราคา จะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่ซ้ือขาย และปริมาณความต้องการของผู้ซื้อ โดยราคามาตรฐานที่ชมรมผู้ผลิต เมล็ดพันธ์ุพืชอาหารสัตว์แห่งประเทศไทย กำหนดไว้ในปีเพาะปลูก 2553/2554 ราคากิโลกรัมละ 60 บาท เกษตรกรจะมีผลตอบแทนประมาณไร่ละ 1,287 บาท ท้ังนี้ ต้นทุนและผลตอบแทนดังกล่าวผันแปรได้ตามแหล่งท่ีผลิต ตลาดซื้อขายและปริมาณ ความต้องการของตลาดเปน็ สำคญั ท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว ์ หรือสถานพี ัฒนาอาหารสตั วท์ ุกแหง่ หรือ โทร. 0-2653-4489 198 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก

การผลติ เสบียงสัตว ์ เพอื่ จำหนา่ ย การเลี้ยงโคเนื้อ โคนม โคขุนเชิงธุรกิจในปัจจุบัน เกษตรกรผู้เล้ียงส่วนใหญ่จะมีพื้นที่จำกัดไม ่ เพยี งพอตอ่ การผลติ อาหารหยาบไดด้ ว้ ยตนเอง จำเปน็ ตอ้ งซอื้ เสบยี งสตั วจ์ ากภายนอกฟารม์ ทงั้ ในลกั ษณะพชื สด พืชหมัก และพืชแห้ง มีผลทำให้เสบียงสัตว์เหล่านี้มีราคาดีและคุ้มค่าต่อการลงทุนผลิตเพ่ือจำหน่ายให้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้เล้ียงสัตว์ จึงกลายเป็นอาชีพที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรในปัจจุบัน ช่วยสรา้ งฐานะและเปน็ รายได้ที่มั่นคง ท้ังที่เป็นรายได้หลักและรายได้เสริมควบคู่ไปกับการเลี้ยงสัตว์ได้อย่างย่ังยืน ปัจจุบันมี กลุ่มเกษตรกรผลิตเสบียงสัตว์จำหน่ายอยู่ 170 กลุ่ม สมาชิก 3,299 ราย พื้นท่ีปลูกหญ้า 13,430 ไร่ มีผลผลิตเสบียงสัตว์ปีละ 71,000 ต้น เงอ่ื นไขความสำเรจ็ 1. เกษตรกรต้องมีพ้ืนที่การผลิตอยู่ใกล้เคียงแหล่งท่ีมีการเล้ียงโคนม โคเนื้อ โคขุน มีการ คมนาคมสะดวก และตอ้ งมีแหลง่ นำ้ เพือ่ ใชใ้ นการผลติ ในช่วงแลง้ อย่างเพยี งพอ 2. ควรมีการทำข้อตกลงการซ้ือขายเสบียงสัตว์ล่วงหน้ากับเกษตรกรผู้เล้ียงสัตว์ท่ีต้องการซ้ือ หรอื ตลาดจำหน่ายท่ีแนน่ อน 3. ต้องสามารถผลิตเสบียงสัตว์ให้ได้คุณภาพ รวมทั้งมีปริมาณและราคาที่เหมาะสม อยา่ งต่อเน่อื งตลอดปี 4. ในการจัดทำเสบียงสัตว์ปริมาณมากๆ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เครื่องทุ่นแรงมากมาย ดังนั้น เกษตรกรจะตอ้ งมีทุนเพียงพอในการจัดหาเครื่องมอื ดังกล่าว 5. ต้องมสี ถานที่ในการจดั เก็บเสบียงสตั ว์ เพื่อรอการจำหน่ายอย่างเพยี งพอ 6. เพื่อให้การดำเนินการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกษตรกรจะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่ม การผลิต อยา่ งนอ้ ยกลุ่มละ 10-20 คน เทคโนโลยีและกระบวนการผลิต 1. พนั ธุพ์ ชื อาหารสัตว ์ เกษตรกรจะเลือกใช้พันธ์ุพืชอาหารสัตว์แตกต่างกันไปตามชนิดของเสบียงสัตว์ท่ีผลิต เช่น ผลิตพืชสดนิยมใช้หญ้ากินนีสีม่วง หญ้าแพงโกล่า หญ้าเนเปียร์ หญ้าบาน่า และหญ้าหวายข้อ ผลิตพืชแห้ง จะนิยมใช้หญ้าแพงโกล่า หญ้ารูซ่ี ถ่ัวคาวาลเคด ส่วนการผลิตพืชหมัก นิยมใช้หญ้าเนเปียร์ หญ้ากินนีสีม่วง ต้นขา้ วโพดฝกั อ่อน เปน็ ตน้ 2. การดำเนนิ การผลิต ประกอบด้วย 2 ขนั้ ตอนหลัก คือ 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก 199

