๑
๒ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านห้วยแหง้ พุทธศักราช ๒๕6๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ สานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต ๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
๓ ประกาศโรงเรยี นบา้ นหว้ ยแห้ง เร่ือง ใหใ้ ช้หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านห้วยแห้ง พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๐) เพื่อให๎การจัดการศึกษาข้ันพื้นฐานของโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึ กษา ประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต ๓ สอดคล๎องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและ ความเจริญก๎าวหน๎าทางวิทยาการ สนองนโยบาย คุณธรรมนาความรู๎ ตอบสนองความต๎องการของผ๎ูเรียน ชุมชน ทอ๎ งถนิ่ และสังคม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริ โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ได๎ดาเนินการเพ่ือให๎เป็นไปตามตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ให๎ใช๎มาตรฐานการเรียนร๎ูและตัวช้ีวัดกลํุมสาระการเรียนร๎ู คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลํุมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงประกาศให๎ใช๎ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๐) ตัง้ แตปํ กี ารศึกษา ๒๕๖๔ เป็นต๎นไป ทงั้ นี้ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ไดร๎ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา ขน้ั พ้ืนฐาน เมอ่ื วนั ที่ 7 เดอื น มิถนุ ายน ๒๕๖๔ จงึ ประกาศใหใ๎ ช๎หลักสูตรสถานศกึ ษา ต้ังแตํบดั นเี้ ป็นต๎นไป ประกาศ ณ วันท่ี 7 เดอื น มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (ลงชอื่ ) (นางสาวสพุ รทิพย์ จนิ ตนชูติกร ) ผูอ๎ านวยการโรงเรียนบา๎ นหว๎ ยแห๎ง
๔ ส่วนนา ความนา พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหํงชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ แก๎ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕มาตรา ๒๗ วรรค ๒ ไดก๎ าหนดให๎สถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานมีหน๎าท่จี ดั ทาสาระของหลกั สูตรในสํวนท่ีเก่ียวกับสภาพปัญหา ในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพ่ือเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ กระทรวงศึกษาธิการได๎มีคาส่ังให๎ใช๎หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๐) ในโรงเรียนทั่วไป โดยเริ่มในปีการศึกษา ๒๕๖๑ ให๎ โรงเรยี นใช๎หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔ กรอบหลักสูตรระดับท๎องถ่ิน สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต ๓ ได๎ กาหนดเปูาหมายและจุดเน๎นในการพัฒนาผ๎ูเรียนโดยมุํงพัฒนาทักษะการอําน ใช๎ประโยชน์จากการอํานเป็น เห็นคุณคําและรกั การอําน มํุงสงํ เสรมิ การศึกษาเรยี นร๎ตู ามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มุํงสํงเสริมให๎เกิด ความตระหนักในจารตี ขนบธรรมเนียมประเพณี วถิ ีวัฒนธรรมและชาตพิ ันธุ์ มุํงพัฒนาองค์ความรู๎ ประยุกต์ภูมิ ปัญญาท๎องถ่ิน สูํงานศิลปะ อาชีพเชิงประยุกต์ มุํงสํงเสริมการใช๎ความหลากหลาย ทางภาษาและวัฒนธรรม สร๎างความเข๎าใจอันดีตํอกัน อยํูรํวมกันอยํางเป็นสุข และเพ่ือพัฒนาการค๎า การบริการการทํองเท่ียว มํุง สํงเสริมสนับสนุนการศึกษา เพ่ือการพัฒนางานสร๎างอาชีพพื้นฐานการทามาหากินตามวิถีชีวิตท่ีสอดคล๎องกับสภาพ ภูมิศาสตร์ของท๎องถ่ินและวิถีชีวิตของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มํุงสํงเสริมการสร๎างสานึกคุณธรรม มีกิริยามารยาท มี สมั มาคารวะ รบั ผดิ ชอบและรักบ๎านเกิด โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต ๓ ได๎ดาเนินการ จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) โดยปรับโครงสร๎างหลักสูตร มาตรฐานการ เรียนรู๎และตวั ชี้วัดในกลมุํ สาระการเรยี นรวู๎ ิทยาศาสตร์ คณิตศาสตรแ์ ละสาระภูมิศาสตร์ในกลุํมสาระการเรียนร๎ู สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การบริหารจัดการเวลาเรยี นของสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ,คาส่งั กระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ.๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลง วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ให๎ใช๎มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวช้ีวัดกลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลํุมสาระการเรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑, คาส่ังสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เร่ือง ให๎เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู๎ และตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) และประกาศ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๖๑ เร่ืองการบริหารจัดการหลักสูตร สถานศึกษากลํุมสาระการเรียนร๎ูคณิตศาสตร์ และกลํุมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ. ศ. ๒๕๖๐) เพื่อใช๎เป็นกรอบและทิศทางในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง และเพื่อให๎ กระบวนการนาหลักสูตรไปสํูการปฏิบัติอยํางมีประสิทธิภาพ โดยจัดทาและพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิด หลักสูตรอิงมาตรฐาน คือ กาหนดมาตรฐานการเรียนร๎ูเป็นเปูาหมายในการพัฒนาผู๎เรียน เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนมี คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนร๎ูที่กาหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุํงพัฒนาผ๎ูเรียนทุกคน ใหม๎ ีความสมดุลทง้ั ดา๎ นรํางกาย ความรู๎ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นใน
๕ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู๎และทักษะพื้นฐาน รวมท้ังเจตคติที่จาเป็นตํอการศึกษาตํอ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมํุงเน๎นผ๎ูเรียนเป็น สาคัญบนพนื้ ฐานความเชอื่ วํา ทกุ คนสามารถเรียนรู๎และพัฒนาตนเองไดเ๎ ตม็ ตามศกั ยภาพ วสิ ัยทศั น์โรงเรียน “ ผ้เู รยี นมีคุณภาพ กา้ วทันเทคโนโลยี บนพน้ื ฐานความเป็นไทย นอ้ มนาเศรษฐกิจพอเพียง สาน สมั พันธ์ชุมชน ” สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พ้นื ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) มํุงพัฒนาผเ๎ู รยี นใหม๎ ีคุณภาพตามมาตรฐาน การเรียนรู๎ ซ่ึงการพัฒนาผู๎เรียนให๎บรรลุตามมาตรฐานการเรียนร๎ูที่กาหนดนั้นจะชํวยให๎ผ๎ูเรียนเกิดสมรรถนะ สาคญั ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรบั และสงํ สาร มีวัฒนธรรมในการใช๎ภาษา ถํายทอดความคิด ความร๎ูความเข๎าใจ ความรู๎สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปล่ียนข๎อมูลขําวสาร และ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ตํอการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาตํอรองเพื่อขจัดและลด ปญั หาความขดั แย๎งตาํ ง ๆ การเลือกรบั หรอื ไมํรับข๎อมูลขําวสารด๎วยหลักเหตุผล และความถูกต๎อง ตลอดจน การเลอื กใช๎วิธีการส่อื สารที่มปี ระสิทธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบที่มีตํอตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอยํางสร๎างสรรค์ การคิดอยํางมี วจิ ารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพ่อื นาไปสกูํ ารสร๎างองค์ความร๎ูหรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเก่ียวกับ ตนเองและสังคมไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นความสามารถในการแก๎ปัญหาและอุปสรรคตําง ๆ ท่ีเผชิญ ไดอ๎ ยาํ งถกู ตอ๎ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข๎อมูลสารสนเทศ เข๎าใจความสัมพันธ์และ การเปลีย่ นแปลงของเหตกุ ารณ์ตาํ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความร๎ู ประยกุ ตค์ วามร๎มู าใช๎ในการปูองกันและแก๎ไข ปญั หา และมีการตัดสินใจท่มี ีประสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถึงผลกระทบท่ีเกดิ ข้นึ ตํอตนเอง สงั คมและสงิ่ แวดลอ๎ ม ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการตําง ๆ ไปใช๎ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนร๎ูด๎วยตนเอง การเรียนร๎ูอยํางตํอเนื่อง การทางาน และการอยํูรํวมกันใน สังคมด๎วยการสร๎างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหวํางบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย๎งตําง ๆ อยําง เหมาะสม การปรับตัวให๎ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล๎อมและการร๎ูจักหลี กเลี่ยง พฤติกรรมไมพํ ึงประสงค์ทส่ี งํ ผลกระทบตํอตนเองและผ๎ูอน่ื ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช๎เทคโนโลยีด๎าน ตําง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด๎านการเรียนรู๎ การสื่อสาร การทางาน การแกป๎ ญั หาอยํางสรา๎ งสรรค์ ถูกต๎องเหมาะสม และมีคณุ ธรรม คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มุํงพัฒนาผู๎เรียนให๎มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใหส๎ ามารถอยํูรํวมกบั ผอู๎ ื่นในสังคมได๎อยาํ งมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดังนี้ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๖ ๒. ซื่อสัตยส์ ุจริต ๓. มวี ินัย ๔. ใฝุเรียนร๎ู ๕. อยูอํ ยาํ งพอเพียง ๖. มุงํ มนั่ ในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู๎เรียนให๎เกิดความสมดุล ต๎องคานึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน จึงกาหนดใหผ๎ เ๎ู รียนเรยี นร๎ู ๘ กลมํุ สาระการเรยี นร๎ู ดงั นี้ ๑. ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๓. วทิ ยาศาสตร์ ๔. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๕. สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๖. ศิลปะ ๗. การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๘. ภาษาตํางประเทศ ในแตํละกลํุมสาระการเรียนร๎ูได๎กาหนดมาตรฐานการเรียนรู๎เป็นเปูาหมายสาคัญของการพัฒนา คุณภาพผ๎ูเรียน มาตรฐานการเรียนร๎ูระบุสิ่งที่ผ๎ูเรียนพึงร๎ู ปฏิบัติได๎ มีคุณธรรมจริยธรรม และคํานิยม ท่ีพึง ประสงค์เม่ือจบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นอกจากน้ันมาตรฐานการเรียนรู๎ยังเป็นกลไกสาคัญ ในการขับเคล่ือน พัฒนาการศึกษาท้ังระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนร๎ูจะสะท๎อนให๎ทราบวําต๎องการอะไร จะสอนอยํางไร และ ประเมินอยํางไร รวมท้ังเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพ่ือการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช๎ระบบการ ประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคณุ ภาพภายนอก ซงึ่ รวมถึงการทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษา และ การทดสอบระดบั ชาติ ระบบการตรวจสอบเพ่อื ประกันคุณภาพดังกลําวเป็นสิ่งสาคัญที่ชํวยสะท๎อนภาพการจัด การศกึ ษาวําสามารถพฒั นาผู๎เรยี นให๎มคี ุณภาพตามท่มี าตรฐานการเรยี นรก๎ู าหนดเพยี งใด ตวั ช้วี ดั ตวั ชี้วัดระบุสิ่งท่ีนกั เรียนพงึ รแู๎ ละปฏิบัติได๎ รวมทง้ั คุณลักษณะของผู๎เรียนในแตํละระดับชั้น ซึ่งสะท๎อน ถึงมาตรฐานการเรียนรู๎ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช๎ ในการกาหนดเนื้อหา จัดทา หนํวยการเรียนรู๎ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับการวัดประเมินผลเพ่ือตรวจสอบคุณภาพ ผูเ๎ รยี น ตวั ชี้วัดชน้ั ปี เป็นเปูาหมายในการพัฒนาผู๎เรยี นแตลํ ะชน้ั ปใี นระดบั การศกึ ษาภาคบังคบั (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓)
๗ หลักสูตรได๎มีการกาหนดรหัสกากบั มาตรฐานการเรียนร๎ูและตวั ชว้ี ดั เพ่อื ความเขา๎ ใจและใหส๎ ือ่ สาร ตรงกนั ดังน้ี ว ๑.๑ ป.๑/๒ ป.๑/๒ ตวั ชวี้ ดั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ข๎อท่ี ๒ ๑.๑ สาระท่ี ๑ มาตรฐานการเรยี นรูข๎ อ๎ ท่ี ๑ ว กลํุมสาระการเรยี นรู๎วิทยาศาสตร์ ต ๒.๒ ม.๑/๓ ม.๑/๓ ตัวชว้ี ัดชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอ๎ ท่ี ๓ ๒.๒ สาระที่ ๒ มาตรฐานการเรยี นรู๎ข๎อที่ ๒ ต กลํุมสาระการเรยี นร๎ภู าษาตาํ งประเทศ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนร๎ู ประกอบด๎วยองค์ความรู๎ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู๎ และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ซ่ึงกาหนดให๎ผ๎ูเรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจาเป็นต๎องเรียนรู๎ โดยแบํงเป็น ๘ กลุํมสาระ การเรยี นรู๎ ดังน้ี ภาษาไทย : ความรู๎ ทกั ษะและวัฒนธรรมการใช๎ภาษาเพื่อการสื่อสาร ความชื่นชม การเห็นคุณคําภูมิ ปัญญา ไทย และภูมใิ จในภาษาประจาชาติ คณิตศาสตร์ : การนาความรู๎ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปใช๎ในการแก๎ปัญหา การ ดาเนินชีวิต และศึกษาตํอ การมีเหตุมีผล มีเจตคติที่ดีตํอคณิตศาสตร์ พัฒนาการคิดอยํางเป็นระบบและ สร๎างสรรค์ วิทยาศาสตร์ : การนาความร๎ูและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไปใช๎ในการศึกษา ค๎นคว๎าหาความรู๎ และแก๎ปัญหาอยํางเป็นระบบ การคิดอยํางเป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์ คิดสร๎างสรรค์ และจิต วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม : การอยํูรํวมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอยํางสันติสุข การ เป็นพลเมืองดี ศรัทธาในหลักธรรมของศาสนา การเห็นคุณคําของทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อม ความรักชาติ และภมู ใิ จในความเป็นไทย สุขศึกษาและพลศกึ ษา : ความรู๎ ทกั ษะและเจตคติในการสรา๎ งเสริมสุขภาพพลานามัยของตนเองและ ผูอ๎ ่ืน การปอู งกันและปฏบิ ัตติ ํอ สงิ่ ตาํ ง ๆ ท่มี ผี ลตอํ สขุ ภาพอยํางถูกวิธแี ละทกั ษะในการดาเนินชีวติ ศิลปะ : ความร๎แู ละทักษะในการคิดริเริ่ม จินตนาการ สร๎างสรรค์งานศิลปะ สุนทรียภาพและการเห็น คณุ คําทางศลิ ปะ การงานอาขีพและเทคโนโลยี : ความร๎ู ทักษะ และเจตคติในการทางาน การจัดการ การดารงชีวิต การประกอบอาชพี และการใชเ๎ ทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ : ความร๎ู ทักษะ เจตคติ และวัฒนธรรม การใช๎ภาษาตํางประเทศในการสื่อสาร การแสวงหาความร๎ู และการประกอบอาชพี
๘ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานกาหนดมาตรฐานการเรียนรู๎ใน ๘ กลุํมสาระการเรียนรู๎ จาน วน ๕๗ มาตรฐาน ดงั นี้ ภาษาไทย สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก๎ ระบวนการอํานสรา๎ งความร๎ูและความคิด เพื่อนาไปใช๎ตัดสินใจแก๎ปญั หา ในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอาํ น สาระที่ ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช๎กระบวนการเขียน เขียนส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ยอํ ความ และเขยี นเรอ่ื งราวใน รูปแบบตํางๆ เขียนรายงานขอ๎ มูลสารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน๎ ควา๎ อยาํ งมี ประสทิ ธิภาพ สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดอู ยํางมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความร๎ู ความคดิ และ ความรูส๎ ึกในโอกาสตํางๆ อยํางมีวิจารณญาณและสรา๎ งสรรค์ สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา๎ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว๎เป็นสมบตั ขิ องชาติ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข๎าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทย อยาํ งเห็น คณุ คําและนามาประยกุ ต์ใช๎ในชวี ิตจรงิ คณติ ศาสตร์ สาระที่ ๑ จานวนและพชี คณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การ ของจานวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนินการและนาไปใช๎ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา๎ ใจและวเิ คราะหแ์ บบรปู ความสัมพันธ์ ฟังกช์ ัน ลาดับและอนกุ รมและนาไปใช๎ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน๎ พิ จน์ สมการ อสมการ และเมทรกซ์ อธิบายความสมั พันธ์ หรือชวํ ยแก๎ปัญหา ทก่ี าหนดให๎ สาระท่ี ๒ การวัดและเรขาคณติ มาตรฐาน ค ๒.๑ เข๎าใจพื้นฐานเก่ียวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต๎องการวัด และนาไปใช๎ มาตรฐาน ค ๒.๒ เข๎าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณติ สมบตั ิของรปู เรขาคณติ ความสัมพันธร์ ะหวาํ ง รูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช๎ สาระท่ี ๓ สถติ ิและความนา่ จะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา๎ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช๎ความร๎ูทางสถติ ใิ นการแกป๎ ัญหา มาตรฐาน ค.๓.๒ เข๎าใจหลกั การนบั เบอื้ งต๎น ความนําจะเปน็ และนาไปใช๎
๙ วิทยาศาสตร์ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข๎าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธร์ ะหวาํ งสิง่ ไมมํ ีชวี ิต กับสิ่งมีชีวิต และความสมั พันธร์ ะหวาํ งสง่ิ มชี วี ติ กบั ส่ิงมีชวี ิตตํางๆ ในระบบนิเวศ การถํายทอดพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงแทนทใี่ นระบบนเิ วศ ความหมาย ของประชากร ปัญหาและผลกระทบทม่ี ตี อํ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล๎อม แนวทางในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก๎ไขปัญหาส่งิ แวดล๎อม รวมท้งั นาความรู๎ไปใชป๎ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา๎ ใจสมบัติของส่ิงมชี ีวติ หนํวยพนื้ ฐานของสง่ิ มีชีวิต การลาเลยี งสารผาํ นเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา๎ ง และหน๎าทข่ี องระบบตาํ งๆ ของสัตว์และ มนุษยท์ ่ีทางานสมั พันธ์กัน ความสัมพนั ธ์ของโครงสรา๎ ง และหนา๎ ท่ีของอวยั วะตาํ งๆ ของพชื ท่ที างานสัมพนั ธก์ นั รวมทั้งนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข๎าใจกระบวนการและความสาคญั ของการถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ผี ลตํอสิ่งมชี วี ิต ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและวิวฒั นการของสง่ิ มีชวี ติ รวมทั้งนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข๎าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวํางสมบัติของสสาร กับโครงสรา๎ งและแรงยึดเหนี่ยวระหวํางอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการ เปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา๎ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของแรงท่กี ระทาตํอวัตถุ ลกั ษณะการ เคลอ่ื นทแี่ บบตํางๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นาความร๎ูไปใชป๎ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข๎าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถาํ ยโอนพลงั งาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวํางสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฎการณ์ท่ีเกีย่ วข๎องกบั เสยี ง แสง และคลื่นแมํเหล็กไฟฟาู รวมทั้งนาความร๎ไู ป ใช๎ประโยชน์ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา๎ ใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพกาแลกซี่ ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมท้งั ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ทีม่ ผี ลตอํ สงิ่ มชี ีวติ และการประยุกต์ใชเ๎ ทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา๎ ใจองคป์ ระกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลง ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณพี ิบัตภิ ัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟูาอากาศ และภมู ิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตํอสง่ิ มชี วี ติ และส่ิงแวดล๎อม สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข๎าใจแนวคดิ ของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวติ ในสงั คมทีม่ กี ารเปล่ียนแปลงอยาํ ง รวดเรว็ ใช๎ความรแ๎ู ละทกั ษะดา๎ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพอ่ื แก๎ปัญหาหรอื พัฒนางานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ ด๎วยกระบวนการออกแบบเชงิ
๑๐ มาตรฐาน ว ๔.๒ วิศวกรรม เลอื กใช๎เทคโนโลยอี ยาํ งเหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบตํอชวี ิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ๎ ม เข๎าใจและใช๎แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป๎ ญั หาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อยํางเปน็ ขัน้ ตอน และระบบ ใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนร๎ู การทางาน และ การแกป๎ ัญหาได๎อยาํ งมปี ระสิทธิภาพ ร๎ูเทาํ ทนั และมจี ริยธรรม สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รูแ๎ ละเขา๎ ใจประวัติ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนา ท่ตี นนับถือ และศาสนาอืน่ มศี รัทธาท่ีถูกตอ๎ ง ยึดมัน่ และปฏบิ ตั ติ ามหลักธรรม เพื่อการอยํูรํวมกนั อยํางสันติสขุ มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา๎ ใจ ตระหนักและปฏิบตั ิตนเปน็ ศาสนิกชนทดี่ ี และธารงรักษาพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนบั ถอื สาระท่ี ๒ หน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข๎าใจและปฏบิ ัตติ นตามหน๎าทข่ี องการเป็นพลเมืองดี มีคาํ นิยมทีด่ ีงาม และธารง รกั ษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยูํรวํ มกันในสงั คมไทย และสงั คมโลก อยาํ งสนั ติสุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข๎าใจระบบการเมืองการปกครองในสงั คมปัจจุบนั ยึดมนั่ ศรทั ธา และธารงรักษา ไวซ๎ ึ่งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์เปน็ ประมุข สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา๎ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรพั ยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใช๎ ทรพั ยากรท่มี ีอยูํอยาํ งมปี ระสิทธิภาพและคุ๎มคาํ รวมทง้ั เข๎าใจหลกั การของ เศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื การดารงชีวิตอยาํ งมีดลุ ยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เขา๎ ใจระบบ และสถาบนั ทางเศรษฐกิจตาํ งๆ ความสัมพนั ธท์ างเศรษฐกิจ และความ จาเปน็ ของการรํวมมอื กนั ทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก สาระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา๎ ใจความหมาย ความสาคญั ของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช๎ วิธกี ารทางประวตั ิศาสตรม์ าวิเคราะห์เหตกุ ารณต์ ํางๆอยาํ งเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข๎าใจพฒั นาการของมนุษยชาติจากอดตี จนถึงปจั จบุ ัน ในดา๎ นความสัมพนั ธแ์ ละ การเปล่ยี นแปลงของเหตกุ ารณ์อยาํ งตํอเน่ือง ตระหนักถงึ ความสาคัญและสามารถ วิเคราะหผ์ ลกระทบท่เี กดิ ขึ้น มาตรฐาน ส ๔.๓ เข๎าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภมู ิปัญญาไทย มคี วามรัก ความภูมิใจ และธารงความเปน็ ไทย สาระท่ี ๕ ภมู ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข๎าใจลกั ษณะทางกายภาพของโลกและความสมั พนั ธ์ของสรรพสง่ิ ซึง่ มผี ลตํอกนั ใช๎ แผนท่แี ละเครื่องมอื ทางภมู ิศาสตร์ในการคน๎ หา วิเคราะห์ และสรปุ ข๎อมลู ตาม
๑๑ กระบวนการทางภูมศิ าสตร์ ตลอดจนใช๎ภูมิสารสนเทศอยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา๎ ใจปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวาํ งมนษุ ย์กบั สง่ิ แวดลอ๎ มทางกายภาพที่กอํ ให๎เกดิ การ สรา๎ งสรรค์วถิ ีการดาเนนิ ชวี ติ มจี ติ สานึกและมีสวํ นรํวมในการจดั การทรัพยากรและ สิ่งแวดล๎อมเพื่อการพัฒนาที่ย่งั ยนื สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา สาระท่ี ๑ การเจริญเตบิ โตและพัฒนาการของมนุษย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข๎าใจธรรมชาตขิ องการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ สาระท่ี ๒ ชีวติ และครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เข๎าใจและเหน็ คณุ คําของตนเอง ครอบครวั เพศศกึ ษา และมที กั ษะในการดาเนินชวี ิต สาระที่ ๓ การเคลอ่ื นไหว การออกกาลงั กาย การเล่นเกม กฬี าไทย และกฬี าสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ เขา๎ ใจ มที ักษะในการเคล่ือนไหว กิจกรรมทางกาย การเลํนเกม และกฬี า มาตรฐาน พ ๓.๒ รกั การออกกาลังกาย การเลนํ เกม และการเลํนกีฬา ปฏิบัติเปน็ ประจาอยาํ ง สมา่ เสมอ มีวนิ ัย เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มนี ้าใจนกั กฬี า มจี ติ วิญญาณในการ แขํงขนั และชนื่ ชมในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า สาระที่ ๔ การสรา้ งเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกนั โรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เหน็ คณุ คําและมีทักษะในการสรา๎ งเสริม การดารงสขุ ภาพ การปูองกันโรคและ การสรา๎ งเสริมสมรรถภาพเพอ่ื สขุ ภาพ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชวี ติ มาตรฐาน พ ๕.๑ ปอู งกันและหลกี เลีย่ งปัจจยั เสย่ี ง พฤตกิ รรมเส่ยี งตอํ สุขภาพ อบุ ตั ิเหตุ การใช๎ยา สารเสพติด และความรุนแรง ศลิ ปะ สาระที่ ๑ ทศั นศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สรา๎ งสรรค์งานทศั นศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการ และความคิดสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์คณุ คํางานทัศนศลิ ป์ ถาํ ยทอดความรูส๎ ึก ความคดิ ตํองานศิลปะ อยํางอิสระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ชใ๎ นชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ศ ๑.๒ เขา๎ ใจความสัมพันธร์ ะหวํางทศั นศลิ ป์ ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณคาํ งานทัศนศลิ ปท์ ่ีเปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท๎องถ่ิน ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข๎าใจและแสดงออกทางดนตรีอยาํ งสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณค์ ุณคาํ ดนตรี ถาํ ยทอดความร๎สู ึก ความคดิ ตอํ ดนตรอี ยาํ งอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช๎ใน ชวี ิตประจาวนั มาตรฐาน ศ ๒.๒ เขา๎ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวํางดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คณุ คาํ ของ ดนตรีที่เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ๎ งถิน่ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล สาระท่ี ๓ นาฏศิลป์
๑๒ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข๎าใจและแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ยํางสร๎างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ คุณคํานาฏศิลปถ์ าํ ยทอดความรูส๎ กึ ความคดิ อยาํ งอสิ ระ ชืน่ ชม และประยุกต์ ใช๎ในชวี ิตประจาวนั มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข๎าใจความสัมพนั ธร์ ะหวํางนาฏศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม เหน็ คณุ คํา ของนาฏศิลป์ท่ีเปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ๎ งถ่นิ ภูมิปัญญาไทยและสากล การงานอาชพี สาระที่ ๑ การดารงชวี ิตและครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เขา๎ ใจการทางาน มีความคดิ สรา๎ งสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการ จัดการ ทกั ษะกระบวนการแกป๎ ญั หา ทกั ษะการทางานรํวมกนั และทกั ษะการ แสวงหาความร๎ู มีคณุ ธรรมและลักษณะนสิ ัยในการทางาน มจี ติ สานึกในการใช๎ พลังงาน ทรพั ยากร และสิง่ แวดล๎อม เพื่อการดารงชีวิตและครอบครัว สาระท่ี ๒ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข๎าใจ มีทกั ษะทีจ่ าเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช๎เทคโนโลยี เพอื่ พฒั นาอาชพี มคี ณุ ธรรม และมเี จตคติทีด่ ีตอํ อาชพี ภาษาต่างประเทศ สาระที่ ๑ ภาษาเพ่ือการสอ่ื สาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข๎าใจและตคี วามเรือ่ งท่ฟี ังและอํานจากสอื่ ประเภทตาํ งๆ และแสดงความคดิ เห็น อยาํ งมเี หตผุ ล มาตรฐาน ต ๑.๒ มที ักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข๎อมูลขาํ วสาร แสดงความรู๎สึก และความคิดเห็นอยํางมีประสทิ ธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ นาเสนอขอ๎ มูลขาํ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งตํางๆโดยการ พดู และการเขยี น สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข๎าใจความสมั พันธ์ระหวํางภาษากับวัฒนธรรมของเจา๎ ของภาษา และนาไปใช๎ อยํางเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เขา๎ ใจความเหมือนและความแตกตาํ งระหวาํ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา๎ ของ ภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช๎อยาํ งถูกต๎องและเหมาะสม สาระท่ี ๓ ภาษากับความสมั พันธ์กับกลุม่ สาระการเรียนรูอ้ นื่ มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช๎ภาษาตํางประเทศในการเช่ือมโยงความร๎ูกับกลมุํ สาระการเรยี นรู๎อน่ื และเป็น พ้ืนฐานในการพฒั นาแสวงหาความร๎ู และเปดิ โลกทัศน์ของตน สาระที่ ๔ ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช๎ภาษาตํางประเทศในสถานการณ์ตํางๆทงั้ ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใชภ๎ าษาตํางประเทศเปน็ เครื่องมอื พื้นฐานในการศกึ ษาตํอ การประกอบอาชพี และ การแลกเปลีย่ นเรียนรกู๎ ับสังคมโลก
๑๓ โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นห้วยแหง้ พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ / กจิ กรรม เวลาเรยี น ระดับประถมศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ 160 160 160 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ 120 120 120 120 120 120 วิทยาศาสตร์ 80 80 80 80 80 80 เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) 40 40 40 40 40 40 สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ประวตั ิศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ หน๎าที่พลเมอื ง วัฒนธรรม ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม ๔0 ๔๐ ๔๐ ๔0 ๔๐ ๔๐ และการดาเนนิ ชวี ติ ในสังคม เศรษฐศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภูมิศาสตร์ 40 40 40 80 80 80 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 40 40 40 80 80 80 ศลิ ปะ 40 40 40 40 40 80 การงานอาชีพ 80 80 80 40 40 40 ภาษาตา่ งประเทศ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ รวมเวลาเรียน (พ้นื ฐาน) 120 120 120 120 120 120 รายวิชาเพ่ิมเตมิ 40 40 40 40 40 40 องั กฤษเพอ่ื การสื่อสาร ตา้ นทจุ ริตการศึกษา 160 160 160 160 160 160 รวมเวลาเรียน (เพม่ิ เติม) 40 40 40 40 40 40 กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 40 40 40 40 40 40 กจิ กรรมแนะแนว 30 30 30 30 30 30 กจิ กรรมนักเรียน - ลูกเสือ เนตรนารี 10 10 10 10 10 10 - ชุมนมุ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บรู ณาการ บูรณาการ รวมเวลา กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ .......1,120........ชว่ั โมง / ปี รวมเวลาเรียน (หนังสอื ที่ ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๗๙๙ ลงวนั ที่ ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ และหนังสือที่ศธ ๐๔๐๑๐/ว ๑๒๓๙ ลงวนั ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๗, ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การบรหิ ารจดั การเวลาเรยี นของสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน)
โครงสรา้ งหลกั สตู รชั้นปี ๑๔ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ เวลาเรียน (ชม./ป)ี รายวชิ า/กจิ กรรม ๘๔๐ 200 รายวิชาพ้นื ฐาน 200 ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย 120 ค๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 40 - วิทยาศาสตร์ 80 - เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) 40 ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม 40 - สังคมศึกษา 40 - ภูมศิ าสตร์ 40 ส๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 40 พ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 40 ศ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ 80 ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี 160 อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 120 รายวิชาเพิ่มเติม 40 อ๑๑2๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร ๑๒๐ ส๑๑2๐๑ ตา้ นทจุ ริตการศกึ ษา 40 กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน กิจกรรมแนะแนว 40 กจิ กรรมนักเรยี น 30 - ลกู เสอื 10 - ชมุ นมุ บรู ณาการ กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ 1,120 กจิ กรรมเพิม่ เวลารู้ รวมเวลาเรียน
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๑๕ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรียน (ชม./ป)ี รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย 200 ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ 200 ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120 - วทิ ยาศาสตร์ 80 - เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) 40 ส๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม 80 - สังคมศึกษา 40 - ภมู ศิ าสตร์ 40 ส๑๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ 40 พ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 40 ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ 40 ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ 40 อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 80 รายวิชาเพิม่ เติม 160 อ๑๑2๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 120 ส๑๒2๐๑ ตา้ นทจุ ริตการศกึ ษา 40 กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ กจิ กรรมแนะแนว 40 กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสอื 40 - ชุมนุม 30 กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 กจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ บรู ณาการ 1,120 รวมเวลาเรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๑๖ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น (ชม./ป)ี รายวชิ าพน้ื ฐาน ๘๔๐ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย 200 ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ 200 ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 120 - วิทยาศาสตร์ 80 - เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) 40 ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม 80 - สงั คมศึกษา 40 - ภมู ศิ าสตร์ 40 ส๑๑๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ 40 พ๑๑๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 40 ศ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ 40 ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ 40 อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 80 ว๑๓๑๐๒ วทิ ยาการคานวณ 40 รายวิชาเพ่ิมเติม 160 อ๑๑2๐๑ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สาร 120 ส๑๓2๐๑ ตา้ นทุจรติ การศึกษา 40 กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ กจิ กรรมแนะแนว 40 กจิ กรรมนักเรยี น - ลกู เสอื 40 - ชุมนุม 30 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 กจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ บรู ณาการ 1,120 รวมเวลาเรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑๗ ท๑๔๑๐๑ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น ค๑๔๑๐๑ (ชม./ปี) ว๑๔๑๐๑ รายวชิ าพน้ื ฐาน ๘๔๐ ภาษาไทย 160 ส๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ 200 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 120 ส๑๔๑๐๒ พ๑๔๑๐๑ - วิทยาศาสตร์ 80 ศ๑๔๑๐๑ - เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) 40 ง๑๔๑๐๑ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม 80 อ๑๔๑๐๑ - สงั คมศึกษา 40 ว๑๔๑๐๒ - ภมู ศิ าสตร์ 40 ประวัติศาสตร์ 40 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 80 ศลิ ปะ 80 การงานอาชีพ 40 ภาษาอังกฤษ 40 วทิ ยาการคานวณ 40 รายวิชาเพ่ิมเติม ๑๖๐ อ๑๔2๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อการสอื่ สาร 120 ส๑๔2๐๑ ตา้ นทุจรติ การศึกษา 40 ๑๒๐ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 40 กจิ กรรมแนะแนว 40 30 กจิ กรรมนักเรยี น 10 - ลกู เสอื บรู ณาการ - ชุมนุม 1,120 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ กจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ รวมเวลาเรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ๑๘ ท๑๔๑๐๑ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น ค๑๔๑๐๑ (ชม./ป)ี ว๑๔๑๐๑ รายวชิ าพน้ื ฐาน ๘๔๐ ภาษาไทย 160 ส๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ 200 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 120 ส๑๔๑๐๒ พ๑๔๑๐๑ - วิทยาศาสตร์ 80 ศ๑๔๑๐๑ - เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) 40 ง๑๔๑๐๑ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม 80 อ๑๔๑๐๑ - สงั คมศึกษา 40 ว๑๕๑๐๒ - ภมู ศิ าสตร์ 40 ประวตั ิศาสตร์ 40 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 80 ศลิ ปะ 80 การงานอาชีพ 40 ภาษาอังกฤษ 40 วทิ ยาการคานวณ 40 รายวิชาเพ่ิมเติม ๑๖๐ อ๑๔2๐๑ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สาร 120 ส๑๕2๐๑ ตา้ นทุจรติ การศึกษา 40 ๑๒๐ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 40 กจิ กรรมแนะแนว 40 30 กจิ กรรมนักเรยี น 10 - ลกู เสอื บรู ณาการ - ชุมนุม 1,120 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ กจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ รวมเวลาเรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๑๙ ท๑๔๑๐๑ รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น ค๑๔๑๐๑ (ชม./ป)ี ว๑๔๑๐๑ รายวชิ าพน้ื ฐาน ๘๔๐ ภาษาไทย 160 ส๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ 200 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120 ส๑๔๑๐๒ พ๑๔๑๐๑ - วิทยาศาสตร์ 80 ศ๑๔๑๐๑ - เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) 40 ง๑๔๑๐๑ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม 80 อ๑๔๑๐๑ - สงั คมศึกษา 40 ว๑๖๑๐๒ - ภมู ศิ าสตร์ 40 ประวตั ิศาสตร์ 40 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 80 ศลิ ปะ 80 การงานอาชีพ 40 ภาษาอังกฤษ 40 วทิ ยาการคานวณ 40 รายวิชาเพิ่มเติม ๑๖๐ อ๑๔2๐๑ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สาร 120 ส๑๖2๐๑ ตา้ นทุจรติ การศึกษา 40 ๑๒๐ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 40 กจิ กรรมแนะแนว 40 30 กจิ กรรมนักเรยี น 10 - ลกู เสอื บรู ณาการ - ชุมนุม 1,120 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ กจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ รวมเวลาเรียน
๒๐ รายวิชาพน้ื ฐาน คาอธิบายรายวชิ า ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ระดับประถมศกึ ษา ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย จานวน 200 ชั่วโมง ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย จานวน 200 ชว่ั โมง จานวน 200 ช่วั โมง จานวน 160 ชั่วโมง จานวน 160 ชั่วโมง จานวน 160 ชัว่ โมง
๒๑ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย รายวิชาพนื้ ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา 200 ช่วั โมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาและฝึกอํานออกเสียงคาพื้นฐานท่ีใช๎ในชีวิตประจาวัน รวมท้ังคาท่ีใช๎เรียนร๎ูในกลุํมสาระการ เรียนรู๎อื่น บอกความหมายของคาและข๎อความที่อําน อํานจับใจความจากส่ือตําง ๆ แล๎วสามารถตอบคาถาม เลาํ เรอื่ งยอํ คาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรื่องท่ีอําน อํานหนังสือตามความสนใจอยํางสม่าเสมอและนาเสนอเร่ืองท่ี อาํ น อาํ นเคร่อื งหมายหรือสัญลกั ษณท์ พี่ บเห็นในชีวติ ประจาวนั และมีมารยาทในการอําน คัดลายมือตัวบรรจง เต็มบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย เขียนสื่อสารด๎วยคาและประโยคงําย ๆ และมีมารยาทในการ เขียน ฟังคาแนะนา คาสั่งงําย ๆ และปฏิบัติตาม จับใจความจากเรื่องท่ีฟังและดู ท้ังที่เป็นความร๎ูและความ บันเทิง โดยตอบคาถาม เลําเร่ือง พูดแสดงความคิดเห็นและความรู๎สึก พูดแนะนาตนเอง ขอความชํวยเหลือ กลาํ วคาขอบคุณ ขอโทษ และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด บอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา เรียบเรียงคาเป็นประโยคงําย ๆ และตํอคาคล๎องจอง งําย ๆ บอกข๎อคิดท่ีได๎จากการอํานหรือการฟังวรรณกรรมร๎อยแก๎วและร๎อยกรองสาหรับเด็ก และทํองจาบท อาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ๎ ยกรองตามความสนใจ กิจกรรมการเรียนรู๎เน๎นให๎ผู๎เรียนฝึกทักษะการฟัง การดู และการพูด ด๎วยการฟังนิทาน สังเกตภาพ สารวจสงิ่ รอบตัว สนทนาจากประสบการณ์ ทายปรศิ นา เลํนเกม และร๎องเพลง โดยสอดแทรกกิจกรรมใหฝ๎ ึกฝนการอาํ นและการเขียน เพ่ือให๎เกิดความเข๎าใจหลักภาษา เกิดทักษะในการใช๎ภาษาสื่อสาร สามารถนาไปใช๎ในชีวิตประจาวัน ได๎ มคี วามชน่ื ชม เห็นคุณคําภมู ปิ ญั ญาไทย และภมู ใิ จในภาษาประจาชาติ รหสั ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓, ป. ๑/๔, ป. ๑/๕, ป. ๑/๖, ป. ๑/๗, ป. ๑/๘ ท ๒.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓ ท ๓.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓, ป. ๑/๔, ป. ๑/๕ ท ๔.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒, ป. ๑/๓, ป. ๑/๔ ท ๕.๑ ป. ๑/๑, ป. ๑/๒ รวมท้ังหมด ๒๒ ตัวชีว้ ัด
๒๒ ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา 200 ช่ัวโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาและฝึกอํานออกเสียงและบอกความหมายของคาพื้นฐาน คาที่ใช๎เรียนรู๎ในกลุํมสาระการเรียนร๎ูอื่น คาคล๎องจอง ข๎อความ และบทร๎อยกรองงําย ๆ อํานจับใจความจากส่ือตําง ๆ แล๎วสามารถ ต้ังคาถาม ตอบคาถาม ระบุใจความสาคัญ และรายละเอียดแสดงความคิดเห็น และคาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อําน อํานหนังสือตาม ความสนใจอยาํ งสมา่ เสมอ และนาเสนอเรื่องที่อําน อํานข๎อเขียนเชิงอธิบายและปฏิบัติตามคาส่ังหรือข๎อแนะนาและ มีมารยาทในการอําน คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย เขียนเร่ืองส้ัน ๆ เกี่ยวกับ ประสบการณ์และเรื่องส้ัน ๆ ตามจินตนาการ และมีมารยาทในการเขียน ฟังคาแนะนา คาสั่งท่ีซับซ๎อน และปฏิบัติ ตาม จับใจความจากเรื่องท่ีฟังและดูท้ังที่เป็นความร๎ูและความบันเทิง โดยเลําเรื่อง บอกสาระสาคัญ ตั้งคาถาม และ ตอบคาถาม พูดแสดงความคดิ เห็นและความรู๎สึกจากเรื่องท่ีฟัง และดู พูดแนะนาตนเอง ขอความชํวยเหลือ กลําวคา ขอบคุณ กลําวคาขอโทษ พูดขอร๎องในโอกาสตําง ๆ เลําประสบการณ์ในชีวิตประจาวัน และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด บอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคา และบอกความหมายของ คา แตํงประโยค และเรียบเรียงประโยคเป็นข๎อความส้ัน ๆ ได๎ตรงตามเจตนาของการสื่อสาร บอกลักษณะของคา คล๎องจองและเลือกใช๎ภาษาไทยมาตรฐานภาษาถิ่นได๎เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ระบุข๎อคิดที่ได๎จากการอําน หรือฟังวรรณกรรมร๎อยแก๎วและร๎อยกรอง สาหรับเด็กเพื่อนาไปใช๎ในชีวิตประจาวัน ร๎องบทร๎องเลํนสาหรับเด็กใน ทอ๎ งถ่นิ และทํองจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทร๎อยกรองทีม่ ีคุณคําตามความสนใจ กิจกรรมการเรียนรู๎เน๎นให๎ผู๎เรียนฝึกทักษะการอํานและการเขียน อํานเรื่องส้ัน ๆ แขํงขันเขียนคา รวมทั้ง สอดแทรกการฝึกทักษะอ่นื ควบคํูกันไป ซงึ่ กจิ กรรมจะอยํูในลักษณะของบทบาทสมมุติ เกม รอ๎ งเพลง ทายปริศนา การอภิปราย การระดมสมอง และการวาดภาพสื่อจินตนาการ เพื่อให๎เกิดความเข๎าใจหลักภาษา เกิดทักษะในการใช๎ภาษาเพื่อการสื่อสารสามารถนาไปใช๎ใน ชวี ติ ประจาวันได๎ มีความชน่ื ชม เหน็ คุณคาํ ภูมิปญั ญาไทยและภูมิใจในภาษาประจาชาติ รหัสตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ป. ๒/๔, ป. ๒/๕, ป. ๒/๖, ป. ๒/๗, ป. ๒/๘ ท ๒.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ป. ๒/๔ ท ๓.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ป. ๒/๔, ป. ๒/๕, ป. ๒/๖, ป. ๒/๗ ท ๔.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒, ป. ๒/๓, ป. ๒/๔, ป. ๒/๕ ท ๕.๑ ป. ๒/๑, ป. ๒/๒, ป. ๒/๓ รวมทั้งหมด ๒๗ ตัวชว้ี ัด
๒๓ ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย รายวชิ าพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลา 200 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาและฝึกอํานออกเสียงและบอกความหมายของคาพื้นฐาน คาที่ใช๎เรียนร๎ูในกลํุมสาระ การเรียนรอู๎ ื่น คาคล๎องจอง ข๎อความ และบทร๎อยกรองงําย ๆ อํานจับใจความจากสื่อตําง ๆ แล๎วสามารถ ต้ังคาถาม และตอบคาถามเชิงเหตุผล ลาดับเหตุการณ์และคาดคะเนเหตุการณ์ โดยระบุเหตุผลประกอบ สรุปความรู๎และ ข๎อคิดจากเรื่องที่อําน เพื่อนาไปใช๎ในชีวิตประจาวัน อํานหนังสือตามความสนใจอยํางสม่าเสมอและนาเสนอเร่ืองที่ อําน อํานข๎อเขียนเชิงอธิบาย และปฏิบัติตามคาสั่งหรือข๎อแนะนา อํานข๎อมูลจากแผนภาพ แผนที่ และแผนภูมิ และมีมารยาทในการอําน คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย เขียนบรรยาย เก่ียวกับลักษณะของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ได๎อยําง ชัดเจน เขียนบันทึกประจาวัน เขียนจดหมายลาครู เขียน เร่ืองตามจินตนาการจากคา ภาพ และหัวข๎อท่ีกาหนด และมีมารยาทในการเขียน จับใจความจากเรื่องที่ฟัง และดูท้ังที่เป็นความรู๎และความบันเทิง โดยสามารถเลํารายละเอียด บอกสาระสาคัญ ต้ังคาถาม ตอบคาถาม พูดแสดงความคิดเห็น และความรู๎สึกจากเร่ืองที่ฟังและดู พูดแนะนาตนเอง พูดแนะนาสถานที่ในโรงเรียนและใน ชมุ ชน พดู แนะนาเชิญชวนเก่ียวกับการปฏิบัติตนในด๎านตําง ๆ เลําประสบการณ์ในชีวิตประจาวัน พูดในโอกาสตําง ๆ เชํน ขอร๎อง ทักทาย ขอบคุณ ขอโทษ ปฏิเสธ ซักถาม และมีมารยาทในการฟัง การดู และ การพูด เขียน สะกดคาและบอกความหมายของคา ใช๎พจนานุกรมค๎นหาความหมายของคา ระบุชนิดและหน๎าที่ของคานาม คาสรรพนาม และคากริยาในประโยค แตํงประโยคเพ่ือการสื่อสาร ได๎แกํ ประโยคบอกเลํา ประโยคปฏิเสธ ประโยคคาถาม ประโยคขอร๎อง ประโยคคาส่ัง แตํงคาคล๎องจองและ คาขวัญ และเลือกใช๎ภาษาไทยมาตรฐานและ ภาษาถ่ินได๎เหมาะสมกับกาลเทศะ ระบุข๎อคิดที่ได๎จากการอํานวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนาไปใช๎ใน ชีวติ ประจาวนั และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอําน รู๎จักเพลงพื้นบ๎านและเพลงกลํอมเด็กเพื่อปลูกฝังความชื่น ชมวัฒนธรรมทอ๎ งถิ่น และทอํ งจาบทอาขยาน ตามทก่ี าหนดและบทรอ๎ ยกรองที่มีคุณคาํ ตามความสนใจ กิจกรรมการเรียนรู๎เน๎นให๎ผู๎เรียนฝึกทักษะการใช๎ภาษา ท้ังการอําน การเขียน การฟัง การดู และการ พดู ทีอ่ ยบํู นพน้ื ฐานของหลกั ภาษา โดยใช๎กระบวนการกลมํุ และการระดมสมองเป็นหลักเพื่อให๎เกิดความเข๎าใจ หลักภาษา เกิดทักษะในการใช๎ภาษาเพื่อการส่ือสาร สามารถนาไปใช๎ในชีวิตประจาวันได๎ มีความช่ืนชม เห็น คุณคําภูมิปัญญาไทยและภมู ิใจในภาษาประจาชาติ รหสั ตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖, ป.๓/๗, ป.๓/๘, ป.๓/๙ ท ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕, ป.๓/๖ ท ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ รวมท้ังหมด ๓๑ ตัวช้ีวัด
๒๔ ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย รายวชิ าพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ เวลา 160 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศกึ ษาและฝึกอํานออกเสียงและอธิบายความหมายของบทร๎อยแกว๎ และบทร๎อยกรอง อํานจับใจความ จากส่อื ตําง ๆ ตามเวลาท่ีกาหนด แล๎วสามารถตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอําน แยกข๎อเท็จจริงและข๎อคิดเห็น คาดคะเนเหตุการณโ์ ดยระบเุ หตุผลประกอบ สรุปความร๎ูและข๎อคิดเพอ่ื นาไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน อาํ นหนังสือท่ี มคี ุณคาํ ตามความสนใจอยํางสม่าเสมอและแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับเร่อื งทอี่ ําน และมีมารยาทในการอําน คดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครงึ่ บรรทัดตามรูปแบบการเขยี นตัวอักษรไทย เขียนคาขวญั และคาแนะนา โดยใช๎คาไดถ๎ ูกต๎อง ชัดเจน และเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคดิ เพื่อใชพ๎ ฒั นางาน เขยี น เขยี นยํอความจากเรอื่ งส้ัน ๆ เขยี นจดหมายถงึ เพือ่ นและบิดามารดา เขยี นบนั ทกึ และเขียนรายงานจาก การศึกษาค๎นควา๎ เขียนเรื่องตามจินตนาการ และมีมารยาทในการเขยี น จาแนกข๎อเท็จจริงและข๎อคิดเหน็ จาก เรอ่ื งที่ฟงั และดใู นชวี ิตประจาวนั จบั ใจความของเรื่องท่ีฟังและดูจากสื่อตําง ๆ แลว๎ พูดสรุปความ พดู แสดง ความร๎ู ความคิดเหน็ และความรู๎สกึ ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตผุ ลจากเรือ่ งทฟี่ ังและดู รายงานเร่ืองหรือ ประเดน็ ที่ศึกษาค๎นควา๎ จากการฟงั การดู การสนทนาและมมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู สะกดคาและ บอกความหมายของคาในบริบทตําง ๆ ใช๎พจนานกุ รมค๎นหาความหมายของคา ระบุชนดิ และหน๎าทข่ี องคานาม คาสรรพนาม คากรยิ า และคาวเิ ศษณ์ในประโยค แตํงประโยค ๒ สวํ น และประโยค ๓ สวํ นได๎ถูกต๎องตามหลกั ภาษา แตํงกลอนสแ่ี ละคาขวญั บอกความหมายของคาพงั เพยและสุภาษิตและเปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐาน กับภาษาถน่ิ ได๎ ระบขุ ๎อคิดจากนทิ านพืน้ บา๎ นหรือนิทานคติธรรม อธบิ ายขอ๎ คดิ จากการอํานวรรณคดีและ วรรณกรรมเพ่ือนาไปใชใ๎ นชวี ิตจริง ร๎องเพลงพน้ื บ๎านและทํองจาบทอาขยานตามท่กี าหนดและบทร๎อยกรองท่ีมี คุณคาํ ตามความสนใจ กจิ กรรมการเรียนร๎เู นน๎ ให๎ผ๎ูเรียนประมวลคา แตงํ ประโยค เขียนข๎อความ และสร๎างสรรคผ์ ลงาน หลากหลายรูปแบบ ฝึกใหส๎ งั เกตคา ประโยค และข๎อความ เพื่อสร๎างองคค์ วามร๎ดู ว๎ ยตนเอง มีการแสดงบทบาท สมมตุ เิ พื่อฝึกทักษะการใชภ๎ าษา และการเรียนร๎ดู ว๎ ยเกม เพือ่ ฝึกการทางานกลํุม การวางแผน และพฒั นา กระบวนการคดิ เพ่อื ใหเ๎ กิดความเข๎าใจหลกั ภาษา เกิดทกั ษะในการใช๎ภาษาเพ่ือการสือ่ สาร สามารถนาไปใช๎ใน ชีวติ ประจาวนั ได๎ มีความช่นื ชม เห็นคุณคาํ ภูมิปัญญาไทยและภูมใิ จในภาษาประจาชาติ รหัสตวั ช้ีวดั ท ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘ ท ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘ ท ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖ ท ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗ ท ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ รวมท้ังหมด ๓๓ ตัวชีว้ ดั
๒๕ ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐาน กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ เวลา 160 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาและฝึกอํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองได๎ถูกต๎อง พร๎อมท้ังอธิบายความหมาย ของคา ประโยคและข๎อความที่เป็นการบรรยายและการพรรณนา อธิบายความหมายโดยนัยจากเรื่อง ท่ีอํานอยํางหลากหลาย อํานจับใจความจากส่ือตําง ๆ แล๎วสามารถแยกข๎อเท็จจริงและข๎อคิดเห็น วิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องท่ีอํานเพื่อนาไปใช๎ในการดาเนินชีวิต อํานงานเขียน เชิงอธิบาย คาสั่ง ข๎อแนะนาและปฏิบัติตาม อํานหนังสือท่ีมีคุณคําตามความสนใจอยํางสม่าเสมอ และแสดงความ คิดเห็นเก่ียวกับเร่ืองที่อําน และมีมารยาทในการอําน คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัดตามรูปแบบ การเขยี นตัวอักษรไทย เขยี นคาขวญั คาอวยพร คาแนะนาและคาอธิบาย แสดงข้ันตอนโดยใช๎คาได๎ถูกต๎องชัดเจน และเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรอื่ งและแผนภาพความคิดเพอ่ื ใช๎พัฒนางานเขียน เขียนยํอความจากเรื่องท่ีอําน เขียนจดหมายถึงผ๎ูปกครองและญาติ เขียนแสดงความร๎ูสึกและความคิดเห็นได๎ตรงตามเจตนา กรอกแบบ รายการ ได๎แกํ ใบฝากเงนิ และใบถอนเงิน ธนาณัติ แบบฝากสํงพัสดุไปรษณียภัณฑ์ เขียนเร่ืองตามจินตนาการ และมีมารยาทในการเขียน จับใจความของเรื่องท่ีฟังและดูจากสื่อตําง ๆ แล๎วสามารถพูดแสดงความร๎ู ความ คิดเห็น ความร๎ูสึก ตั้งคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล วิเคราะห์ความนําเช่ือถือจากเรื่องที่ฟังและดูอยํางมี เหตุผล พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกษาค๎นคว๎าจากการฟัง การดู การสนทนา และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด ระบุชนิดและหน๎าท่ีของคาบุพบท คาเช่ือม และคาอุทานในประโยค จาแนกสํวนประกอบของ ประโยค เปรยี บเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ใช๎คาราชาศัพท์ บอกคาภาษาตํางประเทศในภาษาไทย แตํง กาพย์ยานี ๑๑ และใช๎สานวนได๎ถูกต๎อง สรุปเรื่อง อธิบายคุณคํา ระบุความรู๎และข๎อคิดจากการอํานวรรณคดี และวรรณกรรมทีส่ ามารถนาไปใช๎ในชีวิตจริง และทํองจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร๎อยกรองที่มีคุณคํา ตามความสนใจ กิจกรรมการเรียนรู๎เน๎นให๎ผ๎ูเรียนสังเกตและตอบคาถามที่กระตุ๎นความคิด เพ่ือนาข๎อมูลที่ได๎ มาสร๎างองค์ความร๎ูด๎วยตนเอง ฝึกประมวลคา และนาคาไปใช๎อยํางถูกต๎อง สํงเสริมการเรียนร๎ู ภาษาไทยจากส่ือตําง ๆ ในชีวิตประจาวัน และมํุงพัฒนาการทางานด๎วยกระบวนการกลํุมและการระดม ความคดิ เพ่ือให๎เกิดความเข๎าใจหลักภาษา เกิดทักษะในการใช๎ภาษาเพ่ือการสื่อสาร สามารถนาไปใช๎ใน ชวี ิตประจาวันได๎ มคี วามช่ืนชม เหน็ คณุ คําภมู ิปัญญาไทยและภูมิใจในภาษาประจาชาติ รหัสตวั ช้ีวดั ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕, ป. ๕/๖, ป. ๕/๗, ป. ๕/๘ ท ๒.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕, ป. ๕/๖, ป. ๕/๗, ป. ๕/๘, ป. ๕/๙ ท ๓.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕ ท ๔.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕, ป. ๕/๖, ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔ รวมทั้งหมด ๓๓ ตัวช้วี ัด
๒๖ ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย รายวิชาพ้นื ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา 160 ช่ัวโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาและฝึกอํานออกเสียงบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองได๎ถูกต๎อง พร๎อมทั้งอธิบายความหมายของคา ประโยคและข๎อความที่เป็นโวหาร อํานจับใจความเร่ืองอยํางหลากหลายจากสื่อตําง ๆ โดยจับเวลาแล๎วถาม เกี่ยวกับเร่ืองที่อําน แยกข๎อเท็จจริงและข๎อคิดเห็น อธิบายการนาความร๎ูและความคิดจากเร่ืองที่อํานไปตัดสินใจ แก๎ปัญหาในการดาเนนิ ชวี ติ อํานงานเขียนเชงิ อธบิ าย คาสั่ง ขอ๎ แนะนาและปฏิบตั ิตาม อํานข๎อมูลจากแผนผัง แผน ท่ี แผนภูมิ และกราฟ อํานหนังสือตามความสนใจและอธิบายคุณคําท่ีได๎รับ และมีมารยาทในการอําน คัดลายมือ ตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย เขียนคาขวัญ คาอวยพร และประกาศ โดยใช๎คาได๎ถูกต๎อง ชัดเจนและเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพื่อใช๎พัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ ยํอความ จดหมายสํวนตัว กรอกแบบรายการ ได๎แกํ แบบคาร๎อง ใบสมัครศึกษาตํอ แบบฝากสํง พัสดุและไปรษณียภัณฑ์ เขียนเร่ืองตามจินตนาการและสร๎างสรรค์ และมีมารยาทในการเขียน พูดแสดงความรู๎ ความเข๎าใจจุดประสงค์ของเรื่องที่ฟังและดู ต้ังคาถาม และตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเร่ืองที่ฟังและดู วิเคราะห์ ความนาํ เชอ่ื ถอื จากการฟัง และดูโฆษณาอยํางมีเหตุผล พูดรายงานเรื่อง หรือประเด็นที่ศึกษาค๎นคว๎า จากการฟัง การดู และการสนทนา พูดโน๎มน๎าวอยํางมีเหตุผลและนําเช่ือถือ และมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด วิเคราะห์ชนิดและหนา๎ ทข่ี องคาในประโยค ใช๎คาได๎เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคลทั้งคาราชาศัพท์ ระดับภาษา และภาษาถ่ิน รวบรวมและบอกความหมายของคาภาษาตํางประเทศที่ใช๎ในภาษาไทย ระบุลักษณะของประโยค สามัญ ประโยครวม ประโยคซ๎อน รวมทั้งกลุํมคาหรือวลี แตํงกลอนสุภาพ และวิเคราะห์ เปรียบเทียบ สานวนที่ เปน็ คาพังเพย และสุภาษิต เลํานิทานพ้ืนบ๎านท๎องถิ่นตนเองและนิทานพื้นบ๎านของท๎องถ่ินอ่ืน แสดงความคิดเห็น และอธิบายคุณคําของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอําน และนาไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตจริง และทํองจาบทอาขยาน ตามทีก่ าหนด และบทร๎อยกรองทม่ี คี ณุ คําตามความสนใจ กจิ กรรมการเรียนรเู๎ น๎นให๎ผ๎เู รียนสงั เกตและตอบคาถามทก่ี ระต๎ุนความคิดอยํางเป็นลาดับ เพ่ือนาไปสํูการ สร๎างองค์ความร๎ูด๎วยตนเอง ฝกึ ประมวลคาและนาคาไปใช๎อยํางถูกต๎อง สํงเสริมการสร๎างสรรค์ผลงานหลากหลาย รูปแบบ และเรียนร๎ูภาษาไทยที่ใช๎ในชีวิตประจาวันจากสื่อตําง ๆ รวมท้ังมํุงพัฒนากระบวนการกลุํม การวางแผน และกระบวนการคดิ เพื่อใหเ๎ กิดความเข๎าใจหลักภาษา เกดิ ทักษะในการใช๎ภาษาเพือ่ การสอื่ สาร สามารถนาไปใช๎ใน ชีวิตประจาวันได๎ มคี วามชื่นชม เห็นคุณคําภมู ิปัญญาไทยและภมู ิใจในภาษาประจาชาติ รหัสตัวชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ ท ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ ท ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ ท ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ ท ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ รวมท้ังหมด ๓๔ ตัวช้ีวดั
๒๗ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา รายวชิ าพน้ื ฐาน จานวน 200 ชว่ั โมง ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ จานวน 200 ชั่วโมง ค๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน 200 ช่ัวโมง ค๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ จานวน 200 ช่วั โมง ค๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ จานวน 200 ชั่วโมง ค๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ จานวน 200 ชั่วโมง ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์
๒๘ ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ รายวชิ าพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา 200 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษา บอกจานวนของสิ่งตําง ๆ แสดงสิ่งตําง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อํานและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยแสดงจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 เปรียบเทียบจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 โดยใช๎เครื่องหมาย = > < เรียงลาดับจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 ต้ังแตํ 3 ถึง 5 จานวน หาคําของตัวไมํทราบคําในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบของจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ ปัญหาการบวก และโจทย์ปัญหาการลบของจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวน ท่ีเพิ่มข้ึนหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 และระบุรูปที่หายไปในแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรูปอื่น ๆ ท่ีสมาชิกใน แตํละชุดที่ซ้ามี 2 รูป วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร วัดและเปรียบเทียบน้าหนักเป็นกิโลกรัม เป็นขีด จาแนกรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหล่ียม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย ใช๎ข๎อมูล จากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เมื่อกาหนดรูป 1 รูป แทน 1 หนํวย โดยใช๎กิจกรรมการเรียนรู๎ ผํานกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เน๎นจัดประสบการณ์จากรูปภาพไปสํูการใช๎สัญลักษณ์ การจัดกิจกรรมกลํุมหรือเกม ใหผ๎ เ๎ู รยี นมีสวํ นรวํ มในการสรา๎ งความคิดรวบยอด ใช๎โจทย์ที่หลากหลายใกล๎เคียงกับชีวิตประจาวันเพื่อฝึกทักษะการคิด คานวณและฝึกการแก๎โจทย์ปัญหาโดยเรียงลาดับโจทย์จากงํายไปหาโจทย์ท่ีมีความซับซ๎อนมากขึ้นเพื่อให๎ผู๎เรียนได๎ฝึก ทักษะเป็นลาดับข้ันสํงเสริมการอธิบายให๎เหตุผลประกอบการแก๎ปัญหา และเน๎นการแก๎ปัญหาโดยใช๎วิธีการที่ หลากหลายสรา๎ งสรรค์เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนมีความคิดรวบยอด มีทักษะในการคิดคานวณ มีเหตุผลในการแก๎ปัญหา มีความคิด ริเร่มิ สร๎างสรรค์ และนาความร๎ูไปใช๎ในชีวิตจริงได๎ รหสั ตวั ชวี้ ัด ค 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 ค 1.2 ป.1/1 ค 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ค 2.2 ป.1/1 ค 3.1 ป.1/1 รวมทั้งหมด 10 ตวั ชีว้ ัด
๒๙ ค๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ รายวชิ าพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ เวลา 200 ช่ัวโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษา บอกจานวนของส่ิงตําง ๆ แสดงสิ่งตําง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อํานและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยแสดงจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 เปรียบเทียบจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 โดยใช๎เคร่ืองหมาย = > < เรียงลาดับจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 ตั้งแตํ 3 ถึง 5 จานวน หาคําของตัวไมํทราบคําในประโยค สญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบของจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0แสดงวิธีหาคาตอบ ของโจทย์ปัญหาการบวก และโจทย์ปัญหาการลบของจานวนนับไมํเกิน 100 และ 0 ระบุจานวนที่หายไปในแบบ รูปของจานวนที่เพิ่มข้ึนหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 และระบุรูปท่ีหายไปในแบบรูปซ้าของรูปเรขาคณิตและรูป อน่ื ๆ ทสี่ มาชกิ ในแตํละชดุ ที่ซา้ มี 2 รปู วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร วัดและเปรียบเทียบ น้าหนักเป็นกิโลกรัม เป็นขีด จาแนกรูปสามเหล่ียม รูปส่ีเหล่ียม วงกลม วงรี ทรงส่ีเหล่ียมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย ใช๎ข๎อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เม่ือกาหนดรูป 1 รูป แทน 1 หนํวย โดยใช๎กิจกรรมการเรียนร๎ูผํานกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เน๎นจัดประสบการณ์จากรูปภาพไปสํูการใช๎ สัญลักษณ์ การจัดกิจกรรมกลํุมหรือเกมให๎ผ๎ูเรียนมีสํวนรํวมในการสร๎างความคิดรวบยอด ใช๎โจทย์ท่ีหลากหลาย ใกลเ๎ คยี งกบั ชวี ิตประจาวันเพื่อฝึกทกั ษะการคิดคานวณและฝึกการแก๎โจทย์ปัญหาโดยเรียงลาดับโจทย์จากงํายไปหา โจทย์ท่ีมีความซับซ๎อนมากขึ้นเพ่ือให๎ผ๎ูเรียนได๎ฝึกทักษะเป็นลาดับข้ันสํงเสริมการอธิบายให๎เหตุผลประกอบการ แก๎ปัญหา และเน๎นการแก๎ปัญหาโดยใช๎วิธีการท่ีหลากหลายสร๎างสรรค์เพื่อให๎ผ๎ูเรียนมีความคิดรวบยอด มีทักษะใน การคดิ คานวณ มีเหตุผลในการแกป๎ ญั หา มคี วามคิดรเิ ร่ิมสร๎างสรรค์ และนาความร๎ูไปใช๎ในชวี ิตจริงได๎ รหสั ตัวชวี้ ัด ค 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 ค 1.2 ป.1/1 ค 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ค 2.2 ป.1/1 ค 3.1 ป.1/1 รวมท้ังหมด 10 ตวั ชีว้ ัด
๓๐ ค๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ รายวชิ าพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลา 200 ช่ัวโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษา อํานและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจานวนนับไมํเกิน 100,000 และ 0 เปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวนนับไมํเกิน 100,000 จากสถานการณ์ตําง ๆ บอก อําน และเขียน เศษสํวนแสดงปริมาณส่ิงตําง ๆ และแสดงสิ่งตําง ๆ ตามเศษสํวนท่ีกาหนด เปรียบเทียบเศษสํวนที่ตัวเศษเทํากัน โดยที่ตัวเศษน๎อยกวําหรือเทํากับตัวสํวน หาคําของตัวไมํทราบคําในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก และประโยค สัญลักษณ์แสดงการลบของจานวนนับไมํเกิน 100,000 และ 0 หาคําของตัวไมํทราบคําในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการคูณของจานวน 1 หลักกับจานวนไมํเกิน 4 หลัก และจานวน 2 หลักกับจานวน 2 หลัก หาคําของตัวไมํ ทราบคาํ ในประโยคสัญลักษณแ์ สดงการหารท่ีตัวต้ังไมํเกิน 4 หลัก ตัวหาร 1 หลัก หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หาร ระคนของจานวนนบั ไมํเกนิ 100,000 และ 0 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา 2 ขั้นตอนของจานวนนับไมํเกิน 100,000 และ 0 หาผลบวกของเศษสํวนท่ีมีตัวสํวนเทํากันและผลบวกไมํเกิน 1 และหาผลลบของเศษสํวนที่มีตัว สวํ นเทํากัน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกเศษสํวนที่มีตัวสํวนเทํากัน และผลบวกไมํเกิน 1 และโจทย์ ปัญหาการลบเศษสํวนที่มีตัวสํวนเทํากัน ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนที่เพ่ิมข้ึนหรือลดลงทีละเทํา ๆ กัน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกีย่ วกบั เงิน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลา และระยะเวลา เลือกใช๎เครื่องมือวัดความยาวที่เหมาะสม วัดและบอกความยาวของสิ่งตําง ๆ เป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตร และเซนติเมตร คาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเป็นเซนติเมตร เปรียบเทียบความยาวระหวํางเซนติเมตรกับ มิลลเิ มตร เมตรกับเซนตเิ มตร กโิ ลเมตรกับเมตร จากสถานการณ์ตําง ๆ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับ ความยาวที่มีหนํวยเป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร เลือกใช๎เครื่องช่ังที่ เหมาะสม วัดและบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม คาดคะเนน้าหนักเป็นกิโลกรัมและเป็นขีด เปรียบเทียบน้าหนักระหวํางกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม จากสถานการณ์ตําง ๆ แสดงวิธีหาคาตอบของ โจทย์ปัญหาเก่ียวกับน้าหนักที่มีหนํวยเป็นกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม เลือกใช๎เคร่ืองตวงท่ีเหมาะสมวัด และเปรียบเทียบปริมาตรความจุเป็นลิตรและมิลลิลิตร คาดคะเนปริมาตรและความจุเป็นลิตร แสดงวิธีหา คาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ยี วกับปรมิ าตรและความจทุ ่มี หี นวํ ยเปน็ ลติ รและมลิ ลิลิตร ระบุรูปเรขาคณิตสองมิติที่ มีแกนสมมาตรและจานวนแกนสมมาตร เขียนแผนภูมิรูปภาพ และใช๎ข๎อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหา คาตอบของโจทย์ปัญหา เขียนตารางทางเดียวจากข๎อมูลท่ีเป็นจานวนนับ และใช๎ข๎อมูลจากตารางทางเดียวใน การหาคาตอบของโจทย์ปญั หา โดยใชก๎ ิจกรรมการเรียนร๎ูผํานกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เนน๎ จัดประสบการณจ์ ากรูปภาพ จากของจริงไปสูํการใช๎สัญลักษณ์ การจัดกิจกรรมกลํุมหรือเกมให๎ผ๎ูเรียนมีสํวนรํวมในการสร๎างความคิดรวบ ยอด ใช๎โจทยท์ ีห่ ลากหลายใกล๎เคียงกับชีวิตประจาวัน เพ่ือฝึกทักษะการคิดคานวณและฝึกการแก๎โจทย์ปัญหา โดยเรียงลาดับโจทย์จากงํายไปหาโจทย์ท่ีมีความซับซ๎อนมากข้ึน เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนได๎ฝึกทักษะเป็นลาดับข้ัน สํงเสริมการอธิบาย ให๎เหตุผลประกอบการแก๎ปัญหา และเน๎นการแก๎ปัญหาโดยใช๎วิธีการที่หลากหลาย สร๎างสรรค์ เพื่อใหผ๎ เู๎ รยี นมคี วามคิดรวบยอด มีทักษะในการคิดคานวณ มีเหตุผลในการแก๎ปัญหา มีความคิดริเริ่ม สร๎างสรรค์ และนาความรไ๎ู ปใช๎ในชีวิตจรงิ ได๎
๓๑ รหสั ตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11 ค 1.2 ป.3/1 ค 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11, ป.3/12, ป.3/13 ค 2.2 ป.3/1 ค 3.1 ป.3/1, ป.3/2 รวมทัง้ หมด 28 ตัวชว้ี ัด
๓๒ ค๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ รายวิชาพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ เวลา 200 ชว่ั โมง ___________________________________________________________________________ ศกึ ษา อําน และเขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจานวนนบั ท่มี ากกวาํ 100,000 เปรียบเทียบและเรียงลาดบั จานวนนบั ทีม่ ากกวาํ 100,000 จากสถานการณต์ าํ ง ๆ บอก อําน และเขียนเศษสํวน จานวนคละแสดงปรมิ าณส่ิงตาํ ง ๆ และแสดงสิ่งตาํ ง ๆ ตามเศษสวํ น จานวนคละทก่ี าหนดเปรยี บเทียบ เรียงลาดับ เศษสํวนและจานวนคละทต่ี ัวสวํ นตัวหนงึ่ เปน็ พหคุ ูณของอกี ตัวหนงึ่ อาํ นและเขียนทศนยิ มไมํเกิน 3 ตาแหนงํ แสดง ปริมาณของส่ิงตําง ๆ และแสดงสิง่ ตาํ ง ๆ ตามทศนิยมที่กาหนด เปรียบเทียบและเรียงลาดบั ทศนิยมไมํเกิน 3 ตาแหนํง จากสถานการณ์ตาํ ง ๆ ประมาณผลลพั ธข์ องการบวก การลบ การคณู การหาร จากสถานการณ์ตาํ ง ๆ อยาํ ง สมเหตสุ มผล หาคาํ ของตวั ไมํทราบคาํ ในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการลบของ จานวนนบั ที่มากกวาํ 100,000 และ 0 หาคาํ ของตวั ไมํทราบคําในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการคณู ของจานวนหลาย หลัก 2 จานวน ท่มี ีผลคณู ไมเํ กนิ 6 หลกั และประโยคสัญลักษณ์แสดงการหารท่ีตัวต้งั ไมํเกิน 6 หลัก ตัวหารไมํเกิน 2 หลัก หาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คณู หารระคนของจานวนนบั และ 0 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หา 2 ขนั้ ตอนของ จานวนนบั ทีมากกวาํ 100,000 และ 0 สรา๎ งโจทยป์ ญั หา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั และ 0 พร๎อมท้งั หาคาตอบ หา ผลบวกผลลบของเศษสํวนและจานวนคละท่ตี วั สวํ นตวั หนง่ึ เปน็ พหุคณู ของอกี ตวั หนง่ึ แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ ปัญหา การบวกและโจทยป์ ัญหาการลบเศษสํวนและจานวนคละทตี่ วั สวํ นตวั หนงึ่ เปน็ พหุคณู ของอีกตัวหน่ึง หาผลบวก ผลลบ ของทศนิยมไมํเกนิ 3 ตาแหนํง แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ 2 ขั้นตอนของทศนยิ มไมํเกนิ 3 ตาแหนงํ แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั เวลา วดั และสร๎างมุมโดยใชโ๎ พรแทรกเตอร์ แสดงวธิ ีหาคาตอบของ โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับความยาวรอบรปู และพน้ื ทข่ี องรูปส่ีเหล่ยี มมุมฉากจาแนกชนิดของมุม บอกชื่อมมุ สํวนประกอบของ มมุ และเขียนสัญลกั ษณ์แสดงมมุ สร๎างรูปสเ่ี หลี่ยมมุมฉากเมือ่ กาหนดความยาวของดา๎ น ใช๎ข๎อมลู จากแผนภูมิแทงํ ตารางสองทางในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา โดยใช๎กิจกรรมการเรียนรู๎ผํานกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เน๎นจัดประสบการณ์จากรูปภาพ ไปสํูการใช๎สัญลักษณ์ การจัดกิจกรรมกลํุมหรือเกมให๎ผู๎เรียนมีสํวนรํวมในการสร๎างความคิดรวบยอด ใช๎โจทย์ท่ีหลากหลายใกล๎เคียงกับชีวิตประจาวัน เพื่อฝึกทักษะการคิดคานวณและฝึกการแก๎โจทย์ปัญหา โดยเรียงลาดับโจทย์จากงํายไปหาโจทย์ท่ีมีความซับซ๎อนมากขึ้น เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนได๎ฝึกทักษะเป็นลาดับขั้นสํงเสริมการ อธิบาย ใหเ๎ หตผุ ลประกอบการแก๎ปัญหา และเน๎นการแก๎ปัญหาโดยใช๎วิธีการท่ีหลากหลายสร๎างสรรค์ เพื่อให๎ผู๎เรียนมี ความคิดรวบยอด มีทกั ษะในการคิดคานวณ มีเหตุผลในการแก๎ปัญหา มีความคิดริเร่ิมสร๎างสรรค์ และนาความร๎ูไปใช๎ ในชีวิตจริงได๎ รหสั ตวั ชี้วัด ค 1.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5, ป.4/6, ป.4/7, ป.4/8, ป.4/9, ป.4/10, ป.4/11, ป.4/12, ป.4/13, ป.4/14, ป.4/15, ป.4/16 ค 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ค 2.2 ป.4/1, ป.4/2 ค 3.1 ป.4/1 รวมท้ังหมด 29 ตัวชีว้ ัด
๓๓ ค๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ รายวิชาพืน้ ฐาน กลุม่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา 200 ชัว่ โมง ___________________________________________________________________________ ศกึ ษา เขยี นเศษสวํ นท่มี ตี ัวสํวนเป็นตัวประกอบของ 10 หรอื 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยมแสดง วธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาโดยใชบ๎ ัญญัติไตรยางศ์ หาผลบวก ผลลบของเศษสวํ นและจานวนคละหาผลคณู ผลหารของเศษสวํ นและจานวนคละ แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาการบวก การลบการคูณ การหาร เศษสํวน 2 ขนั้ ตอน หาผลคูณของทศนิยมที่ผลคูณเปน็ ทศนิยมไมเํ กิน 3 ตาแหนํง หาผลหารท่ตี วั ตง้ั เปน็ จานวนนับหรอื ทศนิยมไมํเกนิ 3 ตาแหนํง และตวั หารเปน็ จานวนนบั ผลหารเป็นทศนยิ มไมํเกนิ 3 ตาแหนํง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม 2 ขั้นตอน แสดงวธิ ีหาคาตอบ ของโจทย์ปญั หาร๎อยละไมํเกนิ 2 ขั้นตอน แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาเก่ยี วกบั ความยาวที่มีการเปล่ียน หนํวยและเขียนในรปู ทศนยิ ม แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปญั หาเก่ยี วกับนา้ หนักท่มี ีการเปลย่ี นหนํวยและ เขยี นในรปู ทศนิยม แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ญั หาเกย่ี วกับปริมาตรของทรงสเ่ี หลี่ยมมุมฉากและความจุ ของภาชนะทรงส่เี หลยี่ มมุมฉาก แสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาเกีย่ วกบั ความยาวรอบรปู ของรปู สี่เหลย่ี ม และพน้ื ท่ีของรปู ส่ีเหลีย่ มดา๎ นขนานและรปู สเี่ หล่ียมขนมเปียกปนู สร๎างเสน๎ ตรงหรือสวํ นของเสน๎ ตรงให๎ขนาน กับเสน๎ ตรงหรอื สํวนของเสน๎ ตรงที่กาหนดให๎ จาแนกรูปสี่เหลย่ี มโดยพจิ ารณาจากสมบตั ิของรปู สรา๎ งรูป ส่เี หลย่ี มชนดิ ตําง ๆ เมอ่ื กาหนดความยาวของด๎านและขนาดของมมุ หรือเมื่อกาหนดความยาวของเส๎นทแยงมมุ บอกลกั ษณะของปริซึม ใช๎ข๎อมูลจากกราฟเส๎นในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา เขียนแผนภูมิแทํงจากข๎อมูลที่ เป็นจานวนนบั โดยใช๎กิจกรรมการเรียนร๎ูผาํ นกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เนน๎ จัดประสบการณ์จากรปู ภาพไปสํูการ ใชส๎ ัญลกั ษณ์ การจดั กจิ กรรมกลุมํ หรือเกมใหผ๎ ๎เู รยี นมีสํวนรํวมในการสรา๎ งความคดิ รวบยอด ใช๎โจทย์ที่ หลากหลายใกลเ๎ คียงกับชีวติ ประจาวนั เพ่อื ฝึกทักษะการคิดคานวณและฝึกการแกโ๎ จทย์ปัญหา โดยเรียงลาดับโจทย์จากงํายไปหาโจทยท์ ่มี ีความซับซ๎อนมากขน้ึ เพื่อใหผ๎ ู๎เรียนได๎ฝกึ ทักษะเปน็ ลาดบั ข้นั สงํ เสริมการอธบิ าย ใหเ๎ หตผุ ลประกอบการแก๎ปญั หา และเน๎นการแกป๎ ัญหาโดยใช๎วธิ ีการที่หลากหลาย สรา๎ งสรรค์เพ่ือให๎ผู๎เรยี นมคี วามคิดรวบยอด มีทักษะในการคดิ คานวณ มเี หตผุ ลในการแก๎ปัญหา มีความคิด ริเริม่ สร๎างสรรค์ และนาความร๎ไู ปใช๎ในชีวติ จรงิ ได๎ รหสั ตัวชี้วดั ค 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7, ป.5/8, ป.5/9 ค 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ค 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ค 3.1 ป.5/1, ป.5/2 รวมทั้งหมด 19
๓๔ ค๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ รายวชิ าพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา 200 ช่ัวโมง ___________________________________________________________________________ ศกึ ษา เปรยี บเทียบ เรียงลาดับเศษสวํ นและจานวนคละจากสถานการณต์ ําง ๆ เขยี นอตั ราสวํ น แสดงการเปรียบเทียบปริมาณ 2 ปริมาณ จากข๎อความหรือสถานการณ์ โดยที่ปริมาณแตํละปริมาณ เป็นจานวนนับ หาอัตราสํวนที่เทํากับอัตราสํวนที่กาหนดให๎ หา ห.ร.ม. ของจานวนนับไมํเกิน 3 จานวน หา ค.ร.น. ของจานวนนับไมํเกิน 3 จานวน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาโดยใช๎ความร๎ูเก่ียวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษสํวนและจานวนคละ แสดงวิธี หาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเศษสวํ นและจานวนคละ 2-3 ข้ันตอน หาผลหารของทศนยิ มท่ตี ัวหาร และผลหารเป็นทศนิยมไมํเกิน 3 ตาแหนํง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 3 ขั้นตอน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาอัตราสํวน แสดงวิธีหาคาตอบของ โจทย์ปัญหาร๎อยละ 2-3 ขั้นตอน แสดงวิธีคิดและหาคาตอบของปัญหาเก่ียวกับแบบรูป แสดงวิธีหาคาตอบ ของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติท่ีประกอบด๎วยทรงส่ีเหล่ียมมุมฉากแสดงวิธีหา คาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปและพ้ืนที่ของรูปหลายเหล่ียม แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปและพื้นท่ีของวงกลม จาแนกรูปสามเหล่ียมโดยพิจารณาจากสมบัติของรูป สรา๎ งรปู สามเหล่ยี มเมื่อกาหนดความยาวของด๎านและขนาดของมุม บอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิด ตําง ๆ ระบุรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบจากรูปคล่ีและระบุรูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ใช๎ข๎อมูลจาก แผนภมู ริ ปู วงกลมในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา โดยใช๎กจิ กรรมการเรยี นรผ๎ู ํานกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เน๎นจัดประสบการณ์จากรูปภาพ ไปสกูํ ารใช๎สัญลักษณ์ การจดั กจิ กรรมกลํุมหรือเกมให๎ผ๎เู รยี นมีสวํ นรวํ มในการสรา๎ งความคิดรวบยอด ใช๎โจทย์ที่หลากหลายใกล๎เคียงกับชีวิตประจาวัน เพื่อฝึกทักษะการคิดคานวณและฝึกการแก๎โจทย์ปัญหา โดยเรียงลาดับโจทย์จากงํายไปหาโจทย์ที่มีความซับซ๎อนมากขึ้น เพื่อให๎ผู๎เรียนได๎ฝึกทักษะเป็นลาดับข้ัน สํงเสริมการอธิบาย ให๎เหตุผลประกอบการแก๎ปัญหา และเน๎นการแก๎ปัญหาโดยใช๎วิธีการที่หลากหลาย สร๎างสรรค์ เพอื่ ใหผ๎ ๎ูเรยี นมคี วามคิดรวบยอด มีทักษะในการคิดคานวณ มีเหตุผลในการแก๎ปัญหา มีความคิดริเริ่ม สรา๎ งสรรค์ และนาความร๎ไู ปใชใ๎ นชีวติ จริงได๎ รหสั ตวั ชี้วดั ค 1.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9, ป.6/10, ป.6/11, ป.6/12 ค 1.2 ป.6/1 ค 2.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ค 2.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4 ค 3.1 ป.6/1 รวมท้ังหมด 21 ตัวช้วี ัด
๓๕ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา จานวน 12๐ ชว่ั โมง รายวิชาพน้ื ฐาน จานวน 80 ชว่ั โมง จานวน 40 ชว่ั โมง ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน 12๐ ชว่ั โมง วิทยาศาสตร์ จานวน 80 ชว่ั โมง เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) จานวน 40 ชว่ั โมง จานวน 12๐ ชว่ั โมง ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จานวน 80 ชว่ั โมง วทิ ยาศาสตร์ จานวน 40 ชว่ั โมง เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) จานวน 12๐ ชั่วโมง จานวน 80 ชั่วโมง ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน 40 ชว่ั โมง วทิ ยาศาสตร์ จานวน 12๐ ช่วั โมง เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) จานวน 80 ชั่วโมง จานวน 40 ชว่ั โมง ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จานวน 12๐ ชั่วโมง วิทยาศาสตร์ จานวน 80 ชั่วโมง เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) จานวน 40 ชัว่ โมง ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ)
๓๖ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยึ รายวชิ าพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา 120 ชวั่ โมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาพชื และสัตว์ สภาพแวดล๎อมที่เหมาะสมกับการดารงชีวิตของพืชและสัตว์สํวนประกอบและหน๎าที่ของ รํางกายมนุษย์ สัตว์ และพืช รวมทั้งการทาหน๎าที่รํวมกันของสํวนตําง ๆ การดูแลรักษาสํวนตําง ๆ อยํางถูกต๎องให๎ ปลอดภัย ของเลํนและของใช๎ วัสดุที่ใช๎ทาของเลํนและของใช๎ การจัดกลุํมวัสดุโดยใช๎สมบัติของวัสดุ การเกิดเสียงและ ทิศทางการเคล่ือนที่ของเสียง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวท่ีปรากฏบนท๎องฟูาในเวลากลางวันและกลางคืน หิน และลักษณะภายนอกของหิน โดยใชแ๎ นวการจดั การเรยี นรเู๎ ชิงรกุ แบบรวมพลัง ด๎วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน5 ข้ันตอน GPAS 5 ขัน้ ตอน รูปแบบวงจรการเรยี นรู๎ 5 ข้ันตอน การเรียนรผ๎ู ํานการใช๎กิจกรรมตาํ ง ๆ เพือ่ สืบสอบความร๎ูทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการเรียนร๎ูโดยใช๎โครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงและสะเต็ม เพ่ือการแก๎ปัญหาเชิงสร๎างสรรค์ สร๎างความร๎ูใหมํและส่ิงใหมํอยํางงําย รวมท้ังการใช๎หลักฐานเชิงประจักษ์ เพ่ือสนับสนุน รวมทั้งการใช๎และสร๎างโมเดล เพ่ืออภิปรายสูํการเปน็ ผมู๎ สี มรรถนะการรู๎วิทยาศาสตร์ เพือ่ การเปน็ ผู๎รู๎วทิ ยาศาสตร์ มีความสนใจ ความตระหนัก ความใฝุร๎ู เป็นผู๎ทางานเป็นทีมและทางานแบบรวม พลัง รวมท้งั มคี วามรบั ผดิ ชอบตํอตนเองและชุมชน ศึกษาการแก๎ปัญหาอยํางงํายโดยใช๎การลองผิดลองถูก เปรียบเทียบแสดงลาดับขั้นตอนการทางานหรือการ แกป๎ ัญหาอยํางงํายโดยใชภ๎ าพ สญั ลกั ษณ์ หรือขอ๎ ความ เขยี นโปรแกรมอยํางงําย โดยใช๎ซอฟต์แวร์หรือสื่อ ใช๎เทคโนโลยี ในการสรา๎ ง จดั เก็บ เรียกใชข๎ อ๎ มลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภัย ปฏิบัติตามข๎อตกลงในการใช๎ คอมพวิ เตอรร์ วํ มกนั ดแู ลรกั ษาอุปกรณ์เบ้ืองตน๎ ใชง๎ านอยํางเหมาะสม โดยใช๎การแก๎ปัญหาอยํางงํายตามข้ันตอนการแก๎ปัญหา มีทักษะในการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารเบื้องต๎นเพื่อให๎ผู๎เขียนมีความกระตือรือร๎น สนใจที่จะเรียนรู๎ มีความคิดสร๎างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องท่ีจะศึกษาตามท่ี กาหนดให๎หรือตามความสนใจ มีสํวนรํวมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผ๎ูอ่ืน แสดงความ รับผิดชอบด๎วยการทางานที่ได๎รับมอบหมายอยํางมํุงมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุลํวงเป็นผลสาเร็จ และ ทางานรํวมกับผูอ๎ ื่นอยํางมคี วามสขุ รหสั ตวั ช้ีวัด วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว ๑.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ มาตรฐาน ว ๑.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ มาตรฐาน ว ๒.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ มาตรฐาน ว ๒.๓ ป.๑/๑ มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๑/๑ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ , ป.๑/๔ , ป.๑/๕ รวม ๑๕ ตัวช้ีวัด
๓๗ ว๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ เวลา 120 ชวั่ โมง ___________________________________________________________________________ ศกึ ษาสง่ิ รอบตัว ส่งิ มีชีวิตและส่งิ ไมมํ ีชีวติ ชีวติ พชื ปัจจัยที่จาเป็นตอํ การเจรญิ เติบโตและการดารงชีวิตของพืช การ สืบพนั ธขุ์ องพชื วัฏจักรชีวิตของพชื ดอก วัสดรุ อบตัว สมบตั ิการดดู ซบั น้าของวัสดุสมบตั ิของวสั ดทุ ่ีเกดิ จากการนาวสั ดุมาผสม กนั รวมท้ังการนาวัสดุท่ใี ช๎แล๎วกลบั มาใชใ๎ หมํ แสงและการมองเห็น การเคลื่อนท่ีของแสงและแหลํงกาเนิดแสง การมองเห็น วตั ถุ ดนิ ในทอ๎ งถิน่ สวํ นประกอบของดิน ชนดิ ของดิน และประโยชนข์ องดนิ โดยใช๎แนวการจัดการเรียนร๎ูเชิงรุกแบบรวมพลัง ด๎วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน5 ขั้นตอน GPAS 5 ขั้นตอน รูปแบบวงจรการเรียนรู๎ 5 ข้ันตอน การเรียนรู๎ผํานการใช๎กิจกรรมตําง ๆ เพ่ือสืบสอบความร๎ูทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังการเรียนรู๎โดยใช๎โครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงและสะเต็ม เพื่อการแก๎ปัญหาเชิงสร๎างสรรค์ สร๎าง ความรู๎ใหมํและส่ิงใหมํอยํางงําย รวมท้ังการใช๎หลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อสนับสนุน รวมท้ังการใช๎และสร๎างโมเดล เพ่ือ อภิปรายสกํู ารเป็นผู๎มสี มรรถนะการร๎วู ทิ ยาศาสตร์ เพ่ือการเป็นผ๎ูร๎ูวิทยาศาสตร์ มีความสนใจ ความตระหนัก ความใฝุร๎ู เป็นผ๎ูทางานเป็นทีมและทางาน แบบรวมพลัง รวมทง้ั มคี วามรับผิดชอบตํอตนเองและชุมชน ศกึ ษาและเขียนแสดงลาดบั ขนั้ ตอนการทางานหรอื การแก๎ปญั หาอยํางงาํ ยโดยใชภ๎ าพ สญั ลกั ษณห์ รือข๎อความ เขยี นโปรแกรมอยํางงาํ ย โดยใชซ๎ อฟต์แวร์หรอื ส่ือ และตรวจหาขอ๎ ผิดพลาดของโปรแกรมใชเ๎ ทคโนโลยีในการสร๎าง จดั หมวดหมูํ คน๎ หา จัดเกบ็ เรียกใช๎ขอ๎ มูลตามวัตถุประสงค์ ใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ งปลอดภยั ปฏิบัตติ ามข๎อตกลงในการ ใช๎คอมพวิ เตอรร์ ํวมกัน ดแู ลรักษาอปุ กรณ์เบ้อื งตน๎ ใชง๎ านเบ้ืองตน๎ โดยใชก๎ ารแก๎ปญั หาอยาํ งงาํ ยตามขั้นตอนการแก๎ปญั หา มีทักษะในการใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร เบื้องตน๎ เพอ่ื ใหผ๎ ๎เู ขยี นมีความกระตอื รอื ร๎น สนใจทจี่ ะเรียนรู๎ มคี วามคิดสร๎างสรรคเ์ กี่ยวกับเร่อื งท่จี ะศึกษาตามทีก่ าหนดให๎ หรอื ตามความสนใจ มสี วํ นรํวมในการแสดงความคิดเหน็ และยอมรับฟังความคดิ เหน็ ผอ๎ู ืน่ แสดงความรบั ผิดชอบดว๎ ยการ ทางานท่ีได๎รบั มอบหมายอยํางมํงุ มน่ั รอบคอบ ประหยัด ซื่อสตั ย์ จนงานลุลํวงเปน็ ผลสาเรจ็ และทางานรํวมกบั ผอู๎ นื่ อยํางมี ความสุข รหสั ตวั ชี้วดั รหสั ตวั ชวี้ ดั ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1, ป.2/2 วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ รวม ๑๖ ตัวชีว้ ดั
๓๘ ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา 120 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาปัจจัยท่ีจาเป็นตํอการดารงชีวิตและการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ วัฏจักรชีวิตของสัตว์ วัตถุ รอบตัวเรา วัตถุท่ีทาจากชิ้นสํวนยํอยชนิดเดียวกันประกอบกัน และการเปล่ียนแปลงของวัสดุเมื่อทาให๎ร๎อนหรือ เย็น แรงกับการเคล่ือนที่ของวัตถุ ผลของแรงตํอการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงสัมผัสและแรงไมํ สัมผัสที่มีผลตํอการเคล่ือนท่ีของวัตถุ แมํเหล็กและสมบัติของแมํเหล็ก แหลํงพลังงานและไฟฟูา การเปล่ียน พลังงาน การทางานของเคร่ืองกาเนิดไฟฟูา แหลํงพลังงานท่ีใช๎ผลิตไฟฟูา ประโยชน์ อันตราย และการรู๎จักใช๎ ไฟฟูา การเคล่ือนท่ีของดวงอาทิตย์ แบบรูปเส๎นทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์กลางวัน กลางคืน ทิศ และ ความสาคัญของดวงอาทิตย์ อากาศรอบตัวเรา สํวนประกอบของอากาศความสาคัญของอากาศ มลพิษทาง อากาศ รวมทั้งการเกดิ ลมและอิทธพิ ลของลมทมี่ ตี ํอมนษุ ย์ โดยใช๎แนวการจัดการเรียนร๎ูเชิงรุกแบบรวมพลัง ด๎วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน 5 ข้ันตอน GPAS 5 ข้ันตอน รูปแบบวงจรการเรียนรู๎ 5 ขั้นตอน การเรียนรู๎ผํานการใช๎กิจกรรมตําง ๆ เพื่อสืบสอบความรู๎ ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการเรียนร๎ูโดยใช๎โครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง และสะเต็มเพื่อการ แก๎ปัญหาเชิงสร๎างสรรค์ สร๎างความรู๎ใหมํและส่ิงใหมํอยํางงําย รวมท้ังการใช๎หลักฐานเชิงประจักษ์เพ่ือสนับสนุน รวมท้ังการใชแ๎ ละสร๎างโมเดล เพ่อื อภิปรายสํกู ารเป็นผู๎มีสมรรถนะการร๎ูวิทยาศาสตร์ เพ่ือเป็นผ๎ูรู๎วิทยาศาสตร์ มี ความสนใจ ความตระหนัก ความใฝุรู๎ เป็นผ๎ูทางานเป็นทีมและทางานแบบรวมพลัง รวมทั้งมีความรับผิดชอบตํอ ตนเองและชมุ ชน ศกึ ษาแนวคดิ หลักของการแก๎ปัญหาโดยใช๎เหตุผล เง่ือนไข กฎเกณฑ์ วิธีการ และการใช๎อัลกอริทึมในการ เรียง ลาดับ ขั้นตอนของการแก๎ปัญหา การใช๎เกมการแก๎ปัญหา เพ่ือฝึกการแก๎ปัญหาอยํางเป็นระบบการทางาน ของคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสาหรับการเขียนโปรแกรม การตรวจสอบข๎อผิดพลาดของโปรแกรม การเขียน โปรแกรม การค๎นหาข๎อมูลโดยใช๎เครือขํายอินเทอร์เน็ต การสืบค๎นข๎อมูลผําน Search Engine การพิจารณา ข๎อมูล ความนําเชื่อถือ เปรียบ เทียบข๎อมูล การรวบรวมข๎อมูล การกาหนดหัวข๎อและอุปกรณ์ ในการรวบรวม ข๎อมลู การใช๎ซอฟต์แวร์นาเสนอข๎อมูลในการทางานตาํ ง ๆ การใช๎ซอฟต์แวร์ประมวลคา การใช๎ซอฟต์แวร์ตาราง ทางาน การใช๎ซอฟต์แวร์ในการนาเสนอข๎อมูล และแนวคิดท่ีเก่ียวข๎องกับการใช๎เทคโนโลยีอยํางปลอดภัย โดย คานึงถงึ ประโยชน์และผลกระทบจากการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและข๎อปฏบิ ัตใิ นการใชอ๎ นิ เทอรเ์ นต็ โดยใช๎การแก๎ปัญหาอยํางงํายตามข้ันตอนการแก๎ปัญหา มีทักษะในการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่ือสารเบ้ืองต๎น เพื่อให๎ผ๎ูเขียนมีความกระตือรือร๎น สนใจท่ีจะเรียนรู๎ มีความคิดสร๎างสรรค์เกี่ยวกับเร่ืองที่จะ ศึกษาตามทก่ี าหนดให๎หรือตามความสนใจ มีสํวนรํวมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู๎อื่น แสดงความรับผดิ ชอบด๎วยการทางานที่ไดร๎ บั มอบหมายอยํางมํงุ มน่ั รอบคอบ ประหยัด ซ่ือสัตย์ จนงานลุลํวงเป็น ผลสาเรจ็ และทางานรํวมกบั ผ๎ูอนื่ อยาํ งมคี วามสุข รหัสตวั ชว้ี ดั ว 1.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 ว 2.1 ป.3/1, ป.3/2 ว 2.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4
๓๙ ว 2.3 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 ว 3.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 ว 3.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒, ป.๓/๓ , ป.๓/๔, ป๓/๕ รวม ๒๕ ตัวช้ีวดั
๔๐ ว๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา 120 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาความหลากหลายของสงิ่ มชี วี ติ ลักษณะและการดารงชวี ติ ของส่งิ มชี วี ิตกลมํุ พืช กลุํมสัตว์และกลุํมไมํใชํ พืชและสัตว์ พืชและประเภทของพืช ความหลากหลายของพืชและการจัดจาแนก สัตว์และประเภทของสัตว์ ความ หลากหลายของสัตว์และการจัดจาแนก สมบัติของวัสดุ การนาสมบัติทางกายภาพของวัสดุไปใช๎ในชีวิตประจาวัน สสารและสถานะของสสาร สมบัติของสสารทั้ง 3 สถานะ แรงและการเคลื่อนที่ แรงโน๎มถํวงของโลก มวล และ น้าหนกั ของวัตถุ มวลของวตั ถุทีม่ ผี ลตํอการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ แสงและตัวกลางของแสง การข้ึนและ ตกของดวงจันทร์ รวมท้งั การเปล่ียนแปลงรปู รํางของดวงจนั ทร์ และดาวในระบบสุริยะ โดยใช๎แนวการจัดการเรียนร๎ูเชิงรุกแบบรวมพลัง ด๎วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน5 ขั้นตอน GPAS 5 ข้ันตอน รูปแบบวงจรการเรียนร๎ู 5 ขั้นตอน การเรียนร๎ูผํานการใช๎กิจกรรมตําง ๆ เพ่ือสืบสอบความรู๎ทาง วิทยาศาสตร์ รวมทั้งการเรียนรู๎โดยใช๎โครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงและสะเต็ม เพื่อการแก๎ปัญหา เชงิ สร๎างสรรค์ สร๎างความรใู๎ หมแํ ละสงิ่ ใหมอํ ยํางงาํ ย รวมทงั้ การใชห๎ ลักฐานเชิงประจักษ์ เพ่อื สนบั สนุน รวมท้ังการใช๎ และสรา๎ งโมเดล เพื่ออภิปรายสํูการเป็นผมู๎ สี มรรถนะการรว๎ู ิทยาศาสตร์ เพ่ือการเป็นผ๎ูร๎ูวิทยาศาสตร์ มีความสนใจ ความตระหนัก ความใฝุรู๎ เป็นผ๎ูทางานเป็นทีมและทางานแบบ รวมพลัง รวมทั้งมีความรับผดิ ชอบตอํ ตนเองและชมุ ชน ศกึ ษาการใชเ๎ หตุผลเชิงตรรกะในการแกป๎ ญั หา การทางาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์จากปญั หาอยํางงาํ ย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอยํางงําย โดยใช๎ซอฟต์แวร์หรือส่ือ และตรวจหาข๎อผิดพลาดและแก๎ไข การใช๎ อินเทอร์เน็ตค๎นหาความรู๎ และประเมินความนําเช่ือถือของข๎อมูล การรวบรวม ประเมิน นาเสนอข๎อมูลและ สารสนเทศโดยใช๎ซอฟต์แวร์ท่ีหลากหลาย เพ่ือแก๎ปัญหาในชีวิตประจาวัน การใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยําง ปลอดภัย เข๎าใจสิทธิและหน๎าท่ีของตน การเคารพในสิทธิของผู๎อื่น แจ๎งผู๎เก่ียวข๎องเม่ือพบข๎อมูลหรือบุคคลที่ไมํ เหมาะสม โดยใช๎การค๎นหาข๎อมูลอยํางมีประสิทธิภาพและประเมินความนําเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข๎อมูลใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะในการแกป๎ ญั หา ใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการทางานรํวมกัน เพ่ือให๎ผู๎เรียนมีความสนใจ มุํงมั่นในสิ่งที่จะเรียนร๎ู มีความคิดสร๎างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องท่ีจะศึกษาตามความ สนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข๎อมูลท่ีมีหลักฐานอ๎างอิงและรับฟังความคิดเห็นผ๎ูอ่ืน แสดงความรับผิดชอบด๎วยการทางานที่ได๎รับมอบหมายอยํางมํุงมั่น รอบคอบ ประหยัดซื่อสัตย์ จนงานลุลํวงเป็น ผลสาเร็จ และทางานรวํ มกับผอู๎ ่ืนอยํางสรา๎ งสรรค์ ตระหนักในคุณคําของความร๎ูวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทา โครงงานหรอื ชนิ้ งานตามท่ีกาหนดให๎หรอื ตามความสนใจ รหสั ตัวชวี้ ดั ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3
๔๑ ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4 วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕ รวม ๒๑ ตัวชี้วดั
42 ว๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ เวลา 120 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษาชีวิตกับส่ิงแวดล๎อม การปรับตัวของส่ิงมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหวํางส่ิงมีชีวิตกับส่ิงแวดล๎อม การดารงพันธ์ุของสิ่งมีชีวิต ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช สัตว์ และมนุษย์ ลักษณะท่ีคล๎ายคลึงกันของ ตนเองกับพํอแมํ การเปล่ียนแปลงของสารในชีวิตประจาวัน การเปล่ียนแปลงสถานะของสาร การละลาย ของสารในน้า การเปล่ียนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี แรงในชีวิตประจาวัน การหาแรง ลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทาตํอวัตถุ แรงเสียดทานและผลของแรงเสียดทาน เสียงและการได๎ ยิน การได๎ยินเสียงผํานตัวกลางตําง ๆ เสียงสูง เสียงต่า เสียงดัง และเสียงคํอย การใช๎เครื่องมือวัดระดับเสียง ความแตกตํางของดาวเคราะหก์ บั ดาวฤกษ์ ตาแหนํงและเส๎นทางการข้ึนและตกของกลํุมดาว แหลํงน้าในท๎องถ่ิน และการใช๎ประโยชน์ ความจาเป็นของน้าตํอชีวิตและการประหยัดน้า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เก่ียวข๎องกับวัฏ จักรน้า วฏั จกั รนา้ เมฆ หมอก น้าคา๎ ง และนา้ คา๎ งแข็ง รวมทงั้ ฝน หมิ ะ และลูกเห็บ โดยใช๎แนวการจัดการเรียนร๎ูเชิงรุกแบบรวมพลัง ด๎วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน5 ขัน้ ตอน GPAS 5 ขนั้ ตอน รูปแบบวงจรการเรียนร๎ู 5 ขัน้ ตอน การเรียนร๎ูผํานการใช๎กิจกรรมตําง ๆ เพ่ือสืบ สอบความรท๎ู างวิทยาศาสตร์ รวมท้ังการเรียนรูโ๎ ดยใชโ๎ ครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงและสะ เต็ม เพื่อการแก๎ปัญหาเชิงสร๎างสรรค์ สร๎างความร๎ูใหมํและสิ่งใหมํอยํางงําย รวมท้ังการใช๎หลักฐานเชิง ประจักษ์ เพ่ือสนับสนุน รวมทั้งการใช๎และสร๎างโมเดล เพ่ืออภิปรายสูํการเป็นผ๎ูมีส มรรถนะการร๎ู วิทยาศาสตร์ เพื่อการเปน็ ผ๎รู ูว๎ ทิ ยาศาสตร์ มีความสนใจ ความตระหนกั ความใฝุรู๎ เป็นผ๎ทู างานเป็นทีมและ ทางานแบบรวมพลัง รวมท้ังมีความรับผดิ ชอบตํอตนเองและชุมชน ศึกษาการใช๎เหตุผลเชิงตรรกะในการแก๎ปัญหา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จาก ปัญหาอยํางงาํ ย ออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มกี ารใชเ๎ หตผุ ลเชิงตรรกะอยํางงาํ ย ตรวจหาข๎อผิดพลาดและ แก๎ไข ใช๎อินเทอร์เน็ตค๎นหาข๎อมูล ติดตํอส่ือสารและทางานรํวมกัน ประเมินความนําเช่ือถือของข๎อมูล รวบรวม ประเมิน นาเสนอข๎อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช๎ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ี หลากหลาย เพ่ือแก๎ปัญหาในชีวิตประจาวัน ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภัย มีมารยาท เข๎าใจสิทธิและ หน๎าท่ขี องตน เคารพในสทิ ธิของผู๎อืน่ แจง๎ ผู๎เก่ียวขอ๎ งเมื่อพบข๎อมลู หรือบุคคลที่ไมเํ หมาะสม โดยใชก๎ ารค๎นหาขอ๎ มูลอยํางมีประสิทธิภาพและประเมินความนําเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข๎อมูล ใช๎เหตุผล เชิงตรรกะในการแกป๎ ัญหา ใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการทางานรวํ มกัน เพื่อใหผ๎ ๎ูเรยี นมีความกระตือรือร๎น สนใจท่ีจะเรียนรู๎ มีความคิดสร๎างสรรค์เก่ียวกับเรื่องที่จะศึกษาตามท่ี กาหนดให๎หรือตามความสนใจ มีสํวนรํวมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผ๎ูอ่ืน แสดงควา รับผิดชอบด๎วยการทางานที่ได๎รับมอบหมายอยํางมํุงมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุลํวงเป็นผลสาเร็จ และทางานรวํ มกับผอู๎ ื่นอยํางมคี วามสุข รหัสตวั ช้ีวัด ว 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4
43 ว 1.3 ป.5/1, ป.5/2 ว 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ว 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 ว 2.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 ว 3.1 ป.5/1, ป.5/2 ว 3.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 รวมทั้งหมด 27 ตัวชีว้ ดั วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป๕/๑, ป๕/๒, ป๕/๓, ป๕/๔, ป๕/๕ รวม ๓๒ ตัวชี้วัด
44 ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพนื้ ฐาน กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา 120 ช่ัวโมง ___________________________________________________________________________ ศึกษารํางกายของเรา อาหาร สารอาหาร และพลังงาน ระบบยํอยอาหาร สารผสม วิธีการแยก สารผสม ไฟฟูา แรงไฟฟูา วงจรไฟฟูา การตํอวงจรไฟฟูา ปรากฏการณ์ของโลก เงามืดและเงามัว จันทรุปราคาและสุริยุปราคา เทคโนโลยีอวกาศ ความก๎าวหน๎าของเทคโนโลยีอวกาศ ประโยชน์ของ เทคโนโลยีอวกาศ หินในท๎องถ่ิน ประเภทของหินและการเกิด วัฏจักรของหิน ประโยชน์ของหินและแรํ ซากดกึ ดาบรรพ์ ลมบก ลมทะเล และมรสุม ภัยธรรมชาติ และปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยใช๎แนวการจัดการเรียนร๎ูเชิงรุกแบบรวมพลัง ด๎วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน 5 ข้ันตอนGPAS 5 ขั้นตอน รูปแบบวงจรการเรียนร๎ู 5 ขั้นตอน การเรียนร๎ูผํานการใช๎กิจกรรมตําง ๆ เพ่ือ สืบสอบความร๎ูทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการเรียนร๎ูโดยใช๎โครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจแบบ พอเพียงและสะเตม็ เพอ่ื การแกป๎ ญั หาเชิงสร๎างสรรค์ สร๎างความรู๎ใหมํและส่ิงใหมํอยํางงําย รวมท้ังการใช๎ หลักฐานเชิงประจักษ์เพ่ือสนับสนุน รวมท้ังการใช๎และสร๎างโมเดล เพ่ืออภิปรายสูํการเป็นผ๎ูมีสมรรถนะ การรู๎วิทยาศาสตร์ เพ่ือการเป็นผ๎ูรู๎วิทยาศาสตร์ มีความสนใจ ความตระหนัก ความใฝุร๎ู เป็นผู๎ทางานเป็นทีมและ ทางานแบบรวมพลงั รวมทัง้ มคี วามรับผดิ ชอบตอํ ตนเองและชุมชน ศึกษาการใช๎เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแก๎ปัญหาท่ีพบในชีวิตประจาวัน ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยํางงํายและตรวจหาข๎อผิดพลาดของโปรแกรม ใช๎อินเทอร์เน็ตในการ ค๎นหาข๎อมูลอยํางมีประสิทธิภาพ และใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศทางานรํวมกันอยํางปลอดภัย เข๎าใจสิทธิ และหน๎าทีข่ องตน เคารพในสิทธิของผ๎อู ื่น แจง๎ ผ๎เู กย่ี วข๎องเม่อื พบขอ๎ มลู หรอื บคุ คลทไ่ี มํเหมาะสม โดยใช๎เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีมาใช๎พิจารณาใน การแก๎ปัญหา ใช๎แนวคิดของการทางานแบบวนซ้า ใช๎เทคนิคการค๎นหาขั้นสูงในการค๎นหาข๎อมูลที่ รวดเร็วจากแหลํงข๎อมูลทีน่ าํ เชื่อถอื การกาหนดรหัสผําน กาหนดสิทธ์ิการใช๎งาน แนวทางการตรวจสอบ และปูองกนั มลั แวร์ เพอื่ ให๎ผ๎เู รียนมีความกระตือรือรน๎ สนใจที่จะเรียนรู๎ มีความคิดสร๎างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กาหนดให๎หรือตามความสนใจ มีสํวนรํวมในการแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็น ผอู๎ ืน่ แสดงความรับผิดชอบด๎วยการทางานท่ีได๎รับมอบหมายอยํางมุํงมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์จน งานลลุ วํ งเป็นผลสาเรจ็ และทางานรํวมกนั กับผ๎ูอ่นื อยํางมคี วามสุข รหสั ตวั ชี้วดั วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ มาตรฐาน ว ๒.๑ ป.๖/๑ มาตรฐาน ว ๒.๒ ป.๖/๑
45 มาตรฐาน ว ๒.๓ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘ มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ มาตรฐาน ว ๓.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔ , ป’๖/๕ , ป.๖/๖ , ป.๖/๗ , ป.๖/๘ , ป.๖/๙ วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓, ป.๖/๔ รวม ๓๐ ตัวช้ีวัด
46 กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ระดับประถมศกึ ษา รายวิชาพ้ืนฐาน จานวน 80 ชวั่ โมง ส๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษา จานวน 80 ชว่ั โมง ส๑๒๑๐๑ สงั คมศกึ ษา จานวน 80 ชว่ั โมง ส๑๓๑๐๑ สังคมศึกษา จานวน 80 ชวั่ โมง ส๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา จานวน 80 ชว่ั โมง ส๑๕๑๐๑ สังคมศึกษา จานวน 80 ชว่ั โมง ส๑๖๑๐๑ สังคมศกึ ษา จานวน 40 ชวั่ โมง ส๑๑๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ จานวน 40 ชว่ั โมง ส๑๒๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ จานวน 40 ชวั่ โมง ส๑๓๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ จานวน 40 ชวั่ โมง ส๑๔๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ จานวน 40 ชว่ั โมง ส๑๕๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ จานวน 40 ชวั่ โมง ส๑๖๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ รายวชิ าเพิม่ เติม จานวน 40 ชว่ั โมง ส ๑๑๒๐๑ ต๎านทจุ ริตศึกษา จานวน 40 ชวั่ โมง ส ๑2๒๐๑ ต๎านทจุ รติ ศกึ ษา จานวน 40 ชว่ั โมง ส ๑3๒๐๑ ต๎านทุจริตศึกษา จานวน 40 ชวั่ โมง ส ๑4๒๐๑ ต๎านทจุ ริตศกึ ษา จานวน 40 ชวั่ โมง ส ๑5๒๐๑ ตา๎ นทจุ ริตศกึ ษา จานวน 40 ชว่ั โมง ส ๑6๒๐๑ ตา๎ นทุจริตศกึ ษา
47 ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา 80 ชว่ั โมง ___________________________________________________________________________ สาระ : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ศึกษาและลงมือปฏิบัติในเร่ือง บอกพุทธประวัติหรือประวัติ ของศาสดาที่ตนนับถอื โดยสังเขป ช่นื ชมและบอกแบบอยํางการดาเนินชีวิตและข๎อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เรื่องเลํา และศาสนิกชนตัวอยํางตามที่กาหนด บอกความหมาย ความสาคัญและเคารพพระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนาหรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กาหนด เห็นคุณคําและสวดมนต์ แผํเมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนาหรือการพัฒนาจิต ตามแนวทางของศาสนาที่ตนนับถือตามท่ีกาหนด บาเพ็ญประโยชน์ตํอวัด หรือศาสนสถานของศาสนาที่ตนนับถือ แสดงตนเป็นพุทธมามกะหรอื แสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรมและ วันสาคัญทางศาสนาตามที่กาหนดได๎ถูกต๎อง สาระ : หนา้ ที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชีวิตในสังคม ศึกษาหลักการ แนวทางปฏิบัติ ในเรื่อง บอกประโยชน์และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและโรงเรียน ยกตัวอยํางความสามารถ และความดีของตนเอง ผ๎ูอ่ืนและบอกผลจากการกระทานั้น บอกโครงสร๎าง บทบาทและหน๎าท่ีของสมาชิก ในครอบครัวและโรงเรียน ระบุบทบาท สิทธิ หน๎าที่ของตนเองในครอบครัวและโรงเรียน มีสํวนรํวมในการ ตดั สินใจและทากจิ กรรมในครอบครวั และโรงเรียนตามกระบวนการประชาธิปไตย สาระ : เศรษฐศาสตร์ ศึกษาเรื่อง ระบุสินค๎าและบริการที่ใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ยกตัวอยาํ งการใช๎จํายเงนิ ในชวี ิตประจาวันท่ีไมํเกินตัวและเห็นประโยชน์ของการออม ยกตัวอยํางการใช๎ ทรพั ยากรในชีวิตประจาวันอยํางประหยัด อธบิ ายเหตุผลความจาเปน็ ท่คี นตอ๎ งทางานอยํางสจุ ริต สาระ : ภูมิศาสตร์ ศึกษาเรื่อง แยกแยะส่ิงตําง ๆ รอบตัวที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและท่ีมนุษย์ สร๎างข้ึน ระบุความสัมพันธ์ของตาแหนํง ระยะ ทิศของสิ่งตําง ๆ รอบตัว ระบุทิศหลักและที่ต้ังของส่ิงตําง ๆ ใช๎แผนผังงําย ๆ ในการแสดงตาแหนํงของสิ่งตําง ๆ ในห๎องเรียน สังเกตและบอกการเปลี่ยนแปลงของสภาพ อากาศในรอบวัน บอกสิ่งตําง ๆ ท่ีเกิดตามธรรมชาติที่สํงผลตํอความเป็นอยูํของมนุษย์ สังเกตและ เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล๎อมท่ีอยูํรอบตัว มีสํวนรํวมในการจัดระเบียบสิ่งแวดล๎อม และช้ันเรียน โดยให๎ผู๎เรียนฝึกการสังเกต ตอบคาถามเชิงวิเคราะห์และสรุปความร๎ูที่ได๎เป็นแผนผัง ความคิด กระต๎ุนให๎แสดงความคิดเห็นอยํางหลากหลาย เพ่ือรํวมกันหาแนวทางปฏิบัติท่ีถูกต๎อง เหมาะสม สํงเสริมการทางานกลํุมเพื่อพัฒนาทักษะทางสังคม นาไปสํูการยอมรับและเห็นคุณคําของ ตนเองและผอู๎ ่นื และตระหนักถึงการปฏิบตั ติ นในฐานะที่เปน็ สวํ นหนง่ึ ของสงั คมประชาธิปไตย ปฏิบัตติ นตาม หลกั ศาสนาทต่ี นนบั ถือ มีแนวคดิ ที่เหมาะสมในการดาเนนิ ชีวิตอยาํ งพอเพยี ง และมีความเข๎าใจสภาพ ภูมิศาสตร์รอบตวั เลือกใช๎และอนรุ ักษส์ ิ่งแวดล๎อมอยํางย่งั ยืน รหสั ตวั ช้ีวัด ส 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4 ส 1.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3
48 ส 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ส 2.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 ส 3.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 ส 3.2 ป.1/1 ส 5.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 ส 5.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 รวมทั้งหมด 24 ตวั ชี้วัด
49 ส๑๒๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าพ้ืนฐาน กลุม่ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ เวลา 80 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ สาระ : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ศึกษาและลงมือปฏิบัติในเร่ือง บอกความสาคัญของ พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ สรุปพุทธประวัติตั้งแตํประสูติจนถึง การออกผนวชหรือ ประวัติศาสดาทตี่ นนับถือตามท่ีกาหนด ช่นื ชมและบอกแบบอยํางการดาเนินชีวิตและข๎อคิดจากประวัติ สาวก ชาดก เรอ่ื งเลําและศาสนิกชนตัวอยํางตามท่ีกาหนด บอกความหมาย ความสาคัญ และเคารพ พระรัตนตรัย ปฏิบัติตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนาหรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือ ตามทก่ี าหนด ชื่นชมการทาความดีของตนเอง บุคคลในครอบครัวและในโรงเรียนตามหลักศาสนา เห็น คุณคําและสวดมนต์ แผํเมตตา มีสติที่เป็นพ้ืนฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนาหรือการพัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนาท่ีตนนับถือตามท่ีกาหนด บอกชื่อศาสนา ศาสดา และความสาคัญของคัมภีร์ของ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น ๆ ปฏิบัติตนอยํางเหมาะสมตํอสาวกของศาสนาท่ีตนนับถือตามที่ กาหนดได๎ถกู ตอ๎ ง ปฏบิ ตั ติ นในศาสนพิธี พธิ ีกรรม และวนั สาคัญทางศาสนาตามทีก่ าหนดไดถ๎ กู ต๎อง สาระ : หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวิตในสังคม ศึกษาหลักการ แนวทาง ปฏิบัติในเร่ือง ปฏิบัติตนตามข๎อตกลง กติกา กฎ ระเบียบและหน๎าที่ที่ต๎องปฏิบัติในชีวิตประจาวัน ปฏิบัติตนตามมารยาทไทย แสดงพฤติกรรมในการยอมรับความคิด ความเชื่อ และการปฏิบัติของ บุคคลอื่นที่แตกตํางกันโดยปราศจากอคติ เคารพในสิทธิ เสรีภาพของตนเอง ผ๎ูอ่ืน อธิบาย ความสัมพันธ์ของตนเองและสมาชิกในครอบครัวในฐานะเป็นสํวนหนึ่งของชุมชน ระบุผู๎มีบทบาท อานาจในการตดั สินใจในโรงเรียนและชุมชน สาระ : เศรษฐศาสตร์ ศึกษาเร่ือง ระบุทรัพยากรท่ีนามาผลิตสินค๎าและบริการที่ใช๎ใน ชีวิตประจาวัน บอกที่มาของรายได๎และรายจํายของตนเองและครอบครัว บันทึกรายรับ - รายจํายของ ตนเอง สรุปผลดีของการใช๎จํายที่เหมาะสมกับรายได๎และการออม อธิบายการแลกเปล่ียนสินค๎าและ บริการโดยวิธีตาํ ง ๆ บอกความสมั พันธ์ระหวํางผซ๎ู อื้ และผขู๎ าย สาระ : ภูมิศาสตร์ ใหผ๎ ๎ูเรยี นศึกษาเรอ่ื ง ระบสุ ่ิงตาํ ง ๆ ที่เป็นธรรมชาติกับที่มนุษย์สร๎างข้ึนซ่ึง ปรากฏระหวํางโรงเรียนกับบ๎าน ระบุตาแหนํงอยํางงํายและลักษณะทางกายภาพของสิ่งตําง ๆ ท่ี ปรากฏในลูกโลก แผนท่ี แผนผัง และภาพถําย อธิบายความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ระหวํางโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจนั ทร์ อธิบายความสาคัญและคุณคําของสิ่งแวดล๎อมทางธรรมชาติและทางสังคม แยกแยะและใช๎ทรัพยากรธรรมชาติท่ีใช๎แล๎วไมํหมดไปและท่ีใช๎แล๎วหมดไปอยํางคุ๎มคํา อธิบาย ความสัมพันธ์ของฤดูกาลกับการดาเนินชีวิตของมนุษย์ มีสํวนรํวมในการฟื้นฟูปรับปรุงสิ่งแวดล๎อมใน โรงเรยี นและชุมชน โดยให๎ผ๎ูเรียนฝึกการสังเกต ตอบคาถามเชิงวิเคราะห์และสรุปความรู๎ที่ได๎เป็นแผนผังความคิด กระตุ๎นให๎แสดงความคิดเห็นอยํางหลากหลาย เพื่อให๎ผ๎ูเรียนรํวมกันหาแนวทางปฏิบัติ ท่ีถูกต๎อง เหมาะสม สํงเสริมการทางานกลํุมเพ่ือพัฒนาทักษะทางสังคม นาไปสูํการยอมรับและเห็นคุณคําของ ตนเองและผอ๎ู น่ื
50 ตระหนักถึงการปฏิบัติตนในฐานะท่ีเป็นสํวนหน่ึงของสังคมประชาธิปไตย ปฏิบัติตนตามหลัก ศาสนาท่ีตนนับถือ มีแนวคิดท่ีเหมาะสมในการดาเนินชีวิตอยํางพอเพียง และมีความเข๎าใจสภาพ ภูมิศาสตร์รอบตัว เลอื กใชแ๎ ละอนุรักษ์สง่ิ แวดล๎อมอยํางยั่งยืน รหสั ตวั ชี้วัด ส 1.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4,ป.2/5, ป.2/6, ป.2/7 ส 1.2 ป.2/1, ป.2/2 ส 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ส 2.2 ป.2/1, ป.2/2 ส 3.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ส 3.2 ป.2/1, ป.2/2 ส 5.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 ส 5.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 รวมทั้งหมด 28 ตัวชวี้ ัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117