1) การปลูกพืชอาหารสัตว์ เริ่มด้วยการไถพรวนดินให้ร่วนซุยเหมาะสมต่อการฝังตัวของ เมลด็ แล้วใสป่ ุ๋ยรองพ้ืนก่อนปลกู จากนั้นปลูกตามคำแนะนำของพชื แต่ละชนดิ พนั ธุ์ เชน่ หญ้ารซู ี่ ก็ให้หว่าน เมล็ดแล้วใช้คาดกลบดินบางๆ หญ้ากินนีสีม่วงก็ให้เพาะกล้าก่อนแล้วย้ายปลูกเป็นแถว ระยะ 50x50 เซนติเมตร หญ้าแพงโกล่าก็ปล่อยน้ำท่วมแปลง 10 เซนติเมตร หว่านท่อนพันธ์ุแช่น้ำ 7-10 วัน แล้วปล่อยน้ำออก หญ้าเนเปียร์ใช้ท่อนพันธ์ุปลูกเป็นแถวเหมือนต้นอ้อย เป็นต้น หลังปลูก 2 สปั ดาห์ ควรกำจัดวัชพืชในแปลง ดแู ลให้น้ำ และใสป่ ุ๋ยตามสมควร 2) การจัดทำเสบียงสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ จะมวี ธิ แี ตกต่างกัน ได้แก ่ - การทำพืชสด ควรตัดพืชสดจำหน่ายเม่ือมีอายุท่ีเหมาะสมตามชนิดของพืช อาหารสตั ว์ โดยทั่วไปจะตัดคร้งั แรกทีอ่ ายุ 60-75 วนั หลงั จากนนั้ สามารถตัดได้ทุกๆ 30-35 วนั เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการผลิตพชื สด เพ่ือช่วยอำนวยความสะดวก และเพอื่ ความรวดเร็ว ได้แก่ เคร่ืองตัดหญ้า ซ่ึงปัจจุบัน จะมที ัง้ แบบเครอื่ งยนต์สะพายหลงั และแบบเครอื่ งตัดตดิ ท้ายรถแทรกเตอร ์ - การทำพืชแห้ง ควรตัดพืชเมื่อมีอายุที่เหมาะสมเช่นเดียวกันกับการตัดเพื่อทำ พชื สด จากนนั้ ทงิ้ ไวใ้ นแปลงโดยมกี ารกลบั -เกลย่ี หญา้ ใหแ้ หง้ เรว็ ขน้ึ หรอื นำมาตากบนลานตากประมาณ 3 แดด จนหญ้าแห้งได้ตามลำดับคุณภาพที่ต้องการ ก็จะทำการรวบรวมอัดฟ่อนและจัดเก็บเพื่อรอจำหน่ายต่อไป เครื่องมือที่ใช้ในการจัดทำพืชแห้ง ที่จะช่วยในการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ เคร่ืองกลับเกลี่ย รวมกองหญ้าและเคร่ืองอัดฟ่อนหญ้า ซ่ึงปัจจุบันมีท้ังแบบที่ใช้แรงงานคน แบบใช้เคร่ืองยนต์ และแบบ ตดิ ทา้ ยรถแทรกเตอร์ โดยมลี วดหรอื เชอื กฟางเป็นอปุ กรณม์ ัดฟ่อนหญ้า - การทำพืชหมัก ควรตัดพืชสดเม่ืออายุที่เหมาะสม สำหรับพืชหมักกล่าวคือ มีอายุมากกว่าเพื่อให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้นและความชื้นลดลง โดยใช้วิธีการเช่นเดียวกับการตัด ทำพชื สด จากนน้ั นำมาหน่ั เปน็ ชนิ้ เลก็ ๆ ขนาดประมาณ 2-3 เซนตเิ มตร แลว้ อดั ใหแ้ นน่ ในภาชนะสำหรบั หมกั ซึ่งจะมีหลายรูปแบบ เช่น ถุงดำ หรือถุงพลาสติกสำหรับการผลิตขนาดเล็ก ถังหรือถุงละไม่เกิน 200 กิโลกรัม ทยอยใส่หญ้าลงในภาชนะหมัก แล้วขึ้นเหยียบให้แน่นเพื่อไล่อากาศออกจากภาชนะบรรจ ุ ใหม้ ากท่สี ดุ เทา่ ทจี่ ะทำเปน็ ชนั้ ๆ แตล่ ะช้นั หนาประมาณ 20 เซนติเมตร เสรจ็ แลว้ คลมุ หรอื ปิดภาชนะให้แน่น ป้องกันไม่ใหอ้ ากาศเข้าออกได้ และจัดเกบ็ เพือ่ รอจำหน่ายต่อไป ต้นทนุ และผลตอบแทน 1. ตน้ ทนุ ในปีแรกต้นทุนประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาเตรียมดิน ค่าวัสดุ ค่าแรงงาน ในปีต่อไปไม่ต้อง เสียค่าใช้จ่ายในการปลูกอีก เนื่องจากต้นหญ้าสามารถแตกกอหรือแขนงใหม่ได้ให้ผลผลิตได้นาน 3-5 ป ี จึงค่อยปลูกใหม่หรือไถสางแปลงเก่า ต้นทุนจะแตกต่างกันไปตามชนิดของพืชอาหารสัตว์ที่ใช้จัดทำ เช่น หญ้าแพงโกลา่ หญ้ารซู ่ี หญ้ากินนสิ ีมว่ ง ถั่วท่าพระสไตโล ตามตารางทีแ่ นบ 200 120 อาชีพเกษตรกรรมทางเลือก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook